Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_57

tripitaka_57

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_57

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 151 ๗. ตนิ ทุกชาดก วา ดวยอุบาย [๒๐๓] มนุษยท ง้ั หลายมมี อื ถือแลงธนู ถอื ดาบ อนั คมแลว พากันมาแวดลอมพวกเราไดโ ดยรอบ ดว ยอบุ ายอยางไรพวกเราจึงจะรอดพน ไปได. [๒๐๔] ประโยชนอยา งใดอยางหนึง่ จะพึงเกดิ มี แกม นษุ ยทั้งหลายผูมีกิจมากเปนแน ยงั มีเวลา พอท่ีจะเกบ็ เอาผลไมมากนิ ได ทานทั้งหลาย จง พากนั กนิ ผลมะพลบั เถิด. จบ ตินทุกชาดกที่ ๗ อรรถกถาตนิ ทุกชาดกท่ี ๗ พระศาสดาเม่อื ประทับอยู ณ พระวิหารเชตวันทรงปรารภพระปญ ญาบารมี ตรสั พระธรรมเทศนานี้ มีคาํ เรมิ่ ตน วาธนหุ ตถฺ กลาเปหิ ดังน.้ี ความพิสดารมอี ยูวา พระศาสดาคร้ันทรงสดับวาจาพรรณาพระคณุ แหงปญญาของพระองคเหมอื นในมหาโพธิชาดกและอุมมงั คชาดกแลว จงึ ตรัสวา ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ตถาคตมีปญญามใิ ชในบดั นเี้ ทา นน้ั แมเม่ือกอนก็มปี ญ ญาและฉลาดในอุบายเหมอื นกนั แลว ทรงนาํ เรอื่ งในอดีตมาตรสั เลา

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 152 ในอดตี กาลคร้งั พระเจา พรหมทัตเสวยราชสมบตั ิอยูใ นกรงุ พาราณสี พระโพธสิ ตั วอบุ ตั ิในกําเนิดวานร มวี านรแปดหมื่นเปน บรวิ าร อาศยั อยูในหิมวันตประเทศ. ใกลหมิ วนั ตประเทศน้นัมบี านชายแดนแหง หนึง่ บางคร้ังก็มคี นอยู บางครั้งกไ็ มมคี นอยูในทามกลางหมูบ า นนนั้ มีตนมะพลบั ตน หนึง่ กง่ิ กา นและคาคบบรบิ ูรณมีผลอรอย. ฝูงลงิ พากนั มากนิ ผลมะพลบั นัน้ ในเวลาท่ีไมม คี นอยู. ครน้ั ตอมาถึงคราวมีผลอีก บา นนั้นไดก ลบั เปนท่อี ยูของมนษุ ยเรียงรายไปดว ยตนออ ประกอบไปดวยประต.ู แมตนไมน ัน้ กอ็ อกผลก่ิงลนู อมลง. ฝงู ลงิ คิดวา เมือ่ กอ นเรากนิ ผลมะพลบั ทบ่ี านโนน บัดนมี้ ะพลบั ตน นัน้ มีผลหรอื ยงั หนอ บา นมีคนอยูห รือไมห นอ คร้นั คดิ ดังนน้ั แลว จึงสงลงิ ไปตัวหนึ่ง โดยกลาววา เจาจงไปสืบดูที. ลิงน้นั ไปสบื ดูก็รูวาไมน ั้นออกผลและบานมผี ูค นจับจองอยูจงึ กลับมาบอกแกพวกลงิ . พวกลงิไดฟงวาตนไมน ั้นออกผล เกิดความอุตสาหะวา จักกนิ ผลมะพลับอนั โอชา จงึ บอกความน้ันแกพ ญาวานร. พญาวานรถามวาบา นมีคนอยูห รอื ไม มนั บอกวา มีจะนาย. พญาวานรบอกวาถาเชน น้นั ไมควรไป เพราะพวกมนุษยมเี ลหก ะเทม าก. พวกลงิกลาววา เราจกั กินตอนเทีย่ งคนื ในเวลาทพ่ี วกมนุษยหลบั สนิทครัน้ พญาวานรรับรูแลว จงึ ลงจากปาหมิ พานต คอยเวลาท่ีพวกมนุษยห ลับสนิท นอนอยูบ นหลงั แผน หินใหญไ มไกลหมบู านน้นั ครนั้ มชั ฌิมยามพวกมนษุ ยหลบั จงึ พากันขึ้นตนไมกนิ ผลไม.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 153ทนี น้ั ชายคนหน่งึ ออกจากเรือนโดยจะไปถา ยอุจจาระ ถึงทามกลางบานเหน็ ฝูงลงิ จงึ ตะโกนบอกพวกมนุษย. พวกมนุษยมากมาย สอดธนูและลูกศร ถอื อาวุธตา ง ๆ ท้ังกอนดนิ และทอ นไมเปน ตน พอรงุ สวา ง พากนั ยนื ลอมตน ไมด วยหวงั วา จกั จับฝงู ลงิ . ฝูงลิงแปดหมน่ื ตวั เหน็ พวกมนุษยต กใจกลัวตาย พากันไปหาพญาวานรดว ยคดิ วา นอกจากพญาวานรแลว ไมมผี ูอ น่ืจะเปน ท่พี ง่ึ ของพวกเราได แลว กลา วคาถาแรกวา :- พวกมนษุ ยม ีมือถือธนูและแลง ธนู ถอื ดาบ อันคมกริบ พากันมาแวดลอ มพวกเราไวโ ดยรอบ พวกเราจะพน ไปไดดวยอุบายอยา งไร. ในบทเหลา นั้น บทวา ธนหุ ตฺถกลาเปหิ คือมมี ือถือธนูและแลงธนู อธบิ ายวา ถอื ธนแู ลแลง ศรยนื ลอ มอยู. บทวาปรกิ ิณณฺ มหฺ า คือแวดลอม. บทวา กถ ไดแก พวกเราจกั พน ไดดว ยอบุ ายไรหนอ. พญาวานรไดฟง คําของพวกลงิ เหลาน้นั แลวปลอบพวกลงิ วา พวกเจา อยา กลัวเลย ข้ึนชอ่ื วาเหลา มนุษยม กี ารงานมากแมวนั นกี้ ็เพิ่งมัชฌิมยาม บางทีเมือ่ พวกมนษุ ยยืนลอ มเราดวยคดิ วาจกั ฆา พวกเรา กจิ อ่ืนอันทําอันตรายแกกจิ น้ีพึงเกดิ ข้นึแลวกลา วคาถาท่ี ๒ วา :-

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 154 ประโยชนอยา งใดอยา งหนงึ่ จะพงึ เกดิ แกม นุษยผมู กี ิจมากเปนแน ยงั มเี วลาพอท่จี ะเก็บ ผลไมเอามากนิ ได พวกทานจงพากันกนิ ผล มะพลับเถิด. บทวา น เปนเพียงนิบาต. ในบทนมี้ อี ธบิ ายวา บางที.ความตอ งการอะไร ๆ อยา งอ่นื พึงเกิดขน้ึ แกพ วกมนษุ ยผูมีกจิ มาก. บทวา อตถฺ ิ รกุ ฺขสฺส อุจฉฺ นิ นฺ  ความวา ยังมที างท่จี ะแยง เอามากนิ ไดดว ยการฉุดกระชากผลของตน ไมน .้ี บทวาขชฺช ตเฺ ว ตนิ ฺทกุ  ความวา พวกเจา จงกนิ ผลมะพลบั กันเถิด คอื พวกเจา มีความตอ งการเทา ใด จงกนิ เทา นัน้ เราจกั รูในเวลาทีเ่ ขาประหารพวกเรา. พระมหาสัตวปลอบฝงู ลงิ ไว. เพราะวา เม่อื พวกมนั เมือ่ไมไดการปลอบใจเชน น้ี ทง้ั หมดจะหัวใจแตกถงึ แกความตาย.พระมหาสตั วปลอบฝงู วานรอยา งน้ีแลวกลาววา พวกเจาจบั นบัลิงท้งั หมดท.ี เมือ่ พวกมนั นับกไ็ มเหน็ วานรช่ือ เสนกะซงึ่ เปนหลานของพญาวานร จงึ แจง วา เสนกะไมมา. พญาวานรกลาววา หากเสนกะไมมา พวกเจาไมตองกลวั เสนกะน้ันจกัทําความปลอดภยั ใหแ กพวกเจา ในบดั น.้ี เสนกะหลบั ในเวลาท่ฝี งู ลิงมา ภายหลังตน่ื ขึน้ ไมเหน็ ใคร ๆจงึ เดนิ ตามรอยเทา มา ครัน้ เห็นพวกมนษุ ยจงึ รูวา ภยั เกิดขน้ึ แกฝูงลิงเสยี แลว จึงไปหาหญิงแกซ่งึ ตามไฟกรอดายอยู ณ ทาย

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 155เรือนหลังหนง่ึ แลวทาํ เปนเดก็ ชาวบานเดนิ ไปนา ควาคบไฟดนุ หนงึ่ ว่งิ ไปจดุ บานซง่ึ ตงั้ อยเู หนอื ลม. พวกมนษุ ยพ ากันผละพวกลงิ ไปดบั ไฟ. ลิงท้งั หลายก็พากันหนีเก็บผลไมไ ดต ัวละผลเพอ่ื นําไปใหเ สนกะแลวพากนั หนไี ป. พระศาสดาทรงน าพระธรรมเทศนาน้ีมาแลว ทรงประชุมชาดก. เสนกะหลานพญาวานรในคร้ังนั้นไดเปนมหานามศากยะในครั้งน้ี ฝูงลิงไดเ ปน พุทธบรษิ ัท สว นพญาวานร คอื เราตถาคตนี้แล. จบ อรรถกถาตินทุกชาดกท่ี ๗

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 156 ๘. กจั ฉปชาดก วา ดว ยเตา [๒๐๕] เราเกดิ ทน่ี ่ี เตบิ โตท่ีน่ี เพราะเหตนุ ี้ เรา จงึ ไดอาศยั อยูทเ่ี ปอกตม เปอกตมกลบั ทับถม เราใหทรุ พล ดูกอนทานภัคควะ เพราะเหตนุ ั้น ขา พเจาจะขอกลา วกะทาน ขอทา นจงฟงคาํ ของ ขา พเจา เถดิ . [๒๐๖] บุคคลไดร ับความสขุ ในทีใ่ ด จะเปนใน บา นหรือในปาก็ตาม ทนี่ นั้ เปนทีเ่ กดิ เปน ท่เี ติบโต ของบุรษุ ผรู จกั เหตุผล บคุ คลพงึ เปนอยูไดใ นท่ใี ด กพ็ ึงไปที่นน้ั ไมพ ึงใหท่ีอยฆู าตนเสยี . จบ กจั ฉปชาดกท่ี ๘ อรรถกถากจั ฉปชาดกที่ ๘ พระศาสดาเม่อื ประทบั อยู ณ พระเชตวนั มหาวิหารทรงปรารภผูรอดจากอหิวาตกโรคคนหนง่ึ ตรัสพระธรรมเทศนานม้ี ีคาํ เรม่ิ ตนวา ชนติ  เม ภวติ  เม ดังน้.ี มเี รื่องเลา วา ท่กี รุงสาวัตถี ไดเกดิ อหวิ าตกโรคขึน้ ในตระกูลหน่งึ . มารดาบดิ าจึงบอกแกบ ตุ รวา ลกู เจาอยาอยใู น

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 157เรอื นนเี้ ลย จงพงั ฝาหนีไปเสียในท่ีใดทห่ี นง่ึ รกั ษาชวี ิตไวภ ายหลังจึงคอ ยกลบั มา ขดุ ทรพั ยซ ่ึงฝง ไวม ีอยใู นที่นี้ แลวเกบ็ ทรพั ยไ วเลีย้ งชพี ใหเปน สุขเถดิ . บุตรรับคาํ ของมารดาบิดาแลวพงั ฝาหนไี ป เม่อื โรคของตนหายดแี ลวจึงกลับมาขดุ เอาทรัพยท่ฝี ง ไวอยคู รองเรือนอยา งเปนสุข. วันหนึ่งเขาใหค นถอื เนยใสและนา้ํ มัน ผา เครอ่ื งนงุ หมเปน ตน ไปวหิ ารเชตวนั ถวายบงั คมพระศาสดาแลวน่ัง. พระศาสดาทรงทาํ ปฏิสนั ถารกบั เขาแลวตรัสถามวา ไดย ินวา อหิวาตกโรคเกดิ ข้ึนในเรือนของทานทานทาํ อยางไรจึงรอดมาได. เขาไดก ราบทูลเรอ่ื งราวนน้ั ใหทรงทราบ. พระศาสดาตรสั วา ดกู อนอบุ าสก แมแ ตก อ นชนเหลา ใด เม่อื ภยั เกดิ ขึน้ ทําความอาลยั ในทีอ่ ยขู องตน ไมย อมไปอยูท่อี ืน่ ชนเหลาน้ันถึงส้นิ ชีวติ แตชนเหลา ใดไมทําความอาลัยไปอยูเสียท่ีอ่นื ชนเหลา นนั้ รอดชีวิตแลว ทรงนําเรอ่ื งในอดตีมาตรัสเลา . ในอดีตกาลคร้งั พระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบตั อิ ยใู นกรงุ พาราณสี พระโพธสิ ตั วอบุ ัติในตระกูลชางหมอใกลหมูบานแหง หน่ึง ทําการปน หมอเล้ียงบตุ รภรรยา. ในครงั้ น้ัน ใกลกรงุ พาราณสี ไดมีสระใหญต อเนื่องเปน อันเดียวกับแมน ้ําใหญสระนน้ั มนี า้ํ ไหลถงึ กนั กบั แมน ํา้ ในคราวนา้ํ มาก. เม่อื นํ้านอ ยก็แยกกัน. ปลาและเตายอมรูว า ปน ีฝ้ นดี ปน ีฝ้ นแลง . ครน้ั ตอ มาปลาและเตาทเ่ี กิดในสระน้ันรูวา ในปน ี้ฝนจะแลง ครั้นถงึ เวลา

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 158นาํ้ ไหลตอเนอื่ งกันเปนอันเดียว จงึ พากันออกจากสระไปสแู มน ้ํา.แตเ ตา ตัวหนง่ึ ไมย อมไปดว ยคดิ เสยี วา นี้เปน ท่เี กิดของเรา เปนท่เี ตบิ โตของเรา เปน ท่ีที่พอแมของเราเคยอยู เราไมอาจจะละทน่ี ้ีไปได. คร้ันถึงคราวหนาแลง นํา้ แหง ผาก. เตานั้นขุดคุย ดินเขา ไปอยูในทท่ี ีข่ นดินของพระโพธิสัตว. พระโพธิสัตวไ ดไปณ ท่นี นั้ ดวยประสงควา จกั เอาดิน จึงเอาจอบใหญข ุดดนิ สับถกูเตาแลวเอาจอบงัดมันขน้ึ คลา ยกอ นดนิ ท้ิงกล้ิงอยูบนบก. เตาน้นั ไดร บั เวทนา จึงพดู ครํ่าครวญวา เราไมอาจละทีอ่ ยูไดจ ึงถงึความพนิ าศอยางนี้ แลวไดกลา วคาถาเหลา น้วี า :- เราเกิดที่น่ี เตบิ โตทนี่ ี่ เพราะเหตนุ ี้ เรา จงึ ไดอาศัยอยูทเี่ ปอกตม เปอ กตมกลับทบั ถมเรา ใหทรุ พล ดูกอนทา นภัคควะ เพราะเหตนุ น้ั ขาพเจาจะขอกลาวกะทา น ขอทา นจงฟงคาํ ของ ขา พเจา เถดิ บคุ คลไดร ับความสุขในทใ่ี ด จะเปน ในบานหรอื ในปาก็ตาม ท่นี ้นั เปน ทเ่ี กดิ เปน ท่ี เติบโตของบรุ ษุ ผรู จู กั เหตผุ ล บคุ คลพงึ เปนอยู ไดใ นที่ใดก็พึงไปในท่ีน้ัน ไมพึงใหที่อยฆู า ตน เสยี . ในบทเหลา นน้ั บทวา ชนติ  เม ภวติ  เม ไดแก นเี้ ปน ท่ีเกิดของเรา นี้เปนทเ่ี ตบิ โตของเรา. บทวา อิติ ปงเฺ ก อวสสฺ ยึ ความ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 159วา เราอาศยั คอื นอน คอื สําเร็จการอยใู นเปอ กตมนี้ เพราะเหตนุ ้.ีบทวา อชฌฺ ภวิ ไดแ ก ครอบงาํ คอื ใหถงึ ความพนิ าศ. เรียกชางหมอ วา ภคั ควะ ภคั ควะนเ้ี ปน บญั ญตั นิ ามและโคตรของชางหมอ . บทวา สุข ไดแ ก ความสบายทางกายและทางจติ .บทวา ต ชนิต ภวติ ฺจ ไดแก น้ันเปนท่เี กิดและเปนที่เติบโต.บทวา ปชานโต ไดแ ก ผรู ูป ระโยชนม ิใชป ระโยชนคือ เหตุและมใิ ชเหตุ. บทวา น นิเกตหโต สยิ า ความวา ทาํ ความอาลัยในท่อี ยูแลวไมไปในทอ่ี นื่ ถูกที่อยฆู า ไมควรใหถึงมรณทกุ ขเชน นี.้ เตา เมอื่ พูดกบั พระโพธสิ ัตวอยา งน้กี ต็ าย. พระโพธสิ ัตวจับเอาเตาไปแลวใหชาวบานทั้งหมดมาประชมุ กัน เมอ่ื จะสอนมนุษยท้ังหลาย จึงกลา วอยางนีว้ า พวกทานจงดูเตา น้ี ในขณะทป่ี ลาและเตาอ่นื ๆ ไปสแู มนํ้าใหญ เตานี้ไมอ าจตดั ความอาลัยในท่ีอยูของตนได ไมไปกบั สตั วเหลา นัน้ เขาไปนอนยงั ทขี่ นดนิของเรา ครั้นเราขนดนิ ไดเอาจอบใหญสบั หลังมันเหว่ยี งมนั ลงบนบกเหมือนกอนดนิ เตาน้ีจงึ เปด เผยกรรมที่ตนกระทาํ คร่ําครวญดว ยคาถาสองคาถาแลวกต็ าย มนั ทําความอาลยั ในทีอ่ ยูของตนถงึ แกความตาย แมพ วกทานกอ็ ยาไดเ ปน เชนเตา ตวั น้ี ตั้งแตนี้ไป พวกทานจงอยา ยดึ ดวยอาํ นาจตัณหา ดวยอาํ นาจเครื่องอุปโภคและบริโภควา รปู เสียง กล่ิน รส โผฏฐัพพะ ของเราบุตรของเรา ธิดาของเรา ทาสีและทาสเงินทองของเราแท

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 160สตั วผ เู ดยี วนเ้ี ทานัน้ วนเวียนไปในภพสาม. พระโพธิสตั วไ ดใหโอวาทแกมหาชน ดวยพทุ ธสีลา ดว ยประการฉะนี้. โอวาทน้นัแผไปท่วั ชมพทู วปี ดาํ รงอยตู ลอดเวลาประมาณเจ็ดพนั ป.มหาชนตงั้ อยใู นโอวาทของพระโพธสิ ตั ว ทาํ บุญมที านเปนตนทาํ ทางสวรรคใ หบรบิ รู ณในคราวสิ้นอายุ. พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้มี าแลว ทรงประกาศอริยสจั ทรงประชุมชาดก. เม่ือจบอริยสจั กลุ บุตรนั้นตง้ั อยใู นโสดาปต ติผล. เตา ในครงั้ น้ันไดเปนอานนทในครั้งน้ี สว นชางหมอ คือเราตถาคตน้แี ล. จบ อรรถกถากจั ฉปชาดกที่ ๘

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 161 ๙. สตธรรมชาดก วา ดว ยสตธรรมมาณพ [๒๐๗] อาหารท่เี ราบรโิ ภค นอยดวย เปนเดนดว ย อนึง่ เขาใหแ กเราโดยยากเต็มที เราเปนชาติ พราหมณบ ริสทุ ธ์ิ เพราะเหตนุ ้นั อาหารที่เรา บรโิ ภคเขา ไปแลว จงึ กลับออกมาอีก. [๒๐๘] ภิกษุใดละทง้ิ ธรรมเสีย หาเลีย้ งชีพโดย ไมชอบธรรม ภิกษนุ ้นั ก็ยอ มไมเพลนิ ดว ยลาภ แมทไ่ี ดม าแลว เปรียบเหมอื นสตธรรมมาณพ ฉะนนั้ . จบ สตธรรมชาดกท่ี ๙ อรรถกถาสตธรรมชาดกท่ี ๙ พระศาสดาเมือ่ ประทบั อยู ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภการแสวงหาไมค วร ๒๑ อยา ง ตรัสพระธรรมเทศนาน้ี มคี าํเปน ตนวา ตจฺ อปปฺ ฺจ อจุ ฉฺ ิฏ ดงั น.ี้ เรื่องพสิ ดารมีอยูวา คร้ังหนง่ึ ภกิ ษุเปนอนั มากสาํ เร็จชีวติ ดวยการแสวงหาไมควร ๒๑ อยา ง เปนตน วา การเปนหมอการเปน ทตู การสงขาว การรบั ใช การใหไ มส ีฟน การใหไมไ ผ

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 162การใหดอกไม การใหผลไม การใหจณุ สําหรบั ทา การใหครุภณั ฑ การใหย า การใหของบณิ ฑบาต. การแสวงหาไมค วรนนั้ จักมแี จง ในสาเกตชาดก. พระศาสดาทรงทราบการเลย้ี งชีพของภิกษุเหลาน้นัทรงพระดาํ รวิ า บัดน้ภี กิ ษเุ ปนอนั มากสําเร็จชวี ิตดว ยการแสวงหาไมค วร คร้ันสําเร็จชีวิตอยา งน้ีแลวจักไมพน ความเปนยักษ ความเปนเปรต จกั เกิดเปนโคเทยี มแอก จกั เกิดในนรกเราควรกลาวธรรมเทศนาสักอยางหน่ึงอันเปน อธั ยาศยั ของตนเปน ปฏิภาณของตน เพอื่ ประโยชนเ พอ่ื ความสขุ ของพวกเธอแลวรบั สง่ั ใหห มูภ ิกษุประชมุ กนั ตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลายไมควรใหป จจยั เกดิ ข้นึ ดว ยการแสวงหาไมค วร ๒๑ อยางเพราะบณิ ฑบาตทเ่ี กิดขนึ้ ดวยการแสวงหาไมควรเปนเชนกบักอนทองแดงรอน เปรียบเหมือนยาพิษรา ยแรง จริงอยูการแสวงหาไมค วรน้ี พระพุทธเจา พระปจ เจกพทุ ธเจา และสาวกของพระพทุ ธเจาตเิ ตยี น คดั คา น เมือ่ ภกิ ษุบรโิ ภคบิณฑบาตอนั เกิดขน้ึ ดวยการแสวงหาอนั ไมควร จะไมม คี วามราเรงิ หรอืโสมนสั เลย เพราะวาบิณฑบาตอนั เกดิ ขึน้ อยา งน้ีเปนเชนกับอาหารเดนของคนจณั ฑาลในศาสนาของเรา การบริโภคบิณฑบาตน้นั ยอ มเปนเหมอื นการบริโภคอาหารเดนของคนจัณฑาล ชื่อสตธรรมมาณพ แลว ทรงนําเร่อื งในอดตี มาตรัสเลา.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 163 ในอดีตกาลครั้งพระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบตั อิ ยูในกรุงพาราณสี พระโพธิสตั วบังเกิดในกาํ เนดิ คนจณั ฑาล คร้ันเจรญิ วัยไดต ระเตรยี มขา วสารเปน เสบยี งและหอขา วเดนิ ทางไปทํากรณยี กิจอยา งหนง่ึ . ในกาลน้ันในกรุงพาราณสีมมี าณพคนหนงึ่ ชือ่ สตธรรม เกดิ ในสกลุ พราหมณมหาศาลอุทิจจโคตร.เขามไิ ดต ระเตรียมขาวสารหรือหอ ขาวเดินทางไปดว ยกรณยี กิจอยา งหนึ่ง. ท้งั สองไดม าพบกนั ทที่ างใหญ. มาณพจึงถามพระ-โพธิสตั ววา ทา นเปนชาตอิ ะไร. มาณพบอกวา เราเปนคนจณั ฑาล แลว ถามมาณพวา กท็ านเลา เปนชาตอิ ะไร เขาบอกวาเราเปนพราหมณอุทิจจโคตร. ดีแลว เราไปดวยกนั ทง้ั สองก็เดินทางรว มกันไป. ไดเ วลาอาหารเชา พระโพธสิ ตั วจงึ นงั่ ในท่ีท่ีหาน้ํางา ย ลา งมอื แกหอขาวแลว กลา ววา มาณพบรโิ ภคขาวกันเถดิ . มาณพตอบวา ไมมีเสียละเจาคนจัณฑาลท่เี ราจะตองการอาหารของทา น. พระโพธสิ ัตวจ งึ วาตามใจ แลวแบง อาหารเพยี งพอสําหรับตนไวใ นใบไมอน่ื ไมท าํ อาหารในหอใหเ ปนเดน มัดหอวางไวข างหนึ่ง บรโิ ภค ดม่ื น้ํา จากนั้นก็ลางมอื ลางเทา ถอื เอาขา วสารและอาหารที่เหลือ กลา ววา ไปกนัเถดิ มาณพ แลว กเ็ ดนิ ทางตอ ไป. เขาพากันเดินทางไปตลอดวันยังค่ํา ในตอนเยน็ ทัง้ สองพากันลงอาบนาํ้ ในทท่ี นี่ า้ํ บรบิ ูรณแหง หนงึ่ เสร็จแลวกข็ ึ้น. พระโพธิสตั วนั่งในทีส่ าํ ราญ แลวแกหออาหาร ไมไ ดเ ชญิ มาณพ เรม่ิ บรโิ ภค. มาณพเหนด็ เหน่ือย

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 164เพราะการเดินทางมาตลอดวัน เกิดความหวิ โหย ไดแตยนื มองดวยคดิ วา หากเขาใหอ าหารเรา เราก็จักบรโิ ภค. ฝา ยพระ-โพธิสัตว กม็ ิไดพ ูดอะไรบรโิ ภคทา เดียว. มาณพคิดวา เจาคนจัณฑาลนีไ้ มพดู กบั เราเลย บรโิ ภคจนหมด เราควรยดึ เอากอนอาหารไว ทงิ้ เศษอาหารขา งบนเสยี แลวบริโภคสวนทเี่ หลอื .มาณพไดทาํ ดงั นน้ั แลว บรโิ ภคอาหารเดน. คร้นั บริโภคเสรจ็แลว เทา นั้น กเ็ กิดความรอ นใจอยางแรงวา เราทาํ กรรมอันไมสมควรแกช าติ โคตร ตระกูล และประเทศของตน เราบรโิ ภคอาหารเดนของคนจัณฑาล. ทันใดนัน้ เองอาหารปนโลหิตก็พุงออกจากปากของมาณพนั้น. เขาครํ่าครวญ เพราะความโศกใหญหลวงเกดิ ขนึ้ วา เราทาํ กรรมอนั ไมส มควรเพราะเหตุอาหารเพียงเลก็ นอ ย แลวกลา วคาถาแรกวา :- อาหารทเ่ี ราบรโิ ภคนอยดวย เปน เดนดว ย อนง่ึ เขาใหแกเราโดยยากเยน็ เต็มที เราเปน ชาติ พราหมณบ ริสุทธ์ิ เพราะเหตนุ ัน้ อาหารที่เรา บริโภคเขา ไปแลว จึงกลบั ออกมาอกี . ในคาถาน้ันมคี วามสงั เขปดังตอไปนี้ เราบรโิ ภคอาหารใดอาหารนน้ั นอ ยดว ยเปนเดนดวย คนจณั ฑาลนน้ั มิไดใ หอาหารแกเ ราดวยความพอใจของตน ท่ีแทถ กู เรายดึ จึงไดใหด ว ยความยาก คอื ดวยความลาํ บาก เราเปนพราหมณมีชาตบิ รสิ ทุ ธิ์ดวยเหตุนน้ั อาหารทเี่ ราบริโภคจงึ พลงุ ออกมาพรอ มกับโลหติ .

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 165 มาณพคร่ําครวญอยอู ยา งนแ้ี ลวจงึ คดิ วา เราทํากรรมอันไมสมควร ถึงอยา งน้แี ลว จะมีชีวิตอยูไปทําไม จงึ เขาปา ไปไมแ สดงตนแกใ คร ๆ ถึงแกก รรมลงอยางนา อนาถ. พระศาสดาทรงแสดงเรือ่ งอดตี นแ้ี ลวตรัสวา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย เพราะสตธรรมมาณพบรโิ ภคอาหารเดนของคนจณั ฑาลเปน การบริโภคอาหารทไ่ี มสมควรแกต น จึงมิไดเกิดความราเริงยินดฉี ันใด ผใู ดบวชแลวในศาสนานีก้ ฉ็ นั นั้นสําเรจ็ ชวี ติ ดวยการแสวงหาอันไมสมควร บริโภคปจจยั ตามท่ีได ความราเรงิ ยนิ ดมี ิไดเกิดแกผ ูน นั้ เพราะเขามชี วี ติ เปน อยูทนี่ า ตําหนิ ซึง่ พระพทุ ธองคท รงคดั คาน คร้ันทรงบรรลุอภสิ ัม-โพธญิ าณแลว จึงตรัสพระคาถา ๒ คาถาวา :- ภิกษใุ ดละท้ิงธรรมเสยี หาเล้ียงชพี โดย ไมชอบธรรม ภกิ ษนุ ้ันกย็ อ มไมเพลนิ ดว ยลาภ แมที่ตนไดมาแลว เปรียบเหมือนสตมาณพฉะนั้น. ในบทเหลาน้นั บทวา ธมฺม ไดแก ธรรม คอื อาชีวปาริ-สทุ ธิคีล. บทวา นิรงกฺ ตวฺ า ไดแ ก นาํ ไปทิง้ เสยี . บทวาอธมฺเมน ไดแก มิจฉาชพี กลา วคือการแสวงหาไมส มควร ๒๑อยา ง อยางน้.ี บทวา สตธมโฺ ม เปน ชือ่ ของมาณพนน้ั . บาลีเปนสตุ ธมโฺ ม บา ง. บทวา น นนทฺ ติ ความวา มาณพสตธรรมไมยินดดี ว ยลาภนน้ั วา เราไดอาหารเดนของคนจณั ฑาล ฉันใด



































































พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 199เมื่อจติ ไมขนุ มัว บรุ ษุ น้นั ยอมเห็นประโยชนตนและประโยชนผูอืน่ ฉนั น้ันเหมือนกัน. พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนานี้มาแลว ทรงประกาศอริยสัจ ทรงประชมุ ชาดก. เมอ่ื จบอรยิ สัจ พราหมณก ุมารตั้งอยูในโสดาปตติผล. มาณพในครั้งนน้ั ไดเปนมาณพน้ีแล ในคร้งั นี้สว นอาจารย คอื เราตถาคตนี้แล. จบ อรรถกถาอนภิรตชิ าดกท่ี ๕

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 200 ๖. ทธวิ าหนชาดก วา ดวยพระเจา ทธิวาหนะ [๒๒๑] (พระเจา ทธิวาหนะตรสั ถามวา ) แตก อ น มะมวงตนน้ีบรบิ รู ณด ว ยสี กลิน่ และรส ไดร บั การบํารุงอยูเ ชน เดมิ เหตไุ รจึงมผี ลขน่ื ขมไปเลา . [๒๒๒] (พระโพธสิ ตั วท ูลวา ) ขาแตพระเจา- ทธิวาหนะ มะมว งของพระองคม ตี นสะเดาลอ ม อยู รากตอ รากเกย่ี วพนั กนั ก่งิ ตอ กิง่ เกย่ี วประ- สานกนั เหตทุ ี่อยรู วมกนั กับตนสะเดาทีม่ ีรสขม มะมวงจงึ มผี ลขมไปดว ย. จบ ทธวิ าหนชาดกท่ี ๖ อรรถกถาทธวิ าหนชาดกที่ ๖ พระศาสดาเมือ่ ประทบั อยู ณ พระเชตวนั มหาวิหารทรงปรารภภิกษุคบพวกผดิ ตรสั พระธรรมเทศนานี้ มีคาํ เริม่ ตนวา วณฺณคนธฺ รโสเปโต ดังนี้. เรอ่ื งราวขาพเจากลาวไวแลวในหนหลงั . กใ็ นเรือ่ งน้ี พระศาสดาตรสั วา ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลายขน้ึ ชื่อวาการอยูรวมกบั อสตั บุรษุ เปนสงิ่ เลวทราม ทาํ แตความ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook