Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_25

tripitaka_25

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:37

Description: tripitaka_25

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 401พื้น. สามเณรนั้น มนี ัยตาเหลือก นํา้ ลายไหล ดนิ้ อยูทพ่ี ้นื . เพราะเหตุนน้ัทา น จึงกลาววา บตุ รชื่อวา สานุของอุบาสิกาถกู ยักษส ิงแลว. บทวา อชฺฌภาสิ ความวา อุบาสกิ า เหน็ อาการแปลกน้นั ของบตุ รมาแลว โดยเร็ว กอดบตุ รใหนอนบนขา. ชาวบานทง้ั ส้ินมาทําพธิ ีมพี ลกี รรมเปนตน . อบุ าสิกา เมอื่ คราํ่ คราญ ไดกลา วคาถาเหลา น้ี. บทวา ปารหิ ารกิ ปก-ฺขจฺ ความวา พวกมนษุ ยคดิ วา เราจกั ทาํ การรับและการสง อุโบสถดิถีที่ ๘จึงสมาทานองคอ โุ บสถในดิถที ่ี ๗ บา ง ดิถที ี่ ๙ บา ง. เม่อื ทําการรับและการสง ดถิ ที ่ี ๑๔ และ ๑๕ สมาทานในดถิ ีที่ ๑๓ บา ง ในวันปาฏิบทบา ง. มนุษยคิดวา พวกเราจกั ทาํ การสงการอยูจําพรรษา เปนผูรักษาอุโบสถเปน นติ ย ก่ึงเดือนระหวา งปวารณาทง้ั สอง. อุบาสิกา หมายเอาขอน้ี จึงกลาววา ปาริหา-รกิ ปกขฺ ฺจ. บทวา อฏ งคฺ สุสมาคต ความวา ประกอบดว ย คือประกอบดแี ลว ดว ยองค ๘. บทวา พฺรหมฺ จริย แปลวา ประพฤตปิ ระเสริฐ.บทวา น เตหิ ยกขฺ า กฬี นฺติ ความวา พวกยักษ ยอมไมส งิ ชนเหลา นนั้เลน. นางยกั ษณิ ี สิ่งท่ีรา งของสามเณรแลว จงึ กลา ว คาถาเหลานี้วา จาตุททฺ สึดังนอี้ กี . บทวา อาวิ วา ยทิ วา รโห ความวา ในท่ตี อหนา หรือในท่ีลบั หลังใคร ๆ. บทวา ปมตุ ฺยตฺถิ ตัดบทวา ปมตุ ตฺ ิ อตฺถิ แปลวา ความพน มอี ยู. บทวา อุปฺปจจฺ าป แปลวา แมเ หาะไป. นางยักษณิ กี ลา ววา ถาเจา จะเหาะหนีไป เหมือนนก แมอยางนนั้ เจาก็พน ไปไมได. กแ็ ลคร้นั กลา วอยา งน้ีแลว จึงปลอยสามเณร. สามเณรลืมตา. มารดา สยายผม รองไหสะอึกสะอืน้ . สามเณรนัน้ ไมร ูว า เราถกู อมนุษยสิงแลว. กส็ ามเณร แลดูอยูคิดวา ในกอ น เรานง่ั บนตัง่ แลว มารดานัง่ ซาวขา วอยใู นทไี่ มไ กลเรา แตเ ด๋ยี วนี้ เรานง่ั แลวบนพน้ื สวนมารดาของเรา รองใหส ะอึกสะอืน้ อยู แมชาว

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 402บานทงั้ สิน้ ก็ประชมุ กนั แลว นน่ั อะไรกันหนอแลดงั น้ี ทงั้ ท่ีนอนนน่ั แหละกลา วคาถาวา มต วา อมมฺ เปนตน . บทวา กาเม จชติ วฺ าน ความวา ละกามแมสองอยา ง. บทวา ปุนอาคจฉฺ เต ไดแก ยอ มมาดวยอํานาจการสึก. บทวา ปุน ชีว มโต หิ โสความวา คนใดสกึ แลว แมจ ะเปน อยูตอ ไปอีก ก็เหมอื นตายแลว เพราะฉะน้ันญาติและมติ รทง้ั หลายยอมรองไหถงึ บุคคลน้ัน. บัดนี้ นางเมื่อแสดงโทษในการอยูครองเรอื นแกส ามเณรนั้น จงึ กลา วคําเปนตนวา กกุ กฺ ฬุ า ดงั น.้ีบรรดาบทเหลานั้น บทวา กกุ ฺกฬุ า ความวา ไดย นิ วา การอยคู รองเรือนชือ่วา เถารงึ เพราะอรรถวารอ นระอ.ุ บทวา กสสฺ อชุ ฌฺ าปยามเส ความวามารดา กลา วอยา งนีว้ า ขอทา นจงชว ยกัน ขอความเจรญิ จงมีแกทานดงั น้ีแลว กลาวอยวู า เจา อยากสกึ ถูกยักษสงิ เราจะยกโทษบอกอาการอันแปลกน้ีแกใครเลา. บทวา ปุน ฑยฺหิตมุ ิจฺฉติ ความวา เจา ออกจากเรอื นบวช ในพระพทุ ธศาสนาแลว เหมือนสิ่งของท่เี ขาขนออกแลว จากเรือนท่ไี ฟไหม แตทา นยงั ปรารถนาจะถกู เผาในการอยคู รองเรอื น เชน ถูกเผาใหญอ ีกหรือ. เมอ่ืมารดากลาวอยู สามเณรน้ัน กาํ หนดแลว กลับไดหริ ิและโอตตัปปะ จึงกลา ววา เราไมตอ งการเปน คฤหัสถ. คร้ังนั้น มารดาของสามเณรนั้น ยินดวี า ดีละลกู ดงั นี้ ถวายโภชนะอันประณีตใหฉ นั แลว จึงถามวา ลกู เจา อายุก่ีป.สามเณรตอบวา แม ยสี่ บิ ปบรบิ รู ณ. อบุ าสกิ ากลาววา ลูก ถาเชน นน้ั ขอเจา จงทาํ การอุปสมบทเถิด ไดถวายผา จีวรแลว. สามเณรน้ัน ใหท าํ จวี รแลวอปุ สมบท เรยี นพระพทุ ธพจนอยู ทรงพระไตรปฎ ก ยังพระพุทธพจนนัน้ ใหบรบิ รู ณ ในอาคตสถานแหง ศีลเปน ตน ไมนาน บรรลคุ วามเปน พระอรหนั ต

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 403เปน พระธรรมกถึกผใู หญ ดํารงอยไู ด ๑๒๐ ป ใหชมพทู วปี ทั้งส้ินส่ันสูเทอื นแลวก็ปรินิพพาน. จบ อรรถกถาสานสุ ตู รที่ ๕ ๖. ปยังกรสตู ร วา ดวยการปฏบิ ตั ใิ หพ นจากกําเนิดปศ าจ [๘๑๙] สมยั หนงึ่ ทา นพระอนุรทุ ธะอยใู นพระวิหารเชตวัน อารามของทานอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี ในกรุงสาวตั ถ.ี สมยั นนั้ แล ทานพระอนุรทุ ธะลกุ ขึน้ ในเวลาใกลร งุ แหง ราตรี กลา วบทแหง พระธรรมอยู. [๘๒๐] ครงั้ น้ันแล นางยกั ษิณีผเู ปน มารดาของปยังกระปลอบบตุ รนอ ยอยา งน้ีวา ปยงั กระ อยาวอึกทึกไป ภกิ ษกุ าํ ลัง กลาวบทพระธรรมอยู อน่ึง เรารแู จงบท พระธรรมแลว ปฏิบตั ิ ขอนนั้ จะพงึ มีเพ่ือ ประโยชนเกอื้ กูลแกเ รา. [๘๒๑] เราสาํ รวมในเหลา สัตวม ีปราณ เรา ไมก ลา วเทจ็ ทั้งท่รี ูอยู เราศึกษา ทาํ ตนไห เปนผูม ศี ีลดีนั่นแหละ เราจะพนจากกาํ เนดิ ปศาจ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 404 อรรถกถาปยังกรสตู ร พึงทราบวินจิ ฉยั ในปยงั กรสูตรที่ ๖ ตอไปนี้ :- บทวา เชตวเน ความวา พระอนุรุทธะ อยใู นวหิ ารชอ่ื โกสมั พกฏุ ีทา ยพระเชตวัน. ธรรม ๒๖ วรรคทานยกข้ึนรวบรวมไวแ ผนกหนึ่ง ประสงคว าต ในบทน้ีวา ธมมฺ ปทาน.ิ สมัยนนั้ พระเถระ นั่งภายในวิหาร ณ ท่นี ้นั สวดอปั ปมาทวรรคเปนสรภัญญะ ดว ยเสยี งไพเราะ. บทวา เอว โตเสส ความวาไดยนิ วา นางยักษณิ นี ั้น อมุ บตุ รช่ือปย ังกระ แสวงหาอาหารอยู ตง้ั แตขางหลังพระเชตวัน มงุ ตรงตอ พระนคร โดยลําดบั แสวงหาอยซู ึ่งของกนิ ที่เสียคอื อุจจาระ ปสสาวะ นา้ํ ลาย น้ํามกู ถึงสถานที่อยขู องพระเถระ ไดฟ ง เสียงอนั ไพเราะ. เสียงนั้น ตัดผวิ หนังเปน ไปจดเยือ่ ในกระดูก เขาไปถึงหัวใจของนางหยุดอย.ู ครง้ั นน้ั นางยักษณิ นี ้นั ไมค ดิ ในการแสวงหาอาหาร นางยืนเง่ียโสตลงฟงธรรม. สว นยกขทารก ไมมีจติ ในการฟงธรรมเพราะเปน หนุม .เขาถกู ความหิวเบียดเบยี นแลว จงึ เดือนมารดาแลว ๆ เลา ๆ วา เพราะเหตุไรแมจงึ ยนื ไมไ หวติงเหมือนตอ ในทีแ่ มม าแลว ไมแ สวงหาของเคย้ี ว หรือของบริโภคสาํ หรบั ลูก. นางคิดวา บุตรจะทาํ อนั ตรายแกก ารฟงธรรมของเรา จึงปลอบบุตรนอยอยา งน้ีวา ปยังกระ อยาสงเสียงดัง. ในบทนนั้ บทวา มาสทฺทมกริ ไดแ ก อยาไดส ง เสียงดงั . นางแสดงศีล ๕ ที่สมาทานแลว ตามธรรมดาของคนดว ยคาถาวา ปาเณสุ จ ดงั น้ี. ในบทเหลาน้นั บทวาสยฺ มามเส ไดแ กเราสํารวม คือเปน ผสู ํารวมแลว. นางงดเวนจากปาณาติบาต

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 405ดวยบทนี้. งดเวนจากมสุ าวาทดวยบทที่สอง. การงดเวน สามอยางทเ่ี หลอื ดวยบททีส่ าม. บทวา อป มจุ เฺ จม ปสาจโยนยิ า นางยกั ษิณกี ลาววา ลกูเราละเวร ๕ เหลาน้ี ที่เกดิ ข้นึ ในยกั ขโลกเสยี แลว ปฏิบัติโดยอบุ ายอนั แยบคายแลว จงึ จะพน จากกาํ เนิดยักษปศ าจซ่ึงมภี กิ ษาหายาก ท้ังจะพากันอดตาย. จบอรรถกถาปย งั กรสูตรที่ ๖ ๗. ปนุ พั พนสุ ูตร นางยักษณิ ปี ลอบใหลูกฟงธรรม [๘๒๒] สมัยหนงึ่ พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยูใ นพระวิหารเชตวันอารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐี ในกรงุ สาวัตถ.ี สมยั น้นั แล พระผูมีพระภาคเจาทรงยงั ภกิ ษทุ ง้ั หลายใหเ ห็นแจง ใหสมาทาน ใหอาจหาญ ใหร ่นื เริงอยดู วยธรรมีกถาอันปฏสิ งั ยุตดวยพระนิพพาน. ภกิ ษุเหลาน้นั ตั้งใจมนสิการ ประมวลไวดว ยใจทัง้ หมด เงยี่ โสตลงสดบั พระธรรม. [๘๒๓] ครง้ั น้นั แล นางยกั ษผี ูเปนมารดาของปนุ พั พสุปลอบบุตรนอ ยอยางน้ีวา นิง่ เสียเถิดลกู อตุ รา นง่ิ เสยี เถิดลกู ปุนัพพสุ จนกวา แมจะฟง ธรรมของพระ- พุทธเจาผูประเสริฐ ผเู ปนพระศาสดาจบ พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสนิพพานอันเปน เครื่องเปลื้องตนเสยี จากกเิ ลสเครอ่ื ง

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 406 รอยรัดทั้งปวง เวลาทีป่ รารถนาใน ธรรมน้นั จะลว งเลยแมไ ปเสยี ของลูกตน เปน ทร่ี กั ในโลก ผวั ของตนเปนท่รี กั ในโลก แตความปรารถนาในธรรมนัน้ เปนท่ีรัก ของแมยิง่ กวา ลกู และผวั นัน้ เพราะลกู หรือผัวท่ีรกั พึงปลดเปล้ืองจากทกุ ขไ มได เหมือนการฟงธรรมยอ มปลดเปล้อื งเหลา สัตวจากทกุ ขไ ด ในเมื่อโลกอันทกุ ข วงลอมแลว ประกอบดวยชราและมรณะ แมปรารถนาจะฟงธรรม ทีพ่ ระพุทธเจา ตรัสรดู ว ยพระปญ ญาอนั ย่งิ เพ่อื พน จาก ชราและมรณะ จงน่งิ เสยี เถิดลูกปุนพั พส.ุ[๘๒๔] ปุนพั พสุพดู วา แมจา ฉันก็จกั ไมพ ดู อุตรานอ งสาว ของฉันก็จักเปน ผนู ง่ิ เชญิ แมฟ งธรรม อยา งเดยี ว การฟงพระสทั ธรรมนําความ สุขมาให แมจา เราไมรูพระสัทธรรมจึง ไดเ ท่ียวไปลําบาก พระพุทธเจา พระองคน ้ี เปนผู ทาํ ความสวา งไสวแกเ ทวดาและ มนษุ ยผลู มุ หลง มีพระสรรี ะคร้งั สดุ ทาย มพี ระจักษุ แสดงธรรมอยู.

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 407 [๘๒๕] ยกั ษณิ พี ดู วา นาชนื่ ชมนกั ลูกผนู อนนอกของ แมเปนคนฉลาด ลกู ของแมยอ มรักใคร พระธรรมอันบรสิ ทุ ธิ์ของพระพุทธเจา ผู ประเสริญ ปนุ ัพพสเุ จาจงมคี วามสุขเถิด วันน้แี มเ ปน ผูยางขน้ึ ไปในพระศาสนา แมและเจาเหนอริยสจั แลว แมแ มอ ุตรก็ จงฟง แม. อรรถกถาปนุ ัพพสุสูตร พงึ ทราบวินิจฉยั ในปุนพั พสุสตู รท่ี ๗ ตอไปน.้ี บทวา เตน โข ปน สมเยน ไดแ ก สมยั ไหน. สมยั ดวงอาทติ ยตก.ไดย นิ วา ในกาลนน้ั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงธรรมแกมหาชนภายหลังเสวยพระกระยาหาร ทรงสง มหาชนแลว สรงสนานในซุมลงสรง ประทบั น่งั .ตรวจดโู ลกธาตุทางทศิ ตะวันออก บนบวรพทุ ธาสนะที่เขาจัดไวใ นบริเวณพระ-คนั ธกุฏ.ี ครัง้ นัน้ พวกภกิ ษผุ ูถือผา บังสกุ ลุ และบณิ ฑบาตเปน วตั ร จาริกไปรปู เดียว หรือสองรูปเปน ตน ออกจากทพ่ี ักกลางวนั และทอี่ ยขู องตน ๆ แลวมาถวายบังคมพระทศพล นัง่ ประหนึ่งวงอยูดว ยมา นแดง. คร้งั น้นั พระศาสดาทรงทราบอัธยาศัยของภกิ ษุเหลา นั้น จงึ ตรัสธรรมกี ถา ประกอบดวยนพิ พาน. บทวา เอว โตเสสิ ความวา ไดยินวา นางยกั ษิณีมารดาปุนัพพสุนัน้ อมุ ธิดา จูงบตุ ร กาํ ลงั แสวงหาอจุ จาระ ปสสาวะ น้ําลายและนํา้ มกู

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 408เปนตนที่รมิ กาํ แพงและริมค.ู หลงั พระเชตวนั ไปถึงซุมประตพู ระเชตวนัโดยลําดบั . กพ็ ระสรุ เสยี งของพระผูมพี ระภาคเจา ตรสั อยวู า อานนท เธอนําบาตรมาเถิด นาํ จวี รมาเถิด จงใหท านแกคนกินเดนเถดิ ดงั น้ี แผไ ปโดยรอบไดประมาณ ๑๒ ศอกเทา นัน้ . ถาบรษิ ัท นงั่ อยถู งึ ที่สดุ จกั รวาล พระสรุ เสียงของพระองค ผทู รงแสดงธรรมอยู ยอมไปถงึ บริษทั ยอ มไมเ ลยออกไปภายนอกบริษทั แมเ พียงองคลุ ีหน่งึ ดวยพระดํารวิ า พระสรุ เสียงอนั ไพเราะ อยา เสยี ไปโดยไมใ ชเหตเุ ลย. นางยักษณิ นี ี้ ยืนอยูภ ายนอกบริษทั จึงไมไ ดย ินเสียงในทน่ี ้นั . เม่ือนางยนื ทซี่ มุ พระทวาร ยนื เฉพาะพระพกั ตรโ ดยพทุ ธวถิ ีอันใหญพระคนั ธกุฏยี อมปรากฏ. นางเห็นบริษทั ไมไหวติง เวนการคะนองมอื เปนตนดว ยความเคารพในพระพทุ ธเจา เหมอื นเปลวประทีป ในทีไ่ มมีลมแลว คดิ วากใ็ นที่น้ี จกั มสี ่งิ ของบางสง่ิ แจกแน เราจักไดซึง่ เนยใส นํา้ มัน น้ําผงึ้ และนาํ้ ออยเปนตน อยา งใดอยา งหน่ึงแน ทไ่ี หลออกอยูจ ากบาตรบา ง จากมือบางก็หรือท่ีตกแลวบนพนื้ ดังนี้ จึงเขา ไปภายในวิหาร. อารกั ขเทวดาส่งิ อยทู ซ่ี มุประตเู พอื่ หามอวรุทธกยกั ษ เหน็ อุปนิสยั ของนางยักษณิ ีแลวจงึ ไมหาม.พระสุรเสียงอันไพเราะตดั ผวิ เปน ตน ไปจดเยอื่ ในกระดูกของนางพรอมกบั การไปโดยความเปน อนั เดียวของบรษิ ัทตง้ั อยู. บตุ รนอ ยท้งั หลาย เตอื นนางยกั ษิณีนัน้ ผูยนื ไมไ หวติงเพอ่ื ฟงธรรม โดยนยั กอ นน่ันแล. นางยกั ษีน้ันคิดวาบุตรนอ ยท้งั หลายจะทําอันตรายแกก ารฟงธรรมของเรา ดังนี้ จงึ ปลอบบตุ รนอ ยทั้งหลายอยา งนว้ี า นิ่งเสยี เถิด ลกู อตุ รา ดงั น.้ี ในบทเหลานัน้ บทวา ยาว ความวา ขอลูกจงนิ่งตลอดเวลา ทแ่ี มฟงธรรมเถดิ . บทวา สพพฺ คนถฺ ปฺปโมจน ความวา กเิ ลสเคร่อื งรอยรัดทัง้ ปวง ยอมพนไป เพราะถงึ นพิ พาน เพราะฉะน้นั นพิ พานนัน้ ทานกลา ววาเปนท่พี น ไปจากกิเลสเครือ่ งรอยรดั ทัง้ ปวง. บทวา อตเิ วลา ความวา ลว งเวลา

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 409คือเกนิ ประมาณ. บทวา ปยายนา ไดแ ก ความแสวงหาคอื ปรารถนา. บทวาตโต ปย ตร ความวา ความแสวงหา ความปรารถนาธรรมนีใ้ ด ขอ นเี้ ปนทีร่ ักของเรากวา ลกู และผวั น้ัน. อนึ่งพระบาลวี า ปยตรา ดังนกี้ ม็ .ี บทวา ปาณนิ ความวา เหมอื นการฟงพระสทั ธรรม ยอ มเปลื้องเหลา สตั วจ ากทุกขไ ด. ยอมเปลื้องเหลาสตั วอ ะไระ ควรนําบทวา ปาณิน มากลา ว. บทวา ย ธมฺมอภสิ มพฺ ธุ  ความวา พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั รธู รรมใด. บทวา ตุณฺห-ีภูตายมตู ฺตรา ความวา ปุนัพพสุกลาววา ฉันจกั ไมพดู เลย แมอ ตุ ตรานองสาวน้ีของฉนั ก็จกั เปนผูนงิ่ . บทวา สทฺธมมฺ สฺส อนฺาย ความวาเเม เราไมร ูพระสัทธรรมนแ้ี ล แมในกาลกอ น บัดนี้ จึงเสวยทกุ ข มคี วามหิวกระหายเปนตนนี้ เทีย่ วไปลําบาก คืออยลู าํ บาก. บทวา จกฺขุมา ไดแ ก มพี ระจักษุ ดว ยพระจักษุ ๕. พระผมู ีพระภาคเจา เมอื่ ทรงแสดงธรรม ทรงกําหนดบรษิ ทั ทรงเห็นอปุ นสิ ัยแหงโสดาปต ติผลของนางยกั ษิณีนั้น และยกั ขทารก เปล่ยี นเทศนาแลว จงึ มาแสดงเรอื่ งสจั จะ ๔. นางยกั ษณิ นี ั้น ยืนฟงธรรมอยูในประเทศนน้ั แล กบั บุตรต้ังอยูในโสดาปตตผิ ล. สว นธิดาของนางยกั ษณิ นี ั้น กม็ ีอปุ นิสัย. แตไ มอ าจจะรับเทศนาได เพราะเปนเดก็ เกินไป. บดั น้ี นางยกั ษณิ ีนนั้ เมอ่ื จะทําอนโุ มทนาแกบตุ ร จึงกลา วคาํ วา ดีหนอลกู ขอวา เปน บัณฑิตดงั นีเ้ ปน ตน. บทวา อชชฺ าหมหฺ ิ สมุคฺคตา ความวาแมเปน ผขู ้นึ พรอ มแลว แตว ันน้ี อกี อยา งหนงึ่ เปนผูย า งพรอ มแลว ในพระ-ศาสนา แมเ จาจงมีความสขุ เถดิ . บทวา ทิฏานิ ความวา แมและเจาเหน็อริยสัจ ๔. บทวา อตุ ฺตราป สุณาตุ เม นางยักษิณีกลาววา ขอแมอ ตุ ตราจงยนื ฟงสจจั ะ ๔ ท่แี มแทงตลอดเถดิ . นางยกั ษีณีนั้น ละภาวะมีฝและหดิ เปน ตนทง้ั หมด เหมอื นสจู ิโลมยกั ษ พรอ มดวยการแทงตลอดสจั จะน่ันแล จงึ กลบั ไดทิพยสมบัตพิ รอมดว ยบตุ ร. เมือ่ มารดาและบิดาไดความเปนใหญใ นโลก ความ

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 410เปนใหญน ้ัน กม็ ีแกบุตรท้งั หลายดว ยชื่อฉนั ใด สวนธดิ าของนางไดสมบตั แิ ลวดวยอานภุ าพของมารดาฉันน้นั . จาํ เดนิ แตนน้ั นางกับดวยบตุ รนอยท้งั หลายไดต น ไมเ ปน ท่อี ยู ณ ตนไมใกลพ ระคนั ธกฏุ แี ลว ไดเ ฝา พระพุทธเจา ฟงธรรมทั้งเชา เยน็ อยจู าํ เพาะในท่นี ้นั แล ตลอดกาลนาน. จบอรรถกถาปุนพั พสสุ ูตรที่ ๗ ๘. สุทตั ตสตู ร อนาถบิณฑกิ คหบดเี ขา เฝา พระพุทธเจาครง้ั แรก [๘๒๖] สมัยหนงึ่ พระผูมพี ระภาคเจา ประทับในสตี วัน กรงุ ราชคฤห. สมัยน้นั แล อนาถบณิ ฑกิ คฤหบดีไปถงึ กรุงราชคฤหด ว ยกรณยี กจิบางอยาง. อนาถบิณฑกิ คฤหบดีไดสดบั วา เขาลอื กันวา พระพทุ ธเจาเสดจ็ อุบตั ิแลว ในโลก ในขณะนัน้ เอง ปรารถนาจะเขา เฝา พระผมู พี ระภาคเจา . ครั้งนนั้ แล ทานอนาถบณิ ฑิกคฤหบดีไดดาํ รวิ า วันนเี้ ปนกาลไมควรเพ่อื จะเขาเฝาพระผมู พี ระภาคเจา พรุงนี้เถดิ เราจึงจักเขา เฝา พระผูม พี ระภาคเจาตามเวลา ทา นคฤหบดนี อนราํ พงึ ถึงพระพุทธเจา สาํ คัญวาสวางแลวลกุ ขน้ึ ในราตรถี งึ ๓ คร้ัง. ลําดับน้ัน ทานคฤหบดีเดินไปทางประตปู า ชา พวกอมนษุ ยเ ปดประตใู ห. [๘๒๗] คร้นั เมอ่ื อนาถบิณฑกิ คฤหบดีออกจากเมอื งไป แสงสวา งกอ นตรธานไป ความมืดปรากฏขน้ึ ความกลวั ความหวาดเสยี ว ขนพองสยองเกลา บงั เกดิ ขนึ้ ทานคฤหบดีจึงใครท ี่จะกลับเสียจากทน่ี นั้ .

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 411 คร้งั นั้น ยกั ษชื่อสวี กะไมปรากฏรางไดส งเสียงใหไดย ินวา ชางแสนหนึง่ มาแสนหนง่ึ รถเทียม ดว ยมา อัสดรแสนหนึ่ง หญิงสาวทสี่ อด สวมแกว มณีและกณุ ฑลแสนหนึง่ ยอม ไมถ งึ เสย้ี วท่ี ๑๖ อนั จาํ แนกแลว ๑๖ ครั้ง แหงการยกยา งเทาไปกา วหน่งึ ทา นจง กาวหนา ไปเถดิ คฤหบดี ทานจงกาวหนา ไปเถดิ คฤหบดี การกา วหนา ไปของทา น ประเสรฐิ การถอยหลงั ไมป ระเสริฐเลย. คร้งั น้ันแล ความมืดไดห ายไป แสงสวา งปรากฏขน้ึ แกท านอนาถบณิ ฑิกคฤหบดี ความกลวั ความหวาดเสยี ว และขนพองสยองเกลากร็ ะงบั ไป. [๘๒๘] แมครงั้ ที่ ๒ แสงสวา งหายไป ความมดื ปรากฏขึ้นแกทานอนาถบิณฑกิ คฤหบดี ความกลวั ความหวาดเสียว และขนพองสยองเกลาบังเกดิ ขึ้น ทานคฤหบดจี ึงใครที่จะกลบั เสยี จากท่ีนนั้ อีก. แมค รงั้ ท่ี ๒ ยกั ษช อื่ สวิ กะไมปรากฏรางไดสงเสยี งใหไ ดยนิ วา ชา งแสนหนึง่ มาแสนหนึง่ รถเทยี ม ดว ยมาอสั ดรแสนหน่งึ หญงิ สาวท่ีสอด สวมแกวมณแี ละกณุ ฑลแสนหนง่ึ ยอม ไมถงึ เสีย้ วที่ ๑๖ อนั จาํ แนกแลว ๑๖ คร้งั แหงการยกยางเทาไปกาวหน่งึ ทา นจง กาวหนาไปเถิด คฤหบดี ทานจงกาวหนา ไปเถิด คฤหบดี การกาวหนา ไปของทา น ประเสริฐ การถอยหลงั ไมป ระเสริฐเลย.

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 412 ครัง้ นั้นแล ความมืดไดหายไป แสงสวางปรากฏขนึ้ แกท า นอนาถบิณฑิกคฤหบดี ความกลัว ความหวาดเสยี ว และขนพองสยองเกลากร็ ะงบั ไป. [๘๒๙] แมครั้งที่ ๓ แสงสวา งหายไป ความมืดปรากฏขน้ึ แกท า นอนาถบณิ ฑิกคฤหบดี ความกลัว ความหวาดเสยี ว และขนพองสยองเกลาบงั เกิดขึน้ ทานคฤหบดีจึงใครท ีจ่ ะกลับเสยี จากทน่ี ้ันอกี . แมครง้ั ท่ี ๓ ยกั ษช่ือสิวกะไมป รากฏรา งไดส งเสียงใหไ ดยนิ วา ชา งแสนหนง่ึ มาแสนหนง่ึ ฯลฯ ยอมไมถ ึงเสย้ี วที่ ๑๖ อันจําแนกแลว ๑๖ ครั้ง แหง การยกยางเทา ไปกาวหนึ่งทาน จงกาวหนา ไปเถิด คฤหบดที านจงกาวหนา ไปเถิด คฤหบดี การกา วหนา ไปของทา น ประเสรฐิ การถอยหลงั ไมป ระเสริฐเลย. ครงั้ นั้นแล ความมืดไดหายไป แสงสวา งไดปรากฏข้นึ แกท า นอนาถ-บิณฑกิ คฤหบดี ความกลวั ความหวาดเสียว และขนพองสยองเกลา ก็ระงับไป. [๘๓๐] ครง้ั นั้นแล อนาถบิณฑิกคฤหบดเี ดินเขา ไปถงึ สตี วนั . สมัยน้นั แล พระผมู ีพระภาคเจา เสด็จลกุ ข้ึนในเวลาใกลรุงแหงราตรีเสด็จจงกรมอยูในท่ีแจง พระองคไ ดทอดพระเนตรเห็นอนาถบิณฑกิ คฤหบดีผูมาแตไกล ครนั้ แลว เสด็จลงจากที่จงกรมประทบั นั่งบนอาสนะท่ปี ูลาดไว ครน้ัแลว ไดต รสั เรยี กอนาบณิ ฑิกคฤหบดวี า มานเี ถดิ สุทัตตะ. ครง้ั นนั้ แล อนาถบิณฑิกคฤหบดคี ดิ วา พระผมู พี ระภาคเจาทรงทกัเราโดยช่ือ จึงหมอบลงแทบพระบาทของพระผมู ีพระภาคเจาดว ยเศียรเกลา ในที่นั้นเอง แลว กราบทูลวา ขาแตพ ระผูมพี ระภาคเจาผเู จริญ พระองคประทบัอยเู ปน สขุ หรอื พระเจาขา.

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 413 [๘๓๑] พระผมู ีพระภาคเจา ตอบวา พราหมณผ ดู ับกิเลสเสยี ไดแ ลว ไมติด อยใู นกามทงั้ หลาย เปนผเู ย็น ปราศจาก อปุ ธิ ยอ มเปน สุขเสมอไป ผทู ่ีตดั ตณั หา เครอ่ื งเกีย่ วของไดห มดแลว กําจัดความ กระวนกระวายในใจเสียได เปน ผูสงบอยู เปน สุข เพราะถึงสันตดิ ว ยใจ. อรรถกถาสุทตั ตสูตร พึงทราบวนิ ิจฉัยในสทุ ตั ตสูตรท่ี ๘ ตอไปนี้ :- บทวา เกนจเิ ทว กรณเี ยน ไดแก ประสงคเอาพาณิชยกรรม.อนาถบณิ ฑกิ คฤหบดี และราชคหเศรษฐี เปน คูเ ขยกนั และกนั . เม่อื ใด ในกรุงราชคฤห มสี นิ คาสง ออกมคี า มาก เมอื่ นั้น ราชคหเศรษฐี พาเอาสินคา นน้ัไปกรุงสาวัตถีดว ยเกวียนรอ ยเลม พักอยูในทป่ี ระมาณโยชนหนึ่งใหผูอ่ืนรวู า ตนมาแลว. อนาถบณิ ฑกิ คฤหบดี ไปตอ นรบั ทําสกั การะเปน อันมากแกเ ขาแลวจงึ ขน้ึ ยานเดยี วกนั เขา ไปกรงุ สาวัตถ.ี ถา วา สินคา จาํ หนายไดเ ร็ว เขากจ็ าํ หนายถาจาํ หนา ยไมไ ด กจ็ ะเก็บไวใ นเรือนพีส่ าวแลว ก็หลีกไป. แมอ นาถบิณฑกิคฤหบดี กก็ ระทําอยา งน้นั เหมือนกนั . แมใ นกาลนัน้ อนาถบณิ ฑกิ คฤหบดีน้ี

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 414น้ัน ไดไปดว ยกรณียกิจนนั้ แล. ขอ นัน้ ทานหมายถงึ กรณียกิจน้นั จึงกลา วแลว. กใ็ นวันนั้น ราชคหเศรษฐี ไดฟ งขาว อันอนาถบิณฑกิ คฤหบดพี กัอยใู นท่ีประมาณโยชนหน่งึ สงไปแลว เพ่อื จะไดรูวาคนมาแลว จึงไดไปวหิ ารเพ่ือฟงธรรม. เขาฟงธรรมกถาแลว นมิ นตภิกษสุ งฆมพี ระพทุ ธเจาเปนประมขุเพื่อฉันในวนั พรุง จึงใหชว ยกนั ขดุ เตาไฟ และผาฟน เปน ตน ในเรอื นของตน.แมอนาถบิณฑกิ คฤหบดีคดิ วา ทา นเศรษฐี จักทาํ การตอนรับเราบดั นี้ จกั ทําเด๋ยี วนี้ แมท ่ปี ระเรอื น ก็ไมไ ดก ารตอ นรับ จงึ เขาไปภายในเรอื น กไ็ ดการปฏสิ นั ถาร ไมมากนัก. การปฏสิ นั ถารไดมีประมาณเทานีว้ า ทานมหาเศรษฐีทานไมเหน็ดเหน่อื ยในหนทางของรูปทารกในตระกลู หรอื . อนาถบณิ ฑกิคฤหบดนี ั้น เห็นการขวนขวายมากของทานเศรษฐนี ัน้ แลว ยงั ถอ ยคาํ ใหเปน ไปโดยนยั มาแลว ในขันธกะวา ขาแตทา นคหบดี ทานจักมีอาวาหมงคลหรือ ดงั นี้ไดฟ ง เสียงวา พระพุทธเจา จากปากของทานราชคหเศรษฐนี นั้ ก็ไดป ต ิมีวรรณะ ๕. ปต ินัน้ ต้ังขึน้ ทีศ่ ีรษะของอนาถบณิ ฑกิ คฤหบดีนัน้ จนถงึ หลงั เทาตัง้ ข้นึ ทหี่ ลงั เทา แผไปจนถงึ ศรี ษะ. ต้งั ขึน้ แตขา งทัง้ สองรวมลงทามกลาง ตง้ัขนึ้ ทา มกลางแผไปโดยขางทง้ั สอง. เขาอนั ปต ถิ กู ตอ งชว่ั นริ ันดร จงึ กลา ววาคหบดี ขอทา นไดกลา ววาพระพทุ ธเจาเถิด. ขา พเจากลาวอยูว า พระพุทธเจา .ถามสามครงั้ อยา งน้ีแลว กลาววา เสียงวา พทุ โฺ ธ นั้นแล หาไดย ากในโลก.ทานหมายถงึ ขอนี้ จงึ กลาววา อนาถบณิ ฑกิ คหบดี ไดสดบั วา เขาลอื กนั วาพระพุทธเจา ทรงอุบตั ิแลว ในโลกดังน.้ี บทวา เอตทโหาสิ อกาโล โข อชฺช ความวา ทา นอนาถบณิ ฑกิคฤหบดถี ามทานเศรษฐวี า คหบดี พระศาสดา ประทับอยูทไ่ี หน. ครั้งน้นั ทา น

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 415เศรษฐี จงึ บอกแกท า นอนาถบณิ ฑิกคฤหบดีวา ธรรมดา พระพทุ ธเจา ท้ังหลายเขา ใกลไ ดย ากเชน กบั อสรพิษ พระศาสดา ประทบั อยูในปาชา ผเู ชนทา นไมอาจเพื่อจะไปเฝาในเวสานีใ้ นท่นี น้ั ได. ครั้งนนั้ ทานเศรษฐี ไดม ีความดํารินนั้ .บทวา พุทฺธคตาย สติยา นิปชชฺ ิ ความวา ไดย ินวา ในวนั น้ัน แมจิตของทา นอนาถบณิ ฑกิ คฤหบดี ไมเ กดิ ข้นึ ในเกวียนบนั ทุกสนิ้ คา หรอื ในคนใช ไมรับประทานอาหารมื้อเย็น ไดขนึ้ ปราสาท ๗ ช้นั เม่อื ทาํ การสาธยายวา พุทโฺ ธพุทฺโธ บนที่นอนอันประเสรฐิ ท่จี ดั ไวด แี ละตกแตงไวอยางดี นอนหลับไป.เพราะเหตนุ น้ั . ทานจงึ กลาววา เม่ือมสี ตถิ งึ พระพทุ ธเจา จึงหลับไป. บทวา รตฺตยิ า สุท ติกฺขตตฺ ุ อุฏาสิ ปภาตนตฺ ิ มฺ มาโนความวา เมื่อปฐมยามลว งไป เขาลกุ ข้ึนระลกึ ถงึ พระพทุ ธเจา. ในกาลน้ัน ความเล่อื มใสของอนาถบณิ ฑกิ นนั้ ไดเ กดิ มกี ําลัง. แสงสวางแหง ปต ไิ ดม แี ลว. ความมดื ก็หมดไป. เหมือนประทีปพันดวงลกุ โพลงและดวงจนั ทรด วงอาทติ ยขึ้นฉะนนั้ .อนาถบิณฑิกคฤหบดีนั้นคดิ วา เราถงึ แลว ซ่ึงความเสื่อมใส ถูกเขาลวงแลวดวงอาทติ ยข้นึ ดังนี้ แลว ลกุ ข้นึ ยนื บนพื้นอากาศ มองดูดวงจนั ทรค ิดวา ยามหนงึ่ ลว งไปแลว ยงั เหลอื อยอู กี สองยาม จึงเขา ไปนอนอกี . โดยอุบายน้ัน เขาลกุขนึ้ สามคร้งั คอื ในท่ีสดุ มัชฌมิ ยามครง้ั หน่งึ สวนในที่สุดปจฉิมยาม ลุกข้นึ ในเวลาจวนสวา งมายังพนื้ อากาศ มุงหนา ตอประตูใหญ. ประตู ๗ ชนั้ ไดเปดเองลงจากปราสาทเดินไประหวางทาง. บทวา ววิ รสึ ุ ความวา อมนุษยทง้ั หลายคดิ กันวา มหาเศรษฐนี ี้ออกไปดวยคิดวา เราจกั ไปอุปฏฐากพระพุทธเจา ต้ังอยูแลวในโสดาปตตผิ ลดวยการเห็นครั้งแรกแล ไดเปน อปุ ฏฐากอนั เลิศแหง พระรัตนตรัย ทําสังฆารามใหเ ปนสถานท่หี าท่ีเปรยี บมิได แตจักไมเปดประตูรับหมูพระอริยะผมู าจาก-จาตุรทศิ มหาเศรษฐนี ้ี ไมค วรปด ประตเู ลยดังนี้ จึงไดเ ปดแลว. บทวา

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 416อนฺตรธายิ ความวา ไดย ินวา กรงุ ราชคฤห มมี นุษยเ กลอื นกลนภายในเมอื ง เกา โกฏิ ภายนอกเมอื ง เกา โกฏิ รวมไดม นษุ ย ๑๘ โกฎิ เขาไปอาศยักรุงราชคฤหนัน้ อยู. พวกมนุษย ไมสามารถ เพือ่ จะนาเอาคนตายออกไปภายนอกในมิใชเวลาได วางไวบ นธรณีประตทู ิ้งไปภายนอกประต.ู มหาเศรษฐีพอออกไปภายนอกเมอื ง เทากเ็ หยียบซากท่ียงั สด. หลงั เทา ก็กระทบซากที่ยงั สด. หลังเทา กก็ ระทบซากแมอ ืน่ อกี . ฝูงแมลงวนั ก็บินขนึ้ กระจายออกรอบ ๆ. กลิ่นเหม็น ก็กระทบโพรงจมูก. ความเลื่อมใสในพระพุทธเจา ก็ถงึความลดนอยลง. เพราะเหตุน้ัน แสงสวางของมหาเศรษฐีนั้น กอ็ ันตรธานไป.ความมดื ปรากฏขึ้น. บทวา สททฺ มนสุ สฺ าเวสิ ความวา สวิ กยกั ษค ิดวาเราจักยังความอตุ สาหะใหเ กดิ แกเศรษฐีไดสง เสียงใหไดยินดวยเสียงอนั ไพเราะเหมือนคนเคาะกระดิง่ ทองฉะนนั้ . บทวา สต กฺาสหสฺสานิ ความวา แมบทแรก เชื่อมกบั บทสหัสสะนแ้ี ล ในขอ นี้ มีอธิบายดังนว้ี า กับหญงิ สาวแสนหน่งึ ชา งแสนหนึง่มา แสนหนึง่ รถแสนหน่ึง. แตละแสนทานแสดงไวแ ลว ดวยประการฉะน.ี้บทวา ปทวตี หิ ารสสฺ ไดแ ก ขนาดศอกกํามาหนงึ่ ในระหวา งเทา ทัง้ สอง ในการเดนิ ไปสมํา่ เสมอ ช่อื วา การยา งเทาไปกา วหนง่ึ . บทวา กล นาคฺฆนฺติโสฬสึ ความวา สวนหนง่ึ อนั จาํ แนก ๑๖ สว นโดย ๑๖ คร้งั อยางน้ีคือ แบงการยา งเทาไปกา วหนึ่งออกเปน ๑๖ สวน จาก ๑๖ สวนน้นั แบง สว นหนึ่งออกเปน๑๖ สวนอีก. จาก ๑๖ สว นนน้ั แบงสว นหนึ่งออกเปน ๑๖ สวน ชอ่ื วาเสย้ี วท่ี ๑๖สี่แสนเหลาน้ี ยอ มไมถึงเสย้ี วท่ี ๑๖ น้ัน มีคาํ อธิบายวา เจตนาทเี่ ปน ไปในสวนกลาวคอื เสีย้ วท่ี ๑๖ น้ัน ของบุคคลกําลงั ไปยงั วหิ าร เปนเจตนาทย่ี อดเยยี่ มกวา การไดนีป้ ระมาณเทา น้คี อื ชางแสนหน่ึง มา แสนหนึ่ง รถแสนหนึง่

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 417นางสาวแสนหนึ่ง ก็นางสาวเหลาน้ันแลที่สวมแกวมณีและกุณฑลเปนราชธิดาอยูในชมพูทวปี ทง้ั สิน้ เทยี ว. ถามวา กก็ ารไปวิหารน้ี ทานถือแลวดว ยอํานาจของใคร. ตอบวา ของผูไปยงั วหิ ารแลว ตง้ั อยใู นโสดาปต ตผิ ลโดยไมมอี ันตราย. ดวยอาํ นาจแหงบคุ คลผูไปดว ยคิดวา เราจักทําการบชู าดว ยของหอมและดอกไม เปนตน จักไหวพระเจดยี  จกั ฟง ธรรม จกั บูชาดวยเทียนและธูป นิมนตสงฆ ถวายทาน จักต้งั อยใู นสิกขาบท หรอื วา สรณะดงั นี้ ยอ มควรเหมอื นกัน. บทวา อนฺธกาโร อนฺตรขายิ ความวา นัยวา ทานเศรษฐคี ดิ วาเราทําความสําคัญวา เราอยูคนเดียว แมก ารประกอบความเพยี รกม็ ีแกเราเพราะเหตไุ ร เราจึงตอ งกลัวเลา ดังนนั้ จงึ ไดเ ปนผกู ลา . คร้งั นั้น ความเล่อื มใสในพระพุทธเจา มีกาํ ลงั เกดิ ขน้ึ แลว. เพราะฉะนั้น ความมืด จงึอันตรธานไป. แมใ นวาระท่ีเหลอื ก็มีนัยนแี้ ละ อกี อยา งหน่งึ บคุ คลผเู ดินไปขางหนา ๆ ไดเ ห็นซากศพหลายอยา งเปน ตน วา รางกระดกู มเี น้ือและเลอื ดติดอยใู นทางปาชาอนั นา กลัว ไดยินเสียงสุนขั บา นและสนุ ัขจ้ิงจอกเปนตน . เขายังความเลื่อมใสในพระพทุ ธเจาใหเจรญิ บอ ย ๆ ยํา่ ยอี นั ตรายทง้ั หมดนน้ั ไปได.บทวา เอหิ สุทตตฺ ความวา ไดย ินวา เศรษฐีนนั้ เดนิ คิดไปวา ในโลกน้มี ีเดยี รถยี มปี รู ณกสั สปะเปน ตนเปนอันมาก กก็ ลาววา เราทง้ั หลายเปนพระพทุ ธเจาเราท้ังหลายเปน พระพทุ ธเจา เราพงึ รคู วามทีศ่ าสดาเปนพทุ ธเจาไดอ ยางไร หนอแล ครง้ั น้ัน ทา นเศรษฐไี ดมีความดําริน้ันวา มหาชน รูจ กั ชื่อซงึ่ เกดิ ดว ยอํานาจคุณของเรา แตใ ครๆ ยังไมรจู ักกลุ ทตั ตยิ ะเปนช่ือของเรา นอกจากเราหากวา พระพทุ ธเจา จักมี พระองคก็ทรงเรยี กเราโดยชื่อวา กุลทัตตกิ ะ. พระ-ศาสดา ทรงรจู ิตของเขาแลว จึงตรัส อยางน้.ี

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 418 บทวา ปรินพิ พฺ ุโต ความวา พราหมณ ผูด ับแลว ดวยความดับกิเลส.บทวา อาสตตฺ โิ ย แปลวา ตณั หา. บทวา สนฺตึ แปลวา ความสงบระงับกิเลส. บทวา ปปฺปยุ ฺย แปลวา ถงึ แลว. กแ็ ลพระศาสดา ตรัสพระ-ดาํ รสั นี้ จึงตรัสอนปุ ุพพกี ถา แกเ ศรษฐนี ั้น แลว ก็ทรงประกาศสจั จะ ๔ ในท่ีสุด. เศรษฐีฟง พระธรรมเทศนาแลว ตั้งอยูในโสดาปตตผิ ล นิมนตภิกษุสงฆมพี ระพทุ ธเจาเปนประมุข เร่ิมถวายมหาทานตงั้ แตวนั รงุ ข้ึน. อสิ รชนมีพระเจาพิมพสิ ารเปนตน สงสาสนไ ปแกเ ศรษฐีวา ทา นเปนอาคนั ตุกะ สิง่ ใดไมพอ ทานจงใหนําสิ่งนั้นมาแตท น่ี ีเ้ ถิด. ทานหา มชนทงั้ หมดวา พอ พวกทา นมีกจิ มาก ไดถ วายมหาทาน ๖ วนั ดวยสมบัติท่ีตนนํามาดวยเกวยี น ๕๐๐เลม. กใ็ นที่สดุ แหงการถวายทาน ทูลใหพระผมู ีพระภาคเจา ทรงทราบถึงการอยูจําพรรษาในกรงุ สาวตั ถีแลว ไดถวายแสนหนง่ึ ทุก ๆ โยชน เม่ือใหสรา งวิหาร ๔๐ แหง ระหวางกรุงราชคฤหกบั กรงุ สาวตั ถี ไดไปยังกรุงสาวัตถีใหส รา งเชตวนั มหาวิหารเสรจ็ แลว ไดม อบถวายภิกษุสงฆมพี ระพทุ ธเจา เปนประมขุ . จบอรรถกถาสทุ ตั ตสูตรที่ ๘

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 419 ๙. ปฐมสุกกาสูตร วาดวยยกั ษส รรเสรญิ สกุ กาภกิ ษณุ ี [๘๓๒] สมยั หน่ึง พระผูม ีพระภาคเจา ประทบั อยูในพระวหิ ารเวฬุวันอนั เปนทีใ่ หเหยอ่ื แกก ระแต กรงุ ราชคฤห. สมยั นั้นแล ภิกษุณีชอ่ื สุกกา อ่นื บรษิ ัทใหญแ วดลอ มแสดงธรรมอย.ู [๘๓๓] คร้ังนน้ั แล ยักษผ ูเล่อื มใสยิ่งในสกุ กาภิกษุณีจากถนนนี้ไปยังถนนโนน จากตรอกนไ้ี ปยังตรอกโนน ในกรงุ ราชคฤห ไดภ าษิตคาถาเหลาน้ีในเวลานน้ั วา มนุษยทั้งหลายในกรุงราชคฤห ไม เขา ไปนงั่ ใกลสุกกาภกิ ษณุ ี ผแู สดงอมต- บทอยู มวั ทาํ อะไรกนั เปนผูประดุจดมื่ นาํ้ ผ้ึงหอมแลวก็นอน ก็แลอมตบทนั้น ใครจะคัดคา นไมไ ด เปนของไมไ ดเ จือ ปรุง แตม โี อชา ผมู ีปญ ญาคงไดด มื่ อมตธรรม เหมือนคนเดินทางไดด ื่มนาํ้ ฝน ฉะนน้ั .

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 420 อรรถกถาปฐมสุกกาสตู ร พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในปฐมสุกกาสูตรท่ี ๙ ตอไปนี้ :- บทวา รถกิ าย รถิก ความวา เมื่อถือเอาถนนสายหน่งึ ไปจากถนนสายนนั้ ยังถนนอีกสายหน่งึ ไดช ่ือวา จากถนนหนึง่ เขาไปหาถนนหนงึ่ .แมใ นตรอก ก็มนี ยั นี้แล. กบ็ ทวา รถกิ า ในบทวา รถกิ าย นี้ แปลวาถนน. บทวา สิงฆฺ าฏก แปลวา ทางส่ีแพรง. บทวา กมิ เฺ ม กตา ความวามนษุ ยทง้ั หลายเหลานัน้ ทาํ อะไรกัน คอื ทาํ อะไรอยู. บทวา มธุปต าว เสยเรความวา ยอ มนอนเหมือนดมื่ นํา้ ผง้ึ มกี ลน่ิ หอม. นัยวา คนดื่มนํ้าผ้ึงมกี ลนิ่ หอมไมสามารถจะยกศรษี ะขึ้นได นอนไมร สู กึ เลย เพราะฉะน้นั ยกั ษจึงกลาวอยา งนี้. บทวา ตจฺ ปน อปฺปฏิวานยี  ความวา ก็แล สกุ กาภกิ ษณุ ีแสดงธรรมนนั้ ใครจะคดั คา นไมไ ด. แทจ ริง โภชนะขางนอก แมจะอรอ ยจริงแตยอ มไมชอบใจแกค นที่บรโิ ภคบอย ๆ พึงถกู หา ม คอื พึงถูกนาํ ออกดวยคาํ วา ทา น จงนําไปเถิด ประโยชนอะไรดว ยโภชนะนเี้ ลา ธรรมนหี้ าเปนอยา งน้นั ไม. แทจรงิ บัณฑติ ทั้งหลายเมอ่ื ฟงธรรมน้ี ตลอดรอ ยปบ าง พันปบางกย็ งั ไมอ่ิมเลย เพราะเหตุนั้น ยกั ษจึงกลา ววา ใครจะคดั คานไมได. บทอเสจนกโมชว ไดแกมีโอชาซึ่งไมไดป รุงแตง เหมือนอยางวา แมข า วปายาสไมเ จอื ปนสง่ิ ภายนอกเปน ตน แตเอาเนยใส นํ้าผ้งึ และนาํ้ ตาลกรวดใสลงระคนใหเขากนั แลว ยอมมีโอชารสอรอยฉันใด ธรรมนห้ี าเปนฉันนั้นไม. ก็ธรรมน้ีเปนธรรมไพเราะและมีโอชาตามธรรมดาของตน จะเอาส่ิงอ่ืนมาใสเ ขา ไป

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 421ก็หามิได เพราะเหตนุ น้ั ยักษจึงกลา ววา มโี อชาโดยไมไ ดป รงุ แตง บทวามฺเ สปปฺ ฺ า ความวา เหมอื นบรุ ษุ ผเู ปนบัณฑติ ดืม่ อย.ู บทวาวลาหกมิว ปนฺถคู ความวา เหมอื นคนเดนิ ทางฤดรู อ นจดั ดืม่ น้าํ ไหลจากกลีบเมฆ ฉะนั้น. จบอรรถกถาปฐมสกุ กาสูตรท่ี ๙ ๑๐. ทุติยสุกกาสูตร ยกั ษส รรเสรญิ ผูถวายอาหารแกส กุ กาภกิ ษุณี [๘๓๔] สมัยหนง่ึ พระผูมพี ระภาคเจาประทับอยใู นพระวิหารเวฬุวันอนั เปนทใ่ี หเหยอ่ื แกก ระแต กรุงราชคฤห. สมัยนนั้ แล อุบาสกคนหนง่ึ ไดถวายโภชนาหารแกสกุ กาภิกษุณ.ี [๘๓๕] คร้ังนัน้ แล ยกั ษผ เู ลือ่ มใสยง่ิ ในสกุ กาภกิ ษณุ จี ากถนนนไ้ี ปยงัถนนโนน จากตรอกน้ไี ปยงั ตรอกโนน ในกรงุ ราชคฤห ไดภาษติ คาถาน้ใี นเวลาน้นั วา อุบาสกผูไดถวายโภชนะแกส กุ กา ภกิ ษุณีผหู ลุดพนจากกิเลสเคร่อื งรอ ยรดั ท้ังปวง เปนคนมีปญญาแท ประสบบญุ มากหนอ.

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 422 อรรถกถาทตุ ิยสุกกาสูตร พงึ ทราบวินิจฉัยในทตุ ยิ สกุ กาสตู รที่ ๑๐ ตอไปน้ี :- บทวา ปุ ฺ วต ปสวิ พหุ ความวา อุบาสกประสบบญุ มากหนอ. จบอรรถกถาทุตยิ สกุ กาสตู รที่ ๑๐ ๑๑. จีราสตู ร ยกั ษส รรเสรญิ ผถู วายจวี รแกจ ีราภกิ ษณุ ี [๘๓๖] สมยั หนง่ึ พระผมู ีพระภาคเจา ประทับ อยใู นพระวิหารเวฬุวันอนั เปน ที่ใหเหยือ่ แกก ระแต กรงุ ราชคฤห. สมัยนัน้ แล อบุ าสกคนหนึง่ ไดถวายจวี รแกจีราภกิ ษุณ.ี [๘๓๗] คร้ังนน้ั ยกั ษผเู ลอื่ มใสยง่ิ ในจีราภิกษณุ ี จากถนนนี้ไปยงัถนนโนน จากตรอกนีไ้ ปยงั ตรอกโนน ในกรงุ ราชคฤห ไดภาษติ คาถาน้ใี นเวลาน้ันวา อบุ าสกผูไ ดถวายจีวรแกจ รี าภิกษุณี หลุดพนจากกเิ ลสเครื่องประกอบทัง้ ปวง เปนคนมีปญญาแท ประสบบุญมากหนอ.

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 423 อรรถกถาจีราสูตร สตู รที่ ๑๑ งา ยท้ังนน้ั แล จบอรรถกถาจีวรสูตรที่ ๑๑ ๑๒. อาฬวกสูตร อาฬวกยกั ษท ูลถามปญ หา [๘๓๘] ขา พเจาไดสดับมาแลวอยา งนี้ :- สมยั หนึ่ง พระผมู พี ระภาคเจาประทับในทอ่ี ยูของอาฬวกยักษ เขตเม่ืองอาฬวี. ครั้งนั้นแล อาฬวกยกั ษเ ขา ไปเฝา พระผูมีพระภาคเจา ไดก ลาววาทานจงออกมา สมณะ. พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสวา ดแี ลว ผูมอี ายุ แลวกเ็ สดจ็ ออกมา. ยกั ษก ลาววา ทานจงเขาไป สมณะ. พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา ดีแลว ผมู ีอายุ แลวกเ็ สดจ็ เขาไป. แมคร้งั ท่ี ๒ ฯลฯ แมครั้งที่ ๓ อาฬวกยกั ษไดกลาววา ฯลฯ พระ-ผูม พี ระภาคเจา ตรัสวา ฯลฯ [๘๓๙] ครนั้ คร้งั ที่ ๔ อาฬวกยกั ษไดกลา ววา ทานจงออกมา สมณะ. พระผูมพี ระภาคเจาตรัสวา ผูมอี ายุ เราจกั ไมอ อกไปละ ทานจะทาํ อะไรกจ็ งทําเถิด.

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 424 สมณะ เราจักถามปญ หากะทา น ถา ทานพยากรณแ กเราไมไ ด เราจักทําจติ ของทานใหฟ งุ ซาน หรอื ฉกี หัวใจของทา น หรอื จักจับทีเ่ ทา แลวเหวย่ี งไปยังแมน ้าํ คงคาฝง โนน . อาวโุ ส เราไมเห็นใครเลยในโลก พรอมทง้ั เทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมสู ัตวพ รอมทง้ั สมณพราหมณ เทวดาและมนุษยท ่ีจะพงึ ทาํ จติ ของเราใหฟ งุ ซา นได หรอื ขย้ีหัวใจของเรา หรอื จับเราทเี่ ทาแลวเหวีย่ งไปยังแมน ํา้คงคาฝง โนน เอาเถิด อาวุโส เชิญถามปญหาตามที่ทานจาํ นงเถิด. [๘๔๐] อาฬวกยักษท ลู ถามวา อะไรหนอ เปนทรัพยเครอ่ื งปลม้ื ใจ อันประเสรฐิ ของตนในโลกน้ี อะไรหนอ ท่บี ุคคประพฤติดีแลว นาํ ความสขุ มาให อะไรหนอเปน รสอันลํ้าเลิศกวา รสทงั้ หลาย นักปราชญทั้งหลายกลาวชวี ติ ของผูท่ีเปน อยอู ยา งไร วา ประเสริฐสุด. [๘๔๑] พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั ตอบวา ศรัทธาเปนทที่ รัพย อันประเสรฐิ ของ คนในโลกน้ี ธรรมอนั บคุ คลประพฤติ ดีแลว นําความสุขมาให ความสัตยแล เปน รสอนั ลํ้าเลศิ กวา รสทั้งหลาย นกั - ปราชญท ง้ั หลายกลา วชวี ติ ของผูท ีเ่ ปนอยู ดว ยปญ ญาวาประเสรฐิ สุด.

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 425[๘๔๒] อาฬวกยกั ษทลู ถามวา คนขามโอฆะไดอ ยา งไรหนอ ขา ม อรรณพไดอยา งไร ลว งทกุ ขไดอยา งไร บริสทุ ธ์ิไดอ ยางไร.[๘๔๓] พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสตอบวา คนขา มโอฆะไดด ว ยศรัทธา ขา ม อรรณพไดดว ยความไมป ระมาท ลวงทกุ ข ไดดวยความเพยี ร บริสทุ ธไิ์ ดดวยปญญา.[๘๔๔] อาฬวกยักษทูลถามวา คนไดปญ ญาอยา งไรหนอ ทาํ อยางไร จงึ จะหาทรพั ยได คนไดช อ่ื เสียงอยางไร หนอ ทําอยางไรจึงจะผกู มติ รไวไ ด คน ละโลกไปสูโลกหนา ทําอยา งไรจึงจะ ไมเ ศราโศก.[๘๔๕] พระผูมีพระภาคเจาตรัสตอบวา บคุ คลเช่ือธรรมของพระอรหันต เพอื่ บรรลนุ ิพพาน ฟง อยดู ว ยดียอมได ปญ ญา เปนผูไมป ระมาท เปน ผูฉลาด เปน ผูทาํ เหมาะเจาะ ไมทอดธรุ ะ เปน ผูหม่ัน ยอมหาทรพั ยได คนยอมไดช ่ือเสยี งเพราะ ความสตั ย ผูใหย อ มผูกมติ รไวไ ด บคุ คล ใดผอู ยูครองเรอื นประกอบดว ยศรทั ธา มี

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 426 ธรรม ๔ ประการนี้ คอื สจั จะ ธรรมะ ธติ ิ จาคะ บคุ คลนัน้ แล ละโลกน้ไี ป แลวยอ มไมเศรา โศก เชน ทา นถามสมณ- พราหมณเ ปนอันมาเหลา อ่ืนดซู ิวา ในโลก น้ีมอี ะไรยิ่งไปกวา สจั จะ ทมะ จาคะ และ ขันติ.[๘๔๖] อาฬวกยักษก ราบทลู วา ทําไมหนอ ขาพเจาจึงจะตองถาม สมณพราหมณเ ปน อนั มากในบัดน้ี วันนี้ ขา พเจา รชู ดั ถึงสมั ปรายิกประโยชน พระ- พทุ ธเจา เสดจ็ มาอยูเมอื งอาฬวี เพื่อ ประโยชนแ กขาพเจาโดยแท วันนข้ี าพเจา รชู ดั ถงึ ทานที่บคุ คลใหในทใ่ี ดมผี ลมาก ขาพเจาจักเทีย่ วจากบา นไปสบู าน จากบรุ ี ไปสบู รุ ี พลางนมสั การพระสมั พทุ ธเจา และพระธรรมซง่ึ เปน ธรรมที่ด.ี จบอาฬวกสตู ร จบยักขสังยุตบรบิ รู ณ

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 427 อรรถกถาอาฬวกสตู ร พึงทราบวนิ ิจฉยั ในอาฬวกสตู รที่ ๑๒ ตอ ไปนี้ :- บทวา อาฬวย ไดแ ก ที่อยนู น้ั เขาเรยี กแวน แควน บา ง เมอื งบา งชอ่ื วา เมืองอาฬวี. สถานที่อยนู น้ั แล ตัง้ อยใู นทปี่ ระมาณหนึ่งคาวุตไมไ กลเมอื งพระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยูในสถานทน่ี ัน้ เขาไปอาศยั เมืองนัน้ ทานกลาววาประทบั อยใู นแวนแควนอาฬว.ี กใ็ นบทวา อาฬวกสสฺ ยกขฺ สสฺ ภวเน น้ีมีอนบุ ุพพีกถาตอไปนี้ ไดย ินวา อาฬวกราชา ทรงทัง้ เครอ่ื งใชสาํ หรับนกัฟอ นราํ ไวห ลายอยา ง เสดจ็ ไปลา เน้ือ ในวนั ที่ ๗ เพ่อื ปราบโจร เพอ่ื ปอ งกนัพระราชาผูเปน ศตั รูกนั และเพื่อกระทาํ ความพยายาม ทํากตกิ ากับกองพลในวันหนึ่งวา เน้อื หนีไปชา งผใู ด เนอื้ นน้ั เปนภาระของผนู ั้นเทา น้ัน. ครั้นนั้นเน้ือหนไี ปขางพระราชานน้ั เเล. พระราชาทรงถึงพรอ มดว ยเชาว ทรงธนูดาํ เนนิ ตามเนื้อน้นั ไปสิน้ สามโยชน. สวนเน้อื ทราย มีกําลังวงิ่ ไดเ พยี งสามโยชนเทานน้ั . คร้งั น้นั ทา วเธอ ทรงฆาเนอ้ื นน้ั ทหี่ มดฝเทา เขา ไปสูแหลง นาํ้ ยนื อยูตดั ออกเปน สองทอ น แมไ มตอ งการดวยเนื้อแตหาบมาเพ่ือไดพน ความผิดวาพระราชาไมสามารถจบั เนอ้ื ได ดังน้ี ทรงเห็นตน ไทรใหญม ใี บหนาไมไ กลเมืองแลว จงึ เสดจ็ ไปถงึ โคนตน ไทรนนั้ เพ่อื บรรเทาความเหน็ดเหน่อื ย.ณ ตนไทรนนั้ อาฬวกยักษ ไดท ี่อยจู ากสาํ นกั มหาราช กนิ สตั วท ่ีเขาไปยังโอกาสอันรม เงาของตนไมน้นั ถกู ตองแลว ในเวลาเท่ียง. ทาวเธอทรงเห็นยักษนัน้ เขามาเพอื่ จะกนิ . พระราชาไดท รงทํากตกิ ากับยกั ษน น้ั วา ทา นปลอยเราเถิด เราจักสง มนษุ ยและถาดสาํ รับมาแกทา นทกุ ๆ วนั . ยักษท ูลวา พระองคมัวเมาดวยเคร่ืองราชูปโภค จกั ทรงระลกึ ไมได แตขาพระองคไ มไ ดเ พอ่ื จะกนิ

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 428สัตวท ีไ่ มเขาไปถงึ ที่อยู และทไี่ มไดรับอนญุ าต ขาพระองคน น้ั พึงเส่ือมจากความเจริญดังนี้ จึงไมปลอย. พระราชาตรสั วา วนั ใด เราไมส งไป วนั นนั้ทา นไปเรือนของเรา จบั เรากินเถดิ . ยกั ษจงึ อนุญาตปลอ ยพระองค. แลวพระองคไดเ สดจ็ มงุ ทรงพระนคร. กองพลตง้ั คายอยรู ิมทาง เหน็ พระราชาแลวทลู อยูวา ขาแตมหาราชพระองคทรงเหนด็ เหนื่อย เพราะพระองคมีภัยมาถึงหรือ ดงั น้ี ลุกขนึ้ ตอนรบั .พระราซาทรงเลาความเปน ไปนน้ั เสด็จไปยังพระนคร เสวยพระกระยาหารเชาแลว เรียกผูรักษาพระนครมา ทรงบอกเร่อื งน้นั . ผูรกั ษาพระนครทูลวา ขาแตพระองค พระองคกําหนดเวลาหรือเปลา. พระราชาตรัสวาพนาย เราไมก ําหนดไว. ผูร ักษาพระนคร.. ขา แตพ ระองค พระองคท รงทําไมถ ูกเพราะ พวกอมนุษยยอ มไดเ พยี งการกําหนดไวเ ทา นัน้ เมอื่ ไมกําหนดไว ชนบทจกั ถกู เบยี ดเบียนขา แตพ ระองค จงยกไวเถดิ พระองคไดท รงกระทาํ อยา งน้ี แมกจ็ ริง ถึงอยางนน้ัพระองคจ งทรงมคี วามขวนขวายนอยเสวยรัชสุชสมบตั ิเถดิ ขา พระองคจ ักทําสิ่งท่ีควร ทาํ ในขอ นี้. เขาลกุ ขึ้นแตเชาตรู ยนื อยูท ่ีประตูเรือนจาํ กลา ววา ผูใ ดตองการมชี วี ิต ผูนน้ั จงออกไปเถิด หมายเอาเหลา ชนท่ีถูกประหาร ผูใ ดออกไปกอ นเขากน็ ําผนู ั้นไปเรือนใหอาบนํา้ ใหบ รโิ ภค สงไปดว ยคําวา ทา นจงใหถาดสํารับนีแ้ กย ักษเ ถดิ . ยักษนริ มิตอตั ภาพอันกลัวแลว เคี้ยวกินผูพอเขา ไปโคนไมนัน้ น่นั แหละ เหมอื นเหงามนั ฉะนน้ั . ไดย นิ วา ดว ยอานุภาพของยกั ษสรรี ะท้งั ส้นิ มีผมเปนตน ของพวกมนุษย เปน เหมอื นกอ นเนยใส. พวกคนท่ีเขาใชใหถือภัตไปใหแกย ักษ เห็นยักษน้ันแลว กลวั แลว จึงบอกแกม ิตรวา พระราชาจับพวกโจรใหยกั ษจ ําเดิมแตน ้นั ดงั นี้ . พวกมนษุ ยเ ลิกทําโจรกรรม. สมัยตอ มาเรอื นจาํ วา ง เพราะโจรใหมไมม ี และเพราะโจรเกา หมด.

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 429 ครัง้ นั้น ผรู กั ษาพระนครทูลพระราชาแลว. พระราชาจึงใหค นเอาทรพั ยส ว นพระองคไ ปทิง้ ไวท ่ถี นนในเมืองดวยดาํ ริวา ถากระไร ใคร ๆ พึงถือเอาดว ยความโลภ ใครๆ ไมแ ตะตอ งทรัพยน ัน้ แมด ว ยเทา . ทาวเธอ เม่ือไมไดโจรจงึ ตรัสบอกแกอํามาตยท ั้งหลาย. พวกอาํ มาตยทูลวา พวกขาพระองคจ ะสงคนแกไ ปทลี ะคนตามลําดบั ตระกลู แมตามปกติ คนแกน้ันใกลจะตายอยแู ลว.พระราชาตรสั หามวา คนท้งั หลายจักทําการกอกวนวา พระราชาสง พอของเราสง ปูของเราไป ทานทั้งหลายอยา ชอบใจขอ นั้นเลย. พวกอํามาตยทลู วา ขาแตพระองค ถาอยางนน้ั พวกขาพระองคจ ะสง เด็กทีย่ ังนอนแบเบาะไป กเ็ ดก็ ท่ีเปน อยางนัน้ ยังไมมีความรกั วา แมของเรา พอ ของเราดังน้ี . พระราชาทรงอนุญาตแลว . พวกอํามาตยก ็ไดท ําอยา งนัน้ แล. มารดาของเดก็ ในเมืองอมุ เอาพวกเดก็ ไปและหญงิ มคี รรภหนีไป เลีย้ งเด็กใหเจรญิ เติบโตในชนบทอนื่แลว นาํ มา. ดว ยอาการอยางนีแ้ ล ลว งไปแลวได ๑๒ ป. ตอมาวันหนงึ่ พวกอาํ มาตยคน หาท่ัวพระนครแลว ก็ไมไดเด็กแมแตคนเดยี ว จงึ ทูลพระราชาวา ขาแตพ ระองค เดก็ ในพระนครไมมเี ลย นอกจากอาฬวกกุมารโอรสของพระองคภ ายในบรุ .ี พระราชาตรัสวา เรารกั บตุ รฉนั ใดคนอยูใ นโลกทั้งหมดก็ฉันนั้นเหมอื นกัน สง่ิ ที่นารกั ยง่ิ กวา ตนไมมีเลย ทา นจงไปจงใหบุตรแมนั้น แลว รกั ษาชีวิตของเราเถดิ . สมัยนนั้ มารดาของอาฬวกกุมารใหบ ตุ รอาบนาํ้ แลว ตบแตง ทําเปน เทรดิ สองช้นั นงั่ ใหบ ุตรนอนบนตกั อย.ูราชบรุ ุษไปแลวในท่ีน้นั ตามรบั ส่งั ของพระราชา จับเอาบตุ รน้ันกับแมนมของมารดาผูรํา่ ไหและของพระเทวีหนง่ึ หมนื่ หกพนั หลีกไปวา พรุงน้ีจกั เปนภิกษาของยกั ษ. วันนน้ั พระผมู พี ระภาคเจา เสดจ็ ลุกขึน้ ในเวลาใกลรงุ ทรงเขามหากรณุ าสมาบตั ิ ในมหาคนั ธกุฏเี ขตวนั วิหาร เมื่อทรงตรวจดูโลกดว ยพุทธจักษุ ไดทรงเหน็ อปุ นิสัยของอาฬวกกมุ ารบรรลอุ นาคามผิ ล ของยกั ษบ รรลุโสดาปตตผิ ล และสัตว ๘๔,๐๐๐ ไดด วงตาเห็นธรรมในที่สุดแหง เทศนา ดังน.้ี

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 430 พระผมู พี ระภาคเจา พระองคน้ัน เมื่อราตรีสวา งแลว เสวยพระกระ-ยาหารกอ น คร้ันเสร็จเรียบรอ ยแลว เมอื่ วนั อโุ บสถแหงกาฬปก ขเ ปน ไปอยูเม่ือดวงอาทิตยตก พระองคเ ดียวไมม ีเพ่ือนสอง ทรงบาตรและจีวร เสดจ็ จากกรงุ สาวตั ถไี ป ๓๐ โยชนดว ยพระบาททเี ดยี ว เสดจ็ เขาไปทอี่ ยูของยักษนน้ั .เพราะเหตนุ น้ั ทานจึงกลา ววา พระผูมพี ระภาคเจาประทบั ในทอี่ ยูข องอาฬวกยักษ. ถามวา กพ็ ระผมู พี ระภาคเจา ประทบั ท่โี คนตนไทร หรอื ในทอ่ี ยขู องอาฬวกยักษ ตอบวา ในท่ีอยู. เปรียบเหมอื นพวกยักษ ยอ มเหน็ ทอ่ี ยูข องตนฉนั ใด แมพระผมู ีพระภาคเจากฉ็ ันนัน้ . พระผูมีพระภาคเจาพระองคน ั้นเสด็จไป ณ ทน่ี ั้น ประทับยืนอยูใ กลป ระตูที่อย.ู ในกาลนนั้ อาฬวกยักษไ ดไปสูยกั ขสมาคมในปา หิมวันต ตอมา ยักษม ีนามวา คัทรภะ ผูรกั ษาประตขู องอาฬวกยักษเขาไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจาถวายบังคมแลว กราบทูลวา ขาแตพระองคผ ูเจริญ พระผมู ีพระภาคเจา เสดจ็ มาในเวลาวิกาลหรอื . ภ. ใชคทั รภะ เรามาเวลาวิกาล ถา ทานไมหนกั ใจ เราพึงอยู ในที่อยูของอาฬวกยกั ษคนื หนึ่ง. ค. ขาแตพระองคผ ูเจริญ ขา พระองคไมห นกั ใจพระเจาขา อนงึ่ ยักษนั้น หยาบคายรายกาจไมท าํ การอภวิ าทเปนตน แมแกม ารดาบดิ า เขาก็ไมช อบใจการอยใู นทน่ี ้ขี องพระผูมีพระภาคเจา . ภ. คัทรภะ เรารูที่อยขู องอาฬวกยกั ษน้นั และอันตรายบางอยา งจักไมมแี กเ รา ถาทานไมห นกั ใจ เราพึงพกั อยูคนื เดยี ว. คทั รภะยกั ษ ไดก ราบทลู คํานน้ั กะพระผูมพี ระภาคเจา แมค ร้ังทีส่ องวาขาแตพระองคผูเ จรญิ อาฬวกยกั ษ เชนกระเบื้องรอ นจัด ไมร ูจกั วา มารดาบิดา วาสมณพราหมณ หรอื วาธรรม ยอ มทาํ จิตของบุคคลผมู าแลว ในที่นี้ใหฟงุ ซา นบา ง ฉีกหัวใจบา ง จบั ทีเ่ ทา บาง เหว่ยี งไปสมทุ รฝงโนน หรอื

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 431จกั รวาลขา งโนน . พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั แมค รง้ั ทสี่ องวา คทั รภะ เรารู ถาทา นไมห นักใจ เราพงึ พกั อยคู ืนเดยี ว. ค. ทูลวา ขาแตพ ระองคผูเจรญิ ขา พองคไ มหนกั ใจพระเจา ขา อนงึ่ยกั ษนั้นจักพงึ ฆา ขาพระองค ผไู มบ อกขออนุญาตเสียจากชีวติ ก็ได ขาแตพ ระองคผูเจริญ ขาพองคจ ะบอกแกยักษนั้น. ภ. คัทรภะ ขอทา นบอกไดตามสบาย. ค. ขาแตพระองคผ ูเจริญ ถา อยางนั้น ขอพระองคจงรูเถิด ดังน้ีถวายบงั คมพระผูมพี ระภาคเจา มุงหนา ตอหิมวันตห ลกี ไป. แมป ระตทู อี่ ยูไดเปดชองถวายพระผูมพี ระภาคเจา เองทเี ดยี ว. พระผูม ีพระภาคเจาเสดจ็ เขา ไปภายในท่ีอยู อาฬวกยักษนั่งแลว ในวนั มงคลเปน ตน ที่กาํ หนดไวแ ลว ณบลั ลังกใ ด เสวยสริ อิ ยู ประทับน่งั แลว บนบลั ลังกนัน้ ซ่ึงสาํ เร็จดว ยทิพยรัตนะเปลงรัศมที อง. หญงิ ท้ังหลายของยักษ เห็นรัศมีทอง มาถวายบงั คมพระผมู ีพระภาคเจา นงั่ แวดลอ ม. พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ปกณิ ณกธรรมกถาแกหญิงเหลาน้นั โดยนยั เปน ตน วา ในกาลกอ น พวกทานถวายทาน สมาทานศลีบูชาผูควรบูชา จงึ ไดส มบตั นิ ี้ แมในบดั นี้ ขอพวกทา นจงทาํ อยางนน้ั แล อยาเปนผูมอี ิสสาและมัจฉรยิ ะกันและกนั เลย. หญงิ เหลานน้ั ฟงเสยี งกึกกอ งอนั ไพเราะของพระผูมพี ระภาคเจา แลว ใหส าธุการพนั หน่ึง จึงน่ังแวดลอมพระผมู พี ระภาคเจา. แมคทั รภะยกั ษไ ปปาหิมวนั ต บอกแกอ าฬวกยกั ษน้นั วาขอเดชะ ขา แตทานนิรทุกข ทานพงึ ทราบ พระผมู ีพระภาคเจา ประทับนั่งแลวในวิมานของทาน. อาฬวกยักษน น้ั ทาํ สญั ญาแกค ทั รภะยกั ษว า ทา นนงิ่เสยี เถิด เราไปแลวจกั ทําสิ่งท่คี วรทาํ . นัยวา ยกั ษน ัน้ เกิดความอายในบรษิ ัทเพราะฉะนน้ั จึงไดท ําอยงนนั้ ดว ยคดิ วา ใคร ๆ อยาไดยนิ ในทามกลางบรษิ ทั . ในกาลนน้ั สาตาคิริยกั ษและเหมวตายกั ษ คิดวา เราถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจา ในพระเชตวันแลว จกั ไปสมาคมยกั ษ พรอมกับบรวิ าร






































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook