Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_57

tripitaka_57

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_57

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 463ดํารงอยูในโสดาปต ติผล บตุ รในคร้งั น้นั ไดม าเปนบตุ รคนนี้นีแ่ หละ สวนเศรษฐีกรุงพาราณสี คอื เราตถาคตนี้แล. จบ อรรถกถาเอกปทชาดกที่ ๘

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 464 ๙. หริตมาตชาดก วาดว ยผมู ีอสิ รภาพ [๓๒๗] ดูกอนทานผเู ปนบตุ รกบเขยี ว ปลาทัง้ หลายรมุ กัดฉันผูม ีพิษแลน เร็ว เขาไปยังปากลอบ เรอ่ื งนีท้ านชอบใจหรือ. [๓๒๘] บุรุษผูม อี ิสรภาพอยูเพียงใด กย็ าํ่ ยผี ูอ นื่ ไดอยเู พยี งน้นั คนอนื่ มายํ่ายตี นคราวใด คราวนน้ั ผูที่ถกู ยาํ่ ยีกย็ า่ํ ยตี อบบาง. จบ หรติ มาตชาดกท่ี ๙ อรรถกถาหรติ มาตชาดกท่ี ๙ พระศาสดาเมอื่ ประทบั อยู ณ เวฬุวนั มหาวหิ าร ทรงปรารภพระเจา อชาตศตั รู ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี ําเรม่ิ ตน วาอาสวี ิสมฺป ม สนฺต ดังน้.ี ความพิสดารมีวา พระมหาโกศลพระราชบดิ าของพระเจาโกศล พระราชทานพระธิดาแกพระเจาพิมพิสาร ไดป ระทานหมบู านกาสเี ปนคาสรงสนานแกพระธดิ า. พระเทวนี ัน้ เมื่อพระเจาอชาตศตั รกู ระทําปต ุฆาตกรรม กไ็ ดส้ินพระชนมเพราะความเสนห าตอ พระราชาไมนานนกั . พระเจา อชาตศตั รแู มเมอ่ื พระชนนสี น้ิ พระชนมไ ปแลว กค็ งครองบา นน้นั อยตู ามเดิม

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 465พระเจา โกศลทรงดําริวา เราจักไมใหหมบู า นอันเปน ของตระกูลของเราแกโ จรผูฆ าบิดา จึงรบกบั พระเจาอชาตศัตร.ู บางคราวพระเจานา ก็ชนะ บางคราวพระเจาหลานกช็ นะ. แตค ราวใดพระเจา อชาตศัตรทู รงชนะ คราวนั้นก็ทรงโสมนสั ปก ธงชัยบนรถ เขาไปสูพระนครดวยยศอนั ย่งิ ใหญ. คราวใดทรงปราชยัคราวน้นั ก็ทรงโทมนัส ไมใหใคร ๆ ทราบเลย เสด็จเขา สูพระนคร. อยมู าวนั หนง่ึ ภกิ ษุท้ังหลายสนทนากันในโรงธรรมวา ดูกอ นอาวุโสทง้ั หลาย พระเจาอชาตศตั รทู รงชนะพระเจา นาแลวดพี ระทยั ทรงปราชัยกท็ รงโทมนัส. พระศาสดาเสดจ็ มาตรัสถามวา ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลายบดั นี้พวกเธอนงั่ สนทนากนั ดว ยเร่ืองอะไร เม่ือภกิ ษุทงั้ หลายกราบทลู ใหท รงทราบแลว จึงตรสั วา ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย ไมใชแตบัดน้เี ทานัน้ แมใ นกาลกอนพระเจาอชาตศัตรูนั้น ทรงชนะแลว กด็ พี ระทยั ทรงปราชัยแลว ก็ทรงโทมนัสเหมอื นกัน แลวทรงนําเรอื่ งอดีตมาตรัสเลา . ในอดีตกาลครงั้ พระเจา พรหมทตั เสวยราชสมบตั ิอยใู นกรุงพาราณสี พระโพธสิ ัตวอ บุ ตั ิในกาํ เนดิ กบเขียว. ครง้ั น้ันมนุษยท้ังหลายไดด ักลอบเพ่ือตองการจะจบั ปลาในท่ีมแี มน าํ้และลําธารเปนตน. มีปลาเปนอันมากเขา ไปตดิ อยใู นลอบใบหนึ่ง.ครั้งน้ันมีงปู ลาตัวหน่งึ จะกินปลาจงึ เขา ไปสูลอบนน้ั . ปลาเปนอันมากรวมกนั เขา ไปกดั งูตวั น้นั จนเลือดออกนอง. งปู ลาไมเห็น

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 466ทีพ่ ึง่ กลัวตายจึงหนอี อกทางปากลอบ ไดร ับความเจบ็ ปวดนอนอยูบนพ้นื นํา้ . ในขณะนั้น กบเขยี วขน้ึ ไปเกาะบนหลักลอบงูเมอ่ื ไมไดที่จะตดั สนิ ความ เหน็ กบนอนอยูบ นหลกั ลอบนน้ัเมอื่ จะถามวา ดกู อ นสหายกบ กริ ยิ าของพวกปลาเหลานี้ ทานพอใจบางไหม ไดก ลา วคาถาแรกวา :- ดกู อ นทา นผูเปนบตุ รกบเขยี ว ปลาทัง้ หลายรมุ กัดฉันผูม ีพิษแลน เร็ว เขาไปยงั ปากลอบ เร่อื งนีท้ า นชอบใจหรือ. ลาํ ดบั นั้นกบเขยี วจึงกลาวกะงูวา ดูกอนสหาย ถูกแลวขา พเจา พอใจ เพราะอะไร เพราะหากพวกปลามาถงึ ถน่ิ ของทานทา นกย็ อมกิน ฝา ยพวกปลาก็ยอ มกินทานผไู ปอยถู ิ่นของตนอันการจะออ นกาํ ลังในถน่ิ หากิน ในทีเ่ ปนแดนของตน ๆ ยอมไมมี ไดก ลา วคาถาท่ี ๒ วา :- บุรุษผมู อี ิสรภาพอยเู พยี งใดกย็ ่าํ ยีผอู ืน่ ไดอยเู พยี งน้นั คนอน่ื มาย่าํ ยตี นคราวใด คราวนั้น ผทู ถ่ี กู ย่าํ ยีก็ยาํ่ ยตี อบบา ง. ในบทเหลาน้ัน บทวา วิลุมปฺ เตว ฯเปฯ อุปกปฺปติ ความวาความมีอสิ รภาพยอมสําเรจ็ ยอ มเปนไปแกบุรุษเพยี งใด เขายอ มย่าํ ยีผูอืน่ ไดเพียงน้นั . อธบิ ายวา บรุ ษุ นน้ั สามารถยา่ํ ยไี ดตลอดกาล. บทวา ยทา จเฺ  วิลมุ ปฺ นตฺ ิ คอื คนอื่นท่มี อี ิสรภาพ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 467มายาํ่ ยีตนคราวใด. บทวา โส วิลุตฺโต วิลุมฺปติ ความวา คราวนัน้ ผยู า่ํ ยีนน้ั ยอ มถูกยา่ํ ยี. เม่ือพระโพธิสัตวว ินิจฉัยคดีแลว ฝูงปลารูวา งปู ลาออ นกาํ ลัง คิดวาจักจบั ศัตรูจงึ กรกู ันออกจากปากลอบทําใหง ปู ลาตายในทน่ี ้นั เอง แลวตา งกห็ ลีกไป. พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนานมี้ าแลว ทรงประชมุชาดก. งูปลาในครง้ั นั้นไดเปนพระเจา อชาตศัตรใู นครัง้ นี้.สว นกบเขียว คอื เราตถาคตนี้แล. จบ อรรถกถาหรติ มาตชาดกที่ ๙

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 468 ๑๐. มหาปง คลชาดก วา ดวยพระเจาปงคละผูร ายกาจ[๓๒๙] ชนทั้งปวงถกู พระเจาปงคละเบียดเบยี นแลว เมื่อพระเจา ปงคละน้ันสวรรคตแลว ชนท้ังหลายกไ็ ดค วามยินดี ดูกอนนายประตู พระเจาปง คละผูไมมีพระเนตรดํา เปน ท่ีรักของทา นหรอืเพราะเหตุไรจงึ ไดรอ งไหหนอ.[๓๓๐] พระเจา ปงคละผไู มมีเนตรดํา จะเปน ที่รกัของขาพเจาก็หามไิ ด แตข า พเจากลัววาพระเจาปง คละนัน้ จะกลับเสดจ็ มาอกี พระเจาปง คละเสด็จไปจากมนุษยโลกน้แี ลว กจ็ ะเบยี ดเบยี นพระยามัจจุราช พระยามจั จรุ าชนั้นถกู พระเจาปงคละเบียดเบียนแลว ก็จะพงึ นํามาสง มนษุ ยโลกนีอ้ กี .[๓๓๑] พระเจา ปงคละนน้ั พวกเราชว ยกนั เผาแลว ดว ยฟน พนั เลม เกวียน รดดวยนํา้ หลายรอ ยหมอ พืน้ ทด่ี นิ นนั้ เราปอ งกนั ไวอยา งดแี ลว ทานอยากลัวเลย พระเจา ปง คละจกั ไมเสดจ็ กลับมาอกี . จบ มหาปงคลชาดกที่ ๑๐

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 469 อรรถกถามหาปงคชาดกที่ ๑๐ พระศาสดาเมือ่ ประทบั อยู ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระเทวทตั ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี ําเริ่มตน วาสพโฺ พ ชโน ดงั นี้. เมือ่ พระเทวทตั ผกู อาฆาตพระศาสดา จมลงไปในแผน ดินใกลซ มุ พระทวารพระเชตวันมหาวหิ ารลว งไปไดเกา เดอื น ชาวกรงุ สาวตั ถีและชาวแวน แควน ทง้ั สิ้น ตา งรา เริงยินดีวา พระ-เทวทัตผเู ปน เส้ียนหนามของพระพุทธองค ถูกแผนดนิ สูบแลวบัดนพ้ี ระสมั มาสมั พทุ ธเจา ทรงกาํ จัดศัตรูไดแ ลว. ชาวชมพทู วีปทงั้ สนิ้ และหมูยกั ษ ภูตและเทวดาท้ังหลาย ตางกพ็ ากันร่ืนเรงิยนิ ดี กลาวกนั อยางน้นั เหมือนกนั . อยมู าวนั หน่ึง ภกิ ษทุ ้งั หลายประชุมกนั ในโรงธรรมวาดูกอ นอาวโุ สทัง้ หลาย เม่อื พระเทวทัตจมลงในแผน ดิน มหาชนตา งกด็ ใี จวา พระเทวทัตผูเ ปน เสีย้ นหนามของพระพุทธองคถกูแผนดนิ สบู แลว . พระศาสดาเสดจ็ มาตรสั ถามวา ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย บัดนีพ้ วกเธอนง่ั ประชุมสนทนากันดว ยเร่ืองอะไรเมื่อภิกษุทงั้ หลายกราบทลู ใหท รงทราบแลว จึงตรสั วา ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย เม่อื เทวทตั ตาย มหาชนยนิ ดี ราเริง มใิ ชใ นบัดนี้เทา นนั้ แมเ มอ่ื กอ นมหาชนก็ยนิ ดี รา เรงิ เหมอื นกนั แลว ทรงนําเร่อื งอดตี มาตรสั เลา

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 470 ในอดีตกาล มพี ระราชาพระนามวา มหาปงคละ เสวยราชสมบตั ิอยูใ นกรุงพาราณสโี ดยอธรรม ไมเรียบรอ ย ทําบาปกรรมดว ยอคติมฉี นั ทาคติเปน ตน รีดนาทาเรนมหาชนดวยอาชญา ภาษีอากรรบิ เงนิ ทองเปน ตน ดุจทอนออ ยที่เคร่ืองยนตหบี ออยฉะนั้น. พระเจา มหาปงคละน้นั เปน ผูกกั ขละหยาบชาหนุ หนั . ไมม แี มแตเพยี งความเอ็นดูในผอู น่ื เลย. ไมเปน ทรี่ ักไมเปนที่พอใจของพวกสตรี บตุ รธิดาในพระราชวัง แมข องอาํ มาตย พราหมณและคหบดเี ปน ตน เปรียบเหมอื นธุลีเขา ตาเหมอื นกรวดที่กอนขา ว และเหมือนหนามที่ตาํ สน เทาฉะนัน้ .คร้ังนน้ั พระโพธสิ ัตวเกิดเปน โอรสของพระเจา มหาปงคละ.พระเจามหาปงคละเสวยราชสมบตั ิมานานแลว ก็เสด็จสวรรคต.เม่อื พระเจาปงคละเสด็จสวรรคตแลว ชาวกรุงพาราณสที ั้งสิ้นก็รา เรงิ ยนิ ดี ย้มิ แยม แจมใสกันยกใหญ เผาศพพระเจา มหาปง คละดวยฟน พนั เลมเกวยี น ดับเชงิ ตะกอนดวยนํ้าหลายพนั หมอ แลวอภเิ ษกพระโพธิสตั วข ้ึนครองราชย ตางกร็ า เริงยินดวี า เราไดพระราชาผูต้งั อยใู นธรรมแลว เทย่ี วตีกลองแหก นั ครึกคร้ืนตกแตง พระนครดวยธงทวิ ตาง ๆ ทาํ ประราํ ตามประตบู า นทกุประตู นั่งกนิ เลยี้ งกนั ที่ปะรําอันไดตกแตงแลว มพี น้ื โปรยปรายดวยขา วตอกและดอกไม. แมพระโพธสิ ตั วก็ประทับนงั่ ทรงยศอนั ยงิ่ ใหญ ทา มกลางบัลลงั กซึ่งก้นั ดวยเศวตฉตั ร ณ ทองพระโรงอนั ประดับประดาแลว . พวกอํามาตย พราหมณ คหบดี และ

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 471เจา พนักงานและยามประตูเปนตน ตางก็ยืนแวดลอ มพระราชาอยู. ลาํ ดับนนั้ มยี ามประตูนายหนงึ่ ยนื อยูในท่ไี มไกล ไดถ อนใจสะอื้นรองไหอ ย.ู พระโพธสิ ัตวทอดพระเนตรเห็นยามประตนู ้นัจึงถามวา ดกู อนยามประตู เมือ่ พระบิดาของเราสวรรคตแลวชนทั้งปวงตางก็ราเรงิ ยินดีเที่ยวเลนมหรสพกนั . สว นทานกลับยนื รอ งไห เมือ่ จะตรัสถามวา พระบิดาของเราเปน ที่รัก. เปน ท่ีชอบใจของทานนกั หรอื จึงกลาวคาถาแรกวา :- ชนท้ังปวงถกู พระเจา ปงคละเบียดเบียน แลว เม่ือพระเจา ปงคละน้ันสวรรคตแลว ชน ทั้งหลายตา งก็พากันยินดี ดกู อนนายประตู พระเจา ปง คละผูไ มมีพระเนตรดาํ เปนท่รี ักของ ทานหรอื เพราะเหตไุ รทานจึงรอ งไห. ในบทเหลานั้น บทวา หสึ ิโต ไดแ ก ถูกเบียดเบยี นดว ยอาชญาและภาษอี ากรนานาประการ. บทวา ปงคฺ เลน แปลวามตี าเหลอื ง. นัยวา พระเจา ปง คละนน้ั มพี ระเนตรท้งั สองขา งเหลอื ง มสี เี หมือนตานกพริ าบ. จึงมชี ่อื วา ปง คละ บทวาปจฺจย เวทยนฺติ คอื พากันยนิ ด.ี บทวา อกณหฺ เนตฺโต คอื มีพระเนตรเหลือง. บทวา กสฺมา น ตฺว คอื ทานรองไหทาํ ไม. นายประตูน้นั ฟง คาํ พระโพธสิ ัตวจึงกราบทูลวา ขา พระองคมไิ ดรองไห เพราะพระเจามหาปง คละสวรรคต แตรอ งไหเพราะเกรงวา ศรี ษะของขา พระองคเ ปนสขุ แลว เพราะพระเจา

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 472ปงคละเมอ่ื เสด็จลงและเสดจ็ ขน้ึ ปราสาท ทรงเขกศรี ษะขา พระองคเท่ยี วละแปด เท่ยี วละแปด ดุจเคาะดวยฆอนของชางทองฉะนน้ัพระองคเสด็จไปสูป รโลกแลว จะเขกศรี ษะพวกนายนิริยบาลบาง พญายมบาง เหมอื นกบั เขกศรี ษะขา พระองค ทนี ้ันพวกนายนริ ิยบาลคดิ วา พระเจา ปงคละนีเ้ บยี ดเบียนพวกเรานักจักนํามาปลอยคนื ท่ีน้อี กี เมือ่ เปน เชน นนั้ พระองคก ็จะพึงเขกศีรษะขาพระองคอ กี เมอ่ื จะประกาศความนี้ จงึ กลา วคาถาท่ี ๒ วา :- พระเจาปงคละผูไมม ีพระเนตรดําจะเปน ที่รกั ของขา พระพุทธเจาก็หามไิ ด แตข าพระ- พุทธเจา กลวั วา พระเจาปงคละนน้ั จะกลับมาอกี ลาํ ดับน้ัน พระโพธิสตั วเม่อื จะตรัสปลอบใจนายประตูผูน ้นั วา พระราชาพระองคน ้ันถกู เผาดว ยฟนพนั เลม เกวยี นถกู เอานาํ้ รดต้งั รอยหมอ แมบริเวณปา ชาของพระราชานั้น ก็ลอมรว้ั รอบแลว และตามปกติผไู ปสปู รโลกแลว กไ็ ปทอี่ ่นื ทเี ดยี วเขาจะไมก ลับมาดว ยรางกายนนั้ อีก ทานอยา กลัวเลย จึงกลาวคาถานว้ี า :- พระเจา ปง คละนนั้ พวกเราชว ยกันเผาแลว ดวยฟนพนั เลมเกวียน รดดวยนํา้ หลายรอยหมอ พนื้ ทีด่ ินนัน้ เราปองกันไวอ ยา งดีแลว ทานอยา

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 473 กลวั เลย พระเจา ปง คละจักไมเ สด็จกลบั มาอีก. ตั้งแตน ้ันนายประตกู ็ไดร บั ความโลงใจ. พระโพธสิ ัตวเสวยราชสมบตั โิ ดยธรรม ทรงบําเพ็ญบญุ มที านเปน ตน แลวก็เสดจ็ ไปตามยถากรรม. พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้ีมาแลว ทรงประชุมชาดก. พระเจา ปง คละในครงั้ นนั้ ไดเปน เทวทัตในครัง้ นี้ สว นพระโอรส คอื เราตถาคตนแี้ ล. จบ อรรถกถามหาปง คลชาดกที่ ๑๐ รวมชาดกทีม่ ใี นวรรคน้ี คอื ๑. อุปาหนชาดก ๒. วณี าถณู ชาดก ๓. วกิ ัณณกชาดก๔. อสติ าภชุ าดก ๕. วจั ฉนขชาดก ๖. พกชาดก ๗. สาเกตชาดก ๘. เอกปทชาดก ๙. หริตมาตชาดก ๑๐. มหาปงคลชาดก. จบ อุปาหนวรรคท่ี ๙

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 474 ๑๐. สิคาลวรรค ๑. สพั พทาฐชาดก ผูม ีบริวารมากเปนใหญไ ด [๓๓๒] สนุ ัขจิ้งจอกกระดางดว ยมานะ มีความ ตองการดว ยบรวิ าร ไดบรรลถุ งึ สมบตั ิใหญ ไดเ ปน ราชาแหง สตั วม เี ขย้ี วงาท้ังปวง ฉนั ใด. [๓๓๓] ในหมมู นษุ ย ผใู ดมบี ริวารมาก ผนู น้ั ช่ือวาเปนใหญในบริวารเหลานัน้ ดุจสุนขั จงิ้ จอก ไดเ ปนใหญกวาสตั วมเี ขยี้ วงา ฉะน้ัน. จบ สพั พทาฐชิ าดกท่ี ๑ อรรถกถาสิคาลวรรคที่ ๑๐ อรรถกถาสัพพทาฐชาดกที่ ๑ พระศาสดาเมอ่ื ประทบั อยู ณ พระเวฬวุ ันมหาวหิ าร ทรงปรารภพระเทวทัต ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มีคําเรมิ่ ตนวาสคิ าโล มานถทฺโธ จ ดงั นี้. พระเทวทัตยงั พระเจาอชาตศตั รใู หเล่ือมใสแลว กไ็ มสามารถจะทําลาภสักการะทเี่ กิดขึ้นแลวใหต งั้ อยูไดนาน. ลาภ

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 475สักการะของพระเทวทตั ไดห มดสิ้นไปตงั้ แตค รัง้ ท่ไี ดเห็นปาฏิหาริยกันในการปลอ ยชางนาฬาคิรีแลว . อยมู าวนั หน่ึง ภิกษทุ งั้ หลายประชมุ สนทนากนั ในโรงธรรมวา อาวโุ สทัง้ หลาย พระเทวทัตยังลาภสักการะใหเ กดิ ขน้ึ แลว กม็ ไิ ดอ าจจะใหดํารงอยูไดน าน.พระศาสดาเสดจ็ มาตรัสถามวา ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย บัดนี้พวกเธอสนทนากนั ดว ยเร่ืองอะไร เมอื่ ภิกษทุ ัง้ หลายกราบทลู ใหทรงทราบแลว จึงตรสั วา ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย เทวทตั มใิ ชท ําลาภสักการะที่เกดิ แกต นใหหมดสิ้นไปในบัดนี้เทา น้ัน แมใ นกาลกอ นก็ไดหมดส้นิ ไปแลวเหมือนกนั ทรงนาํ เร่ืองอดีตมาตรัสเลา. ในอดตี กาลครงั้ พระเจา พรหมทัตเสวยราชสมบัตอิ ยใู นกรงุ พาราณสี พระโพธสิ ัตวไ ดเปนปุโรหิตของพระองค เปน ผูจบไตรเพทและศิลปศาสตร ๑๘ ประการ. รอบรปู ฐววี ิชยั มนต.ทเี่ รยี กวา ปฐวีวิชัยมนตนน้ั คือมนตก ลบั ใจใหห ลง. อยูมาวนั หนึง่พระโพธิสตั วคิดวา จกั สาธยายมนตน ้นั จึงนัง่ ทําการสาธยายมนตบนหนิ ดาดทเ่ี นินผาแหง หนึง่ . นยั วามนตนั้นผมู ใี จวอกแวกความทรงจาํ ไมดี ไมส ามารถจะใหสาํ เรจ็ ได. เพราะฉะน้นั ปโุ รหิตน้นั จึงสาธยายในท่เี ชนนั้น. ในเวลาท่ีทานปโุ รหติ ทําการสาธยายมีสนุ ขั จิ้งจอกตวั หนึง่ นอนอยใู นโพรงแหง หนง่ึ ไดย ินมนตน้ันเหมอื นกัน ไดทอ งจําจนแคลว คลอ ง. นัยวาสนุ ขั จงิ้ จอกตวั นัน้ในอตั ภาพอดตี ถัดไป ไดเปน พราหมณผ หู นึง่ ซึง่ แสดงแคลว คลองปฐววี ิชยั มนต. พระโพธิสัตวทาํ การสาธยายแลวลุกไป กลาววา

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 476มนตของเรานแี้ คลวคลองหนอ. สุนขั จงิ้ จอกออกจากโพรงกลาววา ทานพราหมณผ ูเจรญิ มนตน แี้ คลวคลองแกข า พเจาย่งิ กวาทา นเสียอกี แลว วงิ่ หนไี ป. พระโพธสิ ัตวค ิดวา สนุ ขั จงิ้ จอกนี้จักทาํ อกศุ ลใหญห ลวง จงึ ตดิ ตามไปไดห นอ ยหนง่ึ . สุนัขจงิ้ จอกไดห นเี ขาปา ไป. สนุ ัขจงิ้ จอกไปงบั นางสนุ ขั จงิ้ จอกตวั หนึง่ เมื่อนางสุนัขจิ้งจอกถามวา อะไรกันนี่ กลาววา เจารูจ กั เราหรอื ไมรูจ ัก. นางสนุ ขั จง้ิ จอกตอบวา รจู กั ซ.ิ สุนขั จงิ้ จอกนน้ั รายปฐววี ิชยั มนตบงั คับสุนัขจ้งิ จอกเปน รอ ย ๆ ไวในอาํ นาจ กระทาํสตั ว ๔ เทา มชี า ง มา สิงห เสือ กระตา ย สกุ รและเน้ือเปน ตน ทง้ั หมดไวในสาํ นกั ของตนและแลว ไดเปน พญาสตั ว ชอ่ื วาสัพพทาฐะ. นางสุนัขจ้ิงจอกตัวหนงึ่ เปน อคั รมเหส.ี ราชสีหยืนอยูบนหลังชา งสองเชอื ก. พญาสุนัขจ้งิ จอกน่งั บนหลงั ราชสหี กบั นางสนุ ขั จิ้งจอกผเู ปน อัครมเหสี นบั เปนยศอันยง่ิ ใหญ.พญาสนุ ัขจิง้ จอกเมาดว ยยศมหนั ต เกิดความมานะคิดชงิ ราช-สมบัตกิ รุงพาราณสี แวดลอมดว ยสตั วจ ตบุ าททงั้ ปวง บรรลุถึงทไี่ มไกลจากกรุงพาราณสี. มีบริษัทบรวิ ารได ๑๒ โยชน.พญาสนุ ัขจงิ้ จอกต้ังอยูไมไกลนกั สง สาสนไปถึงพระราชาวาจงมอบราชสมบัตใิ หหรือจงรบ. ชาวกรุงพาราณสีตางพากนัสะดุงหวาดกลวั ปดประตพู ระนครตงั้ มั่นอย.ู พระโพธิสัตวเขา ไปเฝา พระราชากราบทูลวา ขาแตม หาราช ขอพระองคอยากลวั เลย การตอ สดู ว ยการรบกับสุนขั จงิ้ จอกสพั พทาฐะ เปน

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 477ภาระของขาพระองคเ อง เวนขาพระองคเสยี ไมม ีผอู ืน่ สามารถรบกับมันได ปลอบใจพระราชากบั ประชาชนแลว คดิ วา สพั พ-ทาฐะจะทําอยา งไรจึงจะยึดราชสมบัติ เราจักถามมนั ดกู อ นจึงขน้ึ ปอ มที่ประตเู มอื งถามวา ดูกอ นสพั พทาฐะผสู หาย ทา นจกั ทาํ ประการใดจึงจะชงิ เอาราชสมบตั นิ ไ้ี ด. สพั พทาฐะตอบวาเราจะใหราชสีหเ ปลงสีหนาททาํ ใหม หาชนสะดุง ตกใจกลวั เสียงแลว จกั ยดึ เอาราชสมบตั ิ. พระโพธสิ ัตวก ร็ ูวา มีอุบายแก จึงลงจากปอ มใหเ ทีย่ วตกี ลองประกาศวา ชาวกรุงพาราณสที ้งั หมด๑๒ โยชน จงเอาแปงถัว่ ราชมาศปดชอ งหเู สยี . มหาชนฟงเสียงปาวรอ งพากนั เอาแปง ถัว่ ราชมาศปด ชองหูของตน และของสตั ว๔ เทาทั้งหมด จนกระทั่งแมวไมใหไ ดยินเสียงของผูอ นื่ . ครง้ั นน้ัพระโพธิสัตวข ึ้นสปู อมรองเรยี กอกี วา ดกู อ นสพั พทาฐะ พญา-สนุ ขั จ้งิ จอกถามวา อะไรเลา พราหมณ. กลา ววา ทา นจกั ทาํอยางไรอีกจงึ จะชงิ เอาราชสมบัติน้ีได. ตอบวา ขา พเจาจะใหราชสหี เ ปลงสีหนาทใหพวกมนษุ ยต กใจกลวั ใหถึงแกความตายแลวจึงจะยดึ เอาราชสมบตั ิ. พระโพธิสตั วกลาววา ทานไมอ าจใหราชสหี เปลง สีหนาทได เพราะพญาไกรสรสีหราชมเี ทาหนาเทา หลงั แดงงาม สมบูรณด วยชาติ จักไมท าตามคําส่งั ของสนุ ัขจิง้ จอกแกเ ชนทา น. สุนขั จิง้ จอกเปน สัตวด อื้ ดา นอวดดีกลาววา ราชสีหท ง้ั หลาย ตวั อื่นจงยนื เฉย เรานง่ั อยบู นหลังตวั ใด จกั ใหตัวน้ันแหละแผดเสียง. พระโพธิสัตวกลา ววา ถา

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 478เชน นัน้ จงใหแ ผดเสียงเถิด ถา ทานสามารถ. พญาสนุ ัขจิ้งจอกจึงใหสญั ญาณดวยเทาแกร าชสีหตวั ทตี่ นนง่ั อยูบนหลังวา จงแผดเสยี ง. ราชสีหน ั้นจึงเมม ปากเปลงสหี นาทบนกะพองเศียรชา ง ๓ ครั้ง อยา งไมเ คยเปลงมาเลย. ชางท้ังหลายตางสะดุงตกใจ. สลดั สุนัขจ้ิงจอกใหตกไปที่โคนเทา เอาเทาเหยยี บตวัสนุ ัขจงิ้ จอกน้ันแหลกละเอียดไป. สุนัขจ้งิ จอกสัพพทาฐะถึงแกความตาย ณ ท่ีน้นั เอง. ชางเหลานนั้ ไดยนิ เสียงราชสีหแ ลว ก็กลัวภัย คอื ความตายตางก็สบั สนชุลมนุ วุนวายแทงกนั ตาย ณ ทีน่ ั้นเอง.สัตว ๔ เทา ท้งั หมด แมทเี่ หลอื มีเน้อื และสกุ รเปนตน มีกระตา ยและแมวเปน ที่สดุ ยกเวนราชสหี ทัง้ หลายเสยี ไดถ งึ แกค วามตายณ ทนี่ น้ั เอง. ราชสหี ท ั้งหลายก็หนเี ขา ปาไป. กองเน้ือสตั วเกลื่อนไปทง้ั ๑๒ โยชน. พระโพธสิ ัตวล งจากปอมแลว ใหเ ปดประตพู ระนคร ใหต กี ลองเทยี่ วประกาศไปในพระนครวา ชาวเมืองทัง้ หมดจงเอาแปงทหี่ ูของตนออก มคี วามตองการเนอ้ื กจ็ งไปเก็บเอามา. มนษุ ยท งั้ หลายไดบ รโิ ภคเนอ้ื สด ทเ่ี หลอื กต็ ากแปงทาํ เปนเน้ือแผนไว. กลาวกนั วา นยั วา การทําเน้ือแผนตากแหงเกดิ ข้นึ ในครงั้ นัน้ เอง. พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแลว ตรัสอภ-ิสัมพุทธคาถาเหลา นี้แลว ทรงประชุมชาดกวา :- สนุ ัขจิง้ จอกกระดา งดวยมานะ มคี วาม ตองการดวยบริวาร ไดบรรลถุ งึ สมบตั ใิ หญ ได

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 479 เปนราชาแหง สัตวมีเขี้ยวงาทั้งปวง ฉันใด ใน หมมู นุษยผใู ดมบี รวิ ารมาก ผูน นั้ ช่อื วาเปน ใหญ ในบริวารเหลานน้ั ดจุ สนุ ขั จงิ้ จอกไดเปนใหญ กวา สตั วม ีเข้ียวงาฉะนนั้ . ในบทเหลา นนั้ บทวา มานถทโฺ ธ ไดแก สนุ ัขจิ้งจอกกระดา งดวยมานะเกิดขนึ้ เพราะอาศยั บรวิ าร. บทวา ปรวิ าเรนอตถฺ ิโก คอื มคี วามตอ งการดว ยบริวารใหยิ่งขึ้นไป. บทวามหตึ ไดแ ก สมบตั ิใหญ. บทวา ราชาสิ สพฺพทาิน คือไดเปน ราชาแหงสตั วม ีเขี้ยวงาทั้งหมด. บทวา โส ฯเปฯ โหติความวา บุรุษผูถึงพรอมดวยบรวิ ารนัน้ ชอ่ื วา เปน ใหญใ นบรวิ ารเหลานน้ั . บทวา สคิ าโล วยิ ทาิน ไดแ ก ไดเ ปนใหญเหมอื นสนุ ัขจง้ิ จอกไดเ ปน ใหญก วา สัตวมเี ข้ยี วงาฉะนั้น. ทนี ัน้เขาถงึ ความประมาท ก็ยอมถงึ ความพินาศ เพราะอาศยั บริวารนั้น ดจุ สุนขั จิง้ จอกฉะน้ัน. สนุ ัขจ้งิ จอกในครง้ั นั้นไดเ ปน เทวทตั ในครัง้ นี้ พระราชาไดเ ปน สารีบุตร สวนปโุ รหติ คอื เราตถาคตนแี้ ล. จบ อรรถกถาสพั พทาฐชาดกท่ี ๑

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 480 ๒. สุนขชาดก ผฉู ลาดยอมชวยตวั เองได [๓๓๔] สนุ ขั ตัวใดไมกดั เชอื กหนังใหขาด สนุ ัข ตวั นน้ั โงเ ขลามาก สนุ ัขควรจะเปลื้องตนเสยี จาก เคร่อื งผูก กนิ เชอื กหนงั เสยี ใหอ ิ่ม แลวจงึ คอ ย กลับไปยงั ท่ีอยขู องตน. [๓๓๕] คําท่ที านกลาวนี้ฝง อยูใ นหวั ใจของขาพเจา อนงึ่ ขาพเจายังไดจาํ ไวใ นใจแลว ขา พเจา จะรอ เวลา จนกวาคนจะหลบั . จบ สุนขชาดกที่ ๒ อรรถกถาสนุ ขชาดกที่ ๒ พระศาสดาเมื่อประทับอยู ณ พระเชตวันมหาวหิ าร ทรงปรารภสุนขั กินอาหารทีศ่ าลานั่งพกั ใกลซุมรางนํา้ ตรัสพระ-ธรรมเทศนาน้ี มีคําเรมิ่ ตน วา พาโล วตาย สุนโข ดังน.ี้ ไดยนิ วา พวกตักนาํ้ นําสุนขั น้ันมาเล้ยี งไวในที่น้ันต้ังแตเกิด. คร้ันตอ มาสนุ ัขน้นั ไดกินอาหารในทน่ี ้นั จนมรี า งกายอว นพ.ีวันหน่งึ มบี รุ ุษชาวบานผูหนง่ึ มาถงึ ทนี่ ่ัน เห็นสนุ ัขจึงใหผ า สาฎก

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 481เน้ือดแี ละเงนิ แกค นตักนา้ํ แลว เอาโซผูกพาสนุ ัขไป. สนุ ขั น้นัถกู เขานาํ ไปก็ไมด้นิ รน กินอาหารที่เขาใหเดินตามไปขา งหลงั .บุรษุ นั้นคิดวา เดยี๋ วน้ีสนุ ัขน้รี ักเรา จึงแกโซอ อก. สุนัขพอเขาแกแลว เทา นน้ั วง่ิ รวดเดยี วถงึ ศาลานั่งพกั ตามเดิม. ภิกษุทั้งหลายเหน็ สนุ ขั นั้น ทราบเหตทุ ีม่ นั ทาํ จึงสนทนากันในโรงธรรมในตอนเยน็ วา อาวุโสทัง้ หลาย สุนัขท่ศี าลานั่งพกั ฉลาดในการทาํใหพน จากเครื่องผกู พอเขาปลอ ยเทานัน้ กลบั หนมี าได. พระ-ศาสดาเสดจ็ มาตรัสถามวา ดกู อนภิกษุท้งั หลาย บดั น้พี วกเธอนงั่ สนทนากนั ดวยเรื่องอะไร เมอื่ ภกิ ษุทง้ั หลายกราบทลู ใหท รงทราบแลว จงึ ตรัสวา ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย สนุ ขั นน้ั มใิ ชฉลาดในการทาํ ใหพน จากเครอ่ื งผูกในบัดน้เี ทา นั้น แมเ มื่อกอ นก็ฉลาดในการทาํ ใหพน จากเครื่องผูกเหมือนกนั แลว ทรงนาํ เรอื่ งอดตีมาตรสั เลา. ในอดีตกาลครง้ั พระเจาพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยใู นกรุงพาราณสี พระโพธสิ ตั วอ บุ ัติในตระกลู ทีม่ ีสมบตั มิ ากตระกูลหนึง่ ในแควน กาสี คร้ันเจริญวัยไดค รองฆราวาส. คร้งั น้นั มนษุ ยคนหนงึ่ ในกรุงพาราณสี ไดม ีสนุ ขั อยตู ัวหนึง่ . สุนัขนั้นไดก อ นขา วกนิ จนอว นทวน. ชาวบานคนหนง่ึ มากรงุ พาราณสี เหน็ สนุ ัขน้ันจึงใหผ าสาฎกเน้อื ดีและเงนิ แกมนษุ ยน้นั แลว เอาสนุ ัขไป เอาเชือกหนงั ลาม ถือปลายเชอื กเดินจูงไป จึงเขาไปยงั ศาลาไมออแหงหน่งึ ใกลป ากดง จึงผูกสนุ ขั ไว นอนหลบั บนแผนกระดาน.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 482ในกาลนั้นพระโพธิสัตวเ ดินผานดงไปทําธุระอยางหนง่ึ เหน็ สนุ ขันั้นถูกลา มไวจ ึงกลา วคาถาแรกวา :- สุนัขตวั ใด ไมก ดั เชือกหนงั ใหขาด สนุ ัข ตัวนนั้ โงเขลามาก สนุ ัขควรจะเปลอื้ งตนเสียจาก เครอื่ งผกู กนิ เชือกหนังเสยี ใหอ ิ่ม แลว จงึ คอย กลบั ไปยังทอ่ี ยขู องตน. สนุ ขั ไดฟ ง ดงั น้นั จงึ กลา วคาถาท่ี ๒ วา :- คําที่ทานกลาวน้ี ฝงอยูในหวั ใจของ ขา พเจา อนงึ่ ขาพเจายังไดจ ําไวใ นใจแลว ขาพเจา จะรอเวลาจนกวา คนจะหลับ. ในบทเหลา นน้ั บทวา อฏ ติ  เม มนสมฺ ึ เม ความวา ทานกลา วคําใด คาํ น้ันเราตงั้ ใจไวแ ลว คือเก็บไวแ ลวแตใ นใจของเรา.บทวา อโถ เม หทเย กต คอื แมคําของทานเราก็เก็บไวใ นใจทีเดียว. บทวา กาลจฺ ปฏิกงขฺ ามิ คือ ขา พเจา กําลงั รอเวลาอยู. บทวา ยาว ปสปุ ตชุ ฺชโน ความวา ขาพเจา รอเวลาจนกวามหาชนจะหลบั . นอกเหนอื ไปจากนี้ สนุ ขั นคี้ ดิ วา ความปรารถนาของตนพึงเกิดขนึ้ วา จะหนี เพราะฉะนน้ั ในตอนกลางคนื เมื่อคนหลบั กนั หมด เราจะกดั เชอื กหนไี ป. สุนขั น้ันครน้ั กลา วอยางน้ีแลว เมอื่ มหาชนพากันหลบัจึงกดั เชือกกนิ แลว หนีไปยังเรือนของเจาของตนตามเดิม.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 483 พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนานม้ี าแลว ทรงประชมุชาดก. สนุ ัขในครง้ั นนั้ ไดเปน สนุ ัขในครง้ั น้ี สว นบรุ ุษบัณฑิตคือ เราตถาคตนแี้ ล. จบ อรรถกถาสนุ ขชาดกท่ี ๒

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 484 ๓. คุตตลิ ชาดก ศิษยคดิ ลา งครู [๓๓๖] ขา พระองคไ ดส อนใหศ ษิ ยช ื่อมสุ ลิ ะ เรียน วชิ าดีดพิณ ๗ สาย มีเสียงไพเราะจับใจคนฟง เขากลับมาขันดดี พิณสขู า พระองค ณ ทามกลาง สนาม ขาแตทาวโกสีย ขอพระองคจงเปน ทีพ่ งึ่ ของขาพระองคเ ถดิ . [๓๓๗] ดกู อนสหาย ฉนั จะเปน ทพี่ ่ึงของทา น ฉัน เปนผบู ชู าอาจารย ศษิ ยจ ักไมชนะทาน ทานจัก ชนะศิษย. จบ คุตติลชาดกที่ ๓ อรรถกถาคตุ ตลิ ชาดกท่ี ๓ พระศาสดาเมอื่ ประทับอยู ณ เวฬุวนั มหาวิหาร ทรงปรารภพระเทวทตั ตรสั พระธรรมเทศนานี้ มคี าํ เร่ิมตนวา สตตฺ ตนฺตึสุมธรุ  ดังน.้ี ความยอมีอยวู า ในครั้งนั้นภกิ ษุท้งั หลายกลา วกะพระ-เทวทัตวา ดูกอ นพระเทวทตั พระสมั มาสัมพุทธเจาเปน อาจารย

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 485ของทา น ทา นอาศัยพระสมั มาสัมพทุ ธเจา เลา เรียนพระไตรปฎ กยังฌาน ๔ ใหเ กดิ ขนึ้ การทจ่ี ะเปน ศัตรตู อผูท ีช่ อื่ วา เปนอาจารยไมส มควรเลย. พระเทวทตั กลาววา ดกู อ นอาวุโสทงั้ หลาย พระ-สมณโคดมเปน อาจารยของเราหรอื พระไตรปฎ กเราเรยี นดวยกาํ ลงั ของตนเองท้ังนัน้ มใิ ชห รือ ฌานท้ัง ๔ เรากท็ ําใหเ กิดดวยกําลังของตนทัง้ น้ัน บอกคืนอาจารยแ ลวฉะนี.้ ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมวา อาวโุ สทงั้ หลาย พระเทวทัตบอกคืนอาจารยแ ลวกลบั เปนศตั รตู อ พระสมั มาสัมพทุ ธเจา ไดถึงความพินาศแลว . พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามวา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลายบดั น้ีพวกเธอนัง่ สนทนากันดวยเร่ืองอะไร ครัน้ ภิกษุทัง้ หลายกราบทลู ใหท รงทราบแลว ตรัสวา ดูกอนภิกษุท้งั หลาย เทวทตัมิใชบอกคนื อาจารยเปน ศัตรูตอเรา แลว ถงึ ความพนิ าศในบดั นี้เทานั้น แมเ ม่ือกอ นกถ็ งึ ความมหาวินาศแลว เหมือนกัน ทรงนําเรื่องอดตี มาตรสั เลา . ในอดีตกาลคร้ังพระเจา พรหมทัตเสวยราชสมบัติอยูในกรุงพาราณสี พระโพธิสตั วอบุ ตั ใิ นตระกูลนักขับรอ ง. มารดาบิดาต้ังช่อื วา คตุ ติลกุมาร. กมุ ารน้นั ครัน้ เจรญิ วัย สาํ เร็จศิลปะการขับรอ ง ไดเปน นกั ขับรอ งชัน้ ยอด ในชมพทู วีปทั้งสิน้ ช่ือวาคุตตลิ คนธรรพ. เขาไมม ภี รรยา เล้ยี งมารดาบิดาผูตาบอด. ในกาลนั้น พอ คาชาวกรุงพาราณสไี ปคา ขายยังเมืองอชุ เชนี เมอื่เขาปา วรอ งมีการมหรสพ จงึ เรย่ี ไรกนั หาดอกไมของหอมและ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 486เครื่องลบู ไลต ลอดจนของเคย้ี วของบริโภคเปนตน เปน อนั มากประชุมกัน ณ สนามกีฬา ใหค าจางแลว กลาววา พวกทา นจงน านักรอ งมาคนหนึ่งเถดิ . สมยั นัน้ ในกรงุ อชุ เชนี มนี กั ขบั รองช้ันเยี่ยม ชอื่ มุสลิ ะ.พวกพอคา จงึ หาเขามาใหแสดงการขบั รองใหตนชม. มสุ ลิ ะเมื่อจะดดี พิณ ไดข้นึ สายเสียงเอกดีดแลว. การดีดสขี องเขานนั้ไดป รากฏดจุ เสยี งเกาเส่ือราํ แพนแกพวกพอคา เหลา นน้ั ผมู คี วามชินหูในการดดี สขี องคตุ ติลคนธรรพ จึงมไิ ดแสดงอาการชอบใจแมสกั คนเดยี ว. มสุ ลิ ะเม่อื พวกพอ คา เหลา นัน้ ไมแสดงอาการพอใจคดิ วา เราเห็นจะดีดพณิ ขันตึงเกินไป จึงลดลงปานกลาง ดีดดวยเสยี งปานกลาง. พวกพอ คา เหลา นน้ั ก็คงเฉยอยใู นเสียงพิณน้นั . ลาํ ดับนนั้ เขาคิดวา พวกพอ คา เหลานี้คงไมรูจ ักอะไร จงึแกลง ทาํ เปนไมร เู รอ่ื งเสยี เอง ดดี พิณหยอ น ๆ. พวกพอ คาก็มิไดว า อะไร. มสุ ลิ ะจึงกลาวกะพอคา น้นั วา ดูกอ นพอคาผูเจริญเมอ่ื ขา พเจาดดี พณิ ทา นไมพ อใจหรือ. พวกพอคากลาววา ก็ทานดีดพิณอะไร พวกเรามิไดเขา ใจวา ทา นขึ้นเสียงพิณดีดส.ี มุสิละถามวา ก็ทา นรูจกั อาจารยท เ่ี กง กวาขาพเจาหรือ หรือไมรสู กึยินดีเพราะตนไมรจู ักฟง . พวกพอ คากลา ววา เราเคยไดฟ งเสียงพิณคุตตลิ คนธรรพท ่ีกรงุ พาราณสี เสียงพณิ ของทานจึงฟง คลายเสียงสตรกี ลอมเดก็ . มุสิละกลา ววา ถา เชนนน้ั ทานจงรับคาจา งท่ีทานใหคนื ไปเถดิ ขาพเจา ไมตอ งการคาจา งนั้น.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 487ก็แตวา เม่ือทานจะกลบั ไปกรุงพาราณสี ชวยพาขา พเจา ไปดวย.พวกพอ คา เหลาน้นั รบั วา ดีละ. ในเวลากลบั ไดพาเขาไปกรุงพาราณสี บอกมสุ ิละวา นคี่ ือทอ่ี ยขู องคตุ ติลคนธรรพ แลว เลยไปทอ่ี ยูข องตน. มุสลิ ะเขาไปบานพระโพธสิ ัตว เหน็ พิณคมู ือของพระโพธสิ ตั ว จงึ หยิบมาดดี . ลําดับน้ันมารดาบดิ าของพระ-โพธสิ ัตวแ ลไมเหน็ มุสิละ เพราะตาบอด เขา ใจวา เหน็ จะหนูกัดพิณ จงึ กลา ววา หนกู ัดพณิ . มสุ ิละจึงวางพณิ ไหวม ารดาบิดาพระโพธิสัตว. เมื่อทา นถามวา มาแตไหน จึงกลาววามาจากเมืองอุชเชนี เพ่อื ขอเรียนศิลปะในสาํ นกั ของทา นอาจารย.เมอ่ื มารดาบิดาพระโพธิสัตวรับดีละ แลวจึงถามวา ทานอาจารยอยไู หน ไดฟง วา ไมอ ยจู ะพอคณุ วันน้จี ะกลบั มา จงึ นง่ั อยทู ี่นั้นเอง. ครั้นพระโพธิสตั วก ลบั มาไดร ับปฏิสันถารแลว จงึ บอกเหตทุ ต่ี นมา. พระโพธสิ ัตวร อู งควชิ าทํานายลกั ษณะคน จึงรวู ามสุ ลิ ะเปนอสัตยบุรษุ ไดบอกปดวา ไปเถดิ พอ ศิลปะไมสาํ เรจ็แกทานดอก. มสุ ลิ ะจับเทา มารดาบิดาพระโพธิสตั วล ูบไลใ หสงสารตนแลวออนวอนวา ขอทา นจงชวยใหพ ระโพธิสตั วถ ายทอดศลิ ปะใหข า พเจาเถิด. พระโพธิสตั วถกู มารดาบดิ าชวยพดู บอย ๆกไ็ มอาจขัดทา นได จึงสอนศิลปะให. มสุ ิละไปราชนเิ วศนก ับพระโพธสิ ัตว. พระราชาทอดพระเนตรเห็นเขา ตรัสถามวา นั่นใครนะทา นอาจารย. พระโพธิสตั วก ราบทูลวา ขอเดชะ นีค่ อือนั เตวาสกิ ของขา พระองค. เขาจึงไดคนุ เคยกบั พระราชาโดย

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 488ลาํ ดบั . พระโพธสิ ตั วมไิ ดปดบงั อาํ พรางวิชาใหศึกษาตามแบบทต่ี นรูมาจนจบ แลวกลาววา แนะพอ ทา นเรียนศิลปะจบแลว .มุสลิ ะคิดวา ศิลปะเราก็ชํา่ ชองแลว ทง้ั กรุงพาราณสนี ้กี เ็ ปนนครเลศิ ในชมพทู วปี ท้ังสิน้ . แมถ าอาจารยแกเ ราควรจะอยใู นกรุงพาราณสนี ้แี หละ. มุสิละจึงบอกอาจารยว า ขา พเจา จักรับราชการ. อาจารยกลา ววา ดแี ลว . เราจะกราบทูลพระราชาจงึ พาไปเฝา พระราชากราบทลู วา อันเตวาสิกของขาพระองคปรารถนาจะรับราชการสนองพระคณุ พระองค ขอพระองคจงพิจารณาเบี้ยหวัดใหเ ขา. เม่อื พระราชาตรสั วา เขาจะไดก ่งึหนึ่งจากเบย้ี หวัดที่ทา นได. จึงบอกเรื่องนนั้ แกม ุสิละ. มสุ ิละกลา ววา เมือ่ ขา พเจา ไดร ับเบี้ยหวัดเทา กับทาน จึงจะรับราชการเม่อื ไมไ ดเทา จะไมขอรับ. พระโพธสิ ัตวถามวาเพราะเหตไุ ร.มุสลิ ะตอบวา ขา พเจา รศู ลิ ปะท่ีทานรหู มดมิใชหรือ. พระโพธิสัตวกลา ววา ถกู แลวทา นรูทง้ั หมด. มสุ ิละกลา ววาเม่ือเปนเชนน้ันเหตไุ รพระราชาจึงพระราชทานแกขาพเจากง่ึ หน่ึงเลา. พระ-โพธสิ ัตวจ งึ กราบทูลแดพระราชา. พระราชาตรสั วา ถาเขาสามารถแสดงศลิ ปะทัดเทยี มทานก็จะไดเ ทา กัน. พระโพธิสตั วฟงพระดํารสั ดังนัน้ จงึ บอกแกม สุ ลิ ะ เมอื่ เขากลาววา ดลี ะขา พเจา จกั แสดง จงึ กราบทลู แดพระราชา เมือ่ พระองคต รัสวาดแี ลว จงแสดงเถิดจะแสดงแขงขนั กนั วนั ไหนเลา กราบทูลวาขา แตม หาราช ขอจงแขงขนั กนั ในวนั ท่ี ๗ นบั แตว ันน้ี. พระราชา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 489รบั ส่ังหาตัวมสุ ิละมาตรัสถามวา ไดย ินวาทา นจะทําการแขง ขันกับอาจารยหรอื กราบทูลวา ขอเดชะจริงพระเจาขา แมทรงหามวา อันการแขง ดกี บั อาจารยไ มสมควรเลย. กราบทลู วาขา แตมหาราชชา งเถดิ ขอใหขา พระองคแ ขง ขันกบั อาจารยในวันทเี่ จ็ดเถดิ จกั ไดท ราบวาคนไหนจักชนะ. พระราชารบั ส่งั วาดแี ลว รับสง่ั ใหเทยี่ วตกี ลองปาวรอ งวา ในวันทเ่ี จด็ นบั แตวนั น้ีอาจารยกับศษิ ยจ ะแสดงศลิ ปะแขง ขนั กนั ทีป่ ระตูวงั ชาวเมอื งจงมาประชุมดศู ลิ ปะกนั เถิด. พระโพธิสัตวคิดวา มุสิละผูน้ียงัหนุม แนนมกี าํ ลงั แขง็ แรง เราแกต วั ถอยกาํ ลังแลว. ธรรมดาวากริ ิยาของคนแกยอมไมก ระฉับกระเฉง. อนงึ่ ธรรมดาวา ลูกศษิ ยแพก ไ็ มแ ปลกอะไร แตเ ม่อื ลกู ศิษยช นะเขา ไปตายเสยี ในปายังดกี วา ความละอายทพ่ี งึ จะไดรบั . พระโพธิสัตวจ ึงเขา ไปปาแลว กก็ ลบั เพราะกลวั ตายแลว กลบั ไปอกี กลวั อาย. เม่ือพระโพธิ-สตั วกลับไปกลับมาดงั น้ี จนลว งไปได ๖ วัน ตนหญา ตายราบเกดิ เปนรอยทางเดินเทา แลว. ขณะนั้นพภิ พของทาวสกั กะแสดงอาการรอน. ทาวสักกะทรงเล็งแลดกู ร็ เู หตกุ ารณน ั้น ทรงดําริวา คุตติลคนธรรพไดร บั ความทกุ ขใหญห ลวงในปา เพราะกลวัอันเตวาสิก. เราควรจะเปน ทพ่ี ึง่ แกเ ขา จึงรบี เสด็จไปยืนอยูขา งหนา ตรัสถามวา ทานอาจารยท า นเขาปา ไปทําไม เมื่อพระโพธิสตั วถามวาทา นเปน ใคร ตรสั วา เราเปนทา วสักกะ.ลําดับน้ันพระโพธสิ ัตวจึงทูลทา วสกั กะวา ขา แตเทวราชเจา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 490ขา พระองคไปปากเ็ พราะกลัวแพอนั เตวาสิก จงึ กลา วคาถาแรกวา :- ขาพระองคไดสอนใหศ ิษยช่อื มุสิละ เรียนวิชาดีดพณิ ๗ สาย มีเสียงไพเราะจบั ใจ คนฟง เขากลบั มาขนั ดีดพณิ สูขาพระองค ณ ทาม กลางสนาม ขา แตท าวโกสีย ขอพระองคจงเปน ทีพ่ งึ่ ของขา พระองคเถิด. ทา วสักกะสดับคําของพระโพธิสตั วแลวตรัสวา อยา กลวัเลย เราจะชว ยตอ ตานปอ งกันทานเอง ไดก ลาวคาถา ๒ คาถา วา :- ดกู อ นสหาย ฉนั จะเปน ทีพ่ ง่ึ ของทาน ฉัน เปนผบู ชู าอาจารย ศษิ ยจ ักไมชนะทา น ทา นจัก ชนะศษิ ย. ทาวสักกะตรัสวา ก็และเมื่อทา นจะดีดพณิ ทานจงเด็ดเสียสายหน่ึง ดีด ๖ สาย เสียงพิณของเจาจักเหมือนเดมิ แมมสุ ิละกจ็ ะเดด็ สายพณิ แตเสียงพณิ ของเขาจกั ไมเหมอื นเดิม.ขณะน้นั เขาจะถึงความปราชัย ครนั้ ทราบวา เขาถึงความปราชัยแลว ทานพงึ เด็ดแมสายที่ ๒ สายที่ ๓ สายท่ี ๔ สายท่ี ๕สายท่ี ๖ สายท่ี ๗ ดีดแตค นั พิณเปลา ๆ เสียงจะออกจากเงอื่ นสายพิณทีเ่ ด็ดทง้ิ ดังไปท่ัวกรุงพาราณสที ง้ั ๑๒ โยชนทัง้ สิ้นทาวสักกะตรสั อยางน้แี ลว จึงประทานหวง ๓ หว งใหพ ระโพธสิ ัตว

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 491แลวตรสั วา เมื่อเสยี งพิณของทา นดงั ไปท่วั นครแลว ทา นจงโยนหว งจากจํานวนน้ีไปในอากาศหวงหน่ึง ลําดับน้นั นางอัปสร๓๐๐ จกั ลงมาฟอ นรําขางหนาทา น ในเวลาท่ีนางอัปสรเหลานน้ัฟอ นราํ ทานพงึ โยนหว งท่ี ๒ ไป ลาํ ดับนนั้ นางอปั สรอกี ๓๐๐จะลงมาฟอนรําขา งหนา พิณของทาน จากนนั้ พงึ โยนหว งที่ ๓ ไปลําดบั น้นั นางอัปสรอกี ๓๐๐ จะลงมาฟอ นราํ บนลานสนามฟอนแมเราก็จกั มาหาทา น ทา นจงไปเถดิ อยา กลัวเลย. พระโพธสิ ตั วไดกลับไปบา นในเวลาเชา . พวกชาวเมืองทาํ มณฑปที่ใกลป ระตูพระราชวัง ตกแตง ทีป่ ระทับสาํ หรบัพระราชา. พระราชาเสด็จลงจากปราสาทแลวประทับนงั่ กลางบัลลงั ก ณ มณฑปท่ปี ระดบั ประดาแลว . สตรตี กแตงแลวหนึง่ หมืน่และอํามาตย พราหมณ ชาวแวนแควน เปนตน ตางกเ็ ฝา แหนอยพู รอ มพรัง่ . ชาวนครทงั้ ปวงชุมนุมกนั แลว. ตา งจัดต้ังรถซอนรถ เตียงซอนเตยี งท่สี นามหลวง. แมพระโพธิสตั วอ าบนํา้ลูบไลก ายแลว บรโิ ภคอาหารมีรสเลศิ ตา ง ๆ แลว ใหถือพิณไปน่ังบนอาสนะสาํ หรบั ตน. ทาวสกั กเทวราชมาสถิตอยูในอากาศโดยไมปรากฏกาย. พระโพธิสัตวเ ทา นั้นเหน็ ทาวสกั ก-เทวราช. ฝายมสุ ิละมานั่งบนอาสนะของตน. มหาชนแวดลอมแลว แมทัง้ สองก็ดีดพณิ ตั้งแตเรมิ่ เสมอกนั . มหาชนตางโหร อ งยินดดี ว ยการบรรเลงของทั้งสองคน. ทา วสกั กเทวราชสถิตอยูบนอากาศ บอกใหไ ดยินแตพระโพธสิ ตั วเทาน้นั วา ทา นจงเดด็

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 492พิณเสยี สายหน่งึ . พระโพธสิ ตั วเดด็ พิณสายท่ี ๑ ทง้ิ แลว แมเดด็ สายท่ี ๑ ออกแลว เสียงยงั ดังออกไดจากเงื่อนทขี่ าดแลวดจุ เสียงพณิ เทพคนธรรพ. ฝา ยมุสิละกเ็ ดด็ สายพณิ บาง แตเ สยี งหาดงั ออกไม. อาจารยไ ดเ ดด็ สายท่ี ๒ ท่ี ๓ ที่ ๔ ท่ี ๕ ที่ ๖ท่ี ๗. เมื่อดีดแตค ันพณิ เปลา ๆ เสยี งยังดงั ตลบทัว่ พระนครเสียงโหร อ งและธงโบกสะบัดเปนจํานวนพนั ไดเ ปนไปแลว .พระโพธิสตั วไดโ ยนหว งท่ี ๑ ไปในอากาศ ในคราวนัน้ นางอปั สร๓๐๐ นางลงมาขบั ฟอ น เมอ่ื โยนหวงที่ ๒ และท่ี ๓ ไปแลวนางอัปสรทง้ั ๙๐๐ ไดลงมาฟอ นราํ ตามนัยที่กลา วแลว ขณะพระราชาไดใ หอ ิงคิตสัญญาโครงพระเศียรแกม หาชน. มหาชนตา งพากันลุกข้ึนคุกคามมสุ ลิ ะวา ทานแขง็ ขอ กับอาจารย พยายามทาํ อาการตีเสมอ ทา นไมรูจกั ประมาณตน ทบุ ตดี ว ยกอ นหินตน ไมเ ปน ตน ทฉี่ วยไดน ัน่ เองจนแหลกเหลว ใหถงึ แกความตายจับเทา ลากไปทิง้ ที่กองหยากเยอื่ . พระราชามพี ระทยั ยนิ ดีพระ-ราชทานทรัพยเ ปน อนั มากแกพ ระโพธสิ ัตว ดุจฝนลูกเห็บโปรยปรายลงมา. ชาวนครกใ็ หเ หมอื นอยา งน้ัน. แมท าวสักกะทรงทําปฏิสันถารกับพระโพธิสตั วว า ทานบัณฑติ ขา พเจาจะใหมาตลีเทพบตุ รเอารถเทยี มมาอาชาไนยหนงึ่ พนั มารับทานภายหลงั . ทานพงึ ขึน้ รถเวชยนั ตเ ทียมมา หนง่ึ พนั ไปเทวโลกเถิดตรัสแลว เสดจ็ กลบั . ครั้งนนั้ เทพธดิ าทั้งหลายไดท ูลถามทาว-สกั กเทวราช ผูเ สดจ็ มาถงึ ประทบั นัง่ บนบณั ฑกุ ัมพลศลิ าอาสน
















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook