พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 356 กก็ าลน้นั แกว มณไี ดม อี ยใู นรงั กาบนตนตาลตน หนง่ึ ทีร่ มิ ฝงสระโบก-ขรณี ไมไ กลประตูเบอ้ื งทกั ษิณแหง พระนคร เงาของแกวมณนี ั้นปรากฏในสระโบกขรณี ชนทงั้ หลายทูลแดพ ระราชาวา แกว มณีมอี ยใู นสระโบกขรณีพระราชาตรสั เรียกเสนกะมาตรสั ถามวา แนะอาจารยเสนกะ ไดย ินวา มณรี ตั นะปรากฏในสระโบกขรณี ทาํ อยางไร จงึ จะถอื เอาแกว มณีนนั้ ได ครน้ั เสนกทลูวา ควรวิดน้ําถอื เอา จึงควรมอบการทํานน้ั ใหเปน ภาระของเสนกน้นั อาจารยเสนกใหคนเปนอนั มากประชุมกันวดิ นํา้ โกยตมออกจากสระโบกขรณี แมข ดุ ถึงพืน้ ก็ไมเห็นแกว มณี เมอื่ นํ้าเต็มสระโบกขรณี เงาแกวมณกี ็ปรากฏอกี เสนกแมท าํ ดงั น้นั อกี กไ็ มเห็นแกว มณีนัน้ เลย ตอนั้นพระราชาตรัสเรียกมโหสถ-บัณฑติ มาตรัสวา แกว มณีดวงหนง่ึ ปรากฏในสระโบกขรณี อาจารยเ สนกใหนําน้ําและโคลนออกจากสระโบกขรณี กระทง่ั ขดุ พืน้ ก็ไมเห็นแกวมณนี ้นั เมอ่ืน้ําเตม็ สระโบกขรณี เงาแกว มณกี ป็ รากฏอีก เจา สามารถจะใหเ อาแกว มณนี ้ันมาไดห รอื มโหสถกราบทลู สนองวา ขอ นน้ั หาเปนการหนักไม พระเจาขาเชิญเสดจ็ เถิด ขาพระองคจักแสดงแกวมณีนั้นถวาย พระเจาวเิ ทหราชไดสดับดงั นนั้ กท็ รงดีพระหฤทยั ทรงคดิ วา วันนเี้ ราจกั เหน็ กําลงั ปญญาของมโหสถบัณฑติ กเ็ สดจ็ พรอ มดวยขาราชบรพิ ารไปสฝู งโบกขรณี พระมหาสัตวยืนท่ีฝงแลดมู ณีรตั นะกร็ ูวา แกว มณนี ไี้ มม ใี นสระโบกขรณี มีอยบู นตน ตาล จึงจงึ กราบทูลวา แกวมณไี มม ีในสระโบกขรณี พระเจาขา ครัน้ รบั สัง่ วา แกว-มณปี รากฏในน้าํ ไมใ ชหรอื จึงใหนําภาชนะสําหรับขังน้าํ มาใสน ํา้ เตม็ แลวกราบทลู วา ขา แตสมมติเทพ ขอพระองคทอดพระเนตร แกวมณนี ีห้ าไดปรากฏในสระโบกขรณแี ตแ หงเดียวไม แมใ นภาชนะนํ้ากป็ รากฏ ครัน้ ตรสัถามวา เจา บณั ฑิต ก็แกวมณีมอี ยูท ่ไี หน จงึ กราบทลู สนองวา ขาแตส มมตเิ ทพเงาปรากฏในสระโบกขรณบี า ง ในภาชนะน้าํ บาง แกว มณีไมไดอ ยใู นสระ
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 357โบกขรณี แตแ กวมณมี ีอยูในรังกาบนตน ตาล โปรดใหร าชบรุ ษุ ข้ึนไปนําลงมาถวายเถดิ พระราชากต็ รัสใหร าชบุรุษขึ้นไปนาํ แกวมณลี งมา มโหสถบัณฑิตรับแกวมณจี ากราชบุรุษแลววางในพระหตั ถข องพระราชา มหาชนใหส าธกุ ารแกม โหสถบัณฑติ บรภิ าษอาจารยเสนก ชมเชยมโหสถวา แกวมณีอยูบนตน ตาล เสนกโงใ หคนมากมายขดุ สระทําลายสระโบกขรณี แตม โหสถบณั ฑิตไมทาํ เชนนั้น แมพระเจา วเิ ทหราชก็ทรงโสมนัส พระราชทานสรอยมุกดาหารเครอ่ื งประดบั พระศอของพระองคแ กมโหสถ พระราชทานสรอ ยมกุ ดาวลแี กเด็กผเู ปน บริวารพนั หนึง่ ทรงอนญุ าตพระโพธิสัตวพรอมบริวารใหปฏบิ ตั ิราชการโดยทํานองน.้ี จบปญ หา ๑๙ ขอ อกี วันหนึ่ง พระเจาวเิ ทหราชเสดจ็ ไปพระราชอุทยานกับมโหสถบัณฑิต กาลนั้น มีกิง้ กา ตัวหนึ่งอยูท ีป่ ลายเสาคาย มันเห็นพระราชาเสดจ็ มากล็ งจากเสาคา ยหมอบอยทู พ่ี นื้ ดิน พระราชาทอดพระเนตรเหน็ กริ ยิ าของก้ิงกาน้ันจึงตรัสถามวา แนะ บัณฑติ ก้ิงกา ตวั น้ีทาํ อะไร มโหสถทลู ตอบวา กิ้งกา ตวั นี้ถวายตวั พระเจาขา พระราชาตรสั วา การถวายตวั ของก้ิงกาอยา งนี้ ไมมีผลกห็ ามิได ทา นจงใหโภคสมบตั ิแกมนั มโหสถกราบทูลวากง้ิ กา น้หี าตอ งการทรัพยไม ควรพระราชทานเพยี งแคของกนิ ก็พอ ครนั้ ตรสัถามวา มันกินอะไร ทูลตอบวา มนั กินเน้ือ แลวตรสั ซกั ถามวา มันควรไดราคาเทาไร ทลู วา ราคาราวกากณึกหนึ่ง จึงตรัสสั่งราชบรุ ุษหน่งึ วา รางวัลของหลวงเพียงกากณึกหนึง่ ไมควร เจา จงนาํ เน้อื ราคากึ่งมาสกมาใหม นั กนิ เปนนติ ย ราชบรุ ษุ รบั พระราชโองการ ทาํ ดังนนั้ จําเดมิ แตนัน้ มา วันหนึง่ เปนวันอุโบสถ คนไมฆาสัตว ราชบรุ ษุ น้ันไมไดเน้อื จึงเจาะเหรยี ญก่งึ มาสกนนั้
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 358เอาดายรอ ยผกู เปนเคร่ืองประดบั ทีค่ อมนั ลําดบั นัน้ ความถอื ตวั กเ็ กดิ ขึน้ แกก้ิงกา นน้ั อาศัยมันมกี ง่ิ มาสกน้นั วนั นนั้ พระราชาเสดจ็ ไปพระราชอุทยานกง้ิ กา นัน้ เห็นพระราชาเสดจ็ มา ก็ทาํ ตนเสมอพระราชาดว ย เหมือนจะเขาใจวาพระองคมพี ระราชทรพั ยม ากหรอื ตัวเรากม็ มี ากเหมอื นกัน ดวยอํานาจความถือตวั อนั อาศยั ทรพั ยกึ่งมาสกนัน้ เกดิ ขนึ้ ไมลงจากปลายเสาคาย หมอบยกหัวรอนอยไู ปมาบนปลายเสาคา ยนน่ั เอง พระเจาวิเทหราชไดท อดพระเนตรเหน็กิรยิ าของมัน เม่อื จะตรัสถามวา แนะ เจา บัณฑิต วนั นี้ มันไมล งมาเหมือนในกอ น เหตุเปน อยางไรหรอื จึงตรัสคาถานวี้ า กิ้งกา นไ้ี มลงจากปลายเสาคายหมอบเหมอื นใน กอ น เจาจงรูก งิ้ กากระดางดว ยเหตุไร. บรรดาบทเหลานนั้ บทวา น อนุ นฺ มติ ความวา วันนก้ี งิ้ กา ไมลงหมอบยกหัวรอ นอยไู ปมาบนปลายเสาคา ยน่นั เอง ฉันใด กง้ิ กา ไมลงมาหมอบอยางในกอ นฉันนน้ั . บทวา เกน ถทโฺ ธ ความวา ถงึ ความกระดางดวยเหตไุ ร. ลําดบั นัน้ มโหสถบณั ฑิตรวู า ในวนั อโุ บสถ คนไมฆาสตั ว มนัอาศยั ก่งึ มาสกทรี่ าชบรุ ุษผูกไวท คี่ อ เพราะหาเนอ้ื ใหกินไมได ความถือตัวของมันจึงเกิดขึ้น ดงั นีจ้ ึงกลาวคาถานว้ี า ก้งิ กาไดก ง่ึ มาสกซงึ่ ไมเคยได จงึ ดหู มน่ิ พระเจา วเิ ทหราช ผูท รงสงเคราะหชาวกรุงมิถิลา. พระราชาตรสั ใหเ รียกราชบรุ ษุ น้ันมาตรสั ถาม ก็ไดค วามสมจรงิดงั นน้ั ก็ทรงเลอื่ มใสในพระโพธสิ ตั วเกินเปรยี บ ดว ยเหน็ วา อธั ยาศยั ของก้งิ กา มโหสถไมไ ดถ าม อะไร ๆ ก็รูได ดังพระสัพพัญพู ทุ ธเจารูอธั ยาศัย
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 359เวไนยสตั ว น้ัน จึงพระราชทานสว ยท่ปี ระตูทงั้ ๔ แกม โหสถบัณฑติ แตกรวิ้ กง้ิ กาทรงปรารภจะใหฆา เสยี มโหสถทูลทัดทานพระราชาวา ธรรมดาสัตวด ริ ัจฉานหาปญญามไิ ด ขอพระองคโ ปรดยกโทษใหมันเถดิ ขอเดชะ. จบ ปญ หากิ้งกา ครัง้ น้ัน มีมาณพคนหน่ึง ชื่อปงคตุ ตระเปนชาวมิถลิ า ไปกรงุ ตกั กศิลาเรยี นศลิ ปะในสํานกั อาจารยท ศิ าปาโมกข เรียนไดรวดเร็ว มาณพนัน้ ใหท รัพยเคร่อื งตอบคุณแลว ลาอาจารยก ลบั บา น ก็ธรรมเนยี มมีอยูวา ถาธิดาในสกลุน้ันเปน ผูเจริญวัย อาจารยตองยกใหแกศิษยผใู หญ อาจารยนั้นมธี ิดาอยูค นหน่ึง มรี ูปงามเปรยี บดวยเทพอปั สร ลําดับนน้ั อาจารยก ลา วกะปง คตุ ตรมาณพน้นั วา เราใหธดิ าแกเ จา เจาจงพาไปดว ย แตม าณพนนั้ ไมใชผ มู บี ุญ เปนคนกาลกรรณี สวนนางกุมาริกาเปนผมู บี ุญมาก จติ ของปง คุตตรมาณพมไิ ดปฏพิ ัทธเพราะเห็นนางกมุ าริกานนั้ มาณพนนั้ แมไมป รารถนานางกุมารกิ าก็ตอ งรบั ดวยคดิ วา เราจักไมท ําลายคําของอาจารย พราหมณท ิศาปาโมกขไดใหธ ดิ าแกมาณพนัน้ มาณพนั้นนอน ณ ทน่ี อนอันมีสริ ทิ ต่ี กแตงแลว ในเวลาราตรี ใหละอายใจในเพราะนางกมุ ารีนั้นมาขน้ึ นอนดว ย กล็ งจากทน่ี อนนอนที่ภาคพนื้ ฝา ยนางกมุ ารกิ ากึง่ มานอนใกล ๆ มาณพน้ัน มาณพก็ลุกข้นึไปบนท่ีนอน นางกุมารกิ านั้นก็ข้ึนไปยงั ที่นอนอกี พอนางกมุ ารกิ าขน้ึ ไปมาณพก็ลงจากทน่ี อน นอนทภ่ี าคพื้นอีก ชื่อวา กาลกรรณียอมไมรว มกบั สิรินางกมุ ารกิ านอนท่ีท่นี อน มาณพน้ันนอนท่ีภาคพื้น มาณพน้นั ยงั กาลใหล วงไปอยา งน้สี ้นิ สปั ดาหหน่ึง กพ็ านางกุมาริกาน้นั ไหวอ าจารยออกจากพระนครตกั กศิลา ในระหวา งทางมไิ ดพ ดู จาปราศรัยกันเลย ชนทัง้ สองมไิ ดม ีความปรารถนากัน ไดมาถึงกรุงมถิ ิลา ฝา ยปงคุตตรมาณพเห็นตน ไมมะเดื่อตนหนง่ึเตม็ ไปดวยผลในทใ่ี กลพ ระนคร ถกู ความหวิ เบยี ดเบียนก็ข้ึนตน ไมน ้นั เคี้ยว
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 360กินผลมะเดอ่ื ฝายนางกมุ ารกิ านน้ั ก็หิวโหย จึงไปที่โคนตนไมก ลาววา ขา แตนาย จงทงิ้ ผลลงมาใหขา พเจา บาง มาณพนัน้ ตอบวา มอื ตนี ของเจา ไมม ีหรอืเจา จงขึ้นมาเกบ็ กนิ เอง นางก็ข้ึนไปเกบ็ เค้ียวกนิ มาณพรวู า นางขนึ้ มา กร็ ีบลงลอมสะตนมะเดื่อดว ยหนามแลวกลา ววา เราพนจากหญงิ กาลกรรณี แลวหนีไป นางกุมารกิ านัน้ เมอ่ื ไมอ าจลง ก็นั่งอยูบ นน้นั น่ันเอง วันนน้ั พระเจา -วิเทหราชเสดจ็ ประพาสพระราชอทุ ยาน ทรงเลน อยใู นพระราชอทุ ยานน้ัน แลวเน้อื ประทับ นัง่ บนคอชางเสดจ็ เขา พระนครในเวลาเยน็ ไดทอดพระเนตรเห็นนางกุมารกิ านัน้ มีพระหฤทยั ปฏิพัทธใ นนาง จึงตรสั สง่ั ใหถ ามวา นางมผี ูหวงแหนหรือหาไม นางแจงวา สามขี องนางท่สี กุลตบแตงมีอยู แตเ ขาใหขาพเจา นั่งบนนที้ ิ้งเสียแลวหนไี ป อมาตยกราบทลู ความนั้นแดพ ระราชา พระ-ราชาทรงดํารวิ า ภัณฑะไมมเี จาของ ตกเปนของหลวง จงึ ใหรับนางลงแลวใหขึ้นคอชา งนําไปราชนิเวศน อภเิ ษกสถาปนาไวในตําแหนง อคั รมเหสีพระนางเปนที่รัก เปนทชี่ อบพระหฤทัยแหงพระราชา ชนทงั้ หลายกาํ หนดรูพระนามของพระนางวา อุทุมพรเทวี เพราะพระราชาไดพระนางมาแตอทุ มุ -พรพฤกษ อยูม าวันหน่ึง เจา หนาที่ยังชาวบา นใกลป ระตเู มอื งใหแผวถางทางเพือ่ ประโยชนในการเสดจ็ พระราชดาํ เนินสสู วนหลวง ปง คุตตรมาณพเมือ่ ทําการจา ง โจงกระเบนมั่นถางทางดว ยจอบ เมือ่ ทางยังไมแ ลว พระราชาประทบับนรถทน่ี ั่งกบั ดวยพระนางอุทมุ พรเทวีเสด็จออกจากพระนคร พระนางอุทุมพรเทวไี ดทอดพระเนตรเห็นปง คตุ ตรมาณพผกู าลกรรณนี ั้น แผวถางอยู เมอ่ื ทอดพระเนตรมาณพนนั้ ดวยนึกในพระหฤทยั วา บรุ ษุ กาลกรรณีนไี้ มส ามารถจะทรงสิริเห็นปานดงั นไ้ี ว กท็ รงพระสรวล พระราชาทอดพระเนตรเหน็ พระนางทรงพระสรวลกก็ ริว้ ตรัสถามวา หวั เราะอะไร พระนางกราบทลู วา ขา แต
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 361สมมติเทพ บุรษุ ผูถางทางน้ีเปนสามีตนเกา ของขา พระบาท ยงั ขาพระบาทใหขึน้ ตนมะเดือ่ แลว เอาหนามสะวงไวแ ลวไป ขา พระบาทแลดเู ขาแลวคิดวา บรุ ษุกาลกรรณีน้ไี มสามารถจะทรงสิรเิ หน็ ปานดังนีไ้ ว จึงหัวเราะ พระราชาตรัสวาเธอกลา วมสุ า เธอเห็นอะไรอ่นื เราจักฆาเธอ ตรัสฉะนแ้ี ลวทรงจับพระแสงดาบ พระนางมคี วามเกรงกลัวพระราชอาญา จงึ กราบทลู วา ขอพระองคตรัสถามบัณฑติ ทง้ั หลายกอ น พระราชาจึงตรสั ถามเสนกวา ทา นเธอหรอืเสนกทูลวา ขาพระองคไ มเ ธอ ชายอะไรจะละสตรีเห็นปานดังนไ้ี ปพระเจาขาพระนางอุทมุ พรไดทรงสดับคาํ ของเสนกยง่ิ กลัวพระราชอาญาเหลอื เกนิ ลาํ ดับนัน้ พระราชาทรงดํารวิ า เสนกจะรอู ะไร เราจักถามมโหสถ เมื่อจะตรสั ถามมโหสถ จงึ ตรสั คาถาน้วี า ดกู อ นมโหสถบณั ฑติ สตรีรูปงาม และนาง สมบูรณด วยอาจารมารยาท บุรุษไมป รารถนาสตรนี ้นั เจาเชอ่ื หรอื . บทวา สีลวตี ในคาถานัน้ ความวา ถงึ พรอมดว ยอาจารมรรยาท. มโหสถบณั ฑิตไดฟ ง กระแสพระราชดาํ รสั นัน้ จึงกลา วคาถาน้วี า ขา แตมหาราชเจา ขาพระองคเชื่อบุรุษผูหาบญุ มิไดพ งึ มี สริ แิ ละกาลกรรณียอมรว มกนั ไมได ไมว า ในกาลไหน ๆ. บรรดาบทเหลานนั้ บทวา น สเมนฺติ ความวา ยอ มเขาหากันไมไดเหมือนฟากขา งนกี้ บั ฟากขางโนน ของทะเล เหมอื นทอ งฟากบั พ้ืนดนิ . พระราชาทรงทราบเหตกุ ารณน ้นั ตามคําของมโหสถ หายกร้ิว ทรงยินดตี อ มโหสถ ตรัสวา แนะเจา บัณฑติ ถาไมไ ดเจา วนั นีข้ าจกั เสอ่ื มจาก
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 362สตรีรัตนะเห็นปานดงั น้ี ดวยถอยคาํ ของเสนกผูโ ฉดเขลา ขา ไดนางน้ไี วเ พราะอาศยั เจา ตรสั ชมฉะน้ีแลว พระราชทานกหาปณะแสนหน่ึงบูชามโหสถ ฝายพระเทวีถวายบงั คมพระราชาแลวกราบทูลวา ขา แตเทพเจา ขาพระองคไ ดชวี ติ เพราะอาศยั มโหสถบัณฑติ ขาพระองคป รารถนาพระพรเพ่อื ใหมโหสถบัณฑิตนี้ต้ังอยูในท่เี ปนนองชาย ขอพระองคโปรดประทานเถดิ พระเจาวเิ ทหราชกพ็ ระราชทานพรแกพระนางวา ดีแลว พระเทวี เธอจงรับพระองคใหพรแตเธอ พระนางจงึ กราบทูลวา ขา แตเทพเจา จําเดิมแตวันน้ี ขา พระองคจะไมบ ริโภคอะไร ๆ มีรสอรอย เวน นอ งชาย ต้งั แตนไี้ ป ขา พระองคจงไดเพอ่ื ใหเ ปด ประตใู นเวลาหรือมิใชเวลา สง ของมรี สอรอ ยไปใหน องชายนัน้ขา พระองคข อรับพระพรน้ี พระเจา วเิ ทหราชตรสั วา ดแี ลว นางผเู จรญิเธอจงรบั พรน้.ี จบปญ หาสิรกิ ับกาลกรรณี วันอนื่ พระเจาวิเทหราชเสวยกระอาหารเชาแลว เสด็จดาํ เนินไปมาระหวา งพ้นื ยาวแหงปราสาท เมอ่ื ทอดพระเนตรออกไปทางชองพระแกล ไดท อดพระเนตรเหน็ แพะหนึ่งสนุ ัขหนึ่งทาํ ความเชยชิดเปนมิตรกนั ไดย นิ วา แพะน้ันกนิ หญา ในโรงชา งท่ีเขาทอดไวห นา ชาง ชางยังมไิ ดจับ ลาํ ดบั น้นั คนเลี้ยงชางท้งั หลายตีแพะนน้ั ใหออกไป คนเลี้ยงชา งคนหนึ่งไลติดตามแพะนนั้ ซงึ่ รองหนีไปโดยเรว็ เอาทอนในตีขวางลงทห่ี ลังแพะ แพะนน้ั แอน หลงั ไดท กุ ขเวทนาไปนอนใกลต่ังอาศัยฝาใหญใ นพระราชคฤหาสน วันน้นั สุนัขเคย้ี วกนิ กระดกูและหนงั เปน ตน ทห่ี อ งเครื่องหลวงจนอวนพี เม่อื พอครัวจดั ภัตตาหารแลวออกไปขา งนอกผึ่งเหงื่อในสรีระ มนั ไดกล่ินปลาเนอื้ ไมอาจอดกล้ันความอยากกเ็ ขาไปในหองเคร่ือง ยงั เครื่องปดภาชนะใหตกลงแลวเคยี้ วกินเนอ้ื ฝาย
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 363พอครวั ไดย ินเสยี งภาชนะ กเ็ ขา ไปทางเสียงภาชนะ เห็นสนุ ขั กาํ ลังกินเน้อื อยูจงึ ปดประตูตีสนุ ัขน้ันดว ยกอนดินและทอนไมเปนตน สนุ ขั นน้ั ก็ท้ิงเนื้อท่ีเคี้ยวกินจากปากรอ งวิ่งหนอี อกไป พอ ครวั รวู าสนุ ัขหนีออกไป จงึ ตดิ ตามไปตีขวางที่หลังดว ยทอ นไม สุนขั กแ็ อน หลังยกเทา ขา งหนึง่ เขา ไปในทีแ่ พะนอน แพะถามสุนขั นั้นวา เพ่อื นแอน หลงั ยกเทา ขางหนง่ึ มาดว ยเหตุไร ลมเสยี ดแทงเพ่ือนหรอื ฝา ยสุนัขก็ถามวา เพ่ือนแอนหลังนอนอยู ลมเสยี ดแทงเพ่ือนหรือแพะบอกเร่อื งของคนแกส ุนขั แมส ุนัขกบ็ อกอยางนน้ั เหมอื นกนั ลําดับน้ันแพะถามสุนขั วา เพ่อื นสามารถจะไปสโู รงครัวอกี หรอื สนุ ขั ตอบวา ขาไมสามารถแลว เม่ือขาไปชีวิตจะไมมี ก็เพ่ือนสามารถจะไปสูโรงชางอีกหรอืแพะตอบวา ถึงขาก็ไมก ลาไปท่โี รงชา งนัน้ ถา ขา ขนื ไป ชีวติ ก็จะไมมี สัตวท้ังสองคดิ หาอุบายวา บัดนี้เราจะเปนอยูไดอ ยา งไรหนอ แพะจงึ กลา วกะสุนัขวา ถาเราทั้งสองอาจอยรู ว มกนั อุบายกม็ ี คอื ต้งั แตนไ้ี ป เจา จงไปโรงชางพวกคนเลี้ยงชางจกั ไมสงสัยในตัวเจา ดวยเหน็ วา สตั วนไ้ี มก ินหญา เจาพงึนาํ หญามาเพ่อื ขา สว นขาจกั เขาไปในโรงครวั พอครวั ก็ไมส งสัยในตวั ขาดว ยเหน็ วา สัตวนีไ้ มก นิ เน้ือ ขา ก็จักนําเนื้อ เพ่อื เจา สัตวท ัง้ สองตกลงกัน วาอุบายน้ีเขา ที สุนขั จึงไปโรงชาง คาบฟอ นหญานํามาวางไวใกลห ลงั ฝาใหญฝายแพะไปสหู องเครื่องคาบกอ นเนอ้ื เตม็ ปากนํามาวางไวใกลท ่ีน้นั เอง สุนัขก็เคยี้ วกนิ เน้อื แพะเค้ยี วกนิ หญา สัตวทง้ั สองนั้นพรอ มเพรียงชอบพอกนั อยูใกลห ลังฝาใหญ พระเจา วิเทหราชทอดพระเนตรเหน็ ความที่แพะและสุนัขทงั้ สองนน้ั ชอบกันโดยเปนเพ่ือน จงึ ทรงจินตนาการวา เหตุการณทเ่ี รายังไมเคยเห็น เราไดเ ห็นแลว ในวันนี้ แตกอนมาสตั วท ้ังสองนี้เปน ศตั รกู ัน บดั น้ีอยูรว มกนั ได เราจักจับเหตุการณนีท้ ําเปน ปญหาถามบัณฑติ ทง้ั หลาย บัณฑิตใดไมร ปู ญ หาน้ี เราจักขับบัณฑิตน้นั จากแควน แตเ ราจกั สักการะแกบ ณั ฑติ
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 364ผูร ู เพราะบณั ฑติ อื่นรูอ ยางน้ไี มม ี วันนีห้ มดเวลาแลว พรงุ นี้เราจกั ถามบัณฑติ เหลาน้ัน ในเวลามาทาํ การในหนา ที่ รุง ขนึ้ ในเมอ่ื บณั ฑิตทั้งหลายมานง่ัทําการในหนาทข่ี องตนแลว เมื่อจะถามปญหาจึงตรัสคาถาน้ีวา ความท่สี ตั วเ หลา ใดเปนเพอ่ื นกันในโลกน้ี แม ไปดวยกนั สัก ๗ กาว ไมเ คยมีในกาลไหน ๆ สัตว ทง้ั สองน้ันเปน ศัตรูกนั มาเปน เพ่อื นประพฤติเพื่อคนุ กนั ได เพราะเหตุอะไร. บรรดาบทเหลา นั้น บทวา ปฏสิ นถฺ าย ไดแ ก เช่อื กันและกันแลวพยายาม. ก็แลครั้นตรัสอยา งน้ีแลว ไดตรสั อยา งนีอ้ ีกวา ถาเวลากนิ อาหารเชาแลว วันนี้ ทา นทง้ั หลายไม สามารถกลา วแกปญ หานีข้ องเรา เราจักขบั ทา นทงั้ ปวง จากแวนแควน เพราะเราไมตอ งการพวกคนเขลา. เสนกะน่ังอยตู น อาสนะ มโหสถบณั ฑิตนงั่ อยทู ีส่ ุดอาสนะ พระมหาสตั วพิจารณาปญ หาน้นั ยังไมเ ห็นเนอ้ื ความจงึ คดิ วา พระราชาองคน มี้ พี ระชวนะเฉือ่ ยชา ไมสามารถจะทรงจบั คดิ ปญ หาน้ี พระองคคงจักทอดพระเนตรเห็นอะไรแน วนั หนึ่งเมอื่ เราไดโอกาสจักนาํ ปญหานอ้ี อกแสดง อาจารยเสนกะจักยงั พระราชาใหงดสักวนั หนึง่ ในวันนี้ ดว ยอุบายอยา งหน่งึ จะไดห รือ ชนท้งั สามนอกนแี้ ลไมเหน็ อะไร ๆ เหมอื นเขาหองมดื ฉะนน้ั เสนกะแลดพู ระโพธสิ ัตวดว ยมนสกิ ารวา ความเปน ไปของมโหสถจะเปนอยางไรหนอ ฝายมโหสถก็แลดูเสนก เสนกรูความประสงคของพระโพธิสตั ว ดวยอาการทีพ่ ระโพธิสตั วแลดู จึงคิดวา ปญหานั้นยงั ไมป รากฏแกมโหสถ เพราะเหตุน้นั มโหสถจงึ
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 365ปรารถนาโอกาสวันหน่งึ เราจกั ยงั มโนรถของมโหสถใหเต็ม จงึ สรวลขึน้ ดวยวิสาสะกับพระราชา ทลู วา พระองคจกั ขับขาพระบาทเหลา น้ี ผูไ มส ามารถกลา วแกป ญหาจากแควนจริง ๆ หรอื พระเจาขา พระราชาตรัสตอบวาจรงิ ๆ ซิบัณฑิต เสนกะจงึ ทูลวา พระองคทรงกําหนดปญหานว้ี า ปญหามีเง่ือนเดียวหรอื ขา พระองคทัง้ หลายไมส ามารถจะกลาวแกปญ หานีใ้ นวันนี้ขอไดทรงงดหนอยหน่ึง ปญ หานม้ี เี งอื่ น ขาพระองคทัง้ หลายจักกลา วแกใ นทา มกลางประชมุ ชน จะตองน่งั คิดในท่หี น่ึง ภายหลงั จักทูลแกแ ดพ ระองคขอไดโปรดพระราชทานโอกาสแกพ วกขาพระองค เสนกะกลาวดังนีแ้ ลดูมโหสถแลว กลา ว ๒ คาถาน้ีวา ขา แตพระจอมประชากร ในเมอ่ื สมาคมแหง หมูชนอกึ ทึก ในเมือ่ ชมุ นมุ แหง ชนโกลาหล ขา - พระองคท งั้ หลายมใี จฟงุ ซา น มจี ิตไมแ นวอยูทเ่ี ดยี ว จึงไมส ามารถจะพยากรณป ญหานนั้ นักปราชญท้ังหลาย มจี ติ มีอารมณเ ดียว คน ๆ หน่งึ อยใู นที่ลบั คิดเน้อื ความ ทัง้ หลาย พจิ ารณาอยใู นสถานทีเ่ งียบ ภายหลังจัก กราบทูลแกเ นอื้ ความนัน้ . บรรดาบทเหลา น้นั บทวา สมฺมสติ วฺ าน ความวา นกั ปราชญเหลา นมี้ ีจติ มีอารมณเดียว ต้ังอยูใ นกายวเิ วกและจติ วเิ วกพิจารณาปญ หานแ้ี ลวจกั กลาวเน้อื ความนน้ั แดพระองค. พระราชาทรงสดบั คําของเสนกะก็ดพี ระหฤทยั ตรสั คกุ คามดังนีว้ าดีแลว ทานท้ังหลายจงคดิ เม่ือแกไมไดจ กั ใหขบั เสีย บัณฑิตทัง่ ๔ ลงจากพระราชนเิ วศน เสนกะจงึ กลาวกะบณั ฑิตนอกน้วี า พระราชาตรัสถามปญหา
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 366สขุ ุม เม่ือพวกเราแกไมไ ด ภัยใหญจักเกดิ ขน้ึ เหตนุ นั้ ทา นทง้ั หลายบริโภคสบายแลวจงพิจารณาปญหานั้นโดยชอบ ตา งคนไปเรือนของตน ๆ ฝายมโหสถลกุ ไปสสู าํ นักพระราชเทวอี ุทุมพรทูลถามวา ขาแตพ ระเทวีเจา วนั นหี้ รือวานน้ีพระราชาประทับอยูใ นทไ่ี หนนาน พระนางอทุ มุ พรรบั สงั่ วา เม่ือวานน้ีพระ-ราชาเสด็จไปมา ทอดพระเนตรที่พระแกล ณ ภายในพ้ืนยาว แตน ัน้พระโพธสิ ัตวจึงคิดวา พระราชาจกั ไดทอดพระเนตรเห็นเหตอุ ะไร ๆ โดยขางนี้ จงึ ไปในทน่ี ัน้ แลดูภายนอก ไดเ หน็ กิริยาแหง แพะและสุนขั ก็ทาํ ความเขา ใจวา พระราชาทอดพระเนตรเห็นสัตวทัง้ สองนี้ จึงทรงประพันธป ญหาจบั เคาไดฉะนี้แลวกก็ ลบั ไปเคหสถาน ฝายบัณฑิตทง้ั สามคดิ แลว ไมเห็นอะไรจงึ ไปหาเสนกะ เสนกะเห็นบณั ฑติ ท้ังสามนนั้ จึงถามวา ทานเห็นปญ หาแลวหรือ ครั้นไดรบั ตอบวา ยงั ไมเหน็ จงึ กลาววา ถาเปนเชนน้นั พระราชาจักขบัทา นทั้งหลายจากแวน แควน ทา นทง้ั หลายจักทําอยางไร คร้นั บัณฑติ ทง้ั สามยอนถามวา ก็ทานเหน็ หรอื กต็ อบวา แมเราก็ยังไมเ ห็น คร้ันบัณฑติ ทง้ั สามกลา ววา เมอ่ื อาจารยไ มเ หน็ ขาพเจา ท้ังหลายจะเหน็ อะไร กเ็ มอื่ วานนเี้ ราท้ังหลายบนั ลอื สีหนาทในราชสํานกั วา จกั คดิ แกแลวมาบา น บัดนี้พระราชาจักกรว้ิ พวกเราผูแ กไ มไ ด พวกเราจกั ทําอยา งไร จงึ กลา ววา ปญ หานอ้ี ันเราทงั้ หลายไมอ าจเหน็ มโหสถจกั คดิ ไดท ัง้ หลายรอ ยนัย เพราะฉะนัน้ ทา นทั้งหลายจงมาไปสาํ นักมโหสถดวยกนั กบั เรา บณั ฑติ ทั้งส่ไี ปสปู ระตเู คหสถานแหงมโหสถ ใหแจง ความทคี่ นมาแลว เขา ไปสูเรือน ปราศรัยกนั แลว น่งั ณทค่ี วรสว นหนึ่ง แลวถามมโหสถวา บัณฑติ ทานคดิ ปญหาไดแ ลว หรือพระโพธสิ ัตวตอบวา ในเมื่อขาพเจาคิดไมไ ด คนอน่ื ใครจักคดิ ได เออ ปญหานั้น ขาพเจาคิดไดแ ลว ครัน้ เม่อื บณั ฑติ ทง้ั สก่ี ลา ววา ถากระนน้ั ทา นจงบอกแกขาพเจาบาง มโหสถจึงดาํ รวิ า ถาเราจกั ไมบอกแกบัณฑติ ทัง้ ส่นี ี้ พระราชา
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 367จักกริว้ บัณฑติ ท้งั สี่ ขบั เสียจากแควน พระราชทานรตั นะ ๗ แกเรา คนเขลาเหลาน้ีอยา ไดฉ บิ หายเสียเลย เราจกั บอกแกพ วกนี้ ดํารฉิ ะน้ีแลวใหบ ณั ฑิตท้ังสน่ี ง่ั ณ อาสนะต่าํ แลวกลาววา ทา นท้งั หลายจงพยากรณอ ยางน้ี ในกาลเมอ่ื พระราชาตรสั ถามแลว ใหบ ัณฑติ ท้งั สเ่ี รียนบาลปี ระพนั ธเิ์ ปน คาถา ๔ คาถาแลว สงใหกลับไปในวัน ท่ี ๒ บณั ฑิตเหลาน้นั ไปสูราชอุปฏ ฐาน นง่ั ณ อาสนปลู าดไว พระราชาตรสั ถามเสนกะวา ทานรูปญหาแลวหรอื เสนกะจงึ กราบทลู วา ขา แตมหาราชเจา เน้อื ขาพระองคไ มร ู คนอื่นใครเลา จักรู ครั้นรบั สัง่ใหก ลา ว จึงกลาวคาถาโดยทาํ นองที่เรยี นมาทีเดยี ววา เนอื้ แพะเปนทีร่ ักท่ีเจรญิ ใจแหงบตุ รอมาตย และ พระราชโอรส ชนเหลาน้ัน ไมบ ริโภคเนือ้ สนุ ขั คร้งั นี้ มิตรธรรมแหงแพะนน้ั กับดว ยสนุ ัข มีตอ กนั . บรรดาบทเหลาน้นั บทวา อุคคฺ ปุตฺตราชปุตตฺ ยิ าน ความวาแหง บตุ รอมาตยท งั้ หลายดวย แหงพระราชโอรสทง้ั หลายดว ย. แมกลาวคาถาแลว เสนกะก็หารเู นื้อความไม ฝา ยพระเจา วิเทหราชทรงทราบความ เพราะปรากฏแกพระองค เพราะฉะนน้ั จึงตรสั ถามปกุ กุสะตอไป ดว ยเขา พระหฤทยั วา เสนกะรูแลว ฝายปกุ กุสะจึงกราบทูลวา ขาพระองคไมใ ชบ ัณฑติ หรือ แลวกลา วคาถาโดยทํานองที่เรียนมาทีเดยี ววา ชนทงั้ หลายใชหนังแพะเปน เครอ่ื งลาดหลังมา เปนเหตุแหงความสุข ไมใชห นงั สนุ ัขเปน เคร่ืองลาด หลงั มา คร้งั น้มี ติ รธรรมแหงแพะน้ันกบั ดวยสนุ ัข มี ตอกัน.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 368 เนอื้ ความไมป รากฏแมแ กป กุ กสุ ะ. ฝายพระราชาเจา พระหฤทยั วา ปกุ กุสะนี้รูเนื้อความเพราะปรากฏแกพระองค จึงตรสั ถามกามินทะตอไป กามนิ ทะจงึ กลา วคาถาโดยทํานองที่เรยี นมาทีเดียววา แพะมเี ขาอันโคง แทจริง แตเ ขาทง้ั หลายแหง สนุ ขั ไมมเี ลย แพะกนิ หญา สุนขั กนิ เนอื้ ครั้งน้ีมิตร ธรรมแหง แพะน้ันกับดว ยสุนขั มตี อกนั . เนอื้ ความไมป รากฏแมแ กกามนิ ทะ พระราชาเขาพระหฤทัยวา แมกามนิ ทะนี้กร็ ูเ นอ้ื ความแลว จงึ ตรสัถามเทวินทะตอไป เทวินทะกก็ ลาวคาถาโดยทาํ นองท่ีเรยี นมาทเี ดยี ววา แพะกนิ หญา กนิ ใบไม สนุ ัขไมกินหญา ไมกนิ ใบไม สุนขั จบั กระตายหรือแมวกนิ ครัง้ นม้ี ติ รธรรม แหง แพะน้ันกบั ดวยสุนัข มตี อกัน. บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา ติณมาสิ ปลาสมาสิ ความวากนิ หญา ดวย กินใบไมด ว ย. บทวา น ปลาส ความวา ไมเคีย้ วกนิ แมใบไม. เนอื้ ความไมปรากฏแมแกเ ทวนิ ทะ ลําดบั นน้ั พระราชาเขาพระหฤทยั วา แมเทวนิ ทะนี้ก็รู เพราะปรากฏแกพระองค จึงตรสั ถามมโหสถวา ดกู อนพอมโหสถ แมต วั เจา รปู ญหานี้หรือ มโหสถโพธสิ ัตวทูลสนองวา ขาแตม หาราชเจา ต้ังแตอ เวจจี นถึงภวคั คพรหม ยกขา พระองคเสีย คนอ่ืนใครจะรูป ญ หาน้ี ครั้นตรัสใหกลาวจึงกราบทูลวา ขอพระองคท รงฟง เม่ือจะประกาศความท่ีกจิ นน้ั ปรากฏแกต นจงึ กลาว ๒ คาถานว้ี า
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 369 แพะมีเทา กงึ่ ๘ แหงเทา ๔ (มี ๔ เทา) มีกีบ ๘ มกี ายไมปรากฏ สนุ ขั น้นี าํ หญา มาเพื่อแพะน้ี แพะน้ี นาํ เนื้อมาเพอ่ื สุนขั นน้ั พระชนินทรสมมตเิ ทพผูประ เสริฐกวา ชาววเิ ทหรฐั ประทบั อยู ณ ปราสาทอันประ- เสรฐิ ไดทอดพระเนตรเหน็ การนําอาหารมาแลกกัน กนิ โดยประจกั ษ และไดทอดพระเนตรเห็นมติ รธรรม แหง สุนัขและแพะเอง. มติ รธรรมแหง สุนัขและแพะเอง. บรรดาบทเหลานน้ั บทวา อฏฑฒฺ ปาโท ทานถลาวหมายเอาเทา ๘ แหง แพะ ดว ยความเปนผูฉ ลาดในพยญั ชนะ. บทวา เมณฺโฑ ไดแกแพะ. บทวา อฏ นโข นท้ี า นกลาวตามที่เทาแพะมีกบี เทาละ ๒ กบี . บทวาอทสิ ฺสมานกาโย ความวา ไมปรากฏกายในเวลานาํ เนอื้ มา. บทวา ฉาทยิ ความวา เครื่องมุงเรอื น คือ หญา . บทวา อย อมิ สสฺ ความวา สนุ ัขนําหญามาเพอ่ื แพะ. บทวา วีติหาร ไดแก นํามาแลกกนั . บทวา อโฺ -ฺโภชนาน ความวา แลกกนั กิน ดวยวา แพะนําของกนิ มาเพ่อื สุนัขแมส นุ ัขน้นั กแ็ ลกกบั แพะนัน้ สนุ ขั นาํ มาเพ่ือแพะ แมแ พะกแ็ ลกกัน. บทวาอททฺ กขฺ ิ ความวา ไดท อดพระเนตรเห็นสัตวท้ังสองนน้ั แลกเปลี่ยนกันกนิดว ยพระเนตร คอื ประจักษแ กพระองค. บทวา โภภกุ กฺ สสฺ ไดแ กสุนัขหอน. บทวา ปุณณฺ มขุ สสฺ ไดแก แพะ อธิบายวา พระราชาทอดพระเนตรเห็นมติ รธรรมของสัตวท ง้ั สองนี้ดวยพระองคเอง. พระราชาเมื่อไมทรงทราบความท่ีอาจารยเหลา น้ันรปู ญ หาเพราะอาศัยพระโพธิสัตว ทรงสําคญั วา บัณฑติ ท้งั ๕ รูด วยปญญาของตน ก็ทรงโสมนสั ตรัสคาถาน้วี า
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 370 ลาภของเราไมน อยเลยทม่ี บี ัณฑิตเชนนีอ้ ยใู น ราชสกุล เพราะวาบัณฑิตทงั้ หลายแทงตลอดเนอื้ ความ ของปญ หาอนั ลึกละเอยี ดดวยเปนสภุ าษติ . บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา ปฏวิ ชิ ฺฌนฺติ ความวา กลาวแกปญหาดว ยสภุ าษติ . ลําดบั นน้ั พระราชาทรงดํารวิ า เราควรทําอาการยนิ ดีแกบัณฑิตเหลา น้ันดวยความยินดี เมอ่ื จะทรงทําความยนิ ดนี ั้นใหเปน แจง จึงตรสั คาถาวา เรามคี วามพอใจยง่ิ ดวยปญหาทีก่ ลาวไพเราะ ใหร ถเทยี มมาอสั ดรรถหนง่ึ ๆ และบา นสว ยอันเจริญ บา นหนง่ึ ๆ แกท านทั้งปวงผูเ ปนบัณฑติ . ครน้ั ตรสั ฉะน้ันแลว ไดพระราชทานสงิ่ ท้งั ปวงน้ัน. จบปญ หาแพะในทวาทสนิบาต ฝา ยพระราชเทวีอุทุมพรทรงทราบความท่บี ัณฑิตท้งั ๔ รูปญ หาอาศัยมโหสถ จึงทรงดาํ ริวา พระราชาพระราชทานรางวลั แกบ ัณฑติ ทั้ง ๕ เปนเหมือนคนทําถ่ัวเขียวกบั ถัว่ ราชมาษใหไมแปลกกนั จึงเสดจ็ ไปเฝาพระราชาทูลถามวา ใครทลู แกปญหาถวาย พระราชาตรัสตอบวา บณั ฑติ ทง้ั ๕พระราชเทวที ูลวา บัณฑติ ทัง้ ๕ รปู ญ หาของพระองคอาศยั ใคร พระราชาตรัสตอบวา เราไมรู พระนางอทุ ุมพรจงึ กราบทูลวา บัณฑิตท้งั ๔ คนเหลานี้จะรูอะไร มโหสถใหเ รียนปญ หาดว ยเหน็ วา คนเขลาเหลาน้ีอยาไดฉิบหายเสยี เลย กพ็ ระองคพระราชทานรางวัลแกบ ัณฑติ ทงั้ ปวงเสมอกนั นั่นไมสมควรเลย ควรจะพระราชทานแกมโหสถใหเ ปนพิเศษ พระราชาทรงเหน็ วามโหสถนไ้ี มบ อกความทีบ่ ณั ฑิตทงั้ ๔ รูปญหาอาศยั ตน กท็ รงโสมนัส มีพระ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 568
Pages: