พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนาท่ี 401 บทวา นาฺ ปตฺเถ รส พหุ ความวา ไมพงึ ปรารถนา คอื พึงละบิณฑบาตท่มี ากและประณตี อันมรี สอรอ ยเปนตน อยา งอืน่ จากทต่ี นไดแ ลวเสีย ดวยบทนี้ ทา นยอ มแสดงถงึ ความสันโดษ แมในคิลานปจ จยัดวย. กท็ านเมือ่ จะกลา วถึงเหตุ เพือ่ หามความตดิ ใจในรสทงั้ หลาย จึงกลาววา ใจของบคุ คลผตู ิดในรสอาหาร ยอ มไมยินดใี นฌาน ดงั น้ีเปนตน . อธิบายวา บุคคลผูไมท าํ อินทรียสังวรใหบรบิ รู ณ จะทําจติ ใหสงบจากความฟุงซา นได แตท ี่ไหนเลา . พระเถระ คร้นั แสดงถึงขอ ปฏิบตั ใิ นการขัดเกลา ในเพราะปจจัยทัง้ ๔ อยา งนแี้ ลว บัดน้ี เพ่ือจะแสดงถึงกถาวัตถทุ ีเ่ หลอื ทัง้ หลาย จึงกลา วคาํ เปน ตน วา อปปฺ จโฺ ฉ เจว ดังน้.ี บรรดาบทเหลานัน้ บทวา อปปฺ จ ฺโฉ ไดแ ก ไมมคี วามปรารถนาคือเวน จากความปรารถนาในปจจยั ๔. ดวยเหตนุ ัน้ ทา นจงึ กลา วถงึ การขมตัณหาทจ่ี ะเกิดข้นึ ในเพราะปจ จัยทง้ั ๔ อยา ง. บทวา สนฺตฏุ โ ไดแ ก ความสนั โดษ ดว ยความยินดีปจจยั ๔ ตามที่ไดมา. กบ็ คุ คลใด ไมพงึ เศราโศกถึงเรื่องทแี่ ลวมา ไมพ งึ คิดถงึ เรือ่ งทยี่ ังไมม าถงึ แตพ งึ ยงั อัตภาพใหเ ปนไป ดว ย เหตใุ นปจจบุ ัน บคุ คลน้นั ทา นเรยี กวา เปนผูสันโดษแล. บทวา ปวิวติ ฺโต ไดแกล ะจากความคลกุ คลดี ว ยหมูค ณะแลว ปลกีกายเขาไปหาความสงัดสงบ. จริงอยู ในเรื่องความสงดั ทางจิตเปน ตนขา พเจาจะกลาวขา งหนา .
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนาท่ี 402 บทวา วเส ความวา พงึ ประกอบในท่ที ั้งปวง. ช่อื วา มุนิ เพราะประกอบพรอมดว ยโมไนยธรรม. บทวา อส สฏโ ไดแ ก ไมค ลุกคลี เพราะไมม ีความคลุกคลีทางการเหน็ การฟง การเจรจา การสมโภค และทางกาย คือเวนจากความคลกุ คลีตามทีก่ ลา วไวแลว . บทวา อภุ ย ไดแ ก ไมค ลุกคลีดวยชนทั้งสองพวก คือดวยคฤหสั ถและดว ยบรรพชติ . จรงิ อยู คํานีเ้ ปน ปฐมาวิภตั ติ ใชลงในเหตุ. บทวา อตฺตาน ทสสฺ เย ตถา ความวา ถึงจะไมเปน บา เปนใบแตก พ็ งึ แสดงคนเหมอื นดงั คนบาหรือคนใบ, ดวยบทนนั้ ทา นกลาวถงึการละความอวดดีเสีย. บทวา ชโฬว มโู ค วา น้ี ทานทาํ เปน รสั สะ เพอ่ื สะดวกแกรปูคาถา, และ วา ศัพทเปนสมุจจยัตถะ. บทวา นาติเวล สมภฺ าเสยฺย ความวา ไมค วรพูดเกนิ เวลา คือพดูเกนิ ประมาณ. ไดแ ก พงึ เปน ผพู ดู แตพอประมาณ. บทวา สงฆฺ มชฌฺ มหฺ ิ ไดแ ก ในหมภู ิกษสุ งฆ หรอื ในประชมุ ชน. บทวา น โส อุปวเท กจฺ ิ ความวา ภิกษุผปู ฏิบัตติ ามที่กลาวแลว น้ัน ไมควรเขาไปกลา ววาใคร ๆ ท่ตี ํา่ ท่ปี านกลาง หรือท่ีสูงสุด. บทวา อุปฆาต ววิ ชชฺ เย ความวา ควรละเวนการเขา ไปกระทบกระท่ัง คอื การเบยี ดเบียนทางกายเสยี . บทวา ส วุโต ปาฏโิ มกฺขสฺมึ ความวา พึงเปน ผูส ํารวมในพระปาต-ิโมกข คือในพระปาติโมกขสงั วรศลี ไดแก พึงเปนผูป กปองกายวาจาดว ยความสํารวมในพระปาตโิ มกข.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนา ที่ 403 บทวา มตฺตฺ ู จสสฺ โภชเน ความวา พึงเปน ผรู จู กั ประมาณในโภชนะ ในเพราะการแสวงหา การรับ การบริโภค และการเสียสละ. บทวา สุคฺคหีตนมิ ติ ฺตสสฺ ความวา เม่อื จะกําหนดอาการของจิตน้นั วา เมือ่ เราทาํ ไวในใจอยา งนี้ จติ ไดเปนสมาธติ ั้งมัน่ แลว ดงั น้ี พึงเปน ผมู ีนิมิตอันจติ ถอื เอาแลว ดวยดเี ปนสมาธิ, บาลวี า สุคคฺ หตี นมิ ติ โฺ ตโส ดังนีก้ ม็ ,ี คาํ วา โส นน้ั โยค คําวา โยคี แปลวา พระโยคีนน้ั . บทวา จติ ตฺ สสฺ ุปปฺ าทโกวโิ ท ความวา พึงเปนผฉู ลาดในเหตุทเี่ กิดขนึ้ กับจิต ทัง้ ท่ีหดหู และฟงุ ซานวา เมอ่ื เจริญภาวนาอยู จิตมคี วามหดหูอยา งน,้ี มีความฟุง ซานอยางน้ี ดังนี.้ จริงอยู เมอ่ื จิตหดหู พงึ เจรญิธัมมวิจยสมั โพชฌงค วริ ิยสัมโพชฌงค และปติสัมโพชฌงคเถดิ , เมื่อจติ ฟงุ ซา น พงึ เจริญปส สัทธิสมั โพชฌงค สมาธสิ ัมโพชฌงคแ ละอเุ บกขา-สัมโพชฌงคเถดิ . สว นสติสัมโพชฌงค พึงปรารถนาทุกเม่อื เถิด ดวยเหตุนนั้ พระผูม ีพระภาคเจา จึงตรัสวา ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย พวกเธอพงึเจริญธัมมวิจยสัมโพชฌงค ในสมัยทจ่ี ติ หดหูเถดิ ดงั นเี้ ปนตน . บทวา สมถ อนุยุ ฺเชยยฺ ความวา พงึ เจริญสมถภาวนา คอื พึงทําสมาธิท่ยี ังไมเ กดิ ขึน้ ใหเกิดขึน้ ไดแ ก พงึ เจรญิ คอื พงึ พอกพนู สมาธิทเ่ี กดิ ข้นึ แลว จนใหถ ึงความชํานิชาํ นาญเถิด. บทวา กาเลน จ วปิ สสฺ น ความวา ไมพงึ ทาํ สมาธิตามทีต่ นไดแลว ใหเ ส่อื มไปหรอื ใหคงอยู ดว ยการไมค รอบงาํ ความชอบใจเสยี แตพงึ ทาํ ใหอยใู นสวนแหงธรรมเครอ่ื งตรสั รู และพงึ ประกอบซึง่ วปิ สสนาตามกาลอนั สมควรเนอื ง ๆ เถิด.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนา ท่ี 404 อีกอยางหน่งึ บทวา กาเลน จ วปิ สฺสน ความวา เมอื่ ประกอบสมถะ ไมพึงถึงความรังเกยี จ ในกาลทจ่ี ิตนนั้ มีความตัง้ มั่น แตพงึ ประกอบวิปส สนาเนอื ง ๆ เพ่อื บรรลอุ รยิ มรรคเปน ตน เถิด. สมดังที่ทา นกลา วไววา :- อีกอยา งหนง่ึ ภิกษุถงึ แลวซง่ึ ความคุน เคย ดวยการ ไดสมาธิ หรอื ดว ยการอยอู ยา งสงัด ไมไ ดบรรลุความ ส้นิ ไปแหงอาสวะได ดังน้.ี ดวยเหตนุ ้นั ทานจงึ กลา วคาํ เปนตน วา วีรยสาตจจฺ สมปฺ นโฺ น ดังน.ี้ความเปนไปตดิ ตอ ชอื่ วา สาตัจจะ ผูถงึ พรอมแลว คอื ประกอบพรอมแลว ดวยความเพียรที่เปน ไปติดตอ คือความเพียรทเ่ี ปนไปแลว ติดตอ กนัอธิบายวา ความเพยี รทค่ี อยประคับประคองจติ อยเู ปน นิตย. บทวา ยตุ ตฺ โยโค สทา สยิ า ความวา พงึ เปนผปู ระกอบภาวนาตลอดกาลทุกเมือ่ เถิด. บทวา ทกุ ขฺ นตฺ ความวา ยงั ไมถึงทส่ี ดุ แหงวัฏทกุ ข คือนโิ รธนิพพาน อันเปน ท่ีสุดแลว ไมพ งึ ถงึ คอื ไมพ ึงถงึ ความวางใจ, หรอืไมพ งึ วางใจวา เราเปน ผูมีศีลบริสทุ ธิ์ ไดฌาน ไดอ ภิญญา ใหว ิปสสนาถึงทีส่ ุด หยดุ อยดู งั น้ีเลย. บทวา เอว วหิ รมานสฺส ความวา เปน อยูดวยอาการอยา งน้ี คือดวยวธิ อี ันถึงทีส่ ุด เพราะตนมีความเพยี ร ประกอบดว ยอํานาจวปิ ส สนามีการเสพเสนาสนะอันสงดั เปนตน. บทวา สุทธฺ กามสฺส ไดแ ก ของภิกษุผปู รารถนาความบรสิ ทุ ธ์แิ หงญาณทสั สนะ ความบริสุทธโิ์ ดยสนิ้ เชิง พระนิพพาน และพระอรหัต,
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนาที่ 405อธิบายวา อาสวะทัง้ หมดมกี ามาสวะเปนตน ของภกิ ษผุ เู หน็ ภยั ในสงสารยอ มส้นิ ไป คือยอ มถงึ ความส้ินไป คอื ความตงั้ อยูไมได, ยอมถงึ คอื ยอมบรรลุพระนิพพาน แมท ง้ั สองอยางคอื สอปุ าทิเสสนพิ พานและอนปุ าทิ-เสสนิพพาน ดวยการถงึ ความสิน้ ไปแหงอาสวะเหลานั้นนน่ั แล. พระเถระ เมอื่ จะแสดงวาคนมขี อ ปฏิบัตอิ ยางนั้น ดว ยการแสดงการใหโ อวาทแกภิกษุนนั้ อยา งน้ี จึงไดพ ยากรณความเปนพระอรหัตไวแ ลว. จบอรรถกถาอุปเสนวงั คันตปตุ ตเถรคาถาที่ ๖
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนา ที่ 406 ๗. โคตมเถรคาถา วา ดว ยคาถาของพระโคตมเถระ[๓๗๖] บคุ คลพงึ รจู กั ประโยชนของตน พึงตรวจดคู ําสง่ั สอน ของพระศาสดา และพงึ ตรวจดสู ่งิ ทส่ี มควรแกกุลบุตร ผเู ขา ถึงซ่ึงความเปน สมณะในพระศาสนาน้ี การมมี ติ รดี การสมาทานสกิ ขาใหบ รบิ รู ณ การเชอ่ื ฟง ตอครูท้งั หลาย ขอ นลี้ ว นแตสมควรแกส มณะ ในพระศาสนานี้ ความ เคารพในพระพทุ ธเจา ความยําเกรงในพระธรรมและ พระสงฆต ามความเปน จริง ขอน้ีลว นแตสมควรแกสมณะ การประกอบในอาจาระและโคจร อาชีพที่หมดจด อนั บัณฑิตไมตเิ ตียน การตงั้ จิตไวช อบน้ี ลว นแตส มควร แกส มณะ จาริตศลี และวารติ ศีล การเปลี่ยนอริ ิยาบถ อนั นาเล่ือมใส และการประกอบในอธิจติ ก็ลวนแต สมควรแกสมณะ เสนาสนะปาอันสงัด ปราศจากเสยี ง อกึ ทกึ อนั มนุ ีพึงคบหา น้ีเปนสิง่ ทสี่ มควรแกสมณะ จต-ุ ปาริสทุ ธศลี พาหสุ จั จะ การเลือกเฟน ธรรมตามความจริง การตรสั รอู รยิ สจั นี้ก็ลว นแตสมควรแกสมณะ ขอ ท่ีบคุ คล มาเจรญิ อนิจจสญั ญาในสงั ขารทง้ั ปวงวา สงั ขารทัง้ ปวง ไมเ ท่ยี ง เจรญิ อนัตตสญั ญาวา ธรรมทงั้ ปวงเปนอนตั ตา และเจริญอสุภสัญญาวากรชั กายนีไ้ มน า ยนิ ดใี นโลก นี้ก็ ลว นแตส มควรแกสมณะ การทบ่ี ุคคลมาเจริญโพชฌงค ๗ อิทธิบาท ๔ อนิ ทรีย ๕ และอริยมรรค ๘ ก็ลว นแต
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนาท่ี 407 สมควรแกสมณะ การทบี่ คุ คลผเู ปนมนุ มี าละตณั หา ทําลายอาสวะพรอ มทั้งมลู ราก เปนผูห ลดุ พน จากอาสวะ กิเลสอยู กล็ วนแตส มควรแกส มณะ. จบโคตมเถรคาถา อรรถกถาโคตมเถรคาถาท่ี ๗ มคี าถาของทานพระโคตมเถระอกี รปู หนึง่ วา วชิ าเนยฺย สก อตถฺ ดังนี้เปนตน . เรอื่ งนน้ั มเี หตเุ กิดข้ึนอยางไร ? ทา นพระโคตมเถระรูปน้ี ไดบ ําเพญ็ บญุ ญาธกิ ารไวใ นพระพทุ ธเจาพระองคกอน ๆ ในภพนน้ั ๆ ไดส ง่ั สมกศุ ลอันเปน อปุ นิสยั แหง ววิ ฏั ฏะไวกอ นหนาแตกาลอบุ ัตขิ ึ้นแหง พระผูมพี ระภาคเจาของเราทั้งหลาย (ทา น)บงั เกดิ ในตระกลู พราหมณช ื่อวา อทุ ิจจะ ในกรุงสาวตั ถี พอเจริญวยั แลวเปน ผูเรียนจบไตรเพท ฝกฝนวิธกี ารพดู เมื่อไมไดค นอน่ื ท่มี ีคาํ พดู ท่ีเหนอื กวาคาํ พดู ของตน จงึ เทยี่ วทําการพูด หาเร่ืองทะเลาะกบั คนเหลานัน้ ๆ. ลาํ ดบั นนั้ พระผูม พี ระภาคเจา ของเราท้ังหลาย อุบัติขึ้นแลวในโลกทรงแสดงพระธรรมจกั รอันบวรใหเปนไปแลว ทรงฝก เวไนยสตั วท้งั หลายมสี กุลบตุ รเปน ตน โดยลําดับแลว ไดเ สดจ็ เขา ไปยังกรุงสาวัตถี เพื่อฝก อบรมอนาถบิณฑกิ เศรษฐี ในคราวทม่ี อบถวายพระเชตวันแดพ ระ-ศาสดา ทานไดม ศี รทั ธา เขาไปเฝา พระศาสดา ฟง ธรรมแลวทูลขอบรรพชา.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนาที่ 408 พระศาสดา ทรงบังคบั รับสง่ั ใหภกิ ษุผถู ือการเที่ยวบิณฑบาตเปนวตั รรปู หนึง่ ดวยพระดํารัสวา ดูกอนภกิ ษุ เธอ จงใหก ุลบุตรผนู ้ีบวชเถิด.ทา น เมือ่ ภกิ ษนุ ั้นจะใหบ รรพชา พอมีดโกนจรดเสน ผมเทานัน้ กบ็ รรลุพระอรหัตแลว ไปสูโกศลชนบท อยทู ี่โกศลชนบทนัน้ นานแลว กลับมายังกรุงสาวัตถอี ีก. พวกญาติผูเปนพราหมณมหาศาลเปนอนั มาก เขาไปหาทา นพระโคดมเถระน้ันแลว เขาไปน่ังใกล พากนั ถามวา พวกสมณ-พราหมณเ ปน อนั มากในโลกนี้ มวี าทะอันบรสิ ุทธิใ์ นสงสาร, ในสมณ-พราหมณเ หลานนั้ พวกไหนมีวาทะที่แนนอน, ปฏบิ ตั อิ ยา งไร จึงจะบรสิ ทุ ธ์จิ ากสงสารได ดังน.ี้ พระเถระเม่ือจะประกาศเนือ้ ความน้นั แกญ าติเหลานนั้ จงึ กลา วคาถา๑เหลา น้นั วา :- บคุ คลพงึ รูจกั ประโยชนข องตน พึงตรวจตราดคู ํา สั่งสอนของพระศาสดา และพึงตรวจตราดูส่งิ ที่สมควร แกก ลุ บตุ ร ผเู ขา ถึงซ่งึ ความเปนสมณะในพระศาสนานี้ การมีมิตรดี การสมาทานสกิ ขาใหบ รบิ รู ณ การเช่อื ฟง ตอ ครูทง้ั หลาย ขอนลี้ ว นแตสมควรแกส มณะ ในพระ- ศาสนาน้ี ความเคารพในพระพทุ ธเจา ความยาํ เกรงใน พระธรรมและพระสงฆ ตามความเปนจริง ขอนี้ลวน สมควรแกส มณะ การประกอบในอาจาระและโคจรอาชพี ท่หี มดจด อันบัณฑิตไมต เิ ตียน การตงั้ จิตไวชอบนี้ ลว น แตส มควรแกสมณะ จารติ ศีลและการติ ศลี การเปลย่ี น อริ ิยาบถ อันนาเล่ือมใส และการประกอบในอธิจติ๑. ขุ. เถร. ๒๖/ขอ ๓๗๖.
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนา ที่ 409 ก็ลว นแตส มควรแกสมณะ เสนาสนะปาอันสงดั ปราศจาก เสยี งอึกทกึ อันมุนีพึงคบหา นีเ้ ปนสิง่ สมควรแกส มณะ จตุปารสิ ทุ ธศีล พาหสุ ัจจะ การเลอื กเฟน ธรรม ตามความ เปน จริง การตรัสรูอ รยิ สจั นี้กล็ ว นแตส มควรแกส มณะ ขอ ทบ่ี คุ คลมาเจริญอนิจจสัญญา ในสังขารท้ังปวงวา สงั ขารท้ังปวงไมเ ที่ยง เจรญิ อนัตตสัญญาวา ธรรม ทงั้ ปวงเปน อนัตตา และเจริญอสภุ สญั ญาวา กรัชกายน้ี ไมน ายินดีในโลก นีก้ ล็ ว นแตส มควรแกสมณะ การท่ี บุคคลมาเจรญิ โพชฌงค ๗ อทิ ธบิ าท ๔ อนิ ทรยี ๕ พละ ๕ และอรยิ มรรคมีองค ๘ ก็ลวนแตส มควรแก สมณะ การท่บี คุ คลผูเปน มุนมี าละตัณหา ทําลายอาสวะ พรอมท้ังมูลราก เปน ผูหลุดพน จากอาสวะกิเลสอยู กล็ วน แตส มควรแกสมณะ. บรรดาบทเหลาน้นั บทวา วชิ าเนยฺย สก อตถฺ ความวา บุรุษมีชาตนิ กั รู พงึ ตรวจตราดูประโยชนข องตนตามความเปน จรงิ แลว พงึ ร.ูกเ็ ม่ือจะตรวจตรา พงึ ตรวจตราดูคําสั่งสอนของพระศาสดา คือคําสง่ั สอนของพระศาสดา ท่ีสมณพราหมณผเู ปนปุถชุ นทง้ั หลาย และที่พระสัมมา-สัมพุทธเจาตรสั ไวใ นโลกนี้ คือการจะตรสั ร.ู ไดแ ก พงึ ดู คือพึงเห็นดว ยปญญาจกั ษุ ซึ่งผูทจ่ี ะนาํ ออกไปจากสงสาร. จริงอยู สมณพราหมณผ เู ปน เดยี รถยี ตาง ๆ เหลา น้ี เปนผยู ึดมน่ัผดิ ซ่ึงสงั ขารทงั้ หลายทีไ่ มเทีย่ งวา เทีย่ ง ซึ่งสงิ่ ซง่ึ ไมใชต วั ตนวา เปน ตวั ตนและซง่ึ หนทางที่ไมบรสิ ุทธ์ิ วา เปน หนทางทีบ่ รสิ ุทธิ์ และเปนผูมีวาทะ
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนาที่ 410แยง กนั และกนั เอง; เพราะฉะนั้น วาทะของสมณพราหมณเ หลานน้ั จงึ เปนวาทะทไ่ี มเทยี่ งแทแนนอน, สวนพระสมั มาสัมพทุ ธเจา ทรงรทู วั่ ดว ยความรยู ิ่งตามความเปนจริง ดวยพระสยัมภญู าณวา สังขารทั้งปวงไมเทยี่ ง.ธรรมทง้ั ปวงเปน อนตั ตา, ความสงบคอื พระนิพพานดงั น้ี เพราะฉะน้ันวาทะของพระสัมมาสัมพุทธเจาพระองคน ั้น จงึ เปน วาทะทเี่ ทีย่ งแทแ นนอน, อธิบายวา พึงตรวจตราดูคาํ สั่งสอนที่ยง่ิ ใหญข องพระศาสดาแล. บทวา ยเฺ จตฺถ อสฺส ปฏิรูป สามฺ อชฌฺ ปู คตสฺส ความวาพึงเปน ผตู รวจตราดสู ่ิงทสี่ มควร คอื ส่ิงที่เหมาะสมแกกุลบุตรผูเขา ถึงความเปนสมณะ คือการบวชในพระศาสนานี้ หรอื ในความเปนบรรพชติ . เพือ่ จะหลีกเล่ียงคําถามวา ก็ขอ นนั้ เปน อยา งไร ? ทา นจงึ กลาวคําเปนตน วา มิตฺต อธิ จ กลยฺ าณ การมมี ิตรดี ดังน.ี้ มีวาจาประกอบความวา การคบหากลั ยาณมิตรในพระศาสนาน้ี นบั เปนการสมควรแกสมณะ. แมนยั ท่นี อกจากนี้ กเ็ ชน น้ี. จรงิ อยู กุลบตุ รยอ มละอกุศลยอ มเจรญิ กุศล ยอ มบริหารตนใหห มดจดสะอาดได กเ็ พราะไดอาศัยกัลยาณมติ ร. บทวา สิกฺขา วปิ ุล สมาทาน ไดแ ก การสมาทานสกิ ขาใหบริบูรณ, อธิบายวา ปฏบิ ัตใิ นสิกขามีอธิศีลสกิ ขาเปน ตน อนั จะนํามาซึง่ คุณอันใหญ คือพระนพิ พาน. บทวา สุสฺสสู า จ ครูน ความวา การเชอ่ื ฟง และการประพฤติตามโอวาทของครูทั้งหลาย คือของกลั ยาณมิตรท้งั หลาย มอี าจารยแ ละอุปชฌายเ ปน ตน . บทวา เอต ไดแก การคบหากลั ยาณมิตรเปน ตน .
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เถรคาถา เลม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หนาที่ 411 บทวา พทุ เฺ ธสุ สคารวตา ความวา กระทําความเคารพยําเกรงในพระสพั พัญพู ทุ ธเจา วา พระผูมพี ระภาคสัมมาสมั พุทธเจา ดงั นี.้ บทวา ธมเฺ ม อปจิติ ยถาภตู ไดแ ก ออนนอม คอื บชู าโดยความเอือ้ เฟอ ในพระอรยิ ธรรม ตามความเปนจรงิ . บทวา สงเฺ ฆ ไดแก ในพระอรยิ สงฆ. บทวา จติ ตฺ ีกาโร ไดแ ก สกั การะ คอื สัมมานะ. บทวา เอต ไดแก กระทาํ ความเคารพในพระรัตนตรยั . บทวา อาจารโคจเร ยตุ ฺโต ความวา การละอนาจาร คือการกา วลว งทางกายและทางวาจา และการละสถานท่ีอโคจรมีหญิงแพศยาเปน ตน อันเปน สถานท่ไี มส มควร เพื่อเขา ไปบิณฑบาตเปนตน แลวประกอบคือถึงพรอมดวยอาจาระ คือการไมก าวลว งทางกายและทางวาจาและดว ยโคจรอนั เปนสถานทสี่ มควรเพอื่ เขา ไปบิณฑบาตเปนตน. ช่อื วาผูมีอาจาระและโคจรสมบูรณ. บทวา อาชีโว โสธโิ ต ความวา เม่ือภิกษลุ ะอเนสนากรรม มีการขอไมไผเ ปน ตน ที่พระพทุ ธเจาทรงรังเกียจแลว เสพแตปจ จยั ทีเ่ กดิขนึ้ ไมม โี ทษ ชือ่ วา ผูมอี าชพี ะที่หมดจด คอื บรสิ ทุ ธ์ิดว ยดี เพราะความเปน ผูมีอาชีพอนั หมดจดนั่นเอง วิญูชนทั้งหลาย จงึ ไมตเิ ตยี น. บทวา จิตตฺ สฺส จ สณฺปน ความวา การตั้งจิตไวช อบดว ยอาํ นาจรปู ทเ่ี ห็นแลว และอารมณท่ีทราบแลว เปนตน โดยท่ีไมใหกิเลสมีอภชิ ฌาเปนตน เปน ไปในอารมณมรี ปู ารมณเปนตน ทางทวารมจี กั ษทุ วารเปน ตน. บทวา เอต ไดแ ก ความถึงพรอมดว ยอาจาระและโคจร อาชีพ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 515
Pages: