๑๘๘ กกั ขงั ตามคาํ สง่ั นายตาํ รวจปลอ ยผตู อ งกกั ขงั และเปลย่ี นตวั ผอู น่ื แทน เจา พนกั งานทด่ี นิ บนั ทกึ ในคาํ ขอ รับรองการทําประโยชนวาลักษณะของดินเหมาะแกการทํานาปลูกขาวซึ่งไมเปนความจริง พนักงาน สอบสวนหนวงเหน่ียวการประกันตัวผูตองหาใหดําเนินไปอยางเช่ืองชา เหลานี้ถือเปนความผิดตาม มาตรา ๑๕๗ แตการที่เจาอาวาสทําการสอบสวนพระภิกษุซึ่งถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัย โดยไม ปฏบิ ตั ใิ หถ กู ตอ งตามพระธรรมวนิ ยั ระเบยี บขอ บงั คบั และกฎของมหาเถรสมาคมยงั ไมเ ปน ความผดิ ตาม มาตราน้ี à¨μ¹Ò เจา พนกั งานซงึ่ ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบนนั้ ตอ งมเี จตนา ตามมาตรา ๕๙ ®Õ¡Ò·èÕ óöô/òõóñ ปกติการทํารายรางกายไมเก่ียวกับตําแหนงหนาที่ของ เจาหนาท่ีตํารวจ การท่ีจําเลยเปนเจาพนักงานตํารวจจับโจทกขอหาว่ิงราวทรัพย แลวทํารายรางกายโจทก โดยเจตนาทาํ รา ยธรรมดา มใิ ชเ พอ่ื ประสงคจ ะใหเ กดิ ผลอนั ใดในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ที่ เพราะจาํ เลย จับโจทกไดแลว และจําเลยมิใชพนักงานสอบสวนท่ีทํารายโจทกเพ่ือประสงคจะใหโจทกรับสารภาพ กรณีจึงมิใชเปนการปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบเพื่อใหเกิดความเสียหายแกโจทกตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ เมื่อโจทกไดร บั อนั ตรายแกกายจากการกระทาํ ของจําเลย จาํ เลยมคี วามผิดตามมาตรา ๒๙๕ à¾×Íè ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒÂ᡼‹ ËÙŒ ¹§Öè ¼ÙŒã´ เปน มลู เหตชุ กั จูงใจในการกระทาํ คอื ตอ ง กระทาํ โดยมงุ หมายทจ่ี ะใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ ถา เปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบแตม ไิ ด กระทําเพอื่ ใหเกิดความเสยี หายแกผหู นงึ่ ผใู ดก็ไมเปนความผิดตามมาตรา ๑๕๗ ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ öñøõ/òõóñ จําเลยไดรับแตงตั้งใหเปนผูชวยนายทะเบียนทองถ่ิน มีอํานาจหนา ที่เก่ียวกบั การรบั แจง การยายเขา ไดกรอกขอ ความเพมิ่ ช่อื ศ. ลงในสาํ เนาทะเบียนบา นฉบับ เจา บา นโดยไมม ใี บแจง การยา ยออกถอื ไดว า จาํ เลยเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบ แตเ มอ่ื การ เพิม่ เตมิ ทะเบียนบานดังกลา ว จําเลยมิไดก ระทําเพอ่ื ใหเกดิ ความเสยี หายแกผหู นง่ึ ผใู ด ทง้ั ไมไ ดค วาม วาจาํ เลยกระทําไปโดยทุจริต การกระทาํ ของจําเลยจึงไมเปน ความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ แตก ารทจี่ าํ เลยเพมิ่ ชอื่ ศ. ลงในทะเบยี นบา นดงั กลา ว โดยระบวุ า ยา ยมาจากบา นเลขที่ ๒๐/๑ เขตปอ มปราบศัตรพู าย และลงชือ่ รบั รองไว ซงึ่ เปนความเทจ็ การกระทาํ ของจําเลยจงึ เปนการ รับรองเปนหลักฐานวาไดมีการแจงชื่อขอความอันมิไดมีการแจงดังบัญญัติไวในมาตรา ๑๖๒ (๒) แหง ประมวลกฎหมายอาญา และการทจี่ าํ เลยเพมิ่ ชอื่ ศ. เขา ในทะเบยี นบา นดงั กลา วโดยลงชอื่ กาํ กบั ไว เปนการรับรองขอเท็จจริงในเอกสารน้ันวาเปนความจริงตามที่จําเลยระบุเพิ่มเติมไว การกระทําของ จําเลยจึงเปนการรับรองเปนหลักฐานซ่ึงขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงอันเปนเท็จ ดังบัญญัติไวในมาตรา ๑๖๒ (๔) แหงประมวลกฎหมายอาญาดวย แมจําเลยจะกระทําไปโดยไมทุจริต และไมเ กดิ ความเสยี หาย ก็เปนความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๒) (๔)
๑๘๙ ความเสยี หายในทนี่ ไ้ี มจ าํ กดั เฉพาะความเสยี หายในทางทรพั ยส นิ เทา นน้ั แตร วมถงึ ความเสยี หายทกุ ทาง เชน ความเสียหายตอ ชีวิต รางกาย ชื่อเสยี ง เสรีภาพ เปนตน และจะเปนความ เสยี หายแกใ ครก็ได เชน ตํารวจจบั หญิงโสเภณี แลว มอบหญิงเหลานนั้ ใหพวกของตนไป โดยไมด ําเนนิ คดตี ามกฎหมาย เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ ทาํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกร าชการกรมตาํ รวจ ทงั้ ไมจ าํ เปน ตอ งเกดิ ความเสยี หายขนึ้ จรงิ ๆ เพยี งแตไ ดก ระทาํ ไปโดยมคี วามมงุ หมายเชน นน้ั กผ็ ดิ แลว เชน เจา พนกั งานไดร บั แตง ตง้ั เปน กรรมการตรวจรบั งาน ไดล งชอ่ื ตรวจรบั งานวา ถกู ตอ งทงั้ ทไ่ี มไ ดท าํ งานเลย และแมยงั มิไดจ ายเงินกผ็ ดิ ตามมาตรา ๑๕๗ นี้ ¤ÇÒÁ¼Ô´·ÕèÊͧ ปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริต มีองคประกอบของ ความผิด ดังน้ี ๑. เปนเจาพนกั งาน ๒. ปฏิบตั ิหรอื ละเวนการปฏบิ ตั หิ นา ที่ ๓. เจตนา ๔. โดยทจุ รติ คาํ ͸ԺÒ ความผิดที่สองน้ีแตกตางกับความผิดแรกในเร่ืองของการกระทําอันเปนความผิด และมูลเหตุชักจูงใจกลาวคือ เพียงการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ี ก็อาจเปนความผิดไดแลว ไมว า จะเปน การกระทาํ โดยชอบหรอื โดยมชิ อบดว ยหนา ทก่ี ต็ าม ตา งกบั ความผดิ แรกทตี่ อ งกระทาํ โดยมชิ อบ ดวยหนาทเ่ี ทา นั้น การปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีเปนความผิดตอเม่ือมีมูลเหตุชักจูงใจ โดยทุจริต คือ เพ่ือแสวงหาประโยชนที่มิควรได โดยไมคํานึงวาจะทําใหผูอ่ืนเสียหายหรือไม เชน เจาพนักงานซ่ึงไมมีหนาท่ีรับเงิน พูดจูงใจใหผูเสียภาษีมอบเงินคาภาษีใหเกินจํานวนท่ีตองเสีย แลว เอาเงินสวนเกินไวเสียเอง เปนการปฏิบัติหนาที่โดยทุจริต เจาพนักงานท่ีดินรับเงินคาธรรมเนียมและ คาพาหนะในการรังวัดแลว มิไดนําเงินลงบัญชีทั้งมิไดดําเนินเร่ืองให เปนการละเวนการปฏิบัติหนาที่ โดยทุจรติ ผใู หญบ า นจดบัญชีสตั วพาหนะเท็จตามคาํ ขอรอ งของลกู บาน แมจ ะไมไดร ับสนิ จา งรางวลั แตท าํ ใหล กู บา นไดร บั ประโยชนน าํ ไปใชอ า งกบั ตาํ รวจทย่ี ดึ โคนน้ั กเ็ ปน การแสวงหาประโยชนส าํ หรบั ผอู น่ื ถือไดวาปฏิบัติหนาที่โดยทุจริต พนักงานเทศบาลซึ่งมีหนาที่เก็บเงินของเทศบาลลักใบเสร็จรับเงิน คา กระแสไฟฟา แลว นาํ ไปเกบ็ เงนิ คา กระแสไฟฟา เปน ประโยชนส ว นตน เปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยทจุ รติ อกี ประการหนึ่ง ®¡Õ Ò·Õè ôóùò-ôóùó/òõóñ จาํ เลยเปน เจา พนกั งานทด่ี นิ ไมอ อกไปตรวจสอบไม ในทีด่ นิ น.ส.๓ เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ที่โดยทจุ รติ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ซง่ึ ตอ เน่อื งกับการที่ จาํ เลยลงลายมือชือ่ ในบนั ทกึ การตรวจสอบไมร บั รองวาตนไดไปตรวจสอบแลว อันเปน ความเท็จตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๑) โดยจําเลยมีเจตนาเพ่ือแสวงหาประโยชนท่ีมิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย ในคราวเดยี วกัน ดังนั้นเปน กรรมเดยี วผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๗ อันเปนกฎหมายบททมี่ โี ทษทีห่ นักท่สี ุด ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐
๑๙๐ ®¡Õ Ò·èÕ òòø/òõóô จาํ เลยที่ ๑ ไดร บั คาํ สงั่ ใหป ฏบิ ตั หิ นา ทเ่ี วรยามและสายตรวจ มีหนาที่ดูแลรักษาส่ิงของตางๆ ในบริเวณสถานีตํารวจ ถือวาจําเลยท่ี ๑ ไดรับคําสั่งโดยชอบใหดูแล รักษาทรัพยของกลางท่ีสถานีตํารวจดวย การที่จําเลยที่ ๑ อาศัยโอกาสดังกลาวลักเล่ือยยนต ของกลางไปขายเพื่อประโยชนส วนตัว จึงเปน การปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริตตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ®Õ¡Ò·Õè ÷ùù/òõóõ จําเลยเปนเจาพนักงานผูออกตรวจสถานประกอบการคา มีอํานาจหนาที่เสนอตอผูบังคับบัญชาใหออกหรือไมใหออกใบอนุญาตใหแกผูประกอบการคา ถือได วาจําเลยเปนเจาพนักงานผูมีหนาท่ีเก่ียวของโดยตรงในการพิจารณาออกใบอนุญาต จําเลยเรียกรอง เงินเปนการตอบแทนการออกใบอนุญาต จึงเปนการปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริต เปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ®Õ¡Ò·èÕ ñððõ/òõôù ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ จะตอ งเปน การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน ปฏบิ ตั หิ นา ทซ่ี งึ่ อยใู นหนา ทข่ี องเจา พนกั งานนน้ั เองโดยมชิ อบเพอ่ื ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ หู นง่ึ ผูใดหรือโดยทุจริต ถาไมเกี่ยวกับหนาท่ีของเจาพนักงานผูนั้นโดยตรงแลวยอมไมเปนความผิดตาม มาตรานี้ เมือ่ ขณะท่จี ําเลยทง้ั สองมาเอารถยนตแ ท็กซ่ีจากโจทกไ ป จําเลยท่ี ๒ แตงเคร่ืองแบบตํารวจ เทานัน้ ท้งั ตามฎีกาโจทกยังยอมรับดว ยวา จําเลยที่ ๒ กระทาํ ไปโดยไมมีกฎหมายรองรับ ไมม อี าํ นาจ หนาที่จะตองทําแสดงวาการไปเอารถยนตแท็กซ่ีจากโจทกนั้น มิใชการกระทําที่เก่ียวกับหนาท่ีของ จาํ เลยที่ ๒ ฟอ งโจทกเ กย่ี วกบั จาํ เลยท่ี ๒ จงึ ไมม มี ลู เปน ความผดิ ฐานเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏิบัติหนา ท่โี ดยมชิ อบ õ. »ÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÂÑ âÍ¡ÒÊ·ÕèÁÕ˹Ҍ ·èÕ ÁÒμÃÒ ñöñ “¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÁËÕ ¹ÒŒ ·ทèÕ าํ àÍ¡ÊÒà ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒà ËÃ×Í´ÙáÅÃÑ¡ÉÒàÍ¡ÊÒà ¡ÃÐทํา¡ÒûÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÑÂâÍ¡ÒÊ·èÕμ¹ÁÕ˹ŒÒ·èÕ¹éѹ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·É จํา¤Ø¡äÁà‹ ¡¹Ô ÊÔº»‚ áÅлÃѺäÁà‹ ¡¹Ô ÊͧáʹºÒ·” ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ ÁÕ´§Ñ ¹éÕ ๑. เปนเจาพนกั งาน ๒. มหี นา ที่ทาํ เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสารหรอื ดูแลรักษาเอกสาร ๓. กระทาํ การปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสท่ีตนมหี นาท่ีนัน้ ๔. เจตนา คํา͸ºÔ Ò ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ การปลอมเอกสารทจี่ ะมคี วามผิดตามมาตรานี้ ผูก ระทําจะตอง เปน เจา พนกั งานซึง่ มีหนาที่ทาํ กรอกขอ ความ หรอื ดแู ลรกั ษาเอกสารนัน้ ÁÕ˹ŒÒ·èทÕ ําàÍ¡ÊÒà ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃËÃ×Í´áÙ ÅÃ¡Ñ ÉÒàÍ¡ÊÒà หมายความวา เจาพนักงานซ่ึงจะกระทําความผิดตามมาตรานี้จะตองเปนผูมีหนาท่ีทําเอกสาร กรอกขอความลงใน เอกสาร หรอื ดแู ลรกั ษาเอกสาร
๑๙๑ àÍ¡ÊÒà มคี วามหมายตามบทนยิ ามในมาตรา ๑(๗) หมายถงึ กระดาษหรอื วตั ถอุ นื่ ใด ซึ่งไดทําใหปรากฏความหมายดวยตัวอักษร ตัวเลข ผังหรือแผนแบบอยางอื่นจะเปนโดยวิธีพิมพ ถายภาพ หรอื วิธีอ่นื ใดอนั เปน หลักฐานแหงความหมายนัน้ หนา ทขี่ องเจา พนกั งานตามมาตราน้ี แยกไดเ ปน ๓ ประการคอื (๑) หนา ทท่ี าํ เอกสาร (๒) หนาทีก่ รอกขอ ความลงในเอกสาร (๓) หนาทด่ี แู ลรักษาเอกสาร (๑) หนาท่ีทําเอกสาร หมายถึง ทําเอกสารน้ีท้ังฉบับ หรือแตบางสวน หรือ ลงลายมือช่ือในการออกเอกสาร สว นใครจะเขยี นขึน้ ไมส าํ คัญ (๒) หนา ท่ีกรอกขอ ความลงในเอกสาร เชน กรอกขอ ความลงในแบบพิมพต า งๆ ของทางราชการในบัญชใี บเสร็จรับเงิน ทะเบยี นทีด่ ิน ทะเบียนบา น เปนตน (๓) หนาที่ดูแลรักษาเอกสาร ซึ่งหมายถึง ดูแลรักษาเอกสารที่ทําสมบูรณแลว และเอกสารแบบพิมพตา งๆ เพ่ือกรอกขอ ความดว ย ขอ สาํ คญั คอื เจา พนกั งานผนู น้ั จะตอ งมหี นา ทโ่ี ดยตรงในการทาํ กรอก หรอื ดแู ลรกั ษา เอกสารน้ัน หากมิใชหนาที่โดยตรงแลว ก็ไมผิดตามมาตรา ๑๖๑ แตอาจผิดฐานปลอมเอกสารตาม มาตรา ๒๖๔ ®Õ¡Ò·èÕ òóñö/òõòù จําเลยเปนเจาหนาท่ีบริหารงานทั่วไปประจําสํานักงาน สาธารณสุขจังหวัด มีหนาท่ีดูแลรักษาเอกสาร ทําคําสั่งจังหวัดเรื่องแตงต้ังขาราชการโดยไมมีอํานาจ แลว ตดั เอากระดาษไขทมี่ ลี ายมอื ชอื่ ของผวู า ราชการจงั หวดั ซง่ึ ลงนามไวใ นคาํ สงั่ ฉบบั อน่ื มาตดิ ไวท า ย คาํ สงั่ ทจี่ าํ เลยทาํ ขนึ้ และจาํ เลยโรเนยี วคาํ สง่ั นอี้ อกมาเพอ่ื แสดงใหบ คุ คลอนื่ หลงเชอื่ วา เปน คาํ สงั่ ทแี่ ทจ รงิ ดงั น้ี เปนการทําเอกสารปลอมขึน้ ทง้ั ฉบบั มคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๑ และ มาตรา ๒๖๕ ¡ÃÐทาํ ¡ÒûÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÂÑ âÍ¡ÒÊ·μÕè ¹ÁËÕ ¹ÒŒ ·¹èÕ ¹éÑ การกระทาํ อนั เปน ความผดิ ตามมาตราน้ี คือ “ปลอมเอกสาร” ซ่ึงหมายถึง การปลอมในความผิดฐานปลอมเอกสารตาม มาตรา ๒๖๔ กลาวคือ ทําเอกสารข้ึนทั้งฉบับหรือแตสวนหน่ึงสวนใด เติมหรือตัดทอนขอความ หรือแกไ ขดว ยประการใดๆ ในเอกสารทแ่ี ทจ รงิ ประทบั ตราปลอม หรอื ลงลายมอื ชือ่ ปลอมในเอกสาร โดยประการทน่ี า จะเกดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ หรอื ประชาชนและทาํ เพอื่ ใหผ อู นื่ หลงเชอื่ วา เปน เอกสาร ท่ีแทจริง รวมทั้งการกรอกขอความลงในแผนกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผูอ่ืน โดยไมไดรับความยินยอมหรือโดยฝาฝนคําสั่งของผูอื่นน้ัน เหตุนี้ความผิดตามมาตรา ๑๖๑ จึงเปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๖๔ ดวย การปลอมดังกลา ว จะตอ งกระทาํ ปลอมโดยอาศัยโอกาสทีผ่ ปู ลอมมหี นา ที่น้ัน คือ จะตองปลอมในระหวางที่เจาพนักงานมีหนาที่อยางใดอยางหนึ่งใน ๓ ประการ ที่กลาวมาแลว เชน ตาํ รวจไดรบั แตงตง้ั ใหทาํ หนาท่ีเสมยี นเปรยี บเทียบ แกห รือลงจํานวนเงนิ ในสําเนาใบเสร็จใหนอ ยกวา ตนฉบับ ผชู ว ยนายทะเบยี น จดลงในทะเบยี นบา นและลงลายมอื ชือ่ รับรองวา ด. ยายเขา บานนั้นจาก ตา งจังหวดั อนั เปนเท็จ พัศดแี ละผคู มุ ปลอมใบสุทธิทีเ่ รือนจําออกใหแกผพู น โทษ โดยพมิ พลายนิว้ มอื
๑๙๒ ปลอมเปนผพู นโทษ ปลัดอําเภอมหี นา ทท่ี าํ ต๋ัวรปู พรรณสตั ว ลงลายมือช่ือในตัว๋ รปู พรรณทีร่ ูว า ปลอม ลายพิมพน้วิ มอื เจา ของสัตวเหลาน้ลี ว นเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๖๑ ®¡Õ Ò·Õè óóò/òõò÷ จาํ เลยเปน พนกั งานพสิ จู น มหี นา ทใี่ นการพสิ จู นก ารครอบครอง ท่ีดินแลวกรอกขอความในแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจนการทําประโยชนเพ่ือออก หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน เอกสารดงั กลา วจงึ อยใู นความดแู ลครอบครองของจาํ เลยกอ นสง ไปยงั ศนู ยห รอื ผคู วบคมุ สาย เมอ่ื เอกสารนถ้ี กู ปลอมลายมอื ชอ่ื ของ จ. ผมู หี นา ทปี่ กครองทอ งทแี่ ละระวงั แนวเขต โดยจําเลยมีโอกาสกระทําเองหรือรวมกับจําเลยอ่ืนกระทําข้ึน จําเลยจึงมีความผิดฐานปลอม เอกสารโดยอาศัยโอกาสท่ีตนมีหนาที่นั้นตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๑ ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๕๘ บัญญัติใหนายอําเภอมีอํานาจแตงต้ังใหผูซึ่งไดรับการอบรมเปนเจาหนาที่ออกไปพิสูจนสอบสวน การทาํ ประโยชนแ ทนตนในการเดนิ สาํ รวจเพอื่ ออกหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนแ ละในการปฏบิ ตั หิ นา ท่ี ดังกลาว ใหเจาหนาที่เปนเจาพนักงาน จําเลยเปนผูไดรับคําส่ังจากนายอําเภอใหเปนพนักงานพิสูจน จงึ เปนเจา พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา แตเ จา พนกั งานซง่ึ ไมม หี นา ทอี่ ยา งใดอยา งหนงึ่ ใน ๓ ประการนน้ั แลว กไ็ มอ าจทาํ ผดิ มาตรา ๑๖๑ ได อกี ประการหนงึ่ ในกรณที เ่ี จา พนกั งานมอี าํ นาจออกเอกสารไดต ามหนา ท่ี แมจ ะลง ขอความไมต รงกับความจรงิ ก็เปน เอกสารที่แทจรงิ มิใชเ อกสารปลอม เชน นายทะเบยี นตาํ บลออก ใบมรณบตั รมขี อ ความแสดงวา ท. ราษฎรในตาํ บลนน้ั ตายแลว ซง่ึ เปน ความเทจ็ หรอื ปลดั อาํ เภอมอี าํ นาจ หนา ทอี่ อกใบสาํ คญั ประจาํ ตวั คนตา งดา ว ออกใบตา งดา วลงลายมอื ชอื่ ปลดั อาํ เภอเองใหแ กค นตา งดา ว ที่ไดรับอนุญาตใหอยูช่ัวคราวเปนการผิดระเบียบ ทั้งสองกรณีนี้ไมเปนการปลอมเอกสารเพราะ เจาพนักงานผูกระทํามีอํานาจโดยตําแหนงที่จะลงชื่อทําเอกสารน้ันได จึงเปนเพียงเอกสารเท็จตาม มาตรา ๑๖๒ มิใชเอกสารปลอมตามมาตรา ๑๖๑ แตถาตนไมมีอํานาจโดยตําแหนงที่จะลงลายมือชื่อออกเอกสารนั้น กลับไปลง ลายมือช่ือ ในตําแหนงท่ีตนไมมีอํานาจท่ีจะลงลายมือชื่อได แมจะเปนลายมือตัวเองจริงก็เปนการ ปลอมตัวบคุ คลในตาํ แหนงนน้ั เปนการปลอมเอกสาร ถา เปน เจา พนกั งานผมู หี นา ทท่ี าํ เอกสารและอาศยั โอกาสทต่ี นมหี นา ทนี่ นั้ ทาํ เอกสาร ขึ้นฉบับหนึ่ง ดวยความมุงหมายใหเขาใจวาเปนเอกสารอีกฉบับหน่ึงอันเปนการปลอมเอกสารขึ้น ทง้ั ฉบบั แมจ ะลงลายมือชื่อของตนเองไมไ ดปลอมชอื่ ของผูอ ่นื ก็อาจมีมูลความผดิ ตามมาตรา ๑๖๑ ®¡Õ Ò·Õè öóõ/òõñ÷ จาํ เลยเปน ปลดั อาํ เภอ ไดร บั มอบหมายจากนายอาํ เภอใหเ ปน เจาหนาท่ีแผนกทะเบียนอาวุธปน มีหนาท่ีรับคําขอและสอบสวนเร่ืองราวเกี่ยวกับ การขออนุญาตมี และใชอาวุธปน แลวเสนอนายอําเภอซึ่งเปนนายทะเบียนลงลายมือช่ือออกใบอนุญาต จําเลยไมมี อํานาจลงลายมือชื่อในตําแหนงนายทะเบียนได แตจําเลยกลับลงลายมือช่ือตนเองเปนนายทะเบียน ออกใบอนุญาตใหแกผูย่ืนคําขอไป แมจําเลยจะลงลายมือชื่อจําเลยเองในเอกสารน้ัน แตจําเลยก็ได
๑๙๓ ปลอมตนวาเปนเจาพนักงานผูมีอํานาจลงนามในเอกสารน้ันในฐานะนายทะเบียนผูออกใบอนุญาต แลว ประทบั ตราลงไป เอกสารนจ้ี งึ ไมใ ชเ อกสารทแ่ี ทจ รงิ เพราะมไิ ดล งนามเจา พนกั งานผมู อี าํ นาจออก ใบอนุญาต เปนการปลอมเอกสารตามมาตรา ๑๖๐ à¨μ¹Ò เจาพนักงานผูทําปลอมเอกสารซึ่งตนมีหนาท่ีทํา กรอกขอความหรือดูแล รกั ษาจะตองมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ ö. ÃѺÃͧËÃÍ× ¡ÃÍ¡¢ŒÍ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃÍѹ໹š à·¨ç ÁÒμÃÒ ñöò ¼ÙŒã´à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÁÕ˹ŒÒ·èÕทําàÍ¡ÊÒà ÃѺàÍ¡ÊÒÃËÃ×Í¡ÃÍ¡ ¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒáÃÐทาํ ¡Òô§Ñ μÍ‹ 仹éÕ㹡Òû¯ºÔ ÑμÔ¡ÒÃμÒÁ˹ŒÒ·èÕ (ñ) ÃºÑ Ãͧ໹š ËÅ¡Ñ °Ò¹ÇÒ‹ μ¹ä´¡Œ ÃÐทาํ ¡ÒÃÍÂÒ‹ §ã´¢¹Öé ËÃÍ× ÇÒ‹ ¡ÒÃÍÂÒ‹ §ã´ä´Œ ¡ÃÐทาํ μÍ‹ ˹Ҍ μ¹Í¹Ñ ໚¹¤ÇÒÁà·¨ç (ò) ÃѺÃͧ໚¹ËÅÑ¡°Ò¹ÇÒ‹ ä´ŒÁÕ¡ÒÃᨌ§«èÖ§¢ŒÍ¤ÇÒÁÍ¹Ñ ÁäÔ ´ŒÁ¡Õ ÒÃᨌ§ (ó) ÅÐàǹŒ äÁ¨‹ ´¢ÍŒ ¤ÇÒÁ«§èÖ μ¹ÁËÕ ¹ÒŒ ·μÕè ÍŒ §ÃºÑ ¨´ËÃÍ× ¨´à»ÅÂÕè ¹á»Å§¢ÍŒ ¤ÇÒÁ હ‹ ÇÒ‹ ¹Ñ¹é ËÃ×Í (ô) ÃºÑ Ãͧ໹š ËÅ¡Ñ °Ò¹«§Öè ¢ÍŒ à·¨ç ¨Ã§Ô Í¹Ñ àÍ¡ÊÒù¹Ñé Á§‹Ø ¾ÊÔ ¨Ù ¹¤ ÇÒÁ¨Ã§Ô Í¹Ñ à»¹š ¤ÇÒÁà·ç¨ μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡äÁà‹ ¡Ô¹à¨ç´»‚ áÅлÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹Ö§è áʹÊÕËè Á¹è× ºÒ· ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô Á´Õ ѧ¹Õé ๑. เปนเจา พนกั งาน ๒. มหี นาทีท่ ําเอกสาร รบั เอกสารหรอื กรอกขอ ความลงในเอกสาร ๓. กระทาํ การดงั ตอไปน้ี ในการปฏิบตั ิการตามหนาท่ี (๑) รบั รองเปน หลักฐานวา ตนไดกระทําการอยางใดขึ้น หรอื วาการอยา งใด ไดก ระทาํ ตอหนาตนอันเปน ความเท็จ (๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดมีการแจง ขอ ความอนั มิไดม ีการแจง (๓) ละเวนไมจดขอความซึ่งตนมีหนาที่ตองรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลง ขอ ความเชนวานน้ั หรอื (๔) รับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริง อนั เปน ความเท็จ ๔. เจตนา คาํ ͸ºÔ Ò ໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ การทาํ เอกสาร รบั เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสาร หรอื รบั รอง เอกสารอันเปน เทจ็ ตามมาตรานี้ ผูก ระทาํ จะตอ งมีฐานะเปนเจาพนกั งาน
๑๙๔ ÁÕ˹ŒÒ·èÕทาํ àÍ¡ÊÒÃ ÃºÑ àÍ¡ÊÒÃËÃÍ× ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒà เจาพนกั งานซง่ึ จะ กระทําผิดตามมาตรานี้ ตอ งเปน เจาพนกั งานซง่ึ มีหนา ท่อี ยา งหนง่ึ อยา งใด คอื ทําเอกสาร รบั เอกสาร หรือกรอกขอ ความลงในเอกสาร (๑) หนา ทท่ี าํ เอกสาร หมายความวา ทาํ เอกสารขนึ้ ทง้ั ฉบบั แสดงขอ ความใหเ หน็ วา เปน เอกสารของตน เชน ทาํ บนั ทกึ ความเหน็ เสนอผบู งั คบั บญั ชา หรอื อาจทาํ เพยี งบางสว นของเอกสาร กไ็ ด เชน บนั ทกึ ตอ ทา ยลงในหนังสอื ทม่ี าถึงหรอื อาจจะเพยี งลงชื่อในเอกสารที่มีผทู าํ มาแลว ก็ได ®¡Õ Ò·Õè ôùðð/òõòø ป. เจาของเดมิ ไดย กทีด่ นิ พิพาทใหเปนท่ีสาธารณะไปแลว กอ นจะตกเปน กรรมสิทธ์ขิ องโจทก การทจ่ี าํ เลยที่ ๓ นายอาํ เภอทอ งท่ี รวมกับจาํ เลยท่ี ๑ กํานันและ จาํ เลยท่ี ๒ อดตี กาํ นนั ทาํ เอกสารบนั ทกึ ถอ ยคาํ ให ป. ลงลายมอื ชอื่ แสดงวา ป. ยกทด่ี นิ ของตนใหเ ปน ที่สาธารณะ แมเปนการทําบันทึกภายหลัง เม่ือท่ีดินแปลงนั้นตกเปนกรรมสิทธิ์ของโจทกผูรับโอน แลว กต็ าม การกระทาํ นนั้ กเ็ พอ่ื ยนื ยนั ความจรงิ ที่ ป. ไดอ ทุ ศิ ทด่ี นิ ใหเ ปน ทสี่ าธารณะแกท างราชการไวใ ห ปรากฏเปน หลกั ฐานอกี ชน้ั หนง่ึ จงึ หาเปน ความเทจ็ ไม ทงั้ ไมท าํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกโ จทก เพราะทดี่ นิ สวนนั้นไดตกเปนที่สาธารณะไปแลวกอนโจทกจะจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธ์ิท่ีดินมา จําเลยท้ังสาม จงึ ไมม คี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗, ๑๖๒ (๒) หนา ทร่ี บั เอกสาร หมายถงึ การรบั เอกสารทมี่ ผี อู น่ื นาํ มาสง หรอื นาํ มายนื่ แกต น เพ่อื ตนจะไดดาํ เนินการตอ ไป หรือเสนอใหเจาพนกั งานอืน่ ดําเนนิ การ (๓) หนาท่ีกรอกขอความลงในเอกสาร หมายถึง กรอกขอความ รายการหรือ รายละเอียดลงในแบบพิมพส มดุ บญั ชี หรือทะเบียนตางๆ แตถึงแมจะเปนเจาพนักงาน ถาไมมีหนาท่ีกระทําการอยางหนึ่งอยางใดดังกลาว ก็ไมผ ดิ ตามมาตราน้ี ®Õ¡Ò·Õè ñð÷ô/òõóò จําเลยไดรับคําสั่งแตงต้ังใหมีอํานาจหนาที่ปฏิบัติงาน ดานธุรการ ไมม ีอาํ นาจหนาท่ีเกี่ยวกบั งานทะเบียนราษฎรแ ละงานบตั รประจาํ ตวั ประชาชน เมอ่ื โจทก ฟอ งและนาํ สบื วา จาํ เลยกระทาํ มชิ อบเกยี่ วกบั งานดา นทะเบยี นราษฎรแ ละงานบตั รประจาํ ตวั ประชาชน ตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๘, ๑๕๗ และ ๑๖๒ จําเลยจึงไมอาจกระทาํ ความผิดตามบทกฎหมายมาตรา ดังกลาวได ¡ÃÐทาํ ¡Òô§Ñ μÍ‹ 仹Õé 㹡Òû¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·Õè หมายความวา การกระทาํ ทจี่ ะ เปนความผิดตามมาตราน้ี ตองเปนการกระทําในการปฏิบัติหนาท่ีของเจาพนักงานผูนั้น ถามิใชการ ปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ทแ่ี ตเปน เรอื่ งสวนตวั ยอ มไมผิด การกระทาํ อนั เปนความผดิ ไดแ ก (๑) รับรองเปนหลักฐานวา ตนไดกระทําการอยางใดข้ึน หรือวาการอยางใดได กระทําตอหนา ตนอนั เปนความเทจ็ คือ ทําเปนหนงั สือรบั รองวา ตนไดท าํ การอยางใดข้นึ แมความจรงิ จะมไิ ดก ระทาํ การนน้ั เชน ทาํ หนงั สอื รบั รองวา ไดต รวจงานแลว ทง้ั ทค่ี วามจรงิ ยงั มไิ ดต รวจ จดบนั ทกึ วา ไดทําการสอบสวน ก. แลวความจริงยังมิไดสอบสวน ก. เลย รับรองวานักโทษท่ีจะไดรับอภัยโทษ
๑๙๕ ตองขังอยู แตความจริงหลบหนีไปแลว พนักงานปาไม ไมไดตรวจสอบไม แตรับรองวาไมถูกตอง ลงลายมอื ชือ่ ใหผ านได ®¡Õ Ò·èÕ ñññö-ñññø/òõñ÷ จาํ เลยเปน เจา พนกั งาน มหี นา ทเี่ ปน กรรมการตรวจรบั รถยนตซ่ึงเทศบาลซ้ือไดลงชื่อในใบตรวจรับพัสดุซ่ึงมีขอความวาคณะกรรมการไดตรวจรับรถยนต แลวเห็นวามีปริมาณและคุณภาพถูกตองครบถวน ท้ังราคาก็เปนไปตามราคาในทองตลาดและได สงมอบใหแกเจาหนาที่แผนกชางรับไวเปนการถูกตองแลว ซ่ึงความจริงไมมีการกระทําดังกลาวเลย เพราะผขู ายยงั ไมไ ดน าํ รถยนตม าสง มอบ การทจี่ าํ เลยยงั ไมไ ดต รวจรบั และสง มอบ แตล งชอื่ รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดก ระทาํ การดงั กลา ว จงึ เปน การรบั รองเทจ็ อนั เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๑) และ การทจ่ี าํ เลยรบั รองเปน หลกั ฐานวา รถยนตท ต่ี รวจรบั มอบนม้ี ปี รมิ าณคณุ ภาพถกู ตอ งครบถว น ทง้ั ราคา ก็เปนไปตามราคาในทองตลาดและไดสงมอบใหแกเจาหนาท่ีแผนกชางรับไวเปนการถูกตองแลวน้ัน เปนการรับรองเปน หลกั ฐานซ่ึงขอเท็จจริงอันเอกสารนน้ั มุง พสิ ูจนความจริงอนั เปนเทจ็ ดังท่ีบัญญัติไว ในมาตรา ๑๖๒(๔) ดว ย แมก ารรบั รองเปน หลกั ฐานเชน นี้ จาํ เลยจะกระทาํ ไปโดยไมท จุ รติ ไมเ กดิ ความ เสยี หาย ก็เปน ความผดิ ตามมาตราดงั กลา ว ®Õ¡Ò·Õè ôóùò-ôóùó/òõóñ จาํ เลยเปน เจา พนกั งานทดี่ นิ ไมอ อกไปตรวจสอบ ไมใ นทดี่ นิ น.ส.๓ เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยทจุ รติ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ซงึ่ ตอ เนอ่ื งกบั การที่ จําเลยลงลายมือช่ือในบันทึกการตรวจสอบไมรับรองวาตนไดไปตรวจสอบแลว อันเปนความเท็จ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒(๑) โดยจาํ เลยมีเจตนา เพ่อื แสวงหาประโยชนท่ีมิควรไดโดยชอบดว ยกฎหมาย ในคราวเดียวกัน ดังน้ีเปนกรรมเดียวผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ อนั เปน กฎหมายบททีม่ ีโทษท่ีหนักท่ีสดุ ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐ การทําหนังสือรับรองเท็จน้ี ถารับรองวาการใดไดทําตอหนาตน ความจริงมิไดทํา ตอ หนา ตน ก็ผิดเหมือนกัน เชน เจา พนกั งานลงช่อื รับรองวา คสู มรสไดจ ดทะเบยี นสมรสตอหนา ตน หรือสามีภริยาไดจดทะเบียนหยาตอหนาตน ซึ่งเปนความเท็จ เพราะจริงๆ แลวการจดทะเบียนมิได ทําตอหนา ตน (๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ซง่ึ ขอ ความอนั มไิ ดม กี ารแจง หมายความวา ความจรงิ มไิ ดม กี ารแจง ขอ ความนน้ั เลย แตเ จา พนกั งานรบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ขอ ความนนั้ เชน พลตาํ รวจมหี นา ทจี่ ดคาํ ใหก ารผขู อหนงั สอื เดนิ ทาง แตจ ดคาํ ใหก ารเปน เทจ็ โดยผใู หถ อ ยคาํ มไิ ดม า ใหถอ ยคาํ ผิดตามมาตรา ๑๖๒(๑) และ (๒) ®¡Õ Ò·Õè öñøõ/òõóñ จําเลยไดรับแตงต้ังใหเปนผูชวยนายทะเบียนทองถิ่น มีอํานาจหนา ท่ีเกยี่ วกบั การรบั แจง การยา ยเขา ไดก รอกขอ ความเพิม่ ชอ่ื ศ. ลงในสําเนาทะเบียนบาน ฉบบั เจา บา นโดยไมม ใี บแจง การยา ยออกถอื ไดว า จาํ เลยเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบ แตเ มอื่ การเพิ่มเติมทะเบียนบานดังกลาว จําเลยมิไดกระทําเพ่ือใหเกิดความเสียหายแกผูหนึ่งผูใด ท้ังไมได ความวาจําเลยกระทําไปโดยทุจริต การกระทําของจําเลยจึงไมเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
๑๙๖ แตการที่จําเลยเพ่ิมชื่อ ศ. ลงในสาํ เนาทะเบยี นบานดงั กลา ว โดยระบุวายายมาจากบานเลขที่ ๒๐/๑ เขตปอมปราบศัตรูพายและลงช่ือรับรองไว ซึ่งเปนความเท็จ การกระทําของจําเลยจึงเปนการรับรอง เปน หลกั ฐานวา ไดมกี ารแจงซงึ่ ขอ ความอันมไิ ดมกี ารแจง ดงั บญั ญตั ไิ วใ นมาตรา ๑๖๒(๒) แหงประมวล กฎหมายอาญาและการท่ีจําเลยเพิ่มชื่อ ศ. เขาในทะเบียนบานดังกลาวโดยลงช่ือกํากับไว เปนการ รับรองขอเท็จจริงในเอกสารน้ันวาเปนความจริงตามท่ีจําเลยระบุเพ่ิมเติมไว การกระทําของจําเลย จึงเปนการรับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุงพิสูจนความจริงอันเปนเท็จดังบัญญัติไว ในมาตรา ๑๖๒(๔) แหงประมวลกฎหมายอาญาดวย แมจําเลยจะกระทําไปโดยไมทุจริต และไมเกิด ความเสียหาย กเ็ ปน ความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒(๒) (๔) (๓) ละเวนไมจดขอความซ่ึงตนมีหนาที่ตองรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงขอความ เชน วา นนั้ หมายความวา มกี ารแจง ใหจ ดขอ ความ แตเ จา พนกั งานไมจ ดหรอื จดเปลย่ี นแปลงขอ ความผดิ ไป จากทแ่ี จง เชน เจา ทกุ ขม าแจง ความตอ ตาํ รวจซง่ึ ตาํ รวจมหี นา ทตี่ อ งจดขอ ความทม่ี าแจง ถา ตาํ รวจไมร บั แจง ผิดตามขอ น้ี (๔) รับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงอันเปน ความเทจ็ หมายความวา รบั รองขอ เทจ็ จรงิ ทแี่ สดงในเอกสารวา ถกู ตอ งดงั ทเ่ี ขยี นไว แตค วามจรงิ ขอ เทจ็ จรงิ น้ันไมถูกตอง คือ เปนเร่ืองเจาพนักงานทําเอกสารเท็จนั่นเอง เชน เจาพนักงานตรวจรับงานวา ใชวัสดุอุปกรณถูกตองตามสัญญา แตความจริงใชเหล็กไมถูกตอง พนักงานเทศบาลทําคํารับรองวา ไดต รวจรบั รถยนตไ วถ กู ตอ งแลว แตค วามจรงิ ยงั ไมม รี ถ ครใู หญโ รงเรยี นรฐั บาลออกใบสทุ ธอิ นั เปน เทจ็ ใหน กั เรยี นทสี่ อบไลไ ด ม.ศ.๓ แตอ อกใบสทุ ธใิ หว า จบ ม.ศ.๕ เจา พนกั งานทาํ ใบสาํ คญั เทจ็ วา ไดจ า ยเงนิ คาซอ มแซมเหมืองฝายไปตามใบสําคัญนนั้ แลว เปน ความผิดตามมาตรา ๑๖๔(๔) นี้ ®¡Õ Ò·èÕ ôöôù/òõóó จาํ เลยเปน เจา พนกั งานตาํ แหนง เจา หนา ทก่ี ารเงนิ และบญั ชี มหี นา ทีท่ าํ เอกสาร รับเอกสาร รับรองเอกสารแบบใบขอเบิกเงินคา เชา บาน เมื่อไดรับอนมุ ตั ใิ หม ีสทิ ธิ เบกิ คา เชา บา นแลว จงึ ลงนามรบั รองเปน หลกั ฐานในเอกสารแบบใบขอเบกิ คา เชา บา นของจาํ เลยเองวา ตรวจสอบถูกตองแลว ขอจายถูกตามระเบียบเห็นควรอนุมัติ การที่จําเลยรับรองตามที่ขออนุมัติและ ไดรับอนุมัติแลวเชนนี้จะถือวาเปนการรับรองขอความอันเปนเท็จที่เอกสารนั้นมุงพิสูจนความจริงมิได สวนการที่ผูอนุมัติไดอนุมัติไปแลวนั้นจะถูกตองหรือไมเปนเรื่องของการแปลความในกฎหมาย การแปลความไปในทางใดนัน้ จะถือวาเปนเทจ็ มิไดอีกเชนกัน à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ ตองมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ ในการกระทาํ การอยางใดอยางหน่ึง ตามที่กฎหมายบญั ญตั ไิ วนน้ั ®Õ¡Ò·Õè óõ÷ò/òõòù นายอําเภอแตงต้ังปาไมอําเภอและท่ีดินอําเภอเปน กรรมการตรวจสอบการนําไมชนิดอื่น นอกจากไมสักและไมยางท่ีนําออกจากปาไมในท่ีดินกรรมสิทธ์ิ เคลอ่ื นยา ยไปใชป ระโยชน โดยใหป า ไมอ าํ เภอเปน เลขานกุ ารคณะกรรมการดว ย มไิ ดแ ตง ตงั้ จาํ เลยท่ี ๑ และท่ี ๓ เปนกรรมการ แตจําเลยท่ี ๑ เปนผูชวยปาไมอําเภอไดลงช่ือในเอกสารในฐานะกรรมการ
๑๙๗ และเลขานุการ จําเลยที่ ๓ ผูชวยพนักงานที่ดินอําเภอลงชื่อในฐานะกรรมการ และนายอําเภอยึดถือเอา เอกสารนเ้ี ปน หลกั ในการพจิ ารณาออกหนงั สอื รบั รองการนาํ ไมต ลอดมาจาํ เลยที่ ๑ ท่ี ๓ จะอา งวา ลงชอ่ื ไปโดยขาดเจตนากระทาํ ผดิ ไมไ ด สว นจาํ เลยที่ ๒ ซง่ึ เปน ประธานกรรมการ เปน ปลดั อาํ เภอรบั ราชการ มานาน ยอ มทราบวา งานเกยี่ วกบั ปา ไมม ผี ปู ระสงคแ สวงหาประโยชนอ ยมู าก ตอ งอาศยั การตรวจสอบ ทีล่ ะเอียดถีถ่ วน การที่จาํ เลยที่ ๒ มงี านอ่นื มาก เมอ่ื ลงชือ่ รับรองการตรวจสอบ จงึ ไมเปนเหตใุ หฟ ง วา ไมม เี จตนากระทาํ ผดิ เมอื่ บนั ทกึ การตรวจสอบไมเ ปน เทจ็ จาํ เลยทงั้ สามจงึ มคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒, ๘๓ ÁÒμÃÒ òðô ความผิดฐาน “਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¼ÙŒμŒÍ§¢Ñ§ทําãËŒ¼ÙŒμŒÍ§¢Ñ§ ËÅ´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒäØÁ¢Ñ§” ÁÒμÃÒ òðô ผูใดเปนเจาพนักงานมีตําแหนงหนาที่ควบคุม ดูแลผูตองขัง ตามอํานาจของศาล ของพนักงานสอบสวนหรือของเจาพนักงานผูมีอํานาจสืบสวนคดีอาญา กระทํา ดวยประการใด ๆ ใหผูท่ีอยูในระหวางคุมขังน้ันหลุดพนจากการคุมขังไป ตองระวางโทษจําคุกตั้งแต หนึ่งปถ งึ เจ็ดป และปรบั ตั้งแตส องหม่ืนบาทถงึ หนึ่งแสนส่ีหม่นื บาท ถา ผทู หี่ ลดุ พน จากการคมุ ขงั ไปนน้ั เปน บคุ คลทต่ี อ งคาํ พพิ ากษาของศาลหนงึ่ ศาลใด ใหล งโทษประหารชวี ิต จําคุกตอดชีวติ หรอื จําคุกตัง้ แตส บิ หา ปข้ึนไป หรือมจี ํานวนตงั้ แตส ามคนขน้ึ ไป ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจําคุกต้ังแตสองปถงึ สิบป และปรับตงั้ แตส ่ีหมื่นบาทถึงสองแสนบาท องคป ระกอบภายนอก (ñ) à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ÁตÕ าํ á˹§‹ ˹Ҍ ·¤Õè Ǻ¤ÁØ ´á٠ż·ŒÙ μèÕ ÍŒ §¤ÁØ ¢§Ñ μÒÁอาํ ¹Ò¨¢Í§ÈÒÅ ¢Í§¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹËÃ×ͧ͢਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹¼ÙÁŒ อÕ าํ ¹Ò¨Ê׺Êǹ¤´ÍÕ ÒÞÒ (ò) ¡ÃÐทํา´ÇŒ »ÃСÒÃã´æ ãËÁŒ ¡Õ ÒÃËÅ´Ø ¾Œ¹¨Ò¡¡Òö¡Ù ¤ØÁ¢§Ñ (ó) «è§Ö ¼·ÙŒ ÕÍè ‹Ùã¹ÃÐËÇÒ‹ §¤ØÁ¢§Ñ องคประกอบภายใน à¨μ¹Ò¸ÃÃÁ´Ò เหตฉุ กรรจต ามวรรคสอง ¼·ŒÙ ËÕè Å´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢§Ñ 仹¹éÑ à»¹š º¤Ø ¤Å·μèÕ ÍŒ §คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ ¢Í§ÈÒÅ˹Öè§ÈÒÅã´ãˌŧâ·É (¡) »ÃÐËÒêÕÇμÔ ËÃÍ× (¢) จาํ ¤Ø¡μÅÍ´ªÇÕ Ôμ ËÃ×Í (¤) จาํ ¤Ø¡μ§éÑ áμ‹ÊԺˌһ¢‚ éÖ¹ä» ËÃ×Í (§) ÁจÕ ํา¹Ç¹μ§éÑ áμÊ‹ ÒÁ¤¹¢éÖ¹ä» ÁÒμÃÒ òðõ ความผดิ ฐาน “à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¼μŒÙ ÍŒ §¢§Ñ ทาํ ã˼Œ μŒÙ ÍŒ §¢§Ñ ËÅ´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒäØÁ¢Ñ§â´Â»ÃÐÁÒ·”
๑๙๘ ÁÒμÃÒ òðõ ถาการกระทาํ ดงั กลาวในมาตรา ๒๐๔ เปนการกระทาํ โดยประมาท ผูกระทาํ ตอ งระวางโทษจําคุกไมเกนิ สองป หรือปรับไมเกนิ สี่หมื่นบาท หรอื ทง้ั จาํ ท้ังปรบั ถาผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังไปดวยการกระทําโดยประมาทนั้น เปนบุคคลท่ีตอง คําพพิ ากษาของศาลหนึง่ ศาลใดใหลงโทษประหารชวี ิต จําคุกตลอดชวี ติ หรอื จําคุกตั้งแตสิบหาปข ้นึ ไป หรอื มจี าํ นวนตง้ั แตส ามคนขน้ึ ไป ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมนื่ บาท หรอื ท้งั จาํ ทงั้ ปรับ ถาผูกระทําผิดจัดใหไดตัวผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังคืนมาภายในสามเดือนใหงด การลงโทษแกผกู ระทําความผดิ นน้ั องคป ระกอบภายนอก (เหมือนมาตรา ๒๐๔) องคป ระกอบภายใน »ÃÐÁÒ· เหตุฉกรรจตามวรรคสอง (àËÁÍ× ¹àËμØ©¡ÃèμÒÁÇÃäÊͧ¢Í§ÁÒμÃÒ òðô) วรรคสาม àËμ§Ø ´¡ÒÃŧâ·É ¤Í× ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ¨´Ñ ãËäŒ ´μŒ ÇÑ ¼·ŒÙ ËÕè Å´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡Òà ¤ÁØ ¢§Ñ ¤×¹ÁÒÀÒÂã¹ÊÒÁà´Í× ¹ ¶ÒÁ ตํารวจอยูเวรรักษาการณอยูท่ีสถานีตํารวจไดพาผูตองขังไปเสียจากท่ีคุมขัง บนสถานตี าํ รวจ โดยไปเทยี่ วหาความสาํ ราญในตลาด โดยตาํ รวจไปกบั ผตู อ งขงั ดว ย ตาํ รวจผดิ มาตรา ๒๐๔ หรือไม μͺ แมต าํ รวจจะไปกบั ผตู อ งขงั ดว ย กไ็ มถ อื วา เปน การควบคมุ แตถ อื ไดว า ตาํ รวจได กระทาํ ใหผ ตู อ งขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั ไปแลว เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ (ฎกี าที่ ๒/๒๕๐๓ น.๑๑) ¶ÒÁ พนกั งานสอบสวนควบคมุ ผตู อ งหาไวใ นหอ งขงั ทส่ี ถานตี าํ รวจเกนิ ระยะเวลาที่ กฎหมายใหอํานาจในการควบคุมไวได จ.ส.ต.ขาว ซึ่งทําหนาที่เปนสิบเวรสถานีตํารวจน้ันมีหนาที่ ควบคมุ ดแู ลผตู อ งขงั ในหอ งขงั ของสถานตี าํ รวจนน้ั ไดป ลอ ยใหผ ตู อ งหาหลบหนไี ปจะเปน ความผดิ ตาม มาตรา ๒๐๔ หรอื ไม μͺ แมพ นกั งานสอบสวนจะไมไ ดป ฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารทป่ี ระมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญามาตรา ๘๗ กําหนดไว คือ หากตองการควบคุมเกินกําหนดจะตองยื่นคํารองตอศาล ขอใหศาลออกหมายขังผูตองหาน้ันไว ก็มีผลเพียงใหการควบคุมของพนักงานสอบสวนเปนการผิด กฎหมาย แตการควบคุมนั้นก็คงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ดวยเหตุนี้ การที่ จ.ส.ต.ขาวผูมหี นา ทีค่ วบคมุ ดแู ลผูตองขังตามอํานาจของพนักงานสอบสวนปลอ ยตัว ผตู อ งหาไป จงึ เปน การทาํ ใหผ ทู อ่ี ยใู นระหวา งคมุ ขงั นน้ั หลดุ พน จากการคมุ ขงั ไป (ฎกี าท่ี ๓๕๙๘/๒๕๓๑ น. ๒๒๖๔) ¢ŒÍÊѧà¡μ (๑) พนักงานสอบสวนผูควบคุมตัวผูตองหาเกินกําหนดมีความผิดตาม มาตรา ๑๕๗ หากเปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบเพอื่ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ ตู อ งหา และนอกจากนน้ั ยงั ผดิ ฐานหนว งเหนยี่ วกกั ขงั ผอู นื่ ตามมาตรา ๓๑๐ (หากเจตนา) หรอื มาตรา ๓๑๑ (หากประมาท) ดว ย
๑๙๙ (๒) การควบคมุ ของพนกั งานสอบสวนดงั กลา ว เปน การผดิ กฎหมาย แตใ นแงข อง ¼ÙŒμŒÍ§ËÒ การหลบหนีจากที่คุมขังไประหวางท่ีถูกควบคุมอยูโดยผิดกฎหมายน้ัน อาจไมเปนความผิด ตามมาตรา ๑๙๐ (ฎกี าท่ี ๑๐๐๘/๒๔๙๙ น.๘๖๔ และฎกี าที่ ๒๒๔๓/๒๕๓๑ ฎ.ส.ล. ๙, น. ๗๐) ดจุ เดยี ว กบั กรณที ต่ี าํ รวจจบั โดยไมช อบ เชน ไมม หี มายจบั ในกรณที ตี่ อ งมหี มายจบั ซง่ึ ถอื วา เปน การกระทาํ โดย ไมมีอํานาจ ผูถูกจับไมจําตองยอมรับการกระทําอันปราศจากอํานาจของเจาพนักงาน การตอสูหรือ ขัดขวางก็ไมผิดมาตรา ๑๓๘ (๓) อยา งไรกต็ าม การควบคมุ โดยไมช อบดว ยกฎหมายนน้ั มองในแงข องเจา พนกั งาน ก็ยังตองถือวา การควบคุมนั้นก็ยังคงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครอง หรอื ตาํ รวจอยนู นั่ เอง แมจ ะเปน อาํ นาจโดยมชิ อบกต็ าม ã¹á§¢‹ ͧà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ หากปลอ ยผถู กู คมุ ขงั ไป กเ็ ปน ความผิดตามมาตรา ๒๐๔ ได๒ ๑ (๔) หากเจาพนักงานผูปลอย รูวาผูถูกปลอยตองคําพิพากษาของศาลหนึ่งศาลใด ลงโทษตามทีร่ ะบไุ วในวรรคสอง เจา พนักงานก็ผดิ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง (๕) หากปลอ ยผถู กู คุมขงั สามคนขนึ้ ไปก็ผดิ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง เชนกัน ¶ÒÁ เจาหนาท่ีราชทัณฑอยูเวรควบคุมผูตองขังซึ่งออกมารักษาตัวท่ีโรงพยาบาล แตมิไดปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑ ท่ีใหลามโซผูตองขังไวกับเตียงในตอนกลางคืน และ ยงั นงั่ หลบั อยทู รี่ ะเบยี ง นอกหอ งคมุ ขงั ดว ย เปน เหตใุ หผ ตู อ งขงั หลบหนไี ปจะผดิ มาตรา ๒๐๕ วรรคแรก หรือไม μͺ ถอื วา เปน การกระทาํ โดยประมาท ตามมาตรา ๕๙ วรรคสี่ และเปน เหตใุ หผ ถู กู คมุ ขังหลุดพนจากการคุมขงั จึงมคี วามผิดตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก (ฎกี าที่ ๑๓/๒๕๒๕ น. ๑๘๕) หากโจทกฟ อ งเจา หนา ทรี่ าชทณั ฑด งั กลา ว วา กระทาํ ผดิ โดยเจตนา แตท างพจิ ารณา ของศาลไดค วามวา กระทําโดยประมาท และจําเลยมไิ ดห ลงตอสู ศาลลงโทษจาํ เลยตามมาตรา ๒๐๕ ไดต ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสาม (ฎกี าท่ี ๑๓/๒๕๒๕ น. ๑๘๕) ¶ÒÁ หากเจาหนาที่ราชทัณฑพานักโทษไปนอกเรือนจําและปลอยตัวนักโทษไป โดยนกั โทษไมไ ดมีเจตนาจะหลบหนดี วย เจาหนาที่จะมคี วามผิดตามมาตรา ๒๐๔ หรือไม μͺ เจา หนา ทรี่ าชทณั ฑผ ดิ มาตรา ๒๐๔ แมน กั โทษไมม เี จตนาหลบหนดี ว ยกต็ าม ¶ÒÁ หากเจา พนกั งานกระทาํ โดยประมาทเปน เหตใุ หผ ตู อ งคมุ ขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั ตอมาผูตองคุมขังกลับมาเอง หรือเจาพนักงานอ่ืนจับตัวกลับมา เจาพนักงานที่กระทําโดยประมาท จะไดร ับการยกเวน โทษตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสามหรอื ไม μͺ มาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ตอ งเปน กรณี ผทู กี่ ระทาํ ความผดิ โดยประมาทเปน เหตุ ใหผูถ กู คมุ ขังหลดุ พนจากการคุมขงั “¨´Ñ ãËäŒ ´μŒ ÑÇ” ผทู ่ีหลดุ พน จากการคุมขงั กลบั มาภายในสามเดอื น หากผถู ูกคุมขังกลับมาเอง หรอื เจา พนักงานอ่นื จบั มา ก็ไมเขา กรณมี าตรา ๒๐๕ วรรคสาม ๒๑ ดหู มายเหตุทา ยคาํ พพิ ากษาฎีกาที่ ๓๕๙๘/๒๕๓๑ โดย ศาสตราจารยจติ ติ ตงิ ศภัทิย
๒๐๐ ¢ÍŒ 椄 à¡μ หากเจา พนกั งาน “เจตนา” ทาํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน อนั เปน ความผดิ ตาม มาตรา ๒๐๔ แมจ ะจดั ใหไ ดตัวมาภายในสามเดือน กไ็ มใ ชกรณีตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ซงึ่ จะตอง เปน เร่อื งทาํ ใหห ลุดพน โดยประมาทตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก เทา นน้ั ¶ÒÁ หากเจา พนกั งานประมาททาํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั สามคนหลดุ พน จากการคมุ ขงั ตอ มา เจาพนักงานผนู นั้ ไปจัดการจับตวั ผูหลบหนมี าไดสองคน จะเขา กรณีมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม หรอื ไม μͺ หากกระทาํ โดยประมาทใหห ลดุ พน ไปสามคน อนั เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสอง ก็จะตองจัดใหไดตัวกลับคืนมาภายใน ๓ เดือน ทั้งสามคน หากจับตัวกลับมาไดสองคน ก็ไมเ ขา กรณมี าตรา ๒๐๕ วรรคสาม หรอื จับมาไดสองคน ภายใน ๓ เดือน แตจ บั คนท่เี หลอื คืนมา ไดเ กนิ ๓ เดอื น ก็ไมเ ขา กรณีมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม เชน เดียวกนั (เทยี บฎีกาท่ี ๓๓/๒๔๖๔) ¶ÒÁ กรณตี ามมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม นน้ั เจา พนกั งานผทู ที่ าํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน จะตองเปนผูไปจบั ตัวกลบั มาดวยตนเองหรือไม μͺ ไมจําตองไปจับตัวกลับมาเอง เพราะตัวบทใชคําวา “¨Ñ´ãˌ䴌μÑÇ...¤×¹ÁÒ” ซง่ึ อาจจะจา งใหค นไปจบั มากไ็ ด กลา วคอื ¨Ð¨´Ñ â´ÂÇ¸Ô ãÕ ´¡äç ´Œ (ฎกี าที่ ๑๑๑๖/๒๕๐๘ น.๑๗๔๑) แตม ใิ ช วา อยเู ฉยๆ ไมทําอะไรเลย แลว นักโทษหลบหนกี ลบั มาเองหรอื เจาพนกั งานอนื่ จับมาไดเ สียกอน ¶ÒÁ ถา เจา พนกั งานผทู ที่ าํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั โดยประมาทไปตดิ ตาม จบั ตัวผูห ลบหนี นกั โทษใชอ าวุธตอ สู ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹¼¹ŒÙ ¹éÑ ยงิ นักโทษตาย จะถอื วา ไดต ัวคนื มา หรอื ไม μͺ นา จะตอ งถอื วา ไดต วั คนื มาดว ย แมจ ะเสยี ชวี ติ กต็ าม ขอ สาํ คญั นา จะอยตู รงทว่ี า เจาพนักงานผูนั้นขวนขวายนําตัวผูหลบหนีกลับคืนมาหรือไม และในที่สุดไดตัวกลับคืนมาหรือไม หากไดตัวกลับคืนมาแมจะเสียชีวิตแลว ก็นาจะอนุโลมยกเวนโทษใหเจาพนักงานตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสามได (เทียบฎีกาท่ี ๔๓๒/๒๔๗๘)๒๒ การตีความเชนน้ีคงไมเปนการสงเสริมใหเจาพนักงาน ไปยงิ ท้ิงผหู ลบหนี เพราะหากกระทําเชนนนั้ เจาพนักงานก็มคี วามผดิ ฐานฆาคนตายโดยเจตนาอยแู ลว ซ่งึ เปนคนละกรณีกับการไดต วั กลับมา ¶ÒÁ §´Å§â·É หมายความวาอยา งไร μͺ หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก (ผทู ก่ี ระทาํ โดยประมาทให ผูตองขังหลุดพนจากการคุมขัง) ยังไมถูกจับกุม แตขวนขวายนําตัวผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังคืนมาได ภายในสามเดือน นับแตวันท่ีหลุดพนจากการคุมขัง เชนน้ีก็มีผลเปนการ “ยกเวนโทษ” ใหแก ผูกระทําความผิดตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก ถกู จบั กมุ และถกู ดาํ เนนิ คดแี ละถกู ลงโทษแลว แตในระหวางนั้นขวนขวายนําตัวผูที่หลุดพนจากการคุมขังกลับคืนมาไดภายในสามเดือน กม็ ผี ลเปน การงดการลงโทษ ซง่ึ หมายความวา ลงโทษแลว เทา ใดกใ็ หง ดไมล งโทษอกี ตอ ไป หากยงั ไมถ กู ลงโทษ เชน อยรู ะหวางดําเนนิ คดีในชัน้ สอบสวน หรือในชัน้ ฟอ งรอ ง หากนาํ ตวั กลับคืนมาไดภ ายใน กําหนด การดาํ เนินคดตี า งๆ ก็ตองยุติลงเพราะลงโทษไมไดแ ลว ๒๓ ๒๒ จิตติ ตงิ ศภทั ิย, กฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอน ๑, น.๔๕๑ หวั ขอ ๗๕๖ ๒๓ จิตติ ติงศภทั ิย. กฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอน ๑, น.๔๕๐ หัวขอ ๗๕๖
๒๐๑ ®Õ¡Ò·Õè ñññö/òõðø น.๑๗๔๑ วนิ จิ ฉยั วา มาตรา ๒๐๕ วรรคทา ย เปน เรอื่ งใหงด การลงโทษผูกระทําผิด (ผูท่ีกระทําโดยประมาทใหผูตองขังหลุดพนจากการคุมขัง) ในเม่ือผูกระทําผิด สามารถจดั ใหไ ดต วั ผทู ห่ี ลดุ พน กลบั คนื มาภายใน ๓ เดอื น ¨Ð¨´Ñ â´ÂÇ¸Ô ãÕ ´¡äç ´Œ แตก Á็ äÔ ´ËŒ ÁÒ¤ÇÒÁวา จะตอ งใหโ อกาสผกู ระทาํ ผดิ ไปตดิ ตามผทู หี่ ลดุ พน จากการคมุ ขงั เสยี กอ น จงึ จะสอบสวนฟอ งรอ งลงโทษ ผูกระทําผิดได
ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § μÒÃÒ§ÊÃ»Ø ·ŒÒº·àÃÕ¹ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๐๒ บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎกี า ๑๕๑๙/๒๕๐๐ ¤íÒ͸ԺÒ ฎกี า ๑๗๓๕/๒๕๐๖ - ความผดิ ตอเจาพนกั งาน ฎกี า ๒๒๔๖/๒๕๑๕ ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡èÂÕ Ç¡ºÑ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ม.๑๓๖ ฎีกา ๓๑๖/๒๕๑๗ ñ. ´ËÙ ÁÔè¹à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ฎีกา ๑๕๔๑/๒๕๒๒ มาตรา ๑๓๖ ผใู ดดหู มนิ่ เจา พนกั งาน ซงึ่ กระทาํ การ ฎีกา ๔๑๕/๒๕๒๘ ตามหนา ที่ หรอื เพราะไดก ระทาํ การ ตามหนา ทตี่ อ งระวางโทษ จําคุกไมเกินหนึ่งป หรือปรับไมเกินสองพันบาท ฎีกา ๑๑๒๔/๒๕๐๗ หรอื ทั้งจาํ ทง้ั ปรับ ฎกี า ๒๑๔๑/๒๕๓๒ ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มดี ังนี้ ฎกี า ๑๓๘/๒๕๑๕ ๑. ดูหมิ่น ๒. เจาพนักงานซ่ึงกระทําการตามหนาท่ี หรือ เพราะไดก ระทาํ ตามหนาที่ ๓. เจตนา ò. ᨧŒ ¤ÇÒÁà·ç¨μ‹Íà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ มาตรา ๑๓๗ ผูใดแจงขอความอันเปนเท็จแก ม.๑๓๗ เจาพนักงาน ซึ่งอาจทําใหผูอื่นหรือประชาชนเสียหาย ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหกเดือน หรือปรับไมเกิน หน่งึ หม่นื บาท หรอื ทั้งจาํ ทั้งปรบั มาตรานเี้ ปน เรอ่ื งการแจง ความเทจ็ ตอ เจา พนกั งาน เปนการแจงเท็จในเรื่องทั่วๆ ไป ไมวาจะเก่ียวกับเร่ือง ทางแพง อาญา ครอบครัว ที่ดิน หรือเร่ืองเกี่ยวกับวินัย ขา ราชการ เชน แจง กบั เจา หนา ทว่ี า เปน โสด ทงั้ ทแี่ ตง งานแลว เพ่ือจดทะเบียนสมรสใหม หรือแจงวาคูสมรสเปนคนไทย แตค วามจรงิ เปน คนตา งดา วเพอื่ รบั โอนทดี่ นิ เปน ตน มาตราน้ี จงึ เปนบททว่ั ไป การแจง ขอ ความเทจ็ ยงั เปนความผิดตาม บทเฉพาะอกี ได เชน ถา เกยี่ วกบั คดอี าญากผ็ ดิ ตามมาตรา ๑๗๒ หรือมาตรา ๑๗๓ ฟอ งคดอี าญาอนั เปน เท็จ เบกิ ความเท็จ ทําหลักฐานเท็จ นําสืบพยานเท็จ หรือแมแตการบอก ช่อื เท็จเหลานี้ กฎหมายบญั ญตั ิใหเ ปน ความผดิ โดยเฉพาะ ซ่ึงศาลฎีกาถือวาเม่ือการแจงขอความเท็จน้ันผิดตามบท เฉพาะแลว กไ็ มผ ิดตามบททั่วไปคอื มาตรา ๑๓๗ อีก
ÅíҴѺ àÃ×èͧ ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·àÕè ¡ÂÕè Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผดิ เกี่ยวกับการปกครอง ฎีกา ๒๑๘๖/๒๕๑๘ ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดงั น้ี ฎีกา ๒๓๓๕/๒๕๑๘ - ความผดิ ตอเจา พนกั งาน ๑. แจง ขอความอันเปนเทจ็ ฎกี า ๕๒/๒๕๒๓ ๒. แกเจาพนกั งาน ฎีกา ๑๙๕๔/๒๕๔๖ ๓. ซงึ่ อาจทาํ ใหผูอ่นื หรอื ประชาชนเสยี หาย ๔. เจตนา ó. μÍ‹ ÊÙŒ¢Ñ´¢ÇÒ§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ๒๐๓ มาตรา ๑๓๘ ผใู ดตอสู หรอื ขัดขวางเจาพนักงาน ม.๑๓๘ หรือผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติ ตามหนาที่ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหน่ึงปหรือปรับ ไมเกนิ สองพันบาท หรอื ทง้ั จําทงั้ ปรับ ถา การตอสูหรอื ขัดขวางนนั้ ไดก ระทําโดยใชก ําลงั ประทุษราย หรือขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย ผูกระทํา ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สองป หรอื ปรบั ไมเ กนิ สพี่ นั บาท หรอื ทัง้ จาํ ทั้งปรบั วรรคแรกของมาตรานี้บญั ญัติการกระทําอันถือวา เปน ความผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานหรอื ผซู งึ่ ตอ งชว ย เจาพนักงาน สวนวรรคทายเปนเหตทุ ที่ ําใหร บั โทษหนักขน้ึ ความผิดตามวรรคแรก มีองคประกอบของ ความผดิ ดังน้ี ๑. ตอสูห รอื ขดั ขวาง ๒. เจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ ตอ งชว ยเจา พนกั งานตาม กฎหมายในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนาท่ี ๓. เจตนา สําหรับวรรคทาย เปนลักษณะฉกรรจของการ กระทําความผิดในวรรคแรก กลาวคือ ถาการตอสูหรือ ขดั ขวางนนั้ ไดกระทาํ โดยใชกาํ ลังประทุษรา ย หรอื ขูเ ขญ็ วา จะใชกาํ ลงั ประทุษรา ยกต็ อ งรับโทษหนกั ขนึ้
ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๐๔ บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ô. ¢‹Á¢¹× ã¨à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ม.๑๓๙ - ความผิดตอ เจา พนักงาน มาตรา ๑๓๙ ผใู ด ขม ขนื ใจเจา พนกั งานใหป ฏบิ ตั กิ าร อนั มชิ อบดว ยหนา ทห่ี รอื ใหล ะเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ท่ี โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สป่ี หรอื ปรบั ไมเ กนิ แปดหมน่ื บาท หรือทง้ั จําท้งั ปรบั ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มดี งั น้ี ๑. ขม ขนื ใจ โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลังประทุษรา ย ๒. เจา พนกั งาน ๓. ใหป ฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ที่ หรอื ใหล ะเวน การปฏบิ ตั ิการตามหนาที่ ๔. เจตนา ¤Òí ͸ԺÒ μÍ‹ ÊŒËÙ ÃÍ× ¢Ñ´¢ÇÒ§ ตอ สู ในท่ีน้หี มายถงึ การกระทาํ ใดๆ อันเปนการ ขดั ขนื หรอื โตแ ยง อาํ นาจของเจา พนกั งาน แตไ มถ งึ กบั ลงไม ลงมอื กบั เจา พนกั งาน เชน ตาํ รวจเขา จบั กมุ กส็ ะบดั หรอื ดน้ิ ไมยอมใหจับแตไมชกหรือทํารายตํารวจ การตอสูจะตอง ไมถึงกับทํารายหรือใชกําลังประทุษราย เพราะถาใชกําลัง ประทษุ รา ยกเ็ ปน ความผดิ ตามวรรคทา ยไป แตต อ งเปน การ กระทาํ ทแี่ สดงออกมาไมใ ชน ง่ิ เฉยๆ เชน ตาํ รวจจบั กมุ จะพาไป สถานีตํารวจแตไมย อมไปนง่ั เฉยหรอื นอนเสีย ตาํ รวจตอง ยกใสร ถไป อยา งนไี้ มใ ชก ารตอ สู เพราะมไิ ดก ระทาํ การใดๆ อันเปน การขดั ขืนอํานาจของตาํ รวจ
ÅíҴѺ àÃÍè× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÕèÂǢ͌ § ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผดิ เกยี่ วกบั การปกครอง ฎกี า ๔๒๓/๒๕๒๒ ขัดขวาง หมายถึง การกระทําทกี่ อ ใหเ กดิ อุปสรรค - ความผิดตอเจา พนกั งาน หรอื ความยากลาํ บากในการปฏบิ ตั หิ นา ทขี่ องเจา พนกั งาน แตไมถึงกับขัดขืนไมใหบรรลุผลเสียทีเดียวเพียงทําให การปฏิบัติหนาที่ของเจาพนักงานลําบากขึ้น เชน ตํารวจ ไลจับ พอตนเองวิ่งขามสะพานไปแลว ก็ดึงไมกระดาน ทอดสะพานออกไมใหตํารวจขาม หรือยิงปนขึ้นฟาขู มใิ หไ ลจ บั กมุ ตอ ไป ถอื เปน การขดั ขวางเจา หนา ท่ี การขดั ขวาง น้ีอาจเปนการกระทําของผูอ่ืนท่ีสอดแทรกเขามาก็ได เชน ตํารวจไลจับแดง เขียวก้ันกลางมิใหตํารวจจับแดงได หรอื เขียวดึงสะพานออกไมใหตาํ รวจขาม เปนตน õ. àÃÂÕ ¡·ÃѾÂÊ¹Ô à¾Íè× ¨§Ù ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ๒๐๕ มาตรา ๑๔๓ ผใู ดเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ ม.๑๔๓ หรือประโยชนอ่ืนใดสําหรับตนเองหรือผูอื่น เปนการ ตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิก สภาเทศบาลโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย หรือโดย อิทธิพลของตนใหกระทําการ หรือไมกระทําการในหนาที่ อันเปนคุณหรือเปนโทษแกบุคคลใดตองระวางโทษจําคุก ไมเ กนิ หา ป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนงึ่ แสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรบั มาตรานเี้ ปน ตวั อยา งหนงึ่ แสดงวา กฎหมายไมถ อื วา สมาชกิ สภานิตบิ ญั ญัติแหงรฐั สมาชกิ สภาจังหวดั สมาชกิ สภาเทศบาล มฐี านะเปน เจาพนกั งาน เพราะหากสมาชิก เหลานี้เปนเจาพนักงานดวยแลว กฎหมายก็ใชแตคําวา เจาพนักงาน คําเดียวก็พอ ไมจําเปนตองแยกบัญญัติถึง สมาชิกเหลาน้ีไวตางหากอีก ความผิดตามมาตรานี้เปน ความผดิ ทบี่ คุ คลทวั่ ไปกระทาํ มใิ ชเ จา พนกั งานกระทาํ เพราะ กฎหมายใชคําวา “ผูใด”
ÅÒí ´Ñº àÃèÍ× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·àèÕ ¡ÕÂè Ǣ͌ § ËÁÒÂàËμØ ๒๐๖ บทที่ ๗ ความผดิ เก่ยี วกบั การปกครอง ฎีกา ๒๒๒๑/๒๕๑๙ ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มีดังนี้ ฎีกา ๔๓๕/๒๕๒๑ - ความผิดตอเจา พนักงาน ๑. เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชน ฎีกา ๓๗๐๐/๒๕๒๙ อนื่ ใด ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ๓๒.. เสปํานหกราับรตตนอเบอแงหทรนือในผูอกาืน่ รทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจ - ความผิดตอ เจาพนักงาน สเจภาาพเจนา พักนงากั นงานสสมมาาชชิกกิ สสภภาานนติิตบิิบญั ัญญญตั ัตแิ ิหแหง รงฐั รสัฐมาสชมกิ าสชภิกา จงั หวดั ห๔ร.ือสโดมยาวชธิ ิกอี สนั ภทาจุ เรทติ ศหบรอืาลผดิ กฎหมายหรอื โดยอทิ ธพิ ล ของตน ๕. ใหกระทําการหรือไมกระทําการในหนาที่ อนั เปนคุณหรือเปนโทษแกบุคคลใด ๖. เจตนา ö. ãËÊŒ Ô¹º¹à¨ŒÒ¾¹¡Ñ §Ò¹ มาตรา ๑๔๔ ผใู ดให ขอใหห รอื รบั วา จะใหท รพั ยส นิ ม.๑๔๔ หรอื ประโยชนอ นื่ ใดแกเ จา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ แหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล เพอื่ จงู ใจใหก ระทาํ การ ไมก ระทาํ การหรอื ประวงิ การกระทาํ อนั มชิ อบดว ยหนา ที่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หา ป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนึ่งแสนบาท หรือทง้ั จาํ ท้ังปรบั มาตรานี้เปนเร่ืองบุคคลในฐานะราษฎรใหสินบน เจา พนกั งาน ตา งกบั มาตรา ๑๔๒ ซง่ึ เปน กรณบี คุ คลธรรมดา เรยี กทรัพÍย§ส¤ิน» จÃาÐก¡บÍคุ ºค¢ลÍธร§ร¤มÇดÒาÁด¼วย´Ô กมนั ีดงั น้ี ประโยช๑น.อ ื่นใใหด ขอให หรือรับวาจะให ทรัพยสินหรือ สมาชกิ ส๒ภ.าจแังกหเวจดั า หพรนอื กั สงมานาชสกิ มสาภชากิ เทสภศาบนาติลบิ ญั ญตั แิ หง รฐั ๓. เจตนา ๔. เพื่อจูงใจใหกระทําการ ไมกระทําการ หรือ ประวิง การกระทาํ อนั มิชอบดว ยหนาที่
ÅÒí ´Ñº àÃè×ͧ ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·Õèà¡èÂÕ Ç¢ÍŒ § ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผิดเกีย่ วกบั การปกครอง ÷. ¡ÒÃáÊ´§μ¹áÅСÃзíÒ¡ÒÃ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ - ความผิดตอเจา พนักงาน มาตรา ๑๔๕ ผใู ดแสดงตนเปนเจาพนกั งาน และ ม.๑๔๕ ก ร ะ ทํ า ก า ร เ ป น เ จ า พ นั ก ง า น โ ด ย ต น เ อ ง มิ ไ ด เ ป น เจาพนักงานท่ีมีอํานาจกระทําการน้ัน ตองระวางโทษ จําคุกไมเกินหนึ่งปหรือปรับไมเกินสองหมื่นบาท หรือ ท้ังจําทง้ั ปรับ เจาพนักงานผูใดไดรับคําสั่งมิใหปฏิบัติการตาม ตาํ แหนง หนา ทต่ี อ ไปแลว ยงั ฝา ฝน กระทาํ การใดๆ ในตาํ แหนง หนา ทนี่ นั้ ตอ งระวางโทษตามทกี่ าํ หนดไวใ นวรรคแรกดจุ กนั มาตรานี้บัญญัติการกระทําอันเปนความผิด ๒ ความผิด คือ วรรคแรกบัญญัติลกั ษณะการกระทาํ อันเปน ความผิดฐานแสดงตนและกระทําการเปนเจาพนักงาน วรรคทา ยเปน กรณที เี่ จา พนกั งานไดร บั คาํ สง่ั มใิ หป ฏบิ ตั กิ าร ในตาํ แหนง แลว ยงั ฝาฝน คําส่งั อกี ความผิดตามวรรคแรก มีองคประกอบของ ความผิดดังน้ี ๑. แสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทาํ การเปน เจาพนกั งาน ๒. โดยตนเองมิไดเปนเจาพนักงานท่ีมีอํานาจ กระทํานัน้ ๓. เจตนา ๒๐๗
ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·Õàè ¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ § ËÁÒÂàËμØ ๒๐๘ บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎกี า ๘๙๙/๒๔๙๘ ø. áμ‹§à¤ÃèÍ× §áººâ´ÂäÁ‹ÁÊÕ Ô·¸Ô ฎกี า ๖๗๐/๒๕๒๑ - ความผิดตอ เจา พนกั งาน มาตรา ๑๔๖ ผใู ดไมม สี ทิ ธทิ จ่ี ะสวมเครอ่ื งแบบ หรอื ม.๑๔๖ ฎีกา ๑๒๒๗/๒๔๗๙ ประดบั เครอื่ งหมายของเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ แหง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาลหรอื ไมม ี สทิ ธใิ ชย ศ ตาํ แหนง เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ หรอื สงิ่ ทห่ี มายถงึ เครื่องราชอิสริยาภรณ กระทําการเชนนี้เพื่อใหบุคคลอื่น เชอ่ื วา ตนมสี ทิ ธติ อ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หนงึ่ ปห รอื ปรบั ไมเกินสองหมนื่ บาท หรอื ทัง้ จาํ ทง้ั ปรบั มาตรานมี้ คี วามผดิ ๒ ฐานความผดิ ดวยกนั คอื ฐานแรกแตงเครื่องแบบโดยไมมีสิทธิและฐานที่สองใหยศ ตําแหนง เครื่องราชอิสริยาภรณโดยไมมีสิทธิ ซ่ึงจะแยก อธบิ ายแตละฐานความผิดไป ¤ÇÒÁ¼Ô´áá ÁÕͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ ดงั น้ี ๑. สวมเครอื่ งแบบหรอื ประดบั เครอื่ งหมายของ เจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิก สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล ๒. โดยไมมีสิทธิ ๓. เจตนา ๔. เพ่อื ใหบคุ คลอื่นเช่อื วา ตนมสี ทิ ธิ
ÅÒí ´ºÑ àÃèÍ× § ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·àèÕ ¡èÕÂÇ¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ บทที่ ๗ ความผิดเกีย่ วกบั การปกครอง ฎกี า ๒๒๘/๒๕๓๔ ¤ÇÒÁ¼Ô´μÍ‹ μÒí á˹§‹ ˹Ҍ ·ÕèÃÒª¡Òà ฎีกา ๙๕๘/๒๕๓๔ - ความผิดตอตําแหนง หนา ทีร่ าชการ ñ. à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹Â¡Ñ ÂÍ¡ มาตรา ๑๔๗ ผใู ดเปน เจาพนกั งาน มีหนาทซ่ี ้อื ทํา ม.๑๔๗ จัดการ หรอื รักษาทรัพยใ ด เบียดบังทรพั ยนั้นเปน ของตน หรือเปนของผูอ่ืนโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให ผูอื่นเอาทรัพยน้ันเสีย ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาป ถงึ ยสี่ บิ ป หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แตห นงึ่ แสนบาท ถึงสแี่ สนบาท ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มีดงั น้ี ๑. เปน เจาพนกั งาน ๒. มีหนาที่ซอื้ ทาํ จดั การ หรอื รกั ษาทรพั ยใ ด ๓. เบยี ดบงั เอาทรพั ยส นิ นน้ั เปน ของตน หรอื เปน ของผอู ่ืนหรือยอมใหผูอ ืน่ เอาทรพั ยนนั้ เสยี ๔. เจตนา ๕. โดยทจุ รติ ๒๐๙
ÅíÒ´ºÑ àÃÍ×è § ¤Òí ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·Õàè ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๑๐ บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกบั การปกครอง ฎีกา ๓๘๖๑/๒๕๒๘ ò. ãªÍŒ íÒ¹Ò¨ã¹μÒí á˹§‹ ¢‹Á¢×¹ã¨àÍÒ·ÃѾ ฎกี า ๓๖๗๙/๒๕๒๙ - ความผดิ ตอตําแหนงหนา ท่ีราชการ มาตรา ๑๔๘ “ผูใดเปนเจาพนักงานใชอํานาจ ม.๑๔๘ ในตําแหนงโดยมิชอบ ขมขืนใจหรือจูงใจเพื่อใหบุคคลใด มอบให หรือหามาใหซึ่งทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใดแก ตนเองหรือผูอ่ืนตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาปถึงยี่สิบป หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แตห นง่ึ แสนบาทถงึ สแ่ี สนบาท หรือประหารชวี ิต” ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มดี งั น้ี ๑. เปน เจาพนักงาน ๒. ใชอาํ นาจในตําแหนง โดยมิชอบ ๓. ขมขืนใจหรอื จงู ใจผูอน่ื ๔. เจตนา ๕. เพอ่ื ใหบ คุ คลใดมอบใหห รอื หามาใหซ งึ่ ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชนอ นื่ ใดสําหรับตนเองหรอื ผอู น่ื ͸ԺÒ เปน เจา พนกั งาน เจา พนกั งานมคี วามหมายอยา งไรนนั้ ไดอ ธบิ ายไวโดยละเอยี ดแลว ฉะนน้ั สาํ หรับองคประกอบ ขอ น้ีจะไมก ลาวซา้ํ อกี ใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ เจาพนักงาน กย็ อ มมตี าํ แหนง ตา งๆ แลว แตก ฎหมายจะกาํ หนดเรยี กชอ่ื ตําแหนงน้ันๆ เชน ผูใหญบาน กํานัน ปลัดอําเภอ นายอาํ เภอ ศกึ ษาธกิ าร หัวหนาฝา ย หวั หนา กอง เปน ตน
ÅíÒ´ºÑ àÃ×Íè § ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผิดเกีย่ วกับการปกครอง ฎกี า ๙๔๙/๒๕๒๑ ó. àÃÕ¡ ÃºÑ ËÃ×ÍÂÍÁÃѺ¨ÐÃºÑ ÊÔ¹º¹ ฎีกา ๑๒๖๓/๒๕๓๒ - ความผิดตอตําแหนงหนา ทรี่ าชการ มาตรา ๑๔๙ ผูใดเปนเจาพนักงาน สมาชิก ม.๑๔๙ สภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิก ๒๑๑ สภาเทศบาล เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชน อ่ืนใดสําหรับตนเองหรือผูอ่ืนโดยมิชอบ เพื่อกระทําการ หรือไมกระทําการอยางใดในตําแหนงไมวาการนั้นจะชอบ หรือมิชอบดวยหนาท่ี ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหาป ถงึ ยสี่ บิ ป หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตง้ั แตห นงึ่ แสนบาท ถึงสี่แสนบาท หรอื ประหารชีวติ ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดงั น้ี ๑. เปนเจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติ แหง รฐั สมาชิกสภาจังหวดั หรือสมาชิกสภาเทศบาล ๒. เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชน อื่นใดสาํ หรบั ตนเองหรอื ผอู ่ืนโดยมิชอบ ๓. เจตนา เพอื่ กระทาํ การหรอื ไมก ระทาํ การอยา งใดในตาํ แหนง ไมวา การนน้ั จะชอบหรือไมชอบดวยหนาท่ี ¤Òí ͸ԺÒ เปนเจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล มาตรานบ้ี ญั ญตั ิ เพ่ิมตัวบุคคลผูกระทําผิดนอกเหนือจากเจาพนักงานคือ รวมถงึ สมาชิกสภานติ บิ ัญญัตแิ หงรัฐ สมาชกิ สภาจงั หวดั และสมาชิกสภาเทศบาลดวย ความจริงบุคคลในตําแหนง ดังกลาว ไมมีฐานะเปนเจาพนักงาน แตโดยเหตุท่ีบุคคล เหลานี้อยูในตําแหนงสําคัญ เปนผูทํางานเพ่ือสวนรวม หากรบั สนิ บนกย็ อ มกอ ใหเ กดิ ความเสยี หายตอ สาธารณะได เชนเดียวกับเจาพนักงาน กฎหมายจึงบัญญัติเอาผิดดวย แตไมขยายไปถึงสมาชิกสุขาภิบาล หรือสมาชิกสภาตําบล เพราะกฎหมายจาํ กัดเฉพาะสมาชกิ ๓ ประเภทเทานนั้
ÅÒí ´ºÑ àÃ×Íè § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èÕà¡èÂÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๑๒ บทที่ ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎีกา ๓๖๔/๒๕๓๑ ô. »¯ÔºÑμÔËÃ×ÍÅÐàÇŒ¹¡Òû¯ÔºÑμÔ˹ŒÒ·Õèâ´ÂÁԪͺ - ความผดิ ตอตาํ แหนงหนาท่รี าชการ ËÃ×Íâ´Â·Ø¨ÃμÔ ละเวน กามราปตฏรบิ าตั ห๑ิ น๕า๗ทโี่ ผดูใยดมเชิปอนบเจเาพพอ่ื นใหักเ งกาดิ นควปามฏเิบสัตยี ิหหราือย ม.๑๕๗ ทแกจุ ผรติูหนต่ึงอ ผงูใรดะวหารงือโทปษฏจิบําัตคิหกุ รตือั้งลแะตเวหนนก่งึ าปรถปึงฏสิบบิ ัตปิห หนราอื ทปี่โดรบัย ตั้งแตส อมงาหตมร่ืนาบนา้ีบทัญถงึญสัอติงกแาสรนกบระาททําหอรันอื เทป้งั นจคําทวาัง้ ปมรผับิด ๒ ความผดิ คอื ความผดิ แรกเปน เร่ืองการปฏิบัติหรอื ละเวน การปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบ และความผิดที่สองเปนเรื่อง การปฏบิ ัติหรอื ละเวนการปฏบิ ตั ิหนาทโ่ี ดยทุจรติ ความผดิ แรก มีองคป ระกอบของความผิดดังนี้ ๑. เปนเจา พนักงาน ๒. ปฏบิ ัติหรือละเวน การปฏบิ ัตหิ นาที่โดยมชิ อบ ๓. เจตนา ¤๔Òí. Íเ¸พºÔอ่ื ใÒหÂเ กิดความเสียหายแกผ ูหน่งึ ผูใด ละเวนกเาปรนปเฏจิบาพัตินหักนงาาทน่ีโดคยวมาิชมอผิดบเกห่ยี รวือกโับดกยาทรุจปรฏิตบิ เพัติหื่อรใหอื เเจกาดิ พคนวาักมงเาสนยี หายแกผ หู นงึ่ ผใู ด ผกู ระทาํ จะตอ งมฐี านะเปน บทบัญญปัตฏิใิบนัตมิหาตรรือาลนะ้ีเปเวนนกกาารครปวบฏคิบุมัตทิหั่วนไปาทหี่โรดือยเมรียิชกอวบา บททัว่ ไป คอื เอาผิดแกเจาพนกั งานทกุ คนทุกประเภท และ ไมจํากัดวาจะตองมีหนาที่โดยเฉพาะเจาะจงแตประการใด ฉะน้นั หากเปนเจา พนกั งาน เมอื่ การกระทําทเี่ กี่ยวของกบั หนาที่ไมเปนความผิดตามมาตราตางๆ ที่เปนบทเฉพาะ ซ่ึงระบุหนาท่ีของเจาพนักงานโดยเฉพาะเจาะจงแลว กอ็ าจผดิ ตามมาตรานีซ้ ่งึ เปนบททว่ั ไปได แตถ า การกระทาํ เปนความผิดตามบทเฉพาะแลว ก็ไมผิดตามบทท่ัวไป ในมาตรา ๑๕๗ น้อี ีก
ÅíÒ´ºÑ àÃ×Íè § ¤Òí ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÕèÂǢ͌ § ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผิดเกย่ี วกบั การปกครอง õ. »ÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÑÂâÍ¡ÒÊ·ÁèÕ ËÕ ¹ŒÒ·Õè ฎกี า ๖๓๕/๒๕๑๗ - ความผิดตอ ตําแหนงหนาท่ีราชการ มาตรา ๑๖๑ “ผูใดเปนเจาพนักงาน มีหนาที่ทํา ม.๑๖๑ เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสารหรอื ดแู ลรกั ษาเอกสาร กระทาํ การปลอมเอกสารโดยอาศยั โอกาสทต่ี นมหี นา ทน่ี นั้ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสิบป และปรับไมเกินสองแสน บาท” ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดังน้ี ๑. เปน เจา พนักงาน ๒. มหี นา ทท่ี าํ เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสาร หรอื ดแู ลรกั ษาเอกสาร ๓. กระทาํ การปลอมเอกสารโดยอาศยั โอกาสทตี่ น มหี นาที่นั้น ๔. เจตนา ¤Òí ͸ºÔ Ò เปน เจา พนกั งาน การปลอมเอกสารทจี่ ะมคี วามผดิ ตามมาตราน้ี ผกู ระทาํ จะตอ งเปน เจา พนกั งานซงึ่ มหี นา ทที่ าํ กรอกขอความ หรือดแู ลรกั ษาเอกสารน้ัน มีหนาที่ทําเอกสาร กรอกขอความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร หมายความวาเจาพนักงานซ่ึงจะ กระทาํ ความผดิ ตามมาตรานจี้ ะตอ งเปน ผมู หี นา ทที่ าํ เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสาร หรอื ดแู ลรักษาเอกสาร เอกสาร มีความหมายตามบทนิยามในมาตรา ๑(๗) หมายถึง กระดาษหรอื วตั ถุอน่ื ใด ซึ่งไดทาํ ใหป รากฏ ความหมายดว ยตวั อกั ษร ตวั เลข ผงั หรอื แผนแบบอยา งอนื่ จะเปน โดยวธิ พี มิ พถ า ยภาพ หรอื วธิ อี น่ื ใดอนั เปน หลกั ฐาน แหงความหมายนนั้ ๒๑๓
ÅíҴѺ àÃèÍ× § ¤Òí ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂÕè Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๑๔ บทที่ ๗ ความผิดเก่ยี วกับการปกครอง หนาท่ีของเจาพนักงานตามมาตราน้ี แยกไดเปน ๓ ประการ คอื (๑) หนา ทที่ าํ เอกสาร (๒) หนา ทกี่ รอกขอ ความ - ความผิดตอ ตาํ แหนงหนา ท่ีราชการ ลงในเอกสาร (๓) หนา ท่ีดแู ลรักษาเอกสาร (๑) หนา ทที่ าํ เอกสาร หมายถงึ ทาํ เอกสารนที้ ง้ั ฉบบั หรือแตบางสวน หรือลงลายมือชื่อในการออกเอกสาร สวนใครจะเขยี นขึ้นไมส าํ คญั (๒) หนาท่ีกรอกขอ ความลงในเอกสาร เชน กรอก ขอความลงในแบบพิมพตางๆ ของทางราชการในบัญชี ใบเสร็จรับเงิน ทะเบียนทีด่ นิ ทะเบยี นบาน เปนตน (๓) หนาที่ดูแลรักษาเอกสาร ซึ่งหมายถึง ดูแล รกั ษาเอกสารทที่ าํ สมบรู ณแ ลว และเอกสารแบบพมิ พต า งๆ เพ่ือกรอกขอความดวย ขอสําคัญคือ เจาพนักงานผูนั้นจะตองมีหนาที่ โดยตรงในการทํา กรอก หรือดูแลรักษาเอกสารนั้น หากมิใชหนาท่ีโดยตรงแลว ก็ไมผิดตามมาตรา ๑๖๑ แตอาจผดิ ฐานปลอมเอกสารตามมาตรา ๒๖๔
ÅÒí ´Ñº àÃÍè× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·àÕè ¡èÂÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผิดเก่ียวกับการปกครอง ฎีกา ๔๙๐๐/๒๕๒๘ ö. ÃѺÃͧËÃ×Í¡ÃÍ¡¢ŒÍ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒà ฎกี า ๔๖๔๙/๒๕๓๓ - ความผดิ ตอ ตําแหนง หนาทร่ี าชการ Íѹ໹š à·¨ç ฎกี า ๓๕๗๒/๒๕๒๙ มาตรา ๑๖๒ ผูใดเปนเจาพนักงาน มีหนาที่ทํา ม.๑๖๒ ๒๑๕ เอกสาร รับเอกสารหรือกรอกขอความลงในเอกสาร กระทําการดงั ตอไปนใ้ี นการปฏบิ ัตกิ ารตามหนาที่ (๑) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ตนไดก ระทาํ การอยา งใดขน้ึ หรือวาการอยางใดไดกระทําตอหนาตนอันเปนความเท็จ (๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ซง่ึ ขอ ความ อันมิไดมีการแจง (๓) ละเวนไมจดขอความซึ่งตนมีหนาท่ีตองรับจด หรอื จดเปลีย่ นแปลงขอความเชน วานน้ั หรอื (๔) รบั รองเปน หลกั ฐานซง่ึ ขอ เทจ็ จรงิ อนั เอกสารนนั้ มงุ พสิ จู นค วามจริงอนั เปนความเท็จ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินเจ็ดป และปรับไมเกิน ส่หี ม่นื บาท ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มดี งั น้ี ๑. เปน เจาพนักงาน ๒. มหี นา ทที่ าํ เอกสาร รบั เอกสารหรอื กรอกขอ ความ ลงในเอกสาร ๓. กระทําการดังตอไปน้ี ในการปฏิบัติการตาม หนา ท่ี (๑) รับรองเปนหลักฐานวา ตนไดกระทําการ อยางใดขึ้น หรือวาการอยางใด ไดกระทําตอหนาตน อันเปนความเท็จ (๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ขอ ความ อันมิไดมกี ารแจง (๓) ละเวนไมจดขอความซ่ึงตนมีหนาที่ตอง รบั จด หรอื จดเปล่ยี นแปลงขอ ความเชนวา นน้ั หรือ (๔) รบั รองเปน หลกั ฐานซงึ่ ขอ เทจ็ จรงิ อนั เอกสารนน้ั มุง พสิ จู นความจรงิ อนั เปน ความเทจ็
ÅíҴѺ àÃ×Íè § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๒๑๖ บทที่ ๗ ความผิดเกีย่ วกับการปกครอง ๔. เจตนา ม.๒๐๔ - ความผิดตอตาํ แหนงหนา ท่รี าชการ ¤íÒ͸ºÔ Ò เปนเจาพนักงาน การทําเอกสาร รับเอกสาร กรอกขอความลงในเอกสาร หรือรับรองเอกสารอันเปน เทจ็ ตามมาตราน้ี ผกู ระทาํ จะตอ งมฐี านะเปน เจาพนักงาน มีหนาที่ทาํ เอกสาร รบั เอกสารหรอื กรอกขอความ ลงในเอกสาร เจาพนักงานซ่ึงจะกระทําผิดตามมาตราน้ี ตองเปนเจาพนักงานซึ่งมีหนาที่อยางหนึ่งอยางใดคือทํา เอกสาร รับเอกสารหรอื กรอกขอความลงในเอกสาร มาตรา ๒๐๔ ความผิดฐาน “เจาพนักงานผูควบคุม ผตู อ งขังทําใหผูตอ งขงั หลดุ พนจากการคุมขัง” ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) เจาพนักงานมีตําแหนงหนาที่ควบคุมดูแลผูที่ตอง คมุ ขงั ตามอํานาจของศาล ของพนกั งานสอบสวนหรือของ เจาพนกั งานผูมอี าํ นาจสบื สวนคดีอาญา (๒) กระทําดวยประการใดๆ ใหม ีการหลดุ พนจากการ ถูกคุมขัง (๓) ซงึ่ ผทู ี่อยใู นระหวางคุมขงั ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ à¨μ¹Ò¸ÃÃÁ´Ò เหตุฉกรรจตามวรรคสอง ผูท่ีหลุดพนจากการคุมขัง ไปนั้น เปนบุคคลที่ตองคําพิพากษาของศาลหน่ึงศาลใด ใหล งโทษ (ก) ประหารชีวติ หรอื (ข) จําคุกตลอดชีวติ หรือ (ค) จาํ คุกต้งั แตสบิ หา ปข ้ึนไป หรือ (ง) มีจํานวนต้ังแตส ามคนขึน้ ไป
ÅÒí ´ºÑ àÃèÍ× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·Õèà¡èÕÂǢ͌ § ËÁÒÂàËμØ มาตรา ๒๐๕ ความผดิ ฐาน “เจา พนกั งานผคู วบคมุ ผตู อ งขงั ทาํ ใหผ ตู อ งขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั โดยประมาท” ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (àËÁ×͹ÁÒμÃÒ òðô) ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ »ÃÐÁÒ· เหตุฉกรรจตามวรรคสอง (เหมือนเหตุฉกรรจ ตามวรรคสองของมาตรา ๒๐๔) วรรคสาม เหตงุ ดการลงโทษ คือ ผกู ระทําความผิด จดั ใหไ ดต วั ผทู ห่ี ลดุ พน จากการคมุ ขงั คนื มาภายในสามเดอื น ๒๑๗
๒๑๘ ๔. คําถามทายบท ๑. เจา พนักงาน ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา หมายความวาอยางไร ๒. ในความผดิ ฐานดูหมน่ิ เจาพนักงาน หากไมเปนการดูหมน่ิ เจา พนักงานโดยตรง แตมี บคุ คลที่สามอยดู วยในที่น้ัน จะมคี วามผดิ ฐานอ่นื หรือไม อยา งไร ๓. การที่เจาพนักงานจับกุมผูขับข่ีรถฝาฝนสัญญาณไฟจราจร แลวเรียกเงินคาปรับเอง โดยไมออกใบสั่งใหน้ัน การกระทําของเจา พนักงานเปน ความผิดฐานใด ๔. การท่ีเจาพนักงานตํารวจเรียกผูขับขี่รถจักรยานยนตใหจอดรถ แลวกลาวหาวา ขับรถผิดกฎหมายจราจร แลว เรียกเงนิ ดงั น้ี การกระทําดงั กลาวมคี วามผิดฐานใด ๕. กรณีท่ีเจาพนักงานมีหนาท่ีรับแจงความ ไดรับแจงขอความอันเปนเท็จจาก ประชาชนทมี่ าแลว และจดขอ ความอันเท็จนัน้ ลงในเอกสาร เจา พนกั งานผจู ดจะมีความผิดตอตาํ แหนง หนาท่รี าชการหรือไม ๖. ร.ต.ท. ดี พนักงานสอบสวน กําลังสอบปากคํานายต๊ิกคนรายลักรถจักรยานยนต และไดชกตอยเตะถีบนายติ๊ก เน่ืองจากโมโหที่นายติ๊กปฏิเสธความรับผิด ไมยอมรับสารภาพ กรณีน้ี ร.ต.ท. ดี จะมีความผดิ ฐานเจา พนกั งานปฏบิ ตั ิหนา ท่ีโดยมิชอบตามมาตรา ๑๕๗ หรอื ไม เพราะเหตใุ ด ๗. กรณีที่เจาพนักงานมีหนาท่ีรับแจงความ ไดรับแจงขอความอันเปนเท็จจาก ประชาชนที่มาแจงและจดขอความอันเปนเท็จนั้นลงในเอกสาร เจาพนักงานผูจดจะมีความผิด ตอ ตาํ แหนงหนา ท่ีราชการหรอื ไม ๘. เจาหนาที่ราชทัณฑอยูเวรควบคุมผูตองขังซึ่งออกมารักษาตัวที่โรงพยาบาล แตมิได ปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑท่ีใหลามโซผูตองขังไวกับเตียงในตอนกลางคืน และยังน่ังหลับอยู ที่ระเบียงนอกหอ งคมุ ขังดวย เปน เหตุใหผ ูตอ งขังหลบหนไี ปจะผิดมาตรา ๒๐๕ หรอื ไม
๒๑๙ เอกสารอางองิ เกียรติขจร วัจนสวัสดิ์.(๒๕๕๑).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๑.กรุงเทพฯ: พลสยาม พริน้ ติ้ง จิตติ ติงศภัทิย.(๒๕๕๕).กฎหมายอาญา ภาค ๑.กรุงเทพฯ: สํานักอบรมศึกษากฎหมาย แหง เนติบณั ฑิตยสภา. ทวเี กยี รติ มีนะกนษิ ฐ.(๒๕๕๓).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาคท่วั ไป.กรุงเทพฯ:วญิ ูชน. ทวีเกยี รติ มีนะกนษิ ฐ.(๒๕๕๑).ประมวลกฎหมายอาญา ฉบบั อา งอิง.กรุงเทพฯ:วญิ ูชน. สมศกั ดิ์ เอยี่ มพลับใหญ.(๒๕๕๗).เกร็ดกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บณั ฑติ อักษร. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.สาขาวิชานิติศาสตร.(๒๕๔๐).เอกสารการสอนชุดวิชา กฎหมายอาญา ๑ ภาคบทบญั ญัตทิ ่วั ไป.นนทบุรี:โรงพมิ พมหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. สหรฐั กติ ิศภุ การ.(๒๕๕๗).หลักและคําอธบิ ายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:อมรนิ ทรพ ร้ินติ้ง แอนด พับลชิ ชิ่ง หยุด แสงอุทัย.(๒๕๕๕).กฎหมายอาญาภาค ๑.กรุงเทพฯ:สํานักพิมพมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร วิเชียร ดิเรกอุดมศักดิ์.(๒๕๕๓).กฎหมายอาญาพิสดาร เลม ๑.กรุงเทพฯ : แสงจันทร การพิมพ.
๒๒๐
๑ ÇªÔ Ò ¡Á. (LA) òñòðò ¡®ËÁÒÂÍÒÞÒ ÀÒ¤àÃÕ¹·èÕ ò
๒
๒๒๓ º··Õè ñ ¤ÇÒÁ¼Ô´à¡ÂÕè Ç¡ºÑ ¤ÇÒÁʧºÊ¢Ø ¢Í§»ÃЪҪ¹ ñ. ÇÑμ¶Ø»ÃÐʧ¤ã ¹¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ ๑. เพ่ือใหนักเรียนนายสิบตํารวจมีความรูความเขาใจกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความผิด ฐานตา งๆ ๒. เพอื่ ใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจทราบถงึ การวดั ผลและประเมนิ ผล วชิ ากฎหมายอาญา ๒ ๓. เพื่อใหนักเรียนนายสิบตํารวจมีความรูเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของ ประชาชน ò. ʋǹนํา นกั เรียนจะไดศ ึกษาประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ เรอ่ื งความผิดเก่ียวกับความสงบสุข ของประชาชน ในความผิดฐานเปน “อั้งยี่” และ “ซองโจร” ตลอดจนแนวคําพิพากษาท่ีเก่ียวของ เพ่ือใหนักเรียนนายสิบตํารวจใชประกอบการเรียนการสอน และสามารถนําไปใชเปนแนวทางในการ ปฏบิ ตั ิหนาทตี่ อไป ó. à¹é×ÍËÒ ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹à»¹š ÍéѧÂèÕ ÁÒμÃÒ òðù ผใู ดเปน สมาชกิ ของคณะบคุ คลซง่ึ ปกปด วธิ ดี าํ เนนิ การ และมคี วามมงุ หมาย เพื่อการอันมิชอบดวยกฎหมาย ผูน้ันกระทําความผิดฐานเปนอ้ังยี่ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินเจ็ดป และปรบั ไมเ กินหนึ่งแสนส่ีหม่นื บาท ถาผูกระทําความผิดเปนหัวหนา ผูจัดการ หรือผูมีตําแหนงหนาท่ีในคณะบุคคลนั้น ผนู ้นั ตอ งระวางโทษจาํ คุกไมเกินสบิ ป และปรับไมเ กินสองแสนบาท ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ผใู ด ๒. เปนสมาชิกของคณะบุคคล ๓. ซ่ึงปกปด วธิ ีดาํ เนนิ การ และมคี วามมุงหมายเพอ่ื การอนั มิชอบดว ยกฎหมาย ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนา ¡ÒáÃÐทํา คอื การเปน สมาชกิ ของคณะบุคคล (มบี ุคคล ๒ คนขึ้นไป) ¤³Ðº¤Ø ¤Å«§èÖ »¡»´ Ç¸Ô ดÕ าํ à¹¹Ô ¡Òà หมายความวา รกู นั เฉพาะในหมคู ณะทไี่ มเ ปด เผยแกผ อู นื่
๒๒๔ คณะบคุ คลนน้ั Á¤Õ ÇÒÁÁ§‹Ø ËÁÒÂà¾Íè× ¡ÒÃÍ¹Ñ ÁªÔ ͺ´ÇŒ ¡®ËÁÒ ซง่ึ อาจเปน ความผดิ อาญา หรอื ละเมดิ หรอื ผดิ สญั ญาในทางแพง กไ็ ด หากความมงุ หมายนนั้ เปน การขดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศีลธรรมอันดขี องประชาชนแลว กถ็ อื ไดว าเปนการอนั มิชอบดว ยกฎหมาย เหตฉุ กรรจต ามวรรคสอง ผูกระทาํ ความผดิ เปน - หัวหนา - ผจู ัดการ หรอื - ผูมีตาํ แหนง หนาทใี่ นคณะบคุ คลนั้น ®¡Õ Ò·èÕ ññ÷ö/òõôó เปน สมาชกิ กองกาํ ลงั ตดิ อาวธุ โจรกอ การรา ยขบวนการ บี อาร เอน็ กลุมนาย อ. โดยมีพฤติการณทําผิดกฎหมายเกี่ยวกับการแบงแยกดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต โดยเรยี นคาคุมครอง ซมุ โจมตเี จาหนา ทีข่ องรัฐ อนั เปน คณะบุคคลซึง่ ปกปด วธิ ีดําเนนิ การ และมคี วาม มงุ หมายเพอ่ื การอันมชิ อบดวยกฎหมายจงึ มคี วามผิดฐานผดิ อัhงย่ตี ามมาตรา ๒๐๙ วรรคหนงึ่ ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹à»¹š «‹Í§â¨Ã ÁÒμÃÒ òñð ผใู ดสมคบกนั ตงั้ แตห า คนขน้ึ ไป เพอื่ กระทาํ ความผดิ อยา งหนงึ่ อยา งใดตามที่ บญั ญตั ไิ วใ นภาค ๒ นี้ และความผดิ นนั้ มกี าํ หนดโทษจาํ คกุ อยา งสงู ตงั้ แตห นง่ึ ปข นึ้ ไป ผนู น้ั กระทาํ ความผดิ ฐานเปน ซองโจร ตองระวางโทษจําคกุ ไมเ กินหา ป หรอื ปรบั ไมเ กินหนึ่งแสนบาท หรือทง้ั จําทัง้ ปรับ ถา เปน การสมคบกนั เพอ่ื กระทําความผิดท่ีมีระวางโทษถงึ ประหารชีวติ จาํ คุกตลอดชวี ติ หรือจําคุกอยางสูงต้ังแตสิบปข้ึนไป ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสองปถึงสิบป และปรับต้ังแต สี่หมื่นบาทถงึ สองแสนบาท ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ผูใด ๒. สมคบกันต้งั แตหา คนข้นึ ไป ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา à¨μ¹Ò¾ÔàÈÉ “เพื่อกระทําความผิดอยางหน่ึงอยางใดตามที่บัญญัติไวในภาค ๒ นี้ และ ความผิดนั้นมกี ําหนดโทษจาํ คกุ อยางสงู ตง้ั แตห น่งึ ปข ึน้ ไป” ÊÁ¤º คือ การแสดงออกซึ่งความตกลงจะกระทําผิดรว มกัน เชน ชาย ๖ คน ยนื จบั กลมุ อยหู นา รถยนตคนั หนงึ่ ในเวลาตี ๕ ปรึกษากนั จะงัดประตูรถ เอาวทิ ยแุ ละของมคี า ในรถ ท้ัง ๖ คนผิด มาตรา ๒๑๐ (ฎีกาที่ ๑๓๔๑/๒๕๒๑) ¡ÒûÃЪÁØ ËÃÍ× ËÒÃÍ× ÃÇ‹ Á¡¹Ñ áÅÐμ¡Å§¡¹Ñ ÇÒ‹ ¨Ð¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÐäà เปน ขอ สาระสาํ คญั ทจ่ี ะแสดงใหเห็นวามกี ารกระทําความผดิ ฐานเปนซองโจรหรือไม
๒๒๕ ความผดิ ทสี่ มคบกนั เพอ่ื กระทาํ ตอ งเปน ความผดิ อยา งหนง่ึ อยา งใดตามทบ่ี ญั ญตั ใิ นภาค ๒ แหงประมวลกฎหมายอาญาเทาน้ันและอัตราโทษจําคุกอยางสูงตั้งแตหน่ึงปข้ึนไป แตกตางจากการ เปน อ้งั ย่ี ตามมาตรา ๒๐๙ ซ่งึ อาจเปนความผิดตามกฎหมายอ่นื ๆ ก็ได ความผิดท่ีมุงหมายจะกระทํา ยงั ไมจ าํ ตอ งกระทาํ ลง ดว ยเหตนุ ้ี แมเ ลกิ ลม ไมก ระทาํ ตามทสี่ มคบกนั กเ็ ปน ความผดิ สาํ เรจ็ ตามมาตราน้ี เจตนาพิเศษ คือ เพื่อกระทําความผิดอยางหน่ึงอยางใดตามท่ีบัญญัติไวในภาค ๒ ของ ประมวลกฎหมายอาญา ซง่ึ มีโทษจําคุกอยางสงู ต้งั แตห น่งึ ปข ้นึ ไป ®Õ¡Ò·èÕ ôùøö/òõóó บุคคล ๔ คน รวมกันเจรจากับเจาพนักงานตํารวจที่ไปลอซื้อ เสนอขายรถจักรยานยนตท่ีถูกลักมาใหแกเจาพนักงานตํารวจดังกลาว เขาลักษณะเปนการกระทําตอ บุคคลภายนอก จึงมิใชการแสดงออกซ่ึงความตกลงจะกระทําความผิดรวมกันในระหวางผูรวมกระทํา ผดิ ดว ยกนั การกระทําดังกลา วไมเ ปน ความผดิ ฐานซอ งโจร ®¡Õ Ò·Õè óò÷ù/òõõô จาํ เลยกบั พวกมไิ ดม เี จตนาทจ่ี ะประกอบกจิ การบรษิ ทั อ. ในอาคาร ท่ีเกิดเหตุอยางแทจริง การนําชื่อของบริษัทท่ีเปนสํานักงานทนายความไปติดต้ังไวที่อาคารดานหนา โดยตอมามีการเชาอาคารสวนกลางและดานหลังเพื่อการเลนพนันไพบาการา จึงมีเหตุผลท่ีเชื่อไดวา เปน เพยี งการบงั หนา เพอื่ ใหเ จา พนกั งานตาํ รวจเกรงกลวั และไมก ลา เขา ไปคน พฤตกิ ารณใ นการกระทาํ ของจําเลยกับพวกจึงเปนการรวมกลุมกันเพ่ือจัดใหมีการเลนการพนันไพบาการาในอาคารท่ีเกิดเหตุ โดยนาํ ชอื่ บรษิ ทั ซงึ่ เปน สาํ นกั งานทนายความและชมรมมาบงั หนา เพอ่ื จดั ใหม กี ารเลน การพนนั มาแตต น ยอมเรียกไดวา จําเลยกับพวกเปนสมาชิกของคณะบุคคลซ่ึงปกปดวิธีดําเนินการและมีความมุงหมาย เพอื่ การอันมิชอบดว ยกฎหมาย อันเปน การกระทาํ ความผดิ ฐานอั้งยี่ ®¡Õ Ò·Õè ôõôø/òõôð จาํ เลยท่ี ๑ ถึงท่ี ๓ กบั พวกรวม ๖ คน รวมกนั วางแผนไปกระทาํ การปลน ทรพั ยก บั ผเู สยี หายที่ ๒ อนั เปน ความผดิ ตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ นภาค ๒ แหง ประมวลกฎหมายอาญา จงึ มคี วามผดิ ฐานเปน ซอ งโจร และเมอื่ จาํ เลยที่ ๔ กบั พวกไปปลน รา นทองของผเู สยี หายที่ ๒ ตามแผนท่ี รว มวางไว จาํ เลยที่ ๑ ถงึ ที่ ๓ ผรู ว มวางแผนยอ มมคี วามผดิ ฐานเปน ตวั การปลน ทองรว มกบั จาํ เลยที่ ๔ ดว ย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๓ และความผดิ ฐานเปน ซอ งโจรกบั ความผดิ ฐานปลน ทรพั ย เก่ียวเน่ืองกันเพราะพวกจําเลยกระทําผิดฐานเปนซองโจรเพ่ือจะไปปลนทรัพยของผูเสียหายทั้งสอง จงึ เปน กรรมเดยี วผดิ กฎหมายหลายบท ตองลงโทษฐานปลน ทรัพยอ นั เปน บททม่ี ีโทษหนักท่สี ุด ®¡Õ Ò·Õè ÷õöò/òõõö จาํ เลยทงั้ สองกบั พวก ๕ คน รว มกันปรกึ ษาวางแผนลักทรัพย ของชาวตางชาติบนรถโดยสารสองแถว โดยข้ึนรถโดยสารสองแถวมาพรอมกันซ่ึงจะทําใหมีผูโดยสาร มากพอทจ่ี ะทาํ ใหพ วกของจาํ เลยที่ ๑ สามารถเขา ไปนงั่ ชดิ กบั ผเู สยี หายทางดา นขวาทมี่ กี ระเปา สตางค ของผเู สยี หาย และมกี ารแบง หนา ทก่ี นั ทาํ ตามทจ่ี าํ เลยท่ี ๑ กบั พวกรวม ๕ คน สมคบกนั จาํ เลยท่ี ๑ จงึ มี ความผดิ ฐานรว มกับพวกลกั ทรัพยในยวดยานสาธารณะและเปนซองโจร ซงึ่ ความผิดฐานเปน ซอ งโจร กบั ฐานรว มกนั ลกั ทรพั ยใ นยวดยานสาธารณะเกยี่ วเนอ่ื งกนั จงึ เปน กรรมเดยี วเปน ความผดิ ตอ กฎหมาย หลายบท
๒๒๖ ÇÃäÊͧ໹š àËμ©Ø ¡Ãè ผกู ระทาํ ความผดิ จะรบั ผดิ ตามวรรคสอง จะตอ งรวู า สมคบกนั ไป กระทําความผิดอะไร (มาตรา ๖๒ วรรคทาย) เชน รูวาสมคบกันไปฆาคนตาย แตไมจําตองรูวา ความผดิ ทสี่ มคบมีอตั ราโทษเทา ใด ¤ÇÒÁÃºÑ ¼Ô´ÃÇ‹ Á¡ºÑ ͧéÑ ÂËÕè Ã×ͫ͋ §â¨Ã ÁÒμÃÒ òññ ผูใดประชุมในที่ประชุมอั้งย่ีหรือซองโจร ผูน้ันกระทําความผิดฐานเปนอ้ังยี่ หรือซอ งโจร เวนแตผ นู ัน้ จะแสดงไดวาไดประชมุ โดยไมรวู า เปนการประชุมของอ้งั ย่ีหรือซองโจร ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ผใู ด ๒. ประชุมในท่ปี ระชมุ อ้งั ยีห่ รือซอ งโจร ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา ¼Œ¹Ù éѹ¡ÃзÒí ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹à»š¹ÍéѧÂËÕè ÃÍ× «Í‹ §â¨Ã ¢ŒÍá¡μŒ ÑÇ เวน แตผนู นั้ จะแสดงไดว าไดป ระชมุ โดยไมรูวา เปนการประชุมของอั้งยีห่ รอื ซอ งโจร การกระทําคือ “»ÃЪØÁ” ซ่ึงผูกระทําจะตองมี “à¨μ¹Ò»ÃЪØÁ” คือ ตองรูวาเปนการ ประชมุ ขององั้ ยหี่ รอื ซอ งโจรหากประชมุ โดยรแู ลว วา เปน การประชมุ กถ็ อื วา มเี จตนาประชมุ กม็ คี วามผดิ ฐานเปน อ้ังยี่หรอื ซองโจร ทนั ที แตทั้งน้ี มาตรา ๒๑๑ เปด โอกาสใหน ําสืบหกั ลางไดวา ตนเขาประชุม โดยหารูไ มว า เปน การประชมุ ขององ้ั ยหี่ รอื ซอ งโจร เชน เขารว มอยูในที่ประชมุ อั้งยี่ซงึ่ พดู กันดว ยภาษา ตา งประเทศ ตนเองไมเขาใจวา ความหมายวา เขากาํ ลงั ปรึกษากันจะไปกระทําความผิด เปน ตน ¤íÒ¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ óøñ/òôöñ เจา พนกั งานจบั จาํ เลยไดใ นตกึ แหงหนึ่งซ่ึงปรากฏชัด วา เปนสํานักงานของอ้ังย่คี ณะเตกงว ยกงซอ มหี นังสอื ปด ไวว า “เต็กงวยกงซอ ” ซง่ึ ตรงกบั ช่ือพวกอัง้ ย่ี ทั้งพวกจนี ที่ไปมั่วสุมชมุ นมุ กันทหี่ องเชา จาํ เลยน้ี ไดไ ปเท่ยี วกอ การววิ าทและทาํ รายผูอ่นื จนปรากฏวา เคยตอ งคาํ พพิ ากษาลงโทษมาแลว เวลาเจาพนกั งานไปจับกุมก็พบม่วั สมุ ชมุ นมุ กบั อยูหลายคน คน ได ของกลางอันเปนหลักฐานของพวกอั้งยี่ดวย ดังนี้ จึงตองฟงวาเปนพวกอั้งย่ี ซ่ึงเปนสมาคมเพื่อการ อันมิชอบดวยกฎหมาย เม่ือฟงไดเ ชนนี้จําเลยตอ งพสิ จู นความบริสุทธิ์ เมื่อแสดงความบรสิ ทุ ธิข์ องตน ไมได ยอมมคี วามผดิ ฐานเปน อ้งั ยี่ ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹ªÇ‹ ÂàËÅÍ× ¾Ç¡ÍÑé§ÂÕËè ÃÍ× «‹Í§â¨Ã ÁÒμÃÒ òñò ผใู ด (๑) จัดหาที่ประชมุ หรอื ทพี่ ํานกั ใหแกอง้ั ยี่หรอื ซองโจร (๒) ชกั ชวนบคุ คลใหเ ขาเปนสมาชกิ อ้งั ยี่ หรอื พรรคพวกซอ งโจร
๒๒๗ (๓) อุปการะอัง้ ย่หี รือซองโจรโดยใหทรัพยห รือโดยประการอ่ืน หรือ (๔) ชวยจําหนายทรัพยที่อง้ั ยี่หรอื ซอ งโจรไดมาโดยการกระทําความผดิ ตองระวางโทษ เชน เดียวกับผูกระทาํ ความผดิ ฐานเปน อง้ั ย่ีหรือซอ งโจร แลวแตกรณี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (ñ)(ò)(ó)(ô) ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา ¢ŒÍÊѧà¡μ ๑. ผชู ว ยเหลอื เกอื้ กลู เพยี งแตร ะวางโทษเชน เดยี วกบั สมาชกิ องั้ ยห่ี รอื พรรคพวกซอ งโจร แตไมผิดฐานเปนอ้งั ย่ีหรอื ซอ งโจร ¼ÙªŒ ‹ÇÂàËÅÍ× ¨Ö§äÁ‹ãª‹ÊÁҪԡͧéÑ ÂèÕ ËÃÍ× ¾Ãä¾Ç¡«‹Í§â¨Ã ๒. ดวยเหตุน้ีมาตรา ๒๑๓ จึงไมอาจนํามาใชแกกระทําความผิดตามมาตรา ๒๑๒ ได ดังนั้น ผูจัดใหใชบานของตนเปนท่ีประชุมซองโจร แตไมไดเขาประชุมดวย จึงไมใชพรรคพวกซองโจร หากพรรคพวกซองโจรคนใดไปกระทําความผิด ผูจัดหาที่ประชุมให ก็ไมตองรับผิดในความผิดที่ พรรคพวกซอ งโจรไดไปกระทําน้นั ¤ÇÒÁÃºÑ ¼´Ô ÃÇ‹ Á¡ºÑ ÍÑé§ÂËÕè Ã×ͫ͋ §â¨Ã ÁÒμÃÒ òñó ¶ŒÒÊÁÒªÔ¡ÍÑé§ÂÕèËÃ×;Ãä¾Ç¡«‹Í§â¨Ã¤¹Ë¹Ö觤¹ã´ä´Œ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´ μÒÁ¤ÇÒÁÁØ‹§ËÁÒ¢ͧÍÑé§ÂÕèËÃ×Í«‹Í§â¨Ã¹Ñé¹ ÊÁÒªÔ¡ÍÑé§ÂèÕËÃ×;Ãä¾Ç¡«‹Í§â¨Ã·ÕèÍÂÙ‹´ŒÇÂã¹¢³Ð ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´ ËÃ×ÍÍÂÙ‹´ŒÇÂã¹·èÕ»ÃЪØÁáμ‹äÁ‹ä´Œ¤Ñ´¤ŒÒ¹ã¹¡ÒÃμ¡Å§ãËŒ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´¹éѹ áÅкÃôÒËÇÑ Ë¹ÒŒ ¼¨ŒÙ ´Ñ ¡ÒÃËÃÍ× ¼ÁŒÙ ตÕ าํ á˹§‹ ˹Ҍ ·ãèÕ ¹Í§Ñé ÂËèÕ ÃÍ× «Í‹ §â¨Ã¹¹Ñé μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·ÉμÒÁ·ºèÕ ÞÑ ÞμÑ äÔ ÇŒ สาํ ËÃѺ¤ÇÒÁ¼Ô´¹Ñ¹é ·¡Ø ¤¹ ÁÒμÃÒ òñó ผทู ่ีจะตองมคี วามผดิ ดว ยเชนเดียวกับผูลงมือกระทําความผดิ คือ หวั หนา ผูจัดการ ผูมตี าํ แหนง หนาท่ี สมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซองโจรที่อยูดวยในขณะกระทําความผิด หรือ สมาชิกอ้ังย่ี หรอื พรรคพวกซอ งโจรท่ีอยูดว ยในท่ปี ระชมุ แตไ มไดคัดคา นในการตกลงใหกระทาํ ความผดิ น้ัน ¢ŒÍÊѧà¡μ มาตรา ๒๑๓ จะนาํ มาใชก ต็ อ เมอื่ พรรคพวกซอ งโจรคนใดคนหนงึ่ “ไดก ระทาํ ความผดิ ตาม ความมงุ หมายของซองโจรน้ัน” หากเปน ความผดิ นอกความมงุ หมายก็ไมน ํามาตรา ๒๑๓ มาใช เชน พรรคพวกซอ งโจรกาํ ลงั ประชมุ วางแผนจะไปลกั รถยนตเ พอ่ื สง ขายตา งประเทศ มบี คุ คลภายนอกมารเู หน็ การประชุมน้ัน นายเขียวพรรคพวกซองโจรคนหน่ึงยิงผูมารูเห็นนั้นตาย พรรคพวกซองโจรคนอ่ืนๆ ไมตองรับผิดฐานฆาคนตายดวย จะนํามาตรา ๒๑๓ มาปรับใชไมได เพราะการฆาคนตายอยูนอก ความมงุ หมายของการเปนซอ งโจร (เพอ่ื ลักทรพั ย)
๒๒๘ ¢ÍŒ Êѧà¡μ พรรคพวกซอ งโจรสมคบกนั วนั ที่ ๕ ธนั วาคม เพอ่ื จะทาํ การปลน ทรพั ยใ นวนั นนั้ แตป รากฏวา มอี ปุ สรรคจงึ ตกลงยกเลกิ การปลน ในวนั นน้ั ตอ มาวนั ที่ ๖ ธนั วาคม พรรคพวกซอ งโจรบางคนไดน ดั หมาย กันใหม และลงมือปลนวันที่ ๖ ธันวาคมน้ันเอง ผูที่ประชุมดวยในวันท่ี ๕ แตไมไดประชุมดวย วนั ท่ี ๖ ไมม คี วามผดิ ฐานปลน ทรพั ยด ว ย (ฎกี าท่ี ๑๐๓-๑๑๐๔/๒๔๙๖) เพราะการปลน ทรพั ยใ นวนั ที่ ๖ ไมใชการกระทําความผดิ “ตามความมงุ หมาย” ของพรรคพวกซอ งโจรซ่ึงประชุมวันที่ ๕ ผมู าประชมุ วันท่ี ๕ คงมีความผิดฐานเปนซองโจรตามมาตรา ๒๑๐ วรรคสอง (เพราะปลนทรัพยตามมาตรา ๓๔๐ มีโทษจําคุกต้ังแตสิบปถึงสิบหาป) ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹ªÇ‹ ÂàËÅÍ× ¼ÙŒ¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÁÒμÃÒ òñô ผใู ดประพฤตติ นเปน ปกตธิ รุ ะเปน ผจู ดั หาทพี่ าํ นกั ทซ่ี อ นเรน หรอื ทปี่ ระชมุ ใหบุคคล ซึ่งตนรูวาเปนผูกระทําความผิดที่บัญญัติไวในภาค ๒ น้ี ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมน่ื บาท หรือท้ังจาํ ท้ังปรับ ถาการกระทําความผดิ นั้น เปน การกระทาํ เพ่ือชวยบดิ า มารดา บตุ ร สามี หรือภรยิ าของ ผกู ระทํา ศาลจะไมล งโทษก็ได ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ประพฤตติ นเปนปกติธุระเปน ผูจ ดั หาท่พี าํ นกั ทซ่ี อนเรน หรอื ท่ปี ระชุม (๒) ใหบคุ คลซ่ึงตนรูวา เปน ผูกระทาํ ความผดิ ท่บี ญั ญตั ิไวใ นภาค ๒ น้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนาธรรมดา »ÃоÄμÔμ¹à»š¹»¡μÔ¸ØÃÐ หมายความกระทําเปนปกตินิสัย หรือกระทําโดยตั้งใจท่ีจะ ประพฤติเชน นั้นตอ ๆ มิใชก ระทําเพยี งคร้งั เดียว à»¹š ¼¨ŒÙ ´Ñ ËÒ·พÕè าํ ¹¡Ñ ทซี่ อ นเรน หรอื ทปี่ ระชมุ หมายความวา จดั หาอาคารสถานทใ่ี หผ กู ระทาํ ความผิดอยอู าศัย ซอ นตวั หรอื ใชเ ปน ที่ประชมุ โดยผจู ดั หาจะเปน เจาของสถานท่หี รือไมใชกต็ าม ã˺Œ ¤Ø ¤Å«§èÖ μ¹Ãnj٠ҋ à»¹š ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ·ºÕè ÞÑ ÞμÑ ãÔ ¹ÀÒ¤ ò ¹Õé หมายความวา การจดั หา ตามมาตรา ๒๑๔ น้ีตองกระทําใหแกบุคคลที่ผูจัดหารูวาเปนผูท่ีกระทําความผิดตามที่บัญญัติไวใน ภาค ๒ แหง ประมวลกฎหมายอาญา â´Âà¨μ¹Ò หมายถงึ ผูก ระทาํ ตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรคสอง และตองรูดวยวา ผทู ต่ี นจดั หาสถานทใ่ี หน นั้ เปน ผทู ก่ี ระทาํ ความผดิ ตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ นภาค ๒ แหง ประมวลกฎหมายอาญา ÇÃäÊͧ เปนเหตุใหศ าลใชดลุ ยพนิ จิ ทจ่ี ะไมล งโทษไดใ นเมื่อการกระทําความผดิ เปนการ กระทาํ โดยมมี ูลเหตชุ ักจงู ใจเพือ่ ชว ยบดิ ามารดา บุตร สามี หรอื ภริยาของผกู ระทาํ การกระทาํ โดยเปน »¡μ¸Ô ØÃÐหมายถงึ การกระทาํ เร่อื ยๆ ไป
๒๒๙ การกระทําความผิดฐานนี้ÈÒÅÍÒ¨äÁ‹Å§â·Éก็ได ถาเปนการกระทําเพ่ือชวยบิดามารดา บุตร สามี หรือภริยาของผูกระทาํ เอง ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹¡Í‹ ¤ÇÒÁÇ‹¹Ø ÇÒÂ㹺Ҍ ¹àÁ×ͧ ÁÒμÃÒ òñõ ¼ãŒÙ ´ÁÇèÑ ÊÁØ ¡¹Ñ μ§Ñé áμÊ‹ ºÔ ¤¹¢¹Öé ä» ãª¡Œ Òí Å§Ñ »ÃÐ·ÉØ ÃÒŒ  ¢à‹Ù ¢Þç ÇÒ‹ ¨ÐãªกŒ าํ Å§Ñ »ÃзØÉÌҠËÃ×Í¡ÃÐทํา¡ÒÃÍ‹ҧ˹Öè§Í‹ҧã´ãËŒà¡Ô´¡ÒÃÇØ‹¹ÇÒ¢éֹ㹺ŒÒ¹àÁ×ͧ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·É จาํ ¤Ø¡äÁà‹ ¡Ô¹Ë¡à´Í× ¹ ËÃÍ× »ÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹§Öè ËÁè¹× ºÒ· ËÃÍ× ·§Ñé จํา·é§Ñ »ÃºÑ ถา ผกู ระทาํ ความผดิ คนหนง่ึ คนใดมอี าวธุ บรรดาผทู กี่ ระทาํ ความผดิ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สองป หรอื ปรบั ไมเกินสี่หมน่ื บาท หรอื ท้งั จาํ ท้ังปรบั ถาผูกระทําความผิดเปนหัวหนา หรือเปนผูมีหนาท่ีสั่งการในการกระทําความผิดนั้น ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเ กินหา ป หรอื ปรบั ไมเ กินหน่งึ แสนบาท หรือท้งั จําทั้งปรบั ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ม่วั สมุ กันตั้งแตส ิบคนขึ้นไป (๒) ใชกําลังประทุษราย ขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย หรือกระทําอยางใดอยางหนึ่ง ใหเ กดิ การวุน วายในบา นเมือง ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา ÇÃäÊͧ เปน เหตุเพม่ิ โทษ ในกรณีท่ผี ูก ระทําความผิดคนหนึ่งคนใดมอี าวธุ ÇÃäÊÒÁ เปนเหตเุ พ่มิ โทษสงู ข้นึ อกี ถา ผูกระทําความผิดเปน หวั หนา หรอื เปน ผูมหี นาที่ สั่งการในการกระทาํ ความผดิ นั้น ความผดิ ฐานนไี้ ดแ ก การมวั่ สมุ กนั คอื รวมตวั กนั ตง้ั แต ๑๐ คนขน้ึ ไปมกี ารใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย ขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย หรือกระทําอยางใดอยางหน่ึงใหเกิดการวุนวายขึ้นในบานเมือง การรวมตัวกันนี้ไมจําเปนตองนัดหมายมากอน แตเมื่อมีการรวมตัวกันต้ังแต ๑๐ คนขึ้นไป แลวมี ความประสงครวมกันที่จะใชกําลังประทุษราย หรือขูเข็ญ สวนการทําใหเกิดความ “วุนวาย” ในบานเมืองน้ัน หมายถึง ทําใหเสียความสงบสุขของประชาชนไมหมายความเฉพาะในหมูบานหรือ ตวั เมอื งเทา นนั้ อาจเปน ทช่ี มุ ชนนอกเมอื ง เชน ในงานวดั กไ็ ด นดั ชมุ ชนกลา วโจมตผี วู า ราชการจงั หวดั มีการรวมตัวกันหลายพันคน ขวางปา และเผาจวนผูวาราชการจังหวัดมีความผิดตามมาตรา ๑๑๖ และมาตรา ๒๑๕ นี้ หรอื นดั หยุดงานโดยมิไดเ ปนไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพอื่ บีบบังคับนายจาง มีการปะทะกันระหวางลูกจางท่ีนัดหยุดงานกับลูกจางฝายที่ประสงคจะเขาทํางาน เหตุเกิดริมถนน สาธารณะ มีความผิดตามมาตราน้ี ในความม่ัวสุมกอความวุนวายนี้ ถาผูกระทําความผิดคนใดมีÍÒÇØ¸ตองรับโทษหนักขึ้น และถาผูกระทําความผิดเปนËÑÇ˹ŒÒËÃ×ͼٌÁÕ˹ŒÒ·èÕÊèѧ¡ÒÃในการกระทําความผิดนั้น ตองรับโทษหนัก ขน้ึ อกี
๒๓๐ ®¡Õ Ò·èÕ òðòó - òðóñ/òõò÷ ชกั ชวนนักศกึ ษาประชาชนกลา วโจมตผี ูวา ราชการ จงั หวัด คนเหลา นีร้ วมตวั กันหลายพนั คนขวา งปาเผาจวนผวู าฯ คนเหลาน้ันผิด มาตรา ๑๑๖, ๒๑๕ ®¡Õ Ò·Õè ôõôø/òõôð จาํ เลยที่ ๑ ถงึ ท่ี ๓ กบั พวกรวม ๖ คน รว มกนั วางแผนไปกระทาํ การปลน ทรพั ยก บั ผเู สยี หายที่ ๒ อนั เปน ความผดิ ตามทบี่ ญั ญตั ไิ วใ นภาค ๒ แหง ประมวลกฎหมายอาญา จงึ มคี วามผดิ ฐานเปน ซอ งโจร และเมอ่ื จาํ เลยท่ี ๔ กบั พวกไปปลน รา นทองของผเู สยี หายท่ี ๒ ตามแผนท่ี รว มวางไว จาํ เลยที่ ๑ ถงึ ที่ ๓ ผรู ว มวางแผนยอ มมคี วามผดิ ฐานเปน ตวั การปลน ทองรว มกบั จาํ เลยท่ี ๔ ดว ย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๓ และความผดิ ฐานเปน ซอ งโจรกบั ความผดิ ฐานปลน ทรพั ย เกี่ยวเนื่องกันเพราะพวกจําเลยกระทําผิดฐานเปนซองโจรเพื่อจะไปปลนทรัพยของผูเสียหายท้ังสอง จงึ เปน กรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบท ตองลงโทษฐานปลน ทรพั ยอ นั เปนบททมี่ ีโทษหนกั ทสี่ ดุ ®¡Õ Ò·èÕ ÷õöò/òõõö จาํ เลยทงั้ สองกบั พวก ๕ คน รว มกนั ปรึกษาวางแผนลักทรัพย ของชาวตางชาติบนรถโดยสารสองแถว โดยข้ึนรถโดยสารสองแถวมาพรอมกันซ่ึงจะทําใหมีผูโดยสาร มากพอทจี่ ะทาํ ใหพ วกของจาํ เลยท่ี ๑ สามารถเขา ไปนงั่ ชดิ กบั ผเู สยี หายทางดา นขวาทม่ี กี ระเปา สตางค ของผเู สยี หาย และมกี ารแบง หนา ทก่ี นั ทาํ ตามทจ่ี าํ เลยที่ ๑ กบั พวกรวม ๕ คน สมคบกนั จาํ เลยท่ี ๑ จงึ มี ความผดิ ฐานรว มกับพวกลกั ทรพั ยใ นยวดยานสาธารณะและเปน ซอ งโจร ซง่ึ ความผดิ ฐานเปนซองโจร กบั ฐานรว มกนั ลกั ทรพั ยใ นยวดยานสาธารณะเกย่ี วเนอ่ื งกนั จงึ เปน กรรมเดยี วเปน ความผดิ ตอ กฎหมาย หลายบท ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹äÁ‹ÂÍÁàÅÔ¡ÁèÇÑ ÊÁØ àÁ×Íè à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹Êѧè ãËàŒ ÅÔ¡ ÁÒμÃÒ òñö เมื่อเจาพนักงานส่ังผูท่ีมั่วสุมเพื่อกระทําความผิดตามมาตรา ๒๑๕ ใหเ ลกิ ไป ผใู ดไมเ ลกิ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมน่ื บาท หรอื ทงั้ จาํ ทง้ั ปรบั ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) เมื่อเจาพนักงานสงั่ ผทู มี่ ว่ั สุมเพอ่ื กระทาํ ความผิดมาตรา ๒๑๕ ใหเลกิ ไป (๒) ผูก ระทาํ ไมเ ลกิ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา มูลเหตชุ ักจงู ใจ เพอ่ื กระทาํ ความผิดมาตรา ๒๑๕ ความผิดฐานน้ีเปนความผิดตางหากจากความผิดฐานกอความวุนวายตามมาตรา ๒๑๕ กลาวคือ เม่ือเจาพนักงานสั่งใหผูท่ีม่ัวสุมเพ่ือกระทําความผิดมาตรา ๒๑๕ ใหเลิก ผูใดไมเลิกเปน เปนความผิด แสดงวามีการมั่วสุมแตยังไมมีการใชกําลังประทุษรายหรือการขูเข็ญเพราะถามีแลว ก็เปนความผิดตามมาตรา ๒๑๖ ไปเลย เมื่อเจาพนักงานสั่งผูที่มั่วสุม ถาเลิกก็ไมเปนความผิดตาม มาตรา ๒๑๖ น้ี ถา ไมย อมเลกิ แตย งั ไมท นั ไดม กี ารขเู ขญ็ หรอื ใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย ถกู ตาํ รวจจบั เสยี กอ น ก็เปนความผดิ ฐานน้ไี ด การม่ัวสุมน้ีตองมี “มูลเหตุจูงใจ” เพื่อกระทําความผิดมาตรา ๒๑๕ ถาเจาพนักงาน สั่งใหเลิกแลวไมเลิก กลับกระทําขูเข็ญหรือประทุษรายตอไปเปนความผิดตามมาตรา ๒๑๕ ไปเลย เปน กรรมเดยี วไมผ ดิ ตามมาตรา ๒๑๖ อกี มาตรานี้ โทษหนกั กวา มาตรา ๒๑๕ เพราะหา มแลว ยงั ขนื ทาํ
๒๓๑ ®Õ¡Ò·Õè ñù÷ô/òõóò ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๖ มงุ ประสงคล งโทษผทู ี่ขัด คําส่ังของเจาพนักงานท่ีไมยอมเลิกการม่ัวสุมเพ่ือกระทําความผิดตามมาตรา ๒๑๕ ซึ่งการมั่วสุมนั้น ยงั ไมถ งึ ขน้ั ลงมอื กระทาํ การอนั เปน ความผดิ สาํ เรจ็ ตามมาตรา ๒๑๕ หากตอ มาผกู ระทาํ ยอ มมคี วามผดิ ทั้งมาตรา ๒๑๕ และมาตรา ๒๑๖ เปนการกระทํากรรมเดียวผิดตอกฎหมายหลายบท ใหลงโทษ ตามมาตรา ๒๑๖ ซึง่ เปน บทหนักตามมาตรา ๙๐ ô. ¤Òí ¶ÒÁ·ŒÒº·àÃÕ¹ ๑. จงใหความหมายของ “องั้ ยี่” และ “ซองโจร” วา มีความหมายอยา งไร ๒. ดาํ ขาว เขยี ว เหลอื ง และสม รวม ๕ คน สมคบกนั จะไปลว งกระเปา ประชาชนทเี่ ขา ชม การแสดงดนตรีของนายสุรพล กอนถึงวันแสดง นายดํากับพรรคพวกดังกลาว นัดประชุมชักชวนกัน อกี ครง้ั ทบี่ า นนายแดง นายแดงเปน ผจู ดั ใหใ ชบ า นของตนเปน ทปี่ ระชมุ แตไ มไ ดเ ขา ประชมุ ครน้ั ถงึ วนั งาน นายขาวปวยไปรว มไมไ ด ดาํ กบั พวกจึงไปลกั ทรพั ยตามแผนท่ีเตรยี มไว เจา พนักงานตาํ รวจจับนายดํา กบั พวกไดพรอ มทรพั ยส ินท่ลี กั มา ใหว นิ ิจฉัยความรบั ผดิ ของแตล ะคน
ÊÃØ»¡ÒÃμÑé§¢ŒÍËÒ ๒๓๒ ลาํ ดบั ขอหา/ฐานความผดิ องคป ระกอบความผดิ มาตรา อตั ราโทษ หมายเหตุ ๑. อั้งยี่ ๑. เปนสมาชิกของคณะบุคคล ๒๐๙ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินเจ็ดป และปรับ ฎ.๑๑๗๖/๒๕๔๓ ๒. ซ่ึงปกปดวิธีการดําเนินการและมีความมุงหมายเพื่อการ ไมเกนิ หนง่ึ แสนสหี่ มนื่ บาท อันมิชอบดว ยกฎหมาย ๓. เจตนา àËμØ©¡Ãèμ ÒÁÇÃäÊͧ ผูกระทาํ เปน - หวั หนา - ผูจดั การ หรือ - ผมู ตี าํ แหนงหนาทใ่ี นคณะบคุ คลนั้น ๒. ซองโจร ๑. สมคบกันต้งั แตหา คนขึน้ ไป ๒๑๐ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หา ปห รอื ปรบั ไมเ กนิ ฎ.๑๓๔๑/๒๕๒๑ ๒. เจตนา หนึ่งแสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรับ ฎ.๔๙๘๖/๒๕๓๓ ๓. เจตนาพิเศษ “เพ่ือกระทําความผิดอยางหนึ่งอยางใด ตามท่ีบัญญัติไวในภาค ๒ (ประมวลกฎหมายอาญา) น้ี และความผดิ นน้ั กาํ หนดโทษจาํ คกุ อยา งสงู ตงั้ แตห นงึ่ ปข นึ้ ไป” ๓. ความผดิ รว มกบั องั้ ยี่ ๑. ประชมุ ในทป่ี ระชุมอั้งยี่หรอื ซอ งโจร ๒๑๑ ผูนน้ั กระทาํ ผดิ ฐานเปน อั้งย่หี รอื ซอ งโจร ฎ.๓๘๑/๒๔๖๑ หรือซองโจร (กรณี ๒. เจตนา ประชุมในท่ีประชุม ๓. เวน แตผ นู น้ั จะแสดงไดว า ประชมุ โดยไมร วู า เปน การประชมุ อั้งยี่หรือซอ งโจร) ของอั้งย่ีหรอื ซองโจร (ขอแกตวั มาตรา ๒๑๑ เปดโอกาสให นําสืบหักลางไดวาตนเขาประชุมโดยไมรูวาเปนการประชุม ของอัง้ ยีห่ รือซองโจร
ลาํ ดับ ขอหา/ฐานความผดิ องคป ระกอบความผิด มาตรา อัตราโทษ หมายเหตุ ๔. ชวยเหลือพวกอ้ังยี่ ๑. ผูใ ด ตอ งระวางโทษเชน เดยี วกบั ผกู ระทาํ ผดิ ฐานเปน หรือซองโจร (ก) จัดหาท่ปี ระชุมหรือท่พี ํานักใหแกอั้งย่หี รอื ซองโจร อ้ังย่ีหรือซอ งโจร แลวแตก รณี (ข) ชักชวนบุคคลใหเ ขาเปน สมาชิกอง้ั ยี่ หรือพรรคพวก ซองโจร (ค) อปุ การะองั้ ยห่ี รอื ซอ งโจร โดยใหท รพั ยห รอื โดยประการ อน่ื หรอื (ง) ชวยจําหนายทรัพยท่ีอั้งย่ีหรือซองโจรไดมาโดยการ กระทาํ ความผดิ ๒. เจตนา ๕. ความรับผิดรวมกับ ๑. ถาสมาชิกอ้ังยี่หรือซองโจรคนหนึ่งคนใดไดกระทํา ๒๑๓ ตอ งระวางโทษตามทบี่ ญั ญตั ไิ วส าํ หรบั ความผดิ หากเปน ความผดิ อง้ั ยีห่ รือซอ งโจร ความผดิ ตามความมุงหมายขององ้ั ยีห่ รอื ซอ งโจร นั้นทกุ คน นอกความมงุ หมาย ๒. สมาชกิ อง้ั ยหี่ รอื พรรคพวกซอ งโจรทอ่ี ยดู ว ยในขณะกระทาํ ผดิ ก็ไมนํามาตรา ๓. สมาชกิ อง้ั ยห่ี รอื พรรคพวกซอ งโจรทอ่ี ยดู ว ยในขณะประชมุ ๒๑๓ มาใช แตไมค ัดคานในการตกลงใหก ระทาํ ความผดิ ๔. บรรดาหัวหนา ผูจัดการ ผูมีตําแหนงหนาที่ในอ้ังยี่หรือ ซองโจร ๖. ชวยเหลือผูกระทํา ๑. ประพฤติตนเปนปกตธิ ุระเปน ผจู ดั หาที่พาํ นกั ที่ซอ นเรน ๒๑๔ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรือปรับ ความผดิ หรอื ท่ปี ระชุม ไมเกนิ หกหม่ืนบาท หรือทั้งจําทงั้ ปรับ ๒. ใหบุคคลซ่ึงตนรูวาเปนผูกระทําความผิดที่บัญญัติไวใน ภาค ๒ น้ี ๓. เจตนา ๒๓๓
ลาํ ดับ ขอหา/ฐานความผดิ องคป ระกอบความผดิ มาตรา อตั ราโทษ หมายเหตุ ๒๓๔ ๗. กอความวุนวายใน ๑. มัว่ สมุ กนั ต้งั แตสิบคนขนึ้ ไป ๒๑๕ - ความผดิ ตามวรรคหนง่ึ ตอ งระวางโทษจําคุก ฎ . ๒ ๐ ๒ ๓ - บานเมือง ๒. ใชก ําลงั ประทษุ รา ย ขเู ขญ็ วา จะใชกําลังประทุษรา ย หรือ ไมเกินหกเดือน หรือปรับไมเกินหน่ึงหม่ืนบาท ๒๐๓๑/๒๕๒๗ กระทําอยางใดอยางหนง่ึ ใหเ กดิ ความวุน วายในบา นเมือง หรอื ทั้งจําทัง้ ปรับ ๓. เจตนา - ความผิดตามวรรคสอง ตอ งระวางโทษจาํ คกุ วรรคสอง เปนเหตุเพิ่มโทษ ในกรณีท่ีผูกระทําความผิด ไมเกินสองป หรือปรับไมเกินส่ีหม่ืนบาท หรือ คนหนง่ึ คนใดมีอาวธุ ทงั้ จาํ ทงั้ ปรับ วรรคสาม เปน เหตเุ พมิ่ โทษสงู ขน้ึ อกี ถา ผกู ระทาํ ความผดิ - ความผิดตามวรรคสาม ตองระวางโทษจําคกุ เปน หัวหนา หรือผูมหี นาท่สี ่ังการในการกระทําความผดิ นน้ั ไมเกนิ หา ป หรือปรับไมเ กินหนง่ึ แสนบาท หรอื ท้ังจาํ ทงั้ ปรับ ๘. ไมย อมเลกิ มว่ั สมุ เมอื่ ๑. เมื่อเจาพนักงานส่ังผูท่ีม่ัวสุมเพื่อกระทําความผิดตาม ๒๑๖ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรือปรับ ฎ.๑๙๗๔/๒๕๓๒ เจา พนกั งานสงั่ ใหเ ลกิ มาตรา ๒๑๕ ใหเ ลกิ ไป ไมเ กนิ หกหม่ืนบาท หรือทงั้ จาํ ทั้งปรับ ๒. ผูกระทําไมเลิก ๓. เจตนา ๔. เจตนาพเิ ศษ “เพือ่ กระทําความผดิ ตามมาตรา ๒๑๕”
๒๓๕ àÍ¡ÊÒÃÍÒŒ §Í§Ô เกยี รตขิ จร วจั นสวสั ด.์ิ (๒๕๕๑).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาค ๑ กรงุ เทพฯ:พลสยามพรนิ้ ตงิ้ . คณติ ณ นคร.(๒๕๔๗). กฎหมายอาญา ภาคทัว่ ไป. กรงุ เทพฯ:วิญูชน. ทวเี กยี รติ มนี ะกนษิ ฐ.(๒๕๕๓).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาคทวั่ ไป. กรงุ เทพฯ:วญิ ชู น. ประภาศน อวยชยั .(๒๕๒๖).ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๑. กรงุ เทพฯ:สาํ นกั อบรมศกึ ษา กฎหมายแหง เนตบิ ณั ฑิตยสภา. สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗).หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:อมรินทร พร้นิ ต้ิงแอนดพ บั ลชิ ชิง่ บุญเพราะ แสงเทยี น.(๒๕๕๒).กฎหมายอาญา ๑ ภาคทว่ั ไป.กรงุ เทพฯ:บริษทั วทิ ยพัฒน จาํ กัด สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗.)หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บริษัทอมรินทร พรนิ้ ติ้งแอนดพ บั ลิชชงิ่ . สุพจน นาถะพินธุ.(๒๕๓๓).ประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:สํานักพิมพรุงเรืองธรรม. สุวัฒน ศรีพงษสุวรรณ.(๒๕๔๙).คําอธิบายประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ: นติ บิ รรณาการ. วินัย เลศิ ประเสรฐิ .(๒๕๔๗).วิธีไลส ายกฎหมายอาญา เลม ๑.กรุงเทพฯ:อินเตอรบ ุคส. เกียรติขจร วัจนสวัสด์ิ.(๒๕๕๐).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิด เลม ๑. กรุงเทพฯ:หางหุนสว นจาํ กดั จริ ัชการการพมิ พ. บญุ เพราะ แสงเทยี น.(๒๕๕๒).กฎหมายอาญา ๑ ภาคทัว่ ไป.กรุงเทพฯ:บรษิ ทั วิทยพฒั น จํากดั . สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗).หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บริษัทอมรินทร พรน้ิ ต้ิงแอนดพ ับลชิ ช่งิ . สุพจน นาถะพินธุ.(๒๕๓๓).ประมวลกฎหมายอาญา.กรงุ เทพฯ:สาํ นักพิมพรุง เรืองธรรม. สุวัฒน ศรีพงษสุวรรณ.(๒๕๔๙).คําอธิบายประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ: นิตบิ รรณาการ. วินัย เลิศประเสริฐ.(๒๕๔๗).วิธีไลสายกฎหมายอาญา เลม ๑. กรุงเทพฯ:อินเตอรบุคส.
๒๓๖
๒๓๗ º··Õè ò ¤ÇÒÁ¼Ô´à¡èÂÕ Ç¡ºÑ ¡Òá‹ÍãËàŒ ¡Ô´ÀÂ¹Ñ μÃÒÂμÍ‹ »ÃЪҪ¹ ñ. ÇÑμ¶»Ø ÃÐʧ¤¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ»ÃÐจําº· ๑. เพ่ือใหนักเรียนนายสิบตํารวจมีความรูความเขาใจ เรื่องกฎหมายอาญาเก่ียวกับ ความผดิ ฐานตา งๆ ๒. เพอื่ ใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจทราบถงึ การวดั ผลและประเมนิ ผล วชิ ากฎหมายอาญา ๒ ๓. เพื่อใหนักเรียนนายสิบตํารวจมีความรูเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับการกอใหเกิด ภยนั ตรายตอประชาชน ò. ÊÇ‹ ¹นํา นกั เรียนจะไดศึกษาประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ เรือ่ งความผิดเกี่ยวกบั การกอใหเ กิด ภยันตรายตอประชาชน ในความผิดฐานเปน “วางเพลิงเผาทรัพย” และ “การกระทําแกยานพาหนะ หรือใชยานพาหนะรับจางขนสงคนโดยสาร” ตลอดจนแนวคําพิพากษาที่เก่ียวของเพื่อใหนักเรียน นายสิบตํารวจใชป ระกอบการเรียนการสอน ó. à¹×éÍËÒ ÇÒ§à¾Å§Ô à¼Ò·ÃѾ¼ٌ͹è× การวางเพลงิ เผาทรพั ยของผูอ นื่ เปนการทําใหเ สียทรัพยของผูอ่นื อยางหน่งึ แตเ ปนการ ทําใหเสียทรัพยท่ีมีลกั ษณะรา ยแรงและอาจมผี ลกระทบตอ ประชาชนเปนจาํ นวนมาก ท้งั ตอทรพั ยส ิน และชีวิตรางกาย กฎหมายจึงไดแยกมาบัญญัติไวเปนความผิดตางหาก และกําหนดโทษไวสูงกวา ความผิดฐานทําใหเสียทรัพย ท้ังยังลงโทษแมการกระทําอยูในข้ันตระเตรียม ยังไมไดลงมือกระทํา ความผดิ ก็ตาม ประมวลกฎหมายอาญาไดบัญญัติกรณีวางเพลิงเผาทรัพยท่ัวไปไว และไดบัญญัติให ลงโทษหนกั ข้นึ ในกรณีวางเพลงิ เผาทรพั ยบางประเภท ดงั จะไดก ลาวตอไปในมาตรา ๒๑๗ และ ๒๑๘ ñ. ÇÒ§à¾ÅÔ§à¼Ò·ÃѾ·ÇèÑ ä» ÁÒμÃÒ òñ÷ ¼ÙŒã´ÇÒ§à¾ÅÔ§à¼Ò·ÃѾ¢ͧ¼ÙŒÍè×¹μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡μÑé§áμ‹Ë¡à´×͹ ¶§Ö à¨´ç »‚ áÅлÃѺμÑé§áμË‹ ¹§èÖ ¾¹Ñ ºÒ·¶§Ö ˹§èÖ ËÁ¹è× Ê¾Õè ¹Ñ ºÒ· องคป ระกอบของความผดิ มีดังน้ี องคป ระกอบ ๑. วางเพลงิ เผา ๒. ทรพั ยของผูอน่ื ๓. เจตนา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 538
Pages: