100 บทที่ ๓ บริเวณทรี่ าบลุ่มแม่นำ้� เจา้ พระยา เหน็ ไดว้ า่ สงิ่ ทช่ี า้ งทงั้ ๔ ตวั ทำ� ลงไปนนั้ มาจากความรสู้ กึ ผกู พนั อนั มคี ณุ คา่ คำ� อธิบายที่ถกู ต้องในเรอื่ งน้ีอาจมาจากความเป็นเพ่อื น ความคุ้นชนิ ในการไป ไหนมาไหนร่วมกัน เม่ือมีตัวหนึ่งแยกตัวมุ่งไปตามเสียงร้องคร่�ำครวญของช้าง เชลยตวั เล็กตวั นั้น ตัวอนื่ ๆ จึงตอ้ งเข้าไปหาเปน็ ธรรมดา เรอ่ื งจำ� นวนมากมายมหาศาลของชา้ งนนั้ จริงๆ แลว้ ก็ยงั เป็นเรอื่ งทไ่ี มม่ ี ส่ิงใดเห็นเด่นชัดมากไปกว่าเร่ืองการปราศจากซ่ึงการมองเห็นคุณค่าท่ีมีอยู่ใน จติ สำ� นกึ ของสว่ นรวม หากการครอบครองชา้ งในลกั ษณะใดๆ กต็ ามมโี ทษแบบ เดยี วกบั การครอบครองสตั วท์ นี่ า่ รกั อยา่ งตวั บเี วอร์ ทงั้ การจบั ชา้ งมาฝกึ ใหเ้ ชอื่ ง และการจดั งานคล้องช้างในเพนียดกค็ งจะเกดิ ข้นึ ไมไ่ ด้ เรอื่ งเหลอื เชือ่ สว่ นใหญ่ ท่ีอ้างถึงเหตุผลในการใช้ก�ำลังกับช้างก็ไม่ได้มีหลักฐานมายืนยัน หรือสามารถ อธบิ ายไปถงึ มลู เหตใุ นเรอื่ งอน่ื ๆ4 ไดม้ กี ารตง้ั ขอ้ สงั เกตเอาไวว้ า่ การกระทำ� ทเ่ี กนิ กว่าเหตุแบบเดียวกันน้ีในสมัยก่อนมักจะเกิดขึ้นกับช้างที่โตเต็มที่5 แลว้ เทา่ นน้ั ชา้ งพลายตวั นอ้ ยยงั คงคลมุ้ คลง่ั และครวญครางอยา่ งเศรา้ หมอง ทนตอ่ สู้ กับความท้อแท้ส้ินหวังจนท�ำให้มันได้รับความเห็นใจจากทุกคนที่พบเห็น จน ตกกลางคืนช้างฝกึ เหล่านัน้ กไ็ ม่สามารถพันธนาการใดๆ มนั ได้อกี มันคงจะนึก เหมอื นอย่างทพี่ วกเราหวังวา่ มนั จะไดร้ ับอสิ รภาพ ดเู หมือนว่าแทบจะไม่มสี ตั ว์ ตัวใดท่ีถูกจับกุมแบบน้ีแล้วจะมีชีวิตรอดไปได้ แล้วก็เป็นเรื่องน่าเศร้าท่ีพบว่า สตั วป์ ระมาณ ๒๕ เปอรเ์ ซน็ ต์ ตอ้ งลม้ ตายลงไปกอ่ นทมี่ นั จะเชอ่ื ง ตายเนอื่ งจาก บาดแผลที่ได้รับมาในระหว่างการต่อสู้ดิ้นรนในครั้งแรกท่ีถูกจับหรือจากการ เบียดเสียดอย่างโกลาหลในฝูง มันคงไม่ปรารถนาจะเรียกร้องส่ิงใดหลังจากท่ี มันได้รับการดูแลอย่างดี แสดงให้เห็นว่าตามธรรมชาติแล้วมันเป็นสัตว์ที่อ่อน โยนเพยี งใดตรงท่ีมันพรอ้ มจะให้ขม่ี ันได้ภายใน ๕ สปั ดาห์ 4 เช่นทปี่ รากฏในเรอื่ งของลาลแู บร์ และเบาริง เปน็ ข้อสังเกตท่เี กย่ี วพันกับการใช้เพศเมยี เป็นตวั ล่อโดยใช้ช้างเชอื่ งตวั เมยี ล่อลวงชา้ งป่าใหเ้ ขา้ สู่ที่คุมขงั – ตน้ ฉบับ 5 โดยปกติช้างแถบเอเชียจะมีความกวา้ งตรงช่วงไหล่ไม่เกนิ ๑๐ ฟุต – ตน้ ฉบบั
ห้าปใี นสยาม เล่ม ๑ 101 ในเหตกุ ารณเ์ ดยี วกนั นเี้ จา้ ชา้ งนอ้ ยตวั หนงึ่ ทอี่ ารมณด์ กี วา่ เพอ่ื นไดแ้ หวก วงลอ้ มออกมา มนั แสดงความสาสมใจกบั ยามเช้าทอี่ ยธุ ยาดว้ ยการพังเรอื และ แผงขายของในตลาด ร่องรอยการท�ำลายของมันเห็นได้ชัดจากซากสิ่งหักพัง เป็นระยะทางหลายๆ ไมล์ สตั วท์ ถี่ กู นำ� มาฝกึ ลว้ นตอ้ งเสยี ขวญั กบั เหตกุ ารณเ์ ชน่ ในวนั นนั้ เมอ่ื ฝงู ชา้ ง เป็นจ�ำนวนมากท่ีถูกต้อนเขา้ เพนยี ดในตอนเยน็ ไดส้ ร้างความวุ่นวายแถวๆ ทีม่ ี ช้างฝึกยืนคุมเชิงอยู่ นอกจากที่พวกมันจะไม่พยายามสกัดกั้นพวกช้างที่ตื่น ตระหนกแล้ว พอผา่ นไปสัก ๒ - ๓ นาทีพวกมันเองกลับว่ิงกระเจิดกระเจงิ ไป ทง้ั ฝูง นับเป็นภาพทีด่ ูปา่ เถื่อนสับสน ทกุ ๆ ตวั ตา่ งพากันว่ิงวนว่นุ วาย สำ� หรบั ควาญชา้ งเปน็ คนกลมุ่ เดยี วทไ่ี มไ่ ดเ้ ขา้ มาพวั พนั ในเหตกุ ารณ์ แตพ่ วกเขากก็ ำ� ลงั ขบั เคย่ี วกบั การขช่ี า้ งอยา่ งแขง็ ขนั ตราบใดทภี่ มู ปิ ระเทศรอบดา้ นยงั เปดิ โลง่ อยู่ พอควร พวกเขาทัง้ หมดก็จะไดอ้ ยู่ในตำ� แหนง่ ท่ีปลอดภยั ที่สุด ด้วยความเช่ียวชาญอันน่าทึ่งบวกกับวิธีการที่พวกเขาร่วมมือกันท�ำให้ สามารถจบั สัตวไ์ ว้ได้ในก�ำมอื โดยลอ้ มจับตวั ท่ีกระเจดิ กระเจงิ ออกจากฝูงมาได้ เร่อื งการคมุ้ ครองสัตว์คอื เรอื่ งทยี่ ังเป็นจดุ อ่อน คงอีกกวา่ ๑๖๐ ปกี ระมังท่กี าร ผลกั ดนั สำ� นกึ ในเรอื่ งนจี้ ะบงั เกดิ ผลสำ� เรจ็ และเมอ่ื ถงึ เวลานน้ั ชา้ งพลายชน้ั เยยี่ ม กค็ งจะสญู พันธ์ุไปหมดแลว้ ในสยามน้ันจะไม่มีการตัดงาช้างหรือท�ำให้ดูทื่อๆ อย่างในอินเดีย ช้าง ส่วนใหญ่จะใช้เวลาระหว่างท่ีถูกคุมขังไว้อยู่ตามบริเวณพื้นที่หลายแห่งของ ประเทศโดยทไี่ มต่ ้องท�ำงาน โดยเฉพาะบรเิ วณคาบสมุทรมลายูกับชมุ พร และ ในตอนนก้ี ย็ งั มชี า้ งเลยี้ งอยเู่ ปน็ จำ� นวนมากทส่ี งขลา ผเู้ ลย้ี งเปน็ พวกทแ่ี ทบทงั้ ปี จะไม่มีงานท�ำหรือมีท�ำบ้างก็เพียงเล็กน้อย สัตว์เหล่าน้ันต่างพากันเดินโขยก เขยกเกลอ่ื นกลาดอยใู่ นปา่ บางคราวพวกมนั กถ็ กู ปลอ่ ยใหอ้ ยกู่ นั ตามสบายรว่ ม อาทิตย์ โดยท่ีควาญช้างจะออกไปดูแลพวกมันบา้ งบางโอกาส หากเป็นควาญ ช้างทใ่ี ส่ใจกับงานกว่าน้ัน ก็จะเล็ดลอดเข้าไปในป่าตอนกลางคืนเพ่ือดูแลพวก มันด้วยตนเอง เนื่องจากในป่าเป็นพื้นที่ซ่ึงคลาคล่�ำไปด้วยเสือขนาดใหญ่และ แวดล้อมด้วยเสือดาวจึงท�ำให้สัตว์ต่างๆ ต้องเก็บเขี้ยวเก็บงาไว้เพ่ือป้องกันตัว
102 บทที่ ๓ บริเวณท่ีราบลุ่มแมน่ ำ้� เจา้ พระยา เองในตอนกลางคนื พวกมนั มกั จะยนื รวมกลมุ่ เอาหวั ชนหางกนั ไวเ้ พอ่ื คอยชว่ ย เหลือกัน แต่ละตัวจะปกป้องข้างหลังของเพ่ือนไว้ในขณะที่หลังของมันก็ถูก ปอ้ งกนั ไวแ้ ลว้ ดว้ ย ในเหตกุ ารณ์ ๒ - ๓ เรอ่ื งเกยี่ วกบั ชา้ งทถี่ กู เสอื โจมตที ขี่ า้ พเจา้ ไดร้ ู้มานั้น มีอยู่ ๒ ครงั้ ทีเ่ สือเป็นฝา่ ยชนะ ส่วนอีกคร้ังหน่งึ เสอื ถูกช้างฆ่าตาย เรยี บรอ้ ย หากเสอื มโี อกาสขนึ้ ไปอยบู่ นหลงั ชา้ งได้ ทางออกเพยี งอยา่ งเดยี วของ ช้างก็คือการออกว่ิงไปในป่าเต้ียๆ ใช้ต้นไม้ปัดศัตรูบนหลังให้ร่วงตกลงมา แซนเดอร์สันได้ให้ข้อสังเกตถึงข้อเท็จจริงอันแปลกประหลาดนี้ว่า ช้างนั้นไม่ คอ่ ยเขา้ ทำ� รา้ ยคนทอ่ี ยบู่ นสว่ นหลงั หรอื ลำ� คอของชา้ งตวั อนื่ เหตนุ เ้ี องทำ� ใหค้ วาญ ช้างน่ังอยู่บนคอช้างท่ามกลางช้างท้ังฝูงได้อย่างปลอดภัย บางทีอาจจะด้วย เหตผุ ลเดยี วกนั นเ้ี องทมี่ นั ไมส่ ามารถชว่ ยเพอ่ื นทถ่ี กู เสอื โจมตบี นหลงั ได้ ชา้ งจะ ใชข้ าหลงั ในการปอ้ งกนั สขี า้ งตวั เอง มนั เตะไดเ้ รว็ แลว้ กอ็ นั ตรายมากอยา่ งไมน่ า่ เช่ือ ถ้าจะให้ดีแล้วการจะเข้าใกล้ช้างต้องท�ำเหมือนการเข้าใกล้ม้าคือเข้าจาก ทางหัว เพราะแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ฝึกง่ายแต่มันก็ข้ีตกใจและมีปฏิกิริยาตอบ สนองอย่างรวดเรว็ ครัง้ แรกมันจะจ้องมองดูคุณเฉยๆ กอ่ น มนั จะฟงั เสียงท่ีคุณ พดู และยงิ่ ถา้ มนั ยอมรบั เครอื กลว้ ยจากมอื ของคณุ แลว้ คณุ กไ็ มต่ อ้ งกลวั อกี ตอ่ ไปว่ามันจะตกอกตกใจกบั ชดุ ฝรั่ง ของคณุ ซ่งึ เมอ่ื แต่แรกคงสรา้ งความงนุ งงให้ มันไม่น้อย ความรู้สึกของการได้สัมผัสช้างนั้นเป็นส่ิงที่ละเอียดอ่อนเป็นท่ีสุด และย่ิงเมื่อได้ข่ีมันก็จะยิ่งอัศจรรย์ใจว่าการกดเข่าหรือหัวแม่โป้งอย่างแผ่วเบา นนั้ จ�ำเปน็ สำ� หรบั การใหม้ ันน�ำทางอย่างไร การทค่ี วาญชา้ งหลงทิศทางซ่ึงเปน็ ผลมาจากเรอื่ งนี้ เปน็ เหตใุ หเ้ กดิ เรอ่ื งไมน่ า่ เชอื่ ทม่ี คี นไดย้ นิ มาหลายเรอ่ื ง ซงึ่ เปน็ ขอ้ พสิ จู น์ได้ถงึ เรือ่ งในการใชก้ ำ� ลังอย่างมีสาเหตขุ องช้าง การไดร้ จู้ ักคุ้นเคยกบั ควาญชา้ งชาวสยามนานๆ น่าจะช่วยเปดิ เผยเร่อื ง ราวทน่ี ่าสนใจเกี่ยวกบั ช้างไดม้ ากมายมหาศาล แต่โชครา้ ยท่ีข้าพเจา้ ไมเ่ คยได้มี โอกาสสร้างความสนิทสนมกับควาญช้างคนใดได้มากพอท่ีจะถ่ายทอดความรู้ และประสบการณอ์ นั หลากหลายท่ีมีส่งั สมอยใู่ นตัวเขาเหล่านน้ั ออกมาได้ ตลอดชวี ิตของคนเรานน้ั สรรพสัตว์ได้สรา้ งสรรค์เรอื่ งราวธรรมชาตอิ ัน เป็นเร่ืองท่ีไม่มีวันจบสิ้นและเป็นยิ่งกว่านิยาย แต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นท่ี รวบรวมเอาไว้ได้อยา่ งถูกต้องแมน่ ยำ�
หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 103 เช่นเดียวกับการคาดหวังเอาจากลักษณะนิสัยของประชาชน และจาก วิถีชีวิตของคนเลี้ยงดูช้างส่วนใหญ่ในสยาม การฝึกฝนยากท่ีจะอยู่ในระดับที่ เรยี กวา่ สมบรู ณแ์ บบเชน่ ทเ่ี ปน็ ในประเทศอนิ เดยี และบางครงั้ ควาญชา้ งบางคน กต็ อ้ งยอมออกเดนิ ทางไปพรอ้ มกบั ฝงู ชา้ งโดยทเ่ี ขาสามารถท�ำใหม้ นั ยอมเชอื่ ฟงั ค�ำสง่ั ของพวกเขาได้เพยี งเล็กนอ้ ยเท่านน้ั สองสามเดอื นถดั มาฝงู ชา้ งอยธุ ยากพ็ ากนั ไปเลน่ นำ้� ตามแมน่ ำ�้ ตา่ งๆ และ กลบั คนื สสู่ ถานทเี่ คยพำ� นกั อาศยั เกอื บจะลมื เลอื นประสบการณอ์ นั แสนลำ� เคญ็ ทไ่ี ดเ้ ผชญิ มายามเมอ่ื อยทู่ า่ มกลางวถิ อี นั เลวรา้ ยของมนษุ ย์ แตภ่ าพของการรวม ตวั กนั ทบี่ รเิ วณสดุ เขตแดนทงุ่ ใหญก่ ด็ จู ะทำ� ใหร้ ะลกึ ถงึ ภาพเรอื่ งราวทผี่ า่ นมาได้ อย่างน่าแปลก ในฤดูใบไมผ้ ลิ เมอ่ื พ.ศ.๒๔๓๙ (ค.ศ.๑๘๙๖) ชา้ งแกบ่ างตัวที่ อยใู่ นโขลงชา้ งประจำ� ตำ� บลไดท้ ำ� ตวั เปน็ จา่ ฝงู อยา่ งนา่ ขนั ดเู หมอื นมนั ไดต้ ดั สนิ ใจบางอย่างเพอ่ื พยายามจะผลกั ดันให้คนเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมเล็กๆ นอ้ ยๆ พวกมนั ไดเ้ ข้าบกุ เขา้ ท�ำลายแคมป์ลาดตระเวน ย�่ำลงไปบนเตน็ ท์ คา่ ยพกั แรม เลน่ ฟตุ บอลดว้ ยเครอื่ งวดั มมุ (Sextants) ดงึ หมดุ ทป่ี กั ออก จมเรอื และสามารถ ลอ้ มต้อนคณะส�ำรวจจากกรงุ เทพฯ ทตี่ น่ื กลวั ไว้เป็นเวลานานถงึ ๔ วัน วธิ ีลา่ มชา้ ง
104 บทที่ ๓ บริเวณท่ีราบลุ่มแม่นำ้� เจ้าพระยา บริเวณแม่น�ำ้ ตอนบน บทที่ ๔ บรเิ วณที่ราบลุม่ แม่นำ้� เจ้าพระยา (ตอนตอ่ ) ชยั นาท - การล่องแพ - ปากน้�ำโพ - แม่นำ�้ พิชัย ----------------------------------- สองถงึ สามเดือนหลังจากการออกสำ� รวจในสุพรรณบุรี ในระหว่างที่ไม่ ได้ผ่านไปทางบริเวณคาบสมุทรตะวันตกของแหลมมลายูซึ่งมีแหล่งแร่อีกส่วน หน่ึง ให้สำ� รวจ ข้าพเจา้ มีความรับผิดชอบอยู่ที่กรงุ เทพฯ เพอ่ื เตรยี มการเริม่ ตน้ ออกส�ำรวจหาทับทิมอีกคร้ัง1 ซ่ึงประเมินสถานการณ์ได้แน่ชัดว่าต้องใช้เวลาท่ี ยาวนานกว่าและน่าสนใจกวา่ ครั้งแรก 1 บนั ทกึ การเดินทางบรเิ วณแมน่ ำ�้ โขงตอนบน แตง่ โดยผเู้ ขยี น พมิ พเ์ ผยแพร่สำ� หรับสมาคมภูมศิ าสตร์ของราชสำ� นกั (Royal Geographical Society), จอหน์ เมอรเ์ รย์, พ.ศ. ๒๔๓๘ ในรายงานฉบบั น้ันจำ� เป็นต้องละเวน้ ทจ่ี ะกล่าวถงึ ขอ้ ความใด ๆ ทีอ่ าจพาดพิงถึงสถานท่ีแห่งนไ้ี ด้ – ตน้ ฉบบั
ห้าปีในสยาม เลม่ ๑ 105 วนั ที่ ๒ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๓๕ ขา้ พเจา้ ออกจากกรงุ เทพฯ ดว้ ยเรอื โดยสาร ทเ่ี รียกกันว่า เรอื ปกิ นกิ (picnic boat) เปน็ เรือที่มีลำ� เรอื เต้ยี ยาว สว่ นกลางลำ� เรือมีห้องโดยสารขนาดกว้างขวาง ลากจูงไปโดยเรือกลไฟท่ีกองทัพเรือจัดหา มาให้ แตเ่ รอื ลำ� น้นั รัว่ ซึมอย่างหนกั จนเมอ่ื ถงึ ปากเกร็ดเราจึงต้องส่งมนั กลับไป ในวนั ถดั มาเรอื อกี ล�ำหนง่ึ ซง่ึ ดกี วา่ ล�ำเกา่ เลก็ นอ้ ยกถ็ กู สง่ มาถงึ ขณะทกี่ ระแสน�้ำ ขน้ึ กำ� ลงั ไหลบา่ อยา่ งรวดเรว็ จงึ เปน็ ไปไมไ่ ดเ้ ลยทจ่ี ะรอคอยอกี ตอ่ ไป พวกเราจงึ รบี รุดเดนิ ทางกนั ต่อ โดยทัว่ ไปชาวยุโรปมักจะรบี ทึกทักเอาไว้กอ่ นวา่ วิธกี ารแบบพวกตนจะ ต้องเปน็ ส่งิ ที่ดที ี่สุดส�ำหรับทกุ ๆ ประเทศ ในเรอ่ื งน้กี เ็ ชน่ กัน ข้าพเจา้ เคยไดย้ นิ พวกเขาประกาศเอาไว้จากการท่ีได้เห็นพวกชาวพื้นเมืองใช้ไม้ทั้งต้นมาขุดเพ่ือ ทำ� เปน็ แกนหลกั ของลำ� เรอื วา่ “พวกเขาชา่ งไมเ่ คยไดเ้ รยี นรใู้ นศลิ ปะของการทำ� เรือปกิ นิกมาบ้างเลย” ขา้ พเจา้ เองไมค่ อ่ ยจะไดเ้ ดนิ ทางดว้ ยเรอื บดลำ� ไหนๆ ทช่ี าวยโุ รปสรา้ งขน้ึ โดยทเ่ี รอื นนั้ ไมม่ อี าการรว่ั ซมึ มากอ่ น เพราะเมอื่ เวลาผา่ นไปสกั ปหี รอื ๒ ปี ความ รอ้ นจะทำ� ใหต้ ะเขบ็ รอยตอ่ ปรอิ า้ สดุ ความสามารถทต่ี อกหมนั จะรงั้ เอาไวอ้ ยู่ เมอ่ื เจอเขา้ กบั ทางนำ�้ ทล่ี กึ และคดเคย้ี ว ทอ้ งเรอื ทย่ี าวตรงแบบนนั้ กค็ งจะไรป้ ระโยชน์ โดยส้ินเชงิ เมอ่ื มันไม่สามารถเบนไปทางไหนๆ ได้ เรือจะหมุนเหวี่ยงอยา่ งหนกั และแล่นได้อย่างเช่ืองช้า ไม่สามารถแล่นไปในแม่น�้ำได้อย่างปลอดภัยและ รวดเร็วเท่าเรือของชาวพื้นเมือง ย่ิงในขณะท่ีเกิดลมพายุหรือกระแสน้�ำเชี่ยว กราก สว่ นยอดบนของเรือทเ่ี กะกะเก้งก้างจะย่ิงเพม่ิ อนั ตรายมากขนึ้ แตเ่ มอื่ อยใู่ นเรอื ของชาวพนื้ เมอื งแลว้ จะเปน็ ตรงกนั ขา้ ม คนสยามจะรบั ร้ถู งึ ความพงึ พอใจในระดับสูง เรอื ของพวกเขาปรบั ปรงุ ไปตามจดุ ประสงคข์ อง การใชง้ านไดอ้ ยา่ งนา่ ชมเชยเชน่ เดยี วกบั เรอื ของชาวลาว และใชว้ ธิ กี ารธรรมดา โดยปรบั เอาความตอ้ งการสำ� หรบั การใชง้ านทกุ รปู แบบเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ดงั นนั้ เรอื ท้ังหลายในแม่น�้ำโขงที่ชาวลาวใช้กันมาร่วมศตวรรษจึงมีคุณสมบัติไม่ล่มไม่จม ทงั้ ยงั เปน็ เรอื ทส่ี รา้ งแบบมองการณไ์ กลซงึ่ เปน็ เรอื ในอดุ มคตขิ องชา่ งทำ� เรอื ชาว ตะวนั ตกอกี ด้วย2 2 อยใู่ นบทท่ี ๘ – ต้นฉบับ
106 บทท่ี ๔ บริเวณที่ราบล่มุ แม่นำ�้ เจ้าพระยา (ตอนต่อ) เน่ืองจากกระแสน้�ำอันเชี่ยวกราก พวกเราจึงเริ่มพบปัญหาในวันท่ีสาม ของการเดินทาง ในขณะที่เลี้ยวมาจากทางตะวันออกหรือล�ำน้�ำย่อยในเมือง อยุธยาที่ไหลออกสูล่ ำ� น้�ำสายหลกั ๑ ท่ีส่ีโคก มันเปน็ ลำ� นำ้� ท่ีสลบั ซับซอ้ นและคด เคยี้ วสรา้ งความรสู้ กึ หวาดหวนั่ ใหพ้ วกคนผกู แพและคนเรอื จากทางเหนอื ตลอด มา เรารู้สึกวิตกกังวลย่ิงนัก จนกระท่ังถึงชัยนาทสถานที่ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยราว ๓,๐๐๐ คน เป็นเหมือนกับ เมือง แบบสยามส่วนมากท่ีมีผู้คนอยู่กันอย่าง กระจัดกระจายจนยากท่ีจะเรียกได้ว่าเป็นเมือง เราจึงส่งเรือที่กินน้�ำลึกระดับ ๖ ฟุตกลับไป แต่มันก็ไปได้ไม่ไกลนัก เราพบว่าไม่มีทางใดเลยที่เราจะใช้พาย หรอื แม้แตไ่ ม้ค้�ำถอ่ กบั เรอื บดท่ีแสนงุม่ ง่ามนไ้ี ด้ ดงั น้นั ในเมอ่ื เราหาเรอื พน้ื บ้าน ที่น่ีไม่ได้ เราจึงต้องรอจนกว่าจะสามารถขอยืมเรือกลไฟจากท่านข้าหลวงมา ลากจูงเราไปจนถึงปากน�้ำโพ ขณะเดียวกันนั้นเราจะมีเวลาว่างพอที่จะแวะดู โรงงานท�ำแพ ชัยนาทกำ� ลงั เปน็ สถานเี ก็บคา่ ธรรมเนยี ม3 ส�ำหรับแพไม้สักทุกๆ แพทล่ี อ่ งไปทางใต้ ในแมน่ ำ้� ดาษดนื่ ไปดว้ ยแพทเ่ี ขา้ มาเทยี บทา่ รมิ ฝง่ั รอใหเ้ จา้ ของ มาจา่ ยเงนิ คา่ ธรรมเนยี ม มคี นบอกเราวา่ ปนี ม้ี ที อ่ นซงุ ลอ่ งแพลงมาในปรมิ าณที่ ผดิ ปกติ หลงั จากนน้ั พวกเรากไ็ ดพ้ บแพลอ่ งลงมาเปน็ จำ� นวนมากมายทำ� ใหช้ วี ติ ในแมน่ ำ�้ เกดิ ภาพทดี่ แู ปลกตา ทอ่ นซงุ จะถกู นำ� มากองรวมไวบ้ นฝง่ั นำ�้ ในทบี่ รเิ วณ ชายป่าทางเมืองเหนือและมัดรวมไว้เป็นแพเล็กๆ และจะท�ำการตรวจวัดและ ปล่อยแพลงน้�ำอีกคร้ังท่ีระแหง๒ ซึ่งเป็นสถานีตรวจวัดขนาดใหญ่ประจ�ำแม่น้�ำ ปิง ซ่ึงแพไม้สักทุกล�ำท่ีล่องมาในแม่น้�ำปิงและแม่น้�ำวังน้ันก็คือส่วนท่ีรอดพ้น เงอื้ มมอื โจรลักซุงมาได้ หรอื รอดจากการหลุดลอยตามนำ้� ไปเมอ่ื เกิดน้�ำท่วมสูง เหนอื ฝง่ั แลว้ ไหลไปแหง้ ขอดลงในพน้ื ทน่ี า สว่ นสโุ ขทยั และพชิ ยั ๓เปน็ สถานตี รวจ วดั บนแมน่ ำ�้ ยมและแมน่ ำ้� นา่ น แมว้ า่ เราจะไมค่ อ่ ยไดเ้ หน็ แพขนาดใหญบ่ อ่ ยนกั ในแมน่ ำ�้ นา่ นจนกวา่ จงึ บรเิ วณทเ่ี ลยพจิ ติ รลงมา แมน่ ำ�้ ทงั้ สองไหลมาบรรจบกนั ๑ นา่ จะหมายถึงแมน่ �้ำนอ้ ยทีไ่ หลแยกจากแมน่ ำ�้ เจ้าพระยาเขา้ สอู่ ำ� เภอบางบาล จังหวดั อยุธยาทางทศิ ตะวันออก – สวป. คา่ ธรรมเนียมใช้คำ� นวณเอาจากอัตราที่เรยี กกันว่า พกิ ัด ภาคผนวก ๕ – ต้นฉบบั 3 ต้นฉบบั ใช้ค�ำวา่ Raheng ปจั จบุ นั หมายถงึ จงั หวัดตาก – สวป. ๒ ต้นฉบับใชว้ า่ Pichai ปัจจบุ นั อยูใ่ นเขตจงั หวดั พิษณุโลก – สวป. ๓
หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 107 การค้าขายในแ ่ม ้น�ำ
108 บทที่ ๔ บรเิ วณท่รี าบล่มุ แมน่ ำ�้ เจา้ พระยา (ตอนตอ่ ) เป็นแม่น้�ำโพที่บริเวณเหนือปากน�้ำโพ เน่ืองจากความแคบและความคดเคี้ยว ตามธรรมชาตขิ องสายนำ้� ทั้งสอง ท�ำใหแ้ พมกั มคี วามยาวกวา่ และแคบกว่า อีก ท้ังเกิดการแพแตกแพแยกมากกว่าในแม่น�้ำปิงท่ีมักจะมีกระแสน�้ำไหลเลาะไป เหนอื ท้องน�้ำทีเ่ ปน็ พื้นทรายกวา้ ง ดว้ ยวธิ กี ารจดั เรยี งทอ่ งซงุ ดา้ นนอกอยา่ งชาญฉลาด พวกเขาจงึ ท�ำทก่ี นั ชน ชนิดที่ทนทานต่อแรงกระแทกค่ันไว้ระหว่างแพอ่ืนๆ ในกรณีที่ซุงจะพุ่งเข้าไป ปะทะกับฝ่ัง แต่ละแพลำ� เลยี งท่อนซุงประมาณ ๑๒๐ ท่อน ทแ่ี ถวริมมที อ่ นซงุ ราว ๖ หรือ ๗ ท่อน ส่วนในแถวกลางๆ มีประมาณ ๑๐ ท่อนหรือมากกวา่ ทท่ี า้ ยแพจะมพี ายทที่ ำ� ขน้ึ หยาบๆ เอาไวข้ วางลำ� แพหรอื ใชค้ ำ�้ ยนั และตะแคงหวั แพหรอื ทา้ ยแพยามเมอ่ื จำ� เปน็ ตรงลานพกั เลก็ ๆ กลางลำ� จะสรา้ งเปน็ กระทอ่ ม ขนาดเลก็ กะทดั รดั ให้ภรรยาของคนผกู แพบางคนใช้เปน็ ท่ีหงุ ขา้ ว หรอื พวกเขา เองใชเ้ ปน็ ทก่ี ำ� บงั ในยามคำ�่ คนื ทง้ั ยงั มเี จา้ แชมเปย้ี นไกช่ นตวั เกง่ ทกี่ ระพอื ปกี ขน้ึ ลงไปมาอย่างทรนง มันเกาะอยูด่ า้ นบนเหมอื นเปน็ นาฬกิ าท่ีต้องมไี ว้ประจ�ำแพ ดูเหมอื นโชคชะตาแหง่ การเดินทางจะฝากไวท้ มี่ ันเพราะหากเกิดมนั ไม่ยอมขนั ในยามค่�ำตามเวลาอย่างที่เคยแล้วละก็ ขั้นตอนการท�ำงานท้ังหมดก็จะสับสน ไขวเ้ ขว หรือหากมันไปเจอคตู่ ่อสู้ท่ีฝีมอื ดกี วา่ เจ้าของกต็ อ้ งเอาหมอ้ หุงตม้ ท่ใี ช้ ประโยชน์สารพดั ไปช�ำระหนสี้ นิ ต่างๆ แทน โดยปกตแิ พท่ีลอ่ งอย่ใู นแม่นำ�้ ปิงมกั มขี นาดท่ใี หญ่กวา่ บรรทกุ ท่อนซงุ เฉลยี่ ๑๕๐ ทอ่ น แถวรมิ มี ๑๐ ท่อน และที่แถวกลางๆ มีมากกว่า ๑๖ ทอ่ น โดยมากมักมีท่ีกันกระแทกอยู่พร้อมสามารถตัดปล่อยให้ลอยไปเองได้ในกรณี ท่เี กดิ เหตุอนั ตรายจากการเกยต้ืนและแพแตก เมอ่ื ตอ้ งลากแพผา่ นทน่ี ำ้� ตนื้ หรอื ตอ้ งทำ� งานยกแพขน้ึ จากนำ�้ ในตอนกลาง คนื นนั้ ทงั้ ความตนื่ เตน้ และเสยี งรอ้ งตะโกนเอะอะลว้ นเปน็ สงิ่ ทท่ี ำ� ใหอ้ กสนั่ ขวญั แขวนได้ ลกู แพ ๓ หรอื ๔ คน จะกระโดดไปทางขา้ งท้ายแพ แต่ละคนจะมีหมุด แข็งแรงซ่ึงอยู่ตรงปลายสายสมอเส้นยาวพร้อมอยู่ในมือ พวกเขาจะเอาปลาย ดา้ มคมไปปกั ไวท้ พี่ น้ื นำ�้ แลว้ ใชพ้ ละกำ� ลงั ทงั้ หมดเหยยี บหวั หมดุ ใหจ้ มลงพนื้ จน
ห้าปใี นสยาม เลม่ ๑ 109 กระท่งั สามารถถึงแพมารวมกลุ่มอยู่เหนอื ผวิ นำ้� ได้ แล้วจึงท�ำเชน่ นั้นซำ้� แล้วซำ้� อีก ท่ามกลางเสยี งหวั เราะและเสยี งอกึ ทกึ ครึกโครม แล้วพวกเขาจงึ ค่อยๆ ดึง ท้ายแพให้ไปอยู่ในทิศทางท่ีต้องการได้หรือไม่ก็หยุดให้มันลอยนิ่งๆ ในขณะท่ี คนอื่นช่วยกลับทิศแพโดยจัดฝีพายไว้ที่ปลายหัวเรือ ลูกแพส่วนใหญ่จะพากัน ส่งเอียงเอะอะและชว่ ยกันดันแพโดยใชไ้ มไ้ ผ่กนั โคลงเรอื ทย่ี าวร่วม ๒๐ ฟตุ เวลาคร่ึงวันท่ีอยู่ในน�้ำและอีกครึ่งวันท่ีเหลือท่ามกลางแสงแดดสายลม จงึ ทำ� ใหป้ ระชากรมคี วามแขง็ แกรง่ และมผี วิ สคี รา้ มแดดอนั เปน็ คณุ สมบตั ติ วั อยา่ ง ของคนทมี่ สี ุขภาพดี เช่นเดียวกบั ประชากรชาวเรอื แถบแมน่ ำ�้ ทุกคน การเดินทางเรือเรื่อยเฉื่อยอย่างสบายอกสบายใจของแพจะใช้เวลา ๓ อาทติ ยถ์ งึ ๑ เดอื น ซง่ึ รวมกบั เวลาทมี่ อี ปุ สรรคขดั ขวางใหก้ ารเดนิ ทางตอ้ งหยดุ ชะงักไปด้วย แต่ทว่าท่อนซุง4 ท่ีมัดรวมเป็นแพมาน้ันมักจะถูกตัดล่วงหน้ามา กอ่ นแลว้ ถึง ๔ ปี ก่อนทีจ่ ะมาถึงกรุงเทพฯ จำ� นวนลานเลื่อยและรา้ นรบั จา้ งตอ่ เรอื ทแี่ ยกตวั ออกมากระจายอยตู่ ามจดุ ตา่ งๆ จงึ ดจู ะเฟอ่ื งฟขู น้ึ ตามบรเิ วณทโี่ รง เล่อื ยเข้าไปครอบคลมุ ไม่ถึง การใช้ค้อนตอกท�ำต�ำหนิรูปพรรณลงบนท่อนซุงอันเป็นกลยุทธท่ีพวก โจรลกั ไม้สกั ใช้กันมานานแล้วนั้น ในทส่ี ุดกไ็ ด้กลายมาเปน็ ประกาศข้อก�ำหนด ของราชส�ำนักในเรอ่ื งวธิ ีการทำ� เคร่อื งหมายบนซุง5 มีข้ันตอนอยู่ ๑๑ ประการ ซึ่งเป็นเงื่อนไขหลักที่เจ้าหน้าท่ีด่านเก็บค่า ธรรมเนียมสร้างข้ึนเพ่ือใช้ส�ำหรับหน่วงเหน่ียวอายัดไม้สักซึ่งต้องสงสัยว่าได้มี การท�ำต�ำหนหิ รอื เปล่ยี นแปลงแปรรูป ไมว่ ่าการเปล่ยี นแปลงหรือต�ำหนนิ ั้นจะ เกดิ จากเพลงิ ไหมห้ รอื เหตอุ นื่ ใดกต็ าม เพอื่ ใหส้ าธารณชนสามารถจบั ตามองไม้ สักเหล่านั้นได้ เพ่ือให้เจ้าของสามารถเรียกไม้กลับคืนได้ภายใน ๓ เดือน เพอื่ ใหเ้ วลา ๖ เดอื นสำ� หรบั ใชใ้ นการสอบสวนไมส้ กั ทม่ี ไิ ดถ้ กู เรยี กคนื และอน่ื ๆ ส่วนบทลงโทษหนักน้ันมีก�ำหนดไว้ส�ำหรับการมีเจตนาเปล่ียนแปลงต�ำหนิรูป 4 ทอ่ นซุง ๑ ทอ่ นมนี �้ำหนกั ไมส้ ักประมาณ ๑ ตัน หรอื ราว ๕๐ ควิ บคิ ฟุต และมรี ายงานไว้จนถึง พ.ศ. ๒๔๓๓ วา่ ทอ่ นซงุ ไม้ สกั ขนาดโตเตม็ ที่ที่ลอ่ งมาตามทางนัน้ มีจำ� นวน ๔๕,๐๐๐ ถึง ๕๐,๐๐๐ ตน้ ในแตล่ ะปี ใน พ.ศ. ๒๔๓๔ ถึง ๓๕ เนื่องจากนำ้� นอ้ ย ท่อนซุงทม่ี าถงึ ชัยนาทจึงมีจ�ำนวนเหลือเพยี ง ๑๒,๐๐๐ ตน้ จากนัน้ มาจึงมจี ำ� นวนเฉลย่ี ปลี ะ ๖๐,๐๐๐ ถงึ ๗๐,๐๐๐ ต้น – ตน้ ฉบบั 5 ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๐ – ตน้ ฉบบั
110 บทท่ี ๔ บริเวณที่ราบลุ่มแม่นำ�้ เจ้าพระยา (ตอนตอ่ ) พรรณตา่ งๆ หรอื การครอบครองซงึ่ ไมส้ กั ทถ่ี กู แปรรปู โดยมไิ ดม้ สี ทิ ธกิ ารผลติ ใน ฐานะผเู้ ปน็ เจา้ ของ การดำ� เนนิ การนน้ี บั วา่ ชว่ ยเปน็ ภาระใหเ้ จา้ ของบรษิ ทั ทำ� ไม้ เป็นอย่างยงิ่ และภายใตก้ ารดแู ลของมิสเตอร์เสลด (Slade)๑ เจ้าหนา้ ท่ปี า่ ไม้ ผู้ทรงประสิทธิภาพจากอังกฤษ ซึ่งขอยืมตัวมาจากรัฐบาลอินเดียพร้อมด้วย ผชู้ ว่ ยของเขา จึงไมต่ อ้ งกลวั ว่าเรือ่ งนจี้ ะกลายเปน็ หมนั เพราะมาตรการใหม่นี้ มแี นวโน้มว่าจะเปน็ จรงิ ได้มาก จากชัยนาทพวกเราเดินทางลดเล้ียวข้ามผ่านเนินเขาหินควอทซ์ไซต์ลูก แรกและมองเหน็ วดั บนเขานครสวรรคท์ อ่ี ยเู่ บอื้ งหลงั ในเวลาพอสมควรพวกเรา กถ็ งึ จดุ บรรจบของแมน่ ำ้� สองสายหลกั ทปี่ ากนำ้� โพ เปน็ สถานทร่ี มิ นำ�้ ทตี่ ดิ ตาตรงึ ใจมากที่สุดนับแต่เราได้เดินทางผ่านมา6 อาจกล่าวได้ว่าการเดินเรือข้ึนไปทาง เหนอื น้นั เร่มิ ต้นจากที่นีม่ องเหน็ เรือแบบทางภาคเหนอื จอดเรยี งเปน็ แถวๆ ทงั้ ท่ีก�ำลังซ่อมแซมและอยู่ในสภาพทรุดโทรม คล้ายภาพเคล่ือนไหวที่มีชีวิตชีวา ภายนอกอู่ซอ่ มท่เี มือง สวินดอ็ น๒(Swindon) ส่วนจวนผู้วา่ นัน้ อยทู่ น่ี ครสวรรค์ ซง่ึ อยเู่ ลยออกไปจากตวั เมอื ง ทมี่ พี ลเมอื งอยกู่ ระจดั กระจายประมาณ ๕,๐๐๐ คน ลักษณะของแมน่ ำ้� สองสายของทีน่ ่คี อ่ นขา้ งจะแตกต่างกัน แม่นำ้� ปงิ จะ ไหลพุ่งอย่างเช่ียวกรากลงมาจากทิศตะวันตกผ่านสันดอนอันตื้นเขินเหนือพ้ืน ทราย ในขณะทแ่ี มน่ ้�ำโพคอ่ ยๆ ไหลเรอ่ื ยสลู่ �ำคลองแคบลกึ ผา่ นหมบู่ า้ นเรอื นแพ ทรงหนา้ จวั่ แหลมทเี่ กาะกลมุ่ อยู่ ๒ ฝง่ั แมน่ ำ�้ และพดั พาเอาพชื ลอยนำ้� สเี ขยี วสดลง มาดว้ ยจำ� นวนมาก แมน่ ำ้� ปงิ นน้ั มกี ระแสการไหลอยา่ งฉบบั พลนั และไมแ่ นน่ อน ในฤดูน�้ำหลากมันจะขึ้นลงไม่สม�่ำเสมออยู่ในระดับค่าเปรียบเทียบท่ีผันแปร ตั้งแต่ ๔, ๖, หรือ ๘ ฟตุ ภายในเวลาไม่กีช่ ัว่ โมง การขึ้นและลงของระดับนำ�้ ซ่ึง บางครง้ั เกิดขึ้นบ่อยๆ ราว ๓ ถึง ๔ ครงั้ ในฤดนู ำ�้ หลากท�ำใหก้ ารลอ่ งแพมที ง้ั ความไมแ่ นน่ อนและความนา่ ตน้ื เตน้ ในทางกลบั กนั แมน่ ำ้� โพจะมคี วามสมำ่� เสมอ และวางใจได้ การไหลของมนั จะมน่ั คงและสมำ่� เสมอไมว่ า่ จะอยใู่ นระหวา่ งหรอื ๑ Mr.H.Slade เป็นผเู้ ชีย่ วชาญดา้ นการปา่ ไม้ และเป็นเจา้ กรมปา่ ไมค้ นแรกของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๔๓๙ – ๒๔๔๔) – สวป. 6 ปากลัด อ่างทอง พรหมและอินทบรุ ี จดั เป็นเมอื งใหญท่ มี่ ีพลเมืองอยรู่ ะหวา่ ง ๑๕,๐๐๐ ถงึ ๑๖,๐๐๐ คนส่วนใหญพ่ วกเขา จะพ�ำนกั อย่ตู ามเรือกสวนไร่นาตา่ ง ๆ บริเวณท่พี วกเขาอาจเรยี กไดว้ ่าเปน็ ตวั เมืองนัน้ คือชมุ ชนเลก็ ๆ ทม่ี องเหน็ ไดต้ าม บรเิ วณ ๒ ฝากฝัง่ แม่น้ำ� – ต้นฉบับ ๒ เมืองเทศบาลเลก็ ๆ อยทู่ างตอนใต้ขององั กฤษ – สวป.
หา้ ปีในสยาม เลม่ ๑ 111 หลงั จากฝนตก เมอื่ กระแสนำ�้ เพม่ิ ขนึ้ สงู ถงึ ระดบั ในเดอื นตลุ าคมและพฤศจกิ ายน แลว้ นำ�้ กจ็ ะคอ่ ยๆ ลดระดบั ลงทลี ะนวิ้ และคอ่ ยๆ เพมิ่ ขนึ้ ทลี ะเลก็ ทลี ะนอ้ ยจน วดั ไดเ้ ปน็ ฟตุ จนกระทง่ั มนั แหง้ ขอดลงถงึ พน้ื แมน่ ำ�้ อกี ครง้ั ดงั นน้ั ในขณะทบ่ี รรดา เรอื แพพากนั หลกี เลย่ี งความไมแ่ นน่ อนของกระแสนำ้� ในแมน่ ำ�้ ปงิ ระยะทางยาว ประมาณครึ่งไมล์ของแม่น�้ำโพจึงกลายเป็นเส้นทางชุมชนสายหลักของเมือง มีเรือขนข้าว ร้านค้า และอาคารบ้านเรือนมารวมตัวกันอย่างหนาแน่นท้ัง ๒ ฟากฝ่ัง เปน็ ท่เี ทียบท่าของไม้สกั ชน้ั ดแี ละเป็นท่าไปรษณียภณั ฑ์ ซ่งึ จ�ำนวนจะ เพิม่ ขึ้นสงู สดุ แคไ่ หนนน้ั จะข้ึนอยู่กับปริมาณนำ้� ในแมน่ �้ำทีข่ ึน้ สูงในแต่ละปดี ้วย ทกี่ กั เกบ็ นำ�้ ของแมน่ ำ�้ สายนอ้ี ยนู่ อ้ี ยทู่ บ่ี รเิ วณทรี่ าบลมุ่ นำ้� ทว่ มขงั อนั กวา้ ง ใหญ่ไพศาลและหนองน้�ำที่เช่ือมต่อกับตัวแม่น้�ำท่ีบริเวณจังหวัดพิจิตร ซ่ึงท�ำ หนา้ ทเี่ หมอื นลน้ิ เปดิ ปดิ อนั ปลอดภยั ใหต้ วั แมน่ ำ�้ เชน่ เดยี วกบั หนา้ ทขี่ องทะเลสาบ อันกว้างใหญ่ของแม่น้�ำโขงในกัมพูชา ด้วยระดับน้�ำท่ีเพ่ิมสูงขึ้นจากภาวะน�้ำ ท่วมหว้ ยหนองติดแม่น�้ำเหลา่ นจ้ี ึงกลายสภาพเป็นทะเลสาบท่ีน�้ำท่วมล้นอยา่ ง รวดเร็ว กักเกบ็ น�้ำไวไ้ ดเ้ ป็นจำ� นวนมากมายมหาศาล ขณะเดียวกันก็จะคอ่ ย ๆ ถ่ายเทน้�ำในส่วนท่ีกักเก็บไว้อย่างช้าๆ ลงสู่แม่น�้ำในเวลาต่อมา จะเห็นว่าเป็น งานฝีมือของธรรมชาติท่ีสร้างภาวะน้�ำท่วมในแต่ละปีท่ีบริเวณท่ีราบลุ่มแม่น้�ำ เจ้าพระยาอย่างละมุนละม่อมและได้ประโยชน์ ทั้งยังก�ำราบกระแสน�้ำอันมี ลักษณะเกร้ียวกราดให้คลายลงจนเปล่ียนเป็นค�ำให้ศีลให้พรแทนการสาปแช่ง ผเู้ ฒา่ ตรุ แปงกลา่ วไวอ้ ยา่ งสมเหตสุ มผลวา่ “สงิ่ ทแี่ มน่ ำ�้ เจา้ พระยามคี วามหมาย ตอ่ อาณาจกั รสยามนนั้ เปน็ เชน่ เดยี วกบั สงิ่ ทแ่ี มน่ ำ�้ ไนลม์ คี วามหมายตอ่ อยี ปิ ต์7” และกระแสการขึน้ การลงของนำ้� ในแตล่ ะปีก็มอี ิทธพิ ลตอ่ ชีวติ ของผคู้ นด้วย พวกเราใช้วันเวลาอันน่ารื่นรมย์ท่ีปากน้�ำโพไปสองสามวันในการหาเรือ ไว้ใช้เดินทางต่อไป เรา ๓ คนได้เดินทางไปในเรือกรรเชียงล�ำเล็กของข้าพเจ้า โดยสามารถลงไปนงั่ พายเรอื ในแบบทช่ี าวสยามทำ� กนั และพายกลบั ไปกลบั มา แถวที่มีเรือจอดอยู่เพื่อท�ำการต่อรองราคากับบรรดาเจ้าของเรือ เรือเหล่านั้น 7 เรอื่ ง ประวัตศิ าสตร์สยาม (Histoire de Siam) ของตุรแปง แนวคิดในเรื่องเดียวกนั น้ถี กู ต้องตามหลักธรรมชาติมากกว่าอีก สองแนวคดิ ของนกั เขียนอกี สองคนคอื มูโอต์ เล่ม ๒ และ แมค็ คาร์ธีย์ เรอ่ื ง Proceeding R.G.S. vol ๑๐, ค.ศ. ๑๘๘๘. - ต้นฉบับ
112 บทที่ ๔ บริเวณทร่ี าบลมุ่ แมน่ ำ้� เจา้ พระยา (ตอนตอ่ ) ไดแ้ ก่ เรอื ขนขา้ วทตี่ ง้ั สงู ตระหงา่ นทมี่ ี ๒ หางเสอื แตย่ ากทจ่ี ะดดั แปลงเพอื่ ใชถ้ อ่ ขนึ้ ไปทางแมน่ ้�ำตอนเหนอื เรอื ทา้ ยยาวทอ้ งตน้ื ทต่ี อ่ ใชก้ นั ในแมน่ ้�ำปงิ เรอื เหนอื ซง่ึ เปน็ เรอื ทม่ี หี อ้ งโดยสารขนาดกวา้ งและลกึ กวา่ เรอื ทา้ ยยาว จะใชส้ ญั จรอยใู่ น แม่น้�ำพิชัยและแม่น้�ำยม เรือล�ำยาวคล่องแคล่วช่ือว่า เรือเป็ด มีขนาดล�ำเรือ เหมาะเจาะงดงาม และเรอื ทข่ี ดุ จากทอ่ นไมห้ ลากหลายรปู ทรงไมซ่ ำ�้ กนั บางลำ� ดูสดใสเปน็ ประกายด้วยนำ้� มันชกั เงาผสมปูนขาว บางล�ำเป็นสีขาว บางล�ำซีด จางจากการผา่ นสายฝนและแสงแดดมาแลว้ หลายครง้ั บางลำ� ดกู ะทดั รดั แขง็ แรง แต่บางล�ำก็ดูงอ่ นแง่นมอี ายุการใชง้ านมากกวา่ ผขู้ บั เรอื นน้ั เสยี อกี ชาวตะวนั ตกยอ่ มไมถ่ นดั ในเรอื่ งตอ่ รองราคาในแบบชาวตะวนั ออก การ คุยเรื่องธุรกิจจำ� เปน็ อย่างย่งิ ที่จะชวนสนทนาในเรือ่ งใดๆ กไ็ ดท้ ไี่ มเ่ กย่ี วขอ้ งกบั เร่อื งที่เราอยากพูดถงึ จะมีการด่ืมน�้ำชากนั อย่างไม่รจู้ บ มีการแวะไปหาคนอนื่ และมคี นอน่ื แวะมาหาเรานบั ครง้ั ไมถ่ ว้ น ทง้ั หมดนจี้ ะตอ้ งดำ� เนนิ ไปโดยใชค้ วาม พยายามอยา่ งสดุ ความสามารถที่จะไม่ใหพ้ าดพิงไปถึงเรื่องการเชา่ เรอื ราวกบั ว่าพวกเราต้ังใจท่ีจะต้ังรกรากกันอยู่ท่ีปากน้�ำโพเป็นการถาวร ด้วยความวิตก กงั วลอยา่ งรนุ แรงทจี่ ะตอ้ งเดนิ ทางตอ่ ไป ขา้ พเจา้ จงึ รสู้ กึ อดึ อดั ล�ำบากใจสดุ แสน ท่จี ะแสร้งท�ำเปน็ ไมร่ ีบร้อน อกี ท้ังความเป็นจรงิ ท่ีว่าการใช้ชีวติ ในแตล่ ะวันน้ัน ต้องขึน้ อยู่กับลา่ มทีด่ เู หมือนจะไมไ่ ด้ชว่ ยท�ำให้อารมณ์ของข้าพเจา้ ดีข้ึน การไว้ วางใจในตัวล่ามน�ำมาแต่ความไม่สบอารมณ์ ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใดท่ีท�ำให้ใน สยามมีแต่การแปลช้ันเลวจนท�ำให้หัวเสียแทบบ้าการตอบค�ำถามอย่างคดโกง ของชาวสยามเมอ่ื มกี ารแปลเปน็ ภาษาองั กฤษ ถอื ได้วา่ เปน็ การสบประมาทกนั ซ่ึงๆ หน้า มักจะมีการพูดชักแม่น�้ำท้ังห้าแทนการตอบง่ายๆ ว่า “ใช่” หรือ “ไมใ่ ช”่ เพือ่ เปน็ การเบี่ยงเบนความสนใจ แต่ในภายหลงั แลว้ มันกลบั ไม่ได้เปน็ เช่นนั้นเมื่อข้าพเจ้าได้รู้ภาษาน้ีมากขึ้นข้าพเจ้าจึงตระหนักว่า ท่ีผ่านมาตัวเอง ไมม่ เี หตผุ ลบอ่ ยขนาดไหน และขา้ พเจา้ ไดส้ ญู เสยี คณุ คา่ และอรรถรสไปมากมาย เพียงใด ใครท่ีเดินทางโดยไม่รู้ภาษาของคนในท้องถิ่นที่จะเข้าไปคลุกคลีด้วย ย่อมทำ� ใหค้ วามยากลำ� บากทีต่ ัวเองมีอยแู่ ล้วเพ่มิ มากข้นึ ไม่มยี าใดๆ จะบำ� บัด
หา้ ปใี นสยาม เล่ม ๑ 113 จติ ใจอนั เปลยี่ วเหงาไดด้ เี ทา่ กบั ความเหน็ อกเหน็ ใจในหมเู่ พอื่ นมนษุ ย์ แมจ้ ะตอ้ ง ขอสารภาพวา่ อาการคยุ จอ้ ของชาวสยามนน้ั ยดื เยอ้ื ไมร่ จู้ บ ชนดิ ทแี่ มว้ า่ จะเขา้ ใจ ในส่งิ ทพ่ี วกเขากำ� ลังคยุ กนั แตก่ ม็ ักจะตอ้ งขอตวั ออกมาอยู่ห่างๆ จนเสยี งเหลา่ นน้ั ตามไปไมถ่ งึ ในความเงยี บสงบเพยี งชว่ั ขณะนนั้ กม็ กั จะทำ� ใหค้ นเราเรมิ่ นกึ ถงึ สง่ิ ทเี่ ปน็ สาระขนึ้ มาได้ คนของขา้ พเจา้ ไมเ่ คยเขา้ ใจไดเ้ ลยวา่ คนเรายอ่ มตอ้ งการ อยตู่ ามลำ� พงั บา้ งไมว่ า่ จะเพอ่ื อา่ นเพอื่ เขยี นหรอื เพอ่ื คดิ ชาวสยามนนั้ หวาดกลวั ต่อความเปล่าเปล่ียวและข้าพเจ้าก็คิดว่าเกิดจากการไม่กล้า “เผชิญหน้ากับ ตนเอง” แมใ้ นยามคำ� คนื นสิ ยั ชอบตอ่ ยหอยของเขากย็ งั ไมย่ อมหยดุ ยง้ั บอ่ ยครงั้ หลังจากการเดินมานานทั้งวันชายคนหน่ึงมักจะตื่นขึ้นแล้วก็ไม่ยอมตื่นขึ้นคน เดยี ว เขาจะเตะเพือ่ นทอ่ี ย่ขู า้ งๆ แลว้ เริ่มตน้ คยุ จ้อเสยี งดงั จนสดุ เสยี ง วลหี นึ่ง ในอนั ดบั แรกทคี่ วรจะรจู้ กั เอาไวแ้ ละเปน็ วลสี ดุ ทา้ ยทจ่ี ะหลดุ จากปลายลนิ้ กค็ อื “เฮ้! นิง่ ซิ” เป็นค�ำทใี่ ช้เม่อื ต้องการความเงียบสงบยามค�่ำคืนในค่ายพกั แรมที่ ออ่ นล้าเปน็ ทส่ี ุด เหตกุ ารณท์ มี่ กั เกดิ ขน้ึ อยเู่ สมอหากเราตง้ั ใจจะรอื้ ถอนคา่ ยพกั แรมในตอน เช้ามืดก็คือ คนท�ำอาหารผู้เป็นคนแรกท่ีต้องตื่นข้ึนมาเตรียมหุงข้าวประจ�ำวัน เสยี งดงั แสบแกว้ หขู องเขาจะปลกุ พวกเราใหต้ นื่ ตอนราวๆ ตสี าม และผชู้ ว่ ยของ ขา้ พเจา้ คนหนง่ึ กจ็ ะเรมิ่ ถกเถยี งถงึ สขี อง ผา้ นงุ่ ทเี่ ขาจะใชน้ งุ่ ประจำ� วนั นนั้ หรอื ไมก่ เ็ ดนิ ทอ่ื ออกไปภายใตแ้ สงจนั ทรเ์ พอ่ื ดวู า่ อะไรจะเกดิ ขนึ้ ตอ่ ไป ผลจากความ ประพฤตเิ ชน่ นกี้ ค็ อื ยามเมอื่ จำ� เปน็ ตอ้ งใชพ้ ละกำ� ลงั เตม็ ทจ่ี ากพวกเขา พวกเขา ก็มักจะพูดกับตัวเองก่อนเลยว่าเหนื่อยเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ท�ำอะไรไปได้แค่ครึ่ง เดยี วเทา่ น้ัน คณะของข้าพเจ้าประกอบด้วยผู้ช่วยชาวสยาม ๓ คน พร้อมด้วยเด็ก ผชู้ ายและคนครวั นายสบิ เอกและผคู้ มุ้ กนั ๖ นาย เปน็ จำ� นวนคนทถี่ อื วา่ จ�ำเปน็ ถ้าเทียบกับจ�ำนวนของแร่เงินที่เราบรรทุกมา นับตั้งแต่สมเด็จฯ กรมพระยา ด�ำรงราชานุภาพทรงช้ีแนะถึงระบบที่เป็นประโยชน์ ท�ำให้คณะนักเดินทาง สามารถแจ้งความจ�ำนงสั่งการต่อท่านข้าหลวงโดยตรงได้ในหลายๆ จังหวัด
114 บทท่ี ๔ บรเิ วณท่รี าบลุ่มแม่นำ้� เจา้ พระยา (ตอนต่อ) สงิ่ ทข่ี า้ พเจา้ ไดร้ เู้ มอ่ื เรมิ่ ตน้ ท�ำงานในเวลาตอ่ มากค็ อื คนคมุ้ กนั ถกู สง่ั ใหพ้ น้ หนา้ ท่ี ไปทั้งหมดและจ�ำนวนคนในคณะก็ถูกตัดทอนลงจนน่าวิตก เหตุเพราะว่าไม่มี โจรคนใดจะเข้ามาแตะต้องคนผิวขาวและในดินแดนอาณานิยมลาวน้ันก็ไม่มี โจรผรู้ า้ ย อกี ทง้ั ความไดเ้ ปรยี บของคณะเลก็ ๆ นน้ั อยตู่ รงทคี่ วามสะดวกในเรอ่ื ง การขนส่งและอาหาร แม้ว่าจะอยู่ในท้องที่ทุรกันดารแต่ก็สามารถเดินทางได้ รวดเร็วเหมือนเดินทางคนเดียวและตัดปัญหาเร่ืองการแออัดยัดเยียดกับความ วิตกกังวลออกไปได้ การต่อรองของเราเสรจ็ ส้นิ ลงในทีส่ ดุ โดยได้ เรอื เหนือ ช้ันดขี นาดกวา้ ง มเี จา้ ของเรอื และคนบงั คบั เรอื เปน็ นายทา้ ย มชี า่ งตอ่ เรอื ฝมี อื ดอี กี ๔ คนเปน็ ลกู เรอื ตกลงใหไ้ ปสง่ พวกเราที่เมืองพชิ ยั ในราคา ๑๓๐ บาท (ประมาณ ๘ ปอนด์ ๑๓ ชิลลิง ๔ เพนน)ี เราเรมิ่ ออกเดนิ ทางในวนั ที่ ๑๕ ธนั วาคม อำ� ลาจากรา้ นคา้ ทแี่ สนประทบั ใจและรน่ื เรงิ บนั เทิงใจทีป่ ากนำ�้ โพมาด้วยความเสียดายสุดซึ้ง ในขณะที่เรือเลก็ ไมส่ ามารถแบกนำ้� หนกั พวกเราทงั้ หมดได้ แตเ่ รอื ลำ� ปจั จบุ นั กลบั รองรบั พวกเรา ไดอ้ ยา่ งเหมาะเจาะโดยพวกเราทัง้ ๔ คนอย่ตู อนทา้ ยเรือ คนขับเรือ ลูกเรือของ เขาและคนของเราทั้ง ๑๖ คน อยู่ตอนกลางล�ำเรือกับบริเวณดาดฟ้าหัวเรือ พร้อมดว้ ยขา้ วของสัมภาระและเกลอื ทบ่ี รรทกุ มาอยทู่ ขี่ า้ งใต้ท้องเรอื และในเมื่อมีคนเคยกล่าวไว้ว่าชาวสยามท�ำงานไม่เป็น ข้าพเจ้าจึงควร ก�ำหนดตวั งานเอาไว้ตลอดสัปดาหท์ ่ีเดินทางทวนนำ�้ เป็นการถอ่ เรอื ๘ ชว่ั โมง ตอ่ วนั ตา้ นกระแสน้�ำทม่ี คี วามเรว็ ๓ ถงึ ๔ นอ็ ต บางครงั้ ถอ่ ชว่ั โมงต่อชว่ั โมงโดย ไม่หยุดพัก ยากจะหาแรงงานคนที่ทรหดอดทนและเช่ียวชาญกว่าน้ีได้ในโลก หากมีใครตกลงใจท่ีจะลองทำ� ขณะท่แี ตล่ ะคนกา้ วมาถึงบรเิ วณหวั เรือพวกเขา จะแยกกนั เลือกยืนประจ�ำที่ตา่ งๆ ได้แก่ หวั เรอื ในลำ� แควหรอื ไม่ก็ทบ่ี นพ้นื ดนิ อยา่ งปราศจากอาการลงั เลแมแ้ ตน่ อ้ ย แลว้ กดสอดไมถ้ อ่ ซง่ึ เปน็ ซเ่ี หลก็ ยาวรว่ ม
ห้าปีในสยาม เลม่ ๑ 115 ๒๐ ฟุตไปในต�ำแหน่งที่ต้องการอย่างแม่นย�ำ8 ปลายถ่อด้านในนั้นอยู่ที่บนบ่า ในขณะท่ีเขาโถมน�้ำหนักตัวท้ังหมดลงไปบนน้ันโดยพร้อมกันทันที ขณะที่เขา ค่อยๆ ยืดตัวข้ึนตรงด่ิงจนเกือบสุดเขาก็จะย่�ำเท้าลงไปบนแคมเรือด้วย เสร็จ แลว้ เขาจงึ ดดี ตวั ขนึ้ กระชากไม้ถอ่ เข้ามาหาตัว ตวั เขาก็จะกา้ วคร่อมมาทางขา้ ง ท้ายของดาดฟา้ กลางล�ำเรือ เหวยี่ งแขนและไม้คำ�้ ถ่อเหนอื ศีรษะจนสดุ แลว้ จึง หมนุ ไมถ้ อ่ ไปขา้ งหนา้ ตวั เพอื่ เรมิ่ ถอ่ รอบใหม่ มโี อกาสบา้ งทไี่ มถ้ อ่ จะลน่ื ไถลหรอื เรือต้องตกอยู่ในกระแสน�้ำวนและมีลูกเรือสักคนพลัดตกน้�ำ แต่พวกเขาก็แค่ หัวเราะและร้องวา่ “คนตกเรือ” ส่วนคนทต่ี กเรือกจ็ ะไต่ไปยังทา้ ยเรอื พรอ้ มกับ หัวเราะใหก้ บั ความงุม่ งา่ มของตัวเอง การถ่อเรือทวนกระแสน้ำ� 8 การถ่อเรอื ในลำ� น�ำ้ ทป่ี ระเทศองั กฤษอนั เปน็ ทซ่ี ึ่งฝัง่ คลองทงั้ สองนนั้ ตัดเรยี บตรง ชัดเจนและแขง็ แรงน้ันแตกต่างกนั อย่าง มากกับการถอ่ เรือในแม่นำ้� ท่คี ดเค้ยี ว และเชีย่ วกรากแบบนัน้ เชน่ เดยี วกับทพ่ี วกคนปา่ จากแถบตะวันออกสามารถเดินทาง ขา้ มพ้ืนที่เกาะเล็ก ๆ ท่ีแผ้วถางทางไวอ้ ยา่ งดไี ด้อยา่ งงา่ ยดาย พวกเขาสามารถกระโดด ล่ืนไถล ขา้ มและไต่ ไดร้ ะยะทางถงึ ๒๐ ไมลต์ ่อวนั - ตน้ ฉบบั
116 บทท่ี ๔ บริเวณทรี่ าบลุ่มแม่นำ้� เจา้ พระยา (ตอนต่อ) การถือท้ายเรือนั้นนับว่ามีศิลปะอยู่ในตัวเองในการท�ำให้เรือเหล่านี้ “วงิ่ ฉวิ ” โดยใชก้ ระดกู งหู วั เรอื ชนิ้ เลก็ ชน้ิ นอ้ ยซง่ึ นบั เปน็ ลกั ษณะพเิ ศษ โดยทวั่ ไป คนถอ่ เรอื จะไมเ่ กยี่ วขอ้ งกบั คนถอื ทา้ ยเรอื ทสี่ ำ� คญั มากคอื ตอ้ งมสี ายตาทวี่ อ่ งไว คอยเล็งหาตาน�้ำวนหรือส่ิงกีดขวางใต้น้�ำท่ีอยู่เบ้ืองหน้าในขณะเดียวกับที่ต้อง คอยถอื ทา้ ยบังคับเรอื ให้ตรงเส้นทางดว้ ย การทเ่ี ป็นเรือทอ้ งแบนจงึ ทำ� ให้หมนุ เลี้ยวง่าย และเม่ือจะเปล่ียนทิศทางเรือนายท้ายจะต้องใช้ทักษะบังคับเรือให้ รักษาระยะห่างทางด้านขวามือจากฝั่งให้อยู่ในมุมท่ีเหมาะสมและสัมพันธ์กับ กระแสน�้ำ กับการจว้ งถอ่ และกระแสลมท่ีก�ำลงั พดั อยู่ คนถอื ทา้ ยเรือต้องคอย รอ้ งบอกทศิ ทางกระแสนำ้� ทพ่ี งุ่ ทแยงเขา้ หาลำ� เรอื แกพ่ วกคนถอ่ แลว้ พวกเขาจงึ จะจว้ งถอ่ ลงไปในนำ�้ ใหไ้ ดฉ้ ากมากกวา่ หรอื ใหเ้ ฉเอยี งไปมากกวา่ ตามทตี่ อ้ งการ หางเสอื นนั้ เปน็ พายใบจกั รขนาดยาวใหญม่ มี อื จบั เปน็ ไมข้ วาง เชอื กจากหลงั คา ที่ก�ำบังจะยึดมันไว้ให้อยู่ในต�ำแหน่งท่ีท�ำให้ใบจักรจมน้�ำ ความยาวของมันท่ี จรดถงึ ทา้ ยเรอื ทำ� ใหม้ นั มกี �ำลังมาก และเม่ือหนั เรือไปทางขวาหางเสอื และมือ จับทางกราบขวาของเรือก็จะได้พัก และตอนน้ันใบจักรอันใหญ่ก็จะตัดผืนน�้ำ เปน็ แนวเฉยี ง ชวี ิตของพวกเราต้องตกระก�ำล�ำบากอยู่รว่ ม ๓ สปั ดาห์ เช่นเดยี วกับอกี หลายรอ้ ยหลายพนั ชวี ติ ในทร่ี าบลมุ่ แมน่ ำ้� เจา้ พระยา ขณะทแี่ สงแรกในยามเชา้ มดื ทอประกายแตเ่ พยี งรำ� ไร เสยี งเหงง่ หงา่ งของระฆงั ใหญจ่ ากอารามเบอื้ งหนา้ กป็ ลกุ พวกเราให้ตื่นขึ้น เสยี งสวดมนต์ของพระสงฆ์และเสียงรอ้ งของเดก็ ผู้ชาย ดงั แวว่ เวยี นวนแทรกความหนาวชน้ื แหง่ สายลมตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทพี่ ดั กรรโชก ดว้ ยอณุ หภมู ทิ ีต่ ่ำ� กวา่ ๑๐ องศา หรือบางครัง้ ลดถงึ ๕.๕ องศาเซสเซยี สท�ำให้ ฟันของพวกเรากระทบกันเพราะความหนาวส่นั ขณะทีพ่ ลกิ ตัวจากทีน่ อนและ จัดการล้างหน้าลา้ งตายามเช้า นับว่าพวกเราออกจะหรหู ราท่มี ีการดมื่ โกโกก้ นั แตเ่ ชา้ ตรกู่ อ่ นทจี่ ะพายเรอื ลำ� เลก็ ออกไปหานกพริ าบหรอื หาแกงตา่ งๆ แตส่ ำ� หรบั ลูกเรือที่แข็งแรงกลับต้องใช้เวลานานถึง ๒ ชั่วโมงครึ่งในการค้�ำถ่อก่อนที่จะ นกึ ถึงอาหารเช้าใดๆ
ห้าปใี นสยาม เลม่ ๑ 117 ยามเมอ่ื แสงอรณุ รงุ่ มาถงึ ความชนื้ กส็ ลายตวั ไปกอ่ นทแ่ี สงอาทติ ยจ์ ะสาด ส่องสีสันต่างๆ เริ่มผุดพรายกระจ่างข้ึนจากสีเทาซึมเซาในยามเช้ามืด ดินท่ีมี สแี ดงทงั้ สองฝั่งแมน่ ้�ำ กระเบอื้ งมงุ หลงั คาวดั สีสดใส สเี ขียวต่างระดับของใบไผ่ และใบตาลแทรกแซมดว้ ยสีเหลอื งของใบที่ตายแล้ว และ กระแสน�้ำทล่ี ดความเรว็ ลงมากมายเช่นนนั้ กอ่ ก�ำเนดิ เสยี งหวดี หววิ รุนแรงและแห้งผากท่ีริมตลิ่ง ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งเปน็ ประกายดว้ ยแสงรศั มสี แี ดงเลอื ดนกจากดวงอาทติ ยท์ เี่ พง่ิ จะ ขนึ้ จากขอบฟา้ สรา้ งทศั นยี ภาพหลากหลายทไ่ี มม่ วี นั ลบเลอื นไปจากความทรงจำ� บางครง้ั หลงั เวลาเกา้ โมงเชา้ พวกเรากจ็ ะมกี ารแวะพกั รบั ประทานอาหาร กันบ้างและเรามักจะยินดีเสมอเม่ือได้จอดเรือเทียบท่าภายใต้แสงอาทิตย์อัน อบอนุ่ อณุ หภมู ใิ นวนั ทร่ี ม่ เดอื นธนั วาคมวดั จากเทอรโ์ มมเิ ตอรน์ นั้ จะไมค่ อ่ ยเกนิ ๑๗ องศาเซสเซยี สจนกวา่ จะเลย ๑๐ นาฬิกาไปแลว้ ไมม่ สี ่งิ ใดทำ� ให้ชาวสยาม ทอ้ ถอยไดเ้ ทา่ ความหนาวเยน็ พวกเขาไมย่ อมเรยี นรทู้ จ่ี ะออกก�ำลงั กายเพอื่ สรา้ ง ความอบอนุ่ ใหร้ า่ งกาย เอาแตน่ ง่ั ขดตวั งอมผี า้ หม่ หมุ้ หอไวร้ อบตวั ปราศจากหวั จติ หวั ใจและสญู สน้ิ สมรรถภาพทกุ อยา่ ง ถา้ หากไมถ่ กู บบี บงั คบั ใหไ้ ปทำ� งานดว้ ย ความจ�ำใจ เจ้าพวกนกตัวเล็กๆ9 คล้ายนกนางแอ่นท่ีน่าสงสาร ซ่ึงอยู่ตามฝั่ง ทรายก็เช่นกัน ยามเช้าอันเยือกเย็นเช่นนี้ท�ำให้มันกลายเป็นสัตว์เล็กๆ ท่ีน่า เวทนา ตอ้ งออกมาน่งั อยนู่ อกรูนบั ร้อยๆ รทู บี่ นชายฝ่งั พยายามท่จี ะใหไ้ ด้รบั แสงแดดอนั อบอนุ่ ปกี ของพวกมนั จะกางหมุ้ ศรี ษะเอาไวเ้ ชน่ เดยี วกบั ชาวสยาม ในผา้ หม่ นกอน่ื ๆ ทกุ ชนดิ รวมทงั้ นกกระยาง1 นกเขา และนกพริ าบ ซง่ึ คลาคล่�ำ อยู่บริเวณชายฝั่งก็ดูซึมเซาเฉื่อยชาด้วยเช่นเดียวกัน เราจึงสามารถเข้าใกล้มัน ได้ตลอดเวลา และเพิม่ เสบียงอาหารได้อีกหน่งึ วันโดยใช้กระสนุ ดินด�ำไปเพียง เลก็ น้อยเทา่ นน้ั 9 Hirundo Chinensis – ตน้ ฉบบั – ต้นฉบับ 1 ส�ำหรบั ที่น่ลี ำ� พังนกกระยางเพียงอยา่ งเดียวกแ็ บ่งแยกออกเป็นหลายชนดิ
118 บทที่ ๔ บริเวณทร่ี าบลมุ่ แมน่ ำ้� เจ้าพระยา (ตอนตอ่ ) จนกระท่ังถึงเวลาเท่ียงหรือราวๆ บ่ายโมงจึงมีการหยุดพักอีกครั้งหนึ่ง คนเรือท่ีคงจะบริโภคความหนาวเย็นเข้าไปมากกว่าข้าวเช้าก็เร่ิมออกมาหา ของกนิ ซ่ึงได้แก่พวก ข้าวหลาม หรือ ขนมถ้วย ท่มี สี ว่ นผสมปรงุ แตง่ อยา่ งวเิ ศษ จากข้าวและมะพรา้ ว ขายโดยชาวบ้านท่ผี ่านไปผ่านมาตามข้างทาง เน่ืองจากเมฆหมอกบนท้องฟา้ ไม่เปน็ ปรกติจงึ มีอยู่บ่อยคร้ังในเดือนน้ที ่ี อุณหภมู ิสูงสุดจากเทอรโ์ มมิเตอรอ์ ่านได้ไมเ่ คยเกนิ กวา่ ๒๔ องศาเซลเซยี สในที่ ร่ม เป็นสภาพภูมิอากาศทนี่ า่ สบายท่ีสดุ สำ� หรับเขตเมืองร้อน ในช่วงบ่ายเป็นการใช้เวลากับการถ่อ และประมาณ ๑ ช่ัวโมงก่อนท่ี พระอาทติ ยจ์ ะตกขณะท่ีอุณหภูมเิ รม่ิ ลดลงสีสรรอันวิจิตรงดงามตามธรรมชาติ กไ็ ดผ้ ดุ พรายขนึ้ อกี ครงั้ เราจอดเรอื กนั กอ่ นทจ่ี ะถงึ วดั หรอื ไมก่ ท็ บ่ี รเิ วณสนั ทราย ตามแนวฝั่งแม่น�้ำไว้ผู้คนท่ีซึ่งเราน่าจะปลอดภัยจากโรคมาเลเรียหรือพวกสัตว์ และแมลงทจ่ี ะมาไตต่ อม ยามนเ้ี องทค่ี วามสามารถทางดนตรีของเรากลายเปน็ สงิ่ จำ� เปน็ ไม่วา่ จะอยู่ในบา้ นพกั ของวดั ซ่ึงอยเู่ หนือรม่ เงาที่ทอดลึกลงในแมน่ ้�ำ หรืออยขู่ า้ งนอกภายใตแ้ ผ่นฟา้ บนผืนทราย ซอสองสายของคนเรือก็จะส่งเสยี ง อยา่ งรา่ เรงิ หรอื ไมก่ ค็ รวญครางดว้ ยเสยี งอนั เศรา้ สรอ้ ยแวว่ หา่ งออกมาจากกอง ไฟแล้วเลือนหายกลมกลืนไปกับความมืดเยียบเย็นท่ีโอบล้อมเราอยู่ ด้วยการ ฝกึ เพยี งเลก็ นอ้ ยหชู าวตะวนั ตกแบบเรากส็ ามารถท�ำความเขา้ ใจกบั ทว่ งท�ำนอง เชน่ นนั้ ได้ และในไม่ช้าเสียงดนตร2ี ที่กระชนั้ ดุดัน และเปลี่ยวเหงาเศร้าสร้อย กด็ ูเหมอื นจะกลมกลนื กับสภาพภูมปิ ระเทศโดยรอบนนั้ ยิ่งนัก มันดังเจอื้ ยแจ้ว ไมข่ าดตอนอยเู่ นน่ิ นานในระดบั เสยี งเดยี วเหมอื นเสยี งทบี่ ง่ บอกถงึ ลกั ษณะสำ� คญั ของป่าแห่งนี้ วนั แล้ววนั เล่ากับส่งิ เก่า สีเขยี วตราบชว่ั ดนิ ฟา้ แบบเดมิ ลำ� ตน้ สูง ตรงเหมอื นเกา่ ผงธลุ แี ละความรอ้ นทไ่ี มม่ วี นั แปรเปลย่ี น ความหวิ โหยทเี่ หมอื น เดิม ความกระหายและความอ่อนล้าเช่นเคย ดวงไฟใหญ่ท่ีสองสว่างโชติช่วง เหนอื ศีรษะดวงเดมิ ทอ้ งฟ้าเบอ้ื งหน้าส่องสวา่ งเจดิ จา้ เชน่ เคย ซ่งึ บางครง้ั บาง คราวจะแลเห็นเจิดจรัสงดงามอยู่เหนือยอดเขา หรือแลเห็นเป็นสีสันอันสดใส บา้ ง รวมทงั้ การได้พักผอ่ นและมอ้ื อาหารทีอ่ มิ่ แปล้ 2 ภาคผนวก ๑๕ – ต้นฉบับ
ห้าปีในสยาม เล่ม ๑ 119 หากวา่ การกลา่ วนจ้ี ะเปน็ เพยี งการคาดเดากเ็ ปน็ เพราะตอ้ งการจะบรรยาย ถึงความรสู้ กึ ในจิตใจของข้าพเจ้าทม่ี ตี ่อดนตรีพืน้ บ้าน ความประทับใจที่จะเกิด ขน้ึ กบั มนั นน้ั คงจะเกดิ ขน้ึ ไดแ้ ตก่ บั คนทเี่ ดนิ ทางเขา้ มาในประเทศนม้ี ากกวา่ หนงึ่ ครง้ั การทม่ี นั ดคู ลา้ ยกบั การเลยี นเสยี งธรรมชาตอิ นั กวา้ งใหญร่ อบๆ ตวั เหมอื น การเล่นเพลงแบบการบรรยายท่ีเร่ิมด้วยเสียงหวีดหวิวลอยมาในอากาศท�ำให้ คนฟังร�ำลึกถึงเสียงร้องของแมลงจ�ำพวกจักจั่นได้อย่างไม่ผิดเพ้ียน เรามักจะ ได้ยินเสียงมันตามต้นไม้ใหญ่ในป่าโดยเฉพาะในยามค�่ำคืนซึ่งเร่ิมเสียงร้องด้วย ท่วงท�ำนองแหลมสูงแล้วร้องย�้ำอย่างรวดเร็วสองถึงสี่เท่ียว อันเป็นลักษณะท่ี ประกอบอยใู่ นเพลงของชาวพน้ื เมอื งมาก บอ่ ยครงั้ ในยามคำ�่ คนื ขณะเคลมิ้ หลบั ทขี่ า้ พเจา้ มกั ไดย้ นิ เสยี งเจา้ ตวั หนง่ึ ในฝงู แมลงเหลา่ นเี้ รมิ่ สง่ เสยี งรอ้ งมาจากตน้ ไม้ ขา้ งบน แลว้ มนั กเ็ รมิ่ ตน้ รอ้ งรบั กนั จนตอ้ งลมื ตาตน่ื จนทำ� ใหค้ ดิ ไปวา่ ใครบางคน ไดเ้ ลน่ เสยี งซอแทรกเขา้ มา ตอ่ มาเมอ่ื เวลาผา่ นไปอยา่ งรวดเรว็ ในฉบั พลนั จนถงึ ช่วงท่ีมันร้องลากเสียงยาวเรื่อยไปตามบันไดเสียงข้าพเจ้าจึงได้ตระหนักว่ามัน เปน็ เพยี งเสียง “รอ้ งระงม” ของตัวแมลงเท่านน้ั ดวงดาวระยบิ ระยบั บนฟา้ เขม้ ดจุ กำ� มะหยเ่ี บอื้ งบน และแสงหง่ิ หอ้ ยกะพรบิ วบิ วบั ในพมุ่ ไมด้ รู าวกบั จะเกดิ ข้ึนเป็นจังหวะตามกันสองถึงสี่ครั้ง เสียงดีด จะเข้ เป็นท�ำนองดังแว่วมาจาก หมู่บ้านท่อี ยูห่ า่ งไกลออกไปดูเหมือนจะผสมกลมกลืนกบั เสียงแหลมท่ีบรรเลง โดยวางอุปรากรแหง่ ธรรมชาติ เปรียบไดก้ ับเสยี งเลา่ ขานเรื่องราวของปา่ เมือง รอ้ นยามคำ่� คืน ข้าพเจ้าแน่ใจว่าข้อห้ามไม่ให้มีการเล่นเครื่องดนตรีใดๆ ท่ีมีเพ่ิมเติมอยู่ ในกฎระเบยี บครำ�่ ครขึ องวดั วาอารามนนั้ ตอ้ งมาจากสาวกของพระพทุ ธเจา้ บาง คนผู้ไร้ซ่ึงดนตรีในหัวใจ แต่บางทีก็มีความคิดเห็นแตกเป็นอย่างอ่ืน เพราะว่า ในท่ามกลางหมสู่ งฆ์นน้ั เราได้พบนักดนตรีฝมี อื จดั จา้ นมากมาย และทา่ นก็เปน็ พระสงฆ์ที่มีจิตบริสุทธิ์ผ่องใสและมีความคิดอ่าน โดยท่ีมิได้ปล่อยปละละเลย ต่อภารกจิ ของสงฆเ์ ลยแมแ้ ต่นอ้ ย
120 บทท่ี ๔ บริเวณทร่ี าบล่มุ แม่นำ้� เจา้ พระยา (ตอนตอ่ ) จากรายงานของนาย คอลคูฮอน3(Colquhoun) และมชิ ชนั นารบี างคน ข้าพเจา้ จงึ ไดเ้ ตรียมตวั ที่จะค้นหาระบบของวดั ในสยามในเร่ืองความเสอ่ื มถอย ของพระธรรมค�ำส่ังสอนที่จมด่ิงอยู่ในความประพฤติผิดศีลธรรมอย่างเลวร้าย ทส่ี ดุ ซ่ึงทำ� ใหค้ ำ� ส่ังสอนน้ันไม่แพรห่ ลายออกไปสปู่ ระชาชนในวงกวา้ ง หากวา่ มันเป็นเหตุท่เี กิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหมม่ ันก็คงจะเปน็ สถานที่ท่ีขา้ พเจ้าไม่อาจ พดู ถงึ ไดโ้ ดยอาศยั การสงั เกตสว่ นตวั เพราะมนั ยอ่ มจะขาดเคา้ มลู แหง่ ความเปน็ จรงิ ไมเ่ หมอื นทเ่ี กดิ กบั ประชาชนชาวลาวหรอื ชาวสยามทขี่ า้ พเจา้ เขา้ ไปคลกุ คลี อยดู่ ว้ ย ชาวสยามนนั้ จะไมท่ มุ่ เทปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ทางศาสนาของตนอยา่ งสมบรู ณ์ แบบเหมอื นชาวพมา่ ซง่ึ เปน็ ทยี่ อมรบั กนั วา่ เปน็ พวกทก่ี ระตอื รอื รน้ ในการทำ� บญุ มากที่สุด แต่ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นว่าการประพฤติผิดศีลธรรมท้ังหมดจะละเว้น การกระท�ำในสถานทแ่ี หง่ หน่งึ คอื วดั ไมว่ า่ จะเป็นวดั แหง่ ไหนทเี่ คยไดไ้ ปจะได้ พบพระสงฆซ์ ง่ึ เปน็ บคุ คลทผี่ ใู้ ดไดส้ นทนาดว้ ยจะไดร้ บั สาระประโยชนม์ ากมาย พวกท่านจะตอ้ นรบั ขบั สอู้ ยา่ งอบอุน่ และมเี มตตาเสมอ โดยท่ัวไประดับเสียงท่ี สภุ าพเนบิ นาบของพวกทา่ นดเู หมอื นจะเปน็ คณุ สมบตั ปิ ระการหนงึ่ ในลกั ษณะ เฉพาะแบบพระสงฆ์ พวกทา่ นมไิ ดแ้ สแสรง้ ท�ำเปน็ เครง่ ครดั ไมร่ บั รตู้ อ่ ความเปน็ ไปของโลกเพื่อที่บางทีอาจทำ� ให้พวกทา่ นดูบริสุทธิผ์ ดุ ผ่อง พระสว่ นใหญม่ ีสง่ิ ที่ ต้องแสวงหาซึ่งพวกท่านเฝ้าติดตามเหมือนกับเป็นหนทางต่างๆ ในการน�ำเข้า สกู่ ารทำ� ใหม้ สี มาธิ อาทิ การเกบ็ สะสมแรธ่ าตตุ า่ งๆ พชื สมนุ ไพรทเี่ ปน็ ยา ดนตรี ภาพวาดซง่ึ มักจะมีแตฝ่ มี อื หยาบๆ คนยากคนจน งานสถาปตั ยกรรม หรือการ ต่อเรือซึ่งพวกท่านมกั จะท�ำได้ดีกวา่ เงอ่ื นไขการด�ำเนนิ ชีวติ ท่เี ปิดกวา้ งภายใน วัดวาอารามรวมท้ังกฎเกณฑ์ทใี่ ห้ละจากกิเลสทางโลกไมเ่ อื้อต่อการกระท�ำผิด ศีลธรรม และค�ำชี้แนะท่ัวไปท่ีมีศีลธรรมก็แพร่หลายส่งอิทธิพลเข้าไปไกลถึง ในปา่ ชาวยโุ รปผใู้ จเรว็ ดว่ นไดจ้ งึ มกั จะเชอื่ วา่ มนั คงเปน็ ไปไดเ้ ชน่ เดยี วกบั พวกชน กลมุ่ น้อยของพวกเขาทีม่ ีอยใู่ นลอนดอน พวกแกะดำ� ยังคงมอี ย่ทู ่วั ไปทุกหนทกุ แห่งดงั ทีเ่ ป็นอยู่ในทุกสภาพสังคมของโลก แต่เรื่องอปั ยศตา่ งๆ คงไม่มีทางเกดิ ข้ึนในหมู่พระสงฆ์ได้มากไปกว่าน้ี และไม่น่าจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของ 3 ในหนังสอื เร่อื ง Amongst the Shans – ตน้ ฉบับ
ห้าปใี นสยาม เล่ม ๑ 121 พวกเราในเร่ืองคุณสมบัติทั่วไปของพระสงฆ์ได้มากไปกว่าการตัดสินใจในเรื่อง เกยี่ วกบั นักบวชในดินแดนของชาวครสิ เตียน การที่นายคอลคูฮอน ตัดสินเอาจากการขาดซ่ึงการบูรณปฏิสังขรณ์ พระเจดยี ์ และ วดั ตา่ งๆ ข้ึนใหม่ตามท่เี ขาสังเกตเห็น ท�ำให้ข้าพเจา้ คิดวา่ อาจ จะดูข้ามข้ันตอนเกินไปท่ีจะด่วนสรุปว่า ความศรัทธาในเร่ืองศาสนาก�ำลังล้ม หายตายจากไปจากจติ ใจของประชาชน4 ข้อห้ามซึ่งคงจะสร้างความปิติยินดีขึ้นในจิตใจของบรรดาสมาชิกแห่ง สมาคมนักอนุรักษ์ของเก่าก็คือหลักธรรมที่ว่า การบูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ และวัดวาอารามของพุทธศาสนิกชนไม่ถือว่าเป็นการสร้าง “บุญกุศล” แต่ใน ทางกลับกันถ้าเป็นการก่อพระเจดีย์ใหม่หรือสร้าง วัด ใหม่จะถือว่าเป็นการ ทำ� บญุ ทไ่ี ดก้ ศุ ลสงู สดุ แมว้ า่ สงิ่ ทสี่ รา้ งนนั้ จะมองดอู ปั ลกั ษณใ์ นเชงิ ศลิ ปะเพยี งใด กต็ าม สำ� หรบั คำ� อธบิ ายถึงเร่อื งทไ่ี ม่มกี ารซ่อมแซมโบราณวตั ถุซึ่งชาวอนิ โดจนี เปน็ เหมอื นกนั มาทกุ ยคุ ทกุ สมยั นนั้ นา่ จะเนอื่ งมาจากพายฝุ นทตี่ กหนกั พดั กระหนำ่� ความร้อนสูงและการเจริญพนั ธอ์ุ ย่างรวดเร็วของพืชพันธ์ุ นกั เขยี นคนดงั กลา่ ว คิดวา่ การสร้างพระเจดยี ท์ ่ขี า้ งในก่อดว้ ยโคลนคงไม่เกิดผลเสียในภายหลงั ชาว พทุ ธโดยทว่ั ไปกเ็ คยวพิ ากษว์ จิ ารณใ์ นเรอื่ งนว้ี า่ เรอ่ื งวสั ดทุ ใ่ี ชก้ อ่ สรา้ งจะมคี วาม หมายอะไรในเม่ือที่สุดแล้วโครงร่างที่เสร็จสมบูรณ์ของมันต่างหากท่ียืนยงอยู่ ถา้ เชน่ นนั้ แลว้ เรอื่ งทมี่ นั เสอื่ มสลายกลายเปน็ กองทรายกองใหญโ่ ดยไมร่ จู้ กั หยดุ จกั หย่อนภายในชว่ งเวลาเพียงสนั้ ๆ แบบน้เี ลา่ ? งานกศุ ลท่สี รา้ งขึน้ หยาบๆ เช่นนี้ ย่อมมิอาจเรียกวา่ “งาน” ไดเ้ ต็มปาก สิ่งต่างๆ ที่ทำ� ข้ึนปรากฏแก่สายตาและมคี ณุ ค่าในตัวเอง แมจ้ ะสูงข้ึนจากระดบั พน้ื ราบ แต่ก็ถูกโลกเบ้ืองต่�ำย่ืนมือไปสัมผสั ก็รบั รูไ้ ด้ในทันใดวา่ มคี า่ แค่ชั่วครู่ชั่วยาม เท่านัน้ 4 ในหนงั สอื เรื่อง Amongst the Shans – ต้นฉบับ
122 บทที่ ๔ บรเิ วณทรี่ าบลมุ่ แม่นำ้� เจา้ พระยา (ตอนต่อ) แต่มันก็ยังคงอยู่ในฐานะส่ิงก่อสร้างที่มีรูปทรงแบบส่ิงศักด์ิสิทธิ์ เพื่อยกระดับ ความกระจา่ งแจ้งแห่งศรทั ธา เพอื่ คอยปรามจติ ส�ำนึกอนั ช่วั รา้ ยและคอยเตอื น ใหผ้ ้สู ญั จรผา่ นไปมารำ� ลกึ ถงึ ค�ำสัง่ สอนขององคพ์ ระสมั มาสมั พุทธเจา้ ความขาดแคลนดา้ นวสั ดอุ ปุ กรณอ์ าจเปน็ ทมี่ าของความเสอ่ื มโทรมของ โครงสรา้ งทางสถาปตั ยกรรมของสง่ิ กอ่ สรา้ งในภมู ภิ าคนี้ เชน่ การทช่ี า่ งชาวเขมร ในรุ่นหลังใช้อิฐดินลูกรังอัดก้อนแบบง่ายๆ แทนการใช้หินทรายเน้ือแกร่งท่ี สถาปนิกผู้สรา้ งนครธมใช้มาแตค่ รั้งเร่ิมแรก แต่น่นั กไ็ ม่ใช่สงิ่ สำ� คัญทจี่ ะกระทบ กับเรื่องความรู้สึกทางศาสนาของพวกเขา5 บางทีจะมียกเว้นบ้างก็ท่ใี นกรุงเทพฯ อนั เป็นเมืองทอ่ี ทิ ธพิ ลชั่วร้ายจาก การเคลือบแฝงของอารยธรรมยุคใหม่ได้ก่อตัวข้ึน ประชาชนที่ยากจนเข็ญใจ เพิม่ จำ� นวนขึน้ อย่างรวดเร็ว เกดิ การแบ่งชนช้ันสูงตำ่� ในหมรู่ าษฎรอย่างรุนแรง และความพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายของประชาชนเพ่ือให้ได้รับผลบุญ ซ่ึงส�ำหรับพวกเขามันเป็นเหมือนการช่วยวิญญาณหรือช่วยเหลือมนุษย์ให้พ้น จากขุมนรก แต่ส�ำหรับชาวคริสเตียนแล้ว เราไม่อาจท�ำใจให้เห็นพ้องไปกับ ทฤษฎแี ห่งความเสื่อมความรสู้ กึ ต่อศาสนาแบบนี้ได้ ไมเ่ คยมีเรื่องท่ีสรา้ งความ ประหลาดใจให้ข้าพเจ้าได้มากเท่าเรื่องที่ได้ประจักษ์ถึงความเคารพนับถือ ซ่ึง คนเรือคนหน่ึงของข้าพเจ้าได้รับจากบรรดาเพ่ือนเก่าของเขาหลังจากที่เขาได้ บวชเรยี น เขาได้เคยมาเยยี่ มข้าพเจา้ อยหู่ ลายครงั้ เรยี กได้ว่าเปน็ ปรากฏการณ์ ทไี่ ดเ้ หน็ เขากลายเปน็ บคุ คลสำ� คญั ในสายตาเพอ่ื ๆ ทพ่ี ากนั เอาใจใสแ่ ละปรนนบิ ตั ิ เขาเป็นอย่างดี เขาจะไม่ถูกเรียกด้วยชื่อของตนเองอีกต่อไปพวกเพ่ือนๆ จะ เคารพ เขาและ ไหว้ เขาราวกบั ว่าเขาเป็นขนุ นำ�้ ขุนนางของแผ่นดินและจะพา กันน่ังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขาโดยไม่สามารถสังเกตเห็นได้เลยว่ามีร่องรอยของ ความคุ้นเคยกนั มาก่อน อดตี ถูกลบเลอื นไปจนสน้ิ ส�ำหรับพวกน้นั แล้วเขาเปน็ เหมือนบุคคลศักด์ิสิทธ์ิ ตัดขาดตนเองจากโลกมนุษย์แล้วด�ำเนินชีวิตแบบผู้สูง ศกั ดเ์ิ ครง่ ครดั มสี มาธิ เขาเลา่ ใหข้ า้ พเจา้ ฟงั ถงึ การตอ่ สกู้ บั ตนเองขณะอยใู่ นหว้ ง 5 ตัวอยา่ งทยี่ กมาโดยนายคอลคูฮอนกค็ ือพระเจดยี ท์ ส่ี รา้ งข้ึนโดยชาวพมา่ ผู้กระตือรอื ร้นในชว่ งทีค่ วามร้สู กึ ทางศาสนาอนั แรงกลา้ ไดเ้ สอื่ มโทรมคงเปน็ เหตุให้เขาเศรา้ ใจย่ิงนกั – ตน้ ฉบับ
หา้ ปใี นสยาม เลม่ ๑ 123 คำ� นงึ ของการนง่ั สมาธิ และชวี ติ สมถะทแี่ ทจ้ รงิ ของเขา เลา่ เกยี่ วกบั การนง่ั สมาธิ ซำ้� อกี ครง้ั ตง้ั แตเ่ ชา้ ตรตู่ อ่ หนา้ พระพทุ ธรปู ในยามแรกอรณุ อนั หนาวเหนบ็ เกย่ี ว กบั เวลานับเป็นชวั่ โมงๆ อันยาวนานท่ตี ้องสบั สนอยู่กับบทบญั ญตั ิภาษา บาลี ทสี่ ดุ แสนยาก การเดนิ วนรอบหมบู่ า้ นอยา่ งชา้ ๆ เปน็ ระเบยี บ ซง่ึ ในระหวา่ งเดนิ อยู่ก็มอิ าจแวะไปเย่ยี มหรือพดู จาทักทายกบั เพ่อื นฝูงได้ พระสงฆต์ อ้ งเสียสมาธิ ด้วยเสียงพูดคุยสนุกสนานของคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวน้ัน หรือเสียงของคนๆ หน่ึงหรือสองคนท่ีเล่นฟุตบอลกันอยู่ เป็นการท�ำลายสมาธิของพวกท่านที่นั่ง ก�ำหนดจิตอยู่อย่างสงบภายใต้เงาไทรบริเวณลาด วัด และเล่าเกี่ยวกับการไม่ เห็นด้วยของผู้อาวุโสสูงวัยผู้เคร่งครัดที่ปกครองโดยใช้ไม้แข็งท�ำให้เขาอยากท่ี จะกลบั สกู่ ารเปน็ ฆราวาสอกี ครง้ั เหตกุ ารณท์ เี่ ปน็ เครอ่ื งยนื ยนั ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งน้ี ท�ำใหข้ า้ พเจา้ เกิดความประทับใจอย่างสงู สุด และทีเ่ กดิ ข้นึ บอ่ ย ๆ กค็ ือคนของ ขา้ พเจา้ คนหนงึ่ มกั จะถามถงึ วนั หยดุ แลว้ ขา้ พเจา้ กไ็ ดพ้ บวา่ เขาไดอ้ ทุ ศเวลาหยดุ ทั้งหมด รวมถึงค่าจา้ งในเดือนสดุ ทา้ ยไปในเทศกาลการทำ� บุญคร้งั ยง่ิ ใหญ่ร่วม กบั บรรดาญาตพิ น่ี อ้ งที่ วดั ประจำ� ครอบครวั ใครๆ กม็ กั จะเหน็ ไดว้ า่ งานเทศกาล ทำ� บญุ ตา่ งๆ มคี วามเจรญิ กา้ วหนา้ มากขน้ึ ตามความคดิ ของพวกเราอาจจะเหน็ วา่ แปลกแต่การท�ำบญุ เชน่ น้ีเปน็ เร่อื งจรงิ จังสำ� หรบั พวกเขา ดว้ ยจำ� นวนท่ปี ระกอบดว้ ยคนในครอบครวั ๑๐ ถึง ๑๒ คน รวมกบั ที่ได้ ว่าจ้างหัวหน้าวงดนตรีแถวบ้าน พร้อมกับนักเรียน ๖ คนด้วยเงินค้าจ้าง ๑๐ บาทต่อวัน6 พวกเขาจะชว่ ยกันตกแต่งเรอื ขนาดใหญ่สุดทม่ี ีอยดู่ ว้ ยการใช้ผา้ ใบ แผค่ ลมุ เหนอื เสาไมไ้ ผป่ ระดบั ประดาอยา่ งงดงามดว้ ยผา้ แดงทโี่ บกสะบดั เปน็ รว้ิ ยาวปลิวไสวอยู่ในสายลมแล้วช่วยกันแจกจ่ายต้นอ้อย ขนม ท�ำด้วยมะพร้าว หรอื ขนมอบ๑ และหมากพลูไปในระหวา่ งทีก่ ำ� ลงั เดินทางมงุ่ หนา้ สูว่ ดั พรอ้ มกับ ระดมตฆี อ้ งเปน็ ครง้ั คราว ทกุ คนแตง่ กายดว้ ย ผา้ นงุ่ ผา้ พนั คอผนื ใหมเ่ อยี่ มออ่ ง ทสี่ ดุ และสวมเสอ้ื ตวั ทขี่ าวทสี่ ดุ ทกุ ๆ ครงั้ ทเี่ ขาแจกจา่ ยของก�ำนลั กจ็ ะไดร้ บั ศลี รบั พรเปน็ การตอบแทนบา้ งเปน็ บางครงั้ และเมอ่ื เขา้ ไปขา้ งใน โบสถ์ ทมี่ องเหน็ 6 ประมาณ ๓ ชิลลงิ่ ๔ เพนนี – ตน้ ฉบบั ๑ ตน้ ฉบบั ใช้ว่า Cake แตน่ ่าจะหมายถึง ขนมอบของไทยทม่ี มี ะพรา้ วเป็นสว่ นผสม เชน่ ขนมบา้ บิน่ ขนมกล้วย เป็นตน้ – สวป.
124 บทที่ ๔ บริเวณทีร่ าบลมุ่ แม่นำ้� เจา้ พระยา (ตอนตอ่ ) องคพ์ ระพทุ ธรปู อยา่ งราง ๆ หนั พระพกั ตรไ์ ปในทศิ ตะวนั ออกซงึ่ ใชเ้ ปน็ สญั ลกั ษณ์ แห่งหลักในการด�ำเนินชีวิตและความหวัง พวกเขาจะน่ังลงบนพ้ืนล้อมเป็นวง รอบองคพ์ ระพทุ ธรปู ในขณะทว่ี งดนตรปี รบั เทยี บเสยี งและบรรเลงเดย่ี วเครอื่ ง ดนตรีชนิดหนึ่งข้ึนมา มันคือเสียงบรรเลง จะเข้ ที่มรี ูปร่างคลา้ ยกับเรอื และมี ชน้ิ ไมไ้ ผเ่ ลก็ ๆ วางไวต้ ามขวาง มฆี อ้ งวงอนั เลก็ ทม่ี นี ายวงนง่ั ประจำ� อยตู่ รงกลาง และตฆี ้องด้วยความแม่นยำ� ไม่ผิดพลาด ชายหนมุ่ คนหนึง่ ซงึ่ เล่นระนาดอนั เล็ก จะคอยเคาะจงั หวะและตแี ทรกในแตล่ ะทอ่ นทา้ ยสลบั กนั ไป บางทกี ไ็ ดย้ นิ เสยี ง ปค่ี ลารเิ นท็ ดงั แทรกขนึ้ มา เครอื่ งดนตรชี นิ้ ทา้ ยสดุ และมหมึ าทส่ี ดุ คอื กลองใหญ่ ซง่ึ กใ็ หเ้ สยี งดงั แบบเดยี วกบั กลองทอี่ นื่ ๆ นน่ั คอื ดงั กลบเสยี งเครอ่ื งดนตรที กุ ชนิ้ จนท�ำใหเ้ สียงของมนั ดงั เดน่ ขน้ึ มาอย่างภาคภูมิ ท่านเจ้าอาวาสเดินเข้ามาโดยถือตาลปัตรไว้เบ้ืองหน้ามีสามเณรสองถึง สามองค์เดนิ ตามทางมาข้างหลัง และในความเงยี บเช่นนน้ั ก็อาจจะได้ยนิ เสียง เดก็ ๆ คุยดังลอดขน้ึ มาบ้าง ผลท่ีได้รับกลับมาน้ันเป็นสง่ิ ทพี่ วกเขาซาบซึ้งดอี ยแู่ กใ่ จ พวกเขามาร่วม ชมุ นมุ กนั แบบงา่ ยๆ ตรงนน้ั บา้ งตรงนบี้ า้ งดว้ ยความเคารพศรทั ธาแบบเดยี วกบั ชาวลอนดอนตะวนั ออกที่มาสวดมนตร์ ่วมกนั พวกผู้หญงิ จะคกุ เขา่ อยูท่ างด้าน หนึ่ง ส่วนพวกผู้ชายจะนั่งยองๆ อยู่อีกด้านใกล้ๆ ประตู พวกเขาสูบบุหร่ีกัน ตลอดเวลาหรอื ไมก่ ค็ บี ไวร้ ะหวา่ งนวิ้ มอื ทป่ี ระสานกนั อยตู่ รงหนา้ ขณะทมี่ องลอด ช่องน้ิวมือ ส่งสายตาผ่านไปยังสาวๆ บางคร้ังบางคราวก็จะมีหญิงชราก้มลง หมอบกราบ ๓ ถงึ ๔ คร้งั แล้วจึงลุกขึน้ เดินขา้ มฟากไปบว้ นนำ�้ หมากลงตาม ร่องกระดาน แลว้ หันไปเอด็ เสยี งดังดพุ วกเด็กๆ ท่ที ำ� เสยี งเจ๊ยี วจา๊ วดว้ ยเสียงดงั ลั่น แล้วเดินกลับไปสวดมนต์ต่อ จากนั้นจึงถึงเวลาของการแสดงพระธรรม เทศนาหรือการสวดให้ศีลให้พรแบบหนึ่ง ซ่ึงพวกเขารับฟังและเข้าใจแต่เพียง สหี นา้ จนกระทงั่ พระภกิ ษชุ ราลงมาจากธรรมาสนส์ งู และเดนิ ไปยงั ทน่ี ง่ั ของทา่ น บนทซ่ี ง่ึ ยกพน้ื สงู อยทู่ างดา้ นขา้ ง หลงั จากนน้ั บรรยากาศกจ็ ะเปน็ ไปอยา่ งงา่ ยๆ ตามสบาย ยงิ่ ถา้ หากคณุ เปา่ ขลยุ่ เปน็ คณุ กจ็ ะเปน็ คนทไ่ี ดร้ บั การตอ้ นรบั อยา่ งดี ยง่ิ
ห้าปีในสยาม เลม่ ๑ 125 คงไม่มีอะไรที่ท�ำให้ผู้ที่เห็นคร้ังแรกสะดุดใจได้มากเท่าท่ีเห็นความไม่ เคารพและไมส่ �ำรวมท่ีเพิม่ มากข้นึ ทลี ะนอ้ ย ซึง่ มันไดก้ ลายมาเปน็ ค�ำอธบิ ายให้ เขา้ ใจไดด้ ยี ง่ิ ขนึ้ ถงึ ความเคยชนิ และแนวความคดิ ของพวกเขา การสงบจติ ใจดว้ ย การรวบรวมสมาธกิ เ็ ปน็ วธิ ที ไี่ มส่ ามารถอธบิ ายโดย “การประกอบพธิ ที างศาสนา” แบบของพวกเราได้ท้ังสิ้น แต่ละคนไปที่นั่นก็เพ่ือท�ำบุญให้ตัวเอง ด้วยความ เพยี รของเขาแต่โดยลำ� พัง ไม่ไดท้ ำ� เพ่อื เอาใจใคร และไม่มีใครชว่ ยเหลอื เขาก็ ตอ้ งได้รบั ในสิง่ นั้น เราต้องแสวงหาการหลดุ พน้ ไดด้ ้วยตนเอง พระสงฆน์ นั้ ไมส่ ามารถจะชว่ ยเขาได้ องคพ์ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ กท็ รงเปน็ เพยี งผชู้ นี้ �ำทางแตพ่ ระองคท์ รงไม่สามารถท่ีจะช่วยเหลอื พวกเขาได้ ไมม่ ีใครช่วยเหลือพนี่ อ้ งของเขาใหห้ ลุดพ้นได้ และมอิ าจต่อรอง กับพระผู้เป็นเจา้ เพือ่ เขาได้ พวกเขาไม่ได้สวดภาวนาถึงใครและไม่ได้สวดเพือ่ ใคร ไม่มกี ารสวดภาวนา ความมืดมนยอ่ มไมแ่ จม่ กระจา่ ง ! ถามส่งิ ใดจากความเงียบยอ่ มไมบ่ ังเกดิ ผล เพราะมนั มิอาจพดู จาได้ 7 พวกเขาอยทู่ น่ี น่ั เพยี งเพอื่ ประกอบการทำ� บญุ ใหค้ รบกระบวนการเทา่ นนั้ อยู่เพ่ือถวายสิ่งของเบ้ืองหน้าพระสงฆ์ ขณะที่น่ังอยู่ใน โบสถ์ พวกเขาก็มิได้ เตือนตนให้ร�ำลึกถึงกฎเกณฑ์อันดีงามในการด�ำเนินชีวิต ได้แต่ก้มหัวรับเอา เฉพาะผลบญุ ตอ่ หนา้ สญั ลกั ษณพ์ ระพทุ ธรปู ปดิ ทองอนั ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ ซงึ่ สำ� หรบั พวก เขาถอื เป็นตัวแทนของพระพทุ ธเจา้ 7 จาก The Light of Asia – ต้นฉบบั
126 บทท่ี ๔ บริเวณท่รี าบลุ่มแม่นำ้� เจา้ พระยา (ตอนตอ่ ) พวกเขาอาจยกมือ ไหว้ คน ฝร่ัง หรือไหว้ท่านข้าหลวงประจ�ำจังหวัด ซงึ่ ตามความรสู้ กึ นกึ คดิ ของพวกเขาแลว้ คนทงั้ สองเปน็ ตวั แทนของจติ วญิ ญาณ ท่ไี ด้สรา้ งสมกุศลผลบญุ มาต้ังแต่ชาติปางกอ่ น ท�ำอยา่ งไรพวกเขาถึงจะมีชวี ิตท่ี เปีย่ มดว้ ยโชคลาภและครอบครองอำ� นาจวาสนาและทรัพยศ์ ฤงคาร แตล่ ะชีวติ คนเรา ผลกรรมในชาตปิ างก่อนนัน้ ไซร้ คอื ความผิดพลาดทีท่ �ำไปแล้ว นำ� มาซ่งึ ความโศกเศร้าและทกุ ขเ์ ขญ็ ความประพฤติชอบที่ได้กระท�ำมากอ่ ให้เกดิ ความสุขกายสบายใจ เราหวา่ นเพราะสงิ่ ใดไปย่อมได้เกบ็ เกี่ยวส่ิงนัน้ 7 จากนไ้ี ปหากทา่ นมจี ติ ใจแนว่ แนใ่ นกฎเกณฑก์ ารดำ� เนนิ ชวี ติ และปฏบิ ตั ติ ามหลกั นน้ั ซำ้� แลว้ ซำ�้ เลา่ ดว้ ยการคาบบหุ รไี่ วท้ ป่ี ากแลว้ ละก็ ความเคารพนบนอบกย็ อ่ ม ไมบ่ งั เกิดแกผ่ ูใ้ ด เปน็ อกี คร้งั หนง่ึ ทก่ี ารใชช้ วี ติ งา่ ยๆ ท�ำตัวตามสบายไดบ้ นั่ ทอนความเปน็ พธิ กี ารใหเ้ สียไป ไม่ว่ามนั จะเป็นดว้ ยลกั ษณะทางศาสนา หรอื ความดอ้ื รน้ั ของ พวกเขาเองก็ตาม ในเมื่อทุกๆ คนสามารถสูบบุหร่ีได้ทุกครั้งยามเม่ือต้องการ แม้เมื่ออยู่เบื้องหน้าพระพักตร์พระมหากษัตริย์หรือท่ีในพระบรมมหาราชวังที่ กรงุ เทพฯ และพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กท็ รงปฏบิ ตั พิ ระองคเ์ ปน็ แบบอยา่ ง การท�ำบุญท�ำทานก็คงต้องมีควบคู่ไปกับความบันเทิงสนุกสนานอย่างไม่อาจ หลีกเล่ียง ส่ิงท่ีตระหนักชัดมาเนิ่นนานแล้วก็คือธรรมชาติของมนุษย์นั้นจะด�ำเนิน ไปไดโ้ ดยต้องอาศัยความรกั เปน็ เครอ่ื งหล่อเลย้ี งตลอดหนทางของชีวิต ทั้งๆ ท่ี พระพทุ ธเจา้ ทรงเชอ่ื มน่ั วา่ มนษุ ยเ์ รานน้ั สงู ขนึ้ ไดโ้ ดยการกระทำ� ของตนแตผ่ เู้ ดยี ว ไม่ได้ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ใด แต่กระน้ันผู้ท�ำบุญก็มักจะหาหนทางแบ่ง ปนั ผลบญุ ท่ีจะไดร้ บั ให้กับญาตพิ ี่นอ้ งหรอื เพอ่ื นฝูงท่ีสนทิ สนมคุ้นเคยอยู่เสมอ
หา้ ปใี นสยาม เลม่ ๑ 127 แตล่ ะฉากแตล่ ะตอนทเ่ี ราดำ� เนนิ ชวี ติ ไปเกดิ ขน้ึ ทา่ มกลางการเดนิ ทางวนั ละ ๑๖ กิโลเมตร ทวนกระแสน�้ำ คนื แรกพวกเราจอดเรอื เทยี บทา่ ที่ วดั อนั งดงามแหง่ หนง่ึ ทบ่ี รเิ วณปากน้�ำ เกรยี งไกร๑ เปน็ วดั ทพี่ ระสงฆก์ ำ� ลงั วนุ่ วายอยกู่ บั การสรา้ งทา่ เรอื และ ศาลา หรอื เรือนพักขึ้นมาใหม่ ท่ีพวกเราสนใจเป็นพิเศษก็คือเร่ืองแก้งค์อันธพาลจ�ำนวน รว่ ม ๓๐ คนทไี่ ด้เดนิ ทางมาท่นี ีเ่ ม่ือ ๕ วนั ก่อน โดยใชเ้ รอื ๔ ล�ำ ล�ำหนึ่งคอื เรือเป็ด ล�ำใหญ่โตสะดวกสบายติดตั้งปืนเล็กยาวท่ีบรรจุครั้งเดียวยิงได้หลาย คร้ัง พวกมนั จะเดนิ ทางขน้ึ ไปตามแมน่ �้ำโดยไม่มีจดุ หมายปลายทางเพ่ือทำ� การ ปลน้ เงยี บรายยอ่ ย มคี นบอกวา่ พวกมนั นงั่ สบู บหุ รอ่ี ยา่ งสงบเสงย่ี มอยใู่ นเรอื เฝา้ รอคอยขบวนเรือของเสนาบดีท่ีจะล่องมาจากแม่น้�ำทางเหนือหลังจากท่ีท่าน เดินทางกลบั จากการออกตรวจราชการ พวกเราไมม่ ีโชคพอทจี่ ะได้พบพวกนน้ั สองวนั จากปากนำ้� โพพวกเราไดเ้ ดนิ ทางถงึ ปากนำ้� ทต่ี ำ� บลเกยชยั ซง่ึ เปน็ หมบู่ า้ นงดงามแปลกตาตรงบรเิ วณทแี่ มน่ ำ�้ สายยอ่ ยจากแมน่ ำ้� ยมไหลมาบรรจบ กับลำ� นำ้� ทางดา้ นทศิ ตะวันออก8 ตวั หมบู่ า้ นตง้ั อยใู่ นจดุ ทสี่ วยงามอยบู่ นหาดทรายแหลมทย่ี น่ื ยาวมรี ม่ เงา คร้มึ ด้วย ตน้ ยาง สงู เปน็ ต้นไมท้ ี่มสี ัดสว่ นงดงามทส่ี ุดเช่นเดียวกบั ความส�ำคญั ของมนั ในฐานะตน้ ไม้ท่ที รงคณุ ประโยชน์ทส่ี ดุ ในแถบอินโดจีนน9ี้ ที่ตั้งอยู่เด่นชัดคือศาลเล็กๆ ซึ่งผู้คนที่เดินเรือผ่านข้ึนไปทางเหนือตาม ล�ำพังจะเข้าไปบนบานศาลกล่าวต่อ ผี หรือ นัท1 ท่ีสิงสู่อยู่บริเวณแม่น้�ำอัน ๑ ตน้ ฉบับภาษาอังกฤษใช้คำ� ว่า Chieng Krai น่าจะหมายถงึ คลองเกรียงไกร ในเขตอำ� เภอเมอื งนครสวรรค์ - สวป. 8 เปน็ ทรี่ จู้ กั กนั แพรห่ ลายในหมู่ประชากรแถบแมน่ ้�ำนใ้ี นช่อื ว่า แม่นำ�้ หรอื แมน่ ำ้� พิชยั แมน่ ้�ำแมย่ มทีไ่ หลหมาตรงบรเิ วณน้ีร้จู กั กันในช่ือ แม่นำ้� เกา่ หรอื แม่น�ำ้ สายหลักเดมิ ซ่ึงแตก่ อ่ นนม้ี ันจัดเป็นแมน่ ำ้� สายย่อยที่มีความสำ� คญั กวา่ ท่เี ป็นอยตู่ อนนี้ ขณะนี้ กระแสน�้ำบางส่วนไดเ้ ปล่ียนเสน้ ทางไปยังแม่น�้ำพชิ ัยช่วงใกลจ้ ังหวัดพษิ ณโุ ลก ดงั น้ันจงึ ท�ำให้แม่น�ำ้ พชิ ัยส่วนน้ีมีการขยายตัว ใหญข่ ้นึ กวา่ เดมิ – ต้นฉบับ 9 Dipterocarpus levis เปน็ ไมจ้ �ำพวกทใี่ ห้ยาง และขา้ พเจา้ กเ็ ช่อื วา่ ตน้ ไมช้ ือ่ D.Turbinatus ท่รี ะบไุ ว้ โดยเซอรโ์ จเซฟ ฮุคเกอร์ ตามท่ีพบมนั ขนึ้ อยู่แถว ๆ เมืองจิตตากอง เปน็ จ�ำพวกเดยี วกบั ต้นกานยินพม่า (Burmese Kanyin) รวมทง้ั ไม้ชนั ยาเรอื และไม้ยาง เป็นพชื ทีเ่ จริญพนั ธ์ุไปท่ัวทกุ สารทศิ ของดนิ แดนอนิ โดจีน นับเป็นไม้ป่าท่ีมีคณุ ประโยชน์สูงสดุ มันจะยืนต้นเป็นกลุม่ ละ ๔ ถงึ ๕ ตัน ในบรเิ วณใกลท้ างนำ�้ กอ่ ให้เกดิ รม่ เงา เป็นทพ่ี ักพิงท่กี องคาราวานจะโปรดปราน กลมุ่ ทขี่ า้ พเจ้าลองวดั ดูมคี วามสงู จากกง่ิ ที่ตำ่� สดุ ๙๐ ฟุต แต่บางตน้ ก็เกินกว่า ๑๒๐ ฟตุ และวดั รอบลำ� ตน้ ได้ ๒๕ ฟตุ ใช้ วธิ เี ดยี วกนั ในการเกบ็ น้�ำยาง ด้วยการกรีดที่ล�ำต้นเป็นกระเปาะสงู จากพน้ื ๒ - ๓ ฟุต เพ่ือเก็บนำ�้ ยางทีจ่ ะไหลออกมาทุก ๒ - ๓ วนั แล้วจะเสยี บก่งิ ไม้เผาไฟไปในกระเปาะเพ่อื ให้น�้ำยางหยุดไหล แตก่ ารทำ� แบบนอี้ ีกไมก่ ีป่ ีตน้ ไมก้ ็จะตาย 1 คือดวงวิญญาณผู้คุ้มครอง – ตน้ ฉบับ
128 บทท่ี ๔ บรเิ วณท่รี าบลมุ่ แม่นำ้� เจา้ พระยา (ตอนตอ่ ) เวิง้ ว้างแห่งนั้นและอาจขุ่นเคืองท่ีถูกรบกวนจากเรือท่ผี ่านไปผ่านมา ถัดข้ึนไป อีกนิดจะเป็นบริเวณที่เป็นอาณาเขตของหมู่บ้านชุมแสง ซ่ึงในระยะถัดไปอีก ๑๑๒ กิโลเมตร จะมีผู้คนอยู่อย่างบางเบาและมีต้นหญ้าสูงกระจายทั่วพ้ืนที่ บริเวณแม่นำ�้ เกา่ แก่ หนองน้�ำและป่าเป็นหย่อม ๆ มีทอ่ นซงุ จมอย่ใู นโคลนมอง ดคู ลา้ ยจระเขม้ อ่ ยหลบั และมตี วั อะไรสกั อยา่ งทด่ี เู หมอื นลงิ วงิ่ พลา่ นไปตามพน้ื ทราย ในยามทร่ี ะดบั นำ�้ ลดตำ่� ลงถงึ พนื้ ดนิ ลกู รงั ออ่ นนมุ่ และโคลนตมสอี อกแดงๆ เหลอื งๆ ทรี่ ิมตล่ิง ๒ ข้างมกั จะวดั ความสูงไดร้ าวๆ ๓๐ ฟุต มองเห็นหมู่บา้ น ๒ ถงึ ๓ หม่บู า้ นในระยะไกลๆ ขนาบขา้ งริมตลง่ิ ท้ัง ๒ ฝ่ัง จนถงึ เขตเพอ่ื นบ้าน จังหวดั พจิ ิตรจึงเรม่ิ มีหมู่บ้านเพิม่ หนาแน่นมากขนึ้ เป็นหยอ่ มๆ เลยี บไปตามรมิ ฝั่งแม่น้�ำที่เป็นเสมือนทางสายหลัก เบ้ืองหน้าบริเวณพื้นต่�ำเป็นหนองบึงกว้าง ใหญ่แผ่ไพศาลสุดขอบฟ้า ยามฝนตกมันจะกลายเป็นทะเลที่เดินเรือได้กว้าง ขวางมหึมา และแมแ้ ต่ในฤดูแล้งก็ยังมคี วามช่มุ ชืน้ อย่างเหลอื เฟือ มลี �ำธารเล็ก ตัดแยกจากแม่น้�ำสายหลักไปทุกทิศทุกทางแล้วไปเช่ือมต่อกับหนองน้�ำท่ีอยู่ เบ้อื งหน้า การทีร่ ะดบั น้�ำจะเพ่ิมขึน้ หรือเหอื ดแห้งก็ข้นึ อยู่กบั แม่น้�ำสายหลกั นี้ เอง ในระยะประมาณ ๑๐๐ หลาถัดจากดงตน้ จากซ่งึ เปน็ ท่ีต้งั ของหมบู่ ้านจะ ได้ยินเสียงร้องราวอยู่ในโลกมหึมาของนกดังอื้ออึงออกมาจากบริเวณแหล่งน้�ำ ไกลออกไป มที ัง้ นกกระทงุ และนกกระยางบนิ วนเวยี นเป็นวงกลมอยู่ตรงเบอื้ ง หนา้ สว่ นทางดา้ นหลงั นน้ั ไมม่ อี ะไรนอกจากมกี ารเพาะปลกู พชื บา้ งเปน็ หยอ่ มๆ และแนวตน้ จากกบั ยอดตน้ ไผท่ บี่ อกแนวใหเ้ รารวู้ า่ แมน่ ำ�้ ไหลคดเคย้ี วไปทางใด เทา่ น้ัน เม่ือฝนหยุดตกและน�้ำท่วมขังเริ่มไหลหลาก ท�ำให้ธรรมชาติครึ่งๆ กลางๆ แบบน้ีกลายเป็นปฏิปักษ์ต่อฝูงปลาซง่ึ ในหนา้ ฝน มนั ได้รวมตวั อยเู่ ปน็ กล่มุ จ�ำนวนนบั หม่นื นับแสนตัวตามบอ่ นำ�้ และกระแสน�ำ้ ทั่วท้ังประเทศสยาม แม้ว่าจะผิดศีลตามหลักในพุทธศาสนาแต่ก็เห็นชาวบ้านไม่ค่อยจะว่าง กนั นกั เนอื่ งจากตอ้ งไปจบั จองพน้ื ทต่ี รงประตนู ำ�้ กน้ั ปากคลองเพอื่ วางตาขา่ ยจบั ปลาในแมน่ �้ำตรงทซ่ี ่งึ อาจเห็น ปลาช่อน กระโดดข้ึนไปในอากาศสงู ถงึ ๖ ฟุต
ห้าปีในสยาม เล่ม ๑ 129 วธิ กี ารอนั มากมายและความเชยี่ วชาญทเี่ หน็ ไดจ้ ากการวางตาขา่ ยและการวาง กับดักปลาไว้ในพื้นที่ทุกๆ หลาน้ันคงจะสร้างความเหนื่อยยากให้อย่างสุด พรรณนา การจับปลาของพวกเขาแบบนไี้ มม่ ลี กั ษณะแบบการตกปลาเพ่ือการ กีฬาแม้แต่นอ้ ย เหมอื นกับทชี่ าวพื้นเมืองชอบยิงนกทีเ่ ป็นเปา้ นงิ่ ซึง่ สร้างความ อกส่นั ขวัญแขวนใหแ้ ก่ชาวองั กฤษเม่ือแรกเห็นมาแลว้ อยา่ งไรกด็ ีเมอ่ื เวลาผา่ น ไปหลาย ๆ เดอื น กระสนุ ปืนดินดำ� เริ่มเหลือลดน้อยลงทำ� ให้ต้องเรม่ิ กระเบยี ด กระเสียน ความละอายต่อบาปก็เหือดหายลงไปอย่างน่าเศร้า พวกเราซ่ึงติด เกาะจงึ จำ� เปน็ ตอ้ งพง่ึ พาการไถบ่ าปและฝกึ ฝนการยงิ นกตกปลาซงึ่ เปน็ วธิ เี ดยี ว ทีจ่ ะท�ำใหก้ บั ขา้ วกับปลาของเรามีความหลากหลายมากขนึ้ เมื่อกับดกั ปลาไม่ ได้ผลกอ็ าจได้เห็นชาวพ้ืนเมอื งวัยชรานัง่ อยู่ในเรอื ขุดล�ำเลก็ ๆ ของเขากลางดง กกดงออ้ ในนำ�้ พรอ้ มถอื คนั เบด็ สนั้ ๆ เกยี่ วเหยอื่ พวกตวั หนอนเอาไว้ เมอ่ื ปลาฉก เหย่ือได้ไม่ว่องไวทันใจพวกเขาก็จะใช้ปลายคันเบ็ดตีลงในแม่น�้ำให้กระเพ่ือม เพ่อื “เรยี กปลา” รูส้ ึกวา่ คงเปน็ การรอคอยทส่ี ญู เปล่าเพราะปลาคงไมย่ อมให้ จบั มนั ไดด้ ว้ ยวธิ เี ชน่ นนั้ กบั ดกั ปลามกั จะทำ� ดว้ ยตะกรา้ แบบงา่ ยๆ นำ� ไปวางกนั้ ไวต้ รงชว่ งทก่ี ระแสน�้ำลดลง หรือไมก่ ็ปรับปรุงจากกระชังแบบท่ีใชด้ กั กุง้ ทะเล ทม่ี ปี ากทางเขา้ และมรี ูปทรงสอบเข้าทีต่ รงปลายดา้ มใน ตรงสว่ นปลายทำ� ดว้ ย ไมไ้ ผห่ รอื หวายเปน็ ทด่ี กั ปลา รปู ของกระชงั นน้ั วาดไวช้ ดั เจนในหนงั สอื ของนาย คอลคฮู อน2 และหนงั สือของนายโฮลท์ ฮัลเลต็ ต์ (Holt Hallet)3 จากฝมี อื วาด ภาพทีเ่ ป็นผลงานของกานิเยร่ ์ (Garnier)4 ปลาจำ� นวนนบั แสนตนั ที่จับได้ในทกุ ๆ ปถี ูกน�ำมาตากแหง้ ทำ� เคม็ และ น�ำมาบดเป็นอาหารแบบต่าง ๆ มากมายซ่ึงมีความขน้ เหนยี วและมรี สชาติทไ่ี ม่ ซ้�ำกนั ปลาแหง้ ซึ่งท�ำจากปลาแม่นำ้� ตากแห้งจัดเป็นอาหารอันโอชะของ “เปด็ บอมเบย”์ และนบั เป็น กบั ขา้ ว อนั หาค่ามไิ ด้ หรอื เป็นสง่ิ ท่ีเพ่ิมเติมรสชาตใิ ห้ 2 เรอ่ื ง Amongst The Shans – ตน้ ฉบับ – ต้นฉบบั 3 เร่ือง A Thousand Miles on an Elephant – ตน้ ฉบับ 4 Voyage d’Exploration dans I’Indo-Chine อันมชี ื่อเสียง
130 บทท่ี ๔ บรเิ วณทร่ี าบลุ่มแม่นำ้� เจ้าพระยา (ตอนต่อ) กับข้าวเปล่า น�้ำพริก ซ่ึงเป็นเหมือนน้�ำชูรส๑ ชนิดหน่ึงของชาวสยามนั้นหมัก จากปลาและมรี สชาตกิ ลมกลอ่ มเมอื่ เปรยี บเทยี บกบั กลนิ่ รนุ แรงของ กะปิ และ น�้ำมันทไี่ ด้จากมนั นบั เป็นของโปรดของประชากรในแถบอินโดจีนไม่วา่ จะเป็น ชาวพมา่ ชาวจนี ชาวมลายหู รือชาวสยาม พวกนกกระเต็นและนกทะเลท่ีมองดูคล้ายนกนางนวล นกกระทุง นกกานำ้� ๒ นกกระยางและนกอนิ ทรกี นิ ปลา ทง้ั หมดนตี้ า่ งรว่ มวงจบั ปลากนิ เปน็ จ�ำนวนมากมายหลายชนิดนับไม่ถ้วน พวกมันจะค่อยๆ ย่องไปตามตาข่ายที่ เดก็ ๆ ดกั ไวบ้ นพนื้ ทรายหรอื ไมก่ บ็ นิ โฉบขา้ มผา่ นชาวประมงในเรอื ไปปลายงั คง กระโดดกันเปน็ ฝงู เห็นเปน็ สเี งินยวง แต่ท่อี ยู่เหนือพวกมนั ขนึ้ ไปก็คือเสยี งรอ้ ง หวดี แหลมอกึ ทกึ ทจี่ ะตอ้ งตอ้ นรบั มนั ดว้ ยการพงุ่ หลาวลงไปในแมน่ ำ�้ อยา่ งรวดเรว็ หรอื หากพวกมนั ยงั อม่ิ แปลม้ นั กจ็ ะบนิ รอ่ นชา้ ๆ ในระดบั สงู อยเู่ หน็ ลบิ ๆ อยดู่ ้าน รมิ ฝง่ั แถวบริเวณท่กี ำ� ลงั วุ่นวายกนั อยูน่ ้นั มนี กกระยางยืนคมุ เชิงเพง่ มองไปใน น้�ำ ส่วนนกกาน�้ำจะยืนเฉยอย่างโดดเดี่ยวอยู่บนตอไม้โดยไม่วิสาสะกับใคร แลว้ กด็ จู ะไมพ่ อใจอย่างมากกับเสียงรอ้ งทีด่ ังเอด็ องึ อยู่ ของดีอยา่ ง น้�ำอ้อย นั้นทำ� มาจากต้นออ้ ยสดของจงั หวัดพจิ ติ ร ชานอ้อย จะน�ำมาทิ้งไว้ให้ฝูงวัวควายเคี้ยวเอ้ือง ส่วนน�้ำของมันนับเป็นเครื่องดื่มที่ค่อน ขา้ งหรหู ราชนดิ หนง่ึ ของชาวสยาม หากทวา่ จดุ มงุ่ หมายจรงิ ๆ ของมนั กค็ อื การนำ� น้�ำอ้อยไปตม้ ในถังใบใหญ่โดยมกี ระบอกไม้ไผ่เผาไฟรองอยขู่ า้ งลา่ ง ท�ำให้สว่ น ที่เป็นน้�ำระเหยออกไปทีละน้อยๆ ส่วนที่เหลือจะได้เป็นน�้ำตาลสีเข้มแห้งกรัง ขนาดเทา่ ขนมกอ้ นเลก็ ๆ ซง่ึ เวลานำ� ไปขายจะหอ่ อยา่ งประณตี ดว้ ยใบตองสเี ขยี ว สด ชาวบ้านใจดที ่โี รงหีบออ้ ยมักจะรสู้ กึ วิตกกังวลเสมอเม่อื ตอ้ งคะย้ันคะยอให้ แขกทม่ี าเยือนดืม่ เครอ่ื งดืม่ ข้นคลัก่ ทีบ่ รรจอุ ยู่เตม็ ปรใ่ี นกระบอกไม้ไผน่ ้นั พจิ ติ รเปน็ เพยี งชมุ ชนเลก็ ๆ จนเราแทบจะหาอาหารเกบ็ ไวเ้ ปน็ เสบยี งไม่ ค่อยได้จริงๆ แล้วเมื่อพวกเราใช้ปืนไม่ได้ผล การจะหาซื้อสัตว์ปีกเช่นไก่ ๑ ตน้ ฉบบั ใช้ “Worcester sauce” , Worcester คอื เมอื งวสู เตอรใ์ นมณฑล Worcestershire ของอังกฤษมชี อื่ เสียงในการ ท�ำถ้วยชามและผ้าสักหลาด Worcester sauce คอื นำ้� ซอสชนดิ หน่ึงมหี ลายย่หี อ้ ท�ำจากถ่ัวเหลอื ง น้ำ� ส้ม เครอ่ื งเทศ ฯลฯ ใช้สำ� หรับชรู ส – สวป. ๒ Comorants คอื นกทะเลชนดิ หนง่ึ ขนาดยาวราว ๓ ฟตุ คอพอก ชอบกนิ ปลา ในญป่ี นุ่ ใชจ้ บั ปลาบางทเี รยี กนกกาน�้ำ – สวป.
หา้ ปีในสยาม เลม่ ๑ 131 นก หรือเป็ดเพ่ือเอามาท�ำ กับข้าว เพื่อยังชีพก็เป็นเร่ืองยากเย็นแสนเข็ญ เราจงึ ใชว้ ธิ สี ง่ คนออกไปเป็นคณะเพื่อแสวงหาอาหารท่ตี ามรมิ แมน่ ำ�้ พษิ ณโุ ลกเปน็ หนึง่ ในเมืองหลวงเก่าแก่ พวกเราใช้เวลายามบ่ายอนั แสน ประทับใจอยู่ที่น่ัน ยังมีก�ำแพงเมืองและวัดวาอารามเก่าแก่เหลือไว้ให้ชม เมอื่ ลยุ พน้ ใบไมท้ เ่ี ขยี วชอมุ่ ชว่ั นาตาปไี ปไดท้ า่ นกจ็ ะไดเ้ หน็ สง่ิ กอ่ สรา้ งขนาดใหญ่ อยู่เบ้ืองหน้าเด่นตระหง่านตัดกับแผ่นฟ้า แต่พูดไปแล้วก็เหมือนกับงานเลี้ยง ฉลองทีจ่ ดั ให้ผู้กระหายหิวเพียงแค่คร่ึงๆ กลางๆ เพราะเปน็ ความสวยงามแบบ ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีการน�ำก้อนดินลูกรังก้อนอิฐสีแดงและกระเบ้ืองหลาก สีสันมาใชใ้ นการสรา้ งวดั พระพุทธชนิ ราชอันย่ิงใหญ่ทำ� ใหก้ ลายเป็นวดั ทม่ี ีสสี นั พร่างพรายในท่ามกลางธรรมชาติอันรกชัฏห่างไกล เป็นวัดท่ีกล่าวได้ว่าเกือบ จะนา่ ตนื่ ตาตน่ื ใจทสี่ ดุ เทา่ ทเี่ ราไดเ้ คยเหน็ ผา่ นตามา โดยสว่ นตวั นน้ั ขา้ พเจา้ เคย ใชเ้ วลาทพ่ี อจะหาไดเ้ ดนิ เลน่ ไปตามระเบยี งโบสถ์ บางครง้ั กค็ ดิ ถงึ ระเบยี งโบสถ์ ที่อ่นื ๆ และคนท่เี คยร่วมเดินไปตามระเบยี งพร้อมกบั ขา้ พเจ้าในดนิ แดนท่หี ่าง ไกลและเมอื่ เราเดนิ ทางตอ่ ในคนื นน้ั ขา้ พเจา้ กร็ สู้ กึ ตวั เหมอื นเปน็ คนใหมพ่ รอ้ ม ด้วยโลกแห่งการคิดถึงแต่ส่ิงใหม่ๆ เมื่อถูกน�ำไปพบกับโครงสร้างอันบริสุทธิ์ที่ ยังคงสภาพอยู่จึงได้พบว่าไม่มีอารยธรรมใดที่จะมีอิทธิพลต่อจิตใจของนักเดิน ทางผู้โดดเดยี่ วได้มากไปกวา่ งานสถาปัตยกรรมแค่เพียงชนิ้ เล็ก ๆ เทา่ นน้ั ภาพ วาดนั้นมีผลต่อจิตใจในระดับธรรมดาๆ เพราะมันเป็นการกะขนาดและมองดู เฉพาะในเรื่องรูปทรงและสีสันของวัตถุต่างๆ เพ่ือจับจุดความแปรเปล่ียนของ สสี นั และแสงเงา รวบรวมจติ ใจให้เขา้ ถึงธาตแุ ทข้ องวตั ถทุ ี่โดดเดน่ เหนือสภาพ โดยรอบแลว้ กว็ าดออกมาใหม้ นั ดสู วยงามมมี นตข์ ลงั ซงึ่ ดเู หมอื นวา่ จะขาดหาย ไปในความเปน็ จรงิ สำ� หรบั การเรยี กรอ้ งทางกายทย่ี อ่ มเกดิ ขน้ึ ตลอดเวลาในทกุ เทยี่ วของการเดนิ ทางน้นั มาจากความเป็นจรงิ ท่ีวา่ ร่างกายคนเราต้องเผชญิ กบั ความเหน็ดเหนื่อยและการพักผ่อนสลับกันไปชั่วชีวิต แต่การท่ีต้องติดต่ออยู่ ตลอดเวลากับผ้คู นท่ีไม่เคยมคี วามรคู้ ดิ ใดๆ เกนิ ไปกว่าเรื่องการนบั เวลาใหผ้ ่าน เปน็ ชวั่ โมงเปน็ นาทแี ลว้ ละกย็ อ่ มอดทจี่ ะรสู้ กึ เสยี ขวญั ไมไ่ ด้ ดงั นน้ั เพอื่ นทปี่ ระเสรฐิ
132 บทที่ ๔ บรเิ วณท่รี าบลุ่มแม่นำ�้ เจา้ พระยา (ตอนตอ่ ) ทสี่ ดุ ของคนเราในยามเดนิ ทางนน้ั กค็ อื งานอดเิ รก หรอื ไมก่ เ็ ปน็ หนงั สอื ทรี่ กั มาก หรอื หนงั สอื ทีห่ ยบิ จบั อยบู่ อ่ ยๆ ซงึ่ มันจะเปน็ เสมอื นสหายเก่าแกท่ เ่ี คยบอกเลา่ สงิ่ ใหม่ๆ ให้กบั เรา ดงั ขอ้ ความทว่ี ่า “หนงั สือไม่ได้เป็นแคส่ ิ่งท่ีไม่มวี ันตาย แต่ ผลทไี่ ดจ้ ากมนั นน้ั คอื เนอื้ หาภายในทบี่ รรจไุ วด้ ว้ ยชวี ติ ทม่ี พี ลงั อำ� นาจและความ มชี วี ติ ชวี าราวกบั มจี ติ วญิ ญาณ แลว้ กไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ แคน่ นั้ หากมนั คงดำ� รงอยดู่ งั เชน่ ความรูส้ ึกอนั พิสุทธิ์ที่เกิดเมอ่ื ได้ฟังเสียงพิณ เป็นสว่ นท่ีสกัดออกมาจากการใช้ ชีวิตด้วยปัญญาซึ่งหล่อหลอมข้ึนเป็นหนังสือเหล่านั้น” วารสารภูมิศาสตร์จัด เป็นหนงั สือดที น่ี า่ อา่ นเลม่ หนงึ่ เมื่อนำ� มาเปรียบเทียบกับข้อมลู ในหนงั สือของ นกั เดนิ ทางคนอนื่ แลว้ มนั ชว่ ยทำ� ใหค้ วามยงุ่ ยากทไี่ ดป้ ระสบกลบั กลายเปน็ เรอื่ ง เล็กนอ้ ย สง่ิ กอ่ สรา้ งทพี่ ษิ ณโุ ลกกเ็ ปน็ เหมอื นกบั ทอี่ นื่ ๆ ทว่ั สยามทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ร่องรอยอิทธิพลของเขมร จริงๆ แล้วสถาปนิกสยามในช่วงยุคต้นๆ มักจะมี ธรรมเนยี มปฏบิ ตั ชิ นดิ ทไ่ี มถ่ งึ กบั ไมฉ่ ลาดนกั ในการนำ� รปู แบบของสถาปตั ยกรรม ของนครวัดทป่ี รกั หกั พงั มาใช้ในงานออกแบบของพวกเขาเอง ถงึ แมว้ า่ พวกเขา จะได้พัฒนาปรับปรุงให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะตัวแล้วก็ตาม มองโดย รวมแล้วมันแสดงถึงรูปแบบดั้งเดิมของสยาม แต่ก็ปรากฏผลออกมาได้เพียง สว่ นนอ้ ยเทา่ นน้ั ในสว่ นทไี่ มไ่ ดร้ บั มาจากเขมรกด็ จู ะมรี อ่ งรอยอทิ ธพิ ลจากฮนิ ดู และพม่า ด้วยเหตุน้ีจึงไม่อาจป้องกันไม่ให้อิทธิพลนั้นแพร่เข้ามาปรากฏอยู่ใน รูปแบบสถาปัตยกรรมของวัดต่างๆ ได้มากนัก โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ อิทธิพลทีม่ ี ผลต่อการออกแบบตกแต่งภายใน โบสถ์ ซ่ึงมีร่องรอยปรากฏให้เห็นอยู่มาก สถาปนกิ ชาวสยามตระหนกั อยเู่ สมอวา่ พวกเขาไมค่ วรพยายามซอ่ นสว่ นหลงั คา ไว้ ยิ่งกว่าน้ันบางทีในสภาพภูมิอากาศในเขตเมืองร้อนซ่ึงร้อนย่ิงกว่าท่ีใดๆ น้ี ลักษณะเด่นท่ีเป็นส่วนส�ำคัญท่ีสุดของสิ่งก่อสร้างก็คือหลังคาที่ใช้บังแดดและ กนั ฝน หากวา่ มันมีคุณสมบตั เิ ปน็ เพยี งหญา้ คาหญ้าแฝกทม่ี งุ ไว้บริเวณดา้ นบน ทง้ั ๔ ดา้ นแลว้ สามารถปกปอ้ งใหพ้ น้ จากตวั การรา้ ยทงั้ สองอยา่ งนน้ั ได้ กน็ บั วา่ มันเปน็ หลังคาอาคารทีส่ มบรู ณ์แบบไดแ้ ลว้ จึงไม่อาจหวงั คุณสมบัติใดเพิ่มเตมิ
หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 133 อีก เช่นเดียวกับการออกแบบตัวอาคาร ท่ีหลังคานับเป็นสัญลักษณ์แห่งการ ต้อนรับอันอบอุ่น เป็นหลักประกันของความสงบสุขและการพักผ่อน หาก ปราศจากหลงั คาเรากค็ งจะต้องตากแดดจนเปน็ ไข้ แล้วกต็ าย ไม่มสี ิ่งใดในโลก น้ีที่จะดูโดดเด่ียว ทุกข์ระทมหรือรวดร้าวใจเหลือแสนเหมือนเช่น ศาลา ที่ไร้ หลงั คาตอนปลายเดอื นมนี าคมในชว่ งฤดฝู น การตกแตง่ ประดบั ประดาทห่ี ลงั คา โบสถ์ อนั เปน็ สถาปตั ยกรรมสว่ นทส่ี ำ� คญั ทสี่ ดุ จงึ เปน็ เรอื่ งเหมาะสมยงิ่ นกั หลงั คา หน้าจ่วั ของโบสถ์เป็นหลงั คา ๓ ชน้ั สสี นั เล่ือมพรายตา่ งระดบั ของกระเบือ้ งมุง หลังคามองดูสว่างสุกใสอยู่ภายใต้แสดงอาทิตย์ตัดกับท้องทุ่งนาที่เห็นอยู่ลิบๆ หลงั คาโคง้ ลงอยา่ งออ่ นชอ้ ยแผก่ วา้ งลาดตำ�่ ลงมาเหนอื กำ� แพงเตย้ี ขณะเดยี วกนั กก็ �ำบังก�ำแพงนน้ั ไวภ้ ายใต้ชายคาด้วย ภายในเปน็ หนา้ ตา่ งบานเต้ียทร่ี ับไดแ้ ต่ แสงแดดอ่อนๆ เสาหินต้นกลางที่สูงใหญ่ท่ีสุด และเสาสูงตรงช่องทางเดินดู ราวกบั จะมจี ำ� นวนมากกวา่ ทต่ี ามองเหน็ ลำ� แสงอาทติ ยร์ ะยบิ ระยบั ทเ่ี หน็ ไกลๆ สอ่ งตอ้ งพระพกั ตรพ์ ระพุทธรปู ให้แลดสู งบยง่ิ นกั ถัดลงมาตรงเสาสงู ทป่ี ิดทอง เอาไว้ก็สะท้อนแสงเป็นประกายอยู่ตลอดเวลา ทกุ สิ่งคือความเงียบสงัด เยอื ก เย็นและสงบสขุ เลยจากพิษณุโลกลงไปเล็กน้อยเป็นจุดที่เชื่อมต่อระหว่างแม่น้�ำยมและ แมน่ ำ�้ พชิ ยั ซง่ึ เรยี กไดว้ า่ เปน็ สดั สว่ นการรวมตวั ทม่ี คี วามสำ� คญั และทกุ วนั นมี้ นั ก็ได้พัดพาน�้ำปริมาณมากมายมหาศาลจากแม่น้�ำสายเดิมไปยังสาขาย่อยทาง ทศิ ตะวนั ออก ลำ� นำ้� ตา่ งๆ ไดเ้ กดิ การแปรเปลย่ี นเบย่ี งเบนทศิ ทางอยา่ งสมำ่� เสมอ มาตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์และผลท่ีเกิดข้ึนในฤดูน�้ำท่วมแต่ละคร้ังจะปรากฏ อยู่ที่บริเวณริมขอบด้านนอกของโค้งน้�ำบริเวณท่ีเคยมีน�้ำท่วมใหญ่ประจ�ำปี ทำ� ใหว้ ดั ทกุ วดั ตอ้ งสรา้ งขนึ้ เลยจากบรเิ วณเหนอื กระแสนำ�้ ไปเลก็ นอ้ ย สว่ นเดยี ว ที่ท�ำให้สังเกตเห็นวัดเหล่านั้นได้ก็คือเสาไม้ล�ำต้นสูงหรือเสาธงไม่ไผ่ซ่ึงปักอยู่ที่ รมิ ฝ่ังน่นั เอง บรเิ วณโคง้ นำ�้ ดา้ นในทนี่ ำ้� ทว่ มทกุ ปจี ะมโี คลนตมออ่ นนมุ่ อนั อดุ มสมบรู ณ์ สะสมอยจู่ งึ เปน็ พน้ื ทท่ี นี่ ยิ มใชป้ ลกู ยาสบู ซง่ึ จะใชร้ ม่ เงาทท่ี อดยาวเปน็ แนวกำ� บงั ตน้ ออ่ นจากแสงอาทิตยห์ ลงั จากนำ�้ ลด
134 บทท่ี ๔ บรเิ วณที่ราบลุ่มแม่นำ�้ เจ้าพระยา (ตอนต่อ) เหนือพิษณุโลกเป็นบริเวณที่กระแสน�้ำมีก�ำลังแรงมาก แต่คณะของเรา ซึ่งอยู่ตรงส่วนปลายเชือกลากจูงสามารถน�ำเรือแล่นข้ึนไปตามทางได้อย่าง งา่ ยดาย ทป่ี ากคลองโตก ซ่ึงเป็นลำ� นำ้� ยอ่ ยสายใหญ่จากทางทศิ ตะวนั ออกนั้น ผู้นำ� เรือของเราขายเกลือในโกดังของเขาไปเป็นจำ� นวนมาก และจากการท่ีเรอื กนิ นำ้� ลกึ เหลอื แค่ ๓ ฟตุ เราจงึ สามารถแลน่ ผา่ นทต่ี นื้ เขนิ ซงึ่ ปรากฏอยเู่ บอ้ื งหนา้ ไปได้ด้วยการช่วยกันใช้มือดึงเชือกในน�้ำนับเป็นชั่วโมงๆ พร้อมกับส่งเสียงโห่ รอ้ ง “โอ..เฮโล”่ (Ao,helo) ซงึ่ ถา้ เปน็ การรอ้ งในแบบสยามแลว้ กค็ งจะนยิ มรอ้ ง กนั ว่า “ฮยุ เลฮุย” เรือนแพอันสวยงามน้ีมีให้เห็นอยู่ตามแม่น้�ำ โดยท่ัวไปตามพ้ืนท่ีราบ บริเวณต่างๆ จะใช้เรือแทนโคถึกเทียมเกวียนและแทนช้าง ซ่ึงนับเป็นวิธีการ ติดต่อส่อื สารและขนสง่ เพียงหนทางเดียว เรือตา่ งๆ นั้นจะสร้างเป็นแบบเรอื ทอ้ งแบนซ่งึ ทำ� จากไม้เนื้อแข็งโดยจะ ใช้ท่อนซุงไม้สักขนาดกว้างมาท�ำ หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็จะใช้ ไม้ตะเคียน5 ซ่ึงเป็นไม้ท�ำเรือที่มีราคามากท่ีสุด ขนาดล�ำต้นอันใหญ่โตมหึมาของมันสังเกต เห็นได้ชัดเจนในป่า ว่าที่จริงแล้วเรื่องความทนทานนั้นไม้ตะเคียนสามารถทน ต่อการถูกเจาะไชด้วยตะปูเกลียวทุกชนิดซึ่งเป็นตัวการท�ำให้ท้องเรือส่วนมาก เสยี หาย และดว้ ยความยาวของลำ� ตน้ นเ้ี องทท่ี ำ� ใหม้ นั เปน็ ทตี่ อ้ งการเสาะแสวงหา มาเพ่ือเอาไปสร้างเรือขนาดใหญ่ทุกประเภทท้ังที่ใช้ในแม่น�้ำและตามชายฝั่ง ทะเล กรรมวิธีที่จะท�ำให้ล�ำเรือกลวงก็ใช้วิธีเดียวกับการท�ำเรือขุดทุกประเภท ทงั้ ลำ� ใหญล่ ำ� เลก็ ซงึ่ อาจพบเหน็ การทำ� ไดท้ กุ ขน้ั ตอนตามวดั วาอาราม หรอื ตาม สถานทตี่ ่อเรือต่างๆ ริมแมน่ ำ้� วธิ ที ำ� ตน้ ไม้ให้กลวงกด็ ว้ ยการถากด้วยจอบด้าม ยาวที่มีใบมีดแคบ เสร็จแล้วบางทีก็จะน�ำเอาไปแช่น้�ำทิ้งไว้จนเน้ือไม้ชุ่มโชก ดแี ลว้ จึงน�ำขึน้ ฝั่ง จากนั้นนำ� ไปเผาไฟลอกเปลือกไม้ออกโดยใช้วธิ ีหมนุ วนกลับ ไปกลบั มาเหนอื ไฟ เรอ่ื งนต้ี อ้ งควบคมุ อยา่ งระมดั ระวงั ใหค้ วามรอ้ นอยใู่ นระดบั 5 มีช่อื ภาษาลาตนิ ว่า Hopea odorata เป็นไม้ตน้ ใหญม่ หมึ าดูมืดครม้ึ พบเหน็ ไดใ้ นปา่ ลกึ ชาวสยามมคี วามเช่ืออย่างไม่ เปลย่ี นแปลงว่ามวี ญิ ญาณอาศัยอยู่ คงเนอ่ื งมาจากสภาพธรรมชาติของสถานท่ีทมี่ ันชอบขึ้นอยอู่ ย่างไมต่ อ้ งสงสยั เช่นเดียว กบั ตน้ Dipterocarpus ซึ่งพบไดใ้ นทุกพนื้ ทขี่ องอนิ โดนเี ซยี – ตน้ ฉบับ
ห้าปใี นสยาม เลม่ ๑ 135 ปานกลางแล้วค่อยๆ ให้แผ่กระจายลุกลามเน้ือไม้ไปทีละเล็กละน้อย เมื่อเผา ทั้ง ๒ ข้างเสร็จจนเปน็ ทพ่ี อใจ รวมทงั้ เสน้ กราบเรอื กับโครงเรอื โดยรอบขยาย ไดข้ นาดทพี่ อเหมาะดแี ลว้ จงึ นำ� โครงตะเขบ็ และขอ้ ตอ่ มาตอกเขา้ อยา่ งรวดเรว็ โดยใชต้ อกทท่ี ำ� จากไมเ้ นอ้ื แขง็ ขน้ั ตอนทที่ ำ� กอ่ นหนา้ นกี้ เ็ พอื่ ขยายกราบเรอื ดา้ น ขา้ งใหม้ ีพนื้ ท่ีดา้ นบนไวส้ ำ� หรบั นำ� แผน่ กระดานมาใส่เพิ่มภายหลัง เสร็จแลว้ จงึ ทาเคลอื บท่วั ทั้งลำ� เรือด้วยนำ�้ มนั เรือบรรทกุ ขา้ ว - โกดงั สินคา้ ทีร่ อคอย ผลจากการสรา้ งเรอื ขดุ ทงั้ ล�ำดว้ ยวธิ กี ารแบบนจี้ ะท�ำใหเ้ รอื ไมม่ วี นั รวั่ ซึม ไมเ่ ปน็ อนั ตรายเมอ่ื ตอ้ งแลน่ ไปบนตอและเรอื จะมอี ายกุ ารใชง้ านนานถงึ ๒๐ ปี โดยไมต่ อ้ งซอ่ มแซมกนั อยา่ งหนกั ขนาดกวา้ งของปากเรอื ซง่ึ เปน็ บรเิ วณโคง้ มน จะไมม่ กี ระดกู งแู ละมสี ว่ นปลายโคง้ ขน้ึ ทำ� ใหห้ มนุ เรอื กลบั ลำ� และควบคมุ เรอื ได้ งา่ ยในทกุ กระแสนำ�้ เมอ่ื รวมกบั ดาดฟา้ เรอื ทส่ี ะดวกสบายพอเหมาะกบั ดาดฟา้ กันโคลงอันโอ่โถงและทางเดินข้างเรือด้วยแล้ว แม้แต่ช่างออกแบบเรือชาว องั กฤษทว่ี า่ ทนั สมยั ทส่ี ดุ กย็ งั ไมม่ ที างทจ่ี ะปรบั ปรงุ เรอื แมน่ ำ้� ลำ� ใหญน่ ใ้ี หส้ มบรู ณ์ ไปกว่าทเ่ี ป็นอย่นู ไ้ี ดอ้ กี แล้ว
136 บทท่ี ๔ บรเิ วณท่ีราบลุ่มแมน่ ำ้� เจ้าพระยา (ตอนตอ่ ) ช่างต่อเรือชาวจีนที่ท�ำเรือเอาไว้ขายมักใช้ไม้สักมากกว่าไม้ ตะเคียน กรรมวธิ ขี ดุ เจาะไมอ้ ยา่ งนที้ ำ� ไดช้ า้ และทำ� ใหย้ งุ่ ยากในการซอ้ื ขาย จงึ มกั นยิ มใช้ เรือไมก้ ระดานแผน่ กวา้ งแทนมากกวา่ 6 สัปดาห์แรกของเดือนมกราคมพวกเราก็เดินทางถึงเมืองพิชัย นับเวลา ตั้งแต่เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ผ่านมาได้ ๑ เดือน การเดินทางในเดือน พฤศจกิ ายนกอ่ นทจี่ ะถงึ ฤดนู ำ้� หลากสามารถทำ� ไดโ้ ดยเรอื กลไฟภายในเวลา ๑๑ วัน พวกเราปล่อยตัวตามสบาย ชมทัศนียภาพท่เี ราเคยเห็นแลว้ ไปเร่อื ย ๆ หรือ จะพดู อีกแงห่ นงึ่ กค็ อื เราไมน่ า่ จะได้เห็นภาพซำ้� ซากเชน่ นี้เลย 6 ราคามดี งั ต่อไปนี้ เรอื บดขดุ ขนาดกวา้ ง ๑๓ ฟตุ ราคา ๑๓ ชลิ ลง่ิ ๔ เพนน,ี เรือแจวกว้าง ๑๖ ฟุตราคา ๑ ปอนด์ ๖ ชลิ ล่ิง ๔ เพนนี เรือแจวขนาด ๒๗ ฟตุ พ้ืนไมต้ ะเคยี นราคา ๖๑ ปอนด์ ๑๓ ชลิ ลิง ๔ เพนนี เรือเปด็ ขนาด ๔๐ ถึง ๔๓ ฟุต ปาก เรือกวา้ ง ๘ ฟุต ๔ นวิ้ และกนิ น้�ำลึก ๓ ฟตุ ๔ นว้ิ ราคา ๒๐ ถึง ๒๑ ปอนด์ ราคานี้รวมพาย ห้องดาดฟ้าเรอื และส่วนประกอบ อ่นื ๆ ครบถว้ น – ตน้ ฉบับ
หา้ ปีในสยาม เลม่ ๑ 137 วดั บนเชงิ เขา บทที่ ๕ หวั เมอื งลาว๑ บ้านนำ�้ พ้ี - หบุ เขาแหง่ ลมุ่ แมน่ ำ้� นา่ น -ป่าไมส้ กั - หบุ เขาเมอื งหิน - เมืองสา ----------------------------------- พวกเราต้องฝืนทนรอคอยอยู่ที่เมืองพิชัยหลายวันในช่วงเวลาที่ช้างป่า ซงึ่ อยรู่ อบๆ เมอื งก�ำลงั ถกู ตอ้ นเขา้ เมือง ความลา่ ชา้ เช่นน้สี �ำหรับชาวตะวนั ตก แลว้ เปน็ เรอื่ งนา่ เบอ่ื หนา่ ยทไี่ มอ่ าจหลกี หนไี ดพ้ น้ และกม็ ไิ ดม้ สี าเหตมุ าจากเจา้ พนักงานท้องถ่ินที่ต้องการขัดขวางอย่างที่นักเขียน1 บางคนมักจะคาดคะเนไว้ ๑ ตน้ ฉบบั ใชว้ า่ The Lao States ปจั จบุ นั หมายถงึ พนื้ ทบี่ รเิ วณเหนอื ทมี่ อี าณาเขตตดิ ตอ่ กบั สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชน ลาว ได้แก่ จังหวัด น่าน อตุ รดิตถ์ เปน็ ตน้ - สวป. 1 คารล์ บ็อค ในหนงั สอื เร่ือง วดั และชา้ ง (C.Bock in Temples and Elephants) – ตน้ ฉบบั
138 บทที่ ๕ หัวเมอื งลาว แต่อปุ สรรคน้ันเกิดขึ้นจากลักษณะการวางแผนการเดินทาง จากต�ำแหนง่ ทต่ี ัง้ ของบ้านเรือนและพื้นทีเ่ กษตรกรรมของชาวบ้านทีก่ ระจัดกระจายไปท่วั เม่ือมี นักเดินทางสักคนมาถึงป่าอันเงียบสงัดแห่งหนึ่งท่ีเรียกว่า เมือง โดยมิได้บอก กลา่ วลว่ งหนา้ พรอ้ มทงั้ ยน่ื กระดาษจดรายการเพอ่ื ขอคนเรอื ใหม่ ชา้ งใหม่ หรอื วัวตัวใหม่ตามแต่ท่ีจ�ำเป็นเพื่อใช้ในการเดินทางไปยังเมืองเล็กๆ ที่อยู่ถัดไป ซ่ึงบางทีอาจต้องใช้เวลาเดินทางร่วมอาทิตย์ ข้าราชการหลายคนจะถูกส่งตัว ออกไปยงั หมบู่ า้ นโดยรอบ บางคนใชเ้ วลาเดนิ ทางทงั้ วนั หรอื วนั ครงึ่ เพอ่ื เรยี กตวั เจ้าบ้านต่างๆ ให้เข้ารับมาเกณฑ์เป็นแรงงาน ชายเหล่าน้ีอาจจะก�ำลังออกไป ท�ำการเพาะปลูก ออกไปหาปลา หรอื เขา้ ไปเกบ็ ของในป่าลกึ เพอื่ น�ำกลับมาไว้ ทช่ี ายปา่ พวกเขาตอ้ งละทงิ้ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งทเ่ี คยทำ� โดยจะไดร้ บั อาหารและตอ้ ง นอนในทแ่ี คบๆ ทีใ่ ชเ้ ก็บขา้ วสาร ยาสบู และหมากพลแู ลว้ ก็ออกไปเร่มิ ท�ำงาน เปน็ เวลาสปั ดาหห์ รอื ถงึ ๒ สปั ดาห์ โดยมอิ าจชกั ชา้ ซงึ่ หากวา่ แรงงานชายเหลา่ น้ันไม่สามารถเดินทางมาถึงได้ภายในเวลาช่ัวโมงหรือสองชั่วโมงแล้วละก็ชาว ตา่ งชาตกิ ม็ กั จะปา่ วรอ้ งวา่ พวกขา้ ราชการขดั ขวางและทำ� ใหเ้ ขาตอ้ งลา่ ชา้ และ เมอื่ อธบิ ายเรอ่ื งราวตา่ งๆ ใหฟ้ งั ชาวตา่ งชาตกิ ม็ กั จะประกาศวา่ ทง้ั หมดลว้ นเปน็ เรือ่ งทพี่ วกขา้ ราชการแตง่ ขนึ้ มาและโกหกแล้วก็หันไปโมโหโทโส เร่ือง ศาลา นน่ั กค็ อื แนวคดิ ของคนตะวนั ออกในเรอ่ื งความเรง่ ดว่ นซงึ่ ไมม่ ที างเขา้ กบั ความคดิ ของพวกเราได้ เพยี งสงิ่ เดยี วทขี่ า้ พเจา้ เคยทำ� อยเู่ สมอกค็ อื ยอมรบั สภาพ อย่างเจ็บปวด แต่หากเม่ือใครได้เห็นความอยุติธรรมและทัศนคติอันไร้เหตุผล ทพี่ วกเขาไดร้ บั มาจากนกั เดนิ ทางบางคนแลว้ กค็ งอดไมไ่ ดท้ จี่ ะเหน็ ดว้ ยกบั พวก ชาวบา้ นปา่ ทวี่ ่า ฝร่งั น้ันเป็นพวกท่ีเรอื่ งมาก หนังสอื เล่มหนงึ่ เรอ่ื งการเดินทาง ผา่ นสยามไปสหู่ วั เมอื งลาวทศิ ตะวนั ตกไดบ้ รรยายถงึ เรอื่ งของความเฉอื่ ยชา การ ตสี องหนา้ ไว้โดยละเอียดหรอื แมแ้ ต่การปฏบิ ตั งิ านอยา่ งเชือ่ งช้าของผ้มู ีอ�ำนาจ ในหลายๆ เมือง ทีไ่ ดเ้ ดนิ ทางผา่ นไป ตัวผเู้ ขยี นซ่ึงเปา้ หมายหลกั ที่เขาตามหา คอื พระพุทธรปู โดยวางแผนจะนำ� ออกนอกประเทศตอ้ งรู้สึกผดิ หวังเมอื่ พบว่า ท่าทีตา่ งๆ ท่ีเขาไดร้ บั จากผคู้ นท่ีนน่ั ก็คอื เขาตอ้ งรับผิดชอบปัญหาของเขาแต่
ห้าปใี นสยาม เล่ม ๑ 139 เพยี งลำ� พงั แตก่ บั คนประเภททกี่ ลา้ จบั ใบหนา้ ของสตรตี อ่ หนา้ สามขี องเขาโดยที่ ไมเ่ หน็ เปน็ เรอ่ื งรา้ ยแรง2คนทข่ี นพระพทุ ธรปู หลายองคไ์ ป โดยสวนทางกบั ความ ปรารถนาหรือแม้แต่การสวดภาวนาของผู้คน คนท่ีกล่าวหา คนอ่ืนด้วยจิตใจ ตำ�่ ทรามและตงั้ ขอ้ กลา่ วหาโดยเลอ่ื นลอยสวนทางคนทว่ั ไป กอ็ ยา่ หวงั เลยวา่ คน เชน่ นนั้ จะไดพ้ บชวี ติ ทส่ี นกุ สนานเพลดิ เพลนิ ไมว่ า่ เขาจะอยใู่ นชมุ ชนใดๆ กต็ าม พวกเราอยู่ในเมืองพิชัยอย่างสบายอกสบายใจด้วยความช่วยเหลือจาก ทา่ นข้าหลวงรา่ งสูง สง่างามและหนุม่ แนน่ ด้วยวยั เพียง ๓๕ ปี เขาเป็นคนที่พดู คุยและมองท่ใี บหน้าของคนอืน่ ไดอ้ ย่างเปิดเผยด้วยความสดชืน่ แจ่มใส เขาจดั สง่ อาหารอนั โอชะมาใหพ้ วกเราทงั้ เนอ้ื หวาน กงุ้ แหง้ และอาหารหรหู ราชนดิ อน่ื ๆ ถงึ แมว้ า่ บา้ นพกั ทพ่ี วกเราขอยมื มานนั้ จะมงุ หลงั คาเหลก็ เคลอื บสงั กะสที ำ� ให้ มอี ุณหภมู ริ อ้ นกว่าท่ีอยูใ่ นเรอื ถึง ๕ องศา แต่พวกเรากส็ นุกสนานกนั มาก ตอน เยน็ ๆ คนบงั คับเรอื และลกู เรอื ของเราจะแวะเวียนไปขอรว่ มสนุกกบั การแสดง ดนตรีในตอนค่�ำซึง่ จะมผี เู้ ฒ่าผแู้ ก่พืน้ บา้ นผูส้ ามารถสีซอท่ีมีอยู่เพียง ๒ สายให้ เกิดเสียงดังพล้วิ พรายดว้ ยความสามารถอนั น่าทึ่ง นาย ทั้ง ๓ คนซึ่งเป็นผู้ช่วยท่ีแสนสุภาพของข้าพเจ้าปรับตัวปรับท่าที ของตนเองจนข้าพเจ้าสามารถเขา้ ใจพวกเขาไดด้ ีขน้ึ ซึง่ เรื่องงา่ ยๆ ท่พี วกเขาได้ พยายามปรับปรุงตนเองให้เข้ากับแนวทางในการด�ำเนินชีวิตแบบพวกเรานั้น สะดุดใจข้าพเจ้าเป็นอย่างมากในภายหลงั ราวกบั วา่ พวกเขาไม่ได้เปลยี่ นแปลง ส่ิงใดเลยแต่ทว่าท้ังหมดคือวิถีทางท่ีพวกเขาเป็นจริงๆ ผู้เป็นหัวหน้าน้ันคือ ล่ามภาษาฝร่งั เศสของข้าพเจ้าในการเดินทางไปสุพรรณ คนท่สี องชอื่ นายสุข หรอื เจา้ พอ่ แหง่ ความสนกุ สนาน เขาเปน็ นกั สำ� รวจทด่ี แี ละเปน็ อจั ฉรยิ ะทส่ี มบรู ณ์ แบบในเร่อื งตลกโปกฮาทกุ ประเภท เป็นเพอ่ื นทีน่ ่าช่นื ชม และมลี ักษณะนสิ ัย อนั มน่ั คงทำ� ใหข้ า้ พเจา้ พาเขาไปดว้ ยเกอื บทกุ เทยี่ วของการเดนิ ทางในครงั้ หลงั ๆ คณุ คา่ ตอ่ สงั คมทเี่ ขามนี น้ั มากพอๆ กบั ผลงานทเ่ี ขาไดท้ ำ� เปน็ เวลาพกั ใหญก่ อ่ น ที่ข้าพเจ้าจะสนทนากับผู้ใดในสยามได้น้ัน เราก็สามารถสื่อสารกันได้โดยใช้ 2 คนสยามสว่ นมากถอื กนั อยา่ งเครง่ ครดั วา่ การจบั ตอ้ งตวั คนไมว่ า่ จะเพยี งแผว่ เบาเพยี งใด ถอื เปน็ การเสยี มารยาทอยา่ งรนุ แรง และในการเดนิ ผ่านท่ซี ึง่ มีคนนงั่ อยู่ ส่งิ ท่พี ึงระวังมากทีส่ ดุ กค็ ือ ต้องไมก่ ้าวขา้ มหรือสมั ผสั ถูกแขนขาหรอื สว่ นใด ๆ ที่อาจย่นื ออกมาในท่วี า่ ง คนในชนบทไมเ่ คยไดพ้ บเห็นกบั ผวิ พรรณขาว ๆ จึงมกั จะรอ้ งขออนญุ าตจบั ตอ้ งมอื หรอื แขนอยบู่ อ่ ย ๆ ว่า เปน็ อยา่ งทีเ่ ห็นจรงิ ๆ หรอื เปลา่ แตก่ ม็ ักจะมกี ารขอโทษขอโพยกันยกใหญ่ – ต้นฉบับ
140 บทท่ี ๕ หวั เมอื งลาว สัญลักษณ์ แผนภาพ และภาษาของแตล่ ะฝา่ ยที่เราพอจะรู้กันแบบงูๆ ปลาๆ เพอ่ื เปน็ การแลกเปลย่ี นความคดิ กนั ในทกุ เรอื่ งราว ทโ่ี ดดเดน่ กวา่ เพอื่ นกค็ อื เขา มีความสามารถในการจับแนวคิดได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ได้ฟังโครงเร่ืองแค่ บรรทดั แรกๆ เปรยี บดงั การท่ีตะวันออกและตะวนั ตกซ่ึงมจี ุดเรมิ่ ต้นมาจาก ๒ สงิ่ ทแ่ี ตกตา่ งหา่ งกนั และดำ� เนนิ มาในครรลองอนั ผดิ แผกสามารถเชอ่ื มประสาน ความคดิ เข้าด้วยกันได้ เปน็ เรือ่ งทบ่ี างคร้ังก็มักเกิดขน้ึ ไดบ้ นผนื พภิ พนี้ เขาดมู ี ความแตกตา่ งจากคนพน้ื บา้ นทวั่ ไปโดยมาจากการทไ่ี ดไ้ ปเขา้ รบั การฝกึ ฝนจาก โรงเรยี นนายรอ้ ยทก่ี รงุ เทพฯ ซงึ่ ตอนนน้ั อยใู่ นความดแู ลของพนั เอกวอลค์ เกอร์ (Colonel Walker) ข้าราชการชาวอังกฤษ เราได้พบเพอ่ื นร่วมกินร่วมนอนเก่า แกห่ ลายคนของนายสขุ ทวั่ ไปในสยามซง่ึ อยใู่ นต�ำแหนง่ ตา่ งๆ และขา้ พเจา้ กม็ กั จะสะดดุ ใจกบั อิทธพิ ลของการฝึกฝนท่มี กั จะปรากฏชัดอยใู่ นตัวพวกเขาเสมอ นายสุขข่ีม้าและยิงปืนเก่ง แต่เขาคงจะเป็นอะไรได้ไม่ดีไปกว่าเป็นนัก ดนตรี เขาใช้เวลาไมน่ านหัดเลน่ เพลงองั กฤษดว้ ยแอคคอร์เดีย้ นไดถ้ งึ ๖ เพลง ความรเู้ รอื่ งดนตรสี ยามของเขานน้ั กวา้ งขวาง มคี วามเชยี่ วชาญในการรอ้ งเพลง รกั ทีฟ่ ังแลว้ ชวนใหเ้ คลิบเคลมิ้ โดยใชเ้ สียงแหลมขึ้นจมูกประกอบกับทา่ ทางอัน มีเสน่ห์ชวนมอง เชื่อเถอะข้าพเจ้ากล้ารับประกันว่าเขาจะต้องได้รับแต่ความ ชน่ื ชมล้นหลามจากทุกคนที่ได้ยินเสียง คนที่สามชื่อนายกลอย เป็นคนค่อนข้างเงียบ ดูยากและมีความรู้กว้าง ขวางในเรอื่ งหนทางสำ� หรบั การเดนิ ทางในปา่ เขาเปน็ ทหารกองหนนุ ยศรอ้ ยโท เหมือนกับนายสุข เปน็ คนท่มี คี วามสามารถรอบตัว ท�ำอะไรๆ กเ็ ป็นเกือบทกุ อย่าง ทั้งการถ่ายรูป ทาสี และตดั เสอ้ื ผ้า และมักจะทำ� ทกุ สงิ่ ท่ีหยิบจับนัน้ ได้ อย่างดีเสมอ ทั้งยงั สามารถปรับปรงุ แกไ้ ขไดท้ กุ สงิ่ งานพเิ ศษของเขาคือดแู ลใน เรื่องการขนส่ง เมอื งพชิ ยั ไมใ่ ชส่ ถานทท่ี นี่ า่ สนใจนกั นอกจากการเปน็ หวั เมอื งเลก็ ๆ ของ จงั หวดั ใหญท่ มี่ อี าณาเขตยนื่ ไปสแู่ มน่ ำ�้ โขงทเี่ มอื งเชยี งคาน จนถงึ เสน้ กนั้ พรมแดน ทางภาคเหนอื ของอาณานคิ มลาวสว่ นใหญท่ เ่ี มอื งนา่ น ทา่ นเจา้ เมอื งหนมุ่ นน้ั ได้
ห้าปีในสยาม เลม่ ๑ 141 รับความนิยมชมชอบจากประชาชนเหมือนกับบิดาของเขาซ่ึงเป็นเจ้าเมืองคน เกา่ ไมต่ อ้ งสงสยั เลยวา่ เขามไิ ดเ้ ปน็ แตเ่ พยี งคนซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ แตย่ งั เปน็ นกั ปกครอง ทส่ี ามารถอกี ดว้ ย ความสามารถของเขานนั้ เปน็ ทยี่ อมรบั กนั ดที กี่ รงุ เทพฯ และ เม่อื วันท่ี ๖ มกราคม พวกเราก็ไดอ้ อกเดินทางดว้ ยขบวนชา้ งโดยมุ่งหวังวา่ จะ ได้พบกับเขาอีกคร้ังที่หลวงพระบางเพราะเขาเพ่ิงถูกเลือกให้ไปเป็นข้าหลวง ประจ�ำท่ีนน่ั เปา้ หมายประการแรกของเราอยทู่ เ่ี หมอื งแรเ่ หลก็ บางเหมอื งทบี่ า้ นนำ�้ พี้ ซงึ่ เปน็ หมบู่ า้ นทแี่ ยกออกมาจากเสน้ ทางหลกั ๆ ทมี่ งุ่ สนู่ า่ นและปากลาย (บนฝง่ั แมน่ ้ำ� โขง) อนั เป็นทผ่ี ลิต ดาบ3 และมีดป่าทใ่ี ชก้ นั ในตำ� บลทุก ๆ เลม่ และทนี่ ี่ ขา้ พเจา้ กเ็ จอเรอื่ งแบบเดมิ อกี ครงั้ คอื ผี เจา้ ทเ่ี จา้ ทางขห้ี วงซงึ่ ไดย้ นื กรานใหใ้ คร ก็ตามท่ีท�ำงานหาสินแร่เหล็กต้องน�ำควายเผือกที่หายากมาบูชา และแม้ว่า ข้าพเจ้าจะยืนยันถึงข้อเท็จจริงว่าข้าพเจ้าสามารถใช้วิธีพิเศษจัดการกับ ผี ทุกตัวก่อนที่จะมาจากกรุงเทพฯ ได้แล้วก็ตาม แต่ข้าพเจ้าก็ยังคงต้องลงมือ ท�ำงานทกุ ส่ิงทุกอยา่ งด้วยตนเอง และใชเ้ วลารว่ ม ๒ วนั จัดการขดุ รทู า่ มกลาง อากาศหนาวเยน็ ไดเ้ พียงหลมุ ต้นื ๆ ลกึ แค่ ๒ ถงึ ๗ ฟาทอม เท่าน้นั การทำ� งานอยา่ งเปน็ ระบบไมเ่ คยปรากฏใหเ้ หน็ ทนี่ ี่ มแี ตท่ ำ� ไอโ้ นน่ นดิ ไอ้ น่ีหน่อยไปเร่ือยๆ ตามโอกาส เคร่ืองมือช้ินเดียวท่ีใช้เป็นเครื่องมือก่อสร้าง ชั่วคราวที่มีเหล็กเล่ียมไวต้ รงสว่ นปลาย แตส่ �ำหรับหลมุ ต่างๆ ทข่ี นาดใหญก่ วา่ นคี้ งไมไ่ ดถ้ กู ใชง้ านกนั มากวา่ ครงึ่ ศตวรรษหรอื มากกวา่ นน้ั แลว้ ดงั นนั้ เราจงึ เหน็ แต่ บอ่ เกล่อื นอยทู่ ว่ั ไปในสยาม ตัวสินแร่น้ันเป็นจ�ำพวกแร่เหล็ก (limonite) หรือสินแร่เหล็กสีน�้ำตาล แดงคุณภาพพอประมาณและดเู หมอื นจะ “แปรสภาพ” มาจากการเน่าเป่อื ย ผพุ งั ทบี่ รเิ วณพนื้ ผวิ เชน่ เดยี วกบั ทเ่ี ปน็ ในพนื้ ทอี่ นื่ ๆ ของประเทศซง่ึ มปี รมิ าณไม่ มากนักแต่ก็ถือว่าพอเพียง อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการแต้มสีสันให้กับเรื่องเล่าถึง ความมงั่ คง่ั อดุ มสมบรู ณข์ องแรธ่ าตซุ ง่ึ พวกทเี่ ดนิ ทางมาสมทบสว่ นใหญม่ กั บอก 3 ดาบของพมา่ และพวกฉาน หรอื ดาบคูร่ ปู รา่ งโค้งใชท้ ั่วไปในการป้องกันตวั และใช้งานในป่า ทั้งบุรุษเพศและเดก็ ชายจะ ไมย่ อมออกจากบา้ นมาเปน็ อนั ขาด ถา้ หากปราศจากดาบเหล่าน้ี - ตน้ ฉบับ
142 บทที่ ๕ หวั เมืองลาว เล่าต่อๆ มา แตพ่ วกเขาคงจะลมื คดิ ไปว่าสนิ แร่ดั้งเดมิ นั้นไม่สามารถใชเ้ วลาแค่ เดือนเดียวนำ� มาฝงั ทดแทนไวใ้ นดิน ในทีซ่ งึ่ ทงั้ แรงงาน เสบยี งอาหาร และการ ขนสง่ ทง้ั หลายขาดแคลนอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั หนิ ผลกึ แกว้ ซงึ่ โดยทวั่ ไปจะอยภู่ ายใต้ แถบสินแร่ที่ไม่ลึกมากนักได้กลายสภาพเป็นทรายผลึกแก้วโดยเป็นการแปร สภาพภายใต้แรงกดดันจนมีสภาพแขง็ แกรง่ ดงั ท่ีเป็นอยู่ในปัจจบุ นั ด้านในและ ด้านท่ีอยู่ชิดติดกับทรายผลึกแก้วจะพบสินแร่ได้ยากและมีน้อยมาก ท่ีพบได้ มากและอยตู่ รงบรเิ วณใกลๆ้ พน้ื ผวิ ตรงทซี่ ง่ึ ผลกึ แกว้ ผพุ งั ทบั ถมกนั มาจนกลาย เป็นหนิ ทรายอันอ่อนนุม่ สินแร่ชนิดนี้มีคุณลักษณะพิเศษที่จะน�ำมาซึ่งความโชคร้ายแก่ทุกครัว เรือนที่เก็บมันไว้ในครอบครอง เมื่อน�ำไปวางไว้ใต้ต้นไม้ก็จะท�ำให้ต้นไม้เห่ียว เฉาตาย ดงั เชน่ ท่ชี าวลาวพนื้ เมอื งที่บา้ นน้�ำพี้ได้กล่าวเอาไว้ ซงึ่ พวกนกั ขุดก็ควร จะรู้กันไว้ดว้ ย ในวันท่ี ๑๐ มกราคม พวกเราออกเดินทางอีกคร้ังโดยมุ่งไปทางตอน เหนือข้ามผ่านเนินเขาท่ีเป็นผลึกหินจากปลายสุดทางด้านทิศตะวันตกซึ่ง ณ จุดน้ีจะวกไปเจอแม่น�้ำทางทิศตะวันตกท่ีไหลผ่านเมืองฝาง คณะของเราหยุด พักอยู่ ๒ คืนทบ่ี ริเวณหบุ เขาขรุขระตะป่มุ ตะปำ�่ แถวแมน่ ้�ำซ่งึ คนแถวนี้เรยี กกนั ว่าน้�ำน่าน (แม่น�้ำน่าน) เป็นหนทางท่ีไม่มีกระแสน�้ำใดๆ ตัดผ่านเลย จึงเป็น ทร่ี าบลมุ่ ทต่ี น้ื เขนิ มากตรงบรเิ วณชมุ ชนชาวลาวแหง่ บา้ นทา่ ลวด เมอื งจรมิ และ เมอื งแฝก สำ� หรบั การเดนิ เทา้ ระหวา่ งหมบู่ า้ นเหลา่ นจ้ี ะตอ้ งไตส่ งู ไปตามหนทาง ขรขุ ระยาวเหยียดข้ึนไปบนไหลเ่ ขาอันแหง้ ผาก การเดินเท้าวันหนึ่งๆ น้ันไม่มีอะไรท่ีแตกต่างจากวันอ่ืนๆ ก่อนรุ่งอรุณ ควาญชา้ งจะพากนั ออกไปจบั ชา้ ง สว่ นคนทำ� อาหารกจ็ ะเตรยี มหงุ ขา้ วดว้ ยชาม อ่างใบยักษ์ส�ำหรับรับประทานในหน่ึงวัน โดยต้ังข้าวไว้บนกองไฟซ่ึงคุโชนมา ตลอดท้ังคืน เม่ือแสงแรกแห่งอรุณรุ่งมาถึง จะเห็นมือของพวกเขาทุกคนสั่น ระรกิ ดว้ ยความหนาวอยใู่ นอากาศทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยหมอกหนา ในขณะทพี่ วกเขาพา กันเก็บข้าวเก็บของพับผ้าห่มและเติมน้�ำใส่ขวด ต่างคนต่างพากันหัวเราะข�ำ
หา้ ปใี นสยาม เล่ม ๑ 143 ขณะทีฟ่ นั กระทบกนั เพราะความหนาว “ชา้ งมาแลว้ ” คือ เสียงร้องตะโกนที่ พวกเราคุน้ เคยกนั ดี ขณะทเี่ จ้าสตั วร์ า่ งยกั ษเ์ ดินลากขากนั เขา้ มาภายในอาณา บริเวณของวัด ชายแตล่ ะคนกจ็ ะเขา้ ประจำ� ต�ำแหน่งเพื่อชักรอกสมั ภาระต่างๆ ของเขาขน้ึ ไปใหค้ วาญชา้ ง ซงึ่ ตา่ งกพ็ ากนั แขง่ ขนั กนั อยา่ งเอาเปน็ เอาตายวา่ ใคร จะบรรทุกได้เสร็จก่อนกัน เม่ือเริ่มเคลื่อนขบวนพวกเราจะไปอยู่ทางด้านหน้า และสูบบุหรี่กันอย่างหนักหน่วงเพื่อท�ำให้ร่างกายอุ่นขึ้น บ้างก็อยู่บนหลังม้า และบ้างก็เดินเท้า ละอองฝอยๆ ของน้�ำค้างท่ีตกหนักจนเป็นสายได้กระเซ็น แทรกผา่ นความหนาวยะเยอื ก ทางนำ้� ใสหรอื แมข้ ณะเรากำ� ลงั ปนื ปา่ ยขนึ้ ไปตาม ไหลเ่ ขาทท่ี ง้ั ยาวและชนั ในระดบั สงู กวา่ บรเิ วณทเี่ ราไดพ้ กั แรมเมอื่ คนื ทแี่ ลว้ รว่ ม ๑ พนั ฟตุ หรอื กวา่ นน้ั เมอ่ื พวกเราพน้ หมอกควนั อนั หนาวเยน็ และดวงอาทติ ยไ์ ดโ้ ผลพ่ น้ แนวปา่ เขาอันสลับซับซ้อนทางตะวันออกแล้ว ไม่ว่าจะเหลือบแลไปตรงไหนก็เห็นแต่ สีสันพร่างพรายของต้นไม้ล�ำต้นสีเทาใบสีแดงแซมสีเหลืองในเหมันตฤดูท่ีราย รอบตัวเรา แสงตะวนั ซงึ่ สาดสอ่ งลงมาจากบริเวณยอดเขาสูง ๆ น้ัน เม่อื ลงมา สมั ผสั กบั ทะเลหมอกทขี่ าวโพลนกจ็ ะละลายรวมตวั เปน็ กลมุ่ เมฆลอ่ งลอยอยทู่ วั่ บรเิ วณ สว่ นทอ่ี ยตู่ ำ่� กวา่ ลงไปทงั้ ไกลและใกลข้ ณะทเ่ี รากำ� ลงั ปนื ปา่ ยขน้ึ ไปเรอ่ื ยๆ จะเหน็ เปน็ ทะเลหมอกในปา่ ซงึ่ เปน็ กลมุ่ ควนั พวยพงุ่ เหนอื แนวสนั เขาอนั ตะปมุ่ ตะปำ่� ทา่ มกลางแสงตะวนั หรอื ในทคี่ รม้ึ ซง่ึ เปน็ เงามดื ลกึ ไกลหา่ งลงไปในหบุ เหว ทส่ี ลบั ซบั ซ้อน เราตอ้ งเดนิ เทา้ เลย่ี งออกนอกเสน้ ทางไปหลายครง้ั เนอ่ื งมาจากเสยี งหวดี ร้องการตีอกชกหัวและเสียงหัวเราะของฝูงชะนีซึ่งพวกเราได้มองเห็นมันก�ำลัง กระโดดและเหว่ียงตัวด้วยแขนอันยาวเหยียดลงจากต้นไม้ของสันเขาท่ีอยู่ตรง ข้าม บางครงั้ ก็เกิดจากการพบฝูงวัวในขบวนคาวาวานที่ตกแต่งประดบั ประดา สีฉูดฉาด เสียงทุ้มๆ จากกระดึงของพวกมันประสานเสียงกันดังก๊องแก๊ง บางคร้ังการเดินต้องหยุดชะงักเมอ่ื เราเดนิ ไปเจอชา้ งทีม่ แี ววตาสงบนิง่ และมัน กำ� ลงั ไตไ่ ปตามเสน้ ทางทไ่ี มน่ า่ ไวใ้ จอยา่ งระมดั ระวงั บางทกี ผ็ า่ นกลมุ่ นกั รอ้ งชาว
144 บทที่ ๕ หัวเมอื งลาว ลาวที่ค่อนข้างข้ีอายดูน่าขัน พวกเขาจะแบกห่อฝ้าย ยาสูบ หรือผลิตผลอ่ืนๆ จากทางใตม้ าดว้ ย จากลักษณะอันรา่ เรงิ แจม่ ใสของพวกเขาทำ� ใหใ้ ครๆ กต็ อ้ ง น่งั ลงเพ่อื พูดคยุ ดว้ ย ประเพณใี นการโกนศรี ษะของชาวลาว (และเปน็ ประเพณซี ง่ึ เมอื่ กอ่ นทำ� กนั ทว่ั ไปในสยาม)4 โดยจะเหลือผมใหเ้ ป็นกระจกุ ไวท้ ีก่ ลางกระหม่อม จดั เปน็ ทรงผมทเี่ รียบร้อยและสะอาดสะอ้านทรงหนึง่ ส�ำหรับอากาศรอ้ น และเมอื่ ค้นุ เคยกบั มนั มันกจ็ ะทำ� ให้ผูช้ ายมีเรอื นร่างทต่ี ั้งตรงสมสว่ นแลดูสง่างาม สว่ นพวก ผหู้ ญงิ จะไวผ้ มยาวเหมอื นหญงิ ชาวมอญและพมา่ แลว้ เกลา้ สงู อยา่ งบรรจงไวท้ าง ดา้ นหลงั ศีรษะ ซึง่ เม่ือประกอบกับกระโปรงชัน้ ในผ้าลายร้วิ ขวางๆ อนั งดงามที่ พวกเธอสวมใส่และรูปร่างท่ีได้สัดส่วนพอเหมาะแล้ว ก็ยิ่งท�ำให้พวกเธอแลดู เป็นสุภาพสตรีมากกว่าหญิงชาวสยามท่ัวไปท่ีตัดผมส้ันและนุ่งแต่ ผ้านุ่ง มากนัก ในขณะท่ีพวกผู้ชายชาวลาวออกไปท�ำงาน พวกผู้หญิงที่เพ่ิงจะมี อสิ รเสรมี ากพอๆ กบั หญงิ ชาวสยามกจ็ ะเรม่ิ มเี วลาใหก้ บั การทอไหมและ กระโปรง ชนั้ ในฝา้ ยมากขนึ้ รวมไปถงึ การเอาใจใสง่ านบา้ นการเรอื นอนื่ ๆ อกี ดว้ ย เหตนุ เี้ อง เสนห่ ข์ องพวกเธอจึงไมเ่ คยลดถอยลงไปเลย หากว่ากระแสน�้ำจะขึ้นมาจนได้ระดับในตอน ๙ โมงหรือ ๑๐ โมง เรากจ็ ะรอคนอืน่ ๆ กลับข้ึนมารว่ มรบั ประทานอาหารเชา้ แต่ถ้าไม่เป็นเชน่ นน้ั เราจะหยุดพกั ภายใต้กำ� บังของตน้ ไม้ป่าขนาดใหญ5่ หรือไมก่ ็ ในลำ� คลองอนั แหง้ ผากแวว่ ยนิ เสยี งขบั ขานจากตน้ กกวา่ สายน้�ำนน้ั ยอ่ มไหลไปอยา่ ง เคย เปน็ เสียงน้�ำกดั เซาะฟงั ออ่ นโยนและไพเราะ เสร็จแล้วเราก็จะแบ่งข้าวกับแกงอันเย็นชืดกันท่ีตรงน้ันอย่างยุติธรรม รวมท้ังน้�ำชาใหม่ๆ ในขวดของพวกเราด้วย หลังจากหยุดพักกินอาหารหนึ่ง ช่ัวโมง เสื้อกนั หนาวของพวกเรากถ็ ูกนำ� มาสะพายไว้ข้างหลัง จากนัน้ กถ็ อดมัน ออกอกี ครงั้ แลว้ กถ็ งึ ชว่ งแหง่ ความกระหายและออ่ นลา้ ของวนั ขณะทพ่ี ระอาทติ ย์ 4 เร่มิ เปน็ ท่ีร้จู กั กนั ในศตวรรษท่ี ๑๘ เรยี กกนั วา่ ทรงมหาดไทย เปรยี บเทียบไดก้ ับเรอ่ื งประเพณีการโกนจุก โดย นาวาเอก จี.อี.เยรนิ ี (Capt. G.E.Gerini) สำ� นกั งานบางกอกไทม์ พ.ศ. ๒๔๓๘ ความนยิ มในการตดั ผมตามแฟชัน่ ในหมู่คนม่ังมี บางพื้นท่ขี องลอนดอนนั้นมรี ูปแบบทีค่ ล้ายคลึงกนั อย่างน่าประหลาด - ต้นฉบบั 5 อาทเิ ช่น ต้น Thytsi หรือ Thipok (ภาษาพมา่ ) ชอ่ื ทางพฤกษศาสตร์ Tetramera mudiflora -ต้นฉบับ
ห้าปีในสยาม เล่ม ๑ 145 ลอยตวั สงู สาดแสงจา้ ลอดผา่ นใบไมห้ รอมแหรมมาตกตอ้ งทเ่ี ราอยา่ งเกรยี้ วกราด บางครง้ั จะสามารถมองเหน็ บริเวณโลง่ แจง้ หรอื เหน็ หลังคาในระยะไกล ๆ ตอน บ่ายโมงหรอื บา่ ย ๒ โมง แต่บางคร้ังกม็ องไมเ่ หน็ จนกว่าจะ ๓ โมงหรือ ๔ โมง ซึ่งเป็นเวลาท่ีเรากลับถึงค่ายพักแรมแล้ว ส่วนช้างจะกลับมาอย่างอ่อนล้าหลัง พวกเรา ๒ - ๓ ชว่ั โมง มันจะม้วนงวงเอาไวเ้ หนืองาและพักขาของมนั ไว้บนขา อกี ขา้ งสลบั กนั ไปมาขณะยนื ตวั เปลา่ พน่ ฝนุ่ ฟงุ้ กระจายออกมา รอ้ งเสยี งแปรน๋ ๆ และพ่นลมผ่านงวงด้วยเสียงต่�ำๆ ครางกระหึ่ม ฟังเหมือนเสียงรถจักรท่ีก�ำลัง เคลื่อนทีไ่ ปพรอ้ มกันหลายๆ ขบวน ม้าแกลบทีพ่ วกเรามอี ยู่ดว้ ยกัน ๕ ตัวนัน้ เปน็ สตั ว์ทเี่ ชอื่ งทส่ี ุด เมอื่ แกลบซึ่งเป็นอาหารท่ใี ช้เลี้ยงพวกมันยงั มาไมถ่ ึง พวก มนั กจ็ ะไปยงั คา่ ยพกั แรม ทม่ิ จมกู ลงไปในหมอ้ อาหาร ดงึ ทน่ี อนของเราออกแลว้ กินทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งทเี่ ราไมไ่ ดร้ ะวงั ปอ้ งกนั เอาไว้ และเมอื่ มนั มโี อกาสไดเ้ จอกบั ชา้ ง ตวั ไหนๆ ก็ตามก็มักจะมีเรื่องมากมายเกิดข้ึน ตามธรรมชาติแล้วลูกม้าน่าจะ กลัวช้าง แต่ท�ำไปช้างถึงได้รู้สึกสูญเสียการควบคุม ตกใจกลัวต่อเจ้าสัตว์ยุ่งๆ ตวั เลก็ ๆ ทน่ี า่ ขนั กไ็ มร่ ู้ ทง้ั ทมี่ นั สงู เพยี งแค่ ๑๑ ครงึ่ หรอื ๑๒ ฝา่ มอื เทา่ นนั้ เรอ่ื ง นขี้ า้ พเจา้ กย็ งั นึกไม่ออก ดูเหมือนจะแยพ่ อๆ กบั คนทีเ่ ขา้ ไปเลน่ ในเกมปริศนา สับเปล่ียนตัวที่เม่ือก่อนนั้นนิยมเล่นกันในอังกฤษ ท่ีต้องให้คนหน่ึงผ่านอีกคน หนึ่งไปให้ไดใ้ นทางแคบๆ ซ่ึงมีบริเวณป่าสองขา้ งทางรกทึบ ถา้ หากวา่ ที่ซึ่งพวกเราหยดุ พกั เป็นหมู่บา้ น คนนำ� ทางของเราก็มักจะไป ตามชายที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งเขาจะมาปรากฏตัวโดยเร็วแล้วช่วยพวกเรา หานำ�้ ไม้ ฟนื และเสยี บอาหารตา่ งๆ ที่จ�ำตอ้ งมไี ว้ เม่ือถงึ เวลาอาหารเย็นซง่ึ มกั จะกอ่ นพระอาทติ ยต์ ก ชาวบา้ นในละแวกใกลเ้ คยี งจำ� นวนครง่ึ หนงึ่ ของทง้ั หมด จะมานง่ั ยองๆ ใกลๆ้ เรา พดู คยุ จอ้ ไมห่ ยดุ เหมอื นเปน็ เพอื่ นเกา่ ทง้ั ผชู้ าย ผหู้ ญงิ และเด็กๆ ธรรมชาตินิสยั อนั รา่ เรงิ ออ่ นโยนของพวกเขา ความสัตยซ์ อ่ื สญั ชาติ ญาณในการต้อนรับขับสู้และบุคลิกภาพที่ดูดีอย่างแท้จริงน้ันไม่ได้สร้างความ ประทบั ใจลน้ เหลือให้กบั ข้าพเจ้าเพียงคนเดียวเทา่ นัน้ แตร่ วมไปถงึ ทุกๆ คนใน คณะของข้าพเจ้าด้วย และตลอดเวลาท่ีพวกเราใช้เวลาอยู่ร่วมกับพวกเขาน้ัน
146 บทที่ ๕ หัวเมืองลาว เรากม็ ักจะรสู้ ึกเหมือนเดมิ ไม่ว่าเราจะไปอยทู่ ไี่ หน จึงไม่นา่ ประหลาดใจหากว่า ใครต่อใครยังคงเก็บความทรงจ�ำอันอบอุ่นเก่ียวกับชาวลาวในจังหวัดนา่ นไวใ้ น ซอกมมุ หน่ึงของหวั ใจ ขณะท่ีเงามดื เริม่ ทอดยาว พวกผ้หู ญงิ และเดก็ ๆ จะพากันเดินทางกลับ บ้าน ส่วนพวกผู้ชายจะห่อตัวอยู่ในผ้าห่มลายแถบยาวสีแดงและขาวเพื่อเล่า เร่ืองทไี่ ม่ค่อยน่าเชอ่ื ถืออยู่ตรงหน้ากองไฟท่แี ตกปะทุจนลัน่ เปรยี้ ะๆ บุหรี่มวน ใบยาถูกจุดสูบ เสียงหวีดร้องแหลมของฝูงจักจั่นดังอยู่เหนือศีรษะเป็นระลอก บางคนจอ้ งมองไปยงั พระอาทติ ย์ท่ีเคลื่อนคลอ้ ยลงตำ่� อยา่ งชา้ ๆ เหนือขุนเขาสูงตระหง่านสลบั ซบั ซอ้ นในความเงยี บสงดั ท่เี กยี่ วกระหวัดกันไว้จากลกู หนง่ึ อีกลกู หน่งึ สอดประสานกนั อย่างแน่นหนาจนกลา้ แกร่งกว่าเดมิ แล้วดวงอาทิตย์ก็ตกลับลงในยามค่�ำคืนแห่งเมืองร้อนอันงดงามที่ไม่เคยสร้าง ความผดิ หวงั ในการสรา้ งมนตส์ ะกดทกุ ผทู้ กุ คนทไี่ ดม้ โี อกาสมาพานพบบรรยากาศ ยามค�่ำคืนอันเปลยี่ วเหงาแหง่ นี้ คา่ ยพกั แรมใช้เวลากวา่ หนงึ่ ชัว่ โมงกอ่ ตวั ข้ึนในความเงยี บ ผคู้ มุ กัน6 จะ โยนท่อนฟืนเข้าไปในกองไฟท่ีใกล้มอดบ้างเป็นคร้ังคราว เสียงร้องของกวาง ระมาด๑เสียงรอ้ งของเสือท่เี ดินลา่ เหยอ่ื เสยี งหวดี แหลมของชา้ งตืน่ ตระหนกท่ี กรีดร้องข้ึนมาในอากาศเย็นยะเยือกเหนือกระแสลมท่ีพัดกรรโชกอย่างรุนแรง เบ้ืองลา่ ง แล้วเรากซ็ ุกตวั อยู่ระหวา่ งผ้าห่ม ๒ ผืนดว้ ยความหนาวเยน็ หากยามเมื่อเราเจ็บไข้ได้ป่วย เสียงต่างๆ เหล่าน้ันเหมือนจะก่อให้เกิด แตค่ วามทกุ ขร์ ะทมเพยี งอยา่ งเดยี ว เราจงึ ไดร้ วู้ า่ การตกอยทู่ า่ มกลางบรรยากาศ แห่งความมืดมิดเย็นยะเยือกนั้นน่าขนลุกเช่นไร ตึงเครยี ดและเปลี่ยวเหงาโดย มิอาจบรรเทาเช่นไร ช่ัวโมงเหลา่ น้ันอาจถูกลมื เลอื นไปในภายหลังแต่ในยามท่ี 6 โดยทวั่ ไปแล้วแตล่ ะหม่บู า้ นจะจัดหาผคู้ ุม้ กันผ้ชู ายไว้ใหห้ ลายคน ชายเหล่านจ้ี ะนอนขา้ งกองไฟในท่ีโล่งแจง้ ตลอดทัง้ คนื โดยท่ีไม่มีอะไรห่อห้มุ ร่างกายนอกจากเสอ้ื คลุมตวั ยาวเทา่ นน้ั ในเสน้ ทางบนเขาแลว้ ไมอ่ าจทำ� เชน่ นั้นไดเ้ นื่องจากไม่มี หมู่บ้าน - ต้นฉบบั ๑ Sambur หรือกวางขนาดใหญ่ชนิดที่มขี นคอดกหนา – สวป.
ห้าปีในสยาม เลม่ ๑ 147 ประสบนนั้ มนั ตงึ เครียดจนแทบจะทนไมไ่ ด้ หวั สมองใครจะไปนกึ อะไรได้ เสียง หวดี รอ้ งลากเสยี งยาวของตวั ดว้ งบนตน้ ไมฟ้ งั แลว้ นา่ ตกใจจนทำ� ใหบ้ างคนหวน นกึ ถึงทล่ี าดสูงชนั และทางโค้งหักศอกของ G.W.R. ระหวา่ งหบุ เขาคอรน์ ิชท่มี ี เนอ้ื ทแ่ี คบๆ เสยี งไหลไม่หยดุ ของแมน่ ำ้� ท่ดี งั ต่อเนอื่ งอยู่ไกลๆ อาจจะทำ� ใหใ้ คร บางคนนึกถึงสนามหญา้ สีเขยี วอนั เงียบสงบหลังวดั แอบบ้ี (Abbey) ในเวสมิน เตอรซ์ ง่ึ หา่ งไกลจากเสยี งอกึ ทกึ ครกึ โครมในลอนดอนไดอยา่ งไร แมแ้ ตแ่ สงของ ห่ิงหอ้ ยก็ยังเหมือนแสงไฟจากเมืองทีอ่ ยู่ไกล และแลว้ ในที่สดุ รุ่งอรณุ กก็ ลบั มา เยือนอกี คร้ัง เราได้เดนิ ทางผา่ นต้นไม้ใบกวา้ งใหญ่ท่มี ีช่อื เรียกว่า ตน้ สัก เกอื บตลอด ระยะทางไปสเู่ มืองน่าน ในประเทศสยามปา่ สกั จะขนึ้ อยทู่ ว่ั บรเิ วณแหลง่ ตน้ กำ� เนดิ ของแมน่ ำ้� และ ขยายพนั ธต์ุ ามทางน�้ำทางด้านทิศตะวนั ตกพอ ๆ กบั ที่ขยายออกไปทางตอนใต้ ทลี่ ะติจดู เหนือ ๑๓ องศา ๕๐ ลปิ ดา สว่ นทางดา้ นทศิ ตะวนั ออกของแอ่งที่ราบ ล่มุ แมน่ ำ้� เจ้าพระยาน้ัน ป่าสกั จะกระจายพันธ์อุ อกไปไกลทางตอนใตแ้ ค่ท่ี ๑๗ องศา ๔๐ ลิปดาในขณะเดียวกับที่มีการท�ำไม้สักจ�ำนวนมากมายมหาศาลใน ราชอาณาจักรสยามมานานกว่าคร่ึงศตวรรษและล่องลงมาตามล�ำน้�ำสาละวิน เพ่ือน�ำส่งออกเช่นเดียวกับไม้สักจากมะละแหม่ง แต่ไม่ปรากฏว่าเคยมีการท�ำ ไมส้ ักกันในพ้นื ท่ปี ่าริมฝงั่ แม่นำ้� โขง ในระหวา่ งชว่ ง ๑๖ ปีทแ่ี ล้ว ทางโรงงานได้คาดคะเนสดั ส่วนของป่าไม้ สกั ทางดา้ นทศิ ตะวันตกทอี่ ยูใ่ นละแวกเดยี วกับกระแสน้�ำทีใ่ ช้ในการล่องแพไม้ สักบริเวณใกล้เคียงกันน้ันว่า ได้เริ่มที่จะหมดลงไปเร่ือยๆ และในสัญญาการ ว่าจ้างปีที่แล้วโดยรัฐบาลสยามที่มีข้าราชการผู้มีประสบการณ์จากกรมป่าไม้ พมา่ (Burma Forest Deparment) เปน็ ผู้ดูแลก็ไมไ่ ด้แสดงให้เห็นถงึ การเตรี ยมมาตรการป้องกนั ใดๆ เอาไวเ้ สยี แตเ่ นน่ิ ๆ
148 บทที่ ๕ หัวเมืองลาว จ�ำนวนผู้เช่าท�ำป่าท้ังหมดอยู่ในพื้นท่ีส่วนของพม่าในครอบครองของ องั กฤษ และในขณะนี้บรษิ ทั บอรเ์ นียว (Borneo Company) และบริษทั การ ค้าบอมเบย์พม่า (Bombay Burma Trading Corporation) กไ็ ด้ขยายเวลา ของสญั ญาเชา่ แตล่ ะฉบบั ออกไป การปฏบิ ตั งิ านตามสญั ญาเชา่ เกอื บทง้ั หมดได้ ตกอยใู่ นกำ� มอื ขององั กฤษจนไดไ้ มท่ างใดกท็ างหนง่ึ สว่ นทางดา้ นการเงนิ ดำ� เนนิ งานโดยบรษิ ทั การคา้ ทม่ี คี วามสำ� คญั กวา่ ในกรงุ เทพฯ โดยบรษิ ทั จะจา่ ยเงนิ กอ้ น ใหญ่ให้ล่วงหน้าด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงตามท่ีตกลงกันโดยดูจากไม้สักทุกท่อนท่ี นำ� ข้นึ จากน้�ำสู่ฝั่ง ซง่ึ บริษัทเหมาจา่ ยใหใ้ นอตั ราราคาที่ตายตวั เงนิ ทนุ นีย้ ังจะ ต้องเปน็ ภาระติดพนั อยู่ภายในช่วงระยะเวลา ๓ - ๔ ปี อนั เป็นระยะเวลาโดย ทว่ั ไปทใี่ ชใ้ นการนำ� ไมส้ กั สตู่ ลาด คาดการณว์ า่ เปน็ จำ� นวนเงนิ ทม่ี มี ลู คา่ ประมาณ ๘๘๐,๐๐๐ ปอนด7์ ในครงั้ แรกผูใ้ หย้ ืมเงนิ จะยึดเอาผลผลติ ท่อนซุงไวเ้ ป็นประกนั กอ่ น หรือ ไมก่ จ็ ะยดึ ชา้ งเอาไวต้ ามจำ� นวนเงนิ กอ้ นใหญท่ ไี่ ดล้ งทนุ ไป แตม่ นั กไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ การ รบั ประกนั ความปลอดภยั ทด่ี นี กั และยงั ตอ้ งขน้ึ อยกู่ บั ภาพลกั ษณท์ ด่ี ขี องขา้ ราชการ ในท้องถิน่ ดว้ ยเปน็ อย่างมาก จงึ ไมน่ ่าประหลาดใจทีเ่ ม่อื ๒ - ๓ ปที ่ีผ่านมาน้ี พวกบริษทั ใหญ่ไดพ้ ยายามดงึ เอาสญั ญาเชา่ มาไวใ้ นกำ� มือตนเอง ซ่งึ ย่อมสง่ ผล ใหส้ ถานการณโ์ ดยทว่ั ไปเลวรา้ ยลงไปอกี ตน้ ไมท้ เี่ ลอื กไวจ้ ะถกู ควน่ั เปน็ รอยโดย ชาวปา่ คือควัน่ เปลอื กออกปล่อยให้ตน้ ไมต้ อ้ งยืนต้นตายในตอนปลายฤดรู ้อน อีกท้งั ยังมจี �ำนวนตน้ ไม้ท่ีตอ้ งเสียหายไปอยา่ งสญู เปล่ามากมายเพราะเกิดจาก ความนยิ มในการควน่ั ตน้ ไมใ้ หเ้ ปน็ รอยในสมยั กอ่ น โดยจะเลอื กเอาตน้ ทม่ี คี วาม สงู จากพน้ื ดนิ ราว ๘ ถงึ ๑๐ ฟตุ ขนึ้ ไป ตน้ ไมท้ ถ่ี กู ควนั่ จะตายและแหง้ สนทิ พรอ้ ม ทจี่ ะตดั ไดภ้ ายใน ๓ ปี แตข่ า้ พเจา้ เชอ่ื แนว่ า่ การตดั ตน้ ไมห้ ลงั จากทค่ี วน่ั ไวภ้ ายใน เวลาแค่ ๒ - ๓ วนั นน้ั ทำ� กนั มานานแลว้ ในสยาม ทที่ ำ� เชน่ นน้ั กเ็ พอื่ จะใหม้ นั ตาย เร็วข้ึน แล้วล้มมันโดยใช้เวลาไม่ถึงปี แต่ต้นไม้ก็มักจะแห้งไม่พอหากไม่ปล่อย ใหม้ นั ยืนต้นนานกว่านนั้ 7 รายงานของสำ� นักงานตา่ งประเทศในเร่อื ง การค้าไม้สักของสยาม หมายเลข ๓๕๗ – ตน้ ฉบบั
ห้าปใี นสยาม เล่ม ๑ 149 เมอื่ ตน้ ไมล้ ม้ ชาวปา่ กจ็ ะใชค้ อ้ นตตี ราเครอื่ งหมายไวบ้ นลำ� ตน้ เกณฑช์ า้ ง มาลากท่อนซุงเหล่าน้นั ไปยังทางลากตน้ ไม้ท่ใี กล้ทีส่ ดุ แลว้ จงึ ท�ำการลากต่อไป ยงั หว้ ย หรอื ลำ� ธารทอ่ี ยใู่ กลเ้ คยี งทง้ิ ไวร้ อเวลาใหฝ้ นตก ทางเหลา่ นมี้ กั จะถกู ขดู ลากจนเปน็ รอยลกึ เปน็ มนั เงาจากการทถ่ี กู เสยี ดสอี ยเู่ รอ่ื ยๆ จนดรู าวกบั วา่ ธาร น้�ำแข็งสายเล็กๆ ที่คดเค้ียวได้ไหลเข้ามากัดเซาะมันจนเป็นรอยถาวรตัดผ่าน เส้นทางเดินป่าจากเมืองฝางถึงเมืองน่าน เม่ือตัวแทนของบริษัทผู้ซื้อมาถึงก็จะใช้ค้อนตอกลงไปบนท่อนซุงเพื่อตี ตราเครื่องหมายของผู้ซ้ือต่อหน้าชาวป่า ผู้ซ้ือจะตีตราบนท่อนซุงทั้งหมดเพ่ือ ท�ำให้ไมม้ ีต�ำหนยิ ากแกก่ ารลกั ขโมยของพวกโจรทีด่ ักรออย่ใู นบริเวณพ้ืนท่ีทาง ตอนใต้ลงไป ขณะทฝี่ นตกลงมาชา้ งกจ็ ะเรม่ิ “หยง่ั วดั ความลกึ ” ของลำ� ธารและแมน่ ำ�้ ท่อนซุงจะไม่มีโอกาสได้กองทับถมกัน เพราะช้างจะใช้ท้ังงาและล�ำตัวของมัน ทงั้ ดนั ท้ังลากจูงท่อนซงุ ให้เขา้ สกู่ ระแสนำ้� ขณะทนี่ ำ�้ พยงุ ท่อนซงุ ให้ลอยเคลอื่ น ออกไป ชา้ งกจ็ ะลงมาท�ำงานทใี่ น หว้ ย เพอ่ื จดั การกบั ทอ่ นซงุ ทเ่ี กยตน้ื และชว่ ย บรรเทาการตดิ พนั นงุ นงั ของทอ่ นซงุ ทมี่ กั จะตดิ เบยี ดเสยี ดกนั อยนู่ บั รอ้ ยทอ่ นใน ตอนนั้น ช่วยผลักท่อนซุงให้ออกสู่ล�ำน�้ำสายหลักเพื่อจะได้ล่องไปถึงสถานี แพซุงได้ทันเวลา จากน้ันจึงจับมันมัดรวมเอาไว้เป็นแพตีตราท�ำเครื่องหมาย อยา่ งเดียวกบั แพที่เราเคยเหน็ แถวพื้นที่ทางตอนล่าง พวกเราเคยไดเ้ หน็ ทอ่ นซงุ เลก็ ๆ จำ� นวนมากมายมหาศาล และขา้ พเจ้า กพ็ บวา่ ทง้ั หมดเปน็ การทำ� ลายตน้ ไมอ้ อ่ นๆ ทยี่ งั ไมโ่ ตเตม็ ทด่ี ว้ ยการตดั อยา่ งปา่ เถ่อื น โดยท�ำกนั ท่ีบริเวณใกล้เคียงนำ้� ปาด และอุตรดติ ถ8์ 8 ประมาณการไว้วา่ (จากรายงานของสำ� นักงานการคา้ ตา่ งประเทศ) ในปีท่ีไมอ้ ดุ มสมบูรณม์ าก ๆ น้ันมจี ำ� นวนท่อนซงุ ท่ีไมไ่ ด้ ขนาด ใช้การไมไ่ ด้ในตลาดต่างประเทศลอ่ งลงมาตามแม่นำ�้ เจ้าพระยาและสาละวนิ มากกวา่ ๕๐,๐๐๐ ทอ่ น คิดเป็นยอด รวมความสูญเสียมากกว่า ๑๕๐,๐๐๐ ปอนด์ ทำ� ใหส้ ูญเสียภาษเี งนิ ได้ถึง ๑๐ เปอรเ์ ซน็ ต์ ซ่งึ มากกวา่ ๑๕,๐๐๐ ปอนด์ เป็น อยู่เช่นนี้ปแี ล้วปเี ล่า แตกตา่ งเพยี งตรงทบี่ างปกี น็ ้อยบา้ งบางปกี ม็ ากกวา่ หวงั กนั ว่ามสิ เตอร์เสลด คงได้รับการสนบั สนุน จากรฐั บาลในการบังคับใช้มาตรการออกกฎห้ามผเู้ ช่าสัมปทานลม้ ตน้ ไมท้ ่ีมขี นาดวงรอบลำ� ตน้ ตำ�่ กวา่ มาตรฐานและการ ควบคมุ ทกี่ �ำหนดใหม่นี้ควรน�ำมาใชท้ ่นี ่าน เพราะชาวบ้านท่นี ี่สามารถตดั ไม้ได้โดยอาศัยเพยี งคำ� อนุญาตจากพวกหัวหนา้ หมู่บา้ นโดยไม่ต้องมขี อ้ ก�ำหนดใด ๆ ทง้ั ส้นิ – ตน้ ฉบบั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 473
Pages: