พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 137ดว ยอบุ ายนนั่ เวนมัททรฐั แตรัฐเดยี ว. ดูแคลนวา มัททรัฐน้นั เปน รฐั เล็กไมไปในมทั ทรฐั นนั้ กอน แลวกลบั . ลําดบั น้ัน อ ามาตยเหลาน้นั มีความคิดวาพวกเราจะตอ งไปสแู มมทั ทรัฐกอน ขอพระราชาอยาไดส ง พวกเราผูเขา สกู รุง-พาราณสไี ปอกี ดงั นี้ จึงไดไปสสู าคลนครในมัททรฐั . กใ็ นสาคลนคร มีพระราชาพระนามวา มทั ทวะ พระธดิ าของพระเจามทั ทวะนัน้ มีพระชันษาได ๑๖ ป มีพระรปู โฉมสวยงามย่ิงนกั และนางวรรณทาสขี องพระธิดานั้น กไ็ ปสูทา นาํ้ เพอื่ ประโยชนแ กก ารตักนํา้ อาบ เหน็ รปูทองคําน้นั ซึง่ อาํ มาตยท ั้งหลายต้งั ไวในท่ีนัน้ แตไกลเทยี ว กพ็ ูดวา พระราชบุตรีทรงสงพวกเรา เพอ่ื ประโยชนแ กน้ํา กเ็ สด็จมาเสียเอง แลว เขา ไปใกลพ ดู วาสตรนี ไ้ี มใชเ จานายของพวกเรา เจานายของพวกเราสวยงามยิ่งกวาสตรนี ้ี พวกอาํ มาตยไ ดฟงดงั น้ันแลว เขาไปเฝา พระราชา ทูลขอทารกิ า โดยนัยอันสมควรพระราชาแมน ัน้ ก็ทรงพระราชทาน ตอแตน ั้น พวกอํามาตยไ ดส งขาวทลูพระเจา กรงุ พาราณสวี า ทารกิ าไดแลว พระองคจกั เสด็จมาเอง หรือพวกขาพระองคเ ทานน้ั จะนํามา ดงั น้ี พระองคสง ขาวไปวา เมอื่ เราไปจักเปนการเบยี ดเบียนชนบท พวกทา นเทานน้ั จงนําทารกิ านน้ั มา อํามาตยท ั้งหลายพาทาริกาออกจากพระนคร สงขา วไปถวายพระกุมารวา ทาริกาเชนกบั รปู ทองคําไดแ ลว พระกุมารแมท รงสดับขา วน้ัน ก็ถกู ราคะครอบงาํ เสือ่ มจากปฐมฌานพระองคทรงสงทูตคนอื่น ๆ วา พวกทา นจงนํามาเร็ว พวกทานจงนาํ มาเร็ว. พวกอํามาตยน้ัน ถึงกรงุ พาราณสี โดยพกั คืนเดียวเทานัน้ ในทท่ี ั้งปวงยนื อยใู นภายนอกพระนคร สงขาวถวายพระราชาวา พึงเขา ไปในวนั นห้ี รอื ไมพระราชาตรัสสง่ั วา เรานาํ นางทารกิ าจากตระกูลประเสรฐิ ทสี่ ดุ ทาํ มงคลกิรยิ า
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 138แลวจักใหเขามา ดว ยสกั การะอนั ใหญ พวกทานจงนํานางทาริกานน้ั ไปสูอุทยานกอน อํามาตยเ หลานัน้ ไดท ําตามพระราชโองการแลว นางทารกิ าน้นัเปน ผลู ะเอยี ดออนอยางยง่ิ บอบชํ้าแลวเพราะการกระทบกระแทกแหง ยาน มีโรคลมเกดิ ขนึ้ เพราะความเม่อื ยลา จากเดนิ ทางไกล จงึ ไดทํากาละเสยี ในคืนนัน้ เอง ดจุ ดอกไมท่เี หย่ี วไปฉะนัน้ . พวกอํามาตยค ร่ําครวญวา พวกเราฉบิ หายแลวจากสักการะ พระราชากด็ ี ชาวนครกด็ ี ตางก็ครํา่ ครวญวา ตระกลู วงศพินาศแลว ความวนุ วายใหญไดม ีแลว ในพระนคร พระกุมารพอไดส ดบั เทานนั้ กท็ รงเกิดความเศรา โศกอันยิ่งใหญ ตอแตน้ัน พระกมุ ารกท็ รงปรารภเพอ่ื ขุดรากเหงาแหงความเศรา โศกพระองคท รงดาํ ริวา ธรรมดาความโศกนี้ ยอมไมม แี กผูไมเกิด แตย อมมแี กผเู กดิ แลว เพราะฉะนน้ั ความโศกมีเพราะอาศัยชาติ ก็ชาติมเี พราะอาศยัอะไรเลา แตนั้น ทรงมนสิการโดยแยบคาย ดวยอานุภาพแหง ภาวนาในกาลกอนอยา งนวี้ า ชาตมิ เี พราะอาศัยภพ ทรงเหน็ ปฏิจจสมปุ บาทโดยอนุโลมและปฏโิ ลมทรงพจิ ารณาสงั ขารท้งั หลาย ประทับนง่ั ณ ท่นี นั้ นน่ั แล ก็ทรงกระทําใหแ จงซง่ึ ปจ เจกโพธญิ าณ อํามาตยท ้ังหลายเห็นพระกมุ ารนนั้ ทรงมีความสุขดว ยความสขุ อันเกดิ จากมรรคผล มีพระอนิ ทรียส งบ พระมานัสสงบ ประทบั อยูจึงประนมมอื กราบทลู วา ขา แตพระสมมตเิ ทพ ขอพระองคอ ยาทรงเศรา โศกเลย ชมพทู วปี ใหญ ขา พระองคจ ักนํามาซึ่งทารกิ าอืน่ ทีง่ ามกวา พระกุมารนั้นตรัสวา เราไมเศรา โศก แตห มดความเศรา โศกแลว เราเปนพระปจเจกพุทธเจา.คําน้นั ทงั้ หมด เบอื้ งหนาแตน ้ี เปนเชน กับคาถาแรก เวน การพรรณนาคาถา.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 139 กใ็ นการพรรณนาคาถา บทวา ส สคฺคชาตสสฺ ไดแ ก ผูเก่ียวของเกิดแลว ในคาถานั้น ความเกี่ยวของมี ๕ อยาง คอื ๑. ทสั สนสงั สคั คะ ความเก่ยี วของเพราะการเห็น ๒. สวนสังสัคคะ ความเกย่ี วขอ งเพราะการฟง ๓. กายสังสคั คะ ความเกี่ยวขอ งทางกาย ๔. สมลุ ลาปนสังสัคคะ ความเกีย่ วขอ งเพราะการสนทนา ๕. สัมโภคสงั สัคคะ ความเกี่ยวขอ งเพราะกนิ รว มกัน. ในความเกี่ยวของ ๕ อยางนั้น ราคะเกิดดว ยอาํ นาจแหงจักขวุ ญิ ญาณวิถี เพราะเหน็ ซงึ่ กันและกัน ชอ่ื วา ทัสสนสงั สัคคะ. ธดิ าของกุฎมพีผมู ีจติ รักใคร เพราะเหน็ ภิกษหุ นุมชอ่ื ทีฆภาณกะ ผูอ ยูใ นกัลยาณวหิ าร ซ่ึงกําลังไปสูกาลทีฆวาปคาม เพอื่ บณิ ฑบาต ในสหี ลทวปี ไมไ ดภ กิ ษหุ นมุ นน้ั ดว ยอุบายบางอยาง กท็ ํากาลกิริยา และภิกษุหนุมรูปนัน้ เอง เห็นผานงุ ของธิดานนั้กค็ ดิ วา เราไมไ ดอ ยูร วมกบั นางผูนงุ ผา เห็นปานน้ี แลวหวั ใจแตกตาย เปนตวั อยางในทัสสนสงั สคั คะนัน้ . กร็ าคะเกิดดวยอาํ นาจแหง โสตวญิ ญาณวิถี เพราะฟงสมบัตมิ ีรปู เปนตนท่ีคนอ่นื ทง้ั หลายพูดถึง หรอื เพราะตนไดฟง เสยี งหัวเราะ เสียงพดู จา และเสยี งเพลงขบั ชื่อวา สวนสงั สคั คะ. แมใ นสวนสงั สคั คะนั้น ภกิ ษหุ นุมชือ่ ตสิ สะผอู ยูใ นถ้ําปญ จคั คฬะ กําลังเหาะทางอากาศ ไดฟงเสยี งของธดิ าชางมีดผอู ยใู นคริ คิ าม ไปสระปทุมพรอมกับกมุ ารี ๕ นาง อาบนา้ํ แลว ยกดอกไมรอ งเพลงดว ยเสยี งดัง กเ็ ส่อื มจากคณุ วิเศษ เพราะกามราคะ ถงึ ความพนิ าศเปน ตวั อยาง.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 140 ราคะเกดิ เพราะลบู คลําอวยั วะของกันและกนั ช่ือวา กายสังสัคคะ.ก็ในกายสงั สคั คะนี้ มีภกิ ษุหนุมชื่อ ธรรมภาสกะ เปนตวั อยาง ไดย ินวา ภิกษุหนมุ กลาวธรรมในมหาวหิ าร เม่อื มหาชนมาในมหาวิหารนน้ั แมพ ระราชาก็เสดจ็ ไปพรอ มกบั ชาววงั แตน้นั ราคะกลา ไดเ กดิ แกพระราชธดิ า เพราะอาศยัรูปและเสียงของภกิ ษุหนมุ นัน้ และเกิดแมแ กภ ิกษุหนมุ รปู น้ัน พระราชาทรงเห็นเหตนุ น้ั ทรงกาํ หนดแลว ใหลอ มดว ยกาํ แพงคอื มา น เธอทงั้ สองน้ัน ก็เคลา คลึงโอบกอดซง่ึ กันและกนั ชนท้งั หลายเลกิ ผา มานแลดอู ีก กเ็ หน็ เธอทง้ั สองถงึ แกค วามตายแลว. กร็ าคะเกดิ เพราะการสนทนาปราศรัยกะกันและกัน ชอื่ วา สมลุ ลา-ปนสงั สคั คะ. ราคะเกดิ ในเพราะทําการบรโิ ภครว มกนั กับภิกษณุ ที ัง้ หลายชื่อวา สมั โภคสังสัคคะ ในสังสัคคะแมทั้งสองนัน้ ภกิ ษุและภิกษุณีถึงอาบัติปาราชิก. เปนตัวอยาง. ไดยินวา ในการฉลองมหาวิหาร ช่อื มริ จิวัฏฏกะพระเจาทฏุ ฐคามณอี ภยมหาราช ทรงจัดแจงมหาทานองั คาสพระสงฆท ัง้ สองฝายในการฉลองมหาวหิ ารน้ัน เมอ่ื ถวายขาวยาครู อ น สามเณรีผยู ังใหมก วา สงฆไดถ วายวลยั งาแกสามเณรผูใ หมกวาสงฆ ซึง่ ไมม ีเชิงรองบาตร ไดทําการเจรจาปราศรยั กัน เธอแมทง้ั สองนั้นอปุ สมบทแลว ได ๖๐ พรรษา ไปสูฝง โนนไดรบั บพุ สัญญา เพราะการเจรจาปราศรัยกะกันและกัน กเ็ กดิ สเิ นหาในทนั ทีทนั ใดนั้นเอง ลว งละเมิดสิกขาบท ตองอาบตั ปิ าราชกิ . ความเยือ่ ใยยอ มมแี กบคุ คลผูเ ก่ียวขอ งกัน ดวยความเกย่ี วขอ งอยางใดอยา งหนึง่ ในความเกยี่ วขอ ง ๕ อยาง ราคะอันมีกําลงั ยอ มเกิดขึน้ เพราะราคะในกาลกอ นเปนปจจัย ดวยประการฉะนี.้ แตน ้นั ทกุ ขน ย้ี อ มเกิดขึน้ ตาม
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 141ความเย่ือใย คอื ทุกขน้ีมีประการตา ง ๆ มีความโศกและความคร่าํ ครวญเปนตนทงั้ ทเี่ ปนทิฏฐธรรมและสมั ปรายกิ ภพยอ มเกดิ ขนึ้ คอื ยอมบังเกดิ ยอ มมียอมเกดิ ตดิ ตามความเย่อื ใยนน้ั นน่ั เอง. สว นอาจารยพวกอน่ื กลา ววา ไดแ กการปลอ ยใจในอารมณ แตน ้นั ทกุ ขยอ มเกิดขึ้นเพราะความเยอ่ื ใย ดงั นี้แล. พระปจ เจกสัมพุทธเจา นนั้ คร้นั ตรสั อรรถคาถานี้ มปี ระเภทแหงเนอ้ื ความอยางนแ้ี ลว จงึ ตรสั วา ทุกขมคี วามโศกเปนตน นีใ้ ด ยอ มเกิดขน้ึ ตามความเยือ่ ใย เราน้นั ไดข ดุ รากเหงา ของทกุ ขน นั้ จึงบรรลุปจ เจกสัมโพธิญาณคร้นั ตรสั อยางนแ้ี ลว อาํ มาตยเหลานนั้ จึงทูลวา ขาแตพระองคผ ูเ จรญิ บัดนี้พวกขาพระองคพงึ ทําอยา งไร ลาํ ดับนน้ั พระองคจงึ ตรัสวา พวกทานหรือพวกอน่ื ผูใดตอ งการพนจากทกุ ขน ้ี ผูนน้ั แมทั้งหมดเลง็ เห็นโทษอนั เกดิ แตความเยื่อใย พงึ เที่ยวไปผเู ดยี ว เหมอื นนอแรดฉะนัน้ . กค็ ําวา เลง็ เหน็ โทษอันเกดิ แตค วามเย่ือใยน้ี พึงทราบวา ทานกลาวหมายเอาคําที่พระปจเจกพุทธเจาตรสั วา ทกุ ขน ้ยี อมเกดิ ขนึ้ ตามความเยือ่ ใย.อีกอยา งหน่งึ พงึ เช่อื มความอยางน้วี า ความเย่อื ใยยอมมีแกบุคคลผมู ีความเก่ียวขอ งเกิดข้นึ แลว ดวยความเกยี่ วขอ งตามทก่ี ลาวแลว ทกุ ขนย้ี อมเกิดขนึ้ ตามความเย่ือใย เราเลง็ เหน็ ทุกขนั้นอันเกดิ แตความเยอื่ ใย ทาํ ความเสยี ดแทงตามท่มี าแลว จึงบรรลดุ ังน้ี พงึ ทราบวา บาทท่ี ๔ พระปจเจกพุทธเจา ตรัสแลวดว ยอาํ นาจแหงอทุ าน โดยนัยทกี่ ลา วแลวในกอ นนนั่ เทยี ว. บทท้งั ปวงนอกจากนั้น เปนเชน กับที่กลาวแลวในคาถาตนนัน้ แล. สงั สัคคคาถาวณั ณนา จบบริบรู ณ
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 142 คาถาท่ี ๓ คาถาวา มิตเฺ ต สหุ ชเฺ ช ดงั น้ี มีอุบัติอยางไร ? พระปจ เจกโพธิสตั วน ี้ อบุ ตั โิ ดยนัยท่ีกลาวแลว ในคาถาแรกนน้ั เทียวเสวยราชสมบตั ใิ นกรุงพาราณสี ยงั ปฐมฌานใหเ กดิ แลว ทรงพิจารณาวาสมณธรรมประเสริฐ หรือวา ราชสมบตั ปิ ระเสริฐ ทรงมอบราชสมบตั ิในมือของอํามาตย ๔ คน แลวทรงกระทําสมณธรรม อาํ มาตยท้งั หลายแมพ ระราชาตรสั วา ทา นทั้งหลายจงทําโดยธรรม โดยสมาํ่ เสมอ กร็ ับสินบนทําโดยอธรรมอํามาตยเ หลานัน้ ไมร บั สินบนกท็ ําโดยอธรรม รับสินบนแลว ทาํ เจาของท้งั หลายใหแ พ ในกาลคร้งั หนง่ึ ใหร าชวัลลภคนหนง่ึ ใหแพ ราชวัลลภนั้นเขาไปเฝาพรอ มกบั พวกพนกั งานหอ งเครื่องของพระราชา ทูลบอกเร่อื งทง้ั หมดในวันที่ ๒ พระราชาเสด็จไปสสู ถานที่วนิ ิจฉัยดว ยพระองคเ อง แตน น้ั หมูมหาชนไดร อ งเสียงดงั วา พวกอํามาตยทาํ เจา ของมิใหเ ปน เจาของ ไดก ระทาํเสยี งดงั เหมอื นการรบใหญ. ลาํ ดับน้ัน พระราชาเสดจ็ ลุกจากสถานท่ีวินิจฉยั เสดจ็ ขน้ึ สปู ราสาทประทบั นัง่ เพ่ือทรงเขา สมาบัติ แตไ มอาจเพอื่ ทรงเขาได เพราะทรงฟงุ ซานดว ยเสยี งนัน้ พระองคท รงพจิ ารณาวา เราจะมปี ระโยชนอ ะไรดว ยราชสมบัติสมณธรรมประเสรฐิ กวา ดงั น้แี ลว ทรงสละความสุขในราชสมบัติ ทรงยงัสมาบัติใหเ กิดข้นึ อีก ทรงพจิ ารณาเหน็ โดยนยั ทีก่ ลา วในกาลกอนนัน่ แล ทรงกระทําใหแ จงซ่ึงปจเจกสัมโพธญิ าณ และถูกทลู ถามถงึ กรรมฐาน จึงไดตรัสคาถาน้ี.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 143 ในคาถานัน้ คนท้ังหลาย ช่ือวา มติ ร ดว ยอาํ นาจแหงความรักใครช่ือวา สหาย เพราะความเปนผมู ใี จดี กค็ นบางพวกเปน มิตรเทาน้นั ไมเปนสหาย เพราะความเปนผูใครป ระโยชนเ ก้ือกูลอยา งเดียว บางพวกเปนสหายเทานนั้ ไมเ ปนมิตร เพราะใหเกดิ สุขทางใจ ในการทง้ั หลายมกี ารมา การยนืการนั่ง และการพูดเจรจาเปน ตน บางพวกเปนทง้ั สหายเปนทัง้ มติ ร ดว ยอาํ นาจแหง ธรรมท้ังสองนนั้ มติ รสหายเหลาน้ันมี ๒ พวก คอื ฆราวาส ๑บรรพชติ ๑. ใน ๒ พวกน้ัน ฆราวาสมี ๓ พวก คือ ผูมอี ุปการะ ๑ ผูรวมสุขรว มทุกข ๑ ผูอนุเคราะห ๑ บรรพชิตโดยพิเศษคือ ผบู อกประโยชนมิตรสหายเหลาน้นั ประกอบดว ยองค ๔ อยางนี้ สมดังทพี่ ระผูม พี ระภาคเจา ตรัสวา ดกู อ นคฤหบดีบุตร มิตรสหายผมู อี ุปการะพึงทราบดว ยฐานะ ๔ อยา งคือ ๑. รักษามิตรผปู ระมาทแลว ๒. รกั ษาทรัพยส มบตั ิของมติ รผปู ระมาทแลว ๓. เปน ท่ีพงึ่ พาํ นักของมติ รผกู ลัว ๔. เมื่อกรณียกจิ เกดิ ขนึ้ กเ็ พม่ิ โภคทรัพยใ หมากกวาที่ออก ปากขอ. อน่งึ ดูกอ นคฤหบดบี ตุ ร มิตรสหายผูรวมสขุ รว มทกุ ข พงึ ทราบดวยฐานะ ๔ อยา ง คือ ๑. บอกความลับแกมิตร ๒. ปกปดความลบั ของมติ ร ๓. ไมท อดท้ิงมติ รในคราวมอี ันตราย ๔. ชวี ิตกส็ ละไดเพ่ือประโยชนแกมติ ร.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 144 อนง่ึ ดกู อนคฤหบดีบตุ ร มติ รสหายผูอนุเคราะห พงึ ทราบดวยฐานะ๔ อยาง คอื ๑. ไมด ีใจเพราะมิตรยากจน ๒. ดีใจเพราะมิตรมัง่ มี ๓. ปองกนั คนติเตยี นมติ ร ๔. สรรเสริญคนยกยองมิตร. อน่งึ ดูกอนคฤหบดีบตุ ร มิตรสหายผบู อกประโยชน พึงทราบดวยฐานะ ๔ อยาง คือ ๑. หา มจากการทําบาป ๒. ใหตง้ั อยูในคุณความดี ๓. ใหไดฟ ง สงิ่ ทไี่ มเคยฟง ๔. บอกทางสวรรคให. เพราะฉะน้นั ฆราวาสทา นประสงคเ อาในท่ีนี้ แตโดยอรรถ ฆราวาสและบรรพชติ แมท้ังหมด ก็ควร. บทวา มิตเฺ ต สหุ ชเฺ ช อนกุ มฺปมาโนความวา เอน็ ดู คอื ประสงคเ พือ่ นําเขา มาซ่ึงสขุ แกมิตรสหายเหลาน้ัน. บทวาหาเปติ อตถฺ ความวา ยังประโยชน ๓ อยาง ดวยอํานาจแหง ทฏิ ฐธิ มั มกิ -ประโยชน สมั ปรายกิ ประโยชน และปรมัตถประโยชนใหเสอื่ ม คือ ใหพ ินาศอกี อยางหนงึ่ ยังประโยชน ๓ อยา ง แมดว ยอาํ นาจแหง ประโยชนตน ประ-โยชนคนอ่นื และประโยชนท ัง้ ๒ อยา งนนั้ ใหเสือ่ ม คอื ใหพ นิ าศ ยอมยงั ประโยชนใหเสื่อม คือ ยอมใหพนิ าศ ดวยการยงั วตั ถทุ ีไ่ ดแ ลว ใหพ นิ าศและดวยการไมใหเ กดิ สิง่ ทย่ี ังไมไ ดบา ง ดว ยวิธีทัง้ สองบา ง. บทวา ปฏพิ ทฺธ-
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 145จิตโฺ ต ความวา บุคคลแมต งั้ ตนไวใ นฐานะตาํ่ ตอ ยกวา เราเวน จากคนน้จี ักไมเปน อยู คนนั่นเปนคติของเรา คนนนั่ เปนผนู ําของเรา ดงั นี้ ช่อื วา เปนผูมีจติ ปฏิพัทธแลว แมตงั้ ตนไวในฐานะสงู สง วา คนเหลา นี้เวนเราเสียแลว ยอมไมเปนอยู เราเปนคตขิ องคนเหลา นน้ั เปน ผนู าํ ของคนเหลานั้น ช่ือวา เปนผมู ีจติ ปฏพิ ัทธแ ลว . ก็ผูมจี ิตปฏิพัทธแลวอยา งนี้ ทา นประสงคเ อาในพระสตู รน้ี. บทวา เอต ภย ทานกลา วหมายถึงภัยที่ยงั ประโยชนใ หเ สอ่ื มนนั่คือ ความเสอื่ มจากสมบตั ขิ องตน. บทวา สนฺถเว ความวา การเชยชมมี๓ อยาง ดว ยสามารถแหงการเชยชม คอื ตณั หา ทฏิ ฐิ และมติ ร. ในการเชยชม ๓ อยา งนั้น ตัณหาแม ๑๐๘ ประเภท ชอ่ื วา ตณั หาสนั ถวะ ทิฏฐิแม ๖๒ ประเภท ชอ่ื วา ทฏิ ฐิสนั ถวะ การอนุเคราะหมติ ร ดวยความเปน ผูมจี ติ ปฏพิ ทั ธแ ลว ชอ่ื วา มิตรสนั ถวะ มิตรสนั ถวะนนั้ ทา นประสงคเ อาในพระสูตรนี้ ดว ยวา พระปจ เจกพุทธเจา นั้น เส่อื มจากสมาบัติกเ็ พราะมติ รสันถวะน้ัน ดว ยเหตนุ ้ัน พระปจ เจกพทุ ธเจา จงึ ตรัสวา เราเลง็ เหน็ ภยั นั่นในที่กลาวแลว นั้นแล. มิตตสหุ ชั ชคาถาวณั ณนา จบบรบิ รู ณ คาถาที่ ๔ คาถาวา ว โส วิสาโล ดังนี้ มอี ุบตั เิ หตุอยางไร ? ไดย นิ วา ในกาลกอน พระปจ เจกโพธิสัตว ๓ องค บวชในพระ-ศาสนาของพระผูมีพระภาคเจา พระนามวา กัสสป บําเพญ็ คตปจจาคตวัตร
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 146สิ้น ๒๐,๐๐๐ ป อุบตั ใิ นเทวโลก เคลอ่ื นจากเทวโลกนนั้ แลว ผูเปน หัวหนาเกดิ ในราชตระกลู ในกรุงพาราณสี นอกน้ี เกิดในราชตระกลู ในปจ จันต-ประเทศ ทงั้ สองนน้ั เรียนกรรมฐาน สละราชสมบัติ บวชเปนพระปจ เจก-พุทธเจา โดยลาํ ดบั อยทู ี่เงอ้ื มนนั ทมูลกะ ในวันหนง่ึ ออกจากสมาบตั ิ ระลกึวา พวกเราทํากรรมอะไร จงึ บรรลุถงึ โลกุตรสขุ น้ี พิจารณาอยู ไดเ หน็ จรยิ าของตน ในกสั สปพทุ ธกาล ลาํ ดบั นัน้ ระลึกอกี วา คนที่ ๓ อยูทไี หนเหน็ คนที่ ๓ เสวยราชสมบัตใิ นกรงุ พาราณสี ระลกึ ถงึ คุณของหวั หนา น้ัน คดิ วาโดยปกติเทียว พระราชาพระองคนัน้ ทรงถงึ พรอ มดวยคณุ มคี วามเปนผูปรารถนานอยเปนตน ทรงโอวาทพวกเรา ผปู ระพฤติ อดทนตอ คาํ พดูทรงติเตียนบาป เอาเถิด พวกเราแสดงอารมณแลว จะเปล้ืองพระองค ดังน้ีแสวงหาโอกาสอยู ในวนั หนงึ่ เหน็ พระราชาพระองคน น้ั ทรงประดับประดาดวยเครื่องอลังการทงั้ ปวง กําลงั เสดจ็ ไปสพู ระราชอุทยาน แลว เหาะไปทางอา-กาศยนื อยทู ี่โคนกอไมไ ผ ท่ปี ระตูพระราชอทุ ยาน มหาชนกาํ ลังแลดพู ระราชาดวยการดูพระราชาของตน. ตอจากนนั้ พระราชาทรงแลดูวา มีใครหนอแลขวนขวายในการดเู ราทรงเหน็ พระปจ เจกพทุ ธเจา ท้ังหลาย และพรอ มกบั ทรงเห็นนน่ั เทียว พระองคทรงเกดิ ความเสนหาในพระปจเจกพุทธเจาเหลานัน้ พระองคจงึ เสดจ็ ลงจากคอชาง เสด็จเขา ไปหาพระปจเจกพุทธเจา เหลา นั้น ดวยอากปั กิรยิ าอนั สงบ แลวตรัสถามวา ขาแตท านผูเจรญิ ทานมีช่ืออยางไร พระปจเจกพทุ ธเจาเหลานัน้ทลู ตอบวา มหาบพติ ร พวกอาตมา ชือ่ วา ผไู มเกี่ยวของ.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 147 ร. ขา แตทานผูเจริญ ขอทว่ี า ผไู มเก่ียวของ มปี ระโยชน อยางไร. ป. มหาบพิตร ประโยชน คือ ความไมเ กยี่ วขอ ง ตอแตนน้ั เมอ่ืจะแสดงกอไผนนั้ จึงทลู วา มหาบพติ ร เปรียบเหมือนบรุ ษุ มีดาบในมือตัดรากกอไผน ั้น ซ่ึงเก่ียวพันราก ลําตน และกงิ่ โดยประการทงั้ ปวงอยู ดงึ มาก็ไมอาจยกขึน้ แมฉันใด พระองคถกู ตณั หาพายงุ เกีย่ วใหน ุงทง้ั ขา งในและขา ง-นอก เปน ผูเ กี่ยวขอ งซา นไป ติดอยูในตณั หาพายุงนั้น ฉนั นั้นเหมอื นกนัหนอไมไ ผน้ี แมจ ะอยูในทา มกลางกอไผนนั้ แตเ พราะกง่ิ ยงั ไมเ กิด จึงไมต ิดกับอะไรอยู และใครก็อาจเพอ่ื จะตดั ยอดหรอื รากยกไปไดแมฉนั ใด พวกอาตมาไมเกี่ยวของในท่ไี หน ๆ ยอมเทยี่ วไปทั่วทิศฉนั น้ันเหมอื นกัน แลวเขา ฌานที่ ๔ ในทันใดน้นั แล เมื่อพระราชาทรงดอู ยูน ่ันเทียว ก็เหาะไปสเู ง้อื มภเู ขานันทมลู . แตนนั้ พระราชาทรงพระราชดาํ ริวา แมเ ราพงึ เปน ผไู มเ กี่ยวขอ งอยา งน้ีในกาลไหนหนอแล แลว ประทบั นัง่ ในทีน่ น้ั แล พระองคทรงเห็นแจงไดกระทาํ ใหแ จง ซ่ึงปจเจกโพธิญาณ ถูกถามถึงกรรมฐานโดยนยั กอ นเทยี วจึงตรสั พระคาถานี.้ ในคาถาน้ัน บทวา ว โส ไดแก ไมไ ผ. บทวา วิสาโล ไดแกกวา งขวาง. ว อักษรลงในอรรถอวธารณะ หรือ เอว อักษร เอว อักษรในทนี่ ้ี พึงเห็นดวยการสนธ.ิ เอว อักษรเชือ่ มกับบทปลายของบทวา วิสาโลขาพเจา จะประกอบเอวอกั ษรนัน้ ในภายหลัง. บทวา ยถา ไดแก การเปรียบ-เทยี บ. บทวา วสิ ตโฺ ต ไดแก ติดแลว คอื พาใหนุง เย็บใหต ดิ กัน.บทวา ปตุ เฺ ตสุ ทาเรสุ จ คือ ในบุตร ธิดา และภริยา. บทวา ยา
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 148อเปกขฺ า ไดแก ตัณหาอันใด คอื ความเยื่อใยอนั ใด. บทวา ว สกฬโี รวอสชฺชมาโน คือ ไมของอยูเหมอื นหนอ ไม. มอี ธิบายอยางไร ไมไ ผกอใหญเกยี่ วกายกนั ฉนั ใด ความเยอื่ ใยในบุตรและภรรยา แมนั้น ช่ือวา ของอยแู ลวเพราะความเปนธรรมเยบ็ วตั ถุเหลา นั้นตั้งอยู ฉนั นน้ั เราน้นั เห็นโทษในความเยื่อใยอยางนีว้ า ขอ งอยูแลว ดวยความเยอ่ื ใยนน้ั ดจุ ไมไ ผก อใหญฉะนน้ัแลวตดั เยือ่ ใยนน้ั ดว ยมรรคญาณไมเ กี่ยวของ ดว ยอํานาจแหง ตัณหา มานะและทิฏฐิ ในรูปเปนตน หรอื ในทิฏฐเิ ปนตน หรือในโลภะเปน ตน หรือในกามภพเปน ตน หรือในกามราคะเปน ตน ดุจหนอไมไ ผน้ี จึงบรรลุปจ เจก-โพธญิ าณ ดังน.้ี บททเี่ หลอื พงึ ทราบ โดยนัยกอนนน่ั แล. วังสกฬีรคาถาวัณณนา จบบริบูรณ คาถาที่ ๕ คาถาวา มิโค อรฺมฺหิ ดังน้ี มอี บุ ตั ิอยา งไร ? ไดย ินวา ภิกษุรปู หนง่ึ เปน พระโยคาวจร ในพระศาสนาของพระผมู ีพระภาคเจา พระนามวา กสั สป ทาํ กาลกริ ยิ าแลว เกิดในตระกูลเศรษฐีอันมงั่ คั่ง มที รัพยมาก มีโภคะมาก ในกรุงพาราณสี เขาเปนคนมีราคะ เพราะเหตุนัน้ จึงประพฤตลิ วงภรรยาคนอ่ืน ไดถึงแกก รรมในชาตินน้ั แลว เกดิ ในนรก หมกไหมในนรกนัน้ แลว ไดถ อื ปฏิสนธิเปน หญิง ในทอ งของภรรยาเศรษฐี ดวยเศษวบิ ากทเี่ หลือ. รางกายท้ังหลาย ของสตั วท ้ังหลายที่มาจากนรก ยอ มเปน ของรอน เพราะเหตนุ น้ั ภรรยาเศรษฐีทรงครรภน น้ั ดวยทองทีร่ อน โดยลําบากยากเข็ญ ไดคลอดเดก็ หญิงโดยกาล.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 149 นางจาํ เดมิ แตวนั เกิดแลว เปนทีเ่ กลียดชังของมารดาบิดา และพวก-พอ งบรชิ นท่ีเหลือ และเจริญวยั แลว บิดามารดาใหใ นตระกลู ใด กเ็ ปนที่เกลยี ดชังของสามี พอผวั แมผัว ในตระกูลแมน ้ัน ครนั้ เขาประกาศนักษตั รบุตรเศรษฐี เม่ือไมป รารถนา เพ่อื จะเลนกับธดิ าของเศรษฐนี นั้ นํานางแพศยา เลนกีฬา. นางไดฟ ง จากสาํ นกั ของทาสที ั้งหลาย จงึ เขา ไปหาบุตรเศรษฐี คอนวา ดว ยประการตาง ๆ วา ขาแตล กู เจา ธรรมดาสตรี แมถ าเปนนองสาวของพระราชาทัง้ ๑๐ พระองคก็ดี เปน ธดิ าของพระเจา จกั รพรรดิก็ดีแมถ ึงอยางนน้ั ก็เปนผทู าํ งานรับใชสามี เม่ือสามีไมพ ูดเจรจาดว ย กเ็ สวยทุกขดจุ ถกู ยกขน้ึ สูหลาว จึงพูดวา ถาดิฉันควรแกการอนุเคราะห ก็พงึ อนุเคราะหถาไมค วรอนเุ คราะห กพ็ ึงท้ิงเสยี ดฉิ นั จักไปสูต ระกูลญาตขิ องตน บุตรเศรษฐีกลาววา ชา งเถิด นางคนสวย เจาอยาเศราโศก จงเตรยี มการเลน พวกเราจักเลนนักษตั ร. ธิดาเศรษฐีเกดิ อุตสาหะดว ยเหตุสักวา การปราศัยแมมปี ระการเพียงน้นัจึงคิดวา พรุง นีเ้ ราจักเลน นักษัตร แลว จดั แจงของเคีย้ วและของบริโภคจาํ นวนมาก ในวันทส่ี อง บตุ รเศรษฐีไมบอก เลยไปในสนามกีฬา นางคิดวา จักสงไปในบัดน้ี นงั่ แลดูทางอยู เห็นตะวนั สายแลว จงึ สงคนท้งั หลาย คนเหลา นน้ักลับมาบอกวา บตุ รเศรษฐไี ปแลว นางจึงถอื ของเคยี้ วและของบริโภคที่ตระเตรยี มนนั้ ทง้ั หมดขน้ึ สูย าน ปรารภเพื่อจะไปสอู ทุ ยาน. ลําดบั นนั้ พระปจเจกสัมพุทธเจาท่ีเง้อื มนันทมลู กะออกจากนิโรธในวนั ท่ี ๗ ลา งหนาที่สระอโนดาต เค้ียวไมสีฟนนาคลดา นกึ อยูวา วนั น้ีจกั เท่ยี วไปภิกษา ณ ทไี่ หนเหน็ ธิดาเศรษฐีนน้ั ก็รูวา ธดิ าเศรษฐนี ี้ ทําสักการะในเราแลว กรรมน้นั จักถงึ
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 150ความหมดสิ้นไป ยืนทีพ่ น้ื มโนศลิ ากวาง ๖๐ โยชน ที่ใกลเ งอื้ มน้นั นุง แลวถอื บาตร จีวร เขา ฌานซึง่ มอี ภิญญาเปน บาท เหาะมาลงที่สวนทางของธดิ าเศรษฐนี น้ั มุงหนา ไปสกู รุงพาราณสี ทาสีท้ังหลายเหน็ พระปจ เจกสัมพุทธเจาน้นั แลว บอกแกธิดาเศรษฐ.ี นางเห็นพระปจเจกสมั พทุ ธเจานนั้ แลว ลงจากยาน ไหวโ ดยเคารพรบั บาตรใหเ ตม็ ดว ยขาทนียะและโภชนยี ะทถ่ี ึงพรอมดวยรสท้งั ปวง และปดดว ยดอกปทุม ทาํ ดอกปทุมไวใ ตบาตร ถอื กาํ ดอกไม เขา ไปหาพระปจเจกสมั พทุ ธ-เจา ถวายบาตรที่มือของทาน ไหวแ ลว มอื ถอื กาํ ดอกไม ตงั้ ปรารถนาวาขา แตท า นผเู จริญ ดิฉันเกิดในชาตใิ ด ๆ ก็ขอใหเปนทร่ี ักเปนท่ชี อบใจของมหาชนในชาติน้ัน ๆ เหมอื นดอกไมน ้ีเถิด ครน้ั ต้งั ปรารถนาอยา งน้ีแลว จงึตง้ั ปรารถนาแมคร้งั ท่ี ๒ วา ขาแตทานผูเจริญ การอยใู นครรภเ ปน ทุกข ขอปฏิสนธิพงึ มใี นดอกปทุมเทานน้ั โดยไมต องอาศัยครรภน ั้นเถดิ แลวตงั้ปรารถนาแมค รัง้ ที่ ๓ วา ขา แตท า นผูเจรญิ มาตคุ ามอันมหาชนพงึ รังเกียจแมพระธดิ าของพระเจา จกั รพรรดิก็ยังไปสูอ ํานาจบุรุษ เพราะฉะน้นั ขอดิฉันอยาถึงความเปนสตรี พงึ เปน บรุ ุษเถิด ตั้งปรารถนาแมครัง้ ท่ี ๔ วา ขา แตทา นผเู จริญ ขอดฉิ ันพึงกา วลว งสงั สารทุกขน ี้ บรรลุพระอรหัตอันเปนอมตะท่ีทา นไดบรรลุแลว ในท่ีสุดเถิด คร้ันทําความปรารถนา ๔ อยางนีแ้ ลว เอากําดอกปทุมนน้ั บชู าพระปจเจกสัมพุทธเจา ไหวดว ยเบญจางคประดษิ ฐ แลวทาํ ความปรารถนาที่ ๕ น้ีวา ขอดฉิ ันจงมีกล่ินและวรรณะเปนเชนกบั ดอกปทุมนนั่ เถิด. ลาํ ดับน้นั พระปจ เจกสัมพุทธเจารับบาตรและกาํ ดอกไมแลว ยนืในอากาศ ทําอนโุ มทนาแกธ ดิ าเศรษฐี ดวยคาถานี้วา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 539
Pages: