Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัย

รายงานการวิจัย

Published by Rujiraporn Ramsiri, 2021-10-30 04:42:21

Description: รายงานการวิจัย
การประเมินหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วิทยาเขตกำแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)

Search

Read the Text Version

129 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู การวิจยั เร่ือง การประเมินหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ศูนยว์ จิ ัยและพฒั นาการศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) คร้ังน้ี ผู้วิจัยนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลโดยแบ่งรายละเอียด ออกเป็น 3 ตอน ดงั น้ี ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐาน สภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบัน และความตอ้ งการประเมินหลักสตู รสถานศึกษา ตอนที่ 2 ผลการประเมนิ หลกั สตู รโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนยว์ จิ ัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ.2560) ในภาพรวมและเป็นรายด้าน 5 ด้าน คือ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้าน กระบวนการ ด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ โดยจาแนกเป็นหลักสูตรปกติ และหลักสูตร English Program ตอนท่ี 3 ผลการศึกษาปัญหาและแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) โดยจาแนกเป็น หลักสตู รปกติ และหลกั สตู ร English Program ผู้วจิ ัยขอนาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมูล ตามลาดับดงั นี้ ตอนท่ี 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพนื้ ฐาน และสภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบันและ ความต้องการประเมินหลักสูตรสถานศกึ ษา 1.1 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลพ้ืนฐาน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานในการวิจัยคร้ังนี้ เป็นข้อมูลพ้ืนฐานที่เกี่ยวข้องกับ กลุ่มเป้าหมายของการวิจัยและหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ประกอบดว้ ย 1) ข้อมลู ทั่วไปของนกั เรียนและอาจารย์ผู้สอนหลักสูตร ปกติและหลักสูตร English Program ผู้บริหารโรงเรียน และผู้ปกครอง 2) ข้อมูลผลการประเมิน ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ การอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการเขียน ของนักเรียนที่เรียนในปีการศึกษา 2560-2562 3) ข้อมูลผลการดาเนินงานพัฒนา วิชาการท่ีเน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตรสถานศึกษาและทุกกลุ่มเป้าหมาย ปีการศึกษา 2562 และ4) ข้อมูลผลการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ปี การศกึ ษา 2562 มผี ลการวเิ คราะหข์ ้อมลู พ้นื ฐานตามลาดับดังน้ี 1.1.1 ข้อมูลท่ัวไปของนักเรียน และอาจารย์หลักสูตรปกติและหลักสูตร English Program ผบู้ รหิ าร และผูป้ กครอง มผี ลการวิเคราะห์ขอ้ มูล ดังตารางท่ี 7-10

130 ตารางท่ี 7 ขอ้ มูลทว่ั ไปของนักเรยี นหลกั สตู รปกติและหลักสตู ร English Program ข้อมูลท่วั ไป หลักสตู รปกติ หลกั สูตร English Program จานวน ร้อยละ ลาดบั ที่ จานวน รอ้ ยละ ลาดบั ที่ 1. เพศ 1.1 ชาย 216 47.58 2 8 29.63 2 1.2 หญงิ 238 52.42 1 19 70.37 1 รวม 454 100.00 - 27 100.00 - 2. ระดับชนั้ ท่เี รียนในปกี ารศึกษา 2562 2.1 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4-6 12 2.64 5 - - - 2.1 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 111 24.45 3 19 70.37 1 2.2 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 112 24.67 2 8 29.63 2 2.3 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 116 25.55 1 - - - 2.4 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 103 22.69 4 - - - รวม 454 100.00 - 27 100.00 - 3. ระยะเวลาทเ่ี รยี นอยทู่ ่โี รงเรยี นสาธติ เกษตรศาสตร์ กาแพงแสน (นบั ถงึ ปีการศึกษา 2562) 3.1 1-3 ปี 113 24.89 3 19 70.37 1 3.2 4-6 ปี 123 27.09 1 8 29.63 2 3.3 7-9 ปี ------ 3.4 10-12 ปี 116 25.55 2 - - - 3.5 มากกวา่ 12 ปี 102 22.47 4 - - - รวม 454 100.00 - 27 100.00 - 4. กิจกรรม/โครงการของโรงเรยี นท่ีนกั เรยี นรูส้ ึกประทับใจ (ตอบไดม้ ากกวา่ 1 ขอ้ ) 4.1 กิจกรรมวันเด็ก 226 51.13 1 8 29.63 1 4.2 กจิ กรรมกีฬา 108 24.43 2 5 18.52 4 4.3 กจิ กรรมงานประจาปีราตรีเขยี ว-ม่วง 82 18.55 3 7 25.93 3 4.4 กิจกรรมคา่ ยคณิตศาสตร์ 34 7.69 5 - - 4.5 กจิ กรรมคา่ ยภาษาอังกฤษ 27 6.11 7 8 29.63 1 4.6 กิจกรรมคา่ ยภาษาไทย 31 7.01 6 - - 4.7 กจิ กรรมค่ายผู้นา 21 4.75 8 - - 4.8 กิจกรรมค่ายวทิ ยาศาสตร์ 11 2.49 12 - - 4.9 กิจกรรมลกู เสือ 16 3.62 10 5 18.52 4 4.10 กจิ กรรมหอ้ งสมดุ 7 1.58 15 - - 4.11 กิจกรรมทศั นศึกษา 13 2.94 11 - - 4.12 โครงการเชิดชเู กยี รตนิ ักเรียน 7 1.58 15 - - 4.13 โครงการวนั วทิ ยาศาสตร์ 47 10.63 4 2 7.41 6 4.14 โครงการวันภาษาไทย 19 4.30 9 - - 4.15 โครงการแลกเปลย่ี นนกั เรียนต่างประเทศ 5 1.13 20 - - 4.16 กจิ กรรมคา่ ยธรรมะและจิตอาสา 11 2.49 12 - - 4.17 กิจกรรมราไทยและแสดงละคร 4 0.90 21 - - 4.18 กิจกรรมไหวค้ รู 4 0.90 21 - -

131 ขอ้ มลู ทัว่ ไป หลกั สูตรปกติ หลกั สูตร English Program จานวน รอ้ ยละ ลาดับท่ี จานวน รอ้ ยละ ลาดับที่ 4.19 กิจกรรมการแขง่ ขันทางวิชาการ 7 1.58 15 - - 4.20 กิจกรรมอาลาอาลยั 10 2.26 14 2 7.41 6 4.21 กิจกรรมวนั สาคญั ต่าง ๆ 8 1.81 19 - - 4.22 กิจกรรมนานาชาติ 7 1.58 15 - - - จากตารางท่ี 7 กลมุ่ เป้าหมายซงึ่ เปน็ ผู้ให้ขอ้ มูลของการวิจัยคร้งั น้ปี ระกอบด้วย นักเรียน หลักสูตรปกติ จานวน 454 คน พบว่า เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย (ร้อยละ 52.42 และ47.58 ตามลาดบั ) สว่ นใหญ่เรียนอยใู่ นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 รองลงมาคอื ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2 และน้อยที่สุด คอื ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4-6 (ร้อยละ 25.55, 24.67 และ2.64 ตามลาดับ) ระยะเวลาที่นักเรียนเรียน อยู่ท่โี รงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน (นบั ถึงปีการศกึ ษา 2562) พบว่า สว่ นใหญ่เรียนอยู่ 4-6 ปี รองลงมาคือ10-12 ปี และน้อยท่ีสุดคือ มากกว่า 12 ปี (ร้อยละ 27.09, 25.55 และ22.47 ตามลาดับ) ส่วนระยะเวลา 7-9 ปี ไม่มีนักเรียนอยู่ในช่วงระยะเวลาน้ี และกิจกรรม/โครงการของ โรงเรยี นทีน่ ักเรียนรู้สกึ ประทบั ใจเรยี งลาดับจากมากไปน้อย 5 กิจกรรม คือ กิจกรรมวันเด็ก กิจกรรม กฬี า กิจกรรมงานประจาปีราตรีเขียว-ม่วง กิจกรรมค่ายคณิตศาสตร์ และกิจกรรมค่ายภาษาอังกฤษ (ร้อยละ 51.13, 24.43, 18.55, 7.69 และ6.11 ตามลาดับ) สาหรับนักเรียนหลักสูตร English Program จานวน 27 คน พบว่า เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย (ร้อยละ 70.37 และ29.63 ตามลาดับ) ส่วนใหญ่เรียนอยู่ในช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 รองลงมาคือชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 (ร้อยละ 70.37 และ29.63 ตามลาดับ) ระยะเวลาท่ีนักเรยี นเรียนอยทู่ ่โี รงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน (นับถึงปีการศึกษา 2562) พบว่า ส่วนใหญ่เรียนอยู่ 1-3 ปี รองลงมาคือ4-6 ปี (ร้อยละ 70.37 และ 29.63 ตามลาดบั ) และกจิ กรรม/โครงการของโรงเรยี นท่นี ักเรยี นรู้สกึ ประทับใจเรียงลาดับจากมากไป นอ้ ย คือ กิจกรรมวันเด็ก กิจกรรมค่ายภาษาอังกฤษ กิจกรรมงานประจาปีราตรีเขียว-ม่วง กิจกรรม กีฬา กิจกรรมลูกเสือ โครงการวันวิทยาศาสตร์ และกิจกรรมอาลาอาลัย (ร้อยละ 29.63, 29.63, 25.93, 18.52, 18.52, 7.41 และ7.41 ตามลาดบั ) ตารางท่ี 8 ขอ้ มูลทั่วไปของอาจารย์ผ้สู อนหลกั สูตรปกติและหลกั สูตร English Program ข้อมูลทั่วไป หลกั สูตรปกติ หลกั สูตร English Program จานวน รอ้ ยละ ลาดับท่ี จานวน รอ้ ยละ ลาดับท่ี 1. เพศ 1.1 ชาย 26 29.21 2 9 40.91 2 1.2 หญิง 63 70.79 1 13 59.09 1 รวม 89 100.00 - 22 100.00 - 2. วุฒิการศกึ ษาสงู สดุ 2.1 ปรญิ ญาตรี 22 24.72 2 7 31.82 2 2.2 ปรญิ ญาโท 62 69.66 1 13 59.09 1 2.3 ปริญญาเอก 5 5.62 3 2 9.09 3 รวม 89 100.00 - 22 100.00 - 3. ประสบการณก์ ารสอนในโรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน

132 ข้อมูลทว่ั ไป หลักสตู รปกติ หลักสตู ร English Program จานวน ร้อยละ ลาดบั ท่ี จานวน ร้อยละ ลาดับที่ 3.1 นอ้ ยกว่า 10 ปี 33 37.08 2 6 27.27 2 3.2 10-15 ปี 8 8.99 3 6 27.27 2 3.3 มากกว่า 15 ปี 48 53.93 1 10 45.46 1 รวม 89 100.00 - 22 100.00 - 4. ระดบั การศกึ ษาทีส่ อนในโรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน (ตอบได้มากกวา่ 1 ขอ้ ) 4.1 ระดบั อนบุ าลศึกษา 4 4.49 4 3 13.64 4 4.2 ระดับประถมศึกษา 49 55.06 2 7 31.82 3 4.3 ระดับมธั ยมศกึ ษา 64 71.91 1 18 81.82 2 4.4 ระดับมธั ยมศกึ ษา (โครงการ พิเศษ EP) 18 20.22 3 22 100.00 1 จากตารางท่ี 8 กลมุ่ เปา้ หมายซึง่ เปน็ ผใู้ ห้ข้อมูลของการวจิ ัยครัง้ นปี้ ระกอบด้วย อาจารย์ ผู้สอนหลักสตู รปกติ จานวน 89 คน พบว่า เป็นเพศหญงิ มากกว่าเพศชาย (รอ้ ยละ 70.79 และ29.21 ตามลาดับ) ส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาสูงสุดคือ ระดับปริญญาโท รองลงมาคือ ระดับปริญญาตรี และ น้อยที่สุดคอื ปรญิ ญาเอก (ร้อยละ 69.66, 24.72 และ5.62 ตามลาดับ) อาจารย์มีประสบการณ์การ สอนในโรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน มากที่สุดคือ มากกว่า 15 ปี รองลงมาคือ น้อยกว่า 10 ปี และน้อยท่ีสุดคือ 10-15 ปี (ร้อยละ 53.93, 37.08 และ8.99 ตามลาดับ) และพบว่าอาจารย์ ส่วนใหญ่มีสอนในระดับมัธยมศึกษามากท่ีสุด รองลงมาคือ ระดับประถมศึกษา และน้อยท่ีสุดคือ ระดับอนุบาลศึกษา (ร้อยละ 71.91, 55.06 และ4.49 ตามลาดับ) สาหรับอาจารย์ผู้สอนหลักสูตร English Program จานวน 22 คน พบวา่ เปน็ เพศหญงิ มากกวา่ เพศชาย (ร้อยละ 59.09 และ40.91 ตามลาดับ) ส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาสูงสุดคือ ระดับปริญญาโท รองลงมาคือ ระดับปริญญาตรี และ น้อยทส่ี ดุ คอื ปรญิ ญาเอก (ร้อยละ 59.09, 31.82 และ9.09 ตามลาดับ) อาจารย์มีประสบการณ์การ สอนในโรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน มากที่สุดคือ มากกว่า 15 ปี รองลงมาเท่ากันคือ นอ้ ยกว่า 10 ปี และ 10-15 ปี (ร้อยละ 45.46 และ27.27 ตามลาดับ) และพบว่าอาจารย์ส่วนใหญ่มี สอนในระดับมัธยมศึกษา (โครงการพิเศษ EP) มากท่ีสุด รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษา และน้อย ทสี่ ุดคือ ระดับอนบุ าลศกึ ษา (ร้อยละ 100.00, 81.82 และ13.64 ตามลาดบั ) ตารางที่ 9 ขอ้ มลู ทว่ั ไปของผู้บริหารโรงเรียน ขอ้ มลู ท่ัวไป จานวน ร้อยละ ลาดบั ท่ี 1. เพศ 1.1 ชาย 9 47.37 2 1.2 หญิง 10 52.63 1 รวม 19 100.00 2. วิทยฐานะ 2.1 อาจารย์ 8 42.11 2 2.2 ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ 11 57.89 1 รวม 19 100.00

133 ขอ้ มูลทัว่ ไป จานวน ร้อยละ ลาดบั ที่ 3. ประสบการณ์การบรหิ าร 3.1 น้อยกวา่ 5 ปี 1 5.26 3 3.2 5-10 ปี 2 10.53 2 3.3 มากกวา่ 10 ปี 16 84.21 1 รวม 19 100.00 4. วุฒกิ ารศกึ ษาสูงสดุ 4.1 ปริญญาตรี 1 5.26 3 4.2 ปรญิ ญาโท 15 78.95 1 4.3 ปริญญาเอก 3 15.79 2 รวม 19 100.00 จากตารางที่ 9 พบว่า กลุ่มเปา้ หมายคือผู้บริหารโรงเรียนที่ทาหน้าที่บริหารท้ังหลักสูตร ปกติและหลักสตู ร English Program จานวน 19 คน เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย (ร้อยละ 52.63 และ47.37 ตามลาดับ) มีวิทยฐานะเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์มากท่ีสุด รองลงมาคือ อาจารย์ (ร้อยละ 57.89 และ42.11 ตามลาดบั ) ส่วนใหญ่มีประสบการณ์การบริหาร มากกว่า 10 ปี รองลงมาคือ 5-10 ปี และน้อยทสี่ ุดคอื นอ้ ยกว่า 5 ปี (ร้อยละ 84.21, 10.53 และ5.26 ตามลาดับ) และมีวุฒิการศึกษา สูงสดุ สว่ นใหญค่ อื ระดับปรญิ ญาโท รองลงมาคอื ระดับปริญญาเอก และน้อยท่ีสุดคือ ระดับปริญญา ตรี (รอ้ ยละ 78.95, 15.79 และ5.26 ตามลาดบั ) ตารางท่ี 10 ข้อมลู ทวั่ ไปของผปู้ กครอง ข้อมูลทัว่ ไป หลกั สตู รปกติ หลักสูตร English Program จานวน ร้อยละ ลาดบั ที่ จานวน รอ้ ยละ ลาดับที่ 1. เพศ 1.1 ชาย 3 20.00 2 2 40.00 2 1.2 หญิง 12 80.00 1 3 60.00 1 รวม 15 100.00 - 5 100.00 - 2. วฒุ ิการศึกษาสงู สดุ 2.2 ปรญิ ญาตรี 10 66.67 1 4 80.00 1 2.3 ปรญิ ญาโท 5 33.33 2 1 20.00 2 รวม 15 100.00 - 5 100.00 - 3. สถานภาพของผูป้ กครองทเ่ี กย่ี วข้องกับนกั เรยี น 3.1 บิดา-มารดา 15 100.00 1 5 100.00 1 รวม 15 100.00 - 5 100.00 - จากตารางท่ี 10 กลุ่มเป้าหมายคือผู้ปกครองของนักเรียนที่เรียนในปีการศึกษา 2562 ประกอบด้วย ผู้ปกครองของนักเรียนหลักสูตรปกติ พบว่า เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย (ร้อยละ 80.00 และ20.00 ตามลาดับ) มีวฒุ ิการศกึ ษาสูงสุดส่วนใหญ่คอื ระดับปริญญาตรี รองลงมาคือ ระดับ ปริญญาโท (ร้อยละ 66.67 และ33.33 ตามลาดับ) และผู้ปกครองทุกคนท่ีเป็นกลุ่มเป้าหมายมี สถานภาพเป็นบิดา-มารดาของนกั เรยี น สาหรับผปู้ กครองของนักเรียนหลักสูตร English Program

134 พบว่า เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย (ร้อยละ 60.00 และ40.00 ตามลาดับ) มีวุฒิการศึกษาสูงสุด สว่ นใหญ่คือ ระดับปรญิ ญาตรี รองลงมาคือ ระดับปริญญาโท (ร้อยละ 80.00 และ20.00 ตามลาดับ) และผู้ปกครองทุกคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมีสถานภาพเป็นบิดา-มารดาของนักเรียนเช่นเดียวกับ หลักสูตรปกติ 1.1.2 ข้อมลู ผลการประเมินผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การ อา่ น/เขียน/สือ่ สาร และการคดิ วิเคราะห์ของนกั เรียน มีผลการประเมนิ ดังน้ี 1) ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ประกอบดว้ ย 1.1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ของนักเรียน ปีการศึกษา 2562 มรี ายละเอียดดงั ตารางที่ 11-13

135 ตารางท่ี 11 ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน 8 กลมุ่ สาระการเรยี นรขู้ องนกั เรยี นชน้ั ประถมศ ระดับชัน้ ป.1 (155 คน) ป.2 (159 คน) ป.3 (119 คน) (จานวนนักเรียน) วชิ า ผ่าน รอ้ ยละ ระดบั ผา่ น รอ้ ยละ ระดบั ผา่ น ร้อยละ ระ เกณฑ์ คุณภาพ เกณฑ์ คณุ ภาพ เกณฑ์ คณุ 1. ภาษาไทย 122 78.71 ดี 123 77.36 ดี 79 66.39 ป กล 2. คณติ ศาสตร์ 131 84.52 ดเี ลิศ 115 72.33 ดี 72 60.50 ป กล 3. วทิ ยาศาสตร์ 131 84.52 ดีเลิศ 113 71.07 ดี 118 99.16 ยอ เย 4. สังคมศกึ ษา 139 89.68 ดีเลศิ 131 82.39 ดีเลิศ 100 84.03 ดีเ 5. ประวัตศิ าสตร์ 107 69.03 ปาน 133 83.65 ดเี ลศิ 115 96.64 ยอ กลาง เย 6. สขุ ศกึ ษาและ พลศกึ ษา 155 100.00 ยอด 159 100.00 ยอด 118 99.16 ยอ 7. ศิลปะ เยีย่ ม เยย่ี ม เย 8. การงานอาชพี 155 100.00 ยอด 159 100.00 ยอด 119 100.00 ยอ เยี่อม เยย่ี ม เย 9. ภาษาอังกฤษ 155 100.00 ยอด 159 100.00 ยอด 113 94.96 ยอ ระดับคณุ ภาพ เยยี่ ม เยยี่ ม เย 123 79.35 ดี 93 58.49 กาลัง 66 55.46 กา พัฒนา พฒั - 87.31 ดีเลศิ - 82.81 ดเี ลศิ - 84.03 ดีเ

ศึกษาปีท่ี 1-6 ปกี ารศึกษา 2562 ป.4 (119 คน) ป.5 (119 คน) ป.6 (120 คน) ะดับ ผา่ น รอ้ ยละ ระดับ ผา่ น ร้อยละ ระดบั ผา่ น ร้อยละ ระดบั ณภาพ เกณฑ์ คุณภาพ เกณฑ์ คณุ ภาพ เกณฑ์ คุณภาพ ปาน 95 79.83 ดี 86 72.27 ดี 84 70.00 ดี ลาง ปาน 18 15.13 กาลัง 50 42.02 กาลัง 64 53.33 กาลัง ลาง พฒั นา พัฒนา พฒั นา อด 68 57.14 กาลงั 96 80.67 ดีเลศิ 78 65.00 ปาน ย่ยี ม พฒั นา กลาง เลิศ 75 63.03 ปาน 74 62.18 ปาน 59 49.17 กาลัง กลาง กลาง พฒั นา อด 59 49.58 กาลงั 101 84.87 ดเี ลิศ 58 48.33 กาลงั ยย่ี ม พฒั นา พัฒนา อด 119 100.00 ยอด 119 100.00 ยอด 116 96.67 ยอด ยี่ยม เย่ียม เยย่ี ม เย่ียม อด 119 100.00 ยอด 119 100.00 ยอด 120 100.00 ยอด ยี่ยม เย่ียม เยี่ยม เย่ยี ม อด 118 99.16 ยอด 97 81.51 ดีเลิศ 117 97.50 ยอด ย่ยี ม เยี่ยม เยย่ี ม าลงั 53 44.54 กาลัง 45 37.82 กาลงั 41 34.17 กาลัง ฒนา พฒั นา พฒั นา พัฒนา เลศิ - 67.60 ปาน - 73.48 ดี - 68.24 ปาน กลาง กลาง

136 จากตารางที่ 11 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 1-6 ปีการศึกษา 2562 พบว่า ในภาพรวมนักเรียนมีระดับคุณภาพสูงสุดของ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 9 วิชาอยู่ในระดับดีเลิศ ในช้ันประถมศึกษาปีที่ 1-3 รองลงมาอยู่ในระดับดี คือ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5 และระดับปานกลางคือ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 และช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 (ร้อยละ87.31, 82.81, 84.03, 73.48, 67.60 และ68.24 ตามลาดับ) เมื่อพิจารณาระดับคุณภาพของ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นรายวิชาตามระดับช้ัน พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 มีระดับ คุณภาพของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงสุดอยู่ในระดับยอดเย่ียม 3 รายวิชา ได้แก่ สุขศึกษาและพล ศึกษา ศิลปะ และการงานอาชีพ ระดับคุณภาพรองลงมาคือ ระดับดีเลิศ มี 3 รายวิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา และระดับคุณภาพต่าสุดอยู่ในระดับปานกลาง มี 1 รายวิชาคือ ประวัติศาสตร์ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2 มีระดับคุณภาพของผลสัมฤทธิ์ทางการ เรยี นสูงสดุ อยใู่ นระดบั ยอดเย่ียม 3 รายวิชา ได้แก่ สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และการงานอาชีพ ระดับคุณภาพรองลงมาคอื ระดับดีเลิศ มี 2 รายวิชา ได้แก่ สังคมศกึ ษา และประวัติศาสตร์ และระดับ คณุ ภาพต่าสุดอยู่ในระดับกาลงั พฒั นา มี 1 รายวิชาคอื ภาษาอังกฤษ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 มีระดบั คณุ ภาพของผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสูงสดุ อยูใ่ นระดับยอดเยีย่ ม 5 รายวิชา ไดแ้ ก่ วิทยาศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และการงานอาชีพ ระดับคุณภาพรองลงมาคือ ระดับดี เลิศ มี 1 รายวชิ า ได้แก่ สงั คมศึกษา และระดบั คณุ ภาพตา่ สุดอย่ใู นระดบั กาลงั พฒั นา มี 1 รายวิชาคือ ภาษาอังกฤษ นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 มรี ะดับคุณภาพของผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสูงสุดอยู่ใน ระดับยอดเยี่ยม 3 รายวิชา ได้แก่ สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และการงานอาชีพ ระดับคุณภาพ รองลงมาคือ ระดับดี มี 1 รายวิชา ไดแ้ ก่ ภาษาไทย และระดับคุณภาพต่าสุดอยู่ในระดับกาลังพัฒนา มี 4 รายวิชาคือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภาษาอังกฤษ นักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 5 มีระดับคุณภาพของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงสุดอยู่ในระดับยอดเย่ียม 2 รายวิชา ได้แก่ สุขศึกษาและพลศึกษา และศิลปะ ระดับคุณภาพรองลงมาคือ ระดับดีเลิศ มี 3 รายวชิ า ได้แก่ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และการงานอาชีพ และระดับคุณภาพต่าสุดอยู่ในระดับ กาลงั พฒั นา มี 2 รายวิชาคือ คณติ ศาสตร์ และภาษาองั กฤษ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 มีระดับ คุณภาพของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงสุดอยู่ในระดับยอดเยี่ยม 3 รายวิชา ได้แก่ สุขศึกษาและพล ศึกษา ศิลปะ และการงานอาชีพ ระดับคุณภาพรองลงมาคือ ระดับดี มี 1 รายวิชา ได้แก่ ภาษาไทย และระดับคุณภาพต่าสุดอยู่ในระดับกาลังพัฒนา มี 4 รายวิชาคือ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา ประวัตศิ าสตร์ และภาษาองั กฤษ

137 ตารางที่ 12 ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน 8 กล่มุ สาระการเรียนรขู้ องนกั เรียนช้ันมธั ยมศึก ระดับชั้น ม.1 (141 คน) ม. (จานวนนักเรียน) ภาคเรียนที่ 1 ภาคเรียนท่ี 2 รวม ระดับ ภาคเรียนท่ี 1 ภ ค่าเฉล่ีย คณุ ภาพ วชิ า ผ่าน ร้อยละ ผ่าน รอ้ ยละ ร้อยละ ผา่ น รอ้ ยละ ผ เกณฑ์ เกณฑ์ เกณฑ์ เกณ 1. ภาษาไทย 58 41.13 90 63.83 52.48 กาลงั 75 50.68 7 พฒั นา 2. คณติ ศาสตร์ 63 44.68 75 53.19 48.94 กาลัง 67 45.27 8 พัฒนา 3. วทิ ยาศาสตร์ 42 29.79 42 29.79 29.79 กาลัง 71 47.97 2 พฒั นา 4. สงั คมศกึ ษา 77 54.61 64 45.39 50.00 กาลงั 106 71.62 1 พัฒนา 5. ประวัตศิ าสตร์ 38 26.95 49 34.75 30.85 กาลงั 107 72.30 1 พัฒนา 6. สุขศกึ ษาและ 134 95.04 135 95.74 95.39 ยอด 140 94.59 1 พลศึกษา เยีย่ ม 7. ศลิ ปะ 103 73.05 100 70.92 71.99 ดี 111 75.00 1 8. การงานอาชีพ 104 73.76 94 66.67 70.21 ดี 119 80.41 7 9. ภาษาอังกฤษ 49 34.75 54 38.30 36.52 กาลงั 60 40.54 4 พัฒนา ระดับคุณภาพ - 52.64 - 55.40 54.02 กาลงั - 64.26 พัฒนา

กษาปที ี่ 1-3 ปีการศกึ ษา 2562 .2 (148 คน) ม.3 (116 คน) ภาคเรยี นที่ 2 รวม ระดบั ภาคเรยี นท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 รวม ระดบั ค่าเฉล่ีย คณุ ภาพ ค่าเฉลี่ย คุณภาพ ผา่ น ร้อยละ รอ้ ยละ ผา่ น รอ้ ยละ ผ่าน รอ้ ยละ รอ้ ยละ ณฑ์ เกณฑ์ เกณฑ์ 76.29 ดี 76 51.35 51.01 กาลัง 81 69.83 96 82.76 41.38 กาลัง พัฒนา พฒั นา 45 38.79 51 43.97 41.81 กาลงั พฒั นา 82 55.41 50.34 กาลงั 77 66.38 20 17.24 - - พัฒนา -- -- 20 13.51 30.74 กาลัง พฒั นา 125 84.46 78.04 ดี 116 78.38 75.34 ดี - - - - - - 148 100.0 97.30 ยอด 111 95.69 115 99.14 97.41 ยอด 0 เย่ยี ม เยย่ี ม 130 87.84 81.42 ดีเลศิ 111 95.69 116 100.00 97.84 ยอด เยี่ยม 77 52.03 66.22 ปาน - - - - - - กลาง 49 33.11 36.82 กาลงั 82 70.69 69 59.48 65.09 ปาน พฒั นา กลาง - 61.7 63.03 ปาน - 72.84 - 67.10 69.97 ปาน 9 กลาง กลาง

138 จากตารางท่ี 12 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ปีการศึกษา 2562 พบว่า ในภาพรวมนักเรียนมีระดับคุณภาพสูงสุดของ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนทุกรายวิชาอยู่ในระดับปานกลางคือ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2-3 และมีคุณภาพ ตา่ สดุ อยใู่ นระดับกาลงั พัฒนาคอื ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 (รอ้ ยละ 63.03, 69.97 และ54.02 ตามลาดับ) เมือ่ พิจารณาระดับคุณภาพของผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนเป็นรายวิชาตามระดับช้ัน พบว่า นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 1 มรี ะดับคุณภาพของผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นสงู สุดอยู่ในระดับยอดเยี่ยม 1 รายวิชา คือ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ระดับคุณภาพรองลงมาคือ ระดับดี มี 2 รายวิชาคือ ศิลปะ และการงาน อาชีพ และระดับคุณภาพต่าสุดอยู่ในระดับกาลังพัฒนา มี 6 รายวิชาคือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ประวัติศาสตร์ และภาษาอังกฤษ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีระดับ คุณภาพของผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนสงู สุดอย่ใู นระดบั ยอดเย่ยี ม 1 รายวิชา คอื สุขศกึ ษาและพลศึกษา ระดบั คณุ ภาพรองลงมาคือ ระดับดีเลิศ มี 1 รายวิชาคือ ศิลปะ และระดับคุณภาพต่าสุดอยู่ในระดับ กาลังพัฒนา มี 4 รายวิชาคือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ นักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 มรี ะดบั คุณภาพของผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นสงู สดุ อยู่ในระดับยอดเยี่ยม 2 รายวิชา คอื สุขศึกษาและพลศึกษา และศิลปะ ระดับคุณภาพรองลงมาคือ ระดับดี มี 1 รายวิชาคือ ภาษาไทย และระดับคณุ ภาพต่าสดุ อยู่ในระดบั กาลังพัฒนา มี 2 รายวชิ าคือ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์

139 ตารางที่ 13 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น 8 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ระดบั ช้ัน ม.4 (140 คน) (จานวนนกั เรยี น) ภาคเรียนท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 รวม ระดบั ภาคเรยี นท่ี 1 วชิ า ค่าเฉล่ีย คณุ ภาพ ผ่าน รอ้ ยละ ผ่าน รอ้ ยละ ผา่ น ร้อยละ เกณฑ์ เกณฑ์ ร้อยละ เกณฑ์ 1. ภาษาไทย 135 96.43 124 88.57 92.50 ยอด 106 83.46 เยย่ี ม 2. คณติ ศาสตร์ แผน 1 64 45.71 46 32.86 39.29 กาลงั 46 36.22 พัฒนา 3. วิทยาศาสตร์ แผน 1 35 25.00 41 29.29 27.14 กาลงั 50 39.37 พัฒนา 4. คณติ ศาสตร์ แผน 2 19 13.57 13 9.29 11.43 กาลัง 28 22.05 พัฒนา 5. วทิ ยาศาสตร์ แผน 2 13 9.29 8 5.71 7.50 กาลัง 32 25.20 พัฒนา 6. ศาสนศึกษาและ 137 97.86 138 98.57 98.21 ยอด - - คณุ ธรรมเพื่อชวี ิต เยีย่ ม 7. ภูมศิ าสตร์ - - - - - - 120 94.49 8. เศรษฐศาสตร์ ---- - - - - 9. หนา้ ทพ่ี ลเมือง - - - - - - 127 100.00 10. อารยธรรมโลก ---- - - - - 11. สุขศึกษาและพล 140 100.00 137 97.86 98.93 ยอด 126 99.21 ศึกษา เยยี่ ม 12. ศิลปะ 140 100.00 139 99.29 99.64 ยอด 114 89.76 เย่ยี ม

กษาปที ่ี 4-6 ปีการศกึ ษา 2562 ม.5 (127 คน) ม.6 (111 คน) ภาคเรียนท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 2 รวม ภาคเรยี นท่ี 1 รวม ระดบั ค่าเฉล่ี ระดับ ผา่ น รอ้ ยละ ค่าเฉลี่ย คุณภาพ ผ่าน ร้อยละ ผา่ น ร้อยละ เกณฑ์ เกณฑ์ ย รอ้ ย คุณภาพ เกณฑ์ รอ้ ยละ ละ 70 63.06 92 82.88 92 72.44 77.95 ดี 72.97 ดี - - 36.22 กาลัง - - - - - - พฒั นา - - 39.37 กาลงั - - - - - - พฒั นา 11 8.66 15.35 กาลัง 3 2.70 22 19.82 11.26 กาลงั พัฒนา พฒั นา 20 15.75 20.47 กาลัง 10 9.01 6 5.41 7.21 กาลัง พัฒนา พฒั นา - - - - - --- - - - - 94.49 ยอด - --- - - เยยี่ ม - --- - - 116 91.34 91.34 ยอด เย่ยี ม - --- - - 124 97.64 98.82 ยอด 108 97.30 105 94.59 95.95 ยอด เยยี่ ม เยยี่ ม - - -- 108 97.30 100 90.09 93.69 ยอด เยีย่ ม 127 100.00 99.61 ยอด เยีย่ ม 111 100.00 97 87.39 93.69 ยอด เยย่ี ม 126 99.21 94.49 ยอด เยี่ยม

140 ระดบั ชั้น ภาคเรยี นท่ี 1 ม.4 (140 คน) รวม ระดับ ภาคเรยี นท่ี 1 (จานวนนกั เรียน) คา่ เฉลี่ย คุณภาพ ผา่ น รอ้ ยละ ภาคเรียนที่ 2 ร้อยละ ผ่าน รอ้ ยละ วิชา เกณฑ์ เกณฑ์ 13. การงานอาชพี ผา่ น รอ้ ยละ 130 92.86 เกณฑ์ 121 95.28 14. ภาษาอังกฤษ 103 73.57 83.21 ดีเลศิ ระดับคุณภาพ 66 47.14 72 51.43 49.29 กาลงั 37 29.13 พฒั นา - 62.79 - 58.64 60.71 ปาน - 64.92 กลาง

ม.5 (127 คน) รวม ภาคเรยี นท่ี 1 ม.6 (111 คน) รวม ระดับ ภาคเรยี นท่ี 2 ค่าเฉล่ี ระดบั ภาคเรียนท่ี 2 ค่าเฉลี่ย คุณภาพ ย ร้อย คุณภาพ ผ่าน รอ้ ยละ รอ้ ยละ ผ่าน ร้อยละ เกณฑ์ ผา่ น ร้อยละ ยอด เกณฑ์ ละ เกณฑ์ 91.44 เยีย่ ม 87.80 ดีเลศิ 92 82.88 ดี 102 80.31 111 100.00 75.23 29.53 กาลัง 84 75.68 38 29.92 พัฒนา 83 74.77 - 68.47 - 66.14 65.53 ปาน - 66.89 67.68 ปาน กลาง กลาง

141 จากตารางท่ี 13 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 4-6 ปีการศึกษา 2562 พบว่า ภาพรวมนักเรียนมีระดับคุณภาพของผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนทุกรายวิชา อยู่ในระดับปานกลาง ในช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4-6 ทุกระดับชั้น (ร้อยละ 60.71, 65.53 และ67.68 ตามลาดับ) เม่ือพิจารณาระดับคุณภาพของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็น รายวิชาตามระดับชั้น พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีระดับคุณภาพของผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนสูงสุดอยู่ในระดับยอดเย่ียม 4 รายวิชา คือ ภาษาไทย ศาสนศึกษาและคุณธรรมเพื่อชีวิต สุข ศึกษาและพลศึกษา และศิลปะ ระดับคุณภาพรองลงมาคือ ระดับดีเลิศ มี 1 รายวิชาคือ การงาน อาชีพ และระดับคุณภาพต่าสุดอยู่ในระดับกาลังพัฒนา มี 5 รายวิชาคือ คณิตศาสตร์แผน 1 วิทยาศาสตร์แผน 1 คณิตศาสตร์แผน 2 วิทยาศาสตร์แผน 2 และภาษาอังกฤษ นักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 มีระดับคณุ ภาพของผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นสงู สุดอยู่ในระดับยอดเย่ียม 5 รายวิชา คือ ภูมิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หน้าที่พลเมือง สุขศึกษาและพลศึกษา และศิลปะ ระดับคุณภาพ รองลงมาคือ ระดับดีเลิศ มี 1 รายวิชาคือ การงานอาชีพ และระดับคุณภาพต่าสุดอยู่ในระดับกาลัง พัฒนา มี 5 รายวิชาคือ คณิตศาสตร์แผน 1 วิทยาศาสตร์แผน 1 คณิตศาสตร์แผน 2 วิทยาศาสตร์ แผน 2 และภาษาองั กฤษ นักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 มีระดับคุณภาพของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สงู สุดอยใู่ นระดบั ยอดเย่ียม 4 รายวิชา คือ อารยธรรมโลก สขุ ศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และการงาน อาชีพ ระดับคุณภาพรองลงมาคือ ระดับดี มี 2 รายวิชาคือ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ และระดับ คุณภาพตา่ สุดอย่ใู นระดับกาลงั พัฒนา มี 2 รายวชิ าคอื คณติ ศาสตร์แผน 2 และวิทยาศาสตร์แผน 2 1.2) ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพ้ืนฐาน (Ordinary National Educational Test: O-NET) ปีการศึกษา 2562 จานวน 3 ระดับชั้น คือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 3 และช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เพ่ือตรวจสอบคุณภาพผู้เรียนตามกรอบมาตรฐานและ ตัวช้ีวัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 จัดโดยสถาบันทดสอบทาง การศกึ ษาแหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) มผี ลดงั ตารางท่ี 14-16 ตารางที่ 14 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพ้ืนฐาน (O-NET) ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 6 วชิ า คะแนนเฉล่ียจาแนกตามสังกดั ประเทศ โรงเรียน จังหวัด สังกัดอว. ภาค ภาษาไทย คะแนนเฉลี่ย 59.44 52.20 61.65 49.82 49.07 S.D. 12.72 14.28 13.92 13.91 14.36 ภาษาอังกฤษ คะแนนเฉลีย่ 50.86 38.44 62.82 35.03 34.42 S.D. 21.63 20.22 25.57 18.27 18.03 คณิตศาสตร์ คะแนนเฉลย่ี 54.03 36.37 52.53 33.29 32.90 S.D. 17.26 17.01 21.38 15.69 15.82 วทิ ยาศาสตร์ คะแนนเฉลี่ย 50.03 38.53 50.54 35.85 35.55 S.D. 16.17 15.37 18.10 13.85 13.94 รวม 4 วิชา คะแนนเฉลี่ย 53.59 41.39 56.89 38.50 37.99

142 วชิ า คะแนนเฉลย่ี จาแนกตามสงั กดั ประเทศ โรงเรยี น จังหวดั สังกดั อว. ภาค S.D. 16.95 16.72 19.74 15.43 15.54 จากตารางที่ 14 นกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2562 มีผลการทดสอบทาง การศกึ ษาระดับชาตขิ ้ันพื้นฐาน (O-NET) จานวน 4 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จาแนกตามสังกัด พบว่านักเรียนมีคะแนนเฉล่ียรวม 4 วิชา ( X =53.59, S.D=16.95) มากกว่าคะแนนเฉล่ียของ 3 สังกัด คือ จังหวัด ภาค และประเทศ แต่น้อยกว่าคะแนน เฉลี่ยของสังกัดอว. เมื่อพิจารณาเป็นรายวิชาพบว่า มี 3 วิชา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษและ วิทยาศาสตร์ ( X =59.44, S.D=12.72, X =50.86, S.D=21.63 และ X =50.03, S.D=16.17 ตามลาดบั ) มคี ะแนนเฉล่ียมากกวา่ 3 สังกัด คือ จังหวัด ภาค และประเทศ แต่น้อยกว่าคะแนนเฉลี่ย ของสงั กดั อว. ส่วนวิชาคณติ ศาสตร์ ( X =54.03, S.D=17.26) มีคะแนนเฉลยี่ มากกว่าทุกสงั กดั ตารางที่ 15 ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ ้ันพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ปีที่ 3 วชิ า คะแนนเฉลี่ยจาแนกตามสงั กัด ประเทศ โรงเรียน จงั หวัด สังกัดอว. ภาค ภาษาไทย คะแนนเฉล่ีย 66.35 57.91 71.10 55.06 55.14 S.D. 13.53 15.69 13.65 15.19 15.33 ภาษาองั กฤษ คะแนนเฉลย่ี 51.50 35.67 59.45 33.32 33.25 S.D. 18.50 14.54 20.55 13.39 13.69 คณิตศาสตร์ คะแนนเฉลี่ย 44.03 29.86 52.99 26.72 26.73 S.D. 20.10 17.60 25.60 15.40 15.87 วทิ ยาศาสตร์ คะแนนเฉลย่ี 35.30 31.12 40.06 29.91 30.07 S.D. 9.42 9.30 14.11 8.35 8.62 รวม 4 วิชา คะแนนเฉล่ีย 49.30 38.64 55.90 36.25 36.30 S.D. 15.39 14.28 18.48 13.08 13.38 จากตารางที่ 15 นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศึกษา 2562 มีผลการทดสอบทาง การศึกษาระดับชาตขิ ้นั พนื้ ฐาน (O-NET) จานวน 4 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จาแนกตามสังกัด พบว่านักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยรวม 4 วิชา ( X =49.30, S.D=15.39) มากกว่าคะแนนเฉลี่ยของ 3 สังกัด คือ จังหวัด ภาค และประเทศ แต่น้อยกว่าคะแนน เฉลี่ยของสังกัดอว. เม่ือพิจารณาเป็นรายวิชาพบว่า ท้ัง 4 วิชา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ( X =66.35, S.D=13.53, X =51.50, S.D=18.50, X =44.03, S.D=20.10 และ X =35.30, S.D=9.42 ตามลาดับ) มีคะแนนเฉลยี่ มากกว่า 3 สังกัด คือ จังหวัด ภาค และประเทศ แต่นอ้ ยกวา่ คะแนนเฉลี่ยของสงั กัดอว.ทกุ วชิ า

143 ตารางท่ี 16 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตขิ ้นั พื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ปที ่ี 6 วิชา คะแนนเฉลี่ยจาแนกตามสงั กดั ประเทศ โรงเรียน จงั หวัด สงั กัดอว. ภาค ภาษาไทย คะแนนเฉลี่ย 56.53 46.42 57.20 42.59 42.21 S.D. 14.42 16.28 15.49 14.74 14.76 สังคมศกึ ษา คะแนนเฉล่ีย 42.57 38.42 43.72 35.84 35.70 ศาสนา และ S.D. 9.35 9.81 9.81 8.70 8.78 วัฒนธรรม ภาษาองั กฤษ คะแนนเฉล่ยี 44.45 33.92 51.81 29.44 29.20 S.D. 17.82 16.82 19.74 13.68 14.07 คณิตศาสตร์ คะแนนเฉล่ยี 48.34 31.27 48.32 26.03 25.41 S.D. 26.51 23.15 26.69 18.13 18.01 วทิ ยาศาสตร์ คะแนนเฉล่ีย 42.74 32.67 41.01 29.29 29.20 S.D. 18.08 15.32 17.57 11.38 11.47 รวม 5 วชิ า คะแนนเฉลี่ย 43.52 34.31 44.79 30.22 29.96 S.D. 17.24 16.28 17.86 13.33 13.42 จากตารางท่ี 16 นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2562 มีผลการทดสอบทาง การศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) จานวน 5 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จาแนกตามสังกัด พบว่านักเรียนมีคะแนน เฉลย่ี รวม 5 วชิ า ( X =43.52, S.D=17.24) มากกวา่ คะแนนเฉลี่ยของ 3 สังกัด คือ จังหวัด ภาค และ ประเทศ แต่น้อยกว่าคะแนนเฉลี่ยของสังกัดอว. เม่ือพิจารณาเป็นรายวิชาพบว่า มี 3 วิชา คือ ภาษาไทย สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ภาษาอังกฤษ ( X =56.53, S.D=14.42, X =42.57, S.D=9.35 และ X =44.45, S.D=17.82 ตามลาดับ) มีคะแนนเฉลยี่ มากกว่า 3 สังกัด คือ จังหวัด ภาค และประเทศ แต่น้อยกว่าคะแนนเฉล่ียของสังกัดอว. ส่วนวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ( X = 48.34, S.D=26.51, และ X =42.74, S.D=18.08 ตามลาดับ) มีคะแนนเฉลยี่ มากกว่าทกุ สงั กดั 2) ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนที่เรียนในปีการศึกษา 2562 ผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน มคี ุณลกั ษณะและค่านิยม ที่ดีตามท่ีสถานศึกษากาหนดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1-6 และช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 จาแนกตามระดับคณุ ภาพ ดงั ตารางที่ 17

144 ตารางท่ี 17 ผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1-6 และชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ระดบั คณุ ภาพ ระดบั ชน้ั ยอดเยย่ี ม ดเี ลศิ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ ประถมศึกษาปที ี่ 1 121 78.06 34 21.94 ประถมศกึ ษาปีที่ 2 120 75.47 39 24.53 ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 100 84.03 19 15.97 ประถมศกึ ษาปีที่ 4 107 89.92 12 10.08 ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 104 87.39 15 12.61 ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 89 74.17 31 25.83 รวมระดบั ชัน้ ประถมศึกษา 641 81.04 150 18.96 มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 71 43.03 94 56.97 มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 136 85.53 23 14.47 มัธยมศึกษาปีที่ 3 120 96.77 4 3.23 มัธยมศึกษาปีที่ 4 108 77.14 32 22.86 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 103 85.12 18 14.88 มธั ยมศึกษาปีที่ 6 96 86.49 15 13.51 รวมระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษา 634 77.32 186 22.68 จากตารางที่ 17 พบว่าจานวนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1-6 มีคุณลักษณะอันพึง ประสงค์อยู่ในระดับคุณภาพยอดเย่ียมมากกว่าดีเลิศ ทั้งในภาพรวม (ร้อยละ 81.04 และ18.96 ตามลาดับ) และทุกระดับชั้น โดยนักเรียนในระดับชั้นที่มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์อยู่ในระดับ คุณภาพยอดเย่ียมท่ีมคี ่าร้อยละของจานวนนักเรียนมากที่สุดคือ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 รองลงมาคือ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 และน้อยทส่ี ุดคือ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 (ร้อยละ 89.92, 87.39 และ 74.17 ตามลาดับ) สาหรับจานวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ในภาพรวม มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ อยู่ในระดับคุณภาพยอดเยี่ยมมากกว่าดีเลิศ (ร้อยละ77.32 และ22.68 ตามลาดับ) และพบว่าใน ระดับช้ันมัธยมศึกษาส่วนใหญ่มีผลเช่นเดียวกับในภาพรวม ยกเว้นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ท่ี จานวนนักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์อยู่ในระดับคุณภาพยอดเย่ียมน้อยกว่าดีเลิศ (ร้อยละ 43.03 และ56.97 ตามลาดับ) เมื่อเรียงลาดับค่าร้อยละของจานวนนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาท่ีมี คุณลักษณะอนั พึงประสงค์อยู่ในระดับคุณภาพยอดเย่ียม พบว่า มีค่าร้อยละของจานวนนักเรียนมาก ที่สดุ คือ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 รองลงมาคอื ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 และน้อยท่ีสุดคือ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ร้อยละ 96.77, 86.49 และ 43.03 ตามลาดบั ) 3) ผลการประเมินความสามารถในการอ่านเขียนและการส่ือสาร และการคิด คานวณของนักเรียนทเี่ รยี นในปกี ารศกึ ษา 2562 ประกอบดว้ ย 3.1) ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน (Reading Test: RT) ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 มีผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล ดงั ตารางที่ 18-19

145 ตารางท่ี 18 ความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 (Reading Test: RT) จาแนกตามสังกัด ด้าน คะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละจาแนกตามสังกดั โรงเรียน จงั หวดั สงั กัดอว. ภาค ประเทศ การอา่ นออก คะแนน 69.08 77.67 78.55 74.93 68.50 เสียง เฉลี่ยร้อยละ 16.65 12.34 12.90 13.98 14.61 S.D. คะแนน 75.09 81.08 79.13 76.64 72.81 การอ่านรเู้ รื่อง เฉลย่ี ร้อยละ S.D. 10.86 8.55 9.83 10.26 10.60 การอ่านใน คะแนน 72.08 79.37 78.84 75.79 70.66 ภาพรวม เฉลี่ยร้อยละ 26.76 19.14 21.47 22.60 23.46 S.D. จากตารางท่ี 18 พบว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ปีการศึกษา 2562 มี ความสามารถดา้ นการอ่านจาแนกตามสังกดั โดยมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละของการอ่านในภาพรวม ( X = 72.08, S.D=26.76) นอ้ ยกว่าคะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละของ 3 สังกัด คือ จังหวัด ศึกษาธิการภาค และอว. แต่สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยร้อยละของประเทศ และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนมี ความสามารถดา้ นการอา่ น โดยมคี ะแนนเฉล่ียรอ้ ยละของการอ่านรเู้ รื่อง และการอ่านออกเสียง ( X = 75.09, S.D=10.86, X =69.08, S.D=16.65 ตามลาดับ) น้อยกว่าคะแนนเฉลี่ยร้อยละของ 3 สังกัด คือ จังหวัด ศึกษาธิการภาค และอว. แต่สูงกว่าคะแนนเฉล่ียร้อยละของประเทศ เม่ือสรุปผลการ ประเมินความสามารถดา้ นการอ่านออกของผู้เรียน (Reading Test: RT) ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 ตามเกณฑ์พจิ ารณาพบว่า นกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ปีการศึกษา 2562 มี ความสามารถด้านการอ่าน (Reading Test: RT) อยู่ในระดับคุณภาพดี ( X =72.08, S.D=26.76) ตารางท่ี 19 ความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 (Reading Test: RT) จาแนกตามระดบั คณุ ภาพ จานวนและรอ้ ยละนักเรยี น จาแนกตามระดบั คณุ ภาพ ด้าน (ยกเว้นเด็กพิเศษ และ Walk-in) ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ การอา่ นออกเสยี ง 95 62.50 17 11.18 15 9.86 25 16.44 การอ่านรเู้ ร่ือง 92 60.52 36 23.68 18 11.84 6 3.94 การอ่านใน 95 62.50 23 15.13 20 13.15 14 9.21 ภาพรวม จากตารางที่ 19 พบว่าจานวนนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 ปีการศึกษา 2562 ส่วน ใหญ่มีความสามารถด้านการอ่านจาแนกตามระดับคุณภาพ โดยมีจานวนและร้อยละนักเรียนใน

146 ภาพรวม และรายด้าน 2 ด้าน ได้แก่ ด้านการอ่านออกเสียง และด้านการอ่านรู้เรื่อง อยู่ในระดับ คุณภาพดมี าก คดิ เปน็ ร้อยละ 62.50, 62.50 และ60.52 ตามลาดบั 3.2) ผลการประเมินความสามารถในการอ่านเขยี นและการสื่อสารของนักเรียนที่ เรยี นในปกี ารศึกษา 2562 ดงั ตารางท่ี 20 ตารางที่ 20 ความสามารถในการอา่ นเขียนและการสอื่ สารของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1-6 และ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1-6 ระดบั คณุ ภาพ ระดับชัน้ ยอดเยีย่ ม ดีเลศิ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ ประถมศึกษาปที ่ี 1 58 40.85 84 59.15 ประถมศึกษาปที ี่ 2 90 58.06 65 41.94 ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 82 70.09 35 29.91 ประถมศึกษาปที ี่ 4 51 47.22 57 52.78 ประถมศึกษาปที ่ี 5 88 73.33 32 26.67 ประถมศึกษาปีที่ 6 71 61.74 44 38.26 รวมระดบั ชน้ั ประถมศึกษา 440 58.12 317 41.88 มัธยมศึกษาปีที่ 1 122 83.56 24 16.44 มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 103 66.03 53 33.97 มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 89 75.42 29 24.58 มัธยมศึกษาปีที่ 4 100 71.94 39 28.06 มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 55 50.46 54 49.54 มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 95 85.59 16 14.41 รวมระดับช้นั มธั ยมศกึ ษา 564 72.40 215 27.60 จากตารางท่ี 20 พบว่า จานวนนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1-6 ในภาพรวมและระดับชั้น สว่ นใหญ่มีความสามารถในการอา่ นเขียนและการส่ือสารอยู่ในระดับคุณภาพยอดเย่ียมมากกว่าดีเลิศ ยกเว้นนกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 และช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 ทีจ่ านวนนักเรียนมีความสามารถใน การอ่านเขียนและการส่ือสารอยู่ในระดับคุณภาพยอดเย่ียมน้อยกว่าดีเลิศ เม่ือเรียงลาดับค่าร้อยละ ของจานวนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาท่ีมีความสามารถในการอ่านเขียนและการส่ือสาร พบว่า จานวนนกั เรยี นท่ีมคี ่ารอ้ ยละมากทส่ี ุดคอื ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 5 รองลงมาคือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และน้อยที่สุดคือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (ร้อยละ 73.33, 70.09 และ 40.85 ตามลาดับ) สาหรับ จานวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 มีความสามารถในการอ่านเขียนและการสื่อสารอยู่ในระดับ คุณภาพยอดเยี่ยมมากกว่าดีเลิศท้ังในภาพรวมและทุกระดับชั้น โดยนักเรียนในระดับช้ันท่ีมี ความสามารถในการอา่ นเขยี นและการสอื่ สารอยู่ในระดับคุณภาพยอดเย่ียมท่ีมีค่าร้อยละของจานวน นักเรียนมากที่สุดคือ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 รองลงมาคือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และน้อยที่สุดคือ ช้ัน มัธยมศึกษาปที ่ี 5 (รอ้ ยละ 85.59, 83.56 และ 50.46 ตามลาดับ)

147 3.3) ผลการประเมินความสามารถในการคิดคานวณของนักเรียนที่เรียนในปี การศกึ ษา 2562 ดังตารางที่ 21 ตารางท่ี 21 ความสามารถในการคิดคานวณของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1-6 และชั้น มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1-6 จานวนนกั เรียน จานวนนักเรียน ระดบั ชน้ั เขา้ สอบ ระดบั ดี ร้อยละ ระดับช้นั เขา้ สอบ ระดับดี ร้อยละ ข้ึนไป ขึ้นไป ประถมศึกษาปที ่ี 1 155 131 84.52 มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 141 69 48.94 ประถมศึกษาปีท่ี 2 159 115 72.33 มัธยมศึกษาปที ่ี 2 148 75 50.68 ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 119 72 60.50 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 116 48 41.38 ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 119 18 15.13 มัธยมศึกษาปีท่ี 4 140 71 50.71 ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 119 50 42.02 มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 127 43 33.86 ประถมศึกษาปที ่ี 6 120 64 53.33 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 111 13 11.71 รวมระดบั ช้ัน 791 450 56.89 รวมระดบั ช้นั 783 319 40.74 ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา จากตารางท่ี 21 พบว่า จานวนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ในภาพรวมมี ความสามารถในการคิดคานวณอยู่ในระดับดีข้ึนไปคิดเป็นร้อยละ 56.89 โดยมีค่าร้อยละของจานวน นักเรียนท่ีความสามารถในการคิดคานวณมากที่สุดคือ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 รองลงมาคือ ชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 2 และน้อยที่สุดคือ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 (ร้อยละ 84.52, 72.33 และ15.13 ตามลาดับ) ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ในภาพรวมมีความสามารถในการคิดคานวณอยู่ใน ระดับดีข้ึนไปคิดเป็นร้อยละ 40.74 โดยมีค่าร้อยละของจานวนนักเรียนท่ีความสามารถในการคิด คานวณมากที่สุดคือ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 รองลงมาคือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และน้อยที่สุดคือ ช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 (รอ้ ยละ 50.71, 50.68 และ11.71 ตามลาดบั ) 1.1.3 ข้อมูลผลการดาเนินงานพัฒนาวิชาการที่เน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้านตาม หลกั สตู รสถานศกึ ษาและทกุ กลมุ่ เปา้ หมาย ปีการศกึ ษา 2562 ผลการดาเนินงานพัฒนาวิชาการที่เน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตร สถานศึกษาและทกุ กล่มุ เปา้ หมาย ปกี ารศกึ ษา 2562 ไดร้ ับการประเมินคุณภาพอยู่ในระดับยอดเยี่ยม จากคณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน (โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนยว์ ิจยั และพฒั นาการศึกษา, 2563: 125-126) และมีจุดเด่นในด้านหลักสูตร สถานศึกษามคี วามหลากหลายสามารถพัฒนาผเู้ รียนไดใ้ นหลายมิติ เนอ่ื งจากโรงเรียนมีการดาเนนิ งาน พั ฒ น า วิ ช า ก า ร ที่ เ น้ น คุ ณ ภ า พ ผู้ เ รี ย น ร อ บ ด้ า น ต า ม ห ลั ก สู ต ร โ ร ง เ รี ย น ส า ธิ ต แ ห่ ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) และทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงนาไปสู่การพัฒนาได้อยา่ งสอดคลอ้ งกับบริบทและเกดิ ผลลัพธท์ ่ตี อ้ งการได้เป็นอย่างดี ซึ่งครอบคลุม นโยบายจากภาครัฐและสอดคล้องกบั หลกั สูตรแกนกลาง ส่งผลให้ผู้เรียนมีคุณภาพรอบด้าน อีกทั้งยัง

148 มีความมุ่งม่ันในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้เพ่ือบริการวิชาการแ ก่ผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม ต่อเน่ืองและสร้างความเชอื่ มัน่ ใหท้ กุ ฝ่าย จากรายง านการประเมินตนเองระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของ โรง เรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน ศนู ย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา (2563: 126) พบว่า หลกั สตู รเน้นความหลากหลาย ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน สอดคล้องกับการศึกษา ของชาติที่เน้นคุณภาพผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ โดยใช้ เทคโนโลยี นวัตกรรมการเรียนการสอนและจัดหาอุปกรณ์เคร่ืองมือท่ีมีความทันสมัยเพื่อสร้างองค์ ความรู้ ในการถา่ ยทอดลงสผู่ เู้ รยี นได้เป็นอยา่ งดี ครูและบคุ ลากรสามารถพัฒนาตนเองในด้านรูปแบบ การบริการทางวิชาการท่ีหลากหลาย เป็นท่ียอมรับและนาไปใช้ได้จริง ตลอดจนประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลงานของบคุ ลากรและองคก์ รออกสู่สาธารณชนให้เปน็ ท่รี ูจ้ กั โดยทางโรงเรยี นได้จัดกิจกรรม เพิ่มจากโครงการในการสนับสนุนกระบวนการพัฒนาการศึกษา คือ พัฒนาระบบการเรียนการสอน การปรบั ปรุงและพฒั นาหลักสูตรปีการศกึ ษา 2562 การจดั หาอปุ กรณ์ เคร่อื งมือ เทคโนโลยี ท่ีมีความ ทันสมัยในการเพิ่มประสิทธิภาพการสอน เช่นกระดาน Interactive Projector ห้องปฏิบัติการ Fabrication Lab หอ้ ง Micro Teaching นักเรียนมีความสามารถสอดคล้องกับการศึกษาชาติที่เน้น คุณภาพผู้เรียนด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ๕ ด้านคือ ความสามารถในด้านการส่ือสารได้อย่าง ถูกตอ้ งเหมาะสม คิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดแก้ปัญหา อภิปราย และการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ พัฒนาศักยภาพด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์และทักษะของนักเรียนได้ตามเกณฑ์ท่ี กาหนด โดยมสี ่ิงท่คี วรพฒั นาเกีย่ วกับหลักสูตรคอื ควรมีการวเิ คราะห์จานวนกิจกรรมเสริมหลักสูตร ให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนและผู้เรียน และสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน เพื่อ สนับสนุนนโยบายของสถานศึกษา และมีข้อเสนอแนะจากผู้ทรงวุฒิ คือ 1) ควรมีการบูรณาการ กิจกรรมเสริมหลักสูตรของแต่ละกลุ่มสาระฯ 2) ควรนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนในแต่ละ ระดบั ลงสู่การปฏิบัติและการติดตามประเมินผลอย่างชัดเจน เพื่อเป็นต้นแบบให้กับสถานศึกษาอื่นๆ และ3) ควรจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรโดยนาศักยภาพของมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานภายนอกมา พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนมากขึน้ 1.1.4 ขอ้ มูลผลการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ปกี ารศึกษา 2562 จากรายงานการประเมินตนเองระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา (2563: 168) พบว่า ผลการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ปีการศึกษา 2562 ในด้าน จดั การเรียนรผู้ า่ นกระบวนการคดิ และปฏิบัติจริง และสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้ ด้านการใช้ สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศและแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ด้านมีการบริหารจัดการชั้นเรียนเชิง บวก ด้านตรวจสอบและประเมินผู้เรียนอย่างเป็นระบบ และนาผลมาพัฒนาผู้เรียน และด้านมีการ แลกเปล่ียนเรยี นรู้และให้ขอ้ มลู สะท้อนกลับเพอื่ พฒั นาและปรับปรุงการจัดการการเรียนรู้ พบว่ามีผล การประเมินคุณภาพอยู่ในระดับ 5 ยอดเยี่ยมทุกด้าน โดยมีจุดเด่นท่ีจานวนบุคลากรเพียงพอ ครูมี ความรูค้ วามสามารถตรงตามความตอ้ งการและได้สอนตรงกับสาขาท่ีมีความเช่ียวชาญ ครูได้รับขวัญ

149 และกาลังใจท่ีดีช่วยส่งผลต่อประสิทธิภาพในการพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและบุคลากร ในการ พฒั นากระบวนการจัดการเรยี นการสอนนน้ั โรงเรยี นได้มอบบทบาทครูในการสร้างโอกาสให้นักเรียน มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ ครูมีการแจ้งให้นักเรียนทราบถึงขอบข่ายเน้ือหาวิชาท่ีสอน จุดประสงค์การเรียนรู้ กาหนดการสอน การวัดและประเมินผล เกณฑ์การเก็บคะแนน สัดส่วนของ คะแนน ลักษณะของข้อสอบ วิธีการเก็บคะแนนรายวิชาจากการทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน การ ทดสอบย่อย การจัดทาผลงานและโครงงาน ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมใน ช้ันเรียนด้วยการสารวจความคิดเห็น ให้นักเรียนซักถาม คิดวิเคราะห์ ลงมือปฏิบัติ นาเสนอผลงาน และร่วมกนั อภิปราย ซึง่ ครูผสู้ อนมีการระบไุ ว้ในกาหนดแผนการจัดการเรียนรู้อย่างชัดเจน การเรียน การสอนมีการจดั โอกาสใหน้ กั เรยี นไดท้ าการวเิ คราะหต์ นเอง ถึงความสนใจ ความถนัด ความสามารถ และศกั ยภาพในการเรยี นรขู้ องนักเรียน นอกจากน้ีครูฝึกให้นกั เรยี นรู้จักวเิ คราะหต์ นเองเชิงพฤติกรรม หรอื การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรตู้ าม ปพ.ของแต่ละภาคเรยี น เปดิ โอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น ในการร่วมกันอภิปรายกลุ่มและอภิปรายเดี่ยว นอกจากนี้ในวิชาแนะแนว ครูเปิดโอกาสให้นักเรียน วิเคราะห์ตนเองว่ามีความถนัด ความสนใจในด้านใด วิชาใดท่ีชอบ วิชาใดควรปรับปรุง รวมท้ัง วิเคราะห์ผลงานตนเองว่าส่วนใดท่ีทาได้ดีแล้ว และส่วนใดท่ีควรปรับปรุงแก้ไข มีการเปิดโอกาสให้ นักเรียนเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและการลงมือปฏิบัติ ผ่านประสบการณ์ตรง มีการกระตุ้นให้ นกั เรยี นได้เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ซ่ึงมีอยู่อย่างหลากหลายภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยา เขตกาแพงแสน ประกอบด้วย ศูนย์การเรียนรู้ด้านนวัตกรรมการศึ กษา ศูนย์การเรียนรู้ เทคโนโลยีการเกษตร ศนู ย์วจิ ัยและพฒั นาออ้ ยและน้าตาล สถานีวิจัยประมง คาวบอยแลนด์ แหล่งดู นกธรรมชาติ โรงสีข้าวธัญโอสถ มหาวิทยาลัยชาวนา สวนนวัตกรรมท่องเท่ียว และหอสมุดกลาง ซ่ึง เป็นหอสมุดของมหาวิทยาลัยฯ นอกจากนี้สถานศึกษามีการจัดให้นักเรียนได้ศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ ภายนอก โดยเช่ือมโยงกับแผนการสอนและโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ โดยมีแบบบันทึกความรู้ให้ นักเรียนทุกคนบันทึกส่ิงท่ีได้พบเห็น สรุปเป็นองค์ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ครู เปิดโอกาสให้นักเรียนนาเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ทั้งผลงานเดี่ยวและผลงานกลุ่มในหนึ่งภาคเรียน นกั เรียนจดั ทาโครงงาน ผลงาน ชิ้นงานตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ แต่ละระดับชั้น เปิดโอกาสให้ นักเรียนซักถามคาถามต่างๆ ท่ีสงสัย เพ่ือให้สามารถจัดทาผลงานได้ตรงตามวัตถุประสงค์และ สร้างสรรค์ มีการรายงานหรือนาเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เช่น ให้นักเรียนกล่าวแนะนาตนเองเป็น ภาษาอังกฤษ แสดงบทบาทสมมติ พูดสาธิต นาเสนอโครงงานหน้าช้ันเรียน โดยเพื่อนนักเรียนส่วน ใหญ่ให้ความร่วมมือในการแสดงความคิดเห็นและเป็นผู้รับฟังที่ดี ก่อให้เกิดบรรยากาศแห่งการ แลกเปล่ียนเรียนรู้และความร่วมมือในชั้นเรียน มีการจัดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัด บรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่ือที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ กล่าวคือ นักเรียนร่วมกันจัดช้ันเรียนให้สวยงาม และมีบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรยี นรู้ โดยจัดแสดงผลงานนกั เรยี น จดั มุมหนังสือในห้องเรียนในระดับ ประถมศกึ ษา จัดโตะ๊ เก้าอี้ ในการทากจิ กรรมกลุ่ม จัดบอร์ดความรู้ จัดป้ายนิเทศความรู้ทางวิชาการ ที่สอดคลอ้ งกบั เนอื้ หาที่เรียน จัดเตรียมอุปกรณ์ สถานที่ ประดิษฐ์ช้ินงานเพ่ือตกแต่งตามเทศกาลวัน สาคัญ ออกแบบเคร่ืองแต่งกายและตกแต่งเวทีในงานกิจกรรมต่างๆ ของสถานศึกษา นาต้นไม้มา เพาะปลูกในกิจกรรมการเกษตร รวมท้ังช่วยครูจัดทาสื่อการเรียนการสอน นอกจากนี้ภายใน สถานศกึ ษามกี ารจดั บรรยากาศทด่ี ี โดยเนน้ การจดั สภาพแวดล้อมให้เหมาะสมท้ังด้านกายภาพ ความ

150 ปลอดภยั และเอื้อต่อการเรยี นรู้ มกี ารจดั โอกาสให้ นกั เรยี นได้เรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการวิจัยอย่างเป็น รูปธรรม กล่าวคือ สถานศึกษามีนโยบายให้ครูผู้สอนได้ศึกษาและวิเคราะห์ นักเรียนเป็นรายบุคคล เพ่ือรบั ทราบปญั หาของนักเรยี นและหาแนวทางเพ่อื พฒั นานักเรยี น โดยการจดั ทาวิจยั ในชัน้ เรยี นทุกปี การศึกษา ครูผู้สอนนาปัญหาท่ีพบระหว่างการจัดการเรียนการสอน และจากบันทึกการสอน มา คน้ ควา้ หาแนวทางแกไ้ ข ศึกษาข้อมูลท่ีเก่ียวข้องเพ่ือนามาจัดทาเคร่ืองมือในการทาวิจัยให้สอดคล้อง กับปัญหาภายในระยะเวลาท่ีกาหนด จากน้ันสรุปผลการวิจัย นาผลจากการวิจัยมาพัฒนา กระบวนการจัดการเรียนการสอน และแกไ้ ขปญั หาของ นักเรียนท้งั ดา้ นการเรยี นรู้และพฤติกรรมของ นักเรยี น นอกจากนี้ครูมีการจัดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการวิจัย เช่น กลุ่มสาระการ เรยี นรู้วิทยาศาสตร์ นกั เรียนได้เรียนรู้ผ่านการสารวจ การประดิษฐ์ การทาโครงงาน การทดลองทาง วทิ ยาศาสตร์ ครูจัดการเรียนการสอนโดยกระตนุ้ ให้นกั เรยี นเกดิ คาถามและข้อสงสัยจากการสังเกตสิ่ง รอบตัว ให้นักเรียนตั้งสมมุติฐานเพ่ือคาดเดาสิ่งท่ีจะเกิดข้ึน แล้วออกแบบการทดลอง ลงมือทาการ ทดลองตามที่ออกแบบไว้ จากน้ันนักเรียนร่วมกันสรุปผล นาเสนอผลการทดลอง อภิปราย และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักเรียนกลุ่มอื่น ๆ ทาให้เกิดทักษะการเรียนรู้ผ่านกระบวนการวิจัยอย่างเป็น รปู ธรรม จากผลการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญตามผลการ ประเมนิ ตนเองของสถานศึกษาดังกล่าว พบว่ามีความสอดคล้องกับการปฏิบัติงานของครูผู้สอนส่วน ใหญ่ของโรงเรียน ครูมีความมุ่งมั่นในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองเต็ม ศักยภาพ การจัดการเรียนการสอนของครมู ักเน้นการพัฒนาผ้เู รียนอยา่ งเท่าเทียมกันโดยรวมมากกว่า การพฒั นาผูเ้ รียนบนความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลทชี่ ัดเจน 1.2 ผลการวิเคราะห์สภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบันและความต้องการ ประเมนิ หลักสูตรสถานศกึ ษา ผูว้ จิ ยั ศกึ ษาสภาพปญั หาของหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบันและความต้องการประเมิน หลักสูตรสถานศึกษา โดยมีผลการศึกษา 3 ลักษณะ ประกอบด้วย 1) ผลการสัมภาษณ์ผู้บริหาร โรงเรียน 3 สังกัดเก่ียวกับหลักสูตรสถานศึกษา 2) ผลการสัมภาษณ์ผู้จัดการและอาจารย์ผู้สอน ชาวต่างชาติสาหรับหลักสูตร English Program (EP) และ3) ผลการจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion : FGD) คณะกรรมการฝ่ายวิชาการ โรงเรยี นสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยา เขตกาแพงแสน ศนู ยว์ ิจยั และพฒั นาการศึกษา มผี ลการวเิ คราะห์ดงั นี้ 1.2.1 ผลการสมั ภาษณผ์ ้บู ริหารโรงเรียน ในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน (อปท.) และสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รวมจานวน 5 โรงเรียน โรงเรียนละ 1 คน พบว่าผู้บริหาร โรงเรียนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบันและความต้องการ ประเมินหลกั สตู รสถานศึกษา ดงั ตารางที่ 22

ตารางที่ 22 ความคิดเหน็ ของผบู้ รหิ ารโรงเรียนเก่ียวกับสภาพปญั หาของหลัก ประเด็นสมั ภาษณ์ ผบู้ รหิ ารคนท่ี 1 ผู้บริหารคนที่ 2 ผู้บรหิ า 1. ทา่ นคิดวา่ หลกั สตู ร ส่งิ ทีค่ วรแกไ้ ข/ปรับปรงุ สิง่ ท่ีดีควรพัฒนาตอ่ ส่งิ ท่ีควร สถานศึกษาทพ่ี ฒั นาข้ึน คือ ยอด คือ มแี นวทาง ปรบั ปรงุ ตามกรอบหลกั สูตร 1. ตัวช้วี ัดในหลักสูตร ให้ครูได้นาไป 1. เป็นหล แกนกลางการศกึ ษาขั้น แกนกลางการศกึ ษาขนั้ กาหนดเน้ือหาสาระ ใช้ในการ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช พนื้ ฐานพทุ ธศกั ราช ทีใ่ ชใ้ นการจดั การ จรงิ ได้ยา 2551 (ฉบับปรับปรุง 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ เรยี นการสอนได้ 2. การรา พ.ศ.2560) ซงึ่ เปน็ พ.ศ.2560) แมจ้ ะมีการ และลดความซา้ ซอ้ น การพฒั น หลักสตู รองิ มาตรฐาน ปรบั ปรุงใหไ้ ม่ซา้ ซ้อน ของตัวช้วี ัด คณุ ภาพผ น้ัน มีสิง่ ที่ดคี วรพฒั นา แลว้ กย็ ังมจี านวนมาก ส่งิ ที่ควรแก้ไข/ สามารถห ต่อยอด และมสี ง่ิ ที่ควร อยู่ ควรปรบั ลดจานวน ปรบั ปรงุ คอื จากกรอบ แกไ้ ข/ปรับปรุง ใน ตวั ชีว้ ดั ให้เหลือเท่าท่ี 1. ตัวชวี้ ดั บางข้อ สาระการ ประเด็นใดบ้าง อยา่ งไร จาเป็นทีส่ ามารถสะทอ้ น วัดได้ยาก เช่น 3. จากโค ความรู้ ทกั ษะ และ ความเขา้ ใจ ควร เวลาเรยี น คณุ ลกั ษณะท่ีจาเปน็ ของ เขยี นเนน้ เปน็ ประถมศ นักเรียนในชวี ิตจรงิ ได้ พฤติกรรมท่ีนักเรยี น พบว่า หล 2. ควรปรับการเรยี น แสดงออกไดอ้ ย่าง สถานศึก การสอนในวชิ าหนา้ ที่ ชดั เจน กาหนดเว พลเมืองในรูปแบบ 3. ควรแนะนาการ ของรายว บรู ณาการกับรายวิชา เลือกส่อื หรอื พืน้ ฐานไว ต่าง ๆ หนังสือเรยี นให้ ชว่ั โมงตอ่ 3. ครวู ิทยาศาสตร์ไม่ เหมาะสมกบั วยั ของ เวลาเรียน สามารถสอนบูรณาการ นักเรียน รายวชิ าท

151 กสตู รสถานศึกษาในปจั จุบนั และความต้องการประเมินหลกั สตู รสถานศกึ ษา ารคนท่ี 3 ผบู้ รหิ ารคนท่ี 4 ผูบ้ รหิ ารคนที่ 5 ผลการสงั เคราะห์โดยผวู้ ิจัย รแก้ไข/ สง่ิ ทด่ี คี วรพัฒนาต่อ สิง่ ทดี่ ีควรพฒั นาต่อ ส่งิ ที่ดีควรพฒั นาตอ่ ยอด คือ ง คือ ยอด คอื ยอด คือ 1. มแี นวทางใหค้ รูไดน้ าไป ลกั สตู รท่ี มกี ารจดั ทาเอกสาร นักเรียนไดร้ บั องค์ กาหนดเนื้อหาสาระท่ใี ชใ้ นการ รปฏิบัติ หลักสูตรสถานศึกษา ความรู้พนื้ ฐานตาม จัดการเรียนการสอน าก และองค์ประกอบของ กรอบหลักสตู ร 2. มกี ารจดั ทาเอกสารหลักสูตร ายงานผล หลกั สตู ร การนา แกนกลางการศึกษา สถานศึกษาและองคป์ ระกอบ นา หลักสตู รไปใช้ เพอื่ ให้ ขน้ั พ้ืนฐาน แต่ ของหลกั สตู ร การนาหลกั สตู รไป ผเู้ รียนไม่ บรรลมุ าตรฐานและ นักเรยี นอาจขาด ใช้ เพอ่ื ให้บรรลมุ าตรฐานและ หลุดออก ตัวชว้ี ดั และ ทักษะสาคญั สาหรับ ตวั ชีว้ ัด บ 8 กลมุ่ กระบวนการพฒั นา การศึกษาความรใู้ น 3. มกี ระบวนการ 151 รเรียนร้ไู ด้ ผเู้ รียนท้ังระบบให้บรรลุ ระดับทสี่ ูงขนึ้ พฒั นาผู้เรียนทัง้ ระบบให้บรรลุ ครงสรา้ ง ตามมาตรฐานตัวช้ีวดั รวมถงึ การศึกษาหา ตามมาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั นในระดบั ความสาคญั ของ ความรู้หรือทักษะที่ 4. เปน็ หลักสูตรที่ตอบสนองการ ศกึ ษา หลักสตู รท่ตี อบสนอง เกดิ ขึ้นใหม่อย่าง กระจายอานาจ และเปิดโอกาส ลักสูตร การกระจายอานาจ และ รวดเร็ว ซึ่งเปน็ หวั ใจ ให้ผปู้ กครอง ชมุ ชน และทอ้ งถิ่น กษา เปิดโอกาสใหผ้ ปู้ กครอง สาคัญในการสรา้ ง เข้ามามสี ว่ นรว่ มในการจดั วลาเรียน ชุมชน ทอ้ งถนิ่ เข้ามามี คุณลกั ษณะแห่งการ การศกึ ษา วชิ า สว่ นรว่ มในการจัด เรียนรตู้ ลอดชวี ิต 5. นักเรียนได้รบั องคค์ วามรู้ ว้ 840 การศกึ ษา ส่งิ ท่คี วรแกไ้ ข/ พืน้ ฐานตามกรอบหลักสูตร อปี เหลอื สง่ิ ที่ควรแก้ไข/ปรบั ปรุง ปรับปรงุ คือ แกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน นทเี่ ป็น คอื 1. ความหลากหลาย แต่อาจขาดทักษะสาคญั สาหรบั ที่ เปน็ หลกั สูตรที่อิง ของรายวิชาทเี่ ปิด การศกึ ษาในระดบั ท่สี งู ขึ้น และ

ประเดน็ สมั ภาษณ์ ผบู้ ริหารคนที่ 1 ผ้บู รหิ ารคนท่ี 2 ผูบ้ รหิ า STEM ตามที่หลกั สูตร สถานศกึ กาหนดแนวทางไว้ใน สามารถจ ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาได้ จดุ เนน้ ได โรงเรยี นจงึ ควรบริหาร ละไม่เกนิ ครูผสู้ อนให้สามารถสอน ชวั่ โมงเท บูรณาการ STEM ได้ เมอื่ เทียบ นอ้ ยมาก 4. ขอบเข โครงสรา้ หลกั สตู ร สาระการ มากเกินไ นักเรยี นเ แยกส่วน 5. สถาน มีอิสระใน ออกแบบ เป็นของต อย่างแทจ้ ข้อจากดั ระเบียบก ปฏบิ ตั ติ า แนวทางข

152 ารคนที่ 3 ผู้บริหารคนท่ี 4 ผูบ้ ริหารคนที่ 5 ผลการสงั เคราะหโ์ ดยผู้วจิ ัย 152 กษา มาตรฐานเฉพาะใน โอกาสให้นกั เรยี นได้ ทักษะใหม่ (New Skills) ซง่ึ เป็น จดั ตาม เอกสารหลักสูตรเทา่ นัน้ เลือกเรียนตามความ หัวใจสาคัญในการสรา้ ง ด้เพยี งปี แตใ่ นทางปฏิบตั ทิ าได้ สนใจ คุณลกั ษณะแหง่ การเรยี นร้ตู ลอด น 40 ยาก เน่ืองจากมีครู 2. แนวทางการ ชวี ติ ทา่ นนั้ ซ่งึ บางส่วนไม่ได้ปฏบิ ตั ิตาม พัฒนาความรู้ สง่ิ ท่ีควรแกไ้ ข/ปรับปรุง คอื บกนั แล้ว หรอื ปฏบิ ัตไิ ด้ไม่ พื้นฐานและทกั ษะ 1. ตัวช้ีวัดบางข้อ วดั ได้ยาก ควร ก ครบถว้ น และในการ สาคัญ เพื่อม่งุ สู่ ปรบั ข้อความเนน้ เป็นพฤตกิ รรม ขตของ ประเมินผลควรวาง คุณภาพผูเ้ รยี นใน ท่ีนักเรียนแสดงออกได้ชดั เจน าง แผนการประเมนิ ตาม ศตวรรษท่ี 21 2. ตัวชี้วัดท่ปี รบั ปรงุ ใหม่แลว้ ยัง ร 8 กลมุ่ มาตรฐาน และควรมี 3. หลกั สตู รควร มีจานวนมากอยู่ ควรปรับลด รเรียนรู้ รปู แบบการประเมนิ ที่ ตอบสนองความ จานวนตัวชวี้ ัดใหเ้ หลอื เทา่ ที่ ไป และ หลากหลายเพ่อื ประเมิน ต้องการ จาเป็นท่ีสามารถสะทอ้ นความรู้ เรยี นแบบ ผู้เรยี นท่ีมคี วามแตกต่าง ความสามารถ ความ ทกั ษะ และคุณลักษณะที่จาเป็น น ระหวา่ งบุคคล สนใจ และความ ของนักเรียนในชวี ิตจรงิ นศกึ ษาไม่ ถนัดของนักเรยี นแต่ 3. ควรปรับการเรยี นการสอนใน นการ ละคน วชิ าหน้าที่พลเมืองในรปู แบบ บหลกั สตู ร บรู ณาการกับรายวชิ าอืน่ ตนเองได้ 4. ครูวทิ ยาศาสตรไ์ ม่สามารถ จริง ดว้ ย สอนบรู ณาการ STEM ตามท่ี ดของ หลักสูตรกาหนดแนวทางไว้ได้ การ โรงเรียนจึงควรบริหารให้ าม ครผู สู้ อนสามารถสอนบรู ณาการ ของ STEM ได้

ประเดน็ สมั ภาษณ์ ผ้บู รหิ ารคนที่ 1 ผ้บู ริหารคนท่ี 2 ผ้บู รหิ า หลกั สตู ร แกนกลา เหมอื นก ประเทศ 2. ท่านคิดว่าสภาพ 1. ไม่มีเครอื่ งมือท่จี ะ 1. หลกั สูตรมคี วาม 1. การนา ปญั หาของหลกั สูตร สะท้อนผลลพั ธว์ ่า สถานศึกษา ตาม กระบวนการในการ ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ใน ไปใชใ้ นก หลักสูตรแกนกลาง พฒั นาคุณภาพนกั เรยี น การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ของโรงเรียนบรรลุ การนาหลกั สูตรไป เรียนการ พทุ ธศักราช 2551 เป้าหมายเพยี งใด (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2. นักเรยี นควรได้รบั ใชใ้ นช้นั เรยี น อาจ การวดั แล ไมเ่ หมาะสม ประเมนิ ผ เน่อื งจากความ คณุ ภาพผ เข้าใจทคี่ ลาดเคลื่อน 2. ความพ

153 ารคนที่ 3 ผู้บรหิ ารคนที่ 4 ผู้บรหิ ารคนท่ี 5 ผลการสงั เคราะห์โดยผู้วจิ ยั ร 1. หลักสูตรควรมี 5. ควรมกี ารแนะนาการเลอื กสือ่ างท่ีตอ้ งใช้ ความหลากหลาย กันท้งั เปดิ โอกาสให้ หรอื หนังสอื เรียนให้เหมาะสมกับ นักเรียนไดเ้ ลอื ก วยั ของนักเรียน เรียนในรายวชิ าท่ี 6. โครงสรา้ งเวลาเรยี นในระดับ 153 นักเรยี นสนใจมาก ประถมศึกษา ควรปรับสดั ส่วน าหลกั สตู ร ปัญหาการนาหลักสตู ร ทส่ี ุด ให้สถานศกึ ษาสามารถจดั การจดั การ ไปใช้ของครู เช่น ครูไม่ รายวชิ าเรยี นตามจุดเน้นได้มาก รสอนและ สามารถพฒั นาคณุ ภาพ ขึ้น ละ ผู้เรยี นใหไ้ ปถึงเป้าหมาย 7. ควรให้สถานศกึ ษามีอิสระใน ผล ของหลกั สตู รคือผูเ้ รียน การออกแบบหลกั สูตรไดอ้ ยา่ ง ผเู้ รยี น ในศตวรรษท่ี 21 ได้ แท้จรงิ พรอ้ มใน ครบถ้วน ครสู อนไม่ตรง 8. หลักสตู รควรตอบสนอง นกั เรียนแต่ละคน และควรมี รูปแบบการประเมินท่ี หลากหลายท่เี น้นความแตกต่าง ระหวา่ งบุคคล 1. ปญั หาอยู่ท่ีการนาหลกั สูตรไป ใช้ โดยครูไม่สามารถพัฒนา คณุ ภาพผ้เู รียนใหไ้ ปถึงเปา้ หมาย ของผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 ได้ ครบถ้วน อันเกิดจากความไม่ พรอ้ มในการปฏิบัตหิ นา้ ท่ี ไม่ เข้าใจหลกั สตู ร และจัดการเรยี น

ประเดน็ สมั ภาษณ์ ผบู้ รหิ ารคนท่ี 1 ผู้บริหารคนท่ี 2 ผบู้ ริหา 2560) ที่ควรตอ้ งเรง่ การตดิ อาวุธเพ่อื นาไปใช้ ของครูผู้สอน และ การปฏบิ ของครผู ู้ส แก้ไขปรับปรุงและ ในการศกึ ษาตอ่ ระดบั ความไม่พรอ้ มใน ในด้านคณุ พฒั นาในสถานศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยมากกว่า การพัฒนาคุณภาพ และปริม เพอ่ื ม่งุ ส่คู ณุ ภาพผู้เรยี น 3. นักเรียนไดร้ บั แรง นกั เรยี นตาม เหมาะสม ในศตวรรษท่ี 21 มี กดดันจากครอบครัว ขอ้ จากัดของแตล่ ะ อะไรบา้ ง อยา่ งไร และสงั คม ทาใหค้ วาม โรงเรียน ไม่วา่ จะ สดใสตามวัยหายไป เปน็ การสนับสนนุ ความเอือ้ เฟ้อื และ ดา้ นการศกึ ษาจาก คุณธรรมจรยิ ธรรมถูก ชุมชน ครอบครัว บดบงั จากสงั คมใน และครูผสู้ อนท่ีตรง ปจั จุบนั ตามสาขาวชิ าทสี่ อน 3. ท่านคิดวา่ สถานศึกษามคี วาม มีความต้องการ มีความจ สถานศกึ ษามคี วาม ต้องการจาเปน็ มากที่ จาเป็น และควรมี ประเมนิ ห

154 ารคนที่ 3 ผ้บู รหิ ารคนที่ 4 ผูบ้ รหิ ารคนท่ี 5 ผลการสงั เคราะห์โดยผวู้ ิจยั 154 บัติหน้าท่ี ตามตัวช้วี ัดแต่สอนตาม 2. หลกั สตู รควร การสอนและประเมนิ ผลไม่ตรง สอนในทั้ง เน้ือหาและสอบวดั ณภาพ ความรู้ ครไู มเ่ ห็น มุ่งเนน้ การพัฒนา ตามมาตรฐาน/ตัวช้ีวัด มาณท่ี ความสาคัญต่อการ ความร้พู ื้นฐานและ 2. ไม่มเี ครอื่ งมอื สะทอ้ นผลลัพธ์ ม จัดการเรียนรู้ ครสู อน ทักษะสาคัญ เพอื่ มงุ่ การบรรลเุ ปา้ หมายในการพฒั นา หลายชน้ั เรียน ครูขาด ส่คู ุณภาพผเู้ รียนใน คุณภาพนกั เรยี น จาเปน็ ตอ้ ง ความรคู้ วามเข้าใจ ศตวรรษที่ 21 3. นักเรียนควรไดร้ ับการพัฒนา หลักสตู ร เกีย่ วกับกระบวนการ 3. หลักสูตรควรมี ทักษะที่จาเปน็ ตอ่ การนาไปใช้ จดั ทาหลักสตู ร/การนา ความยดื หยุน่ สอด ศึกษาตอ่ ในระดับมหาวิทยาลยั หลกั สตู รไปใช้ รวมท้งั รับกับความสามารถ มากกวา่ การวดั และประเมินผล ของนักเรียน ทั้ง 4. แรงกดดนั จากครอบครัว และ ไมส่ อดคลอ้ งกบั ตัวช้ีวัด/ นกั เรยี นทมี่ ี สงั คม ทาให้พฒั นาการตามวยั สาระ ความสามารถพเิ ศษ และคุณธรรมจรยิ ธรรมลดลง สถานศกึ ษามีความ และนกั เรียนปกติ 5. ความหลากหลายของ ตอ้ งการใหม้ ีการ ทว่ั ไป รายวิชา/กจิ กรรม และความ 4. สถานศึกษา ยดื หย่นุ ของหลักสูตรที่ จะต้องมี Learning ตอบสนองความตอ้ งการและ Space ทีม่ ากพอ ความสามารถพเิ ศษของนกั เรยี น และหลากหลายตาม มนี ้อย เนื่องจากหลกั สตู ร ความสนใจของ แกนกลางเน้นท่คี วามรพู้ ื้นฐาน นกั เรียน ตามมาตรฐานและตัวชีว้ ัดท่ีมี จานวนมาก สถานศกึ ษามีความต้องการ จาเปน็ มากทีจ่ ะต้องมีการ

ประเดน็ สัมภาษณ์ ผู้บรหิ ารคนที่ 1 ผู้บริหารคนที่ 2 ผบู้ รหิ า ต้องการประเมิน จะต้องมีการประเมนิ การประเมิน เพื่อการป หลกั สูตรเม่ือ และพัฒน หลกั สตู รหรอื ไม่ หลกั สูตรในทกุ ปี ครบรอบการใช้ เสมอ โด อยา่ งไร และชว่ งเวลาท่ี การศกึ ษาเพ่ือดูว่ามีส่วน หลกั สตู รคือ 3-6 ปี ประเมินท เหมาะสมในการ ใดบ้างที่ควรพฒั นาและ เพอ่ื จะไดท้ ราบผล การศึกษ ประเมินหลกั สูตร ปรบั ปรงุ โดยเฉพาะด้าน การใชห้ ลักสูตร เช่น อาจเป็นร สถานศึกษา ควรเปน็ กระบวนการจัดการ การจดั การเรยี นการ ครบรอบ ช่วงเวลาใด (เชน่ 3 ปี 5 เรียนการสอน และ สอน นาไปสู่การ หลกั สูตร ปี ทุกปี หรอื ตาม กจิ กรรมทีเ่ หมาะสม ปรบั ปรุงและพัฒนา ประกาศของ เพื่อพฒั นานกั เรยี นให้ นักเรยี นตอ่ ไป ควรให้คว กระทรวงศกึ ษาธกิ าร บรรลตุ ามเป้าหมายของ กบั การน ฯลฯ) หลกั สตู ร ครคู วรเขา้ ใจและ หลักสตู ร เข้าถงึ นกั เรียน เหมาะสม 4. ขอ้ คดิ เหน็ และ ถ้าครูผู้สอนไดร้ ้แู ละ บริบทขอ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เข้าใจถึง สถานศึก กระบวนการพฒั นา นกั เรียนตามเป้าหมาย ได้ และมคี วามเขา้ ใจที่ดี ตอ่ วัฒนธรรมองค์กรของ ตนเองก็จะช่วยพฒั นา โรงเรยี นได้มาก

155 ารคนท่ี 3 ผบู้ รหิ ารคนที่ 4 ผู้บรหิ ารคนท่ี 5 ผลการสงั เคราะห์โดยผวู้ ิจยั ปรบั ปรงุ ประเมนิ หลกั สตู รเม่ือมี ประเมินหลกั สูตรเพ่อื การ ปรบั ปรุงและพฒั นา โดยอาจ นาอยู่ การใชห้ ลักสูตรครบ ประเมนิ ทุกปกี ารศกึ ษา หรอื อาจ ดยอาจ อย่างน้อย 3 ปี โดยไม่ เปน็ ระยะครบรอบของการใช้ ทกุ ปี จาเป็นต้องรอประกาศ หลกั สตู รอยา่ งนอ้ ย 3 ปี ษา หรือ ของ ระยะ กระทรวงศึกษาธกิ าร บของ ร วามสาคญั ควรต้องมีการทาความ ทกุ โรงเรียนควรให้ ความสาคญั ของการนาหลกั สูตร 155 นา เขา้ ใจหลกั สูตรใหช้ ดั เจน ความสาคัญกับการ สถานศึกษาไปใช้ อยู่ที่การทา รไปใชใ้ ห้ รว่ มกันก่อนนาหลกั สูตร นาผลการประเมนิ ความเข้าใจหลกั สตู รและ มกับ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ควรมี หลักสตู รไปใช้ในการ กระบวนการพัฒนานกั เรียนตาม อง การตดิ ตามผลการใช้ จัดทาแผนพฒั นา เปา้ หมายให้ชัดเจนรว่ มกนั นา กษา หลักสตู รอย่างเปน็ ระบบ การศึกษาของ หลกั สูตรไปใช้ใหเ้ หมาะสมกับ และทาความเขา้ ใจกับ ตนเอง เพอื่ ให้ บรบิ ทของสถานศกึ ษา มีการ ผบู้ รหิ ารให้เห็น สามารถพฒั นาได้ ตดิ ตามผลการใชห้ ลักสตู รอย่าง ความสาคญั ของการใช้ ตรงจดุ ตามบรบิ ท เป็นระบบ และนาผลการ หลักสูตรเพ่อื ให้บรรลุ ความตอ้ งการของ ประเมินหลักสตู รไปใชใ้ นการ เป้าหมาย สถานศกึ ษา จดั ทาแผนพัฒนาสถานศึกษา

156 จากตารางท่ี 22 ความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนเกี่ยวกับสภาพปัญหาของหลักสูตร สถานศกึ ษาในปจั จุบันและความตอ้ งการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาพบว่า หลักสูตรสถานศึกษา ท่ีพัฒนาข้นึ ตามกรอบหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) มสี งิ่ ทด่ี คี วรพฒั นาต่อยอด คอื มีแนวทางให้ครูได้นาไปกาหนดเน้ือหาสาระที่ใช้ในการจัดการ เรียนการสอน มีการจัดทาเอกสารหลักสูตรสถานศึกษาและองค์ประกอบของหลักสูตร การนา หลักสตู รไปใช้ เพื่อให้บรรลุมาตรฐานและตัวชี้วัด มีกระบวนการพัฒนาผู้เรียนท้ังระบบให้บรรลุตาม มาตรฐาน/ตัวชวี้ ัด เปน็ หลักสูตรที่ตอบสนองการกระจายอานาจ และเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง ชุมชน และท้องถิ่นเขา้ มามีสว่ นร่วมในการจัดการศกึ ษา นักเรยี นได้รับองค์ความรู้พื้นฐานตามกรอบหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน แตอ่ าจขาดทักษะสาคญั สาหรับการศึกษาในระดับท่ีสูงข้ึน และทักษะ ใหม่ (New Skills) ซ่ึงเป็นหัวใจสาคัญในการสร้างคุณลักษณะแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีสิ่งที่ ควรแก้ไข/ปรับปรุง คือ ตัวชี้วัดบางข้อ วัดได้ยาก ควรปรับข้อความเน้นเป็นพฤติกรรมที่นักเรียน แสดงออกได้ชัดเจน ตวั ช้ีวดั ทีป่ รับปรุงใหม่แลว้ ยังมีจานวนมากอยู่ ควรปรับลดจานวนตัวชี้วัดให้เหลือ เท่าท่ีจาเป็นที่สามารถสะท้อนความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่จาเป็นของนักเรียนในชีวิตจริง ควร ปรับการเรียนการสอนในวิชาหน้าที่พลเมืองในรูปแบบบูรณาการกับรายวิชาอื่น ครูวิทยาศาสตร์ไม่ สามารถสอนบูรณาการ STEM ตามท่ีหลักสูตรกาหนดแนวทางไว้ได้ โรงเรียนจึงควรบริหารให้ ครูผู้สอนสามารถสอนบูรณาการ STEM ได้ ควรมีการแนะนาการเลือกสื่อ หรือหนังสือเรียนให้ เหมาะสมกับวัยของนักเรียน โครงสร้างเวลาเรียนในระดับประถมศึกษา ควรปรับสัดส่วน ให้ สถานศึกษาสามารถจัดรายวิชาเรียนตามจดุ เนน้ ได้มากข้ึน ควรให้สถานศึกษามีอิสระในการออกแบบ หลักสูตรได้อย่างแท้จริง หลักสูตรควรตอบสนองนักเรียนแต่ละคน และควรมีรูปแบบการประเมินท่ี หลากหลายท่ีเนน้ ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล กรณีสภาพปัญหาของหลกั สตู รสถานศึกษาท่ีควรต้อง เร่งแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาเพ่ือมุ่งสู่คุณภาพผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ผู้บริหารโรงเรียนเห็นว่า ปัญหาอย่ทู ก่ี ารนาหลกั สูตรไปใช้ โดยครไู ม่สามารถพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้ไปถึงเป้าหมายของผู้เรียน ในศตวรรษท่ี 21 ได้ครบถ้วน ซ่ึงเกิดจากความไม่พร้อมในการปฏิบัติหน้าท่ี ไม่เข้าใจหลักสูตร และ จัดการเรียนการสอนและประเมินผลไม่ตรงตามมาตรฐาน/ตัวช้ีวัด ไม่มีเครื่องมือสะท้อนผลลัพธ์การ บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพนักเรียน นักเรียนควรได้รับการพัฒนาทักษะที่จาเป็นต่อการ นาไปใชศ้ กึ ษาตอ่ ในระดับมหาวทิ ยาลยั มากกว่า แรงกดดันจากครอบครัว และสังคม ทาให้พัฒนาการ ตามวัยและคุณธรรมจริยธรรมลดลง ความหลากหลายของรายวิชา/กิจกรรม และความยืดหยุ่นของ หลักสูตรที่ตอบสนองความต้องการและความสามารถพิเศษของนักเรียนมีน้อยเนื่องจากหลักสูตร แกนกลางเนน้ ท่ีความรู้พน้ื ฐานตามมาตรฐานและตัวชีว้ ัดท่ีมีจานวนมาก นอกจากนี้ ผู้บริหารโรงเรียน เหน็ วา่ สถานศึกษามคี วามตอ้ งการจาเปน็ มากที่จะตอ้ งมกี ารประเมินหลกั สูตรเพ่ือการปรับปรุงและ พัฒนา โดยอาจประเมนิ ทกุ ปกี ารศึกษา หรืออาจประเมินเม่ือครบรอบการใช้หลักสูตรอย่างน้อย 3 ปี ตามความเหมาะสม และมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ความสาคัญของการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ อยู่ทก่ี ารทาความเข้าใจหลักสูตรและกระบวนการพัฒนานักเรียนตามเป้าหมายให้ชัดเจนร่วมกัน นา หลกั สตู รไปใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา มีการติดตามผลการใช้หลักสูตรอย่างเป็นระบบ และนาผลการประเมนิ หลกั สตู รไปใชใ้ นการจัดทาแผนพฒั นาสถานศกึ ษา

157 1.2.2 ผลการสัมภาษณ์กลุ่มผู้จัดการและอาจารย์ผู้สอนชาวต่างชาติสาหรับหลักสูตร English Program (EP) ของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วจิ ยั และพัฒนาการศึกษา มคี วามคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สภาพปญั หาของหลกั สตู รสถานศึกษาในปัจจุบัน และความตอ้ งการของการประเมนิ หลกั สูตรสถานศกึ ษา ได้ขอ้ สรุปแต่ละประเดน็ ดังนี้ 1. ท่านคิดว่าหลักสูตรสถานศึกษาท่ีพัฒนาข้ึนตามกรอบหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560) ซึ่งเป็นหลักสูตรอิงมาตรฐาน น้นั มีส่งิ ท่ีดคี วรพฒั นาต่อยอด และมสี ่งิ ทคี่ วรแกไ้ ข/ปรบั ปรุง ในประเดน็ ใดบ้าง อย่างไร Our curriculum is basically based on the Basic Education Core Curriculum B.E. 2551 and the Curriculum prepared and developed by Kasetsart University Laboratory School Kamphaeng Saen Campus Educational Research and Development Center Academic Department. This Curriculum aim to benefit the learners to the fullest and to be a well rounded individual in the future but some aspects are just too much for the students and teachers to accommodate. The students study a little of so many things that we forgot. The most important thing “mastery”. We try to know more but master only a few. This I guess we have to look upon and do something. 2. ท่านคิดว่าสภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ท่ีควรต้องเร่งแก้ไขปรับปรุง และพฒั นาในสถานศกึ ษาเพ่อื มุ่งสคู่ ุณภาพผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 มอี ะไรบ้าง อย่างไร The collaborative method of constructing a curriculum yields a very good output to the learners. The Basic Core Curriculum of the MOE and the KUSK curriculum aims to develop learners potentials and abilities but there are some areas in the Basic Core Curriculum that need to be considered, some of the learning indicators that should be specifically designed for a certain level are missing so sometimes it leads to the problem about making a syllabus. 3. ท่านคิดว่า สถานศึกษามคี วามตอ้ งการจาเป็นในการประเมินหลักสตู รหรอื ไม่ อยา่ งไร และช่วงเวลาท่เี หมาะสมในการประเมินหลกั สูตรสถานศึกษา ควรเป็นชว่ งเวลาใด เพราะ เหตใุ ด (เชน่ 3 ปี 5 ปี ทุกปี หรอื ตามประกาศของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ฯลฯ) Evaluation of Curriculum is necessary but changing it needs to be assessed evaluate the curriculum to see if it worked or not. If it works reuse and improve to cope with recent educational trend. But if not immediate change is recommended for the betterment of the curriculum and the institution. 4. ข้อคดิ เห็นและข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม 4.1 The school needs to activate the school support system. 4.2 Support teachers innovative ideas to benefit the learners.

158 4.3 Provide the latest educational technologies and applications to promote and enhance learning. 1.2.3 ผลการจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion : FGD) คณะกรรมการฝ่าย วิชาการ จานวน 12 คน ของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศนู ยว์ จิ ยั และพัฒนาการศึกษา พบว่าคณะกรรมการวิชาการมีความคิดเห็นเก่ียวกับสภาพปัญหาของ หลักสูตรสถานศกึ ษาในปัจจบุ นั และความตอ้ งการของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาตามประเด็น สนทนากลุ่มดงั นี้ 1. ท่านคิดว่าหลักสูตรสถานศึกษาที่พัฒนาข้ึนตามกรอบหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560) ซึ่งเป็นหลักสูตรอิงมาตรฐาน นั้น มสี ง่ิ ท่ดี ีควรพัฒนาตอ่ ยอด และมสี ่ิงท่คี วรแกไ้ ข/ปรบั ปรงุ ในประเด็นใดบ้าง อย่างไร คณะกรรมการวชิ าการส่วนใหญ่เหน็ สอดคล้องกันว่ามีสิ่งที่ดีควรพัฒนาต่อยอด คือ เป็น หลกั สตู รสถานศกึ ษาพัฒนาขน้ึ ตามกรอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) โดยครบถ้วนและสมบูรณ์ สามารถรายงานผลการศึกษาของนักเรียนได้ ตามท่กี ระทรวงศึกษาธิการกาหนดทกุ ประเด็น แต่มีสิ่งทีค่ วรแกไ้ ขและปรบั ปรงุ ดังน้ี 1) การกาหนดกรอบแนวคิดยังไม่ชัดเจน ควรจาแนกเป็นระดับการศึกษาและมี ภาพประกอบคาบรรยาย 2) เอกสารหลักสูตรและคู่มือการวัดและประเมินผลควรรวมเป็นเล่มเดียวกัน และให้มี องคป์ ระกอบครบถว้ นเพียงพอทีจ่ ะนาไปใช้ปฏิบตั ไิ ด้จรงิ ในชนั้ เรียน 3) เป้าหมายของหลกั สตู รยังไม่มีกระบวนการหรือเครื่องมือในการวัดและประเมินผลที่ สะทอ้ นถงึ การบรรลเุ ป้าหมายของหลกั สูตร 4) จดุ เนน้ ของหลักสูตรยงั ไมช่ ดั เจนและเพียงพอ ควรเพ่ิมจุดเน้นและความโดดเด่นของ โรงเรยี นใหเ้ ดน่ ชัดกวา่ ท่ปี รากฏอย่ใู นหลักสตู ร 5) การนาหลกั สตู รสู่ชนั้ เรียน อาจารยผ์ สู้ อนส่วนหนึ่งอาจยังไม่ทราบถึงเป้าหมายสาคัญ ของหลักสูตรทั้งในภาพรวมของโรงเรียน และหลักสูตรเฉพาะกลุ่มสาระการเรียนรู้ จึงควรต้องสร้าง ความเขา้ ใจรว่ มกนั กาหนดให้มีการเลอื กวิธหี รือรูปแบบการจัดการเรียนการสอนและการประเมินผล ทเ่ี หมาะสมเพอ่ื ให้นกั เรยี นบรรลเุ ป้าหมายคณุ ภาพผเู้ รียนตามท่ีหลกั สูตรกาหนด 6) การจดั การเรียนการสอนมีลักษณะเป็นแบบแยกส่วน ยังไม่มีการบูรณาการระหว่าง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้อาจส่งผลให้เกิดความไม่ต่อเนือ่ งและไม่เชอ่ื มโยงของสาระการเรียนรู้ท่ีต้องอาศัย พ้นื ฐานความร้ซู งึ่ กันและกนั ระหว่างรายวชิ า เขน่ วิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และสังคมศกึ ษา 7) รายวิชาบูรณาการในระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4-6) ขาดการบริหารจัดการ รายวิชาเนื่องจากมีอาจารย์ผู้สอนเป็นทีม จานวน 3 คน จึงควรมีระบบการบริหารจัดการหลักสูตร รายวิชา โดยควรให้มีการปรับปรุงรูปแบบการเรียนการสอนและการวัดและประเมินผลให้มีความ ชดั เจนในแนวทางการปฏบิ ัติและมคี วามต่อเน่อื งของสาระทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรม นอกจากน้ียังพบว่ามี การเปลย่ี นอาจารย์ผู้สอนในแต่ละปีการศึกษา ซ่ึงอาจมีผลทาให้การพัฒนารายวิชาเป็นไปด้วยความ ลา่ ชา้

159 8) ในหลักสูตรระดับประถมศึกษา ควรจัดให้มีการเรียนการสอนรายวิชาภาษาจีน และ ในระดับมัธยมศกึ ษาควรมีอาจารย์พิเศษมาใหค้ วามรู้และประสบการณ์กับนกั เรียน ดงั คากล่าวของคณะกรรมการวิชาการทกี่ ลา่ วว่า “กรอบแนวคิดของหลักสตู รยังไม่มคี วามชัดเจน” “ในเลม่ หลักสูตรมรี ายละเอยี ดไม่ครบในบางส่วน เช่น กรอบแนวคดิ ” “ควรจาแนกเป็นระดับการศกึ ษาปฐมวยั ระดบั ประถมศึกษา และระดบั มธั ยมศึกษา และควรทาเป็นภาพประกอบคาบรรยาย” “เอกสารหลักสตู รและคู่มือการวดั ประเมินผลควรอย่ใู นเลม่ เดยี วกัน” “ควรมอี งค์ประกอบของหลกั สูตร ท่ีมีรายละเอียดสอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรแกนกลางฯ และมีความชัดเจน” “ยงั ไมม่ ีกระบวนการหรือเครอ่ื งมือในการวดั และประเมินผลท่ีสะทอ้ นถงึ การบรรลเุ ปา้ หมายของหลกั สตู ร” “ควรมีจดุ เดน่ -จดุ ด้อยของโรงเรยี น ควรเพม่ิ จุดเนน้ และความโดดเดน่ ของโรงเรยี นให้เด่นชัด” “อาจารย์ผสู้ อนสว่ นหน่งึ อาจยงั ไมท่ ราบถงึ เปา้ หมายสาคัญของหลักสตู ร ควรต้องสร้างความเข้าใจรว่ มกัน ควรเลอื กรปู แบบการจดั การเรียนการสอนที่เหมาะสม เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นบรรลุเปา้ หมายคุณภาพผู้เรียน” “ขาดการเชอื่ มโยงในเนอ้ื หาของแต่ละวชิ าในแตล่ ะกลุม่ สาระฯ เชน่ วทิ ย์ – คณติ - สงั คม เน้ือหาควรมีความสอดคลอ้ งและต่อเนอื่ งกนั ” “วชิ าบูรณาการในระดับประถมศึกษาไม่มคี วามต่อเน่ืองในการสอน เนอ่ื งจากมีการปรบั เปล่ียน อาจารยผ์ ู้สอนในทุกๆ ปี มีแนวการสอนไมช่ ัดเจนและไม่เหมาะสมกบั ระยะเวลาท่สี อน” “ความชัดเจนในการประเมนิ ผลการเรยี นของนกั เรียนในวิชาบูรณาการ (โครงงาน) ยงั ไม่มคี วาม ชัดเจน ขาดกระบวนการและการบริหารจัดการในการเรียนการสอน” “ในการเรยี นการสอนของระดับประถมฯ ควรมีการสอนภาษาจนี เชน่ เดมิ ”

160 “ในระดับมธั ยมศึกษาควรมอี าจารยท์ ่ีมคี วามเชยี่ วชาญเฉพาะทางมาให้ความรกู้ ับนกั เรียน หรอื เชญิ อาจารยใ์ นมหาวิทยาลัยมาให้ความรู้แก่นักเรยี น” 2. ท่านคิดว่าสภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ที่ควรต้องเร่งแก้ไขปรับปรุง และพฒั นาในสถานศึกษาเพ่ือม่งุ สูค่ ุณภาพผ้เู รยี นในศตวรรษท่ี 21 มอี ะไรบ้าง อยา่ งไร คณะกรรมการวิชาการส่วนใหญ่เห็นว่า อาจารย์ผู้สอนบางส่วนยังขาดความเข้าใจ เกี่ยวกบั หลักสตู รของโรงเรียน ส่วนใหญ่จัดการเรียนการสอนโดยยึดเน้ือหาเป็นหลัก ใช้ประมวลการ สอน (Corse Syllabus) เพื่อให้นักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาได้รับทราบรายละเอียด ของรายวิชา และแม้ว่าหลักสูตรจะมีการกาหนดเป้าหมายท่ีชัดเจนแล้วแต่ยังไม่มีวิธีการท่ีจะทาให้ ทราบว่าคุณภาพนักเรียนบรรลุเป้าหมายตามท่ีหลักสูตรแต่ละระดับการศึกษากาหนดไว้หรือไม่ รวมท้ังบางรายวิชามีความจาเป็นต้องให้มีการเชื่อมโยงความรู้ระหว่างศาสตร์ เพ่ือนาความรู้ของ ศาสตรห์ น่ึงไปใชเ้ ป็นพืน้ ฐานต่อยอดความรขู้ องอีกศาสตรห์ นง่ึ ได้อยา่ งเข้าใจ สง่ิ ทค่ี วรแก้ไขและปรับปรุงคอื ควรให้อาจารยผ์ สู้ อนทุกท่านโดยเฉพาะอาจารย์ใหม่ของ โรงเรียนได้ตระหนักถึงความจาเป็นท่ีจะต้องรับรู้และทาความเข้าใจหลักสูตรของโรงเรียนให้ชัดเจน และสามารถนาหลักสูตรไปใช้ในการออกแบบและจัดการเรียนการสอนให้บรรลุเป้าหมายคุณภาพ ผ้เู รยี นในศตวรรษที่ 21 ได้ ดังน้ันควรต้องมีการกาหนดกระบวนการในการนาหลักสูตรสู่ชั้นเรียนให้ ชัดเจน มีระบบพ่ีเลี้ยงสาหรับอาจารย์ใหม่ของโรงเรียน และมีการนิเทศ ติดตาม และช่วยเหลือเพื่อ การพัฒนาวิชาชีพ นอกจากน้ีควรให้อาจารย์ผู้สอนมีการวิเคราะห์สาระ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด เพ่ือ จัดลาดับความสาคัญของเนื้อหาสาระในกรณีท่ีต้องมีการต่อยอดความรู้ข้ามศาสตร์เพ่ือให้นักเรียนมี ความรู้พ้นื ฐานเพียงพอสาหรับการศึกษาในเรอ่ื งทซี่ บั ซอ้ นมากขน้ึ หรอื ในระดบั ชั้นเรยี นท่สี ูงขึ้นได้ ดังคากลา่ วของคณะกรรมการวิชาการบางทา่ นทีก่ ล่าวว่า “อาจารยบ์ างท่านยังไม่รบั รูห้ รือเขา้ ใจในกระบวนการ/วิธกี ารเพ่ือใหไ้ ปสู่จดุ มงุ่ หมายของหลักสูตร และยังไม่มวี ธิ ีการแสดงใหเ้ หน็ วา่ นักเรยี นไปถงึ เป้าหมายของหลักสตู รแลว้ หรือไม่” “บางรายวิชามคี วามจาเปน็ ตอ้ งให้มีการเชือ่ มโยงความรู้ระหว่างศาสตร์ แตใ่ นทางปฏบิ ัติยังไมม่ กี ารตอ่ ยอดความรูซ้ ่งึ กนั และกัน” “ผ้บู รหิ าร อาจารย์ทุกทา่ นในแต่ละกลุม่ สาระฯ อาจารย์ใหม่ และครูผสู้ อนทกุ คนควรเข้าใจในหลักสูตรของโรงเรียน” “แตล่ ะรายวิชาควรมคี วามเชอื่ มโยงและตอ่ เนอ่ื งของเนือ้ หา เพ่อื ใชเ้ ป็นพื้นฐาน และต่อยอดในการเรียนการสอนในระดบั ชั้นทสี่ งู ข้ึน”

161 “ควรต้องมกี ารกาหนดกระบวนการในการนาหลักสตู รสู่ชน้ั เรยี นให้ชัดเจน มรี ะบบพเ่ี ล้ียงสาหรับ อาจารย์ใหม่ของโรงเรยี น และมกี ารนิเทศ ติดตาม และช่วยเหลอื ” “ควรมีระบบอาจารยพ์ เ่ี ลี้ยงสาหรบั อาจารยท์ ่ีเข้าใหม่” “ควรมีการนิเทศการเรยี นการสอนของอาจารย์ผู้สอน เปน็ ระยะ เพ่อื ใช้เป็นแนวทางในการพฒั นาต่อไป” 3. ท่านคิดว่า สถานศึกษามีความต้องการจาเป็นในการประเมินหลักสูตรหรือไม่ อย่างไร และช่วงเวลาทเี่ หมาะสมในการประเมนิ หลกั สตู รสถานศกึ ษา ควรเป็นช่วงเวลาใด เพราะ เหตใุ ด (เชน่ 3 ปี 5 ปี ทุกปี หรือตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ ฯลฯ) คณะกรรมการวชิ าการสว่ นใหญเ่ ห็นวา่ โรงเรยี นควรมีการประเมินหลักสูตรเพ่ือสะท้อน ผลการใช้หลักสูตร และควรมีการประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่องโดยกาหนดให้มีการเก็บรวบรวม ข้อมูลและวิเคราะหผ์ ลการศึกษาหลกั สตู รในแตล่ ะปกี ารศึกษา เพื่อนาผลไปปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา คุณภาพนกั เรยี น จากนน้ั นามาประมวลผลตามวัตถปุ ระสงค์ของหลักสูตรเมือ่ ใชห้ ลกั สตู รครบรอบทุกๆ 3 ปี ดงั คากลา่ วของคณะกรรมการวิชาการทา่ นหน่ึงกลา่ ววา่ “ควรมีการประเมินฯ เพื่อสะท้อนผลการใช้หลักสูตร เมือ่ หลักสูตรน่งิ ควรมีการประเมินในทกุ ๆ 3 ปี แต่ใหม้ ีการเก็บข้อมูลของหลกั สูตรในแต่ละปี” 4. ข้อคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เติม คณะกรรมการวิชาการบางส่วนให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมคือ ควรมุ่งเน้น การพฒั นาพฤติกรรมของนกั เรียนทง้ั ด้านการเรยี นควบคกู่ ับการพัฒนาคณุ ธรรม-จรยิ ธรรม ดังคากล่าวของคณะกรรมการวิชาการทก่ี ล่าวว่า “ควรมุ่งเน้นพัฒนาปรับปรงุ พฤตกิ รรมของนกั เรียน” “ควรพัฒนาการเรยี นไปพรอ้ มๆกับการพฒั นาคณุ ธรรม-จรยิ ธรรมของนักเรยี น” ผลสรปุ ตอนที่ 1 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลพนื้ ฐาน สภาพปญั หาของหลักสูตรสถานศึกษาใน ปัจจุบัน และความต้องการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา มีข้อค้นพบคือ ข้อมูลพ้ืนฐาน ประกอบดว้ ย 1) ขอ้ มลู ทั่วไปของนักเรียนและอาจารย์ผู้สอนหลักสูตรปกติและหลักสูตร English Program ผู้บริหารโรงเรียน และผู้ปกครอง พบว่า นักเรียนหลักสูตรปกติ จานวน 442 คน ส่วน ใหญเ่ รยี นอยู่ที่โรงเรยี นสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน 4-6 ปี นกั เรียนหลกั สูตร English Program

162 จานวน 27 คน ส่วนใหญ่เรียนอยู่ท่ีโรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน 1-3 ปี นักเรียนท้ัง 2 หลักสูตร มีความประทับใจในกิจกรรมวันเด็กของโรงเรียนมากท่ีสุด อาจารย์ผู้สอนหลักสูตรปกติ จานวน 89 คน ส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาสูงสุดคือ ระดับปริญญาโท และมีประสบการณ์การสอนใน โรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน มากกว่า 15 ปี อาจารย์ผู้สอนหลักสูตร English Program จานวน 22 คน ส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาสูงสุดคือ ระดับปริญญาโท และมีประสบการณ์ การสอนในโรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ กาแพงแสน มากกว่า 15 ปีเช่นกัน ผู้บริหารโรงเรียนที่ทา หนา้ ทบ่ี รหิ ารท้งั หลกั สูตรปกติและหลักสูตร English Program จานวน 19 คน ส่วนใหญ่มีวิทยฐานะ เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ มีประสบการณ์การบริหาร มากกว่า 10 ปี และมีวุฒิการศึกษาสูงสุดคือ ระดับปรญิ ญาโท ผู้ปกครองของนักเรยี นหลกั สตู รปกติ จานวน 15 คน มีสถานภาพเป็นบิดา-มารดา ของนักเรียน และส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาสูงสุดคือ ระดับปริญญาตรี ผู้ปกครองของนักเรียน หลักสูตร English Program จานวน 5 คน มีสถานภาพเป็นบิดา-มารดาของนักเรียน และส่วนใหญ่ มีวุฒิการศึกษาสูงสุดคือ ระดับปริญญาตรี เช่นเดียวกับหลักสูตรปกติ 2) ข้อมูลผลการประเมิน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอ่าน การคิด วิเคราะห์ และการเขียน ของนักเรียนท่ีเรียนในปีการศึกษา 2560-2562 พบว่า ในปีการศึกษา 2562 ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1-3 มีระดับ คุณภาพสูงสุดของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 9 วิชาอยู่ในระดับดีเลิศ รองลงมาอยู่ในระดับดีคือ ชั้น ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 และระดับปานกลางคือ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 และชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 มีวิชาท่ี อย่ใู นระดบั กาลงั พฒั นา ไดแ้ ก่ วิชาภาษาองั กฤษตงั้ แตช่ น้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2-6 วิชาคณิตศาสตร์ต้ังแต่ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4-6 วชิ าวิทยาศาสตร์ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 วิชาสังคมศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 วิชาประวัติศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ6 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ของนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1-3มีระดับคณุ ภาพสูงสดุ ของผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนทุกรายวิชาอยู่ใน ระดับปานกลางคือช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2-3 และมีคุณภาพต่าสุดอยู่ในระดับกาลังพัฒนาคือชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีวิชาที่อยู่ในระดับกาลังพัฒนา ได้แก่ วิชาภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-2 วิชา คณิตศาสตร์และวิชาวิทยาศาสตร์ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 วิชาสังคมศึกษาและวิชาประวัติศาสตร์ชั้น มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 และวิชาภาษาองั กฤษช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1-2 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 8 กลุ่มสาระ การเรียนรู้ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4-6 มีระดับคุณภาพของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุก ระดับชั้นและทุกรายวิชาอยู่ในระดับปานกลาง มีวิชาที่อยู่ในระดับกาลังพัฒนา ได้แก่ กลุ่มวิชา คณติ ศาสตร์และกลมุ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4-5 กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์และกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์แผนการเรียนภาษาอังกฤษ-ฝรั่งเศส-จีน-ญี่ปุ่นชั้น มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4-6 และกลุ่มวิชาภาษาอังกฤษช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4-5 ผลการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติข้ันพื้นฐาน (Ordinary National Educational Test: O-NET) ปีการศึกษา 2562 พบว่า นกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 มผี ลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) จานวน 4 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จาแนกตามสังกัด พบว่า นักเรยี นมีคะแนนเฉลย่ี รวม 4 วิชา มากกว่าคะแนนเฉล่ียของ 3 สังกัด คือ จังหวัด ภาค และประเทศ แต่นอ้ ยกว่าคะแนนเฉลยี่ ของสังกัดอว. และวิชาคณิตศาสตร์ มีคะแนนเฉลยี่ มากกวา่ ทุกสังกัด นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน (O-NET) จานวน 4 วิชา

163 ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จาแนกตามสังกัด พบว่านักเรียนมี คะแนนเฉล่ียรวม 4 วิชา มากกว่าคะแนนเฉล่ียของ 3 สังกัด คือ จังหวัด ภาค และประเทศ แต่น้อย กว่าคะแนนเฉล่ียของสังกัดอว. และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีผลการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) จานวน 5 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จาแนกตามสังกัด พบว่านักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยรวม 5 วชิ า มากกวา่ คะแนนเฉลย่ี ของ 3 สังกัด คือ จังหวัด ภาค และประเทศ แต่น้อยกว่าคะแนนเฉล่ียของ สังกัดอว. วิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มีคะแนนเฉล่ียมากกว่าทุกสังกัด ผลการประเมิน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของนักเรียน พบว่า จานวนนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1-6 มีคุณลักษณะ อันพึงประสงค์อยู่ในระดับคุณภาพยอดเย่ียมมากกว่าดีเลิศทั้งในภาพรวมและทุกระดับชั้น ผลการ ประเมินความสามารถในการอ่านเขียนและการสื่อสาร และการคิดคานวณ จาแนกเป็นผลการ ประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน (Reading Test: RT) ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 มี ความสามารถดา้ นการอา่ นจาแนกตามสงั กดั โดยมีคะแนนเฉล่ียร้อยละของการอ่านในภาพรวม น้อย กว่าคะแนนเฉลี่ยร้อยละของ 3 สังกัด คือ จังหวัด ศึกษาธิการภาค และอว. แต่สูงกว่าคะแนนเฉลี่ย ร้อยละของประเทศ โดยมีความสามารถด้านการอ่าน (Reading Test: RT) อยู่ในระดับคุณภาพดี ผล การประเมนิ ความสามารถในการอ่านเขียนและการสื่อสาร พบว่าจานวนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1-6 ในภาพรวมและระดับช้ันส่วนใหญ่มีความสามารถในการอ่านเขียนและการสื่อสารอยู่ในระดับ คณุ ภาพยอดเย่ยี มมากกว่าดีเลิศ ยกเว้นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ท่ี จานวนนกั เรยี นมีความสามารถในการอ่านเขียนและการสื่อสารอยู่ในระดับคุณภาพยอดเย่ียมน้อยกว่า ดีเลิศ สาหรับจานวนนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1-6 มีความสามารถในการอ่านเขียนและการสื่อสาร อยู่ในระดับคุณภาพยอดเย่ียมมากกว่าดีเลิศท้ังในภาพรวมและทุกระดับชั้น ผลการประเมิน ความสามารถในการคิดคานวณ พบวา่ จานวนนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในภาพรวมมคี วามสามารถในการคิดคานวณอยู่ในระดับดีขึ้นไป 3) ข้อมูลผลการดาเนินงานพัฒนา วิชาการทเี่ นน้ คุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลกั สูตรสถานศึกษาและทุกกลุ่มเป้าหมาย ปีการศึกษา 2562 พบว่า ได้รับการประเมินคุณภาพอยู่ในระดับยอดเยี่ยมจากคณะกรรมการประกันคุณภาพ การศกึ ษาภายใน (โรงเรยี นสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและ พัฒนาการศึกษา, 2563: 125-126) และมีจุดเด่นในด้านหลักสูตรสถานศึกษามีความหลากหลาย สามารถพัฒนาผู้เรียนได้ในหลายมิติ โดยมีสิ่งท่ีควรพัฒนาเกี่ยวกับหลักสูตรคือ ควรมีการวิเคราะห์ จานวนกจิ กรรมเสรมิ หลกั สูตรใหเ้ หมาะสมกับบริบทของโรงเรียนและผู้เรียน และสอดคล้องกับความ ต้องการของผู้เรียน เพื่อสนับสนุนนโยบายของสถานศึกษา และมีข้อเสนอแนะจากผู้ทรงวุฒิ คือ 1) ควรมกี ารบูรณาการกิจกรรมเสริมหลักสูตรของแต่ละกลุ่มสาระฯ 2) ควรนารูปแบบการจัดการเรียน การสอนในแต่ละระดบั ลงสู่การปฏิบตั ิและการติดตามประเมินผลอย่างชัดเจน เพ่ือเป็นต้นแบบให้กับ สถานศึกษาอื่นๆ และ3) ควรจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรโดยนาศักยภาพของมหาวิทยาลัยหรือ หนว่ ยงานภายนอกมาพฒั นาการเรียนรู้ของผู้เรียนมากขึ้นและ4) ข้อมูลผลการพัฒนากระบวนการ จัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ปีการศึกษา 2562 พบว่า กระบวนการจัดการเรียน การสอนที่เน้นผู้เรียนเปน็ สาคญั ในดา้ นจดั การเรยี นรผู้ า่ นกระบวนการคิดและปฏิบตั จิ รงิ และสามารถ นาไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตได้ ด้านการใช้สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศและแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้

164 ดา้ นมีการบรหิ ารจัดการชั้นเรียนเชิงบวก ด้านตรวจสอบและประเมินผู้เรียนอย่างเป็นระบบ และนา ผลมาพฒั นาผเู้ รยี น และด้านมกี ารแลกเปลี่ยนเรยี นรแู้ ละใหข้ ้อมลู สะทอ้ นกลับเพื่อพัฒนาและปรบั ปรุง การจัดการการเรียนรู้ พบวา่ มีผลการประเมนิ คุณภาพอยู่ในระดับ 5 ยอดเย่ียมทุกด้าน โดยครูมีความ มงุ่ มั่นในการจัดการเรียนการสอนเพ่ือให้ผ้เู รียนไดพ้ ัฒนาตนเองเต็มศักยภาพ การจัดการเรยี นการสอน ของครูเน้นการพัฒนาผู้เรียนอย่างเท่าเทียมกันโดยรวมมากกว่าการพัฒนาผู้เรียนบนความแตกต่าง ระหว่างบุคคลทช่ี ัดเจน นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์สภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาในปัจจุบันและความ ต้องการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา จากผลการสัมภาษณ์ผู้บริหารโรงเรียน ในสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (สพฐ.) สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน (อปท.) และสังกัด กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รวมจานวน 5 โรงเรียน พบว่า หลกั สตู รสถานศึกษาทีพ่ ฒั นาขึน้ ตามกรอบหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) มีสิ่งทีด่ คี วรพฒั นาต่อยอด คือ มแี นวทางใหค้ รไู ด้นาไปกาหนดเน้ือหาสาระ ท่ีใช้ในการจดั การเรียนการสอน และมีสิง่ ทีค่ วรแกไ้ ข/ปรบั ปรงุ คือ ตัวช้วี ัดบางข้อ วัดได้ยาก ควรปรับ ขอ้ ความเน้นเปน็ พฤติกรรมทนี่ ักเรยี นแสดงออกได้ชดั เจน กรณีสภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษา ที่ควรต้องเรง่ แก้ไขปรบั ปรุงและพฒั นาเพอ่ื มงุ่ สูค่ ณุ ภาพผูเ้ รยี นในศตวรรษท่ี 21น้ัน ปัญหาอยู่ที่การนา หลักสตู รไปใช้ โดยครูไม่สามารถพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้ไปถึงเป้าหมายของผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 ได้ครบถว้ น ซึง่ เกดิ จากความไม่พร้อมในการปฏบิ ัตหิ น้าท่ี ไม่เข้าใจหลกั สูตร และจัดการเรียนการสอน และประเมินผลไม่ตรงตามมาตรฐาน/ตัวชี้วัด สถานศึกษามีความต้องการจาเป็นมากท่ีจะต้องมีการ ประเมนิ หลักสตู รเพ่อื การปรับปรุงและพัฒนา โดยอาจประเมินทุกปีการศึกษา หรืออาจประเมินเมื่อ ครบรอบการใช้หลักสูตรอย่างน้อย 3 ปีตามความเหมาะสม ความสาคัญของการนาหลักสูตร สถานศึกษาไปใช้อยู่ที่การทาความเข้าใจหลักสูตรและกระบวนการพัฒนานักเรียนตามเป้าหมายให้ ชดั เจนรว่ มกนั ผลการสมั ภาษณ์กลมุ่ ผู้จัดการและอาจารย์ผู้สอนชาวต่างชาติสาหรับหลักสูตร English Program (EP) พบว่า หลักสูตรสถานศึกษามีส่ิงที่ดีควรพัฒนาต่อยอดและมีส่ิงที่ควรแก้ไข/ปรับปรุง คือ This Curriculum aim to benefit the learners to the fullest and to be a well rounded individual in the future but some aspects are just too much for the students and teachers to accommodate. The students study a little of so many things that we forgot. The most important thing “mastery”. We try to know more but master only a few. This I guess we have to look upon and do something. สภาพปัญหาของหลักสูตร สถานศกึ ษาทีค่ วรต้องเร่งแกไ้ ขปรบั ปรุงและพฒั นาในสถานศึกษาเพอื่ มุง่ สคู่ ุณภาพผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 คือ The Basic Core Curriculum of the MOE and the KUSK curriculum aims to develop learners potentials and abilities but there are some areas in the Basic Core Curriculum that need to be considered, some of the learning indicators that should be specifically designed for a certain level are missing so sometimes it leads to the problem about making a syllabus. สถานศึกษามีความต้องการจาเป็นในการประเมินหลักสูตร กล่าวคือ Evaluation of Curriculum is necessary but changing it needs to be assessed evaluate the curriculum to see if it worked or not. If it works reuse and improve to

165 cope with recent educational trend. But if not immediate change is recommended for the betterment of the curriculum and the institution. และผลการจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion : FGD) คณะกรรมการฝ่ายวิชาการ จานวน 12 คน ของโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา พบว่า คณะกรรมการวิชาการส่วนใหญ่เห็นสอดคล้องกันว่ามีสิ่งที่ดีควรพัฒนาต่อยอด คือ เป็นหลักสูตร สถานศึกษาพัฒนาขึ้นตามกรอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ.2560) โดยครบถ้วนและสมบูรณ์ สามารถรายงานผลการศึกษาของนักเรียนได้ตามที่ กระทรวงศกึ ษาธิการกาหนดทุกประเด็น แต่มีส่ิงที่ควรแก้ไขและปรับปรุงเกี่ยวกับ การกาหนดกรอบ แนวคิดยังไม่ชัดเจน เอกสารหลักสูตรและคู่มือการวัดและประเมินผลควรรวมเป็นเล่มเดียวกัน เป้าหมายของหลักสูตรยังไม่มีกระบวนการหรือเคร่ืองมือในการวัดและประเมินผลท่ีสะท้อนถึงการ บรรลเุ ป้าหมายของหลกั สูตร จดุ เน้นของหลกั สูตรยงั ไม่ชัดเจนและเพียงพอ การนาหลักสูตรสู่ช้ันเรียน ควรต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน การจัดการเรียนการสอนไม่มีการบูรณาการระหว่างกลุ่มสาระการ เรยี นรู้อาจส่งผลให้เกิดความไม่ต่อเน่ืองและไม่เชื่อมโยง ขาดการบริหารจัดการรายวิชาบูรณาการใน ระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4-6) ในหลักสูตรระดับประถมศึกษา ควรจัดให้มีการเรียนการสอน รายวิชาภาษาจีน และในระดับมัธยมศึกษาควรมีอาจารย์พิเศษมาให้ความรู้และประสบการณ์กับ นักเรียน สภาพปัญหาของหลักสูตรสถานศึกษาที่ควรต้องเร่งแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาเพ่ือมุ่งสู่ คณุ ภาพผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 ขาดความเข้าใจเก่ียวกับหลักสูตรของโรงเรียน การเรียนการสอนยึด เน้ือหาเป็นหลัก ไม่มีวิธีการที่จะทาให้ทราบว่าคุณภาพนักเรียนบรรลุเป้าหมายตามที่หลักสูตรแต่ละ ระดับการศึกษากาหนดไว้หรือไม่ สิ่งที่ควรแก้ไขและปรับปรุงคือ ควรให้อาจารย์ผู้สอนทุกท่าน โดยเฉพาะอาจารย์ใหม่ของโรงเรียนได้ตระหนักถึงความจาเป็นท่ีจะต้องรับรู้และทาความเข้าใจ หลักสูตรของโรงเรียนให้ชัดเจน และสามารถนาหลักสูตรไปใช้ในการออกแบบและจัดการเรียนการ สอนให้บรรลเุ ป้าหมายคณุ ภาพผ้เู รียนในศตวรรษที่ 21 ได้ ดังนนั้ ควรตอ้ งมกี ารกาหนดกระบวนการใน การนาหลักสูตรสูช่ ้นั เรียนให้ชัดเจน มีระบบพี่เล้ียงสาหรับอาจารย์ใหม่ของโรงเรียน และมีการนิเทศ ติดตาม และช่วยเหลือเพือ่ การพฒั นาวิชาชีพ โรงเรียนควรมีการประเมินหลักสูตรเพ่ือสะท้อนผลการ ใช้หลกั สูตร และควรมีการประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่องโดยกาหนดให้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลและ วิเคราะห์ผลการศึกษาหลักสูตรในแต่ละปีการศึกษา เพื่อนาผลไปปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาคุณภาพ นักเรียน จากน้ันนามาประมวลผลตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรเมื่อใช้หลักสูตรครบรอบทุกๆ 3 ปี และควรมุ่งเน้นการพัฒนาพฤติกรรมของนักเรียนท้ังด้านการเรียนควบคู่กับการพัฒนาคุณธรรม - จรยิ ธรรม ตอนท่ี 2 ผลการประเมินหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) ในภาพรวมและเปน็ รายด้าน 5 ดา้ น คือ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และด้านผลกระทบ โดยจาแนกเป็นหลักสูตรปกติ และหลักสูตร English Program

166 จากการสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนและอาจารย์ท่ีมีต่อหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560) มีรายละเอียดดังนี้ 2.1 ความคิดเห็นของนกั เรยี น ในการวิจยั คร้งั นี้ ผวู้ ิจยั ศึกษาความคดิ เห็นของนักเรียนที่มตี ่อหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) มีผลการประเมินใน ภาพรวมและรายด้าน 5 ด้าน คือ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และ ด้านผลกระทบ โดยจาแนกเปน็ หลกั สตู รปกติ และหลักสตู ร English Program ดังตารางท่ี 23-24

167 ตารางท่ี 23 ผลการสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อหลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2560) หลกั สตู รปกติ ประเดน็ การประเมนิ หลกั สตู ร ระดบั ความคดิ เหน็ 1. ประเมินบริบท (C: Context Evaluation) X S.D. ความหมาย ลาดบั ท่ี  หลกั สตู ร 1.1 โรงเรียนพฒั นาคุณภาพนกั เรียนไมต่ า่ กว่าเกณฑ์มาตรฐาน 3.31 0.82 ปานกลาง 3 การศึกษาของชาติ พ.ศ.2561 (เป็นผู้เรียนรู้ เป็นผรู้ ว่ ม สรา้ งสรรค์นวัตกรรม และเปน็ พลเมอื งที่เข้มแขง็ ) 1.2 โรงเรยี นส่งเสริมใหน้ กั เรยี นสามารถแสวงหาและสรา้ งความรู้ 3.29 0.90 ปานกลาง 5 ดว้ ยตนเองได้ 1.3 โรงเรยี นส่งเสรมิ ให้นกั เรียนมีความพร้อมในการศึกษาต่อตาม 3.10 1.07 ปานกลาง 9 ความถนัด ความสนใจ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของ นักเรยี น 1.4 โรงเรียนไดพ้ ฒั นาคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผ้เู รียน เป็น 3.29 0.96 ปานกลาง 6 การชว่ ยสะท้อนความมุง่ ม่นั ศกึ ษา กล้าแสดงออกของ นกั เรียน 1.5 โรงเรียนได้พัฒนาให้นักเรียนมีความสามารถในการอา่ น คดิ 3.36 0.97 ปานกลาง 1 วเิ คราะห์ และเขยี น ช่วยให้นักเรยี นมีทกั ษะพ้ืนฐานทีจ่ าเปน็ ในการศกึ ษารายวชิ าตามความถนัดและความสนใจ 1.6 การจัดการศกึ ษาของโรงเรียนมคี วามตอ่ เน่อื งเชอ่ื มโยงกนั ตั้งแต่ 3.33 1.03 ปานกลาง 2 ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา 1.7 รายวชิ าตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กล่มุ และกิจกรรมพฒั นา 3.30 0.94 ปานกลาง 4 ผูเ้ รียน ทาใหน้ ักเรียนมีทกั ษะการคดิ และสามารถแก้ปัญหา ในชวี ิตประจาวนั ได้ 1.8 รายวิชาตามกล่มุ สาระการเรียนรู้ 8 กล่มุ และกจิ กรรมพฒั นา 3.23 0.98 ปานกลาง 7 ผ้เู รยี น ทาใหน้ ักเรียนมีบคุ ลกิ ภาพท่ดี ีในด้านการเรียนรอู้ ยา่ ง มีความสขุ การเป็นทย่ี อมรับของผู้อ่ืน การช่วยเหลือ โอบออ้ ม อารี ส่อื สาร และใฝ่เรียนรสู้ ิง่ ใหมๆ่ 1.9 จานวนเวลาเรยี น 6-8 คาบต่อวัน มีความเหมาะสม 3.12 1.27 ปานกลาง 8 1.10 เนือ้ หาสาระที่เรียนแตล่ ะรายวิชาในภาพรวมมคี วาม 3.07 0.96 ปานกลาง 10 เหมาะสม นกั เรยี นสามารถนาไปใช้ไดจ้ รงิ ในชวี ิตประจาวัน สรุปด้านหลกั สตู ร 3.24 0.63 ปานกลาง   รายวชิ า (พ้ืนฐานและเพ่มิ เตมิ ) และกิจกรรมพัฒนา ผ้เู รยี น 1.11 รายวชิ าและกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ส่งเสริมใหน้ กั เรยี นมี 3.41 0.86 ปานกลาง 2 ความสามารถในการสื่อสาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้ ทกั ษะชีวิต และการใช้เทคโนโลยี 1.12 รายวชิ าและกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น สง่ เสริมให้นักเรยี นมี 3.32 0.92 ปานกลาง 4

168 ประเด็นการประเมินหลักสูตร X ระดับความคิดเห็น S.D. ความหมาย ลาดบั ที่ สมรรถนะในการเป็นผเู้ รยี นรู้ ได้แก่ มคี วามเพยี ร ใฝเ่ รียนรู้ 3.38 และมีทักษะการเรียนรตู้ ลอดชีวติ ก้าวทันโลกยคุ ดิจิทัลและ 0.93 ปานกลาง 3 โลกในอนาคต มีสุนทรยี ะ มที ักษะชีวิต มคี ณุ ภาพชวี ิตที่ดี ต่อ 3.20 ตนเอง ครอบครัว และสงั คม 1.10 ปานกลาง 7 3.46 0.96 ปานกลาง 1 1.13 รายวชิ าและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สง่ เสริมให้นกั เรยี นมี 3.32 0.95 ปานกลาง 5 สมรรถนะในการเปน็ ผูร้ ว่ มสร้างสรรค์นวตั กรรม ได้แก่ มี ทักษะทางปญั ญา สามารถใช้เทคโนโลยดี จิ ทิ ัลอยา่ งเหมาะสม 3.23 1.00 ปานกลาง 6 มที ักษะการคดิ สรา้ งสรรค์ สามารถปรบั ตัวเข้ากับผอู้ นื่ ได้ดี และมกี ารสรา้ งสรรคง์ านใหม่ 3.12 1.11 ปานกลาง 8 3.30 0.71 ปานกลาง  1.14 รายวชิ าและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ส่งเสรมิ ใหน้ ักเรียนมี 3.27 0.63 ปานกลาง  สมรรถนะในการเปน็ พลเมอื งที่เขม้ แขง็ ไดแ้ ก่ มคี วามรกั ชาติ 3.49 รักท้องถน่ิ มจี ติ อาสา มีอดุ มการณ์ มีความยุติธรรม และใช้ 3.64 0.98 ปานกลาง 4 ทรพั ยากรอย่างรคู้ ณุ ค่า 3.05 3.56 1.00 มาก 2 1.15 รายวิชาและกิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน ช่วย 1.13 ปานกลาง 6 สง่ เสรมิ ให้นกั เรียนมคี วามรู้ ความสามารถ และทักษะด้าน การอ่าน เขียน คดิ คานวณ 2.63 มาก 3 1.16 รายวชิ าและกิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน ช่วย สง่ เสรมิ ให้นักเรียนมีคุณลักษณะผเู้ รยี นในศตวรรษที่ 21 ไดแ้ ก่ ความสามารถในการคดิ ไตรต่ รอง คิดแกป้ ัญหา มี ทกั ษะการทางานรว่ มกนั มีทักษะการสอ่ื สาร มคี วามรอบรู้ ทางขอ้ มลู สารสนเทศและทางดิจิทัล มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถสร้างสรรคผ์ ลงานใหมไ่ ด้ 1.17 รายวิชาและกิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน ช่วย สง่ เสริมใหน้ กั เรียนมบี คุ ลิกภาพทดี่ ีในดา้ นการเรียนร้อู ยา่ งมี ความสุข การเป็นทยี่ อมรบั ของผูอ้ น่ื การช่วยเหลอื โอบอ้อม อารี สอื่ สาร และใฝ่เรียนรสู้ ิง่ ใหมๆ่ 1.18 รายวชิ าและกจิ กรรมการเรยี นการสอนในโรงเรยี น ช่วย สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรียนมที กั ษะชีวิตและเข้าใจอาชพี สรปุ ดา้ นรายวชิ า(พนื้ ฐานและเพิม่ เติม) และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น สรุปผลการประเมินบรบิ ท (C: Context Evaluation) 2. ประเมินปัจจยั นาเข้า (I: Input Evaluation)  บุคคล 2.1 ความรู้ความสามารถ ความเช่ียวชาญ และประสบการณข์ อง อาจารย์ผู้สอน มคี วามเหมาะสม 2.2 อาจารย์ผ้สู อนไดส้ อนในรายวชิ าท่ีตรงกบั ความเชี่ยวชาญ 2.3 เจ้าหนา้ ที่ มีความพร้อมในการให้บริการ สนบั สนนุ และ อานวยความสะดวกเพอ่ื การบรรลเุ ป้าหมายของงาน 2.4 ผเู้ รยี นมีพ้ืนฐานความรคู้ วามสามารถตรงตามระดบั ชน้ั ท่ีเรยี น

169 ประเดน็ การประเมินหลักสูตร X ระดบั ความคดิ เหน็ S.D. ความหมาย ลาดบั ท่ี และสามารถศกึ ษาต่อในระดับท่ีสงู ขึ้น 3.49 2.5 ผปู้ กครองมีความเขา้ ใจ และสนับสนนุ กิจกรรมการเรียนการ 0.98 ปานกลาง 4 3.75 สอนของโรงเรียน 1.03 มาก 1 2.6 ผูป้ กครองสง่ เสริมนักเรยี นได้พฒั นาศักยภาพเพ่มิ เติมจากใน 3.50 0.83 มาก  ชนั้ เรยี น โดยยนิ ดใี หน้ ักเรียนเขา้ ร่วมกจิ กรรมของทาง 3.12 โรงเรียนทกุ กิจกรรม 3.49 1.10 ปานกลาง 7 3.26 1.13 ปานกลาง 2 สรปุ ด้านบุคคล 3.41 1.13 ปานกลาง 6  เอกสาร สอ่ื เทคโนโลยี และสง่ิ สนบั สนุนที่เอื้อตอ่ การ 1.06 ปานกลาง 3 เรยี นรู้ 3.55 2.7 ห้องเรียนมสี ภาพที่เอ้ือตอ่ การเรียนรู้ 1.12 มาก 1 2.8 มหี นังสือ/ตารา/เอกสารเพียงพอสาหรบั ใช้ประกอบการเรยี น 3.33 2.9 มสี อ่ื วัสดุ อุปกรณป์ ระกอบการเรยี นเพียงพอ 1.16 ปานกลาง 5 2.10 มีวสั ดอุ ุปกรณก์ ารเรียน สอื่ และเทคโนโลยใี นชนั้ เรยี นเพ่อื 3.36 0.98 ปานกลาง 4 ช่วยใหน้ ักเรียนเรยี นรไู้ ด้ดขี ้ึน 2.92 2.11 มหี ้องสมดุ ใหบ้ รกิ ารหนงั สืออยา่ งเพียงพอกับความต้องการ 1.23 ปานกลาง 8 3.30 ของนกั เรยี น 0.79 ปานกลาง  2.12 มหี ้องบริการสบื คน้ ข้อมลู ด้วยระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรท์ ่ี 3.39 0.72 ปานกลาง  เหมาะสมและทันสมยั 3.31 2.13 มกี ารจัดสภาพแวดลอ้ มในโรงเรียนทเี่ หมาะสมและเอื้อต่อ 2.89 0.92 ปานกลาง 6 1.06 ปานกลาง 16 การเรียนรู้ 3.18 2.14 มีกจิ กรรมกบั เพอ่ื นต่างโรงเรยี นหรือบคุ คลภายนอกเพ่ือ 0.99 ปานกลาง 10 3.20 แลกเปลย่ี นประสบการณก์ ารเรยี นรู้ซง่ึ กนั และกัน 0.99 ปานกลาง 9 สรปุ ด้านเอกสาร ส่ือ เทคโนโลยี 3.16 3.42 1.05 ปานกลาง 13 และส่งิ สนับสนุนท่ีเออื้ ต่อการเรยี นรู้ 3.40 0.97 ปานกลาง 1 สรุปผลการประเมินปัจจัยนาเขา้ (I: Input Evaluation) 1.07 ปานกลาง 3 3. ประเมินกระบวนการ (P: Process Evaluation) 3.34 3.1 มกี ารจดั การเรียนรดู้ ว้ ยวิธกี ารทห่ี ลากหลาย 1.00 ปานกลาง 4 3.2 มีการจดั การเรยี นรู้โดยคานึงถึงความสามารถของผเู้ รยี นเปน็ รายบคุ คล 3.3 มีกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ีเนน้ ใหน้ ักเรียนไดค้ ดิ วิเคราะห์ และลง มือปฏิบตั ิจรงิ 3.4 จดั การเรียนรู้โดยกระตนุ้ ให้ผู้เรยี นกระตือรือรน้ ในการ แสวงหาความรูด้ ว้ ยตนเอง 3.5 จัดการเรยี นรู้โดยสอดแทรกคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 3.6 เปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นมีส่วนร่วมในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 3.7 มีการบอกวธิ กี ารวัดและประเมินผลแตล่ ะครั้งให้ผเู้ รียนทราบ ล่วงหน้า 3.8 มกี ารวดั และประเมินผลอย่างตอ่ เน่อื งควบคไู่ ปกับการเรียนการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook