คณุ ธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณ และจติ วิญญาณความเป็นครูมหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง จรนิ ทร์ งามแมน้ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บา้ นจอมบึง 2564
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงคณุ ธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณ และจติ วิญญาณความเป็นครู จรนิ ทร์ งามแมน้ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บา้ นจอมบึง 2564
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงคณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ และจิตวิญญาณความเปน็ ครู จรนิ ทร์ งามแมน้ ศษ.บ. (หลกั สตู รและการนิเทศ) ปร.ด. (การบริหารการศกึ ษา) คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั หมบู่ ้านจอมบึง 2564
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงคำนำ ตำราเล่มน้ี จดั ทำขึ้นเพ่ือใช้เป็นตำราประกอบการเรียนรายวชิ า PC 62501 คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณและจิตวิญญาณความเป็นครู ผู้เขียนได้เรียบเรียงจาก ตำรา บทความ เอกสารและ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถประพฤติและปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิญญาณ ความเป็นครู เป็นแบบอย่างที่ดีและเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง ดำรงตนให้เป็นที่เคารพศรัทธาของผู้เรียน และสมาชิกในชุมชนรอบรู้บริบทการเปลี่ยนแปลงของสังคม ทั้งภายใน และภายนอกประเทศที่ส่งผล กระทบต่อการศึกษา ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการจัดการ เรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้ โดยการวิเคราะห์ สังเคราะห์บูรณาการองค์ความรู้เกี่ยวกับค่านิยมของครู จรรยาบรรณวิชาชีพครู คุณธรรม จริยธรรมสำหรับครู จิตวิญญาณความเป็นครู กฎหมายสำหรับครู สภาพการณ์การพฒั นาวชิ าชีพครู โดยการจดั การเรียนรู้ทีเ่ น้นประสบการณ์ กรณศี กึ ษา การฝึกปฏิบัติ ใช้การสะท้อนคิดเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเองในการเป็นครูที่ดี ผู้เขียน นำเสนอสาระ ในตำราเล่มนี้ แบ่งออกเป็น 10 บท ประกอบด้วย บทท่ี 1 การประพฤติและปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณ วิชาชีพ บทท่ี 2 คุณธรรม จริยธรรม และจิตวิญญาณความเปน็ ครู บทที่ 3 การเป็นแบบอย่างที่ดีและ เป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง บทที่ 4 การดำรงตนให้เป็นที่เคารพศรัทธาของผู้เรียนและสมาชิกในชุมชน บทที่ 5 การรอบรู้บริบทการเปลี่ยนแปลงของสังคม ทั้งภายใน และภายนอกประเทศ ที่ส่งผลกระทบ ต่อการศึกษา บทท่ี 6 การประยุกต์ใช้แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการจัดการเรียนรู้ บทที่ 7 การวิเคราะห์ สังเคราะหบ์ ูรณาการองค์ความรูเ้ ก่ียวกับคา่ นิยมของครู บทท่ี 8 จรรยาบรรณวิชาชีพครู คุณธรรม จริยธรรมสำหรับครู จิตวิญญาณความเป็นครู บทท่ี 9 กฎหมายสำหรับครู และบทท่ี 10 สภาพการณ์การพฒั นาวิชาชีพครู ผู้เขียน ขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์จีรารัตน์ ชิรเวทย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์เจษฎา บุญมาโฮม อาจารย์ ดร.จริยะ วิโรจน์ และนางสาวทัศนีย์ จันทร นางสาวบุญอินทร์ วิลัยเกษม ที่กรุณา ให้ความอนุเคราะห์อย่างดียิ่งในทุกขั้นตอน จนทำให้การจัดทำตำราเล่มนี้สำเร็จลงได้ด้วยดี และ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าตำราเล่มนี้จะมีส่วนอย่างสำคัญต่อความสำเร็จในการศึกษาและการประกอบ วชิ าชพี ของผูเ้ รยี น ตอ่ ไป จรินทร์ งามแมน้ วนั ท่ี 24 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564
ข มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง สารบัญ หนา้ ก คำนำ ข สารบัญ ฌ สารบัญภาพ ญ สารบญั ตาราง 1 บทท่ี 1 การประพฤติและปฏิบัตติ นตามจรรยาบรรณวิชาชีพ 1 ความหมายของจรรยาบรรณ 4 หลักการสำคญั ของจรรยาบรรณวชิ าชพี 5 การปฏิบัตติ นใหอ้ ยู่ในจรรยาบรรณวิชาชพี การปฏบิ ัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชพี โดยไม่บกพร่องหรือตำ่ กวา่ มาตรฐาน 7 วิชาชพี 7 มาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชพี 8 จรรยาบรรณในวิชาชีพดา้ นตา่ ง ๆ 14 มาตรฐานวิชาชีพครู 16 จรรยาบรรณทางการแพทย์ 16 จรรยาบรรณวศิ วกร 17 จรรยาบรรณทหาร 18 จรรยาบรรณของข้าราชการพลเรอื น 19 จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง 19 จรรยาบรรณตอ่ หน่วยงาน 19 จรรยาบรรณต่อผบู้ งั คับบญั ชา ผู้อยู่ใดบงั คบั บัญชาและผรู้ ว่ มงาน 20 จรรยาบรรณตอ่ ประชาชนและสังคม 20 จรรยาบรรณสถาปนิก 21 จรรยาบรรณวิชาชพี บัญชี 21 จรรยาบรรณวชิ าชพี เวชระเบียน 22 ประโยชน์ของจรรยาบรรณ 23 บทสรปุ 23 คำถามทบทวน 24 เอกสารอา้ งองิ 25 บทที่ 2 คุณธรรม จรยิ ธรรม และจติ วิญญาณความเปน็ ครู 25 ความหมายของคุณธรรม 27 ประเภทของคุณธรรม 42 คุณธรรมตามแนวพระราชดำรสั
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ค หนา้ 44 สารบัญ (ตอ่ ) 45 46 หลกั คณุ ธรรมความเปน็ ครู 47 ความสำคัญของคณุ ธรรม 47 บทสรปุ 48 คำถามทบทวน 48 เอกสารอ้างอิง 49 จรยิ ธรรม 50 ความหมายของจรยิ ธรรม 51 ความสำคัญของจรยิ ธรรม 51 แหลง่ ที่มาของจรยิ ธรรม 54 จริยธรรมในการทำงาน 60 แนวทางการพัฒนาจรยิ ธรรม 68 ทฤษฎีจรยิ ธรรม 73 ทฤษฎจี ริยธรรมของโคลเบิรก์ 73 จริยธรรมท่ีควรมี 74 จริยธรรมของความเป็นครู 74 ความสำคัญของจรยิ ธรรมความเป็นครู 74 บทสรุป 75 คำถามทบทวน 76 เอกสารอ้างอิง 78 จิตวิญญาณของความเปน็ ครู 83 ความหมายของจติ วิญญาณของความเปน็ ครู 88 องค์ประกอบของจติ วญิ ญาณของความเปน็ ครู 91 คณุ สมบัตขิ องครตู ามแนวคดิ จิตวญิ ญาณความเปน็ ครู 95 แนวทางการพฒั นาจิตวญิ ญาณความเป็นครู 96 บคุ คลที่เปน็ แบบอย่างของการมีจิตวญิ ญาณความเปน็ ครู 96 ผลสมั ฤทธ์ิของจติ วิญญาณความเปน็ ครมู ืออาชีพ 97 บทสรุป คำถามทบทวน 98 เอกสารอา้ งอิง 98 98 บทที่ 3 การเปน็ แบบอยา่ งท่ีดใี นฐานะผปู้ ระกอบวิชาชพี ครู 108 ความหมายของการเป็นแบบอย่างที่ดี ความหมายและลกั ษณะของครูท่ดี ี ลกั ษณะครทู ่ดี จี ากผลการวิจัย
ง มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ 110 คณุ สมบตั ิของแบบอย่างทีด่ ี 111 ความหมายและความสำคัญของวิชาชีพครู 116 เกณฑ์มาตรฐานวชิ าชพี ครูของครุ ุสภา พ.ศ. 2537 117 การเปน็ แบบอยา่ งท่ีดีของผปู้ ระกอบวชิ าชพี ครู 118 บทสรุป 118 คำถามทบทวน 119 เอกสารอ้างองิ 120 บทท่ี 4 การดำรงตนให้เปน็ ที่เคารพศรัทธาของผู้เรียนและสมาชิกในชุมชน 122 ความหมายของการครองตน 123 เทคนคิ ทีใ่ ชใ้ นการฝึกวนิ ัยใหต้ นเองมี 127 การพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 127 แนวทางและวธิ กี ารพฒั นาครู 129 การพัฒนาตนเอง 131 การพฒั นาบุคลกิ ภาพ 137 การครองคน 138 การครองงาน 139 การสร้างความศรัทธาและเจตคตทิ ี่ดีต่อวิชาชพี ครู 141 มาตรฐานวิชาชพี ครู 143 จรรยาบรรณของวิชาชีพ 144 ลกั ษณะของครทู ด่ี เี ป็นทร่ี กั ของนักเรียน 145 บทสรปุ 145 คำถามทบทวน 146 เอกสารอา้ งองิ 147 บทท่ี 5 การรอบรู้บริบทการเปลยี่ นแปลงของสังคมภายในประเทศที่สง่ ผลกระทบต่อ 147 การศกึ ษา 152 บริบท 168 การเปล่ยี นแปลงทางสังคม 172 การเปล่ียนแปลงบรบิ ทปจั จุบันทีส่ ง่ ผลกระทบต่อการศกึ ษา 173 บทสรปุ 174 คำถามทบทวน เอกสารอา้ งองิ
จ สารบญั (ตอ่ ) หนา้ บทท่ี 6 การรอบรบู้ รบิ ทการเปล่ียนแปลงของสังคมภายนอกประเทศท่ีส่งผลกระทบ 175 ตอ่ การศกึ ษา 175 178 การศึกษาในประเทศฟนิ แลนด์ 179 ระบบการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ 181 ข้อมลู โครงการประเมินผลนกั เรยี นรว่ มกบั นานาชาติ 182 ปัจจัยท่ที ำให้การศึกษาของประเทศฟนิ แลนดป์ ระสบความสำเร็จ 185 งบประมาณดา้ นการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ 187 การศกึ ษาในประเทศสิงคโปร์ 190 ระบบการศึกษาของประเทศสงิ คโปร์ 192 ปัจจยั ที่ทำให้การศกึ ษาของประเทศสงิ คโปร์ประสบความสำเร็จ 195 งบประมาณด้านการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ 196 การศึกษาในประเทศเกาหลใี ต้ 200 ระบบการศึกษาของเกาหลีใต้ 200 ปจั จัยทท่ี ำใหก้ ารศึกษาของประเทศเกาหลใี ต้ประสบความสำเร็จ 201 งบประมาณดา้ นการศกึ ษาของประเทศเกาหลีใต้ 202 การเปลย่ี นแปลงขอ้ มูลเลื่อนการจดั สอบ 203 บทสรปุ 203 คำถามทบทวน เอกสารอา้ งองิ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทท่ี 7 แนวคิดปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 206 ความหมายเศรษฐกิจพอเพยี ง 206 ความเปน็ มาของเศรษฐกจิ พอเพียง 206 ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 209 พระราชดำรสั เกีย่ วกบั การศกึ ษา 210 221 ความสำคัญของเศรษฐกิจพอเพยี ง 222 การจัดการเรยี นรู้ 224 ความสำคัญของการจัดการเรียนรู้ 224 องคป์ ระกอบของการจัดการเรยี นรู้ 225 การประยุกต์ใช้แนวคิดปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในการจดั การเรยี นร้ใู ห้กับผูเ้ รยี น 229 บทสรุป 230 คำถามทบทวน 230 เอกสารอา้ งอิง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ฉ หนา้ 231 สารบัญ (ตอ่ ) 231 232 บทที่ 8 ค่านิยมของครู 235 ความหมายของคา่ นิยม 236 ทีม่ าของค่านิยม 236 ความสำคญั ของคา่ นยิ ม 237 ลกั ษณะของค่านยิ ม 239 ลักษณะคา่ นยิ มของสังคมไทยปัจจุบนั 241 หน้าทขี่ องค่านิยม 242 ประเภทของค่านยิ ม 243 ปจั จัยท่มี ีอิทธิพลตอ่ คา่ นิยม 244 คา่ นิยมพน้ื ฐาน 8 ประการ 247 ค่านยิ มของครู 248 คา่ นยิ มท่ีครคู วรยดึ มั่น 249 ค่านยิ มท่ีครไู ม่ควรยึดมนั่ 250 การพัฒนาค่านิยมในวิชาชพี ครู 251 การพฒั นาและการปลกู ฝังค่านยิ มของนกั เรยี น 251 บทสรุป คำถามทบทวน 253 เอกสารอา้ งองิ 253 254 บทที่ 9 จรรยาบรรณวิชาชพี ครู 256 ความหมายของจรรยาบรรณวิชาชีพครู 256 ความสำคญั ของวิชาชพี ครู 257 วตั ถุประสงค์ของจรรยาบรรณวิชาชีพครู 265 เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู 268 พัฒนาการของจรรยาบรรณวชิ าชีพครู 270 จรรยาบรรณวิชาชีพครูและลกั ษณะของครูทดี่ ี 270 จรรยาบรรณต่อผ้เู รียน 270 บทสรุป 271 คำถามทบทวน 271 เอกสารอา้ งองิ 274 คุณธรรม จริยธรรมสำหรบั ครู 275 คุณธรรมสำหรบั ครู คุณธรรมสำหรับครตู ามแนวพระพุทธศาสนา หลกั ธรรมสำหรบั ครู
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ช หนา้ 281 สารบญั (ตอ่ ) 282 282 การพฒั นาคุณธรรมของครู 284 จริยธรรมสำหรบั ครู 284 ความสำคัญของจริยธรรมสำหรบั ครู 286 จริยธรรมที่ครูตอ้ งมี 287 ประโยชนข์ องจรยิ ธรรม 287 การพฒั นาจรยิ ธรรมสำหรับครู 288 บทสรุป 289 คำถามทบทวน 289 เอกสารอ้างอิง 292 จติ วญิ ญาณความเปน็ ครู 293 แนวคิดทฤษฎเี ก่ียวกบั จติ วญิ ญาณ 295 จิตวญิ าณความเปน็ ครูมอื อาชพี 296 องคป์ ระกอบและตัวบ่งช้จี ติ วญิ ญาณความเปน็ ครู 297 การปลกู ฝังจติ วญิ ญาณความเป็นครู 298 แนวทางการพัฒนาจติ วิญญาณความเปน็ ครู 299 การพัฒนาให้มีจิตวิญญาณความเป็นครู 301 เหตุท่จี ิตวิญญาณความเป็นครูเป็นคุณลกั ษณะสำคญั ของครูมืออาชีพ 302 คุณสมบตั ิของครูตามแนวคิดจิตวญิ ญาณความเป็นครู 303 คุณสมบตั ิของครูท่ีมจี ิตวิญญาณความเป็นครู 303 ผลสมั ฤทธข์ิ องจติ วิญญาณความเป็นครูมอื อาชพี 304 บทสรปุ คำถามทบทวน 305 เอกสารอา้ งองิ 305 307 บทที่ 10 กฎหมายทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั วิชาชพี ครู 309 ความหมายของคำวา่ “ครู ” 309 ความหมายของคำวา่ \"อาจารย์\" 311 ความสำคญั ของกฎหมายการศกึ ษา 314 ลกั ษณะของกฎหมายการศกึ ษา 330 ความหมายของมาตรฐานวชิ าชีพทางการศกึ ษา 356 พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งขาติ พ.ศ. 2542 357 พระราชบัญญัติ สภาครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ลกั ษณะของวิชาชีพควบคมุ วชิ าชีพทางการศกึ ษาเปน็ วิชาชีพควบคมุ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ซ หนา้ 357 สารบญั (ตอ่ ) 359 359 การประกอบวิชาชพี ควบคมุ 360 บทสรปุ คำถามทบทวน 361 เอกสารอ้างองิ 361 362 บทที่ 11 สภาพการณ์การพฒั นาวชิ าชพี ครู 364 การปรบั ตัวเพ่อื การศกึ ษาในยคุ COVID 19 365 ทกั ษะครูกบั การจดั การเรียนรอู้ อนไลน์ยุคใหม่ 368 กระบวนการจัดการเรยี นการสอน E-learning แบบออนไลน์ 369 บทบาทของผูส้ อนในออนไลน์ (e–learning) 370 สมบตั ิทค่ี รูควรมี 371 ครูกับการศกึ ษายุคโลกาภิวฒั น์ 371 ปจั จัยทส่ี ง่ ผลกระทบต่อการจัดการศึกษายคุ ใหม่ 373 คุณลกั ษณะของครูในศตวรรษท่ี 21 375 สมรรถนะของครูผู้สอนในศตวรรษท่ี 21 376 ทกั ษะครูในศตวรรษที่ 21 383 บทบาทหนา้ ทค่ี รใู นศตวรรษที่ 21 383 การยกระดบั คุณภาพครูไทยในศตวรรษท่ี 21 384 บทสรุป คำถามทบทวน 385 เอกสารอา้ งองิ 385 386 บทที่ 12 การฝึกปฏบิ ัติ ใช้การสะท้อนคิดเพือ่ นำมาประยุกต์ใชใ้ นการพัฒนาตนเอง 403 ในการเปน็ ครทู ่ีดี 403 ความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของการสะทอ้ นคิด 403 รปู แบบ กระบวนการ และวธิ กี ารสะท้อนคดิ บทสรปุ 405 คำถามทบทวน เอกสารอ้างองิ บรรณานกุ รม
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ฌ หนา้ สารบญั ภาพ 8 13 ภาพประกอบที่ 16 16 1.1 จรรยาบรรณวิชาชีพครู 17 1.2 จรรยาบรรณวชิ าชีพครู พ.ศ. 2556 18 1.3 จรรยาบรรณทางการแพทย์ 20 1.4 จรรยาบรรณวิศวกร 21 1.5 จรรยาบรรณทหาร 21 1.6 จรรยาบรรณของขา้ ราชการพลเรือน 27 1.7 จรรยาบรรณสถาปนกิ 28 1.8 จรรยาบรรณวชิ าชพี บัญชี 28 1.9 จรรยาบรรณวชิ าชีพเวชระเบียน 29 2.1 ขยัน 29 2.2 ประหยดั 30 2.3 ซอ่ื สตั ย์ 30 2.4 มวี นิ ัย 31 2.5 สุภาพ 31 2.6 สะอาด 41 2.7 สามัคคี 42 2.8 มนี ้ำใจ 43 2.9 กตัญญู 44 2.10 คุณธรรมในการทำงาน 49 2.11 คณุ ธรรมตามแนวพระราชดำรัส 50 2.12 คณุ ธรรมตามแนวพระราชดำรสั 51 2.13 หลกั คุณธรรมความเป็นครู 55 2.14 ความสำคัญของจรยิ ธรรม 56 2.15 แหล่งทมี่ าของจรยิ ธรรม 60 2.16 แนวทางการพัฒนาจรยิ ธรรม 63 2.17 ทฤษฎตี น้ ไมจ้ ริยธรรม 68 2.18 ทฤษฎีจรยิ ธรรมของมาสโลว์ 73 2.19 ทฤษฎีจริยธรรมของโคลนเบริ ์ก 76 2.20 ทฤษฎจี รยิ ธรรมของอิมมานเู อิล คานท์ 77 2.21 จริยธรรมท่ีควรมี 2.22 ความสำคัญของจริยธรรมความเป็นครู 2.23 ความหมายของจติ วญิ ญาณความเปน็ ครู 2.24 ความหมายของจติ วญิ ญาณความเป็นครู
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ญ หนา้ สารบัญภาพ (ตอ่ ) 78 83 ภาพประกอบท่ี 86 87 2.25 องคป์ ระกอบของจติ วิญญาณความเป็นครู 88 2.26 คณุ สมบตั ิของครตู ามแนวคิดจติ วญิ ญาณความเป็นครู 91 2.27 คุณสมบตั ิของครูตามแนวคดิ จติ วญิ ญาณความเป็นครู 92 2.28 คุณสมบัติของครตู ามแนวคิดจิตวญิ ญาณความเป็นครู 93 2.29 แนวทางการพัฒนาจิตวญิ ญาณความเปน็ ครู 94 2.30 บุคคลที่เป็นแบบอย่างของการมีจติ วิญญาณความเปน็ ครู 95 2.31 บคุ คลทเ่ี ป็นแบบอยา่ งของการมจี ิตวิญญาณความเป็นครู 122 2.32 บคุ คลท่ีเป็นแบบอย่างของการมีจติ วญิ ญาณความเป็นครู 126 2.33 บุคคลที่เป็นแบบอย่างของการมจี ิตวญิ ญาณความเปน็ ครู 129 2.34 ผลสมั ฤทธ์ิของจติ วญิ ญาณความเป็นครมู ืออาชพี 147 4.1 การมวี นิ ัยในตนเอง 148 4.2 คุณธรรม จรยิ ธรรม 150 4.3 การพฒั นาครู 150 5.1 บรบิ ทของสังคมไทยต่อการศึกษา 151 5.2 การบริบททางดา้ นเศรษฐกิจ 175 5.3 การบริบททางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ 176 5.4 การบริบททางดา้ นเทคโนโลยี 178 5.5 บริบทของวัฒนธรรมไทย 181 6.1 การศกึ ษาของโรงเรียนยูโรเปียนสกูลออฟเฮลซิงกิจากประเทศฟินแลนด์ 182 6.2 การศกึ ษาของโรงเรยี นยโู รเปียนสกูลออฟเฮลซงิ กิจากประเทศฟนิ แลนด์ 183 6.3 การศกึ ษาของโรงเรียนยโู รเปียนสกูลออฟเฮลซงิ กิจากประเทศฟินแลนด์ 184 6.4 การศึกษาของโรงเรยี นยโู รเปียนสกูลออฟเฮลซิงกิจากประเทศฟินแลนด์ 184 6.5 การศกึ ษาของโรงเรียนยโู รเปียนสกูลออฟเฮลซงิ กิจากประเทศฟินแลนด์ 185 6.6 การศกึ ษาของโรงเรียนยูโรเปียนสกลู ออฟเฮลซิงกิจากประเทศฟนิ แลนด์ 185 6.7 การศกึ ษาของโรงเรยี นยโู รเปียนสกูลออฟเฮลซิงกิจากประเทศฟนิ แลนด์ 187 6.8 การศึกษาของโรงเรียนยโู รเปียนสกลู ออฟเฮลซิงกิจากประเทศฟนิ แลนด์ 190 6.9 การศกึ ษาของโรงเรียนยโู รเปียนสกลู ออฟเฮลซงิ กิจากประเทศฟนิ แลนด์ 192 6.10 นกั เรียนและครใู นประเทศสิงคโปร์ 192 6.11 การศึกษาของประเทศสิงคโปร์ 195 6.12 การศึกษาของประเทศสงิ คโปร์ 6.13 การศึกษาของประเทศสิงคโปร์ 6.14 สถานการณโ์ ควิด-19 ในประเทศสงิ คโปร์ 6.15 การทดสอบความสามารถดา้ นการศกึ ษาระดบั อุดมศึกษา (CSAT)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ฎ หนา้ สารบญั ภาพ 196 200 ภาพประกอบที่ 210 6.16 การศกึ ษาของประเทศเกาหลีใต้ 211 6.17 การศกึ ษาของประเทศเกาหลีใต้ 213 7.1 ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 215 7.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหิตลาธิเบศรรามาธบิ ดี 220 233 จกั รีนฤบดนิ ทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพติ ร 233 7.3 พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการศึกษา 234 7.4 พระราชกรณียกจิ ด้านการศึกษา 234 7.5 พระราชกรณยี กจิ ด้านการศึกษา 235 8.1 ถาบันการศกึ ษา 244 8.2 ความเชื่อทางศาสนา 310 8.3 ระบบศักดินา 310 8.4 อารยะธรรมตะวันตก 353 8.5 สอ่ื สารมวลชน 354 8.6 คา่ นิยม 12 ประการ 355 10.1 กฎหมายมหาชน 361 10.2 กฎหมายเอกชน 366 10.3 ครูสอนนักเรียน 367 10.4 ครูตีนกั เรยี น 367 10.5 ครแู ละผรู้ ่วมประกอบวิชาชีพ 368 11.1 การศึกษาออนไลน์ 369 11,2 นักเรยี นดวู ีดีโอท่คี รเู ตรยี มไวใ้ ห้ 373 11.3 ผู้ปกครองช่วยดแู ลเด็กขณะทำแบบฝึกหดั ตา่ ง ๆ 374 11.4 สรา้ งบรรยากาศเหมือนไดไ้ ปโรงเรียนตามปกติ 374 11.5 ครูพฒั นาตนเองเกี่ยวกบั การใช้เทคโนโลยี 375 11.6 เทคโนโลยีดา้ นการศึกษา 387 11.7 ผสู้ อนใชเ้ ทคโนโลยีมาชว่ ยในการจัดการเรียนการสอน 388 11.8 ผู้เรียนสรา้ งสรรคช์ น้ิ งาน 11.9 การจัดกจิ กรรมเพ่ือเชื่อมโยงสถานศึกษากบั ชุมชน 11.10 ใช้สอ่ื การเรียนการสอนในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 12.1 วงจรการเรียนรจู้ ากประสบการณข์ อง Kolb 12.2 วงจรการสะท้อนความคดิ ของ Gibbs
ฏ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง สารบัญตาราง หนา้ ตารางที่ 6 1.1 แบบแผนปฏบิ ตั ติ ามวิชาชพี 168 5.1 มิติปญั หาทเ่ี กิดขึน้ จากการเปลี่ยนแปลงในชุมชนสังคมไทย 6.1 คะแนนเฉลี่ยวทิ ยาศาสตร์ การอ่าน และคณิตศาสตร์ ของประเทศต่าง ๆ 179 ใน PISA 2015 180 6.2 คะแนนเฉลยี่ วิทยาศาสตร์ การอา่ น และคณิตศาสตร์ ของประเทศต่าง ๆ 189 ใน PISA 2018 6.3 คะแนนเฉลี่ยวทิ ยาศาสตร์ การอา่ น และคณิตศาสตร์ ของประเทศต่าง ๆ 189 ใน PISA 2015 190 6.4 คะแนนเฉล่ยี วทิ ยาศาสตร์ การอ่านและคณิตศาสตร์ ของประเทศต่าง ๆ 198 ใน PISA 2015 6,5 คะแนนเฉลีย่ วทิ ยาศาสตร์ การอา่ น และคณติ ศาสตร์ ของประเทศต่าง ๆ 199 ใน PISA 2018 199 6.6 คะแนนเฉลย่ี วิทยาศาสตร์ การอา่ น และคณติ ศาสตร์ ของประเทศต่าง ๆ 207 240 ใน PISA 2015 308 6.7 คะแนนเฉลยี่ วิทยาศาสตร์ การอา่ น และคณิตศาสตร์ของประเทศต่าง ๆ 380 380 ใน PISA 2015 6.8 คะแนนเฉล่ยี วทิ ยาศาสตร์ การอา่ น และคณิตศาสตร์ ของประเทศต่างๆ 381 382 ใน PISA 2018 383 7.1 ความคำสำคัญตา่ ง ๆ ในปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 389 8.1 ลกั ษณะค่านยิ มของคนในสงั คมเมือง และสังคมชนบท 400 10.1 ความหมายของคำท่เี ก่ยี วกับ ครู-อาจารย์ 401 11.1 ยุทธศาสตรท์ ี่ 1 การสรา้ งมาตรฐานวิชาชีพครูให้เปน็ ทย่ี อมรับ 11.2 ยทุ ธศาสตร์ท่ี 2 การผลิตครูให้ได้มาตรฐานเพื่อรองรับการเรยี นรูใ้ นศตวรรษท่ี 21 11.3 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพฒั นาครใู หเ้ กดิ ทกั ษะการจัดการเรยี นรเู้ พ่ือทักษะ แห่งศตวรรษที่ 21 11.4 ยุทธศาสตร์ที่ 4 การเสริมสร้างประสทิ ธิภาพการใชค้ รู 11.5 ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 5 การส่งเสรมิ และพัฒนาสิทธคิ รู 12.1 คำถามในการสะทอ้ น 12.2 ระยะท่ี 1 การสะท้อนคิดกอ่ นจัดการเรียนรู้ 12.3 ระยะท่ี 2 การสะท้อนคดิ ระหวา่ งการจดั การเรียนรู้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงบทท่ี 1 การประพฤติปฏบิ ตั ติ นตามจรรยาบรรณวชิ าชีพ จรรยาบรรณ เปน็ ขอ้ ควรประพฤติท่ดี งี าม สำหรับสมาชิกในวชิ าชีพนั้น ๆ ขอ้ ควรประพฤติน้ีถ้าเรา ฝา่ ฝืนจะเกิดโทษ จรรยาบรรณวิชาชีพจึง เป็นมาตรฐาน ความประพฤติ วิจารณญาณทางศีลธรรม และวชิ าชีพ ที่เป็นกฎเกณฑ์หรือแบบแผนของความประพฤติ สำหรับยึดถือเป็นแนวปฏิบัติของผู้ประกอบวิชาชีพหนึ่ง หลักปฏิบตั ิดงั กล่าว อาศัยหลักธรรม ความถูกตอ้ ง ส่วนใหญ่ กำหนดโดยสมาคมวชิ าชพี นนั้ ๆ จรรยาบรรณวิชาชีพ อาจถูกกำหนดขึ้น เป็นลายลักษณ์อักษร โดยหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน อาทิเช่น จรรยาบรรณแพทย์ โดยแพทยสภา จรรยาบรรณครู โดยคุรุสภา เป็นต้น โดยเฉพาะวิชาชีพท่ีเกี่ยวกับ สวสั ดภิ าพ และความปลอดภยั ในชีวติ และทรัพย์สินของประชาชนจะต้องมีจรรยาบรรณวิชาชีพเพ่ือรักษา มาตรฐานการปฏิบัตหิ นา้ ที่และป้องกันความเสียหายทอี่ าจจะเกิดข้ึน ปัจจุบันมกี ารจัดทำจรรยาบรรณวชิ าชีพ ขนึ้ มากมาย เช่น จรรยาบรรณแพทย์พยาบาล จรรยาบรรณครูอาจารย์ จรรยาบรรณวศิ วกร จรรยาบรรณ นกั หนังสือพิมพ์ 1. ความหมายของจรรยาบรรณ คำว่า \"จรรยาบรรณ\" เปน็ คำสมาสระหวา่ ง จรรยา ซึ่งหมายถงึ ความประพฤติหรอื กริ ิยาที่ควรประพฤติ และอีกคำหนง่ึ คือ บรรณ หมายถึง เอกสารหรอื หนังสือเมื่อรวมความเข้าดว้ ยกันจงึ หมายถงึ เอกสารหรือ หนังสือที่ว่าด้วยข้อควรประพฤติของกลุ่มบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรืออาชีพหน่ึง ราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2525 (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, 2541, หน้า 4A) ความหมายของ คำว่า จรรยาบรรณไว้ว่า \"ประมวลความประพฤติที่ผู้ประกอบอาชีพการงาน กำหนดข้ึนเพื่อรักษาและส่งเสริม เกยี รติคุณ ชอ่ื เสียง และฐานะของสมาชิกอาจเขยี นเป็นลายลักษณ์อักษรหรอื ไม่ก็ได้\" จรรยาบรรณ หมายถึง ประมวลความประพฤติท่ผี ู้ประกอบอาชีพการงาน แตล่ ะอาชพี กำหนดข้ึน เพอื่ รักษาและสง่ เสรมิ เกยี รติคุณชื่อเสียงและฐานะของสมาชกิ อาจเขียนเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรหรือไม่กไ็ ด้ จรรยาบรรณ หมายถึง จริยธรรมของกลุ่มชนผู้ร่วมอาชีพร่วมอุดมการณ์เป็นหลักประพฤติ หลักจริยธรรม มารยาทท่ีทุกคนเช่ือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ควรจะร่วมกันรักษาไว้เพ่ือธำรงเกียรติและ ศรัทธา จากประชาชน ละเมียดละไมกว่ากฎระเบียบ ลึกซ้ึงกว่าวินัย สูงค่าเทียบเท่าอุดมการณ์ จรรยาบรรณ เป็นสายใยของกลุ่มชนที่ร่วมอาชีพร่วมอุดมการณ์เป็นระบบเกียรติศักด์ิที่ใช้ดูแลและปกครองกันเอง เพือ่ ดำรงความเช่ือถอื และเกยี รตคิ ุณแห่งอาชพี ให้เปน็ ทศ่ี รัทธาของสาธารณชน อาลยั อิงคะวณิช (2523, หน้า 33) ให้คำจำกัดความว่า \"จรรยาบรรณ\" หมายถึง ส่ิงท่ีใช้ในการควบคุม ความประพฤติภายใน ซ่ึงสังคมหรือวงการของบุคคลในอาชีพใดอาชีพหน่ึงยอมรับว่าเป็นความประพฤติที่ดี ทชี่ อบโดยกำหนดว่าการกระทำอย่างไรเป็นการกระทำท่ีชอบ การกระทำอย่างไรเป็นการกระทำที่ผดิ หรือ สิ่งใดท่ีพึงปฏบิ ัตแิ ละส่ิงใดพงึ ละเวน้ ประวีณ ณ นคร (2527, หน้า 33) ให้ความหมายว่า จรรยาบรรณเป็นข้อกำหนด กฎเกณฑ์อันเป็น บรรทัดฐานสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพนน้ั ๆ ยึดถอื ปฏิบัติ เช่น จรรยาบรรณแพทย์ จรรยาบรรณครู เปน็ ตัน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2 ถ้าเป็นลักษณะเชิงพฤติกรรมที่มีอยู่ในตัวผู้ประกอบวิชาชีพหรือที่แสดงออกมาจากตัวคน ดังกล่าวนั้น เรยี กว่า “จรรยา” พระเมธีธรรมาภรณ์ (ประยูร ธมมจิตโต) (2538, อ้างถึงใน สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, 2544, หน้า 18) ได้ให้ความหมายของจรรยาบรรณไว้ว่า จรรยาบรรณ คือ ประมวลจริยธรรมของผู้ประกอบ อาชีพทางการงาน หรอื วชิ าชีพนน้ั ซึ่งอาจจะพูดอีกสำนวนหน่ึงว่า จรรยาบรรณ คือ มาตรฐาน ความชอบ ธรรมและเกยี รติฐานะของความเปน็ ข้าราชการ กัลยาณี สูงสมบัติ (2550 : 1) กล่าวว่า จรรยาบรรณ คือ กรอบหรือแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ ท่ีดีงามของการประกอบอาชีพในสาขาต่าง ๆ หรือรูปแบบในการดำรงตนของคนในกลุ่ม สังคม หมู่คณะหรือ องค์กรต่าง ๆ ซ่ึงนอกเหนือจากการแสดงออกในแนวทางที่ถูกต้องท่ีสังคมยอมรับแล้ว การมีจิตสำนึกที่ดี มีจิตใจงาม มีความเมตตา โอบอ้อมอารี ซ่ือสัตย์สุจริตเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของผู้ประกอบสัมมาอาชีพ หรอื การดำรงตนท่ีจะส่งผลตอ่ ซ่ือเสยี ง เกยี รตยิ ศ และความมคี ุณธรรมของแต่ละบุคคลหรือผู้ประกอบการ หรอื กลุ่มสังคมน้ัน ๆ ท่สี ามารถจะมองเห็นเป็นรปู ธรรมได้ ศูนย์การศึกษานอกระบบโรงเรยี นจังหวัดลำพูน (2554 : 1) กล่าวว่า จรรยาบรรณ หมายถึง มาตรฐาน ในการตัดสินใจท่ีจะประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ท่ีแต่ละคนในสังคมต้อง รับผิดชอบ ซึ่งมาตรฐานนั้นอาจจะได้มาจกระเบียบ ข้อบังคับ คำนิยมของสังคม จารีตประเพณี ขนบธรรมเนียม รวมทงั้ จากการศกึ ษาและประสบการณ์การเรียนรู้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (2557 : 1) ให้ความหมายของ จรยาบรรณ คือ หลักความประพฤติปฏิบัติอันเหมาะสมแสดงถงึ คุณธรรมและจริยธรรมท่พี ึงปฏิบัติในการ ประกอบวชิ าชีพท่ีบคุ คลในแตล่ ะวิชาชพี ไดป้ ระมวลขนึ้ เป็นหลัก เพอื่ ให้สมาชกิ ในสาขาวิชาชพี นน้ั ๆ ยึดถอื ปฏิบตั ิ โดยมุ่งเน้นถึง จริยธรรมปลูกฝังและเสริมสร้างให้สมาชิกมีจิตสำนึกบังเกิดข้ึนในตนเองเก่ียวกับการประพฤติ ปฏิบัติในทางท่ีถกู ทค่ี วร และมุ่งหวังใหส้ มาชไิ ดย้ ึดถือ เพ่ือรักษาช่ือเสียงและส่งเสริมเกียรติคณุ ของสมาชิก และสาขาวชิ าชพี ของตน ธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ (2539, อ้างถึงใน สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, 2544, หน้า 18-19) กล่าวว่า การพยายามให้คำจำกัดความของ \"จรรยาบรรณ\" เป็นเร่ืองของการพยายามให้คำจำกัดความของ \"ความดีงาม\" ในทัศนะของท่าน \"จรรยาบรรณ\" เป็นข้อกำหนดเชิงปรัชญาและอุดมการณ์ เรียกว่า Ethics เป็นส่ิงละเอียด อ่อนมาก จรรยาบรรณมีความหมายลึกซึ้งและกว้างไกล ซ่ึงเริ่มจาก Values คือ คุณค่าของตัวคนหรือ ค่านิยมของเราต่อตัวเรา ต่อสังคม ต่อหน่วยงาน ต่อส่วนรวม นี่เป็นจุดเร่ิมของจรรยาบรรณเพราะว่าคุณค่า หรือค่านิยม (Values จะไปกำหนดทัศนคติ (Attitude) และทัศนคติก็จะไปกำหนดพฤติกรรม (Behaviors) เป็นส่ิงท่ีปรากฏให้เห็นได้ในแง่ของกรอบเนื้อหาสาระของจรรยาบรรณของข้าราชการในประเทศต่าง ๆ โดยปกตจิ ะอยู่ในกรอบของเนื้อหาสาระประมาณ 8 เร่อื งใหญ่ ๆ ด้วยกัน ดังตอ่ ไปน้ี 1. ความชอ่ื สตั ยค์ วามมเี กียรติมีศักด์ศิ รี 2. ความเสมอภาค ความเป็นกลางในการปฏิบัติต่อผเู้ รยี กรอ้ งไม่ฝกั ใฝ่ฝ่ายใดโดยไมถ่ ูกต้อง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 3 3. ความเคารพในกฎหมายเปน็ คุณภาพท่ีสำคัญของขา้ ราชการ ข้าราชการอยู่กับกฎหมาย จึงตอ้ ง เคารพกฎหมายเปน็ ตัวอย่างใหป้ ระชาชนเคารพกฎหมายได้ 4. ความนับถือบคุ คลอน่ื คือ ใหเ้ กียรตติ ่อผูอ้ ืน่ ไม่ว่าระดบั ตำแหน่งฐานะใด ๆ ทั้งส้นิ 5. ความขยันหมนั่ เพียร 6. ความประหยดั และมปี ระสทิ ธภิ าพ 7. ความสามารถในการตอบสนอง ซึ่งอาจเป็นการตอบสนองความต้องการท่ีถูกต้องของประชาชน หรือตอบสนองความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกจิ สงั คม 8. ความเชื่อถือได้ จากความหมายของจรรยาบรรณดังกล่าว สรุปได้ว่า จรรยาบรรณ คือ ข้อกำหนด กฎเกณฑ์ที่กลุ่ม บคุ คลต่าง ๆ ในแต่ละสขาอาชีพประพฤตแิ ละปฏิบตั ใิ นส่ิงท่ีควรปฏบิ ัติ และไมค่ วรปฏิบัตใิ นสิง่ ที่ไม่ควรปฏิบัติ โดยมีศักดศ์ิ รีของอาชพี นนั้ เปน็ หลกั ประกนั จรรยาบรรณถือได้ว่าเป็นส่ิงสำคัญที่ผู้ประกอบวิชาชีพต่าง ๆ ต้องยืดถือปฏิบัติในการประกอบ วิชาชีพนั้น ๆ เพ่อื ให้การประกอบวิชาชีพเป็นไปตามหลักวิชาการทม่ี ุ่งบริการสังคม ไม่ใช่เปน็ ไปในลักษณะ ธุรกิจเพียงอย่างเดียว จรรยาบรรณจะมีสภาพบังคับในระดับ \"พึง\" ซ่ึงมีผลผูกพันทางจิตใจของผู้ประกอบ วชิ าชีพน้ัน โดยกรมศาสนา (เฟือ้ งฟ้า สว่าง, 2542, หนา้ 61-62) ไดใ้ ห้ความสำคัญของจรรยาบรรณไว้ดงั นี้ 1. จรรยาบรรณช่วยควบคุมมาตรฐานรับประกันคุณภาพและปริมาณที่ถูกต้องในการ ประกอบอาชีพ ในการผลติ และการค้า 2. จรรยาบรรณชว่ ยควบคมุ จริยธรรมของผปู้ ระกอบอาชีพและผู้ผลติ 3. จรรยาบรรณช่วยผลิตและส่งเสริมมาตรฐานคุณธรรมและปริมาณท่ีดีมีคุณคำและเผยแพร่ให้ รู้จกั เปน็ นยิ มเช่อื ถอื 4. จรรยาบรรณชว่ ยส่งเสริมจริยธรรมของผูป้ ระกอบอาชีพและผผู้ ลิต 5. จรรยาบรรณช่วยลดปัญหาอาชญากรม ลดปัญหาการคดโกง ถ้อฉล เอารัดเอาเปรียบ ลดการ เห็นแก่ได้ ตลอดจนความมักไดม้ กั ง่าย ความใจแคบ ไม่ยอมเสียสละ ฯลฯ 6. จรรยาบรรณชว่ ยเนน้ ให้เห็นชดั เจนยงิ่ ขนึ้ ในภาพพจน์ทด่ี ีของผู้มีคณุ ธรรม 7. จรรยาบรรณช่วยทำหนา้ ทพ่ี ิทักษ์สทิ ธิ์ตามกฎหมาย สำหรับผูป้ ระกอบอาชีพใหเ้ ปน็ ไปถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรม วริยา ชนิ วรรณโน (2541, อ้างถึงในกุหลาบ รัตนสัจธรรม และคณะ, 2546, หน้า 10-11) ไดส้ รุป ความสำคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพไว้ว่า ผู้ที่ประกอบวิชาชีพเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมีความรู้ ความชำนาญ สูงเกินกว่าคนธรรมดาสามัญ เม่ือเป็นเช่นน้ันจึงมีโอกาสท่ีจะใช้วิชาความรู้ของตนเพ่ือหาประโยชน์ โดยทั่วไปรู้ไม่เท่าทัน เช่น แพทย์อาจรักษาผู้ป่วยแบบเลี้ยงไข้ ตำรวจใช้ตำแหน่งหน้าที่กลั่นแกล้งประชาชน เพื่อแลกกับผลประโยชน์หรือสินบน ครูก็อาจเบียดเบียนหาผลประโยชน์ จากศิษย์ซ่ึงตัวอย่างมีให้เห็น ในปัจจุบัน ในท่ีสุดสังคมก็เรียกร้องจริยธรรมจากผู้ประกอบวิชาชีพซึ่งได้มีการกำหนดข้ึนจกองค์กรหรือ สมาคมวิชาชพี นั้น ๆ โดยมวี ตั ถุประสงค์สำคัญอยู่ 3 ประการ ได้แก่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 4 1. เปน็ แนวทางใหผ้ ู้ประกอบวิชาชพี ยืดถือปฏบิ ตั ิอยา่ งถูกต้อง 2. เพือ่ ใหว้ ิชาชีพดงฐานะ ไดร้ ับการยอมรบั และยกย่องจากสงั คม 3. เพื่อผดุงเกยี รติยศและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ ความสำคัญของจรรยาบรรณ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมท่ีปรารถนาความยอมรับในสังคมนั้น เพ่ือให้ สามารถ อาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข จึงต้องมีกฎกติกามารยาทของการอยู่ร่วมกัน ในสังคมที่เจริญ แล้วเขาจะไม่มอง แต่ความเจริญทางวตั ถุ เช่น ดกี รามถนนหนทางเทน่ น้ั แต่เขาจะมองความเจรญิ ทางดา้ น จิตใจด้วย ในชุมชน ท่ีเข้มแข็งกลุ่มอาชีพต่าง ๆ จะมีเอกลักษณ์ท่ีชัดเจนท้ังความรู้ความสามารถและ พันธกรณีที่มีต่อชุมชน กลุ่มอาชีพจึงมีความหมายมากกว่าการรวมกลุ่มกันของผู้หาเลี้ยงชีวิตในวิถีทาง เดียวกัน มีความหมายไปถึง กรเป็นสถาบันของมืออาชีพที่ผูกพันอยู่กับสังคม เพ่ือดำรงรักษาเกียรติและ ความยอมรับ กลุ่มอาชีพต้อง พัฒนากลุ่มของตน ด้วยการยกฐานะและรักษาระดับมาตรฐานอาชีพของ พวกตนอย่างตอ่ เนอ่ื งฐานะแห่งอาชพี น้ันขึ้นอยูก่ ับ ความประพฤติ จริยธรรม และจรรยาบรรณ ของแตล่ ะ คนในกลุ่มอาชีพ แต่ความเป็นมืออาชีพ ก็ไม่อาจประเมินค่าตนหรือประเมินค่ากันเองได้ ช้ืนอยู่กับความ ยอมรับนับถือของสังคมอาชีพทหารถือกำเนิด ข้ึนมานานแล้วควบคู่กับสังคม ประวัติศาสตร์สงครามกว่า 5,000 ปี คือ ประจักษ์พยานของการคงอยู่ของ อาชีพทหาร จุดมุ่งหมายสูงสุดของทหารอาชีพ คือ การ สร้างความม่ันคงของชาติ สร้างความแข็งแกร่งของตนเองให้เป็นหลักประกันแห่งสันติภาพ ปกป้องชีวิต และทรัพย์สินให้สังคมดำรงอยู่อย่างสันติสุข มิใช่มุ่ง แต่จะทำสงคราม หัวหน้าของกลุ่มอาชีพทหาร แต่โบราณมาก็คือ กษัตริย์ ซ่ึงก็เป็นผู้นำชาตผิ ู้นำสังคมด้วย ในเวลาเดียวกัน ทหารจึงได้รับเกียรติอันสูงส่ง ว่าเป็นอาชีพที่เสียสละอุทิศได้แม้กระท่ังชีวิตเพื่อรักษาเอกราช และอธิปไตยของชาติประเทศ จรรยาบรรณ เปรยี บเสมอื นหยาดหยดนำ้ ทหี่ ล่อเล้ียงเมลด็ พนั ธุไ์ ม้แหง่ ศรัทธาให้ งอกงามในความรสู้ กึ ของปวงชน 2. หลกั การสำคัญของจรรยาบรรณวชิ าชีพ 2.1 ความรกั ความศรทั ธาในอาชีพ อาชีพที่ผู้ประกอบวิชาชีพถือปฏิบัตินั้นย่อมเป็นอาชีพที่สุจริต ในการประกอบอาชีพก็ย่อม ได้รับ ผลตอบแทนจกวิชาชีพน้ัน ดังนั้น ความรักความศรัทธาเป็นสิ่งท่ีจำเป็นอย่างยิ่งท่ีผู้ประกอบวิชาชีพ พึงมี เพื่อเป็นส่ิงยืดเหน่ียวจิตใจและกำหนกรอบของการกระทำอันจะส่งผลต่อความเจริญก้าวหน้าทาง หน้าที่ การงานและตอ่ สถาบนั 2.2 ความชือ่ สตั ย์สจุ รติ การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ นั้น โดยเฉพาะผู้ประกอบวิชาจำเป็นต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตท้ังใน ด้านการทำงานในหน้าที่ เพื่อนร่วมงาน รวมถึงหัวหน้างานเพ่ือจะทำให้การทำงานสำเร็จลุล่วงไปได้ โดยไมก่ ่อใหเ้ กิดปญั หาทั้งระหว่างการทำงานรวมไปถึงภายหลงั จากการทำงานเสรจ็ สน้ิ ไปแลว้ ก็ตาม 2.3 การให้ความคารพต่อกฎระเบยี บข้อบังคับหรอื จรรยาบรรณในอาชีพ อาชีพแต่ละอาชีพน้ันย่อมมีกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ เพ่ือเป็นกรอบและแนวทางให้ผู้ ประกอบวิชาชีพปฏิบัติ จรรยาบรรณวิชาชีพเป็นตัวกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีมีบุคลิกลักษณะตามแบบแผน ของอาชีพ โดยตอ้ งอาศัยผปู้ ระกอบวชิ าชพี ใหค้ วามคารพและปฏิบตั ติ ามจึงจะบังเกิดผล
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 5 2.4 ยกยอ่ งให้เกียรตผิ ้รู ่วมวชิ าชีพ วชิ าชีพแต่ละแขนงย่อมมีเกยี รติ การยกย่องและใหเ้ กียรติผ้รู ่วมวชิ าชีพมีความสำคัญอย่างย่ิง การช่วยเหลือเกื้อกูลซ่ึงกันและกันเป็นส่ิงสำคัญ สร้างมิตรภาพท้ังการทำงานและเรื่องการดำเนินกิจกรรม ต่าง ๆ ทางสงั คมเพอ่ื ให้กาประกอบอาชพี คำเนนิ ไปอย่างไมเ่ กิดข้อขัดแย้งและประสบผลสำเรจ็ 2.5 การรวมกลมุ่ เพ่อื สร้างความม่ันคงในวชิ าชีพ เมื่อมีวิชาชีพเกิดขึ้นการที่จะทำให้องค์กรน้ันมีความเข้มแข็งและเป็นท่ีรู้จักกันมากขึ้นใน สังคม จำเป็นต้องมีการรวมกลุ่มทางสังคมเพื่อผนึกกำลังสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ออกมาสู่สาธารณชนทำให้ เกิดการกอ่ ตวั ขององค์กรเพื่อเปน็ รากฐานความมนั่ คงทางวิชาชีพต่อไป 3. การปฏบิ ตั ติ นให้อยใู่ นจรรยาบรรณวิชาชพี การที่บุคคลประกอบอาชีพท่ีจำเป็นต้องมีพร้อมทั้งประสบการณ์ความสามารถในเร่ืองวิชาการแล้ว ก็ยังต้องมีจรรยาบรรณวิชาชีพ ซึ่งจรรยาบรรณเป็นเครื่องมืออันสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบวิชาชีพ มีหลักการและแนวทางปฏิบัติตามที่ถูกต้องเหมาะสมอันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการ ปฏิบัติงาน รวมทงั้ ความเล่อื มใสศรัทธาและความเชอื่ ม่นั จากผู้ทเ่ี ก่ียวข้อง ดังนั้น การปฏิบัติตนให้อยู่ในจรรยาบรรณวิชาชีพจึงเปรียบเสมือนตัวชี้วัดมาตรฐานการปฏิบัติงาน ของผปู้ ระกอบวชิ าชีพ โดยมีหลักปฏบิ ตั ิดังนี้ 1. ความซื่อสัตย์ ปฏิบัติงานอย่างมีเกียรติและซื่อสัตย์ตลอดเวลาที่ได้ร่วมงานท้ังกับผู้รับบริการและเพ่ือนร่วม วชิ าชพี ดว้ ยกนั ซง่ึ เป็นตัวสำคัญที่บง่ บอกถึงความจริงใจทัง้ ต่อหน้าและลับหลัง 2. ความเปน็ กลาง ดำเนินกิจกรรมอย่างยุติธรรมและไม่ลำเอียง ซ่ึงจะต้องปราศจากอคติหรือพิจารณามาเป็น การลว่ งหนา้ ไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แย้งในรูปแบบการแสดงออกต่อผรู้ ับบริการวิชาชีพและเพ่ือนร่วมวิชาชพี 3. ความเปน็ อสิ ระ การปฏบิ ัติงานจะตอ้ งมคี วามเป็นอิสระในการทใ่ี ห้บริการทางด้านต่าง ๆ หรอื บริการสาธารณะ ซึ่งการดำเนินการนั้นเป็นไปอย่างอิสระ แต่ผู้ประกอบวิชาชีพต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่าผลประโยชน์ที่ได้รับ เปน็ ไปอย่างถูกกฎหมายเปน็ ไปตามระเบยี บแบบแผนแล้วขอ้ ตกลงทีต่ ั้งไว้ 4. การรกั ษาความลับ ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องให้ความนับถือธรรมชาติของความลับของข้อมูลของผู้รับบริการ ในการให้บริการทางวิชาชีพและข้อมูลควรได้รับการปกปิดแก่บุคคลที่ 3 โดยปราศจากการขออนุญาต เฉพาะเรื่องหรือเป็นหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย 5. มาตรฐานวิชาการและวิชาชพี ผู้ประกอบวิชาชีพถูกคาดหวังว่าจะต้องมีมาตรฐานท้ังทางด้านวิชาการและวิชาชีพตาม คุณสมบัติวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพ ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานในการปฏิบัติหน้าท่ีท่ีเป็นบรรทัดฐาน เดียวกัน
6 ประสบการณ์ทางวิชาการและวิชาชีพจะถูกนำมาใชใ้ นการปฏิบัติหนา้ ท่ีโดยผู้รบั บริการวิชาชีพพึงจะได้รับ อย่างเทา่ เทียมกนั 6. ความสามารถและความระมดั ระวงั ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องแสดงออกในการให้บริการ ทางวิชาชีพด้วยความระมัดระวังด้วย ความสามารถ และด้วยความขยันหม่ันเพียร เนื่องจากมีหน้าท่ีจะต้องรักษาความรแู้ ละความชำนาญอย่าง ต่อเน่อื ง 7. พฤติกรมทางจรยิ ธรรม ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องประพฤติตนอย่างมีจริยธรรมตลอดเวลา และต้องรักษาช่ือเสียงที่ดี ในวิชาชีพ การให้คำปรึกษาแก่ผรู้ บั บรกิ ารวชิ าชีพอย่างเตม็ ความสามารถ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ตารางท่ี 1.1 แบบแผนปฏิบัติตามวชิ าชีพ พฤติกรรมท่ีพึ่งประสงค์ พฤติกรรมทไ่ี ม่พง่ึ ประสงค์ 1) แสดงความช่นื ชมและศรัทธาในคณุ ค่าของ 1) ไม่แสดงความภาคภูมิใจในการประกอบวิชาชีพ วชิ าชีพ 2) ดหู มน่ิ เหยียดหยาม ใหร้ า้ ยผูร้ ่วมประกอบ 2) รักษาช่ือเสยี งและปกป้องศักดศ์ิ รีแห่งวชิ าชพี วชิ าชพี ศาสตร์ในวิชาชพี หรอื องค์กรวชิ าชพี 3) ยกย่องและเชิดชเู กียรติผมู้ ีผลงานในวิชาชพี 3) ประกอบการงานอน่ื ที่ไม่เหมาะสมกับการเป็น ให้สาธารณชนรบั รู้ ผูป้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษา 4) อทุ ิศตนเพอื่ ความกา้ วหนา้ ของวิชาชพี 4) ไมซ่ ื่อสตั ย์สจุ รติ ไมร่ ับผดิ ชอบ หรือไม่ปฏบิ ตั ิ 5) ปฏบิ ตั ิหน้าทดี่ ว้ ยความรบั ผดิ ชอบ ซ่อื สตั ย์ ตามกฎ ระเบียบ หรือแบบแผนของทาง สุจรติ ตามกฎ ระเบียบ และแบบแผนของทาง ราชการจนก่อให้เกิดความเสียหาย ราชการ 5) คัดลอกหรือนำผลงานของผอู้ นื่ มาเป็นของตน 6) เลอื กใชห้ ลักวชิ าทีถ่ ูกต้อง สรา้ งสรรคเ์ ทคนิค 6) ใช้หลักวชิ าการทีไ่ มถ่ ูกต้องในการปฏิบตั ิวชิ าชีพ วิธีการใหม่ ๆ เพอื่ พฒั นาวชิ าชพี ส่งผลใหศ้ ิษยห์ รอื ผู้รบั บริการเกิดความเสยี หาย 7) ใช้องคค์ วามรูห้ ลากหลายในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี 7) ใช้ความรทู้ างวชิ าการ วชิ าชีพ หรอื อาศัย และแลกเปลีย่ นเรียนรู้กับสมาชิกในองค์การ องค์กรวชิ าชีพแสวงหาประโยชนเ์ พื่อตนเอง 8) เข้ารว่ มกิจกรรมของวชิ าชพี หรือองค์กรวิชาชีพ หรอื ผ้อู ื่นโดยมชิ อบ อยา่ งสร้างสรรค์
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 7 4. การปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพโดยไม่บกพร่องหรือต่ำกว่ามาตรฐานวิชาชีพ มดี ังน้ี 1. การมีวนิ ัยและการพัฒนาตนเอง หมายถึง การมีวินยั ในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพบุคลกิ ภาพ และวิสัยทัศนใ์ หท้ นั ตอ่ การพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สงั คม และการเมืองอยเู่ สมอ 2. การรบั ผดิ ชอบตอ่ วิชาชพี หมายถึง การรัก ศรทั ธา ซื่อสัตยส์ ุจริตและรับผดิ ชอบตอ่ วิชาชพี เป็น สมาชกิ ทด่ี ีขององค์กรวชิ าชพี 3. การแสดงความเอ้ืออาทร หมายถงึ การรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสรมิ ให้กำลังใจแก่ศิษย์ และ/หรือผู้รับบรกิ ารตามบทบาทหนา้ ท่โี ดยเสมอหนา้ 4. การส่งเสริมการเรียนรู้ หมายถึง การส่งเสรมิ ให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยท่ีถูกต้องดีงาม แก่ศษิ ย์ และ/หรอื ผู้รับบรกิ าร บทบาทหน้าที่อย่างเต็ม ความสามารถ ด้วยความบริสทุ ธ์ิใจ 5. การเปน็ แบบอย่าง หมายถึง การประพฤติ ปฏิบัตติ นเปน็ แบบอย่างทด่ี ี ทัง้ กาย วาจาและจติ ใจ 6. การช่วยเหลือเก้ือกูล หมายถึง การส่งเสริมความเจรญิ ทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และ สังคมของศิษย์ และ/หรอื ผ้รู ับบริการตามบทบาทหนา้ ที่ 7. การให้ความเสมอภาค หมายถึง การให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือ ยอมรบั ผลประโยชน์จากการใชต้ ำแหน่งหน้าทโ่ี ดยมชิ อบ 8. การเก้ือกลู และยดึ ม่นั ในระบบคณุ ธรรม หมายถึง การชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู ซึ่งกนั และกนั อย่างสรา้ งสรรค์ โดยยดึ ม่ันในระบบคุณธรรม สร้างความสามคั คใี นหมูค่ ณะ 9. การมีภาวะผู้นำและหรือการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง หมายถึง กระบวนการท่ีทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา และหรือเพ่อื นร่วมงานยอมรับและปฏิบัติตาม เพ่ือให้บรรลุวตั ถุประสงค์ท่ีตงั้ ไว้ และหรือกระบวนการหรือ วิธีการท่ีทำให้ปัจจัยหรือองค์ประกอบภายในหน่วยงานแตกต่างไปจากเดิมอย่างเป็นระบบเพ่ือให้หน่วยงาน บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพภายในสภาวะแวดลอ้ มท่เี ปล่ยี นแปลงอยูต่ ลอดเวลา 10. ความเป็นผู้นำในการอนุรักษ์ หมายถึง การเป็นผู้นำการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศลิ ปวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญา ส่ิงแวดลอ้ ม 8. มาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชีพ การกำหนดจรยาบรรณของวิชาชีพต่าง ๆ น้ัน โดยมากแล้วจะมีการกำหนดจรรยาบรรณโดยยึดหลัก ของคุณธรรม จริยธรรม ซ่ึงไชย ณ พล (2543, อ้างถึงใน สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, 2544, หน้า 19) สรปุ เกณฑใ์ นการกำหนดมาตรฐานจรรยาบรรณไว้ 3 มาตรฐาน คอื 1. ประโยชน์นิยม คือ การเอาประโยชน์ท่ไี ดร้ ู้เป็นเกณฑ์ หากพฤติการณ์ใดให้ก่อให้เกิดประโยชน์ ยิ่งใหญแ่ ละมีผลดีตอ่ สัดมอยา่ งกว้างขวางถือวา่ นั้น คือ มาตรฐานแห่งจรรยาบรรณ 2. สัจจนิยม ถือว่าจรรยาบรรณ คือ ความดีสกลซ่ึงไม่อาจเปล่ียนแปลงตามประโยชน์ของผู้ใด ความดี สากลสว่ นใหญจ่ ะถูกกำหนดโดยศาสนาตา่ ง ๆ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 8 3. มนุษยธรรมนิยม ถือว่าส่ิงท่ีเรียกว่าจรรยาบรรณ คือ การกระทำใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อคุณภาพ ของเป็นมนุษย์ เช่น การพัฒนาประสิทธิภพ สติปัญญา ความสามัคคี ความเป็นอยู่ และความเป็นธรรม เป็นตน้ 9. จรรยาบรรณในวิชาชีพดา้ นตา่ ง ๆ ผู้ที่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพท่ีตนเองทำอยู่นั้น ย่อมมีความเจริญก้าวหน้าที่ในหน้าที่การงานและ ประสบความสำเร็จในชีวติ จรรยาบรรณวิชาชพี ครู ภาพประกอบท่ี 1.1 จรรยาบรรณครู ความหมายจรรยาบรรณวิชาชีพครู จรรยาบรรณวิชาชีพครู คือ กฎแห่งความประพฤติ สำหรับสมาชิกวิชาชีพครูซึ่งองค์กรวิชาชีพครู เป็นผกู้ ำหนดและสมาชิกในวชิ าชพี ทุกคนต้องถอื ปฏิบตั โิ ดยเคร่งครัดหากมีการละเมิดจะมีการลงโทษ ยนต์ ชุ่มจิต (2541 : 197) กล่าววา่ จรรยาบรรณของครู หมายถึง ประมวลความประพฤติหรอื กิริยา อาการทผ่ี ปู้ ระกอบวิชาชพี ครคู วรปฏบิ ตั ิ เพอื่ รกั ษาสง่ เสริมเกยี รตคิ ณุ ช่ือเสียงและฐานะ ของความเป็นครู อดศิ ร กอ้ นคำ (2551 : 1) จรรยาบรรณวิชาชพี ครู หมายถึง ประมวลพฤติกรรมท่ีกำหนดลกั ษณะ มาตรฐานการกระทำของครู อันจะทำให้วิชาชีพครูก้าวหน้าอย่างถาวร โดยที่ครูจะต้องดำเนินการเรียน การสอนโดยการยึดจรรยาบรรณต่อวิชาชพี ต่อผเู้ รียน และต่อตนเอง ในการทำหนา้ ทีข่ องครูใหส้ มบรู ณ์ สุเทพ ธรรมะตระกูล (2555 : 9) สรุปความหมาย จรรยาบรรณวิชาชีพครูเป็นแนวทางหรือข้อกำหนด ทค่ี รพู งึ ปฏบิ ตั ิซ่ึงประกอบด้วย จรรยาบรรณต่อตนเอง ต่อวิชาชพี ตอ่ ผ้รู บั บริการ ต่อผรู้ ่วมประกอบวชิ าชีพ และต่อสังคม พฤทธ์ิ ศิริบรรณพิทักษ์ (2557: 1) ให้ความหมายของ จรรยาบรรณวิชาชีพครู คือ กฎแห่งความ ประพฤติสำหรับสมาชิกวิชาชีพครูซ่ึงองค์กรวิชาชีพครูเป็นผู้กำหนด และสมาชิกในวิชาชีพทุกคนต้องถือ ปฏบิ ตั โิ ดยเครง่ ครดั หากมกี ารละเมดิ จะมกี ารลงโทษ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 9 ไกรนุช ศิรพิ ลู (2531 : 113) กลา่ วว่า จรรยาบรรณของครู คือ หนงั สือหรือเอกสารทีว่ า่ ดว้ ยกิริยา ท่คี รคู วรประพฤติปฏบิ ตั ิ ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วย จรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2556 กำหนดความหมายของจรรยาบรรณ ของวิชาชีพ หมายความว่า มาตรฐานการปฏิบัติตนที่กำหนดขึ้นเป็นแบบแผนในการประพฤติตน ซ่ึงผู้ประกอบ วิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียง และฐานะของผู้ประกอบ วิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นท่ีเชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคม อันจะนำมาซึ่งเกียรติและศักด์ิศรี แหง่ วิชาชีพ (ราชกจิ จานเุ บกษา, 2556) กล่าวโดยสรุป จรรยาบรรณวิชาชีพครู หมายถึง ความประพฤติหรือกิริยาอาการท่ีผู้ประกอบ วชิ าชีพครคู วรประพฤตแิ ละปฏบิ ตั ิเพ่ือใหเ้ กดิ ความดงี ามขน้ึ แก่ตนเองและวชิ าชีพครู ความสำคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพครู จรรยาบรรณวิชาชีพครูมีความสำคัญต่อวิชาชีพครูเช่นเดียวกับที่จรรยาบรรณวิชาชีพมีความสำคัญ ต่อวิชาชพี อนื่ ๆ สามารถสรปุ ได้ 3 ประการ คอื 1. ปกป้องการปฏบิ ัติงานของสมาชิกในวิชาชพี 2. รักษามาตรฐานวชิ าชีพ 3. พัฒนาวชิ าชีพ ลกั ษณะของจรรยาบรรณวิชาชพี ครู ลักษณะของจรรยาบรรณวชิ าชพี ครูจะตอ้ งมีลกั ษณะ 4 ประการ คือ 1. เปน็ คำม่ันสัญญาหรือพันธะผูกพนั ต่อผู้เรียน (Commitment to the student 2. เปน็ คำมั่นสัญญาหรือพันธะผูกพันต่อสังคม (Commitment to the society 3. เป็นคำมน่ั สัญญาหรือพนั ธะผกู พนั ตอ่ วชิ าชีพ (Commitment to the profession) 4. เป็นคำม่ันสัญญาหรือพันธะผูกพันต่อสถานปฏิบัติงาน (Commitment to the employment practice) วตั ถุประสงค์ของจรรยาบรรณวชิ าชีพครู วัตถุประสงค์ของจรรยาบรรณวชิ าชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถแบง่ ออกเป็น 4 ขอ้ ดังน้ี 1. เพ่ือให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีวินัยในตนเอง และพัฒนาตนเอง มีวิสัยทัศน์ มีความ ประพฤติดี สำนึกในหน้าท่ี และเป็นทยี่ อมรบั ของบุคคลทว่ั ไป 2. เพอื่ ใหค้ รูและบคุ ลากรทางการศึกษา รัก ศรทั ธา และซ่อื สตั ย์สจุ รติ รบั ผดิ ชอบตอ่ วิชาชีพ 3. เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา รัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กำลังใจแก่ศิษย์ และผู้รบั บริการด้วยความจรงิ ใจและเสมอภาค 4. เพ่ือให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลซ่ึงกันและกันอย่างสร้างสรรค์โดยยึดมั่น ในระบบคณุ ธรรม สร้างความสามัคคีในหมูค่ ณะ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 10 พฒั นาการของจรรยาบรรณวิชาชีพครู จรรยาบรรณวิชาชีพครู นั้นมีการกำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรคร้ังแรก ในปีพุทธศักราช 2506 มีหม่อมหลวงป่ิน มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะน้ัน เป็นผู้ริเริ่ม โดยสามารถแบ่ง พัฒนาการของจรรยาบรรณวิชาชีพ สามารถสรุปได้ดงั น้ี ฉบบั ท่ี 1 เรียกวา่ ระเบยี บครุ ุสภา วา่ ดว้ ย วนิ ัยตามระเบยี บประเพณขี องครู พ.ศ. 2506 1. ครูตอ้ งสนบั สนุนและปฏบิ ัติตามนโยบายของรฐั บาลดว้ ยความบริสุทธิ์ใจ 2. ครูต้องต้ังใจปฏิบัติหน้าท่ีของครู ให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ ของสถานศกึ ษา 3. ครูต้องสุภาพเรียบร้อย เช่ือฟัง และไม่แสดงความกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา ผู้อยู่ใต้ บงั คับบัญชาตอ้ งปฏิบัติตามคำส่ังผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าท่ีการงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบ แบบแผนของการศึกษา ในการปฏิบัติหน้าท่ีการงานห้ามมิให้กระทำข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน เว้นแต่ ผบู้ ังคับบัญชาเหนอื ข้ึนไปเป็นผู้สง่ั ใหก้ ระทำ หรอื ได้รบั อนุญาตเปน็ พิเศษชั่วครงั้ ชัว่ คราว 4. ครูตอ้ งอทุ ศิ เวลาของตนใหส้ ถานศกึ ษาจะละท้ิงหรือทอดท้ิงหนา้ ท่ีการงานมิได้ 5. ครตู อ้ งประพฤตติ นอย่ใู นความสจุ รติ และปฏิบัติหนา้ ท่ขี องตนด้วยความซื่อสัตย์ เทย่ี งธรรม 6. ครูตอ้ งรักษาช่ือเสียงของครูมใี ห้ข้ึนชอื่ ว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วห้ามมิให้ประพฤติการใด ๆ อันอาจ ทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักด์ิและช่ือเสียงของครู เช่น ประพฤติตนเป็นคนเสเพล เสพเคร่ืองดองของเมา จนไม่อาจครองสติได้ มีหน้ีสินรุงรังหมกมุ่นในการพนัน กระทำผิดอาญา ประพฤติผิดในทางประเวณี ตอ่ บุคคลหรือคู่สมรสของผู้อ่ืน กระทำหรือยอมใหผ้ ู้อ่ืนกระทำการอื่นใด อนั อาจทำให้เส่ือมเสียเกียรติศกั ด์ิ ของตำแหนง่ หนา้ ท่ขี องตน 7. ครูตอ้ งประพฤตติ นเป็นแบบอยา่ งท่ดี ีแก่ศิษย์ และไมด่ ูหม่นิ เหยียดหยามบคุ คลใด 8. ครตู อ้ งถอื และปฏิบตั ิตามแบบธรรมเนียมของสถานศกึ ษา 9. ครตู อ้ งรักษาความสามัคคีระหว่างครู และชว่ ยเหลอื ซ่งึ กันและกนั ในหน้าที่การงาน 10. ครตู อ้ งรกั ษาความลับของศษิ ย์ ผู้รว่ มงาน และสถานศึกษา ฉบบั ท่ี 2 เรียกวา่ ระเบยี บคุรุสภา ว่าดว้ ย จรรยามรรยาทตามระเบยี บประเพณขี องครู พ.ศ. 2506 1. ครูควรมีศรัทธาในอาชพี ครแู ละให้เกยี รตแิ กค่ รูดว้ ยกนั 2. ครคู วรบำเพ็ญตนให้สมกบั ที่ไดช้ อ่ื ว่าเป็นครู 3. ครคู วรใฝ่ใจศกึ ษาหาความรคู้ วามชำนาญอยูเ่ สมอ 4. ครคู วรต้ังใจฝึกสอนศิษยใ์ ห้เป็นพลเมอื งดีของชาติ 5. ครูควรร่วมมอื กับผูป้ กครองในการอบรมส่งั สอนเด็กอย่างใกลช้ ิด 6. ครคู วรรจู้ ักเสียสละและรบั ผดิ ชอบในหนา้ ท่กี ารงานทง้ั ปวง 7. ครูควรรักษาชือ่ เสยี งของคณะครู 8. ครูควรรจู้ กั มัธยัสถ์และพยายามสร้างฐานะของตนเอง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 11 9. ครูควรยึดมน่ั ในศาสนาทต่ี นนบั ถือและไม่ลบหลู่ศาสนาอนื่ 10. ครูควรบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แกส่ งั คม จรรยาบรรณท้ังสองฉบับดังกล่าว ได้ยกเลิกหลังจากได้มีการประกาศใช้ระเบียบคุรุสภาด้วย จรรยามรรยาทและวินยั ตามระเบยี บประเพณีของครู พ.ศ. 2526 ในปี พ.ศ. 2523 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาตไิ ด้จัดประชุมสัมมนาเกี่ยวกับจรรยาบรรณ ครูมีข้อสรุปให้มีจรรยาบรรณครูขึ้นมาอีกฉบับหน่ึงเรียกว่า“ จรรยาบรรณครูสำนักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2523” แบง่ จรรยาบรรณออกเปน็ 4 หมวด คอื 1. หมวดอุดมการณข์ องครู 2. หมวดเอกลกั ษณค์ รู 3. หมวดวินัยแหง่ วชิ าชพี ครู 4. หมวดบทบาทของครตู อ่ บุคคลและสงั คม แต่เนื่องจากจรรยาบรรณครูฉบับน้ีมิได้มีการประกาศใช้เป็นทางการ จึงไม่มีผลในทางปฏิบัติมากนัก ต่อมาคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภามีมติให้ต้ังคณะอนุกรรมการเพื่อปรับปรุงจรรยาบรรณครูข้ึนใหม่ โดยหลอมรวมระเบียบคุรุสภาท้ังสองฉบับกับจรรยาครูของคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เข้าด้วยกัน เป็นระเบียบคุรุสภา ว่าดว้ ย จรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู พ.ศ. 2526 ประกาศใช้ เมอื่ วันที่ 23 สิงกาคม 2526 มีรายละเอยี ดดังน้ี ระเบยี บครุ ุสภา ว่าดว้ ย จรรยามรรยาทและวนิ ยั ตามระเบียบประเพณขี องครู พ.ศ. 2526 โดยท่ีเป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคุรุสภา ว่าด้วย จรรยามรรยาทตามระเบียบประเพณีของ ครูและระเบียบคุรุสภา ว่าด้วย วินัยตามระเบียบประเพณีของครูเสียใหม่ให้เหมาะสม คณะกรรมการ อำนวยการคุรุสภา โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช 2488 จงึ วางระเบยี บไว้ดงั ต่อไปนี้ ขอ้ 1 ระเบียบนี้เรยี กวา่ “ ระเบียบครุ ุสภา ว่าด้วย จรรยามารยาทและวนิ ัยตามระเบียบประเพณี ของครู พ.ศ. 2526” ข้อ 2 ระเบียบน้ีใหใ้ ชบ้ ังคับต้งั แต่ 1 ตุลาคม 2526 เปน็ ต้นไปขอ้ ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบคุรุสภา ว่าด้วย จรรยามรรยาทตามระเบียบประเพณีของครู พ.ศ. 2506 ระเบียบครุ ุสภา ว่าด้วย วนิ ัย ตามระเบียบประเพณีของครู และระเบียบหรือคำสั่งอน่ื ใด ซึ่งขดั หรอื แย้งกับ ระเบียบน้ี ขอ้ 4 ครตู ้องมจี รรยามรรยาทอันดีงามและต้องอยูใ่ นวินัยตามระเบียบประเพณขี องครดู ังต่อไปนี้ 4.1 เลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความ บรสิ ุทธ์ิใจ 4.2 ยดึ ม่ันในศาสนาทีต่ นนับถือไม่ลบหลดู่ หู ม่นิ ศาสนาอืน่ 4.3 ตั้งใจส่ังสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าท่ีของตนให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่อุทิศเวลาของตน ใหแ้ ก่ศิษย์จะละทิง้ หรอื ทอดท้งิ หน้าท่ีการงานมิได้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 12 4.4 รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วห้ามประพฤติการใด ๆ อันอาจทำ ใหเ้ ส่อื มเสียเกียรตแิ ละชื่อเสยี งของของครู 4.5 ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษาและปฏิบัติตามคำส่ัง ของผู้บงั คับบญั ชา ซงึ่ สัง่ ในหน้าท่กี ารงาน โดยชอบด้านกฎหมายและระเบยี บแบบแผนของสถานศึกษา 4.6 ถ่ายทอดวชิ าความรู้โดยไม่บิดเบือน และปิดบังอำพราง ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานของ ผู้บังคับบัญชาซึ่งส่ังในหน้าท่ีการงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษาของ วชิ าการของตนไปใชใ้ นทางทจุ ริต หรอื เป็นภัยตอ่ มนุษยช์ าติ 4.7 ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการโดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน และไม่เบียดบังใชแ้ รงงานหรือนำผลงานของผู้อ่นื ไปเพื่อประโยชนส์ ว่ นตน 4.8 ประพฤติตนอยู่ในความซ่ือสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าท่ีของตนด้วยความเที่ยงธรรม ไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรอื ผ้อู นื่ โดยมิชอบ 4.9 สุภาพเรียบร้อย ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ของ ผ้รู ว่ มงานและของสถานศกึ ษา 4.10 รักษาความสามัคครี ะหว่างครู และช่วยเหลอื กันในหน้าทกี่ ารงาน ขอ้ 5 ใหเ้ ลขาธิการคุรุสภาเปน็ ผู้รักษาการตามระเบยี บนี้ สำหรับจรรยาบรรณครูที่ใช้ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2541) เรียกว่า ระเบียบคุรุสภา ว่าด้วย จรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539 มรี ายละเอยี ดดงั น้ี ระเบียบครุ สุ ภา วา่ ดว้ ย จรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539 โดยท่ีเห็นเป็นการสมควรให้มีการปรบั ปรุงระเบียบคุรุสภา ว่าด้วย จรรยา มารยาท และวนิ ัยตาม ระเบียบประเพณีครู พ.ศ. 2526 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 (2) และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช 2488 คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาจึงวางระเบียบไว้เป็นจรรยาบรรณครู เพ่ือเป็นหลักปฏิบัติ ในการประกอบวิชาชีพครู ขอ้ 1 ระเบยี บน้เี รียกว่า“ ระเบียบคุรสุ ภา ว่าดว้ ย จรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539” ขอ้ 2 ระเบียบให้ใชบ้ งั คบั ตั้งแตว่ ันถัดจากวันประกาศเป็นตน้ ไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบคุรุสภา ว่าด้วย จรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู พ.ศ. 2526 และให้ใช้ระเบยี บนี้แทน ข้อ 4 กำหนดให้ครมู จี รรยาบรรณดังต่อไปน้ี 4.1 ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริมให้กำลังใจในการศึกษา เล่าเรียนแก่ศิษย์โดยเสมอหน้า 4.2 ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะและนิสัยท่ีถูกต้องดีงามให้เกิดแก่ ศิษย์อยา่ งเตม็ ความสามารถดว้ ยความบรสิ ุทธ์ิใจของศษิ ย์ 4.3 ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และ สังคมของศษิ ย์
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 13 4.4 ครูต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามปกติ และไม่ใชใ้ หศ้ ษิ ย์กระทำการใด ๆ อันเปน็ การหาประโยชนใ์ หแ้ ก่ตนโดยมิชอบ 4.5 ครตู ้องพัฒนาตนเองท้ังในดา้ นวชิ าชีพ ด้านบุคลิกภาพและวสิ ัยทศั น์ใหท้ ันต่อการพัฒนา ทางวทิ ยาการ เศรษฐกิจสังคมและการเมืองอยเู่ สมอ 4.6 ครยู อ่ มรักและศรทั ธาในวิชาชพี ครู และเปน็ สมาชกิ ท่ดี ขี ององค์กรวิชาชพี ครู 4.7 ครูจึงช่วยเหลอื เกื้อกูลครูและชมุ ชนในทางสรา้ งสรรค์ 4.8 ครพู ึงประพฤตปิ ฏิบัตติ นเป็นผนู้ ำในการอนรุ ักษ์และพฒั นาภูมปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทย ข้อ 5. ให้เลขาธิการคุรุสภารกั ษาการให้เปน็ ไปตามระเบยี บนี้ ข้อบังคับครุ สุ ภา วา่ ดว้ ย จรรยาบรรณของวิชาชพี พ.ศ. 2556 ภาพประกอบที่ 1.2 จรรยาบรรณวิชาชีพครู พ.ศ. 2556 จรรยาบรรณวชิ าชพี ครู พ.ศ. 2556 แบ่งออกเป็น 5 ดา้ น 9 ข้อ ดังนี้ ด้านที่ 1 จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง ข้อที่ 1 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทศั น์ให้ทนั ตอ่ การพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกจิ สังคมและการเมืองอยเู่ สมอ ด้านที่ 2 จรรยาบรรณต่อวชิ าชีพ ขอ้ ท่ี 2 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา ต้องรกั ศรัทธา ซ่ือสัตยส์ ุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพและ เปน็ สมาชกิ ท่ดี ีขององคก์ รวิชาชีพ ดา้ นท่ี 3 จรรยาบรรณตอ่ ผ้รู บั บรกิ าร ข้อที่ 3 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องรักเมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กำลังใจแก่ศิษย์ และผ้รู บั บรกิ ารตามบทบาทหน้าทโี่ ดยเสมอหน้า
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 14 ขอ้ ท่ี 4 ผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ต้องสง่ เสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะ และนิสัยท่ีถูกต้องดี งามแก่ศิษย์ และผู้รับบรกิ ารตามบทบาทหน้าท่อี ยา่ งเตม็ ความสามารถด้วยความบรสิ ทุ ธิใ์ จ ข้อท่ี 5 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤตปิ ฏิบัติตนเป็นแบบอย่างท่ีดี ทั้งทางกาย วาจา และจติ ใจ ข้อที่ 6 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจอารมณ์ และสังคมของศิษยแ์ ละผูร้ บั บริการ ข้อท่ี 7 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่ เรียกหรือยอมรบั ผลประโยชน์จากการใชต้ ำแหน่งหน้าทโี่ ดยมิชอบ ด้านที่ 4 จรรยาบรรณต่อผรู้ ว่ มประกอบวิชาชพี ข้อที่ 8 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาพึงช่วยเหลือเก้ือกูลซ่ึงกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดม่ัน ในระบบคุณธรรมสร้างความสามัคคใี นหมู่คณะ ดา้ นที่ 5 จรรยาบรรณตอ่ สงั คม ข้อที่ 9 ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา พึงประพฤตปิ ฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนรุ ักษแ์ ละพัฒนา เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดม่ัน ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข 10. มาตรฐานวิชาชีพครู มาตรฐานวิชาชีพครู เป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะและคุณภาพที่พึงประสงค์ท่ีต้องการให้ เกิดข้ึนในการประกอบวิชาชีพครูโดยผู้ประกอบวชิ าชีพจะต้องนำมาตรฐานวชิ าชีพเป็นหลักเกณฑ์ในประกอบ วิชาชีพคุรุสภาซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพครูตาม พ.ร.บ. ครู พ.ศ. 2488 ได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพครูไว้ 3 ด้าน กลา่ วคือ 1. มาตรฐานดา้ นความรู้และประสบการณ์วชิ าชีพ 2. มาตรฐานดา้ นการปฏบิ ัติงาน 3. มาตรฐานดา้ นการปฏบิ ัติตน มาตรฐานด้านความรู้และประสบการณว์ ชิ าชีพ เป็นคุณลักษณะความรู้ความสามารถ และทักษะเกีย่ วกับการประกอบอาชีพซ่ึงจะต้องได้รับการศึกษา และฝึกประสบการณ์วิชาชีพจากสถาบันผลิตครูมาก่อน และถือว่าเป็นคุณลักษณะเบ้ืองต้นที่จะได้รับสิทธิ ในการประกอบวิชาชพี ครูกำหนดไว้ ดงั น้ี 1. วุฒปิ รญิ ญาตรีทางการศึกษาท่สี ภาวิชาชีพรับรองหรอื 2. วุฒิปริญญาตรีทางวิชาการหรือวิชาชีพอื่นและได้ศึกษาวิชาการศึกษาหรือฝึกอบรมวิชาชีพ ทางการศึกษามาไม่นอ้ ยกว่า 24 หน่วยกติ 3. ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาที่สภาวิชาชีพรับรองและผ่านการประเมินการปฏิบัติ การสอนตามเกณฑ์ทีส่ ภาวิชาชีพกำหนด
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 15 มาตรฐานด้านการปฏิบัติงาน ซ่ึงมาตรฐานการปฏิบัติงานเป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะการ ปฏิบัติหน้าที่ของผู้ประกอบวิชาชีพครู ซ่ึงเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากคุณภาพภายในตัวครู มีลักษณะเฉพาะ สำหรับผู้ท่ีหน้าที่ครูเท่านั้น เป็นทักษะทางวิชาชีพครูท่ีแสดงถึงคุณภาพและมาตรฐานการปฏิบัติงานของ ผปู้ ระกอบวิชาชพี เกณฑ์มาตรฐานวชิ าชีพครทู ี่สภาวิชาชพี (คุรุสภา) กำหนด ประกอบดว้ ย 12 เกณฑ์มาตรฐาน ดังน้ี มาตรฐานที่ 1 ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทางวชิ าการเก่ยี วกบั การพัฒนาวชิ าชพี ครอู ยเู่ สมอ มาตรฐานท่ี 2 ตดั สินใจปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ ง ๆ โดยคำนึงถึงผลทีจ่ ะเกิดขน้ึ กับผเู้ รียน มาตรฐานที่ 3 มุ่งมน่ั พฒั นาผ้เู รียนใหเ้ ตม็ ตามศักยภาพ มาตรฐานที่ 4 พฒั นาแผนการสอนให้สามารถปฏบิ ตั ิให้เกดิ ผลจริง มาตรฐานท่ี 5 พฒั นาส่ือการเรียนการสอนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพอยู่เสมอ มาตรฐานท่ี 6 จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยเนน้ ผลถาวรทีเ่ กิดแก่ผู้เรียน มาตรฐานท่ี 7 รายงานผลการพฒั นาคุณภาพของผเู้ รียนไดอ้ ย่างมีระบบ มาตรฐานท่ี 8 ปฏบิ ัตติ นเป็นแบบอยา่ งทีด่ ีแกผ่ ู้เรยี น มาตรฐานท่ี 9 ร่วมมอื กับผ้อู ่ืนในสถานศึกษาอยา่ งสร้างสรรค์ มาตรฐานท่ี 10 ร่วมมือกบั ผู้อ่นื อย่างสร้างสรรคใ์ นชมุ ชน มาตรฐานที่ 11 แสวงหาและใช้ข้อมลู ข่าวสารในการพัฒนา มาตรฐานท่ี 12 สรา้ งโอกาสให้ผเู้ รียนได้เรียนรูไ้ ด้ทกุ สถานการณ์ มาตรฐานด้านการปฏิบัติตน ได้แก่ ตามจรรยาบรรณครูที่สภาวิชาชีพ (คุรุสภา) กำหนดซ่ึงปัจจุบัน กำหนดไว้ ดงั นี้ 1. ครตู ้องรกั และเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใสช่ ่วยเหลือส่งเสริมกำลังใจในการศึกษาเล่าเรียน แกศ่ ษิ ย์โดยเสมอหนา้ 2. ครูต้องอบรมส่ังสอนฝึกฝนสร้างเสริมความรู้ทักษะและนิสัยที่ครูต้องดีงามให้เกิดแก่ศิษย์ อยา่ งเตม็ ความสามารถด้วยความบรสิ ุทธ์ิใจ 3. ครูตอ้ งประพฤติปฏิบตั ิตนเป็นแบบอยา่ งท่ดี แี ก่ศิษย์ ท้ังกาย วาจา และจติ ใจของศิษย์ 4. ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และ สงั คมของศิษย์ 5. ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติและ ไมใ่ ชศ้ ิษยก์ ระทำการใด ๆ อนั เป็นการหาประโยชน์ให้แกต่ นโดยมิชอบ 6. ครูย่อมพัฒนาตนเองท้ังในด้านวิชาชีพด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทาง วทิ ยาการเศรษฐกิจสังคมและการเมืองอยเู่ สมอ 7. ครยู อ่ มรักและศรทั ธาในวิชาชีพครู และเปน็ สมาชกิ ทีด่ ีขององคก์ รวชิ าชีพครู 8. ครูพงึ่ ชว่ ยเหลอื เกอื้ กูลครูและชมุ ชนในทางสร้างสรรค์ 9. ครูพึงประพฤติปฏิบัตติ นเปน็ ผนู้ ำในการอนรุ ักษ์ และพฒั นาภูมิปญั ญาและวฒั นธรรมไทย
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 16 11. จรรยาบรรณทางการแพทย์ ภาพประกอบที่ 1.3 จรรยาบรรณทางการแพทย์ จรรยาบรรณ คำ ๆ นี้สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เคยตรัสว่า โดย หวัง ประโยชน์พสกนิกรสูงสุด และให้แพทย์พึ่งสำนึกตัวเอง ดังคำที่พูดว่า ประโยชน์ส่วนตนเป็นท่ี 2 ประโยชน์ ต่อเพือ่ นมนษุ ย์เปน็ ท่ี 1 จรรยาบรรณแพทย์ คือ 1. เนน้ ประโยชนผ์ ู้ป่วยสูงสดุ (beneficence) 2 สิง่ ทจี่ ะทำต้องเนน้ ไม่ใหผ้ ูป้ ว่ ยได้รบั อนั ตรายใด ๆ เพ่ิมข้ึน (Non-maleficence) 3. ผู้ป่วยมีสิทธิ์อันชอบรมที่จะรู้สาเหตุลาการป่วยของตัวเองและเลือกวิธีรักษาตามความเหมาะสม (Autonomy) 4. การรักษาต้องอาศัยความบริสุทธิ์ยุติธรรมไปตามสมมุติฐานโรคของผู้ป่วยแต่ละคนอย่างแท้จริง (Justice) 5. ท้ังผู้รักษาหรือผู้ดูแลพยาบาลและคนไข้ต่างมีเกียรติและสมควรได้รับการปฏิบัติต่อกันอย่างมี เกียรติ (dignity) 6. แพทย์และพยาบาลต้องไม่ปิดอาการป่วยต่อผู้ป่วยและควรให้ผู้ป่วยรับรู้ความหนักเบาของ อาการป่วย ตามความจริง แต่ท้ังน้ีต้องดูความเหมาะสมอย่างอ่ืนประกอบ เช่น สภาพจิตผู้ป่วยด้วย (Truthfulness and Honesty) 12. จรรยาบรรณวิศวกร ภาพประกอบท่ี 1.4 จรรยาบรรณวิศวกร
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 17 จรรยาบรรณวศิ วกรของสมาคมวิศวกรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชปู ถัมภ์ มดี ังนี้ 1. วศิ วกรต้องรับผิดชอบและใหค้ วามสำคัญเป็นอนั ดับแรกต่อสวสั ดภิ าพ สุขภาพ ความปลอดภัย ของสาธารณชนและส่งิ แวดล้อม 2. วิศวกรต้องให้ข้อมูล และแสดงความคิดเห็นตามหลักวิชาการตามท่ีตนทราบอย่างถ่องแท้แก่ สาธารณชนด้วยความสตั ยจ์ รงิ 3. วิศวกรต้องดำรงและสง่ เสริมความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ เกียรติยศและศกั ดิ์ศรี ของวชิ าชพี วิศวกรรม 4. วศิ วกรต้องปฏบิ ตั ิงานเฉพาะที่ตนมคี วามรูค้ วามสามารถเท่านนั้ 5. วิศวภรตองสร้างช่ือเสียงในวชิ าชพี จกคุณคำของงานและต้องไมแ่ ข่งขนั กันอยา่ งไมย่ ตุ ธิ รรม 6. วศิ วกรต้องรับผดิ ชอบต่องานและผลงานในวิชาชพี ของตน 7. วิศวกรต้องใช้ความรู้และความชำนาญในงานวิชาชีพอย่างซ่ือตรง เพ่ือผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้าง หรือลกู ค้างตนปฏิบัติงาน ให้เสมือนเป็นตวั แทนท่ีซอ่ื ตรงหรอื เปน็ ผทู้ ่ไี ดร้ ับความไว้วางใจ 8. วิศวกรพึงพัฒนาและเผยแพร่ความรู้หงวิชาชีพของตนตลอดเวลาท่ีประกอบวิชาชีพวิศวกรรม และตอ้ งให้ความสำคัญในการชว่ ยเหลือส่งเสริมเพื่อเพ่ิมพูนความรู้และประสบการณ์ให้แก้วศิ วกรในความ ดูแลของตนอย่างจรงิ จงั 13. จรรยาบรรณทหาร ภาพประกอบท่ี 1.5 จรรยาบรรณทหาร 1. มีความจงรกั ภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ 2. ยดื ม่ันในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ 3. ยอมสละประโยชนส์ ว่ นตน เพือ่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ 4. รักษาช่ือเสียงและเกยี รติศักด์ขิ องทหาร 5. มคี ณุ ธรรม มีความซ่อื สตั ย์สจุ รติ 6. ซ่อื ตรงตอ่ ตนเอง ผูอ้ น่ื และครอบครัว
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 18 7. มีลักษณะผู้นำ มีวินัย ปฏิบัติตามคำสั่งอันชอบธรรมถูกต้องตามกฎหมายโดยเคร่งครัดและ ปกครองผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาด้วยความเปน็ ธรรม 8. ต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าท่ีเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบอันจักทำให้เส่ือมเสียศักด์ิศรีและ เกยี รตภิ ูมิ ของทหาร 9. ไมร่ ับทรัพย์สนิ หรือประโยชน์อน่ื ใดจากผู้ใต้บงั คบั บัญชาหรอื บุคคลอื่นอันอาจทำให้เปน็ ทส่ี งสัย หรอื เขา้ ใจว่ามกี ารเลอื กปฏบิ ตั ิหรอื ไม่เป็นธรรม 10. ปฏบิ ตั ิตอ่ บุคคลทีม่ าตดิ ตอ่ เก่ียวขอ้ งอย่างเสมอภาคและเท่าเทยี มกัน 11. รู้รกั สามัคคีเพ่อื ประโยชนต์ ่อการปฏิบัตริ าชการทหาร 12. ต้องบริหารทรพั ยากรท่มี ีอย่อู ย่างคมุ้ คำ่ และเกดิ ประโยชน์สงู สดุ ต่อทางการทหาร 13 พฒั นาตนใหม้ ีความรู้ ความสามารถและทกั ษะในการปฏิบัตงิ านเพอื่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ทางราชการทหาร 14. รักษาความลบั ของทางราชการทหารโดยเคร่งครัด 14. จรรยาบรรณของข้าราชการพลเรือน ภาพประกอบที่ 1.6 จรรยาบรรณของข้าราชการพลเรือน ขา้ ราชการพลเรอื นมีหนา้ ท่แี ละความรับผิดชอบสำคัญในการพฒั นาประเทศรวมท้ังการให้บรกิ าร แก่ประชาชนซึ่งจำเป็นต้องทำงานร่วมกันหลายฝ้าย ฉะน้ัน เพื่อให้ข้าราชการพลเรือนมีความประพฤติดี สำนึก ในหน้าท่ีสมารถประสานงานกับทุกฝ่ายตลอดจนปฏิบัติหน้าท่ีราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล ย่งิ ขึ้น จึงสมควรให้มีขอ้ บังคับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วย จรรยาบรรณของข้าราชการ พลเรอื นไว้เป็นประมวลความประพฤติเพื่อรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและส่งเสรมิ ช่ือเสียง เกียรติคุณ เกียรตฐิ านะ ข้าราชการพลเรอื น อันจะยังผลใหผ้ ูป้ ระพฤตเิ ปน็ ท่ีเลอ่ื มใสศรทั ธาและ ยกยอ่ งของบุคคลโดยท่วั ไป
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 19 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 (5) และมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2535 จึงออกข้อบังคับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วย จรรยาบรรณ ของขา้ ราชการพลเรอื นไว้ดังตอ่ ไปนี้ 15. จรรยาบรรณต่อตนเอง 1. ขา้ ราชการพลเรอื นพึ่งเป็นผู้มีศีลธรรมอันดีและประพฤตติ นให้เหมาะสมกบั การเปน็ ข้าราชการ 2. ข้าราชการพลเรือนพึงใช้วิชาชีพในการปฏิบัติหน้าท่ีราชการด้วยความชื่อสัตย์และไม่แสวงหา ประโยชนโ์ ดยมิชอบ ในกรณที ีว่ ชิ าชีพใดมีจรยาวิชาชพี กำหนดไวก้ ็พึงปฏิบัตติ ามจรรยาบรรณวชิ าชีพนัน้ ด้วย 3. ข้าราชการพลเรือนพึงมีทัศนคติที่ดีและพัฒนาตนเองให้มีคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งเพิ่มพูน ความรู้ ความสมารถละทักษะในการทำงนเพื่อให้การปฏบิ ัติหน้าที่ราชการมีประสิทธภิ าพ ประสิทธผิ ลยงิ่ ข้นึ 16. จรรยาบรรณตอ่ หนว่ ยงาน 4. ข้าราชการพลเรอื นพึงปฏิบตั ิหนา้ ทีร่ าชการด้วยความสจุ รติ เสมอภาคและปราศจากอคติ 5. ข้าราชการพลเรือนพึงปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังความสามารถ รอบคอบ รวดเร็ว ขยันหมน่ั เพยี ร ถูกตอ้ งสมเหตุสมผล โดยคำนึงถงึ ประโยชน์ของทางราชการและประชาชนเปน็ สำคญั 6. ข้าราชการพลเรือนพึงประพฤติตนเป็นผู้ตรงต่อเวลา และใช้เวลาราชการให้เป็นประโยชน์ต่อ ทางราชการอย่างเตม็ ที่ 7. ข้าราชการพลเรือนพึงดูแลรักษาและใช้ทรัพย์สนิ ของทางราชการอย่างประหยัดคุ้มคำ่ โดยระมัดระวัง มใิ ห้เสียหายหรอื ส้นิ เปลืองเยี่ยงวิญญชู นจะพึงปฏบิ ตั ิต่อทรัพย์สนิ ของตนเอง 17. จรรยาบรรณตอ่ ผู้บงั คบั บญั ชา ผอู้ ยใู่ ดบังคบั บัญชาและผูร้ ว่ มงาน 8. ข้าราชการพลเรือนพึงมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงาน การให้ความร่วมมือช่วยเหลือกลุ่มงาน ตนทั้งในด้านการให้ความคิดเห็น การช่วยทำงานและการแก้ปัญหาร่วมกัน รวมท้ังการเสนอแนะในสิ่งท่ี เหน็ ว่าจะมีประโยชนต์ ่อการพัฒนางานในความรบั ผดิ ชอบดว้ ย 9. ขา้ ราชการพลเรือนซ่งึ เป็นผบู้ ังคับบญั ชา พึงดแู ลเอาไงใส่ผู้บังคับบัญชาท้งั ในตนั การปฏิบัติงาน ขวัญกำลังใจ สวัสดิการ และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนปกครองผู้อยู่ใต้ บังคบั บญั ชาด้วยหลกั การและเหตุผลที่ถกู ต้องตามทำนองคลองธรรม 10. ข้าราชการพลเรือนพึงช่วยเหลือเก้ือกลู กันในทางที่ชอบ รวมท้ังส่งเสริมสนบั สนุนใหเ้ กิดความ สามัคคี ร่วมแรงรว่ มใจในบรรดาผู้รว่ มงานในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่เี พอ่ื ประโยชนส์ ่วนรวม 11. ข้าราชการพลเรือนพึ่งปฏิบัติต่อผู้ร่วมงานตลอดจนเกี่ยวข้องด้วยความสุภาพมีน้ำใจและ มนุษย์สัมพนั ธ์อนั ดี 12. ข้าราชการพลเรือนพึงละเว้นจากการนำผลงานของผ้อู ่นื มาเป็นของตน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 20 18. จรรยาบรรณต่อประชาชนและสงั คม 13. ข้าราชการพลเรือนพึงให้บริการประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยความเป็นธรรม เอ้ือเฟื้อ มีน้ำใจ และใช้กิริยาวจาท่ีสุภาพอ่อนโยน เมื่อเห็นว่าเร่ืองใดไม่สามารถปฏิบัติได้หรือไม่อยู่ใน อำนาจ หน้าท่ขี องตนจะตอ้ งปฏิบตั ิ ควรชี้แจงเหตุผลหรอื แนะใหต้ ิดต่อยังหนว่ ยงานหรอื บุคคลซง่ึ ตนทราบ วา่ มอี ำนาจหน้าที่เกีย่ วขอ้ งกับเรือ่ งนัน้ ๆ ตอ่ ไป 14. ข้าราชการพลเรอื นพงึ ประพฤตติ นใหเ้ ปน็ ที่เชอ่ื ถือของบคุ คลท่ัวไป 15. ข้าราชการพลเรือนพึงละเว้นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดซึ่งมีมูลค่าเกินปกติวิสัยที่ วิญญูชน จะให้กันโดยเสน่หาจากผู้มาติดต่อราชการ หรือผู้ซึ่งอาจได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าท่ี ราชการนั้น หากได้รับไว้แล้วและทราบภายหลังว่าทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่รับไว้มีมูลค่าเกินปกติ วสิ ัยกใ็ หร้ ายงาน ผบู้ งั คับบญั ชาทราบโดยเรว็ เพอ่ื ดำเนินการตามสมควรแกก่ รณี 16. ข้อบงั คับฉบบั น้ีใหใ้ ช้บังคับต้ังแตว่ นั ถัดจกวนั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นต้นไป 19. จรรยาบรรณสถาปนิก ภาพประกอบที่ 1.7 จรรยาบรรณสถาปนกิ 1. ต้องทำงานโดยซื่อสัตย์ ไม่ท้ิงงานหากไม่มีเหตุอันควรและต้องต้ังใจทำงานของตนให้เป็นผลดีต่อ “สงั คม” 2. หา้ มทำอะไรที่เสอ่ื มแก่ \"เกียรติศกั ด์ิแห่งวชิ าชพี \" 3. หา้ มโฆษณาใด ๆ \"ซึง่ การประกอบวิชาชพี สถาปนิก\" 4 ทามใชแ้ บบทอ่ี อกแบบให้คนอน่ื แลว้ ยกเวน้ แตเ่ จา้ ของแบบเดมิ อนญุ าต 5. ไมต่ รวจเช็คงานสถาปนิกอื่น เวน้ แต่ทำตามหน้าท่ีและสถาปนิกอ่นื น้นั ทราบก่อน 6. ไมแ่ ยง่ งานสถาปนกิ อืน่ (ไม่ทำงานทีส่ ถาปนิกอืน่ กำลงั ทำอยู่) 7. ไมห่ างานโดยการลดหรือประกวดคา่ แบบ 8. ไม่ใช้ตำแหน่งหรืออิทธิพล หรือใหค้ อมมิชชนั่ เพ่ือได้งานออกแบบ 9. ปกปิดความลบั ของแบบลูกค้าตน และไมล่ อกแบบผอู้ นื่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 21 10. ไม่ทำลายช่ือเสียงสถาปนิกอื่น 11. ห้ามกนิ คา่ คอมมิชช่ัน ซองขาว หรอื คา่ สเปค 12. ไม่รับเหมากอ่ สรา้ ง 20. จรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี ภาพประกอบที่ 1.8 จรรยาบรรณวชิ าชีพบัญชี 1. ความโปร่งใส ความเป็นอสิ ระ ความเที่ยงธรรมและความซอ่ื สตั ย์สจุ รติ 2. ความรคู้ วามสามารถและมาตรฐานในการปฏิบตั งิ าน 3. ความรับผิดชอบต่อผู้รบั บริการและการรักษาความลบั 21. จรรยาบรรณวิชาชีพเวชระเบยี น ภาพประกอบท่ี 1.9 จรรยาบรรณวชิ าชีพเวชระเบยี น
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 22 1. บริการย่อมมาก่อนผลประโยชน์อ่ืนใดมีความซื่อสัตย์สุจริตในวิชาชีพโดยไม่คำนึงถึงประโยชน ส่วนตวั ใหค้ วามสนใจต่อผูป้ ่วย (ลูกคา้ ) โดยเท่าเทียมกันโดยไมม่ ีการเลอื กปฏิบัติเพือ่ นำชื่อเสียงเกียรติคุณ มาสู่ตนเอง สูส่ มาคม และสวู่ ิชาชพี เวชระเบียน 2. เก็บรักษาเวชระเบียนที่อยู่ในความดูแลของตนโดยถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล (ความลับ) โดยไม่ มีการเปิดเผยหรือทำลาย นอกจากจะเปน็ ไปตาม กฎระเบยี บ อายคุ วามหรือนโยบายของผ้บู ริหาร 3. ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชา (นายจ้าง) มอบหมายด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต และเป็นไป ในทิศทางเดยี วกัน 4. หลกี เลี่ยงการกระทำหรือการปกปิดการกระทำท่ฝี ่าฝืนต่อจริยธรรมอนั ดี 5. เปิดเผยข้อมูลในเวชระเบียนต่อผู้เป็นเจ้าของเวชระเบียนโดยตรง (ตัวผู้ป่วย) ไม่เปิดเผยข้อมูล ในเวชระเบียนโดยไม่จำเป็น ยกเว้นจะเป็นการใช้เพื่อเป็นหลักฐานตามกฎหมาย หรือเป็นไปตามกฎระเบียบ อืน่ ๆ 6. รักษากฎระเบียบต่าง ๆ ที่กำหนดขน้ึ โดยคณะกรรมการเวชระเบียนอย่างเครง่ ครัด 7. ยอมรับเงินค่าบริการต่าง ๆ เฉพาะท่ีกำหนดไว้ในกฎหมาย หรือตามธรรมเนียมปฏิบัติ ซ่ึงตน ควรจะไดต้ ามหน้าที่ 8. หลีกเส่ียงการก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลอื่น และไม่แสดงอำนาจการตัดสินใจที่ นอกเหนือ ขอบเขตทตี่ นเองรบั ผดิ ชอบอยู่ 9. ยายามแสวงหาความรู้เพม่ิ เติม หม่นั ฝึกฝนและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อการบรกิ ารทาง สาธารณสุขท่ดี ีมีสุขภาพ 10. มีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากร และเสริมสร้างความเข้มแข็งในวิชาชีพ ตลอดจนการเผยแพร่ สาขาวชิ าชพี เวชระเบียนใหเ้ ปน็ ทีร่ จู้ ักแกส่ าธารณะ 11. ในฐานะเจ้าหน้าท่ีเวชระเบียนจะต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล (ความลับ) ของผู้ป่วยและ เผยแพร่ขอ้ มลู ขององคก์ รในลักษณะภาพรวมท้งั หมด 12 บอกกล่าวความจริงอย่างละเอียดเก่ียวกับการศึกษา ประสบการณ์ต่าง ๆ ของตนต่อ ผู้บงั คบั บัญชา (นายจา้ ง) หรอื วา่ ท่ีนายจ้างในอนาคต 22. ประโยชนข์ องจรรยาบรรณ จรรยาบรรณ มีความสำคัญอย่างมากต่อการประกอบการหรือการประกอบอาชีพทุกชนิดเพราะ จรรยาบรรณจะช่วยควบคุมพฤติกรรมของสมาชิกหรือผ้ปู ระกอบการแต่ละคนในกลุ่มใหเ้ ป็นไปโดยถูกตอ้ ง รวมทั้งทำให้กลุ่มมีความสมัครสมานสามัคคีและปฏิบัติงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น จรรยาบรรณยังช่วยให้การบริการต่อผู้อื่นของผู้ปฏิบัติการหรือกลุ่มผู้ประกอบการเป็นไปอย่างมีคุณธรรม ไมม่ กี ารเอารัดเอาเปรียบซง่ึ กนั และกนั ชำเลอื ง วฒุ จิ ันทร์ ไดก้ ลา่ วถึง ประโยชนข์ องจรรยาบรรณไว้ ดงั นี้ 1. จรรยาบรรณช่วยควบคุมมาตรฐาน รับประกันคุณภาพ และปริมาณที่ถูกต้องในการประกอบการ และการดำเนินงานของผ้ปู ระกอบการ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 23 2. จรรยาบรรณช่วยควบคมุ จริยธรรมของผ้ปู ระกอบการให้เป็นผู้มีความซื่อสัตยส์ ุจริตและยุติธรรม 3. จรรยาบรรณชว่ ยส่งเสริมมาตรฐาน คณุ ภาพ และปรมิ าณของผลผลิตทผี่ ูป้ ระกอบการจดั ทำขึ้นให้ 4. จรรยาบรรณช่วยส่งเสริมจรยิ ธรรมของผู้ประกอบการ และผู้ดำเนินการให้มีความเมตตากรณุ า อยู่ในเกณฑ์ทีด่ ีอยเู่ สมอเห็นอกเหน็ ใจต่อผู้ร่วมงานและผู้รบั ผิดชอบ 5. จรรยาบรรณลดการเอารัดเอาเปรียบ การลดความเห็นแก่ตัวตลอดจนความมักง่าย ใจแคบ ไม่ยอม เสยี สละ 6. จรรยาบรรณชว่ ยเน้นใหเ้ ห็นชัดเจนยิ่งข้ึนในภาพพจนท์ ่ีดีของผู้มจี รยิ ธรรม เช่น ในเร่อื งของการ เสียสละ การเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนและการรับผดิ ชอบในหนา้ ทก่ี ารงาน 7. จรรยาบรรณช่วยทำหน้าที่พิทักษ์สิทธิตามกฎหมายสำหรับผู้ดำเนินการหรือผู้ประกอบการให้ เป็นไปโดยถกู ตอ้ งตามทำนองคลองธรรม (ชำเลอื ง วุฒิจนั ทร์, 2524 : 131) 23. บทสรุป จรรยาบรรณในวิชาชีพจะเป็นส่ิงสำคัญในการที่จะจำแนกอาชีพว่าเป็นวิชาชีพหรือไม่ อาชีพท่ีเป็น “วิชาชีพ” น้ัน กำหนดให้มีองค์กรรองรับและมีการกำหนดมาตรฐานของความประพฤติของผู้อยู่ในวงการ วชิ าชีพซ่ึงเรียกว่า “จรรยาบรรณ” ส่วนลักษณะ “วิชาชีพ” ที่สำคัญ คือ เป็นอาชีพท่ีมีศาสตร์ชั้นสูงรองรับ มีการศึกษาค้นคว้าวิจัยและพัฒนาวิชาชีพมีการจัดการสอนศาสตร์ดังกล่าวในระดับอุดมศึกษาท้ังการสอน ด้วยทฤษฎีและการปฏิบัติจนผู้เรียนเกิดความชำนาญและมีประสบการณ์ในศาสตร์น้ัน นอกจากน้ีจะต้องมี องค์กรหรือสมาคมวิชาชีพตลอดจนมี “จรรยาบรรณในวิชาชีพ” เพื่อให้สมาชิกในวิชาชีพดำเนินชีวิตตาม หลักมาตรฐานดังกล่าวหลักที่กำหนดใน จรรยาบรรณวิชาชีพท่ัวไป คือ แนวความประพฤติปฏิบัติท่ีมีต่อ วิชาชีพต่อผู้เรียน ต่อตนเองและต่อสังคมซ่ึงแต่ละจรรยาบรรณวิชาชีพจะมีข้อประพฤติปฏิบัติท่ีแตกต่างกัน และปฏิบัติตนตามระเบียบ แบบแผน ข้อบังคับ ข้อกำหนดเพ่ือให้งานบรรลุตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ คำถามทบทวน 1. คำวา่ “จรรยาบรรณวิชาชพี ” ในอดุ มคติมีหมายความว่าอย่างไร 2. หลักการสำคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพ มคี วามสำคญั อยา่ งไร 3. ทำไมต้องประพฤติปฏบิ ัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพ เพราะเหตใุ ด 4. จรรยาบรรณวิชาชีพกำหนดขึ้นเพ่ือวตั ถุประสงคใ์ ด 5. โทษของผ้ปู ระพฤตผิ ิดจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครมู ีกส่ี ถาน อะไรบา้ ง
24 เอกสารอ้างอิง การปฏิบตั ติ นตามวชิ าชีพ. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://www.kruchiangrai.net สบื ค้น ขอ้ มูลเมือ่ วนั ท่ี 30 มกราคม พ.ศ. 2564. ความหมายของจรรยาบรรณ. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/crryabrrnwichachiph/khwam-hmay-khxng-crrya-brrn สบื คน้ ขอ้ มลู เมอ่ื วนั ท่ี 30 มกราคม พ.ศ. 2564. จรินทร์ งามแมน้ . คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณวชิ าชีพครู. คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราช ภัฏหมู่บ้านจอมบึง. เอกพนั ธ์ ปัดถาวะโร. 2555. แนวคิดจรรยาบรรณวชิ าชพี ชัน้ สูง. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : http://aekapan.blogspot.com สบื คน้ ข้อมูลเมื่อวันท่ี 30 มกราคม พ.ศ. 2564. มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทท่ี 2 คณุ ธรรม จริยธรรม และจิตวิญญาณความเป็นครู สภาพแวดล้อมในสังคมไทยปัจจุบันมีการเปล่ียนแปลงตามกระแสโลกาภิวัตน์จากการเคล่ือนไหว ของวัฒนธรรมที่หลากหลายจากต่างประเทศ มีสื่อและเทคโนโลยีทีไ่ ร้พรมแดนส่งผลกระทบตอ่ วิถชี วี ิต และพฤติกรรมของบุคคลจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรวดเร็วและรุนแรงเด็กและ เยาวชนมีจิตใจอ่อนแอและมีภูมิคมุ้ กนั บกพรอ่ งทางสังคม ขาดวิจารณญาณในการคัดสรรท่ีจะเลือกรับ สิ่งท่ีดีและวัฒนธรรมท่ีพึงประสงค์มาใช้เป็นเหตุให้ค่านิยม พฤติกรรมสังคมวิถีชีวิตโลกกระทัดมนุษย์ และความเป็นอยู่เปล่ียนไป เกิดค่านิยมแนวใหม่ เลียนแบบค่านิยมตะวันตกเป็นแบบบรโิ ภคนิยมและ วัตถุนิยม สร้างความฟุ้งเฟ้อในชีวิตความเป็นอยู่ ท้ังน้ี เพ่ือให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการอย่างไร้ศีลธรรม ซง่ึ ตา่ งจากคา่ นิยมตะวนั ออกโดยเฉพาะสังคมไทย ทม่ี คี า่ นยิ มคณุ ธรรมในอดตี เปน็ แบบคณุ ธรรมนิยม คุณธรรมเป็นพฤติกรรมท่ีแสดงถึงมาตรฐานทางศีลธรรม และเป็นรูปแบบของความคิดและ การกระทำบนพ้ืนฐานของมาตรฐานทางศีลธรรม คุณธรรมอาจนับรวมในบริบทกว้าง ๆ ของค่านิยม บคุ คลแต่ละคนละมีแก่นของค่านิยมภายใจท่ีเป็นหลกั ของความเช่อื ความคิด ความเหน็ ของคน ๆ น้ัน ความซื่อสัตย์ต่อเอง (integrity) ในแง่ของค่านิยม คือ คุณธรรมท่ีเชื่อมค่านิยมของคน ๆ นั้น เข้ากับ ความเช่ือ ความคิด ความเห็น และการกระทำของเขา สังคมมีค่านิยมร่วมที่คนในสังคมยึดถือร่วมกัน ค่านิยมส่วนตัวโดยทั่วไปแล้ว มักจะเข้ากับค่านิยมของสังคม ซึ่งความหมายของ คำว่า คุณธรรมนี้ มนี กั การศกึ ษาหลายทา่ นไดเ้ สนอแนวคดิ ซง่ึ เปน็ ที่ยอมรบั โดยทว่ั ไป ไดแ้ ก่ 1. ความหมายของคุณธรรม ซึ่งความหมายของคำว่าคุณธรรมน้ีมีนักการศึกษาหลายท่านได้เสนอแนวคิดซึ่งเป็นท่ียอมรับ โดยท่ัวไป ไดแ้ ก่ สุกัญญา ศรีเมืองชน (2533, หน้า 36) คุณธรรม หมายถึง หลักการความดีงามแห่งความ ประพฤติตน และลักษณะของอุปนิสัยอันดีงามที่สนใจของบุคคล มีคุณค่า ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ ผู้หญิงชุดถือและปฏิบัติตามเพื่อความเจริญของตนและสังคมเป็นที่ยอมรับของสังคมและบุคคลทั่วไป ซ่ึงคณุ ธรรมน้ีเกิดจากการปลูกฝังโดยการเห็น ไดฟ้ ัง ได้อ่าน และทส่ี ำคัญที่สุดคือการได้เห็นพฤติกรรม ทีแ่ สดงออกทางคณุ ธรรมของผู้ที่เคารพรักเป็นตวั อย่าง ประภาศรี สีหะอำไพ ( 2535 ,หน้า 43) กล่าวว่า คุณธรรม คือ หลักธรรมที่สร้างความรู้ผิด ชอบช่ัวดีทางศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมมีหลักปรัชญาเดียวกัน คือ เป็นหลักปฏิบัติคุณงามความดี คุณธรรมทวี่ ่ามเี น้ือหาครอบคลุมเรื่องความดี ความสขุ และการกำหนดคุณคา่ ของคุณธรรม พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2530,หน้า 190) ให้ความหมายของคุณธรรมว่า คณุ ธรรม หมายถงึ สภาพความงาม ความดหี รอื หนา้ ที่อันพงึ มีอยู่ในตวั ยนต์ ชุ่มจิต (2524) ได้กล่าวไว้ว่า คุณธรรม หมายถึง คุณลักษณะที่เป็นความดีความงามที่มี อยู่ในจิตใจของแต่ละบุคคลโดยได้ยึดถือปฏิบัติจนเป็นนิสัยและเป็นท่ียอมรับว่าเป็นส่ิงที่ถูกต้องดีงาม ของบคุ คลทั่วไป สงวน สุทธิเลิศอรุณ (2552 อ้างถึงใน วิไลวรรณ ลายถมยา, ออนไลน์, 2554) ได้ให้ความหมาย ของคุณธรรมว่า เป็นคุณงามความดีของบุคคลท่ีกระทำโดยความสำนึกในจิตใจโดยมีเป้าหมายว่า
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 26 การกระทำความดี พฤติกรรมที่ดี ซ่ึงเป็นท่ียอมรับของสังคม เช่น ความเสียสละ ความมีน้ำใจงาม ความเกรงใจ ความยุติธรรม ความรกั เดก็ และเพอ่ื นมนุษย์ และความเห็นอกเหน็ ใจคนอืน่ เป็นตน้ ลิขิต ธีรเวคิน, 2548 อ้างถึงใน วิไลวรรณ ลายถมยา, ออนไลน์, 2554) ว่า คุณธรรม คือ จิต วิญญาณของปัจเจกบุคคล ศาสนาและอุดมการณ์ของดวงจิตวิญญาณของปัจเจกบุคคลและสังคมด้วย ปัจเจกบุคคลต้องมีวิญญาณ สังคมต้องมีวิญญาณ คุณธรรมของปัจเจกบุคคลอยู่ท่ีการกล่อมเกลา เรยี นรู้ โดยพ่อ แม่ สถาบันการศึกษา ศาสนา พรรคการเมือง และองค์กรของรฐั ทิศนา แขมมณี, 2564, หน้า 4 อ้างถึงใน วิไลวรรณ ลายถมยา, ออนไลน์, 2554 ได้กล่าวไว้ว่า คุณธรรม หมายถึง คุณลักษณะหรือสภาวะภายในจิตใจของมนุษย์ท่ีเป็นไปในทางท่ีถูกต้อง ดีงาม ซึ่งเป็นภาวะนามธรรมอยู่ในจติ ใจ ระเบียบสำนกนายกรัฐมนัตรี ว่าด้วย การสิงเสรส์คุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ลงวันท่ี 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ซ่ึงได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2550 ได้กำหนด ความหมายของ “คุณธรรม” ว่า หมายถึง ส่ิงที่มีคุณค่า มีประโยชน์เป็นความดีงาม เป็นมโนธรรม เป็นเคร่ืองประคับประคองใจให้เกลียดความช่ัว กลัวบาป ใฝ่ความดีเป็นเคร่ืองกระตุ้นผลักดันให้เกิด ความรู้สึกรับผิดชอบ เกิดจิตสานึกท่ีดีมีความสงบเย็นภายในเป็นสิ่งท่ีต้องปลูกฝังโดยเฉพาะเพ่ือให้ เกดิ ขน้ึ และเหมาะสมกับความต้องการในสงั คมไทย “โสเครตีส” (Socrates) มีความเห็นว่า คุณธรรมที่แท้จริงมีคุณค่าภายในตัวของมัน คือ ทำให้ ผู้ครอบครองความดีเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์และ “เพลโต” แนะคุณธรรมต้องตั้งอยู่บนความรู้สิ่งที่ยึดถือว่า เป็นคุณธรรม เช่น ความกล้าหาญ ความพอดีความยุติธรรมและศาสนกิจจะไม่เป็นคุณธรรม หากสิ่ง ตา่ ง ๆ เหล่าน้ัน ไม่มีความรูเ้ ป็นส่วนประกอบทส่ี ำคญั สังคมทคี่ นในสงี คมไม่มีคณุ ธรรมจริยธรรมกจ็ ะเป็น สงคมไรระเบยี บ มกี ารเบยี ดเบียนละเมิดและขดแย้งกนั พุทธทาสภิกขุ (2505 : 3) ได้ให้อรรถาธิบาย คำว่า คุณธรรม หมายถึง คำท่ีมีอยู่ในแต่ละส่ิง ซ่ึงเป็นท่ีตั้งแห่งความยืดถือเป็นไปได้ท้ังทางดีและทางร้าย คือ ไม่ว่าจะทำให้จิตใจยินดีหรือยินร้ายก็ เรยี กว่า “คณุ ” ซึ่งเปน็ ไปตามธรรมชาติของมนั ส่วนคำว่า ธรรม มีความหมาย 4 อย่าง 1. ธรรมะ คือ ธรรมชาติ 2. ธรรมะ คือ กฎของธรรมชาติท่ีเรามีหน้าทต่ี ้องเรยี นรู้ 3. ธรรมะ คือ หนา้ ที่ที่ตามกฎของธรรมชาติ เรามีหน้าทตี่ ้องปฏบิ ัติ 4.ธรรมะ คอื ผลจากการปฏิบัติหน้าท่นี น้ั เรามีหน้าทีจ่ ะตอ้ งมหี รือใชม้ ันอยา่ งถกู ต้อง พระบำรงุ ปัญฺญาพโล (โพธ์ิศรี) (2555 : 10) ได้กล่าว ถึงคุณธรรมไวว้ ่า สิ่งที่มีคณุ คา่ มีประโยชน์ เปน็ ลักษณะของความรู้สึกนกึ คิดทางจิตใจ เป็นสภาพคุณงามความดีที่ส่ังสมอย่ใู นจิตใจของมนุษย์เป็น เวลายาวนาน เป็นตัวกระตุ้นให้มีการประพฤติปฏิบัติอยู่ในกรอบที่มีงาม คุณธรรมเป็นส่ิงที่ดีงามทาง จิตใจ เป็นคุณค่าของชีวิตในการบำเพ็ญประโยชน์ ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่เพื่อนมนุษย์ ให้เกิดความรัก สามัคคี ความอบอุ่นม่ันคงในชีวิต ดังน้ัน คุณธรรมเป็นบ่อเกิดของจริยธรรม คุณธรรมท่ีสำคัญย่ิงของ คนในชาติท่ีได้รับการถ่ายทอดผ่านทางพระพุทธศาสนาโดยปรัชญาแนวคิดนั้นเน้นหลักธรรมท่ีเป็น สัจธรรมที่เป็นวิธีการสอนการเผยแพร่ถ่ายทอดหลักธรรมสู่การปฏิบัติเน้นคุณธรรมในการใช้ปัญญา พจิ ารณาเหตุผลหลักธรรมที่เปน็ หัวใจพทุ ธศาสนานำมาสัง่ สอน มี 3 ประการ คือ 1. ให้เวน้ จากความชวั่ ทงั้ ปวง 2. ใหท้ ำความดี 3. ใหช้ ำระจิตใจให้บริสุทธิ์
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 27 หลักธรรมท่ีพระพุทธศาสนานำมาประกาศเป็นคุณธรรม อันมีความสอดคล้องเช่ือมโยงกัน ทั้งหมด คือ เมื่อปฏิบัติตามข้อธรรมข้อใดข้อหน่ึงแล้วย่อมเก่ียวข้องกับข้อธรรมข้ออ่ืน ๆ ตามมาเป็น แนวคิดทางจริยศาสตร์ท่ีกำหนดข้อประพฤตปิ ฏิบัติทางกายและใจเร่ิมตั้งแต่ข้อปฏิบัติพ้ืนฐานทางกาย ไปสู่ขั้นสูงท่ีเป็นข้อปฏิบัติทางความคิด เพ่ือความหลุดพ้นทางจิตใจ กล่าวได้ว่า คุณธรรม เป็นคุณงาม ความดี ทีเ่ ป็นสิง่ ทป่ี ฏิบตั ิ เปน็ สงิ่ ทด่ี ี เปน็ เคร่ืองควบคุมบุคคลในสงั คม บคุ คลยึดเป็นหลักในการดำเนิน ชีวิตในสงั คมโดยคณุ ธรรม เป็นปฏบิ ัติแลว้ ก็จะทำให้มีความสงบร่มเยน็ ในการดำเนนิ ชวี ิต วศิน อินทสระ (2541 : 106, 113) กล่าวตามหลักจริยศาสตร์ว่า คุณธรรม คือ อุปนิสัยอันดีงาม ซึ่งส่ังสมอยู่ในดวงจิต อุปนิสัยอันน้ีได้มาจากความพยายามและความประพฤติติดต่อกันมาเป็น เวลานาน... คุณธรรมสัมพนั ธ์กบั หน้าท่อี ยา่ งมาก เพราะการทำหนา้ ทีจ่ นเป็นนิสยั จะกลายเป็นอุปนสิ ัย อันดีงามที่สั่งสมในดวงจิตเป็นบารมี มีลักษณะอย่างเดียวกันน้ี ถ้าเป็นฝ่ายช่ัว เรียกว่า “อาสวะ” คือ กิเลสที่หมักหมมในดวงจิต ย้อมจิตให้เศร้าหมองเกรอะกรังด้วยความช่ัวนานาประการกลายเป็น สันดานชั่ว ทำให้แก้ไขยากสอนยาก กล่าวโดยสรุป คุณธรรม คือ ความล้ำเลิศแห่งอุปนิสัยซึ่งเป็นผล ของการการะทำหน้าท่จี นกลายเป็นนสิ ยั นนั่ เอง พระเมธีธรรมาภรณ์ (ประยูร ธมมจิตโต) (2538 : 15-16) กล่าวว่า คุณธรรม คือ คุณสมบัติท่ีดี ของจิตใจ ถ้าปลูกฝงั เรื่องคุณธรรมได้จะเป็นพื้นฐานจรรยาบรรณ... จรรยาบรรณนเ้ี ป็นเร่ืองพฤติกรรม ในการท่ีจะพัฒนาต้องตีความออกไปว่า พฤติกรรมเหล่าน้ีมีพ้ืนฐานจากคุณธรรมข้อใด เช่น เบญจศีล เปน็ จริยธรรม เบญจธรรมเปน็ คุณธรรม คือ ความเมตตากรุณา ถ้ามีความเมตตากรณุ าจะมีฐานของศีล ข้อที่ 1 2. ประเภทของคุณธรรม 2.1 ขยนั ภาพประกอบที่ 2.1 ขยัน มคี วามต้ังใจเพียรพยายาม ทำหนา้ ที่การงานอยา่ งจริงจังและต่อเนื่องในเรื่องท่ีถูกท่ีควรสงู้ าน พยายาม ไม่ท้อถอย กลา้ เผชิญอุปสรรค รกั งานที่ทำ ตัง้ ใจทำหน้าท่อี ย่างจริงจัง
28 2.2 ประหยดั มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ภาพประกอบท่ี 2.2 ประหยัด ดำเนินชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายรู้จักฐานะการเงินของตน คิดก่อนใช้ คิดก่อนซ้ือเก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สิน สิ่งของอย่างคุ้มค่าไม่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ รู้จักทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ของตนเอง อยเู่ สมอ 2.3 ซือ่ สัตย์ ภาพประกอบท่ี 2.3 ซ่ือสตั ย์ มคี วามประพฤติตรงทั้งต่อเวลา ตอ่ หนา้ ทแี่ ละต่อวชิ าชพี มคี วามจรงิ ในปลอดจากความร้สู ึก ลำเอียงหรืออคติไม่ใช้เลห่ ์กลคดโกงทง้ั ทางตรงและทางอ้อมรบั รหู้ นา้ ที่ของตนเอง ปฏบิ ัติอยา่ งเต็มท่ี และถูกตอ้ ง
29 2.4 มีวินัย มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ภาพประกอบที่ 2.4 มีวินัย ปฏิบัติตนในขอบเขต กฎระเบียบของสถานศึกษา สถาบัน องค์กร สังคมและประเทศโดยที่ ตนเองยินดีปฏิบัติตามอย่างเต็มใจและต้ังใจ ยึดม่ันในระเบียบแบบแผน ข้อบังคับและข้อปฏิบัติ รวมถึงการมีวนิ ัยทัง้ ตอ่ ตนเองและสังคม 2.5 สุภาพ ภาพประกอบที่ 2.5 สุภาพ มีความอ่อนน้อมถ่อมตนตามสถานภาพและกาลเทศะ มีสัมมาคารวะ เรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว รุนแรงหรือวางอำนาจข่มผ้อู ื่นท้ังโดยวาจาและท่าทาง มีมารยาทดีงามวางตนเหมาะสมตามวฒั นธรรมไทย
30 2.6 สะอาด มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ภาพประกอบท่ี 2.6 สะอาด รักษาร่างกาย ท่ีอยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้องตามสุขลักษณะฝึกฝนจิตใจมิให้ ขนุ่ มัว มีความแจม่ ใสอยู่เสมอ ปราศจากความมวั หมองท้ัง กาย ใจ และสภาพแวดล้อม มีความผ่องใส เป็นทเี่ จริญตาทำใหเ้ กิดความสบายใจแก่ผ้พู บเห็น 2.7 สามัคคี ภาพประกอบที่ 2.7 สามัคคี เปิดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รู้บทบาทของตนทั้งในฐานะผู้นำและผู้ตามท่ีดีมี ความมุ่งม่ันต่อการรวมพลัง ช่วยเหลือเก้ือกูลกัน เพื่อให้การงานสำเร็จลุล่วง สามารถแก้ปัญหาและ ขจัดความขัดแย้งได้ เป็นผู้มีเหตุผล ยอมรับความแตกต่าง ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิด ความเช่ือ พร้อมท่ีจะปรบั ตวั เพ่ืออยูร่ ่วมกันอย่างสันตแิ ละอยา่ งสมานฉันท์
31 2.8 มนี ้ำใจ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ภาพประกอบที่ 2.8 มีน้ำใจ เป็นผู้ให้และผู้อาสาช่วยเหลือสังคมรู้จักแบ่งปันเสียสละความสุขส่วนตน เพื่อทำประโยชน์ ให้แก่ผู้อื่นเห็นอก เห็นใจและเห็นคุณค่าในเพื่อนมนุษย์ มีความเอ้ืออาทรเอาใจใส่ อาสาช่วยเหลือ สังคมด้วยแรงกายและสติปัญญา ลงมือปฏิบัติการเพ่ือบรรเทาปัญหาหรือร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้ เกดิ ขนึ้ ในชมุ ชน 2.9 กตัญญู ภาพประกอบที่ 2.9 กตญั ญู ปฏิบัติตนเห็นคุณค่าแห่งการกระทำดี หรืออุปการคุณของผู้มีพระคุณ เช่น พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ครูอาจารย์ หรือผู้อ่ืน พร้อมที่จะแสดงออกเพื่อบูชา และตอบแทนคุณความดีน้ันด้วยการกระทำ การพูดและการระลึกถึงดว้ ยความบริสุทธ์ิใจ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 32 จากคุณธรรมพ้ืนฐาน 9 ประการ สามารถนำไปกำกับการแสดงพฤติกรรมอย่างเหมาะสมกับ การเป็นทรัพยากรมนุษย์ท่มี ีคุณค่าต่อสังคม ภูมิใจในความเป็นไทย มีสำนึกนำในการดูและรบั ผิดชอบ ต่อสังคมและประเทศชาติ การสำรวจตนเองทางด้านบุคลิกภาพ คุณธรรม ความฉลาดทางอารมณ์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การวางแผนชีวิตและงาน และแนวทางในการบริหารจัดการชีวิต ครอบครัว สงั คม การมองโลกในแง่ดี โดยการนำคุณธรรม ความรู้และทกั ษะไปประยกุ ต์ใช้อย่างถูกต้องและย่งั ยนื ทฤษฎีคณุ ธรรม แนวคิด หลักการ ทฤษฎี รวมทัง้ หลักคำสอนทางศาสนาต่าง ๆ มีอยมู่ ากมาย ผู้บริหารควรศึกษา น้อมนำมาพิจารณาเป็นแนวทางปฏิบัติตนและการดำเนินงาน หลักคำสอนท่ีจะนำมาพอเป็นตัวอย่าง ต่อไปน้ีมีท้ังจากคำสอนทางศาสนา หลักปรัชญา แนวคิดของนักปราชญ์ทั้งในอดีตกาล และแนวใหม่ ทั้งของทางตะวันตกและตะวันออกรวมท้ังของไทย ดังนี้ คณุ ธรรมของอริสโตเตลิ คณุ ธรรมพเิ ศษ 4 ประการ ของอริสโตเตลิ คุณธรรมทั้ง 4 ประการเหล่านี้ ถือวา่ เป็นคุณธรรมที่สำคัญในจริยศาสตรข์ องอริสโตเติล แต่มี ความหมาย แคบมากกวา่ จรยิ ศาสตร์ของเพลโต 1. ความรู้จักประมาณ (Temperance) อริสโตเติล หมายถึง ความพอเหมาะพอดีในการแสวงหา ความเพลิดเพลินทางกาย โดยเฉพาะอย่างย่ิงความเพลิดเพลินเหล่านั้นมีอยู่ในสัตว์ชั้นต่ำ การรู้จัก บังคับใจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับความรู้จักประมาณ แต่มีความแตกต่างจากความรู้จักประมาณ เพราะข้อเท็จจริงท่ีวา่ คนที่ร้จู ักการบังคับใจมีความปรารถนารนุ แรง ส่วนคนที่รู้จกั ประมาณไม่มีความ ปรารถนาเช่นน้ัน และสามารถอยเู่ หนือความปรารถนาเหล่าน้นั โดยสน้ิ เชงิ เพราะฉะนั้นการรูจ้ ักบังคับ ใจนี้จึงเป็นคุณธรรมทดี่ ้อยกว่า 2. ความกล้าหาญ (Courage) อยู่ท่ามกลางระหว่างความข้ีขลาดและความหุนหันพลันแล่น ความกล้าหาญเราจะรู้ได้เม่ือเวลามีอันตรายหรือเวลามีภัย เช่น ในยามสงครามเราต้องการคุณธรรม ข้อนม้ี าก 3. ความยุติธรรม (Justice) ความยุติธรรมในทนี่ แี้ บง่ ออกได้เป็น 2 ประการ คือ 1) การที่ประเทศชาติยินยอมให้เกียรติยศและสิทธิอื่น ๆ แก่พลเมืองทุกคนเท่าเทียมกัน เป็นการส่งเสรมิ ชุมนมุ ชนให้ตั้งอยูใ่ นความเจริญ เรียกว่า การให้ความยุติธรรม 2) ความยุติธรรม อาจได้มาทั้งทางกฎหมายและจากผู้บริหาร ความยุติธรรมเป็นความดี ของผู้ปกครองท่ีรักษาทวยราษฎร์ในครอบครอง ซึ่งท่านก็จำให้ความยุติธรรมแก่ตัวท่านเองและครอบครัว ของทา่ นอยแู่ ล้วเหมือนกัน สำหรับประเทศความยุติธรรมจงึ จำต้องกำหนดไว้อยา่ งแนน่ อน การกระทำ ทถ่ี ูกต้องย่อมมาจากนิสัยท่ีดีงาม ผู้มีนิสัยรักความยุติธรรมอยู่แล้วย่อมรู้สึกว่าเป็นการยากมากท่ีจะทำ สง่ิ ใดปราศจากความยตุ ิธรรม 4. มิตรภาพ (Friendship) เป็นเรื่องที่นักปรัชญากรีกชอบถกเถียงกันมาก อริสโตเติลถือว่า มีมิตรภาพอยู่ 3 แบบ คอื 1) มติ รภาพท่ีเกิดจากความมีประโยชน์ 2) มิตรภาพท่เี กิดจากความเพลดิ เพลิน 3) มติ รภาพที่เกิดจากความดี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 33 มิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคล ความรักซ่ึงกันและกันอาจเกิดจากการตอบแทนอันนำมา ซ่ึงความมีประโยชน์ ความเพลิดเพลินและความดี การมีมิตรภาพแท้นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้โดยยาก เพราะมติ รภาพที่แท้จริงนัน้ มอี ยู่แต่ในระหว่างผู้ที่มคี ณุ ลักษณะอย่างเดียวกัน ประเภทของมติ รภาพ 1) มิตรภาพระหวา่ งผูท้ ีไ่ ม่เท่าเทียม 2) มิตรภาพทีเ่ กิดจากความเพลิดเพลิน 3) มิตรภาพระหวา่ งเจา้ นายและผู้ทีอ่ ยูใ่ ต้บังคบั บญั ชา 4) มติ รภาพระหวา่ งผูห้ ญงิ และผชู้ าย มิตรภาพเกิดจากการรักใคร่ชอบพอใจอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่าถูกอีกฝ่ายหน่ึงรักแต่คนโดยมาก มักชอบให้คนอ่ืนรักตนมากกว่ารักคนอื่น มิตรภาพ คือ การแลกเปลี่ยนชนิดหนง่ึ หรอื อกี อยา่ งหนึ่ง คือ การตอบแทนระหวา่ งกัน แต่การตอบแทนนน้ั จะตราเป็นกฎใช้อย่างแน่นอนหาได้ไม่ การแตกร้าวอาจเกิดได้ง่ายในเม่ืออีกฝ่ายหน่ึงปฏิบัติตัวให้ช่ัวช้าลงหรือเพิ่มความหยิ่งยิ่งข้ึน กว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามมิตรภาพอาจคงอยู่ได้เหมือนกันถ้าหากฝ่ายที่ผิดพลาดไปน้ันรู้สึกตัวและ ขอโทษกบั อีกฝา่ ยหนง่ึ เสีย มีปัญหาอยู่ว่า ทำไมมิตรภาพระหว่างผู้ท่ีเรารักจึงแน่นแฟ้นกว่ามิตรภาพระหว่างเรากับผู้ที่ รักเราซึ่งอาจตอบได้ง่ายที่สุดโดยเหตุผลที่ว่ามนุษย์ย่อมรักถนอมสิ่งที่เขาประกอ บขึ้นมากกว่าส่ิงท่ี เขาไม่ได้ประกอบข้ึน บิดามารดาย่อมรักบุตรของตนเช่นไร นักศิลปินย่อมรักภาพที่ตนเขียนหรือ แกะสลกั ขึน้ เช่นน้ันเหมอื นกนั นับเป็นความจริงท่ีว่า คนดีอยู่แล้วจำเป็นต้องมีเพ่ือน ชีวิตของผู้มีเกียรติสูงถ้าหากขาดเพ่ือน เสียแล้วก็เหมือนกับขาดความสมบูรณ์ไปส่วนหนึ่ง มิตรภาพจึงจำเป็นสำหรับทุกคนท่ีจะทำตนให้ สมบรู ณจ์ ริง ๆ อน่ึง มิตรภาพก็เป็นสิ่งสำคัญต่อคุณธรรมเร่ืองความอยู่ดีกินดีเหมือนกัน เพราะมนุษย์โดย ธรรมชาติแล้วเป็นสัตวส์ ังคม การใช้คุณธรรมข้อนี้จึงเป็นบ่อเกิดกิจกรรมทด่ี ีงามสำหรบั คนดีและการมี เพ่ือนท่ีดีงามก็เท่ากับเป็นการเพ่ิมคุณธรรมเร่ืองการอยู่ดีกินดีให้แก่ตนเองโดยการมีส่วนร่วมในกิจกรรม ของชีวติ ซึ่งก่อใหเ้ กิดคุณธรรมเรือ่ งการอยู่ดีกินดีแกค่ นอน่ื ด้วย การรกั ตนเองและการรักคนอืน่ อริสโตเติลได้ให้ข้อสังเกตว่า ข้อตัดสินทางศีลธรรมตามประเพณีน้ัน ติเตียนการรักตนเองว่า เป็นความช่ัว อันที่จริงแล้วมนุษย์ทุกคนพยายามแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองเป็นสำคัญ และ มีเหตผุ ลอยวู่ ่ามนุษย์ควรรักตนเองใหม้ ากท่สี ดุ คนช่ัวมีความรักเฉพาะอัตตาท่ีไม่มีเหตุผลและเขาถือทรัพย์สมบัติ เกียรติ ความเพลินเพลิน ทางรา่ งกายและส่ิงอื่น ๆ เป็นสำคญั ซึง่ ทำให้อัตตาช้นั ต่ำมีความเอิบอิ่ม ส่วนคนดีย่อมมีความรักอัตตา ส่วนท่ีมีเหตผุ ล ซง่ึ เป็นตัวนำท่ีเหมาะสมและทำหน้าที่ตดั สินการกระทำของมนษุ ย์ เพราะฉะนนั้ บคุ คล ผู้รกั ตนจรงิ ๆ จงึ เช่ือฟงั เหตุผล ความรักการกระทำที่ประเสรฐิ ย่อมเหนือกว่าส่ิงทั้งปวงเขารบั ใชค้ นอ่ืน และตนเองและพร้อมกนั นั้นก็จะเสียสละทรพั ย์สมบัติและแม้กระท่ังชีวิตเพ่ือคนอ่ืน ถ้าการบรรลุความ ดที แ่ี ท้จริงต้องการการเสียสละเช่นนน้ั แต่คนชั่วเป็นศัตรูต่อตนเองและคนอื่นดว้ ย เพราะว่าเขามีความ อิ่มเอบิ ใจกับอตั ตาชนั้ ต่ำซ่งึ เป็นเพยี งสว่ นหนง่ึ ของอัตตาทีม่ เี หตุผลทัง้ หมดและเปน็ อัตตาทผ่ี ิดจรงิ ๆ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 34 ความรแู้ ละคุณธรรม โสเครตีสยืนยันว่า คุณธรรมเป็นอันเดียวกันกับความรู้แจ้ง ทางด้านปฏิบัติ คือ หมายถึง ความรู้ท่ีนำมาใช้ในการกระทำ อริสโตเติลยอมรับว่าอันที่จริงแล้วคุณธรรมและความรู้แจ้งเป็นสิ่งท่ี แยกกันไม่ออกแต่เขาคัดค้านว่า คุณธรรมและความรู้แจ้งไม่ได้เป็นอันเดียวกัน เพราะว่าคุณธรรม เม่ือปราศจากองค์ประกอบทางด้านสติปัญญาแล้วก็เป็นเพียงคุณธรรมทางธรรมชาติหรือสัญชาตเวค เท่านั้น ไม่ใช่คุณธรรมทางศีลธรรม ด้วยเหตุนี้คุณธรรมทางศีลธรรมจึงถูกจำกัดอยู่แต่ความปรารถนา ช้ันรองทางนิสัยและอารมณ์ท่ีมีต่อเหตุผลบุคคลที่มีความรู้แจ้งทางด้านปฏิบัติชื่อว่ามีคุณธรรมทาง ศลี ธรรมทุกข้อด้วย เพราะว่าความรู้แจง้ ทางด้านปฏบิ ัติในรปู ท่ีสมบูรณ์แบบถกู สรา้ งขนึ้ โดยการกระทำ ที่ประกอบด้วยคุณธรรม และจะนำไปสกู่ ารกระทำที่เหมาะสมอีกด้วยโดยนิสยั ทมี่ อี ยู่ก่อนแล้ว อริสโตเติลดเู หมือนจะเห็นด้วยกับโสเครตีสท่ีวา่ บุคคลผู้ทรี่ ู้วา่ อะไรถูกต้องจรงิ ๆ ไม่สามารถรู้ได้ แต่ทำถูกต้องบุคคลผู้ไม่รู้จักบังคับใจเม่ือเป็นอิสระจากอารมณ์ยั่วยวนก็มีความรู้สึกว่าเขาควรควบคุม ความปรารถนาของเขาความปรารถนาของเขาอาจเกิดข้ึนในอารมณ์ท่ีรุนแรงเกี่ยวกับการเอาชนะ ทัศนะเหล่าน้ีหรือความรู้สึกทั้งหลาย ถึงแม้ว่าทัศนะเหล่าน้ันไม่เคยกำจัดความรู้ท่ีแท้จริง เมื่อเห็นว่า ลงรอยกันกับคำสอนเก่ียวกับคุณธรรมของเขา อริสโตเติลอาจกล่าวเสริมได้ว่านิสัยและความรู้เป็นสิ่ง สำคัญต่อคุณธรรมทางศีลธรรม แต่ความโน้มเอียงของเขาในการถกเถียงปัญหาน้ี ก็คือ การปรับปรุง ความคิดเห็นของโสเครตีสและเพลโตให้เข้ากันได้ คือ ว่าความรู้ท่ีแจ่มแจ้งย่อมมีเจตจำนงและมี สตปิ ัญญา อย่างไรก็ตามอริสโตเติลยอมรับว่าบุคคลผู้ไม่บังคับใจอาจจะมีความรู้เกี่ยวกับหลักการทั่ว ๆ ไป ของการกระทำที่ถกู ตอ้ ง (เช่น การเกินพอดีเป็นส่ิงไม่ดี และการรจู้ ักประมาณในการแสวงหาความสุขเป็น สง่ิ ทดี่ )ี แตค่ วามปรารถนาบังคับเขาใหเ้ ข้าใจความหมายของหลกั การทว่ั ๆ ไปผดิ ในกรณที ัว่ ๆ ไป ชวี ติ ในอุดมคติ อริสโตเติลได้ให้คำจำกัดความของคำว่า Well-Being เป็นกิจกรรมของดวงวิญญาณท่ีมีเหตุผล เหมือนกับคุณธรรมโดยทั่ว ๆ ไป คุณธรรม คือ คุณภาพท่ีสามารถก่อให้เกิดการทำหน้าที่อันสมควร ได้ดเี พราะฉะน้นั กิจกรรมที่มีเหตผุ ลจงึ เป็นหน้าที่อันสูงสดุ แห่งวญิ ญาณของมนุษย์ เป็นอันว่าคุณธรรม ทางศีลธรรมมีรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเหตุผลสร้างขึ้นให้แก่ปัจเจกชนในฐานะท่ีเป็นวิธีการนำไปสู่กิจกรรมเสรี แต่รูปแบบเหล่านี้มิได้ถูกสร้างข้ึนโดยเหตุผลอย่างเดียว บางส่วนเกิดข้ึนจากเง่ือนไขท่ีแท้จริง เง่ือนไข เหล่านี้เป็นโครงสร้างทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะของปัจเจกชนและโครงสร้างของสังคมที่เขา เปน็ เจ้าของโดยสมบรู ณ์ ดังนั้นเหตุผลจึงพยามที่จะจัดระเบียบความปรารถนาและความรู้สึกซึ่งเกิดจากร่างกายและ วิญญาณส่วนที่ไม่มีเหตุผลและเหตุผลก็แสวงหาลู่ทางที่จะสร้างความกลมกลืนทางสังคมให้เกิดข้ึน เผื่อว่าความขัดแย้งของปัจเจกชนท่ีเกิดข้ึนพร้อมกันอาจไม่ขัดขวางหน้าที่ของเหตุผลก็ได้ ดังน้ัน คณุ ธรรมทางศีลธรรมจงึ เป็นแบบซึง่ เหตุผลเป็นผู้สร้างระเบียบให้แกว่ ิญญาณของปัจเจกชนและสังคม หรือรฐั ก็ประกอบดว้ ย วิญญาณของปจั เจกชน เป็นอันว่า คุณธรรมทางศีลธรรมจึงไม่ใช่จุดหมายในตัวเอง แต่เป็นเพียงวิธีการซึ่งเหตุผลรับ เอามาใช้เพ่ือทีจ่ ะได้มาซึ่งอิสรภาพ คุณธรรมจึงเป็นวิธีการท่ีดีที่สุดในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ดังน้ัน ปัญหาช้ันสุดท้ายของจริยศาสตร์ยังเป็นปัญหาที่เราต้องพิจารณากันต่อไปว่าอะไร คือ ธรรมชาติท่ี แน่นอนของความดีท่ีสูงสุด ชีวิตในอุดมคติ คือ ชีวิตที่ประกอบด้วย หน้าท่ีอันสมบูรณ์ของเหตุผล อริสโตเติล ตอบว่า เหตุผลในฐานะที่เป็นหลักการ (Theoria) ซ่ึงเขา หมายถึง ชีวิตที่มีเหตุผลและ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 35 การค้นพบความจริงนี้ คือ หน้าที่อันเหมาะสมของวิญญาณท่ีมีเหตุผล ชีวิตที่มีหลักการนั้นย่อมไม่มี อะไรมาขัดขวาง เป็นชีวิตที่มีกิจกรรมอันสมบูรณ์และเป็นชีวิตที่น่ารื่นรมย์ในระดับสูง เพราะฉะน้ัน อุปสรรคต่าง ๆ ระหว่างความเพลิดเพลินและความดีในชีวิตจึงถูกทำลายไปหมดส้ิน ชีวิตจึงเป็นสิ่งท่ี น่าปรารถนาและมีความสมบูรณ์ในตัวเอง ด้วยเหตุนี้เราจึงควรสร้างคุณธรรมอันจะนำมาซึ่งการกินดี อยู่ดีให้เต็มบริบูรณ์ในชีวิต ชีวิตในอุดมคติจึงเป็นชีวิตท่ีประเสริฐ อันท่ีจริงอริสโตเติลถูกบังคับให้ ยอมรับว่าชีวิตที่สมบูรณ์เป็นชีวิตที่มนุษย์จะบรรลุไม่ได้ในชาตินี้ เพราะว่าชีวิตที่สมบูรณ์ไม่ต้องการ เพียงแต่เสรีภาพและอิสรภาพ จากข้อผูกพันทางโลกและความลำบาก แต่ยังต้องการความเป็นอมฤต ภาพของชีวิตด้วย พระเจา้ องค์เดียวเท่านั้นท่ีมชี ีวิตเป็นอมตะ มนษุ ย์มีความประเสริฐบางประการและ มนุษย์ควรแสวงหาชีวิตที่สมบูรณ์ในชาติหน้า ถึงแม้ว่าเขาไม่มีชีวิตเป็นอมตะเขาก็ควรมีชีวิตอยู่ เหมือนกับว่า มีชวี ติ เป็นอมตะด้วยการมีเหตุผลอยา่ งสมบูรณใ์ นการดำเนนิ ชวี ิตของตน คุณธรรมของเพลโต คุณธรรมท่ีสำคัญ 4 ประการเหล่าน้ี เป็นสว่ นประกอบที่สมบูรณ์ของรัฐ ความฉลาดเป็นนโยบาย เคร่ืองนำทางและเป็นบ่อเกิดแห่งการปกครองท่ีฉลาด เพราะฉะน้ันจึงเป็นคุณธรรมพิเศษสำหรับนัก ปกครองในบรรดาคุณธรรมที่สำคัญ 4 ประการ ความยุติธรรมเป็นคุณธรรมที่สูงสุดเพราะว่าความ ยตุ ิธรรมได้รวบรวมคุณธรรมทง้ั หมดเข้าไว้ เป็นที่ยอมรบั กันแล้วว่า เม่ือผู้ปกครองปกครองอยา่ งฉลาด ทหารก็ต่อสู้อย่างกล้าหาญ คนงานก็ทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ทุกคนมีความเช่ือต่อเหตุผลที่ ปกครองตน เมื่อมองจากทัศนะภายนอกแล้ว ความยุติธรรม ก็คือ การแบ่งปันแรงงานที่สมบูรณ์และ เพลโตกจ็ ำกัดลงไปวา่ “การทำหนา้ ทข่ี องตนเองและไม่เข้าไปย่งุ เก่ยี วในธุรกจิ ของผู้อนื่ ” ดังนน้ั จึงเปน็ ท่ีเขา้ ใจอยา่ งแจ่มแจง้ แลว้ วา่ ความยุตธิ รรมคลุมไปถงึ คณุ ธรรมข้ออืน่ ๆ ทั้งหมด เพราะเมื่อปราศจากความยุติธรรมแล้ว กิจกรรมต่าง ๆ ย่อมดำเนินไปอย่างผิดเป้าหมาย ความฉลาด เพียงอย่างเดียวสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ดำเนินไปได้และส้ินสุดลงโดยธรรมชาติ ความยุติธรรม ทำให้ทุกส่ิงทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการอันแท้จริงซึ่งตัดสินโดยเหตุผล ความกล้าหาญทำให้เรา ยืนหยัดที่จะทำสิ่งที่ฉลาดและยุติธรรม ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใด ๆ และความรู้จักประมาณรวมถึงความ ซ่อื สัตย์ ความชว่ ยถือมาช่วยประสานส่วนตา่ ง ๆ ของจติ ใจให้กลมกลนื ไปกับเหตุผล ความยุติธรรมโดยย่อ คือ สติปัญญา ความมีพลังและความเปน็ เอกภาพไมใ่ ช่คณุ ธรรมข้อหน่ึง ในหลายขอ้ แต่เป็นคณุ ธรรมทคี่ ลุมไปถึงคุณธรรมข้ออนื่ ๆ อกี ด้วย ความยตุ ิธรรมในปจั เจกชน อยา่ งไรก็ตาม ความยุติธรรม ก็คือ การปรับตวั ภายนอกแห่งหนา้ ทท่ี างสังคมเน้ือแทข้ องความ ยุติธรรมท่ีแท้จริงนั้น คือ ลักษณะภายในอันได้แก่ จิตใจท่ีมีเหตุผลและสำหรับเหตุผลข้อนี้ความยุติธรรม ต้องอยู่ในลักษณะส่วนตัวของปัจเจกชน สมาชิกทุก ๆ คนของรัฐควรเป็นคนมีความยุติธรรมและไม่ใช่ ถูกบังคับจึงมีความยุติธรรมแต่เพราะเขาพิจารณาเห็นว่าความยุติธรรมนั้นเป็นส่ิงดีงาม การท่ีสมาชิก หรอื ประธานของรัฐมคี วามยุติธรรมกเ็ ทา่ กับวา่ รัฐมคี วามยุตธิ รรมน่นั เอง ดังนั้น เพลโตจึงพิจารณาเห็นว่า ความยุติธรรมเป็นคุณธรรมส่วนบุคคลต่อไปน้ี เป็นการ เปรียบเทียบส่วนประกอบที่สำคัญระหว่างรัฐกับปัจเจกชน รัฐมีส่วนประกอบที่สำคัญ 3 ประการ คือ 1) นักปกครอง 2) ทหาร และ 3) ชนชน้ั กรรมาชีพ ส่วนปัจเจกชนมีส่วนประกอบที่สำคัญ 3 ประการ คือ 1) เหตุผล 2) อารมณ์ เช่น ความรัก ความโกรธ เปน็ ตน้ และ 3) ความปรารถนา รวมถงึ ความตอ้ งการ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428