Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Book08_กฎหมายอาญา

Book08_กฎหมายอาญา

Published by thanatphat2606, 2020-04-14 00:47:30

Description: Book08_กฎหมายอาญา

Keywords: Book08_กฎหมายอาญา

Search

Read the Text Version

๑๘๘ กกั ขงั ตามคาํ สง่ั นายตาํ รวจปลอ ยผตู อ งกกั ขงั และเปลย่ี นตวั ผอู น่ื แทน เจา พนกั งานทด่ี นิ บนั ทกึ ในคาํ ขอ รับรองการทําประโยชนวาลักษณะของดินเหมาะแกการทํานาปลูกขาวซึ่งไมเปนความจริง พนักงาน สอบสวนหนวงเหน่ียวการประกันตัวผูตองหาใหดําเนินไปอยางเช่ืองชา เหลานี้ถือเปนความผิดตาม มาตรา ๑๕๗ แตการที่เจาอาวาสทําการสอบสวนพระภิกษุซึ่งถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัย โดยไม ปฏบิ ตั ใิ หถ กู ตอ งตามพระธรรมวนิ ยั ระเบยี บขอ บงั คบั และกฎของมหาเถรสมาคมยงั ไมเ ปน ความผดิ ตาม มาตราน้ี à¨μ¹Ò เจา พนกั งานซงึ่ ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบนนั้ ตอ งมเี จตนา ตามมาตรา ๕๙ ®Õ¡Ò·èÕ óöô/òõóñ ปกติการทํารายรางกายไมเก่ียวกับตําแหนงหนาที่ของ เจาหนาท่ีตํารวจ การท่ีจําเลยเปนเจาพนักงานตํารวจจับโจทกขอหาว่ิงราวทรัพย แลวทํารายรางกายโจทก โดยเจตนาทาํ รา ยธรรมดา มใิ ชเ พอ่ื ประสงคจ ะใหเ กดิ ผลอนั ใดในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ที่ เพราะจาํ เลย จับโจทกไดแลว และจําเลยมิใชพนักงานสอบสวนท่ีทํารายโจทกเพ่ือประสงคจะใหโจทกรับสารภาพ กรณีจึงมิใชเปนการปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบเพื่อใหเกิดความเสียหายแกโจทกตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ เมื่อโจทกไดร บั อนั ตรายแกกายจากการกระทาํ ของจําเลย จาํ เลยมคี วามผิดตามมาตรา ๒๙๕ à¾×Íè ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒÂ᡼‹ ËÙŒ ¹§Öè ¼ÙŒã´ เปน มลู เหตชุ กั จูงใจในการกระทาํ คอื ตอ ง กระทาํ โดยมงุ หมายทจ่ี ะใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ ถา เปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบแตม ไิ ด กระทําเพอื่ ใหเกิดความเสยี หายแกผหู นงึ่ ผใู ดก็ไมเปนความผิดตามมาตรา ๑๕๗ ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ öñøõ/òõóñ จําเลยไดรับแตงตั้งใหเปนผูชวยนายทะเบียนทองถ่ิน มีอํานาจหนา ที่เก่ียวกบั การรบั แจง การยายเขา ไดกรอกขอ ความเพมิ่ ช่อื ศ. ลงในสาํ เนาทะเบียนบา นฉบับ เจา บา นโดยไมม ใี บแจง การยา ยออกถอื ไดว า จาํ เลยเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบ แตเ มอ่ื การ เพิม่ เตมิ ทะเบียนบานดังกลา ว จําเลยมิไดก ระทําเพอ่ื ใหเกดิ ความเสยี หายแกผหู นง่ึ ผใู ด ทง้ั ไมไ ดค วาม วาจาํ เลยกระทําไปโดยทุจริต การกระทาํ ของจําเลยจึงไมเปน ความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ แตก ารทจี่ าํ เลยเพมิ่ ชอื่ ศ. ลงในทะเบยี นบา นดงั กลา ว โดยระบวุ า ยา ยมาจากบา นเลขที่ ๒๐/๑ เขตปอ มปราบศัตรพู าย และลงชือ่ รบั รองไว ซงึ่ เปนความเทจ็ การกระทาํ ของจําเลยจงึ เปนการ รับรองเปนหลักฐานวาไดมีการแจงชื่อขอความอันมิไดมีการแจงดังบัญญัติไวในมาตรา ๑๖๒ (๒) แหง ประมวลกฎหมายอาญา และการทจี่ าํ เลยเพมิ่ ชอื่ ศ. เขา ในทะเบยี นบา นดงั กลา วโดยลงชอื่ กาํ กบั ไว เปนการรับรองขอเท็จจริงในเอกสารน้ันวาเปนความจริงตามที่จําเลยระบุเพิ่มเติมไว การกระทําของ จําเลยจึงเปนการรับรองเปนหลักฐานซ่ึงขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงอันเปนเท็จ ดังบัญญัติไวในมาตรา ๑๖๒ (๔) แหงประมวลกฎหมายอาญาดวย แมจําเลยจะกระทําไปโดยไมทุจริต และไมเ กดิ ความเสยี หาย ก็เปนความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๒) (๔)

๑๘๙ ความเสยี หายในทนี่ ไ้ี มจ าํ กดั เฉพาะความเสยี หายในทางทรพั ยส นิ เทา นน้ั แตร วมถงึ ความเสยี หายทกุ ทาง เชน ความเสียหายตอ ชีวิต รางกาย ชื่อเสยี ง เสรีภาพ เปนตน และจะเปนความ เสยี หายแกใ ครก็ได เชน ตํารวจจบั หญิงโสเภณี แลว มอบหญิงเหลานนั้ ใหพวกของตนไป โดยไมด ําเนนิ คดตี ามกฎหมาย เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ ทาํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกร าชการกรมตาํ รวจ ทงั้ ไมจ าํ เปน ตอ งเกดิ ความเสยี หายขนึ้ จรงิ ๆ เพยี งแตไ ดก ระทาํ ไปโดยมคี วามมงุ หมายเชน นน้ั กผ็ ดิ แลว เชน เจา พนกั งานไดร บั แตง ตง้ั เปน กรรมการตรวจรบั งาน ไดล งชอ่ื ตรวจรบั งานวา ถกู ตอ งทงั้ ทไ่ี มไ ดท าํ งานเลย และแมยงั มิไดจ ายเงินกผ็ ดิ ตามมาตรา ๑๕๗ นี้ ¤ÇÒÁ¼Ô´·ÕèÊͧ ปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริต มีองคประกอบของ ความผิด ดังน้ี ๑. เปนเจาพนกั งาน ๒. ปฏิบตั ิหรอื ละเวนการปฏบิ ตั หิ นา ที่ ๓. เจตนา ๔. โดยทจุ รติ คาํ ͸ԺÒ ความผิดที่สองน้ีแตกตางกับความผิดแรกในเร่ืองของการกระทําอันเปนความผิด และมูลเหตุชักจูงใจกลาวคือ เพียงการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ี ก็อาจเปนความผิดไดแลว ไมว า จะเปน การกระทาํ โดยชอบหรอื โดยมชิ อบดว ยหนา ทก่ี ต็ าม ตา งกบั ความผดิ แรกทตี่ อ งกระทาํ โดยมชิ อบ ดวยหนาทเ่ี ทา นั้น การปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีเปนความผิดตอเม่ือมีมูลเหตุชักจูงใจ โดยทุจริต คือ เพ่ือแสวงหาประโยชนที่มิควรได โดยไมคํานึงวาจะทําใหผูอ่ืนเสียหายหรือไม เชน เจาพนักงานซ่ึงไมมีหนาท่ีรับเงิน พูดจูงใจใหผูเสียภาษีมอบเงินคาภาษีใหเกินจํานวนท่ีตองเสีย แลว เอาเงินสวนเกินไวเสียเอง เปนการปฏิบัติหนาที่โดยทุจริต เจาพนักงานท่ีดินรับเงินคาธรรมเนียมและ คาพาหนะในการรังวัดแลว มิไดนําเงินลงบัญชีทั้งมิไดดําเนินเร่ืองให เปนการละเวนการปฏิบัติหนาที่ โดยทุจรติ ผใู หญบ า นจดบัญชีสตั วพาหนะเท็จตามคาํ ขอรอ งของลกู บาน แมจ ะไมไดร ับสนิ จา งรางวลั แตท าํ ใหล กู บา นไดร บั ประโยชนน าํ ไปใชอ า งกบั ตาํ รวจทย่ี ดึ โคนน้ั กเ็ ปน การแสวงหาประโยชนส าํ หรบั ผอู น่ื ถือไดวาปฏิบัติหนาที่โดยทุจริต พนักงานเทศบาลซึ่งมีหนาที่เก็บเงินของเทศบาลลักใบเสร็จรับเงิน คา กระแสไฟฟา แลว นาํ ไปเกบ็ เงนิ คา กระแสไฟฟา เปน ประโยชนส ว นตน เปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยทจุ รติ อกี ประการหนึ่ง ®¡Õ Ò·Õè ôóùò-ôóùó/òõóñ จาํ เลยเปน เจา พนกั งานทด่ี นิ ไมอ อกไปตรวจสอบไม ในทีด่ นิ น.ส.๓ เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ที่โดยทจุ รติ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ซง่ึ ตอ เน่อื งกับการที่ จาํ เลยลงลายมือชือ่ ในบนั ทกึ การตรวจสอบไมร บั รองวาตนไดไปตรวจสอบแลว อันเปน ความเท็จตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๑) โดยจําเลยมีเจตนาเพ่ือแสวงหาประโยชนท่ีมิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย ในคราวเดยี วกัน ดังนั้นเปน กรรมเดยี วผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๗ อันเปนกฎหมายบททมี่ โี ทษทีห่ นักท่สี ุด ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐

๑๙๐ ®¡Õ Ò·èÕ òòø/òõóô จาํ เลยที่ ๑ ไดร บั คาํ สงั่ ใหป ฏบิ ตั หิ นา ทเ่ี วรยามและสายตรวจ มีหนาที่ดูแลรักษาส่ิงของตางๆ ในบริเวณสถานีตํารวจ ถือวาจําเลยท่ี ๑ ไดรับคําสั่งโดยชอบใหดูแล รักษาทรัพยของกลางท่ีสถานีตํารวจดวย การที่จําเลยที่ ๑ อาศัยโอกาสดังกลาวลักเล่ือยยนต ของกลางไปขายเพื่อประโยชนส วนตัว จึงเปน การปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริตตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ®Õ¡Ò·Õè ÷ùù/òõóõ จําเลยเปนเจาพนักงานผูออกตรวจสถานประกอบการคา มีอํานาจหนาที่เสนอตอผูบังคับบัญชาใหออกหรือไมใหออกใบอนุญาตใหแกผูประกอบการคา ถือได วาจําเลยเปนเจาพนักงานผูมีหนาท่ีเก่ียวของโดยตรงในการพิจารณาออกใบอนุญาต จําเลยเรียกรอง เงินเปนการตอบแทนการออกใบอนุญาต จึงเปนการปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริต เปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ®Õ¡Ò·èÕ ñððõ/òõôù ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ จะตอ งเปน การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน ปฏบิ ตั หิ นา ทซ่ี งึ่ อยใู นหนา ทข่ี องเจา พนกั งานนน้ั เองโดยมชิ อบเพอ่ื ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ หู นง่ึ ผูใดหรือโดยทุจริต ถาไมเกี่ยวกับหนาท่ีของเจาพนักงานผูนั้นโดยตรงแลวยอมไมเปนความผิดตาม มาตรานี้ เมือ่ ขณะท่จี ําเลยทง้ั สองมาเอารถยนตแ ท็กซ่ีจากโจทกไ ป จําเลยท่ี ๒ แตงเคร่ืองแบบตํารวจ เทานัน้ ท้งั ตามฎีกาโจทกยังยอมรับดว ยวา จําเลยที่ ๒ กระทาํ ไปโดยไมมีกฎหมายรองรับ ไมม อี าํ นาจ หนาที่จะตองทําแสดงวาการไปเอารถยนตแท็กซ่ีจากโจทกนั้น มิใชการกระทําที่เก่ียวกับหนาท่ีของ จาํ เลยที่ ๒ ฟอ งโจทกเ กย่ี วกบั จาํ เลยท่ี ๒ จงึ ไมม มี ลู เปน ความผดิ ฐานเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏิบัติหนา ท่โี ดยมชิ อบ õ. »ÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÂÑ âÍ¡ÒÊ·ÕèÁÕ˹Ҍ ·èÕ ÁÒμÃÒ ñöñ “¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÁËÕ ¹ÒŒ ·ทèÕ าํ àÍ¡ÊÒà ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒà ËÃ×Í´ÙáÅÃÑ¡ÉÒàÍ¡ÊÒà ¡ÃÐทํา¡ÒûÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÑÂâÍ¡ÒÊ·èÕμ¹ÁÕ˹ŒÒ·èÕ¹éѹ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·É จํา¤Ø¡äÁà‹ ¡¹Ô ÊÔº»‚ áÅлÃѺäÁà‹ ¡¹Ô ÊͧáʹºÒ·” ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ ÁÕ´§Ñ ¹éÕ ๑. เปนเจาพนกั งาน ๒. มหี นา ที่ทาํ เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสารหรอื ดูแลรักษาเอกสาร ๓. กระทาํ การปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสท่ีตนมหี นาท่ีนัน้ ๔. เจตนา คํา͸ºÔ Ò ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ การปลอมเอกสารทจี่ ะมคี วามผิดตามมาตรานี้ ผูก ระทําจะตอง เปน เจา พนกั งานซึง่ มีหนาที่ทาํ กรอกขอ ความ หรอื ดแู ลรกั ษาเอกสารนัน้ ÁÕ˹ŒÒ·èทÕ ําàÍ¡ÊÒà ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃËÃ×Í´áÙ ÅÃ¡Ñ ÉÒàÍ¡ÊÒà หมายความวา เจาพนักงานซ่ึงจะกระทําความผิดตามมาตรานี้จะตองเปนผูมีหนาท่ีทําเอกสาร กรอกขอความลงใน เอกสาร หรอื ดแู ลรกั ษาเอกสาร

๑๙๑ àÍ¡ÊÒà มคี วามหมายตามบทนยิ ามในมาตรา ๑(๗) หมายถงึ กระดาษหรอื วตั ถอุ นื่ ใด ซึ่งไดทําใหปรากฏความหมายดวยตัวอักษร ตัวเลข ผังหรือแผนแบบอยางอื่นจะเปนโดยวิธีพิมพ ถายภาพ หรอื วิธีอ่นื ใดอนั เปน หลักฐานแหงความหมายนัน้ หนา ทขี่ องเจา พนกั งานตามมาตราน้ี แยกไดเ ปน ๓ ประการคอื (๑) หนา ทท่ี าํ เอกสาร (๒) หนาทีก่ รอกขอ ความลงในเอกสาร (๓) หนาทด่ี แู ลรักษาเอกสาร (๑) หนาท่ีทําเอกสาร หมายถึง ทําเอกสารน้ีท้ังฉบับ หรือแตบางสวน หรือ ลงลายมือช่ือในการออกเอกสาร สว นใครจะเขยี นขึน้ ไมส าํ คัญ (๒) หนา ท่ีกรอกขอ ความลงในเอกสาร เชน กรอกขอ ความลงในแบบพิมพต า งๆ ของทางราชการในบัญชใี บเสร็จรับเงิน ทะเบยี นทีด่ ิน ทะเบียนบา น เปนตน (๓) หนาที่ดูแลรักษาเอกสาร ซึ่งหมายถึง ดูแลรักษาเอกสารที่ทําสมบูรณแลว และเอกสารแบบพิมพตา งๆ เพ่ือกรอกขอ ความดว ย ขอ สาํ คญั คอื เจา พนกั งานผนู น้ั จะตอ งมหี นา ทโ่ี ดยตรงในการทาํ กรอก หรอื ดแู ลรกั ษา เอกสารน้ัน หากมิใชหนาที่โดยตรงแลว ก็ไมผิดตามมาตรา ๑๖๑ แตอาจผิดฐานปลอมเอกสารตาม มาตรา ๒๖๔ ®Õ¡Ò·èÕ òóñö/òõòù จําเลยเปนเจาหนาท่ีบริหารงานทั่วไปประจําสํานักงาน สาธารณสุขจังหวัด มีหนาท่ีดูแลรักษาเอกสาร ทําคําสั่งจังหวัดเรื่องแตงต้ังขาราชการโดยไมมีอํานาจ แลว ตดั เอากระดาษไขทมี่ ลี ายมอื ชอื่ ของผวู า ราชการจงั หวดั ซง่ึ ลงนามไวใ นคาํ สงั่ ฉบบั อน่ื มาตดิ ไวท า ย คาํ สงั่ ทจี่ าํ เลยทาํ ขนึ้ และจาํ เลยโรเนยี วคาํ สง่ั นอี้ อกมาเพอ่ื แสดงใหบ คุ คลอนื่ หลงเชอื่ วา เปน คาํ สงั่ ทแี่ ทจ รงิ ดงั น้ี เปนการทําเอกสารปลอมขึน้ ทง้ั ฉบบั มคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๑ และ มาตรา ๒๖๕ ¡ÃÐทาํ ¡ÒûÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÂÑ âÍ¡ÒÊ·μÕè ¹ÁËÕ ¹ÒŒ ·¹èÕ ¹éÑ การกระทาํ อนั เปน ความผดิ ตามมาตราน้ี คือ “ปลอมเอกสาร” ซ่ึงหมายถึง การปลอมในความผิดฐานปลอมเอกสารตาม มาตรา ๒๖๔ กลาวคือ ทําเอกสารข้ึนทั้งฉบับหรือแตสวนหน่ึงสวนใด เติมหรือตัดทอนขอความ หรือแกไ ขดว ยประการใดๆ ในเอกสารทแ่ี ทจ รงิ ประทบั ตราปลอม หรอื ลงลายมอื ชือ่ ปลอมในเอกสาร โดยประการทน่ี า จะเกดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ หรอื ประชาชนและทาํ เพอื่ ใหผ อู นื่ หลงเชอื่ วา เปน เอกสาร ท่ีแทจริง รวมทั้งการกรอกขอความลงในแผนกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผูอ่ืน โดยไมไดรับความยินยอมหรือโดยฝาฝนคําสั่งของผูอื่นน้ัน เหตุนี้ความผิดตามมาตรา ๑๖๑ จึงเปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๖๔ ดวย การปลอมดังกลา ว จะตอ งกระทาํ ปลอมโดยอาศัยโอกาสทีผ่ ปู ลอมมหี นา ที่น้ัน คือ จะตองปลอมในระหวางที่เจาพนักงานมีหนาที่อยางใดอยางหนึ่งใน ๓ ประการ ที่กลาวมาแลว เชน ตาํ รวจไดรบั แตงตง้ั ใหทาํ หนาท่ีเสมยี นเปรยี บเทียบ แกห รือลงจํานวนเงนิ ในสําเนาใบเสร็จใหนอ ยกวา ตนฉบับ ผชู ว ยนายทะเบยี น จดลงในทะเบยี นบา นและลงลายมอื ชือ่ รับรองวา ด. ยายเขา บานนั้นจาก ตา งจังหวดั อนั เปนเท็จ พัศดแี ละผคู มุ ปลอมใบสุทธิทีเ่ รือนจําออกใหแกผพู น โทษ โดยพมิ พลายนิว้ มอื

๑๙๒ ปลอมเปนผพู นโทษ ปลัดอําเภอมหี นา ทท่ี าํ ต๋ัวรปู พรรณสตั ว ลงลายมือช่ือในตัว๋ รปู พรรณทีร่ ูว า ปลอม ลายพิมพน้วิ มอื เจา ของสัตวเหลาน้ลี ว นเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๖๑ ®¡Õ Ò·Õè óóò/òõò÷ จาํ เลยเปน พนกั งานพสิ จู น มหี นา ทใี่ นการพสิ จู นก ารครอบครอง ท่ีดินแลวกรอกขอความในแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจนการทําประโยชนเพ่ือออก หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน เอกสารดงั กลา วจงึ อยใู นความดแู ลครอบครองของจาํ เลยกอ นสง ไปยงั ศนู ยห รอื ผคู วบคมุ สาย เมอ่ื เอกสารนถ้ี กู ปลอมลายมอื ชอ่ื ของ จ. ผมู หี นา ทปี่ กครองทอ งทแี่ ละระวงั แนวเขต โดยจําเลยมีโอกาสกระทําเองหรือรวมกับจําเลยอ่ืนกระทําข้ึน จําเลยจึงมีความผิดฐานปลอม เอกสารโดยอาศัยโอกาสท่ีตนมีหนาที่นั้นตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๑ ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๕๘ บัญญัติใหนายอําเภอมีอํานาจแตงต้ังใหผูซึ่งไดรับการอบรมเปนเจาหนาที่ออกไปพิสูจนสอบสวน การทาํ ประโยชนแ ทนตนในการเดนิ สาํ รวจเพอื่ ออกหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนแ ละในการปฏบิ ตั หิ นา ท่ี ดังกลาว ใหเจาหนาที่เปนเจาพนักงาน จําเลยเปนผูไดรับคําส่ังจากนายอําเภอใหเปนพนักงานพิสูจน จงึ เปนเจา พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา แตเ จา พนกั งานซง่ึ ไมม หี นา ทอี่ ยา งใดอยา งหนงึ่ ใน ๓ ประการนน้ั แลว กไ็ มอ าจทาํ ผดิ มาตรา ๑๖๑ ได อกี ประการหนงึ่ ในกรณที เ่ี จา พนกั งานมอี าํ นาจออกเอกสารไดต ามหนา ท่ี แมจ ะลง ขอความไมต รงกับความจรงิ ก็เปน เอกสารที่แทจรงิ มิใชเ อกสารปลอม เชน นายทะเบยี นตาํ บลออก ใบมรณบตั รมขี อ ความแสดงวา ท. ราษฎรในตาํ บลนน้ั ตายแลว ซง่ึ เปน ความเทจ็ หรอื ปลดั อาํ เภอมอี าํ นาจ หนา ทอี่ อกใบสาํ คญั ประจาํ ตวั คนตา งดา ว ออกใบตา งดา วลงลายมอื ชอื่ ปลดั อาํ เภอเองใหแ กค นตา งดา ว ที่ไดรับอนุญาตใหอยูช่ัวคราวเปนการผิดระเบียบ ทั้งสองกรณีนี้ไมเปนการปลอมเอกสารเพราะ เจาพนักงานผูกระทํามีอํานาจโดยตําแหนงที่จะลงชื่อทําเอกสารน้ันได จึงเปนเพียงเอกสารเท็จตาม มาตรา ๑๖๒ มิใชเอกสารปลอมตามมาตรา ๑๖๑ แตถาตนไมมีอํานาจโดยตําแหนงที่จะลงลายมือชื่อออกเอกสารนั้น กลับไปลง ลายมือช่ือ ในตําแหนงท่ีตนไมมีอํานาจท่ีจะลงลายมือชื่อได แมจะเปนลายมือตัวเองจริงก็เปนการ ปลอมตัวบคุ คลในตาํ แหนงนน้ั เปนการปลอมเอกสาร ถา เปน เจา พนกั งานผมู หี นา ทท่ี าํ เอกสารและอาศยั โอกาสทต่ี นมหี นา ทนี่ นั้ ทาํ เอกสาร ขึ้นฉบับหนึ่ง ดวยความมุงหมายใหเขาใจวาเปนเอกสารอีกฉบับหน่ึงอันเปนการปลอมเอกสารขึ้น ทง้ั ฉบบั แมจ ะลงลายมือชื่อของตนเองไมไ ดปลอมชอื่ ของผูอ ่นื ก็อาจมีมูลความผดิ ตามมาตรา ๑๖๑ ®¡Õ Ò·Õè öóõ/òõñ÷ จาํ เลยเปน ปลดั อาํ เภอ ไดร บั มอบหมายจากนายอาํ เภอใหเ ปน เจาหนาท่ีแผนกทะเบียนอาวุธปน มีหนาท่ีรับคําขอและสอบสวนเร่ืองราวเกี่ยวกับ การขออนุญาตมี และใชอาวุธปน แลวเสนอนายอําเภอซึ่งเปนนายทะเบียนลงลายมือช่ือออกใบอนุญาต จําเลยไมมี อํานาจลงลายมือชื่อในตําแหนงนายทะเบียนได แตจําเลยกลับลงลายมือช่ือตนเองเปนนายทะเบียน ออกใบอนุญาตใหแกผูย่ืนคําขอไป แมจําเลยจะลงลายมือชื่อจําเลยเองในเอกสารน้ัน แตจําเลยก็ได

๑๙๓ ปลอมตนวาเปนเจาพนักงานผูมีอํานาจลงนามในเอกสารน้ันในฐานะนายทะเบียนผูออกใบอนุญาต แลว ประทบั ตราลงไป เอกสารนจ้ี งึ ไมใ ชเ อกสารทแ่ี ทจ รงิ เพราะมไิ ดล งนามเจา พนกั งานผมู อี าํ นาจออก ใบอนุญาต เปนการปลอมเอกสารตามมาตรา ๑๖๐ à¨μ¹Ò เจาพนักงานผูทําปลอมเอกสารซึ่งตนมีหนาท่ีทํา กรอกขอความหรือดูแล รกั ษาจะตองมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ ö. ÃѺÃͧËÃÍ× ¡ÃÍ¡¢ŒÍ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃÍѹ໹š à·¨ç ÁÒμÃÒ ñöò ¼ÙŒã´à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÁÕ˹ŒÒ·èÕทําàÍ¡ÊÒà ÃѺàÍ¡ÊÒÃËÃ×Í¡ÃÍ¡ ¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒáÃÐทาํ ¡Òô§Ñ μÍ‹ 仹éÕ㹡Òû¯ºÔ ÑμÔ¡ÒÃμÒÁ˹ŒÒ·èÕ (ñ) ÃºÑ Ãͧ໹š ËÅ¡Ñ °Ò¹ÇÒ‹ μ¹ä´¡Œ ÃÐทาํ ¡ÒÃÍÂÒ‹ §ã´¢¹Öé ËÃÍ× ÇÒ‹ ¡ÒÃÍÂÒ‹ §ã´ä´Œ ¡ÃÐทาํ μÍ‹ ˹Ҍ μ¹Í¹Ñ ໚¹¤ÇÒÁà·¨ç (ò) ÃѺÃͧ໚¹ËÅÑ¡°Ò¹ÇÒ‹ ä´ŒÁÕ¡ÒÃᨌ§«èÖ§¢ŒÍ¤ÇÒÁÍ¹Ñ ÁäÔ ´ŒÁ¡Õ ÒÃᨌ§ (ó) ÅÐàǹŒ äÁ¨‹ ´¢ÍŒ ¤ÇÒÁ«§èÖ μ¹ÁËÕ ¹ÒŒ ·μÕè ÍŒ §ÃºÑ ¨´ËÃÍ× ¨´à»ÅÂÕè ¹á»Å§¢ÍŒ ¤ÇÒÁ હ‹ ÇÒ‹ ¹Ñ¹é ËÃ×Í (ô) ÃºÑ Ãͧ໹š ËÅ¡Ñ °Ò¹«§Öè ¢ÍŒ à·¨ç ¨Ã§Ô Í¹Ñ àÍ¡ÊÒù¹Ñé Á§‹Ø ¾ÊÔ ¨Ù ¹¤ ÇÒÁ¨Ã§Ô Í¹Ñ à»¹š ¤ÇÒÁà·ç¨ μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡äÁà‹ ¡Ô¹à¨ç´»‚ áÅлÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹Ö§è áʹÊÕËè Á¹è× ºÒ· ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô Á´Õ ѧ¹Õé ๑. เปนเจา พนกั งาน ๒. มหี นาทีท่ ําเอกสาร รบั เอกสารหรอื กรอกขอ ความลงในเอกสาร ๓. กระทาํ การดงั ตอไปน้ี ในการปฏิบตั ิการตามหนาท่ี (๑) รบั รองเปน หลักฐานวา ตนไดกระทําการอยางใดขึ้น หรอื วาการอยา งใด ไดก ระทาํ ตอหนาตนอันเปน ความเท็จ (๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดมีการแจง ขอ ความอนั มิไดม ีการแจง (๓) ละเวนไมจดขอความซึ่งตนมีหนาที่ตองรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลง ขอ ความเชนวานน้ั หรอื (๔) รับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริง อนั เปน ความเท็จ ๔. เจตนา คาํ ͸ºÔ Ò ໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ การทาํ เอกสาร รบั เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสาร หรอื รบั รอง เอกสารอันเปน เทจ็ ตามมาตรานี้ ผูก ระทาํ จะตอ งมีฐานะเปนเจาพนกั งาน

๑๙๔ ÁÕ˹ŒÒ·èÕทาํ àÍ¡ÊÒÃ ÃºÑ àÍ¡ÊÒÃËÃÍ× ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒà เจาพนกั งานซง่ึ จะ กระทําผิดตามมาตรานี้ ตอ งเปน เจาพนกั งานซง่ึ มีหนา ท่อี ยา งหนง่ึ อยา งใด คอื ทําเอกสาร รบั เอกสาร หรือกรอกขอ ความลงในเอกสาร (๑) หนา ทท่ี าํ เอกสาร หมายความวา ทาํ เอกสารขนึ้ ทง้ั ฉบบั แสดงขอ ความใหเ หน็ วา เปน เอกสารของตน เชน ทาํ บนั ทกึ ความเหน็ เสนอผบู งั คบั บญั ชา หรอื อาจทาํ เพยี งบางสว นของเอกสาร กไ็ ด เชน บนั ทกึ ตอ ทา ยลงในหนังสอื ทม่ี าถึงหรอื อาจจะเพยี งลงชื่อในเอกสารที่มีผทู าํ มาแลว ก็ได ®¡Õ Ò·Õè ôùðð/òõòø ป. เจาของเดมิ ไดย กทีด่ นิ พิพาทใหเปนท่ีสาธารณะไปแลว กอ นจะตกเปน กรรมสิทธ์ขิ องโจทก การทจ่ี าํ เลยที่ ๓ นายอาํ เภอทอ งท่ี รวมกับจาํ เลยท่ี ๑ กํานันและ จาํ เลยท่ี ๒ อดตี กาํ นนั ทาํ เอกสารบนั ทกึ ถอ ยคาํ ให ป. ลงลายมอื ชอื่ แสดงวา ป. ยกทด่ี นิ ของตนใหเ ปน ที่สาธารณะ แมเปนการทําบันทึกภายหลัง เม่ือท่ีดินแปลงนั้นตกเปนกรรมสิทธิ์ของโจทกผูรับโอน แลว กต็ าม การกระทาํ นนั้ กเ็ พอ่ื ยนื ยนั ความจรงิ ที่ ป. ไดอ ทุ ศิ ทด่ี นิ ใหเ ปน ทสี่ าธารณะแกท างราชการไวใ ห ปรากฏเปน หลกั ฐานอกี ชน้ั หนง่ึ จงึ หาเปน ความเทจ็ ไม ทงั้ ไมท าํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกโ จทก เพราะทดี่ นิ สวนนั้นไดตกเปนที่สาธารณะไปแลวกอนโจทกจะจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธ์ิท่ีดินมา จําเลยท้ังสาม จงึ ไมม คี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗, ๑๖๒ (๒) หนา ทร่ี บั เอกสาร หมายถงึ การรบั เอกสารทมี่ ผี อู น่ื นาํ มาสง หรอื นาํ มายนื่ แกต น เพ่อื ตนจะไดดาํ เนินการตอ ไป หรือเสนอใหเจาพนกั งานอืน่ ดําเนนิ การ (๓) หนาท่ีกรอกขอความลงในเอกสาร หมายถึง กรอกขอความ รายการหรือ รายละเอียดลงในแบบพิมพส มดุ บญั ชี หรือทะเบียนตางๆ แตถึงแมจะเปนเจาพนักงาน ถาไมมีหนาท่ีกระทําการอยางหนึ่งอยางใดดังกลาว ก็ไมผ ดิ ตามมาตราน้ี ®Õ¡Ò·Õè ñð÷ô/òõóò จําเลยไดรับคําสั่งแตงต้ังใหมีอํานาจหนาที่ปฏิบัติงาน ดานธุรการ ไมม ีอาํ นาจหนาท่ีเกี่ยวกบั งานทะเบียนราษฎรแ ละงานบตั รประจาํ ตวั ประชาชน เมอ่ื โจทก ฟอ งและนาํ สบื วา จาํ เลยกระทาํ มชิ อบเกยี่ วกบั งานดา นทะเบยี นราษฎรแ ละงานบตั รประจาํ ตวั ประชาชน ตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๘, ๑๕๗ และ ๑๖๒ จําเลยจึงไมอาจกระทาํ ความผิดตามบทกฎหมายมาตรา ดังกลาวได ¡ÃÐทาํ ¡Òô§Ñ μÍ‹ 仹Õé 㹡Òû¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·Õè หมายความวา การกระทาํ ทจี่ ะ เปนความผิดตามมาตราน้ี ตองเปนการกระทําในการปฏิบัติหนาท่ีของเจาพนักงานผูนั้น ถามิใชการ ปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ทแ่ี ตเปน เรอื่ งสวนตวั ยอ มไมผิด การกระทาํ อนั เปนความผดิ ไดแ ก (๑) รับรองเปนหลักฐานวา ตนไดกระทําการอยางใดข้ึน หรือวาการอยางใดได กระทําตอหนา ตนอนั เปนความเทจ็ คือ ทําเปนหนงั สือรบั รองวา ตนไดท าํ การอยางใดข้นึ แมความจรงิ จะมไิ ดก ระทาํ การนน้ั เชน ทาํ หนงั สอื รบั รองวา ไดต รวจงานแลว ทง้ั ทค่ี วามจรงิ ยงั มไิ ดต รวจ จดบนั ทกึ วา ไดทําการสอบสวน ก. แลวความจริงยังมิไดสอบสวน ก. เลย รับรองวานักโทษท่ีจะไดรับอภัยโทษ

๑๙๕ ตองขังอยู แตความจริงหลบหนีไปแลว พนักงานปาไม ไมไดตรวจสอบไม แตรับรองวาไมถูกตอง ลงลายมอื ชือ่ ใหผ านได ®¡Õ Ò·èÕ ñññö-ñññø/òõñ÷ จาํ เลยเปน เจา พนกั งาน มหี นา ทเี่ ปน กรรมการตรวจรบั รถยนตซ่ึงเทศบาลซ้ือไดลงชื่อในใบตรวจรับพัสดุซ่ึงมีขอความวาคณะกรรมการไดตรวจรับรถยนต แลวเห็นวามีปริมาณและคุณภาพถูกตองครบถวน ท้ังราคาก็เปนไปตามราคาในทองตลาดและได สงมอบใหแกเจาหนาที่แผนกชางรับไวเปนการถูกตองแลว ซ่ึงความจริงไมมีการกระทําดังกลาวเลย เพราะผขู ายยงั ไมไ ดน าํ รถยนตม าสง มอบ การทจี่ าํ เลยยงั ไมไ ดต รวจรบั และสง มอบ แตล งชอื่ รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดก ระทาํ การดงั กลา ว จงึ เปน การรบั รองเทจ็ อนั เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๑) และ การทจ่ี าํ เลยรบั รองเปน หลกั ฐานวา รถยนตท ต่ี รวจรบั มอบนม้ี ปี รมิ าณคณุ ภาพถกู ตอ งครบถว น ทง้ั ราคา ก็เปนไปตามราคาในทองตลาดและไดสงมอบใหแกเจาหนาท่ีแผนกชางรับไวเปนการถูกตองแลวน้ัน เปนการรับรองเปน หลกั ฐานซ่ึงขอเท็จจริงอันเอกสารนน้ั มุง พสิ ูจนความจริงอนั เปนเทจ็ ดังท่ีบัญญัติไว ในมาตรา ๑๖๒(๔) ดว ย แมก ารรบั รองเปน หลกั ฐานเชน นี้ จาํ เลยจะกระทาํ ไปโดยไมท จุ รติ ไมเ กดิ ความ เสยี หาย ก็เปน ความผดิ ตามมาตราดงั กลา ว ®Õ¡Ò·Õè ôóùò-ôóùó/òõóñ จาํ เลยเปน เจา พนกั งานทดี่ นิ ไมอ อกไปตรวจสอบ ไมใ นทดี่ นิ น.ส.๓ เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยทจุ รติ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ซงึ่ ตอ เนอ่ื งกบั การที่ จําเลยลงลายมือช่ือในบันทึกการตรวจสอบไมรับรองวาตนไดไปตรวจสอบแลว อันเปนความเท็จ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒(๑) โดยจาํ เลยมีเจตนา เพ่อื แสวงหาประโยชนท่ีมิควรไดโดยชอบดว ยกฎหมาย ในคราวเดียวกัน ดังน้ีเปนกรรมเดียวผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ อนั เปน กฎหมายบททีม่ ีโทษท่ีหนักท่ีสดุ ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐ การทําหนังสือรับรองเท็จน้ี ถารับรองวาการใดไดทําตอหนาตน ความจริงมิไดทํา ตอ หนา ตน ก็ผิดเหมือนกัน เชน เจา พนกั งานลงช่อื รับรองวา คสู มรสไดจ ดทะเบยี นสมรสตอหนา ตน หรือสามีภริยาไดจดทะเบียนหยาตอหนาตน ซึ่งเปนความเท็จ เพราะจริงๆ แลวการจดทะเบียนมิได ทําตอหนา ตน (๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ซง่ึ ขอ ความอนั มไิ ดม กี ารแจง หมายความวา ความจรงิ มไิ ดม กี ารแจง ขอ ความนน้ั เลย แตเ จา พนกั งานรบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ขอ ความนนั้ เชน พลตาํ รวจมหี นา ทจี่ ดคาํ ใหก ารผขู อหนงั สอื เดนิ ทาง แตจ ดคาํ ใหก ารเปน เทจ็ โดยผใู หถ อ ยคาํ มไิ ดม า ใหถอ ยคาํ ผิดตามมาตรา ๑๖๒(๑) และ (๒) ®¡Õ Ò·Õè öñøõ/òõóñ จําเลยไดรับแตงต้ังใหเปนผูชวยนายทะเบียนทองถิ่น มีอํานาจหนา ท่ีเกยี่ วกบั การรบั แจง การยา ยเขา ไดก รอกขอ ความเพิม่ ชอ่ื ศ. ลงในสําเนาทะเบียนบาน ฉบบั เจา บา นโดยไมม ใี บแจง การยา ยออกถอื ไดว า จาํ เลยเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบ แตเ มอื่ การเพิ่มเติมทะเบียนบานดังกลาว จําเลยมิไดกระทําเพ่ือใหเกิดความเสียหายแกผูหนึ่งผูใด ท้ังไมได ความวาจําเลยกระทําไปโดยทุจริต การกระทําของจําเลยจึงไมเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗

๑๙๖ แตการที่จําเลยเพ่ิมชื่อ ศ. ลงในสาํ เนาทะเบยี นบานดงั กลา ว โดยระบุวายายมาจากบานเลขที่ ๒๐/๑ เขตปอมปราบศัตรูพายและลงช่ือรับรองไว ซึ่งเปนความเท็จ การกระทําของจําเลยจึงเปนการรับรอง เปน หลกั ฐานวา ไดมกี ารแจงซงึ่ ขอ ความอันมไิ ดมกี ารแจง ดงั บญั ญตั ไิ วใ นมาตรา ๑๖๒(๒) แหงประมวล กฎหมายอาญาและการท่ีจําเลยเพิ่มชื่อ ศ. เขาในทะเบียนบานดังกลาวโดยลงช่ือกํากับไว เปนการ รับรองขอเท็จจริงในเอกสารน้ันวาเปนความจริงตามท่ีจําเลยระบุเพ่ิมเติมไว การกระทําของจําเลย จึงเปนการรับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุงพิสูจนความจริงอันเปนเท็จดังบัญญัติไว ในมาตรา ๑๖๒(๔) แหงประมวลกฎหมายอาญาดวย แมจําเลยจะกระทําไปโดยไมทุจริต และไมเกิด ความเสียหาย กเ็ ปน ความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒(๒) (๔) (๓) ละเวนไมจดขอความซ่ึงตนมีหนาที่ตองรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงขอความ เชน วา นนั้ หมายความวา มกี ารแจง ใหจ ดขอ ความ แตเ จา พนกั งานไมจ ดหรอื จดเปลย่ี นแปลงขอ ความผดิ ไป จากทแ่ี จง เชน เจา ทกุ ขม าแจง ความตอ ตาํ รวจซง่ึ ตาํ รวจมหี นา ทตี่ อ งจดขอ ความทม่ี าแจง ถา ตาํ รวจไมร บั แจง ผิดตามขอ น้ี (๔) รับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงอันเปน ความเทจ็ หมายความวา รบั รองขอ เทจ็ จรงิ ทแี่ สดงในเอกสารวา ถกู ตอ งดงั ทเ่ี ขยี นไว แตค วามจรงิ ขอ เทจ็ จรงิ น้ันไมถูกตอง คือ เปนเร่ืองเจาพนักงานทําเอกสารเท็จนั่นเอง เชน เจาพนักงานตรวจรับงานวา ใชวัสดุอุปกรณถูกตองตามสัญญา แตความจริงใชเหล็กไมถูกตอง พนักงานเทศบาลทําคํารับรองวา ไดต รวจรบั รถยนตไ วถ กู ตอ งแลว แตค วามจรงิ ยงั ไมม รี ถ ครใู หญโ รงเรยี นรฐั บาลออกใบสทุ ธอิ นั เปน เทจ็ ใหน กั เรยี นทสี่ อบไลไ ด ม.ศ.๓ แตอ อกใบสทุ ธใิ หว า จบ ม.ศ.๕ เจา พนกั งานทาํ ใบสาํ คญั เทจ็ วา ไดจ า ยเงนิ คาซอ มแซมเหมืองฝายไปตามใบสําคัญนนั้ แลว เปน ความผิดตามมาตรา ๑๖๔(๔) นี้ ®¡Õ Ò·èÕ ôöôù/òõóó จาํ เลยเปน เจา พนกั งานตาํ แหนง เจา หนา ทก่ี ารเงนิ และบญั ชี มหี นา ทีท่ าํ เอกสาร รับเอกสาร รับรองเอกสารแบบใบขอเบิกเงินคา เชา บาน เมื่อไดรับอนมุ ตั ใิ หม ีสทิ ธิ เบกิ คา เชา บา นแลว จงึ ลงนามรบั รองเปน หลกั ฐานในเอกสารแบบใบขอเบกิ คา เชา บา นของจาํ เลยเองวา ตรวจสอบถูกตองแลว ขอจายถูกตามระเบียบเห็นควรอนุมัติ การที่จําเลยรับรองตามที่ขออนุมัติและ ไดรับอนุมัติแลวเชนนี้จะถือวาเปนการรับรองขอความอันเปนเท็จที่เอกสารนั้นมุงพิสูจนความจริงมิได สวนการที่ผูอนุมัติไดอนุมัติไปแลวนั้นจะถูกตองหรือไมเปนเรื่องของการแปลความในกฎหมาย การแปลความไปในทางใดนัน้ จะถือวาเปนเทจ็ มิไดอีกเชนกัน à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ ตองมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ ในการกระทาํ การอยางใดอยางหน่ึง ตามที่กฎหมายบญั ญตั ไิ วนน้ั ®Õ¡Ò·Õè óõ÷ò/òõòù นายอําเภอแตงต้ังปาไมอําเภอและท่ีดินอําเภอเปน กรรมการตรวจสอบการนําไมชนิดอื่น นอกจากไมสักและไมยางท่ีนําออกจากปาไมในท่ีดินกรรมสิทธ์ิ เคลอ่ื นยา ยไปใชป ระโยชน โดยใหป า ไมอ าํ เภอเปน เลขานกุ ารคณะกรรมการดว ย มไิ ดแ ตง ตงั้ จาํ เลยท่ี ๑ และท่ี ๓ เปนกรรมการ แตจําเลยท่ี ๑ เปนผูชวยปาไมอําเภอไดลงช่ือในเอกสารในฐานะกรรมการ

๑๙๗ และเลขานุการ จําเลยที่ ๓ ผูชวยพนักงานที่ดินอําเภอลงชื่อในฐานะกรรมการ และนายอําเภอยึดถือเอา เอกสารนเ้ี ปน หลกั ในการพจิ ารณาออกหนงั สอื รบั รองการนาํ ไมต ลอดมาจาํ เลยที่ ๑ ท่ี ๓ จะอา งวา ลงชอ่ื ไปโดยขาดเจตนากระทาํ ผดิ ไมไ ด สว นจาํ เลยที่ ๒ ซง่ึ เปน ประธานกรรมการ เปน ปลดั อาํ เภอรบั ราชการ มานาน ยอ มทราบวา งานเกยี่ วกบั ปา ไมม ผี ปู ระสงคแ สวงหาประโยชนอ ยมู าก ตอ งอาศยั การตรวจสอบ ทีล่ ะเอียดถีถ่ วน การที่จาํ เลยที่ ๒ มงี านอ่นื มาก เมอ่ื ลงชือ่ รับรองการตรวจสอบ จงึ ไมเปนเหตใุ หฟ ง วา ไมม เี จตนากระทาํ ผดิ เมอื่ บนั ทกึ การตรวจสอบไมเ ปน เทจ็ จาํ เลยทงั้ สามจงึ มคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒, ๘๓ ÁÒμÃÒ òðô ความผิดฐาน “਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¼ÙŒμŒÍ§¢Ñ§ทําãËŒ¼ÙŒμŒÍ§¢Ñ§ ËÅ´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒäØÁ¢Ñ§” ÁÒμÃÒ òðô ผูใดเปนเจาพนักงานมีตําแหนงหนาที่ควบคุม ดูแลผูตองขัง ตามอํานาจของศาล ของพนักงานสอบสวนหรือของเจาพนักงานผูมีอํานาจสืบสวนคดีอาญา กระทํา ดวยประการใด ๆ ใหผูท่ีอยูในระหวางคุมขังน้ันหลุดพนจากการคุมขังไป ตองระวางโทษจําคุกตั้งแต หนึ่งปถ งึ เจ็ดป และปรบั ตั้งแตส องหม่ืนบาทถงึ หนึ่งแสนส่ีหม่นื บาท ถา ผทู หี่ ลดุ พน จากการคมุ ขงั ไปนน้ั เปน บคุ คลทต่ี อ งคาํ พพิ ากษาของศาลหนงึ่ ศาลใด ใหล งโทษประหารชวี ิต จําคุกตอดชีวติ หรอื จําคุกตัง้ แตส บิ หา ปข้ึนไป หรือมจี ํานวนตงั้ แตส ามคนขน้ึ ไป ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจําคุกต้ังแตสองปถงึ สิบป และปรับตงั้ แตส ่ีหมื่นบาทถึงสองแสนบาท องคป ระกอบภายนอก (ñ) à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ÁตÕ าํ á˹§‹ ˹Ҍ ·¤Õè Ǻ¤ÁØ ´á٠ż·ŒÙ μèÕ ÍŒ §¤ÁØ ¢§Ñ μÒÁอาํ ¹Ò¨¢Í§ÈÒÅ ¢Í§¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹËÃ×ͧ͢਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹¼ÙÁŒ อÕ าํ ¹Ò¨Ê׺Êǹ¤´ÍÕ ÒÞÒ (ò) ¡ÃÐทํา´ÇŒ »ÃСÒÃã´æ ãËÁŒ ¡Õ ÒÃËÅ´Ø ¾Œ¹¨Ò¡¡Òö¡Ù ¤ØÁ¢§Ñ (ó) «è§Ö ¼·ÙŒ ÕÍè ‹Ùã¹ÃÐËÇÒ‹ §¤ØÁ¢§Ñ องคประกอบภายใน à¨μ¹Ò¸ÃÃÁ´Ò เหตฉุ กรรจต ามวรรคสอง ¼·ŒÙ ËÕè Å´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢§Ñ 仹¹éÑ à»¹š º¤Ø ¤Å·μèÕ ÍŒ §คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ ¢Í§ÈÒÅ˹Öè§ÈÒÅã´ãˌŧâ·É (¡) »ÃÐËÒêÕÇμÔ ËÃÍ× (¢) จาํ ¤Ø¡μÅÍ´ªÇÕ Ôμ ËÃ×Í (¤) จาํ ¤Ø¡μ§éÑ áμ‹ÊԺˌһ¢‚ éÖ¹ä» ËÃ×Í (§) ÁจÕ ํา¹Ç¹μ§éÑ áμÊ‹ ÒÁ¤¹¢éÖ¹ä» ÁÒμÃÒ òðõ ความผดิ ฐาน “à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¼μŒÙ ÍŒ §¢§Ñ ทาํ ã˼Œ μŒÙ ÍŒ §¢§Ñ ËÅ´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒäØÁ¢Ñ§â´Â»ÃÐÁÒ·”

๑๙๘ ÁÒμÃÒ òðõ ถาการกระทาํ ดงั กลาวในมาตรา ๒๐๔ เปนการกระทาํ โดยประมาท ผูกระทาํ ตอ งระวางโทษจําคุกไมเกนิ สองป หรือปรับไมเกนิ สี่หมื่นบาท หรอื ทง้ั จาํ ท้ังปรบั ถาผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังไปดวยการกระทําโดยประมาทนั้น เปนบุคคลท่ีตอง คําพพิ ากษาของศาลหนึง่ ศาลใดใหลงโทษประหารชวี ิต จําคุกตลอดชวี ติ หรอื จําคุกตั้งแตสิบหาปข ้นึ ไป หรอื มจี าํ นวนตง้ั แตส ามคนขน้ึ ไป ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมนื่ บาท หรอื ท้งั จาํ ทงั้ ปรับ ถาผูกระทําผิดจัดใหไดตัวผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังคืนมาภายในสามเดือนใหงด การลงโทษแกผกู ระทําความผดิ นน้ั องคป ระกอบภายนอก (เหมือนมาตรา ๒๐๔) องคป ระกอบภายใน »ÃÐÁÒ· เหตุฉกรรจตามวรรคสอง (àËÁÍ× ¹àËμØ©¡ÃèμÒÁÇÃäÊͧ¢Í§ÁÒμÃÒ òðô) วรรคสาม àËμ§Ø ´¡ÒÃŧâ·É ¤Í× ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ¨´Ñ ãËäŒ ´μŒ ÇÑ ¼·ŒÙ ËÕè Å´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡Òà ¤ÁØ ¢§Ñ ¤×¹ÁÒÀÒÂã¹ÊÒÁà´Í× ¹ ¶ÒÁ ตํารวจอยูเวรรักษาการณอยูท่ีสถานีตํารวจไดพาผูตองขังไปเสียจากท่ีคุมขัง บนสถานตี าํ รวจ โดยไปเทยี่ วหาความสาํ ราญในตลาด โดยตาํ รวจไปกบั ผตู อ งขงั ดว ย ตาํ รวจผดิ มาตรา ๒๐๔ หรือไม μͺ แมต าํ รวจจะไปกบั ผตู อ งขงั ดว ย กไ็ มถ อื วา เปน การควบคมุ แตถ อื ไดว า ตาํ รวจได กระทาํ ใหผ ตู อ งขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั ไปแลว เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ (ฎกี าที่ ๒/๒๕๐๓ น.๑๑) ¶ÒÁ พนกั งานสอบสวนควบคมุ ผตู อ งหาไวใ นหอ งขงั ทส่ี ถานตี าํ รวจเกนิ ระยะเวลาที่ กฎหมายใหอํานาจในการควบคุมไวได จ.ส.ต.ขาว ซึ่งทําหนาที่เปนสิบเวรสถานีตํารวจน้ันมีหนาที่ ควบคมุ ดแู ลผตู อ งขงั ในหอ งขงั ของสถานตี าํ รวจนน้ั ไดป ลอ ยใหผ ตู อ งหาหลบหนไี ปจะเปน ความผดิ ตาม มาตรา ๒๐๔ หรอื ไม μͺ แมพ นกั งานสอบสวนจะไมไ ดป ฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารทป่ี ระมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญามาตรา ๘๗ กําหนดไว คือ หากตองการควบคุมเกินกําหนดจะตองยื่นคํารองตอศาล ขอใหศาลออกหมายขังผูตองหาน้ันไว ก็มีผลเพียงใหการควบคุมของพนักงานสอบสวนเปนการผิด กฎหมาย แตการควบคุมนั้นก็คงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ดวยเหตุนี้ การที่ จ.ส.ต.ขาวผูมหี นา ทีค่ วบคมุ ดแู ลผูตองขังตามอํานาจของพนักงานสอบสวนปลอ ยตัว ผตู อ งหาไป จงึ เปน การทาํ ใหผ ทู อ่ี ยใู นระหวา งคมุ ขงั นน้ั หลดุ พน จากการคมุ ขงั ไป (ฎกี าท่ี ๓๕๙๘/๒๕๓๑ น. ๒๒๖๔) ¢ŒÍÊѧà¡μ (๑) พนักงานสอบสวนผูควบคุมตัวผูตองหาเกินกําหนดมีความผิดตาม มาตรา ๑๕๗ หากเปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบเพอื่ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ ตู อ งหา และนอกจากนน้ั ยงั ผดิ ฐานหนว งเหนยี่ วกกั ขงั ผอู นื่ ตามมาตรา ๓๑๐ (หากเจตนา) หรอื มาตรา ๓๑๑ (หากประมาท) ดว ย

๑๙๙ (๒) การควบคมุ ของพนกั งานสอบสวนดงั กลา ว เปน การผดิ กฎหมาย แตใ นแงข อง ¼ÙŒμŒÍ§ËÒ การหลบหนีจากที่คุมขังไประหวางท่ีถูกควบคุมอยูโดยผิดกฎหมายน้ัน อาจไมเปนความผิด ตามมาตรา ๑๙๐ (ฎกี าท่ี ๑๐๐๘/๒๔๙๙ น.๘๖๔ และฎกี าที่ ๒๒๔๓/๒๕๓๑ ฎ.ส.ล. ๙, น. ๗๐) ดจุ เดยี ว กบั กรณที ต่ี าํ รวจจบั โดยไมช อบ เชน ไมม หี มายจบั ในกรณที ตี่ อ งมหี มายจบั ซง่ึ ถอื วา เปน การกระทาํ โดย ไมมีอํานาจ ผูถูกจับไมจําตองยอมรับการกระทําอันปราศจากอํานาจของเจาพนักงาน การตอสูหรือ ขัดขวางก็ไมผิดมาตรา ๑๓๘ (๓) อยา งไรกต็ าม การควบคมุ โดยไมช อบดว ยกฎหมายนน้ั มองในแงข องเจา พนกั งาน ก็ยังตองถือวา การควบคุมนั้นก็ยังคงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครอง หรอื ตาํ รวจอยนู นั่ เอง แมจ ะเปน อาํ นาจโดยมชิ อบกต็ าม ã¹á§¢‹ ͧà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ หากปลอ ยผถู กู คมุ ขงั ไป กเ็ ปน ความผิดตามมาตรา ๒๐๔ ได๒ ๑ (๔) หากเจาพนักงานผูปลอย รูวาผูถูกปลอยตองคําพิพากษาของศาลหนึ่งศาลใด ลงโทษตามทีร่ ะบไุ วในวรรคสอง เจา พนักงานก็ผดิ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง (๕) หากปลอ ยผถู กู คุมขงั สามคนขนึ้ ไปก็ผดิ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง เชนกัน ¶ÒÁ เจาหนาท่ีราชทัณฑอยูเวรควบคุมผูตองขังซึ่งออกมารักษาตัวท่ีโรงพยาบาล แตมิไดปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑ ท่ีใหลามโซผูตองขังไวกับเตียงในตอนกลางคืน และ ยงั นงั่ หลบั อยทู รี่ ะเบยี ง นอกหอ งคมุ ขงั ดว ย เปน เหตใุ หผ ตู อ งขงั หลบหนไี ปจะผดิ มาตรา ๒๐๕ วรรคแรก หรือไม μͺ ถอื วา เปน การกระทาํ โดยประมาท ตามมาตรา ๕๙ วรรคสี่ และเปน เหตใุ หผ ถู กู คมุ ขังหลุดพนจากการคุมขงั จึงมคี วามผิดตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก (ฎกี าที่ ๑๓/๒๕๒๕ น. ๑๘๕) หากโจทกฟ อ งเจา หนา ทรี่ าชทณั ฑด งั กลา ว วา กระทาํ ผดิ โดยเจตนา แตท างพจิ ารณา ของศาลไดค วามวา กระทําโดยประมาท และจําเลยมไิ ดห ลงตอสู ศาลลงโทษจาํ เลยตามมาตรา ๒๐๕ ไดต ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสาม (ฎกี าท่ี ๑๓/๒๕๒๕ น. ๑๘๕) ¶ÒÁ หากเจาหนาที่ราชทัณฑพานักโทษไปนอกเรือนจําและปลอยตัวนักโทษไป โดยนกั โทษไมไ ดมีเจตนาจะหลบหนดี วย เจาหนาที่จะมคี วามผิดตามมาตรา ๒๐๔ หรือไม μͺ เจา หนา ทรี่ าชทณั ฑผ ดิ มาตรา ๒๐๔ แมน กั โทษไมม เี จตนาหลบหนดี ว ยกต็ าม ¶ÒÁ หากเจา พนกั งานกระทาํ โดยประมาทเปน เหตใุ หผ ตู อ งคมุ ขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั ตอมาผูตองคุมขังกลับมาเอง หรือเจาพนักงานอ่ืนจับตัวกลับมา เจาพนักงานที่กระทําโดยประมาท จะไดร ับการยกเวน โทษตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสามหรอื ไม μͺ มาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ตอ งเปน กรณี ผทู กี่ ระทาํ ความผดิ โดยประมาทเปน เหตุ ใหผูถ กู คมุ ขังหลดุ พนจากการคุมขงั “¨´Ñ ãËäŒ ´μŒ ÑÇ” ผทู ่ีหลดุ พน จากการคุมขงั กลบั มาภายในสามเดอื น หากผถู ูกคุมขังกลับมาเอง หรอื เจา พนักงานอ่นื จบั มา ก็ไมเขา กรณมี าตรา ๒๐๕ วรรคสาม ๒๑ ดหู มายเหตุทา ยคาํ พพิ ากษาฎีกาที่ ๓๕๙๘/๒๕๓๑ โดย ศาสตราจารยจติ ติ ตงิ ศภัทิย

๒๐๐ ¢ÍŒ 椄 à¡μ หากเจา พนกั งาน “เจตนา” ทาํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน อนั เปน ความผดิ ตาม มาตรา ๒๐๔ แมจ ะจดั ใหไ ดตัวมาภายในสามเดือน กไ็ มใ ชกรณีตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ซงึ่ จะตอง เปน เร่อื งทาํ ใหห ลุดพน โดยประมาทตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก เทา นน้ั ¶ÒÁ หากเจา พนกั งานประมาททาํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั สามคนหลดุ พน จากการคมุ ขงั ตอ มา เจาพนักงานผนู นั้ ไปจัดการจับตวั ผูหลบหนมี าไดสองคน จะเขา กรณีมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม หรอื ไม μͺ หากกระทาํ โดยประมาทใหห ลดุ พน ไปสามคน อนั เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสอง ก็จะตองจัดใหไดตัวกลับคืนมาภายใน ๓ เดือน ทั้งสามคน หากจับตัวกลับมาไดสองคน ก็ไมเ ขา กรณมี าตรา ๒๐๕ วรรคสาม หรอื จับมาไดสองคน ภายใน ๓ เดือน แตจ บั คนท่เี หลอื คืนมา ไดเ กนิ ๓ เดอื น ก็ไมเ ขา กรณีมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม เชน เดียวกนั (เทยี บฎีกาท่ี ๓๓/๒๔๖๔) ¶ÒÁ กรณตี ามมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม นน้ั เจา พนกั งานผทู ที่ าํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน จะตองเปนผูไปจบั ตัวกลบั มาดวยตนเองหรือไม μͺ ไมจําตองไปจับตัวกลับมาเอง เพราะตัวบทใชคําวา “¨Ñ´ãˌ䴌μÑÇ...¤×¹ÁÒ” ซง่ึ อาจจะจา งใหค นไปจบั มากไ็ ด กลา วคอื ¨Ð¨´Ñ â´ÂÇ¸Ô ãÕ ´¡äç ´Œ (ฎกี าที่ ๑๑๑๖/๒๕๐๘ น.๑๗๔๑) แตม ใิ ช วา อยเู ฉยๆ ไมทําอะไรเลย แลว นักโทษหลบหนกี ลบั มาเองหรอื เจาพนกั งานอนื่ จับมาไดเ สียกอน ¶ÒÁ ถา เจา พนกั งานผทู ที่ าํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั โดยประมาทไปตดิ ตาม จบั ตัวผูห ลบหนี นกั โทษใชอ าวุธตอ สู ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹¼¹ŒÙ ¹éÑ ยงิ นักโทษตาย จะถอื วา ไดต ัวคนื มา หรอื ไม μͺ นา จะตอ งถอื วา ไดต วั คนื มาดว ย แมจ ะเสยี ชวี ติ กต็ าม ขอ สาํ คญั นา จะอยตู รงทว่ี า เจาพนักงานผูนั้นขวนขวายนําตัวผูหลบหนีกลับคืนมาหรือไม และในที่สุดไดตัวกลับคืนมาหรือไม หากไดตัวกลับคืนมาแมจะเสียชีวิตแลว ก็นาจะอนุโลมยกเวนโทษใหเจาพนักงานตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสามได (เทียบฎีกาท่ี ๔๓๒/๒๔๗๘)๒๒ การตีความเชนน้ีคงไมเปนการสงเสริมใหเจาพนักงาน ไปยงิ ท้ิงผหู ลบหนี เพราะหากกระทําเชนนนั้ เจาพนักงานก็มคี วามผดิ ฐานฆาคนตายโดยเจตนาอยแู ลว ซ่งึ เปนคนละกรณีกับการไดต วั กลับมา ¶ÒÁ §´Å§â·É หมายความวาอยา งไร μͺ หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก (ผทู ก่ี ระทาํ โดยประมาทให ผูตองขังหลุดพนจากการคุมขัง) ยังไมถูกจับกุม แตขวนขวายนําตัวผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังคืนมาได ภายในสามเดือน นับแตวันท่ีหลุดพนจากการคุมขัง เชนน้ีก็มีผลเปนการ “ยกเวนโทษ” ใหแก ผูกระทําความผิดตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก ถกู จบั กมุ และถกู ดาํ เนนิ คดแี ละถกู ลงโทษแลว แตในระหวางนั้นขวนขวายนําตัวผูที่หลุดพนจากการคุมขังกลับคืนมาไดภายในสามเดือน กม็ ผี ลเปน การงดการลงโทษ ซง่ึ หมายความวา ลงโทษแลว เทา ใดกใ็ หง ดไมล งโทษอกี ตอ ไป หากยงั ไมถ กู ลงโทษ เชน อยรู ะหวางดําเนนิ คดีในชัน้ สอบสวน หรือในชัน้ ฟอ งรอ ง หากนาํ ตวั กลับคืนมาไดภ ายใน กําหนด การดาํ เนินคดตี า งๆ ก็ตองยุติลงเพราะลงโทษไมไดแ ลว ๒๓ ๒๒ จิตติ ตงิ ศภทั ิย, กฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอน ๑, น.๔๕๑ หวั ขอ ๗๕๖ ๒๓ จิตติ ติงศภทั ิย. กฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอน ๑, น.๔๕๐ หัวขอ ๗๕๖

๒๐๑ ®Õ¡Ò·Õè ñññö/òõðø น.๑๗๔๑ วนิ จิ ฉยั วา มาตรา ๒๐๕ วรรคทา ย เปน เรอื่ งใหงด การลงโทษผูกระทําผิด (ผูท่ีกระทําโดยประมาทใหผูตองขังหลุดพนจากการคุมขัง) ในเม่ือผูกระทําผิด สามารถจดั ใหไ ดต วั ผทู ห่ี ลดุ พน กลบั คนื มาภายใน ๓ เดอื น ¨Ð¨´Ñ â´ÂÇ¸Ô ãÕ ´¡äç ´Œ แตก Á็ äÔ ´ËŒ ÁÒ¤ÇÒÁวา จะตอ งใหโ อกาสผกู ระทาํ ผดิ ไปตดิ ตามผทู หี่ ลดุ พน จากการคมุ ขงั เสยี กอ น จงึ จะสอบสวนฟอ งรอ งลงโทษ ผูกระทําผิดได

ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § μÒÃÒ§ÊÃ»Ø ·ŒÒº·àÃÕ¹ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๐๒ บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎกี า ๑๕๑๙/๒๕๐๐ ¤íÒ͸ԺÒ ฎกี า ๑๗๓๕/๒๕๐๖ - ความผดิ ตอเจาพนกั งาน ฎกี า ๒๒๔๖/๒๕๑๕ ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡èÂÕ Ç¡ºÑ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ม.๑๓๖ ฎีกา ๓๑๖/๒๕๑๗ ñ. ´ËÙ ÁÔè¹à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ฎีกา ๑๕๔๑/๒๕๒๒ มาตรา ๑๓๖ ผใู ดดหู มนิ่ เจา พนกั งาน ซงึ่ กระทาํ การ ฎีกา ๔๑๕/๒๕๒๘ ตามหนา ที่ หรอื เพราะไดก ระทาํ การ ตามหนา ทตี่ อ งระวางโทษ จําคุกไมเกินหนึ่งป หรือปรับไมเกินสองพันบาท ฎีกา ๑๑๒๔/๒๕๐๗ หรอื ทั้งจาํ ทง้ั ปรับ ฎกี า ๒๑๔๑/๒๕๓๒ ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มดี ังนี้ ฎกี า ๑๓๘/๒๕๑๕ ๑. ดูหมิ่น ๒. เจาพนักงานซ่ึงกระทําการตามหนาท่ี หรือ เพราะไดก ระทาํ ตามหนาที่ ๓. เจตนา ò. ᨧŒ ¤ÇÒÁà·ç¨μ‹Íà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ มาตรา ๑๓๗ ผูใดแจงขอความอันเปนเท็จแก ม.๑๓๗ เจาพนักงาน ซึ่งอาจทําใหผูอื่นหรือประชาชนเสียหาย ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหกเดือน หรือปรับไมเกิน หน่งึ หม่นื บาท หรอื ทั้งจาํ ทั้งปรบั มาตรานเี้ ปน เรอ่ื งการแจง ความเทจ็ ตอ เจา พนกั งาน เปนการแจงเท็จในเรื่องทั่วๆ ไป ไมวาจะเก่ียวกับเร่ือง ทางแพง อาญา ครอบครัว ที่ดิน หรือเร่ืองเกี่ยวกับวินัย ขา ราชการ เชน แจง กบั เจา หนา ทว่ี า เปน โสด ทงั้ ทแี่ ตง งานแลว เพ่ือจดทะเบียนสมรสใหม หรือแจงวาคูสมรสเปนคนไทย แตค วามจรงิ เปน คนตา งดา วเพอื่ รบั โอนทดี่ นิ เปน ตน มาตราน้ี จงึ เปนบททว่ั ไป การแจง ขอ ความเทจ็ ยงั เปนความผิดตาม บทเฉพาะอกี ได เชน ถา เกยี่ วกบั คดอี าญากผ็ ดิ ตามมาตรา ๑๗๒ หรือมาตรา ๑๗๓ ฟอ งคดอี าญาอนั เปน เท็จ เบกิ ความเท็จ ทําหลักฐานเท็จ นําสืบพยานเท็จ หรือแมแตการบอก ช่อื เท็จเหลานี้ กฎหมายบญั ญตั ิใหเ ปน ความผดิ โดยเฉพาะ ซ่ึงศาลฎีกาถือวาเม่ือการแจงขอความเท็จน้ันผิดตามบท เฉพาะแลว กไ็ มผ ิดตามบททั่วไปคอื มาตรา ๑๓๗ อีก

ÅíҴѺ àÃ×èͧ ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·àÕè ¡ÂÕè Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผดิ เกี่ยวกับการปกครอง ฎีกา ๒๑๘๖/๒๕๑๘ ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดงั น้ี ฎีกา ๒๓๓๕/๒๕๑๘ - ความผดิ ตอเจา พนกั งาน ๑. แจง ขอความอันเปนเทจ็ ฎกี า ๕๒/๒๕๒๓ ๒. แกเจาพนกั งาน ฎีกา ๑๙๕๔/๒๕๔๖ ๓. ซงึ่ อาจทาํ ใหผูอ่นื หรอื ประชาชนเสยี หาย ๔. เจตนา ó. μÍ‹ ÊÙŒ¢Ñ´¢ÇÒ§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ๒๐๓ มาตรา ๑๓๘ ผใู ดตอสู หรอื ขัดขวางเจาพนักงาน ม.๑๓๘ หรือผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติ ตามหนาที่ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหน่ึงปหรือปรับ ไมเกนิ สองพันบาท หรอื ทง้ั จําทงั้ ปรับ ถา การตอสูหรอื ขัดขวางนนั้ ไดก ระทําโดยใชก ําลงั ประทุษราย หรือขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย ผูกระทํา ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สองป หรอื ปรบั ไมเ กนิ สพี่ นั บาท หรอื ทัง้ จาํ ทั้งปรบั วรรคแรกของมาตรานี้บญั ญัติการกระทําอันถือวา เปน ความผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานหรอื ผซู งึ่ ตอ งชว ย เจาพนักงาน สวนวรรคทายเปนเหตทุ ที่ ําใหร บั โทษหนักขน้ึ ความผิดตามวรรคแรก มีองคประกอบของ ความผดิ ดังน้ี ๑. ตอสูห รอื ขดั ขวาง ๒. เจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ ตอ งชว ยเจา พนกั งานตาม กฎหมายในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนาท่ี ๓. เจตนา สําหรับวรรคทาย เปนลักษณะฉกรรจของการ กระทําความผิดในวรรคแรก กลาวคือ ถาการตอสูหรือ ขดั ขวางนนั้ ไดกระทาํ โดยใชกาํ ลังประทุษรา ย หรอื ขูเ ขญ็ วา จะใชกาํ ลงั ประทุษรา ยกต็ อ งรับโทษหนกั ขนึ้

ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๐๔ บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ô. ¢‹Á¢¹× ã¨à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ม.๑๓๙ - ความผิดตอ เจา พนักงาน มาตรา ๑๓๙ ผใู ด ขม ขนื ใจเจา พนกั งานใหป ฏบิ ตั กิ าร อนั มชิ อบดว ยหนา ทห่ี รอื ใหล ะเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ท่ี โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สป่ี  หรอื ปรบั ไมเ กนิ แปดหมน่ื บาท หรือทง้ั จําท้งั ปรบั ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มดี งั น้ี ๑. ขม ขนื ใจ โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลังประทุษรา ย ๒. เจา พนกั งาน ๓. ใหป ฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ที่ หรอื ใหล ะเวน การปฏบิ ตั ิการตามหนาที่ ๔. เจตนา ¤Òí ͸ԺÒ μÍ‹ ÊŒËÙ ÃÍ× ¢Ñ´¢ÇÒ§ ตอ สู ในท่ีน้หี มายถงึ การกระทาํ ใดๆ อันเปนการ ขดั ขนื หรอื โตแ ยง อาํ นาจของเจา พนกั งาน แตไ มถ งึ กบั ลงไม ลงมอื กบั เจา พนกั งาน เชน ตาํ รวจเขา จบั กมุ กส็ ะบดั หรอื ดน้ิ ไมยอมใหจับแตไมชกหรือทํารายตํารวจ การตอสูจะตอง ไมถึงกับทํารายหรือใชกําลังประทุษราย เพราะถาใชกําลัง ประทษุ รา ยกเ็ ปน ความผดิ ตามวรรคทา ยไป แตต อ งเปน การ กระทาํ ทแี่ สดงออกมาไมใ ชน ง่ิ เฉยๆ เชน ตาํ รวจจบั กมุ จะพาไป สถานีตํารวจแตไมย อมไปนง่ั เฉยหรอื นอนเสีย ตาํ รวจตอง ยกใสร ถไป อยา งนไี้ มใ ชก ารตอ สู เพราะมไิ ดก ระทาํ การใดๆ อันเปน การขดั ขืนอํานาจของตาํ รวจ

ÅíҴѺ àÃÍè× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÕèÂǢ͌ § ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผดิ เกยี่ วกบั การปกครอง ฎกี า ๔๒๓/๒๕๒๒ ขัดขวาง หมายถึง การกระทําทกี่ อ ใหเ กดิ อุปสรรค - ความผิดตอเจา พนกั งาน หรอื ความยากลาํ บากในการปฏบิ ตั หิ นา ทขี่ องเจา พนกั งาน แตไมถึงกับขัดขืนไมใหบรรลุผลเสียทีเดียวเพียงทําให การปฏิบัติหนาที่ของเจาพนักงานลําบากขึ้น เชน ตํารวจ ไลจับ พอตนเองวิ่งขามสะพานไปแลว ก็ดึงไมกระดาน ทอดสะพานออกไมใหตํารวจขาม หรือยิงปนขึ้นฟาขู มใิ หไ ลจ บั กมุ ตอ ไป ถอื เปน การขดั ขวางเจา หนา ท่ี การขดั ขวาง น้ีอาจเปนการกระทําของผูอ่ืนท่ีสอดแทรกเขามาก็ได เชน ตํารวจไลจับแดง เขียวก้ันกลางมิใหตํารวจจับแดงได หรอื เขียวดึงสะพานออกไมใหตาํ รวจขาม เปนตน õ. àÃÂÕ ¡·ÃÑ¾ÂÊ¹Ô à¾Íè× ¨§Ù ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ๒๐๕ มาตรา ๑๔๓ ผใู ดเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ ม.๑๔๓ หรือประโยชนอ่ืนใดสําหรับตนเองหรือผูอื่น เปนการ ตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิก สภาเทศบาลโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย หรือโดย อิทธิพลของตนใหกระทําการ หรือไมกระทําการในหนาที่ อันเปนคุณหรือเปนโทษแกบุคคลใดตองระวางโทษจําคุก ไมเ กนิ หา ป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนงึ่ แสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรบั มาตรานเี้ ปน ตวั อยา งหนงึ่ แสดงวา กฎหมายไมถ อื วา สมาชกิ สภานิตบิ ญั ญัติแหงรฐั สมาชกิ สภาจังหวดั สมาชกิ สภาเทศบาล มฐี านะเปน เจาพนกั งาน เพราะหากสมาชิก เหลานี้เปนเจาพนักงานดวยแลว กฎหมายก็ใชแตคําวา เจาพนักงาน คําเดียวก็พอ ไมจําเปนตองแยกบัญญัติถึง สมาชิกเหลาน้ีไวตางหากอีก ความผิดตามมาตรานี้เปน ความผดิ ทบี่ คุ คลทวั่ ไปกระทาํ มใิ ชเ จา พนกั งานกระทาํ เพราะ กฎหมายใชคําวา “ผูใด”

ÅÒí ´Ñº àÃèÍ× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·àèÕ ¡ÕÂè Ǣ͌ § ËÁÒÂàËμØ ๒๐๖ บทที่ ๗ ความผดิ เก่ยี วกบั การปกครอง ฎีกา ๒๒๒๑/๒๕๑๙ ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มีดังนี้ ฎีกา ๔๓๕/๒๕๒๑ - ความผิดตอเจา พนักงาน ๑. เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชน ฎีกา ๓๗๐๐/๒๕๒๙ อนื่ ใด ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ๓๒.. เสปํานหกราับรตตนอเบอแงหทรนือในผูอกาืน่ รทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจ - ความผิดตอ เจาพนักงาน สเจภาาพเจนา พักนงากั นงานสสมมาาชชิกกิ สสภภาานนติิตบิิบญั ัญญญตั ัตแิ ิหแหง รงฐั รสัฐมาสชมกิ าสชภิกา จงั หวดั ห๔ร.ือสโดมยาวชธิ ิกอี สนั ภทาจุ เรทติ ศหบรอืาลผดิ กฎหมายหรอื โดยอทิ ธพิ ล ของตน ๕. ใหกระทําการหรือไมกระทําการในหนาที่ อนั เปนคุณหรือเปนโทษแกบุคคลใด ๖. เจตนา ö. ãËÊŒ Ô¹º¹à¨ŒÒ¾¹¡Ñ §Ò¹ มาตรา ๑๔๔ ผใู ดให ขอใหห รอื รบั วา จะใหท รพั ยส นิ ม.๑๔๔ หรอื ประโยชนอ นื่ ใดแกเ จา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ แหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล เพอื่ จงู ใจใหก ระทาํ การ ไมก ระทาํ การหรอื ประวงิ การกระทาํ อนั มชิ อบดว ยหนา ที่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หา ป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนึ่งแสนบาท หรือทง้ั จาํ ท้ังปรบั มาตรานี้เปนเร่ืองบุคคลในฐานะราษฎรใหสินบน เจา พนกั งาน ตา งกบั มาตรา ๑๔๒ ซง่ึ เปน กรณบี คุ คลธรรมดา เรยี กทรัพÍย§ส¤ิน» จÃาÐก¡บÍคุ ºค¢ลÍธร§ร¤มÇดÒาÁด¼วย´Ô กมนั ีดงั น้ี ประโยช๑น.อ ื่นใใหด ขอให หรือรับวาจะให ทรัพยสินหรือ สมาชกิ ส๒ภ.าจแังกหเวจดั า หพรนอื กั สงมานาชสกิ มสาภชากิ เทสภศาบนาติลบิ ญั ญตั แิ หง รฐั ๓. เจตนา ๔. เพื่อจูงใจใหกระทําการ ไมกระทําการ หรือ ประวิง การกระทาํ อนั มิชอบดว ยหนาที่

ÅÒí ´Ñº àÃè×ͧ ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·Õèà¡èÂÕ Ç¢ÍŒ § ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผิดเกีย่ วกบั การปกครอง ÷. ¡ÒÃáÊ´§μ¹áÅСÃзíÒ¡ÒÃ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ - ความผิดตอเจา พนักงาน มาตรา ๑๔๕ ผใู ดแสดงตนเปนเจาพนกั งาน และ ม.๑๔๕ ก ร ะ ทํ า ก า ร เ ป  น เ จ  า พ นั ก ง า น โ ด ย ต น เ อ ง มิ ไ ด  เ ป  น เจาพนักงานท่ีมีอํานาจกระทําการน้ัน ตองระวางโทษ จําคุกไมเกินหนึ่งปหรือปรับไมเกินสองหมื่นบาท หรือ ท้ังจําทง้ั ปรับ เจาพนักงานผูใดไดรับคําสั่งมิใหปฏิบัติการตาม ตาํ แหนง หนา ทต่ี อ ไปแลว ยงั ฝา ฝน กระทาํ การใดๆ ในตาํ แหนง หนา ทนี่ นั้ ตอ งระวางโทษตามทกี่ าํ หนดไวใ นวรรคแรกดจุ กนั มาตรานี้บัญญัติการกระทําอันเปนความผิด ๒ ความผิด คือ วรรคแรกบัญญัติลกั ษณะการกระทาํ อันเปน ความผิดฐานแสดงตนและกระทําการเปนเจาพนักงาน วรรคทา ยเปน กรณที เี่ จา พนกั งานไดร บั คาํ สง่ั มใิ หป ฏบิ ตั กิ าร ในตาํ แหนง แลว ยงั ฝาฝน คําส่งั อกี ความผิดตามวรรคแรก มีองคประกอบของ ความผิดดังน้ี ๑. แสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทาํ การเปน เจาพนกั งาน ๒. โดยตนเองมิไดเปนเจาพนักงานท่ีมีอํานาจ กระทํานัน้ ๓. เจตนา ๒๐๗

ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·Õàè ¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ § ËÁÒÂàËμØ ๒๐๘ บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎกี า ๘๙๙/๒๔๙๘ ø. áμ‹§à¤ÃèÍ× §áººâ´ÂäÁ‹ÁÊÕ Ô·¸Ô ฎกี า ๖๗๐/๒๕๒๑ - ความผิดตอ เจา พนกั งาน มาตรา ๑๔๖ ผใู ดไมม สี ทิ ธทิ จ่ี ะสวมเครอ่ื งแบบ หรอื ม.๑๔๖ ฎีกา ๑๒๒๗/๒๔๗๙ ประดบั เครอื่ งหมายของเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ แหง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาลหรอื ไมม ี สทิ ธใิ ชย ศ ตาํ แหนง เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ หรอื สงิ่ ทห่ี มายถงึ เครื่องราชอิสริยาภรณ กระทําการเชนนี้เพื่อใหบุคคลอื่น เชอ่ื วา ตนมสี ทิ ธติ อ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หนงึ่ ปห รอื ปรบั ไมเกินสองหมนื่ บาท หรอื ทัง้ จาํ ทง้ั ปรบั มาตรานมี้ คี วามผดิ ๒ ฐานความผดิ ดวยกนั คอื ฐานแรกแตงเครื่องแบบโดยไมมีสิทธิและฐานที่สองใหยศ ตําแหนง เครื่องราชอิสริยาภรณโดยไมมีสิทธิ ซ่ึงจะแยก อธบิ ายแตละฐานความผิดไป ¤ÇÒÁ¼Ô´áá ÁÕͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ ดงั น้ี ๑. สวมเครอื่ งแบบหรอื ประดบั เครอื่ งหมายของ เจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิก สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล ๒. โดยไมมีสิทธิ ๓. เจตนา ๔. เพ่อื ใหบคุ คลอื่นเช่อื วา ตนมสี ทิ ธิ

ÅÒí ´ºÑ àÃèÍ× § ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·àèÕ ¡èÕÂÇ¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ บทที่ ๗ ความผิดเกีย่ วกบั การปกครอง ฎกี า ๒๒๘/๒๕๓๔ ¤ÇÒÁ¼Ô´μÍ‹ μÒí á˹§‹ ˹Ҍ ·ÕèÃÒª¡Òà ฎีกา ๙๕๘/๒๕๓๔ - ความผิดตอตําแหนง หนา ทีร่ าชการ ñ. à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹Â¡Ñ ÂÍ¡ มาตรา ๑๔๗ ผใู ดเปน เจาพนกั งาน มีหนาทซ่ี ้อื ทํา ม.๑๔๗ จัดการ หรอื รักษาทรัพยใ ด เบียดบังทรพั ยนั้นเปน ของตน หรือเปนของผูอ่ืนโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให ผูอื่นเอาทรัพยน้ันเสีย ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาป ถงึ ยสี่ บิ ป หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แตห นงึ่ แสนบาท ถึงสแี่ สนบาท ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มีดงั น้ี ๑. เปน เจาพนกั งาน ๒. มีหนาที่ซอื้ ทาํ จดั การ หรอื รกั ษาทรพั ยใ ด ๓. เบยี ดบงั เอาทรพั ยส นิ นน้ั เปน ของตน หรอื เปน ของผอู ่ืนหรือยอมใหผูอ ืน่ เอาทรพั ยนนั้ เสยี ๔. เจตนา ๕. โดยทจุ รติ ๒๐๙

ÅíÒ´ºÑ àÃÍ×è § ¤Òí ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·Õàè ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๑๐ บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกบั การปกครอง ฎีกา ๓๘๖๑/๒๕๒๘ ò. ãªÍŒ íÒ¹Ò¨ã¹μÒí á˹§‹ ¢‹Á¢×¹ã¨àÍÒ·ÃѾ ฎกี า ๓๖๗๙/๒๕๒๙ - ความผดิ ตอตําแหนงหนา ท่ีราชการ มาตรา ๑๔๘ “ผูใดเปนเจาพนักงานใชอํานาจ ม.๑๔๘ ในตําแหนงโดยมิชอบ ขมขืนใจหรือจูงใจเพื่อใหบุคคลใด มอบให หรือหามาใหซึ่งทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใดแก ตนเองหรือผูอ่ืนตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาปถึงยี่สิบป หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แตห นง่ึ แสนบาทถงึ สแ่ี สนบาท หรือประหารชวี ิต” ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มดี งั น้ี ๑. เปน เจาพนักงาน ๒. ใชอาํ นาจในตําแหนง โดยมิชอบ ๓. ขมขืนใจหรอื จงู ใจผูอน่ื ๔. เจตนา ๕. เพอ่ื ใหบ คุ คลใดมอบใหห รอื หามาใหซ งึ่ ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชนอ นื่ ใดสําหรับตนเองหรอื ผอู น่ื ͸ԺÒ เปน เจา พนกั งาน เจา พนกั งานมคี วามหมายอยา งไรนนั้ ไดอ ธบิ ายไวโดยละเอยี ดแลว ฉะนน้ั สาํ หรับองคประกอบ ขอ น้ีจะไมก ลาวซา้ํ อกี ใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ เจาพนักงาน กย็ อ มมตี าํ แหนง ตา งๆ แลว แตก ฎหมายจะกาํ หนดเรยี กชอ่ื ตําแหนงน้ันๆ เชน ผูใหญบาน กํานัน ปลัดอําเภอ นายอาํ เภอ ศกึ ษาธกิ าร หัวหนาฝา ย หวั หนา กอง เปน ตน

ÅíÒ´ºÑ àÃ×Íè § ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผิดเกีย่ วกับการปกครอง ฎกี า ๙๔๙/๒๕๒๑ ó. àÃÕ¡ ÃºÑ ËÃ×ÍÂÍÁÃѺ¨ÐÃºÑ ÊÔ¹º¹ ฎีกา ๑๒๖๓/๒๕๓๒ - ความผิดตอตําแหนงหนา ทรี่ าชการ มาตรา ๑๔๙ ผูใดเปนเจาพนักงาน สมาชิก ม.๑๔๙ สภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิก ๒๑๑ สภาเทศบาล เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชน อ่ืนใดสําหรับตนเองหรือผูอ่ืนโดยมิชอบ เพื่อกระทําการ หรือไมกระทําการอยางใดในตําแหนงไมวาการนั้นจะชอบ หรือมิชอบดวยหนาท่ี ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาป ถงึ ยสี่ บิ ป หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แตห นงึ่ แสนบาท ถึงสี่แสนบาท หรอื ประหารชีวติ ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดงั น้ี ๑. เปนเจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติ แหง รฐั สมาชิกสภาจังหวดั หรือสมาชิกสภาเทศบาล ๒. เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชน อื่นใดสาํ หรบั ตนเองหรอื ผอู ่ืนโดยมิชอบ ๓. เจตนา เพอื่ กระทาํ การหรอื ไมก ระทาํ การอยา งใดในตาํ แหนง ไมวา การนน้ั จะชอบหรือไมชอบดวยหนาท่ี ¤Òí ͸ԺÒ เปนเจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล มาตรานบ้ี ญั ญตั ิ เพ่ิมตัวบุคคลผูกระทําผิดนอกเหนือจากเจาพนักงานคือ รวมถงึ สมาชิกสภานติ บิ ัญญัตแิ หงรัฐ สมาชกิ สภาจงั หวดั และสมาชิกสภาเทศบาลดวย ความจริงบุคคลในตําแหนง ดังกลาว ไมมีฐานะเปนเจาพนักงาน แตโดยเหตุท่ีบุคคล เหลานี้อยูในตําแหนงสําคัญ เปนผูทํางานเพ่ือสวนรวม หากรบั สนิ บนกย็ อ มกอ ใหเ กดิ ความเสยี หายตอ สาธารณะได เชนเดียวกับเจาพนักงาน กฎหมายจึงบัญญัติเอาผิดดวย แตไมขยายไปถึงสมาชิกสุขาภิบาล หรือสมาชิกสภาตําบล เพราะกฎหมายจาํ กัดเฉพาะสมาชกิ ๓ ประเภทเทานนั้

ÅÒí ´ºÑ àÃ×Íè § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èÕà¡èÂÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๑๒ บทที่ ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎีกา ๓๖๔/๒๕๓๑ ô. »¯ÔºÑμÔËÃ×ÍÅÐàÇŒ¹¡Òû¯ÔºÑμÔ˹ŒÒ·Õèâ´ÂÁԪͺ - ความผดิ ตอตาํ แหนงหนาท่รี าชการ ËÃ×Íâ´Â·Ø¨ÃμÔ ละเวน กามราปตฏรบิ าตั ห๑ิ น๕า๗ทโี่ ผดูใยดมเชิปอนบเจเาพพอ่ื นใหักเ งกาดิ นควปามฏเิบสัตยี ิหหราือย ม.๑๕๗ ทแกจุ ผรติูหนต่ึงอ ผงูใรดะวหารงือโทปษฏจิบําัตคิหกุ รตือั้งลแะตเวหนนก่งึ าปรถปึงฏสิบบิ ัตปิห หนราอื ทปี่โดรบัย ตั้งแตส อมงาหตมร่ืนาบนา้ีบทัญถงึญสัอติงกแาสรนกบระาททําหอรันอื เทป้งั นจคําทวาัง้ ปมรผับิด ๒ ความผดิ คอื ความผดิ แรกเปน เร่ืองการปฏิบัติหรอื ละเวน การปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบ และความผิดที่สองเปนเรื่อง การปฏบิ ัติหรอื ละเวนการปฏบิ ตั ิหนาทโ่ี ดยทุจรติ ความผดิ แรก มีองคป ระกอบของความผิดดังนี้ ๑. เปนเจา พนักงาน ๒. ปฏบิ ัติหรือละเวน การปฏบิ ัตหิ นาที่โดยมชิ อบ ๓. เจตนา ¤๔Òí. Íเ¸พºÔอ่ื ใÒหÂเ กิดความเสียหายแกผ ูหน่งึ ผูใด ละเวนกเาปรนปเฏจิบาพัตินหักนงาาทน่ีโดคยวมาิชมอผิดบเกห่ยี รวือกโับดกยาทรุจปรฏิตบิ เพัติหื่อรใหอื  เเจกาดิ พคนวาักมงเาสนยี หายแกผ หู นงึ่ ผใู ด ผกู ระทาํ จะตอ งมฐี านะเปน บทบัญญปัตฏิใิบนัตมิหาตรรือาลนะ้ีเปเวนนกกาารครปวบฏคิบุมัตทิหั่วนไปาทหี่โรดือยเมรียิชกอวบา บททัว่ ไป คอื เอาผิดแกเจาพนกั งานทกุ คนทุกประเภท และ ไมจํากัดวาจะตองมีหนาที่โดยเฉพาะเจาะจงแตประการใด ฉะน้นั หากเปนเจา พนกั งาน เมอื่ การกระทําทเี่ กี่ยวของกบั หนาที่ไมเปนความผิดตามมาตราตางๆ ที่เปนบทเฉพาะ ซ่ึงระบุหนาท่ีของเจาพนักงานโดยเฉพาะเจาะจงแลว กอ็ าจผดิ ตามมาตรานีซ้ ่งึ เปนบททว่ั ไปได แตถ า การกระทาํ เปนความผิดตามบทเฉพาะแลว ก็ไมผิดตามบทท่ัวไป ในมาตรา ๑๕๗ น้อี ีก

ÅíÒ´ºÑ àÃ×Íè § ¤Òí ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÕèÂǢ͌ § ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผิดเกย่ี วกบั การปกครอง õ. »ÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÑÂâÍ¡ÒÊ·ÁèÕ ËÕ ¹ŒÒ·Õè ฎกี า ๖๓๕/๒๕๑๗ - ความผิดตอ ตําแหนงหนาท่ีราชการ มาตรา ๑๖๑ “ผูใดเปนเจาพนักงาน มีหนาที่ทํา ม.๑๖๑ เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสารหรอื ดแู ลรกั ษาเอกสาร กระทาํ การปลอมเอกสารโดยอาศยั โอกาสทต่ี นมหี นา ทน่ี นั้ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสิบป และปรับไมเกินสองแสน บาท” ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดังน้ี ๑. เปน เจา พนักงาน ๒. มหี นา ทท่ี าํ เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสาร หรอื ดแู ลรกั ษาเอกสาร ๓. กระทาํ การปลอมเอกสารโดยอาศยั โอกาสทตี่ น มหี นาที่นั้น ๔. เจตนา ¤Òí ͸ºÔ Ò เปน เจา พนกั งาน การปลอมเอกสารทจี่ ะมคี วามผดิ ตามมาตราน้ี ผกู ระทาํ จะตอ งเปน เจา พนกั งานซงึ่ มหี นา ทที่ าํ กรอกขอความ หรือดแู ลรกั ษาเอกสารน้ัน มีหนาที่ทําเอกสาร กรอกขอความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร หมายความวาเจาพนักงานซ่ึงจะ กระทาํ ความผดิ ตามมาตรานจี้ ะตอ งเปน ผมู หี นา ทที่ าํ เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสาร หรอื ดแู ลรักษาเอกสาร เอกสาร มีความหมายตามบทนิยามในมาตรา ๑(๗) หมายถึง กระดาษหรอื วตั ถุอน่ื ใด ซึ่งไดทาํ ใหป รากฏ ความหมายดว ยตวั อกั ษร ตวั เลข ผงั หรอื แผนแบบอยา งอนื่ จะเปน โดยวธิ พี มิ พถ า ยภาพ หรอื วธิ อี น่ื ใดอนั เปน หลกั ฐาน แหงความหมายนนั้ ๒๑๓

ÅíҴѺ àÃèÍ× § ¤Òí ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂÕè Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๑๔ บทที่ ๗ ความผิดเก่ยี วกับการปกครอง หนาท่ีของเจาพนักงานตามมาตราน้ี แยกไดเปน ๓ ประการ คอื (๑) หนา ทที่ าํ เอกสาร (๒) หนา ทกี่ รอกขอ ความ - ความผิดตอ ตาํ แหนงหนา ท่ีราชการ ลงในเอกสาร (๓) หนา ท่ีดแู ลรักษาเอกสาร (๑) หนา ทที่ าํ เอกสาร หมายถงึ ทาํ เอกสารนที้ ง้ั ฉบบั หรือแตบางสวน หรือลงลายมือชื่อในการออกเอกสาร สวนใครจะเขยี นขึ้นไมส าํ คญั (๒) หนาท่ีกรอกขอ ความลงในเอกสาร เชน กรอก ขอความลงในแบบพิมพตางๆ ของทางราชการในบัญชี ใบเสร็จรับเงิน ทะเบียนทีด่ นิ ทะเบยี นบาน เปนตน (๓) หนาที่ดูแลรักษาเอกสาร ซึ่งหมายถึง ดูแล รกั ษาเอกสารทที่ าํ สมบรู ณแ ลว และเอกสารแบบพมิ พต า งๆ เพ่ือกรอกขอความดวย ขอสําคัญคือ เจาพนักงานผูนั้นจะตองมีหนาที่ โดยตรงในการทํา กรอก หรือดูแลรักษาเอกสารนั้น หากมิใชหนาท่ีโดยตรงแลว ก็ไมผิดตามมาตรา ๑๖๑ แตอาจผดิ ฐานปลอมเอกสารตามมาตรา ๒๖๔

ÅÒí ´Ñº àÃÍè× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·àÕè ¡èÂÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผิดเก่ียวกับการปกครอง ฎีกา ๔๙๐๐/๒๕๒๘ ö. ÃѺÃͧËÃ×Í¡ÃÍ¡¢ŒÍ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒà ฎกี า ๔๖๔๙/๒๕๓๓ - ความผดิ ตอ ตําแหนง หนาทร่ี าชการ Íѹ໹š à·¨ç ฎกี า ๓๕๗๒/๒๕๒๙ มาตรา ๑๖๒ ผูใดเปนเจาพนักงาน มีหนาที่ทํา ม.๑๖๒ ๒๑๕ เอกสาร รับเอกสารหรือกรอกขอความลงในเอกสาร กระทําการดงั ตอไปนใ้ี นการปฏบิ ัตกิ ารตามหนาที่ (๑) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ตนไดก ระทาํ การอยา งใดขน้ึ หรือวาการอยางใดไดกระทําตอหนาตนอันเปนความเท็จ (๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ซง่ึ ขอ ความ อันมิไดมีการแจง (๓) ละเวนไมจดขอความซึ่งตนมีหนาท่ีตองรับจด หรอื จดเปลีย่ นแปลงขอความเชน วานน้ั หรอื (๔) รบั รองเปน หลกั ฐานซง่ึ ขอ เทจ็ จรงิ อนั เอกสารนนั้ มงุ พสิ จู นค วามจริงอนั เปนความเท็จ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินเจ็ดป และปรับไมเกิน ส่หี ม่นื บาท ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มดี งั น้ี ๑. เปน เจาพนักงาน ๒. มหี นา ทที่ าํ เอกสาร รบั เอกสารหรอื กรอกขอ ความ ลงในเอกสาร ๓. กระทําการดังตอไปน้ี ในการปฏิบัติการตาม หนา ท่ี (๑) รับรองเปนหลักฐานวา ตนไดกระทําการ อยางใดขึ้น หรือวาการอยางใด ไดกระทําตอหนาตน อันเปนความเท็จ (๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ขอ ความ อันมิไดมกี ารแจง (๓) ละเวนไมจดขอความซ่ึงตนมีหนาที่ตอง รบั จด หรอื จดเปล่ยี นแปลงขอ ความเชนวา นน้ั หรือ (๔) รบั รองเปน หลกั ฐานซงึ่ ขอ เทจ็ จรงิ อนั เอกสารนน้ั มุง พสิ จู นความจรงิ อนั เปน ความเทจ็

ÅíҴѺ àÃ×Íè § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๑๖ บทที่ ๗ ความผิดเกีย่ วกับการปกครอง ๔. เจตนา ม.๒๐๔ - ความผิดตอตาํ แหนงหนา ท่รี าชการ ¤íÒ͸ºÔ Ò เปนเจาพนักงาน การทําเอกสาร รับเอกสาร กรอกขอความลงในเอกสาร หรือรับรองเอกสารอันเปน เทจ็ ตามมาตราน้ี ผกู ระทาํ จะตอ งมฐี านะเปน เจาพนักงาน มีหนาที่ทาํ เอกสาร รบั เอกสารหรอื กรอกขอความ ลงในเอกสาร เจาพนักงานซ่ึงจะกระทําผิดตามมาตราน้ี ตองเปนเจาพนักงานซึ่งมีหนาที่อยางหนึ่งอยางใดคือทํา เอกสาร รับเอกสารหรอื กรอกขอความลงในเอกสาร มาตรา ๒๐๔ ความผิดฐาน “เจาพนักงานผูควบคุม ผตู อ งขังทําใหผูตอ งขงั หลดุ พนจากการคุมขัง” ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) เจาพนักงานมีตําแหนงหนาที่ควบคุมดูแลผูที่ตอง คมุ ขงั ตามอํานาจของศาล ของพนกั งานสอบสวนหรือของ เจาพนกั งานผูมอี าํ นาจสบื สวนคดีอาญา (๒) กระทําดวยประการใดๆ ใหม ีการหลดุ พนจากการ ถูกคุมขัง (๓) ซงึ่ ผทู ี่อยใู นระหวางคุมขงั ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ à¨μ¹Ò¸ÃÃÁ´Ò เหตุฉกรรจตามวรรคสอง ผูท่ีหลุดพนจากการคุมขัง ไปนั้น เปนบุคคลที่ตองคําพิพากษาของศาลหน่ึงศาลใด ใหล งโทษ (ก) ประหารชีวติ หรอื (ข) จําคุกตลอดชีวติ หรือ (ค) จาํ คุกต้งั แตสบิ หา ปข ้ึนไป หรือ (ง) มีจํานวนต้ังแตส ามคนขึน้ ไป

ÅÒí ´ºÑ àÃèÍ× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·Õèà¡èÕÂǢ͌ § ËÁÒÂàËμØ มาตรา ๒๐๕ ความผดิ ฐาน “เจา พนกั งานผคู วบคมุ ผตู อ งขงั ทาํ ใหผ ตู อ งขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั โดยประมาท” ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (àËÁ×͹ÁÒμÃÒ òðô) ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ »ÃÐÁÒ· เหตุฉกรรจตามวรรคสอง (เหมือนเหตุฉกรรจ ตามวรรคสองของมาตรา ๒๐๔) วรรคสาม เหตงุ ดการลงโทษ คือ ผกู ระทําความผิด จดั ใหไ ดต วั ผทู ห่ี ลดุ พน จากการคมุ ขงั คนื มาภายในสามเดอื น ๒๑๗

๒๑๘ ๔. คําถามทายบท ๑. เจา พนักงาน ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา หมายความวาอยางไร ๒. ในความผดิ ฐานดูหมน่ิ เจาพนักงาน หากไมเปนการดูหมน่ิ เจา พนักงานโดยตรง แตมี บคุ คลที่สามอยดู วยในที่น้ัน จะมคี วามผดิ ฐานอ่นื หรือไม อยา งไร ๓. การที่เจาพนักงานจับกุมผูขับข่ีรถฝาฝนสัญญาณไฟจราจร แลวเรียกเงินคาปรับเอง โดยไมออกใบสั่งใหน้ัน การกระทําของเจา พนักงานเปน ความผิดฐานใด ๔. การท่ีเจาพนักงานตํารวจเรียกผูขับขี่รถจักรยานยนตใหจอดรถ แลวกลาวหาวา ขับรถผิดกฎหมายจราจร แลว เรียกเงนิ ดงั น้ี การกระทําดงั กลาวมคี วามผิดฐานใด ๕. กรณีท่ีเจาพนักงานมีหนาท่ีรับแจงความ ไดรับแจงขอความอันเปนเท็จจาก ประชาชนทมี่ าแลว และจดขอ ความอันเท็จนัน้ ลงในเอกสาร เจา พนกั งานผจู ดจะมีความผิดตอตาํ แหนง หนาท่รี าชการหรือไม ๖. ร.ต.ท. ดี พนักงานสอบสวน กําลังสอบปากคํานายต๊ิกคนรายลักรถจักรยานยนต และไดชกตอยเตะถีบนายติ๊ก เน่ืองจากโมโหที่นายติ๊กปฏิเสธความรับผิด ไมยอมรับสารภาพ กรณีน้ี ร.ต.ท. ดี จะมีความผดิ ฐานเจา พนกั งานปฏบิ ตั ิหนา ท่ีโดยมิชอบตามมาตรา ๑๕๗ หรอื ไม เพราะเหตใุ ด ๗. กรณีที่เจาพนักงานมีหนาท่ีรับแจงความ ไดรับแจงขอความอันเปนเท็จจาก ประชาชนที่มาแจงและจดขอความอันเปนเท็จนั้นลงในเอกสาร เจาพนักงานผูจดจะมีความผิด ตอ ตาํ แหนงหนา ท่ีราชการหรอื ไม ๘. เจาหนาที่ราชทัณฑอยูเวรควบคุมผูตองขังซึ่งออกมารักษาตัวที่โรงพยาบาล แตมิได ปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑท่ีใหลามโซผูตองขังไวกับเตียงในตอนกลางคืน และยังน่ังหลับอยู ที่ระเบียงนอกหอ งคมุ ขังดวย เปน เหตุใหผ ูตอ งขังหลบหนไี ปจะผิดมาตรา ๒๐๕ หรอื ไม

๒๑๙ เอกสารอางองิ เกียรติขจร วัจนสวัสดิ์.(๒๕๕๑).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๑.กรุงเทพฯ: พลสยาม พริน้ ติ้ง จิตติ ติงศภัทิย.(๒๕๕๕).กฎหมายอาญา ภาค ๑.กรุงเทพฯ: สํานักอบรมศึกษากฎหมาย แหง เนติบณั ฑิตยสภา. ทวเี กยี รติ มีนะกนษิ ฐ.(๒๕๕๓).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาคท่วั ไป.กรุงเทพฯ:วญิ ูชน. ทวีเกยี รติ มีนะกนษิ ฐ.(๒๕๕๑).ประมวลกฎหมายอาญา ฉบบั อา งอิง.กรุงเทพฯ:วญิ ูชน. สมศกั ดิ์ เอยี่ มพลับใหญ.(๒๕๕๗).เกร็ดกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บณั ฑติ อักษร. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.สาขาวิชานิติศาสตร.(๒๕๔๐).เอกสารการสอนชุดวิชา กฎหมายอาญา ๑ ภาคบทบญั ญัตทิ ่วั ไป.นนทบุรี:โรงพมิ พมหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. สหรฐั กติ ิศภุ การ.(๒๕๕๗).หลักและคําอธบิ ายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:อมรนิ ทรพ ร้ินติ้ง แอนด พับลชิ ชิ่ง หยุด แสงอุทัย.(๒๕๕๕).กฎหมายอาญาภาค ๑.กรุงเทพฯ:สํานักพิมพมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร วิเชียร ดิเรกอุดมศักดิ์.(๒๕๕๓).กฎหมายอาญาพิสดาร เลม ๑.กรุงเทพฯ : แสงจันทร การพิมพ.

๒๒๐

๑ ÇªÔ Ò ¡Á. (LA) òñòðò ¡®ËÁÒÂÍÒÞÒ ÀÒ¤àÃÕ¹·èÕ ò



๒๒๓ º··Õè ñ ¤ÇÒÁ¼Ô´à¡ÂÕè Ç¡ºÑ ¤ÇÒÁʧºÊ¢Ø ¢Í§»ÃЪҪ¹ ñ. ÇÑμ¶Ø»ÃÐʧ¤ã ¹¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ ๑. เพ่ือใหนักเรียนนายสิบตํารวจมีความรูความเขาใจกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความผิด ฐานตา งๆ ๒. เพอื่ ใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจทราบถงึ การวดั ผลและประเมนิ ผล วชิ ากฎหมายอาญา ๒ ๓. เพื่อใหนักเรียนนายสิบตํารวจมีความรูเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของ ประชาชน ò. ʋǹนํา นกั เรียนจะไดศ ึกษาประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ เรอ่ื งความผิดเก่ียวกับความสงบสุข ของประชาชน ในความผิดฐานเปน “อั้งยี่” และ “ซองโจร” ตลอดจนแนวคําพิพากษาท่ีเก่ียวของ เพ่ือใหนักเรียนนายสิบตํารวจใชประกอบการเรียนการสอน และสามารถนําไปใชเปนแนวทางในการ ปฏบิ ตั ิหนาทตี่ อไป ó. à¹é×ÍËÒ ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹à»¹š ÍéѧÂèÕ ÁÒμÃÒ òðù ผใู ดเปน สมาชกิ ของคณะบคุ คลซง่ึ ปกปด วธิ ดี าํ เนนิ การ และมคี วามมงุ หมาย เพื่อการอันมิชอบดวยกฎหมาย ผูน้ันกระทําความผิดฐานเปนอ้ังยี่ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินเจ็ดป และปรบั ไมเ กินหนึ่งแสนส่ีหม่นื บาท ถาผูกระทําความผิดเปนหัวหนา ผูจัดการ หรือผูมีตําแหนงหนาท่ีในคณะบุคคลนั้น ผนู ้นั ตอ งระวางโทษจาํ คุกไมเกินสบิ ป และปรับไมเ กินสองแสนบาท ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ผใู ด ๒. เปนสมาชิกของคณะบุคคล ๓. ซ่ึงปกปด วธิ ีดาํ เนนิ การ และมคี วามมุงหมายเพอ่ื การอนั มิชอบดว ยกฎหมาย ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนา ¡ÒáÃÐทํา คอื การเปน สมาชกิ ของคณะบุคคล (มบี ุคคล ๒ คนขึ้นไป) ¤³Ðº¤Ø ¤Å«§èÖ »¡»´ Ç¸Ô ดÕ าํ à¹¹Ô ¡Òà หมายความวา รกู นั เฉพาะในหมคู ณะทไี่ มเ ปด เผยแกผ อู นื่

๒๒๔ คณะบคุ คลนน้ั Á¤Õ ÇÒÁÁ§‹Ø ËÁÒÂà¾Íè× ¡ÒÃÍ¹Ñ ÁªÔ ͺ´ÇŒ ¡®ËÁÒ ซง่ึ อาจเปน ความผดิ อาญา หรอื ละเมดิ หรอื ผดิ สญั ญาในทางแพง กไ็ ด หากความมงุ หมายนนั้ เปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศีลธรรมอันดขี องประชาชนแลว กถ็ อื ไดว าเปนการอนั มิชอบดว ยกฎหมาย เหตฉุ กรรจต ามวรรคสอง ผูกระทาํ ความผดิ เปน - หัวหนา - ผจู ัดการ หรอื - ผูมีตาํ แหนง หนาทใี่ นคณะบคุ คลนั้น ®¡Õ Ò·èÕ ññ÷ö/òõôó เปน สมาชกิ กองกาํ ลงั ตดิ อาวธุ โจรกอ การรา ยขบวนการ บี อาร เอน็ กลุมนาย อ. โดยมีพฤติการณทําผิดกฎหมายเกี่ยวกับการแบงแยกดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต โดยเรยี นคาคุมครอง ซมุ โจมตเี จาหนา ทีข่ องรัฐ อนั เปน คณะบุคคลซึง่ ปกปด วธิ ีดําเนนิ การ และมคี วาม มงุ หมายเพอ่ื การอันมชิ อบดวยกฎหมายจงึ มคี วามผิดฐานผดิ อัhงย่ตี ามมาตรา ๒๐๙ วรรคหนงึ่ ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹à»¹š «‹Í§â¨Ã ÁÒμÃÒ òñð ผใู ดสมคบกนั ตงั้ แตห า คนขน้ึ ไป เพอื่ กระทาํ ความผดิ อยา งหนงึ่ อยา งใดตามที่ บญั ญตั ไิ วใ นภาค ๒ นี้ และความผดิ นนั้ มกี าํ หนดโทษจาํ คกุ อยา งสงู ตงั้ แตห นง่ึ ปข นึ้ ไป ผนู น้ั กระทาํ ความผดิ ฐานเปน ซองโจร ตองระวางโทษจําคกุ ไมเ กินหา ป หรอื ปรบั ไมเ กินหนึ่งแสนบาท หรือทง้ั จําทัง้ ปรับ ถา เปน การสมคบกนั เพอ่ื กระทําความผิดท่ีมีระวางโทษถงึ ประหารชีวติ จาํ คุกตลอดชวี ติ หรือจําคุกอยางสูงต้ังแตสิบปข้ึนไป ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสองปถึงสิบป และปรับต้ังแต สี่หมื่นบาทถงึ สองแสนบาท ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ผูใด ๒. สมคบกันต้งั แตหา คนข้นึ ไป ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา à¨μ¹Ò¾ÔàÈÉ “เพื่อกระทําความผิดอยางหน่ึงอยางใดตามที่บัญญัติไวในภาค ๒ นี้ และ ความผิดนั้นมกี ําหนดโทษจาํ คกุ อยางสงู ตง้ั แตห น่งึ ปข ึน้ ไป” ÊÁ¤º คือ การแสดงออกซึ่งความตกลงจะกระทําผิดรว มกัน เชน ชาย ๖ คน ยนื จบั กลมุ อยหู นา รถยนตคนั หนงึ่ ในเวลาตี ๕ ปรึกษากนั จะงัดประตูรถ เอาวทิ ยแุ ละของมคี า ในรถ ท้ัง ๖ คนผิด มาตรา ๒๑๐ (ฎีกาที่ ๑๓๔๑/๒๕๒๑) ¡ÒûÃЪÁØ ËÃÍ× ËÒÃÍ× ÃÇ‹ Á¡¹Ñ áÅÐμ¡Å§¡¹Ñ ÇÒ‹ ¨Ð¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÐäà เปน ขอ สาระสาํ คญั ทจ่ี ะแสดงใหเห็นวามกี ารกระทําความผดิ ฐานเปนซองโจรหรือไม

๒๒๕ ความผดิ ทสี่ มคบกนั เพอ่ื กระทาํ ตอ งเปน ความผดิ อยา งหนง่ึ อยา งใดตามทบ่ี ญั ญตั ใิ นภาค ๒ แหงประมวลกฎหมายอาญาเทาน้ันและอัตราโทษจําคุกอยางสูงตั้งแตหน่ึงปข้ึนไป แตกตางจากการ เปน อ้งั ย่ี ตามมาตรา ๒๐๙ ซ่งึ อาจเปนความผิดตามกฎหมายอ่นื ๆ ก็ได ความผิดท่ีมุงหมายจะกระทํา ยงั ไมจ าํ ตอ งกระทาํ ลง ดว ยเหตนุ ้ี แมเ ลกิ ลม ไมก ระทาํ ตามทสี่ มคบกนั กเ็ ปน ความผดิ สาํ เรจ็ ตามมาตราน้ี เจตนาพิเศษ คือ เพื่อกระทําความผิดอยางหน่ึงอยางใดตามท่ีบัญญัติไวในภาค ๒ ของ ประมวลกฎหมายอาญา ซง่ึ มีโทษจําคุกอยางสงู ต้งั แตห น่งึ ปข ้นึ ไป ®Õ¡Ò·èÕ ôùøö/òõóó บุคคล ๔ คน รวมกันเจรจากับเจาพนักงานตํารวจที่ไปลอซื้อ เสนอขายรถจักรยานยนตท่ีถูกลักมาใหแกเจาพนักงานตํารวจดังกลาว เขาลักษณะเปนการกระทําตอ บุคคลภายนอก จึงมิใชการแสดงออกซ่ึงความตกลงจะกระทําความผิดรวมกันในระหวางผูรวมกระทํา ผดิ ดว ยกนั การกระทําดังกลา วไมเ ปน ความผดิ ฐานซอ งโจร ®¡Õ Ò·Õè óò÷ù/òõõô จาํ เลยกบั พวกมไิ ดม เี จตนาทจ่ี ะประกอบกจิ การบรษิ ทั อ. ในอาคาร ท่ีเกิดเหตุอยางแทจริง การนําชื่อของบริษัทท่ีเปนสํานักงานทนายความไปติดต้ังไวที่อาคารดานหนา โดยตอมามีการเชาอาคารสวนกลางและดานหลังเพื่อการเลนพนันไพบาการา จึงมีเหตุผลท่ีเชื่อไดวา เปน เพยี งการบงั หนา เพอื่ ใหเ จา พนกั งานตาํ รวจเกรงกลวั และไมก ลา เขา ไปคน พฤตกิ ารณใ นการกระทาํ ของจําเลยกับพวกจึงเปนการรวมกลุมกันเพ่ือจัดใหมีการเลนการพนันไพบาการาในอาคารท่ีเกิดเหตุ โดยนาํ ชอื่ บรษิ ทั ซงึ่ เปน สาํ นกั งานทนายความและชมรมมาบงั หนา เพอ่ื จดั ใหม กี ารเลน การพนนั มาแตต น ยอมเรียกไดวา จําเลยกับพวกเปนสมาชิกของคณะบุคคลซ่ึงปกปดวิธีดําเนินการและมีความมุงหมาย เพอื่ การอันมิชอบดว ยกฎหมาย อันเปน การกระทาํ ความผดิ ฐานอั้งยี่ ®¡Õ Ò·Õè ôõôø/òõôð จาํ เลยท่ี ๑ ถึงท่ี ๓ กบั พวกรวม ๖ คน รวมกนั วางแผนไปกระทาํ การปลน ทรพั ยก บั ผเู สยี หายที่ ๒ อนั เปน ความผดิ ตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ นภาค ๒ แหง ประมวลกฎหมายอาญา จงึ มคี วามผดิ ฐานเปน ซอ งโจร และเมอื่ จาํ เลยที่ ๔ กบั พวกไปปลน รา นทองของผเู สยี หายที่ ๒ ตามแผนท่ี รว มวางไว จาํ เลยที่ ๑ ถงึ ที่ ๓ ผรู ว มวางแผนยอ มมคี วามผดิ ฐานเปน ตวั การปลน ทองรว มกบั จาํ เลยที่ ๔ ดว ย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๓ และความผดิ ฐานเปน ซอ งโจรกบั ความผดิ ฐานปลน ทรพั ย เก่ียวเน่ืองกันเพราะพวกจําเลยกระทําผิดฐานเปนซองโจรเพ่ือจะไปปลนทรัพยของผูเสียหายทั้งสอง จงึ เปน กรรมเดยี วผดิ กฎหมายหลายบท ตองลงโทษฐานปลน ทรัพยอ นั เปน บททม่ี ีโทษหนักท่สี ุด ®¡Õ Ò·Õè ÷õöò/òõõö จาํ เลยทงั้ สองกบั พวก ๕ คน รว มกันปรกึ ษาวางแผนลักทรัพย ของชาวตางชาติบนรถโดยสารสองแถว โดยข้ึนรถโดยสารสองแถวมาพรอมกันซ่ึงจะทําใหมีผูโดยสาร มากพอทจ่ี ะทาํ ใหพ วกของจาํ เลยที่ ๑ สามารถเขา ไปนงั่ ชดิ กบั ผเู สยี หายทางดา นขวาทมี่ กี ระเปา สตางค ของผเู สยี หาย และมกี ารแบง หนา ทก่ี นั ทาํ ตามทจ่ี าํ เลยท่ี ๑ กบั พวกรวม ๕ คน สมคบกนั จาํ เลยท่ี ๑ จงึ มี ความผดิ ฐานรว มกับพวกลกั ทรัพยในยวดยานสาธารณะและเปนซองโจร ซงึ่ ความผิดฐานเปน ซอ งโจร กบั ฐานรว มกนั ลกั ทรพั ยใ นยวดยานสาธารณะเกยี่ วเนอ่ื งกนั จงึ เปน กรรมเดยี วเปน ความผดิ ตอ กฎหมาย หลายบท

๒๒๖ ÇÃäÊͧ໹š àËμ©Ø ¡Ãè ผกู ระทาํ ความผดิ จะรบั ผดิ ตามวรรคสอง จะตอ งรวู า สมคบกนั ไป กระทําความผิดอะไร (มาตรา ๖๒ วรรคทาย) เชน รูวาสมคบกันไปฆาคนตาย แตไมจําตองรูวา ความผดิ ทสี่ มคบมีอตั ราโทษเทา ใด ¤ÇÒÁÃºÑ ¼Ô´ÃÇ‹ Á¡ºÑ ͧéÑ ÂËÕè Ã×ͫ͋ §â¨Ã ÁÒμÃÒ òññ ผูใดประชุมในที่ประชุมอั้งย่ีหรือซองโจร ผูน้ันกระทําความผิดฐานเปนอ้ังยี่ หรือซอ งโจร เวนแตผ นู ัน้ จะแสดงไดวาไดประชมุ โดยไมรวู า เปนการประชุมของอ้งั ย่ีหรือซองโจร ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ผใู ด ๒. ประชุมในท่ปี ระชมุ อ้งั ยีห่ รือซอ งโจร ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา ¼Œ¹Ù éѹ¡ÃзÒí ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹à»š¹ÍéѧÂËÕè ÃÍ× «Í‹ §â¨Ã ¢ŒÍá¡μŒ ÑÇ เวน แตผนู นั้ จะแสดงไดว าไดป ระชมุ โดยไมรูวา เปนการประชุมของอั้งยีห่ รอื ซอ งโจร การกระทําคือ “»ÃЪØÁ” ซ่ึงผูกระทําจะตองมี “à¨μ¹Ò»ÃЪØÁ” คือ ตองรูวาเปนการ ประชมุ ขององั้ ยหี่ รอื ซอ งโจรหากประชมุ โดยรแู ลว วา เปน การประชมุ กถ็ อื วา มเี จตนาประชมุ กม็ คี วามผดิ ฐานเปน อ้ังยี่หรอื ซองโจร ทนั ที แตทั้งน้ี มาตรา ๒๑๑ เปด โอกาสใหน ําสืบหกั ลางไดวา ตนเขาประชุม โดยหารูไ มว า เปน การประชมุ ขององ้ั ยหี่ รอื ซอ งโจร เชน เขารว มอยูในที่ประชมุ อั้งยี่ซงึ่ พดู กันดว ยภาษา ตา งประเทศ ตนเองไมเขาใจวา ความหมายวา เขากาํ ลงั ปรึกษากันจะไปกระทําความผิด เปน ตน ¤íÒ¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ óøñ/òôöñ เจา พนกั งานจบั จาํ เลยไดใ นตกึ แหงหนึ่งซ่ึงปรากฏชัด วา เปนสํานักงานของอ้ังย่คี ณะเตกงว ยกงซอ มหี นังสอื ปด ไวว า “เต็กงวยกงซอ ” ซง่ึ ตรงกบั ช่ือพวกอัง้ ย่ี ทั้งพวกจนี ที่ไปมั่วสุมชมุ นมุ กันทหี่ องเชา จาํ เลยน้ี ไดไ ปเท่ยี วกอ การววิ าทและทาํ รายผูอ่นื จนปรากฏวา เคยตอ งคาํ พพิ ากษาลงโทษมาแลว เวลาเจาพนกั งานไปจับกุมก็พบม่วั สมุ ชมุ นมุ กบั อยูหลายคน คน ได ของกลางอันเปนหลักฐานของพวกอั้งยี่ดวย ดังนี้ จึงตองฟงวาเปนพวกอั้งย่ี ซ่ึงเปนสมาคมเพื่อการ อันมิชอบดวยกฎหมาย เม่ือฟงไดเ ชนนี้จําเลยตอ งพสิ จู นความบริสุทธิ์ เมื่อแสดงความบรสิ ทุ ธิข์ องตน ไมได ยอมมคี วามผดิ ฐานเปน อ้งั ยี่ ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹ªÇ‹ ÂàËÅÍ× ¾Ç¡ÍÑé§ÂÕËè ÃÍ× «‹Í§â¨Ã ÁÒμÃÒ òñò ผใู ด (๑) จัดหาที่ประชมุ หรอื ทพี่ ํานกั ใหแกอง้ั ยี่หรอื ซองโจร (๒) ชกั ชวนบคุ คลใหเ ขาเปนสมาชกิ อ้งั ยี่ หรอื พรรคพวกซอ งโจร

๒๒๗ (๓) อุปการะอัง้ ย่หี รือซองโจรโดยใหทรัพยห รือโดยประการอ่ืน หรือ (๔) ชวยจําหนายทรัพยที่อง้ั ยี่หรอื ซอ งโจรไดมาโดยการกระทําความผดิ ตองระวางโทษ เชน เดียวกับผูกระทาํ ความผดิ ฐานเปน อง้ั ย่ีหรือซอ งโจร แลวแตกรณี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (ñ)(ò)(ó)(ô) ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา ¢ŒÍÊѧà¡μ ๑. ผชู ว ยเหลอื เกอื้ กลู เพยี งแตร ะวางโทษเชน เดยี วกบั สมาชกิ องั้ ยห่ี รอื พรรคพวกซอ งโจร แตไมผิดฐานเปนอ้งั ย่ีหรอื ซอ งโจร ¼ÙªŒ ‹ÇÂàËÅÍ× ¨Ö§äÁ‹ãª‹ÊÁҪԡͧéÑ ÂèÕ ËÃÍ× ¾Ãä¾Ç¡«‹Í§â¨Ã ๒. ดวยเหตุน้ีมาตรา ๒๑๓ จึงไมอาจนํามาใชแกกระทําความผิดตามมาตรา ๒๑๒ ได ดังนั้น ผูจัดใหใชบานของตนเปนท่ีประชุมซองโจร แตไมไดเขาประชุมดวย จึงไมใชพรรคพวกซองโจร หากพรรคพวกซองโจรคนใดไปกระทําความผิด ผูจัดหาที่ประชุมให ก็ไมตองรับผิดในความผิดที่ พรรคพวกซอ งโจรไดไปกระทําน้นั ¤ÇÒÁÃºÑ ¼´Ô ÃÇ‹ Á¡ºÑ ÍÑé§ÂËÕè Ã×ͫ͋ §â¨Ã ÁÒμÃÒ òñó ¶ŒÒÊÁÒªÔ¡ÍÑé§ÂÕèËÃ×;Ãä¾Ç¡«‹Í§â¨Ã¤¹Ë¹Ö觤¹ã´ä´Œ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´ μÒÁ¤ÇÒÁÁØ‹§ËÁÒ¢ͧÍÑé§ÂÕèËÃ×Í«‹Í§â¨Ã¹Ñé¹ ÊÁÒªÔ¡ÍÑé§ÂèÕËÃ×;Ãä¾Ç¡«‹Í§â¨Ã·ÕèÍÂÙ‹´ŒÇÂã¹¢³Ð ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´ ËÃ×ÍÍÂÙ‹´ŒÇÂã¹·èÕ»ÃЪØÁáμ‹äÁ‹ä´Œ¤Ñ´¤ŒÒ¹ã¹¡ÒÃμ¡Å§ãËŒ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´¹éѹ áÅкÃôÒËÇÑ Ë¹ÒŒ ¼¨ŒÙ ´Ñ ¡ÒÃËÃÍ× ¼ÁŒÙ ตÕ าํ á˹§‹ ˹Ҍ ·ãèÕ ¹Í§Ñé ÂËèÕ ÃÍ× «Í‹ §â¨Ã¹¹Ñé μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·ÉμÒÁ·ºèÕ ÞÑ ÞμÑ äÔ ÇŒ สาํ ËÃѺ¤ÇÒÁ¼Ô´¹Ñ¹é ·¡Ø ¤¹ ÁÒμÃÒ òñó ผทู ่ีจะตองมคี วามผดิ ดว ยเชนเดียวกับผูลงมือกระทําความผดิ คือ หวั หนา ผูจัดการ ผูมตี าํ แหนง หนาท่ี สมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซองโจรที่อยูดวยในขณะกระทําความผิด หรือ สมาชิกอ้ังย่ี หรอื พรรคพวกซอ งโจรท่ีอยูดว ยในท่ปี ระชมุ แตไ มไดคัดคา นในการตกลงใหกระทาํ ความผดิ น้ัน ¢ŒÍÊѧà¡μ มาตรา ๒๑๓ จะนาํ มาใชก ต็ อ เมอื่ พรรคพวกซอ งโจรคนใดคนหนงึ่ “ไดก ระทาํ ความผดิ ตาม ความมงุ หมายของซองโจรน้ัน” หากเปน ความผดิ นอกความมงุ หมายก็ไมน ํามาตรา ๒๑๓ มาใช เชน พรรคพวกซอ งโจรกาํ ลงั ประชมุ วางแผนจะไปลกั รถยนตเ พอ่ื สง ขายตา งประเทศ มบี คุ คลภายนอกมารเู หน็ การประชุมน้ัน นายเขียวพรรคพวกซองโจรคนหน่ึงยิงผูมารูเห็นนั้นตาย พรรคพวกซองโจรคนอ่ืนๆ ไมตองรับผิดฐานฆาคนตายดวย จะนํามาตรา ๒๑๓ มาปรับใชไมได เพราะการฆาคนตายอยูนอก ความมงุ หมายของการเปนซอ งโจร (เพอ่ื ลักทรพั ย)

๒๒๘ ¢ÍŒ Êѧà¡μ พรรคพวกซอ งโจรสมคบกนั วนั ที่ ๕ ธนั วาคม เพอ่ื จะทาํ การปลน ทรพั ยใ นวนั นนั้ แตป รากฏวา มอี ปุ สรรคจงึ ตกลงยกเลกิ การปลน ในวนั นน้ั ตอ มาวนั ที่ ๖ ธนั วาคม พรรคพวกซอ งโจรบางคนไดน ดั หมาย กันใหม และลงมือปลนวันที่ ๖ ธันวาคมน้ันเอง ผูที่ประชุมดวยในวันท่ี ๕ แตไมไดประชุมดวย วนั ท่ี ๖ ไมม คี วามผดิ ฐานปลน ทรพั ยด ว ย (ฎกี าท่ี ๑๐๓-๑๑๐๔/๒๔๙๖) เพราะการปลน ทรพั ยใ นวนั ที่ ๖ ไมใชการกระทําความผดิ “ตามความมงุ หมาย” ของพรรคพวกซอ งโจรซ่ึงประชุมวันที่ ๕ ผมู าประชมุ วันท่ี ๕ คงมีความผิดฐานเปนซองโจรตามมาตรา ๒๑๐ วรรคสอง (เพราะปลนทรัพยตามมาตรา ๓๔๐ มีโทษจําคุกต้ังแตสิบปถึงสิบหาป) ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹ªÇ‹ ÂàËÅÍ× ¼ÙŒ¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÁÒμÃÒ òñô ผใู ดประพฤตติ นเปน ปกตธิ รุ ะเปน ผจู ดั หาทพี่ าํ นกั ทซ่ี อ นเรน หรอื ทปี่ ระชมุ ใหบุคคล ซึ่งตนรูวาเปนผูกระทําความผิดที่บัญญัติไวในภาค ๒ น้ี ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมน่ื บาท หรือท้ังจาํ ท้ังปรับ ถาการกระทําความผดิ นั้น เปน การกระทาํ เพ่ือชวยบดิ า มารดา บตุ ร สามี หรือภรยิ าของ ผกู ระทํา ศาลจะไมล งโทษก็ได ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ประพฤตติ นเปนปกติธุระเปน ผูจ ดั หาท่พี าํ นกั ทซ่ี อนเรน หรอื ท่ปี ระชุม (๒) ใหบคุ คลซ่ึงตนรูวา เปน ผูกระทาํ ความผดิ ท่บี ญั ญตั ิไวใ นภาค ๒ น้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนาธรรมดา »ÃоÄμÔμ¹à»š¹»¡μÔ¸ØÃÐ หมายความกระทําเปนปกตินิสัย หรือกระทําโดยตั้งใจท่ีจะ ประพฤติเชน นั้นตอ ๆ มิใชก ระทําเพยี งคร้งั เดียว à»¹š ¼¨ŒÙ ´Ñ ËÒ·พÕè าํ ¹¡Ñ ทซี่ อ นเรน หรอื ทปี่ ระชมุ หมายความวา จดั หาอาคารสถานทใ่ี หผ กู ระทาํ ความผิดอยอู าศัย ซอ นตวั หรอื ใชเ ปน ที่ประชมุ โดยผจู ดั หาจะเปน เจาของสถานท่หี รือไมใชกต็ าม ã˺Œ ¤Ø ¤Å«§èÖ μ¹Ãnj٠ҋ à»¹š ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ·ºÕè ÞÑ ÞμÑ ãÔ ¹ÀÒ¤ ò ¹Õé หมายความวา การจดั หา ตามมาตรา ๒๑๔ น้ีตองกระทําใหแกบุคคลที่ผูจัดหารูวาเปนผูท่ีกระทําความผิดตามที่บัญญัติไวใน ภาค ๒ แหง ประมวลกฎหมายอาญา â´Âà¨μ¹Ò หมายถงึ ผูก ระทาํ ตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรคสอง และตองรูดวยวา ผทู ต่ี นจดั หาสถานทใ่ี หน นั้ เปน ผทู ก่ี ระทาํ ความผดิ ตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ นภาค ๒ แหง ประมวลกฎหมายอาญา ÇÃäÊͧ เปนเหตุใหศ าลใชดลุ ยพนิ จิ ทจ่ี ะไมล งโทษไดใ นเมื่อการกระทําความผดิ เปนการ กระทาํ โดยมมี ูลเหตชุ ักจงู ใจเพือ่ ชว ยบดิ ามารดา บุตร สามี หรอื ภริยาของผกู ระทาํ การกระทาํ โดยเปน »¡μ¸Ô ØÃÐหมายถงึ การกระทาํ เร่อื ยๆ ไป

๒๒๙ การกระทําความผิดฐานนี้ÈÒÅÍÒ¨äÁ‹Å§â·Éก็ได ถาเปนการกระทําเพ่ือชวยบิดามารดา บุตร สามี หรือภริยาของผูกระทาํ เอง ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹¡Í‹ ¤ÇÒÁÇ‹¹Ø ÇÒÂ㹺Ҍ ¹àÁ×ͧ ÁÒμÃÒ òñõ ¼ãŒÙ ´ÁÇèÑ ÊÁØ ¡¹Ñ μ§Ñé áμÊ‹ ºÔ ¤¹¢¹Öé ä» ãª¡Œ Òí Å§Ñ »ÃÐ·ÉØ ÃÒŒ  ¢à‹Ù ¢Þç ÇÒ‹ ¨ÐãªกŒ าํ Å§Ñ »ÃзØÉÌҠËÃ×Í¡ÃÐทํา¡ÒÃÍ‹ҧ˹Öè§Í‹ҧã´ãËŒà¡Ô´¡ÒÃÇØ‹¹ÇÒ¢éֹ㹺ŒÒ¹àÁ×ͧ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·É จาํ ¤Ø¡äÁà‹ ¡Ô¹Ë¡à´Í× ¹ ËÃÍ× »ÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹§Öè ËÁè¹× ºÒ· ËÃÍ× ·§Ñé จํา·é§Ñ »ÃºÑ ถา ผกู ระทาํ ความผดิ คนหนง่ึ คนใดมอี าวธุ บรรดาผทู กี่ ระทาํ ความผดิ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สองป หรอื ปรบั ไมเกินสี่หมน่ื บาท หรอื ท้งั จาํ ท้ังปรบั ถาผูกระทําความผิดเปนหัวหนา หรือเปนผูมีหนาท่ีสั่งการในการกระทําความผิดนั้น ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเ กินหา ป หรอื ปรบั ไมเ กินหน่งึ แสนบาท หรือท้งั จําทั้งปรบั ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ม่วั สมุ กันตั้งแตส ิบคนขึ้นไป (๒) ใชกําลังประทุษราย ขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย หรือกระทําอยางใดอยางหนึ่ง ใหเ กดิ การวุน วายในบา นเมือง ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา ÇÃäÊͧ เปน เหตุเพม่ิ โทษ ในกรณีท่ผี ูก ระทําความผิดคนหนึ่งคนใดมอี าวธุ ÇÃäÊÒÁ เปนเหตเุ พ่มิ โทษสงู ข้นึ อกี ถา ผูกระทําความผิดเปน หวั หนา หรอื เปน ผูมหี นาที่ สั่งการในการกระทาํ ความผดิ นั้น ความผดิ ฐานนไี้ ดแ ก การมวั่ สมุ กนั คอื รวมตวั กนั ตง้ั แต ๑๐ คนขน้ึ ไปมกี ารใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย ขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย หรือกระทําอยางใดอยางหน่ึงใหเกิดการวุนวายขึ้นในบานเมือง การรวมตัวกันนี้ไมจําเปนตองนัดหมายมากอน แตเมื่อมีการรวมตัวกันต้ังแต ๑๐ คนขึ้นไป แลวมี ความประสงครวมกันที่จะใชกําลังประทุษราย หรือขูเข็ญ สวนการทําใหเกิดความ “วุนวาย” ในบานเมืองน้ัน หมายถึง ทําใหเสียความสงบสุขของประชาชนไมหมายความเฉพาะในหมูบานหรือ ตวั เมอื งเทา นนั้ อาจเปน ทช่ี มุ ชนนอกเมอื ง เชน ในงานวดั กไ็ ด นดั ชมุ ชนกลา วโจมตผี วู า ราชการจงั หวดั มีการรวมตัวกันหลายพันคน ขวางปา และเผาจวนผูวาราชการจังหวัดมีความผิดตามมาตรา ๑๑๖ และมาตรา ๒๑๕ นี้ หรอื นดั หยุดงานโดยมิไดเ ปนไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพอื่ บีบบังคับนายจาง มีการปะทะกันระหวางลูกจางท่ีนัดหยุดงานกับลูกจางฝายที่ประสงคจะเขาทํางาน เหตุเกิดริมถนน สาธารณะ มีความผิดตามมาตราน้ี ในความม่ัวสุมกอความวุนวายนี้ ถาผูกระทําความผิดคนใดมีÍÒÇØ¸ตองรับโทษหนักขึ้น และถาผูกระทําความผิดเปนËÑÇ˹ŒÒËÃ×ͼٌÁÕ˹ŒÒ·èÕÊèѧ¡ÒÃในการกระทําความผิดนั้น ตองรับโทษหนัก ขน้ึ อกี

๒๓๐ ®¡Õ Ò·èÕ òðòó - òðóñ/òõò÷ ชกั ชวนนักศกึ ษาประชาชนกลา วโจมตผี ูวา ราชการ จงั หวัด คนเหลา นีร้ วมตวั กันหลายพนั คนขวา งปาเผาจวนผวู าฯ คนเหลาน้ันผิด มาตรา ๑๑๖, ๒๑๕ ®¡Õ Ò·Õè ôõôø/òõôð จาํ เลยที่ ๑ ถงึ ท่ี ๓ กบั พวกรวม ๖ คน รว มกนั วางแผนไปกระทาํ การปลน ทรพั ยก บั ผเู สยี หายที่ ๒ อนั เปน ความผดิ ตามทบี่ ญั ญตั ไิ วใ นภาค ๒ แหง ประมวลกฎหมายอาญา จงึ มคี วามผดิ ฐานเปน ซอ งโจร และเมอ่ื จาํ เลยท่ี ๔ กบั พวกไปปลน รา นทองของผเู สยี หายท่ี ๒ ตามแผนท่ี รว มวางไว จาํ เลยที่ ๑ ถงึ ที่ ๓ ผรู ว มวางแผนยอ มมคี วามผดิ ฐานเปน ตวั การปลน ทองรว มกบั จาํ เลยท่ี ๔ ดว ย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๓ และความผดิ ฐานเปน ซอ งโจรกบั ความผดิ ฐานปลน ทรพั ย เกี่ยวเนื่องกันเพราะพวกจําเลยกระทําผิดฐานเปนซองโจรเพื่อจะไปปลนทรัพยของผูเสียหายท้ังสอง จงึ เปน กรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบท ตองลงโทษฐานปลน ทรพั ยอ นั เปนบททมี่ ีโทษหนกั ทสี่ ดุ ®¡Õ Ò·èÕ ÷õöò/òõõö จาํ เลยทงั้ สองกบั พวก ๕ คน รว มกนั ปรึกษาวางแผนลักทรัพย ของชาวตางชาติบนรถโดยสารสองแถว โดยข้ึนรถโดยสารสองแถวมาพรอมกันซ่ึงจะทําใหมีผูโดยสาร มากพอทจี่ ะทาํ ใหพ วกของจาํ เลยท่ี ๑ สามารถเขา ไปนงั่ ชดิ กบั ผเู สยี หายทางดา นขวาทม่ี กี ระเปา สตางค ของผเู สยี หาย และมกี ารแบง หนา ทก่ี นั ทาํ ตามทจ่ี าํ เลยที่ ๑ กบั พวกรวม ๕ คน สมคบกนั จาํ เลยท่ี ๑ จงึ มี ความผดิ ฐานรว มกับพวกลกั ทรพั ยใ นยวดยานสาธารณะและเปน ซอ งโจร ซง่ึ ความผดิ ฐานเปนซองโจร กบั ฐานรว มกนั ลกั ทรพั ยใ นยวดยานสาธารณะเกย่ี วเนอ่ื งกนั จงึ เปน กรรมเดยี วเปน ความผดิ ตอ กฎหมาย หลายบท ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹äÁ‹ÂÍÁàÅÔ¡ÁèÇÑ ÊÁØ àÁ×Íè à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹Êѧè ãËàŒ ÅÔ¡ ÁÒμÃÒ òñö เมื่อเจาพนักงานส่ังผูท่ีมั่วสุมเพื่อกระทําความผิดตามมาตรา ๒๑๕ ใหเ ลกิ ไป ผใู ดไมเ ลกิ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมน่ื บาท หรอื ทงั้ จาํ ทง้ั ปรบั ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) เมื่อเจาพนักงานสงั่ ผทู มี่ ว่ั สุมเพอ่ื กระทาํ ความผิดมาตรา ๒๑๕ ใหเลกิ ไป (๒) ผูก ระทาํ ไมเ ลกิ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา มูลเหตชุ ักจงู ใจ เพอ่ื กระทาํ ความผิดมาตรา ๒๑๕ ความผิดฐานน้ีเปนความผิดตางหากจากความผิดฐานกอความวุนวายตามมาตรา ๒๑๕ กลาวคือ เม่ือเจาพนักงานสั่งใหผูท่ีม่ัวสุมเพ่ือกระทําความผิดมาตรา ๒๑๕ ใหเลิก ผูใดไมเลิกเปน เปนความผิด แสดงวามีการมั่วสุมแตยังไมมีการใชกําลังประทุษรายหรือการขูเข็ญเพราะถามีแลว ก็เปนความผิดตามมาตรา ๒๑๖ ไปเลย เมื่อเจาพนักงานสั่งผูที่มั่วสุม ถาเลิกก็ไมเปนความผิดตาม มาตรา ๒๑๖ น้ี ถา ไมย อมเลกิ แตย งั ไมท นั ไดม กี ารขเู ขญ็ หรอื ใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย ถกู ตาํ รวจจบั เสยี กอ น ก็เปนความผดิ ฐานน้ไี ด การม่ัวสุมน้ีตองมี “มูลเหตุจูงใจ” เพื่อกระทําความผิดมาตรา ๒๑๕ ถาเจาพนักงาน สั่งใหเลิกแลวไมเลิก กลับกระทําขูเข็ญหรือประทุษรายตอไปเปนความผิดตามมาตรา ๒๑๕ ไปเลย เปน กรรมเดยี วไมผ ดิ ตามมาตรา ๒๑๖ อกี มาตรานี้ โทษหนกั กวา มาตรา ๒๑๕ เพราะหา มแลว ยงั ขนื ทาํ

๒๓๑ ®Õ¡Ò·Õè ñù÷ô/òõóò ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๖ มงุ ประสงคล งโทษผทู ี่ขัด คําส่ังของเจาพนักงานท่ีไมยอมเลิกการม่ัวสุมเพ่ือกระทําความผิดตามมาตรา ๒๑๕ ซึ่งการมั่วสุมนั้น ยงั ไมถ งึ ขน้ั ลงมอื กระทาํ การอนั เปน ความผดิ สาํ เรจ็ ตามมาตรา ๒๑๕ หากตอ มาผกู ระทาํ ยอ มมคี วามผดิ ทั้งมาตรา ๒๑๕ และมาตรา ๒๑๖ เปนการกระทํากรรมเดียวผิดตอกฎหมายหลายบท ใหลงโทษ ตามมาตรา ๒๑๖ ซึง่ เปน บทหนักตามมาตรา ๙๐ ô. ¤Òí ¶ÒÁ·ŒÒº·àÃÕ¹ ๑. จงใหความหมายของ “องั้ ยี่” และ “ซองโจร” วา มีความหมายอยา งไร ๒. ดาํ ขาว เขยี ว เหลอื ง และสม รวม ๕ คน สมคบกนั จะไปลว งกระเปา ประชาชนทเี่ ขา ชม การแสดงดนตรีของนายสุรพล กอนถึงวันแสดง นายดํากับพรรคพวกดังกลาว นัดประชุมชักชวนกัน อกี ครง้ั ทบี่ า นนายแดง นายแดงเปน ผจู ดั ใหใ ชบ า นของตนเปน ทปี่ ระชมุ แตไ มไ ดเ ขา ประชมุ ครน้ั ถงึ วนั งาน นายขาวปวยไปรว มไมไ ด ดาํ กบั พวกจึงไปลกั ทรพั ยตามแผนท่ีเตรยี มไว เจา พนักงานตาํ รวจจับนายดํา กบั พวกไดพรอ มทรพั ยส ินท่ลี กั มา ใหว นิ ิจฉัยความรบั ผดิ ของแตล ะคน

ÊÃØ»¡ÒÃμÑé§¢ŒÍËÒ ๒๓๒ ลาํ ดบั ขอหา/ฐานความผดิ องคป ระกอบความผดิ มาตรา อตั ราโทษ หมายเหตุ ๑. อั้งยี่ ๑. เปนสมาชิกของคณะบุคคล ๒๐๙ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินเจ็ดป และปรับ ฎ.๑๑๗๖/๒๕๔๓ ๒. ซ่ึงปกปดวิธีการดําเนินการและมีความมุงหมายเพื่อการ ไมเกนิ หนง่ึ แสนสหี่ มนื่ บาท อันมิชอบดว ยกฎหมาย ๓. เจตนา àËμØ©¡ÃÃ¨μ ÒÁÇÃäÊͧ ผูกระทาํ เปน - หวั หนา - ผูจดั การ หรือ - ผมู ตี าํ แหนงหนาทใ่ี นคณะบคุ คลนั้น ๒. ซองโจร ๑. สมคบกันต้งั แตหา คนขึน้ ไป ๒๑๐ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หา ปห รอื ปรบั ไมเ กนิ ฎ.๑๓๔๑/๒๕๒๑ ๒. เจตนา หนึ่งแสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรับ ฎ.๔๙๘๖/๒๕๓๓ ๓. เจตนาพิเศษ “เพ่ือกระทําความผิดอยางหนึ่งอยางใด ตามท่ีบัญญัติไวในภาค ๒ (ประมวลกฎหมายอาญา) น้ี และความผดิ นน้ั กาํ หนดโทษจาํ คกุ อยา งสงู ตงั้ แตห นงึ่ ปข นึ้ ไป” ๓. ความผดิ รว มกบั องั้ ยี่ ๑. ประชมุ ในทป่ี ระชุมอั้งยี่หรอื ซอ งโจร ๒๑๑ ผูนน้ั กระทาํ ผดิ ฐานเปน อั้งย่หี รอื ซอ งโจร ฎ.๓๘๑/๒๔๖๑ หรือซองโจร (กรณี ๒. เจตนา ประชุมในท่ีประชุม ๓. เวน แตผ นู น้ั จะแสดงไดว า ประชมุ โดยไมร วู า เปน การประชมุ อั้งยี่หรือซอ งโจร) ของอั้งย่ีหรอื ซองโจร (ขอแกตวั มาตรา ๒๑๑ เปดโอกาสให นําสืบหักลางไดวาตนเขาประชุมโดยไมรูวาเปนการประชุม ของอัง้ ยีห่ รือซองโจร

ลาํ ดับ ขอหา/ฐานความผดิ องคป ระกอบความผิด มาตรา อัตราโทษ หมายเหตุ ๔. ชวยเหลือพวกอ้ังยี่ ๑. ผูใ ด ตอ งระวางโทษเชน เดยี วกบั ผกู ระทาํ ผดิ ฐานเปน หรือซองโจร (ก) จัดหาท่ปี ระชุมหรือท่พี ํานักใหแกอั้งย่หี รอื ซองโจร อ้ังย่ีหรือซอ งโจร แลวแตก รณี (ข) ชักชวนบุคคลใหเ ขาเปน สมาชิกอง้ั ยี่ หรือพรรคพวก ซองโจร (ค) อปุ การะองั้ ยห่ี รอื ซอ งโจร โดยใหท รพั ยห รอื โดยประการ อน่ื หรอื (ง) ชวยจําหนายทรัพยท่ีอั้งย่ีหรือซองโจรไดมาโดยการ กระทาํ ความผดิ ๒. เจตนา ๕. ความรับผิดรวมกับ ๑. ถาสมาชิกอ้ังยี่หรือซองโจรคนหนึ่งคนใดไดกระทํา ๒๑๓ ตอ งระวางโทษตามทบี่ ญั ญตั ไิ วส าํ หรบั ความผดิ หากเปน ความผดิ อง้ั ยีห่ รือซอ งโจร ความผดิ ตามความมุงหมายขององ้ั ยีห่ รอื ซอ งโจร นั้นทกุ คน นอกความมงุ หมาย ๒. สมาชกิ อง้ั ยหี่ รอื พรรคพวกซอ งโจรทอ่ี ยดู ว ยในขณะกระทาํ ผดิ ก็ไมนํามาตรา ๓. สมาชกิ อง้ั ยห่ี รอื พรรคพวกซอ งโจรทอ่ี ยดู ว ยในขณะประชมุ ๒๑๓ มาใช แตไมค ัดคานในการตกลงใหก ระทาํ ความผดิ ๔. บรรดาหัวหนา ผูจัดการ ผูมีตําแหนงหนาที่ในอ้ังยี่หรือ ซองโจร ๖. ชวยเหลือผูกระทํา ๑. ประพฤติตนเปนปกตธิ ุระเปน ผจู ดั หาที่พาํ นกั ที่ซอ นเรน ๒๑๔ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรือปรับ ความผดิ หรอื ท่ปี ระชุม ไมเกนิ หกหม่ืนบาท หรือทั้งจําทงั้ ปรับ ๒. ใหบุคคลซ่ึงตนรูวาเปนผูกระทําความผิดที่บัญญัติไวใน ภาค ๒ น้ี ๓. เจตนา ๒๓๓

ลาํ ดับ ขอหา/ฐานความผดิ องคป ระกอบความผดิ มาตรา อตั ราโทษ หมายเหตุ ๒๓๔ ๗. กอความวุนวายใน ๑. มัว่ สมุ กนั ต้งั แตสิบคนขนึ้ ไป ๒๑๕ - ความผดิ ตามวรรคหนง่ึ ตอ งระวางโทษจําคุก ฎ . ๒ ๐ ๒ ๓ - บานเมือง ๒. ใชก ําลงั ประทษุ รา ย ขเู ขญ็ วา จะใชกําลังประทุษรา ย หรือ ไมเกินหกเดือน หรือปรับไมเกินหน่ึงหม่ืนบาท ๒๐๓๑/๒๕๒๗ กระทําอยางใดอยางหนง่ึ ใหเ กดิ ความวุน วายในบา นเมือง หรอื ทั้งจําทัง้ ปรับ ๓. เจตนา - ความผิดตามวรรคสอง ตอ งระวางโทษจาํ คกุ วรรคสอง เปนเหตุเพิ่มโทษ ในกรณีท่ีผูกระทําความผิด ไมเกินสองป หรือปรับไมเกินส่ีหม่ืนบาท หรือ คนหนง่ึ คนใดมีอาวธุ ทงั้ จาํ ทงั้ ปรับ วรรคสาม เปน เหตเุ พมิ่ โทษสงู ขน้ึ อกี ถา ผกู ระทาํ ความผดิ - ความผิดตามวรรคสาม ตองระวางโทษจําคกุ เปน หัวหนา หรือผูมหี นาท่สี ่ังการในการกระทําความผดิ นน้ั ไมเกนิ หา ป หรือปรับไมเ กินหนง่ึ แสนบาท หรอื ท้ังจาํ ทงั้ ปรับ ๘. ไมย อมเลกิ มว่ั สมุ เมอื่ ๑. เมื่อเจาพนักงานส่ังผูท่ีม่ัวสุมเพื่อกระทําความผิดตาม ๒๑๖ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรือปรับ ฎ.๑๙๗๔/๒๕๓๒ เจา พนกั งานสงั่ ใหเ ลกิ มาตรา ๒๑๕ ใหเ ลกิ ไป ไมเ กนิ หกหม่ืนบาท หรือทงั้ จาํ ทั้งปรับ ๒. ผูกระทําไมเลิก ๓. เจตนา ๔. เจตนาพเิ ศษ “เพือ่ กระทําความผดิ ตามมาตรา ๒๑๕”

๒๓๕ àÍ¡ÊÒÃÍÒŒ §Í§Ô เกยี รตขิ จร วจั นสวสั ด.์ิ (๒๕๕๑).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาค ๑ กรงุ เทพฯ:พลสยามพรนิ้ ตงิ้ . คณติ ณ นคร.(๒๕๔๗). กฎหมายอาญา ภาคทัว่ ไป. กรงุ เทพฯ:วิญูชน. ทวเี กยี รติ มนี ะกนษิ ฐ.(๒๕๕๓).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาคทวั่ ไป. กรงุ เทพฯ:วญิ ชู น. ประภาศน อวยชยั .(๒๕๒๖).ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๑. กรงุ เทพฯ:สาํ นกั อบรมศกึ ษา กฎหมายแหง เนตบิ ณั ฑิตยสภา. สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗).หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:อมรินทร พร้นิ ต้ิงแอนดพ บั ลชิ ชิง่ บุญเพราะ แสงเทยี น.(๒๕๕๒).กฎหมายอาญา ๑ ภาคทว่ั ไป.กรงุ เทพฯ:บริษทั วทิ ยพัฒน จาํ กัด สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗.)หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บริษัทอมรินทร พรนิ้ ติ้งแอนดพ บั ลิชชงิ่ . สุพจน นาถะพินธุ.(๒๕๓๓).ประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:สํานักพิมพรุงเรืองธรรม. สุวัฒน ศรีพงษสุวรรณ.(๒๕๔๙).คําอธิบายประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ: นติ บิ รรณาการ. วินัย เลศิ ประเสรฐิ .(๒๕๔๗).วิธีไลส ายกฎหมายอาญา เลม ๑.กรุงเทพฯ:อินเตอรบ ุคส. เกียรติขจร วัจนสวัสด์ิ.(๒๕๕๐).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิด เลม ๑. กรุงเทพฯ:หางหุนสว นจาํ กดั จริ ัชการการพมิ พ. บญุ เพราะ แสงเทยี น.(๒๕๕๒).กฎหมายอาญา ๑ ภาคทัว่ ไป.กรุงเทพฯ:บรษิ ทั วิทยพฒั น จํากดั . สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗).หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บริษัทอมรินทร พรน้ิ ต้ิงแอนดพ ับลชิ ช่งิ . สุพจน นาถะพินธุ.(๒๕๓๓).ประมวลกฎหมายอาญา.กรงุ เทพฯ:สาํ นักพิมพรุง เรืองธรรม. สุวัฒน ศรีพงษสุวรรณ.(๒๕๔๙).คําอธิบายประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ: นิตบิ รรณาการ. วินัย เลิศประเสริฐ.(๒๕๔๗).วิธีไลสายกฎหมายอาญา เลม ๑. กรุงเทพฯ:อินเตอรบุคส.

๒๓๖

๒๓๗ º··Õè ò ¤ÇÒÁ¼Ô´à¡èÂÕ Ç¡ºÑ ¡Òá‹ÍãËàŒ ¡Ô´ÀÂ¹Ñ μÃÒÂμÍ‹ »ÃЪҪ¹ ñ. ÇÑμ¶»Ø ÃÐʧ¤¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ»ÃÐจําº· ๑. เพ่ือใหนักเรียนนายสิบตํารวจมีความรูความเขาใจ เรื่องกฎหมายอาญาเก่ียวกับ ความผดิ ฐานตา งๆ ๒. เพอื่ ใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจทราบถงึ การวดั ผลและประเมนิ ผล วชิ ากฎหมายอาญา ๒ ๓. เพื่อใหนักเรียนนายสิบตํารวจมีความรูเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับการกอใหเกิด ภยนั ตรายตอประชาชน ò. ÊÇ‹ ¹นํา นกั เรียนจะไดศึกษาประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ เรือ่ งความผิดเกี่ยวกบั การกอใหเ กิด ภยันตรายตอประชาชน ในความผิดฐานเปน “วางเพลิงเผาทรัพย” และ “การกระทําแกยานพาหนะ หรือใชยานพาหนะรับจางขนสงคนโดยสาร” ตลอดจนแนวคําพิพากษาที่เก่ียวของเพื่อใหนักเรียน นายสิบตํารวจใชป ระกอบการเรียนการสอน ó. à¹×éÍËÒ ÇÒ§à¾Å§Ô à¼Ò·ÃѾ¼ÙŒÍ¹è× การวางเพลงิ เผาทรพั ยของผูอ นื่ เปนการทําใหเ สียทรัพยของผูอ่นื อยางหน่งึ แตเ ปนการ ทําใหเสียทรัพยท่ีมีลกั ษณะรา ยแรงและอาจมผี ลกระทบตอ ประชาชนเปนจาํ นวนมาก ท้งั ตอทรพั ยส ิน และชีวิตรางกาย กฎหมายจึงไดแยกมาบัญญัติไวเปนความผิดตางหาก และกําหนดโทษไวสูงกวา ความผิดฐานทําใหเสียทรัพย ท้ังยังลงโทษแมการกระทําอยูในข้ันตระเตรียม ยังไมไดลงมือกระทํา ความผดิ ก็ตาม ประมวลกฎหมายอาญาไดบัญญัติกรณีวางเพลิงเผาทรัพยท่ัวไปไว และไดบัญญัติให ลงโทษหนกั ข้นึ ในกรณีวางเพลงิ เผาทรพั ยบางประเภท ดงั จะไดก ลาวตอไปในมาตรา ๒๑๗ และ ๒๑๘ ñ. ÇÒ§à¾ÅÔ§à¼Ò·ÃѾ·ÇèÑ ä» ÁÒμÃÒ òñ÷ ¼ÙŒã´ÇÒ§à¾ÅÔ§à¼Ò·ÃѾ¢Í§¼ÙŒÍè×¹μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡μÑé§áμ‹Ë¡à´×͹ ¶§Ö à¨´ç »‚ áÅлÃѺμÑé§áμË‹ ¹§èÖ ¾¹Ñ ºÒ·¶§Ö ˹§èÖ ËÁ¹è× Ê¾Õè ¹Ñ ºÒ· องคป ระกอบของความผดิ มีดังน้ี องคป ระกอบ ๑. วางเพลงิ เผา ๒. ทรพั ยของผูอน่ื ๓. เจตนา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook