Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_46

tripitaka_46

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:41

Description: tripitaka_46

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 151 ขอส่งิ ท่ีตอ งการ ท่ีปรารถนาจงสําเรจ็ แกท า นโดยเร็วพลันเถิด ขอความดํารทิ ง้ั ปวง จงเตม็ เหมือนพระจันทรวนั เพ็ญ ดงั นี้ แลว อธิษฐานวา ขอธดิ าเศรษฐีจงเหน็ เราผูกําลงั ไปเถิด แลวไปสูเง้อื มนันทมลู กะ. ปตใิ หญเกิดแลวแกธิดาเศรษฐี เพราะเห็นพระปจเจกสมั พุทธเจานน้ั อกศุ ลกรรมทที่ ําไวใ นระหวางภพ ก็สน้ิ ไปเพราะไมม โี อกาสนางเปนผบู รสิ ุทธิ์ ดจุ ภาชนะทองแดงทขี่ ัดดวยมะขามเปรีย้ ว ทนั ใดน้ัน ชนท้ังหมดในตระกูลผวั และตระกูลญาติทง้ั ปวง ก็ยินดตี อ นาง ตางก็คดิ วาพวกเราจะทาํ อะไร แลว สง คําทน่ี า รักและเครอ่ื งบรรณาการไปให บุตรเศรษฐีก็สงคนทงั้ หลายไปวา พวกทานจงนาํ ธิดาเศรษฐมี าเรว็ ๆ เราระลึกไดมาสอู ทุ ยานแลว และจําเดิมแตน ้ัน ก็รกั นางปกครองดุจจันทนท ีล่ ูบไลท อี่ ก ดุจมกุ ดาหารที่หอ ยไว และดุจระเบียบดอกไม. นางดาํ รงอยใู นชาติน้นั เสวยอิสริยสขุ และโภคสุข ตลอดอายแุ ลว ตายไปเกิดในดอกปทมุ ในเทวโลก โดยความเปนบุรษุ เทพบุตรน้ัน แมเมือ่ จะไป กไ็ ปบนกลบี ปทุมเทาน้ัน เมอ่ืจะยืนก็ดี นั่งก็ดี นอนกด็ ี กย็ อม ยนื น่ัง นอน แมบนกลีบปทมุ เทา นัน้ และเทพทง้ั หลายจงึ ไดข นานนามเทวบุตรน้ันวา มหาปทมุ เทวบุตร เทวบตุ รนนั้ทอ งเทีย่ วไปมาในเทวโลก ๖ ชน้ั เทา นั้น ดว ยอานุภาพนนั้ ดว ยประการฉะน.้ี ก็โดยสมยั นั้น พระเจา กรุงพาราณสีทรงมีสตรี ๒๐,๐๐๐ นาง แมพระราชาก็ไมทรงไดพ ระโอรสในทอ งของสตรแี มนางหนง่ึ เลย อํามาตยท งั้ หลายกราบทลู พระราชาใหท รงทราบวา ขา แตพระสมมติเทพ พระราชโอรสทจี่ ะสบืตระกลู วงศ พระองคพ งึ ทรงปรารถนา และเม่ือไมมีพระราชโอรสท่เี กดิ จาก

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 152พระองค แมพ ระราชโอรสเกิดในเขต ก็จะทรงดาํ รงตระกลู วงศได พระเจา ขาพระราชาทรงใหส ตรีนักฟอนทเี่ หลอื เวน พระมเหสีประพฤตติ ามลาํ พังวา พวกเจาจงทาํ การฟอ นรําโดยธรรม ตลอดเจ็ดวัน แมอยางนัน้ กไ็ มไ ดพระโอรสอํามาตยท ั้งหลายจึงกราบทลู อกี วา ขาแตม หาราช ธรรมดาพระมเหสที รงมบี ญุและมปี ญญา เลิศกวา สตรที ัง้ ปวง ช่อื ไฉนพระองคพงึ ทรงไดพระราชโอรส ในพระครรภแมข องพระมเหสี พระราชาตรัสบอกเนื้อความนัน่ แกพ ระมเหสีพระนางทูลวา จรงิ มหาราช สตรใี ดกลา วคําสจั รักษาศีล สตรีน้ันพึงไดบุตรเพราะสตรเี วน จากหิริและโอตตปั ปะแลว บุตรจะมีไดแ ตท ีไ่ หน พระนางเสดจ็ขนึ้ สูปราสาท ทรงสมาทานศีล ๕ ทรงนึกถึงบอ ย ๆ เมื่อพระราชธิดาผูมศี ลีทรงนึกถงึ ศีล ๕ พอมีพระทยั ปรารถนาพระราชโอรสเกิดขึ้น อาสนข องทาวสักกะกห็ วั่นไหว. ลาํ ดบั น้นั ทาวสักกะทรงนกึ อยู ทรงรูความนั้น ทรงดาํ รวิ า เราจกัใหพ รคือบตุ รแกราชธิดาผูมีศีล ดงั นแ้ี ลว เหาะมาประทบั ยนื ตรงพระพกั ตรข องพระเทวีแลว ตรัสวา ดูกอนพระเทวี พระองคทรงปรารถนาอะไร. พระราชโอรส มหาราช. ทา วสักกะตรัสวา ดูกอ นพระเทวี เราจะใหพระโอรสแกพระองค ขอพระองคอ ยา ทรงคิด ดังนแ้ี ลว เสดจ็ สูเทวโลก ทรงนึกอยวู าในเทวโลกนี้ เทวบุตรผสู ิน้ อายุมอี ยูหรอื หนอ ทรงทราบวา มหาปทุมเทวบุตรนี้ จะเคลื่อนจากเทวโลกนี้ เพื่อบังเกดิ ในเทวโลกชั้นสูง ดงั นี้แลว เสดจ็ ไปสูวมิ านของมหาปทุมเทวบตุ รนน้ั ตรสั ขอวา ดูกอนพอ มหาปทุม เจา จงไปสูมนุษยโลก เทวบุตรน้ันทูลวา ขาแตม หาราช พระองคอ ยา ตรัสอยางนน้ั เลยมนุษยโลกนาเกลียด.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาท่ี 153 ส. ดกู อนพอ คนทาํ บญุ ในมนุษยโลกแลวเกิดในเทวโลกนี้ เจาจงไปเพื่อดาํ รงอยใู นมนษุ ยโลกนั้นบําเพญ็ บารมีท้งั หลายเถดิ พอ ! ม. ขาแตม หาราช การอยใู นครรภเปนทกุ ข ขาพระองคไ มอาจเพ่อื อยูในครรภน ัน้ . ส. ดกู อนพอ เจา จะมีประโยชนอ ะไรดวยการอยูในครรภเ ลา ดวยวาเจาไดทํากรรมโดยประการที่ตนจักเกิดในกลบี ปทมุ เทา น้ัน ไปเถดิ พอ ! เทวบตุ รนัน้ เมอื่ ถกู ทาวสกั กะตรสั บอ ย ๆ จึงยอมรบั คําเชญิ . ตอแตน ัน้ มหาปทมุ เทวบตุ รเคล่อื นจากเทวโลก เกิดในกลีบปทมุในสระโบกขรณี ใกลพ ระแทนศิลา ในพระราชอทุ ยานของพระเจากรงุ พาราณสีกใ็ นคนื นั้น พระมเหสที รงพระสบุ ินในสมัยใกลรงุ เปนเหมือนมีสตรี ๒๐,๐๐๐นางแวดลอม เสดจ็ ไปสพู ระราชอุทยาน ไดพ ระโอรสในกลบี ปทุม ในสระโบกขรณี ใกลพระแทน ศลิ า พระนางทรงรกั ษาศีลในราตรจี วนสวา ง เสด็จไปทพ่ี ระแทน ศลิ าอยา งนน้ั เทยี ว ทรงเห็นดอกปทุมดอกหนึ่ง ดอกปทุมนนั้ไมอ ยูใกลฝง ไมอยูลึก และพรอมกับทรงเห็นนัน้ แล พระนางก็ทรงเกิดความเย่อื ใยในพระโอรสในดอกปทมุ นัน้ พระนางเสด็จเขาไปตามลําพังพระองคทรงจับดอกน้นั พอพระนางทรงจับดอกเทาน้ัน. กลบี ทั้งหลายกแ็ ยมออก.พระนางทรงเหน็ ทารกดจุ รปู ทองคําท่ีติดอยใู นกลีบนั้น ครนั้ ทรงเหน็ แลว เทียวก็ทรงเปลงพระสรุ เสียงวา เราไดบ ตุ รแลว มหาชนกเ็ ปลง เสียงสาธกุ ารตัง้ พนัและพระนางกท็ รงสง ขา วถวายพระราชา พระราชาทรงสดับแลว จงึ ตรสั ถามวาไดบ ตุ รท่ไี หน และทรงสดบั โอกาสทไ่ี ดแลว จงึ ตรสั วา อทุ ยานและปทมุ ในสระโบกขรณี เปน เขตของเราเทา นัน้ เพราะฉะน้นั บุตรคนนช้ี ่ือวา บตุ ร

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 154เกิดในเขต เพราะเกดิ ในเขตของเรา ตรสั ใหเ สด็จเขาสพู ระนคร ทรงใหสตรี๒๐,๐๐๐ นาง ทําหนาท่พี ระพเ่ี ลีย้ ง สตรีใด ๆ ใหพระกมุ ารทรงรู ทรงเคีย้ วพระขาทนียะที่ทรงปรารถนาแลว ๆ สตรนี ัน้ ๆ ยอมไดท รพั ยพันหนึง่ ชาวพระนครพาราณสที ้งั สน้ิ เคล่อื นไหว ชนทงั้ ปวงสง บรรณาการต้ังพนั ถวายพระ-กมุ าร พระกุมารถูกมหาชนนาํ ส่ิงน้นั ๆ ทลู วา จงทรงเคี้ยวสงิ่ นี้ จงเสวยสิ่งน้ีก็ทรงเบือ่ ระอาดว ยโภชนะ ก็เสด็จไปสูซุม พระทวาร ทรงเลน กับกอนครง่ั . ในกาลครั้งนัน้ พระปจเจกพุทธเจาองคห นง่ึ อาศัยกรงุ พาราณสอี ยทู ่ีอสิ ิปตนะ ทา นลกุ ขึน้ ตามกาล ทํากิจทง้ั ปวงมีเสนาสนวัตร บริกรรมรางกายและมนสกิ ารเปนตน ออกจากทห่ี ลกี เรน นึกอยวู า วนั น้ี จักรับภกิ ษาทไี่ หนเหน็ สมบตั ขิ องพระกุมารแลว พจิ ารณาวา ในกาลกอน พระกุมารนที้ รงทํากรรมอะไร ดังนี้ รวู า พระกุมารนไี้ ดถ วายบิณฑบาตแกพระปจเจกพทุ ธเจาเชนเรา แลว ตั้งปรารถนา ๔ อยา ง ในปรารถนา ๔ อยางน้นั ๓ อยางสาํ เร็จแลว อีกอยา งหนงึ่ ยังไมส าํ เร็จกอ น เราจกั ใหอ ารมณโ ดยอุบายแกพ ระกมุ ารน้นั ดังนแ้ี ลว ไดไปสูสาํ นักของพระกมุ าร ดวยอํานาจแหงภกิ ขาจริยา พระกมุ ารทรงเหน็ พระปจ เจกพทุ ธเจา นั้นแลว ตรสั วา ขา แตพระสมณะ ทา นอยา มาในท่นี ี้ ดว ยวา คนเหลาน้ันพงึ กลาวแมกะทา นวา จงเคย้ี วส่ิงนี้ จงกินส่งิ นี้ พระปจ เจกพุทธเจานน้ั กลับจากท่ีน้นั ดวยคาํ พูดคาํ เดยี วเทา น้นั เขาไปสเู สนาสนะของตน. ฝา ยพระกุมารตรสั กะชนวา สมณะนี้พอถกู เราพดู แลว ก็กลับ โกรธแกเราหรือหนอ แตน นั้ แมอนั ซนเหลา น้นั ทลู วา ขาแตพ ระสมมติเทพ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 155ธรรมดาบรรพชติ ทัง้ หลายเปนผโู กรธเปนเบ้อื งหนาหามิได ยอมเปนอยดู ว ยปจ จัยที่คนอืน่ ถวายดวยใจเลอื่ มใส ดังนี้ ทรงดําริวา สมณะน่นั คงเปนอยา งน้นัจึงทูลแดพ ระมารดาและพระบดิ าวา จักยงั พระปจ เจกพทุ ธเจานน้ั ใหอ ดโทษดงั น้ีแลว เสดจ็ ทรงชาง เสดจ็ ไปสูป าอิสิปตนะ ดว ยอานภุ าพพระราชาอนัยง่ิ ใหญ ทรงเห็นฝงู เนอ้ื จงึ ตรสั ถามวา เหลา นัน้ ชอื่ อะไร. บ. เหลานั้นช่อื วา เน้อื พระเจา ขา. ก. เนื้อเหลาน้ัน กลา ววา จงเคย้ี วส่งิ น้ี จงกนิ สงิ่ น้ี จงลิ้มส่งิ นี้ ดังน้แี ลวปฏบิ ตั อิ ยู มี หรือ ไมม.ี บ. ไมม พี ระเจา ขา ทใี่ ดมหี ญาและน้ําหางาย เนอื้ ทั้งหลายก็อยใู นทีน่ ัน้ . พระกมุ ารทรงคดิ วา เน้อื เหลา นี้ ถงึ ไมม ใี ครรกั ษา ก็ยอมอยใู นทที่ ี่ปรารถนา ฉนั ใด ในกาลใดหนอแล แมเ ราก็พงึ อยู ฉันนั้น ดังนแี้ ลว ทรงยึดถือขอ นนั้ เปนอารมณ. ฝายพระปจเจกพุทธเจารกู ารเสด็จมาของพระกุมารน้นั แลว กวาดทางแหง เสนาสนะ และทจ่ี งกรม ทําใหเกลี้ยง แลวแสดงรอยเทาเดนิ จงกรม ๑-๒-๓รอย กวาดโอกาสแหงที่เปน ท่ีอยใู นกลางวันและบรรณศาลา ทําใหเ กลยี้ งแลว แสดงรอยเทาเขาไป แตไมแสดงรอยเทา ออกมา แลว ไปในท่ีอืน่ พระ-กุมารเสด็จไปในท่นี น้ั ทรงเหน็ ประเทศน้นั ซึ่งกวาดทําใหเกล้ยี งแลว ทรงคิดวา ชะรอยพระปจ เจกสมั พทุ ธเจา นน้ั อยใู นท่นี ั่น ทรงสดบั คําท่ีบรชิ นทูลแลว ตรสั วา กพ็ ระสมณะนั่นโกรธแมแ ตเชา บัดนี้เหน็ ชางและมา เปนตนเหยียบโอกาสของตน กจ็ ะพงึ โกรธยงิ่ ขึ้น พวกทานจงน่งั ในท่นี ีเ้ ทา น้นั ดังนี้

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 156แลว เสด็จลงจากคอชาง พระองคเดียวเทา นั้น เสด็จเขา สเู สนาสนะ ทรงเห็นรอยเทา ในโอกาสที่กวาดดีแลว ตามขอ วัตร มพี ระทัยเลอ่ื มใสวา พระสมณะนี้ จงกรมอยูในทนี่ ้ี คงไมคดิ ถึงการคา ขายเปนตน ชะรอยจะคิดถึงประโยชนเกือ้ กลู ของตนเทาน้นั แนแท เสดจ็ ข้ึนสทู ี่จงกรม ทรงกระทําใหห างไกลจากวิตกอนั หนาแนน ประทบั นัง่ บนแผน ศลิ า ทรงมอี ารมณเ ดยี วเกดิ พรอมแลวเสด็จเขาสูบรรณศาลา ทรงเห็นแจง อยู ทรงบรรลุปจ เจกโพธญิ าณ คร้ันปุโรหิตทลู ถามถงึ กรรมฐาน โดยนัยกอ นนน่ั แล ประทับน่ังบนนภากาศ ตรัสพระคาถานวี้ า มโิ ค อรฺมหฺ ิ ยถา อพนโฺ ธ เยนิจฺฉก คจฺฉติ โคจราย วิฺ ู นโร เสรติ  เปกฺขมาโน เอโก จเร ขคฺควิสาณกปโฺ ป เนื้อในปาทบี่ ุคคลไมผูกแลว ยอ ม ไปหากนิ ตามความปรารถนา ฉันใด นรชน ผรู แู จง เพงความประพฤตติ ามความพอใจ ของตน พึงเท่ียวไปแตผเู ดยี ว เหมอื นนอแรด ฉะนัน้ ดังน.ี้ บทวา มโิ ค ไดแก เนอื้ ๒ ชนิด คอื เนือ้ กินหญา ๑ เนือ้ กนิรากเหงา ๑. อกี อยางหนึ่ง คาํ วา มโิ ค นัน่ เปน ชื่อของสัตว ๔ เทา ทอ่ี ยใู นปาทั้งหมด. อีกอยา งหนึ่ง อาจารยบ างพวกกลา ววา ทานประสงคเ อาเน้อื กนิ

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย สตุ ตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 157รากเหงา. บทวา อรฺมหฺ ิ ไดแก ในปา ท่ีเหลอื เวน บานและอปุ จารของบาน. กใ็ นคาถานท้ี านประสงคเอาปา . อธบิ ายวา ในอทุ ยาน. คาํ วา ยถาเปน คําเปรียบเทียบ. บทวา อพนฺโธ ความวา ทบ่ี คุ คลไมผกู แลว ดว ยวตั ถุทงั้ หลายมีเครอ่ื งผูกคอื เชอื กเปนตน . บทวา เยนิจฉฺ ก ความวา เน้ือยอมปรารถนาเพอ่ื ไป โดยทศิ าภาคใด ๆ ยอมไปหากนิ โดยทิศาภาคนั้น ๆ. สมดงั พระดาํ รสัทพี่ ระผูม พี ระภาคเจา ตรสั วา ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย เนื้อในปา เที่ยวในปาในปาใหญ ไมร ะแวงไป ไมระแวงยืน ไมระแวงหมอบ ไมระแวงนอนนั้นเพราะเหตุอะไร ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย เพราะเน้อื ไมไ ปสูทางของนายพรานแมฉนั ใด ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษกุ ็ฉนั นน้ั เหมอื นกนั แล สงัดจากกามทงั้ หลาย ฯลฯ เขา ปฐมฌานอยู ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษุนเี้ รยี กวา ไดกระทาํ มารใหม ืด ใหไ มม เี ทา คร้นั ฆา แลวก็ไปสูท ่ที ีม่ ารผูบาปไมเ หน็ ได. บทวา วิ ฺู นโร ไดแ ก คนเปนบัณฑิต. บทวา เสรติ  ไดแกความประพฤตติ ามความพอใจของตน คอื ความประพฤตทิ ี่ไมเ น่ืองกับบคุ คลอน่ื . ทา นกลาวอธบิ ายคาํ นีไ้ ววา เน้อื ในปาทบ่ี ุคคลไมผ กู แลว ยอ มไปหากนิตามความปรารถนาฉนั ใด แมเราก็ตดั เคร่ืองผกู คือตณั หาไดอ ยา งนัน้ แลว ก็พงึไปฉนั นัน้ นรชนผูรูแ จง คอื บัณฑิต เพง ความประพฤติตามความพอใจของตน พึงเทย่ี วไปแตผ เู ดียวแล. มิคอรัญญคาถาวัณณนา จบบริบูรณ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย สุตตนิบาต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 158 คาถาท่ี ๖ คาถาวา อามนฺตนา โหติ ดังนี้ มอี บุ ัติอยางไร ? อํามาตยทง้ั หลายไดเขาไปเฝา ในสมยั เปน ท่บี ํารุงใหญ ของพระเจา-กรุงพาราณสี ในอํามาตยเหลานน้ั อาํ มาตยคนหนงึ่ ทลู ขอการไปในทส่ี ุดสวนหนึง่ วา ขาแตพระสมมตเิ ทพ สิ่งทพี่ งึ ฟง มีอยดู ังนี้ เขาก็ลุกไป. คนหนึ่งทูลขอกะพระองคผปู ระทับน่ังในที่บํารงุ ใหญอ กี คนหนง่ึ ทูลขอชา งกะพระองคผ ูประทับนง่ั บนคอชา ง คนหนึ่งทูลขอมากะพระองคผูประทบั น่ังบนหลงั มา คนคนหนึ่งทูลขอรถทองกะพระองคผปู ระทับนง่ั ในรถทอง คนหนง่ึ ทลู ขอวอกะพระองคผ ูประทบั น่งั ในวอแลว ไปสอู ุทยาน พระราชาเสด็จลงจากวอประทานให คนอืน่ ทลู ขอกะพระองคผกู าํ ลงั เสดจ็ ไปสจู าริกในชนบท พระราชาทรงสดับคําของตนแมน ัน่ เสด็จสงจากคอชาง เสดจ็ ไปสถานท่แี หง หน่งึ . พระองคท รงเออื มระอาดว ยอาํ มาตยเหลานน้ั อยางนแี้ ลว ทรงผนวชอาํ มาตยท้ังหลายเจริญดว ยอสิ ริยยศ ในอาํ มาตยเ หลาน้นั อาํ มาตยคนหน่ึงไปทลู กะพระราชาวา ขา แตมหาราช ขอพระองคจงพระราชทานชนบท ช่อื โนนใหแ กข าพระองค พระราชาตรัสวา คนชอ่ื นป้ี กครองชนบทนัน้ อยู เขาไมเอ้อื เฟอ พระดํารัสของพระราชาแลวทลู วา ขาพระองคจะไป จะยดึ ชนบทนั้นครอบครองดงั นแ้ี ลว ไปในชนบทน้นั ทาํ การทะเลาะ แมท้ังสองมาสูพระราชสํานกั อีก ทลู บอกโทษของกันและกัน พระราชาทรงพระราชดาํ ริวา เราไมอ าจใหค นท้ังสองนี้ใหย นิ ดีได ทรงเห็นความโลภของอํามาตยเหลา น้ัน ทรงเห็นแจง ทรงทาํ ใหแ จงซ่งึ ปจ เจกโพธญิ าณ และพระองคทรงเปลง อุทานนี้ โดยนัยกอนนัน้ แลวา

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย สุตตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 159 อามนฺตนา โหติ สหายมชฺเฌ วาเส าเน คมเน จารกิ าย อนภิชฺฌติ  เสริต เปกขฺ มาโน เอโก จเร ขคคฺ วสิ าณกปฺโป การปรึกษาในท่ีอยู ทย่ี นื ในการไป ในการเทีย่ ว ยอมมใี นทามกลางแหง สหาย บคุ คลเพง ความประพฤติ ตามความพอใจ ที่พวกบุรุษช่วั ไมเพง เลง็ แลว พึงเทยี่ วไป แตผูเดยี ว เหมอื นนอแรดฉะน้ัน ดังน้ี. เนือ้ ความแหงคาถานน้ั วา การปรึกษาโดยประการนนั้ ๆ โดยนัยวาทานจงฟงสิ่งน้ขี องขาพเจา ทา นจงใหส ่ิงนี้แกขา พเจา เปนตน . ในท่อี ยูกลา วคอืท่ีพักกลางวนั ในการยืนกลาวคอื การบํารุงใหญ ในการไปกลาวคอื การไปสูอุทยาน ในการเทย่ี ว กลาวคอื การเทยี่ วในชนบท ยอมมแี กบ ุคคลผูดํารงอยูแลว ในทามกลางแหงสหาย เพราะฉะน้ัน เราเบอ่ื หนายในการปรึกษาในทามกลางแหงสหายนน้ั เม่ือเลง็ เหน็ การบรรพชาทมี่ อี านิสงสมาก มีสุขโดยสวนเดยี ว อันอริยชนเสพแลว แมเม่อื เปนเชนนน้ั กเ็ ปนบรรพชาที่พวกคนชัว่ ทัง้ ปวง ซ่ึงถูกความโลภครอบงําแลว ไมตองการ ไมปรารถนา และเพง ความประพฤตติ ามความพอใจ ดว ยการไมตกอยูในอาํ นาจของบุคคลอืน่และดวยสามารถแหงบุคคลผเู ปน อยดู ว ยธรรมท่ีพวกบรุ ุษชัว่ ไมเ พงเลง็ แลวปรารภวิปส สนา ไดบรรลปุ จ เจกสมั โพธญิ าณ โดยลาํ ดบั . บทท่ีเหลอื มีนัยดังกลาวแลว นั่นแล. อามันตคาถาวัณณนา จบบริบรู ณ

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ท่ี 160 คาถาท่ี ๗ คาถาวา ขฑิ ฺฑา รติ ดังน้ี มีอุบตั ิอยางไร ? ในกรงุ พาราณสี มีพระราชา พระนามวา เอกปุตติกพรหมทัต ก็พระราชโอรสพระองคเ ดยี วน้ัน เปน ท่รี กั เปนทพ่ี อพระทยั เปนผูเ สมอดวยชีวิตของพระองค พระองคไ ดพ าพระราชโอรสเปน ไปในพระอิริยาบถท้งั ปวงในวันหนึ่ง พระองคเ ม่อื เสดจ็ ไปสูพระราชอุทยาน ไมท รงพาพระราชโอรสนั้นเสด็จไป. พระกุมารสิ้นพระชนม ดว ยพยาธซิ ึ่งเกิดขน้ึ ในวันนน้ั เทานน้ั อาํ มาตยท้งั หลายคดิ วา แมพระหทัยของพระราชาพึงแตก เพราะความเสนหาในพระ-ราชโอรส จงึ ไมท ลู บอก พากันถวายพระเพลงิ พระราชโอรสนน้ั เสยี พระราชาทรงเมา ดวยความเมาในนา้ํ จณั ฑในพระราชอุทยาน จึงไมทรงระลกึ ถึงพระราชโอรส ในเวลาทรงสนานและเสวยเปน ตน แมในวนั ท่ีสอง กท็ รงระลึกไมไดเหมอื นกนั . ลาํ ดับนัน้ ทรงเสวยพระกระยาหาร ประทบั นง่ั แลว ทรงระลกึ ไดจงึ ตรสั วา จงนาํ บตุ รใหแ กเ รา พวกอาํ มาตยท ลู บอกเรอื่ งนน้ั โดยวธิ อี ันสมควรแดพระองค. ต้ังแตน ัน้ พระราชาถกู ความโศกครอบงาํ ประทบั น่งั เทานน้ั ทรงกระทาํ ใหพระทัยโดยแยบคายวา เมือ่ สง่ิ นม้ี ี สงิ่ นกี้ ็มี เพราะสง่ิ นีเ้ กิด ส่งิ นีก้ เ็ กดิดงั น้ี พระองคท รงพจิ ารณาปฏจิ จสมปุ บาท ท้งั อนโุ ลมและปฏิโลม โดยลาํ ดบัอยา งนี้ ทรงกระทําใหแ จง ซึ่งปจเจกสัมโพธิญาณ. บททีเ่ หลือเปนเชนกบั ท่ีกลาวแลวในสังสคั คคาถานั้นแล เวน อรรถวณั ณนาแหง คาถา. กใ็ นอรรถวัณณนา บทวา ขฑิ ฑฺ า ไดแก การเลน . การเลน นั้นมี ๒ อยา ง คอื การเลน ทางกาย ๑ การเลนทางวาจา ๑. การเลนมีอาทิ

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนา ที่ 161อยางนีว้ า ยอมเลนดว ยชา งทั้งหลายบาง ดวยมาท้งั หลายบา ง ดว ยรถท้งั หลายบาง ช่อื วา การเลน ทางกาย การเลนมีอาทิอยา งน้วี า การขบั รอง การกลาวสรรเสริญ มขุ เภรี ช่อื วา การเลน ทางวาจา. บทวา รติ ไดแก การยนิ ดีในเบญจกามคุณ. บทวา วปิ ลุ  ความวา ซึมซาบไปทัว่ อัตภาพทั้งสิ้นโดยฐานะจนถงึ จรดเยื่อกระดกู . คําทีเ่ หลอื ชดั แลวทั้งน้ัน กพ็ ึงทราบแมก ารประกอบอนุสนธใิ นคาถาน้ี โดยนัยท่ีกลา วแลวในสงั สคั คคาถาและบทท้ังปวงอ่นื จากนัน้ . ขิฑฑารติคาถาวณั ณนา จบบริบรู ณ คาถาท่ี ๘ คาถาวา จาตทุ ฺทิโส ดงั นี้ มอี ุบัติอยางไร ? ไดย นิ วา ในอดีตกาล พระปจ เจกโพธิสตั ว ๕ องค บวชแลว ในพระศาสนาของพระผมู ีพระภาคเจาพระนามวา กสั สป บาํ เพ็ญคตปจจาคตวัตรตลอด ๒๐,๐๐๐ ปแลว อุบตั ิในเทวโลก เคลอื่ นจากเทวโลกนน้ั แลว บรรดาทานทั้ง ๕ นนั้ ผูห ัวหนาเปนพระราชาในกรุงพาราณสี ที่เหลอื ๔ ทา นเปนพระราชาธรรมดา พระราชาแมทัง้ ๔ น้นั ทรงเรียนกรรมฐาน ทรงสละราชสมบตั ิแลว ผนวช เปนพระปจ เจกสมั พุทธเจาโดยลําดับ อยใู นเง้ือมนันท-มลู กะ ในวันหน่ึง ออกจากสมาบัติแลว นึกถึงกรรมของตนและสหาย โดยนยัทก่ี ลาวแลวในวงั สกฬรี คาถานั้นแล ครน้ั รูแลว กแ็ สวงหาโอกาส เพอื่ แสดงอารมณโดยอบุ าย แกพระเจา กรุงพาราณสี. กพ็ ระราชาพระองคน ้นั ทรงสะดุง ตน่ื ในราตรถี งึ ๓ ครั้ง ทรงกลวัรอ งพระสุรเสียงผดิ แปลก ทรงว่ิงสูพ ้ืนใหญ แมถ กู ปโุ รหิตลุกข้นึ ตามกาลทูล

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย สตุ ตนบิ าต เลม ๑ ภาค ๕ - หนาที่ 162ถามถงึ การบรรทมเปน สุข ก็ตรสั บอกเรอื่ งนัน้ ทั้งหมดวา อาจารย เราจะมีความสขุ แตท ่ีไหน ฝายปุโรหติ คดิ วา โรคน้ไี มอ าจจะกาํ จดั ใหหายขาดไดดวยการประกอบยา มกี ารถายทอ งเปนตนอยา งใดอยา งหนึง่ แตเกิดอุบายทจี่ ะใหท รงเสวยยา จงึ ทูลพระราชาใหส ะดงุ กลวั ย่งิ ขึน้ วา ขา แตม หาราช นั่นเปนบพุ นิมิต แหง การเสอื่ มจากราชสมบตั แิ ละอันตรายแกพระชนมชีพเปนตน จงึทูลชวนพระราชาน้นั ประกอบการบชู ายัญวา ขอพระองคพ งึ จดั ชาง มา รถเปนตน และเงินทอง มีประมาณเทานี้ ๆ เปนทักขิณาบชู ายัญ เพ่อื ใหอันตรายนนั้ สงบ ดังน้ี. แตน น้ั พระปจเจกพุทธเจาทง้ั หลายเห็นสัตวหลายพันถูกนํามารวมไวเพ่ือประโยชนแ กก ารบูชายัญ จึงคิดวา พระราชาเมอ่ื ทรงกระทํากรรมนแ้ี ลวจะเปน ผูแ นะนําใหต รัสรูไดยาก เอาเถิด พวกเราจะรบี ไปเปลอ้ื งพระองคกอนเทียว แลวมาโดยนัยทก่ี ลา วแลว ในวังสกฬรี คาถาน่นั แล เท่ยี วบิณฑบาตไปท่ีลานฆา สัตว ในพระลานหลวง พระราชาประทบั ยืนที่สีหบัญชร ทรงแลดูพระลานหลวงอยู ทรงเหน็ พระปจ เจกพทุ ธเจา เหลานั้น และพระองคก็ทรงเกิดพระสิเนห าพรอมกันการเหน็ นัน้ แล แตน้ันทรงใหนมิ นตพระปจ เจกพทุ ธเจาเหลาน้นั มา ทรงใหน่ังบนอาสนะทป่ี ูไวแลว ที่พ้นื สําหรบั ตากอากาศ (ระเบียง)ทรงใหฉันโดยเคารพแลว ตรัสถามพระปจ เจกพทุ ธเจาท้งั หลายผทู าํ ภัตกจิ เสรจ็แลว วา พวกทา นช่อื อะไร. ป. มหาบพิตร พวกอาตมาช่ือวา มาจากทศิ ทงั้ ๔ ร. ขาแตท านผเู จริญ คาํ วา ทิศทัง้ ๔ น้ี มปี ระโยชนอยางไร ?












































































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook