พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 205ส้นิ แลว โทสะก็ดี โมหะก็ดี กิเลสทัง้ หลายอน่ื กด็ ี ยอมเปนอนั สิน้ แลว ดวยจงึ ทรงพอพระราชหฤทยั วา พระสมณะเหลานเ้ี ปน พหูสตู โดยตรง เปรียบเหมือนบรุ ุษช้แี สดงแผน ดินใหญ หรอื อากาศ ดว ยน้ิวมือ กไ็ มเ ปนอนั ชี้แสดงประเทศสักนิว้ มอื เลย แตค วามจรงิ แล เปน อนั ช้ีแสดงแผนดินและอากาศเหมอื นกัน ฉันใด พระสมณะเหลา นี้ เมอ่ื ชแี้ สดงอรรถองคละขอ กเ็ ปน อันชแ้ี สดงอรรถอันหาปริมาณไมได ฉันนั้น. แตนนั้ ทา วเธอทรงปรารถนาอยูซง่ึ ความเปน พหสู ูต เห็นปานน้นั วา ชื่อในกาลไหนหนอ แมเราจกั เปนพหูสูตอยางน้ี ทรงสละราชสมบัติ ผนวชแลวเหน็ แจง อยู ไดทาํ ใหแ จง ซ่ึงปจเจกโพธิญาณแลว ตรัสอทุ านคาถานว้ี า พหสุ ฺสุต ธมฺมธร ภเชถ มิตฺต อฬุ าร ปฏิภาณวนฺต อฺาย อตฺถานิ วิเนยยฺ กงฺข เอโก จเร ขคฺควสิ าณกปฺโป บคุ คลพึงคบมติ รผเู ปน พหูสตู ทรง- ธรรม ผยู งิ่ ดวยคณุ ธรรม มีปฏภิ าณ รจู กั ประโยชนท ั้งหลาย กาํ จัดความสงสยั ไดแ ลว พงึ เทย่ี วไปผูเดยี ว เหมือนนอแรด ฉะน้นั ดังนี.้ ในคาถานนั้ มีเนือ้ ความโดยยอ ดงั น้ี บทวา พหสุ ฺสุต ความวามติ รผพู หสู ูตมี ๒ อยางคอื ผูพหสู ตู ทางปริยัติ เชย่ี วชาญโดยเนอ้ื ความ
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 206ในไตรปฎก ๑ ผพู หสู ูตทางปฏิเวธ เพราะความทมี่ รรค ผล วิชชา และอภิญญาอนั ตนแทงตลอดแลว ๑. ผมู ีอาคมมาแลว ช่อื วา ผูทรงธรรม กผ็ ูประกอบพรอมดว ยกายกรรม วจกี รรม และมโนกรรมอนั ย่งิ ช่ือวา ผูยง่ิดวยคุณธรรม ผมู ยี ตุ ตปฏิภาณ ๑ ผมู มี ุตตปฏภิ าณ ๑ ผมู ยี ตุ ตมุตตปฏภิ าณ ๑ชอื่ วา มีปฏภิ าณ พึงทราบผมู ปี ฏภิ าณ ๓ อยา ง ดว ยอาํ นาจแหง ปรยิ ตั ิปฏภิ าณปริปุจฉาปฏภิ าณ และอธคิ มนปฏิภาณ. จริงอยู ปรยิ ตั ิยอมแจม แจง แกม ติ รใด มิตรนัน้ ชื่อวา ปริยตั ิปฏภิ าณการสอบถามยอมแจม แจง แกมติ รใด ผสู อบถามอรรถ ญาณ ลกั ษณะ และฐานาฐานะ มติ รนัน้ ช่ือวา ปริปจุ ฉาปฏิภาณ ธรรมมีมรรคเปนตน อนั มิตรใดแทงตลอดแลว มติ รนัน้ ช่อื วา ปฏเิ วธปฏภิ าณ บคุ คลพงึ คบมิตรผูเ ปน พหูสตูทรงธรรม ผูย ง่ิ ดวยคณุ ธรรม มปี ฏิภาณนัน้ คอื มีรปู เห็นปานนน้ั แตน ัน้ รจู กัประโยชนท ัง้ หลายมีอเนกประการ โดยตางดวยประโยชนตน ประโยชนค นอนื่และประโยชนทั้งสอง หรือโดยตางดวยทฏิ ฐธมั มกิ ประโยชน สัมปรายิกประ-โยชน และปรมัตถประโยชน ดวยอานภุ าพแหงมติ รน้นั แตน้ัน กําจัดความสงสัยไดแ ลว ในฐานะเปนท่ีตัง้ แหงความสงสัยท้ังหลาย มอี าทวิ า ในอดตี กาลเราไดม แี ลวหรือหนอ ดังนีแ้ ลว นําออกไปซึ่งความเคลอื บแคลง ใหห มดไปมกี จิ ท้ังปวงอันทําแลว อยา งนี้ พึงเทีย่ วไปผูเดยี ว เหมอื นนอแรด ฉะนน้ั แล. พหสุ ตุ คาถาวณั ณนา จบบริบูรณ
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 207 คาถาท่ี ๒๕ คาถาวา ขฑิ ฑฺ รตึ ดังน้ี มีอบุ ัติอยา งไร ? ในกรงุ พาราณสี พระราชาพระนามวา วิภูสกพรหมทัต เสวยยาคูหรือพระกระยาหารแตเชา ตรู ทรงใหตกแตง พระองค ดว ยเครอื่ งประดับนานาชนดิ ทรงสองพระวรกายท้ังสน้ิ ในพระฉายใหญ ทรงเอาเคร่ืองประดบัทไ่ี มต อ งการออกเสีย ใหพ นกั งานตกแตง ดว ยเครือ่ งประดับอยา งอนื่ ในวันหนึง่ เมื่อพระองคท รงกระทาํ อยา งน้ี กถ็ ึงเวลาเสวยพระกระยาหารตอนเทย่ี งครงั้ นั้นพระองคยังตกแตง ไมเสร็จเลย กท็ รงโพกพระเศียร ดว ยผนื ผา แลวเสดจ็ เขา ทีบ่ รรทมในกลางวนั เมื่อพระองคเ สด็จลุกขึ้น ทรงกระทําอยา งน้นัแมอ กี พระอาทิตยก ็อสั ดง. ในวนั ท่ี ๒ กด็ ี ในวนั ท่ี ๓ ก็ดี ก็ทรงกระทําอยา งนั้น เมอ่ื พระองคทรงขวนขวายในการตกแตง อยางนั้น กเ็ กดิ พระโรคปวดในพระปฤษฏางค. พระองคทรงพระราชดําริดังนีว้ า โอ ! โธเอย เราแมต กแตงอยูด ว ยเร่ียวแรงท้งั หมด ก็ไมพ อใจในเครอื่ งประดับท่ีสมควรนี้ ยงั ความโลภใหเ กิดขึน้ ได กข็ ึน้ ชื่อวา ความโลภน้นั ทําใหคนถงึ อบาย เอาเถอะ เราจะขมความโลภนัน้ ดังนีแ้ ลว ทรงสละราชสมบัติ ทรงผนวช เจริญวิปสสนาอยูก็ทรงกระทาํ ใหแ จง ซงึ่ ปจเจกโพธิญาณแลว จงึ ตรัสอทุ านคาถานีว้ า ขิฑฑฺ รตึ กามสุขฺจ โลเก อนลงฺกรติ ฺวาน อนเปกฺขมาโน วิภสู นฏ านา วริ โต สจฺจวาที เอโก จเร ขคฺควสิ าณกปโฺ ป
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 208 บคุ คลไมพ อใจการเลน ความยนิ ดี และกามสขุ ในโลกแลวไมเ พง เลง็ อยเู วน จาก ฐานะแหงการประดับ มปี กตกิ ลา วคําสตั ย พึงเท่ยี วไปผเู ดียว เหมอื นนอแรด ฉะน้นั ดงั นี.้ การเลน ความยนิ ดใี นคาถาน้ัน ไดกลา วแลวในกาลกอนเทยี ว. บทวากามสุข ไดแ ก ความสขุ ในวตั ถุกาม. จริงอยู วัตถกุ ามทง้ั หลาย เรียกวาสขุ เพราะเปน อารมณเ ปน ตนของความสขุ . เหมือนอยา งพระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา รปู มีอยู ความสุข ติดตามสุข ดงั นี้. บคุ คลไมพอใจ คอื ไมก ระทําวาพอละ ซึ่งการเลน ความยินดี และกามสขุ น่ัน ในโอกาสโลกน้ี อยางน้ีแลวไมถือส่งิ นั้นวา กอความเดอื ดรอ น หรอื ไมถ ือส่งิ นนั้ วา เปน สาระ. บทวา อนเปกขฺ มาโน ความวา มีปกติไมเ พง เล็ง คอื ไมม ีความอยาก ไมมคี วามทะยานอยาก. ในคําวา วภิ ูสนฏานา วริ โตสจจฺ วาที เอโก จเร น้ี พงึ เหน็ เนือ้ ความอยา งน้ีวา เครื่องประดับมี ๒อยาง คือ เครื่องประดับสําหรับฆราวาส ๑ เครอ่ื งประดบั สาํ หรับบรรพชติ ๑ก็เคร่อื งประดบั สาํ หรับฆราวาสมีผาสาฎก ผาโพก ดอกไม และของหอมเปนตน สว นเครือ่ งประดบั สําหรับบรรพชติ มเี ครื่องตกแตง คอื บาตรเปน ตนเคร่อื งประดับนนั่ เอง ชอื่ วา วภิ สู นฏั ฐานะ เวน จากฐานะแหงการประดบั นน้ัดวยวิรตั ิแม ๓ อยา ง ช่ือวา มีปกติกลาวคาํ สัตย เพราะพูดไมผ ดิ ดังนีแ้ ล. วิภสู นัฏฐานคาถาวณั ณนา จบบริบรู ณ
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 209 คาถาท่ี ๒๖ คาถาวา ปุตตฺ จฺ ทาร ดงั น้ี มอี ุบตั ิอยางไร ? ไดย ินวา พระราชโอรสของพระเจา พาราณสี ทรงอภิเษกแลวในกาลยังทรงพระเยาวน้ันเทยี ว เสวยราชสมบตั ิ. พระองคท รงเสวยพระสริ ิราชสมบัติดุจพระปจ เจกโพธสิ ตั วทกี่ ลา วแลว ในปฐมคาถา ในวันหน่งึ ทรงพระราชดํารวิ า เราสวยราชสมบัติ ยอ มทาํ ทกุ ขแกช นมาก เราจะมีประโยชนอ ะไรดวยบาปน้ี เพ่ือประโยชนแ กก ารเสวยคนเดยี วเลา เราจะยังสขุ ใหญใ หเ กิดขนึ้ดงั นแ้ี ลว ทรงสละราชสมบัติ ทรงผนวช เจรญิ วปิ ส สนาอยู ทรงกระทําใหแจงซง่ึ ปจ เจกโพธิญาณแลว ไดต รสั อุทานคาถาน้วี า ปุตตฺ จฺ ทาร ปต รจฺ มาตร ธนานิ ธฺานิ พนฺธวานิ หติ ฺวาน กามานิ ยโถธกิ านิ เอโก จเร ขคฺควสิ าณกปโฺ ป บคุ คลละบุตร ภรรยา บิดา มารดา ทรพั ย ขาวเปลอื ก พวกพอ ง และกามซ่ึง ต้งั อยตู ามสวนแลว พงึ เที่ยวไปผูเ ดยี วเหมอื น นอแรด ฉะน้ัน ดังน.ี้ บรรดาบทเหลานน้ั บทวา ธนานิ ไดแก รตั นะท้งั หลายมีแกวมกุ ดาแกวมณี แกว ไพฑรู ย สังข ศิลา แกวประพาฬ เงิน ทองเปน ตน. บทวาธฺานิ ไดแ ก อปรธัญชาติ ๗ อยา ง อนั ตางดวย ขา วสาลี ขาวเจาขาวเหนียว ขาวละมาน ขาวฟาง ลูกเดอื ย และหญากับแก.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 210 บทวา พนธฺ วานิ ไดแ ก พวกพอง ๔ ประเภท คอื ญาติ โคตรมติ ร และเพ่อื นเรียนศิลปะ. บทวา ยโถธกิ านิ คอื ซ่ึงตั้งอยตู ามสว นของตน ๆ นั่นเทยี ว. บทท่ีเหลอื มนี ัยท่ีกลาวแลวน่ันแล. ปุตตทารคาถาวัณณนา จบบริบูรณ คาถาที่ ๒๗ คาถาวา สงโฺ ค เอโส ดังนี้ มีอุบตั อิ ยางไร ? ไดยินวา ในกรงุ พาราณสี มีพระราชาพระองคห น่งึ พระนามวาปาทโลลพรหมทตั ทา วเธอเสวยยาคู หรือพระกระยาหาร แตเ ชา ตรูทรงชมนักฟอน ๓ ประเภทในปราสาทท้งั ๓ คําวา นกั ฟอ น ๓ ประเภทไดแ ก นักฟอนทม่ี าจากพระราชาในอดตี ๑ นักฟอนทมี่ าจากพระราชาถดั มา ๑นักฟอนทตี่ ัง้ ข้นึ ในรัชกาลของพระองค ๑. ในวันหนึ่ง พระองคเ สด็จไปสูปราสาทของนกั ฟอ นรุนสาวแตเ ชาตรูสตรนี ักฟอ นท้ังหลายคิดวา พวกเราจกั ใหพ ระราชาทรงรืน่ เริง จึงประกอบการฟอ นราํ ขบั รอ ง และการประโคม อันนาจับใจยิ่ง ดจุ พวกนางอปั สรของทาวสักกะจอมทวยเทพฉะน้ัน พระราชาไมท รงพอพระราชหฤทยั วา การฟอนรําของนกั ฟอนรนุ สาวทั้งหลายนัน่ ไมอัศจรรย จงึ เสด็จไปสปู ราสาทของนักฟอ นรนุ กลาง สตรีนักฟอนแมเ หลา นนั้ กไ็ ดก ระทาํ อยา งนน้ั เหมือนกัน.พระองคไ มพอพระราชหฤทัยในสตรนี กั ฟอ นรุนกลางแมนน้ั เหมอื นกนั จงึ เสดจ็ไปสปู ราสาทของนกั ฟอ นรุน ใหญ สตรนี กั ฟอ นแมเหลา นน้ั กท็ าํ อยางนั้นเหมือนกนั .
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 211 พระราชาทรงเหน็ การฟอนรําเปนเชนกบั การเลน กระดกู เพราะสตรีนักฟอ นเหลา นั้นเปนคนแกเฒาลวง ๒-๓ รัชกาลมาแลว และทรงฟงเสียงขบั รองอนั ไมไ พเราะ จึงเสด็จสปู ราสาทของนักฟอ นรุนสาว ปราสาทของนักฟอนรุน กลางไป ๆ มา ๆ อยา งน้ี กไ็ มท รงพอพระราชหฤทยั ในที่แหงไหนเลยทรงพระราชดาํ รวิ า สตรีนกั ฟอนเหลา น้ี ประสงคจ ะใหเรารื่นเรงิ ดุจเหลานางอปั สรของทา วสกั กะ จอมทวยเทพฉะนั้น จงึ ประกอบการฟอ นราํ การขับรอ ง และการประโคม เตม็ ความสามารถทุกอยา ง เรานนั้ ไมพอใจในที่แหง ไหนเลย ทาํ ใหโลภะเจริญขึน้ เทา นั้น กข็ นึ้ ช่ือวา โลภะน้นั เปนธรรมพึงใหไ ปสอู บาย เอาเถิด เราจะขม โลภะ ดงั น้ีแลว ทรงสละราชสมบัติ ทรงผนวชแลว เจริญวปิ สสนาอยู ก็ทรงทําใหแ จง ซึง่ ปจเจกโพธญิ าณ จึงไดตรสั อทุ านคาถานีว้ า สงโฺ ค เอโส ปริตตฺ เมตถฺ โสขฺย อปฺปสสฺ าโท ทุกขฺ เมตถฺ ภยิ ฺโย คณโฺ ฑ เอโส อิติ ตวฺ า มตมิ า เอโก จเร ขคฺควสิ าณกปโฺ ป บัณฑติ ทราบวา ความเกี่ยวของใน เวลาบรโิ ภคเบญจกามคุณนี้ มีสุขนอย มี ความยินดีนอ ย มที ุกขม าก ดุจหวั ฝ ดังนี้ แลว มีความรู พงึ เทย่ี วไปผูเ ดยี ว เหมอื น นอแรด ฉะนัน้ ดงั น้ี.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 212 คาถาน้นั มอี รรถวา บทวา สงฺโค เอโส ความวา พระปจ เจก-พทุ ธเจาแสดงการอปุ โภคของตน ดวยวา ความเกย่ี วขอ งนน้ั ชือ่ วา สงั คะเพราะอรรถวาสัตวทง้ั หลายของอยูในเบญจกามคณุ น้นั ดุจชา งตกอยูในเปอกตมฉะน้ัน. บทวา ปริตตฺ เมตฺถ โสขฺย ความวา ในกาลแหง บริโภคเบญจ-กามคุณนี้ ชอ่ื วามีสุขนอย เพราะอรรถวา ลามก โดยใหเกดิ ความสาํ คญั ผดิหรือโดยเน่อื งดว ยกามาวจรธรรม มอี ธบิ ายวา มีนิดหนอ ย คอื มีชัว่ คราวดุจสขุ ในการชมดกู ารฟอนราํ ที่แสงฟา แลบใหสวางขึน้ ฉะนนั้ . โทษของกามทัง้ หลาย พึงทราบวา มีความยินดีนอย เปน เพียงหยดนํ้า เม่อื เทียบกบั ทุกขทพี่ ระผูมพี ระภาคเจา ตรัสไว โดยนัยอยา งนี้วา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย กลุ บุตรในโลกนี้ ยอ มสําเรจ็ การเลีย้ งชพี ดวยการประกอบศลิ ปะใด คือ การคิดการนบั ดังนีเ้ ปนตน โดยทแี่ ท มที ุกขยง่ิ คอื มาก เปน เชน กับน้ําในสมุทรท้งั ส่ี เพราะฉะนั้น พระปจ เจกพทุ ธเจาจงึ กลา ววา มีความยินดีนอ ย มีทกุ ขมาก ดงั นี้. บทวา คณฺโฑ เอโส ความวา เบญจกามคณุ น้ี เปรยี บเหมอื นเบ็ด ดว ยสามารถแสดงความยนิ ดแี ลว ครา มา. บทวา อติ ิ ตวฺ า มติมาความวา บุรุษผูบัณฑิตท่ีมคี วามรู รูอยางน้แี ลว กพ็ ึงละกามท้งั หมดเสียเท่ยี วไปผูเ ดียว เหมือนนอแรด ฉะนน้ั แล. สงั คคาถาวณั ณนา จบบรบิ ูรณ
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 213 คาถาท่ี ๒๘ คาถาวา สนทฺ าลยติ วฺ าน ดังน้ี มีอบุ ตั ิอยา งไร ? ไดย ินวา ในพระนครพาราณสี มีพระราชาพระนามวา อนิวัตต-พรหมทัต ทา วเธอเสด็จเขา สสู งคราม ทรงปราชัยแลว ไมเสด็จกลับ หรอืทรงปรารภพระราชกจิ อยางอ่นื ยังไมสําเรจ็ กไ็ มเ สด็จกลบั เพราะฉะน้นั ชนทง้ั หลายจึงเรียกพระองคอ ยางนน้ั ในวนั หนงึ่ พระองคเสด็จไปสพู ระราชอุทยานกโ็ ดยสมยั นั้น ไฟปา ไดลกุ ไหม ไฟนนั้ ไหมไ มแ หง และวัตถมุ หี ญาเปน ตนท่ตี กหลน ลามไปไมหวนกลับ พระราชาทรงเหน็ ไฟน้ันแลว ทรงยงั นิมิตอนัเปรยี บดวยไฟน้นั ใหเกดิ ขึ้นวา ไฟปานฉี้ ันใด ไฟ ๑๑ อยา ง ก็ฉนั น้ันเหมอื นกนัไหมส ัตวท ง้ั หลายทัง้ ปวงไปไมห วนกลับ กอ ทกุ ขใ หญใหเกดิ ขน้ึ ชือ่ ในกาลไหนหนอ แมเ ราเพอ่ื ไมใหทุกขน หี้ วนกลับ พึงเผาไหมกเิ ลสทั้งหลาย ดว ยไฟคือ อรยิ มรรคญาณ เหมอื นไฟนี้ ไปไมห วนกลบั . แตนั้น พระองคเสดจ็ ไปสักครู ทรงเหน็ ชาวประมงท้ังหลายกาํ ลังจับปลาในแมน้ํา ปลาใหญตัวหน่ึงตดิ ขา ยของชาวประมงเหลานั้น ไดทาํ ลายขายหนีไป ชาวประมงเหลาน้นั รองวา ปลาทาํ ลายขา ยหนไี ปแลว พระราชาทรงฟงคาํ แมน ้ัน จงึ ยังนิมิตอนั เปรยี บเทียบดว ยปลานั้นใหเกิดขึ้นวา ชอื่ ในกาลไหนหนอ แมเ ราพงึ ทําลายขา ย คือ ตัณหาและทิฏฐิ ดว ยอรยิ มรรคญาณไปไมต ดิ ขัด ดงั น้ี พระราชานั้นทรงสละราชสมบัติ ทรงผนวชแลว ปรารภวิปสสนา ไดกระทําใหแจง ซึง่ ปจ เจกโพธญิ าณ และตรสั อุทานคาถานว้ี า สนฺทาลยิตฺวาน ส โยชนานิ ชาล ว เฉตวฺ า สลลิ มฺพจุ ารี อคคฺ ี ว ทฑฒฺ อนิวตฺตมาโน เอโก จเร ขคคฺ วิสาณกปฺโป
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 214 บุคคลพงึ ทําลายสังโยชนทง้ั หลาย เหมอื นปลาทาํ ลายขา ยหนีไป เหมอื นไฟไม หวนกลับมาสทู ่ไี หมแลว พึงเท่ียวไปผูเ ดยี ว เหมือนนอแรด ฉะนน้ั ดังน.ี้ ในบทที่ ๒ แหง คาถานั้น วตั ถุทสี่ ําเรจ็ ดวยดายเรียกวา ชาล ขา ย.น้าํ เรยี กวา อมั พ.ุ ซง่ึ วา อมั พุจารี ปลา เพราะอรรถวา วายไปในนา้ํ นั้น.คาํ วา อัมพุจารี น้นั เปน ชอ่ื ของปลา ปลาที่วายไปในนํา้ ช่อื วา สลิลัมพุจารี.มอี ธิบายวา ดจุ ปลาทาํ ลายขา ยในนา้ํ แหงนทีนัน้ . ในบาทท่ี ๓ สถานท่ถี กู ไฟไหม เรียกวา ทฑฒฺ แปลวาท่ีไหมแ ลว.มีอธบิ ายวา ไฟยอ มไมห วนกลบั ไปสูสถานท่ีไหมแลว คอื ไมม าในทไี่ หมแลวนัน้ โดยแทฉนั ใด บคุ คลไมก ลบั สทู แ่ี หง กามคณุ ท่ไี ฟ คอื มรรคญาณไหมแลวคือไมม าในทแี่ หงกามคณุ นน้ั โดยแท ฉันน้นั . บททเ่ี หลอื มนี ยั ท่ีกลา วแลวนัน้แล. สนั ทาลนคาถาวัณณนา จบบรบิ ูรณ คาถาท่ี ๒๙ คาถาวา โอกฺขิตฺตจกฺขุ ดังน้ี อุบตั ิอยา งไร ? ไดย นิ วา ในพระนครพาราณสี พระราชาพระนามวา จักขโุ ลล-พรหมทัต ทรงโปรดการดูนกั ฟอ น เหมอื นพระเจาปาทโลลพรหมทัต. สว นความแปลกกัน ดังนี้ :- พระเจาปาทโลลพรหมทัตทรงไมพ อพระราชหฤทยั แลว เสด็จไป ณที่นั้น ๆ พระเจาจกั ขุโลลพรหมทัตน้ี ทรงเห็นนักฟอ นนนั้ ๆ แลว ทรง
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 215เพลดิ เพลินย่งิ นัก เสดจ็ เทยี่ วทาํ ตัณหาใหเ จริญอยู ดวยการทอดพระเนตรดูนักฟอนทเ่ี ย้อื งกราย ไดยินวา พระองคท รงเห็นภริยาของกุฎมพคี นหนึ่ง ที่มาดูนักฟอ น ทรงยงั ราคะใหเกิดขน้ึ แตน ั้น ทรงสลดพระราชหฤทัยวา เรายงั ตัณหาน้เี จริญอยอู กี จักเปนผูเต็มในอบาย เอาเถดิ เราจักขมราคะนน้ัดงั นแี้ ลว ทรงผนวช เจรญิ วปิ ส สนาอยู ทรงกระทาํ ใหแจง ซึง่ ปจ เจกโพธิญาณเมอ่ื จะทรงติเตียนความประพฤตใิ นครัง้ กอนของพระองค จึงตรัสอุทานคาถานี้เพอ่ื ทรงแสดงคณุ อนั เปน ปฏปิ กษต อ การประพฤติน้นั วา โอกขฺ ิตตฺ จกฺขุ น จ ปาทโลโล คตุ ตฺ นิ ฺทรโิ ย รกขฺ ิตมานสาโน อนวสสฺ โุ ต อปรฑิ ยหฺ มาโน เอโก จเร ขคฺควิสาณกปโฺ ป บุคคลผมู ีจักษทุ อดลงแลว ไม คะนองเทา มีอนิ ทรียอ ันคมุ ครองแลว มีใจ อนั รกั ษาแลว ผูอันกิเลสไมร่ัวรดแลว และ ไฟคือกิเลสไมแ ผดเผาอยู พงึ เท่ยี วไปผเู ดียว เหมือนนอแรด ฉะนน้ั ดงั น้ี. ในบทเหลาน้ัน บทวา โอกขฺ ติ ฺตจกขฺ ุ ไดแก ผมู จี ักษทุ อดลงต่ํา.มอี ธิบายวา ผูวางทตี่ อ ทงั้ ๗ ตามลาํ ดับแลว เพงดูชั่วแอก เพอื่ งดเวน และดูสิ่งทคี่ วรละ แตไมใชเ อากระดูกคางกระทบกบั กระดกู อก เพราะผมู ีจักษทุ อดลงอยางน้ี ไมส มควรแกส มณะ.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 216 บทวา น ปาทโลโล ความวา ไมเดนิ สา ยไป ดจุ สากเทา จาํ้ ไปเพราะรบี จะเขาไปในทา มกลางหมูอยางน้วี า ท่ี ๒ สําหรบั คนหน่งึ ท่ี ๓ สําหรบัคน ๒ คน หรอื เวนจากการเที่ยวไปนานและการเท่ยี วไปไมก ลับ. บทวา คตุ ฺตนิ ทฺ ริโย ไดแก มีอินทรยี อนั คมุ ครองแลว ในอินทรียท้งั ๖ ดว ยอํานาจที่กลา วไวแ ผนกหนึง่ ในคาถาน.้ี บทวา รกฺขติ มานสาโน ความวา มานสั นนั่ เอง ชื่อวา มานสานะมานสานะนั้น อนั บุคคลนัน้ รักษาแลว เพราะเหตนุ ัน้ บุคคลนนั้ จงึ ช่ือวารกฺขติ มานสาโน แปลวา มีใจอันตนรกั ษาแลว มีอธิบายวา มีจิตอนั ตนรกั ษาแลว โดยประการทจี่ ิตไมแปดเปอนดวยกเิ ลสทงั้ หลาย. บทวา อนวสฺสโต ความวา ผเู วนจากการร่วั รดของกเิ ลส ในอารมณน น้ั ๆ ดวยการปฏบิ ัติน.ี้ บทวา อปริฑยฺหมาโน ความวา เพราะเวนจากการรว่ั รดอยา งนเ้ี องอันไฟคือกิเลสทั้งหลายไมแผดเผาอยู หรืออนั ไฟคอื กิเลสทงั้ หลายไมรวั่ รดแลวในภายนอก ไมแ ผดเผาอยูในภายใน. บททเ่ี หลือมีนยั ทีก่ ลา วแลวน่นั แล. โอกขิตตจักขวุ ณั ณนา จบบริบูรณ คาถาที่ ๓๐ คาถาวา โอหารยติ ฺวา ดังนี้ มีอบุ ตั ิอยางไร ? ไดย ินวา ในกรุงพาราณสี พระราชาพระนามวา จาตมุ าสิกพรหมทตัพระองคอน่ื น้ี เสด็จไปทรงกฬี าในพระราชอุทยาน ทกุ ๔ เดอื น ในวันหนึ่งทา วเธอเมื่อเสด็จเขา พระราชอุทยาน ในเดือนทา มกลางแหง ฤดรู อน ทรงเห็น
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 217ตนทองหลางดุจตน ปารฉิ ตั รในสวรรค ซึ่งมคี าคบสะพรั่งดวยดอก สลางดว ยใบ ใกลพ ระทวารแหง พระราชอทุ าน จึงทรงเด็ดเอาดอกหน่ึงแลว เสดจ็เขาสพู ระราชอุทยาน แตน นั้ อาํ มาตยแมคนหน่งึ คดิ วา พระราชาทรงเด็ดเอาดอกงาม จึงยืนขน้ึ บนคอชา งน่นั แล เดด็ เอาดอกหน่งึ . โดยอบุ ายนัน่ เทียว พลกายทั้งหมด จงึ เดด็ เอาบา ง ผูไมไดด อก กเ็ ด็ดเอาแมซ งึ่ ใบตน ไมน นั้ จงึ ปราศจากใบและดอก เหลอื แตล ําตนเทาน้นั . ในสมัยเย็น พระราชาเสด็จออกจากพระราชอุทยาน ทรงเหน็ ตน ไมน้นั ทรงพระราชดาํ ริอยวู า ตน ไมน ใ้ี ครกระทําหรอื ในเวลาเรามา ก็สะพรงั่ดว ยดอกสวยงามเปน เชน กบั แกว ประพาฬ ในระหวา งกงิ่ ซงึ่ มสี ดี จุ แกวมณี บัดนี้กลายเปน ตนไมปราศจากใบและดอกเสียแลว ทรงเหน็ ตน ไมไ มผลดิ อกมีใบเหลอื งหลน เกลอื่ นกลน ในที่ใกลตนไมน ้ันแล ก็ครัน้ ทรงเหน็ แลว พระองคทรงพระราชดาํ รดิ ังน้ีวา ตนไมน ้ี เปน ที่ตั้งแหงความโลภของชนมาก เพราะมีกง่ิ สะพรง่ั ดวยดอก เพราะเหตุนั้น จึงถงึ ความยอ ยยบั เพยี งช่วั ครูเทา นน้ั สว นตนไมอ ่ืนน้ี คงดาํ รงอยูเหมือนเดมิ เพราะไมเ ปนทต่ี ั้งแหงความโลภ ราชสมบัติแมน ้ี พงึ เปน ทต่ี ้งั แหง ความโลภ เหมอื นตน ไมทม่ี ีดอก สวนความเปน ภกิ ษุไมพ ึงเปน ทต่ี ้ังแหง ความโลภ เพราะฉะน้นั ราชสมบตั แิ มนี้ ยังไมถ ูกแยง ชิงเหมอื นตน ไมน ตี้ ราบใด เราพึงเปนผปู กปดดว ยผากาสาวะ ดุจตน ทองหลางอ่นื นี้ เกลือ่ นกลน ดว ยใบเหลืองแลว บวชตราบน้นั พระราชาน้นั ทรงสละราช-สมบตั ิ ทรงผนวช เจริญวปิ ส สนาอยู ทรงการทําใหแจง ซงึ่ ปจ เจกโพธญิ าณแลว ตรัสอุทานคาถานวี้ า โอหารยิตวฺ า คิหพิ ฺยฺชนานิ สฉฺ ินฺนปตฺโต ยถา ปารฉิ ตโฺ ต กาสายวตโฺ ถ อภินกิ ขฺ มิตวฺ า เอโก จเร ขคคฺ วสิ าณกปฺโป
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 218 บุคคลละเพศแหงคฤหสั ถ ดจุ ตน ทองหลางมีใบรวงหลน แลว นงุ หมผากาสา- ยะ ออกบวชเปน บรรพชิต เทยี่ วไปผเู ดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น ดังน.้ี บรรดาบทเหลาน้ัน บทนี้วา กาสายวตฺโถ อภินิกขฺ มิตฺวา ดังน้ีบัณฑิตพงึ ทราบเนอ้ื ความอยา งนว้ี า ออกจากเรือนแลว นุงหมผากาสายะ.บทที่เหลืออาจเพ่ือรู โดยนัยทกี่ ลาวแลวนนั่ แล เพราะฉะนั้น จึงไมไดกลา วใหพสิ ดาร. ปารจิ ฉัตตกคาถาวณั ณนา จบบริบรู ณ วรรคท่ี ๓ จบ วรรคที่ ๔ คาถาท่ี ๓๑ คาถาวา รเสสุ ดงั นี้ มอี ุบัตอิ ยา งไร ? ไดยินวา พระเจา พาราณสีพระองคห นึง่ ทรงแวดลอ มดวยบุตรอาํ มาตยท้งั หลายในพระราชอุทยาน ทรงเลน กฬี า ในสระโบกขรณีท่มี แี ผน ศิลา วเิ สทถอื เอารสแหงเนอ้ื ทั้งปวง ปรงุ พระกระยาหารในระหวา ง ซงึ่ ปรงุ ดีอยา งยงิ่ ดจุอมฤตแลว นอมถวายแดพระองค พระราชานัน้ ทรงถึงความติดในพระกระ-ยาหารนัน้ ไมทรงประทานอะไรใหแกใ ครเลย เสวยแตพระองคเ ดียว เมื่อทรงเลนในนํา้ และเสดจ็ ออกในเวลามืด ก็รบี เสวย ไมไดนึกถึงบรชิ นซงึ่พระองคเคยเสวยดว ยกนั มาแตกาลกอน.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 219 ตอมาภายหลัง พระองคทรงนกึ ไดว า โอ ! เราทาํ บาป ทเ่ี ราถกูความอยากในรสครอบงาํ ลมื นกึ ถึงปวงชน กนิ แตผ เู ดียว เอาเถดิ เราจะขมความอยากในรส ดังน้แี ลว ทรงสละราชสมบตั ิ ทรงผนวช เจริญวิปส สนาอยู ก็ทรงกระทําใหแ จง ซ่ึงปจเจกโพธญิ าณ ทรงติเตยี นการปฏบิ ตั ิในครั้งกอนของพระองค จึงตรสั อทุ านคาถาน้ี อนั แสดงถึงขอปฏิบตั อิ ันเปนปฏปิ ก ษตอ การปฏิบตั ิคร้งั กอ นน้ันวา รเสสุ เคธ อกร อโลโล อนฺโปสี สปทานจารี กุเล กเุ ล อปปฺ ฏพิ ทฺธจิตโฺ ต เอโก จเร ขคฺควสิ าณกปโฺ ป ภกิ ษไุ มกระทําความยินดีในรสทั้ง- หลาย ไมโลเล ไมเ ลีย้ งคนอนื่ มีปกติเทยี่ ว บณิ ฑบาตตามลาํ ดับตรอก ผูม ีจติ ไมผ กู พนั ในตระกลู พงึ เทีย่ วไปผเู ดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น ดังนี้. ในบทเหลาน้นั บทวา รเสสุ ความวา ไมกระทาํ ความยินดี คือไมกระทาํ ความตดิ ในรสอนั ควรลมิ้ ทง้ั หลาย อันตา งโดยรสเปร้ียว หวาน ขมเผด็ เคม็ เฝอ น และรสฝาดเปน ตน มอี ธบิ ายวา ไมยังความอยากใหเ กดิ ข้นึ . บทวา อโลโล ความวา ไมว นุ วายในรสพิเศษท้ังหลายวา เราจักลิ้มรสนี.้ บทวา อนฺ โปสี ความวา เวนจากคนมสี ทั ธิวหิ าริก อันตนจะพึงเลยี้ งดูเปน ตน มีอธิบายวา ยินดีแลว ดวยเหตสุ ักวาการสํารวมทางกาย.อกี อยางหนงึ่ พระปจเจกพุทธเจา แสดงวา ในกาลกอนเราเปน ผวู นุ วายใน
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 220การกระทาํ ความตดิ ในรสทงั้ หลาย ที่อุทยานแลว เปนผูเล้ียงคนอืน่ ฉนั ใดเราไมเปนฉนั นนั้ เปนผวู นุ วายดว ยตัณหาใดแลว ทําความยินดีในรสทั้งหลายภิกษลุ ะตณั หานั้น ไมเลย้ี งคนอ่ืน เพราะอัตภาพอ่นื อันมีตณั หาเปนมลู ไมเ กดิตอไป. อีกอยา งหนึ่ง กเิ ลส เรยี กวา อโฺ (อ่นื ) เพราะอรรถวา หกั รานประโยชน. ในขอ น้ีมอี ธบิ ายอยางน้ีวา ภิกษชุ ื่อวา ไมเ ลี้ยงคนอืน่ เพราะไมเลยี้ งกเิ ลสเหลา นน้ั . บทวา สปทานจารี ความวา มีปกตเิ ทยี่ วไปดวยการไมข ามลาํ ดบัคอื มีปกตเิ ท่ยี วไปตามลําดบั ไมล ะลําดบั แหงเรือน เขาไปสูตระกลู ของคนมั่งคั่งและตระกูลของคนยากจน เพื่อบณิ ฑบาตเนือง ๆ. บทวา กเุ ล กุเล ลปฺปฏิพทฺธจติ ฺโต ความวา ผมู ีจิตไมเ ก่ียวขอ งดวยอํานาจแหง กิเลส ในตระกลู ใดตระกลู หน่งึ ในบรรดาตระกลู ทัง้ หลายมีตระกูลกษัตรยิ เปนตน เปนผใู หมเปนนิตย ดุจพระจนั ทร. บทท่ีเหลือมนี ยั ที่กลา วแลวนัน่ แล. รสเคธคาถาวัณณนา จบบริบรู ณ คาถาที่ ๓๒ คาถาวา ปหาย ปฺจาวรณานิ ดังนี้ มอี บุ ตั อิ ยางไร ? ไดยินวา พระราชาพระองคหน่งึ ในพระนครพาราณสี ทรงไดปฐมฌาน ทาวเธอทรงสละราชสมบัติ เพ่ือทรงตามรกั ษาฌาน ทรงผนวชแลวเจรญิ วปิ ส สนาอยู ทรงกระทาํ ใหแ จง ซ่ึงปจ เจกโพธิญาณ เพื่อจะทรงแสดงสัมปทาแหง การปฏบิ ตั ขิ องพระองค จึงตรสั อทุ านคาถานวี้ า
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 221 ปหาย ปฺจาวรณานิ เจตโส อุปกกฺ เิ ลส พยฺ ปนุชชฺ สพฺเพ อนสิ ฺสโิ ต เฉตวฺ า สเิ นหโทส เอโก จเร ขคคฺ วสิ าณกปโฺ ป บคุ คลละธรรมเปนเคร่อื งกัน้ จติ ๕ อยาง บรรเทาอปุ กเิ ลสทงั้ ปวงแลว ผอู นั ทิฏฐิ ไมอาศยั ตดั โทษคือความเยื่อใยไดแลว พึง เทยี่ วไปผเู ดยี ว เหมอื นนอแรด ฉะนนั้ ดงั น้.ี ในบทเหลา นน้ั บทวา อาวรณานิ ไดแ ก นิวรณท ้งั หลายนนั้ แล.นิวรณเ หลาน้นั โดยอรรถไดกลา วแลว ในอุรคสตู ร กน็ ิวรณเ หลา น้นั เพราะกนั้ จติ ดจุ หมอกเปน ตน ปด บังดวงจนั ทรและดวงอาทติ ย เพราะฉะน้นั จึงเรยี กวา ธรรมเปนเครื่องกัน้ จติ ละนิวรณเหลาน้ัน ดว ยอุปจาร หรอื ดว ยอปั ปนา. บทวา อปุ กเิ ลส ไดแก อกศุ ลธรรมทงั้ หลาย ซึ่งเขา มาเบียด-เบียน จิต หรือ ธรรมทงั้ หลายมอี ภิชฌาเปน ตน ทก่ี ลา วแลว ในสูตรทงั้ -หลายมวี ัตโถปมสูตรเปนตน . บทวา พยฺ ปนชุ ชฺ ความวา บรรเทาแลว คอื ใหพินาศแลว อธิบายวา ละแลว ดวยวิปสสนามรรค. บทวา สพฺเพ ไดแ ก ที่เหลือลง. บุคคลถึงพรอมดวยสมถะและวิปส -สนาอยา งน้ี ชอื่ วา ผูอนั ทิฏฐไิ มอ าศัย เพราะความที่ทิฏฐินิสสยั อนั ทา นละแลวดว ยปฐมมรรค ตดั โทษคือความเยือ่ ใย อนั ติดตามไตรธาตไุ ดแ ลวดว ยมรรค
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 222ทเี่ หลอื ทัง้ หลาย มีอธบิ ายวา ตดั ตัณหาราคะไดแลว กค็ วามเยื่อใยน่ันแลเรียกวา โทษ คอื ความเยอ่ื ใย. บททเ่ี หลือ มีนัยที่กลา วแลวนั่นแล. อาวรณคาถาวณั ณนา จบบริบรู ณ คาถาท่ี ๓๓ คาถาวา วิปฏกิ ตวฺ าน ดังนี้ มอี ุบตั อิ ยางไร ? ไดยินวา พระราชาพระองคหนึง่ ในกรุงพาราณสี ทรงไดจตตุ ถฌานทา วเธอทรงสละราชสมบตั ิ เพอ่ื ทรงตามรักษาฌาน ทรงผนวช เจรญิ วิปสสนาอยู ทรงทําใหแจง ซง่ึ ปจ เจกโพธญิ าณ เมือ่ จะทรงแสดงสัมปทาแหง การปฏบิ ัติของพระองค จงึ ตรสั อทุ านคาถานว้ี า วปิ ฏ กิ ตวฺ าน สขุ ทกุ ขฺ จฺ ปพุ ฺเพว จ โสมนสฺสโทมนสฺส ลทฺธานุเปกฺข สมถ วิสุทธฺ เอโก จเร ขคฺควสิ าณกปโฺ ป บคุ คลละสขุ ทุกข โสมนัส และ โทมนสั ในกอ นได ไดอเุ บกขา และสมถะ อนั บรสิ ุทธิ์แลว พงึ เทย่ี วไปผเู ดียว เหมือน นอแรด ฉะนน้ั ดังน.ี้ ในบทเหลา นนั้ บทวา วปิ ฏิกตวฺ าร ความวา ทําไวขางหลังคือ ทิ้งแลว สละแลว. บทวา สขุ ทุกฺขฺจ ไดแก ความสําราญทางกายและความไมสาํ ราญทางกาย. บทวา โสมนสฺสโทมนสสฺ ไดแก ความสําราญทางใจและความไมสําราญทางใจ. บทวา อเุ ปกขฺ ไดแก อุเบกขาใน
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 223จตุตถฌาน. บทวา สมถ ไดแก สมถะในจตตุ ถฌานน่ันเทียว. บทวา วิสุทฺธความวา ชอ่ื วา อันบริสทุ ธิ์แลว เพราะพน จากธรรมอนั เปน ขา ศกึ ทง้ั หลายกลา วคอื นวิ รณ ๕ วิตก วิจาร ปต แิ ละสขุ อธบิ ายวา ปราศจากอุปกเิ ลสแลว ดจุ ทองคําทไ่ี ลด แี ลว. ก็โยชนามดี ังนี้ ละสุขและทกุ ข อธบิ ายวา ทุกขในอุปจารภมู แิ หงปฐมฌานนั่นเทียว สุขในอปุ จารภูมแิ หงตติยฌาน. มีอธิการวา ละโสมนัสและโทมนัสในกอนได เพราะนํา จ อกั ษรท่ีกลาวไวขางตน ไปไวขา งหนา อีกดวย จ อักษรนน้ั พระปจ เจกพทุ ธเจาแสดงวา ละโสมนัสในอปุ จารแหงจตตุ ถฌาน และโทมนัสในอปุ จารแหง ทตุ ิยฌานนัน่ เอง. จริงอยู อปุ จารแหงจตตุ ถฌาน และอุปจารแหงทตุ ิยฌานเหลานนั้ เปนฐานะในการละโสมนัสและโทมนัสเหลานัน้ โดยทางออ ม. แตโดยทางตรง ปฐมฌานเปน ฐานะในการละทุกข ทุตยิ ฌานเปนฐานะในการละโทมนสั ตติยฌาน เปนฐานะในการละสขุจตตุ ถฌานเปนฐานะในการละโสมนัส. เหมือนอยางพระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วาภิกษุเขาปฐมฌานอยู ทุกขนิ ทรียท่เี กิดแลว ในปฐมฌานนน้ั ยอมดับไมมสี วนเหลือ ดังนเ้ี ปนตน .* ขอความนั้นทั้งหมด ขาพเจากลาวไวแลว ในอรรถกถาธรรมสังคหะช่อื อฏั ฐสาลนิ ี. เพราะบุคคลละทุกข โทมนสั และสุขในกอนได คอื ในฌานทั้ง ๓ มีปฐมฌานเปน ตน แลว จงึ ละโสมนสั ในจตุตถฌานนนั้ เอง ไดอ เุ บกขาอนั สงบบรสิ ทุ ธิ์ ดวยปฏิปทาน้ี พงึ เท่ยี วไปผูเดียว. บทท่ีเหลอื ในท่ีท้งั ปวงปรากฏชัดแลว แล. วิปฏฐิกัตวาคาถาวณั ณนา จบบรบิ ูรณ* ส มหาวาร ๒๒๓.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 224 คาถาที่ ๓๔ คาถาวา อารทฺธวิรโิ ย ดังน้ี มีอบุ ัตอิ ยางไร ? ไดยินวา พระเจาปจ จันตราชาพระองคหน่ึง (พระเจาขุททกราช) ทรงมพี ลกายเปนทหารประมาณหนึ่งพัน ทรงมีพระราชสมบตั ินอย แตมพี ระปญ ญามาก ในวันหนึ่ง ทา วเธอทรงพระราชดาํ ริวา เราเปนผูขัดสนแมกจ็ ริง แตเ รามีปญ ญาอาจเพือ่ จะยดึ เอาชมพูทวปี ทง้ั สิ้นได ดังน้แี ลว กท็ รงสง ทูตแกพ ระเจาสามันตรราชวา ในภายในเจ็ดวัน จงใหราชสมบัติแกเรา หรือจงใหก ารรบ ตอจากน้นั พระองคทรงประชุมเหลา อาํ มาตยข องพระองคแลว ตรสั วา ขา พเจายังไมไดปรึกษาพวกทานเลย ไดท ําการผลุนผลัน ไดส งทตู อยางน้แี กพ ระราชาชื่อโนน จะพึงทําอยา งไร อํามาตยเหลานน้ั ทลู วา ขาแตมหาราช พระองคอาจทจี่ ะทรงเรยี กทูตนนั้ กลับหรือ ? ร. ไมอาจ ทตู น้นั ไปแลว อ. ถาอยา งนนั้ พวกขาพระองคก็ถกู พระองคใหพ ินาศแลว เพราะเหตนุ ้ัน การตายดวยมือของคนอื่นเปน ทุกข เอาเถิด พวกขา พระองคจะฆากนั ตาย จะฆา ตวั ตาย จะผูกคอตาย จะดื่มยาพษิ ตาย. ในอาํ มาตยเหลา นน้ั อํามาตยแตล ะคนไดพ รรณนาถงึ ความตายอยางน้ีเทานน้ั แตน นั้ พระราชาตรสั วา มีประโยชนดว ยอํามาตยเ หลา น้ี ดกู อนพนายฉนั มที หารอยูด ังน.้ี ขณะนัน้ ทหารหนึ่งพันนั้น ลุกขึน้ ทูลวา ขาแตมหาราชขาพระองคเ ปนทหาร พระราชาทรงพระราชดําริวา เราจักทดลองทหารเหลา นั้นดังน้ีแลว ทรงใหเ ตรียมเชิงตะกอนไว ตรัสวา ดกู อนพนาย ฉนั ไดทาํ การ
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 225ผลุนผลันช่ือนี้ พวกอาํ มาตยคดั คานการกระทําของฉนั น้ัน ฉนั น้ันจะกระโดดเขาสเู ชงิ ตะกอน ใครบา งจะกระโดดเขา พรอมกับฉนั ใครยอมสละชีวติ เพ่ือฉนัครัน้ ตรัสอยางนแี้ ลว พวกทหาร ๕๐๐ คน พากันลกุ ขนึ้ ทูลวา ขาพระองคจะกระโดดเขา ไป มหาราช. ลาํ ดบั นั้น พระราชาตรสั กะทหาร ๕๐๐ อกี พวกวา ดกู อ นพอ บดั น้ีพวกเธอจกั ทําอยา งไร ? ทหาร ๕๐๐ เหลา นั้นกราบทูลวา ขาแตมหาราชน้ีไมใชการกระทําของลูกผูชาย นนั่ เปน การประพฤติของผูหญิง ความจรงิพระมหาราชทรงสง ทูตแกอ รริ าชแลว พวกขา พระองคจกั รบกับพระราชานัน้จนสิน้ ชีวติ . แตน้นั พระราชาตรัสวา พวกทา นยอมสละชีวติ เพ่อื เราดังนแี้ ลวทรงตระเตรียมจตุรงคินเี สนา ทรงแวดลอ มดวยทหารพนั หน่ึงนั้น เสด็จไปประทบั นงั่ ณ ชายแดนรชั สมี า. ฝายพระเจาปฏริ าชน้ันทรงสดบั ประพฤติการณน ัน้ แลว ทรงดพี ระทัยวา เออเฮอ ! เจาขุททกราชแมน ้นั ไมพอแมแ กท าสของเรา ดังน้ีแลว ทรงยกกองทัพท้งั หมดเสดจ็ ออก เพ่ือรบ พระเจา ขทุ ทกราชาทรงเหน็ พระเจาปฏิราชนน้ั ผยู กทพั ออกมาประเชญิ หนา จึงตรสั กะพลกายวา ดูกอนพอ พวกทานไมม ากทั้งหมดจงรวมกัน ถอื ดาบและโล ว่ิงไปตรงขา งหนาพระราชานี้โดยเรว็ ทหารเหลา นน้ั ไดก ระทาํ ตามพระดํารัส ขณะนน้ั กองทัพนนั้ แตกออกเปน ๒ ฝา ยชอ งวา งให พวกทหารเหลานนั้ จึงไดจับพระราชานัน้ ท้ังเปน พวกทหารเหลาอื่นก็หลบหนไี ป พระเจา ขุททกราชทรงวิ่งไปขา งหนา ดว ยพระดํารวิ าจักฆาพระราชาน้นั พระเจาปฏริ าชทรงทลู ขออภยั พระเจาขทุ ทกราชนน้ั .
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 226 ตอ แตนนั้ พระเจาขทุ ทกราชทรงประทานอภัยแกพ ระเจา ปฏิราชนน้ัทรงใหพระเจาปฏิราชนน้ั ทาํ การสาบาน ทาํ ใหเ ปนพวกของพระองคแลว ทรงเริ่มเพือ่ จะจับพระราชาองคอน่ื ท้ังเปนอีก จงึ เสดจ็ ไปพรอ มกบั พระเจาปฏริ าชนั้น ประทับยืน ณ ชายแดนรัชสีมาของพระเจา ปฏริ าชนนั้ ทรงสงขาวไปวาจงใหราชสมบตั ิแกเรา หรือจงใหการรบ พระราชาน้ันทรงพระราชดําริวา เราไมกลา รบคนเดยี วได จึงทรงมอบราชสมบัต.ิ โดยอุบายน่ันแล พระราชาท้ังหลายรบอยู พระราชาเหลา นนั้ ก็จกั ทรงพายแพ. พระราชาเหลานัน้ จงึ ไมทรงรบ ยอมมอบราชสมบตั ใิ ห พระเจา ขทุ ทกราชจงึ ทรงพาพระราชาทง้ั หมดจบั พระเจา กรงุ พาราณสีในที่สดุ . พระราชาพระองคน นั้ ทรงมีพระราชา ๑๐๑พระองคแวดลอม ทรงครอบครองราชสมบัติในชมพทู วีปทัง้ สิ้น เสวยสิริราชสมบัต.ิ ในกาลตอ มา พระองคทรงพระราชดําริวา ในกาลกอ น เราเปนผูขดั สน ไดเ ปนใหญแ หง ชมพูทวปี ท้ังสน้ิ ดวยญาณสมบตั ิของตน ญาณของเราใดประกอบดว ยโลกยิ วริ ิยะ ญาณน้ัน ยอมไมเปนไปเพ่ือนพิ พิทา ยอ มไมเปน ไปเพอ่ื ปราศจากราคะ ดีทเี ดยี ว ถา เราพึงแสวงหาโลกตุ รธรรมดว ยญาณน้ี ลําดบั นน้ัจงึ ทรงพระราชทานราชสมบัติแกพ ระเจา กรงุ พาราณสี ทรงสงพระราชบตุ รและพระมเหสกี ลบั ชนบทของตนเรยี บรอยแลว ทรงสมาทานบรรพชา ปรารภวิปสสนา ทรงกระทําใหแ จงซึ่งปจเจกโพธิญาณ เมือ่ จะทรงแสดงวิริยสมบัติของพระองค จงึ ตรสั อุทานคาถาน้วี า
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 227 อารทธฺ วิริโย ปรมตถฺ ปตตฺ ยิ า อลีนจติ โฺ ต อกสุ ตี วตุ ตฺ ี ทฬหฺ นกิ ขฺ โม ถามพลูปปนโฺ น เอโก จเร ขคฺควิสาณกปโฺ ป บุคคลปรารภความเพียรเพือ่ บรรลุ ปรมตั ถประโยชน มจี ิตไมหดหู มคี วาม ประพฤติไมเ กยี จครา น มีความบากบั่นม่นั คง ถึงพรอ มแลว ดว ยกําลังกายและกําลงั ญาณ พึงเทยี่ วไปผเู ดยี ว เหมอื นนอแรด ฉะนั้น ดงั น้.ี ในคาถานัน้ ช่อื วา ปรารภความเพียร เพราะอรรถวา บุคคลน้นัปรารภความเพยี รแลว พระปจเจกพทุ ธเจา แสดงความเพยี รมีวิริยารัมภะเปน ตนของตน ดว ยบทนี้ นิพพานเรยี กวา ปรมตั ถะ เพ่อื บรรลปุ รมตั ถประโยชนดว ยการบรรลุนิพพานน้นั พระปจ เจกพทุ ธเจา แสดงผลอนั พงึ บรรลุดวยวริ ยิ า-รัมภะ ดว ยบทน้.ี พระปจ เจกพุทธเจาแสดงความท่จี ิตและเจตสิกอันพลวิรยิ ะสนับสนนุแลว เปน ธรรมชาตไิ มหดหู ดว ยบทวา อลีนจติ ฺโต น้ี แสดงความไมเ ฉื่อยชาแหงกาย ในการยนื การนั่ง และการจงกรมเปน ตน ดว ยบทวา อกุสีตวตุ ฺติ น้ีแสดงความเพยี รท่ตี ง้ั ม่นั ซ่ึงเปนไปแลว อยา งน้ีวา กาม ตโจ จ นหฺ ารุ จดว ยบทวา ทฬหฺ นกิ ฺกโม นี้ บุคคลตัง้ ความเพียรนน้ั ในกิจทงั้ หลายมีการศกึ ษาตามลาํ ดบั เปนตน เรยี กวา ยอมกระทําใหแจง ซ่งึ ปรมัตถสัจจะ ดวยกาย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 228อกี อยางหน่งึ แสดงความเพยี รมสี ัมปยุตดว ยมรรค ดว ยบทน.้ี จรงิ อยู ความเพียรน้ัน ชอื่ วา นกิ ขมะ เพราะเปนความเพียรท่ีไดแลว ดว ยการภาวนามน่ั คงและเพราะเปนความเพียรที่ออกจากธรรมที่เปนปฏปิ กษโดยประการทั้งปวงเพราะฉะน้นั แมบคุ คลผูสมงั คดี วยความเพยี รนั้น จึงชอ่ื วา ทฬั หนิกกมะเพราะอรรถวา บคุ คลน้นั มคี วามบากบัน่ มัน่ คง. บทวา ถามพลปุ ปนฺโน ความวา ถึงพรอมแลวดว ยกาํ ลังกาย และกําลงั ญาณ ในขณะแหง มรรค. อกี อยางหนึ่ง บคุ คลใดถึงพรอ มแลว ดวยกาํ ลงั อันเปน เรย่ี วแรง เพราะเหตุนั้น บคุ คลน้นั ชือ่ วา ถึงพรอ มแลว ดว ยกําลังเรีย่ วแรง มีอธบิ ายวา ไมถึงพรอ มแลว ดว ยกําลงั ญาณ. พระปจ เจกพุทธเจาเมื่อจะแสดงการประกอบวิปส สนาญาณ จงึ ยงั ความที่ความเพียรนั้นเปน ประธานใหสาํ เร็จโดยแยบคาย ดว ยบทน้ี. อีกอยา งหน่ึง พึงประกอบบาทแมท ้ังสามดว ยอาํ นาจแหงความเพยี รท่ีเปน เบือ้ งตน ทามกลาง และที่อกุ ฤษฏ. บทท่ีเหลือมนี ยั ทีก่ ลาวแลว น่นั แล. อารัทธวริ ิยคาถาวัณณนา จบบริบูรณ คาถาท่ี ๓๕ คาถาวา ปฏสิ ลฺลาน ดงั นี้ มีอุบตั ิอยางไร ? คาถาน้มี ีอุบัตเิ ชน เดยี วกับอาวรณคาถาน่ันเทยี ว จงึ ไมมคี วามแปลกกนัอยางใดเลย แตพึงทราบวนิ จิ ฉยั ในอัตถวัณณนา. บทวา ปฏสิ ลฺลาน ไดแ ก การหมุนกลับจากสตั วส งั ขารเหลา นั้น ๆแลวหลกี เรน อธิบายวา ความคบคนผเู ดียว ความเปนผมู ีคนเดียว กายวิเวก.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 229 จติ วิเวกเรียกวา ฌาน เพราะแผดเผาธรรมทีเ่ ปน ขา ศกึ และเพราะเขา ไปเพงอารมณและลกั ษณะ. ในบทนนั้ สมาบัติแปดเรยี กวา ฌาน เพราะแผดเผาธรรมอันเปน ขาศึกมนี ิวรณเปนตน และเพราะเขา ไปเพงอารมณ. ในคาถานี้ วปิ ส สนา มรรคและผล ช่อื วา ฌาน เพราะแผดเผาธรรมอันเปนขา ศึกมสี ตั ตสัญญาเปน ตน และเพราะเขา ไปเพงลกั ษณะนัน่ เอง. แตในทน่ี ี้ทา นประสงคเ อาอารมั มณูปนิชฌานเทา นน้ั ไมละ คอื ไมสละ ไมป ลอ ยซ่งึการหลีกเรน และฌานนั่น ดวยประการฉะน้.ี บทวา ธมเฺ มสุ ความวา ในธรรมมเี บญจขนั ธเปน ตน ท่เี ขาถงึวปิ สสนา. บทวา นจิ จฺ ไดแ ก เนืองนติ ย สมํา่ เสมอ บอ ย ๆ . บทวา อนธุ มฺมจารี ความวา ประพฤติวิปส สนาธรรมอนั ไปตามเพราะปรารภธรรมเหลานนั้ เปนไป. อกี อยา งหนงึ่ โลกตุ รธรรม ๙ ช่ือวาธรรม. ธรรมอนั อนุโลมแกธ รรมเหลานนั้ ช่ือวา อนธุ รรม คาํ วา อนุธรรมนัน่ เปน ชอ่ื ของวิปส สนา. ในคาถานัน้ เม่อื ควรจะกลาว ธมมฺ าน นจิ ฺจอนธุ มมฺ จารี พระปจเจกพทุ ธเจาก็กลาววา ธมฺเมสุ ดวยการเปลี่ยนวภิ ตั ติเพือ่ สะดวกแกการผูกคาถา. บทวา อาทีนว สมฺมสิตา ภเวสุ ความวา บุคคลพิจารณาเห็นโทษมีอาการไมเท่ยี งเปนตน ในภพทง้ั สาม ดวยวิปส สนา กลาวคือความเปน ผูประพฤตติ ามธรรมน้ัน พึงทราบวา บรรลแุ ลวซ่งึ กายวเิ วกและจติ วิเวกน้ีดว ยปฏิปทา กลาวคือวิปสสนาอันถงึ ยอดอยา งนี้ พงึ เท่ยี วไปผเู ดียว พึงทราบการประกอบ ดังนี้แล. ปฏสิ ลั ลานคาถาวณั ณนา จบบรบิ ูรณ
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 230 คาถาที่ ๓๖ คาถาวา ตณหฺ กฺขย ดงั น้ี มอี ุบตั ิอยางไร ? ไดยนิ วา พระเจา กรุงพาราณสีพระองคห น่งึ ทรงกระทาํ ประทกั ษิณพระนคร ดวยราชานภุ าพอันย่งิ ใหญ สตั วท งั้ หลายมีหัวใจหมนุ ไปแลว เพราะความงามแหงพระวรกายของทา วเธอ จงึ ไปขางหนาบา ง ไปขา งหลังบาง ไปโดยขางทงั้ สองบา ง ก็ยงั กลบั มาแหงนดพู ระราชาพระองคน นั้ แล ก็ตามปกติแลว ชาวโลกไมอ่มิ ในการดูพระพุทธเจา และในการดูพระจนั ทรเ พญ็ สมทุ รและพระราชา. ในขณะนั้น แมภ รรยาของกฎุ มพีคนหนึ่ง ขนึ้ ปราสาทช้นั บน เปดหนา ตา ง ยืนแลดูอยู พระราชาพอทรงเหน็ นางเทา นนั้ ก็มีพระราชหฤทัยปฏพิ ัทธ จงึ ตรสั ส่งั อาํ มาตยวา ดกู อนพนาย เจา จงรูกอ นวา สตรีนี้มีสามแี ลวหรือยงั ไมม ีสามี. อํามาตยนนั้ ไปแลว กลบั มาทูลวา มสี ามแี ลว พระเจาขา. ลําดับนั้น พระราชาทรงพระราชดํารวิ า กส็ ตรนี ักฟอ น ๒๐,๐๐๐ นางเหลาน้ี อภิรมยเ ราคนเดยี วเทา นนั้ ดจุ เหลา นางอปั สร บัดนี้ เราน้นั ไมยนิ ดีดวยนางเหลานนั้ เกิดตณั หาในสตรีของบุรุษอน่ื แมตัณหานน้ั เกดิ ข้ึนกอน ก็จะฉดุ ไปสอู บายเทาน้ัน ดงั นีแ้ ลว ทรงเหน็ โทษของตัณหาแลว ทรงพระราชดาํ ริวา เอาเถิด เราจะขมตณั หานัน้ ทรงสละราชสมบตั ิ ทรงผนวช เจรญิวิปสสนาอยู กท็ รงกระทําใหแ จง ซงึ่ ปจเจกโพธญิ าณแลว จงึ ตรัสอทุ านคาถานี้วา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 231 ตณหฺ กฺขย ปฏ ย อปปฺ มตฺโต อเนลมูโค สตุ ฺวา สตมิ า สงขฺ าตธมโฺ ม นิยโต ปธานวา เอโก จเร ขคคฺ วิสาณกลปฺโป บุคคลผูป รารถนาความสิ้นตัณหา พึง เปนผูไมประมาท ไมเปน คนบาคนใบ มี การสดับ มสี ติ มธี รรมอนั กาํ หนดรูแ ลว เปนผเู ทย่ี ง มีเพียร พงึ เทย่ี วไปผเู ดียว เหมือน นอแรด ฉะน้ัน ดงั น.ี้ ในบทเหลาน้นั บทวา ตณหฺ กขฺ ย ไดแก พระนพิ พาน หรือความไมเปน ไป แหง ตณั หาที่มีโทษอันตนเหน็ แลว อยา งนน้ี นั่ เอง. บทวาอปปฺ มตโฺ ต ไดแ ก ผมู ีปกตกิ ระทาํ ติดตอ. บทวา อเนลมูโค ไดแก ไมเ ปน คนบา น้ําลาย. อีกอยา งหน่งึ คนไมบา และคนไมใบ เปนบณั ฑติ มอี ธบิ ายวา คนเฉลยี วฉลาด. สุตะอันใหถงึ หิตสขุ ของบคุ คลนน้ั มอี ยู เพราะเหตนุ ้ัน บคุ คลนัน้ชือ่ วา สุตวา มีการสดบั มีอธบิ าย ผูถึงพรอมดวยอาคม. บทวา สติมาไดแ ก ผรู ะลกึ ถึงกิจทงั้ หลายท่ที ําไวนานเปน ตนได. บทวา สงฺขาตธมฺโมไดแก มธี รรมอันกาํ หนดรแู ลว ดว ยการพจิ ารณาธรรม. บทวา นิยโตไดแก ถงึ ความเที่ยง ดว ยอรยิ มรรค. บทวา ปธานวา ไดแกถ งึ พรอ มแลวดวยวิรยิ คอื สัมมัปปธาน.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 539
Pages: