450 ภาคผนวก ๘ แคนและเคร่อื งดนตรีทใ่ี ช้ลมเปา่ ภาคผนวก ๘ แคนและเครื่องดนตรที ่ใี ช้ลมเป่าของชาวลาว แคนเป็นทรี่ ู้จกั กันเฉพาะในกลุ่มชาวลาว ซง่ึ เปน็ ชาวลาวทางตะวนั ออก บรเิ วณทร่ี าบลมุ่ แมน่ ำ้� โขง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ทเี่ มอื งหลวงพระบางและเวยี งจนั ทน์ แหลง่ กำ� เนดิ ของเครอื่ งดนตรนี เ้ี กดิ ขน้ึ บรเิ วณพนื้ ทซี่ งึ่ เปน็ ปา่ เขาของเมอื งหลวง พระบาง ส่วนแคนทพี่ ัฒนาขนึ้ มาเปน็ แคนหา้ และแคนหกน้นั พบได้ในหมู่ชาว มูเซอและชาวเผ่าอืน่ ๆ ทส่ี บิ สองปนั นา บรเิ วณทตี่ ำ่� ลงมาในเขตสยามจะไมพ่ บเครอ่ื งดนตรนี ี้ นอกเสยี จากในหมู่ ชาวลาวที่เข้ามาตง้ั ถ่ินฐานซงึ่ พบเหน็ ได้ตามท่ตี ่าง ๆ ข้าพเจ้าเชอ่ื ว่าในเชยี งใหม่ ไมม่ กี ารเลน่ เคร่ืองดนตรนี ี้ และเมอื งท่อี ยู่ใกล้แม่นำ้� โขงมากอย่างทเี่ มืองน่านก็ มกั จะเลน่ ขลุ่ยกนั มากกว่า ซึ่งโดยทว่ั ไปมกั จะบรรเลงพรอ้ มกนั ๓ เลา ในทัง้ หมดของเครือ่ งดนตรชี นดิ นี้ สว่ นส�ำคัญทีส่ ดุ ของ “ป”่ี ท่ีได้อธบิ าย ไวแ้ ลว้ ในบทท่ี ๑๐ เปน็ ตวั ทท่ี �ำให้เกดิ ระดับเสยี งดนตรี แลว้ ระดบั เสียงที่อ่อน หวานที่สุดที่เกิดข้ึนท�ำให้เห็นถึงความแตกต่างไปจากเสียงแหบห้าวของเคร่ือง ดนตรีเป่าลมส่วนใหญ่ทางแถบตะวันออก แม้แต่เขาสัตว์ที่ใช้เป่าเป็นสัญญาณ ในการลา่ สตั ว์กย็ ังใชล้ นิ้ ปโี่ ลหะแบบเดียวกนั และท�ำใหเ้ กิดระดบั เสยี งนมุ่ นวล แผ่วเย็นเหมือนกัน แคนหา้
หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 451 ดูๆ ไปแล้วความนิยมในการเล่นดนตรีของเขาจะแสดงออกมาด้วยการ เลือกจงั หวะของช่วงพกั หายใจ ในเคร่ืองดนตรีป่ีหา้ เลาของชาว มเู ซอ ทนี่ ำ� มา แสดง ณ ท่ีน้ี ทงั้ ท่ีเปา่ ปากและช่องอากาศจะอย่บู ริเวณกระบอกซึง่ มลี กั ษณะ เปน็ เตา้ แลว้ จึงน�ำเอาป่ที ัง้ ๕ เลามาเสียงไวต้ รงชอ่ งที่เจาะไว้ดา้ นบน โดยจะมี ช่องเจาะแบบเดียวกันไว้ตรงก้นเพื่อปล่อยให้มีช่องเปิดท่ีตรงตอนปลายของปี่ มีการใช้ขี้ผ้ึงตอกหมัน๑ เอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ลมเป่าเล็ดลอดออกไปรอบๆ ปลายปีท่ เี่ ปิดได้ ขณะเดียวกบั ทม่ี ันจะชว่ ยยืดปลายป่ใี หอ้ ยใู่ นต�ำแหนง่ ส�ำหรบั เครอ่ื งดนตรเี หลา่ นเี้ ราจะไมส่ ามารถจดั เสยี งปใ่ี หข้ น้ึ หรอื ลงไดต้ ามทส่ี ง่ั แตร่ ะดบั เสียงของเครอื่ งดนตรีทัง้ สองจะเป็นดังน้ซี ึ่งเป็นระดบั เสยี งในการไตร่ ะดับเสียง สงู โดยใชป้ ่ี L2 , L1 , L3 , R2 , และ R1 ดังภาพ และ โนต้ ดนตรี เพ่ือสะดวกในการเทยี บเคียงข้อมูลทั้งในทนี่ แ้ี ละในทุก ๆ กรณี ปนี่ ้นั จะ แบง่ ออกเป็น R (ขวา) และ L (ซา้ ย) แลว้ แต่ว่าตอนน้ันกำ� ลังเล่นป่แี ถวขวาหรอื แถวซา้ ยทอี่ ยดู่ า้ นหนา้ ของผเู้ ลน่ (ปท่ี อี่ ยขู่ า้ งหนา้ และขา้ งหลงั ตามภาพวาด) และ แตล่ ะแถวกจ็ ะกำ� หนดหมายเลขของปต่ี ามทผี่ เู้ ลน่ กำ� หนด (จากซา้ ยไปขวาตาม ภาพวาด) ๑ ตอกหมัน หมายถงึ การอดุ หรือยัดตามแนวโหว่ดว้ ยดา้ ยดบิ ท่ีผสมกบั ชันและน�ำ้ มันยาง โดยทว่ั ไปใชก้ ับการยัดหรืออุดตาม แนวต่อของเรือ – สวป.
452 ภาคผนวก ๘ แคนและเครอื่ งดนตรที ีใ่ ช้ลมเป่า แคนหก ขา้ พเจ้าเองกย็ งั ไม่เคยไดย้ นิ เสียงเคร่อื งดนตรีชนิดน้ี สำ� หรับแคนหก๑ ทเ่ี ห็นตามภาพ1จะแสดงใหเ้ หน็ ถึงท่อท่เี ป็นเหมือน กบั ไมไ้ ผเ่ นอื้ หนาแทนทจี่ ะเปน็ ลนิ้ ปช่ี นดิ เบา พรอ้ มกบั มขี อ้ ตอ่ เปดิ โลง่ อยขู่ า้ งใต้ ช่องอากาศเสมอและสุดปลายท่อด้านล่างจะเปิดที่เป่าปากและช่องอากาศจะ ท�ำเป็น ๒ ชิน้ ชนิ้ หนงึ่ จะวางต�ำแหนง่ ไว้ตามความยาวของช่องดา้ นบน สว่ นอีก ชน้ิ หนงึ่ วางไวด้ ้านลา่ ง ทงั้ ๒ ชน้ิ วางอยชู่ ดิ กนั ซึ่งแมแ้ ตใ่ นแคนท่ที ำ� ข้ึนใหมๆ่ ก็ยังมองเห็นรอยข้อต่อนี้ได้ยาก มันถูกมัดเข้าไว้ด้วยกันโดยเปลือกไม้ช้ินเล็กๆ ทคี่ ดิ คน้ ไวอ้ ย่างน่าทึ่งและมีการตอกหมนั รอบๆ ปไ่ี ว้ดว้ ยขี้ผึ้ง ระดับเสียงดนตรี จะมลี ักษณะเช่นนี้ โน้ตเพลง ๑ เป็นแคนทีม่ ลี ูกแคน ๖ คู่ (๑๒ ลกู ) สวป. ทัง้ เขาและลอร์ดเลมิงตนั ไดพ้ ูดถงึ เร่อื งน้ีในรายงานท่ี 1 ภาพประกอบน้ีได้รบั ความเอือ้ เฟอ้ื โดยใหย้ มื มาจากพนั เอกวู๊ดธอร์ป เก่ยี วกับมเู ซอร์ Prosceedings Roy, Geo. Soc. Vol.๑๓ No.๑๒ และวารสารภูมศิ าสตร์ Vol.๗ No.๖ เครื่องดนตรีทน่ี ำ� มาแสดงนม้ี ีลิน้ ปี่เป็นไม้ไผ่ไม่ใช่โลหะ เครอื่ งเปา่ ของยวิ ท่ที ำ� จากไม้ไผผ่ ่าซกี ทนี่ ายแม็คคารธยี ์ พนั เอกวดู๊ ธอรป์ และเจา้ ชาย เฮนรี ดอร์ลนี เคยกล่าวถงึ น้ันคงจะเป็นรปู แบบดั้งเดิมของเคร่ืองดนตรีเหลา่ น้อี ยา่ งไมต่ ้องสงสัย – ต้นฉบบั
หา้ ปีในสยาม เลม่ ๑ 453 จึงเป็นการเรียบเรียงด้วยการก�ำหนดให้ไล่เสียงข้ึนจาก L2 , L3 , R3 , R2 , L3 , R1 ซึ่งต�ำแหน่งของระดับเสยี งคู่แปดจะเหมอื นกันหมดในเครอ่ื ง ดนตรที กุ ชิ้น ความพอดขี องลนิ้ โลหะของปจ่ี ะเหน็ ไดใ้ นตอนทที่ อ่ ไมไ้ ผย่ าวถกู ลอดออก มาจากชอ่ งอากาศและแผน่ ซงึ่ เปน็ ลนิ้ ทส่ี น่ั สะเทอื นจะรว่ งออกมาจากรอยผา่ ใน ท่อไม้ไผ่ไปอยู่ทางอีกด้านหน่ึง หากจะถอดปี่ออกมาซ่อมก็สามารถท�ำได้ง่าย มากเป็นความชำ� นาญในการท�ำเครื่องดนตรไี ม้ไผ่ของชนพ้นื เมืองทนี่ า่ ชมเชย สำ� หรบั แคน นั้น เราจะเห็นได้ว่ามีพฒั นาการทลี่ ้�ำหน้ากว่าเครื่องดนตรี เหลา่ นี้ มนั ประกอบดว้ ยทอ่ จำ� นวน ๑๔ ลกู ซงึ่ จดั วางไวอ้ ยา่ งไดส้ ดั สว่ นและมอง ดูประณีตเรียบร้อย ที่เป่าปากและช่องอากาศเป็นไม้ที่ได้รับการขัดถูจนเรียบ เรียกว่า ลูกละมุดโดยจะถูกกลึงจนเกล้ียงเกลาถึงโคน บางครั้งก็อาจท�ำด้วย งาชา้ ง ปท่ี ง้ั ๒ แถวจะถกู สอดไวใ้ นชอ่ งยางทเี่ จาะไวบ้ รเิ วณดา้ นบนและดา้ นลา่ ง ของชอ่ งอากาศและตอกหมนั รอยโหวไ่ วอ้ ยา่ งแนบเนยี น จะสงั เกตไดว้ า่ ทอ่ เสยี ง ขนาดยาวจะปรับให้มีต�ำแหน่งระดับไหนนั้นจะข้ึนอยู่กับรอยผ่าที่เจาะไว้ ด้านใน ไม่ได้เกิดจากความยาวของตัวท่อเองแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่ารูปลักษณะ ของเคร่ืองดนตรีนี้จะท�ำให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจได้บ้าง แต่ถ้าพูดถึงความ เหมาะเจาะได้สดั สว่ นในสายตาของช่างทำ� ออรแ์ กนชาวยุโรปแล้ว ก็ยงั เรียกได้ ว่าไม่เปน็ ท่ีถูกอกถูกใจมากนัก
454 ภาคผนวก ๘ แคนและเครื่องดนตรีทใ่ี ช้ลมเป่า แคน ๓ ชนดิ รปู ร่างของแคนท่ใี ช้เปน็ แม่แบบกันอยูใ่ นปจั จุบนั สง่ ผลใหเ้ ห็นถึงความ ยากล�ำบากท่ีข้าพเจ้าประสบมาในการขอให้ใครสักคนช่วยท�ำแคนแบบท่อปี่ ๑๖ ลูกใหส้ ักตวั หน่งึ คำ� ตอบที่ได้รบั เสมอคอื ไม่ได้ ซ่งึ ก็คือเป็นไปไมไ่ ด้ หรือ ไม่ โก้ ซึ่งก็คือมันไม่ได้เป็นแคนอย่างท่ีเห็นธรรมดาท่ัวไป แต่ในท่ีสุดข้าพเจ้าก็หา มาไดต้ วั หนง่ึ โดยความรว่ มมอื ของชายชาวเวยี งจนั ทนค์ นหนง่ึ ซง่ึ มอี าชพี ทำ� แคน จำ� นวนมากไว้ขาย แต่เปน็ แคนขนาด ๔ ศอก (๖ ฟตุ ๘ นวิ้ ) ซง่ึ คนเป่าตอ้ งมี ปอดทแ่ี ข็งแรงมาก คนรปู รา่ งเล็กๆ อยา่ งเขา คงจะเป่าแคนขนาดน้ไี ม่ไหวแน่
ห้าปีในสยาม เล่ม ๑ 455 จะเหน็ ได้ว่า แคน ชนิดนี้ สามารถเล่นเสยี งเมเจอร์แบบมาตราเสยี งใน ระบบดนตรีสากลปัจจุบัน โดยเริ่มจากเสียงในคีย์ไมเนอร์ท่ีต่�ำกว่าในระดับท่ี ไล่เล่ียกันและไต่ข้ึนไปจนถึงระดับเสียงที่สี่ จะเห็นว่าสามารถเล่นในระดับท่ี หลากหลายกวา่ ในแคนชนิดป่ี ๕ เลาและ ๖ เลา บางทอี าจจะเปน็ เครอ่ื งดนตรี ชนิดเดียวของชาวอินโดจีนท่ีสามารถสร้างคอร์ดหรือเช่ือมประสานระดับเสียง ดนตรีไดม้ ากกว่าทเ่ี คย ระดับเสียงดนตรีจึงเป็นการเรียบเรียงมาจากการเล่นไล่เสียงขึ้น ดังน้ี R1 , L2 , R2 , L3 , L4 , L6 , R3 , R4 , R5 , L1 , R62 , R7 , L7 แคนขนาด ๒ ศอก ( 3 ฟุต 4 น้วิ ) และ การท่ีจะเล่นเส่ียงปี่ได้ถึงระดับนั้นอาจท�ำได้โดยการเอาข้ีผ้ึงที่ผนึกแน่น อยู่รอบๆ ป่ที ี่เล่นเฉพาะเสยี งนัน้ ออก แลว้ น�ำปไี่ ปเสยี บไวอ้ ย่างระมัดระวงั และ มน่ั คงผา่ นเตา้ ชอ่ งอากาศ เปน็ เรอื่ งทลี่ ะเอยี ดออ่ นมากกวา่ แคนแบบทอ่ ป่ี ๖ ลกู และมนั กย็ นื หยดั เปน็ เครอื่ งดนตรเี กา่ แกท่ สี่ รา้ งเสยี งอนั สนกุ สนานรา่ เรงิ ใหช้ วี ติ ชาวบ้านป่ารว่ มกันมาชา้ นาน 2 ท้งั ๒ ตัวนมี้ ีระดบั เสยี งเดียวกนั ใชไ้ ด้ดีในการเลน่ เสียงตำ�่ – ต้นฉบับ
456 ภาคผนวก ๘ แคนและเครื่องดนตรที ี่ใช้ลมเป่า แผ่นโลหะ ลิ้นปี่ของขลุ่ยที่เมืองน่านนั้นข้ึนอยู่ ลิน้ โลหะ กบั ชว่ งการสน่ั สะเทอื นจากความผนั แปรของ เสยี งทส่ี ง่ เขา้ ไปในลำ� ไผเ่ ชน่ เดยี วกบั ฟลตุ้ และ ท่อปีข่ องแคน ขล่ยุ จรงิ ๆ ซงึ่ ชว่ งเสียงน้ันจะสน้ั หรือยาวก็ ขนึ้ อยกู่ บั การเปดิ นวิ้ หรอื ปดิ นวิ้ บนรซู งึ่ อยทู่ ่ี ล�ำไม้ไผ่ ถึงอยา่ งไร แคน ซ่งึ มีล้นิ ปที่ ี่ทำ� ดว้ ย โลหะก็ยังคงมีอยู่ เครอ่ื งดนตรที ้ัง ๓ ชนดิ น้ี ใชใ้ นการบรรเลงดนตรี ๓ ชนิ้ ทเ่ี หน็ ไดท้ ว่ั ไป ในเมอื งนา่ น โชคไมด่ เี ลยทแ่ี คนเพยี งตวั เดยี ว ท่ีข้าพเจ้าน�ำติดตัวมาด้วยถึงแม้จะไม่ได้รับ ความเสยี หายแตก่ ไ็ มส่ ามารถเลน่ ไลเ่ สยี งให้ เชือ่ มโยงและสมั พนั ธก์ บั อกี ตัวหนง่ึ ได้ โนต้ เพลง นค่ี อื โนต้ กลางสำ� หรบั การเลน่ เครอ่ื งดนตรี ๓ ชนิ้ และมเี สยี งคแู่ ปดทง้ั หมด เน่ืองมาจากความกว้างของช่วงต�ำแหน่งที่วางน้ิวจึงท�ำให้มันเป็นเครื่อง ดนตรซี ึ่งบรรเลงใหเ้ ขา้ กบั ทว่ งท�ำนองไดย้ ากโดยเฉพาะอย่างย่ิงกับขลยุ่ ตวั หลกั ของเครือ่ งดนตรี ๓ ชน้ิ
หา้ ปีในสยาม เลม่ ๑ 457 ภาคผนวก ๙ การงมหอยมุกทีเ่ มืองมะรดิ ชาว เซลงั (Selungs)1 จะประกอบอาชีพนี้อยู่ตามแนวชายฝ่ังทะเลมา นานแลว้ กว่า ๑ ศตวรรษ ในการงมหาหอยมุกนนี้ กั ด�ำน�ำ้ เกอื บทัง้ หมดจะต้อง ลงไปใตน้ ำ�้ ทมี่ รี ะดบั ความลกึ ถงึ ๖ ฟาทอมตรุ แปง (Turpin) กไ็ ดเ้ คยบนั ทกึ เรอื่ ง ราวเกี่ยวกับการงมหอยมุกไว้ด้วยเช่นกัน และถึงแม้ว่าจะได้มีการค้นพบหลัก ฐานอ่ืนๆ เกี่ยวกับเร่ืองน้ี แต่ก็ไม่เคยได้มีความพยายามในการค้นหา ขอ้ เทจ็ จรงิ จนกระทงั่ เมอื่ พนั เอกบราวน์ (Colonel Browne) ไดน้ ำ� เสนอรายงาน ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพชายฝั่งทะเลอันเหยียดยาวของหมู่เกาะแห่งนี้ใน พ.ศ.๒๔๑๗ และเม่อื พ.ศ.๒๔๒๕ - ๒๔๒๖ ดร.แอนเดอสนั (Dr.Anderson) ก็ได้ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมเล็กน้อยในเร่ืองรายละเอียดเก่ียวกับสภาพภูมิประเทศ บรเิ วณดงั กลา่ วอกี ดว้ ย ถงึ แมว้ า่ ในสมยั นนั้ จะยงั ไมม่ กี ารทำ� หอยมกุ กนั อยา่ งเปน็ ระบบกต็ าม การดำ� เนนิ การคา้ สว่ นใหญซ่ ง่ึ ตกอยใู่ นกำ� มอื ของชาวจนี และมลายู เป็นอุบายที่หน่วงเหน่ียวให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐบาลเข้าไม่ถึงข้อมูลอย่างได้ผลมา เป็นเวลาหลายๆ ปี พวกเขาคือนายจา้ งส�ำคญั ของ นักด�ำนำ้� ชาวเซลงั และเป็น คนจา่ ยเงนิ ค่าหอยมกุ ใหก้ ับคนทงี่ มขน้ึ มาได้ ซ่ึง นกั ด�ำนำ้� เก่งๆ นนั้ สามารถงม หอยไดถ้ งึ ๑๒ ตวั ภายใน ๑ ชว่ั โมง เปน็ ทท่ี ราบกนั ดวี า่ พวกเขาไดร้ บั คา่ ตอบแทน จ�ำนวนเล็กนอ้ ยเพยี งตัวละ ๑ รูปี แต่โดยทั่วไปแลว้ ถา้ เขารบั ค่าตอบแทนเป็น ขา้ ว ฝิ่น สุรา หรือขนมหวาน นักดำ� น�้ำเหลา่ นี้ก็มักจะถกู โกงค่าตอบแทนไปบ้าง เปน็ แน่แท้ และย่ิงชาวเซลังเกิดมีข้อสอบถามมากยิง่ ข้ึนเท่าไหร่ การที่พวกเขา ไมฉ่ วยโอกาสขอเพมิ่ ค่าตอบแทนของตัวเองกค็ งจะเป็นเรอื่ งทผี่ ิดปกตมิ าก ช่วงเวลาของการปฏิบัติงานท่ีสามารถท�ำได้ก็คือเที่ยวละประมาณ ๑ ถึง ๒ ช่ัวโมงต่อการด�ำลงไปใต้น�้ำในช่วงเวลาท่ีระดับน�้ำลดลงต่�ำสุด ซึ่งใน ๑ เดือนจะเป็นอยูร่ าว ๕ - ๖ วัน จากน้ันเมื่อถงึ ฤดูลมมรสุมตะวันตกเฉยี งใต้ กระแสน้�ำมักจะขนุ่ นักด�ำนำ้� จงึ ตอ้ งหยุดทำ� งานตลอดชว่ งฤดูกาลน้ี โดยทวั่ ไป 1 กลุม่ คนท่เี รร่ อนไปในทะเล ภาษามลายูเรียก orang laut ต้งั ถิ่นฐานอยไู่ กลลงไปทางตอนใต้ – ต้นฉบบั
458 ภาคผนวก ๙ การงมหอยมุกท่ีเมืองมะรดิ แล้วหอยมุกซึ่งเป็นท่ีต้องการของท้องตลาดจะมีอยู่ด้วยกัน ๓ ชนิด ได้แก่ Avicula (meleagrina) margaritifera ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางของหอยมกุ ชนดิ นจ้ี ะอย่ใู นราว ๑๘ น้วิ โดยปกตมิ นั จะเกาะอยู่ตามสันแนวขอบหินอันแหลมคม จดั เปน็ หอยมกุ ขนาดใหญท่ ม่ี คี วามสวยงามชนดิ หนง่ึ สว่ นอกี ประเภทหนง่ึ ทพี่ บ ไดค้ ือ Ostrea sinensis และชาวสยามเรยี กว่า Sabula ซ่งึ จะให้ผลผลิตเปน็ จำ� นวนมากทส่ี ดุ ถงึ แมว้ า่ มนั จะมขี นาดเลก็ อยบู่ า้ งกต็ าม หอยมกุ ชนดิ นม้ี ลี กั ษณะ บางและใส เห็นแล้วชวนให้นึกถึงผนึกแร่ไมก้า มันจะอาศัยเจริญเติบโตอยู่ใน ดินเลนท่ีระดับน�้ำต้ืนที่สุด โดยจะฝังตัวอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลด้านอับลม ซ่ึงเป็นบริเวณท่ีได้รับผลกระทบจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้น้อยท่ีสุด หอยมกุ บางชนดิ ท่มี นี �ำ้ งามเปน็ เลิศน้นั ในเมืองมะรดิ จะมรี าคา ๑๐ รปู ี แตโ่ ดย ทวั่ ไปจะมรี าคาตามท้องถิ่นประมาณ ๑ รปู คี รง่ึ และมรี าคาเพ่ิมอีกหนึง่ เท่าตวั ในปนี ัง หอยมกุ เหลา่ น้สี ่งออกไปยังมณั ฑะเลย์ (Mandalay) เปน็ จำ� นวนมาก เพอื่ ใชท้ �ำกระเบือ้ งโมเสค คดิ ครา่ วๆ ไดว้ า่ ในจ�ำนวนหอยมกุ ทกุ ๆ ๑๕ ตวั จะพบ ไขม่ กุ ได้ ๑ เมด็ แตม่ กุ เหลา่ นจ้ี ะมขี นาดเลก็ มาก มกุ ทไ่ี ดร้ บั การขนานนามทว่ั ไป ว่า “ทองคำ� ” จะมีสเี หลืองคลา้ ยสีอำ� พันซ่งึ ชาวพมา่ และชาวจีนจะใหร้ าคาสงู มาก สว่ นมกุ สีขาวที่หาไดใ้ นชว่ งหลังๆ นีจ้ ะรับซ้ือกนั ในราคาค่อนขา้ งถูก การคน้ พบชายฝง่ั สว่ นที่เหยียดยาวออกไปจากเกาะ Pawe โดยยื่นออก ไปทางทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนือ ใน พ.ศ. ๒๔๓๔ น้ัน กอ่ ให้เกิดการตื่นตัวครงั้ ใหญ่ในวงการธรุ กิจการคา้ และมูลคา่ ของหอยมกุ ทสี่ ามารถหามาได้น้ันมรี าคา พงุ่ สงู ขน้ึ ถงึ ครง่ึ แสน โดยทวั่ ไปแลว้ ไขม่ กุ ทพี่ บสว่ นใหญจ่ ะมขี นาดเลก็ ทม่ี ขี นาด ใหญเ่ ทา่ เมลด็ ถวั่ ตากแหง้ กพ็ อมอี ยบู่ า้ งแตไ่ มม่ ากนกั สำ� หรบั ทตี่ ลาดขององั กฤษ ทม่ี ขี นาดใหญข่ นาดนน้ั มกั จะไมค่ อ่ ยมรี าคาเนอื่ งมาจากสขี องมนั ราคาทจี่ ำ� หนา่ ย กนั ในตลาดเมอื งมะรดิ จะตกอยใู่ นราว ๕๐ – ๑๐๐ รปู ี นอกจากนยี้ งั มีการส่ง หอยมกุ เปน็ สนิ คา้ ออกไปจำ� หนา่ ยทป่ี นี งั ถงึ ๒๐,๐๐๐ ตวั คดิ เปน็ มลู คา่ ๔๐,๐๐๐ - ๕๐,๐๐๐ รูปี
หา้ ปใี นสยาม เล่ม ๑ 459 ในปีเดียวกันน้ันรัฐบาลท้องถ่ินได้เริ่มเปิดให้เช่าสิทธิด้วยการประมูลใน การดำ� หาไขม่ ุกและหอยมุก (หรือราชินแี ห่งไขม่ ุก) ซ่ึงมีความใหญ่วดั จากยอด ถึงปลายไม่น้อยกว่า ๖ น้ิว รวมท้ังสิทธิในการหาปลิงทะเลด้วย โดยมีการ แบ่งแนวเขตคาบสมุทรตามสภาพทางภูมิศาสตร์ออกเป็น ๕ เขต ส่งผลให้ใน ช่วงฤดูงมหอยระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๓๔ - ๒๔๓๕ได้มีการน�ำเข้าถังด�ำน้�ำและ ชุดด�ำน�้ำอย่างต่อเนื่อง มีนักด�ำน�้ำจากออสเตรเลียจ�ำนวนหนึ่งได้เข้ามาร่วม ปฏบิ ตั งิ านนด้ี ว้ ย และ ๑๒ คนในจำ� นวนนก้ี ย็ งั คงปฏบิ ตั งิ านอยา่ งตอ่ เนอ่ื งอยใู่ น น่านน�ำ้ แถบนภี้ ายหลังจากช่วงระยะเวลาดงั กลา่ ว นอกจากนยี้ งั มีการสั่งนกั ดำ� นำ้� ทง้ั จากประเทศญป่ี นุ่ และกรงุ มะนลิ าเขา้ มาดว้ ย และในชว่ งฤดงู มหอยระหวา่ ง ปี พ.ศ. ๒๔๓๖ - ๒๔๓๗ จะมีนกั ด�ำน้�ำทง้ั หมดราว ๕๐ คน มาปฏบิ ตั ิงานอยูใ่ น เขตพน้ื ทที่ งั้ ๕ เขต ดงั กลา่ ว เรอื ล�ำตา่ งๆ สามารถหาหอยไดโ้ ดยเฉลยี่ รวม ๕๒๐ ตวั คดิ เปน็ เดอื นละ ๑ ตนั หรอื มมี ลู คา่ ประมาณ ๗๐ ปอนด์ นกั ดำ� นำ้� จะทำ� งาน กนั เดือนละ ๑๔ วนั คา่ ใช้จา่ ยตา่ งๆ ก็ได้เพ่ิมสูงข้ึนโดยมีผลตอบแทนท่ีไดเ้ ปน็ เพยี งหอยมุกเท่านนั้ ซง่ึ เม่อื เทยี บดแู ล้วไข่มุกท่พี บไดก้ ็มเี พียงจ�ำนวนน้อย และ ก็มเี พียง ๒ ถึง ๓ เม็ดเท่านนั้ ทเ่ี รยี กไดว้ า่ เป็นไข่มุกนำ้� งาม เป็นงานทต่ี ้องลงทนุ สงู เอาการทเี ดยี ว นอกเหนอื จากนนั้ กย็ งั จะตอ้ งมเี รอื ใบขนาดเลก็ หรอื ไมก่ จ็ ำ� เปน็ จะต้องใชผ้ ู้คุมชาวพน้ื เมืองอกี ๒ คนส�ำหรบั นักดำ� นำ้� แตล่ ะคน นอกจากค่าถัง ด�ำน้�ำท่มี ีมลู ค่า ๑๔๐ ปอนดแ์ ล้วก็ยงั จะตอ้ งจา่ ยคา่ ระวางบรรทุกเคร่อื งประดา น้ำ� ๒๐ ปอนด์ต่อตัน รวมท้งั ค่าจา้ งรายเดอื นของนักดำ� น้ำ� คนละ ๒ ปอนด์ ๑๐ ชลิ ลง่ิ ดว้ ย และในฐานะทร่ี ตู้ วั วา่ มคี วามสำ� คญั นกั ดำ� นำ้� จงึ มกั อยากไดค้ า่ แรงลว่ ง หนา้ และตอ้ งจัดหาอาหารแบบชาวยุโรปเตรียมไว้ใหเ้ ขาด้วย เขาจะมีรายไดต้ ก เดือนละ ๕ ปอนด์ แล้วก็ยงั มีคา่ ใชจ้ ่ายส�ำหรบั ลกู เรอื รวมไปถงึ อาหารการกนิ ของคนพวกน้ีอกี ดว้ ย ข้าวของเคร่ืองใชท้ กุ ชิน้ เมือ่ ซือ้ หากันแถบน้ีก็ตอ้ งมรี าคา แพงลบิ อย่างแน่นอน น่ียงั ไมร่ วมชดุ ดำ� นำ�้ อกี ๒ ชุด และสำ� หรับฤดงู มหอยมุก เช่นน้ีท่อท่ีใช้ก็จ�ำเป็นต้องมีความยาวถึง ๔ เท่าอันเนื่องมาจากความลึกอัน มหาศาลของท้องทะเล บริเวณที่มีความตืน้ ท่ีสุดตอนทเ่ี ราแวะมาทน่ี ่นี ้ันจะเห็น
460 ภาคผนวก ๑๐ ผลผลิตของภูเก็ต วา่ อยู่ในราว ๑๘ ถงึ ๒๐ ฟาทอม และหากไดพ้ ิจารณาถึงเรื่องจำ� นวนนกั ดำ� นำ้� ทปี่ ระสบปญั หาเรอื่ งอมั พาตอนั เกดิ จากการดำ� นำ้� ดว้ ยแลว้ กย็ งิ่ ทำ� ใหช้ ช้ี ดั ลงไป ไดเ้ ลยวา่ การดำ� นำ้� ลงไปทรี่ ะดบั ความลกึ เกนิ กวา่ ๒๒ ฟาทอมนนั้ เปน็ เรอื่ งทเ่ี ปน็ ไปไมไ่ ด้ ขา้ พเจา้ มคี วามเชอื่ ตามทไ่ี ดร้ บั การยนื ยนั มาวา่ การดำ� นำ้� ในระดบั ความ ลึกขนาดนี้ในเขตน่านน้�ำเมืองมะริดนั้นยากล�ำบากพอๆ กับการด�ำน้�ำที่ระดับ ความลกึ ๒๕ ฟาทอมในเขตนา่ นนำ้� ของประเทศออสเตรเลยี ทเี ดียว กลา่ วกันว่าหอยนางรมมีวงจรชีวิตทย่ี นื ยาวอย่ไู ด้นานถึง ๔ ปี สว่ นหอย ท่ีนับวา่ มีขนาดเหมาะสมทีส่ ุดจะอยใู่ นช่วงอายุ ๒ ปี หากสตั ว์ใดมวี งจรชีวิตที่ ส้ันก็พอจะคาดการณ์ได้ว่ามันก็จะสามารถแพร่พันธุ์ได้ภายในระยะเวลาอัน รวดเร็วเช่นกัน แต่รายงานในเร่ืองท่ีว่าบริเวณชายฝั่งปราศจากหอยมุกในทุก บรเิ วณท่ีมีนักดำ� น�้ำปฏบิ ัตงิ านอยนู่ น้ั ดูแล้วไม่ค่อยลงรอยไปในทศิ ทางเดยี วกนั กบั คำ� กล่าวขา้ งตน้ กล่าวโดยรวมแล้วรายงานนัน้ ชใี้ หเ้ หน็ ถงึ การเสอื่ มถอยของ กจิ การงมหอยมกุ นน่ั เอง ภาคผนวก ๑๐ ผลผลิตของภูเก็ต พ.ศ. ๒๔๓๖ – ๗ ตำ� บล ตนั น้�ำหนัก ทุ่งคา ๑,๙๙๘ ๑๕ ในทอน ๑๐๙ ๑๗ บา้ นสะป�ำ ๓ ๗ บางดู ๗ ๑๘ บ้านเกาะสเิ หร ่ ๒ ๐ จา่ ยคา่ สัมปทาน ๔๒๔ ๑๒ ยอดรวม ๒,๕๔๖ ๙ จะเหน็ ได้วา่ ตวั เลขทีแ่ สดงให้เหน็ น้ลี ดลงอย่างนา่ เป็นหว่ งทุกปี
หา้ ปใี นสยาม เล่ม ๑ 461 ภาคผนวก ๑๑ รายการเสยี ภาษีของหัวเมืองตา่ ง ๆ ที่ตรงั และปะเหลยี น พ.ศ. ๒๔๓๖ – ๗ โดยเฉพาะสินคา้ ผูกขาด ดอลล่าร์ ดีบุก : ค่าภาคหลวง ๑ ใน ๖ ๕,๗๒๒ ค่าธรรมเนียมประทบั ตรา ๘๖๐ พริกไทย : ค่าภาคหลวง ๖๐ เปอร์เซน็ ต์ตอ่ ๑ หาบ ๓๖,๔๒๓ พรกิ ไทย : ที่ปะเหลียน คา่ ภาคหลวง ๖๐ เปอรเ์ ซน็ ตต์ ่อ ๑ หาบ ๒,๒๒๐ ปศุสัตว์ (หม)ู : คา่ ภาคหลวงหวั ละ ๙๐ เปอรเ์ ซ็นต ์ ๕,๔๗๖ แฝกมุงหลงั คา ค่าภาคหลวง พันละ ๖๐ เปอร์เซน็ ต ์ ๑,๘๗๙ แฝกมุงหลังคา ทีป่ ะเหลยี น คา่ ภาคหลวงพนั ละ ๖๐ เปอรเ์ ซน็ ต ์ ๔๖๐ ภาษที ดี่ นิ (ประมาณ ๔๐,๐๐ ไร่ ๑๖,๐๐๐ เอเคอร์ อัตราปกต ิ ๑,๒๐๐ อยู่ท่ีไรล่ ะ ๓๐ เซน็ ต์ (๒ สลงึ ) (เอเคอรล์ ะ ๑ ชิลลิง ๘ เพนนี) = ๕๔,๒๔๐ ๖,๐๒๖ ปอนด์
462 ภาคผนวก ๑๒ สนิ ค้าส่งออกของจังหวดั ทางคาบสมทุ รตะวันตก ภาคผนวก ๑๒ สนิ คา้ ส่งออกของจังหวดั ทางคาบสมุทรตะวนั ตก พ.ศ.๒๔๓๖ – ๗ (ค.ศ.๑๘๙๓ - ๔) ดบี กุ ตัน น�้ำหนกั จังหวัด ๒,๕๔๖ ๙ ภูเกต็ ๑ ระนอง ๓๕๓ ตะกัว่ ทงุ่ พงั งา ๔๓ ๐ ตะก่ัวป่า ๖๗๖ ๑๐ ๓,๖๑๙ ๐ รวม จากจ�ำนวนนี้รัฐบาลสยามจะได้รับค่าภาคหลวงประมาณ ๖๐๓ ตัน ซอื้ ขายในปนี งั ไดเ้ ปน็ มลู คา่ ประมาณ ๓๔๙,๕๐๐ ดอลลา่ ร์ หกั จา่ ยเปน็ คา่ ระวาง และอื่นๆ แล้วส่วนแบ่งค่าภาคหลวงของรัฐบาลจะอยู่ที่ประมาณ ๓๔๕,๔๐๐ ดอลลา่ ร์ และไดส้ ว่ นแบง่ คา่ ธรรมเนยี มประทบั ตราอกี ๓๔,๗๔๓ ดอลลา่ ร์ หรอื คิดเป็นยอดรวม ๓๘๐,๑๔๓ ดอลล่าร์ เท่ากับไม่น้อยกว่า ๔๒,๒๔๐ ปอนด์ เน่ืองจากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราสูงและสาเหตุอื่นๆ ท่ีระบุไว้แล้ว ในบทท่ี ๑๔ ทำ� ใหเ้ งนิ รายไดก้ �ำลังลดลงไปเรอื่ ยๆ ยอดรวมของมลู คา่ สนิ คา้ สง่ ออก รวมทง้ั ดบี กุ การปศสุ ตั ว์ พรกิ ไทย แฝก มงุ หลังคา และอ่นื ๆ อยู่ทป่ี ระมาณ ๓๕๐,๐๐๐ ปอนด์ สินค้าสง่ ออกเหล่านน้ั รวมท้ังข้าว ฝิ่น เคร่ืองเหล็ก ผ้าทอมือ กระสอบป่าน น�้ำมันดิบ และสินค้า ฟุ่มเฟอื ยต่างๆ อย่างเช่นบรนั่ ดแี ละกระปอ๋ งนมดีบกุ ดเู หมือนจะลดลงบา้ งเลก็ นอ้ ย ต้องสงั เกตไว้อยา่ งหนึ่งว่าการคา้ นี้ไมข่ ึ้นกบั การค้าใดๆ ในกรุงเทพฯ ทัง้ สน้ิ (ภาคผนวก ๒) และเป็นการตดิ ตอ่ การคา้ โดยตรงกบั ยา่ งกงุ้ มะรดิ และปนี งั ซงึ่ เปน็ เมอื งทา่ ขององั กฤษ ประมาณการไดว้ า่ สว่ นแบง่ ขององั กฤษในการคา้ ขาย กบั สยามนั้น โดยทว่ั ไปไม่ไดม้ ีการรายงานไวต้ ามสว่ นแบง่ ทีไ่ ด้รับจริงๆ
หา้ ปีในสยาม เลม่ ๑ 463 ภาคผนวก ๑๓ ๒๙๐ การสง่ ออกพรภกิ าไคทผนยวจกา๑ก๓ทางตอนบนของสยาม (ไมก่รา(วรไมสมร่่งวอกมอับกกับพททรี่หกิ่หี ไวััวทเมเยมือจงาือแกถทงบาแงคถตาอบบนสคบมนทุาขรบมอลงสสามยยา)ู ุทมรมลายู) ตัวตเลวัขแเลสดขงใแหเ้สหน็ดวง่านใา่หเส้เียหดาน็ ยวทไี่า่ มน่มีค่าวเาสมคยี ืบดหนา้ายใดทๆไี่ ทม้ังสม่ ้ินคี วามคืบหน้าใดๆ เกดิ ข้ึน พ.ศ.๒๔๒๗ (ค.ศ.๑๘๘๔) ตนั มูลค่า/ปอนด์ ราคาคดิ เปน็ ดอลลา่ รต์ ่อหาบ พ.ศ.๒๔๒๘ (ค.ศ.๑๘๘๕) ๑,๐๔๖ ๕๓,๘๙๓ พ.ศ.๒๔๒๙ (ค.ศ.๑๘๘๖) ๑,๔๓๖ ๗๔,๒๒๑ สขี าว ๓๗ – ๘๐ ถงึ ๓๘ – ๔๐ พ.ศ.๒๔๓๐ (ค.ศ.๑๘๘๗) ๙๕๑ ๕๖,๖๔๖ สดี ํา ๑๙ – ๒๐ ถึง ๒๑ – ๖๐ พ.ศ.๒๔๓๑ (ค.ศ.๑๘๘๘) ๑,๕๕๓ ๙๕,๗๓๑ ๙๑๘ ๕๓,๖๙๓ สีขาว ๑๓ – ๒๐ พ.ศ.๒๔๓๒ ขาว ๖๕๐ สดี าํ ๖ – ๐ ถึง ๙ – ๖๐ (ค.ศ.๑๘๘๙) ดํา ๔๗๕ ๑,๑๒๕ ๖๐,๕๗๑ พ.ศ.๒๔๓๓ (ค.ศ.๑๘๙๐) พ.ศ.๒๔๓๔ (ค.ศ.๑๘๙๑) ๑,๗๐๒ ๙๔,๑๔๙ พ.ศ.๒๔๓๕ (ค.ศ.๑๘๙๒) ๑,๕๔๑ ๗๙,๕๙๔ ๑,๑๗๕ ๕๓,๔๘๒ พ.ศ.๒๔๓๖ (ค.ศ.๑๘๙๓) พ.ศ.๒๔๓๗ ขาว ๖๓๓ ๑,๑๔๗ ๖๕,๙๒๘ (ค.ศ.๑๘๙๔) ดาํ ๓๕๐ ๙๘๓ ๓๑,๕๕๒ พ.ศ.๒๔๓๘ (ค.ศ.๑๘๙๕) พ.ศ.๒๔๓๙ (ค.ศ.๑๘๙๖) ๘๘๙ ๓๑,๒๕๗ ๘๓๑ ๒๗,๖๗๔
464 ภาคผนวก ๑๔ ชือ่ เรียกลมต่างๆ ของชาวสยาม ภาคผนวก ๑๔ ชอื่ เรยี กลมต่างๆ ของชาวสยาม ต�ำแหนง่ ตามเขม็ ทศิ ของชาวสยาม ชือ่ ลมและข้อสงั เกต ลมวา่ ว มาจากภาษาลาว N เหนือ = หนาวเยน็ 1 N.E. เหนือตะวนั ออก ลมอุกระ หรอื อตุ ระ มาจาก ค�ำบาลีวา่ อุตตระ1 หมายถึง ทิศเหนือ E ตะวันออก ลมตะวนั ออก หมายถงึ พระอาทติ ยข์ น้ึ S.E. ใต้ตะวันออก ลมตะเภา หรอื ลมทางฝ่ังตะวนั ออก ของอา่ วหรอื หวั เกาะ ตามทคี่ าด คะเนวา่ พัดผา่ นมาจาก ยอดเขา S ใต ้ ลมสลาตัน มาจากคำ� ภาษามลายทู ่ี แปลวา่ ใต2้ S.W. ใตต้ ะวันตก ลมพทั ยา3 W. ตะวันตก ลมตะวนั ตก หมายถงึ พระอาทติ ยต์ ก N.W. เหนือตะวันตก ลมยโี่ ก หรอื พัดลวง ลมพายทุ ี่พัดเป็นพกั ๆ หรือฝนไลช่ ้าง รจู้ กั กันทั่วไปว่า ลมฝน ลมวนพัดไม่สงบ เป็นลมท่ีหายากในสยาม เรียกว่า ลมแดง เนื่องจาก อทิ ธิพลของลมซึ่งสง่ ผลให้ ทอ้ งฟ้ามสี ีแดง พายุ ช่อื ส�ำหรับเรียกลมทีพ่ ดั แรง 1 กปั ตันเกรนิ ี ในหนังสือเรอื่ ง Tonsure Ceremony as performed in Siam (หนา้ ๑๖๘) พมิ พ์ท่ีกรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๔๓๘ (ค.ศ.๑๘๙๕) ระบุชอื่ ลมทัง้ สองน้ี แต่ขา้ พเจา้ เขา้ ใจวา่ คงไม่ถูกตอ้ ง – ต้นฉบับ 2 เป็นความเขา้ ใจผดิ ของปาลาเลอกัวซ์อยา่ งไมต่ อ้ งสงสยั ที่เรยี กลมนวี้ า่ สลาตนั ตะวันตกเฉียงเหนอื – ต้นฉบบั นยิ มใชใ้ น 3 กปั ตนั เกรนิ ี เรยี กลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใตว้ ่า ลมสำ� ป้นั ด้วยเช่นกัน ดงั ทเ่ี ขากลา่ ววา่ เป็นลมท่เี รือสำ� เภาตา่ ง ๆ การมุ่งหนา้ ไปส่เู มอื งจีน แต่ข้าพเจ้าไมเ่ คยไดย้ นิ ใครใชค้ ำ� นี้มาก่อน – ต้นฉบับ
หา้ ปีในสยาม เลม่ ๑ 465 ภาคผนวก ๑๕ โน้ตเพลงบางเพลงของสยาม พระยาดอน (เพลงสยาม)
466 ภาคผนวก ๑๕ โนต้ เพลงบางเพลงของสยาม (เพลงสยาม)
หา้ ปใี นสยาม เลม่ ๑ 467 เพลงโล้ (เพลงสยาม)
468 ภาคผนวก ๑๕ โนต้ เพลงบางเพลงของสยาม ตะลมุ่ โปง (เพลงสยาม) เพลงลาว
หา้ ปใี นสยาม เลม่ ๑ 469 เพลงลาว เพลงลาว
470 ภาคผนวก ๑๕ โน้ตเพลงบางเพลงของสยาม เพลงสยาม ม้าย่อง (เพลงสยาม)
หา้ ปีในสยาม เล่ม ๑ 471 เพลงสยาม ลนิ ลา (ลลี า) กระทมุ่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 473
Pages: