พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 69ชือ่ วา ยินดี เพราะเหตทุ เ่ี รอื นไดมุงบงั ไวแ ลว ก็แมเมื่อทานมงุ เรอื นแลวก็ตามทานเมอื่ ถกู หว งน้าํ ใหญท ง้ั ๔ ท่เี กดิ ขนึ้ จากฝน คือกิเลสซงึ่ รวั่ รดกระทอ มคอือตั ภาพของทา นไดพ ัดไปอยู ก็จะถงึ ความพินาศ เม่อื เปนเชนน้ี ทา นกพ็ งึ ชื่อวาเปน ผยู ินดดี ว ยส่ิงท่ไี มค วรยนิ ดีนน่ั เอง แตขา พเจา ยนิ ดีอยวู า \" กระทอ มมีหลงั คาอนั เปดแลว \" ชือ่ วายนิ ดโี ดยความทีก่ ระทอ ม คืออัตภาพไมมหี ลงั คาคอื กิเลส ก็เม่อื เราเปด กระทอ มแลว อยา งน้ี เราถกู หวงนํา้ ทัง้ ๔ ทเี่ กดิ ข้ึนจากฝน ซ่งึ รวั่ รดกระทอ ม คอื อตั ภาพของเรานัน้ ไมไ ดพ ัดไปอยู จะไมพ งึ ถงึความพนิ าศได เมื่อเปนเชนน้ี ขาพเจาชอ่ื วา เปนผยู ินดี ดว ยสิง่ ทค่ี วรยินดีเทา น้นั . พระผูมีพระภาคเจาเมือ่ ตรัสวา \" ไฟดับแลว \" ชอ่ื วายอมแสดงวาดูกอนธนยิ ะ ทา นยนิ ดวี า \" เราไดกอ ไฟแลว \" คิดวา เราผูไมไดส รางเครอื่ งปองกันอันตรายเลย ไดเปน ผสู รา งเครอ่ื งปอ งกนั อนั ตรายแลว แตขาพเจายินดอี ยวู า \" ไฟดบั แลว \" ช่อื วายนิ ดแี ลว เพราะเหตทุ เ่ี ราไดทาํ เครอ่ื งปอ งกนัอันตรายไวแ ลว เพราะไมมเี ครื่องเรา รอนแตไ ฟ ๑๑ กอง. พระผูม พี ระภาคเจา เมื่อตรัสวา \" แนะฝน เมอื่ เปน เชน นี้ หากวาทา นปรารถนากเ็ ชญิ ตกลงมาเถดิ \" ชื่อวา ยอ มแสดงวา คาํ นยี้ อ มงาม (ยอมถูกตอง) สาํ หรบั คนทั้งหลายเชนเราผปู ราศจากความทกุ ขแ ลว ผูประสบความสขุแลว ผไู ดทาํ กิจทงั้ ปวงแลว เพราะฉะน้นั แนะ ฝน ถาทานปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด เพราะเมอ่ื ทานตกหรือไมตกก็ตาม ความเจริญหรือความเสือ่ มกห็ ามีแกเราไม. สว นตวั ทา นกลา วอยางน้ีเพราะเหตุไร ? เพราะฉะน้ัน พระดาํ รสั ทพ่ี ระผมู ีพระภาคเจา ตรัสไวแ ลว ชื่อวาตรัสไวแลว โดยชอบทเี ดยี ว เพราะวา ก็พระองคเ มือ่ ตรัสอยา งน้ี ช่อื วา
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 70ทรงตกั เตือน คอื โอวาท สง่ั สอนนายธนิยะ ผยู นิ ดีอยูดว ยสิ่งที่ไมค วรยนิ ดีเลยโดยนาํ สงิ่ อืน่ มาเปน เครอื่ งอา งนัน่ เอง. คนเลี้ยงโคช่อื วา ธนยิ ะ แมสดับพระคาถานที้ ่พี ระผูมพี ระภาคเจา ตรัสไวแลวอยางน้ี ก็ไมพ ูดวา ใครน้กี ลาวคาถา พอใจย่ิงดว ยภาษิตน้ัน ประสงคท่ีจะฟงคาถาเห็นปานน้ันอีก จึงไดกลาวคาถาแมอกี วา อนฺธกมกฺสาเปน ตน. บรรดาบทเหลาน้ัน คําวา อนฺธกา เปน ชอ่ื ของเหลอื บ แตอาจารยบางพวกกลา ววา คาํ วา อนธฺ กา เปน ช่อื ของเหลือบสีน้าํ ตาล (ปง ฺคลมกฺขกิ า)ก็มี ยงุ นัน้ เองช่ือวา มกสา. บทวา น วิชชฺ เร คอื ไมม ี. ภูมปิ ระเทศอันชุม ชืน้ในคําวา กจฺเฉ มี ๒ ชนิด คือ ภมู ปิ ระเทศอันชมุ ชนื้ ใกลแมน ํ้า ๑ภูมิประเทศอันชมุ ชื้นใกลภ เู ขา ๑ ในทน่ี ้ี พระผูมพี ระภาคเจา ทรงหมายเอาภูมิประเทศอนั ซุมชื้นใกลแมนํ้า. บทวา รฬุ หฺ ตเิ ณ คอื ในหญา ท่งี อกข้นึ . บทวา จรนตฺ ิ ความวายอ มหากนิ . บทวา วุฏมปฺ ไดแก ฝนหลายชนดิ มฝี นท่มี ากับลม (ลมเจอื ฝน) เปนตน. ก็ฝนเหลา นั้น ขาพเจาจกั ไดป ระกาศในอาฬวกสตู ร. แตในทน่ี ี้ พระผูมีพระภาคเจาทรงตรัสหมายถึงฝนที่ตกในฤดูฝน (วสสฺ วฏุ ิ).บทวา สเหยยฺ ุ คอื พงึ อดทน. คําท่ีเหลอื ชดั แลวทง้ั น้นั . ในคาถาที่ ๓ นี้ ผศู ึกษาพึงทราบอธบิ ายดงั ตอ ไปน้ี :- เหลือบและยุงเหลา ใด หอมลอมกินเลอื ด (ของโคท้งั หลาย) อยู ยอ มทาํ ใหโ คท้งั หลายถึงความพนิ าศโดยครูเ ดียวเทา น้นั เพราะฉะนั้น พอฝนตกลงมาเทานั้น พวก
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 71นายโคบาลเหลา นัน้ จึงใชดนิ รวน (ฝุน) และกิ่งไม ฆาเหลอื บและยุงเหลานน้ั เสีย.นายธนิยะเม่อื แสดงถงึ ความเกษมแหงโคท้งั หลาย เพราะเหลือบและยงุ เหลา นน้ัไมมี และ (แสดงถงึ ) ความไมลาํ บาก เพราะไดก ลา วถึงการไมมอี ันตรายในการเดินทางไกล ดวยการเท่ียวไปในภมู ปิ ระเทศท่ีชมุ ชนื้ ซ่ึงมหี ญางอกแลวชือ่ วา ยอ มแสดงวา โคทง้ั หลายของคนเหลา อ่นื ปรากฏอยูดว ยการรบกวนของเหลอื บและยุง ลําบากอยดู ว ยการเดินทางไกล ฝา ยผอมไปเพราะไดหญา นอยไมพงึ อดทนแมฝนท่ตี กลงมาครั้งเดียวไดฉนั ใด โคทง้ั หลายของเราจะเปนอยางน้นั กห็ ามไิ ด แตโ คทัง้ หลายของเรา พึงอดทนฝนที่ตกลงมาไดถ ึง ๒ ครง้ัหรือ ๓ คร้ัง เพราะไมม ีอนั ตรายประการดงั กลาวแลว. ลําดับนน้ั เพราะเหตทุ นี่ ายธนยิ ะ กําลังอยใู นเกาะในระหวาง (แมน า้ํทง้ั สองสาย) เห็นภัยแลว กผ็ ูกแพขึน้ แลวขา มแมน ้าํ มหามหี ถึงภูมปิ ระเทศที่ชุมชน้ื นั้นแลว ก็สาํ คญั อยวู า เรามาดี ดํารงอยูในท่ีปลอดภัยแลว จงึ ไดกลา วอยา งนี้ แตเขากย็ ังดาํ รงอยูในทมี่ ีภยั อยนู ั่นเอง เพราะฉะนัน้ พระผมู ีพระภาคเจาเมื่อทรงพรรณนาถึงสถานทีท่ น่ี ายธนิยะนน้ั มา สถานทีพ่ ระองคเสดจ็ มา ความประเสรฐิ กวา และความประณตี กวา น้นั จึงไดตรัสพระคาถาน้วี า พทธฺ า หิภิสี เปนตน อันเปนสว นเสมอกันแหงเนอ้ื ความ หาไดต รัสสวนที่เสมอกนัแหงพยญั ชนะไม. ในพระคาถาท่ี ๔ น้ัน พึงทราบวนิ ิจฉยั ดังตอไปน้ี :- แพที่เขาผูกทําใหแ ผออก คอื ใหก วา งออก เขาเรียกกนั ในโลกวา ภสิ ี. แตใ นธรรมวนิ ัยของพระอรยิ เจา อรยิ มรรค ทา นเรียกวา แพ.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 72 มัคคะ ๑ ปชชะ ๑ ปถะ ๑ ปน ถะ ๑ อญั ชสะ ๑ วฏมายนะ ๑ นาวา ๑ อตุ ตรเสตุ ๑ กลุ ละ ๑ ภสิ ิ ๑ สังกมะ ๑ อทั ธานะ ๑ ปภวะ ๑ (แตละอยาง) ทานประกาศไวแ ลว ในทน่ี ้นั ๆ. พระผมู ีพระภาคเจา ทรงโอวาทอยู ซึง่ นายธนิยะนน้ั โดยนยั กอ นนัน่ แลดวยคาถาแมน ี้ พึงทราบวา พระองคตรัสแลว ซ่ึงเน้อื ความนี้. พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา ดูกอ นธนยิ ะ ทา นผูกแพแลว ขา มแมน้ํามหี มาถึงทน่ี แ้ี ลว และแพของทา น ทา นกจ็ ักตองผกู แมอีกนั่นเอง และแมนํา้ ทานก็จักตอ งขามอีก ทัง้ ทีน่ ั้นจะเปนทีป่ ลอดภยั ก็หามิได. สวนแพทีเ่ ราทําองคอรยิ มรรคใหร วมในจติ ดวงเดยี ว แลว ผูกไวดว ยเคร่อื งผกู คือ ญาณดวยการไมก า วลวงกนั และกัน เพราะไมม ีเครอ่ื งผกู ท่จี ะผกู อกี เพราะไปตามสภาวะท่ีมรี สอันเดยี วกัน เน่อื งจากบริบูรณด ว ยโพธปิ ก ขยิ ธรรม ๓๗. ชอื่ วาผูกไวดี (เตรียมไวดแี ลว) เพราะใคร ๆ ในเทวดาและมนุษยไมอ าจท่จี ะแกไ ดเพราะไมมเี ครอื่ งประกอบที่จะพึงผกู เราเปนผูขา มแลวดวยแพน้นั ถึงประเทศแหง ฝง ทเ่ี ราปรารถนาในกาลกอ นแลว และแมไ ปอยู จะไปถึงประเทศบางแหงเทา นนั้ เหมอื นพระโสดาบนั เปนตน ก็หามิได. โดยทแ่ี ท เราไปถึงฝง คือความส้นิ ไปแหง อาสวะ หรอื ฝง แหง ธรรมทั้งปวง คอื บรรลถุ ึงพระนิพพานอนั สขุ มุ ปลอดภัยแลว. อกี อยา งหนง่ึ บทวา ตณิ โฺ ณ ไดแ กบ รรลุสัพพญั ุตญาณ. บทวาปารคโต ไดแก บรรลพุ ระอรหัต.
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 73 หากจะมคี าํ ถามวา พระองคกําจัดอะไรจงึ ถึงฝง ได ? ตอบวาพระองคทรงกําจัดโอฆะ ๔ อยาง มีกาโมฆะเปน ตน ขามโอฆะแลว หรือลว งพน โอฆะแลวจึงถงึ ฝง ได. กใ็ นบดั นี้ เราไมม คี วามตอ งการดว ยแพอีก เพราะไมม ีฝง ทีจ่ ะตองขามไป เพราะฉะน้ัน การพดู ของเราเทา น้นั ถกู ตอ งแลว แนะฝน เมอื่ เปนเชน นี้ หากทา นปรารถนาก็เชญิ ตกลงมาเถดิ . นายธนิยะ สดบั พระดํารัสน้ันแลว ไดก ลาวคาถานวี้ า โคป มมอสฺสวา เปนตน. บรรดาบททงั้ หลายเหลา นนั้ ดวยบทวา โคป นายธนิยะ ยอมแสดงถึง ภรยิ า. บทวา อสฺสวา ไดแก เปนผเู ช่ือฟง คอื มปี กติฟงคําส่งั ไมวา ในกจิ การใด ๆ. บทวา อโลลา ความวา ดว ยวามาตคุ าม (สตรี) เปนผโู ลเลดว ยความโลเล ๕ ประการคอื ๑. ความโลเลในอาหาร ๒. ความโลเลในเครือ่ งประดับ ๓. ความโลเลในบรุ ษุ อ่นื ๔. ความโลเลในทรพั ย ๕. ความโลเลในการเดนิ ทาง. จรงิ อยา งน้นั มาตคุ ามโดยท่สี ุดยอมบริโภคภัตรตามปกตบิ า งยอ มเคย้ี วกนิ ของควรเคย้ี วท่ีมาถงึ มอื บา ง ไดทรพั ย ๒ เทา แลวด่ืมสรุ าบา งเพราะเปนผโู ลเลในอาหาร อันตางดวยภัตร ขนมและสรุ าเปนตน เพราะโลเลในเครอ่ื งประดบั เมื่อไมไดเ ครอ่ื งประดบั อยางอ่นื โดยทส่ี ดุ แมเสยผมดวยน้าํ มันงาเจือนํ้าก็ยอ มลบู หนา เพราะเหตทุ ่โี ลเลในบรุ ุษอืน่ โดยท่ีสุดแมแ ตบุตร
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 74(ของตน) เรียกอยใู นประเทศเชน น้นั ก็ยอมคิดถงึ ดว ยอาํ นาจอสัทธรรมกอ นเพราะโลเลในทรัพย ไดพญาหงสทองแลว ก็เสือ่ มจาก (ขน) ทอง (ของพญาหงสน ั้น) เพราะโลเลในการเดนิ ทาง (การเทย่ี วเตร) มาตุคามจึงเปนผูมักไปในทม่ี สี วนเปนตน ยอ มทําทรพั ยท้ังปวงใหฉบิ หาย. ในคาถานัน้ นายธนิยะ เมอื่ แสดงอยวู า ความโลเลแมสกั อยางหนึ่งกไ็ มม แี กภ รยิ าของเรา จึงกลาววา เปนผไู มโลเล. ดวยสองบทวา ทฆี รตฺต ส วาสิยา นายธนิยะยอมแสดงวา\" ภรรยาของขา พเจา อยรู ว มกันสิน้ กาลนาน นบั ต้ังแตข า พเจาเปนหนมุ กเ็ จริญข้นึ โดยมใี จเดียว ยอ มไมรจู กั บรุ ุษอื่น เพราะการมใี จเดยี วน้นั \". ดวยบทวา มนาปา นายธนิยะยอมแสดงวา ภรรยาของขาพเจาเธอไมรูบ รุ ษุ อนื่ อยา งน้ี ชอ่ื วายอมแนบใจของขาพเจา ทเี ดียว. ดวยบาทพระคาถาวา ตสสฺ า น สณุ ามิ กิ จฺ ิ ปาป นายธนยิ ะยอ มแสดงวา ขาพเจา ไมไดยินโทษแหง การประพฤตินอกใจไร ๆ ของภรรยานนั้ อยา งนี้วา ภรรยาของขาพเจา นี้ มีการหัวเราะหรอื การพดู หยอกเยา กบั ชายช่อื น้ี. ตอจากน้ัน พระผมู ีพระภาคเจาเมื่อทรงโอวาทนายธนยิ ะผยู ินดอี ยูดว ยภรรยา ดว ยคุณเหลานี้ จงึ ไดตรัสคาถานี้ ซ่ึงเหมือนกันท้ังโดยอรรถและเหมือนกันโดยพยัญชนะวา จิตตฺ มม อสฺสว เปน ตน โดยนยั กอนนั่นแล. บททงั้ หลายในคาถาที่ ๖ นัน้ เขาใจงา ยท้ังน้ัน แตม ีอธิบายดงั ตอไปน้ี. ดกู อ นธนยิ ะ ทา นดใี จวา ภรรยาของเราเชอ่ื ฟง แตภรรยาของทา นนน้ัเชือ่ ฟง บาง ไมเ ช่อื ฟงบา ง จติ ของผอู ่ืนรไู ดยาก โดยเฉพาะจิตของมาตุคาม
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 75ดว ยวาบรุ ษุ ทงั้ หลาย แมจะเลีย้ งมาตุคามดว ยอาหาร กไ็ มอ าจจะรกั ษาไวไ ดเ ลยก็เพราะเหตทุ ีจ่ ิตเปน ธรรมชาติรักษายากนน้ั เอง คนทง้ั หลายเชนทานไมอาจท่ีจะทราบไดว า สตรมี คี วามประพฤติโลเลหรือเชื่อฟง หรือ เปน ที่รกั หรือเปนทีพ่ อใจ หรือ เปน ผไู มม ีความช่ัว แตจติ ของเราเชือ่ ฟง ทําตามโอวาทเปน ไปในอํานาจของเรา เราไมเ ปน ไปในอํานาจของจติ น้ัน การที่จิตของเรานัน้ เช่ือฟง น้นั ไดปรากฏแลว แกชนทงั้ ปวง ในเม่อื ทอ ไฟและทอนํ้าแหงฉัพพณั ณรงั สี เปน ไปอยใู นตอนแสดงยมกปาฏิหารยิ ดวยวา (ในยมก-ปาฏิหาริยน น้ั ) เราเขา เตโชกสิณ ในเม่ือนริ มติ ไฟขึน้ มา เขา อาโปกสณิ ในเมื่อนริ มิตนํ้า เขา กสณิ มนี ีลกสณิ เปน ตน ในเมอ่ื นริ มิตสเี ขียวเปน ตน ข้ึนมาเพราะวา แมพระพุทธเจา ทงั้ หลายจะมจี ติ ๒ ดวง เปนไปไมพ รอ มกัน ก็จิตดวงเดยี วเทาน้ันที่เปน ไปในอํานาจอยา งน้ี โดยความเปน จิตท่เี ชือ่ ฟง ก็จิตนน้ั แลพน แลว เพราะพนจากความผูกพันแหง กเิ ลสทั้งปวง เพราะเหตุท่หี ลดุ พนไปได จติ นนั้ จงึ ไมโ ลเล ไมเหมือนกบั ภรรยาของทา น ดวยวา จําเดมิ แตกาลของพระพทุ ธเจา ทรงพระนามวา ทีปง กร เปนตนมา จติ ของเราตั้งมน่ั อยดู วยดีก็เพราะเราไดอบรมไวด วยบารมี มที านและศีลเปนตน ตลอดกาลนน้ั ไมเหมอื นกับภรรยาของทาน จิตน้นี ัน้ ชือ่ วาฝก ดีแลว เพราะไดฝ ก แลว ดว ยการฝกอยางยอดเยย่ี ม เพราะเหตทุ ่ีฝก ดแี ลว (น้เี อง) จิตของเราจงึ สลดั การเสพผิดในทวารทง้ั ๖ ดวยอํานาจของตนได จงึ ชอื่ วา เปน ท่พี อใจ เพราะเปน ไปตามอํานาจแหง ความประสงคของเราได ไมเหมือนภรรยาของทาน. กด็ ว ยคาถานวี้ า ปาป ปน เม น วิชฺชติ พระผมู พี ระภาคเจายอมทรงแสดงความที่จติ ของตนนั้นไมมบี าป เหมอื นกับนายธนยิ ะแสดงความท่ีภรรยาของตนไมม คี วามประพฤติเสียหาย.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 76 ก็ความท่พี ระผมู พี ระภาคเจานนั้ เปนผูไ มม ีบาปน้ัน หาไดบ ังเกิดขึ้นในกาลทีพ่ ระองคไ ดเ ปนสมั มาสัมพทุ ธเจา อยางเดยี วไม (แต) พึงทราบวา ไดบงั เกดิ ขน้ึ แกพระองค แมเมอื่ ครองฆราวาสอยู ในกาลท่ีทรงมีราคะเปน ตนตลอดเวลา ๒๙ ป. จริงอยา งน้ัน แมในกาลนั้น กายทจุ ริตกต็ าม วจีทจุ ริตกต็ าม มโนทุจรติ กต็ าม ท่วี ิญูชนเกลยี ด ทสี่ มควรแกผ ูค รองเรือน กห็ าไดเคยบังเกดิ ขึ้นแกพระองคไ ม. ยงิ่ ไปกวานั้น แมมารจะตามพระตถาคตเจาถึง ๗ ป คอื ตดิ ตามพระองค ซ่งึ ยงั ไมไดตรัสรู ๖ ป ซ่งึ ตรสั รูแ ลว (อกี )๑ ป ดว ยหวงั วา ไฉนหนอ ขา พเจาพึงเห็นความประพฤตชิ ัว่ ของสมณโคดมนัน้ แมเทาปลายขนทราย. มารนน้ั คร้นั ไมเ ห็นความประพฤตเิ สยี หายของพระตถาคตเจา กเ็ กดิความเบ่ือหนาย จงึ ไดก ลาวคาถาน้ีวา เราติดตามพระผูมพี ระภาคเจา อยทู กุ ยางกาว ตลอด ๗ ป ไมไ ดประสบแลว ซงึ่ ความผดิ ของพระสมั มาสัมพทุ ธเจา ผูท รงสิริ. แมใ นครั้งพทุ ธกาล อุตตรมาณพ ประสงคจะเหน็ ความประพฤติของพระผูมีพระภาคเจานั้น จึงไดต ดิ ตามพระองคอยถู งึ ๗ เดอื น เขาก็ไมไ ดพ บโทษสักอยา งหนึ่ง ของพระผมู พี ระภาคเจานน้ั จึงไดล งความเห็นวา พระผูมีพระภาคเจา เปนผูมคี วามประพฤตบิ ริสุทธ์ิ. ดวยวา สิง่ ทพ่ี ระตถาคตเจาไมตองรักษา มอี ยู ๔ ประการ สมดังที่พระผูมีพระภาคเจาตรัสไววา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ส่งิ ทตี่ ถาคตไมต อ งรักษา
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 77๔ ประการเหลา นี้ ๔ ประการอะไรบา ง คือ ๑. ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย ตถาคตมีความประพฤติทางกายบรสิ ุทธ์ิกายทุจรติ ทต่ี ถาคตจะพึงรกั ษา ดวยคดิ วา ขอคนอืน่ อยาไดทราบกายทจุ รติของเราเลย ดงั นี้ ยอ มไมมแี กต ถาคต ๒. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย ตถาคตมคี วามประพฤติทางวาจาบริสทุ ธ์ิวจีทุจริตทต่ี ถาคตจะพึงรักษา... ฯลฯ ๓. ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ตถาคตมคี วามประพฤติทางใจบริสุทธ์ิมโนทุจริตที่ตถาคตจะพึงรกั ษา ฯลฯ ๔. ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย ตถาคตมอี าชวี ะบรสิ ุทธ์ิ การเลยี้ งชีพผดิ(มจิ ฉาอาชวี ะ) ทตี่ ถาคตเจา จะพึงรกั ษา ดวยคิดวา ขอคนอืน่ อยาไดทราบมจิ ฉาชีพของเราเลย ดังนี้ ยอ มไมมีแกตถาคต. เพราะเหตทุ ีบ่ าปไมม ีแกจ ติ ของพระตถาคต ในกาลทพ่ี ระองคเ ปนพระสัมมาสัมพุทธเจาอยางเดยี วเทาน้นั ก็หามิได แมในกาลกอน บาปก็ไมม ีแกจ ิตของพระองคเ หมอื นกนั ฉะน้นั พระองคจ ึงตรสั วา บาปยอ มไมมแี กเ รา. พระคาถาน้ันมอี ธบิ ายวา ใคร ๆ ไมอาจไดย ินบาปแหงจติ ของเราเลยเหมือนทาน (นายธนยิ ะ) ไมอ าจไดยินความประพฤติชั่วของภรรยาของทา นฉะนัน้ เพราะฉะน้ัน ถาทา นยินดแี ลว ดว ยคุณเหลา นี้ กพ็ ึงกลาววา แนะฝนเมอ่ื เปนเชน น้ี ถาหากวา ทา นปรารถนาก็เชิญตกมาเถดิ ก็คําน้ีเราก็พงึ กลาว(เหมือนกัน). นายธนยิ ะ ฟง แมค าํ นั้นแลว ตองการจะด่มื รสของสุภาษิตแมใหย ิง่ ข้นึไปกวา นั้น เมอื่ จะแสดงความทตี่ นเปนไท จึงกลา ววา อตฺตเวตตนภโตหสมฺ ิเปน ตน .
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 78 บรรดาบททั้งหลายเหลานั้น ดว ยบทวา อตตฺ เวตตฺ นภโต นายธนยิ ะยอมแสดงวา เราเลี้ยงตวั เองเทา น้นั ดวยอาหารและเครอื่ งนงุ หม เราทาํ งานของตนจงึ มีชีวิตอยไู ด หาไดรบั คา จางของคนอ่ืน แลวทํางานเพือ่ คนอืน่ ไม.บุตรและธดิ าท้ังหลาย ชอื่ วา บตุ ร บตุ รและธิดาเหลา นนั้ ทงั้ ปวง ทา นเรยี กรวมกันวา บตุ ร เหมอื นกัน. บทวา สมานยิ า ไดแก ดํารงอยดู ว ยดี คอื ไมแ ยกกนั . ดว ยบทวา อโรคา นายธนยิ ะยอมแสดงวา บตุ รและธิดาทุกคนนน่ั เองไมมอี าพาธ ทงั้ หมดมกี าํ ลงั แขง็ แรง. บาทคาถาวา เตส น สุณามิ กิ จฺ ิ ปาป ความวา เราไมไ ดย ินความชั่วอะไร ๆ ของบตุ รและธิดาเหลา น้นั วา บตุ รคนนนั้ หรือวาธดิ าคนน้ีเปนโจร หรอื วา บตุ รเหลา นี้ เปน ชกู ับภรรยาของคนอืน่ หรอื วา บุตรและธิดาทง้ั หลายเปนคนทศุ ลี . เมื่อนายธนยิ ะกลาวอยอู ยางนี้ พระผมู ีพระภาคเจา เมือ่ จะทรงโอวาทนายธนิยะน้ัน จึงไดตรัสคาถาน้ีวา นาห ภตโก เปนตน . บททั้งหลายแมใ นคาถาที่ ๘ นน้ั เขา ใจงา ยท้ังน้ัน แตมอี ธิบายดังตอ ไปน้ี :- ทา นคิดวา เราเปน ไท จึงดีใจ แตเมื่อวา โดยปรมตั ถแ ลว ทา นทาํ งานของตน แมม ชี วี ติ อยู ก็ชอ่ื วา ยังเปนทาสอยนู น่ั เอง เพราะทานเปน ทาสของตัณหา ทานจึงไมพ นจากคาํ ท่วี า เปนลูกจาง สมจรงิ ดังทพี่ ระรัฐบาลทลู ไวว าสัตวโลก พรอ งอยูเปนนติ ย ไมอ ิ่ม ไมเ บ่อื ตกเปน ทาสของตัณหา* เปนตน .* ม. ม. รฏ ปาลสตุ ตฺ ๔๐๑.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 79 แตเ ม่อื วาโดยปรมัตถ เราไมใ ชล ูกจา งของใคร เพราะเราไมใ ชลูกจา งของใครอ่นื หรอื เปน ลกู จา งของตนเอง เพราะเหตไุ ร ? เพราะเรายอมเท่ียวไปในโลกทั้งปวง ดวยความเปน สัพพัญู ท่ีไมมคี วามตองการดว ยวา เรานับตั้งแตพ ระพทุ ธเจา ทรงพระนามวา ทีปงกร มาจนถึงการตรัสรู ก็เปนคนรบั จางของพระสัพพัญตุ ญาณตลอดมา แตเ ม่อื เราไดบรรลุสพั พัญตุ ญาณแลว เรากเ็ ปนอยดู ว ยการเปนพระสัพพัญู ทไี่ มมีความตอ งการน้ันแล และดวยความสุขทีเ่ กิดจากโลกตุ รสมาธิ ประดจุ ขาราชการทีไ่ มตอ งการเงนิ เดือนฉะน้ัน บดั นี้ เรานั้นไมมีความตองการดว ยคา จางไร ๆทจี่ ะพึงไดร ับ ดจุ คนท้ังหลาย เชน ทานทย่ี ังละปฏิสนธิไมไดจะพงึ ไดรับกันเพราะไมมีกจิ ไร ๆ ท่จี ะย่ิงข้นึ หรือกิจเพยี งเลก็ นอย พระบาลีวา ภฏิยา ก็มีเพราะฉะนั้น ถาทา นยนิ ดี เพราะเห็นวาตนเปน ไท จะพึงกลา ววา แนะ ฝนเมื่อเปน เชน น้ี ถาทา นปรารถนาก็เชญิ ตกลงมาเถิด กค็ ํานี้ เราเองก็พงึ กลาว(เชน กัน). นายธนิยะฟงพระดาํ รสั แมน นั้ แลว ยังไมอ ิม่ (ดวยพระดาํ รสั นัน้ ) เลยเมอ่ื แสดงถงึ ความบริบรู ณแหง ฝงู โคทมี่ ีอุปการะ ๕ ประเภท ของตนดว ยคําท่ีเปน สภุ าษติ จงึ ไดก ลาวคาถานว้ี า อตถฺ ิ วสา เปนตน . ในคาถาน้นั โคแกทย่ี งั ไมไ ดฝ กทงั้ หลาย ชอ่ื วา วสา ลูกโคหนมุ ท่ีกาํ ลงั ดม่ื นาํ้ นมทั้งหลาย ช่ือวา เธนปุ า อกี อยา งหนงึ่ แมโคท้ังหลายที่ใหนํ้านม ชอื่ วา เธนปุ า โคท้งั หลายท่มี ีทอง ช่อื วา โคธรณิโย แมโคทงั้ หลายทป่ี รารถนาการผสมพนั ธกุ ับโคถึกทัง้ หลาย ซง่ึ เจรญิ วยั แลว ชอื่ วา ปเวณโิ ย.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 80 ดวยสองบทวา อุสโภป ควมฺปติ นายธนิยะยอมแสดงวา โคจา ฝงู นัน้แมใ ด อันนายโคบาลทง้ั หลายอาบนาํ้ ใหแตเชาตรู ใหก นิ อาหารแลว ใหเคร่อื งเจมิ ๕ แหง สวมพวงมาลยั แลว ก็สง ไปดวยคําวา แนะพอ เจาจงไปจงใหโคทงั้ หลายถึงทีห่ ากิน รักษาแลว จงนํามา ก็โคจา ฝงู น้นั อนั นายโคบาลท้งั หลายสง ไปแลว อยางนี้ รกั ษาโคทัง้ หลายไมใหไปสูที่อโคจร (ท่ีไมควรไป)ใหเทยี่ วไปในทโ่ี คจร (ท่คี วรเทีย่ วไปหากนิ ) กดี กนั แลวจากภัยอันเกิดจากสตั วรายทัง้ หลาย มสี งิ หโ ตและเสือโครงเปน ตน แลว นํามา โคจา ฝงู เหน็ ปานน้ีมีอยูในฝงู โคของเรา ในบานของเราน.้ี เมือ่ นายธนยิ ะกลาวแลว อยางนี้ พระผูม ีพระภาคเจาเม่อื ทรงโอวาทนายธนิยะน้ันเหมอื นอยา งนัน้ จงึ ไดต รัสคาถาตรงกันขามนีว้ า นตฺถิ วสาเปนตน. กใ็ นคาถาท่ี ๑๐ นี้ มอี ธบิ ายดงั ตอ ไปน้ี :- ในศาสนาของเราทัง้ หลายนี้ ไมม ปี รยิ ฏุ ฐานกิเลส (กเิ ลสที่กลมุ รมุ จิต)กลา วคอื วสา (โคแก) เพราะอรรถวายงั ไมไดฝก และเพราะอรรถวา เปนโคแก หรือวา ไมม อี นุสยั กเิ ลส กลา วคือโคทีย่ ังดื่มนา้ํ นม หมายเอาโคหนุมท้ังหลาย เพราะอรรถวา เปน มูลของโคแกท ย่ี งั ไมไ ดฝกทงั้ หลาย หรือหมายถึงแมโ คนมทงั้ หลาย เพราะอรรถวาไหลออก หรอื ไมม ีเจตนาท่เี ปนไปกบัปญุ ญาภิสังขาร อปุญญาภิสงั ขารและอเนญชาภิสงั ขาร กลา วคอื โคมคี รรภเพราะอรรถวา ทรงไวซ ึ่งครรภค อื ปฏิสนธิ หรือวา ไมมคี วามปรารถนากลาวคือ ปเวณี คอื ตัณหา เพราะอรรถวา ปรารถนาการประกอบ หรือวา ไมมี
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 81อภสิ ังขารและวญิ ญาณ กลาวคอื จา ฝงู เพราะอรรถวา เปน ใหญ เพราะอรรถวาถงึ กอ น (เปน หัวหนา) และเพราะอรรถวา ประเสริฐท่สี ุด เรานนั้ ยินดแี ลวในความไมม ี อนั เปนความเกษมจากโยคะท้ังปวงน้ี แตทา นซิยินดีแลวในความมีอนั เปนทีต่ ัง้ แหง ทกุ ข มคี วามเศรา โศกเปน ตน เพราะฉะนนั้ การกลา วของเราผยู ินดแี ลว ในความเกษมจากโยคะท้งั ปวงน้ี จงึ ถูกตองแลว แนะ ฝน เม่อื เปนเชน นี้ หากทา นปรารถนาก็เชญิ ตกลงมาซ.ิ นายธนยิ ะฟงแมพุทธภาษิตน้นั แลว ปรารถนาจะเขา ถงึ อมตรสแหงสภุ าษติ แมใ หย ่ิงขึน้ ไปกวา น้ัน เม่อื จะแสดงสมบัติคอื การผูกฝูงโคของตนไวท หี่ ลัก จึงกลา ววา ขีลา นขิ าตา เปน ตน . เสาสาํ หรับผกู โค ช่ือวา ขีลา. บทวา นิขาตา ไดแ กท ่ีเขาตอกปก ลงไปในพืน้ ดิน คอื เปนเสาเลก็ (หรือ) ใหญ ทเี่ ขาฝงตง้ั ไวแลว . บทวา อสมปฺ เวธี คือ ไมหว่นั ไหว. เชือกสําหรบั ผูกพเิ ศษ ซ่งึ ประกอบดว ยปมและบว ง ทีเ่ ขาทําไวแ ลวชื่อวา ทามา. บทวา มฺุชมยา ไดแก ทท่ี าํ ดวยหญา ปลอง (หญา มุงกระตาย).บทวา นวา คือ ทาํ แลว ไมนาน (ใหม). บทวา สุสณฺ านา ไดแก มสี ณั ฐานดี คอื ปน ดี ไดแ ก มีลกั ษณะด.ี บทวา น หิ สกฺขนิ ฺติ ไดแ ก จักไมอ าจเลย. บทวา เธนปุ าป เฉตตฺ ุ ความวา แมโ คหนมุ ท้งั หลายกจ็ ักไมอ าจจะใหขาดไดเ ลย.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 82 เมอื่ นายธนยิ ะ กลา วอยางนี้แลว พระผมู พี ระภาคเจา ทรงทราบกาลเปนทีแ่ กร อบแหง อินทรียของนายธนิยะ เมอื่ จะทรงโอวาทเขาโดยนยั กอ นนน้ั เองจึงไดตรัสคาถาซ่ึงแสดงสจั จะ ๔ ประการนวี้ า อุสโภรวิ เฉตวฺ า เปนตน . พอโค คอื โคตัวนาํ ฝงู ไดแ ก โคถึกตวั เปนจา ฝงู ชือ่ วา โคอสุ โภในคาถานนั้ . แตอ าจารยบ างพวกกลา ววา โคท่ีเปน ใหญใ นฝูงโค ๑๐๐ ตัว ชอ่ื วาโคอสุ ภะ โคทีเ่ ปนใหญใ นฝงู โค ๑,๐๐๐ ตัว ช่อื วา โควสภะ โคทเ่ี ปนใหญในฝูงโค ๑๐๐,๐๐๐ ตวั ช่อื วา โคนสิ ภะ. อาจารยอกี พวกหน่ึงกลาววา โคที่เปนใหญใ นตามเขตหน่งึ ชือ่ วา โคอุสภะ โคท่ีเปนใหญใ นคามเขต ๒ ตําบล ชือ่ วาโควสภะ โคที่ไมถกู กดี กันในคามเขตทัง้ ปวง ช่อื วา โคนสิ ภะ โคเหลานท้ี ้ังหมดเปน การเน่ินชา (การพูดถงึ โคทั้งหมดเปนการชักชา). ก็อีกอยางหนึ่ง โคเหลานแ้ี มทง้ั หมด พึงทราบวา โคอุสภะบาง วาโควสภะบา ง วา โคนิสภะบา ง โดยอรรถวา ไมเทยี บเทากนั เหมอื นอยา งที่เทวดากลา วไว (ในสคาถวรรค สังยตุ ตนิกาย) วา พระสมณโคดมผูเจรญิ เปนผูองอาจ (นิสภะ) หนอ เปนตน . ร อกั ษร (ในคําวา อสุ โภริว) เปนการสนธิบท (ตามหลักไวยากรณ). บทวา พนธฺ นานิ ไดแ ก เครอื่ งผกู คือเชอื ก และ เคร่ืองผกู คอืกเิ ลส ชา งชอ่ื วา นาคะ. บทวา ปตู ิลต ไดแก เถาหัวเนา (เถาหวั ดว นก็เรยี ก)เหมือนอยา งวา กายแมจะมีวรรณะเพียงดังทอง ทานกเ็ รียกวา ปตู ิกาโย(กายเนา ). สุนัขแมจ ะมอี ายุถงึ ๑๐๐ ป ทานกเ็ รยี กวา กกุ กุระ (ลูกสุนขั )
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 83สุนขั จงิ้ จอกแมจะเกดิ ในวันนัน้ ทา นกเ็ รียกวา ชรสคิ าละ (สุนัขจ้ิงจอกแก)ฉนั ใด เถาหัวเนา (หัวดวน) แมจ ะสดอยอู ยา งนี้ ทา นกเ็ รียกวา ปตู ิลตา(เถาหัวเนา ) เพราะอรรถวาไมม ีแกน ฉันนัน้ . บทวา ๑ปทาลยิตฺวา ไดแ ก ตดั แลว ครรภนน้ั เปน ทีน่ อนดวยชอ่ื วา คพภฺ เสยยฺ (ครรภเปน ที่นอน) ในคําวา คพฺภเสยยฺ นนั้ ชลาพชุ ะกําเนิด พึงทราบวา ทา นกลา วดวย คัพภศพั ท กําเนดิ ที่เหลือพึงทราบวาทานกลา วดว ย เสยยศัพท อีกอยางหน่งึ กําเนดิ เหลา นนั้ แมท้งั หมด พงึ ทราบวาทานกลาวโดยยกเอา คัพภศัพท ขนึ้ มาเปน ประธาน. คําท่ีเหลอื (ท่ียงั ไมไดพดู ถึง) ในคาถาท่ี ๑๒ น้ี เมื่อวา โดยบทแลวก็เขาใจงายทง้ั น้ัน แตใ นคาถาที่ ๑๒ น้ี มีคําอธบิ ายดงั ตอไปน้ี :- พระผมู พี ระภาคเจา เมือ่ ตรัสวา ดกู อ นธนยิ ะ ทา นยนิ ดดี ว ยเครอื่ งผกูแตเราอึดอดั ดวยเครื่องผกู จงึ ตัดสังโยชนเ บื้องสูง ๕ ชนดิ เสียได ดว ยความเพยี รอันมกี าํ ลงั กลาวคอื อรยิ มรรคที่ ๔ เปรยี บเหมือนโคอสุ ภะตวั ใหญ ซงึ่สมบรู ณดวยกาํ ลงั และความเพียรสลัดเชอื กทัง้ หลายออกเสียไดฉะน้นั (เรา)ทําลายสงั โยชนเบ้อื งตา่ํ ๕ ประการเสยี ได ดวยความเพยี รอันมีกําลงั กลา วคอือรยิ มรรคเบ้ืองต่ํา ๓ ประการ ดุจชางทําลายเถาหัวเนาใหขาดไปฉะนนั้ . อกี อยางหนึ่ง เราตดั คอื ทาํ ลายอนุสัยเสียได ดุจโคอุสภะทาํ ลายเชือกเสียไดฉะนน้ั (เรา) ตัด คือ ทําลาย ปริยฏุ ฐานกเิ ลสท้ังหลายเสียได ดุจชา ง๑. บาลเี ปน ทาลยิตฺวา
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 84ทําลาย เถาหัวเนา เสยี ฉะน้ัน ฉะนน้ั เราจงึ ไมเ ขาถงึ ครรภท ่สี ตั วจะพึงนอนอีก.เรานั้นพน แลวจากทกุ ขท ง้ั ปวง อนั เปน ท่ีตั้งแหง ชาตทิ ุกข จึงสบาย แนะฝนเม่ือเปน เชน น้ี หากทา นปรารถนาจะตก ก็เชญิ ตกลงมาเถดิ เพราะฉะนั้น(พระองค) จงึ ตรสั วา ถา หากวา แมทานเองตองการประพฤตใิ หเ หมอื นเรากจ็ งตัดเคร่อื งผูกทง้ั หลายเสยี เถิด. ในคาถาท่ี ๑๒ น้ี เครือ่ งผูกทั้งหลายจดั เปน สมทุ ยั สจั การนอนในครรภ จัดเปน ทกุ ขสัจ. การไมเ ขา ถึงในคาํ วา น อุเปยยฺ น้ี จัดเปน นโิ รธสจั ดว ยอํานาจอนปุ าทิเสสนพิ พาน การตัดในคาํ วา เฉตฺวา ปทาเลตฺวา นี้ จัดเปน นิโรธสัจดวยอาํ นาจสอปุ าทเิ สสนพิ พาน เคร่อื งตดั และเคร่ืองทาํ ลาย จดั เปน มรรคสจั . ในท่สี ดุ พระคาถา คนทั้ง ๔ คอื นายธนยิ ะ ๑ ภรรยาของเขา ๑และธดิ าของเขา ๒ คน ไดฟงคาถาที่แสดงสัจ ๔ ประการนี้ อยางน้ีแลว ก็ดาํ รงอยแู ลว ในโสดาปตติผล ลําดับน้ัน นายธนยิ ะเหน็ แลวซง่ึ ธรรมกายของพระผมู ีพระภาคเจา ดว ยปญ ญาจักษุ ดว ยศรัทธา ซง่ึ ตงั้ มั่นแลว อันเกดิ ข้ึนแลว ในพระผมู ีพระภาคเจา เปนมูลดว ยความเลอ่ื มใสทไี่ มค ลอนแคลน ผมู หี ทัยอนั ธรรมกายตกั เตือนแลว คดิ แลว วา นบั ตั้งแตอเวจเี ปน ทส่ี ดุ จนถึง ภวคั รพรหม เวน พระผูม พี ระภาคเจาเสยี คนอนื่ ใครเลาจกั บันลือสีหนาทท่ีมีกาํ ลังเชน น้ีได พระศาสดาของเราเสด็จมาแลว หนอ ดว ยความดาํ ริวา เราตดั เครื่องผูกทัง้ หลายไดแ ลว และการนอนในครรภข องเราไมมี. ตอ จากนั้น พระผมู ีพระภาคเจาไดท รงเปลง รศั มแี หงพระกาย ซงึ่ เปนราวกะวา แสงเรืองรองท่ีรดดวยนํ้าทอง อันงดงามไปดว ยขายแหง ฉพั พัณณรังสีเขาไปในบา นของนายธนยิ ะ ดว ยประสงคว า บัดน้ี เชญิ ทา นจงดูตามสบาย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 85 ครง้ั นั้น นายธนยิ ะเห็นบา นของตน รุงเรืองสวางไสวไปโดยรอบประหน่ึงแสงพระจันทรแ ละแสงสรู ยสอดสอ งเขาไปขางใน (บา น) และประหน่ึงวา จะสวา งไสวไปดว ยแสงประทปี ตงั้ พนั ดวง ท่ลี กุ โพลงขึ้นโดยรอบฉะน้นั จึงเกดิ ความคิดขึน้ วา พระผมู พี ระภาคเจาเสดจ็ มาแลว . ก็ในสมยั นั้นเอง แมฝ นก็ตกลง เพราะเหตนุ นั้ พระสังคีติกาจารยทง้ั หลายจงึ กลาววา ฝนไดต กเต็มทง้ั ท่ีลมุ ทั้งทดี่ อน. บรรดาบทเหลานัน้ บทวา นนิ นฺ ไดแก ทเ่ี ปน เปอ กตม. บทวาถล ไดแ ก ทด่ี อน. มคี าํ อธบิ ายวา ฝน เมื่อจะทาํ ท่ีดอน และทไ่ี มใชที่ดอนใหเ ตม็ เสมอกนั หมด เร่มิ หล่งั เม็ดลงมาแลว. คาํ วา ตาวเทว ความวา ในขณะใด พระผมู พี ระภาคเจา ทรงเปลงพระรัศมีไป และนายธนิยะปลอยรัศมีแหงจิตทสี่ าํ เร็จดวยศรัทธาไปดว ยคิดวาพระศาสดาของเรามาแลว ในขณะนัน้ ฝนกต็ กลงมา. แตอ าจารยบางพวกพรรณนาวา ดวงอาทติ ยไ ดป รากฏขึน้ ในขณะนัน้ เหมือนกัน. กใ็ นขณะท่นี ายธนยิ ะเกดิ ความระลกึ ข้นึ ได ในขณะท่พี ระตถาคตเจาทรงแผโ อภาสไป และในขณะที่ดวงอาทิตยก าํ ลงั โผลข้นึ อยอู ยางน้ี นายธนยิ ะฟงเสยี งฝนทกี่ ําลังตกลง ไดเ กดิ ปต ิโสมนัสขึ้น ไดกราบทูลเน้ือความนี้วา เปนลาภของขาพระองคทัง้ หลายไมน อ ยทีเดยี ว ดังน้ัน (เนอื้ ความทอี่ ธบิ ายในตอนนี้)จงึ เปน ๒ คาถา ใน ๒ คาถาน้ัน พงึ ทราบวนิ จิ ฉัย ดงั ตอ ไปน้ี :- เพราะเหตุทน่ี ายธนิยะพรอ มกบั บุตรและภรรยาไดเห็นธรรมกายของพระผูมีพระภาคเจา ดว ยการแทงตลอดอรยิ มรรค เหน็ รปู กายของพระองคด ว ย
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 86โลกุตรจักษุ และกลับไดส ัทธาทีเ่ ปน โลกิยสัทธา ฉะนน้ั เขาจึงกลา ววา เปน ลาภของขา พระองคไมนอ ยหนอ ทข่ี าพระองคไดเห็นพระผมู พี ระภาคเจา. คาํ วา วต ในคาํ วา ลาภา วต โน อนปฺปกา นนั้ เปน นบิ าตใชในอรรถวา ปลมื้ ใจ. บทวา โน คอื ขา พระองคท ง้ั หลาย. บทวา อนปฺปกา ไดแ กม าก.คาํ ท่เี หลอื เขาใจงายท้งั นั้น. สว นในคําวา สรณ ต อุเปม น้ี มวี นิ จิ ฉัยดังน้ี :- การถึงสรณะของนายธนิยะนัน้ สําเร็จแลวดว ยการบรรลุมรรคน้นั แลแมก ็จรงิ ถึงกระนั้นในคาํ นน้ั นายธนยิ ะนนั้ ถงึ การตกลงทเี ดยี ว บดั น้เี ขากระทาํ การมอบตนดวยวาจา อกี อยา งหนึ่ง เขาเมอื่ กระทาํ ที่พง่ึ ดว ยการมอบตนใหปรากฏดวยสามารถแหงมรรค และทําสรณะทไี่ มหวน่ั ไหวน้นั ใหป รากฏดวยวาจาแกค นเหลา อน่ื จงึ ถงึ สรณคมนด วยการนอบนอมดว ยมอื (อกี ). บทวา จกขฺ ุมา ความวา พระผมู พี ระภาคเจาทรงพระนามวา จักขุมา(ผูมจี ักษุ) ดวยจกั ษุ ๕ คือ ๑. จกั ษปุ กติ ๒. จกั ษทุ พิ ย ๓. ปญ ญาจักษุ๔. สมนั ตจักษุ ๕. พทุ ธจกั ษ.ุ นายธนิยะเมอื่ กราบทลู พระผมู พี ระภาคเจา จึงไดท ลู วา ขา แตพระองคผูม จี ักษุ ขาพระองคขอถงึ พระองคว าเปนท่ีพ่ึง. สวนคําวา ขา แตพระมหามุนี ขอพระองคจงเปน ครูของขา พระองค นี้นายธนิยะทลู ขึ้นกเ็ พ่ือทาํ สรณคมนใ หบริบูรณ ดวยการเขา ถึงความเปน ศษิ ย. คําวา ภรรยาดว ย ขา พระองคดวย เปนผเู ชอ่ื ฟง ขอประพฤติพรหมจรรยในพระสุคตเจา นี้ นายธนยิ ะทูล เม่ือทาํ สรณคมนใ หบริบรู ณดว ยสามารถแหงการสมาทาน.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 87 บรรดาบทเหลาน้นั บทวา พฺรหมฺ จริย เปนชอื่ แหง เมถนุ วิรัติมรรค สมณธรรม ศาสนา และสทารสนั โดษ. ดวยวา การงดเวน จากเมถุน ในคาํ ทง้ั หลายมอี าทอิ ยา งนวี้ าพฺรหฺมจารีอนาจารี ทานเรียกวา พรหมจรรย. การงดเวนจากเมถุนในคาํ ทง้ั หลาย เปน ตน อยางนวี้ า ดูกอ นปญ จสขิ ะกพ็ รหมจรรยนแ้ี ล ยอ มเปนไปเพื่อความเบ่ือหนา ยโดยสวนเดียว ดังน้ี ทานเรยี กวา มรรค. พรหมจรรย ในคําท้ังหลาย เปนตน อยา งนี้วา ดูกอ นสารีบุตรเรายอ มทราบชดั แล วา เราประพฤตพิ รหมจรรยท่ปี ระกอบดวยองค ๔ ดงั นี้ทา นเรยี กวา สมณธรรม. พรหมจรรย ในคาํ ทง้ั หลาย เปนตน อยา งน้ีวา พรหมจรรยน ีน้ ้นัรุง เรืองและกวางขวางแลว ดงั นี้ ทานเรียกวา ศาสนา. พรหมจรรย ในคําท้ังหลาย เปน ตน อยางน้วี า เราท้งั หลาย ยอมไมนอกใจภรรยา ทง้ั หลาย และภรรยาทั้งหลาย ไมน อกใจเรา ท้ังหลาย เราทง้ั หลายประพฤตพิ รหมจรรย ในหญงิ ท้งั หลาย นอกจากภรรยาเหลานนั้ เพราะเหตนุ ัน้ แล เราท้ังหลายจงึ ไมต าย แตหนมุ ๆ ดงั น้ี ชอื่ วา สทารสนั โดษ. แตในคาถาน้ี นายธนยิ ะหมายถึง พรหมจรรย คอื มรรคเบอ้ื งบน๓ ประการ อนั มีพรหมจรรยค อื สมณธรรมเปน ประธาน.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 88 คําวา สคุ เต ไดแกในสาํ นกั ของพระสคุ ต. ดวยวาพระผูม ีพระภาคเจาทา นเรียกวา สคุ ตะ เพราะพระองคเสด็จไปดวยดี ไมถ งึ ทส่ี ุด ๒ อยาง (คือกามสขุ ลั ลกิ านโุ ยค และอตั ตกิลมถานุโยค) เพราะพระองคท รงประกอบดวยการบรรลถุ ึงอรยิ มรรค อนั งาม และเพราะพระองคท รงบรรลถุ งึ สถานทก่ี ลาวคอืพระนพิ พาน อันดีงาม. กค็ าํ วา สคุ เต นเี้ ปนสัตตมวี ิภัตตใิ ชในอรรถวา ใกล เพราะอธบิ ายวา ในสาํ นกั พระสุคต. คําวา จรามเส ความวา พวกเรายอมประพฤตพิ รหมจรรย ในพระสุคตใด ทานก็จงประพฤติพรหมจรรยน้นั ในพระสคุ ตนั้น เพราะเหตนุ ัน้นายธนิยะจึงกลาวการประพฤตพิ รหมจรรยนั้นในพระสคุ ตนว้ี า จรามเส. แตพระอรรถกถาจารยกลา ววา คาํ วา เส (ในคําวา จรามเส) เปนนิบาต กด็ ว ยคาํ วา เส น้นั เอง ในทนี่ ี้ พระอาจารยท ง้ั หลายจงึ ใหคาํ จาํ กดัพระบาลีวา จรามเส หมายถงึ การออ นวอน ทา นชอบใจคําใดก็พึงถอื เอาคาํน้นั . นายธนิยะ ทูลขอบรรพชากะพระผมู ีพระภาคเจา ดวยการอา งถงึ การประพฤติพรหมจรรยอ ยา งนี้ เมื่อแสดงประโยชนข องการบรรพชา จึงทูลวาขาพระองคท้ังหลายเปน ผูถึงฝงแหงชาตแิ ละมรณะ เปน ผกู ระทําท่สี ุดแหง ทุกข. พระนิพพาน ช่อื วา ฝง อนื่ แหง ความเกดิ และความตาย พวกเราจกั ถึงพระนพิ พานนนั้ ดว ยอรหตั มรรค. บทวา ทกุ ฺขสฺส ไดแก ทุกขใ นวัฏฏะ. บทวา อนฺตกรา ไดแ กกระทาํ ความไมมี.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 89 บทวา ภวามเส คือ ยอมเปน อกี อยา งหนึ่ง อธบิ ายวา โอหนอพวกเรา พงึ เปน (ผถู งึ ที่สดุ แหง ทกุ ข) ดงั นน้ั ผศู กึ ษาพึงทราบคาํ น้นั ได โดยนัยทขี่ าพเจากลา วแลว ในคําวา จรามเส น.้ี ไดยินวา ก็สามีและภรรยาแมท งั้ สอง แมคร้ันกลา วอยางน้แี ลว จึงถวายบงั คมพระผูม ีพระภาคเจา แลวทลู ขอบรรพชาอยางนีว้ า ขา แตพ ระผมู -ีพระภาคเจา ขอพระองคพงึ ใหข าพระองคทงั้ สองบรรพชาเถิด. คร้งั น้นั มารผมู ีบาป เหน็ สามภี รรยาแมท้งั สองนนั้ ถวายบงั คมแลวกราบทูลขอบรรพชาอยู จงึ คดิ วา สามีภรรยาท้งั สองนต้ี อ งการจะพนอํานาจของเราไป เอาเถิด บดั น้ี เราจะทาํ อันตรายแกเ ขาทงั้ สองเหลา นนั้ ดงั น้แี ลวเม่อื จะแสดงคุณในการครองเรือน จงึ กลาวคาถานี้วา นนทฺ ติ ปุตฺเตหิปุตตฺ มิ า เปนตน . บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา นนทฺ ติ ไดแก ยินดคี อื ชืน่ ชม. บทวาปตุ เฺ ตหิ ไดแกบ ุตรทัง้ หลายและธดิ าทั้งหลาย. คําวา ปตุ เฺ ตหิ นนั้ เปนตติยา-วิภตั ติ ใชใ นอรรถวา กบั หรอื ใชในอรรถวา ดว ย มคี าํ อธิบายวา ยอ มเพลิดเพลินกบั บุตรท้ังหลาย หรือยอมเพลดิ เพลินดวยบตุ รทั้งหลายที่เปนเหตุ (ใหเพลิดเพลิน). บุคคลผมู บี ุตร ช่ือวา ปุตตฺ ิมา ทานกลาวอยา งนดี้ วยศัพทว า อติ .ิ เทวบุตรผทู รงเทริดดอกไมองคใดองคห น่งึ ในสวรรคชน้ั วสวัตดภี ูมิ(ปรนิมมติ วสวัตด)ี ช่ือวา มาร.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 90 ดว ยวามารนน้ั ยอมทาํ ชนใดที่สามารถจะกา วลว งฐานะนน้ั (ฐานะที่มารไมต องการ) ยอมหา มชนนนั้ เสยี ได แตถ า ชนใดตนไมอาจจะหามได มารนั้นกป็ รารภนําความตายแมแกช นนนั้ เพราะเหตนุ ้นั ทานจึงกลาววา มาร. บทวา ปาปม า ไดแก คนชวั่ หรอื คนมีความประพฤติชว่ั คาํ วาปาปม านี เปนคําพูดของพระสังคีติกาจารยทง้ั หลาย. กใ็ นคาถาทั้งปวง คําทเ่ี หลือเปนเชน นี้ (เหมือนกนั ) อธบิ ายวาเปรยี บเหมือนวา คนมีบตุ รก็เพลิดเพลินดว ยบตุ รทัง้ หลาย คนมีโคก็เพลิดเพลินดวยโคทงั้ หลาย ฉันใด คนยอ มเพลิดเพลนิ เพราะอุปธิทั้งหลาย ฉนั น้ัน คอื วาผใู ดมโี ค แมผ นู ้ันกม็ ีโคเปน ที่รกั คือวา เขายอ มเพลดิ เพลนิ กบั โคเหลานั้นหรือวายอ มเพลิดเพลนิ ดวยโคท้งั หลาย อันเปนเหตุใหป ลืม้ ใจฉันน้นั เหมอื นกนั . มารครนั้ กลาวอยางนี้ บัดนี้ ยอ มอา งถงึ เหตทุ ี่จะทําใหประโยชนนนั้สาํ เรจ็ จงึ กลา ววา อุปธหี ิ นรสฺส นนทฺ นา เปนตน. บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา อปุ ธิ ไดแกอ ปุ ธิ ๔ ประการคอื ๑. กามุปธิ๒. ขันธปุ ธิ ๓. กเิ ลสุปธิ ๔. อภิสงั ขารปุ ธิ. จริงอยู แมกามท้ังหลาย ทา นก็เรยี กวา อปุ ธิ เพราะอรรถแหง คาํ นีว้ าสขุ ในอรรถนี้ อนั บคุ คลยอมเขา ไปตัง้ ไวเ พราะเปน ทต่ี ั้งแหงความสขุ ที่พระผูม พี ระภาคเจาตรัสไวอ ยา งนวี้ า ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ความสขุ และโสมนสัใดแลทบ่ี งั เกิดขน้ึ เพราะอาศยั กามคณุ ๕ นี้ ชอ่ื วา อสั สาทะแหงกามท้งั หลาย. แมขนั ธทั้งหลาย ทา นกเ็ รยี กวา อปุ ธิ เพราะเปน ทีต่ งั้ แหงทกุ ข อนัมขี ันธเปนมูล.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 91 แมก เิ ลสทั้งหลาย ทานกเ็ รยี กวา อปุ ธิ เพราะเปน ท่ีต้งั แหง ทกุ ขในอบาย. แมอ ภิสังขารทั้งหลาย ทา นกเ็ รยี กวา อปุ ธิ เพราะเปนทตี่ งั้ แหง ทุกขในภพ. แตใ นท่ีน้ี ทา นประสงคเอากามุปธิ กามปุ ธนิ นั้ มี ๒ อยาง ดวยอํานาจสตั วและสงั ขาร. ในอปุ ธิทง้ั ๒ อยางน้นั จะกลาวถงึ อุปธทิ เี่ ก่ียวกบั สตั ว (กอ น) มารเม่ือแสดงถงึ อุปธทิ ่ีเก่ียวกบั สัตว จึงกลาววา ปตุ ฺเตหิ โคหิ เปน ตน แลว จงึกลาวถึงเหตุ (ของอุปธ)ิ วา อุปธีหิ นรสฺส นนทฺ นา เปน ตน . เน้อื ความแหง คาถาน้ันวา ก็เพราะเหตุที่กามุปธิเหลานน้ี ําปต ิและโสมนสั มาให จงึ ทาํ ใหค นเพลดิ เพลนิ เพราะฉะนั้น พงึ ทราบคําน้ีวา ผมู ีบตุ รยอ มเพลิดเพลินดวยบตุ รทัง้ หลาย ผูมโี คกย็ อมเพลิดเพลินดวยโคทง้ั หลายเหมือนกัน ตัวทานเองก็มบี ตุ รและมโี ค เพราะฉะนัน้ ทา นจงเพลิดเพลินดวยโคและบุตรเหลา นั้น อยา ไดก ลับไปสกู ารบรรพชาเลย เพราะความเพลดิ เพลินเหลานี้ยอมไมม แี กนกั บวช เมอ่ื เปนเชนน้ี ทานแมปรารภจะพนทกุ ข แตกก็ ลบั จะมีทกุ ข. แมในบดั นี้ มารยอมอา งถงึ เหตทุ ที่ าํ ใหสาํ เรจ็ ประโยชนนั้นวา น หิ โสนนทฺ ติ โย นิรูปธิ เปน ตน . เนอ้ื ความแหงคาถานัน้ วา เพราะผูใ ดไมมีอุปธิเหลา น้ี ผนู นั้ พลัดพรากจากญาติทง้ั หลายอนั เปน ทร่ี ัก ไมมีอปุ กรณเ ครอื่ งเครือ่ งใชส อย ยอมไมเ พลิดเพลนิ ฉะน้ัน ตัวทานเอง เวนอุปธเิ หลา นเ้ี สยีออกบวชแลวกจ็ กั ไดรบั ทุกข.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 92 ครั้งนัน้ แล พระผูมีพระภาคเจาทรงทราบวา มารผูมบี าปนี้มาแลวเพื่อทาํ อนั ตรายแกค นเหลา น้ี เมอื่ จะทรงทําลายวาทะของมาร ดว ยอปุ มาที่มารนาํ มาน้นั นัน่ เอง ประดุจบุคคลทําผลไมใ หต กลงดวยผลไมฉ ะน้ัน จงึ ทรงกลับคาถาน้นั นนั่ เอง เมื่อจะทรงแสดงวา อุปธิเปน ทีต่ ัง้ แหง ความเศรา โศก จงึ ตรสัวา โสจติ ปุตฺเตหิ เปน ตน . บทท้งั ปวงในคาถานน้ั เม่ือวา โดยบทแลว ก็เขา ใจงา ยทั้งนน้ั แตม ีคาํอธิบายดงั ตอไปนี้ :- ดกู อ นมารผมู ีบาป ทา นอยา ไดพูดอยา งนว้ี า คนมบี ตุ รยอมเพลิดเพลนิ ดว ยบตุ รทง้ั หลาย ดว ยวา ความพลดั พราก ความวางเวน จากของที่รักทชี่ อบใจท้งั สน้ิ น้ันแลยอมมไี ด วธิ นี ี้บุคคลไมอ าจจะหลีกพนได เพราะวา สัตวทงั้ หลายมีหทัยท่ีถูกลูกศรคือความเศราโศก ประมาณยง่ิ เสียบแทงแลว เพราะเหตทุ ต่ี องพลัดพรากจากบุตรและภรรยาอนั เปนทีร่ กั ทพี่ อใจเหลา นน้ั และจากสัตวแ ละสิง่ ของทั้งหลาย มีโค มา ตวั ผู มา ตวั เมีย เงนิ และทองเปนตน เปนบาไปกม็ ี มีจิตฟงุ ซา นไป ถงึ ความตายกม็ ี ไดรับทุกขป างตายก็มี เพราะเหตนุ ั้นเองคนมบี ุตรจึงเศรา โศกเพราะบตุ รก็เพราะตณั หา คนยอมเศรา โศกเพราะอปุ ธิท้งั หลาย เหมือนคนมีบุตรยอ มเศราโศกเพราะบุตรทั้งหลาย คนมโี คยอมเศรา โศกเพราะโคท้ังหลายฉะน้ัน เพราะเหตไุ ร ? เพราะคนยอมเศราโศกเพราะอปุ ธิทั้งหลาย ก็เพราะเหตทุ ่คี นเศรา โศกเพราะอปุ ธทิ ั้งหลาย ฉะน้นั นนั่ แลผูใดไมมอี ุปธิ ผนู ั้นยอมไมเศราโศกเลย ผูใ ดชื่อวา ไมม อี ปุ ธิ เพราะละความเกีย่ วของในอุปธิเสยี ได ผูน้ันยอมมีความสันโดษดวยจีวร อันเปนเคร่อื งบริ-หารกาย ดวยบิณฑบาตทเ่ี ปน เครื่องบริหารทอง จะดาํ เนนิ ไปดวยวิธีใด ๆ ก็
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 93ยดึ ถอื (ความสนั โดษ) เทา น้นั ดําเนนิ ไปอยู ก็ยอ มทราบไดว า ส่งิ อ่ืนเพ่อืความเปน อยางนไ้ี มม ี ฯลฯ เปรยี บเหมือนนกมีแตปก ฯลฯ ก็เพราะฆา ความเศรา โศกเสยี ไดอ ยางน้ี ผใู ดไมม ีอุปธิ ผนู ัน้ ยอ มไมเศรา โศกเลย. พระผมู พี ระภาคเจา ทรงใหเทศนาจบลงดวยยอดคือ พระอรหัตอยา งน้ีอีกอยางหนง่ึ ผูใ ดไมม ีอปุ ธิ ผใู ดไมม กี ิเลส ผนู ัน้ ยอมไมเศราโศก ดวยวาตราบใดท่ียังมกี ิเลสอยู อปุ ธิทง้ั หลายหรอื มูลแหง ความเศราโศกทง้ั หลายกย็ อ มมอี ยตู ราบนน้ั กเ็ พราะละกิเลสเสยี ได ความเศราโศกจึงไมมี เพราะฉะนัน้พระผูมีพระภาคเจาจงึ ทรงใหเ ทศนาจบลงดวยยอดคือพระอรหตั ทเี ดยี ว แมด วยประการฉะนี้. ในทีส่ ุดแหงเทศนา นายธนยิ ะและภรรยาทั้งสองไดบ วชแลว พระ-ผูม ีพระภาคเจาไดเสดจ็ ไปยังวัดเชตวันทางอากาศเชน เดมิ เขาทงั้ สองเหลา น้นัคร้ันบวชแลว ไดทําใหแจงซ่ึงพระอรหตั พวกโคบาลใหส รางวหิ ารเพอ่ื ทานทงั้ สองนนั้ ในทีเ่ ปนท่อี ยู วหิ ารน้นั ยังปรากฏช่ือวา โคปาลกวหิ าร มาจนทกุ วันนี้ จบอรรถกถาธนิยสูตร แหง คมั ภีร ขุททกนกิ าย ชื่อปรมัตถทีปนี
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 94 ขคั ควสิ าณสตู รที่ ๓วา ดว ยผเู ท่ียวไปคนเดยี วเหมอื นนอแรด [๒๙๖] บคุ คลวางอาชญาในสัตวท งั้ ปวงแลว ไมเ บยี ดเบยี นบรรดาสตั วเ หลา นนั้ แมผใู ดผูห น่งึ ใหล าํ บาก ไมพึงปรารถนาบุตร จะพงึ ปรารถนาสหายแตท ่ีไหน พึงเท่ยี วไป ผูเดยี วเหมอื นนอแรด ฉะนั้น. ความเยือ่ ใยยอมมีแกบุคคลผเู ก่ียว ขอ งกนั ทุกขน ย้ี อ มเกิดข้นึ ตามความเยื่อใย บคุ คลเล็งเหน็ โทษอันเกดิ แตความเย่ือใย พงึ เทีย่ วไปผเู ดียว เหมือนนอแรด ฉะน้ัน. บคุ คลอนุเคราะหม ติ รสหาย เปน ผมู ี จิตปฏพิ ทั ธแลว ชื่อวา ยอมยังประโยชนใ ห เสื่อม บุคคลเหน็ ภัย คอื การยงั ประโยชน ใหเสอ่ื มในการเชยชดิ นี้ พึงเทยี่ วไปผเู ดยี ว เหมือนนอแรด ฉะน้นั . บุคคลขอ งอยูแลว ดว ยความเยอ่ื ใย ในบุตรและภริยา เหมือนไมไผก อใหญเกีย่ ว กา ยกัน ฉะนนั้ บคุ คลไมขอ งอยู เหมอื น
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 95หนอไม พึงเทยี่ วไปผูเดียว เหมือนนอแรดฉะน้นั . เน้อื ในปา ทบี่ ุคคลไมผกู ไวแ ลว ยอมไปหากินตามความปรารถนา ฉนั ใด นรชนผูรูแจง เพง ความประพฤตติ ามความพอใจของตน พงึ เที่ยวไปแตผูเ ดยี วเหมือนนอแรดฉะนัน้ . การปรึกษาในท่ีอยู ทยี่ นื ในการไปในการเที่ยว ยอมมใี นทามกลางแหงสหายบคุ คลเพง ความประพฤตติ ามความพอใจ ที่พวกบุรษุ ชว่ั ไมเ พง เล็งแลวพึงเที่ยวไปผเู ดียวเหมือนนอแรด ฉะน้ัน. การเลน การยินดี ยอ มมใี นทาม-กลางแหง สหาย อนง่ึ ความรกั ทยี่ ิ่งใหญยอมมีในบุตรท้งั หลาย บคุ คลเมื่อเกลียดชังความพลดั พรากจากสตั วแ ละสงั ขารอันเปนท่ีรัก พึงเทยี่ วไปผูเดยี ว เหมอื นนอแรดฉะนั้น. บคุ คลยอมเปน อยูตามสบาย ในทิศท้งั สีแ่ ละไมเ ดือดรอน ยินดีดวยปจจัยตามมี
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 96ตามได ครอบงาํ เสียซึง่ อนั ตราย ไมห วาด-เสยี ว พึงเปนผเู ท่ยี วไปผูเดยี ว เหมอื นนอแรดฉะนนั้ . แมบรรพชติ บางพวกก็สงเคราะหไ ดยาก อนึง่ คฤหัสถผ อู ยคู รองเรอื นสงเคราะหไดยาก บคุ คลเปนผูม คี วามขวนขวายนอ ยในบุตรของผอู ื่น พึงเทย่ี วไปผูเดียว เหมอื นนอแรด ฉะนัน้ . นักปราชญละเหตุ อนั เปน เคร่ืองปรากฏแหงคฤหัสถ ดุจตนทองหลางมีใบรวงหลน ตดั เคร่ืองผกู แหงคฤหัสถไ ดแลวพึงเทีย่ วไปผเู ดยี ว เหมอื นนอแรด ฉะนน้ั . ถา วาบุคคลพึงไดส หายผมู ีปญ ญาเคร่อื งรักษาตน ผูเที่ยวไปรว มกนั ไดมีปรกติอยูด วยกรรมดี เปน นกั ปราชญไซร พงึครอบงาํ อันตรายท้งั ปวง เปน ผูมีใจชน่ื ชมมีสติ เท่ียวไปกับสหายนัน้ . หากวา บคุ คลไมพ งึ ไดสหายผมู ีปญญาเคร่ืองรกั ษาตน ผูเท่ียวไปรว มกนั ไดมีปรกตอิ ยูดวยกรรมดี เปนนกั ปราชญไซร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 539
Pages: