ใบงานที่ 2 1. ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู เกิดข้นึ มาแลว้ ประมาณกปี่ ี 2554 + 1400 = 3954 ปี 2. เทพเจา้ สูงสุดในศาสนาพราหมณก์ ่ีองค์และแต่ละองค์มบี ทบาทอย่างไร พระพรหม (ผสู้ ร้างโลกต่างๆ), พระวษิ ณุ (ผ้คู ุมครองโลก), พระศิวะ(ผสู้ ังหารหรอื ทำลายโลก) 3. คัมภีรไ์ ตรเวท แบ่งออกเป็นกีคมั ภีร์และแต่ละคมั ภีรม์ คี วามสำคญั อย่างไร (ตอบโดยสรปุ ) 1. คมั ภรี ฤ์ คเวท วา่ ด้วยการสวดสรรเสริญและออ้ นวอนเทพเจา้ 2. คัมภรี ์ยชรุ เวท เป็นค่มู อื พิธีกรรมของพราหมณ์, บอกวิธปี ระกอบ พธิ กี รรมและบวงสรวง 3. คัมภีรส์ ามเวท รวบรวมบทสวดมนต์ โดยนำมาจากฤคเวทเปน็ ส่วนมาก 4. คัมภรี ์อถรรพเวท เปน็ คมั ภรี ์ใหมเ่ ป็นคาถาอาคม 4. ยกตัวอย่างพธิ ีสำคัญทางศาสนาพราหมณ์ มา 2 พิธี พร้อมเขียนอธบิ ายมาพอเข้าใจ 1. พระราชพิธีบรมราชาพิเษก 2. การทำนำ้ อภเิ ษก 3. การพระราชพิธจี องเปรียง 4. พระราชพธิ ตี รยี ัมปวาย 5. พระราชพธิ จี รดพระนังคลั (รอก่อนครบั ) 5. ศาสนาสำคัญทถ่ี ือกำเนิดในทวีปเอเชยี ได้แก่... พุทธ, ครสิ ต์, อสิ ลาม, ฮนิ ดู, ซิกซ,์ ยูดาห์ 6. ในทวปี เอเชยี ศาสนาพทุ ธนับถอื กันมากในประเทศใดบ้าง ไทย, วยี ดนาม, ลาว, กมั พูชา, พมา่ , สงิ ค์โปร์ 7. ในทวปี เอเชยี ศาสนาอสิ ลามนับถอื กันมากในประเทศใดบา้ ง มาเลเซีย, อนิ โดนเี ซีย, บรไู น 8. นกิ ายใหญ่ในพุทธศาสนามีกี่นกิ าย แต่ละนิกายมลี กั ษณะเด่น อย่างไร (เขียนอธิบายมาพอเข้าใจ) 1. เถรวาท เป็นพระพทุ ธศาสนาด้ังเดมิ โดยพยายามรกั ษา พระธรรมวินยั ตามแบบอยา่ งพระเถระ 2. มหายาน เปน็ พทุ ธศาสนาแบบท่ชี ่วยให้สตั ว์ข้ามพ้นวัฏสงสารไดม้ าก ใชค้ ำสอนของอาจารเ์ ป็นหลกั เรียกวา่ อาจาริยวาท 9. ศาสนาอสิ ลามถกู นำมาเผยแผใ่ นทวีปเอเชียโดยใคร พอ่ คา้ อาหรับ 10. ศาสนาศริสตถ์ ูกนำมาเผยแผ่ในทวีปเอเชยี โดยใคร มชิ ชนั นารี
ใบงานที่ 3 1. พระไตรปฎิ ก หมายถงึ อะไร และแบ่งออกเป็นก่หี มวดอะไรบ้าง หมายถงึ ท่รี วบรวมคำสอนของพระพุทธเจา้ ไวเ้ ปน็ หมวดหมไู่ ม่ให้ กระจัดกระจาย แบ่งเป็น 3 หมวด คอื พระวนิ ยั ปฎิ ก, พระสตุ ตนั ตปฎิ ก, พระอภิธรรมปฎิ ก 2. ส่ิงท่เี ปน็ ท่ีพ่ึงที่แท้จริงของชาวพุทธคือสิง่ ใด พระรัตนตรัย (พระพุทธ, พระธรรม, พระสงฆ)์ 3. หลกั ธรรมแห่งความสำเรจ็ มีชอื่ ว่าอะไร ประกอบด้วยอะไรบา้ ง อทิ ธบิ าท 4 ไดแ้ ก่ ฉนั ทะ, วิรยิ ะ, จิตตะ, วมิ ังสา 4. ทิศ 6 เปน็ หลักธรรมท่มี ีความสำคญั อย่างไร และพระพุทธเจ้า ควรถูกจดั อย่ใู นทิศใด ทำใหค้ นอยรู่ ว่ มกันพงึ พากันอยา่ งดีงาม , ทิศเบือ้ งขวา 5. หลกั ธรรมของคนดมี ีช่ือว่าอะไร ประกอบด้วยอะไรบา้ ง สปั ปุริสธรรม ได้แก่ ความเป็นผรู้ จู้ กั เหตุ, ความเป็นผรู้ ้จู กั ผล, ความเป็นผู้รจู้ กั ตน, ความเป็นผู้รจู้ กั ประมาณ, ความเป็นผู้รจู้ กั กาล, ความเป็นผรู้ จู้ กั ชุมชน, ความเป็นผูร้ จู้ กั เลอื กบคุ คล 6. การเจริญภาวนาในพุทธศาสนามีกี่แบบ และแต่ละแบบมี ลักษณะสำคญั อย่างไร 2 แบบคือ สมถภาวนา คือ การทำใหจ้ ิดต้งั ม่นั อยู่ในอารมณเ์ ดยี ว ไมซ่ ุ้งซ่าน วิปัสสนาภาวนา คือ การทำจติ ให้อยใู่ นสภาพที่นม่ิ นวล เหมาะกบั การคดิ ใครค่ รวญ หาเหตุและผลในสภาวธรรมทั้งหลาย 7. คำวา่ อสิ ลาม มคี วามหมายอยา่ งไร การสวามภิ กั ด์ิ 8. หลกั คำสอนในศาสนาอสิ ลามมีก่ีข้ออะไรบา้ ง 6 ขอ้ คอื ศรัทธาในพระเจ้า, ศรทั ธาในบรรดามะลาอกิ พห์(เทวทตู ของพระเจ้า), ศรัทธาในคัมภรี อ์ ลั กุรอาน, ศรัทธาต่อบรรดาศาสนฑูต, ศรัทธาตอ่ วนั พิพากษาโลก, ศรัทธาในกฎสภาวะของพระเจา้ 9. คำว่า อัลกุรอาน หมายถึง .... แนวทางในการดำเนินชวี ติ ทีม่ นษุ ย์จะปราศจากมันไมไ่ ด้ 10. ศาสนาคริสตเ์ ป็นศาสนาแหง่ ความรกั เพราะเหตใุ ด พระเจ้าทรงรักมนุษย์ ทรงรักประชาชนของพระองค์ 11. คำวา่ ตรีเอกภพ ประกอบดว้ ยสิ่งใด พระบดิ า, พระบตุ ร, พระจติ
12. ศาสนาครสิ ต์มรี ากฐานมากศาสนาใด ยดู าย(ศาสนายวิ ) 13. พธิ ีกรรมใดเปน็ พธิ ีกรรมแรกทีค่ ริสตชนต้องทำและทำอยา่ งไร ศลี ล้างบาปหรือการรบั บัพตสมา คือ ใหบ้ าทหลวงเทน้ำศักด์ิสทิ ธิ์ บนศรี ษะพร้อมเจิมหนา้ ผาก 14. นกิ ายโปรเตสแตนท์ไมม่ ีพิธีกรรมใด ศลี อภัยบาป, ศลี กำลงั , ศีลสมรส, ศลี บวช, ศีลเจมิ คนไข้ 15. คำวา่ ธฤติ หมายถงึ … ความพอใจ, ความกลา้ การพากเพยี รจนไดร้ บั ความสำเรจ็ 16. ข้นั ตอนของชีวติ ตามหลกั ศาสนาพราหมณ์ ไดแ้ ก่อะไรบ้าง พรหมจารี (ชวี ิตในการศกึ ษา), คฤหสั ถ์(ชีวิตในการครองเรือน), วานปรัสถ์ (ชวี ิตท่ีละบ้านเขา้ ป่าหาความสงบ), สันยาส(ี ชวี ติ ในการออกบวชหาความสขุ ท่ีแทจ้ ริง) 17. หลักธรรมสำหรับชาวพุทธท่ที ำให้สามารถอยู่ร่วมกับศาสนาอืน่ ได้ อย่างไรความสขุ ได้แก่อะไรบา้ ง พรหมวิหาร 4 , ฆราวาสธรรม 18. ศาสนาอิสลามท่ที ำให้สามารถอย่รู ว่ มกับศาสนาอื่นได้ เน่อื งจากหลักการใด หลกั จรยิ ธรรม 19. ซะกาดหมายถงึ อะไร มจี ุดประสงค์ใด ทานประจำ เพื่อการชำระจติ ใจใหบ้ รสิ ุทธ์ิ, เพ่ือปลุกฝังให้เปน็ ผ้ทู ม่ี ี จติ ใจเมตตากรุณา, เพ่ือลดช่องว่างระหว่างชนช้นั 20. หลกั ของความรักในศาสนาครสิ ต์หมายถงึ สงิ่ ใด ความเปน็ มิตรและปรารถนาใหผ้ ้อู น่ื มีความสุข 21. คำวา่ ปรมาตมนั หมายถึง... สงิ่ ยิง่ ใหญ่อันเปน็ ท่ีรวมของทุกส่งิ ทกุ อยา่ งในสากลโลก
ใบงานท่ี 4 1. วฒั นธรรม มคี วามหมายอย่างไร ทุกสง่ิ ทกุ อย่างท่มี นุษย์สร้างข้ึนไวเ้ พ่ือนำไปชว่ ยพฒั นา ชีวิตและความเป็นอยูใ่ นสังคม ฯ 2. วัฒนธรรมตามพรบ. แบ่งเป็นก่ีประเภทอะไรบา้ ง 4 ประเภท คอื คติธรรม(หลกั ในการดำเนนิ ชีวิต), เนตธิ รรม, วตั ถธุ รรม, สหธรรม(วัฒนธรรมทางสงั คม) 3. สรปุ ลกั ษณะของวฒั นธรรม มาพอสังเขป สิง่ ท่มี นุษยส์ รา้ งขึน้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงปรบั ปรุง และ ถ่ายทอดได้ แสดงถงึ วิถีชีวิตและความเช่ือของมนุษย์ 4. คนไทยถูกจัดกลมุ่ ในเผ่าพันธใ์ุ ด มองโกลอยด์ 5. ยกตัวอยา่ งวฒั นธรรมของอิเดยี ท่ีสำคัญทีเ่ หมือนกับ วัฒนธรรมไทย มา 2 อยา่ ง การถอดรองเท้าก่อนเข้าศาสนถาน, การให้เกยี รติสตรีและไม่ถกู เน้ือต้องตัว 6. วฒั นธรรมการตัง้ ชื่อของคนไทยและจนี แตกต่างกนั อย่างไร ชาวจีน ใชช้ ่ือสกุลนำหนา้ ชอ่ื จริง 7. ยกตัวอย่างลักษณะสำคญั เกย่ี วกับการแต่งงานของวัฒนธรรมจนี มา 3 ขอ้ ใช้สีแดง, พ่อแม่เป็นผ้เู ลือกเจา้ สาวให้ลกู ชาย, มีการแจ้ซินแส (หมอดู)มาผูกดวง 8. วฒั นธรรมไทยสว่ นใหญไ่ ด้รบั อิทธิพลมาจากท่ีใด อนิ เดยี และจีน 9. ประเภทของการเปลีย่ นแปลงวัฒนธรรมมกี ี่ประเภทอะไรบา้ ง 2 อย่างคอื การเปลยี่ นแปลงทางสงั คม, การเปล่ียนแปลงวัฒนธรรม 10. ปัจจยั อะไรท่ที ำให้เกิดการเปลย่ี นแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ปจั จัยภายในสงั คม, ปัจจยั ภายนอกสังคม 11. ยกตวั อย่างความสำคัญของวฒั นธรรม มา 3 ตัวอย่าง (รอก่อน) 12. สรปุ แนวทางการอนุรักษ์และสบื สานวฒั นธรรมและประเพณี มา 4 ข้อ การปลกู จิตสำนึกให้เยาชน, รว่ มกันเผยแพร่, ใชส้ อื่ ตา่ งๆในการถา่ ยทอด, รว่ มมอื ร่วมใจกันหวงแหนรกั ษา 13. ยกตัวอย่างวัฒนธรรมหรือความเช่ือในครอบครวั หรือในชุมชนของ นักศึกษามา 4 เรอ่ื ง (ทำเอง) 14. ค่านิยมหมายถงึ สิง่ ท่ีกล่มุ สังคมกลมุ่ ๆเหน็ วา่ เปน็ ส่งิ ท่ีนา่ นิยม , นา่ กระทำ
15. ทำไมคา่ นยิ มจึงเปน็ สว่ นหน่ึงของวฒั นธรรม มีการเรียรรูป้ ลกู ฝังและท่ายทอดจากรุ่นสรู่ นุ่ 16. ให้ยกตวั อยา่ งค่านิยมท่ดี ีมา 3 ตวั อย่าง การรักชาติฯ, ความเอื้อเฟือ้ , ความกตญั ญู, ความซ่ือสัตย์ 17. ใหย้ กตวั อย่างค่านยิ มทไี่ ม่ดมี า 3 ตัวอยา่ ง การแตง่ กายทไี่ ม่เหมาะสม, การชืน่ ชอบวฒั นธรรมอนื่ อย่างไม่ไตร่ตรอง, การไมร่ ู้จกั การประหยัด
ใบงานท่ี 5 1. รฐั ธรรมนญู หมายถงึ กฎหมายสูงสดุ ในการจัดการปกครองรฐั 2. ประเทศไทยมกี ารเปล่ยี นแปลงการปกครองอย่างไรและเม่อื ใด ระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชยเ์ ปน็ ประชาธิปไตย เมือ่ 24 มถิ นุ ายน 2475 3. ประเทศไทยไดป้ ลย่ี นจากคำวา่ สยาม มาเปน็ ไทย เมือ่ ใด และประกาศในรฐั ธรรมนญู ฉบบั ใด ปี พ.ศ. 2482 , ฉบับท่ี 2 (รชั ธรรมนูญแหง่ ราชจกั รสยาม พทุ ธศักราช 2475) 4. สรปุ สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบบั ที่ 3 มแี นวทางในการดำเนนิ การปกครองท่ีเป็นประชาธิปไตยมากขน้ึ โดยสมาชิก สภามาจากการเลือกต้ัง, แยกขา้ ราชการการเมืองออกจากขา้ ราชการประจำ 5. รฐั ธรรมนูญฉบบั ปัจจุบนั เป็นฉบบั ทีเ่ ทา่ ไหร่ ประกาศใช้ปีใด ฉบบั ท่ี 18 , 24 สิงหาคม 2550 6. รฐั ธรรมนญู ฉบบั ใดเป็นฉบับที่ใชน้ านทส่ี ุด และก่ีปี ฉบบั ที่ 2 , 14 ปี (2489 - 2475) 7. ประมขุ แหง่ รฐั (ไทย) หมายถึง พระมหากษตั ริย์ 8. อำนาจอธปิ ไตยประกอบด้วยฝ่ายใดบ้าง และแต่ละฝา่ ยมีใคร เปน็ หัวหน้า (ให้ตอบชื่อตำแหนง่ ) ฝา่ ยนิติบญั ญัต(ิ ประธานรฐั สภา), ฝ่ายบริหาร(นายกรฐั มนตรี), ฝ่ายตุลาการ(ประธานศาลฎกี า) 9. การเลอื กตงั้ ทวั่ ไปเปน็ การเปล่ียนแปลงในฝ่ายใดของอำนาจอธิปไตย ฝ่ายบริหาร 10. การปกครองระบบประชาธปิ ไตย คำนึงถึงเรือ่ งใดเป็นสำคญั สทิ ธแิ ละเสรภี าพ 11. สรุปหนา้ ที่ของประชาชนชาวไทยตามระบบประชาธปิ ไตย 1. หน้าทพ่ี ิทักษร์ ักษาชาตฯิ 2. ปกปอ้ งประเทศ 3. เลือกตัง้ 4. รบั ราชการ 5. ขา้ ราชการของรฐั มหี นา้ ทรี่ กั ษาประโยชนส์ ่วนรวม อำนวยความสะดวก บรกิ ารประชาชน
ใบงานท่ี 6 1. การเปล่ยี นแปลงการปกครองเกดิ ขน้ึ ในวนั ใด โดยใคร 24 ม.ิ ย. 2457 โดยคณะราฎร 2. สรปุ สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 1. คนรุ่นใหม่ทร่ี บั การศึกษาไดร้ ับอทิ ธพิ ลของลัทธิเสรนี ยิ มและประชาธปิ ไตย 2. เกิดภาวะเศรษฐกจิ ทีต่ กตำ่ 3. เกดิ ความขดั แยง้ ระหว่างราชวางคช์ ้นั สูงและข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรอื น 4. พระเจ้าแผน่ ดิน ไม่ทรงใชอ้ ำนาจเดด็ ขาดในการปกครอง 3. การทำปฏวิ ัติในวนั มหาวปิ โยคแตกตา่ งจากการทำปฏิวตั เิ พื่อ เปลี่ยนแปลงการปกครองอย่างไร วันมหาวปิ โยค เปน็ วนั ทนี่ กั ศึกษาและประชาชน ปะทะกบั รัฐบาลและทหาร ส่วนปฏวิ ตั ิเพือ่ เปลีย่ นแปลงการปกครองเป็นการเรียกร้องของประชาชนร่วมกบั ทหาร 4. การปกครองระบบประชาธปิ ไตยมีหลักการพื้นฐานอะไร 1. หลกั การอำนาจอธิปไตยเปน็ ของปวงชน 2. หลกั เสรภี าพ 3. หลกั ความเสมอภาค 4. หลกั การปกครองโดยกฎหมาย 5. หลักการเสยี งข้างมาก 5. ประชาธปิ ไตย หมายถงึ ระบอบการปกครองทถี่ ือมติปวงชน เปน็ ใหญ่ การถือเสยี งขา้ งมากเป็นใหญ่ 6. ลกั ษณะสำคัญของสังคมไทยเปน็ อยา่ งไร 1. สังคมไทยเปน็ สังคมท่เี คารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ 2. สงั คมไทยยึดม่นั ในพระพทุ ธศาสนา 3. สังคมไทยเปน็ สังคมเกษตร 4. สังคมไทยให้การเคารพผู้อาวโุ ส 5. สงั คมไทยเปน็ สงั คมระบบเครอื ญาติ 6. สังคมไทยมีการเปล่ยี นแปลงอย่างรวดเร็ว 7. ในอธบิ ายคำวา่ คนดใี นสังคม ตามความเข้าใจของนักศึกษา
แผนการจัดกจิ กรรม
มการเรยี นรู้คร้งั ท่ี 9
แผนการจดั การเรียนรู้ สาระ พัฒนาสังคม รายวิชา ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปล ครั้ง วัน/เดอื น/ปี หัวเร่ือง/ เนื้อหาสาระการ การจัดก ที่ ตัวชี้วดั เรยี นรู้ 4. รู้ เขา้ ใจ และ 4. การปฏบิ ัติตน ขน้ั ที่ 1 : กำหนดสภาพปญั หา ครูแจ้งผ้เู รียนผา่ นกลมุ่ ไลนข์ อง ปฏบิ ัตติ นตาม ตามหลกั สทิ ธิ Classroom กศน.ตำบลในหัวข สทิ ธมิ นุษยชน หลักสิทธิ มนษุ ยชนและ ขั้นท่ี 2 : แสวงหาความรู้ ครูมอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาชมคล มนษุ ยชน บทบาทหน้าท่ี -รู้ เขา้ ใจ และปฏบิ ตั ิตนตามหล https://www.facebook.com ความรบั ผิดชอบ ข้ันที่ 3 : การปฏิบัตนิ ำไปใช้ ครสู อนการเขียนรายงาน โคร ของ การเรยี นเป็นองคค์ วามรู้พร้อม เพ่ือนำมาเสนอในชน้ั เรียน คณะกรรมการ ขั้นที่ 4 : การประเมินผลการเร ครมู อบหมายใบงานพร้อมสรุป สทิ ธิ Mind Mapping พรอ้ มให้นกั ศึกษาส่งงานงานออ ตำบลหลังการทำใบงานแลว้ เส
ศาสนาและหน้าที่พลเมอื ง รหสั วิชา (สค31002) ลาย จำนวน 2 หนว่ ยกติ กระบวนการเรยี นรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ การวดั และ ประเมนิ ผล า -QR CODE แบบหนังสอื -สังเกตพฤตกิ รรม ง กศน.ตำบลเพ่ือเรียนรผู้ ่าน Google ศาสนาและหนา้ ที่พลเมือง -แบบทดสอบ ข้อเรื่อง รู้ เข้าใจ และปฏบิ ัตติ นตามหลกั ระดับ ม.ปลาย -ใบงาน -รูปภาพ -คลปิ วีดโี อยูทูปการเรยี นรู้ ลิปวดี โี อเรอ่ื ง เร่ือง หลกั สิทธิมนษุ ยชน ลกั สิทธิมนุษยชน และบทบาทหน้าทคี่ วาม m/watch/?v=589864578271025 รบั ผิดชอบของ คณะกรรมการสิทธิ รงงานพร้อมมอบหมายใบงานโดยสรุปผล มเขยี นรายงาน และกรต. ในสัปดาหถ์ ัดไป รยี นรู้ ปผลการเรยี นเป็นองคค์ วามรู้พร้อมเขียน ออนไลนผ์ ่านแอพเิ คชนั่ ไลนก์ ลุ่มของ กศน สร็จ ครมู อบหมาย กรต.หนา้ ทพี่ ลเมือง
ครง้ั วนั /เดอื น/ปี หัวเรอื่ ง/ เน้อื หาสาระการ การจัดก ท่ี ตัวช้วี ัด เรยี นรู้ 1.ร้แู ละเขา้ ใจบทบัญญัติของ รัฐธรรมนญู ท่ีมผี ลตอ่ การเปลี่ย ประเทศในสังคมในโลก 1.1ร้แู ละเขา้ ใจบทบาทหนา้ ท่ีข ตรวจสอบอำนาจรฐั
กระบวนการเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ การวดั และ ประเมนิ ผล ยนแปลงทางสังคมและมีผลต่อฐานะของ ขององค์กรตามรัฐธรรมนญู และการ
ใบงานที่ 7 1. สทิ ธิมนษุ ยชน หมายถงึ ............................................................................................................................. ..... ............................................................................................................................. ................................................. 2. สิทธมิ นษุ ยชนมพี ืน้ ฐานมาจากสง่ิ ใดบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3ให้ยกตวั อยา่ งสถานการณ์จริงท่เี ป็นการละเมนิ สิทธมิ นุษยชนจากภาคเอกชนหรือประชาชน(ดว้ ยกนั เอง) 3 ตวั อย่าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ใหย้ กตัวอยา่ งสถานการณ์จรงิ ท่ีเปน็ การละเมนิ สิทธมิ นุษยชนจาก ภาคจากภาคที่ทำกับประชาชน 3 ตวั อยา่ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 7 1. สทิ ธิมนุษยชน หมายถึง สิทธิต่างๆ ทีแ่ สดงถงึ คณุ ค่าถึงคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ 2. สิทธมิ นุษยชนมีพน้ื ฐานมาจากสิ่งใดบา้ ง ศกั ด์ิศรขี องมนุษยชน, เสรภี าพและความเสมอภาค 3. ใหย้ กตัวอย่างสถานการณ์จริงทีเ่ ป็นการละเมินสทิ ธมิ นษุ ยชนจาก ภาคเอกชนหรือประชาชน(ด้วยกนั เอง) 3 ตวั อย่าง 4. ใหย้ กตัวอยา่ งสถานการณ์จรงิ ที่เป็นการละเมนิ สทิ ธมิ นษุ ยชนจาก ภาคจากภาคทีท่ ำกับประชาชน 3 ตัวอย่าง
ข้อสอบกลางภาควชิ าศาสนา หน้าทพ่ี ลเมือง 60 ขอ้ (พร้อมเฉลย) 1.โทษสูงสดุ ในทางอาญาคือข้อใด ก. จำคกุ ข. ปรบั ค. ประหารชวี ิต ง. จองจำ 2.พนกั งานในขอ้ ใดเกี่ยวข้องกับกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา ก.พนกั งานบงั คบั คดี ข.พนักงานพิทักษ์ทรพั ย์ ค.พนกั งานยึดทรัพย์ ง.พนกั งานริบทรพั ย์ 3.การสืบสวนและการสอบสวนในคดอี าญาต่างกนั อย่างไร ไม่มีขอ้ ใดกลา่ วถูก ก.การสบื สวนเปน็ อำนาจหน้าท่ีของตำรวจ การสอบสวนเป็นอำนาจหนา้ ท่ีของพนักงานอัยการ ข.การสืบสวนคอื การแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ หรือพยานหลักฐานเพ่อื หารายละเอยี ดแห่งความผดิ การสอบสวนคือ การรวบรวมพยานหลกั ฐานในความผิดที่ได้มีการกล่าวหา ค.การสบื สวนและการสอบสวนเป็นอำนาจหนา้ ท่ีของตำรวจ ง.การสืบสวนคอื การจดั หาพยานหลักฐานตามความผิดท่ีได้มกี ารกล่าวหา การสอบสวนคือการสอบพยานและ ข้อเทจ็ จริงหรือพยานหลกั ฐานเพอ่ื หาหลักฐานเพื่อหารายละเอียดแห่งความผิด 4.ขอ้ ใดที่ไม่ได้จดั อยู่ในข้ันตอนทีเ่ ป็นหน้าทีค่ วามรับผดิ ชอบของตำรวจในการดำเนนิ คดีอาญา ก.สั่งสอบสวนเพิ่มเติม ข.สอบสวน ค.การจับกมุ ผู้กระทำผิด ง.ควบคมุ 5.ข้อใดเปน็ การเรียงลำดบั โทษทางอาญาท่ีเรยี งจากโทษหนักมาหาเบาไดถ้ ูกต้อง ก.การจำคุก การรบิ ทรัพย์ การประหารชีวติ การปรบั การกักขัง ข.การประหารชวี ติ การกักขัง การจำคกุ การริบทรัพย์ การปรับ ค.การจำคกุ ประหารชวี ิต รบิ ทรพั ย์สิน การปรบั การกักขัง ง.ประหารชวี ิต การจำคุก การกกั ขัง การปรบั การรบิ ทรพั ย์สนิ 6.ผู้ทที่ ำหน้าที่เปน็ ทนายแผ่นดินตามกระบวนการพิจารณาคดคี วามทางอาญาคือใคร ก.ทนายความ ข.เจ้าพนกั งานอยั การ ค.เจา้ พนกั งานฝ่ายสอบสวน ง.เจ้าหน้าทีต่ ำรวจ
7.การกระทำผิดในคดีอาญาในขอ้ ใดท่ีจะได้รบั โทษข้ันสงู สุด ก.การทำรา้ ยบุพการี ข.การคา้ ยาเสพตดิ ค.การวิง่ ราวทรพั ย์ ง.การฆา่ คนโดยไม่เจตนา 8.เมือ่ คำพพิ ากษาของศาลถึงท่ีสุดแล้วให้ผตู้ อ้ งหาใดคดีอาญาต้องรับโทษเป็นหนา้ ท่ีของเจ้าพนักงานฝา่ ยใดท่ี จะต้องปฏิบตั ิใหเ้ ปน็ ไปตามคำพพิ ากษาของศาลน้ัน ก.เจา้ หนา้ ท่ีพิทักษ์ทรพั ย์ ข.อยั การ ค.เจา้ หนา้ ที่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย ง.เจา้ หนา้ ที่กรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม 9.ในคดีอาญาเจา้ พนักงานของรัฐในขอ้ ใดมหี นา้ ท่ีฟ้องร้องจำเลยต่อศาล ก.ตำรวจ ข.เจ้าหน้าท่บี งั คบั คดี ค.ผ้พู พิ ากษา ง.อัยการ 10.บุคคลท่เี กยี่ วข้องกบั กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญาคือข้อใด ก.ตำรวจ อยั การ ศาล พนักงานบังคับคดี ข.อัยการ พนักงานคุมประพฤติ ศาล พนกั งานบังคบั คดี ค.ตำรวจ ทนายความ ศาล พนักงานควบคุมประพฤติ ง.ตำรวจ อยั การ พนกั งานควบคุมประพฤติ ศาล 11. ระบอบการปกครองแบบเผด็จการหา้ มการดำเนินการตามข้อใด ก. การเลือกต้ัง ข. การลงทุน ค. การประทว้ ง ง. การตัง้ พรรคการเมือง 12. ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว ได้มีการดำเนินการในข้อใดที่ถือว่าเป็นการปูพืน้ ฐาน การปกครองแบประชาธปิ ไตย ก. การจดั ตั้งกระทรวง ข. การจัดตง้ั มณฑลเทศาภิบาล ค. การจดั ต้งั ดุสติ ธานี ง. การเลกิ ทาส
13. ข้อใดไม่ใช่หนา้ ทีข่ องประชาชนทม่ี ตี ่อรัฐในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ก. ชำระภาษีอากรใหแ้ กร่ ัฐ ข. เช่ือฟังคำสัง่ ของผ้ปู กครองรัฐ ค. เขา้ รับการศึกษาตามท่ีรัฐกำหนด ง. ตรวจสอบการบริหารงานของรฐั บาล 14. การเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ขอ้ ใดไมถ่ ูกต้อง ก. เลือกจากบัญชีรายชือ่ พรรคการเมืองไดเ้ พียงพรรคเดียว ข. เลือกจกบัญชรี ายช่อื ของพรรคการเมืองต่างๆ รวมกันไม่เกนิ 100 คน ค. เลือกจากบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองท่ีมิใช่พรรคเดียวกันกับการเลือกแบบแบง่ เขตเลือกต้งั ง. ลงคะแนนเสยี งโดยไมเ่ ลือกบญั ชีรายชอ่ื ของพรรคการเมืองใดเลย 15. ข้อใดไมส่ อดคล้องกับหลกั กฎหมายอาญา ก. กฎหมายอาญาจัดอยู่ในประเภทกฎหมายมหาชน ข. กฎหมายอาญาไม่มผี ลย้อนหลัง ค. การท่ีผู้กระทำความผดิ อาญาถงึ แก่ความตายไม่ทำใหค้ ดีอาญาระงับ ง. การหา้ มประกอบอาชพี บางอยา่ งเป็นส่วนหนงึ่ ของกฎหมายอาญา 16. คณะรัฐมนตรีมีอำนาจถวายคำแนะนำการบญั ญัตกิ ฎหมายใด ก. รัฐธรรมนูญ ข. กฎกระทรวง ค. พระราชบญั ญตั ิ ง. พระราชกฤษฎกี า 17. นางสาวนำ้ ออ้ ยไดท้ ำพินัยกรรมขณะมีอายุ 14 ปี ตอ่ มานางสาวนำ้ อ้อยเสยี ชีวติ เม่ือมีอายุ 21 ปี พนิ ยั กรรมทีท่ ำข้นึ มีผลใชไ่ ดห้ รอื ไม่ ก. พินยั กรรมเป็นโมฆะ เพราะอายุไม่ครบท่ีจะทำพนิ ยั กรรมได้ ข. พินยั กรรมมผี ลใช้ได้ เพราะเปน็ เร่อื งที่นางสาวนำ้ อ้อยได้ทำเองเฉพาะตัว ค. พินยั กรรมเปน็ โมฆะ เพราะไม่ไดร้ บั ความยนิ ยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมใหท้ ำได้ ง. พินัยกรรมมีผลใช้ได้ เพราะนางสาวนำ้ อ้อยเสยี ชวี ติ ในขณะบรรลุนติ ิภาวะแล้ว 18. สิทธขิ องบุคคลเรม่ิ ตั้งแต่เม่ือใด ก. เมื่ออยู่ในครรภ์มารดานับต้ังแต่มารดาเร่ิมตัง้ ครรภ์ ข. เม่ือคลอดจากครรภ์มารดาดว้ ยความปลอดภัย ค. เมือ่ บดิ ามารดาแจ้งการเกิดตอ่ เจ้าหนา้ ทีภ่ ายในระยะเวลาท่กี ฎหมายกำหนด ง. เมอ่ื บดิ ามารดารับรองว่าเป็นบตุ ร
19.นาย ก. ใหน้ าย ข. ยมื เงนิ ไปห้าหมืน่ บาท พอถึงกำหนดชำระคนื นาย ข. ไม่ชำระคนื นาย ก. ขู่วา่ จะฟ้อง ศาล นาย ข. วติ กกังวลมาก ทำให้หวั ใจวายตายในวยั รงุ่ ข้ึน ดังน้ันนาย ก. จะมีความผดิ อย่างใดหรือไม่ ก. ผดิ ฐานละเมลิ ทำให้นาย ข. ตาย ข. ผิด ทำใหน้ าย ข. ตายโดยประมาท ค. ผดิ ทำให้นาย ข. ตายโดยไมเ่ จตนา ง. ไม่มคี วามผดิ 20.การกำหนดให้หญิงชายเมื่อแต่งงานกันต้องจดทะเบยี นสมรสเป็นการจดั ระเบยี บทางสังคมในข้อใด ก.บรรทดั ฐานทางสังคม ข.สถานภาพทางสังคม ค.บทบาททางสงั คม ง.หน้าทที่ างสังคม 21.การรุมประชาทัณฑ์ผู้กระทำผิด เป็นลักษณะของการควบคมุ ระเบยี บสงั คมแบบใด ก.กฎหมู่ ข.จารีต ค.วถิ ปี ระชา ง.การขัดเกลาทางสงั คม 22.ข้อใดแสดงวา่ มนุษย์แตกต่างจากสตั วส์ งั คมชนิดอ่นื มากท่สี ดุ ก.มนุษยแ์ บง่ งานกนั ทำมากกว่าสัตว์ ข.มนุษย์พึ่งพาอาศัยกนั มากกวา่ สตั ว์ ค.มนุษยม์ ีระเบียบสังคมมากกว่าสตั ว์ ง.มนุษยเ์ ปลย่ี นแปลงแบบแผนความสมั พนั ธไ์ ด้มากกว่าสัตว์ 23.เพราะเหตใุ ดบรรดาสตั ว์ต่างๆ จึงมแี ต่มนุษย์เท่านนั้ ทมี่ วี ัฒนธรรม ก.มนษุ ยเ์ ทา่ น้ันที่มีสมองขนาดใหญ่กวา่ สัตว์อื่นๆ ข.มนษุ ย์เทา่ นั้นท่จี ำเป็นต้องใชช้ ีวิตร่วมกนั ในสงั คม ค.มนษุ ย์เทา่ น้นั ท่ีสามารถสรา้ งสัญลกั ษณ์ข้ึนมาใช้ได้ ง.มนุษยเ์ ทา่ นัน้ ท่ีสามารถช่นื ชมกบั ความดงี ามของสิ่งตา่ งๆ 24.นายบุญพารักใคร่ชอบพอกบั นางสาวชบา จงึ ไปสู่ขอโดยเสนอสนิ สอดจำนวนหน่ึงตอ่ นายดี บดิ าของชบา นายดไี ม่ยอมยกให้ บญุ พารักจึงพาชบาหนีไปด้วยกนั หลังจากนนั้ จึงพาชบามาขอขมาตอ่ นายดี นายดีจึงจำใจ ตอ้ งจักพธิ แี ตง่ งานให้ โดยใหม้ ีการรดนำ้ และให้ไปจดทะเบียนสมรสกนั ที่อำเภอ จากข้อความดังกล่าวขา้ งต้น ในสังคมไทยพฤติกรรมใดที่แสดงถงึ บรรทัดฐานประเภทจารีต ก.พิธีรดนำ้ แต่งงาน ข.การพาหนแี ละขอขมา ค.การจดทะเบยี นสมรส ง.การสขู่ อและให้สนิ สอด
25.ขอ้ ใดคือองคป์ ระกอบพน้ื ฐานของสงั คมมนุษย์ ก.เผ่าพันธ์ุ ข.ครอบครัว ค.ศาสนา ง.ปจั เจกบุคคล 26.ขอ้ ใดแสดงถึงบรรทดั ฐานทางสังคมมากที่สดุ ก.ทำอะไรตาใจคือไทยแท้ ข.เดนิ ตามหลังผูใ้ หญ่หมาไม่กัด ค.ร้แู พ้ ร้ชู นะ รูอ้ ภัย ง.น้ำข้ึนใหร้ บี ตัก 27.สาเหตุใดทท่ี ำใหส้ ถาบันครอบครัวในปจั จุบนั ประสบปญั หามาทสี่ ุด ก.ความผูกพันในครอบครัวมีนอ้ ยลง ข.ครอบครัวเดี่ยวไม่มญี าติดูแลโดยใกล้ชดิ ค.สตรมี ีบทบาทในสังคมนอกบา้ นมากเกนิ ไป ง.แรงบบี คน้ั จากการแขง่ ขันกันในการประกอบอาชีพ 28.สถานภาพทางสงั คมเกี่ยวข้องกบั เรือ่ งใดมากท่สี ดุ ก.อำนาจและเกยี รตยิ ศ ข.สทิ ธิและหน้าท่ี ค.กฎระเบยี บและความสมั พันธ์ ง.ความรบั ผิดชอบและความมีระเบยี บ 29.การคาดหวังใหญ้ าติพ่ีน้องชว่ ยเหลอื กันยามทุกข์ร้อนในสงั คมไทยเปน็ การจักระเบยี บทางสงั คมขอ้ ใด ก.จารีต ข.ค่านิยม ค.วถิ ชี าวบา้ น ง.โลกทัศน์ 30.ข้อความใดไม่ถูกต้อง ก.ชมุ ชนเมอื งมลี ักษณะความสมั พนั ธแ์ บบทุติยภมู ิมากกว่าชมุ ชนชนบท ข.ชุมชนเมอื งมีมาตรฐานการครองชีพสุงกวา่ ชุมชนชนบท ค.ชุมชนเมอื งเนน้ การติดต่อกันตามสถานภาพมากกว่าชมุ ชนชนบท ง.ชุมชนเมืองประกอบดว้ ยส่วนตา่ งๆ ซ่ึงเป็นอิสระต่อกันมากกวา่ ชุมชนชนบท
31.ขอ้ ใดเป็นการเปล่ียนแปลงโครงสรา้ งทางสังคม ก.การเปล่ยี นแปลงสถานภาพและบทบาททางสงั คม ข.การเปลี่ยนแปลงแบบแผนความสัมพนั ธ์ทางสังคม ค.การเปลีย่ นแปลงบรรทัดฐานทางสังคม ง.การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยกี ารสือ่ สาร 32.ข้อใดบง่ ช้วี า่ สังคมไทยมีแนวโน้มไปสคู่ วามเปน็ เมืองมากข้ึน ก.คนมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึน้ ข.คนมคี วามเปน็ ปจั เจกชนมากขึน้ ค.วยั รนุ่ และสตรมี รสิทธเิ สรีภาพมากข้ึน ง.คนมมี าตรฐานการครองชพี สงู ข้ึน 33.ปัจจัยใดแสดงความเป็นพลเมอื งของรัฐไดด้ ที ส่ี ุด ก.เชื้อชาติ ข.วัฒนธรรม ค.สิทธแิ ละหนา้ ที่ ง.ภาษาประจำชาติ 34.ขอ้ ความใดมคี วามเปน็ ประชาธปิ ไตยมากทีส่ ุด ก.ไมม่ ีรฐั ก็ไม่มีประชาชน ข.ประชาชนคือรัฐ ค.รฐั เพอ่ื ประชาชน ง.ประชาชนเพ่ือรัฐ 35.ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยขององั กฤษมลี ักษณะเด่นตามขอ้ ใด ก.ใหอ้ ำนาจสูงสดุ แกร่ ฐั สภา ข.มพี ระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมขุ ค.พระมหากษัตรยิ ท์ รงอย่ภู ายใตร้ ฐั ธรรมนูญ ง.ใช้ระบบสองสภาและมพี รรคการเมืองสองพรรค 36.ขอ้ ใดเปน็ การดำเนนิ การตามแบบประชาธปิ ไตยโดยตรง ก.การออกเสยี งลงประชามติ ข.การให้ประชาชนเลอื กต้งั นายกรัฐมนตรี ค.การเลือกตง้ั สมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารส่วนตำบล ง.การสมัครเขา้ รบั การเลือกตั้งเปน็ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรดว้ ยตนเอง
37.ขอ้ ใดเป็นอำนาจหนา้ ท่ีของพนกั งานอัยการ ก.ฟอ้ งคดีอาญาที่ผเู้ สยี หายร้องขอ ข.ฟ้องคดีอาญาและเปน็ ทนายโจทยห์ รือทนายจำเลยให้สว่ นราชการในคดแี พง่ ค.ฟ้องคดีอาญาท่ีพนกั งานสอบสวนสง่ สำนวนมาใหฟ้ ้อง ง.เปน็ ท่ปี รึกษากำหมายของรฐั บาล 38.ข้อความใดท่แี สดงว่าสงั คมไทยมีลกั ษณะเปน็ สงั คมชนบท ก.คนไทยประมาณสามในส่ีของประเทศประกอบอาชพี ทางเกษตรกรรม ข.ความแตกตา่ งทางสังคมระหว่างคนไทยดว้ ยกนั ยงั มีน้อย ค.คนไทยเนน้ ความสัมพนั ธแ์ บบปฐมภมู ิมากกวา่ ทตุ ยิ ภูมิ ง.สถาบนั ครอบครัวและศาสนายงั มีความสำคัญสำหรับคนไทยอยู่ 39.ชมุ ชนทางการเมอื งใดที่มีลกั ษณะเปน็ รัฐ ก.ฮ่องกง ข.แคชเมยี ร์ ค.แคลิฟอรเ์ นีย ง.มาเลเซีย 40.ข้อใดเป็นพฒั นาการทีส่ ำคญั ทางการเมืองการปกครองของไทยทจี่ ะทำให้ระบอบประชาธิปไตยกา้ วหนา้ ยง่ิ ขึ้น ก.การพฒั นาพรรคการเมืองใหเ้ ปน็ ระบบหลายพรรคทีม่ ่ันคง ข.การพฒั นาพรรคการเมืองใหเ้ ปน็ ระบบพรรคเดยี วทมี่ ่นั คง ค.การพัฒนาระบบการปอ้ งกันประเทศให้เขม้ แขง็ เพ่ือประชาชนจะได้มีความมน่ั ใจ ง.การพัฒนาระบบทุนนยิ มเสรีใหเ้ จริญเพื่อใหก้ ระจายผลผลติ ไดท้ วั่ ถงึ 41.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ได้ทรงเริม่ วางรากฐานการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยแบบ เปน็ ขน้ั ตอนและค่อยเป็นค่อยไปโดยวธิ ีการใด ก.ทรงจดั ตงั้ สภาปกครองท้องถน่ิ ข.ทรงจดั ต้งั คณะท่ีปรกึ ษาราชการแผ่นดนิ ค.ทรงจัดต้ังคณะท่ีปรึกษาราชการแผ่นดนิ และองคมนตรีสภา ง.ทรงจดั ตัง้ คณะท่ีปรกึ ษาสงู สุดและคณะที่ปรึกษารฐั บาล 42.กฎหมายจารีตประเพณี หมายถึงอะไร ก.กฎเกณฑจ์ ารตี ประเพณีทอ้ งถ่นิ ทยี่ อมรบั กันเฉพาะท้องถิ่นนั้น ข.กฎหมายทีไ่ มไ่ ด้บัญญัติไว้เปน็ ลานลักษณ์อักษรแต่ประชาชนยึดถือปฏิบัติเปน็ กฎหมาย ค.กฎเกณฑ์จารีตประเพณีระหวา่ งประเทศทสี่ หประชาชาติประมวลเป็นกฎหมาย ง.จารตี ประเพณที ี่ปฏบิ ัติมานานและประมวลเป็นกฎหมายลายลกั ษณ์อกั ษรแล้ว
43.ข้อใดเปน็ นิติบุคคลตามกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ก.สมาคม ข.สำนกั สงฆ์ ค.เรือเดนิ สมทุ ร ง.คอนโดมเิ นยี ม 44.ขอ้ ใดเป็นปัญหาทางดา้ นตวั บทกฎหมายในเร่ืองการใชแ้ ละการบังคับใชก้ ฎหมายในสังคมไทย ก.ขาดความสนใจจากประชาชน ข.ขาดความเลื่อมใสจากประชาชน ค.ขาดการเผยแพรก่ ฎหมายใหป้ ระชาชนทราบ ง.ขาดความรว่ มมือระหวา่ งประชาชนกับเจา้ พนักงาน 45.ความหมายทว่ั ไปของกฎหมายคอื ข้อใด ก.ข้อบังคับของรัฐ ข.บรรทัดฐานในสงั คม ค.จารีตประเพณี ง.บรรทดั ฐานท่ศี าลใชใ้ นการตัดสนิ คดี 46.ขอ้ ใดแสดงให้เหน็ ถงึ ผ้มู ีส่วนเก่ียวขอ้ งในกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญา ก.ผูเ้ สียหาย ศาล เจ้าพนกั งานบงั คับคดี ข.พนักงานสอบสวน พนกั งานอยั การ เจ้าพนักงานคุมประพฤติ ค.พนักงานอัยการ ศาล เจ้าพนกั งานบงั คับคดี ง.พนกั งานสอบสวน พนักงานอัยการ เจา้ พนกั งานพิทักษ์ทรัพย์ 47.เพราะเหตุใดรฐั จงึ จดั การศกึ ษาแบบใหเ้ ปลา่ ในระดับประถมศกึ ษา ก.เพอ่ื คุ้มครองสทิ ธขิ องประชาชน ข.เพ่อื ใหบ้ รกิ ารแก่ประชาชน ค.เพ่ือบังคบั ใหป้ ระชาชนทำหน้าที่ ง.เพื่อใหเ้ กดิ ความเสมอภาคแกป่ ระชาชน 48.การจดั ระเบยี บบรหิ ารราชการสว่ นภมู ิภาค ทำให้เกิดผลดีอยา่ งไร ก.ประชาชนมีโอกาสปกครองตนเองมากขึน้ ข.ประชาชนไดร้ ับบริการจากรฐั บาลเร็วขนึ้ ค.ประชาชนมสี ่วนรว่ มในการพฒั นาประเทศมากขน้ึ ง.สนองความต้องการของประชาชนได้อยา่ งเต็มที่
49.กจิ กรรมใดเป็นการเร่มิ วางรากฐานการปกครองแบบประชาธปิ ไตยในประเทศไทย ก.การจัดตั้งรฐั มนตรี ข.การจดั ตัง้ สขุ าภิบาล ค.การเลิกทาส ง.การจดั ต้งั เมืองดสุ ิตธานี 50.ขอ้ ใดไม่ใช่สาเหตุของการเปล่ยี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ก.การตนื่ ตวั ทางการเมืองของชนชั้นกลาง ข.พระบรมวงศานุวงศ์ทรงไดร้ ับการศึกษาสมยั ใหมจ่ ากประเทศในยโุ รปมากข้ึน ค.วธิ ีการของรฐั บาลในการลดรายจา่ ยทไ่ี ม่จำเป็นของประเทศเพื่อแกป้ ญั หาทางเศรษฐกิจ ง.เกิดการขัดแย้งแตกแยกกันในดา้ นความคดิ เหน็ เกย่ี วกับการปรับปรงุ กองทัพระหว่างกลุ่มผู้มอี ำนาจ 51.รัฐบาลในข้อใดมลี ักษณะใกล้เคยี งกับรฐั บาลแบบอภิชนาธปิ ไตยมากทสี่ ดุ ก.รัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช พ.ศ. 2518 ข.รัฐบาล พลเอกชาตชิ าย ชุณหะวณั พ.ศ. 2531 ค.รฐั บาล นายอานนั ท์ ปันยารชนุ พ.ศ. 2534 ง.รัฐบาล พลเอกสจุ ินดา คราประยูร พ.ศ. 2535 52.มผี ู้กล่าวว่า การเลือกตง้ั สมาชกิ ผแู้ ทนราษฎรในประเทศไทย เท่าท่ผี ่านมาน้ันประชาชนไมม่ สี ทิ ธิเทา่ เทียม กนั ในการเลือกต้ัง เหตผุ ลตามข้อใดเหมาะสมทีจ่ ะนำมาสนับสนนุ ประเดน็ นีม้ ากทีส่ ุด ก.มีการทจุ รติ ในการนบั บตั รลงคะแนน ข.มีการซ้ือสทิ ธิข์ ายเสียงเปน็ จำนวนมาก ค.ไมไ่ ดใ้ ช้ระบบหนงึ่ คนหน่งึ เสียง ง.ไมไ่ ด้กำหนดให้การเลอื กตงั้ เป็นหน้าทีข่ องประชาชน 53.ข้อใดเปน็ กฎหมาย ก.ข้อบังคับของรฐั สภา ข.มติคณะรัฐมนตรี ค.ขอ้ บงั คบั ของบริษัทจำกัด ง.ข้อบงั คับของสขุ าภบิ าล 54.ผใู้ ดไม่มสี ิทธิเ์ ลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ก.ผบู้ รรลนุ ติ ภิ าวะซึง่ มสี ัญชาติไทยและขณะเดียวกนั กถ็ ือสัญชาตอิ ื่นอยูด่ ว้ ย ข.ผู้เยาวผ์ ู้มสี ัญชาติไทย และมอี ายุไม่ต่ำกวา่ สิบแปดปบี รบิ ูรณใ์ นวันที่ 1 มกราคม ของปีทมี่ กี ารเลือกต้ัง ค.ผ้เู ยาว์อายสุ ิบเจด็ ปีบริบูรณ์ ซึ่งมสี ัญชาติไทยและบรรลนุ ิติภาวะด้วยการสมรส ง.ผู้มีสญั ชาตไิ ทย และมีอายุไมต่ ำ่ กวา่ ยสี่ บิ ปบี รบิ ูรณ์ แตห่ หู นวกตาบอด ไม่สามารถอ่านและเขียนหนงั สอื ได้
55.การนัง่ พบั เพยี บเปิบข้าวด้วยมือ กับการนงั่ ยองๆ พุย้ ขา้ วดว้ ยตะเกยี บแสดงถงึ สงิ่ ใด ก.เอกลักษณ์ทางวฒั นธรรม ข.กระบวนการทางวฒั นธรรม ค.ความขดั แย้งทางวัฒนธรรม ง.การกระจายทางวฒั นธรรม 56.วฒั นธรรมส่วนใดกำหนดและช้นี ำพฤติกรรมของคนในสังคมโดยตรง ก.โลกทัศน์ ข.ค่านิยม ค.วิถีประชา ง.กฎหมาย 57.สถาบันทางสงั คมใดทำหนา้ ท่ีกำหนดสถานภาพของบุคคลในสงั คม ก.ครอบครวั ข.การศกึ ษา ค.เศรษฐกจิ ง.การเมอื งการปกครอง 58.การเสนอข่าวเปดิ โปงการกระทำผดิ ของบุคคลตา่ งๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ และทางโทรทัศนเ์ ปน็ กลไกการ จัดระเบียบทางสังคมแบบใด ก.วิถีประชา ข.บทบาท ค.หนา้ ท่ี ง.การขดั เกลาทางสงั คม 59.คา่ นยิ มในสงั คมไทยขอ้ ใดสมควรไดร้ บั การแก้ไขเพื่อการพฒั นาประเทศใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ ก.ฝนทงั่ ใหเ้ ปน็ เข็ม ข.ตนเป็นทพี่ ่ึงแห่งตน ค.คนล่วงทกุ ข์ได้ด้วยความเพียร ง.ชวี ิตเปน็ ไปตามกรรมทท่ี ำไว้ 60.ข้อใดเปน็ วิธีการแกป้ ัญหาสงั คมได้ดีท่สี ุด ก.จดั ตงั้ หน่วยงานสำหรบั แก้ไขปัญหาตา่ งๆ เป็นการเฉพาะ ข.ออกกฎหมายให้เขม้ งวดและชำระโทษอยา่ งเด็ดขาด ค.กำหนดวธิ ีการแกป้ ัญหาใหร้ ัดกมุ และมีประสทิ ธิภาพ ง.ปลกู ฝังจิตสำนกึ และความรับผิดชอบด้วยการใหก้ ารศกึ ษาและอบรม *****************************
เฉลยข้อสอบกลางภาควิชาศาสนา หน้าที่พลเมือง 60 ข้อ(พร้อมเฉลย) 1.โทษสูงสดุ ในทางอาญาคือข้อใด ก. จำคุก ข. ปรับ ค. ประหารชวี ิต ง. จองจำ ตอบ ค. ประหารชีวติ 2.พนกั งานในขอ้ ใดเกย่ี วข้องกบั กระบวนการยุติธรรมทางอาญา ก.พนักงานบังคบั คดี ข.พนักงานพทิ ักษ์ทรัพย์ ค.พนักงานยึดทรัพย์ ง.พนกั งานรบิ ทรพั ย์ ตอบ ก.พนักงานบงั คับคดี 3.การสืบสวนและการสอบสวนในคดีอาญาตา่ งกนั อย่างไร ไม่มีข้อใดกล่าวถูก ก.การสืบสวนเป็นอำนาจหน้าท่ีของตำรวจ การสอบสวนเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ ข.การสืบสวนคอื การแสวงหาข้อเท็จจริงหรือพยานหลกั ฐานเพื่อหารายละเอียดแหง่ ความผิดการสอบสวนคือ การรวบรวมพยานหลกั ฐานในความผิดทไี่ ด้มกี ารกลา่ วหา ค.การสบื สวนและการสอบสวนเปน็ อำนาจหน้าที่ของตำรวจ ง.การสืบสวนคือการจัดหาพยานหลักฐานตามความผดิ ท่ีได้มกี ารกล่าวหา การสอบสวนคือการสอบพยานและ ขอ้ เท็จจริงหรือพยานหลักฐานเพอื่ หาหลักฐานเพ่ือหารายละเอียดแหง่ ความผิด ตอบ ค.การสืบสวนคือการแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ หรือพยานหลักฐานเพื่อหารายละเอยี ดแห่งความผิดการสอบสวน คอื การรวบรวมพยานหลักฐานในความผิดที่ไดม้ ีการกล่าวหา 4.ข้อใดที่ไม่ได้จัดอยู่ในขั้นตอนที่เป็นหนา้ ที่ความรับผิดชอบของตำรวจในการดำเนินคดีอาญา ก.ส่ังสอบสวนเพมิ่ เติม ข.สอบสวน ค.การจับกุมผู้กระทำผดิ ง.ควบคุม ตอบ ก.สัง่ สอบสวนเพ่ิมเตมิ 5.ข้อใดเป็นการเรียงลำดับโทษทางอาญาท่ีเรยี งจากโทษหนักมาหาเบาได้ถูกต้อง ก.การจำคุก การรบิ ทรัพย์ การประหารชวี ติ การปรบั การกักขัง ข.การประหารชวี ิต การกักขัง การจำคกุ การริบทรัพย์ การปรับ ค.การจำคกุ ประหารชีวิต ริบทรพั ย์สนิ การปรับ การกกั ขงั ง.ประหารชวี ิต การจำคกุ การกักขัง การปรบั การรบิ ทรัพยส์ ิน ตอบ ง.ประหารชวี ิต การจำคุก การกักขัง การปรบั การริบทรัพย์สิน
6.ผู้ท่ีทำหน้าที่เปน็ ทนายแผน่ ดนิ ตามกระบวนการพจิ ารณาคดีความทางอาญาคือใคร ก.ทนายความ ข.เจ้าพนกั งานอัยการ ค.เจ้าพนกั งานฝ่ายสอบสวน ง.เจา้ หน้าทตี่ ำรวจ ตอบ ข.เจ้าพนักงานอัยการ 7.การกระทำผดิ ในคดีอาญาในขอ้ ใดที่จะได้รบั โทษขน้ั สูงสุด ก.การทำร้ายบุพการี ข.การคา้ ยาเสพตดิ ค.การว่ิงราวทรัพย์ ง.การฆา่ คนโดยไมเ่ จตนา ตอบ ข.การค้ายาเสพติด 8.เมอ่ื คำพพิ ากษาของศาลถึงที่สุดแล้วใหผ้ ูต้ ้องหาใดคดีอาญาตอ้ งรับโทษเป็นหน้าที่ของเจา้ พนักงานฝ่ายใดท่ี จะต้องปฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ไปตามคำพิพากษาของศาลน้ัน ก.เจ้าหนา้ ที่พิทักษ์ทรพั ย์ ข.อยั การ ค.เจ้าหน้าท่ีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย ง.เจา้ หนา้ ท่ีกรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ธิ รรม ตอบ ค.เจา้ หนา้ ท่ีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย 9.ในคดีอาญาเจ้าพนักงานของรฐั ในขอ้ ใดมีหนา้ ท่ีฟ้องรอ้ งจำเลยต่อศาล ก.ตำรวจ ข.เจา้ หนา้ ทบี่ งั คบั คดี ค.ผูพ้ ิพากษา ง.อัยการ ตอบ ง.อยั การ 10.บคุ คลทเ่ี ก่ยี วข้องกบั กระบวนการยุติธรรมทางอาญาคือข้อใด ก.ตำรวจ อยั การ ศาล พนักงานบังคบั คดี ข.อยั การ พนกั งานคุมประพฤติ ศาล พนกั งานบงั คับคดี ค.ตำรวจ ทนายความ ศาล พนกั งานควบคุมประพฤติ ง.ตำรวจ อยั การ พนักงานควบคุมประพฤติ ศาล ตอบ ก.ตำรวจ อยั การ ศาล พนักงานบังคับคดี 11. ระบอบการปกครองแบบเผดจ็ การหา้ มการดำเนินการตามข้อใด ก. การเลือกต้ัง ข. การลงทนุ ค. การประท้วง ง. การตงั้ พรรคการเมือง ตอบ ค.การประท้วง
12. ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ได้มีการดำเนินการในข้อใดที่ถอื ว่าเป็นการปูพื้นฐาน การปกครองแบประชาธิปไตย ก. การจดั ต้งั กระทรวง ข. การจัดตัง้ มณฑลเทศาภบิ าล ค. การจดั ตง้ั ดุสิตธานี ง. การเลิกทาส ตอบ 2.ง.การเลกิ ทาส 13. ข้อใดไม่ใช่หน้าทข่ี องประชาชนทม่ี ตี ่อรฐั ในระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตย ก. ชำระภาษอี ากรให้แก่รฐั ข. เช่อื ฟังคำสั่งของผปู้ กครองรัฐ ค. เขา้ รับการศึกษาตามทรี่ ัฐกำหนด ง. ตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล ตอบ ข. เชือ่ ฟังคำสั่งของผู้ปกครองรฐั 14. การเลอื กต้งั สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรแบบบญั ชีรายช่ือ ขอ้ ใดไมถ่ ูกต้อง ก. เลือกจากบัญชรี ายช่อื พรรคการเมืองได้เพียงพรรคเดียว ข. เลอื กจกบัญชีรายชือ่ ของพรรคการเมืองตา่ งๆ รวมกนั ไม่เกนิ 100 คน ค. เลือกจากบัญชรี ายช่ือพรรคการเมืองที่มิใช่พรรคเดยี วกันกับการเลือกแบบแบง่ เขตเลอื กตงั้ ง. ลงคะแนนเสียงโดยไม่เลือกบญั ชรี ายชอ่ื ของพรรคการเมืองใดเลย ตอบ ก. เลอื กจากบัญชีรายช่ือพรรคการเมืองได้เพยี งพรรคเดียว 15. ขอ้ ใดไมส่ อดคล้องกับหลักกฎหมายอาญา ก. กฎหมายอาญาจัดอยู่ในประเภทกฎหมายมหาชน ข. กฎหมายอาญาไม่มีผลยอ้ นหลงั ค. การทผ่ี ู้กระทำความผิดอาญาถึงแกค่ วามตายไม่ทำใหค้ ดีอาญาระงบั ง. การห้ามประกอบอาชพี บางอย่างเปน็ ส่วนหน่ึงของกฎหมายอาญา ตอบ ค. การที่ผู้กระทำความผิดอาญาถึงแกค่ วามตายไม่ทำให้คดีอาญาระงบั 16. คณะรัฐมนตรมี ีอำนาจถวายคำแนะนำการบัญญัติกฎหมายใด ก. รฐั ธรรมนูญ ข. กฎกระทรวง ค. พระราชบญั ญตั ิ ง. พระราชกฤษฎกี า ตอบ ง. พระราชกฤษฎีกา 17. นางสาวน้ำออ้ ยไดท้ ำพินัยกรรมขณะมีอายุ 14 ปี ตอ่ มานางสาวน้ำอ้อยเสียชวี ติ เม่ือมีอายุ 21 ปี พนิ ยั กรรมทท่ี ำขึ้นมีผลใชไ่ ด้หรือไม่ ก. พนิ ัยกรรมเป็นโมฆะ เพราะอายุไม่ครบทจ่ี ะทำพนิ ยั กรรมได้ ข. พินยั กรรมมีผลใช้ได้ เพราะเปน็ เร่อื งทน่ี างสาวนำ้ อ้อยได้ทำเองเฉพาะตวั ค. พนิ ัยกรรมเปน็ โมฆะ เพราะไม่ได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมใหท้ ำได้ ง. พนิ ยั กรรมมผี ลใชไ้ ด้ เพราะนางสาวนำ้ อ้อยเสยี ชีวติ ในขณะบรรลุนติ ภิ าวะแล้ว ตอบ ก. พินยั กรรมเป็นโมฆะ เพราะอายุไมค่ รบท่จี ะทำพินัยกรรมได้
18. สทิ ธขิ องบคุ คลเริ่มตั้งแต่เมอ่ื ใด ก. เม่ืออยู่ในครรภ์มารดานบั ตั้งแต่มารดาเริ่มตั้งครรภ์ ข. เมอื่ คลอดจากครรภม์ ารดาด้วยความปลอดภัย ค. เมอื่ บดิ ามารดาแจง้ การเกิดต่อเจ้าหน้าทภ่ี ายในระยะเวลาทก่ี ฎหมายกำหนด ง. เม่ือบิดามารดารบั รองว่าเป็นบตุ ร ตอบ ข. เมื่อคลอดจากครรภ์มารดาด้วยความปลอดภัย 19.นาย ก. ใหน้ าย ข. ยมื เงินไปหา้ หม่นื บาท พอถึงกำหนดชำระคืน นาย ข. ไมช่ ำระคืน นาย ก. ขูว่ า่ จะฟ้อง ศาล นาย ข. วติ กกงั วลมาก ทำให้หวั ใจวายตายในวัยรุ่งข้ึน ดงั นัน้ นาย ก. จะมีความผดิ อย่างใดหรือไม่ ก. ผดิ ฐานละเมลิ ทำใหน้ าย ข. ตาย ข. ผดิ ทำใหน้ าย ข. ตายโดยประมาท ค. ผิด ทำใหน้ าย ข. ตายโดยไมเ่ จตนา ง. ไมม่ คี วามผิด ตอบ ก. ผดิ ฐานละเมลิ ทำให้นาย ข. ตาย 20.การกำหนดใหห้ ญิงชายเมื่อแต่งงานกันต้องจดทะเบียนสมรสเปน็ การจัดระเบยี บทางสงั คมในข้อใด ก.บรรทัดฐานทางสงั คม ข.สถานภาพทางสังคม ค.บทบาททางสังคม ง.หน้าทท่ี างสงั คม ตอบ ก.บรรทัดฐานทางสังคม 21.การรุมประชาทัณฑ์ผ้กู ระทำผิด เป็นลักษณะของการควบคมุ ระเบยี บสงั คมแบบใด ก.กฎหมู่ ข.จารีต ค.วิถปี ระชา ง.การขัดเกลาทางสังคม ตอบ ข.จารีต 22.ข้อใดแสดงว่ามนุษย์แตกต่างจากสตั ว์สังคมชนดิ อื่นมากท่ีสดุ ก.มนษุ ยแ์ บ่งงานกันทำมากกว่าสตั ว์ ข.มนษุ ยพ์ ึ่งพาอาศัยกันมากกวา่ สตั ว์ ค.มนุษย์มรี ะเบยี บสงั คมมากกวา่ สตั ว์ ง.มนษุ ยเ์ ปลยี่ นแปลงแบบแผนความสัมพันธ์ได้มากกว่าสตั ว์ ตอบ ค.มนุษย์มีระเบียบสังคมมากกว่าสตั ว์ 23.เพราะเหตุใดบรรดาสตั ว์ต่างๆ จึงมแี ต่มนษุ ย์เท่าน้นั ที่มีวัฒนธรรม ก.มนุษย์เท่าน้นั ทีม่ ีสมองขนาดใหญก่ วา่ สตั ว์อน่ื ๆ ข.มนุษย์เทา่ นั้นทจ่ี ำเปน็ ต้องใชช้ ีวติ ร่วมกันในสงั คม ค.มนษุ ยเ์ ทา่ นนั้ ที่สามารถสรา้ งสญั ลกั ษณ์ข้นึ มาใช้ได้ ง.มนุษย์เท่าน้นั ทส่ี ามารถชน่ื ชมกบั ความดีงามของสงิ่ ต่างๆ ตอบ ก.มนษุ ย์เท่านน้ั ที่มีสมองขนาดใหญ่กว่าสตั ว์อน่ื ๆ
24.นายบญุ พารกั ใครช่ อบพอกบั นางสาวชบา จงึ ไปสูข่ อโดยเสนอสินสอดจำนวนหนง่ึ ตอ่ นายดี บดิ าของชบา นายดีไม่ยอมยกให้ บญุ พารักจึงพาชบาหนไี ปดว้ ยกนั หลงั จากน้นั จึงพาชบามาขอขมาต่อนายดี นายดจี ึงจำใจ ตอ้ งจกั พธิ ีแต่งงานให้ โดยใหม้ ีการรดนำ้ และให้ไปจดทะเบียนสมรสกนั ที่อำเภอ จากข้อความดังกลา่ วข้างต้น ในสังคมไทยพฤติกรรมใดทแี่ สดงถงึ บรรทัดฐานประเภทจารีต ก.พิธรี ดน้ำแตง่ งาน ข.การพาหนีและขอขมา ค.การจดทะเบยี นสมรส ง.การสู่ขอและให้สนิ สอด ตอบ ก.พิธีรดน้ำแต่งงาน 25.ขอ้ ใดคือองคป์ ระกอบพน้ื ฐานของสงั คมมนุษย์ ก.เผ่าพนั ธุ์ ข.ครอบครวั ค.ศาสนา ง.ปัจเจกบุคคล ตอบ ง.ปจั เจกบคุ คล 26.ข้อใดแสดงถึงบรรทัดฐานทางสงั คมมากทีส่ ุด ก.ทำอะไรตาใจคือไทยแท้ ข.เดนิ ตามหลงั ผใู้ หญห่ มาไม่กัด ค.รู้แพ้ รู้ชนะ ร้อู ภัย ง.น้ำขน้ึ ให้รบี ตัก ตอบ ข.เดนิ ตามหลังผ้ใู หญ่หมาไม่กัด 27.สาเหตใุ ดท่ที ำใหส้ ถาบันครอบครวั ในปจั จบุ นั ประสบปญั หามาท่สี ุด ก.ความผกู พนั ในครอบครวั มีน้อยลง ข.ครอบครวั เด่ยี วไมม่ ญี าติดแู ลโดยใกล้ชิด ค.สตรีมีบทบาทในสังคมนอกบา้ นมากเกนิ ไป ง.แรงบบี คน้ั จากการแข่งขันกันในการประกอบอาชีพ ตอบ ก.ความผูกพนั ในครอบครวั มีน้อยลง 28.สถานภาพทางสังคมเกี่ยวข้องกบั เร่ืองใดมากท่สี ดุ ก.อำนาจและเกยี รตยิ ศ ข.สิทธแิ ละหน้าท่ี ค.กฎระเบียบและความสมั พันธ์ ง.ความรับผดิ ชอบและความมีระเบียบ ตอบ ข.สทิ ธิและหน้าท่ี 29.การคาดหวังให้ญาติพนี่ อ้ งช่วยเหลอื กันยามทุกข์ร้อนในสงั คมไทยเปน็ การจักระเบียบทางสงั คมขอ้ ใด ก.จารตี ข.คา่ นิยม ค.วิถชี าวบา้ น ง.โลกทศั น์
ตอบ ค.วิถีชาวบ้าน 30.ข้อความใดไม่ถกู ต้อง ก.ชมุ ชนเมอื งมลี ักษณะความสัมพนั ธแ์ บบทุติยภูมิมากกวา่ ชุมชนชนบท ข.ชมุ ชนเมืองมีมาตรฐานการครองชพี สงุ กว่าชมุ ชนชนบท ค.ชมุ ชนเมืองเนน้ การตดิ ต่อกันตามสถานภาพมากกวา่ ชมุ ชนชนบท ง.ชมุ ชนเมืองประกอบดว้ ยส่วนต่างๆ ซึง่ เป็นอสิ ระต่อกันมากกวา่ ชุมชนชนบท ตอบ ง.ชมุ ชนเมืองประกอบด้วยสว่ นตา่ งๆ ซ่ึงเป็นอสิ ระต่อกนั มากกวา่ ชุมชนชนบท 31.ขอ้ ใดเป็นการเปลีย่ นแปลงโครงสร้างทางสังคม ก.การเปลีย่ นแปลงสถานภาพและบทบาททางสงั คม ข.การเปลยี่ นแปลงแบบแผนความสมั พนั ธท์ างสงั คม ค.การเปลย่ี นแปลงบรรทดั ฐานทางสังคม ง.การเปล่ียนแปลงเทคโนโลยีการส่อื สาร ตอบ ข.การเปลย่ี นแปลงแบบแผนความสมั พนั ธ์ทางสงั คม 32.ขอ้ ใดบง่ ช้ีวา่ สังคมไทยมีแนวโนม้ ไปสคู่ วามเปน็ เมืองมากขึน้ ก.คนมคี วามเปน็ ประชาธิปไตยมากขนึ้ ข.คนมีความเปน็ ปจั เจกชนมากข้ึน ค.วัยร่นุ และสตรีมรสิทธเิ สรภี าพมากข้นึ ง.คนมีมาตรฐานการครองชพี สูงข้นึ ตอบ ข.คนมีความเป็นปจั เจกชนมากขึน้ 33.ปจั จยั ใดแสดงความเป็นพลเมืองของรัฐได้ดีทีส่ ดุ ก.เชื้อชาติ ข.วัฒนธรรม ค.สิทธแิ ละหน้าท่ี ง.ภาษาประจำชาติ ตอบ ค.สิทธิและหนา้ ที่ 34.ข้อความใดมีความเป็นประชาธิปไตยมากทีส่ ุด ก.ไมม่ ีรฐั ก็ไม่มีประชาชน ข.ประชาชนคือรฐั ค.รฐั เพ่อื ประชาชน ง.ประชาชนเพอื่ รัฐ ตอบ ข.ประชาชนคือรัฐ 35.ระบบการปกครองแบบประชาธปิ ไตยขององั กฤษมีลักษณะเดน่ ตามขอ้ ใด ก.ใหอ้ ำนาจสงู สุดแก่รัฐสภา ข.มีพระมหากษัตรยิ เ์ ปน็ ประมขุ ค.พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู ง.ใชร้ ะบบสองสภาและมีพรรคการเมืองสองพรรค ตอบ ก.ใหอ้ ำนาจสงู สุดแกร่ ฐั สภา
36.ขอ้ ใดเป็นการดำเนินการตามแบบประชาธปิ ไตยโดยตรง ก.การออกเสียงลงประชามติ ข.การให้ประชาชนเลือกตงั้ นายกรฐั มนตรี ค.การเลือกตัง้ สมาชิกสภาองค์การบรหิ ารส่วนตำบล ง.การสมคั รเขา้ รบั การเลอื กต้ังเปน็ สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรดว้ ยตนเอง ตอบ ก.การออกเสียงลงประชามติ 37.ข้อใดเป็นอำนาจหนา้ ที่ของพนกั งานอัยการ ก.ฟ้องคดีอาญาท่ีผู้เสยี หายร้องขอ ข.ฟอ้ งคดีอาญาและเปน็ ทนายโจทย์หรือทนายจำเลยใหส้ ว่ นราชการในคดแี พง่ ค.ฟอ้ งคดีอาญาท่ีพนักงานสอบสวนสง่ สำนวนมาให้ฟ้อง ง.เป็นท่ปี รึกษากำหมายของรัฐบาล ตอบ ข.ฟ้องคดอี าญาและเปน็ ทนายโจทยห์ รอื ทนายจำเลยให้ส่วนราชการในคดีแพ่ง 38.ข้อความใดทแี่ สดงว่าสงั คมไทยมลี กั ษณะเป็นสังคมชนบท ก.คนไทยประมาณสามในสี่ของประเทศประกอบอาชีพทางเกษตรกรรม ข.ความแตกต่างทางสงั คมระหว่างคนไทยดว้ ยกนั ยังมีน้อย ค.คนไทยเน้นความสมั พนั ธ์แบบปฐมภูมมิ ากกวา่ ทุติยภูมิ ง.สถาบนั ครอบครัวและศาสนายงั มคี วามสำคญั สำหรับคนไทยอยู่ ตอบ ก.คนไทยประมาณสามในสข่ี องประเทศประกอบอาชีพทางเกษตรกรรม 39.ชุมชนทางการเมืองใดท่ีมีลกั ษณะเป็นรฐั ก.ฮอ่ งกง ข.แคชเมยี ร์ ค.แคลิฟอรเ์ นยี ง.มาเลเซยี ตอบ ง.มาเลเซยี 40.ข้อใดเป็นพัฒนาการที่สำคัญทางการเมืองการปกครองของไทยที่จะทำใหร้ ะบอบประชาธปิ ไตยก้าวหนา้ ย่ิงขน้ึ ก.การพฒั นาพรรคการเมืองใหเ้ ปน็ ระบบหลายพรรคทม่ี ัน่ คง ข.การพฒั นาพรรคการเมืองให้เปน็ ระบบพรรคเดยี วทม่ี ่นั คง ค.การพัฒนาระบบการปอ้ งกันประเทศให้เข้มแข็งเพ่ือประชาชนจะได้มคี วามม่ันใจ ง.การพัฒนาระบบทนุ นิยมเสรีใหเ้ จรญิ เพื่อให้กระจายผลผลติ ได้ทั่วถงึ ตอบ ค.การพฒั นาระบบการป้องกนั ประเทศใหเ้ ข้มแข็งเพื่อประชาชนจะไดม้ ีความม่นั ใจ 41.พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ได้ทรงเรม่ิ วางรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบ เป็นข้นั ตอนและค่อยเป็นคอ่ ยไปโดยวิธีการใด ก.ทรงจดั ตัง้ สภาปกครองท้องถน่ิ ข.ทรงจดั ตัง้ คณะท่ีปรึกษาราชการแผน่ ดิน ค.ทรงจัดตั้งคณะทปี่ รกึ ษาราชการแผน่ ดนิ และองคมนตรสี ภา ง.ทรงจัดต้งั คณะท่ีปรึกษาสงู สุดและคณะท่ีปรึกษารฐั บาล ตอบ ข.ทรงจดั ต้งั คณะท่ีปรึกษาราชการแผ่นดนิ
42.กฎหมายจารีตประเพณี หมายถงึ อะไร ก.กฎเกณฑ์จารีตประเพณีทอ้ งถิน่ ทีย่ อมรับกนั เฉพาะท้องถ่ินนนั้ ข.กฎหมายทไ่ี มไ่ ด้บัญญัติไวเ้ ปน็ ลานลกั ษณ์อกั ษรแต่ประชาชนยึดถือปฏบิ ตั เิ ปน็ กฎหมาย ค.กฎเกณฑ์จารีตประเพณรี ะหว่างประเทศทส่ี หประชาชาติประมวลเปน็ กฎหมาย ง.จารตี ประเพณีท่ีปฏิบัตมิ านานและประมวลเปน็ กฎหมายลายลักษณ์อกั ษรแลว้ ตอบ ง.จารตี ประเพณีท่ปี ฏิบัตมิ านานและประมวลเปน็ กฎหมายลายลักษณ์อักษรแลว้ 43.ขอ้ ใดเป็นนิตบิ ุคคลตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก.สมาคม ข.สำนักสงฆ์ ค.เรือเดินสมทุ ร ง.คอนโดมเิ นยี ม ตอบ ข.สำนักสงฆ์ 44.ข้อใดเปน็ ปัญหาทางดา้ นตัวบทกฎหมายในเรื่องการใชแ้ ละการบงั คบั ใชก้ ฎหมายในสงั คมไทย ก.ขาดความสนใจจากประชาชน ข.ขาดความเลื่อมใสจากประชาชน ค.ขาดการเผยแพร่กฎหมายให้ประชาชนทราบ ง.ขาดความร่วมมือระหว่างประชาชนกับเจ้าพนักงาน ตอบ ค.ขาดการเผยแพรก่ ฎหมายใหป้ ระชาชนทราบ 45.ความหมายท่วั ไปของกฎหมายคือขอ้ ใด ก.ข้อบงั คบั ของรฐั ข.บรรทัดฐานในสังคม ค.จารีตประเพณี ง.บรรทัดฐานทีศ่ าลใช้ในการตัดสนิ คดี ตอบ ก.ข้อบังคับของรัฐ 46.ข้อใดแสดงให้เหน็ ถึงผู้มีส่วนเกี่ยวขอ้ งในกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญา ก.ผู้เสยี หาย ศาล เจา้ พนักงานบงั คับคดี ข.พนักงานสอบสวน พนกั งานอยั การ เจา้ พนกั งานคุมประพฤติ ค.พนกั งานอัยการ ศาล เจา้ พนกั งานบงั คับคดี ง.พนักงานสอบสวน พนักงานอยั การ เจา้ พนักงานพทิ ักษ์ทรัพย์ ตอบ ข.พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ เจ้าพนักงานคุมประพฤติ 47.เพราะเหตใุ ดรฐั จึงจัดการศึกษาแบบใหเ้ ปลา่ ในระดบั ประถมศึกษา ก.เพอื่ คมุ้ ครองสิทธขิ องประชาชน ข.เพ่ือให้บรกิ ารแก่ประชาชน ค.เพอื่ บังคบั ให้ประชาชนทำหนา้ ที่ ง.เพ่อื ใหเ้ กดิ ความเสมอภาคแก่ประชาชน ตอบ ก.เพ่ือคุ้มครองสิทธิของประชาชน
48.การจดั ระเบยี บบริหารราชการส่วนภูมภิ าค ทำให้เกิดผลดอี ย่างไร ก.ประชาชนมีโอกาสปกครองตนเองมากขนึ้ ข.ประชาชนได้รบั บรกิ ารจากรัฐบาลเร็วขึ้น ค.ประชาชนมสี ่วนร่วมในการพฒั นาประเทศมากข้นึ ง.สนองความต้องการของประชาชนได้อยา่ งเต็มท่ี ตอบ ข.ประชาชนได้รบั บริการจากรัฐบาลเร็วขน้ึ 49.กิจกรรมใดเป็นการเร่ิมวางรากฐานการปกครองแบบประชาธิปไตยในประเทศไทย ก.การจดั ตง้ั รฐั มนตรี ข.การจัดตง้ั สุขาภบิ าล ค.การเลกิ ทาส ง.การจัดตั้งเมืองดสุ ติ ธานี ตอบ ข.การจดั ต้ังสุขาภบิ าล 50.ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ าเหตุของการเปล่ยี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ก.การตน่ื ตัวทางการเมืองของชนชั้นกลาง ข.พระบรมวงศานุวงศ์ทรงไดร้ ับการศกึ ษาสมัยใหม่จากประเทศในยโุ รปมากขึ้น ค.วิธีการของรฐั บาลในการลดรายจ่ายทีไ่ มจ่ ำเปน็ ของประเทศเพ่ือแกป้ ญั หาทางเศรษฐกิจ ง.เกดิ การขัดแย้งแตกแยกกนั ในด้านความคิดเห็นเกย่ี วกับการปรับปรุงกองทัพระหว่างกลุ่มผู้มอี ำนาจ ตอบ ข.พระบรมวงศานวุ งศท์ รงไดร้ บั การศกึ ษาสมัยใหม่จากประเทศในยโุ รปมากข้ึน 51.รฐั บาลในข้อใดมลี ักษณะใกลเ้ คียงกบั รัฐบาลแบบอภิชนาธปิ ไตยมากท่ีสุด ก.รัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช พ.ศ. 2518 ข.รฐั บาล พลเอกชาติชาย ชณุ หะวณั พ.ศ. 2531 ค.รฐั บาล นายอานนั ท์ ปันยารชุน พ.ศ. 2534 ง.รัฐบาล พลเอกสุจนิ ดา คราประยูร พ.ศ. 2535 ตอบ ค.รัฐบาล นายอานนั ท์ ปันยารชุน พ.ศ. 2534 52.มีผกู้ ล่าววา่ การเลอื กตัง้ สมาชกิ ผแู้ ทนราษฎรในประเทศไทย เท่าท่ีผา่ นมานน้ั ประชาชนไมม่ สี ิทธิเท่าเทยี ม กนั ในการเลือกต้ัง เหตุผลตามขอ้ ใดเหมาะสมทจี่ ะนำมาสนับสนนุ ประเด็นนีม้ ากท่ีสุด ก.มีการทุจริตในการนบั บัตรลงคะแนน ข.มีการซ้ือสิทธ์ิขายเสียงเปน็ จำนวนมาก ค.ไมไ่ ด้ใชร้ ะบบหนง่ึ คนหน่ึงเสียง ง.ไมไ่ ด้กำหนดให้การเลือกต้ังเป็นหนา้ ทขี่ องประชาชน ตอบ ค.ไม่ได้ใชร้ ะบบหนง่ึ คนหนึ่งเสียง 53.ขอ้ ใดเปน็ กฎหมาย ก.ข้อบังคบั ของรฐั สภา ข.มตคิ ณะรัฐมนตรี ค.ข้อบงั คบั ของบรษิ ัทจำกดั ง.ข้อบงั คับของสขุ าภิบาล ตอบ ง.ข้อบังคับของสุขาภบิ าล
54.ผ้ใู ดไมม่ ีสิทธ์ิเลอื กตง้ั ตามรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ก.ผู้บรรลุนิติภาวะซ่งึ มสี ัญชาตไิ ทยและขณะเดยี วกนั กถ็ ือสัญชาติอื่นอยดู่ ว้ ย ข.ผูเ้ ยาว์ผมู้ สี ญั ชาติไทย และมอี ายุไมต่ ำ่ กวา่ สิบแปดปบี ริบูรณใ์ นวนั ที่ 1 มกราคม ของปีที่มกี ารเลือกต้ัง ค.ผู้เยาว์อายุสิบเจด็ ปบี รบิ รู ณ์ ซึ่งมีสญั ชาติไทยและบรรลนุ ิติภาวะดว้ ยการสมรส ง.ผูม้ สี ัญชาตไิ ทย และมีอายุไมต่ ำ่ กว่ายส่ี บิ ปบี รบิ ูรณ์ แต่หูหนวกตาบอด ไมส่ ามารถอ่านและเขียนหนงั สือได้ ตอบ ค.ผเู้ ยาวอ์ ายุสบิ เจ็ดปบี ริบรู ณ์ ซึ่งมสี ัญชาตไิ ทยและบรรลุนติ ิภาวะดว้ ยการสมรส 55.การน่งั พบั เพียบเปบิ ขา้ วด้วยมือ กบั การนัง่ ยองๆ พยุ้ ข้าวดว้ ยตะเกียบแสดงถึงสง่ิ ใด ก.เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ข.กระบวนการทางวัฒนธรรม ค.ความขัดแย้งทางวฒั นธรรม ง.การกระจายทางวัฒนธรรม ตอบ ก.เอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรม 56.วัฒนธรรมสว่ นใดกำหนดและชีน้ ำพฤติกรรมของคนในสงั คมโดยตรง ก.โลกทศั น์ ข.ค่านิยม ค.วิถปี ระชา ง.กฎหมาย ตอบ ง.กฎหมาย 57.สถาบันทางสังคมใดทำหน้าทกี่ ำหนดสถานภาพของบุคคลในสงั คม ก.ครอบครัว ข.การศกึ ษา ค.เศรษฐกิจ ง.การเมอื งการปกครอง ตอบ ก.ครอบครวั 58.การเสนอข่าวเปิดโปงการกระทำผดิ ของบคุ คลต่างๆ ตามหน้าหนังสอื พิมพ์ และทางโทรทศั นเ์ ป็นกลไกการ จดั ระเบียบทางสังคมแบบใด ก.วถิ ปี ระชา ข.บทบาท ค.หนา้ ท่ี ง.การขดั เกลาทางสงั คม ตอบ ง.การขดั เกลาทางสงั คม 59.ค่านิยมในสงั คมไทยขอ้ ใดสมควรได้รับการแก้ไขเพอ่ื การพัฒนาประเทศให้เจรญิ ก้าวหนา้ ก.ฝนทงั่ ใหเ้ ปน็ เข็ม ข.ตนเป็นทีพ่ ึง่ แห่งตน ค.คนลว่ งทุกข์ได้ดว้ ยความเพียร ง.ชวี ิตเป็นไปตามกรรมท่ีทำไว้ ตอบ ง.ชวี ติ เป็นไปตามกรรมที่ทำไว้
60.ขอ้ ใดเป็นวิธกี ารแก้ปญั หาสังคมได้ดที สี่ ุด ก.จดั ตงั้ หนว่ ยงานสำหรับแก้ไขปญั หาต่างๆ เป็นการเฉพาะ ข.ออกกฎหมายให้เข้มงวดและชำระโทษอยา่ งเด็ดขาด ค.กำหนดวธิ กี ารแก้ปัญหาใหร้ ัดกุมและมีประสิทธภิ าพ ง.ปลูกฝงั จิตสำนกึ และความรับผดิ ชอบด้วยการใหก้ ารศึกษาและอบรม ตอบ ง.ปลกู ฝงั จิตสำนกึ และความรับผดิ ชอบด้วยการใหก้ ารศกึ ษาและอบรม ********************
แผนการจัดกจิ กรรมก
การเรยี นรู้คร้งั ท่ี 10
แผนการเรียนการสอน ระดบั มัธยมศกึ ษาตอ วชิ า การพัฒนาตน คร้งั ที่ วัน เดือน ปี หัวเรือ่ ง / ตวั ชีว้ ดั เนอ้ื หา วิชา การพฒั นาตนเอง ข ชมุ ชน สงั คม 1.พัฒนาตนเอง ชมุ ชน ต สงั คม 2. มีความรู้ ความเข้าใจ ( หลกั การพัฒนาตนเอง 1. หลกั การพัฒนาตนเอง ชมุ - ชุมชน สังคม ชน สังคม 3. วิเคราะหแ์ ละอธบิ าย ห ข้อมลู 2.มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เ 4. เกิดความตระหนัก และมี หลกั การพัฒนาตนเอง ชุมชน ส สว่ นรว่ มในการจัดทำ สงั คม น แผนพัฒนาชุมชน สงั คม 3. วิธกี ารจัดเก็บ วเิ คราะห์ ข ขอ้ มูลด้วยวิธกี ารท่หี ลากหลาย เ และเผยแพร่ข้อมลู 1 4. การมีส่วนรว่ มในการ เ ศ วางแผนพฒั นาตนเองครอบครวั ก ชมุ ชน สงั คม ใ 5. บทบาท หนา้ ท่ีของผนู้ ำ/ 2 ค
อนปลาย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 นเอง ชมุ ชน สงั คม การจัดกระบวนการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ การวัดและ ประเมินผล ขัน้ ที่ 1 กำหนดสภาพ ปญั หา ความ -แบบเรียนวชิ า -แบบฝกึ หดั ต้องการในการเรียนรู้ (O : Orientation) ภาษาอังกฤษเพื่อชวี ิต -การสังเกตการมี และสังคม สว่ นร่วม (10 นาท)ี -สื่อการสอน ETV ตอนที่ -บันทกึ การ -ครพู ูดคุยซักถามถงึ ความรคู้ วามเขา้ ใจถงึ 15 เร่อื งภาษาองั กฤษใน เรียนรู้ หลักการพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม การ การพยากรณ์อากาศ เข้าใจถึงบทบาท หนา้ ทขี่ องผู้นำชุมชน โดยใช้ -ห้องสมุด กศน.ตำบล สอ่ื กรณตี ัวอย่างให้ผ้เู รยี นได้ศึกษา ( สำหรบั -ใบความรู้เรื่องหลักการ นักศกึ ษาเข้ามาพบกลุ่ม ) พฒั นาตนเอง ชุมชน ขน้ั ท่ี 2 ขนั้ แสวงหาข้อมูลและจดั การ สังคม เรียนรู้ -ใบงานเร่อื งภาวะผนู้ ำ 1.ใหผ้ ้เู รียนรูจ้ ากคิวอารโ์ คด๊ หมวดวชิ า เกย่ี วกบั การพฒั นาตนเองสังคม ชมุ ชน ศกึ ษาเรยี นร้เู น้ือหา สรุปงานลงสมดุ บันทึก การเรียนรู้รายสปั ดาห์ พรอ้ มทำเอกสารจาก ใบงานสง่ ครู 2.ครูมอบหมายงานให้ผูเ้ รียนได้เขยี นแผนผัง ความคิดเก่ยี วกบั การพฒั นาตนเอง ชุมชน 256
คร้งั ที่ วนั เดือน ปี หวั เรื่อง / ตัวชว้ี ัด เนื้อหา 5. รแู้ ละเข้าใจ บทบาท สมาชกิ ท่ดี ขี องชมุ ชน สงั คม ส หน้าที่ของผู้นำชมุ ชน ค 6. ผู้นำ ผตู้ ามในการจดั แ 6. เปน็ ผนู้ ำ ผ้ตู ามในการ เ แผนพฒั นา ชมุ ชน สังคม จัดทำและขบั เคล่ือน 6 6.1 ผ้นู ำ ผู้ตามในการ ร แผนพฒั นาตนเอง ขบั เคล่ือนแผนพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สังคม ชุมชน สงั คม ข ( 1 เ ต ช ห ห ข E ค ส
การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ การวดั และ ประเมนิ ผล สังคม และครอบครวั เพ่ือให้ชุมชนของตนมี ความสุขโดยในกลุ่มใหย้ ดึ หลักการเป็นผูน้ ำ และผตู้ ามท่ีดี พร้อมสรุปลงในสมุดบันทึกการ เรยี นรู้ 6.ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปสงิ่ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ ร่วมกนั ขน้ั ท่ี 3 ขัน้ ปฏบิ ตั ิและนำไปประยกุ ต์ใช้ ( I : Implementation) (10 นาท)ี 1ครูมอบหมายงานใหผ้ เู้ รยี นแบ่งกลมุ่ โดยการ เขยี นแผนผงั ความคิดถงึ การวางแผนพฒั นา ตนเอง ชมุ ชน สังคมและครอบครัวเพอ่ื ให้ ชมุ ชนของตนมีความสขุ โดยในกลมุ่ ใหย้ ึด หลกั การเปน็ ผู้นำและผ้ตู ามพรอ้ มนำเสนอ หน้าช้นั เรยี น ขัน้ ที่ 4 การประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) (10 นาที) ครูและผ้เู รียนสรปุ สิ่งท่ีได้เรียนรู้ร่วมกนั และ สามารถนำมาปรับใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ 257
คร้งั ท่ี วนั เดอื น ปี หวั เร่อื ง / ตวั ชี้วดั เนื้อหา
การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ การวัดและ ประเมนิ ผล 258
ใบความรู้ เร่อื ง หลักการพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม ความหมายของคำว่าการพฒั นา ได้มผี ใู้ หค้ วามหมายไวห้ ลายคน ดังนี้ การพัฒนาหมายถึง การเปลี่ยนแปลงในทางท่ีดีข้ึน โดยได้มีการกำหนดแนวทางในการพัฒนาไว้ แล้ว ซึ่งการพัฒนานั้นมิได้หมายถึงการเปล่ียนแปลงท่ีดีขึ้นด้านปริมาณที่สามารถจับต้องได้ วดั ได้ เท่านั้น แต่ หมายถึงการเปล่ียนแปลงด้านคุณภาพด้วย น่ันคือประชาชนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาและประชาชนมี ความพึงพอใจตลอดจนมคี วามสขุ ดว้ ย แนวคดิ การพฒั นา การพัฒนาที่ยั่งยืนแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน (sustainable development) สืบเน่ืองจากกระแส โลกาภิวัตน์ ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และกลไกการตลาด ไดก้ ่อใหเ้ กิดการเจรญิ เติบโต การผลิต การ บริโภคและการใช้ประโยชน์ที่เป็นผลเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงผลกระทบต่อชีวิต มนุษย์ สัตว์ พืชพรรณอย่างฉับพลันและต่อเน่ือง ประกอบกับการพัฒนาแบบเดิมที่เน้นการบริโภคอย่าง ฟมุ่ เฟือย ไม่คุ้มค่า ไมค่ ำนึงถึงสภาพแวดล้อมโดยทำลายสภาพแวดล้อม ซ่ึงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มท่ีมี อยู่อย่างจำกัด ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติบางอย่างสูญหายไป เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม และส่งผลกับมนุษย์ สร้าง ปญั หาใหก้ ับมนษุ ย์อย่างมหาศาล เพ่ือไมใ่ ห้ทกุ สรรพสง่ิ ในโลกนต้ี ้องพบจุดจบ จึงเกดิ แนวคดิ การพัฒนาทีย่ ัง่ ยืนขึ้น นานาชาติจงึ แสวงหาแนวทางพัฒนาที่เป็นกลางมากท่ีสุดโดยเน้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนรว่ มในการพัฒนาในทุก ขน้ั ตอน การพัฒนาท่ียง่ั ยืนต้อง “ระเบิดจากข้างใน” จากชุมชนเองไม่ใช่จากบุคลภายนอกไปกำหนดกรอบและทิศ ทางการพฒั นา บุคคลภายนอกเป็นเพยี งผู้สนบั สนุนและช่วยเหลอื เทา่ นนั้ การพฒั นาทย่ี ่งั ยนื ในประเทศไทยเปน็ การพัฒนาท่ีมีลักษณะผสมผสาน คือมีกจิ กรรมพัฒนา รวมท้ังมีการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมในลักษณะทเี่ ป็นสว่ นรวม เมอ่ื ใดที่การพฒั นา ทรัพยากรทางธรรมชาตหิ ายไปต้องเสริมสร้างคุณภาพสิ่งแวดลอ้ มในที่อื่นชดเชยเพ่ือให้คณุ ภาพสิ่งแวดล้อมใน ภาพรวมคงอยู่ อันจะทำให้มนุษยแ์ ละสิ่งแวดลอ้ มควบคู่กันไปโดยสงบสุขและยัง่ ยืน จากแนวคดิ ดังกลา่ ว ประเทศไทยไดบ้ รรจุการพัฒนาทีย่ ั่งยืนไว้ในแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2545- 2549) โดยเนน้ แนวทางเศรษฐกจิ พอเพียง เนน้ ชุมชนเขม้ แข็ง เน้นการพัฒนาทยี่ ั่งยืน หลักการพัฒนาตนเอง หลกั ของการพัฒนาตนเอง มีดงั น้ี 1. การพัฒนาตนเองต้องเกิดจากความเต็มใจและสมัครใจ ผู้ที่พัฒนาตนเองต้องมีความต้องการที่ จะเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยตัวบุคคลนั้นเอง โดยปราศจากความรู้สึกว่าถูกบังคับ ซึ่งความเต็มใจน้ีเกิดข้ึนจาก ปัจจัยสำคัญประการหน่ึง คือการตระหนักรู้ถึงปัญหาและความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงตนเอง น่ันคือผู้ท่ีจะ พัฒนาตนเองต้องมีความใส่ใจมีการติดตามสังเกตตนเองในแง่พฤติกรรมการแสดงออก ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเป็นปัจจุบัน ซ่ึงการรู้ตนเองเก่ียวกับพฤติกรรมการแสดงออก ความคิด อารมณ์ความรู้สึกเหล่าน้ี จะทำให้บุคคลตระหนักรู้ถึงความรู้สึกของปัญหาและความจำเป็นของการเปล่ียนแปลง ตนเองพร้อมท้ังมีความมงุ่ มั่นท่จี ะฟันฝา่ อุปสรรคและการผลักดนั ตนเองเพ่ือให้ไปถึงเปา้ หมายได้
2. ผทู้ ่ตี อ้ งการพัฒนาตนเอง ต้องเป็นผทู้ ีม่ บี ทบาทหลักในการลงมอื พัฒนาตนด้วยตนเอง หมายถึงผู้ ที่พฒั นาตนตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเองวา่ ไม่มีใครลงมือแทนตนเองได้ ถึงแม้ว่าในการ เปลยี่ นแปลงตนเองอาจจะได้รบั ความชว่ ยเหลือจากเพื่อน พ่อแม่ หรือครูอาจารยร์ ว่ มด้วย อย่างไรก็ตามผู้ทม่ี ี บทบาทหลกั คือ ผู้ท่ีต้องการพฒั นาตนเองน่ันเอง 3. มนุษย์ทุกคนมีความสามารถที่จะควบคุมและจัดการเปล่ียนแปลงสภาพแวดลอ้ มและปจั จัย ภายในตนเองเพ่ือการพฒั นาตนเอง แมว้ า่ สภาพแวดล้อมภายนอกและความคดิ ความรูส้ ึกซึ่งเป็นสภาพภายในตวั บคุ คลจะสง่ ผลรวมกนั ต่อพฤติกรรมมนุษย์ แตผ่ ้ทู ่ีควบคุมดแู ลจัดการใหต้ ัวเรามกี ารพัฒนาคนหรือพฤติกรรมที่ เปลีย่ นแปลงไปจากเดิมคือ ตัวเราเอง 4. การพัฒนาตนเองเป็นการเปลี่ยนแปลงตนเองท่ีมีขอบเขตของจุดม่งุ หมายครอบคลุมท้งั 3 ดา้ น คือเพ่ือการแก้ไขปญั หาที่เกิดข้ึนในปัจจบุ ัน เพ่ือการป้องกนั ปญั หาทจ่ี ะเกดิ ข้นึ ในอนาคต และเพ่ือการสร้างเสริม ศักยภาพของคนให้สูงขน้ึ 5. การพฒั นาตนเองเป็นกระบวนการเรียนรู้ทีต่ ่อเนื่องตลอดชวี ิตเพ่ือความสขุ และความงอกงาม ของตนเอง ซ่ึงจะส่งผลให้เกดิ ความสุขและความงอกงามของสังคมสว่ นรวมดว้ ยเช่นกัน วิธีการพัฒนาตนเอง องค์กรหน่วยงานต่างๆ มีจุดมุ่งหมายท่ีจะพัฒนาบุคลากรของตน ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นผู้ ทรงคณุ ค่า การที่บุคคลไดร้ ับการพัฒนาน้ัน จะเป็นหลักประกนั ไดว้ ่าหน่วยงานนั้น จะสามารถรักษาบุคลากรน้ัน ได้ยาวนาน และเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าขององค์กรน้ันต่อไป วิธีการพัฒนาตนเองโดยการฝึกอบรม มี ดังน้ี 1. การลงมือปฏิบัตจิ ริง 2. การบรรยายในห้องเรียน 3. การลงมอื ปฏบิ ัตงิ านจริง 4. การอบรมเพม่ิ เติม 5. การฝกึ จำลองเหตุการณ์และใชว้ ิธกี ารอื่นๆ ประโยชนท์ ่ีเกดิ ข้นึ จากการพัฒนาตนเอง 1. การประสบความสำเร็จในการดำรงชีวติ 2. การประสบความสำเรจ็ ในการประกอบอาชีพการงาน 3. การมีสขุ ภาพอนามยั สมบูรณ์ 4. การมคี วามเช่ือมัน่ ในตนเอง 5. การมีความสงบสุขทางจิตใจ
การพฒั นาสังคม ความหมายของการพฒั นาสังคม การพัฒนาสงั คม หมายถงึ การกระทำเพื่อมงุ่ ปรับปรงุ สง่ เสริมใหค้ นที่อยรู่ ่วมกัน มีการเปลยี่ นแปลง ไปในทางทด่ี ีข้ึน ทัง้ ในด้านวัตถแุ ละจิตใจอันจะทำให้การดำรงชีวิตอยูร่ ว่ มกันนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองและสงบ สขุ แต่การท่ีบุคคลจะดำรงชีวิตอยู่ได้อยา่ งมีความสจุ ะตอ้ งอาศยั ปจั จยั หลายอย่างประกอบกัน อย่างน้อยทีส่ ดุ จะต้องมปี ัจจัยข้ันพนื้ ฐานทด่ี ีพอสมควร กล่าวคือ มีท่ีอยู่อาศยั มอี าหารเพียงพอแก่การเลี้ยงชพี มเี สื้อผา้ เครื่องนุง่ ห่มสมควรแก่สภาพและฐานะ เวลาเจ็บป่วยควรจะได้รบั การรักษาพยาบาล มอี าชพี มน่ั คง มีรายได้ เพยี งพอแก่ค่าใช้จา่ ยในการครองชพี มีความรักใครส่ มานสามคั คีกนั ของสมาชิกในสงั คมและปราศจากภัย คกุ คามจากโจรผู้ร้าย ฯลฯสง่ิ เหลา่ นี้จะเกิดมีขน้ึ ได้ ตอ้ งอาศัยความรว่ มมือจากหลายฝา่ ย โดยอาศยั วิธีการทาง วทิ ยาศาสตรแ์ ลเทคโนโลยเี ข้าชว่ ย เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเจรญิ ก้าวหนา้ และอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมคี วามสขุ ความสำคัญของการพัฒนาสังคม เมอื่ บคุ คลมาอยูร่ วมกนั เปน็ สังคม ปญั หาก็ย่อมจะเกดิ ตามมาเสมอ ย่งิ สังคมมีขนาดใหญ่ ปญั หากย็ ่ิง จะมีมากและสลบั ซับซอ้ นเปน็ เงาตามตัว ปัญหาหนง่ึ อาจจะกลายเปน็ สาเหตขุ องอีกหลายปญั หาเก่ยี วโยงกันไป เป็นลกู โซ่ ถ้าปลอ่ ยไว้กจ็ ะเพิ่มความรนุ แรง เพ่มิ ความสลับซับซ้อน และขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ ยากต่อ การแก้ไข ความสงบสุขของประชาชนในสงั คมน้นั กจ็ ะไมม่ ี ความสำคัญของการพฒั นาสังคม เราอาจจะกลา่ วเป็นข้อ ๆ ไดด้ ังน้ี 1. ทำใหป้ ัญหาของสงั คมลดนอ้ ยลงและหมดไปในทสี่ ดุ 2. ป้องกันไมใ่ หป้ ัญหานัน้ หรือปัญหาในลักษณะเดยี วกันน้ันเกิดขึน้ แกส่ งั คมอีก 3. ทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าขน้ึ มาแทน 4. ทำให้ประชาชนในสงั คมสมานสามคั คีและอยู่รว่ มกันอย่างมคี วามสุขตามฐานะของแต่ละบุคคล 5. ทำใหเ้ กดิ ความเป็นปกึ แผ่นม่นั คงของสังคม แนวคดิ ในการพฒั นาสงั คม การพัฒนาสังคมมีขอบเขตกวา้ งขวาง เพราะปัญหาของสงั คมมีมากและสลับซับซ้อน การแกป้ ญั หา สังคมจงึ ต้องทำอย่างรอบคอบ และตอ้ งอาศยั ความรว่ มมือกันของบุคคลจากหลาย ๆ ฝา่ ย และโดยเฉพาะอย่าง ย่ิงประชาชนในสงั คมน้นั ๆ จะตอ้ งรับรู้ พร้อมที่จะให้ข้อมูลท่ีถูกต้องและเขา้ มามสี ่วนร่วมดว้ ยเสมอ การพัฒนา สังคมจึงต้องเปน็ ท้ังกระบวนการ วิธกี าร กรรมวิธีเปลยี่ นแปลงและแผนการดำเนินงาน กล่าวคือ 1. เปน็ กระบวนการ (Process) เพราะการแก้ปัญหาสังคมต้องกระทำตอ่ เน่ืองกันอย่างมีระบบ เพ่อื ให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงจากลักษณะหน่งึ ไปสู่อีกลักษณะหน่งึ ซึง่ จะตอ้ งเป็นลักษณะทด่ี ีกว่าเดิม 2. เป็นวธิ กี าร (Method) คอื ตอ้ งกำหนดวธิ กี ารในการดำเนินงาน โดยเฉพาะเนน้ ความร่วมมือของ ประชาชนในสังคมนนั้ กบั เจา้ หน้าท่ีของรฐั บาลท่ีจะทำงานร่วมกนั และวิธกี ารนี้ต้องเป็นท่ียอมรบั ว่าสามารถนำ การเปลย่ี นแปลงมาสู่สงั คมได้อย่างถาวรและมีประโยชน์ต่อสงั คม
3. เปน็ กรรมวธิ เี ปลยี่ นแปลง (Movement) การพัฒนาสังคมจะต้องทำใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลงให้ได้ และ จะตอ้ งเปลย่ี นแปลงไปในทางทด่ี ีขน้ึ โดยเฉพาะเน้นการเปลี่ยนแปลงทัศนคตขิ องตน เพ่ือใหเ้ กิดสำนึกในการมี สว่ นรว่ มรับผดิ ชอบตอ่ ผลประโยชน์ของส่วนรวม และรักความเจรญิ ก้าวหนา้ อนั จะนำไปสู่การเปล่ียนแปลงทาง วัตถุ 4. เปน็ แผนการดำเนนิ งาน (Planning) การพฒั นาสงั คมจะต้องทำอย่างมแี ผนมขี ้นั ตอน สามารถ ตรวจสอบและประเมนิ ผลได้ แผนงานน้จี ะต้องมีทกุ ระดบั นับต้งั แตร่ ะดับชาติ คือ แผนการพฒั นาเศรษฐกิจ และสงั คมแห่งชาติ ลงมาจนถึงระดบั ผ้ปู ฏิบัติ แผนงานมีความสำคญั และจำเปน็ อย่างยิ่งในการพัฒนาสงั คม การพฒั นาด้านสังคมไทย การพัฒนาสงั คมของไทยน้ันได้กระทำไปพร้อม ๆ กนั ทงั้ สังคมในเมืองและสังคมชนบท แต่เน่ืองจาก สังคมชนบทเป็นที่อยู่อาศัยของชนสว่ นใหญข่ องประเทศ การพัฒนาจึงทมุ่ เทไปที่ชนบทมากกวา่ ในเมืองและ การพฒั นาสงั คมจะต้องพัฒนาหลาย ๆ ดา้ นไปพร้อม ๆ กนั โดยเฉพาะท่ีเป็นปจั จัยต่อการพัฒนาด้านอื่น ๆ ไดแ้ ก่ การศึกษาและการสาธารณสุข การพัฒนาด้านการศึกษา การศกึ ษาเป็นปจั จัยสำคญั ท่สี ุดประการหน่งึ ในการวดั ความเจรญิ ของสงั คม สำหรบั ประเทศไทย การพฒั นาดา้ นการศึกษายังนับว่าไมเ่ จรญิ ก้าวหนา้ อยา่ งเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในสังคมชนบทของไทยจะพบ ประชาชนท่ีไมร่ ู้หนงั สืออยู่ค่อนข้างมาก นโยบายหลกั ท่สี ำคัญของรัฐบาลประการหนึ่งในการรณรงค์ใหส้ ภาพ การไม่ร้หู นงั สือน้นั หมดสิ้นไป เปน็ ภารกจิ ทีอ่ ยใู่ นความรับผิดชอบของประชาชนไทยทกุ คนในชาติ ความสำคัญของการศึกษาทมี่ ีตอ่ บุคคลและสังคม การศกึ ษากอ่ ใหเ้ กิดความเปลยี่ นแปลงไปในทางทด่ี ี ทำให้คนมคี วามรู้ ความเข้าใจ ในวทิ ยาการใหม่ ๆ กระตนุ้ ใหเ้ กิดความคดิ สร้างสรรค์ ปรบั ปรุง เปลี่ยนแปลง ตลอดทัง้ มีเหตผุ ลในการแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ การ พฒั นาดา้ นการศึกษาก็คอื การพัฒนาคณุ ภาพและประสิทธิภาพของบคุ คล และเมื่อบุคคลซ่งึ เป็นสมาชิกของ สงั คมมคี ุณภาพแล้วก็จะทำให้สงั คมมีการพฒั นาตามไปด้วย ประเทศไทยได้ตระหนักถงึ ความสำคัญของ การศกึ ษาและเร่มิ พัฒนาแนวความคดิ ในการพฒั นาการศึกษาแผนใหม่ขนึ้ แนวทางการพัฒนาการศึกษา การพฒั นาการศกึ ษาของไทยได้มกี ารพฒั นามาตลอด ตัง้ แตส่ มยั พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงประดิษฐ์ อกั ษรไทย เม่ือ พ.ศ.1826 มีการจัดการศึกษาใหก้ บั ประชาชนไทย ไดเ้ รยี นรู้เก่ยี วกับการอา่ นออกเขยี นได้ และคิดเลขเปน็ จนถึงช่วงปลายสมัยรชั กาลท่ี 4ตอ่ รัชกาลที่ 5 เป็นระยะท่ีวฒั นธรรมตะวันตกไดแ้ พรเ่ ขา้ มา อย่างกว้างขวาง มกี ารพฒั นาเปลี่ยนแปลงไปในหลาย ๆ ด้าน ได้มกี ารพัฒนารปู แบบการศกึ ษาอย่างรวดเร็ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเหน็ ความสำคญั ของการศกึ ษา ได้โปรดใหจ้ ดั ตงั้ โรงเรียน สำหรบั ราษฎรสามญั ท่วั ไป โดยกระทรวงธรรมการ ภายหลงั จึงเปลีย่ นชอ่ื เปน็ กระทรวงศึกษาธิการในปจั จบุ นั
การพฒั นาการศึกษาในระบบ การศึกษาในระบบ เปน็ การศกึ ษาที่ไดว้ างกฎเกณฑร์ ะเบยี บแบบแผน ตลอดทงั้ วิธกี ารดำเนนิ งานไว้ อย่างแนน่ อน เช่นมหี ลกั สูตร เน้อื หาสาระในหลักสูตร ระยะเวลาเรียนของแต่ละหลักสูตร คุณสมบัติของผ้เู รยี น โดยคำนงึ ถงึ ผู้ศึกษาจะนำไปใช้ในการประกอบอาชพี หรือทำการศึกษาต่อในระดบั สูงขึ้น ปัจจบุ นั ปรากฏวา่ สถานศกึ ษาทจี่ ัดตามระบบมีอย่ยู งั ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะใน ชนบททำใหป้ ระชาชนในชนบทเสยี โอกาสที่จะศึกษาในระดับท่สี งู กวา่ การศึกษาภาคบังคับ รฐั บาลกพ็ ยายาม สรา้ งโรงเรยี นในระดับมัธยมศึกษาให้กระจายไปสทู่ ้องถ่ิน ท้ังสนับสนนุ ให้เอกชนเข้ามามสี ่วนรว่ มในการจัด การศกึ ษาทุกระดับ แตย่ ังไม่เปน็ ท่ีเพียงพอและต้องพัฒนากันต่อไป การพัฒนาการศึกษานอกระบบ การศึกษานอกระบบ เปน็ การจดั การศึกษาตามความต้องการของประชาชนในแต่ละท้องถิ่นหรือ ของแต่ละกลุ่มเปน็ สำคัญ ปกติจะเนน้ การศึกษาท่ผี ศู้ ึกษาสามารถนำไปใชใ้ นการดำเนินชีวิตไดโ้ ดยตรงและใช้ เวลาเรยี นไมน่ านนกั เปน็ การพฒั นาคนให้มีคุณภาพ มีประสิทธภิ าพในการทำงานประกอบอาชีพและดำเนนิ ชวี ติ อยา่ งมคี วามสุข ซึ่งนบั วนั การศึกษานอกระบบจะมคี วามสำคญั มากยง่ิ ขน้ึ เพราะเป็นการแก้ปัญหา การศกึ ษาทต่ี รงตามความตอ้ งการของประชาชนอย่างแทจ้ ริง การขยายการให้บรกิ ารแกป่ ระชาชนอย่างท่ัวถึง โดยเฉพาะในชนบท นบั ได้ว่าเปน็ เสรมิ สรา้ งการพัฒนาสังคมทสี่ ำคญั ย่ิง สถาบนั ทีม่ ีบทบาทต่อการพัฒนาการศึกษา สถาบันทสี่ ำคญั ในการพัฒนาการศกึ ษา ไดแ้ ก่ บ้าน บา้ นเปน็ สถาบนั การศึกษาแห่งแรกของมนุษย์ ซงึ่ มีบดิ า - มารดา เปน็ ครูคนแรก เปน็ การศกึ ษาตามธรรมชาติ การสบื ทอดวัฒนธรรมและค่านยิ มจากครอบครวั วัด เป็นสถาบนั การศึกษาทสี่ ำคัญในอดีต ปัจจุบันวัดกย็ ังมบี ทบาทสำคญั ในการพฒั นาการศึกษา โดยเฉพาะในด้านศีลธรรม ศาสนพธิ ี ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ โรงเรียน เป็นสถานทใี่ ห้การศึกษาโดยตรง มีบทบาทสำคัญท่สี ดุ ในการพฒั นาการศึกษาในปจั จุบัน โดยเฉพาะการศึกษาระดับประถมศกึ ษาอนั เป็นการศึกษาภาคบงั คับ และเป็นรากฐานการศึกษาในระดับสงู ตอ่ ไป หนว่ ยงานอน่ื ๆ ทง้ั ของรัฐและเอกชนมีบทบาทในการพฒั นาการศกึ ษา โดยเฉพาะอย่างยงิ่ การศกึ ษานอกระบบ เชน่ กรมการศึกษานอกโรงเรียน กรมการพัฒนาชุมชน หนว่ ยงานเอกชนท่ีมบี ทบาทใน การส่งเสริมการพฒั นาการศกึ ษา เช่น สภาสังคมสงเคราะห์แหง่ ประเทศไทย สภาสตรีฯ มลู นิธิต่าง หนว่ ยงานทใ่ี หบ้ ริการทางการศึกษา หนว่ ยงานท่ีมหี นา้ ท่ีรบั ผิดชอบในการให้บริการทางดา้ นการศึกษาให้แกช่ ุมชนโดยตรง ก็คือ หนว่ ยงานทอี่ ยู่ในสงั กดั กระทรวงศึกษาธกิ ารและทบวงมหาวิทยาลัย กลา่ วคอื โรงเรียนประถมศกึ ษา โรงเรียน
มัธยมศึกษา โรงเรียนอาชวี ศึกษาเปน็ หนว่ ยงานที่ใหบ้ ริการทางการศกึ ษาในระบบโรงเรียน และศนู ยก์ ารศึกษา นอกโรงเรยี นจังหวดั เป็นหนว่ ยงานท่ใี หบ้ รกิ ารทางการศึกษานอกระบบโรงเรียนระดบั ท่ไี ม่สูงกว่ามัธยมศึกษา วิทยาลยั ต่าง ๆ จะเป็นผูใ้ หบ้ ริการในระดับที่สูงกวา่ มัธยมศึกษา เช่น วิทยาลัยครู วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษา เปน็ ตน้ ในระดบั ปรญิ ญามีมหาวทิ ยาลัยตา่ ง ๆ ในสงั กัดของทบวงมหาวิทยาลยั กระจายอยทู่ ุกภาคของประเทศ การพัฒนาดา้ นสาธารณสขุ การสาธารณสุข หมายถงึ การป้องกันและรักษาโรค ทำนุบำรงุ ใหป้ ระชาชนมีสขุ ภาพและพลานามัยดี มีความสมบูรณ์ท้ังทาง รา่ งกายและจิตใจ สงั คมใดจะเจรญิ รุง่ เรอื งก้าวหนา้ ได้ จำเป็นต้องมีพลเมืองที่มีสุขภาพอนามยั ดี อนั เปน็ ส่วน สำคัญในการพฒั นาประเทศ จงึ จำเปน็ ท่จี ะต้องจัดใหม้ ีการพฒั นาสาธารณสขุ ขึ้น การสาธารณสุขมีความสำคญั ทั้งตอ่ ตวั บุคคลและสงั คม ดา้ นบุคคล การสาธารณสุขทำให้บุคคลมสี ุขภาพอนามยั ดี มรี ่างกายแขง็ แรง สามารถทำงาน ประกอบอาชีพได้อยา่ งเตม็ ที่ สามารถสร้างฐานะครอบครัวใหม้ ่ันคงได้เรว็ และดำรงชีพอยอู่ ยา่ งผาสุก ดา้ นสงั คม บคุ คลเป็นองคป์ ระกอบทสี่ ำคัญของสงั คม เม่ือบคุ คลในสงั คมเขม้ แข็ง มีพลานามยั สมบูรณ์ ก็จะทำให้สังคมนน้ั มีความเขม้ แขง็ และเจริญกา้ วหน้าไปอยา่ งรวดเร็ว ทงั้ ในดา้ นเศรษฐกิจและความ ม่นั คง การพฒั นาสาธารณสขุ นอกจากจะเกดิ ประโยชนโ์ ดยตรงแกต่ ัวบุคคลแล้ว จึงยงั มผี ลดตี อ่ สังคมโดย ส่วนรวมอีกด้วย การพฒั นาสาธารณสุขของไทย การพฒั นาสาธารณสุขของไทยไดเ้ ร่ิมตื่นตัวขึน้ ครั้งแรกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั เกดิ โรคร้ายท่ีสำคญั ได้แก่ ไข้มาลาเรีย อหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ ผปู้ ว่ ยมกั จะถงึ แกค่ วาม ตาย จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงพยาบาลข้ึนเปน็ แหง่ แรกในประเทศไทย เม่ือพ.ศ.2431 คือ โรงพยาบาลศริ ริ าช ตอ่ มาเมอื่ พ.ศ.2461 ซึ่งเปน็ รัชสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หัว ไดท้ รงจดั ตง้ั กรม สาธารณสุขข้ึนในกระทรวงมหาดไทย ทำใหง้ านสาธารณสุขขยายวงกวา้ งออกไปสูภ่ มู ภิ าคมากขึ้น กรม สาธารณสุขไดย้ กฐานะขึน้ เปน็ กระทรวงสาธารณสุข โดยมีแนวทางในการพัฒนาสาธารณสุขของไทย มุ่ง แก้ปัญหาสำคัญ 4 ประการ คือ 1. ปัญหาดา้ นสาธารณสุขมูลฐาน ดำเนินการให้ความร้แู ละเผยแพรข่ า่ วสารเกี่ยวกับสาธารณสขุ ใหแ้ กป่ ระชาชน โดยเฉพาะผู้ทอี่ ยใู่ นชนบทหา่ งไกล เพื่อให้ประชาชนรู้จักรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่ เสมอ 2. ปญั หาการรักษาพยาบาล รฐั บาลได้พยายามจัดตัง้ โรงพยาบาลเพมิ่ ขน้ึ ทกุ ปี โดยมีเป้าหมายท่จี ะ ใหม้ ีโรงพยาบาลขนาดใหญ่เป็นศนู ย์กลางพยาบาลประจำอยูท่ กุ ภาค 3. ปญั หาการคน้ ควา้ และเทคนิคการแพทย์ รฐั บาลเร่งสง่ เสริมให้มกี ารศกึ ษาค้นคว้าหาวธิ กี ารตา่ ง ๆ สำหรับใชใ้ นการตรวจพิสูจนโ์ รคให้มปี ระสิทธภิ าพย่ิง ๆ ขึน้ ปัจจบุ ันการแพทย์ไทยได้รบั การยกย่องว่ามี ความร้คู วามสามารถในการตรวจรกั ษาไม่แพ้การแพทย์ของตา่ งประเทศ 4. ปัญหาการขาดแคลนแพทย์พยาบาล เน่ืองจากอตั ราการเกิดของประชากรกบั อัตราการผลติ แพทย์ของไทยไม่สมดุลกัน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
Pages: