Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_57

tripitaka_57

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_57

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 201ฉบิ หาย. ในการอยรู ว มกนั นน้ั อยา วา แตอยรู ว มกนั คนชว่ั ทําความฉบิ หายใหแกม นษุ ยเ ลย แมเมอื่ กอนตนมะมวงซง่ึ ไมมีจิตใจ มีรสอรอ ย เปรยี บดว ยรสทพิ ย อาศัยอยูรว มกับตนสะเดาทไี่ มนาพอใจ ไมมรี สอรอ ย ยังขมได. แลว ทรงนําเรื่องอดตีมาตรัสเลา. ในอดตี กาลครั้งพระเจา พรหมทัตเสวยราชสมบัติอยูในกรงุ พาราณสี พราหมณส่ีคนพีน่ องในแควน กาสี บวชเปนฤๅษีสรา งบรรณศาลา อาศัยอยตู ามลําดับกันไปในหิมวนั ตประเทศ.พีช่ ายใหญของพวกพราหมณถึงแกก รรมไป เกดิ เปน ทา วสักกะ.ทา วเธอทราบเหตกุ ารณน้ัน ลวงไปเจด็ แปดวันเปน ลาํ ดับ ๆจะเสด็จไปดแู ลดาบสเหลาน้นั วนั หนึ่งเสด็จไปนมสั การดาบสผพู ่ปี ระทบั นงั่ ณ สว นขา งหนงึ่ ตรสั ถามวา ทา นตอ งการอะไรดาบสน้นั เปนโรคผอมเหลือง จงึ ถวายพระพรวา อาตมาตองการไฟ. ทาวสักกะจงึ ประทานพรา โตให. พราใสดามใชไดทงั้ มีดท้ังขวาน ช่ือวา พรา โต. พระดาบสถวายพระพรวา ใครจะใชพราน้หี าฟน มาใหอ าตมาไดเลา. ทาวสักกะจึงรบั ส่ังกะดาบสนนั้ วา หากพระคุณเจา ตอ งการฟน ก็จงเอามอื ตบพราโตน ี้แลว ส่ังวา จงหาฟน มากอ ไฟใหเรา พราโตนน้ั ก็จะหาฟน มากอ ไฟให. ครน้ั แลว ทา วสกั กะประทานพรา โตแกดาบสนั้นแลวจึงเขา ไปหาดาบสรปู ทีส่ อง ตรสั ถามวา ทา นตอ งการอะไร.ใกลบรรณศาลาของดาบสนนั้ เปน ทางเดนิ ของชา ง. ดาบสถูก

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 202ชา งรบกวน จึงถวายพระพรวา อาตมาลาํ บากเพราะชาง ขอใหไลมันไปเสยี เถิด. ทาวสักกะจงึ ทรงมอบกลองใบหนงึ่ ใหแกดาบสน้นั แลวรบั ส่งั วา เมอื่ พระคุณเจาตีกลองดา นน้ี ขาศึกจะหนีไป ตดี า นน้ี เขาจกั มีเมตตาหอ มลอมทานดว ยจตุรงั คนิ เี สนาครน้ั ประทานกลองใบน้ันแลว จงึ เสด็จไปยังสํานักของดาบสผูนองแลวตรสั ถามวา พระคณุ เจา ตอ งการอะไร. แมพระดาบสรูปนั้นกเ็ ปนโรคผอมเหลือง เพราะฉะนน้ั จงึ ถวายพระพรวาตอ งการนมสม. ทาวสักกะจงึ ประทานหมอ นมสมใบหนึ่งแกดาบสนัน้ แลว มรี ับส่งั วา ถา พระคุณเจา ตอ งการก็จงรินหมอนี้จะเกดิ เปน แมน้ําใหญ มหี วงนํา้ ใหญไหลไป ทงั้ ยงั สามารถเอาราชสมบัติใหทา นได คร้นั รับสง่ั แลวก็เสดจ็ กลับ. ตัง้ แตนนั้ มา พราโตก ็กอ ไฟใหดาบสผพู ี่. เม่อื ดาบสรูปทีส่ องตกี ลอง ชางกห็ นี. ดาบสผนู องก็ฉันนมสม. ในครง้ั นน้ัมสี กุ รตวั หนง่ึ เทีย่ วไปทบี่ า นรา งแหง หนึ่ง ไดพ บแกวมณีท่ที รงอานภุ าพ. มันจงึ คาบแกว มณีนัน้ แลว เหาะไปบนอากาศดว ยอานภุ าพของแกวมณี ไปถึงเกาะแหง หนง่ึ ทามกลางมหาสมุทรคิดวา เวลานเี้ ราควรอยทู ่นี ่ี แลวลงพักใตตน มะเดื่อตน หน่ึง ในที่อนั ส าราญ. วันหนึง่ มนั วางแกวมณไี วข า งหนา แลวก็หลับไปทโ่ี คนตนไมน ัน้ . ครั้งน้ันมนุษยชาวแควน กาสคี นหนง่ึ ถูกมารดาบิดาไลออกจากเรอื นดว ยเหน็ วา เดก็ คนน้ไี มชว ยเหลอื เราเลย จงึ ไป

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 203ถงึ ทา เรอื แหง หน่ึง สมคั รเปน กรรมกรของชาวเรือโดยสารเรอืไป ครั้นเรอื อับปางกลางสมทุ ร จึงนอนบนแผนกระดานไปถึงเกาะแหง หนงึ่ เทย่ี วแสวงหาผลไม ครัน้ เห็นสกุ รนน้ั นอนหลบัจึงคอย ๆ ยองเขาไปลกั เอาแกวมณี แลวเหาะข้ึนไปบนอากาศดว ยอานุภาพของแกวมณีนนั้ แลว กลบั มาน่งั ลงบนตน มะเดอ่ืคิดวา ชะรอยสกุ รนี้จะเทยี่ วไปในอากาศดวยอานภุ าพของแกวมณีน้ี แลวมาพักอยูทน่ี ่ี เราควรฆาสุกรน้ีกนิ เนือ้ เสยี กอ นแลว จงึ ไปในภายหลงั . ชายนนั้ จงึ หกั ไมท อนหน่ึงเหวย่ี งลงบนหวัสุกร. สกุ รตืน่ ขึน้ ไมเ หน็ แกว มณจี ึงกระสบั กระสา ยว่ิงพลา นไปมา. ชายทนี่ ่ังบนตนไมหวั เราะ สกุ รเหลอื บเห็นเขา กเ็ อาหวัชนตน ไมน นั้ ตายทนั ที. ชายผนู นั้ จงึ ลงจากตนไมกอไฟยา งเนื้อสกุ รกนิ แลว เหาะขึน้ ไปบนอากาศไปถึงทางสุดของหิมวันต-ประเทศ ครั้นเห็นอาศรมบทแลวจงึ เหาะลงที่อาศรมของดาบสผพู ่ี ไดอ าศัยกระทําวัตรปฏิบัตดิ าบสอยูส องสามวนั และไดเ หน็อานุภาพของพราโต. ชายผนู น้ั จงึ คดิ วา เราควรเอาพราเลมนี้เสีย จึงอวดอานภุ าพแกวมณีแกดาบส แลว พดู วา พระคณุ เจาจงเอาแกว มณนี ้ี แลวใหพ ราโตแ กขา พเจาเถดิ . พระดาบสอยากจะเทยี่ วไปบนอากาศบาง จึงรับเอาแกวมณแี ลว ใหพ ราโตแกเขา. ชายผนู ้ันครน้ั ไดพรา โต เดินไปไดส ักหนอยจงึ ตบพราโตสงั่ วา ดูกอนพราโตเ จาจงตัดศรี ษะดาบสเสยี แลว เอาแกว มณีมาใหเ รา. พรา โตก ไ็ ปตดั ศรี ษะดาบสแลว นาํ แกว มณมี าให.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 204เขาซอนพราโตไวใ นทท่ี ่ีปกปด แลว เดินไปหาดาบสคนกลางพักอยสู องสามวันก็ไดเหน็ อานุภาพของกลอง จึงใหแกวมณีแลกกับกลอง แลวใหพรา โตต ัดศีรษะดาบสรปู นั้นเสียเชนนัยกอน แลว จึงเขาไปหาดาบสคนสดุ ทา ย กไ็ ดเห็นอานภุ าพของหมอนมสม จึงใหแกว มณีแลกเอาหมอ นมสม แลวใหตดั ศีรษะดาบสนนั้ เชนนยั กอน ถอื เอาแกวมณี พราโต กลอง หมอ นมสมเหาะไปบนอากาศ แลวลงพักไมไ กลกรงุ พาราณสี ฝากหนังสือไปแกบรุ ุษคนหนงึ่ วา พระเจากรุงพาราณสจี ะสูร บกบั เราหรอืจะยอมใหราชสมบัตแิ กเรา. พระราชาทรงสดบั สาสน เทา นัน้กเ็ สด็จออกดวยหมายพระทัยวา จกั จับโจร. ชายผูน นั้ จงึ ตีกลองดา นหนง่ึ จตุรงั คินีเสนากเ็ ขา มาหอ มลอม. เขาทราบอยางแนว แนวา พระราชาตกอยูใ นเง้อื มมอื ของตนแลว จงึ รนิ หมอนมสม . เกิดเปน แมน ้ําใหญไหลทวมทน . มหาชนจมลงในนมสมไมสามารถหนีออกไปได. เขาจึงตบพราโตสัง่ วาเจา จงไปตดัศีรษะพระราชามา. พรา โตก ไ็ ปตัดพระเศยี รพระราชามาวางไวแ ทบเทา ของเขา. นกั รบแมค นเดยี วกไ็ มอาจเงื้ออาวธุ ไดเขาแวดลอ มดว ยพลนกิ ายใหญย กเขาสูพ ระนคร ใหจดั ทําพิธีปราบดาภเิ ษก เปนพระราชาพระนามวา ทธวิ าหนะ ครอบครองราชสมบตั ิโดยธรรม. วันหนึ่งเมอ่ื พระราชาทธวิ าหนะทรงสนานที่แมนํา้ ใหญภายในมขี ายกนั้ เปนวงลอ ม มะมวงสุกผลหนงึ่ เปน ของเทวดา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 205 ลอยมาตดิ ขาย. พนักงานทง้ั หลายเมอ่ื ยกขา ยขนึ้ กเ็ ห็นมะมว งนั้นจึงนําไปถวายพระราชา. มะมวงนน้ั เปนผลกลมประมาณเทา หมอใหญ มสี ดี ุจทองคาํ . พระราชาตรัสถามพรานปาวา นี้ผลอะไร คร้นั สดบั วาเปนผลมะมวง จึงรับสงั่ใหป ลูกในพระราชอุทยานของพระองค แลว ใหรดดวยน้ํานม.ตน ไมไดเจริญเตบิ โตใหผ ลในปท ี่สาม. ตน มะมวงไดม ีสักการะเปนอนั มาก. เขารดดวยนาํ้ นม เจิมดวยของหอมหา ชนดิ หอยพวงมาลัยตามประทปี ดว ยน้าํ มันหอม ก้นั ดว ยผา มาน. เปนผลไมมรี สหวาน มสี ีเหลืองดงั ทองคาํ . พระเจา ทธวิ าหนะจะทรงสงผลมะมวงไปถวายพระราชาอื่น ๆ ใชเ งี่ยงกระเปน แทงหนอท้ิงออกเสียแลว สง ไป เพราะเกรงวาจะเกิดเปน ตนขึ้น แลว ทรงสงไป. เมลด็ มะมวงทพ่ี ระราชาเหลา นน้ั เสวยแลว ใหเพาะกไ็ มงอก. เมือ่ พระราชาเหลานนั้สอบถามวา อะไรหนอเปน เหตใุ นเรอ่ื งน้ี กห็ าทราบเหตุนน้ั ไม.ครัน้ แลวพระราชาองคหนึง่ รับส่งั หาคนเฝา พระอุทยานมาตรสัถามวา เจา สามารถจะทาํ รสผลมะมวงของพระเจา ทธิวาหนะใหเ สียกลายเปน รสขมไดหรอื เมื่อคนเฝา สวนกราบทลู วา ไดพระเจาขา จงึ รับส่ังวา ถา เชน นัน้ กจ็ งไป แลวพระราชทานทรพั ยพ ันหน่งึ สงไป. เขาไปถงึ กรุงพาราณสีแลว ใหก ราบทลูพระราชาวา คนเฝาสวนคนหนงึ่ มาเฝา เม่ือพระองครบั สง่ั วาใหม าเฝา ได เขาจงึ ไปถวายบังคมพระราชา เมือ่ รับส่ังถามวา

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 206เจาเปนคนเฝาสวนหรือ เขากราบทลู วา ถกู แลว พระเจาขา แลวกพ็ รรณนาถึงความสามารถของตน. พระราชารบั สงั่ วา จงไปอยูกบั คนเฝาสวนของเราเถดิ . ต้ังแตน น้ั มาทั้งสองคนกช็ ว ยกันรักษาพระราชอทุ ยาน คนเฝาสวนคนใหมมาอยไู ดไ มน าน ไดทาํ ใหตน ไมออกชอในเวลามิใชก าล ใหม ีผลในเวลามใิ ชผลทาํ ใหพ ระราชอุทยานนาร่นื รมยยงิ่ นกั . พระราชาทรงโปรดปรานเขา รบั ส่ังใหปลดคนเฝา สวนคนเกาออกเสีย ไดพระราชทานหนาทเ่ี ฝา สวนใหแ กเขาโดยเฉพาะ. เขาตระหนักแนว า พระ-ราชอทุ ยานอยใู นเงือ้ มมอื ของตนแลว จึงปลูกตนสะเดา และเถาบรเพ็ดลอมตน มะมว ง. ตนสะเดางอกงามข้ึนโดยลําดับรากตอ รากพนั กนั ก่ิงตอกง่ิ พาดทับกัน. เพราะความเกยี่ วพันกันกับไมท ่ีไมน า ยินดี และปราศจากรสนน้ั มะมว งซึ่งมผี ลหวานมากอ น กก็ ลบั เปนรสขมแลว จึงหนไี ป. พระเจา ทธวิ าหนะเสดจ็ไปพระอทุ ยานเสวยผลมะมวง ไมอ าจจะทรงกลนื เยือ่ มะมว งซึ่งตกถึงพระโอฐได คลายนํ้าฝากสะเดา ตองทรงขากถมท้ิงครัง้ น้นั พระโพธสิ ัตวเปนผูสอนอรรถและธรรมของพระองคพระราชาจงึ ปรึกษากะพระโพธิสัตววา ดูกอนบณั ฑติ ตนไมน ี้มไิ ดบ กพรอ งตอการดูแลมากอ นเลย เม่อื เปนเชน นน้ั ผลของมันกเ็ กดิ ขมขึ้นมาได อะไรหนอเปนเหตุ เมอื่ จะรบั ส่ังถาม จึงตรสั คาถาแรกวา :-

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 207 แตกอ นมามะมวงตนนบี้ รบิ ูรณดวย กลนิ่ และรส ไดร ับการบํารงุ อยูแ ตเดิม เหตุไร จงึ มผี ลขมไปได. ลาํ ดบั นัน้ พระโพธสิ ตั วเมอ่ื จะทลู แจงเหตุของมะมว งนน้ัจึงกลา วคาถาท่ี ๒ วา :- ขา แตพระเจาทธิวาหนะ มะมว งของ พระองค มีตนสะเดาลอมอยู รากตอ รากเก่ียว พันกัน ก่งิ ตอ ก่งิ เกี่ยวประสานกัน เหตุทอ่ี ยรู วม กนั กับตนสะเดาที่มีรสขม มะมวงจงึ มีรสขม ไปดว ย. บทวา ปจุ มิ นทฺ ปรวิ าโร แปลวา ลอ มดว ยตน สะเดา. บทวาสาขา สาข นเิ วสเร คอื ก่งิ สะเดาพาดกิง่ มะมว ง. บทวาอสาตสนนฺ ิวาเสน ไดแ ก เพราะพาดกับตน สะเดาอันมีรสขม.บทวา เตน อธิบายวา เพราะเหตนุ ้ัน มะมวงนจ้ี งึ มีรสเฝอนมรี สปรา มรี สขม. พระราชาทรงสดับคําของพระโพธิสตั วแลว รบั สง่ั ใหตดั ตนสะเดาและเถาบรเพ็ดเสีย ใหถอนรากขึน้ ขนดนิ ที่เสยี รสไปทิง้ ใสแตดนิ มรี สดี ใหบาํ รงุ ตน มะมวงดวยน้ํานมนา้ํ ตาลกรวดและน้ําหอม. เพราะปนกบั รสดี มนั จึงกลายเปน ตน ไมมีรสหวานอยางเดิม. พระราชาทรงมอบพระอทุ ยานแกคนเฝา สวนคนเดมิทรงดาํ รงอยตู ลอดพระชนมแลว เสดจ็ ไปตามยถากรรม.

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 208 พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้มี าแลว ทรงประชมุชาดก. อาํ มาตยบ ณั ฑติ ในคร้งั นนั้ คอื เราตถาคตในครงั้ นแ้ี ล. จบ อรรถกถาทธิวาหนชาดกที่ ๖

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 209 ๗. จตุมัฏฐชาดก ผเู ลวทราม ๔ อยาง [๒๒๓] ทานทง้ั สองพากันข้นึ ไปบนคาคบไมอ ัน สงู อยูในท่ลี บั แลว ปรึกษากัน เชญิ ทา นลงมา ปรกึ ษากันในท่ตี า่ํ เถิด พระยาเนอื้ จกั ไดฟงบาง. [๒๒๔] สุบรรณกบั สุบรรณเขาปรึกษากนั เทวดา กับเทวดาเขาพูดกันในเรื่องน้ี จะมปี ระโยชน อะไรแกส ุนัขจง้ิ จอกผูเลวทราม ๔ อยา ง (สรรี ะ ๑ ชาติ ๑ เสยี ง ๑ คณุ ๑) เลา แนะสนุ ขั จงิ้ จอก ผชู าติช่วั เจา จงเขา ไปสโู พรงเถิด. จบ จตุมัฏฐชาดกท่ี ๗ อรรถกถาจตมุ ัฏฐชาดกท่ี ๗ พระศาสดาเม่ือประทบั อยู ณ พระเชตวนั มหาวิหาร ทรงปรารภภกิ ษรุ ูปหน่ึง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคําเริ่มตน วาอจุ เฺ จ วิฏภิมารุยหฺ ดังนี้. มเี รอื่ งไดย ินวาวันหนง่ึ เม่ือพระอัครสาวกสองรปู นง่ัสนทนาปรารภการถามและการแกปญ หากนั พระแกร ปู หนง่ึไปหาทา นนง่ั เปนรปู ท่สี าม กลาววา นท่ี าน ผมจะถามปญ หา

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 210กะทา น แมท านกจ็ งถามขอสงสยั ของตนกะผมบาง. พระเถระรังเกยี จพระแกน ้นั ลกุ หลกี ไป. พวกบรษิ ัทที่นัง่ เพือ่ จะฟง ธรรมของพระเถระ จึงพากนั ไปเฝา พระศาสดา ในเวลาทกี่ ารประชุมลม เลกิ ไป เมอื่ พระองคตรัสถามวา ทําไมพวกเธอมาผดิ เวลาจึงกราบทลู เหตนุ น้ั ใหท รงทราบ. พระศาสดาตรสั วา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย สารีบุตรและโมคคัลลานะรังเกยี จพระแกนนั้ ใชพดู จาดว ยแลว หลีกไป มใิ ชในบดั นเ้ี ทา นนั้ แมแตก อนก็พากนัหลกี ไป แลวทรงนําเรื่องในอดีตมาตรสั เลา . ในอดตี กาลคร้ังพระเจาพรหมทัตเสวยราชสมบัตอิ ยใู นกรุงพาราณสี พระโพธิสตั วไดถือกําเนิดเปน รกุ ขเทวดา อยใู นราวปา . ครง้ั น้ันลกู หงสส องตัวออกจากภเู ขาคิชฌกูฏ จบั ที่ตนไมน้ันแลวไปหาอาหาร เม่ือบินกลบั กพ็ กั อยูที่ตน ไมน ้ันเองแลวกลับไปภเู ขาคชิ ฌกฏู . เมอ่ื เวลาผา นไป หงสส องตวั กม็ คี วามคนุ เคยกบั พระโพธิสัตว. เมอ่ื บินผานไปมาตางก็ชน่ื ชมสนทนาธรรมกันและกนั แลวกห็ ลกี ไป. อยมู าวันหน่ึง เมอื่ หงสทัง้ สองจบั อยบู นยอดไมส นทนากบั พระโพธิสตั ว. สุนขั จิง้ จอกตัวหน่งึยนื อยูใ ตต นไมนัน้ เม่ือจะสนทนากบั ลูกหงสเ หลา นัน้ จึงกลาวคาถาแรกวา :- ทา นทั้งสองพากนั ขน้ึ ไปบนคาคบไมอ นั สูง อยูในที่ลับแลวปรกึ ษากนั เชิญทานลงมา ปรึกษากันในทตี่ าํ่ เถดิ พญาเน้ือจักไดฟ ง บาง.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 211 ในบทเหลานั้น บทวา อจุ ฺเจ วิฏภิมารยุ ฺห ความวา พากันขนึ้ ไปบนคา คบไมอ นั สูงตามปกติ คอื สงู กวา บนตนไมน ้ี. บทวามนตฺ ยวฺโห ไดแก ปรกึ ษากนั คอื คุยกนั . บทวา นีเจ โอรุยหฺไดแ ก เชญิ ลงมายนื ปรกึ ษากนั ในทต่ี ํา่ เถิด. บทวา มคิ ราชาปโสสสฺ ติ ไดแก สนุ ขั จงิ้ จอกพดู ยกตนเปน พญาเนือ้ . ลูกหงสท ง้ั สองรงั เกียจ จึงพากันบนิ ไปภูเขาคิชฌกฏู .ในเวลาที่หงสสองตวั กลับไป พระโพธิสตั วจ งึ กลา วคาถาท่ี ๒แกสนุ ัขจงิ้ จอกวา :- ครฑุ กบั ครุฑเขาปรกึ ษากัน เทวดากับ เทวดาเขาพดู กันในเรอื่ งน้ี จะมีประโยชนอ ะไร แกสนุ ขั จ้งิ จอก ผเู ลวทราม ๔ อยาง (สรีระ ๑ ชาติ ๑ เสียง ๑ คุณ ๑) เลา แนะ สนุ ขั จิ้งจอกผู ชาตชิ ่วั เจา จงเขา โพรงไปเถดิ . ในบทเหลานัน้ บทวา สปุ ณโฺ ณ แปลวา สัตวผ ูม ีปกงาม.บทวา สุปณเฺ ณน ไดแ ก ลกู หงสต วั ท่ีสอง. บทวา เทโว เทเวนไดแก สมมตลิ กู หงสท ั้งสองนน้ั เปนเทวดาปรกึ ษากัน. บทวาจตุมฏุ  สฺส อธบิ ายตามตวั อักษรวา สนุ ัขจ้งิ จอกผูเลวทราม คอืบรสิ ทุ ธิ์ดว ยเหตุ ๔ อยา ง คือ สรรี ะ ๑ ชาติ ๑ เสยี ง ๑ คณุ ๑.พระโพธสิ ตั วเ ม่อื จะติเตยี นความไมบ ริสุทธดิ์ วยคาํ สรรเสรญิจงึ กลา วอยา งน.้ี ในบทนี้มอี ธบิ ายดังนวี้ า สุนัขจง้ิ จอกชัว่ ชาคือ ลามกดวยเหตุ ๔ ประการคืออะไร. บทวา วิล ปวิส คือ

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 212พระโพธสิ ตั วแ สดงอารมณอนั นา กลวั น้ี เมื่อจะไลสนุ ัขจ้ิงจอกใหหนีไปจึงกลา ว. พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแลว ทรงประชุมชาดก. ภิกษุแกใ นครงั้ นนั้ ไดเปน สนุ ัขจง้ิ จอกในคร้งั น้ี ลกู หงสสองตวั ไดเปน สารีบุตรและโมคคลั ลานะ สวนรุกขเทวดา คอื เราตถาคตน้แี ล. จบ อรรถกถาจตุมฏั ฐชาดกท่ี ๗

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 213 ๘. สีหโกฏุกชาดก ตัวเหมอื นราชสีหแตเ สียงไมเ หมือน [๒๒๕] ราชสหี ต ัวหน่ึง นิว้ ก็นิว้ ราชสหี  เลบ็ ก็ เล็บราชสหี  ยืนก็ยืนดว ยเทาราชสีห มีอยตู วั เดยี ว ในหมรู าชสหี  ยอ มบรรลอื ดวยเสียงอกี อยา งหน่ึง. [๒๒๖] ดกู อ นเจา ผเู ปนบตุ รแหง ราชสหี  เจา อยา บรรลือเสยี งอีกเลย จงมีเสยี งเบา ๆ อยูในปา เขาทง้ั หลายพึงรูจักเจาดว ยเสยี งนัน่ แหละ เพราะ เสยี งของเจา ไมเ หมอื นกับเสียงราชสีหผ เู ปน บิดา. จบ สีหโกฏุกชาดกที่ ๘ อรรถกถาสหี โกฏกุ ชาดกที่ ๘ พระศาสดาเมอ่ื ประทับอยู ณ พระเชตวนั มหาวิหาร ทรงปรารภพระโกกาลิกะตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี ําเริ่มตน วาสหี งฺคุลี สีหนโข ดงั น้.ี ไดยนิ วาวันหนง่ึ พระโกกาลกิ ะ เม่ือพระผูเปน พหสู ตู หลายรูปกาํ ลังสนทนาธรรมกันอยู ตนเองประสงคจ ะกลาวบาง. เรอ่ื งทั้งหมดพงึ พิสดารโดยนัยทีก่ ลาวแลว ในหนหลงั นัน้ แล.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 214 พระศาสดาคร้ันทรงสดับเรอื่ งนน้ั แลว จงึ รับสัง่ วา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย โกกาลกิ ะเปด เผยดวยเสียงของตนมิใชใ นบดั น้ีเทา น้ัน แมแ ตกอ นก็เปดเผย แลว ทรงนาํ เรือ่ งอดตี มาตรัสเลา. ในอดตี กาลครั้งพระเจา พรหมทัตเสวยราชสมบตั ิอยูใ นกรงุ พาราณสี ครั้งนนั้ พระโพธสิ ัตวถือกําเนิดเปน ราชสหี อยูอาศยั ในหิมวนั ตประเทศ สมจรกับนางสนุ ขั จง้ิ จอกตัวหนงึ่จงึ ไดล ูก. ลูกตัวนน้ั เหมือนกบั พอดว ยอาการเหลา นีค้ ือ นว้ิ เลบ็สรอ ยคอ สี และสัณฐาน แตเ สียงเหมอื นแม. อยมู าวนั หนงึ่เมือ่ ฝนตกขาดเม็ดแลว พวกราชสีห. เมือ่ เหลา ราชสหี บ รรลือสหี นาทเลนหยอกกันอยู มันกต็ อ งการบรรลือสีหนาทในระหวา งเหลาราชสหี น้นั บาง จงึ เปลง เสียงเหมือนแมส นุ ัขจ้งิ จอก. คร้ันฝงู ราชสหี ไดฟ ง เสยี งของมัน จงึ พากนั นิ่ง. ลกู ราชสีหร วมชาติของพระโพธสิ ตั วอ กี ตวั หนง่ึ ไดย นิ เสยี งของมนั แลว จงึ พดู วาพอราชสหี ต วั น้ีเหมือนเราดว ยสเี ปนตน แตเ สยี งของมัน ไมย กัเหมอื น มันเปนสตั วประเภทไหน เมื่อจะถามจงึ กลา วคาถาแรกวา :- ราชสหี ตัวน้นั นิ้วกน็ ้ิวราชสีห เล็บกเ็ ล็บ ราชสหี  ยืนกย็ นื ดว ยเทาราชสีห มีอยตู ัวเดยี ว ในหมรู าชสหี  ยอ มบรรลอื ดวยเสยี งอกี อยา งหนงึ่ . ในบทเหลา น้นั บทวา สหี ปาทปตฏิ  โิ ต ไดแก ยนื ดว ยเทา ของราชสหี น ่นั เอง. บทวา เอโก นทติ อฺ ถา ความวา

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 215ตัวเดียวเทา นนั้ ออกเสียงเหมอื นสุนขั จ้ิงจอก ไมเหมอื นพวกราชสีหเหลา อ่นื ช่ือวาบรรลือดว ยเสยี งอีกอยา งหนง่ึ . พระโพธสิ ัตวไดส ดับคํานน้ั แลว จึงกลา ววา ดูกอ นลกู สัตวนเ้ี ปนพี่นองของลูก เปน ลกู ของนางสนุ ขั จง้ิ จอก มีรูปเหมือนเรามเี สยี งเหมือนแม แลว จึงเรียกลูกนางสุนขั จ้ิงจอกมาส่งั สอนวานแ่ี นลูก ตง้ั แตน ไี้ ป เมอื่ เจา จะอยูในท่นี ้ี จงอยเู งียบ ๆ ถา เจาเปลง เสียงอีก ราชสีหท ้ังหลายจะรูว าเจาเปน สุนัขจงิ้ จอก จงึกลา วคาถาที่ ๒ วา :- ดกู อนเจา ผูเ ปนบุตรราชสีห เจา อยา บรรลอื เสียงอกี เลย จงมเี สยี งเบา ๆ อยูในปา เขาทัง้ หลายพึงรจู ักเจาดว ยเสียงน้นั แหละ เพราะ เสียงของเจาไมเหมอื นกบั เสียงราชสีหผูเปน พอ. ในบทเหลา น้ัน บทวา ราชปุตตฺ คอื ลกู พญาสหี มฤค.ก็และลกู สนุ ัขจิ้งจอกน้ันครั้นฟงคาํ สอนนีแ้ ลวกไ็ มก ลา เปลงเสยี งอกี ตอ ไป. พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้ีมาแลว ทรงประชุมชาดก. สนุ ัขจ้ิงจอกในคร้งั นัน้ ไดเปน โกกาลกิ ะ ในคร้งั น.ี้ ลกูราชสหี รว มชาตไิ ดเปนราหลุ สว นพญามฤค คอื เราตถาคตนแี้ ล. จบ อรรถกถาสีหโกฏกุ ชาดกที่ ๘

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 216 ๙. สีหจมั มชาดก ลาปลอมเปนราชสีห [๒๒๗] นี่ไมใชเสยี งบรรลือของราชสีห ไมใช เสียงบรรลอื ของเสือโครง ไมใ ชเสยี งบรรลอื ของเสือเหลือง ลาผูลามกคลมุ ตวั ดวยหนงั ราชสีหบรรลอื เสียง. [๒๒๘] ลาเอาหนงั ราชสีหคลมุ ตัว เท่ยี วกนิ ขา ว เหนยี วนานมาแลว รอ งใหเขารวู าเปน ตัวลา ได ประทษุ รายตนเองแลว . จบ สีหจมั มชาดกที่ ๙ อรรถกถาสหี จมั มชาดกที่ ๙ พระศาสดาเมอ่ื ประทับอยู ณ พระเชตวนั มหาวิหาร ทรงปรารภพระโกกาลกิ ะน่ันแล ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคาํ เรม่ิ ตนวา เนต สีหสสฺ นทติ  ดังน้.ี ในเวลานน้ั พระโกกาลิกะประสงคจะกลาว สรภัญญะ.พระศาสดาทรงสดบั เร่ืองนัน้ แลว จึงทรงนาํ เรอ่ื งอดตี มาตรัสเลา. ในอดตี กาลครง้ั พระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบัติอยใู นกรุงพาราณสี พระโพธสิ ตั วอ บุ ัตใิ นตระกลู ชาวนา คร้ันเจริญ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 217วยั หาเลี้ยงชีพดว ยกสิกรรมนน่ั เอง. ในกาลนน้ั มีพอ คาคนหนึ่งเที่ยวทําการคา ดวยการบรรทุกสินคา บนหลังลา. พอ คานัน้ ขนสินคาลงจากหลงั ลาในท่ีท่ีไปถึง แลวเอาหนงั ราชสีหคลมุ ลาปลอ ยไปหากิน ทน่ี าขา วสาลแี ละขาวเหนียว. คนรักษานาเห็นแลว ไมอาจเขา ใกลดวยเขา ใจวาเปนราชสีห. อยมู าวนั หนง่ึพอคา นั้น พักอยทู ี่ประตูบานแหงหน่ึง หงุ อาหารเชา แตน ัน้ จึงเอาหนังราชสีหคลุมหลังลา ปลอ ยไปหากนิ ในนาขาวเหนียว.พวกเฝา นาเห็นมันเขา ก็ไมอาจเขาใกลม ันได ดวยสําคญั วาเปนราชสหี  จึงพากันกลับไปเรอื น. พวกชาวบา นท้งั หมด ตางถอื อาวธุ เปาสังข รวั กลอง โหรองไปยังทีใ่ กลน า. ลากลัวตายจงึ เปลง เสยี งเปนเสยี งลา. ครนั้ พระโพธิสัตวร ูวามนั เปน ลา จงึกลาวคาถาแรกวา :- นมี่ ใิ ชเ สียงบรรลอื ของราชสีห ไมใชเ สียง บรรลอื ของเสอื โครง ไมใ ชเ สียงบรรลอื ของเสือ เหลือง ลาผลู ามกคลุมตวั ดวยหนงั ราชสีหบ รรลอื เสียง. ในบทเหลา นั้น บทวา ชมโฺ ม แปลวา ลามก. แมพ วกชาวบา นกร็ วู า มันเปนลา จึงพากันโบยใหล ม ลง กระดูกหักแลวเอาหนังราชสหี ไป. ครั้นพอคาน้นั มาเห็นลาถงึ ความบอบชา้ํจึงกลาวคาถาท่ี ๒ วา :-

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 218 ลาเอาหนังราชสหี คลุมตวั เที่ยวหากิน ขา วเหนียวนานมาแลว รองใหเ ขารวู า เปน ลา ไดประทษุ รา ยตนเองแลว . ในบทเหลาน้นั บทวา ต เปนเพยี งนบิ าต. อธบิ ายวาลานี้ไมใหเขารูวาตวั เปน ลา จงึ เอาหนงั ราชสหี มาคลุม กินขาวเหนยี วออ นมาเปน เวลานาน. บทวา รวมาโน ว ทสู ยิ ความวา เม่ือรอ งเสียงเปน ลาก็ประทุษรายตนเอง. มิใชความผิดของหนังราชสีห. เม่อื พอ คานนั้ กลา วอยา งนเ้ี สร็จแลว ลาก็นอนตายในที่นั้นเอง. แมพอ คากท็ ิง้ ลากลบั บา น. พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนานี้มาแลว ทรงประชมุชาดก. ลาในครัง้ น้นั ไดเปนพระโกกาลิกะในครง้ั น.้ี สว นชาวนาบณั ฑติ คือเราตถาคตน้ีแล. จบ อรรถกถาสีหจมั มชาดกที่ ๙

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 219 ๑๐. สลี านสิ ังสชาดก วาดวยอานิสงสศลี [๒๒๙] จงดผู ลของศรทั ธา ศลี และจาคะ น้เี ถดิ พระยานาคนริ มติ เพศเปน เรอื พาอุบาสกผมู ี ศรทั ธาไป. [๒๓๐] บุคคลพึงสมาคมกบั สัตบุรษุ ทง้ั หลายเถดิ พงึ ทาํ ความสนิทสนมกบั สตั บรุ ุษทง้ั หลายเถิด ดวยวาชา งกลั บกถึงความสวสั ดไี ด ก็เพราะการ อยรู วมกบั สตั บรุ ุษทง้ั หลาย. จบ สลี านสิ งั สชาดกท่ี ๑๐ อรรถกถาสลี านิสังสชาดกท่ี ๑๐ พระศาสดาเม่ือประทับอยู ณ พระเชตวนั มหาวหิ าร ทรงปรารภอุบาสกผมู ศี รัทธาคนหน่ึง ตรสั พระธรรมเทศนานี้ มีคําเร่ิมตนวา นสฺส สทธฺ าย สลี สฺส ดงั นี.้ ไดยินวา อบุ าสกน้นั เปนอริยสาวกผูมีศรัทธา เลอ่ื มใสวันหนง่ึ เดนิ ไปยงั พระวิหารเชตวนั ถงึ ฝงแมนา้ํ อจริ วดีในตอนเยน็เมอ่ื คนเรอื จอดเรือไวท่ีฝง ไปฟงธรรม ไมพายเรอื ท่ที าน้ํา จึงยึดปต ิมพี ระพุทธเจา เปนอารมณใ หมนั่ ลงสูแมน ้ํา. เทาของเขา

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 220หาจมน้าํ ไม. เขาเห็นคลืน่ เวลาเดินไปกลางน้าํ คลายกับเดินเหนอื พน้ื ดิน. คร้ันปต ิมีพระพุทธเจา เปนอารมณของเขาออนลง.เทาของเขากเ็ รม่ิ จะจม. เขาจงึ ประคองปต ิมีพระพทุ ธเจา เปนอารมณใหมน่ั เดนิ ไปหลังนํ้า ถงึ พระเชตวนั ถวายบังคมพระ-ศาสดา นงั่ ณ สวนหน่งึ พระศาสดาทรงทาํ ปฏสิ นั ถารกบั เขาตรสั ถามวา ดกู อ นอบุ าสก ทา นเดินทางมาถงึ โดยเหนด็ เหนอ่ื ยนอ ยกระมัง เมือ่ เขากราบทลู วา ขา แตพ ระองคขา พระองคยึดเอาปต ิมพี ระพทุ ธเจา เปน อารมณ จึงไดทพี่ ึง่ เหนอื หลงั น้ําคลายกบั เหยยี บแผนดินมา จงึ รบั สงั่ วา อบุ าสก มิใชท า นเทาน้นัที่ระลกึ ถึงพระพทุ ธคุณแลว ไดทพ่ี ่งึ แมแ ตก อ นอุบาสกทัง้ หลายกร็ ะลกึ ถึงพระพทุ ธคณุ ไดที่พึ่ง เม่อื เรอื อบั ปางกลางสมทุ ร เม่ือเขาทลู อาราธนาจงึ ทรงนําเรอื่ งอดตี มาตรสั เลา . ในอดีตกาล ครงั้ ศาสนาพระกสั สปสมั มาสมั พทุ ธเจาพระอริยสาวกผเู ปน โสดาบนั โดยสารเรือไปกับกุฎมพีชา งกัลบกคนหน่งึ . ภรรยาของชางกัลบกน้นั มอบหมายชางกลั บกแกเขาวา นาย สขุ ทกุ ขของสามีของดิฉัน ขอมอบใหเปนภาระของทานครนั้ ถงึ วันท่เี จด็ เรอื ของกฎุ ม พีชางกัลบกอบั ปางลงในกลางสมุทรชนทั้งสองเกาะแผน กระดานแผน หนง่ึ ลอยมาถึงเกาะแหงหน่งึ .ชา งกัลบกนัน้ จงึ ฆานกปง กนิ แลว ใหอ บุ าสก. อบุ าสกไมย อมบริโภค โดยกลา ววา อยา เลยสําหรบั เรา. อุบาสกคิดวา ในที่นี้นอกจากพระรัตนตรัยแลว ไมมที ่ีพึง่ อน่ื สาํ หรับเรา. เขาจึง

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 221ระลกึ คณุ ของพระรตั นตรยั . ลาํ ดับนนั้ เมือ่ เขากาํ ลงั ระลึกถงึพญานาคซึ่งเกดิ ในเกาะน้นั จงึ เนรมิตรางของตนเปน เรือลาํ ใหญมีเทวดาประจาํ สมุทรเปนมาณพตนหนเรอื . เรอื เต็มไปดว ยรัตนะเจ็ดประการ. เสากระโดงทัง้ สาม สาํ เรจ็ ดว ยแกว มณีสีอินทนิล ใบเรอื สําเร็จดวยทอง เชอื กสําเรจ็ ดว ยเงนิ คันใบสําเร็จดวยทอง. เทวดาประจําสมทุ รยนื อยูบนเรอื ประกาศวา ผจู ะไปชมพทู วีปมีไหม. อุบาสกตอบวา เราจะไป. ถาเชนนัน้ จงมาข้นึเรอื เถิด. อุบาสกข้นึ เรือแลวเรียกชา งกัลบกขึน้ ดวย. เทวดาประจําสมทุ รกลา ววา ไดแ ตท านเทานัน้ คนนนั้ ไมได. อบุ าสกถามวา เพราะเหตไุ รเลา. เทวดาประจาํ สมุทรตอบวา เขาไมม คี ุณ คอื ศลี และอาจาระ เหตเุ ปนดังนั้น ขา พเจา นาํ เรือมาเพื่อทา น มใิ ชผ นู .ี้ เอาละเราใหส ว นแกค นน้ดี ว ยทานทต่ี นใหดวยศลี ทต่ี นรกั ษา ดว ยภาวนาท่ตี นอบรม. ชา งกัลบกตอบวาขา พเจา ขออนโุ มทนา. เทวดากลาววา ขาพเจาจักพาไปเดยี๋ วน้ีแลว อมุ เขาพาไปทง้ั สองคน ออกจากสมทุ รไปถึงกรงุ พาราณสีทางแมนํา้ บนั ดาลใหท รพั ยอ ยใู นเรือนของเขาทง้ั สอง ดว ยอานภุ าพของตน เมื่อจะกลา วถึงคุณของการสงั สรรคกับบัณฑติวา ควรทําความสงั สรรคกบั บัณฑิตทง้ั หลาย หากวา ชา งกลั บกคนนไ้ี มไดส ังสรรคก บั อุบาสกนี้ จกั พนิ าศในทา มกลางสมุทรนน้ั เอง จึงกลาวคาถาเหลา นวี้ า :-

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 222 จงดผู ลของศรัทธา ศลี จาคะ นีเ้ ถิด พญานาคเนรมิตเพศเปน เรอื พาอบุ าสกผูม ี ศรัทธาไป. บคุ คลพึงสมาคมกบั สตั บรุ ุษเถดิ พึงทํา ความสนิทสนมกบั สตั บุรุษเถิด ดวยชา งกลั บก ถงึ ความสวสั ดไี ดก็เพราะการอยูร ว มกบั สตั บุรษุ ทัง้ หลาย. ในบทเหลา นนั้ บทวา ปสสฺ ไดแ ก เรยี กวา จงดเู ถดิไมก ําหนดใคร ๆ. บทวา สทธาย คอื ดวยโลกยิ ศรัทธา และโลกตุ ตรศรทั ธา. แมใ นศีลก็มนี ยั น้ีเหมอื นกัน. บทวา จาคสสฺไดแก บรจิ าคไทยธรรมและบรจิ าคกเิ ลส. บทวา อย ผล ไดแ กนี้เปน ผล คอื เปนคณุ เปน อานิสงส. อีกอยางหน่ึงพงึ เหน็ ความอธิบายในบทนอี้ ยางนว้ี า จงดผู ลของการบริจาคเถดิ พญานาคนแ้ี ปลงเพศเปนเรือ. บทวา นาวาย วณฺเณน คือดวยสณั ฐานเรือ.บทวา สทธฺ  คือ มศี รัทธาตงั้ อยูใ นพระรัตนตรยั . บทวา สพภฺ เิ รวคือ พวกบัณฑิตน่นั เอง. บทวา สมาเสถ ไดแ ก พงึ กระทาํบทวา สนฺถว ไดแก สนทิ สนมฐานมติ ร. แตไมค วรทําความสนิทสนมดว ยตัณหากบั ใคร ๆ. บทวา นหาปโต ไดแก กฎุ ม พีชางกลั บก. บาลีวา นฺหาปโต ก็มี. เทวดาประจาํ สมทุ ร ยนื อยูบนอากาศ แสดงธรรมกลา วสอนอยา งนแี้ ลว จึงพาพญานาคกลบั ไปวมิ านของตน.

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาที่ 223 พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้ีมาแลว ทรงประกาศสัจธรรม แลวทรงประชมุ ชาดก. ในเวลาจบสัจธรรมอบุ าสกตงั้ อยใู นสกทาคามิผล. อบุ าสกโสดาบนั ในกาลนนั้ ครั้นเจรญิมรรคใหย ิง่ ๆ ข้ึนไปก็นพิ พาน. พญานาคไดเปน สารบี ุตร สว นเทวดาประจําสมุทร คือเราตถาคตน้ีแล. จบ อรรถกถาสีลานิสังสชาดกที่ ๑๐ รวมชาดกท่มี ใี นวรรคน้ี คือ ๑. อสทิสชาดก ๒. สงั คามาวจรชาดก ๓. วาโลทกชาดก๔. คิรทิ ตั ตชาดก ๕. อนภิรติชาดก ๖. ทธวิ าหนชาดก ๗. จต-ุมฎั ฐชาดก ๘. สีหโกฏุกชาดก ๙. สีหจมั มชาดก ๑๐. สีลา-นสิ งั สชาดก. จบ อสทิสวรรคท่ี ๔

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 224 ๕. รุหกวรรค ๑. รหุ กชาดก [๒๓๑] ดกู อ นพอรหุ กะ สายธนถู งึ ขาดแลวกย็ งั ตอ กันไดอ ีก ทา นจงคืนดีกนั เสยี กบั ภรรยาเกา เถิด อยาลุอํานาจแกค วามโกรธเลย. [๒๓๒] เมื่อปา นออ นยังมอี ยู ชางทาํ กย็ งั มีอยู ขาพระบาทจกั กระทําสายอ่ืนใหม พอกนั ที สาํ หรบั สายเกา . จบ รุหกชาดกท่ี ๑ อรรถกถารุหกวรรคท่ี ๕ อรรถกถรหุ กชาดกที่ ๑ พระศาสดาเม่อื ประทบั อยู ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการเลา โลมของภรรยาเกา ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี ําเรม่ิ ตน วา อมฺโภ รุหกจฺฉินฺนาป ดงั น.ี้ เรือ่ งราวจักมแี จง ในอนิ ทริยชาดกในอฏั ฐกนบิ าต. กใ็ นเรอื่ งนพ้ี ระศาสดาตรัสกะภิกษนุ ้ันวา ดกู อนภกิ ษุหญิงคนน้ที าํ ความพินาศใหแกเ ธอ แมเ มอ่ื กอ นหญงิ คนน้ีกไ็ ด

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ท่ี 225ทําอาการใหเธออาย ในทา มกลางบรษิ ทั พรอ มท้ังพระราชาแลวออกจากเรือนไป แลวทรงนําเร่อื งอดีตมาตรัสเลา . ในอดีตกาลครัง้ พระเจา พรหมทัตเสวยราชสมบัติอยูใ นกรงุ พาราณสี พระโพธิสตั วท รงบงั เกดิ ในครรภข องพระอัครมเหสีของพระองค คร้นั ทรงเจรญิ วยั เมอื่ พระชนกสวรรคตแลวทรงดํารงอยใู นราชสมบัติ ทรงครองราชยโดยธรรม. พระองคมปี ุโรหติ คนหนงึ่ ชอื่ รหุ กะ. ภรรยาของรุหกะช่ือ ปรุ ณพี ราหมณ.ีพระราชาพระราชทานมา ประดับเครอ่ื งอลงั การแกพราหมณ.เขาข่ีมาไปทําราชการ. ลําดบั นัน้ ประชาชนผยู ืนอยใู นท่นี ั้น ๆเหน็ เขานง่ั บนหลังมาท่ปี ระดับแลวผานไปมาอยู จึงสรรเสรญิมาเทานน้ั วา แมเจาโวยมา นงี้ ามอยางประหลาด. รุหกปุโรหิตมาถงึ เรอื น ข้นึ เรอื นเรียกภรรยามาพดู วา นนี่ อ งมาของเรางามเหลือเกิน ประชาชนท่ียนื อยูท้ังสองขาง สรรเสริญแตมาของเราเทา นน้ั . ฝา ยพราหมณนี ัน้ เปน หญงิ คอนขา งจะเปนชาตินักเลง เหลาะแหละ เพราะฉะน้ันนางจงึ ตอบเขาอยา งนีว้ านายทา นไมร เู หตุทีท่ ําใหม างาม มา ตวั นี้งามเพราะอาศยั เครื่องมา ทป่ี ระดบั ไวท ี่ตวั . หากทานประสงคจ ะงามเหมือนมา จงประดับเคร่อื งมาแลวข้นึ ไป ระหวา งถนน แลว ซอยเทาเหมือนมาไปเฝา พระราชา. แมพระราชากจ็ ักยกยอ งทา น แมพวกมนุษยก็จักสรรเสรญิ ทานเทานน้ั . รุหกปโุ รหติ เปน พราหมณคอนขา งบา ๆ บอ ๆ ฟง คําของพราหมณี กไ็ มรูวา นางพูดกะเราเพราะ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ทกุ นิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 226เหตนุ ี้ มงุ แตจะงามจึงไดทําตามนน้ั . พวกมนษุ ยที่เหน็ ตางพากนัพูดเยยหยันวา อาจารยง าม. สว นพระราชารับสง่ั กะเขาเปนตนวา อาจารยจิตใจไมปกติไปแลวหรือ เปน บา ไปแลวหรอื แลวทรงทําใหป ุโรหิตละอาย. ในกาลนน้ั พราหมณละอายวา เราทาํ สงิ่ อนั ไมส มควรเสียแลว จึงเกรย้ี วกราดนางพราหมณีวา เราถูกนางทําใหไดอายในระหวางเสนากบั พระราชาน้นั เราจกั โบยตีนางแลวขบั ไลนางไปเสีย แลว กลับไปเรือน นางพราหมณีนักเลงรูวา สามโี กรธกลบั มา จึงออกไปทางประตเู ลก็ กอนแลวไปพระราชวงั พกัอยใู นพระราชวงั สห่ี าวนั . พระราชาทรงทราบเหตนุ ้นั จงึ รับส่งั ใหเรียกปโุ รหิตมาตรัสวา อาจารย ธรรมดาสตรยี อ มมีความผิดไดเ หมอื นกนั ควรยกโทษใหน างเสยี เถดิ เพ่อื ใหปุโรหติยกโทษจึงตรสั คาถาแรกวา :- ดูกอนรุหกะ สายธนถู งึ ขาดแลว กย็ งั ตอ กันไดอกี ทา นจงคนื ดีเสียกับภรรยาเกาเถิด อยา ลุอํานาจความโกรธเลย. ความยอ ในคาถาน้ันมีดังน้ี รหุ กะผูเ จริญ สายธนูแมข าดแลว ก็ยังยัง คือทําใหต ิดกนั ไดม ิใชหรอื ทา นกเ็ หมือนกันควร สมัครสมานกับภรรยาเกาเสียเถิด อยา ลอุ ํานาจ ความโกรธเลย.

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 227 รุหกะไดส ดบั พระราชาดาํ รัสดงั น้นั จงึ กลาวคาถาท่ี ๒ วา เมื่อปานออนยงั มอี ยู ชา งทาํ กย็ งั มีอยู ขา พระบาทจักกระทาํ สายอนื่ ใหม พอกนั ที สาํ หรับสายเกา . ใจความแหงคาถานนั้ วา ขา แตม หาราช เมอื่ ปานออ นยงั มแี ละเมอ่ื ชา งทาํ ยงั มี ขาพระองคจ กั ทาํ สายอื่น ไมตองการสายเกา ท่ีขาดแลว นี้ ไมมปี ระโยชนอ ะไรสําหรับขาพระองค. ก็และครน้ั ปโุ รหติ กราบทลู อยา งน้ีแลว จงึ ไลนางพราหมณีออกไป นํานางพราหมณีอ่นื มา. พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนาน้ีมาแลว ทรงประกาศสัจธรรม แลวทรงประชุมชาดก. เม่ือจบสจั ธรรม ภกิ ษุกระสนัตัง้ อยูในโสดาปต ติผล. นางปรุ าณใี นครงั้ นั้น ไดเปน ภรรยาเกาในคร้งั น้ี รหุ กะไดเปน ภิกษกุ ระสนั สวนพระราชาพาราณสีคอื เราตถาคตนแี้ ล. จบ อรรถกถารหุ กชาดกที่ ๑

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 228 ๒. สริ ิกาฬกัณณิชาดก วา ดวยสริ กิ ับกาฬกรรณี [๒๓๓] หญิงทมี่ รี ปู งาม ทง้ั มศี ีลาจารวตั ร บรุ ุษ ไมพงึ ปรารถนาหญงิ นัน้ ทานเช่ือไหมมโหสถ. [๒๓๔] ขาแตมหาราชะ ขา พระบาทเชอ่ื บรุ ุษ คงเปน คนตํา่ ตอ ย สิริกบั กาฬกรรณยี อมไมสม กันเลยไมว าในกาลไหน ๆ. จบ สริ ิกาฬกัณณชิ าดกท่ี ๒ อรรถกถาสิริกาฬกัณณกิ ชาดกท่ี ๒ สริ ิกัณณิชาดกนี้ มีคําเรม่ิ ตนวา อติ ถฺ ี สยา รูปวตี ดังนี้จักมแี จงในมหาอุมมงั คชาดก. จบ อรรถกถาสริ ิกาฬกณั ณชิ าดกท่ี ๒

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ทกุ นบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนา ที่ 229 ๓. จุลลปทมุ ชาดก วา ดว ยการลงโทษหญงิ ชายทาํ ชูกัน [๒๓๕] หญิงคนน้ีแหละ คอื หญิงคนนัน้ ถงึ เราก็ คอื บรุ ษุ คนน้นั ไมใชค นอื่น บรุ ษุ คนนแ้ี หละที่ หญงิ คนน้อี างวา เปน ผัวของนางมาต้ังแตเ ปน กุมารี กค็ ือบรุ ษุ ทถ่ี กู ตดั มอื หาใชคนอ่นื ไม ข้ึน ชือ่ วา หญิงท้ังหลายควรฆา เสียใหหมดเลย ความ สัตยไมมีในหญงิ ทง้ั หลาย. [๒๓๖] ทา นทงั้ หลายจงฆา บรุ ษุ ผชู ่ัวชาลามกราว กบั ซากผี มกั ทาํ ชกู บั ภรรยาผูอื่นคนน้ี เสยี ดวย สาก จงตดั หตู ัดจมูกของหญิงผปู รนนิบัตผิ วั ชวั่ ชาลามกคนนเ้ี สยี ท้งั เปน ๆ เถดิ . จบ จุลลปทุมชาดกท่ี ๓ อรรถกถาจุลลปทมุ ชาดกท่ี ๓ พระศาสดาเมื่อประทับอยู ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภกิ ษผุ ูกระสนั ตรสั พระธรรมเทศนานี้ มีคาํ เรม่ิ ตนวาอยเมว สา อหมฺป โส อนฺโ ดังนี้.

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ทุกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๓ - หนาท่ี 230 เรอื่ งราวจักมีแจง ในอมุ มาทันตีชาดก. กใ็ นเร่อื งน้ี ภกิ ษุนั้นเม่ือพระศาสดาตรสั ถามวา ไดยินวาเธอกระสนั จรงิ หรอื กราบทลู วา จรงิ พระเจา ขา ตรสั ถามวากใ็ ครทําใหเธอกระสนั เลา กราบทูลวา ขา แตพ ระองคผ เู จรญิ ขาพระพทุ ธเจา เห็นมาตุคามคนหนึง่ ตกแตง อยางสวยงาม แลวตกอยูในอํานาจกิเลสจงึ กระสัน พระศาสดาจึงตรัสวา ดกู อ นภกิ ษุขนึ้ ชอ่ื วา มาตุคามมักอกตัญู ประทษุ รายมติ ร มีดวงใจกระดา งแมโบราณกบัณฑิต ใหดื่มโลหิตทเี่ ขาขวาของตน บรจิ าคทานตลอดชวี ดิ ยังไมไ ดด ังใจของมาตคุ าม แลว ทรงนาํ เรื่องอดีตมาตรัสเลา. ในอดีตกาลคร้ังพระเจาพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยูในกรงุ พาราณสี พระโพธิสตั วท รงอบุ ัติในพระครรภของพระ-อคั รมเหสีของพระองค. ในวันขนานพระนาม ไดรบั พระราชทานนามวา ปทุมราชกุมาร. พระปทมุ ราชกมุ าร ไดมพี ่นี องอกี หกพระองค. ท้งั เจด็ พระองคน นั้ เจรญิ พระชนมขน้ึ โดยลาํ ดับครองฆราวาส ทรงประพฤตเิ ยี่ยงพระราชา. อยูมาวนั หน่ึงพระราชาประทับทอดพระเนตรพระลาน-หลวง ทรงเห็นพระราชกมุ ารพี่นอ งเหลานัน้ มีบริวารมากพากนั มาปฏิบตั ิราชการ ทรงเกิดความระแวงวา ราชกุมารเหลา นีจ้ ะพึงฆาเราแลว ชิงเอาราชสมบตั ิ จึงตรัสเรียกพระ-ราชกมุ ารเหลา น้นั มารบั สัง่ วา ลกู ๆ ทงั้ หลาย พวกเจา จะอยู








































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook