84 ระดับผลการเรียน ความหมาย ระบบร้อยละ 4 ดเี ย่ียม 80 – 100 3.5 ดีมาก 75 – 79 3 ดี 70 – 74 2.5 ค่อนข้างดี 65 – 69 2 ปานกลาง 60 – 64 1.5 พอใช้ 55 – 59 1 50 – 54 0 ผ่านเกณฑ์ข้นั ต่า 0 – 49 ตา่ กว่าเกณฑ์ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ผล การประเมินเปน็ ผา่ น ไม่ผา่ น กรณที ีผ่ า่ นให้ระดับผลการประเมนิ เป็นดีเย่ียม ดี และผา่ น 1. ในการสรุปผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เพื่อการเลื่อนช้ันและจบ การศกึ ษา กาหนดเกณฑก์ ารตดั สินเปน็ 4 ระดบั และความหมายของแต่ละระดับดังนี้ ดเี ยยี่ ม หมายถึง มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ที่มคี ณุ ภาพดเี ย่ียมอยู่เสมอ ดี หมายถึง มีผลงานทแี่ สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ทมี่ คี ุณภาพเปน็ ท่ยี อมรับ ผ่าน หมายถงึ มีผลงานท่แี สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ทม่ี ีคุณภาพเปน็ ท่ยี อมรับ แต่ยังมีขอ้ บกพรอ่ งบางประการ ไมผ่ ่าน หมายถึง มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน หรือถ้ามีผลงาน ผลงานนั้นยังมีข้อบกพร่องท่ีต้องได้รับการ ปรับปรงุ แกไ้ ขหลายประการ 2. ในการสรปุ ผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์รวมทุกคุณลักษณะ เพื่อการเล่ือนชั้น และจบการศึกษา กาหนดเกณฑ์การตัดสินเป็น 4 ระดบั และความหมายของแต่ละระดับดงั นี้ ดเี ย่ียม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัย และนาไปใช้ใน ชีวติ ประจาวันเพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณา จากผลการประเมินระดับดีเยี่ยม และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการ ประเมินต่ากวา่ ระดับดี ดี หมายถึง ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อให้เป็นการ ยอมรบั ของสังคม ผ่าน หมายถงึ ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขที่สถานศึกษา กาหนด
85 ไม่ผา่ น หมายถงึ ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขท่ี สถานศึกษากาหนด โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับไม่ผ่าน ตัง้ แต่ 1 คุณลกั ษณะ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมการ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม และผลงานของผู้เรยี นตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด และให้ผลการประเมินเป็น ผา่ นและไม่ผ่าน กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียนมี 3 ลกั ษณะ คือ 1) กจิ กรรมแนะแนว 2) กิจกรรมนักเรยี น ซง่ึ ประกอบดว้ ย กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี กจิ กรรมชมรม หรอื ชมุ นมุ 3) กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ชต้ วั อักษรแสดงผลการประเมนิ ดงั นี้ “ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมี ผลงานตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด “มผ” หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมี ผลงานไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด “มสบ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมแต่มี ผลงานไมเ่ ป็นไปตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด ในกรณีท่ีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มสบ” “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทา กจิ กรรมจนครบตามเวลาท่ีกาหนด หรือปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือพัฒนาคุณลักษณะที่ต้องปรับปรุง แก้ไข แล้ว จงึ เปล่ียนผลการเรียนจาก “มผ” เปน็ “ผ” ทั้งนี้ดาเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษาน้ัน ยกเว้น มีเหตุ สุดวสิ ยั ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษา 3. การเลือ่ นระดบั ชนั้ สถานศึกษากาหนดเกณฑ์การเล่ือนช้ัน โดยพิจารณาสอดคล้องกับเกณฑ์การตัดสินผลการ เรยี น โดยกาหนดเกณฑ์การเล่ือนชนั้ ดงั น้ี 1) ผเู้ รียนต้องมเี วลาเรียนตลอดปีการศึกษาไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทง้ั หมด 2) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวช้ีวัดและมีผลการประเมินผ่านไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของตัวช้ีวัดทัง้ หมด 3) ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนรายวิชาพื้นฐานทุกรายวิชาผ่านเกณฑ์ขั้นต่า ขึ้นไป (คือตงั้ แต่ 1.00 ขน้ึ ไป) 4) ระดบั ผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษาน้นั ไดไ้ มต่ ่ากว่า 1.00 5) ผเู้ รยี นตอ้ งผ่านเกณฑก์ ารประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขยี น 6) ผูเ้ รยี นตอ้ งผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 7) ผู้เรียนตอ้ งผ่านเกณฑก์ ารประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นทุกกิจกรรม
86 การพิจารณาเล่ือนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงบางประการ ซ่ึงสถานศึกษาพิจารณา เหน็ วา่ สามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ก็ให้อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของผู้อานวยการท่ีจะผ่อนผันให้ เล่ือนช้ัน ได้ ในกรณที ี่ผู้เรียนมีสตปิ ัญญาและความสามารถดเี ลิศ สามารถเรียนรไู้ ดเ้ ร็วเป็นพเิ ศษ โรงเรียน อาจให้โอกาสผู้เรียนเล่ือนช้ันระหว่างปีการศึกษา โดยโรงเรียนแต่งต้ังคณะกรรมการประกอบด้วย คณะกรรมการวิชาการ และผู้แทนของเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือต้นสังกัดอย่างน้อย 1 คน เมื่อผู้เรียนมี คุณสมบัตคิ รบถว้ นตามเง่อื นไขท้ัง 3 ประการ ต่อไปน้ี 1. มีผลการเรียนปกี ารศึกษาท่ีผ่านมาและมีผลการเรียนระหว่างปอี ยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม 2. มีวุฒิภาวะเหมาะสมที่จะเรยี นในชนั้ ที่สงู ขน้ึ 3. ผ่านการประเมินผลความรู้ความสามารถตามตัวชี้วัดรายปีท้ังหมดในภาคเรียนที่ 2 ปปี ัจจบุ ันและภาคเรยี นที่ 1 ของปีการศึกษาถดั ไป การอนุมัติให้เลื่อนไปเรียนชั้นสูงได้ 1 ระดับชั้นน้ี ต้องได้รับการยินยอมจากนักเรียนและ ผ้ปู กครองและต้องดาเนนิ การใหเ้ สร็จสิ้นกอ่ นเปิดเรยี นภาคเรียนที่ 2 ในปกี ารศึกษาน้นั 4. เกณฑก์ ารจบระดับประถมศึกษา 1) ผู้เรยี นเรยี นรายวชิ าพื้นฐานและรายวิชา/กิจกรรมเพ่ิมเติม ตามโครงสร้างเวลาเรียนท่ี หลกั สูตรกาหนด 2) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐานผ่านเกณฑ์การประเมินข้ันต่าข้ึนไป (ตง้ั แต่ 1.00 ขน้ึ ไป) 3) ผู้เรียนมีผลการประเมินตั้งแต่ “ผ่าน” ขึ้นไปในการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขยี น 4) ผู้เรียนมีผลการประเมินต้ังแต่ “ผ่าน” ข้ึนไปในการประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ 5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินเป็น “ผ่าน” ในทุก กจิ กรรมของกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ระดับมัธยมศึกษา 1. การตัดสนิ ผลการเรียน การตัดสินผลการเรียนในระดับมัธยมศึกษามีการตัดสินในหลายลักษณะ คือ การผ่าน รายวิชากาหนดเป็นภาคเรียน การเล่ือนช้ันปีกาหนดเป็นปีการศึกษาและการจบระดับช้ันกาหนดเป็น ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักเกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้เพ่ือ ตดั สินผลการเรียนของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 มดี ังน้ี 1) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นท้ังหมดในรายวิชานั้นๆ 2) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัดและมีผลการประเมินผ่านไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของตัวช้ีวดั ทัง้ หมด 3) ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนรายวิชาพ้ืนฐานทุกรายวิชาตั้งแต่ผ่านเกณฑ์ ขั้นต่าข้นึ ไป (ต้งั แต่ 1.00 ข้ึนไป)
87 4) รายวิชาเพิ่มเติมทกุ รายวชิ าได้รบั การตัดสินผลการเรียน 5) ระดบั ผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานนั้ ได้ไมต่ ่ากว่า 1.00 6) ผู้เรียนตอ้ งผา่ นเกณฑ์การประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขยี น 7) ผู้เรียนตอ้ งผ่านเกณฑ์การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 8) ผู้เรียนต้องผา่ นเกณฑ์การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนทุกกิจกรรม 2. การให้ระดบั ผลการเรยี น การตัดสินผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ สถานศึกษาให้ระดับผล การ เรียน 8 ระดับ โดยใชร้ ะบบตัวเลข การตัดสนิ ผลการเรียนใช้ระบบผ่าน และไม่ผ่านโดยกาหนดเกณฑ์การตัดสินผ่าน แต่ละวิชาท่ี ร้อยละ 50 จากนัน้ จึงให้ระดับผลการเรียนทผี่ ่านเปน็ ระบบตัวเลข ซึง่ สะท้อนมาตรฐาน ดงั ตาราง ระดบั ผลการเรียน ความหมาย ระบบรอ้ ยละ 4 ดเี ยี่ยม 80 – 100 3.5 ดมี าก 75 – 79 3 ดี 70 – 74 2.5 ค่อนข้างดี 65 – 69 2 ปานกลาง 60 – 64 1.5 พอใช้ 55 – 59 1 50 – 54 0 ผา่ นเกณฑ์ขนั้ ต่า 0 – 49 ต่ากว่าเกณฑ์ ในกรณีที่ไม่สามารถให้ระดับผลการเรียนเป็น 8 ระดับได้ ให้ใช้ตัวอักษรระบุเงื่อนไขของผล การเรียน ดังน้ี “มส” หมายถงึ ผู้เรียนไม่มีสิทธิเข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน เน่ืองจากผู้เรียนมี เวลาเรยี นไม่ถงึ ร้อยละ 80 ของเวลาในแต่ละรายวิชา และไม่ได้รับการ ผ่อนผันใหเ้ ขา้ รับการวัดผลปลายภาคเรียน “ร” หมายถงึ รอการตดั สนิ และยังตัดสนิ ผลการเรียนไมไ่ ด้ เนื่องจากผู้เรียนไม่มีข้อมูล ผลการเรียนรายวิชาน้ันครบถ้วน ได้แก่ ไม่ได้วัดผลกลางภาคเรียน/ ปลายภาคเรียน ไม่ได้ส่งงานที่มอบหมาย ให้ทา ซ่ึงงานน้ันเป็นส่วน หนึ่งของการตัดสินผลการเรียน หรือมีเหตุสุดวิสัยที่ทาให้ประเมินผล การเรียนไม่ได้ การประเมินการผ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ผล การประเมินเปน็ ผา่ น ไมผ่ ่าน กรณีที่ผ่านให้ระดบั ผลการประเมินเปน็ ดีเย่ียม ดี และผ่าน 1. ในการสรุปผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เพ่ือการเลื่อนช้ันและจบ การศึกษา กาหนดเกณฑก์ ารตัดสินเปน็ 4 ระดับ และความหมายของแต่ละระดับดงั น้ี
88 ดีเยย่ี ม หมายถงึ มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่ มีคุณภาพดีเย่ยี มอยู่เสมอ ดี หมายถึง มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ทีม่ ีคุณภาพเปน็ ทีย่ อมรับ ผา่ น หมายถงึ มีผลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ท่มี คี ณุ ภาพเปน็ ที่ยอมรับ แตย่ ังมีข้อบกพร่องบางประการ ไม่ผา่ น หมายถึง ไม่มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และ เขียน หรือถ้ามีผลงาน ผลงานน้ันยังมีข้อบกพร่องท่ีต้องได้รับการ ปรบั ปรุงแกไ้ ขหลายประการ 2. ในการสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รวมทุกคุณลักษณะเพื่อการเลื่อน ชั้นและจบการศึกษา กาหนดเกณฑ์การตัดสนิ เปน็ 4 ระดับ และความหมายของแต่ละระดับดงั น้ี ดีเยยี่ ม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัย และนาไปใช้ใน ชีวติ ประจาวันเพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณา จากผลการประเมินระดับดีเย่ียม และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการ ประเมินตา่ กว่าระดบั ดี ดี หมายถึง ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อให้เป็นการ ยอมรับของสงั คม ผ่าน หมายถึง ผู้เรยี นรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงอื่ นไขที่สถานศึกษากาหนด ไม่ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขท่ี สถานศึกษากาหนด โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับไม่ผ่าน ต้ังแต่ 1 คุณลักษณะ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ กจิ กรรม และผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด และใหผ้ ลการประเมนิ เปน็ ผา่ นและไม่ผา่ น กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี นมี 3 ลักษณะ คอื 1) กิจกรรมแนะแนว 2) กิจกรรมนักเรียน ซง่ึ ประกอบด้วย กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี (ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ) กจิ กรรมนกั ศกึ ษาวิชาทหาร (ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลายเลือกเรียน) กจิ กรรมชมรม หรอื ชุมนมุ 3) กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ให้ใช้ตัวอักษรแสดงผลการประเมนิ ดงั นี้ “ผ” หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมี ผลงานตามเกณฑท์ ีส่ ถานศึกษากาหนด “มผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมี ผลงานไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด
89 “มสบ” หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมแต่มี ผลงานไม่เปน็ ไปตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากาหนด ในกรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “มสบ” , “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทา กิจกรรมในส่วนท่ีผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วม หรือไม่ได้ทาจนครบถ้วนแล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ท้ังนี้ดาเนินการให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนน้ัน ๆ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาท่ีจะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไม่เกิน 1 ภาคเรียน แต่ต้องดาเนินการให้เสร็จส้ินภายในปี การศึกษานนั้ 3. การเลอื่ นระดบั ชนั้ การตัดสินผลการเรียนในระดับมัธยมศึกษามีการตัดสินในหลายลักษณะ คือ การผ่าน รายวชิ ากาหนดเป็นภาคเรียน การเลอื่ นชั้นปกี าหนดเป็นปีการศึกษาและการจบระดับช้ันกาหนดเป็นระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักเกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เพื่อตัดสิน ผลการเรยี นของผู้เรยี นตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ดังน้ี 1) ตัดสินผลการเรยี นเป็นรายวิชา ผเู้ รียนตอ้ งมเี วลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทัง้ หมดในรายวิชานัน้ ๆ 2) ผู้เรียนต้องไดร้ ับการประเมนิ ทุกตัวช้ีวัดและมีผลการประเมินผ่านไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของตวั ช้วี ัดทั้งหมด 3) รายวิชาพน้ื ฐาน ได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียนผ่านทุกรายวิชา ตั้งแต่ผ่านเกณฑ์ข้ันต่าขึ้นไป (คือตัง้ แต่ 1.00 ข้นึ ไป) 4) รายวชิ าเพ่ิมเติม ได้รับการตัดสนิ ผลการเรียนทุกรายวิชา 5) ระดบั ผลการเรียนเฉลีย่ ในปีการศึกษานัน้ ไดไ้ มต่ ่ากว่า 1.00 6) ผเู้ รยี นตอ้ งผา่ นเกณฑ์การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียน 7) ผูเ้ รยี นต้องผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 8) ผ้เู รียนต้องผา่ นเกณฑก์ ารประเมินกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นทุกกิจกรรม ทั้งนี้รายวิชาใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับ การแกไ้ ขในภาคเรยี นถัดไป 4. เกณฑ์การจบระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ 1) ผเู้ รียนเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานและเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พนื้ ฐาน 66 หนว่ ยกติ และรายวิชาเพิม่ เตมิ ตามท่ีสถานศกึ ษากาหนด 2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พ้นื ฐาน 66 หน่วยกิต และรายวิชาเพ่ิมเติมไมน่ ้อยกว่า 11 หนว่ ยกติ 3) ผู้เรียนมีผลการประเมินตั้งแต่ “ผ่าน” ขึ้นไปในการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขียน 4) ผู้เรียนมีผลการประเมินต้ังแต่ “ผ่าน” ขึ้นไปในการประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ 5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินเป็น “ผ่าน” ในทุก กิจกรรมของกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน
90 5. เกณฑ์การจบระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐานและเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พื้นฐาน 41 หน่วยกติ และรายวชิ าเพม่ิ เติมตามที่สถานศึกษากาหนด 2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พน้ื ฐาน 41 หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพ่ิมเติมไมน่ อ้ ยกว่า 36 หนว่ ยกิต 3) ผู้เรียนมีผลการประเมินต้ังแต่ “ผ่าน” ข้ึนไปในการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขียน 4) ผู้เรียนมีผลการประเมินต้ังแต่ “ผ่าน” ขึ้นไปในการประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ 5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินเป็น “ผ่าน” ในทุก กิจกรรมของกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 3.2 หลักสตู ร English Program (English Program Staff, 2017) Vision Mission Goals: Basic Education Core Curriculum Vision The Basic Education Core Curriculum is aimed at enhancing capacity of all learners, who constitute the major force of the country, so as to attain a balanced development in all respects - physical strength, knowledge and morality. They will fully realize their commitment and responsibilities as Thai citizens and members of the world community. Adhering to a democratic form of government under a constitutional monarchy, they will be endowed with basic knowledge and essential skills and favorable attitude towards further education, livelihood and lifelong learning. The learner-centered approach is therefore strongly advocated, based on the conviction that all are capable of learning and developing themselves to their highest potentiality. Principles Notable principles underlying the Basic Education Core Curriculum are as follow. 1. The ultimate aim is the attainment of national unity; learning standards and goals are therefore set with a view of enabling the children and youths to acquire knowledge, skills, attitude and morality to serve as a foundation for Thai-ness and universal values. 2. The curriculum facilitates education for all, who have equal access to high education quality. 3. The curriculum facilitates decentralization of authority by allowing society to participate in educational provision, which suits prevailing situations and serves local needs.
91 4. Structure of the curriculum enjoys flexibility regarding learning contents, time allotment and learning management. 5. The learner-centered approach is strongly advocated. 6. The curriculum is intended for education of all types - formal, non-formal and informal, covering all target groups and facilitating transfer of learning outcomes and experiences. Goals The Basic Education Core Curriculum is aimed at the full development of learners in all respects - morality, wisdom, happiness, and potentiality for further education and livelihood. The following goals have consequently been set for achievement upon completing basic education: 1. Morality, ethics, desired values, self-esteem, self-discipline, observance of Buddhist teachings or those of one’s faith, and applying principles of Sufficiency Economy Philosophy; 2. Knowledge and skills for communication, thinking, problem-solving, technological know-how, and life skills; 3. Good physical and mental health, hygiene, and preference for physical exercise; 4. Patriotism, awareness of responsibilities and commitment as Thai citizens and members of the world community, and adherence to a democratic way of life and form of government under a constitutional monarchy. 5. Awareness of the need to preserve all aspects of Thai culture and Thai wisdom, protection and conservation of the environment, and public-mindedness with dedication to public service for peaceful and harmonious coexistence. Vision Mission Goals: School Vision Provide education to be the venue for learners to develop knowledge, leading to higher education and possess the leadership potential that responds to the needs of the society with morale. Mission 1. Provide teacher training experience for students of education. 2. Study, research, educational development, and academic services. 3. Manage education to expand educational opportunities for the children and youth together with preserving arts and culture.
92 Goals 1. Learners achieve education which is not lower quality than educational standard. 2. Prepare kindergarten learners to be ready for further studies in basic education. 3. Equip primary learners to possess skills to seek variety knowledge, morality, ethics and being happy in society, having the ability of self-expression and leadership. 4. Capacitate secondary learners development in seeking process and create bodies of knowledge, health care, morality, ethics, aesthetics and being able to study further with capability. 5. Provide opportunity for teachers to study, research and trial to develop quality of educational technology and innovation. 6. Secure an efficient and effective curriculum administration system. Desired Characteristics 1. Having the academic knowledge, the ability to analytical, synthetic, critical and constructive thinking and as a person in learning society. 2. Having the language skills for communication and using the technology for education. 3. Having the leadership personality, knowing their own, self – reliance and working with others. 4. Having morality, ethics and desirable values. 5. Having aesthetics and habitual characteristics in arts, music and sports. 6. Having hygiene, good physical and mental health. 7. Having a democracy, think of common interest and conserve Thai wisdom, arts and Thai culture, natural resources and environment. Curriculum Management : Lower Secondary Education Level 1. Manage the learning areas of basic course to cover basic education core curriculum B.E. 2551 of Ministry of Education. 2. Manage the additional course which emphasize science and mathematics to learners having good basic knowledge for further education. 3. Aim at promoting learners to develop English application skills for communication with an emphasis on learners to study the second foreign language as the additional subject by choosing 1 language besides studying English.
93 4. Manage the variety elective subjects to be the alternative of learners according to their potential, aptitudes and interests; correlate with further education in vocational field and upper secondary level. Curriculum Conceptual Framework for Lower Secondary Education (English Program) Learning Management Program: Mattayom Suksa 1 – 3 Subject Areas/Activities M.1 Credit M.3 Total M.2 Subject Areas Semester 1 Semester 2 Semester 1 Semester 2 9.0 Thai Semester 1 Semester 2 9.0 Mathematics 9.0 Science 1.5 1.5 1.5 1.5 1.5 1.5 12.0 Social Studies , Religion and 1.5 1.5 1.5 1.5 1.5 1.5 Culture 1.5 1.5 1.5 1.5 1.5 1.5 6.0 Health and Physical Education 2.0 2.0 2.0 2.0 2.0 2.0 6.0 Arts 6.0 Occupation and Technology 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0 9.0 Foreign Languages 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0 66.0 Total (Basic) 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0 - Learner Development 1.5 1.5 1.5 1.5 1.5 1.5 Activities 11.0 11.0 11.0 11.0 11.0 11.0 27.0 Additional subjects/Activities (4) (4) (4) (4) (4) (4) 93.0 Total (Credit) Total (Period/week) 4.5 4.5 4.5 4.5 4.5 4.5 - 15.5 15.5 15.5 15.5 15.5 15.5 (35) (35) (35) (35) (35) (35)
94 Learning Management Program : Mattayom Suksa 1 Semester 1 Semester 2 Time Time Code Course Perio Credi Code Course Perio Credi ds t ds t /week /week Basic Course Basic Course THA 21101 Thai 1 3 1.5 THA 21102 Thai 2 3 1.5 3 1.5 MATH 3 1.5 MATH 21102 Mathematics 2 3 1.5 21101 Mathematics 1 SCI 21102 Science 2 3 1.5 1 0.5 SCI 21101 Science 1 3 1.5 SOC 21102 Social Studies 2 1 0.5 SOC 21104 History 2 1 0.5 SOC 21101 Social Studies 1 3 1.5 HPE 21102 Health Education 2 2 1.0 HPE 21104 Physical Education 2 2 1.0 SOC 21103 History 1 1 0.5 ART 21102 Arts 2 TECH 21102 Occupation and 3 1.5 HPE 21101 Health Education 1 1 0.5 22 11.0 Technology 2 9 4.5 HPE 21103 Physical Education 1 1 0.5 2 1.0 ENG 22102 English 2 2 1.0 ART 21101 Arts 1 2 1.0 Total 2 1.0 Additional Course TECH Occupation and 2 1.0 SCI 21202 Clean Energy 21101 Technology 1 MATH 21202 Application 2 ENG 21202 Supplementary English ENG 21101 English 1 3 1.5 2 Total 22 11.0 ………………… Elective Course Additional Course 9 4.5 Environmental SCI 21201 Science 2 1.0 MATH 21201 Application 1 2 1.0 3 1.5 4 ENG 21201 Supplementary English 2 1.0 Learner Development Activities 1 1 3 1.5 Counseling Activities Student Activities ……………… Elective Course Learner Development Activities 4 - Boy Scout 1 2 Counseling Activities 1 - Clubs Student Activities 1 Activities for Social and Public - Boy Scout Interest - Clubs 2 Total 35 15.5 Activities for Social and Public Interest Total 35 15.5 Learning Management Program : Mattayom Suksa 2 Semester 1 Semester 2 Time Time Code Course Perio Credi Code Course Perio Credi ds t ds t /week /week Basic Course Basic Course THA 22101 Thai 3 3 1.5 THA 22102 Thai 4 3 1.5 3 1.5 MATH Mathematics 3 3 1.5 MATH Mathematics 4 22101 22102 SCI 22101 Science 3 3 1.5 SCI 22102 Science 4 3 1.5
95 SOC 22101 Social Studies 3 3 1.5 SOC 22102 Social Studies 4 3 1.5 SOC 22104 Civic Duty 2 1 0.5 SOC 22103 Civic Duty 1 1 0.5 HPE 22102 Health Education 4 1 0.5 HPE 22104 Physical Education 4 1 0.5 HPE 22101 Health Education 3 1 0.5 2 1.0 ART 22102 Arts 4 2 1.0 HPE 22103 Physical Education 3 1 0.5 TECH22102 Occupation and 3 1.5 ART 22101 Arts 3 2 1.0 Technology 4 22 11.0 9 4.5 TECH 22101 Occupation and 2 1.0 ENG 22102 English 4 2 1.0 Total 2 1.0 Technology 3 Additional Course SCI 22202 Plant Products 2 1.0 ENG 22101 English 3 3 1.5 MATH Application 4 3 1.5 Total 22 11.0 22202 4 1 Additional Course 9 4.5 ENG 22202 Supplementary English 4 1 SCI 22201 World Conservation 2 1.0 2 ……………….. Elective Course by 5R Learner Development Activities - 35 15.5 MATH Application 3 2 1.0 Counseling Activities Student Activities 22201 - Boy Scout ENG 22201 Supplementary 2 1.0 - Clubs Activities for Social and Public English 3 Interest ……………….. Elective Course 3 1.5 Total Learner Development Activities 4 Counseling Activities 1 Student Activities - Boy Scout 1 - Clubs 2 Activities for Social and Public Interest - Total 35 15.5 Learning Management Program : Mattayom Suksa 3 Semester 1 Semester 2 Time Time Code Course Period Code Course Period Credi s Credit s t /week /week Basic Course Basic Course THA 23101 Thai 5 3 1.5 THA 23102 Thai 6 3 1.5 MATH 23101 Mathematics 5 3 1.5 MATH SCI 23101 Science 5 3 1.5 23102 Mathematics 6 3 1.5 3 1.5 SOC 23101 Social Studies 5 3 1.5 SCI 23102 Science 6 3 1.5 1 0.5 SOC 23103 Geography 1 1 0.5 SOC 23102 Social Studies 6 HPE 23101 Health Education 5 1 0.5 SOC 23104 Geography 2 HPE 23103 Physical Education 5 1 0.5 HPE 23102 Health Education 1 0.5 ART 23101 2 1.0 HPE 23104 6 TECH 23101 Arts 5 2 1.0 1 0.5 Physical 2 1.0 Occupation and Technology Education 6 2 1.0 5 ENG 23101 English 5 3 1.5 ART 23102 Arts 6 Total 22 11.0 TECH Occupation and Additional Course 9 4.5 23102 Technology 6 SCI 23201 STEM in Energy 2 1.0 ENG 23102 English 6 3 1.5 22 11.0 Conservation Total 9 4.5 MATH Application 5 2 1.0 Additional Course
96 23201 SCI 23202 Electricity and 2 1.0 Mechanics ENG 23201 Supplementary English 5 2 1.0 Production 2 1.0 2 1.0 ………………. Elective Course 3 1.5 MATH 3 1.5 23202 Application 6 4 Learner Development Activities 4 1 ENG 23202 Supplementary 1 Counseling Activities 1 English 6 2 Student Activities ………………. Elective Course 35 15.5 - Boy Scout 1 Learner Development Activities - Projects 2 Counseling Activities Activities for Social and Public Student Activities Interest - Boy Scout Total 35 15.5 - Projects Activities for Social and Public Benefit Total Criteria for Learning Assessment 1. Judging Learning Outcomes Judging the learning outcomes in secondary education level, lower and upper secondary education level, has the assessment criteria to judge learners' learning outcomes based on the Basic Education Core Curriculum 2008 (B.E.2551) as follows. 1) Teachers will judge the learning outcomes of all courses. Learners must have an attendance record not less than 80% of the total learning time required for the respective courses for each semester. 2) Learners must be assessed on all indicators and have the assessment outcomes in pass level not less than 60% of all indicators. 3) Learners must be judged ‘Pass’ on the learning outcomes of all basic courses of the minimum criteria (since 1.0 up). 4) Learners must be judged on the learning outcomes of additional courses. 5) The average level of learning outcomes in the academic year is not lower than 1.00. 6) Learners must pass the criteria of assessment on reading, analytical thinking and writing. 7) Learners must pass the criteria of assessment on desired characteristics. and 8) Learners must pass the criteria of assessment on every learner development activities. 2. Grading Learning Outcomes
97 Judging the learning outcomes of each course in all subject areas, the use of numerical system is prescribed in 8 levels to show the learning outcomes. Judging the learning outcomes in basic education level are pass or fail system by prescribing the criteria to judge pass by each subjects at 50 % and then, grade the level of learning outcomes that pass. For lower secondary education level and upper, the numerical system 8 levels is used to show the learning outcomes as shown in the following table. Comparison between using the numerical system with the meaning and percent systems The Learning Outcomes Level Meanings Percent System 4 Excellent 80 – 100 3.5 Very Good 75 – 79 3 Good 70 – 74 2.5 Rather Good 65 – 69 2 Moderately 60 – 64 1.5 Fair 55 – 59 1 Pass Minimum Criteria 50 – 54 0 Lower Than Minimum 0 – 49 Criteria In case of not being able to provide the learning outcomes as to the numerical system 8 levels, use the alphabet to indicate the condition of learning outcomes as follows: “Ie” means learners are not eligible to attend the final exam because they don't have the attendance record to 80% of the learning time of each course and are not permitted to attend the final exam. “I” means learners are waiting for judging and didn’t judge because the learning outcomes of that subjects aren't complete like; not attend the midterm exam and final exam, not do the task assigned which was a part of the judging learning outcomes or having force majeure that the learning outcomes cannot be evaluated.
98 Assessment in the reading, analytical thinking and writing, and desired characteristics, outcomes are graded as: Pass and Fail. In case of pass, the assessment outcomes are graded as: Excellent, Good and Pass. 1. In summarizing the assessment outcomes of reading, analytical thinking and writing to move to a higher level and to graduate prescribes the criteria of judging into 4 levels with the following meanings: Excellent means having the works indicating the abilities of reading, analytical thinking and writing with regularly excellent quality. Good means having the works indicating the abilities of reading, analytical thinking and writing with recognized quality. Pass means having the works indicating the abilities of reading, analytical thinking and writing with recognized quality but still having some deficiencies. Fail means no having the works indicating the abilities of reading, analytical thinking and writing or having the works with many deficiencies which have to be improved in many respects. 2. In summarizing the assessment outcomes of every desired characteristics to move to a higher level and to graduate prescribes the criteria of judging into 4 levels with the following meanings: Excellent means learners follow to the desired characteristics habitually and apply in daily life for their own and social benefits by considering the assessment outcomes in excellent level and don’t have any desired characteristics assessed lower than good level. Good means learners have the desired characteristics to follow the regulations so as to be accepted of society. Pass means learners accept and follow the regulations and conditions prescribed by the educational institution. Fail means learners accept and follow not all of the regulations and conditions prescribed by the educational institution by considering the assessment outcomes in fail level since 1 characteristic. Assessment in the learner development activities is considered from the time activities attendance, the activities practice and the works of learners according to the criteria prescribed by the educational institution and the assessment outcomes are graded as: Pass and Fail.
99 1) Counseling Activities 2) Student Activities includes : Boy Scout organization, Girl Guides, Social Service and Territorial Defense (Learners must choose any one.) Activities of various clubs (Learners must choose one) 3) Activities for Social and Public Interest Alphabets are used to show the assessment outcomes as follows: “P” means learners have the time of participating the learner development activities, practice the activities and have the works as to the criteria prescribed by the educational institution. “F” means learners have the time of participating the learner development activities, practice the activities but don’t have any works as to the criteria prescribed by the educational institution. “I” means learners have the time of participating the learner development activities, practice the activities but don’t meet the criteria prescribed by the educational institution. In case of “F” and “I” the educational institution must provide remedial to learners to do the activity that they didn't participate or didn't do completely and change “F” to “P” by finishing proceeding within the semester except having force majeure; be the discretion of the educational institution to consider and extend one more semester but have to finish proceeding within the academic year. 3. Transition to Higher Level The learning outcomes in secondary education level are judged in several ways; course passing specified to be semester, transition to higher level specified to be the academic year, and level graduation specified to be lower secondary education level and upper. Principles and criteria of learning assessment for judging learners' learning outcomes based on Basic Education Core Curriculum 2008 (B.E. 2551) are as follows: 1) Teachers will judge the learning outcomes of all courses. Learners must have an attendance record of not less than 80% of the total learning time required for the respective courses for each semester; 2) Learners must be assessed on all indicators and have the assessment outcomes in pass level not less than 60% of all indicators; 3) Learners must be judged ‘Pass’ on the learning outcomes of all basic courses since the minimum criteria (1.0 up); 4) Learners must be judged on the learning outcomes of additional courses;
100 5) The average level of learning outcomes in the academic year is not lower than 1.00; 6) Learners must pass the criteria of assessment on reading, analytical thinking and writing; 7) Learners must pass the criteria of assessment on desired characteristics; and 8) Learners must pass the criteria of assessment on every learner development activities. For the course which the learners didn't pass, the educational institution can provide them to get remedial in the next semester 4. Graduation Criteria for Lower Secondary Education Level 1) Learners attain not more than 81 credits for basic and additional courses, with a distribution of 66 credits for basic courses and a number of credits for additional courses as prescribed by the respective educational institution; 2) Learners attain not less than 77 credits for the entire curriculum with a distribution of 66 credits for basic courses and not less than 11 credits for additional courses; 3) Learners’ assessment outcomes regarding reading and analytical thinking and writing must meet the criteria prescribed by the respective educational institutions; 4) Learners’ assessment outcomes regarding desired characteristics must meet the criteria prescribed by the respective educational institutions; and 5) Learners participate in learner development activities and the assessment outcomes of their participation must meet the criteria prescribed by the respective educational institutions. 6) Learners must be judged ‘Pass’ on the learning outcomes of all English subjects since the minimum criteria (2.0 up). 7) Learners need to learn foreign languages as a second language, at least 1 course, and get the judging learning outcomes since the minimum criteria (1.0 up).
101 บทท่ี 3 วิธดี ำเนนิ กำรวจิ ัย การวิจยั เร่ือง การประเมนิ หลกั สตู รโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ศูนยว์ ิจยั และพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560) มวี ตั ถปุ ระสงค์การวิจัยเพื่อ 1) ประเมินหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ในด้านบริบท ด้าน ปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ โดยจาแนกเป็นหลักสูตรปกติ และ หลกั สูตร English Program และ2) ศกึ ษาปัญหาและเสนอแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) โดย จาแนกเปน็ หลกั สูตรปกติ และหลกั สตู ร English Program การประเมินหลักสูตรคร้ังน้ี ผู้วิจัยใช้รูปแบบการประเมิน CIPP Model ของ Danial L. Stufflebeam มาเป็นแนวทางในการประเมินหลักสูตร มีการดาเนนิ การวิจยั ดังน้ี ขอบเขตกำรวิจัย การวจิ ัยคร้งั น้ผี วู้ จิ ัยได้กาหนดขอบเขตการวจิ ัยดงั น้ี 1. ขอบเขตด้ำนกล่มุ เป้ำหมำย 1.1 นักเรียนหลักสูตรปกติ ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4-6 จานวน 12 คน ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1-2 และชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4-5 รวมจานวน 442 คน ทีเ่ รียนในปกี ารศึกษา 2562 ซึ่ง ใชห้ ลกั สตู รโรงเรยี นสาธติ แหง่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนา การศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) รวมทง้ั ส้ิน 454 คน และนักเรยี นหลกั สูตร English Program ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1-2 จานวน 27 คน ไดม้ าโดยวธิ ีการเลอื กแบบเจาะจง 1.2 อาจารยผ์ สู้ อนรายวิชาต่าง ๆ 8 กลุม่ สาระการเรียนรู้ หลกั สตู รปกติมีจานวน 89 คน และหลกั สตู ร English Program มจี านวน 22 คน ได้มาโดยวธิ กี ารเลือกแบบเจาะจง 1.3 ผ้บู รหิ าร ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับคณะ ผู้บริหารโรงเรียน และคณะกรรมการ วิชาการ ซ่ึงประกอบด้วย หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ หัวหน้างานกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน และหัวหน้า งานวัดและประเมินผล รวมจานวน 19 คน ได้มาโดยวิธกี ารเลอื กแบบเจาะจง 1.4 ผปู้ กครองของนักเรียนท่ีศึกษาในหลักสูตรปกติ ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4-6 ช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 1-2 และช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4-5 ของปีการศึกษา 2562 มีจานวน 15 คน และ หลกั สตู ร English Program ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1-2 มจี านวน 5 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบ เจาะจง 2. ขอบเขตด้ำนกำรประเมิน
102 ในการวิจัยครั้งนี้คณะผู้วิจัยใช้รูปแบบการประเมินของ Danial L. Stufflebeam แบบ CIPPI Model 5 ด้าน ได้แก่ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้าน ผลกระทบ 3. ขอบเขตด้ำนระยะเวลำ ในการวิจัยคร้ังนี้ใช้ระยะเวลาดาเนินการต้ังแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2562 ถึงเดือน กนั ยายน พ.ศ.2563 รวมระยะเวลา 12 เดือน 4. ขอบเขตดำ้ นเน้อื หำ ในการวิจัยประเมินหลักสูตรครั้งน้ี ได้กาหนดเนื้อหาสาหรับการประเมิน ประกอบด้วย เนอื้ หาหลกั 2 เรอ่ื ง คือ 4.1 หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศนู ย์วิจยั และพฒั นาการศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) ซึง่ ประกอบดว้ ย 2 หลกั สตู ร คือ หลกั สูตรปกติ และหลกั สตู ร English Program 4.2 รูปแบบการประเมินหลักสูตรตามแนวคิดท่ีเน้นการตัดสินใจของ Danial L. Stufflebeam แบบ CIPPI Model มกี ารประเมนิ 5 ดา้ น ดงั ตารางที่ 4 ตำรำงที่ 4 ขอบเขตด้านเนอื้ หา ประเดน็ กำรประเมนิ ขอบเขตกำรประเมนิ 1. ปรัชญา 1. ด้ำนบริบท (Context : C) 2. วสิ ยั ทัศน์ 3. นโยบาย/พันธกิจ 2. ด้ำนปัจจัยนำเข้ำ (Input : I) 4. โครงสร้างหลกั สูตร 5. ผลการเรียนรู้ 3. ดำ้ นกระบวนกำร (Process : P) 6. สาระการเรยี นรู้ 7. คาอธิบายรายวชิ า 8. หน่วยและแผนการจัดการเรยี นรู้ 1. คณุ วฒุ ิ และคุณลกั ษณะของผบู้ รหิ าร 2. คณุ วฒุ ิ และคณุ ลักษณะของอาจารย์ 3. พื้นฐานด้านความรคู้ วามสามารถของผเู้ รยี น 4. เอกสารหลกั สตู ร 5. อาคารเรยี น 6. วัสดอุ ุปกรณ์การเรียน 7. งบประมาณ 8. แหล่งเรยี นรู้ และสภาพแวดลอ้ ม 9. การสนบั สนนุ ของชมุ ชน 1. การบรหิ ารจดั การหลักสูตร 2. กระบวนการจัดการเรียนการสอน 3. การวัดและประเมนิ ผล 4. การจดั การระบบอาจารยท์ ีป่ รึกษา 5. การจดั กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น
103 ขอบเขตกำรประเมิน ประเด็นกำรประเมิน 4. ด้ำนผลผลติ (Product : P) 6. พฤติกรรมของอาจารย์ 5. ด้ำนผลกระทบ (Impact : I) 7. พฤตกิ รรมของนกั เรียน 8. การนิเทศตดิ ตาม 9. การประกันคุณภาพการศกึ ษา 1. ผลการเรยี นรู้ของนกั เรียน 2. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของนกั เรียน 3. ผลงานของนกั เรียน 4. ความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน 5. บคุ ลกิ ภาพของนกั เรยี น 6. ทักษะทางปญั ญาของนกั เรียน 7. สมรรถนะดา้ นการจดั การเรยี นรู้ของอาจารย์ 8. ความคิดเหน็ ของนกั เรียนและอาจารยต์ ่อหลกั สตู รฯ 1. การเผยแพรผ่ ลงานวิชาการของอาจารย์และนกั เรียน 2. ความร้สู กึ เป็นเจา้ ของและภาคภมู ิใจต่อสถาบัน 3. การยอมรับของชุมชน/สงั คม 4. การมสี ว่ นรว่ มในการพัฒนากิจกรรมการเรยี นการสอนของ บคุ ลากรภายในและภายนอกหนว่ ยงาน 5. ขอบเขตด้ำนระเบียบวิธีกำรวจิ ัย การวิจยั ครั้งนเ้ี ป็นการวจิ ยั เชงิ ประเมินโดยใช้รูปแบบการวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Methods Research) ใช้วิธีทง้ั เชิงปริมาณ (Quantitative methods) และเชิงคุณภาพ(Qualitative methods) และมีการตรวจสอบสามเส้า (Triangulation) ดา้ นข้อมูลและด้านระเบยี บวิธีการวิจัย 6. ขอบเขตด้ำนขอ้ มลู ทใ่ี ช้ในกำรประเมิน ขอ้ มลู ท่ีใช้ในการประเมินประกอบดว้ ยขอ้ มูลเชงิ ปริมาณและข้อมลู เชิงคุณภาพ ดงั น้ี 6.1 ข้อมลู เชิงปริมาณ ประกอบด้วย 1) ข้อมลู ทั่วไปของกล่มุ เป้าหมาย ได้แก่ นักเรยี น ผูป้ กครอง อาจารย์ ผู้บริหารระดับ คณะ ผ้บู ริหารโรงเรยี น หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และหัวหน้า งานวัดและประเมนิ ผล 2) ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ของนักเรียน อาจารย์ และหวั หนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ 3) ข้อมูลจากแบบตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตรสถานศึกษาของ คณะกรรมการวิชาการทีป่ ระกอบดว้ ย หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ หวั หน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และหัวหนา้ งานวดั และประเมนิ ผล 6.2 ข้อมูลเชงิ คุณภาพ ประกอบด้วย
104 1) ข้อมูลจากแบบบันทึกเอกสารในหัวขอ้ เกี่ยวกับการประเมินหลักสูตร และเอกสาร หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนา การศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2560) 2) ข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์ และประเด็นสนทนากลุ่มเก่ียวกับความคิดเห็นท่ีมีต่อ หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนา การศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ของนกั เรียน ผ้ปู กครอง อาจารย์ คณะกรรมการวิชาการ ผู้บริหารโรงเรียน ผู้บริหารระดับคณะ และ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ผู้วิจัยนาเสนอขอบเขตด้านข้อมูลที่ใช้ในการประเมินจากการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้ เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการวิจยั จาแนกตามผใู้ หข้ ้อมลู ดงั ตารางท่ี 5
ตำรำงที่ 5 ขอบเขตดา้ นขอ้ มูลท่ใี ชใ้ นการประเมิน จาแนกตามผู้ใหข้ ้อมูล ประเด็นทีป่ ระเมิน ผ้บู ริหำร คณะกรรมกำร อำจำรย์แ โรงเรยี น วชิ ำกำร หวั หน้ำก C : Context (บรบิ ท) สำระกำรเร 1. ปรัชญา วตั ถุประสงค์ และ แบบสัมภำษณ์ ประเดน็ สนทนำ เปา้ หมายของหลักสูตร กล่มุ และแบบ แบบสอบถ 2. วิสยั ทศั น์และพันธกิจ ตรวจสอบ 3. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ คณุ ภำพหลกั สูตร 4. การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน 5. โครงสร้างหลักสตู ร 6. จานวนหน่วยกติ หรือเวลาเรียน 7. เนอ้ื หาสาระของหลกั สตู ร 8. คาอธิบายรายวชิ า 9. หน่วยและแผนการจัดการเรยี นรู้ 10. รายวชิ าและกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน I : Input (ปจั จยั นำเข้ำ)
105 ผใู้ หข้ อ้ มลู และ นกั เรยี น ผู้ปกครอง นักเรยี น อำจำรย์ เอกสำร ผูบ้ ริหำร และ กลุม่ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ แบบบันทึก เอกสำร รียนรู้ ประเด็นสนทนำกลุม่ เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ นกำรวจิ ัย ถำม แบบสอบถำม ประเด็นสนทนำกลุม่ - - - - - - - - - - - -
ประเด็นท่ีประเมนิ ผบู้ รหิ ำร คณะกรรมกำร อำจำรย์แ โรงเรยี น วิชำกำร หวั หน้ำก 1. คุณวฒุ ิ ความรู้ ประสบการณ์ แบบสัมภำษณ์ สำระกำรเร ผลงานทางวิชาการและผลงานของ ประเด็นสนทนำ แบบสอบถ ผูบ้ ริหาร อาจารย์ และเจ้าหนา้ ที่ กลมุ่ และแบบ 2. ความพร้อมในการให้บริการ ตรวจสอบ สนับสนนุ และอานวยความสะดวก คณุ ภำพหลักสูตร ของเจา้ หน้าที่ 3. พ้ืนฐานความรู้ความสามารถของ นกั เรียน 4. ความเข้าใจ การสง่ เสริมและ สนบั สนุนกจิ กรรมการเรียนการสอน ของผปู้ กครอง 5. ความพรอ้ มของห้องเรียน แหลง่ เรียนรู้ และสภาพแวดลอ้ มที่เออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้ 6. ความพรอ้ มของหนังสอื /ตารา/ เอกสารประกอบการสอน
106 ผู้ให้ข้อมูล และ นกั เรียน ผ้ปู กครอง นักเรยี น อำจำรย์ เอกสำร ผูบ้ รหิ ำร และ กลุ่ม ผูท้ รงคณุ วฒุ ิ แบบบนั ทกึ เอกสำร รยี นรู้ ประเดน็ สนทนำกลุ่ม เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ในกำรวิจยั ถำม แบบสอบถำม ประเดน็ สนทนำกล่มุ - - -- - -
ประเด็นทป่ี ระเมนิ ผ้บู ริหำร คณะกรรมกำร อำจำรย์แ โรงเรยี น วชิ ำกำร หวั หนำ้ ก 7. ความพร้อมของวสั ดุอปุ กรณก์ าร สำระกำรเร เรียน สือ่ และเทคโนโลยี แบบสัมภำษณ์ ประเด็นสนทนำ 8. ความพรอ้ มของงบประมาณ กล่มุ และแบบ แบบสอบถ สนบั สนุน ตรวจสอบ 9. กจิ กรรมแลกเปล่ยี นเรียนรู้กับ คณุ ภำพหลกั สตู ร ชุมชน P: Process (กระบวนกำร) 1. ระบบการบรหิ ารจดั การหลักสูตร 2. แผนการดาเนินงานด้านหลักสตู ร 3. กระบวนการคดั เลือกนกั เรียน 4. การจดั ระบบอาจารย์ประจาช้นั / อาจารยท์ ป่ี รึกษา 5. การวางแผนการนาหลักสูตรไปใช้ 6. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 7. ระบบการนิเทศ ตดิ ตาม 8. ระบบ/รปู แบบ/กระบวนการ
107 ผใู้ หข้ ้อมูล และ นกั เรยี น ผปู้ กครอง นักเรียน อำจำรย์ เอกสำร ผูบ้ ริหำร และ กลุม่ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ แบบบันทึก เอกสำร รียนรู้ ประเด็นสนทนำกลุ่ม เครอ่ื งมือที่ใช้ในกำรวิจยั ถำม แบบสอบถำม ประเดน็ สนทนำกลมุ่ - - - - - - - - -
ประเดน็ ท่ีประเมนิ ผบู้ รหิ ำร คณะกรรมกำร อำจำรย์แ โรงเรียน วิชำกำร หวั หน้ำก การประกันคณุ ภาพการศึกษาดา้ น สำระกำรเร หลกั สตู ร แบบสัมภำษณ์ ประเดน็ สนทนำ แบบสอบถ 9. รูปแบบ/วธิ กี าร และกิจกรรมการ กลมุ่ และแบบ จดั การเรียนรู้ ตรวจสอบ 10. ระบบการวดั และประเมนิ ผล คณุ ภำพหลักสตู ร P: Product (ผลผลิต) 1. ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 2. ผลการประเมินสมรรถนะสาคัญ 3. ผลการประเมินคุณลักษณะอัน พงึ ประสงค์ 4. ผลการประเมนิ บคุ ลกิ ภาพทดี่ ี ของนกั เรยี น 5. ความรคู้ วามสามารถในการอา่ น การเขยี น และคดิ คานวณ (3R) 6. ความสามารถทางปญั ญา 8 ดา้ น (พหปุ ัญญา)
108 ผู้ให้ขอ้ มูล และ นกั เรียน ผู้ปกครอง นกั เรยี น อำจำรย์ เอกสำร ผูบ้ ริหำร และ กลุม่ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ แบบบันทกึ เอกสำร รียนรู้ ประเด็นสนทนำกลุ่ม เครอ่ื งมอื ท่ีใชใ้ นกำรวิจัย ถำม แบบสอบถำม ประเดน็ สนทนำกล่มุ -
ประเดน็ ทปี่ ระเมนิ ผู้บรหิ ำร คณะกรรมกำร อำจำรย์แ โรงเรียน วชิ ำกำร หัวหนำ้ ก 7. ความสามารถตามคุณลกั ษณะ แบบสมั ภำษณ์ สำระกำรเร ของนักเรียนในศตวรรษท่ี 21 (7C) ประเด็นสนทนำ แบบสอบถ 8. กระบวนการทางานและ กลมุ่ และแบบ สมรรถนะในการสรา้ งสรรคช์ ้นิ งาน ตรวจสอบ ของนักเรยี น คุณภำพหลกั สูตร 9. สมรรถนะในการจดั การเรียนรู้ และการบรหิ ารจัดการหลักสตู รโดย การนาหลกั สูตรสู่ช้ันเรยี นของ อาจารย์ I: Impact (ผลกระทบ) 1. ความรูส้ กึ รักและภาคภูมิใจต่อ สถาบันของนกั เรียน 2. นักเรียนเป็นที่ยอมรบั ของชุมชน สังคม และสถาบันการศกึ ษาทั้งใน และต่างประเทศ 3. อาจารยผ์ สู้ อนสร้างนวตั กรรม
109 ผู้ให้ข้อมูล และ นกั เรียน ผ้ปู กครอง นกั เรยี น อำจำรย์ เอกสำร ผูบ้ รหิ ำร และ กลุ่ม ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ แบบบนั ทกึ เอกสำร รยี นรู้ ประเด็นสนทนำกลุม่ เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ในกำรวิจยั ถำม แบบสอบถำม ประเดน็ สนทนำกล่มุ - -- -- -
ผู้บริหำร คณะกรรมกำร อำจำรยแ์ โรงเรียน วชิ ำกำร หัวหนำ้ ก สำระกำรเร ประเด็นทีป่ ระเมิน แบบสัมภำษณ์ ประเด็นสนทนำ แบบสอบถ กลุ่มและแบบ การเรยี นการสอนผ่าน ตรวจสอบ กระบวนการวิจัย คณุ ภำพหลกั สูตร 4. อาจารย์มีการเผยแพรผ่ ลงาน วิชาการและงานวิจัย 5. อาจารย์ผูส้ อนได้รบั เชญิ เป็น วิทยากร 6. โรงเรยี นเปน็ ทีย่ อมรับของ ผู้ปกครอง ชมุ ชนและสงั คม
110 ผู้ให้ขอ้ มลู และ นกั เรยี น ผปู้ กครอง นักเรียน อำจำรย์ เอกสำร ผูบ้ ริหำร และ กลมุ่ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ แบบบันทกึ เอกสำร รยี นรู้ ประเด็นสนทนำกลมุ่ เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นกำรวจิ ัย ถำม แบบสอบถำม ประเด็นสนทนำกลุม่ - -
111 แบบแผนกำรวิจัย การวิจัยคร้ังนี้ผู้วิจัยใช้แบบแผนการวิจัยเชิงประเมินโดยใช้รูปแบบการประเมิน CIPPIEST ของ Stufflebeam ท่ีเน้นการประเมินก่อน ระหว่าง และหลังการดาเนินโครงการ มาใช้ในการ ประเมินหลกั สตู รรว่ มกบั วธิ ีการเชิงผสมผสาน (Mixed Methods) โดยมีการเก็บข้อมูลท้ังเชิงปริมาณ (Quantitative methods) และเชิงคุณภาพ (Qualitative methods) รวมทั้งมีการตรวจสอบสาม เสา้ (Triangulation) ดา้ นข้อมลู ด้านระเบยี บวธิ ี และดา้ นผู้วิจัย และแบบแผนการทดลองท่ีใช้ในการ วิจยั ครั้งน้ี ผู้วิจยั ได้ใชแ้ บบแผนการวจิ ยั One shot case study ดังน้ี (Creswell, 2003: 168) Group A X ---------------- O สญั ลักษณท์ ใ่ี ชใ้ นแบบแผนการวิจัย X คือ หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนยว์ จิ ัยและพฒั นาการศกึ ษา ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560) O คือ ผลของการประเมินหลักสูตร 5 ด้าน คือ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้าน กระบวนการ ด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ เครือ่ งมอื ที่ใชใ้ นกำรวิจยั เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยประเมินหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) คร้ังนี้ มีจานวนท้ังส้ิน 6 ฉบับ ประกอบด้วย 1) แบบ สัมภาษณ์สภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบัน 2) ประเด็นสนทนากลุ่มสภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาใน ปจั จุบัน 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของนกั เรียนท่ีมีต่อหลักสตู รสถานศกึ ษา 4) แบบสอบถามความ คิดเหน็ ของอาจารย์ท่ีมีตอ่ หลกั สูตรสถานศกึ ษา 5) แบบตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตร สถานศกึ ษา และ6) ประเด็นสนทนากลมุ่ เกยี่ วกับปญั หาและแนวทางการพฒั นาและปรับปรุงหลักสูตร สถานศกึ ษาระดับการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน มีลักษณะของเครื่องมือ การสร้างและการตรวจสอบคุณภาพ ของเครื่องมือแต่ละประเภท ดงั นี้ 1. แบบสัมภำษณ์สภำพปัญหำและควำมต้องกำรจำเป็นของกำรประเมินหลักสูตร สถำนศกึ ษำในปัจจบุ ัน แบบสมั ภาษณ์ฉบับนี้ เปน็ เครอ่ื งมือเพอื่ ให้ผู้รับการสมั ภาษณค์ อื ผบู้ รหิ ารโรงเรียน ได้แก่ ผู้อานวยการ รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ จานวน 5 คน ของโรงเรียนในสังกัด สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน (อปท.) และสังกัด กระทรวงการอดุ มศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพ ปัญ หาของ หลักสูตร สถาน ศึกษาใน ปัจจุบัน และ ค ว ามต้อง การ จาเป็น ของ การ ปร ะ เมิน หลักสูต ร สถานศกึ ษา โดยมขี ัน้ ตอนการสร้างและพัฒนาเคร่ืองมือดงั นี้
112 1.1 ศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี หลักการ และงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับหลักสูตร การ บริหารจดั การหลักสตู ร และรปู แบบการประเมนิ หลกั สตู ร 1.2 รา่ งแบบสัมภาษณส์ ภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของการประเมินหลักสูตร สถานศกึ ษาในปจั จุบัน ประกอบด้วย คาชแี้ จง ข้อมูลท่ัวไป และประเด็นสัมภาษณ์ โดยแบบสัมภาษณ์ ฉบบั น้ีแบ่งออกเป็น 2 ตอน คอื ตอนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ได้แก่ เพศ วทิ ยฐานะ ประสบการณ์การบริหาร และวฒุ ิการศกึ ษาสงู สุด ตอนท่ี 2 ประเด็นสัมภาษณ์เก่ียวกับสภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาใน ปัจจุบัน และความต้องการจาเป็นของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา มีลักษณะเป็นข้อคาถาม ปลายเปิดให้ผู้บริหารโรงเรียนแสดงความคิดเห็นตามความเป็นจริง มี 4 ข้อหลัก ได้แก่ 1) ส่ิงที่ควร พัฒนา แก้ไข/ปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา 2) สภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาท่ีควรต้องเร่ง แก้ไข/ปรับปรุงและพัฒนาเพ่ือมุ่งสู่คุณภาพผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 3) ความต้องการจาเป็นและ ช่วงเวลาทเี่ หมาะสมในการประเมนิ หลกั สตู ร และ4) ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพื่อให้แสดง ความคดิ เหน็ ในภาพรวม 1.3 ตรวจสอบคุณภาพของแบบสัมภาษณ์ในด้านความเท่ียงตรงตามเน้ือหา (content validity) โดยนาแบบสัมภาษณ์ไปให้ผู้เช่ียวชาญประเมินความเหมาะสมระหว่างข้อคาถามกับสิ่งท่ี ตอ้ งการวดั ประกอบด้วยผู้เช่ียวชาญจานวน 5 คน ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนิเทศการศึกษา 2 คน ผู้เชยี่ วชาญดา้ นการประเมินหลักสูตร 2 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินผลการศึกษา 1 คน พิจารณาความเหมาะสมตามเกณฑ์การให้คะแนน 5, 4, 3, 2 และ1 หมายถึง ข้อคาถามมีความ เหมาะสมในระดับมากท่ีสุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยท่ีสุด ตามลาดับ นามาหาค่าเฉล่ีย ( X ) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) เป็นรายข้อของประเด็นสัมภาษณ์เกี่ยวกับสภาพปัญหาของ หลกั สูตรสถานศึกษาในปัจจุบันและความต้องการจาเปน็ ของการประเมนิ หลักสูตรสถานศึกษา แล้วนา ค่าเฉลย่ี มาเทียบกับเกณฑ์ระดับคุณภาพของประเดน็ สัมภาษณ์ดังน้ี (มาเรียม นลิ พันธ์ุ, 2558: 196) ค่าเฉลีย่ ระหวา่ ง 4.50-5.00 หมายถงึ ขอ้ คาถามมีความเหมาะสมในระดับมากทส่ี ุด ค่าเฉลี่ยระหว่าง 3.50-4.49 หมายถงึ ข้อคาถามมคี วามเหมาะสมในระดับมาก คา่ เฉลย่ี ระหว่าง 2.50-3.49 หมายถงึ ขอ้ คาถามมีความเหมาะสมในระดับปานกลาง ค่าเฉล่ียระหว่าง 1.50-2.49 หมายถงึ ขอ้ คาถามมีความเหมาะสมในระดับน้อย ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.00-1.49 หมายถงึ ขอ้ คาถามมคี วามเหมาะสมในระดับนอ้ ยท่สี ุด โดยพจิ ารณาคา่ ความเหมาะสมหรือสอดคล้องท่ีมีค่าเฉล่ียมากกว่า 3.50 ขึ้นไปและส่วน เบีย่ งเบนมาตรฐานน้อยกวา่ 1.00 แสดงวา่ ขอ้ ความมคี วามเหมาะสมหรอื สอดคล้องสามารถนาไปใช้ได้ (มาเรียม นิลพันธ์ุ, 2558: 179) ซึ่งพบว่า ผลการตรวจสอบคุณภาพของแบบสัมภาษณ์สภาพปัญหา และความต้องการจาเป็นของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบัน มีผลการประเมินความ เหมาะสมระหว่างขอ้ คาถามกับส่งิ ทตี่ อ้ งการวัดพบวา่ ทกุ ข้อคาถามมีค่าเฉลี่ย 5.00 และส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน 0.00 แสดงว่าแบบสัมภาษณ์ฉบับนี้มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด สามารถนาไปเก็บ รวบรวมขอ้ มลู ได้
113 1.4 นาแบบสัมภาษณ์ท่ีผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้วมา แกไ้ ข/ปรับปรุงตามคาแนะนาท้ังในด้านภาษา ข้อมูลท่ัวไป และประเด็นสัมภาษณ์ โดยมีการปรับข้อ คาถามให้สอดคล้องกบั สิ่งที่ต้องการศกึ ษาคือ สภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของการประเมิน หลักสตู รสถานศึกษาในปัจจุบัน 1.5 จัดพิมพ์แบบสัมภาษณ์ฉบับสมบูรณ์ และนาไปเก็บรวบรวมข้อมูลกับผู้บริหาร โรงเรียน เพือ่ ตอบวตั ถปุ ระสงค์ข้อท่ี 1 ของการวิจัยประเมินหลักสูตรคร้ังนี้ และเพื่อเตรียมออกแบบ การประเมินหลักสตู รสถานศึกษาตอ่ ไป 2. ประเด็นสนทนำกลมุ่ สภำพปญั หำและควำมต้องกำรจำเป็นของกำรประเมินหลักสูตร สถำนศึกษำในปัจจบุ นั ประเด็นสนทนากลุ่มฉบับน้ี เป็นเครื่องมือเพื่อให้ผู้เข้าร่วมการสนทนากลุ่ม คือ คณะกรรมการฝ่ายวิชาการ จานวน 12 คน ของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยา เขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัญหาของ หลกั สูตรสถานศกึ ษาในปัจจุบัน และความต้องการจาเปน็ ของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา โดยมี ขน้ั ตอนการสร้างและพัฒนาเครื่องมือดงั นี้ 2.1 ศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี หลักการ และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับหลักสูตร การ บรหิ ารจัดการหลักสูตร และรปู แบบการประเมินหลกั สตู ร 2.2 ร่างประเด็นสนทนากลุ่มสภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของการประเมิน หลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบัน ประกอบด้วย คาชี้แจง ข้อมูลทั่วไป และประเด็นสนทนากลุ่ม โดย ประเดน็ สนทนากลุม่ ฉบับนี้แบง่ ออกเปน็ 2 ตอน คอื ตอนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ได้แก่ เพศ วิทยฐานะ ประสบการณ์การปฏิบัติงานในสถานศึกษา ประสบการณ์การเป็นคณะกรรมการฝ่าย วิชาการ และวฒุ กิ ารศึกษาสูงสดุ ตอนท่ี 2 ประเด็นสนทนากลุ่มเก่ียวกับสภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาใน ปัจจุบันและความต้องการจาเป็นของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา มีลักษณะเป็นข้อคาถาม ปลายเปิดให้คณะกรรมการฝ่ายวิชาการแสดงความคิดเห็นตามความเป็นจริง มี 4 ข้อหลัก ได้แก่ 1) ส่ิงทค่ี วรพฒั นา แกไ้ ข/ปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา 2) สภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาที่ควร ต้องเร่งแก้ไข/ปรับปรุงและพัฒนาเพื่อมุ่งสู่คุณภาพผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 3) ความต้องการจาเป็น และช่วงเวลาทเี่ หมาะสมในการประเมินหลักสูตร และ4) ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพ่ือให้ แสดงความคดิ เห็นในภาพรวม 2.3 ตรวจสอบคุณภาพของประเด็นสนทนากลุ่มในด้านความเที่ยงตรงตามเนื้อหา (content validity) โดยนาแบบสัมภาษณ์ไปใหผ้ ูเ้ ชย่ี วชาญประเมินความเหมาะสมระหว่างข้อคาถาม กบั ส่ิงทีต่ อ้ งการวัด ประกอบดว้ ยผูเ้ ชีย่ วชาญจานวน 5 คน ได้แก่ ผู้เช่ียวชาญด้านการนิเทศการศึกษา 2 คน ผู้เช่ียวชาญด้านการประเมินหลักสูตร 2 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินผล การศึกษา 1 คน พิจารณาความเหมาะสมตามเกณฑ์การให้คะแนน 5, 4, 3, 2 และ1 หมายถึง ข้อ คาถามมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด ตามลาดับ นามาหา
114 คา่ เฉล่ีย ( X ) และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) เป็นรายข้อของประเด็นสนทนากลุ่มเก่ียวกับสภาพ ปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบันและความต้องการจาเป็นของการประเมินหลักสูตร สถานศึกษา แล้วนาค่าเฉล่ียมาเทียบกับเกณฑ์ระดับคุณภาพของประเด็นสนทนากลุ่มดังนี้ (มาเรียม นลิ พันธุ์, 2558: 196) คา่ เฉลี่ยระหวา่ ง 4.50-5.00 หมายถึง ขอ้ คาถามมคี วามเหมาะสมในระดบั มากทีส่ ดุ คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 3.50-4.49 หมายถึง ข้อคาถามมีความเหมาะสมในระดบั มาก คา่ เฉลี่ยระหว่าง 2.50-3.49 หมายถึง ขอ้ คาถามมีความเหมาะสมในระดับปานกลาง คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 1.50-2.49 หมายถงึ ขอ้ คาถามมคี วามเหมาะสมในระดับน้อย ค่าเฉล่ียระหวา่ ง 1.00-1.49 หมายถงึ ข้อคาถามมคี วามเหมาะสมในระดบั น้อยท่ีสุด โดยพิจารณาคา่ ความเหมาะสมหรอื สอดคล้องท่ีมีค่าเฉลี่ยมากกว่า 3.50 ข้ึนไปและส่วน เบย่ี งเบนมาตรฐานนอ้ ยกว่า 1.00 แสดงวา่ ขอ้ ความมคี วามเหมาะสมหรือสอดคลอ้ งสามารถนาไปใช้ได้ (มาเรยี ม นลิ พันธุ์, 2558: 179) ซ่ึงพบวา่ ผลการตรวจสอบคุณภาพของประเด็นสนทนากลุ่มเก่ียวกับ สภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบัน มีผลการ ประเมินความเหมาะสมระหว่างข้อคาถามกบั สิ่งท่ตี ้องการวัดพบวา่ ทุกขอ้ คาถามมีค่าเฉล่ีย 5.00 และ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.00 แสดงว่าประเด็นสนทนากลุ่มฉบับนี้มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด สามารถนาไปเกบ็ รวบรวมข้อมลู ได้ 2.4 นาประเด็นสนทนากลุ่มท่ีผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว มาแกไ้ ข/ปรับปรุงตามคาแนะนาท้ังในด้านภาษา ข้อมูลทั่วไป และประเด็นสัมภาษณ์ โดยมีการปรับ ข้อคาถามให้สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการศึกษาคือ สภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของการ ประเมนิ หลักสูตรสถานศกึ ษาในปจั จบุ นั 2.5 จัดพิมพ์ประเด็นสนทนากลุ่มฉบับสมบูรณ์ และนาไปเก็บรวบรวมข้อมูลกับ คณะกรรมการฝ่ายวิชาการ เพื่อตอบวัตถุประสงค์ข้อท่ี 1 ของการวิจัยประเมินหลักสูตรคร้ังนี้ และ เพอื่ เตรียมออกแบบการประเมินหลกั สูตรสถานศกึ ษาตอ่ ไป 3. แบบสอบถำมควำมคดิ เหน็ ของนักเรยี นท่ีมีต่อหลักสตู รสถำนศกึ ษำ แบบสอบถามฉบับนี้ เป็นเคร่ืองมือเพ่ือให้ นักเรียนของโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา หลักสูตรปกติ จานวน 454 คน และหลักสูตร English Program 27 คน ได้แสดงความคิดเห็นท่ีมีต่อหลักสูตร โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) โดยมีประเด็นความคิดเห็นเก่ียวกับการประเมินหลักสูตรตามองค์ประกอบ 5 ด้าน คือ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ มีข้ันตอนการสร้างและพัฒนา เครื่องมอื ดงั น้ี 3.1 ศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี หลักการ และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับหลักสูตร การ บรหิ ารจัดการหลกั สูตร และรปู แบบการประเมนิ หลักสตู ร
115 3.2 ร่างแบบสอบถามความคิดเห็นท่ีมีต่อหลักสูตรสถานศึกษา ประกอบด้วย คาชี้แจง ขอ้ มูลท่วั ไป และความคิดเห็นท่ีมีต่อหลักสูตรโรงเรียน โดยแบบสอบถามฉบับน้ีแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ ตอนท่ี 1 ข้อมูลทั่วไป มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ได้แก่ เพศ ระดับช้ันที่เรียนในปีการศึกษา 2562 ระยะเวลาที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน และกจิ กรรม/โครงการของโรงเรียนท่ีนักเรยี นรู้สึกประทบั ใจ ตอนที่ 2 ความคิดเห็นที่มีต่อหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) แบ่งประเด็นการประเมินหลักสูตรออกเป็น 5 ด้าน เพื่อให้นักเรียน ได้แสดง ความคิดเห็นตามความเป็น จริงในป ระ เด็นการประเมิน ท่ีครอบคลุมส่ิง ที่ ต้องการประเมิน ได้แก่ การประเมินบริบท (Context Evaluation: C) มี 18 ประเด็น การประเมิน ปัจจยั นาเข้า (Input Evaluation: I) มี 14 ประเด็น การประเมนิ กระบวนการ (Process Evaluation: P) มี 16 ประเดน็ การประเมนิ ผลผลติ (Product Evaluation: P) มี 10 ประเด็น และการประเมินผล กระทบ (Impact Evaluation: I) มี 6 ประเดน็ แบบสอบถามส่วนนม้ี ีลักษณะเปน็ มาตราส่วนประเมิน ค่า 5 ระดับ (Likert Five Rating Scales) โดยผตู้ อบแบบสอบถามพจิ ารณาประเด็นการประเมินตาม เกณฑ์การใหค้ ะแนน 5, 4, 3, 2 และ1 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นต่อประเด็นการประเมินหลักสูตรอยู่ใน ระดับมากท่ีสุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยทส่ี ุด ตามลาดับ 3.3 ตรวจสอบคุณภาพของแบบสอบถามในด้านความเท่ียงตรงตามเนื้อหา (content validity) โดยนาแบบสอบถามไปให้ผู้เช่ียวชาญประเมินความเหมาะสมระหว่างข้อคาถามกับส่ิงท่ี ตอ้ งการวดั ประกอบด้วยผู้เช่ียวชาญจานวน 5 คน ได้แก่ ผู้เช่ียวชาญด้านการนิเทศการศึกษา 2 คน ผู้เช่ยี วชาญด้านการประเมินหลักสูตร 2 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินผลการศึกษา 1 คน พิจารณาความเหมาะสมตามเกณฑ์การให้คะแนน 5, 4, 3, 2 และ1 หมายถึง ประเด็นการ ประเมนิ หลกั สตู ร/รายวชิ าในหลกั สูตร/กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียนมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด ตามลาดับ นามาหาค่าเฉล่ีย ( X ) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) เป็นรายข้อของแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อหลักสูตรสถานศึกษา แล้วนาค่าเฉล่ียมาเทียบกับ เกณฑ์ระดบั คุณภาพของแบบสอบถามดงั นี้ (มาเรียม นลิ พนั ธ์ุ, 2558: 196) ค่าเฉล่ียระหว่าง 4.50-5.00 หมายถึง ประเด็นการประเมินหลักสูตร/รายวิชาใน หลกั สูตร/กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นมคี วามเหมาะสมในระดบั มากที่สดุ ค่าเฉล่ียระหว่าง 3.50-4.49 หมายถึง ประเด็นการประเมินหลักสูตร/รายวิชาใน หลกั สูตร/กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียนมีความเหมาะสมในระดับมาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง 2.50-3.49 หมายถึง ประเด็นการประเมินหลักสูตร/รายวิชาใน หลกั สตู ร/กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นมีความเหมาะสมในระดบั ปานกลาง ค่าเฉล่ียระหว่าง 1.50-2.49 หมายถึง ประเด็นการประเมินหลักสูตร/รายวิชาใน หลักสูตร/กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นมคี วามเหมาะสมในระดบั น้อย ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.00-1.49 หมายถึง ประเด็นการประเมินหลักสูตร/รายวิชาใน หลักสตู ร/กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียนมคี วามเหมาะสมในระดับนอ้ ยท่สี ดุ
116 โดยพจิ ารณาคา่ ความเหมาะสมหรือสอดคลอ้ งที่มีค่าเฉล่ียมากกว่า 3.50 ขึ้นไปและส่วน เบ่ียงเบนมาตรฐานน้อยกว่า 1.00 แสดงวา่ ขอ้ ความมีความเหมาะสมหรือสอดคล้องสามารถนาไปใช้ได้ (มาเรียม นลิ พันธุ์, 2558: 179) ซ่งึ พบว่า ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของแบบสอบถามความคิดเห็นท่ีมี ต่อหลักสูตรสถานศกึ ษา มผี ลการประเมินความเหมาะสมระหว่างประเด็นการประเมินหลักสูตรกับส่ิง ท่ีต้องการวัดพบว่า การประเมินหลักสูตรทุกประเด็น มีค่าเฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ ระหวา่ ง X =3.60, S.D.=0.55 ถึง X =5.00, S.D.=0.00 แสดงว่าแบบสอบถามฉบับน้ี มีประเด็นที่มี ความเหมาะสมอยใู่ นระดบั มากถงึ มากทส่ี ดุ สามารถนาไปเก็บรวบรวมขอ้ มูลได้ 3.4 นาแบบสอบถามความคิดเห็นท่ีมีต่อหลักสูตรสถานศึกษาท่ีผ่านการตรวจสอบ คุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้วมาแก้ไข/ปรับปรุงตามคาแนะนาท้ังในด้านภาษา ข้อมูลท่ัวไป และประเดน็ ความคดิ เห็น 5 ดา้ น โดยมีการปรบั ข้อความให้ใช้ภาษาส่ือความหมายให้เหมาะสมกับวัย ข อ ง นั ก เ รี ย น แ ล ะ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ สิ่ ง ท่ี ต้ อ ง ก า ร ศึ ก ษ า เ กี่ ย ว กั บ ห ลั ก สู ต ร โ ร ง เ รี ย น ส า ธิ ต แ ห่ ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560) รวมทั้งตัดบางประเด็น ทีน่ กั เรยี นไม่เกีย่ วข้อง คือ ด้านการบริหารจัดการหลกั สตู ร 3.5 จัดพิมพ์แบบสอบถามความคิดเห็นท่ีมีต่อหลักสูตรสถานศึกษาฉบับสมบูรณ์ และ นาไปเก็บรวบรวมข้อมูลกับอาจารย์ผู้สอนและหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ของโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา เพื่อตอบ วัตถุประสงค์ขอ้ ที่ 2 ของการวจิ ัยประเมนิ หลักสตู รคร้งั นี้ 4. แบบสอบถำมควำมคิดเหน็ ของอำจำรยท์ ่ีมตี ่อหลักสูตรสถำนศึกษำ แบบสอบถามฉบับน้ี เป็นเครื่องมือเพ่ือให้อาจารย์ผู้สอนและหัวหน้ากลุ่มสาระการ เรยี นรู้ของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนา การศึกษา จานวน 89 คน และอาจารย์ผู้สอนหลักสูตร English Program 22 คน ได้แสดงความ คดิ เหน็ ที่มีต่อหลกั สูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัย และพัฒนาการศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พทุ ธศกั ราช 2560) โดยมปี ระเดน็ ความคิดเหน็ เก่ยี วกับการประเมินหลักสตู รตามองค์ประกอบ 5 ด้าน คือ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ มีข้ันตอนการ สรา้ งและพฒั นาเคร่ืองมอื ดังน้ี 4.1 ศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี หลักการ และงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับหลักสูตร การ บริหารจัดการหลักสูตร และรปู แบบการประเมนิ หลักสตู ร 4.2 ร่างแบบสอบถามความคิดเห็นท่ีมีต่อหลักสูตรสถานศึกษา ประกอบด้วย คาชี้แจง ขอ้ มูลท่ัวไป ความคิดเห็นท่ีมีต่อหลักสูตรโรงเรียน ความคิดเห็นเก่ียวกับความเหมาะสมของรายวิชา และความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยแบบสอบถามฉบับนี้แบ่ง ออกเปน็ 4 ตอน คอื
117 ตอนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ได้แก่ เพศ วฒุ ิการศึกษาสูงสุด ประสบการณ์การสอนและระดับการศึกษาที่สอนในโรงเรียนสาธิตเกษตรฯ กาแพงแสน ตอนท่ี 2 ความคิดเห็นที่มีต่อหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) แบ่งประเด็นการประเมินหลักสูตรออกเป็น 5 ด้าน เพื่อให้อาจารย์ผู้สอนและหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ได้แสดงความคิดเห็นตามความเป็นจริงใน ประเด็นการประเมินท่ีครอบคลุมส่ิงท่ีต้องการประเมิน ได้แก่ การประเมินบริบท ( Context Evaluation: C) มี 28 ประเดน็ การประเมนิ ปัจจัยนาเข้า (Input Evaluation: I) มี 20 ประเด็น การ ประเมินกระบวนการ (Process Evaluation: P) มี 27 ประเด็น การประเมินผลผลิต (Product Evaluation: P) มี 12 ประเด็น และการประเมินผลกระทบ (Impact Evaluation: I) มี 7 ประเด็น แบบสอบถามส่วนนี้มลี กั ษณะเป็นมาตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับ (Likert Five Rating Scales) โดย ผตู้ อบแบบสอบถามพจิ ารณาประเดน็ การประเมนิ ตามเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 5, 4, 3, 2 และ1 หมายถึง มีความคิดเห็นต่อประเด็นการประเมินหลักสูตรอยู่ในระดับมากท่ีสุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อย ที่สุด ตามลาดบั ตอนที่ 3 ความคดิ เหน็ เก่ยี วกับความเหมาะสมของรายวิชาในหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ประกอบด้วย รายวิชาในหลักสูตร ได้แก่ รายวิชาพื้นฐาน และรายวิชาเพ่ิมเติม ใน 8 กลุ่มสาระการ เรียนรู้ คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กลุ่มสาระการ เรียนร้สู ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา กล่มุ สาระการเรียนรูศ้ ลิ ปะ กลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพ และกลุ่ม สาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ แบบสอบถามส่วนน้ีมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับ (Likert Five Rating Scales) โดยผตู้ อบแบบสอบถามพจิ ารณาความเหมาะสมของรายวิชาตามเกณฑ์ การให้คะแนน 5, 4, 3, 2 และ1 หมายถึง รายวิชามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยท่ีสุด ตามลาดับ และอาจเลือก “ไม่เหมาะสม” ได้ ถ้าผู้ตอบแบบสอบถาม เห็นว่ารายวิชาน้ันไม่เหมาะสม พร้อมระบุเหตุผลและข้อเสนอแนะด้วยเพื่อให้ทราบว่าไม่เหมาะสม อย่างไร ตอนที่ 4 ความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนใน หลกั สูตรสถานศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ประกอบด้วย กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนในหลกั สตู ร 4 กจิ กรรมหลัก ได้แก่ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมลกู เสือ กจิ กรรมชมรม และกจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ส่วนท้ายมีข้อเสนอแนะ เพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นในภาพรวม แบบสอบถามส่วนน้ีมีลักษณะ เป็นมาตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับ (Likert Five Rating Scales) โดยผู้ตอบแบบสอบถามพิจารณา ความเหมาะสมของกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนตามระดับชั้นเรียนของนักเรียนโดยใช้เกณฑ์การให้คะแนน 5, 4, 3, 2 และ1 หมายถึง กิจกรรมที่จัดให้นักเรียนมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากท่ีสุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด ตามลาดับ และอาจเลือก “ไม่เหมาะสม” ได้ ถ้าผู้ตอบแบบสอบถาม
118 เหน็ ว่ากิจกรรมพัฒนาหลักสตู รน้ันไม่เหมาะสม พร้อมระบเุ หตผุ ลและข้อเสนอแนะด้วยเพื่อให้ทราบว่า ไมเ่ หมาะสมอย่างไร 4.3 ตรวจสอบคุณภาพของแบบสอบถามในด้านความเท่ียงตรงตามเน้ือหา (content validity) โดยนาแบบสอบถามไปให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินความเหมาะสมระหว่างข้อคาถามกับสิ่งที่ ต้องการวัด ประกอบด้วยผู้เช่ียวชาญจานวน 5 คน ได้แก่ ผู้เช่ียวชาญด้านการนิเทศการศึกษา 2 คน ผ้เู ชี่ยวชาญด้านการประเมินหลักสูตร 2 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินผลการศึกษา 1 คน พิจารณาความเหมาะสมตามเกณฑ์การให้คะแนน 5, 4, 3, 2 และ1 หมายถึง ประเด็นการ ประเมนิ หลักสูตร/รายวิชาในหลกั สูตร/กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนมคี วามเหมาะสมในระดับมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยท่ีสุด ตามลาดับ นามาหาค่าเฉลี่ย ( X ) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) เป็นรายข้อของแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อหลักสูตรสถานศึกษา แล้วนาค่าเฉล่ียมาเทียบกับ เกณฑร์ ะดบั คณุ ภาพของแบบสอบถามดังน้ี (มาเรียม นลิ พันธ์ุ, 2558: 196) ค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.50-5.00 หมายถึง ประเด็นการประเมินหลักสูตร/รายวิชาใน หลักสตู ร/กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นมีความเหมาะสมในระดบั มากทส่ี ุด ค่าเฉลี่ยระหว่าง 3.50-4.49 หมายถึง ประเด็นการประเมินหลักสูตร/รายวิชาใน หลกั สตู ร/กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนมคี วามเหมาะสมในระดับมาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง 2.50-3.49 หมายถึง ประเด็นการประเมินหลักสูตร/รายวิชาใน หลักสตู ร/กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นมคี วามเหมาะสมในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.50-2.49 หมายถึง ประเด็นการประเมินหลักสูตร/รายวิชาใน หลกั สตู ร/กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นมีความเหมาะสมในระดับน้อย ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.00-1.49 หมายถึง ประเด็นการประเมินหลักสูตร/รายวิชาใน หลักสตู ร/กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี นมคี วามเหมาะสมในระดบั นอ้ ยท่สี ุด โดยพิจารณาค่าความเหมาะสมหรือสอดคล้องที่มีค่าเฉล่ียมากกว่า 3.50 ข้ึนไปและส่วน เบีย่ งเบนมาตรฐานน้อยกว่า 1.00 แสดงวา่ ขอ้ ความมคี วามเหมาะสมหรือสอดคลอ้ งสามารถนาไปใช้ได้ (มาเรียม นิลพันธ์ุ, 2558: 179) ซงึ่ พบว่า ผลการตรวจสอบคณุ ภาพของแบบสอบถามความคิดเห็นท่ีมี ตอ่ หลักสตู รสถานศกึ ษา มีผลการประเมนิ ความเหมาะสมระหว่างประเด็นการประเมินหลักสูตรกับสิ่ง ที่ต้องการวัดพบว่า การประเมินหลักสูตรทุกประเด็น มีค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานอยู่ ระหวา่ ง X =3.80, S.D.=0.84 ถึง X =5.00, S.D.=0.00 แสดงว่าแบบสอบถามฉบับนี้ มีประเด็นท่ีมี ความเหมาะสมอยใู่ นระดบั มากถงึ มากทส่ี ุด สามารถนาไปเก็บรวบรวมขอ้ มูลได้ 4.4 นาแบบสอบถามความคิดเห็นท่ีมีต่อหลักสูตรสถานศึกษาท่ีผ่านการตรวจสอบ คุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้วมาแก้ไข/ปรับปรุงตามคาแนะนาท้ังในด้านภาษา ข้อมูลท่ัวไป และประเด็นการประเมนิ หลกั สูตร/รายวชิ าในหลกั สูตร/กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน โดยมีการปรับข้อความ ให้สอดคล้องกับสิ่งท่ีต้องการศึกษาเก่ียวกับหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560) 4.5 จัดพิมพ์แบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อหลักสูตรสถานศึกษาฉบับสมบูรณ์ และ นาไปเก็บรวบรวมข้อมูลกับอาจารย์ผู้สอนและหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ของโรงเรียนสาธิตแห่ง
119 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา เพื่อตอบ วตั ถุประสงค์ข้อท่ี 2 ของการวิจัยประเมนิ หลกั สตู รครั้งนี้ 5. แบบตรวจสอบองคป์ ระกอบและคณุ ภำพหลกั สตู รสถำนศึกษำ แบบตรวจสอบฉบบั น้ี เปน็ เครื่องมอื เพื่อให้คณะกรรมการฝ่ายวิชาการของโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา จานวน 12 คน ไ ด้ พิจ าร ณา ต ร ว จส อบ อง ค์ ปร ะ ก อ บ แล ะ คุณ ภา พ ข อ ง ห ลัก สูต ร โ ร ง เ รีย น ส าธิ ตแ ห่ ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ผู้วิจัยได้นา เครื่องมือ “แบบตรวจสอบองค์ประกอบหลักสูตรโรงเรียน” ของกระทรวงศึกษาธิการ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2552: 24-27) มาประยุกต์ใช้ โดยเพ่ิมองคป์ ระกอบที่ 4 โครงสร้างรายวิชา ลง ไปเป็นสว่ นหน่งึ ของเคร่อื งมือแบบตรวจสอบองคป์ ระกอบและคุณภาพหลักสตู รสถานศึกษา เนื่องจาก องคป์ ระกอบดังกล่าวโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัย และพัฒนาการศึกษา ได้กาหนดให้มีอยู่ในประมวลการสอน (Course Syllabus) ทุกรายวิชาของ หลักสูตรด้วย ดังนั้นองค์ประกอบของหลักสูตรท่ีใช้ในการตรวจสอบและประเมินคุณภาพจึง ประกอบดว้ ย 6 รายการ คือ 1) ส่วนนา 2) โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 3) คาอธิบายรายวิชา 4) โครงสร้างรายวิชา 5) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และ6) เกณฑ์การจบการศึกษา มีขั้นตอนการพัฒนา เครอ่ื งมือดงั น้ี 5.1 ศึกษาเอกสารเก่ียวกับการประเมินหลักสูตรและการตรวจสอบคุณภาพหลักสูตร รวมทงั้ องคป์ ระกอบของหลกั สตู รสถานศกึ ษา 5.2 ประยกุ ต์ใช้แบบตรวจสอบองค์ประกอบหลักสูตรโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเพ่ิมองค์ประกอบที่ 4 โครงสร้างรายวิชา และข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง/แก้ไข ในแต่ละ ประเด็นเพื่อให้ได้ผลการวิจัยที่ชัดเจนมากข้ึน แบบตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตร สถานศึกษาฉบบั นี้ ไดก้ าหนดระดับคณุ ภาพในการประเมินไว้ 3 ระดับ ให้คณะกรรมการฝ่ายวิชาการ ของโรงเรียนได้พิจารณารายการตรวจสอบตามเกณฑ์การใหค้ ะแนนดังน้ี ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง ครบถว้ น ถูกตอ้ ง สอดคล้อง เหมาะสม ทกุ รายการ ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถงึ มคี รบทุกรายการ แต่มบี างรายการควรปรบั ปรุงแก้ไข ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถึง ไมม่ ี/ มไี มค่ รบทุกรายการ/ ไมส่ อดคลอ้ ง/ ต้องปรับปรุง แก้ไขหรือเพ่ิมเติม และมเี กณฑ์การแปลความหมายโดยใช้ค่าเฉลี่ย ( X ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ดงั น้ี คา่ เฉล่ยี ระหวา่ ง 2.50-3.00 หมายถงึ รายการตรวจสอบมีคณุ ภาพในระดบั มาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.50-2.49 หมายถึง รายการตรวจสอบมีคุณภาพในระดับปาน กลาง คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 1.00-1.49 หมายถงึ รายการตรวจสอบมีคณุ ภาพในระดับน้อย
120 5.3 ตรวจสอบคุณภาพของแบบตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตร สถานศึกษาในด้านความเที่ยงตรงตามเนื้อหา (content validity) โดยนาแบบตรวจสอบไปให้ ผู้เช่ียวชาญประเมินความเหมาะสมระหว่างรายการตรวจสอบกับสิ่งที่ต้องการวัด ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจานวน 5 คน ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนิเทศการศึกษา 2 คน ผู้เช่ียวชาญด้านการ ประเมินหลักสูตร 2 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินผลการศึกษา 1 คน พิจารณาความ เหมาะสมตามเกณฑ์การให้คะแนน 5, 4, 3, 2 และ1 หมายถึง รายการตรวจสอบมีความเหมาะสมใน ระดับมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยท่ีสุด ตามลาดับ นามาหาค่าเฉล่ีย ( X ) และส่วน เบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) เป็นรายข้อของแบบตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตร สถานศกึ ษา แล้วนาคา่ เฉลยี่ มาเทียบกับเกณฑ์ระดบั คุณภาพดงั น้ี (มาเรยี ม นลิ พันธ์ุ, 2558: 196) ค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.50-5.00 หมายถึง รายการตรวจสอบมีความเหมาะสมในระดับมาก ทส่ี ดุ ค่าเฉลย่ี ระหวา่ ง 3.50-4.49 หมายถงึ รายการตรวจสอบมคี วามเหมาะสมในระดบั มาก คา่ เฉล่ียระหวา่ ง 2.50-3.49 หมายถึง รายการตรวจสอบมีความเหมาะสมในระดับปาน กลาง ค่าเฉล่ียระหว่าง 1.50-2.49 หมายถึง รายการตรวจสอบมคี วามเหมาะสมในระดับน้อย ค่าเฉลี่ยระหวา่ ง 1.00-1.49 หมายถึง รายการตรวจสอบมีความเหมาะสมในระดับน้อย ท่สี ดุ โดยพจิ ารณาคา่ ความเหมาะสมหรือสอดคลอ้ งที่มีค่าเฉลี่ยมากกว่า 3.50 ข้ึนไปและส่วน เบ่ียงเบนมาตรฐานน้อยกวา่ 1.00 แสดงว่าข้อความมคี วามเหมาะสมหรือสอดคลอ้ งสามารถนาไปใช้ได้ (มาเรียม นิลพนั ธุ์, 2558: 179) ซ่ึงพบว่า ผลการตรวจสอบคุณภาพของแบบตรวจสอบองค์ประกอบ และคณุ ภาพหลกั สตู รสถานศกึ ษา มผี ลการประเมินความเหมาะสมระหว่างรายการตรวจสอบกับสิ่งที่ ต้องการวัดพบวา่ ผลการตรวจสอบคุณภาพหลกั สตู รสถานศึกษาทุกรายการมีค่าเฉล่ีย 5.00 และส่วน เบยี่ งเบนมาตรฐาน 0.00 แสดงว่าแบบตรวจสอบฉบับน้ี มีความเหมาะสมในระดับมากท่ีสุด สามารถ นาไปเกบ็ รวบรวมข้อมูลได้ 5.4 นาแบบตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตรสถานศึกษาท่ีผ่านการ ตรวจสอบคณุ ภาพโดยผเู้ ช่ยี วชาญเรียบรอ้ ยแล้วมาแก้ไข/ปรับปรุงตามคาแนะนาในด้านภาษาท่ีใช้สื่อ ความหมายในคาชีแ้ จงจากข้อความ “แบบตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตรสถานศึกษา ฉบับน้ี สร้างข้ึนเพ่ือเก็บรวบรวมข้อมูลการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา” เป็น “แบบตรวจสอบ องค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตรสถานศึกษาฉบับนี้ นามาใช้ในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของ เอกสารหลักสูตรสถานศกึ ษา” 5.5 จดั พมิ พ์แบบตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตรสถานศึกษาฉบับสมบูรณ์ และ นาไปเก็บรว บร วมข้อมูลกั บ คณะก รร มก าร ฝ่าย วิชาก ารของ โร งเรียน สาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา เพื่อตอบ วัตถุประสงค์ข้อท่ี 2 ด้านบริบท ของการวจิ ัยประเมินหลกั สตู รครงั้ น้ี
121 6. ประเด็นสนทนำกลุ่มเก่ียวกับปัญหำและแนวทำงกำรพัฒนำและปรับปรุงหลักสูตร โรงเรียนสำธิตแห่งมหำวิทยำลัยเกษตรศำสตร์ วิทยำเขตกำแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนำ กำรศึกษำ ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พุทธศักรำช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ประเด็นสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion Guidelines) ฉบับน้ี ใช้เป็น เคร่ืองมือสาหรับจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion : FGD) มีจานวนผู้ร่วมสนทนากลุ่ม ท้ังหมด 5 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ตัวแทนนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4-6 จานวน 12 คน และตัวแทน นักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1-2 และช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4-5 รวมจานวน 12 คน (หลักสูตรปกติ 8 คน และหลักสูตร English Program 4 คน) กลุ่มท่ี 2 ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน แบ่งการสนทนากลุ่ม ออกเป็น 2 กลุม่ ย่อย คือ 3.1) กลุม่ ตัวแทนผปู้ กครองนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1-6 จานวน 10 คน และ3.2) ตวั แทนผปู้ กครองนักเรยี นหลักสตู รปกติชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1-2 และชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4-5 จานวน 6 คน และหลกั สูตร English Program 4 คน รวมจานวน 10 คน รวมกลุ่มตัวแทนผู้ปกครอง นักเรียนทั้งหมด 20 คน กลุ่มท่ี 3 อาจารย์และผู้บริหาร ประกอบด้วย อาจารย์ผู้สอน หัวหน้ากลุ่ม สาระการเรียนรู้ หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หัวหน้างานวัดและประเมินผล และผู้บริหาร โรงเรยี น รวมจานวน 12 คน กลุ่มที่ 4 ผทู้ รงคณุ วฒุ ิด้านหลักสูตร การสอน และการประเมินผล รวม จานวน 6 คน สาหรับกลุ่มที่ 4 ผู้วิจัยปรับวิธีการจากการสนทนากลุ่มเป็นการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นรายบุคคลผา่ นออนไลน์โดยใช้วธิ ีการสัมภาษณ์ทางวิดีโอ Google Meet เนื่องมาจากสถานการณ์ ไม่ปกติกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ซ่ึงใช้ประเด็นสัมภาษณ์ชุดเดียวกับ ประเดน็ สนทนากลมุ่ โดยมีข้ันตอนการสร้างและพฒั นาเครอื่ งมือดังนี้ 6.1 ศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี หลักการ และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับหลักสูตร การ บริหารจดั การหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล รูปแบบการประเมินหลักสูตร และ เทคนคิ การจดั สนทนากลุ่มและการสร้างประเดน็ สนทนากลุ่ม 6.2 ร่างประเด็นสนทนากลุ่มเก่ียวกับปัญหาและแนวทางการพัฒนาและปรับปรุง หลักสตู ร จานวน 6 ประเด็น ครอบคลุมองค์ประกอบของการประเมินหลักสูตร 5 ด้าน โดยประเด็น ขอ้ 1 ดา้ นบริบท ข้อ 2 ดา้ นปจั จยั นาเขา้ ข้อ 3-4 ด้านกระบวนการ ข้อ 5 ดา้ นผลผลติ และข้อ 6 ด้าน ผลกระทบ ทั้งหลักสูตรปกติและหลักสูตร English Program ใช้เคร่ืองมือประเด็นสนทนากลุ่มฉบับ เดียวกัน โดยประเด็นสนทนากลุ่มฉบับร่างน้ีมีลักษณะเป็นข้อคาถามปลายเปิดสาหรับผู้ร่วมสนทนา กลุ่ม 5 กลุ่มข้างต้นได้แสดงความคิดเห็นตามความเป็นจริงจานวน 6 ประเด็น แต่ละประเด็นเป็น ขอ้ ความท่ีสอดคล้องกับองค์ประกอบของการประเมินหลกั สูตรตามแนวคดิ CIPPI Model ดงั นี้ 1) ท่านคิดว่าหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ศนู ยว์ ิจยั และพฒั นาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ที่พัฒนาข้ึนตามกรอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ซึ่งเป็นหลักสูตรอิงมาตรฐานนั้น ช่วยให้ผู้เรียนบรรลุ จุดมุ่งหมายและเป้าหมายของหลกั สตู รไดห้ รอื ไม่ เพียงใด และควรมีแนวทางการพัฒนาและปรับปรุง หลกั สตู รอย่างไร (ดา้ นบรบิ ท)
122 2) ท่านคิดว่า หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ท่ีพัฒนาขึ้นตามกรอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560) ควรเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง และชุมชนเข้ามามี สว่ นร่วมในการจัดการศึกษาหรอื ไม่ เพยี งใด และเปน็ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาคุณภาพผู้เรียน และการ จดั การเรยี นการสอนของโรงเรียนอย่างไร (ดา้ นปัจจัยนาเขา้ ) 3) ทา่ นคดิ วา่ มีปจั จยั สาคญั ใดบ้างที่จะช่วยขับเคล่ือนการนาหลักสูตรสถานศึกษา สู่ช้นั เรยี น และควรมีวิธกี ารหรือแนวทางในการดาเนนิ การอยา่ งไรใหเ้ กิดประสทิ ธิผลสงู สุดตอ่ ผเู้ รยี นใน ศตวรรษที่ 21 (ด้านกระบวนการ) 4) ท่านคิดว่าโรงเรยี นสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาการศึกษา ควรมี “รปู แบบการพฒั นาหลกั สตู ร”อย่างไร เพ่ือให้ครูสามารถพัฒนา คุณภาพผู้เรียนสู่เป้าหมายของหลักสูตรได้สาเร็จ ตามองค์ประกอบคือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการ การวัดและประเมินผล และปจั จยั สนบั สนุน (ดา้ นกระบวนการ) 5) ท่านคิดวา่ คณุ ลกั ษณะของครแู ละนักเรยี นทีพ่ ึงประสงค์ ของโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ควรมีลักษณะ อยา่ งไร (ดา้ นผลผลิต) 6) ท่านคิดว่า หลักสูตรสถานศึกษาฯแห่งนี้ สามารถพัฒนานักเรียนได้ตรงตาม ความต้องการของสถาบันท่ีจะรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพหรือไม่ อย่างไร และ อาจารยม์ ีการเผยแพร่ผลงาน หรอื ใหบ้ ริการวชิ าการมากน้อยเพยี งใด อยา่ งไรบา้ ง (ด้านผลกระทบ) 6.3 ตรวจสอบคุณภาพของประเด็นสนทนากลุ่มในด้านความเท่ียงตรงตามเน้ือหา (content validity) โดยนาประเด็นสนทนากลุ่มไปให้ผู้เช่ียวชาญประเมินความเหมาะสมระหว่างข้อ คาถามกับส่ิงท่ีต้องการวัด ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจานวน 5 คน ได้แก่ ผู้เช่ียวชาญด้านการนิเทศ การศึกษา 2 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินหลักสูตร 2 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนและการ ประเมินผล 1 คน พิจารณาความเหมาะสมตามเกณฑ์การให้คะแนน 5, 4, 3, 2 และ1 หมายถึง ข้อ คาถามมีความเหมาะสมในระดับมากท่ีสุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด ตามลาดับ นามาหา คา่ เฉลย่ี ( X ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เป็นรายข้อของประเด็นสนทนากลุ่มเก่ียวกับปัญหา และแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร แล้วนาค่าเฉลี่ยมาเทียบกับเกณฑ์ระดับคุณภาพของ ประเด็นสนทนากลมุ่ ดังนี้ (มาเรยี ม นลิ พันธ์ุ, 2558: 196) คา่ เฉลยี่ ระหวา่ ง 4.50-5.00 หมายถงึ ข้อคาถามมีความเหมาะสมในระดับมากทีส่ ุด คา่ เฉล่ยี ระหวา่ ง 3.50-4.49 หมายถงึ ข้อคาถามมีความเหมาะสมในระดับมาก ค่าเฉล่ยี ระหวา่ ง 2.50-3.49 หมายถงึ ข้อคาถามมคี วามเหมาะสมในระดบั ปานกลาง ค่าเฉลย่ี ระหวา่ ง 1.50-2.49 หมายถึง ข้อคาถามมีความเหมาะสมในระดับนอ้ ย ค่าเฉลยี่ ระหวา่ ง 1.00-1.49 หมายถงึ ข้อคาถามมีความเหมาะสมในระดับนอ้ ยที่สุด โดยพิจารณาค่าความเหมาะสมหรือสอดคลอ้ งที่มีค่าเฉลี่ยมากกว่า 3.50 ขึ้นไปและส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานน้อยกว่า 1.00 แสดงวา่ ข้อความมีความเหมาะสมหรือสอดคลอ้ งสามารถนาไปใช้ได้ (มาเรียม นลิ พันธุ์, 2558: 179) ซ่งึ พบวา่ ผลการตรวจสอบคุณภาพของแบบสัมภาษณ์ปัญหาและแนว ทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีผลการประเมินความ
123 เหมาะสมระหว่างขอ้ คาถามกบั สิง่ ทีต่ อ้ งการวัดพบวา่ ทุกขอ้ คาถามมีค่าเฉลี่ย 5.00 และส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน 0.00 แสดงว่าประเด็นสนทนากลุ่มฉบบั น้มี คี วามเหมาะสมในระดับมากท่ีสุด สามารถนาไป เกบ็ รวบรวมข้อมลู ได้ 6.4 นาประเด็นสนทนากลุ่มที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เช่ียวชาญเรียบร้อยแล้ว มาแก้ไข/ปรับปรุงตามคาแนะนา โดยมีการปรับข้อคาถามให้สอดคล้องกับสิ่งท่ีต้องการศึกษาคือ ปัญหาและแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร รวมทั้งปรับข้อคาถามให้สอดคล้องกับระดับ ความสามารถในการส่ือสารของนกั เรียนในกรณีทีน่ าเครอ่ื งมือฉบับนไ้ี ปใช้กบั นกั เรยี น 6.5 จัดพิมพ์ประเด็นสนทนากลุ่มฉบับสมบูรณ์ และนาไปเก็บรวบรวมข้อมูลกับ กลุ่มเป้าหมายซ่ึงประกอบด้วย นักเรียน ผู้ปกครอง อาจารย์ ผู้บริหาร และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อตอบ วัตถปุ ระสงคข์ อ้ ท่ี 3 ของการวจิ ัยประเมนิ หลักสูตรครงั้ นี้ กำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู 1. ศึกษาสภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบันและความต้องการประเมิน หลักสูตรสถานศึกษาตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 1 โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลพ้ืนฐำนจำก เอกสำรที่เกย่ี วข้อง ได้แก่ 1) ข้อมูลทั่วไปของนักเรียนและอาจารย์ผู้สอนหลักสูตรปกติและหลักสูตร English Program ผบู้ รหิ ารโรงเรียน และผปู้ กครอง 2) ข้อมลู ผลการประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการเขียน ของ นกั เรยี นทีเ่ รียนในปกี ารศึกษา 2560-2562 3) ข้อมูลผลการดาเนินงานพัฒนาวิชาการท่ีเน้นคุณภาพ ผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตรสถานศึกษาและทุกกลุ่มเป้าหมาย ปีการศึกษา 2562 และ4) ข้อมูลผล การพฒั นากระบวนการจดั การเรยี นการสอนทีเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ปีการศึกษา 2562 และมีการเก็บ รวบรวมข้อมูลความคิดเห็นเก่ียวกับสภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบันและความ ต้องการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาจากผู้ให้ข้อมูล 2 ส่วน คือ 1) สัมภาษณ์ผู้บริหารโรงเรียนใน สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (สพฐ.) และสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน (อปท.) และสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) โดยใช้แบบ สมั ภาษณ์สภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบัน และ 2) จัดสนทนากลมุ่ คณะกรรมการฝา่ ยวชิ าการของโรงเรยี นสาธติ แหง่ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยา เขตกาแพงแสน ศูนยว์ จิ ยั และพัฒนาการศกึ ษา ซ่ึงประกอบด้วย หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่ม หัวหน้างานวัดและประเมินผล หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และหัวหน้างานแนะแนว โดยใช้ ประเด็นสนทนากลุ่มสภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาใน ปัจจบุ ันในการเก็บรวบรวมข้อมูล นาผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานจากเอกสาร ข้อมูลผลการสัมภาษณ์ และสนทนากลมุ่ จากผ้ใู หข้ อ้ มูลทั้ง 2 ส่วนมาสังเคราะห์ร่วมกันเพ่ือให้ทราบปัญหาและความต้องการ จาเป็นของการประเมินหลักสตู รสถานศกึ ษาด้วยวธิ ีการวิเคราะหเ์ น้ือหา (Content Analysis) และนา ผลการวิเคราะห์ดังกล่าวไปออกแบบและกาหนดรูปแบบในการประเมินหลักสูตรให้สอดคล้องกับ ปัญหาและความตอ้ งการจาเป็นของการประเมินหลกั สตู รสถานศึกษา 2. ประเมินหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศนู ย์วจิ ัยและพฒั นาการศึกษา ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ
124 ปรับปรุง พ.ศ.2560) ในด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้าน ผลกระทบ โดยจาแนกเป็นหลกั สูตรปกติ และหลักสูตร English Program ตามวัตถุประสงค์การวิจัย ข้อที่ 2 มกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากการสอบถามความคดิ เหน็ ของนกั เรยี น อาจารย์ผู้สอนและหัวหน้า กลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีมีต่อหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ศนู ยว์ ิจยั และพฒั นาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) โดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อหลักสูตรสถานศึกษาที่มี องค์ประกอบของรปู แบบการประเมินหลักสูตร CIPPI Model 5 ด้าน มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้าน บริบทเพ่ิมเติมด้วยการวิเคราะห์ความเหมาะสมของรายวิชาและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหลักสูตร สถานศึกษาจากคณะกรรมการฝา่ ยวิชาการของโรงเรยี น ซงึ่ มปี ระเด็นของรายวิชาและกิจกรรมพัฒนา ผเู้ รยี นในหลักสตู รอยู่ในเครอื่ งมอื ฉบบั เดียวกับแบบสอบถามความคิดเห็นท่ีมีต่อหลักสูตรสถานศึกษา รวมทั้งกาหนดให้มีการตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตรสถานศึกษา โดยใช้แบบ ตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลกั สตู รสถานศกึ ษา นอกจากน้ี ผู้วิจัยได้นาข้อมูลความคิดเห็นของนักเรียน และอาจารย์ผู้สอนท่ีมีต่อ หลักสตู รสถานศึกษามาประมวลผลร่วมกนั เพอ่ื ให้มองเห็นภาพความคิดเห็นโดยภาพรวมของนักเรียน และอาจารย์ผสู้ อนท่ีมีต่อหลักสตู รโรงเรียนสาธิตแหง่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาการศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560) ได้ชัดเจนมากข้ึน ผู้วิจัยจึงนาเสนอผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นทั้งในภาพรวม ของหลกั สูตรและตามองค์ประกอบของการประเมินหลักสูตร CIPPI Model 5 ด้าน ได้แก่ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ และนาเสนอเป็นกราฟ โดย จาแนกเป็นหลักสูตรปกติ และหลักสูตร English Program วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้วิธีการ หาคา่ เฉลีย่ ( X ) และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) และข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) 3. ศึกษาปัญหาและเสนอแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) โดยจาแนกเป็น หลักสตู รปกติ และหลกั สูตร English Program ตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อท่ี 3 ด้วยการจัดสนทนา กลมุ่ 5 กลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 12 คน โดยมีผูใ้ หข้ ้อมลู ได้แก่ นักเรยี น ผูป้ กครอง อาจารย์ ผู้บริหาร และ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากความคิดเห็นของกลุ่มผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาและแนว ทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร โดยใช้เคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ ประเด็นสนทนา กลุม่ เกีย่ วกบั ปญั หาและแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษามี 6 ประเด็น นาไปจัด สนทนากลมุ่ 4 กลุ่ม ดังน้ี กลมุ่ ที่ 1 กลมุ่ นักเรยี น จัดสนทนากลุ่มเปน็ กล่มุ ย่อย 2 กลุ่ม คือ 1) ตัวแทนนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 4-6 จานวน 12 คน และ2) ตัวแทนนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1-2 และช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 4-5 รวมจานวน 12 คน (หลักสูตรปกติ 8 คน และหลักสูตร English Program 4 คน)
125 กลมุ่ ที่ 2 กล่มุ ผูป้ กครอง จดั สนทนากลมุ่ เปน็ กลุ่มยอ่ ย 2 กลุม่ คอื 1) ตัวแทนผู้ปกครอง นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1-6 จานวน 10 คน และ2) ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียนหลักสูตรปกติชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1-2 และช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4-5 จานวน 6 คน และหลักสูตร English Program 4 คน รวมจานวน 10 คน รวมกลุม่ ตวั แทนผ้ปู กครองนกั เรียนทัง้ หมด 20 คน กลุ่มท่ี 3 กลุ่มอำจำรย์และผู้บริหำร ประกอบด้วย อาจารย์ผู้สอน หัวหน้ากลุ่มสาระ การเรียนรู้ หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หัวหน้างานวัดและประเมินผล และผู้บริหารโรงเรียน รวมจานวน 12 คน กลุ่มท่ี 4 กล่มุ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ ด้านหลกั สตู ร การสอน และการประเมินผล รวมจานวน 6 คน ผู้วิจัยทาหน้าที่เป็นผู้ดาเนินการสนทนากลุ่ม (Moderator) กับผู้ให้ข้อมูลทุกกลุ่ม จากนั้นนาข้อมูลท่ีได้จากการจัดสนทนากลุ่มไปวิเคราะห์ด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) โดยจาแนกข้อมูลเป็นหลักสูตรปกติ และหลักสูตร English Program ในแต่ละหลักสูตร ผู้วิจัยสรุปผลการสนทนากลุ่ม โดยสังเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูลท้ัง 4 กลุ่มในแต่ละ ประเด็นซ่ึงแต่ละประเด็นจะระบุข้อความที่สอดคล้องกับองค์ประกอบของการประเมินหลักสูตรไว้ ชัดเจนโดยมีประเด็นสนทนากลุ่มครบทุกองค์ประกอบของการประเมินหลักสูตร 5 ด้าน คือ ด้าน บริบท ดา้ นปจั จัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ 4. ผู้วิจัยนาผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาสภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาใน ปัจจุบันและความต้องการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 1 ผลการ ประเมนิ หลกั สูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและ พัฒนาการศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ในดา้ นบรบิ ท ด้านปจั จยั นาเข้า ดา้ นกระบวนการ ด้านผลผลิต และดา้ นผลกระทบ โดยจาแนก เป็นหลักสูตรปกติ และหลักสูตร English Program ตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 2 และผล การ ศึก ษาปัญ หาและ แน วทาง ก ารพัฒ น าและ ปรับปรุง หลักสูตร โ ร งเรียน สาธิ ตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) โดยจาแนกเป็น หลักสูตรปกติ และหลักสูตร English Program ตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 3 มาสังเคราะห์ รว่ มกนั ทาให้ทราบประเดน็ ปญั หาทีช่ ัดเจนพร้อมกับเสนอแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรท่ี ตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้ที่เก่ียวข้องสามารถนาข้อค้นพบจากการประเมินหลักสูตรคร้ังน้ีไปใช้ เป็นแนวทางในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษาในโอกาสตอ่ ไป กำรวเิ ครำะหข์ ้อมูล การวิจัยประเมินหลักสูตรครั้งนี้ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการที่หลากหลายเพ่ือให้ ครอบคลุมส่ิงที่ต้องการศึกษาจากมุมมองในหลายมิติอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการประเมิน หลักสูตร ซ่ึงต้องใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล 6 ฉบับ แบ่งออกเป็น เครื่องมือท่ีใช้เก็บ รวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพ หลกั สตู ร จะนามาวิเคราะห์โดยการหาค่าความถี่ (Frequency) และร้อยละ (%) สาหรับรายงานผล
126 เก่ยี วกับข้อมูลท่ัวไป ส่วนค่าเฉล่ีย ( X ) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ใช้ในการวิเคราะห์ระดับ ความคิดเห็น ระดับความเหมาะสม และระดับคุณภาพ เทียบกับเกณฑ์การแปลความหมายของ เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณ ส่วนเครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ ได้แก่ แบบ สัมภาษณ์ และประเด็นสนทนากลุ่ม ผลท่ีได้จากการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่มจากข้อคาถาม ปลายเปิด ข้อคดิ เห็นและข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม ผู้วิจัยนามาจัดหมวดหมู่และลาดับคาตอบ แล้วนามา วิเคราะหโ์ ดยใชว้ ธิ ีการวเิ คราะหเ์ นอ้ื หา (Content Analysis) และนาเสนอผลการวิเคราะห์ในลักษณะ ความเรยี ง ท้งั น้ีผวู้ ิจยั ขอนาเสนอความสัมพนั ธ์ของการวเิ คราะห์ขอ้ มูลดงั ตารางที่ 6 ตำรำงท่ี 6 ความสมั พนั ธข์ องการวิเคราะห์ข้อมูล วตั ถุประสงค์กำรวิจัย เคร่อื งมือท่ใี ชใ้ นกำรวิจยั ผู้ให้ข้อมลู กำรวิเครำะห์ข้อมูล ผู้บริหารโรงเรยี น และสถิติท่ใี ช้ในกำร วตั ถุประสงค์กำรวิจยั ขอ้ 1 1. แบบสมั ภาษณส์ ภาพปญั หา สงั กัด สพฐ. อปท. เพ่อื ศึกษาสภาพปัญหาของ และความตอ้ งการจาเป็น และอว. วเิ ครำะห์ขอ้ มลู หลักสูตรสถานศกึ ษาในปัจจุบนั ของการประเมินหลกั สูตร คณะกรรมการฝา่ ย การวเิ คราะห์เนือ้ หา และความต้องการประเมนิ สถานศึกษาในปจั จุบนั วิชาการ (Content Analysis) หลักสตู รสถานศึกษา 2. ประเด็นสนทนากลมุ่ สภาพ ปญั หาและความต้องการ นักเรียน การวิเคราะห์เนอ้ื หา วตั ถปุ ระสงค์กำรวจิ ยั ขอ้ 2 จาเปน็ ของการประเมิน (Content Analysis) เพอ่ื ประเมินหลักสตู รโรงเรียน หลกั สูตรสถานศกึ ษาใน อาจารยผ์ สู้ อนและ สาธติ แหง่ ปัจจุบนั หัวหนา้ กลุม่ สาระการ 1. คา่ เฉลย่ี ( X ) มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ 3. แบบสอบถามความคดิ เห็น เรียนรู้ 2. ส่วนเบี่ยงเบน วิทยาเขตกาแพงแสน ศนู ย์วิจัย ของนักเรยี นทม่ี ตี ่อหลักสูตร มาตรฐาน (S.D.) และพัฒนาการศึกษา ตาม สถานศึกษา คณะกรรมการฝา่ ย 3. การวเิ คราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษา วชิ าการ เนือ้ หา (Content ขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 4. แบบสอบถามความคดิ เห็น Analysis) (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560) ใน ของอาจารยท์ ่ีมตี อ่ หลักสตู ร 1. ค่าเฉลีย่ ( X ) ดา้ นบรบิ ท ดา้ นปจั จัยนาเข้า สถานศกึ ษา 2. สว่ นเบี่ยงเบน ด้านกระบวนการ ด้านผลผลติ มาตรฐาน (S.D.) และดา้ นผลกระทบ โดยจาแนก 5. แบบตรวจสอบ 3. การวิเคราะห์ เปน็ หลกั สตู รปกติ และ องคป์ ระกอบและคณุ ภาพ เน้ือหา (Content หลักสตู ร English Program หลักสตู รสถานศกึ ษา Analysis) 1. คา่ เฉลยี่ ( X ) 2. ส่วนเบีย่ งเบน มาตรฐาน (S.D.) 3. การวิเคราะห์ เนอ้ื หา (Content
127 วตั ถปุ ระสงคก์ ำรวิจัย เครื่องมือที่ใชใ้ นกำรวิจยั ผใู้ หข้ อ้ มูล กำรวิเครำะหข์ ้อมลู และสถิติท่ใี ช้ในกำร วตั ถุประสงค์กำรวิจยั ขอ้ 3 6. ประเดน็ สนทนากลุม่ 1. นกั เรียน เพื่อศึกษาปัญหาและเสนอแนว เกย่ี วกับปัญหาและแนว 2. ผูป้ กครอง วเิ ครำะห์ข้อมลู ทางการพัฒนาและปรับปรงุ ทางการพัฒนาและปรบั ปรงุ 3. อาจารย์และ หลักสตู รโรงเรยี นสาธิตแห่ง หลกั สตู รโรงเรยี นสาธิตแห่ง ผบู้ ริหาร Analysis) มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ 4. ผทู้ รงคุณวุฒิ วทิ ยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัย วิทยาเขตกาแพงแสน การวิเคราะห์เนอื้ หา (Content Analysis) และพฒั นาการศกึ ษา ตาม ศูนยว์ ิจยั และพฒั นาการศกึ ษา หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลาง ขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) โดย พุทธศักราช 2551 (ฉบับ จาแนกเป็นหลกั สูตรปกติ และ ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560) หลกั สตู ร English Program สถิตทิ ใี่ ชใ้ นกำรวเิ ครำะหข์ อ้ มลู 1. สถิติท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์คณุ ภาพเครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการวิจยั ไดแ้ ก่ คา่ เฉลี่ย ( X ) และส่วน เบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) 2. สถิติท่ีใช้ในวิเคราะห์ข้อมูลวิจัย ได้แก่ ความถี่ (frequency) ร้อยละ (%) ค่าเฉล่ีย ( X ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวเิ คราะห์เนือ้ หา (Content Analysis) กำรนำเสนอขอ้ มลู การนาเสนอข้อมูลจากผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยนาเสนอข้อมูลเชิงปริมาณในรูปแบบ ของตาราง และกราฟ และนาเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพในลักษณะความเรียงร่วมกับการ Quote ขอ้ ความของผู้ให้ขอ้ มูลทชี่ ว่ ยใหผ้ ลการวิจยั เชงิ คณุ ภาพมีความชัดเจน ทั้งนี้การนาเสนอผลการวิจัยจะ เรียงลาดับตามวตั ถุประสงค์การวิจัย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 474
Pages: