พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 67 อรรถกถาโคธกิ สูตร พึงทราบวินิจฉัยในโคธิกสูตรที่ ๓ ตอไป :- บทวา อิสคิ ลิ ปิ สฺเส ไดแก ขางภูเขาชือ่ อิสิคิลิ. บทวา กาฬสลิ ายไดแ ก กอ นหนิ สดี าํ . บทวา สามายกิ เจโตวมิ ตุ ตฺ ิ ความวา สมาบัติฝา ยโกลกิ ะ ชื่อวา สามายกิ าเจโตวิมุตติ เพราะจิตหลดุ พน จากธรรมทเ่ี ปน ขาศึกในขณะทจ่ี ติ แนวแนแนบแนน และนอมไปในอารมณ. บทวา ผสุ ิ ไดแกกลับได. ในบทวา ปรหิ ายิ ถามวา เพราะเหตไุ ร ทา นโคธิกะ จงึ เสอ่ื มถึง๖ ครั้ง. ตอบวา เพราะทานมอี าพาธ. ไดย ินวา พระเถระมีอาพาธเร้ือรงั[ประจําตวั ] โดยเปนโรคลมน้ําดแี ละเสมหะ. ดวยอาพาธนั้น พระเถระจึงไมอาจบําเพญ็ อุปการธรรมใหเ ปน สัปปายะของสมาธิได จึงเส่ือมจากสมาบตั ิท่แี นวแนแนบแนนไปเสีย. บทวา ยนฺนูนาห สตฺถ อาหเรยฺย ความวา ไดยนิ วา พระเถระคิดจะฆา ตวั ตาย. ผูมีฌานเสือ่ มการทาํ กาละ. [ตาย] คตไิ มแ นน อน. ผมู ฌี านไมเ ส่อื ม คตแิ นน อนคอื ยอมบงั เกิดในพรหมโลก เพราะฉะนน้ั พระเถระจงึประสงคจะฆา ตัวตายเสยี . บทวา อุปสงฺกมิ ความวา มารคดิ วา สมณะน้ีประสงคจ ะฆา ตวั ตาย กข็ นึ้ ชือ่ วา การฆา ตวั ตายน้ี ยอ มมีแกผ ไู มเ ยอื่ ใยในรางกายและชวี ติ สมณะน้นั พจิ ารณามลู กัมมัฏฐานแลว ยอ มสามารถยึดแมพระอรหตัไวได ถงึ เราหามปราม เธอคงไมละเวน ตอพระศาสดาทรงหา มปราม จงึ จะเวน ดงั นี้ จึงทาํ เหมือนหวังดีตอพระเถระ เขาไปเฝา พระผูม พี ระภาคเจา . บทวา ชล แปลวา รงุ เรืองอยู. บทวา ปาเท วนฺทามิ จกขฺ มุความวา ทา นผูม ีจักษุดว ยจกั ษทุ ้ัง ๕ ขาพระองคขอไหวพ ระบาทของพระองค.
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 68บทวา ชตุ นิ ฺธร ไดแก ผทู รงอานภุ าพ. บทวา อปปฺ ตตฺ มานโส ไดแกผูยงั ไมบรรลพุ ระอรหตั . บทวา เสกโฺ ข ไดแกผ ูก าํ ลังศึกษาศลี เปนตนชอื่ วาผูย งั มกี ิจทีจ่ ะตอ งทํา. บทวา ชเน สตุ า ไดแ ก ผูป รากฏในหมูชน. บทวาสตถฺ อาหริต โหติ ความวา ไดยนิ วา พระเถระคดิ วา เราจะมีประโยชนอะไรดว ยชวี ติ น้ี จงึ นอนหงายเอามดี ตัดหลอดคอ. ทกุ ขเวทนาทั้งหลายกเ็ กิกขน้ึ . พระเถระขมเวทนาแลวกําหนดเวทนานน้ั นน่ั แหละเปนอารมณต ั้งสติม่ันพิจารณามูลกมั มฏั ฐานกบ็ รรลพุ ระอรหตั เปน สมสีสี ปรินิพพานแลว . กช็ ่ือวา สมสสี ีมี ๓ ประเภท คืออริ ยิ าปถสมสสี ี โรคสมสีสี ชีวติ สมสสี ี. บรรดาพระอรหนั ต ๓ ประเภทน้ัน พระอรยิ ะรูปใดอธษิ ฐานอิริยาบถทงั้ หลายมยี ืนเปน ตน อิรยิ าบถอยางใดอยางหน่งึ ตงั้ วปิ สสนาไวม่ันดวยหมายจะไมเปล่ยี นอิริยาบถน้แี ลว บรรลุพระอรหตั เม่ือเปน ดงั นน้ั พระอรยิ ะรูปนั้นบรรลุพระอรหัตและไมเ ปล่ยี นอิริยาบถพรอมคราวเดยี วกัน พระอริยะรูปนี้ชื่อวาอริ ยิ าปถสมสสี .ี อนึง่ พระอรยิ ะรปู ใดเมอื่ บรรดาโรคทัง้ หลายมโี รคตาเปนตน อยา งใดอยางหนง่ึ มอี ยู ตง้ั วปิ สสนาไวม ่นั วา ถงึ ไมห ายจากโรคนี้ ก็จกับรรลพุ ระอรหตั เมื่อเปนดงั นัน้ พระอรยิ ะรปู นัน้ บรรลพุ ระหตั และหายโรคพรอ มคราวเดียวกนั พระอริยะรูปน้ีช่ือวา โรคสมสสี .ี แตอ าจารยบ างพวกบญั ญัติพระอรหนั ตน น้ั เปน สมสีสใี นขอ นี้ โดยปรินิพพาน ในเพราะอริ ิยาบถนน้ั นนั่ แหละ และในเพราะโรคน้ันนน่ั แหละ. อนงึ่ พระอริยรูปใด สนิ้อาสวะและสนิ้ ชพี พรอ มคราวเดียวกนั พระอริยะรูปนี้ ชือ่ วา ชีวติ สมสีสีสมจริงดงั ทที่ ่ีในกลาวไววา บุคคลใดสิน้ อาสวะและสนิ้ ชพี ไมกอ นไมหลัง บุคคลนี้ เรยี กวา สมสสี .ี ก็ในคําวา สมสสี ี น้ี สีสะมี ๒ คอื ปวัตตสสี ะและกเิ ลสสีสะ. บรรดาสีสะท้ัง ๒ นนั้ ชวี ิตนิ ทรยี ชื่อวา ปวัตตสีสะ อวชิ ชาช่อื วา กเิ ลสสีสะ. บรรดา
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 69ชวี ิตนิ ทรยี แ ละอวิชชานัน้ จตุ จิ ติ ยอ มทําชวี ติ ินทรียใ หส น้ิ ไป มรรคจติ ทาํอวิชชาทัง้ หลายใหส้ินไป. จติ สองดวงยอ มไมเ กิดพรอมคราวเดยี วกนั . แตผ ลจติ เกดิ ในลาํ ดบั มรรคจิต ภวังคจติ เกิดในลําดบั ผลจิต ออกจากภวังคจติ ปจจ-เวกขณจิตกเ็ กิด. ปจจเวกขณจิตนัน้ บริบรู ณบางไมบ ริบูรณบาง. จริงอยแู มเอาดาบอันคมกริบตดั ศีรษะ ปจ จเวกขณจิตยอ มเกดิ ข้นึ ๑ วาระ หรอื ๒ วาระโดยแท แตเ พราะจติ ทง้ั หลายเปนไปเรว็ การสน้ิ อาสวะและการสิ้นชีพจงึ ปรากฏเหมือนมใี นขณะเดียวกนั นั่นเทียว. บทวา สมูล ตณหฺ อพฺภยุ ฺห ไดแ กเ พิกถอนตัณหาพรอมทงั้ มูลโดยมลู คอื อวชิ ชาเสยี ดว ยพระอรหตั มรรค. บทวา ปรนิ พิ พฺ ุโต ไดแกปรนิ พิ พานดว ยอนุปาทเิ สสปรินิพพาน. บทวา วิวตฺตกขฺ นฺธ ไดแก พลิกตวั . บทวา เสยยฺ มาน ไดแ กนอนหงาย. กพ็ ระเถระนอนหงายกจ็ ริงอยู ถึงอยา งน้นั ศีรษะของทานก็เปลยี่ นไปอยูขา งขวา เพราะนอนคนุ แตขา งขวา. บทวา ธมุ ายิตตฺต ไดแก ภาวะที่เปน ควัน . จรงิ อยู ขณะนัน้ เหมือนฝนควนั และฝนมดื ปรากฏขึ้นมา. บทวาวิฺาณ สมนเฺ วสติ ไดแก มารแสวงหาปฏสิ นธิจติ . บทวา อปฺปติฏ ิเตนไดแกมีปฏิสนธวิ ญิ ญา มไิ ดต ้งั อยแู ลว อธิบายวามีเหตุแหง ปฏสิ นธวิ ิญญาณไมต ั้งอยแู ลว. บทวา เวฬุวปณฑฺ ุ วณี ไดแก พิณเหลอื งเหมือนผลมะตมู สุกคือพิณใหญส ีเหมือนทอง. บทวา อาทาย ไดแ กหนีบรกั แร. บทวา อุปสงกฺ มิความวา มารคดิ วา เราไมรทู ีเ่ กดิ ของพระโคธิกเถระ ตอ งถามพระสมณโคดมจึงจะหมดสงสยั แลวแปลงเพศเปนเด็กเล็กเขา ไปเฝา . บทวา นาธคิ จฉฺ ามิไดแ กไมเ ห็น. บทวา โสลปเรตสสฺ ไดแกถกู ความโศกกระทบแลว . บทวาอภสสฺ ถ ไดแก ตกไปทห่ี ลังเทา. จบอรรถกถาโคธกิ สูตรที่ ๓
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 70 ๔. สตั ตวัสสสตู ร มารหาโอกาสทําลายพระพทุ ธเจา สนิ้ ๗ ป [๔๙๖] ขาพเจาไดสดับมาแลว อยา งน้ี :- สมยั หนงึ่ พระผูมพี ระภาคเจา ประทบั ท่ีตน อชปาลนิโครธ ริ่มฝง แมนํา้ เนรญั ชรา ณ ตําบลอุรุเวลา. กส็ มยั น้ันแล มารผูมีบาปติดตามพระผมู ีพระภาคเจา คอยมุงหาโอกาสสิน้ ๗ ป ก็ยังไมไ ดโ อกาส. [๔๙๗] ภายหลังมารผูม ีบาป จึงเขา ไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจาถงึ ท่ีประทบั ครันแลว ไดทลู ถามพระผมู ีพระภาคเจาดวยคาถาวา ทา นถูกความโศกทับถมหรอื จึงได มาซบเซาอยใู นปา อยางน้ี ทานเส่ือมจาก ทรพั ยเคร่ืองปลม้ื ใจแลว หรอื หรือวากาํ ลัง ปรารถนาอยู ทา นไดท ําความช่วั อะไร ๆ ไวใ นบา นหรือ เหตุไรทา นจงึ ไมท าํ มิตร ภาพลบั ชนทง้ั ปวงเลา หรอื วา ทานทํามิตร- ภาพกับใคร ๆ ไมสาํ เร็จ. [๔๙๘] พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสตอบวา ดูกอนมารผเู ปนเผาของบคุ คลผู ประมาทแลว เราขุดรากของความเศรา โศกท้งั หมดแลว ไมมคี วามชวั่ ไมเศรา โศก เพง อยู เราชนะความตดิ แนน กลาว คอื ความโลภในภพท้งั หมด เปนผูไมมี อาสวะ เพง อยู.
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 71 [๔๙๙] มารทูลวา ถาใจของทานยงั ของอยใู นสง่ิ ทช่ี น ทงั้ หลาย กลา ววา สงิ่ น้ีเปนของเรา และวา สิ่งนเ้ี ปน เราแลว สมณะ ทา นจกั ไมพ น เราไปได. [๕๐๐] พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา สง่ิ ทชี่ นท้ังหลายกลา ววา เปนของเรา น้นั ยอมไมเปน ของเรา และส่งิ ที่ชนทง้ั หลายกลาววา เปนเรา กไ็ มเ ปนเราเหมือน กนั แนะมารผมู ีบาป ทานจงทราบอยาง น้ีเถดิ แมท านก็จักไมเ หน็ ทางของเรา. [๕๐๑] มารทลู วา ถาทานจักรทู างอนั ปลอดภยั เปน ที่ ไปสูอมตมหานพิ พาน ก็จงหลกี ไปแตคน เดียวเถิด จะพรา่ํ สอนคนอืน่ ทาํ ไมเลา . [๕๐๒] พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วา ชนเหลา ใดมงุ ไปสูฝ ง ยอ มถงึ พระ- นพิ พาน อนั มใิ ชโอกาสของมาร เราถูก ชนเหลานนั้ ถามแลว จกั บอกวา สงิ่ ใด เปนความจรงิ สง่ิ นั้นหาอุปธกิ ิเลสมิได. [๕๐๓] มารทูลวา ขา แตพระองคผูเจริญ เหมอื นอยางวามสี ระโบก-ขรณีในท่ีไมไ กลบานหรือนิคม ในสระนน้ั มีปอู ยู คร้งั น้นั พวกเดก็ ชายหรือ
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 72พวกเดก็ หญิงเปนอนั มาก ออกจากบา นหรือนคิ มนัน้ แลวเขา ไปถึงท่ีสระโบกขรณนี ั้นตง้ั อยู คร้ันแลวจึงจับปนู นั้ ขนึ้ จากนา้ํ ใหอยูบ นบก พระเจาขา ก็ปนู ั้นยงั กา มทกุ ๆ กา มใหยื่นออก พวกเดก็ ชายหรอื เด็กหญิงเหลา นน้ั พงึ ริดพงึ หักพึงทําลายกามนัน้ เสียทกุ ๆ กามดวยไมหรอื กอ นหนิ พระเจาขา ก็เมอ่ื เปน อยา งน้ัน ปนู นั้ มกี ามถูกริด ถกู หกั ถกู ทําลายเสียหมดแลว ยอ มไมอ าจกา วลงไปสสู ระโบกขรณีน้ันอกี เหมอื นแตก อ น ฉนั ใด อารมณแมท ุกชนดิ อันเปนวิสัยของมาร อนั ใหส ตั วเสพผิด ทําใหส ัตวด ้ินรน อารมณนั้นทัง้ หมด อนั พระผูมีพระภาคเจา ตดั รอนหักรานย่ํายีเสยี หมดแลว บดั นี้ ขา พระองคผ ูคอยหาโอกาสยอมไมอาจเขา ไปใกลพระผมู พี ระภาคเจา ไดอ กี ฉันน้ัน. [๕๐๔] ครน้ั แลว มารผูมีบาปไดกลา วคาถาอันเปน ทต่ี ง้ั แหง ความเบอื่ หนา ยเหลาน้นั ในสํานักพระผูมพี ระภาคเจาวา ฝงู กาเห็นกอ นหินมีสดี จุ มันขน จงึ บนิ เขาไปใกลด วยเขาใจวา เราท้งั หลาย พงึ ประสบอาหารในทีน่ ้เี ปนแน ความยนิ ดพี งึ มโี ดยแท. เม่ือพยายามอยไู มไดอ าหารสม ประสงคใ นทนี่ น้ั จงึ บนิ หลกี ไป. ขา แตพ ระโคดม ขาพระองคก็เหมือน กามาพบศิลา ฉะนั้น ขอหลกี ไป. ครง้ั น้นั แล มารผมู บี าปครัน้ กลาวคาถาอันเปน ทต่ี ัง้ แหงความเบอ่ื หนายเหลา น้ี ในสาํ นักพระผูม ีพระภาคเจาแลว จงึ หลกี จากทน่ี ั้น ไปน่ังขัดสมาธทิ ี่พน้ื ดินไมไ กลจากพระผมู ีพระภาคเจา เปน ผูน ง่ิ เกอ เขิน คอตก กม หนาซบเซา หมดปฏภิ าณ เอาไมข ีดแผนดินอยู.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 73 อรรถกถาสัตตวัสสสูตร พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในสัตตวสั สสตู รที่ ๔ ตอไปนี้ :- บทวา สตฺต วสสฺ านิ ไดแก กอนตรัสรู ๖ ป หลงั ตรสั รู ๑ ป.บทวา โอตาราเปกโฺ ข ไดแ ก มารจองอยูน าน อยา งนวี้ า ถา เราเหน็ กายทวารเปนตน บางทวารของพระสมณโคดมไมเหมาะสม เราก็จะทวงเธอ ดงั น้ี.บทวา อลภมาโน ไดแก ไมเห็นความผิดพลาดแมเพยี งละอองธุลี. ดวยเหตุนน้ั พระคนั ถรจนาจารยจ ึงกลา ววา มารผมู บี าปติดตามพระผูมพี ระภาคเจาทกุ ฝกา วอายุ ๗ ป กไ็ มพบความผดิ พลาดของพระสัมพุทธเจา ผมู ีสิร.ิ บทวาอปุ สงฺกมิ ความวา มารเขา ไปหาดวยคิดวา วนั น้ี เราจกั มาอภิวาทพระสมณ-โคดม. ดว ยบทวา ฌายสิ มารกลาววา ทา นน่ังซบเซาอยู. บทวา วิตตฺ นุ ชนิ ฺโน ความวา ทา นเสอื่ มเสยี ทรพั ยไ ปรอ ยหนง่ึ หรือพนั หนง่ึ . บทวาอาคุนฺนุ คามสฺมึ ความวา ไดก ระทาํ กรรมชว่ั ไวนบั ไมถวนภายในบานทานไมอ าจมองหนา ของคนอนื่ ๆ ไดแ ตนง่ั ซบเซา เท่ียวอยูแตในปา หรอื .บทวา สกฺขึ ไดแก ความเปน มิตร. บทวา ปลิขาย แปลวา ขดุ แลว. บทวา ภวโลภชปปฺ ไดแกตัณหา กลาวคือความอยากไดภพ. บทวา อนาสโว ฌายามิ ความวา เราไมม ีตณั หา เพง อยูด ว ยฌานท้งั สอง พระผูมีพระภาคเจาตรสั เรียกมารวาปมตั ตพันธุ จริงอยู มารน้นั เปนพวกพอ งของตนบางพวกทม่ี วั เมาอยูในโลก.บทวา สเจ มคคฺ อนุพทุ ฺธ ความวา ผวิ า ทานตรัสรตู ามมรรคไซร.บทวา อเปหิ ไดแก จงไปเสยี . บทวา อมจฺจเุ ธยยฺ ไดแก พระนิพพานอนั ไมเ ปนโอกาสแหง มัจจรุ าช. บทวา ปารคามิโน ความวา ท้ังคนท่ีถึงฝงแลว ทัง้ คนทปี่ ระสงคจ ะไปสูฝง ก็ช่ือวา ปารคามโิ น.
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 74 บทวา วสิ กายิกานิ ไดแ ก อันเปนไปในสว นลึกของมาร. บทวาวเิ สวติ านิ ไดแก อนั บุคคลเสพผิด คอื มเี หตุอันกลบั กนั เสยี เปนตนวาเมอ่ื พระผูมพี ระภาคเจาตรัสวา อายขุ องเหลามนุษยนอ ย วันและคนื ยอ มลว งไป ๆ มารกลบั กลา วเสียวา อายุของเหลามนุษยย ืนยาว วันและคนื ไมลว งไป ๆ.บทวา วิปผฺ นฺทติ านิ ไดแก แสดงเพศเปนพระยาชางและเพศพระยางู เปนตนในกาลนั้น. บทวา นพิ เฺ พชนียา ไดแก ควรเลา เรียน. ในคาํ วา อนปุ รยิ คา เปน ตน ทานทาํ เปน คําอดตี ก็จรงิ ถงึ อยางนั้นก็ควรทราบความ โดยกาํ หนดแนนอน [ปจจุบนั ]. ทานอธบิ ายไวด งั น้ีวากาเห็นกอ นหนิ สีเหมอื นมนั ขน จงึ เขาไปใกลก อนหนิ นั้น ดว ยคดิ วา พวกเราพบของออ นเขา แลว คงจะมรี สอรอย คร้ันแลว กานนั้ กไ็ มไดรสอรอ ยทก่ี อ น-หนิ นัน้ จึงหลีกจากท่นี น้ั คอื ตองหลีกไปเสยี จากกอนหนิ นั้น ฉนั ใด แมพวกขา พระเจา กระทบพระโคดมแลว ก็เหมอื นกานน้ั กระทบกอ นหนิ เมอ่ื ไมไ ดความยินดีหรือความชืน่ ชม กเ็ บอื่ หนายพระโคดม หลีกไปเสีย ฉันนั้น. ออกั ษรในคําวา อภาสิตฺวา นี้ เปนเพยี งนบิ าต ใจความวา กลา วแลว . ปาฐะวาภาสติ วฺ า กม็ .ี จบอรรถกถาสตั ตวัสสสตู รที่ ๔
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 75 ๕. มารธีตสุ ตู ร วาดว ยธิดามารมาขอบาํ เรอพระพุทธเจา [๕๐๕] คร้งั นัน้ แล มารธดิ าทัง้ ๓ คือ นางตณั หา นางอรดี นางราคาพากันเขาไปหาพระยามารถึงทอี่ ยู ครนั้ แลว จึงถามพระยามารดวยคาถาวา ขา แตค ณุ พอ คุณพอมีความเสียใจ ดวยเหตุอะไร หรอื เศราโศกถึงผูช าย คนไหน หมอมฉันจักผกู ผชู ายคนน้ันดวย บวง คอื ราคะ นาํ มาถวาย เหมอื นบุคคล ผูกชา งมาจากปา ฉะน้นั ชายนน้ั จกั ตกอยู ในอาํ นาจของคณุ พอ . [๕๐๖] พระยามารกลาววา ชายน้ัน เปน พระอรหนั ตผดู าํ เนนิ ไป ดแี ลว ในโลก ไมเ ปนผูอันใคร ๆ พงึ นํา มาดวยราคะไดง า ย ๆ กา วลว งบวงมารไป แลว เพราะฉะน้ัน เราจึงเศรา โศกมาก. [๕๐๗] คร้ังน้นั แล มารธิดา คือ นางตณั หา นางอรดี นางราคาจึงพากนั เขาไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจา ถึงทีป่ ระทับ ครัน้ แลวกราบทลู พระผมู ีพระภาคเจาอยางน้วี า ขาแตพ ระสมณะ พวกหมอมฉนั จักขอบาํ เรอพระบาทของพระองค. ลําดับนน้ั พระผูม พี ระภาคเจา มไิ ดทรงใสพ ระทยั ถึงคาํ ของนางมารธดิ าเหลา นั้น เพราะพระองคท รงนอมพระทัยไปในความส้ินอปุ ธิกเิ ลสอยางยอดเยย่ี ม
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 76 [๕๐๘] ลาํ ดับนน้ั มารธิดา คือนางตณั หา นางอรดี นางราคาจงึ หลีกออกไป ณ ทีค่ วรสว นขางหนงึ่ แลวรวมคดิ กันอยางน้ีวา ความประสงคของบรุ ุษมีตาง ๆ กนั แล อยา กระนน้ั เลย พวกเราควรนิรมิตเพศเปนนางกุมารกิ าคนละรอ ย ๆ. ลาํ ดับน้นั มารธดิ า คือ นางตณั หา นางอรดี นางราคา จงึ พากนันริ มิตเพศเปน นางกุมาริกาคนละรอ ย ๆ เขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาถึงที่ประทับ แลว กราบทลู พระผูมีพระภาคเจาอยางนี้วา ขา แตพ ระสมณะ พวกหมอมฉันจะขอบําเรอพระบาทของพระองค. พระผมู ีพระภาคเจามไิ ดทรงใสพระทัยถึงถอยคาํ ของมารธดิ า เพราะพระองคทรงนอ มพระทยั ไปในความส้นิ อุปธิกเิ ลสอยา งยอดเย่ยี ม. [๕๐๙] ลําดบั นน้ั มารธดิ าท้งั ๓ คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคาพากันหลีกไป ณ ทค่ี วรสว นขา งหนง่ึ แลว รว มคิดกันอยางน้ีวา ความประสงคของบุรุษมตี า ง ๆ กัน อยากระน้นั เลย พวกเราควรพากัน จาํ แลงเพศเปนหญงิยังไมเ คยคลอดบตุ รคนละรอย ๆ. ลาํ ดบั นนั้ มารธิดาทัง้ ๓ คอื นางตัณหา นางอรดี นางราคา จงึพากันจําแลงเพศเปนหญิงยังไมเคยคลอดบุตรคนละรอย ๆ เขาไปเฝา พระผูม-ีพระภาคเจาถงึ ท่ปี ระทับ แลวกราบทลู พระผมู ีพระภาคเจา อยางนว้ี า ขาแตพระสมณะ พวกหมอ มฉนั จะขอบําเรอพระบาทของพระองค. ถงึ อยา งนัน้ พระผูมพี ระภาคเจาก็มไิ ดทรงใสพระทยั ถงึ เลย เพราะพระองคทรงนอ มพระทยั ไปในความสิ้นอปุ ธิกเิ ลสอยางยอดเยี่ยม. [๕๑๐] ฝายนางตณั หา นางอรดี นางราคา พากนั หลกี ไป ณ ที่ควรสวนขา งหนึ่งแลว รวมคดิ กนั อยา งนว้ี า ความประสงคของบรุ ุษทั้งหลายมีตา ง ๆ
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 77กนั อยา กระนน้ั เลย พวกเราควรจาํ แลงเพศเปนหญิงท่ีคลอดบุตรแลว คราวเดียวคนละรอ ย ๆ ลําดับนนั้ แล นางตณั หา นางอรดี นางราคา พากนั จาํ แลงเพศเปน หญิงคลอดแลว คราวเดียวคนละรอ ย ๆ เขา ไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจา ถึงที่ประทบั แลวกราบทูลพระผูมีพระภาคเจาอยา งนี้ วา ขาแตพระสมณะ พวกหมอ มฉันจะขอบําเรอพระบาทของพระองค. ถงึ อยา งน้นั พระผูมีพระภาคเจากม็ ไิ ดท รงใสพระทัยถึง เพราะพระ-องคทรงนอมพระทัยไปในความส้ินอปุ ธกิ ิเลสอยางยอดเยี่ยม. [๕๑๑] ลําดับน้ันแล นางตัณหา นางอรดี นางราคา ฯลฯ จงึ พากันจําแลงเพศเปนหญงิ ทีค่ ลอดบตุ รแลว ๒ คราว คนละรอ ย ๆ เขา ไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจาถึงทปี่ ระทบั ฯลฯ แมถ ึงอยางนน้ั พระผมู พี ระภาคเจา ก็มไิ ดท รงใสพระทัยถงึ เพราะพระองคท รงนอ มพระทัยไปในความสิ้นอุปธิกเิ ลสอยา งยอดเยย่ี ม. [๕๑๒] ลาํ ดบั นนั้ นางตัณหา นางอรดี นางราคา ฯลฯ จงึ พากนัจําแลงเพศเปน หญิงกลางคน คนละรอย ๆ เขาไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจาถงึ ที่ประทบั ฯลฯ ถึงอยา งน้นั พระผูมีพระภาคเจาก็มไิ ดทรงใสพ ระทัยถึงเลยเพราะพระองคท รงนอ มพระทัยไปในความสน้ิ อุปธกิ ิเลสอยางยอดเย่ียม. [๕๑๓] ลําดบั นัน้ นางตัณหา นางอรดี นางราคา ฯลฯ จึงพากันจําแลงเพศเปนหญิงผใู หญค นละรอ ย ๆ เขาไปเฝา พระผมู ีพระภาคเจา จนถงึ ที่ประทับ ฯสฯ แมถึงอยูน ัน้ พระผูมพี ระภาคเจาก็มิไดทรงใสพระทัยถึงเพราะพระองคทรงนอมพระทยั ไปในความสิ้นอปุ ธกิ เิ ลสอยา งยอดเย่ียม.
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 78 [๕๑๔] ลําดบั นนั้ มารธดิ า คอื นางตณั หา นางอรดี นางราคาพากันหลีกไป ณ ท่คี วรสวนขา งหนงึ่ แลว จงึ พูดกันวา เรื่องนจ้ี รงิ ดงั บดิ าเราไดพ ูดไววา ชายนัน้ เปน พระอรหนั ต ผดู ําเนินไป ดีแลวในโลก ไมเ ปน ผอู ันใคร ๆ พึงนํา มาดวยราคะไดงา ย ๆ กาวลว งบว งแหงมาร ไปไดแ ลว เพราะฉะนนั้ เราจงึ เศรา โศก มาก. ก็ถาพวกเราพึงเลา โลมสมณะหรือพราหมณค นใดทีย่ งั ไมหมดราคะดวยความพยายามอยา งน้ี หทัยของสมณะหรือพราหมณค นนนั้ พงึ แตก หรอืโลหติ อนุ พงึ พลงุ ออกจากปาก หรอื พงึ ถึงกบั เปน บา หรอื ถงึ ความมจี ิตฟงุ ซาน(จิตลอย) เหมอื นอยา งไมออ สดอนั ลมพดั ขาดแลว ยอ มหงอยเหงาเหย่ี วแหงแมฉ ันใด สมณะหรือพราหมณนน้ั พึงซูบซีดเหยี่ วแหงไป ฉันนน้ั เหมือนกนั . ครนั้ แลว นางตัณหา นางอรดี นางราคา พากนั เขา ไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจาถึงท่ีประทบั แลวยนื อยู ณ ที่ควรสว นขัางหน่ึง. [๕๑๕] นางตณั หามารธิดา ครนั้ ยนื อยู ณ ทคี่ วรสว นขางหน่งึ แลวไดก ราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา ดว ยคาถาวา ทานถกู ความโศกทบั ถมหรอื จึงได มาซบเซาอยใู นปาอยา งนี้ ทานเสอื่ มจาก ทรพั ยเครื่องปล้ืมใจแลว หรอื หรอื วา กําลัง ปรารถนาอยู ทานไดท ําความชั่วอะไร ๆ ไวใ นบา นหรือ เพราะเหตุไร ทา นจงึ ไมท ํา
พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 79 มิตรภาพกบั ชนทง้ั ปวงเลา หรอื วา ทานทํา มติ รภาพกบั ใคร ๆ ไมส าํ เรจ็ . [๕๑๖] พระผมู ีพระภาคเจาตรัสตอบวา เราชนะเสนาคือปย รูปและสาตรปู (รปู ทร่ี กั และรูปทพี่ อใจ) เปนผูๆ เดียวเพง อยู ไดรคู วามบรรลปุ ระโยชน และความ สงบแหงหทยั วา เปน ความสขุ . เพราะฉะนน้ั เราจงึ ไมท ําความเปน มิตรกับชนทัง้ ปวง และความเปนมติ รกับ ใคร ๆ ยอ มไมอํานวยประโยชนใหแกเ รา. [๕๑๗] ลําดับนั้น นางอรดีมารธดิ าไดทลู ถามพระผูมีพระภาคเจาดวยคาถาวา ภกิ ษใุ นพระศาสนาน้ี มีปกตอิ ยู ดว ยธรรมเปน เคร่ืองอยูอยางไหนมา จงึ ขา มโอฆะทัง้ ๔ แลว เวลามิไดข ามโอฆะ ท่ี ๖ แลว กามสญั ญาท้งั หลายยอ มหอ ม ลอ มไมไดซ งึ่ บุคคลผูเ พง ฌานอยางไหน มาก. [๕๑๘] พระผูมีพระภาคเจา ตรสั ตอบวา บคุ คลมกี ายอนั สงบแลว มีจติ หลุด พนดีแลว เปนผูไ มมีปจจัยอะไร ๆ เปน เคร่ืองปรงุ แตง มสี ติ ไมม ีความอาลยั ได
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 80 รตู ัวซ่งึ ธรรม มปี กตเิ พง อยูดวยฌานที่ ๔ อันหาวติ กมไิ ด ยอมไมกําเริบ ไมซ านไป ไมเ ปน ผูย อ ทอ. ภิกษใุ นศาสนานี้ เปน ผมู ีปกติอยู ดวยธรรมเปน เคร่อื งอยอู ยา งน้ีมาก จงึ ขาม โอฆะทัง้ ๕ ไดแ ลว บัดมไิ ดข า มโอฆะท่ี ๖ แลว กามสญั ญาทง้ั หลายยอมหอ มลอ ม ไมได ซึ่งภกิ ษุผเู พงฌานอยางนมี้ าก. [๕๑๙] ลําดับน้นั แล นางราคามารธดิ า ไดก ราบทูลพระผมู ีพระภาคเจาดวยคาถาวา พระศาสดาผเู ปนหวั หนาดูแลคณะ- สงฆ ไดตดั ตัณหาขาดแลว และชนผมู ี ศรัทธาเปนอนั มาก จกั ประพฤตติ ามได แนแ ท พระศาสดานเ้ี ปนผูไ มม ีความอาลยั ไดต ัดขาดจากมือมจั จุราชแลว จกั นาํ หมู ชนเปนอนั มาก ไปสูฝ งพระนพิ พาน. [๕๒๐] พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสตอบวา ตถาคตมีความแกลว กลา ใหญ ยอม นาํ สัตวไ ปดวยพระสัทธรรมแล เมือ่ ตถาคต นาํ ไปอยูโดยธรรม ไฉนความริษยาจะพงึ มี แกทา นผรู ูเลา .
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 81 [๕๒๑] ลําดับนน้ั แล มารธดิ าท้งั ๓ คือ นางตณั หา นางอรดี นาง-ราคาพากันเขาไปหาพระยามารถงึ ทอี่ ย.ู พระยามารเห็นมารธดิ า คอื นางตัณหา นางอรดี นางราคา มาแตไกล ครั้นเห็นแลว ไดกลา วพอดว ยคาถาทั้งหลายวา พวกคนโงพากันทําลายภเู ขาดวยกาน บัว ขุดภูเขาดว ยเล็บเค้ียวเหล็กดว ยฟนท้งั หลาย ทานท้งั หลายจะทาํ พระโคดมให เบอื่ เขา ตองหลีกไป เปนประดจุ บคุ คลวาง หนิ ไวบนศรี ษะแลว แทรกลงไปในบาดาล หรอื ดจุ บคุ คลเอาอกกระแทกตอฉะน้นั . พระศาสดาไดขบั ไลนางตัณหา นาง อรดี และนางราคา ผูมรี ูปนาทัศนายง่ิ ซึ่งไดม าแลว ในท่นี ้นั ใหหนไี ป เหมือนลม พัดปยุ นนุ ฉะนัน้ . จบมารธตี ุสูตร จบตตยิ วรรคที่ ๓
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 82 อรรถกถามารธีตสุ ูตร พงึ ทราบวินิจฉัยในมารธีตุสูตรท่ี ๕ ตอไป :- บทวา อุปสงฺกมสึ ุ ความวา ธิดามารเห็นบิดาเอาไมขีดพน้ื ดนิเหมอื นเด็กเลยี้ งโค คิดวาบิดานง่ั เสียใจยง่ิ นัก มเี หตอุ ะไรหนอ จาํ เราจกั ถามถึงเหตุ จึงรูไดแลว จึงเขา ไปหา. บทวา โสจสิ ไดแกคิดแลว . บทวา อรฺมิว กุฃฺ ร ความวา เปรียบเหมอื นเหลาชา งพงั อันเปนชา งตอทคี่ วาญชา งสง ไป ประเลาประโลมชางปาดว ยการแสดงมายาหญงิ ผูกพนั นํามาจากปา ฉนั ใด พวกเรากจ็ ักนาํ บุรษุนน้ั มาฉันนนั้ . บทวา มารเธยยฺ ไดแก วัฏฏะทเ่ี ปนไปในภูมิ ๓. บทวา อุปสงกฺ มสึ ุ ความวา ธิดามารปลอบบดิ าวา ทานจงคอยสักหนอ ยเถดิ พวกเราจกั นําบรุ ษุ นนั้ มาแลว จงึ เขา ไปเฝา. บทวา อุจจฺ าวจาไดแ กตาง ๆ อยาง. บทวา เอกสตเอกสต ไดแก แปลงตวั เปน หญงิ สาวหน่ึงรอย โดยนัยนี้ คือ ธิดาแตละคนแปลตัวเปนหญิงสาวคนละ ๑๐๐ พระผูมีพระภาคเจา ตรสั เฉพาะพระอรหตั เทา นน้ั ดวยสองบทวา อตฺถสสฺ ปตฺตึหทยสฺส สนตฺ .ึ บทวา เสน ไดแก กองทัพกิเลส. จริงอยกู องทัพกิเลสนัน้ชื่อวา ปยรปู สาตรปู นารักนาช่ืนใจ. บทวา เอกาห ฌาย ไดแ ก เราเพงฌานอยูผูเดียว. บทวา สขุ มานุโพธฺย ไดแ กเสวยสขุ ในพระอรหตั ทานอธิบายไวดังน้วี า เรารูจักกองทัพปย รปู สาตรปู เพงฌานอยูผูเ ดียว เสวยสุขในพระอรหตัท่ีนับไดว าบรรลุถงึ ประโยชนเ ปนธรรมสงบแหง ใจ เพราะฉะนั้น เราจงึไมท ําความชน่ื ชมฉนั มิตรกับชน ดวยเหตุน้นั นั่นแหละ พยาน [ความเปนมติ ร]ของเราจงึ ไมถงึ พรอ มแมดว ยการไมก ระทาํ .
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 83 บทวา กถฺ วิหารีพหุโล ไดแก อยูมากดวยการอยูอ ยางไหน.บทวา อลทธฺ า แปลวา ไมไ ดแ ลว. บทวา โย เปนเพยี งนิบาต. ทา นอธบิ ายไวด งั นวี้ า กามสญั ญาท้ังหลาย ไมไ ดค ือไมรมุ ลอมบคุ คลนนั้ ผูเ พงมากดวยฌานอยางไหน. บทวา ปสฺสทธฺ กาโย ไดแ ก ทีช่ อ่ื วา มีกายสงบแลว เพราะกายคืออัสสาสปส สาสะงบแลวดวยจตุตถฌาน. บทวา สุวมิ ุตตฺ จิตโฺ ต ไดแก ช่ือวามจี ิตหลดุ พน ดว ยดี ดว ยวมิ ติ ติสมั ปยุตดวยพระอรหตั ผล. บทวา อสงขฺ รา-โน ไดแ กไมป รุงแตง อภิสงั ขารคือกรรม ๓. บทวา อโนโก แปลวา ไมม ีความอาลยั . บทวา อฺ าย ธมฺม ไดแ กรธู รรม คอื สจั จะ ๔. บทวาอวิตกฺกชฌฺ ายี ไดแกเ พงดวยจตตุ ถฌานอันไมมวี ิตก. ในบทวา น กปุ ปฺ ติเปนตน เมือ่ ถือเอากเิ ลสทีเ่ ปนมูล ๓ เหลา น้คี อื ไมข ุนเคอื ง เพราะโทสะ ไมฟงุ ซานเพราะราคะ ไมหดหูเ พราะโมหะ กเ็ ปนอันทา นถือเอากิเลส ๑,๕๐๐น่นั แล. อีกนยั หนง่ึ ทานถอื เอาพยาบาทนวิ รณ ดว ยบทวา ๑. กามฉันทนิวรณดวยบทวา ๒. นวิ รณท ี่เหลอื มถี ีนะเปน ตน ดวยบทที่ ๓ ทรงแสดงพระขีณาสพแมด ว ยการละนิวรณน ี้ ดว ยประการฉะน.้ี บทวา ปฺโจฆตณิ ฺโณ ไดแ ก ขา มโอฆะคือกิเลสทเี่ ปน ไปในทวารทัง้ ๕. บทวา ฉฏ ไดแ ก ทรงขา มโอฆะคือกเิ ลสท่ี ๖ แมท เ่ี ปนไปในมโนทวาร. พงึ ทราบสงั โยชนเ บอื้ งตํ่า ๕ ดวยปญ โจฆศพั ท สังโยชนเ บือ้ งบน ๕ดว ยฉัฏฐศพั ท. บทวา คณสงฺฆจารี ความวา พระศาสดาชือ่ วา คณสังฆ-จารี เพราะทรงเทีย่ วไปในคณะและสงฆ. บทวา อทฺธา อจริสฺสนตฺ ิ ไดแ กชนผูม ีศรทั ธาแมเหลาอ่นื เปน อันมาก กจ็ กั เท่ียวไป โดยสว นเดยี ว บทวาอย ไดแก พระศาสดาน.ี้ บทวา อโนโก แปลวา ไมอาลยั .
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 84 บทวา อจฺเฉชชฺ เนสสฺ ติ ไดแก จกั ตดั ขาดแลวนาํ ไป ทานอธบิ ายวา จกั ตัดขาดจากมือพระยามัจจุราชนาํ ไปสฝู งคือพระนพิ พาน. บทวา นยมา-นาน แกเปน นยมาเนสุ คือ เมอ่ื ตถาคจนําไปอยู. บทวา เสล ว สิรสิ โอหจฺจ ปาตาเล คาธเมสถ ความวาเหมือนวางหินกอนใหญขนาดเรอื นยอดไวบนศรี ษะแลวเขาไปยืนที่บาดาล. บทวาวา ขาณุ ว อุรสาสชชฺ ไดแ ก เหมือนเอาตอกระทุงอก. บทวา อเปถแปลวา จงออกไป. ในทน่ี ีท้ านพระสงั คตี ิกาจารยท้ังหลาย จบเทศนาดวยคาํ วาอิทมโวจ แลว กลาวคาถาวา ทททฺ ฬหฺ มานา เปน ตน . บรรดาบทเหลา นั้นบทวา ทททฺ ฬฺหมานา แปลวา รงุ เร่ืองงามย่ิงนกั . บทวา อาคฺฉุ ไดแ กมาแลว. บทวา ปนทุ ิ แปลวา ขับไล. บทวา ตลุ ภฏ ว มาลโุ ตความวา ไลไ ปเหมอื นลมพดั ปุยง้วิ หรือปยุ ฝายท่ีแตกออกจากผลพาไป ฉะนนั้ . จบอรรถกถามารธตี ุสตู รท่ี ๕ จบตติยวรรคที่ ๓ มารสงั ยุต เพยี งเทา นี้ รวมสูตรในคติยวรรคท่สี ามมี ๕ สูตร คอื ๑. สัมพหลุ สตู ร ๒. สมทิ ธิสูตร ๓. โคธกิ สตู ร ๔. สัตตวัสสสูตร๕. มารธตี ุสตู ร นี้ พระพทุ ธเจา ผูประเสรฐิ ทรงแสดงแลว กะมารธิดา พรอ มท้ังอรรถกถา จบมารสงั ยุต
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 85 ภิกขนุ สี ังยตุ ๑. อาฬวกิ าสตู ร วาดว ยมารรบกวนภิกษุณี [๕๒๒] ขาพเจาไดส ดบั มาแลวอยา งน้ี :- สมัยหน่งึ พระผูม พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระวิหารเชตวัน อารามของทานอนาถบิณฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวัตถี. คร้งั นั้น เวลาเชา อาฬวกิ าภิกษณุ ีนุงหมแลวถอื บาตรและจวี ร เขา ไป.บิณฑบาตยงั กรงุ สาวัตถี เท่ยี วบิณฑบาตไปในกรงุ สาวัตถีแลว เวลาปจฉาภตักลับจากบิณฑบาต มีความตองการดว ยวิเวก จงึ เขา ไปในปา อนั ธวัน . [๕๒๓] ลําดับนน้ั มารผมู ีบาปใครจ ะใหอ าฬวกิ าภกิ ษณุ ีบงั เกิดความกลวั ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกลา และใครจะใหเคล่อื นจากวิเวก จงึเขาไปหาอาฬวกิ าภกิ ษุณีถึงทอี่ ยู ครน้ั แลวไดก ลา วกะอาฬวกิ าภิกษุณดี ว ยคาถาวา ในโลก ไมมีทางออกไปจากทกุ ขไ ด ทานจกั ทาํ อะไรดว ยวเิ วก จงเสวยความ ยนิ ดใี นกามเถดิ อยาไดม ีความเดอื ดรอ น ในภายหลงั เลย. [๕๒๔] ลําดับนนั้ อาฬวิกาภิกษุณไี ดมีความดํารวิ า นีใ่ ครหนอกลาวคาถา จะเปนมนษุ ยห รอื อมนษุ ย.
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 86 ทนั ใดนน้ั อาฬวิกาภิกษณุ ีไดม ีความดาํ รวิ า นี่คอื มารผมู บี าป ใครจะใหเ ราบงั เกิดความกลวั ความหวาดเสยี ว ขนพองสยองเกลา และใครจ ะใหเคลื่อนจากวเิ วก จงึ กลาวคาถา. ครั้นอาฬวกิ าภิกษุณีทราบวา น่คี อื มารผมู บี าปแลว จงึ ไดกลา วกะมารผมู ีบาปดว ยคาถาวา ในโลกนมี้ ีทางออกไปจากทกุ ขได เรารชู ดั ดแี ลว ดวยปญ ญา ดกู อนมารผมู ี บาปซึง่ เปนเผาพนั ธุของผูป ระมาท ทา น ไมร จู ักทางนนั้ กามทงั้ หลายเปรยี บดว ย หอกและหลาว กองกามทง้ั หลายนั้น ประหน่งึ วาฝรา ย เราไมไ ยดถี ึงความยนิ ดี ในกามทท่ี านกลาวถึงน้นั . ลําดับนั้น มารผูมีบาปเปน ทกุ ข เสียใจวา อาฬวิกาภกิ ษุณรี จู ักเราดงั น้ี จึงไดอันตรธานไปในท่นี นั้ เอง.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 87 ภิกขนุ ีสงั ยตุ อรรถกถาอาฬวิกาสูตร ในภกิ ขุนีสงั ยุตอาฬวกิ าสูตรท่ี ๑ มีวินิจฉยั ดังตอ ไปน้ี :- บทวา อาฬวิกา ความวา ผเู กิดในเมอื งอาฬวี และออกบวชจากเมืองอาฬวนี ัน่ แล. บทวา อนฺธวน ความวา ปาท่นี บั วาอนั ธวนั ตัง้ แตเวลาที่พวกโจร ๕๐๐ คน ควักนยั นตาทงั้ สองของพระอริยบุคคล (อนาคามี) ผกู ลาวธรรม นามวา ยโสธร ผูร วบรวมทรัพยม าเพอื่ สรา งพระเจดียพระสมั มาสมั -พทุ ธเจา พระนามวา กสั สป ตนเองก็ตาแตกอยใู นทนี่ ้ันน่ันเอง. เขาวา ปานน้ัเปนปา สงวนในเน้ือทปี่ ระมาณคาวุตหนึ่ง ทางดา นทิศทกั ษณิ กรุงสาวัตถี ผูที่ตองการวิเวกและภกิ ษณุ ีทง้ั หลายก็พากนั ไปในปา นัน้ . เพราะฉะน้ัน แมภิกษณุ ีอาฬวิกาน้ี ก็มคี วามตองการวเิ วก จึงเขาไปทางปานนั้ . บทวา นสิ ฺสรณไดแก พระนพิ พาน. บทวา ปฺ าย ไดแกด วยปจ จเวกขณญาณ. บทวาน ตวฺ ชานาสิ ต ปท ความวา ทานไมรทู างพระนิพพาน หรือทางสวรรคอันไปสพู ระนิพพาน. บทวา สตตฺ สิ ูลูปมา ไดแ ก เสมอื นกบั หอกและหลาวเพราะอรรถวา เปนเครอ่ื งท่มิ แทง. บทวา ขนฺธาส อธิกฏุ านา ความวากองกามเหลานัน้ เปนเหมอื นฝร า ย. จบอรรถกถาอาฬวิกาสตู รท่ี ๑
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 88 ๒. โสมาสตู ร วา ดว ยมารรบกวนโสมาภิกษุณี [๕๒๕] สาวตั ถีนิทาน. คร้งั นน้ั เวลาเชา โสมาภิกษุณนี ุง หม แลว ถอื บาตรและจวี รเขา ไปบณิ ฑบาตยงั กรงุ สาวัตถี เที่ยวบิณฑบาตไปในกรุงสาวตั ถีแลว เวลาปจ ฉาภตักลบั จากบิณฑบาตแลว เขา ไปยังปา อันธวนั เพื่อพักผอ นกลางวนั คร้ันถงึ ปาอันธวนั แลว จงึ นั่งพักกลางวันท่ีโคนไมต นหน่งึ . [๕๒๖] ลําดบั นน้ั มารผูมบี าปใครจ ะใหโ สมาภกิ ษุณบี ังเกดิ ความกลวัความหวาดเสยี ว ขนพองสยองเกลา และใครจ ะใหเคลอื่ นจากสมาธิ จงึ เขาไปหาโสมาภกิ ษุณถี งึ ทนี่ งั่ พัก ครั้นแลว ไดกลาวกะโสมาภกิ ษณุ ีดว ยคาถาวา สตรีมีปญญาเพียงสองนิว้ ไมอ าจถึง ฐานะอนั จะพงึ อดทนไดด วยยาก ซึง่ ทา น ผแู สวงท้งั หลายจะพึงถงึ ได. [๕๒๗] ลาํ ดบั นน้ั โสมาภกิ ษุณไี ดม ีความดาํ รวิ า นใี่ ครหนอกลาวคาถาจะเปนมนษุ ยห รอื อมนุษย ทันใดนน้ั โสมาภิกษณุ ีไดม คี วามดาํ รวิ า น่คี ือมารผูมบี าป ใครจะใหเราบงั เกิดความกลัว ความหวาดเสยี ว ขนพองสยองเกลา และใครจ ะใหเคลื่อนจากสมาธิ จึงกลา วคาถา. คร้นั โสมาภิกษุณีทราบวา นี่คือมารผมู บี าปแลว จึงไดกลาวกะมารผมู บี าปดว ยคาถาวา
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 89 ความเปน สตรจี ะทาํ อะไรได เม่อื จติ ตัง้ ม่นั ดีแลว เม่อื ญาณเปน ไปแกผ ูเ หน็ ธรรมอยโู ดยชอบ ผใู ดพึงมีความคดิ เหน็ แนอยา งนีว้ า เราเปนสตรี หรือวา เราเปน บรุ ุษ หรอื จะยังมคี วามเกาะเกี่ยววา เรา มอี ยู มารควรจะกลาวกะผนู นั้ . ลาํ ดบั นนั้ มารผูมีบาปเปน ทุกข เสยี ใจวา โสมาภิกษุณรี กั เรา ดงั น้ีจึงไดอ นั ตรธานไปในที่น้ันเอง. อรรถกถาโสมาสตู ร ในโสมาสูตรท่ี ๒ มีวินิจฉัยดังตอไปนี้ :- บทวา าน ไดแก พระอรหตั . บทวา ทุรภิสมฺภว ไดแกทนไดย าก. บทวา ทวฺ งฺคลุ ปฺ าย ไดแ ก ปญญาเลก็ นอ ย อกี อยางหนึ่งหญิงชอ่ื วา ทวฺ งคฺ ลุ ปฺ า เพราะใชส องน้วิ หยิบปยุ ฝา ยกรอดา ย. บทวาาณมหฺ ิ วตตฺ มานมหฺ ิ ความวา เมอื่ ญาณในผลสมาบตั เิ ปน ไปอย.ู บทวาธมมฺ วิปสฺสโต ความวา ผูเห็นแจง ธรรมคือสจั จะ ๔ หรือเห็นเฉพาะเบญจขนั ธ อันเปนอารมณของวิปสสนาในสวนเบ้ืองตน . บทวา กิ จฺ ิ วาปน อสมฺ ีติ ความวา หรือความกงั วลอื่น ๆ จะพงึ มีแกผใู ดดว ยตัณหามานะและทิฐวิ า เปน เรา ดงั นี.้ จบอรรถกถาโสมาสูตรท่ี ๒
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 90 ๓. โคตมีสตู ร วา ดวยมารรบกวนกสิ าโคตมภี ิกษุณี [๕๒๘] สาวตั ถีนทิ าน. คร้งั นน้ั เวลาเชา กสิ าโคตมภี ิกษณุ นี งุ หม แลว ถือบาตรและจีวรเขา ไปบณิ ฑบาตในกรุงสาวตั ถี เทยี่ วบิณฑบาตไปในกรงุ สาวตั ถแี ลว เวลาปจฉาภัต กลับจากบณิ ฑบาตแลวเขาไปยังปา อนั ธวันเพ่อื พักผอ นกลางวัน ครั้นถงึ ปาอันธวนั แลว จงึ นั่งพักกลางวันที่โคนไมต นหนงึ่ . [๕๒๙] ลําดับนนั้ มารผูมบี าปใครจ ะใหก ิสาโคตมภี กิ ษณุ ีบังเกิดความกลัว ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกลา และใครจะใหเ คลอ่ื นจากสมาธิ จงึ เขา ไปหากสิ าโคตมภี กิ ษณุ ีถึงทีน่ งั่ พกั ครนั้ แลว ไดก ลา วกะกิสา-โคตมีภกิ ษณุ ดี ว ยคาถาวา ทา นเสียลกู ไปหรอื มาน่ังอยคู นเดยี ว มหี นาเหมอื นคนรองไห มาอยกู ลางปา คนเดียว กาํ ลังแสวงหาบรุ ษุ หรอื หนอ. [๕๓๐] ลําดบั นนั้ กิสาโคตมีภกิ ษณุ ไี ดม ีความดาํ รวิ า นใ่ี ครหนอกลา วคาถา จะเปน มนษุ ยห รืออมนษุ ย. ทนั ใดนน้ั กิสาโคตมภี ิกษุณไี ดม คี วามดําริวา น่คี ือมารผมู บี าป ใครจะใหเ ราบงั เกิดความกลัว ความหวาดเสยี ว ขนพองสยองเกลา และใครจะใหเ คลื่อนจากสมาธิ จึงกลา วคาถา. ครน้ั กสิ าโคตมีภิกษณุ ีทราบวา น่ีคอื มารผูมีบาปแลว จงึ ไดกลา วกะมารผูมีบาปดวยคาถาวา
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 91 เราเสียบุตรไปแลว เหมอื นความ ตายของบุตรถงึ ทีส่ ุดแลว บุรุษทงั้ หลาย ก็มคี วามตายของบุตรน้ีเปน ท่สี ุดเหมอื นกนั เราไมเ ศราโศก ไมร องไห ไมกลวั ความ ตายนัน้ ดอก. ผูมอี ายุ ความเพลิดเพลินในสว น ทัง้ ปวง เรากําจัดแลว กองมดื เราทาํ ลาย แลว เราชนะเสนาแหง มัจจแุ ลว ไมมี อาสวะอยู. ลําดบั นน้ั มารผูมีบาปเปนทกุ ข เสยี ใจวา กิสาโคตมีภกิ ษุณรี ูจกั เราดังน้ี จงึ ไดอ นั ตรธานไปในทนี่ ้นั เอง.
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 92 อรรถกถาโคตมีสตู ร ในโคตมสี ูตรท่ี ๓ มีวนิ ิจฉัยดังตอ ไปน้ี :- ก็คาํ วา กิสาโคตมี เปนช่อื ของภิกษณุ นี ั้น เพราะเธอมีเนื้อและเลือดนอย. ไดยินวา ครั้งกอนทรพั ยประมาณ ๘๐ โกฏิ ในเรือนตระกูลแหงหน่ึง ณ กรงุ สาวตั ถี กลายเปนถา นไปหมด. กุฏมพีมไิ ดข นถา นไปทิ้ง คดิ วาจกั มผี ูม บี ญุ ไร ๆ เปนแน ดวยบุญของผนู น้ั ทรพั ยจกั กลับเปนปกตอิ กี จงึ เอาทองและเงินใสถ าดเต็มหลายถาดเอาไปวางไวทตี่ ลาดแลวนงั่ อยูใกล ๆ. ลาํ ดับนั้น ธดิ าของตระกลู ยากจนคนหนงึ่ คิดวา เราจกั ถอื เอาทรัพยครึง่ มาสกแลว นาํกิง่ ไมม า เดินไปตามถนน เห็นทรัพยน้ันจงึ กลาวกะกุฏมพีวา ทรพั ยทต่ี ลาดมีถึงเพยี งน้ี ท่เี รือนจกั มีเพยี งไร. กฏุ มพถี ามวา แมห นู เธอเหน็ อะไรจึงไดพดู อยางน้ี. นางตอบวา เห็นเงนิ และทองน.ี้ กฏุ ม พคี ดิ วา หญิงคนนีช้ ะรอยจักเปนผูมบี ุญ จึงถามถึงทอี่ ยูข องนาง เก็บงําสิง่ ของไวท่ตี ลาดแลว เขา ไปหามารดาบิดาของนาง กลา วอยางนีว้ า ในเรือนของเรามเี ดก็ หนุมอยู ทา นจงใหเดก็ หญิงคนนี้แกเ ขาเถิด มารดาบิดากลาววา นายทา นจักหยอกลอ คนยากจนทาํ ไม. กุฏมพีกลา ววา ธรรมดาวา ความสนทิ สนมโดยฐานมิตร ยอมมีกบั คนยากจน ทา นทง้ั หลายจงใหเถดิ นางจักไดเ ปน เจาของทรพั ยแลวพานางนํามาครองเรอื น. นางอยูรว มกนั จึงคลอดบตุ รชาย. บตุ รไดตายในเวลาพอเดินได.นางเกดิ ในตระกลู เขญ็ ใจ แมไ ดอยูในตระกูลใหญ ก็เกดิ ความเศรา โศกอยา งหนกั วา เราถึงความพินาศเพราะบุตร ไมเผาศพบุตร อุม ซากบุตรนนั้ เทยี่ วพรํ่าเพอ ไปทัว่ นคร.
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 93 วนั หนงึ่ นางไปสํานกั พระทศพลตามทางท่ีจะไปเฝาพระพุทธเจากราบทูลวา ขา แตพ ระผมู พี ระภาคเจา ขอพระองคโปรดประทานยาเพ่ือใหล กูหายจากโรค. พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา เจา จงเทีย่ วไปยงั กรุงสาวัตถี จงนาํเมลด็ พันธุผกั กาดจากเรือนทีไ่ มเ คยมคี นตายมา นั้นจักเปน ยาของลูก นางเขาไปสนู คร ไปขอเมลด็ พนั ธผุ ักกาดโดยนัยที่พระผูม พี ระภาคเจาตรัสบอก ตงั้ แตเ รือนหลงั ไกล ถูกชาวบา นทกุ ๆ หลังเรอื นกลา ววา เธอจักพบเรอื นอยางน้ีแตท ่ีไหนเทีย่ วไปสองสามหลงั คาเรือน คิดวา นัยวา ความตายน้ีเปน ธรรมดาของคนทกุคน ไมวาเราหรือลกู ดงั นแี้ ลว จงึ ทิง้ ศพไวท่ีศาลาแลว ขอบรรพชา. พระศาสดาทรงสงไปสาํ นกั นางภกิ ษณุ ีดว ยพระดาํ รสั วา จงใหห ญิงน้ีบวชเถิด. นางบรรลุพระอรหตั ในขณะจรดปลายมีดโกนนน่ั เอง. ทา นหมายเอาพระเถรีนีจ้ ึงกลาววา อถ โข กสิ าโคตมี ดงั นี.้ บทวา เอกมาสี ตัดเปน เอกา อาสี. บทวา รุทมฺมุขี ไดแกมีหนาดงั รอ งไห. อนฺต ศัพท ในบทวา อจฺจนตฺ หตปตุ ฺตมหฺ ิ เปนอัจ-จันตะสว นอดีต. บทวา อจจฺ นฺต นัน้ เปน ภาวนปุงสกลงิ ค. ทา นกลาวอธิบายวาการตายของบตุ ร เปนทส่ี ดุ คือเปน อดีต ฉันใด บุตรทีต่ ายแลวกฉ็ นั น้ันบัดนี้เราไมมีลูกตายอีก. บทวา ปุริสา เอตทนตฺ ิกา ความวา แมคนเหลานกี้ ็มคี วามตายนีเ้ ปนทสี่ ุดเหมือนกัน ที่สดุ แหงความตายของบตุ รของเรานแ้ี หละเปนท่สี ดุ แมของคนทั้งหลาย เราจึงไมควรแสวงหาบตุ รทต่ี ายในบดั น.ี้ บทวาสพพฺ ตฺถ วิหตา นนทฺ ิ ความวา ความเพลิดเพลินดว ยอาํ นาจตณั หาในขันธอายตนะ ธาตุ ภพ กําเนิด คติ ฐิตแิ ละนวิ าสท้งั หมด เราขจัดไดแลว . บทวาตโมกขฺ นโฺ ธ ไดแ กกองอวิชชา. บทวา ปทาลโิ ต ความวา ทาํ ลายแลวดว ยญาณ. จบอรรถกถาโคตมีสูตรที่ ๓
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 94 ๔. วชิ ยาสูตร วา ดวยมารรบกวนวชิ ยาภกิ ษณุ ี [๕๓๑] สาวตั ถนี ทิ าน. ครั้งน้ัน เวลาเชา วชิ ยาภกิ ษุณีนงุ หมแลว ถือบาตรและจวี ร ฯลฯจงึ นั่งพักกลางวนั ท่ีโคนไมต น หนงึ่ . [๕๓๒] ลาํ ดับน้ัน มารผูมีบาปใครจ ะใหวิชยาภกิ ษณุ บี ังเกดิ ความกลัว ความหวาดเสยี ว ขนพองสยองเกลา และใครจะใหเคลือ่ นจากสมาธิ จงึเขาไปหาวชิ ยาภิกษุณถี ึงทน่ี ั่งพัก ครัน้ แลว ไดกลาวกะวิชยาภิกษณุ ีดว ยคาถาวา เธอยังเปน สาวมรี ปู งาม และฉนั กย็ งั เปน หนุมแนน มาเถิดนาง เรามาอภิรมย กนั ดวยดนตรี มีองคห า. [๕๓๓] ลาํ ดบั นั้น วิชยาภกิ ษณุ ีไดมคี วามดําริวา นีใ่ ครหนอกลาวคาถา จะเปนมนุษยห รืออมนษุ ย. ทันใดนัน้ วชิ ยาภกิ ษุณีไดมคี วามดาํ รวิ า น่ีคือมารผูม บี าป ใครจ ะใหเราบังเกดิ ความกลัว ความหวาดเสยี ว ขนพองสยองเกลา และใครจะใหเคลอ่ื นจากสมาธิ จงึ ไดก ลาวคาถา. ครน้ั วิชยาภกิ ษุณที ราบวา นคี่ อื มารผูม บี าปแลว จึงไดกลา วกะมารผูมบี าปดวยคาถาวา ดูกอนมาร รูป เสียง กล่นิ รส โผฏฐพั พะ อันนา รนื่ รมยใ จ เ ราขอมอบให ทา นผเู ดยี ว เพราะเราไมต องการมัน เรา อึกอัดระอาดวยกายเนา อนั จะแตกทําลาย เปอยพงั ไปนี้ กามตัณหา เราถอนไดแ ลว
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 95 ความมดื ในรูปภพทีส่ ตั วทงั้ หลายเขา ถงึ ในอรปู ภพท่สี ตั วทั้งหลายเปนภาคี และใน สมาบตั ิอนั สงบท้งั ปวง เรากําจดั ไดแ ลว . ลําดับนน้ั มารผูมบี าปเปนทุกข เสียใจวา วชิ ยาภกิ ษุณรี ูจกั เราดงั น้ีจึงไดอ ันตรธานไปในท่นี น้ั เอง. อรรถกถาวชิ ยาสตู ร ในวชิ ชาสูตรท่ี ๔ มีวจิ ฉยั ดังตอ ไปนี้ :- บทวา ปจฺ งคฺ เิ กน ความวา ประกอบดว ยองค ๕ อยา งนี้ คอื อาตตะกลองท่หี ุมหนังหนา เดยี ว วติ ตะหมุ ทั้งสองหนาคือตะโพน อาตตวิตตะ หมุ ทงั้หมดมีบัณเฑาะวเ ปน ตน ฆนะคอื ฆอ ง สสุ ริ ะปและสังขเ ปน ตน. บทวานยิ ยฺ าตยามิ ตยุ เฺ หว ความวา เราจะใหดนตรีทง้ั หมดแกท า นเทานน้ั . บทวามาร น หิ เตน อตฺถิกา ความวา เราไมตอ งการดนตรนี ้ัน. บทวา ปูตกิ าเยนความวากายแมมวี รรณะดังทองคํา ก็ยงั ชอ่ื วาเปน กายเนา เพราะอรรถวา ไหลเขาไหลออกเปน นติ ย เพราะฉะนั้น วชิ ยาภิกษณุ จี งึ กลา วอยา งน้ัน. บทวา ภนิ ทฺ เนนไดแกม ีอันแตกไปเปนสภาวะ. บทวา ปภงคฺ ุนา ไดแ กถ ึงความแหลกเปนผุยผงเปน ธรรมดา. บทวา อฏฏ ยิ ามิ แปลวา อดึ อดั อย.ู บทวา หรายามิแปลวาระอาอยู. บทวา สนตฺ า สมาปตตฺ ิ ความวาโลกิยสมาบัติ ๘ อยา งทานกลาววาสงบ เพราะสงบโดยอารมณ และสงบโดยองค. บทวา สพฺพตถฺไดแ ก ในรูปภพและอรูปภพทงั้ หมด. วิชยาภิกษณุ ีจึงกลา ววา แมความมดื คอือวิชชาเรากาํ จัดไดแ ลว ในฐานะทั้งปวงเหลาน้คี อื ในกามภพ ที่ยึดถอื เอาแลวเพราะถือเอาภพ ๒ เหลาน้นั และในสมาบัติ ๘. จบอรรถกถาวิชยาสูตรท่ี ๔
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 96 ๕. อบุ ลวรรณาสูตร วา ดว ยมารรบกวนอบุ ลวรรณาภิกษุณี [๕๓๔] สาวัตถนี ทิ าน. คร้งั น้ัน เวลาเชา อบุ ลวรรณาภกิ ษณุ นี งุ หม แลว ถอื บาตรและจวี รไดย นื อยทู ่โี คนตนสาลพฤกษซ ง่ึ มีดอกบานสะพร่ัง ตนหนึง่ . [๕๓๕] ลําดบั น้นั มารผูมบี าปใครจะใหอบุ ลวรรณาภิกษุณีบงั เกิดความกลัว ความหวาดเสยี ว ขนพองสยองเกลา และใครจะใหเ คลอื่ นจากสมาธิจงึ เขาไปหาอบุ ลวรรณาภิกษุณถี ึงทยี่ นื อยู ครั้นแลวไดกลา วกะอุบลวรรณาภกิ ษุณีดวยคาถาวา ดูกอนภิกษุณี ทา นคนเดยี ว เขามา ยังตน สาลพฤกษ ซงึ่ มดี อกบานสะพรั่ง ตลอดยอด แลวยนื อยูท ีโ่ คนตน สาลพฤกษ ฉววี รรณของทา นไมมีท่ีสอง คนท้งั หลายก็จะมาในทนี่ เ้ี ชนทา น ทา นกลัวความ เปน พาลของพวกนกั เลงหรือ. [๕๓๖] ลาํ ดบั นั้น อุบลวรรณาภิกษุณีไดมีความดาํ รวิ า นี่ใครหนอกลาวคาถา จะเปน มนุษยห รอื อมนษุ ย. ทันใดนน้ั อุบลวรรณาภกิ ษณุ ไี ดม คี วามดําริวา นค่ี ือมารผูมีบาป ใครจะใหเ ราบงั เกดิ ความกลัว ความหวาดเสยี ว ขนพองสยองเกลา และใครจ ะใหเคลอ่ื นจากสมาธิ จึงกลาวคาถา. ครน้ั อุบลวรรณาภกิ ษุณที ราบวา น่ีคือมารผูมีบาปแลว จึงไดกลาวกะมารผมู ีบาปดวยคาถาวา
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 97 แมน ักเลงต้งั แสนมาในทนี่ ้ี ก็ตาม เถิด เราไมสะเทือนขน ไมสะดุง ดูกอน มาร ถงึ เราคนเดยี ว กไ็ มกลวั ทา น. เรา นจ้ี ะหายตัวหรือเขาทอ งของทาน แมจ ะ ยืนอยู ณ ระหวา งดวงตาบนดัง้ จมูก ทาน จักไมเห็นเรา. เราเปน ผูชํานาญในจติ อทิ ธิบาทเรา เจริญดีแลว เราพนแลว จากเคร่ืองผูกทกุ ชนิด เราไมก ลัวทานดอก ทา นผูม ีอายุ. ลําดับน้ัน มารผมู ีบาปเปน ทกุ ข เสยี ใจวา อุบลวรรณาภกิ ษุณีรูจกั เราดงั ไดอ นั จึงไดอ นั ตรธานไปในทนี่ ัน้ เอง.
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 98 อรรถกถาอบุ ลวรรณาสูตร ในอุบลวรรณาสตู รที่ ๕ มวี นิ ิจฉัยดังตอ ไปน้ี :- บทวา สุสุปฺผิตคฺค ความวา ตน สาละดอกบานสะพรั่งตั้งแตย อด.ดว ยคาํ วา น จตฺถิ เต ทุติยา วณฺณธาตุ มารกลา ววาวรรณธาตทุ ี่ ๒ อันเสมือนกบั วรรณธาตขุ องทา น ยอ มไมมี คอื ไมม ีภิกษุณีอนื่ เสมอื นกับทา น. บทวาอธิ าคตา ตามิสิกา ภเวยฺยุ ความวา ทานมาในทน่ี ี้ยอ มไมไดความสนทิ สนมหรือความรกั อะไร ฉนั ใด แมช นเหลา นัน้ ก็เปนเสมอื นทานฉนั น้ันเหมือนกนั . บทวา ปขมุ นฺตรกิ าย ความวา แมเ ราจะยืนอยูบนดงั้ จมูกระหวา งนัยนต าทง้ั สอง ทา นกไ็ มเหน็ . บทวา วสีภตู มหฺ ิ แปลวา ยอ มเปนผูชาํ นาญ. จบอรรถกถาอบุ ลวรรณสูตรที่ ๕
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 99 ๖. จาลาสตู ร วา ดว ยมารรบกวนจาลาภกิ ษณุ ี [๕๓๗] สาวตั ถีนทิ าน. ครัง้ นั้น เวลาเชา. จาลาภกิ ษุณนี ุงหม แลว ถือบาตรและจวี รเขา ไปบณิ ฑบาตยังกรุงสาวตั ถี เท่ยี วบณิ ฑบาตไปในกรุงสาวัตถแี ลว เวลาปจฉาภัตกลบั จากบิณฑบาตแลว เขาไปยังปา อนั ธวันเพ่ือพกั กลางวนั ครัน้ ถึงปาอันธวันแลวจงึ น่ังพกั กลางวนั ทโ่ี คนไมตน หนึ่ง. [๕๓๘] ลาํ ดับนั้น มารผมู บี าปใครจ ะใหจาลาภกิ ษณุ บี ังเกดิ ความกลวัความหวาดเสยี ว ขนพองสยองเกลา และใครจ ะใหเคล่ือนจากสมาธิ จงึ เขาไปหาจาลาภกิ ษุณีถึงทีน่ ง่ั พกั คร้นั แลว ไดกลาวกะจาลาภกิ ษุณีวา ดูกอนภิกษุณีทานไมชอบใจอะไรหนอ. จาลาภิกษณุ ตี อบวา ดูกอ นทา นผูมีอายุ เราไมช อบความเกิดเลย. [๕๓๙] มารผมู บี าปกลา ววา เพราะเหตไุ รหนอ ทานจงึ ไมชอบ ความเกดิ ผูเกิดมาแลวยอมบรโิ ภคกาม ใครหนอใหท านยดึ ถือเรื่องน้ี อยา เลย ภิกษุณี ทานจงชอบความเกดิ . [๕๔๐] จาลาภกิ ษุณกี ลาววา ผเู กดิ มาก็ตอ งตาย ผทู ี่เกิดมายอมพบ เหน็ ทกุ ข คือ การจองจาํ การฆา ความ เศรา หมอง เพราะฉะนนั้ เราจงึ ไมชอบ ความเกิด.
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 100 พระพุทธเจา ทรงแสดงธรรมเปน เครอ่ื งกาวลวงความเกดิ พระองคส อนให เราตั้งอยใู นสจั จะ เพอื่ ละทุกขท งั้ มวล สัตว เหลา ใดเขา ถงึ รปู ภพ และสตั วเ หลาใดเปน ภาคแี หง อรปู ภพ สตั วเ หลา นนั้ เมอ่ื ยงั ไมรู นิโรธ ตองมาสูภ พอีก. ลาํ ดับนัน้ มารผมู ีบาปเปน ทุกข เสยี ใจวา จาลาภกิ ษุณรี ูจักเรา ดังนี้จงึ ไดอ ันตรธานไปในท่นี น้ั เอง. อรรถกถาจาลาสตู ร ในจาลาสตู รที่ ๖ มวี นิ จิ ฉัยดงั ตอ ไปน้ี :- บทวา โก นุ ต อทิ มาทปยิ ความวา ใครหนอคือคนพาลมีความรูนอย ใหทานยึดถอื เรือ่ งน้.ี บทวา ปริเกลฺ ส ไดแ ก ความวุนวายซึ่งมีประการตาง ๆ แมอ ยา งอ่นื บัดนี้มารกลาวคําใดไววา ใครหนอจะใหเ ธอยึดถือเอาเร่อื งนนั้ จงึ แสดงคาํ นั้นวา คนอนั ธพาลไมใหเรายึดถือ แตพระศาสดาผูเปน อคั ร-บคุ คลในโลกแสดงธรรมแลว จงึ กลา ววา พทุ โธ ดงั น้ีเปน ตน . บรรดาบทเหลานนั้ บทวา สจเฺ จ นเิ วสยิ ความวา ใหต งั้ อยใู นพระนิพพานอันเปนปรมัตถสัจจะ.บทวา นิโรธ อปฺปชานนฺตา ไดแ ก ไมร ูนโิ รธสจั จะ. จบอรรถกถาจาลาสตู รท่ี ๖
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 526
Pages: