Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_25

tripitaka_25

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:37

Description: tripitaka_25

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 351ขอพระองคไ ดโปรดแลกเปล่ียนมนตกับขา พระองคเถดิ . ตรสั วา วังคีสะ มนตของเราไมมีมลู คา ดอก. ทูลวา ขา แตท านพระโคดมขอพระองคไ ดโปรดประทานเถดิ .ตรัสวา เราไมอาจใหม นตแ กผูท่ีมไิ ดบวชในสํานกั ของเราได. วงั คเี รยี กพวกลูกศิษยม าสัง่ วา ดกู อนพอ ทงั้ หลาย พระสมณโคดมรศู ิลปะมากมาย เราจักบวชในสํานกั ของพระสมณโคดมนเี้ รยี นศิลปะ แตน ัน้ จักไมม ีผูท ีร่ ศู ิลปะมากกวาเราทั่วชมพูทวปี พวกเธออยา เปนหว ง จงอยกู นั จนกวา เราจะกลบั มา ดังนี้ แลวสงลกู ศษิ ยเหลา น้ันไป แลว กราบทลู วา ขอพระองคโปรดใหข าพระองคบ รรพชาเถิด. พระศาสดาทรงมอบหมายใหเถระชอ่ื นโิ ครธกัปปะ. พระเถระนา วงั คีสะไปยังทอี่ ยขู องตนแลว ใหบรรพชา. ทา นบรรพชาแลวมาเฝาพระศาสดา ยืนถวายบงั คมแลว ทลู อาราธนาวา ขอพระองคโปรดประทานศลิ ปะแกขาพระองคเถิด.พระศาสดาตรัสวาวังคีสะ เม่ือพวกเธอจะเรียนศิลปะ (ครง้ั กอน) ตองทําบรกิ รรมโดยไมบ ริโภคของเค็มและนอนบนแผนดินเปน ตน เรียนศลิ ปะน้นั แมศลิ ปะน้ีกม็ ีบรกิ รรม เธอจงทําบรกิ รรมน้ันกอน. พระวงั คีสะกราบทลู วา ดลี ะ พระเจาขา.ลําดับนนั้ พระศาสดาตรัสบอกพระกัมมัฏฐาน คอื อาการ ๓๒ แกเ ธอ. เธอมนสิการพระกมั มฏั ฐานนั้นท้ังอนุโลมปฏิโลม เจรญิ วิปส สนา บรรลุพระอรหัตโดยลาํ ดบั . บทวา วมิ ตุ ตฺ ิสุข ปฏสิ  เวที ความวา เมอื่ บรรลพุ ระอรหัตอยา งน้ีแลวเสวยวิมุตติสุข. บทวา กาเวยฺยมตฺตา ไดแก มัวเมาดว ยความเปนกวีคือการแตง กาพยกลอน. บทวา ขนฺเธ อายตนานิ ธาตโุ ย ความวา เมือ่ทรงแสดงธรรมประกาศขนั ธเปน ตน เหลา น้ี . บทวา เข นิยามคตทฺทสาไดแก ผถู ึงนิยามธรรม และผเู ห็นนยิ ามธรรม. บทวา สฺวาคต ไดแกการ

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 352มาด.ี ดว ยคําวา อิทฺธิปฺปตฺโตมฺหิ นี้ หมายเอาอทิ ธวิ ิธิญาณ. ดวยคําวาเจโตปรยิ ายโกวโิ ท น้ี หมายเอาเจโตปริยญาณ. สว นทิพยโสตแมทา นไมไดกลาวไว กส็ งเคราะหเ ขา ไดเ หมือนกนั . พระวงั คสี ะนบี้ รรลอุ ภญิ ญา ๖พงึ ทราบวา เปน มหาสาวก ดว ยประการฉะนี้. จบอรรถกถาวังคสี สูตรที่ ๑๒ และวังคีสสงั ยตุ เพียงเทา น้ี รวมพระสูตรแหง วงั คสี สังยุตมี ๑๒ สูตร คือ ๑. นิกขันตสูตร ๒. อรตสิ ูตร ๓. เป สลาติมญั ญนาสตู ร ๔.อานันทสูตร ๕. สภาสติ สูตร ๖. สารปี ุตตสูตร ๗. ปวารณาสูตร ๘.โรสหสั สสูตร ๙. โกณฑญั ญสูตร ๑๐. โมคคัลลานสูตร ๑๑. คคั คราสูตร๑๒. วังคีสสูตร พรอมทงั้ อรรถกถา

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 353 วนสงั ยุต ๑. วิเวกสูตร เทวดาเตือนภกิ ษุ [๗๖๑] ขา พเจาไดสดับมาแลวอยา งน้ี :- สมยั หน่งึ ภิกษุรูปหน่ึง พาํ นกั อยูในแนวปา แหง หนง่ึ ในแควน โกศลสมัยนน้ั แล ภกิ ษุรูปนน้ั พักผอ นกลางวนั ตรกึ อกุศลวิตกลามกอิงอาศยั เรอื น [๗๖๒] คร้งั น้นั เทวดาทสี่ ิงอยใู นปา นั้น มคี วามเอน็ ดใู ครป ระโยชนก็ภิกษนุ น้ั หวังจะใหเธอสลดใจ จงึ เขาไปหาแลว กลาวกะเธอดว ยคาถาวา ทา นใครว เิ วก จงึ เขา ปา สว นใจ ของทานแสซา นไปภายนอก ทา นเปนคน จงกาํ จดั ความพอใจในคนเสีย แตนน้ั ทา นจกั เปน ผูมคี วามสขุ ปราศจากความ กาํ หนดั ทา นมสี ติ ละความไมยนิ ดีเสยี ได เราเตือนใหท านระลึกถึงธรรมของสัตบรุ ุษ ธลุ คี อื กเิ ลสประดจุ บาดาลท่ขี ามไดย าก ไดแกค วามกําหนัดในกามอยาไดครอบงาํ ทา นเลย นกที่เปอนฝนุ ยอ มสลดั ธลุ ีที่ แปดเปอ นใหต กไป ฉันใด ภิกษผุ ูมีเพยี ร มสี ติ ยอมสลดั ธุลีคอื กิเลสท่แี ปดเปอ นให ตกไป ฉันนนั้ ดังน้.ี

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 354 ลาํ ดับน้ัน ภกิ ษนุ ้ันเปนผอู ันเทวดาน้ันเตอื นใหสงั เวช ถงึ ซ่ึงความสลดใจแลวแล. วนสงั ยตุ ตวรรณนา อรรถกถาวิเวกสตู ร พงึ ทราบวินิจฉัยในวเิ วกสตู รที่ ๑ แหงวนสังยตุ ตอไปนี้ :- บทวา โกสเลสุ วหิ รติ ความวา ภกิ ษรุ ปู ใดรปู หน่งึ เรยี นกมั มัฏฐานในสาํ นกั ของพระศาสดาแลวไปอยูในแควน โกศลนั้น เพราะชนบทนัน้ หาภกิ ษาไดงาย. บทวา ส เวเชตกุ ามา ไดแ ก ใครเพอื่ จะใหภกิ ษุนนั้ถงึ วเิ วก. บทวา วเิ วกกาโม คือ ปรารถนาวิเวก ๓. บทวา นิจฉฺ รติพหิทธฺ า คือ เทีย่ วไปในอารมณเ ปนอันมากทเ่ี ปนภายนอก. บทวา ชโนชนสมฺ ึ ความวา ทา นจงละฉนั ทราคะในคนอ่นื . บทวา ปชหาสิ แปลวาจงละ. บทวา ภวาสิ แปลวา จงเปน . บทวา สต ต สารยามเส ความวาแมเ รายอมยังบณิ ฑติ ผูมีสตใิ หระลึกถึงธรรมนน้ั หรอื วา เรายอ มยงั ผนู ้ันใหระลึกถงึ ธรรมของสตั บรุ ษุ . บทวา ปาตาลรโช ความวา ธุลีคอื กิเลสท่ีเรียกวาบาดาลเพราะอรรถวา ไมมีท่ีต้ัง. บทวา มา ต กามรโช ความวา ธลุ ีคือกามราคะนี้อยาครอบงําทา น อธบิ ายวา อยา นําไปสอู บายเลย. บทวาป สกุ ุณฑฺ ิโต แปลวา เปอ นฝุน. บทวา วิธนุ  แปลวา กําจัด. บทวาป สกุ ณุ ฺฑิโต ไดแก ฝุน ทต่ี ดิ ตัว. บทวา ส เวคมาปาทิ ความวา ชือ่ วา แมเทวดายอมยงั เราทานน้ั ใหระลึกถึง ฉะนนั้ จึงช่ือวา ถึงวิเวก หรือวาประคองความเพยี รอันสูงสุดแลวปฏิบตั ิใหเ ปนวเิ วกอยางยิ่ง. จบอรรถกถาวิเวกสูตรท่ี ๑

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 355 ๒. อปุ ฏ ฐานสูตร เทวดาเตือนภกิ ษผุ นู อนหลับกลางวนั [๗๖๓] สมัยหนึ่ง ภิกษรุ ูปหนึ่ง พาํ นักอยใู นแนวปาแหงหนง่ึ ในแควนโกศล สมัยนั้นแล ภกิ ษุรูปน้ัน ไปนอนหลับในท่ีพักกลางวัน. [๗๖๔] ครง้ั น้นั เทวดาที่สิงอยูใ นปานนั้ มีความเอ็นดูใครประโยชนแกภ ิกษุรูปนนั้ หวงั จะใหเธอสลดใจจงึ เขาไปหาแลวไดก ลาวกะเธอดวยคาถาวา ทานจงลกุ ขึ้นเถดิ ภกิ ษุ ทา นจะตอง การอะไรดว ยความหลบั ทา นผเู รา รอน ดวยกิเลส อนั ลูกศรคือตัณหาเสียบแทง ด้นิ รนอยู จะมัวหลบั มีประโยชนอะไร ทา นออกจากเรอื นบวชดว ยความเปนผูไมมี เรือนดวยศรัทธาใด ทา นจงเพ่มิ พนู ศรทั ธา นัน้ เถดิ อยาไปสอู ํานาจของความหลับเลย. [๗๖๕] ภกิ ษุกลาวตอบวา คนเขลาหมกมุนอยูในกามารมณ เหลา ใด กามารมณเ หลานน้ั ไมเ ทีย่ ง ไมย ง่ั ยนื ความหลบั จะแผดเผาบรรพชิต ผูพ น แลว ผูไมเก่ียวของในกามารมณซ ึ่ง ยังสตั วใ หต ิดอยไู ดอยางไร เพราะกําจดั ฉันทราคะเสียได และเพราะกาวลว ง อวชิ ชาเสยี ได ญาณนั้นเปนของบรสิ ุทธ์ิ อยา งยง่ิ ไฉนความหลบั จะแผดเผาบรรพ-

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 356 ชิตได ความหลับจะแผดเผาบรรพชติ ผู ไมม โี ศก ไมม ีความแคนใจ เพราะทําลาย อวิชชาเสียดวยวชิ ชา และเพราะอาสวะ สิ้นไปหมดแลวอยา งไรได ความหลบั จะ แผดเผาบรรพชติ ผูปรารภความเพียร ผูมี ตนอันสงไปแลว ผบู ากบั่นมัน่ เปน นติ ย ผจู าํ นงพระนพิ พานอยูอยา งไรได. อรรถกถาอุปฏ ฐานสูตร พึงทราบวนิ จิ ฉัยในอุปฏ ฐานสตู รท่ี ๒ ตอ ไปน้ี :- บทวา สปุ ติ ความวา ไดย นิ วา ภกิ ษนุ ้เี ปนพระขณี าสพทา นไปสูหมบู านทภี่ กิ ษาจารในทีไ่ กล กลับมาแลว เก็บบาตรและจวี รไวในบรรณศาลาลงสระที่เกดิ เองในท่ไี มไกล พอใหตัวแหง แลว กวาดทพ่ี กั กลางวนั ตงั้ เตยี งตาํ่ ไวในทน่ี นั้ แลวหลบั . จริงอยู แมพ ระขีณาสพกม็ คี วามกระวนกระวายทางกายเหมือนกนั เพราะฉะนัน้ ทานจึงกลาวคําที่ใชอ ยูในปจจบุ ัน เพ่อื บรรเทาความกระวนกระวายทางกายนั้นวา หลบั . บทวา อชฌฺ ภาสิ ความวา เทวดาเขาใจวา ภิกษุน้ีเรียนกมั มัฏฐานในสาํ นกั ของพระศาสดาแลวหลบั กลางวนั กแ็ ลช่ือวา การหลับกลางวนั นนั้ เจรญิ ขึน้ แมจ ะยงั ประโยชนท ี่เปนไปในปจจุบนั .และทีเ่ ปนไปในชาติหนานนั้ ใหฉิบหาย คิดวา เราจกั เตือนทา น จงึ ไดก ลา ว. บทวา อาตรุ สสฺ ความวา ความเดือนรอนมี ๓ อยา ง คือ เดือดรอนดวยความแก เดอื ดรอนดวยความเจ็บปว ย เดือนรอนดวยกิเลส ทา นกลาวหมาย

พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 357ถงึ ความเดอื ดรอนดว ยกเิ ลสในความเดอื นรอ น ๓ นน้ั . บทวา สลลฺ วทิ ฺธสฺสความวา แทงทห่ี ัวใจดว ยลกู ศรคอื ตัณหาทถี่ ูกซัดไปดวยอวชิ ชา เหมอื นถกู แทงดว ยลกู ศรคอื หอกทีอ่ าบดว ยยาพิษ. บทวา รปุ ปฺ โต แปลวา ถูกเสยี ดส.ี บัดนี้เม่อื เทวดาจะกลา วถงึ โทษในกามของภิกษุน้นั จงึ กลาวคาํ เปน ตนวา \"ไมเทยี่ ง\".ในบทเหลานัน้ บทวา อสิต คอื ไมอ าศัยดวยตัณหานสิ ยั และทฏิ ฐินสิ ยั .บทวา กสมฺ า ปพพฺ ชติ  ตเป ความวา ทา นยอมกลาววา การหลบั กลางวนัยอ มไมเผาพระขณี าสพเหน็ ปานนี้ กแ็ ลเพราะเหตุไร จกั ไมเ ผาพระขณี ะสพเชนนั้น. กเ็ พราะน่ีเปนคําของพระเถระ. น้เี ปน เนื้อความในขอ น้ีวา. เมื่อถูกผกู แลวการหลบั กลางวัน จะพึงทาํ บรรพชติ ผไู มมีอาสวะเชน เรา ผหู ลดุ แลว หมดกิเลสจะพึงรอน ก็ไมรอ นเพราะเหตไุ ร. แมในคาถาท่เี หลอื กม็ ีนยั อยางนเ้ี หมอื นกนั .จริงอยู ในฝา ยถอยคําของเทวดามีอรรถวา ความหลบั กลางวนั ยอมไมเผาบรรพชิตผูไ มม ีอาสวะเชนน้ี ก็แลเพราะเหตุไร จักไมเ ผาบรรพชิตเชน นัน้ .ในฝายถอ ยคําของพระเถระมอี รรถวา การหลับกลางวัน จะพงึ เผาบรรพชติ ผูไมม ีอาสวะเชน เราเห็นปานน้ี ก็ช่ือวา ไมเ ดือดรอน เพราะเหตไุ ร. แตนี้เปนการพรรณนาบทท่ลี กึ ซง้ึ ในขอ น้.ี บทวา วินยา แปลวา เพราะกําจัด. บทวา สมตกิ กฺ มา แปลวาเพราะกาวลว งอวชิ ชาทีเ่ ปน รากเงา ของวัฏฏะ. บทวา ต าณ ไดแก รูสจั จะ๔ น้ัน. บทวา ปรโมทาต ไดแ ก บริสทุ ธ์ิอยา งย่งิ . บทวา ปพพฺ ชติ คือ บรรพชติ ผูประกอบดวยความรเู ห็นปานน้.ี บทวา วิชชฺ าย คือ วชิ ชาในมรรคที่ ๔. บทวา อารทธฺ วริ ิย คือ ประคองความเพียรไวแลว มคี วามเพียรบรบิ รู ณแลว . จบอรรถกถาอปุ ฏฐานสูตรท่ี ๒

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 358 ๓. กสั สปโคตตสตู ร วาดวยพระกสั สปโคตรกลา วสอนพรานเนือ้ [๗๖๖] สมยั หน่งึ ทานพระกสั สปโคตร พาํ นักอยใู นแนวปา แหง หนึง่ในแควน โกศล สมยั น้ันแล ทานอยูใ นทพ่ี กั กลางวัน กลา วสอนนายพรานเนือ้คนหนง่ึ . [๗๖๗] ครัง้ นัน้ เทวดาผูสงิ อยูใ นปานั้น มคี วามเอ็นดูใครป ระโยชนแกทานพระกัสสปโคตร หวงั จะใหท า นสลดใจจึงเขา ไปหา แลวไดกลาวกะทา นดวยคาถาวา ภกิ ษุผูกลาวสอนนายพรานเน้ือซงึ่ เทยี่ วไปตามซอกเขาผทู รามปญญาไมร ูเทา ถงึ การณ ในกาลอันไมค วร ยอ มปรากฏแก เราประดจุ คนเขลา เขาเปน คนพาลถึงฟง ธรรมอยกู ็ไมเขา ใจเนือ้ ความ แสงประทปี โพลงอยกู ไ็ มเหน็ เม่ือทานกลา วธรรม อยู ยอมไมร เู นอื้ ความ ขา แตทา นกัสสป ถึงแมท า นจกั ทรงประทีปอันโพลงตัง้ ๑๐ ดวง เขาก็จกั ไมเ หน็ รปู เพราะจักษุ (คือ ญาณ) ของเขาไมม ี. ลาํ ดบั นนั้ ทานกัสสปโคตร ผอู นั เทวดานัน้ ใหสงั เวช ถึงซึ่งความสลดใจแลว.

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 359 อรรถกถากัสสปโคตตสูตร พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในกสั สปโคตตสูตรที่ ๓ ตอไปนี้ :- บทวา เฉต คือพรานลาเน้อื คนหนึง่ . บทวา โอวทิ ความวา ไดยนิ วา พรานลาเนือ้ นน้ั กนิ ขาวเชา แลว คดิ วา เราจักลาเนื้อ จึงเขา ไปสูปาเหน็ ละมง่ั ตวั หนึง่ คดิ วา เราจักประหารมนั ดวยหอก ติดตามไป หลกี ไปไมไกลทพี่ ระเถระนงั่ ในทพี่ ักกลางวนั โดยนยั ที่กลา วแลว ในสตู รท่ี ๑. ลําดบั นั้นพระเถระจึงกลาวกะเขาวา อบุ าสก ข้นึ ชอ่ื วา ปาณาติบาตนี้ เปน ไปเพอ่ื อบายเปนไปดวยเหตุใหมอี ายสุ ้นั เขาอาจจะทําการเลีย้ งเมียดวยการงานอยางอ่นื มีการกสกิ รรมและพาณิชยกรรมเปน ตน กไ็ ด ทานอยาทาํ กรรมหยาบชา อยางนเ้ี ลย.แมเ ขาก็คิดวา พระเถระผถู ือผา มหาบังสกุ ุลพูด จงึ เร่มิ ยืนฟง ดว ยความเคารพ.ลาํ ดบั น้ัน พระเถระนั้น คิดวา เราจกั ยงั ความใครพึงใหเ กิดแกเขา จึงยงันิ้วหัวแมมอื ใหลุกโพลงขนึ้ . เขาเหน็ แมด ว ยตา ไดย นิ แมด วยหู แตจ ิตใจของเขาแลนไปตามรอยเทาเนื้ออยางน้ีวา เนอื้ จักไปสูทโี่ นน ลงทาโนนเราจักไปฆา มนั ในทน่ี ้นั กินเนอ้ื ตามตอ งการแลว จกั หาบเนอ้ื ที่เหลือไปฝากลูก ๆ. บทวา โอวทติ ดังนี้ ทา นกลาวหมายถงึ พระเถระผูแสดงธรรมนน้ัแกพ รานผฟู ูง ซา นอยา งน.ี้ บทวา อชฌฺ ภาสิ ความวา พระเถระน้ี ยังการงานท้งั ของตน ท้งั ของพรานน้นั ใหพนิ าศ เหมอื นอยางคนถากของคนอื่นท่ไี มใชไ มฟ น เหมือนอยางคนหวา นขาวในทไ่ี มใ ชน า คิดวา เราจักเตือนเขา จึงกลาว.บทวา อปปฺ ปฺ  แปลวา ไมม ปี ญ ญา. บทวา อเจตส ไดแก ปราศจากความคดิ ท่ีสามารถรเู หตกุ ารณ. บทวา มนโฺ ทว แปลวา เหมอื นคนโงเ ขลา.บทวา สุณาติ ไดแ ก ฟงธรรมกถาของทา น. บทวา น วชิ านาติ ไดแ ก

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 360ไมรเู นื้อความแหงธรรมนนั้ . บทวา อาโลเกติ ไดแก ยังนิว้ หัวแมม อื ท่ีลุกโพลงอยูด วยฤทธิ์ของปุถชุ นของทา นใหส วา ง. บทวา น ปสสฺ ติ ความวายอ มไมเหน็ เหตุการณนี้วา ในที่นี้ ไมมีน้าํ มัน ไมมีไส ไมมตี ะเกียง แตนวิ้หัวแมมอื นล้ี ุกโพลงดวยอานุภาพของพระเถระ. บทวา ทส ปชฺโชเต คือประทปี ๑๐ ดวง ในนิว้ มอื ๑๐ นิ้ว. บทวา รูปานิ ไดแ ก รปู ทเ่ี ปน เหตุ.บทวา จกขุ คอื ปญ ญาจักษ.ุ บทวา ส เวคมาปาทิ ความวา ทา นพระ-กสั สปโคตรคดิ วา จะมปี ระโยชนอ ะไรแกเ รา กบั พรานน้ี จึงประคองความเพยี รดําเนนิ ตามอรหัตมรรคท่ีเปนธรรมวเิ วก. จบอรรถกถากัสสปโคตตสตู รที่ ๓ ๔. สัมพหุลสูตร วาดว ยเทวดาคราํ่ ครวญถงึ ภกิ ษผุ จู ากไป [๗๖๘] สมัยหนง่ึ ภิกษุมากดว ยกัน พํานักอยูในแนวปา แหง หนง่ึ ในแควน โกศล ครัง้ น้นั แล ภิกษุเหลา นนั้ อยจู าํ พรรษาถวนไตรมาสแลวหลีกไปสูจาริก. [๗๖๙] คร้ังน้นั เทวดาผูส งิ อยูในแนวปา นนั้ เมื่อไมเห็นภิกษุเหลาน้นั ก็คร่าํ ครวญถึง ไดก ลาวคาถาน้ใี นเวลานัน้ วา ความสนทิ สนมยอมปรากฏประดจุ ความไมยินดเี พราะเหน็ ภกิ ษเุ ปน อันมากใน อาสนะอันสงัด ทา นเหลา นนั้ เปนพหูสตู มีถอ ยคาํ ไพเราะ ทานเปน สาวกของพระ- โคดม ไปที่ไหนกนั เสียแลว.

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 361 [๗๗๐] เมอ่ื เทวดานนั้ กลาวอยางนี้แลว เทวดาอีกองคหนึง่ ไดก ลา วกะเทวดาน้ันดว ยคาถาวา ภิกษุทง้ั หลายเปน ผไู มอ าลยั ทีอ่ ยู เทีย่ วไปเปน หมู ประดจุ วานรไปสแู ควน มคธและโกศล บางพวกก็บา ยหนา ไปสู แควน วชั ชี. อรรถกถาสัมพหุลสตู ร พงึ ทราบวินิจฉยั ในสัมพหลุ สตู ร ท่ี ๔ ตอ ไปนี้ :- บทวา สมฺพหุลา คอื ผทู รงพระสตู ร ผูทรงพระอภธิ รรม ผูทรงพระวนิ ยั เปน อนั มาก. บทวา วหิ รนตฺ ิ ไดแ ก เรียนกมั มฏั ฐานในสาํ นักพระศาสดาแลว อยู. บทวา ปกฺกมสึ ุ ความวา ไดยนิ วา คนท้งั หลายเหน็ภกิ ษุเหลานน้ั เขาไปยงั หมูบ า นแหง ใดแหงหนึ่งในชนบทนั้น กม็ จี ิตเลอื่ มใส ปูลาดผาขนแกะเปนตนไวที่หอฉนั ถวายขาวตมและของขบเคยี้ วแลวนง่ั ใกล.พระมหาเถระ กลาวกะพระธรรมกถกึ รูปหนึง่ วา เธอจงกลาวธรรม. พระธรรกถกึน้นั จึงกลาวธรรมกถาอยางไพเราะ. คนทั้งหลายเลือ่ มใสแลวไดถวายโภชนะอันประณีตในเวลาฉนั . พระมหาเถระไดก ระทําอนุโมทนาอาหารอยา งพงึ พอใจ.คนทั้งหลายเลื่อมใสอยางย่งิ แลว กลา ววา ขา แตท านผูเจรญิ นมิ นตจ ําพรรษาอยูในท่ีนต้ี ลอด ๓ เดือนเถดิ ใหทานรบั ปฏิญญาแลว ใหส รา งเสนาสนะในที่ซึ่งสะดวกดว ยการไปมาอุปฐากดวยปจจยั ๔. พระมหาเถระสอนภกิ ษใุ นวนั เขา พรรษาวา ดกู อนผมู ีอายุ พวกทานเรยี นกมั มัฏฐานในสํานักพระศาสดาผเู ปน ครู ชื่อวา ความปรากฏแหงพระ-

พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 362พทุ ธเจา หายาก พวกทา นจงฟง ธรรมเดอื นละ ๘ วัน ละความคลกุ คลีดว ยหมูคณะแลว ไมป ระมาทอยูเ ถิด ดังน.ี้ จําเดิมแตน้ันมา ภิกษุเหลานัน้ ยอมขวนขวายพากเพยี ร บางวนั ก็ทาํ การฟงธรรมตลอดคนื บางวัน กแ็ กป ญ หา บางคราวก็ทําความเพยี ร. ในวนั ธรรมสวนะ ภกิ ษุเหลา นนั้ กลาวธรรมจนอรุณขนึ้ในวนั แกปญหากระทาํ การถามและการแก คือ ภิกษุผฉู ลาดถามปญหา ผเู ปนบณั ฑิตแก ในวนั ทาํ ความเพียร ตีระฆังในเวลาพระอาทติ ยต ก ลงสทู ่ีจงกรมทําความเพยี ร. ภิกษเุ หลา นนั้ จาํ พรรษาอยา งนปี้ วารณาแลวหลีกไป. คําน้ที า นกลาวหมางถึงความขอ น้นั . บทวา ปรเิ ทวมานา ความวา เทวดากลาวคาํ เปน ตน วา บดั นี้เราจกั ไดฟ ง ธรรมและกลา วปญ หาอนั ไพเราะเหน็ ปานนัน้ แตไ หนเลา ดงั นแ้ี ลวคราํ่ ครวญอยู. บทวา ขายติ แปลวา ยอ มปรากฏ คอื เขาไปตัง้ ไว. บทวาโกเม แปลวา (พระสาวก) เหลาน้ี (ไป) ไหน. บทวา วชชฺ ิภูมยิ า แปลวาบายหนา ไปแควน วัชชี. บทวา มกฺกุฏาวยิ แปลวา เหมอื นลิง. ภิกษุทอ งเท่ียวไปที่เชงิ เขาหรือท่ีราวปา นัน้ ๆ ไมถ อื วา ท่นี ้ีเปนสมบัติของมารดา. เปนสมบตั ิของบดิ าของเรา ที่มาตามประเพณี ภกิ ษุเหลา น้ันมคี วามผาสุกดวยโคจรคามและความไมมอี ันตรายอยูในที่ใด ก็อยูในท่ีนัน้ แมภ ิกษทุ ้ังหลายผไู มม ีเรอื นอยา งน้ี จึงกลาววา ดกู อ นผูม ีอายุ น้ีเปนสมบตั ิของอปุ ช ฌายอ าจารยข องเรา ทม่ี าตามประเพณี ดงั นี้ จงึ ในถือเอา ภกิ ษเุ หลานั้นมที ี่สบายดว ยอากาศสบายดว ยโภชนะ สบายดว ยเสนาสนะ สบายดวยการฟง ธรรม หางา ย มีอยูในทใ่ี ด ยอมอยใู นทนี่ ้ัน. จบอรรถกถาสมั พหลุ สตู รท่ี ๔.

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 363 ๕. อานันทสูตร วาดว ยเทวดาเตอื นพระอานนท [๗๗๑] สมัยหน่งึ ทา นพระอานนท พํานักอยใู นแนวปาแหง หนงึ่ในแควนโกศล สมยั นัน้ แล ทานพระอานนท เปน ผมู ากไปดว ยการรบั แขกฝา ยคฤหัสถเ กนิ เวลาอย.ู [๗๗๒] ครง้ั นั้นแล เทวดาผสู ิงอยใู นแนวปา น้นั มคี วามเอ็นดูใครป ระโยชนแกทา นพระอานนท ใครจ ะใหทา นสังเวชจงึ เขาไปหาถงึ ทีอ่ ยูครัน้ แลว ไดก ลาวกะทา นดว ยคาถาวา ทา นเขาไปสูท ี่รกคือโคนตน ไมแ ลว จงใสใ จถึงพระนิพพาน โคตมะ ทานจง เพง ฌาน อยา ประมาท ถอ ยคําทส่ี นทนา ของทา นจกั ทําอะไรได. ลําดับน้นั ทานพระอานนท เปน ผูอ ันเทวดานัน้ ใหสงั เวชถึงซึง่ ความสลดใจแลวแล. อรรถกถาอานันทสูตร พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในอานันทสตู รที่ ๕ ตอไปน้ี :- บทวา อานนโฺ ท คอื พระเถระผูเปน คลังพระธรรม. บทวา อตเิ วลแปลวา เกินเวลา. บทวา คหิ สิ ฺ ตตฺ ิพหโุ ล ความวา ยงั คฤหัสถใหรจู ักเวลาเปน อนั มาก ทง้ั กลางวนั และกลางคืน. จริงอยู เม่อื พระผมู ีพระ-ภาคเจา ปรนิ ิพพานแลว พระมหากสั สปเถระกลา วกะพระเถระวา ดูกอ น

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 364ผมู อี ายุ เราจักไปเขา จาํ พรรษาในกรงุ ราชคฤหแ ลวสงั คายนาพระธรรม ทา นจงไปจงเขา ไปสปู า กระทําความเพยี ร เพือ่ ประโยชนแ กมรรคท้งั ๓ เบือ้ งบนเถดิ .พระอานนั ทเถระถือเอาบาตรจวี รของพระผมู ีพระภาคเจา ไปยังแควนโกศล อยูในสาํ นักบาแหง หนึ่ง รงุ ขึน้ จึงเขา ไปยังบา นแหงหนง่ึ . คนทง้ั หลายเห็นพระเถระแลวกลาวคาํ เปนอนั มากวา ขา แตพ ระอานนทผ เู จรญิ ในคราวกอ นทา นมากับพระศาสดา วันนม้ี ารูปเดยี วเทา นั้น ทานทอดท้งิ พระศาสดาไวเสยีไหน บดั น้ี ทา นถือบาตรและจวี รของใครมา ทา นจะถวายน้ําลา งหนาจะปดกวาดบรเิ วณ จะทําวตั รปฏบิ ตั แิ กใคร ดงั นี้ พากนั ครา่ํ ครวญแลวพระเถระกลา วคําเปนตน วา ดูกอนทา นทัง้ หลาย อยูเศราโศกเลย อยาครา่ํ ครวญเลย สงั ขารทั้งหลายไมเ ท่ียง ยังเขาใหร พู รอ มแลว ทําภตั กิจแลวไปสทู ีพ่ ัก. แมในเวลาเยน็ คนทัง้ หลายไปในที่น้นั พากันคร่ําครวญอยา งนน้ัพระเถระกส็ ั่งสอนอยางน้นั เหมือนกัน. คาํ น้ี ทา นกลาวหมายถงึ ขอ นัน้ . บทวา อชฌฺ ภาสิ ความวา เทวดาคิดวา พระเถระน้คี ิดวา เราฟง คําของภกิ ษุสงฆแ ลว จักบําเพ็ญสมณธรรมดงั นี้ แลว เขาไปสปู า บัดนี้ยังคฤหัสถใหร ูพ รอมกนั อยู ยงั ไมก ระทาํ ศาสนาของพระศาสดาท่ีต้งั อยใู หเ ปนประมวลธรรมเหมอื นกองดอกไมท่ีไมไ ดรวบรวม เราจะเตือนทาน ดังน้แี ลวจึงกลา ว. บทวา ปสกฺกยิ แปลวา เขา ไปแลว. บทวา หทยสฺมึ โอปปฺ ยไดแ ก ใสไ วใ นหทัยดว ยกจิ และดว ยอารมณ. พระเถระคดิ วา เราจะบรรลุพระนิพพาน ดังนแ้ี ลว ทําความเพียรอยู ช่ือวา ใสพระนิพพานไวใ นหทัยดว ยกิจ แตเ พ่อื ยังสมาบัตมิ พี ระนิพพานเปน อารมณใ หแนบแนน นงั่ อย.ู (ชอื่ วาใสพระนพิ พานไวในหทยั ) ดว ยอารมณ. เทวดานยี้ อมกลาวหมายถึงกิจและอารมณทง้ั ๒ น้นั . บทวา ฌาย คือ จงเปนผเู พง ดวยฌานท้ังสอง. บทวาปฬ ิปฬ ิกา แปลวา น้ีถอยคําพดู กบั คฤหัสถ. จบอรรถกถาอานันทสตู รที่ ๕.

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 365 ๖. อนรุ ทุ ธสูตร วาดว ยภรรยาเกาของพระอนรุ ทุ ธะ [๗๗๓] สมัยหน่ึง ทานพระอนรุ ทุ ธะพาํ นักอยใู นแนวปาแหงหน่งึ ในแควนโกศล. [๗๗๔] คร้งั น้ันแล เทวดาชน้ั ดาวดงึ สอ งคห นึ่งชือ่ ชาลนิ เี ปน ภรรยาเกาของทานพระอนุรทุ ธะ เขา ไปหาทานถึงทีอ่ ยู ครนั้ แลวไดกลาวกะทา นดวยคาถาวา ทานจงตงั้ จติ ของทานไวในหมูทวย- เทพชน้ั ดาวดงึ ส ซ่งึ พรงั่ พรอมดวย อารมณอ ันนา ใครทั้งปวง ที่ทานเคยอยูใ น กาลกอ น ทานจะเปนผูอันหมูเทวดาแวด- ลอ มเปนบรวิ าร ยอมงดงาม [๗๗๕] ทา นพระอนุรุทธะกลาววา เหลานางเทพกัลยาผมู ีคติอนั ทราม ดํารงมันอยใู นกายของตน สัตวท ง้ั หลาย เหลานัน้ แมเ ปนผูมีคตอิ ันทราม กถ็ กู นางเทพกัลยาปรารถนา. [๗๗๖] เทวดาชอ่ื ชาลินีกลาววา เหลา สตั วผไู มไดเ หน็ ท่ีอยูอ ันเปนที่ นา เพลิดเพลินของนรเทพชั้นไตรทศผมู ยี ศ กช็ ่อื วาไมร จู กั ความสขุ . [๗๗๗] ทา นพระอนุรทุ ธะกลา ววา ดกู อนเทวดาผูเขลา ทานไมรูแจง ตามคาํ ของพระอรหันตว า สังขารท้ังปวง

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 366 ไมเที่ยง มอี ันเกิดข้ึนและเสอ่ื มไป เปน ธรรมดา บงั เกดิ ขน้ึ แลว ยอ มดับไป การเขาไประงบั สังขารเหลาน้ันเสยี ได เปน สุข บดั น้ี การอยคู รอบครองของเรา ไมมีอีกตอไป ตัณหาประดจุ ดังวาขา ยใน หมเู ทพของเรากไ็ มมี สงสารคือชาตสิ นิ้ ไปแลว บดั นภี้ พใหม ไมมีอกี ตอไป. อรรถกถาอนุรุทธสตู ร พึงทราบวินิจฉยั ในอนรุ ุทธสตู ร ที่ ๖ ตอ ไปน้ี :- บทวา ปุราณทตุ ิยิกา คอื อคั รมเหสใี นอัตภาพกอน. บทวาโสภสิ ไดแก เมื่อกอนก็งาม เดยี๋ วนีก้ ง็ าม. บทวา ทุคฺคตา ความวาไปชั่วดว ยคติอันชว่ั ก็หาไม. จรงิ อยู เทวกัญญาอยใู นสคุ ตยิ อ มเสวยสมบัต.ิแตไ ปชว่ั ดว ยคติชัว่ ทางปฏิบัต.ิ เพราะวา เทวกัญญาเหลานัน้ จตุ จิ ากสคุ ตนิ น้ัแลว จะเกิดในนรกก็ได เพราะฉะนน้ั จงึ ชื่อวา ไปช่วั . บทวา ปติฏิตาความวา จรงิ อยู เมอ่ื บุคคลต้งั อยูในสกั กายทฏิ ฐยิ อ มตัง้ อยูดว ยเหตุ ๘ ประการคอื รกั ดว ยอาํ นาจราคะ โกรธดว ยอํานาจโทสะ หลงดวยอํานาจโมหะ ถอื ตวัดวยอํานาจมานะ ถือผดิ ดว ยอํานาจทฏิ ฐิ เพม่ิ กําลงั ดว ยอาํ นาจอนุสยั ไมส ิน้ สดุดวยอํานาจแหงวจิ กิ ิจฉา ฟงุ ซา นดว ยอาํ นาจอทุ ธัจจะ แมเทวกัญญาเหลาน้นัก็ตงั้ อยอู ยางนี้. บทวา นรเทวาน ความวา ของเทวดาและมนุษยท ง้ั หลาย. บทวานตถฺ ทิ านิ ความวา ไดย นิ วา เทพธิดานั้น ไดมีความเสนหาเปนกาํ ลังใน





























































พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 397 ๕. สานุสตู ร วา ดวยสามเณรถูกยกั ษส งิ [๘๑๔] สมยั หน่ึง พระผูม ีพระภาคเจาประทบั อยูในพระวิหารเชตวันอารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี ในกรุงสาวัตถ.ี สมยั น้ันแล บุตรของอบุ าสกิ าคนหน่งึ ชื่อสานุ ถูกยกั ษเ ขา สงิ . [๘๑๕] ครัง้ น้นั แล อุบาสกิ านนั้ ไดปรเิ วทนาการกลา วคาถาเหลาน้ีในเวลานั้นวา ฉันไดสดบั ตอ พระอรหนั ตท ้ังหลาย วา ชนเหลาใดเขา อยอู โุ บสถอันประกอบ ดวยองค ๘ ประการดว ยดี ตลอดดิถที ี่ ๑๔ ที่ ๑๕ และท่ี ๘ แหงปกษ ทงั้ ตลอดปาริหา- รกิ ปก ษ ประพฤตพิ รหมจรรยอยู ยกั ษทัง้ หลายยอ มไมเลน กบั ชนเหลานัน้ บดั น้ี ฉันเห็นในวนั น้ี ยกั ษเ ลน กับสามเณรสานุ. [๘๑๖] ยักษกลา ววา ทา นไดสดบั ตอพระอรหนั ตทงั้ หลาย วา ชนเหลาใดเขาอยูอโุ บสถอันประกอบ ดวยองค ๘ ประการดว ยดี ตลอดดถิ ีที่ ๑๔ ท่ี ๑๕ และที่ ๘ แหงปก ษ ทง้ั ตลอดปาร-ิ หาริกปกษ ประพฤตพิ รหมจรรยอ ยู ยกั ษ ทง้ั หลายยอมไมเลนกบั ชนเหลาน้ัน เปน การชอบ ทา นพงึ บอกสานผุ ฟู น ข้นึ แลว

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 398 วา ยักษส ง่ั คําน้ีไววา ทา นอยา ไดก ระทาํ ธรรมอันลามกท้งั ในท่ีแจงและทล่ี ับ ถา ทา นจักกระทํากรรมอันลามกไซร ถึงทาน จะเหาะหนไี ปก็ไมพ น จากทุกข.[๘๑๗] สามเณรสานุฟนขึ้นแลวกลาววา โยม ญาติ และมติ รทั้งหลายยอม รองไหถงึ คนที่ตายแลว หรือยังเปน อยูแ ต หายไป โยมยังเห็นฉนั เปน อยู ไฉนโยม จึงรอ งไหถ ึงฉัน.[๘๑๘] อบุ าสกิ ากลา ววา ลูกเอย ญาตแิ ละมิตรทั้งหลายยอ ม รอ งไหถ ึงคนท่ตี ายแลว หรอื ยงั เปน อยูแ ต หายไป แตค นใดละกามทง้ั หลายแลวจะ กลบั มาในกามนี้อกี ลูกรัก ญาตแิ ละมิตร ทั้งหลายยอ มรอ งไหถ ึงคนนัน้ เพราะเขา เปนอยูต อไปอกี ก็เหมอื นตายแลว แนพอ เรายกทา นขึน้ จากเถา รงึ ท่ยี งั รอนระอแุ ลว ทานอยากจะตลลงไปสเู ถารงึ อกี แนพอ เรายกทา นขึ้นจากเหวแลว ทา นอยากจะ ตกลงไปสเู หวอีก เราจะโพนทะนาแก

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 399 ใครเลาวา ขอทานจงชวยกัน ขอความ เจริญจงมีแกทาน ประดุจส่งิ ของทข่ี นออก แลวจากเรอื นทไ่ี ฟไหม แกท านอยากจะ เผามนั เสียอีก. อรรถกถาสานุสตู ร พงึ ทราบวินิจฉยั ในสานุสูตรท่ี ๕ ตอไปนี้ :- บทวา ยกฺเขน คหิโต โหติ ความวา เลากันวา บุตรน้ันเปนบตุ รคนเดยี วของอบุ าสิกาน้ัน. ครัง้ นนั้ นางใหบุตรน้ันบรรพชาในเวลาเปนหนมุแล. สานสุ ามเณรนน้ั ตงั้ แตเวลาบรรพชาแลว มีศีลถงึ พรอ มดวยวัตร. สามเณรไดทําวตั รแกอาจารย อุปช ฌายะและพระอาคนั ตุกะเปนตน เดือนละแปดวันลกุ แตเชาเขาไปตั้งนํา้ ไว ในโรงน้าํ กวาดโรงฟง ธรรม ตามประทปี ประกาศฟงธรรมดว ยเสียงไพเราะ. พวกภกิ ษทุ ราบกาํ ลังของสามเณรนัน้ จึงเชื้อเชิญวา พอเณร จงกลา วบทสรภญั ญะเถิด. สามเณรน้ัน ไมน ําอะไรมาอา งวา ลมเสียดแทงหัวใจของผม หรือโรคไอรบกวน ขึ้นธรรมาสน กลาวบทสรภัญญะเหมอื นยงั แมน าํ้ คงคาในอากาศใหตกลงอยูฉ ะนั้น ลงมากลาววา ขอสวนบุญในสรภญั ญะน้ี จงมีแกมารดาบิดาของขาพเจาเถิด. สว นมารดาบิดาของสามเณรน้นั ไมรวู าสวนบญุ สามเณรนน้ั ใหแ ลว . กม็ ารดาของสามเณรในอัตภาพกอ นนนั้ เกิดเปนนางยกั ษิณี นางมากบั พวกเทวดาฟง ธรรมแลว จึงกลา ววาลกู ขา พเจาขออนุโมทนาสว นบุญอันสามเณรใหแลว . กธ็ รรมดาพวกภิกษุผูถงึพรอ มดวยศลี ยอ มเปนที่รักของโลกพรอ มทั้งเทวโลกดว ยประการฉะน้ี. เหลา

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 400เทวดามคี วามละอาย มีความเคารพในสามเณรน้นั ยอ มสําคัญสามเณรนน้ัเหมือนทาวมหาพรหม และเหมอื นกองไฟ ยกนางยักษณิ ีนน้ั ขนึ้ เปนท่ีเคารพดแู ล ดว ยความเคารพในสามเณร ไดใ หอ าสนะ นํา้ กอ นขา วอนั ลาํ้ เลศิ แกนางยกั ษณิ ดี ว ยสาํ คญั วา มารดาของสานุ ดังนี้ ในสถานท่ฟี งธรรมและยักข-สมาคม เปนตน พวกยกั ษ ผูมศี ักด์ิใหญ พบนางยกั ษิณนี ั้นหลีกทางใหลกุจากอาสนะ. คร้ังนั้น สามเณรนัน้ ถงึ ความเจรญิ มอี ินทรยี แกกลา ถกู ความไมยินดบี ีบคนั้ เมอื่ ไมอาจจะบรรเทาความไมย นิ ดีได จึงปลอยใหผมและเลบ็ ยาวรกรงุ รงั ทัง้ สบงและจีวรสกปรกเหลอื เกิน ไมบอกแกใคร ถอื บาตรและจีวรไปยังประตเู รอื นของมารดาแตผูเดียวเทาน้ัน. อุบาสกิ าเห็นสามเณรไหวแลวไดกลา ววา ลกู เมอื่ กอน เจา มาในท่นี ก้ี บั อาจารยอปุ ช ฌายะ หรอื ภกิ ษุหนมุและสามเณร เพราะเหตุไร ในวนั น้ี เจามาแลว แตผ เู ดียวเลา. สามเณรน้นับอกความเปนผกู ระสัน. อบุ าสิกาเปนคนมีศรัทธา แสดงโทษในการอยูค รองเรอื นโดยประการตา ง ๆ กลา วสอนสามเณร เมื่อไมอาจจะใหส ามเณรน้ันยินยอมได คดิ วา กระไรเสยี สามเณรจกั กําหนด แมตามธรรมดาของตนได จึงชักชวนกลา ววา ลูก เจาจงหยุดอยจู นกวา แมจะใหจ ดั ขาวยาคแู ละภัตพรอ มแกเจา แมจกั ถวายผา ท่ีพอใจแกเ จา ผดู ่มื ขาวยาคทู ําภัตกิจเสรจ็ แลว ดงั นี้ แลวจึงจดั อาสนะถวาย. สามเณรนั่งแลว. อบุ าสกิ าใหจ ัดขา วยาคแู ละของขบเค้ยี วถวายเสร็จแลวโดยครเู ดยี วเทา นั้น. ตอ มา นางคิดวา จกั ใหจดั ภัตใหพ รอมนั่งซาวขาวอยใู นท่ีไมไกล. สมัยน้นั นางยักษณิ นี ้ัน ราํ พึงอยวู า สามเณรไดอาหารอะไร ในที่ไหนหนอแล หรือไมไ ด รูวา สามเณรน้ันนงั่ แลว เพราะจะสกึ คดิ วา สามเณรอยาพงึ ใหค วามละอายเกดิ ขนึ้ ระหวางเทวดาของเรา เราจะไปทําอันตราย ในการสกึ ของสามเณรนนั้ มาแลวสง่ิ ที่รางบดิ คอใหลม ลงที่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook