บทที่ 7 งบประมาณยดื หยนุ่ ต้นทนุ มาตรฐานและการวเิ คราะห์ผลตา่ ง 7 - 35 แบบฝึ กหดั ขอ้ 1. ต่อไปน้เี ป็นขอ้ มูลเกย่ี วกบั ต้นทนุ มาตรฐานของวัตถดุ บิ ทางตรง เพอ่ื นามาใชเ้ ป็นขอ้ มลู ตน้ ทนุ การผลติ สนิ ค้าของบรษิ ัท สหพฒั นก์ ารคา้ จากดั ในปี 25X1 วัตถดุ บิ 5 กิโลกรมั ราคากิโลกรมั ละ 40 บาท เท่ากบั 200 บาทต่อการผลิตสนิ คา้ สาเร็จรปู 1 หนว่ ย ในระหวา่ งเดอื นพฤษภาคม 25X1 บริษทั ไดท้ าการผลิตสินคา้ ท้งั สน้ิ 5,000 หน่วย และ มีตน้ ทนุ ทเ่ี กิดข้นึ จริงเกย่ี วกับวัตถุดิบ ดงั น้ี ซื้อวัตถดุ ิบ 27,000 กโิ ลกรมั ราคากิโลกรัมละ 41 บาท เบิกใช้วตั ถดุ บิ 26,000 กโิ ลกรมั ให้ทา 1. คานวณผลตา่ งด้านราคาวตั ถุดิบทางตรง และผลตา่ งปริมาณการใช้วตั ถุดบิ ทางตรง 2. คานวณผลตา่ งรวมวตั ถดุ บิ ทางตรง ข้อ 2. ตอ่ ไปน้ีเปน็ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ต้นทุนมาตรฐานในสว่ นของการใชว้ ัตถดุ บิ เพอื่ การทาการผลติ คกุ้ กีช้ นดิ หนง่ึ ของบรษิ ทั เอสแอนดพ์ ี จากัด ในปี 2561 วัตถุดิบ (แป้ง) 2 ถุง ราคาถุงละ 50 บาท ราคารวม 100 บาท ต่อการผลติ คกุ้ กี้ 1 กลอ่ ง ในระหว่างเดอื นมถิ นุ ายน 2559 บริษัทไดท้ าการผลติ คุ้กกีท้ งั้ สนิ้ 4,000 กล่อง และมีตน้ ทนุ ท่ี เกดิ ขน้ึ จริงเกยี่ วกบั วตั ถดุ บิ ดังน้ี ซ้อื วัตถุดบิ 10,000 ถงุ ราคาถงุ ละ 52 บาท เบกิ ใชว้ ตั ถดุ บิ 10,000 ถงุ ให้ทา 1. คานวณผลตา่ งดา้ นราคาและผลต่างด้านปริมาณของวัตถุดิบทางตรง 2. คานวณผลตา่ งรวมเก่ยี วกบั วัตถุดิบทางตรง ขอ้ 3. ตอ่ ไปนีเ้ ปน็ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตน้ ทนุ มาตรฐานของคา่ แรงงานทางตรง เท่ากบั ชั่วโมงละ 37.50 บาท เวลาท่ีใช้ในการผลติ สนิ คา้ มาตรฐานต่อหน่วยของสินค้าสาเรจ็ รูปเท่ากบั 3 ช่ัวโมง ปรมิ าณการผลติ จริงเท่ากับ 2,500 หนว่ ย ระหว่างเวลาทที่ าการผลิต ใชเ้ วลาในการผลติ จรงิ เท่ากับ 8,000 ชัว่ โมง อตั ราค่าจ้างแรงงานจรงิ ชัว่ โมงละ 38 บาท ให้ทา 1. คานวณผลตา่ งดา้ นอัตราคา่ แรงงานทางตรงและผลต่างด้านประสิทธภิ าพการทางาน ของแรงงานทางตรง 2. คานวณผลต่างรวมค่าแรงงานทางตรง
7 - 36 การบญั ชีตน้ ทนุ 2 ข้อ 4. บริษัท เอสแอนดพ์ ี จากดั มขี ้อมลู เกย่ี วกับอัตราคา่ แรงงานทางตรงมาตรฐาน เท่ากบั ชั่วโมงละ 20 บาท เวลาทใี่ ชส้ าหรับการผลติ มาตรฐานตอ่ กล่องของคุ้กก้ี ใชเ้ วลา 1.5 ชัว่ โมง ปริมาณการผลิตคุ้กกี้ เทา่ กับ 4,000 กล่อง ระหว่างงวดเวลาที่ใช้ไปจรงิ จานวน 5,800 ชวั่ โมง อัตราค่าจ้างแรงงานทจ่ี า่ ยจรงิ ช่ัวโมงละ 25 บาท ให้ทา 1. คานวณผลตา่ งด้านอตั ราคา่ จ้างแรงงานทางตรง และผลต่างดา้ นประสิทธภิ าพการ ทางาน 2. คานวณผลต่างรวมเก่ยี วกบั ค่าแรงงานทางตรง ข้อ 5. ตอ่ ไปนี้เปน็ ขอ้ มลู เก่ยี วกบั จานวนแรงงานทางตรงและค่าใชจ้ ่ายการผลติ มาตรฐานตอ่ การ ผลติ สนิ คา้ สาเรจ็ รปู 1 หนว่ ย ณ ระดบั การผลติ ท่ี 10,000 หนว่ ย ของบรษิ ัท อุดมการคา้ จากัด สินค้าสาเรจ็ รูป 1 หนว่ ย ใช้แรงงานทางตรง 4 ชว่ั โมง อตั ราคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ 5 บาทต่อช่วั โมงแรงงานทางตรง ในระหว่างเดอื นมิถนุ ายน 25x1 บริษัททาการผลติ สนิ ค้าสาเรจ็ รูปท้ังสิน้ 8,000 หน่วย มีจานวนช่ัวโมงแรงงานทางตรง 30,000 ชวั่ โมง และมีคา่ ใช้จา่ ยการผลติ เกดิ ขน้ึ จริงเทา่ กับ 175,000 บาท ให้ทา 1. คานวณหาผลต่างคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ (แบบผลตา่ งเดียว) 2. อธบิ ายสาเหตุของผลต่างคา่ ใช้จ่ายการผลิตในขอ้ 1 ขอ้ 6. ตอ่ ไปน้เี ปน็ ข้อมูลเกี่ยวกับจานวนแรงงานทางตรงและค่าใชจ้ ่ายการผลติ มาตรฐานตอ่ การ ผลิตสินค้าสาเรจ็ รูป 1 หน่วย ณ ระดบั การผลิตที่ 20,000 หนว่ ย ของบริษทั ABC จากดั สนิ ค้าสาเร็จรูป 1 หนว่ ย ใช้ช่วั โมงแรงงานทางตรง 4 ชวั่ โมง อตั ราคา่ ใช้จา่ ยการผลติ 5 บาท ตอ่ ช่ัวโมงแรงงานทางตรง ในระหว่างเดอื นมิถนุ ายน 2559 บรษิ ทั มีการผลติ สนิ คา้ สาเร็จรปู ไดท้ ้งั ส้ิน 18,000 หน่วย มีจานวนช่วั โมงแรงงานทางตรง 71,000 ชั่วโมง และมีคา่ ใช้จา่ ยการผลิตเกดิ ขนึ้ จรงิ ท้ังส้ิน 337,250 บาท ให้ทา 1. คานวณหาผลตา่ งคา่ ใช้จา่ ยการผลิต (ผลตา่ งเดยี ว) 2. อธิบายสาเหตขุ องการเกดิ ผลต่างค่าใชจ้ า่ ยการผลิต
บทที่ 7 งบประมาณยืดหยุ่น ตน้ ทนุ มาตรฐานและการวเิ คราะห์ผลต่าง 7 - 37 ข้อ 7. บริษทั ฟา้ ประทาน จากัด มีขอ้ มูลเกย่ี วกบั ค่าใชจ้ า่ ยการผลิตมาตรฐานในการผลิตสินคา้ หนง่ึ หนว่ ย ดงั น้ี คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ ผนั แปร (0.50 ช่ัวโมง อัตราช่วั โมงละ 10 บาท) 5.0 บาท คา่ ใชจ้ ่ายการผลิตคงที่ (0.50 ชว่ั โมง อตั ราชว่ั โมงละ 7 บาท) 3.5 บาท รวมค่าใชจ้ ่ายการผลิตต่อหนว่ ย 8.5 บาท ณ ระดบั การผลิตปกติ 5,000 หนว่ ย หรอื เทา่ กับ 2,500 ชัว่ โมง ระหวา่ งปี 25x1 มี ตน้ ทุนคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตที่เกดิ ขน้ึ จรงิ ดงั นี้ คา่ ใช้จา่ ยการผลิตผันแปร 27,500 บาท คา่ ใชจ้ ่ายการผลิตคงที่ 18,500 บาท จานวนสินค้าทผี่ ลติ 5,500 หนว่ ย ให้ทา 1. คานวณหาผลต่างดา้ นงบประมาณ และอธบิ ายถงึ สาเหตทุ ่ีทาใหเ้ กดิ ผลตา่ ง 2. คานวณหาผลตา่ งดา้ นกาลังการผลิต และอธบิ ายถงึ สาเหตทุ ี่ทาใหเ้ กิดผลต่าง 3. คานวณหาผลตา่ งรวมเก่ยี วกบั ค่าใช้จ่ายการผลติ 4. คานวณหาผลตา่ งคา่ ใชจ้ า่ ยการผลิต (แบบผลต่างเดยี ว) ข้อ 8. บรษิ ทั อุดรฟ้าไทย จากดั มขี อ้ มูลเก่ียวกับค่าใชจ้ า่ ยการผลิตมาตรฐานตอ่ 1 หน่วยของ สนิ คา้ สาเร็จรูป ดังน้ี คา่ ใชจ้ ่ายการผลติ ผันแปร (จานวนชั่วโมงทใี่ ช้ตอ่ ใบ 2 ชวั่ โมง ช่วั โมงละ 0.8 บาท) 1.6 บาท ค่าใชจ้ า่ ยการผลิตคงที่ (จานวนชั่วโมงทใ่ี ช้ต่อใบ 2 ชั่วโมง ช่ัวโมงละ 1 บาท) 2.0 บาท รวมค่าใช้จา่ ยการผลิตต่อหน่วย 3,200 หนว่ ย 3.6 บาท จานวนหนว่ ยที่ผลิตจริง ณ ระดบั การผลติ ปกติ 3,000 หน่วย หรอื เท่ากบั 6,000 ชัว่ โมงปกติ ระหว่างปี 2559 มีคา่ ใช้จ่ายการผลติ ทเี่ กดิ ข้นึ จรงิ ดงั น้ี ค่าใช้จ่ายการผลิตผันแปร 5,000 บาท ค่าใช้จ่ายการผลิตคงที่ 6,100 บาท ให้ทา 1. คานวณหาผลต่างด้านงบประมาณ และอธิบายเหตุผลถึงสาเหตทุ ่ีทาให้เกดิ ผลต่าง 2. คานวณหาผลต่างด้านกาลงั การผลิต และอธบิ ายเหตผุ ลถงึ สาเหตุท่ีทาใหเ้ กดิ ผลต่าง 3. คานวณหาผลต่างรวมเกยี่ วกบั ค่าใช้จา่ ยการผลิต
7 - 38 การบัญชตี ้นทนุ 2 ขอ้ 9. บริษทั ผา้ ไทย จากดั ทาการผลติ กระเป๋าผา้ ฝา้ ยทอมอื โดยกจิ การตอ้ งการประมาณการ ต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์ พร้อมทงั้ นาข้อมลู ทไ่ี ด้ไปใชใ้ นการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานของปที ี่ผา่ นมา โดยใชห้ ลกั การวิเคราะหผ์ ลต่างมาช่วยในการตดั สนิ ใจ โดยมขี อ้ มลู ตน้ ทุนมาตรฐานและตน้ ทนุ จรงิ ทเ่ี ก่ียวขอ้ งในการผลติ กระเป๋าผ้าฝ้ายทอมือ (ณ ระดับการผลิตปกติ 6,000 ใบหรอื จานวน ชว่ั โมงแรงงานมาตรฐานเท่ากับ 12,000 ชั่วโมง) ดงั น้ี ต้นทุนมาตรฐานต่อหน่วย: บาท วตั ถดุ บิ ทางตรง (ผา้ ฝา้ ยทีใ่ ช้ในการผลติ ตอ่ ใบ 1.5 เมตร เมตรละ 80 บาท) 120 คา่ แรงงานทางตรง (จานวนช่ัวโมงท่ใี ชต้ อ่ ใบ 2 ชั่วโมง ชว่ั โมงละ 22 บาท) 44 ค่าใช้จ่ายการผลติ ผนั แปร (จานวนชวั่ โมงทใ่ี ชต้ ่อใบ 2 ชวั่ โมง ช่วั โมงละ 8 บาท) 16 คงที่ (จานวนชว่ั โมงทใ่ี ชต้ อ่ ใบ 2 ช่ัวโมง ชวั่ โมงละ 10 บาท) 20 รวมต้นทนุ ผลิตภณั ฑต์ ่อหน่วย 200 ขอ้ มลู ต้นทุนจรงิ ทเ่ี กดิ ข้นึ ระหว่างปี 1) บริษทั ผลิตกระเปา๋ ผา้ ฝา้ ยทอมือจานวน 5,000 ใบ 2) บริษัทซื้อผา้ ฝา้ ย จานวน 8,000 เมตร ราคาเมตรละ 82 บาท เบกิ ใชใ้ น กระบวนการผลิต จานวน 7,600 เมตร 3) จานวนช่ัวโมงแรงงานทางตรงใช้ไปจรงิ จานวน 10,500 ชัว่ โมง โดยจ่ายคา่ แรงงาน งานทางตรงจานวน 246,750 บาท 4) คา่ ใช้จ่ายการผลิตท่ีเกดิ ขนึ้ จรงิ ประกอบด้วย คา่ ใชจ้ า่ ยการผลิตผันแปร จานวน 95,000 บาท คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ คงที่ จานวน 120,000 บาท ให้ทา 1. คานวณผลตา่ งวตั ถดุ ิบทางตรง และอธิบายถงึ สาเหตุทที่ าใหเ้ กดิ ผลต่าง 2. คานวณผลตา่ งค่าแรงงานทางตรง และอธิบายถงึ สาเหตทุ ่ีทาให้เกดิ ผลต่าง 3. คานวณผลต่างคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ แบบผลต่างเดียว และแบบ 2 ผลต่าง และอธิบายถึง สาเหตทุ ่ีทาให้เกิดผลต่าง
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ การกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ (Product Pricing) ของธุรกิจใดธุรกิจหน่ึง ไม่ว่าจะเป็น ธรุ กิจบริการ ธุรกิจซอื้ ขายสนิ คา้ และธรุ กจิ การผลติ การต้งั ราคาผลิตภัณฑ์ถือเป็นการตัดสินใจ ประเด็นสาคัญอีกประเด็นหนึง่ ของผู้บรหิ าร การตดั สนิ ใจท่ีเกี่ยวกับการกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ ถอื เป็นการตัดสินใจระยะสั้น (Short – term Decision) เพราะการท่ีกจิ การจะสามารถทากาไรได้ ตามเป้าหมายหรือไม่น้ัน ข้ึนอยู่กับการต้ังราคาของผลิตภัณฑ์หรือการบริการว่ามีความ เหมาะสม ครอบคลุมต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการผลิตรวมไปถึงค่าใช้จ่ายใน การดาเนินงานอน่ื ๆ ท่ีจัดสรรหรอื ปันสว่ นเข้าสผู่ ลติ ภณั ฑ์หรือการบริการนนั้ หรอื ไม่ โดยท่ัวไปผลิตภัณฑ์ที่มีขายอยู่แล้วในท้องตลาด มักมีราคาขายของผลิตภัณฑ์ท่ีถูก กาหนดโดยตลาดอยู่แล้ว ราคาน้ีถูกเรียกว่า ราคาตลาด (Market Price) ผู้ขายผลิตภัณฑ์ใน ลกั ษณะน้ไี ม่สามารถขายสนิ คา้ ในราคาทีเ่ กินกว่าราคาตลาดได้ สินค้าในลักษณะน้ี เช่น สินค้า อุปโภคบรโิ ภค อาหาร สินคา้ ทางการเกษตร เปน็ ต้น แตอ่ ย่างไรก็ตาม อาจมีสนิ คา้ บางประเภท ที่มีความแตกต่างจากสินค้าท่ีมีในท้องตลาดอย่างชัดเจน หรือเป็นสินค้าท่ีไม่เคยมีขายใน ท้องตลาดมาก่อน ผู้ขายอาจเป็นผู้กาหนดราคาขายเอง เพราะไม่มีราคาตลาดของผลิตภัณฑ์ ชนิดน้ันๆ แต่ผู้ขายต้องระมัดระวังในการกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ น่ันก็คือ ไม่ให้ราคาขายสูง เกินไป จนทาใหผ้ ซู้ อื้ สนิ ค้าซ้อื สนิ ค้าน้อยราย หรอื ไมซ่ ือ้ สินค้าเลย และในทานองเดียวกัน ก็ไม่ ควรกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ทต่ี ่าเกนิ ไป ถงึ แม้ผ้ขู ายจะสามารถขายสนิ ค้าไดจ้ านวนมาก แต่อาจ ทาให้ผู้ขายขาดทุนจากการขายสินค้าได้ ดังน้ัน สินค้าบางประเภทผู้ขายไม่มีอิสระในการต้ัง ราคาสินค้า ผู้ขายจึงไปใช้กลยุทธ์ในด้านการควบคุมต้นทุนของผลิตภัณฑ์แทน ซึ่งเรียกว่า ตน้ ทุนตามเปา้ หมาย (Target Costing) ซึง่ แตล่ ะหัวขอ้ จะอธิบายในรายละเอยี ดตอ่ ไป ปัจจยั หลกั ท่ีมีอิทธิพลต่อการกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ ปัจจัยสาคัญท่ีผู้บริหารต้องคานึงถึงเพื่อนามาใช้ประกอบการตัดสินใจในการกาหนด ราคาผลิตภัณฑ์ สามารถแบ่งได้เป็น 4 ปัจจัย ได้แก่ ลูกค้า คู่แข่ง ต้นทุน และปัจจัยอื่นๆ (ปรับปรงุ จาก Horngren, et al. 2015 : 539 - 540)
8 - 2 การบัญชตี ้นทุน 2 1. ลกู ค้า ปัจจัยสาคัญที่มีผลต่อการกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ปัจจัยแรก คือ ลูกค้า (Customers) เนือ่ งจากความต้องการของลูกค้า (Customer Demand) เป็นสิ่งท่ีมีอิทธิพลมากต่อการกาหนด ราคาขายของผลติ ภณั ฑน์ น้ั ๆ ถ้าลกู คา้ มีความต้องการสนิ คา้ มากธุรกิจสามารถตัง้ ราคาสนิ คา้ ได้ ค่อนข้างสงู แต่ความต้องการสนิ ค้าในท้องตลาดจะมากหรือนอ้ ยจะขึน้ อยกู่ บั ปจั จยั อน่ื ๆ ทลี่ กู ค้า ให้ความสนใจ เช่น ลักษณะของสินค้า คุณภาพของสินค้า หรือเป็นสินค้าที่ตอบสนองความ ตอ้ งการของลกู คา้ ได้ สนิ คา้ ทลี่ กู คา้ มีความต้องการสูง เช่น โทรศัพท์มือถือบางยี่ห้อ iPhone จะ เห็นได้วา่ สนิ คา้ ชนิดนี้ มีคุณภาพดี ผู้ขายสามารถตัง้ ราคาสนิ ค้าไดส้ ูงมากเมอื่ เทียบกบั โทรศัพท์ ยห่ี อ้ อ่ืน ลูกค้ายอมจ่ายเงินในราคาที่สูงถ้าหากสินค้าน้ันมีคุณภาพที่ดีหรือสามารถตอบสนอง ความต้องการในการใช้งานได้ 2. ค่แู ข่ง ปัจจัยที่สาคัญนอกเหนือจากลูกค้าแล้วยังมีปัจจัยด้านคู่แข่ง (Competitors) ท่ีมีผลต่อ การกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ เพราะถา้ กิจการมกี ารขายสนิ ค้าท่มี ลี ักษณะคล้ายคลึงกับคแู่ ข่ง เช่น มคี ุณภาพทีใ่ กลเ้ คยี งกนั ตอบสนองความตอ้ งการของลกู ค้าไดเ้ หมอื นกนั ถ้าเป็นเช่นนีก้ ิจการไม่ สามารถต้งั ราคาสนิ ค้าได้สูงเกินกว่าราคาสินค้าของคู่แข่งได้ เพราะลูกค้าอาจไปซ้ือสินค้าของ คู่แขง่ แทนการซ้อื สินค้าของกิจการ 3. ต้นทุน ปจั จยั สาคญั อีกปัจจยั หน่งึ ท่มี ีผลต่อการกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ คือ ต้นทุน (Costs) ซึ่ง ต้นทนุ มผี ลตอ่ การต้ังราคาขายของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทของกิจการ เนื่องจากต้นทุนถือว่า เป็นสว่ นประกอบพนื้ ฐานในการตงั้ ราคาสนิ คา้ ต้นทนุ ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการให้บริการลูกค้าหรอื การ ผลิตสินค้า ประกอบด้วย ต้นทุนท่ีเก่ียวข้องกับการผลิต เช่น วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงาน ทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต และต้นทุนที่ไม่เก่ียวข้องกับการผลิตสินค้าทั้งท่ีเป็นต้นทุน ประเภทผนั แปรและคงที่ ซึ่งได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานอ่ืน ๆ เช่น ค่าเช่าร้าน ค่าน้าค่า ไฟ เงนิ เดอื นพนกั งานในแผนกต่างๆ ค่าเสือ่ มราคาอปุ กรณ์สานักงาน ค่าเบ้ียประกนั ภัย เปน็ ต้น ดังนั้น จะเห็นได้ว่าต้นทุนมีหลายหลายประเภท เพ่ือให้กิจการมีผลกาไรตามเป้าหมาย จึงมี ความจาเป็นที่กจิ การสามารถระบุไดว้ ่าผลิตภณั ฑ์แต่ละชนิดมีต้นทุนอะไรเกี่ยวข้องบ้าง ก่อนท่ี จะนาข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจเพื่อกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ต้นทนุ จะมลี ักษณะแตกต่างกันไปข้ึนอยู่กับประเภทของธุรกิจ เช่น ธุรกิจบริการ ธุรกิจซ้ือขาย สินค้า และธรุ กจิ ผลิตสนิ คา้
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลติ ภัณฑ์ 8 - 3 4. ปัจจยั อื่นๆ นอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น อาจมีปัจจัยอื่นๆ ท่ีมีผลกระทบต่อการตั้งราคา ผลิตภณั ฑ์ เช่น ประเภทของผลติ ภณั ฑ์ ถา้ กจิ การขายสนิ คา้ ที่มีลกั ษณะเหมอื นกับคู่แข่งขันราย อ่ืน การต้ังราคาสินค้าจะไม่สามารถต้ังราคาได้สูงกว่าท้องตลาด แต่ถ้าเป็นสินค้าท่ีมีความ แตกต่างจากคู่แขง่ หรือเปน็ สินค้าประเภทใชน้ วัตกรรมใหม่ๆ ธุรกจิ สามารถต้ังราคาสินค้าได้สูง กว่าตลาดได้ หรอื เปน็ ปจั จยั เก่ียวกับนโยบายภาครัฐ สินค้าที่อยู่ในประเภทสินค้าควบคุม เช่น สินค้าอุปโภคบรโิ ภคหลายรายการ กจิ การไม่สามารถตง้ั ราคาไดเ้ อง ตอ้ งคานึงถงึ กฎหมายหรือ นโยบายของรัฐบาล ตัวอยา่ งสนิ คา้ ท่ีเป็นสินคา้ ควบคมุ เช่น ข้าวเปลือก ข้าวสาร นมผง นมสด ยารกั ษาโรค น้ามนั เชอ้ื เพลงิ เป็นต้น แนวคิดพืน้ ฐานในการกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ แนวคิดพ้ืนฐานที่ธรุ กิจนามาใช้สาหรับการกาหนดราคาขายของผลิตภัณฑ์ นั่นคือ การ กาหนดราคาขายโดยรวมส่วนบวกเพิ่มจากต้นทุน หรือราคาขายของผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย ต้นทุนผลิตภัณฑ์ (Product Costs) บวกด้วยส่วนบวกเพิ่มของต้นทุนรวมเข้ากับต้นทุนของ ผลิตภัณฑ์ การกาหนดราคาตามแนวคิดนี้ เรียกว่า การกาหนดราคาขายบวกส่วนเพิ่มจาก ต้นทุน (Cost – Plus Pricing) ซ่ึงต้นทุนผลิตภัณฑ์จะเท่ากับเท่าใดน้ันข้ึนอยู่กับว่ากิจการใช้ ฐานการคานวณตน้ ทุนผลติ ภณั ฑ์วธิ ีใด ซงึ่ จะกลา่ วถงึ ในหัวขอ้ ถดั ไป ส่วนบวกเพ่มิ (Mark Up) หมายถงึ ส่วนต่างระหว่างราคาขายของสนิ คา้ และตน้ ทนุ ของ ผลติ ภัณฑ์นนั้ ๆ โดยสว่ นใหญ่แลว้ สว่ นที่บวกเพิ่มมกั จะกาหนดเป็นอตั รารอ้ ยละของต้นทนุ ของ ผลติ ภณั ฑ์ ดงั นั้น การกาหนดราคาขายของผลติ ภณั ฑ์ สามารถคานวณได้ ดังน้ี ราคาขายผลิตภัณฑ์ (บาท) = ตน้ ทุนผลิตภณั ฑ์ + สว่ นบวกเพิ่ม โดยท่ี สว่ นบวกเพ่มิ สามารถคานวณ ไดด้ งั นี้ สว่ นบวกเพิม่ (บาท) = ตน้ ทุนผลติ ภณั ฑ์ x อัตราสว่ นบวกเพ่มิ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการกาหนดราคาผลติ ภณั ฑโ์ ดยบวกส่วนเพมิ่ ของตน้ ทนุ แต่ละวิธี สามารถอธบิ ายและแสดงการคานวณ ดงั แสดงในตัวอย่างที่ 8.1 ดงั น้ี
8 - 4 การบญั ชีต้นทนุ 2 ตวั อย่างท่ี 8.1 รา้ นอนุรักษไ์ ทย ตอ้ งการกาหนดราคาผลิตภัณฑแ์ ตล่ ะชนดิ โดยใชน้ โยบายการตง้ั ราคา สินค้าโดยบวกส่วนเพ่ิมจากต้นทุน ซึ่งกาหนดให้อัตราส่วนบวกเพ่ิม (Mark Up Percentage) เท่ากับ 40% ของต้นทุนผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทท่ีบริษัทซื้อมาจาหน่าย โดยมีรายละเอียด เก่ยี วกบั ผลิตภัณฑแ์ ละราคาทุน ดังนี้ ราคาทุนของผลิตภณั ฑ์ ประเภทของผลิตภณั ฑ์ (บาทตอ่ หนว่ ย) กระเป๋าผา้ ฝา้ ย 280 เสอ้ื ย้อมคราม 300 กระโปรงผา้ ย้อมคราม 350 กางเกงผา้ ขาวมา้ 250 จากข้อมูลข้างต้นเจ้าของร้านต้องการกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ประเภทโดยใช้ นโยบายการกาหนดราคาสินค้าข้างต้น วิธีการคานวณ จากแนวคดิ การกาหนดราคาขายของผลิตภัณฑ์ ดงั น้ี ราคาขายผลติ ภัณฑ์ = ตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์ + ส่วนบวกเพมิ่ = ตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑ์ + (ต้นทุนผลติ ภณั ฑ์ x อัตราร้อยละสว่ นบวกเพ่มิ ) ราคาขายของกระเปา๋ ผา้ ฝา้ ย = 280 + (280 x 40%) = 280 + 112 = 392 บาทตอ่ หนว่ ย ราคาขายของเสอ้ื ย้อมคราม = 300 + (300 x 40%) = 300 + 120 = 420 บาทตอ่ หนว่ ย ราคาขายของกระโปรงผ้ายอ้ มคราม = 350 + (350 x 40%) = 350 + 140 = 490 บาทต่อหน่วย
ราคาขายของกางเกงผา้ ขาวมา้ บทที่ 8 การกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ 8 - 5 = 250 + (250 x 40%) = 250 + 100 = 350 บาทตอ่ หนว่ ย จากการคานวณข้างต้นจะเห็นได้ว่า เม่ือเจ้าของร้านบวกส่วนบวกเพ่ิมในอัตรา 40% จากต้นทุนผลิตภัณฑ์ ทาให้ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทมีราคาขายต่อหน่วย ของกระเป๋าผ้าฝ้าย 392 บาท เส้ือยอ้ มคราม 420 บาท กระโปรงผ้ายอ้ มคราม 490 บาท และกางเกงผ้าขาวม้า 350 บาท ประเดน็ สาคญั ท่ีมีผลกระทบต่อการกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ ประเด็นสาคญั ที่เกีย่ วขอ้ งกับการกาหนดราคาขายของผลิตภัณฑ์ จะมี 2 ประเด็นหลัก คือ 1) ต้นทุนท่ีใช้เป็นฐานในการกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ควรเป็นต้นทุนประเภทใด และ 2) อัตราสว่ นเพ่ิมควรกาหนดอย่างไร (วรรณี เตโชโยธนิ , สมชาย สุภัทรกุล และมนวิกา ผดุงสิทธ์ิ, 2558) สาหรบั ต้นทนุ ท่ีใช้เป็นฐานในการกาหนดราคาขาย จะมีต้นทุนใดเป็นส่วนประกอบบ้าง น้นั ขน้ึ อยูก่ บั วธิ ีการคานวณต้นทุนผลติ ภัณฑ์วา่ กิจการจะใชว้ ธิ ีใดในการคานวณ ซง่ึ แต่ละวิธีก็มี ส่วนประกอบของต้นทุนที่รวมอยู่ในต้นทุนผลิตภัณฑ์แตกต่างกัน และประเด็นเรื่องอัตราส่วน เพิ่มจะกาหนดอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทแต่ละแห่ง รวมถึงวิธีการที่ใช้ในการ กาหนดราคาผลติ ภัณฑ์ ซึ่งแต่ละประเด็นจะอธิบายรายละเอยี ด ดังน้ี 1. วิธีการคานวณต้นทนุ ผลิตภณั ฑท์ ี่ใช้เป็นฐานในการกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ การกาหนดราคาสนิ คา้ โดยใช้ต้นทุนเปน็ ฐานในการคานวณ (Cost – Plus Pricing) เปน็ วิธกี ารที่ไดร้ บั ความนยิ มเป็นอย่างมาก เนือ่ งจากสนิ ค้ามีหลายประเภท บางประเภทเป็นสินค้า มาตรฐาน บางประเภทเป็นสินค้าทรี่ ับคาสง่ั ซือ้ พเิ ศษ บางประเภทเปน็ สินค้าทแี่ ตกต่างกบั สนิ ค้า ที่อยู่ในท้องตลาด ดังนั้น ส่วนประกอบของต้นทุนผลิตภัณฑ์ที่นามาใช้เป็นฐานในการกาหนด ราคาสินค้าจึงมีความแตกต่างกัน แต่โดยท่ัวไปถ้ากล่าวถึงต้นทุนผลิตภัณฑ์ จะประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิตทั้งผันแปรและคงที่ หรือรวมไปถึง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารท้ังผนั แปรและคงที่ ดังน้ัน ประเด็นแรกท่ีควรจะทาความเข้าใจ กอ่ นการกาหนดราคาสินค้า คือ ต้นทุนที่นามาใช้เปน็ ฐานในการกาหนดราคาขายของสินค้า จะ ประกอบไปดว้ ยตน้ ทปุ ระเภทใดบ้างนั้นจะขึ้นอยู่กับวิธีการคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ ซ่ึงวิธีการ คานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์สามารถแบ่งวิธีการคานวณได้ 4 วิธี ได้แก่ 1) วิธีต้นทุนเต็ม (Full Costing or Absorption Costing) 2) วิธีต้นทุนผันแปร (Variable Costing or Direct Costing) 3) วิธีต้นทนุ ผนั แปรรวม (Total Variable Costing) และ 4) วธิ ตี น้ ทนุ รวม (Total Cost)
8 - 6 การบญั ชตี ้นทนุ 2 เพื่อให้เข้าใจเก่ียวกับส่วนประกอบและวิธีการคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ท้ัง 4 วิธี สามารถอธิบายรายละเอียดสว่ นประกอบของต้นทุนของแตล่ ะวิธี ได้ดังน้ี 1.1. วิธีต้นทุนเตม็ การคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนเต็ม (Full Costing) จะเป็นการรวมต้นทุนการ ผลิตทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการผลิตท้ังผันแปรและคงที่ รวมเข้าสู่ตัวผลิตภัณฑ์ (Product Costs) ดังน้ัน ต้นทุนการผลิตวิธีต้นทุนเต็ม จึงประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง ค่าใช้จ่ายการผลิตทั้งท่ีเป็นต้นทุนผันแปรและต้นทุนคงที่ ส่วนต้นทุนและ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตจะถือว่าเป็นต้นทุนที่เกิดข้ึนในแต่ละงวดบัญชีน้ันๆ หรือเรยี กวา่ ต้นทนุ ประจางวด หรอื ตน้ ทุนงวดเวลา (Period Costs) ซึ่งประกอบด้วย ค่าใช้จ่าย ในการขายและบรหิ ารท้งั ที่เปน็ ตน้ ทุนผนั แปรและต้นทนุ คงที่ ดังน้ัน สรุปได้ว่าการคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนเต็ม ต้นทุนผลิตภัณฑ์และ ต้นทุนประจางวด ประกอบดว้ ย ต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์ ต้นทนุ ประจางวด วัตถดุ ิบทางตรง คา่ ใช้จ่ายในการขายและบริหารผันแปร ค่าแรงงานทางตรง ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบรหิ ารคงที่ คา่ ใช้จา่ ยการผลติ ผันแปร ค่าใช้จา่ ยการผลิตคงที่ 1.2. วิธีต้นทนุ การผลิตผนั แปร การคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนผันแปร (Variable Manufacturing Costing) เปน็ การรวมตน้ ทุนการผลติ เฉพาะส่วนท่ีมีลักษณะเป็นต้นทุนการผลิตผันแปรเท่าน้ันรวมเข้าสู่ ตัวผลิตภัณฑ์ ดังนั้น ต้นทุนการผลิตวิธีต้นทุนผันแปร จึงประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง ค่าใชจ้ า่ ยการผลิตเฉพาะท่ีเป็นตน้ ทุนผันแปร ส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่ายอ่ืนๆ ท่ีมีลักษณะเป็นต้นทุนคงท่ีและค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานทั้งผันแปรและคงท่ี จะถือว่าเป็น ตน้ ทุนประจางวด หรือต้นทุนงวดเวลา ซ่ึงต้นทุนเหล่านี้ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายการผลิตคงที่ คา่ ใช้จา่ ยในการขายและบรหิ ารท้ังทเ่ี ป็นตน้ ทนุ ผันแปรและต้นทนุ คงที่ ดังนั้น สรุปได้ว่าการคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนเต็ม ต้นทุนผลิตภัณฑ์และ ตน้ ทุนประจางวด ประกอบดว้ ย ต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์ ต้นทนุ ประจางวด วตั ถุดบิ ทางตรง คา่ ใชจ้ ่ายการผลิตคงที่ คา่ แรงงานทางตรง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารผันแปร คา่ ใช้จา่ ยการผลิตผันแปร ค่าใช้จ่ายในการขายและบรหิ ารคงที่
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ 8 - 7 1.3. วิธีต้นทนุ ผนั แปรรวม การคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนผันแปรรวม (Total Variable Costing) เป็นการ รวมตน้ ทุนเฉพาะสว่ นที่เปน็ ตน้ ทนุ ผันแปรทั้งหมดเท่าน้ันรวมเข้าสู่ตัวผลิตภัณฑ์ โดยไม่นาเอา ต้นทุนคงที่มารวมในตัวผลิตภัณฑ์เลย ดังนั้น ต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนผันแปรรวม จึง ประกอบด้วย วัตถดุ บิ ทางตรง ค่าแรงงานทางตรง คา่ ใช้จ่ายการผลติ เฉพาะทีเ่ ป็นตน้ ทุนผันแปร และค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบริหารส่วนที่เป็นต้นทุนผันแปรท้ังหมด ส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่าย อนื่ ๆ ทม่ี ลี ักษณะเปน็ ตน้ ทนุ คงที่ จะถือวา่ เป็นตน้ ทุนประจางวดทั้งหมด ซึ่งได้แก่ ค่าใช้จ่ายการ ผลติ คงท่ี ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบริหารที่เปน็ ต้นทนุ คงท่ี ดังน้ัน สรุปได้ว่าการคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนผันแปรรวม ต้นทุนผลิตภัณฑ์ และต้นทุนประจางวด ประกอบดว้ ย ต้นทุนผลิตภณั ฑ์ ต้นทุนประจางวด วตั ถุดิบทางตรง คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ คงที่ คา่ แรงงานทางตรง คา่ ใชจ้ ่ายในการขายและบรหิ ารคงท่ี ค่าใช้จา่ ยการผลิตผนั แปร คา่ ใช้จา่ ยในการขายและบรหิ ารผันแปร 1.4. วิธีต้นทนุ รวม การคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนรวม (Total Costing) เป็นการรวมต้นทุนและ ค่าใช้จ่ายทุกประเภทท้ังท่ีเป็นต้นทุนผันแปรและต้นทุนคงท่ีทั้งหมดรวมเข้าสู่ตัวผลิตภัณฑ์ ดังนั้น ต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนรวม จึงประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง ค่าใช้จ่ายการผลิตท้ังที่เป็นต้นทุนผันแปรและคงท่ี และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เป็น ต้นทุนผันแปรและคงที่ ซึ่งมีผลทาให้ ไม่มีต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใดเป็นต้นทุนประจางวดเลย เพราะตน้ ทนุ ทุกรายการรวมอยใู่ นตน้ ทนุ ผลิตภณั ฑ์หมดแล้ว ดังนั้น สรุปได้ว่าการคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนรวม ต้นทุนผลิตภัณฑ์และ ต้นทนุ ประจางวด ประกอบด้วย ต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์ วัตถดุ ิบทางตรง ต้นทุนประจางวด - ไม่มี - ค่าแรงงานทางตรง คา่ ใชจ้ ่ายการผลิตผนั แปร ค่าใชจ้ ่ายการผลติ คงท่ี ค่าใชจ้ ่ายในการขายและบรหิ ารผนั แปร คา่ ใชจ้ ่ายในการขายและบริหารคงที่
8 - 8 การบัญชตี น้ ทนุ 2 เพื่อให้เข้าใจส่วนประกอบของต้นทุนผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 วิธีมากขึ้น สามารถสรุป สว่ นประกอบตน้ ทุนผลิตภัณฑ์ของแตล่ ะวธิ ี ดงั แสดงในตารางที่ 8.1 ตารางท่ี 8.1 ส่วนประกอบของต้นทนุ ผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบของ วิธีการคานวณต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์ ต้นทุนผลิตภณั ฑ์ วิธีต้นทุนเตม็ วิธีต้นทนุ วิธีต้นทุน วิธีต้นทนุ รวม วตั ถุดบิ ทางตรง การผลิต ผนั แปรรวม คา่ แรงงานทางตรง ผนั แปร ค่าใช้จา่ ยการผลิต ผนั แปร คา่ ใช้จ่ายการผลิตคงท่ี ค่าใชจ้ ่ายในการขายและ บริหารผนั แปร ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและ บริหารคงที่ - - - - - - - เพอื่ ใหเ้ ข้าใจเกย่ี วกับการคานวณต้นทุนผลิตภณั ฑ์มากขน้ึ สามารถแสดงการคานวณ ต้นทนุ ผลติ ภัณฑ์แตล่ ะวธิ ี ดังแสดงในตัวอยา่ งท่ี 8.2
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ 8 - 9 ตวั อยา่ งท่ี 8.2 บริษัท นิยมไทยการค้า จากดั เปน็ บริษทั ทท่ี าการผลิตและจาหน่ายกระเป๋าที่ทาจากผ้า ไทย โดยในปีหน้า บริษัทมีแผนท่ีจะผลิตกระเป๋าเพื่อจาหน่ายจานวน 10,000 ใบ โดยมีข้อมูล เกย่ี วกบั ตน้ ทุนการผลิตและค่าใช้จา่ ยต่างๆทเ่ี กยี่ วกบั การผลติ และจาหนา่ ยกระเปา๋ ดงั นี้ ต้นทนุ ต่อหน่วย ต้นทุนรวม (บาทตอ่ หนว่ ย) (บาท) วัตถดุ บิ ทางตรง 250 ค่าแรงงานทางตรง 100 ค่าใช้จ่ายการผลิตผนั แปร 80 ค่าใช้จ่ายการผลติ คงที่ 600,000 ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบรหิ ารผันแปร 50 ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบริหารคงท่ี 750,000 การคานวณตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑ์โดยใช้วธิ กี ารคานวณทัง้ 4 วิธี สามารถแสดงรายละเอยี ด การคานวณ ไดด้ งั นี้ วิธีการคานวณ การคานวณตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์ โดยใช้ฐานการคานวณตน้ ทนุ ท้ัง 4 วธิ ี สามารถคานวณ ไดด้ ังนี้ ส่วนประกอบของ วิธีการคานวณต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์ ต้นทุนผลิตภณั ฑ์ วิธีต้นทุนเตม็ วิธีต้นทุน วิธีต้นทุน วิธีต้นทนุ รวม วตั ถดุ ิบทางตรง การผลิต ผนั แปรรวม ค่าแรงงานทางตรง ผนั แปร คา่ ใช้จา่ ยการผลิต ผันแปร 250 250 250 250 คา่ ใช้จ่ายการผลิตคงท่ี 100 100 100 100 80 80 80 80 60 - - 60
8 - 10 การบัญชีต้นทุน 2 ส่วนประกอบของ วิธีการคานวณต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์ ต้นทุนผลิตภณั ฑ์ วิธีต้นทนุ เตม็ วิธีต้นทนุ การ วิธีต้นทนุ วิธีต้นทนุ รวม ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและ ผลิต ผนั แปรรวม บริหารผันแปร ผนั แปร คา่ ใช้จ่ายในการขายและ บริหารคงที่ - - 50 50 ตน้ ทุนผลติ ภณั ฑต์ ่อหนว่ ย - - - 75 490 430 480 615 จากการคานวณตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์ท้ัง 4 วิธี จะเหน็ ได้วา่ ตน้ ทุนผลิตภณั ฑ์ต่อหนว่ ยวธิ ี ต้นทนุ เต็ม มีตน้ ทุนต่อหนว่ ยเทา่ กับ 490 บาท วธิ ีตน้ ทุนการผลิตผันแปร เทา่ กบั 430 บาท วธิ ี ต้นทนุ ผนั แปรรวม เทา่ กบั 480 บาท และวิธตี ้นทุนรวม เทา่ กบั 615 บาท 2. การกาหนดอตั ราส่วนเพิ่ม การกาหนดราคาขายของผลติ ภัณฑ์ นอกจากการคานวณตน้ ทนุ ผลิตภัณฑเ์ ป็นประเดน็ สาคญั ต่อการต้ังราคาผลติ ภัณฑ์แล้ว ยังมีประเด็นของการกาหนดอัตราส่วนเพิ่ม ซึ่งโดยทั่วไป อตั ราสว่ นเพ่ิมจะถกู กาหนดโดยผู้บรหิ ารของบรษิ ัทแตล่ ะแห่ง อาจใชป้ ระสบการณ์ของผู้บริหาร หรอื สภาพแวดล้อมภายนอกท่ีมีผลต่อธุรกิจ แต่โดยส่วนใหญ่อัตราส่วนเพ่ิมดังกล่าว ผู้บริหาร ตอ้ งกาหนดให้เพียงพอ หรอื สามารถชดเชยต้นทุนในส่วนที่ไม่ได้รวมอยู่ในต้นทุนท่ีใช้เป็นฐาน ในการคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ เช่น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารท้ังหมด เพ่ือให้การต้ัง ราคาผลิตภัณฑ์ทาให้กิจการมีผลกาไรจากการดาเนินงานตามท่ีต้องการ ถ้าอัตราส่วนเพิ่มไม่ สามารถชดเชยต้นทุนดังกล่าวได้ จะส่งผลให้กิจการมีผลขาดทุนจากการดาเนินงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากกิจการอยู่ในธุรกิจที่มีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ผลิตภัณฑ์หรือการ บริการสามารถถูกทดแทนด้วยสินค้าหรือการบริการท่ีเป็นของคู่แข่ง กิจการจะไม่สามารถ กาหนดอตั ราส่วนเพิม่ ไดส้ ูงมากนกั การกาหนดอตั ราส่วนเพมิ่ ทีน่ ิยมใชส้ ว่ นใหญ่ จะคานึงถึงต้นทนุ และกาไรที่ต้องการหรือ ผลตอบแทนท่ีกิจการต้องการ ใช้เป็นฐานในการคานวณอัตราส่วนเพิ่ม โดยท่ีกาไรที่ต้องการ ส่วนมากมาจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment : ROI) ซึ่งอัตรา ผลตอบแทนดังกล่าว มักถูกกาหนดโดยผู้บริหารของบริษัท หรืออาจพิจารณาจากอัตรา
บทที่ 8 การกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ 8 - 11 ผลตอบแทนจากการลงทนุ ของบรษิ ัทอน่ื ๆ ท่ีอย่ใู นอตุ สาหกรรมเดยี วกัน ส่วนการใช้ต้นทุนเป็น ฐานในการกาหนดอตั ราสว่ นเพิ่ม สามารถใช้การคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์โดยใช้วิธีต้นทุนเต็ม วธิ ีต้นทนุ ผันแปร วธิ ตี ้นทนุ ผันแปรรวม หรือวิธีตน้ ทุนรวม ดงั ได้อธิบายไวแ้ ล้วในหวั ขอ้ ขา้ งตน้ การคานวณอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน หรอื อาจใช้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Assets : ROA) ท่นี ามาลงทนุ กไ็ ด้ ซึ่งผลตอบแทนดงั กล่าวเป็นการวัดประสทิ ธภิ าพ ของกจิ การในการบรหิ ารเงนิ ของกจิ การหรือการบริหารสินทรัพย์ของผู้บริหารแต่ละแผนกหรือ หน่วยงานย่อยวา่ มปี ระสทิ ธิภาพหรอื ไม่ รวมถึงการวดั ความสามารถการทากาไรจากการลงทุน ในสนิ ทรัพยท์ ีล่ งทนุ ไป ซ่งึ อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ สามารถคานวณได้ดงั นี้ อตั ราผลตอบแทนจากการลงทุน = กาไรจากการดาเนินงาน x 100 (ROI) เงินลงทนุ หรือ การคานวณหาอัตราผลตอบแทนตอ่ สนิ ทรพั ย์รวม สามารถคานวณ ไดด้ ังน้ี อัตราผลตอบแทนต่อสนิ ทรัพยร์ วม = กาไรจากการดาเนินงาน (ROA) สนิ ทรัพยร์ วมถัวเฉล่ยี x 100 โดยที่ สินทรัพยร์ วมถัวเฉลยี่ เป็นการนาเอารายการสนิ ทรพั ยร์ วมตน้ งวดและปลายงวด มารวมกนั แลว้ หารดว้ ย 2 เพ่ือหาคา่ เฉลยี่ ดังน้ี สนิ ทรพั ยร์ วมถัวเฉลีย่ = สนิ ทรพั ย์รวมต้นงวด + สินทรพั ย์รวมปลายงวด 2 สาหรับการกาหนดอัตราสว่ นเพมิ่ (Markup Percentage) สามารถคานวณโดยใช้สูตร ดังน้ี อัตราสว่ นเพมิ่ = ผลตอบแทนจากการลงทนุ + ตน้ ทนุ ท่ีไมไ่ ด้รวมอยใู่ นต้นทนุ ผลติ ภัณฑ์ (% Markup) จานวนหน่วยผลิต x ต้นทุนผลิตภณั ฑต์ ่อหนว่ ย x 100 โดยที่ ผลตอบแทนจากการลงทุน สามารถคานวณได้ดงั นี้ ผลตอบแทนจากการลงทนุ = อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ (%) x เงินลงทุน
8 - 12 การบญั ชีต้นทุน 2 ถ้าในกรณีที่ธุรกิจใช้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (ROA) ในการคานวณหา อตั ราสว่ นเพ่ิม จะคานวณผลตอบแทนตอ่ สนิ ทรัพย์รวมแทน โดยมสี ตู รในการคานวณ ดังนี้ ผลตอบแทนตอ่ สนิ ทรพั ย์รวม = อัตราผลตอบแทนตอ่ สนิ ทรพั ยร์ วม (%) x สนิ ทรัพย์รวม ถัวเฉลย่ี การกาหนดอัตราส่วนเพมิ่ จะมคี ดิ เปน็ จานวนเทา่ ใดนั้นขึ้นอย่กู ับอตั ราผลตอบแทนจาก การลงทนุ หรืออัตราผลตอบแทนต่อสนิ ทรัพย์รวม และวิธีการคานวณต้นทนุ ผลติ ภัณฑ์ ซึ่งฐาน ท่ีใช้ในการคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ กิจการอาจเลือกใช้วิธตี น้ ทนุ เต็ม วิธีตน้ ทุนผนั แปร วิธี ตน้ ทนุ ผนั แปรรวม หรือวิธตี ้นทุนรวม แลว้ แต่ว่ากจิ การมนี โยบายการคานวณต้นทุนผลติ ภณั ฑ์ วิธใี ดเป็นวธิ ีท่ีเหมาะสมทีส่ ุด หลังจากทราบถงึ ประเดน็ สาคัญทมี่ ผี ลต่อการกาหนดราคาขายของผลติ ภัณฑ์แล้ว ซง่ึ ได้แก่ วธิ กี ารคานวณตน้ ทนุ ผลติ ภัณฑ์ และการกาหนดอัตราส่วนเพิ่ม หลงั จากนนั้ กิจการจะใช้ ข้อมูลทงั้ สองส่วนไปคานวณหาราคาขายของผลติ ภัณฑต์ ่อไป วิธีการกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ การกาหนดราคาขายของผลิตภัณฑห์ รือการบริการโดยสว่ นใหญ่ราคาขายต้องสามารถ ชดเชยต้นทนุ ท่ีเกดิ ขน้ึ ทั้งหมด หรือการกาหนดอัตราส่วนเพมิ่ ตอ้ งมากพอทจี่ ะชดเชยต้นทนุ อ่นื ๆ ที่นอกเหนอื จากตน้ ทนุ การผลิตหรอื ตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์ เพอื่ ใหก้ ิจการสามารถทากาไรได้ ตามท่ผี บู้ ริหารต้องการ แต่ถ้ากาหนดอตั ราส่วนเพิ่มไม่เพยี งพอหรือไมส่ ามารถชดเชยต้นทุน อื่นๆ ทนี่ อกเหนอื จากต้นทุนการผลิต อาจมผี ลทาให้กจิ การมีผลขาดทุนได้ ซง่ึ การกาหนดราคา ผลิตภณั ฑส์ ามารถคานวณได้ 3 วิธี ได้แก่ 1) การกาหนดราคาโดยบวกส่วนเพ่ิมจากต้นทนุ (Pricing – based on Cost) 2) การกาหนดราคาโดยคานงึ ถึงกาไรท่ตี ้องการ (Pricing – based on Target Profit) และ 3) การกาหนดราคาโดยใช้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (Pricing – based on Return on Investment) ในการกาหนดราคาขายของผลติ ภณั ฑแ์ ตล่ ะวิธี จะอธบิ าย โดยละเอียดตามลาดบั ดงั น้ี 1. การกาหนดราคาโดยบวกส่วนเพ่ิมจากต้นทนุ การกาหนดราคาสินค้าโดยบวกส่วนเพ่ิมจากต้นทุน (Pricing – based on Cost) เป็น การตัง้ ราคาสนิ คา้ โดยใช้ขอ้ มูลต้นทุนผลติ ภณั ฑเ์ ปน็ ฐานในการตั้งราคาสินคา้ แล้วบวกส่วนเพิ่ม (Markup) เข้าไปในต้นทุนของผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนเพ่ิมท่ีเพิ่มเข้าไปในต้นทุนผลิตภัณฑ์เปรียบ เหมือนกาไรท่ีบริษัทต้องการ ส่วนใหญ่จะบอกเป็นรูปของร้อยละ หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นของ
บทที่ 8 การกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ 8 - 13 ต้นทุนผลติ ภัณฑ์ (Markup Percentage) ซง่ึ การคานวณตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์สามารถคานวณได้ 4 วิธี ไดแ้ ก่ วิธีต้นทุนเต็ม วธิ ีต้นทุนการผลิตผันแปร วิธีต้นทุนผันแปรรวม และวิธีต้นทุนเต็ม ดัง อธบิ ายในหัวข้อต้นทุนท่ีใช้เป็นฐานในการกาหนดราคาขาย ดังน้ัน การคานวณราคาขายของ ผลติ ภัณฑ์ สามารถคานวณ ไดด้ งั น้ี ราคาขายผลิตภัณฑ์ = ตน้ ทุนผลิตภณั ฑต์ อ่ หนว่ ย + ส่วนบวกเพม่ิ โดยท่ี สว่ นบวกเพิม่ สามารถคานวณไดด้ งั น้ี ส่วนบวกเพมิ่ = ต้นทนุ ผลติ ภณั ฑต์ ่อหนว่ ย x อัตราสว่ นเพ่มิ (%) เพ่ือให้เข้าใจเก่ียวกับการคานวณราคาขายของผลิตภัณฑ์โดยใช้ส่วนบวกเพ่ิมจาก ต้นทุน จึงขอแสดงการคานวณ ดังแสดงในตัวอย่างท่ี 8.3 ตวั อยา่ ง 8.3 จากตวั อยา่ งที่ 8.2 บรษิ ัท นยิ มไทยการคา้ จากัด เป็นบริษทั ทท่ี าการผลติ และจาหน่าย กระเปา๋ ที่ทาจากผ้าไทย โดยในปีหน้าบริษัทมแี ผนที่จะผลิตกระเป๋าจานวน 10,000 ใบ โดยมี ขอ้ มูลเก่ยี วกบั ตน้ ทุนการผลิตและคา่ ใชจ้ ่ายตา่ งๆทีเ่ กี่ยวกบั การผลิตและจาหนา่ ยกระเปา๋ ดังน้ี ต้นทุนต่อหน่วย ต้นทุนรวม (บาทต่อหน่วย) (บาท) วัตถดุ บิ ทางตรง 250 ค่าแรงงานทางตรง 100 คา่ ใช้จา่ ยการผลติ ผันแปร 80 คา่ ใช้จ่ายการผลติ คงท่ี 600,000 ค่าใช้จา่ ยในการขายและบรหิ ารผันแปร 50 ค่าใช้จา่ ยในการขายและบรหิ ารคงที่ 750,000 ถ้าหากบริษัทมีนโยบายในการกาหนดราคาขายสินค้า โดยผู้บริหารกาหนดให้ อัตราสว่ นบวกเพ่มิ เท่ากบั 40 % ของตน้ ทนุ สนิ ค้า ถ้าการคานวณต้นทุนสินค้าใช้วิธีต้นทุนเต็ม เป็นฐานในการกาหนดราคาขายผลติ ภณั ฑ์ ราคาขายของกระเป๋าผ้าฝา้ ยจะสามารถคานวณ ได้ ดังน้ี
8 - 14 การบัญชตี น้ ทนุ 2 วิธีการคานวณ คานวณต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์โดยใชฐ้ านการคานวณวธิ ีต้นทุนเตม็ วัตถดุ ิบทางตรง 250 บาทต่อหนว่ ย คา่ แรงงานทางตรง 100 บาทตอ่ หนว่ ย ค่าใช้จ่ายการผลติ ผนั แปร 80 บาทต่อหน่วย ค่าใชจ้ ่ายการผลิตคงท่ี (600,000/10,000 หน่วย) 60 บาทตอ่ หน่วย ตน้ ทุนผลิตภัณฑ์ตอ่ หน่วย 490 บาทต่อหนว่ ย จากข้อมลู ขา้ งต้น บริษัทสามารถนาต้นทนุ วิธตี น้ ทุนเต็มมาเปน็ ฐานการคานวณหาราคา ขายของผลิตภัณฑ์โดยใช้วิธีบวกส่วนเพิ่มจากต้นทุน ถ้าหากบริษัทมีนโยบายในการกาหนด ราคาขายผลิตภัณฑ์ โดยกาหนดให้อัตราส่วนบวกเพิ่มเท่ากับ 40 % ของต้นทุนสินค้า ดังน้ัน ราคาขายของผลติ ภัณฑ์ สามารถคานวณ ไดด้ ังนี้ ราคาขาย = ตน้ ทุนผลติ ภณั ฑ์ตอ่ หน่วย + (ต้นทุนผลติ ภัณฑ์ตอ่ หนว่ ย X อตั ราส่วนบวกเพม่ิ ) = 490 + 490 x 40 100 = 490 + 196 = 686 บาทต่อใบ ดงั น้นั ถ้าหากบรษิ ทั ใช้การคานวณตน้ ทุนผลิตภัณฑ์วิธีตน้ ทนุ เตม็ และมีนโยบายในการ กาหนดราคาสินค้าโดยบวกส่วนเพ่ิมจากต้นทุน บริษัทจะต้ังราคากระเป๋าผ้าไทย ใบละ 686 บาท และจากการกาหนดราคาผลติ ภัณฑ์ดงั กลา่ ว ผลการดาเนินงานของบริษัท สามารถแสดง รายการรายได้และค่าใช้จ่ายท่ีเกี่ยวข้อง โดยแสดงในรูปของงบกาไรขาดทุนวิธีต้นทุนเต็ม ได้ ดังน้ี บรษิ ทั นิยมไทยการคา้ จากัด งบกาไรขาดทนุ – วธิ ตี น้ ทนุ เต็ม ยอดขาย (10,000 ใบ x 686 บาท) 6,860,000 หกั ต้นทนุ ขาย (10,000 ใบ x 490 บาท) 4,900,000 กาไรขน้ั ต้น 1,960,000 หกั คา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนนิ งาน ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบรหิ ารผันแปร (10,000 ใบ x 50 บาท) 500,000 คา่ ใชจ้ ่ายในการขายและบรหิ ารคงท่ี 750,000 1,250,000 กาไรจากการดาเนินงาน 710,000
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ 8 - 15 ดังนั้น การกาหนดราคาผลิตภัณฑโ์ ดยบวกส่วนเพ่ิมจากต้นทุน 40% ของต้นทุนสินค้า วิธีต้นทนุ เตม็ เพียงพอท่ีจะทาให้บริษัทมีกาไรขั้นต้น เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการ ขายและบริหารท้ังในส่วนที่เป็นต้นทุนผันแปรและคงที่ และส่งผลให้บริษัทมีกาไรจากการ ดาเนนิ งานเท่ากับ 710,000 บาท มีข้อสังเกตว่าการกาหนดราคาขายจากตัวอย่างข้างต้น จะแตกต่างจากการกาหนด ราคาขายสาหรับค่าสั่งซื้อพิเศษ ซึ่งเป็นการกาหนดราคาขายในระยะส้ัน เน่ืองจากในระยะส้ัน ตน้ ทนุ บางรายการไม่สามารถเปล่ียนแปลงได้ เช่น ถ้ากิจการมีอุปกรณ์การผลิตซึ่งมีกาลังการ ผลิตเหลืออยู่ และใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในการผลิตสินค้าตามคาสั่งซื้อพิเศษ ค่าเสื่อมราคาของ อุปกรณ์จะไม่เพิ่มข้ึน แม้ว่ากิจการจะผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น ดังนั้น ค่าเสื่อมราคาในกรณีนี้จึงไม่ เกยี่ วขอ้ งกบั การตัดสนิ ใจ เป็นตน้ แตก่ ารกาหนดราคาขายในระยะยาวจะแตกต่างจากการกาหนดราคาสินค้าในระยะสัน ซงึ่ ในระยะยาวนั้น ต้นทุนทกุ รายการสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น กิจการสามารถเลือกประเภท ของอุปกรณ์การผลิตท่ีจะใชใ้ นกระบวนการผลิตเพ่ือใหม้ ีค่าใช้จ่ายเกย่ี วกับอุปกรณ์ดังกล่าวน้อย ที่สุด เป็นต้น นอกจากน้ี การกาหนดราคาขายในระยะยาวจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าการ กาหนดราคาขายในระยะสั้น เนอ่ื งจากผบู้ ริหารมกั จะบวกกาไรท่ีตอ้ งการไว้ในราคาขายด้วย ซึ่ง กาไรที่บวกเพ่ิมจะมากหรือน้อยก็ข้ึนอยู่กับปริมาณความต้องการสินค้าของลูกค้าและปริมาณ สนิ ค้าในตลาด 2. การกาหนดราคาโดยใช้กาไรท่ีต้องการ การกาหนดราคาโดยใช้กาไรทีต่ อ้ งการ (Pricing - based on Target Profit) เปน็ ฐานใน การคานวณราคาของสินค้า เปน็ การกาหนดราคาโดยผู้บริหารมีกาไรตามเป้าหมายหรือมีกาไร ท่ีตอ้ งการซง่ึ ถูกกาหนดไวล้ ว่ งหนา้ อยแู่ ลว้ หลังจากนน้ั จึงนาเอากาไรทีต่ อ้ งการมาเป็นส่วนบวก เพิม่ เข้ากบั ตน้ ทุนของสินคา้ ซง่ึ สามารถแสดงการคานวณ ไดด้ งั น้ี ราคาขายผลิตภณั ฑ์ = ต้นทนุ ผลิตภัณฑ์รวม* + กาไรที่ตอ้ งการ จานวนหนว่ ย *การคานวณต้นทุนผลติ ภัณฑ์ สามารถคานวณได้ 4 วิธี ไดแ้ ก่ วธิ ตี น้ ทุนเต็ม วิธีต้นทุน ผนั แปร วิธีตน้ ทุนผันแปรรวม และวธิ ีตน้ ทุนรวม ดงั ได้กลา่ วไว้แลว้ ข้างตน้
8 - 16 การบัญชีต้นทุน 2 ตวั อย่างท่ี 8.4 จากข้อมูลตัวอย่างที่ 8.2 ถ้าบริษัท นิยมไทยการค้า จากัด มีนโยบายในการกาหนด ราคาสินค้าโดยผู้บริหารต้องการกาไรสูงสุดจานวน 1,200,000 บาท จากวิธีต้นทุนผันแปร บริษทั จะตอ้ งกาหนดราคาสินค้าหนว่ ยละเท่าใด วิธีการคานวณ คานวณตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑโ์ ดยใชฐ้ านการคานวณวธิ ตี ้นทุนผนั แปรรวม วัตถุดบิ ทางตรง 250 บาทตอ่ หนว่ ย ค่าแรงงานทางตรง 100 บาทต่อหน่วย คา่ ใช้จา่ ยการผลติ ผันแปร 80 บาทตอ่ หน่วย ตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑ์ต่อหนว่ ย 430 บาทต่อหนว่ ย คานวณราคาขายของผลิตภณั ฑ์ ราคาขายผลิตภณั ฑ์ = ตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์วธิ ตี ้นทุนผันแปรรวม + กาไรท่ีต้องการ จานวนหนว่ ย = (430 x10,000) + 1,200,000 10,000 = 4,300,000 + 1,200,000 10,000 = 550 บาทตอ่ ใบ ดังนน้ั ถา้ บริษัทตอ้ งการกาไรเทา่ กบั 1,200,000 บาท บริษัทตอ้ งตงั้ ราคาสินคา้ เท่ากบั 550 บาทตอ่ ใบจงึ จะได้กาไรตามต้องการ การกาหนดราคาสนิ คา้ โดยใช้กาไรท่ตี ้องการเปน็ ฐานในการต้งั ราคาสนิ คา้ นอกจากจะ นามาใช้ในธรุ กจิ อตุ สาหกรรมแลว้ ยงั นยิ มใชก้ บั ธุรกิจบรกิ ารเชน่ กนั โดยนาไปคานวณหาอตั รา คา่ บรกิ ารของธุรกจิ นั้นๆ เพอื่ ใหม้ คี วามเขา้ ใจมากขนึ้ จะแสดงในตัวอยา่ งท่ี 8.4
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลติ ภณั ฑ์ 8 - 17 ตวั อย่างที่ 8.5 บรษิ ัท ฝนั ดอี พาร์ทเมนท์ เปน็ ธรุ กจิ ให้เช่าห้องพักรายเดอื น โดยบริษัทมนี โยบายทีจ่ ะ คิดอตั ราคา่ บรกิ ารจากลกู คา้ ซงึ่ บรษิ ัทมีการประมาณการค่าใชจ้ ่ายในการดาเนนิ งานต่างๆ ท่ี เกย่ี วขอ้ ง ดงั นี้ จานวนหอ้ งพกั 20 ห้อง คา่ ใช้จ่ายในการดาเนนิ งาน เงนิ เดอื นพนกั งาน 20,000 บาท คา่ สาธารณูปโภค 8,000 บาท ค่าโทรศัพท์ 5,000 บาท ค่าอินเตอร์เนต็ 1,500 บาท คา่ วสั ดสุ นิ้ เปลอื ง 17,500 บาท ค่าเบี้ยประกันภัย 10,000 บาท รวม 62,000 บาท ถา้ หากบริษัทตอ้ งการกาไรจากการดาเนินงานเดอื นละ 30,000 บาท บริษัทสามารถ คานวณหาอัตราค่าบรกิ ารเชา่ หอ้ งพกั ต่อเดอื น ไดด้ ังนี้ วิธีการคานวณ อตั ราค่าบรกิ ารห้องพกั ตอ่ ห้อง = ต้นทุนรวม + กาไรทต่ี อ้ งการ จานวนห้องพัก = 62,000 + 30,000 20 = 4,600 บาทตอ่ ห้อง ดงั น้ัน ถา้ บรษิ ทั ตอ้ งการกาไรจากการดาเนินงานตอ่ เดอื นเทา่ กบั 30,000 บาท บรษิ ัท ควรกาหนดอตั ราคา่ เช่าหอ้ งพกั ตอ่ เดือน เท่ากบั 4,600 บาทต่อหอ้ ง
8 - 18 การบญั ชตี น้ ทุน 2 3. การกาหนดราคาโดยใช้อตั ราผลตอบแทนจากการลงทุน การกาหนดราคาสินค้าโดยใช้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (Pricing – based on Return on Investment) เป็นฐานในการต้ังราคา เป็นวิธีการคานวณท่ีธุรกิจมีกาไรเท่ากับ ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ธุรกิจต้องการ การกาหนดอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนให้นา ข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับกาไรจากการดาเนินงานและเงินลงทุนของธุรกิจ เพื่อคานวณหาอัตรา ผลตอบแทนจากการลงทุน หลักจากนั้นค่อยเอาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนไปคานวณหา อัตราสว่ นบวกเพิ่ม กอ่ นจะทาการกาหนดราคาสนิ ค้า การคานวณอัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ สามารถคานวณ ไดด้ งั นี้ อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ = กาไรจากการดาเนินงาน x 100 (ROI) เงนิ ลงทนุ หรอื x 100 อตั ราผลตอบแทนจากการลงทนุ ในสินทรพั ย์ = กาไรจากการดาเนินงาน (ROA) สนิ ทรัพยร์ วม การคานวณอตั ราสว่ นบวกเพม่ิ สามารถคานวณไดด้ งั น้ี อตั ราสว่ นบวกเพม่ิ = ผลตอบแทนจากการลงทนุ + ตน้ ทนุ ทไ่ี มไ่ ด้บนั ทกึ เปน็ ต้นทุนผลิตภณั ฑ์ ต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์ตอ่ หนว่ ย* x ปรมิ าณการผลิต ดังนัน้ การกาหนดราคาผลติ ภัณฑ์ สามารถคานวณได้ดงั น้ี ราคาขายผลิตภัณฑ์ = ตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑ์ต่อหน่วย* + (อัตราส่วนบวกเพิ่ม x ต้นทุนผลิตภัณฑต์ อ่ หนว่ ย) *การคานวณต้นทุนผลติ ภณั ฑ์ สามารถคานวณได้ 4 วิธี ได้แก่ วิธตี น้ ทุนเต็ม วิธีต้นทุน ผันแปร วธิ ีตน้ ทนุ ผนั แปรรวม และวิธตี ้นทนุ รวม ดงั ได้กลา่ วไว้แลว้ ข้างต้น
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ 8 - 19 จากข้อมลู การคานวณตน้ ทนุ ผลิตภณั ฑ์ ทั้ง 4 วิธี ได้แก่ วิธีต้นทุนเต็ม ต้นทุนการผลิต ผันแปร ตน้ ทนุ ผนั แปรรวม และตน้ ทุนรวม จะมสี ่วนประกอบของตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑด์ งั ไดก้ ล่าวไว้ ในตารางที่ 8.1 ตน้ ทนุ ทีไ่ มไ่ ด้รวมเป็นต้นทุนผลิตภัณฑ์ของแต่ละวิธีจึงกลายเป็นต้นทุนประจา งวด ซึ่งประกอบด้วยตน้ ทุนประเภทตา่ งๆ ดงั แสดงในตารางท่ี 8.2 ตารางท่ี 8.2 การจาแนกตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์และต้นทุนประจางวด ประเภท วิธีต้นทุนเตม็ วิธีการคานวณต้นทุนผลิตภณั ฑ์ ของต้นทนุ วิธีต้นทนุ การ วิธีต้นทุน วิธีต้นทนุ รวม วตั ถุดิบทางตรง ผลิตผนั แปร ต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์ ค่าแรงงานทางตรง ผนั แปรรวม วัตถุดิบทางตรง (Product Costs) คา่ ใชจ้ า่ ยการผลิต ค่าแรงงานทางตรง ผันแปร วตั ถดุ บิ ทางตรง วตั ถดุ ิบทางตรง คา่ ใช้จ่ายการผลิต ค่าใช้จ่ายการผลิต ผนั แปร คงท่ี คา่ แรงงานทางตรง ค่าแรงงานทางตรง คา่ ใช้จา่ ยการผลิต คงที่ - คา่ ใชจ้ า่ ยการผลิต คา่ ใชจ้ ่ายการผลิต คา่ ใชจ้ ่ายในการ ผันแปร ผนั แปร ขายและบรหิ ารผัน แปร คา่ ใชจ้ า่ ยในการ ขายและบรหิ ารผัน แปร -- --- ค่าใช้จ่ายในการ ขายและบริหาร ต้นทนุ ประจางวด ค่าใช้จ่ายในการ คา่ ใช้จา่ ยการผลิต ค่าใชจ้ า่ ยการผลิต คงท่ี ขายและบริหารผัน คงท่ี คงที่ (Period Costs) แปร - คา่ ใชจ้ ่ายในการ ค่าใชจ้ ่ายในการ คา่ ใชจ้ ่ายในการ (หรือ ขายและบริหาร ขายและบรหิ ารผัน ขายและบริหาร - ต้นทนุ ที่ไม่ได้ คงที่ แปร คงที่ บนั ทึกเป็นต้นทนุ ค่าใชจ้ ่ายในการ - ผลิตภณั ฑ)์ - ขายและบริหาร - คงท่ี
8 - 20 การบัญชตี ้นทนุ 2 ดังน้นั การกาหนดราคาสนิ คา้ โดยใชอ้ ตั ราผลตอบแทนจากการลงทนุ (Pricing – based on Return on Investment) เป็นฐานในการต้ังราคาผลิตภัณฑ์ สามารถคานวณอัตราส่วนบวก เพมิ่ ได้ 4 วิธี ขนึ้ อยูก่ ับฐานในการคานวณตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑ์ ดงั นี้ 3.1. การคานวณต้นทุนผลิตภณั ฑว์ ิธีต้นทุนเตม็ ต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนเต็ม (Full Costing) ประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง ค่าใชจ้ า่ ยการผลิตผนั แปร และค่าใช้จ่ายการผลิตคงที่ ดังนั้น ต้นทุนท่ีไม่ได้ รวมอยู่ในต้นทุนผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารผันแปรและคงที่ จะเป็น ต้นทุนประจางวด ที่ธุรกิจต้องพิจารณาเพื่อใช้ในการคานวณอัตราส่ว นบวกเพิ่ม ดังน้ัน อตั ราสว่ นบวกเพิ่ม สามารถคานวณไดด้ งั น้ี อัตราสว่ นบวกเพิ่ม = ผลตอบแทนจากการลงทุน + คา่ ใช้จ่ายในการขายและบรหิ ารผนั แปรและคงที่ ตน้ ทุนผลิตภัณฑ์ต่อหนว่ ย - วิธีต้นทุนเตม็ x ปรมิ าณการผลิต ราคาขายของผลติ ภัณฑ์ สามารถคานวณไดด้ งั น้ี ราคาขายผลิตภัณฑ์ = ตน้ ทนุ ผลิตภณั ฑ์ - วิธีตน้ ทุนเต็ม + (อัตราส่วนบวกเพมิ่ x ต้นทุนผลิตภณั ฑ์/หนว่ ย) 3.2. การคานวณต้นทุนผลิตภณั ฑว์ ิธีต้นทนุ การผลิตผนั แปร ตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์วิธีต้นทุนการผลิตผันแปร (Variable Costing) ประกอบด้วย วัตถุดิบ ทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิตผันแปร ดังนั้น ต้นทุนที่ไม่ได้รวมอยู่ใน ต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์ ไดแ้ ก่ คา่ ใช้จ่ายการผลติ คงที่ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารทั้งผันแปรและ คงท่ี ต้นทุนดังกล่าวจะเป็นต้นทุนประจางวด ที่ธุรกิจต้องพิจารณาเพื่อใช้ในการคานวณ อตั ราสว่ นบวกเพ่มิ ดังนั้น อตั ราสว่ นบวกเพิม่ สามารถคานวณได้ดังนี้ อตั ราส่วนบวกเพ่มิ = ผลตอบแทนจากการลงทนุ + ค่าใชจ้ า่ ยการผลติ คงที่ + ค่าใชจ้ ่ายในการขาย และบริหารผันแปรและคงท่ี ต้นทนุ ผลติ ภัณฑ์ต่อหนว่ ย – วธิ ีตน้ ทนุ การผลิตผนั แปร x ปรมิ าณการผลติ ราคาขายของผลิตภัณฑ์ สามารถคานวณไดด้ ังน้ี ราคา1ข.ายผลิตภณั ฑ์ = ตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์วิธีต้นทุนผนั แปร + (อัตราส่วนบวกเพ่ิม x ตน้ ทนุ ผลิตภณั ฑ์/หนว่ ย)
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลติ ภณั ฑ์ 8 - 21 3.3. การคานวณต้นทนุ ผลิตภณั ฑว์ ิธีต้นทนุ ผนั แปรรวม ต้นทนุ ผลติ ภัณฑว์ ิธตี ้นทนุ ผนั แปรรวม (Total Variable Costing) ประกอบดว้ ย วัตถุดิบ ทางตรง ค่าแรงงานทางตรง ค่าใชจ้ า่ ยการผลติ ผันแปร และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารผัน แปร ดงั น้ัน ตน้ ทุนท่ีไม่ได้รวมอยู่ในต้นทุนผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ต้นทุนคงที่ท้ังหมด ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายการผลิตคงท่ี และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคงท่ี ต้นทุนดังกล่าวจะเป็นต้นทุน ประจางวด ทธ่ี ุรกิจตอ้ งพิจารณาเพอ่ื ใช้ในการคานวณอัตราส่วนบวกเพิ่ม ดังน้ัน อัตราส่วนบวก เพ่ิม สามารถคานวณได้ดงั น้ี อัตราส่วนบวกเพ่มิ = ผลตอบแทนจากการลงทุน + ค่าใช้จา่ ยการผลิตคงท่ี +ค่าใช้จา่ ยในการขาย และบรหิ ารคงที่ ต้นทุนผลติ ภณั ฑต์ ่อหนว่ ย – วิธีตน้ ทนุ ผันแปรรวม x ปรมิ าณการผลิต ราคาขายของผลิตภณั ฑ์ สามารถคานวณไดด้ ังนี้ ราคาขายผลติ ภณั ฑ์ = ตน้ ทนุ ผลิตภัณฑว์ ธิ ตี ้นทุนผันแปรรวม + (อัตราส่วนบวกเพ่มิ x ต้นทุนผลิตภณั ฑ์/หนว่ ย) 3.4. การคานวณต้นทนุ ผลิตภณั ฑว์ ิธีต้นทนุ รวม ต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนรวม (Total Costs) ประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง ค่าใช้จ่ายการผลิตผันแปร และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารท้ังผันแปร และคงที่ ต้นทนุ และค่าใชจ้ า่ ยทุกรายการรวมอยู่ในต้นทุนผลติ ภณั ฑ์ ดงั น้นั จงึ ไมม่ ีต้นทนุ ประจา งวด ผลตอบแทนจากการลงทุนคือกาไรท่ีครอบคลมุ คา่ ใชจ้ า่ ยทกุ ส่วนแล้ว ดงั นั้น อตั ราสว่ นบวก เพมิ่ สามารถคานวณได้ดงั น้ี อตั ราส่วนบวกเพม่ิ = ผลตอบแทนจากการลงทนุ ตน้ ทุนผลิตภณั ฑ์ต่อหน่วย – วธิ ตี น้ ทนุ ผนั แปรรวม x ปริมาณการผลติ ราคาขายของผลติ ภัณฑ์ สามารถคานวณไดด้ ังนี้ ราคาขายผลติ ภณั ฑ์ = ต้นทุนผลิตภัณฑ์วธิ ีตน้ ทนุ รวม + (อตั ราสว่ นบวกเพมิ่ x ตน้ ทุนผลิตภัณฑ์/หน่วย)
8 - 22 การบญั ชีต้นทุน 2 ตวั อย่างที่ 8.5 บริษัท ฟ้าไทย จากัด ได้นาผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งออกจาหน่าย โดยมีนโยบายการ กาหนดราคาผลติ ภณั ฑ์ โดยใช้อตั ราผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นฐานในการคานวณ โดยใช้ การคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ตามวิธีต้นทุนเต็ม ซึ่งบริษัทมีข้อมูลเงินลงทุน ต้นทุนและอัตรา ผลตอบแทนจากการลงทุน ดังน้ี ปริมาณการผลิตท่ีคาดว่าจะผลิตได้ 5,000 หน่วย เงินลงทุน 7,000,000 บาท กาไรจากการดาเนนิ งาน 1,400,000 บาท ต้นทนุ การผลติ ตอ่ หน่วย วัตถุดิบทางตรง 500 บาทตอ่ หนว่ ย ค่าแรงงานทางตรง 300 บาทต่อหนว่ ย คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ ผันแปร 120 บาทต่อหน่วย คา่ ใช้จา่ ยการผลิตคงที่ (รวม) 500,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ผนั แปร 140 บาทต่อหน่วย คงท่ี (รวม) 600,000 บาท จากขอ้ มลู ขา้ งตน้ บรษิ ทั ควรกาหนดราคาขายผลติ ภณั ฑเ์ ทา่ กับเท่าไร วิธีการคานวณ จากขอ้ มลู ข้างต้น บรษิ ทั สามารถแสดงการคานวณ ได้ 4 ข้ันตอน ดงั น้ี ขนั้ ท่ี 1 คานวณต้นทนุ ผลติ ภัณฑว์ ธิ ีตน้ ทุนเตม็ ตน้ ทุนผลติ ภณั ฑ์ –วธิ ตี น้ ทนุ เตม็ = วตั ถดุ ิบทางตรง + ค่าแรงงานทางตรง + ค่าใช้จา่ ยการผลติ ทงั้ ผนั แปรและคงที่ = 500 + 300 + 120 + (500,000/5,000) = 1,020 บาท ขนั้ ที่ 2 คานวณหาอตั ราผลตอบแทนจากการลงทนุ X 100 อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ = กาไรจากการดาเนนิ งาน เงนิ ลงทนุ = 1,400,000 X 100 7,000,000 = 20%
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ 8 - 23 ขนั้ ที่ 3 คานวณหาอัตราสว่ นบวกเพม่ิ X 100 อัตราส่วนบวกเพมิ่ = ผลตอบแทนจากการลงทนุ + ค่าใช้จ่ายในการขายและบรหิ าร ผันแปรและคงท่ี ต้นทนุ ผลติ ภัณฑ์ตอ่ หนว่ ย - วิธีต้นทนุ เต็ม x ปรมิ าณการผลติ = (20% x 7,000,000) + (5,000 x 140) + 600,000 X 100 1,020 x 5,000 = 1,400,000 + 700,000 + 600,000 X 100 5,100,000 = 0.5294 X 100 = 52.95% ขนั้ ที่ 4 คานวณหาราคาขายของผลิตภัณฑต์ ่อหน่วย ราคาขายผลิตภัณฑ์ = ต้นทนุ ผลติ ภัณฑ์ + (อัตราส่วนบวกเพ่มิ x ตน้ ทนุ ผลติ ภัณฑ์/หน่วย) =1,020 + (52.95% x 1,020) = 1,020 + 540 = 1,560 บาท ดังนน้ั ถา้ บรษิ ัทมีนโยบายการกาหนดราคาผลติ ภณั ฑ์ โดยใชอ้ ตั ราผลตอบแทนจาก การลงทนุ เป็นฐานในการคานวณ โดยใชก้ ารคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ตามวิธตี น้ ทนุ เตม็ ราคา ขายของผลิตภัณฑ์จะเทา่ กับ 1,560 บาท สามารถพสิ ูจนผ์ ลการดาเนนิ งาน โดยแสดงเปน็ งบกาไรขาดทุน ไดด้ งั นี้ ยอดขาย (5,000 x 1,560) 7,800,000 หัก ต้นทนุ ขาย (5,000 x 1,020) 5,100,000 กาไรขนั้ ต้น 2,700,000 หกั คา่ ใช้จ่ายในการดาเนนิ งาน คา่ ใช้จ่ายในการขายและบริหารผนั แปร (5,000 x 140) 700,000 ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบริหารคงที่ 600,000 1,300,000 กาไรจากการดาเนนิ งาน 1,400,000
8 - 24 การบัญชีตน้ ทุน 2 ถา้ บรษิ ทั ทาการคานวณอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ซง่ึ สามารถคานวณไดด้ งั น้ี อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ = กาไรจากการดาเนนิ งาน X 100 เงนิ ลงทนุ = 1,400,000 X 100 7,000,000 = 20% จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ถ้าบริษัทขายในราคา 1,560 บาทต่อหน่วย ตามที่ วางแผนไว้ กจิ การจะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับ 20% ของเงินลงทุน แต่ถ้าหาก กิจการกาหนดราคาขายสินค้าท่ีตำ่ กว่ำ 1,560 บาทต่อหน่วย จะมีผลทาให้อัตราผลตอบแทน จากการลงทุนตำ่ กวำ่ 20% ของเงินลงทุน แต่ในทางตรงกันขา้ ม ถ้าขายในราคาที่สูงกวำ่ 1,560 บาทต่อหน่วย อตั ราผลตอบแทนจากการลงทนุ จะสูงกวำ่ 20% ของเงินลงทุน ต้นทุนตามเป้ าหมาย การกาหนดราคาผลิตภัณฑส์ ว่ นใหญม่ กั จะถกู กาหนดราคาโดยใชต้ น้ ทนุ เป็นฐานในการ คานวณ แล้วบวกส่วนเพ่ิมเข้าไป แต่ในบางกรณีกิจการไม่สามารถใช้วิธีน้ีในการกาหนดราคา สินค้าได้ เน่ืองจากสินค้าท่ีขายในท้องตลาดเป็นสินค้าที่มีอยู่แล้ว และมีคู่แข่งขันที่ขายสินค้า ลักษณะเดียวกนั หรือคล้ายคลึงกบั สนิ คา้ ของกิจการ ซ่งึ ราคาสินคา้ นัน้ ถกู กาหนดโดยตลาดหรือ คู่แข่งขัน ถ้ากิจการเป็นธุรกิจท่ีมีสินค้าในลักษณะนี้ จะทาให้กิจการไม่มีอิสระในการกาหนด ราคาขาย กจิ การจาเปน็ ตอ้ งต้ังราคาเท่ากบั ท่ีขายในท้องตลาด หรือราคาทคี่ ่แู ขง่ ขันเคยตั้งราคา ไว้ ดังนั้น ส่ิงที่กิจการทาได้ก็คือ การวางแผนควบคุมต้นทุนการผลิตให้ต่าที่สุดเท่าที่ทาได้ เพื่อให้กิจการยังคงได้กาไรตามท่ีต้องการ แนวคิดเกี่ยวกับการควบคุมต้นทุนการผลิตใน ลักษณะนี้ เรียกว่า ต้นทุนตามเป้าหมาย (Target Cost) ซึ่งสามารถสรุปเป็นหลักการเก่ียวกับ การคานวณต้นทนุ ตามเป้าหมาย ได้ดงั นี้ ตน้ ทุนตามเปา้ หมาย = ราคาขายผลิตภัณฑ์ – กาไรทีต่ อ้ งการ (ถกู กาหนดโดยตลาดหรอื คู่แขง่ ) (ตามนโยบายของบรษิ ทั )
บทที่ 8 การกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ 8 - 25 จากแนวคิดต้นทุนตามเป้าหมาย กิจการจะสามารถทราบว่าต้นทุนการผลิตที่กิจการ ต้องควบคุมให้เป็นไปตามต้นทุนที่วางแผนไว้ เพราะถ้ากิจการไม่สามารถควบคุมให้ได้ตาม เป้าหมาย จะมีผลทาให้กิจการได้กาไรต่ากว่าที่วางแผนไว้ ดังน้ัน เพ่ือให้ได้ต้นทุนตามที่ ต้องการ แผนกใดก็ตามที่เก่ียวข้องการการผลิต เช่น แผนกออกแบบผลิตภัณฑ์ แผนกผลิต หรือแผนกบริหารที่มีความเกี่ยวข้อง ต้องพยายามควบคุมต้นทุนการผลิตรวมถึงค่าใช้จ่ายใน การดาเนินงานเพ่อื ไมใ่ หเ้ กนิ กวา่ ตน้ ทนุ ตามเป้าหมายที่คานวณได้ เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับต้นทุนตามเป้าหมาย สามารถอธิบายและแสดงการคานวณ ดัง แสดงในตัวอย่างที่ 8.6 ดงั น้ี ตวั อยา่ ง 8.6 บรษิ ทั รักสุขภาพ จากดั มกี ารวางแผนการผลติ และจาหน่ายเครอ่ื งออกกาลงั กายชนิด หน่ึง ผู้บริหารของบรษิ ทั กาลงั วางแผนการลงทนุ ในสนิ ทรัพย์เพ่ือใชใ้ นการดาเนนิ งาน มีมลู คา่ สนิ ทรพั ย์รวมถัวเฉลย่ี เท่ากบั 10,000,000 บาท โดยเงินลงทนุ นค้ี รอบคลมุ ตัง้ แต่การออกแบบ การพัฒนา การผลติ และการตลาด จากการสารวจราคาของคแู่ ขง่ และความตอ้ งการของผูซ้ อื้ เปา้ หมาย ราคาสนิ ค้าชนดิ นคี้ ูแ่ ข่งขนั ขายในราคาเครอ่ื งละ 7,000 บาท โดยบรษิ ทั คาดการณว์ ่า จะขายได้ 500 เครือ่ งต่อปี หากบริษทั มนี โยบายทต่ี ้องการอัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ เทา่ กบั 20% การกาหนดต้นทนุ ตามเป้าหมายของเครื่องออกกาลงั กายจะเทา่ กับกี่บาทตอ่ เครอื่ ง วิธีการคานวณต้นทนุ ตามเป้ าหมาย 3,500,000 2,000,000 รายไดจ้ ากการขายโดยประมาณ (500 เครือ่ ง x 7,000 บาท) 1,500,000 หัก กาไรท่ตี อ้ งการ (10,000,000 บาท x 20%) ตน้ ทนุ ตามเปา้ หมายสาหรบั สินคา้ (5,000 เครอื่ ง) 3,000 ตน้ ทุนตามเป้าหมายตอ่ หน่วย (1,500,000/500 เคร่อื ง) จากการคานวณขา้ งตน้ จะเหน็ ว่า หากบรษิ ทั ตอ้ งการกาหนดราคาเคร่อื งออกกาลังกาย เทา่ กบั 7,000 บาทตอ่ เครอ่ื ง โดยท่บี รษิ ัทตอ้ งการอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับ 20% ต้นทุนตามเป้าหมายที่บริษัทตอ้ งควบคุมคอื เท่ากับ 1500000 บาท หรือ 3000 บาทต่อเครื่อง ดังนั้น เม่ือบริษทั ทราบต้นทนุ ตามเป้าหมายแล้ว บริษัทจะทาการวิเคราะห์ว่ากระบวนการผลิต ของสินค้าประกอบด้วยกิจกรรมอะไรบ้าง เช่น กิจกรรมการออกแบบ กิจกรรมการพัฒนา ผลิตภณั ฑ์ กิจกรรมการผลิต และกิจกรรมทางการตลาด แล้วพยายามควบคุมหรือลดต้นทุนที่ เกิดขึ้นในแต่ละกิจกรรมหรือกระบวนการเหล่านี้ ให้มีต้นทุนน้อยที่สุดเท่าท่ีจะทาได้ หรือ
8 - 26 การบัญชีตน้ ทนุ 2 พยายามลดกจิ กรรมทไ่ี มเ่ พมิ่ มูลค่า เมื่อลดกิจกรรมเหล่านี้ได้แล้ว ต้นทุนก็สามารถจะลดลงได้ และทาให้กจิ การได้รบั ผลกาไรตามทตี่ ้องการหรือทไี่ ดว้ างแผนไว้ การกาหนดราคาตามคาสงั ่ ซื้อพิเศษ สาหรับธุรกิจท่มี คี าสัง่ ซอ้ื พิเศษจากลูกคา้ มคี วามจาเป็นตอ้ งกาหนดราคาสนิ ค้า ซ่ึงกรณี การกาหนดราคาในลกั ษณะแบบน้ี เรยี กวา่ การกาหนดราคาสนิ ค้าตามคาสง่ั ซือ้ พเิ ศษ (Special Order Pricing) ลกั ษณะของสนิ คา้ หรือคาสง่ั ซือ้ พเิ ศษจะเป็นสินค้าทีไ่ ด้รับคาสั่งซ้ือมาจากลูกค้า ทไี่ ม่ใชเ่ ปน็ การขายปกติ ราคาอาจสูงหรอื ตา่ กวา่ ทอ้ งตลาด เนือ่ งจากลักษณะของสินค้ามีความ เหมือนหรือแตกต่างจากสินค้าท่ีบริษัทขายในตลาดทั่วไป แต่ส่วนใหญ่การยอมรับคาส่ังซ้ือ พิเศษมกั จะมีเง่อื นไขในการยอมรับคาส่ังซอื้ พิเศษ 2 ประเดน็ คือ การรับคาส่ังซ้ือพิเศษต้องไม่ กระทบกบั ยอดขายตามปกติของบริษัท และต้องอยู่ภายใต้กาลังการผลิตปกติของกิจการ เช่น กาลงั การผลติ ของเครอื่ งจกั ร กาลังการผลิตของแรงงานในแผนกผลิต เปน็ ต้น ดงั น้นั การทีบ่ ริษัทรบั คาสั่งพิเศษ คอื การผลิตสินค้าเพ่ิม แต่ไม่เกินกาลังการผลิตปกติ ของกจิ การ จะทาใหต้ น้ ทนุ คงท่ีสว่ นใหญ่ไมม่ ีการเปล่ียนแปลง เช่น คา่ เสือ่ มราคาเคร่ืองจักร ค่า เชา่ โรงงาน เป็นตน้ บริษทั ยงั คงจ่ายคา่ ใช้จ่ายเหล่าน้ีจานวนเท่าเดิม จะเปล่ียนแปลงแต่เฉพาะ ต้นทุนส่วนท่ีเป็นผันแปร เช่น วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง ค่าใช้จ่ายการผลิตผันแปร รวมไปถงึ คา่ ใชจ้ า่ ยอื่นๆ ที่เกดิ ข้นึ เน่ืองจากการยอมรับคาสั่งซอื้ พเิ ศษ ดงั นัน้ ตน้ ทุนผลติ ภณั ฑ์ที่ ใช้เป็นฐานในการคานวณราคาสินค้าตามคาสั่งซ้ือพิเศษ จึงประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง ค่าใช้จ่ายการผลิตผันแปร และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารผันแปรท่ี เก่ยี วขอ้ งกับการรบั คาสั่งซอื้ พเิ ศษนี้เทา่ นัน้ ซง่ึ ตน้ ทุนเหลา่ น้เี มื่อพจิ ารณาแลว้ จะเหน็ ว่าเป็นการ คานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนผันแปรรวม (Total Variable Costing) นั่นเอง ดังนั้น การ คานวณราคาผลิตภณั ฑต์ ามคาสั่งซื้อพเิ ศษ สามารถคานวณไดด้ งั นี้ ราคาขายผลติ ภณั ฑ์ = ตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑ์ต่อหนว่ ยภายใต้วิธตี น้ ทุนผันแปรรวม + สว่ นบวกเพมิ่ โดยที่ ส่วนบวกเพม่ิ สามารถคานวณไดด้ งั น้ี สว่ นบเวพกื่อเใพหมิ่ ้เข=้าใอจัตเกรา่ยี สวว่กนบั บกวากรคเพาม่ินวxณตรน้าคทาุนผผลลติ ติ ภภัณัณฑฑต์ ์ตา่อมหคนาว่สยั่งซภอ้ืายพใเิ ตศ้วษิธีตจะน้ ขทอนุ ยผกันตแวั ปอรยรา่ วงม เพ่ือให้เข้าใจในการกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ จะแสดงรายละเอยี ดการคานวณดังแสดงใน ตวั อยา่ งที่ 8.7
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลติ ภัณฑ์ 8 - 27 ตวั อย่างท่ี 8.7 บริษัท พาณิช จากัด เป็นบริษัทที่ทาการผลิตและจาหน่ายเพาเวอร์แบงค์ โดยมี นโยบายบวกสว่ นเพ่ิมในอัตรา 40% จากต้นทุนผลิตภัณฑ์ โดยในปีนี้บริษัทมีปริมาณการผลิต เทา่ กับ 70 % ของกาลงั การผลิตปกติ (กาลังการผลติ ปกติ 5,000 อัน) และมีข้อมูลต้นทุนการ ผลิตและค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานต่างๆ ดังนี้ ต้นทนุ การผลิต วตั ถดุ บิ ทางตรง 300 บาทต่อหน่วย ค่าแรงงานทางตรง 120 บาทตอ่ หนว่ ย คา่ ใชจ้ ่ายการผลติ ผันแปร 150 บาทตอ่ หน่วย คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ คงที่ (รวม) 2,500,000 บาท ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบรหิ าร ค่าใชจ้ ่ายในการขายและบรหิ ารผันแปร 100 บาทต่อหนว่ ย คา่ ใช้จ่ายในการขายและบรหิ ารคงท่ี (รวม) 3,000,000 บาท ถา้ บริษัทมีคาส่ังซื้อพิเศษจากลูกค้าของบริษัทแห่งหน่ึง จานวน 2,500 อัน โดยลูกค้า แจง้ ว่าจะนาเอาเพาเวอร์แบงคน์ ี้ ไปแจกใหก้ บั ลูกคา้ ของบริษัท เพ่อื เปน็ การขอบคุณในวันปใี หม่ ดงั น้ัน คาสงั่ ซ้อื พิเศษน้จี ะไมไ่ ปกระทบกบั ยอดขายปกติของบรษิ ัท จากขอ้ มูลขา้ งตน้ บริษัทควร กาหนดราคาขายของผลิตภัณฑต์ อ่ หน่วยตามคาสงั่ ซ้ือพเิ ศษนี้ เท่ากับเท่าใด วิธีการคานวณ คานวณตน้ ทุนผลิตภณั ฑ์ - วิธตี ้นทนุ ผนั แปรรวม ต้นทนุ ต่อหน่วย (บาท) วัตถุดบิ ทางตรง 300 คา่ แรงงานทางตรง 120 ค่าใช้จา่ ยการผลติ ผนั แปร 150 คา่ ใชจ้ ่ายในการขายและบริหารผันแปร 100 ตน้ ทุนผลิตภัณฑ์ตอ่ หนว่ ย 670 จากข้อมูลข้างต้น บริษัทมีนโยบายในการบวกส่วนเพ่ิมจากต้นทุนผลิตภัณฑ์ โดยมี อัตราสว่ นบวกเพิ่ม เท่ากับ 40% จากตน้ ทุนผลติ ภณั ฑ์ ราคาขายของสินค้าตามคาส่ังซ้ือพิเศษ สามารถคานวณไดด้ ังนี้
8 - 28 การบญั ชีตน้ ทนุ 2 ราคาขายผลติ ภัณฑ์ = ตน้ ทุนผลิตภัณฑ์ตอ่ หนว่ ย ภายใต้วิธีต้นทุนผันแปรรวม + ส่วนบวกเพมิ่ = 670 + (670 x 40 %) = 670 + 268 = 938 บาทตอ่ หน่วย ดังนั้น ถ้าหากบริษัทมีนโยบายในการกาหนดราคาผลิตภัณฑ์โดยบวกส่วนเพ่ิมจาก ตน้ ทุน บริษัทควรกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ตามคาสั่งซื้อพิเศษ เท่ากบั 938 บาทต่อหน่วย สรปุ การตดั สนิ ในเกีย่ วกับการกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ถือเป็นประเด็นการตัดสนิ ใจระยะส้ันท่ี ผบู้ รหิ ารตอ้ งใหค้ วามสนใจ เนอื่ งจากถา้ หากผบู้ รหิ ารมกี ารกาหนดราคาสนิ คา้ ไม่เหมาะสม เช่น ถ้าตัง้ ราคาสนิ คา้ ตา่ ไปอาจมีผลทาให้กิจการไดร้ ับผลขาดทนุ จากการดาเนนิ งาน หรอื ถา้ ต้ังราคา สินค้าสูงไปอาจทาให้ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ดังน้ัน การกาหนดราคาผลิตภัณฑ์จึงมี ความสาคัญ ซ่ึงแนวคิดพื้นฐานในการกาหนดราคาขายผลิตภัณฑ์ กิจการจาเป็นต้องเข้าใจถึง ประเดน็ สาคญั 2 ประเดน็ กอ่ นการต้งั ราคาสินคา้ น่นั คือ ตน้ ทุนที่ใชเ้ ปน็ ฐานในการกาหนดราคา ขายว่าควรจะประกอบด้วยต้นทุนอะไรบ้าง และอัตราส่วนเพิ่มควรมีการกาหนดอย่างไร ซึ่ง ต้นทุนทใี่ ช้เปน็ ฐานในการกาหนดราคาสนิ ค้า สามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ 4 วิธี ไดแ้ ก่ วิธตี ้นทนุ เต็ม วิธี ตน้ ทุนการผลิตผันแปร วิธีต้นทนุ ผนั แปรรวมและวธิ ตี น้ ทนุ รวม การกาหนดราคาสินค้าสามารถ ทาได้ 3 วิธี คือ 1) การกาหนดราคาโดยบวกส่วนเพ่ิมจากต้นทุน 2) การกาหนดราคาโดยใช้ กาไรท่ตี อ้ งการ และ 3) การกาหนดราคาโดยใช้อตั ราผลตอบแทนจากการลงทนุ แตใ่ นบางกรณีบริษัทอาจจะทราบราคาสินค้าต้ังแต่แรก เพราะเป็นสินค้าที่มีอยู่แล้วใน ท้องตลาด ราคาขายถกู กาหนดโดยท้องตลาด ประเดน็ ที่บริษัทต้องพจิ ารณาจึงไมใ่ ชก่ ารกาหนด ราคาขายของผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการพัฒนาสินค้าให้สามารถทากาไรได้ตามที่ต้องการ โดยตั้ง ราคาขายตามตลาดหรอื ตามคแู่ ข่งขนั แตบ่ รษิ ัทพยายามทจ่ี ะควบคุมตน้ ทุนใหไ้ ดต้ ามทวี่ างแผน ไว้ ดังนั้น ถ้ากิจการมีสินค้าที่เหมือนกับตลาดหรือคู่แข่ง ต้นทุนจึงเป็นประเด็นสาคัญท่ีบริษัท ควรใหค้ วามสนใจ แนวคดิ ท่นี ามาใช้ในการตดั สินใจในกรณเี ชน่ น้ี คอื ตน้ ทนุ ตามเป้าหมาย หรอื ทาให้ต้นทุนต่าที่สุดเท่าท่ีจะทาได้ หรือต้องไม่เกินจากท่ีคานวณต้นทุนตามเป้าหมายเอาไว้ เพ่ือใหก้ ิจการไดร้ ับกาไรตามท่ีตอ้ งการ
บทที่ 8 การกาหนดราคาผลติ ภณั ฑ์ 8 - 29 แบบฝึ กหดั ขอ้ 1. หา้ งหุ้นส่วน อดุ รแสงเจรญิ จากดั เป็นรา้ นสรรพสนิ ค้าทจ่ี าหนา่ ยสนิ ค้าอปุ โภคและบริโภค หลายชนิด โดยมีนโยบายในการกาหนดราคาสนิ คา้ แตล่ ะชนิดโดยบวกสว่ นเพม่ิ จากตน้ ทนุ ตาม อัตราสว่ นบวกเพม่ิ (Markup Percentage) ท่แี ตกตา่ งกนั ในแต่ละแผนก ดงั น้ี แผนก อตั ราส่วนบวกเพ่ิม (% Markup) แผนกเครื่องเขยี น 30 % แผนกเสื้อผา้ สาเรจ็ รูป 50 % แผนกเครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ 60 % แผนซุปเปอรม์ าเก็ต 10 % บรษิ ัทได้ทาการส่งั ซอ้ื สนิ คา้ เพื่อมาจาหน่ายในรา้ นโดยมีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้ ชนิดของผลิตภณั ฑ์ จานวนหน่วย ต้นทนุ รวม (บาท) เครอ่ื งซกั ผา้ 10 80,000 ปากกา 500 1,500 เสือ้ เช้ติ 80 32,000 กาแฟสาเรจ็ รูป 50 10,000 ให้ทา กาหนดราคาขายของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ถ้าเจ้าของร้านมีนโยบายในการกาหนด ราคาขายของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดโดยบวกส่วนเพิ่มจากต้นทุน ด้วยอัตราส่วนเพิ่มท่ีกาหนด ขา้ งตน้ ข้อ 2. ตอ่ ไปนเ้ี ปน็ ขอ้ มูลตน้ ทนุ และค่าใชจ้ า่ ยในการดาเนินงานต่างๆ ของรา้ นอนุรกั ษไ์ ทย โดยมี ข้อมลู ตน้ ทุนตอ่ หน่วย ดงั ตอ่ ไปนี้ ต้นทุนการผลิต วตั ถดุ ิบทางตรง 20 บาทตอ่ หน่วย ค่าแรงงานทางตรง 15 บาทตอ่ หน่วย คา่ ใช้จา่ ยการผลติ ผันแปร 32 บาทตอ่ หนว่ ย คา่ ใช้จ่ายการผลิตคงท่ี 27 บาทตอ่ หน่วย ค่าใช้จา่ ยในการดาเนนิ งาน ค่าใชจ้ า่ ยในการขาย 37 บาทต่อหน่วย คา่ ใช้จ่ายในการบรหิ าร 55 บาทต่อหนว่ ย
8 - 30 การบัญชตี น้ ทนุ 2 ถา้ เจ้าของร้านอนรุ ักษไ์ ทย มนี โยบายการกาหนดราคาผลิตภัณฑโ์ ดยใชอ้ ัตราสว่ นบวก เพ่ิมจากต้นทนุ ซึ่งผลิตภณั ฑท์ ขี่ ายมกี ารตง้ั ราคาขายเท่ากบั 300 บาทตอ่ หนว่ ย ถา้ รา้ นนี้มฐี าน การคานวณตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑ์แตกตา่ งกัน ให้ทา คานวณหาอัตราส่วนบวกเพ่ิม (% Markup) ถ้าเจ้าของร้านอนุรักษ์ไทย ใช้ฐานการ คานวณตน้ ทนุ ผลติ ภัณฑว์ ิธตี ่างๆ ดังน้ี 1. วธิ ตี ้นทนุ เตม็ (Full Costing) 2. วธิ ีตน้ ทุนผันแปร (Variable Costing) 3. วิธตี น้ ทุนผันแปรรวม (Total Variable Costing) 4. วธิ ีต้นทุนรวม (Total Costing) ข้อ 3. บริษทั สบายดอี พาทเมนท์ จากดั เปน็ ธรุ กจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ย โดยดาเนินธรุ กจิ ให้เช่าห้องพกั รายเดอื น มขี ้อมลู ต้นทนุ และคา่ ใชจ้ า่ ยต่างๆท่เี กีย่ วขอ้ งดงั นี้ จานวนหอ้ งพกั 30 หอ้ ง คา่ ใช้จ่ายในการดาเนนิ งาน เงินเดอื นพนกั งาน 30,000 บาท ค่าสาธารณูปโภค 25,000 บาท ค่าโทรศพั ท์ 5,000 บาท ค่าอินเตอรเ์ นต็ 3,000 บาท คา่ วัสดสุ น้ิ เปลือง 28,000 บาท ค่าเบ้ียประกันภยั 17,000 บาท ให้ทา คานวณหาอัตราค่าเช่าต่อห้องท่ีธุรกิจควรกาหนด ถ้าบริษัทต้องการกาไร (Target Profit) เทา่ กบั 75,000 บาท
บทที่ 8 การกาหนดราคาผลติ ภณั ฑ์ 8 - 31 ข้อ 4. อู่ล้างรถศรีสะอาด ให้บริการล้างรถให้กับลูกค้า โดยเจ้าของร้านได้ประมาณการข้อมูล ตน้ ทนุ และค่าใช้จ่ายตา่ งๆทเี่ กี่ยวข้องของเดือนมกราคม ไวด้ งั นี้ จานวนรถของลูกคา้ ท่คี าดว่าจะมาใชบ้ ริการ 300 คนั ค่าใช้จา่ ยในการดาเนนิ งาน (ประมาณการ) คา่ เชา่ ร้าน 5,000 บาท เงนิ เดือนพนกั งาน 8,000 บาท ค่าสาธารณปู โภค 7,000 บาท คา่ โทรศพั ท์ 1,000 บาท ค่าวัสดสุ น้ิ เปลืองในการล้างรถ 8,000 บาท ค่ารบั รอง 2,000 บาท ให้ทา คานวณหาอตั ราคา่ บรกิ ารลา้ งรถตอ่ คนั ถา้ บริษัทตอ้ งการกาไร (Target Profit) เท่ากับ 20,000 บาท ข้อ 5. ต่อไปนี้เป็นขอ้ มลู เกยี่ วกบั ตน้ ทนุ การผลิตต่อหน่วยของบริษัท สยามการคา้ จากดั ซึง่ บรษิ ทั ไดท้ าการผลติ และขายรถจกั รยาน โดยมขี อ้ มลู ประจาเดือนกนั ยายน 25X1 ปรมิ าณการขาย 200 คัน ต้นทนุ การผลิต (ตอ่ หนว่ ย) วตั ถุดบิ ทางตรง 220 บาท ค่าแรงงานทางตรง 150 บาท คา่ ใชจ้ ่ายการผลิตผันแปร 180 บาท คา่ ใชจ้ ่ายการผลติ คงท่ี 200 บาท คา่ ใช้จ่ายในการดาเนนิ งาน (ต่อหน่วย) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารผันแปร 50 บาท ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบริหารคงที่ 170 บาท ให้ทา 1. คานวณตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑต์ อ่ หน่วย โดยใชว้ ิธกี ารคานวณดังนี้ 1.1. ตน้ ทนุ ผนั แปร (Variable Costs) 1.2. ตน้ ทุนเต็ม (Full Costs) 1.3. ตน้ ทนุ ผนั แปรรวม (Total Variable Costs) 1.4. ต้นทนุ รวม (Total Costs)
8 - 32 การบัญชตี ้นทนุ 2 2. กาหนดราคาขายผลิตภัณฑ์ ถา้ บวกส่วนเพ่มิ ในอัตรา 60 % ของต้นทุนผลิตภณั ฑต์ าม วธิ ตี ้นทนุ เต็ม 3. กาหนดราคาขายผลติ ภณั ฑ์ ถ้าบวกสว่ นเพม่ิ ในอตั รา 80 % ของตน้ ทนุ ผลิตภัณฑต์ าม วธิ ีตน้ ทุนผนั แปร ข้อ 6. บริษทั อุดรการค้า จากดั ได้นาผลิตภณั ฑ์ออกจาหน่าย โดยมีนโยบายการกาหนดราคา ขาย โดยใช้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนจากต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนเต็ม ซึ่งบริษัทมี ขอ้ มลู เงนิ ลงทุน ตน้ ทุนและอตั ราผลตอบแทนจากการลงทนุ ดงั น้ี ปรมิ าณการผลิตทคี่ าดว่าจะผลิตได้ 10,000 หนว่ ย เงนิ ลงทุน 1,000,000 บาท อตั ราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) 20% ต้นทนุ การผลติ ต่อหนว่ ย วัตถุดิบทางตรง 100 บาทตอ่ หน่วย คา่ แรงงานทางตรง 50 บาทตอ่ หนว่ ย คา่ ใชจ้ ่ายการผลติ ผนั แปร 30 บาทตอ่ หนว่ ย ค่าใชจ้ า่ ยการผลติ คงท่ี (รวม) 400,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ผันแปร 15 บาทตอ่ หนว่ ย คงท่ี (รวม) 300,000 บาท ให้ทา 1. คานวณตน้ ทนุ ผลิตภัณฑ์ต่อหน่วย โดยใช้วิธีต้นทุนเต็ม ต้นทุนผันแปร ต้นทุนผันแปร รวม และตน้ ทนุ รวม 2. คานวณหาอัตราส่วนบวกเพิม่ เพอื่ ใหไ้ ด้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามท่ีต้องการ โดย ใชว้ ิธกี ารคานวณตน้ ทนุ ผลิตภัณฑว์ ธิ ีต้นทุนผันแปร 3. คานวณหาราคาขายของผลติ ภัณฑ์ต่อหน่วย ตามอัตราส่วนบวกเพ่ิมตามที่คานวณได้ ในขอ้ 2 4. พสิ ูจนอ์ ตั ราผลตอบแทนท่ีได้รับ โดยจัดทาในรูปของงบกาไรขาดทุนตามวิธีต้นทุนผัน แปร
บทท่ี 8 การกาหนดราคาผลิตภณั ฑ์ 8 - 33 ขอ้ 7. บรษิ ทั อุดรการคา้ จากัด ได้นาผลติ ภัณฑ์ออกจาหน่าย โดยมีนโยบายการกาหนดราคา ขาย โดยใช้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนจากต้นทุนผลิตภัณฑ์วิธีต้นทุนเต็ม ซึ่งบริษัทมี ข้อมูลเงินลงทุน ตน้ ทุนและอตั ราผลตอบแทนจากการลงทุน ดังน้ี เงินลงทุน 2,000,000 บาท ปริมาณการผลิตทีค่ าดว่าจะผลิตได้ 10,000 หนว่ ย อตั ราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) 15% ตน้ ทุนการผลติ ต้นทุนการผลติ ผนั แปร 200 บาทต่อหนว่ ย ตน้ ทนุ การผลติ คงท่ี (รวม) 500,000 บาท คา่ ใชจ้ า่ ยในการขายและบรหิ าร ผันแปร 25 บาทต่อหนว่ ย คงที่ (รวม) 500,000 บาท ให้ทา 1. คานวณหาต้นทุนผลิตภัณฑ์ต่อหน่วย โดยใช้วิธีต้นทุนเต็ม ต้นทุนผันแปร ต้นทุนผัน แปรรวม และตน้ ทนุ รวม 2. คานวณหาอตั ราส่วนบวกเพิ่ม เพื่อใหไ้ ด้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามทีต่ อ้ งการ 3. คานวณหาราคาขายของผลิตภัณฑ์ต่อหน่วย ตามอัตราส่วนบวกเพิ่มตามที่คานวณได้ ในข้อ 2 4. จัดทางบกาไรขาดทนุ ตามวิธตี น้ ทุนเตม็ ข้อ 8. บริษัท สหพัฒน์ จากัด ทาการผลิตและจาหน่ายสินค้าชนิดหนึ่ง ซึ่งในตลาดมีสินค้า ลักษณะเดยี วกนั โดยกาหนดราคาขายหน่วยละ 500 บาท ถ้าบริษัทต้องการกาไร 80 บาทต่อ หน่วย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 20 บาทต่อหน่วย ให้คานวณหาต้นทุนการผลิตที่ บริษัทน้ีควรจะควบคุมให้ได้หน่วยละเท่ากับเท่าใด จึงจะทาให้ได้กาไรตามต้องการ (Target Costing) ข้อ 9. บริษัท หมูยอแสนอร่อย จากัด ทาการผลิตและจาหน่ายหมูยอ ซ่ึงในตลาดมีสินค้า ลกั ษณะเดียวกนั โดยร้านอ่นื มกี ารกาหนดราคาขายอันละ 75 บาท ถ้าบริษัทต้องการกาไรอัน ละ 15 บาท และค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบริหารอันละ 10 บาท ให้คานวณหาต้นทุนการผลิตท่ี บริษัทน้ีควรจะควบคุมให้ได้หน่วยละเท่ากับเท่าใด จึงจะทาให้ได้กาไรตามต้องการ (Target Costing)
8 - 34 การบญั ชตี ้นทุน 2 ข้อ 10. บริษัท สยามพาณิช จากัด เป็นบริษัทท่ีทาการผลิตและจาหน่ายรถจักรยาน โดยมี นโยบายบวกส่วนเพ่ิมในอัตรา 40% จากต้นทุนผลิตภัณฑ์ โดยในปีนี้บริษัทมีปริมาณการผลิต เทา่ กบั 70 % ของกาลังการผลิตปกติ และมขี ้อมูลต้นทุนการผลติ ดังน้ี กาลังการผลติ ปกติ (Normal Capacity) 5,000 คัน วัตถุดิบทางตรง 1,200 บาทตอ่ หนว่ ย คา่ แรงงานทางตรง 500 บาทต่อหนว่ ย คา่ ใช้จา่ ยการผลิตผันแปร 800 บาทต่อหนว่ ย ค่าใช้จ่ายการผลิตคงที่ (รวม) 1,250,000 บาท ถ้าบริษัทมีคาส่ังซื้อพิเศษจากลูกค้านาย เอ จานวน 1,500 คัน โดยถ้าบริษัทรับคา สง่ั ซอ้ื พิเศษของนาย เอ คาส่ังซ้ือนี้จะไม่ไปกระทบกับยอดขายปกติของบริษัท ดังน้ัน ถ้าท่าน เปน็ ผูน้ าเสนอขอ้ มลู ใหก้ ับผู้บรหิ าร ให้ทา จากข้อมูลข้างต้นท่านจะรับคาสั่งซื้อน้ีหรือไม่ และจะกาหนดราคาขายของผลิตภัณฑ์ เทา่ กบั เทา่ ใด ตามนโยบายท่ีกาหนดขา้ งต้น ข้อ 11. บริษัท สยามพาณิช จากัด เป็นบริษัทที่ทาการผลิตและจาหน่ายเคร่ืองชาร์จ โดยมี นโยบายบวกส่วนเพิ่มในอัตรา 50% จากต้นทุนผลิตภัณฑ์ โดยในปีน้ีบริษัทมีปริมาณการผลิต เทา่ กับ 80 % ของกาลังการผลติ ปกติ และมีขอ้ มลู ต้นทนุ การผลติ ดงั น้ี กาลงั การผลติ ปกติ (Normal Capacity) 5,000 หนว่ ย วัตถดุ ิบทางตรง 150 บาทต่อหนว่ ย ค่าแรงงานทางตรง 25 บาทต่อหนว่ ย ค่าใช้จา่ ยการผลติ ผันแปร 74 บาทตอ่ หน่วย คา่ ใชจ้ ่ายการผลิตคงที่ (รวม) 320,000 บาท ถ้าบริษัทมีคาสั่งซ้ือพิเศษจากลูกค้าเพ่ือนาไปเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพนักงาน จานวน 500 อัน โดยถ้าบริษทั รับคาสั่งซอ้ื พิเศษ คาสั่งซอื้ น้ีจะไมไ่ ปกระทบกบั ยอดขายปกติของ บรษิ ัท ให้ทา จากข้อมูลข้างต้นท่านจะรับคาสั่งซื้อน้ีหรือไม่ และจะกาหนดราคาขายของ ผลติ ภัณฑ์เทา่ กับเทา่ ใด ตามนโยบายทีก่ าหนดขา้ งต้น
บทที่ 9 การใช้ขอ้ มลู ทางการบญั ชีเพ่อื การตดั สินใจ การดาเนินธุรกิจในปัจจุบันมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง ผู้บริหารของกิจการจึงมี ความจาเปน็ ทจ่ี ะต้องไดร้ บั ขอ้ มูลท่มี ีความเก่ียวขอ้ งกับประเด็นปัญหาเพ่ือนามาใช้ประกอบการ ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลทางการบัญชีไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับ รายได้และต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับประเด็นปัญหานั้น เพราะข้อมูลทางการ บัญชีเป็นขอ้ มลู ท่มี ีความเกยี่ วขอ้ งกับผลการดาเนินงานโดยตรงของธรุ กจิ แล้วนาข้อมลู ทางการ บัญชีเหล่านั้นมาวางแผนและบริหารต้นทุนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อกิจการ ดังนั้น ข้ันตอนการเก็บรวบรวมขอ้ มูลทางการบัญชี เพ่ือให้ได้ข้อมูลท่มี ีความถกู ต้อง และเชื่อถือได้ จึง เป็นกระบวนการทม่ี คี วามสาคญั และสง่ ผลตอ่ การตัดสนิ ใจของผบู้ ริหาร ทางปฏิบัติ ประเด็นปัญหาแต่ละประเด็นอาจมีทางเลือกในการแก้ไขปัญหาในหลาย ทางเลือก ดังน้ัน ผู้บริหารควรตัดสินใจจากข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับปัญหานั้น เพื่อพิจารณาว่า ทางเลอื กใดเป็นทางเลือกท่ีดีและเหมาะสมที่สุด ซ่ึงการตัดสินใจของผู้บริหารควรพิจารณาทั้ง ข้อมูลที่เก่ียวข้องกับตัวเงิน หรือท่ีเรียกว่า ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Information) และ ข้อมลู ทไ่ี ม่เก่ยี วขอ้ งกบั ตวั เงนิ ท่เี รยี กวา่ ขอ้ มูลเชงิ คุณภาพ (Qualitative Information) ควบคูก่ นั เพราะทางเลอื กในแต่ละทางเลอื กใหผ้ ลตอบแทน หรือมผี ลกาไรที่สูงทส่ี ดุ แตเ่ มื่อพิจารณาขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพแลว้ อาจไม่เหมาะสมตอ่ ธุรกิจก็เป็นได้ ในบทนี้เป็นการใช้ข้อมูลทางการบัญชีเพ่ือการตัดสินใจในระยะส้ันเท่านั้น ประเด็น ปญั หาที่ผบู้ รหิ ารตอ้ งตดั สินใจ ไดแ้ ก่ ประเดน็ ต่างๆ ดังน้ี 1. การตดั สินใจเกี่ยวกบั การรับคาส่งั ซอื้ พิเศษ 2. การตดั สนิ ใจเก่ียวกับการผลิตเองหรอื ซอื้ จากบุคคลภายนอก 3. การตัดสินใจเกีย่ วกบั การเพม่ิ หรอื การยกเลิกส่วนงานหรือสายผลติ ภัณฑ์ 4. การตัดสนิ ใจเกย่ี วกบั การจาหนา่ ยหรือผลติ ต่อของผลิตภณั ฑ์รว่ ม 5. การตัดสนิ ใจเกยี่ วกบั การใช้ปัจจยั การผลติ ทมี่ อี ยู่อยา่ งจากัด 6. การปิดโรงงานชัว่ คราว กระบวนการตัดสินใจของผู้บริหารในประเด็นต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นจะมีข้ันตอนการ ตดั สนิ ใจเกี่ยวกบั การใชข้ อ้ มูลทางการบัญชี ซึง่ ข้อมลู ส่วนใหญ่มักจะเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น รายได้ และต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายท่ีเกี่ยวข้อง รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ท่ีไม่ใช่ตัวเงิน เช่น กาลังการ
9 - 2 การบัญชตี น้ ทนุ 2 ผลิตของธุรกิจ กาลังคน สภาพเศรษฐกิจ และสภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมประเภท เดยี วกนั กบั ธุรกิจ เป็นต้น การตัดสนิ ใจของผู้บริหารส่ิงแรกทีต่ อ้ งนามาใช้ประกอบการพิจารณา คือ ข้อมูลใดบ้างที่เกี่ยวข้องและนามาใช้ประกอบการตัดสินใจในแต่ละประเด็น ซึ่งข้อมูลท่ี นามาใชป้ ระกอบการตัดสินใจจะมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของปัญหาที่เกิดขึ้น และมี วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลท่ีแตกต่างกันเช่นกัน ดังนั้น เพ่ือให้เข้าใจในเนื้อหาสาระของข้อมูล ทางการบัญชีเพ่ือนามาใช้ประกอบการตัดสินใจ และสามารถเลือกทางเลือกที่ดีและเหมาะสม ที่สดุ ในแตล่ ะหัวขอ้ ซึง่ จะไดท้ าการอธบิ ายในรายละเอียดตอ่ ไป ขนั้ ตอนการตดั สินใจ โดยทว่ั ไปเม่ือผูบ้ รหิ ารประสบกับปัญหาจากการดาเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาระยะ สัน้ หรือระยะยาวก็ตาม ผบู้ รหิ ารตอ้ งหาแนวทางในการแก้ไขปญั หานัน้ ๆ โดยมีขั้นตอนของการ ตัดสินใจของผู้บริหารซ่ึงสามารถแบ่งข้ันตอนได้ 6 ขั้นตอน ดังน้ี (ปรับปรุงจาก Horngren, Datar and Rajan, 2015 : 448 และ ศศิวิมล มีอาพล, 2556) 1. การระบุปัญหา ข้นั ตอนแรกของการตัดสนิ ใจ เริ่มตั้งแต่สารวจและระบุให้ได้ว่าปัญหาของการทาธุรกิจ และความไม่แน่นอนของการทาธุรกิจคืออะไร (Identify the problem and Uncertainties) คน้ หาและระบุปัญหาให้ชัดเจน พร้อมทงั้ บอกวา่ ความไมแ่ น่นอนของ และพจิ ารณาว่าปัญหานน้ั ใครเป็นผู้รบั ผดิ ชอบเพ่อื ให้การแกป้ ญั หามีความชดั เจนมากขนึ้ เมือ่ ระบุปญั หาได้อย่างชัดเจนจะ สามารถระบขุ ้อมูลที่เกย่ี วขอ้ งกับปัญหาน้ันได้อย่างชดั เจนเช่นกนั 2. การกาหนดขอบเขตและทางเลือก เมื่อสามารถระบุปัญหาได้แล้ว ผู้บริหารควรระบุขอบเขต (Identify Criterion) ในการ แก้ปญั หา รวบรวมขอ้ มูลทเ่ี กี่ยวกบั ปัญหาน้ันๆ เพื่อนามาใช้ประกอบการตัดสินใจ เช่น บริษัท ต้องการกาไรท่ีสงู ทีส่ ดุ ทางเลือกที่บรษิ ัทเลอื กอาจไปลดต้นทุนการผลิตลงทาใหส้ ินคา้ มีคุณภาพ ทล่ี ดลง ดงั นั้นในทางปฏบิ ัตกิ จิ การต้องทาการกาหนดขอบเขตของแตล่ ะปัญหาให้ชดั เจน เพราะ ในบางครั้งถ้าต้องการกาไรสูงสดุ แต่คณุ ภาพของสินค้าลดลงอาจมีผลต่อช่ือเสียงของบริษัทใน ระยะยาวได้ ดงั นัน้ การแก้ปัญหาบางปัญหาไม่สามารถทาให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกิจการได้ ทงั้ หมด
บทท่ี 9 การใช้ขอ้ มูลทางการบัญชเี พื่อการตดั สนิ ใจ 9 - 3 เมื่อระบปุ ญั หาและกาหนดขอบเขตไดแ้ ล้ว ผบู้ ริหารต้องพยายามหาทางเลือก (Identify Alternatives) เพื่อแก้ปัญหานั้น โดยในแต่ละปัญหาอาจมีทางเลือกมากกว่าหนึ่งทางเลือก ดงั นน้ั ควรจะเปรยี บเทียบแตล่ ะทางเลือกว่าทางเลือกเปน็ ทางเลอื กท่ีดีที่สดุ หรือเป็นทางเลือกท่ี เหมาะสมท่ีสุดเมือ่ อยภู่ ายใต้สภาวการณน์ น้ั 3. การรวบรวมขอ้ มูล ในแต่ละทางเลือกเพ่ือใช้แก้ปัญหาจาเป็นต้องมีการเก็บและรวบรวมข้อมูล (Obtain Information) ท่ีเกีย่ วข้องทั้งหมด ไม่วา่ จะเป็นขอ้ มลู ท่เี ป็นจานวนเงินหรือขอ้ มลู เชิงปริมาณ เช่น รายไดแ้ ละคา่ ใช้จา่ ยทเ่ี กยี่ วข้องกบั ทางเลือกนั้น และข้อมูลทไี่ ม่ใชต่ ัวเงินหรือข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น ขอ้ มูลเกยี่ วกับสภาพการแข่งขนั ของธุรกิจนน้ั ข้อมูลดา้ นกฎหมายและการเมอื ง ข้อมูลการ เปลย่ี นแปลงทางเทคโนโลยี เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้นามาใช้ประกอบการตัดสินใจ เพื่อประเมิน หาทางเลือกท่เี หมาะสมทีส่ ุด ในช่วงเวลาหรือในสถานการณน์ น้ั ๆ 4. การตดั สินใจ เมื่อมีข้อมลู ทเี่ กี่ยวข้องกับทางเลือกแตล่ ะทางเลือก ขั้นตอนตอ่ ไปคอื การตัดสนิ ใจเลือก ทางเลือก (Make Decision by Choosing Among Alternatives) โดยการพจิ ารณาขอ้ มลู ของแต่ ละทางเลือกว่า ทางเลือกใดให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด หรือมีต้นทุนท่ีต่าท่ีสุดและตัดสินใจเลือก ทางเลือกท่ีดีที่สุดภายใต้สถานการณ์ขณะน้ัน การพิจารณาควรพิจาณาข้อมูลท่ีเก่ียวข้อง ทั้งหมดประกอบกัน เช่น ทางเลือกท่ีให้ต้นทุนท่ีต่าท่ีสุด แต่อาจมีผลทาให้ช่ือเสียงของบริษัท ลดลง หรือความพึงพอใจในตัวสินค้าหรือการบริการของลูกค้าลดลง ทางเลือกน้ันก็ไม่ใช่ ทางเลือกทีด่ ที ่สี ุด ดงั น้ัน การเลอื กทางเลอื กท่ดี ที ส่ี ดุ ควรคานึงถึงข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องท้ังหมด ไม่ วา่ จะเป็นขอ้ มูลที่เป็นตัวเงนิ และไม่ใชต่ วั เงินก็ตาม 5. การติดตามและประเมินผล เมือ่ ผู้บรหิ ารตดั สนิ ใจเลอื กทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ ปฏิบัติตาม ทางเลือกที่เลือกไว้ มกี ารควบคมุ เพอ่ื ใหต้ ามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากน้ัน ต้องมีการติดตาม และประเมินผลทางเลือกนั้นๆ (Implement the Decision, Evaluate Performance and Learn) ว่าทางเลือกน้ันสามารถแก้ปัญหานั้นได้หรือไม่ หรือปัญหาลดลงหรือไม่ หากทางเลือกนั้นไม่ สามารถแก้ปัญหาได้ผู้บริหารต้องทาการวางแผนใหม่ หรือถ้าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ทางเลือกที่เคยเลือกอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ในช่วงเวลาน้ันอีกต่อไป จึงต้องทาการ ประเมินปญั หาใหม่ และทาการเกบ็ รวบรวมข้อมูลของแต่ละทางเลือกที่เหมาะสมใหม่ หรือเป็น
9 - 4 การบัญชตี ้นทุน 2 การเร่ิมต้นกระบวนการของการตัดสินใจใหม่ ต้ังแต่เร่ิมต้นและข้ันตอนต่างๆ ตามลาดับ ดัง แสดงขั้นตอนการตัดสินใจ ดังภาพท่ี 9.1 1.การระบุปญั หา 2.การกาหนดขอบเขตและทางเลอื ก 4.การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ของแตล่ ะทางเลอื ก 5. การตัดสินใจเลือกทางเลือกที่เหมาะสมทีส่ ุด 6. การติดตามและประเมนิ ผล ภาพท่ี 9.1 ข้นั ตอนการตดั สนิ ใจ ลกั ษณะของข้อมูลท่ีนามาใช้ประกอบการตดั สินใจ การแบ่งประเภทข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจสามารถจาแนกตามลักษณะของ ข้อมูลได้เปน็ 2 ประเภท ได้แก่ ขอ้ มูลเชงิ ปริมาณ และขอ้ มูลเชงิ คุณภาพ ข้อมูลเชิงปริมาณเป็น ข้อมูลที่สามารถวัดมูลค่าได้เป็นตัวเลข ซึ่งเป็นข้อมูลในรูปของตัวเงิน เช่น ต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายในการขายและบรหิ าร เปน็ ต้น หรือไม่อาจแสดงในรูปของตัวเงิน เช่น ระยะเวลาของ การขนส่งสินค้า เวลาที่ใช้ในการผลิตสินค้า หรือจานวนของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต เปน็ ตน้ สว่ นขอ้ มูลเชงิ คุณภาพ เป็นข้อมูลท่ีวดั ออกมาเป็นตวั เงนิ ไดค้ อ่ นขา้ งยาก เช่น ความพึง พอใจของลูกค้า ความจงรักภักดใี นตวั สินคา้ ของลกู ค้า คณุ ภาพของสินคา้ ขวญั และกาลงั ใจของ พนักงาน ความเพียงพอของกาลังการผลิตของเครื่องจักร เป็นต้น จะเห็นได้ว่า ข้อมูลท้ังสอง ลักษณะน้ีมีความสาคัญต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร เช่น ในการตัดสินใจเก่ียวกับการผลิต สินค้าเอง หรือซ้ือจากบุคคลภายนอก การพิจารณาข้อมูลของผู้บริหารนอกจากจะคานึงถึง ขอ้ มลู ตน้ ทุนท่เี กี่ยวข้องซ่งึ เปน็ ข้อมูลเชิงปริมาณในแตล่ ะทางเลือกแล้ว ซึ่งการตัดสินใจเลือกจะ พิจารณาวา่ ทางเลอื กไหนมีต้นทุนทีต่ ่าที่สดุ นอกจากนผี้ ้บู ริหารจาเป็นต้องพิจารณาข้อมูลอ่ืนๆ
บทท่ี 9 การใช้ข้อมลู ทางการบัญชีเพอื่ การตัดสนิ ใจ 9 - 5 ประกอบด้วยเช่นกัน เช่น ความพร้อมของกาลังการผลิตของเคร่ืองจักร หรือพิจารณาความ ชานาญของพนกั งานแผนกผลิต ซ่งึ เปน็ ข้อมูลเชิงคุณภาพประกอบการตัดสินใจนอกเหนือจาก ขอ้ มลู เชิงปรมิ าณขา้ งตน้ นอกจากการแบ่งประเภทต้นทุนในลักษณะข้างต้นแล้ว ข้อมูลที่นามาใช้ประกอบการ ตดั สนิ ใจยังสามารถแบง่ ไปตามความเก่ยี วข้องกับการตัดสินใจ ซ่ึงข้อมูลต้นทุนสามารถแบ่งได้ เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ต้นทุนที่เก่ียวข้องกับการตัดสินใจ (Relevant Costs) และต้นทุนท่ีไม่ เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ (Irrelevant Costs) ซ่ึงสามารถอธิบายรายละเอียดต้นทุนแต่ละ ประเภท ได้ดังน้ี 1. ต้นทนุ ที่เกี่ยวข้องกบั การตดั สินใจ ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการการตัดสินใจ (Relevant Costs) หมายถึง ต้นทุนที่จะ เปล่ยี นแปลงไปข้ึนอยูก่ ับทางเลือกที่ผ้บู ริหารเลอื ก หรอื เป็นต้นทุนท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคต และมีความแตกตา่ งกันระหว่างทางเลือกต่างๆ ท่ีกาลังพิจารณา (วรรณี เตโชโยธิน, สมชาย สุ ภัทรกุล และมนวิกา ผดุงสิทธิ์, 2558 : 90) ต้นทุนที่เก่ียวข้องกับการตัดสินใจ ประกอบด้วย ตน้ ทนุ ทหี่ ลีกเล่ียงได้ ตน้ ทุนที่ควบคุมได้ ตน้ ทนุ ส่วนตา่ ง หรือตน้ ทุนสว่ นเพ่มิ และต้นทุนค่าเสีย โอกาส ซึ่งต้นทุนแต่ละประเภทสามารถอธิบายรายละเอียด พร้อมทั้งยกตัวอย่างต้นทุนแต่ละ ลักษณะ ไดด้ งั นี้ 1.1. ต้นทนุ ท่ีหลีกเลี่ยงได้ ต้นทุนที่หลีกเลี่ยงได้ (Avoidable Costs) หมายถึง ต้นทุนที่สามารถลดได้ทั้งจานวน หรอื บางสว่ นจากการเลอื กทางเลือกหน่งึ ๆ โดยต้นทุนส่วนที่ลดได้จัดเป็นต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับ การตัดสินใจ (วรรณี เตโชโยธิน, สมชาย สุภัทรกุล และมนวิกา ผดุงสิทธ์ิ, 2558 : 91) หรือ ต้นทุนนี้จะไม่เกิดข้ึนหรือยกเลิกได้ ถ้าหากผู้บริหารไม่เลือกทางเลือกน้ัน เช่น กิจการกาลัง ตัดสินใจว่าจะยกเลิกการผลิตเค้กผลไม้ ทาให้แผนกผลิตเค้กผลไม้สามารถลดต้นทุนและ ค่าใช้จ่ายบางส่วนลงได้ เช่น วัตถุดิบทางตรงท่ีใช้ในการผลิตเค้กผลไม้ รวมไปถึงค่าแรงงานที่ จ่ายให้กับพนักงานในแผนกนั้น เป็นต้น หรือห้างสรรพสินค้าแห่งหน่ึง มีปัญหาขาดทุนอย่าง ตอ่ เนื่องสาหรบั ห้างสรรพสินคา้ ท่ีอยู่ในเขตจงั หวัดอุดรธานี ดงั นน้ั ผบู้ ริหารจงึ ตอ้ งการตัดสินใจที่ จะยกเลิกสาขาอุดรธานี ต้นทุนที่กิจการสามารถหลีกเล่ียงได้ เช่น ค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน และคา่ สาธารณปู โภคของสาขาอุดรธานี จะสามารถลดลงได้ทั้งจานวน เป็นต้น ดังน้ัน ต้นทุนท่ี ลดลงหรอื หลีกเลี่ยงได้ดังกล่าว จะถอื วา่ เปน็ ต้นทนุ ทเี่ ก่ยี วข้องกบั การตดั สินใจ
9 - 6 การบญั ชีต้นทนุ 2 1.2. ต้นทุนท่ีควบคมุ ได้ ต้นทุนท่ีควบคุมได้ (Controllable Costs) หมายถึง ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายท่ีผู้จัดการ แผนกนั้นมีอานาจ หน้าท่ีในการควบคุม ส่ังการหรือบริหารจัดการได้ เช่น เงินเดือนของ พนักงานแผนกขาย ถือเป็นตน้ ทุนท่คี วบคมุ ได้ของผจู้ ดั การแผนกขาย เพราะผจู้ ดั การแผนกน้ัน มีอานาจหน้าท่ีในการเพ่ิมหรือลดเงินเดือนหรือจานวนพนักงานในแผนกขายได้ เพื่อให้การ ทางานของแผนกเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ หรือตามแผนทก่ี าหนด 1.3. ต้นทุนส่วนต่าง ต้นทุนส่วนต่าง (Differential Costs) หมายถึง ต้นทุนที่มีความแตกต่างกันในแต่ละ ทางเลือก ซึ่งต้นทุนอาจจะเป็นต้นทุนที่เพ่ิมขึ้นหรือลดลง เม่ือเปรียบเทียบระหว่างทางเลือก ต่างๆ ซึ่งต้นทุนส่วนต่างมีแนวคิดคล้ายต้นทุนส่วนเพิ่ม (Marginal Cost หรือ Incremental Costs) สามารถวิเคราะห์ได้ทั้งต้นทุนรวม หรือต้นทุนต่อหน่วยก็ได้ เช่น การตัดสินใจผลิต ชิ้นสว่ นเองหรอื ซ้ือช้นิ ส่วนจากบุคคลภายนอก ผู้บรหิ ารจะพจิ ารณาวา่ ต้นทุนการผลติ จากการท่ี กิจการผลิตช้ินส่วนเองมีต้นทุนรวมเท่ากับเท่าใด เปรียบเทียบกับต้นทุนท่ีกิจการไปซ้ือจาก บคุ คลภายนอกวา่ ทางเลือกใดมีตน้ ทุนรวมตา่ ทสี่ ุด แลว้ ผู้บรหิ ารจะได้ตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กน้ัน หรืออาจพิจารณาว่ามีตน้ ทนุ ตอ่ หน่วยเทา่ กับเทา่ ใดในแตล่ ะทางเลือก เป็นตน้ สว่ นต้นทุนทีไ่ ม่แตกตา่ งกันในแตล่ ะทางเลอื ก จะถอื ว่าเป็นต้นทุนท่ีไม่เก่ียวข้องกับการ ตดั สินใจ เพราะไม่สง่ ผลต่อการตัดสินใจ เช่น การตัดสินใจผลิตชิ้นส่วนเองหรือซ้ือช้ินส่วนจาก บคุ คลภายนอก ไมว่ ่าจะเปน็ ทางเลอื กใดกิจการจาเป็นต้องคิดค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรที่ใช้ ในการผลติ ดังน้ันจะเหน็ ไดว้ ่า ค่าเส่อื มราคาของเครอื่ งจกั ร ถือเป็นต้นทุนที่ไม่มีความแตกต่าง กนั ในแต่ละทางเลือก ซึง่ ไม่มีผลตอ่ การตดั สินใจของผ้บู ริหาร 1.4. ต้นทนุ ค่าเสียโอกาส ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Costs) หมายถึง มูลค่าของประโยชน์หรือ ผลตอบแทนของทางเลือกที่ดีท่ีสุดรองลงมาท่ีผู้ตัดสินใจสูญเสียโอกาสท่ีจะได้รับ เพราะผู้ ตัดสินใจไปเลือกทางเลือกอ่นื (วรรณี เตโชโยธิน, สมชาย สภุ ทั รกลุ และมนวิกา ผดงุ สิทธิ์, 2558 : 92) อาจเป็นเพราะทางเลือกอื่นเหมาะสมกว่า หรือให้ผลตอบแทนสูงกว่าทางเลือกน้ัน เช่น กิจการมีเคร่ืองจักรท่ีสามารถจะนามาใช้ในการผลิตสินค้าได้ หรือกิจการสามารถเลือกที่จะ นาเอาเคร่ืองจักรเคร่ืองน้ีไปให้เช่า ทาให้ได้รับค่าเช่า 50,000 บาท ถ้าผู้บริหารเลือกท่ีจะใช้ เครอื่ งจกั รเครือ่ งนีไ้ ปใชใ้ นการผลติ สินคา้ จะมผี ลทาใหก้ ิจการสูญเสียโอกาสทจี่ ะได้รับรายได้ค่า เชา่ จานวน 50,000 บาท ซ่ึงรายได้ที่สูญเสียไปจากการตัดสินใจเช่นนี้ ถือว่าเป็นต้นทุนค่าเสีย
บทที่ 9 การใชข้ ้อมูลทางการบญั ชีเพ่อื การตัดสินใจ 9 - 7 โอกาสของกจิ การแห่งน้ี ถงึ แม้วา่ ต้นทุนค่าเสยี โอกาสจะไมใ่ ช่คา่ ใช้จ่ายทางการบัญชี แต่ต้นทุน ลกั ษณะนี้เป็นต้นทนุ ท่มี ีความเกีย่ วข้องกับการตัดสินใจ 2. ต้นทนุ ท่ีไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การตดั สินใจ ต้นทุนท่ไี ม่เกยี่ วขอ้ งกับการตัดสินใจ (Irrelevant Costs) หมายถึง ต้นทุนที่ไม่แตกต่าง กนั ระหว่างทางเลอื กไม่วา่ ผบู้ รหิ ารจะตดั สนิ ใจอยา่ งไรก็ตาม (ศรสี ุดา อาจวานันทกุล, 2557 : 9) หรือ เปน็ ข้อมูลเกยี่ วกับตน้ ทนุ หรือรายได้ทไ่ี ม่เก่ียวข้องกับการตัดสินใจในระหว่างทางเลือกใด ทางเลอื กหน่งึ ต้นทุนเหล่าน้ีไมม่ ีผลต่อการตัดสนิ ใจ เพราะไม่วา่ จะเลือกทางเลอื กใด ต้นทุนหรือ รายได้ของแตล่ ะทางเลือกไมม่ คี วามแตกต่างกัน ตน้ ทนุ ที่ไม่เก่ียวข้องกับการตัดสินใจ สามารถ แบ่งไดเ้ ปน็ 3 ประเภท ได้แก่ ตน้ ทนุ ทหี่ ลีกเล่ยี งไม่ได้ ต้นทุนท่ีควบคุมไม่ได้ และต้นทุนจม แต่ ละประเภท สามารถอธิบายรายละเอียด พรอ้ มทั้งยกตัวอยา่ งลกั ษณะของต้นทนุ ไดด้ ังนี้ 2.1. ต้นทนุ ท่ีหลีกเล่ียงไม่ได้ ต้นทุนท่ีหลีกเลี่ยงไม่ได้ (Unavoidable Costs) หมายถึง ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ ยังคงเกิดข้ึนไม่ว่ากิจการจะตัดสินใจอย่างไร ถึงแม้กิจการจะเลือกทางเลือกนั้นหรือไม่เลือกก็ ตามตน้ ทนุ ท่เี กดิ ขน้ึ จะมีจานวนเทา่ เดิม หรือไม่มีความแตกต่างกันในแต่ละทางเลือก โดยส่วน ใหญ่ต้นทุนท่ีหลีกเลี่ยงไม่ได้มักจะเป็นต้นทุนคงที่ เช่น เงินเดือนผู้บริหาร ค่าเสื่อมราคา เครอื่ งจักร ค่าเชา่ อาคาร เป็นตน้ 2.2. ต้นทุนที่ควบคมุ ไม่ได้ ต้นทนุ ทีค่ วบคุมไม่ได้ (Uncontrollable Costs) หมายถึง ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใดๆท่ีอยู่ นอกเหนืออานาจหน้าที่ หรือการควบคุม การบริหารจัดการของผู้บริหารหรือผู้จัดการแผน ก นนั้ ๆ เช่น เงินเดือนของพนักงานขาย เป็นค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้นในแผนกขาย ถือว่าเป็นต้นทุนท่ี ผู้จัดการแผนกบัญชีควบคุมไม่ได้ เนื่องจากผู้จัดการแผนกบัญชี ไม่มีอานาจ หน้าที่ในการส่ัง การเพิม่ หรอื ลดเงนิ เดือน หรือจานวนของพนักงานทอี่ ยแู่ ผนกขายได้ เปน็ ต้น ดงั นน้ั คา่ ใช้จา่ ยใด ที่ผู้บริหารไม่มีอานาจควบคุม หรือสั่งการให้เพิ่มหรือลดได้ ถือว่าเป็นต้นทุนท่ีผู้บริหารคนน้ัน ควบคมุ ไมไ่ ด้ ซง่ึ ตน้ ทนุ ทผ่ี ู้บรหิ ารควบคุมไม่ได้ จะไม่มผี ลตอ่ การตัดสินใจ
9 - 8 การบัญชีตน้ ทนุ 2 2.3. ต้นทุนจม ต้นทนุ จม (Sunk Costs) หมายถึง ต้นทนุ หรอื คา่ ใช้จ่ายใดๆ ท่ีเกิดข้ึนจากการตัดสินใจ ในอดีต เช่น การซ้ือเครื่องจักร ทาให้มีการคิดค่าเสื่อมราคาของเคร่ืองจักร หรือ ค่าเช่า สานักงานท่ีมีการทาสัญญาระยะยาว เป็นต้น ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ สามารถเปล่ยี นแปลงค่าใชจ้ ่ายเหลา่ นีใ้ ห้ลดลงได้ ถอื เป็นตน้ ทุนจม และเป็นต้นทุนท่ีไม่สามารถ ลดได้ถึงแม้ว่าจะไม่เลือกทางเลือกน้ันก็ตาม ต้นทุนจมจะไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจใดๆ ของผู้บริหารในสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้น ในการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่เหมาะสม ต้นทุน หรือค่าใช้จา่ ยนี้ ไมจ่ าเปน็ ต้องนามาพจิ ารณาประกอบการตัดสนิ ใจก็ได้ หรือบางคร้ัง ต้นทุนจม จะหมายถงึ ต้นทุนท่หี ลีกเล่ียงไม่ได้ นน่ั เอง รปู แบบการวิเคราะหข์ ้อมูลต้นทนุ เพ่ือการตดั สินใจ ขน้ั ตอนของการตดั สนิ ใจ เปน็ กระบวนการของการวเิ คราะหข์ อ้ มูลเพอ่ื ประเมนิ ทางเลือก วา่ ทางเลอื กใดมคี วามเหมาะสมและให้ผลประโยชนต์ อ่ กิจการมากทสี่ ุด กิจการสามารถวิเคราะห์ ข้อมลู ไดห้ ลายรปู แบบขนึ้ อยกู่ ับลกั ษณะของปัญหาทีน่ ามาพิจารณาประกอบการตดั สนิ ใจ ซึ่งใน บทนจ้ี ะทาการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ตน้ ทุน สามารถวเิ คราะหข์ อ้ มูลได้ 3 รูปแบบ ดังน้ี 1. การวิเคราะหร์ ปู แบบของต้นทุนรวม การวิเคราะห์ข้อมูลรูปแบบของต้นทุนรวม (Total Cost Format) เป็นการวิเคราะห์ ข้อมูลทางการบัญชีทั้งต้นทุนท่ีมีความเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในแต่ละ ทางเลือก หลงั จากนั้นจงึ พิจารณาว่าทางเลือกใดให้ผลตอบแทนท่ดี ที ส่ี ุด หรือตน้ ทนุ ทีต่ า่ ทีส่ ุด 2. การวิเคราะหร์ ปู แบบต้นทุนส่วนต่าง หรอื การวิเคราะหต์ ้นทุนส่วนเพิ่ม การวิเคราะห์รูปแบบต้นทุนส่วนต่าง (Incremental Costs Format) หรือ ต้นทุนส่วน เพิ่ม (Differential Costs Format) เป็นการวิเคราะห์ต้นทุนท่ีเก่ียวข้องกับการตัดสินใจโดย พิจารณาแต่เฉพาะต้นทุนท่ีมีความแตกต่างกันในแต่ละทางเลือก หลังจากนั้นจึงพิจารณาว่า ทางเลือกใดมีตน้ ทุนทต่ี ่ากว่า หรือมรี ายไดท้ ่ีสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอกี ทางเลอื กหน่ึง
บทที่ 9 การใช้ขอ้ มูลทางการบญั ชีเพอ่ื การตดั สนิ ใจ 9 - 9 3. การวิเคราะหต์ ้นทุนค่าเสียโอกาส การวิเคราะห์ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Costs Format) เป็นการวิเคราะห์ใน รูปแบบของตน้ ทนุ สว่ นตา่ ง ซึง่ ประกอบดว้ ยตน้ ทุนหรอื รายไดส้ ว่ นท่มี ีความแตกต่างกันในแต่ละ ทางเลือก รวมไปถึงต้นทุนค่าเสียโอกาส หมายถึงผลประโยชน์หรือผลตอบแทนที่กิจการจะ ได้รบั จากการตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กหน่งึ แต่ถือวา่ เปน็ การสูญเสยี โอกาสจากการตัดสินใจเลอื ก อกี ทางเลอื กหนงึ่ การวิเคราะห์ข้อมูลต้นทุนทั้ง 3 รูปแบบ เมื่อพิจารณาแล้วจะให้ผลของการตัดสินใจที่ ตรงกัน ซ่ึงผู้บริหารหรือนักบัญชีจะเลือกรูปแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและลักษณะ ของปัญหา เพ่ือให้ได้ผลการประเมินที่ดีท่ีสุด การวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละรูปแบบ ดังแสดงใน ตัวอยา่ งท่ี 9.1 ตวั อย่างที่ 9.1 บรษิ ทั ฟ้าไทยอุตสาหกรรม จากดั ประกอบธรุ กิจผลติ และจาหน่ายอาหารกระป๋อง ใน เดอื นนบ้ี ริษัทผลติ จานวน 10,000 กระปอ๋ ง โดยมขี อ้ มูลเกยี่ วกับตน้ ทนุ การผลิตดังน้ี ต้นทนุ การผลิต ต้นทุนต่อหน่วย(บาท) จานวนเงินรวม (บาท) วตั ถดุ ิบทางตรง 15 คา่ แรงงานทางตรง 10 ค่าใชจ้ า่ ยการผลิตผนั แปร 12 คา่ ใช้จ่ายการผลติ คงท่ี 150,000 คา่ ใชจ้ า่ ยในการขายและบรหิ ารผันแปร 5 คา่ ใชจ้ ่ายในการขายและบริหารคงท่ี 250,000 เนื่องจากปัจจุบันภาวการณ์แข่งขันอาหารกระป๋องค่อนข้างสูง มีคู่แข่งเข้ามาใน อุตสาหกรรมอาหารกระป๋องจานวนมากทาให้ยอดขายของบริษัทลดลง เหลือเพียง 8,000 กระปอ๋ ง ราคาขายปกติกระปอ๋ งละ 150 บาท โดยผ้บู ริหารมที างเลอื กในการแก้ไขปัญหาสาหรบั สินคา้ ท่ีขายไมไ่ ด้ จานวน 2,000 กระปอ๋ ง โดยมีทางเลอื กท่พี ิจารณา คือ ทางเลือกที่ 1 นาไปขายลดราคาเหลือกระป๋องละ 100 บาท โดยมีค่าใช้จ่ายในการ ขายเพ่มิ เติมกระปอ๋ งละ 5 บาท ทางเลือกท่ี 2 นาไปขายลดราคาลง เหลือกระป๋องละ 120 บาท แต่ทาการปรับปรุง ปา้ ยติดขา้ งกระป๋อง มผี ลทาใหค้ ่าใชจ้ า่ ยในการขายผันแปรอยูท่ ีก่ ระปอ๋ งละ 15 บาท แต่วัตถุดิบ ทางตรงและค่าแรงงานทางตรงยงั คงเท่าเดิม
9 - 10 การบญั ชตี น้ ทนุ 2 จากข้อมูลขา้ งตน้ ใหว้ เิ คราะหข์ ้อมลู ด้วยวธิ ีการวเิ คราะหท์ ้งั 3 รปู แบบ ดังน้ี 1. การวเิ คราะหร์ ูปแบบของต้นทนุ รวม 2. การวเิ คราะห์รูปแบบของต้นทนุ สว่ นตา่ งหรอื ตน้ ทุนส่วนเพม่ิ 3. การวเิ คราะหร์ ูปแบบของต้นทุนค่าเสยี โอกาส วิธีการวิเคราะห์ จากข้อมูลข้างต้น สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงการคานวณแต่ละทางเลือก ด้วย วธิ กี ารวเิ คราะหท์ ้งั 3 รูปแบบ ไดด้ ังน้ี 1) การวเิ คราะหร์ ูปแบบของตน้ ทุนรวม ทางเลือกที่ 1 ทางเลือกที่ 2 ขายลดราคา ปรบั ปรงุ รปู แบบ ยอดขาย 200,000 240,000 หกั ตน้ ทนุ ผนั แปร: 74,000 30,000 ต้นทุนการผลิต 74,000 104,000 ค่าใชจ้ ่ายในการขาย 10,000 136,000 รวมต้นทนุ ผนั แปร 84,000 150,000 250,000 กาไรสว่ นเกนิ 116,000 400,000 (264,000) หกั ตน้ ทนุ คงท่ี: คา่ ใชจ้ า่ ยการผลิต 150,000 คา่ ใชจ้ า่ ยในการขายและบริหาร 250,000 รวมต้นทุนคงท่ี 400,000 กาไร (ขาดทุน) สทุ ธิ (284,000) จากการคานวณโดยวิเคราะห์ข้อมูลต้นทุนท้ังหมด ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ และไม่เกยี่ วข้องกบั การตดั สินใจ เมื่อเปรียบเทียบผลกาไรสุทธขิ องแต่ละทางเลือก จะเห็นได้ว่า ทางเลือกที่ 1 มขี าดทนุ สทุ ธิ เทา่ กบั (284,000) บาท ส่วนทางเลือกที่ 2 มีขาดทุนสุทธิเท่ากับ บาท 264,000 บาท ดังนั้น ผู้บริหารควรตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ 2 คือ นาไปขายลดราคาลง เหลอื กระป๋องละ 120 บาท แต่ทาการปรับปรุงป้ายติดขา้ งกระป๋อง เพราะทางเลอื กที่ 2 ถงึ แม้จะ มีผลขาดทนุ แตข่ าดทุนนอ้ ยกว่าทางเลอื กท่ี 1 ถงึ 20,000 บาท
บทท่ี 9 การใชข้ ้อมลู ทางการบญั ชีเพ่ือการตดั สินใจ 9 - 11 2) การวเิ คราะห์รูปแบบของต้นทุนสว่ นต่างหรอื ตน้ ทุนสว่ นเพม่ิ ทางเลือกที่ 1 ทางเลือกที่ 2 ขายลดราคา ปรบั ปรงุ รปู แบบ รายไดส้ ่วนเพิม่ 200,000 240,000 หกั ต้นทุนส่วนเพ่มิ : ตน้ ทนุ การผลิต 74,000 74,000 ค่าใช้จา่ ยในการขายและบรหิ าร 10,000 30,000 รวมต้นทุนส่วนทเ่ี พิ่มข้ึน 84,000 104,000 กาไรสว่ นเพิม่ (ลดลง) 116,000 136,000 จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้รูปแบบต้นทุนส่วนเพ่ิมคือการพิจารณาเฉพาะต้นทุนที่ เก่ียวขอ้ งกับการตดั สนิ ใจ หรอื รายไดแ้ ละคา่ ใช้จ่ายทเ่ี พ่ิมขน้ึ หรือเฉพาะที่มีความแตกต่างกันใน แตล่ ะทางเลือก เมอ่ื เปรียบเทียบแล้วจะเห็นได้ว่า ทางเลือกท่ี 2 มีรายได้และค่าใช้จ่ายเพ่ิมขึ้น เป็น 240,000 และ 104,000 บาท ตามลาดับ ซึ่งส่งผลให้ทางเลือกท่ี 2 มีกาไรเพ่ิมขึ้นจานวน 136,000 บาท เม่อื เปรียบเทยี บกับทางเลอื กท่ี 1 ดงั นั้น ผู้บรหิ ารควรตดั สนิ ใจเลอื กทางเลือกที่ 2 คอื นาไปขายลดราคาลงเหลือกระป๋อง ละ 120 บาท แตท่ าการปรับปรงุ ปา้ ยติดข้างกระป๋อง เพราะมกี าไรมากกวา่ อีกทางเลือกหนึง่ 3) การวเิ คราะหร์ ปู แบบของตน้ ทุนค่าเสยี โอกาส ทางเลือกท่ี 1 ทางเลือกที่ 2 ขายลดราคา ปรบั ปรงุ รปู แบบ รายได้ส่วนเพมิ่ 200,000 240,000 หกั ต้นทนุ รวม: 74,000 ตน้ ทนุ การผลติ 74,000 30,000 116,000 ค่าใชจ้ า่ ยในการขายและบรหิ าร 10,000 220,000 ตน้ ทุนค่าเสยี โอกาส 136,000 20,000 ตน้ ทุนรวม 220,000 กาไรรวมเพ่ิมข้ึน (ลดลง) (20,000)
9 - 12 การบัญชีต้นทุน 2 จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้รูปแบบต้นทุนค่าเสียโอกาส คือการพิจารณาต้นทุนท่ี เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ หรือรายได้และค่าใช้จ่ายที่มีความแตกต่างกันในแต่ละทางเลือก รวมถงึ ตน้ ทนุ ค่าเสียโอกาส ท่ีควรจะไดร้ ับจากการเลือกทางเลือกหน่ึงแต่ไม่เลือกทางเลือกท่ีให้ ผลตอบแทนลาดับรองลงมา นั่นคือ ถ้ากิจการเลือกทางเลือกท่ี 1 ทาให้กิจการมีต้นทุนค่าเสีย โอกาส 136,000 บาท ในทางตรงกันขา้ ม ถ้ากจิ การเลือกทางเลือกท่ี 2 ทาให้กิจการมีต้นทุนค่า เสียโอกาสเท่ากับ 116,000 บาท ดังแสดงรายการข้างต้น เมื่อเปรียบเทียบแล้วจะเห็นได้ว่า ทางเลือกท่ี 2 มีกาไรรวมจานวน 20,000 บาท ดังนั้น ผูบ้ รหิ ารควรตดั สินใจเลอื กทางเลือกท่ี 2 คอื นาไปขายลดราคาลง เหลอื กระป๋อง ละ 120 บาท แตท่ าการปรับปรุงป้ายติดข้างกระป๋อง เพราะทางเลือกที่ 2 มีกาไรรวมมากกว่า อีกทางเลือกหนงึ่ ประเดน็ ปัญหาของการใช้ข้อมลู ทางการบญั ชีเพื่อการตดั สินใจ ประเด็นปัญหาท่ีผู้บริหารนามาใช้ประกอบการตัดสินใจระยะส้ันท่ีเกิดจากการดาเนิน ธุรกิจ ซ่ึงข้อมูลทางการบัญชีท่ีนามาใช้ประกอบการตัดสินใจจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ รปู แบบที่ใช้ในการวิเคราะห์ และประเดน็ ของปัญหาท่ีตัดสนิ ใจ ซึ่งในบทนี้จะกลา่ วถึงปัญหาที่ใช้ ประกอบการตดั สนิ ใจ มีดังน้ี 1. การตัดสนิ ใจเก่ียวกบั การรับคาส่งั ซ้ือพิเศษ 2. การตดั สนิ ใจผลิตเองหรอื ซ้อื จากบุคคลภายนอก 3. การตัดสินใจเกี่ยวกับการเพ่มิ หรอื ยกเลกิ สว่ นงานหรือ สายผลิตภัณฑ์ 4. การตดั สินใจจาหน่ายหรอื ผลติ ตอ่ ของผลติ ภัณฑร์ ่วม 5. การตัดสนิ ใจเก่ยี วกับการใช้ปจั จยั การผลติ ท่ีมอี ยอู่ ยา่ งจากัด 6. การตดั สินใจปดิ โรงงานชว่ั คราว ในแต่ละประเด็นปัญหาจะพิจารณาข้อมูลต้นทุนที่นามาใช้ประกอบการวิเคราะห์ที่ แตกต่างกัน โดยจะยกตัวอย่างพร้อมอธบิ ายในแต่ละประเดน็ ในหวั ขอ้ ถดั ไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 451
Pages: