Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_07

tripitaka_07

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_07

Search

Read the Text Version

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 321 อีกอยางหนึ่ง นับแตกลั ปนไี้ ปแสนกลั ป ชวี กนี้ไดเ ห็นแพทยผูเ ปนอปุ ฏฐากของพระผมู พี ระภาคเจา ทรงพระนามวา ปทุมตุ ตระ ซงึ่ มีคุณแผไ ปในภายในบรษิ ทั ทง้ั สีว่ า หมอนเ้ี ปน พทุ ธอปุ ฏ ฐาก จงึ คดิ วา ทาํ อยา งไรหนอ เราจะพึงถึงฐานันดรเชนนีบ้ า ง ? แลวถวายทานแกภิกษสุ งฆมีพระพุทธเจาเปนประมุขตลอด ๗ วัน ถวายบงั คมพระผูมีพระภาคเจา แลว ไดกระทาํ ความปรารถนาวา ขา แตพ ระผมู ีพระภาคเจา ในอนาคตกาล ขาพระองคพึงเปนพุทธอุปฏฐากบาง เหมอื นอยางหมอคนโนน เปน อปุ ฏ ฐากของพระองคเ ถดิ . ชีวกน้ัน ผแู มอนั ความปรารถนาเดมิ นนั้ เตอื นใจอยู จงึ หมายเอาเฉพาะศลิ ปะทางแพทย คิดวา อยากระน้นั เลย เราพึงศึกษาศิลปะเถิด. กใ็ นสมัยนน้ั พวกพอคา ชาวเมอื งตักกสิลา ไดไ ปเพอ่ื เฝา อภยั ราชกุมารชวี กถามพอคาเหลานั้นวา พวกทานมาจากไหน ? เขาไดตอบวา มาจากเมอื งตกั กสิลา. จงึ ถามวา ในเมืองนั้นมีอาจารยผูสอนศลิ ปะทางแพทยไหม ? ไดฟ ง วา เออ กุมาร แพทยผเู ปน ทิศาปาโมกข อาศัยอยูในเมืองตกั กสลิ า. จึงสั่งวา ถา กระนั้น เวลาท่ที า นจะไป ทานพงึ บอกเราดว ย. พอ คาเหลา นั้น ไดก ระทําตามส่ัง. เขาไมทลู ลาพระบิดา ไดไ ปเมืองตกั กสลิ ากับพอ คา เหลานั้น. ดวยเหตุน้ัน พระธรรมสงั คาหกาจารยจึงกลาวไมท ูลลาอภัยราชกมุ าร เปนอาทิ. หลายบทวา อิจฉฺ ามห อาจรยิ สิปปฺ  สกิ ขฺ ติ ุ มีความวา ไดย นิวา แพทยน ้ันเหน็ เขาเขา ไปหาอย.ู จงึ ถามวา พอ เปนใครกนั ?

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 322 เขาตอบวา ผมเปน นัดดาของพระเจาพมิ พิสารมหารราช เปนบุตรของอภยั ราชกมุ าร แพทยถ ามวา ก็เหตุไรเลา พอจึงมาท่ีน่ี ? ลําดับนั้น เขาจึงตอบวา เพ่ือศึกษาศลิ ปะในสํานกั ของทา น. แลวกลาววา ทา นอาจารย ผมอยากศกึ ษาศลิ ปะ. ขอวา พหุจฺ คณฺหาติ มีความวา ศิษยเหลาอนื่ มขี ัตติราชกมุ ารเปน ตน ใหท รัพยแกอาจารยแลว ไมกระทําการงานไร ๆ ศกึ ษาแตศลิ ปะเทาน้นั ฉันใด, ชีวกนั้นหาไดก ระทาํ ฉันนั้นไม. สวนเขาไมไหทรพั ยไร ๆ เปนอยางธมั มันตวาสกิ กระทาํ การงานของอุปชฌาย ในเวลาหนึง่ ศกึ ษาในเวลาหนึ่งเทานน้ั แมเม่อื เปนอยางนน้ั กุลบตุ รผสู มบูรณด วยอภินหิ าร เพราะตนเปน ผูม ปี ญญา ยอ มเรยี นไดม าก เรียนไดเ รว็ ยอ มจําทรงไวด ี ทัง้ ศิลปะที่ขาเรียนแลว ยอ มไมห ลงลืม. วนิ จิ ฉัยยินดวี า สตฺต จ เม วสสฺ านิ อธิยนตฺ สฺส นยมิ สสฺสิปปฺ สสฺ อนฺโต ปฺ ายติ น้ี พึงทราบดงั นี:้ - ไดย นิ วา เพียง ๗ ป ชวี กนีเ้ รียนแพทยศลิ ปะจบเทาทอี่ าจารยร ูทงั้หมด ซ่งึ ศษิ ยเหลา อ่นื เรยี นถึง ๑๖ ป. ฝายทาวสกั กเทวราชไดม ีพระรําพงึ อยางนีว้ า ชีวกนจ้ี ักเปน อุปฏ ฐากมีความคุนเคยอยางยอดของพระพุทธเจา เอาเถิด เราจะใหเ ขาศึกษาการประ-กอบยา. จงึ เขาสงิ ในสรรี ะของอาจารย ใหชีวกนน้ั ศกึ ษาการประกอบยา โดยวิธีทแ่ี พทยสามารถรักษาโรคไมม สี วนเหลือยกเวนวิบากของกรรมเสยี ใหหายดวยการประกอบยาขนานเดยี วเทา นั้น.

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 323 สวนเขาสําคัญวา เราเรียนในสาํ นักอาจารย เพราะฉะน้นั พอทาวสุกกะปลอ ยดวยทรงดํารวิ า บดั นชี้ ีวกสามารถเพ่อื เยยี วยาได เขาจึงตดิ อยา งนน้ัแลวถามอาจารย. สวนอาจารยท ราบดีวา ชวี กนไ้ี มไ ดเ รียนศิลปะดว ยอานุภาพของเราเรียนดวยอานภุ าพของเทวดา จึงกลา วคําเปนตน วา เตนหิ ภเณ. สามบทวา สมนตฺ า โยชน อาหณิ ฑฺ นโฺ ต มีความวา ออกทางประตูดานหน่งึ ๆ วันละประตู เทีย่ วไปตลอด ๔ วัน. สามบทวา ปรติ ฺต ปาเถยยฺ  อทาสิ มีความวา ไดใ หเสบยี งมปี ระ-มาณนอย. เพราะเหตไุ ร ? ไดยนิ วา แพทยาจารยน ัน้ ไดม ีความวติ กอยางนว้ี า ชวี กน้เี ปน บุตรของมหาสกุล พอไปถึงเทา น้ัน จักไดสกั การะใหญ จากสาํ นกั บดิ าและปูเหตุนั้น เขาจักไมรคู ณุ ของเราหรือของศิลปะ แตเ ขาส้นิ เสบยี งในกลางทางแลวจักตองใชศลิ ป แลว จกั รคู ุณของเราและของศิลปะแนแ ท เพราะเหตุนน้ั จึงใหเ สบยี งแตนอ ย. บทวา ปสเทน คือ ฟายมือหนง่ึ . บทวา ปจ นุ า คอื ปยุ ฝา ย. บทวา ยตฺร หิ นาม คอื ชื่อใด ? บทวา กมิ ปฺ มาย ตัคบทเปน กิมปฺ  เม อย . สามบทวา สพพฺ าลงการ ตุยฺห โหตุ มีความวา ไดยินวา พระราชาทรงดําริวา หากวา หมอชีวกจกั ถือเอาเคร่ืองประดับทั้งปวงนไ้ี ซร เราจกั ตงั้ เขาในตําแหนง พอประมาณ หากวา เขาจักไมรบั เอาไซร เราจักต้ังเขาใหเ ปน คนสนทิ ภายในวัง ดงั นี้ จึงตรัสอยา งนั้น.

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 324 อภัยราชกมุ ารก็ดี พวกนางระบําท้ังหลายก็ดี บงั เกิดความคิดวา ไฉนหนอ ชวี กจะไมพ ึงถอื เอา ? ถึงเขากเ็ หมอื นจะทราบความคดิ ของชนเหลานัน้จงึ กราบทูลวา ขาแตสมมติเทพ นเ้ี ปน เครอ่ื งประดับของอัยยิกาหมอ นฉัน อนัเครอื่ งประดบั นี้ ไมสมควรทห่ี มอ มฉนั จะรับไว ดงั นแ้ี ลว กราบทูลวา อล เทวเปนอาท.ิ พระราชาทรงเลอื่ มใส พระราชทานเรอื นอันพรอ มสรรพดว ยเครอ่ื งประดับทัง้ ปวง สวนอัมพวนั บา นมสี ว ยแสนหนึง่ ประจําป และสักการะใหญแลว ตรสั ดําเปน ตนวา เตนหิ ภเณ. หลายบทวา อธกิ าร เม เทโว สรตุ มีความวา ขอจงทรงระลึกถงึ อปุ การะแหง กิจการทีห่ มอมฉันไดท ําไว. สองบทวา สสี จฺฉวึ อุปปฺ าเฏตวฺ า ไดแ ก ถลกหนงั ศรี ษะ. สองบทวา สพิ พฺ ินึ วนิ าเมตวฺ า ไดแก เปด รอยประสาน. ถามวา เพราะเหตุไร หมอชีวกจงึ กลาววา คฤหบดี ทานอาจหรือ ? ตอบวา หมอชวี กทราบวา ไดย ินวา สมองศรี ษะยอ มไมอ ยทู ีไ่ ดเพราะการผลดั เปล่ยี นอิริยาบถ, แตเ ม่ือเศรษฐีนน้ั นอนน่ิง ไมกระเทือน ๓สัปดาหะ สองศรี ษะจกั อยูท ี่ได ดังน้ี แลวคิดวา อยากระนน้ั เลย เศรษฐีพงึ ปฏิญญาขา งละ ๗ เดือน ๆ แตพ ึงนอนเพียงขางละ ๗ วนั ๆ จงึ กลา วอยา งน้ัน. ดวยเหตนุ ัน้ แล หมอชวี กจงึ กลาวขางหนา วา กแ็ ตวา ทา นอนั เรารูแลว โดยทนั ทีทเี ดียว. หลายบทวา นาห อาจรยิ สกโฺ กมิ มคี วามวา ไดย ินวา ความเรารอ นใหญ บังเกดิ ขึน้ ในสรีระของเศรษฐนี น้ั , เพราะเหตุนน้ั เขาจงึ กลาวอยา งนนั้ .

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 325 สองบทวา ตหี ิ สตฺตาเหน คอื ๓ ขาง ๆ ละสัปดาหะหนง่ึ . สองบทวา ชน อสุ สฺ าเรตวฺ า คอื ใหไ ลค นออกไปเสีย. เรอื่ งพระเจาจณั ฑปช โชต สามบทวา เชคจุ ฺฉ เม สปปฺ  มีความวา ไดยินวา พระราชานี้มีกําเนิดแหง แมลงปอง, เนยไสเปนยาและเปนของปฏิกูลของแสลงปอ งท้ังหลายเพราะกาํ จัดพิษแมลงปอ งเสีย; เพราะฉะนนั้ ทาวเธอจงึ รับสั่งอยา งนัน้ . สองบทวา อทุ ฺเทก ทสสฺ ุติ คือ จกั ใหอาเจียน. สองบทวา ปฺ าสโยชนกิ า โหติ มคี วามวา ชางพงั ชือ่ ภทั ทวตกิ าเปนพาหนะสามารถเดนิ ทางได ๕๐ โยชน. แตพระราชานั้นจะมีแตชา งพงั อยา งเดียวเทา นน้ั หามิได, ถงึ ชางพลายชอื่ วา นาฬาคริ ี ยอมเดินทางได ๑๐๐ โยชน. มา ๒ ตวั คอื เวลกุ ณั ณะตัวหนง่ึมุญชเกสะตัวหน่ึง ยอมเดนิ ทางได ๑๒๐ โยชน. ทาสช่อื กากะ ยอมเดนิ ทางได ๖๐ โยชน. ไดยนิ วา เมือ่ พระพทุ ธเจา ยงั ไมบงั เกดิ ข้ึน วนั หน่ึงเม่อื กุลบุตร ผูหน่ึงนั่งเพือ่ จะบริโภค พระปจ เจกพทุ ธเจา ยนื อยูท ปี่ ระตูแลว ไดไ ปเสยี . บรุ ุษคนหน่งึ บอกแกก ลุ บุตรนน้ั วา พระปจเจกพระพุทธเจามาแลวไปเสียแลว .กลุ บุตรนนั้ ไดฟ ง จึงบอกวา ทานจงไป, จงนําบาตรมาโดยเรว็ ดงั นี้ ใหนาํบาตรมาแลว ใหภ ัตที่เตรียมไวสาํ หรบั ตนท้งั หมดสงไป. บรุ ษุ นอกน้ี นาํ บาตรนน้ั สง ไปถงึ มอื ของพระปจเจกพทุ ธเจาแลว ไดกระทาํ ความปรารถนาวา ขาแตท า นผูเจริญ ดว ยประกอบความขวนขวายทางกาย ท่ีขาพเจา กระทําแกทา นน้ี ขาพเจา เกิดในทีไ่ ร ๆ ขอจงเปน ผูพรอ มมลู

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 326ดว ยพาหนะเถิด. บรุ ษุ น้นั เกดิ เปน พระราชา ทรงพระนามวาจณั ฑปชโชตน้ี๑ในบดั น,ี้ ความสมบรู ณด วยพาหนะน้ี มีดว ยความปรารถนานน้ั . สามบทวา นเขน เภสชชฺ  โอลมุ เฺ ปตฺวา คือ แทรกยาลงดว ยเลบ็ ,อธบิ ายวา ใส. สองบทวา สปปฺ  ปาเยตวฺ า คอื ใหด ื่มเนยใสดวย บอกวธิ ีจัดอาหารแกน างบาํ เรอท้ังหลายดว ย. บทวา นิจฉฺ าเรสิ ไดแก ถา ยแลว . ผาอวมงคลซ่ึงเขาทงิ้ เสยี ท่ปี า ชา ในอุตตรกรุ ุทวีป ชอ่ื ผา สเิ วยยกะ. ไดยินวา มนุษยทง้ั หลายในทวปี น้ัน เอาผา นน้ั นัน่ แลหอ หมุ คนตายแลว ทั้งเสีย. นกหัสดีลิงคทง้ั หลาย กาํ หนดหอ คนทายนน้ั วา ชน้ิ เนื้อ แลว เฉ่ยี วนาํ ไปวางท่ยี อดเขาหิมพานต เปล้ืองผาออกแลวกิน. ครง้ั นั้นพวกพรานไพรพบผาเขา แลวนาํมาถวายพระราชา. ผาสเิ วยยกะเปน ของท่พี ระเจาจัณฑปชโชตทรงไดแลว ดว ยประการอยางนี้. อาจารยบางเหลากลาววา หญิงผูฉลาดในแควน สวี ี ฟน ดายดวยขนสัตว ๓ เสน , ผา สเิ วยยกะน้ัน เปนผาทีท่ อดวยดายนัน้ ดงั นี้ วาดวยทรงอนุญาตผา ปาวารเปนตน บทวา สิเนเหถ มีความวา กพ็ ระกายของพระผมู ีพระภาคเจา เศราหมองหรอื ไมเศราหมอง. เพราะวา เทวดาทง้ั หลาย ยอมแทรกทิพยโอชาในอาหารของพระผูมพี ระภาคเจา ทุกเมอื่ , กแ็ ตว า นํา้ ยางยอ มยังโทษท้งั หลายใหชมุ แชอ ยูในพระสรรี ะท้งั สิน้ . ยอ มกระทําเสน เอ็นท้ังหลายใหเ พลยี ; ดว ยเหตุน้นั หมอชีวกน้ี จึงกลา วอยา งนน้ั .๑. ดุเรื่องในสามาวตวี ตฺถุ อปฺปมาทวคฺค ธมฺมปทฏกถา.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 327 สองบทวา ตีณิ อปุ ปฺ ลหตฺถานิ มคี วามวา อบุ ลกําหน่งึ เพ่ือบาํ บัดโทษอยา งหยาบ กําหนงึ่ เพื่อบาํ บดั โทษอยางปานกลาง กําหนงึ่ เพ่ือบําบดัโทษอยา งละเอียด. หลายบทวา น จิรสเฺ สว ปกตตโฺ ต อโหสิ มคี วามวา กเ็ มอื พระกายเปน ปกติแลว อยา งนน้ั ชาวเมืองทั้งหลายไดต ระเตรียมทานไว. หมอชีวกมาแลว ไดกราบทูลความขอนก้ี ะพระผูมีพระภาคเจา วา ขา แตพระผมู พี ระภาคเจาวนั น้ี พวกชาวเมอื งประสงคจะถวายทานแดพระองค ขอพระองคเ สด็จเขาสูละแวกบา น เพอื่ บิณฑบาตเถดิ . พระมหาโมคคัลลานเถระคดิ วา วันน้ี พระผูม พี ระภาคเจาสมควรไดป ฐมบิณฑบาตจากที่ไหนหนอและ ? ลําดับนน้ั ทา นติดวา โสณเศรษฐบี ตุ ร จําเดิมแตทาํ นามะ ยอมบรโิ ภคขา วสุกแหงขาวสาลหี อมซึ่งทาํ นุบํารงุ ดว ยรดนา้ํ นมสด ไมส าธารณด ว ยชนเหลา อน่ื เราจกั นาํ บิณฑบาตจากโสณเศรษฐบี ตุ รนนั้ มาเพอ่ื พระผมู พี ระภาคเจา ทา นไปดว ยฤทธ์ิ แสดงตนบนพ้นื ปราสาทของโสณเศรษฐีบุตรนน้ั . เขาไดรบั บาตรของพระเถระแลว ถวายบณิ ฑบาตอยา งประณตี . และไดเหน็ อาการจะไปของพระเถระ จึงกลาววา นิมนตฉ นั เถิด ขอรบั . พระเถระบอกเนือ้ ความนนั้ . เขากลา ววา นิมนตฉ นั เถิด ขอรับ, กระผมจักถวายสว นอ่ืนแดพระผมู พี ระภาคเจา ใหพระเถระฉนั แลว ไดอ บบาตรดว ยของหอมแลวถวายบณิ ฑบาต. พระเถระไดนาํ บาตรนั้นมาถวายพระผมู ีพระภาคเจา. ถงึ พระเจาพมิ พสิ ารก็ทรงดาํ ริวา วนั นีพ้ ระผูม พี ระภาคจักเสวยอะไร ? จึงเสด็จมาวหิ ารพอเสด็จเขา ไป กท็ รงไดกลิ่นบณิ ฑบาต ไดเปน ผมู ีพรูประโยคสงคจ ะเสวย. ก็เทวดาท้ังหลาย แทรกโอชาในบิณฑบาตของพระผมู พี ระภาคเจาทย่ี งั อยใู นภา.-ชนะ ๒ ครัง้ เทานั้น คือ บณิ ฑบาตท่นี างสชุ าดาถวาย ๑ ท่นี ายจนุ กัมมารบุตรไวถวาย ในคราวปรินพิ พาน ๑, ในบิณฑบาตอนื่ ๆ ไดแทรกที่ละคาํ .

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 328 เพราะฉะน้ัน พระผูมพี ระภาคเจา ไดทรงทราบความอยากของพระราชาจงึ รับส่ังใหถ วายบณิ ฑบาตหนอ ยหนึ่ง ซง่ึ เทวดายงั มิไดแทรกโอชาลง แกพระราชา. ทา วเธอเสวยแลว ทูลถามวา โภชนะนํามาจากอุตตกรุ ุทวปี หรอืพระเจา ขา ร พระผมู พี ระภาคเจาตรสั วา มหาบพติ ร ไมไดน าํ มาจากอุตตร-กรุ ทุ วีป, โดยท่ีแทน ่เี ปนโภชนะของคฤหบดบี ุตร ชาวแควน ของพระองคนัน่ เอง ดงั นแ้ี ลว ทรงบอกสมบัติของโสณะ. พระราชาทรงฟง เนือ้ ความนนั้ แลว มพี ระประสงคจ ะทอดพระเนตรโสณะ ไดท รงกระทาํ ความมาของโสณะพรอ มดว ยกลุ บุตรแปดหมนื่ คน ตามนัยที่กลาแลวในจมั มขันธกะ.กุลบตุ รเหลา น้นั ฟงพระธรรมเทศนาของพระผมู ีพระภาคเจา แลว เปน พระ-โสดาบนั . ฝา ยโสณะบวชแลว ทั้งอยใู นพระอรหัต. ฝา ยพระผมู พี ระภาคเจา รบัส่งั ใหถวายบิณฑบาตแกพระราชาก็เพื่อประโยชนน แี้ ล. เมอ่ื พระผมู พี ระภาคเจา ทรงทาํ ภตั กจิ เสรจ็ แลวอยางนั้น, ลาํ ดบั น้นัแล หมอชีวกโกมารภจั จ ถือคผู าสเิ วยยกะนนั้ แลว ฯลฯ ไดกราบทูลเนื้อความนนั้ . วินจิ ฉยั ในคําวา อติกกฺ นฺตวรา นี้ พงึ ทราบตามนยั ทก่ี ลา วแลว ในมหาขันธกะน้ันและ. ขอ วา ภควา ภนฺเต ป สุกลู ิโก ภิกฺขุสงฺโฆ จ มีความวา จริงอยู ในระหวา งนี้ คอื ตัง้ แตพระผมู ีพระภาคเจาถงึ ความเปนพระพทุ ธเจา จนถงึ เรือ่ งนีเ้ กดิ ขน้ึ เปน เวลา ๒๐ ป, ภกิ ษใุ ด ๆ ไมยนิ ดีคฤหบดีจีวร, ภิกษุทงั้ปวงไดเปน ผูถอื ผา บงั สุกลุ เทานนั้ : ดว ยเหตนุ ั้น หมอชีวกน้ี จึงกราบทลูอยางน้ัน.

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 329 บทวา คหปตจิ วี ร ไดแ ก จีวรอันคหบดที ั้งหลายถวาย. สองบทวา ธมมฺ ิยา กถาย คือ ถอ ยคาํ อันประกอบพรอมดว ยอานิสงสแหง การถวายผา บทวา อิตรติ เรนนาป คือ มคี านอ ยกต็ าม มคี า มากกต็ าม, ความวาอยางใดอยางหนงึ่ . ผาหมที่ทําดวยฝา ยชนิดทม่ี ขี น ชื่อผาปาวาร. ในคาํ วา อนุชานมิ ภกิ ขฺ เว โกชว น้ี มีความวา ผา โกเชาวคือ ผา ลาด ตามปกตเิ ทา น้ี จึงควร, ผาโกเชาวผ นื ใหญ ไมค วร. ผาโกเชาวนัน้ ทําดว ยขนสัตวค ลายผาปาวาร. วา ดว ยทรงอนญุ าตจีวร ๖ ชนดิ พระเจา กาสีนน้ั คอื พระราชาแหง ชนชาวกาสี, ทาวเธอเปนนองรว มพระบิดาเดียวกับพระเจาปเสนทิ. วนิ จิ ฉยั ในบทวา อฑฒฺ กาสยิ  น้ี พึงทราบดงั น้ี:- หนึ่งพันเรียกวา กาสีหนึ่ง ผากัมพลมีราคาพนั หนง่ึ ชอื่ มคี ากาสหี นง่ึ ,แตผา กมั พลผืนน้ี มรี าคา ๕๐, เพราะฉะน้นั ทานจึงกลาววา มีคา กง่ึ กาส,ีดวยเหตุนี้แล พระอุบาลเี ถระจึงกลาววา ควรแกราคาก่งึ กาส.ี บทวา อุจจฺ าวจานิ คือ ดีและไมด.ี ผาท่ที าํ เจือกันดวยดายหา ชนดิมดี า ยเปลือกไมเปน ตน ชื่อผาภังคะ บางอาจารยก ลา ววา ผาท่ที าํ ดวยปอเทา นั้นดงั น้บี า ง. ขอวา เอก เยว ภควตา จวี ร อนุฺ าต น เทฺว มีความวาไดย นิ วา ภิกษุเหลา น้ัน กําหนดเนื้อความแหง บทอันหน่งึ วา ดว ยจีวรตามมีตามได อยางน้ีวา ดวยจวี รเปน ของคหบดหี รอื ดว ยผา บังสกุ ลุ .

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 330 บทวา นาคเมสุ มีความวา ภิกษุเหลาน้นั ไมร ออยู จนกวาพวกเธอจะมาจากปา ชา, คือหลกี ไปเสยี กอ น. สามบทวา นากามา ภาค ทาตุ มีความวา ไมป รารถนาจะใหก ็อยาให, แตถ าปรารถนาจะใหไ ซร, ควรให. บทวา อาคเมสุ คอื รออยูใ นทใี่ กล. ดว ยเหตนุ น้ั พระผมู ี-พระภาคเจาจงึ ตรัสวา ภกิ ษุทงั้ หลาย เราอนุญาตใหภ ิกษผุ ไู มอ ยากให ตองใหสว นแบงแกภ กิ ษทุ ้ังหลายผคู อย. กถ็ า วา มนุษยทั้งหลายถวายวา ทา นผูมอี ายุท้ังหลาย ผูมาท่นี ี่เทา นั้น จงถอื เอา, หรือกระทาํ เครอ่ื งหมายไวว า ทา นผูมีอายุทัง้ หลาย ผูมาถึงแลว จงถอื เอา ดังนี้แลว ไปเสีย, จีวรยอ มถงึ แกภ กิ ษแุ มทกุ รูป ผูมาถงึ แลว . ถา เขาทิ้งไวแ ลว ไปเสีย, ภิกษุผูถือเอาเทา นน้ั เปน เจาของ. สองบทวา สทิสา โอกกฺ มสึ ุ มีความวา เขา ไปทุกรปู , หรอื เขาไปโดยทศิ เดยี วกนั . หลายบทวา เต กตกิ  กตวฺ า มคี วามวา ภกิ ษเุ หลาน้ัน ทาํ กติกากนั ไวแ ตภ ายนอกวา เราจกั แบง ผา บังสกุ ลุ ทีไ่ ดแลวถอื เอาทว่ั กนิ วาดว ยเจา หนา ทร่ี บั จวี รเปนตน วนิ ิจฉยั ในขอ วา โย น ฉนฺทาคตึ คจฉฺ ติ เปนอาทิ พงึ ทราบดังน้ี. ในภกิ ษุผูเปน เจา หนาทรี่ บั จีวร ภกิ ษุผูรับของปยชนท้ังหลายมีญาติเปน ตนของตน แมม าทหี ลงั กอนกวา , หรือรับแสดงความพอใจในทายกบา งคน. หรือนอมมาเพอ่ื คน ดวยความเปนผมู ีโลภเปน ปกติ, ช่อื วา ถงึ ความลําเอยี งเพราะความชอบพอ. ภกิ ษใุ ดรบั ของทายกแมม ากอนกวา ทหี ลังดวยอาํ นาจความโกรธ, หรอื รบั ทําอาการดหู ม่ินในคนจน. หรือทาํ ลาภันตรายแกส งฆ

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 331อยา งนี้วา ทีเ่ กบ็ ในเรือนของทานไมมหี รือ, ทานจงถือเอาของ ๆ ทา นไปเถิด.ภิกษุนี้ช่ือวา ถงึ ความลาํ เอียงเพราะความเกลียดชงั . ฝายภิกษุใดหลงลมื สติ ไมรูตัว ภิกษุนี้ ชือ่ ถงึ ความลาํ เอยี งเพราะงมงาย ภิกษุผูร ับของอสิ รชนทัง้ หลาย แมมาทีหลงั กอ นกวา เพราะความกลัว, หรอื หวาดหวน่ั อยูวา ตําแหนงผรู บั จวี รนี้หนกั นัก, ช่อื ถึงความลําเอยี งเพราะกลัว. ภิกษุผรู ูอ ยวู า จวี รน้ดี ว ย นดี้ วยเรารบั แลว. และสวนนี้ เราไมไดร ับ ชอื่ รูจ กั จีวรท่ีรบั แลว และไมไ ดรับ เพราะเหตุนน้ั ภิกษใุ ด ไมลาํ เอยี งดว ยอํานาจแหง ฉนั ทาคติเปนตน, รบั ตามลําดบัผมู า ไมท ําใหแ ปลกกันในคนทเ่ี ปน ญาติ และมใิ ชญ าติ คนมัง่ มแี ละคนจน,เปน ผปู ระกอบดวยศีลาจารปฏบิ ัติ มีสติ มปี ญ ญา เปนพหสู ตู สามารถเพอื่กระทําอนโุ มทนาดว ยบทและพยญั ชนะอันเรียบรอ ย ดวยวาจาอันสละสลวย ยังความเล่ือมใสใหเกิดแกทายกทง้ั หลาย; ภิกษุเหน็ ปานนี้สงฆค วรสมมต.ิ ก็วินิจฉัยในขอ วา เอวฺจ ปน ภิกขฺ เว สมฺมนนฺ ิตพฺโพ น้ีพงึ ทราบดงั นี้:- สมควรแทท จ่ี ะสมมตใิ นทา มกลางสงฆท งั้ ปวง ภายในวัดก็ได ในขณั ฑสีมากไ็ ด ดวยกรรมวาจาตามทต่ี รัสนั้นก็ได ดว ยอปโลกนกไ็ ด ก็อนัภกิ ษุซงึ่ สงฆสมมตแิ ลว อยา งนัน้ ไมพ ึงอยูในกุฎีท่ีอยูห ลังสดุ ทายหรอื ในทท่ี ําความเพยี ร. กแ็ ตวา ชนทัง้ หลายผมู าแลว จะพบไดงาย ในทใี่ ด พึงวางพูดไวข างตวั นุง หมเรยี บรอ ยนง่ั ในท่แี หง กฎุ ีอยูใกลเ ชนนั้น. สองบทวา ตตฺเถว อุชฌฺ ติ วฺ า มีความวา ภิกษุเจาหนาทร่ี บั จีวรกลาววา การรับเทา นั้น เปน ธรุ ะของพวกขาพเจา แลว ทั้งไวใ นทีซ่ ึง่ ตนรับนน้ั เองแลว ไปเสีย.

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 332 บทวา จีวรปฏิคคฺ าหก ไดแก ภกิ ษผุ ูรบั จีวรซ่งึ คหบดที ั้งหลายถวายแกสงฆ. บทวา จวี รนทิ าหก ไดแก ภกิ ษุผูเปน เจา หนา ท่เี ก็บจีวร. ในคาํ วา โย น ฉนทฺ าคตึ เปนอาทิ ในอธิการวาดว ยสมมติเจา หนาท่ีเก็บจวี รนี้ และในอธกิ ารทง้ั ปวงนอกจากน้ี พึงทราบวนิ จิ ฉัยตามนยัทีก่ ลา วน้ันนั่นแล. ถงึ วนิ จิ ฉัยในการสมมติ ก็พึงทราบโดยทานองดงั กลาวแลวเหมอื นกัน. วนิ ิจฉยั ในคาํ วา วหาร วา เปนอาทิ พึงทราบดังนี้:- ทอ่ี ยูอันใดพลุกพลานดว ยชนทัง้ หลาย มคี นวัดและสามเณร เปน ตนในทามกลางวดั เปน กุฎที ี่อยกู ็ตาม เปน เพิงก็ตาม อยใู นสถานเปน ทปี่ ระชมุของชนทง้ั ปวง ท่อี ยูอันนัน้ ไมพ ึงสมมติ. อน่ึงเสนาสนะปลายแดน ก็ไมควรสมมติ. อนั การทภ่ี กิ ษทุ งั้ หลายไปสขู ัณฑสมี านง่ั ในขณั ฑสมี า สมมติภณั ฑาคารนี้ ยอมไมควร ตองสมมตใิ นทา มกลางวัดเทา น้ัน. วนิ ิจฉัยในขอ วา คตุ ตฺ คุตฺตจฺ ชาเนยฺย น้ี พึงทราบดังน:้ี - โทษไร ๆ ในสมั ภาระท้ังหลายมหี ลังคาเปนตน แหงเรือนคลังใดไมม ีกอน เรือนหลังนั้น ชื่อวาคมุ ได ฝายเรือนคลังใด มีหญา สําหรับมุง หรือกระเบอ้ื งสาํ หรับมุง พังไป ท่ีแหง ใดแหงหน่งึ หรือมชี อ งในทบ่ี างแหง มีฝาเปน ตน ที่มีฝนร่ัวได หรอื มีทางเขา แหง สตั วทั้งหลายมหี นเู ปน ตน หรอื ปลวกขนึ้ ได เรือนคลังนัน้ ทง้ั หมดชอ่ื วาคมุ ไมไ ด พงึ ตรวจดเู รอื นคลังนน้ั แลวซอ ม-แชม. ในฤดหู นาวพงึ ปดประตูและหนาตา งใหด ี เพราะวาจีวรยอ มตกหนาว ๑เพราะความหนาว. ในฤดรู อน ประตแู ละหนา ตา ง ควรเปดเพื่อใหล มเขาในระหวาง ๆ. ดวยวา เม่อื ทาํ อยา งนั้น ชอ่ื วารจู กั เรือนคลงั ทค่ี มุ ไดแ ละคมุ ไมไ ด.๑. สที ่ลี ะลายออกหรือจางไปในเวลาซักหรอื ถกู แดดเปน ตน สตี ก เรยี กวา ตกหนาว.

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 333 กเ็ จา หนาทท่ี ง้ั ๓ นี้ มเี จา หนา ทรี่ ับจวี รเปนตน ตองรจู ักวัตรของตน. บรรดาเจาหนา ทท่ี ั้ง ๓ น้ัน ผาทกุ ชนิดทช่ี นท้ังหลายถวายวา กาลจีวรกด็ ี วา อกาลจวี ร ก็ดี วา อัจเจกจีวร ก็ดี วา วสั สกิ สาฏิกา กด็ ี วา ผา นิสีทนะก็ดี วา ผาปลู าด ก็ดี วา ผาเช็ดหนา ก็ดี อันเจาหนาทร่ี บั จวี รไมควรรับปนรวมเปน กองเดยี วกัน; พงึ รบั จัดไวเปน แผนก ๆ แลวบอกอยา งนนั้ แล มอบแกเ จา หนาท่ีเก็บจวี ร เจา หนาทเี่ ก็บจีวรเลา เม่อื จะมอบแกเจา หนา ท่ีผรู กั ษาเรอื นคลงั พึงบอกมอบหมายวา น่กี าลจวี ร ฯลฯ น่ีผาเช็ดหนา. ฝา ยเจาหนาท่ีผูรกั ษาเรอื นคลัง ทาํ เครื่องหมายเกบ็ ไวเปนแผนก ๆ อยางนั้นเหมอื นกัน.ภายหลังเมือ่ สงฆส่ังวา จงนํากาลจีวรมา พงึ ถวายเฉพาะกาลจีวร ; ฯลฯ เมอ่ืสงฆสง่ั วา จงนําผา เชด็ หนา มา พึงถวายเฉพาะผาเชด็ หนาเทานัน้ . เจาหนาที่รบั จวี ร พระผูมพี ระภาคเจาทรงอนญุ าตแลว เจาหนาทเ่ี ก็บจีวร ทรงอนุญาตแลว เจาหนาท่ผี รู กั ษาเรือนคลงั ก็ทรงอนญุ าตแลว เพ่ือความเปนผูมักมากหามไิ ด เพ่ือความไมสันโดษหามไิ ด โดยทแ่ี ท ทรงอนุญาตแลว เพือ่อนุเคราะหสงฆ ดวยประการฉะน.ี้ กถ็ า วา ภกิ ษุทั้งหลาย จะพงึ ถอื เอาจวี รทที่ ายกนํามาแลว ๆ แบงกนัไซร เธอทง้ั หลาย จะไมทราบจวี รที่ทายกนาํ มาแลว ไมพึงทราบจีวรท่ที ายกยงั มิไดนาํ มา ไมพึงทราบจวี รทตี่ นไหแ ลว ไมพงึ ทราบจวี รทีต่ นยังไมไดใ หไมพงึ ทราบจวี รท่ีภิกษไุ ดแลว ไมพึงทราบจวี รท่ีภิกษุยังไมไ ด; จะพงึ ถวายจีวรที่ทายกนาํ มาแลว ๆ ในเถรอาสน หรือจะพึงตัดเปน ทอ นนอยทอ นใหญถ อืเอา; เม่ือเปนเชนน้ี การใชสอยจีวรไมเ หมาะ ยอ มมไี ด; ทงั้ ไมเปน อนั ไดทาํ ความสงเคราะหท ว่ั ถงึ กนั . ก็แตวา ภกิ ษุทัง้ หลายเกบ็ จีวรไวในเรือนคลงั

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 334แลว ในคราวมีจีวรมาก จักใหจวี รแกภ กิ ษรุ ปู ละไตรบา ง รปู ละ ๒ ผืน ๆ บางรูปละผืน ๆ บา ง เธอทง้ั หลายจักทราบจวี รทีภ่ กิ ษุไดแ ลว และยงั ไมได ครัน้ทราบความทีจ่ ีวรซ่ึงภิกษยุ ังไมไ ด จักสาํ คญั เพ่ือทําความสงเคราะหก นั ฉะน้.ี วาดวยบคุ คลทไ่ี มควรไหยา ย วินิจฉยั ในขอวา น ภิกขฺ เว ภณฑฺ าคารโิ ก วุฏ าเปตพฺโพ น้ีพึงทราบดังน้ี:- พงึ รจู กั ภิกษทุ ไี่ มควรใหยา ยแมอื่นอีก จริงอยู ไมควรใหยา ยภกิ ษุ ๔พวก คือ ภิกษุผูแกก วา ๑ ภิกษเุ จาหนาที่รักษาเรือนคลงั ๑ ภิกษผุ ูอาพาธ ๑ภิกษไุ ดเสนาสนะจากสงฆ ๑ ในภกิ ษุ พวกน้ัน ภกิ ษุผแู กก วา อนั ภกิ ษผุ ูออนกวา ไมพ งึ ใหย า ย เพราะทานเปน ผแู กกวาตน, ภกิ ษุเจาหนาทีร่ กั ษาเรือนคลัง ไมพ ึงใหยา ย เพราะเรอื นคลังอันสงฆสมมติมอบไห ภิกษผุ อู าพาธไมพึงใหยา ย เพราะคาท่เี ธอเปน ผูอ าพาธ, แตว า สงฆมอบทีอ่ ยอู นั สําราญกระทําใหเ ปนสถานทไ่ี มตองใหย าย แกภิกษผุ ูเปน พหสู ูต มอี ปุ การะมาก ดวยอทุ เทสและปรปิ ุจฉาเปน ตน ผูชว ยภาระ เพราะฉะนัน้ ภกิ ษผุ ูเปนพหูสู นน้ั ไมพึงใหยาย เพราะคา ท่เี ธอเปนผูมอี ุปการะ และเพราะคา ทเี่ สนาสนะเปน ของอนั เธอไดจ ากสงฆ ฉะน้ีแล. วาดว ยเจา หนาที่แจกจวี ร สองบทวา อสุ สฺ นฺน โหติ มคี วามวา จวี รมมี ากตอ งจดั กองไวค ือเรือนคลังไมจ ุพอ. บทวา สมฺมขุ ีภูเตน คอื ยนื อยภู ายในอุปจารสมี า. บทวา ภาเชตุ มีความวา เพื่อใหป ระกาศเวลา แจกกันตามลําดับ.

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 335 สองบทวา โกลาหล อกาสิ คอื ไดทําเสียงดงั อยางนี้วา ทานจงใหแกอ าจารยข องเรา ทา นจงใหแ กอปุ ชฌายของเรา. วินจิ ฉยั ในองคข องเจา หนาท่แี จกจวี ร พึงทราบดังน้:ี - เมอ่ื ใหจวี รทีม่ ีราคามาก แมยังไมถ ึง (ลําดับ) แกภกิ ษุท้งั หลายผูชอบพอกัน ช่อื ถึงความลาํ เอยี งเพราะความชอบพอ. ไมใ หจ วี รมีราคามาก แมถงึแกภ กิ ษุผแู กก วา เหลาอื่น แตกลบั เอาจีวรมีราคานอ ยใหช อ่ื ถึงความลาํ เอียงเพราะความเกลียดชัง. ภกิ ษุผูงมงายดว ยความเขลา ไมรูจกั ธรรมเนียมการใหจีวร ชอ่ื ถงึ ความลําเอยี งเพราะงมงาย เพราะกลวั แมแ ตภ กิ ษอุ อ นผมู ีปากกลาจึงใหจวี รมรี าคามากท่ยี ังไมทนั ถงึ (ลําดับ) ช่ือถงึ ความลาํ เอียงเพราะกลัว.ภกิ ษใุ ดไมถ ึงความลาํ เอียงอยางนน้ั คอื เปน ผูเทย่ี งตรง เปนผูพอดี วางเปนกลางตอ ภิกษุทั้งปวง ภิกษุเห็นปานน้ีสงฆค วรสมมติ. บทวา ภาชติ าภาชติ  มีความวา ภกิ ษุผูทราบอยูว า ผาแจกไปแลว เทา นี้ ยังมิไดแ จกเทานี้ พระผูมพี ระภาคเจาตรสั วา ทราบผาทแี่ จกแลวและยังมไิ ดแจก. บทวา อุจฺจินติ ฺวา มคี วามวา คัดเลอื กผา ท้ังหลายอยา งน้ี วานเ่ี น้ือหยาบ นเ่ี นื้อละเอียด นเี่ นื้อแนน นเี่ น้ือบาง นใ่ี ชแลว น่ียงั ไมไ ดใ ช นย่ี าวเทา นี้ นก่ี วา งเทา น.้ี บทวา ตุลยิตวฺ า มีความวา ทาํ การกําหนดราคาอยางนว้ี า ผนื นีด้ ีราคาเทานี้ ผืนน้รี าคาเทาน้ี. สองบทวา วณฺณาวณฺณ กตวฺ า มีความวา ถา เฉพาะผืนหนึ่ง ๆซ่งึ มีราคาผืนละ ๑๐ กหาปณะ ๆ พอท่วั กนั อยางน้ัน นน่ั เปนการด;ี ถาไมพ อผืนใด ดรี าคา ๙ หรือ ๘ กหาปณะ ผืนน้ันควบกับผนื อ่ืน ซง่ึ มรี าคา ๑

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 336กหาปณะ และมีราคา ๒ กหาปณะจัดสว นเทา ๆ กนั โดยอุบายน้แี ล. ขอ วา ภกิ ขฺ ู คเณตฺวา วคคฺ  พนฺธติ ฺวา มคี วามวา หากวา เมอื่ แจกทีละรูป ๆ วนั ไมพอ เราอนญุ าตใหนับภกิ ษุพวกละ ๑๐ รปู ๆ จัดสวนจีวรเปนหมวด ๆ หมวดละ ๑๐ สวน ๆ ทาํ เปนมดั อนั เดยี วกันตัง้ เปน สว นจวี รอนั หนง่ึเมือ่ สวนจวี รไดจดั ตัง้ ไวอ ยางนี้แลว พึงใหจับสลาก แมภิกษุเหลา น้นั ก็พึงจบัสลากแจกกนั อีก. วนิ จิ ฉัยในขอวา สามเณราน อุฑฺฒปฏิวึส นี้ พึงทราบดงั นี้:- สามเณรเหลาใด เปน อสิ ระแกตน ไมท ําการงานท่ีควรทําของภกิ ษุสงฆ ขวนขวายในอุทเทสและปริปจุ ฉา ทําวตั รปฏิบัตแิ กอาจารยแ ละอปุ ชฌายเทา นน้ั ไมทําแกภ กิ ษเุ หลา อน่ื เฉพาะสามเณรเหลาน้ัน พึงใหกึง่ สวน ฝา ยสามเณรเหลาใด ทํากจิ ทคี่ วรทําของภกิ ษสุ งฆเทา น้ัน ท้ังปุเรภตั และปจ ฉาภัตพึงใหส ว นเทากัน แกส ามเณรเหลา น้ัน. แตค ําน้กี ลา วเฉพาะดวยอกาลจีวรซ่งึ เกดิ ข้นึ หลังสมัย ไดเ กบ็ ไวใ นเรอื นคลงั สวนกาลจวี รตอ งใหเ ทา ๆ กันแท. ผา จํานําพรรษา ซึ่งเกิดในทีน่ ้ัน ภกิ ษแุ ละสามเณรพงึ ทาํ ผาตกิ รรมแกสงฆมผี ูกไมก วาดเปน ตน แลว ถอื เอา. จรงิ อยู การทาํ หตั ถกรรมมผี กูไมก วาดเปนตน เปนวัตรของภิกษสุ ามเณรทัง้ ปวง ในการถอื เอาผาจํานาํ พรรษาน้ี ท้ังใน (อกาล) จีวรที่เก็บไวใ นเรอื นคลงั (ตามปกติ). ถาวา สามเณรทัง้หลาย มากระทาํ การรอ งข้นึ วา ทา นผเู จรญิ พวกผมตมขา วตม พวกผมหงุขาวสวย พวกผมปง ของควรเค้ียว พวกผมถางหญา พวกผมหาไมสฟี นมาพวกผมทําสะเกด็ นาํ้ ยอ มใหควรถวาย ก็อะไรเลา ทช่ี ่ือวา พวกผมไมไ ดท าํพึงใหส ว นเทา กนั แกสามเณรเหลานั้นเทยี ว. การใหส ว นเทากัน เมอื่ พวก

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 337สามเณรทาํ การรองขึน้ พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั หมายเอาสามเณรผูกระทําผดิและสามเณรผมู คี วามกระทาํ ไมป รากฏ. แตในกรุ ุนทแี กว า หากวา สามเณรท้ังหลายวงิ วอนวา ทานผเู จริญ พวกผมไมท าํ งานของสงฆ เพราะเหตุอะไรพวกผมจักทํา พงึ ใหสวนเทากัน. บทวา อุตตฺ รติ กุ าโม มคี วามวา ผปู ระสงคจะขามแมน ้ําหรือทางกันดาร คอื ผไู ดพ วกแลว ประสงคจะหลกี ไปสูทิศ. คาํ วา สก ภาค ทาตุ น้ี พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั หมายเอาเน้ือความนีว้ า เมื่อขนจีวรออกจากเรอื นคลังจดั กองไวแลว ตรี ะฆังแลว ภกิ ษุสงฆประ-ชมุ กนั แลว. ภกิ ษุผไู ดพวกแลว ประสงคจ ะไป อยา ตอ งพลัดพรากจากพวก.เพราะฉะนนั้ เมอ่ื จีวรยงั มิไดขนออกก็ดี ระฆังยงั มิไดกด็ ี สงฆย งั มิไดป ระชุมกนั ก็ดี ไมควรให. แตเมอ่ื จวี รขนออกแลว ตรี ะฆงั แลว ภิกษุสงฆป ระชุมกันแลว ภกิ ษผุ เู ปน เจาหนาท่แี จกจีวร พึงคะเนดูวา สว นของภกิ ษุนพี้ งึ มีเทานี้แลวใหจวี รตามความคาดคะเน; เพราะวาไมอ าจใหเทา ๆ กัน เหมือนชงั่ ดวยตราชง่ั ได เพราะฉะนั้น จะหยอ นไปหรือเกนิ ไปกต็ ามที จีวรท่ใี หแ ลว โดยคาดคะเนโดยนัยอยางน้ี เปนอนั ใหด ว ยดีแท; หยอนไปกไ็ มต อ งแถมใหอ ีกเกินไปก็ไมต อ งเอาคืนฉะนแ้ี ล. ขอวา อติเรกภาเคน มีความวา ภกิ ษุมี ๑๐ รูป ท้ังผูก็มี ๑๐ ผนืเหมอื นกนั ในผา เหลา นัน้ ผืนหน่งึ ตีราคา ๑๒ กหาปณะ ผนื ทเ่ี หลือตรี าคาผนื ละ ๑๐ กหาปณะ; เมอื่ ไดจบั สลากในผาท้งั ปวงดว ยอาํ นาจ ตรี าคาผนื ละ ๑๐กหาปณะเทา กัน สลากในผามรี าคา ๑๒ กหาปณะ ใหตกแกภิกษใุ ด ภกิ ษนุ ัน้เปน ผปู ระสงคจะไปทง้ั สว นทีเ่ กินน้นั ดวยกลาววา จวี รของเรายอมพอเพยี งดวยสว นเทา น้ี ภกิ ษุท้งั หลายกลา ววา ผมู ีอายุ สว นที่เกนิ ตองเปน ของสงฆ;

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 338พระผมู ีพระภาคเจาทรงสดับคาํ นน้ั จงึ ตรสั วา ภกิ ษทุ ั้งหลาย เราอนุญาตเพื่อใหสว นทเี่ กิน ในเม่อื เธอใหส งิ่ ของสาํ หรับทดแทนแลว ดังนี้ เพ่อื แสดงเนอื้ ความน้นั วา ชอื่ วา นอยยอ มไมมใี นของสงฆแ ละของคณะ ภิกษพุ งึ ทําความสํารวมในของสงฆแ ละของคณะท้งั ปวง ถงึ ภกิ ษุผูจะถอื เอาก็พงึ รงั เกียจ. ในบทวา อนกุ ฺเขเป ทนิ ฺเน นนั้ มีความวา ขนึ้ ชอื่ วา สิ่งของสาํ หรับทดแทน ไดแกกปั ปยภัณฑอยา งใดอยา งหนึ่ง ซ่ึงจะพงึ ทดแทน คอื พงึ ใชแทนให ในสวนของภกิ ษุนัน้ ที่เกินไปเทา ใด เมอื่ กัปปยภณั ฑอ ยา งใดอยา งหนึ่งซง่ึ มีราคาเทา นั้น อนั เธอใหแลว. ความบกพรองในคาํ วา วิกลเก โตเสตฺวา น้ี มี ๒ คอื :- บกพรอ งจีวร ๑ บกพรองบคุ คล ๑. ที่ชือ่ วาความบกพรองจีวร พงึ ทราบดังนี:้ - ผา ถึงภิกษรุ ปู ละ ๕ ผืน ๆ ทั่วกนั , ท้งั ยังมีผาเหลอื . แตไ มพ อรูปละผนื ๆ, พงึ ตัดให ; ก็แล เม่อื จะตดั พงึ ทําใหเปนทอนใหพอแกจีวร มีอัฑฒมณฑลเปนตน หรือบรขิ ารอ่นื มถี งุ ใสรองเทา เปนตน; โดยกาํ หนดอยา งต่าํ ท่ีสดุ สมควรตดั ทอนใหกวา งเพยี ง ๔ นว้ิ ยาวพอแกอนุวาต. แตไมพ งึ ทําเปน ทอ นจนใชไมได เพราะฉะนนั้ ขอ ท่ีจีวรไมเ พียงพอ ชอื่ วาความบกพรอ งจีวร ในคําวา วกิ ลเก โตเสตฺวา นี้ ดว ยประการฉะน้.ี อนง่ึ เมอ่ื ตดั จีวรใหแ ลว จวี รนนั้ เปนของแถมใหภ ิกษทุ ้ังหลายพอใจลาํ ดับน้นั พึงทาํ การจับสลาก; ในอนั ธกอรรถกถาแกว า ถึงหากวา ในสว นของภิกษุรูปหนง่ึ ผาจะไมพ อผนื ๑ หรือ ๒ ผืน, พงึ แถมสมณบรขิ ารอยางอน่ื ในสว นน้นั ภกิ ษใุ ดพอใจดว ยสว นนัน้ พงึ ใหส ว นน้นั แกภ ิกษุนั้นแลว พึงทาํ การจับฉลากในภายหลัง; แมน้ีก็ชื่อวา ความบกพรอ งจีวร.

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 339 ท่ีชื่อวา ความบกพรอ งบุคคล พึงทราบดังน้:ี - เม่ือนับภิกษจุ ดั เปนหมวด ๆ ละ ๑๐ รูป หมวดหนึ่งไมครบ มีภกิ ษอุ ยู๘ รูปหรือ ๙ รูป พึงใหแกภกิ ษุเหลาน้ัน ๘ สวน หรอื ๙ สว นวา ทานทงั้หลาย จงนบั สวนเหลานีแ้ บง แจกกันเกิด. ขอ ท่ีบคุ คลไมเพียงพอนี้ ช่อื ความบกพรอ งบคุ คล ตัวประการฉะนี้. กเ็ ม่ือใหเปนแผนกแลว จีวรนั้นยอมเปนของท่ีใหภกิ ษุทัง้ หลายพอใจได, ครน้ั ใหพอใจไดอยางนั้นแลว พึงทาํ การจับสลาก. อกี อยา งหนงึ่ ขอ วา วิกลเก โตเสตวฺ า มีความวา สว นจีวรใดบกพรอง, พึงเอาบรขิ ารอน่ื แถมสว นจีวรนน้ั ใหเทากนั แลว พงึ ทาํ การจับสลาก วา ดว ยน้าํ ยอ ม บทวา ฉกเณน ไดแก โคมยั . บทวา ปณฺฑุมตฺติกาย ไดแก ดนิ แดง. วนิ จิ ฉัยในนํ้ายอ มเกิดแตห วั เปน อาทิ พึงทราบดงั น้ี;- เวน ขมน้ิ เสีย นํา้ ยอมเกิดแตหวั ควรทุกอยา ง. เวนฝางกบั แกแลเสยีน้ํายอมเกดิ แตลําตน ควรทุกอยา ง. ตน ไมมหี นามชนิดหน่ึง ช่อื แกแล,นํ้ายอ มเกดิ แตลําตน แหงแกแลน้ัน เปนของมสี คี ลา ยหรดาล เวน โลดกับมะพูดเสยี น้ํายอ มเกดิ แตเปลือก ควรทกุ อยาง. เวน ใบมะเกลือกับใบครามเสยีนาํ้ ยอมเกดิ แตใ บไม ควรทกุ อยา ง. แตผา ที่คฤหัสถใ ชแลว สมควรยอ มดวยใบมะเกลอื ครงั้ หนึ่ง. เวน ดอกทองกวาวกับดอกดําเสีย นาํ้ ยอมเกิดแตดอกควรทุกอยาง. สว นในน้ํายอมเกิดแตผ ล ผลอะไร ๆ จะไมควรหามไิ ด. น้ํายอมทีไ่ มไดตม เรียกวา นาํ้ เยน็ .

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 340 ตะกรอ สําหรับกันลน นน้ั ไดแ ก เคร่ืองสําหรับกนั กลม ๆ. ความวาเราอนุญาตใหใสเคร่อื งกันนั้นต้ังไวก ลางหมอนาํ้ ยอ มแลว จงึ ใสน ้าํ ยอ ม. ดวยวาเมือ่ ทาํ อยางนนั้ แลว นา้ํ ยอ มยอ มไมล ะ สองบทวา อุทเก วา นขปฏ กิ าย วา มคี วามวา ก็ถาวา นา้ํยอมเปน ของสกุ แลว, หยาตนํ้าที่ใสใ นถาดนํ้า ยอ มไมซา นไปเรว็ . แมห ยดลงบนหลงั เล็บ ยอ มคางอยู ไมซ านออก. บทวา รชนุรุงฺก ไดแ ก กระบวยตกั นํา้ ยอม. บทวา ทณฺฑกถาลกิ  ไดแ ก กระบวยนั่นเอง พรอ มท้ังดา ม. บทวา รชนโกลมพฺ  ไดแ ก หมอ สําหรับยอ ม. บทวา มททฺ นฺติ ไดแ ก ขยาํ กดลง. หลายบทวา น จ อจฺฉนเฺ น ถเว ปกกฺ มฺตุ มีความวา หยาดนํา้ ยอมยงั ไหลไมขาดเพยี งใด, ภกิ ษุไมค วรไปในทอ่ี ืน่ เพียงนน้ั . บทวา ปตถฺ ินฺน คอื จีวรเปนของกระดา ง เพราะยอมเกนิ ไป,อธบิ ายวา นา้ํ ยอมจับเกินไป. สองบทวา อทุ เก โอสาเทตุ มคี วามวา เพ่อื แชไวในน้าํ . ก็แลเมื่อนา้ํ ยอ มออกแลว พงึ เทน้ํานัน้ ท้งิ แลว พงึ บีบจีวร บทวา ทนฺตกสาวานิ ความวา ภิกษฉุ ัพพคั คยี  ยอ มจีวรครั้งเดยี วหรือสองครั้งใชจีวรมีสดี งั สงี าชา ง. วาดว ยจวี รตัด บทวา อจฺจพิ ทธฺ  คอื มีกระทงนาเนอ่ื งกนั เปนส่เี หลี่ยม. บทวา ปาลพิ ทฺ ธ คอื พนู คนั นายาวทัง้ ดา นยาวและดานกวา ง. บทวา มรยิ าทพทธฺ  คือ พูนคันนาค่นั ในระหวางๆ ดวยคนั นาส้ันๆ.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 341 บทวา สงิ ฺฆาฏกพทธฺ  คือ พูนคนั นาเชอื่ มกนั ดงั ทาง ๔ แพรงตามทีซ่ งึ่ คนั นากบั คันนาผา นตดั กันไป, อธบิ ายวา มีสณั ฐานดงั ทาง ๔ แพรง สองบทวา อุสฺสหสิ ตวฺ  อานนฺท มคี วามวา อานนท เธออาจหรือ ? บทวา ส วิทฺหิตุ ไดแ ก เพือ่ ทํา. สองบทวา อุสสฺ หามิ ภควา มคี วามวา ทานอานนทแสดงวาขาพระองค อาจตามนยั ทีพ่ ระองคป ระทาน. บทวา ยตฺร หิ นาม คือ โย นาม วินิจฉัยในคาํ วา กุสมิ ฺป นาม เปนอาทิ พึงทราบดังน้:ี - คําวา กสุ ิ นี้ เปน ชื่อแหงผายาว มีอนวุ าตดา นยาวและดานกวา งเปนตน ตน . คําวา อฑฒฺ กุสิ เปนชอื่ แหง ผาสน้ั ในระหวา ง ๆ. มณฑล นน้ั ไดแ ก กระทงใหญ ในขณั ฑอ ันหนึง่ ๆ แหง จีวรมี๕ ขณั ฑ. อฑั ฒมณฑล นน้ั ไดแก กระทงเลก็ . วิวัฏฏะ น้นั ไดแก ขัณฑต รงกลางที่เยบ็ มณฑลกบั อฑั ฒมณฑลติดกนั . อนุวิวัฏฏะ นนั้ ไดแ ก ๒ ขัณฑทีส่ องขา งแหง ววิ ัฎฏะนัน้ . คเี วยยกะ นนั้ ไดแก ผาตามอนื่ ท่เี ยบ็ ดว ยดา ย เพื่อทําไหท นทานในท่ี ๆ พนั คอ. ชังเฆยยกะ น้นั ไดแก ผาท่ีเย็บอยา งนน้ั เหมือนกนั ในที่ ๆ ปกแขง .

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 342 อาจารยบางพวกกลา ววา คาํ วา คเี วยยกะ และ ชงั เฆยยกะ นั้นเปน ชอื่ แหงผา ท่ตี ัง้ อยใู นทแ่ี หงคอและในที่แหงแขง. พาหนั ตะ นน้ั ไดแก ขัณฑอ ันหนง่ึ ๆ นอกอนวุ ิวฏั ฏะ คําวา กุสมิ ปฺ  นาม เปนอาทิน้ี พระอาจารยท้งั หลายวิจารณแ ลวดวยจวี รมี ๕ ขณั ฑ ดว ยประการฉะนแ้ี ล. อีกประการหนงึ่ คาํ วา อนุววิ ัฏฏะ น้ี เปน ช่อื แหง ๒ ขณั ฑ โดยขา งอันหนึง่ แหง ววิ ฏั ฏะ เปนชอ่ื แหง ๓ ขณั ฑบ าง ๔ ขัณฑบ า งโดยขางอันหน่งึ แหง วิวฏั ฏะ. คาํ วา พาหนั ตะ น้ี เปนชอ่ื แหง ชายท้งั สอง (แหง จีวร) ท่ี ภกิ ษุหมจวี รไดข นาดพอดี มว นพาดไวบ นแขน มดี า นหนาอยูน อก. จรงิ อยู นัยน้แี ล ทานกลาวในมหาอรรถกถา. วา ดว ยไตรจวี ร สองบทวา จวี เรหิ อพุ ฺภณฑฺ กิ เต มีความวา ผูอ นั จีวรท้ังหลายทําใหเปนผมู สี ิ่งของอันทนตองยกขึ้นแลว คอื ทาํ ใหเ ปน เหมือนชนทั้งหลายผูขนของ, อธิบายวา ผอู ันจีวรทัง้ หลายใหม าถึงความเปนผูมสี ิ่งของอันตนตอ งขน. จีวร ๒-๓ ผืน ที่ภกิ ษซุ อนกนั เขาแลว พบั โดยทว งทอี ยางฟกู เรยี กวาฟกู ในบทวา จวี รภิสึ นี.้ ไดยินวา ภกิ ษเุ หลา น้นั ทาํ ในใจวา พระผมู ีพระภาคเจา จกั เสด็จกลบั จากทักขณิ าคริ ีชนบทเร็ว เม่ือจะไปในชนบทนน้ั จึงไดเ ก็บจีวรท่ไี ดในเรื่องหมอชวี กไวแลว จงึ ไป.

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 343 ก็บัดนีพ้ วกเธอสําคญั วา พระผูมพี ระภาคเจา จักเสด็จมาพรอ มดวยจีวร จงึ ถือเอา (จีวร) หลกี ไป. บทวา อนตฺ รฏกาสุ มคี วามวา (ความหนาว) ไดตง้ั อยูในระหวางเดือน ๓ เดือน ๔. หลายบทวา น ภควนฺต สตี  อโหสิ มคี วามวา ความหนาวไมไดม แี ลว แกพ ระผูมพี ระภาคเจา. บทวา สตี าลุกา ไดแก กุลบุตรผูมคี วามหนาวเปน ปกติ คอื ผูลําบากดวยความหนาว โดยปกตเิ ทยี ว. หลายบทวา เอตทโหสิ เยป โข เต กลุ ปุตฺตา มีความวาพระผูมพี ระภาคเจาไมไ ดป ระทบั น่งั ในกลางแจง จะไมท รงทราบเนอื้ ความนี้หามไิ ด แตไ ดทรงทําอยา งน้นั เพอ่ื ใหมหาชนยินยอม. สองบทวา ทฺวคิ ุณ สงฆฺ าฏิ ไดแก สังฆาฏิ ๒ ชัน้ . บทวา เอกจจฺ ยิ  ไดแก ชั้นเดยี ว. เพ่อื ตดั โอกาสแหงถอยคําทว่ี า พระผมู ีพระภาคเจา ทรงยังพระอัตภาพใหเ ปนไป ดว ยจีวร ๔ ผนื ดวยพระองคเอง, แตท รงอนุญาตไตรจวี รแกเ ราทัง้หลาย ดงั นี้ จงึ ทรงอนญุ าตสังฆาฏิ ๒ ช้ัน, ทรงอนุญาตจวี รนอกน้ีช้นั เดียว,จรงิ อยู เมอื่ เปน เชนน้ี จีวรของภิกษเุ หลาน้ันจกั เปน ๔ ผนื ดว ยประการฉะนน้ั แล สองบทวา อคคฺ ฬ อจฺฉเุ ปยฺย มีความวา เราพงึ ดามทอ นผา เกาในทีซ่ ่ึงทะล.ุ บทวา อหตกปปฺ าน ไดแ ก ชักแลวคร้งั เดยี ว. บทวา อุตทุ ตฺ าน ไดแ ก เกบ็ ไวโ ดยฤดู คอื โดยกาลนาน, มีคาํอธิบายวา ผา เกาท่ีมีสตี กแลว. บทวา ปาปณเิ ก ไดแ ก จวี รทเ่ี กา ที่ตกจากรา นตลาด.

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 344 สองบทวา อสุ ฺสาโห กรณีโย ไดแ ก พงึ ทาํ การแสวงหา. แตเขตกาํ หนดไมม ี, จะแสวงหามาแมต ้ังรอ ยผืนกค็ วร. จีวรนที้ ั้งหมด พระผูม ีพระภาคเจาตรัสสาํ หรบั ภิกษุผยู นิ ดี. วนิ จิ ฉยั ในขอวา อคคฺ ฬ ตุนนฺ  นี้ พึงทราบดังน:้ี - ทอนผาท่ีภกิ ษยุ กข้นึ ทาบใหต ดิ กัน ชอื่ ผา ปะ, การเยบ็ เช่อื มดว ยดา ยช่ือการชุน. หว งเปน ทร่ี อยกลัดไว ช่อื รังคุม. ลูกสาํ หรับกลัด เรียกลูกดมุ . ทัฬหีกัมมะ นนั้ ไดแก ทอ นผาทป่ี ระทับลง ไมร้ือ (ผาเกา)ทาํ ใหเปนช้นั รอง. เรอ่ื งนางวิสาชา มีเนือ้ ความตืน้ . เรื่องอื่นจากเร่อื งนางวสิ าขานั้น ไดวินจิ ฉัยแลวในหนหลงั แล. บทวา โสวคฺคิก ไดแ ก ทาํ ใหเปนเหตแุ หง สวรรค. ดวยเหตุนั้นแล พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ตรสั วา เปนไปเพอื่ เกดิ ในสวรรค. ทานใด ยอ มกาํ จัดความโศกเสีย เหตุน้ัน ทานนัน้ ชอ่ื โสกนทุบรรเทาความโศกเสยี . บทวา อนามยา คือ ผไู มม โี รค. สองบทวา สคคฺ มหฺ ิ กายมหฺ ิ ไดแ ก ผเู กดิ ในสวรรค วา ดวยถือวิสาสะเปน ตน สามบทวา ปถุ ุชชฺ นา ถาเมสุ วีตราคา ไดแ ก ปุถุชนผไู ดฌาน. บทวา สนฺทฏิ โ ไดแ ก เพ่อื นทสี่ ักวาเคยเหน็ กัน. บทวา สมฺภตโฺ ต ไดแ ก เพอื่ นผรู วมสมโภค คือเพ่ือนสนทิ .

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 345 บทวา อาลปโต ไดแก ผูอนั เพอื่ นส่ังไวอยางน้ีวา ทานตองการสง่ิ ใดซงึ่ เปนของเรา. ทา นพงึ ถือเอาส่งิ น้นั เถดิ . วสิ าสะยอมข้นึ ดว ยองค ๓ เหลานี้ คอื ยงั เปน อยู ๑ เม่ือของนน้ั อันตนถอื เอาแลว เจาของเปนผพู อใจ ๑ กับองคอันใดอันหนึ่งใน ๓ องคเ หลา นัน้ . บทวา ป สกุ ูลิกโต คือ ผา อตุ ราสงคท ท่ี ําดวยผา บงั สกุ ุล สองบทวา ครโุ ก โหติ คอื เปนของหนกั เพราะทาบผา ปะในที่ซง่ึ ชาํ รดุ แลว ๆ. สองบทวา สตุ ฺตลขู  กาตุ มคี วามวา เพอื่ ทาํ การเย็บตรึงดวยดายเทานน้ั . บทวา วกิ ณโฺ ณ คอื เม่อื ชักดา ยเยีบ มุมสงั ฆาฏขิ างหนึ่งเปน ของยาวไป. สองบทวา วิกณฺณ อทุ ธฺ รติ ุ คือ เพ่ือเจียนมมุ ที่ยาวเสยี . บทวา โอถริ ยิ นฺติ คือ ลยุ ออกจากมมุ ท่ีตดั . สองบทวา อนุวาต ปรภิ ณฑฺ  ไดแก อนุวาตและผาหุมขอบ. สองบทวา ปตตฺ า ลชชฺ นตฺ ิ คือ ดายทั้งหลายทีเ่ ย็บในหนาผา ใหญยอมหลุดออก คอื ผา ลุยออกจากผา ผืนเกา นน้ั . สองบทวา อฏปทก กาตุ คอื เพ่อื เยบ็ หนา ผา ดว ยตะเขบ็ อยางรอยในกระดานหมากรุก. สองบทวา อนฺวาธก ป อาโรเจตุ คือ เพอ่ื เพ่ิมผาดาม. แตผ าดามน้ี พึงเพิ่มในเมอ่ื ผาไมพออ, ถาผา พอ ไมควรเพม่ิ ผาดาม พงึ ตัดเทานัน้ .

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 346 วาดว ยทําสัทธาไทยใหต กเปนตน วนิ จิ ฉัยในคาํ วา น ภกิ ขฺ เว สทฺธาเทยยฺ  น้ี พงึ ทราบดงั น:ี้ - เมอ่ื ใหแ กญาตทิ เ่ี หลอื ทง้ั หลาย ซ่งึ ยงั สทั ธาไทยใหตกไปแท, สว นมารดาบดิ าแมตั้งอยใู นความเปนพระราชา ถาปรารถนา พงึ ให. บทวา คลิ าโน ไดแ ก ผูไมสามารถจะถอื เอาไปได เพราะเปนผอู าพาธ. บทวา วสสฺ ิกสงเฺ กต ไดแ ก ๔ เดือนในฤดฝู น. บทวา นทีปาร ไดแก ภตั เปนของอนั ภิกษพุ ึงฉนั ท่ีฝงแมน ํ้า. บทวา อคคฺ ฬคุตตฺ วิ ิหาโร มคี วามวา กก็ ฎุ ที ่อี ยมู ลี ่ิมเปน เครื่องคุม ครองเทานั้น เปนประมาณในความเปน ผอู าพาธ ความกาํ หนด หมายความวา เปนเดอื นมใี นฤาดูฝน ความไปสูฝงแมนาํ้ และความมกี ฐินอนั กรานแลวเหลานั้นทั้งหมดทเี ดียว. จริงอยู ภิกษุเกบ็ ไวใ นกุฎีท่ีอยูท ี่คมุ ครองเทา น้นั จึงควรไปในภายนอก เก็บไวในกุฎีทอ่ี ยทู ี่ไมไ ดคมุ ครองไมค วรไป. แตกุฎีทอี่ ยูของภกิ ษุผอู ยปู า . ยอมไมเ ปน กุฎที ีอ่ ยูค มุ ครองดวยดี อันภิกษุผูอ ยูปาน้นั พงึเกบ็ ไว ในหมอสาํ หรบั เก็บของแลว ซอ มไวใ นท่ีอันมิดชดิ ดี มีโพรงศิลา และโพรงไมเปน ตนแลวจงึ ไป. วา ดวยผา ทเ่ี กิดขั้นในจวี รกาล ขอวา ตุยเฺ หว ภิกขฺ ุ ตาหิ จวี รานิ มีความวา จวี รเหลานน้ั แมทีเ่ ธอถือนําไปแลวในทีอ่ ่นื ยอมเปนของเธอเทานัน้ , ใคร ๆ อน่ื ไมเ ปน ใหญแหง จวี รเหลานนั้ . กแ็ ล คร้ันตรสั อยางนน้ั แลว จงึ ตรัสคําวา อิธ ปน เปน อาทิ เพ่ือแสดงวา แมในอนาคต ภิกษุทงั้ หลายจักเปน ผไู มม ีความรังเกียจถอื เอา.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 347 ขอ วา ตสฺเสว ตานิ จีวรานิ ยาว กนิ สฺส อพุ ภาราย มคี วามวา หากวา ไดภ ิกษุครบคณะ กฐนิ เปน อันกรานแลว จีวรเหลานั้น เปนของเธอตลอด ๕ เดอื น; ถาไมไดกรานกฐิน ตลอดจีวรมาสเดือนเดียวเทา นนั้ .จวี รใด ๆ อันพวกทายกถวายวา ขา พเจา ถวายแกส งฆ ก็ดี ถวายวา ขาพเจาถวายเฉพาะสงฆ กด็ ี ถวายวา ขา พเจาถวายแกส งฆผูจําพรรษาแลว กด็ ีถวายวา ขา พเจาถวายผา จํานาํ พรรษา กด็ ี ถงึ แมวา จวี รมรดกย่ิงมิไดแจกภิกษุทั้งหลายเขา ไปสูวดั น้นั ๆ จีวรทง้ั ปวงนน้ั ยอ มเปน ของภกิ ษผุ กู รานกฐนิ นัน้เทาน้นั ภกิ ษุนนั้ ถือเอาผาจํานาํ พรรษาแมใด จากทุนทรพั ยไวยาวจั กรต้ังไวป ระกอบดอกเบ้ยี เพือ่ ประโยชนแ กผา จาํ นาํ พรรษา หรือจากกัลปนาสงฆอนั เกิดในวัดนัน้ ผาจาํ นําพรรษาน้นั ทั้งหมดเปน อันเธอถือเอาดวยดแี ท. จริงอยู ในคําวา ตสเฺ สว ตานิ จิวรานิ ยาว กินสฺส อพุ กฺ ารายนี้ มลี ักษณะดังนี:้ - ผาทเ่ี กดิ ขึน้ แกสงฆดวยอาการใด ๆ ก็ตาม ยอมถึงแกภิกษุผกู รานกฐินแลวตลอด แกภ กิ ษุไมไดก รานกฐนิ ตลอดจีวรมาสเดอื นหนึ่ง.สว นผา นใี้ ดทีท่ ายกบอกถวายวา ขาพเจา ถวายแกส งฆผ จู ําพรรษาในวัดน้ี หรือวา ขา พเจาถวายผา จํานาํ พรรษา ผา นัน้ ยอมถงึ แมแ กภิกษผุ ูมไิ ดกรานกฐนิตลอด ๕ เดอื น. ผา จํานําพรรษาทเี่ กดิ ขึ้น นอกจากผาทกี่ ลา วแลวนั้น ภิกษุพึงถามดวู า น่เี ปนผา จาํ นาํ พรรษาสําหรับพรรษาทีล่ ว งไปแลว หรือ ? หรือวาสําหรับพรรษาทีย่ งั ไมม า เหตุไรจงึ ตอ งถาม ? เพราะผา น้นั เกิดข้นึ หลังสมยั วา ดว ยผา ท่ีเกิดขนึ้ ในฤดกู าล บทวา อตุ กุ าล ไดแก กาลอื่นจากฤดฝู น. วนิ ิจฉัยในคาํ วา ตานิ จวี รานิ อาทาย สาวตฺถึ คนฺตวฺ า นี้ พงึทราบดงั นี้:-

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 348 จวี รเหลาน้นั ยอมเปนของสงฆในท่ี ๆ เธอไปถงึ แลว ๆ เทา นั้น ผาสักวาอนั ภิกษทุ งั้ หลายเหน็ แลว เทานนั้ เปนประมาณในการถือเอาจวี รนี้: เพราะเหตนุ ั้น หากภกิ ษบุ างพวกเดนิ สวนทางนา ถามวา ไปไหนคณุ ไดฟ ง เนอื้ความนน้ั แลวกลา ววา เราทง้ั หลายไมเปน สงฆห รือคุณ ? แลว แบง กนั ถอื เอาในทนี่ ้นั ทเี ดยี ว เปน อนั ถือเอาดว ยดี. แมถ าวา ภิกษุนน้ั และออกจากทาง เขาสูวัดหรอื อาสนศาลาบางแหง กด็ ี เมอื่ เทีย่ วบิณฑบาต เขาสูเฉพาะเรือนหลังหนง่ึ กด็ ี ก็แล ภิกษุท้งั หลายในท่ีนัน้ เห็นเธอแลว ถามเนื้อความน้นั แลวแบงกนั ถือเอา เปนอนั ถอื เอาดวยดีเหมือนกัน. วินิจฉยั ในขอวา อธิฏ าตุ นี้ พึงทราบดงั น:ี้ - อันภกิ ษผุ จู ะอธิษฐาน พึงรูจกั วัตร ความพิสดารวา ภิกษนุ ้ันพึงท่ีระฆงั ประกาศเวลาแลว คอยหนอ ยหนง่ึ ถา ภกิ ษุท้งั หลายมาตามสญั ญาระฆงัหรอื ตามกําหนดเวลา พงึ แบง กับภกิ ษเุ หลานนั้ ; ถา ไมมา พงึ อธษิ ฐานวา จีวรเหลาน้ี ถงึ แกเรา เม่ืออธษิ ฐานแลว อยา งนน้ั จีวรท้งั ปวงเปน ของเธอเทา นนั้ .สวนลาํ ดับไมคงอย.ู ถา ยกขน้ึ ท่ีละผนื ๆ ถือเอาอยางน้วี า นส้ี ว นที่ ๑ ถงึแกเ รา นส่ี วนท่ี ๒, อนั จวี รทเี ธอถอื เอาแลว เปน อันถือเอาแลวดว ยด;ี แตลําดบั คงตง้ั อยู. จวี รเปน อันภิกษุผแู มใหถงึ ถอื เอาอยูอยา งน้ัน อธษิ ฐานแลวเหมือนกนั แตถ า ภกิ ษุดรี ะฆังหรอื ไมดีกต็ าม ประกาศเวลาหรอื ไมป ระกาศก็ตาม ถอื เอาดวยทาํ ในใจวา ท่นี ม่ี แี ตเราเทา นน้ั จวี รเหลา นยี้ อมเปนของเฉพาะเรา จีวรเหลา นั้น เปนอนั ถือเอาไมช อบ. หากเธอถอื เอาดว ยทําในใจวา ที่น่ีไมม ใี คร ๆ อื่น จวี รเหลา น้ยี อ มถงึ แกเ รา เปนอันถอื เอาดวยด.ี สองบทวา ปาติเต กเุ ส มคี วามวา เมอื่ สลากในสว นอนั หนงึ่ สักวาใหจบั แลว แมถามภี กิ ษุตง้ั พันรูป จีวรช่อื วาอนั ภกิ ษุท้ังปวงถือเอาแลว แท.

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 349 ขอ วา นากามา ภาโค ทาตพโฺ พ มีความวา กถ็ า วา ภกิ ษทุ ัง้ หลายเปนผปู ระสงคจะใหต ามชอบใจของตนไซร จงใหเถิด. แมใ นอนภุ าคกม็ ีนัยอยางนีเ้ หมอื นกนั . บทวา สจวี รานิ มีความวา ชนท้ังหลายพดู กนั วา เราทง้ั หลายจกัถวาย แมซง่ึ กาลจีวรแกส งฆ จากสว นอันจะพึงถวายแกพระเถระนี้เทยี ว เมอ่ืกาลจวี รนัน้ อันเราทัง้ หลายจัดไวแ ผนกหนง่ึ จะชาเกนิ ไป ดงั นแี้ ลว ไดท าํ ภัตทั้งหลายพรอ มทง้ั จวี รโดยทนั ทีทเี ดียว. หลายบทวา เถเร อาคมฺม อุปฺปนนฺ านิ มคี วามวา จวี รเหลานี้พลนั เกิดขึ้นเพราะความเลอ่ื มใสในทานทัง้ หลาย. ขอ วา สงฺฆสสฺ เทมาติ จวี รานิ เทนฺติ มคี วามวา ชนทัง้ หลายถวายลา ชา จนตลอดจีวรกาลท้งั ส้ินทเี ดยี ว. สวนใน ๒ เร่ืองกอ น พระธรรมสงั คาหกาจารยก ลาววา อท สุ เพราะชนทง้ั หลายมีการถวายอันกาํ หนดแลว สองบทวา สมฺพหลุ า เถรา ไดแ ก พระเถระผูเปน หัวหนา แหงพระวนิ ยั ธรทงั้ หลาย. กแ็ ล เร่อื งนี้กับเรื่องพระเถระสองพนี่ องกอ นเกิดขน้ึ เมอื่พระผูมพี ระภาคเจา ปรินิพานแลว สว นพระเถระเหลาน้เี ปนผเู คยเหน็ พระตถาคตเพราะเหตุน้ัน ในเรือ่ งกอ น ๆ พระธรรมสงั คาหกาจารยทั้งหลายไดกลา วแลวตามนัยที่พระตถาคตทรงบัญญัติไวนั้นแล. สองบทวา คมากาวาส อคมาสิ มีความวา พระอุปนันทศากย-บุตรน้นั กําหนดแลว เทียว ซ่งึ กาลเปน ที่แบง จีวรวา แมไฉนภิกษุทัง้ หลายเมื่อแบง จีวรกัน พงึ ทําความสงเคราะหแ กเราบาง ? ดังน้ี จึงไดไป.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 350 บทวา สาทยิ ิสสฺ สิ คอื จักถอื เอาหรือ ? จริงอยู ในเร่ืองนสี้ ว นยอมไมถงึ แกพ ระอปุ นันทศากยบตุ รน้ัน แมโดยแท ถึงกระนนั้ ภิกษุเหลานั้นไดกลา ววา ทานจกั รบั หรอื ? ดงั น้ี กด็ วยทาํ ในใจวา พระเถระน้ี เปนชาวกรุง เปน ธรรมกถกึ มีปากกลา. ก็วินจิ ฉัยในขอ วา โย สาทเิ ยยยฺ , อาปตฺติ ทุกกฺ ฏสสฺ น้ี พงึ ทราบดังนี้. เปน ลหุกาบตั กิ จ็ รงิ อยู ถึงกระน้นั จีวรท่ีถอื เอาแลว ก็ควรคืนใหใ นที่ซึ่งคนถอื เอา; แมหากวา จีวรเหลา นั้นเปนของเสียหายไปกด็ ี เกา ไปกด็ ียอมเปนสนิ ใชแกภิกษนุ ้นั แท. ครน้ั เมื่อภกิ ษเุ หลา นนั้ กลา ววา ทานจงให เมือ่เธอไมให พงึ ใหปรับตามราคาของในเม่อื ทอดธุระ. บทวา เอกาธิปปฺ าย มีความวา ทานทงั้ หลาย จงใหส วนเปนที่ประสงคอันเดยี ว คอื สว นแหงบุคคลผเู ดียวเทาน้นั . บดั น้ี พระผูม พี ระภาคเจาจะทรงวางแบบ จึงตรัสคาํ วา อธิ ปน เปน อาทิ เพอ่ื แสดงอาการสาํ หรบัภกิ ษุจะพึงใหส วนเฉพาะบุคคลผูเดยี วน้ัน. บรรดาบทเหลาน้นั หลายบทวา สเจ อมตุ รฺ อุปฑฺฒ อมุตรฺอุปฑฒฺ  มคี วามวา หากวา ภกิ ษุนั้น อยใู นวัดตาํ บลละวนั หนงึ่ บาง ๗ วนับา ง บุคคลผูเ ดยี ว ยอ มไดสวนใด ในวดั ตาํ บลหนึ่ง ๆ พงึ ใหว ัดละก่งึ สวน ๆ.จากสวนน้นั ๆ. สว นเปน ทป่ี ระสงคอ นั เดยี ว ช่ือเปนอันภกิ ษทุ ั้งหลายใหแ ลวดวยประการฉะน.้ี ขอวา ยตฺถ วา ปน พหุตร มคี วามวา ถา ภิกษุอยใู นวดั หน่งึ รบัแตอ รุณเทา นน้ั โดยวาระ ๗ วนั ในวดั นอกนี้ ดวยประการอยา งนีเ้ ธอชอื่ วาอยูมากกวาในวัดกอน; เพราะฉะนัน้ พึงใหสวนจากวัดท่อี ยมู ากกวา น้นั แกเ ธอ:


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook