พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 151 ครง้ั นั้น เกณยิ ชฎลิ อนั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงชแี้ จงใหเหน็ แจง สมา-ทาน อาจหาญ รา เริง ดวยธรรมกี ถาแลว ไดก ราบทูลอาราธนาพระผมู ีพระภาคเจาวา ขอทา นพระโคดมพรอมกับภกิ ษุสงฆ ทรงพระกรณุ าโปรดจงรบั ภัตตาหารของขาพระพทุ ธเจาเพือ่ เจริญบุญกศุ ลและปตปิ ราโมทยในวนั พรุงน้ีดวยเถิด พระพทุ ธเจา ขา . พระผมู พี ระภาคเจาตรสั เตอื นวา เกณิยะ ภกิ ษุสงฆม มี ากถงึ ๑,๒๕ ๐ รปูและทา นก็เล่ือมใสยง่ิ นกั ในหมพู ราหมณ. เกณิยชฎิล ไดทูลอาราธนาพระผูมีพระภาคเจาเปน คํารบสองวา แมภกิ ษุสงฆจ ะมีมากถึง ๑,๒๕๐ รูป และขาพระพุทธเจาไดเ ลือ่ มใสยงิ่ นกั ในหมูพราหมณก จ็ รงิ ถึงอยา งนน้ั ก็ขอทานพระโคดมพรอมกับภกิ ษสุ งฆ ทรงพระกรุณาโปรดจงรับภตั ตาหารของขาพระพทุ ธเจา เพอ่ื เจริญบุญกุศลและปต ิ-ปราโมทยใ นวนั พรงุ น้ดี ว ยเถิด พระพุทธเจาขา . พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสเตือนเกณยิ ะวา ภิกษสุ งฆม ีมากถงึ ๑,๒๕ ๐ รปูและทานกเ็ ลอื่ มใสยงิ่ นกั ในหมูพราหมณ. เกณิยชฎลิ ก็ไดกราบทูลอาราธนาพระผมู พี ระภาคเจา เปน คาํ รบ ๓ วาแมภกิ ษสุ งฆจ ะมีมากถงึ ๑,๒๕๐ รูป และ.ขาพระพทุ ธเจา ไดเลอ่ื มใสยงิ่ นกั ในหมูพราหมณก ็จริง ถึงอยา งนนั้ กข็ อทานพระโคดมพรอมกับภกิ ษุสงฆ ทรงพระกรณุ าโปรดจงรับภัตตาหารของขา พระพุทธเจา เพอ่ื เจริญบุญกศุ ลและปต ิปราโมทยใ นวนั พรุงนี้ดว ยเถิด พระพทุ ธเจา ขา . พระผูมพี ระภาคเจาทรงรับอาราธนาโดยดษุ ณภี าพ ครัน้ เกณิยชฎิลทราบอาการรบั อาราธนาของพระผมู ีพระภาคเจา แลว ลุกจากทน่ี ั่งกลับไป.
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 152 พระพทุ ธานญุ าตินํ้าอัฏฐบาน ลาํ ดบั น้ัน พระผมู ีพระภาคเจา ทรงทาํ ธรรมกี ถา ในเพราะเหตุเปนเคา มลู นั้น ในเพราะเหตุแรกเกดิ น้ัน แลวตรสั อนุญาตแกภิกษุท้ังหลายวา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลายเราอนุญาตน้าํ ปานะ ๘ ชนิดคอื นํ้าปานะทําดว ยผลมะมวง ๑ น้าํปานะทาํ ดว ยผลหวา ๑ นํา้ ปานะทาํ ดวยผลกลวยมีเมล็ด ๑ น้ําปานะทาํ ดวยผลกลวยไมมีเมล็ด ๑ น้าํ ปานะทําดวยผลมะซาง ๑ นํ้าปานะทําดว ยผลจันทนหรอืองนุ ๑ นาํ้ ปานะทําดว ยเงาบัว ๑ น้ําปานะทําดว ยผลมะปรางหรือลิ้นจี่ ๑. กอนภกิ ษุท้งั หลาย เราอนุญาตนาํ้ ผลไมทุกชนดิ เวนนาํ้ ตม เมล็ดขาวเปลอื ก. ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย เราอนญุ าตนา้ํ ใบไมท กุ ชนดิ เวน น้าํ ผักดอง. ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย เราอนญุ าตน้าํ ดอกไมท กุ ชนิด เวน น้ําดอกมะซาง. ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย เราอนุญาตนํ้าออ ยสด. คร้ังนนั้ เกณิยชฎิลส่ังใหต กแตงของเคยี้ วของฉันอันประณีต ณ อาศรมของตนโดยผา นราตรนี ั้น แลว ใหคนไปกราบทูลภัตกาลแดพ ระผมู ีพระภาคเจาวา ถงึ เวลาแลว ทา นพระโคดมภัตตาหารเสรจ็ แลว ขณะนั้นเปน เวลาเชา พระผูมีพระภาคเจา ทรงครองอันตรวาสก แลว ถือบาตรจีวรเสดจ็ พระพุทธดาํ เนนิไปทางอาศรมของเกณยิ ชฎิล ครั้นถึงแลว ประทบั นงั่ เหนือพระพุทธอาสนที่เขาจัดถวาย พรอ มกับภิกษุสงฆ เกณยิ ชฎลิ จึงอังคาสภิกษุสงฆมีพระพุทธเจาเปน ประมุข ดวยของเคี้ยวของฉันอันประณีต ดวยมือของตน ยงั พระผูมีพระภาคเจาผเู สวยเสร็จ จนนําพระหัตถจ ากบาตร ใหหา มภตั แลว ไดน่งั อยูณ ท่ีควรสวนขางหนึ่ง.
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 153 พระผูมีพระภาคเจา ไดท รงอนุโมทนาเกณิยชฎลิ ดว ยคาถาเหลานี้ วาดังน้:ี - [๘๗] ยญั ท้ังหลายมีการบูชาไฟเปน หัวหนา สาวิตติฉันทเ ปน ยอดของฉนั ท- ศาสตร พระมหาราชเจาเปน ประมขุ ของ- มนุษยนิกร สมุทรสาครเปน ประธานของ แมน ้ําท้งั หลาย ดวงจันทรใ หญกวาดวงดาว นักษัตรในอากาศ ดวงภาณมุ าศใหญกวา บรรดาส่งิ ของทีม่ ีแสงรอ นทั้งหลาย ฉนั ใด พระสงฆ ยอมเปน ใหญสําหรับทายกผูห วงั บุญบําเพญ็ ทานอยฉู นั นั้น . ครั้นพระผมู พี ระภาคเจาทรงอนุโมทนาเกณิยชฎลิ ดว ยคาถาเหลา นน้ัแลว ทรงลกุ จากทปี่ ระทับเสดจ็ กลบั . เตรียมการตอนรับพระพุทธเจา [๘๘] ครงั้ น้นั พระผมู พี ระภาคเจา ประทับอยู ณ อาปณนิคมคามพระพุทธาภิรมย แลว เสด็จจาริกไปทางพระนครกสุ ินารา พรอ มดวยภิกษุหมูใหญประมาณ ๑,๒๕๐ รูป. พวกมัลลกษัตริยชาวพระนครกสุ นิ ารา ไดทรงทราบขาวแนถนดั วาพระผมู ีพระภาคเจากาํ ลังเสด็จมาพระนครกสุ นิ ารา พรอมดว ยภกิ ษุสงฆห มูใหญประมาณ ๑,๒๕๐ รูป มลั ลกษัตรยิ เหลาน้ันไดตั้งกติกาไววา ผใู ดไมตอ นรับเสด็จพระผูม ีพระภาคเจา จะตองถูกปรับสินไหมเปนเงิน ๕๐๐ กษาปณ สมัย
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 154นั้น โรชะมัลลกษัตรยิ เปน พระสหายของพระอานนท ครั้นพระผูมพี ระภาคเจาเสดจ็ จาริกโดยลาํ ดบั ถึงพระนครกุสนิ าราแลว พวกมัลลกษัตรยิ ช าวพระนครกุสินาราไดจดั การตอนรบั เสดจ็ พระผูมีพระภาคเจา แลว ครนั้ โรชะมัลลกษตั ริยรับเสด็จพระผูมพี ระภาคเจา แลว เขาไปหาทานพระอานนทถึงท่ีพักทรงอภิวาทแลวประทับยืน ณ ทีค่ วรสวนขา งหน่งึ . ทา นพระอานนทไ ดปราศรัยกะโรชะมลั ลกษตั ริยผปู ระทบั ยืน ณ ทีค่ วรสวนขางหนึ่งวา ทานโรชะ การรับเสดจ็ พระผูมีพระภาคเจาของทานโอฬารแท. โรชะมลั ลกษตั รยิ ต รสั วา พระคุณเจาอานนท พระพุทธเจา ก็ดี พระธรรมก็ดี พระสงฆก ็ดี ไมไ ดทําใหข า พเจาใหญโ ต พวกญาตติ า งหากไดตง้ักตกิ าไววา ผูไมตอ นรบั เสด็จพระผูมพี ระภาคเจา จะตองถูกปรับสินไหมเปน เงนิ ๕๐๐ กษาปณ ขา พเจา น้นั แลไดตอ นรับเสด็จพระผมู พี ระภาคเจาเชนน้เี พราะกลวั พวกญาติปรบั สินไหม. ทันใดทา นพระอานนทแสดงความไมพอใจวา ไฉน โรชะมัลลกษัตรยิ จงึ ไดต รัสอยางนี้ แลว เขาไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจา ถวายบังคม นง่ั เฝาอยู ณท่ีควรสวนขา งหนง่ึ แลวไดก ราบทูลคํานี้ แดพระผมู พี ระภาคะเจา วา พระพทุ ธ-เจา ขา โรชะมลั ลกษตั รยิ ผูน้ี เปนคนมีชอื่ เสยี ง มีคนรูจกั มาก และความเลอื่ มใสในพระธรรมวินัยนี้ ของคนที่มผี ูรูจักมากเชนนี้ มอี ทิ ธิพลมากนกัขอประทานพระวโรกาสขอพระองคท รงกรุณาโปรดบนั ดาลใหโรชะมัลลกษัตริยเลอ่ื มใสในพระธรรมวนิ ัยนด้ี ว ยเถิด พระพุทธเจาขา . พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นอานนท การที่จะบนั ดาลใหโรชะ-มัลลกษัตริยเลอื่ มใสในพระธรรมวนิ ัยน้นี ้ัน ตถาคตทําไดไ มยากเลย.
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 155 ลําดบั นั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงแผเ มตตาจติ ไปยังโรชะมัลลกษัตริยแลวทรงลกุ จากท่ีประทบั เสด็จเขา พระวหิ าร ครน้ั โรชะมัลลกษัตริย อนั พระ-เมตตาจติ ของพระผมู พี ระภาคเจา ถูกตองแลว ไดเ ทยี่ วคน หาตามวิหาร ตามบรเิ วณท่ัวทกุ แหงดจุ โคแนล ูกออ น แลว ตรัสถามภิกษทุ ง้ั หลายวา ทานเจาขาเวลาน้ี พระผูมพี ระภาคเจา อรหนั ตสมั มาสมั พุทธเจา พระองคน ้ัน ประทับ อยูทีไ่ หน เพราะขา พเจาใครจะเฝาพระองค ภิกษุทั้งหลายถวายพระพรวา ทา นโรชะ พระวหิ ารนั่นเขาปดพระ-ทวารเสยี แลว ขอทานโปรดสงบเสียง เสดจ็ เขา ไปทางพระวิหารนั้น ตอย ๆยองเขาไปที่หนา มุข ทรงกระแอมแลวทรงเคาะพระทวารเถิด พระผมู พี ระ-ภาคเจา จักทรงเปด พระทวารรบั ทาน ถวายพระพร. โรชะมัลลกษัตรยิ ไดธรรมจักษุ ขณะนน้ั โรชะมัลลกษัตรยิ ทรงสงบเสียง เสดจ็ เขา ไปทางพระวหิ ารซงึ่ ปด พระทวารเสยี แลว นน้ั คอ ย ๆ ยองเขา ไปท่หี นา มุข ทรงกระแอมแลวเคาะบานพระทวาร พระผมู พี ระภาคเจาทรงเปดพระทวารรบั จงึ โรชะมัลล-กษัตริยเ สดจ็ เขา พระวิหาร ถวายบังคมพระผูมพี ระภาคเจา แลวประทับนง่ั เฝาอยู ณ ท่ีควรสวนหนง่ึ พระผูมพี ระภาคเจา ไดทรงแสดงอนปุ ุพพิกถาแกโ รชะ-มัลลกษัตรยิ คือ ทรงประกาศทานกถา สลี กถา สัคคกถา ซงึ่ โทษแหงกามอนั ตํา่ ทรามอนั เศรา หมอง และอานิสงสใ นความออกจากกาม ขณะเมอ่ืพระองคท รงทราบวา โรชะมลั ลกษตั ริยม จี ติ คลอ ง มจี ติ ออน มจี ติ ปราศจากนิวรณ มจี ติ เบิกบาน มจี ติ ผองใสแลว จึงทรงประกาศพระธรรมเทศนา ที่พระพทุ ธเจาทงั้ หลายยกขน้ึ แสดงดวยพระองคเอง คอื ทุกข สมทุ ยั นโิ รธ มรรค
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 156ดวงตาเหน็ ธรรม ปราศจากธลุ ี ปราศจากมลทนิ ไดบังเกิดแกโรชะมัลลกษตั ริยณ สถานทีป่ ระทับนั้นแลวา สิง่ ใดส่งิ หนึ่งมคี วามเกิดขึน้ เปนธรรมดา สงิ่ น้ันทง้ั มวลมีความดับเปนธรรมดา ดุจผาทสี่ ะอาดปราศจากมลทินควรรับน้ํายอมดว ยดี ฉะน้นั โรชะมลั ลกษตั รยิ ไ ดท รงเห็นธรรมแลว ไดร ธู รรมแจมแจงไดห ยัง่ ลงสธู รรมแลว ขา มความสงสัยไดแ ลว ปราศจากถอ ยคาํ แสดงความสงสัยถึงความเปนผูองอาจ ไมต อ งเชอ่ื ผูอืน่ ในคําสอนของพระศาสดา ไดก ราบทลู คํานํ้าแดพระผูมีพระภาคเจาวา ขอประทานพระวโรกาส ขอพระคุณเจา ทงั้ หลายโปรดรบั จีวร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และคลิ านปจ จัยเภสชั บรขิ าร ของขาพระพทุ ธเจาผเู ดียว อยารบั ของตนอื่น. พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสวา ดกู อนโรชะ แมอ ริยบุคคลผไู ดเ หน็ ธรรมแลว ดวยญาณของพระเสขะ ดวยทสั สนะของพระเสขะเหมือนอยางทาน กค็ งมีความปรารถนาอยางนีว้ า โอ พระคเุ นเจา ทง้ั หลายคงกรณุ ารบั จวี ร บิณฑบาตเสนาสนะ คิลานปจจัยเภสชั บริขารของพวกเราเทานนั้ คงไมร บั ของผูอื่นเปนแน เพราะฉะน้ันแล ภิกษทุ ัง้ หลายจกั รบั ปจจัยของทานดว ย ของตนอนื่ ดวย. ก็โดยสมัยนัน้ แล ประชาชนทงั้ หลายไดจ ดั ตัง้ ลําดับภัตตาหารอนั ประ-ณีตไวท่ีนครกุสนิ ารา ครน้ั โรชะมลั ลกษัตริยไมไ ดลาํ ดบั ทจี่ ะถวายภตั ตาหารจงึไดท รงดาํ ริวา ไฉนหนอ เราพึงตรวจดูโรงอาหาร สง่ิ ใดไมม ีในโรงอาหารเราพึงตกแตงส่ิงนน้ั ถวาย ครั้นแลว ทรงตรวจดูในโรงอาหาร ไมท อดพระเนตรเห็นของ ๒ อยา ง คอื ผกั สด ๑ ของขบฉันทที่ ําดว ยแปง ๑ จึงเสด็จเขาไปหาทานพระอานนท คร้ันแลวไดทูลหารอื วา ทานพระอานนทเจา ขา เมอ่ื ขาพเจาไมไ ดลาํ ดบั ทจี่ ะถวายภัตตาหาร ณ สถานท่ีแหงน้ี ไดม ีความดําริวา ไฉนหนอเราะพึงตรวจดโู รงอาหาร ส่งิ ใดไมมใี นโรงอาหาร เราพงึ ตกแตงสิง่ นัน้ ถวาย
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 157ทานพระอานนทเ จา ขา ขาพเจาน้ันเมอ่ื ตรวจดูโรงอาหาร ไมไ ดเ หน็ ของ ๒อยาง คอื ผกั สด ๑ ของขบฉันท่ีทําดวยแปง ๑ หากขาพเจาพงึ ตกแตง ผักสดและของขบฉนั ที่ทาํ ดวยแปง ถวาย พระผมู ีพระภาคเจา จะพึงทรงรับของขาพเจาหรอื ไม เจา ขา . ทานพระอานนทถวายพระพรวา ทา นโรชะ ถากระนนั้ อาตมาจะทลูถามพระผูมพี ระภาคเจา ดู แลว ไดกราบทูลเรอ่ื งน้ันแดพ ระผมู พี ระภาคเจา . พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา อานนท ถาเชนน้นั จงใหเ ขาตกแตงเถดิ . ทา นพระอานนทถ วายพระพรวา ทา นโรชะ ถากระน้นั ทานจงตกแตงถวาย. โรชะมัลลกษตั ริย จงึ สง่ั ใหตกแตงผักสดและของขบเคย้ี วทที่ าํ ดวยแปงเปนอันมาก โดยผา นราตรนี ้นั แลว นอมถวายแดพ ระผูมพี ระภาคเจาพลางกราบทูลวา ขอพระผูมีพระภาคเจา จงโปรดรับผกั สด และของขบฉันที่ทาํ ดว ยแปง ของขา พระพทุ ธเจา เถดิ พระพุทธเจา ขา . พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นโรชะ ถา เชน นั้น จงถวายภิกษุท้ังหลาย ภิกษทุ ้ังหลายรงั เกยี จ ไมรับประเคน พระผูมีพระภาคเจาตรัสวาดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย พวกเธอจงรบั ประเคนฉนั เถดิ ขณะนั้น โรชะมัลลกษตั ริยทรงองั คาสภิกษสุ งฆ มีพระพุทธเจา เปน ประมขุ ดว ยผกั สด และของขบฉันท่ีทําดว ยแปง มากมาย ดว ยพระหตั ถของพระองค ยังพระผมู ีพระภาคเจาผูลางพระหตั ถแ ลว จนทรงนําพระหัตถจากบาตร ใหห า มภตั แลว ไดป ระทับเฝาอยู ณ ท่คี วรสว นขางหนง่ึ พระผมู ีพระภาคเจาทรงช้แี จงใหโ รชะมลั ลกษตั ริยผนู ั่ง ณ ท่ีควรสว นขา งหนง่ึ ทรงเหน็ แจง สมาทาน อาจหาญ ราเรงิ ดวยธรรมกี ถาแลว ทรงลุกจากที่ประทบั เสดจ็ กลับ.
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 158 พระพุทธนุญาติผักและแปง ภายหลังพระผูม ีพระภาคเจาทรงทําธรรมกี ถาแลว ในเพราะเหตเุ ปนเคามูลนนั้ ในเพราะเหตแุ รกเกิดนั้น แลวตรสั อนญุ าตแกภ ิกษทุ ั้งหลายวาดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เราอนญุ าตผักสดทุกชนิด และของขบที่ทําดวยแปงทกุ ชนิด. เร่ืองวุฑฒบรรพชติ [๘๙] คร้งั น้ัน พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยูใ นพระนครกสุ นิ าราตามพระพทุ ธาภริ มย แลว เสดจ็ พระพุทธดาํ เนินสูอ าตุมานครพรอ มดว ยภกิ ษุสงฆห มใู หญ ประมาณ ๑,๒๕๐ รูป สมัยนนั้ มีภกิ ษุบวชภายแกร ูปหน่งึ เคยเปนชา งกลั บก อาศยั อยูใ นอาตุมานคร เธอมีบุตรชายสองคน เปนเด็กพดู จาออนหวาน มีไหวพริบดี ขยนั แข็งแรง มฝี ม ือยอดเยี่ยมในการชา งกลั บกของตนดีเทา อาจารย เธอไดท ราบขา ววา พระผูมพี ระภาคเจา กําลังเสด็จมาสูอาตมุ านคร พรอ มดว ยภกิ ษสุ งฆห มูใหญประมาณ ๑,๒๕๐ รูป ครัน้ แลวไดแจงความประสงคอ ันนัน้ แกบ ุตรท้ังสองน้ันวา พอ ท้งั หลาย ขาววา พระผูมพี ระ-ภาคเจา กาํ ลังเสดจ็ สอู าตมุ านคร พรอมดว ยภิกษสุ งฆห มใู หญประมาณ ๑,๒๕๐ไปเถิด พอทงั้ สอง จงถือเคร่ืองมือตดั ผมและโกนผมกบั ทะนานและถุง เท่ยี วไปตดั และโกนผม ตามบานเรอื นทุกแหง แลกเกลอื บา ง นา้ํ มันบา ง ขาวสารบาง ของขบฉนั บา ง พอจักทาํ ยาคทู ี่ด่มื ไดถ วายพระผูมีพระภาคเจา ผเู สดจ็ มาถึงแลว. บตุ รชายท้ังสองรบั คาํ สงั่ ของหลวงพอ วา จะปฏิบัตเิ ชน น้ัน แลว ถือเคร่ืองมอื ตดั ผมโกนผมกบั ทะนานและถงุ เที่ยวไปตัดและโกนผมตามบานเรือน
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 159ทกุ แหง แลกเกลอื บา ง น้ํามนั บา ง ขา วสารบาง ของขบฉนั บาง ชาวบา นเหน็ เด็กสองคนนน้ั พดู จาออ นหวาน มไี หวพรบิ ดี แมผทู ีไ่ มป ระสงคจ ะใหตดั และโกนผม ก็ใหต ดั ใหโกนผม ถงึ ใหตัดใหโ กนผมแลว ก็ใหค า แรงมากเปน อนั วาเดก็ ท้งั สองคนนน้ั เกบ็ รวบรวมเกลือบา ง น้าํ มนั บาง ขา วสารบา งของขบฉันบาง ไดเ ปนอนั มาก. คร้นั พระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ จาริกโดยลาํ ดบั เสดจ็ ถงึ อาตมุ านครแลวทราบวา พระองคป ระทับอยทู ่ีภสู าคารเขตอาตมุ านครนน้ั พระขรวั คาน้ันจึงสงั่ ใหค นตกแตงขา วยาคเู ปน อันมากโดยผานราตรีนนั้ แลว นอ มถวายพระผมู ี-พระภาคเจา กราบทลู วา พระพทุ ธเจาขา ขอพระผูม พี ระภาคเจาจงโปรดรับขา วยาคขู องขาพระพุทธเจา . พุทธประเพณี พระตถาคตท้งั หลายทรงทราบอยู ยอ มตรสั ถามก็มี ทรงทราบอยูยอมไมตรัสถามก็มี ทรงทราบกาลแลวตรสั ถาม ทรงทราบกาลแลวไมต รัสถามพระตถาคตทั้งหลายยอมตรสั ถามสิง่ ทป่ี ระกอบดวยประโยชน ไมต รสั ถามสิ่งท่ีไมประกอบดวยประโยชนใ นสิง่ ท่ีไมประกอบดวยประโยชน พระองคท รงกําจัดดวยขอปฏิบตั ิ พระผมู ีพระภาคเจา ทัง้ หลาย ทรงสอบถามภกิ ษทุ ้งั หลายดวยอาการ ๒ อยา ง คอื จักทรงแสดงธรรมอยา ง ๑ จักทรงบัญญัติสิกขาบทแกพระสาวกทั้งหลายอยา ง ๑. ครน้ั น้ัน พระผูม ีพระภาคเจาไดต รสั ถามพระขรวั ตานนั้ วา ดกู อ นภกิ ษุ ขาวยาคูน้ีเธอไดมาจากไหน พระขรวั ตาจึงกราบทลู เร่อื งนั้นใหทรงทราบทกุ ประการ.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 160 หา มภกิ ษผุ เู คยเปน ชา งกลั บกเกบ็ รกั ษามีดโกน พระผูมีพระภาคเจา ทรงตเิ ตยี นวา ดูกอ นโมฆบรุ ุษ การกระทาํ ของเธอนน้ั ไมเหมะ ไมส ม ไมค วร ไมใชกจิ ของสมณะ ใชไมไ ด ไมค วรทาํไฉนเธอบวชแลวจงึ ไดช กั จูงทายกในสงอนั ไมควรเลา การกระทําของเธอนัน้ไมเปน ไปเพ่ือความเลอื่ มใสของชมุ ชนท่ยี ังไมเ ลอ่ื มใส . . . คร้ันแลว ทรงทาํธรรมีกถา รับสง่ั กะภิกษุท้ังหลายวา ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย บรรพชติ ไมพงึชักจงู ทายกในส่ิงอันไมควร รปู ใดชักจูง ตองอาบัติทุกกฏ. ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย อนง่ึ ภิกษผุ ูเ คยเปนชา งกลั บก ไมพ ึงเก็บรักษาเคร่ืองตดั โกนผมไวส ําหรับตวั รปู ใดเก็บรักษาไว ตอ งอาบัติทุกกฏ. พระพทุ ธานญุ าตผลไม [ ๙๐] ครัน้ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ อาตมุ านครตามพระ-พทุ ธาภริ มย แลว เสดจ็ พุทธดําเนินไปทางพระนครสาวัตถี เสด็จจาริกโดยลาํ ดับ ถึงพระนครสาวตั ถีแลว ทราบวา พระองคป ระทับอยทู ี่พระเชตวัน อารามของอนาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถีนน้ั เวลานัน้ ของขบฉนั คอืผลไมในนครสาวัตถมี ดี าษด่นื มาก ภกิ ษทุ ัง้ หลายจงึ ไดมีความสงสยั วา ของขบฉันคือผลไม พระผมู พี ระภาคเจาทรงอนุญาตไวแลว หรือมไี ดทรงอนญุ าต แลวไดกราบทลู เรอ่ื งนน้ั แดพระผมู ีพระภาคเจา . พระผูม ีพระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย เราอนญุ าตผลไมทกุ ชนิด.
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 161 พชื ของสงฆแ ละของบคุ คล [ ๙๑] ก็โดยสมัยน้นั แล พืชของสงฆเขาเพาะปลกู ในทีข่ องบุคคลพชื ของบุคคลเขาเพาะปลูกในทขี่ องสงฆ ภกิ ษทุ ้ังหลายจงึ กราบทลู เรอ่ื งน้ันแดพระผูมีพระภาคเจา . พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสกะภิกษทุ ั้งหลายวา ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย พชืของสงฆที่เพาะปลกู ในทข่ี องบคุ คล พึงใหสว นแบง แลว บรโิ ภค พชื ของบุคคลทเี่ พาะปลกู ในที่ของสงฆ พงึ ใหส ว นแบง แลวบรโิ ภค. พระพทุ ธานุญาตมหาประเทศ ๔ [๙๒] กโ็ ดยสมยั นนั้ แล ภกิ ษุทง้ั หลายเกดิ ความรังเกยี จในพระบญั ญัติบางสงิ่ บางอยา งวา ส่ิงใดหนอ พระผมู พี ระภาคเจาทรงอนญุ าตไว สงิ่ ใดไมไดท รงอนญุ าต จึงกราบทูลเรื่องน้ันแดพระมีพระภาคเจา . วัตถุเปนกัปปยะและอกัปปยะ พระผูมีพระภาคเจาไดต รสั ประทานสําหรบั อาง ๘ ขอ ดงั ตอ ไปนี.้ ๑. ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย สง่ิ ใดที่เราไมไดหา มไวว า ส่ิงนไ้ี มค วร หากสิง่ นน้ั เขากับสิ่งทไี่ มควร ขดั กับส่งิ ที่ควร สิ่งน้ัน ไมค วรแกเธอท้งั หลาย. ๒. ดกู อนภิกษุท้ังหลาย สง่ิ ใดทีเ่ ราไมไดห า มไวว า สิง่ นไ้ี มค วรหากสง่ิ นน้ั เขากับส่งิ ทคี่ วร ขัดกบั สิ่งที่ไมค วร สงิ่ น้ันควรแกเธอทั้งหลาย. ๓. ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ส่งิ ใดท่ีเราไมไดอนญุ าตไววา สงิ่ นคี้ วรหากสิง่ น้นั เขา กับส่งิ ท่ีไมควร ขัดกบั ส่งิ ท่ีควร สงิ่ นัน้ ไมควรแกเ ธอทัง้ หลาย. ๔. ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย ส่งิ ใดท่เี ราไมไ ดอ นญุ าตไวว า ส่งิ น้ีควรหากสิง่ นนั้ เขา กบั ส่ิงทค่ี วร ขัดกับสิ่งท่ไี มค วร สิ่งนน้ั ควรแกเธอทง้ั หลาย.
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 162 พระพทุ ธานุญาตกาลิกระคน [๙๓] ครัง้ นน้ั ภิกษุทัง้ หลายไดมีความปรวิ ติ กวา ยามกาลกิ ระคนกบั ยาวกาลิก ควรหรอื ไมค วรหนอ สัตตาหกาลกิ ระคนกับยาวกาลกิ ควรหรือไมค วรหนอ ยาวชวี ิกระคนกับยาวกาลกิ ควรหรือไมค วรหนอ สัตตาหกาลิก-ระคนกับยามกาลิก ควรหรือไมค วรหนอ ยาวชวี ิกระคนกบั ยามกาลิก ควรหรือไมค วรหนอ ยาวชวี กิ ระคนกับสัตตาหกาลิก ควรหรือไมค วรหนอ แลวกราบทลู เรื่องนั้นแดพระผูม ีพระภาคเจา . พระผูมพี ระภาคเจาตรัสวา ดงั น้.ี ๑. ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ยามกาลกิ ระคนกับยาวกาลกิ ที่รบั ประเคนในวันน้นั ควรในกาล ไมควรในวกิ าล. ๒. สตั ตาหกาลกิ ระคนกับยาวกาลิกที่รับประเคนในวันนัน้ ควรในกาล ไมค วรในวกิ าล. ๓. ยาวชีวกิ ระคนกบั ยาวกาลิกท่รี ับประเคนในวนั นน้ั ควรในกาลไมค วรในวิกาล. ๔. สตั ตาหกาลิกระคนกบั ยามกาลกิ ท่ีรบั ประเคนในวนั นั้น ควรชั่วยาม ลวงยามแลวไมค วร. ๕. ยาวชวี กิ ระคนกับยามกาลกิ ท่ีรบั ประเคนในวนั นน้ั ควรชั่วยามลว งยามแลว ไมควร. ๖. ยาวชวี ิกระคนกับสัตตาหกาลิกทรี่ ับประเคนในวนั น้ัน ควรตลอด๗ วัน ลว ง ๗ วนั แลว ไมค วร. เภสัชชขันธกะท่ี ๖ จบ ในขนั ธกะน้มี ี ๑๐๖ เรอื่ ง
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 163 หวั ขอ ประจาํ ขันธกะ [๙๓] ๑. เรอื่ งอาพาธที่เกดิ ชุมในฤดสู ารท ๒. เรือ่ งฉันเภสชั นอกกาล ๓. เรอื่ งนา้ํ มันเปลวสตั วเปนยา ๔. เรื่องรากไมท เ่ี ปน ตวั ยา ๕. เรอ่ื งรากไมทาํ ยาผง ๖. เร่อื งนํ้าฝาด ๗. เรอ่ื งใบไม ๘. เรือ่ งผลไม ๙. เรอ่ื งยางไม ๑๐. เรือ่ งเกลอื ๑๑. เรอ่ื งมูลโค ๑๒. เร่ืองยาผงและวัตถุเครอื่ งรอ นยา ๑๓. เรื่องเน้ือดบิ เลือดสด ๑๔. เรื่องยาตา ๑๕. เรือ่ งเคร่อื งยาผสมกับยาตา ๑๖. เรื่องกลักยาตาชนดิ ตาง ๆ และกลกั ยาตาไมม ีฝาปด ๑๗.เรื่องไมป า ยยาตา ๑๘. เรอ่ื งภาชนะเกบ็ ไมปา ยยาตา ถงุ กลักยาตา และเชอื กผูกเปนสายสะพาย ๑๙. เรอ่ื งน้าํ มนั หุงทาศีรษะ ๒๐. เรอื่ งการนัตถุ๒๑. เรอ่ื งกลอ งนตั ถยุ า ๒๒. เรือ่ งสูดควัน กลองสดู ควัน ฝาปด กลองสดูควัน ๒๓. เรื่องถงุ เกบ็ กลองสดู ควนั ๒๔. เรื่องนํ้ามันหงุ ๒๕. เร่อื งนํ้าเมาทผี่ สมในนํ้ามนั ทห่ี ุง ๒๖. เรอื่ งน้ํามนั เจือนาํ้ เมามาก ๒๗. เรอ่ื งนา้ํ มันเจือน้าํ เมามากใชเ ปนยาทา ๒๘. เร่อื งลักจ่ัน ๒๙. เรือ่ งเขา กระโจม๓๐. เร่อื งรมดว ยใบไมต า ง ๆ ๓๑. เรอ่ื งการรมใหญและเอาใบไมม าตม รม๓๒. เรื่องอา งน้ํา ๓๓. เรือ่ งระบายเลือดออก ๓๔. เรอ่ื งกอกโลหิตดวยเขา๓๕. เรื่องยาทาเทา ๓๖. เรอ่ื งปรุงน้ํามนั ทาเทา ๓๗. เร่ืองผา ฝ ๓๘. เรือ่ งชะแผลดว ยน้ําฝาด ๓๙. เรอื่ งงาท่บี ดแลว ๔๐. เรื่องยาพอกแผล ๔๑. เรื่องผา พนั แผล ๔๒. เรือ่ งชะแผลดวยนํา้ แปง พันธผุ ักกาด ๔๓. เรื่องรมแผลดวยควัน ๔๔. เรอ่ื งตัดเนอ้ื งอกดว ยกอ นเกลือ ๔๕. เร่อื งน้ํามนั ทาแผล๔๖. เร่อื งผาปด กันนํ้ามันเย้มิ ๔๗. เร่อื งยามหาวกิ ัฏ ๔๘. เร่อื งรบั ประเคน๔๙. เรือ่ งดม่ื นา้ํ เจอื คูถและหยิบคถู เมอ่ื กาํ ลังถาย ๕๐. เรอ่ื งดมื่ นา้ํ ท่ีละลายจากดนิ ติดผาลไถ ๕๑. เรือ่ งดมื่ นา้ํ ดางอามสิ ๕๒. เรอ่ื งด่ืมน้ําสมอดองมตู ร
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 164๕๓. เร่อื งทาของหอม ๕๔. เร่ืองดม่ื ยาถาย ๕๕. เร่อื งนาํ้ ขา วใส ๕๖. เรอื่ งนํ้าถ่วั เขียวตม ทไ่ี มขน ๕๗. เรอ่ื งน้ําถัว่ เขยี วที่ขน นิดหนอย ๕๘. เรอื่ งนาํ้ ตมเนอ้ื ๕๙. เรื่องชําระเงอื้ มเขา และพระราชทานคนทาํ การวัด ๖๐. เรอ่ื งฉันเภสชั ท่เี ก็บไว ๗ วัน ๖๑. เรือ่ งนา ออ ย ๖๒. เร่อื งถวั่ เขยี ว ๖๓. เรอ่ื งยาดองโลณโสจริ กะ ๖๔. เร่อื งอามสิ ท่หี งุ ตม เอง ๖๕. เรอ่ื งภัตตาหารทต่ี องอุน ๖๖. เรอ่ื งใหเกบ็ ทห่ี ุงตม อามิสในภายในและหุงตมเอง เม่ือคราวอัตคดัอาหารตอไปอีก ๖๗. เร่ืองรับประเคนผลไมท ีเ่ ปนอคุ คหติ ได ๖๘. เรื่องถวายงา ๖๙. เร่ืองของขบฉันทรี่ ับประเคนไวต อนเชา ๗๐. เรื่องเปนไขตัวรอ น ๗๑. เรื่องฉัน ผลไมท ่ีปลอนเมลด็ ออก ๗๒. เรื่องริดสีดวงทวาร๗๓. เร่อื งสคั ถกรรมและวตั ถกิ รรม ๗๔. เร่ืองอุบาสิกาสปุ ปยา ๗๕. เรอ่ื งทรงหามฉันเนื้อมนษุ ย ๗๖. เร่ืองทรงหา มฉนั เนอ้ื ชาง ๗๗. เรือ่ งทรงหามฉันเนื้อมา ๗๘. เร่อื งทรงหา มฉนั เน้ือสุนัข ๗๙. เรื่องทรงหา มฉันเนื้องู๘๐. เร่อื งทรงหามฉันเนื้อราชสหี ๘๑. เรอื่ งทรงหา มฉันเน้ือเสอื โครง๘๒. เรอ่ื งทรงหา มฉนั เนื้อเสือเหลอื ง ๘๓. เรอ่ื งทรงหา มฉันเนื้อหมี ๘๔. เรื่องทรงหา มฉนั เนือ้ เสือดาว ๘๕. เร่อื งคอยโอกาสถวายภตั ร และขาวยาคู๘๖. เรอื่ งมหาอํามาตยเรมิ่ เลือ่ มใส เปน ตน เหตใุ หท รงหามภกิ ษุรับนมิ นตไวแหง หนง่ึ แลว ไปฉันในทอ่ี น่ื ๘๗. เร่ืองถวายงา นํา้ ออ ย ๘๘. เรื่องทรงรับอาคารพักแรม ๘๙. เรือ่ งมหาอาํ มาตยส ุนีธะและวสั สการะ ๙๐. เร่ืองแมน ้ําคงคา ๙๑. เรอ่ื งเสด็จตาํ บลบานโกฏิ ทรงแสดงอริยสจั จกถา ๙๒. เร่ืองนางอมั พปาลีคณกิ า ๙๓. เร่อื งเจาลจิ ฉวี ๙๔. เรือ่ งอุทสิ มงั สะ ๙๕. เร่ืองพระนครเวสาลีหาอาหารไดง าย ๙๖. เรือ่ งทรงหา มอามิสที่เปนอนั โตวุตถะเปนตน ใหม ๙๗. เรื่องฝนทงั้ เคา ๙๘. เร่อื งพระยโสชะอาพาธ ๙๙. เร่อื ง
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 165เมณฑกะคหบดี ถวายปญจโครสกบั เสบยี งเดินทาง ๑๐๐. เร่อื งเกณยิ ชฏิลถวายน้ําอฏั ฐบาน คือ นา้ํ ผลมะมวง นํ้าผลหวา น้าํ กลว ยมเี มลด็ นํา้ กลว ยไมม ีเมล็ด น้าํ ผลมะชาง นํา้ ผลจนั ทน นาํ้ เงา บวั น้ําผลมะปราง ๑๐๑. เรื่องโรชะมลั ลกษัตรยิ ถวายผกั สดและของขบฉันทีส่ ําเรจ็ ดวยแปง ๑๐๒. เร่ืองภิกษุชา งกลั บกในเมอื งอาตุมา ๑๐๓ เร่ืองผลไมด าษดืน่ ในพระนครสาวัตถี๑๐๔. เร่อื งพชื ๑๐๕. เรือ่ งเกดิ สงสยั ในพระบญั ญตั บิ างสง่ิ บางอยา ง ๑๐๖. เรอ่ื งกาลิกระคน. หวั ขอ ประจําขนั ธกะ จบ อรรถกถาเภสชั ชขันธกะ วาดว ยเภสัช วนิ ิจฉัยในเภสัชชขนั ธกะ พึงทราบดังนี้:- สองบทวา สารทิเกน อาพาเธน ไดแ ก อาพาธมดี เี ปนสมฏุ ฐานเกดิ ขึ้นในสารทกาล๑ จริงอยู ในกาลน้นั ภิกษทุ ง้ั หลายยอ มเปยกดว ยนาํ้ ฝนบางยอ มเหยียบย่าํ โคลนบา ง แดดยอ มกลา ในระหวา ง ๆ บาง เพราะเหตุนนั้ ดีของภกิ ษุเหลานน้ั ยอ มเปนของซึมเขา ไปในลาํ ใส. สองบทวา อาหารตฺถจฺ ผเรยฺย มีความวา วตั ถพุ ึงยังประโยชนดวยอาหารใหสําเร็จ.๑ กลาวตามฤดู ๖ ในตําราแพทย ไท, สารทฤต ไดแ ก เดือนสบิ เอด็ กบั เดือนสบิ สองและวาเปน ไขเพื่อลม.
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 166 บทวา นจฉฺ าเทนฺติ มคี วามวา ยอมไมย อมไป, คือไมส ามารถจะระงับโรคลมได บทวา สิเนสิกานิ ไดแก โภชนะท่ีสนิท. บทวา ภตฺตจฺฉาทเกน คือ ความไมย อมแหง อาหาร. ในคาํ วา กาเล ปฏิคฺคหติ เปน ตน มคี วามวา รบั ประเคน เจยี วกรอง ในเมอื่ เวลาเทีย่ งยงั ไมลว งเลยไป. สองบทวา เตลปรโิ ภเคน ปริภุ ฺชิตุ มคี วามวา เพอื่ บรโิ ภคอยางบรโิ ภคนาํ้ มนั ซึง่ เปนสัตตาหกาลิก. บทวา วจตถฺ ไดแก วา นท่เี หลอื . สองบทวา นสิ ท นิสทโปต ไดแ ก ตวั หนิ บดและลุกหินบด. ชอ่ื วา ปคควะ นัน้ เปน ชาติไมเ ถา (ไดแ กบ อระเพด็ ). บทวา นตฺตมาล ไดแ ก กระถนิ พมิ าน. วินจิ ฉยั ในบทวา อจฺฉวส เปนอาทิ พึงทราบโดยนยั ทกี่ ลาวในอรรถกถาแหง นสิ สคั คยิ กัณฑ๑ นนั่ แล. แมวนิ จิ ฉัยในมลู เภสชั เเปนตน กไ็ ดก ลา วแลวในขุททกวรรณน๒เหมือนกนั เพราะเหตนุ ั้น คําใด ๆ ทไี่ มไดก ลา วแลว ในกอ น ขา พเจา จักพรรณนาเฉพาะคํานน้ั ๆ ในทีน่ ี.้ หิงคุ หงิ คชุ ตุ และหิงคุสิปาฏกิ า ก็คือชาตแหง หงิ คุนั่งเอง. ตกะ ตกปตติ และตกปณ ณิยะ ก็คอื ชาติคร่ังน่ันเอง. เกลอื สมทุ รนัน้ ไดแ ก เกลอื ทเ่ี กิดตามฝง ทะเลเหมอื นทราย. ช่ือวา กาฬโลณะ น้ัน ไดแ ก เกลือตามปกต.ิ เกลอื สนิ เธาวนน้ั ไดแ ก เกลือมสี ชี าว เกิดตามภูเขา.๑. สมนฺต. ทุติย. ๒๕๕. ๒. สมนตฺ . ทุตยิ . ๔๑๓.
พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 193 กฐินขนั ธกะ ภกิ ษุปาไฐยรัฐเดนิ ทางเขา เฝา [๙๕] สมัยน้นั พระผูมพี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระเขตวันอารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครัง้ นน้ั ภกิ ษุปาไฐยรัฐจํานวน๓๐ รปู ลวนถืออารัญญกิ ธดุ งค บณิ ปาตกิ ธุดงค และเตจวี รกิ ธุดงค เดินทางไปพระนครสาวัตถุเพือ่ เฝาพระผมู ีพระภาคเจา เม่ือจวนถึงวนั เขา พดู พรรษาไมส ามารถจะเดนิ ทางใหทนั วันเขาพรรษาในพระนครสาวัตถี จงึ จาํ พรรษา ณเมืองสาเกต ในระหวางทาง ภิกษเุ หลาน้นั จําพรรษามีใจรญั จวนวา พระผมู -ีพระภาคเจา ประทับอยูใ กล ๆ เรา ระยะทางหา งเพียง ๖ โยชน แตพวกเราก็ไมไ ดเ ฝา พระองค ครน้ั ลวงไตรมาส ภิกษเุ หลานัน้ ออกพรรษาทําปวารณาเสรจ็ แลว เม่ือฝนยงั ตกชกุ พืน้ ภมู ิภาคเตม็ ไปดว ยนาํ้ เปนหลม เลน มีจีวรชุมช้นื ดวยนา้ํ ลาํ บากกาย เดินทางไปถึงพระนครสาวตั ถี พระเชตวัน อารามของอนาถบณิ ฑกิ คหบดี เขา เฝา พระผูมีพระภาคเจา ถวายบังคมแลว น่ัง ณ ท่ีควรสวนขา งหน่ึง. การทพ่ี ระผมู พี ระภาคเจาท้ังหลาย ทรงปราศัยกับพระอาคันทกุ ะทั้งหลายนน่ั เปนพทุ ธประเพณ.ี พทุ ธประเพณี ครง้ั นั้น พระผูมพี ระภาคเจาตรัสถามภิกษุเหลานัน้ วา ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย พวกเธอยงั พอทนไดห รอื พอยังอตั ภาพใหเ ปนไปไดห รอื พวกเธอเปนผพู รอ มเพรียงกนั รวมใจกนั ไมววิ าทกนั จาํ พรรษาเปน ผาสุก และไมลาํ บากดวยบิณฑบาตหรอื ?
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 194 ภิกษเุ หลา น้ันกราบทูลวา พวกขาพระพุทธเจายงั พอทนได พวกยงัอตั ภาพใหเ ปน ไปได พระพทุ ธเจา ขา อนึง่ ขาพระพุทธเจาทั้งหลายเปน ผูพรอ มเพรียงกนั รวมใจกนั ไมว ิวาทกัน จําพรรษาเปนผาสกุ และไมลําบากดว ยบิณฑบาต พระพทุ ธเจาขา พวกขา พระพทุ ธเจา ในชุมนมุ นีเ้ ปน ภกิ ษุปาไฐยรัฐจํานวน ๓๐ รูป เดนิ ทางมาพระนครสาวตั ถุ เพอ่ื เฝา พระผมู ีพระ-ภาคเจา เมื่อจวนถงึ วนั เขาพรรษา ไมสามารถจะเดินทางใหท ันวนั เขา พรรษาในพระนครสาวัตถุ จึงจาํ พรรษา ณ เมืองสาเกต ในระหวา งทาง พวกขาพระพทุ ธเจาน้ันจาํ พรรษามีใจรัญจวนวา พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยูใกล ๆเรา ระยะทางหางเพียง ๖ โยชน แตพ วกเรา กไ็ มไดเฝาพระผมู ีพระภาคเจาคร้ันลว งไตรมาส พวกขาพระพทุ ธเจา ออกพรรษาทาํ ปวารณาเสร็จแลว เม่อืฝนยงั ตกชกุ พ้ืนภมู ภิ าคเต็มไปดว ยนาํ้ เปนหลม เลน มจี วี รชุมชืน้ ดวยนา้ํลําบากกาย เดนิ ทางมา พระพุทธเจา ขา . พระพทุ ธานญุ าตใตก รานกฐิน [๙๖] ลําดับนั้น พระผมู ีพระภาคเจา ทรงทําธรรมีกถา ในเพราะเหตเุ ปนเคา มลนัน้ ในเพราะเหตุแรกเกิดนน้ั แลวรบั สงั่ กะภิกษุทงั้ หลายวาดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย เราอนญุ าตใหภกิ ษทุ ัง้ หลาย ผจู าํ พรรษาแลวไดกรานกฐินพวกเธอผูไ ดก รานกฐนิ แลว จกั ไดอ านิสงส ๕ ประการ คอื :- ๑. เทย่ี วไปไหนไมตองบอกลา. ๒. ไมต อ งถือไตรจวี รไปครบสาํ รับ. ๓. ฉันคณะโภชนได. ๔. ทรงอดิเรกจวี รไวไดตามปรารถนา. ๕. จวี รอันเกิดขนึ้ ณ ที่นนั้ จกั ไดแกพวกเธอ.
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 195 ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย อานิสงส ๕ ประการนี้ จักไดแ กเธอท้ังหลายผูไ ดก รานกฐินแลว. วิธกี รานกฐิน ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ก็แล สงฆพึงกรานกฐนิ อยางนี้ คอื ภิกษผุ ูฉลาดผูส ามารถ พึงประกาศใหสงฆท ราบดว ยญตั ติทุติยกรรมวาจา วา ดงั น:้ี - กรรมวาจาใหผ ากฐิน ทานเจา ขา ขอสงฆจงฟงขา เจา ผากฐินผนื นัน้ เกิดแลว แกสงฆ ถาความพรอ มพรัง่ ของสงฆถ ึงที่แลว สงฆพ งึ ใหผ ากฐนิ ผนื นี้แกภิกษมุ ชี อ่ื น้ี เพ่ือกรานกฐิน นเี้ ปน ญัตต.ิ ทา นเจา ขา ขอสงจงพงึ ขาพเจา ผากฐินผืนนเ้ี กดิ แลวแกสงฆ สงฆใหผากฐนิ ผนื น้แี กภิกษุมชี ่อื นี้ เพือ่ กรานกฐิน การใหผากฐินผนื นีแ้ กภ กิ ษุมีชื่อน้ี เพือ่ กรานกฐนิ ชอบแกท านผูใ ด ทา นผูนัน้ พึงเปนน่งิ ไมชอบแกท านผใู ด ทา นผูน น้ั พึงพดู . ผากฐนิ ผนื นี้ สงฆใหแลว แกภ กิ ษมุ ชี ่ือนี้ เพ่อื กรานกฐินชอบแกสงฆ เหตนุ ่นั จึงน่ิง ขาพเจาทรงความน้ีไว ดว ยอยา งน.้ี ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย อยางน้ีแล กฐินเปนอนั กราน อยางนีไ้ มเ ปนอันกราน. กฐนิ ไมเปนอนั กราน [๙๗] ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย อยางไรเลา กฐินไมเ ปนอันกราน คือ:- ๑. กฐินไมเ ปนอนั กราน ดว ยอาการเพียงขีดรอย. ๒. กฐินไมเปนอันกราน ดว ยอาการเพยี งซักผา .
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 196 ๓. กฐินไมเปนอันกราน ดวยอาการเพยี งกะผา . ๔. กฐนิ ไมเ ปนอันกราน ดวยอาการเพียงตัดผา . ๕. กฐินไมเปน อันกราน ดว ยอาการเพียงเนาผา . ๖. กฐนิ ไมเปน อันกราน ดว ยอาการเพียงเย็บตน . ๗. กฐนิ ไมเปนอนั กราน ดว ยอาการเพียงทาํ ลูกดมุ . ๘. กฐินไมเ ปน อนั กราน ดวยอาการเพียงทํารงั คุม. ๙. กฐินไมเปน อนั กราน ดว ยอาการเพียงประกอบผา อนวุ าต. ๑๐. กฐินไมเปน อันกราน ดวยอาการเพยี งประกอบผาอนุวาตดา นหนา. ๑๑. กฐนิ ไมเปน อนั กราน ดวยอาการเพยี งดามผา . ๑๒. กฐนิ ไมเ ปนอนั กราน ดว ยอาการเพยี งยอมเปน สหี มนเทา นน้ั . ๑๓. กฐินไมเปน อันกราน ดว ยผาทที่ า นมิ ิตไดมา. ๑๔. กฐนิ ไมเปนอนั กราน ดวยผาที่พดู เลียบเคยี งไดมา. ๑๕. กฐนิ ไมเปนอันกราน ดว ยผาท่ยี ืมเขามา. ๑๖. กฐินไมเ ปนอนั กราน ดว ยผา ท่ีเกบ็ ไวคางคืน. ๑๗. กฐนิ ไมเปนอนั กราน ดวยผาท่ีเปนนสิ สคั คยี . ๑๘. กฐินไมเ ปน อัน กราน ดว ยผาที่มไิ ดท ํากปั ปะพนิ ทุ. ๑๙. กฐินไมเ ปนอันกราน เวนจากผาสังฆาฏเิ สีย. ๒๐. กฐนิ ไมเปน อันกราน เวนจากผา อตุ ราสงคเ สีย. ๒๑. กรินไมเ ปนอันกราน เวน จากผาอันตรวาสกเสยี . ๒๒. กฐินไมเ ปนอนั กราน เวน จากจีวรมีขันธ ๕ หรอื เกนิ ๕ ซึ่งตัดดีแลว ทาํ ใหมีมณฑลเสรจ็ ในวันนัน้ .
พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 197 ๒๓. กฐนิ ไมเปนอันกราน เวน จากการกรานแหง บคุ คล. ๒๘. กฐนิ ไมเ ปนอนั กรานโดยชอบ ถา ภิกษผุ ูอยนู อกสมี าอนโุ มทนากฐนิ นนั้ แมอ ยางน้ี กฐนิ ก็ชอ่ื วาไมเ ปน อันกราน. ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย อยางน้ีแล กฐนิ ไมเ ปน อันกราน. กฐนิ เปนอันกราน [๙๘] ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย อยา งไรเลา กฐินเปนอันกราน คือ:- ๑. กฐนิ เปนอนั กราน ดว ยผาใหม. ๒. กฐนิ เปนอันกราน ดว ยผา เทียมใหม. ๓. กฐินเปน อนั กราน ดวยผา เกา . ๔. กฐนิ เปน อันกราน ดวยผาบงั สกุ ุส. ๕. กฐนิ เปนอนั กราน ดว ยผาทีต่ กตามรา น. ๖. กฐนิ เปนอนั กราน ดว ยผา ท่ีไมไดทาํ นิมติ ไดมา. ๗. กฐนิ เปนอนั กราน ดวยผาทไ่ี มไ ดพดู เลยี บเคียงไดมา. ๘. กฐนิ เปน อันกราน ดวยผาท่ไี มไ ดยืมเขามา. ๙. กฐินเปน อันกราน ดว ยผา ทไี่ มไดเก็บไวคา งคนื . ๑๐. กฐินเปน อันกราน ดว ยผา ที่ไมไ ดเ ปนนิสสัคคยี . ๑๑. กฐนิ เปน อนั กราน ดว ยผา ท่ีทํากปั ปะพินทแุ ลว . ๑๒. กฐนิ เปน อนั กราน ดวยผา สงั ฆาฏ.ิ ๑๓. กฐินเปนอันกราน ดวยผา อตุ ราสงค. ๑๔. กฐินเปน อันกราน ดว ยผา อันตรวาสก. ๑๕. กฐินเปนอันกราน ดวยจีวรมขี ันธ ๕ หรือเกิน ๕ ซึง่ ตัดดแี ลวทาํ ใหม ีมณฑลเสรจ็ ในวัน.
พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 198 ๑๖. กฐนิ เปน อันกราน เพราะการแหง บคุ คล. ๑๗. กฐนิ เปน อันกรานโดยชอบ ถาภกิ ษอุ ยูในสีมาอนุโมทนากฐนินัน้ แมอ ยา งนี้ กฐินก็ชอ่ื วาเปน อันกราน. ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย อยางนแี้ ล กฐินเปน อนั กราน. [๙๙] ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย อยางไรเลา กฐินเปน อนั เดาะ ? มาตกิ า ๘ ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย มาตกิ าเพื่อเดาะกฐิน ๘ ขอ นี้ คือ ๑. กําหนดดวยหลกี ไป. ๒. กําหนดดว ยจีวรทําเสร็จ. ๓. กาํ หนดดวยตกลงใจ. ๔. กาํ หนดดวยผาเสยี หาย. ๕. กําหนดดว ยไดย นิ ขา ว. ๖. กาํ หนดดวยส้ินหวัง. ๗. กาํ หนดดวยลวงเขต. ๘. กําหนดดว ยเคาะพรอ มกัน. อาทายสัตตกะที่ ๑ [๑๐๐] ๑. ภิกษไุ ดก รานกฐนิ แลว ถอื จีวรทที่ าํ เสร็จแลวหลีกไปดวยคดิ วาจกั ไมก ลับมา การเดาะกฐนิ ของภกิ ษนุ น้ั กาํ หนดดวยหลีกไป ๒. ภิกษุไดก รานกฐินแลว ถือจวี รหลกี ไป เธออยูนอกสมี า เกดิความคดิ อยา งนีว้ า จักใหทาํ จีวรผืนนี้ ณ ภายนอกสีมานแี้ หละ จักไมกลับมาละ เธอใหทําจวี รผืนนั้นเสร็จ การเดาะกฐินของภกิ ษนุ ้ัน กําหนดดว ยทําจีวรเสรจ็ . ๓. ภกิ ษุไดกรานกฐนิ แลว ถือจวี รหลกี ไป เธออยนู อกสมี า เกิดความคิดอยางนีว้ า จักไมใ หท ําจวี รผนื น้ี จกั ไมก ลบั การเดาะกฐนิ ของภิกษุน้ัน กาํ หนดดวยตกลงใจ.
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 199 ๔. ภกิ ษไุ ดก รานกฐินแลว ถอื จวี รหลกี ไป เธออยูนอกสีมา เกดิความคดิ อยางน้วี า จกั ใหท ําจีวรผืนน้ี ณ ภายนอกสมี านแ้ี หละ จกั ไมกลบัแลว ใหทําจวี รผืนนัน้ จวี รของเธอ ทก่ี าํ ลังทาํ อยนู น้ั ไดเ สียหรือหาย การเดาะกฐินของภิกษุนัน้ กาํ หนดดว ยผา เสยี หาย. ๕. ภิกษุไดก รานกฐนิ แลว ถอื จีวรหลีกไปดว ยคิดวา จกั กลบั มา เธออยนู อกสมี า ใหทาํ จวี รผนื นัน้ ครนั้ ทําจวี รเสร็จแลว ไดยนิ ขาววาในอาวาสนน้ั กฐินเดาะเสียแลว การเคาะกฐินของภิกษนุ ั้น กําหนดดว ยไดยินขาว. ๖. ภิกษไุ ดก รานกฐนิ แลว ถอื จีวรหลีกไป ดวยคิดวาจกั กลับมาเธออยูนอกสีมา ใหทาํ จวี รผนื น้นั คร้นั ทาํ จวี รเสรจ็ คิดวา จกั กลบั มา จกักลับมา แลว ลวงคราวกฐนิ เดาะ ณ ภายนอกสมี า การเดาะกฐินของภิกษนุ น้ักาํ หนดดวยลว งเขต. ๗. ภิกษไุ ดก รานกฐนิ แลว ถอื จวี รหลกี ไปดวยคดิ วาจกั กลบั มา เธออยูน อกสีมา ทําใหจวี รผืนนน้ั ครัน้ ทาํ จีวรเสร็จ คดิ วา จักกลับมา จักกลับมาแลว กลับมาทนั กฐินเดาะ การเดาะกฐนิ ของภิกษุนน้ั พรอมกับภิกษทุ งั้ หลาย อาทายสัตตกะท่ี ๑ จบ สมาทายสตั ตะ ที่ ๒ [๑๐๑] ๑. ภกิ ษุไดก รานกฐินแลว นําจวี รทท่ี ําเสร็จแลว หลกี ไปดวยคดิ วาจักไมกลับมา การเดาะกฐนิ ของภิกษนุ ัน้ กําหนดดว ยหลีกไป ๒. ภิกษไุ ดก รานกฐนิ แลว นาํ จวี รหลีกไป เธออยนู อกสีมา เกิดความคดิ อยางน้ีวา จักใหท ําจวี รผืนนี้ ณ ภายนอกสมี านแ้ี หละ จักไมก ลบั เธอใหท ําจีวรผืนน้นั เสรจ็ การเดาะกฐนิ ของภกิ ษุน้นั กาํ หนดดว ยทําจวี รเสร็จ
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 200 ๓. ภกิ ษุไดก รานกฐินแลว นาํ จวี รหลีกไป เธออยูน อกสมี า เกดิ ความคดิ อยา งนีว้ า จักไมใ หทําจีวรผืนนี้ จกั ไมกลบั การเดาะกฐนิ ของภิกษุน้ันกําหนดดว ยตกลงใจ. ๔. ภกิ ษุไดกรานกฐินแลว นาํ จวี รหลีกไป เธออยนู อกสมี า เกิดความคดิ อยางนี้วา จักใหท ําจวี รผืนน้ี ณ ภายนอกสีมาน้ีแหละ จกั ไมก ลับ เธอใหทาํ จีวรผืนน้ัน จวี รของเธอท่ีทําอยนู ั้น ไดเ สยี หรือหาย การเดาะกฐินของภิกษุนน้ั กาํ หนดดวยผาเสียหาย. ๕. ภกิ ษไุ ดก รายนกฐินแลว นําจีวรหลกี ไป ดว ยคดิ วาจักกลับมาเธออยนู อกสีมา ใหท ําจวี รผนื นนั้ คร้ันทําจวี รเสรจ็ แลว ไดยินขา ววา ในอาวาสนั้นกฐินเดาะเสียแลว การเดาะกฐนิ ของภิกษุนั้น กาํ หนดดว ยไดย นิ ขา ว. ๖. ภิกษุไดก รานกฐินแลว นาํ จีวรหลีกไป ดวยคิดวาจักกลับมา เธออยูนอกสีมา ใหท ําจีวรผนื น้ัน ครนั้ ทาํ จีวรเสรจ็ แลวคิดวาจกั กลับมา จักกลบัมาลวงเขต. ๗. ภิกษไุ ดกรานกฐนิ แลว นาํ จีวรหลีกไป ดว ยคดิ วา จักกลับมา เธออยู ณ ภายนอกสมี า ใหทําจวี รผืนนน้ั ครั้นทําจวี รเสรจ็ แลว คดิ วาจักกลับมาจกั กลับมา แลว กลับมาทนั กฐนิ เดาะ การเดาะกฐินของภกิ ษุนนั้ พรอมกบั ภกิ ษุทั้งหลาย. สมาทายสตั ตกะ ท่ี ๒ จบ อาทายฉกั กะ ที่ ๓ [๑๐๒] ๑. ภกิ ษุไดก รานกฐนิ แลว ถือจีวรทคี่ างไวห ลีกไป เธออยูนอกสีมา เกิดความคิดอยา งนวี้ า เราจกั ใหท ําจีวรผนื นี้ ณ ภายนอกสีมานแ้ี หละ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 507
Pages: