วัตถปุ ระสงค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะของเจ้าหน้าท่ีในการปฏิบัติงานด้านการเฝ้าระวัง สอบสวน และ ควบคุมโรคติดต่ออันตรายและโรคอุบัติใหม่ และเตรียมความพร้อมการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ในพื้นทเ่ี พื่อรองรบั การระบาดของโรคติดต่ออนั ตรายและโรคอุบัติใหม่ให้มีประสทิ ธภิ าพ ระยะเวลาดาเนนิ โครงการ : ระหว่างวนั ที่ 20-21 มถิ ุนายน 2565 สถานท่ีดาเนินโครงการ : โรงแรมบางแสนเฮอริเทจ จงั หวดั ชลบุรี กลุ่มเปา้ หมาย - บคุ ลากรกองด่านควบคมุ โรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค - เจา้ หน้าท่ดี า่ นควบคมุ โรคตดิ ต่อระหวา่ งประเทศ 66 แห่ง - ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคติดต่ออันตราย ส่วนกลางกรมควบคุมโรคและสานักงาน ป้องกันควบคุมโรค - ทมี ปฏบิ ตั กิ ารสอบสวนโรคติดต่ออนั ตราย สานักสาธารณสขุ จังหวดั และโรงพยาบาล ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะได้รับ ผเู้ ข้าร่วมประชมุ สามารถนาความรไู้ ปพัฒนาระบบการเฝา้ ระวงั การสอบสวนโรคและควบคุมโรคติดต่อ อันตรายและโรคอุบัติใหม่ได้ตามมาตรฐาน รวมถึงการเตรียมพร้อมในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ในพนื้ ทไ่ี ดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ผู้รับผิดชอบโครงการ 1. นางวราภรณ์ เทยี นทอง ตาแหน่ง พยาบาลวิชาชพี ชานาญการพเิ ศษ 2. นางสาวกมลวรรณ วรรณขา ตาแหน่ง นกั วชิ าการสาธารณสขุ ชานาญการ 3. นางสาวกมลชนก ชว่ ยจนั ทร์ ตาแหนง่ นักวิชาการสาธารณสขุ ปฏบิ ตั ิการ 4. นางสาวเนตรนภา สิงหไ์ ชย ตาแหน่ง นกั วเิ คราะหน์ โยบายและแผน 2
บทที่ 2 องคค์ วามรทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ ง องค์ความรทู้ เี่ กยี่ วขอ้ ง แบ่งเป็นหัวขอ้ ไดด้ ังนี้ โรคฝดี าษวานร Dangerous Communicable Diseases by Law & Disease X การสอบสวนโรคฝีดาษวานร แนวทางการเกบ็ ตวั อยา่ งและการสง่ ตรวจทางห้องปฏิบัติการ การใสช่ ดุ และถอดชุดและการทาลายเชอื้ โรคฝีดาษวานรหรอื ฝดี าษลงิ ผศ. นพ. โอภาส พทุ ธเจรญิ Orthopoxviruses เป็นกล่มุ ของไวรสั DNA สายคทู่ ่ีมีขนาดใหญ่ การตดิ เชื้อสามารถทาให้เกดิ อาการ ไขแ้ ละมผี ื่นได้ในคนตง้ั แตก่ ารตดิ เชือ้ น้อย ๆ จนถึงการติดเช้ือระดบั รนุ แรง Small pox เกดิ เฉพาะในคน พบอตั ราการเสียชวี ติ ของผู้ป่วย 30 % มบี นั ทกึ การตดิ เชื้อครั้งล่าสดุ ในปี 1977 Monkey pox พบในสัตวช์ นิดอื่นดว้ ยรวมถงึ กระรอก พบในแอฟริกาเท่าน้ัน รปู แสดงการระบาดของโรคตามช่วงเวลาท่ผี ่านมา 3
การตดิ ตอ่ จากคนสคู่ น สามารถผ่านได้ 2 ชอ่ งทาง คอื 1. ทางเดนิ หายใจ จาการไดร้ ับ Droplet, Airborne (aerosol-generating procedure) 2. ทางผวิ หนัง จากการสมั ผัส body fluid, lesion ทง้ั ทางตรงและทางอ้อม รปู แสดงการแพร่กระจายเช้ือระหวา่ งคนและสัตว์นาโรค ความรนุ แรงของโรค ขึ้นอย่กู ับจานวนของแผลตามรา่ งกาย โดยแบง่ เปน็ ระดบั ความรุนแรง จานวนแผล (รอย) การรกั ษา เลก็ นอ้ ย (Mild) < 25 no disability ปานกลาง Moderate 25-99 does not require nursing cares รุนแรง Severe requires nursing cares รุนแรงมาก Grave 100-250 requires intensive nursing cares >250 4
ลกั ษณะผนื่ จะมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาที่ตดิ เชื้อ โดยสามารถแบง่ ตามระยะเวลาได้ ดังนี้ อาการและอาการแสดงของคนทมี่ กี ารตดิ เช้ือ จะมีการกระจายของผื่นตามรา่ งกาย ดงั น้ี 5
การรกั ษา ผปู้ ว่ ยสว่ นใหญม่ ักมอี าการน้อย สามารถหายใจได้เอง ความรนุ แรงของโรคขนึ้ อยกู่ บั หลายปัจจยั เช่น ประวัติการไดร้ บั วคั ซนี โรคประจาตวั ผู้ที่มภี าวะภมู ิคมุ้ กนั บกพร่อง เด็กอายุต่ากวา่ 8 ปี หญงิ ตง้ั ครรภ์ หรือให้ นมบุตร เป็นตน้ ปัจจุบนั ยังไม่มยี ารกั ษา Monkey pox โดยเฉพาะ จึงมีการนายาต้านไวรัสท่ใี ชร้ กั ษา Small pox มาใชเ้ ป็นทางเลือก คือ - Tecovirimat - Cidofovir and Brincidofivir - Vaccinia Immune Globulin Intravenous (VIGIV) ใชร้ กั ษาภาวะอทรกซ้อนจากการไดร้ บั วัคซีนที่ผลติ มาจากเช้ือ Vaccinia การปอ้ งกนั การตดิ เชือ้ ( Infection Prevention for Monkey pox ) แบ่งเป็น 1. Droplet Precautions 2. Contact Precautions 3. Airborne Precautions ผูป้ ่วยทส่ี งสยั Monkey pox จะต้องอยูห่ ้องแยกเดยี่ วทม่ี รี ะบบระบายอากาศทีด่ ี มีห้องน้าแยก ในกรณี ท่ผี ู้ป่วยใส่ ET-tube และตอ้ งพ่นยา ต้องอยู่ห้อง AIIR รวมถึงเวลาเคลอื่ นยา้ ยผู้ป่วยต้องใส่ Surgical mask และ ปกปดิ บรเิ วณ lesion ด้วยผา้ หรอื กาวน์ เพื่อป้องกนั การแพรก่ ระจายเชือ้ เจา้ หนา้ ท่ีทีด่ ูแลผ้ปู ่วยต้องเฝ้าระวัง ตัวเอง 21 วันนับจากวันสุดท้ายที่สัมผสั ผู้ป่วย สว่ นเจ้าหน้าที่ท่ีดแู ลผู้ป่วยโดยไม่มีการสวมใส่อปุ กรณ์ป้องกนั ตัวเอง สามารถปฏบิ ตั ิงานต่อได้ แต่ให้เฝ้าระวังและรายงานอาการก่อนทางาน Vaccine ทใี่ ชป้ ้องกนั small pox and Monkey pox - 1st generation: Dryvax a freeze-dried live vaccine - 2nd generation: ACAM 200 live vaccine - 3rd generation: MVA-BN non-replicating live modified Vaccinia ข้อปฏบิ ตั ขิ องเจา้ หนา้ ที่ Pre-exposure prophylaxis (PrEP) สาหรบั เจา้ หนา้ ท่ีทางคลินกิ และห้องปฏบิ ัตกิ าร ACAM 200 ต้องไดร้ บั การฉีดวคั ซีนทุก 3 ปี Post-exposure prophylaxis (PEP) ใหภ้ ายใน 4 วนั หลงั จากสัมผัสโรค ไม่ควรเกิน 14 วนั 6
การสวมอุปกรณ์ป้องกนั รา่ งกาย (WHO) ตอ้ งพิจารณาตามความเส่ยี งกิจกรรมทปี่ ฏิบัติ แบง่ เปน็ รูปแสดงการแต่งชุด PPE ในเจ้าหนา้ ทที่ ี่ต้องเขา้ ไปปฏบิ ัตงิ านในหอ้ งผ้ปู ว่ ยติดเชื้อ สารเคมใี นการกาจดั เชื้อ แบง่ ไดด้ งั น้ี - Low level disinfectant Phenolic Quaternary ammonium compound 7
- Intermediate level disinfectant Alcohol, Sodium hypochlorite, Povidine Iodine - High level disinfectant 6-35 % Hydrogen peroxide Peracetic acid การทาลายเชอ้ื Monkey pox - Sodium hypochlorite 5,000 ppm (0.5 %) สาหรบั ทาความสะอาดพ้นื ผวิ สิ่งแวดลอ้ ม 10,000 ppm (1 %) สาหรบั สารคดั หลั่ง เลอื ด - 0.5 %-1 % Virkon - 0.5 % Hydrogen peroxide - Chloroxylenal-based ข้อแนะนาในการควบคมุ การติดเชอ้ื (Recommendation IC part) - บุคลากรทางการแพทย์ เข้าห้องทาความสะอาด เก็บตัวอยา่ ง ใส่ Standard PPE (Gown, Gloves, eye protection or face shield - พนักงานทาความสะอาดห้องต้องใส่ Gown, gloves, N95, eye protect ขณะปฏิบัติงาน ตลอดเวลา - แนะนาใหเ้ ชด็ ทาความสะอาดเทา่ นน้ั หา้ มใชไ้ ม้กวาด พัดลม ไมป้ ดั ฝนุ่ เคร่ืองดดู ฝุ่น - เส้อื ผ้า ผา้ ปู ผ้าห่ม ตอ้ ง pack ใสถ่ งุ ก่อนนาไปซัก อาจเป็นถงุ ท่ีสามารถละลายในนา้ รอ้ นได้ ห้ามสะบัดผ้า เพราะจะทาให้เกิดการฟุ้งกระจาย เคร่ืองซักผ้าต้องใช้น้าร้อน 71 องศาเซลเซียส นาน 25 นาที หรือ 70 องศาเซลเซยี ส นาน 30 นาที และอบแหง้ ด้วยความรอ้ น - สารเคมี Sodium hypochlorite ต้องมีการเลือกระดับความเข้มขน้ ให้เหมาะสมต่อการการ ทาความสะอาด คือ 5,000 ppm (0.5 %) สาหรับทาความสะอาดพ้ืนผวิ สง่ิ แวดลอ้ ม 10,000 ppm (1 %) สาหรับสารคัดหลัง่ เลอื ด 8
Dangerous Communicable Diseases by Law & Disease X นายแพทยโ์ รม บวั ทอง โรคติดตอ่ ในพระราชบญั ญัติจาแนกเป็นไดเ้ ปน็ 3 กลุ่มโรค คือ โรคตดิ ต่ออนั ตราย โรคระบาดตาม พระราชบญั ญัติโรคตดิ ตอ่ และโรคติดต่อทตี่ ้องเฝ้าระวงั 1.โรคติดต่ออันตราย เป็นโรคที่ต้องมีการรายงานให้กรมควบคุมโรคทราบทันที (ผู้ป่วยสงสัย หรือมี เหตุอันควรให้สงสัย) อย่างช้าไม่เกิน 3 ชม. มีจานวน 14 โรค ซ่ึงผู้สัมผัส (closed contact) ต้องโดนกักกัน เท่ากบั หรอื มากกว่า 1 ระยะฟักตวั ท่ียาวท่สี ุด กรณไี ม่รายงานโรคหรือผู้สมั ผสั ไมใ่ หค้ วามร่วมมือหรือมผี ู้ขดั ขวาง การปฏิบัติงาน จะมีความผิดท้ังจาและปรับตามกฎหมาย ส่วนการประกาศเขตติดโรคต้องประกาศโดย รัฐมนตรี ซง่ึ ผเู้ ดินทางจากเขตติดโรคจะถกู ตดิ ตามอาการ 1 ระยะฟักตวั สูงสุดไดต้ ามกฎหมายกาหนด รูปแสดงโรคอันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ 2558 การจัดการโรคตดิ ตอ่ อันตรายตามหลกั การควบคมุ โรค สามารถแบง่ ได้ ดงั น้ี Disease Case Isolation Quarantine PPE Lab เขต Plague Negative pressure Contact NIH/TRC ตดิ Smallpox Negative pressure High risk for 7 days Level c + โNรoค repellent High risk for 21 days Level c NIH/TRC No CCHF Negative pressure High risk for 7 days Level c NIH/TRC No 9
Disease Case Isolation Quarantine PPE Lab เขต Contact ติด West Nile Standard room High risk for 14 days Level D + NIH/TRC/ โNรoค Fever with net repellent BIDI No Lassa High risk for 21 days Level c Yes YFeelvloewr Negative pressure High risk for 7 days NIH/TRC Fever Standard room Level D + No Nipah High risk for 21 days repellent NIH/TRC/ No Hveinrudsra with net High risk for 21 days Level c BIDI divsieruasse Negative pressure Negative pressure High risk for 21 days Level c NIH/TRC Ebdoislaeavsierus High risk for 21 days Mdiasebausreg Negative pressure NIH/TRC virus Negative pressure High risk for 10 days dSisAeRaSse High risk for 14 days Level c NIH/TRC No Negative pressure Under observation 2 Level c NIH/TRC No High risykrs14 days Level c NIH/TRC No Level c MERS Negative pressure NIH/TRC/ No N95 ReBgiIoDnI al No XDRTB Negative pressure Level c Natliaobnwi Yes COVID-19 Negative pressure de กลมุ่ เสยี่ งของเชือ้ โรค (Risk group ) กลมุ่ เส่ยี งของเช้อื โรค ( Risk group ) คอื การแบง่ เช้ือโรคตามความรุนแรง จากระดับความรนุ แรง น้อย ระดบั 1 ถึงสูงสุดระดบั 4 Risk Group ลักษณะความรนุ แรง Risk Group 1 (RG1) Agents that are not associated with disease in healthy adult humans. This group includes a list of animal viral etiologic agents in common use Risk Group 2 (RG2) Agents that are associated with human disease which is rarely serious and for which preventive or therapeutic interventions are often available 10
Risk Group 3 (RG3) Agents that are associated with serious or lethal human Risk Group 4 (RG4) disease for which preventive or therapeutic interventions may be available. Agents that are likely to cause serious or lethal human disease for which preventive or therapeutic interventions are not usually available การแบ่งโรคติดต่ออนั ตรายตามกลุ่มเสี่ยงของเชื้อโรค (Risk Group) สามารถแบ่งได้ ดงั นี้ Disease Agent Family Risk Need Plague Yersinia pestis Yersinia gro3up DNRoA Smallpox Variola virus Poxvirida 4 Yes CCHF Nairovirus Buneyaviri 4 Yes West Nile West Nile Virus Fladvaiveirid 2 No LasFseavFeerver Lassa virus Areaneaviri 4 Yes Yellow Fever Yellow fever virus Fladvaiveirid 2 No Nipah virus Nipah virus Paraemyx 4 Yes Hednidsreaasveirus Hendra virus Poavriarimdayex 4 Yes Ebdoislaeavsierus Ebola virus Foilvoirvidiraidea 4 Yes Madbiusergasveirus Maburg virus Filoveirida 4 Yes dSisAeRaSse SARS coronavirus Coroenavir 3 No MERS MERS coronavirus Coridoaneavir 3 No XDRTB M. tuberculosis idae 3 No COVID-19 SARS-COV-2 Coronavir 3 No idae 2. โรคระบาดตามพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ ต้องรายงานให้สานักงานสาธารณสุขจังหวัดภายใน 24 ชั่วโมง ซ่ึงมีผลบังคับใช้ทุกโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนท่ีต้องรายงาน อธิบดีเป็นผู้มีอานาจในการ ประกาศชอื่ โรคระบาดและเขตโรคระบาดในราชกิจจานเุ บกษา ซงึ่ ภายหลังการประกาศเป็นโรคระบาด ผู้สัมผัส จะโดนกักกนั เชน่ กนั 3. โรคติดต่อท่ีต้องเฝ้าระวัง ต้องรายงานให้สานักงานสาธารณสุขจังหวัดสัปดาห์ละ 1 คร้ัง มีจานวน 55 โรค ซ่ึงมีโรคจานวน 14 โรคที่ต้องรายงานทันที โดยมีผลบังคับใช้กับทุกโรงพยาบาล และห้อง Lab 11
ทงั้ ภาครัฐและเอกชน ไม่มีมาตรการกกั กันในผสู้ ัมผัส ยกเว้นอธิบดีกรมควบคุมโรค ประกาศให้เป็นโรคระบาดตาม พระราชบัญญตั ิ การไม่รายงานมคี วามผดิ ทงั้ จาและปรบั (ปรับเคสละ 20,000 บาท/ราย) Small pox and Monkey pox ประวัติความเป็นมา Smallpox ปรากฏขึ้นคร้ังแรกในพ.ศ. 1997-2460 ระบาดคร้ังใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2488-2489 จากเชลยศึกชาวพม่า ระบาดครั้งสุดท้าย พ.ศ. 2504-2505 ในปี พ.ศ. 2522-2523 WHO ไดป้ ระกาศว่า โรคฝีดาษถูกกวาดล้างหมดจากโลกน้ีแลว้ แต่ยังคงมีการเก็บเช้ือโรคฝีดาษไว้ในห้องปฏิบัติการใน สหรฐั อเมรกิ าและรัสเซีย เพ่ือศกึ ษาวจิ ัย โรคฝีดาษวานร (Monkey pox) เชอื้ Monkey pox อยู่ในกลุ่มไวรสั Orthopoxvirus family ระยะเวลาฟกั ตวั : 6-13 วนั ( range 5 to 21 days ) ปจั จยั เสยี่ ง ในแอฟริกติดตอ่ กับสัตว์ท่มี ีชวี ติ และตายจากการลา่ สัตว์และการบรโิ ภคเนอ้ื ป่า Clades แบง่ ได้ ดงั นี้ - West African clade (Case fatality ratio = 1%) - Central African clade (Case fatality ratio = 10%) - รปู แสดงการระบาดของโรคฝีดาษวานรทว่ั โลก 12
การติดตอ่ สามารถติดตอ่ ผา่ นทางเดินหายใจ ทางผิวหนัง ทางเย่อื บุตา ตดิ จากแม่สลู่ กู ผา่ นทางสายรก อาการและอาการแสดง 1. ระยะแสดงอาการ มีไขส้ งู เฉยี บพลัน (40 องศาเซลเซยี ส) ปวดเม่ือยตามตวั ปวดศีรษะ กนิ ระยะ ประมาณ 2-4 วนั 2. ระยะมผี ่ืนขึน้ ผื่นตามตัวกระจายไปที่หนา้ แขน ขา เท้า เม่ือผน่ื ท่วั ตวั ไขจ้ ะเร่ิมลด กินเวลา ประมาณ 4 วัน เปน็ ชว่ งที่สามารถแพรเ่ ชอ้ื ไดม้ ากทีส่ ุด 3. ระยะตุ่มหนอง และตกสะเกด็ แผลจะเริม่ กลายเปน็ หนองเม่ือผา่ นไป 5 วัน ใช้เวลาประมาณ 10 วัน จะเริม่ ตกสะเกด็ ภายใน 2 สปั ดาห์เป็นระยะท่ียงั แพรเ่ ชือ้ 4. ระยะสะเก็ดหลุดออก ระยะน้ีประมาณ 6 วนั สะเกด็ ค่อย ๆ หลดุ ระยะนี้ยงั แพรเ่ ชอ้ื ได้ 5. ระยะไม่มสี ะเกด็ แลว้ ไม่แพรเ่ ชอื้ แล้ว รวมระยะเวลาป่วยประมาณ 2-4 สัปดาห์ ภาวะแทรกซอ้ นจากโรคฝีดาษวานร การติดเชื้อสามารถทาลายระบบภูมิคมุ้ กนั สมองอักเสบ เกดิ การแท้งบุตร และร้ายแรงถึงขน้ั ตาบอดได้ การรักษา ปัจจุบันยังไม่มียารักษา Monkey pox โดยเฉพาะ จึงมีการนายาต้านไวรัสที่ใช้รักษา Small pox มา ใช้เป็นทางเลือก - ยา Tecovirimat - ยา Cidofovir - ยา Brincidofovir - วัคซนี ป้องกันไข้ทรพิษเรยี กวา่ Vaccinia Virus Vaccine เปน็ วัคซนี ผลติ มาจากไวรสั Vaccinia ขอ้ สรปุ จากองคก์ ารอนามยั โลก (WHO) พบวา่ ผ้ปู ่วยส่วนใหญ่ (87%) จากรายงานในประเทศในทวีปยุโรป ซง่ึ พบผู้เสียชีวิต 1 รายจากประเทศ ไนจีเรีย ข้อมูลจากการระบาดปัจจุบันพบว่า อาการทางคลินิกของผู้ป่วยยืนยันส่วนใหญ่มักมาด้วยอาการที่ไม่ พบทั่วไปในฝีดาษวานร คือ – มกั มีรอยโรคเลก็ นอ้ ยหรอื มีเพยี งรอยเดียว – พบรอยโรคทีบ่ ริเวณอวยั วะเพศและรอบทวารหนกั ไมก่ ระจายไปบริเวณอ่ืน – มผี ื่นหลายระยะในชว่ งเวลาเดยี ว (different stages of development) – มีอาการผนื่ กอ่ นทีจ่ ะมีอาการอืน่ ๆ เช่น ไข้ ตอ่ มนา้ เหลอื งโต ปัจจุบันยังคงไม่ทราบช่องทางติดต่อ (mode of transmission) ของเช้ือระหว่างการสัมผัสทางเพศ (sexual contact) คาดน่าจะมาจากการสัมผัสใกลช้ ิดทางกาย ในขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับบทบาทของ สารคดั หล่ังทางเพศ เชน่ อสจุ ิ นา้ หล่อล่นื ในชอ่ งคลอด ในการติดต่อของโรคน้ี 13
การประเมินความเสี่ยงโดยองค์การอนามยั โลก ในภาพรวมความเส่ียงของสาธารณสุขระดับโลกพบว่า มีระดบั ความเสี่ยงปานกลาง (Moderate) การประเมินสถานการณ์ฝีดาษวานรในปัจจุบัน ในขณะนี้การติดต่อในผู้ป่วยรายใหม่ในหลายประเทศ เชอื่ มโยงกับประวัตสิ มั ผสั ทางเพศ (sexual contact) ผปู้ ่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายมีสมั พันธ์กับเพศชาย (MSM) เปน็ เวลา 1ช่ัวโมง การสอบสวนโรคฝดี าษวานร นยิ ามของผปู้ ว่ ยฝดี าษวานร แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. ผู้ป่วยสงสยั (Suspected case) 2. ผู้ปว่ ยเข้าข่าย (Probable case) 3. ผปู้ ว่ ยยืนยนั (Confirmed case) 4. ผปู้ ่วยคัดออก (Discarded case) 1. ผปู้ ว่ ยสงสยั (Suspected case) คือ ผู้ท่ีมอี าการดงั ต่อไปน้ี 1.1 ไข้ (อุณหภูมริ ่างกายต้ังแต่ 38 องศาเซลเซียส) หรอื ให้ประวตั ิมีไข้ รว่ มกบั อาการอย่างน้อยหน่ึง อยา่ งต่อไปน้ี ไดแ้ ก่ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกลา้ มเนื้อ ปวดหลัง ตอ่ มนา้ เหลอื งบวมโต หรือ 1.2 มผี น่ื หรือตมุ่ ท่ผี ิวหนงั หรือเคยมผี น่ื หรือตุ่มกระจายตามใบหนา้ ศรี ษะ ลาตวั อวัยวะเพศและรอบ ทวารหนัก แขน ขา หรือฝ่ามือฝ่าเท้า เป็นผื่นหรือตุ่มลักษณะเป็นตุ่มนูน ตุ่มน้าใส ตุ่มหนอง หรือตุ่มตกสะเก็ด ร่วมกับ มีประวัติเช่ืองโยงทางระบาดวิทยา (Epidemiological linkage) ภายในเวลา 21 วันท่ีผ่านมา ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) มปี ระวัตเิ ดนิ ทางมาจาก หรอื อาศัยอยู่ในประเทศท่มี กี ารรายงานการระบาดแบบ local transmission* ของโรคฝีดาษวานรในประเทศ หรอื 2) มปี ระวัติเดินทางจากตา่ งประเทศและแพทยใ์ ห้การวนิ จิ ฉยั สงสยั โรคฝีดาษวานร หรอื 3) มีประวัตเิ ดนิ ทางไปเข้าร่วมงานหรอื กิจกรรมทเี่ คยมีการรายงานผู้ปว่ ยโรคฝีดาษวานร หรอื มีอาชีพทตี่ ้องสมั ผัสคลุกคลีกับผู้เดินทางจากตา่ งประเทศ หรือมปี ระวัตสิ มั ผสั สัตว์ฟนั แทะ หรอื สัตว์เล้ยี งลูกดว้ ย นมขนาดเล็กทีม่ ตี น้ กาเนดิ มาจากทวปี แอฟริกา * ประเทศทม่ี กี ารระบาดแบบ local transmission ของโรคฝีดาษวานรในประเทศ ประเทศในทวปี แอฟรกิ า (endemic country) ประเทศนอกทวปี แอฟรกิ าท่ีมี ผปู้ ว่ ยภายใน42 วนั ทผ่ี า่ นมา กานา กาบอง การ์บูเวร์ดี กนิ ิ กนิ ี-บสิ เซา แกมเบยี โกดวิ วั ร์ แคเมอรูน แคนาดา โปรตุเกส ฝร่ังเศส เซเนกัล เซยี ร์ราลโี อน เซาตูเมและปรนิ ซปิ ี โตโก ไนจีเรยี ไนเจอร์ เยอรมนี สเปน องั กฤษ บูร์กนิ าฟาโซ เบนิน มาลี มอริเตเนยี ไลบเี รยี สาธารณรัฐคองโก สาธารณรฐั ประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐแอฟริกากลาง อิเควทอเรยี ลกนิ ี ขอ้ มลู ณ วันท่ี 16 มิถุนายน 2565 (ประเทศที่มีการระบาดในประเทศจะมีการปรับปรงุ เปน็ ระยะ ตาม สถานการณ์การระบาดของโรคฝีดาษวานร โดยจะมีการแจ้งปรับปรุงทกุ 1 สัปดาห์) 14
2. ผปู้ ว่ ยเขา้ ขา่ ย (Probable case) คือ ผู้ปว่ ยสงสยั ทม่ี ปี ระวตั สิ ัมผัสใกล้ชิดกบั ผ้ปู ว่ ยยนื ยนั โรคฝดี าษ วานร ต้งั แตเ่ ร่มิ มีอาการแรกจนถงึ ตุ่มตกสะเกด็ ดังต่อไปน้ี 2.1 สัมผัสโดยตรงกับผวิ หนัง (แมจ้ ะไม่เหน็ รอยโรค) เยอ่ื บหุ รือสารคดั หลง่ั จากรา่ งกายของผู้ปว่ ยโรค ฝดี าษวานร เช่น การจบั มือ คลุกคลี หรอื สมั ผสั สิ่งของท่อี าจมเี ชือ้ ปนเปอื้ นของผูป้ ว่ ย เช่น เสือ้ ผ้า ทีน่ อน ของใชข้ องผ้ปู ว่ ย หรอื ถูกของมคี มทอ่ี าจปนเป้อื นเช้อื ฝดี าษวานรท่ิมตา 2.2 สัมผสั ร่วมบา้ นหรือมีการพกั คา้ งคืนรว่ มกับผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรอย่างนอ้ ย 1 คืน หรือนงั่ ร่วม ยานพาหนะกับผปู้ ่วยโรคฝดี าษวานร (ภายในระยะ 2 เมตร) หรือใช้หอ้ งน้าร่วมกบั ผ้ปู ว่ ยโรค ฝีดาษวานร เช่น สมั ผสั ฝารองนัง่ โถสขุ ภณั ฑ์เดียวกนั ตง้ั แต่ผู้ปว่ ยเร่ิมมีอาการ 2.3 อย่ใู กล้ผูป้ ว่ ยฝีดาษวานรภายในระยะ 2 เมตร ขณะหรือหลงั ทาหตั ถการทท่ี าให้เกดิ ละอองฝอย จากสารคัดหล่งั หรือกจิ กรรมที่ทาใหเ้ กดิ ละอองฟุง้ จากคราบเชอ้ื โรค เชน่ การสะบดั ผ้าปทู ี่นอนหรือเส้อื ผ้า 2.4 เสอื้ ผา้ ของผูส้ ัมผสั มีการสมั ผัสโดยตรง กับรอยโรค สารคัดหลงั่ เย่อื บรุ ่างกาย และสิ่งของทอ่ี าจ ปนเป้อื นเชื้อ เช่น เสื้อผา้ ทีน่ อน ของผปู้ ว่ ยฝีดาษวานร ยกตัวอย่างเช่น การอาบน้าให้ผู้ป่วยการขนสง่ ผู้ปว่ ย หรอื มผี ลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยัน ข้อใดขอ้ หนงึ่ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) พบ Anti-orthopoxvirus IgM antibody ในซีรมั ของผปู้ ่วย ในระยะ 4-56 วนั หลงั ออกผนื่ 2) ตรวจพบเชือ้ ไวรสั ทเ่ี ขา้ ได้กับ Orthopoxvirus genus ในผิวหนังหรอื เนอื้ เย่อื ของผ้ปู ่วยดว้ ย วธิ ีElectron Microscopy 3. ผู้ป่วยยืนยัน (Confirmed case) คือ ผปู้ ว่ ยสงสัยหรือเข้าขา่ ยทม่ี ีผลตรวจทางห้องปฏิบตั กิ ารยนื ยัน อยา่ งน้อย 2 หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร จากเทคนิคการตรวจข้อใดข้อหนง่ึ ดงั ต่อไปนี้ 3.1 พบสารพันธุกรรม Monkeypox virus (MPXV) ดว้ ยวธิ ีReal-time PCR จาเพาะตอ่ MPXV 3.2 พบสารพันธุกรรม Monkeypox virus (MPXV) ด้วยวิธีDNA sequencing เพ่ือหายีนท่ี จาเพาะ ต่อ MPXV 3) พบเชอ้ื Monkeypox virus (MPXV) ดว้ ยวธิ ีเพาะเช้อื ไวรัส (Viral isolation) 4. ผ้ปู ่วยคดั ออก (Discarded) คือ ผูป้ ่วยสงสยั /เขา้ ขา่ ย ทม่ี ีผลการตรวจด้วยวธิ ีReal-time PCR และ/หรือ DNA sequencing ไม่พบ สารพันธุกรรมเช้ือ Orthopoxvirus/MPXV จากการตรวจอย่างน้อย 2 ห้องปฏิบตั ิการ หรือมีหลักฐานพบการ ติดเช้อื อนื่ ทไี่ มใ่ ช่ฝีดาษวานรและมีอาการทางคลนิ ิกทีเ่ ข้าได้กบั โรคนั้นๆ เกณฑ์การพจิ ารณาประเทศทมี่ ีการระบาดของโรคฝีดาษวานร 1. ประเทศท่อี ยู่ในเขตแอฟริกากลางและตะวนั ตกท้ังหมด 2. ประเทศนอกทวีปแอฟริกาทีม่ ีการระบาดภายในประเทศ (Local transmission) เกณฑ์พิจารณาประเทศทม่ี ีการระบาดของโรคฝีดาษวานรในประเทศ (Local transmission criteria) เกณฑ์คดั เข้า พิจารณาจากภาพรวมการรายงานผปู้ ่วยโรคฝีดาษวานรในลักษณะ ประเทศทีม่ ีจานวนผปู้ ว่ ยยนื ยันมากกวา่ 20 ราย รว่ มกบั ขอ้ ใดข้อหนึง่ ดังต่อไปนี้ 1) ไม่มีประวัตกิ ารเดินทางออกนอกประเทศ 15
2) ไมม่ คี วามเชอื่ มโยงกบั index case 3) พบผ้ปู ่วยยืนยนั เฉลีย่ มากกวา่ 5 รายต่อวนั ภายในช่วง 7 วนั ที่ผ่านมา เกณฑค์ ดั ออก ไมพ่ บการรายงานผปู้ ว่ ยฝีดาษวานรเป็นระยะเวลา 42 วนั การรายงานและเกณฑส์ อบสวนโรค วธิ กี ารรายงานคล้ายกับการรายงานผูต้ ิดเช้ือโรคโควิด 19 ในชว่ งแรก โดยให้รายงานดังตอ่ ไปน้ี 1) รายงานเข้าสูร่ ะบบเฝา้ ระวงั เหตุการณภ์ ายใน 24 ช่ัวโมง 2) รายงานรายละเอยี ดผตู้ ดิ เชื้อเบอ้ื งต้นตามแบบรายงาน Monkeypox 1 ไดแ้ ก่ ชื่อ เลขทบี่ ัตร ประชาชน/ID Passport เพศ อายุ อาการทตี่ รวจพบเบ้ืองต้น ประเทศต้นทาง วนั ท่เี ดินทางเข้ามาวนั ท่เี ริ่ม แสดงอาการ จังหวดั และอาเภอที่พบ รายละเอยี ดอน่ื ๆ 3) รายงานผลการสอบสวนโรค ขนั้ ตอนการรายงานและสอบสวนผ้ปู ่วยโรคฝดี าษวานร มีดงั นี้ 1. เม่ือพบผู้ป่วยเข้านิยามให้เจ้าหน้าที่สถานพยาบาล หรือ สานักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือ เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคฯ ณ สนามบิน รายงานไปยัง SAT สานักงานป้องกันควบคุมโรค/สถาบันป้องกัน ควบคมุ โรคเขตเมืองตามแบบรายงาน Monkeypox 1 (ภาคผนวก) หรอื รายงานสอบสวนโรคเบ้ืองต้น กรณพี บ ผู้ปว่ ยเปน็ กลุ่มก้อน เพือ่ ส่งต่อขอ้ มูลไปยัง SAT กรมควบคมุ โรค ทางอเี มล [email protected] หรือทางโทรศัพท์หมายเลข 09 7315 6850 (ภาคผนวก) 2. ทีม CDCU โรคติดต่ออันตรายระดับจังหวัด และทีม Operation สานักงานป้องกันควบคุมโรค/ สถาบันป้องกันควบคมุ โรคเขตเมอื งลงพนื้ ทส่ี อบสวนโรคเบื้องตน้ พร้อมท้งั เกบ็ ตวั อยา่ งในห้องแยกของสถานพยาบาล และบรรจุตัวอย่างด้วยเทคนิค Triple Packaging System ในกลอ่ งโฟมท่ีมีการรกั ษาอุณหภูมิใหไ้ ด้ 4–8 องศาเซลเซยี ส ตลอดการขนสง่ ภาพแสดง Triple Packaging System 16
3. ทีม Operations กรมควบคุมโรค ลงพ้ืนท่ีสอบสวนโรคร่วมกับหน่วยงานระดับเขตและจังหวัด กรณที พ่ี บ 1) ผู้ป่วยตง้ั แต่ระดบั สงสยั ขึ้นไป 10 เหตกุ ารณแ์ รกของประเทศ หรือรายแรกของเขต 2) ผู้ป่วยยืนยนั เปน็ กลุม่ กอ้ น การสอบสวนโรคสาหรับผปู้ ว่ ยตัง้ แตร่ ะดับสงสยั ขน้ึ ไป 1. อธิบายขั้นตอนการสอบสวนโรคแก่ผู้ป่วย เพ่ือขออนุญาตถ่ายรูปตุ่ม ผื่น และสมั ภาษณ์ประวัติจาก ผู้ป่วย (ใบยินยอมให้ข้อมลู การสอบสวนโรค : Consent Form ตามภาคผนวก) 2. สัมภาษณผ์ ู้ปว่ ย ญาติ และทบทวนเวชระเบียนผูป้ ่วย รวมท้ังขอถา่ ยรูปผื่น ตุ่มน้าใส หรือ ตุ่มหนอง หรือแผลตกสะเกด็ และถา่ ยสาเนา/รูป บตั รประชาชนหรือพาสปอร์ตของผู้ป่วย (แบบสอบสวนโรคฝดี าษวานร :Monkeypox 2 ตามภาคผนวก 2) - กรณีผู้ที่เดินทางมาจากพ้ืนท่ีที่มีการระบาดแบบ local transmission ขอให้เพิ่มการซัก ประวัติการสัมผัสผู้ป่วย ประวัติการสัมผัสสัตว์ และการเดินทางเข้าไปในโรงพยาบาล ระหว่างท่ีอยู่ในพ้ืนท่ี ระบาดด้วย ในชว่ ง 21 วนั กอ่ นวันเริม่ ป่วย - กรณีผู้ที่ไม่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ท่ีมีการระบาดแบบ local transmission ให้เพ่ิม การซักประวัติ อาชีพ ลักษณะการทางาน และการเดินทางเข้าไปในโรงพยาบาล (หรือทางานท่ีเกี่ยวข้องกับ โรงพยาบาลหรอื คลนิ กิ ) ในช่วง 21 วันกอ่ นป่วย - ประวัติสัมผัสอื่น ๆ เช่น การคลุกคลีใกล้ชิดผู้ป่วยรายอ่ืน ๆ ให้บรรยายอย่างละเอียด ตามวิธีการ สอบสวนโรคท่ัวไป ไดแ้ ก่ ลักษณะของกิจกรรมที่มีร่วมกับผู้ป่วย ระยะเวลาของการมีกิจกรรมร่วมกันในแต่ละคร้ัง ความถข่ี องการพบ/ ทากจิ กรรม ในชว่ ง 21 วนั ก่อนปว่ ย - ถ่ายรูปผื่น/ตุ่ม เพื่อดูลักษณะผื่นและการกระจายของผ่ืน ได้แก่ รูปเต็มตัว (ด้านหน้า-ด้านหลัง ด้านซา้ ย-ดา้ นขวา) และรูปผน่ื /ต่มุ เฉพาะจุด - ถา่ ยสาเนา/รปู บตั รประชาชนหรือพาสปอร์ตของผปู้ ว่ ย เพื่อใช้ในการยนื ยันและรบั รองผลการตรวจ การสอบสวนโรคสาหรบั ผู้ปว่ ยตั้งแตร่ ะดับสงสยั ขึ้นไป การเกบ็ ตวั อยา่ งและการสง่ ตรวจทางห้องปฏบิ ัตกิ าร ให้แจ้งกรมควบคุมโรคก่อนเก็บตัวอย่าง เพ่ือประสานเร่ืองอุปกรณ์และเทคนิคการเก็บตัวอย่างจาก ส่วนกลางโดยใหเ้ กบ็ ตวั อย่างจานวน 2 ชุด เพอื่ สง่ ตรวจยืนยัน ณ หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร 2 แหง่ 17
การบรรจตุ วั อยา่ งเพ่ือการขนสง่ เนอ่ื งจากโรคฝีดาษวานรจดั เป็นสารชวี ภาพกลมุ่ ที่ 3 (Risk Group 3) การขนสง่ ตวั อย่างจงึ ควรดาเนิน การบรรจุด้วยเทคนิค Triple Packaging System ในกล่องโฟมท่ีมี ice pack เพยี งพอในการรักษาอณุ หภูมใิ ห้ ได้ที่ 4–8 องศาเซลเซยี ส ตลอดการขนสง่ ห้องปฏบิ ตั กิ าร สง่ ตรวจ ณ หอ้ งปฏิบตั กิ ารท่ีมีความพร้อมและมีระบบความปลอดภัยทางชวี ภาพของห้องปฏบิ ตั กิ าร ระดบั 3 (BSL 3) ขึน้ ไป ไดแ้ ก่ 1) สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรส์ าธารณสขุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ การติดตอ่ - วันราชการ เวลา 8.30-19.00 น. โทรศพั ท์0 2951 0000-11, 0 2589 9850-8 ต่อ 99248, 99614, 0 2951 1485, 0 2591 2153 - นอกวนั -เวลาราชการ (นดั หมายล่วงหน้า) โทรศัพท์ 06 2374 4083 (คณุ สุทธิวัฒน์ ลาใย) 2) ศนู ยโ์ รคอบุ ตั ใิ หมด่ า้ นคลนิ กิ โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ (ตกึ จงกลนี วฒั นวงศ)์ การตดิ ตอ่ - วนั ราชการ เวลา 8.00-17.00 น. โทรศัพท์ 0 2256 5134-5 และ 08 6322 8136 (คณุ ผกามาศ) - นอกวันเวลาราชการ (นดั หมายล่วงหนา้ ) โทรศัพท์08 9575 0123 (คณุ ณฐั กานต)์ 18
การนาสง่ ตวั อยา่ ง กรณที มี ปฏบิ ตั ิการสอบสวนโรค ฯ นาสง่ ตัวอยา่ งจากตา่ งจังหวดั ใหด้ าเนินการขนส่งตวั อยา่ งทั้ง 2 ชุด ผ่านศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่รับผิดชอบพ้ืนที่นั้น ๆ จากนั้นจึงแจ้งทีม Operation Monkey pox กรมควบคุมโรคที่หมายเลขโทรศัพท์ 09 2516 7939 เพื่อนาส่งตัวอย่างอีกชุดต่อไปยังศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้าน คลนิ ิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณต์ ่อไป การรายงานผลการตรวจทางห้องปฏบิ ัติการ ห้องปฏิบัติการ จะส่งผลการตรวจวิเคราะห์มายังกรมควบคุมโรค ท่ี SAT และ Operation Monkeypox กรมควบคุมโรค ที่อีเมล [email protected] และทาง ops.Monkeypox @ddc.mail.go.th หากผลไม่พบเช้ือ ทีม SAT Monkeypox จะส่งรายงานผลการตรวจให้ สานักงานป้องกัน และควบคุมโรค/สปคม. สสจ. และโรงพยาบาลทันที แต่หากผลพบเช้ือ ทีม SAT Monkeypox รายงานไปยัง ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทาง สาธารณสุข กรมควบคุมโรค กรณีฝีดาษวานร เพ่ือพิจารณาก่อนแจง้ ผลกลับพื้นท่ตี อ่ ไป นยิ ามและแนวปฏบิ ตั ติ ามมาตรการป้องกนั ควบคุมโรค สาหรบั ผสู้ ัมผสั ใกลช้ ดิ ของผปู้ ว่ ยโรคฝดี าษวานร 1. นิยามผู้สมั ผัสใกลช้ ดิ ผู้สัมผัสใกล้ชิด (Close contact) หมายถงึ ผู้ที่มปี ระวัติสัมผสั ผู้ปว่ ยสงสัย/เข้าข่าย/ยืนยัน ต้ังแต่เริ่มมี อาการแรกจนถึงตุม่ ตกสะเก็ด จาแนกผู้สัมผัสใกล้ชิดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ผู้สัมผัสเส่ียงสูง และผู้สัมผัสเสี่ยงต่า ตามลักษณะ การสัมผัสความเสยี่ งตอ่ การติดเช้ือทงั้ จากการสมั ผัสโดยตรง และการสมั ผสั ละอองฝอยจากผปู้ ่วย ดงั นี้ ตารางแสดงความเส่ยี ง พจิ ารณาจากจดุ ทส่ี มั ผสั โดยตรงระหวา่ งผสู้ มั ผสั ใกลช้ ดิ และผปู้ ว่ ย 19
ตารางแสดงความเสี่ยง พจิ ารณาจากการสมั ผสั ฝอยละอองและการปอ้ งกนั ตนเองของผสู้ มั ผสั ใกลช้ ดิ และผู้ปว่ ย 2. แนวทางการจดั การผสู้ มั ผสั ใกลช้ ดิ จาแนกตามระดบั ความเสย่ี ง ประเภทความเสย่ี ง แนวทางการจดั การผสู้ มั ผสั เสยี่ งสงู - สังเกตอาการตนเอง (Self-monitoring) หากเร่มิ มีอาการใหแ้ จง้ เจ้าหน้าที่ และเข้า รับการตรวจที่สถานพยาบาล (ดาเนินการเก็บตัวอย่างตามแนวทางกรณีผู้ป่วย สงสยั ) - ติดตามอาการ โดยเจา้ หนา้ ท่ี (Active-monitoring) ทุก 7 วนั จนครบ 21 วนั (วนั แรกที่พบผสู้ มั ผสั , Day 7, 14 และ 21 นับจากวันสมั ผสั ผ้ปู ่วยวนั สดุ ท้าย) - หลีกเล่ียงการสัมผัสกับหญิงต้ังครรภ์ เด็กท่ีอายุต่ากว่า 12 ปี ผู้มีภาวะภูมิคุ้มกับก พรอ่ ง - หลีกเลยี่ งการเดนิ ทางไปในพ้ืนทแี่ ออดั เสีย่ งต่า - สังเกตอาการตนเอง เป็นเวลา 21 วัน (Passive monitoring) หากเริ่มมีอาการให้ แจ้ง เจ้าหน้าที่ และเข้ารับการตรวจ (ดาเนินการเก็บตัวอย่างตามแนวทางกรณีผู้ป่วย สงสัย) หมายเหตุ ให้สิ้นสดุ การตดิ ตามผสู้ ัมผสั เม่อื index case มีผลการตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัติการเป็นลบ (ผปู้ ่วยคัด ออก) 20
แนวทางการเกบ็ ตวั อยา่ งการบรรจแุ ละการตรวจทางห้องปฏบิ ตั กิ ารสาหรบั ไวรสั MONKEY POX ดร.สภุ าภรณ์ วชั รพฤกษาดี โรคฝีดาษวานร จะพบอาการและอาการแสดงผนื่ และไขม้ ากทส่ี ุด และมีอาการทีพ่ บรว่ มดว้ ย คือ Fatigue 86.1% Chills 80.1% Headache 73.9% Myalgia 67.3% จาการศึกษาพบว่าสามารถพบ การติดเชื้อร่วมกบั โรคงูสวัดได้ดว้ ย นอกจากนั้นพบว่าพบว่าการแสดงออกของโรคยังมีความสัมพันธ์กบั จานวน รอยแผลตามร่างกายท่ีเกิดข้ึน ซ่ึงพบว่าจานวนรอยแผลว่า MPX > Coinfection > VZV ดังภาพแสดง ดา้ นล่าง A: Coinfections: mean = 130, range 3–431 B: VZV alone: mean = 104, range 2–672 C: MPX alone: mean = 143, range = 2–1,482 ความแตกต่างของโรคฝีดาษและโรคฝีดาษวานร ด้าน DNA พบว่า โรคฝีดาษ (Small pox) เป็น DNA Risk group 4 ส่วน Monkey pox DNA Risk group 3 (ขน้ึ อยู่กบั ความรุนแรงของโรค และการรักษา) สว่ น โรคฝีดาษวานร (Monkey pox) มีความยาวประมาณ 2 แสน base เป็น DNA Risk group 3 อยู่ในกลุ่ม Orthopoxvirus ซงึ่ เป็น genus เดยี วกับเช้ือก่อโรค smallpox มีรูปร่างเฉพาะตัวเป็นก้อนส่ีเหล่ียมคล้ายก้อน อิฐ Bricks ตา่ งจาก COVID-19 จะมีรูปรา่ งกลมมหี นาม ระดับความปลอดภยั ทางชีวภาพ (BSL) ในการปฏิบตั ิงานทางห้องปฏบิ ัติการข้นึ กบั ประวัตกิ ารได้รบั วคั ซีนของเจ้าหนา้ ที่ ซึง่ เจา้ หน้าทที่ ี่เคยฉีดวัคซนี มามากกว่า 10 ปี สามารถปฏิบัติงานระดับความปลอดภยั ทาง ชีวภาพ (BSL) ระดบั 2 และในเจา้ หนา้ ที่ท่ีไม่เคยได้รบั Vaccine ต้องปฏิบตั ิงานระดบั ความปลอดภัยทาง ชีวภาพ (BSL) แบบFull PPE BSL 2 ส่วนการทาลายเชื้อตอ้ งผา่ นกระบวนการ Autoclave ก่อนโดยใช้ ปฏบิ ตั งิ านระดบั ความปลอดภัยทางชีวภาพ (BSL) ระดับ 3 21
การเกบ็ Specimen ชนดิ ตวั อย่างท่แี นะนา Skin lesion รวมถงึ การ Swab ของแผล หรือสารคัดหลง่ั ทม่ี ีมากกวา่ 1 แผล สามารถเก็บได้ทั้งแบบ dry swab หรอื ใส่ใน VTM หรือเก็บ 2 แผลแบบเดียวกันใส่รวมในหลอดเดยี วกนั การ เก็บจาก Skin lesion คนละตาแหนง่ และคนละระยะโรคยังเปน็ การ เพ่ือเพม่ิ ความเขม้ ข้นของปริมาณเช้อื โดย เกบ็ อย่างน้อย 2 หลอดเผือ่ มี Inhibitor แต่ Lesion, Crusts, Fluid ไม่รวมในหลอดเดยี วกัน แนวทางการบรรจแุ ละการนาสง่ Specimen ต้องมีการบรรจุ Triple packing แชเ่ ยน็ -แขง็ 2-8 องศา ส่งทันทีไม่เกนิ 1 ชั่วโมง ถา้ ไม่สามารถส่งได้ ใน 7 วนั WHO แนะนาให้แช่แข็ง เวลาสง่ กต็ ้องแช่แข็งด้วย แนวทางการตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั ิการ แบง่ เปน็ 3 วธิ ี คอื 1. Direct virus demonstration 2. Molecular methods 3. Immunological methods คุณภาพของการตรวจ PCR (QC PCR) ขนึ้ อยู่กบั ปจั จยั ดังตอ่ ไปนี้คือ 1) ตัวอย่างทไี่ ด้ 2)การถอดรหัส สารพันธกุ รรม และ 3) กระบวนการการเกบ็ การขนสง่ และการตรวจ ส่วนการแปลผล พบวา่ การพบผลตรวจ False positive อาจเกิดจาก contamination, non-specific binding การพบผลตรวจ False negative อาจเกดิ จาก PCR inhibition การขนสง่ การเกบ็ (Download ได้ที่ https://drive.google.com/drive/folders/1--nAnEq3ENoTtejJ6zVMelL0ShvSC5Cl) 22
การใส-่ ถอดชดุ อปุ กรณป์ อ้ งกนั รา่ งกายสว่ นบคุ คล และการฝกึ ปฏบิ ตั ิ นางวราภรณ์ เทยี นทอง บทนา ในระยะเวลาไม่ก่ีปีที่ผา่ นมา เราพบการระบาดของโรคตดิ ต่ออุบตั ิใหม่ซ่ึงเปน็ ภยั คุกคามโลกและประเทศไทย ในช่วงหลายสิบปีท่ีผ่านมา ก่อให้เกิดภาระท้ังด้านภัยสุขภาพ และส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะ เป็นโรคซาร์ โรคไข้หวัดนก โรค Middle East respiratory syndrome coronavirus (MERS-CoV) โรคติดเชื้อโค โรนาไวรัส 2019 (COVID-19) อีกทั้งยังพบโรคใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนในอดีตอีกหลายชนิดค่อยๆ เผยโฉม ออกมา ล่าสดุ ท่ีกาลงั ได้รบั เฝ้าระวังเป็นพเิ ศษ คือ โรคฝีดาษวานร วิถีทางการแพร่กระจายเช้ือจุลชีพ (mode of transmission) (Siegel, Rhinehart, Jackson, Chiarello, & the Healthcare Infection Control Practice Advisory Committee, 2007) เชื้อจุลชีพในโรงพยาบาลสามารถ แพร่กระจายได้ 3 ทาง คือ ทางการสัมผัส (contact) ทางฝอยละอองขนาดใหญ่ (droplet) และทางอากาศ (airborne) โดยที่เชื้อจุลชีพชนิดหนึ่งอาจแพร่กระจายได้มากกว่า 1 วิธี (Hierholzer, 1996) ในการควบคุม การแพร่กระจายเช้ือจุลชีพในโรงพยาบาล พยาบาลจึงจาเป็นต้องเข้าใจกลไกการป้องกันการแพร่กระจายเช้ือ จลุ ชพี ดว้ ย ดังน้ี 1. การแพร่กระจายเช้ือจุลชีพโดยการสัมผัส (contact transmissions) เป็นการแพร่กระจายเช้ือ จุลชีพจากการสัมผัสท่ีเกิดขึ้นโดยทางตรง (direct contact) เป็นการแพร่กระจายเช้ือจากคนสู่คน หรือจาก ส่งิ แวดล้อมท่ีเปน็ แหล่งโรคไปยังอีกคนหนึ่งด้วยการสัมผัสโดยตรง หรอื การสัมผัสกับละอองนา้ มูก น้าลาย เช่น การสัมผัสเช้ือท่ีบาดแผลของผู้ป่วย การสัมผัสเช้ือจากเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เป็นต้น หรือจากการ สัมผัสโดยทางอ้อม (indirect contact) เป็นการแพร่กระจายเชื้อจุลชีพจากแหล่งโรคหรือผู้ป่วยโดยผ่าน ตัวกลาง ซ่ึงส่วนใหญ่เปน็ วัตถุส่ิงของ หรือวสั ดอุ ุปกรณ์ไปยงั อีกบุคคลหนึ่ง เช่น การแพรก่ ระจายเช้ือจลุ ชีพจาก การใช้อุปกรณ์ร่วมกันหรือหลังการใช้กับผู้ป่วยคนหน่ึงแล้วมีการทาลายเช้ืออย่างไม่ถูกต้อง หรือเกิดจากการ แพร่กระจายเช้ือจุลชีพผ่านมือของบุคลากรทางสุขภาพท่ีไม่ได้ทาความสะอาดมือหลังมือปนเป้ือนเช้ือจุลชีพ (Pittet et al., 2006) จากคนท่ีเป็นแหลง่ เชอ้ื โรค และปนเปื้อนส่ิงแวดล้อม แล้วเช้ือทป่ี นเป้ือนน้นั กระจายไปสู่อีก คนหน่ึงโดยการสัมผัส 2. การแพร่กระจายเชื้อจุลชีพทางฝอยละอองขนาดใหญ่ (Droplet transmissions) เป็นการ แพร่กระจายเช้ือจุลชีพจากฝอยละอองน้ามูกน้าลาย ซ่ึงมีขนาดใหญ่กว่า 5 ไมครอน ส่วนใหญ่มักจะกระจาย ไปไกลจากแหล่งกาเนิดไม่เกิน 3 ฟุต บางกรณีอาจฟุ้งกระจายไปได้ไกลถึง 6 ฟุต ขึ้นอยู่กับความแรงและวิธีการ ฟ้งุ กระจาย ความหนาแน่นของฝอยละออง และปัจจัยส่ิงแวดล้อม เช่น อุณหภูมิและความช้ืน เป็นตน้ เช่น การสัมผสั เชื้อ บริเวณเยื่อบุตา จมูกและปาก ฝอยละอองน้ามูก น้าลายนี้ เกิดจากผู้ป่วยที่มีการติดเช้ือไอ จาม พูด จากการ สมั ผัสอย่างใกล้ชดิ ระหว่างแหลง่ ของเชื้อโรคกับผูท้ สี่ ัมผัสเช้ือโรค เช้อื จุลชพี ที่แพรก่ ระจายทางฝอยละอองขนาดใหญ่ 23
เช่น โรคตดิ เช้ือระบบทางเดินหายใจท่เี กิดจากเชื้ออะดิโนไวรัส (Adenovirus, respiratory) โรคหลอดลมฝอย อักเสบ (Bronchiolitis) โรคหลอดลมอกั เสบ (Bronchitis) โรคครปู (croup) 3. การแพร่กระจายเช้ือจุลชีพทางอากาศ (airborne transmissions) เกิดจากแหล่งโรคผลิต ฝอยละอองอากาศท่ีมีเชื้อจุลชีพปนเปื้อนออกมา โดยท่ีขนาดของฝอยละอองอากาศจะมีขนาด ขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน ซงึ่ สามารถล่องลอยอยูใ่ นอากาศได้เป็นเวลานาน เมือ่ มกี ารสูดหายใจเอาอากาศเหล่านี้เข้าไปก็จะทา ให้เกิดโรคติดเช้ือได้ เนื่องจากเชื้อจุลชีพมีขนาดเล็กมากจึงจะสามารถแพร่กระจายเช้ือไปได้ไกลจาก แหล่งกาเนิดมากกว่า 3 ฟุต โดยจะลอยไปกับกระแสลมและอยู่ในอากาศได้นานเป็นช่ัวโมงหรือเป็นวัน ท้ังนี้ ขน้ึ กับปัจจัยแวดลอ้ ม เช่น การเคล่ือนไหวภายในห้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งการไหลของอากาศจะทาให้เช้ือจลุ ชีพ แพร่กระจายไปได้ไกลมากขน้ึ เช้ือจุลชีพที่แพร่กระจายทางอากาศ เช่น วณั โรคปอด (Pulmonary TB) วณั โรค นอกปอดชนิดมีสารคัดหล่ังออกจากร่างกาย หัด (Measles) สุกใส (Chickenpox) งูสวัดและเริมแบบ แพร่กระจาย (Disseminated herpes zoster and Disseminated herpes simplex) โรคทางเดินหายใจ เฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ โรคเมอร์ส (Middle East Respiratory Syndrome: MERS) และโรคไข้หวัดนก (Avian Influenza) ซ่ึงโรค 5 ชนดิ หลงั นีต้ ้องใช้แนวทางการปฏบิ ัติตามหลัก Contact precautions ร่วมด้วย การแพร่กระจายเชื้อจุลชีพยังอาจแพร่โดยสตั ว์พาหะนาโรค เช่น แมลงวนั แมลงสาบ ยงุ หนู เป็นต้น ซึ่งสัตว์เหล่านี้อาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายเช้อื จุลชีพในโรงพยาบาลได้ โดยเฉพาะในโรงอาหาร หอ ผู้ป่วย ถ้าไม่มีการดูแลความสะอาดอย่างเข้มงวด อาหารท่ีปนเป้ือนเชื้อเน่ืองจากสัตว์พาหะพวกน้ีอาจจะนา โรคสู่ผบู้ ริโภคได้ นอกจากน้เี ชอื้ จุลชีพที่แพร่กระจายทางอากาศอาจพบได้ในสิ่งแวดล้อม เช่น สปอรข์ องเชือ้ รา Aspergillosis spp. พบในสิ่งแวดล้อมและอาจทาให้ผู้ป่วยท่ีมีภูมิคุ้มกันบกพร่องเกิดการติดเช้ือนี้ได้ (Patterson, Zidouh, Minter, Andriole, & Patterson, 1997) อย่างที่ทราบเบื้องต้นว่า หลักการสาคัญในการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเช้ือโรค ในสถานพยาบาลมี 3 ประการ คือ 1. การบริหารจัดการภายในสถานพยาบาล (Administrative Controls) ซึ่งเป็นมาตรการพ้ืนฐานท่ีมี ความสาคัญมากทีส่ ุดในการลดความเส่ียงของการแพร่กระจายเชอ้ื ในสถานพยาบาล 2. การควบคุมส่ิงแวดล้อม (Environmental Controls) มีความสาคัญเป็นลาดับที่ 2 ในการป้องกัน การตดิ เชอื้ ภายในสถานพยาบาล 3. การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Respiratory - Protection Controls) โดยพบว่าเมื่อมีการ ควบคุมโดยวิธีการท้ัง 2 อย่างข้างต้นแล้ว สิ่งแวดล้อมในสถานพยาบาลก็จะปนเป้ือนด้วยเช้ือโรคที่แพร่กระจาย เชอ้ื จุลชพี ทางอากาศนอ้ ยลง ในวนั นี้จะนาเสนอหลกั การใช้เครือ่ งปอ้ งกันร่างกาย 24
การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย (personal protective equipment) ควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ร่างกายเม่ือปฏิบัติกิจกรรมท่ีต้องให้การดูแลผู้ป่วยที่บ่งช้ีว่าอาจมีการสัมผัส ละอองฝอยท่ีมีเช้ือจุลชีพ สิ่งคัดหลั่ง เลือด หรือสารน้าจากร่างกายของผู้ป่วย โดยระมัดระวังการปนเป้ือนเส้ือผ้าและผิวหนังระหว่างการถอด อุปกรณป์ อ้ งกันรา่ งกาย โดยปฏบิ ตั ิดังน้ี 1. การสวมถุงมอื (glove) ให้สวมถุงมือทุกคร้ังเมื่อมือมบี าดแผล หรือเมอื่ คาดว่ามือจะมีการสัมผัสกับ เลือด ส่ิงคัดหล่ัง หรือมีโอกาสปนเป้ือนเชื้อจุลชีพ โดยให้เลือกขนาดถุงมือที่พอดีกับมือสวม มีความทนทาน เหมาะสมกับงานท่ีทา และถอดถุงมือออกทันทีหลังเสร็จกิจกรรม ไม่สวมถุงมือคู่เดิมในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 1 ราย ไมล่ ้างถงุ มือเพ่อื นากลบั มาใชถ้ งุ มือซ้าเน่อื งจากจะทาให้เกิดการแพรก่ ระจายเชื้อจลุ ชีพได้ และเปล่ียนถุง มอื เมื่อเปลี่ยนกิจกรรมกับผปู้ ว่ ยรายเดมิ ถ้ามือสมั ผสั ส่วนทสี่ กปรก 2. การสวมเสือ้ คลุม (protective gown) ให้สวมเสอื้ คลุมท่ีสะอาดเพื่อปอ้ งกันผวิ หนังและเสื้อผ้าเปื้อน ระหว่างการทาหัตถการและกิจกรรมกับผู้ป่วยที่มีแนวโน้มว่าอาจมีการปนเป้ือนเลือด สารคัดหลั่งจากร่างกาย ผูป้ ่วยกระเด็นเข้าสู่ร่างกายให้สวมเสื้อคลุม 1 ตัวต่อการดูแลผู้ป่วย 1 คน/1 ครั้ง ถอดเส้ือคลมุ ทันทีหลงั การใช้ งานอย่างระมัดระวังโดยจับม้วนให้เสอ้ื ด้านในอย่ดู ้านนอก นาเสื้อคลุมไปใสใ่ นถังบรรจุผ้าเปอ้ื นท่ีมีฝาปิดมิดชิด อย่างถูกต้อง ไม่ควรใส่เส้ือคลุมตลอดเวลาท่ีปฏิบัติงานในหอผู้ป่วย เพราะจะเพ่ิมโอกาสการแพร่กระจายเช้ือ ไปส่ผู ู้ปว่ ยและสง่ิ แวดล้อมไดง้ ่ายและมากขนึ้ หลงั ถอดเส้ือคลุมแลว้ ลา้ งมอื ให้ 3. การสวมผา้ ปิดปาก-จมูก (mask) จาแนกลกั ษณะการใชง้ านไดด้ งั นี้ - ผ้าปิดปากและจมูกชนิดกรองอากาศ (surgical mask) ใช้สาหรับป้องกันละอองฝอยขนาดใหญ่ (droplet) และละอองท่ีฟุ้งกระจายในอากาศ มักแนะนาให้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่าหรือผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะท่ี สามารถแพร่กระจายเชื้อสวมใส่ รวมท้ังบุคลกรท่ีมีภาวะติดเชื้อ ผ้าปิดปาก-จมูกชนิดกรองอนุภาค (respiratory protective mask) จาแนกออกเปน็ 3.1 ชนิดกรองเช้ือโรค สามารถกรองเชื้อโรคท่ปี ะปนในละอองฝอยขนาดเล็กทฟี่ ุ้งกระจายอยู่ ในอากาศโดยมีประสิทธิภาพในการกรองเชอ้ื ขนาด 3 ไมครอนได้ แนะนาบุคลากรทางการแพทย์สวมใส่กรณีท่ี มีโอกาสเส่ียงต่อการได้รับเช้ือที่ปะปนกับละอองเสมหะขนาดเล็กที่แพร่กระจายทางอากาศ ( airborne transmission) แบง่ ออกเป็นประเภทต่าง ๆ ท้งั 9 ชนดิ ไดแ้ ก่ N 95, N 99, N 100, R 95, R 99 และ R 100 3.2 ชนิดกรองเช้ือโรคและสารพิษ สามารถกรองเช้ือโรคท่ีปะปนในละอองฝอยขนาดเล็กที่ ฟุ้งกระจายได้ รวมท้ังสามารถป้องกันสารพิษที่ฟุ้งกระจายในอากาศได้ สามารถกรองเช้ือโรคขนาดเล็ก 1-5 ไมครอนได้ ส่วนประกอบของผ้าปิดปากและจมูกชนิดน้ีจะมีเยื่อกรองพิเศษ (HEPA filter) เช่น P 95, P 99, P 100 3.3 ผ้าปิดปาก-จมูก ชนิดกรองเช้ือโรคและมีลิ้นกรองอากาศ สามารถกรองเช้ือโรคที่ปะปน ในละอองฝอยขนาดเล็กที่ฟุ้งกระจายได้และมีล้ินกรองอากาศ (respiratory with exhalation valve) ล้ินกรองอากาศนี้จะเปิดเมื่อหายใจออกเป็นการระบายลมและปิดเม่ือหายใจเข้า อากาศท่ีหายใจเข้าจะผ่าน แผน่ กรองอากาศ เชน่ N 95 with exhalation valve 25
4. แว่นป้องกันตา (goggle) ใช้ในกรณีท่ีคาดว่าจะมีการกระเด็นของเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือละอองฝอยกระเด็นเข้าตาบุคลากรทางการแพทย์ เช่น การดูดเสมหะ การผ่าตัด การทาคลอด การเย็บ แผล ผา่ ฝี ทันตกรรม การเจาะน้าไขสนั หลงั การสอ่ งกลอ้ ง เปน็ ตน้ 5. กระจังป้องกันใบหน้า (face shield) ใช้ในกรณีที่คาดว่าจะมีการกระเดน็ ของเลือดหรือสารคดั หล่ัง ถูกบริเวณใบหน้า ตาของผู้ปฏิบัติงานจากด้านหน้าและด้านข้าง แต่ไม่สามารถป้องกันเชื้อที่แพร่กระจายทาง อากาศได้ 6. หมวกคลุมผม (cap) ใช้เพอ่ื ป้องกันการตดิ เชือ้ จากรังแค เศษผมของบุคลากรทางการแพทย์สผู่ ู้ปว่ ย และช่วยป้องกันเลือดและสารคัดหล่ังจากร่างกายของผู้ป่วย กระเด็นถูกผมหรือศีรษะของบุคลากรทาง การแพทย์ เช่น การทาคลอด การผา่ ตัด กรอฟนั เป็นต้น 7. ผ้ากันเปื้อน (apron, CPE) ผ้ากันเปื้อนใช้เพื่อป้องกันการกระเด็นของเลือด สารน้าจากร่างกาย ผู้ป่วย หรือน้าท่ีล้างเคร่ืองมือท่ีปนเปื้อน เมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติงานแล้วให้ถอดท้ิงลงในถังมูลฝอยติดเช้ือทันที (กรณีชนิดใช้ครงั้ เดียวท้งิ ) 8. รองเท้าบู๊ท (boots) ใช้เพอ่ื ปอ้ งกนั เลอื ดและสารคดั หล่ังของผปู้ ่วยท่ีไหลนองหรือกระเด็นสมั ผัสเท้า หรือขาของบุคลากรทางการแพทย์ เช่น การขน/เคล่ือนย้ายมูลฝอย การล้างห้องน้า อีกทั้งยังสามารถช่วย ปอ้ งกนั ของมีคมท่อี าจตกลงมาท่มิ ตาเท้า เช่น การทาคลอด การผ่าตดั การลา้ งเครอื่ งมอื เปน็ ตน้ ขั้นตอนการใส่ PPE 26
ขั้นตอนการถอด PPE ขั้นตอนการใส่ PPE ตามระดบั ความเส่ยี ง 27
ขนั้ ตอนการถอด PPE ตามระดบั ความเสยี่ ง ขั้นตอนการลา้ งมอื การทาความสะอาดมือ (hand hygiene) ระหว่างการดูแลผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการสัมผัสพ้ืนผิว ของสิ่งของที่อยู่ใกล้ผู้ป่วยเพ่ือป้องกันมิให้มือเกิดการปนเปื้อนเช้ือจุลชีพจากส่ิงแวดล้อม และป้องกันการ แพร่กระจายเช้ือจากมือที่ปนเปื้อนไปสู่ส่ิงแวดล้อม พบว่ามือของบุคลากรทางการแพทย์ที่ปนเปื้อนเชื้อ VRE สามารถแพร่กระจายเช้ือ สู่อุปกรณ์ ของใช้และส่ิงแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยได้ ซึ่งหากมีการสัมผัสบ่อยจะทาให้ เกิดการปนเป้ือนเช้ือได้มากข้ึน จากการศึกษาพบว่าเชื้อจุลชีพสามารถมีชีวิตอยู่ในส่ิงแวดล้อมได้เป็นเวลานาน ซ่ึงแตกต่างกันไปตามชนดิ ของเช้ือ เชน่ - เช้ือ Parainfluenza virus มีชวี ิตอยบู่ นพื้นผวิ เรยี บได้นาน 10 ชว่ั โมง อยู่บนเสื้อผา้ ได้นาน 6 ชว่ั โมง - เชือ้ Noroviruses มชี วี ติ อยูบ่ นพรมไดน้ านสุดถงึ 12 วัน - เชือ้ Hepatitis B virus มีชีวิตอยบู่ นอเิ ลค็ โตรดสาหรับวัดคลน่ื หวั ใจได้นาน 7 วนั - เชือ้ Clostridium difficile มชี ีวติ อยู่บนพ้นื ไดน้ านถึง 5 เดือน เช้อื Acinetobactrer baumannii อย่บู นพื้นผวิ ท่ีแห้งได้นานถงึ 4 เดือน การทาความสะอาดมือจึงเป็นวิธีท่ีมีความสาคัญท่ีสุดในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค ในสถานพยาบาลและลดการติดเช้ือในสถานพยาบาล (World Health Organization, 2009) เนื่องจากการ แพร่กระจายเชื้อจานวนไม่น้อยเกิดจากมือของบุคลากรที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ โดยการกาหนดให้ทาความ สะอาดมือเม่ือมือสกปรกอย่างเห็นได้ชัดด้วยสบู่กับน้าหรือด้วยน้ายาฆ่าเช้ือกับน้าสะอาดแต่ถ้ามือไม่เปื้อน 28
อย่างเห็นได้ชัด สามารถทาความสะอาดมือได้ด้วยการลูบมือด้วยแอลกอฮอล์ ยกเว้นกรณีท่ีมือมีโอกาสสัมผัส กับสปอร์ เช่น เชื้อ C. difficile หรือ Bacillus anthracis ให้ล้างมือด้วยน้ากับสบู่หรือสบู่ยาฆ่าเช้ือ เนื่องจาก แอลกอฮอล์ คลอเฮกซิดีน ไอโอดอฟอร์และน้ายาฆ่าเช้ือชนิดอ่ืนๆ ไม่สามารถทาลายสปอร์ของเช้ือเหล่าน้ีได้ โดยต้องทาความสะอาดมือเม่ือมีกิจกรรมสาคัญ 5 ประการคือ 1) ก่อนสัมผัสผู้ป่วย 2) ก่อนทาหัตถการท่ี สะอาดหรือปราศจากเชื้อ 3) หลังสัมผัสกับสิ่งคัดหล่ังหรือสิ่งสกปรกของผู้ป่วย 4) หลังสัมผัสผู้ป่วย และ 5) หลังสัมผัสสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย นอกจากนี้ควรทาความสะอาดมือก่อนและหลังการถอดเครื่องป้องกัน รา่ งกายทกุ ขนิด 29
บทท่ี 3 กจิ กรรมฝกึ การสอบสวนโรคฝดี าษวานร สถานการณ์การสอบสวนโรค วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 โรงพยาบาล ZZ พบผู้ป่วยสงสัยโรคฝีดาษวานรเป็นกลุ่มก้อนจานวน 3 ราย ทั้งหมดเป็นเพศชาย ชาวองั กฤษ ซึ่งเปน็ พนี่ ้องกนั อายรุ ะหว่าง 20-30 ปี มาด้วยอาการผน่ื กระจายตาม ลาตัว แขนขา และอวัยวะเพศ โดยผู้ป่วยรายแรกมีผื่น ตามรูป e ส่วนอีก 2 ราย มีผ่นื ตามรูป a แต่ไม่พบผ่ืนท่ี อวัยวะเพศ ทง้ั สามรายมปี ระวัติเดินทางจากประเทศอังกฤษ ถึงประเทศไทยเมอื่ วันท่ี 20 พฤษภาคม 2565 1.1 ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ZZ ที่พบผู้ป่วยสงสัยโรคฝีดาษวานร ท่านจะดาเนินการ อย่างไร ตอบ - บนั ทึกข้อมลู ผู้ปว่ ยตามแบบฟอร์ม Monkeypox 1 - แจ้งงานระบาดวิทยา สสจ. เพื่อส่งต่อข้อมูลไปยัง สานักงานป้องกันและควบคุมโรค/สปคม. และ SAT Monkeypox กรมควบคมุ โรคต่อไป 30
1.2 ในฐานะที่ท่านเป็นทีมสอบสวนโรคของจังหวดั จะดาเนนิ การสอบสวนโรคผปู้ ว่ ยรายนหี้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด หากจะดาเนนิ การสอบสวนโรคจะตอ้ งเตรยี มส่ิงใดบ้าง สาหรับ FA : ต้องพยายามนากลุม่ ใหบ้ อกเหตผุ ลท่ีจะออกสอบสวนโรคในครั้งนี้ ตอบ ควรทาการสอบสวนโรค เน่ืองจากผู้ป่วยเดินทางมาจากกลุ่มประเทศเส่ียงที่มีการราะบาดแบบlocal transmission และผปู้ ่วยมอี าการเข้าไดก้ บั ผปู้ ่วยสงสัยโรคฝดี าษวานร (กรณีถ้าตอบว่าไม่ทาอะไร ก็ให้ผ่านไปข้อท่ี 2 ได้เลย แต่ต้องบอกเหตุผลว่าทาไมจึงไม่ดาเนินการ สอบสวน) 2.1 ทมี ตัดสนิ ใจออกสอบสวนโรคในผูป้ ว่ ยรายนี้ งานหลกั ในการสอบสวนครงั้ น้ไี ดแ้ กอ่ ะไรบ้าง ตอบ สัมภาษณ์ เก็บตัวอย่าง (โดยทีก่ ารเก็บตวั อยา่ งอาจเปน็ บทบาทของโรงพยาบาล หรอื ทมี สอบสวนก็ได้ ขนึ้ อยกู่ ับว่าใครชานาญ) และคน้ หาผู้สมั ผัสใกล้ชดิ เพ่มิ เตมิ 2.2 ทมี ของทา่ นควรมกี ารเตรยี มพร้อมก่อนการสอบสวนดา้ นใดบา้ ง อยา่ งไร ตอบ การเตรียมและวิธีการ มีรายละเอียดดงั นี้ การประสานพ้ืนท่ี - การขออนุญาตเข้าพ้นื ท่ี (โรงพยาบาล) ทั้งแบบไม่เปน็ ทางการ เช่น ให้ระดบั ผู้บริหารตดิ ต่อ ประสานกันก่อนทางโทรศัพท์ เพ่ือแจ้งเหตุผลในลงปฏิบัติงานและขอให้อานวยความสะดวกทั้งในเร่ืองของ สถานที่การปฏบิ ัติงานและหาบุคคลท่เี ปน็ Focal point ในระดบั ผู้ปฏบิ ัติงานไว้ใหต้ ดิ ต่อ จากนั้นจะเป็นการขอ อนุญาตเข้าพ้ืนท่ี และแจ้งให้โรงพยาบาลให้ย้ายผู้ป่วยเข้าห้องแยกโรค แบบเป็นทางการผ่านหนังสือราชการ ผา่ น focal point ของโรงพยาบาลถงึ ผ้บู ริหาร เพือ่ สามารถเขา้ พน้ื ทีป่ ฏิบัติงานไดค้ วามสะดวก และรวดเรว็ การเตรียมทมี สอบสวน - ประชมุ ทมี สอบสวนกาหนดวตั ถุประสงคข์ องการสอบสวน เพ่ือจะทาให้เราสามารถเห็น ภาระงานและจะสามารถกาหนดกาลงั คน รวมทัง้ การคดั เลอื ก สมาชิกในทีมได้อยา่ งเหมาะสม - สมาชิกในทีมควรประกอบด้วย แพทยท์ ผี่ ่านการอบรมด้านระบาดวทิ ยา ผู้ทส่ี ามารถเก็บ ตัวอย่างได้ ผทู้ ี่สามารถจดั การนาส่งตัวอย่างได้ ผู้ท่ีมที ักษะในการสัมภาษณ์ทางระบาดวิทยาตามแบบสอบสวน โรค ทง้ั นี้สมาชิกในทีมทุกคนควรทบทวนแนวทางการทางานกอ่ นลงปฏบิ ัติงานและประชมุ ทีมทาความเขา้ ใจให้ เป็นไปในทศิ ทางเดยี วกัน ซกั ซอ้ มข้อคาถามก่อนสัมภาษณ์ หากสงสยั ในข้อคาถาม ให้หาขอ้ ตกลงร่วมกนั กับทีม ว่าจะตอ้ งการคาตอบแบบใด - หากผปู้ ว่ ยใชภ้ าษาที่สมาชิกทมี ไม่ถนัดควรจดั หาลา่ ม หรือใช้ Google translate การเตรียมอปุ กรณแ์ ละแนวทางการทางาน - เตรยี มคู่มือการสอบสวน แบบสอบสวน (Monkeypox 2) ใบยินยอมให้ข้อมูลการสอบสวน โรค (Consent form) รวมถงึ เอกสารการจัดสง่ ตัวอย่าง - อปุ กรณ์เก็บตัวอย่าง ได้แก่ ชดุ เกบ็ ตวั อย่าง สาหรับทา Nasopharyngeal swab/Throat swab/ผ่ืน/เลือด และอุปกรณ์นาส่งตัวอย่าง ได้แก่กระดาษ Label /ถุงซิปล็อค/กล่องใส่ Ice pack เพ่ือขนส่ง ตัวอย่าง ควรมี Check list ของแต่ละโรคเตรียมพรอ้ มไว้ 31
- ชดุ และอปุ กรณป์ อ้ งกนั ตัว ประกอบดว้ ยชุดกาวนก์ นั นา้ แขนยาว/ หมวกคลมุ ผม/ Face shield/ N95/ ถุงมอื ไนไตร์ต และถุงมือยาง - ผู้เก็บตวั อยา่ งควรสวมใส่ PPE ป้องกันท่ีถูกตอ้ ง ครบถ้วน และเหมาะสม ตามลาดับข้นั ตอน และถอดอย่างระมดั ระวัง และต้องมี Buddy ทีค่ อยดแู ลในขณะใสแ่ ละถอดชุด - สารเคมีทีใ่ ช้ฆา่ เชือ้ แอลกอฮอล์ 3. ทมี ไดแ้ บง่ หน้าท่เี ปน็ 2 หนา้ ทห่ี ลกั ไดแ้ ก่ การสัมภาษณ์ และการเก็บตัวอย่าง สาหรับการสมั ภาษณ์ ทา่ นคิดวา่ - กล่มุ เป้าหมายของท่านคอื ใครบ้าง - แต่ละกล่มุ เป้าหมายต้องการข้อมลู ใดบ้าง สาหรับการเก็บตวั อย่าง ท่านคดิ วา่ ควรเกบ็ ตัวอย่างอะไร เกบ็ อยา่ งไร และนาสง่ อย่างไร ตอบ การสมั ภาษณ์ กลมุ่ เปา้ หมาย ขอ้ มลู ทต่ี ้องการ ผู้ป่วย(ในกรณีท่ีอาการ ประวัติเสี่ยงของผู้ป่วย อาการ ต้ังแต่เรม่ิ ป่วยวันแรกว่ามีอาการอะไร รุนแรง ไม่สามารถโต้ตอบ ประวัติการรกั ษา ออกมาเป็น Time line ในบางครัง้ ผูป้ ่วยอาจจะลืม ไ ด้ ใ ห้ ถ า ม จ า ก ญ า ติ หรือไม่สามารถให้ข้อมูลได้ อาจจะมีการสอบถามจากญาติหรือ ผตู้ ดิ ตาม หรือผูใ้ ห้การดูแล ผู้ติดตาม ทั้งนี้ควรถามจากญาติและผู้ติดตามทุกคนเน่ืองจากอาจจะ รกั ษา) ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน เราจะต้องรวบรวมข้อมูลและพิจารณาความ สมเหตสุ มผลของขอ้ มูล ญาตแิ ละผ้ตู ิดตาม - ขอ้ มูลของผู้ป่วย อาการของผู้ป่วย รวมถงึ อาการ ของญาติและผู้ติดตามด้วย และสอบถามถึงลักษณะการสัมผัสของ คนกลุ่มน้ีกับผู้ป่วยเพ่ือให้ได้ข้อมูลนาไปประเมินความเส่ียงและเฝ้า ระวงั ต่อไป - ผสู้ ัมผสั ตง้ั แตผ่ ู้ป่วยเร่ิมมีอาการจนถงึ ปจั จบุ นั แพทยแ์ ละเจ้าหนา้ ท่ี -อาการ อาการแสดง ประวตั ิการรักษาของผปู้ ่วย ทใ่ี หก้ ารดูแลผูป้ ่วย -รายชื่อเจ้าหน้าที่ที่สัมผัสกับผู้ป่วย และการป้องกันตนเองขณะ สัมผัส ** นอกจากนี้ ควรหาหลักฐาน เพื่อประกอบการค้นหาผู้สัมผัส เช่น passport, รายละเอียด การเดินทาง, boarding pass ท่ีระบุหมายเลขที่นั่ง, ใบเสร็จจากแท็กซ่ี, ใบจองท่ีพักของโรงแรม 32
หรือเอกสารการเข้าพักของโรงแรม เป็นต้น และถ่ายรูปผื่น/ตุ่ม เพื่อดูลักษณะผ่ืนและการกระจาย ของผื่น ได้แก่ รูปเตม็ ตวั (ดา้ นหนา้ -ดา้ นหลงั -ดา้ นซ้าย-ดา้ นขวา) และรูปผืน่ /ตมุ่ เฉพาะจุด การเก็บตัวอย่าง ให้แจง้ กรมควบคมุ โรคกอ่ นเก็บตวั อย่าง เพ่ือประสานเร่อื งอุปกรณแ์ ละเทคนิคการเก็บตัวอย่างจาก สว่ นกลาง โดยใหเ้ กบ็ ตวั อยา่ งจานวน 2 ชุด เพ่อื ส่งตรวจยนื ยนั ณ ห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง การบรรจตุ วั อยา่ งเพอ่ื การขนสง่ เนื่องจากโรคฝีดาษวานรจัดเป็นสารชีวภาพกลุ่มท่ี 3 (Risk Group 3) การขนส่งตัวอย่างจึงควร ดาเนินการบรรจุด้วยเทคนิค Triple Packaging System ในกล่องโฟมที่มี ice pack เพียงพอในการรักษา อณุ หภมู ใิ ห้ไดท้ ่ี 4 – 8 องศาเซลเซียส ตลอดการขนสง่ โดยก่อนทาการส่งตัวอย่างเพ่ือตรวจทางห้องปฏิบัติการทุกคร้ัง ให้ทีมปฏิบัติการฯ ขอเลขท่ีหนังสือนาส่งตัวอย่างจากทีม Operation Monkeypox กรมควบคมุ โรค ทหี่ มายเลขโทรศัพท์ 09 2516 7939 หรือ Line ID : JIT Manager กรณีทีมปฏิบัติการฯ ท่ีไม่ใช่ทีมของส่วนกลาง กรมควบคุมโรค ให้แจ้งต่อ สานักงานป้องกันและ ควบคมุ โรค/สปคม. เพ่ือขอเลขท่หี นงั สือนาส่งต่อไป ทง้ั นใ้ี ห้ส่งเอกสารท่ีเกี่ยวข้องมายังกรมควบคมุ โรค ทอ่ี ีเมล [email protected] และ [email protected] โดยมเี อกสารดงั ต่อไปนี้ 1) สาเนาแบบสอบสวนโรคฝดี าษวานร (Monkeypox 2) และ 2) สาเนาหนงั สอื นาสง่ ตัวอยา่ ง ท่อี อกโดยกองระบาดวิทยา และ 3) สาเนาทะเบยี นนาสง่ ตัวอยา่ ง สาหรับตัวอย่างที่ไม่ผ่านการพิจารณาจาก SAT Monkeypox กรมควบคุมโรค หรือสถาบนั ป้องกัน ควบคุมโรคเขตเมือง/สานักงานป้องกันควบคุมโรคท่ีรับผิดชอบพ้ืนที่นั้น ๆ ก่อนส่ง ห้องปฏิบัติการจะเรียกเก็บ ค่าใชจ้ ่ายจากหนว่ ยงานผู้สง่ โดยตรง ข้อมลู จากการสัมภาษณ์ผปู้ ่วยเบอ้ื งต้น Mr.A อายุ 30 ปี สัญชาติอังกฤษ 8 พค. 65 เท่ยี ว pride month ทีอ่ ังกฤษ ตอนกลางคืนไปมเี พศสมั พันธ์กับผมู้ าร่วมงาน 1 คน 15 พค. 65 เร่ิมมไี ข้ ซ้อื ยาลดไข้กินเอง ไมไ่ ด้ไปรบั การรักษาท่ีไหน 17 พค. 65 เรมิ่ มีผ่ืนขนึ้ ท่อี วยั วะเพศ ซื้อยาทาเอง ไม่ได้ไปรับการรักษาที่ไหน 8-19 พค. 65 ใชช้ วี ิตทีอ่ ังกฤษร่วมบา้ นกับนอ้ งชายอีก 2 คน ชอ่ื Mr.B และ Mr.C 20 พค. 65 ข้ึนเคร่อื งบนิ โดยสายการบนิ โลดแลน่ แอรไ์ ลน์ โดย Mr.A, MrB และ Mr.C น่ังเคร่อื งบินที่ น่งั 32D 32E และ32F ตามลาดบั บนเคร่ืองบินมีผโู้ ดยสารเต็มทุกท่ีน่ัง กิจกรรมบนเคร่ืองบินประกอบด้วยการ รบั ประทานอาหารและเข้าหอ้ งน้าโซนหลัง 33
21 พค. 65 ถึงสนามบินนานาชาติ XXX เวลา 16.00น. หลังจากนั้นนั่ง Taxi โดยไม่สวมหน้ากาก อนามัยเพ่ือไปชมพระอาทิตย์ตกที่ชายหาด จากนั้น 20.00 น. เดินทางโดย Taxi ไปรับประทานอาหาร ด่ืม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกันกับเพ่ือนชาวต่างชาติอีก 4 คน จากน้ัน Mr.A, Mr.B และ Mr.C ไปซื้อบริการ ผ้หู ญงิ 3 ราย 22 พค. 65 เวลา 8.00-10.00น. ไปเรียนคอร์สมวยไทย กิจกรรมประกอบด้วย ซ้อมมวยไทยกับ เพือ่ นร่วมชน้ั เรียนชาวต่างชาตอิ กี 10 คน ครฝู กึ 3 คน อาหารเท่ียง หารบั ประทานทีร่ า้ นอาหารขา้ งคา่ ยมวยและนอนพักทโ่ี ฮสเทล X 16.00-18.00น. กลับไปเรยี นมวยไทยตอ่ 18.00-20.00 น. ไปถนนคนเดนิ 22-31 พค. 65 อยู่ hostel X มีแม่บ้าน 1 คน ทาความสะอาดทุก 3 วัน โดยไม่ใส่ชุดป้องกัน ทา หนา้ ที่เปลีย่ นผ้าปูทน่ี อน ล้างห้องน้า 25 พค. 65 Mr.B เริ่มมไี ข้ 27 พค. 65 Mr.B เรมิ่ มีผนื่ ท่ัวลาตัวและแขนขา โดยไม่พบผื่นทอ่ี วยั วะเพศ 29 พค. 65 Mr.C เริม่ มีผืน่ ท่ัวลาตัวและแขนขา โดยไมพ่ บผนื่ ทอี่ วัยวะเพศ 29 พค. 65 Mr.A, Mr.B และ Mr.C ไปตรวจท่ีคลินิก ได้รับการวินิจฉัย impetigo ได้ยาฆ่าเชื้อและ ยาทา 31 พค. 65 อาการไม่ดขี ้นึ จึงเดินทางโดยสายการบนิ ล้ัลลา Mr.A, Mr.B และ Mr.C นง่ั ทีน่ ง่ั 5C 15H 15K ตามลาดับ บนเคร่ืองบินมีผู้โดยสารดังภาพ ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่ได้เข้าห้องน้า มาถึงสนามบนิ ดอนเมอื งเวลา 10.00 น. แล้วไปรพ. ZZ 34
4. จงบันทกึ ข้อมูลผู้ป่วยตามแบบฟอร์มสอบสวนโรคฝีดาษวานร หนังสอื นาส่งตัวอยา่ ง และทะเบียนตัวอยา่ ง วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ผลการตรวจด้วยวิธี RT-PCR จากทั้งสองห้องปฏิบัติการ (สถาบันวิจัย วิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์) พบเช้ือ Monkeypox virus ในตัวอย่างตุ่ม/ผื่น และเลือดของผู้ป่วยท้ัง 3 ราย โรงพยาบาลรับผู้ป่วยเข้ารักษา แบบผู้ปว่ ยใน ในหอ้ งแยกโรคต่อไป 5. ท่านจะสรุปผลจากเหตกุ ารณน์ ีอ้ ยา่ งไร (ผ้ปู ว่ ยเปน็ Suspected Probable หรอื Confirmed วันทเ่ี ท่าไหร่บ้าง) ตอบ เป็น Suspected วนั ที่ 31 พฤษภาคม 2565 ตง้ั แต่พบผปู้ ว่ ยท่ีโรงพยาบาล เป็น Confirmed วนั ท่ี 1 มิถุนายน 2565(หลงั จากท่ีผล detectable ทงั้ สองยนี จากทัง้ สอง หอ้ งปฏบิ ัติการ 6. ท่านจะดาเนินการสอบสวนและควบคุมโรคอยา่ งไรตอ่ ไป ตอบ 1. ไลเ่ รียงสถานท่ี และบคุ คลท่เี ก่ยี วข้อง ตง้ั แตผ่ ูป้ ่วยเดินทางเข้ามาในประเทศจนถึงเข้ารบั การ รักษาท่ีโรงพยาบาลว่ามีใครเก่ียวข้องบ้าง อย่างไร โดยดูนิยามผู้สัมผัสเส่ียงสูง เส่ียงต่า ตามแนวทางการ สอบสวนโรคฝดี าษวานรของกรมควบคมุ โรค จากน้ันกาหนดทีมและกิจกรรมการสอบสวน เพ่อื ติดตามผ้สู มั ผสั 2. เจ้าหน้าที่ระบาดแจ้งต่อผู้บริหาร และเสนอเปิด EOC เพ่ือระดมทรัพยากรและบุคลากร มาร่วมกันปฏิบัติหน้าท่ีต่างๆ ในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โดยเฉพาะทีมสอบสวนโรค ทีมข้อมูล (หรือที่เรียกใน 35
ปัจจุบันว่าทมี ตระหนักรสู้ ถานการณ/์ situation awareness team: SAT) ทีมรกั ษาพยาบาล ทมี ประสานงาน และทมี ส่ือสารความเสีย่ ง 3. แจ้งผบู้ ริหารของโรงพยาบาลใหท้ ราบว่าจะมีทีมเขา้ ไปดาเนนิ การสอบสวน ปอ้ งกันและ ควบคุมโรคในโรงพยาบาล เพ่ือให้ได้รับความร่วมมือในการดาเนินมาตรการต่างๆ ทีมสอบสวนโรคต้องเข้าพบผู้บริหารของ โรงพยาบาลเพื่อช้ีแจงวัตถุประสงค์ รวมทั้งปรึกษาหารือทางเลือกในการจัดการผู้สัมผัสใกล้ชิดของบุคลากร โรงพยาบาลและผสู้ มั ผัสอืน่ ดงั นี้ ประเภทความ แนวทางการจดั การผสู้ มั ผสั เสย่ี ง เสยี่ งสงู - สังเกตอาการตนเอง (Self-monitoring) หากเรมิ่ มอี าการให้แจ้งเจา้ หน้าที่ และเข้า รบั การตรวจท่สี ถานพยาบาล (ดาเนินการเก็บตัวอยา่ งตามแนวทางกรณผี ูป้ ว่ ยสงสัย) เสยี่ งตา่ - ติดตามอาการ โดยเจ้าหนา้ ท่ี (Active-monitoring) ทุก 7 วัน จนครบ 21 วนั (วนั แรกท่ีพบผสู้ ัมผสั , Day 7, 14 และ 21 นบั จากวันสมั ผสั ผู้ป่วยวนั สุดทา้ ย) - หลกี เล่ียงการสัมผัสกบั หญิงต้ังครรภ์ เดก็ ที่อายตุ า่ กว่า 12 ปี ผู้มภี าวะภูมคิ ุ้มกัน บกพร่อง - หลกี เล่ียงการเดนิ ทางไปในพ้ืนทแ่ี ออดั - สังเกตอาการตนเอง เป็นเวลา 21 วนั (Passive monitoring) หากเริ่มมอี าการให้ แจง้ เจา้ หน้าท่ี และเข้ารับการตรวจ (ดาเนนิ การเก็บตัวอย่างตามแนวทางกรณผี ้ปู ่วย สงสัย) 7. จากข้อมูลการสอบสวนโรค จงระบุผู้สัมผสั ของผู้ปว่ ยรายนี้ และจาแนกวา่ เป็นกลมุ่ ใดบา้ ง ตอบ สถานที่ กลมุ่ ผสู้ มั ผสั กิจกรรมทส่ี ัมผสั หลกั ฐาน/การดาเนนิ การ ประเทศ องั กฤษ และประเทศไทย นอ้ งชาย 2 คนที่เดนิ ทาง อย่อู าศัยและซอ้ มมวยร่วมกัน -การสมั ภาษณ์ ประเทศ องั กฤษ ม า พ ร้ อ ม กั บ ผู้ ป่ ว ย (HRC) ผสู้ ัมผสั ใกลช้ ดิ ที่ร่วมงาน - สัมผัสผู้ป่วยในระยะไม่เกิน -การสมั ภาษณ์ Pride month ประเทศ รศั มี 1 เมตร โดยสวมใส่ PPE และสง่ ข้อมูลใหป้ ระเทศ องั กฤษ ท่ไี มเ่ หมาะสม อังกฤษดาเนนิ การสอบสวน โรคตอ่ ไป 36
สถานท่ี กลมุ่ ผสู้ มั ผสั กิจกรรมทส่ี ัมผสั หลกั ฐาน/การดาเนนิ การ - ผู้ มี เ พ ศ สั ม พั น ธ์ ร่ ว ม กั น 1 คน เคร่ืองบิน - ผู้โดยสารบนเท่ียวบิน -น่ังในแถวเดียวกันกับผู้ป่วย -การสัมภาษณญ์ าติและ เท่ียวบนิ ลอนดอน เดยี วกนั 13 คน (HRC) และ 2 แถวหน้า-หลัง ใน ลกู เรือ (ถา้ ยังอยใู่ นประเทศ มาจังหวดั XXX ระยะ1เมตร (มีการย้ายท่ีน่ัง ไทย) หรือไม)่ -Boarding Pass -ลกู เรือท่ีมาดแู ลผู้ป่วย - กิ จ ก ร ร ม ข อ ง ผู้ ป่ ว ย บ น -ทะเบียนผโู้ ดยสาร ขณะอยบู่ นเคร่ือง เครื่องบิน เช่น เข้าห้องน้า (Manifestation) 3 คน (LRC) การพูดคยุ กับผู้อ่นื และ seat plan, รายชือ่ -ลูกเรือที่ช่วยดูแลผู้ป่วยขณะ ลกู เรอื (General อยูบ่ นเครือ่ ง declaration) ขอจากสาย การบนิ - แบบ ตม. 6 เฉพาะผสู้ ัมผัส 2 แถวหนา้ -หลงั และลกู เรือ ทม่ี าสมั ผัสผปู้ ว่ ย สนามบิน จังหวัด - ตารวจตรวจคนเข้า -ให้บริการประทับลงตราบน การสมั ภาษณญ์ าติ XXX เมือง 1 คน(LRC) Passport ใส่ PPE และดูจากกลอ้ งวงจรปดิ - คนขับรถแท็กซี่ 2 เที่ยว -ขับรถแท็กซี่ รับเงิน ช่วยยก 2 คน (HRC) กระเป๋า - ใสแ่ มส ใสแ่ วน่ ตา โรงแรม A - พนกั งานต้อนรบั ของ -สัมผัสผู้ป่วยในระยะไม่เกิน การสัมภาษณ์และดจู ากกล้อง โรงแรม 1 คน (LRC) รัศมี 1 เมตร วงจรปดิ ทัง้ ท่ีโรงแรม -ช่วยยกกระเป๋า -แม่บ้าน 1 คน (HRC) -ทาความสะอาดผ้าปูที่นอน โดยไมใ่ ส่ N95 และGoggle ป่าตอง เพ่อื น 3 คน (HRC) -กนิ เหล้า สูบบาระกรุ ่วมกัน การสัมภาษณ์ Old town หญิงขายบริการ 3 คน -มเี พศสมั พันธร์ ่วมกนั การสัมภาษณ์และดูจากกล้อง (HRC) วงจรปิด ค่ า ย ม ว ย ที่ - ครูมวยชาวไทย 3 คน - ฝึกซ้อมมวยร่วมกันโดย การสมั ภาษณ์และสังเกตการ จ.XXX (HRC) ไม่ได้ใส่แมส มีการสัมผัสกอด ฝึกซ้อม รัด ใช้อปุ กรณฝ์ กึ ร่วมกัน 37
สถานที่ กลมุ่ ผสู้ มั ผสั กจิ กรรมทสี่ มั ผสั หลักฐาน/การดาเนนิ การ - เพ่อื นฝกึ มวย ชาวตา่ งชาติ 10 คน (HRC) คลินิกเอกชนที่ จ. -บุคลากรทางการแพทย์ -สัมผัสผู้ป่วยในระยะไม่เกิน การสมั ภาษณเ์ จา้ หน้าท่แี ละ XXX ท่ีให้การ รักษา 2 ค น รศั มี 1 เมตร โดยสวมใส่ PPE บคุ ลากรทางการแพทย์ (LRC) ไมเ่ หมาะสม และดูจากกลอ้ งวงจรปดิ -ผู้ป่วยคนอื่นๆ ท่ีอยู่ใน รศั มี 1 เมตร (No risk) สนามบินสุวรรณ - ตารวจตรวจคนเข้า -ให้บริการประทับลงตราบน การสมั ภาษณญ์ าติ ภูมิ เมอื ง1 คน (LRC) Passport เพอ่ื ผา่ นเข้าเมอื ง และดูจากกลอ้ งวงจรปิด - คนขับรถแท็กซ่ีจาก -ขบั รถแทก็ ซ่ี สนามบนิ มาโรงแรม -รับเงิน 1 คน (HRC) -ชว่ ยยกกระเป๋า เครอื่ งบิน - ผู้โดยสารบนเที่ยวบิน -นั่งในแถวเดียวกันกับผู้ป่วย -การสมั ภาษณ์ญาตแิ ละ เทีย่ วบิน XXX เดียวกัน 26 คน (HRC) และ 2 แถวหน้า-หลัง ใน ลูกเรือ (ถ้ายงั อยใู่ นประเทศ ไปกรุงเทพ ระยะ1เมตร (มีการย้ายท่ีน่ัง ไทย) -ลกู เรอื ทม่ี าดูแลผปู้ ่วย หรือไม)่ -Boarding Pass ขณะอยู่บนเคร่ือง 2 - กิ จ ก ร ร ม ข อ ง ผู้ ป่ ว ย บ น -ทะเบยี นผโู้ ดยสาร คน (LRC) เคร่ืองบิน เช่น เข้าห้องน้า (Manifestation) การพดู คยุ กับผูอ้ น่ื และ seat plan, รายช่อื -ลูกเรือท่ีช่วยดูแลผู้ป่วยขณะ ลกู เรอื (General อยูบ่ นเครื่อง declaration) ขอจากสาย การบิน - แบบ ตม. 6 เฉพาะผู้สัมผัส 2 แถวหน้า-หลัง และลูกเรือ ทม่ี าสมั ผัสผ้ปู ่วย โรงพยาบาล ZZ -บุคลากรทางการแพทย์ -สัมผัสผู้ป่วยในระยะไม่เกิน การสัมภาษณเ์ จ้าหน้าท่แี ละ ท่ีให้การ รักษา 2 ค น รศั มี 1 เมตร โดยสวมใส่ PPE บุคลากรทางการแพทย์ (LRC) ไม่เหมาะสม และดจู ากกล้องวงจรปดิ -ผู้ป่วยคนอื่นๆ ท่ีอยู่ใน รัศมี 1 เมตร (No risk) 38
มจี านวนผสู้ มั ผัสทั้งหมดในประเทศไทย 76 คน แบ่งเปน็ ผ้สู ัมผัสเส่ยี งสูง 64 คน และผูส้ ัมผัสเสย่ี งต่า 12 คน 8. ท่านจะมีเทคนิคอย่างไรเพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีใกล้เคียงความจริง ในการจาแนกระดับความเส่ียงของผู้สัมผัส แต่ละราย ตอบ การสมั ภาษณ์ ต้องสัมภาษณ์รายบุคคล ไม่สัมภาษณ์เป็นกลุ่ม ให้แต่ละคนเล่าเหตุการณ์ทม่ี ีส่วนเกี่ยวข้อง และบคุ คล อื่นที่ร่วมในเหตุการณ์น้ัน (ลักษณะของกิจกรรมที่ทา ระยะเวลาที่ทากิจกรรมนั้นๆ การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ส่วนบุคคล) จากนั้นนาข้อมูลมาประมวลผลหาจุดเช่ือมของแต่ละบุคคลว่ามีใครเก่ียวข้องบ้าง และถามถึงการ เจ็บป่วยหลงั จากมกี ารสัมผัสผปู้ ่วย ทงั้ นีเ้ หตกุ ารณจ์ ากการสมั ภาษณ์ควรมคี วามเช่ือมต่อและมคี วามเป็นไปได้ การสังเกต สังเกตการทางานของเจ้าหน้าที่โดยรอบ (โดยที่ไม่ให้รู้ตัว) เพ่ือเปรียบเทียบกับคาตอบจากการ สมั ภาษณ์ดูความเช่ือมโยงและความเปน็ ไปได้ การขอดกู ล้องวงจรปิด ประสานกับเจ้าหน้าท่ีท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด โดยดูต้ังแต่หมายเลขทะเบียนรถ แท็กซ่ีท่ีเข้ามาส่งผู้ป่วย จานวนผู้ที่เกี่ยวข้อง ลักษณะการสัมผัส การแต่งตัว (PPE) ในทุกจุดที่ผู้ป่วยเข้าไป เกย่ี วข้อง 9. ในฐานะท่ีท่านเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนโรค ท่านจะรายงานขอ้ มูลไปยังองค์การอนามัยโลกอย่างไร และจะ รายงานข้อมลู ใดบ้าง ตอบ ให้รายงานต้ังแต่ผู้ป่วยเข้าข่ายและยืนยันตามนิยามผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรขององค์การอนามัยโลก ผา่ น IHR national focal points (NFPs) 39
บทที่ 4 การนาไปประยกุ ต์ใชง้ านกกั กนั โรค การเขา้ ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพเจ้าท่ีด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและ ทมี ปฏิบัติการสอบสวนควบคมุ โรคติดต่ออันตรายในการตอบโต้โรคติดตอ่ อนั ตรายและโรคอบุ ัติใหม่ สามารถนา ความรมู้ าประยกุ ตใ์ ช้ในงานกกั กนั โรคได้ ดงั นี้ 1. การเฝา้ ระวงั กลมุ่ ผู้ป่วยหรือมอี าการเขา้ ได้กบั นิยามผูส้ งสยั ติดเชื้อฝดี าษวานรท่ีเข้าเกณฑ์ สอบสวนโรค เพ่ือให้สามารถตรวจจับการระบาดในประชากรแล้วนาเข้าระบบกักกันโรค เพื่อเฝ้าระวังและลด การแพรก่ ระจายเชอื้ ตอ่ ชมุ ชน องคค์ วามรู้ กจิ กรรม ผลลัพธ์ - ชอ่ งทางการติดต่อ - การเฝา้ ระวังอาการและ ผกู้ กั กันไมม่ ีการ และการแพรก่ ระจายเช้อื อาการของโรค แพรก่ ระจายของ - ระยะฟกั ตวั - การกาหนดระยะเวลากักกนั โรคต่อชุมชน ตามระยะฟักตัวของโรค เพื่อ ปอ้ งกันการแพร่กระจายเช้อื 2. การวางแผนควบคุมดูแลความปลอดภัยใหแ้ กเ่ จ้าหน้าทปี่ ฏิบัตงิ าน โดยการนาความรแู้ ละเทคนิค ต่าง ๆ ในเร่ืองการสวมใสอ่ ุปกรณ์ป้องกนั ร่างกายมาอบรมและฝึกปฏิบัติให้แก่เจ้าหน้าที่ เช่น พนักงานแม่บ้าน พนกั งานรักษาความปลอดภยั พนกั งานขบั รถ ฯลฯ องคค์ วามรู้ กิจกรรม ผลลัพธ์ - ข้ันตอนการใส่ถอด - สามารถเลือกประเภทและ เจ้าหน้าท่ีทท่ี างานใน ชุดอุปกรณ์ป้องกนั ใส่/ถอดชดุ PPE ได้อย่างถูกต้อง สถานท่ีกักกนั ไม่พบ ร่างกายแตล่ ะชนิด - เปน็ safety officer และสอน การติดเชอื้ จากการ - การทาความสะอาดมือ การสวมใส่-ถอดอุปกรณ์ ทางาน ป้องกนั ร่างกายให้แกบ่ ุคลากร 3. การพัฒนาการเก็บและสง่ ส่ิงทตีท่ ราวงจาไนปใหน้อสงถปาฏนบิ ทัต่ีกกิ ักากรันโดยการนาความรู้ท่ีได้มาพฒั นาในการเตรียม 40
อุปกรณ์และจัดทาแนวทางการเก็บตัวอย่าง รวมถึงวางระบบขั้นตอนการนาส่งส่ิงส่งตรวจให้ถูกต้อง ซ่ึงต้องมี การประสานไปยงั หอ้ งปฏิบัติการกอ่ นการเกบ็ สง่ิ ส่งตรวจทุกคร้ัง องคค์ วามรู้ กจิ กรรม ผลลพั ธ์ -วธิ กี ารเก็บตวั อย่างและ -การจัดเตรยี มอุปกรณ์ในการ การเก็บตวั อยา่ งและ การสง่ สง่ิ สง่ ตรวจไปยัง swab , ชดุ PPE ท่ใี ชใ้ นการ การส่งส่งิ ตรวจถกู ต้อง ห้องปฏิบัตกิ าร เก็บตัวอยา่ ง ตามมาตรฐาน -การทาOropharyngeal -ขั้นตอนการประสานและการ swab และการเก็บ ส่งตัวอยา่ งไปห้องปฏิบัติการ Swab จากต่มุ แผล/ สะเก็ดแผล 41
ภาคผนวก ตารางแสดงความเสี่ยง พจิ ารณาจากจดุ ทสี่ มั ผสั โดยตรงระหวา่ งผสู้ มั ผสั ใกลช้ ดิ และผปู้ ว่ ย แผนผงั การรายงานผปู้ ว่ ยโรคฝดี าษวานร 42
43
44
46
47
48
49
50
51
ทะเบยี นนาสง่ ตวั อยา่ งโรคฝดี าษวานร ลาดับท่ี ชนดิ ตวั อยา่ ง รายการ วนั ทเี่ กบ็ วนั ทสี่ ง่ รายการตรวจ (ช่อื -นามสกลุ ) (ระบวุ ธิ กี ารตรวจ) โรงพยาบาล......................................จังหวดั .................................... ผูน้ าสง่ ........................................ โทร............................................... 52
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 644
Pages: