Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพัฒนาการรวมกลุ่ม แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยุกต์

การพัฒนาการรวมกลุ่ม แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยุกต์

Published by zoodee9988, 2021-10-08 04:28:46

Description: หนังสือ เรื่อง การพัฒนาการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยุกต์ รวบรวมเนื้อหาด้านวิชาการเกี่ยวกับการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ปรากฏในเอกสารทางวิชาการ บทความ หนังสือหรือคู่มือ และเอกสารการวิจัย บทความวิชาการและบทความวิจัยทั้งที่เขียนเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ตลอดจนใช้ข้อมูลดังกล่างมาทำการวิเคราะห์แนวคิดตามหลักวิชาการและแนวปฏิบัติ เพื่อสังเคราะห์และนำเสนอรูปแบบและบทบาทของเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวที่เหมาะสมของประเทศไทย

Keywords: เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว,เครือข่ายวิสาหกิจ,เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยวเมืองพัทยา

Search

Read the Text Version

250 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ แขง่ ขนั เพ่ิมมากข้ึน และเม่ือหลายๆ อุตสาหกรรมในประเทศมีผลิตภาพเพ่ิมข้ึนกจ็ ะนาไปสู่การยกระดบั ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศใหส้ ูงข้ึนไดใ้ นทา้ ยที่สุด หัวใจของการพฒั นาเครือข่ายวิสาหกจิ คอื การสร้างความร่วมมือบนพน้ื ฐานของการแข่งขัน (Co- opetition) โดยอาศยั การร่วมกนั กาหนดทิศทางและเป้ าหมายร่วม (Core Objectives) การกาหนดกลยทุ ธ์การ พฒั นาร่วมกนั รวมท้งั แลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร ความรู้ ตลอดจนทรัพยากรต่างๆ ระหวา่ งผทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ งใน เครือขา่ ยวสิ าหกิจ เพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพหรือผลิตภาพโดยรวมของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ (Collective Efficiency/Productivity) ตวั อยา่ งเช่น ผปู้ ระกอบการท่ีอยใู่ นเครือข่ายวสิ าหกิจสามารถร่วมกนั ลงทุนในการ วจิ ยั และพฒั นานวตั กรรม เพ่ือสร้างมลู คา่ เพมิ่ ของสินคา้ และบริการของตน ทาใหป้ ระหยดั ตน้ ทุนในการ พฒั นาได้ ในขณะท่ียงั คงแขง่ ขนั ในดา้ นประสิทธิภาพในการผลิตสินคา้ น้นั ๆ หรือผปู้ ระกอบการธุรกิจตน้ น้า และปลายน้ากส็ ามารถร่วมกนั วางแผนการจดั การห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) เพือ่ ใหเ้ กิด ประสิทธิภาพในการผลิตและจาหน่ายสินคา้ หรือบริการที่มีมูลคา่ เพิม่ สูง (High Value Added) ตลอดสายของ ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ไดเ้ ช่นกนั เป็นตน้ นอกจากน้ี การรวมกลุ่มเป็ นเครือขา่ ยวสิ าหกิจยงั ทาใหเ้ กิดการกระจายของความรู้ใหม่ (Spur of Knowledge) เนื่องจากผปู้ ระกอบการรายใดคิดคน้ นวตั กรรมใหมๆ่ ผปู้ ระกอบการรายอ่ืนก็สามารถนามา ปรับปรุงและพฒั นาต่อยอดได้ ซ่ึงจะส่งเสริมการพฒั นาความสามารถในการแขง่ ขนั ในระบบเศรษฐกิจที่ ขบั เคล่ือนดว้ ยนวตั กรรม (Innovation – driven Economy) อีกดว้ ย เนื่องจากเครือข่ายวสิ าหกิจเป็ นความสมั พนั ธ์ของธุรกิจและสถาบนั ต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกนั ในลกั ษณะ ที่อยบู่ นพ้ืนฐานของการแขง่ ขนั และความร่วมมือ และอยใู่ นพ้นื ที่ใกลเ้ คียงกนั จึงอาจทาใหเ้ กิดความสบั สน วา่ ลกั ษณะของการร่วมมือของธุรกิจในลกั ษณะของสมาคมการคา้ หรือพนั ธมิตรทางการคา้ (Business Alliance) การรวมธุรกิจไวใ้ นพ้ืนที่เดียวกนั แบบนิคมอุตสาหกรรมหรือกรณีของกลุ่มจงั หวดั ตามแนว ทางการพฒั นาของรัฐบาล และกลุ่มสินคา้ ประเภทเดียวกนั (Product Category) เหล่าน้ีคือ เครือขา่ ยวสิ าหกิจ หรือไม่? คาตอบคือ การรวมกลุ่มดงั กล่าวยงั ไม่ใช่เครือขา่ ยวสิ าหกิจท่ีมีองคป์ ระกอบสมบูรณ์ อยา่ งไรกต็ าม การรวมกลุ่มในลกั ษณะของสมาคมการคา้ พนั ธมิตรทางการคา้ และนิคมอุตสาหกรรมเป็นพ้นื ฐานเร่ิมตน้ ของการพฒั นาเป็นเครือข่ายวิสาหกิจท่ีสมบรู ณ์ต่อไป ส่วนการรวมกลุ่มแบบกลุ่มอุตสาหกรรมจงั หวดั หากมี ลกั ษณะเป็นการกาหนดขอบเขตเชิงพ้ืนท่ีเพื่อประโยชนท์ างการปกครองกไ็ ม่นบั วา่ มีลกั ษณะของเครือขา่ ย วสิ าหกิจตามความหมายท่ีกล่าวมา ท้งั น้ีหากพจิ ารณากลุ่มจงั หวดั ในลกั ษณะของการกาหนดกลุ่ม อุตสาหกรรมที่มีศกั ยภาพที่อยใู่ นพ้ืนที่จงั หวดั ใกลเ้ คียงกนั เพื่อที่จะมีจุดเนน้ ที่ชดั เจนในการพฒั นาก็อาจ กล่าวไดว้ า่ มีความใกลเ้ คียงกบั การเป็นเครือขา่ ยวสิ าหกิจ ในขณะท่ีกลุ่มสินคา้ (Product Category) หากเป็น เพยี งการจดั กลุ่มของผลิตภณั ฑข์ องธุรกิจเท่าน้นั กจ็ ะไม่ใช่เครือข่ายวสิ าหกิจ แต่หากมีการรวมตวั กนั ของ ผปู้ ระกอบการและองคก์ รท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การผลิตกลุ่มสินคา้ น้นั ๆ เพ่อื ยกระดบั ความสามารถในการแขง่ ขนั ของกลุ่มธุรกิจที่ผลิตสินคา้ น้นั ๆ กจ็ ะมีลกั ษณะเป็นเครือข่ายวสิ าหกิจ

บทที่ 5 การวิจัยท่ีเกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว 251 มิลเลอร์ และคณะ (Miller, et al., 2005) ศึกษาววิ ฒั นาการของการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจการ ท่องเที่ยว ไดผ้ ลการศึกษาสรุปไดว้ า่ ดว้ ยนิยามความหมายของเครือข่ายวสิ าหกิจ (Cluster) ที่กวา้ งขวางได้ นามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภมู ิภาค และประเทศตา่ งๆ ทวั่ โลกในรูปแบบการ ดาเนินงานที่แตกตา่ งกนั ไป โดยพจิ ารณาถึงความเก่ียวขอ้ งกบั การพฒั นาทางเศรษฐกิจ (Economic Development) ซ่ึงการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจสอดคลอ้ งกบั แนวคิดการพฒั นาทางเศรษฐกิจในคล่ืนลูกที่ สาม (the third wave) ท่ีมุ่งประสานความร่วมมือกนั เพ่อื ยกระดบั ความสามารถในการแขง่ ขนั ของ อุตสาหกรรมเป็ นแกนกลางดงั ท่ีพอร์เตอร์ (Porter, 2000) ระบุ ซ่ึงเขาใชแ้ บบจาลองเพชร (Diamond Model) ในการวเิ คราะห์ และสามารถบง่ ช้ีถึงข้นั ตอนของเครือขา่ ยวสิ าหกิจไดว้ า่ อยใู่ นข้นั เริ่มตน้ (Emerging) หรือ อยใู่ นช่วงเติบโต (Growth) หรืออยใู่ นช่วงเติบโตเตม็ ท่ี (Mature) ของอุตสาหกรรมหน่ึงๆ การศึกษาวจิ ยั เก่ียวกบั เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวของความเป็นผปู้ ระกอบการ (Cluster of Entrepreneurship) สะทอ้ นถึงเน้ือหาในบทน้ีมุง่ ศึกษาโดยการรวบรวมขอ้ มลู จากเอกสาร ตาราและบทความ ท่ีเขียนเก่ียวกบั แนวคิดและทฤษฎี รวมถึงงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ งในประเดน็ ตา่ งๆ ดงั น้ี 5.1. ขอ้ พจิ ารณาเบ้ืองตน้ (Initial Consideration) 5.2. กลยทุ ธ์ของกิจการ โครงสร้างและคูแ่ ข่งขนั (Strategy, Structure, and Competitor) 5.3. เง่ือนไขดา้ นอุปสงค์ (Demand conditions) 5.4. อุตสาหกรรมที่เกี่ยวขอ้ งและสนบั สนุน (Related and Supported Industry) 5.5. เงื่อนไขปัจจยั อ่ืนๆ (Other Conditions) 5.6.โอกาสและรัฐบาล (Opportunity and Government) ไดม้ ีการศึกษาวจิ ยั หรือวเิ คราะห์ขอ้ มูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณที่ระบุถึงศกั ยภาพของการพฒั นา เครือขา่ ยวสิ าหกิจของอุตสาหกรรมหน่ึงๆ ในเขตพ้นื ที่หน่ึงๆ เช่น งานของเรยแ์ ละมทั เทียส (Rey & Mattheis, 2000) ฮิลและเบรนนนั (Hill & Brennan, 2000) และเฮลด์ (Held, 2004) รวมท้งั การวจิ ยั เชิง คุณภาพท่ีมุง่ มนั่ ในการพฒั นาแผนภาพเครือข่าย (Cluster Map) ท้งั น้ีดว้ ยอตั ราการเติบโตอยา่ งสูงของ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปัจจุบนั และอนาคตส่งผลเป็นโอกาสแก่ประเทศหรือกลุ่มประเทศต่างๆ ใน ขณะเดียวกนั กเ็ กิดเป็นอุปสรรคดา้ นการแขง่ ขนั ดว้ ยเช่นกนั เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนบั วา่ เป็ น อุตสาหกรรมบริการที่มีขนาดใหญ่ท่ีมีความสาคญั ต่อระบบเศรษฐกิจ ตลอดจนมีพลวตั ดา้ นความตอ้ งการ ของนกั ทอ่ งเท่ียวและเทคโนโลยที ี่เปล่ียนแปลงไป ในหลายประเทศที่พฒั นาแลว้ เช่น ในทวปี ยโุ รปหรือ

252 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ สหรัฐอเมริกา และญี่ป่ ุน ไดม้ ีการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวหรือรูปแบบการรวมกลุ่มในลกั ษณะ อื่นๆ ท่ียง่ั ยนื มานานไม่ต่ากวา่ 10 ปี ในประเทศกาลงั พฒั นาเช่น ประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียน ประเทศใน แถบเอเซีย เช่น ประเทศไทย จีน ศรีลงั กา รวมท้งั ประเทศในยโุ รปตะวนั ออก ไดด้ าเนินรอยตามประเทศท่ี พฒั นาแลว้ แต่ระดบั การก่อต้งั เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวอาจแตกตา่ งกนั ไปตามบริบทของแต่ละ ประเทศ ดงั ผลการศึกษาของโกลลบั และคณะ (Gollub, et al., 2002) อนั นาไปสู่ทฤษฏีเครือขา่ ยวสิ าหกิจ (Cluster Theory) ซ่ึงประกอบดว้ ย 5.1 ข้อพจิ ารณาเบือ้ งต้น (Initial Consideration) เป็นการวิเคราะห์องคร์ วมของท้งั อุตสากรรมการท่องเที่ยวในดา้ นท่ีต้งั ทางภมู ิศาสตร์ ระดบั การ จดั การ และมาตรวดั การวเิ คราะห์ความเป็นไปไดแ้ ละศกั ยภาพของการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจ ซ่ึงจาก การระบุของพอร์เตอร์ (Porter) ไดเ้ นน้ ถึงการวดั หรือศึกษาในระดบั ชาติ แตใ่ นทางปฏิบตั ิไดถ้ ูกนามา พิจารณาในระดบั ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ ระดบั ภูมิภาค เขต ทอ้ งถิ่น เช่น การศึกษาของรัฐอริโซนา สหรัฐอเมริกา (Arizona Study (ADOC, 2001)) วเิ คราะห์ความสามารถในการแข่งขนั และโอกาสของอุตสาหกรรมการ ท่องเที่ยวในระดบั มลรัฐ (State level) และในบางประเทศเช่น คอสตาริกาในเขตอเมริกากลาง ไดศ้ ึกษา ความสามารถในการแข่งขนั และโอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวในระดบั ประเทศ และเขตพ้ืนที่ หน่ึงๆ ที่มีศกั ยภาพทางการท่องเท่ียว (Acuna, Villalobos, & Ruiz, 2000) ส่วนในประเทศแอฟริกาใตไ้ ด้ ศึกษาความสามารถในการแขง่ ขนั และโอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวในระดบั ประเทศ โดยพิจารณา การวางแผนและนโยบายในระดบั ชาติและยงั แยกออกเป็น 4 เขต ซ่ึงพบวา่ การวเิ คราะห์ระดบั เขตเป็นระดบั การวเิ คราะห์ความสามารถในการแขง่ ขนั และโอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวที่เกิดประสิทธิผล ([SANEDLC], 1999, 124) และไดร้ ับการสนบั สนุนแนวทางการวเิ คราะห์ความสามารถในการแขง่ ขนั และ โอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวระดบั พ้ืนที่จากการศึกษาของกราโดและคณะ (Grado, et al.,1997) และไมเคิล (Michael, 2003) ท่ีศึกษาเมืองชนบทในมลรัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา สาหรับประเภทของการท่องเที่ยวที่มีการแบ่งเป็น 10 ประภท ไดแ้ ก่ การท่องเท่ียวแบบแสงแดด และหาดทราย (Sun and Sand) การประชุมและทางธุรกิจ (Convention and Others business Travel) การ ทอ่ งเท่ียวเป็ นแพกเกจ (All-inclusive) การท่องเที่ยวเองหรืออิสระ (Free and independent traveler) การ ท่องเที่ยวทางเรือสาราญ (Cruise Ship) การทอ่ งเที่ยวเชิงนิเวศและผจญภยั (eco-and adventure) การ ท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรมและมรดกทางวฒั นธรรม (cultural and heritage) การท่องเที่ยวเชิงการศึกษา (educational) การทอ่ งเท่ียวเชิงสุขภาพและสปา (Health and spa) การท่องเที่ยวชนบทและเชิงเกษตร/

บทที่ 5 การวิจัยท่ีเกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 253 อุตสาหกรรม (urban and agri-industrial tourism) (Henthorne & Miller, 2003) ซ่ึงแต่ละเครือขา่ ยวสิ าหกิจ การทอ่ งเท่ียวส่วนใหญ่เนน้ เชิงวฒั นธรรมและมรดก และธรรมชาติ แสงแดดและหาดทราย รวมท้งั การ ทอ่ งเท่ียวเชิงนิเวศ ซ่ึงจดั ไดว้ า่ เป็นการวเิ คราะห์ประเภทเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยว ในส่วนวธิ ีการศึกษาความสามารถในการแขง่ ขนั และโอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวพบวา่ มี การใชว้ ธิ ีเชิงปริมาณและคุณภาพร่วมกบั การใชต้ วั เลขสถิติทางเศรษฐกิจและแรงงาน ตลอดจนมีการเกบ็ ขอ้ มูลโดยใชก้ ารสัมภาษณ์ผเู้ ก่ียวขอ้ งหลกั ๆ (Key actors or informants) เพอ่ื จดั ทาแผนภาพเครือขา่ ย นอกจากน้ี กม็ ีการวเิ คราะห์ถึงรูปแบบการรวมกลุ่มในแนวต้งั และแนวนอน ตลอดจนผลดี ผลเสียและ โอกาสการเติบโตของรูปแบบการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจดงั กล่าวในอนาคต ตวั อยา่ งเช่น กิลเลสพี (Gillespie, 2009) กล่าววา่ แนวคิดการจดั ต้งั เครือขา่ ยวสิ าหกิจหรือเครือข่าย วสิ าหกิจของโรงแรม ไม่ควรใหค้ วามสาคญั กบั ชื่อเมืองหรือทาเลท่ีต้งั แต่ควรใหค้ วามสนใจโรงแรมที่อยใู่ น บริเวณใกลเ้ คียงกนั เพื่อความสมเหตุสมผลในการต้งั เครือขา่ ยวสิ าหกิจระดบั ทอ้ งถิ่น การรวมกลุ่มจะตอ้ งมี ขนาดพอเหมาะที่จะสามารถแข่งขนั ไดใ้ นตลาด โดยอาจครอบคลุมรัศมีมากหรือนอ้ ยกวา่ 3 ไมล์ หรืออาจ รวมกลุ่มโรงแรมท่ีมีอตั ราการเขา้ พกั สูง มากกวา่ โรงแรมท่ีมีอตั ราการเขา้ พกั ต่า การรวมกลุ่มจะช่วยใหแ้ ขก หรือลูกคา้ มองเห็นขอ้ เทจ็ จริงและประหยดั เวลาในการตดั สินใจจองเขา้ พกั และสร้างบรรยากาศในการ แขง่ ขนั สู่การเจรจาต่อรอง ลูกคา้ จะมีความมน่ั ใจวา่ เป็ นโรงแรมในสมาชิกของเครือขา่ ยใด โดยลูกคา้ จะ พจิ ารณาจากความสามารถของแตล่ ะเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวต่อกิจกรรมหน่ึงๆ ที่เกี่ยวกบั การ ท่องเท่ียว ซ่ึงอา้ งอิงจากจานวนกิจกรรมที่ผา่ นมา ท้งั น้ี นกั ทอ่ งเที่ยวสามารถท่ีจะเลือกหรือไมเ่ ลือกใชบ้ ริการ โรงแรมอิสระหรือโรงแรมท่ีเป็นสมาชิกของเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวได้ โดยพิจารณาจากโครงการ หรือกิจกรรมที่พวกเขาตอ้ งการหรือสนใจเขา้ ร่วม เครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นโรงแรมจึงสนบั สนุนแขกหรือลูกคา้ ใหม้ ีอานาจในการเจรจาตอ่ รองเหนือโรงแรมอิสระ หรือโรงแรมของเครือขา่ ยอื่นๆ หรือโรงแรมคูแ่ ข่งได้ ในขณะที่ผจู้ ดั หาวตั ถุดิบก็เผชิญความทา้ ทายอานาจการต่อรองที่เพิ่มข้ึนจากการรวมกลุ่มของโรงแรมใน ลกั ษณะเดียวกนั 5.2 กลยุทธ์ของกจิ การ โครงสร้างและคู่แข่งขัน(Strategy, Structure, and Competitor) ไดม้ ีการศึกษาวเิ คราะห์ธุรกิจหรือกิจการท่ีร่วมกนั ทางานในเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียววา่ มี กลยทุ ธ์โครงสร้างและคูแ่ ขง่ ขนั เป็นอยา่ งไร และส่งผลต่อมูลคา่ ทางเศรษฐกิจอยา่ งไรเมื่อมีการรวมกลุ่ม เครือข่ายวสิ าหกิจ ในการพจิ ารณาหน่วยของการวเิ คราะห์ (Unit of Analysis) ความสามารถในการแขง่ ขนั และโอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวตอ้ งมีความรอบคอบเช่น ในเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวอาจ วเิ คราะห์วา่ เป็นกิจการ “ที่พกั แรม” (Lodging) มากกวา่ วเิ คราะห์ไปที่ “โรงแรม” (Hotel) อยา่ งไรกต็ าม

254 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ ผปู้ ระกอบการกิจการหลกั (Core cluster entrepreneur) ควรรวมกิจการที่ดาเนินกิจกรรมที่เก่ียวขอ้ งกบั การ ท่องเที่ยวในการเสนอขายสินคา้ หรือบริการแก่นกั ท่องเท่ียว เรียกวา่ การบริหารหรือการจดั การเชิงกลยทุ ธ์ สาหรับแนวคิดการทางานร่วมกนั พบวา่ เป็นส่วนหน่ึงของการจดั การเชิงกลยทุ ธ์ เน่ืองดว้ ยกิจการ ต่างๆ ตอ้ งเผชิญการแขง่ ขนั ระหวา่ งกนั เพอ่ื ลดอุปสรรคภายในและภายนอก กิจการตา่ งๆ จึงมุ่งหาพนั ธมิตร เชิงกลยทุ ธ์เพ่ือสร้างความไดเ้ ปรียบทางการแข่งขนั (Bowersox, 1990) ตอ่ มาพบวา่ การทางานร่วมกนั ใน บริบทของห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain collaboration) เริ่มเม่ือประมาณกลางทศวรรษท่ี 1990 โดยเร่ิมตน้ จากแนวคิดการจดั การสินคา้ คงคลงั โดยผขู้ าย (Vendor managed inventory: VMI) ตอ่ มารู้จกั กนั ทว่ั ไปใน รูปแบบ CPFR (Collaboration, planning, forecasting and replenishment) โดยร้านคา้ ปลีกวอลมาร์ท (Wal- Mart) เป็นผนู้ าเครือข่ายอินเตอร์เนตเขา้ มาใชร้ ะหวา่ งหุน้ ส่วนทางธุรกิจ เช่น Procter and Gamble, 3M และ Philips เป็นตน้ เพื่ออานวยความสะดวกในการทางานอยา่ งร่วมมือกนั ซ่ึงมีความเตม็ ใจและการใชท้ รัพยากร ร่วมกนั การทางานร่วมกนั ยงั สร้างความสมั พนั ธ์ท่ีดี และนาไปสู่การพฒั นาอยา่ งมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลระหวา่ งองคก์ ร (Coyle, Bardi, & Langley 2003) ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งหุน้ ส่วนมกั เป็น ความสัมพนั ธ์ระยะยาว (Min, Roath, Daugherty, Genchev, & Chen, 2005) หวงั วา่ จะมีผลไดร้ ่วมกนั (Benefits) (Cao & Zhang, 2011) และการทางานร่วมกนั ขยายความสัมพนั ธ์ไปสู่ความไวว้ างใจและความ ผกู พนั ต่อกนั (Min, et al., 2005) ในอดีต การดาเนินงานที่ประสบผลสาเร็จมกั เร่ิมจากการจดั ซ้ือที่ไดร้ าคาต่าสุดจากผลของการเจรจา ต่อรอง (Open negotiation market) ซ่ึงจดั วา่ เป็นความร่วมมือแบบผวิ เผนิ หรือโครงสร้างแบบง่ายๆ โดยมี ลกั ษณะหุน้ ส่วนการคา้ (Trade Partner) จานวนนอ้ ยราย และระยะเวลาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งหุน้ ส่วนมีไม่ นาน แต่จากสภาพแวดลอ้ มท่ีมีการเปล่ียนแปลงไปและขนาดทางเศรษฐกิจไดข้ ยายขอบเขต จึงมีการส่งเสริม ใหม้ ีการคา้ เสรีเพม่ิ ข้ึน ทาให้หุน้ ส่วนการคา้ เกิดการแลกเปล่ียนระหวา่ งกนั เพ่ือสร้างความไดเ้ ปรียบในการ แขง่ ขนั และเพ่อื ใหก้ ิจการอยรู่ อด โดยนามาสู่แนวคิดใหม่กบั กิจการช้นั นาของสหรัฐอเมริกาในการปรับ รูปแบบบริหารจดั การใหม่ท้งั ภายในและภายนอกกิจการโดยการร่วมมือและการแขง่ ขนั (Cooperation and competition) เป็นการจดั ซ้ือจดั หาจากผจู้ ดั ส่งวตั ถุดิบนอ้ ยราย ซ่ึงเป็นความสมั พนั ธ์ระยะส้ันโดยใชล้ กั ษณะ สัญญาซ้ือขายระยะยาว ซ่ึงลกั ษณะการร่วมมือน้ีเป็นการเช่ือมโยงการแลกเปล่ียนขอ้ มูลกนั จากน้นั นาไปสู่ ระดบั การประสานงานร่วมกนั (Coordination) โดยมีการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลและการทางานของบุคลากร ระหวา่ งองคก์ รร่วมกนั มากข้ึน ซ่ึงเป็นความสัมพนั ธ์ท่ีตอ้ งใชร้ ะยะเวลายาวในการดาเนินงานใหป้ ระสบ ความสาเร็จ อาจมีหุน้ ส่วนการคา้ หลายหน่วยงานเพมิ่ มากข้ึน สุดทา้ ยจากระดบั การประสานงานร่วมกนั จึง นาไปสู่ระดบั ความสมั พนั ธ์การทางานร่วมกนั (Collaboration) โดยมีการวางแผนร่วมกนั มีการแบง่ ปัน

บทท่ี 5 การวิจัยท่ีเก่ียวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว 255 เทคโนโลยแี ละทรัพยากรอื่นๆ เป็นความสมั พนั ธ์ระยะยาวและไม่มีเวลากาหนดที่ชดั เจน ธุรกิจจะมีลกั ษณะ เหมือนกระจกเงาซ่ึงสามารถมองเห็นซ่ึงกนั และกนั เหมือนเป็นกิจการของตนเอง (Spekman, Kamauff Jr, & Myhr, 1998) สอดคลอ้ งกบั แนวคิดของโบเวอร์ซอค (Bowersox, 1990) ที่กล่าววา่ การร่วมมือระหวา่ งคูค่ า้ จะ มีประโยชนม์ ากกวา่ การคา้ แบบเดิมที่เนน้ เพียงการต่อรองเท่าน้นั แสดงระดบั ความสัมพนั ธ์ของการทางาน ร่วมกนั ไดต้ ามภาพที่ 5-2 นอ้ ย ปานกลาง มาก ภาพท่ี 5-2 ระดบั ความสมั พนั ธ์ของการทางานร่วมกนั (ที่มา : ดดั แปลงจาก Spekman, et al., 1998) ไดม้ ีงานวจิ ยั ในประเด็นกลยทุ ธ์ของกิจการ โครงสร้างและคูแ่ ข่งขนั ไวด้ งั น้ี อุตสาหกรรม ท่องเท่ียวส่วนใหญ่ประกอบดว้ ยธุรกิจทอ่ งเที่ยวขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ซ่ึงมีห่วงโซ่ธุรกิจสมั พนั ธ์กนั เช่น โรงแรมที่พกั ร้านอาหาร คมนาคม เป็นตน้ แต่ละธุรกิจเป็ นส่วนประกอบของระบบการท่องเที่ยว ท้งั น้ีธุรกิจ ทอ่ งเท่ียวมกั ประสบปัญหาดา้ นการตดั ราคาทาใหส้ ินคา้ ท่องเท่ียวส่วนมากดอ้ ยคุณภาพ เน่ืองจาก ผปู้ ระกอบการอาจไม่มีทุนเพียงพอท่ีจะส่งเสริมผลิตภาพการบริการได้ แต่ยงั ตอ้ งพ่งึ พิงกนั (Keller, 2003) ดงั น้นั การรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจถือเป็นเครื่องมือในการบริหารจดั การท่ีสามารถสร้างความไดเ้ ปรียบ เชิงกลยทุ ธ์ใหก้ บั อุตสาหกรรมทา่ มกลางการแข่งขนั ที่รุนแรงของตลาด โดยความร่วมมือของกลุ่มผผู้ ลิต สินคา้ ธุรกิจจดั หาสินคา้ และธุรกิจสนบั สนุนผกู ร้อยโยงเขา้ ดว้ ยกนั ความเชื่อมโยงท่ีเกิดข้ึนน้ีส่งผลดีต่อการ ลดตน้ ทุนการผลิตสินคา้ ท้งั ระบบ (Porter, 1998; UNIDO, 1999; Sölvell, Lindqvist, & Ketels, 2003; บุริม โอทกานนท,์ 2549) อีกท้งั การรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจน้ียงั ก่อใหเ้ กิดการติดต่อและส่งต่อลูกคา้ ระหวา่ ง ธุรกิจ รวมท้งั แลกเปลี่ยนขอ้ มลู ขา่ วสารระหวา่ งกนั (Porter, 1990; เกรียงศกั ด์ิ เจริญวงศศ์ กั ด์ิ, 2543) ดงั เช่น จุฑาทิพย์ ภทั ราวาท (2549) ศึกษาพบวา่ แนวทางการเช่ือมโยงเครือข่ายท่ีเป็ นวธิ ีปฏิบตั ิที่ดีที่สุด ควรมีข้นั ตอนที่เร่ิมตน้ จาก 1)การช้ีแจงทาความเขา้ ใจเรื่องการเช่ือมโยงเครือข่ายพนั ธมิตรแก่ผนู้ ากลุ่มหรือองคก์ รโดย การชกั ชวนใหเ้ ขา้ ร่วมโครงการ 2)การหนุนเสริมการจดั ทากรอบทิศทางการดาเนินงานของกลุ่มหรือองคก์ ร 3)การหนุน เสริมการสร้างกระบวนการเช่ือมโยงเครือขา่ ยการเขา้ ไปมีส่วนร่วมของผปู้ ระกอบการเพื่อให้เกิดการเช่ืองโยงเป็ นเครือข่าย วสิ าหกิจน้นั จาเป็ นอยา่ งยง่ิ ที่ภาครัฐควรใหก้ ารสนบั สนุนส่งเสริมผปู้ ระกอบการในภาคธุรกิจใหต้ ระหนกั ปัญหาต่างๆท่ี เกิดข้ึนร่วมกนั และใหค้ วามสาคญั กบั การรวมกลุ่มทางธุรกิจแต่ปัญหาท่ีพบประการหน่ึงคือผปู้ ระกอบการบางส่วนเห็น วา่ ปัญหาต่างๆที่อุตสาหกรรมการท่องเท่ียวเผชิญอยนู่ ้นั ไมไ่ ดก้ ระทบต่อธุรกิจของตนโดยตรง แตเ่ ป็นการ

256 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ กระทบตอ่ ภาพรวมเทา่ น้นั จึงทาใหไ้ มค่ ่อยเห็นความสาคญั ของการเขา้ ไปมีส่วนรวมในการวางแผนและ จดั การการท่องเท่ียวเทา่ ที่ควร วนิชย์ ไชยแสง (2549) ไดก้ ล่าวถึงเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการทอ่ งเที่ยวไวใ้ นงานวจิ ยั เรื่อง ปัจจยั ท่ี ส่งผลตอ่ การสร้างนวตั กรรมเครือข่ายวสิ าหกิจท่องเที่ยว จงั หวดั อุดรธานีวา่ ผใู้ หบ้ ริการและผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั การทอ่ งเที่ยวของภาครัฐและเอกชน มีการจดั การเครือข่ายวสิ าหกิจที่จะนามาใชใ้ นองคก์ รคือ การจดั เตรียม บริการที่มีคุณภาพสูง พฒั นาขอบเขตและความสะดวกในการใชฐ้ านขอ้ มลู การปรับปรุงการเช่ือมโยงระบบ กบั ผใู้ ชร้ ะบบและเป็นองคก์ ารในการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมและกระบวนการเรียนรู้ การเสริมสร้าง ความสมั พนั ธ์ที่ดีกบั หน่วยงานรัฐและองคก์ รเอกชนต่างๆ ในส่วนผใู้ ชบ้ ริการและนกั ทอ่ งเท่ียวเห็นวา่ ปัจจยั ที่ทาใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงนวตั กรรมเครือขา่ ยการท่องเท่ียวคือ การเช่ือมโยงข่าวสารการท่องเที่ยวถึงกนั ของหน่วยงานต่างๆ การบริการที่มีมาตรฐาน การพฒั นาแหล่งทอ่ งเที่ยวท่ีสวยงาม ปลอดภยั และการเสนอ แหล่งท่องเที่ยวท่ีมีวตั ถุโบราณแก่นกั ทอ่ งเท่ียว อยา่ งไรกต็ าม ไดม้ ีการศึกษาถึงนโยบายสาธารณะที่ส่งผลตอ่ การขยายตวั ของการรวมกลุ่ม เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวไวโ้ ดย วนิดา วชิ ยประเสริฐกลุ (2541) พบวา่ การพฒั นาการท่องเท่ียวทาให้ เมืองพทั ยาเติบโต เกิดการขยายตวั ของเมืองไปตามแนวชายฝ่ังทะเลจากดา้ นเหนือลงไปดา้ นใต้ การพฒั นา ก่อใหเ้ กิดประโยชนใ์ นเชิงเศรษฐกิจในดา้ นรายไดจ้ ากการท่องเที่ยวท่ีเพ่มิ สูงข้ึน และส่งผลกระทบในดา้ น บวกตอ่ สภาพแวดลอ้ มเมืองพทั ยา ไดแ้ ก่ การพฒั นาโครงสร้างพ้ืนฐาน การพฒั นาท่ีดิน การสร้างงานสร้าง อาชีพ และการเพ่ิมส่ิงอานวยความสะดวกดา้ นการท่องเท่ียว แตใ่ นขณะเดียวกนั การพฒั นาการท่องเท่ียวท่ี เป็นไปอยา่ งรวดเร็วและขาดการจดั การท่ีเหมาะสมก่อใหเ้ กิดผลกระทบดา้ นลบใน 3 ลกั ษณะคือ 1) ผลกระทบต่อสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ โดยมีระดบั ความรุนแรงของผลกระทบมาก ไดแ้ ก่ การขยายตวั ของส่ิงปลูกสร้างโดยขาดการควบคุม การขดั แยง้ ในการใชป้ ระโยชนท์ ่ีดิน ระดบั ความรุนแรงของผลกระทบ ปานกลาง ไดแ้ ก่ ปัญหาน้าเสีย ปัญหาขยะ ปัญหาการจราจรคบั คง่ั และติดขดั ระดบั ความรุนแรงนอ้ ย ไดแ้ ก่ การพงั ทลายของชายหาด การขาดแคลนน้าประปา การรุกล้าพ้ืนที่สาธารณะ 2) ผลกระทบต่อสภาพแวดลอ้ ม ทางเศรษฐกิจปรากฏในระดบั ความรุนแรงของผลกระทบปานกลาง ไดแ้ ก่ การกวา้ นซ้ือที่ดิน ค่าครองชีพ สูงข้ึน และ 3) ผลกระทบท่ีมีต่อสภาพแวดลอ้ มทางสงั คม ระดบั ความรุนแรงของผลกระทบมาก ไดแ้ ก่ สถิติ คดีอาชญากรรมเพม่ิ สูงข้ึน ท้งั น้ีการกาหนดแนวทางการส่งเสริมการท่องเท่ียวในพ้ืนท่ีเมืองพทั ยา กลยทุ ธ์ ดา้ นการพฒั นาแหล่งทอ่ งเท่ียวควรมีการจดั โซนหรือกาหนดพ้นื ท่ีแหล่งท่องเท่ียวใหเ้ ป็ นระบบและ สอดคลอ้ งกบั สภาพของพ้นื ที่ กลยทุ ธ์ดา้ นการกาหนดราคาควรมีการขอความร่วมมือกบั ผปู้ ระกอบการ- ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร สถานบนั เทิง ฯลฯ ในการกาหนดราคาค่าบริการใหม้ ีความยตุ ิธรรมสอดคลอ้ ง กบั สภาพความเป็นจริง กลยทุ ธ์ดา้ นการจดั จาหน่ายควรของความร่วมมือกบั ภาคเอกชนในการจดั กิจกรรม การทอ่ งเที่ยว กลยทุ ธ์ดา้ นการส่งเสริมการขาย โดยความร่วมมือกนั ของชมรม สมาคม กลุ่มผปู้ ระกอบการ ดา้ นการท่องเที่ยว และควรมีการร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเท่ียวร่วมกนั เป็นเครือข่ายวสิ าหกิจ

บทท่ี 5 การวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 257 5.3 เงือ่ นไขด้านอปุ สงค์ (Demand conditions) แมว้ า่ จากแนวคิดหลกั ดา้ นการวเิ คราะห์ความสามารถในการแขง่ ขนั น้นั ท่ีมีการพิจารณาโดย พอร์เตอร์ (Porter, 1990) มุง่ เนน้ ท่ีอุปสงคภ์ ายในประเทศเป็นหลกั ซ่ึงแตกตา่ งจากอุตสาหกรรมการ ท่องเท่ียว ซ่ึงมุ่งเนน้ อุปสงคห์ รือความตอ้ งการของลูกคา้ ภายนอกเขตพ้ืนที่และหรือนอกประเทศเป็ นหลกั สามารถอธิยายเพ่ิมเติมโดยอาศยั ทฤษฎีสังคม ความหมายของทฤษฎีสังคมคือ คาอธิบายเร่ืองของคนและความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคนตามหลกั เหตุผล และความสัมพนั ธ์ระหวา่ งส่วนตา่ งๆของคน หรือระหวา่ งคนต่อคน คนต่อกลุ่ม คนตอ่ สภาพแวดลอ้ มอยา่ งมีระบบจนสามารถพยากรณ์ได้ เจมส์ มิลเลย์ (Jame Miley,1998) กล่าวถึงทฤษฎีทาง สังคมวา่ โดยทวั่ ไปความพยายามท่ีจะอธิบายส่วนหน่ึงส่วนใดของสงั คม (Social life) ถือไดว้ า่ เป็นทฤษฎี สังคม เฮนร่ี แฟร์ไชล์ (Fairchild, 1994 อา้ งถึงใน วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ, 2557) ใหค้ วามหมายวา่ ทฤษฎีสงั คมคือ การวางนยั ยะทว่ั ๆ ไปหรือขอ้ สรุปที่ใชไ้ ดท้ วั่ ไปเพื่ออธิบายปรากฏการณ์สงั คมอยา่ งใดอยา่ ง หน่ึง ทฤษฎีสังคมตามความหมายดงั กล่าว จึงมีขอบเขตกวา้ งขวาง โดยเป็ นคาอธิบายเกี่ยวกบั คนแต่ละ บุคคล กลุ่มคน ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งคนต่างๆรวมไปถึงคาอธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคนกบั สิ่งแวดลอ้ ม ท้งั ที่เป็นสิ่งมีชีวติ และไม่มีชีวติ ขอ้ สาคญั น้นั จะตอ้ งเป็นไปตามหลกั เหตุผล มีระบบระเบียบพอท่ีจะเป็นฐาน ในการพยากรณ์เรื่องทานองเดียวกนั ในอนาคตได้ กล่าวโดยสรุป ทฤษฎีสงั คม คือ คาอธิบายปรากฏการณ์สังคมอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงตามหลกั เหตุผล โดย แสดงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งองคป์ ระกอบของปรากฏการณ์สังคมน้นั จนสามารถที่จะพยาการณ์ ปรากฏการณ์สังคมในอนาคตได้ ทฤษฎีสงั คมมีความหมายกวา้ งเป็นทฤษฎีของจิตวทิ ยา ซ่ึงอาจหมายถึงเร่ือง ของคนแต่ละคนกไ็ ด้ (Psychology studies human interaction of individuals) หรืออาจหมายถึงทฤษฎี รัฐศาสตร์ ซ่ึงเป็นเรื่องของอานาจของคนหลายคนท่ีเก่ียวขอ้ งกนั หรืออาจหมายถึงทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ อนั เป็นเร่ืองของคนหลายคนกบั วตั ถุในการผลิตการจาหน่ายจา่ ยแจกผลิตภณั ฑแ์ ละบริการในการอุปโภค บริโภคไดท้ ่ีเรียกวา่ อุปสงคก์ ็ได้ และอาจเป็นทฤษฎีสังคมวทิ ยา เป็นเร่ืองของรูปแบบความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง มนุษยห์ รืออาจจะเป็นทฤษฎีของมานุษยวทิ ยาเป็นเรื่องของคนท่ีมีแบบแผนการคิด การกระทาหรือ วฒั นธรรมท่ีแตกต่างกนั ทฤษฎีทางสังคมจึงคลา้ ยกบั แนวคิดทางสังคม ที่เกี่ยวขอ้ งกบั คนและความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งคน รวมท้งั ระหวา่ งคนกบั ส่ิงแวดลอ้ ม แตก่ ม็ ีความแตกต่างกนั ที่ทฤษฎีเป็นขอ้ ความที่เป็นไปตาม

258 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ หลกั เหตุผล มีระบบและพยากรณ์ปรากฏการณ์หรืออุปสงคใ์ นแง่ความตอ้ งการของตลาดนกั ท่องเท่ียวใน อนาคต แมว้ า่ จากแนวคิดหลกั ดา้ นการวเิ คราะห์ความสามารถในการแขง่ ขนั น้นั ที่มีการพิจารณาโดย พอร์เตอร์ (Porter, 1990) มุง่ เนน้ ที่อุปสงคภ์ ายในประเทศเป็นหลกั ซ่ึงแตกต่างจากอุตสาหกรรมการ ท่องเท่ียว ซ่ึงมุง่ เนน้ อุปสงคห์ รือความตอ้ งการของลูกคา้ ภายนอกเขตพ้นื ที่และหรือนอกประเทศเป็ นหลกั งานวจิ ยั เชิงประยกุ ตเ์ ร่ืองเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวท่ีมุ่งตอบสนองนกั ทอ่ งเที่ยวท้งั ในและนอก ประเทศท่ีเปล่ียนแปลงไปไดแ้ ก่ งานวจิ ยั โดย เปเรส ไรบิสและคณะ (Perles-Ribes, et al., 2014) ท่ีศึกษาเมือง บีนิดอร์มต้งั อยตู่ อนเหนือของจงั หวดั อลิคานเต้ (Alicante) ของประเทศสเปน มีประชากร 72,991 คนในค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) เป็นพ้นื ที่แหล่งทอ่ งเที่ยวชายหาดที่เป็นธรรมชาติ และยงั มีกิจกรรมที่เกี่ยวขอ้ งกบั การ ท่องเท่ียวมากมาย ซ่ึงมีฤดูกาลท่องเท่ียวในระดบั สูงในช่วงระหวา่ งเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี ตวั เลขความสมดุลยข์ องอุปสงคแ์ ละอุปทานทางการท่องเที่ยวของบีนิดอร์มจึงดูไดเ้ ปรียบ เม่ือมีการรวมกลุ่ม กนั ทางานจากกลุ่มโรงแรมที่พกั ขนาดเล็กๆ ท่ีเรียกวา่ Servigroup ประกอบดว้ ยโรงแรม 9 แห่ง ตลอดจนมี การเชื่อมโยงการรวมกลุ่มการทางานกบั ภตั ตาคาร ร้านอาหารท่ีเป็ นแฟรนไซล์ และร้านทอ้ งถ่ิน รวมท้งั ร้านคา้ ต่างๆ อีกมากมาย (Locally-based commercial activity) แต่การรวมกลุ่มน้ีเป็ นการหาลูกคา้ และ การตลาด แต่ยงั ขาดดา้ นการคิดคน้ นวตั กรรม ผลิตภณั ฑท์ างการท่องเที่ยว รวมตลอดจนความไม่ชดั เจนดา้ น ภาพลกั ษณ์ในการเป็นจุดท่องเท่ียวพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ อยา่ งไรกต็ าม การลดราคาที่เกิดจากอานาจต่อรองดา้ น ราคาของตวั แทนนาเที่ยวส่งผลต่อการนาเสนอบริการที่มีคุณภาพลดลงและผลการประกอบการที่ยา่ แยล่ ง โดยเฉพาะการนาเสนอโปรแกรมการท่องเท่ียวแบบ “All inclusive package” นามาซ่ึงการลดลงของ ความสามารถในการเจรจาต่อรอง รวมท้งั การดึงดูดนกั ท่องเที่ยวดอ้ ยคุณภาพจานวนมหาศาล (Low-quality mass tourists) ทาใหข้ าดแคลนความน่าสนใจต่อความสวยงามและคุณค่าท่ีแทจ้ ริงของผลิตภณั ฑท์ างการ ท่องเท่ียวดงั กล่าว นอกจากน้ี งานวจิ ยั เก่ียวกบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวที่ยง่ั ยนื ของสวนรุกขชาติอลนั เทโจ (Alantejo Natural Parks) ประเทศโปรตุเกส (Salvador, et al., 2014) ท่ีเกิดจากปัจจยั เงื่อนไขดา้ นอุปสงค์ ภายในประเทศที่พบวา่ นกั ทอ่ งเที่ยวที่เป็ นชาวโปรตุเกสเป็นหลกั และสถานที่ทอ่ งเท่ียวตอ้ งการลูกคา้ ที่มี ความรู้ค่อนขา้ งสูง ท่ีตอบโจทยด์ า้ นความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว สภาพภูมิประเทศ และ สภาพแวดลอ้ มท่ีเงียบสงบและห่างไกลผคู้ น รวมตลอดจนการกระตุน้ ดว้ ยงานเทศกาลเนยแขง็ และดนตรี แจส๊ เป็นสิ่งดึงดูดนกั ทอ่ งเที่ยวมายงั ประเทศโปรตุเกส และอลนั เทโจน่าจะใชค้ วามเป็ นประวตั ิศาสตร์ และ ความมีสถาปัตยกรรมท่ีเป็ นเอกลกั ษณ์ในการดึงดูดนกั ท่องเที่ยวมาอลนั เทโจและพกั คา้ งคืนไดเ้ ฉลี่ย 3.6 คืน/ คน/ทริป (คร้ัง) นอกจากน้ี การศึกษาเร่ืองเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวเขตไอซ์แลนดิก (Icelandic) ประเทศ ไอซ์แลนด์ โดย ฮุยจเยนส์และคณะ (Huijbens, et al., 2014) ที่ประเมินความสาเร็จของเครือข่าย จากการ

บทท่ี 5 การวิจัยท่ีเก่ียวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 259 จดั การเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวที่ไดม้ ีการทางานร่วมกนั อยา่ งจริงจงั เป็นรูปธรรมในระยะค.ศ. 2011- 2020 (พ.ศ. 2554-2563) มุ่งพฒั นาความจาเป็นพ้นื ฐาน การวจิ ยั การพฒั นานวตั กรรมและผลิตภณั ฑ์ และ การตลาดที่มุง่ พฒั นาการทอ่ งเที่ยวในกลุ่มเฉพาะ (Niche Market) ที่สนใจการท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรม เชิง สุขภาพและความสุข สาหรับ การศึกษาวจิ ยั เชิงประจกั ษ์ เรื่อง เครือขา่ ยวสิ าหกิจท่องเที่ยวจงั หวดั พงั งา เครือขา่ ย วสิ าหกิจท่องเที่ยวจงั หวดั กระบ่ี และเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวภเู ก็ต (สานกั งานคณะกรรมการพฒั นา- เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2550) ลว้ นเกิดจากแรงผลกั ดนั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั นกั ทอ่ งเที่ยวที่ลดลงอนั เกิดจาก สาเหตุดา้ นปัจจยั ภายนอกท่ีควบคุมไม่ไดค้ ือ สึนามิ ซ่ึงจงั หวดั พงั งา กระบี่ และภูเก็ตเป็ นแหล่งท่องเที่ยวทาง ทะเลท่ีสาคญั ของภาคใต้ โดยการทอ่ งเที่ยวในจงั หวดั มีอตั ราการเติบโตสูงระหวา่ งร้อยละ 20-50 ตามลาดบั ใน พ.ศ. 2547 พบวา่ นกั ท่องเท่ียวชาวไทยมีแนวโนม้ การขยายตวั เพิ่มข้ึนร้อยละ 35 ส่วนนกั ท่องเที่ยว ชาวต่างชาติมีแนวโนม้ การขยายตวั เพม่ิ ข้ึนร้อยละ 18 ซ่ึงก่อใหเ้ กิดรายไดห้ มุนเวยี นเป็ นเงินเกือบ 10,000 ลา้ นบาทตอ่ ปี ภายหลงั เกิดภยั พบิ ตั ิจากสึนามิ ธุรกิจท่องเที่ยวของจงั หวดั หยดุ ชะงกั ลงอยา่ งสิ้นเชิง ผปู้ ระกอบการหลกั ที่มีความสาคญั ในเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวจงั หวดั พงั งา กระบี่ และภูเก็ต ไดแ้ ก่ ผปู้ ระกอบการโรงแรมและที่พกั ผปู้ ระกอบการบริษทั นาเที่ยว สายการบิน ผปู้ ระกอบการร้านอาหารและ ภตั ตาคาร ผปู้ ระกอบการร้านคา้ ตา่ งๆ และผใู้ หบ้ ริการดา้ นกิจกรรมการทอ่ งเที่ยวต่างๆ โดยผปู้ ระกอบการ เหล่าน้ีตอ้ งปรับปรุงตนเองในดา้ นคุณภาพการใหบ้ ริการอยา่ งสม่าเสมอ และร่วมมือกนั เพอื่ สนองความ ตอ้ งการและรักษาความพงึ พอใจของนกั ท่องเที่ยว โดยส่วนใหญ่นกั ท่องเท่ียวท่ีเดินทางมาท่องเท่ียวใน จงั หวดั ท้งั 3 จะเป็นกลุ่มท่ีมีกาลงั ซ้ือสูง โดยเปรียบเทียบกบั แหล่งทอ่ งเที่ยวอ่ืนในประเทศไทย สรุปไดว้ า่ การพฒั นาแนวคิดเรื่องความคิดสร้างสรรคเ์ ก่ียวกบั เครือข่าย (Cluster Thinking) ถูก กระจายอยา่ งแพร่หลายไปจากการวเิ คราะห์เง่ือนไขอุปสงค์ ท้งั ภายในและภายนอกประเทศ โดยมุ่งปรับ แนวคิดหลกั ของพอร์เตอร์ อยา่ งไรกต็ าม การพฒั นาความคิดของทุกภาคส่วนเป็นปัจจยั สาคญั ของผเู้ ก่ียวขอ้ ง ตามหนา้ ที่หลกั และรองของแตล่ ะส่วน โดยเฉพาะการกาหนดนโยบายท่ีควรตอ้ งทาร่วมกนั อยา่ งใกลช้ ิด (Platform of Collaboration) ตลอดจนมีการใชก้ ารถอดบทเรียนจากการศึกษาจากเครือข่ายวสิ าหกิจการ ท่องเท่ียวท่ีประสบความสาเร็จท่ีมีการบริหารงานแบบล่างสู่บน (Bottom-Up) 5.4 อุตสาหกรรมทเ่ี กีย่ วข้องและสนับสนุน(Related and Supported Industry) อุตสาหกรรมที่เก่ียวขอ้ งและสนบั สนุนหมายรวมถึง ผสู้ ่งออกของทอ้ งถื่นและกลุ่มผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งอ่ืนๆ ท่ีส่งผลในการเชื่อมโยงจากตน้ น้า กลางน้า และปลายน้าอนั นาไปสู่การสร้างมลู ค่าเพมิ่ ของอุตสาหกรรมการ ทอ่ งเท่ียว ซ่ึงสามารถวเิ คราะห์ไดโ้ ดยใชว้ ธิ ีการที่ใชฐ้ านเศรษฐศาสตร์ (Economic Base) โดยกิบบอน

260 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ (Gibson, 1981) และแนวคิดปัจจยั นาเขา้ -ผลลพั ธ์ (Input-output) โดยเฟเชอร์และฟรีแมน ( Fleischer & Freeman, 1997) หรืออาจวเิ คราะห์ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ตามท่ีพอร์เตอร์ (Porter, 1985) ใชว้ เิ คราะห์ โดยนกั วชิ าการไดศ้ ึกษารูปแบบการทางานร่วมกนั อุตสาหกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งและสนบั สนุนต่างๆ ดงั น้ี แลมเบิร์ท และคณะ (Lambert, et al.,1998) ไดก้ าหนดรูปแบบหุน้ ส่วนมี 2 ลกั ษณะคือ หุน้ ส่วน หลกั และหุน้ ส่วนรอง โดยหุ้นส่วนหลกั คือ กิจการผผู้ ลิตสินคา้ หรือบริการไดแ้ ก่ ผใู้ ห้บริการท่ีพกั แรมแหล่ง ท่องเที่ยว หุน้ ส่วนรองคือ ผสุ้ นบั สนุนกิจกรรมตา่ งๆ เช่น ผปู้ ระกอบการขนส่ง ผใู้ หบ้ ริการร้านอาหาร เป็นตน้ อยา่ งไรก็ตามการแบ่งลกั ษณะน้ีกไ็ มไ่ ดม้ ีรูปแบบที่ชดั เจนมากนกั เน่ืองดว้ ยกิจการสามารถเป็นไดท้ ้งั หุน้ ส่วนหลกั และหุน้ ส่วนรอง ขณะที่ซิมาทแู ปงกบั ศริหารัน (Simatupang & Sridharan, 2002a) เสนอมิติการทางานร่วมกนั ประกอบดว้ ย 3 ลกั ษณะคือ (1) การทางานร่วมกนั แนวด่ิง (Vertical collaboration) ลกั ษณะน้ีเกิดข้ึนเมื่อสองกิจการข้ึน ไปท่ีเป็นหุน้ ส่วนการคา้ กนั เช่น ผผู้ ลิต ผกู้ ระจายสินคา้ ผขู้ นส่ง ผคู้ า้ ปลีก ร่วมกนั รับผิดชอบดว้ ยการใช้ ทรัพยากรและการใชข้ อ้ มลู เพอื่ ตอบสนองต่อลูกคา้ เช่น การจดั การสินคา้ คงคลงั โดยผขู้ าย (Vendor managed inventory: VMI) การจดั การบริการเพ่ือประสิทธิภาพในการตอบสนองท่ีดีจากลูกคา้ (Efficient Customer Response: ECR) เป็นตน้ (2) การทางานร่วมกนั แนวนอน (Horizontal collaboration) เกิดข้ึนจากสองกิจการข้ึนไปท่ี ไมไ่ ดเ้ ก่ียวขอ้ งกนั หรือแขง่ ขนั กนั ไดม้ าร่วมมือกนั เพอื่ แบ่งปันขอ้ มลู หรือทรัพยากรต่างๆ เช่น การใชศ้ ูนย์ กระจายสินคา้ ร่วมกนั หรือการทาวจิ ยั และพฒั นานวตั กรรมร่วมกนั เป็ นตน้ (3) การทางานร่วมกนั แบบผสมผสาน (Lateral collaboration) ลกั ษณะน้ีเป็นการทางาน ร่วมกนั แบบผสมผสาน มีความยดื หยนุ่ สูง เพราะเป็นการนาลกั ษณะการทางานร่วมกนั แบบแนวดิ่งและ แนวนอนมารวมกนั เช่น การร่วมมือระหวา่ งกิจการโรงแรมที่พกั แหล่งท่องเท่ียว และการคมนาคมขนส่ง หลายรายเพ่อื สร้างเครือข่ายการขนส่งนกั ทอ่ งเที่ยวสู่แหล่งทอ่ งเที่ยวที่เนน้ ประสิทธิผลทมี่ ีร่วมกนั (Shippers and carriers) เป็นตน้ โดยปกติ การวเิ คราะห์ความเช่ือมโยงของอุตสาหกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งอาจอยใู่ นรูปการเชื่อมโยง ยอ้ นหลงั (Backward Linkage) เช่น การจดั ซ้ือหรือจดั หาวตั ถุดิบ หรือส่ิงจาเป็ นสาหรับใชเ้ พ่ือการบริการของ กิจการท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั นกั ท่องเท่ียวท่ีเรียกวา่ เป็นปัจจยั นาเขา้ ในขณะที่ตอ้ งพิจารณาท้งั ดา้ นปริมาณหรือ จานวนท่ีเพียงพอต่อความตอ้ งการของนกั ท่องเที่ยวและตรงตามมาตรฐานเพื่อคุณภาพที่กาหนดหรือตอ้ งการ ดว้ ย เช่น โรงแรมระดบั หรูหรือระดบั 5 ดาวอาจตอ้ งการคุณภาพของสิ่งอานวยความสะดวกที่ใหบ้ ริการ ไดแ้ ก่ อาหารท่ีมีคุณภาพสูง รถหรือยานพาหนะที่ดีและเหมาะสมกบั ฐานะของแขก ตลอดจนมีการจดั หา แหล่งจบั จา่ ยใชส้ อยท่ีมีระดบั

บทท่ี 5 การวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว 261 ตามแนวคิดความเช่ือมโยงของพอร์เตอร์ ( Porter, 1985) พบวา่ ปลายทางของสายโซ่แห่งคุณคา่ กค็ ือ ลูกคา้ หรือผบู้ ริโภค ในทางอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยวน้นั หมายถึงนกั ทอ่ งเที่ยว ซ่ึงไม่จดั เป็นสินคา้ หรือ บริการที่ส่งต่อไปยงั อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ อยา่ งไรก็ตาม ตวั กลางหรือตวั แทนทางการตลาด (Marketing Intermediary) จดั เป็นผทู้ ่ีทาหนา้ ท่ีเชื่อมโยงคุณค่าของบริการ อนั มีการดาเนินการจดั หาหรือซ้ือไวเ้ พื่อ จาหน่ายต่อ หรืออาจจดั โปรแกรมนาเท่ียวในลกั ษณะครบเบด็ เสร็จ (Inclusive Tour Package) ไวใ้ หบ้ ริการ แก่นกั ทอ่ งเท่ียว นอกจากน้ีการพจิ ารณาความเชื่อมโยงในแนวนอน (Horizontal Linkage) และแนวด่ิง (Vertical Linkage) กม็ ีความสาคญั ต่อเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยว โดยมกั มีการเช่ือมโยงในรูปแบบการทา การตลาดร่วมกนั เช่น การออกบูทแนะนาบริการ การจดั งานแนะนาบริการร่วมกนั รวมตลอดจนมีการใชส้ ื่อ หรือวธิ ีการส่ือสารการตลาดร่วมกนั ซ่ึงนบั วา่ เป็นการเพ่ิมทางเลือกใหแ้ ก่นกั ทอ่ งเที่ยว ดงั ตวั อยา่ งกรณีศึกษา เครือข่ายการท่องเท่ียวประเทศคอสตาริกา (Costa Rica) ไดด้ าเนินการเช่ือมโยงในแนวนอนและแนวดิ่ง ซ่ึง เรียกแนวคิดน้ีวา่ อุตสาหกรรมเสริม (Complementary Industries) (Acuna, Villalobos, & Ruiz, 2000) โดย ประกอบดว้ ยความร่วมมือกนั ในแนวด่ิงของสหกรณ์การเกษตร ผผู้ ลิตพชื ผกั อินทรียข์ นาดยอ่ มที่ ประกอบดว้ ยเกษตรกรที่ปลูกพชื ผกั ผสู้ ่งมอบป๋ ุยอินทรีย์ โดยมีสหกรณ์เป็นผรู้ วบรวมผลผลิตมาจดั ส่งไปยงั ผบู้ ริโภคหรือกลุ่มอื่น ซ่ึงเป็ นการเชื่อมโยงในแนวนอนกบั แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศท่ีไม่ไดเ้ ก่ียวขอ้ งหรือ แขง่ ขนั กนั โดยร่วมมือกนั หรือใชท้ รัพยากรการผลิตและขอ้ มูลร่วมกนั และร่วมกนั ทางานกบั แหล่ง ท่องเท่ียวเชิงนิเวศของพ้นื ท่ี การพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจจาเป็นตอ้ งอาศยั ความร่วมมือและความไวว้ างใจของสมาชิกเครือขา่ ย เป็นสาคญั จากการศึกษาเร่ือง เครือข่ายวสิ าหกิจและนวตั กรรมดา้ นการท่องเที่ยวของประเทศองั กฤษ พบวา่ กระบวนการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวไม่ใช่ส่ิงที่ง่ายและเกิดข้ึนเองโดยธรรมชาติ แต่ตอ้ งอาศยั ความเชื่อมโยงและความร่วมมือของผมู้ ีส่วนเก่ียวขอ้ งทุกฝ่ ายโดยสมคั รใจ (Novelli, Schmitz, & Spencer, 2005) ซ่ึงแจค๊ สัน (Jackson, 2004) ไดศ้ ึกษางานวจิ ยั เรื่อง การพฒั นาการท่องเที่ยวทอ้ งถิ่นในประเทศจีน : การสร้างศกั ยภาพธุรกิจในรูปแบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจในเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ผลการวจิ ยั พบวา่ ทฤษฎี ของพอร์เตอร์มีความเหมาะต่อการพฒั นาความสามารถในการแขง่ ขนั แต่ในระดบั ธุรกิจจุลภาคกค็ วรจะ ไดร้ ับการส่งเสริมและสนบั สนุนในการพฒั นาดา้ นต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การพฒั นาทุนมนุษย์ การพฒั นาระบบการ- จดั การความรู้ร่วมกนั ดว้ ย

262 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ 5.5 เง่ือนไขปัจจัยอนื่ ๆ (Other conditions) ประกอบดว้ ยวตั ถุดิบสาหรับป้ อนกระบวนการผลิตหรือส่ิงอานวยความสะดวกพ้ืนฐานไดแ้ ก่ เส้นทางและสถานที่หรือระบบการติดต่อสื่อสาร ระบบคมนาคมและการสื่อสาร นอกจากน้ี ความสามารถ หรือท่ีเรียกวา่ ขีดความสามารถหรือสมรรถนะ (Competency) และทกั ษะของแรงงาน (Labor Skills) ของ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็มีความสาคญั อยา่ งยง่ิ เช่นเดียวกบั ความเร็วของเทคโนโลยี การส่ือสารที่มีความ เฉพาะหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะทางดา้ นบริการการท่องเท่ียวเช่น เทคนิคการปรุงอาหาร การจดั ตกแต่ง อาหาร ตลอดจนการพฒั นานวตั กรรมใหม่ๆ ท่ีเชื่อมโยงกบั ภูมิปัญญาของทอ้ งถิ่น เงื่อนไขดงั กล่าวน้ีไดแ้ ก่ ปัจจยั ต่อไปน้ี 5.5.1 การแบ่งปันขอ้ มูลร่วมกนั (Information sharing) หมายถึง การแลกเปล่ียนขอ้ มูลระหวา่ ง องคก์ ร (Simatupang & Sriharan , 2002; Feng & Yuan, 2007) การแบ่งปันขอ้ มูลน้ีมีความสาคญั และมีความ จาเป็นสาหรับเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียว โดยขอ้ มลู น้นั สามารถนามาใชเ้ พ่อื การวางแผน การตดั สินใจ การแกไ้ ขปัญหา การจดั ระบบสินคา้ และบริการ และจดั ระบบการทางานตา่ งๆ (Keebler & Plank, 2009; Cao & Zhang, 2010; Whipple, et al., 2010) และส่งผลดา้ นบวกต่อผลการดาเนินงานของธุรกิจ (Lambert, et al., 2004; Barratt, 2004) ซ่ึงขอ้ มูลที่เปิ ดเผยไดจ้ ะเป็ นกญุ แจในการสร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งหุน้ ส่วน (Lambert, et al., 2004, 33) มีผลต่อความไดเ้ ปรียบทางการแขง่ ขนั ซ่ึงขอ้ มลู ที่เที่ยงตรงและทนั เวลาสามารถ นามาใชเ้ พอื่ การตดั สินใจ รวมท้งั สามารถจดั การกบั ความเขา้ ใจท่ีคลาดเคล่ือนหรือความตอ้ งการที่ไม่ แน่นอนหรือการตดั สินใจท่ีมีความยงุ่ ยากซบั ซอ้ นและเพ่อื จดั การกบั คูแ่ ขง่ ขนั ที่มีพฤติกรรมการฉวยโอกาส คุณประโยชน์ดา้ นการไม่เอาเปรียบอีกฝ่ ายหน่ึงถึงแมว้ า่ จะมีโอกาส (Mishra, 1996) สอดคลอ้ งกบั การศึกษาของสปิ คแมนและคณะ (Spekman, et al., 1998) ท่ีกล่าววา่ ขอ้ มูลท่ีมีการแบ่งปันตอ้ งปราศจาก อนั ตรายต่ออีกฝ่ ายหน่ึงดว้ ย เช่นเดียวกบั ผลการศึกษาของบาร์เรท (Barratt, 2004) ที่กล่าววา่ ขอ้ มลู ท่ีมีการ แบ่งปันตอ้ งมีคุณภาพและโปร่งใส คุณภาพของขอ้ มูลตอ้ งมีความทนั สมยั ความเท่ียงตรง ครบสมบรู ณ์ มี ความสม่าเสมอและง่ายต่อการใชง้ าน การไหลของขอ้ มูลสามารถเกิดข้ึนไดท้ ้งั ไปขา้ งหนา้ สู่ลูกคา้ และยอ้ น ขา้ งหลงั สู่ซพั พลายเออร์ของระบบห่วงโซ่อุปทาน (Forward and backward flows) (Simatupang & Sriharan, 2002) การแบง่ ปันขอ้ มลู ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั งานประจาในหลายระดบั ท้งั ขอ้ มูลที่เป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ (Min, et al., 2005) เช่น ขอ้ มูล ณ จุดขาย (point of sale) การประชุมตามปกติ การประชุมระดบั หวั หนา้ งาน ขอ้ มูลการใชท้ รัพยากร การรายงานสถานะผลการดาเนินงานดา้ นเวลา คุณภาพ ตน้ ทุน ความยดื หยนุ่ การ รายงานสถานะระหวา่ งกระบวนการ คือ การส่งมอบ คาส่งั ซ้ือ เป็นตน้ โดยการแบง่ ปันขอ้ มลู สามารถทาได้ ทนั ทีทนั ใด (Realtime) ดว้ ยการเชื่อมโยงขอ้ มลู ทางเวบ็ ไซด์ อินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยกี ารสื่อสารตา่ งๆ (Simatupang & Sriharan, 2002; 2008; Min, et al., 2005) โดยท่ีประโยชน์ท่ีไดจ้ ากการใชข้ อ้ มูลการวางแผน ร่วมกนั มีผลต่อซพั พลายเออร์ในการปรับปรุงคุณภาพการบริการ การตอบสนอง การส่งมอบ รวมถึงอตั รา

บทที่ 5 การวิจัยท่ีเกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว 263 การหมุนเวยี นสินคา้ คงคลงั และตน้ ทุนวตั ถุดิบ โดยเฉพาะในธุรกิจร้านอาหาร ร้านขายของฝากและของท่ี- ระลึกที่มีระบบการผลิตและการบริ การเป็ นหลกั 5.5.2 การทางานเป็นทีมร่วมกนั ( Joint teamwork ) หมายถึง การที่แตล่ ะฝ่ ายต้งั ทีมงานของ ตนเองข้ึนมาเพ่ือประสานงานหรือแกไ้ ขปัญหาตา่ งๆ ที่เกิดข้ึนระหวา่ งองคก์ รร่วมกนั ทีมงานอาจ ประกอบดว้ ยตวั แทนองคก์ รที่มาจากหลายแผนก (Cross-Functional teams) หรือตวั แทนระหวา่ งองคก์ ร (Cross-Organization teams) เพื่อควบคุมคุณภาพในการดาเนินงาน นบั วา่ เป็นการสร้างความสมั พนั ธ์ทางตรง มินและคณะ (Min, et al., 2005) และ สปิ คแมนและคาราเวย์ (Spekman & Carraway, 2006) พบวา่ ความ พยายามของทีมงานเช่น การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั การวางแผนร่วมกนั การแกไ้ ขปัญหาและตดั สินใจ ร่วมกนั และการวดั ผลปฏิบตั ิงานร่วมกนั มีผลต่อความสาเร็จในการทางานร่วมกนั นอกจากน้นั ทีมงานท่ีมี ส่วนเก่ียวขอ้ งกบั การแบง่ ปันขอ้ มูลยงั มีส่วนทาใหล้ ดตน้ ทุนใหต้ ่าลงดว้ ย ไนยาเกและคณะ (Nyage et al., 2010) ไดก้ ล่าวถึงการทากิจกรรมร่วมกนั (joint activities) วา่ ฝ่ ายผขู้ ายมองวา่ การทากิจกรรมร่วมกนั เป็ นการ จดั สรรความตอ้ งการและความคาดหวงั ในความสมั พนั ธ์กบั ฝ่ ายผซู้ ้ือ ในขณะท่ีฝ่ ายผซู้ ้ือมองวา่ การทา กิจกรรมร่วมกนั เป็ นความพยายามของฝ่ ายผขู้ ายในดา้ นความไวว้ างใจ สอดคลอ้ งกบั บาร์เรท (Barratt, 2004) ที่กล่าววา่ การทากิจกรรมระหวา่ งองคก์ รพฒั นาไปสู่ความไวว้ างใจในการทางานร่วมกนั ระหวา่ งหุ้นส่วน เช่นเดียวกบั พิบูลรุ่งโรจน์ (Piboonrungroj, 2012, 182) ที่พบวา่ การทางานร่วมกนั หรือทากิจกรรมร่วมกนั มี ผลต่อความไวว้ างใจระหวา่ งองคก์ ร 5.5.3 การแลกเปล่ียนทกั ษะและการเรียนรู้ (Skills and knowledge sharing ) หมายถึง การคน้ หา โอกาสใหมๆ่ ในการเรียนรู้เพ่ิมเติมจากอดีตเช่น ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ โดยมีการถ่ายทอดความรู้ ระหวา่ งกนั เพ่ือปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพใหด้ ีข้ึน (Dyer & Chu, 2000) สาหรับการแลกเปลี่ยนความรู้เป็น ส่วนสาคญั ต่อความสมั พนั ธ์ซ่ึงกนั และกนั (Whipple, et al., 2010) และการแลกเปล่ียนความรู้ยงั สามารถ สร้างคุณคา่ ใหก้ บั ลูกคา้ (Spekman & Carraway, 2006) ทาใหก้ ระบวนการเรียนรู้เกิดข้ึนไดต้ ่อเนื่อง จาก สภาวะโลกปัจจุบนั ท่ีมีความซบั ซอ้ น การส่ือสารระหวา่ งองคก์ รทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจ สร้างบรรยากาศและ กระตุน้ ใหเ้ กิดกระบวนการหรือนวตั กรรมเพือ่ ก่อใหเ้ กิดการเรียนรู้ใหมๆ่ และหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เป็น อนั ตรายระหวา่ งสององคก์ รหรือมากกวา่ เช่นเดียวกบั แลมเบิร์ตและคณะ (Lambert, et al., 2004) เสนอวา่ การเพ่มิ พนู ทกั ษะและความรู้ระหวา่ งหุน้ ส่วนเป็นเร่ืองท่ีควรนาไปใชอ้ ยา่ งยงิ่ นอกจากน้ีโดเฮอต้ี (Daugherty, 2011) พบวา่ คุณสมบตั ิในการสร้างคุณค่างานบริการอยา่ งหน่ึงคือ การมีและการแลกเปล่ียน ทกั ษะและความรู้ของคนในองคก์ ร ซ่ึงเป็นปัจจยั ท่ีส่งผลต่อความสาเร็จในการทางานร่วมกนั 5.5.4 การสร้างความไวว้ างใจกนั (Trustworthiness) ความไวว้ างใจระหวา่ งหุน้ ส่วนทางการคา้ เป็นเรื่องจาเป็น สิ่งท่ีทาใหเ้ กิดความรู้สึกวา่ ไวว้ างใจกนั ไดค้ ือ เมื่ออีกฝ่ ายในเครือขา่ ยวสิ าหกิจไดพ้ ิสูจน์ให้ เห็นวา่ สามารถแกไ้ ขปัญหาไดห้ รือการแสดงความภกั ดี (Loyalty) แตถ่ า้ พบวา่ มีการบิดเบือนความจริง ระหวา่ งกนั ความไวว้ างใจก็อาจจะลดลง (Mishra, 1996) งานวจิ ยั ของโจนส์และคณะ (Jones, et al., 2010) ไดส้ รุปวา่ ผบู้ ริหารตอ้ งเขา้ ใจลกั ษณะของความไวว้ างใจในหลากหลายแง่มุมเพอื่ ทาให้กิจการมีศกั ยภาพ

264 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ ทางานร่วมกนั ได้ สนบั สนุนกบั งานวจิ ยั ของดฟั ฟี่ และฟรานซ์ (Duffy & Fearne, 2004) ที่กล่าววา่ ความ ไวว้ างใจนาไปสู่ความสาเร็จคือ ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ความไวว้ างใจเป็นเรื่องที่เขา้ ใจไดง้ ่าย แตก่ าร ประเมินผลความไวว้ างใจเป็ นเร่ืองยาก ส่วนงานวจิ ยั ของโซเลสวคิ กบั เวสเฮด (Solesvik & Westhead, 2010) พบวา่ ความไวว้ างใจเป็นองคป์ ระกอบสาคญั ในการพฒั นาความสัมพนั ธ์ในห่วงโซ่อุปทาน (Sinatupang & Sridhran, 2005b; Blois, 1998) การขาดความไวว้ างใจในห่วงโซ่อุปทานอาจทาใหผ้ ลการดาเนินงานขาด ประสิทธิภาพและประสิทธิผล (Kwon & Suh, 2005) และเป็นอุปสรรคในการเปิ ดเผยขอ้ มูล (Wang & Emurian, 2005) เช่นเดียวกบั ลกั ษณะหรือพฤติกรรมของผซู้ ้ือที่แสดงวา่ ไม่น่าไวว้ างใจหรือมีการเอารัดเอา เปรียบกอ็ าจทาใหซ้ พั พลายเออร์มีตน้ ทุนท่ีเพ่มิ สูงข้ึนเช่นกนั (Doney & Cannon, 1997) แต่ถา้ ความไวว้ างใจ ระหวา่ งกนั มีอยา่ งตอ่ เน่ืองและคงอยู่ ตน้ ทุนธุรกรรมในการแลกเปล่ียนความสัมพนั ธ์จะลดลง (Blois, 1998; Ganesan, 1994) โดยความไวว้ างใจน้ีจะมีความสมั พนั ธ์ตอ่ ความผกู พนั ตอ่ กลุ่มและต่อกนั (Commitment) ปัจจยั สาคญั การพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยวใหป้ ระสบความสาเร็จน้นั จะเก่ียวขอ้ งกบั การ จดั สรรผลประโยชน์ทางการเงินใหก้ บั ธุรกิจ (Morrison, 1996) ซ่ึงลิตเติ้ลจอห์นและคณะ (Littlejohn, et al., 1996) ไดศ้ ึกษาดา้ นความรู้ความเขา้ ใจในการรวมกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจ พบวา่ ทศั นคติในทางบวกของ สมาชิกในเครือข่ายต่อการให้การสนบั สนุนเครือข่าย เกิดจากการจดั สรรการเงินอยา่ งลงตวั ใหก้ บั สมาชิก ซ่ึง เป็นการสร้างความสมดุลในดา้ นการแข่งขนั ของธุรกิจดว้ ยการผสมผสานระหวา่ งการควบคุมและการสร้าง ความร่วมมือใหเ้ กิดข้ึนพร้อมๆ กนั ซ่ึงยนื ยนั ผลการศึกษาโดยสานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ (2551 อา้ งถึงในวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ, 2557) ท่ีไดศ้ ึกษาการพฒั นาความสามารถใน การแขง่ ขนั ของอุตสาหกรรมท่องเท่ียวต้งั แต่ธุรกิจขนาดใหญจ่ นถึงขนาดยอ่ มในจงั หวดั ที่มีชื่อเสียงติดอนั ดบั ของประเทศ คือ จงั หวดั ภูเกต็ และจงั หวดั ภาคเหนือตอนล่างพบวา่ ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนใหญเ่ ป็ นธุรกิจขนาด กลางและขนาดยอ่ มท่ีมกั ใชก้ ลยทุ ธ์การแขง่ ขนั ตดั ราคาและมีการดาเนินงานแบบลาพงั (Stand-Alone) มากกวา่ ท่ีจะร่วมมือเป็นเครือข่าย แมว้ า่ ในอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยวจะมีการจา้ งงานท้งั แรงงานที่มีทกั ษะและไร้ทกั ษะ แต่กม็ ีอตั รา การลาออกสูงเช่นกนั ยงั ผลทาใหก้ ิจการต่างๆ ตอ้ งมีการกาหนดมาตรฐานหรือเกณฑค์ วามสามารถข้นั มาตรฐานของบริการกบั อุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยว เพื่อใหอ้ ุตสาหกรรมมีการขยายตวั และเติบโตอยา่ งยงั่ ยนื เช่น ความสามารถดา้ นภาษา การบริการ การตลาด ตลอดจนความรู้เก่ียวกบั แหล่งทอ่ งเที่ยว จึงตอ้ งมุ่งความ สนใจในดา้ นการฝึกอบรม และการพฒั นาทุนมนุษยด์ า้ นต่างๆ และในประเด็นท่ีสนใจร่วมกนั ดงั การศึกษา เรื่องการพฒั นาทุนมนุษยข์ องเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวเมืองพทั ยาเพอื่ การแขง่ ขนั ในประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน โดย วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ (2557) และสมศรี ศิริไหวประพนั ธ์ และวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั (2559) พบวา่ สมาชิกเครือขา่ ยการทอ่ งเที่ยวเมืองพทั ยาโดยรวม มีความจาเป็นในการพฒั นาทุน มนุษยด์ า้ นอุตสาหกรรม ดา้ นความสามารถทวั่ ไป ดา้ นความสมั พนั ธ์และดา้ นกลยทุ ธ์ โดยเผชิญปัญหาทุน-

บทท่ี 5 การวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 265 มนุษยข์ า้ งตน้ แตกต่างกนั ตามบทบาทของวสิ าหกิจท่ีเป็ นและสนใจเป็นสมาชิกเครือข่ายการทอ่ งเที่ยวเมือง พทั ยา โดยกิจการสปาและนวดแผนไทยมีความจาเป็นเร่งด่วนในการพฒั นาทุนมนุษยค์ รบท้งั 4 ดา้ นขา้ งตน้ ขณะที่ธุรกิจโรงแรมท่ีพกั มีปัญหาทุนมนุษยด์ า้ นการจดั การทวั่ ไป ธุรกิจร้านขายของที่ระลึกมีปัญหาทุน มนุษยด์ า้ นอุตสาหกรรมเช่นเดียวกบั ธุรกิจดา้ นแหล่งทอ่ งเที่ยว ตวั แทนนาเท่ียวและร้านอาหาร ซ่ึงประสบ ปัญหาทุนมมนุษยเ์ พมิ่ เติมดา้ นความสัมพนั ธ์และดา้ นกลยทุ ธ์ การวจิ ยั น้ีไดใ้ ชก้ ลไกและวธิ ีการพฒั นาทุน มนุษยต์ ามสภาพธรรมชาติของปัญหา และเงื่อนไขท่ีธุรกิจประเภทต่างๆ เผชิญอยู่ อาทิ ใชค้ ูม่ ือแนวการ ปฏิบตั ิที่เป็นมิตรกบั สิ่งแวดลอ้ มดา้ นธุรกิจโรงแรม ใชก้ ารฝึกอบรมเชิงปฏิบตั ิการใหค้ วามรู้ เพิม่ พนู ทกั ษะ การตลาดและการขายกบั ธุรกิจร้านขายของที่ระลึก และใชก้ ารฝึกอบรมเชิงปฏิบตั ิการเพอ่ื พฒั นาทกั ษะทุน มนุษยด์ า้ นอุตสาหกรรมและความสมั พนั ธ์ดว้ ยทกั ษะการสื่อสาร โดยใชภ้ าษาต่างประเทศ 4 ภาษา คือ จีน องั กฤษ รัสเซีย และเกาหลี ผลการพฒั นาทุนมนุษยพ์ บวา่ ผเู้ ขา้ รับการอบรมมีการพฒั นาอยใู่ นระดบั สูงข้ึนใน ระดบั ปานกลางถึงมาก ท้งั น้ีนบั ไดว้ า่ เป็นจุดเริ่มตน้ ท่ีสาคญั ในการแบง่ ปันขอ้ มลู และความรู้ซ่ึงกนั และกนั ในเครือข่ายวสิ าหกิจ และระหวา่ งอบรมกม็ ีการดาเนินกิจกรรมร่วมกนั เป็ นทีม อนั นามาซ่ึงความไวเ้ น้ือเชื่อ ใจกนั และกนั 5.6 โอกาสและรัฐบาล (Opportunity and Government) โอกาสในท่ีน้ีหมายถึง ส่ิงที่เกิดข้ึนและการ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ แนวโนม้ การตลาด สถานการณ์ทางการท่องเท่ียวหรือสภาพการเปลี่ยนแปลง ตา่ งๆ ซ่ึงยากตอ่ การควบคุม แต่กิจการในเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยวสามารถสร้างเป็นโอกาสในการ ตอบสนองความตอ้ งการแก่กลุ่มเป้ าหมายได้ แบบจาลองการอา้ งอิงการดาเนินงานห่วงโซ่อุปทาเป็นการสร้างและใชโ้ อกาสท่ีมีในการกาหนด กระบวนการตา่ งๆ ใหเ้ ป็นมาตรฐานเดียวกนั และมีคาอธิบายกระบวนการท่ีช่วยใหผ้ เู้ ก่ียวขอ้ งสามารถ นาไปใชอ้ ยา่ งมีความเขา้ ใจท่ีตรงกนั ในการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียว ประกอบดว้ ย (1) การวเิ คราะห์กระบวนการธุรกิจการท่องเที่ยวตามเป้ าหมายที่กาหนดไว้ (Business Process Reengineering) คือ การวเิ คราะห์และเปล่ียนแปลง กระบวนการธุรกิจการท่องเท่ียวตามเป้ าหมายที่กาหนด ไว้ (2) การเปรียบเทียบประสิทธิภาพประสิทธิผลขององคก์ รกบั กิจการที่เกี่ยวขอ้ งอ่ืน (Benchmarking) คือ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพประสิทธิผลของเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวกบั กิจการเครือข่ายอื่น เพอื่ ใหส้ ร้างแนวทางในการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวต่อไปดว้ ยกลยทุ ธ์ที่เหมาะสม (3) แนวปฎิบตั ิท่ีดีหรือเป็นเลิศ (Good or Best Practice) คือ การนาเสนอกระบวนการและวธิ ีการ เพือ่ เป็ นแบบอยา่ งจดั การ กระบวนการธุรกิจเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยวเพื่อเป็นแนวทางในการพฒั นา

266 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวท่ีเหมาะสมที่สุดภายใตข้ อ้ จากดั ต่างๆ โดยครอบคลุมท้งั ประสิทธิภาพ คือ มุ่ง ลูกคา้ (Customer-facing) ไดแ้ ก่ ความเช่ือถือได้ การตอบสนอง ความคล่องตวั และประสิทธิผล (Effectiveness) คือ มุง่ ภายในเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียว (Internal-facing) ไดแ้ ก่ ตน้ ทุนห่วงโซ่อุปทาน และการจดั การสินทรัพยข์ องเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยว จากการศึกษาขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ ปัญหาของการพฒั นาศกั ยภาพการรวมกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจ น้นั นอกจากจาเป็ นตอ้ งอาศยั การสร้างความรู้ ความเขา้ ใจ ความตระหนกั และการสร้างเครือขา่ ยความ ร่วมมือใหก้ บั สมาชิกในเครือขา่ ยบนพ้ืนฐานของความไวใ้ จซ่ึงกนั และกนั (Malecki & Tootle, 1997) เพอ่ื กระตุน้ ใหส้ มาชิกเห็นความสาคญั และความจาเป็ นในการร่วมมือกนั ในการเสริมสร้างความสามารถทางการ แข่งขนั ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจของตนเอง ซ่ึงผปู้ ระกอบการจะมีความสามารถในการเรียนรู้จากประสบการณ์ และแสวงหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่สนใจ (อาทิตย์ วฒุ ิคะโร, 2543; Minniti & Bvgrave, 2000; Bandura, 1986) ส่งผลใหผ้ ปู้ ระกอบการมีระดบั ความรู้เขา้ ใจดา้ นเครือข่ายแตกต่างกนั มีความเห็นพอ้ งกนั วา่ แนวคิด เรื่องเครือข่ายวสิ าหกิจเป็นส่ิงท่ีดี แต่ยงั ไมแ่ น่ใจวา่ การพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจจะเป็ นไปได้ สาเหตุหน่ึง เนื่องจากความไมต่ ่อเน่ืองของนโยบายรัฐ (Rodriguez-Clare, 2005, 3) รวมท้งั การเกิดความระแวงและขาด ความไวว้ างใจซ่ึงกนั และกนั และต่อหน่วยงานภาครัฐ โดยภาพรวมที่สาคญั คือ ยงั ขาดแกนหลกั ในการ บริหารจดั การเครือขา่ ย (Bogdan, 2007; Martin & Sunley, 2003) ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของสานกั งาน คณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ (2549) ที่ศึกษาเรื่อง แผนที่เครือข่ายวสิ าหกิจเพ่ือยกระดบั ความสามารถในการแขง่ ขนั ของภาคการผลิตและบริการ พบประเดน็ ท่ีน่าสนใจที่เชื่อมโยงกบั ภาครัฐดงั น้ี 5.6.1 ความตระหนกั เกี่ยวกบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจ ผกู้ าหนดนโยบายมีความตระหนกั เป็นอยา่ งดีใน นโยบายการพฒั นาเครือข่ายวิสาหกิจของรัฐบาล แต่ยงั มีระดบั ความเขา้ ใจเก่ียวกบั ความหมายของเครือขา่ ย วสิ าหกิจและวธิ ีการแตกตา่ งกนั ส่วนมากเขา้ ใจวา่ เครือข่ายวสิ าหกิจหรือคลสั เตอร์ และเครือข่ายวสิ าหกิจ ชุมชน เป็นเร่ืองเดียวกนั ซ่ึงที่จริงแลว้ ท้งั 2 ประเภท อาจจะมีความหมายต่างกนั 5.6.2 การยอมรับและความร่วมมือ ผกู้ าหนดนโยบายและเจา้ หนา้ ท่ีภาครัฐยอมรับและใหค้ วาม ร่วมมือในการผลกั ดนั การพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจเป็นอยา่ งดี แต่ไมส่ ามารถดาเนินการสนบั สนุนไดอ้ ยา่ ง เตม็ ที่ เพราะขาดบุคลากรและงบประมาณ ในขณะที่ผปู้ ระกอบการเอกชนยอมรับวา่ แนวคิดเร่ืองเครือข่าย วสิ าหกิจเป็นสิ่งที่ดี แต่ส่วนมากยงั ไม่แน่ใจวา่ การพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจจะเป็นไปได้ สาเหตุหน่ึงเนื่องจาก ความไม่ต่อเน่ืองในนโยบายรัฐ ส่วนสาเหตุอื่นไดแ้ ก่ ผปู้ ระกอบการยงั มีความระแวงและขาดความไวว้ างใจ ซ่ึงกนั และกนั และยงั ตอ้ งการใหภ้ าครัฐเขา้ มาเป็ นผปู้ ระสานงานและดาเนินงานสนบั สนุนและกากบั ดูแล แทนท่ีจะใหผ้ ปู้ ระกอบการดาเนินการกนั เอง 5.6.3 ระดบั การพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจส่วนใหญ่ยงั มีลกั ษณะของการรวมตวั กนั อยา่ งหลวมๆ และเป็นการจดั ต้งั ที่เริ่มตน้ จากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานเอกชนภายนอกกลุ่มมากกวา่ ที่จะผลกั ดนั มา จากภายในกลุ่มผปู้ ระกอบการเอง ยกเวน้ เครือข่ายวสิ าหกิจขนาดยอ่ มบางกลุ่มท่ีเกิดในกลุ่มประเทศยโุ รป บางประเทศเช่น สเปน โปรตุเกส เป็นตน้ นอกจากน้ีการสนบั สนุนจากหน่วยงานภาครัฐในแตล่ ะเครือข่าย

บทท่ี 5 การวิจัยท่ีเกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว 267 วสิ าหกิจยงั ขาดการประสานงานกนั ทาใหเ้ ครือข่ายวสิ าหกิจส่วนใหญ่ขาดเป้ าหมายและแผนดาเนินการท่ี ชดั เจนหรือมีแต่ไม่มีกิจกรรมตอ่ เน่ืองและไมม่ ีการติดตามประเมินผลอยา่ งชดั เจน 5.6.4 ศกั ยภาพของเครือขา่ ยวสิ าหกิจในภาพรวม ส่วนใหญ่จะขาดผนู้ า ดงั น้นั เป้ าประสงคก์ าร ดาเนินกิจกรรมของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ จึงถูกช้ีนาและกาหนดจากหน่วยงานภาครัฐท่ีเกี่ยวขอ้ ง เครือข่าย วสิ าหกิจที่เป็นกลุ่มการผลิตในระดบั วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มมกั จะเช่ือมโยงในลกั ษณะแนวดิ่ง มากกวา่ จะเช่ือมโยงกบั ผปู้ ระกอบอื่นในธุรกิจเดียวกนั อีกท้งั สถาบนั เฉพาะทางที่เก่ียวขอ้ งมีบทบาทและ ส่วนร่วมในเครือข่ายวสิ าหกิจเหล่าน้นั นอ้ ยมากหรือใหค้ วามร่วมมือแบบเฉพาะกิจเทา่ น้นั สาหรับหน่วยงานภาครัฐสามารถเป็นตวั แปรที่ช่วยสนบั สนุนหรือเป็ นเคร่ืองหน่วงความสามารถใน การแข่งขนั ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียว นโยบายของรัฐควรมุ่งสู่การพฒั นาส่ิงอานวยความสะดวก ข้นั พ้ืนฐาน การลงทุน การศึกษาและการสาธารณสุข การฝึกอบรม ตลอดจนการออกกฏระเบียบต่างๆ รวมท้งั บทบาทในดา้ นการส่งเสริมและสนบั สนุนดา้ นระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ และการพฒั นาระบบ ปัญญาประดิษฐ์ ซ่ึงหมายถึงเป็นการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมและเอ้ือต่อการดาเนินการของอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว รวมตลอดจนนโยบายและกฏระเบียบดา้ นการจา้ งงาน การเคลื่อนยา้ ยแรงงาน ตลอดจนการ พฒั นาทุนมนุษยแ์ ก่อุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยวอยา่ งเป็นรูปธรรมและต่อเน่ือง (วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ, 2557) ตวั อยา่ งที่น่าสนใจท่ีจะหยบิ ยกจากผลการศึกษาวจิ ยั โดย วุฒิชาติ สุนทรสมยั และคณะ (2555) เร่ืองการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยวของผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดยอ่ มในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี โดยไดร้ ับทุนสนบั สนุนจากสานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ มีวตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั เพ่ือวเิ คราะห์ศกั ยภาพและความสามารถในการแขง่ ขนั ในดา้ นจุดแขง็ จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของ ธุรกิจ แลกเปล่ียนความรู้เร่ืองการพฒั นาศกั ยภาพและความสามารถในการแข่งขนั อย่างยง่ั ยืนด้วยการ รวมกลุ่ม (Cluster) สาหรับผปู้ ระกอบการธุรกิจขนาดยอ่ มดว้ ยกนั และกบั หน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งในเครือขา่ ย การท่องเที่ยวในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี และกาหนดและหาแนวทางร่วมกนั ในการพฒั นาเครือข่าย (Cluster) ของธุรกิจการท่องเที่ยวขนาดยอ่ มและหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี เป็น การศึกษาในลกั ษณะการวจิ ยั แบบผสมผสานระหวา่ งเชิงปริมาณและคุณภาพ (Mixed-method) เก็บรวบรวม ขอ้ มลู ท้งั จากการวเิ คราะห์ขอ้ มลู สภาวะการประกอบธุรกิจและตลาดของธุรกิจท้งั ประเภท 6ไดแ้ ก่ กิจการ โรงแรมท่ีพกั ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก กิจการคมนาคมขนส่ง กิจการตวั แทนนาเท่ียว และกิจการสปา และนวดแผนไทย ผลการวเิ คราะห์ และสงั เคราะห์จากการศึกษากลุ่มตวั อยา่ งและประชากรของธุรกิจท้งั ประเภท 6 พบวา่ ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจดา้ นเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวน้นั ผปู้ ระกอบการขนาดยอ่ มท้งั 6 ประเภทที่มีการรวมกลุ่มกนั และที่ยงั คงรวมกลุ่มเป็นชมรม สมาคม มีความรู้ความเขา้ ใจเร่ืองเครือขา่ ย วสิ าหกิจสูงกวา่ ผปู้ ระกอบการที่ไม่มีคุณลกั ษณะดงั กล่าว กลุ่มที่รวมกนั น้ี เกิดการติดต่อและส่งต่อลูกคา้

268 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ ระหวา่ งธุรกิจ อีกท้งั ยงั มีการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ขา่ วสารระหวา่ งกนั ส่งผลตอ่ ความรู้ความเขา้ ใจในดา้ นต่างๆ ร่วมกนั เกิดจากการจดั สรรการเงินอยา่ งลงตวั ใหก้ บั สมาชิก เป็นจุดแขง็ ที่สาคญั ที่เอ้ือต่อการพฒั นารวมกลุ่ม กนั เป็นเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวของผปู้ ระกอบการขนาดยอ่ มท้งั 6 ประเภท ไดแ้ ก่ โรงแรมท่ีพกั ร้านอาหาร ร้านขายของท่ีระลึก คมนาคมขนส่ง ตวั แทนนาเท่ียว และสปาและนวดแผนไทย ซ่ึงลกั ษณะเด่น ของผปู้ ระกอบการ 5 ประเภท จาก 6 ประเภท ยกเวน้ ตวั แทนนาเที่ยวของเมืองพทั ยา คือ การเปิ ดรับโอกาสท่ี จะเรียนรู้ส่ิงใหม่ๆ ร่วมกบั ประสบการณ์ท่ีมีอยู่ ทาใหม้ ีการเปิ ดกวา้ งดา้ นความรู้ และความเขา้ ใจในเร่ืองต่างๆ ไดง้ ่าย และยนื ยนั จากผลการสมั ภาษณ์เจาะลึกที่ผปู้ ระกอบการขนาดเลก็ หรือขนาดยอ่ มพบวา่ กวา่ ร้อยละ 70 ที่มีการรวมกลุ่มกนั อยแู่ ลว้ เกิดการบอกข่าวสารอยา่ งถูกตอ้ ง และสามารถใหบ้ ริการแก่ลูกคา้ ไดอ้ ยา่ งทวั่ ถึง ผปู้ ระกอบการขนาดยอ่ มที่มียอดขายเฉล่ียต่อเดือน ระหวา่ ง 50,001-100,000 บาท มีความสามารถ ในการแข่งขนั สูงกวา่ กิจการอื่นๆ เนื่องจากส่วนใหญเ่ ป็ นผปู้ ระกอบการขนาดยอ่ มที่มีศกั ยภาพและมีความ พร้อมทางดา้ นการเงิน บุคลากร สถานที่ ฯลฯ มากกวา่ ผปู้ ระกอบการขนาดยอ่ มที่มีขอ้ จากดั ในดา้ นเหล่าน้ี อุปสรรคที่สาคญั และควบคุมไมไ่ ด้ คือ เม่ือเกิดความวนุ่ วายทางการเมืองและเศรษฐกิจมีความผนั ผวน รวมท้งั มีการออกขอ้ กฎหมายใหมๆ่ ระดบั ชาติและทอ้ งถิ่นที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการธุรกิจดา้ นการ ท่องเท่ียว โดยอุปสรรคจะสามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ หากมีการรวมกลุ่มกนั และยงั คงรวมกลุ่มอยา่ ง เหนียวแน่นจะสามารถแกป้ ัญหาจากการแขง่ ขนั กนั เองและขาดเงินทุน มีการแลกเปลี่ยนความรู้ทางการ บริหารที่ทนั ต่อการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการทอ่ งเท่ียว ซ่ึงถือวา่ เป็นโอกาสของ กิจการท่ีมีการรวมกลุ่มกนั ภายในธุรกิจเดียวกนั และภายนอก ผปู้ ระกอบการจานวนหน่ึงตระหนกั ถึง ความสาคญั ในการรวมกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยวของผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดยอ่ ม โดยมี การจดั ต้งั ศนู ยเ์ ครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยวเมืองพทั ยา (Pataya Tourism Cluster Center : PTCC) ข้ึน เพอ่ื เป็ นแกนหลกั สาหรับการบริหารจดั การ โดยคณะทางานประกอบไปดว้ ย ผแู้ ทนจากชมรมเชฟพทั ยา ผแู้ ทนจากสมาคนนกั ธุรกิจการทอ่ งเท่ียวเมืองพทั ยา ผแู้ ทนจากชมรมสปาภาคตะวนั ออก ผแู้ ทนจากสมาคม โรงแรมภาคตะวนั ออก ท้งั น้ีหน่วยงานภาครัฐ ไดแ้ ก่ เมืองพทั ยา การทอ่ งเที่ยวแห่งประเทศไทย สานกั งาน พทั ยา จะทาหนา้ ท่ีใหก้ ารสนบั สนุนเชิงนโยบาย งบประมาณ สถาบนั การศึกษา ไดแ้ ก่ มหาวทิ ยาลบั บูรพา เขา้ มาช่วยในดา้ นขอ้ มลู ข่าวสาร ความรู้ทางวชิ าการ และการพฒั นาฝึกอบทกั ษะบุคลากร รวมท้งั ทาหนา้ ที่ เป็นผปู้ ระสานงานเครือขา่ ยวิสาหกิจ (Cluster Development Agency - CDA) ส่วนชมรม สมาคมต่างๆ ใน เมืองพทั ยาเป็นหน่วยงานกลางที่คอยกระจายข่าวสารใหก้ บั ธุรกิจในเครือข่าย ปัจจยั สาคญั ที่จะส่งผลใหเ้ กิดการขบั เคลื่อนกลไกการพฒั นาเครือขา่ ยดงั กล่าวใหป้ ระสบความสาเร็จ น้นั ไดแ้ ก่ การจดั สรรผลประโยชนท์ างการเงินใหก้ บั ธุรกิจบนพ้ืนฐานของความไวใ้ จซ่ึงกนั และกนั การ สร้างทศั นคติในทางบวกของสมาชิกในเครือขา่ ยต่อการใหก้ ารสนบั สนุนเครือข่าย เกิดจากการจดั สรร การเงินอยา่ งลงตวั ใหก้ บั สมาชิก ซ่ึงเป็นการสร้างความสมดุลในดา้ นการแขง่ ขนั ของธุรกิจดว้ ยการ ผสมผสานระหวา่ งการควบคุมและการสร้างความร่วมมือใหเ้ กิดข้ึนพร้อมๆ กนั และการรักษาคุณภาพ บริการท่ีเป็ นมาตรฐาน รวมท้งั การเช่ือมโยงกบั อุตสาหกรรมอื่นๆ ต่างพ้นื ที่ซ่ึงถือเป็นแหล่งวตั ถุดิบท่ีสาคญั

บทที่ 5 การวิจัยที่เก่ียวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 269 นอกจากน้ีหน่วยงานภาครัฐตอ้ งบรู ณาการสนบั สนุนอยา่ งต่อเน่ืองส่งผลใหส้ ามารถขบั เคลื่อนสู่ระดบั ปฏิบตั ิการไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และยงั พบอีกวา่ การขยายตวั ของธุรกิจในเขตเมืองพทั ยามิไดข้ ้ึนกบั ธุรกิจขนาดใหญ่เทา่ น้นั ธุรกิจ ขนาดยอ่ มก็มีบทบาทที่สาคญั ต่อการขยายตวั ที่สามารถตอบสนองความตอ้ งการของนกั ทอ่ งเท่ียวและมี บทบาทสาคญั ต่อการแกป้ ัญหาดา้ นสภาพแวดลอ้ ม สงั คม ตลอดจนส่งเสริมภาพลกั ษณ์ของเมืองพทั ยา โดย ไดช้ ้ีใหเ้ ห็นวา่ ภายใตภ้ าวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและความผนั ผวนของเศรษฐกิจโลกและเหตุการณ์ท่ีไม่ แน่นอนที่ส่งผลตอ่ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเมืองพทั ยา กย็ งั มีโอกาสในการสร้างและพฒั นาการ บริหารจดั การการท่องเท่ียวดว้ ยการบูรณาการความร่วมมือจากหลายฝ่ ายในห่วงโซ่อุปาทานของอุสาหกรรม กรรมการท่องเท่ียว (Supply Chain in Pattaya tourism Industry) โดยเฉพาะประเทศไทยในฐานะเป็น ประเทศผนู้ าประเทศหน่ึงที่สร้างรายไดจ้ ากอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว โดยสามารถหาหนทางตอบสนอง ตลาดนกั ทอ่ งเท่ียวกลุ่มอาเซียน ซ่ึงเป็นกลุ่มท่ีมีจานวนประชากรรวมกวา่ เศษหน่ึงส่วนสิบของโลก หรือ มากกวา่ 500 ลา้ นคน เริ่มพ.ศ. 2559 มีการเปิ ดการคา้ เสรีอาเซียนอยา่ งเตม็ รูปแบบและหากรวมประชากรใน อาเซียน ไดแ้ ก่ จีน อินเดียแลว้ จะมีประชากรรวมกวา่ 3,300 ลา้ นคนหรือกวา่ คร่ึงหน่ึงของประชากรโลก กล่าวโดยสรุป แนวทางการศึกษาวจิ ยั ดา้ นการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวสามารถศึกษา โดยประสานแนวคิดในดา้ นการพฒั นาเศรษฐกิจ และกลไกของการสร้างงาน (Economic-growth and job- creation engine) การพฒั นาเครือข่ายตอ้ งสอดคลอ้ งกบั การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของโลก คือ มุ่งสู่ คลื่นลูกที่ 4 (Fourth Wave) โดยส่งเสริมการพฒั นาทุนมนุษย์ (Human Capital Development) การพฒั นา บทบาทของเครือขา่ ยใหเ้ กิดความยง่ั ยนื (Sustainable Development-Based Cluster) รวมตลอดจนการพฒั นา ท่ียดึ โยงอยา่ งเขม้ แขง็ กบั เทคโนโลยที ่ีทนั สมยั (Sophisticated Technology-Based Cluster) อยา่ งไรก็ตาม ตวั แปรหรือดชั นีที่ใชป้ ระเมินผลกลยทุ ธ์ของเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียว ควรมีการศึกษาหรือใชอ้ ยา่ ง กวา้ งขวาง ซ่ึงกระตุน้ การใชแ้ นวทางการปฏิบตั ิท่ีดีหรือดีเยยี่ ม (Good and Best Practices of Clustering) เป็น แนวทางในการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวประเภทต่างๆ ในพ้ืนที่ เขต ภูมิภาค หรือประเทศ รวมท้งั กลุ่มประเทศตา่ งๆ ดว้ ยแนวคิด ทฤษฏีหรือหลกั การใหม่ๆ

270 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ กรณีศึกษาท่ี 5-1 ความสาเร็จในการก่อต้งั และผลการดาเนินงานของเครือข่ายวสิ าหกจิ และแนวทางการ กรพณฒั ีศนึกาษกาาทรี่เ5ต-บิ1โคตวใานมปสราะเรเท็จศในยกโุ ราปรก(่อWตe้งั lแfaลrะeผWลกeาaรltดhาเWนินorงkา,น2ข0อ1ง2เ)ครือข่ายวสิ าหกจิ และแนวทางการ พฒั นาการเตบิ โตในประเทศยุโรป จากโครงการ Welfare Wealth Work (WWW) ของยโุ รป มีจุดมุ่งหมายเพ่ือพฒั นานโยบายท่ีพงึ กระทาในการผลกั ดนั ใหย้ โุ รปเขา้ สู่เส้นทางการเจริญเติบโตท่ีมีความมนั่ คงทางเศรษฐกิจ เขม้ แขง็ ทาง สงั คมต่อการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดลอ้ มมากกวา่ ในอดีต ขอ้ มูลที่ใชเ้ พอื่ กาหนดนโยบายมาจากการถอด บทเรียนของระบบเศรษฐกิจของยโุ รปที่มีการเติบโตอยา่ งเขม้ แขง็ จากการที่พิจารณาแบบจาลองในรูปแบบต่างๆ เพ่ือความเช่ือมโยงทางเศรษฐกิจและสังคมที่ สะทอ้ นจากความจาเป็ นและปัญหาในทอ้ งถิ่นของแตล่ ะภูมิภาค โดยจาแนกตามประเภทอุตสาหกรรมท่ี เด่นๆ ในการวเิ คราะห์ถึงแนวทางการพฒั นาเส้นทางการเติบโตใหม่ (New Growth Path) น้ีจะมีลาดบั การพิจารณา 3 ข้นั ตอนดงั ภาพท่ี 5-3 และ ภาพท่ี 5-4 1. สภาพแวดลอ้ มทางธุรกิจ โดยพจิ ารณากฏกติกาท่ีกาหนดโดย รัฐบาล ระบบภาษี การจูงใจทางการเงิน เป็นตน้ 2. เครือข่ายวสิ าหกิจ โดยศึกษาถึงการมี ปฏิสัมพนั ธ์เชิงระบบท่ีเกิดจากอิทธิพล ภายนอกของแต่ละหน่วยธุรกิจที่ส่งผลตอ่ การบริหารจดั การ 3. พฤติกรรมองคก์ ร โดยพจิ ารณา การตดั สินใจของแตล่ ะหน่วยธุรกิจวา่ มีผลิตภณั ฑอ์ ะไรตอบสนองตลาด รวมตลอดห่วงโซ่อปุ ทานและห่วงโซ่ คุณคา่ ภาพท่ี 5-3 แนวทางการพฒั นาเส้นทางการเติบโตใหม่

บทท่ี 5 การวิจัยที่เก่ียวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 271 High Road  เนน้ คุณค่าของผลิตภณั ฑแ์ ละบริการ  ลงทุนดา้ นความรู้ระบบเคร่ืองจกั รและเทคโนโลยี  ลงทุนดา้ นทกั ษะและความสามารถของผจู้ ดั จาหน่ายในการ จดั หาวตั ถุดิบ  เนน้ ราคาเป็นหลกั  ยอมรับมาตรฐานที่เหนือกฏเกณฑห์ รือ  เนน้ ผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุน กฏหมาย  เก็บเก่ียวผลประโยชนจ์ ากคา่ แรงและ  สนบั สนุนการกาเนิดของ ราคา มาตรฐานและกฏเกณฑใ์ หมๆ่  เนน้ ตน้ ทุนต่า Low Road ภาพท่ี 5-4 กลยทุ ธ์เส้นทางการพฒั นาเส้นทางการเติบโตใหม่ กลยทุ ธ์เส้นทางการพฒั นาเส้นทางการเติบโตใหม่ ประกอบดว้ ย กลยทุ ธ์ 2 ประเภทไดแ้ ก่ กล ยทุ ธ์เส้นทางระดบั สูง (High Road) และกลยทุ ธ์เส้นทางระดบั ล่าง (Low Road) กลยทุ ธ์เส้นทางระดบั สูง ตอ้ งมีการลงทุนดา้ นสิ่งอานวยความสะดวกพ้ืนฐานอยา่ งสูง มี โปรแกรมการพฒั นาทกั ษะแรงงาน ลงทุนในการทาการศึกษาวจิ ยั อยา่ งจริงจงั เป็นตน้ ยง่ิ เครือขา่ ย วสิ าหกิจมีขนาดยงิ่ ใหญ่ข้ึน จะมีส่วนดึงดูดแรงงานท่ีมีทกั ษะฝีมือระดบั สูงดว้ ยระบบการแลกเปลี่ยน เรียนรู้อยา่ งเขม้ แขง็ ผลตอบแทนระดบั สูงเกิดจากการลงทุนจากภาครัฐดา้ นสิ่งอานวยความสะดวกและ การลงทุนดา้ นนวตั กรรม ท่ีเกิดจากทกั ษะเพอื่ การคุณคา่ อยา่ งสูงแก่ผลิตภณั ฑ์ การใชก้ ลยทุ ธ์น้ี จาเป็นตอ้ งมีการทางานร่วมกนั อยา่ งเขม้ แขง็ ภายในเครือข่ายวสิ าหกิจ ใน งานวจิ ยั ดา้ นความร่วมมือกนั จะมีการประสานกนั ดา้ นห่วงโซ่คุณคา่ เพ่ือพฒั นาผลิตภณั ฑห์ รือบริการ ใหม่ๆ สาหรับกลยทุ ธ์เส้นทางระดบั ล่าง มกั ใชก้ ารแข่งขนั ดา้ นราคาดว้ ยการใชป้ ระโยชน์จาก สินทรัพย์ เนน้ ผลตอบแทนดา้ นกาไรจึงตอ้ งระมดั ระวงั ในการรักษาระดบั ตน้ ทุนรวมของกิจการให้ต่า ซ่ึงทาใหต้ อ้ งจากดั ดา้ นการลงทุนในส่ิงที่อาจเกิดผลตอบแทนเพยี งในระยะส้ันๆ แตเ่ ป็ นภาระตน้ ทุนใน ระยะยาว ไมเ่ นน้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กนั และอาจไม่เนน้ การรวมกลุ่มกนั แตม่ กั เนน้ การลดความเส่ียง การแขง่ ขนั โดยการมองหาทาเลที่มีระดบั การแข่งขนั ต่ามากกวา่

272 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ การศึกษาน้ีไดพ้ ฒั นาตวั แปรหลกั (Key Variables) ที่มีความน่าเช่ือถือเพ่ือวดั ผลการปฏิบตั ิงาน โดยมีลาดบั ดงั น้ี 1. เครือขา่ ยวสิ าหกิจทาใหผ้ ลผลิตและคา่ แรงเพิม่ ข้ึนหรือไม่ เป็นการทดสอบความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งการรวมกลุ่มในรูปแบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจและอุตสาหกรรมและกบั ปัจจยั ดา้ นทาเลที่ต้งั โดย พิจารณาปัจจยั ผลลพั ธ์หลกั ทางเศรษฐกิจ ดว้ ยสมมติฐานดงั น้ี การมีเครือขา่ ยวสิ าหกิจทาให้คา่ จา้ งแรงงานสูงข้ึน โดยพจิ ารณาตวั แปรตามไดแ้ ก่ ค่าจา้ งแรงงานเฉลี่ย ของเขตหรือภมู ิภาคน้นั ๆ และของอุตสาหกรรมน้นั และตวั แปรตน้ ไดแ้ ก่ ทาเลที่ต้งั ในระดบั อุตสาหกรรมและระดบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจ ท้งั น้ีความสมั พนั ธ์ระหวา่ งทาเลที่ต้งั และอุตสาหกรรมจดั เป็น ปัจจยั คงท่ี (Fixed effects) ผลการศึกษาพบวา่ อุตสาหกรรมท่ีมีอตั ราราคาค่าจา้ งแรงงานเฉลี่ยตอ่ เครือขา่ ยวสิ าหกิจท่ีสูงท่ีสุดในทวปี ยโุ รป คือ อุตสาหกรรมอวกาศและอากาศยาน บริการทางการเงิน และ เทคโนโลยชี ีวภาพ ส่วนอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวและการบริการมีอตั ราค่าจา้ งแรงงานเฉล่ียต่อ เครือข่าย วสิ าหกิจในระดบั นอ้ ย เครือขา่ ยวสิ าหกิจมีบทบาทต่อการสร้างความเขม้ แขง็ ของแนวทางเส้นทางการเติบโตใหมใ่ ห้ สูงข้ึน ดา้ นผลการประกอบการแก่ภมู ิภาคหรือเขตน้นั ๆ ดงั น้ี ท้งั น้ีเริ่มจากการนิยามผลการประกอบการของแนวทางเส้นทางการเจริญเติบโตใหม่ในระดบั เขต/ ภมู ิภาค เพือ่ จาแนกเขตต่างๆ ของยโุ รปอาศยั ตวั บ่งช้ีที่ไดส้ ร้างข้ึน จากน้นั จะวเิ คราะห์การคงอยขู่ อง เครือข่ายวสิ าหกิจของอุตสาหกรรมหรือกลุ่มตา่ งๆ ในเขตหรือภมู ิภาคของยโุ รป ภายใตร้ ูปแบบผลการ ประกอบการของแนวทางการเติบโตใหม่ สาหรับตวั บง่ ช้ี (Indicates) ท่ีพฒั นาข้ึนเพ่ือวดั ผลประกอบการน้ีประกอบดว้ ยตวั แปร 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม และความยงั่ ยนื ของส่ิงแวดลอ้ ม โดยการเช่ือมโยงกบั กลุ่มที่รวมตวั กนั ข้ึน และการผสมผสานของความแขง็ แกร่งของเครือขา่ ยวสิ าหกิจตา่ งๆ ในพ้ืนที่หรือภมู ิภาคหน่ึงๆ (Cluster Portfolio) ในการวดั ระดบั ความแขง็ แกร่ง (Strengths) ของกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจทาไดโ้ ดย 3 รูปแบบไดแ้ ก่ การนบั จานวนเครือขา่ ยท่ีแข็งแกร่งในทาเลหรือภูมิภาคน้นั ๆ โดยพิจารณาจาก Location Quotient cut- off หรือค่าตดั สินของผลประโยชนจ์ ากการรวมกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจของเขตหน่ึงเทียบกบั ผลประโยชนจ์ ากการรวมกลุ่มเครือข่ายของภมู ิภาคหรือประเทศ จานวนการจา้ งงานร่วมกนั (Share of regional employment) และจานวนกฏหมายหรือกฏระเบียบดา้ นแรงงานร่วมกนั (Share of the regional

บทที่ 5 การวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 273 wage bill) รวมท้งั อาจพจิ ารณาถึงคุณภาพของสภาพแวดลอ้ มของธุรกิจ (Business Environment Quality) ไดแ้ ก่ คุณภาพของพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ ระดบั ของความเป็ นเมือง และความเขม้ แขง็ ของ เครือข่าย 2. การริเร่ิมเครือขา่ ยวสิ าหกิจส่งผลใหเ้ กิดผลการประกอบการดา้ นแนวทางเส้นทางการเติบโต ใหม่หรือไม่ (Cluster Initiatives vs New-Growth path outcomes) เป็นการวิเคราะห์ผลลพั ธ์จากการก่อต้งั หรือการริเริ่มเครือข่ายวสิ าหกิจ (Cluster initiatives) กบั ผลลพั ธ์ที่ เกิดจากแนวทางการเจริญเติบโตใหม่ (New-Growth path outcomes) โดยพิจารณาฐานขอ้ มลู ขององคก์ ร ที่รวมกลุ่มในรูปแบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจทว่ั ยโุ รป จากน้นั วเิ คราะห์ผลกระทบของการริเร่ิมท่ีช่วยอธิบาย ความมง่ั คง่ั และขยายผลใหผ้ ลการดาเนินงานท่ียดึ ตามแนวทางเส้นทางการเติบโตใหม่ และสารวจปัจจยั ที่ใชพ้ ยากรณ์โอกาสท่ีมีการริเริ่มกบั เครือข่ายวสิ าหกิจในเขตหรือภมู ิภาคดงั กล่าว การศึกษาข้นั น้ีช่วยใหท้ ราบถึงลกั ษณะของการริเร่ิมหรือการก่อต้งั ของเครือข่ายวสิ าหกิจทวั่ ยโุ รป โดยพจิ ารณาถึงการดาเนินงาน กิจกรรมท่ีเช่ือมโยงกบั ความยงั่ ยนื ของส่ิงแวดลอ้ มและสงั คม และ สามารถจดั ประเภทกลุ่มเครือข่าย (Cluster category) ตลอดจนวิเคราะห์เจาะลึกถึงผลกระทบของการ ทางานร่วมกนั ในการริเร่ิมเครือข่ายวสิ าหกิจต่อความง่ั คง่ั (Prosperity) และขยายผลการประกอบการ ตามเส้นทางการเติบโตใหมใ่ หก้ วา้ งขวางมากข้ึน (Broader New Growth Path-performance) กล่าวโดยสรุป การศึกษาวเิ คราะห์ผลการดาเนินงานของเครือขา่ ยวสิ าหกิจทวั่ ยุโรปจาเป็นตอ้ ง แยกเป็นพ้ืนท่ี เป็นภมู ิภาคและประเทศ นอกจากเขตต่างๆ แลว้ ตวั แปรท่ีพจิ ารณาดา้ นเศรษฐกิจท่ีอาจ เปล่ียนแปลงอยตู่ ลอดเวลาข้ึนกบั การเปล่ียนแปลงของความชอบของผบู้ ริโภค เทคโนโลยี กฏระเบียบ และรัฐบาลที่ส่งผลหรือมีความสัมพนั ธ์ตอ่ พฤติกรรมการบริโภคและราคา ซ่ึงการเปล่ียนแปลงดงั กล่าว ผลกั ดนั ใหเ้ กิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น อุตสาหกรรมพลงั งานทางเลือกจากลม พลงั แสงอาทิตย์ พลงั งาน ไฟฟ้ าตลอดจนทาให้โอกาสทาใหเ้ กิดขอ้ เสนอต่อตลาดใหมๆ่ (New offer to New Market) ดงั ภาพที่ 5-5

274 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ ความยงั่ ยนื ของสิ่งแวดลอ้ ม  การใชพ้ ลงั งาน (Energy Use) (Environmental Sustainability) (Share of Renewables and Gross Final Energy) ผลการดาเนินงาน ของเครือข่าย  การใชพ้ ้ืนที่/ท่ีดิน (Land Use) วสิ าหกิจท่ียงั่ ยนื  การลดของเสีย/ขยะ (Wasteful production) หรือ (Non-Minimal Waste Treatments per Capital) ความมงั่ คง่ั ทางเศรษฐกิจ การมีส่วนร่วมทางสงั คม (Economic Properity) (Social Inclusion)  GDP (ผลิตภณั ฑม์ วลรวมทอ้ งถ่ิน), PPP (Disposable Income per Capita)  จานวนประชากรที่มีความเส่ียงต่อความ  Wage (ค่าแรง) ยากจน (Share of People at Risk of Poverty)  Employment rate (อตั ราการจา้ งงาน)  การกีดกนั แรงงานตา่ งๆ (Work  Knowledge Spillovers (การแลกเปล่ียน Discrimination) ความรู้)  อตั ราการวา่ งงานของเยาวชน (Youth  Innovations (นวตั กรรม) Unemployment)  Productivity of labor (ผลผลิตของ  ระบบการศึกษาของภูมิภาคของกลุ่มอายุ แรงงาน 30-34 ปี (Territory Educational) ภาพที่ 5-5 ตวั แปรท่ีแสดงผลการดาเนินงานของเครือข่ายวสิ าหกิจท่ียง่ั ยนื

บทที่ 5 การวิจัยท่ีเก่ียวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 275 การศึกษาน้ีไดแ้ บง่ กลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจ โดยใชป้ ัจจยั 3 ประการขา้ งตน้ ไดอ้ อกเป็น 6 กลุ่มดงั ภาพท่ี 5-6 ภาพท่ี 5-6 ผลการวเิ คราะห์ตวั แปรแสดงผลการดาเนินงานของเครือขา่ ยวสิ าหกิจที่ยงั่ ยนื ของกลุ่ม ประเทศยโุ รป

276 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ กลุ่มที่ 1 (Group 1) เป็นกลุ่มท่ีมีคะแนนสูงท่ีสุด กลุ่มมกั มีขนาดเล็กต้งั ในประเทศออสเตรีย เดนมาร์ก สวเี ดน ท่ีมีสภาพเศรษฐกิจท่ีดีมากและมีอตั ราการเจริญเติบโตสูง โดยใชก้ ลยทุ ธ์ท่ีเรียกวา่ “High Road Strategy” กลุ่มท่ี 2 (Group 2) เป็นกลุ่มที่มกั มีขนาดใหญ่ข้ึนมากกวา่ กลุ่มท่ี 1 แต่อาจมีขนาดเล็กก็ได้ มีสภาพ เศรษฐกิจที่ดีและการมีส่วนร่วมทางสังคมแขง็ แกร่ง แต่มีความยง่ั ยนื ทางสิ่งแวดลอ้ มไมม่ าก ไดแ้ ก่ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เบลเยยี ม เยอรมนั ตอนใตข้ องฟิ นแลนด์ บางส่วนขององั กฤษและฝร่ังเศส และ อิตาลี สเปน และเขตเมืองบคู าเรส ประเทศโรมาเนีย ใชก้ ลยุทธ์ท่ีเรียกวา่ “Low Road Strategy” กลุ่มที่ 3 (Group 3) คิดเป็นร้อยละ 40 ของเครือข่ายวสิ าหกิจในยโุ รปท้งั หมด ต้งั อยใู่ นยโุ รป ตะวนั ตก มีความเขม้ แขง็ ในท้งั 3 ดา้ น แตย่ งั ยดึ ติดกบั กลยทุ ธ์เดิมๆ ที่ไมม่ ีนวตั กรรมหรือขาดความ แตกตา่ งที่ชดั เจน กลุ่มท่ี 4 (Group 4) เป็นกลุ่มประเทศหรือเขตที่ต้งั อยใู่ นยุโรปใตไ้ ดแ้ ก่ เมืองมเู ซีย ครีเต้ และอลนั เทโจท่ีต้งั ในประเทศสเปนและโปรตุเกสท่ีมกั มีภาวะเศรษฐกิจแย่ แมว้ า่ จะมีความยง่ั ยืนดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม แตม่ ีสภาพการมีส่วนร่วมของสังคมต่า กลุ่มท่ี 5 (Group 5) เป็นกลุ่มท่ีประกอบดว้ ยประเทศในยโุ รปตะวนั ออกไดแ้ ก่ กรุงวอร์ซอล ประเทศโปแลนด์ และกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮงั การี มีสภาพเศรษฐกิจไม่ดีแตม่ ีการมีส่วนร่วมทาง สงั คมมากกวา่ กลุ่มท่ี 3 และ 4 และมีสภาพเศรษฐกิจที่มน่ั คงกวา่ กลุ่มที่ 2 และ 3 กลุ่มที่ 6 (Group 6) เป็นกลุ่มในบางประเทศของยโุ รปตะวนั ออกไดแ้ ก่ ประเทศลตั เวยี เมืองซิลินา และทิมิซอร่าท่ีอาจมีการพฒั นาทางเศรษฐกิจชา้ ไม่ทนั เหตุการณ์ อีกท้งั ยงั ไม่มีส่วนร่วมทางสังคม แต่ ความยง่ั ยนื ของส่ิงแวดลอ้ มอยใู่ นระดบั ดี จากผลการประเมินผลการดาเนินงานท้งั 3 ดา้ นของการรวมกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจพบดงั ตารางที่ 5-1

บทที่ 5 การวิจัยท่ีเกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว 277 ลาดับ เครือข่ายวสิ าหกจิ คะแนนทไี่ ด้รับ 111 1 เทคโนโลยสี ารสนเทศ 54 2 เทคโนโลยชี ีวภาพ 50 3 ยานยนต์ 38 4 การขนส่งและโลจิสติกส์ 37 5 อาหารแปรรูป 35 6 อากาศยาน 29 7 ดา้ นทะเลและชายฝั่ง 25 8 การท่องเที่ยว 23 9 อุปกรณ์ทางการแพทย์ 22 10 ก่อสร้าง ตารางที่ 5-1 ผลการประเมินเครือข่ายวสิ าหกิจดว้ ยผลการดาเนินงานท่ียงั่ ยนื (European Cluster Observation, Eurostat) อยา่ งไรก็ตาม การเติบโตอยา่ งสูงในภาพรวมน้นั คือ เครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ ในประเทศเยอรมนั ฟิ นแลนด์ ฝร่ังเศส นอกเหนือจากเครือขา่ ยวสิ าหกิจก่อการสร้างงานท่ีเติบโตสูงใน ประเทศฮงั การี ส่วนดา้ นการท่องเที่ยวเติบโตสูงในประเทศสโลวาเกีย เป็นที่น่าสังเกตที่สาคญั พบวา่ ตวั บ่งช้ีที่สาคญั คือ การมีส่วนร่วมของสงั คมน้นั เครือขา่ ยวสิ าหกิจ ที่ใหค้ วามสาคญั มกั เป็นเครือข่ายวสิ าหกิจท่ีมีการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศกบั กลุ่มเป้ าหมายเฉพาะ ไดแ้ ก่ ผพู้ ิการ ผสู้ ูงอายุ คนป่ วย และผทู้ ่ีดอ้ ยโอกาสดา้ นต่างๆ เช่น ไม่รู้หนงั สือ ผเู้ จ็บป่ วยดา้ นสมอง และระบบประสาท ตลอดจนโรคเส้นโลหิตในสมองผดิ ปกติ เป็นตน้ จึงมกั เห็นเครือข่ายดา้ นการแพทย์ ทางานร่วมกบั เทคโนโลยที างการแพทย์ นอกจากน้ีปัจจยั ภายนอกท่ีเป็นส่ิงบ่งช้ีท่ีสาคญั ต่อความเขม้ แขง็ และการยง่ั ยนื ของเครือข่ายวิสาหกิจคือ นโยบายการส่งเสริมเครือขา่ ยของภาครัฐ โดยเฉพาะดา้ นความ ยง่ั ยนื ของส่ิงแวดลอ้ ม

278 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ ขอ้ สรุปท่ีสาคญั ของการนาผลการศึกษาไปใชง้ าน 2 ประการคือ การริเริ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจ จดั เป็นรูปแบบการร่วมมือกนั ทางานท่ีตอ้ งวางเป้ าหมายร่วมกนั เพือ่ ตอบสนองเป้ าหมายหลกั คือ ทิศทาง หรือเส้นทางการเติบโตใหม่ (New Growth Path) โดยเฉพาะดา้ นความยง่ั ยนื ของสภาพแวดลอ้ ม ผา่ น เครื่องมือดา้ นนโยบายท่ีเหมาะสม อีกประการหน่ึงกค็ ือ การก่อต้งั เครือขา่ ยวสิ าหกิจในยุโรปไม่มีส่วน สมั พนั ธ์กบั ความมง่ั คง่ั ทางเศรษฐกิจ แต่มกั เช่ือมโยงความสัมพนั ธ์กบั ความยง่ั ยนื ของส่ิงแวดลอ้ มและ มุ่งการมีส่วนร่วมทางสงั คมเป็นหลกั ผา่ นกลยทุ ธ์เส้นทางระดบั สูง (High Road Strategy) นนั่ เอง กรณศี ึกษาที่ 5-2กโอรณกาศี สึกกษาราทรวี่ 5ม-2กลโอ่มุ กเคาสรือกขาร่ายรววมสิ ากหล่กุมจิเคดร้าือนขก่าายรวทสิ ่อางหเทกยี่จิ วด้านการท่องเทย่ี ว ภาพสะทอ้ นที่ชดั เจนถึงโอกาสการรวมกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยว (Tourism Cluster) ศึกษาวจิ ยั โดย ชลธร ช่ืนอุปการนนั ท์ และวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั (2552)โดยเริ่มจากการศึกษา วเิ คราะห์ปัจจยั เกี่ยวกบั ผปู้ ระกอบการธุรกิจที่ส่งผลต่อความรู้ความเขา้ ใจเรื่องเครือขา่ ยวิสาหกิจดา้ นการ ทอ่ งเที่ยว และวเิ คราะห์ความสามารถในการแขง่ ขนั เพอ่ื นามาสู่การกาหนดแนวทางการพฒั นา เครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการทอ่ งเที่ยวใหก้ บั ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม โดยเริ่ม เจาะประเภทโรงแรมที่พกั โดยเฉพาะโรงแรมและรีสอร์ทขนาดกลางและขนาดเลก็ ในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรีก่อน การสารวจของการท่องเท่ียวแห่งประเทศไทยในขณะน้นั พบวา่ นกั ทอ่ งเท่ียวมีการใชจ้ ่ายสูงสุด ในดา้ นคา่ ที่พกั แรม ซ่ึงเป็ นธุรกิจหลกั ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20,087.68 ลา้ น บาท แสดงใหเ้ ห็นวา่ ธุรกิจท่องเที่ยวประเภทโรงแรมที่พกั เป็นส่วนหน่ึงของธุรกิจท่องเท่ียว แตใ่ น ขณะเดียวกนั กย็ งั พบวา่ มีความแตกต่างดา้ นคุณภาพและบริการค่อนขา้ งมากและมีการแข่งขนั อยา่ ง รุนแรงดว้ ยการตดั ราคา ซ่ึงมีแนวโนม้ ท่ีจะไม่สามารถรักษาและเพม่ิ คุณภาพการใหบ้ ริการในระยะยาว นอกจากน้ีจากการที่ธุรกิจโรงแรมท่ีพกั โดยเฉพาะโรงแรมและรีสอร์ทขนาดกลางและขนาดเล็ก ท่ี นบั วนั ยงิ่ จะประสบภาวะการแขง่ ขนั ท่ีรุนแรงมากข้ึน แต่ปัจจุบนั กลบั มีจานวนนกั ทอ่ งเที่ยวลดลงอนั เนื่องมาจากปัญหาทางการเมือง ความไมม่ นั่ คงของประเทศ และวกิ ฤติเศรษฐกิจโลก (Hamburger Crisis) จากปัญหาดงั กล่าวกลุ่มผปู้ ระกอบการสามารถแกไ้ ขปัญหาวกิ ฤตการณ์ต่างๆ ร่วมกนั ได้ โดย การสร้างพนั ธมิตรทางธุรกิจเพ่ือความอยรู่ อด สร้างความร่วมมือระหวา่ งผปู้ ระกอบการและหน่วยงานท่ี เกี่ยวขอ้ ง เพ่ือใหผ้ ปู้ ระกอบการมีความสามารถในการปรับตวั ตามสถานการณ์ และเพ่ิมทกั ษะของ บุคลากรและกิจการจากการแลกเปล่ียนขอ้ มูลข่าวสารที่เป็ นประโยชน์ ซ่ึงสามารถส่งผลใหธ้ ุรกิจ โรงแรมท่ีพกั อยรู่ อดและมีศกั ยภาพทางการแขง่ ขนั มากข้ึนได้

บทที่ 5 การวิจัยท่ีเกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 279 กลุ่มธุรกิจทอ่ งเที่ยวพทั ยามีโอกาสพฒั นาศกั ยภาพการแขง่ ขนั ใหเ้ พิ่มมากข้ึนไดเ้ พราะมี ปัจจยั พ้นื ฐานท่ีดี แต่การเชื่อมโยงกบั หน่วยงานสนบั สนุนหรือสถาบนั เฉพาะทางโดยเฉพาะกบั สถาบนั การศึกษามีนอ้ ย ทาใหธ้ ุรกิจในเขตเมืองพทั ยาโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ธุรกิจโรงแรมที่พกั และ รีสอร์ทขนาดกลางและขนาดเลก็ ขาดแคลนบุคลากรท้งั ในเชิงปริมาณและคุณภาพ การรวมกลุ่มของ ผปู้ ระกอบการยงั เป็ นไปแบบหลวมๆ ไม่มีการกาหนดพนั ธกิจและเป้ าประสงคร์ ่วมกนั เพ่อื พฒั นา ความสามารถของธุรกิจ ซ่ึงควรมีการสนบั สนุนกลุ่มผปู้ ระกอบการธุรกิจโรงแรมที่พกั ใหม้ ีความ เชื่อมโยงมากข้ึนเพื่อยกระดบั ความสามารถในการแขง่ ขนั ในระยะยาว การศึกษาน้ีใชร้ ูปแบบการวจิ ยั แบบผสมระหวา่ งการวจิ ยั เชิงปริมาณและคุณภาพ ประชากรและ กลุ่มตวั อยา่ ง คือ ผปู้ ระกอบการหรือผมู้ ีอานาจตดั สินใจในการบริหารโรงแรมและรีสอร์ทขนาดกลาง และขนาดเลก็ ในเขตเมืองพทั ยา ใชแ้ บบสอบถามตามตวั แปรดา้ นปัจจยั เก่ียวกบั ผปู้ ระกอบการธุรกิจท่ี ส่งผลตอ่ ความรู้ความเขา้ ใจเรื่องเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการทอ่ งเท่ียวและศึกษาความสามารถในการ แขง่ ขนั เป็นเคร่ืองมือสาหรับกลุ่มตวั อยา่ งถูกเลือกแบบโควตา้ และแบบตามสะดวก จานวน 88 ตวั อยา่ ง จากประชากรท้งั หมด 140 แห่ง อตั ราการตอบคิดเป็นร้อยละ 62.9 และใชว้ ธิ ีการเลือกตวั อยา่ ง โดยไม่อาศยั ความน่าจะเป็นแบบกอ้ นหิมะ สาหรับกลุ่มตวั อยา่ งที่ใชแ้ บบบนั ทึกการสมั ภาษณ์เจาะลึก จานวน 8 ตวั อยา่ ง เพ่อื ศึกษาความสามารถในการแข่งขนั ของธุรกิจและผมู้ ีส่วนไดเ้ สียในเครือข่าย การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ดว้ ยแบบสอบถามและแบบสมั ภาษณ์เจาะลึก ผลการศึกษา สรุปผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ปัจจยั เกี่ยวกบั ผปู้ ระกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเลก็ ไดด้ งั น้ี ผปู้ ระกอบการส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง 51 คน ร้อยละ 58 มีอายรุ ะหวา่ ง 11– 40 ปี จานวน32 คน ร้อย ละ 36.4 จบการศึกษาระดบั ปริญญาตรีมากท่ีสุด จานวน 4 คน ร้อยละ 2 47.7 ประเภทกิจการส่วน ใหญ่อยใู่ นรูปแบบกิจการจากดั จานวน 44 แห่ง ร้อยละ 50 มีระยะเวลาในการดาเนินกิจการมากกวา่ 1 ปี จานวน 97 แห่ง ร้อยละ 42 ส่วนใหญ่เป็ นโรงแรมท่ีพกั ขนาดกลางที่มีจานวนหอ้ งพกั ระหวา่ ง 60 – 149 หอ้ ง จานวน 54 แห่ง ร้อยละ 61.4 มีจานวนการจา้ งงานต่ากวา่ 20 คน จานวน 38 แห่ง ร้อยละ 43.2 ทุนจดทะเบียนอยรู่ ะหวา่ ง 1,000,001 – 5,000,000 บาท มากที่สุด จานวน 26 แห่ง ร้อยละ 29.5 ส่วนใหญม่ ียอดขายเฉลี่ยตอ่ เดือน ระหวา่ ง 100,001 – 500,000 บาท จานวน 36 แห่ง ร้อยละ 40.9 และมีราคาหอ้ งพกั ระหวา่ ง 500 – 999 บาทตอ่ คืน มากท่ีสุด จานวน 50 แห่ง ร้อยละ 56.8 โดยลูกคา้ ท่ีเขา้ พกั ส่วนใหญ่เป็นลูกคา้ ท่ีเดินทางมาเอง จานวน 85 แห่ง ร้อยละ 96.6 และโรงแรม ท่ีพกั ส่วนใหญไ่ มเ่ คยมีการรวมกลุ่มทางธุรกิจใดๆ จานวน 58 แห่ง ร้อยละ 65.9 ในจานวนที่เคยมี การรวมกลุ่มส่วนใหญเ่ ป็นการรวมกลุ่มในสมาคมนกั ธุรกิจและการท่องเท่ียวเมืองพทั ยา จานวน 14

280 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ แห่ง ร้อยละ 15.0 ซ่ึงส่วนใหญ่ยงั คงเป็นสมาชิกของกลุ่ม จานวน 18 แห่ง ร้อยละ 75 และสนใจใน การรวมกลุ่มเป็นเครือขา่ ยวสิ าหกิจ จานวน 56 แห่ง ร้อยละ 63.7 ผลการวผิจลกยั าร:วจิ คยั ว:าคมวารมูค้รู้คววาามมเเขข้าาใ้ จใเจรื่อเงรเ่อืครงือเขค่ารยือวสิ ขา่าหยกจิวิสาหกจิ คคววาามมรรูคู้้คววาามมเขเาข้ ใ้าจใโจดโยดรวยมรว:มระ:ดรบั ะมดากับม(Xาก= (3���̅.7���8=)3.78) ระดบั ความสามารถและศกั ยภาพของกิจการ ความเขา้ ใจและความตระหนกั ในการ ในการรวมกลมุ่ รวมกลมุ่ 3.56 ( ระดบั ปานกลาง ) 3.73 ( ระดบั มาก ) 5 4 3 2 การยอมรบั และความร่วมมือภายใน 1 3.75 ( ระดบั มาก ) 0 3.76 เงื่อนไขดา้ นเวลา การยอมรบั และความร่วมมือภายนอก 4.09 ( ระดบั มาก ) ( ระดบั มาก ) ภาพที่ 5-7 ความรู้ความเขา้ ใจเรื่องเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการทอ่ งเท่ียวของผปู้ ระกอบการธุรกิจโรงแรม ที่พกั เมืองพทั ยา (ที่มา : ชลธร ชื่นอุปการนนั ท์ และวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั , 2553) ภาพท่ี 5-7 แสดงถึง ความรู้ความเขา้ ใจเร่ืองเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียวของ ผปู้ ระกอบการธุรกิจโรงแรมท่ีพกั เมืองพทั ยาใน 5 ดา้ นพบวา่ ผปู้ ระกอบการมีความรู้ความเขา้ ใจเร่ือง เครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียวโดยรวมอยใู่ นระดบั มาก โดยมีความรู้ความเขา้ ใจระดบั มากในดา้ น การยอมรับและความร่วมมือภายนอกเครือข่าย ดา้ นเงื่อนไขดา้ นเวลาและสถานการณ์ในการรวมกลุ่ม ดา้ นการยอมรับและความร่วมมือภายในเครือขา่ ย และดา้ นระดบั ความสามารถและศกั ยภาพของกิจการ ในการรวมกลุ่ม ตามลาดบั ส่วนดา้ นความตระหนกั ในการรวมกลุ่มน้นั อยใู่ นระดบั ปานกลาง

บทท่ี 5 การวิจัยท่ีเกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว 281 ผลกผาลรกวาิจรวยั จิ ยั : :คคววาามมสสามามาราถรในถกใานรแกขา่งรขแนั ข่งขนั ควคาวมาสมสาามมาารรถถใในนกการาแรขแ่งขข่นังขโดันยรโวดมยร: วรมะดบ:ั โรอะกดาสบั แโลอะกอปุาสสรแรลคะ(อXปุ=ส2ร.2ร0ค) (���̅��� =2.20) หน่วยงานภาครัฐ ปัจจยั การผลิต 2.18( ระดบั โอกาสและอปุ สรรค ) 2.40 3 ( ระดบั โอกาสและอปุ สรรค ) 2 เง่ือนไขดา้ นอุปสงค์ 2.41 1 ( ระดบั โอกาสและอปุ สรรค ) 0 เหตกุ ารณ์ที่ควบคมุ ไม่ได้ อตุ สาหกรรมที่เกี่ยวขอ้ งและ 1.22 สนบั สนุน 2.61 ( ระดบั อปุ สรรค ) ( ระดบั โอกาส ) บริบทการแขง่ ขนั และกลยทุ ธ์ธุรกิจ 2.31 ภาพท่ี 5-8 ความสามารถในการแขง่ ขนั ของผปู้ ระกอบการธุรกิจโรงแรมที่พกั เมืองพทั ยา (ที่มา : ชลธร ช่ืนอุปการนนั ท์ และวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั , 2553) ภาพที่ 5-8 แสดงวา่ ผปู้ ระกอบการเห็นวา่ ความสามารถในการแข่งขนั ของผปู้ ระกอบการธุรกิจ โรงแรมที่พกั เมืองพทั ยาน้นั ข้ึนกบั ปัจจยั ท่ีเป็นโอกาสกบั ธุรกิจ ไดแ้ ก่ เง่ือนไขดา้ นอุปสงค์ และ อุตสาหกรรมท่ีเก่ียวขอ้ งและสนบั สนุน ส่วนปัจจยั ท่ีเป็ นอุปสรรค ไดแ้ ก่ เหตุการณ์ท่ีควบคุมไม่ได้ ในขณะที่ปัจจยั การผลิต บริบทการแขง่ ขนั และกลยทุ ธ์ธุรกิจ และปัจจยั จากหน่วยงานภาครัฐ เป็นได้ ท้งั โอกาสและอุปสรรคต่อธุรกิจ

ระดับความ ู้รความเข้าใจเ ื่รองเค ืรอ ่ขายวิสาห ิกจการด้านการ ่ทองเ ่ีทยว282 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ ผลผกลากราวรจิ วยัจิ ัย::ศศกัักยยภภาาพพใในนกการารรวรมวกมลก่มุ ลเม่ปุ ็ นเปเ็คนรเือคขร่าือยขว่าสิ ยาหวสิกาจิ หกจิ ภาพท่ี 5-9 ศกั ยภาพของเครือข่ายวสิ าหกิจของผปู้ ระกอบการธุรกิจโรงแรมท่ีพกั เมืองพทั ยา (ท่ีมา : ชลธร ชื่นอุปการนนั ท์ และวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั , 2552) ภาพที่ 5-9 แสดงถึงศกั ยภาพของเครือขา่ ยวสิ าหกิจของธุรกิจโรงแรมท่ีพกั อยใู่ นกลุ่มที่มีระดบั ความรู้ความเขา้ ใจเร่ืองเครือขา่ ยวสิ าหกิจสูง แตม่ ีความสามารถในการแขง่ ขนั ระดบั ปานกลาง ซ่ึงเม่ือ พจิ ารณาแลว้ สามารถพฒั นาใหเ้ กิดการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายวสิ าหกิจร่วมกนั ไดท้ ้งั ภายในและภายนอก อุตสาหกรรม ซ่ึงผลการศึกษาวจิ ยั น้ีนาไปสู่แนวทางการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียวที่ เกิดจากความร่วมมือระหวา่ งสมาคมนกั ธุรกิจและการทอ่ งเท่ียวพทั ยาและหน่วยงานภาครัฐ โดย สถาบนั การศึกษาเป็นตวั กลางเพอื่ เสนอแนะขอ้ มูลเชิงวชิ าการและการวจิ ยั บทสรุป จากทฤษฎีแนวคิดและงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ งสามารถกล่าวโดยสรุปวา่ ปัจจยั ที่มีผลกระทบต่อผู้ ประกอบกิจการการท่องเท่ียวท้งั 3 ดา้ นไดแ้ ก่ ดา้ นเศรษฐกิจ ดา้ นการเมือง และดา้ นภาพลกั ษณ์การท่องเท่ียว โดยส่วนใหญแ่ ลว้ ทางผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจการท่องเท่ียว จะมีการเขา้ ร่วมกลุ่มกนั เป็ นเครือข่ายวสิ าหกิจ ดา้ นการท่องเท่ียว โดยดูจากธุรกิจท่ีมีความเกี่ยวขอ้ งกนั เพื่อใหง้ ่ายตอ่ การติดตอ่ และพดู คุยส่ือสาร แลกเปลี่ยนความคิดระหวา่ งธุรกิจซ่ึงเป็นขอ้ พิจารณาเบ้ืองตน้ ความเช่ียวชาญของบุคลากรในดา้ นความเก่ง หรือความเชี่ยวชาญเฉพาะตนของสถานประกอบการท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การดาเนินธุรกิจ ซ่ึงเป็นกลยทุ ธ์ของ กิจการ โครงสร้างและการแข่งขนั เช่น การรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจธุรกิจท่องเท่ียวประเภทสปาและนวด

บทที่ 5 การวิจัยท่ีเกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว 283 แผนไทย ในเขตเมืองพทั ยา จะก่อใหเ้ กิดผลลพั ธ์คือ การร่วมมือกนั ทางการตลาด เขา้ ถึงแรงงานท่ีมีทกั ษะ และความชานาญเฉพาะดา้ นไดง้ ่าย โดยสถาบนั การศึกษาและสถาบนั เฉพาะทาง เครือขา่ ยวสิ าหกิจการ ทอ่ งเที่ยวมีส่วนช่วยในการถ่ายทอดองคค์ วามรู้ทางดา้ นการจดั การและการบริหาร ทาใหบ้ ริการมีมาตรฐาน และเสริมสร้างและพ่งึ พาซ่ึงกนั และกนั อาจเกิดการพฒั นานวตั กรรมอยา่ งต่อเน่ือง ซ่ึงเป็นผลผลิตจากการ พฒั นาทุนมนุษยร์ ่วมกนั เกิดธุรกิจใหม่ๆ ภายในกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจ เพราะความใกลช้ ิดกบั ลูกคา้ ซ่ึงเป็น การพจิ ารณาเงื่อนไขดา้ นอุปสงค์ ดงั น้นั การศึกษาวจิ ยั ดา้ นความสัมพนั ธ์ของสมาชิกเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวกบั ลูกคา้ จาเป็นตอ้ งพิจารณาถึงอุตสาหกรรมที่เก่ียวขอ้ งและสนบั สนุนเง่ือนไขอื่นๆ ดว้ ย ภายใตเ้ งื่อนไขท่ีวา่ ผปู้ ระกอบการจาเป็นตอ้ งมีภาวะผนู้ าหรือการมีผนู้ าท่ีเขม้ แขง็ เป็นที่ยอมรับ และตอ้ งมีหน่วยงานในพ้ืนที่ท่ี เห็นความสาคญั และส่งเสริมในดา้ นการท่องเท่ียว อีกท้งั การที่จะส่งเสริมการท่องเท่ียวสู่อุตสาหกรรมการ ท่องเที่ยวไดน้ ้นั ควรมีการใชเ้ คร่ืองมือการสื่อสารการตลาด ตา่ งๆ การส่งเสริมการตลาด การบริหารชุมชน ออนไลน์ การประชาสัมพนั ธ์การตลาด การนาเสนอในรูปแบบของการแจง้ ขา่ วสารกิจกรรมขององคก์ ร จดั ทาชุมชนออนไลน์ สาหรับการสร้างโอกาสและรัฐบาล ผปู้ ระกอบการตอ้ งมีความพร้อมในดา้ นต่างๆ เพื่อ สร้างโอกาสหลีกเล่ียงปัญหาและอุปสรรคที่จะตอ้ งพบ การขาดงบประมาณในการจดั ทาสื่อโฆษณาและ ประชาสัมพนั ธ์ ขาดแคลนเคร่ืองมือในการส่ือสาร จาเป็ นตอ้ งไดร้ ับการสนบั สนุกจากภาครัฐ คาถามท้ายบทที่ 5 อธิบายการศึกษาวจิ ยั เครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวในประเด็นตอ่ ไปน้ีมาพอสังเขป 1. ขอ้ พิจารณาเบ้ืองตน้ (Initial Consideration) 2. กลยทุ ธ์ของกิจการโครงสร้างและคู่แข่งขนั (Strategy, Structure, and Competitor) 3. อุตสาหกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งและสนบั สนุน (Related and Supported Industry)

284 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ แนวคาตอบคาถามท้ายบทท่ี 5 การศึกษาวจิ ยั เครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวในประเด็นต่อไปน้ี 1. ขอ้ พจิ ารณาเบ้ืองตน้ (Initial Consideration) เป็นการวเิ คราะห์องคร์ วมของท้งั อุตสากรรมในดา้ น ท่ีต้งั ทางภูมิศาสตร์ ระดบั การจดั การ และมาตรวดั การวเิ คราะห์ความเป็นไปไดแ้ ละศกั ยภาพของการ รวมกลุ่มเครือขา่ ย ซ่ึงจากการระบุของพอร์เตอร์ (Porter) ไดเ้ นน้ ถึงการวดั หรือศึกษาในระดบั ชาติ แตใ่ นทาง ปฏิบตั ิไดถ้ ูกนามาพจิ ารณาในระดบั ต่างๆ ไดแ้ ก่ ระดบั ภมู ิภาค เขต ทอ้ งถ่ิน เช่น การศึกษาของรัฐอริโซนา (Arizona Study : ADOC, 2001)) วเิ คราะห์ความสามารถในการแข่งขนั และโอกาสของอุตสาหกรรมการ ท่องเที่ยวในระดบั มลรัฐ (State level) และในบางประเทศเช่น ประเทศคอสตาริกา 2. กลยทุ ธ์ของกิจการโครงสร้างและคู่แขง่ ขนั (Strategy, Structure, and Competitor) การศึกษา วเิ คราะห์ธุรกิจหรือกิจการที่ร่วมกนั ในเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียววา่ มีกลยทุ ธ์ โครงสร้างและคูแ่ ข่งขนั เป็นอยา่ งไร และส่งผลต่อมลู ค่าทางเศรษฐกิจอยา่ งไรเม่ือมีการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจ ในการพิจารณา หน่วยของการวเิ คราะห์ (Unit of Analysis) ความสามารถในการแข่งขนั และโอกาสของอุตสาหกรรมการ ท่องเที่ยวตอ้ งมีความรอบคอบเช่น ในเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวอาจวเิ คราะห์ “ท่ีพกั แรม” (Lodging) มากกวา่ วเิ คราะห์ไปท่ี “โรงแรม” (Hotel) อยา่ งไรกต็ าม ผปู้ ระกอบการกิจการหลกั (Core cluster entrepreneur) ควรรวมกิจการท่ีดาเนินกิจกรรมที่เก่ียวขอ้ งกบั การทอ่ งเท่ียวในการเสนอขายสินคา้ หรือ บริการแก่นกั ท่องเท่ียว เรียกวา่ เป็นการบริหารหรือการจดั การเชิงกลยทุ ธ์ 3. อุตสาหกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งและสนบั สนุน (Related and Supported Industry) อุตสาหกรรมที่ เก่ียวขอ้ งและสนบั สนุนหมายรวมถึง ผสู้ ่งออกของทอ้ งถื่นและกลุ่มผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งอื่นๆ ท่ีส่งผลในการ เช่ือมโยงจากตน้ น้า กลางน้า และปลายน้าอนั นาไปสู่การสร้างมลู ค่าเพมิ่ ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซ่ึง สามารถวเิ คราะห์ไดโ้ ดยใชว้ ิธีการท่ีใชฐ้ านเศรษฐศาสตร์ (Economic Base) โดยกิบสนั Gibson (1981) และ แนวคิดปัจจยั นาเขา้ -ผลลพั ธ์ (Input-output) โดยเฟเชอร์และฟรีแมน Fleischer & Freeman (1997) หรืออาจ วเิ คราะห์สายโซ่คุณค่า (Value Chain)

บทท่ี 5 การวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 285 เอกสารอ้างองิ เกรียงศกั ด์ิ เจริญวงศศ์ กั ด์ิ. (2543). การจัดการเครือข่าย: กลยทุ ธ์สาคัญสู่ความสาเร็จของการปฏิรูป การศึกษา. กรุงเทพฯ: ซคั เซส มีเดีย. จุฑาทิพย์ ภทั ราวาท. (2549). แนวทางพฒั นาเครือข่าย กล่มุ / องค์กรประชาชนในพืน้ ท่ีจังหวดั . เอกสาร นาเสนอในท่ีประชุมวชิ าการ คร้ังท่ี 44 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. เขา้ ถึงไดจ้ าก https://research.rdi.ku.ac.th/forest/OutputByPersonEx.aspx?ID=320029 ชลธร ชื่นอุปการนนั ท,์ และวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั . (2552). แนวทางการพฒั นาเครือข่ายวิสาหกิจด้านการ ท่องเที่ยวของผ้ปู ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ประเภทโรงแรมท่ีพกั ใน เขตเมืองพทั ยา จังหวัดชลบุรี. ในรายงานสืบเน่ืองจากประชุมวชิ าการ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา (111-125). สงขลา : มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์. ชลธร ช่ืนอุปการนนั ท์ .(2552). แนวทางการพฒั นาเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวของผ้ปู ระกอบการ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ประเภทโรงแรมท่ีพกั ในเขตเมืองพัทยา จังหวดั ชลบุรี . วทิ ยานิพนธ์หลกั สูตรการจดั การมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการจดั การวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาด ยอ่ ม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา, ชลบุรี บุริม โอทกานนท.์ (2549). จาเป็นหรือไม่ต้องร่วมในเครือข่ายวิสาหกิจ (Cluster). Strategy + Marketing, 5(53). 94 – 96. วนิชย์ ไชยแสง. (2549). ปัจจยั ที่มีผลต่อการสร้างนวตั กรรมเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวจงั หวดั อุดรธานี. วารสารวิจัย มข. ฉบบั สาขามนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ฉบบั ธุรกิจและเศรษฐกิจ), 5(2), 63-78. วนิดา วชิ ยประเสริฐกุล. (2541). ผลกระทบจากการพัฒนาการท องเที่ยวท่ีมีต อส่ิงแวดล้อมเมืองพทั ยา. วทิ ยานิพนธ์มหาบณั ฑิต สาขาการวางผงั เมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , กรุงเทพ. วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั , สมศรี ศิริไหวประพนั ธ์, ธนภณ นิธิเชาวกลุ , ณฤดี พรหมสุวรรณ, และชวนา องั คนุรักษ์ พนั ธุ์. (2557). รายงานการวิจัยเร่ือง การบริหารจัดการทุนมนุษย์เพื่อการบูรณาการกลยุทธ์การจัดการ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียวเมืองพทั ยาเพื่อการแข่งขนั ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน. ชลบุรี: คณะการจดั การและการท่องเที่ยว มหาวทิ ยาลยั บูรพาและสานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.). วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั , และวนั ทนา สุวรรณรัศมี. (2557). รายงานการวิจัยเรื่อง โครงการสร้างเครือข่ายนาร่อง ธุรกิจขนาดย่อมด้านการท่องเที่ยวท่ีเป็นมิตรกบั สิ่งแวดล้อมของ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว (PTCC) ในเมืองพทั ยาจังหวดั ชลบุรีเพ่ือการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน. ชลบุรี: คณะการ จดั การและการท่องเท่ียว มหาวทิ ยาลยั บรู พาและสานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.).

286 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั , และชวนา องั คนุรักษพ์ นั ธุ์. (2557). รายงานการวิจัยเร่ือง การพัฒนาระบบฐานข้อมลู และระบบสารสนเทศด้านทุนมนษุ ย์ของเครือข่ายการท่องเท่ียว PTCC เมืองพัทยาเพ่ือการแข่งขนั ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน. ชลบุรี: คณะการจดั การและการท่องเที่ยว มหาวทิ ยาลยั บูรพาและ สานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.). วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั , ชวนา องั คนุรักษพ์ นั ธุ์, เกศริน อ่ิมเล็ก, บุปผา ติละกลู , วรี ะสิทธ์ิ ปิ ติเจริญพร, และ ธนภณ นิธิเชาวกลุ . (2555). รายงานการวิจัยเรื่อง การพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการ แข่งขนั อย่างยงั่ ยืนด้วยการรวมกล่มุ เครือข่าย (Cluster) ของธุรกิจขนาดย่อมด้านการท่องเท่ียว เมือง พทั ยา จังหวดั ชลบุรี. ชลบุรี: คณะการจดั การและการทอ่ งเท่ียว มหาวทิ ยาลยั บรู พาและสานกั งาน คณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.). สมศรี ศิริไหวประพนั ธ์, และวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั . (2559). รูปแบบการพัฒนาทุนมนุษย์ของวิสาหกิจขนาด ย่อมกล่มุ สปาและการนวดแผนไทยภายใต้เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยวเมืองพทั ยาจังหวดั ชลบุรี . วารสารการจัดการสมยั ใหม่, 14 (1), 77-90. สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2550). แนวทางการพัฒนาขีดความสามารถ ในการแข่งขนั ของการท่องเที่ยวจังหวดั ภูเกต็ อย่างยง่ั ยืน พ.ศ. 2550 – 2554. กรุงเทพฯ : สหมิตร พริ้นติง้ แอนดพ์ บั ลิสซ่ิง. อาทิตย์ วฒุ ิคะโร. (2543, มีนาคม-เมษายน). สรุปสาระสาคญั ร่างพระราชบญั ญตั ิส่งเสริมวสิ าหกิจขนาด กลางและขนาดยอ่ ม. อุตสาหกรรมสาร, 43(มี.ค. – เม.ย. 2543), 45-54. Acuna, O. M., Villaobos, C. D., & Ruiz, M. K. (2000) El Cluster ecoturistico de Monteverde/ Costa Rica. Retrieved from http://www.eclac.cl/ddpeudit/proy/clusters/Turcr.pdf Arizona Department of Commerce. (2004). Arizona tourism cluster, 2004. Palo Alto, Ca: Collaborative Economics. Bandura, A. (1996). Social foundations of thought and action: A social cognitive theory. New Jersey: Prentice-Hall. Barratt,M.(2004). Understanding the meaningofcollaboration inthesupplychain. International Journal SupplyChain Management,9(1), 30-42. Blois,K. (1998).Atrust interpretation ofbusinesstobusinessrelationships:acase-based.Management Decision,36(5), 302-308. Bogdan, N. G. (2007). Coordination Failures, Cluster Theory and Entrepreneurship: A Critical View. Retrieved from http://ideas.repec.org/p/pra/mprapa/6275.html Bowersox,D. J.(1990).The strategicbenefitsoflogisticsalliances. Harvard BusinessReview (July- August), 36-45. Cao,M.,&Zhang,Q.(2011). Supplychaincollaboration:Impactoncollaborativeadvantageand firm

บทท่ี 5 การวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 287 performance.Journal of Operation Management,29(3),163-180. Coyle,J. J.,Bardi,E.J., &Langley,J.C.(2003). TheManagementofBusinessLogistics: ASupplychain perspective(7 thed.). Nashville :South-Western College Pub. Daugherty,P. J. (2011). Review of Logistics and supply chain relationship literature and suggested research agenda. International Journal of Physical Distribution & Logitics Management, 41(1), 16-31. Doney,P. M.,& Cannon, J.P.(1997).Anexaminationofthenatureof trustinbuyer-sellerrelationships. Journal ofMarketing,61(2), 35-51. Duffy,R.,&Fearne,A.(2004).Theimpactofsupplychainpartnershipon supplierperformance. Journal ofLogisticsManagement, 15(1), 57-71. Dyer,J. H.,&Chu,W.(2000).Thedeterminantsof trust insupplier-automakerrelationshipsintheU.S., Japan,and Korea.Journal ofInternational BusinessStudies,31(2), 259-285. Feng,C. M., &Yuan,C. Y. (2007).Applicationofcollaboration transportation managementtoglobal logistics:An interviewcasestudy.International Journal ofManagement,24(4), 623-636. Fleischer, A., & Freeman, D. (1997). Multiregional input-output analysis. Annals of Tourism Research, 24(4), 998-1000. Ganesan, S. (1994). Deteminants of Long-Term Orientation in Buyer-Seller Relationships. Journal of Marketing Research, 58(2), 1-19. Gibson, L. J., & Worden, M. A. (1981). Estimating the economic base multiplier : a test of alternative procedures. Economic Geography, 57(2), 146-159. Global Wellness Institute. (2015). Global Wellness Toursim Economy 2013-2014., Global Wellness Institute. Retrieved from http://www.globalspaandwellnesssummit.org/images/stories/pdf/wellness_tourism_economy_exec_ sum_final_10022013.pdf Gollub, J., Hosier, A., & Woo, G. (2002). Using Cluster-Based Economic Strategy to Minimize Tourism Leakages. Madrid : World Tourism Organisation. Grado, S. C., Strauss, C.H., & Lord, B. E. (1997). Antiquing as a tourism recreational activity in Southwestern Pennsylvania. Journal of Travel Research, 35(3), 52-56. Held, J. (2004). Regional Variation and economic drivers : an application of the Hill and Brennan methodology. Economic Development Quarterly, 18(4), 384-405. Henthorne, T. L., & Miller, M. M. (2003). Cuban tourism in the Caribbean context : a regional impact assessment. Journal of Travel Research, 42(1), 84-93.

288 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ Hill, E. W., & Brennan, J. F. (2000). A methodology for identifying the drivers of industrial clusters: The foundation of regional competitive advantage. Economic Development Quarterly, 14(1), 65-96. Huijbens, E, H., Johannesson H., & Johannesson, G. T. (2014). Cluster without Content? Icelandic National and Regional Tourism Policy. Scandinavian Journal of Public Administration, 18 (1), 63.85. Jackson, J. (2004). Developing regional tourism in China: The potential for activating business clusters in a socialist market economy. Office of the Vice – Chancellor, Melbourne: La Trobe University. Jones,S.L.,Fawcett,S.E., Fawcett,A.M.,&Wallin,C.(2010).Benchmarkingtrustsignals insupply chainalliances:moving towardarobustmeasureoftrust. Benchmarking:An International journal, 17(6), 705-727. Keebler,J.S.,&Plank,R. E.(2009).Logisticsperformancemeasurementinthesupplychain:a benchmark.Benchmarking:AnInternationalJournal, 16(6), 785-798. Keller, P. (2003). Conclusions of the Conference on Innovation and Growth in Tourism. Retrieved from http://www.oecd.org/document/ Kwon,I.-W.G.(2004).Factorsaffecting theleveloftrustandcommitmentinsupply chainrelationship. TheJournal ofSupplyChain Management, 40(1), 4-24. Lambert, D.M.,Knemeyer, M.A.,& Gardner,J.T.(2004).Supplychainpartnerhips:modelvalidation andimplementation.Journal ofBusinessLogistics,25(2), 21-42. Littlejohn, D., Foley, M., & Lennon, J. (1996). The potential of accommodation consortia in the highlands and islands of Scotland. In Proceeding of IAHMS Spring Symposium, 55-66. Leeds, UK: Metropolitan University. Martin, R., & Sunley, P. (2001). Deconstructing Clusters: Chaotic Concept or Policy Panacea?. Journal of Economic Geography, 3, 5-35. Michael, E. J. (2003). Tourism Micro-Cluster. Tourism Economics, 9(2), 133-145. Miller, M. M., & Gibson, L, J. (2005). Cluster-Based Development in the Tourism Industry Putting Practice into Theory. Retrieved from http://citeseerx.ist.psu.edu/viewdoc/download?doi=10.1.1.568.1381&rep=rep1&type=pdf Min,S.,Roath,A.S.,Daugherty,P.J., Genchev,S.E.,& Chen,H.(2005).Supplychaincollaboration: what’shapping?.TheInternational Journal of LogisticsManagement,16(2), 237-256. Minniti, M., & Bygrave, W. (2000). The social dynamics of entrepreneurship. Entrepreneurship: Theory and Practice, 24(3), 25–36.

บทที่ 5 การวิจัยท่ีเก่ียวข้องด้านการรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียว 289 Mishra, A. K. (1996). Organizational responses to crisis: The centrality of trust. In R.M. Kramer and T.R. Tyler (eds), Trust in Organizations: Frontiers of Theory and Research (261-287), Thousand Oaks, CA: Sage. Morgan, R. M., & Hunt, S. D. (1994). The commitment-trust theory of relationaship marketing. Journal of Marketing, 58(3), 20-38. Morrison, A. (1996). Small firm cooperative marketing in a peripheral tourism region. International Journal of Contemporary Hospitality Managemebt, 10(5), 191-197. Novelli, M., Schmitz, B., & Spencer, T. (2005). Centre for Tourism Policy Studies. UK: University of Brighton. Perles-Ribes, J., Rodriguez Sanchez, I., & A.B. Ramon Rodriguez. (2014). ‘Innovative tourism clusters: myth or reality? Empirical evidence from Benidorm’. Retrieved from http://rua.ua.es/dspace/bitstream/10045/36777/1/Perles_Rodriguez_Ramon_Bolzano_2014April.p df/ Piboonrungroj, P.(2012).Supplychaincollabortion, inter-firmtrustandlogisticsperformance:Evidence fromthetoutismsector.Retrieved from http://ssrn.com/abstract=2050703 Porter, M. E. (2003). The economic performance of regions. Regional Studies, 37(6/7), 549-578. . (2000). Location, competition and economic development: local clusters in a global economy. Economic Development Quarterly, 14(1), 7–20. . (1998). Cluster and the New Economics of Competition. Harvard Business Review, 76(6), 77– 90. . (1985). Competitive advantage of nations. New York : Free Press. Rey. S. J., & Mattheis, D. (2000). Identifying regional industrial clusters in the California economy : Volume I conceptual design. Retrieved from http://irsr.sdsu.edu/~serge/papers/volI.pdf Rodriguez-Clare, A. (2005). Coordination Failures, Clusters and Microeconomic Interventions. Inter-American development Bank Working Paper. Perth: Vineyard Publishing. Salvador, G., Lucio J., Ferreira J., Camilo, V., & Monteiro, I. (2014). Sustainable tourism clusters: the case of Alentejo Natural Parks. Retrieved from http://www.academia.edu/346559/SUSTAINABLE_TOURISM_CLUSTERS_THE_CASE_OF_ ALENTEJO_NATURAL_PARKS Saxenian, A. L. (1994). Regional Advantage: Culture and Competition in Silicon Valley and Route 128. Cambridge, Mass: Harvard University Press.

290 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ Simatupang,T.M.,&Sridharan, R.(2002a).Thecollaborativesupplychain. InternationalJournal of LogisticsManangement,13(1), 15-30. Simatupang,T.M.,&Sridharan, R.(2005b).Thecollaboration index:ameasureforsupplychain collaboration. International Journal ofPhysical Distribution & LogisticsMangement, 35(1), 44-62. Simatupang,T.M.,&Sridharan, R.(2008).Designforsupplychaincollaboration. BusinessProcess ManagementJournal, 14 (3), 401-418. Solesvik, M., & Westhead, P. (2010). Partner selection for strategic alliances : case study insights from the maritime industry. Industrial Management & Data Systems, 110(6), 841-860. Sölvell, O., Lindqvist, G., & Ketels, C. (2003). Cluster initiative greenbook. Retrieved from http://www.enterprise-development.org/wp-content/uploads/ClusterInitiativeGreenbook.pdf Spekman, R. E., & Carraway, R. (2006). Making the transition to collaborative buyer-seller relationship. Industrial Marketing Management, 35(1), 10-19. Spekman, R. E., Kamauff, J.W. Jr., & Myhr, N. (1998). “An empirical investigation into supply chain management:a perspective on partnerships”. Supply Chain Management, 3(2), 53-67. UNIDO. (1999). Broadening SME Networking and Cluster development : UNIDO Initiatives – glimpses from Nicaragua and India. Retrieved from http://siteresources.worldbank.org/INTEMPOWERMENT/Resources/15110_Nicaragua Wang, Y. D., & Emurian, H. H. (2005). An Overview of Online Trust: Concepts, Elements, and Implications. Computers in Human Behavior, 21(1), 105-125. Welfare Wealth Work. (2012). A New Development Strategy for Europe. WWW. Retrieved from http://www.wifo.ac.at/jart/prj3/wifo/resources/person_dokument/person_dokument.jart?publikati onsid=45778&mime_type=application/pdf Whipple,J. M.,Lynch, D.F.,&Nyaga, G.N.(2010). Abuyer’sperspectiveoncollaborativeversus transactionalrelationships. Industrial Marketing Management,39(3), 507-518.

บทที่ 6 พทั ยาโมเดลการก่อตั้งและพฒั นาเครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยวเมืองพทั ยา 291 บทท่ี 6 พทั ยาโมเดล การก่อต้งั และพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเทีย่ วเมอื งพทั ยา วตั ถุประสงคข์ องบท เพื่อ 1. อธิบายผลการศึกษาระยะท่ี 1 การริเร่ิมเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวเมืองพทั ยาได้ 2. อธิบายผลการศึกษาระยะที่ 2 การก่อต้งั เครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวเมืองพทั ยาได้ 3. อธิบายผลการศึกษาระยะท่ี 3 การดาเนินงานเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวเมืองพทั ยาได้ เมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี นบั วา่ เป็นสถานที่ทอ่ งเที่ยวท่ีสาคญั และสามารถสร้างรายไดอ้ ยา่ ง มหาศาล จากภาคธุรกิจทางการทอ่ งเท่ียว และดว้ ยการที่พทั ยาเป็นเมืองท่ีมีนกั ท่องเท่ียวเดินทางมาพกั ผอ่ น เป็นจานวนมากในแต่ละปี สิ่งที่หลงั่ ไหลตามนกั ท่องเท่ียวมาไดแ้ ก่ อุตสาหรรมการท่องเที่ยวซ่ึงจะอยใู่ น รูปแบบของภาคธุรกิจดา้ นการทอ่ งเที่ยว รวมท้งั ธุรกิจท่ีเช่ือมโยงและเก่ียวขอ้ งดา้ นธุรกิจโรงแรมและท่ีพกั ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจนาเที่ยว ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ธุรกิจการคมนาคมขนส่ง ธุรกิจขายของท่ีระลึก และธุรกิจแหล่งทอ่ งเที่ยวและแหล่งบนั เทิง ซ่ึงมีการจดทะเบียนอยา่ งถูกตอ้ งมีจานวนธุรกิจกวา่ 1,500 กิจการ และมีสถานประกอบการอุตสาหกรรมอื่นอีกกวา่ 3,000 กิจการ จะเห็นไดว้ า่ เมืองพทั ยาน้นั มีจานวนของภาคธุรกิจต่างๆ เป็นจานวนมาก และสิ่งท่ีตามมาอยา่ งเป็น เงาตามตวั นน่ั ก็คือ ปริมาณของเสียและมลพิษ ซ่ึงมลพษิ กอ่ ใหเ้ กิดปัญหาต่อระบบนิเวศ ท้งั ทางทะเล ทาง อากาศ และทางเสียง เมื่อเกิดผลเสียตอ่ ระบบนิเวศแลว้ ก็จะส่งผลกระทบต่อแหล่งทอ่ งเที่ยว เพราะหลกั การ โดยทวั่ ไปของการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื คือ จะตอ้ งมีการอนุรักษแ์ ละการใชท้ รัพยากรอยา่ งพอดีเพื่อใหส้ ามารถ ใชป้ ระโยชนต์ ่อไปไดใ้ นระยะเวลายาวนานและมีการกระจายผลประโยชนใ์ หแ้ ก่คนส่วนใหญ่ รวมท้งั มีการ ร่วมมือกนั อยา่ งใกลช้ ิดระหวา่ งผทู้ ี่เก่ียวขอ้ งหรือมีส่วนไดส้ ่วนเสีย ดงั น้นั ท้งั ภาครัฐและภาคธุรกิจควร ตระหนกั ถึงปัญหาสภาพแวดลอ้ มใหม้ ากเพื่อความยง่ั ยนื ของทรัพยากรทางการทอ่ งเที่ยวและความยง่ั ยนื ของ ธุรกิจต่อไป

292 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ เมืองพทั ยาเป็นแหล่งทอ่ งเที่ยวท่ีมีความสาคญั ของประเทศไทย มีนกั ทอ่ งเท่ียวและนกั ทศั นาจร ท้งั ชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมมาพกั ผอ่ นมากถึง 9,680,000 คน(สานกั งานพฒั นาการทอ่ งเท่ียว, 2558) ท้งั น้ี เนื่องจากพทั ยามีกิจกรรมให้นกั ทอ่ งเที่ยวไดท้ าอยตู่ ลอดเวลา ดว้ ยการคมนาคมท่ีสะดวกและเมืองพทั ยาอยู่ ห่างจากกรุงเทพฯเพยี ง 150 กิโลเมตร และสภาพภมู ิประเทศที่เอ้ือตอ่ การท่องเที่ยว ท้งั ทะเล ภเู ขาและ สถานท่ีๆ มนุษยส์ ร้างข้ึน อาทิเช่น หาดจอมเทียน หม่เู กาะลา้ น เขาพระตาหนกั หรือเขาพระบาท ตลาดน้า 4 ภาค ปราสาทไมส้ จั จธรรม สวนน้าพทั ยา เป็นตน้ (เมืองพทั ยา, 2553 อา้ งถึงใน วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ, 2557) ดว้ ยเหตุน้ี จึงทาใหพ้ ทั ยาเป็นสถานท่ีหลกั ท่ีนกั ทอ่ งเที่ยวเลือกไปพกั ผอ่ นและทากิจกรรมต่างๆ ที่ เกี่ยวกบั การทอ่ งเท่ียวเป็นอนั ดบั ตน้ ๆ และมีธุรกิจต่างๆ เกิดข้ึนมากมาย ท้งั ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ธุรกิจคมนาคมขนส่งและธุรกิจอ่ืนๆ เมื่อธุรกิจต่างเกิดข้ึน ส่ิงที่ตามมาที่ หลีกเลี่ยงไม่ไดค้ ือ ขยะและสิ่งปฏิกลู ที่ส่งผลตอ่ สภาพแวดลอ้ มทรัพยากรทางธรรมชาติของเมืองพทั ยา ท้งั ที่ เป็นมลพษิ ทางน้า ทางอากาศ จากการศึกษาวจิ ยั โดย วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ (2553) เรื่องการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ น การท่องเท่ียวของผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดยอ่ มในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี โดยไดร้ ับทุนสนบั สนุน จากสานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติพบวา่ การขยายตวั ของธุรกิจในเขตเมืองพทั ยามิไดข้ ้ึนกบั ธุรกิจ ขนาดใหญ่เทา่ น้นั ธุรกิจขนาดยอ่ มก็มีบทบาทท่ีสาคญั ต่อการขยายตวั ที่สามารถตอบสนองความตอ้ งการของ นกั ท่องเที่ยวและมีบทบาทสาคญั ต่อการแกป้ ัญหาดา้ นสภาพแวดลอ้ ม สังคม ตลอดจนส่งเสริมภาพลกั ษณ์ ของเมืองพทั ยา โดยไดช้ ้ีใหเ้ ห็นวา่ ภายใตภ้ าวการณ์ท่ีเปล่ียนแปลงและความผนั ผวนของเศรษฐกิจโลก และ เหตุการณ์ท่ีไมแ่ น่นอนท่ีส่งผลตอ่ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเมืองพทั ยากย็ งั มีโอกาสในการสร้างและ พฒั นาการบริหารจดั การการท่องเที่ยวดว้ ยการบรู ณาการความร่วมมือจากหลายฝ่ ายในห่วงโซ่อุปทานของ อุตสาหกรรมกรรมการท่องเท่ียว (Supply Chain in Pattaya tourism Industry) โดยเฉพาะประเทศไทยใน ฐานะเป็นประเทศผนู้ าประเทศหน่ึงที่สร้างรายไดจ้ ากอุตสาหกรรมการทอ่ งเท่ียว ซ่ึงสามารถหาหนทาง ตอบสนองตลาดนกั ท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียนท่ีจดั เป็ นกลุ่มท่ีมีจานวนประชากรรวมกวา่ เศษหน่ึงส่วนสิบของ โลก หรือมากกวา่ 500 ลา้ นคน ภายใน พ.ศ. 2559 ซ่ึงมีการเปิ ดการคา้ เสรีอาเซียนอยา่ งเต็มรูปแบบและหาก รวมประชากรในเอเซียตะวนั ออกและใต้ ไดแ้ ก่ จีน อินเดียแลว้ จะมีประชากรรวมกวา่ 3,300 ลา้ นคนหรือกวา่ คร่ึงหน่ึงของประชากรโลก ดงั ไดก้ ล่าวไวแ้ ลว้ วา่ อุตสาหกรรมการท่องเท่ียวเป็นอุตสาหกรรมท่ีมีบทบาทสาคญั ต่อการพฒั นา เศรษฐกิจและสังคมของประเทศและเมืองพทั ยา ดงั น้นั การใหค้ วามสาคญั ต่อการพฒั นาและส่งเสริมการ ทอ่ งเที่ยวใหใ้ ชโ้ อกาสของความหนาแน่นของประชากรและทรัพยากรการทอ่ งเที่ยวที่มีคุณภาพและ หลากหลายจนกลายเป็นอุตสาหกรรมหลกั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรีน้ี ใหส้ ามารถ เพิ่มพนู ศกั ยภาพในการแข่งขนั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพจึงเป็นส่ิงจาเป็น โดยเร่ิมจากการพฒั นาผปู้ ระกอบการ วสิ าหกิจขนาดยอ่ มหลกั ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไดแ้ ก่ ประเภทโรงแรมที่พกั ร้านอาหาร ตวั แทนนา เที่ยว สปาและนวดแผนไทย คมนาคมขนส่ง และร้านขายของท่ีระลึกใหม้ ีความเขม้ แขง็ อนั จะส่งผลตอ่ การ

บทที่ 6 พทั ยาโมเดลการก่อตงั้ และพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยวเมืองพทั ยา 293 สร้างและกระจายรายไดไ้ ปสู่ผปู้ ระกอบการ แรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่ี เกี่ยวขอ้ งอนั จะนารายไดจ้ ากการทอ่ งเท่ียวไปพฒั นาประเทศใหเ้ จริญกา้ วหนา้ ยง่ิ ข้ึนไป ตามแผนพฒั นา เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 10, 11 และ12 ท่ีมุ่งเนน้ การเพมิ่ สมรรถนะและขีดความสามารถในการ แขง่ ขนั ของประเทศอยา่ งยง่ั ยนื รัฐบาลไดก้ าหนดใหก้ ารพฒั นา “เครือขา่ ยวสิ าหกิจ” เป็นแนวทางหน่ึงในการพฒั นาขีด ความสามารถในการแข่งขนั ทางเศรษฐกิจของประเทศในการสร้างใหเ้ กิดความเจริญมงั่ คง่ั ทางเศรษฐกิจและ การพฒั นาที่ยง่ั ยนื ของประเทศเพอ่ื ความอยดู่ ีกินดีมีสุขของประชาชน โดยใหส้ านกั งานคณะกรรมการ- พฒั นาขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ (สพข.) และสานกั งานคณะกรรมพฒั นาเศรษฐกิจและ- สังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นตวั แทนในการศึกษาและพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจในประเทศไทยต้งั แต่พ.ศ. 2546 ท้งั น้ีสานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2547) ไดใ้ หค้ วามหมายของเครือข่าย วสิ าหกิจ (คลสั เตอร์) ไวด้ งั น้ี เครือขา่ ยวสิ าหกิจคือ กลุ่มของธุรกิจและสถาบนั ท่ีเก่ียวขอ้ งมารวมตวั ดาเนิน กิจการอยใู่ นพ้นื ท่ีใกลเ้ คียงกนั มีความร่วมมือเก้ือหนุนเช่ือมโยง และเสริมกิจการซ่ึงกนั และกนั อยา่ งครบ วงจร ท้งั น้ีความเช่ือมโยงในแนวต้งั หมายถึง ความเชื่อมโยงระหวา่ งผปู้ ระกอบการในกระบวนการผลิตท่ี อยใู่ นสายของห่วงโซ่อุปทานต้งั แต่ตน้ น้าจนถึงปลายน้า และความเชื่อมโยงในแนวนอน หมายถึง ความ เชื่อมโยงกบั อุตสาหกรรมท่ีสนบั สนุนต่างๆ รวมท้งั ธุรกิจใหบ้ ริการ สมาคมการคา้ สถาบนั การศึกษาและ ฝึกอบรม สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐตา่ งๆ ที่เก่ียวขอ้ งในการสร้างความร่วมมือบน พ้นื ฐานของการแขง่ ขนั การร่วมกนั กาหนดทิศทางและเป้ าหมายร่วมกนั การกาหนดกลยทุ ธ์การพฒั นา ร่วมกนั รวมท้งั แลกเปล่ียนขอ้ มลู ขา่ วสารความรู้ ตลอดจนทรัพยากรต่างๆ ระหวา่ งผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งในเครือขา่ ย เพอ่ื บรรลุเป้ าหมายร่วมกนั คือ การเพิ่มผลิตภาพซ่ึงถือเป็นปัจจยั หลกั ในการเพม่ิ ความสามารถในการแขง่ ขนั ท่ียงั่ ยนื จากการสารวจกลุ่มอุตสาหกรรมการทอ่ งเท่ียวในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี ของสานกั งาน คณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2549) พบวา่ ผปู้ ระกอบการของธุรกิจการทอ่ งเที่ยว ในพทั ยาไม่มีการรวมตวั และเชื่อมโยงกบั หน่วยงานอื่น และสถาบนั สนบั สนุนในรูปแบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจ การรวมกลุ่มอยใู่ นรูปสมาคมและชมรมโดยมี 3 กลุ่มสาคญั คือ สมาคมนกั ธุรกิจการทอ่ งเท่ียวพทั ยา สมาคม โรงแรมไทยภาคตะวนั ออก และชมรมโรงแรมเมืองพทั ยา สมาคมเหล่าน้ีทากิจกรรมร่วมกนั เป็นคร้ังคราว เช่น การทากิจกรรมทางการตลาดหรือการจดั งานมหกรรมต่างๆ โดยมีความร่วมมือกบั หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานปกครองส่วนทอ้ งถิ่น และการทอ่ งเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคกลางเขต 3 ท้งั น้ีกลุ่มธุรกิจท่องเท่ียว ของพทั ยามีโอกาสในการพฒั นาศกั ยภาพการแข่งขนั ใหเ้ พ่มิ มากข้ึนได้ เพราะมีปัจจยั พ้ืนฐานท่ีเก้ือหนุน โดย เป็นสถานที่ทอ่ งเที่ยวมีช่ือเสียงเป็นที่รู้จกั มีการรวมตวั ของผปู้ ระกอบการที่มีกิจกรรมร่วมกนั อยแู่ ลว้ ระดบั หน่ึง และยงั ไดร้ ับการสนบั สนุนจากภาครัฐ หน่วยงานภาครัฐระดบั ทอ้ งถิ่นอยา่ งเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง ทาใหผ้ ปู้ ระกอบการมีการทาการตลาดเชิงรุก รวมถึงมีการขยายฐานลูกคา้ ออกไปไดอ้ ยา่ งกวา้ งข้ึน สามารถ

294 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ ใหบ้ ริการกิจกรรมสันทนาการหลากหลายประเภทที่ไดร้ ับการยอมรับในระดบั สากลไดแ้ ก่ จดั มหกรรม ดนตรี กีฬาระดบั นานาชาติ และงานพลุนานาชาติ อยา่ งไรก็ตาม ในภาวการณ์แข่งขนั ที่รุนแรงมากข้ึนของธุรกิจท่องเที่ยวท้งั ในภูมิภาค ประเทศและ ทว่ั โลก ผปู้ ระกอบการดา้ นการทอ่ งเที่ยวของเมืองพทั ยามีการเชื่อมโยงกบั หน่วยงานสนบั สนุนหรือสถาบนั เฉพาะทาง โดยเฉพาะกบั สถาบนั การศึกษายงั มีนอ้ ยทาใหธ้ ุรกิจดา้ นการท่องเที่ยวในเขตเมืองพทั ยาเกิดการ ขาดแคลนบุคลากรท้งั ในเชิงปริมาณและคุณภาพ ทาใหข้ าดทรัพยากรและพลงั ผลกั ดนั จนไม่สามารถคิดคน้ บริการใหมๆ่ และการรวมกลุ่มของผปู้ ระกอบการท่ียงั เป็นไปแบบหลวมๆ ไมม่ ีการกาหนดพนั ธกิจและ เป้ าประสงคร์ ่วมกนั เพอื่ ยกระดบั ความสามารถของธุรกิจในภาพรวม ตลอดจนไมม่ ีกิจกรรมเพ่ือยกระดบั การ พฒั นาทรัพยากรบุคคลและขาดการพฒั นามาตรฐานความปลอดภยั ร่วมกนั ซ่ึงหากมีการสนบั สนุนใหก้ ลุ่มที่ มีความเช่ือมโยงกนั มากข้ึนก็จะช่วยใหส้ ามารถยกระดบั ความสามารถในการแข่งขนั ในระยะยาวได้ การรวมกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจ ถือเป็นการบรู ณาการท่ีดึงความร่วมมือทุกส่วนผนวกไวร้ วมกนั อยา่ ง ครบวงจร มีหลกั การท่ีสาคญั คือ การสร้างความร่วมมือภายใตก้ ารแข่งขนั เพอื่ เสริมสร้างจุดเด่นและแกไ้ ข จุดอ่อนของกลุ่มอุตสาหกรรมของตนเองใหเ้ ขม้ แขง็ มากข้ึน โดยบทบาทท่ีตอ้ งเนน้ มากที่สุดคือ การกระตุน้ ผปู้ ระกอบการให้เกิดวสิ ัยทศั น์และจดั กลยทุ ธ์ใหส้ อดคลอ้ งกบั ประโยชน์ของการรวมกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจ คือ การลดตน้ ทุน การเพิ่มประสิทธิภาพกิจการ และการแกไ้ ขปัญหาที่ดีข้ึนทนั ที และการพฒั นาสินคา้ และ บริการหรือนวตั กรรมทางการท่องเท่ียว ตวั อยา่ งเช่น พทั ยาโมเดล (Pattaya Model) หรือการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการทอ่ งเท่ียว ของเมืองพทั ยา (Pattaya Tourism Cluster Center: PTCC) จงั หวดั ชลบุรี ที่มีการรวมกลุ่มเครือขา่ ย วสิ าหกิจทอ่ งเท่ียวของผปู้ ระกอบการเพื่อการเพ่มิ ขีดความสามารถการแข่งขนั ของธุรกิจการท่องเท่ียว โดยมีการกาหนดวสิ ยั ทศั น์ของกลุ่มร่วมกนั เพ่ือสร้างกลยทุ ธ์ในการพฒั นาการแขง่ ขนั ที่ยง่ั ยนื ซ่ึงการ รวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจสามารถลดตน้ ทุนของกิจการเช่น วตั ถุดิบ การตลาด และบุคลากร เป็นตน้ โดยมีการแบ่งหนา้ ท่ีการบริการและการบริหารจดั การตามความชานาญ มีการวเิ คราะห์ความเป็นไปได้ ในดา้ นพ้ืนที่เชิงยทุ ธศาสตร์ท้งั ในเชิงนโยบาย การบริหารจดั การ และดา้ นการปฎิบตั ิงาน โดยผา่ น กระบวนการศึกษาวจิ ยั การรับฟังความคิดเห็น การมีส่วนร่วมของผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียของระบบการ ท่องเที่ยวของเมืองพทั ยาต้งั แต่ตน้ น้า กลางน้า และปลายน้า ตลอดจนมีการจดั ทาโครงการเพ่อื รองรับผล การวเิ คราะห์ศกั ยภาพของผปู้ ระกอบการแตล่ ะราย และโดยภาพรวมในแตล่ ะประเภท (sector) ของ ระบบการทอ่ งเที่ยวเมืองพทั ยา ท้งั น้ี ผลการศึกษาของโครงการหรืองานวจิ ยั หรือแผนการวจิ ยั หน่ึงไดน้ าไปสู่การพฒั นาเครือข่าย วสิ าหกิจการท่องเท่ียวเมืองพทั ยาเพ่อื รองรับการเปลี่ยนแปลงจากสภาวะแวดลอ้ มภายนอก รวมตลอดจน

บทท่ี 6 พทั ยาโมเดลการก่อตง้ั และพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียวเมืองพทั ยา 295 สามารถจดั การกบั การแขง่ ขนั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ บทน้ีจึงไดร้ วบรวมและนาเสนอผลการศึกษาวจิ ยั ที่ จดั ทาข้ึนในลกั ษณะวทิ ยานิพนธ์ระดบั บณั ฑิตศึกษา แผนการวจิ ยั และโครงการวจิ ยั ในแผนการวจิ ยั ที่ไดร้ ับ ทุนสนบั สนุนเงินงบประมาณจากสานกั งานคณะกรรมการการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.) และสานกั งานกองทุน สนบั สนุนการวจิ ยั แห่งชาติ( ส.ก.ว) โดยสามารถจาแนกระยะของการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียว เมืองพทั ยาไดเ้ ป็น 3 ระยะ ดงั ต่อไปน้ี 6.1 ระยะที่ 1 การริเริ่มเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียว(Tourism Cluster Initiative) 6.2 ระยะที่ 2 การก่อต้งั เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียว(Tourism Cluster Emergence) 6.3 ระยะท่ี 3 การดาเนินงานเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยว(Tourism Cluster Development and Execution) 6.1 ระยะท่ี 1 การริเริ่มเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเทยี่ ว(Tourism Cluster Initiative) ประกอบดว้ ย การศึกษาวจิ ยั 3 ผลงานท่ีเก่ียวขอ้ ง ต้งั แต่ พ. ศ. 2552-2553 ระยะเวลา ประมาณ 2 ปี ดงั ตอ่ ไปน้ี 6.1.1 แนวทางการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการทอ่ งเท่ียวของผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดกลาง และขนาดยอ่ ม (SMEs) ประเภทโรงแรมที่พกั ในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 6.1.2 แนวทางการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการทอ่ งเท่ียวของผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดกลาง และขนาดยอ่ ม (SMEs) ประเภทร้านอาหารในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 6.1.3 แนวทางการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียวของผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดกลาง และขนาดยอ่ ม (SMEs) ประเภทร้านขายของท่ีระลึก และคมนาคมขนส่งในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 6.2 ระยะที่ 2 การก่อต้งั เครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเทยี่ ว(Tourism Cluster Emergence) ประกอบดว้ ย การศึกษาวจิ ยั 7 ผลงานในรูปแบบวทิ ยานิพนธ์และบทความวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ งดงั ต่อไปน้ี 6.2.1 แผนงานวจิ ยั เร่ือง การพฒั นาศกั ยภาพและความสามารถในการแข่งขนั อยา่ งยง่ั ยนื ดว้ ยการ รวมกลุ่มเครือขา่ ย (Cluster) ของธุรกิจขนาดยอ่ มดา้ นการท่องเท่ียวเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี โดยวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ(2555) ประกอบดว้ ย โครงการวจิ ยั 6 โครงการ ต้งั แต่ พ. ศ. 2554-2555 ระยะเวลา ประมาณ 2 ปี ไดแ้ ก่

296 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ 6.2.1.1 การพฒั นาศกั ยภาพและความสามารถในการแขง่ ขนั อยา่ งยง่ั ยนื ดว้ ยการรวมกลุ่ม เครือขา่ ย (Cluster) ของธุรกิจขนาดยอ่ มดา้ นการท่องเท่ียวประเภทโรงแรมที่พกั เขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 6.2.1.2 การพฒั นาศกั ยภาพและความสามารถในการแข่งขนั อยา่ งยงั่ ยนื ดว้ ยการรวมกลุ่ม เครือข่าย (Cluster) ของธุรกิจขนาดยอ่ มดา้ นการท่องเที่ยวประเภทร้านอาหารเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 6.2.1.3 การพฒั นาศกั ยภาพและความสามารถในการแขง่ ขนั อยา่ งยง่ั ยนื ดว้ ยการรวมกลุ่ม เครือขา่ ย (Cluster) ของธุรกิจขนาดยอ่ มดา้ นการท่องเที่ยวประเภทร้านขายของท่ีระลึกเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 6.2.1.4 การพฒั นาศกั ยภาพและความสามารถในการแข่งขนั อยา่ งยง่ั ยนื ดว้ ยการรวมกลุ่ม เครือข่าย (Cluster) ของธุรกิจขนาดยอ่ มดา้ นการท่องเที่ยวประเภทตวั แทนนาเท่ียวเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 6.2.1.5 การพฒั นาศกั ยภาพและความสามารถในการแขง่ ขนั อยา่ งยง่ั ยนื ดว้ ยการรวมกลุ่ม เครือข่าย (Cluster) ของธุรกิจขนาดยอ่ มดา้ นการท่องเที่ยวประเภทคมนาคมขนส่งเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 6.2.1.6 การพฒั นาศกั ยภาพและความสามารถในการแข่งขนั อยา่ งยง่ั ยนื ดว้ ยการรวมกลุ่ม เครือขา่ ย (Cluster) ของธุรกิจขนาดยอ่ มดา้ นการท่องเท่ียวประเภทสปาและนวดแผนไทยเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 6.3 ระยะที่ 3 การดาเนินงานเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเทีย่ ว(Tourism Cluster Development and Execution) ประกอบดว้ ย การศึกษาวจิ ยั 6 ผลงานในรูปแบบวทิ ยานิพนธ์และบทความวจิ ยั ระยะเวลา ต้งั แต่ พ. ศ. 2555-2557 ประมาณ 2-3 ปี ดงั ตอ่ ไปน้ี 6.3.1 แผนงานวจิ ยั เรื่อง การพฒั นาบทบาทของเครือข่ายการท่องเท่ียว PTCC เพอื่ พฒั นาทุนมนุษย์ ในวสิ าหกิจการท่องเท่ียวในเมืองพทั ยาเพ่อื การแขง่ ขนั ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยวฒุ ิชาติ สุนทร- สมยั และคณะ (2557) ประกอบดว้ ย โครงการวจิ ยั 5 โครงการที่เกี่ยวขอ้ ง ไดแ้ ก่

บทท่ี 6 พัทยาโมเดลการก่อต้งั และพฒั นาเครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียวเมืองพทั ยา 297 6.3.1.1 การพฒั นาทุนมนุษยข์ องวสิ าหกิจขนาดยอ่ มกลุ่ม “สปาและนวดแผนไทย” ภายใต้ เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียว PTCC ในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรีเพ่อื การแข่งขนั ในประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน 6.3.1.2 โครงการสร้างเครือข่ายนาร่องธุรกิจขนาดยอ่ มดา้ นการทอ่ งเที่ยวที่เป็นมิตรกบั สิ่งแวดลอ้ มเพอ่ื การแขง่ ขนั ในประชาคมอาเซียน 6.3.1.3 การศึกษาการพฒั นาศกั ยภาพและความสามารถในการแขง่ ขนั ดา้ นภาพลกั ษณ์ตรา สินคา้ ผลิตภณั ฑ์ OTOP ของธุรกิจร้านขายของท่ีระลึกในเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียวชุมชนเขตเมือง พทั ยา จงั หวดั ชลบุรีเพื่อการแขง่ ขนั ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 6.3.1.4 การบริหารจดั การทุนมนุษยเ์ พ่อื การบูรณาการกลยุทธ์การจดั การเครือข่ายวสิ าหกิจ การทอ่ งเที่ยวเมืองพทั ยา เพ่ือการแขง่ ขนั ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 6.3.1.5 การพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู และระบบสารสนเทศดา้ นการพฒั นาทุนมนุษยข์ อง เครือขา่ ยการทอ่ งเท่ียว PCTT เมืองพทั ยา เพ่อื การแขง่ ขนั ในประชาคมอาเซียน 6.1 ระยะท่ี 1 การริเร่ิมเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเทย่ี ว(Tourism Cluster Initiative) ประกอบดว้ ยผลการศึกษาวจิ ยั 3 ผลงานที่เก่ียวขอ้ ง ใน พ.ศ. 2552-2553 ไดแ้ ก่ แนวทางการพฒั นา เครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยวของผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (SMEs) ประเภทโรงแรมท่ีพกั (ชลธร ชื่นอุปการนนั ทแ์ ละวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั , 2552) ร้านอาหาร (กฤตติยา สตั ยพ์ นั ธ์ และวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั , 2552) และร้านขายของท่ีระลึกและคมนาคมขนส่ง (ธีราวธุ ธีระ- จารุวฒั น์ และวฒุ ิชาติ สุนทรสมยั , 2552) ในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี ดงั ต่อไปน้ี การวเิ คราะห์โอกาสการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจ (Cluster) เริ่มจากการศึกษาวเิ คราะห์ปัจจยั เกี่ยวกบั ผปู้ ระกอบการธุรกิจท่ีส่งผลต่อความรู้ ความเขา้ ใจเรื่องเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยว และ วเิ คราะห์ความสามารถในการแข่งขนั เพอ่ื นามาสู่การกาหนดแนวทางการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจการ ท่องเท่ียวใหก้ บั ผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี การศึกษาท้งั 3 ผลงานน้ีใชร้ ูปแบบการวจิ ยั แบบผสมผสานระหวา่ งเชิงปริมาณท่ีใชแ้ บบสอบถาม และเชิงคุณภาพดว้ ยการสัมภาษณ์เชิงลึกผปู้ ระกอบการ โดยประชากรและกลุ่มตวั อยา่ งคือ ผปู้ ระกอบการ

298 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ หุน้ ส่วน เครือญาติ หรือบุคลากรในระดบั ผจู้ ดั การข้ึนไปของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มดา้ นการ ทอ่ งเท่ียวในเขตเมืองพทั ยา ใชแ้ บบสอบถามศึกษาตวั แปรดา้ นปัจจยั เก่ียวกบั ผปู้ ระกอบการธุรกิจ ความรู้ ความเขา้ ใจเร่ืองเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยว และความสามารถในการแข่งขนั และยงั ใชแ้ บบบนั ทึก การสัมภาษณ์เจาะลึกจานวน 4-10 ตวั อยา่ งท่ีถูกเลือกโดยอาศยั ความน่าจะเป็นแบบกอ้ นหิมะ โดยวเิ คราะห์ ดว้ ยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติอา้ งอิงท่ีระดบั นยั สาคญั ทางสถิติท่ี 0.05 สาหรับการวเิ คราะห์ขอ้ มูลเชิง คุณภาพที่ไดจ้ ากการสัมภาษณ์ใชก้ ารวเิ คราะห์เน้ือหา โดยอาศยั ตวั แบบจาลองความสามารถในการแข่งขนั ของอุตสาหกรรมและการวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มทางธุรกิจ (SWOT Analysis) ตามกรอบแนวคิดการวจิ ยั ดงั ภาพท่ี 6-1 ภาพท่ี 6-1 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั (ท่ีมา: วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ, 2553) กรอบแนวความคิดในการวจิ ยั น้ี เป็นการศึกษาเปรียบเทียบปัจจยั ของผปู้ ระกอบการกบั ความรู้ ความเขา้ ใจดา้ นเครือข่ายวสิ าหกิจและความสามารถในการแข่งขนั ของธุรกิจ รวมท้งั ศึกษาความสนใจในการ รวมกลุ่มร่วมกบั การประเมินศกั ยภาพของการรวมกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจ เพอื่ นาไปสู่การกาหนดแนว ทางการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียวในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี สาหรับแนวทางการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยวของผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาด กลางและขนาดยอ่ ม (SMEs) ประเภทโรงแรมที่พกั ในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี ผลการศึกษาในคร้ังน้ี ไดผ้ ลที่น่าสนใจวา่ ผปู้ ระกอบการธุรกิจโรงแรมที่พกั (SMEs) ในเขตเมืองพทั ยาที่มีความสนใจในการ รวมกลุ่มเป็นเครือข่ายวสิ าหกิจน้นั จะมีลกั ษณะบางประการที่สาคญั คือ เป็นกลุ่มผปู้ ระกอบการท่ีมีความรู้

บทท่ี 6 พัทยาโมเดลการก่อตงั้ และพฒั นาเครือข่ายวิสาหกิจการท่องเท่ียวเมืองพทั ยา 299 ความเขา้ ใจเร่ืองเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยวและความสามารถในการแข่งขนั ในระดบั มาก และจาก ขอ้ มูลการสัมภาษณ์ผปู้ ระกอบการโรงแรมท่ีพกั ที่สนใจในการรวมกลุ่มจะมีคุณลกั ษณะท่ีคลา้ ยกนั คือ เป็น โรงแรมท่ีพกั ขนาดลาง (มีหอ้ งพกั ระหวา่ ง 60 – 149 หอ้ ง) มีการจดทะเบียนในรูปแบบบริษทั จากดั ดาเนิน กิจการมากกวา่ 9 ปี และมีประสบการณ์ในการรวมกลุ่มเป็ นสมาชิกสมาคมหรือชมรมทางธุรกิจมาก่อน ผปู้ ระกอบการเหล่าน้ีจะมีความรู้ ความเขา้ ใจเร่ืองเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียวดีและมีความสามารถ ในการแขง่ ขนั รวมท้งั มีทศั นคติในเชิงบวกต่อการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายวสิ าหกิจ โดยผปู้ ระกอบการกลุ่มน้ี ยนิ ดีที่จะรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายวสิ าหกิจและพร้อมที่จะแบ่งปันทรัพยากรและขอ้ มลู ข่าวสารร่วมกนั เพอื่ แกไ้ ขปัญหาต่างๆ ท่ีเกิดจากปัจจยั ภายนอกและดา้ นการบริหารจดั การภายใน เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ผมู้ ีส่วนไดเ้ สียคือ ห่วงโซ่อุปทานดงั ภาพที่ 6-2 และแผนภาพ เครือขา่ ยวสิ าหกิจโรงแรมท่ีพกั หากมีการจดั ทาแผนภาพเครือข่ายวสิ าหกิจไดล้ ะเอียดครบถว้ นและถูกตอ้ ง แผนภาพเครือขา่ ยวสิ าหกิจจะสามารถใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการระบุถึงจุดบกพร่องต่างๆ ที่เครือข่ายวสิ าหกิจ จาเป็นตอ้ งแกไ้ ขปรับปรุงเพื่อยกระดบั ความสามารถในการแขง่ ขนั ของกลุ่ม การจดั ทาแผนภาพเครือข่าย วสิ าหกิจเริ่มตน้ จากแกนกลางหรือธุรกิจหลกั ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจน้นั ก่อน ซ่ึงก็คือ ธุรกิจโรงแรมที่พกั จากน้นั จึงพจิ ารณาถึงกิจการผปู้ ระกอบการอ่ืนๆ รวมท้งั หน่วยงานหรือองคก์ รท่ีมีผลต่อความสามารถในการ แขง่ ขนั และระบุความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกนั ดงั ภาพที่ 6-3