Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_25

tripitaka_25

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:37

Description: tripitaka_25

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 101 ๗. อุปจาลาสตู ร วาดวยมารรบกวนอุปจาลาภิกษณุ ี [๕๔๑] สาวตั ถีนิทาน. ครัง้ นน้ั เวลาเชา อุปจาลาภิกษณุ นี ุงหม แลว ถือบาตรและจวี รเขาไปบิณฑบาตยังกรงุ สาวตั ถี เที่ยงบิณฑบาตไปในกรุงสาวัตถแุ ลว เวลาปจฉาภตักลบั จากบิณฑบาตแลว เขาไปยงั ปาอนั ธวันเพอ่ื พกั กลางวัน ครั้นถึงปาอนั ธวนัแลว จงึ น่ังพกั กลางวันอยูท ่ีโคนไมต น หนึง่ . [๕๔๒] ลําดบั นั้น มารผมู บี าปใครจะใหอ ุปจาลาภิกษณุ ีบังเกดิ ความกลัว ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกลา และใครจะใหเคล่อื นจากสมาธิจงึ เขา ไปหาอุปจาลาภกิ ษุณถี งึ ท่นี งั่ พัก คร้ันแลวไดกลา วกะอปุ จาลาภกิ ษุณีวาดูกอนภกิ ษุณี อยางไรหนอทานจงึ อยากจะเกิด. อุปจาลาภิกษณุ ีตอบวา ดกู อ นทา นผมู ีอายุ เราไมอ ยากเกดิ ในทไ่ี หน ๆเลย. [๕๔๓] มารผูมีบาปกลา ววา. ทานจงต้ังจติ ไวในพวกเทพช้นั ดาว ดงึ ส ชั้นยามา ช้ันดุสิต ช้นั นมิ มานรดี และชัน้ วสวัตตเี ถิด ทา นจักไดเ สวยความ ยนิ ด.ี [๕๔๔] อุปจาลาภกิ ษุณีกลา ววา พวกเทพชนั้ ดาวดงึ ส ชั้นยามา ชนั้ ดสุ ติ ชั้นนิมมานรดี และชัน้ วสวตั ตี

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 102 ยังผกู พนั อยูด วยเคร่ืองผกู คือกาม จาํ ตอง กลับมาสูอํานาจมารอีก โลกทง้ั หมด เรา รอน โลกท้งั หมดคเุ ปนควัน โลก ท้งั หมดลกุ โพลง โลกท้งั หมดสนั่ สะเทอื น. ใจของเรายินดีแนวในพระนิพพาน อนั ไมส ่ันสะเทอื น อนั ไมห ว่นั ไหว ที่ ปถุ ชุ นเสพไมไ ด มิใชค ติของมาร. ลําดบั นัน้ มารผูมบี าปเปน ทกุ ข เสยี ใจวา อปุ จาลาภกิ ษณุ รี จู กั เราดังน้ี จึงไดอ ันตรธานไปในทนี่ ัน้ เอง. อรรถกถาอปุ จาลาสูตร ในอุปจาลาสตู รที่ ๗ มวี นิ ิจฉยั ดังตอไปน้ี :- บทวา เอนฺติ มารวส ปนุ ความวา มาสูอาํ นาจ มรณมารกิเลสมาร และเทวบุตรมาร. บทวา ปธูปโ ต ไดแ ก ใหเ ดือดรอน. บทวาอคติ ยตถฺ มารสฺส ความวา ในพระนพิ พานใด ทา นผเู ปน มารไปไมไ ด.บทวา ตตฺถ ไดแ ก ในพระนิพพานน้นั . จบอรรถกถาอปุ จาลาสตู รท่ี ๗

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 103 ๘. สีสุปจาลาสตู ร วาดว ยมารรบกวนสสี ุปจาลาภิกษุ [๕๔๕] สาวัตถีนิทาน. ครง้ั นน้ั เวลาเชา สีสปุ จาลาภกิ ษุณนี งุ หมแลว ถอื บาตรและจวี รเขาไปบิณฑบาตยงั กรงุ สาวตั ถี เท่ียวบิณฑบาตไปในกรงุ สาวตั ถีแลว เวลาปจฉาภตั กลบั จากบณิ ฑบาตแลว เขาไปยังปาอันธวนั เพ่อื พกั กลางวนั ครนั้ ถงึ ปาอันธวัน จงึ นง่ั พักกลางวนั ท่โี คนไมต นหนึง่ . [๕๔๖] ลําดบั นั้น มารผูมีบาปเขา ไปหาสสี ุปจาลาภกิ ษณุ ีถงึ ท่นี ่งั พกัคร้ันแลว ไดกลาวกะสีสปุ จาลาภกิ ษณุ วี า ดูกอ นภกิ ษณุ ี ทา นชอบใจทฐิ ขิ องใครหนอ. สีสปุ จาลาภิกษณุ ตี อบวา ดูกอ นทานผมู อี ายุ เราไมชอบใจทฐิ ขิ องใครเลย. [๕๔๗] มารผมู ีบาปกลาววา ทานจงใจเปน คนโลน ปรากฏ ตวั เหมอื นสมณะ แตไฉนทานไมช อบใจ ทิฐิ ทานประพฤติเรือ่ งน้ี เพราะความ งมงายหรอื . [๕๔๘] สีสุปจาลาภิกษณุ ีกลา ววา คนเจา ทิฐิ ภายนอกพระศาสนา นี้ ยอ มจมอยูในทฐิ ทิ งั้ หลาย เราไม ชอบใจธรรมของพวกเขา พวกเขาเปน

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 104 คนไมฉลาดตอธรรม ยังมพี ระพุทธเจา ผูเ สด็จอุบัตใิ นศากยสกลุ หาบคุ คลอ่ืน เปรยี บมิได ทรงครอบงาํ สวนทัง้ ปวง ทรงบรรเทาเสยี ซึ่งมาร ไมป ราชัยในท่ี ทุกสถาน ทรงพนแลว ในสว นทั้งปวง เปนผอู ันตัณหาและทิฐอิ าศยั ไมได มี พระจักษุทรงเหน็ ธรรมท้งั ปวง ทรงบรรลุ ธรรมเปนท่ีสิน้ กรรมทกุ อยาง ทรงนอม ไปในธรรมเปน ทสี่ นิ้ อปุ ธิ พระผูม พี ระ- ภาคเจาพระองคนัน้ เปนศาสดาของเรา เราชอบใจคําสอนของพระองคทาน. ลาํ ดับนัน้ มารผมู ีบาปเปนทุกข เสียใจวา สีสุปจาลาภิกษณุ รี ูจกั เราดงั น้ี จงไดอันตรธานไปในท่นี น้ั เอง.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 105 อรรถกถาสีสุปจาลาสูตร ในสีสุปจาลาสตู รท่ี ๘ มวี ินจิ ฉยั ตอ ไปนี้ :- บทวา สมุ ณี วิย ทสิ ฺสติ ความวา ทา นปรากฏตัวเหมือนสมณะ.บทวา กมิ วิ จริสิ โมมูหา ความวา เพราะเหตุไรทานจงึ ประพฤตเิ หมอื นคนงมงาย. บทวา อโิ ต พหิทฺธา ความวา ภายนอกพระศาสนานี้ . บทวาปาสณฑฺ า ความวา เจา ลัทธยิ อ มเหว่ยี งบวง คอื ทิฐิลงในจิตของสตั วทั้งหลาย.แตพระศาสนายอมปลดเปลือ้ งบวงทั้งหลาย ฉะนั้น จงึ ไมกลา ววา เจาลทั ธิเจา ลัทธิมภี ายนอกพระศาสนานท้ี ง้ั นนั้ . บทวา ส สีทนฺติ ไดแ ก จน คือติด. บัดน้ี สีสุปจาลาภกิ ษุณีเมือ่ กลา วแกป ญหาทีว่ า ทา นบวชอุทศิ ใครจงึ กลาววา อตฺถิ สกฺยกุเล ชาโต เปนตน. บรรดาบทเหลานั้น บทวาสพพฺ าภภิ ู ความวา ครอบงาํ สวนทง้ั หมด มขี ันธ อายตนะ ธาตุ ภพ กําเนิดละคติเปนตน ชอ่ื วา มารนุทะ เพราะบรรเทา คือขับไลม รณมารเปน ตนบทวา สพพฺ ตถฺ มปราชโิ ต ความวา ไมแ พในกเิ ลสทงั้ มวลมรี าคะเปน ตนหรอื ในการรบมาร. บทวา สพฺพตฺถ มจุ โฺ ต ความวา นอมไปในธรรมทั้งปวงมขี ันธเ ปน ตน. บท อสสฺ ิโต ความวา อนั ตณั หานิสยั และทฏิ ฐนิ ิสยัไมอาศัยแลว. บทวา สพพฺ กมมฺ กฺขย ปตฺโต ความวา บรรลุพระอรหตักลาวคอื ธรรมเปน ท่ีส้นิ ไปแหงกรรมทงั้ ปวง. บทวา อุปธิสงฺขเย ความวาทรงนอ มเปนอารมณใ นพระนิพพาน กลา วคอื ธรรมเปนท่สี ้นิ ไปแหง อุปธิ. จบอรรถกถาสีสุปจาลาสูตรที่ ๘























































พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 133 [๕๖๕] ลาํ ดับน้นั ทา วสหัมบดีพรหมหายไปในพรหมโลกปรากฏแลว ในนิเวศนข องมารดาแหงทา นพระพรหมเทวะ เปรียบเหมอื นบรุ ษุ ผูม ีกาํ ลงัพึงเหยยี ดออกซ่งึ แขนท่ีคูเ ขาแลว หรอื พึงคเู ขาซ่ึงแขนท่เี หยียดออกแลว ฉะน้นั . ครัง้ น้ันแล ทาวสหมั บดพี รหมลอยอยูใ นอากาศ ไดก ลาวกะนางพราหมณีผมู ารดาของทานพระพรหมเทวะดว ยคาถาท้ังหลายวา ดูกอ นนางพราหมณี ทา นถือการ บชู าดวยกอนขา วแกพ รหมใด มน่ั คงเปน นติ ย พรหมโลกของพรหมน้ันอยไู กลจาก ท่นี ี้ ดูกอ นนางพราหมณี ภักษาของพรหม ไมใ ชเ ชน น้ี ทานไมร ูจกั ทางของพรหม ทาํ ไมจึงบน ถึงพรหม. ดูกอ นนางพราหมณ ก็ทา นพระ- พรหมเทวะของทา นนน้ั เปนผหู มดอุปธิ กเิ ลส ถงึ ความเปน อตเิ ทพ ไมม กี ิเลสเปน เครือ่ งกงั วล มปี กตขิ อ ไมเล้ยี งดูผูอ ื่น ทา นพระพรหมเทวะทเ่ี ขา สเู รือนของทาน เพอื่ บิณฑบาต เปน ผูส มควรแกบณิ ฑะที่ บคุ คลพงึ นาํ มาบชู า ถึงเวท มตี นอบรม แลว สมควรแกท ักษิณาทานของมนษุ ย และเทวดาท้งั หลาย ลอยบาปเสียแลว อัน ตณั หาและทิฐิไมฉาบทาแลว เปน ผู เยอื กเยน็ กาํ ลังเท่ยี วแสวงหาอาหารอยู.

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 134 อดตี อนาคตไมม แี กท า นพระพรหมเทวะนั้น ทานพระพรทมเทวะเปน ผสู งบระงบั ปราศจากควนั ไมมที กุ ข ไมมีความหวัง วางอาชญาในปุลุชนผยู งั มคี วามหวาดหว่ันและในพระขีณาสพผูม่ันคงแลวขอทา นพระพรหมเทวะนั้นจงบริโภคบิณฑบาตอันเลิศทีส่ ําหรับบูชาพรหมของทาน. ทานพระพรหมเทวะซึ่งเปนผมู เี สนามารไปปราศแลว มจี ติ สงบระงบั ฝก ตนแลว เท่ยี วไปเหมอื นชางตัวประเสริฐ ไมหวน่ั ไหว เปน ภกิ ษมุ ศี ีลดี มจี ิตพน วิเศษแลว ขอทานพระพรหมเทวะนั้น จงบริโภคบณิ ฑบาตอันเลศิ ทีส่ าํ หรบั บูชาพรหมของทา น. ทา นจงเปน ผเู ล่อื มใสในทา นพระ-พรหมเทวะน้นั เปนผไู มห ว่ันไหว ตงั้ทกั ษิณาไวในทานผูเปน ทกั ษิเณยยบุคคลดกู อ นนางพราหมณี ทานเหน็ มนุ ผี ูมีโอฆะอันขา มแลวจงทาํ บุญ อนั จะนําความสุขตอไปมาให. ทานจงเปน ผเู ลอ่ื มใสในทา นพระพรหมเทวะนัน้ เปนผูไมหวั่นไหว ตงั้

พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 135 ทกั ษิณาไวใ นทานผเู ปน ทักษเิ ณยยบคุ คล ดกู อนนางพราหมณี ทา นเหน็ มนุ ผี ูมีโอฆะ อันขา มแลว ไดทาํ บณุ อันจะนาํ ความสขุ ตอ ไปมาใหแลว. อรรถกถาพรหมเทวสูตร ในพรหมเทวสตู รที่ ๓ มีวนิ จิ ฉยั ดงั ตอ ไปนี้ :- บทวา เอโก ความวา เปน ผผู เู ดียว คอื อยูคนเดียวในอริ ยิ าบถทั้งหลายมยี ืนเปนตน . บทวา วปู กฏโ ไดแกปลกี ตัวไป คอื ปราศจากการคลุกคลีดวยกาย. บทวา อปฺปมตโฺ ต ไดแ ก อยใู นความเปน ผไู มปราศจากสต.ิ บทวาอาตาป ไดแ ก ประกอบดว ยความเพียรเครอ่ื งเผากเิ ลส. บทวา ปหิตตฺโตไดแก มีตนสงไปแลว . บทวา กลุ ปุตฺตา ไดแ ก กลุ บตุ รผมู มี ารยาท. บทวาสมฺมเทว ความวา ไมใชบ วชเพราะเปนหนี ไมใ ชบวชเพราะมภี ยั ไมใ ชบวชเล้ียงชพี . แมผ ูที่บวชไมวาดวยกรใี ด ๆ บาํ เพญ็ ปฏิปทาทสี่ มควร ก็ช่อื วาออกจากเรือนบวชเปน บรรพชิตโดยชอบทั้งน้ัน. บทวา พฺรหฺมจริยปริโยสานไดแกอ ริยผลอันเปนท่ีสุดแหงมรรคพรหมจรรย. บทวา ทิฏเว ธมเฺ ม ไดแ กในอตั ภาพนีเ้ อง. บทวา สย อภิ ฺ า สจฺฉิกตฺวา ไดแก รูดวยตนเองคอื ทาํ ใหป ระจกั ษ. บทวา อุปสมฺปชฺช ไดแ กไ ดเ ฉพาะคือสําเรจ็ ผลอยแู ลว.กท็ านพระพรหมเทวะอยูดว ยประการฉะนี้ ไดรูชดั แลว ฉะนัน้ พระผูมพี ระภาคเจาจึงทรงแสดงปจ จเวกขณภมู ขิ องทาน ดวยบทน.ี้

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 136 ถามวา กช็ าตไิ หนของทา นพรหมเทวะนั้นสิ้นแลว และทา นพรหมเทวะรูชดั ขอนน้ั ไดอ ยา งไร. ตอบวา ชาตสิ วนอดีตของทา นพรหมเทวะนน้ั ชอ่ื วาส้นิ แลว ไมไ ดกอน เพราะสิ้นไปในกาลกอ นเสียแลว ชาติสว นอนาคต ชื่อวาส้นิ แลว ก็ไมไ ด เพราะไมมีความพยายามในชาตินัน้ ชาตสิ วนปจจุบันก็ชื่อวาสิน้ แลว ไมไ ดเ พราะยงั มีอยู. แตชาตใิ ดโดยเปนขันธเ ดียว ขนั ธ ๔ และขนั ธ ๕ ในบรรดาเอกโวการภพ จตโุ วการภพและปญจโวการภพ พงึ เกดิ ขึ้นเพราะยังมิไดอบรมมรรค ชาติน้นั ชอ่ื วา ส้นิ แลว เพราะถึงความไมเ กิดข้ึนเปนธรรมดา เพราะอบรมมรรคแลว . ทานพรหมเทวะนนั้ พจิ ารณากเิ ลสที่ละไดดว ยมรรคภาวนา ยอมรูชาตนิ นั้ วา กรรมแมม อี ยกู ไ็ มเ ปน เหตุใหปฏสิ นธิตอ ไปเพราะไมมีกิเลส. บทวา วสุ ติ  ความวา อยแู ลว อยรู อบแลว อธิบายวา กระทาํ แลวประพฤติแลว คอื ใหส ําเรจ็ แลว. บทวา พรฺ หมฺ จริย ไดแ กมรรคพรหมจรรย.บทวา กต กรณยี  ความวา กจิ แม ๑๖ อยา ง คอื ปริญญากิจ ปหานกจิสัจฉิกริ ิยากิจและภาวนากจิ ดว ยมรรคทั้ง ๔ ในสัจจะ ๔ [๔ x ๔ = ๑๖] ทาํสําเรจ็ แลว . บทวา นาปร อิตถฺ ตฺตาย ความวา บดั นี้ มรรคภาวนาเพอ่ื ความเปน อยา งนี้ คือเพือ่ ความเปน กิจ ๑๖ อยางอยางน้ี หรอื เพอื่ ความส้นิ กิเลส ไมม ีอกี . อีกอยางหนง่ึ บทวา อิตฺถตฺตาย ไดแ กจ ากความเปนอยางน้ี คือจากประการอยางน้ี ทานพรหมเทวะไดทราบวา ขนั ธสันดานอ่ืนจากธสันดานทีเ่ ปนไปอยูใ นบัดนี้ไมมี แตเบญจขันธเ หลา น้ี ทา นกําหนดรูแลว ยงั ต้งั อยูไ ดเหมือนตนไมมีรากขาดแลว. บทวา อฺ ตโร แปลวาองคห นงึ่ . บทวา อรหต ความวา ไดเปนพระอรหนั ตองคหนงึ่ ในบรรดาพระอรหนั ตส าวกของพระผมู พี ระภาคเจา .

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 137 บทวา สปทาน ไดแก เท่ียวไปตามลําดบั ตรอก คือเทยี่ วไปตามลําดับไมเลยเรอื นทถี่ ึงแลว. บทวา อปุ สงฺกมิ ไดแ กเ ขาไปอยู. ก็มารดาของเขาพอเหน็ บุตรกอ็ อกจากเรือนพาเขา ไปภายในทอ่ี ยู ใหนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว. บทวา อาหตุ ึ นจิ จฺ  ปคคฺ ณฺหาติ ความวา รบั ของบูชาคือบิณฑะกอนขา วในกาลเปน นิจ. กใ็ นวันน้ันมพี ลกี รรมเพอื่ ภตู ในเรือนนั้น. ทกุ เรอื นทาสเี ขยี วมขี าวตอกเกลือ่ นกลาด. แวดลอ มดวยทรัพยแ ละดอกไม ยกธงชยั ธงปฏากขึน้ ตั้งหมอ นํ้ามนี ้ําเตม็ ไวในทนี่ ้นั ๆ จุดประทีปสวา ง ประดับดวยผงของหอมและดอกไมเ ปนตน. ไดม ีแวน เวยี นเทียนถือสงตอกันไปโดยรอบ. นางพราหมณีแมน น้ั ลุกข้นึ แตเ ชา ตรู อาบนํา้ หอม ๑๖ หมอ ตกแตงรา งกายดวยเครือ่ งประดบัพรอ มสรรพ. สมยั น้ัน นางใหพระมหาขีณาสพนัง่ แลว มิไดถวายแมเพียงขา วยาคกู ระบวยหน่ึง คิดวา เราจักใหม หาขพ่ี รหมบริโภค บรรจุขา วปายาสเตม็ถาดทอง ปรุงดวยเนยใสน้ําผ้ึงและน้ําตาลกรวดเปนตน ทีห่ ลังบา นมีพ้ืนท่ที ี่ประดบั ดวยของทาสเี ขยี วเปน ตน นางถอื ถาดน้นั ไปที่นั้น วางกอ นขา วปายาสตรงที่ ๔ มุมและตรงกลางแหงละกอ น ถอื ไปกอนหน่งึ มีเนยใสไหลลงถงึ ขอศอกคกุ เขาบนแผนดนิ กลา วเชญิ พรหมใหบ ริโภควา ขอทา นมหาพรหมจงบรโิ ภคขอทานมหาพรหมจงนําไป ขอมหาพรหมจงอมิ่ หนํา ดงั น้.ี บทวา เอตทโหสิ ความวา ความคิดนีไ้ ดม ีแกทา วสหัมบดีพรหมผูสดู กลน่ิ ศีลของพระมหาขณี าสพ ซ่งึ ทว มเทวโลกฟุงไปถึงพรหมโลก. บทวาส เวเชยฺย ไดแกพึงตักเตอื น คอื พงึ ใหประกอบในสัมมาปฏิบตั .ิ อธบิ ายวาจรงิ อยู นางพราหมณนี น้ั ใหพ ระมหาขณี าสพผเู ปน อคั รทกั ขไิ ณยบคุ คลเหน็ปานนี้ นง่ั แลว มิไดถ วายอาหารแมเพยี งขา วยาคกู ระบวยหนง่ึ คดิ วา เราจกั ใหมหาพรหมบริโภค ดจุ ทงิ้ ตาช่งั เสียแลวใชม อื ชัง่ ดจุ ทง้ิ กลองเสียแลวประโคมทอ ง ดุจทิง้ ไฟเสยี แลวเปาหง่ิ หอ ย เทยี่ วทาํ พลแี กภ ูต เราจกั ไปทําลายมิจฉา-

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 138ทฏิ ฐขิ องนาง ยกนางขน้ึ จากทางแหง อบาย จะกระทาํ โดยวธิ ใี หน างหวานทรัพย๘๐ โกฏิ ลงในพระพทุ ธศาสนาแลว ขนึ้ สทู างสวรรค. บทวา ทูเร อโิ ต ความวา ไกลจากท่ีนี้. จรงิ อยู กอ นศิลาขนาดเทาเรอื นยอดตกจากพรหมโลก วนั หนงึ่ คืนหนึ่งส้นิ ระยะทาง ๔๘,๐๐๐ โยชน ใชเวลาถึง ๔ เดอื นโดยทํานองนี้ จึงตกถึงแผนดิน พรหมโลกขึ้น ท่ีต่ํากวาเขาหมดอยูไกลอยางนี้. บทวา ยสสฺ าหุตึ ความวา โลกของพรหมทีน่ างพราหมณีบชู าดวยกอนขาว อยไู กล. ในบทวา พรฺ หฺมปถ น้ี มวี นิ ิจฉยั ดังตอ ไปนี้ทาวมหาพรหมกลาววา ช่อื วา ทางของพรหม ไดแกกศุ ลฌาน ๔ สวนวิบากฌาน ๔ ช่อื วา เปน ทางชีวติ ของพรหมเหลานน้ั เธอไมร ูทางของพรหมนั้น กระซบิ อยทู าํ ไม เพออยทู ําไม จริงอยู พรหมท้งั หลาย ยอมยังอัตภาพใหเปน ไปดวยฌานที่มปี ติ หาไดใสข า วสารแหง ขาวสาลี และเคย้ี วกนิ นาํ้ นมทีเ่ ค่ียวแลว ไม ทานอยาลําบากเพราะสง่ิ ทไ่ี มใ ชเหตเุ ลย คร้ันกลา วอยางน้แี ลว จึงประคองอญั ชลี แลวยอ ตัวเขาไปช้พี ระเถระอีกกลาววา ดกู อนนางพราหมณีก็ทา นพระพรหมเทวะของทานนี้ ดงั น้เี ปนตน. บรรดาบทเหลา นั้น บทวานริ ูปธิโก ความวา เวน จากอุปธิ คือกเิ ลสอภิสังขารและกามคณุ . บทวาอตเิ ทวปตโฺ ต ความวา ถึงความเปน เทพย่ิงกวา เทพ ถึงความเปนพรหมยิ่งกวา พรหม. บทวา อนฺ โปสี ความวา ช่อื วา ไมเลีย้ งผูอ น่ื เพราะไมเลย้ี งอัตภาพของผูอน่ื หรือบุตรและภรรยา นอกจากอัตภาพน.้ี บทวา อาหุเนยโฺ ย ความวา ควรเพื่อจะรับบิณฑะท่ีเขาบูชา ปณฑะทเ่ี ขาคอ นรับ . บทวา เวทคู ไดแ กถ ึงทส่ี ุดทกุ ขด ว ยเวทคอื มรรค ๔. บทวาภาวิตตฺ โฺ ต ไดแ กอบรมตนใหเจรญิ ทั้งอยู. บทวา อนูปลติ โฺ ต ไดแกอ นัเครือ่ งฉาบคอื ตณั หาและทิฐิไมฉ าบแลว . บทวา ฆาเสสน อริ ิยติ ไดแกเทยี่ วแสวงหาอาหาร.

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 139 บทวา น ตสฺส ปจฺฉา น ปรุ ตฺถมตฺถิ ความวา ภายหลงัเรียกวาอดีต ภายหนา เรียกวาอนาคต. ทา นกลาวไวว า ภายหลงั หรือภายหนายอมไมมแี กผูเวน จากฉนั ทราคะในขันธส วนอดตี และขนั ธส วนอนาคต ดว ยประการฉะน.้ี ในบทวา สนฺโต เปนตน มวี ินิจฉยั ดงั ตอ ไปน้ี ช่ือวา สนโฺ ตเพราะสงบกเิ ลสมรี าคะเปน ตน. ชอ่ื วา วิธมู ะ เพราะปราศจากควันคอื ความโกรธ. ชือ่ วา อนฆี ะ เพราะไมม ีทกุ ข. แมถ อื ไมเ ทา เปน ตนเทย่ี วไป ก็ช่อื วาวางไมแ ลว เพราะไมม เี จตนาจะฆา . ในคาํ วา ตสถาวเรสุ นี้ มวี นิ จิ ฉัยดงั น้ีปถุ ชุ นท้ังหลายชอ่ื วาผูส ะดุง พระขีณาสพทงั้ หลายช่ือวา ผูม ั่นคง. พระเสขบคุ คล๗ จําพวก ไมอ าจจะเรียกวา ผสู ะดงุ ได ทานเหลาน้ันมิใชผมู ่นั คง แตเมอื่จะแบง พวก ก็แบง เปนพวกม่ันคงน่นั แหละ. บทวา โส ตยฺ าหตุ ึ ตดั บทเปน โส ตว อาหตุ ึ. บทวา วเิ สนิภโู ค ความวา เปนผปู ราศจากกองทัพโดยกองทัพคือกเิ ลส. บทวา อเนโช ไดแ กปราศจากตัณหา. บทวา สสุ ีโล ไดแ กเ ปนผูมศี ลี ดี โดยศีลของพระขณี าสพ. บทวา สวุ มิ ตุ ฺตจติ โต ความวา มีจติหลดุ พน แลวดวยดี โดยผลวมิ ตุ ต.ิ บทวา โอฆตณิ ฺณ ไดแ กข ามโอฆะ ๔ เสียได ดว ยกถามรรคเพยี งเทา น้ี พรหมสรรเสริญคณุ ของพระเถระ ประกอบนางพราหมณีไวในสมั มาทิฏฐ.ิก็อวสานคาถา [คาถาสดุ ทา ย] พระสงั คีตกิ าจารยท้ังหลายต้งั ไวแ ลว บทวาปตฏิ  เปสิ ทกขฺ ิณ ความวา ดงั ทกั ษณิ าคือปจจัย ๔. บทวา สุขมายตกิ ความวา มีสขุ ในอนาคต คอื มีสุขเปนผลในอนาคต อธบิ ายวา นําสขุ มาให. จบอรรถกถาพรหมเทวสตู รท่ี ๓

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 140 ๔. พกสตู ร วาดวยพระพทุ ธเจาโปรดพกพรหม [๕๖๖] สมยั หน่งึ พระผูม พี ระภาคเจา ประทับ อยู ณ พระวิหารเชตวนัอารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรงุ สาวัตถ.ี ก็สมยั น้ันแล พกพรหมไดเ กดิ ทฐิ ิอนั ช่ัวชาเห็นปานดังน้วี า ฐานะแหง พรหมนี้ เที่ยง ยง่ั ยืน ตดิ ตอ กนั คงที่ มีความไมเคลอ่ื นไหวเปน ธรรมดาไมเกดิ ไมแ ก ไมตาย ไมจ ุติ ไมอปุ บตั ิ ก็แหละอบุ ายเปน เครื่องออกไปอันย่งิ อยางอน่ื จากฐานะแหงพรหมน้ไี มมี. [๕๖๗] ครั้งนน้ั แล พระผูมพี ระภาคเจาทรงทราบความปรวิ ติ กแหงใจของพกพรหมดว ยพระทยั แลว ทรงหายไปในพระเชตวนั วิหารแลวไดปรากฏในพรหมโลกน้นั เปรียบเหมอื นบรุ ุษมกี าํ ลงั พงึ เหยียดออกซึง่ แขนทคี่ เู ขา หรอื .คูเ ขาซึง่ แขนทเ่ี หยยี ดออก ฉะนัน้ . พกพรหมไดเ หน็ พระผมู พี ระภาคเจา กําลงั เสด็จมาแตไ กลทเี ดียว ครนั้แลว ไดก ราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผ นู ริ ทกุ ข ขอพระองคจ งเสด็จมาเถดิ ขาแตพ ระองคผ ูนิรทกุ ข พระองคเ สด็จมาดีแลว ขาแตพ ระองคผ ูนริ ทกุ ข นานเทยี วแลพระองคไ ดกระทําปรยิ ายเพ่อื การเสด็จมา ณ พรหมโลกน้ี ขาแตพระองคผ ูน ริ ทุกข ก็ฐานะแหงพรหมน้ี เทีย่ ง ยง่ั ยืน ตดิ ตอกนั คงที่มคี วามไมเคลื่อนไหวเปน ธรรมดา ไมเ กิด ไมแก ไมต าย ไมจ ุติ ไมอปุ บัติกอ็ บุ ายเปนเครอ่ื งออกไปอนั ยิง่ อยา งอน่ื จากฐานะแหง พรหมนไ้ี มมี. [๕๖๘] เม่ือพกพรหมกลา วเชนนแ้ี ลว พระผมู พี ระภาคเจาไดต รสั คํานี้กะพกพรหมวา ทา นผูเ จริญทงั้ หลาย พกพรหมน้ันถงึ ความโงเ ขลาแลวหนอทานผเู จรญิ ท้งั หลาย พกพรหมนน้ั ถึงความโงเขลาแลว หนอ พกพรหมกลาว

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 141ฐานะแหงพรหมท่ีเปนของไมเ ท่ียงเลยวาเทยี่ ง กลา วฐานะแหงพรหมที่เปนของไมย ัง่ ยืนเลยวา ยัง่ ยืน กลา วฐานะแหง พรหมทเ่ี ปน ของไมตดิ ตอ กันเลยวาติดตอกัน กลา วฐานะแหงพรหมท่ีเปนของไมค งที่เลยวาคงที่ กลา วฐานะแหงพรหมท่ีเปน ของความเคลอ่ื นไหวเปน ธรรมดาทเี ดยี ววา มีความไมเคล่อื นไหวเปนธรรมดา และกลา วฐานะแหงพรหมอันเปน ทเ่ี กิด แก ตาย เปน ทจ่ี ุตแิ ละอุปบตั ิแหง ตนวา ฐานะแหง พรหมน้ี ไมเ กดิ ไมแ ก ไมตาย ไมจตุ ิ ไมอปุ บตั ิกแ็ หละยอมกลา วอุบายเปน เครือ่ งออกไปอนั ยงิ่ อยา งอน่ื ซ่ึงมอี ยูว าไมม ี ดังนี้. [๕๖๙] พกพรหมทูลวา ขา แตพระโคดม พวกขาพระองค ๗๒ คน บังเกดิ ในพรหมโลกนี้เพราะ บญุ กรรม ยงั อาํ นาจใหเ ปนไป ลว งชาติ ชราไดแลว การอปุ บัติในพรหมโลก ซง่ึ ถึงฝงไตรเภทนเ้ี ปน ทีส่ ุดแลว ชนมใิ ช นอยยอ มปรารถนาเปน ดงั พวกขา พระองค. [๕๗๐] พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา ดกู อนพกพรหม ทา นสําคัญอายใุ ด วายนื ก็อายุนั้นสัน้ ไมยนื เลย ดกู อ น พรหม เรารูอ ายหุ น่ึงแสนนิรัพพทุ ๑ ของ ทานไดด.ี [๕๗๑] พกพรหมทูลวา ขา แตพ ระผูม พี ระภาคเจา พระองค ตรสั วา เราเปน ผูมปี กตเิ ห็นไมมีท่ีสิ้นสุด๑. นริ ัพพทุ เปน สังขยาซ่งึ มีจํานวนสูญ ๖๘ สูญ

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 142 ลว งชาตชิ ราและความโศกไดแลวดงั นี้ อะไรเปนวตั รเกา แกของขาพระองคห นอ ขอพระองคจ งตรัสบอกศีลวัตรซึ่งขา พระ- องคค วรรูแ จงชัด.[๕๗๒] พระผูมีพระภาคเจาตรัสตอบวา ๑. ขอท่ที า นยงั มนษุ ยเปน อันมาก ผซู ึงระหายนํ้าอนั แดดแผดเผาแลว ใน ฤดูรอนใหไ ดดื่มนาํ้ กนิ เปนศลี วตั รเกา แก ของทาน เรายังระลึกไดอ ยู ประดจุ หลับ แลว ตน้ื ขน้ึ ฉะนนั้ . ๒. ขอทที่ านชวยปลดเปลอื้ งประ- ชมุ ชน ซ่ึงถูกโจรจับพาไปอยูท่ีฝง แมน้ํา คงคา เปน ศีลวัตรเกา แกข องทาน เรายงั ระลกึ ไดอยปู ระดุจหลับแลวตน่ื ข้ึน ฉะน้นั . ๓. ขอ ที่ทา นขม ข่ดี วยกาํ ลัง แลว ชวยปลดเปลอ้ื งเรอื ซึง่ ถูกนาคผรู า ยกาจจบั ไวในกระแสะองแมน้าํ คงคา เพราะความ เอ็นดใู นหมูม นุษย ขอนั้นเปนศีลวตั รเกา แกของทาน เรายงั ระลึกไดอยู ประดุจ หลับแลวต่นื ขึ้น ฉะนน้ั . ๔. และเราไดเปน อันเตวาสิกของ ทาน นามวา กัปปมาณพ เราไดเ ขาใจทาน

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 143 แลว วา มีความรชู อบ มวี ัตร ขอนั้นเปน ศีลวัตรเกา แกของทาน เรายังระลกึ ไดอ ยู ประดุจหลบั แลวตน่ื ขน้ึ ฉะน้ัน. พกพรหมทูลวา พระองคทรงทราบอายุนข้ี องขา พระองคแนแท แมส่งิ อน่ื ๆ พระองคก ท็ รง ทราบได เพราะพระองคเ ปนพระพุทธเจา ฉะน้ัน อานภุ าพอนั รงุ โรจนของพระองค นี้ จึงยงั พรหมโลกใหสวางไสวต้งั อยู. อรรถกถาพกสูตร ในพกสตู รท่ี ๔ มีวินิจฉยั ดังตอไปน้ี :- บทวา ปาปก ทิฏ คิ ต ไดแ กสัสสตทฏิ ฐิทตี่ ่ําทราม. บทวา อทิ นจิ ฺจ ความวา พกพรหมกลาวฐานะแหง พรหมพรอ มทง้ั โอกาสนซ้ี ่ึงไมเ ทยี่ งวาเทย่ี ง. บทวา ธวุ  เปน ตน เปน ไวพจนของบทวา นจิ ฺจ นั้นนั่นแหละบรรดาบทเหลา น้นั บทวา ธวุ  ไดแ กมัน่ คง. บทวา สสฺสต ไดแกม ีอยูทุกเม่อื . บทวา เกวล ไดแ กไ มข าดสายคอื ท้งั ส้ิน. บทวา อจวนธมมฺ  ไดแกมีความไมจ ตุ เิ ปนสภาวะ. ในคําวา อิท หิ น ชายติ เปน ตน ทานกลา วหมายเอาวา ในฐานะน้ี ไมม ีผเู กดิ ผแู ก ผตู าย ผจู ตุ หิ รอื ผูอ ุปบัติไร ๆ บทวาอิโต จ ปนฺ ความวา ชื่อวา อบุ ายเปนเคร่อื งออกไปอันย่ิงอยางอนื่ จากฐานะแหงพรหมพรอ มทั้งโอกาสนไ้ี มม.ี พกพรหมนั้นเกิดสัสสตทิ ิฏฐอิ ยางแรง

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 144ดว ยประการแมอยางนี้. กแ็ ลพกพรหมผมู ที ิฐอิ ยางน้ีน้นั ยอ มปฏเิ สธคณุ วเิ สสทุกอยางคอื ภมู ิฌาน ๓ ช้ันสูง มรรค ๔ ผล ๔ และพระนิพพาน. ถามวากท็ ฐิ ินัน้ เกดิ ขน้ึ แกพ รหมนน้ั เมอื่ ไร. ตอบวา เมอ่ื คร้ังเขาเกดิ ในภูมปิ ฐมฌาน.อาจารยบ างพวกกลา ววา เกิดในภูมิทุตยิ ฌาน. ในขอ นั้นมีอนุปุพพกี ถาดังตอ ไปนี.้ ไดยินวา พรหมน้อี ุปบตั ิภายหลงัเมอ่ื ยงั ไมม สี มัยเกดิ พระพุทธเจาก็บวชเปน ฤาษี กระทาํ กสิณบรกิ รรมและทาํสมาบตั ิใหเ กดิ ไมเสือ่ มฌานทํากาละแลว บงั เกดิ ในพรหมโลกช้ันเวหปั ผลาในภูมจิ ตตุ ถฌาน. มอี ายุอยู ๕๐๐ กัป. เขาดํารงอยใู นพรหมโลกชนั้ เวหปั ผลานัน้ตลอดอายุขัย ชว งเวลาทเี่ กิดภายหลัง เจริญตตยิ ฌานใหประณตี บงั เกดิ ในพรหมโลกช้นั สภุ กณิ หะ มีอายุ ๖๔ กัป. พกพรหมนัน้ รูกรรมทตี่ นทาํ และสถานทที่ ี่ตนเกดิ ในปฐมกาลเกดิ คร้ังแรก เม่อื กาลลว งไป ๆ ลมื กรรมและสถานท่ที งั้๒ เสีย จงึ เกิดสัสสตทิฏฐ.ิ บทวา อวชิ ฺชาคโต ความวา ไปดว ยอวิชชาคอื ประกอบดวยความไมรู ไมมีญาณ เปนผมู ืดดังคนตาบอด. บทวา ยตฺร หิ นาม ไดแ ก โย นาม.บทวา วกฺขติ แปลวา ยอ มกลา ว. ก็เพราะประกอบศัพทนบิ าตวา ยตฺรคําวา วกฺขติ ก็กลายเปน อนาคตกาลแปลวาจกั กลาว เมอ่ื กลาวอยา งนี้แลว พรหมน้นั ถูกพระผูมพี ระภาคเจาคกุ คาม ไดส ติกลัววา พระผูมีภาคเจา ทรงเพงเราทกุ ฝกาว ประสงคจ ะบบี บังคบั เรา เมอื่ จะบอกสหายของตน จงึ กลาวคาํ วา ทฺวาสตตฺ ติ เปนตน เหมือนโจรถกเฆ่ียน๒ - ๓ คร้ังในระหวา ทาง อดกลน้ั ไมย อมซัดถงึ พวกเพ่ือน เมื่อถกู เฆ่ยี นหนกั ขึน้จึงบอกวา คนโนน ๆ เปนสหายของเรา ฉะนน้ั . ความขอนนั้ มีอธิบายดงั นี้ขาแตพระโคดมผเู จรญิ พวกขาพระองค ๗๒ คนดว ยกันทาํ บญุ ไว จงึ เกิดในท่นี ด้ี ว ยบุญกรรมน้นั เปนผใู ชอ ํานาจตนเอง ไมอยูในอํานาจของผอู ื่น ทําผู

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 145อื่นใหอยูใ นอํานาจของตน ลว งชาติและชราได. ขา แตพระผมู พี ระภาคเจา การอปุ บตั ใิ นพรหมโลกเปน ครงั้ สุดทายนี้ นับวา เวทคู เพราะพวกขา พระองคไปถงึ ดว ยเวททงั้ หลาย. บทวา อสมฺ าภชิ ปฺปนตฺ ิ ชนา อเนกา ความวาชนเปนมากยอมชอบใจพวกขา พระองค ยอ มปรารถนายอ มกระหย่ิมอยา งนว้ี าทา นพรหมผูน้แี ล เปน มหาพรหมผยู ง่ิ ใหญ ไมมีใครครอบงําได เปน ผูเหน็ ถองแท เปน ผูใ ชอาํ นาจ เปนอิสระ เปนผูสราง เปน ผเู นรมิต เปนผูประเสรฐิ สดุ เปนผจู ดั เปนผูเช่ียวชาญ เปนบดิ าของส่งิ ที่เปนแลว และกําลังเปน. ลาํ ดบั นั้น พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั กะพกพรหมน้นั วา อปปฺ  หิ เอตเปนตน . บรรดาบทเหลา นัน้ บทวา เอต ความวา ทานสําคัญอายุใดของทา นในทีน่ ้วี า ยนื อายุน่นั นอ ย คือนิดหนอ ย. บทวา สตสหสสฺ าน นริ พฺพุทานไดแกแสนนิรัพพุทะ โดยจาํ นวนนิรัพพทุ ะ (นิรพั พทุ ะเปน สังขยาซงึ่ มีจํานวนเลขสญู ๖๘ สญู ). บทวา อายุ ปชานามิ ความวา เรารูวา อายุของทา นในบดัน้ีเหลืออยเู พยี งเทา น้.ี บทวา อนนฺตทสฺสี ภความมสฺมิ ความวา ขา แตพระผูมพี ระภาคเจา พระองคต รัสวา เราเปนผูม ปี กตเิ หน็ ไมมที สี่ ิ้นสดุ ลว งชาตเิ ปนตน ไดแลว . บทวา กึ เม ปุราณ ความวา ถา พระองคเ ปน ผูมีปกติเหน็ ไมมที ี่สนิ้ สดุ เมอ่ื เปนเชน น้ัน ขอพระองคจ งตรสั บอกขอนแี้ กขาพระองค คอื อะไรเปน วตั รเกา ของขา พระองค. ศลี นัน่ แหละทานเรยี กวา ศลีวตั ร. บทวา ยมห วิชฺ า ความวา พกพรหมกลา ววา ขาพระองคค วรทราบขอใดทพี่ ระองคต รสั ขอพระองคจงบอกขอน้นั แกขา พระองค. บดั นี้ พระผูมพี ระภาคเจาเมอ่ื จะตรัสบอกแกพ กพรหมน้นั ไดต รัสพระพุทธพจนเปนตนวา ย ตวฺ  อปาเยสิ ดงั นี.้ ในขอ นนั้ มีอธบิ ายดงั นี้ไดยินวา เม่ือกอน พกพรหมนี้เกิดในเรือนมีตระกูล เห็นโทษในกาม

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 146ทง้ั หลาย คดิ จักทาํ ชาตชิ ราและมรณะใหสิน้ สดุ จึงออกบวชเปน ฤาษี ทําสมาบตั ิใหเกดิ ไดฌ านอันเปนบาทแหงอภิญญา ปลูกบรรณศาลาอยูทีร่ ิมฝงแมน ้ําคงคาใหเ วลาลว งไปดว ยความยินดีในฌาน. ก็ในคร้งั นนั้ มพี วกพอคาเกวยี นใชเกวียน ๕๐๐ เลม เดนิ ทางผา นทะเลทรายเสมอ ๆ. กใ็ นทะเลทรายไมม ใี ครสามารถเดินทางกลางวนั ได เดินไดแ ตตอนกลางคืน. ครัง้ นน้ั โคงานท่ีเทียมแอกเกวียนเลมหนา เมื่อเดินทาง ไดว กกลบั มายงั ทางที่มาแลว เสยี เกวยี นทุกเลม กว็ กกลับอยางนน้ั เหมอื นกัน กวาจะรไู ดก็ตอ เมอื่ อรณุ ขึน้ . แลในคร้งั นน้ัพวกพอคาเกวยี นจะขา มพนทางกนั ดารได ใชเวลาหน่งึ วัน ฟน และนา้ํ ก็หมดสิ้นทกุ อยาง. ฉะน้นั พวกมนุษยเขาคดิ วา คราวน้ีพวกเราตายหมด ผูกโคท่ีลอแลว เขาไปนอนทร่ี ม เงาเกวียน. แมพ ระดาบสกอ็ อกจากบรรณศาลาแตเ ชาตรู น่ังท่ีประตูบรรณศาลาแลดูแมน า้ํ คงคา ไดเหน็ แมน าํ้ คงคาเต็มเปย มดวยหวงนํา้ ใหญไ หลมาเหมือน.แตง แกว มณี ครั้นเห็นแลวจึงคดิ วา ในโลกน้ีมีเหลา สัตวท ่ีลาํ บากเพราะไมม ีนํ้าท่อี รอ ยเหน็ ปานน้ีหรอื หนอ. พระดาบสน้ันเมอื่ รําพงึ อยูอ ยา งน้ัน เห็นหมูเกวยี นน้นั ในทะเลทราย คิดวา สตั วเ หลานจ้ี งอยาพินาศ จงึ อธษิ ฐานดว ยอภิญญาจติ วา ขอทอนํ้าใหญจ งเซาะขา งโนน บางสูขางนบ้ี า ง แลวไหลตรงไปยังหมูเกวยี นในทะเลทราย. พรอมดวยจิตตุบาท น้าํ ไดไ ปในท่ีนน้ั เหมอื นไปสเู หมอื งอนั เจรญิ พวกมนษุ ยลกุ ข้นึ เพราะเสยี งนํ้า. เห็นนํา้ แลว ตา งรา เรงิ ยนิ ดี อาบดม่ื ใหโคท้งั หลายดื่มนาํ้ แลว ไดไ ปถงึ ท่ที ตี่ นปรารถนาโดยสวัสด.ี พระศาสดาเมอ่ื ทรงแสดงบรุ พกรรมของพรหมน้ัน ไดต รสั คาถาที่ ๑. บรรดาบทเหลา นนั้บทวา อปาเยสิ ไดแ กใ หด ่ืม. อ อกั ษรเปนเพยี งนิบาต. บทวา ฆมฺมนิไดแก ในฤดรู อน. บทวา สมฺปเรเต ความวา อนั ความรอนในฤดรู อนถกู ตอง คือตดิ ตาม.

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 147 สมัยตอมา ดาบสรา งบรรณศาลาทีร่ ิมฝง แมนํ้าคงคา อาศยั หมบู า นใกลป าอยู. กส็ มัยนั้น พวกโจรปลน บานน้นั พาแมโ คและเชลยท้ังหลายไปทัง้ โคท้ังสนุ ัขท้ังมนษุ ยท ้งั หลายรอ งเสียงดังลัน่ . ดาบสไดยินเสยี งนนั้ รําพงึ วานี่อะไรหนอ ทราบวา พวกมนษุ ยเกิดภัย คดิ วา เมื่อเราเหน็ อยู สตั วเ หลา นัน้จงอยาพินาศ เขาฌานอนั เปน บาทแหง อภญิ ญา ออกจากฌานแลวใชอ ภิญญาจติเนรมติ กองทัพ ๔ เหลา ตรงท่สี วนทางพวกโจร มาเตรียมพรอมอย.ู พวกโจรเห็นแลวคดิ วา ชรอยวาพระราชาเสด็จมา จึงทิ้งสิง่ ของที่ปลน มาหนไี ป. พระ-ดาบสอธิษฐานวา ทุกอยา งจงเปนเหมอื นเดิม. สิง่ น้นั ไดเ ปนเชนนน้ั ทีเดียว.มหาชนก็มคี วามสวัสดี. พระศาสดาเมอ่ื จะทรงแสดงบุรพกรรมของพกพรหมน้นั แมน ้ี จึงไดต รสั คาถาที่ ๒. บรรดาบทเหลา นั้น บทวา เอณกิ ลุ สฺมิ ไดแ กใกลฝ ง แมนํา้ คงคา. บทวา คยฺหก นยี มาน ความวา ถอื นําไป. อธิบายวาพาไปเปน เชลย ดงั น้ีกม็ ี. สมัยตอมา ตระกลู หนงึ่ อยูทแ่ี มน ํ้าคงคาดา นเหนือ ผูกสันถวไมตรกี ับตระกลู ซ่ึงอยูทแี่ มน ้าํ คงคาดานใต ผกู เรอื ขนานบรรทกุ ของกินของใชข องหอมและดอกไมเปน ตนเปน อนั มาก มาตามกระแสนา้ํ คงคา. พวกมนษุ ย เคย้ี วกินบริโภค ฟอนราํ ขับรองไดเ กดิ โสมนัสเปน อันมาก เหมอื นไดไ ปในเทพวิมาน.คงั เคยยกนาคราช เห็นเขาก็โกรธ คดิ วา มนษุ ยเ หลา น้ไี มทาํ ความสําคัญในเราคราวนเี้ ราจักใหพ วกมันจมทะเลใหไ ด จึงเนรมติ อตั ภาพใหญ แยกนา้ํ เปน๒ สว น ชูหวั แผพังพานสง เสยี งขูสุ สุ ๆ. มหาชนเหน็ เขาพากนั กลัวสงเสยี งดังล่นั .ก็พระดาบสน่ังอยูท ี่ศาลา ไดย ินเขา นกึ วามนุษยพ วกนพี้ ากันขับรองฟอ นรําเกิดโสมนัสมา แตบดั นี้รองแสดงความกลวั เหตุอะไรหนอ เหน็ นาคราช คิดวาเม่ือเราเห็นอยู ขอพวกสัตวจ งอยา พนิ าศ จึงเขาฌานอันเปน บาทแหง อภญิ ญาละอตั ภาพเนรมติ เปนเพศครุฑแสดงแกน าคราช. นาคราชกลวั หดพงั พาน

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 148จมน้ําไป. มหาชนกม็ คี วามสวัสด.ี พระศาสดาเม่ือทรงแสดงบุรพกรรมของพกพรหมแมน จงึ กลาวคาถาที่ ๓. บรรดาบทเหลานัน้ บทวา ลทุ ฺเธน ไดแกผรู ายกาจ. บทวา มนุสฺสกมปฺ า ความวา เพราะความเอน็ ดตู อมนุษยอธบิ ายวา เพราะความประสงคจะปลดเปลือ้ งพวกมนุษย. สมยั ตอมา พกพรหมนนั้ บวชเปน ฤาษี ไดเปนดาบสชอ่ื เกสวะ.สมยั นนั้ พระโพธิสตั วของพวกเราเปนมาณพชอื่ วา กัปปะ เปนศษิ ยของทา นเกสวะ ปฏบิ ตั ิรับใชอาจารย ประพฤติเปนทช่ี อบใจ เปน ผูถงึ พรอมดวยปญ ญาไดเ ปนผทู รงไวซ ่ึงอรรถะ. เกสวดาบสไมอาจจะอยูแยกกับเธอได. อาศัยเธอเทานน้ั เลี้ยงชพี . พระศาสดาเม่ือทรงแสดงบุรพกรรมของพกพรหมแมน จึงตรัสคาถาท่ี ๔. บรรดาบทเหลานนั้ บทวา ปฏจโร ไดแก อนั เตวาสกิ . กก็ ปั ป-มาณพน้นั เปนหวั หนา อนั เตวาสกิ . บทวา สมฺพทุ ธฺ ิวนฺต วตนิ  อมฺ ึความวา กปั ปมาณพสําคญั เขาวา ทานเกสวะนี้มปี ญญาสมบูรณด ว ยวตั รโดยชอบจงึ แสดงวา โดยสมยั น้ัน เรานน้ั ไดเปนอันเตวาสิกของทาน. บทวา อเฺ ปชานาสิ ความวา มใิ ชรูเฉพาะอายุของขา พระองคอยางเดยี วเทา นั้น แมสง่ิอ่นื ๆ พระองคก ร็ .ู บทวา ตถา หิ พุทโฺ ธ ความวา เพราะพระองคเปนพระพุทธเจา คอื เพราะเปนพระพุทธเจา ฉะน้ัน พระองคจงึ ทรงทราบ. บทวาตถา หิ ตยฺ าย ชลติ านภุ าโว ความวา ก็เพราะพระองคเ ปน พระพุทธเจาอยางนี้ ฉะนน้ั พระองคจ งึ มีอานภุ าพรุง เร่อื ง. บทวา โอภาสย ติฏติความวา ทาํ พรหมโลกท้งั ปวงใหส วา งไสวดาํ รงอย.ู จบอรรถกถาพกสตู รท่ี ๔

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 149 ๕. อปาทฏิ ฐิสตู ร วาดว ยพระอรหันต ๔ ทิศทรมานพรหม [๕๗๓] ขาพเจาไดสดบั มาแลว อยางนี้ :- สมัยหนง่ึ พระผูมีพระภาคเจาประทับอยู ณ พระวหิ ารเชตวัน อารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวตั ถี. กโ็ ดยสมยั นั้นแล พรหมองคหนง่ึ ไดเกดิ ทฐิ ิอันช่ัวชาเห็นปานดังนีว้ าสมณะหรือพราหมณท จ่ี ะพงึ มาในพรหมโลกนีไ้ ดไมมีเลย. [๕๗๔] ครงั้ นน้ั แล พระผมู ีพระภาคเจาทรงทราบความปรวิ ติ กแหงใจของพรหมน้ันดวยพระทยั แลว ทรงหายไปในพระวิหารเชตวนั ปรากฏแลวในพรหมโลกนนั้ เปรยี บเหมือนบรุ ุษมกี ําลังพงึ เหยียดออกซึ่งแขนท่ีคไู ว หรอืพึงคเู ขา ซึ่งแขนท่ีเหยียดออก ฉะนัน้ . ลําดบั นน้ั แล พระผมู ีพระภาคเจา ประทับน่ังขดั สมาธใิ นเวหาเบ้ืองบนของพรหมนน้ั เขาเตโชธาตกุ สณิ แลว . [๕๗๕] ครัง้ นัน้ แล ทานพระมหาโมคคัลลานะไดมีความคดิ เชนน้ีวาบดั นีพ้ ระผูมีพระภาคเจา ประทับ อยู ณ ทไ่ี หนหนอ. ทานพระมหาโมคคลั ลานะ ไดเ หน็ แลวแลซึ่งพระผมู ีพระภาคเจา ผูประทบั น่ังขัดสมาธิในเวหาเบื้องบนของพรหมน้นั ทรงเขา เตโชธาตกุ สิณแลวดวยจกั ษเุ พยี งดังทพิ ยอ นั บรสิ ุทธิล์ ว งจกั ษขุ องมนษุ ย คร้นั แลว ไดหายไปในพระวหิ ารเชตวนั ปรากฏแลวในพรหมโลกน้ัน ปานดังบุรษุ มีกาํ ลังพงึ เหยยี ดออกซึง่ แขนที่คเู ขา หรอื พงึ คเู ขาซึง่ แขนทเ่ี หยยี ดออกแลว ฉะนนั้ .

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 150 ลาํ ดับนน้ั แล ทานพระมหาโมคคลั ลานะอาศัยทศิ บูรพา นั่งขดั สมาธิในเวหาเบอ้ื งบนของพรหมนน้ั ต่ํากวา พระผมู พี ระภาคเจา เขา เตโชธาตุกสิณแลว . [๕๗๖] ครัง้ นนั้ แล ทานพระมหากัสสปไดม ีความคิดน้ีวา บดั น้ีพระผูม ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ ทีไ่ หนหนอแล ทา นพระมหากสั สปไดเหน็แลว เเลซง่ึ พระผูมีพระภาคเจา ฯลฯ ดว ยจักษเุ พียงดังทพิ ย ฯลฯ ครัน้ แลวไดหายไปในพระวหิ ารเชตวนั ปรากฏแลวในพรหมโลกนนั้ ปานดงั บรุ ษุ มกี ําลังฯลฯ ฉะนั้น. ลาํ ดับนัน้ แล ทา นพระมหากสั สปอาศยั ทศิ ทักษณิ น่ังขดั สมาธิในเวหาเบ้อื งบนของพรหมนนั้ ตาํ่ กวา พระผูม ีพระภาคเจา เขาเตโชธาตุกสณิ แลว. [๕๗๗] คร้งั น้ันแล ทา นพระมหากัปปนะไดมคี วามคดิ น้วี า บัดน้ีพระผูมีพระภาคเจาประทับอยู ณ ทีไ่ หนหนอแล ลําดับนนั้ แล ทา นพระมหากัปปน ะไดเ หน็ พระผมู พี ระภาคเจา ฯลฯดวยจักษุเพยี งดงั ทิพย ครน้ั แลว ไดห ายไปในพระวหิ ารเชตวนั ปรากฏแลว ในพรหมโลกนน้ั ปานดงั บุรษุ มีกําลงั ฯลฯ ฉะนน้ั . ลาํ ดับน้นั แล ทานพระมหากัปปน ะอาศยั ปจฉมิ ทิศ นง่ั ขดั สมาธิในเวหาเบื้องบนพรหมน้ัน ต่าํ กวาพระผูมพี ระภาคเจา เขาเตโชธาตุกสิณแลว . [๕๗๘] คร้ังน้นั แล ทานพระอนุรุทธะไดมีความคิดนว้ี า บดั น้ีพระ-ผูมพี ระภาคเจา ประทับอยู ณ ทไี่ หนหนอแล ทา นพระอนุรุทธะไดเ หน็ แลว แลซ่งึ พระผมู ีพระภาคเจา ฯลฯ ดว ยจักษุเพยี งดงั ทิพย ครั้นแลวไดหายไปในพระวิหารเชตวนั ปรากฏแลว ในพรหมโลกน้นั ปานดังบุรษุ มกี าํ ลัง ฯลฯฉะนนั้ .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook