�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 1 8/8/2557 BE 3:09 PM
ราชบณั ฑติ ยสถานจดั พมิ พ์ พมิ พค์ รงั้ ที่ ๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ จำ� นวน ๘,๐๐๐ เลม่ ราชบณั ฑติ ยสถาน สนามเสอื ปา่ เขตดสุ ติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศพั ท์ ๐ ๒๓๕๖ ๐๔๖๖-๗๐ โทรสาร ๐ ๒๓๕๖ ๐๔๘๕ ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ [email protected] เวบ็ ไซต์ www.royin.go.th ขอ้ มลู ทางบรรณานกุ รมของสำ� นกั หอสมดุ แหง่ ชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data ราชบณั ฑติ ยสถาน กววี จั นว์ รรณนา วรรคทองในวรรณคดไี ทยพรอ้ มประวตั แิ ละคำ� อธบิ าย. -- กรงุ เทพฯ : ราชบณั ฑติ ยสถาน, ๒๕๕๗. ๔๓๙ หนา้ . ๑. วรรณคด-ี -ประวตั แิ ละวจิ ารณ.์ I. ชอื่ เรอื่ ง. ๘๙๕.๙๑๐๙ ISBN 978-616-7073-87-3 ออกแบบปก : นายอภชิ าต ธรี วทิ ยานพิ นธ์ ภาพประกอบ : ๑. นางสาวฉตั รชนก วงศว์ ชั รา ๒. นายอภชิ าต ธรี วทิ ยานพิ นธ์ ออกแบบและจดั พมิ พ์ : บรษิ ทั คอนเชยี ส สตดู โิ อ จำ� กดั กำ� กบั ศลิ ป์ : นายวรี ์ วรี พร จดั วางรปู เลม่ : ๑. นายชรี ะวทิ ย์ ปยิ วรธรรมกลู ๒. นายประเสรฐิ ศกั ด์ิ ประดษิ ฐเกษร �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 2 8/8/2557 BE 3:09 PM
คำ� นำ� วรรณคดไี ทยเปน็ ผลงานสรา้ งสรรคอ์ นั ประณตี วจิ ติ รทแี่ สดงถงึ การประสานกลมกลนื กนั ระหวา่ งศาสตรก์ บั ศลิ ป์ ในความเปน็ ศาสตร์ วรรณคดไี ทยประกอบไปดว้ ยเนอ้ื หา สาระทใ่ี หค้ วามรใู้ นดา้ นตา่ งๆทง้ั ความรเู้ กยี่ วกบั สภาพชวี ติ ความคดิ ความเชอื่ ประเพณี วฒั นธรรมทส่ี งั คมยดึ ถอื ปฏบิ ตั มิ าแตโ่ บราณ และความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ธรรมชาติ ของมนษุ ยแ์ ละสจั ธรรมของชวี ติ ศาสตรเ์ หลา่ นไี้ ดร้ บั การถา่ ยทอดออกมาดว้ ยการรอ้ ย เรยี งภาษาอยา่ งมศี ลิ ปะ เปย่ี มไปดว้ ยอารมณแ์ ละวรรณศลิ ปอ์ นั ไพเราะงดงาม วรรณคดี ไทยจงึ มฐี านะเปน็ ทงั้ องคค์ วามรทู้ เี่ ปน็ มรดกทางความคดิ และเปน็ สอื่ ในการถา่ ยทอด ภมู ปิ ญั ญาแกส่ งั คม นบั เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมทส่ี ำ� คญั ยงิ่ ของชาติ ความไพเราะแหง่ ภาษาและความลกึ ซง้ึ แยบคายทางความคดิ ดงั กลา่ วนท้ี ำ� ใหถ้ อ้ ยคำ� จากวรรณคดไี ทยจำ� นวนมากเปน็ ทจ่ี ดจำ� สบื มาและเปน็ ทรี่ จู้ กั เรยี กขานกนั วา่ “วรรคทอง” วรรคทองในวรรณคดไี ทยมอี ยจู่ ำ� นวนมาก แตใ่ นการจดั พมิ พห์ นงั สอื “กววี จั นว์ รรณนา วรรคทองในวรรณคดไี ทยพรอ้ มประวตั แิ ละคำ� อธบิ าย” นี้ ผจู้ ดั ทำ� เนอ้ื หาไดค้ ดั เลอื กมา เพยี ง๕๒บทจากวรรณคดรี อ้ ยกรองจำ� นวน๑๕เรอื่ งไดแ้ ก่กาพยเ์ หเ่ รอื ของเจา้ ฟา้ ธรรม- ธเิ บศร, อเิ หนา, เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน, นริ าศนรนิ ทร,์ นริ าศภเู ขาทอง, ประชมุ โคลง โลกนติ ,ิ ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย,พระอภยั มณ,ี ประชมุ โคลงสภุ าษติ พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท่ี๕, โคลงสยามานสุ สต,ิ พระรว่ ง, มทั นะพาธา, เวนสิ วานชิ , ววิ าหพระสมทุ และสามคั คเี ภท คำ� ฉนั ท์ การจดั ทำ� ขอ้ มลู วรรคทองในครงั้ นมี้ จี ดุ ประสงคเ์ พอ่ื รวบรวมวรรคทองทเี่ ปน็ ทรี่ จู้ กั แพร่ หลายมานำ� เสนอในเชงิ วจิ กั ษแ์ ละวเิ คราะห์เพอื่ ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจความหมายและคณุ คา่ ของ วรรคทองเหลา่ นไี้ ดด้ ยี งิ่ ขนึ้ ในฐานะโวหารทเี่ ปย่ี มไปดว้ ยคณุ คา่ ทง้ั ดา้ นการ“จบั อารมณ”์ และ “บม่ ปญั ญา” แกผ่ อู้ า่ น ราชบณั ฑติ ยสถานขอขอบคณุ คณะผจู้ ดั ทำ� เนอื้ หาจากภาควชิ าภาษาไทยคณะอกั ษร- ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั และขอขอบคณุ คณะผจู้ ดั ทำ� ตน้ ฉบบั หนงั สอื ซง่ึ มรี าย นามปรากฏอยทู่ า้ ยหนงั สอื เลม่ นี้ทไี่ ดท้ มุ่ เทกำ� ลงั กายและสตปิ ญั ญาทำ� ใหห้ นงั สอื “กววี จั น์ วรรณนา วรรคทองในวรรณคดไี ทยพรอ้ มประวตั แิ ละคำ� อธบิ าย” สำ� เรจ็ เรยี บรอ้ ยดว้ ยดี ราชบณั ฑติ ยสถาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 3 8/8/2557 BE 3:09 PM
สารบญั ห นา้ คำ� นำ� วรรคทอง ๕๒ บท ๑. ฝงู คนกำ� เนดิ คลา้ ย- คลงึ กนั ๑ ๒. สายสมรนอนเถดิ พจี่ ะกลอ่ ม เจา้ งามจรงิ พรง้ิ พรอ้ มดงั เลขา ๗ ๓. รนู้ อ้ ยวา่ มากร ู้ เรงิ ใจ ๑๓ ๔. สามยอดตลอดระยะระยบั วะวะวบั สลบั พรรณ ๑๙ ๕. มะโนมอบพระผ ู้ เสวยสวรรค ์ ๒๕ ๖. ในเพลงปว่ี า่ สามพพ่ี ราหมณเ์ อย๋ ยงั ไมเ่ คยเชยชดิ พสิ มยั ๓๑ ๗. ความเอยความรกั เรมิ่ สมคั รชน้ั ตน้ ณ หนไหน ๓๙ ๘. แมร่ กั ลกู ลกู กร็ อู้ ยวู่ า่ รกั คนอน่ื สกั หมน่ื แสนไมแ่ มน้ เหมอื น ๔๗ ๙. นาคมี พี ษิ เพยี้ ง สรุ โิ ย ๕๓ ๑๐. แลว้ วา่ อนจิ จาความรกั พงึ่ ประจกั ษด์ งั่ สายนำ้� ไหล ๕๙ ๑๑. อนั วา่ ความกรณุ าปราน ี จะมใี ครบงั คบั กห็ าไม ่ ๖๗ ๑๒. ถงึ บางพดู พดู ดเี ปน็ ศรศี กั ด ิ์ มคี นรกั รสถอ้ ยอรอ่ ยจติ ๗๕ ๑๓. ชมแขคดิ ใชห่ นา้ นวลนาง ๘๑ ๑๔. อา้ อะรณุ แอรม่ ระเรอื่ รจุ ี ประดจุ มะโนภริ มระตี ณ แรกรกั ๘๗ ๑๕. พระเสดจ็ โดยแดนชล ทรงเรอื ตน้ งามเฉดิ ฉาย ๙๓ ๑๖. แลว้ สอนวา่ อยา่ ไวใ้ จมนษุ ย ์ มนั แสนสดุ ลกึ ลำ�้ เหลอื กำ� หนด ๙๙ ๑๗. บงเนอ้ื กเ็ นอื้ เตน้ พศิ เสน้ สรรี ร์ วั ๑๐๗ ๑๘. ถงึ กลางวนั สรุ ยิ นั แจม่ ประจกั ษ ์ ไมเ่ หน็ หนา้ นงลกั ษณย์ ง่ิ มดื ใหญ ่ ๑๑๓ ๑๙. ชนใดทไี่ มม่ ดี นตรกี าร ในสนั ดานเปน็ คนชอบกลนกั ๑๒๑ ๒๐. พระสมทุ รสดุ ลกึ ลน้ คณนา ๑๒๗ ๒๑. ตวั นอ้ งมใิ ชข่ องอนั เคยขาย จะเรยี งรายกลางหนหาควรไม ่ ๑๓๓ ๒๒. ถงึ มว้ ยดนิ สน้ิ ฟา้ มหาสมทุ ร ไมส่ น้ิ สดุ ความรกั สมคั รสมาน ๑๓๙ ๒๓. ปลารา้ พนั หอ่ ดว้ ย ใบคา ๑๔๗ ๒๔. เอยี งอกเทออกอา้ ง อวดองค์ อรเอย ๑๕๓ ๒๕. กระหมอ่ มฉนั กเ็ คยทราบ สภุ าษติ บรุ าณวา่ ๑๕๙ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 4 8/8/2557 BE 3:09 PM
สารบัญ (ตอ่ ) ห นา้ ๒๖. พร่ี กั นชุ นาฏดว้ ย เหน็ ใจ จรงิ แฮ ๑๖๗ ๒๗. ความรกั เหมอื นโรคา บนั ดาลตาใหม้ ดื มน ๑๗๕ ๒๘. ปากเปน็ เอกเลขเปน็ โทโบราณวา่ หนงั สอื ตรมี ปี ญั ญาไมเ่ สยี หลาย ๑๘๑ ๒๙. โอศ้ รเี สาวลกั ษณล์ ำ้� แลโลม โลกเอย ๑๘๗ ๓๐. จำ� ใจจำ� จากเจา้ จำ� จร ๑๙๓ ๓๑. หนาวนำ�้ คา้ งพรา่ งพรมจะหม่ เสอื้ พออนุ่ เนอ้ื นอนสนทิ พสิ มยั ๑๙๙ ๓๒. โคควายวายชพี ได ้ เขาหนงั ๒๐๗ ๓๓. นจิ จาเจา้ วนั ทองนอ้ งพอี่ า พจี่ ำ� หนา้ เนอื้ นอ้ งไดท้ กุ แหง่ ๒๑๓ ๓๔. ไทยรวมกำ� ลงั ตง้ั มนั่ สามารถปอ้ งกนั ขนั แขง็ ๒๒๑ ๓๕. พระโหยหวนครวญเพลงวงั เวงจติ ใหค้ นคดิ ถงึ ถน่ิ ถวลิ หวงั ๒๒๙ ๓๖. เปน็ ผหู้ ญงิ แทจ้ รงิ แสนลำ� บาก เปน็ ผชู้ ายยง่ิ ยากกวา่ หลายเทา่ ๒๓๗ ๓๗. แมน้ แผน่ ดนิ สนิ้ ชายทพ่ี งึ เชย อยา่ มคี เู่ ลยจะดกี วา่ ๒๔๓ ๓๘. เอออเุ หมน่ ะมงึ ชชิ า่ งกระไร ททุ าสสถลุ ฉะนไ้ี ฉน กม็ าเปน็ ๒๕๑ ๓๙. เขายอ่ มเปรยี บเทยี บความวา่ ยามรกั แตน่ ำ�้ ผกั ตม้ ขมชมวา่ หวาน ๒๕๗ ๔๐. มาถงึ บางธรณที วโี ศก ยามวโิ ยคยากใจใหส้ ะอนื้ ๒๖๕ ๔๑. ลำ� ดวนเอย๋ จะดว่ นไปกอ่ นแลว้ เกดแกว้ พกิ ลุ ยสี่ นุ่ ส ี ๒๗๑ ๔๒. ไมเ่ มาเหลา้ แลว้ แตเ่ รายงั เมารกั สดุ จะหกั หา้ มจติ คดิ ไฉน ๒๗๗ ๔๓. กา้ นบวั บอกลกึ ตนื้ ชลธาร ๒๘๓ ๔๔. ความรคู้ เู่ ปรยี บดว้ ย กำ� ลงั กายแฮ ๒๘๙ ๔๕. ประเพณตี งี ใู หห้ ลงั หกั มนั กม็ กั ทำ� รา้ ยเมอื่ ภายหลงั ๒๙๕ ๔๖. อนั ชนกชนนนี ร้ี กั เจา้ เทยี มเทา่ ชวี ากว็ า่ ได ้ ๓๐๓ ๔๗. เคยหมอบใกลไ้ ดก้ ลน่ิ สคุ นธต์ ลบ ละอองอบรสรน่ื ชนื่ นาสา ๓๑๑ ๔๘. สายหยดุ หยดุ กลน่ิ ฟงุ้ ยามสาย ๓๑๗ ๔๙. เรอ่ื ยเรอื่ ยมารอนรอน ทพิ ากรจะตกตำ่� ๓๒๓ ๕๐. ดนู ำ้� วง่ิ กลง้ิ เชย่ี วเปน็ เกลยี วกลอก กลบั กระฉอกฉาดฉดั ฉวดั เฉวยี น ๓๒๙ ๕๑. ใครราญใครรกุ ดา้ ว แดนไทย ๓๓๕ ๕๒. เพอ่ื นกนิ สนิ้ ทรพั ยแ์ ลว้ แหนงหน ี ๓๔๑ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 5 8/8/2557 BE 3:09 PM
สารบญั (ต่อ) หนา้ ภาคผนวก ก ประวตั แิ ละผลงานกวี พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ๓๔๙ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๓๕๓ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๓๖๑ เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร ๓๖๖ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ รนส ๓๖๙ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร ๓๗๓ นายนรนิ ทรธ์ เิ บศร์ (อนิ ) ๓๗๕ สนุ ทรภ ู่ ๓๗๗ นายชติ บรุ ทตั ๓๘๑ ภาคผนวก ข รปู แบบคำ� ประพนั ธ์ โคลง โคลงสองสภุ าพ ๓๘๖ โคลงสสี่ ภุ าพ ๓๘๘ ฉนั ท์ อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ ๑๑ ๓๙๑ โตฎกฉนั ท์ ๑๒ ๓๙๓ ภชุ งคปยาตฉนั ท์ ๑๒ ๓๙๕ วสนั ตดลิ กฉนั ท์ ๑๔ ๓๙๗ อที งิ สงั ฉนั ท์ ๒๐ ๓๙๙ กาพย์ กาพยย์ านี ๑๑ ๔๐๑ กาพยเ์ ห ่ ๔๐๓ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 6 8/8/2557 BE 3:09 PM
สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ กลอน กลอนสภุ าพ ๔๐๔ กลอนเพลง ๔๐๖ กลอนเสภา ๔๐๗ กลอนบทละคร ๔๐๘ กลอนดอกสรอ้ ย ๔๑๐ รา่ ย รา่ ยสภุ าพ ๔๑๑ ดชั นวี รรคทอง ๔๑๖ แนวคดิ ในการออกแบบปก ๔๓๕ คณะผจู้ ดั ทำ� ๔๓๗ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 7 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 1 8/8/2557 BE 3:09 PM
๑ คลึงกนั แผกบ้าง ฝงู คนก�ำเนดิ คล้าย- กนั หมด ใหญย่ อ่ มเพศผิวพรรณ ออ่ นแกฤ้ ๅไหว ความรอู้ าจเรยี นทนั ยกแต่ชั่วดกี ระด้าง �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 1 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา ทมี่ าของวรรคทอง โคลงบทนป้ี รากฏครงั้ แรกในพระราชหตั ถเลขาเสดจ็ ประพาสยโุ รป ครง้ั ที่๑พ.ศ.๒๔๔๐ตอ่ มาตพี มิ พร์ วมอยใู่ นหนงั สอื ประชมุ โคลงสภุ าษติ พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลที่ ๕ ผู้แตง่ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ปี/สมยั ท่แี ต่ง วันท่ี ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี โคลงบทนเี้ ปน็ วรรณคดคี ำ� สอน คอื วรรณคดที มี่ เี นอ้ื หามงุ่ แสดงคติ ปรชั ญาในการดำ� เนนิ ชวี ติ จรยิ ธรรมหรอื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องคนใน สงั คมกวอี าจนำ� คำ� สอนมาจากคา่ นยิ มความเชอื่ หลกั ธรรมทางศาสนา หรอื ประสบการณช์ วี ติ รูปแบบค�ำประพันธ์ โคลงสส่ี ภุ าพ วตั ถุประสงค์/โอกาสในการแตง่ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธโ์ คลง บทนี้ ณ กรงุ เจนวี า ประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ ในคราวเสดจ็ ประพาส ยุโรปคร้ังแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐ เพื่อพระราชทานพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะด�ำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรม- โอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมารซ่ึงได้เส ด็จ พระราชด�ำเนินจากประเทศอังกฤษมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระองคท์ รงกลา่ วไวใ้ นพระราชหตั ถเลขาวา่ โคลงบทนท้ี รง “เขยี นให้ ในสมดุ วนั เกดิ ของลกู โตตามทเ่ี ขาขอใหฉ้ นั เขยี น” 2 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 2
ฝูงคนก�ำเนิดคล้าย- คลึงกัน โคลงสุภาษิต พระราชนพิ นธใ์ นรัชกาลที่ ๕ ความหมายของวรรคทอง โคลงบทนเี้ สนอความคดิ วา่ ความแตกตา่ งอนั สำ� คญั ของมนษุ ยน์ นั้ อยู่ที่คุณธรรมความดีและความละเอียดประณีตในจิตใจของแต่ละ บคุ คล แมจ้ ะมคี วามแตกตา่ งกนั บา้ งในเรอื่ งรปู ลกั ษณภ์ ายนอก เพศ หรอื เชอื้ ชาติ แตก่ ไ็ มใ่ ชค่ วามแตกตา่ งอนั สำ� คญั แมแ้ ตว่ ชิ าความรกู้ ม็ ไิ ด้ ท�ำให้มนุษย์ต่างกัน เพราะมนุษย์สามารถศึกษาเล่าเรียนจนมีความ รู้ความสามารถเท่าเทียมกันได้ คุณธรรมความดีและความประณีต ของจติ ใจซง่ึ เปน็ สงิ่ ทเ่ี ปลย่ี นแปลงแกไ้ ขไดย้ ากตา่ งหากทที่ ำ� ใหม้ นษุ ย์ แตกตา่ งกนั อยา่ งแทจ้ รงิ ความดเี ด่น พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธโ์ คลง บทนขี้ น้ึ คราวเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ประพาสยโุ รปครง้ั แรก จากการทไี่ ด้ ทรงพบเหน็ ความเปน็ อยขู่ องชาวตะวนั ตก กอปรกบั ประสบการณส์ ว่ น พระองคท์ ที่ รงพบปะผคู้ นหลากหลายจากการเสดจ็ ประพาสทง้ั ในและ ตา่ งประเทศ ทำ� ใหท้ รงตระหนกั วา่ เปลอื กนอกทแี่ ตกตา่ งกนั ทงั้ หลาย ของมนษุ ยล์ ว้ นเปน็ สง่ิ สมมติ ความแตกตา่ งทแ่ี ทจ้ รงิ ของมนษุ ยอ์ ยทู่ ี่ จติ ใจภายในอนั เปน็ แกน่ แท้ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธโ์ คลง ๖ บทลงตพี มิ พใ์ นหนงั สอื ดสุ ติ สมติ พ.ศ. ๒๔๖๒ เนอื้ หาของโคลงแสดง ความปลาบปลม้ื พระราชหฤทยั ทไี่ ดร้ บั พระราชทานโคลงจากพระบรม- ราชชนกในครง้ั นน้ั ทรงกลา่ ววา่ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั มพี ระราชประสงคท์ จี่ ะ “ใหส้ ต”ิ แกพ่ ระองคแ์ ละทรงเปรยี บโคลง บทนก้ี บั “ประทปี ” ทส่ี อ่ งสวา่ งนำ� ทาง ทง้ั ยงั ทรงอธบิ ายขยายความเพม่ิ เตมิ โดยเนน้ ยำ้� ความคดิ ทว่ี า่ รปู กายภายนอกหรอื วชิ าความรไู้ มใ่ ชส่ งิ่ ที่ ทำ� ใหช้ าตใิ ดสงู สง่ หรอื ตำ�่ ตอ้ ยกวา่ ชาตใิ ด สง่ิ สำ� คญั คอื คณุ ธรรมความดี ดงั ปรากฏในโคลงตอ่ ไปนี้ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 3 3 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา ปางนมี้ ผี มู้ กั คดิ กลวั เหน็ วา่ ชาตขิ องตวั ตำ่� ตอ้ ย จง่ึ คอยแตม่ งุ่ มวั ยอมพา่ ย เขานอ แลว้ กม็ านะนอ้ ย ไมก่ ลา้ แขง่ ขนั กลวั พรรณทแ่ี ผกแผว้ กวา่ ตน หดหใู่ นกะมล ไมส่ ู้ ลมื นกึ วา่ เปนคน เหมอื นเชน่ ตนเอง ลมื นกึ วา่ ความร ู้ อาจรทู้ นั กนั สำ� คญั อยแู่ ทแ้ ต ่ ธรรมะ พอ่ เอย ผวิ ผอ่ งจติ โมหะ เกลอื กกลำ�้ ผวิ พรรณใชว่ า่ จะ ชว่ ยรอด กรรมนา จติ ผอ่ งแตผ่ วิ คลำ้� ไปแ่ พผ้ วิ งาม ความดคี วามชวั่ ไซร ้ เปนตรา คนชว่ั เปรอ่ื งปญั ญา ยงิ่ ผู้ ผลกรรมกจ็ กั พา สทู่ -ุ คตเิ อง คนโงค่ วามดกี ู้ รอดพน้ ภยั พาล เมอ่ื พจิ ารณาเนอ้ื หาของโคลงประกอบกบั บรบิ ทของยคุ สมยั ทแี่ ตง่ โคลงบทนนี้ า่ จะมนี ยั ทางสงั คมทเ่ี กย่ี วเนอ่ื งกบั ลทั ธจิ กั รวรรดนิ ยิ มใน สมยั นนั้ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ ทรงนำ� มาอธบิ าย ตอ่ โดยเนน้ แนวคดิ เกย่ี วกบั ชาตวิ า่ ความเจรญิ สงู สง่ ของชาตใิ ด ขน้ึ กบั คณุ ธรรมความดขี องคนในชาติ มใิ ชส่ ผี วิ หรอื วชิ าความรู้ การทโ่ี คลงพระราชนพิ นธบ์ ทนยี้ งั คงตราตรงึ อยใู่ นใจผอู้ า่ นสบื มาจนถงึ ปจั จบุ นั แมเ้ วลาจะผา่ นมากวา่ รอ้ ยปีแสดงใหเ้ หน็ วา่ สาระสำ� คญั ของโคลง มคี วามเปน็ สากลทอ่ี ยเู่ หนอื กาลเวลา กลา่ วคอื เปน็ การแสดงทรรศนะ อนั ลกึ ซง้ึ เกยี่ วกบั แกน่ แทข้ องความเปน็ มนษุ ย์ ดงั พบวา่ คนทว่ั ไปมกั พจิ ารณาผอู้ นื่ จากลกั ษณะทตี่ ดิ ตวั มาแตก่ ำ� เนดิ เชน่ รปู รา่ ง เพศ สผี วิ 4 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 4 8/8/2557 BE 3:09 PM
ฝูงคนก�ำเนิดคล้าย- คลึงกัน โคลงสภุ าษิต พระราชนพิ นธ์ในรัชกาลท่ี ๕ หรอื เชอื้ ชาติ โดยไมไ่ ดต้ ระหนกั วา่ สงิ่ เหลา่ นเี้ ปน็ ความแตกตา่ งแตเ่ พยี ง ภายนอก เพราะเมอ่ื มองทะลเุ ปลอื กทห่ี อ่ หมุ้ อยกู่ จ็ ะพบวา่ แทจ้ รงิ แลว้ ทกุ คนลว้ นเกดิ มาเปน็ มนษุ ยเ์ หมอื น ๆ กนั แมแ้ ตว่ ชิ าความรซู้ ง่ึ มใิ ชส่ ง่ิ ท่ีติดตัวมาแต่ก�ำเนิด มนุษย์ก็มีศักยภาพท่ีจะแสวงหาความรู้ให้เท่า เทยี มกนั ได้ โคลงบทนจ้ี งึ กระตนุ้ เตอื นใหพ้ จิ ารณาแกน่ แทข้ องความ เปน็ มนษุ ยอ์ ยา่ งลกึ ซงึ้ อนั ไดแ้ กค่ ณุ ธรรมความดี เพราะสงิ่ เหลา่ นข้ี นึ้ อยกู่ บั พนื้ ฐานจติ ใจของแตล่ ะคน เปน็ อปุ นสิ ยั ทยี่ ากจะเปลย่ี นแปลง แกไ้ ข ดงั นน้ั มนษุ ยจ์ งึ ควรรกั ษาคณุ ธรรมความดไี วใ้ หม้ น่ั พรอ้ มทง้ั หมนั่ ฝกึ ฝนอบรมจติ ใจของตนใหล้ ะเอยี ดประณตี เพราะหากจติ ใจตกตำ�่ กย็ อ่ มจะลดทอนคณุ คา่ ทแ่ี ทจ้ รงิ ของตนเองลงไปดว้ ย ในดา้ นกลวธิ ที างวรรณศลิ ป์ โคลงพระราชนพิ นธบ์ ทนด้ี เี ดน่ ดา้ น การสรรค�ำ โดยใช้ค�ำที่เป็นคู่ตรงข้ามซ่ึงสื่อถึงลักษณะของมนุษย์ได้ อยา่ งครบถว้ น และสามารถตคี วามหมายไดห้ ลายระดบั เชน่ ในวรรคท่ี วา่ “ใหญย่ อ่ มเพศผวิ พรรณ” แสดงใหเ้ หน็ ความแตกตา่ งของบคุ คล ทง้ั รปู รา่ งทใ่ี หญแ่ ละเลก็ เพศ และสผี วิ นอกจากนยี้ งั อาจตคี วามรปู รา่ งที่ ใหญห่ รอื เลก็ วา่ แสดงถงึ อำ� นาจทเ่ี หนอื กวา่ หรอื ดอ้ ยกวา่ และตคี วามสี ผวิ วา่ หมายถงึ เชอ้ื ชาติหรอื หมายถงึ ชนชนั้ กไ็ ด้การใชค้ ำ� วา่ “ชวั่ -ด”ี และ “กระดา้ ง-ออ่ น” สามารถสอ่ื ความหมายถงึ คนจติ ใจชว่ั ชา้ กบั คนจติ ใจ ดงี าม และคนจติ ใจหยาบกระดา้ งกบั คนจติ ใจละเอยี ดประณตี ไดอ้ ยา่ ง ครบถว้ นโดยใชค้ ำ� เพยี ง ๔ คำ� เทา่ นนั้ จากทก่ี ลา่ วมาน้ี เหน็ ไดช้ ดั วา่ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงน�ำประสบการณ์ส่วนพระองค์มากลั่นกรองและถ่ายทอด เป็นบทประพันธ์ที่น�ำเสนอแนวคิดอันเป็นสากล ถึงพร้อมด้วย ความงามทางวรรณศลิ ป์ท�ำใหส้ ามารถส่อื คตอิ ันลึกซ้ึงแยบคายผา่ น กาลเวลามาจนปจั จบุ นั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 5 5 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 6 8/8/2557 BE 3:09 PM
๒ สายสมรนอนเถดิ พ่จี ะกล่อม เจา้ งามจรงิ พริ้งพรอ้ มดงั เลขา นวลละอองผอ่ งพกั ตร์โสภา ดังจนั ทราทรงกลดหมดมลทิน งามเนตรดังเนตรมฤคมาศ งามขนงวงวาดดังคันศลิ ป ์ อรชรออ้ นแอน้ ดังกนิ รนิ หวังถวิลไม่เว้นวายเอย �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 7 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ที่มาของวรรคทอง บทละครในเรอ่ื ง อเิ หนา ผู้แต่ง พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ป/ี สมัยที่แตง่ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ประเภทของวรรณคดี เรอื่ งอเิ หนาเปน็ วรรณคดปี ระเภทบทละครใน คอื วรรณคดที แี่ ตง่ ขนึ้ เพอ่ื ใชแ้ สดงละครในราชสำ� นกั อนั เปน็ ละครของพระมหากษตั รยิ ์ ถอื เปน็ เครอื่ งประดบั พระเกยี รตยิ ศอยา่ งหนง่ึ จดุ มงุ่ หมายของละคร ในมงุ่ แสดงความงดงามและศลิ ปะชนั้ สงู อนั ประณตี บรรจงทง้ั ในดา้ น การรำ� เพลงรอ้ ง เพลงปพ่ี าทย์ และถอ้ ยคำ� ในบทละคร รปู แบบคำ� ประพนั ธ์ กลอนบทละคร วัตถุประสงค์/โอกาสในการแตง่ วรรณคดเี รอื่ งอเิ หนามที มี่ าจาก “นทิ านปนั หย”ี ซงึ่ เปน็ นทิ านวรี บรุ ษุ ของชวา วรรณคดีเรื่องน้ีแพร่เข้ามาในไทยต้ังแต่สมัยอยุธยาและมี หลักฐานว่ามีการน�ำมาแต่งเป็นบทละครในในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัว บรมโกศ ตอ่ มาในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย พระองคไ์ ดท้ รงนำ� บทละครในเรอื่ งอเิ หนาพระราชนพิ นธใ์ นพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมาทรงปรับปรุงขัดเกลาเพ่ือให้เป็น ฉบบั ทงี่ ดงามสมบรู ณพ์ รอ้ ม ทงั้ ในดา้ นวรรณคดแี ละการแสดงละครใน วธิ กี ารพระราชนพิ นธบ์ ทละครในเรอื่ งนมี้ ลี กั ษณะเปน็ การ “ประชมุ กว”ี คอื พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงเลอื กสรรเจา้ นายและ ขา้ ราชการทม่ี ฝี มี อื ในการประพนั ธใ์ หเ้ ปน็ กวที ท่ี รงปรกึ ษา เชน่ กรมหมนื่ เจษฎาบดนิ ทร์เจา้ ฟา้ กรมหลวงพทิ กั ษมนตรีสนุ ทรภู่กรมหมน่ื สรุ นิ ทร- รกั ษ์ บางตอนทไ่ี มท่ รงพระราชนพิ นธด์ ว้ ยพระองคเ์ อง กพ็ ระราชทาน ใหก้ วเี หลา่ นนั้ รบั ไปแตง่ ตอนใดทที่ รงพระราชนพิ นธแ์ ลว้ หรอื กวอี นื่ 8 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 8
สายสมรนอนเถิดพี่จะกล่อม อิเหนา แตง่ แลว้ นำ� มาถวาย กจ็ ะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำ� มาอา่ นในที่ ประชมุ กวหี นา้ พระทน่ี งั่ เพอ่ื ปรบั ปรงุ แกไ้ ข หลงั จากนน้ั พระองคจ์ ะทรง นำ� บททป่ี รบั ปรงุ แลว้ พระราชทานแกเ่ จา้ ฟา้ กรมหลวงพทิ กั ษมนตรเี พอื่ ไปทรงซอ้ มกระบวนรำ� โดยมคี รลู ะครอกี ๒ คนเปน็ ทป่ี รกึ ษาคอื นาย ทองอยู่ และนายรงุ่ บางกรณอี าจกราบบงั คมทลู ขอใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงแกไ้ ขบทกม็ ีและเมอื่ กระบวนรำ� ยตุ แิ ลว้ ก็ จะทรงซอ้ มใหน้ ายทองอยแู่ ละนายรงุ่ ไปหดั ละครหลวง แลว้ แสดงถวาย พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทอดพระเนตร เพอ่ื ทรงแกไ้ ข กระบวนรำ� อกี ชน้ั หนงึ่ จงึ เปน็ อนั ยตุ ิ ความประณตี พถิ พี ถิ นั ในการทรงพระราชนพิ นธบ์ ทละครในเรอ่ื ง อเิ หนาและการนำ� บทไปฝกึ ซอ้ มกระบวนรำ� จนงดงามดงั กลา่ วนี้ ทำ� ให้ พระราชนพิ นธบ์ ทละครเรอื่ งนม้ี คี วามดเี ดน่ อา่ นกไ็ พเราะ รำ� กง็ ดงาม จนไดร้ บั การยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรใหเ้ ปน็ ยอดของบทละครรำ� เมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๙ เนื้อหาของบทประพนั ธ์ เรอื่ งอเิ หนาเปน็ เรอ่ื งราวความรกั และการผจญภยั ของเจา้ ชายแหง่ กรงุ กเุ รปนั เรม่ิ เรอ่ื งกลา่ วถงึ กษตั รยิ ว์ งศอ์ สญั แดหวา ๔ เมอื งซง่ึ เปน็ พ่ี นอ้ งกนั คอื กเุ รปนั ดาหา กาหลงั และสงิ หดั สา่ หรี อเิ หนาเปน็ โอรส ของทา้ วกเุ รปนั สว่ นบษุ บาเปน็ ธดิ าของทา้ วดาหา ทงั้ สองหมน้ั หมาย กนั ตง้ั แตย่ งั เดก็ ตามจารตี ของวงศเ์ ทวญั ทจี่ ะตอ้ งแตง่ งานกนั แตใ่ นวงศ์ เทา่ นน้ั ตอ่ มาอเิ หนาไปหลงรกั จนิ ตะหรา เจา้ หญงิ แหง่ เมอื งหมนั หยา จงึ ประกาศถอนหมน้ั บษุ บา ทา้ วดาหากรวิ้ จงึ ประกาศวา่ จะยกบษุ บา ใหใ้ ครกต็ ามทมี่ าขอ ระตจู รกาผมู้ รี ปู รา่ งหนา้ ตาอปั ลกั ษณเ์ ปน็ คนแรก ทไี่ ดม้ าสขู่ อบษุ บา ทา้ วดาหาจงึ จำ� ใจยกให้ โดยใหห้ มนั้ หมายกนั ไวก้ อ่ น ตอ่ มาไมน่ านระตกู ะหมงั กหุ นงิ กส็ ง่ ทตู มาสขู่ อบษุ บาใหแ้ กว่ หิ ยาสะกำ� ผู้ เปน็ โอรส แตท่ า้ วดาหาปฏเิ สธเนอ่ื งจากไดย้ กบษุ บาใหจ้ รกาไปแลว้ ระตู กะหมงั กหุ นงิ จงึ ยกทพั มาทำ� ศกึ ชงิ บษุ บาอเิ หนาจำ� ตอ้ งยกทพั มาชว่ ยรบ หลงั รบชนะ อเิ หนาเดนิ ทางเขา้ เมอื งดาหาและไดพ้ บกบั บษุ บา จงึ เกดิ หลงรกั บษุ บาและคดิ อบุ ายลกั พาบษุ บาไปไวท้ ถี่ ำ้� ทองจนไดน้ างเปน็ ชายา 9 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 9 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM องคป์ ะตาระกาหลาผเู้ ปน็ เทพบรรพบรุ ษุ ของวงศเ์ ทวญั กรว้ิ อเิ หนา ทก่ี ระทำ� การตา่ ง ๆ ตามอำ� เภอใจ จงึ ลงโทษโดยบนั ดาลใหล้ มหอบ พรากบษุ บาไปจากอเิ หนา อเิ หนาจงึ ออกเดนิ ทางผจญภยั ตามหาบษุ บา โดยปลอมตวั เปน็ ชาวปา่ ชอื่ ปนั หยี สว่ นบษุ บากเ็ ดนิ ทางตามหาอเิ หนา เช่นกันโดยปลอมตัวเป็นชายชื่ออุณากรรณ ปันหยีกับอุณากรรณมี โอกาสไดพ้ บกนั ทเี่ มอื งกาหลงั แตต่ า่ งจำ� กนั ไมไ่ ด้ ตอ่ มาอณุ ากรรณ กลวั ปนั หยจี ะจบั ไดว้ า่ ตนเปน็ หญงิ จงึ หนอี อกจากเมอื งกาหลงั ไปบวช เปน็ ชี (แอหนงั ) ใชช้ อ่ื วา่ ตหิ ลาอรสา เมอ่ื ปนั หยไี ดพ้ บกบั แอหนงั กร็ สู้ กึ สงสยั ว่านางคือบุษบา ตอ่ มาประสันตาเชิดหนังเล่นเรอ่ื งราวชวี ติ รัก ของอเิ หนากบั บษุ บาใหแ้ อหนงั ดู แอหนงั รอ้ งไหด้ ว้ ยความสะเทอื นใจ เมอื่ ไดช้ มการเลน่ หนงั นน้ั ปนั หยจี งึ รคู้ วามจรงิ วา่ แอหนงั คอื บษุ บา และ เปดิ เผยวา่ ตนคอื อเิ หนา เมอื่ กษตั รยิ ท์ งั้ ๔ เมอื งไดท้ ราบขา่ ววา่ อเิ หนา และบษุ บาไดพ้ บกนั แลว้ กต็ า่ งยนิ ดแี ละจดั งานววิ าหใ์ หอ้ เิ หนากบั บษุ บา พรอ้ มทง้ั ชายาอน่ื ๆ รวม ๑๐ นาง โดยแตง่ ตงั้ บษุ บาเปน็ ประไหมสหุ รี ฝา่ ยซา้ ย และจนิ ตะหราเปน็ ประไหมสหุ รฝี า่ ยขวา หลงั จากนน้ั อเิ หนา ขน้ึ ครองเมอื งกเุ รปนั เปน็ กษตั รยิ ท์ ย่ี ง่ิ ใหญส่ บื ตอ่ จากพระราชบดิ า วรรคทองขา้ งตน้ อยใู่ นเนอ้ื เรอื่ งตอนอเิ หนาลกั บษุ บามาไวท้ ถี่ ำ�้ ทอง และไดน้ างเปน็ ชายา ความหมายของวรรคทอง วรรคทองที่ยกมานี้เป็นบทท่ีอิเหนาขับล�ำกล่อมบุษบาในถ้�ำทอง อเิ หนาขบั วา่ จะขอกลอ่ มนางผเู้ ปน็ ดงั่ สายใจใหน้ อนหลบั นางผนู้ มี้ ี ความงามพริ้งพร้อมราวกับวาดไว้ มีใบหน้านวลงามผุดผ่องดังดวง จนั ทรท์ รงกลดทไี่ รร้ อยตำ� หนิ ดวงตาคมขำ� ราวกบั ตาของเนอ้ื ทราย ควิ้ เปน็ วงโกง่ โคง้ ดงั คนั ศร และรปู รา่ งอรชรออ้ นแอน้ ราวกบั นางกนิ รี ความ ปรารถนาทต่ี นมตี อ่ นางนไ้ี มเ่ คยวา่ งเวน้ แมส้ กั วนั ความดเี ด่น ความดีเด่นของวรรคทองบทน้ีคือ ความไพเราะอ่อนหวานของ ถ้อยค�ำในบทขับกล่อมซ่ึงเป็นท้ังบทชมโฉมและบทแสดงความรัก 10 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 10
สายสมรนอนเถิดพ่ีจะกล่อม อเิ หนา ตอ่ นางผเู้ ปน็ ทร่ี กั ในฐานะบทชมโฉม แมจ้ ะยาวเพยี ง ๒ บท แตก่ วกี ็ สามารถสรรค�ำและความเปรียบท่ีพรรณนาให้เห็นภาพความงดงาม ของนางไดอ้ ยา่ งชดั เจนและครบถว้ นสมบรู ณ์ โดยเรม่ิ จากความงามใน ภาพรวมแลว้ จงึ ไลเ่ รยี งไปทลี ะสว่ น ไดแ้ ก่ ใบหนา้ ดวงตา คว้ิ และรปู รา่ ง ของนาง กวใี ชค้ ำ� วา่ “งามจรงิ พรง้ิ พรอ้ มดงั เลขา” สอ่ื วา่ นางมคี วามงาม พรอ้ มสมบรู ณอ์ ยา่ งแทจ้ รงิ ราวกบั ภาพวาดของจติ รกรฝมี อื เอก หรอื เปรยี บความ “ผอ่ งพกั ตรโ์ สภา” ของนางกบั “จนั ทราทรงกลด” เพอื่ สอ่ื ใหเ้ หน็ วา่ นางมไิ ดน้ วลงามผดุ ผอ่ งอยา่ งธรรมดา แตง่ ามเลศิ ยงิ่ กวา่ หญงิ ทงั้ ปวง เพราะพระจนั ทรท์ รงกลดจะสอ่ งรศั มนี วลผอ่ งกวา่ พระจนั ทรใ์ น ยามปรกติ ทง้ั ยงั เนน้ ยำ�้ วา่ เปน็ พระจนั ทรท์ ส่ี วา่ งสกุ ใส “หมดมลทนิ ” อนั แสดงใหเ้ หน็ วา่ ใบหนา้ ของนางนนั้ นวลงามหมดจด ไรร้ อยตำ� หนใิ ด ๆ บทขบั กลอ่ มนไี้ มเ่ พยี งเปน็ บทชมความงามของนางเทา่ นน้ั แตย่ งั เปน็ บททสี่ ะทอ้ นความรกั อนั ลกึ ซง้ึ ทอี่ เิ หนามตี อ่ บษุ บาดว้ ย ดงั จะเหน็ วา่ อเิ หนากลอ่ มนางโดยใชถ้ อ้ ยคำ� ทอ่ี อ่ นหวานและไพเราะยงิ่ เชน่ เรยี ก นางวา่ “สายสมร”“เจา้ ”“นวลละออง” และแทนตนเองวา่ “พ”ี่ หรอื เมอื่ ขบั กลอ่ มนาง กใ็ ชถ้ อ้ ยคำ� นมุ่ นวลวา่ “นอนเถดิ พจ่ี ะกลอ่ ม” อนั สะทอ้ น ชดั วา่ อเิ หนารกั และทะนถุ นอมนางอยา่ งยง่ิ นอกจากน้ี การทอ่ี เิ หนา กลอ่ มนางโดยชน่ื ชมความงามของนางอยา่ งละเอยี ด ยงั สะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ ขณะทขี่ บั กลอ่ มนาง อเิ หนาไดใ้ ชส้ ายตาพศิ ชมความงามแตล่ ะสว่ น ของนางดว้ ยความรกั ใครท่ ะนถุ นอม ดงั ทจ่ี บทา้ ยบทกลอนวา่ ความงาม ของนางนท้ี ำ� ใหอ้ เิ หนา “หวงั ถวลิ ” คดิ ถงึ นางอยตู่ ลอดเวลา อนั เปน็ การ จบทา้ ยบทขบั กลอ่ มทเี่ ชอื่ มรอ้ ยการเชดิ ชคู วามงามอนั ลำ้� เลศิ ของนาง กบั อารมณร์ กั อนั ลกึ ซง้ึ ทอี่ เิ หนามตี อ่ นางเขา้ ดว้ ยกนั อยา่ งกลมกลนื ความไพเราะนมุ่ นวลของถอ้ ยคำ� จนิ ตภาพความงามอนั โดดเดน่ ของนาง และความอ่อนหวานลึกซึ้งแห่งอารมณ์รักท่ีผสานกันอย่าง กลมกลนื ลงตวั ไดท้ ำ� ใหบ้ ทประพนั ธน์ เี้ ปน็ วรรคทองทต่ี ราตรงึ อยใู่ น ใจผอู้ า่ นเรอื่ ยมาจวบจนถงึ ทกุ วนั น้ี �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 11 11 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 12 8/8/2557 BE 3:09 PM
๓ รนู้ ้อยว่ามากรู้ เรงิ ใจ กลกบเกิดอยู่ใน สระจอ้ ย ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร ชมวา่ น้ำ� บอ่ น้อย มากลำ�้ ลกึ เหลือ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 13 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา ท่ีมาของวรรคทอง ประชมุ โคลงโลกนติ ิ ผู้แตง่ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร ป/ี สมัยทแี่ ตง่ พ.ศ.๒๓๗๔-๒๓๗๘ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี โคลงบทนเี้ ปน็ วรรณคดคี ำ� สอน คอื วรรณคดที มี่ เี นอ้ื หามงุ่ แสดงคติ ปรชั ญาในการดำ� เนนิ ชวี ติ จรยิ ธรรมหรอื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องคนใน สงั คมกวอี าจนำ� คำ� สอนมาจากคา่ นยิ มความเชอื่ หลกั ธรรมทางศาสนา หรอื ประสบการณช์ วี ติ รูปแบบค�ำประพันธ์ โคลงสส่ี ภุ าพ วัตถปุ ระสงค์/โอกาสในการแต่ง ใน พ.ศ. ๒๓๗๔ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระ กรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหบ้ รู ณปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ทั้งยังมีพระราชประสงค์ให้รวบรวมสรรพวิชาความรู้ของไทยอัน มีมาแต่โบราณมาจารึกลงบนแผ่นศิลา เพ่ือสืบทอดภูมิปัญญา ไทยและเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและศึกษาได้ โดยง่ายและเท่าเทียมกัน ในการน้ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร (ขณะด�ำรงพระ ยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศร) รวบรวมและช�ำระ โคลงโลกนิติส�ำนวนเก่า แล้วน�ำมาจารึกบนแผ่นศิลาประดับไว้ บริเวณศาลาทิศของพระมณฑป เพ่ือเป็นโอวาทสอนใจประชาชน ดงั โคลงบทแรกทว่ี า่ 14 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 14
รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ โคลงโลกนติ ิ อญั ขยมบรมนเรศรเ์ รอื้ ง รามวงศ์ พระผา่ นแผน่ ไผททรง สบื ไท้ แสวงยงิ่ สงิ่ สดบั องค ์ โอวาท หวงั ประชาชนให ้ อา่ นแจง้ คำ� โคลง โคลงโลกนติ สิ ำ� นวนของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดศิ ร ทง้ั สนิ้ ๕๙๓ บท มที ง้ั ทปี่ รบั ปรงุ แกไ้ ขมาจากโคลงโลกนติ ิ ส�ำนวนเดิมและที่ทรงพระนิพนธ์ขึ้นใหม่ เมื่อมีการจารึกเผยแพร่ใน วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ทำ� ใหโ้ คลงโลกนติ สิ ำ� นวนนเ้ี ปน็ ทรี่ จู้ กั กวา้ งขวางกวา่ สำ� นวนอนื่ เน้ือหาของบทประพันธ์ โคลงโลกนิตพิ ระนพิ นธส์ มเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดศิ รมที ม่ี าจากโคลงโลกนติ สิ ำ� นวนเกา่ ซงึ่ สนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะแตง่ ขนึ้ กอ่ นสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากโคลงโลกนติ บิ ทที่ ๒ วา่ ครรโลงโลกนติ นิ ้ี นมนาน มแี ตโ่ บราณกาล เกา่ พรอ้ ง เปน็ สภุ ษติ สาร สอนจติ กลดงั่ สรอ้ ยสอดคลอ้ ง เวย่ี ไวใ้ นกรรณ คำ� สอนในโคลงโลกนติ มิ ที ม่ี าจากคมั ภรี โ์ บราณตา่ ง ๆ ทเี่ ผยแพรเ่ ขา้ มาในสงั คมไทยเปน็ เวลาชา้ นาน เชน่ โลกนตี โิ ลกนยั ธรรมบท ฯลฯ คำ� วา่ “โลกนติ ”ิ หมายถงึ ระเบยี บแบบแผนของโลก เนอื้ หาของโคลงโลก- นติ มิ หี ลากหลายมที ง้ั เนอื้ หาทแ่ี สดงสจั ธรรมความเปน็ จรงิ ของโลกเชน่ ความไมเ่ ทยี่ ง ความซบั ซอ้ นของจติ ใจมนษุ ย์ และเนอื้ หาทใ่ี หค้ ตเิ กย่ี ว กบั การดำ� เนนิ ชวี ติ และชแ้ี นะแนวทางในการประพฤตติ น เชน่ การพดู การคบคน การใฝห่ าความรู้ ฯลฯ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 15 15 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ความหมายของวรรคทอง โคลงบทนม้ี งุ่ ใหค้ ตวิ า่ ความรมู้ จี ำ� นวนมากมายมหาศาลและไมม่ ี ขอบเขต เปรียบเหมือนน้�ำในทะเลหรือมหาสมุทร บุคคลจึงไม่ควร สำ� คญั ตนวา่ มคี วามรู้ ฉลาด และมสี ตปิ ญั ญารอบรทู้ กุ สง่ิ คนทม่ี คี วาม รนู้ อ้ ยและหลงคดิ วา่ ตนรมู้ าก เปรยี บเหมอื นกบทอี่ ยแู่ ตใ่ นสระ ไมเ่ คย เหน็ ทะเลกวา้ งใหญ่ จงึ หลงคดิ วา่ นำ้� ในสระของตนนน้ั มมี ากเหลอื ลน้ ความดเี ดน่ โคลงบทนด้ี เี ดน่ ในดา้ นการเปรยี บเทยี บเพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ นเหน็ ลกั ษณะ ของคนทม่ี คี วามรนู้ อ้ ย ดอ้ ยประสบการณ์ และมโี ลกทศั นค์ บั แคบ กวี เปรยี บคนเชน่ นกี้ บั กบซงึ่ มธี รรมชาตติ อ้ งอยใู่ นบรเิ วณทม่ี แี หลง่ นำ้� คน สมยั กอ่ นจงึ อาจมองวา่ กบเปน็ สตั วท์ ไี่ มค่ อ่ ยไดเ้ หน็ ความเปน็ ไปของ โลก ดงั ปรากฏในสภุ าษติ ไทยวา่ กบในกะลา หรอื กบในกะลาครอบ ซง่ึ หมายถงึ ผมู้ คี วามรแู้ ละประสบการณน์ อ้ ยแตส่ ำ� คญั ตนวา่ มคี วามรมู้ าก นอกจากนนั้ กวยี งั เปรยี บเทยี บนำ้� กบั ความรใู้ นฐานะทเี่ ปน็ สงิ่ จำ� เปน็ ตอ่ การดำ� รงชวี ติ นำ�้ จำ� เปน็ ตอ่ การดำ� รงชวี ติ ของกบฉนั ใด ความรกู้ จ็ ำ� เปน็ ตอ่ การดำ� เนนิ ชวี ติ ของมนษุ ยฉ์ นั นนั้ ความดเี ดน่ ประการตอ่ มาคอื การใหภ้ าพเปรยี บตา่ งระหวา่ งสระ ทก่ี บอยอู่ าศยั กบั มหาสมทุ ร กวใี ชค้ ำ� บรรยายสระวา่ “สระจอ้ ย” และ “บอ่ นอ้ ย” ซงึ่ ใหภ้ าพของสระทมี่ ขี นาดเลก็ ขณะทบ่ี รรยายมหาสมทุ ร วา่ “ชเลไกล” ซง่ึ ใหภ้ าพของมหาสมทุ รทก่ี วา้ งใหญไ่ พศาล สระทเี่ ลก็ ตนื้ และไรค้ วามสำ� คญั เปรยี บไดก้ บั ความรทู้ นี่ อ้ ยนดิ หรอื โลกทศั นท์ ี่ คบั แคบ สว่ นมหาสมทุ รเปรยี บไดก้ บั ความรู้ หรอื โลกทศั นท์ ก่ี วา้ งและ ลำ�้ ลกึ ความแตกตา่ งกนั อยา่ งชดั เจนนเ้ี นน้ ใหเ้ หน็ ความเขลาของคนที่ มคี วามรนู้ อ้ ย เหน็ โลกมานอ้ ย แตก่ ลบั ทะนงตนวา่ มคี วามรกู้ วา้ งไกล ลกึ ซง้ึ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน อนงึ่ โคลงบทนย้ี งั ชใี้ หเ้ หน็ วา่ มนษุ ยแ์ ตล่ ะคนมขี อบเขตความรทู้ ่ี จำ� กดั ตามสภาพแวดลอ้ ม ในขณะทยี่ งั มคี วามรตู้ า่ ง ๆ ในโลกอนั กวา้ ง ใหญไ่ พศาลทม่ี นษุ ยย์ งั ไมไ่ ดค้ น้ พบ เชน่ เดยี วกบั กบทอี่ าศยั อยใู่ นสระ 16 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 16
รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ โคลงโลกนติ ิ ยอ่ มไมร่ จู้ กั มหาสมทุ ร ดงั นนั้ มนษุ ยจ์ งึ ควรตระหนกั รขู้ อบเขตหรอื ขอ้ จำ� กดั ของตนเอง ตระหนกั วา่ ในโลกนย้ี งั มสี ง่ิ ทตี่ นยงั ไมร่ อู้ กี มากมาย มหาศาล ดังน้ัน จึงไม่ควรหลงระเริงว่าตนเป็นผู้รู้ หากแต่ควรรู้จัก ประมาณตนเองตามความเปน็ จรงิ และควรแสวงหาความรอู้ ยเู่ สมอ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 17 17 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 18 8/8/2557 BE 3:09 PM
๔ สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวบั สลบั พรรณ ช่อฟา้ ตระการกลจะหยัน จะเยาะยว่ั ทฆิ ัมพร บราลีพิลาสศภุ จรูญ นภศลู ประภสั สร หางหงส์ผจงพิจิตรงอน ดุจกวกั นภาลยั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 19 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ท่ีมาของวรรคทอง สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ท์ ผ้แู ต่ง นายชติ บรุ ทตั ปี/สมัยทีแ่ ตง่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ทเ์ ปน็ วรรณคดคี ำ� ฉนั ท์ คอื วรรณคดที แ่ี ตง่ ดว้ ย รปู แบบคำ� ประพนั ธป์ ระเภทฉนั ท์ หรอื ฉนั ทแ์ ละกาพย์ รปู แบบคำ� ประพนั ธ์ วสนั ตดลิ กฉนั ท์ ๑๔ วตั ถปุ ระสงค์/โอกาสในการแต่ง สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ทม์ ที มี่ าจากเรอื่ งในคมั ภรี พ์ ทุ ธศาสนา ปรากฏอยู่ ในสมุ งั คลวลิ าสนิ ีอรรถกถาทฆี นกิ ายมหาวรรคนายชติ บรุ ทตั อาศยั เคา้ เรอ่ื งจากบทแปลของสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ขณะทรงดำ� รงสมณศกั ดเิ์ ปน็ พระสคุ ณุ คณาภรณม์ าแตง่ เปน็ วรรณคดี คำ� ฉนั ทเ์ พอื่ แสดงฝมี อื ในการประพนั ธ์ และเพอ่ื ชใี้ หเ้ หน็ ความสำ� คญั ของความสามคั คอี นั เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทที่ ำ� ใหบ้ า้ นเมอื งมคี วามมน่ั คง เปน็ ปกึ แผน่ เน้ือหาของบทประพนั ธ์ วรรณคดีเร่ืองสามัคคีเภทค�ำฉันท์กล่าวถึงพระเจ้าอชาตศัตรู กษัตริย์ผู้ครองแคว้นมคธ มีพระราชประสงค์จะขยายอาณาจักรให้ กว้างขวางย่ิงข้ึน จึงทรงวางแผนจะตีแคว้นวัชชีของกษัตริย์ลิจฉวีซึ่ง มคี วามมน่ั คงรงุ่ เรอื ง เพราะหมกู่ ษตั รยิ ผ์ คู้ รองแควน้ ปกครองโดยยดึ หลกั สามคั คธี รรม พระเจา้ อชาตศตั รทู รงปรกึ ษากบั วสั สการพราหมณ์ ปโุ รหติ ผมู้ สี ตปิ ญั ญาเฉยี บแหลม วสั สการพราหมณอ์ อกอบุ ายอาสา 20 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 20
สามยอดตลอดระยับระยับ สามคั คเี ภทคำ� ฉันท์ ไปเปน็ ไสศ้ กึ ในแควน้ วชั ชี โดยใหพ้ ระเจา้ อชาตศตั รแู สรง้ ทำ� เปน็ กรวิ้ ลงโทษโบยตี แลว้ เนรเทศตนออกจากเมอื ง วสั สการพราหมณเ์ ดนิ ทางไปถงึ แควน้ วชั ชแี ลว้ ใชว้ าทศลิ ปโ์ นม้ นา้ ว ใจจนกษัตริย์ลิจฉวีทรงรับไว้ในต�ำแหน่งผู้ท�ำหน้าท่ีตัดสินคดีความ และถวายพระอกั ษรแดเ่ หลา่ พระโอรส เมอื่ ทำ� หนา้ ทจี่ นเปน็ ทไ่ี วว้ าง พระทัยได้ระยะหนึ่งแล้ว วัสสการพราหมณ์ก็ยุยงให้เหล่าพระโอรส ระแวงแคลงใจกนั จนทำ� ใหเ้ กดิ ความแตกแยกในหมกู่ ษตั รยิ ล์ จิ ฉวี หลงั จากนนั้ วสั สการพราหมณล์ อบสง่ ขา่ วไปกราบทลู พระเจา้ อชาตศตั รู พระองคจ์ งึ ยกทพั มาตแี ควน้ วชั ชไี ดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย วรรคทองที่ยกมาน้ีเป็นส่วนหน่ึงของบทพรรณนาปราสาทราช- มนเทยี รในพระราชวงั ของพระเจา้ อชาตศตั รแู หง่ แควน้ มคธ ความหมายของวรรคทอง วรรคทองบทนมี้ งุ่ แสดงความวจิ ติ รงดงามของปราสาทราชมนเทยี ร กวเี รม่ิ พรรณนาจากสว่ นยอดของปราสาททม่ี ีสามยอดเรยี งราย แล ดูเรืองรองระยิบระยับมองเห็นเป็นสีสลับกันยามต้องแสงอาทิตย์ ชอ่ ฟา้ ทช่ี ขู นึ้ ไปในทอ้ งฟา้ กง็ ามตระการราวกบั จะเยย้ หยนั และยวั่ ลอ้ ความงามของท้องฟ้า บราลีบนหลังคาเคร่ืองยอดงามสุกใส นพศูล มแี สงเลอื่ มพราย สว่ นหางหงสก์ อ็ อ่ นชอ้ ยงอนงามราวกบั กำ� ลงั กวกั เรยี กทอ้ งฟา้ ความดีเด่น วรรคทองบทนจี้ ดั เปน็ “บทชมเมอื ง” ตามลลี า “เสาวรจน”ี อนั เปน็ ขนบประการหนงึ่ ในวรรณคดไี ทย บทชมเมอื งตอนทเี่ ปน็ วรรคทองน้ี เชอื่ กนั วา่ กวไี ดร้ บั แรงบนั ดาลใจมาจากความงดงามของพระทน่ี งั่ จกั รี มหาปราสาทและสถาปตั ยกรรมตา่ ง ๆ ในพระบรมมหาราชวงั ความ ดีเด่นของฉันท์บทน้ีอยู่ที่การสร้างจินตภาพอันแจ่มชัดและการใช้ ภาพพจนค์ วามเปรยี บทม่ี ชี วี ติ ชวี ายง่ิ กวเี สนอภาพปราสาทราชมนเทยี ร โดยเนน้ สว่ นยอดอนั งดงาม ไดแ้ ก่ ยอดปราสาท ชอ่ ฟา้ บราลี นพศลู 21 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 21 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา และหางหงส์ ทำ� ใหเ้ หน็ ภาพอนั สมบรู ณข์ องหนา้ บนั และหลงั คาซง่ึ เปน็ สว่ นทเ่ี ดน่ ของปราสาทราชวงั ไทย กวใี ชค้ ำ� ทใ่ี หจ้ นิ ตภาพของแสงและ สี เชน่ “ระยบั ” “วะวะวบั ” “สลบั พรรณ” และ “ประภสั สร” เนอ่ื งจาก ปราสาทราชวงั ไทยมกั มสี ที องอรา่ มและประดบั ประดาดว้ ยกระจกสี เมื่อต้องแสงอาทิตย์จึงเกิดเป็นประกายระยิบระยับ กวียังหลากคำ� ทส่ี อื่ ถงึ ความงาม เชน่ “ตระการ” “พลิ าส” “ศภุ จรญู ” และ “พจิ ติ ร” เพอ่ื เนน้ ยำ้� ความงดงามของสว่ นตา่ ง ๆ ทป่ี ระกอบกนั ขน้ึ เปน็ ปราสาท ราชวงั ทงี่ ามสมบรู ณ์ นอกจากนี้ กวยี งั ใชภ้ าพพจนแ์ บบบคุ ลาธษิ ฐาน กลา่ วคอื ใหช้ อ่ ฟา้ แสดงอาการ “หยนั ” “เยาะ” และ “ยว่ั ” ทอ้ งฟา้ และใหห้ างหงสแ์ สดง อาการ “กวกั ” ทอ้ งฟา้ ภาพพจนด์ งั กลา่ วมนี ยั หลายประการ ประการ แรกคอื สอ่ื วา่ ปราสาทราชวงั นนั้ งดงามยงิ่ กวา่ เมอื งสวรรค์ จงึ สามารถ ทจี่ ะเยย้ หยนั ความงามของเมอื งสวรรคไ์ ด้ ประการตอ่ มาคอื สอื่ วา่ ปราสาทราชวงั มคี วามโออ่ า่ อลงั การจนชอ่ ฟา้ และหางหงสส์ งู เสยี ดฟา้ และประการสดุ ทา้ ยคอื สอ่ื ใหเ้ หน็ ลกั ษณะของชอ่ ฟา้ ทชี่ เู ชดิ ขน้ึ ไปบน ทอ้ งฟา้ เหมอื นทำ� อาการเยย้ หยนั ทอ้ งฟา้ และลกั ษณะของหางหงสท์ ่ี งอนงามนน้ั เหมอื นกบั ทำ� อาการกวกั เรยี กทอ้ งฟา้ การใชภ้ าพพจนด์ งั กลา่ วจงึ ใหท้ ง้ั ภาพความงาม ความยงิ่ ใหญ่ และความมชี วี ติ ชวี าของ ปราสาทราชมนเทยี รไปพรอ้ มกนั อนั สอื่ ถงึ บญุ ญาบารมขี องพระมหา กษตั รยิ ผ์ ทู้ รงเปน็ ศนู ยก์ ลางของราชธานี บทชมเมืองบทน้ีเป็นที่จดจ�ำของผู้อ่านมายาวนาน เนื่องจาก เป็นบทชมเมืองที่สร้างจินตภาพแจ่มชัดผ่านการสรรค�ำและการใช้ ภาพพจน์ความเปรียบ เมื่อประกอบกับลีลาอันสง่างามของวสันต- ดิลกฉันท์ ย่ิงท�ำให้บทชมบทน้ีเป็นบทที่สะท้อนภาพความงดงาม ของสถาปตั ยกรรมไทยอยา่ งถงึ พรอ้ มดว้ ยวรรณศลิ ป์ 22 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 22
สามยอดตลอดระยับระยับ สามคั คีเภทค�ำฉันท์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 23 23 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 24 8/8/2557 BE 3:09 PM
๕ มะโนมอบพระผ ู้ เสวยสวรรค ์ แขนมอบถวายทรงธรรม ์ เทอดหล้า ดวงใจมอบเมียขวัญ และแม ่ เกียรติศกั ด์ิรกั ของข้า มอบไว้แก่ตวั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 25 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ที่มาของวรรคทอง โคลงภาษติ นกั รบโบราณ ผ้แู ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ปี/สมยั ทีแ่ ต่ง พ.ศ. ๒๔๖๑ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า อยหู่ วั ลงพมิ พใ์ นหนงั สอื พมิ พด์ สุ ติ สมติ รายสปั ดาห์ เลม่ ๑ ฉบบั ท่ี ๗ วนั ท่ี ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๑ ประเภทของวรรณคดี โคลงบทนเี้ ปน็ วรรณคดคี ำ� สอน คอื วรรณคดที ม่ี เี นอื้ หามงุ่ แสดงคติ ปรชั ญาในการดำ� เนนิ ชวี ติ จรยิ ธรรม หรอื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องคนใน สงั คม กวอี าจนำ� คำ� สอนมาจากคา่ นยิ มความเชอ่ื หลกั ธรรมทางศาสนา หรอื ประสบการณช์ วี ติ รปู แบบคำ� ประพันธ์ โคลงสสี่ ภุ าพ วตั ถุประสงค/์ โอกาสในการแต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดภาษิตของนักรบ ฝรง่ั เศสโบราณบทหนงึ่ ซงึ่ มเี นอ้ื ความวา่ “Mon âme au Dieu, Mon bras au roi, Mon cœur aux dames, L’honneur à moi.” พระองคจ์ งึ ทรงพระราชนพิ นธเ์ ทยี บเปน็ คำ� โคลงภาษาไทยขนึ้ แลว้ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ายชา่ งชาวอติ าเลยี นในกรมศลิ ปากรชอ่ื รโิ กลี (C.Rigoli) เขยี นภาพสอี ยา่ งวจิ ติ รขนึ้ ๔ ภาพเพอ่ื ประกอบโคลง 26 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 26
มะโนมอบพระผู้ เสวยสวรรค์ โคลงภาษิตนกั รบโบราณ บทนบี้ าทละภาพ ตอ่ มาทรงพระราชดำ� รวิ า่ โคลงทไ่ี ดท้ รงพระราชนพิ นธ์ ไวแ้ ลว้ บทหนง่ึ นน้ั “ไดท้ รงบรรจคุ วามใหล้ งสน้ั ๆ สมกบั แบบเดมิ ของ ฝรง่ั เศส บางทผี อู้ า่ นจะยงั เขา้ ใจความไมแ่ จม่ แจง้ เพยี งพอ” จงึ ไดท้ รง พระราชนพิ นธโ์ คลงเพมิ่ เตมิ ขน้ึ อกี เพอื่ อธบิ ายขอ้ ความแตล่ ะบาทอยา่ ง ละเอยี ดกวา้ งขวาง พระราชทานใหเ้ ปน็ คตแิ กเ่ สอื ปา่ กองเสนาหลวง รกั ษาพระองคซ์ ง่ึ ขณะนน้ั กำ� ลงั ประชมุ พลและฝกึ ซอ้ มวธิ กี ารรบอยู่ ความหมายของวรรคทอง โคลงบทนกี้ ลา่ วถงึ คณุ ลกั ษณะสำ� คญั ของผเู้ ปน็ นกั รบวา่ นกั รบยอ่ ม มอบจติ วญิ ญาณถวายแดอ่ งคพ์ ระผเู้ ปน็ เจา้ หรอื “ธรรม” อนั สงู สดุ ของ ศาสนารา่ งกายนนั้ อทุ ศิ เพอ่ื ปกปอ้ งเทดิ ทนู องคพ์ ระมหากษตั รยิ ผ์ คู้ รอง แผน่ ดนิ หวั ใจรกั ของนกั รบมอบแดภ่ รรยาและมารดา สง่ิ เดยี วทน่ี กั รบ รกั ษามน่ั ไวก้ บั ตนคอื เกยี รตยิ ศศกั ดศ์ิ รี ความดีเด่น ความดเี ดน่ ของโคลงบทนอ้ี ยทู่ กี่ ารนำ� เสนอภาพอนั นา่ ประทบั ใจของ นกั รบในอดุ มคติ ซง่ึ กอปรดว้ ยความเสยี สละอนั ยง่ิ ใหญ่ ยอมอทุ ศิ ชวี ติ ทง้ั กาย จติ และวญิ ญาณเพอื่ พทิ กั ษร์ กั ษาชาติ ศาสน์ กษตั รยิ แ์ ละบคุ คล อนั เปน็ ทรี่ กั โดยเหลอื ไวเ้ พยี งสง่ิ เดยี วสำ� หรบั ตนคอื เกยี รตยิ ศศกั ดศิ์ รี แหง่ นกั รบ ซงึ่ สงิ่ นก้ี ไ็ ดม้ าจากการสละตนเพอื่ ประโยชนส์ ขุ ของสว่ นรวม นนั่ เอง และเกยี รตศิ กั ดข์ิ องนกั รบนจ้ี ะดำ� รงอยชู่ ว่ั กาลนาน ไมส่ ญู สลาย ไปพรอ้ มกบั ชวี ติ การอทุ ศิ ตนเพอ่ื รกั ษาเกยี รตศิ กั ดจิ์ งึ เปน็ อดุ มคตทิ ่ี นกั รบยดึ มนั่ ไวส้ งู สดุ กลวธิ ที างวรรณศลิ ปท์ พ่ี ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรง ใชเ้ พอ่ื นำ� เสนอภาพอนั ยง่ิ ใหญข่ องนกั รบ คอื การใชค้ ำ� งา่ ย ๆ เชน่ คำ� วา่ “มอบ” แทนการใชค้ ำ� ทมี่ คี วามหมายหนกั แนน่ หรอื ยงิ่ ใหญก่ วา่ สำ� หรบั มนษุ ยป์ ถุ ชุ นธรรมดา การอทุ ศิ สว่ นสำ� คญั ตา่ ง ๆ ในชวี ติ ของตนไมว่ า่ จะเปน็ วญิ ญาณ รา่ งกาย หรอื หวั ใจรกั เพอ่ื ผอู้ นื่ เปน็ สงิ่ ทกี่ ระทำ� ไดย้ าก ตอ้ งเปน็ ผทู้ มี่ จี ติ ใจกลา้ หาญเขม้ แขง็ อยา่ งยงิ่ ยวดเทา่ นนั้ จงึ จะสามารถ กระทำ� ได้ การซำ้� คำ� วา่ “มอบ” ในโคลงทกุ บาท จงึ ทำ� ใหผ้ อู้ า่ นเกดิ ความ 27 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 27 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM รสู้ กึ วา่ การเสยี สละอนั ยงิ่ ใหญไ่ มใ่ ชเ่ รอ่ื งยากสำ� หรบั นกั รบผปู้ ลอดจาก ความเหน็ แกต่ วั โดยสนิ้ เชงิ และจดั วางลำ� ดบั ความสำ� คญั ของตนเองไว้ ทา้ ยสดุ แตใ่ นขณะเดยี วกนั คำ� วา่ “มอบ” กไ็ มไ่ ดม้ คี วามหมายเพยี งการ ยกใหห้ รอื เสยี สละสง่ิ ใดสงิ่ หนง่ึ ใหผ้ อู้ น่ื เทา่ นนั้ แตย่ งั มนี ยั ถงึ การยกเอา สง่ิ นนั้ ใหเ้ ปน็ เครอื่ งยดึ เหนยี่ วจติ ใจของตน เชน่ การมอบ “มะโน” ใหแ้ ก่ “พระผเู้ สวยสวรรค”์ กค็ อื การยกเอาศาสนาเปน็ สรณะแหง่ จติ วญิ ญาณ การ “มอบ” ในความหมายวา่ ยกใหเ้ ปน็ เครอื่ งยดึ เหนยี่ วนเี้ องทที่ ำ� ให้ การ “มอบ” ในความหมายว่าเสียสละหรืออุทิศตนเกิดขึ้นได้อย่าง งา่ ยดาย กลวธิ เี ชน่ นี้ นอกจากจะทำ� ใหผ้ อู้ า่ นผฟู้ งั ทเ่ี ปน็ นกั รบเกดิ แรง บนั ดาลใจทจี่ ะประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามแลว้ ยงั จะทำ� ใหผ้ ทู้ มี่ ไิ ดเ้ ปน็ นกั รบ เกดิ ความตระหนกั ซาบซงึ้ ในคณุ คา่ และความยงิ่ ใหญข่ องนกั รบอกี ดว้ ย พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงนำ� เสนอภาพอนั นา่ ประทบั ใจน้ีนอกจากเพอ่ื เชดิ ชผู เู้ ปน็ นกั รบโดยแสดงใหเ้ หน็ คณุ ลกั ษณะ อนั ลำ้� เลศิ รวมทงั้ คณุ คา่ และความสำ� คญั ของบคุ คลกลมุ่ นแี้ ลว้ ยงั มี พระราชประสงค์ให้นักรบไทยยึดเอาโคลงภาษิตนักรบโบราณนี้เป็น บรรทดั ฐานแหง่ ความประพฤตดิ ว้ ย ดงั ทไี่ ดท้ รงอธบิ ายขยายความเพมิ่ เตมิ วา่ การมอบ “มะโน” ถวายแดพ่ ระผเู้ ปน็ เจา้ หรอื “ธรรม” อนั สงู สดุ ของศาสนาเปน็ สงิ่ สำ� คญั ในการทำ� สงคราม เพราะการปกปอ้ งรกั ษาบา้ น เมอื งคอื การปกปอ้ งศาสนาดว้ ย ขณะเดยี วกนั การมี “ธรรม” สงู สดุ ของศาสนาเปน็ หลกั ยดึ เหนย่ี วจติ ใจยามเขา้ สสู่ มรภมู ชิ ว่ ยทำ� ใหจ้ ติ ใจ ของนกั รบมคี วามมน่ั คงแนว่ แนใ่ นการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี สว่ นการอทุ ศิ กาย เพอ่ื รบั ใชแ้ ละพทิ กั ษพ์ ระมหากษตั รยิ ด์ ว้ ยความภกั ดี กเ็ พอื่ ใหพ้ ระองค์ ไดท้ รงครองแผน่ ดนิ เพอ่ื ความสงบสขุ ของประชาราษฎร์ การมอบหวั ใจ รักอันม่ันคงไว้กับภรรยาและมารดา ช่วยให้ยามต้องจากบ้านไปท�ำ สงครามเพอ่ื ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ จติ ใจของนกั รบจะไมห่ วน่ั ไหวเมอ่ื พบ สงิ่ ยว่ั ยวนใจตา่ ง ๆ และหากนกั รบตระหนกั รอู้ ยเู่ สมอวา่ การสละชวี ติ เพอ่ื ปกปอ้ งชาตบิ า้ นเมอื งเปน็ เกยี รตแิ ละศกั ดศิ์ รสี งู สดุ ของความเปน็ นกั รบ จติ ใจกจ็ ะองอาจกลา้ หาญ ไมค่ รนั่ ครา้ มในการทำ� สงครามและ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องตนอยา่ งสดุ กำ� ลงั ความสามารถ 28 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 28
มะโนมอบพระผู้ เสวยสวรรค์ โคลงภาษติ นักรบโบราณ โคลงบทนี้นับเป็นพระราชนิพนธ์ท่ีมีความไพเราะและสื่อความ หมายไดล้ กึ ซง้ึ หนกั แนน่ ผา่ นกลวธิ ที างวรรณศลิ ปอ์ นั แยบยล ภายหลงั เมอื่ มกี ารสรา้ งละครเวทเี รอื่ ง เกยี รตศิ กั ดทิ์ หารเสอื ขน้ึ ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๙๐–๒๔๙๕ ผปู้ ระพนั ธบ์ ทละครไดเ้ ชญิ บทพระราชนพิ นธบ์ ทนไ้ี ป เปน็ เนอ้ื เพลงประกอบละคร ทำ� ใหโ้ คลงบทนเ้ี ปน็ ทร่ี จู้ กั แพรห่ ลายและ จดจำ� กนั มาจนปจั จบุ นั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 29 29 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 30 8/8/2557 BE 3:09 PM
๖ ในเพลงปี่ว่าสามพ่พี ราหมณ์เอ๋ย ยังไมเ่ คยเชยชิดพิสมยั ถึงรอ้ ยรสบุปผาสุมาลยั จะช่นื ใจเหมอื นสตรไี ม่มีเลย พระจันทรจรสว่างกลางโพยม ไมเ่ ทียมโฉมนางงามพีพ่ ราหมณ์เอย๋ แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย จะช่ืนเชยชมโฉมประโลมลาน �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 31 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ที่มาของวรรคทอง พระอภยั มณี ผูแ้ ตง่ สนุ ทรภู่ ป/ี สมัยทแี่ ต่ง เรม่ิ แตง่ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั จนถงึ ปลายรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี เรอ่ื งพระอภยั มณจี ดั เปน็ นทิ านคำ� กลอน คอื วรรณคดนี ทิ านทแี่ ตง่ ดว้ ยกลอนเพลงหรอื กลอนเพลงยาวตลอดทง้ั เรอื่ ง รปู แบบคำ� ประพนั ธ์ กลอนเพลง วัตถปุ ระสงค์/โอกาสในการแตง่ สุนทรภู่เริ่มแต่งเรื่องพระอภัยมณีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั เพอ่ื เลยี้ งชวี ติ ขณะตอ้ งโทษจำ� คกุ ราว พ.ศ. ๒๓๖๔ จนเมอ่ื พน้ โทษกลบั เขา้ รบั ราชการกไ็ ดแ้ ตง่ ตอ่ อกี แลว้ หยดุ ไป ตอ่ มาเมอื่ สนุ ทรภอู่ อกบวช ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ ไดแ้ ตง่ ตอ่ ตามรบั สงั่ ของพระองคเ์ จา้ ลกั ขณานคุ ณุ แลว้ ไดห้ ยดุ ไปอกี ครง้ั กอ่ นจะแตง่ ตอ่ ไปอกี ตามรบั สงั่ ของกรมหมน่ื อปั สรสดุ าเทพ ในชว่ งปลายรชั กาลที่ ๓ โดยแตง่ ตอ่ จนถงึ ตอนพระอภยั มณอี อกบวช (เลม่ ที่ ๔๙) ตอนตอ่ จากนน้ั เขา้ ใจวา่ เปน็ สำ� นวนของกวอี น่ื พระอภัยมณเี ป็นบทประพนั ธ์เรอื่ งยาวทส่ี ดุ ของสนุ ทรภู่ นบั เป็น ตอนได้ ๖๔ ตอน พระอภยั มณเี ปน็ นทิ านคำ� กลอนทส่ี นกุ สนาน เตม็ ไปดว้ ยจนิ ตนาการและความแปลกใหม่ สำ� นวนกลอนไพเราะ จงึ ได้ รบั ยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรเมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๙ ใหเ้ ปน็ ยอดของนทิ าน คำ� กลอน 32 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 32
ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย พระอภยั มณี เนอ้ื หาของบทประพนั ธ์ พระอภยั มณี เปน็ เรอื่ งราวของพระอภยั มณี โอรสทา้ วสทุ ศั นแ์ ละ นางปทมุ เกสรแหง่ กรงุ รตั นา เรอื่ งเรม่ิ ตน้ เมอ่ื พระอภยั มณแี ละอนชุ า คอื ศรสี วุ รรณออกเดนิ ทางไปศกึ ษาเลา่ เรยี นวชิ า พระอภยั มณเี รยี นวชิ า เปา่ ปจ่ี นเชยี่ วชาญ สามารถเปา่ ปส่ี ะกดคนและสตั วไ์ ด้ สว่ นศรสี วุ รรณ เรยี นวชิ ากระบก่ี ระบอง เมอ่ื ทา้ วสทุ ศั นท์ ราบวา่ โอรสทงั้ สองไมไ่ ดเ้ รยี น วชิ าสำ� หรบั กษตั รยิ ก์ ก็ ริว้ และขับไล่ออกจากเมอื ง พระอภัยมณแี ละ ศรสี วุ รรณเดนิ ทางพเนจรไปจนไดพ้ บกบั พราหมณว์ เิ ชยี รโมราและสานน พราหมณข์ อใหพ้ ระอภยั มณเี ปา่ ปใ่ี หฟ้ งั เสยี งปอ่ี นั ไพเราะสะกดใหท้ กุ คนหลบั ใหล นางผเี สอื้ สมทุ รไดย้ นิ เสยี งปจ่ี งึ ตดิ ตามเสยี งมาจนพบพระ อภยั มณแี ละเกดิ หลงรกั จงึ อมุ้ พระอภยั มณไี ปทถ่ี ำ�้ ของตน นางแปลง กายเป็นมนุษย์และขอให้พระอภัยมณีเป็นสามี เม่ือศรีสุวรรณและ พราหมณท์ งั้ สามฟน้ื คนื สตกิ แ็ ลน่ เรอื ออกตดิ ตามหาพระอภยั มณไี ป จนถงึ เมอื งรมจกั ร ศรสี วุ รรณไดพ้ บรกั และอภเิ ษกกบั นางเกษราธดิ า เจา้ เมอื ง รมจกั ร และมธี ดิ าดว้ ยกนั ชอ่ื อรณุ รศั มี พระอภัยมณีมีโอรสกับนางผีเส้ือสมุทรชื่อสินสมุทรซึ่งเป็นเด็กมี กำ� ลงั มาก วนั หนง่ึ สนิ สมทุ รลอบออกไปเทย่ี วเลน่ แลว้ ไลจ่ บั พอ่ เงอื ก มาได้ พอ่ เงอื กจงึ ชว่ ยออกอบุ ายพาพระอภยั มณแี ละสนิ สมทุ รหนี ฝา่ ย นางยกั ษต์ ามมาทนั จงึ จบั พอ่ เงอื กแมเ่ งอื กกนิ สว่ นพระอภยั มณกี บั นางเงอื กและสนิ สมทุ รเดนิ ทางตอ่ ไปจนถงึ เกาะแกว้ พสิ ดาร ทงั้ สาม ไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากพระฤๅษจี นรอดพน้ จากนางผเี สอื้ มาได้ ตอ่ มาพระอภยั มณไี ดน้ างเงอื กเปน็ ชายา ฝา่ ยเมอื งผลกึ มกี ษตั รยิ ช์ อื่ ทา้ วสลิ ราชซง่ึ มมี เหสชี อ่ื นางมณฑา ทงั้ สองมธี ดิ าชอ่ื สวุ รรณมาลี วนั หนงึ่ นางสวุ รรณมาลอี อกไปทอ่ งทะเลกบั พระบดิ า เรอื ของนางถกู คลน่ื ลมซดั ไปถงึ เกาะแกว้ พสิ ดาร พระอภยั - มณหี ลงรกั นางสวุ รรณมาลตี ง้ั แตแ่ รกเหน็ สว่ นสนิ สมทุ รกถ็ กู ชะตากบั นางจงึ ขอเปน็ บตุ รบญุ ธรรม พระฤๅษชี ว่ ยชท้ี างกลบั เมอื งใหท้ า้ วสลิ ราช พระอภยั มณขี อโดยสารเรอื ไปดว้ ยและฝากนางเงอื กซงึ่ กำ� ลงั ตงั้ ครรภ์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 33 33 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ไวก้ บั พระฤๅษี นางผเี สอื้ สมทุ รตามเรอื ของทา้ วสลิ ราชมาและทำ� ใหเ้ รอื ลม่ ทา้ วสลิ ราชสน้ิ พระชนม์ พระอภยั มณพี ลดั จากนางสวุ รรณมาลแี ละ สนิ สมทุ รไปยงั เกาะอกี แหง่ หนงึ่ นางผเี สอื้ สมทุ รไดต้ ดิ ตามไปพระอภยั มณี จงึ เปา่ ปส่ี งั หารนางผเี สอ้ื จนสน้ิ ชวี ติ สว่ นนางสวุ รรณมาลกี บั สนิ สมทุ ร ไดข้ ออาศยั ไปกบั เรอื โจรสลดั โจรสลดั อยากไดน้ างสวุ รรณมาลเี ปน็ ภรรยาทำ� ใหข้ ดั แยง้ กบั สนิ สมทุ ร สนิ สมทุ รรบชนะหวั หนา้ ไดข้ น้ึ เปน็ นาย โจรแลว้ ลอ่ งเรอื เขา้ ไปถงึ กรงุ รมจกั ร ไดพ้ บกบั ศรสี วุ รรณและทราบวา่ เปน็ อาหลานกนั ศรสี วุ รรณพาสนิ สมทุ รและอรณุ รศั มอี อกเรอื ตามหา พระอภยั มณี ทง้ั หมดไดพ้ บกบั อศุ เรนคหู่ มนั้ ของสวุ รรณมาลซี งึ่ ไดช้ ว่ ย พระอภยั มณไี ว้ สนิ สมทุ รไมย่ อมคนื นางสวุ รรณมาลใี หอ้ ศุ เรน จงึ เกดิ รบพงุ่ กนั และขบั ไลอ่ ศุ เรนไปได้ เมอื่ กลบั ถงึ เมอื งผลกึ พระอภยั มณี ได้ข้ึนครองเมืองและต่อมาได้นางสุวรรณมาลีเป็นมเหสี มีธิดาแฝด ชอ่ื สรอ้ ยสวุ รรณกบั จนั ทรส์ ดุ า สว่ นศรสี วุ รรณทลู ลากลบั เมอื งรตั นา โดยพาสนิ สมทุ รและอรณุ รศั มกี ลบั ไปดว้ ย ฝา่ ยนางเงอื กซง่ึ อาศยั อยู่ กบั พระฤๅษที เี่ กาะแกว้ พสิ ดารไดใ้ หก้ ำ� เนดิ โอรสของพระอภยั มณคี อื สดุ สาคร สดุ สาครออกตามหาพระบดิ าไปถงึ เมอื งการเวกและไดเ้ ปน็ โอรสบญุ ธรรมของเจา้ เมอื ง อุศเรนยกทัพมาโจมตีเมืองผลึกแต่แพ้พระอภัยมณีและตายใน สงคราม เจา้ ลงั กาซง่ึ เปน็ พระบดิ าของอศุ เรนตรอมใจตายตามโอรส ทำ� ใหน้ างละเวงวณั ฬาขนษิ ฐาของอศุ เรนตอ้ งขน้ึ ครองเมอื งลงั กาแทน โดยมีสังฆราชบาทหลวงเป็นที่ปรึกษา นางละเวงแค้นใจ คิดท�ำศึก กบั เมอื งผลกึ อกี ครงั้ จงึ ใหช้ า่ งวาดรปู ตนเองพรอ้ มลงมนตรเ์ สนห่ ส์ ง่ ไป ตามเมอื งตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหช้ ว่ ยนางรบตามคำ� แนะนำ� ของสงั ฆราชบาทหลวง พระอภยั มณเี หน็ รปู นางละเวงกถ็ กู มนตรเ์ สนห่ จ์ นไมเ่ ปน็ อนั ทำ� ศกึ นาง สุวรรณมาลีจึงขอให้ศรีสุวรรณกับสินสมุทรมาช่วย ในขณะเดียวกัน สุดสาครท่ีอยู่เมืองการเวกมานานก็คิดออกตามหาพระอภัยมณี มี เสาวคนธแ์ ละหสั ไชยซงึ่ เปน็ ธดิ าและโอรสเจา้ เมอื งการเวกตามมาดว้ ย เมอ่ื ถงึ เมอื งผลกึ กเ็ ขา้ ชว่ ยแกเ้ สนห่ ใ์ หพ้ ระอภยั มณไี ดส้ ำ� เรจ็ และชว่ ยรบ กองทพั ขา้ ศกึ จนแตกพา่ ยไป 34 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 34
ในเพลงปี่ว่าสามพ่ีพราหมณ์เอ๋ย พระอภยั มณี พระอภยั มณตี ดั สนิ ใจยกทพั ไปทำ� ศกึ ทกี่ รงุ ลงั กาเพอ่ื ตดั ตน้ ตอแหง่ สงคราม ไมว่ า่ นางละเวงสง่ ทพั ใดไปรบกแ็ พส้ น้ิ จงึ ใชว้ ธิ ที ำ� เสนห่ ใ์ หเ้ หลา่ กษตั รยิ ห์ ลงใหล ในทสี่ ดุ ทงั้ พระอภยั มณี ศรสี วุ รรณ สนิ สมทุ ร และ สดุ สาครกถ็ กู เสนห่ ข์ องสตรเี มอื งลงั กาจนหมด นางสวุ รรณมาลจี งึ ตอ้ ง ยกทพั มาชว่ ยทำ� ศกึ แทนแตไ่ มป่ ระสบผล ทงั้ สองฝา่ ยรบกนั อยา่ งยดื เยอ้ื ในทส่ี ดุ พระฤๅษมี าชว่ ยแกเ้ สนห่ แ์ ละเทศนาไกลเ่ กลย่ี จนทง้ั หมด ละความพยาบาทยอมคนื ดกี นั พระอภยั มณแี ละนางสวุ รรณมาลพี รอ้ ม ดว้ ยเหลา่ กษตั รยิ ท์ งั้ หลายเดนิ ทางกลบั เมอื ง แตน่ างละเวงไปดว้ ยไมไ่ ด้ เพราะตอ้ งอยปู่ กครองบา้ นเมอื งตอ่ ไป ต่อมาสินสมุทรได้ครองคู่กับอรุณรัศมี สุดสาครได้ครองคู่กับ เสาวคนธ์ หสั ไชยไดค้ รองคกู่ บั สรอ้ ยสวุ รรณและจนั ทรส์ ดุ า เมอื่ ทา้ ว สทุ ศั นก์ บั นางปทมุ เกสรสนิ้ พระชนม์ พระอภยั มณี ศรสี วุ รรณ และสนิ - สมทุ รเดนิ ทางไปปลงพระศพทก่ี รงุ รตั นา มงั คลา โอรสนางละเวงซงึ่ ครองกรงุ ลงั กา ยกทพั มารบกบั เมอื งผลกึ อกี พระอภยั มณเี ปา่ ปส่ี ะกด ทพั จนสงครามยตุ ิ เมอื่ การศกึ และความวนุ่ วายตา่ ง ๆ สงบลง พระ อภยั มณเี กดิ ความรสู้ กึ สงั เวชและเบอื่ หนา่ ยความขดั แยง้ ระหวา่ งมเหสี จงึ ออกบวชเปน็ ฤๅษี นางละเวงตดั สนิ ใจเปลย่ี นศาสนาและออกบวช ตามพรอ้ มกบั นางสวุ รรณมาลี ทง้ั สามไปบำ� เพญ็ เพยี รอยทู่ เ่ี ขาสงิ คตุ ร์ วรรคทองบทนี้อยู่ในตอนพระอภัยมณีและศรีสุวรรณพบกับ พราหมณว์ เิ ชยี ร โมรา และสานน พราหมณท์ ง้ั สามถามถงึ คณุ ประโยชน์ ของการศกึ ษาวชิ าดนตรี พระอภยั มณตี อบคำ� ถามแลว้ แสดงเพลงปใ่ี ห้ พราหมณฟ์ งั ความหมายของวรรคทอง วรรคทองท่ียกมานี้เป็นเนื้อหาของเพลงปี่ที่พระอภัยมณีเป่าให้ พราหมณ์ทัง้ สามฟงั เพลงปบี่ รรเลงวา่ จะหาสิง่ ใดที่ให้ความชน่ื ใจแก่ บุรุษได้เท่าสตรีนั้นไม่มีเลย แม้ดอกไม้ท้ังหลายที่ว่ามีกลิ่นหอมก็ไม่ อาจเทยี บได้ แมแ้ ตพ่ ระจนั ทรท์ สี่ อ่ งสวา่ งอยกู่ ลางทอ้ งฟา้ กย็ งั ไมอ่ าจ สคู้ วามงามของสตรไี ดเ้ ชน่ กนั หากไดน้ างผเู้ ปน็ ทร่ี กั มาครอง กเ็ หมอื น 35 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 35 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา ไดด้ วงแกว้ อนั มคี า่ มาประคองไวแ้ นบอก จะทะนถุ นอมดแู ลเปน็ อยา่ ง ดี และจะชนื่ ชมความงามอนั นา่ พงึ ใจของนางดว้ ยความเบกิ บานใจ ความดีเด่น วรรคทองบทน้ีโดดเด่นท่ีการพรรณนาความน่าหลงใหลของสตรี กวใี ชถ้ อ้ ยคำ� และความเปรยี บทเี่ รยี บงา่ ยแตก่ ระทบใจ เชน่ เปรยี บให้ เหน็ วา่ รสอนั หอมหวานของมวลดอกไมน้ านาพรรณกไ็ มอ่ าจเทยี บได้ กบั ความนา่ อภริ มยจ์ ากการไดเ้ ชยชมสตรี หรอื เปรยี บพระจนั ทรท์ สี่ อ่ ง สวา่ งอยกู่ ลางฟา้ วา่ มอิ าจเทยี บเคยี งไดก้ บั รปู โฉมอนั งามผดุ ผาดของ สตรี การนำ� ดอกไมม้ าเปรยี บกบั สตรมี นี ยั เกยี่ วกบั การเรา้ ผสั สะในมติ ิ ตา่ ง ๆ เชน่ สสี นั อนั งดงาม กลน่ิ ทห่ี อมยวนใจ และสมั ผสั ทบี่ อบบาง นมุ่ นวล การใชค้ ำ� วา่ “ถงึ รอ้ ยรสบปุ ผาสมุ าลยั จะชนื่ ใจเหมอื นสตรี ไมม่ เี ลย” จงึ ชว่ ยเนน้ ยำ้� “รส” อนั นา่ อภริ มยท์ ไี่ ดจ้ ากการใกลช้ ดิ สตรี สว่ นการนำ� ดวงจนั ทรม์ าเปรยี บกบั สตรมี นี ยั สอื่ ถงึ ความงามทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความชน่ื ตาอนั นำ� มาสคู่ วามเบกิ บานและอม่ิ เอมใจ ดว้ ยคณุ ลกั ษณะ ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วมา ทำ� ใหส้ ตรเี ปน็ สง่ิ ทม่ี คี า่ ยงิ่ กวจี งึ ไดใ้ ชอ้ ปุ ลกั ษณเ์ ปรยี บ เทียบนางเป็นดวงแก้ว ซ่ึงหากได้นางมาครอบครองแล้ว “จะค่อย ประคอง”และ “ชนื่ เชยชมโฉม” ดว้ ยความออ่ นโยนทะนถุ นอมและ เหน็ ในคณุ คา่ อนั สงู สง่ ของนาง ความโดดเดน่ ของเนอื้ หาขา้ งตน้ ไดร้ บั การเสรมิ สง่ ใหม้ นี ำ�้ เสยี งอนั ไพเราะออ่ นหวานยงิ่ ขน้ึ ดว้ ยการเลน่ เสยี ง สัมผัสท่ีแพรวพราวท้ังสัมผัสสระ เช่น บุปผา-สุมาลัย, จันทร-จร, สวา่ ง-กลาง และสมั ผสั พยญั ชนะ เชน่ “เชย-ชดิ ”“รอ้ ย-รส”“(ประ) คอง-เคย” “ชนื่ -เชย-ชม-โฉม” เนอื้ หาทกี่ ลา่ วชนื่ ชมความงามและคณุ คา่ ของสตรอี ยา่ งออ่ นหวาน และความเสนาะของเสยี งสมั ผสั ทำ� ใหว้ รรคทองบทนม้ี คี วามไพเราะสม กบั เปน็ “เพลงป”่ี ของพระอภยั มณที จ่ี บั ใจผอู้ า่ นผฟู้ งั ตลอดมา 36 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 36
ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย พระอภยั มณี �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 37 37 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 38 8/8/2557 BE 3:09 PM
๗ ความเอยความรกั เรม่ิ สมคั รชน้ั ตน้ ณ หนไหน เร่มิ เพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ หรอื เริ่มในสมองตรองจงด ี แรกจะเกดิ เปน็ ไฉนใครรบู้ า้ ง อยา่ อ�ำพรางตอบสำ� นวนให้ควรท ่ี ใครถนอมกล่อมเกล้ียงเลีย้ งรต ี ผใู้ ดมีค�ำตอบขอบใจเอย ตอบเอยตอบถ้อย เกดิ เมอ่ื เห็นนอ้ งนอ้ ยอยา่ สงสัย ตาประสบตารักสมคั รไซร ้ เหมือนหน่ึงให้อาหารสำ� ราญครนั แตถ่ ้าแมส้ ายใจไม่สมัคร เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกดิ ยอ่ มอาสัญ ได้แต่ชวนเพอ่ื นยามาพรอ้ มกนั ร้องร�ำพันสงสารรกั หนักหนาเอย �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 39 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ที่มาของวรรคทอง บทละครพดู คำ� กลอนเรอื่ งเวนสิ วานชิ ผแู้ ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ป/ี สมยั ทแี่ ต่ง พ.ศ. ๒๔๕๙ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี เวนิสวานิชเป็นวรรณคดีประเภทบทละครพูดค�ำกลอน คือ บท ละครทแ่ี ตง่ ดว้ ยกลอนสภุ าพเปน็ สว่ นใหญ่ มบี ทเจรจาบางตอนแตง่ เปน็ รอ้ ยแกว้ แทรกอยบู่ า้ ง ในตอนทกี่ ลา่ วถงึ ขอ้ ความในหบี ๓ ใบ แตง่ เปน็ โคลงสสี่ ภุ าพและโคลงดน้ั และในตอนทก่ี ลา่ วถงึ การบรรเลงและขบั รอ้ งเพลงขณะทบ่ี สั สานโิ ยเลอื กหบี แตง่ เปน็ กลอนดอกสรอ้ ย รูปแบบค�ำประพันธ์ กลอนสภุ าพ วัตถุประสงค/์ โอกาสในการแตง่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บท ละครพูดเรื่องเวนิสวานิชโดยทรงแปลจากบทละครสุขนาฏกรรม เรอื่ ง The Merchan of Veniceของวลิ เลยี ม เชกสเปยี ร์ (William Shakespeare)ดว้ ยมพี ระราชดำ� รวิ า่ เชกสเปยี รเ์ ปน็ จนิ ตกวคี นสำ� คญั ของอังกฤษซึ่งมีช่ือเสียงเป็นที่รู้จักกันท่ัวโลก นอกจากจะมีผู้นิยม นำ� บทละครของเชกสเปยี รไ์ ปแสดงแล้ว ยงั ยกยอ่ งกนั วา่ เปน็ หนงั สอื ควรอ่านเพราะเต็มไปด้วยโวหารอันค มคายและถ้อยค�ำอันไพเราะ สละสลวย มผี นู้ ำ� ไปแปลเปน็ ภาษาตา่ ง ๆ มากมาย พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธไ์ วใ้ นคำ� นำ� ของเวนสิ วานชิ วา่ “ขา้ พเจา้ กอ็ อกจะนกึ ละอายแกใ่ จทใ่ี นภาษาไทยเราไมม่ บี า้ งอยา่ งเขา จรงิ อยขู่ า้ พเจา้ ไดท้ ราบอยวู่ า่ มผี ไู้ ดน้ พิ นธเ์ รอ่ื งของเชกสเปยี รข์ น้ึ แลว้ ๓ ราย...แตท่ แ่ี ตง่ ไวแ้ ลว้ ทงั้ ๓ รายนไ้ี มต่ รงตามแบบเดมิ ของเชกสเปยี รส์ กั 40 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 40
ความเอยความรัก เวนสิ วานิช รายเดยี ว” ดงั นน้ั พระองคจ์ งึ ทรงเลอื กเรอื่ งเวนสิ วานชิ มาแตง่ เปน็ ภาษา ไทยโดย “คงรปู ใหเ้ ปน็ ละครเจรจาโตต้ อบกนั ตามแบบของเชกสเปยี ร์ เดมิ และถอ้ ยคำ� ผกู เปน็ กลอนไทยเพื่อใหร้ ปู คลา้ ยของเดมิ ทส่ี ดุ ทจี่ ะ ขยบั ขยายใหเ้ ปน็ ไปได”้ เน้ือหาของบทประพนั ธ์ เรอื่ งเวนสิ วานชิ เปน็ เรอื่ งราวของอนั โตนโิ ยพอ่ คา้ ผมู้ ชี อ่ื เสยี งแหง่ เมอื งเวนสิ ซง่ึ เปน็ ผมู้ จี ติ ใจโอบออ้ มอารี แตเ่ กลยี ดชงั พวกยวิ โดยเฉพาะ ไชลอ็ กซง่ึ รำ่� รวยจากการใหเ้ งนิ กู้ อนั โตนโิ ยมเี พอื่ นรกั ชอื่ บสั สานโิ ยซง่ึ หลงรกั นางปอรเ์ ชยี ทายาทของคหบดแี หง่ เมอื งเบล็ มอนต์ บสั สานโิ ย ตอ้ งการเงนิ ๓,๐๐๐ เหรยี ญ เพอ่ื เปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทางไปเลอื ก คู่ จงึ ขอความชว่ ยเหลอื จากอนั โตนโิ ย ขณะนนั้ อนั โตนโิ ยมเี งนิ สดใน มือไม่พอเน่ืองจากทรัพย์สินท้ังหมดลงทุนไปกับเรือสินค้าที่เดินทาง ไปคา้ ขายตามเมอื งตา่ ง ๆ ทว่ั โลก อนั โตนโิ ยจงึ ตดั สนิ ใจไปขอกเู้ งนิ จาก ไชลอ็ ก ไชลอ็ กตกลงใหก้ เู้ งนิ โดยหวงั จะใชโ้ อกาสนแ้ี กแ้ คน้ อนั โตนโิ ย ทเี่ คยแสดงทา่ ทางดหู มน่ิ ตน จงึ ทำ� สญั ญาวา่ หากอนั โตนโิ ยใชเ้ งนิ ไมท่ นั ตามกำ� หนด จะตอ้ งใชห้ นเี้ ปน็ เนอ้ื ใกลห้ วั ใจหนกั หนง่ึ ปอนด์ เมอื่ บสั สานโิ ยไดเ้ งนิ ๓,๐๐๐ เหรยี ญกเ็ ดนิ ทางไปเบล็ มอนตเ์ พอ่ื เลอื กคคู่ รอง บดิ าของนางปอรเ์ ชยี กำ� หนดวา่ มหี บี ๓ ใบใหผ้ ทู้ ต่ี อ้ งการ แตง่ งานกบั นางเลอื ก หากเลอื กไดใ้ บทมี่ รี ปู ของนางอยภู่ ายใน จงึ จะได้ นางไป บสั สานโิ ยเลอื กหบี ไดถ้ กู ตอ้ งจงึ ไดแ้ ตง่ งานกบั นางปอรเ์ ชยี สม ความปรารถนา ขณะนน้ั อนั โตนโิ ยไดข้ า่ ววา่ เรอื สนิ คา้ ทง้ั หมดอบั ปาง ไมส่ ามารถนำ� เงนิ มาชำ� ระหนไ้ี ด้ ไชลอ็ กซงึ่ มคี วามเกลยี ดชงั อนั โตน-ิ โยเปน็ ทนุ เดมิ และยงิ่ โกรธแคน้ กลมุ่ ชาวครสิ ตม์ ากยงิ่ ขนึ้ เมอ่ื เชส็ สกิ า ลกู สาวของตนหนตี ามลอเรน็ โซเพอื่ นของอนั โตนโิ ยและบสั สานโิ ยไป ไชล็อกจึงเรยี กร้องเอาเน้อื หนกั ๑ ปอนด์ของอนั โตนโิ ยตามสัญญา นางปอรเ์ ซยี มอบเงนิ ใหบ้ สั สานโิ ยนำ� ไปชำ� ระหนแ้ี ทนอนั โตนโิ ยและแตง่ กายเปน็ ชายเดนิ ทางไปทศี่ าลแหง่ เมอื งเวนสิ ปลอมตนเปน็ ทนายไปชว่ ย ใหค้ ำ� ปรกึ ษาในการตดั สนิ คดรี ะหวา่ งไชลอ็ กกบั อนั โตนโิ ย เมอ่ื ไชลอ็ ก 41 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 41 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ไมย่ อมรบั เงนิ แตย่ นื ยนั จะใหท้ ำ� ตามสญั ญา นางปอรเ์ ซยี จงึ ตดั สนิ ให้ ไชลอ็ กไดเ้ นอ้ื ของอนั โตนโิ ย แตม่ ขี อ้ แมว้ า่ ตอ้ งเชอื ดเนอื้ ใหไ้ ด้ ๑ ปอนด์ พอดแี ละไมม่ เี ลอื ดตดิ เนอ้ื ออกมาดว้ ยมฉิ ะนน้ั จะถอื วา่ ทำ� ผดิ สญั ญา ไชลอ็ กจงึ ขอถอนฟอ้ ง นางปอรเ์ ซยี อา้ งกฎหมายใหเ้ จา้ เมอื งประหาร ชวี ติ และรบิ ทรพั ยส์ นิ ของไชลอ็ กทงั้ หมดเพราะแสดงเจตนาจะฆา่ ชาว เมอื ง เจา้ เมอื งยกโทษประหารชวี ติ ใหแ้ ตใ่ หร้ บิ ทรพั ยส์ มบตั ขิ องไชลอ็ ก ครงึ่ หนงึ่ เขา้ รฐั สว่ นอกี ครงึ่ หนงึ่ ใหเ้ ปน็ คา่ ทำ� ขวญั อนั โตนโิ ย อนั โตนโิ ยไม่ รบั เงนิ แตข่ อใหไ้ ชลอ็ กหนั มานบั ถอื ศาสนาครสิ ตแ์ ละทำ� พนิ ยั กรรมยก ทรพั ยส์ นิ ใหเ้ ชส็ สกิ าลกู สาวซง่ึ หนไี ปอยกู่ บั สามชี าวครสิ ตแ์ ทน เรอ่ื งจบ ลงเมอ่ื เรอื สนิ คา้ ของอนั โตนโิ ยมาถงึ ทา่ เรอื อยา่ งปลอดภยั บทประพนั ธต์ อนทเี่ ปน็ วรรคทองนเี้ ปน็ ตอนทบ่ี สั สานโิ ยไปทบ่ี า้ น ของนางปอร์เชียเพ่ือไปเลือกหีบ และนางปอร์เชียได้ส่ังให้วงดนตรี บรรเลงเพลง กลอนดอกสรอ้ ยทงั้ สองบทนค้ี อื บทขบั รอ้ งทน่ี กั รอ้ งขบั ประสานกบั ดนตรขี ณะทบี่ สั สานโิ ยพจิ ารณาหบี ทง้ั ๓ ใบ ความหมายของวรรคทอง วรรคทองทง้ั สองบทนเ้ี ปน็ บทรอ้ งถามตอบเกยี่ วกบั ความรกั ของ ชายหญงิ คหู่ นง่ึ คอื บสั สานโิ ยและนางปอรเ์ ซยี บทรอ้ งบทแรกมเี นอ้ื ความเปน็ คำ� ถามวา่ ความรกั ใครเ่ สนห่ าเรม่ิ เกดิ ขนึ้ ทใี่ ด เกดิ ทห่ี วั ใจหรอื ทสี่ มอง เมอ่ื แรกเกดิ ขน้ึ นน้ั เปน็ อยา่ งไรและมสี งิ่ ใดเปน็ เครอ่ื งหลอ่ เลยี้ ง บำ� รงุ ความรกั ใหเ้ ตบิ โตขนึ้ ขอใหค้ ดิ พจิ ารณาตอบคำ� ถามนใ้ี หด้ โี ดยไม่ ปดิ บงั อำ� พราง และขอขอบคณุ ผทู้ ใี่ หค้ ำ� ตอบ บทรอ้ งบทท่ี ๒ มเี นอ้ื ความเปน็ คำ� ตอบวา่ ความรกั ใครเ่ สนห่ าเกดิ ขนึ้ เมอ่ื ไดเ้ หน็ นาง การได้ พบเหน็ และสบตากนั เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ และเปน็ เครอื่ งชว่ ยหลอ่ เลยี้ งบำ� รงุ ความรกั ใหง้ อกงามขนึ้ แตห่ ากนางไมพ่ รอ้ มใจรกั ตอบ ความรกั ใคร่ เสนห่ าเชน่ นก้ี ย็ อ่ มดบั สลายไปตงั้ แตแ่ รกนน้ั เอง และหากเปน็ ดงั นน้ั กข็ อใหเ้ พอ่ื นทง้ั หลายมารว่ มรอ้ งเพลงพรรณนาความโศกเศรา้ สงสาร ความรกั เชน่ นกี้ นั เถดิ 42 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 42
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446