217 ตารางที่ 30 ผลการวิเคราะห์ความเหมาะสมของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหลักสูตรโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) หลกั สตู รปกติ กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนในหลกั สตู ร ระดบั ความเหมาะสม (จานวนเวลาเรยี น) X S.D. ความหมาย ลาดบั ท่ี 1. กิจกรรมแนะแนว 1.1 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1-6 (1 คาบ/สัปดาห์) 4.49 0.79 มาก 1 1.2 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 (1 คาบ/สัปดาห์) 4.48 0.78 มาก 2 1.3 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4-6 (1 คาบ/สัปดาห์) 4.44 0.83 มาก 3 สรปุ กจิ กรรมแนะแนว 4.48 0.79 มาก 2. กิจกรรมลกู เสอื 2.1 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1-6 (1 คาบ/สัปดาห)์ 4.57 0.75 มากทีส่ ุด 1 2.2 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1-3 (1 คาบ/สัปดาห)์ 4.56 0.75 มากทส่ี ุด 2 สรปุ กจิ กรรมลูกเสือ 4.57 0.75 มากทส่ี ดุ 3. กิจกรรมชมรม 3.1 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1- ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 4.53 0.69 มากทีส่ ุด 1 (2 คาบ/สัปดาห์) 3.2 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 - ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 4.33 0.89 มาก 2 (3 คาบ/สัปดาห์) สรุปกจิ กรรมชมรม 4.43 0.68 มาก 4. กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ 4.1 ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1-6 1) กจิ กรรมโรงเรยี นนา่ อยู่ (ภายใน) 4.55 0.66 มากท่ีสดุ 2 2) กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 4.47 0.80 มาก 4 (นอกเวลา) 4.2 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1-3 3) กจิ กรรมรกั โรงเรยี น (ภายใน) 4.56 0.67 มากที่สุด 1 4) กิจกรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ 4.45 0.80 มาก 5 (นอกเวลา) 4.3 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 5) กิจกรรมจิตอาสา 4.52 0.72 มากที่สดุ 3 สรุปกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 4.51 0.67 มากทสี่ ดุ สรปุ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน 4.50 0.64 มากท่ีสดุ ของหลกั สูตรในภาพรวม
218 จากตารางท่ี 30 ผลการประเมินความเหมาะสมของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหลักสูตร โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) หลักสูตร ปกติ ซึ่งประกอบด้วย 4 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมลูกเสือ กิจกรรมชมรม และ กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ พบว่า ในภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X =4.50, S.D.=0.64) เมื่อพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละกิจกรรม พบว่า กิจกรรมท่ีมีความ เหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดมี 2 กิจกรรมคือ กิจกรรมลูกเสือ และกิจกรรมเพ่ือสังคมและ สาธารณประโยชน์ ( X =4.57, S.D.=0.75 และ X =4.51, S.D.=0.67 ตามลาดับ) ส่วนกิจกรรมท่ีมี ความเหมาะสมอย่ใู นระดับมากคือ กิจกรรมแนะแนว และกิจกรรมชมรม ( X =4.48, S.D.=0.79 และ X =4.43, S.D.=0.68 ตามลาดบั ) ซึง่ พบวา่ กิจกรรมแนะแนวชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1-6 มีค่าเฉลี่ยของ ระดับความเหมาะสมมากทส่ี ดุ รองลงมาคอื ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1-3 และน้อยท่ีสุดคือ ช้ันมัธยมศึกษา ปีที่ 4-6 ( X =4.49, S.D.=0.79, X =4.48, S.D.=0.78 และ X =4.44, S.D.=0.83 ตามลาดับ) กิจกรรมลกู เสือ พบว่าระดับช้นั ทีม่ ีค่าเฉล่ยี ของระดบั ความเหมาะสมมากที่สุดคือ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1-6 รองลงมาคือ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 ( X =4.57, S.D.=0.75 และ X =4.56, S.D.=0.75 ตามลาดบั ) กจิ กรรมชมรม พบว่า ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1- ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 มีค่าเฉล่ียของระดับ ความเหมาะสมมากที่สุด รองลงมาคือ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 - ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ( X =4.53, S.D.=0.69 และ X =4.33, S.D.=0.89 ตามลาดับ) และกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ พบว่า กิจกรรมท่ีมีค่าเฉลี่ยของระดับความเหมาะสมมากท่ีสุดคือ กิจกรรมรักโรงเรียน รองลงมาคือ กิจกรรมโรงเรียนน่าอยู่ และน้อยท่ีสุดคือ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ( X =4.56, S.D.=0.67, X =4.55, S.D.=0.66 และ X =4.45, S.D.=0.80 ตามลาดบั ) ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม อาจารย์ผู้สอนหลักสูตรปกติได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับความ เหมาะสมของกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นดงั นี้ 1. กิจกรรมแนะแนวทุกระดับช้ันควรมีคู่มือกิจกรรมการเรียนการสอนและการ ประเมินผลนักเรียน และเน้นแนวโนม้ การเลอื กอาชีพในอนาคตท่ีมีความเป็นไปไดข้ องนกั เรียน 2. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ควรปรับเปล่ียนวิธีการประเมินผลให้ สะท้อนถงึ การปฏบิ ัติจรงิ มากกว่าการถ่ายภาพมาส่งอาจารย์เพียงอย่างเดียว 3. กิจกรรมจิตอาสา ควรปรบั วธิ ีการประเมินและปลูกฝังจิตใตส้ านึกใหน้ กั เรียน ตารางที่ 31 ผลการวิเคราะห์ความเหมาะสมของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหลักสูตรโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) หลักสูตร English Program ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนในหลักสตู ร ระดบั ความเหมาะสม (จานวนเวลาเรยี น) X S.D. ความหมาย ลาดับที่ 1. กจิ กรรมแนะแนว (1 คาบ/สัปดาห์) 4.67 0.59 มากที่สุด 2. กิจกรรมลูกเสอื (1 คาบ/สัปดาห์) 4.78 0.43 มากท่ีสดุ
219 กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนในหลกั สูตร ระดับความเหมาะสม (จานวนเวลาเรยี น) X S.D. ความหมาย ลาดบั ที่ 3. กจิ กรรมชมรม (2 คาบ/สปั ดาห)์ 4.67 0.59 มากที่สุด 4. กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 4.1 กิจกรรมรกั โรงเรียน (ภายใน) 4.67 0.59 มากท่สี ุด 1 4.2 กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ 4.67 0.59 มากทส่ี ุด 1 (นอกเวลา) สรปุ กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 4.67 0.59 มากทส่ี ุด สรปุ กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี นของหลักสูตร 4.69 0.48 มากท่สี ดุ ในภาพรวม จากตารางที่ 31 ผลการประเมินความเหมาะสมของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหลักสูตร โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) หลักสูตร English Program ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซ่ึงประกอบด้วย 4 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมลูกเสือ กิจกรรมชมรม และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ พบว่า ในภาพรวม มี ความเหมาะสมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X =4.69, S.D.=0.48) เมื่อพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละ กิจกรรม พบว่า ทุกกิจกรรมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากท่ีสุด โดยมีค่าเฉล่ียของระดับความ เหมาะสมมากทีส่ ุดคอื กจิ กรรมลกู เสือ ( X =4.78, S.D.=0.43) รองลงมามีค่าเฉล่ียเท่ากัน 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมชมรม และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ( X =4.67, S.D.=0.59) อย่างไรก็ตาม เพ่ือให้มองเห็นภาพความคิดเห็นของนักเรียนและอาจารย์ผู้สอนที่มีต่อ หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนา การศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ได้ชัดเจนมากข้ึน ผู้วิจัยจึงนาเสนอผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นท้ังในภาพรวมของหลักสูตรและ องคป์ ระกอบของการประเมินรายด้าน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และดา้ นผลกระทบ ตามแนวทางการประเมิน CIPPI Model ประกอบด้วยความคิดเห็น ของนกั เรียน อาจารย์ผู้สอน และภาพรวมความคิดเห็นทมี่ ีต่อหลักสตู รของนักเรียนและอาจารย์ผู้สอน โดยจาแนกเปน็ หลักสตู รปกติ และหลักสูตร English Program ดงั ตารางที่ 32-33 และนาเสนอกราฟ ดงั แผนภาพท่ี 6-7 ตามลาดบั
220 ตารางที่ 32 ความคิดเห็นของนกั เรยี นและอาจารย์ผ้สู อนทม่ี ีตอ่ หลักสูตรโรงเรียนสาธ การศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับป องค์ประกอบ ระดบั ความคดิ เห็นของนักเรยี น ระ ของการประเมนิ หลักสูตร N = 445 คน 1. ด้านบริบท (C : Context) X S.D. ความหมาย ลาดบั ที่ X 3.27 0.63 ปานกลาง 4 4. 2. ด้านปัจจัยนาเข้า (I : Input) 3.39 0.72 ปานกลาง 2 3. 3. ด้านกระบวนการ (P : Process) 3.23 0.67 ปานกลาง 5 4. 4. ด้านผลผลิต (P : Product) 3.36 0.74 ปานกลาง 3 4. 5. ด้านผลกระทบ (I : Impact) 3.52 0.73 มาก 1 3. สรปุ ภาพรวม 5 ดา้ น 3.33 0.61 ปานกลาง 4. จากตารางท่ี 32 พบว่า ผลการประเมนิ หลักสูตรโรงเรยี นสาธิตแห่งมหาว ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ หลักสูตรปกติ มีความคิดเห็นต่อหลักสูตรในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( X =3.45 ของการประเมินหลกั สูตรเป็นรายดา้ นพบวา่ มคี วามคดิ เห็นอยใู่ นระดบั มาก ในด้านผล ด้าน โดยเรียงลาดับจากด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากไปน้อย คือ ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านผลผ S.D.=0.76, X =3.42, S.D.=0.70, X =3.39, S.D.=0.73 ตามลาดับ)
ธติ แหง่ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนยว์ ิจัยและพัฒนา ปรุง พ.ศ.2560) ในภาพรวม และจาแนกเปน็ รายดา้ น ของหลักสูตรปกติ ะดับความคดิ เหน็ ของอาจารย์ผสู้ อน สรุประดับความคิดเห็น N = 89 คน ของนกั เรียนและอาจารย์ผ้สู อน X S.D. ความหมาย ลาดบั ที่ N = 534 คน .16 0.51 มาก 1 .99 0.62 มาก 4 X S.D. ความหมาย ลาดบั ท่ี 3.42 0.70 ปานกลาง 4 3.49 0.74 ปานกลาง 2 .12 0.50 มาก 2 3.39 0.73 ปานกลาง 5 .05 0.53 มาก 3 3.48 0.76 ปานกลาง 3 .98 0.64 มาก 5 3.60 0.74 มาก 1 .09 0.48 มาก 3.45 0.65 ปานกลาง วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ศ.2560) ในภาพรวม ตามความคิดเห็นของนักเรียนและอาจารย์ผู้สอนของ 5, S.D.=0.65) และมีความคิดเห็นต่อหลักสูตรเมื่อจาแนกตามองค์ประกอบ ลกระทบ ( X =3.60, S.D.=0.74) และมคี วามคิดเหน็ อยู่ในระดับปานกลาง 4 ผลิต ด้านบริบท และด้านกระบวนการ ( X =3.49, S.D.=0.74, X =3.48,
221 เม่อื พจิ ารณาความคิดเห็นเฉพาะของนักเรียน พบว่า มีความคิดเห็นต่อหลักสูตรในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง ( X =3.33, S.D.=0.61) และเมื่อจาแนกตามองค์ประกอบของการประเมิน หลักสตู รเป็นรายด้านพบว่า นกั เรียนของหลักสูตรปกติมคี วามคดิ เหน็ ต่อหลกั สตู รด้านผลกระทบอยู่ใน ระดับมาก ( X =3.52, S.D.=0.73) และมีความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง 4 ด้าน โดยเรียงลาดับ จากด้านท่ีมคี า่ เฉล่ยี มากไปนอ้ ย คอื ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านผลผลิต ด้านบริบท และด้านกระบวนการ ( X =3.39, S.D.=0.72, X =3.36, S.D.=0.74, X =3.27, S.D.=0.63, X =3.23, S.D.=0.67 ตามลาดับ) สว่ นความคิดเห็นเฉพาะของอาจารย์ผู้สอน พบว่า มีความคิดเห็นต่อหลักสูตรในภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( X =4.09, S.D.=0.48) และเม่ือจาแนกตามองค์ประกอบของการประเมินหลักสูตร เปน็ รายด้านพบว่า อาจารย์ผู้สอนของหลักสูตรปกติมีความคิดเห็นต่อหลักสูตรอยู่ในระดับมากท้ัง 5 ด้าน โดยเรียงลาดับจากด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยมากไปน้อย คือ ด้านบริบท ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต ด้านปัจจัยนาเข้า และด้านผลกระทบ ( X =4.16, S.D.=0.51, X =4.12, S.D.=0.50, X =4.05, S.D.=0.53, X =3.99, S.D.=0.62, X =3.98, S.D.=0.64 ตามลาดบั ) โดยสรุปพบว่า นักเรียนและอาจารย์ผู้สอนของหลักสูตรปกติมีความคิดเห็นต่อหลักสูตร โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ใน ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีความคิดเห็นท่ีไม่สอดคล้องกัน คือนักเรียนมีความคิดเห็นต่อ หลักสูตรในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนอาจารย์ผู้สอนเห็นว่าอยู่ในระดับมาก สาหรับความ คิดเห็นตามองค์ประกอบของการประเมินหลักสูตรเป็นรายด้านโดยการจัดลาดับความคิดเห็นแล้ว พบว่า มีลาดับของความคิดเห็นท่ีสอดคล้องกันเพียง 1 ด้านเท่านั้น คือ ด้านผลผลิต อยู่ในลาดับที่ 3 และโดยสรุปพบวา่ นกั เรยี นมคี วามคิดเห็นในดา้ นผลกระทบเป็นลาดับท่ี 1 และด้านกระบวนการเป็น ลาดบั ท่ี 5 สว่ นอาจารย์ผูส้ อนมคี วามคิดเหน็ ในด้านบริบทเปน็ ลาดับที่ 1 และด้านผลกระทบเป็นลาดับ ท่ี 5 จากผลการประเมินหลักสูตรในภาพรวมและองค์ประกอบของการประเมินเป็นรายด้าน 5 ด้านของนกั เรยี นและอาจารย์ผู้สอนในหลกั สูตรปกติ ผู้วิจยั นาเสนอเปน็ กราฟได้ดังแผนภาพท่ี 6
222 แผนภาพท่ี 6 ความคดิ เห็นของนักเรยี นและอาจารย์ผสู้ อนของหลกั สตู รปกติท่ีมีต่อหลักสูตรโรงเรียน สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
223 ตารางท่ี 33 ความคิดเหน็ ของนกั เรียนและอาจารยผ์ ูส้ อนที่มีต่อหลกั สูตรโรงเรยี นสาธ การศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับป English Program องค์ประกอบ ระดับความคดิ เห็นของนักเรียน ระ ของการประเมนิ หลักสูตร N = 27 คน 1. ดา้ นบรบิ ท (C : Context) X S.D. ความหมาย ลาดบั ที่ X 3.52 0.54 มาก 3 4. 2. ด้านปัจจัยนาเข้า (I : Input) 3.59 0.63 มาก 2 4. 3. ด้านกระบวนการ (P : Process) 3.30 0.85 ปานกลาง 5 4. 4. ด้านผลผลิต (P : Product) 3.48 0.70 ปานกลาง 4 4. 5. ด้านผลกระทบ (I : Impact) 3.75 0.69 มาก 1 4. สรุปภาพรวม 5 ด้าน 3.52 0.59 มาก 4. จากตารางที่ 33 พบว่า ผลการประเมินหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห การศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปร ผูส้ อนของหลักสูตร English Program มีความคิดเห็นต่อหลักสตู รในภาพรวมอยใู่ นร ตามองคป์ ระกอบของการประเมินหลักสูตรเป็นรายด้านพบวา่ มีความคิดเห็นอยู่ในระ ผลกระทบ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านผลผลิต และด้านกระบวนการ ( X =3. S.D.=0.69, X =3.77, S.D.=0.84 ตามลาดบั )
ธิตแหง่ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนา ปรับปรุง พ.ศ.2560) ในภาพรวม และจาแนกเป็นรายด้าน ของหลักสูตร ะดับความคดิ เห็นของอาจารย์ผสู้ อน สรุประดบั ความคิดเห็น N = 22 คน ของนักเรยี นและอาจารย์ผสู้ อน N = 49 คน X S.D. ความหมาย ลาดบั ท่ี X S.D. ความหมาย ลาดับท่ี .20 0.48 มาก 3 3.83 0.61 มาก 2 .06 0.52 มาก 5 3.81 0.62 มาก 3 .24 0.51 มาก 1 3.77 0.84 มาก 5 .11 0.52 มาก 4 3.79 0.69 มาก 4 .21 0.67 มาก 2 3.96 0.71 มาก 1 .17 0.43 มาก 3.81 0.61 มาก ห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนา รับปรุง พ.ศ.2560) ในภาพรวม ตามความคิดเห็นของนักเรียนและอาจารย์ ระดบั มาก ( X =3.81, S.D.=0.61) และมีความคิดเห็นต่อหลักสูตรเม่ือจาแนก ะดับมากท้ัง 5 ด้าน โดยเรียงลาดับจากด้านที่มีค่าเฉล่ียมากไปน้อย คือ ด้าน .96, S.D.=0.71, X =3.83, S.D.=0.61, X =3.81, S.D.=0.62, X =3.79,
224 เม่ือพิจารณาความคิดเห็นเฉพาะของนักเรียนหลักสูตร English Program พบว่า มีความ คิดเห็นต่อหลักสูตรในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( X =3.52, S.D.=0.59) และเมื่อจาแนกตาม องค์ประกอบของการประเมินหลักสูตรเป็นรายด้านพบว่า นักเรียนมีความคิดเห็นต่อหลักสูตรอยู่ใน ระดับมาก 3 ด้าน โดยเรียงลาดับจากด้านท่ีมีค่าเฉล่ียมากไปน้อย คือ ด้านผลกระทบ ด้านปัจจัย นาเข้า และด้านบริบท ( X =3.75, S.D.=0.69, X =3.59, S.D.=0.63, X =3.52, S.D.=0.54 ตามลาดับ) และมีความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง 2 ด้าน เรียงลาดับจากด้านที่มีค่าเฉล่ียมากไป น้อย คือ ด้านผลผลิต และด้านกระบวนการ ( X =3.48, S.D.=0.70, X =3.30, S.D.=0.85 ตามลาดับ) ส่วนความคิดเห็นเฉพาะของอาจารย์ผู้สอนหลักสูตร English Program พบว่า มีความ คิดเห็นต่อหลักสูตรท้ังในภาพรวม ( X =4.17, S.D.=0.43) และจาแนกตามองค์ประกอบของการ ประเมินหลักสตู รเปน็ รายด้าน 5 ด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลาดับจากด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากไปน้อย คือ ด้านกระบวนการ ด้านผลกระทบ ด้านบริบท ด้านผลผลิต และด้านปัจจัยนาเข้า ( X =4.24, S.D.=0.51, X =4.21, S.D.=0.67, X =4.20, S.D.=0.48, X =4.11, S.D.=0.52, X =4.06, S.D.=0.52 ตามลาดับ) โดยสรปุ พบว่า นกั เรียนและอาจารย์ผู้สอนของหลักสูตร English Program มีความคิดเห็น ตอ่ หลักสตู รโรงเรียนสาธติ แหง่ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนา การศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และนักเรียนมีความคิดเห็นต่อหลักสูตรในภาพรวมอยู่ในระดับมากซึ่ง สอดคล้องกันกับความคิดเห็นของอาจารย์ผู้สอน สาหรับความคิดเห็นตามองค์ประกอบของการ ประเมินหลักสูตรเป็นรายด้านโดยการจัดลาดับความคิดเห็นท้ังของนักเรียนและของอาจารย์ผู้สอน แล้วพบวา่ มีลาดับของความคิดเห็นท่สี อดคล้องกนั 2 ด้าน คอื ด้านบริบทอยตู่ รงกนั ในลาดับท่ี 3 และ ด้านผลผลิตอยู่ตรงกันในลาดับท่ี 4 และโดยสรุปพบว่า นักเรียนมีความคิดเห็นในด้านผลกระทบเป็น ลาดบั ท่ี 1 และดา้ นกระบวนการเป็นลาดบั ที่ 5 ส่วนอาจารย์ผู้สอนมีความคิดเห็นในด้านกระบวนการ เปน็ ลาดับท่ี 1 และดา้ นปจั จัยนาเข้าเปน็ ลาดับที่ 5 ซึ่งไมส่ อดคลอ้ งกนั จากผลการประเมินหลักสูตรในภาพรวมและองค์ประกอบของการประเมินเป็นรายด้าน 5 ด้านของนักเรียนและอาจารย์ผู้สอนในหลักสูตร English Program ผู้วิจัยนาเสนอเป็นกราฟได้ดัง แผนภาพที่ 7
225 แผนภาพที่ 7 ความคดิ เห็นของนักเรียนและอาจารย์ผู้สอนของหลักสูตร English Program ท่ีมีต่อ หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนา การศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) ผลสรปุ ตอนที่ 2 ผลการประเมนิ หลักสูตรโรงเรยี นสาธิตแห่งมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขต กาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ในภาพรวมและเป็นรายด้าน 5 ด้าน คือ ด้าน บริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ โดยจาแนกเป็น หลกั สตู รปกติ และหลักสูตร English Program มีข้อค้นพบโดยสรุปคือ ผลการศึกษาความคิดเห็น ของนักเรยี นหลักสตู รปกติ ทม่ี ีต่อหลกั สูตรสถานศึกษา มีผลการประเมินในภาพรวมอยู่ในระดับปาน กลาง และรายด้าน 5 ด้าน คอื ดา้ นบรบิ ท ดา้ นปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้าน ผลกระทบ พบว่า นักเรียนมีความคิดเห็นต่อหลักสูตรอยู่ในระดับมากเพียงด้านเดียวคือ ด้าน ผลกระทบ อีก 4 ดา้ นอยใู่ นระดบั ปานกลาง และมขี ้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ ในดา้ นบรบิ ท คอื ควรเพิ่มการ จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรให้มากขึ้นเพ่ือเน้นความกล้าแสดงออกของนักเรียน ด้านปัจจัยนาเข้า คือ อาจารย์บางท่านควรสอนให้เข้าใจและสอนให้เต็มเวลา ด้านกระบวนการ คือ การเรียนการสอนควร ให้นักเรียนสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันและทาอะไรได้จริง ด้านผลผลิต คือ นักเรียนส่วนใหญ่ ของโรงเรียนมีผลการเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน ด้านผลกระทบ นักเรียนกล้าพูดในที่ชุมชนและเป็น ที่น่าเช่ือถือของนักเรียนจากสถาบันอ่ืน ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนหลักสูตร English Program ที่มีต่อหลักสูตรสถานศึกษา มีผลการประเมินในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และพบว่า นักเรยี นมีความคดิ เห็นต่อหลักสูตรอยู่ในระดับมาก 3 ด้าน คอื ด้านผลกระทบ ด้านปัจจัยนาเข้า และ ด้านบริบท อีก 2 ด้านอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมในด้านปัจจัยนาเข้า คือควร เพิ่มความละเอียดในการดูแลเด็กให้ปรับตัวสาหรับการเรียน และด้านกระบวนการ คือ ควรให้
226 ความสาคัญกับนักเรียน EP มากขึ้น ให้ได้รับข่าวสารท่ีรวดเร็ว ควรเข้มงวดในเร่ืองการเรียนและ นักเรียนต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนเพื่อให้มีความสงบในห้องเรียน ผลการศึกษาความ คดิ เหน็ ของอาจารย์ผู้สอนหลักสตู รปกติท่ีมีต่อหลักสตู รสถานศึกษา มีผลการประเมินในภาพรวมและ รายด้านทกุ ด้านอยู่ในระดับมาก โดยมีข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมในด้านบริบท คือ การกาหนดโครงสร้าง เวลาเรียนของหลักสูตรในระดับประถมศึกษา ควรเพ่ิมจานวนเวลาเรียนในด้านการอ่าน และการ คานวณข้นั พืน้ ฐานใหผ้ เู้ รยี นสามารถพฒั นาดา้ นการอ่าน มาใช้ในการศึกษาในระดับสูงขึ้น ด้านปัจจัย นาเข้า คือ ควรพิจารณาวุฒิการศึกษาสาหรับอาจารย์ผู้สอนให้เป็นวุฒิครู หรือหากจบวุฒิอื่นท่ี สอดคล้องกับสาขาทใี่ ชใ้ นการสอนก็ควรมีการเรียนครูเพ่ิม เพราะจาเป็นต้องใช้ในการศึกษาและการ อบรมสั่งสอนนักเรียน ด้านกระบวนการ คือ ควรมีการสนับสนุนและส่งเสริมให้บุคลากรมีการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ด้านวิชาชีพกับสถาบันอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องเพ่ือพัฒนาตนเองอย่าง สม่าเสมอ โดยอาจจัดเวทีเสวนา ศึกษาดูงาน เชิญนักวิชาการมาให้ความรู้และประสบการณ์ใน โรงเรียนเพือ่ สร้างแรงจงู ใจและแรงบันดาลใจในการพัฒนาวิชาชีพครูให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงทาง การศึกษา และสร้างจุดแข็งด้านวิชาชีพให้มีความโดดเด่นตามความสนใจของบุคลากรแต่ละคน รวมท้ังการพฒั นาอาจารย์ให้สามารถจัดการเรยี นการสอนและประเมินผลได้สอดคล้องกับทิศทางการ พัฒนาหลักสูตรและวิสัยทัศน์ของโรงเรียน ด้านผลผลิต คือ ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มี สมรรถนะสาคัญ และมีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ท่ีได้จากการประเมินท่ีเชื่อถือได้ แต่กรณีของบุคลิ ภาพที่เป็นเป้าหมายของหลักสูตรยังไม่มีการประเมินซึ่งก็ควรมีการประเมินที่ชัดเจนมากกว่าวิธีการ สังเกตของอาจารย์ และด้านผลกระทบ คือ อาจารย์ควรได้รับการพัฒนาเพ่ือให้มีสมรรถนะทาง วิชาชีพเพ่ิมขึ้น ผลการศึกษาความคิดเห็นของอาจารย์ผู้สอนหลักสูตร English Program ท่ีมีต่อ หลักสูตรสถานศึกษา มีผลการประเมินในภาพรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก โดยมี ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมในด้านบริบท คือ Provide learners a venue for inclusive and collaborative learning where they (learners) can showcase their potentials and be able to think outside the box. ด้านปัจจัยนาเข้า คือ To produce a much better learning environment, the school “MUST” have a strict implementing “Policy” with regards to the use “Mobile Phones”. Mobile phones are useful BUT in most cases they are very disruptive to students especially during the teaching and learning situation. ด้าน กระบวนการ คือ Harbor a more inclusive network of educators by allowing maternal and resources to be more accessible. ด้านผลผลิต คือ EP will be a training ground or home to learners of the 21st century. They are critical thinkers, creative and knows how to collaborate with others to arrive very satisfactorily at a given goal and also very capable of communicating their know league and skills using traditional and contemporary media. และดา้ นผลกระทบ คือ Support teachers’ innovative approach and encourage teachers to be more innovative in dealing with their teaching and instructions to develop more productive individuals. นอกจากนี้ในด้านบริบท มีผลการตรวจสอบองค์ประกอบและคุณภาพหลักสูตรสถานศึกษาโดย คณะกรรมการฝา่ ยวชิ าการของโรงเรียนได้ประเมนิ คณุ ภาพหลักสตู รสถานศึกษาตามเกณฑ์ในภาพรวม
227 พบวา่ หลักสูตรสถานศกึ ษามีคุณภาพอยู่ในระดบั มาก และผลการประเมนิ ความเหมาะสมของรายวิชา ในหลกั สูตรสถานศึกษา หลักสูตรปกติ ที่ประกอบด้วย รายวชิ าพื้นฐาน รายวชิ าเพม่ิ เติม (ตามจุดเน้น) และรายวิชาเพ่ิมเติม (ตามความสนใจ) พบว่า ในภาพรวมและรายวิชาเพ่ิมเติม (ตามความสนใจ) มี ความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนรายวิชาของหลักสูตร English Program ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น พบว่า ทุกรายวิชาในภาพรวม รายวิชาพื้นฐาน รายวิชาเพิ่มเติม (ตามจุดเน้น) และรายวิชาเพ่ิมเติม (ตามความสนใจ) มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ผลการประเมินความ เหมาะสมของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรปกติ ซึ่งประกอบด้วย 4 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมลูกเสือ กิจกรรมชมรม และกิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ พบว่า ในภาพรวม กิจกรรมลกู เสอื และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ มคี วามเหมาะสมอยใู่ นระดับมากที่สุด โดยมีข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม คือ กิจกรรมแนะแนวทุกระดับช้ัน ควรมีคมู่ อื กิจกรรมการเรยี นการสอนและการประเมนิ ผลนักเรยี น และเน้นแนวโน้มการเลือกอาชีพใน อนาคตที่มีความเป็นไปได้ของนักเรียน กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ควรปรับเปล่ียน วิธีการประเมนิ ผลให้สะทอ้ นถงึ การปฏิบตั จิ รงิ มากกว่าการถา่ ยภาพมาส่งอาจารย์เพียงอย่างเดียว และ กจิ กรรมจติ อาสา ควรปรับวิธีการประเมินและปลูกฝังจิตใต้สานึกให้นักเรียน ส่วนหลักสูตร English Program ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในภาพรวมของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และทุกกิจกรรมย่อยมี ความเหมาะสมอยใู่ นระดับมากที่สุด ผลการประเมนิ หลกั สูตรสถานศึกษาในภาพรวมตามความคิดเห็น ของนักเรยี นและอาจารย์ผู้สอนของหลักสูตรปกติ มีความคิดเห็นต่อหลักสูตรในภาพรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง และมีความคดิ เหน็ ตอ่ หลกั สตู รในด้านผลกระทบอยู่ในระดับมาก สาหรับความคิดเห็นตาม องคป์ ระกอบของการประเมนิ หลักสูตรเป็นรายด้านโดยการจัดลาดับความคิดเห็นแล้วพบว่า มีลาดับ ของความคดิ เห็นทส่ี อดคลอ้ งกันเพยี ง 1 ดา้ น คอื ดา้ นผลผลิต อย่ใู นลาดับที่ 3 และพบว่านักเรียนและ อาจารย์ผู้สอนหลักสูตรปกติ มีความคิดเห็นต่อองค์ประกอบรายด้านของหลักสูตรไม่สอดคล้องกัน สว่ นหลกั สูตร English Program นกั เรียนและอาจารย์ผู้สอนมีความคิดเห็นต่อหลักสูตรในภาพรวม และองค์ประกอบ 5 ด้านอยู่ในระดับมาก สาหรับความคิดเห็นตามองค์ประกอบของการประเมิน หลักสตู รเปน็ รายดา้ นโดยการจัดลาดับความคิดเห็นท้ังของนักเรียนและของอาจารย์ผู้สอนแล้วพบว่า มีลาดับของความคิดเห็นที่สอดคล้องกัน 2 ด้าน คือ ด้านบริบทอยู่ตรงกันในลาดับท่ี 3 และด้าน ผลผลิตอยู่ตรงกันในลาดับท่ี 4 และพบว่านักเรียนและอาจารย์ผู้สอนหลักสูตร English Program มี ความคิดเหน็ ตอ่ องค์ประกอบรายด้านของหลักสูตรไม่สอดคลอ้ งกนั ตอนท่ี 3 ผลการศึกษาปัญหาและแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) โดยจาแนกเป็น หลักสตู รปกติ และหลกั สูตร English Program ผลการวิเคราะห์ปัญหาและแนวทางการพัฒนาและปรบั ปรงุ หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) โดยการจัดสนทนากลุ่ม จานวน 5 กลมุ่ ประกอบด้วยผ้ใู หข้ ้อมลู คือ นกั เรียน ผูป้ กครอง อาจารย์ ผู้บรหิ าร และผู้ทรงคุณวุฒิ มี
228 ผลการสนทนากลุ่มเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร โดยจาแนกเป็น หลักสตู รปกติ และหลักสูตร English Program ตามประเด็นสนทนากลมุ่ ดังนี้ ผลการจดั สนทนากลมุ่ กรณหี ลักสูตรปกติ 1. ท่านคิดว่าหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) ท่พี ฒั นาขึน้ ตามกรอบหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ซ่ึงเป็นหลักสูตรอิงมาตรฐานนั้น ช่วย ให้ผเู้ รยี นบรรลจุ ุดมุ่งหมายและเป้าหมายของหลักสูตรได้หรือไม่ เพียงใด และควรมีแนวทางการ พฒั นาและปรับปรุงหลักสูตรอยา่ งไร (ดา้ นบริบท) 1.1 นกั เรียน : หลกั สูตรสามารถช่วยใหน้ ักเรยี นสว่ นใหญ่ได้ผ่านเกณฑ์การประเมินที่ โรงเรียนกาหนดในแต่ละปีการศึกษา ประกอบด้วย ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการประเมิน ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ แต่ก็มีนักเรียนอีก สว่ นหนงึ่ ที่ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ทีต่ ้องผา่ นกระบวนการซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว ซึ่งในระยะหลัง สงั เกตเห็นว่ามีนกั เรียนไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ จานวนมากข้ึน โรงเรยี นควรพิจารณาสาเหตุท่ีแท้จริง และให้ความช่วยเหลือให้ทันก่อนนักเรียนจบหลักสูตร นักเรียนได้รับการดูแลให้ปฏิบัติตามระเบียบ ของโรงเรียน กล้าแสดงออก ได้รับการส่งเสริมให้เข้าร่วมการประกวดและกิจกรรมการแข่งขันต่างๆ ต้องการให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนท่ีปลอดจากยาเสพติดทุกประเภท นักเรียนควรได้รับกาลังใจในการ พฒั นาตนเอง และต้องการขอ้ มูลจากโรงเรยี นทีเ่ ป็นความรแู้ ละข้อเท็จจริงมากกว่าท่ีเป็นคาตาหนิและ ภาษาทไ่ี มส่ ภุ าพเมือ่ ตอ้ งรับฟังในภาพรวม เช่น กิจกรรมหน้าเสาธง กิจกรรมการเรียนการสอนในชั้น เรียน ดงั คากล่าวของนกั เรียนทใี่ หส้ ัมภาษณ์ท่กี ลา่ ววา่ “นกั เรียนทกุ คนควรไดร้ ับคาแนะนาและช่วยเหลอื เรือ่ งการเรียนทีไ่ ม่เขา้ ใจ และไม่สามารถปฏิบัตงิ านทอ่ี าจารยม์ อบหมายได้ถกู ตอ้ งและครบถ้วนได้ บางคนอาจไมก่ ลา้ ท่ีจะ สอบถามเพราะอาจารย์บางทา่ นคอ่ นขา้ งเข้มงวด อาจารย์ควรตอ้ งเข้าใจและหาสาเหตทุ ่ีแท้จริงเพอ่ื แกไ้ ขใหท้ นั ก่อนนกั เรยี นจบหลักสตู ร” “โรงเรยี นส่งเสรมิ ใหน้ กั เรียนได้เข้ารว่ มแสดงความสามารถต่างๆ สงั เกตจากท่ีการมอบรางวัลชว่ ง กิจกรรมหน้าเสาธงบ่อยๆ” “อยากใหโ้ รงเรยี นเพ่ิมความเขม้ เรื่องยาเสพตดิ หรืออปุ กรณด์ า้ นนี้ เพอ่ื ไม่ใหเ้ ปน็ ต้นแบบของเพอื่ นๆหรือน้องๆในโรงเรยี น” “ในวิชาเรียนอาจารยไ์ มค่ วรใชเ้ วลาในการตาหนินกั เรยี นคนใดคนหนงึ่ เพราะเขาอาจตอ่ ตา้ นและไม่ เชอ่ื ฟังและทาให้เสยี บรรยากาศในการเรยี นของเพอื่ นๆทงั้ ห้องเรยี น รวมการใชภ้ าษาทไ่ี มส่ ุภาพตอน กิจกรรมหน้าเสาธงด้วย” 1.2 ผู้ปกครอง : เหน็ ว่าหลักสูตรชว่ ยพัฒนานักเรียนให้มีความรู้ ความสามารถตาม ระดับช้นั เรียนอยู่แล้ว แต่ควรเน้นให้นักเรียนได้พัฒนาตนเองมากกว่าความรู้ตามหลักสูตร เช่น ควร พฒั นาทกั ษะอ่ืนๆ เพือ่ ให้นกั เรียนสามารถแกป้ ัญหาได้ด้วยตนเองในชีวิตประจาวัน มีน้าใจ มีจิตอาสา
229 ช่วยเหลือการทางานโดยไม่จาเป็นต้องบอกหรือบังคับให้ทา และเน้นการพัฒนาความรับผิดชอบต่อ ตนเองและผ้อู ืน่ และเดก็ ไมค่ วรมีการบ้านมากจนเกินไปเพ่ือให้มีเวลาทบทวน อ่านหนังสือ มีเวลาทา กิจกรรมท่สี นใจ หรอื รว่ มกิจกรรมกับครอบครวั ได้มากข้ึน ดังคากล่าวของผู้ปกครองท่ใี ห้สัมภาษณว์ ่า “นกั เรียนควรไดร้ บั การพัฒนาทักษะอน่ื ๆ นอกเหนอื จากความรทู้ ่ีได้รบั เพอ่ื พฒั นาตนเองไดม้ ากขน้ึ เชน่ ทักษะหรือความสามารถในการแกป้ ญั หาได้ในชวี ิตประจาวนั ซ่งึ เดก็ ๆ มักจะเชอื่ ฟังอาจารย์ทีส่ อนมากกวา่ พอ่ แม่” “ควรมีการพฒั นากจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะของนักเรยี น เชน่ ดา้ นวชิ าการ ดา้ นอาชีพ การสง่ เสรมิ ดา้ น ทกั ษะตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวัน” “อยากใหน้ ักเรยี นไดม้ ีเวลาทากิจกรรมร่วมกับครอบครัว ชว่ ยงานทางบ้านมากขึน้ เพราะเด็นมักจะบอกว่าไม่ว่างตอ้ งทาการบ้านหรืองานทเ่ี รยี นตลอดเวลา” “อยากให้โรงเรียนชว่ ยเนน้ การพัฒนาความรับผดิ ชอบของตัวเองใหเ้ ด็กมากขนึ้ และวนิ ัย การมสี มั มาคารวะตอ่ ผู้ใหญ่” “งานที่อาจารยม์ อบหมายให้กับนักเรยี นในบางงานเกนิ ความรับผิดชอบของนักเรยี น ผปู้ กครองจะต้องเป็นผู้ทางานให้กบั นกั เรยี นเอง” 1.3 อาจารย์และผบู้ รหิ าร : มคี วามคดิ เห็นสอดคล้องกันว่า หลักสูตรโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560) สามารถพัฒนานักเรียน ให้บรรลุจุดมุ่งหมายและเป้าหมายของหลักสูตรได้ โดยมีจุดเน้นตามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรที่มุ่ง เป้าหมายให้นักเรียนทุกระดับมีการพัฒนาทุกด้านทั้งด้านความรู้ ทักษะกระบวนการและ ความสามารถด้านคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เน้นความหลากหลายในการจัดสาระการ เรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติมและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่สอดคล้องกับความสนใจ และความถนัดของ นักเรียนเป็นรายบุคคล การประยุกต์ใช้ความรู้ เพื่อให้นักเรียนบรรลุมาตรฐานคุณภาพผู้เรียนตามท่ี หลกั สูตรกาหนด แต่ในรายละเอียดของการนาหลักสูตรไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน และการวัด และประเมินผลอาจยังมีส่วนที่ต้องพัฒนาในเร่ืองกระบวนการในการพัฒนานักเรียนให้ไปในทิศทาง ของหลกั สตู ร การสร้างความเข้าใจร่วมกันเป็นสิ่งสาคัญท่ีสุดของอาจารย์และบุคลากรที่เก่ียวข้องกับ การนาหลักสูตรไปใช้เพ่ือพัฒนาคุณภาพนักเรียนได้ตามเป้าหมาย ดังคากล่าวของอาจารย์และ ผูบ้ รหิ ารดงั น้ี “คดิ วา่ อาจารย์ทกุ ท่านทราบเป้าหมายของหลักสูตรสถานศกึ ษาเป็นอยา่ งดี แตอ่ าจตดิ ขัดเร่ืองการ จดั การเรยี นการสอนและการประเมินผลตามสภาพจรงิ ทเี่ น้นความหลากหลายของวธิ กี าร และการจัดการเรียนการสอนท่ียงั ไม่ได้เน้นการใหเ้ ด็กได้เรียนร้ผู ่านกิจกรรม เพอ่ื ให้คน้ พบความรูด้ ว้ ยตนเอง” “อาจารย์หลายท่านเนน้ ความเท่าเทียมกันกับการได้รบั ความร้ขู องนกั เรยี นในช้ันเรยี น แตจ่ รงิ ๆ แล้ว ควรเน้นการพัฒนานกั เรยี นเปน็ รายบุคคล” “ควรให้มกี ารสร้างความเขา้ ใจร่วมกนั ในการทางาน”
230 “ควรมกี ารประชาสัมพนั ธห์ ลักสูตรเชิงรกุ ” “โรงเรยี นควรมกี ารพฒั นาอาจารย์ เพ่ือเพมิ่ พนู ประสบการณท์ ี่จาเป็น สาหรับใชใ้ นการพฒั นาการเรียนการสอน และเทคโนโลยที ใี่ ชส้ าหรบั การเรยี นการสอนผา่ นออนไลน์” 1.4 ผู้ทรงคุณวุฒิ : เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน เป็นหลักสูตรท่ีพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพได้ตาม จุดเน้นของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณา บริบทของสังคมในปัจจุบัน หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ควรมกี ารปรบั ปรงุ ดงั นี้ 1) วิสัยทัศน์ของหลักสูตรควรเป็นการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างการคิด สร้างสรรค์ และทกั ษะนวตั กรรมใหม้ ากข้ึน 2) ควรเพิม่ เตมิ การคิดข้ันสงู (Higher-Order thinking) 3) ควรเพ่ิมเติม Creative Based, Technology Based ไว้ในกรอบแนวคิด หลกั สูตร รว่ มกบั Project Based, Career Based 4) ควรเนน้ Competency Based ไว้ในกรอบแนวคดิ หลักสตู ร 5) แนวการจดั หลักสตู รระดบั ประถมศึกษา และมธั ยมศึกษา ควรเน้นการบรู ณา การเชิงสร้างสรรค์ (Creative Integration) ใหม้ ากขึ้น จะช่วยเสรมิ สร้าง Innovative skills สรุปหลักสตู รฯ ช่วยใหผ้ ู้เรยี นบรรลจุ ดุ มุ่งหมายและเป้าหมายของหลักสูตรได้ โดยมีการ กาหนดจุดเน้นในหลักสูตรท่ีมุ่งเป้าหมายให้นักเรียนทุกระดับมีการพัฒนาทุกด้าน เน้นความ หลากหลายในการจดั สาระการเรียนรูร้ ายวิชาเพมิ่ เติมและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่สอดคล้องกับความ สนใจและความถนัดของนักเรียนเปน็ รายบุคคล มกี ารประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ และบรู ณาการเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้นักเรียนบรรลุมาตรฐานคุณภาพผู้เรียนตามที่หลักสูตรกาหนด และเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัด การศึกษาเพ่ือเสริมสร้างการคิดขั้นสูงและทักษะด้านนวัตกรรม รวมทั้งสมรรถนะของผู้เรียนไว้ใน กรอบแนวคดิ หลักสตู ร มกี ารนาหลกั สูตรไปใช้ และการวดั และประเมินผลควรพัฒนานักเรียนให้ไปใน ทิศทางท่ีเป็นเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้นแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร คือ การสร้าง ความเข้าใจร่วมกันทุกฝ่ายเกี่ยวกับทิศทางท่ีเป็นเป้าหมายของหลักสูตร หาสาเหตุที่แท้จริงและให้ ความช่วยเหลือนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน และนักเรียนควรได้รับการดูแลให้ปฏิบัติตาม ระเบียบของโรงเรยี น 2. ท่านคิดว่า หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ศูนยว์ ิจัยและพฒั นาการศกึ ษา ทพี่ ฒั นาขนึ้ ตามกรอบหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ัน พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ควรเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง และชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาหรือไม่ เพียงใด และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพ ผเู้ รียน และการจัดการเรยี นการสอนของโรงเรยี นอยา่ งไร (ด้านปัจจยั นาเข้า) 2.1 นักเรยี น : เหน็ วา่ ผปู้ กครองไม่ได้มามสี ่วนรว่ มในการจัดการเรียนการสอน แต่มี บางส่วนที่จะมาช่วยในกิจกรรมพัฒนานักเรียน เช่น การเตรียมฝึกซ้อมกีฬาบางชนิดเพ่ือการส่ง
231 นักเรียนเขา้ รว่ มการแขง่ ขันกฬี าสาธิตสามัคคี หรอื สนบั สนุนบุตรของตนเองในการเข้าร่วมการแข่งขัน หรือการประกวดในเวทีต่าง ๆ เช่น การประกวดขับร้องเพลง การแสดงดนตรี การแข่งขันลีลาศ รวมทั้งโครงการทีน่ ักเรียนส่วนใหญช่ อบที่สุด คอื โครงการวันใสใสสาหรับวัยเยาว์ ท่ีเห็นผู้ปกครองมา นาอาหารมาให้เดก็ ๆ ไดร้ บั ประทานรว่ มกนั ทง้ั โรงเรยี นทุกปี 2.2 ผู้ปกครอง : การเรียนการสอนของโรงเรียนตอบสนองความต้องการของ นักเรียนและผู้ปกครอง แต่ควรมีการเพ่ิมกิจกรรมร่วมกับชุมชนหรือมีการสารวจความต้องการของ ชุมชน และเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง ศิษย์เก่าเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียนและติดตาม ความกา้ วหนา้ ในผลการเรยี นของนกั เรยี น และการเรยี นการสอนของโรงเรียน 2.3 อาจารย์และผบู้ ริหาร : ปัจจบุ ันมศี ษิ ย์เก่ามาช่วยพัฒนาด้านกีฬาให้แก่นักเรียน ท่สี นใจ ควรใหผ้ ูป้ กครอง หรอื อาจารยใ์ นมหาวิทยาลยั ได้มารว่ มแลกเปลีย่ นเรยี นรูแ้ ละร่วมจดั กิจกรรม ให้แก่นักเรียน เช่น กิจกรรมชมรม กิจกรรมด้านกีฬา กิจกรรมจิตอาสา การแนะแนวอาชีพ หรือ กิจกรรมทางวชิ าการ เช่น มาเป็นอาจารย์พิเศษในบางรายวชิ าเพอ่ื เพิม่ พูนประสบการณ์และช่วยสร้าง แรงจงู ใจในการเรยี นให้แกน่ ักเรียนมากขนึ้ กิจกรรมชมรมไม่จาเป็นต้องเป็นอาจารย์เป็นผู้จัดกิจกรรม อาจจะเปน็ นักเรียน ผู้ปกครอง หรือเชิญผู้เช่ียวชาญในชุมชนก็ได้ เพ่ือให้กิจกรรมมีประสิทธิภาพและ ไดป้ ระโยชน์อย่างแทจ้ ริง 2.4 ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ : ควรเปดิ โอกาสให้ผปู้ กครองและชมุ ชน เข้ามามีส่วนร่วมอย่างย่ิง เพราะผ้ปู กครองและชุมชนเปน็ ต้นทนุ ทางสงั คม ทีโ่ รงเรียนสามารถใช้จดุ แข็งของผู้ปกครอง ชุมชน มา สร้างสรรคน์ วตั กรรมหลักสตู รและการจัดการเรยี นรไู้ ดอ้ ย่างมาก โดยการเปดิ โอกาสการมีส่วนร่วม ทา ได้ต้ังแต่การมีส่วนร่วมในการออกแบบหลักสูตร การออกแบบการวัดผลการเรียนรู้ การเป็นครู ภูมิปัญญาให้กับนักเรียน การเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ และการมีส่วนร่วมในการสะท้อน คณุ ภาพผู้เรียน สรปุ หลักสตู รควรเปดิ โอกาสใหผ้ ูป้ กครองและชุมชนเขา้ มามสี ว่ นร่วมในการจัดการศึกษา ในฐานะท่ีเป็นตน้ ทุนทางสงั คม โดยเป็นครภู มู ปิ ัญญาให้กับนักเรียน เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ มี สว่ นรว่ มในการสะทอ้ นคณุ ภาพผเู้ รียน และตดิ ตามความกา้ วหนา้ ในผลการเรียนของนักเรียน และการ เรยี นการสอนของโรงเรียน เพ่ือร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ การวัดและ ประเมินผล และนวัตกรรมของนักเรียน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดการเรียนรู้และการพัฒนา คณุ ภาพผเู้ รยี น 3. ท่านคิดวา่ มปี จั จยั สาคัญใดบ้างที่จะช่วยขับเคลื่อนการนาหลักสูตรสถานศึกษาสู่ ชนั้ เรียน และควรมวี ธิ กี ารหรือแนวทางในการดาเนนิ การอย่างไรให้เกิดประสทิ ธผิ ลสงู สดุ ตอ่ ผเู้ รียน ในศตวรรษท่ี 21 (ด้านปัจจัยนาเขา้ ) 3.1 นักเรียน : เห็นว่าอาจารย์ผู้สอนและอาจารย์ประจาชั้น/ท่ีปรึกษามีหน้าที่ โดยตรงท่จี ะชว่ ยพัฒนาคณุ ภาพนักเรียนได้มากที่สุดในทุกด้าน เพราะใกล้ชิดนักเรียนและสามารถจะ เขา้ ใจนกั เรยี นได้ดี เพ่ือนและรุ่นพ่ีก็มีส่วนช่วยในเรื่องการเรียนได้ ผู้ปกครองมีส่วนช่วยเหลือสาหรับ นักเรยี นระดบั ประถมศกึ ษา แต่ในระดบั มัธยมศึกษานักเรยี นต้องดูแลตัวเองมากขึ้น นักเรียนท่ีมีความ
232 ถนดั และความพรอ้ มก็จะเรยี นได้ดี ซึง่ แต่ละคนกม็ ีความสามารถท่แี ตกต่างกันไป หนังสือและอุปกรณ์ ท่ีใช้ประกอบการเรียนก็สาคัญ โดยต้องการให้ทุกรายวิชามีหนังสือเรียนเพื่อจะได้ไม่ต้องจดทุก ตวั อกั ษรระหวา่ งเรยี น และใชส้ าหรบั การเตรียมตัวสอบดว้ ย 3.2 ผ้ปู กครอง : คดิ วา่ อาจารย์มีบทบาทสาคัญต่อการเรียนของนักเรียน เน่ืองจาก นักเรียนส่วนใหญ่จะเช่ือฟังอาจารย์เป็นหลัก โดยเฉพาะในช่วงวัยประถมศึกษา ถ้าอาจารย์ได้ช่วย ปลกู ฝังลักษณะนสิ ยั ท่ีดี ให้คาแนะนา มีเหตุผลกับเด็ก การเรียนการสอนตอบสนองความต้องการของ นกั เรียน ผู้ปกครอง และชุมชน โดยนักเรียนสามารถเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ นักเรียนมี ความปลอดภัย มสี งั คมท่ีดี นักเรยี นมคี วามพร้อมทางด้านวชิ าการ เปน็ สถานศึกษาท่ีเป็นท่ียอมรับของ ชุมชน แต่ควรมีการเพิ่มกิจกรรมร่วมกับชุมชนหรือมีการสารวจความต้องการของชุมชนมากข้ึน ใน ส่วนของหนังสือเรียนท่ีอาจารย์ส่ังซื้อมาให้นักเรียนใช้ ควรได้นามาให้เด็กใช้เรียนจริง ๆ และปัจจัย สาคญั ท่จี ะชว่ ยขบั เคล่อื นการนาหลกั สูตรสชู่ ัน้ เรียน คือ ดา้ นอาจารย์ผ้สู อนควรต้องได้รับการดูแลและ พฒั นาจากทางโรงเรยี น ได้แก่ อาจารย์ทีเ่ ข้ามาทางานใหม่ควรได้รับการพฒั นาการเรยี นการสอน และ การสอนของนิสิตฝึกสอนอาจทาให้นักเรียนได้รับความรู้ที่ไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วน ดังคากล่าวของ ผู้ปกครองทใ่ี หส้ ัมภาษณไ์ ว้ดังน้ี “หนงั สอื เรียนท่ีส่ังซ้ือมา อาจารย์ไมไ่ ดใ้ ช้ประกอบการเรียนการสอน” “อาจารย์ไม่ไดน้ าเนื้อหาในหนังสอื เรยี นหรือในบทเรยี นมาสอน” “เวลาที่นกั เรียนมขี ้อสงสัย เกดิ ปัญหา นิสิตฝกึ สอนไม่สามารถอธิบายให้นักเรยี นเขา้ ใจได้” “นสิ ิตฝึกสอน สอนเนื้อหาผิด” “อาจารยท์ เี่ ขา้ มาใหม่ ทางโรงเรยี นควรมีการคดั เลอื กอาจารยท์ ี่สอนใหต้ รงตามสาขา และควรมีการพัฒนาวิธกี ารสอนใหถ้ กู ตอ้ งในเนอ้ื หาทส่ี อนในชน้ั นน้ั ๆ และสอนใหต้ รงตามหลักสูตรท่กี าหนดไว้” 3.3 อาจารย์และผู้บริหาร : มีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่าปัจจัยสาคัญท่ีจะช่วย ขับเคล่ือนการนาหลักสูตรสถานศึกษาสู่ชั้นเรียน คือ นักเรียน อาจารย์ และผู้บริหาร ต้องมีความรู้ ความเข้าใจเร่ืองการนาหลักสูตรสู่ชั้นเรียน และการบริหารจัดการหลักสูตรอย่างเป็นระบบและ ต่อเนื่อง เห็นความสาคัญและมีความพร้อมตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง มองเห็นเป้าหมายเดียวกัน วางแผนการดาเนินงานร่วมกันเริ่มตั้งแต่การคัดเลือกนักเรียน การสร้างและปรับเปล่ียน mindset เพื่อการนาหลักสูตรไปใช้ตามวัตถุประสงค์ มีการพัฒนาวิธีการหรือขั้นตอนการนาหลักสูตรไปใช้ รว่ มกัน มีการให้คาแนะนา ติดตาม แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ เลือกวิธีการจัดการเรียนร้แู ละการประเมินผลที่ หลากหลายและเหมาะสมเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพนักเรียนให้บรรลุเป้าหมาย มีการ จดั การความร้รู ่วมกนั อย่างตอ่ เน่ือง ร่วมคิด ร่วมทา ร่วมรับผิดชอบ ร่วมกันแก้ไข/ปรับปรุงและสร้าง ขวญั และกาลังใจในการทางาน ดงั คากล่าวของอาจารยแ์ ละผู้บริหารทใ่ี ห้สัมภาษณ์ไว้ดังนี้ “การนาหลักสตู รไปใช้ควรตอ้ งมีการบรหิ ารจัดการอยา่ งเปน็ ระบบเพอื่ ใหอ้ าจารย์สามารถวิเคราะห์ มาตรฐาน ตัวช้ีวัด ออกแบบการจัดการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสมกับผู้เรยี น และมกี าร ประเมินผลอย่างหลากหลาย”
233 “บริหารโดยยดึ เปา้ หมายเปน็ สาคญั อาจารย์ต้องต่นื ตัว และ ตอ้ งเขา้ ใจความแตกต่างระหวา่ งบุคคล ผูบ้ ริหารต้องตระหนักและให้ความสาคัญกบั กระบวนการนิเทศเพ่ือให้คาแนะนาและตดิ ตามอย่างตอ่ เนอ่ื ง” “ใหผ้ ูม้ ีส่วนเกยี่ วข้องรว่ มคดิ รว่ มทา ร่วมกาหนดเป้าหมายการพัฒนาผู้เรยี น และรว่ มรับผิดชอบผลการดาเนินการ” “ใช้การบรหิ ารแบบมีสว่ นรว่ มให้ฝา่ ยตา่ งๆ ทงั้ ผ้ปู กครอง ชุมชน ผบู้ ริหาร ครู และนักเรียน ได้มสี ว่ นรว่ มในการวางแผนพฒั นาหลักสตู รและตรวจสอบคณุ ภาพการจัดการศึกษา” 3.4 ผทู้ รงคณุ วุฒิ : เหน็ วา่ ปัจจัยสาคญั ในการขับเคล่ือนการนาหลักสูตรสถานศึกษา สชู่ ัน้ เรียน ควรประกอบดว้ ย 1) Growth mindset และ Passion ของบคุ ลากรทกุ ฝ่ายในการนาหลักสูตรไป ใชใ้ นช้นั เรียนตามเจตนารมณข์ องหลกั สูตร 2) ความรู้ความเขา้ ใจและทักษะในการออกแบบนวตั กรรมการเรียนรู้ของผู้สอน ทสี่ ามารถตอบสนองธรรมชาติและความต้องการของผูเ้ รยี น 3) ความเขม้ แขง็ ของการมีสว่ นร่วมในการจดั การศึกษาของชุมชนและผู้ปกครอง สรุปปจั จยั สาคญั ทจี่ ะช่วยขบั เคลือ่ นการนาหลักสตู รสถานศกึ ษาสูช่ ัน้ เรียน ประกอบด้วย นักเรียน อาจารย์ และผู้บริหาร ต้องมีความรู้ความเข้าใจเร่ืองการนาหลักสูตรสู่ช้ันเรียน และการ บริหารจัดการหลักสูตรอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เห็นความสาคัญและมีความพร้อมตามบทบาท หน้าท่ีของตนเอง มองเห็นเป้าหมายเดียวกัน รวมท้ังมีความเข้มแข็งของการมีส่วนร่วมในการจัด การศกึ ษาของชมุ ชนและผ้ปู กครอง โดยควรมีวธิ ีการหรือแนวทางในการดาเนินการให้เกิดประสิทธิผล สูงสุดต่อผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 ด้วยการสร้างและปรับเปลี่ยน mindset เพ่ือการนาหลักสูตรไปใช้ ตามวตั ถุประสงค์ มกี ารพัฒนาวิธีการหรือข้ันตอนการนาหลักสูตรไปใช้ร่วมกัน ให้คาแนะนา ติดตาม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ออกแบบวิธีการจัดการเรียนรู้และการประเมินผลที่หลากหลายและเหมาะสม รวมทงั้ การสรา้ ง Growth mindset และ Passion ของบคุ ลากรทกุ ฝ่ายในการนาหลักสูตรไปใช้ในช้ัน เรียนตามเจตนารมณข์ องหลกั สตู ร 4. ท่านคิดว่าโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ควรมี “รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร”อย่างไร เพ่ือให้ครูสามารถ พัฒนาคุณภาพผู้เรียนสู่เป้าหมายของหลักสูตรได้สาเร็จ ตามองค์ประกอบ คือ หลักการ วตั ถปุ ระสงค์ กระบวนการ การวัดและประเมนิ ผล และปัจจัยสนบั สนุน (ดา้ นกระบวนการ) 4.1 นักเรียน : เห็นว่าควรจัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้มีต้นไม้มากข้ึน และทา ปา้ ยช่อื ต้นไมใ้ ห้เด็กได้เรียกชอื่ ไดถ้ ูกตอ้ ง เพม่ิ จานวนตูน้ า้ ด่มื ปรับเพ่ิมจานวนของเล่นในสนามเด็กเล่น โดยของเลน่ ตอ้ งไม่เป็นสนิม เพ่ิมจานวนหนังสือในห้องสมุดให้มากขึ้นและน่าอ่าน ดูแลเรื่องระเบียบ วินัยของนักเรียนให้มากข้ึน ควรเพ่ิมสนามกีฬาในโรงเรียนให้เพียงพอกับความต้องการของนักเรียน หลักสตู รของโรงเรียนควรมีความเขม้ ขน้ มากข้นึ สลับกับกิจกรรมผ่อนคลายให้แก่นักเรียนด้วย ควรให้ นกั เรยี นได้ใช้โทรศัพทห์ รอื IPAD เป็นเครือ่ งมอื ในการศกึ ษาคน้ ควา้ ในระหว่างการเรยี นได้
234 4.2 ผู้ปกครอง : หลักสูตรควรมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน และควรพัฒนาการทางานใหแ้ ก่นักเรียน ไมค่ วรให้เป็นหน้าท่ีของนักเรียนคนใดคนหน่ึงในกลุ่ม มีการ ประเมนิ ผลตรงกับความเปน็ จรงิ ของนักเรียน ควรเน้นการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมของผู้เรียน พัฒนากิจกรรมเสริมทักษะของนักเรียนด้านวิชาการ ด้านอาชีพ ด้านทักษะต่างๆ ในชีวิตประจาวัน ควรเน้นการเรียนการสอนที่มีการลงมือปฏิบัติที่มีความหลากหลาย และเน้นให้นักเรียนลงมือปฏิบัติ จริงด้วยตนเอง มีการนาแหล่งเรียนรู้หรือบุคลากรในมหาวิทยาลัยเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนการ สอน มีการแนะแนวให้กับนักเรียนเพ่ือให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนได้ตรงตามความต้องการและ ความสามารถของตนเอง รวมท้ังการเพมิ่ ทักษะต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับการดาเนินชวี ิต เชน่ ทกั ษะการคิด วิเคราะห์ ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการทางานเป็นทีม และทักษะการส่ือสาร และโรงเรียนควรดึง ศักยภาพของผู้ปกครองมาสนับสนุนการเรียนการสอนและกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากน้ียังมีปัจจัย สนับสนุนเพ่ือให้หลักสูตรมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายมากข้ึน คือ ด้านอาจารย์ ควรเป็นผู้ท่ีมี ความรู้ความสามารถตรงตามสาขาที่สอน มีการปฏบิ ตั ิตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักเรียน มีจิตใจโอบ อ้อมอารีกับนักเรียน มีบทบาทที่หลากหลาย เช่น เป็นครู เป็นท่ีปรึกษา เป็นเพ่ือน มีคุณธรรม มีการ ติดตามข่าวสารและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพ่ือนามาใช้ในการเรียนการสอน และมีการนิเทศและติดตาม การสอนของอาจารย์ที่เข้ามาสอนใหม่ ด้านนักเรียน ควรต้องอยู่ในกฎและรักษาระเบียบวินัยของ โรงเรียน มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีเป้าหมายและมีแรงบันดาลใจในการเรียน ด้านบรรยากาศใน ห้องเรียน ควรสร้างบรรยากาศในห้องเรียนเพ่ือกระตุ้นให้นักเรียนอยากเรียนรู้ กระตุ้นให้นักเรียน อยากเรียน มคี วามสุขและสนกุ กบั การเรียน ควรมีมมุ ที่สร้างบรรยากาศให้เกิดการเรียนรู้ในห้องเรียน และหอ้ งเรียนต้องสะอาด ด้านสื่ออุปกรณแ์ ละแหล่งเรยี นรู้ ควรมสี อื่ อปุ กรณแ์ ละเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเพียงพอกับจานวนนักเรียน และด้านการสนับสนุนจากผู้บริหาร โดยควรยึดมั่นในความถูกต้อง และความดี กล้าตัดสินใจ มีความยุติธรรม เข้าใจนักเรียนและดูแลนักเรียนอย่างท่ัวถึงทุกระดับชั้น สนับสนนุ นักเรียนในดา้ นต่าง ๆ เช่น การแขง่ ขันทั้งในและนอกโรงเรียน รวมท้ังสนับสนุนนักเรียนท่ีมี ความสามารถพิเศษ 4.3 อาจารยแ์ ละผูบ้ ริหาร : 1) หลักการ การจัดการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย เพื่อส่งเสริม พฒั นาการของนักเรียนทุกด้าน สรา้ งขวญั และกาลงั ใจในการปฏิบัติงานใหบ้ คุ ลากร 2) วตั ถปุ ระสงค์ 2.1) เพ่อื พฒั นาหลักสูตรใหส้ อดคล้องกับจดุ เน้นและอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น 2.2) เพ่ือพัฒนาคุณภาพนักเรียนให้มีทักษะที่จาเป็นในศตวรรษท่ี 21 และ คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมตามทสี่ ังคมตอ้ งการ 3) กระบวนการ 3.1) การสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับหลักสูตรสถานศึกษาและการ กาหนดเปา้ หมายในการพฒั นาหลกั สูตร 3.2) กาหนดบทบาทหน้าท่ีความรับผิดชอบในการดาเนินการพัฒนา หลักสตู ร 3.3) จดั ทารายละเอยี ดตามองค์ประกอบหลักสูตรใหค้ รบถ้วน
235 3.4) ตดิ ตามตรวจสอบความถูกตอ้ งและเหมาะสมเพ่อื ปรบั ปรุงและแก้ไข 3.5) นาหลกั สูตรไปใช้ในการจดั การเรียนการสอน 3.6) ประเมนิ ผล 3.7) การตรวจสอบโดยผูเ้ ชย่ี วชาญเพอ่ื รับรองหลกั สูตร 4) การวดั และประเมินผล 4.1) ประเมินคณุ ภาพนักเรียนดา้ นทกั ษะท่ีจาเปน็ ในศตวรรษท่ี 21 4.2) ประเมินคุณภาพนกั เรยี นตามจดุ เน้นและอตั ลักษณข์ องโรงเรยี นรวมทั้ง คุณธรรมและจรยิ ธรรม 5) ปจั จยั สนับสนุน 5.1) การสนบั สนุนจากโรงเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนและการสร้าง สื่อนวตั กรรมของอาจารย์ 5.2) การสร้างขวัญและกาลังใจของผู้บริหาร และความร่วมมือในการนา หลกั สูตรไปใช้ของอาจารย์ 5.3) ความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้มีส่วนเก่ียวข้อง ได้แก่ นกั เรียน ผปู้ กครอง ชมุ ชน และสถาบันเครอื ข่ายความร่วมมอื นอกจากน้ี ผบู้ ริหารไดเ้ สนอให้โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยา เขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา มีการนาหลักสูตรไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนใน ช้ันเรยี น โดยเสนอใหม้ ีรูปแบบการเรยี นการสอนเป็นของตนเอง เช่น สาธิตเกษตรโมเดล เป็นต้น ซง่ึ เป็นรปู แบบการเรยี นการสอนทมี่ คี วามเป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนโดยเฉพาะ ทั้งน้ีต้องม่ันใจได้ว่า โมเดลน้ันสามารถนาผู้เรียนไปสู่เป้าหมายสอดคล้องกับความต้องการของประเทศและชุมชน โดย อาจารย์ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการคิด ปรับเปล่ียนวิธีการสอน และในทุกภาคส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการ จัดการเรียนการสอนจะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทางานท่ีต้องทาให้เด็กบรรลุเป้าหมายของ หลักสูตรสถานศึกษาชนิดท่ีเรียกว่า “พลิกโฉม” รวมถึงการบริหารจัดการของผู้บริหารจะต้อง ตอบสนองตอ่ เปา้ หมายของโมเดล ดังน้ันผบู้ รหิ ารต้องกล้าคิด กล้าทา และกลา้ ปรบั เปล่ยี น 4.4 ผทู้ รงคณุ วุฒิ : 1) หลกั การ 1.1) ให้ความสาคัญกับ Growth mindset ในการพัฒนาหลักสูตรที่ คณะกรรมการพัฒนาหลักสตู ร และบุคลากรทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการพฒั นาหลักสูตรท่ีให้ความสาคัญกับ คุณภาพผู้เรยี นดา้ นตา่ ง ๆ 1.2) พัฒนาหลักสูตรใหต้ อบสนองธรรมชาติและความต้องการของผู้เรียน ใน ลักษณะ Personalized learning และใช้ Technology เป็น Platform ของการเรียนรู้ ร่วมกับการ เรยี นรู้แบบ Creative Team Learning 2) วตั ถุประสงค์ 2.1) เพ่ือพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่ตอบสนองธรรมชาติและความ ต้องการของผเู้ รียน เสรมิ สรา้ งคุณภาพผู้เรยี นแบบบูรณาการ
236 2.2) เพ่อื พัฒนานวัตกรรมการเรยี นรู้ที่สอดคลอ้ งกับผ้เู รียน 2.3) เพ่ือพัฒนาชุมชน ผู้นานวัตกรรมหลักสูตร และการเรียนรู้ของครูใน โรงเรียน 3) กระบวนการ 3.1) การกระตนุ้ Growth mindset และ Passion ของผู้มสี ว่ นเกี่ยวข้องใน การพฒั นาหลักสูตร 3.2) การถอดบทเรียน จุดแขง็ และจดุ ทค่ี วรปรับปรงุ หลักสตู รเดมิ 3.3) การกาหนดเป้าหมายคณุ ภาพผูเ้ รียนท่ีตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของ สงั คมในอนาคต 3.4) การดาเนินการพัฒนาหลักสูตรท่ีมีความเป็นนวัตกรรม Curriculum innovation ตอบสนองเปา้ หมายคุณภาพผูเ้ รยี น 3.5) การใช้หลักสูตรแบบวิจัยเป็นฐาน ท่ีมีการประเมินและปรับปรุงอย่าง ตอ่ เน่อื งตามวงจร Plan Do Check Reflection 4) การวดั และประเมนิ ผล 4.1) การประเมนิ คณุ ภาพการจัดการเรยี นรูข้ องผู้สอนอยา่ งตอ่ เน่ือง 4.2) การประเมนิ คณุ ภาพของผู้เรียนอย่างตอ่ เนื่อง 4.3) การสะท้อนผลการประเมนิ และนาไปปรบั ปรุงหลกั สูตร 4.4) การถอดบทเรยี นนวัตกรรมหลักสตู รและการเรยี นรู้ของโรงเรยี น 5) ปัจจัยสนบั สนุน 5.1) การสนับสนุนเชิงวิชาการของผู้บริหารท้ังระดับมหาวิทยาลัย ระดับ คณะ และระดบั โรงเรยี น 5.2) Growth mindset ของบุคลากรที่มีต่อการพัฒนาหลักสูตรและ นวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ 5.3) การสนับสนุนจากชมุ ชน องคก์ รภาครัฐ และเอกชน 5.4) ทรพั ยากรหลกั สตู รและการจัดการเรียนรู้ 5.5) งบประมาณในการดาเนินการ 5.6) การได้รับความรว่ มมือจากผปู้ กครอง สรุปโรงเรียนควรมี “รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร” เพื่อให้ครูสามารถพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนสู่เป้าหมายของหลักสูตรได้สาเร็จ ตามองค์ประกอบ 5 ด้าน โดยหลักการ คือ การพัฒนา หลักสูตรโดยเนน้ การมีสว่ นร่วมเชงิ สรา้ งสรรค์ ตอบสนองธรรมชาติและความต้องการของผู้เรียน โดย ใช้ Technology เป็น Platform ของการเรียนรู้ ร่วมกับการเรียนรู้แบบ Creative Team Learning เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของนักเรียนทุกด้าน สร้างขวัญและกาลังใจในการปฏิบัติงานให้บุคลากร วตั ถปุ ระสงค์ คอื เพื่อพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษาท่ตี อบสนองธรรมชาติและความต้องการของผู้เรียน พัฒนาคณุ ภาพนักเรียนให้มีทักษะท่ีจาเป็นในศตวรรษที่ 21 และคุณธรรมและจริยธรรมตามที่สังคม ต้องการ กระบวนการ ประกอบด้วย การกระตุ้น Growth mindset และ Passion ของผู้มีส่วน
237 เกีย่ วข้องในการพฒั นาหลกั สตู ร สรา้ งความเข้าใจร่วมกันและถอดบทเรียน กาหนดเป้าหมายคุณภาพ ผเู้ รียนและบทบาทหนา้ ที่ความรับผิดชอบ จัดทารายละเอียดตามองค์ประกอบหลักสูตร นาหลักสูตร ไปใช้ ตดิ ตาม และตรวจสอบความถกู ตอ้ งและเหมาะสมเพือ่ ปรบั ปรุงและแกไ้ ข ประเมนิ ผลและรับรอง หลกั สตู ร การวดั และประเมนิ ผล ได้แก่ การประเมนิ คณุ ภาพการจดั การเรียนรู้ของผสู้ อนและคุณภาพ ของผเู้ รยี น การสะท้อนผล และการถอดบทเรียน และปัจจัยสนับสนุน ประกอบด้วย การสนับสนุน เชิงวิชาการของผู้บริหารทั้งระดับมหาวิทยาลัย ระดับคณะ และระดับโรงเรียน การสร้างขวัญและ กาลังใจของผบู้ รหิ ารและความร่วมมือในการนาหลักสตู รไปใชข้ องอาจารย์ 5. ทา่ นคิดว่า คุณลักษณะของครูและนักเรียนที่พึงประสงค์ ของโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ควรมีลักษณะ อยา่ งไร (ดา้ นผลผลติ ) 5.1 นักเรยี น : 1) คณุ ลกั ษณะครทู ่ีพึงประสงค์ของโรงเรียน คือ เป็นผู้มีความรู้ เข้าใจนักเรียน สอนเข้าใจและเน้นใหน้ กั เรียนไดป้ ฏบิ ัตจิ รงิ 2) คุณลักษณะนักเรียนที่พึงประสงค์ของโรงเรียน คือ เป็นผู้มีทักษะการคิด วิเคราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา และทกั ษะดา้ นการใช้ภาษาสื่อสาร 5.2 ผ้ปู กครอง : 1) คุณลักษณะครูท่ีพึงประสงค์ของโรงเรียน คือ เป็นผู้มีความรู้และความ ชานาญในวชิ าทสี่ อน มีความเข้าใจนักเรียน ดูแลและเอาใจใส่นักเรียนทั่วถึง และมีจิตใจโอบอ้อมอารี กบั นักเรยี น 2) คุณลักษณะนักเรียนท่ีพึงประสงค์ของโรงเรียน คือ เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถทางวชิ าการ มคี วามรับผดิ ชอบ มีวนิ ยั และมคี ุณธรรม-จรยิ ธรรม 5.3 อาจารย์และผบู้ รหิ าร : 1) คุณลักษณะครูที่พึงประสงค์ของโรงเรียน คือ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เฉพาะทาง มีสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ มีความสามารถในการวิจัยในช้ันเรียน และมีความเอาใจ ใส่ในการพฒั นานกั เรยี น 2) คุณลักษณะนักเรียนท่ีพึงประสงค์ของโรงเรียน คือ เป็นผู้มีความรู้ความ เข้าใจในส่ิงท่ีเรียน มีทักษะการแก้ปัญหา มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบต่อตนเอง มีวินัย และมี จติ อาสา 5.4 ผู้ทรงคณุ วุฒิ : 1) คุณลักษณะครูท่ีพึงประสงค์ของโรงเรียน คือ เป็นผู้ท่ีมี Passion ในการ พฒั นาคุณภาพผเู้ รียน รักการสอน/รกั การจดั การเรยี นรู้ รักผ้เู รยี น มคี วามเป็นกัลยาณมิตร เป็นบุคคล แหง่ การเรยี นรู้ เป็นนักสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมหลักสตู รและการเรียนรู้ 2) คณุ ลกั ษณะนักเรยี นทพ่ี ึงประสงคข์ องโรงเรยี น คือ เป็นผู้มคี ณุ ลักษณะตามท่ี หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) กาหนดไว้และ ควรเพ่ิมเตมิ คณุ ลกั ษณะการเห็นคุณค่าในตนเอง และมีทักษะในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ท่ีสามารถ
238 แปลงความคิดสร้างสรรค์มาเป็นนวัตกรรมได้ อีกท้ังควรมีความเอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่และแบ่งปัน (เมตตา กรุณา) สรปุ คณุ ลักษณะของครูที่พึงประสงค์ของโรงเรียนควรเป็นบุคคลที่มีความรู้และความ ชานาญในวิชาที่สอน มีความเข้าใจนักเรียน มีสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ มีความสามารถในการ วิจยั ในชั้นเรยี น มีความเอาใจใส่ในการพัฒนานักเรียน มีความเปน็ กัลยาณมติ ร มจี ิตใจโอบอ้อมอารีกับ นกั เรยี น เป็นบคุ คลแห่งการเรยี นรู้ และเป็นนักสร้างสรรค์นวัตกรรมหลักสูตรและการเรียนรู้ สาหรับ นกั เรียนท่พี ึงประสงค์ของโรงเรียนควรมีทักษะการคิดขั้นสูง ทักษะด้านการใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสาร และทักษะในการสร้างสรรค์นวัตกรรม มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีคุณธรรม-จริยธรรม มีความ เอื้อเฟ้อื เผ่อื แผ่ และมีจิตอาสา 6. ท่านคิดว่า โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศนู ยว์ จิ ัยและพัฒนาการศึกษา สามารถพัฒนานักเรียนได้ตรงตามความต้องการของสถาบันท่ีจะ รับนักเรียนเข้าศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพหรือไม่ อย่างไร และอาจารย์มีการเผยแพร่ผลงาน หรอื ใหบ้ ริการวชิ าการมากน้อยเพยี งใด อย่างไรบ้าง (ด้านผลกระทบ) 6.1 นักเรียน : เห็นว่าพัฒนาได้ตรงตามที่มหาวิทยาลัยรับเข้าศึกษาต่อ ดูจากสถิติ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรุ่นพี่ที่สามารถเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ทุกคนในทุกปีการศึกษา แต่ ต้องการให้จัดรายวชิ าที่ใช้เรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้น้อยลงเพ่ือจะได้มีเวลาเตรียมความพร้อม เข้ามหาวทิ ยาลยั ไดม้ ากข้นึ 6.2 ผู้ปกครอง : หลักสูตรสถานศึกษาสามารถพัฒนานักเรียนได้ตรงตามความ ต้องการของสถาบันที่จะรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ เน่ืองจากเห็นว่าโรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน สามารถส่งนักเรียนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยได้หลายแห่ง และผู้เรียนสามารถจบ การศกึ ษาไดต้ ามหลักสูตรในระดับอุดมศึกษาและมีทักษะที่ดีสาหรับการศึกษาในระดับที่สูงข้ึนและมี ความสาเรจ็ ในอาชพี ท่เี ลือกเปน็ ส่วนใหญ่ 6.3 อาจารย์และผู้บริหาร : หลักสูตรสถานศึกษา สามารถพัฒนานักเรียนได้ตรง ตามความตอ้ งการของสถาบันท่ีจะรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพ สังเกตได้จากร้อยละ 100 ของนักเรียนท่ีสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ และเห็นว่าอาจารย์ขอทุนวิจัยในชั้น เรียนมีจานวนเพ่ิมขึ้น แต่การเผยแพร่ผลงานหรือให้บริการวิชาการ มีจานวนยังไม่ถึงคร่ึงหนึ่งของ อาจารยท์ ้ังหมดของโรงเรียน 6.4 ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ : ควรสง่ เสริมและสนับสนุนให้อาจารย์มีการเผยแพร่ผลงาน และ กระตนุ้ ให้อาจารย์ไดใ้ ช้ความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์งานและจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทัง้ ให้บรกิ ารวิชาการแก่เพ่อื นร่วมวิชาชพี ท้งั ในและนอกโรงเรียนมากข้นึ สรุปหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา สามารถพัฒนานักเรียนได้ตรงตามความต้องการของสถาบันท่ีรับ นักเรียนเข้าศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพ และอาจารย์ของโรงเรียนจานวนน้อยกว่าละ 50 ท่ีมีการ
239 เผยแพร่ผลงานหรือให้บริการวิชาการ โดยสารวจจากแบบบันทึกการเผยแพร่ผลงานหรือให้บริการ วิชาการของโรงเรียน และสารวจจานวนอาจารย์ที่ได้รับการกาหนดตาแหน่งทางวิชาการและได้รับ เชญิ ไปเป็นวิทยากร ดังน้ัน โรงเรียนควรส่งเสริมและสนับสนุนให้อาจารย์มีการเผยแพร่ผลงาน และ กระตนุ้ ใหอ้ าจารยไ์ ด้ใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์งานและจัดกิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้ รวมท้ังใหบ้ รกิ ารวชิ าการแกเ่ พ่ือนร่วมวิชาชพี ทงั้ ในและนอกโรงเรียนมากขึน้ ผลการสนทนากลุ่ม กรณหี ลกั สูตร English Program 1. ท่านคิดว่าหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) ที่พัฒนาขึน้ ตามกรอบหลักสตู รแกนกลางการศึกษา ข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ซ่ึงเป็นหลักสูตรอิงมาตรฐานนั้น ช่วย ให้ผเู้ รยี นบรรลุจดุ มุ่งหมายและเป้าหมายของหลักสูตรได้หรือไม่ เพียงใด และควรมีแนวทางการ พัฒนาและปรบั ปรงุ หลกั สูตรอย่างไร (ด้านบริบท) 1.1 นักเรียน : เห็นว่าควรพัฒนาความพร้อมของบุคลากร อาจารย์ผู้สอน สถานท่ี และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ในโรงเรียน และพัฒนาภาวะผู้นาให้แก่นักเรียน ควรเพิ่มการดูแลนักเรียนให้ ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรยี นมากขน้ึ ดังคากลา่ วของนักเรยี นทใ่ี หส้ ัมภาษณ์ดงั น้ี “อยากให้โรงเรียนเขม้ งวดในเรอื่ งการศึกษาและกฎระเบียบให้มากกวา่ นี้” “เจ้าหน้าท่ีควรพูดจากบั นกั เรยี นใหส้ ภุ าพข้ึนไม่ใส่อารมณ์ตอนที่พูด” “ควรพัฒนานักเรยี น EP ใหม้ คี วามเปน็ ผู้นา” “ควรมตี ึกของ EP ใหเ้ ป็นกจิ จะลกั ษณะ” 1.2 ผู้ปกครอง : เห็นว่าหลักสูตร English Program จะช่วยพัฒนาทักษะด้าน ภาษาอังกฤษและภาษาที่นกั เรยี นสนใจ เพ่อื เป็นส่ิงที่จาเป็นในการศึกษาต่อในระดับที่สูงข้ึนและใช้ใน การทางานในอนาคต ซ่ึงนักเรียนกส็ ามารถเรียนรูไ้ ด้แต่อาจจะฟังอาจารย์ไม่เข้าใจบ้างในบางช่วงของ การเรียนในระยะแรกๆ หลักสูตรช่วยให้นักเรียนกล้าพูดและฟังภาษาอังกฤษได้ดีข้ึน แต่ควรมีการ พัฒนาทักษะและคณุ ลักษณะอน่ื ๆ เพิ่มเติมดว้ ย เชน่ การแกป้ ญั หาดว้ ยตนเองในชีวิตประจาวัน การมี เปา้ หมายในการเรียน มีน้าใจ มจี ติ อาสา มีความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง และหลักสูตรควรมีกิจกรรมที่ให้ เด็กได้ฝกึ ฝนการใช้ภาษาใหค้ ล่องขึน้ 1.3 อาจารยแ์ ละผู้บริหาร : เห็นว่าหลักสูตร English Program เป็นทางเลือกหน่ึง สาหรบั นกั เรยี นและผู้ปกครองท่ีมีความต้องการให้นักเรียนได้มีพัฒนาการทางด้านภาษาอังกฤษเพื่อ ประโยชน์และความจาเป็นในการศึกษาในระดับท่ีสูงขึ้น นักเรียนจะได้ฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษใน การฟงั -พดู และเรียนรู้กับอาจารย์ชาวต่างชาติในรายวิชาต่าง ๆ อย่างต่อเน่ือง และมีโอกาสเข้าร่วม กิจกรรมเพอื่ แลกเปล่ียนเรยี นรูท้ งั้ ภายในและภายนอกโรงเรียน แต่หลักสูตร EP ท่ีเปิดสอนในปัจจุบัน นักเรียนส่วนใหญ่มผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนกอ่ นเขา้ มาเรียนอยู่ในระดบั ปานกลางถึงต่า ซึ่งเป็นปัจจัยที่ สาคัญต่อการออกแบบหลักสูตรให้เหมาะสมกับความพร้อม ความสามารถและความต้องการของ นักเรียน รวมท้ังบริบทความพร้อมของโรงเรียนและผู้ปกครองด้วย เพ่ือจะช่วยกันพัฒนาคุณภาพ
240 นักเรยี นใหบ้ รรลจุ ดุ มงุ่ หมายของหลักสูตร โดยในปีการศึกษา 2563 โรงเรียนได้พัฒนาปรับหลักสูตร เป็น หลักสูตร Intensive English Program หมายถึงเป็นหลักสูตรที่พัฒนานักเรียนให้มี ความสามารถในดา้ นภาษาอังกฤษทเ่ี ขม้ ข้น เนน้ วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี และการทา โครงงานเพอ่ื สรา้ งองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง และเห็นว่าหลักสูตรควรมีความชัดเจนในทางปฏิบัติที่มีการ ดาเนนิ การอยา่ งเปน็ รูปธรรมใหเ้ หน็ ผลท่ีเกิดข้ึนกับนักเรยี นโดยตรงว่านักเรียนสามารถทาอะไรได้บ้าง เมื่อเขา้ มาเรยี นในหลกั สูตรนี้ และควรให้มีการติดตามผลการศึกษาต่อของนักเรียนท่ีสาเร็จการศึกษา ไปแลว้ ว่ามีความกา้ วหน้าเพียงใด 1.4 ผู้ทรงคุณวุฒิ : เห็นว่าการเปิดหลักสูตร English Program นอกจากเป็นการ สง่ เสริมให้นักเรยี นไดม้ ีพฒั นาการดา้ นภาษาทีเ่ ปน็ สากลแลว้ ยงั เปดิ โอกาสให้นักเรียนและผู้ปกครองที่ ตอ้ งการเตรยี มเดก็ เพื่อกา้ วเขา้ สอู่ าชพี ทต่ี ้องใช้ความสามารถด้านภาษาเพื่อการส่ือสารจะมีโอกาสเข้า ทางานทีต่ ้องการไดม้ ากกวา่ ด้านการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในปัจจุบันมีความสาคัญมาก ควรมีการเพ่ิมเติมทักษะการส่ือสารในภาษาที่เป็นสากล และครอบครัวจะเป็นปัจจัยหน่ึงที่สาคัญใน การสร้างและส่งเสริมบรรยากาศในการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวันของนักเรียนหลักสูตร English Program ได้เป็นอย่างดี ดังน้นั แนวทางการพัฒนาหลกั สูตรโรงเรยี นโดยผ้บู ริหารและอาจารย์ ผู้สอนควรมีการสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนานักเรียนของโรงเรียน และความ ร่วมมอื ระหว่างโรงเรียนและครอบครัวของนักเรยี นเพื่อส่งเสริมบรรยากาศในการใช้ภาษาอังกฤษก่อน มีการเรียนการสอน และในระหว่างจัดการเรียนการสอนควรมีกิจกรรมร่วมกันบางกิจกรรมและ รว่ มกันสะทอ้ นพัฒนาการของนักเรียนระหวา่ งทางบ้านกบั โรงเรยี น โรงเรยี นควรพิจารณาสัดส่วนการ เรียนการสอนเปน็ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษให้มีความสมดุล ใช้เทคโนโลยีเพ่ือการจัดการเรียนรู้ท่ีมี ประสิทธิภาพและควรเนน้ สาระสาคญั ท่ีนักเรียนจะได้รับตามแต่ละระดับชั้นเรียน นอกจากน้ี การจัด อาจารย์ผู้สอนท่ีเป็นอาจารย์ชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของภาษาโดยตรง เช่น สัญชาติอังกฤษ และ อเมรกิ นั จะช่วยให้นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสารด้านการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนได้สูง กว่าอาจารย์ท่ีไม่ใชเ่ จา้ ของภาษา สรุปหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศนู ย์วจิ ยั และพฒั นาการศกึ ษา ช่วยให้ผเู้ รียนบรรลจุ ดุ มุ่งหมายและเป้าหมายของหลักสูตรได้ โดยเน้น การพัฒนาผู้เรียนในด้านทักษะการสื่อสารในภาษาอังกฤษที่เป็นสากล ทักษะการแก้ปัญหาใน ชวี ติ ประจาวนั ภาวะผู้นา และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ เพื่อประโยชน์และความจาเป็นในการศึกษา ในระดับท่ีสูงขึ้น โดยมีแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร คือ ควรให้นักเรียนได้ฝึกฝนการใช้ ภาษาอังกฤษอย่ตู ลอดเวลาทัง้ ทโ่ี รงเรยี นและที่บา้ น ซึ่งครอบครัวจะเป็นปัจจัยหน่งึ ที่สาคญั ในการสร้าง และส่งเสริมบรรยากาศในการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวันของนักเรียนได้ดี ดังน้ันผู้บริหาร อาจารย์และผู้ปกครอง ควรมกี ารสรา้ งความเข้าใจร่วมกนั เกยี่ วกับทศิ ทางการพัฒนานักเรียนหลักสูตร English Program ในระหว่างจัดการเรียนการสอนควรมีกิจกรรมร่วมกันและร่วมกันสะท้อน พฒั นาการของนักเรยี นระหว่างทางบ้านกบั โรงเรียน และควรจัดอาจารยส์ อนเปน็ อาจารย์ชาวต่างชาติ ทเี่ ป็นเจ้าของภาษาโดยตรง
241 2. ท่านคิดว่า หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ศูนยว์ จิ ัยและพฒั นาการศึกษา ทีพ่ ฒั นาขึน้ ตามกรอบหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ควรเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง และชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาหรือไม่ เพียงใด และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพ ผเู้ รยี น และการจดั การเรยี นการสอนของโรงเรียนอยา่ งไร (ดา้ นปัจจยั นาเข้า) 2.1 นักเรียน : เห็นว่าอาจไม่จาเป็นเพราะนักเรียนคิดว่าตนเองควรมีอิสระในการ เลอื กเรยี นและรับผดิ ชอบด้วยตนเองได้ 2.2 ผู้ปกครอง : เห็นว่าถ้าโรงเรียนต้องการให้ผู้ปกครองมาเข้าร่วมหรือช่วยจัด กิจกรรมให้นักเรียน ผู้ปกครองก็ยินดี เพราะบางท่านมีความสามารถที่เหมาะสมกับกิจกรรมของ นักเรียนหลักสูตร EP บางท่านกอ็ าจมคี วามชานาญทส่ี อดคล้องกับกิจกรรมพอดี และโรงเรียนอาจจัด หลักสูตรท่ีใหผ้ ปู้ กครองได้พัฒนาดา้ นภาษาอังกฤษเพอื่ ใช้ในการพูดสื่อสารเพ่ือจะได้สามารถพูดคุยกับ ลูกเปน็ ภาษาองั กฤษที่บา้ นไดด้ ว้ ย 2.3 อาจารย์และผู้บริหาร : ควรเชิญผู้ปกครอง และชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการ จดั การศึกษาในกจิ กรรมพเิ ศษของโรงเรียน เช่น กิจกรรมชมรม กิจกรรมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หรืออาจเชิญมาช่วยจัดกิจกรรมในรายวิชาเพ่ือสร้างแรงจูงใจและเป็นต้นแบบทางวิชาชีพให้แก่ นกั เรยี น 2.4 ผู้ทรงคุณวุฒิ : ควรเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมโดย โรงเรียนสามารถใช้จุดแข็งของผู้ปกครอง ชุมชน มาสร้างสรรค์นวัตกรรมหลักสูตรและการจัดการ เรียนรู้ การมีส่วนร่วมในการออกแบบหลักสูตร การออกแบบการวัดผลการเรียนรู้ การเป็นครูภูมิ ปญั ญาให้กับนักเรียน การเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ และการมีส่วนร่วมในการสะท้อนคุณภาพ ผู้เรยี น สรุปหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ควรเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัด การศกึ ษาในกิจกรรมพเิ ศษของโรงเรียนเพ่ือสร้างแรงจูงใจและเป็นต้นแบบทางวิชาชีพให้แก่นักเรียน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ เป็นครูภูมิปัญญาให้กับนักเรียน และมี สว่ นรว่ มในการสะทอ้ นคุณภาพผู้เรียน 3. ท่านคดิ ว่า มปี ัจจยั สาคัญใดบา้ งท่ีจะช่วยขับเคลื่อนการนาหลักสูตรสถานศึกษาสู่ ชั้นเรียน และควรมีวิธีการหรือแนวทางในการดาเนินการอยา่ งไรให้เกดิ ประสิทธิผลสูงสดุ ตอ่ ผเู้ รียน ในศตวรรษท่ี 21 (ด้านกระบวนการ) 3.1 นักเรียน : เห็นว่าเด็กๆ ควรได้รับความสาคัญจากโรงเรียนมากขึ้น เนื่องจาก ข่าวสารข้อมูลหรือกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนมักรับรู้ได้ช้ากว่านักเรียนหลักสูตรปกติ ควรมีการ คัดเลอื กนักเรียน EP อย่างละเอยี ดเพ่ือให้ได้ผู้เรียนท่ีมีความพร้อมและความสนใจในหลักสูตรนี้อย่าง แท้จริง ควรพิจารณาคุณสมบตั ขิ องอาจารยผ์ สู้ อนทีม่ คี วามเขา้ ใจ ใส่ใจในการดแู ลนกั เรียน และสื่อสาร
242 กับนักเรียนด้วยภาษาสุภาพ ควรเพ่ิมแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ในโรงเรียน ดังคากล่าวของนักเรียนท่ีให้ สมั ภาษณ์ว่า “อยากใหเ้ ดก็ English Program เปน็ ทส่ี นใจมากขนึ้ เนือ่ งจากบางงาน EP มักจะโดนเมินเฉย และมักจะได้รบั ข่าวสารล่าช้ากวา่ ห้องปกตแิ ละมกั โดนวา่ ว่าไมร่ ู้เรอ่ื ง” “ควรมีการคดั เลอื กนกั เรียนทั้ง EP และห้องธรรมดาอย่างละเอียดกวา่ น้ี” นกั เรยี นท่ีเรียนหลกั สตู ร EP ควรเป็นผู้ที่มคี วามพร้อมและความสนใจจรงิ ๆ” “อยากใหเ้ ปลีย่ นอาจารย์สอนในบางรายวิชา” “อาจารย์ควรดแู ลเดก็ ๆ ให้ดีกว่าน้ี และมีทัศนคติดตี ่อนกั เรยี น อาจารย์บางคนพูดดูถกู นักเรียน และไม่มคี วามยตุ ธิ รรมกบั นักเรียน มีการเลอื กปฏบิ ัติ” “แหล่งเรยี นรู้ตา่ งๆ ในโรงเรียนมีน้อยมาก” “ควรเพมิ่ ห้องดนตรสี ากลเพราะมีหลายวง” “ควรพฒั นา EP ก่อนท่จี ะเพิ่มหอ้ งเรยี น เน่อื งจากยงั ไมม่ ีความพรอ้ มทั้งดา้ นบคุ ลากรและสถานที่” 3.2 ผูป้ กครอง : เหน็ ว่าโรงเรียนควรกาหนดเป้าหมายของนักเรียนหลักสูตร EP ให้ ชัดเจนว่าแตกต่างจากหลักสูตรปกติของโรงเรียนอย่างไร ความพร้อมของอาจารย์ผู้สอน เช่น ความสามารถในการสอน คุณลักษณะท่ีเป็นมิตรของอาจารย์ผู้สอน กระบวนการพิจารณาคุณสมบัติ ของอาจารย์ชาวต่างชาติท่ีสอน การเลือกหนังสือเรียน ส่ือ-อุปกรณ์การสอนทุกประเภทและ หลากหลายที่จะช่วยให้นักเรียนมีความเข้าใจและนาไปใช้ได้จริง รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์การเรียนและ ความกระตอื รือรน้ ในการเรียนรขู้ องนักเรียนด้วย 3.3 อาจารย์และผู้บริหาร : ปัจจัยสาคัญท่ีจะช่วยขับเคล่ือนการนาหลักสูตรไปใช้ เหน็ ว่าอาจารยค์ วรสามารถใชส้ อ่ื เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้ ในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ให้มากข้ึน ในแตล่ ะรายวิชา และถา้ นักเรียนเป็นผู้ที่มีความพร้อมและสนใจด้านภาษาจริง ๆ เข้ามาเรียนจะช่วย ให้นักเรียนไดเ้ รียนรไู้ ด้ดีและรวดเรว็ มากขน้ึ ดงั นั้นแนวทางในการดาเนินการให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ต่อนักเรียน ควรต้องเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอาจารย์ผู้สอน ให้มีความสามารถในการจัด กิจกรรมการเรียนร้โู ดยเน้นการใช้สื่อ เทคโนโลยี และแหลง่ เรยี นรู้ 3.4 ผู้ทรงคุณวุฒิ : เห็นว่าปัจจัยสาคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการนาหลักสูตร สถานศึกษาสู่ชั้นเรียน คือ การสร้างความเข้าใจในการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน และการมีเจตคติท่ีดีต่อ หลักสูตร นักเรียน อาจารย์ และผู้บริหาร ต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการนาหลักสูตรสู่ช้ันเรียน เนื่องจากเป็นการสอนโดยอาจารย์ชาวต่างชาติเป็นหลัก ดังนั้น โรงเรียนควรมีการบริหารจัดการ ความรู้ที่เป็นระบบโดยมีการแลกเปล่ียนเพื่อการพัฒนาการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง มีระบบการ ช่วยเหลือทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้องกับการพัฒนานักเรียน การส่งเสริมให้นักเรียนได้มองเห็นเส้นทางใน อนาคตของตนเองหรือการค้นพบตนเองรวมท้ังการเห็นคุณค่าของตนเองจะเป็นแรงจูงใจที่ดีสาหรับ การเรยี นในระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ เพือ่ ก้าวสกู่ ารเรียนในระดับทสี่ งู ขึน้ สรปุ ปจั จยั สาคัญทจ่ี ะชว่ ยขบั เคลอ่ื นการนาหลักสูตรสถานศกึ ษาสู่ชัน้ เรียน ประกอบด้วย คุณสมบัติของอาจารย์ผู้สอนท่ีมีความเข้าใจ ใส่ใจในการดูแลนักเรียน และสื่อสารกับนักเรียนด้วย
243 ภาษาสุภาพ เป็นมิตรกบั นักเรียน สามารถใช้สื่อ เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้ ในการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ การสร้างความเข้าใจในการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน และการมีเจตคติท่ีดีต่อหลักสูตร นักเรียน อาจารย์ และผู้บรหิ าร ต้องมีความรคู้ วามเขา้ ใจเรือ่ งการนาหลักสูตรสู่ช้ันเรียน คุณสมบัติของอาจารย์ ชาวตา่ งชาตทิ ่ีสอน หนงั สอื เรยี น สือ่ -อุปกรณ์การสอนทุกประเภทและหลากหลายท่ีจะช่วยให้นักเรียน มีความเข้าใจและนาไปใช้ได้จริง โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนาการเรียนการสอนอย่าง ต่อเนอื่ ง มีระบบการชว่ ยเหลือทุกฝ่ายท่เี กย่ี วข้องกับการพฒั นานักเรยี น และควรส่งเสรมิ ให้นักเรียนได้ มองเหน็ เส้นทางในอนาคตของตนเองหรอื การค้นพบตนเองรวมทั้งการเห็นคณุ ค่าของตนเอง 4. ท่านคิดว่าโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ควรมี “รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร”อย่างไร เพ่ือให้ครูสามารถ พัฒนาคุณภาพผู้เรียนสู่เป้าหมายของหลักสูตรได้สาเร็จ ตามองค์ประกอบ คือ หลักการ วตั ถุประสงค์ กระบวนการ การวดั และประเมนิ ผล และปจั จยั สนบั สนนุ (ดา้ นกระบวนการ) 4.1 นักเรียน : เห็นว่าโรงเรียนควรพัฒนาสิ่งอานวยความสะดวกและเทคโนโลยีที่ จาเป็นต้องใช้ในการเรียน ท่ีนั่งพักผ่อนของนักเรียนท่ีเพียงพอ ให้ความสาคัญและจัดกิจกรรมให้ นกั เรยี น EP ไดแ้ สดงออกบนเวทีมากข้ึน และให้นักเรียนสามารถใชโ้ ทรศพั ทท์ ีโ่ รงเรียนได้อสิ ระมากข้ึน เนอื่ งจากบางครง้ั จาเปน็ ต้องค้นควา้ จาก Website เพ่อื ทางานส่งอาจารย์ให้ทนั 4.2 ผู้ปกครอง : ขึ้นอยู่กับทางโรงเรียนจะเห็นสมควร แต่นักเรียน EP ควรมีความ ม่ันใจในการพูดภาษาองั กฤษอย่างเปน็ ธรรมชาติ ไม่เขนิ อาย และสามารถอ่านเขียนได้เพ่ือเป็นพ้ืนฐาน ในการศกึ ษาตอ่ ของนักเรียน และใหผ้ ู้ปกครองไดเ้ หน็ พฒั นาการดา้ นภาษาของนกั เรยี นไดช้ ดั เจน 4.3 อาจารย์และผู้บริหาร : เห็นว่าควรพัฒนาหลักสูตรเพื่อส่งเสริมสมรรถนะของ ผู้เรียน ที่เน้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะท้ัง Hard Skills และ Soft Skills ทักษะการคิดขั้นสูง ได้แก่ คิด วิเคราะห์ สามารถแก้ปัญหาท่ีซับซ้อน และสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง มี ความสามารถในการวพิ ากษแ์ ละวิจารณ์ สามารถปรับตัวเข้ากับการเปล่ียนแปลงได้ มีความฉลาดทาง อารมณ์ มีภาวะความเปน็ ผู้นา 4.4 ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ : มคี วามเห็นเช่นเดียวกบั หลักสตู รปกติ ดงั นี้ 1) หลกั การ 1.1) ให้ความสาคัญกับ Growth mindset ในการพัฒนาหลักสูตรที่ คณะกรรมการพฒั นาหลกั สตู ร และบุคลากรทุกฝา่ ยมีสว่ นร่วมในการพัฒนาหลักสตู รท่ีให้ความสาคัญกับ คุณภาพผเู้ รียนด้านต่าง ๆ 1.2) พัฒนาหลักสูตรให้ตอบสนองธรรมชาติและความต้องการของผู้เรียน ใน ลักษณะ Personalized learning และใช้ Technology เป็น Platform ของการเรียนรู้ ร่วมกับการ เรยี นรู้แบบ Creative Team Learning 2) วตั ถุประสงค์ 2.1) เพ่ือพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาท่ตี อบสนองธรรมชาติและความต้องการ ของผูเ้ รียน เสริมสร้างคุณภาพผเู้ รียนแบบบรู ณาการ
244 2.2) เพ่อื พฒั นานวตั กรรมการเรยี นรทู้ ่ีสอดคลอ้ งกบั ผูเ้ รียน 2.3) เพ่ือพัฒนาชุมชน ผู้นานวัตกรรมหลักสูตร และการเรียนรู้ของครูใน โรงเรยี น 3) กระบวนการ 3.1) การกระตุ้น Growth mindset และ Passion ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องใน การพฒั นาหลักสูตร 3.2) การถอดบทเรยี น จุดแข็ง และจุดทคี่ วรปรับปรงุ หลักสูตรเดิม 3.3) การกาหนดเป้าหมายคุณภาพผู้เรียนท่ีตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของ สังคมในอนาคต 3.4) การดาเนินการพัฒนาหลักสูตรท่ีมีความเป็นนวัตกรรม Curriculum innovation ตอบสนองเปา้ หมายคณุ ภาพผเู้ รยี น 3.5) การใช้หลักสูตรแบบวิจัยเป็นฐาน ท่ีมีการประเมินและปรับปรุงอย่าง ตอ่ เน่อื งตามวงจร Plan Do Check Reflection 4) การวัดและประเมนิ ผล 4.1) การประเมนิ คณุ ภาพการจดั การเรียนรขู้ องผู้สอนอยา่ งต่อเนื่อง 4.2) การประเมินคุณภาพของผเู้ รียนอยา่ งตอ่ เน่ือง 4.3) การสะท้อนผลการประเมนิ และนาไปปรบั ปรุงหลักสูตร 4.4) การถอดบทเรยี นนวัตกรรมหลกั สตู รและการเรียนรู้ของโรงเรียน 5) ปจั จัยสนับสนนุ 5.1) การสนับสนุนเชงิ วชิ าการของผูบ้ รหิ ารทง้ั ระดับมหาวิทยาลัย ระดับคณะ และระดับโรงเรยี น 5.2) Growth mindset ของบุคลากรที่มีต่อการพัฒนาหลักสูตรและ นวตั กรรมการจัดการเรียนรู้ 5.3) การสนับสนนุ จากชุมชน องคก์ รภาครฐั และเอกชน 5.4) ทรพั ยากรหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ 5.5) งบประมาณในการดาเนนิ การ 5.6) การได้รบั ความร่วมมือจากผู้ปกครอง สรปุ โรงเรียนสาธติ แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและ พัฒนาการศึกษาควรมี “รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร” เพ่ือให้ครูสามารถพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสู่ เปา้ หมายของหลักสตู รไดส้ าเรจ็ ตามองค์ประกอบ 5 ด้าน โดยหลักการ คือ การพัฒนาหลักสูตรโดย เน้นการมีส่วนร่วมเชิงสร้างสรรค์ ตอบสนองธรรมชาติและความต้องการของผู้เรียน โดยใช้ Technology เป็น Platform ของการเรียนรู้ ร่วมกับการเรียนรู้แบบ Creative Team Learning เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของนักเรียนทุกด้าน สร้างขวัญและกาลังใจในการปฏิบัติงานให้บุคลากร วตั ถุประสงค์ คือ เพือ่ พัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาทต่ี อบสนองธรรมชาติและความต้องการของผู้เรียน พัฒนาคณุ ภาพนักเรียนให้มีทักษะท่ีจาเป็นในศตวรรษที่ 21 และคุณธรรมและจริยธรรมตามที่สังคม
245 ต้องการ กระบวนการ ประกอบด้วย การกระตุ้น Growth mindset และ Passion ของผู้มีส่วน เกย่ี วข้องในการพัฒนาหลักสตู ร สรา้ งความเขา้ ใจร่วมกันและถอดบทเรียน กาหนดเป้าหมายคุณภาพ ผู้เรียนและบทบาทหนา้ ที่ความรับผิดชอบ จัดทารายละเอียดตามองค์ประกอบหลักสูตร นาหลักสูตร ไปใช้ ติดตาม และตรวจสอบความถกู ตอ้ งและเหมาะสมเพ่ือปรับปรงุ และแก้ไข ประเมินผลและรับรอง หลักสูตร การวดั และประเมนิ ผล ได้แก่ การประเมินคณุ ภาพการจดั การเรียนรู้ของผสู้ อนและคุณภาพ ของผเู้ รียน การสะท้อนผล และการถอดบทเรียน และปัจจัยสนับสนุน ประกอบด้วย การสนับสนุน เชิงวิชาการของผู้บริหารท้ังระดับมหาวิทยาลัย ระดับคณะ และระดับโรงเรียน การสร้างขวัญและ กาลังใจของผู้บรหิ ารและความรว่ มมือในการนาหลักสตู รไปใชข้ องอาจารย์ 5. ท่านคิดว่า คุณลักษณะของครูและนักเรียนท่ีพึงประสงค์ ของโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ควรมีลักษณะ อยา่ งไร (ด้านผลผลิต) 5.1 นักเรียน : คุณลักษณะของครูท่ีพึงประสงค์ คือ อยากให้อาจารย์สอนเก่งๆ ใจดี ไม่ดุ ฟัง เหตุผลของนกั เรียน เปน็ กันเอง และจัดการกบั นักเรียนท่ที าผดิ ให้จริงจงั หอ้ งเรยี นจะได้ไมว่ ุ่นวาย คณุ ลักษณะของนักเรยี นทพ่ี ึงประสงค์ คอื ตั้งใจเรียน รับผิดชอบทางาน ไม่เอา เปรยี บเพอื่ น และเข้าใจผอู้ ่ืน 5.2 ผปู้ กครอง : คุณลกั ษณะของครทู พี่ ึงประสงค์ คือ ดูแลเอาใจใส่เด็กทุกคน เข้าใจเด็ก พัฒนา เทคนคิ การสอนให้น่าสนใจ ประเมินผลอยา่ งเปน็ ธรรมตรวจสอบได้ มคี วามยุติธรรม เข้าสอนตรงเวลา มอบหมายงานให้ชัดเจน และเป็นคนมเี หตุผล คุณลักษณะของนักเรียนที่พึงประสงค์ คือ เป็นคนดี ขยันและรับผิดชอบ กล้า แสดงออก มีความสามารถในการเรยี น พฒั นาความคิด และมที กั ษะชวี ติ 5.3 อาจารยแ์ ละผบู้ รหิ าร : คณุ ลักษณะของครูท่ีพึงประสงค์ คือ รักการเรียนรู้และชอบค้นหาส่ิงใหม่ ๆ มี ทักษะการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง มีทักษะอ่านใจผู้เรียน มีความชานาญในการจัดการ เรียนรู้และใช้เทคโนโลยี มีทักษะด้านการวิจัย มีทักษะในการพัฒนานวัตกรรม มีคุณธรรมจริยธรรม และมจี ิตอาสา คุณลักษณะของนักเรียนที่พึงประสงค์ คือ มีความรับผิดชอบ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม กลา้ แสดงออกในสิง่ ที่ดี มจี ิตอาสา ปฏบิ ตั ิตนตามระเบียบของโรงเรียน สามารถปรับตัวและ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นคนที่มีเหตุผล เป็นนักคิด ชอบค้นคว้าหา ความรู้ มที กั ษะในการทางานเป็นทมี มีทักษะในการสือ่ สาร มคี วามเข้าใจในตนเองและผอู้ นื่ 5.4 ผทู้ รงคณุ วุฒิ : คณุ ลกั ษณะของครูทพ่ี ึงประสงค์ คือ เป็นคนที่นักเรียนไว้วางใจ มีความพร้อม ในการพัฒนาวิชาชีพให้ทันสมัยอยู่เสมอ ใจกว้าง มีภาวะผู้นา มีความสามารถในการทาวิจัย มี ปฏิสมั พนั ธท์ ่ีดตี อ่ นักเรยี นและบคุ คลทเ่ี กย่ี วข้อง มีจติ เมตตา และเอื้อเฟ้ือเผือ่ แผ่
246 คุณลักษณะของนักเรียนท่ีพึงประสงค์ คือ รู้จักแสวงหาความรู้อยู่เสมอ เข้าใจ ผอู้ ่ืน ร้จู กั การเป็นผใู้ หแ้ ละผรู้ ับทดี่ ี มีความกตญั ญู อดทน เข้มแข็ง มีความรับผิดชอบ มีความสามารถ ในการเลือกใชเ้ ทคโนโลยีให้เกดิ ประโยชน์ และรกั การเรียนรูต้ ลอดชีวิต สรปุ คณุ ลักษณะของครูทพ่ี งึ ประสงคข์ องโรงเรียนควรเป็นบุคคลท่ีสอนเก่ง ดูแลเอาใจ ใส่ มเี หตผุ ล มีความยุติธรรม รักการเรียนรู้ มีทักษะการปรับตัวเพ่ือรองรับการเปลี่ยนแปลง มีทักษะ ด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม มีคุณธรรมจริยธรรมและมีจิตอาสา มีความพร้อมในการพัฒนา วชิ าชพี ให้ทนั สมัยอยูเ่ สมอ ใจกวา้ ง มภี าวะผนู้ า มีปฏิสัมพนั ธท์ ่ีดีและเออื้ เฟือ้ เผ่ือแผ่ สาหรับนักเรียนที่ พึงประสงค์ของโรงเรียนควรมีความรับผิดชอบ เข้าใจตนเองและผู้อื่น กล้าแสดงออกในสิ่งท่ีดี มีจิต อาสา ปฏิบตั ิตนตามระเบียบของโรงเรียน มีเหตุผล มีความกตัญญู อดทน เข้มแข็ง เป็นนักคิด รู้จัก แสวงหาความรู้อยู่เสมอ มีทักษะในการทางานเป็นทีม มีทักษะในการสื่อสาร มีความสามารถในการ เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีใหเ้ กดิ ประโยชน์ และรกั การเรยี นรตู้ ลอดชีวติ 6. ทา่ นคดิ ว่า หลักสตู รสถานศึกษาฯแห่งน้ี สามารถพัฒนานักเรียนได้ตรงตามความ ตอ้ งการของสถาบันที่จะรบั นกั เรยี นเขา้ ศกึ ษาตอ่ หรอื ประกอบอาชีพหรอื ไม่ อยา่ งไร และอาจารย์มี การเผยแพร่ผลงาน หรือใหบ้ รกิ ารวชิ าการมากน้อยเพียงใด อย่างไรบา้ ง (ด้านผลกระทบ) 6.1 นักเรียน : พฒั นาไดต้ รงแตย่ งั ไม่มีแผนการเรียนท่ชี อบในระดับมัธยมศึกษาตอน ปลาย และถ้าจบหลกั สตู ร EP แล้วโรงเรยี นกไ็ มม่ หี ลกั สตู รนี้ต่อในระดับม.ปลาย ซึ่งก็จาเป็นต้องเลือก เรียนเทา่ ท่โี รงเรียนเปิดสอน แต่มนี กั เรียนบางคนไม่ต้องการท่ีจะเรียนต่อในหลักสูตร EP แล้ว เพราะ รสู้ กึ ว่าไมถ่ นัดดา้ นภาษา โรงเรยี นควรมีการตอ่ ยอดหลักสตู รโดยควรใหน้ ักเรียนมีทางเลือกในแผนการ เรียนที่ตรงกับความต้องการและความถนดั ของนักเรียนแต่ละคน 6.2 ผูป้ กครอง : คดิ วา่ หลักสตู รสถานศึกษาสามารถพฒั นานกั เรียนได้ตรงตามความ ต้องการของมหาวิทยาลัยท่ีจะรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ แต่นักเรียน EP ท่ีจบม.3 ส่วนใหญ่สามารถ เรยี นตอ่ ในช้ันม.4 ของโรงเรยี นได้จนจบม.6 และสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ สาหรับอาจารย์ ไม่ทราบว่ามีการเผยแพร่ผลงานหรือไม่ แต่เห็นว่ามีอาจารย์บางท่านเท่านั้นที่ให้บริการวิชาการแก่ สถาบนั อื่นๆ บ้าง 6.3 อาจารยแ์ ละผู้บริหาร : หลักสตู รสถานศกึ ษาสามารถพฒั นานกั เรียนได้ตรงตาม ความตอ้ งการของสถาบันทจี่ ะรบั นักเรียนเข้าศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพ สังเกตได้จากร้อยละ 100 ของนักเรียนทสี่ ามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ และนักเรียนม.3 ของหลักสูตร EP เรียนต่อ ในชั้นม.4 ของโรงเรียน โดยมีการเลือกเรียนในแผนการเรียนที่แตกต่างกันไป ควรสร้างแรงจูงใจให้ อาจารยไ์ ดเ้ ห็นความสาคัญของการพัฒนาการสอนและทาวิจัย และสง่ เสรมิ ให้มีเผยแพร่ผลการวิจัยให้ เปน็ ท่ปี ระจกั ษ์ 6.4 ผทู้ รงคุณวุฒิ : นกั เรยี นมโี อกาสดที ีไ่ ด้รบั โควตาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลายท่นี ง่ั และมขี อ้ มลู การเข้าศกึ ษาตอ่ ในมหาวทิ ยาลยั ของนักเรยี น 100% สาหรับอาจารย์ควรมีการ พัฒนางานแบบ Routine to Research โดยทาการสอนควบคกู่ บั การทาวจิ ัยไปพร้อม ๆ กัน เพื่อผลิต และเผยแพรผ่ ลงานโดยสามารถเขยี นบทความวิจัยและเผยแพร่ผ่านวารสารต่าง ๆ ได้ หรืออาจเลือก
247 การนาเสนอผลงานในงานสมั มนาทางวิชาการทั้งในระดับชาติและนานาชาติ เพื่อใช้ในการทาผลงาน ทางวิชาการของตนเองได้ โรงเรียนควรส่งเสริมและสนับสนุนให้อาจารย์มีการเผยแพร่ผลงาน และ กระตนุ้ ใหอ้ าจารย์ได้ใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์งานและจัดกิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้ รวมทั้งใหบ้ ริการวิชาการแก่เพ่อื นรว่ มวิชาชพี ทงั้ ในและนอกโรงเรียนมากข้ึน สรุปหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา สามารถพัฒนานักเรียนได้ตรงตามความต้องการของสถาบันที่รับ นกั เรยี นเข้าศกึ ษาตอ่ หรอื ประกอบอาชพี แต่นักเรียนท่ีจบหลักสูตร EP ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วโรงเรียนไม่มีหลักสูตรน้ีให้นักเรียนได้เลือกเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย นักเรียนจึง จาเป็นต้องเลือกเรียนในแผนการเรียนเท่าท่ีโรงเรียนเปิดสอนในหลักสูตรปกติโดยอาจมีนักเรียนทั้งท่ี ชอบและไม่ชอบแผนการเรียนที่มีให้เลือก และอาจารย์ของโรงเรียนจานวนน้อยกว่าละ 50 ท่ีมีการ เผยแพรผ่ ลงานหรอื ใหบ้ รกิ ารวชิ าการ ดงั น้ันโรงเรียนควรพิจารณาการเปิดโปรแกรมการศึกษาต่อของ นกั เรียนหลักสูตร EP ในระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย นอกจากน้ีควรส่งเสริมและสนับสนุนให้อาจารย์ มีการเผยแพร่ผลงาน และกระตุ้นให้อาจารย์ได้ใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์งานและจัด กจิ กรรมแลกเปลยี่ นเรียนรูร้ วมท้ังให้บริการวชิ าการแก่เพื่อนร่วมวชิ าชีพทั้งในและนอกโรงเรียนมากขน้ึ ผู้วิจัยนาผลการประเมินหลักสูตรจากตอนท่ี 1 สภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาใน ปจั จุบนั และความตอ้ งการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา ตอนที่ 2 ผลการประเมินหลักสูตรโรงเรียน สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) และตอนท่ี 3 ผลการสนทนากลุ่มเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา มา สังเคราะห์ร่วมกัน โดยจาแนกเป็นหลักสูตรปกติและหลักสูตร English Program ให้ได้ภาพรวมของ ปัญหาและแนวทางการพัฒนาและปรบั ปรุงหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560) โดยนาเสนอตามองคป์ ระกอบ CIPPI Model ของการ ประเมินหลกั สูตร 5 องค์ประกอบ ดงั ตารางที่ 33
248 ตารางที่ 34 ผลการสังเคราะห์ปัญหาและแนวทางการพัฒนาและปรบั ปรงุ หลกั สูตรโรง และพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ของการประเมนิ หลักสตู รโดยใช้ CIPPI Model ขอ้ ปญั หา ขอ้ 1. ด้านบรบิ ท (Context : C) ปกติ สงั เคราะหผ์ ลการสมั ภาษณผ์ ูอ้ านวยการ 1.1 ตัวช้วี ัดบางข้อ วัดได้ยาก 1.1 1.2 ตวั ชวี้ ัดทปี่ รบั ปรงุ ใหมแ่ ลว้ ยังมีจานวนมาก 1.2 1.3 ครูวิทยาศาสตร์ไม่สามารถสอนบูรณาการ STEM ตามที่หลักสูตรกาหนด 1.3 แนวทางไวไ้ ด้ 1.4 โครงสร้างเวลาเรียนในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา มีการ 1.4 กาหนดเวลาเรียนจานวนมาก ทาให้สถานศึกษาไม่สามารถจัดรายวิชาเรียน ตามจดุ เน้นได้เทา่ ทคี่ วร 1.5 การนาหลักสูตรไปใช้ โดยครูยังไม่สามารถพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้ไปถึง 1.5 เปา้ หมายของผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 ได้ครบถว้ น ซึง่ เกดิ จากความไม่พร้อมใน การปฏบิ ัติหนา้ ที่ ไมเ่ ขา้ ใจหลักสตู ร และจัดการเรียนการสอนและประเมินผล ไมต่ รงตามมาตรฐาน/ตัวชีว้ ัด ไม่มเี ครอื่ งมอื สะทอ้ นผลลพั ธก์ ารบรรลุเป้าหมาย ในการพัฒนาคุณภาพนกั เรียน นกั เรียนควรได้รับการพัฒนาทักษะที่จาเป็นต่อ การนาไปใช้ศกึ ษาต่อในระดับมหาวทิ ยาลัยมากกว่า 1.6 แรงกดดันจากครอบครัว และสังคม ทาให้พัฒนาการตามวัยและคุณธรรม 1.6 จรยิ ธรรมลดลง ความหลากหลายของรายวชิ า/กิจกรรม และความยืดหยุ่นของ
งเรียนสาธติ แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัย 248 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560) หลักสูตรปกติ จาแนกตามองค์ประกอบ 5 ด้าน แนวทางการพฒั นาและปรับปรงุ หลกั สูตร รโรงเรยี นสาธิต 4 โรงเรียน (จากตอนที่ 1) ควรปรับขอ้ ความเนน้ เป็นพฤตกิ รรมทน่ี กั เรยี นแสดงออกได้ชดั เจน ควรปรับลดจานวนตัวชี้วัดให้เหลือเท่าที่จาเป็นท่ีสามารถสะท้อนความรู้ ทักษะ และ คุณลักษณะท่ีจาเป็นของนักเรียนในชีวิตจริง และควรปรับการเรียนการสอนในวิชา หนา้ ทพ่ี ลเมืองในรูปแบบบรู ณาการกบั รายวชิ าอ่นื โรงเรียนควรบรหิ ารใหค้ รูผูส้ อนสามารถสอนบูรณาการ STEM ได้ ควรมีการแนะนาการ เลือกสอื่ หรือหนงั สอื เรยี นให้เหมาะสมกบั วัยของนกั เรยี น หลักสูตรแกนกลางฯควรปรบั สดั สว่ นให้สถานศกึ ษาสามารถจัดรายวิชาเรียนตามจุดเน้น ได้มากขึน้ ควรให้สถานศกึ ษามีอสิ ระในการออกแบบหลักสูตรได้อย่างแท้จริง หลักสูตร ควรตอบสนองนักเรียนแต่ละคน และควรมีรูปแบบการประเมินที่หลากหลายและเน้น ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล 1) ควรสร้างแรงจูงใจให้ครูได้รับการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้และการ ประเมินผลที่ส่งเสริมทักษะผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 ได้ และพัฒนาเครื่องมือประเมินที่ สะท้อนผลลพั ธ์การบรรลเุ ป้าหมายของหลักสูตร 2) ควรทาความเขา้ ใจหลักสตู รและกระบวนการพัฒนานักเรียนตามเป้าหมายให้ชัดเจน ร่วมกัน นาหลกั สูตรไปใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา มีการติดตามผลการใช้ หลกั สตู รอยา่ งเป็นระบบ และนาผลการประเมินหลักสูตรไปใช้ในการจัดทาแผนพัฒนา สถานศึกษา โรงเรียนและครอบครัวควรให้ความสาคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของ นักเรียนท่ีอยู่ในยุคการเปล่ียนแปลงแบบหักศอก (Disruption) แนะนาให้นักเรียนได้
249 ขอ้ ปญั หา ขอ้ หลักสตู รทต่ี อบสนองความตอ้ งการและความสามารถพเิ ศษของนักเรียนมีน้อย เน่อื งจากหลกั สตู รแกนกลางเนน้ ทคี่ วามรพู้ ื้นฐานตามมาตรฐานและตัวชี้วัดท่ีมี จานวนมาก ปกติ สังเคราะหผ์ ลการสนทนากลุ่มคณะกรรม 1.7 การกาหนดกรอบแนวคิดในเอกสารหลักสูตรของโรงเรียนสาธิตเกษตรฯ 1.7 กาแพงแสนยงั ไมช่ ัดเจน 1.8 เป้าหมายของหลักสูตรยังไม่มีกระบวนการหรือเคร่ืองมือในการวัดและ 1.8 ประเมินผลทสี่ ะท้อนถึงการบรรลเุ ป้าหมายของหลักสูตร 1.9 จดุ เน้นของหลักสตู รยงั ไมช่ ัดเจนและเพยี งพอ 1.9 1.10 การนาหลักสูตรสชู่ ้ันเรียน อาจารย์ผสู้ อนสว่ นหน่งึ อาจยังไม่ทราบถึงเป้าหมาย 1.10 สาคัญของหลักสตู รทง้ั ในภาพรวมของโรงเรยี น และหลักสูตรเฉพาะกลุ่มสาระ การเรยี นรู้ 1.11 1) การจัดการเรยี นการสอนมลี กั ษณะเปน็ แบบแยกสว่ น ยังไม่มีการบูรณาการ 1.11 ระหวา่ งกลุ่มสาระการเรยี นรอู้ าจสง่ ผลให้เกดิ ความไม่ต่อเน่ืองและไม่เช่ือมโยง ของสาระการเรียนรู้ท่ีต้องอาศัยพื้นฐานความรู้ซึ่งกันและกันระหว่างรายวิชา เข่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และสงั คมศึกษา 2) รายวิชาบูรณาการในระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4-6) ขาดการ บริหารจัดการรายวิชาเนื่องจากมีอาจารย์ผู้สอนเป็นทีม จานวน 3 คน นอกจากน้ียังพบว่ามีการเปลี่ยนอาจารย์ผู้สอนในแต่ละปีการศึกษา ซ่ึงอาจมี ผลทาใหก้ ารพฒั นารายวชิ าเปน็ ไปด้วยความล่าชา้ 1.12 ในหลักสูตรระดับประถมศกึ ษา ควรจัดให้มีการเรยี นการสอนรายวิชาภาษาจีน 1.13
แนวทางการพฒั นาและปรบั ปรุงหลักสูตร 249 ปรับตวั และกลา้ ยอมรบั ความเปล่ยี นแปลงท่เี กิดขน้ึ มการฝ่ายวิชาการ 12 คน (จากตอนที่ 1) 1) ควรจาแนกเปน็ ระดับการศึกษาและมีภาพประกอบคาบรรยาย 2) เอกสารหลักสูตรและคู่มือการวัดและประเมินผลควรรวมเป็นเล่มเดียวกัน และให้มี องคป์ ระกอบครบถว้ นเพยี งพอท่ีจะนาไปใช้ปฏบิ ตั ิไดจ้ ริงในชัน้ เรยี น ควรทาความเข้าใจหลักสูตรและกระบวนการพัฒนานักเรียนตามเป้าหมายให้ชัดเจน รว่ มกัน นาหลกั สตู รไปใชใ้ ห้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา มีการติดตามผลการใช้ หลกั สูตรอยา่ งเปน็ ระบบ และนาผลการประเมินหลักสูตรไปใช้ในการจัดทาแผนพัฒนา สถานศกึ ษา ควรเพ่มิ จดุ เนน้ และความโดดเด่นของโรงเรยี นใหเ้ ดน่ ชดั กวา่ ทป่ี รากฏอยใู่ นหลักสตู ร ควรตอ้ งสรา้ งความเข้าใจร่วมกัน กาหนดให้มีการเลือกวิธีหรือรูปแบบการจัดการเรียน การสอนและการประเมินผลท่ีเหมาะสมเพื่อให้นักเรียนบรรลุเป้าหมายคุณภาพผู้เรียน ตามทีห่ ลักสตู รกาหนด ควรมีระบบการบริหารจัดการหลักสูตรรายวิชา โดยควรให้มีการปรับปรุงรูปแบบการ เรียนการสอนและการวัดและประเมินผลให้มีความชัดเจนในแนวทางการปฏิบัติและมี ความต่อเนื่องของสาระทใ่ี ช้ในการจดั กิจกรรม ควรพิจารณาปรับรายวชิ าใหเ้ หมาะสม และบรหิ ารจัดการผ้สู อนเพือ่ เพิม่ ประสบการณ์ให้
250 ขอ้ ปัญหา ขอ้ และในระดบั มัธยมศกึ ษาควรมอี าจารย์พิเศษมาใหค้ วามร้แู ละประสบการณ์กับ นักเรยี น 1.13 อาจารย์ผสู้ อนบางส่วนยงั ขาดความเข้าใจเก่ียวกับหลักสูตรของโรงเรียน ส่วน 1.14 ใหญจ่ ัดการเรยี นการสอนโดยยดึ เนอ้ื หาเป็นหลัก ใช้ประมวลการสอน (Corse Syllabus) เพื่อให้นักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาได้รับทราบ รายละเอียดของรายวิชา และแม้ว่าหลักสูตรจะมีการกาหนดเป้าหมายที่ ชดั เจนแลว้ แต่ยังไม่มวี ิธกี ารทีจ่ ะทาใหท้ ราบวา่ คุณภาพนกั เรียนบรรลุเป้าหมาย ตามท่ีหลักสูตรแต่ละระดับการศึกษากาหนดไว้หรือไม่ รวมท้ังบางรายวิชามี ความจาเป็นต้องให้มีการเชื่อมโยงความรู้ระหว่างศาสตร์ เพื่อนาความรู้ของ ศาสตร์หนง่ึ ไปใชเ้ ป็นพ้ืนฐานต่อยอดความร้ขู องอีกศาสตรห์ นงึ่ ได้อย่างเขา้ ใจ ปกติ ความคิดเหน็ ของนกั เรยี นทมี่ ตี ่อหลกั สูตรปกติ (รายงานผลการสอบถามความค ประเด็น 3 ลาดับท้าย ซง่ึ นักเรยี นมคี วามคิดเหน็ อยู่ใน 1.14 ด้านหลักสตู ร 1.14 1) เน้ือหาสาระที่เรียนแต่ละรายวิชาในภาพรวมมีความเหมาะสม นักเรียน สามารถนาไปใชไ้ ด้จริงในชวี ิตประจาวัน 2) โรงเรียนส่งเสริมให้นักเรียนมีความพร้อมในการศึกษาต่อตามความถนัด ความสนใจ ซง่ึ สอดคล้องกับความต้องการของนักเรยี น 3) จานวนเวลาเรียน 6-8 คาบต่อวัน มคี วามเหมาะสม 4) จากการสัมภาษณน์ ักเรียนเห็นว่า มีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินของ หลกั สตู ร
แนวทางการพฒั นาและปรับปรงุ หลักสตู ร 250 นักเรยี นในระดบั มัธยมศึกษา ควรให้อาจารย์ผู้สอนทุกท่านโดยเฉพาะอาจารย์ใหม่ของโรงเรียนได้ตระหนักถึงความ จาเป็นทจี่ ะต้องรบั ร้แู ละทาความเขา้ ใจหลักสูตรของโรงเรียนให้ชัดเจน และสามารถนา หลักสูตรไปใชใ้ นการออกแบบและจัดการเรยี นการสอนให้บรรลเุ ปา้ หมายคณุ ภาพผู้เรยี น ในศตวรรษที่ 21 ได้ ดังนั้นควรต้องมีการกาหนดกระบวนการในการนาหลักสูตรสู่ชั้น เรยี นใหช้ ดั เจน มรี ะบบพีเ่ ล้ยี งสาหรับอาจารยใ์ หมข่ องโรงเรียน และมีการนิเทศ ติดตาม และช่วยเหลือเพ่ือการพัฒนาวิชาชีพ นอกจากน้ีควรให้อาจารย์ผู้สอนมีการวิเคราะห์ สาระ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด เพื่อจัดลาดับความสาคัญของเนื้อหาสาระในกรณีที่ต้องมีการ ต่อยอดความรู้ข้ามศาสตร์เพื่อให้นักเรียนมีความรู้พ้ืนฐานเพียงพอสาหรับการศึกษาใน เรอ่ื งทซ่ี ับซ้อนมากข้ึนหรือในระดับชัน้ เรยี นท่ีสงู ขนึ้ ได้ คิดเห็นตารางที่ 22 จากตอนท่ี 2 และผลการสนทนากลุม่ นกั เรยี น จากตอนที่ 3) นระดบั “ปานกลาง” ควรนามาพิจารณาแก้ไขปรบั ปรงุ ) 1) ควรเพิ่มการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรให้มากข้ึนเพื่อเน้นความกล้าแสดงออกของ นักเรยี น 2) ควรเพิ่มจานวนคาบเรียนวชิ าเทคโนโลยี พลศึกษา และดนตรีใหม้ ากขึ้น วิชาพละให้มี มวยสากล 3) ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายควรมีแผนการเรียนเพ่ิมขึ้นและเน้นด้านอาชีพ เช่น วทิ ย-์ แพทย์ วิทย-์ กฬี า ภาษาต่างประเทศ-ภาษาเกาหลี 4) ควรนาหลักสูตรในมหาวิทยาลัยมาทดลองใช้ในระดับมัธยมศึกษาเพ่ือให้นักเรียนมี ทางเลอื กท่เี หมาะสมกบั ตนเองหลากหลายมากขึน้ 5) ควรปรบั ปรุงหลกั สตู รใหต้ รงกบั ความเปน็ จรงิ มวี ิชาเลอื กใหน้ กั เรยี นได้เลือกเรยี นมาก ขึน้ ครอบคลมุ ทุกกล่มุ สาระฯ มรี ายวชิ าอาชพี ทีเ่ จาะลกึ ถึงเรอ่ื งนั้น ๆ 6) ในระดับม.ปลายคาบภาษาที่ 3 ฝร่ังเศส จีน ญ่ีปุ่น ควรคงไว้ที่ 10 คาบเหมือนเดิม เพ่อื จะช่วยเรื่องการพฒั นาภาษาท่ีสามของนักเรยี น
251 ขอ้ ปัญหา ขอ้
แนวทางการพฒั นาและปรบั ปรงุ หลกั สตู ร 251 7) ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอยากให้เปล่ียนระบบแผนการเรียนเป็นเตรียม ศลิ ปกรรม เตรียมวิทย์-คอมพ์ เตรียมนิเทศ-มนุษย์ เป็นต้น แทนแผนการเรียนท่ีเปิดใน ปจั จบุ นั 8) ควรมีหอ้ งเรียนมธั ยมศึกษามากข้นึ เรยี นแบบใหม่ เชน่ ตามสายทอี่ ยากจะเรียนต่อใน มหาลยั 9) ควรใหว้ ิชา \"งานช่างไม\"้ อยู่ในวิชาเพิ่มเติมหรือชมรมอย่างเดียว ไม่ต้องการให้อยู่ใน กลุ่มรายวิชาพ้นื ฐาน 10) ในโครงการแลกเปลีย่ นนักเรียนในตา่ งประเทศควรใหม้ ีเกาหลมี าดว้ ย 11) ควรพัฒนาหลักสูตรวิทย์-คณิตให้เข้มข้นขึ้นเพื่อการสอบแข่งขันต่างๆ และเน้น ภาษาองั กฤษมากขน้ึ 12) ควรมคี าบเรียนแบบตอนเรียนปรับพ้ืนฐาน ม.1 เพราะไม่มากเกินไปและมีเวลาพัก 13) ควรมีการจัดความถนัดของเด็กทั้ง 8 ด้าน โดยโรงเรียนสมควรเป็นสถานที่ท่ีทาให้ เด็กได้รู้ว่าชอบอะไร หลักสูตรควรเน้นความสามารถของเด็กมากกว่าการให้แต่ความรู้ 14) ควรลดชัว่ โมงวชิ าภาคบงั คับลงและเพิ่มช่วั โมงวชิ าเลือกและชมรมใหม้ ากขึน้ 15) ควรมีสอบแค่วิชาหลัก ควรลดคาบวิชาเรียนแล้วเพ่ิมกิจกรรมอื่นๆ ทดแทนการนั่ง เรยี นทไ่ี ม่ได้ขยับตัวยดื เหยยี ดกล้ามเนือ้ ทท่ี าให้เกิดผลเสียในภายหลัง 16) ควรจัดหอ้ งเรยี นแบบคดั มากกวา่ แบบคละชัน้ เพ่ือให้อาจารย์ในรายวิชาสอนได้อย่าง ทว่ั ถึง ถ้าเป็นหอ้ งเรียนแบบคละเดก็ บางคนอาจยังไมเ่ ขา้ ใจแต่ผสู้ อนปล่อยผา่ นไป 17) ควรปรบั การเรียนเป็นเรียนวิชาหลักในช่วงเช้า เพ่ิมช่วงกลางวันเป็นเรียนวิชาตาม ความถนัด 18) ควรลดเวลาเรียน ลดงาน ลดการบ้านลง บางอย่างเรยี นไปก็ไม่ได้ใช้ เพื่อให้นักเรียน นาเวลาว่างไปอา่ นหนังสือ หรือค้นคว้าหาความรู้ในสิ่งที่สนใจและส่ิงท่ีชอบเพ่ือต่อยอด ในอนาคต และอาจารย์ควรสอนใหเ้ ตม็ เวลาและไม่ตอ้ งใหม้ ีการบา้ น 19) ควรเรียนวันละ 4-5 ชม. แบ่งเรียนหนกั เบาสลับกันไป 20) นกั เรยี นควรเรียนเพียงครง่ึ วนั หลงั เที่ยงควรใหเ้ ลอื กเรยี นตามความสนใจ ควรให้จัด
252 ขอ้ ปญั หา ขอ้ 1.15 ด้านรายวิชา (พืน้ ฐานและเพม่ิ เตมิ ) และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น 1.15 1) รายวิชาและกิจกรรมการเรยี นการสอนในโรงเรียน ชว่ ยส่งเสริมใหน้ ักเรียนมี ทักษะชวี ิตและเข้าใจอาชีพ 2) รายวิชาและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ส่งเสริมให้นักเรียนมีสมรรถนะในการ เป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง ได้แก่ มีความรักชาติ รักท้องถิ่น มีจิตอาสา มี อุดมการณ์ มคี วามยุตธิ รรม และใชท้ รัพยากรอย่างรคู้ ุณค่า 3) รายวิชาและกจิ กรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน ชว่ ยสง่ เสริมใหน้ กั เรยี นมี บุคลิกภาพท่ีดีในด้านการเรียนรู้อย่างมีความสุข การเป็นท่ียอมรับของผู้อ่ืน การชว่ ยเหลอื โอบอ้อมอารี ส่ือสาร และใฝ่เรียนรู้ส่งิ ใหม่ๆ ความคดิ เห็นของอาจารยท์ ีม่ ตี อ่ หลกั สตู รปกติ (รายงาน ปกติ และผลการสนทนากลมุ่ อาจารย์และผบู้ ประเดน็ 3 ลาดับท้าย ซง่ึ อาจารยม์ คี วามคดิ เหน็ อยูใ่ น 1.16 ด้านหลักสูตร 1.16 1) การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนของผู้เรียน สอดคล้องกับเป้าหมายของ หลักสูตรแต่ละระดับการศึกษา และมาตรฐานการศึกษาท่ีเน้นผลลัพธ์ท่ีพึง ประสงค์ (DOE Thailand) 2) โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโดยภาพรวม 3 ระดับ คือ ปฐมวัย ประถมศึกษา และมัธยมศกึ ษา มีความต่อเนอื่ งเชอื่ มโยงกนั 3) วตั ถุประสงค์ เป้าหมายของหลักสตู รเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
แนวทางการพฒั นาและปรบั ปรุงหลกั สูตร 252 ตารางเรียนเอง 21) นักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินของหลักสูตร โรงเรียนควรพิจารณาสาเหตุที่ แท้จรงิ และมีระบบการให้ความชว่ ยเหลอื ใหท้ นั กอ่ นนกั เรยี นจบหลกั สตู ร 1) ควรมีวิชาเสริมในรายวิชาเลือกหรือชมรมมากกว่าน้ีเพื่อให้นักเรียนเลือกเรียนสิ่งที่ ชอบตามศกั ยภาพจริง ควรมีการฝึกฝนการเอาชวี ติ รอดในสังคมมากขนึ้ 2) บางรายวิชาควรปรับใหน้ าไปใชไ้ ดจ้ รงิ ควรสอนปฏบิ ัติมากกวา่ ทฤษฎี 3) ควรมีชมรมและวิชาเลือกบาสเกตบอล เร่ิมตั้งแต่ ป.1-ม.6 จะให้เด็กได้ฝึกความ แขง็ แรงและมีคณุ ภาพในดา้ นกีฬาบาสเกตบอล ควรมีการจัดการดูแลเด็กให้ทั่วถึงใครทา ผิดควรรบั ผิดชอบ นผลการสอบถามความคดิ เห็นตารางท่ี 24 จากตอนท่ี 2 บรหิ าร และผู้ทรงคุณวุฒิ จากตอนที่ 3) นระดบั “ปานกลาง” ควรนามาพิจารณาแกไ้ ขปรับปรงุ ) 1) อาจารย์เห็นว่า ควรจัดโครงการเพ่ือเชื่อมต่อการศึกษาระหว่างระดับปฐมวัยสู่ ประถมศกึ ษา และมธั ยมศึกษา ตามลาดับเพ่ือให้นักเรียนได้ปรับตัวเข้ากับการเรียนการ สอนในระดับท่ีสูงข้ึนได้ โดยมีเป้าหมายคือการพัฒนานักเรียนให้บรรลุมาตรฐาน การศึกษาและคณุ ภาพนักเรียนตามที่หลกั สูตรสถานศกึ ษาทกี่ าหนด 2) อาจารยแ์ ละผบู้ รหิ ารให้ความเห็นวา่ ในรายละเอียดของการนาหลักสูตรไปใช้ในการ จัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลอาจยังมีส่วนที่ต้องพัฒนาในเร่ือง กระบวนการในการพัฒนานักเรียนให้ไปในทิศทางของหลักสูตร การสร้างความเข้าใจ ร่วมกนั เปน็ ส่งิ สาคัญท่ีสุดของอาจารย์และบุคลากรที่เก่ียวข้องกับการนาหลักสูตรไปใช้ เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพนักเรียนไดต้ ามเป้าหมาย 3) ผู้ทรงคุณวุฒิให้ความเห็นว่า เม่ือพิจารณาบริบทของสังคมในปัจจุบัน หลักสูตร
253 ขอ้ ปัญหา ขอ้ 1.17 ดา้ นรายวชิ า (พื้นฐานและเพิม่ เติม) และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน 1.17 1) รายวิชาและกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน สง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นมีสมรรถนะในการเป็น ผู้รว่ มสร้างสรรค์นวตั กรรม 2) รายวชิ าและกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี นมสี มรรถนะในการเป็น พลเมืองทีเ่ ขม้ แขง็ 3) รายวิชาและกิจกรรมในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3) ส่งเสริมให้ ผู้เรยี น มบี คุ ลกิ ภาพ 5 ด้าน มีความสามารถตามคุณลกั ษณะผู้เรยี นในศตวรรษ ท่ี 21 (7C) และมที ักษะอาชพี 2. ดา้ นปัจจยั นาเข้า (I: Input) ปกติ ความคดิ เหน็ ของนักเรียนทีม่ ตี อ่ หลกั สตู รปกติ (รายงานผลการสอบถามความค ประเดน็ 3 ลาดบั ทา้ ย ซงึ่ นกั เรียนมีความคดิ เหน็ อยู่ใน 2.1 ดา้ นบุคคล 2.1 1) เจ้าหน้าที่ มีความพร้อมในการให้บริการ สนับสนุน และอานวยความ สะดวกเพ่อื การบรรลุเป้าหมายของงาน 2) ความรคู้ วามสามารถ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของอาจารย์ผู้สอน มคี วามเหมาะสม 3) ผู้ปกครองมีความเข้าใจ และสนับสนุนกิจกรรมการเรียนการสอนของ
แนวทางการพฒั นาและปรบั ปรุงหลกั สตู ร 253 โรงเรียนสาธติ แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ควรมีการปรับปรุง คือ 3.1) วิสัยทัศน์ของหลักสูตรควรเป็นการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างการคิด สร้างสรรค์ และทักษะนวัตกรรมให้มากข้ึน 3.2) ควรเพิ่มเติม การคิดขั้นสูง (Higher- order thinking) 3.3) ควรเพ่มิ เติม Creative Based, Technology Based ไว้ในกรอบ แนวคิดหลักสูตร ร่วมกับ Project Based, Career Based 3.4) ควรเน้น Competency Based ไว้ในกรอบแนวคิดหลักสูตร และ5) แนวการจัดหลักสูตรระดับ ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ควรเน้นการบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ Creative Integration ใหม้ ากข้ึน จะช่วยเสริมสร้าง Innovative skills 1) กิจกรรมแนะแนวทุกระดับช้ันควรมีคู่มือกิจกรรมการเรียนการสอนและการ ประเมินผลนักเรียน และเน้นแนวโน้มการเลือกอาชีพในอนาคตท่ีมีความเป็นไปได้ของ นักเรียน 2) กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ควรปรับเปลี่ยนวิธีการประเมินผลให้ สะทอ้ นถึงการปฏิบตั ิจรงิ มากกวา่ การถา่ ยภาพมาสง่ อาจารย์เพยี งอย่างเดียว 3) กิจกรรมจิตอาสา ควรปรบั วิธีการประเมนิ และปลูกฝงั จติ ใต้สานกึ ให้นกั เรียน คดิ เหน็ ตารางท่ี 22 จากตอนที่ 2 และผลการสนทนากลุ่มนักเรยี น จากตอนท่ี 3) นระดบั “ปานกลาง” ควรนามาพิจารณาแกไ้ ขปรบั ปรงุ ) 1) อาจารยแ์ ละเจ้าหน้าท่คี วรเปน็ ตน้ แบบที่ดีให้นักเรียน มีความยุติธรรม ให้ความเสมอ ภาค ควรมีอุปกรณป์ ระกอบการสอน ควรเน้นปฏบิ ตั มิ ากกวา่ ทฤษฎี ไม่ทิ้งคาบสอบ ควร สอนให้เด็กเข้าใจได้โดยควรอธิบายเพิ่มเติมจากในหนังสือเรียน ไม่ปล่อยเกรดและ คะแนน ควรควบคมุ ช้ันเรียนใหไ้ ด้ในขณะสอน และควรใช้ภาษาท่ีสุภาพในชน้ั เรียน 2) ควรมีอาจารย์มาสอนวิชา English เป็นชาวอเมริกันมากกว่าฟิลิปปินส์ ท่ีจะช่วยให้ นักเรียนสามารถฟังพดู อ่านเขียนไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ การสอนในระดับประถมศึกษา
254 ขอ้ ปญั หา ขอ้ โรงเรียน 4) จากการสนทนากลุ่มนกั เรียนส่วนหนึ่งเห็นว่า ผู้ปกครองไม่ได้มามีส่วนร่วม ในการจัดการเรียนการสอน แต่มีบางส่วนที่จะมาช่วยในกิจกรรมพัฒนา นักเรียน 2.2 ด้านเอกสาร สือ่ เทคโนโลยี และส่ิงสนับสนุนท่ีเอือ้ ตอ่ การเรยี นรู้ 2.2 1) มีกิจกรรมกับเพ่ือนต่างโรงเรียนหรือบุคคลภายนอกเพื่อแลกเปลี่ยน ประสบการณก์ ารเรียนรู้ซง่ึ กันและกนั 2) ห้องเรียนมีสภาพทเ่ี ออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้ 3) มีสอ่ื วสั ดุ อปุ กรณ์ประกอบการเรยี นเพียงพอ
แนวทางการพฒั นาและปรบั ปรงุ หลกั สูตร 254 โดยอาจารยไ์ มค่ วรให้คาอ่านท่ีเป็นภาษาไทยให้เด็ก ควรเน้นให้เด็กออกเสียงให้ถูกต้อง จะเหมาะสมกว่า 3) ควรอนุญาตให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีประกอบการเรียนได้เป็นส่วนตัว เช่น iPad ใน การ Lecture จะทาใหค้ น้ คว้าข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และให้ใช้โทรศัพท์ในขณะเรียนได้ แต่มมี าตรการควบคมุ 4) เจา้ หนา้ ทีค่ วรให้ความเปน็ มติ รกบั นกั เรยี น 5) จากการสนทนากลมุ่ นักเรยี นสว่ นหนง่ึ เห็นว่า อาจารย์ผู้สอนและอาจารย์ประจาชั้น/ท่ี ปรึกษาควรมีหน้าที่โดยตรงที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพนักเรียนให้ได้มากท่ีสุดในทุกด้าน เพราะใกล้ชิดนักเรียนและสามารถจะเข้าใจนักเรียนได้ดี เพ่ือนและรุ่นพี่ก็มีส่วนช่วยใน เร่ืองการเรียนได้ ผู้ปกครองมีส่วนช่วยเหลือสาหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา แต่ใน ระดับมัธยมศึกษานักเรียนต้องดูแลตัวเองมากข้ึน โรงเรียนควรมีกิจกรรมท่ีอาจจะให้ ผปู้ กครองบางคนเข้ามาร่วมกจิ กรรมแนะนาเรื่องอาชีพและแนวทางการศึกษาต่อให้แก่ นกั เรยี นได้ 1) ควรสรา้ งยิมท่ีเป็นของกฬี าบาสเกตบอลโดยเฉพาะโดยใช้พื้นยิมเป็นไม้ปาเก้ ใช้แป้น บาสของ SPALDING ลูกบาสโรงเรยี นมใี ห้ใช้แบบดี ๆ 2) ร้านสวสั ดกิ ารควรมีอาจารยเ์ ขา้ มาดูแลทุกวัน 3) ควรมีสระวา่ ยน้าในโรงเรยี น 4) ควรพัฒนาห้องสมุดให้มีหนังสือท่ีเพียงพอและน่าสนใจ มีเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ี ใหบ้ ริการทนั สมยั และอนิ เตอร์เนตไม่ช้า 5) ควรสรา้ งและพฒั นาสนามกฬี าใหห้ ลากหลายชนดิ กีฬา เชน่ แฮนดบ์ อล บาสเกตบอล 6) ควรเพิ่มอุปกรณ์งานช่างให้เพียงพอต่อจานวนนักเรียน เพ่ิมครูผู้สอนเพื่อจะได้ดูแล เดก็ ไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึง อยากใหอ้ าจารย์ผู้สอนทาความเข้าใจกับเด็กเพราะเด็กมคี วามสามารถ ในการรับร้ไู ม่เท่ากันและอยากใหป้ รบั ทศั นคติเด็กๆเพื่อให้เดก็ เปน็ คนดีคดิ ดีทาดขี น้ึ 7) ควรพฒั นาเรือ่ งความสะอาดในโรงเรยี นโดยเฉพาะบริเวณโรงอาหาร โต๊ะอาหารและ ที่น่งั เรอ่ื งระเบียบวินัย ปรับปรงุ ห้องน้าใหส้ ะอาดและพร้อมใชไ้ ดท้ ุกห้อง ควรเข้มงวดใน
255 ขอ้ ปญั หา ขอ้ ความคิดเห็นของอาจารย์ที่มีต่อหลักสตู รปกติ (รายงาน ปกติ และผลการการสนทนากลมุ่ ผปู้ กครอง อาจารย ประเดน็ 3 ลาดบั ทา้ ย ซึง่ อาจารยม์ ีความคิดเห็นอยู่ใน 2.3 ดา้ นบุคคล 1) ผู้ปกครองมีความเข้าใจ และสนับสนุนกิจกรรมการเรียนการสอนของ โรงเรยี น 2) เจ้าหน้าที่ มีความพร้อมในการให้บริการ สนับสนุน และอานวยความ สะดวกเพื่อการบรรลเุ ปา้ หมายของงาน 3) ผปู้ กครองสง่ เสรมิ ให้ผ้เู รยี นได้พัฒนาศักยภาพเพ่ิมเติมจากในชั้นเรียน โดย ยินดใี ห้ผู้เรยี นเข้าร่วมกจิ กรรมของทางโรงเรยี น
แนวทางการพฒั นาและปรับปรงุ หลักสตู ร 255 เรอื่ ง ยาเสพติดไมใ่ หม้ ีในโรงเรยี น 8) ควรมีระบบการตรวจสอบการให้บริการของธุรการและร้านค้าต่าง ๆ ของโรงเรียน เช่น รา้ นคา้ สวสั ดกิ าร รา้ นสหกรณ์ และรา้ นถา่ ยเอกสาร ในเร่ืองการใช้คาพูดที่ไม่สุภาพ และการแสดงอาการที่ไม่เหมาะสม ร้านอาหารบางร้านที่มีสิ่งแปลกปลอมติดมากับ อาหาร 9) ควรมีรา้ นถา่ ยเอกสารมากกวา่ 1 ร้าน หอ้ งคอมพวิ เตอรร์ ะดับประถมมีแตเ่ ดก็ เลม่ เกม 10) ทกุ รายวิชาควรมหี นงั สือเรียนหรอื เอกสารประกอบการเรียนเพ่ือให้นักเรียนได้ใช้ใน การศกึ ษามาล่วงหนา้ 11) ควรมีห้องเทคโนโลยแี ละสื่อการสอนทท่ี ันสมัยเข้าถึงได้ง่ายรวมท้ังมีกิจกรรมบูรณา การในรายวชิ าตา่ ง ๆ ให้มากขึ้น 12) จากการสนทนากลมุ่ นกั เรยี นส่วนหนง่ึ เห็นว่า หนังสือและอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการ เรยี นก็สาคัญ โดยต้องการให้ทุกรายวิชามีหนังสือเรียนเพ่ือจะได้ไม่ต้องจดทุกตัวอักษร ระหว่างเรียน และใชส้ าหรบั การเตรยี มตัวสอบด้วย นผลการสอบถามความคดิ เหน็ ตารางท่ี 24 จากตอนท่ี 2 ยแ์ ละผ้บู รหิ าร และผูท้ รงคณุ วุฒิ จากตอนท่ี 3) นระดบั “ปานกลาง” ควรนามาพจิ ารณาแกไ้ ขปรับปรงุ ) 1) ผู้ปกครองเห็นว่า อาจารย์มีบทบาทสาคัญต่อการเรียนของนักเรียน เนื่องจาก นักเรียนส่วนใหญ่จะเช่ือฟังอาจารย์เป็นหลัก โดยเฉพาะในช่วงวัยประถมศึกษา ถ้า อาจารยไ์ ด้ชว่ ยปลูกฝงั ลกั ษณะนสิ ัยทดี่ ี ใหค้ าแนะนา มีเหตุผลกับเด็ก การเรียนการสอน ตอบสนองความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน โดยนักเรียนสามารถเข้า เรียนตอ่ ในระดับมหาวิทยาลัยได้ นักเรียนมีความปลอดภัย มีสังคมท่ีดี นักเรียนมีความ พร้อมทางด้านวิชาการ และเหน็ วา่ ปัจจัยสาคัญที่จะช่วยขับเคล่ือนการนาหลักสูตรสู่ชั้น เรียน คือ ด้านอาจารย์ผู้สอนควรต้องได้รับการดูแลและพัฒนาจากทางโรงเรียน ได้แก่ อาจารยท์ ่เี ขา้ มาทางานใหม่ควรได้รับการพฒั นาการเรียนการสอน และการสอนของนิสิต ฝึกสอนอาจทาใหน้ ักเรยี นได้รบั ความรทู้ ไี่ มถ่ ูกต้องและไมค่ รบถ้วน นอกจากนี้เหน็ ว่า การ
256 ขอ้ ปัญหา ขอ้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 474
Pages: