Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ห้าปีในสยาม เล่ม ๑

ห้าปีในสยาม เล่ม ๑

Description: ห้าปีในสยาม เล่ม ๑

Search

Read the Text Version

250 บทที่ ๑๐ หวั เมืองลาว - แม่นำ้� โขง (ตอนต่อ) ไปไหน อย่างไรก็ดีบุตรชายของเขาได้บีบบังคับให้เขาหนีลงเรือล่องลงไปตาม แมน่ ำ้� เชน่ เดยี วกบั ชาวเมอื งสว่ นใหญท่ ไ่ี ดห้ นไี ปกอ่ นหนา้ นน้ั แลว้ ตวั เมอื งถกู เผา และถกู ปลน้ พวกฮอ่ ไดย้ ้อนรอยกลบั มาในทิศทางที่เคยมา ในขณะเดียวกับที่ เจา้ เมอื งผู้ชราได้หนีไปยังกรุงเทพฯ จนถึงตอนปลายปีกองก�ำลังของฝร่ังเศสได้รุกคืบหน้าต้านทานพวกฮ่อ จากทางดา้ นตงั เกยี๋ ไปยงั เมอื งไล ในขณะทกี่ องทพั สยามภายใตก้ ารนำ� ของพระยา สรุ ศกั ดมิ์ นตรไี ดต้ รงึ กำ� ลงั อยตู่ รงบรเิ วณทรี่ าบลมุ่ แมน่ ำ�้ ซง่ึ หา่ งออกไป กองกำ� ลงั ฝรงั่ เศสจงึ ไดเ้ ขา้ ครอบครองท่ีราบเมืองแถง ดังน้นั แควน้ สบิ สองจุไทยจงึ ตกอยู่ ในก�ำมือของฝรัง่ เศสไปด้วย พระยาสรุ ศักดมิ์ นตรมี าถึงกเ็ ม่ือสายเกินไป เขาจงึ ไดพ้ บกับเมอรส์ ิเออร์ ปาวีท่ีเดินทางมากับผู้น�ำทางชาวสยามซึ่งปาวีเคยเป็นหน้ีชีวิตเขาอยู่ครั้งหน่ึง เมอื่ ครงั้ ตกอยใู่ นวงลอ้ มของพวกฮอ่ ขณะทพ่ี บกนั นน้ั ปาวคี กุ คามพระยาสรุ ศกั ดิ์ มนตรดี ้วยการใช้ก�ำลงั หากวา่ พระยาสรุ ศกั ดิ์มนตรไี ม่ยอมถอยกลับไป ในทสี่ ุด จึงได้มีการท�ำความตกลงร่วมกันว่าต่างฝ่ายต่างยังคงรักษาต�ำแหน่งท่ีม่ันของ ตนเองเอาไว้จนกว่ารัฐบาลของท้ัง ๒ ฝา่ ยจะท�ำความตกลงในเรอ่ื งดังกล่าวได้ แล้วพระยาสุรศักดิ์มนตรีจึงได้อุทิศตนใช้ความสามารถในการจัดการปรับปรุง ดแู ลพนื้ ทีเ่ ขตแดนนัน้ เสยี ใหม่ ข้ันตอนที่ค่อนข้างแปลกได้ถูกจัดการขึ้นในเมืองหลวงพระบางด้วยการ ลม้ ลา้ งความสมั พนั ธร์ ะบบเจา้ ขนุ มลู นายทเ่ี ปน็ อยรู่ ะหวา่ งประชาชนกบั เจา้ เมอื ง ลงเสีย ขณะเดียวกับที่ เจ้า เมืองผู้ชราก็ได้รับการปูนบ�ำเหน็จด้วยชื่อเสียง เกียรติยศและร้องขอท่ีจะลาออกโดยมีลูกชายท้ังสองของเขารับเป็นผู้สืบทอด การบรหิ ารบ้านเมอื ง ทน่ี า่ สงสัยกค็ ือหากว่าผลประโยชน์จำ� นวนมากไดร้ บั การ ตกทอดมาตั้งแต่ในตอนแรก ก็เช่ือแน่ได้ว่าการทรยศหักหลังคงต้องเกิดข้ึนใน ลำ� ดบั ตอ่ มา และแมว้ า่ การหวาดระแวงแคลงใจของเจา้ เมอื งผชู้ ราซงึ่ ไดร้ บั ความ รักใคร่และยกย่องชมเชยจากบุคคลท่ัวไปน้ันจะไม่ได้เกิดข้ึน แต่ก็มันก็ส่งผล กระทบท่ีเลวร้าย เหตุการณ์ต่างๆ ท่ีพวกฮ่อทำ� ลาย วดั และเจดยี ต์ า่ งๆ จนหมด

ห้าปใี นสยาม เล่ม ๑ 251 สนิ้ ความศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ เหตไุ ฟไหมค้ รงั้ ทสี่ องซงึ่ เผาผลาญพนื้ ทส่ี ว่ นใหญข่ องตวั เมอื ง และโรคระบาดที่คล้ายกับอหิวาตกโรคได้ก่อความยุ่งยากล�ำบากใจให้แก่ชาว เมอื งทก่ี ำ� ลงั สบั สนหวนั่ ไหว ทำ� ใหพ้ วกเขาพากนั รสู้ กึ วา่ พวกเขากำ� ลงั สญู สนิ้ บญุ และความอับโชคก�ำลังถาโถมเข้าใส่พวกเขาหรืออย่างไร ความรู้สึกเช่นนี้เริ่มที่ จะลบเลือนไปในเวลาท่ีพวกเราแวะมาท่ีนี่ และจากการที่ความรู้สึกนั้นสูญส้ิน ไปท�ำให้ท่านข้าหลวงผู้กระตือรือร้นและอุทิศตนเพ่ือส่วนรวมได้จัดสรรการ ท�ำงานท่ีคล่องตัวและจัดระบบการปกครองให้คืบหน้าไปได้อย่างมากมาย เขาเปน็ นายใหญใ่ นสถานการณ์นอี้ ยา่ งไม่ตอ้ งสงสยั เพราะลกู ชายเจา้ ทัง้ ๒ คน นัน้ ไมม่ ีทงั้ ความสามารถและความร้ใู นการสร้างความคดิ ริเริ่ม ดว้ ยความท่ีเขา ทง้ั คกู่ เ็ ปน็ ชายหนมุ่ ทนี่ สิ ยั ดแี ละไมค่ อ่ ยมคี วามอนาทรรอ้ นใจเชน่ เดยี วกบั ผชู้ าย หลวงพระบางท้ังหลาย จึงมัวแต่จะที่มักจะยินดีในพรอันประเสริฐของชีวิต มากกวา่ ท่จี ะคิดส้รู บปรบมอื กับสว่ นเลวรา้ ย อีกประการหนงึ่ กค็ อื พระพลษั ฏา เป็นผ้มู จี ติ ใจละเอยี ดออ่ นและมหี ัวใจทอ่ี ่อนโยนมากกวา่ ปกติ เขาเรียนรูภ้ าษา อังกฤษด้วยตนเองในขณะเดียวกันก็รับภาระการปกครองหัวเมืองท้ังหมดจน เกดิ ผลอยา่ งเยยี่ มยอด ซง่ึ เมอ่ื พวกเรามาถงึ นน้ั เขาสามารถหาขา่ วสารลา่ สดุ ของ ชาวยุโรปจากหนังสือพิมพ์มาให้ข้าพเจ้าได้ นับเป็นชายหนุ่มที่ทันสมัยที่สุดใน เมืองหลวงพระบางทีเดียว ประชากรชาวลาวทั้งในเมืองและในชนบทในขณะน้ีมีจ�ำนวนประมาณ ๙,๐๐๐ คน แต่ทจ่ี งั หวัดรายงานวา่ มี ๙๘,๕๐๐ คนนน้ั อาจจะรวมถงึ จ�ำนวนคน หนึง่ ในสท่ี ี่อาศัยอยูต่ ามแนวแคบ บนฝ่งั ขวาของแมน่ ำ�้ โขงด้วย ตัวเมืองตั้งชิดอยู่บนที่ต้ังอันจ�ำกัดของเนินเขาสูงราว ๒๐๐ ฟุต มี พระเจดยี ์ตั้งอย่ปู ลายยอด เรียกกนั ว่า ภู หรือ พระธาตจุ อมศรี ซึ่งมตี ัวกำ� แพง เหมอื นกบั ทเ่ี มอื งนา่ นหรอื เชยี งใหมซ่ งึ่ อาจสรา้ งไวต้ า้ นทานการรกุ รานของพวก ฮอ่ ทางดา้ นตะวนั ตกมแี มน่ ำ�้ โขงคอยปกปอ้ งเมอื งไว้ สว่ นทางทศิ ตะวนั ออกเฉยี ง เหนือและทศิ เหนือมีแมน่ ำ�้ คานไหลผา่ นเมอื ง จากแมน่ �้ำจะเหน็ หลงั คาบ้านอยู่ ท่ามกลางดงไผ่และต้นจากดงตาลซึ่งยืนต้นสูงเหนือระดับน�้ำในยามฤดูฝนท่ีมี

252 บทท่ี ๑๐ หัวเมืองลาว - แม่นำ�้ โขง (ตอนต่อ) ระดับน้�ำสูงถึง ๔๐ ฟุต กระเบ้ืองมุงหลังคา วัด สีแดงบน ภูจอมศรี และ พระเจดีย์ยอดเรียวแหลมท่ีดูสง่างาม ณ บริเวณยอดเขาสูงสุดดูเหมือนจะ ครอบคลมุ พน้ื ทรี่ าบทง้ั หมดทเี่ ปน็ หนทางนำ� ไปสภู่ เู ขา เสยี งตกี ลองใบใหญท่ ต่ี บี อกเวลารวั ดงั สน่นั ออกไปโดยรอบสหู่ มูบ่ า้ นทอี่ ยหู่ า่ งออกไปทางปีกทัง้ สองขา้ ง บนถนนขนาดกว้างท่ีตัดกันเป็นมุมฉากไปสู่อีกด้านหนึ่งคือสัญลักษณ์ ของเมืองใหม่ที่โอบรอบพระเจดีย์บนเนินเขา พระพลัษฎาได้จัดต้ังที่ท�ำการ รัฐบาลและอาคารต่างๆ ไว้ทางดา้ นทิศใตแ้ ละทศิ ตะวนั ออก ส่วนบริเวณแหลม ท่ีย่ืนออกไประหว่างแม่น�้ำคานและแม่น�้ำโขง เลยส่วนที่เป็นที่พ�ำนักของเจ้า หลวงและเลยตลาดขนึ้ ไปเปน็ ทีต่ งั้ ของถนนสำ� คญั ขนาดกวา้ ง ๒ สาย คือถนน สายเหนือและสายใตซ้ ึ่งมบี ้านหลังคามงุ แฝกปลกู อยู่ชดิ ตดิ กันเป็นกระจกุ พวกเรามเี วลาเหลอื เฟอื ในอนั ทจี่ ะบนั ทกึ แยกแยะความแตกตา่ งในผคู้ น ระหว่างกลมุ่ ทไี่ ด้ชื่อวา่ ลาวพุงขาว หรือชนชาติลาวเชื้อสายทางตะวันออก กับ ชนชาติพีน่ อ้ งของพวกเขาทางตะวันตกแถวนา่ นหรือเชียงใหม่ ซึง่ เปน็ พวกลาว พงุ ดำ� พวกไตหรือฉาน เป็นชนชาติที่พบได้นับต้ังแต่เขตมณีปุระ๑ ที่อาศัยอยู่ บริเวณรอบแอ่งลุ่มแม่น�้ำอิระวดี ไปจนถึงยูนานและตังเก๋ีย และจากบริเวณ ชายแดนทเิ บตตรงละตจิ ดู ที่ ๒๘ องศาเหนอื ไปยงั กมั พชู า กบั ละตจิ ดู ท่ี ๗ องศา ในแหลมมลายู บริเวณดังกล่าวมีประชากรหนาแนน่ มากท่ีสุด และมีชนชาติ ชาวอนิ โดจนี แพรห่ ลายกระจัดกระจายอยู่เป็นอนั มาก ชาวสยามเองนั้นเป็นชนชาติที่มุ่งหน้าลงสู่ทางใต้มากท่ีสุด จึงได้ขยาย อิทธิพลของพวกเขาออกไปโดยรอบอย่างกว้างขวางเข้าไปในท่ีราบลุ่มชายฝั่ง ทะเล พรอ้ มกบั มกี ารติดต่อกับชาวจนี มาเลย์ กมั พชู า มอญ และชนชาติอนื่ ๆ ส่วนชาวลาวซึ่งแม้ว่าจะมีเชื้อสายดั้งเดิมเช่นเดียวกับชาวสยาม แต่ก็ยังคงปัก หลกั อยตู่ ามตำ� บลตา่ งๆ ตามบรเิ วณทเี่ ปน็ ปา่ เขา และยงั คงดำ� รงไวซ้ งึ่ คณุ ลกั ษณะ อนั ดงี ามยงิ่ ของเผา่ พนั ธ์ุ อยา่ งไรกด็ ชี าวลาวทางสายตะวนั ตกทไี่ ดอ้ พยพมาทาง ใตแ้ ถบเมอื งเชยี งแสนและทรี่ าบลมุ่ แมน่ ำ้� จะไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากชาวพมา่ อยา่ งเหน็ ๑ รัฐมณีปรุ ะ (Manipur) คอื หนึง่ ในรฐั ทางตะวนั ออกเฉียงเหนือของอินเดยี ตดิ ต่อกับพม่าทางทศิ ตะวันออก - สวป.

หา้ ปใี นสยาม เลม่ ๑ 253 ได้ชัด อาทิ เร่อื งภาษาดังทีจ่ ะไดก้ ลา่ วถงึ ในตอนน้ี ส่วนทางสายตะวนั ออก ซง่ึ เคลอื่ นตวั ลงมาตามเสน้ ทางสายตะวนั ออกลงสนู่ ำ้� อแู ละแมน่ ำ้� โขงยงั คงใชภ้ าษา เขยี นทค่ี ลา้ ยกบั ชาวสยามมากและถอื วา่ ทร่ี าบลมุ่ แมน่ ำ�้ โขงนน้ั เปน็ บา้ นของพวก ตน อีกเรอ่ื งหนงึ่ ทนี่ ับว่าแปลกกค็ ือชาวลาวทัง้ สองสายน้ันไมช่ อบเอามากๆ ท่ี จะใชค้ �ำวา่ “ลาว” มาเรียกพวกเขา พวกเขายงั คงเชอ่ื ม่ันอย่างไม่เปลี่ยนแปลง วา่ พวกเขาคอื “ไต” ไมใ่ ช่ “ลาว” ซง่ึ พวกลอื้ ซงึ่ เปน็ เพอ่ื นของพวกเขากร็ สู้ กึ เชน่ นนั้ เหมอื นกนั ดูเหมอื นท้งั ค�ำว่าลาว “Lao” และลอื้ “Lu” แตเ่ ดมิ จะหมายถงึ ค�ำวา่ “Man” และการทีเ่ พือ่ นบา้ นใกล้เคยี งได้ยินไมช่ ดั จึงมักจะเรยี กเพย้ี นไป เชน่ ในปจั จบุ นั ชาวลาวแหง่ ลมุ่ แมน่ ำ้� โขงทำ� ใหพ้ วกเรารสู้ กึ ไดเ้ ลยวา่ พวกเขานน้ั เกยี จครา้ น กวา่ พวกลาวพงุ ดำ� และมคี วามประพฤติเลวกว่า พวกผ้ชู ายสบู ฝ่นิ กนั จนตดิ ถึง แม้ว่าจะมีการดื่มสุรากันน้อยมากก็ตาม แต่ชาวบ้านก็จะดื่มสุราพ้ืนเมืองที่ได้ ปนั สว่ นกนั เตม็ ทไ่ี มเ่ หลอื หรอจนหวั ขโมยไมม่ ที างรวู้ า่ ไดป้ นั มากนั ละเทา่ ไหร่ ไม่ ตอ้ งสงสยั วา่ ใครๆ กไ็ ม่อาจตำ� หนติ ิเตยี นชาวเขาแถบอินโดจนี ได้ในเร่ืองการสูบ ฝ่ิน เพราะถา้ เสพโดยพอประมาณแล้วก็ถือไดว้ า่ มันเป็นยาแก้พิษท่ดี ที ี่สดุ เท่าที่ มอี ยทู่ สี่ ามารถนำ� มาบำ� บดั โรคภยั รา้ ยแรงชนดิ หนง่ึ ในปา่ เขาซงึ่ เกดิ จากการเดนิ ทางไกลๆ จากอากาศทแ่ี ปรเปลย่ี นและอาการทอ้ งวา่ ง แตใ่ นขณะเดยี วกนั พวก ชาวนา่ นกบ็ ำ� บดั พษิ ไขโ้ ดยไมต่ อ้ งใชฝ้ น่ิ พดู ไดว้ า่ เขาแทบจะเปน็ คนกลมุ่ เดยี วใน อนิ โดจนี ทท่ี ำ� เชน่ น้ี ประสบการณเ์ กยี่ วกบั คนสบู ฝน่ิ ของขา้ พเจา้ ในตอนน้ี กม็ ไิ ด้ หมายถึงคนท่ีสูบเพราะชอบ เช่นพวกผู้ติดตามส่วนใหญ่ของข้าพเจ้าท่ีเสพติด มันอย่างไม่รู้อนาคตแล้วฝันไปเร่ือยเปื่อยจนตลอดชีวิตว่าจะใช้มันให้น้อยที่สุด เทา่ ทท่ี ำ� ได้ ไมว่ า่ จะเพอ่ื จดุ ประสงคใ์ ดๆ กถ็ อื วา่ พวกเขาเสยี เวลาเปลา่ ๆ ปลๆี้ โดยแท้ จากประสบการณ์ท่ีเพิ่มมากข้ึนท�ำให้รู้ว่าส�ำหรับชาวฉานแล้วพวกเขา ตงั้ เกณฑเ์ อาไวว้ า่ จะไมต่ ดิ ยามากเกนิ ขนาด แตจ่ ะใชอ้ ยา่ งพอประมาณในอตั ราสว่ น ท่ีแน่ใจว่าจะให้ประโยชน์แก่พวกเขา จากประสบการณ์อันยาวนานและการ สังเกตอย่างรอบคอบของมิสเตอร์สก็อตต์ เขาให้ความเห็นว่าลักษณะเช่นนี้ได้ สบื ทอดกนั มาแล้วชา้ นาน ซง่ึ ก็ตรงกับส่ิงท่ขี า้ พเจา้ สรปุ ไว้ในใจเช่นกนั

254 บทที่ ๑๐ หวั เมอื งลาว - แมน่ ำ�้ โขง (ตอนต่อ) อย่างไรก็ดี ชาวหลวงพระบางพื้นเมืองก็ยอมรับว่าสิ่งนี้คือความจ�ำเป็น ส�ำหรับเพ่ือนบ้านชาวเขาจ�ำนวนมากมายของพวกเขา เหมือนเช่นที่พวกคน ข้ีเกียจมักจะเสพมันจนมากเกินไป การผสมผสานกันระหว่างฝิ่นกับชีวิตเฉ่ือย ชาน้ันไม่อ�ำนวยประโยชน์ให้เกิดข้ึนได้แน่ๆ แต่ก็ยังมีการปล่อยปละละเลยให้ ทั้ง ๒ ส่งิ เกดิ ข้นึ อยา่ งแพร่หลายในเมืองหลวงพระบาง นับเป็นเคราะห์ดีที่ไม่มีใครกล่าวถึงความชั่วอย่างหนึ่งท่ีถือว่าธรรมดา เหลอื เกนิ วนั เวลาแหง่ การพนนั ทแี่ ทรกซมึ อยใู่ นหมชู่ าวลาวทนี่ า่ รกั นา่ คบหานน้ั นา่ จะเปน็ ความเลวรา้ ยทแี่ ทจ้ รงิ ประการหนงึ่ ผซู้ ง่ึ เสยี คนจากผลของมนั ในกลมุ่ ชาวลาวทางตะวนั ออกทม่ี จี ติ ใจออ่ นแอเหมอื นชาวสยามมใี หเ้ หน็ อยตู่ ามบรเิ วณ รอบเมอื งหลวงเท่านน้ั และบรเิ วณน้นั นั่นเองทีเ่ ป็นเหตุแห่งการลกั ขโมย การจ้ี ปล้นและแม้แต่การฆาตกรรมในบางคร้ัง คงต้องขอชื่นชมชาวสยามอย่างมาก ทเี ดยี วในเรอื่ งน้ี ตรงทพี่ วกเขาตระหนกั ถงึ ความเลวรา้ ยของมนั ดว้ ยการเผยแพร่ วธิ หี ยดุ ยงั้ การเลน่ การพนนั ไปจนทวั่ เมอื งหลวงพระบาง ทง้ั ๆ ทเี่ งนิ สว่ ยสาอากร ที่ได้จากมนั น้ันจะเปน็ รายไดห้ ลักก้อนใหญข่ องภาษอี ากรกต็ าม ประชาชนไม่ต้องแบกรบั ภาระหนกั ในการเสียภาษี การเสยี ภาษจี ะเปน็ แบบรายหัวเพียงหัวละ ๘ รูปีต่อปีส�ำหรับครอบครัว และหัวละ ๔ รูปีต่อปี ส�ำหรับชายที่ยังไม่แต่งงานและไม่ทุพพลภาพ วิธีการเกณฑ์ไพร่พลเพื่อเอามา ใช้แรงงานได้รับการยกเลิกโดยสิ้นเชิง และมีการตั้งอัตราค่าจ้างท�ำงานประจ�ำ ใหก้ บั ทุกคนทีเ่ ข้ามาทำ� งานกบั รฐั บาล ไม่ว่าจะเป็นชาวลาวหรือชาวเขาก็ตาม เจา้ ชายเฮนรีซง่ึ เป็นผู้มธี ุรกิจแบบสวนทางกบั ระบบการบริหารงานของ ชาวสยามทรงไดแ้ จกแจงออกมาใหเ้ หน็ วา่ เปน็ การเสยี ภาษที สี่ าหสั มาก ขา้ พเจา้ ไมไ่ ดเ้ หน็ หลกั ฐานในเรอื่ งนที้ ยี่ นื ยนั ไดว้ า่ มนั เปน็ อยา่ งนน้ั จรงิ ๆ ตอนทห่ี ลวงพระ บางยังอยู่ในครอบครองของสยาม แต่เมื่อฝร่ังเศสเข้าครอบครองเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ พวกฝรง่ั เศสจงึ เพม่ิ การเกบ็ ภาษรี ายหวั ขนึ้ อกี เปน็ จำ� นวนมาก ขอ้ สงั เกต ของเจ้าชายเฮนรีคงเริ่มเป็นจริงก็ในตอนน้ีนี่เอง และการเกณฑ์ไพร่พลมาใช้ แรงงานจึงถกู นำ� กลับมาใชอ้ ีกครง้ั

ห้าปใี นสยาม เลม่ ๑ 255 ลักษณะนิสัยของชาวหลวงพระบางดูได้จากท่ีในตลาด แทนท่ีจะเสร็จ สนิ้ การประกอบธรุ กจิ กนั ตงั้ แตต่ อนเชา้ แตพ่ วกผหู้ ญงิ กลบั นง่ั แชอ่ ยใู่ นแผงขาย ของจนเกือบเท่ียง น่ังซุบซิบนินทาและต่อปากต่อค�ำกับพวกผู้ชายที่เท่ียวเดิน ทางขึน้ ๆ ล่องๆ เปน็ การพักผ่อนหยอ่ นใจซง่ึ เปน็ ท่นี ิยมของเมอื งน้ี กระโปรงชัน้ ในและผ้าพันคอไหมของพวกเธอเป็นมันวาวอยู่ในแสงอาทิตย์ ส่วนริมฝีปาก จิม้ ลิม้ กก็ �ำลังเปิดๆ ปดิ ๆ รวั เรว็ จนสังเกตได้ ความงดงาม ไหวพริบและความ อดุ มสมบรู ณข์ องเมอื งหลวงพระบางไดม้ ารวมตวั กนั อยทู่ นี่ นั่ เพอื่ ใหช้ ายชาวเขา หรอื ชาวต่างชาตไิ ดม้ าชนื่ ชม พอตกตอนบ่ายเหตุการณ์แบบเดมิ จะเร่มิ ตน้ ใหม่ อีกครั้ง หากแต่ดูซบเซาลงไปมาก อันท่ีจริงแล้วตลาดบ่ายนั้นถูกผูกขาดไว้ โดยพวกคนม่ังมีในสังคมเมืองหลวงพระบางที่คอยตอบสนองชาวลอนดอนผู้ โหยหาความตน่ื เตน้ ในชวี ติ พวกทย่ี ดึ ตดิ วา่ หนงั สอื พมิ พย์ ามบา่ ยนนั้ เปน็ เงอ่ื นไข ทจ่ี ำ� เปน็ สำ� หรบั ชวี ติ พวกเขาจะซบุ ซบิ นนิ ทาเรอ่ื งราวทเี่ พงิ่ เกดิ ขนึ้ สดๆ รอ้ นๆ อย่างสับสนปนเปไปหมด และเพลิดเพลินกับความพอใจแบบน้ันด้วยการฟัง เร่ืองธุรกิจการค้าของคนอ่ืนซ่ึงเป็นที่ถูกอกถูกใจหลายๆ คนในหมู่ชุมชน “ผู้เจรญิ แลว้ ” จากดินแดนตะวนั ตก แต่พอตกกลางคืนยามเมื่อพระอาทิตย์ลับแสงจะเป็นช่วงเวลาท่ีชีวิตใน สังคมมคี วามสขุ สันตย์ ่ิงนัก วัฒนธรรมท่นี ่าตืน่ ตาท่ีสดุ ทย่ี งั คงสบื ทอดกันมาคือ การได้เห็นหญิงชาวบ้านท่าทางเรียบร้อยเดินจับมือกันไปตามท้องถนน ร้อง เพลงประสานเสยี งกนั และหยอกลอ้ ผู้ท่ีเดินทางผา่ นไปผ่านมาเปน็ พฤตกิ รรมท่ี ผดิ แผกไปจากผหู้ ญงิ อินโดจนี อ่ืนๆ เป็นอันมาก ชาวข่าหรอื สาวชาวเขามักจะ ว่ิงหนีเข้าป่ายามเม่ือถูกคนแปลกหน้าจ้องมองอย่างเปิดเผย ส่วนสาวชาวลาว หรือสาวชาวสยามโดยทั่วไปน้ันอย่างน้อยที่สุดก็จะรอจนกว่าจะมีคนมาพูดจา กบั พวกเธอกอ่ น และแมว้ า่ บางครงั้ พวกเธอจะเปน็ เจา้ ของกจิ การทเ่ี กง่ กาจหรอื เป็นพวกคุยจ้ออย่างสุดแสนก็ตาม แต่ก็ยังอ่อนน้อมถ่อมตนและท�ำงานหนัก ภาพของเหล่าสตรีหลวงพระบางเหล่านี้ ท�ำให้นึกถึงพวกผู้หญิงสวมแว่นตา ขาหนีบและช่างเยบ็ กระโปรงท่ยี นื เบียดเสียดผู้คนอยู่ทีช่ านชาลาฟากหนึ่งตาม สถานรี ถไฟหลายแห่งในลอนดอน

256 บทท่ี ๑๐ หัวเมอื งลาว - แม่นำ้� โขง (ตอนตอ่ ) เ ืมองหลวงพระบาง

หา้ ปใี นสยาม เลม่ ๑ 257 เมือ่ กลบั ถึงบ้านซ่งึ มักจะกลับบ้านมาแตว่ ัน พวกเธอก็มิได้ปลอ่ ยวางทุก สิง่ ทกุ อย่างไปโดยสิน้ เชิง และในยามค่�ำคนื ก็มักจะมีคนไดย้ นิ เสยี ง แคน แผ่ว เบาลอ่ งลอยมาตามสายลมเสมอ ผู้เลน่ คงบรรเลงเพลงรกั ยามเย็นนใี้ ห้กบั หญงิ งามผดุ ผอ่ งบางคน ชาวเมอื งหลวงพระบางเปน็ ผมู้ คี ณุ สมบตั ชิ นั้ เลศิ ในเรอื่ งความ รักเสียงดนตรี พวกเขาเป็นคนชอบดนตรีอย่างแท้จริงและเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็ เปน็ ดินแดนแห่งสรรพเสียงอนั อ่อนหวานไพเราะมาก่อน ระดบั เสียงท้มุ ต่�ำของกลองทีบ่ รเิ วณพระเจดีย์ ระดับเสยี งกงั วานใสของ ระฆังวัดที่ตีตอบรับเสียงกลองและเสียงแตรเด่ียวยามเย็นจากยามเฝ้าบ้านที่ กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปล้วนเป็นเสียงที่สร้างความเบิกบานใจเมื่อได้ฟัง หลัง จากท่ีสรรพส�ำเนียงแห่งป่าเป็นเพียงเสียงเดียวที่พวกเราได้ยินกันมาเน่ินนาน ความประทบั ใจอนั แจม่ ชดั ทส่ี ดุ ของขา้ พเจา้ ทม่ี ตี อ่ เมอื งนก้ี ย็ งั คงเปน็ เสยี งดนตรี ซ่ึงดงั ระรวั อยู่รอบหบุ เขาในตอน ๓ ท่มุ ขณะนบ้ี างคนเข้านอนบนเสอื่ ทวี่ างอยู่ นอกระเบียงอันร้อนระอุ และหลบั ไปตลอดค่�ำคืนที่มีเสยี ง แคน บรรเลงรวั เร็ว ขึ้นๆ ลงๆ เหมอื นผบู้ รรเลงก�ำลังมงุ่ หน้ากลบั บา้ น ในห้องโถงของท่ีท�ำการรัฐบาลที่พระพลัษฎาฯ สร้างข้ึนเม่ือเร็วๆ น้ีใน ช่วงเย็นมักจัดงานที่มีลักษณะแบบ “การปะทะคารมภาษา” หรือการต่อสู้ แข่งขันในเชิงชิงไหวชิงพริบและโต้ตอบกันอย่างแหลมคม เป็นการแข่งท่ีให้ อะไรๆ แกช่ าวเวสมนิ สเตอรส์ งู อายคุ นนอี้ ยา่ งทไ่ี มเ่ คยไดร้ มู้ ากอ่ น เรามวี งดนตรี เตม็ วงทป่ี ระกอบดว้ ย แคน หนึ่งคู่ ไวโอลินหนง่ึ คู่ และขล่ยุ เสียงสูง ๑ เลา เดก็ สาวจะน่งั กนั อยทู่ ีด่ ้านหน่ึงในชดุ ไหมที่งดงามประณีต ประดับดอกไมแ้ ละสวม ก�ำไลทองค�ำและต่างก็ก�ำลังเค้ียวหมากเพ่ือสร้างความม่ันใจให้กับตัวเอง ฝ่าย ผชู้ ายจะน่งั เรยี งกันอยู่อีกฟากหนึ่ง กำ� ลังสูบบหุ ร่เี พอื่ สงบสติอารมณ์ แล้วหญิง สาวออ่ นวยั คนหนง่ึ กจ็ ะเปน็ ผนู้ �ำเสนอหวั เรอื่ ง สว่ นแชมเปย้ี นซงึ่ อยทู่ างอกี ฟาก หน่ึงก็จะดำ� เนินการวา่ ปากเปล่าสดๆ ตามหัวข้อนน้ั อย่างสุดความสามารถของ เขา วงดนตรหี ยดุ การบรรเลงมเี พยี งเสยี ง แคน เลน่ คลอไปพรอ้ มๆ กบั เขาราวกบั วา่ เขากำ� ลงั รอ้ งเพลง ระดบั เสยี งแหลมสงู ขนึ้ จมกู เชน่ นค้ี งฟงั ไมไ่ พเราะนกั สำ� หรบั

258 บทท่ี ๑๐ หัวเมอื งลาว - แมน่ ำ�้ โขง (ตอนตอ่ ) ชาวตะวันตก แต่เน้อื หาสาระที่แสดงน้นั ปรากฏวา่ ไดร้ ับการชน่ื ชมซง่ึ ตัดสินได้ จากเสยี งหวั เราะและเสยี งปรบมอื โหร่ อ้ งตอ้ นรบั หลงั จากจบแตล่ ะทอ่ นนกั รอ้ ง จะจดุ บหุ รขี่ องเขาขน้ึ สบู ใหมห่ รอื ไมก่ เ็ คยี้ วหมากอกี สกั หนง่ึ คำ� ทำ� ทา่ ยว่ั เยา้ และ หยอกล้อไปรอบๆ ขณะท่ีวงดนตรีจะบรรเลงสอดขึ้นมารับอย่างถ่ีกระช้ัน ๒ ถึง ๔ เทีย่ ว ทุกๆ คนจะรว่ มสนุกสนานด้วยกนั ด้วยการปรบมือในแบบทีน่ ิยม ในมลายู และมกี ารเคาะโลหะดงั กรงุ๋ กรง๋ิ ผลของการแสดงนบ้ี างครงั้ กน็ า่ อศั จรรย์ ใจตรงท่รี ะดบั เสยี งโทนเดียวสามารถสะกดความน่าเบือ่ หน่ายมิใหเ้ กิดขึ้นได้ การประชนั ดนตรอี ีกแบบหน่งึ ก็เป็นที่นิยมด้วยเชน่ กัน ซ่งึ มกี ารบรรยาย เกยี่ วกบั เรอ่ื งนไี้ วอ้ ยา่ งละเอยี ดพสิ ดารในหนงั สอื ของเจา้ ชายเฮนร6ี รายงานเกยี่ ว กับหลวงพระบางของเขานน้ั ดีท่ีสดุ เทา่ ทข่ี ้าพเจ้าเคยไดอ้ า่ นมา มันเป็นรายงาน ท่ีปราศจากอาการรักชาติอย่างหน้ามืดตามัวและไม่มีจิตใจที่เป็นปฏิปักษ์ต่อ องั กฤษโลดแลน่ อยใู่ นรายงานนน้ั ขอ้ ผดิ พลาดเลก็ ๆ นอ้ ยๆ ในเรอ่ื งความสมั พนั ธ์ ระหว่างชาวสยามกับหลวงพระบางคงไม่มีความส�ำคัญเพียงพอที่จะท�ำลาย ทศั นียภาพอันทรงเสน่หอ์ ย่างแท้จรงิ ของเมอื งน้ลี งได้ อิทธิพลแห่งการว่าปากเปล่าเป็นการปลูกฝังท่ีมิได้สืบทอดกันอยู่ในหมู่ ชาวลาวเทา่ นนั้ หากแตเ่ ปน็ ชาวสยามดว้ ย เดก็ ชายทเ่ี ขม้ แขง็ ทลี่ ำ่� สนั ของขา้ พเจา้ ที่ช่ือแดงเป็นคนท่ีไม่ว่าจะนึกจะพูดอะไรก็จะเป็นโคลงเป็นกลอนไปเสียหมด เม่ือเราใกล้จะถึงบ้านในทุกๆ ครั้งของการเดินทางนั้น เขาก็มักจะน่ังตัวตรง คร่�ำครวญโคลงซึ่งไม่มีสัมผัสอันเป็นเรื่องเก่ียวกับการเดินทางของพวกเราออก มาได้อย่างน่าอัศจรรยท์ ีส่ ดุ ขณะที่เราใกล้ถงึ กรุงเทพฯ ความตน่ื เต้นของเขาก็ ย่ิงเพิ่มพูนข้ึนจนพวกเราไม่อาจทำ� ใหเ้ ขาหลับตาลงไดเ้ ลย ดว้ ยความทเ่ี ขาเองก็ มิได้มีความรู้ทางด้านดนตรีมาก่อนจึงต้องใช้ความพยายามอยู่บ้าง โดยท่ัวไป เขามกั จะเกรน่ิ ดว้ ยบทนำ� ทเ่ี ลา่ รายละเอยี ดถงึ คณุ ลกั ษณะของขา้ วของทกุ ชน้ิ ซง่ึ กินเวลารว่ มสองช่ัวโมง จากนัน้ จึงพรรณนาถึงเหตุการณท์ กุ ๆ เหตุการณท์ ่เี ขา จ�ำไดแ้ ละพรรณนาถึงเหตุการณใ์ นเดอื นท่สี ข่ี องการเดนิ ทาง ณ ที่ไหนสกั แหง่ ตอนใกลๆ้ พระอาทติ ยต์ กขณะทพ่ี วกเราเริม่ ต้นการเดินทาง 6 บรเิ วณรอบบริเวณตงั เก๋ยี และสยาม (Around Tonkin and Siam). ลอนดอน แชปแมน และฮอลล์ จ�ำกัด, พ.ศ. ๒๔๓๗ - ตน้ ฉบับ

หา้ ปใี นสยาม เลม่ ๑ 259 การเลน่ แคน ในหลวงพระบางไดร้ บั การปรบั ปรงุ และพัฒนารูปแบบมา อยา่ งมากมายจากหบี เพลงชกั ทีเ่ ลน่ กันในหมชู่ าวเขาเผ่า มูเซอ และชาวเขาเผ่า อน่ื ๆ ตามชายแดนจนี 7 เปน็ การสรา้ งเสยี งโดยปห่ี ลายอนั รวมกนั จงึ ทำ� ใหเ้ ครอื่ ง ดนตรีน้ีมีเสียงที่หวานแปลก ข้อบกพร่องเพียงประการเดียวของมันคงเป็นวง รอบของปี่จะมีขนาดเล็ก แคนของลาวที่ขนาดใหญ่กว่าน้ีก็มีปี่เพียง ๑๔ เลา เทา่ น้ัน ย่งิ เก่าแก่โบราณก็ย่งิ มีนอ้ ยลงไปอกี ปเี่ ลก็ ๆ เหล่าน้มี อี ยู่ ๒ เลาทเ่ี ปน็ เสยี งโนต้ ตวั เดยี วกนั และใชเ้ ลน่ เสยี งต่�ำซงึ่ ใหเ้ สยี งทด่ี มี ากเชน่ เดยี วกบั ในปส่ี กอ๊ ต ดว้ ยเหตนุ ้มี นั จึงมีความแตกตา่ งกนั เพยี ง ๑๓ ระดบั เสียง แม้วา่ จะเป็นแคนตวั ใหญ่ที่มีปี่ ๑๖ เลาอย่างท่ีข้าพเจ้ามีอยู่ก็มีระดับเสียงเพียงสองอ็อคเทฟ๑ เหนอื ทอ่ ไมเ้ ลก็ ๆ ทม่ี ชี อ่ งอากาศไวส้ ำ� หรบั ใหผ้ เู้ ลน่ เปา่ อากาศเขา้ จะมรี หู รอื ชอ่ ง ไวใ้ ห้อากาศลอดออกมาได้จากปแี่ ตล่ ะอนั จะไมเ่ กดิ เสียงใดๆ เมือ่ เป่าลมเขา้ ไป ในแคนเฉย ๆ จนกวา่ จะปดิ ชอ่ งอากาศออกเอาไว้ การสน่ั สะเทอื นของลน้ิ โลหะ เล็กๆ ในปี่จะเชื่อมโยงตัวมันสัมพันธ์กับปริมาณอากาศในท่อเสียงช่วงยาว ของป่ี และเสยี งดนตรจี ะเกดิ ขนึ้ ไมว่ า่ การสนั่ สะเทอื นจะทำ� ดว้ ยการปลอ่ ยใหล้ ม เขา้ ไปหรอื ปลอ่ ยใหล้ มออกมาจากทอ่ หรอื อกี นยั หนง่ึ กค็ อื ไมว่ า่ ผเู้ ลน่ จะเปา่ ลม เข้าหรือสูดลมออก วิธีน้ีจะช่วยในช่วงท่ีต้องหยุดพักหายใจที่ต้องท�ำอยู่เรื่อยๆ หรือในอีกแง่หน่ึงก็คือจ�ำเป็นต่อระบบหายใจเข้าออกของมนุษย์ ส่วนผลของ การเรง่ เสยี งใหด้ งั ขน้ึ โดยลำ� ดบั และการเลน่ เบาลงทลี ะนอ้ ยอยา่ งไพเราะนน้ั ทำ� ได้ จากการควบคมุ ลมหายใจท่ีเป่าผ่านทอ่ เสยี งชว่ งยาว โดยช่องเปิดในปจ่ี ะกว้าง ตง้ั แต่คร่ึงนว้ิ ถงึ หนง่ึ นวิ้ และมีท่อวางเรียงกนั สองทอ่ ตามปกติ ช่องเปิดนี้จะถูก เจาะไวท้ างด้านในจงึ มองไม่คอ่ ยจะเห็น ท่อเสยี งทเ่ี ลน่ โนต้ เสียงตำ�่ สดุ ใน แคน ตวั ใหญข่ องขา้ พเจา้ (คีย์ E ต่�ำ) ยาว ๓ ฟุต ๖ นวิ้ สว่ นเสยี งสงู สดุ ทอ่ จะยาว ๑๑ นวิ้ โดยทว่ั ไปมนั จะมขี นาดความยาวแตกตา่ งกนั ไป ดงั นน้ั เราจงึ มแี คนขนาด หกศอก (๑๐ ฟุต) ส่ีศอก (๖ ฟุต ๘ นิ้ว) และสองศอก (๓ ฟุต ๔ น้ิว) ซงึ่ นบั วา่ เปน็ ความยาวปกติ แตต่ วั แรกนนั้ จะเปน็ แคนทเ่ี ลน่ แลว้ เหนอื่ ยทส่ี ดุ และ 7 ภาคผนวก ๑๕ – ตน้ ฉบบั เสยี งคแู่ ปด – สวป. ๑ Octave ตามความหมายทางดนตรหี มายถงึ

260 บทที่ ๑๐ หวั เมอื งลาว - แม่นำ้� โขง (ตอนตอ่ ) หายากทส่ี ดุ แมว้ า่ มนั จะเลน่ เสยี งลกึ ไดเ้ หนอื กวา่ แคนตวั อนื่ ๆ แตค่ วามยาวของ มันทำ� ใหไ้ มส่ ะดวกนกั โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ส�ำหรบั ผ้เู ลน่ ทม่ี กั จะพกมันตดิ ตวั ไป ดว้ ยเสมอตลอดการเดนิ ทาง ทเ่ี หน็ มากทส่ี ดุ จะเปน็ แคน ขนาดสศี่ อกเพราะมนั มีความยาวท่ีเหมาะส�ำหรับการสะพายไว้ข้างหลังและมีเสียงไพเราะพอควร ตรงส่วนท่อซึ่งมักมีลวดลายสวยสดงดงามจากการน�ำท่อไม้ไผ่มาเผาไฟน้ันจะ ยึดติดตรงช่องอากาศไว้ด้วยข้ีผ้ึงซึ่งหุ้มไว้ส�ำหรับกันอากาศร่ัว เม่ือจะเปลี่ยนปี่ หรอื ซอ่ มแซมความเสยี หายกจ็ ะถอดขผ้ี งึ้ ออก คลายหวายทพ่ี นั ไว้ แลว้ จงึ ดงึ ทอ่ ไม้ไผ่อันสั้นที่ตอนปลายออกมาก่อน ล้ินของปี่มักจะเกิดอาการติดกัน ตาม ธรรมดาเมอ่ื ใชไ้ มร้ ะแนงไมไ้ ผเ่ พยี งไมก่ อี่ นั กจ็ ะดดี ใหม้ นั หลดุ จากกนั ได้ ปกตแิ ลว้ สว่ นมากจะใช้โลหะผสมทำ� ล้ินป่ี แต่ถา้ เป็นเงนิ จะดีกวา่ เพราะให้คณุ ภาพเสียง ท่ีดีและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยท่ัวไปโพรงอากาศจะท�ำจากไม้ที่เรียก กนั วา่ ไม้ ลกู ละมดุ หรอื ไมก่ เ็ ปน็ ไมเ้ นอื้ แขง็ ชนดิ อน่ื สว่ นละเอยี ดของงานอยตู่ รง ที่การท�ำให้มันกลวง การท�ำท่ีเป่าปากให้ได้รูปทรงด้วยการผ่าออกให้เป็นรอย ขนานกนั ใหไ้ ดข้ นาดพอดกี บั ทอ่ และการขดั ถเู สยี้ นไมก้ บั การประกอบจนสำ� เรจ็ จะเห็นว่า แคน เป็นเครื่องดนตรีที่ท�ำขึ้นอย่างประณีตบรรจงและให้เสียงท่ี ไพเราะทส่ี ดุ ในกระบวนเครอ่ื งดนตรขี องชาวอนิ โดจนี แตส่ ำ� หรบั ผหู้ ดั เลน่ ในครง้ั แรกกค็ งจะงงกบั การเทยี บเสยี ง อนั เนอ่ื งมาจากการไลเ่ ลยี งเสยี งดนตรที กี่ ำ� หนด ไวพ้ อเหมาะพอเจาะกบั การใชน้ ว้ิ ของทงั้ สองมอื เพอ่ื ทำ� ใหเ้ กดิ การเชอื่ มประสาน เสยี ง ซึ่งเลน่ โดยผ้เู ลน่ ชาวลาวน่ันเอง เครอ่ื งดนตรขี องชาวสยามดเู หมอื นจะท�ำขนึ้ เพอื่ การเลน่ ไลเ่ สยี ง ๕ ระดบั ประกอบดว้ ยตวั เลข ๑ , ๒ , ๓ , ๕ , และ ๖ จากระยะเสียงค่แู ปดตามระบบ เสียงดนตรีสากลท่ัวไป แต่ส�ำหรับ แคน แห่งเมืองหลวงพระบางน้ันท�ำขึ้นมา เพื่อเล่นดนตรีคู่แปดเต็มเสียงแบบดนตรีสากลของพวกเราพร้อมท้ังเล่นเสียง ไมเนอรโ์ ดยสามารถบรรเลงไดอ้ ย่างไพเราะไม่เพย้ี น สว่ นแคนปเ่ี ดย่ี วของเมอื ง นา่ นนนั้ บางทอี าจจะเนอ่ื งมาจากการปรบั ผอ่ นลมหายใจทท่ี ำ� ไดย้ ากยงิ่ จงึ ทำ� ให้ เสียงในช่วงที่หยุดพักหายใจฟังไม่ค่อยไพเราะเสนาะหูนัก อย่างไรก็ตามมัน

ห้าปใี นสยาม เลม่ ๑ 261 สามารถเล่นโนต้ ได้ครบ ๘ ตัว ซึ่งหมายความวา่ สามารถเลน่ เสียงดนตรคี แู่ ปด8 ได้ครบทุกเสียงแนๆ่ ผู้ชายทุกคนที่นีส่ ามารถเป่าแคนได้ สาวๆ ทกุ คนจงึ มักจะได้รับฟังการ บรรเลงเพลงรกั จากเสียงแคน เรอ่ื งการเลน่ ดนตรีแบบน้เี คยเป็นท่ีนิยมอยา่ งยิ่ง เฉพาะในหม่ชู นชนั้ สูงเทา่ นั้น แต่อาจกลา่ วไดว้ ่าหลังจากที่ไดม้ ี “การเลิกทาส” พวกเขาทง้ั ชายและหญงิ ทกุ คนในหลวงพระบางตา่ งกม็ คี วามเสมอภาคทดั เทยี ม กันทุกคน เชน่ เดยี วกบั ประชากรทอี่ ย่ลู ะแวกใกลเ้ คยี งกับเขา นายแม็คคาร์ธยี เ์ รยี กระบบการปกครองแบบใหม่วา่ “ลทั ธิรีพับลิคแบบ ละมุนละม่อม”๑ ซ่ึงมันก็ไม่ถูกต้องเท่าใดนักที่เจ้าชายเฮนรีจะทรงน�ำมันมา เปรียบเทยี บกับลทั ธหิ น่ึงของสาธารณรฐั กรีกโบราณ แมว้ า่ พวก เจ้า จะได้รับ การยกย่อง แตก่ ็ตอ้ งตกอยู่ภายใต้กำ� มอื ของ เสนา หรอื ท่ปี รึกษาของตน อีกทัง้ ตัวบทกฎหมายกอ็ ่อนมาก ทกุ ๆ คนสวมใส่กำ� ไลทองแทนทจ่ี ะเปน็ กำ� ไลเงินซึ่ง กเ็ หมอื นกบั เรอ่ื งงานทม่ี ไี วส้ ำ� หรบั ใหพ้ วก ขา่ หรอื ชาวเขาในทอ้ งถนิ่ ทำ� ไมม่ ที าง ทจี่ ะได้ยนิ เสียงตำ� ข้าวในตวั เมือง ขา้ วสารท่ีมเี ป็นข้าวทสี่ ั่งซือ้ เข้ามา การทอผา้ ไหมเป็นงานอาชีพของสตรีท่ียังคงท�ำสืบกันต่อมาเหมือนเช่นในอดีตแทนที่จะ สนใจในเรอื่ งการเมอื งหรอื การวาดภาพ สำ� หรบั ผชู้ ายแลว้ ชอบทจี่ ะตกปลาแทน การเล่นกอล์ฟหรือคริกเก็ต เช่นที่เคยพูดกันเป็นนัยๆ ว่าชนช้ันปกครองท่ีแท้ จรงิ คือพวกสภุ าพสตรี ในขณะทีพ่ วกขขี้ ลาดใชข้ ้ออ้างตา่ งๆ นานาในการหลบ หนีภยั สงครามเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๓๐ ต�ำรวจชาวลาวท่ีได้ท�ำการรับสมัครกันไปเม่ือเร็วๆ นี้มีภาระหน้าท่ีซ่ึง แสนสบายเป็นท่ีสุด พวกเขาจะแบ่งหน้าท่ีกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ชาวสยาม ๒ - ๒ คนซ่ึงมหี น้าที่คอยควบคมุ ดูแลอัคคภี ยั และพวกเขากท็ ำ� งาน ของตนได้อย่างเกง่ กลา้ สามารถเป็นอย่างย่ิง 8 ภาคผนวก ๑๕ – ต้นฉบับ ในสมยั หนง่ึ ลทั ธนิ นี้ ยิ มนบั ถอื ในความสนั โดษของอเมรกิ า ๑ mild republicanism เปน็ ลทั ธขิ องพรรครพี บั ลคิ ในสหรฐั อเมรกิ า ไมต่ อ้ งการใหป้ ระเทศเข้าไปมสี ่วนเก่ยี วข้องกับการเมืองในสว่ นอื่น ๆของโลก และสนับสนนุ ให้มภี าษีศลุ กากรสงู กลา่ วโดย ทวั่ ไปคอื ลัทธินี้สนับสนนุ นายทุนมากกวา่ กรรมกร แต่ปัจจบุ ันความคิดเชน่ นีไ้ ดพ้ ้นสมัยไปแลว้ – สวป.

262 บทที่ ๑๐ หวั เมอื งลาว - แมน่ ำ�้ โขง (ตอนตอ่ ) ท้งั ๆ ที่ วดั ต่างๆ ในเมอื งได้ถกู พวกฮอ่ เผาทำ� ลายจนเส่อื มสภาพ และ พวกฮอ่ กย็ งั ไดข้ ดุ คน้ เขา้ ไปในเจดยี ต์ า่ ง ๆ หรอื ไมก่ โ็ คน่ ลงมาเพอ่ื คน้ หาของมคี า่ แตต่ ลอดระยะทเ่ี ราเดนิ ทางมายงั คงมวี ดั สภาพดพี อสมควรหลงเหลอื ใหเ้ หน็ เปน็ จ�ำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงข้อแตกต่างจากรูปแบบของวัดลาวตะวันตกอยู่ ๒ - ๓ จดุ โดยสังเกตได้ตรงบริเวณทีไ่ มไ่ ด้เปน็ จดุ เดน่ ของตวั อาคาร รวมทงั้ ท่ี โคมไฟที่ใช้ประดบั ตกแต่งตรงก่งึ กลางของแนวหลังคา ซงึ่ ถ้าหากเป็นวัดในลาว ทางตะวนั ตกแลว้ ก็ยากทจี่ ะไมเ่ ห็นการตกแต่งตรงจดุ น้ี แม้จะดแู คก่ ารประดับ ตกแต่งภายนอกเพียงอย่างเดียวก็ท�ำให้บางคนรู้สึกคุ้นตากับโคมไฟบางโคม เหมือนทเ่ี ห็นอยใู่ นห้องประชมุ ของวิทยาลัยท่ีองั กฤษ บรเิ วณก�ำแพงใชก้ ารกอ่ อฐิ ฉาบปนู เปน็ สว่ นใหญ่ มกี ารตกแตง่ ทหี่ นา้ มขุ แตเ่ พยี งเลก็ นอ้ ย และทำ� ลดหลน่ั กันเป็น ๒ ชัน้ มนั จึงมผี ลตอ่ โครงสร้างโดยรวมนอ้ ยกว่าหน้ามุขหลายๆ แหง่ ที่ เราเคยเหน็ ผา่ นตามาแลว้ บรเิ วณวดั จะลอ้ มรอบดว้ ยกำ� แพงแทนทจ่ี ะเปน็ รว้ั ไม้ สกั ดงั นนั้ ทางเขา้ จงึ มกั จะตอ้ งผา่ นเขา้ ไปทางประตู ภายในมี วหิ าร จ�ำนวนมาก รายล้อมรอบ โบสถ์ อันงดงามซง่ึ มรี ูปทรงกะทัดรดั แข็งแรงมีหลังคาอิฐโคง้ เป็น ทรงสงู โบสถเ์ หล่าน้ีมักจะมีขนาดกวา้ งไม่เกิน ๑๔ ฟตุ สงู ประมาณ ๗ ใน ๘ ส่วนของความกว้างซึ่งส่งผลให้มันมีสัดส่วนรูปทรงกะทัดรัดน่ารักอย่างท่ีเห็น ทางเข้าโบสถ์จะอยู่ท่มี ุมโบสถ์ ส่วนบรเิ วณดา้ นในสดุ จะมพี ระพทุ ธรูปขององค์ พระพุทธเจ้าประทับน่ังอยู่อย่างสงบ ท่ีเชิงซ้ายของส่วนหลังคาทุกหนแห่งจะ นิยมประดบั รูปหัวงูไว้ตรงสว่ นปลายสดุ และมีโคมไฟเลก็ ๆ๑ อยตู่ รงกลาง ส่วน หลังคาที่โค้งงอนเหมือนกับหลังคาจีนนั้นมองดูไม่ค่อยเข้ากันนัก มีการท�ำไม้ คานขวางไวค้ อยรองรบั โครงสรา้ งสว่ นทมี่ นี ำ�้ หนกั ไว้ สว่ นดา้ นบนทเ่ี ปน็ งานไมก้ ็ จะทำ� ไมฉ้ ากไวค้ อยรบั นำ้� หนกั เชน่ กนั ถา้ เปน็ งานปนู จงึ จะสรา้ งฐานดว้ ยงานกอ่ อิฐ ดังเชน่ ตัวอยา่ งท่ปี ระตูของวัดหลวงพระบาง รูปทรงโค้งท�ำข้นึ เพียงเพ่อื ใช้ สำ� หรบั การตกแต่ง แสดงวา่ จะตอ้ งเป็นการตกแตง่ ทไ่ี มป่ รกตนิ กั ส่วนน�้ำหนกั ของอาคารช่วงบนทัง้ หมดจะได้รบั การรองรบั ไวด้ ้วยคานขวางหลายๆ ชนิ้ ดงั ท่ี ๑ ต้นฉบับใช้ว่า Lantern แตน่ า่ จะหมายถึงสว่ นท่ีเรยี กวา่ หางหงส์ ซึง่ มักจะนยิ มประดบั ไว้ตรงกึ่งกลางบนหลงั คาโบสถข์ องวัด ทางภาคเหนอื – สวป.

ห้าปีในสยาม เลม่ ๑ 263 เห็นอยดู่ ้านใน ข้อเท็จจริงนค้ี ือสาเหตุสำ� คัญประการหนง่ึ ของความเส่ือมโทรม ผพุ ังอยา่ งรวดเรว็ ของบรรดาสิง่ ก่อสรา้ งท้งั หลายในอนิ โดจีน สัญญาณแรกทบ่ี ่ง บอกถงึ อายขุ ยั มกั จะฟอ้ งตวั เองออกมาทตี่ รงชน้ิ ไมค้ านทด่ี ซี อ้ นไขวก้ นั ไวเ้ นอื่ งจาก มนั มอี ายกุ ารใชง้ านทสี่ นั้ และเปน็ วสั ดซุ งึ่ หยอ่ นสมรรถภาพเมอ่ื ใชก้ บั โครงสรา้ ง รปู โคง้ ในจำ� นวนวดั วาอารามมากมายทถ่ี กู ทำ� ลายและ “ไมไ่ ดร้ บั การซอ่ มแซม” จนกระท่ังผุพังเส่ือมสภาพไปนั้นยังคงมีงานชิ้นไม้สลักฝีมือดีและงานระบาย สนี ำ้� หลงเหลอื อยบู่ า้ ง พอ ๆ กบั พวกงานฝมี อื ทล่ี งรกั ปดิ ทอง งานเหลา่ นนั้ คงจะ เปน็ ที่คนุ้ ตาแกผ่ ทู้ เ่ี ดนิ ทางอยใู่ นสยามมาบา้ งแล้ว วิหารท่ีหลวงพระบาง

264 บทท่ี ๑๐ หวั เมืองลาว - แมน่ ำ�้ โขง (ตอนต่อ) ระหวา่ งทพี่ วกเราพกั อยใู่ นเมอื งเราไดร้ บั การรบั รองในตกึ ทใ่ี ชเ้ ปน็ โรงเรยี น และเป็นตึกท่ีท่านข้าหลวงเพิ่งสร้างเสร็จเม่ือเร็วๆ น้ี ส�ำหรับนายแม็คคาร์ธีย์ เจ้ากรมส�ำรวจเส้นทาง๑ กับคณะส�ำรวจของเขาก็เคยได้มาใช้ตึกนี้เป็นท่ีพ�ำนัก ในช่วงระหวา่ งฝนตกดว้ ยเชน่ กัน พวกเราไดร้ ับรูจ้ ากท้งั ชาวลาวและชาวสยาม ในเรื่องราวหลายเร่ืองเก่ียวกับพละก�ำลังอันมหาศาลของเขาและการท่ีเขาไม่ ย่หี ระต่ออปุ สรรคต่างๆ ขา้ พเจา้ เองพอจะมีรายงานในระยะแรกๆ ของเขาอยู่ บ้าง ซง่ึ รายงานการสำ� รวจเหลา่ นนั้ ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ทสี่ รา้ งความพงึ พอใจไดเ้ สมอมา ตลอดการเดนิ ทางของพวกเรา พวกทช่ี อบตงั้ ตนเปน็ ผวู้ พิ ากษว์ จิ ารณท์ รี่ งั แตจ่ ะ ท�ำให้งานของเขายากล�ำบากย่ิงขึ้นกว่าท่ีเป็นอยู่ตามปกติเป็นพวกท่ีไม่มีความ เขา้ ใจในหลกั ของการตดั สนิ ใจและไมไ่ ดม้ คี วามเขา้ ใจถอ่ งแทต้ อ่ งานทไี่ ดด้ �ำเนนิ การมาแลว้ ไมไ่ ดเ้ ขา้ ใจตอ่ ความยากลำ� บากของการคมนาคม การสรรหาเสบยี ง อาหารและการติดต่อส่ือสารในประเทศเช่นนั้น หรือต่อความทุกข์ทรมานอัน แสนสาหัสที่จ�ำต้องรับมือกับมันให้ได้ ที่ต้องระลึกไว้ก็คืองานนี้ส�ำเร็จลงได้ ทั้งสิน้ ดว้ ยความชว่ ยเหลือจากบุรุษผู้มปี ระสบการณ์ทา่ นหนงึ่ ช่ือมิสเตอร์สไมล์ (Smiles) และจากทีมผู้ร่วมงานเด็กหนุ่มชาวสยามท่ีเขาฝึกมาเองกับมือ เป็น กลมุ่ คนทยี่ ดึ ถอื ในกฎเกณฑท์ วี่ า่ ไมเ่ คยมผี ลงานใดทมี่ คี วามถกู ตอ้ งแมน่ ยำ� หรอื ใชค้ วามมานะพยายามอนั ยาวนานมากอ่ น พวกเขาจงึ ตอ้ งสรา้ งสรรคผ์ ลงานอนั วเิ ศษเชน่ นด้ี ว้ ยการส�ำรวจ โดยทำ� การสำ� รวจเสน้ ทางไปตามทางทย่ี อ้ นกลบั และ ตามเส้นทางเดิม ดังนั้นเรื่องความเท่ียงตรงแม่นย�ำจึงเป็นความจ�ำเป็นอันดับ แรก การส�ำรวจรังวัดรูปสามเหล่ียมของชาวอินเดียท่ีมีขอบข่ายเชื่อมต่อกับ เชียงใหม่ หลวงพระบางและหนองคายจงึ เปน็ การสำ� รวจเรอื่ งพนื้ ผิวของขนาด พนื้ ทก่ี วา้ งใหญม่ ากกวา่ เรอ่ื งความสลบั ซบั ซอ้ นของธรรมชาติ โดยสำ� รวจไปตาม แนวพรมแดนทางภาคเหนอื ของสยาม รงั วดั รปู สามเหลย่ี มทกี่ รงุ เทพฯไดข้ ยาย ตัวออกไปตามแนวชายฝั่งทะเล และต�ำแหนง่ ต่างๆ กว่า ๑๒๐ ต�ำแหนง่ กไ็ ดถ้ ูก ๑ James F. McCarthy หรอื พระวิภาคภูวดล เข้ามารับราชการในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หวั และมี บทบาทส�ำคญั ในการสำ� รวจและบุกเบิกเรือ่ งการทำ� แผนทีข่ องไทย มผี ลงานทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ งานราชการของสยามเปน็ อย่างมาก รชั กาลท่๕ี จงึ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนากรมแผนท่ขี ้ึนใน พ.ศ.๒๔๒๘ โดยมีนายแม็คคารธ์ ียเ์ ปน็ เจ้ากรมคนแรก – สวป.

หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 265 ก�ำหนดไว้โดยการส�ำรวจดวงดาวเพ่ือหาเส้นละติจูดหรือหาทิศทางของดาว โดยวัดจากบนพื้นโลก หรอื ไมก่ ็เป็นการส�ำรวจโดยดูจากเวลาและเสน้ ละตจิ ูด เปน็ ทน่ี า่ พงึ พอใจเมอ่ื ไดท้ ราบวา่ คณุ ภาพของงานชนิ้ นไ้ี ดร้ บั ความชน่ื ชม จากผู้รับผดิ ชอบซึง่ เตม็ เปยี่ มดว้ ยประสบการณอ์ ย่างพนั เอกว้ดู ธอรป์ ด้วย นอกจากเรื่องการส�ำรวจนี้แล้ว ยังมีผลส�ำเร็จอีกประการหน่ึงอยู่ในใจ ของข้าพเจ้าอันเป็นคุณค่าท่ีไม่มีใครเคยบอกกล่าวแก่ชาวสยาม มันเป็นส่ิงที่ พสิ จู นไ์ ดว้ า่ ชาวสยามนนั้ สามารถทำ� งานทมี่ คี วามรอบคอบและเทยี่ งตรงแมน่ ยำ� ไดใ้ นขณะทต่ี อ้ งอดทนตอ่ สภาพอนั ยากลำ� บากทกุ ขท์ รมานอยา่ งไมม่ อี ะไรเปรยี บ หากกลา่ วในแง่ของงานทไี่ ดจ้ ากประสบการณ์โดยทั่วๆ ไป แลว้ คงไมม่ ผี ลงาน อนั ใดทจ่ี ะมคี ุณคา่ มากไปกว่าน้ี การจับปลานับเป็นเสน่หอ์ ย่างหน่งึ ของเมอื งหลวงพระบาง ซง่ึ แมว้ า่ จะ ท�ำโดยแค่ใช้ร่างแหขนาดเล็กๆ ทอดบนผิวน�้ำ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นความต่ืนเต้น อย่างหนงึ่ เรือทใี่ ช้เป็นเรือพายลำ� เล็กรูปทรงแหลมตรงโดยมีชาย ๒ คนน่งั อยู่ที่ หัวเรอื และท้ายเรอื พวกเขาจะปล่อยเรอื ให้ลอ่ งไปตามกระแสนำ�้ โดยเหวย่ี งแห ออกไปนอกเรือ ขณะท่ีก�ำลังรวบปลายเชือกทั้งด้านหัวและด้านหางรวมเข้าไว้ ในมือเพียงขา้ งเดียว พวกเขากจ็ ะพายเรืออย่างนมุ่ นวลไปพรอ้ มๆ กบั เรือลำ� อน่ื ดว้ ย เทา้ ขา้ งหนงึ่ จะคอยชว่ ยประคองหวั เรอื ใหห้ นั ไปในทศิ ทางทตี่ อ้ งการ รา่ งแห นนั้ จมน�้ำไดล้ กึ ๓๐ ฟาทอม กบั มดี า้ นกวา้ ง ๒ ดา้ น และบางครง้ั ท่ตี ้องการให้ มันลอยที่ความลกึ ๑ ฟาทอมก็จะใช้นำ�้ เตา้ เป็นทุ่นและถ่วงให้จมโดยใชห้ นิ ปลาเลิม เป็นปลาที่มีให้จับอย่างชุกชุมในเดือนมีนาคม เมษายน และ พฤษภาคม ปลานเี้ ปน็ ทรี่ จู้ กั กนั ในแมน่ ำ้� เจา้ พระยาดว้ ยเชน่ กนั แตท่ น่ี จี่ ะมขี นาด โตกวา่ เฉลีย่ แลว้ ตัวหน่ึงมนี ำ�้ หนกั ราว ๗๐ ปอนด์ ขา้ พเจา้ ไมเ่ คยได้เหน็ ปลาซ่ึงเป็นท่ีเลื่องลือชอื่ ปลาบึก เพราะมันจะ วา่ ยทวนน้�ำขน้ึ มาวางไข่เดือนมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม ไข่ของมันมีค่า สงู มาก นายแมค็ คาธยี เ์ คยวดั ขนาดปลาบกึ ตวั หนงึ่ ทเี่ ขาชว่ ยทำ� การจบั มาได้ มนั มีความยาวถงึ ๗ ฟตุ รอบล�ำตวั ขนาด ๔ ฟุต ๒ นิ้ว และมนี ้�ำหนกั ๑๓๐ ปอนด์

266 บทท่ี ๑๐ หัวเมืองลาว - แม่นำ้� โขง (ตอนต่อ) ทต่ี รงข้ามกับ ปลาเลมิ ก็คอื มนั จะไมม่ ีทัง้ เกล็ดและฟนั ท้ังยังเปน็ ปลาประเภท ทม่ี รี าคาถึง ๑๐ รปู ี มันจะลอยตัวข้นึ มาหลงั จากฝนตก แตจ่ ะยังไมม่ กี ารจับมนั ตอนท่ีมันเดินทางตำ่� ลงมามากกว่านี้ ชาวลาวกล่าวว่ามันแพรพ่ นั ธุ์อย่ใู นหนอง นำ�้ ลกึ เหนอื เมอื งหนองคาย สว่ นเมอรส์ เิ ออรป์ าวเี ชอื่ วา่ มนั มาจากทะเล แตแ่ มว้ า่ เหมอื นมนั จะเปน็ ทรี่ จู้ กั กนั เปน็ อยา่ งดใี นเมอื งจำ� ปาศกั ดแ์ิ ตข่ า้ พเจา้ กไ็ มเ่ คยไดย้ นิ เรอื่ งเก่ียวกบั ปลาบกึ ในพ้ืนทต่ี อนล่างมากอ่ น หรือไม่ว่าจะเป็นเร่ืองทมี่ นั เปน็ ท่ี รูจ้ ักในทะเลสาบขนาดใหญข่ องกมั พูชากต็ าม แตส่ รปุ โดยรวมแลว้ ท่อี ยปู่ ระจ�ำ ของมันจะอยรู่ ะหวา่ งเส้นขนานท่ี ๑๔ และ ๒๐ ขอ้ เสยี อนั ใหญห่ ลวงของบรเิ วณทรี่ าบลมุ่ แมน่ �้ำโขง และโดยเฉพาะทเี่ มอื ง หลวงพระบางนัน้ ก็คอื โรคภัยไข้เจ็บที่ระบาดอย่างรุนแรง ซึง่ เกอื บทง้ั หมดแพร่ เช้ือมาจากพวกคนต่างถ่ินซ่ึงอาศัยอยู่ตามเขตชายแดนมาช้านาน โรคระบาด เหล่านค้ี ร่าชวี ติ ชาวพื้นเมอื งไปทกุ ๆ ปีเป็นจำ� นวนมากมายเหลอื คณานับ จ�ำนวนของชาวสยามที่ล้มตายลงจากการเจ็บไข้แต่เพียงอย่างเดียวใน ระหว่างท�ำการปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกิจปราบปรามพวกโจรฮ่อนั้นมีจ�ำนวนที่น่า ใจหาย แตเ่ พยี งแคย่ าควินนิ จำ� นวนมหาศาลได้ถกู สง่ มาถึงการลม้ ตายกเ็ หมือน จะยตุ ิลงได้ คณุ สมบัติอันเล่ืองลือของยามหศั จรรย์นจ้ี งึ ทำ� ให้มนั เป็นที่ตอ้ งการ อย่างย่ิง ระหว่างที่เราแวะไปท่ีน่ันได้มีการสั่งซื้อยาอย่างสม�่ำเสมอเพื่อน�ำไป จำ� หนา่ ยตามรา้ นคา้ ในตลาด คณะของเราก็ต้องตกระก�ำล�ำบากร่วมไปในชะตากรรมของโรคระบาด นนั้ ดว้ ยถงึ แมว้ า่ พวกเราจะอยใู่ นทร่ี าบลมุ่ นนั้ ในตอนชว่ งเวลาทดี่ ที สี่ ดุ ของปกี ต็ าม และบางทีเรือของเรากต็ อ้ งมีสภาพเหมือนเปน็ โรงพยาบาล มเี พียงชาย ๒ คน ขา้ งกายเท่านัน้ ทเ่ี อาตวั รอดมาได้ ไข้ทีพ่ บโดยทว่ั ไปจะอยู่ในจำ� พวกไขท้ ่ีจับเป็น พกั ๆ และอนั ตรายมากเมื่อต้องท�ำการบำ� บัดคนไข้ให้ทันเวลาและพยาบาลคน เจบ็ ดว้ ยความระมดั ระวงั จะมอี ยเู่ พยี ง ๒ กรณซี งึ่ นา่ เปน็ หว่ ง นนั่ กค็ อื ความรอ้ น จะขน้ึ สงู ถงึ ๑๐๕ องศาซ่ึงอย่ใู นระดบั ท่สี งู ผดิ ปกติ จากน้ันใบหนา้ และดวงตา ของผู้ป่วยจะเร่ิมเจือสีเหลืองเร่ือๆ ทางเดียวที่มักจะช่วยผู้ป่วยเอาไว้ได้ก็คือ

ห้าปใี นสยาม เล่ม ๑ 267 จัดการให้ผู้ป่วยระบายหรืออาเจียนออกมาอย่างรุนแรง ซ่ึงจะช่วยท�ำให้ความ รอ้ นลดลงและจะสามารถทำ� ใหไ้ ขท้ เุ ลาลงไดท้ นั ที หากไมท่ ำ� ดงั นโ้ี ดยทวั่ ไปแลว้ ผ้ปู ่วยจะตายภายใน ๔๘ ช่วั โมง หลังจากจบั ไข้ด้วยอาการไข้ทร่ี ุมเรา้ อยา่ งหนัก หน่วงรุนแรงย่ิงกว่าเดิม เป็นเร่ืองน่าสังเวชใจทุกคร้ังเม่ือได้เห็นชาวพื้นเมือง อินโดจีนล้มเจ็บเมื่อถูกคุกคามด้วยไข้ระบาดน้ีในระหว่างการเดินทาง และใน ตอนนน้ั บางคนกจ็ ะตอ้ งกลายเปน็ คนเดนิ แจกยาและพรอ้ มเสมอในทกุ สถานการณ์ ฉกุ เฉนิ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการท่ีต้องนั่งถ่างตาอยู่ในตอนกลางคืนกับคนป่วย เหลา่ นใี้ นยามทพี่ วกเขาเพอ้ ออกมานน้ั จะรบกวนขนาดไหน สว่ นมติ รสหายของ พวกเขาก็ล้วนแต่เหนื่อยล้าหลังจากรับภาระงานอันหนักหนาสาหัสแทนพวก เขามาท้งั วัน แต่บางทีใครกต็ ามทีเ่ จบ็ ป่วยก็คงจะได้เรยี นรู้ว่าความกตญั ญูรู้คณุ น้นั เป็นเช่นไร อาการไข้สะบัดรอ้ นสะบัดหนาวแบบนแี้ ม้ว่าจะทำ� ให้ร่างกายออ่ นเพลยี แต่ก็จะไม่ท�ำอันตรายหากว่าไม่ได้เป็นติดต่อกันเป็นช่วงนานๆ และมีอาการ แทรกซ้อนภายใน โดยปกติผลที่เกิดตามมาคือจะมีอาการเลือดคั่งในตับและ มา้ ม และอาการเจบ็ ปวดดว้ ยพษิ ไขจ้ บั สนั่ ผสมผสานกบั อาการอาหารไมย่ อ่ ยจะ ทำ� ใหผ้ ปู้ ว่ ยมอี าการซมึ เศรา้ และกอ่ ความร�ำคาญใหพ้ รรคพวกทเ่ี ดนิ ทางมาดว้ ย กัน โรคบดิ และโรคตาอักเสบเป็นโรคอีก ๒ ชนดิ ทม่ี กั จะไดร้ บั การรอ้ งขอยา ไปรักษามากที่สุดในประเทศลาว ด้วยวิธีการบ�ำบัดรักษาบิดแบบพ้ืนบ้านตาม ท่เี คยทำ� มาท�ำให้มนั เกือบจะกลายเป็นโรคท่เี ป็นแล้วตายแน่นอน ชาวยโุ รปมกั จะถูกตามตวั มาก็เมอื่ สายเกนิ ไปแล้ว สำ� หรบั ใจของขา้ พเจา้ แลว้ คดิ วา่ การใชย้ าควนิ นิ กบั การรกั ษามาลาเรยี ใน ภูมภิ าคแถบน้ีมักจะใชใ้ นอัตราทส่ี ูงมากเกินไป ประชาชนคดิ วา่ เขาเพยี งแตก่ ิน ยา ๕ เมด็ ทกุ เชา้ 9 และเพม่ิ เปน็ ๑๕ จนถงึ ๓๐ เมด็ หรอื มากกวา่ นนั้ เมอื่ มี “อาการ 9 เมอรส์ เิ ออร์ ปาวี บอกขา้ พเจ้าวา่ เขาทำ� เช่นนเี้ ปน็ ประจำ� – ตน้ ฉบับ

268 บทท่ี ๑๐ หัวเมอื งลาว - แมน่ ำ�้ โขง (ตอนต่อ) ไม่ค่อยด”ี จงึ จะเป็นการตา้ นโรคภัยไข้เจ็บไวไ่ ด้ ในเม่ือพวกเขาตอ้ งการจะหลกี หนีจากพิษร้ายของไข้มาเลเรียอย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ต้องรับเอาพิษร้ายของ ยาควินินเข้ามาท�ำลายระบบย่อยอาหารของพวกเขาไปด้วย หากพิษไข้ได้เข้า ครอบงำ� พวกเขามาไดแ้ มส้ กั ครงั้ หนง่ึ ประสทิ ธภิ าพของควนิ นิ ในรา่ งกายพวกเขา ก็แทบจะไมเ่ หลอื อยู่อีกแลว้ ยงิ่ ไปกวา่ นน้ั การเดนิ ทางไกลในทซ่ี ง่ึ การคมนาคมสดุ แสนจะยากลำ� บาก จงึ ทำ� ใหไ้ มส่ ามารถขนสง่ ยาควนิ นิ ไปไดใ้ นปรมิ าณทมี่ ากเพยี งพอทจี่ ะนำ� ไปแจก จา่ ยรายวนั เปน็ ประจำ� ใหแ้ กค่ นบางคนหรอื คนของใครกต็ าม พอๆ กบั ทตี่ อ้ งตอบ สนองตอ่ ความตอ้ งการของพวกทตี่ อ้ งนำ� ยามาแจกจา่ ยแกก่ ลมุ่ นกั เดนิ ทางซงึ่ พวก นม้ี คี วามจำ� เปน็ ตอ้ งใชย้ าสงู มาก หนทางเดยี วทพี่ อทำ� ไดน้ า่ จะเปน็ การตดั สนิ ทจี่ ะ เมนิ เฉยตอ่ พวกนกั เดนิ ทางทยี่ งั หนมุ่ แนน่ และปฏเิ สธทจี่ ะใหค้ วามชว่ ยเหลอื แก่ พวกชาวบา้ น ขา้ พเจา้ เคยเจอคนเพยี งคนเดยี วเทา่ นนั้ ทกี่ ลา้ รบั รองวา่ มนั เปน็ วธิ ที ่ี ดี เขากค็ อื มชิ ชนั นารนี กิ ายโปรเตสแตนต์ วิธีการจ่ายยาในตอนเช้าเฉพาะยามเม่ืออยู่ในสถานที่อันเลวร้าย เม่ือ คนในคณะเกดิ มอี าการความรอ้ นในรา่ งกายขนึ้ สงู อยา่ งเฉยี บพลนั หรอื เมอ่ื บาง คนมีอาการร่อแร่หรือซีดเซียวอย่างน้อยที่สุดจะต้องให้ยาแก่เขา ๒ เม็ด และ คอยดใู ห้เขากลืนมนั ลงไปทันที การใช้ชีวิตอยู่ในหลวงพระบางของพวกเราน้ันเรียกได้ว่าเลวร้ายแสน สาหัส เพราะเมอ่ื มานง่ั นกึ ถงึ เวลาทตี่ ้องสูญเสียไปแล้ว พวกเราทุกคนจงึ กนิ กัน แตข่ ้าวปั้นและ ขนม ต้งั แต่เช้าจรดเย็น ซึง่ กย็ งั ดีทม่ี ใี ห้กินพอเพยี ง แต่หากว่า จะเปลยี่ นอาหารการกนิ อยา่ งปบุ ปบั กต็ อ้ งจา่ ยเงนิ ซงึ่ บางทจี า่ ยแคห่ า้ ในยส่ี บิ ก็ พอแลว้ สำ� หรับจะซื้ออะไรสักอยา่ ง การคา้ ขายไมใ่ ชส่ งิ่ สลกั สำ� คญั สำ� หรบั ทนี่ ่ี สนิ คา้ ทนี่ ำ� เขา้ มาประกอบดว้ ย ฝิน่ จากเชยี งตุงและยูนาน ผา้ ทอชน้ิ ทั่วๆ ไป เส้นดา้ ยทำ� จากฝ้าย ด้าย นำ�้ ตาล ทราย นำ�้ มนั ก๊าด และชาปรมิ าณเลก็ นอ้ ยจากกรงุ เทพฯ เส้ือผา้ ทอจากขนแกะ สียอ้ มผ้า ด้ายทอง เขม็ และกลอ่ งใส่หมากจากเชยี งใหม่จำ� นวนเลก็ น้อยเชน่ กนั เกือบทงั้ หมดเปน็ สนิ คา้ ขององั กฤษ

หา้ ปีในสยาม เลม่ ๑ 269 รองกงสลุ ฝรงั่ เศส๑ ผไู้ มไ่ ดม้ สี าสน์ ตราตงั้ ใด ๆ หากยงั คงเปดิ รา้ นคา้ นำ� เขา้ ตกุ๊ ตาตา่ งๆ ผา้ ตว่ น น้�ำหอม ธงสามสี และสนิ คา้ ทม่ี ปี ระโยชนช์ นดิ อน่ื ๆ ใน ชว่ั เวลา ๒ เดอื น สนิ คา้ มมี ลู คา่ เกอื บ ๒๐,๐๐๐ ฟรงั กไ์ ดน้ ำ� เขา้ มาผา่ นทางแมน่ ำ้� ดำ� (Black River) น้�ำเหนือและน�้ำอูเส้นท่ีมาจากทางตังเกย๋ี โดยมสี นิ คา้ บาง ส่วนสูญหายไปบ้างจากกระแสน�้ำเช่ียวในน�้ำอู คลังสินค้ามีการกักตุนสินค้าได้ อยา่ งดเี ยย่ี ม นอกจากธงสามสแี ละเหรยี ญทป่ี ระทบั ตราวา่ “Syndicat Français du Laos, comptoirs Luang Prabang, Houtène, Bassac, Kieng-Hong”1 (“สหพนั ธก์ ารคา้ ฝรง่ั เศสประจำ� ประเทศลาว ดา่ นเกบ็ คา่ ธรรมเนยี มประจำ� หลวง พระบาง ท่าอเุ ทน จำ� ปาศักดิ์ เชียงฮงุ้ ”) อนั เป็นสินค้าทจี่ ะนำ� เสนอแกแ่ ขกผมู้ า แวะชมแลว้ สนิ คา้ อน่ื ๆ กด็ เู หมอื นจะลา้ สมยั ไปแลว้ ในทา่ มกลางสนิ คา้ มากมาย นน้ั ขา้ พเจา้ ไดซ้ อ้ื ของกำ� นลั บางอยา่ งใหก้ บั คนของขา้ พเจา้ ดอกไมท้ ท่ี ำ� ดว้ ยขน สัตว์แทนท่ีจะเป็น ผา้ หรือไม่กเ็ ป็นเสอื้ คลมุ ส�ำหรับใสใ่ นโอกาสพิเศษสดุ พวก เขาเสนอความเห็นว่าพวกเขาค่อนข้างจะชอบงานที่ท�ำโดยชาวลาวมากกว่า เพราะของพวกนี้ไมค่ อ่ ยทนและซกั ล้างไมไ่ ด้ รสนิยมทางศิลปะของสินคา้ เหลา่ น้ีมุ่งเน้นแต่ในเร่ืองสีสัน กล่าวโดยสรุปก็คือ พวกเขาปฏิเสธสินค้าเหล่านั้นใน ทกุ ๆ กรณี ดงั นนั้ ขา้ พเจา้ จงึ มไิ ดแ้ ปลกใจเมอื่ พบวา่ มสี นิ คา้ เหลอื อยใู่ นโกดงั เปน็ จำ� นวนมาก สว่ นชาวลาวกช็ อบฝา้ ยเนอื้ หยาบ และเครอื่ งใชท้ ท่ี �ำจากผา้ ไหมของ พวกเขาเองมากกวา่ ซง่ึ เปน็ ผา้ ทส่ี วมใสก่ นั มาชา้ นานแลว้ กไ็ มข่ าดงา่ ย ชาวเมอื ง หลวงพระบางสวมใส่ผ้าไหมกันเกือบทุกคน ในขณะเดียวกันก็มีการเลี้ยงตัว หนอนไหมกันอย่างกว้างขวาง และเน้ือผ้าของผ้าทอไหมน้ันก็มีความทนทาน อายุการใช้งานยาวนานเหมือนผ้าฝ้ายหลายๆ ชนิด รสนิยมที่ปรากฏในเร่ือง ความสามารถของการให้สีผ้าดูเหมือนล�้ำหน้าจากยุคสมัยขณะนี้ไปสัก ๒๐ ปี หากวา่ ไดม้ กี ารสงั่ ซอื้ สนิ คา้ ราคาถกู จากยโุ รปเขา้ มาเปน็ จำ� นวนมากๆ ปรกตแิ ลว้ สว่ นใหญก่ ระโปรงของผ้หู ญิง๒ จะเปน็ ลายขวางสีขาว เหลอื ง แดง บนพื้นสดี ำ� ๑ เมอร์สเิ ออร์มาสซี (Monsieur Massie) เภสัชกรใหญแ่ ห่งกองทหารเรือฝร่งั เศส ได้รับแตง่ ตั้งใหไ้ ปดำ� รงตำ� แหน่งรองกงสุล ฝร่ังเศสประจ�ำหลวงพระบางแทนเมอร์สเิ ออร์ลูแก็ง (Monsieur Lugan) ใน พ.ศ. ๒๔๓๒ (ค.ศ.๑๘๘๙) – สวป. 1 การเตมิ คำ� ว่า เชยี งของ (เชียงฮงุ้ ) เขา้ ไปด้วยในตอนนั้นเป็นตัวชี้บอกท่ีน่าสนใจถึงความมักใหญ่ใฝส่ งู ของฝรง่ั เศสในขณะนนั้ ๒ – ต้นฉบบั Women’s petticoats นา่ จะหมายถงึ ผา้ ซนิ่ ตวั สน้ั ๆ ซง่ึ สภุ าพสตรลี าวจะนยิ มนงุ่ เปน็ ประจำ� จนกระทงั่ ปจั จบุ นั ตน้ ฉบบั ใชว้ า่ – สวป.

270 บทที่ ๑๐ หวั เมอื งลาว - แม่นำ้� โขง (ตอนต่อ) สว่ น ผา้ นงุ่ ของผชู้ ายจะเปน็ ลายตาหมากรกุ สเี ดยี วกนั แตเ่ ปน็ แบบเรยี บๆ กวา่ ที่ เห็นในเมืองน่าน เครื่องประดับปักเงินปักทองเป็นของตกแต่งท่ีพวกเขาน�ำมา ประดบั กนั อยา่ งหรหู รา สนิ คา้ สง่ ออกทแี่ มจ้ ะไมเ่ คยมจี ำ� นวนมากกวา่ สนิ คา้ นำ� เขา้ แตก่ ด็ นู า่ สนใจ กวา่ มาก สนิ คา้ ทส่ี ำ� คญั ๆ ไดแ้ ก่ ยางกำ� ยาน และไหม ซงึ่ แตล่ ะชนดิ กจ็ ะมคี ณุ ภาพ ที่แตกต่างกันไป รวมท้ังข้ีผึ้ง คร่ังดิน สีเสียด กระวาน ไม้มะเกลือขนาดเล็ก อบเชย และคราม เขาแรด และเขากวางท่ใี ช้ส�ำหรบั ทำ� ยาจนี งาช้าง ฝ้าย และ ไขป่ ลา ทมี่ จี ำ� นวนมากทสี่ ดุ และมคี า่ มากทส่ี ดุ จากสนิ คา้ ทงั้ หมดนก้ี ค็ อื ยางกำ� ยาน ยางชนดิ นผี้ ลติ ขนึ้ ทพี่ น้ื ทท่ี างตะวนั ออกของหลวงพระบางเพยี งแหง่ เดยี วเทา่ นนั้ และมนั จะถกู สง่ ผา่ นไปยงั กรงุ เทพฯ ทงั้ ทางแมน่ �้ำเจา้ พระยาหรอื ไมก่ แ็ มน่ ้�ำสาย ยอ่ ยของแมน่ ำ�้ โคราช เช่นเดยี วกบั สนิ คา้ ส่งออกเกือบทุกประเภท แล้วจงึ ขนส่ง ลงเรือสู่ลอนดอนเพื่อไปยงั ตลาดของชาวฝรงั่ เศสและเบลเยยี ม ซึ่งเป็นตลาดที่ มีความตอ้ งการสินค้าเหลา่ น้ีไปผลิตเป็นยางหอม ปริมาณสินคา้ ส่งออกแต่ละปี น้ันเกือบ ๒๐ ตัน มีมูลค่าราวๆ ๒๑,๐๐๐ ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา (๒,๓๐๐ ปอนด์) ส�ำหรับงาช้างน้ันเคยมีที่มาจากบริเวณพื้นที่ทางตะวันออกท้ังหมดของ แม่น้�ำโขงแต่จ�ำนวนที่ได้ไม่เกิน ๔ ตันต่อปี หรือมีมูลค่าประมาณ ๑๗,๐๐๐ ดอลล่ารส์ หรัฐ (๑,๙๐๐ ปอนด)์ และเปน็ งาช้างท่ีไดม้ าจากเมืองหลวงพระบาง เพียงจ�ำนวนน้อยนิดจากยอดตัวเลขน้ีเท่าน้ัน ท�ำให้เห็นได้ว่าการครอบครอง ของฝรั่งเศสจะมีผลเช่นไรต่อสินค้าส่งออกเหล่านี้ เชื่อได้แน่นอนว่าได้มีการใช้ ความพยายามทกุ วถิ ที างในทกุ กรณเี พอ่ื จะทำ� ใหก้ ารคา้ หนั เหทศิ ทางไปสอู่ นั นมั หรอื ตงั เกย๋ี ซงึ่ ในปจั จบุ นั ยงั มปี รมิ าณการคา้ เพยี งจำ� นวนเลก็ นอ้ ย จงึ เปน็ สญั ญาณ ทแ่ี สดงถงึ ความตกต�่ำโดยทว่ั ถึงกนั ทงั้ หมด ดูเหมือนวา่ การสง่ ออกอ่นื ๆ จะหมดความส�ำคญั ลงอย่างมากเมื่อลดค่า เงนิ เปน็ ปอนดส์ เตอรงิ และมลู คา่ รวมของทงั้ สนิ คา้ นำ� เขา้ และสง่ ออกของจงั หวดั

หา้ ปีในสยาม เลม่ ๑ 271 รวมกับยอดการค้าขายโดยกองคาวาวานแถบชายแดนทางด้านตะวันตกเฉียง เหนือ ในแต่ละปีดูเหมือนจะมีมูลค่าไม่เคยเกินกว่า ๘๐,๐๐๐ ปอนด์ หรือ ประมาณ ๑ ใน ๓ ของการค้าทัว่ บริเวณทร่ี าบล่มุ แม่น้�ำโขงของสยามเรอื่ ยไป จนถึงทะเลสาบใหญ2่ สดั สว่ นการคา้ สว่ นใหญข่ องเมอื งนตี้ กอยใู่ นกำ� มอื ของพอ่ คา้ ชาวจนี สนิ คา้ เกือบทั้งหมดจะส่งไปทางเรือสู่เมืองปากลาย แล้วใช้ช้างขนสินค้าข้ามสู่เมือง อตุ รดติ ถจ์ ากนน้ั จงึ สง่ ไปตามแมน่ ำ้� เจา้ พระยาโดยเสน้ ทางเดยี วกบั ทเี่ ราเดนิ ทาง ไปกรงุ เทพฯ อกี เสน้ ทางหนงึ่ เปน็ เสน้ ทางทเี่ ราใชต้ อนกลบั สหู่ นองคายทางแมน่ ำ้� จากน้ันไปทางเกวียนสเู่ มืองโคราช แล้วจึงขนสัมภาระเทยี มโคถึกไปตามแมน่ ำ้� เสน้ ทางแรกนน้ั ใชเ้ วลาขาขน้ึ ๔ สปั ดาห์ สว่ นขาลอ่ งใชเ้ วลากวา่ เจด็ สปั ดาห์ เสน้ ทางหลงั ใชเ้ วลาทางบกมากกวา่ ซง่ึ ท�ำใหเ้ สยี เวลายาวนานกวา่ และสน้ิ เปลอื งคา่ ใช้จ่ายมากกวา่ ดว้ ย มีค�ำถามเกิดข้ึนมาว่าเส้นทางคมนาคมสายต่างๆ ในภูมิประเทศแถบนี้ จะไดเ้ ปดิ เสน้ ทางขน้ึ ในอนาคตไปตามรอยเสน้ ทางทก่ี ลา่ วถงึ นบี้ า้ งหรอื ไม่ หรอื วา่ จะใช้เส้นทางจากน�้ำอูและสายยอ่ ยของแม่นำ้� ดำ� ออกสตู่ ังเกย๋ี หรอื จะใช้เส้น ทางเส้นหน่งึ จากแม่นำ้� โขงช่วงลา่ งระหว่างเสน้ ขนานที่ ๑๖ และ ๑๙ เพอ่ื เดนิ ทางขา้ มไปส่ชู ายฝงั่ ทะเลอันนัม เส้นทางสายแม่น้�ำด�ำนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ถูกน�ำมาเปรียบในแง่ที่กล่าว ถึงกับสายปากลายและแม่น้�ำเจ้าพระยา เนื่องจากสภาพความทุรกันดารยาก ล�ำบากของแม่นำ�้ ท้ังสอง ในขณะท่เี ส้นทางสายอนั นมั ทใ่ี ช้อยเู่ พ่อื ผลประโยชน์ ทางดา้ นการคา้ กม็ ปี ญั หามาก จากการทลี่ ำ� ธารนอ้ ยของแมน่ ำ้� โขงสายทเ่ี ดนิ ทาง เข้าถึงได้จะต้องมีเส้นทางไหลไปเช่ือมต่อกับต้นน�้ำล�ำธารของญวนซึ่งดูเหมือน จะไม่เหมาะกับการเดินเรือด้วยประการท้ังปวง และการขาดตอนของสายน�้ำ นี่เองทที่ �ำให้การขยายทางรถไฟเขา้ ไปได้กลายเปน็ ส่งิ จำ� เป็น 2 ประมาณการว่ายอดรวมทัง้ สิ้นอยทู่ ี่ ๒๔๐,๐๐๐ ปอนด์ แยกออกดังนี้ หลวงพระบาง ๘๐,๐๐๐ ปอนด์ : ท่รี าบสงู โคราช (บทท่ี ๑๑, ๑๒๐,๐๐๐ ปอนด์ และจงั หวดั แถวทะเลสาบ (บทท่ี ๒๒) ๔๐,๐๐๐ ปอนด์ การครอบครองดนิ แดนฝง่ั ซ้ายแมน่ ำ้� โขงของฝรัง่ เศสสง่ ผลอย่างมากมายตอ่ ส่วนแบง่ ของเมืองหลวงพระบางจากยอดรวมทั้งหมดจนกระท่งั ถึงทกุ วนั นี้ ขา้ พเจา้ ไดพ้ บกบั มสิ เตอรโ์ รเบิรต์ กอรด์ อน เมอื่ พ.ศ. ๒๔๓๔ ประมาณการยอดรวมไว้ท่ี ๒๕๐,๐๐๐ ปอนด์ (วารสาร Soc.of Arts No.1998 ฉบบั ท่ี 39) ตวั เลขของมิสเตอร์แบล็คจงึ อย่ตู ามหลงั ตวั เลขของมิสเตอรก์ อร์ดอน (วารสารภมู ศิ าสตร์ vol.viii. No.5 ต้นฉบบั

272 บทท่ี ๑๐ หัวเมืองลาว - แมน่ ำ�้ โขง (ตอนตอ่ ) ผลอนั เนอื่ งมาจากเรอ่ื งคา่ ขนสง่ นเ่ี อง ดงั นนั้ หากปลอ่ ยใหฝ้ รงั่ เศสดงึ เสน้ ทางขนสง่ เขา้ ไปสแู่ มน่ ำ�้ โขงแลว้ ละกม็ นั คงจะเปน็ การทำ� ลายการสง่ ออกโดยสน้ิ เชงิ เพราะสนิ คา้ ของฝรงั่ เศสนน้ั ไมต่ รงกบั ความตอ้ งการของประชาชน และหาก พวกเขาไมส่ ามารถซอ้ื หาสนิ คา้ องั กฤษและเยอรมนั ไดใ้ นราคาถกู ๆ แลว้ พวกเขา ก็จะไม่ยอมซือ้ อะไรเลย น่าสังเกตตรงท่ีว่า ทรรศนะของเจ้าชายเฮนรีต่อปัญหาน้ี3 มิได้ระบุ ลงไปในเร่ืองเส้นทางคมนาคมส�ำคัญอย่างแม่น�้ำโขงท่ียังคงเห็นได้ชัดตลอดมา ว่าเป็นเส้นทางนำ� การคา้ ของฝรัง่ จากไซ่ง่อนเขา้ ส่ใู จกลางของอินโดจีน หากวา่ ไม่อาจเข้าสู่เมืองจีนได้ด้วยเส้นทางของมันเอง นอกจากนั้นเขายังได้พิจารณา ในเรอ่ื งการสรา้ งทางรถไฟอยา่ งรดั กมุ ไปตามแนวสองฝง่ั แมน่ ำ�้ โขงไปสอู่ นั นมั มา โดยตลอด แทท้ จ่ี รงิ แลว้ ความรสู้ กึ ทเ่ี ขามตี อ่ จดุ เชอื่ มตอ่ นนั้ จะเปน็ ในแงข่ องการ ยอมรบั ข้อมลู ของฟรานซสิ การ์นิเยร์ ซึ่งคา้ นกับความเป็นไปไดใ้ นเรอ่ื งที่จะใช้ แม่น้�ำโขงเป็นเส้นทางขนส่งทางน้�ำ ข้อคิดเห็นท่ีถูกหยิบยกข้ึนมาโดยคนท่ีเคย เปน็ นกั เดนิ เรอื และเปน็ คนทรี่ ดู้ วี า่ เรอื ตา่ งๆ จะตอ้ งทำ� อยา่ งไร เปน็ คนทมี่ โี อกาส จับตามองแม่น้�ำโขงทั้งตอนน�้ำข้ึนและน�้ำลงอย่างที่ไม่เคยมีใครท�ำได้มาก่อนนี้ เปน็ ขอ้ คดิ เหน็ ทคี่ ณะปกครองอาณานคิ มของฝรง่ั เศสยงั ทำ� เปน็ ไมร่ ไู้ มเ่ หน็ อยมู่ าก แถลงการณเ์ กยี่ วกบั การเดนิ เรอื ในแมน่ ำ้� โขงไดร้ บั การกลา่ วตอกยำ�้ เรอ่ื ย มาโดยบคุ คลทมี่ งุ่ หวงั จะใชแ้ มน่ ำ้� นนั้ เพอ่ื การเดนิ เรอื วา่ เมอ่ื ไดร้ บั คำ� สงั่ การเกย่ี ว กบั เร่อื งน้ใี น พ.ศ. ๒๔๓๖ แล้วชาวฝรงั่ เศสทงั้ หมดกจ็ ะพากันเชอื่ มน่ั วา่ พวกตน จะมหี นทางเดนิ เรอื ออกไปสยู่ ูนาน มนั ไมเ่ พียงแตจ่ ะไมต่ รงประเดน็ เทา่ นน้ั แต่ มนั ไมไ่ ดเ้ ปน็ แมแ้ ตท่ างหลวงทจ่ี ะไปสปู่ ระเทศลาวทพ่ี วกเขายดึ ครองมาอกี ดว้ ย เรอื เอก ซมิ อง (Lieutenant Simon) แหง่ ราชนาวฝี รง่ั เศสเปน็ ผสู้ มควรไดร้ บั คำ� สรรเสริญอันชอบธรรมในการนำ� เรือกำ� ป่ัน “ลา กรองดิเย่ร”์ (La Grandière) แล่นทวนกระแสน้�ำต่างๆ ผ่านไปถึงตองอู ค�ำชมเชยน้ันพิสูจน์ให้เห็นถึงการ เอาชนะซงึ่ ความยากล�ำบากนานปั การในการเดนิ เรอื แมน่ ้�ำโขงยงั คงเปน็ สายน้�ำ อย่างในสภาพที่มันเคยเป็นมาแต่ต้นหรือเปล่า ความส�ำเร็จที่ได้รับไม่เห็นจะมี 3 จากเรอื่ ง บรเิ วณรอบตังเกีย๋ และสยาม (Around Tonkin and Siam) – ตน้ ฉบับ

หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 273 ส่งิ ใดนอกจากการสงั เกตของคนทีผ่ ่านไปผา่ นมา เจา้ ชายเฮนร่ีได้กล่าวถึงมนั ไว้ ในการเดนิ ทางครง้ั หนง่ึ วา่ “ในอนาคตสายน้�ำทกี่ วา้ งใหญท่ สี่ ดุ และลกึ ทสี่ ดุ สาย หนง่ึ จะเปดิ กวา้ งใหค้ วามเจรญิ ไดข้ ยายตวั เขา้ มา” ไมต่ อ้ งสงสยั เลยวา่ มอี ยหู่ ลาย ชว่ งของแมน่ ำ�้ โขงทอ่ี าจเปน็ จรงิ ตามคำ� กลา่ วนไ้ี ด้ มนั เปน็ บรเิ วณทตี่ ำ�่ จากกระแส นำ้� โขงตรงเส้นละติจดู ท่ี ๑๔ องศา สว่ นเสน้ ทางอื่นนอกเหนอื จากนที้ มี่ ีลกั ษณะ แตกตา่ งกันอยา่ งมากมายสดุ ประมาณนั้นเหมอื นจะเป็นส่งิ เดยี วท่ีแสดงให้เห็น ถึงสภาพของแม่น�้ำโขงตามความเป็นจริง เรือกลไฟท่ีมีขนาดก�ำลังลากจูงปาน กลางสามารถที่จะเดินเรือในส่วนของทางน�้ำที่ไหลแทรกเข้าไประหว่างกระแส นำ้� ขนาดใหญ่หลายสาย แตห่ ากไมส่ ามารถเดนิ เรอื ไดก้ ารแล่นเรอื ไปๆ มาๆ ใน กระแสน้�ำใกล้เคียงท่ีไหลอยู่ตามปกติและคงเส้นคงวาก็ดูจะเป็นบทสรุปของ ประสบการณ์ท่ีเราก�ำลังจะต้องต่อสู้กับมันในไม่ช้านี้ ด้วยการใช้เวลาอย่างคุ้ม ค่าและความชว่ ยเหลือจากชายฉกรรจห์ ลายๆ คน จงึ เห็นไดช้ ัดเจนว่าสามารถ ทจ่ี ะชว่ ยพาเรอื กลไฟใหพ้ น้ กระแสนำ้� อนั เลวรา้ ยไปได้ แตค่ งจะทำ� เชน่ นน้ั ไดอ้ กี ครง้ั เดยี วกต็ ่อเม่อื เรอื ตกอยูใ่ นสภาวะท่กี ระแสนำ้� จโู่ จม และเมื่อสัดส่วนระวา่ ง เวลาและเงินทองที่ใชไ้ ปไมไ่ ดใ้ ห้ผลตอบแทนทีเ่ รียกได้ว่าค้มุ ค่าจนเหน็ ได้ชัด ดู เหมอื นจะมกี ารปฏบิ ตั ทิ คี่ า้ นกบั เรอ่ื งนอี้ ยหู่ นงึ่ เรอื่ งหรอื สองเรอ่ื ง เพราะวา่ แทบ เปน็ ไปไมไ่ ดเ้ ลยทจ่ี ะนำ� เรอื แลน่ กลบั มาอกี ครงั้ เพราะแทบเปน็ ไปไมไ่ ดเ้ ลยทจ่ี ะ ล่องเรอื กลับลงมาไดอ้ ีกคร้งั คือมนั เปน็ ไปไม่ไดท้ จี่ ะเอาเรอื เข้าไปเสี่ยงมากกวา่ ทจี่ ะคดิ วา่ มคี นขบั เรอื คนไหนสามารถบงั คบั เรอื ใหร้ อดไดบ้ า้ ง จากการขาดแคลน ก�ำลังคนจึงเป็นเรื่องยากย่ิงท่ีจะจัดหาจ�ำนวนชายฉกรรจ์ให้ได้ตามจ�ำนวนท่ี จำ� เปน็ ตอ้ งใชใ้ นการลากจงู เรอื บด และหากหามาไดก้ จ็ ะเกดิ ปญั หาในการจดั หา อาหารซง่ึ ในหลายๆ พื้นทีเ่ ป็นปญั หาทแ่ี กไ้ ดย้ ากเสียดว้ ย การกอ่ สรา้ งทางรถรางใหเ้ ชอ่ื มถงึ เส้นทางเดนิ เรือ หรือการปักเสาประตู กั้นน้�ำน่าจะต้องใช้เงินต้นทุนสูงกว่าที่เคยท�ำในคลองแมนเชสเตอร์ และน่าจะ ทำ� ใหเ้ รอื กลไฟแลน่ ผา่ นเขา้ มาไดอ้ กี เปน็ จำ� นวนมหาศาล รวมไปถงึ การเพม่ิ ของ เรือเล็กและจ�ำนวนประชากร มูลค่าภาษีเรือที่จะต้องจ่ายประมาณค่าได้ ๑๐ สว่ นพันตนั

274 บทท่ี ๑๐ หวั เมืองลาว - แมน่ ำ�้ โขง (ตอนต่อ) ขา้ พเจา้ ขอแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งเกรงอกเกรงใจวา่ เรอื เอกซมิ อง ไดใ้ ห้ บรกิ ารงานอนั ดเี ดน่ เปน็ เลศิ ดว้ ยคณุ ลกั ษณะอนั กลา้ หาญและสมกบั ทเ่ี ปน็ ทหาร เรือ ใครๆ น่าจะไดเ้ ห็นส่งิ ที่เขาทำ� และใหค้ วามชว่ ยเหลือเขาในเรือ่ งน้ี และควร จะได้รู้ว่าเขาเดินทางผ่านกระแสน�้ำที่แก่งลา แก่งหลวงและเชียงคานมาได้ อย่างไร และใครๆ ก็มกั จะอยากรวู้ า่ ท�ำไมการนำ� เรือ “กรองดิเยร์ (Grandiere) และมาสซี (Massie) เดนิ ทางสูต่ องอู จึงจ�ำเป็นตอ้ งใชเ้ วลานานถงึ ๒ ปี ท้ังสอง ล�ำจะไปท�ำอะไรกันที่นน่ั และเมอื่ ไหรถ่ ึงจะกลับมาได้อีกครัง้ เคยมีการพดู กัน ถงึ เร่ืองของ “สงิ่ ดลใจทนี่ า่ กลวั ” บางคนดูเหมอื นอยากจะหวังให้เปน็ รอ่ งรอย ทผี่ ี นัท และนกกาน้�ำมาทำ� เอาไว้ แต่ส�ำหรับคนลาวนน้ั เรอ่ื งความคดิ ทน่ี ่ากลวั จะเกิดข้นึ ได้น้อยกว่ามาก ในแม่น�้ำมีกระแสน้�ำท่ีเป็นอุปสรรคส�ำคัญๆ อยู่ ๕ กระแสได้แก่ โขง ตรงบริเวณละตจิ ูดที่ ๑๕ องศา เหนอื ปากนำ�้ ขึ้นไป ๓๐๐ ไมล์ และเหนอื เส้น ละตจิ ดู ของกรงุ เทพฯ ออกไปเพยี งไม่ก่ไี มล์ ทเ่ี ขมราชตรงละตจิ ูดที่ ๑๖ องศา มีความกวา้ งประมาณ ๖๐ ไมล์ ที่เวียงจนั ทน์ถึงเชยี งคาน ละตจิ ูดท่ี ๑๘ องศา กว้าง ๓๐ ไมล์ ท่ีทา่ เรอื หรอื แก่งหลวง ละติจูดท่ี ๑๙ องศา กวา้ ง ๒๐ ไมล์ รวม ทง้ั บ้านทา่ เนนิ แกง่ หัวและแกง่ ลาตามล�ำดบั ทางทิศตะวนั ออกและตะวนั ตกไป จนถึงตอนเหนือเมืองหลวงพระบางท่ีก�ำลังขยายบริเวณกว้างออกไปประมาณ ๕๐ ไมล์ พรอ้ มกบั มกี ระแสนำ�้ ชว่ งสั้นๆ แทรกตวั อยรู่ ะหว่างนนั้ ด้วย เม่ือเหลือบดูในแผนที่ก็จะเห็นถึงข้อได้เปรียบทางสภาพภูมิศาสตร์ซ่ึง อ่าวสยามมีอยู่เหนือกว่าแม่น�้ำโขงอย่างชัดเจนในฐานะท่ีเป็นทางออกสู่ตลาด การค้าของอนิ โดจนี การทจ่ี ะไปยงั เส้นละติจดู ของเมืองอยุธยา ซึง่ อยหู่ า่ งจาก ทะเลราว ๙๖ กโิ ลเมตร โดยเสน้ ทางแมน่ ำ้� โขง เรอื จะตอ้ งเดนิ ทางเปน็ ระยะทาง เกอื บๆ ๖๔๔ กโิ ลเมตร และจะตอ้ งขนถา่ ยสนิ คา้ กบั บนแกง่ นำ�้ โขงอนั กวา้ งใหญ่ ซง่ึ เปน็ อปุ สรรคอยใู่ หจ้ งได้ จงั หวดั อตุ รดติ ถซ์ ง่ึ ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นแนวคขู่ นานของเชยี งคาน ในระยะ ๓๒ กิโลเมตรน้นั อยเู่ ลยเมืองอยุธยาไปเพียง ๔๐๒ กิโลเมตร ถ้าไมม่ ี

ห้าปใี นสยาม เลม่ ๑ 275 พาหนะในการเดินทาง ติดอยู่ในหนองนำ�้ อีกครั้ง การขนถา่ ยสนิ คา้ สามารถใชเ้ วลาเดนิ ทางถงึ ภายใน ๓ สปั ดาห์ เชยี งคานอยหู่ า่ ง จากแมน่ ำ้� โขงราว ๘๐๕ กโิ ลเมตร คนั่ ดว้ ยกระแสนำ้� เชยี่ วทก่ี วา้ ง ๑๔๕ กโิ ลเมตร พื้นที่ราบสูงอันงดงามของทุ่งเชียงค�ำและเชียงขวางเป็นสัดส่วนของดิน แดนในครอบครองของฝรง่ั เศสเพยี งแหง่ เดยี วทไี่ มม่ เี สน้ ทางคมนาคมทางธรรมชาติ ตดิ ตอ่ กับทางกรุงเทพฯ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทยี่ งั คงไดร้ บั การยนื ยนั จากเหลา่ นกั สำ� รวจผชู้ ำ� นาญนน้ั ในทา้ ย ท่ีสุดก็ยังคงเป็นท่ีจดจ�ำกันได้ และเหล่านักเขียนในหนังสือพิมพ์ต่างๆ ของ อาณานิคมฝรง่ั เศสก็มไิ ด้แสดงความคดิ เหน็ ในเรื่องนี้กนั อยา่ งปราศจากเหตผุ ล ใครบางคนกลา่ ววา่ “พวกเรามคี วามชอบธรรมทจ่ี ะหลวกลวงตวั เองอยา่ งขมขน่ื เกี่ยวกับประเทศลาว และในยามนี้คู่ต่อสู้ของการแพร่ขยายอาณานิคมจะพา กนั หวั เราะกนั อยา่ งขบขนั เงอื่ นไขสำ� คญั ประการหนง่ึ ทจ่ี ะพฒั นาประเทศนอี้ ยา่ ง สมเหตุสมผลก็คือการด�ำรงไว้ซึ่งวิธีการคมนาคมขนส่งตามเส้นทางท่ีมีอยู่ตาม ธรรมชาติ หรือหากไมม่ ีเสน้ ทางธรรมชาตกิ ต็ ้องจัดสร้างถนนข้ึนมา ขณะน้ีเสน้ ทางในแบบแรกก�ำลังเป็นที่ต้องการ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นเช่นนั้นนับต้ังแต่วันท่ี

276 บทที่ ๑๐ หัวเมอื งลาว - แม่นำ�้ โขง (ตอนต่อ) แม่น้�ำโขงได้กลายมาเป็นเพียงแม่น�้ำสายเดียวท่ีไหลตัดผ่านเส้นพรมแดนอัน กว้างใหญ่ไพศาลนี้ และเร่ืองการเดินเรือในช่วงพื้นที่ตอนบนของแม่น�้ำก็ยังคง เปน็ ปญั หาทย่ี งั ไมไ่ ดร้ บั การแกไ้ ข เรอื่ งความสำ� เรจ็ อนั งดงามของเรอื เอกซมิ งจงึ ใช้พสิ จู น์อะไรไมไ่ ด้” ข้าพเจา้ ควรจะเพิม่ เติมเรือ่ ง “การคา้ ” เพ่มิ เข้าไปดว้ ย นัก เขยี นอกี คนหนึ่งกล่าวว่า “บริเวณเหนอื โขง” จะเป็นจุดทใี่ ชแ้ ม่นำ�้ โขงรองรับใน เร่อื งการคา้ ได้ ยกเวน้ ในฤดูใบไมผ้ ลชิ ว่ งที่น�้ำลดต�่ำลงมากๆ แม่น้�ำโขงทางตอน เหนือเมืองเวียงจันทน์จะไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะจะใช้ในการเดินเรือ ดูจาก รายละเอียดการเดินทางของเรือเอกซิมงแล้ว การมาถึงหลวงพระบางของเขา น้นั อาจช่วยกอ่ ให้เกดิ ผลตอ่ เกยี รติภมู ิของฝร่ังเศสไดม้ ากกว่าเรอื่ งการค้า ขณะน้ี โครงการล่าสุด4 คือโครงการทางรถไฟซ่ึงคงจะสร้างจากไซ่ง่อน ไปยังเมืองจำ� ปาศักด์ิ ทัง้ ๒ ตำ� แหน่งเชือ่ มตอ่ ด้วยเส้นทางการเดินเรือที่สำ� คญั ท่ีสุดในล�ำน้�ำโขง ไม่ปรากฏว่ามีการผลักดันให้มันเป็นเส้นทางเพื่อใช้เป็นทาง เลอื กแทนแม่นำ�้ โขง แตต่ อ้ งการท่จี ะแสดงให้เหน็ สภาพตามความเป็นจรงิ และ เป็นหนทางเดยี วท่จี ะเขา้ สู่ “ความอดุ มสมบูรณ์ของแผน่ ดนิ ลาวเทียน” ดังนน้ั แม่นำ้� โขงทน่ี า่ สงสารทงั้ สายจึงถูกละทิ้งและไม่มใี ครเอาใจใส่อกี ต่อไป เราเร่มิ เดินทางไปทางใต้ในวนั ท่ี ๑ เมษายน เทย่ี วน้เี รามดั เรือบด ๒ ลำ� ติดกันโดยใช้วิธีมัดไขว้อย่างแน่นหนา มีดาดฟ้าเรือท�ำด้วยไม้ไผ่เน้ือเบาคลุมไว้ โดยรอบจดั สรรใหเ้ ปน็ พนื้ ทวี่ า่ งบรเิ วณดาดฟา้ เรอื ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี วนั ที่ ๔ เรอื ของ ข้าพเจ้าแช่อยู่ในแก่งเส็ง วันท่ี ๕ เราล่องอยู่ในแก่งหลวงโดยต้องใช้จังหวะใน การเบยี ดตวั ผา่ นระหวา่ งกำ� แพงหนิ นนั้ ไปใหไ้ ด้ ตน้ แมน่ ำ�้ ทต่ี รงบรเิ วณนม้ี ลี กั ษณะ เหมอื นกนั ตลอดทางจนถงึ ปากลาย แตเ่ นนิ เขาตามหุบเขาดจู ะเตี้ยกว่าและอยู่ เลยลกึ เข้าไปทางด้านหลงั เน้ือท่ปี า่ สว่ นใหญ่ปกคลุมดว้ ยดงตน้ ไผพ่ ลิ้วไหวและ กอหญ้าสูง ลักษณะของหินชนวน ซึ่งประกอบด้วยดินเหนียวทางตอนใต้ของ แก่งหลวงท�ำให้สังเกตเห็นลาดเขาสูงชันที่กระจายตัวอยู่เป็นระยะตามแนว ทิศตะวันตกได้อย่างชัดเจน กลุ่มภูเขาสูงใหญ่ท่ีต้ังอยู่ทางตะวันออกของเมือง 4 ประกาศแถลงการณ์แหง่ Paris Geographical Society – ต้นฉบับ

หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 277 หลวงพระบางตง้ั ตระหง่านอย่ใู นเขตภเู บย้ี โดยมคี วามสงู ถงึ ๙,๓๕๕ ฟตุ และ เป็นยอดเขาทสี่ ูงทส่ี ดุ ในกลุ่มภเู ขาเขตปา่ สงู ชันหลายๆ ลูกท่ีมักจะมคี วามสูงไม่ เกนิ ๗,๐๐๐ ฟตุ ซง่ึ ดเู หมอื นจะเกย่ี วขอ้ งกบั การปรบั เปลย่ี นโครงสรา้ งครง้ั ใหญ่ ซงึ่ เกดิ จากการเคลอื่ นตวั ของชน้ั หนิ ทางตะวนั ตกประกอบกบั การถกู กดดนั อยา่ ง รนุ แรงหนกั หนว่ ง แมน่ ำ�้ ตรงสว่ นนชี้ กุ ชมุ ไปดว้ ยนกและสตั วช์ นดิ ตา่ งๆ เรายงิ ไดน้ กยงู ไกฟ่ า้ อีกา และนกกระยางหลายพนั ธ5์ุ ไดเ้ ห็นรอ่ งรอยและไดย้ นิ เสยี งร้องยามค�่ำคืน ของเสือโคร่ง เสือดาว ระมาด กับเสียงลึกลับและแผ่วพล้ิวอันไพเราะของนก เหยยี่ วยามค่�ำคืน มจี ระเข้และหมู่อยู่คลาคลำ�่ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ในบางคร้งั จะ มีซากเรืออับปางเรียงรายปรักหักพังอยู่บนโขดหินท่ีสูงเหนือระดับน�้ำต�่ำท่ีท�ำ เครอ่ื งหมายไวท้ ีร่ ะดบั ๓๐ ฟุต เราไม่ค่อยพบเห็นผู้คนเท่าใดนกั จนกระท่ังถึง เมอื งปากลายในวนั ท่ี ๗ หลงั จากทเ่ี ราไดเ้ ดนิ ทางผา่ นเนนิ ปา่ สกั สดุ ทา้ ยแหง่ หนง่ึ ท่ีอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตก ท่ีนี่นับเป็นสถานที่ส�ำคัญท่ีสุดระหว่างหลวง พระบางและเชียงคาน มผี ู้คนอยู่อาศยั ๘๐๐ คน มเี สน้ ทางย่อยแยกจากท่ีนี่สู่ เมอื งอตุ รดติ ถแ์ ละพชิ ยั เปน็ เสน้ ทางทส่ี นั้ ทส่ี ดุ ในการเดนิ ทางขา้ มไปเพอื่ เดนิ เรอื ในแม่น�้ำเจา้ พระยาและไปทางใต้ เลยจากปากลายลงสเู่ ชยี งคาน ดเู หมอื นวา่ แมน่ ำ้� มที า่ ทจี ะเปลยี่ นทศิ ทาง ใหม่ ส่วนกระแสลมที่จะมีความแรงเอื่อยเฉื่อยแต่ก็ยังคงพัดไปถึงเนินเขาเต้ีย โดยรอบ นกกนิ ปลาสลบั สแี ละนกกนิ ปลาอนิ เดยี ตวั เลก็ ตา่ งวางทา่ ทสี งบเสงยี่ ม เฉยเมยในสายลมยามเย็น นกทะเลปากเป็ดสีด�ำพุ่งบินปรู๊ดปร๊าดถลาร่อนใน กระแสนำ�้ นงิ่ สว่ นนกพริ าบและนกเขากลบั มจี ำ� นวนมากมายทตี่ ามชายฝง่ั และ เสยี งขันคอู ย่างนมุ่ นวลของพวกมันกส็ ร้างความรสู้ กึ สงบสขุ เปน็ ท่ีสุด เราใช้เวลาอยู่ที่เชียงคานไม่กี่วันเพ่ือพยายามผ่ึงข้าวของที่เสียหายใน กระแสนำ�้ ใหแ้ หง้ และแวะเวียนไปทแ่ี หล่งแรเ่ ฮมาไทต๑์ ช้นั ดใี นบรเิ วณใกลเ้ คียง แรเ่ ฮมาไทตเ์ หลา่ นก้ี ค็ ลา้ ยๆ กบั แรก่ าเลนา๒ และสายแรท่ องแดงทเ่ี มอื งนา่ นตรง 5 บนั ทึกการเดินทางไปทางตอนเหนือแมน่ ้ำ� โขง. จอหน์ เมอรเ์ รย์, ค.ศ. ๑๘๙๕ และภาคผนวก – ต้นฉบับ ๑ Haematite แรเ่ หล็กสีแดงหรอื นำ�้ ตาล เป็นผลกึ หรอื รูปคล้ายไต ประกอบด้วยเหล็กกับอ็อกซเิ จน – สวป. ๒ Galena แร่ตะก่วั ประกอบกำ� มะถนั บางครงั้ มเี งนิ ผสมอยดู่ ว้ ยเลก็ นอ้ ย – สวป.

278 บทท่ี ๑๐ หัวเมอื งลาว - แมน่ ำ�้ โขง (ตอนต่อ) ทไี่ มส่ ามารถใชป้ ระโยชนใ์ นทางการคา้ ใดๆ ไดใ้ นอกี หลายปขี า้ งหนา้ จนกวา่ เงอ่ื นไข ตา่ ง ๆ และการคมนาคมขนสง่ จะเปลยี่ นแปลงไปมากกวา่ นี้ “จงหาประโยชนจ์ าก เหมอื งแร”่ เปน็ เสยี งปา่ วรอ้ งของพวกนกั เขยี นฝรง่ั เศสภายหลงั จากชาตขิ องตน ท�ำการผนวกดินแดนใน พ.ศ. ๒๔๓๖ “ตอ้ งไม่ลืมวา่ เหมอื งแรท่ ม่ี ชี ื่อเสียงเหลา่ น้ีแต่ละแห่งอยู่ห่างไกลลิบลับ หากไม่ใช่เหมืองทองแล้ว เฉพาะค่าขนส่งเพียง อย่างเดียวก็จะท�ำใหต้ น้ ทนุ สูงลิ่ว เปน็ เร่ืองโงเ่ ขลาที่จะฝนั เฟ่ืองในการเข้าไปท�ำ เหมอื งแร่เหลา่ น้ัน” เมอื งเชยี งคานนนั้ เปน็ ดงตน้ มะพรา้ ว6ภายใตด้ งมะพรา้ วเปน็ บา้ นเรอื นท่ี สร้างอย่างดีดูอบอุ่นน่าสบาย เป็นท่ีอยู่อาศัยของชาวลาวนับพัน ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นผู้มีรกรากอยู่ในเมืองใกล้เคียงคือเมืองพวน ท่ีอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียง เหนอื อนั เปน็ เมอื งทถี่ กู พวกฮอ่ เผาผลาญยอ่ ยยบั หญงิ สาวทง่ี ดงามหลายคนพา กนั ตดั ผมสนั้ ตามอยา่ งแฟชนั่ จากกรงุ เทพฯ แตน่ อกเหนอื จากนแ้ี ลว้ ผคู้ นทง้ั หมด ยังคงรักษาไว้ซ่ึงคุณลักษณะอันดีที่สุดแบบชาวลาว พวกเขาล้วนแต่งตัวดีและ แลดงู ดงามเชน่ เดยี วกบั คนลาวอน่ื ๆ ทเ่ี ราไดเ้ คยไดเ้ คยพบมาแลว้ การพำ� นกั อยู่ ของพวกเราได้รับแต่ความอิ่มเอมใจจากความไว้เน้ือเชื่อใจอย่างมีไมตรีจิตของ พวกเขา และจากสภาพอากาศโดยรอบทคี่ รอบคลุมสถานที่แหง่ นี้ ภาพ ศาลา ที่พักของเราที่ต้ังอยู่เหนือแม่น้�ำสายกว้างอันสงบน่ิงนั้นสุดแสนงดงามมีเสน่ห์ เรอื จบั ปลาลำ� เลก็ ลอยลำ� อยเู่ หนอื กระแสนำ้� มองดคู ลา้ ยหมเู่ รอื กอนโดลา่ ทา่ มกลาง แสงอาทติ ยอ์ ัสดง พอ่ คา้ แรฐ่ านะดีเชือ้ สายอังกฤษ - ฉานหลายคนไดม้ ีภรรยา และพากันต้ังรกรากอยู่ท่ีนี่ โดยปกติแล้วพวกเขาเป็นมิตรและให้การต้อนรับ ขับสอู้ ยา่ งดที ี่สดุ สว่ นภรรยาชาวพ้ืนเมอื งของพวกเขาจะมาล้อมวงอยู่โดยรอบ เพื่อช่วยชีแ้ นะการคดั เลือกผลไมข้ องบรรดาสามีด้วยใบหน้ารืน่ รมยแ์ จ่มใส มี โบสถ์ หรอื วหิ ารทส่ี งบงดงามอยู่ ๒ แหง่ ตงั้ อยตู่ ดิ กบั วดั อนั เปน็ สถาน ทซี่ ง่ึ ขา้ พเจา้ ใชเ้ วลาทงั้ วนั ตอบคำ� ถามกลมุ่ พระสงฆท์ ม่ี าลอ้ มวงโดยรอบดว้ ยความ กระหายใครร่ ทู้ า่ มกลางอากาศรอ้ นอบอา้ วเพอื่ ใหค้ ำ� อธบิ ายสง่ิ ตา่ งๆ เกย่ี วกบั โลก ภายนอก ประเทศบา้ นเกดิ ของขา้ พเจา้ รวมถงึ วฒั นธรรมประเพณแี ละความรสู้ กึ 6 มกั กล่าวกันวา่ มะพรา้ วน้ันตอ้ งการอากาศชายทะเลหรือไมอ่ ยา่ งนนั้ ก็ต้องเป็นละอองจากทะเล หากแต่ตน้ มะพรา้ วทขี่ น้ึ สะพร่งั อยทู่ ี่นี่และบรเิ วณอื่น ๆ ภายในประเทศนัน้ อยูห่ า่ งจากสว่ นท่ีใกลท้ ะเลท่สี ดุ นบั เป็นร้อย ๆ กโิ ลเมตร – ต้นฉบับ

หา้ ปใี นสยาม เลม่ ๑ 279 นกึ คดิ ไมเ่ คยเหน็ ผฟู้ งั ทไ่ี หนเอาจรงิ เอาจงั และตงั้ อกตงั้ ใจมากไปกวา่ น้ี คำ� ถาม ตา่ งๆ ของพวกเขากล็ ว้ นแตห่ ลกั แหลม แนวคดิ เกยี่ วกบั เรอื่ งทะเลของพวกเขา อาจจะไมเ่ ปน็ ธรรมชาตคิ งเปน็ เรอื่ งยากสำ� หรบั พวกเขาทจี่ ะทำ� ความเขา้ ใจได้ คง เหมอื นเรอื่ งทโ่ี ลกหมนุ รอบดวงอาทติ ยท์ ใี่ นความคดิ ของชาวบา้ นมกั จะเปน็ เรอ่ื ง ทำ� ความเขา้ ใจไดย้ ากเยน็ ยง่ิ กวา่ พระสงฆห์ ม่ เหลอื งในหมชู่ าวลาวเปน็ เหมอื นผู้ หม่ เครอ่ื งแบบของผคู้ งแกเ่ รยี นประจำ� บา้ น วดั เปน็ สถานศกึ ษาในเรอ่ื งการเรยี น การสอนปรชั ญาและการเลา่ เรยี นเขยี นอา่ น มผี ชู้ ายเขา้ รบั การขดั เกลาจติ ใจให้ บรสิ ทุ ธจิ์ ำ� นวนมาก ซงึ่ สว่ นใหญจ่ ะมาจากอทิ ธพิ ลทส่ี ง่ ผลถงึ พวกเขาทไี่ ดห้ ม่ เหลอื ง เขา้ ศกึ ษาหาความรมู้ าตงั้ แตร่ นุ่ หนมุ่ และทใ่ี ดมจี ำ� นวนฆราวาสลดลงกจ็ ะเหน็ ได้ ถงึ อตั ราของความเฉอื่ ยชาเกยี จครา้ นและฟมุ่ เฟอื ยลดนอ้ ยลงมากกวา่ ทเี่ หน็ ได้ ตามพน้ื ทตี่ า่ ง ๆ ของสยาม อาจพบทงั้ พระและลกู ศษิ ยไ์ ดใ้ นปา่ ทอ่ี ยไู่ กล ๆ ออก ไป โดยพระนน้ั อาจจะกำ� ลงั ถลกจวี รทห่ี ม่ อยู่ และโคน่ ตน้ ไมเ้ พอื่ นำ� ไปสรา้ งกฏุ ิ ของเจา้ อาวาสหรอื กำ� ลงั ตดั ตน้ หญา้ เพอ่ื นำ� ไปมงุ หลงั คาวดั เมอื่ เดินทางออกจากเมืองเชยี งคานไป ๕ วนั กจ็ ะเปน็ ทตี่ ัง้ ของเมืองเลย จากนน้ั จงึ ขา้ มทางนำ�้ สหู่ มบู่ า้ นหลม่ สกั ซงึ่ เปน็ ตำ� บลเลก็ ๆ ของลาวทอี่ ดุ มสมบรู ณ์ ไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ เป็นหมู่บ้านที่ถูกคุกคามอย่างเลวร้ายด้วยพิษไข้และการ ปลน้ จ้ี ซงึ่ การถกู คกุ คามดว้ ยสาเหตหุ ลงั นนั้ ดจู ะอยใู่ นระดบั ทใี่ กลเ้ คยี งกบั ประเทศ สยาม เมอ่ื เดนิ ทางไปทางตะวนั ตกอกี ๘ วัน กจ็ ะผา่ นเมอื งพิชยั เมอื งหลวงของ มณฑลทม่ี ีเชยี งคานอยู่ในความดูแล ที่เมืองหลวงพระบางเร่ิมมีฝนตกพอประมาณ และเมื่อเราออกจาก เชียงคานพร้อมด้วยเรือชุดใหมแ่ ละลกู เรอื กลมุ่ ใหม่ มหี ลายสง่ิ ทีบ่ ่งบอกใหเ้ รารู้ ว่าสภาพอากาศดๆี ก�ำลงั จะจบสนิ้ ลงแล้ว นัน่ ก็คือการทอี่ ากาศสดช่ืนยามเชา้ ตรมู่ อี ณุ หภมู ริ าว ๑๖ องศาเซลเซยี ส อากาศรอ้ นชน้ื ยามเทย่ี งวนั มอี ณุ หภมู สิ งู สดุ ไมเ่ กนิ ๔๐ องศาเซลเซยี ส (ในทรี่ ม่ ) รวมทง้ั เมฆฝนทมี่ ฟี า้ แลบแปลบปลาบอยา่ ง

280 บทท่ี ๑๐ หวั เมืองลาว - แม่นำ�้ โขง (ตอนตอ่ ) หนกั หนว่ งกบั เสยี งฟา้ รอ้ งเปรยี้ งปรา้ งอยา่ งไรค้ วามปราณตี อ่ เรอื ของเราในยาม ค่�ำคืน ส่วนเร่ืองการเลือกสรรเรือส�ำหรับใช้ล่องตามกระแสน้�ำเช่ียวเพื่อไปยัง เมืองหนองคายน้ันก็คงไม่ใช่คร้ังแรกแน่ๆ ที่จะมีใครสามารถสังเกตและช่ืนชม ตอ่ งานฝมี อื ของมนษุ ยใ์ นการแสวงหาไมไ้ ผแ่ ลว้ นำ� มนั มามดั ดว้ ยเชอื กทำ� เปน็ พน้ื มดั ไขว้ท�ำหลงั คา ท�ำใบพาย และท�ำหแู จว เช่นเดยี วกบั ท่ีเอามาท�ำชอ่ งอากาศ ที่ท้องเรอื ไปตามแนวกราบเรืออันเป็นช่องทีม่ คี ุณประโยชนย์ ่งิ เป็นเวลา ๓ วันท่ีพวกเราต้องล่องลอยตามกระแสน�้ำไปทางตะวนั ออก ซง่ึ ไมไ่ ดเ้ กดิ เนอ่ื งมาจากความลาดเอยี งของพนื้ แตเ่ นอื่ งมาจากชว่ งระยะแคบๆ ของทางนำ�้ ได้มีน�้ำอัดตวั รนุ แรงอยใู่ นซอกหนิ ลึก ซึ่งหนิ น้ันตัดเฉียงท�ำมมุ อย่าง พอเหมาะพอเจาะตอ่ การกระทบกระแทกของหนิ ทรายและกอ้ นกรวด เปน็ เหตุ ให้เกิดน้�ำหมนุ และวงั นำ�้ วนซง่ึ เปน็ อุปสรรคยงิ่ ส�ำหรบั นักเดนิ เรอื เวลาดีท่ีสุดท่ีจะข้ามผ่านมันไปได้คือตอนฤดูน�้ำหลาก ยามน้ันทรายที่ กระจัดกระจายครอบคลุมพื้นผิวท้ัง ๒ ฟากฝั่งเรื่อยไปจนถึงเนินเตี้ยๆ ถูก ครอบคลมุ ดว้ ยนำ�้ ทำ� ใหส้ ามารถเดนิ เรอื ไปตามทางทช่ี ดิ กบั ขอบของเนนิ เขาสว่ น ทพี่ น้ จากการทว่ มถึงของกระแสน�ำ้ ได้ เป็นช่วงเวลาอันยากเยน็ ส�ำหรับคนเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นคนถือ ท้ายเรือที่ต้องร่วมมือกันบังคับพายอันยาวเหยียดในกระแสน้�ำท่ีมีก�ำลังอัดสูง นานนับเป็นช่ัวโมงๆ เพื่อหลบหลีกก้อนหินต่างๆ พวกเขาดูจะดีอกดีใจเมื่อได้ มาถงึ สถานทอี่ นั สงบเงยี บกวา่ ทม่ี ชี อื่ วา่ อา่ งปลาบกึ ณ ทน่ี เี้ รากลบั มาไดย้ นิ เสยี ง ปลาล้ินหมา7 ดีดตัวอยู่ในท้องน้�ำใต้ท้องเรือเสียงดังปึงปังอีกคร้ังซ่ึงแสดงให้รู้ ว่าระดบั น�ำ้ ยังคงลกึ อยู่มาก เมอื งเวยี งจนั ทน์ เมอื งหลวงเกา่ แกข่ องหวั เมอื งชอ่ื เดยี วกนั ทป่ี ระสบความ สำ� เร็จในการก่อกวนท�ำลายบ้านใกลเ้ รอื นเคยี งตา่ งๆ มาต้งั แตต่ อนต้นศตวรรษ 7 “ปลาลนิ้ หมา” สง่ิ แรกทใ่ี หส้ งั เกตกค็ อื เหมอื นเสยี งกระโดดขององึ่ อา่ ง จะไดย้ นิ เฉพาะในน�้ำลกึ และมเี สยี งดงั กงั วานกวา่ เปน็ เสยี งทไี่ ด้ยนิ เม่ืออยูใ่ นแม่นำ้� ทุก ๆ สายของสยาม กลา่ วกนั วา่ ทว่ งทำ� นองอันไพเราะน้เี กดิ จากแรงส่นั สะเทอื นของตัวปลาที่ กระทบกบั ทอ้ งเรอื น่ันเอง – ตน้ ฉบบั

ห้าปีในสยาม เลม่ ๑ 281 เปน็ เมอื งซง่ึ ยงั คงปรากฏวแ่ี ววแหง่ ความรงุ่ เรอื งงดงามในอดตี กาล ดไู ดจ้ ากซาก ปรกั หกั พงั อนั วจิ ติ รงดงามของวดั พระแกว้ วดั หลวงและวดั อน่ื ๆ เปน็ ความงดงาม ที่ตรงข้ามกับ วัดต่างๆ ในเมืองหลวงพระบาง ซากปรักหักพังเก่าแก่ซึ่งยังคง หลงเหลอื อยทู่ น่ี สี่ ว่ นใหญส่ งั เกตเหน็ ไดช้ ดั เจนในเรอ่ื งความสงู ของตวั อาคาร ซง่ึ ก็คงเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดเร่ืองหน่ึงของความพยายามในการสร้างงาน สถาปตั ยกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย สง่ิ ก่อสร้างต่างๆ นนั้ ต้ังตระหง่านอยดู่ า้ นใน ก�ำแพงเก่าที่ถูกท�ำลายยับเยินตรงข้ันบันไดข้ันบนสุด เสาสูงและหน้าต่างเป็น แบบบานแคบๆ นำ� สายตาใหไ้ ตส่ งู ขนึ้ ไปตามขนาดความกวา้ งทลี่ ดลง ทำ� ใหร้ สู้ กึ วา่ มนั ดสู งู ลบิ ลว่ิ เปน็ พเิ ศษ หากแตก่ ระเบอื้ งแพรวพราวทใี่ ชม้ งุ หลงั คาเกา่ ทม่ี มี า แต่เน่ินนานน้ันได้หายไป และตอนนี้มักจะท�ำเป็นแผ่นเกล็ดบอบบางแสดงรูป ลกั ษณท์ างศาสนา (Ficus religiosa) ทม่ี ีลกั ษณะทงั้ น่าสะพรงึ กลวั และงดงาม ประดับอยูบ่ นสว่ นยอด๑ วดั หลวงเป็นตวั อย่างหนึ่งของการผสมผสานกนั อยา่ ง พิเศษสุดของสถานท่ีอันศักดิ์สิทธิ์และที่ม่ันป้องกันภัยซึ่งรอดพ้นจากการถูก ระเบยี งวดั ๑ น่าจะหมายถงึ สว่ นที่เป็นเชงิ ชายซึง่ นิยมท�ำเป็นรปู พญานาคมเี กล็ดตั้งข้นึ เป็นแถวลาดลงตามเสน้ ขอบของหนา้ จว่ั ส่วนหวั นัน้ จะหักงอและต้งั ขึน้ ทบี่ ริเวณส่วนลา่ ง – สวป.

282 บทท่ี ๑๐ หัวเมืองลาว - แมน่ ำ�้ โขง (ตอนตอ่ ) ท�ำลายมาได้ จนกระท่งั ถงึ ปี พ.ศ. ๒๔๓๐ ทีพ่ วกฮ่อจ�ำนวน ๘๐๐ คน ได้เคล่อื น พลลงมาและไดม้ กี ารคน้ พบยอดสงู สดุ ของเจดยี ท์ พี่ วกโจรตดั โคน่ ลงมาหมกซอ่ น ไว้ในโคลน การกระท�ำให้เสื่อมเสียเช่นน้ีสร้างสมความคลั่งแค้นให้แก่พระยา มหาอำ� มาตย์และเหลา่ ประชาชนอยา่ งสดุ แสน หลังจากการต่อสูอ้ ยา่ งเขม้ แขง็ พวกเขาจงึ ชว่ ยกนั เกบ็ รวบรวมเศษเลก็ เศษนอ้ ยทพี่ วกโจรปลน้ สะดมไปนำ� กลบั เข้าไวใ้ น วัด ท้ังยังจบั กมุ และประหารชีวิตพวกโจรทุกคนไดจ้ นหมดสิ้น สถานท่ีต้ังของเมืองเวียงจันทน์น้ันเลือกสรรมาได้อย่างเหมาะสม เป็น ทรี่ าบลมุ่ อนั อดุ มสมบรู ณม์ แี หลง่ นำ้� ปอ้ นจากแมน่ ำ�้ โขงและแมน่ ำ้� งมึ ซง่ึ เปน็ แมน่ ำ้� สายยอ่ ยทแี่ ยกจากแมน่ ำ้� โขงทางทศิ เหนอื ทง้ั ยงั เปน็ ประตสู ทู่ รี่ าบสงู ทงุ่ เชยี งคำ� อันงดงามได้อีกทางหนึ่ง หมู่บ้านตามริมฝั่งน้�ำอยู่ภายใต้ร่มเงาอันร่มครึ้มของ ต้นไทรและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสวนผลไม้แลดูม่ังคั่งสมบูรณ์และเป็นสุข พวก ฝร่ังเศสคงไม่อาจท�ำส่ิงใดได้ดีไปกว่าให้การฟื้นฟูเมืองหลวงเก่าแก่น้ีตามฐานะ ความสำ� คญั แตเ่ กา่ ก่อนของมัน หนึ่งวันของการเดินทางจากเวียงจันทน์ไปท่ามกลางตลิ่งดินเหนียวข้น คลกั่ ทง้ั ๒ ฟากฝ่ัง และแล้วพวกเราก็เดินทางถงึ เมืองหนองคาย วธิ ีเปา่ “แคน” (ภาพร่างโดยชาวสยาม)

หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 283 ศรีชมพพู าน พญาวานร บทที่ ๑๑ หวั เมอื งลาว (ตอนตอ่ ) - ที่ราบสูงโคราช หนองคาย - โคราช - การตดิ ตอ่ และการคา้ - ดงพญาเย็น โคราชตอนหนา้ แลง้ ใน พ.ศ. ๒๔๓๙ ทางรถไฟ - สถานกงสลุ ฝร่งั เศส ----------------------------------- เมื่ออยู่ท่ีหนองคายพวกเรามีความรู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้ๆ บ้านอีกครั้ง จากเนนิ ตลงิ่ ทสี่ งู ชนั เหนอื ลำ� เรอื มองออกไปทางใตข้ า้ มสทู่ ร่ี าบลมุ่ อนั กวา้ งใหญ่ ไพศาลพวกเรากไ็ ดเ้ หน็ ตน้ ตาล1 ทง้ั ดงยนื ตน้ อยอู่ ยา่ งอา้ งวา้ ง เหน็ ยอดตาลกำ� ลงั แกว่งไกวราวกบั วา่ เปน็ การต้อนรับพวกเรา

284 บทที่ ๑๑ หัวเมืองลาว (ตอนต่อ) - ท่ีราบสูงโคราช ความอา้ งวา้ งท่งี ดงาม ด้วยภาพของต้นตาลโตนดทย่ี นื ตน้ สูงชะลูดอย่าง กร้าวแกร่งแต่ล�ำพังที่มักจะพบได้ตามท่ีเปล่าเปลี่ยวเวิ้งว้างต่างๆ ตรงท่ีซึ่งท้ัง สายลมและสายฝนพร้อมใจกันกระหน่�ำซัดสาดใส่มัน อีกทั้งแนวป่ายังท้ิงช่วง ระยะหา่ งออกไปทางเบอ้ื งหลงั อยา่ งพอเหมาะพอควร ตน้ ตาลเปน็ พชื ในตระกลู ปาล์มท่ีดูอ่อนช้อยน้อยที่สุดและดูแข็งแกร่งท่ีสุด ปลายยอดของมันยามต้อง สายลมไมเ่ คยสะบดั พลว้ิ อยา่ งตน้ มะพรา้ วหรอื ตน้ หมากทบ่ี อบบางเลย หากแต่ ใบอนั แหลมเฟย้ี วของมนั จะชปี้ ลายอยา่ งทา้ ทายตดั กบั ทอ้ งฟา้ และจะรว่ งผลอ็ ย ตกลงมาตามลำ� ตน้ กต็ อ่ เมอื่ เวลามนั ทงิ้ ใบแหง้ ตายเพอ่ื หลกี ทางใหใ้ บออ่ นไดแ้ ตก ยอดออกมาใหม่ มันมีไส้ในที่ออ่ นน่มุ เช่นเดียวกบั พชื หลายๆ ชนดิ ท่ภี ายนอกดู หยาบกรา้ น เสยี งใบไมส้ ะบดั ละอองนำ�้ ยามเมอ่ื ตอ้ งสายลมอนั ชมุ่ ฉำ�่ นนั้ นบั เปน็ ทว่ งทำ� นองดนตรอี นั ออ่ นหวานไพเราะทสี่ ดุ เพลงหนงึ่ ในโลก ลกู ตาลและนำ�้ ตาล ที่ผลิตได้จากมันมีรสชาติอร่อยล�้ำท้ังคู่ ซ่ึงชาวสยามที่ตระหนักถึงคุณค่าของ มันดี แล้วมักจะพูดกันด้วยว่าของเหลวท่ีคั้นออกมาจากมันเป็นของมึนเมาที่ ลอ่ ลวงใจและรา้ ยแรงเปน็ ทส่ี ดุ ตน้ ตาลมกั จะแกวง่ ใบอยเู่ หนอื ขา้ พเจา้ ดว้ ยอาการ ชวนมองเป็นอย่างยิ่ง อันเน่ืองมาจากมันเป็นพืชที่มักจะเจริญเติบโตได้ดีใน บริเวณพ้ืนท่ีมีอากาศบริสุทธ์ิและมันมักจะยืนต้นอยู่ในท�ำเลที่มีภูมิประเทศที่ งดงามยงิ่ เสมอ ในวนั นนั้ ขณะทเ่ี ราไดท้ กั ทายมนั อยา่ งยนิ ดปี รดี า ใจของขา้ พเจา้ ก็นึกถึงมันเช่นของมีคุณค่าอย่างหน่ึงท่ีข้าพเจ้าหวังจะได้พบเห็นอีกคร้ัง มัน เหยยี ดล�ำตน้ ตรงด้วยความสูง ๕๐ ฟตุ อยเู่ หนอื แหลมทรายอันเงยี บเหงาทีย่ ืน หยดั ตอ่ ตา้ นแรงซดั กระหนำ�่ จากลมมรสมุ ทง้ั ๒ ฟากฝง่ั อยา่ งกลา้ แกรง่ พรอ้ มกบั ทร่ี บั ฟงั เสยี งคลน่ื กระแทกกระทนั้ อยา่ งไมห่ ยดุ หยอ่ นอยชู่ ว่ั นาตาปี มนั เปน็ เพอ่ื น เก่าที่ขา้ พเจา้ ได้หลับนอนอยภู่ ายใต้รม่ ใบที่กระทบกนั ดังแกรกกราก และมันก็ บอกต�ำแหนง่ ทแ่ี มน่ ย�ำขณะทเ่ี ราอยใู่ นทอ้ งทะเลหา่ งออกไปไดห้ ลายไมล์ แมแ้ ต่ ชาวสยามก็ยังแสดงอารมณ์ออกมาเหมือนเวลาที่ได้เห็นของท่ีคุ้นเคยกันดีอีก คร้งั โดยชายคนแรกตรงบรเิ วณเนินสูงบนตลิง่ ตะโกนมาข้างหลังว่า “มาตรงน,ี้ 1 Borassus flabelliformis – ต้นฉบบั

ห้าปีในสยาม เลม่ ๑ 285 เรว็ ๆ มาดูกัน : มีต้นตาล แบบเดยี วกบั ทกี่ รงุ เทพฯ เลย” แล้วพวกเขาก็จะเร่ง รบี กนั มากขน้ึ รอยเกวยี นแตกแยกออกไปทกุ ทศิ ทกุ ทางอยเู่ บอื้ งหนา้ สายตาอนั ลงิ โลดของพวกเขา เสียงครวญครางของล้อ เกวียน ดงั แวว่ ลอยมาตามสายลม ช้าๆ บอกให้รูว้ า่ พวกเราได้ลาจากภูเขามาแลว้ อยา่ งแท้จรงิ และเบือ้ งหน้าเรา ขณะน้กี ็คือพ้ืนที่ราบ พวกเขาทกุ คนมีอาการรา่ เรงิ เป็นอันมาก ส�ำหรบั พวกเขา มนั เปน็ ความรสู้ กึ เหมอื นการไดก้ ลบั บา้ น ตลอด ๓ วนั ทกุ คนลม้ เจบ็ แตก่ ย็ งั มอี ยู่ สองคนท่ีแข็งแรงพร้อมส�ำหรับการเดินทาง พื้นท่ีกว้างขวางยิ่งใหญ่และระยะ ทางไกลของทรี่ าบขนาดมหมึ าทอ้ งฟา้ กวา้ งสดุ ลกู หลู กู ตาทม่ี กี ลมุ่ เมฆฝนทท่ี ำ� ทา่ จะโปรยปรายสายฝนไปทวั่ ขอบฟา้ กวา้ งอนั มแี ถบเปน็ เสน้ สดี ำ� บางเบาทดี่ เู หมอื น จะเป็นลางรา้ ยสำ� หรับนักเดนิ ทาง ทง้ั หมดเหมือนจะบอกถงึ ความหมายทแ่ี ปร เปล่ยี นไปจากกระแสน�้ำอันเชยี่ วกราก ป่าเขาและพิษไข้ท่พี วกเขาได้ประสบมา มากพอแล้ว การท่ีจะเปล่ียนสภาพเป็นดีข้ึนหรือเลวลงนั้นไม่ได้ท�ำให้พวกเขา วิตกอันใดเลยขอแต่เพียงการเปล่ียนแปลงนั้นจะท�ำให้พวกเขาทุเลาจากภาระ หนกั ท่ผี า่ นมาในอดีต เม่ือ ๔ เดอื นท่ีแลว้ พวกเรายังเกิดอาการดใี จพอๆ กันท่ี จะไดพ้ ้นไปจากทีร่ าบและจะได้ปนื ป่ายสนั เขาลูกแรก พอเดอื นหน่งึ ถัดมาพวก เรากร็ สู้ กึ โลง่ อกทสี่ ามารถลบเลอื นเรอื่ งทร่ี าบสงู โคราชทง้ั หมดออกไปจากความ ทรงจ�ำได้ แตอ่ ย่างไรเราก็ยังคงโหยหาถงึ ความเมตตากรุณาท่ีมนั ไดใ้ หบ้ ทเรียน แหง่ ชีวิตแกเ่ รา ชมุ ชนเมอื งหนองคายทอี่ ยกู่ นั อยา่ งกระจดั กระจายนนั้ มจี ำ� นวนประชากร ประมาณ ๕,๐๐๐ คน และเปน็ เมืองสำ� คญั ท่สี ุดท่ีอยู่ระหวา่ งโคราชและหลวง พระบาง มันคงด�ำรงอยู่ได้ก็เน่ืองมาจากการล่มสลายของเมืองเวียงจันทน์ใน พ.ศ. ๒๓๗๑ (ค.ศ.๑๘๒๘) ต้ังแตเ่ มือ่ ชาวสยามได้ไปต้ังค่ายบัญชาการหลกั ตรง แม่น้�ำโขงทีเ่ มอื งหนองคาย และเม่อื เร็วๆ นม้ี นั ก็ได้กลายมาเปน็ ศนู ยบ์ ัญชาการ ทมี่ คี วามส�ำคญั มากยิง่ ขนึ้ ในการกระจายกำ� ลังออกไปสุดเขตด้านทิศเหนือของ ท่รี าบสูง ซ่ึงพ่อค้าชาวจนี ได้ใชเ้ ป็นเสน้ ทางการคา้ ขายจากเมอื งโคราช เรือนับ เป็นร้อยๆ ล�ำต่อปีพากันเดินทางไปมาระหว่างหลวงพระบางและหนองคาย

286 บทที่ ๑๑ หัวเมืองลาว (ตอนต่อ) - ท่รี าบสงู โคราช ดังนั้นสัดส่วนการค้าขายในอดีตท่ีลงไปทางทิศใต้ยังคงอาศัยเส้นทางสายนี้ แตม่ สี ินค้าเพยี งไมก่ ี่อยา่ งทีเ่ กนิ กว่า ๒๐ cwt๑ และการค้านี้ไดล้ ดจ�ำนวนลงใน ปถี ัดๆ มา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ท่านข้าหลวงประจ�ำ เมอื งทรงเปน็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และทรงเปน็ หัวเร่ียวหัวแรงท่ีส�ำคัญย่ิง พระองค์ทรงมีความรู้ทางเคมีบ้างเล็กน้อยและทรง เปน็ นกั ปฏริ ปู คนสำ� คญั สำ� หรบั พวกเราแลว้ พระองคท์ รงเปน็ กนั เองมาก กติ ตศิ พั ท์ ในเรื่องพระเมตตากรุณาของพระองค์ต่อบุคคลท่ีผ่านมาถึงกองบัญชาการอัน หา่ งไกลของพระองคน์ น้ั เลอื่ งลอื ไปทว่ั พระองคท์ รงมชี วี ติ อนั เปลา่ เปลยี่ วอยา่ ง ท่ีไม่มีผู้มีฐานันดรศักดิ์คนใดเสมอเหมือน ซ่ึงน่าจะเป็นคุณลักษณะท่ีชนชั้นสูง คนอนื่ ๆ ในสยามควรยดึ ถอื เปน็ แบบอยา่ ง การพจิ ารณาลำ� ดบั ชนั้ ของขา้ ราชการ เหมือนจะดูได้จากระดับความดังของเสียงยามเม่ือเขาพูดกับผู้น้อย ดังนั้นใน บางครั้งข้าราชการช้ันสูงจึงมีนิสัยอันไม่สมควรติดตัวมานั่นก็คือการตะโกนใส่ หน้าแขก ไม่ว่าจะตอบค�ำถามสั้นหรือยาวเขาก็มกั จะไม่สนใจฟัง ในไมช่ า้ ความ คิดก็คงจะกระเจิดกระเจิงเพราะเสียงดังของอีกฝ่ายหนึ่ง และคนพูดก็จะถูก ขัดจังหวะทันทีด้วยสียงดังสนั่นท่ีเกริ่นน�ำข้ึนมาเพื่อเปลี่ยนไปพูดเร่ืองใหม่ เมอื่ เขา้ ไปพบขา้ ราชการเสยี งดงั เหลา่ นท้ี บ่ี า้ นของเขาเราจะมโี อกาสพดู เพยี งครง้ั หรือสองครั้งเท่าน้ัน ข้าพเจ้ามักพบเสมอว่า เน้ือหาแท้จริงที่พูดกันอยู่ซึ่งเกิด จากลูกคทู่ ค่ี อย “เส้ยี มสอน” จะเป็นค�ำพดู ทมี่ ีนำ้� หนักเหนือคำ� พดู อ่นื ๆ ตลอด กาล และเนื่องด้วยเป็นความนิยม ส�ำหรับคนหมู่มากของสยาม พระองค์เจ้า ชายประจกั ษจ์ งึ ทรงสวมฉลองพระเนตรสเี ขม้ บางคนกไ็ ดร้ บั การปกปอ้ งคมุ้ ครอง จากพระองคอ์ ยา่ งท่พี วกเขาต้องการเสมอมา ซ่งึ เป็นพระกรณุ าทซี่ ่อนอย่เู บ้ือง หลังฉลองพระเนตรสีเข้มและเรียวพระมัสสุ จึงอาจจะเป็นเร่ืองยากที่จะวัดได้ ว่าในค�ำพูดของพระองค์นั้นประกอบไปด้วยความจริงหรือความเท็จมากน้อย กว่ากันเพียงใด ส�ำหรับข้าราชการชาวสยามบางคนแล้วหากว่ามีใครพยายาม ๑ Cwt = hundredweight (หนึง่ ร้อยสว่ นของน�้ำหนัก) – สวป.

หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 287 พิสูจน์หาข้อเท็จจริงในดวงตาของพวกเขา ผลก็คงจะต้องถูกพิพากษา แขวนคอกนั ไดส้ ถานเดยี ว ดงั นน้ั แวน่ สเี ขม้ จงึ นบั วา่ เปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ สำ� หรบั บคุ คลเชน่ น้นั สว่ นคนอื่นๆ ควรหลีกเล่ยี งแวน่ สีเขม้ เนื่องจากมนั เหมาะสำ� หรับ คนทางตะวันออกซ่ึงมีบุคลิกที่แสดงความไม่สุจริตอยู่เสมอ และเมื่อเป็นเช่นนี้ ความเข้าใจผดิ พลาดจึงอาจเกดิ ขึน้ ได้ ขา้ พเจา้ คดิ วา่ ขา้ หลวงบางคนมกั จะปรบั ปรงุ ทา่ ทใี นแบบทคี่ อ่ นขา้ งจะใช้ ความมานะพยายามมากกว่าใช้วิจารณญาณ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่มีโอกาสท่ีจะพูด ออกไปอย่างนน้ั พระองค์เจ้าชายประจักษฯ์ ทรงวติ กกงั วลในเร่อื งทจี่ ะชกั ชวน ชาวลาวให้เข้ามาต้ังถ่ินฐานและเข้ามาท�ำการค้า และให้ชาวลาวท�ำงานต่อไป เรอื่ ยๆ ในชว่ งตอนบ่าย แทนท่จี ะสูญเสยี เวลาไปกบั การเลน่ แคน และการมี เพศสมั พนั ธ์ เชอื่ แนว่ า่ พวกเขาคงไมป่ รารถนาสง่ิ ใดมากไปกวา่ นี้ หากแตป่ ระชาชน ไมส่ ามารถเขา้ ใจในเจตนารมณข์ องพระองคแ์ ละนำ� มาปฏบิ ตั ไิ ด้ จงึ ยงั คงใชช้ วี ติ เรื่อยเปื่อยของพวกเขาต่อไป ท�ำการไถหว่าน เพาะปลูกและท�ำการเก็บเก่ียว พชื ผลขณะทฤ่ี ดกู าลผา่ นไป ทำ� การรอ่ นหาแรท่ องในผนื ทราย การเดนิ ทางเขา้ ไป ในป่าเป็นบางคร้ัง และเดินทางด้วยกองคาราวานไปยังเมืองโคราช หรือไม่ก็ ออกหาปลาสำ� รวจรอ่ งรอยเพ่อื จับ ปลาบึก ท�ำการทอผ้าไหมของตนเอง สร้าง และมงุ แฝกกระทอ่ มของตน ทำ� เรอื ขดุ ไวใ้ ช้ ซอ่ มแซมเกวยี นลงมอื ท�ำ แคน ดว้ ย ตนเองและปรบั แต่งเสยี งยามเมอ่ื พระอาทติ ย์อัสดง กรมหมืน่ ประจักษฯ์ ยอ่ ม ทรงรสู้ กึ ผดิ หวงั ในตวั พวกเขาทกุ ๆ เรอ่ื ง แตก่ ารปฏริ ปู ใดๆ ยอ่ มตอ้ งใชเ้ วลาและ ไมค่ วรจะดึงดนั ยัดเยียดมันลงไปให้ผ้คู นยอมรับ หากแต่พระองค์กท็ รงมีความ สนพระทัยอย่างมากท่ีจะเปิดเผยให้รู้ว่าพระองค์นั้นทรงเปิดโอกาสท่ีจะรับฟัง ความคิดเห็นของคนอ่ืนๆ ด้วยเชน่ กัน ระหวา่ งพำ� นกั อยทู่ เ่ี มอื งหนองคายบางครงั้ พวกเราไดอ้ อกไปขมี่ า้ ชมเมอื ง ทา่ มกลางบรรยากาศอนั นา่ ประทบั ใจ ขา้ พเจา้ ขอยมื ลกู มา้ ทมี่ พี ละกำ� ลงั ดมี าได้ ตวั หน่งึ มนั เป็นลกู มา้ สีนวล มีความสูงขนาด ๑๓ แฮนด๑์ ซง่ึ เป็นมา้ ท่ีหาไดค้ ่อน ๑ hand = หนว่ ยวดั ความสงู ของม้า เทา่ กับ 4 นิว้ – สวป.

288 บทท่ี ๑๑ หวั เมอื งลาว (ตอนต่อ) - ท่รี าบสงู โคราช ข้างยากเพราะม้าที่เลีย้ งอยู่ในเมืองโคราชจะสูงไมเ่ กิน ๑๒ หรือ ๑๒.๕ แฮนด์ พวกเราไดพ้ บมา้ เหลา่ นใี้ นภายหลงั เปน็ จ�ำนวนมาก ทพี่ วกมนั ตอ้ งการดเู หมอื น จะเป็นการน�ำเอาสายพันธุ์ใหม่เข้ามาผสม การดูแลท่ีดีกว่าและการฝึกฝนที่ดี กวา่ น้ี มนั เหมอื นเปน็ กฎเสยี ทเี ดยี ววา่ มา้ ตวั เมยี ตอ้ งมขี นาดเลก็ มาก ๆ ซง่ึ ขา้ พเจา้ เคยเห็นอย่บู า้ งท่ีสงู ไม่เกนิ ๑๑.๕ นว้ิ คุณลกั ษณะทว่ั ๆ ไปของลูกม้าทร่ี าบสูง โคราชและสยาม ไดแ้ ก่ สว่ นปากและจมกู มขี นาดเลก็ เหนยี งใหญ่ หน้าอกยน่ื ออกมา คอหนาสัน้ หน้าอกแข็งแรง ขนแผงคอโคง้ ชว่ งไหล่เหยยี ดตรง ขาเรียบ ขอ้ เทา้ ตงั้ ตรง ตีนเลก็ ลำ� ตัวดูใหญม่ ากเม่ือเทยี บกบั ขนาดขา บนั้ ทา้ ยกลมใหญ่ ท่สี ดุ (จากวงรอบไปจนถงึ ปุ่มขอ้ พบั ขาค่หู น้าจึงไกลกันมาก) ตัวกลม ขาไมค่ ่อย แขง็ แรง ลุกกระเดือกเอยี ง หางลากต่�ำมาก ปรกตเิ ป็นสเี ชสนัท (สีน้�ำตาลแก่) แตก่ ม็ สี ดี ำ� สขี าว และสเี ทาดว้ ย พวกมนั ไมเ่ คยไดร้ บั การฝกึ ฝนทเี่ หมาะสม และ มีปากทแี่ ข็ง แมจ้ ะตัวเล็กแต่พวกมนั ก็พยศเอาการ ซึ่งวธิ กี ารแบบคนพน้ื เมอื ง ทจี่ ะทรงตวั อยบู่ นเบาะและวธิ ดี งึ เชอื กบงั เหยี นผอ่ นแรงดงึ ลกู มา้ ในทกุ ๆ จงั หวะ ทม่ี นั สะบดั ตวั เปน็ วธิ ที ตี่ า่ งกนั ไปของผขู้ แ่ี ตล่ ะคน พวกมนั ตา่ งกม็ อี าการเจบ็ หลงั กันมาก บางทีอาจจะเน่ืองมาจากการเสียดสขี องเบาะหุ้มนวมชนั้ เลวที่ร้อนจัด ซ่ึงนำ� มาใช้แทนอานม้า การฝกึ ฝนเพียงอยา่ งเดียวที่พวกมนั เคยได้รบั ก็คอื เม่ือ ตอนสิ้นสุดการเดินทาง ถ้าผู้ข่ีงอขาท้ังสองข้างให้หมุนวนใต้ล�ำตัวม้า ก็ให้มัน กระชากตวั ขน้ึ ใหส้ งู ทสี่ ดุ เทา่ ทม่ี นั จะทำ� ได้ แลว้ มา้ กจ็ ะถกู ปลอ่ ยเปน็ อสิ ระใหไ้ ป กินนำ�้ กนิ อาหาร และกลับเขา้ คอกมันเองตามแตท่ ่มี ันอยากไป ด้วยความทีม่ ัน เป็นสัตว์ทขี่ ี้เล่น มันจึงมกั พยายามเขา้ ไปยังบริเวณทท่ี ำ� อาหาร หรอื ไม่กเ็ ขา้ ไป ข้างในเกวียนทเ่ี ทยี มดว้ ยโคถกึ ซง่ึ มีพวกจานอาหารสกปรกวางอยู่ ถา้ ไมม่ ีกจิ กรรมพิเศษเล็กๆ นอ้ ยๆ ดังกลา่ วแล้ว วนั ต่อไปมันก็จะแสดง อาการหมดแรงทจี่ ะพาผขู้ ม่ี นั ออกวงิ่ ไปแมเ้ พยี งสกั กโิ ลเมตรเดยี วเทา่ นน้ั ยกเวน้ ในบางพ้ืนท่ีของประเทศสยามที่ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้จะถูกมองข้าม เสมอ

หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 289 ฝเี ท้าท่ไี ดร้ บั การเพาะบม่ ฝกึ ปรอื ก็คือวิธกี ารวิ่ง เรียกไดว้ า่ มนั มผี ีเท้าจดั จา้ นมาก เสียง “กุบกบั ๆ กุบกับๆ” จะทวนซำ�้ ไปซ�้ำมาอยา่ งรวดเร็ว และเสยี ง นจ้ี ะกอ้ งกงั วานมากโดยเฉพาะเมอื่ มนั วงิ่ บนทางทม่ี พี นื้ แขง็ ๆ ในการวงิ่ เทย่ี วหนง่ึ นั้นคนขช่ี าวพื้นเมอื งไมค่ อ่ ยจะคงระยะฝเี ท้าม้าไว้ได้มากกว่า ๓๐๐ หลา จาก นน้ั จงึ ตามมาดว้ ยการกา้ วเหยาะๆ ชว่ งสน้ั ๆ ดงั นน้ั การลอยตวั ขนึ้ จากอานมา้ จงึ ไมจ่ �ำเป็น พวกไม้ป่าจะเจริญงอกงามไดเ้ ปน็ อย่างดอี ยตู่ ามแนวหญ้าที่ขนึ้ ในฤดูฝน และตามรอยหญ้าที่เหลือจากการเผาไหม้ในหน้าแล้ง ม้าจะชอบกินหน่ออ่อน ของตน้ ไผม่ ากกวา่ พชื ผลใดๆ ซงึ่ ทางเดยี วทจี่ ะไดก้ นิ คอื จะตอ้ งเดนิ ทางเขา้ ไปใน ป่าลึกอย่างดงพญาเย็น เราจึงไม่สามารถหาอาหารที่มันชอบมาให้มันกินได้ อาหารทใี่ หก้ นิ หลงั จากทมี่ นั ตอ้ งทำ� งานหนกั กค็ อื ขา้ วเมด็ เลก็ ๆ ทยี่ งั ไมไ่ ดก้ ะเทาะ เปลือกผสมกบั น�้ำใช้กินแทนขา้ วโอต๊ โดยเฉลี่ยแล้วอานม้าท่ีน�ำมาจากอังกฤษหรือจากสหพันธรัฐมลายู๑ น้ันมักจะมีขนาดใหญ่เกินไป หนักและอับร้อนเกินไปส�ำหรับลูกม้าตัวเล็กๆ เหล่านี้ ยิง่ ไปกว่าน้นั เหตุการณ์ท่ีชอบเกิดขึ้นตอนทีจ่ ะออกเดนิ ทางนนั้ กค็ อื คน เดินทางมักจะไม่ยอมเอาลูกม้าไปด้วย เพราะเห็นมันเป็นตัวถ่วงให้ล่าช้า สอง สามปใี หห้ ลงั นขี้ า้ พเจา้ ไดน้ ำ� เอาวธิ กี ารงา่ ยๆ มาใช้ โดยผทู้ ขี่ า้ พเจา้ นบั ถอื เสมอื น พี่ชายประจ�ำอ่าวน้ีเป็นคนแนะน�ำว่าดี วิธีท�ำอานม้าน้ันจะประกอบด้วยโครง อานม้า (มี “dees”)๒ เป็นท่ีส�ำหรับยึดกระเป๋าใส่เสบียงและใส่กล้อง ๒ ตา ส�ำหรับส่องทางไกล เป็นต้น) มีโกลนส�ำหรับสอดเท้าติดอยู่ มีสายรัด (กว้าง ประมาณ ๖ นิ้ว) และผ้าหม่ หนาทพี่ ับจนเหลือขนาด ๑ ใน ๘ ส่วนแลว้ น�ำไปใส่ ไวใ้ นกระเปา๋ ตรงไหลม่ า้ ทง้ั ๒ ขา้ งบรเิ วณทีจ่ ะวางอานม้าไว้ ขา้ พเจา้ พบว่าอาน ม้าแบบนี้จะเบาและเหมาะส�ำหรับลูกม้าตัวเล็กๆ หรือแม้กระทั่งม้าตัวโตท่ีสุด และมนั จะไมร่ ะคายเคอื งตอ่ หลงั อนั บอบบางของลกู มา้ อยา่ งอานชนดิ แรก นอก ๑ ตน้ ฉบับใช้วา่ The Straits น่าจะหมายถงึ ดินแดนอาณานิคมขององั กฤษในคาบสมุทรมลายู ภายใตร้ ปู แบบการปกครองท่ี เรยี กวา่ Straits Settlements ไดแ้ ก่ ปีนงั สงิ คโปร์ และมะละกา – สวป. ๒ หมายถงึ หว่ งโลหะใชส้ ำ� หรบั ยึดสายรดั หรอื เขม็ ขัดรัดอานมา้ – สวป.

290 บทท่ี ๑๑ หวั เมืองลาว (ตอนต่อ) - ทีร่ าบสงู โคราช เหนือจากน้ันยังง่ายต่อการแบกหรือบรรจุติดตั้ง อีกทั้งผ้าห่มผืนหนาๆ ก็มี ประโยชน์เสมอส่วนบังเหียนจะเปน็ ปลอกหนังหุ้มแบบเรียบงา่ ย และถา้ ใชห้ ่วง แล้วบังเหียนขนาดเล็กจะดีที่สุด สายบังเหียนเส้นยาวท�ำจากหนังถักซึ่งเป็น วัตถุดิบที่ดีที่สุดส�ำหรับภูมิภาคน้ีเพราะสามารถปรับแต่งการคุมบังเหียนตาม ลักษณะการใช้งานท่แี ตกตา่ งกนั ได้ ลกู มา้ ทม่ี คี วามสงู และฝเี ทา้ ดที สี่ ดุ มาจากเมอื งชนบทและเมอื งระยอง จะ มรี าคาแตกตา่ งกนั ไปตามแตล่ ะพนื้ ทข่ี องประเทศ สว่ นราคาทจ่ี ะเลอื กเฟน้ และ ต่อรองลูกม้าไดอ้ ย่างเป็นธรรมนนั้ โดยทวั่ ไปจะอยทู่ ่ี ๖๐ บาท (๔ ปอนด์) สว่ น ลกู ม้าคุณภาพดีๆ จะราคาไมเ่ กิน ๑๒๐ บาท (๘ ปอนด์) ชาวบา้ นจะต้องใช้เงนิ ประมาณ ๓๐ ถงึ ๔๐ บาท (๒ ปอนดถ์ งึ ๒ ปอนด์ ๑๓ เพนนี) ในการซือ้ ลกู ม้า ขนาดเล็กกวา่ ปกตสิ กั ตวั ท่ีเขาเลือกแลว้ จนพอใจ ในขณะที่เหลา่ ขา้ ราชการมกั จะจา่ ยเงินในราคาแพงลวิ่ ท้ังยงั เปน็ ผ้ดู ูแลการจดั หาเลือกเฟ้นมา้ ในพื้นที่ อันที่ จริงข้าพเจา้ คดิ วา่ ลกู มา้ ทเ่ี ลีย้ งใช้เชอ่ื งแล้วคงมีอยู่เปน็ จำ� นวนมาก ครั้งหน่งึ น้นั เจา้ ของมา้ เคยปฏเิ สธขา้ พเจา้ อยา่ งเดด็ เดย่ี วทจี่ ะไมข่ ายลกู มา้ ให้ ทงั้ ๆ ทข่ี า้ พเจา้ ไดเ้ สนอราคาใหอ้ ยา่ งงาม เพราะเขากลา่ ววา่ “มนั เช่ืองอยา่ งกบั แมว ถา้ ฉนั ขาย มันไปเด็กๆ คงร้องไห้กันกระจองอแงเป็นแน่” แม้ว่าจะเพ่ิมราคาให้ยังไงก็ไม่ อาจเปล่ียนใจเขาได้ อย่างน้อยมันก็เป็นความรู้สึกอ่ิมเอมใจท่ีในบางคร้ังเราได้ พบกับคนซึง่ ไมไ่ ด้ตอ้ งการจะหาเงินหาทองเอาจากมา้ ตัวเมืองที่ทอดยาวไปตามฝั่งขวาของแม่น�้ำได้อาศัยร่มเงาจากต้นกล้วย และต้นหมากท่ัวทุกหนทุกแห่งจะเห็นมี วัด ขนาดเล็กตั้งอยู่ด้านหลังภายใน ก�ำแพง บ้านหลายๆ หลังล้วนแต่ดูรกรุงรังและปราศจากความเป็นระเบียบ เรยี บรอ้ ย มองเหน็ เหลา่ จณั ฑาลคนจรจดั และหมหู ลายตวั เบยี ดเสยี ดกนั ขวกั ไขว่ อยู่เบื้องหน้าเรา สังเกตเห็นได้ว่าเราได้เข้ามาถึงถิ่นคนจีนอีกครั้ง ซึ่งพวกชาว บา้ นทอี่ ยกู่ บั เราขณะนน้ั มนี สิ ยั ทงั้ เฉอื่ ยชาและไมส่ นใจทจ่ี ะประกอบกจิ การงาน ใดยงิ่ ไปกวา่ ชาวลาวทางตอนเหนอื เสยี อกี ซงึ่ ทจี่ รงิ นา่ จะเปน็ ผลมาจากภมู ปิ ระเทศ ของท่รี าบลมุ่ ทเ่ี ปน็ โคลนเลนอนั น่าเบ่ือรอบตัวพวกเขาน่ันเอง

หา้ ปใี นสยาม เล่ม ๑ 291 ตามเสน้ ทางสายหลักของเมอื งมีรา้ นคา้ อยปู่ ระมาณ ๓๐ ร้าน ซึ่งอย่ใู น ความดแู ลของชาวจนี สนิ คา้ ทจ่ี ดั แยกออกไดไ้ มก่ ป่ี ระเภทเปน็ สนิ คา้ ขององั กฤษ แทบทั้งนั้น ยกเว้นพวกเสื้อท่ีเป็นของญ่ีปุ่น ร่มกระดาษของจีน รวมท้ังสิ้นค้า ของจนี ทงั้ ๒ อยา่ งเปน็ สนิ คา้ ทไ่ี ดร้ ับความนิยมและมปี ระโยชน์ อย่างพวกผา้ ฝ้ายทอเป็นชิน้ ๆ ด้ายฝ้ายเสน้ เล็ก ตะปู รองเท้าสวม รองเท้าแตะ เขม็ ขัด และ ของชิน้ เล็กชน้ิ น้อย ตวั ข้าพเจ้าเองสนใจหมวกมากทีส่ ดุ หมวกฟางกนั แดดของ ขา้ พเจา้ โดยฝนจนพังไปแลว้ ส่วนอีกใบหนง่ึ ที่ทำ� จากขนสัตว์เน้อื หยาบก็ตกนำ�้ หายไปในคราวทเ่ี จอพายฝุ นหนกั เมอื่ ครง้ั ลา่ สดุ ขา้ พเจา้ หาหมวกไดส้ มใจอยาก ใบหนง่ึ ยอดหมวกเปน็ ทรงแหลมสงู เปน็ หมวกแบบเดยี วกบั ทพ่ี วกเครง่ ศาสนา สวมใสก่ นั มากเมอ่ื ๒ - ๓ ศตวรรษมาแล้ว ขา้ พเจา้ มองหารองเทา้ สักคดู่ ว้ ยเช่น กัน คู่สุดท้ายที่ข้าพเจ้าใส่อยู่น่ีเกือบจะขาดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีรองเท้าคู่ไหนที่ ข้าพเจ้าจะใส่ได้ ถึงจะท�ำข้ึนมาด้วยใจรักหรือติดสินบนให้ท�ำก็ตาม คนท่ีใส่ รองเท้าท่ีมีอยู่เพียงไม่กี่คนในสยามเป็นมนุษย์ท่ีถูกปั้นมาให้มีเท้าและมือท่ีเล็ก ทีส่ ดุ เทา่ ทีจ่ ะเลก็ ได้ ดว้ ยความทขี่ ้าพเจ้าเป็นผูช้ ายตวั ใหญ่ ดงั นั้นข้าพเจ้าจึงไม่ อาจสวมใส่สิ่งของตา่ งๆ ของชาวสยามได้ไมว่ ่าจะเป็นรองเท้า หรอื แหวน และ ก�ำไลมือ แมว้ า่ เทา้ ของพวกเขาจะกวา้ งแบบเทา้ ของพวกทไี่ มช่ อบใสร่ องเทา้ มี หวั แมโ่ ปง้ ทโี่ ตขน้ึ อยา่ งเหน็ ชดั และมคี วามแบบบางทตี่ า่ งจากนวิ้ มอื แตพ่ วกเขา กย็ ังใส่รองเทา้ ทม่ี ีขนาดเล็กมาก ท่จี รงิ แมแ้ ต่ชาวเขาคนทเ่ี รียกวา่ ตัวใหญ่ท่ีสุดก็ ยงั มขี นาดรปู รา่ งทก่ี ะทดั รดั พวกเขาไมม่ ที ง้ั ความเครง่ ขรมึ แบบชาวจนี และความ งุม่ ง่ามชกั ช้าแบบพวกขา่ แจะ พวกเขามักจะไม่ค่อยอ้วน แตใ่ นเร่ืองพฒั นาการ ทางร่างกายแล้วพวกนี้จะมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ จนเห็นได้ชัด และมีลักษณะ สมชายชาตรี หากมองดทู เ่ี ทา้ ของพวกเขายามเมอื่ กา้ วเหยยี บขา้ มลำ� ตน้ ไมล้ น่ื ๆ ท่ีอยู่สงู เหนอื กระแสน�้ำแลว้ การทจ่ี ะให้เขาสวมรองเทา้ บู๊ตจากย่านบอนดส์ ตรี ทก็คงจะเป็นเรื่องโง่เง่า เพื่อเป็นการลดระยะทางในอีก ๔๘๓ กิโลเมตร ข้างหน้าโดยใช้วิธีเดินอย่างชาวพื้นเมืองและเพ่ือที่จะถนอมรองเท้าคู่ท่ีใส่อยู่นี้ เพื่อใช้ใสใ่ นงานพิธตี า่ งๆ เพราะมนั ใกลจ้ ะขาดเตม็ ที ข้าพเจ้าขอยืนยันถึงความ

292 บทท่ี ๑๑ หวั เมืองลาว (ตอนต่อ) - ทร่ี าบสงู โคราช ไดเ้ ปรยี บของรองเทา้ สวม เพราะเปน็ ไปไมไ่ ดท้ ใ่ี ครจะสามารถใสร่ องเทา้ ปนื เขา แบบที่มีสายรัดอยู่ระหว่างน้ิวโป้งนั้นได้นอกเสียจากจะเป็นคนที่มีเท้าหยาบ กระดา้ งทส่ี ดุ ชาวสยามทมี่ ากบั ขา้ พเจา้ ตา่ งกไ็ มค่ นุ้ เคยกบั มนั จงึ ไมเ่ คยใสร่ องเทา้ แบบนน้ั ได้เลย เวลาเดียวที่คนใสร่ องเทา้ จะได้เปรียบจริงๆ กค็ ือตอนที่ตอ้ งยำ�่ ไปบนหนิ แหลมคมบนผนื ทรายร้อนระอุ หรอื เมื่อตอ้ งเจอกับแมลงหวี่ เจอปลงิ หรอื ทากทไี่ ตต่ อมสบู เลอื ดอยา่ งเอาเปน็ เอาตาย ความสกึ หรอทเี่ กดิ ขนึ้ บนหนทาง ขรุขระเปียกชุ่มและแห้งผากสลับกันท�ำให้รองเท้าพังยับเยิน รับรองได้เลยว่า ต้องใช้รองเท้าไม่ต�่ำกวา่ ๕ คเู่ ป็นแน่ เมอื่ เสรจ็ สน้ิ ธรุ ะกบั ทา่ นขา้ หลวง พวกเราจงึ ไดเ้ กบ็ ขา้ วเกบ็ ของใสเ่ กวยี น และเรม่ิ เดนิ ทางไปทางใตใ้ นวนั ท่ี ๒๐ คำ� วา่ เกวยี น ซงึ่ หมายถงึ เกวยี นในประเทศ สยามมนั เปน็ เหมอื นเรอื ทใ่ี ชเ้ ดนิ ทางในทอ้ งทที่ รุ กนั ดารในพนื้ ทร่ี าบลมุ่ เปน็ งาน ทพ่ี ัฒนาการประดษิ ฐ์คิดค้นไดอ้ ยา่ งนา่ ชื่นชมเป็นทส่ี ดุ ในการสร้างจะไมม่ ีการ ใชต้ ะปแู มเ้ พยี งสกั ตวั หรอื แมแ้ ตใ่ ชโ้ ลหะในการผกู รดั เพราะแรงสนั่ สะเทอื นและ แรงบีบกระแทกน้นั รนุ แรงเกนิ กวา่ ทโ่ี ลหะใดๆ จะทนทานได้ ตวั เก๋งที่มีรปู รา่ ง เหมือนรถม้าขนาดเล็กนั้นมีน้�ำหนักเบาและไม่สูงนักและมีการท�ำโครงตะเข็บ คลา้ ยกบั เรือ ตรงสว่ นท่เี ว้นเป็นช่องวา่ งๆ แซมไว้ดว้ ยการจบั จีบ ส่วนไม้แกนท่ี แผ่อยทู่ างดา้ นลา่ งกจ็ ะสอบปลายท้งั ๒ ดา้ นเข้าหากนั เปน็ เหมือนโครงกระดกู สนั หลงั ยึดเกง๋ ทั้งหมดไว้ สำ� หรบั ล้อท่ที ้งั กว้างและหนกั นัน้ จะทำ� จากขอบวงล้อ จ�ำนวนส่ีช้ินหรือมากกว่าแล้วน�ำมาประกอบเข้าไว้ด้วยกันและมีไม้ขนาดยาว มากทำ� เปน็ ศนู ยล์ อ้ กระจายนำ�้ หนกั ไปบนเพลาทท่ี �ำจากไมเ้ นอื้ แขง็ โดยจะมกี าร ขนเพลาสำ� รองตดิ ไปด้วย ๓ - ๔ อนั เสมอเมอ่ื จะต้องมกี ารเดินทางไกล โดยจะ มกี ารเสรมิ ไมค้ านเขา้ ไปทบ่ี รเิ วณสดุ ปลายดา้ นนอกตรงสว่ นทย่ี นื่ ออกมาจากดมุ ลอ้ เกวยี นประมาณ ๓ ฟตุ นบั จากดา้ นขา้ งตวั เกวยี น แลว้ นำ� ไปไขวต้ รงึ กนั ไวข้ า้ ง ใต้ไม้คาน ๒ ทอ่ นท่ีอย่ทู า้ ยเกวียน ดังนนั้ นำ�้ หนกั จึงกระจายออกไปยงั หลาย ๆ ส่วน อันตรายจากการพังยุบลงมาจากการผูกตรึงจนแน่นหนาคงเกิดข้ึนไม่ได้ ง่ายๆ ท่ีตรงปลายด้านในของเพลาไม้จะยึดแน่นและหมุนอยู่ในเบ้าไม้เน้ือแข็ง

ห้าปีในสยาม เล่ม ๑ 293 ทอ่ี ยใู่ ตต้ วั รถ ถา้ หากวา่ เพลาไดร้ บั การกระแทกจากการตกลงไปในหลมุ ลกึ หรอื ปนี ปา่ ยกระเดง้ กระดอนไปบนกงิ่ ไมท้ ต่ี กหลน่ อยตู่ ามทางกจ็ ะใชว้ ธิ แี กม้ ดั ปลาย ไมค้ านทยี่ นื่ ออกจากตวั เกวยี นและดงึ ออกมาขา้ งนอกจนกระทง่ั เพลาไมจ้ ะหลดุ ออกจากเบ้า เพลาท่ีชำ� รดุ จะถูกดงึ ออกจากล้อและเปล่ียนใส่อันใหมเ่ ขา้ แทนที่ โดยเสียเวลาเพียงไม่ก่ีนาที การมัดด้วยเส้นไม้ไผ่น้ันเหนียวแน่นและมีความ ยดื หยนุ่ อยา่ งนา่ ทง่ึ ทง้ั ยงั ใชพ้ นั รอบบรเิ วณซงึ่ ทรี่ ดั ชนดิ อนื่ ไมส่ ามารถทำ� ได้ ตอน ปลายด้านหน้าของไม้คานจะเชิดข้ึนเหมือนเคร่ืองลากเล่ือนเพ่ือป้องกันไม่ให้ หัวไม้ปักลงไปในโคลนลึกจนเกิดความเสียหาย นอกจากน้ันยังช่วยให้เกวียน เคลอ่ื นไหวยกตัวได้ นำ�้ หนักบรรทกุ ของเกวียนจะอยรู่ ะหวา่ ง ๓ ถงึ ๕ ในหน่งึ รอ้ ยสว่ นของ นำ้� หนกั โดยจะขน้ึ อยกู่ บั สภาพถนน เกวยี นขนาดใหญซ่ งึ่ ใชใ้ นการ บรรทกุ สมั ภาระตา่ งๆ ทางแถบทร่ี าบลมุ่ ในสยาม ในพนื้ ทซี่ งึ่ ทม่ี วี วั ไมม่ ากนกั จะ เทียมด้วยควายขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของล้อเกวียนจะกว้างประมาณ ๘ ฟุต หลังคาจีบของเกวียนในแต่ละพื้นท่ีจะมีรูปร่างต่างกันตามความจ�ำเป็นในการ ใชป้ ระโยชน์ โดยจะช่วยปอ้ งกนั ฝนไดเ้ ปน็ อย่างดี และสามารถใช้เปน็ ทพ่ี กั ผ่อน หลับนอนช้ันเยี่ยมหากว่าเกวียนนัน้ ไม่บรรทุกแนน่ จนเกนิ ไปนัก คนของเรา ๒ คน ไมส่ ามารถจะลงมาเดินอย่างคนอื่นได้ เขาเดนิ ทางไป โดยใช้วิธีการอันเหนือชั้นคือ แต่ละคนจะนอนเหยียดยาวไปในเกวียนของตน และท�ำตัวเหมอื นเป็นเด็กอายุ ๑๔ เมืองโคราชอยู่หา่ งออกไปเป็นระยะทาง ๓๓๘ กิโลเมตร พอ่ ค้าจะตอ้ ง ใช้เวลาเดนิ ทางตง้ั แต่๒ จนถึง ๓ สัปดาห์แลว้ แตส่ ถานการณ์ ในวนั ที่ ๒ ทีห่ ้วย หลวงซง่ึ พวกเราพกั แรมอยูใ่ นสภาพเปยี กแฉะและทรุ กันดารมาตลอดคนื คนที่ มีฝีมือดีของเราคนหน่ึงเกิดล้มเจ็บ ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าเดินทางต่อ ไปโดยเร็วพรอ้ มด้วยคน ๒ คนและเกวียนที่บรรทุกสัมภาระเบาๆ ๓ เล่ม และ พยายามนำ� คนปว่ ยไปยงั เมอื งโคราชอนั เปน็ เมอื งทพ่ี วกเราคงจะไดร้ บั ความชว่ ย เหลอื ทางการแพทยด์ ว้ ยวิธีใดวธิ หี น่ึง

294 บทท่ี ๑๑ หวั เมืองลาว (ตอนต่อ) - ทรี่ าบสูงโคราช พาหนะในการเดนิ ทาง นบั ตง้ั แตค่ ณะเล็กของเราเดินทางล่วงหนา้ ข้นึ มากอ่ น ทำ� ใหพ้ วกทเี่ หลือ เดินทางตามมาอย่างสะดวกสบายข้ึนมาก ภูมิประเทศไม่มีอะไรน่าสนใจและ พวกเรากไ็ มม่ อี ะไรตอ้ งทำ� ทนี่ นี่ อกจากเดนิ ทางผา่ นพน้ มนั ไป ฝนตกโหมกระหน�่ำ อยา่ งหนักหนว่ ง กระแสน�้ำเพิ่มสงู ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ ซึ่งท�ำให้ หนอง หรอื แอง่ น้�ำ ท่โี ล่งกวา้ งกลายสภาพเปน็ บึงที่จะเดนิ ทางผ่านไปไดย้ าก มนั กลายเปน็ ทช่ี ุมนุม ของพวกแมลงหวี่ ยงุ หมัด เห็บและปลงิ ที่คอยสบู เลือดในปริมาณทส่ี ามารถ ชุบชีวติ จ�ำนวนพวกมนั ทีต่ ายไปตั้งแตเ่ มอื่ ๖๐ ปีที่แล้วให้ฟ้นื ขนึ้ มาได้ เราไดร้ ับ ววั ใหมม่ าผลดั เปลย่ี นอกี ครง้ั แตอ่ ตั ราความเรว็ ในการเดนิ ทางของเรากลบั อดื อาด ล่าช้า บางครั้งใชเ้ วลาข้ามกระแสนำ้� กว้าง ๒๘ เมตร ถงึ ๓ ช่ัวโมง โดยทพ่ี วก เราตอ้ งแบกเกวยี นเอาไวบ้ นไหล่ บางคราวตอ้ งกระเสอื กกระสนอยใู่ นโคลนและ นำ้� ทที่ ว่ มถงึ เขา่ ลยุ ขา้ มทงุ่ กวา้ งทม่ี หี ญา้ ขนึ้ สงู เพอื่ ไปยงั บรเิ วณผนื ดนิ แขง็ ชน้ื ซง่ึ อยู่ห่างออกไปอกี ๓.๒ กิโลเมตร ขณะทีค่ นอ่นื ๆ กก็ �ำลงั พยายามอย่างไร้ผลที่ จะดงึ ววั ขน้ึ จากโคลนตมซึ่งดเู หมอื นวา่ มันจะรูต้ ัวดวี ่ามนั ไปอยูใ่ นนน้ั ท�ำไม ทกุ อย่างก็คงเหมือน ๙ วันท่ีผ่านมาของพวกเรา เรายังคงรักษาระดับเฉล่ียของ ระยะทางไวท้ ี่ ๓๔ กโิ ลเมตรต่อวนั แมว้ า่ จะเนื่องมาจากสภาพของหนทางและ

ห้าปใี นสยาม เลม่ ๑ 295 อาการเปน่ิ นบั ครงั้ ไมถ่ ว้ นของเราซง่ึ ทำ� ใหก้ ารเดนิ ทางในเมอื งสยามเปน็ การเดนิ ทางอันสนุกสนานที่ไม่อาจคาดเดาได้ นั่นหมายความว่าเราจะต้องเดินทางไป อกี กวา่ ๑๒ ชว่ั โมงเพอื่ ใหถ้ งึ เปา้ หมาย ลกู มา้ ของขา้ พเจา้ มอี าการปวดหลงั แบบ ทม่ี า้ ในสยามเปน็ กนั ตามปกตแิ ละอยรู่ ง้ั ทา้ ย แตม่ นั กย็ งั คงมอี าการเปน็ มติ ร เจา้ โรเวอร์ตัวเล็กๆ ที่น่าสงสารจ�ำต้องใช้ขาเล็กๆ ของมันแบกรับน�้ำหนักหัวซ่ึง เหมือนจะมีขนาดใหญ่โตในตอนน้ันเพ่ือว่ายน้�ำออกไปให้ไกลท่ีสุด บางทีมันก็ จะมกี ารวง่ิ บา้ งเมอื่ ตอนทมี่ นั ใกลจ้ ะหมดกำ� ลงั สตั วต์ วั ผตู้ วั เลก็ ๆ ทงั้ ๒ ตวั นเี้ ดนิ อยา่ งเขม้ แข็งตลอดท้งั วนั คนทีผ่ า่ นไปผา่ นมากอ็ ดทจ่ี ะหยอกเยา้ ทักทายมนั ไม่ ได้ มนั เป็นลูกจ้างทขี่ า้ พเจา้ ต้องยอมรับวา่ ยงั ไมร่ ู้เหมือนกันวา่ จะให้พวกมันทำ� อะไร คนขบั เกวยี นเปน็ คนหนมุ่ นสิ ยั ดี เปน็ คนคอยตดั ไมฟ้ นื ไว้จุดไฟทีค่ า่ ยพัก แรมและพร้อมเสมอท่ีจะออกเดินทางต่อในตอนกลางคืนเวลาใดก็ได้ยามเมื่อ พระจันทร์เผยออกมาใหเ้ ห็นเพยี งรางๆ แต่ท่กี ล้าหาญที่สุดยามนั้นคือแววตาท่ี เฉยเมยของบรรดาวัวตัวน้อยที่ต้องท�ำงานหนักอย่างเงียบเชียบ ขณะที่พวก แมลงกนิ เลอื ดจำ� นวนมากมายมหาศาลปกั หลกั ดดู เลอื ดอยบู่ นหนอกของมนั จน ดำ� พรดื ส่วนฝงู ปลิงและฝูงทากก็สบู เลอื ดมันอยา่ งอ่ิมหมีพมี ันอยู่ด้านลา่ ง เมอื่ ฝนตกหนกั แบบสดุ ๆ พวกเราจงึ ตอ้ งหยดุ เดนิ ทางเพราะฝนทำ� ใหว้ วั สญู เสยี ความ กล้าหาญและทำ� ให้คอของมันเกิดอาการผื่นคันจึงควรปล่อยพวกมนั หาอาหาร กนิ เป็นการด่วน ส่วนพวกเรากพ็ ากนั ล้มตวั ลงนอนทีใ่ ต้เกวยี น ในระหวา่ งนน้ั เกดิ มคี นๆ หนง่ึ ลม้ ปว่ ยและตอ้ งทนทกุ ขท์ รมานจากอาการ อักเสบในตับที่เกิดข้ึนหลังจากท่ีมีอาการจับไข้มาลาเรียอยู่เป็นเวลานาน พวก เราจงึ เรม่ิ ปรวิ ติ กทีจ่ ะหาวธิ แี กไ้ ข ขา้ พเจา้ ตระหนกั วา่ การทเ่ี กวียนทีเ่ ขานอนอยู่ มอี าการส่นั เขย่าอย่างไม่หยุดหย่อนนัน้ คงเปน็ ไปได้ที่มันจะเปน็ อาการที่แสดง ให้เห็นว่าเขาก�ำลังจะพ้นจากอาการบวมอักเสบภายในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ตอนทพ่ี วกเราเดนิ ทางมาจนถงึ โคราชเขากย็ งั คงมชี วี ติ อยู่ และกจ็ วนจะฟน้ื จาก ไข้ภายในเวลาไมน่ านนกั และสามารถเดนิ ทางกลบั ไปยังกรุงเทพฯ ได้ แต่แม้

296 บทที่ ๑๑ หวั เมืองลาว (ตอนต่อ) - ท่รี าบสูงโคราช พวกเราจะพอใจมากในสภาพที่เราเป็นอยู่ อีกท้ังเกวียนท่ีเราเคยเจอก็ท�ำให้งง มากทเี ดยี ววา่ มนั เดนิ ทางในสภาพอากาศแบบนนั้ ในอตั ราความเรว็ ขนาดนน้ั ได้ อย่างไร จึงไม่มีพวกเราสักคนเดือดร้อนใจท่ีจะต้องเดินทางซ�้ำรอยเดิมภายใต้ สถานการณท์ ่คี ลา้ ยๆ กนั นั้น ท่ีราบสูงท่ีเราได้เดินทางข้ามผ่านมามีความสูงโดยเฉล่ียเหนือระดับน�้ำ ทะเลประมาณ ๖๐๐ ฟตุ ประกอบไปดว้ ยหนองน้�ำหลายแห่งทอดตวั อย่ตู าม เขตแดนบริเวณรมิ ฝงั่ แม่น้�ำมลู และแมน่ ้�ำอ่ืนๆ ท่ีไหลลงสูแ่ ม่น้�ำโขง หนองน้�ำ เหล่านี้แยกตัวออกจากกันด้วยสันเขาดินลูกรังเตี้ยๆ ซ่ึงปกคลุมด้วยป่าไม้เน้ือ แข็งต้นเลก็ ๆ มรี ่มเงาทีช่ าวสยามเรยี กตน้ ไมน้ ว้ี า่ โคก ลาดเนนิ ทางตอนเหนือ ของสนั เขานม้ี ที รายปลวิ มากองทบั ถมกนั อยู่ ซง่ึ มนั ถกู พดั ปลวิ มายงั เหนอื สนั เขา น้ีด้วยลมจากทางทศิ ใตซ้ ง่ึ พดั รนุ แรงทส่ี ุด ในระหวา่ งเนนิ เขาและหนองนำ�้ เหลา่ นนั้ จะเหน็ วา่ มตี น้ ไผต่ น้ เลก็ ๆ ยนื ตน้ อยอู่ ยา่ งยากเขญ็ ซง่ึ เกดิ จากการปรบั สภาพตวั มนั เองใหเ้ ขา้ กบั พน้ื ทที่ เ่ี ปน็ เกลอื ในบริเวณเหล่าน้ีจะมีเกลือขึ้นมาเกาะอยู่บนพ้ืนผิวดินชั้นบนจนกลายเป็นผงที่ สามารถแซะออกมาไดล้ กึ หลายนว้ิ จากนน้ั จงึ เตมิ น้�ำเขา้ ไปในภาชนะ น้�ำเคม็ จะ ถกู รินออกและนำ้� จะระเหยกลายเป็นไอในกระทะทตี่ ม้ จนเดอื ด โดยทัว่ ไปงาน น้มี กั จะทำ� กนั หลังจากฤดฝู น แตเ่ กลอื ท่ไี ดน้ ้นั จะหยาบและออกรสขม ท่บี ริเวณอนั น่าพงึ พอใจใกล้ๆ กบั สายนำ�้ จะไดพ้ บกบั หม่บู ้านที่เรียงราย อยทู่ า่ มกลางนาขา้ วและเรอื กสวนตามรายทางจากเสน้ ทางสายหลกั จนดเู หมอื น จะเปน็ ระเบยี บทจี่ ดั แจงใหเ้ ปน็ เชน่ นนั้ สำ� หรบั ทอ้ งทเี่ ชน่ นเ้ี ราจำ� เปน็ จะตอ้ งออก ไปซือ้ อาหาร และส่งหวั หน้าใหอ้ อกไปช่วยน�ำเกวียนข้ามผ่านกระแสนำ้� เวลาท่ี ตอ้ งเจอน้�ำลกึ หมูบ่ า้ นแต่ละแห่งมกั จะมบี า้ นอยู่ไมค่ ่อยถงึ ร้อยหลังคาเรือน มี ของขายเพยี งเลก็ นอ้ ยและโดยทว่ั ไปจะพบพวกลาวพงุ ขาวซงึ่ เปน็ พวกทล่ี า้ หลงั กวา่ พวกพน่ี อ้ งลาวทางฝง่ั ตะวนั ตกในเรอ่ื งการไดร้ บั การขดั เกลาและเรอื่ งความ สะดวกสบายในชวี ิต

ห้าปใี นสยาม เล่ม ๑ 297 บรเิ วณทลี่ ุม่ นำ�้ ตนื้ ตามรมิ ฝงั่ น้�ำมกั มีป่าไม้อันงดงามขึน้ อย่โู ดยรอบ เป็น บรเิ วณทต่ี น้ ยางและตน้ ตะเคยี นขนาดใหญย่ นื ตน้ งอกงามเปน็ กลมุ่ ๆ ทง้ั คนและ ววั ทพ่ี กั แรมภายใตร้ ม่ เงาของมนั ตามลมุ่ นำ้� แลดเู หมอื นตกุ๊ ตา และทำ� ใหบ้ างคน ตระหนักถึงสัดส่วนอันมหึมาของมันก็ตอนที่มาเทียบกับสิ่งกระจ้อยร่อยต่างๆ เชน่ น้ี สายน้�ำซ่ึงไหลเรอื่ ยๆ เออื่ ยๆ อยา่ งเงียบเชยี บท่ีอยู่ต�่ำลงไป ๓๐ ฟตุ นนั้ มองดูบริสุทธิ์เหลือเกิน จนกระท่ังมีวัวเดินไปถึงท่ีน่ันแหละถึงมีคนเห็นว่ามัน เป็นกระแสน้�ำอันพลุ่งพล่าน ในฤดูแล้งมันจะเป็นเพียงผืนทรายอันว่างเปล่าที่ มีบ่อน้�ำขังอยู่ตามเส้นทางเพียงไม่กี่บ่อ ยามเมื่อฝนตกจะเกิดอุทกภัยน้�ำโคลน ขนุ่ คล่กั ทว่ มทน้ ทั่วบรเิ วณพน้ื ทโ่ี ดยรอบ มีอยู่ช่วงหน่ึงของปีที่บริเวณนี้จะไม่มีน�้ำเป็นระยะทาง ๔๘ กิโลเมตร ในขณะท่ีบริเวณอ่นื ๆ จมนำ�้ อย่ใู นความลึกหลายฟตุ ทร่ี าบสูงโคราชเปน็ อาณา บริเวณที่ต้องประสบกับความยากล�ำบากอย่างใหญ่หลวงสุดประมาณเมื่อจะ ท�ำการทดน�้ำและเพาะปลูกมากกว่าพ้ืนท่ีใดๆ ในสยามที่ข้าพเจ้าได้เคยพบ เหน็ มา ดอกเตอรม์ อรร์ สิ นั (Dr.Morrison) กลา่ วโทษไปถงึ ความลา้ หลงั ของผคู้ น ซ่ึงน�ำไปสู่ความไม่ใส่ใจและเกียจคร้าน โดยไม่มองดูว่าเป็นความบกพร่องของ สภาพภมู ปิ ระเทศ เขากลา่ ววา่ “คงตอ้ งอาศยั การพฒั นาครง้ั ยง่ิ ใหญอ่ ยา่ งรวดเรว็ และเต็มขีดความสามารถอย่างแน่นอน” ท่ีเห็นด้วยกับเขาทั้งหมดคงจะเป็น เร่ืองความเกียจคร้านของพวกลาวขาว กลุ่มคนท่ีข้าพเจ้าก็ไม่อาจแสดงความ คิดเห็นใดๆ ให้แตกต่างไปจากน้ีได้ ข้าพเจ้าคิดว่าสภาพภูมิประเทศคงได้ เปลี่ยนแปลงบุคลิกลักษณะของพวกเขาไปแล้วอย่างมากมาย ผู้อาศัยอยู่ตาม ทร่ี าบทกุ คนไดส้ ญู เสยี พละกำ� ลงั แบบทค่ี นภเู ขามไี ปเปน็ บางสว่ น ดงั นน้ั พวกเขา จึงมักจะรับเอาวิธีการท�ำอุตสาหกรรมที่ใหม่และเจริญกว่ามาใช้ แต่ส�ำหรับ ข้าพเจ้าแล้ว พวกลาวขาวแห่งท่ีราบสูงโคราชดูเหมือนจะสูญเสียความว่องไว กระฉบั กระเฉงไปมาก ซง่ึ มนั เปน็ ลกั ษณะทยี่ งั คงพบเหน็ ไดใ้ นหมชู่ นชาตเิ ดยี วกนั ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงพระบาง นอกจากนั้นพวกเขายังไม่สามารถรับเอา สงิ่ ใดๆ เขา้ ไวใ้ นถิน่ ฐานของตนเอง มองจากวัยเด็กของพวกเขาท่ีอยทู่ า่ มกลาง

298 บทที่ ๑๑ หัวเมอื งลาว (ตอนตอ่ ) - ทีร่ าบสูงโคราช ฝงู ควายท่เี อาแต่หลบั ไหลและววั ท่ีทรหดอดทน กระเสอื กกระสนชีวิตไปอย่าง เชอื่ งชา้ ในทา่ มกลางทะเลโคลนและทอ้ งฟา้ คลงุ้ ไปดว้ ยฝนุ่ ควนั มนั ยอ่ มตอ้ งเปน็ บุคลิกลักษณะท่ีแตกต่างไปจากผู้คนท่ีด่ืมกินแต่น้�ำไหลใสกระจ่างและปีนป่าย ขนุ เขานบั พันๆ ฟตุ เพ่ือทจ่ี ะไปให้ถงึ หมบู่ ้านใกลเ้ คยี งเปน็ แน่ จ�ำนวนของเกลือท่ีแทรกซึมอยู่ในพื้นท่ีหลายส่วนบนท่ีราบสูงท�ำให้การ เจรญิ เตบิ โตของขา้ วดอ้ ยลง หมบู่ า้ นจำ� นวนมากจงึ ท�ำการเพาะปลกู ขา้ วไดอ้ ยา่ ง แร้นแค้น หมู่บ้านอันงดงามหลายแห่งที่เห็นอยู่ประปรายตามบริเวณพ้ืนที่ซ่ึง อุดมสมบรู ณก์ ว่ากไ็ มส่ ามารถขยายตลาดการเพาะปลูกข้าวออกไปได้ ดว้ ยเหตุ นกี้ ารเพาะปลกู จงึ ทำ� กนั แบบจำ� กดั จำ� เขยี่ ตราบเทา่ ทยี่ งั ไมม่ กี ารระบายผลผลติ ไปเลยี้ งทรี่ าบสงู โคราช เมอ่ื มกี องคาราวานแมเ้ พยี งไมก่ ก่ี องจากบรเิ วณแผน่ ดนิ เคม็ เขา้ มาเพม่ิ เตมิ เสบยี ง หมบู่ า้ นเหลา่ นจี้ งึ ไมส่ ามารถเพมิ่ เตมิ เสบยี งตามความ จ�ำเป็นพ้ืนฐานได้ การที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกด้วยแนวตะเข็บของเทือก เขาดงพญาเย็น ท�ำให้การแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกันไม่ได้เป็นไปตาม ธรรมชาตใิ นแบบท่ีพวกเขาเข้าใจ ทงั้ ข้าวและเกลือ ววั ควาย2 ไมเ้ นือ้ แขง็ ไหม เครอ่ื งเทศจากป่า เคร่ืองแกง กระวาน ยาสบู หนังสัตวแ์ ละเขาสตั ว์ ส่งิ ตา่ งๆ เหล่าน้ีล้วนเป็นข้าวของท่ีพวกเขาใช้แลกเปลี่ยนระหว่างกันหรือขายให้พ่อค้า ชาวจนี ไมก่ คี่ นทกี่ ลา้ ทจ่ี ะเสย่ี งภยั เดนิ ทางบกุ ปา่ ฝา่ ดงอยา่ งยากเขญ็ หรอื ไมก่ ก็ อง คาราวานท่ลี ุยฝ่าแนวตะเขบ็ ปา่ เข้ามา ส�ำหรับเร่ืองการคมนาคมขนส่งโดยรวมน้ันนับว่าแย่กว่าพื้นที่ใดๆ ใน ประเทศ ระยะทางอนั ห่างไกลทปี่ ราศจากนำ้� ในฤดแู ลง้ เกอื บจะทำ� ใหท้ ัง้ คนทั้ง สตั วด์ ำ� รงชวี ติ อยไู่ มไ่ ด้ ไมม่ สี ะพานขา้ มหนองบงึ และกระแสนำ้� เชย่ี ว ในทา่ มกลาง สายฝน ไมม่ ี ศาลา หรอื เรอื นพักแรมตลอดเส้นทาง และโจรผรู้ า้ ยก็ยังไม่ได้รบั การปราบปราม สว่ นขา้ ราชการกต็ ระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ของการสง่ เสรมิ การคา้ แต่เพียงเล็กน้อยเท่าน้ัน สิ่งเหล่าน้ีเป็นส่วนหน่ึงของสาเหตุแห่งความเซ่ืองซึม เฉอ่ื ยชาของประชาชน ขา้ พเจา้ คดิ วา่ อยา่ งแรกนน้ั เปน็ ผลสบื เนอ่ื งมาจากสภาพ ธรรมชาติของภูมิประเทศ อย่างท่ีสองคือการไร้ความสามารถและการขาด ซง่ึ ความใส่ใจของชนชนั้ ปกครอง 2 ในอนาคต ตลาดใหญข่ องการสง่ ออกววั ควายอาจจะกำ� ลงั เปน็ ทม่ี องหา ในฐานะทบ่ี รเิ วณทร่ี าบสงู เปน็ สถานทซ่ี ง่ึ เหมาะสมใน การเล้ียงดูวัวควายเป็นอย่างยิง่ ซึ่งช่ือเสยี งในเรื่องน้เี ปน็ ที่ยอมรับกนั ทว่ั ไปแลว้ – ต้นฉบับ

หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 299 เมอื งโคราชเปน็ ศนู ยก์ ลางการคา้ ของบรเิ วณทร่ี าบสงู ทงั้ หมด แตม่ พี ลเมอื ง อาศยั อยเู่ พียง ๕,๐๐๐ คน เมืองอุบลและเมอื งใหญ่เมอื งอนื่ ในเขตภูมภิ าคนี้มี พลเมืองเพียง ๔,๐๐๐ คน ตามท่ี ดร.มอร์ริสันส�ำรวจมาจากข้อเท็จจริงว่า “ประชากรที่อยู่ในเมืองใหญ่แห่งหน่งึ ในประเทศจีน ยังมีจ�ำนวนมากกว่าท่ีอยู่ ในจงั หวัดทางภาคตะวนั ออกของสยามท้ังหมด” สถานทซี่ ่ึงเรียกวา่ เมือง นนั้ ตามเกณฑ์แล้วจะมีครัวเรือนอยู่ไม่เกินกว่า ๒๐๐ หลังคาเรือน จนกระทั่งถึง เดีย๋ วน้ีบรรดาโรคภัยไขเ้ จบ็ ต่างๆ ท้ังฝดี าษ โรคบิด และอหิวาตกโรคทรี่ ะบาด ไปเมื่อเรว็ ๆ นก้ี ็ดูเหมอื นจะเป็นปัจจัยท่ีจำ� กัดจำ� นวนประชากรเอาไว้ ซึ่งเคยมี คนตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะมีการเพ่ิมจ�ำนวนข้ึนนับต้ังแต่การสู้รบที่ยืดเยื้อ ยาวนานแต่ก่อนมาได้ยุติลง ประตเู มืองเกา่ ด้านทิศใต้ท่ีเมอื งโคราช


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook