Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_07

tripitaka_07

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_07

Search

Read the Text Version

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 351สว นเปน ทปี่ ระสงคอ นั เดียว เปน อนั ภกิ ษทุ ั้งหลายใหแ ลว ดวยประการอยา งน้ีบาง. กก็ ารใหส ว นเปน ท่ปี ระสงคอันเดยี วน้ี พระผมู ีพระภาคเจาตรัสดว ยหลายวดั มสี ีมาเดียวกนั แตตา งลาภ ตา งอุปจาระกัน. สว นในวัดทตี่ างสมี ากัน การถอื เสนาสนะยอมระงับ. เพราะเหตุน้นั ส้นิ แหง จวี รในวดั น้นั ยอมไมถงึ(แกเธอ). แตสิ่งของท่ีเหลือทัง้ หมด มีอามิสและเภสัชเปน ตน ยอ มถงึ แกภิกษผุ ูอยภู ายในสีมา ในวดั ท่มี สี ีมาเดยี วกนั และวัดที่มสี ีมาตาง ๆ กนั ทั้งปวง. วาดว ยคลิ านปุ ฏ ฐาก สองบทวา มจฺ เก นปิ าเตสุ มีความวา ครั้นลา งแลวอยางน้ันนุงผา กาสาวะผืนอ่ืนใหแ ลว จงึ ใหนอนบนเตียน; กแ็ ลพอใหนอนแลว พระ-อานนทผ ูมีอายุ ไดซักผากาสาวะทีเ่ ปอ นมูตรและกรสี แลว ไดทําการชาํ ระลา งทพี่ ้นื . ขอวา โย ภกิ ฺขเว ม อุปฏ เหยฺย โส คิลาน อุปฏ เหยฺย มีความวา ภกิ ษใุ ด พงึ อปุ ฏ ฐากเราดว ยทาํ ตามโอวาทานศุ าสน,ี ภิกษุนน้ั พึงอุปฏ ฐากภกิ ษผุ ูอาพาธเถดิ . ในขอน้ี มีเนื้อความดังน้วี า ภกิ ษุผทู ําตามโอวาทของเรา พึงอปุ ฏ -ฐากภิกษุผอู าพาธ และในขอ น้ี ไมควรถือเอาเนอื้ ความอยางนว้ี า การอุปฏ ฐากพระผูมพี ระภาคเจา กับอุปฏฐากภกิ ษุผอู าพาธเปนเชน เดยี วกนั . ขอวา สงเฺ ฆน อุปฏ าเปตพโฺ พ มีความวา ภิกษเุ หลา น้ีอปุ ช -ฌายเ ปนตน ของภกิ ษใุ ด ไมมีในวดั น้ัน ภกิ ษใุ ดเปนอาคนั ตกุ ะเทย่ี วไปรูปเดียว, ภิกษุนน้ั เปนภาระของภิกษุสงฆ เพราะเหตนุ ้ัน เธออันสงฆพงึ อปุ ฏ ฐากถาไมอ ปุ ฏฐาก เปนอาบัตแิ กส งฆทัง้ สิน้ . ก็แล ในภิกษุท้งั หลายผตู ้งั วาระพยาบาล ภิกษใุ ด ไมพ ยาบาลในวาระของตน เปนอาบัตแิ กภ กิ ษนุ ั้นเทาน้นั . แมพระสังฆเถระกไ็ มพน จากวาระ.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 352 ถา สงฆท งั้ สิน้ ไวภ าระแกภิกษุรปู หนึ่ง หรือภกิ ษุผูบ รบิ รู ณดว ยวัตรรปูหน่ึง รบั รองวา ขาพเจาจกั พยาบาลเอง แลว ปฏิบัตอิ ยู สงฆพ น จากอาบัต.ิ ในขอ วา อภกิ ฺกนฺต วา อภกิ กฺ มติ เปนอาทิ พงึ เห็นใจความอยางนีว้ า:- ภกิ ษุผูอาพาธไมชี้แจงอาพาธอนั กาํ เริบอยูต ามจรงิ วา เม่อื ขาพเจาบรโิ ภคยาชอื่ นี้ อาพาธกาํ เรบิ เม่อื ขาพเจา บรโิ ภคยาชอื่ น้ี อาพาธคอ ยทุเลาเมื่อขาพเจาบริโภคยาชอื่ น้ี อาพาธทรงอยู. บทวา นาล มีความวาผไู มเหมาะ คอื ไมส มควรเพ่ือพยาบาล. สองบทวา เภสชฺช ส วิธาตุ มคี วามวา เปนผไู มสามารถเพ่อืประกอบยา. บทวา อามสิ นฺตโร มวี เิ คราะหว า อามสิ เปน เหตขุ องภิกษุน้ันเพราะฉะน้ัน ภิกษุนั้นชือ่ ผูมอี ามิสเปน เหตุ. เหตุทานเรยี กวา อนฺตร ความวาภิกษุผมู ีอามิสเปนเหตุ ปรารถนายาคู ภตั บาตร และจวี ร จงึ พยาบาล. บทวา กาลกเต คอื เพราะทาํ กาลกิริยา. วินิจฉยั ในขอ วา คิลานปุ ฏ าถาน ทาตุ นี้ พึงทราบดังน้:ี - บาตรและจีวร ของภกิ ษุผทู ํากาลกริ ิยาน้ัน อนั สงฆใ หแกภิกษผุ ูพยาบาล ดวยกรรมวาจาทต่ี รสั เปนลาํ ดับไปก็ดี อปโลกนใ หก ็ดี ยอมเปน อันใหเหมือนกัน, ควรท้ังสองอยาง. ในขอ วา ย ตตฺถ ลหุภณฺฑ ย ตตถฺ ครุภณฺฑ ขาพเจาจกัพรรณนาความกระทาํ ตา งกนั แหงลหุภัณฑและครภุ ัณฑข า งหนา.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 353 วินิจฉัยในลาภของภิกษผุ พู ยาบาลไข สวนในลาภของภกิ ษผุ พู ยาบาลไข มีวนิ ิจฉัยตงั้ แตตน ดังตอไปน:้ี - หากภิกษสุ งฆทง้ั ส้นิ พยาบาล ภิกษุไขทํากาลกิริยา, เปน เจา ของทงั้ หมด. หากวา บางพวกทาํ เวร. บางพวกไมทําเวรเลย, ภิกษไุ ขทํากาลกริ ิยา,ในกาลกริ ิยาอยา งนน้ั ของภกิ ษุนัน้ อาจารยบ างพวกกลาววาภิกษุแมท ง้ั ปวง พงึทําในวาระท่ีถึงคน, เพราะฉะนั้นภกิ ษแุ มทง้ั ปวงเปนเจาของ บางพวกกลาววา ภิกษไุ ขน นั้ อันภกิ ษเุ หลาใดพยาบาล ภิกษุเหลานัน้ เทา นนั้ ยอ มได, ภิกษุนอกจากนน้ั ไมไ ด. ถาวา เม่อื สามเณรแมทํากาลกิริยา จวี รของเธอมอี ยู. พึงใหแ กผ ูพยาบาลไข, ถาจวี รไมม,ี สิ่งใดมี พงึ ใหส่ิงนัน้ . เมอ่ื บริขารอน่ื มีอยู พึงทําใหเปนสว นแหงจวี รให. ท้ังภิกษแุ ละสามเณร ถาวา พยาบาลเทากนั , พงึ ใหส ว นเทา กนั หากวา สามเณรเทานนั้ พยาบาล, กิจสกั วา ชวยจดั แจงเทา น้ันเปน ของภิกษุ พงึ ใหสวนใหญแ กสามเณร. ถา วา สามเณรตมยาคูดว ยน้ําทีภ่ กิ ษุนาํ มา ทํากิจสกั วาใหรบั ประเคนเทา น้นั , ภิกษุพยาบาล, พึงใหส ว นใหญแ กภกิ ษุ. ภิกษหุ ลายรูป เปนผูพรอ มเพรยี งชวยกนั พยาบาลท้ังหมด, พึงใหสว นเทากัน แกเ ธอทวั่ กนั . ก็ในภกิ ษุเหลานี้ รปู ใดพยาบาลโดยพเิ ศษ, พึงใหส ว นพิเศษแกภ ิกษุนั้น. อนง่ึ ผูใ ดหุงตมยาคูและภตั ให หรอื จัดแจงอาบนา้ํ โดยเนอ่ื งดว ยผูพยาบาลไข วนั หน่งึ , แมผูน้นั ก็จดั วา ผูพยาบาลไขเ หมอื นกัน.

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 354 ภกิ ษุใดไมเขาใกล สง แตยาและขา วสารเปน ตน บา ง, ภกิ ษุนีไ้ มจัดวาผพู ยาบาลไข. ฝายภิกษใุ ด แสวงหาใหอ นุปสัมบนั ถอื มา, ภกิ ษนุ ้จี ดั เปน ผพู ยาบาลไขแท, พงึ ใหสว นแมแกภิกษุน้ัน. รูปหนง่ึ พยาบาลดว ยเพง วตั รเปนใหญ, รปู หนงึ่ พยาบาลดว ยหวงั ลาภในเวลาทภ่ี กิ ษไุ ขมรณภาพ เธอท้งั สองจํานง, พงึ ใหแกเธอทงั้ สองรปู รูปหนึ่งพยาบาลแลว ไปในทไ่ี หน ๆ เสยี ดวยธรุ ะของภิกษุไข หรือดวยธุระของตน คดิ วา เราจักมาพยาบาลอกี แมภ กิ ษนุ กี้ ค็ วรให. รปู หน่งึ พยาบาลอยูน านแลว ทอดธุระไปเสียวา บัดน้ี เราไมสามารถแมถา วา ภกิ ษุไขมรณภาพในวนั น้ันเอง ไมพ ึงใหส วนแหง ผูพยาบาล. ข้ึนชือ่ วา ผูพยาบาลไข เปน คฤหัสถ หรอื เปนบรรพชิต หรือโดยท่สี ดุ แมเ ปนมาตุคามกต็ ามที ทุกคนยอมไดส ว น. หากวา ของภกิ ษนุ ้ัน มีแตสักวาบาตรและจวี รเทา นน้ั , ของอื่นไมมี. บาตรและจีวรทง้ั หมด พงึ ใหแกผพู ยาบาลไขเทา น้นั , แมห ากวา จะตีราคาตงั้ พัน. แคผูพ ยาบาลเหลานั้น ยอมไมไดบริขารแมม ากอยางอืน่ บรขิ ารอยา งอน่ื ยอมเปน ของสงฆเทา นัน้ . ส่ิงจองท่เี หลอื มากและมรี าคามาก ไตรจวี รมีราคานอ ย, บรขิ ารคือไตรจวี รพึงถือเอาจากส่ิงของท่ีเหลอื น้ันให. ก็บาตรไตรจีวรนั้นท้งั หมดอันผพู ยาบาลไข ยอมไดจากของสงฆเทียว กถ็ าวา ภิกษไุ ขน นั้ ยังเปนอยูทีเดียว ไดปลงบริขารของตนทง้ั หมดใหแกใ คร ๆ เสยี , หรอื วา ใคร ๆ ไดถอื วิสาสะเอาเสีย, ของนน้ั เธอใหแลว แกผูใด, และอนั ผใู ดถอื เอาแลว , ยอ มเปน ของผนู ั้น เทาน้นั , ผพู ยาบาลไขยอมไดดว ยความชอบใจของผูน้นั เทา น้นั .

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 355 ฝา ยบริขารทั้งหลายท่ภี กิ ษไุ ขไมไ ดใ หแกบุคคลเหลา อนื่ เก็บไวใ นท่ีไกล ยอ มเปนของสงฆใ นที่นั้น ๆ เทา น้นั . ถา เปน ของ ๒ เจา ของมไิ ดแบงกนั , เมอ่ื ฝายหนึ่งทํากาลกิริยา อีกฝายหนงึ่ ยอมเปน เจา ของ, ในของแมม ากเจา ของ ก็นัยนแี้ ล. เมือ่ เจา ของมรณภาพ ท้งั หมด ยอ มเปน ของสงฆ. ถงึ หากวา ภกิ ษผุ เู ปน เจาของเหลา นน้ั ไมแ บงกนั ใหแกนิสติ ทั้งหลายมสี ัทธิวิหารกิ เปน ตน , ไมเ ปน อันใหเ ลย, ตอสละใหแ ลว จงึ เปนอนั ใหด วยด,ีเม่อื ภกิ ษุผูเปน เจาของเหลา นนั้ แมม รณภาพแลวยอ มเปน ของนสิ ติ ท้ังหลาย มีสทั ธิวหิ ารกิ เปน ตน เทานนั้ , ไมเ ปนของสงฆ. วา ดวยจีวรที่ไมค วร วนิ ิจฉัยในจีวรคากรองเปน อาท.ิ พึงทราบดังน:้ี - บทวา อกฺถนาล ไดแ ก จีวรทที่ ําดว ยกา นรัก. ผาที่ทาํ ดวยปอ เรียกวา ผา เปลือกไม. ผาทีเ่ หลอื ไดก ลาวไวแ ลวในอรรถกถาแหงปฐมปาราชิก.๑ ในผาเหลาน้นั เฉพาะผาเปลือกไม ปรบั ทุกกฏ ในผาทเ่ี หลือปรบัถุลลัจจัย. สว นผา เปลือกรัก ผา กาบกลวยและผาเปลือกละหุง มคี ตอิ ยา งผาเปลอื กไมเ หมอื นกัน. จวี รมีสีเขียวลวนเปนตน พึงสาํ รอกสเี สีย ยอ มใหมแลว จึงใช ถาเปนของท่ไี มอ าจสาํ รอกสไี ด, พงึ ใหก ระทาํ เปน ผาปลู าดหรอื พงึ แทรกไวใ นทา มกลางจีวรสองขนั .๑. สมนฺต. ปฐม. ๒๗๙.

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 356 ความเปนตาง ๆ กนั แหง สขี องจวี รเหลานั้น มีนัยดังกลาวแลว ในรองเทาน่นั แล. ผา ทง้ั หลายที่มีชายไมไ ดต ดั และมชี ายยาว พึงตดั ชายเสยี แลว จงึ ใช. ภิกษไุ ดเสอ้ื แลว เลาะออกยอ มใช ยอ มควร. แมใ นผาโพกกน็ ยั น้ีแล. สว นหมวกเปนของทท่ี าํ ดวยเปลือกไม จะทาํ หมวกนั้น ใหเ ปน ของสําหรับเช็ดเทา กค็ วร. วาดวยผูค วรรบั จวี รเปนตน สองบทวา ปฏิรเู ป คาหเก มีความวา ถา ภิกษบุ างรปู รับเอาดวยกลาววา เรารบั แทนภิกษนุ น้ั พงึ ให. ดว ยประการอยางนแ้ี ล บรรดาบคุ คล๒๓ คน เหลา น้ัน ไมไ ด ๑๖ คน ได ๗ คน ฉะนีแ้ ล. สองบทวา สงโฺ ฆ ภชิ ฺชติ มีความวา ภกิ ษุทงั้ หลายแตกกันเปน๒ ฝา ย เหมือนภกิ ษุชาวเมอื งโกสมั พ.ี สองบทวา เอกสมฺ ึ ปกฺเข มีความวา ชนทงั้ หลายถวายนํา้ ทักขิโณทกและวตั ถุมีของหอมเปน ตนในฝา ยหนึง่ . ถวายจีวรในฝา ยหนงึ่ . บทวา สงฺฆสฺเสเวต มคี วามวา จีวรนัน้ ยอ มเปนของสงฆท ง้ั สิน้คือ ของทัง้ สองฝา ย, ทัง้ สองฝา ยพงึ ตรี ะฆังแลวแบง ดว ยกัน. บทวา ปกฺขสเฺ สเวต มีความวา เม่ือชนท้ังหลายถวายอยางน้นั น้ํา-อนั เขาถวายแลว แกฝา ยใด, น้าํ นน่ั แลยอ มเปนของฝา ยนั้น จวี รอันถวายแลวแกฝ า ยใด จวี รยอมเปนของฝายนั้นเทา น้นั . ในมหาอรรถกถาแกว า ก็ในท่ีใด น้าํ ทักขโิ ณทกเปนประมาณ ในที่นัน้ ฝา ยหนงึ่ ยอมไดจีวร เพราะคนไดน า้ํ ทักขโิ ณทก ฝา ยหนึ่งก็ยอมได

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 357เพราะคา ทจี่ ีวรน้นั แลตนไดแลว , เพราะฉะนัน้ สองฝายพึงเปนผพู รอมกันแจกกันตามลาํ ดับผแู ก. ไดย นิ วา นเี่ ปน ลักษณะในสมทุ รอื่น๑ (คอื ชมพทู วปี ) สวนในขอ วา ตสมฺ ึเยว ปกเฺ ข นี้ มีความวา ฝายนอกน้ไี มเ ปนใหญเ ลยทเี ดียว. เรอ่ื งสงจวี รไปชดั เจนแลว แล. มาตกิ า ๘ แหง ความเกิดข้นั แหง จวี ร บดั น้ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั คําเปน ตน วา อฏ ิมา ภกิ ฺขเวมาติกา เพือ่ แสดงเขตเปนทไ่ี ดจ วี รที่ตรสั แลว จําเติมแตตน. คําวา สมี าย เทติ เปนอาทิ ตรัสโดยนยั ปคุ คลาธิษฐาน. ก็บรรดามาติกาเหลา น้ี การถวายแกส ีมา เปน มาตกิ าท่ี ๑. การถวายตามกติกา เปน มาติกาที่ ๒, การถวายในทซ่ี ง่ึ ตกแตง ภิกษา เปนมาตกิ าที่ ๓,การถวายแกสงฆ เปนมาติกาที่ ๔, การถวายแกส งฆ ๒ ฝาย เปนมาตกิ าที่ ๕,การถวายแกส งฆผจู าํ พรรษา เปนมาติกาท่ี ๖, การถวายจําเพาะ เปนมาตกิ าท่ี๗, การถวายแกบุคคลเปน มาติกาที่ ๘. วนิ จิ ฉยั ในมาทิกาเหลานัน้ พงึ ทราบดงั นี้:- เมอ่ื ทายกถวายพาดพิงถึงสมี าอยา งน้วี า ขา พเจา ถวายแกสีมา ชื่อถวายแกส มี า. ในมาตกิ าท้ังปวงก็นยั นีแ้ ล. ถวายแกสีมา กใ็ นมาติกาที่ ๑ นีว้ า ถวายแกสีมา ในมาตกิ านทิ เทสตนที่วา ทายกถวายแกสีมา, ภกิ ษมุ ีจํานวนเทาใดอยภู ายในสีมา ภกิ ษุเหลานน้ั พงึ แจกกนัดงั นี้ พึงทราบสีมา ๑๕ ชนิดกอน คือ:- ๑. ปรสมทุ ฺเทติ ชมฺพทู ีเปติ สารตถฺ จ วมิ ติ จ.

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 358 ขณั ฑสีมา อุปจารสมี า สมานสังวาสสีมา อวิปปวาสสีมา ลาภสีมาคามสมี า นคิ มสีมา นครสมี า อัพภันตรสีมา อทุ กุกเขปสมี า ชนปทสีมา รัฐสมี ารัชสมี า ทีปสีมา จกั กวาฬสมี า. บรรดาสีมาเหลานัน้ ขณั ฑสมี า ไดกลาวแลว ในสมี ากถา. อปุ จารสมี าเปนแดนทกี่ าํ หนดดว ยเครอื่ งลอ มแหง วัดทลี่ อม ดวยทคี่ วรแกการลอ มแหงวดัที่ไมไดลอ ม. อีกอยา งหน่ึง จากสถานที่ภกิ ษุประชมุ กันเปน นติ ย หรอื จากโรงฉนัอนั ต้ังอยรู ิมเขตวัด หรอื จากอาวาสท่ีอยปู ระจํา ภายใน ๒ ชั่วเลฑฑบุ าต ของบุรษุ ผูมแี รงปานกลางเขามา พงึ ทราบวา เปนอปุ จารสีมา. กอ็ ุปจารสมี านนั้เม่ืออาวาสขยายกวา งออกไป ยอมขยายออก เม่อื อาวาสรนแคบเขา ยอ มแคบเขา. แตใ นมหาปจ จรีแกว า อปุ จารสีมานน้ั เม่ือภิกษุเพม่ิ ข้นึ ยอมกวางออก เน่อื งดวยลาภ, ถา ภกิ ษทุ ัง้ หลายน่งั เตม็ ๑๐๐ โยชนต ิดเนื่องเปน หมเู ดียวกับพวกภกิ ษุผูป ระชุมในวดั . แมท่ตี ั้ง ๑๐๐ โยชน ยอมเปน อุปจารสีมาดว ย,ลาภยอ มถึงแกภิกษุทัว่ กัน. แมส มานสงั วาลสีมาและอวปิ ปวาสสมี าทง้ั ๒ มีนัยดังกลา วแลว น่นั และ. ชนชือ่ วา ลาภสีมา พระสัมมาสัมพุทธเจาหาไดทรงอนญุ าตไม, พระธรรมสงั คาหกเถระท้งั หลายก็ไมไดต งั้ ไว, กแ็ ตวา พระราชาและมหาอมาตยข องพระราชาใหส รา งวัดแลว กําหนดพ้นื ทีโ่ ดยรอบคาวตุ หน่งึ บา ง ก่งึ โยชนบ า งโยชนหนง่ึ บาง ปกเสาจารึกช่อื วา น้ีเปน ลาภสมี าสาํ หรบั วัดของเรา แลว ปกแดนไววา ส่ิงใดเกดิ ข้นึ ภายในเขตน้,ี สง่ิ น้ันทัง้ หมด เราถวายแกว ัดของเรานชี้ ื่อวา ลาภสีมา. ถึงคามสมี า นิคมสีมา นครสมี า อพั ภันตรสมี า และอทุ กกุ เขปสมี า กไ็ ดก ลาวแลวเหมือนกัน.

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 359 ชนปทสีมา นัน้ ชนบทเปนอันมาก มีภายในแควนกาสีและโกศลเปนตน , ในชนบทเหลานั้น แดนกาํ หนดแหงชนบทอนั หน่ึง ๆ ชอ่ื ชนปทสีมา. แดนกาํ หนดแหงแควนกาสีและโกศลเปนตน ช่ือรชั สมี า.๑ สถานเปน ทเี่ ปนไปแหงอาณาของพระเจาแผนดนิ องคห นง่ึ ๆ อยางน้ีคือ พหโิ ภค โจลโภค เกรฏโภค ชื่อรชั สีมา. เกาะใหญ และเกาะเลก็ ซ่งึ กําหนดดวยสมุทรเปนที่สุด ชอ่ื ทีปสีมา แดนทกี่ าํ หนดดว ยภเู ขาจักรวาลเทา นัน้ ช่อื จกั กวาฬสีมา. ในสมี าเหลา นน้ั ท่ีกลาวแลว ดวยประการอยา งน้ี เมือ่ ทายกเหน็ สงฆประชุมกันในขณั ฑสีมา ดวยกรรมบางอยา ง จงึ กลา ววา ขาพเจาถวายแกสงฆในสีมานีเ้ ทา นน้ั ดงั น.้ี ภกิ ษุมจี ํานวนเทาใดอยภู ายในขณั ฑสีมา ภกิ ษเุ หลานน้ั พึงแบงกัน. เพราะวา จวี รนั้นยอมถงึ แกภกิ ษเุ หลานน้ั เทา นน้ั , ไมถงึ แกภิกษเุ หลาอื่น แมผ ตู ้ังอยูทสี่ ีมันตริก หรือท่อี ุปจารสีมา. แคย อ มถงึ แกภ ิกษุผูตัง้ อยบู นตนไมหรือบนภูเขา ซงึ่ ขนึ้ อยูใ นขัณฑสีมา หรือผูอ ยทู า มกลางแผนี้ดินภายใตขณั ฑสีมา เปนแท. อน่งึ จีวรทท่ี ายกถวายวา ถวายแกสงฆใ นอุปจารสีมานี้ ยอมถงึ แมแกภกิ ษทุ ง้ั หลายผูตงั้ อยูในขณั ฑสีมาและสมี นั ตริก. สว นจีวรท่ที ายกถวายวา ถวายแกส มานสงั วาสสีมา ยอ มไมถ ึงแกภกิ ษุทงั้ หลายผตู ้ังอยูใ นขัณฑสมี าและสมี นั ตริก. จวี รทที่ ายกถวายในอวิปปวาสสมี า และลาภสีมา ยอมถึงแกภ กิ ษทุ ่งัหลายผอู ยรู วมในสมี าเหลาน้นั .๑. สทธฺ มมฺ ปปฺ ชโชตกิ า ปฐม ๑๖ วา รฏนฺติ ชนปเทกเทส ฯ ชนปโทติ กาสโี กสลาทิชนปโท ? ถอื เอาความวา รฐั เลก็ กวา ชนบท ชนบทคอื ประเทศ. แตตามท่แี กในทนี่ ี้ กลบั ตรงกันขามจึงขอฝากนกั ศึกษาไวดวย.



















































พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 385 ในญตั ตทิ ุติยกรรม ถาภกิ ษุทํากรรมดว ยสวดกรรมวาจาอยางเดยี ว และไมตั้งญัตติ ช่อื วา กรรมไมเ ปน ธรรม. ในญัตติทุติยกรรม ถา ภิกษทุ าํ กรรมดวยสวดกรรมวาจา ๒ ครั้ง และไมต ง้ั ญตั ติ ชื่อวา กรรมไมเ ปน ธรรม. ในญตั ติจตุตถกรรม ถาภิกษุทํากรรมดวยตง้ั ญตั ติอยางเดยี ว และไมสวดกรรมวาจา ชอื่ วา กรรมไมเปน ธรรม. ในญตั ติจตตุ ถกรรม ถาภิกษทุ าํ กรรมดวยตั้งญัตติ ๒ ครัง้ ดว ยต้งัญัตติ ๓ ครั้ง ดวยตง้ั ญตั ติ ๔ ครั้ง และไมสวดกรรมวาจา ชื่อวา กรรมไมเปนธรรม. ในญตั ตจิ ตุตถกรรม ถาภกิ ษทุ ํากรรมดว ยสวดกรรมวาจาอยา งเดียวและไมต้งั ญัตติ ชื่อวา กรรมไมเปน ธรรม. ในญตั ติจตุตถกรรม ถา ภกิ ษทุ ํากรรมดว ยสวดกรรมวาจา ๒ คร้ัง ดวยสวดกรรมวาจา ๓ ครงั้ ดว ยสวดกรรมวาจา คร้ัง และไมตัง้ ญตั ติ ชือ่ วากรรมไมเปน ธรรม. ดกู อนภิกษุทั้งหลาย นเี้ รียกวา กรรมไมเปน ธรรม. อธิบายกรรมเปน วรรค [๑๘๒] ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย อนง่ึ กรรมเปน วรรค เปน ไฉน ? ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย ในญัตตทิ ตุ ิยกรรม ถา ภกิ ษผุ ูเขากรรมมจี ํานวนเทาใด ภิกษุเหลา น้นั ไมมาประชมุ ไมน าํ ฉันทะของภิกษุผคู วรฉนั ทะมา อยูพรอ มหนา กันคัดคาน ซง่ึ วากรรมเปนวรรค.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 386 ในญตั ติทตุ ยิ กรรม ถาภิกษผุ เู ขากรรมมจี าํ นวนเทาใด ภิกษเุ หลานั้นมาประชุม แตไ มนําฉันทะของภิกษุผคู วรฉนั ทะมา อยูพรอ มหนาหนา คัดคา นชื่อวากรรมเปนวรรค. ในญัตตทิ ตุ ิยกรรม ถา ภิกษุผเู ขากรรมมจี าํ นวนเทาใด ภิกษเุ หลา นนั้มาประชมุ นาํ ฉันทะของภกิ ษุผคู วรฉันทะมา แตอ ยูพรอ มหนา กนั คดั คาน ชอ่ืวากรรมเปนวรรค. ในญตั ติจตุตถกรรม ภิกษเุ ขา กรรมมีจํานวนเทา ใด ภิกษเุ หลา น้ัน ไมมาประชมุ ไมน าํ ฉันทะของภกิ ษุผคู วรฉันทะมา อยพู รอ มหนากนั คัดคานชอ่ื วา กรรมเปน วรรค ในญัตติจตตุ ถกรรมถา ภิกษุผูเ ขากรรมมจี าํ นวนเทาใด ภกิ ษเุ หลาน้นัมาประชุม แตไมน ําฉันทะของภิกษุท่ีควรฉันทะมา อยูพรอมหนากันคัดคา นชือ่ วากรรมเปน วรรค. ในญัตตจิ ตตุ ถกรรม ถาภิกษุผูเ ขากรรมมีจาํ นวนเทา ใด ภกิ ษเุ หลา นน้ัมาประชุม นําฉันทะของภกิ ษุผูควรฉันทะมา แตอ ยพู รอมหนา กนั คัดคานช่ือวา กรรมเปน วรรค. ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย นเี้ รยี กวา กรรมเปนวรรค. อธบิ ายกรรมพรอมเพรยี ง [๑๘๓] ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย อนึ่ง กรรมพรอ มเพรยี ง เปน ไฉน ? ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย ในญัตติทุติยกรรม ถา ภกิ ษุผูเขากรรมมจี าํ นวนเทา ใด ภกิ ษเุ หลาน้นั มาประชมุ นาํ ฉันทะของภกิ ษผุ คู วรฉนั ทะมา อยพู รอ มหนา กันไมค ดั คาน ช่ือวากรรมพรอมเพรียง.

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 387 ในญตั ติจตุตถกรรม ภิกษผุ ูเ ขา กรรมมจี าํ นวนเทาใด ภิกษเุ หลานั้นมาประชุม นําฉนั ทะของภกิ ษผุ ูค วรฉนั ทะมา อยูพ รอ มหนากนั ไมคดั คา น ชื่อวากรรมพรอมเพรียง. ดูกอนภิกษุท้ังหลาย น้ีเรยี กวากรรมพรอมเพรยี ง. อธิบายกรรมเปน วรรคโดยเทียมธรรม [๑๘๔] ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย อนงึ่ กรรมเปน วรรคโดยเทยี มธรรมเปนไฉน ? ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย ในญัตตทิ ตุ ิยกรรม ถาภิกษุสวดกรรมวาจากอนตงั้ ญตั ติภายหลงั ภกิ ษผุ เู ขา กรรมมจี ํานวนเทา ใด ภกิ ษุเหลาน้นั ไมม าประชมุไมนาํ ฉนั ทะของภิกษุผคู วรฉนั ทะมา อยูพรอ มหนา กันคัดคาน ช่อื วากรรมเปนวรรคโดยเทยี มธรรม. ในญตั ตทิ ตุ ิยกรรม ถา ภกิ ษสุ วดกรรมวาจากอน ตัง้ ญัตติภายหลัง ภิกษุผูเขากรรมมจี าํ นวนเทาใด ภิกษุเหลา น้ันมาประชมุ แตไ มน าํ ฉนั ทะของภกิ ษุผูค วรฉันทะมา อยูพ รอ มหนา กัน คดั คาน ชื่อวากรรมเปนวรรคโดยเทยี มธรรม. ในญัตติทุติยกรรมถาภกิ ษสุ วดกรรมวาจากอน ตงั้ ญตั ติภายหลงั ภิกษุผเู ขา กรรมมจี าํ นวนเทา ใด ภกิ ษุเหลา น้ันมาประชมุ นาํ ฉันทะของภิกษผุ คู วรฉนั ทะมา แตอ ยูพรอมหนากันคัดคาน ชือ่ วากรรมเปน วรรคโดยเทียมธรรม ในญตั ตทิ ุติยกรรม ถา ภกิ ษุสวดกรรมวาจากอ น ตัง้ ญัตตภิ ายหลัง ภกิ ษุผูเ ขากรรมมจี ํานวนเทาใด ภกิ ษเุ หลานั้นไมม าประชุม ไมนาํ ฉนั ทะของภิกษุผูควรฉันทะมา แตอ ยูพ รอ มหนากนั คดั คา น ช่ือวา กรรมเปนวรรคโดยเทียมธรรม. ในญัตตจิ ตตุ ถกรรม ถาภิกษุสวดกรรมวาจากอน ตั้งญตั ติภายหลงัภกิ ษผุ เู ขากรรมมจี าํ นวนเทาใด ภิกษเุ หลานั้นไมมาประชมุ ไมนาํ ฉันทะของ

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 388ภกิ ษผุ ูค วรฉนั ทะมา อยพู รอมหนา กนั คัดคา น ชอ่ื วา กรรมเปนวรรคโดยเทียมธรรม. ในญตั ตจิ ตุตถกรรม ถาภิกษุสวดกรรมวาจากอน ตั้งญัตติภายหลงั ภิกษุผเู ขากรรมมจี าํ นวนเทา ใด ภกิ ษุเหลาน้ันมาประชมุ นําฉันทะของภิกษุผูควรฉนั ทะมา แตอยพู รอ มหนากันคดั คา น ช่ือวากรรมเปนวรรคโดยเทียมธรรม. ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย นี้เรยี กวา กรรมเปน วรรคโดยเทียมธรรม. อธิบายกรรนพรอ มเพรียงโดยเทยี มธรรม [๑๘๕] ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย อนง่ึ กรรมพรอมเพรียงโดยเทยี มธรรมเปน ไฉน ? ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ในญตั ตทิ ตุ ิยกรรม ถา ภิกษสุ วดกรรมวาจากอ นตง้ั ญตั ตภิ ายหลัง ภกิ ษผุ เู ขากรรมมีจาํ นวนเทา ใด ภิกษุเหลา นัน้ มาประชมุ นําฉนั ทะของภกิ ษผุ ูควรฉนั ทะมา อยูพรอมหนา กนั ไมค ัดคาน ช่ือวากรรมพรอมเพรียงโดยเทยี มธรรม. ในญัตตจิ ตตุ ถกรรม ถา ภกิ ษสุ วดกรรมวาจากอ น ต้ังญัตติภายหลัง ภิกษุผูเ ขากรรมมจี าํ นวนเทา ใด ภิกษุเหลา น้ันมาประชุม นาํ ฉันทะของภกิ ษผุ คู วรฉนั ทะมา อยูพรอมหนากนั ไมค ดั คาน ชอ่ื วากรรมพรอ มเพรยี งโดยธรรม. ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย นี้เรยี กวา กรรมพรอมเพรียงโดยเทยี มธรรม อธบิ ายกรรมพรอมเพรยี งโดยธรรม [๑๘๖] ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย อน่ึง กรรมพรอ มเพรียงโดยธรรมเปนไฉน ?

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 389 ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย ในญัตติทตุ ิยกรรม ถาภิกษตุ ั้งญัตติกอน ทาํกรรมดว ยสวดกรรมวาจาหนเดียวภายหลงั ภกิ ษผุ ูเ ขากรรมมีจํานวนเทาใด ภกิ ษุเหลา น้ันมาประชุม นําฉนั ทะของภิกษุผูควรฉนั ทะมา อยูพรอ มหนา กันไมคัดคา น ชื่อวากรรมพรอมเพรยี งโดยธรรม. ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย ในญัตติจตตุ ถกรรม ถาภกิ ษตุ ั้งญัตติกอ น ทาํกรรมดวยสวดกรรมวาจา ๓ ครงั้ ภายหลัง ภิกษเุ ขา กรรมมจี ํานวนเทาใด ภิกษุเหลา น้นั มาประชุม นําฉันทะของภกิ ษผุ ูควรฉันทะมา อยพู รอมหนา กันไมคดั คา น ช่อื วา กรรมพรอมเพรยี งโดยธรรม. ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย น้เี รยี กวากรรมพรอมเพรยี งโดยธรรม. สงฆ ๕ ประเภท [๑๘๗] สงฆม ี ๕ คอื ภิกษสุ งฆจ ตวุ รรค ๑. ภกิ ษุสงฆป ญ จวรรค๑ ภิกษสุ งฆท สวรรค ๑. ภิกษสุ งฆวีสติวรรค ๑ . และภกิ ษุสงฆอตเิ รกวีสตวิ รรค ๑. ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ในภิกษสุ งฆเหลา นั้น ภกิ ษุสงฆจตวุ รรคพรอ มเพรยี งกนั โดยธรรม เขากรรมไดในกรรมทกุ อยาง เวน กรรม ๓ อยา ง คืออปุ สมบท ปวารณา อพั ภาน. ภกิ ษุสงฆป ญจวรรค พรอมเพรียงกนั โดยธรรม เขากรรมไดในกรรมทกุ อยา ง เวน กรรม ๒ อยาง คอื อปุ สมบทในมัชฌมิ ชนบท และอัพภาน. ภกิ ษุสงฆทสวรรค พรอ มเพรยี งกันโดยธรรม เขา กรรมไดในกรรมทกุ อยา ง เวน อพั ภานกรรมอยางเดียว. ภิกษุสงฆว สี ตวิ รรค พรอ มเพรียงกนั โดยธรรม เขากรรมไดในกรรมทุกอยา ง.

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 390 ภกิ ษุสงฆอดิเรกวีสตวิ รรค พรอมเพรยี งกันโดยธรรม เขากรรมไดในกรรมทกุ อยาง. กรรมทสี่ งฆจตวุ รรคทํา [๑๘๘] ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ถากรรมท่ีสงฆจตวุ รรคจะทํา สงฆมีภกิ ษุณีเปนที่ ๔ ทาํ กรรม กรรมนนั้ ใชไ มได และไมค วรทํา. ถา กรรมทส่ี งฆจ ตุวรรคจะทํา สงฆมสี กิ ขมานาเปน ท่ี ๔. . .มีสามเณรเปนที่ ๔. . . มสี ามเณรีเปนที่ ๔. . . มีภิกษผุ ูบอกลาสิกขาเปน ที่ ๔. . . มีภกิ ษุผูตอ งอันติมวัตถุเปน ท่ี ๔ . . . มีภิกษุถูกสงฆย กเสยี ฐานไมเห็นอาบัตเิ ปน ที่ ๔. . .มีภกิ ษผุ ูถ ูกสงฆย กเสียฐานไมท ําคืนอาบตั ิเปน ท่ี ๔. . . มภี กิ ษุผูถกู สงฆยกเสียฐานไมส ละทิฏฐบิ าปเปนท่ี ๔. . . มบี ัณเฑาะกเปน ที่ ๔. . . มีภกิ ษลุ กั เพศเปนท่ี ๔ . . . มภี ิกษผุ เู ขารีดเดยี รถียเ ปนท่ี ๔ . . . มีสัตวด ริ จั ฉานเปน ที่ ๔. . . มีภิกษุผทู ํามาตุฆาตเปนที่ ๔. . . มภี ิกษุผูท ําปต ฆุ าตเปน ท่ี ๔. . . มภี กิ ษผุ ูทําอรหนั ตฆาตเปน ที่ ๔ . . . มภี ิกษผุ ปู ระทุษรายภิกษณุ เี ปนที่ ๔. . . มีภกิ ษผุ ูทําสังฆเภทเปนท่ี ๔ . . .มีภกิ ษผุ ทู าํ โลหติ ุปบาทเปน ที่ ๔. . . มีอุภโตพยญั ชนกเปนท่ี๔ . . . มภี กิ ษนุ านาสงั วาสเปน ที่ ๔. . . มภี กิ ษุผอู ยใู นสมี าตางกันเปนท่ี ๔ . . .มภี กิ ษุอยใู นเวหาสดว ยฤทธเิ์ ปนท่ี ๔ . . . สงฆทํากรรมแกผ ใู ด มผี ูนนั้ เปน ท.ี่ทาํ กรรม กรรมนั้นใชไ มได และไมค วรทํา. กรรมท่สี งฆจตุวรรคทํา จบ กรรมท่ีสงฆป ญ จวรรคทาํ [๘๙] ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย ถากรรมท่ีสงฆป ญ จวรรคทํา สงฆม ีภิกษณุ เี ปน ที่ ๕ ทาํ กรรม กรรมนน้ั ใชไมได และไมควรทํา.

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 391 ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย ถากรรมทีส่ งฆปญ จวรรคทํา สงฆม ีสกิ ขมานาเปนท่ี ๕ . . . มสี ามเณรเปนท่ี ๕. . . มสี ามเณรีเปนที่ ๕. . . มีภกิ ษผุ บู อกลาสกิ ขาเปนท่ี ๕. . .มีภิกษุผตู อ งอนั ติมวตั ถเุ ปนท่ี ๕. . .มีภิกษผุ ูถ ูกสงฆยกเสียฐานไมเห็นอาบตั เิ ปนท่ี ๕. . . มภี กิ ษุผูถูกสงฆย กเสยี ฐานไมท ําคืนอาบัตเิ ปนท่ี ๕ . . .มภี กิ ษุผถู ูกสงฆย กเสียฐานไมส ละทิฏฐิบาปเปน ท่ี ๕ . . .มบี ัณเฑาะกเปนที ๕. . .มีภกิ ษลุ กั เพศเปนที่ ๕. . . มภี กิ ษผุ ูเขารดี เดียรถียเปน ท่ี ๕. . . มสี ัตวด ริ จั ฉานเปนท่ี ๕. . . มภี ิกษผุ ูทํามาตฆุ าตเปน ที ๕ . . . . มภี ิกษุผูท ําปตุฆาตเปนท่ี ๕ . . .มภี ิกษุผทู ําอรหันตฆาเปนท่ี ๕. . . มีภิกษผุ ปู ระทษุ รา ยภิกษณุ ีเปนที่ ๕. . . มีภิกษุผทู ําสังฆเภทเปน ที่ ๕. . . มภี กิ ษุผทู าํ โลหิตุปบาทเปนท่ี ๕ . . . มีอุภโตพยญั ชนกเปน ท่ี ๕. . . มีภิกษนุ านาสงั วาสเปนท่ี ๕. . . มีภิกษุอยูใ นสมี าตางกนัเปน ท่ี ๕. . . มีภกิ ษุผูอยูในเวหาสดวยฤทธิ์เปนท่ี ๕. . . สงฆทํากรรมแกผ ูใดมผี ูน น้ั เปนท่ี ๕ ทาํ กรรม กรรมนนั้ ใชไมได และไมค วรทํา. กรรมท่สี งฆป ญจวรรคทาํ จบ กรรมท่สี งฆทสวรรคทํา [๑๙] ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ถา กรรมท่ีสงฆท สวรรคทาํ สงฆมีภกิ ษณุ ีเปน ท่ี ๑๐ ทํากรรม กรรมน้นั ใชไมไ ด และไมควรทาํ . ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย ถา กรรมทส่ี งฆท สวรรคทาํ สงฆมสี กิ ขมานาเปนท่ี ๑๐.. ..มีสามเณรเปน ที ๑๐. . มีสามเณรีเปน ท่ี ๑๐ . . . มีภิกษผุ บู อกลาสิกขาเปน ที่ ๑๐ . . . มีภกิ ษุผูตองอันติมวตั ถุเปน ท่ี ๑๐ . . . มีภิกษผุ ูถูกสงฆยกเสยีฐานไมเ หน็ อาบตั เิ ปนท่ี ๑๐. . . มีภกิ ษผุ ูถูกสงฆยกเสยี ฐานไมท าํ คนื อาบตั เิ ปนที่ ๑๐. . . มภี ิกษผุ ูถ กสงฆยกเสยี ฐานไมส ละทฎิ ฐบิ าปเปน ที่ ๑. . . . มีบัณเฑาะกเปนที่ ๑๐. . . มภี ิกษุลักเพศเปนที่ ๑๐ มภี ิกษุผูเขารดี เดยี รถียเ ปนท่ี ๑๐.. . .มี

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 392สตั วด ริ จั ฉานเปน ท่ี ๑๐. . . มภี กิ ษผุ ทู าํ มาตฆุ าตเปน ที่ ๑๐. . . มภี ิกษุผูทาํปต ุฆาตเปน ท่ี ๑๐. . . มีภกิ ษุผทู ําอรหันตฆาตเปนที่ ๑๐. . . มภี กิ ษุผปู ระทษุ รา ยภิกษุณีเปนท่ี ๑๐ . . . มภี กิ ษุผูทําสังฆเภทเปนท่ี ๑๐ . . . มภี ิกษผุ ทู ําโลหิตปุ บาทเปน ที่ ๑๐ . . . มีอุภโตพยัญชนกเปนท่ี ๑๐. . . มภี ิกษนุ านาสังวาสเปน ที่ ๑๐. . .มีภกิ ษุอยูในสีมาตางกนั เปน ที่ ๑๐ . .. มีภกิ ษุผูอ ยูในเวหาสดว ยฤทธิเ์ ปน ที่ ๑๐. . . สงฆท าํ กรรมแกผ ูใ ด มผี นู ั้น เปนที่ ๑๐ ทํากรรม กรรมนั้นใชไ มไ ด และไมควรทาํ . กรรมทสี่ งฆท สวรรคทาํ จบ กรรมท่ีสงฆวีสติวรรคทาํ [๑๙๑] ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย ถา กรรมทีส่ งฆว ีสตวิ รรคทํา สงฆมีภกิ ษุณี เปนท่ี ๒๐ ทํากรรม กรรมนนั้ ใชไมไ ด และไมควรทํา. ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ถากรรมที่สงฆวสี ติวรรคทํา สงฆมีสกิ ขมานาเปนที่ ๒๐. . . มีสามเณรเปน ท่ี ๒๐ . . . มีสามเณรีเปน ท่ี ๒๐ . . . มีภกิ ษุผบู อกลาสิกขาเปน ท่ี ๒๐. . . มีภิกษุผตู องอันตมิ วัตถุเปน ที่ ๒๐. . . มีภกิ ษผุ ูถูกสงฆยกเสยี ฐานไมเ ห็นยาบัตเิ ปนท่ี ๑๐ . . . มภี ิกษผุ ูถ กู สงฆย กเสยี ฐานไมท าํ คืนอาบตั ิเปนที่ ๒๐. . . มภี ิกษุผถู ูกสงฆยกเสยี ฐานไมส ละทฏิ ฐบิ าปเปนที่ ๒๐... มีบัณเฑาะกเปน ที่ ๒๐. . . มีภิกษลุ ักเพศเปนท่ี ๒๐. . . มีภกิ ษผุ เู ขา รีดเดยี รถยี เปนท่ี ๒๐. . . มสี ัตวดริ จั ฉานเปนท่ี ๒๐. . . มีภิกษุผูทาํ มาตุฆาตเปนที่ ๒๐. . .มภี กิ ษุผูทาํ ปต ฆุ าตเปนท่ี ๒๐ . . . มภี ิกษผุ ูทาํ อรหนั ตฆาตเปน ท่ี ๒๐. . . มีภกิ ษผุ ูประทษุ รา ยภกิ ษณุ เี ปน ท่ี ๒๐. . . มีภกิ ษผุ ทู ําสงั ฆเภทเปนท่ี ๒๐ . . . มีภกิ ษุผูท าํ โลหิตปุ บาทเปน ท่ี ๒๐. . . มอี ภุ โตพยญั ชนกเปนที่ ๒๐. . . มภี กิ ษุ

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 393นานาสังวาสเปนที่ ๒๐. . . มภี กิ ษุอยใู นสมี าตา งกนั เปนท่ี ๒๐. . .[๑] สงฆท ํากรรมแกผูใด ผูนน้ั เปน ที่ ๒๐ ทํากรรม กรรมน้ันใชไ มไ ด และไมควรทาํ . กรรมท่สี งฆวสิ ติวรรคทํา จบ กรรมทีส่ งฆจตุวรรคเปนตนทาํ [๑๙๒] ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ถา สงฆมภี กิ ษผุ ูอยูป รวิ าสเปนท่ี ๔ พงึใหป ริวาส พงึ ชกั เขา หาอาบตั ิเดมิ พึงใหมานตั มีภิกษุผูอยูป ริวาสนั้นเปน ท่ี๒๐ พึงอัพภาน กรรมน้นั ใชไมไ ด และไมค วรทาํ . ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ถา สงฆม ภี กิ ษุผคู วรชักเขาหาอาบัติเดมิ เปนที่ ๔พงึ ใหปริวาส พงึ ชักเขา หาอาบตั ิเดิม พึงใหม านัต มีภิกษุผคู วรชักเขาหาอาบตั ิเดมิ นั้นเปนที่ ๒๐ พึงอพั ภาน กรรมนัน้ ใชไมไ ด และไมควรทาํ . ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ถา สงฆม ภี ิกษผุ คู วรมานัตเปน ที่ ๔ พงึ ใหปริวาสพึงชกั เขา หาอาบัตเิ ดมิ พงึ ใหม านตั มภี ิกษผุ ูค วรมานตั น้นั เปนที่ ๒๐ พึงอพั ภาน กรรมนั้นใชไ มได และไมค วรทาํ . ดูกอนภิกษุท้ังหลาย ถาสงฆมภี กิ ษผุ ปู ระพฤตมิ านัตเปนท๔ี่ พงึ ใหปรวิ าส พึงชกั เขาหาอาบัตเิ ดมิ พึงใหม านัต มภี กิ ษผุ ูป ระพฤติมานตั เปน ท่ี ๒๐พึงอัพภาน กรรมนน้ั ใชไ มไ ด และไมควรทํา. ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย ถา สงฆมภี กิ ษุผูควรอพั ภานเปน ท่ี ๔ พงึ ใหปริวาสพึงชักเขาหาอาบัติเดมิ พงึ ใหมานตั มภี กิ ษุผคู วรอพั ภานน้ันเปนท่ี ๒๐ พงึอพั ภาน กรรมน้นั ใชไมไ ด และไมค วรทํา.๑. โบราณ,พมา เพิ่มมภี ิกษผุ ูอยูในเวหาสดวยฤทธ์เิ ปนที่ ๒๐.

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 394 ปฏิโกสนา ๒ อยา ง [๑๙๓] ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย บุคคลบางคนคดั คานในทามกลางสงฆข ้ึนบางคนคัดคา นไมข ้ึน. ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ใครเลาคานในทามกลางสงฆไ มข น้ึ . ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษุณี คัดคา นในทามกลางสงฆไ มข ึน้ . สกิ ขมานา. . . สามเณร. . . สามเณร.ี . . ภกิ ษผุ ูบอกลาสกิ ขา . . . ภกิ ษผุ ตู องอันตมิ วัตถ.ุ . . ภิกษวุ กิ ลจรติ . . . ภกิ ษมุ จี ติ ฟุงซา น. . . ภกิ ษุผูก ระสับกระสายเพราะเวทนา . . . ภกิ ษุผถู กู สงฆยกเสียฐานไมเห็นอาบัติ . . . ภกิ ษุผถู ูกสงฆยกเสยี ฐานไมท ําคนื อาบัติ . . . ภกิ ษุผถู ูกสงฆยกเสียฐานไมส ละทฏิ ฐบิ าป. . . บณั เฑาะก. . . ภิกษุลกั เพศ . . . ภิกษเุ ขารีดเดยี รถีย. . . สัตวดิรจั ฉาน. . . ภิกษุผูฆ ามารดา. . . ภกิ ษุผูฆา บิดา. . .

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 395 ภกิ ษุผูฆาพระอรหันต. . . ภิกษผุ ปู ระทษุ รา ยภกิ ษุณี. . . ภกิ ษผุ ูทาํ สังฆเภท. . . ภิกษุผูทาํ โลหติ ุปบาท. . . อุภโตพยัญชนก. . . ภิกษุนานาสังวาส. . . ภกิ ษผุ ูอยูในสมี าตา งกนั . . . ภกิ ษผุ อู ยใู นเวหาสดว ยฤทธ์ิ . . . สงฆทาํ กรรมแกผใู ด ผูน ั้นคดั คา นในทา มกลางสงฆไ มข้นึ . ดูกอนภิกษุทั้งหลาย บคุ คลเหลาน้แี ล คัดคา นในทามกลางสงฆไ มขึ้น. ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ใครเลาคัดคา นในทามกลางสงฆข น้ึ . ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษปุ กตตั ตะมีลงั วาสเสมอกัน อยใู นสีมาเดยี วกนั . โดยทีส่ ดุ แมภิกษผุ นู ั่งอยบู นอาสนะติดกนั บอกใหร ู คัดคา นในทามกลางสงฆข น้ึ . ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย บุคคลน้แี ล คัดดา นในทา มกลางสงฆขึน้ . นสิ สรณา ๒ อยา ง [๑๙๔] ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย นสิ สรณาการขับออกนมี้ ี ๒ อยาง คอืมบี ุคคลทยี่ งั ไมถงึ การขับออก ถา สงฆข ับเธอออก บางคนเปน อนั สงฆขับออกดแี ลว บางคนเปนอันสงฆขับออกไมด .ี ๑. ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็บุคคลชนิดไรท่ียังไมถ งึ การขบั ออก ถาสงฆข ับเธอออก เปน อนั ขบั ออกไมด ี.

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 396 ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวินยั นี้ เปน ผบู ริสุทธิ์ ไมม อี าบตั ิถาสงฆข บั เธอออก เปน อันขับออกไมด .ี ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย บคุ คลน้ี เรากลา ววายงั ไมถ ึงการขับออก ถาสงฆขับเธอออกเปน อนั ขับออกไมด ี. ๒. ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย กบ็ ุคคลชนิดไรที่ยังไมถึงการขบั ออก ถาสงฆขบั เธอออก เปนอันขบั ออกดีแลว . ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย ก็ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี เปน พาล ไมฉ ลาด มีอาบัตมิ าก มีมารยาทไมส มควร อยูค ลกุ คลีกบั พวกคฤหัสถ ดวยการคลกุ คลีอนั ไมส มควร ถา สงฆขบั เธอออก เปนอันขับออกดแี ลว. ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย บคุ คลนี้ เรากลาววายังไมถ งึ การขับออก ถาสงฆข ับเธอออก เปนอนั ขับออกดแี ลว . โอสารณา ๒ อยา ง [๑๙๕] ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย โอสารณาการรบั เขา หมูน ีม้ ี ๒ อยา งคือมีบุคคลทย่ี ังไมถ งึ การรบั เขาหมู ถา สงฆรบั เธอเขาหมู บางคนเปนอันรบั เขาดีบางคนเปนอนั รับเขาไมดี. ๑. ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย กบ็ ุคคลชนดิ ไรท่ยี งั ไมถ งึ การรับเขา หมู ถาสงฆรับเธอเขาหมู เปน อันรบั เขาไมด.ี ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย บัณเฑาะกย งิ่ ไมถ ึงการรบั เขาหมู ถาสงฆรับเธอเขาหมเู ปนอันรับ เขา ไมดี. คนลักเพศ. . . คนเขารดี เดยี รถีย . . . สัตวดิรจั ฉาน. . .

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 397 คนผฆู ามารดา. . . คนผูฆาบิดา. . . คนผูฆา พระอรหันต. . . คนผูป ระทุษรายภิกษณุ ี คนผทู ําสังฆเภท. . . คนผทู ําโลหติ ุปบาท. . . อภุ โตพยัญชนก ยังไมถ ึงการรบั เขา หมู ถาสงฆรับเธอเขาหมู เปนอันรบั เขาไมดี. ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย บคุ คลนเ้ี รากลา ววา ยงั ไมถงึ การรับเขา หมู ถาสงฆรับเธอเขาหมู เปน อนั รับเขาไมดี. ๒. ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย อน่ึง บุคคลชนิดไรทยี่ ังไมถ งึ การรบั เขา หมูถา สงฆรับเธอเขาหมู เปนอันรบั เขา ดีแลว. ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย คนมอื ดว น ยงั ไมถ ึงการรบั เขา หมู ถา สงฆร ับเธอเขาหมู เปนอนั รับเขา ดแี ลว. คนเทาดว น. . . คนทง้ั มือและเทา ดว น . . . คนหูขาด . . . คนจมกู แหวง . . . คนท้ังหูขาดจมกู แหวง . . . คนน้วิ มือนิ้วเทา ขาด. . . คนมงี ามมืองา มเทา ขาด. . . คนเอ็นขาด

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 398คนมอื เปนแผน. . .คนคอ ม. . .คนเต้ีย. . .คนคอพอก...คนมเี ครอ่ื งหมายติดตวั . . .คนมีรอยเฆ่ยี นดว ยหวาย. . .คนถูกประกาศใหจบั . . .คนเทา ปกุ . . .คนมโี รคเรือ้ รัง. . .คนแปลกเพอ่ื น. . .คนตาบอดขางเดยี ว. . .คนงอ ย. . .คนกระจอก. . .คนเปน โรคอมั พาต...คนมอี ิริยาบถขาด. . .คนชราทพุ พลภาพ . . .คนตาบอดสองขา ง. ..คนใบ . . .คนหหู นวก. . .คนทั้งบอดและใบ. . .คนทง้ั บอดและหนวก. . .คนทงั้ ใบแ ละหนวก. . .

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 399 คนทงั้ บอด ใบ และหนวกยังไมถ ึงการรบั เขา หมู ถา สงฆรบเธอเขา หมูเปน อนั รับ เขาดีแลว. ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย บคุ คลน้ี เรากลาววายังไมถ ึงการรับเขาหมู ถาสงฆรบั เธอเขาหมู เปน อันรับเขาดแี ลว . วาสภคามภาณวาร ที่ ๑ จบ อกุ เขปนยี กรรมที่ไมเ ปน ธรรม [๑๙๖] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยน้ี เปนผไู มเ หน็อาบตั ิ สงฆหรอื ภิกษุหลายรปู หรอื รูปเดยี ว โจทเธอวา อาวโุ ส ทา นตองอาบตั แิ ลว ทานเหน็ อาบตั ิน้นั ไหม ? เธอพดู อยางนว้ี า อาวุโสท้งั หลายผมไมม อี าบตั ทิ ่ีจะเห็น สงฆย กเธอเสยีฐานไมเหน็ อาบัติ ช่อื วา กรรมไมเ ปนธรรม. อน่ึง ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ เปนผไู มทําคืนอาบตั ิ สงฆ หรอื ภกิ ษุหลายรูป หรือรปู เดียว โจทเธอวา อาวุโส ทา นตอ งอาบตั แิ ลว จงทาํ คนือาบตั นิ ัน้ เสยี เธอพูดอยา งนว้ี า อาวุโสทงั้ หลาย ผมไมม ีอาบตั ิท่ีจะทําคืน สงฆยกเธอเสียฐานไมท าํ คืนอาบัติ ชอื่ วากรรมไมเ ปน ธรรม. อนึง่ ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี เปน ผูไมสละทิฏฐิลามก สงฆหรือภกิ ษุหลายรูป หรือรปู เดยี ว โจทเธอวา อาวโุ ส ทานมที ฏิ ฐิลามก จงสละทิฏฐิลามกนั้นเสยี เธอพูดอยางนี้วา อาวโุ สทงั้ หลาย ผมไมมที ิฏฐลิ ามกทจี่ ะสละ สงฆย กเธอเสยี ฐานไมสละทิฏฐลิ ามก ชอ่ื วากรรมไมเ ปน ธรรม. อน่งึ ภิกษุในธรรมวนิ ยั น้ี เปนผไู มเห็นอาบัติ และไมทําคืนอาบัติสงฆหรอื ภิกษุหลายรปู หรือรปู เดยี ว โจทเธอวา อาวุโส ทานตอ งอาบตั ิแลว

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 400ทานเหน็ อาบัตนิ ้ันไหม จงทําคนื อาบตั นิ นั้ เสียเธอพดู อยา งนี้วา อาวโุ สทง้ั หลายผมไมมีอาบตั ทิ จ่ี ะเห็น ไมม ีอาบตั ทิ จ่ี ะทาํ คืน สงฆยกเธอเสยี ฐานไมเ ห็นอาบัติและฐานไมทําคืน ชอื่ วา กรรมไมเปน ธรรม. อน่งึ ภิกษุในธรรมวินยั น้ี เปน ผูไมเห็นอาบตั ิ และไมสละทฏิ ฐิลามกสงฆหรอื ภกิ ษุหลายรปู หรือรปู เดยี ว โจทเธอวา อาวุโส ทานตอ งอาบตั แิ ลวทานเหน็ อาบตั นิ นั้ ไหม ทา นมที ฏิ ฐลิ ามก จงละทิฏฐิลามกนัน้ เสยี เธอพูดอยางน้ีวา อาวุโสทัง้ หลาย ผมไมมีอาบัตทิ ่ีจะเหน็ ไมมีทิฏฐิลามกทีจ่ ะสละ สงฆย กเธอเสยี ฐานไมเหน็ อาบัติ และฐานไมส ละทิฏฐิลามก ช่ือวากรรมไมเ ปนธรรม. อนง่ึ ภิกษุในธรรมวนิ ยั นี้ เปนผไู มทําคืนอาบัติ และไมสละทฏิ ฐิ-ลามก สงฆ หรอื ภกิ ษหุ ลายรูป หรอื รปู เดียว โจทเธอวา อาวุโส ทานตองอาบตั ิแลว จงทําคืนอาบัตนิ นั้ เสีย ทานมีทฏิ ฐลิ ามก จงสละทฏิ ฐลิ ามกน้นั เสยีเธอพูดอยางนีว้ า อาวโุ สทั้งหลาย ผมไมม อี าบัติท่ีจะทําคนื ไมม ที ิฏฐิลามกที่จะสละ สงฆยกเธอเสยี ฐานไมท าํ คนื อาบตั ิ และฐานไมส ละทฏิ ฐลิ ามก ช่อื วากรรมไมเปนธรรม. อนง่ึ ภิกษใุ นธรรมวินยั น้ี เปนผูไมเ ห็นอาบัติ ไมท ําคืนอาบตั ิ ไมสละทฏิ ฐิลามก สงฆ หรือภิกษุหลายรูป หรือรปู เดียว โจทเธอวา อาวโุ สทาน ตอ งอาบตั แิ ลวทา นเหน็ อาบัตนิ ้ันไหม จงทําคนื อาบตั ินน้ั เสยี ทานมีทฏิ ฐิ-ลามก จงสละทฏิ ฐิลามกนั้นเสยี เธอพูดอยา งนว้ี า อาวุโสทงั้ หลาย ผมไมมอี าบัติทจ่ี ะเห็น ไมมีอาบัตทิ ีจ่ ะทาํ คืน ไมมีทฏิ ฐิลามกท่จี ะสละ สงฆย กเธอเสียฐานไมเหน็ อาบัติ ฐานไมท าํ คืนอาบตั ิ และฐานไมสละทิฏฐลิ ามก ชือ่ วากรรมไมเปนธรรม.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook