๓๘๘ ฉันสามีภริยา การกระทําของจําเลยจึงไมเปนความผิดฐานพรากเด็กไปจากมารดาและผูดูแล โดยปราศจากเหตุอนั สมควรตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๗ วรรคหนง่ึ ®¡Õ Ò·Õè ôùùõ/òõó÷ ผูเสียหายซึ่งเปนเด็กกับจําเลยสมัครใจรักใครชอบพอกัน โดยจําเลยยังไมมีภริยามากอน และจําเลยไดพาผูเสียหายไปนอนหลับไดเสียกันก็เพ่ือประสงคจะ กินอยูดวยฉันสามีภริยา ตอมาฝายจําเลยมีเหตุขัดของไมสามารถจัดหาสินสอดและของหม้ันไปสูขอ ผูเ สียหายจากบดิ ามารดาผเู สียหายตามประเพณีได จงึ มิไดอยูกินดว ยกนั ดงั น้ี การกระทาํ ของจาํ เลย จงึ ไมเปน ความผิดฐานพรากเดก็ ไปเพื่อการอนาจาร ®Õ¡Ò·Õè ñòõø/òõôò ความมงุ หมายของ ป.อ.มาตรา ๓๑๗ เพอื่ เอาโทษแกผ ทู พี่ รากเดก็ แมเด็กเต็มใจไปดวย การพรากเด็กตามมาตรานี้มิไดจํากัดวาพรากไปโดยวิธีการอยางใด ถาเด็กอายุ ยงั ไมเ กนิ สบิ หา ปแ ลว ยอ มเปน ความผดิ แมเ ดก็ จะมรี ปู รา งใหญโ ตมคี วามรสู กึ ผดิ ชอบเกนิ กวา ปกตกิ ต็ าม และการพรากกม็ ไิ ดจ าํ กดั วา พรากไปเพอื่ ประสงคใ ดหรอื ประโยชนอ ยา งใดเพยี งแตม เี จตนาพรากเดก็ ไป เสยี จากบิดามารดากเ็ ปน ความผิดแลว แตถา จาํ เลยพรากเด็กไปโดยมเี หตุผลอนั สมควรก็ไมมีความผดิ ตามมาตราน้ี ปรากฏวา ผเู สยี หายกาํ ลงั ศกึ ษาเลา เรยี นยงั ไมบ รรลนุ ติ ภิ าวะตอ งอยใู ตอ าํ นาจปกครองของ บดิ ามารดา การทจี่ าํ เลยพรากผเู สยี หายไปเสยี จากบดิ ามารดาขณะทบ่ี ดิ ามารดาจาํ ตอ งอปุ การะเลยี้ งดู และใหการศึกษาตามสมควรแกบุตรในระหวางที่เปนผูเยาวและมีสิทธิกําหนดท่ีอยูของบุตร อันเปน สทิ ธแิ ละหนาทขี่ องบิดามารดาและบุตรตาม ป.พ.พ. การกระทําของจําเลยจึงปราศจากเหตอุ นั สมควร จึงเปนความผิด ตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๗ วรรคแรก แตเ มอื่ จาํ เลยกับผูเสียหายรักกันดวยความสจุ ริตใจ ตา งมเี จตนาอยกู นิ ดว ยกนั ฉนั สามภี รยิ าและศาลมคี าํ สง่ั อนญุ าตใหส มรสและมบี ตุ รดว ยกนั การกระทาํ ของจาํ เลยขาดเจตนากระทาํ เพ่ือการอนาจาร จงึ ไมม ีความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๗ วรรคสาม ®Õ¡Ò·èÕ óóøò/òõôò แมเด็กหญิง จ. ออกจากบานโดยบอกผูเสียหายที่ ๑ ซ่ึงเปน ผูปกครองและผูดูแลวาไปหานางสาว ร. เมื่อพบก็ขอตามไปทํางานท่ีจังหวัดสระบุรีดวย นางสาว ร. กบั เด็กหญิง จ. ไปหานาย ส. เพื่อขอใหไ ปสงที่บา นดงบัง และนาย ส. วานจาํ เลยท่ี ๑ กบั พวกไปสง แทนก็ตาม แตก ารท่จี ําเลยที่ ๑ กับพวกไมพานางสาว ร. กบั เด็กหญิง จ. ไปสงท่บี านดงบัง จาํ เลยที่ ๑ กลับพาเด็กหญิง จ. ไปเท่ียวและคางคืนที่กระทอมญาติของจําเลยที่ ๑ โดยหาไดรับความยินยอม จากผเู สยี หายท่ี ๑ ไม ทงั้ ทีท่ ราบดวี า นางสาว ร. กบั เด็กหญงิ จ. จะไปบา นดงบัง พฤติการณถอื ไดว า เปนการกระทาํ โดยปราศจากเหตุอันสมควร เปนความผดิ ฐานพรากเด็กอายไุ มเกิน ๑๕ ป ®Õ¡Ò·èÕ øôø/òõôø ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๗ วรรคแรก มคี วามมงุ หมาย เพ่ือใหความคุมครองอํานาจปกครองของบิดามารดา ผูปกครองหรือผูดูแลท่ีมีตอผูเยาวมิใหผูใด พาไปหรอื แยกออกจากความปกครองดแู ลโดยไมจ าํ กดั วา จะกระทาํ ดว ยวธิ ใี ดและไมค าํ นงึ ถงึ ระยะใกล หรอื ไกล แมผ เู สียหายที่ ๑ ¹§Ñè àŹ‹ ÍÂÙ‹ãμ¶Œ ¹Ø ºŒÒ¹ของจําเลยแตผูเ สียหายท่ี ๑ ก็ยงั อยใู นความปกครอง ดแู ลของผูเสยี หายที่ ๒ จําเลยไมมสี ิทธิจะพาผเู สยี หายที่ ๑ ไปยังท่ีใดโดยผูเ สยี หายท่ี ๒ ไมย นิ ยอม การที่จําเลยมาÍØŒÁ¼ÙŒàÊÕÂËÒ·èÕ ñ ขึ้นไปบนบานพาไปหองนอนแลวกระทําชําเราผูเสียหายที่ ๑
๓๘๙ ถือวาจําเลยแยกสทิ ธิปกครองของผเู สียหายที่ ๒ ในการควบคมุ ดแู ลผเู สียหายท่ี ๑ โดยปราศจากเหตุ อันสมควรการกระทําของจําเลยเปนการพรากเด็กอายุยังไมเกินสิบหาปไปเสียจากผูปกครองเพ่ือการ อนาจารอันเปน ความผิดตามมาตรา ๓๑๗ วรรคสาม ®Õ¡Ò·Õè óòñø/òõôù การที่จําเลยพรากเด็กอายุยังไมเกิน ๑๕ ป ไปเสียจากมารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร และไดกระทําชําเราเด็กหญิงอายุไมเกิน ๑๕ ป ซง่ึ มใิ ชภ รยิ าของตน โดยเดก็ หญงิ นน้ั ยนิ ยอม แมก ารกระทาํ ของจาํ เลยจะเปน การกระทาํ ตอ เนอื่ งในวนั เดยี วกนั แตจ าํ เลยกระทาํ ไปโดยมเี จตนาตา งกนั คอื จาํ เลยมเี จตนาพรากเดก็ หญงิ อ. ไปเสยี จากมารดา เพื่อการอนาจารอัน໚¹à¨μ¹Ò·Õè¡ÃÐทําμ‹ÍÁÒôҢͧà´ç¡ËÞÔ§ อ. สวนท่ีจําเลยกระทําตอเด็กหญิง อ. เปน เจตนากระทาํ ชาํ เราอนั เปน เจตนาตา งหากจากเจตนาพราก จงึ มิใชก ระทําโดยมเี จตนาเดียวกัน การกระทําของจําเลยในแตละวันที่เกิดเหตุตามคําฟองจึงเปนความผิดสองกรรมตางกัน ขอสังเกต ฎกี าที่ ๔๖๑๐/๒๕๔๙ กต็ ดั สนิ ในทาํ นองเดยี วกนั คาํ วนิ จิ ฉยั ในแนวทางดงั กลา วนม้ี มี าตงั้ แตฎ กี ากอ นๆ เชน ฎีกาที่ ๔๓๐๔/๒๕๔๑ ฎีกาท่ี ๑๑๓๑/๒๕๓๗ ฎีกาท่ี ๓๙๘/๒๕๒๐ เปน ตน ÁÒμÃÒ óñø “พรากผเู ยาวโดยผเู ยาวไมเตม็ ใจไปดว ย” ผูใดพรากผเู ยาวอ ายุกวาสบิ หา ปแ ตยังไมเ กนิ สบิ แปดปไปเสียจากบดิ ามารดา ผูปกครอง หรือผูดูแล โดยผูเยาวนั้นไมเต็มใจไปดวย ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตสองปถึงสิบป และปรับตั้งแต ส่ีพันบาทถึงสองหมืน่ บาท ผูใดโดยทุจริต ซ้ือ จําหนาย หรือรับตัวผูเยาวซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ตองระวางโทษ เชน เดียวกับผูพรากนั้น ถา ความผดิ ตามมาตรานีไ้ ดก ระทําเพื่อหากาํ ไรหรือเพอื่ การอนาจาร ผกู ระทําตองระวาง โทษจาํ คกุ ตง้ั แตส ามปถ งึ สบิ หาป และปรับต้งั แตห กพันบาทถึงสามหมื่นบาท ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (วรรคแรก) (๑) ผใู ด (๒) พรากโดยผเู ยาวไมเตม็ ใจไปดว ย (๓) ผูเ ยาวอายุกวา สบิ หาป แตย งั ไมเกินสบิ แปดป ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (วรรคสอง) (๑) ผใู ด (๒) รบั ตัว ซอ้ื จาํ หนา ย (๓) ผูเยาวซงึ่ ถกู พรากตามวรรคแรก ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนาธรรมดา (๒) เจตนาพเิ ศษ “โดยทุจรติ ”
๓๙๐ ͸ԺÒ ความผิดตามมาตราน้ี แยกองคประกอบความผดิ ไดด งั นี้ ÇÃäáá ๑. พรากไปเสยี จากบดิ ามารดา ผูป กครองหรอื ผดู ูแล ๑.๑ บิดามารดา หมายถงึ บดิ ามารดาทชี่ อบดว ยกฎหมาย ๑.๒ ผปู กครอง มคี วามหมายตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย ๑.๓ ผดู ูแล หมายถึง ผูดแู ลทางขอ เทจ็ จรงิ (เทียบคาํ อธิบายมาตรา ๓๑๗) ๒. ผเู ยาวอ ายกุ วา สบิ หา ป แตยงั ไมเกินสบิ แปดป ผูกระทําเอาเด็กท่ีถูกพรากอายุกวา ๑๕ ป แตยังไมเกิน ๑๘ ปไป กฎหมายถือวา เด็กอายุดงั กลาวยอ มสามารถใหค วามยินยอมโดยถูกตองได ๓. โดยผเู ยาวน น้ั ไมเ ต็มใจไปดวย การจะเปน ความผดิ ตามมาตรานี้ เมอื่ ผูเ ยาวนั้นไมเต็มใจไปดวย ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ โดยเจตนา ผกู ระทําจะตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ ÇÃäÊͧ คาํ อธบิ ายวรรคสองเทียบดูมาตรา ๓๑๗ วรรคสอง ÇÃäÊÒÁ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ กระทาํ ความผดิ อยา งใดอยา งหนง่ึ ดังกลา วในสองวรรคกอน ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ ๑. โดยเจตนา ๒. มูลเหตชุ ักจงู ใจเพือ่ หากําไร หรือเพือ่ การอนาจาร ÇÃäÊÒÁ เปนเหตเุ พมิ่ โทษใหหนกั ข้ึนในกรณที ไี่ ดกระทาํ โดยมมี ลู เหตุชกั จูงใจพเิ ศษ คือ เพื่อหากาํ ไรหรอื เพ่อื การอนาจาร ®Õ¡Ò·Õè ô÷øó/òõóô ความผิดฐานพรากผูเยาวไปเพื่อการอนาจาร เปนความผิด สําเร็จนับแตจําเลยเร่ิมพรากผูเสียหายซึ่งเปนผูเยาวไปโดยมีเจตนาเพ่ือการอนาจาร แมจําเลยยังไม ไดกระทําอนาจารผูเสียหายก็ตาม การที่จาํ เลยกระทาํ อนาจารผูเสยี หายหลังจากน้นั จงึ เปน ความผิด อกี กรรมหนง่ึ ซง่ึ ตา งกรรมตา งวาระกบั ความผดิ ดงั กลา ว การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ เปน ความผดิ หลายกรรม ®¡Õ Ò·Õè óóôó-óóôô/òõóô จําเลยพาผูเสียหายไปเพ่ือเปนภรรยา ผูเสียหายเต็มใจ ไปดว ย มิไดใชกาํ ลงั บงั คบั พาไปโดยผเู สียหายกับจําเลยเคยอยูกินฉันสามีภรรยามากอน จาํ เลยมิไดมี เจตนาพาผูเสยี หายไปเพ่อื การอนาจาร แมผ ูเสยี หายจะเปนหญงิ ผูเ ยาว อายุ ๑๗ ป กย็ งั ถอื ไมไดว า เปนการลวงละเมิดตออํานาจปกครองของมารดา การกระทําของจําเลยไมเปนความผิดฐานพาหญิง ไปเพ่ือการอนาจาร โดยใชกําลังประทุษราย และพรากผูเยาวไปเพ่ือการอนาจาร ตาม ป.อ.มาตรา ๒๘๔ และมาตรา ๓๑๘
๓๙๑ ®¡Õ Ò·Õè ñõñô/òõóò จาํ เลยที่ ๑ กบั พวกขบั รถพาผเู สยี หายไปยงั ทเี่ ปลยี่ วแลว ปลกุ ปลา้ํ จบั หนา อกและถอดเสอ้ื กางเกงผเู สยี หาย พอดมี รี ถยนตบ รรทกุ ผา นมา จาํ เลยที่ ๑ จงึ ขบั รถพาผเู สยี หาย ไปยังบอเลี้ยงปลาและดึงตัวผูเสียหายลงมาจากรถ จําเลยที่ ๑ กอดจูบผูเสียหาย จําเลยที่ ๒ กระชากกางเกงของผูเสียหายออกผูเสียหายด้ินหลุดแลวกระโดดลงไปในบอเล้ียงปลา จําเลยที่ ๑ ที่ ๒ กบั พวกพดู ขม ขวู า ถา ไมข น้ึ จะตามลงไปกดใหต ายบา ง จะเอาไฟฟา ชอ็ ตบา ง ทงั้ มพี วกจาํ เลยบางคน ถอดเสอื้ กางเกงออกหมด บางคนเหลอื แตกางเกงใน เปน เหตใุ หผ ูเสียหายไมกลา ขน้ึ ตองทนทรมาน อยูในบอถึง ๑ ช่ัวโมงเศษ และท่ีผูเสียหายขึ้นจากบอก็เพราะถูกหลอกวาพวกจําเลยไปหมดแลว ผเู สยี หายจงึ ขน้ึ มา แลว ถกู จาํ เลยท่ี ๑ ท่ี ๒ กบั พวกจบั ตวั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา การกระทาํ ของจาํ เลยที่ ๑ ท่ี ๒ จงึ เปนความผดิ ฐานพาหญงิ ไปเพ่อื การอนาจารและฐานหนวงเหนย่ี วผูอน่ื ใหป ราศจากเสรีภาพ การทจี่ ําเลยที่ ๑ ท่ี ๒ หนวงเหนย่ี วผูเสยี หายไวก็เพ่อื มงุ ประสงคทจ่ี ะเอาตัวผเู สียหายไป ขมขืนกระทาํ ชําเรา ซ่งึ เปนความประสงคม าตงั้ แตแ รกแลว การกระทําดังกลาวจึงตอ เนอ่ื งกนั ตลอดมา โดยไมข าดตอน การกระทาํ ของจาํ เลยที่ ๑ ที่ ๒ จงึ เปนการกระทาํ กรรมเดยี วผดิ กฎหมายหลายบท แมจะไดความวาผูเสียหายออกจากบานไปอยูที่อื่น แตมารดาก็ยังใหสรอยทองคํา ถือไดว า มารดายงั อุปการะเลีย้ งดูผเู สยี หายอยู การทจี่ าํ เลยท่ี ๑ ที่ ๒ พาผเู สียหายไปกระทาํ อนาจาร โดยผูเสียหายไมยินยอมถือไดวาเปนการลวงอํานาจปกครองของบิดามารดา จึงเปนความผิดฐาน พรากผูเยาว ÁÒμÃÒ óñù “พรากผเู ยาวอ ายุกวาสบิ หาป แตยังไมเกนิ สิบแปดป เพอื่ หากําไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผูเยาวเ ตม็ ใจไปดวย” ผูใดพรากผูเ ยาวอายุกวา สบิ หา ปแ ตย ังไมเ กนิ สิบแปดปไปเสยี จากบิดามารดา ผูปกครอง หรือผูดูแล เพื่อหากําไร หรือเพ่ือการอนาจาร โดยผูเยาวน้ันเต็มใจไปดวย ตองระวางโทษจําคุก ตั้งแตสองปถงึ สิบป และปรับตั้งแตส ี่พันบาทถึงสองหม่ืนบาท ผูใดโดยทุจริต ซื้อ จําหนาย หรือรับตัวผูเยาวซ่ึงถูกพรากตามวรรคแรก ตองระวางโทษ เชนเดียวกบั ผพู รากนนั้ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (วรรคแรก) (๑) ผูใด (๒) พรากไปเสียจาก (ก) บิดา มารดา (ข) ผูปกครอง หรอื (ค) ผูด แู ล (๓) ผเู ยาวอ ายกุ วา สิบหา ป แตย ังไมเ กินสบิ แปดปโ ดยผเู ยาวน้ันเต็มใจไปดว ย ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนาธรรมดา
๓๙๒ (๒) เจตนาพิเศษ (ก) เพอื่ หากําไร หรอื (ข) เพ่อื การอนาจาร ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (วรรคสอง) (๑) ผใู ด (๒) ซอ้ื จําหนา ย หรือ รบั ตัว (๓) ผเู ยาวซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนาธรรมดา (๒) เจตนาพิเศษ “โดยทุจรติ ” คํา͸ºÔ Ò มาตรานเี้ หมอื นกบั มาตรา ๓๑๘ ในเร่อื งอายุของผูเ ยาว แตตางกับมาตรา ๓๑๘ ในแงท ี่ ผูก ระทาํ ตอ งมมี ลู เหตชุ ักจงู ใจ คอื นอกจากจะมเี จตนาแลว ยังตองมมี ูลเหตชุ กั จงู ใจทจี่ ะหากาํ ไร หรือ เพื่อการอนาจารอีกดวย ฉะนน้ั ถึงผูเ ยาวจะเตม็ ใจไปดว ยก็ตองเอาผิด วรรคสองเปนการลงโทษผูซื้อ จําหนาย หรือรับตัวผูเยาวไวโดยทุจริต ผูกระทําตอง มีเจตนาโดยตองรูวาผูเยาวอายุกวา ๑๕ ป แตยังไมเกิน ๑๘ ป ในขณะท่ีพรากและถูกพรากไปเสีย จากบิดา ผูปกครอง หรือผูดูแล นอกจากนี้ยังตองมีมูลเหตุชักจูงใจ คือทุจริตดวย (คําอธิบายตาม มาตรา ๑ (๑)) มาตรานีเ้ พ่ิมโทษโดยประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ®¡Õ Ò·Õè ôõòö/òõôó ความผิดฐานพรากผูเยาวมีวัตถุประสงคเพ่ือใหความคุมครอง อํานาจปกครองบิดามารดา ผูปกครองหรือผูดูแลที่มีตอผูเยาวมิใหผูใดมาพรากไปเสียจากความ ปกครอง ขณะเกิดเหตุผูเสียหายอาศัยอยูกับนาย บ. และนาง ก. ผูเปนบิดามารดาและอยูในความ ปกครองของบิดามารดา การท่ีนาง ก. อนุญาตใหผูเสียหายไปเที่ยวกับเพ่ือนน้ันเปนการอนุญาตให ออกไปเท่ียวเปนการช่ัวคราวมิไดอนุญาตใหแยกออกไปอยูโดยลําพังเปนการถาวร จึงยังไมพนจาก ความปกครองดูแลของบิดามารดา การทผี่ ูเสยี หายออกจากบานพกั ไปหาจําเลยทีห่ อพัก หลังจากน้ัน จําเลยพาผูเสียหายไปเดินเท่ียวหางสรรพสินคาแลวชวนผูเสียหายไปที่หองพักของจําเลยและอยูกับ จําเลยเร่ือยมา แลวจําเลยกระทําชําเราผูเสียหายโดยบิดามารดาของผูเสียหายมิไดอนุญาตให ผูเสียหายไปอยูกับจําเลยถือเปนการพรากผูเสียหายออกมาจากบิดามารดาอันเปนการพรากผูเยาว ไปเสียจากบดิ ามารดาเพอ่ื การอนาจารตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๙ วรรคแรก ®¡Õ Ò·Õè óõô/òõôò ผูเยาวกับจําเลยรูจักสนิทสนมกันมานานประมาณ ๔ ป มีความรักใครชอบพอกันอยูกอนแลว ผูเยาวเองก็รับวาสมัครใจรวมประเวณีกับจําเลย นอกจากนี้ บิดามารดาจําเลยเคยติดตอสูขอผูเยาวจากบิดามารดาแตตกลงในจํานวนเงินคาสินสอดกันไมได ผูเยาวจึงติดตามไปอยูกับจําเลย และหลังจากนั้นก็อยูกินกับจําเลยมาโดยตลอด มิไดกลับไปอาศัย
๓๙๓ อยูกับบิดามารดาของตนจนผูเยาวต้ังครรภ พฤติการณของจําเลยท่ีพาผูเยาวไปอยูกินดวยกันก็ดวย ประสงคจะเลี้ยงดูผูเยาวเปนภริยาจริงๆ ประกอบกับจําเลยไมเคยมีภริยาและบุตรมากอน จําเลย ยอมอยูในฐานะเล้ียงดูผูเยาวฉันสามีภริยาไดโดยแท การกระทําของจําเลยไมอาจถือวาเปนการ พรากผเู ยาวไปเพือ่ การอนาจาร ®¡Õ Ò·èÕ öøñù/òõó÷ เด็กหญิง ข. หลบหนีออกจากบานเพียงไปดูภาพยนตรซ่ึงไม หางไกลจากบานท่ีอยู เมื่อภาพยนตรเลิกแลวก็คงกลับบานหากไมถูกจําเลยพาไป อํานาจในการ ปกครองดูแลของ จ. ผูปกครองดูแลจึงหาไดสิ้นสุดลงไม จําเลยพาเด็กหญิง ข. ไปอยูท่ีอ่ืนหลายวัน และไดกระทําชาํ เราเด็กหญิง ข. หลายคร้ัง ถือวาเปน การพรากเดก็ หญิง ข. ออกจาก จ. โดยปราศจาก เหตุอันสมควรและเปนการกระทําอนาจารดวย แมขณะเกิดเหตุเด็กหญิง ข. อายุ ๑๓ ป แตมี รูปรางสมบูรณกวาเด็กปกติทั่วไป ตามสายตาของบุคคลภายนอกจะประมาณวามีอายุประมาณ ๑๗ ถึง ๑๘ ป ซึ่งจําเลยก็สําคัญผิดเชนน้ัน จําเลยยอมไดรับประโยชนตาม ป.อ.มาตรา ๖๒ วรรคแรก จําเลยจึงมีความผิดฐานพรากผูเยาวไปเพ่อื การอนาจารตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๙ ®¡Õ Ò·Õè õðóø/òõóù คําวา “ผูปกครอง” ตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๙ หมายถึง ผูใช อํานาจปกครองอยางบิดามารดา ผูเสียหายเปนผูปกครองและดูแลผูเยาวท้ังในฐานะนาและนายจาง โดยไดร บั มอบหมายจากบดิ ามารดาของผเู ยาวจ งึ เปน ผใู ชอ าํ นาจปกครอง การทจ่ี าํ เลยพาผเู ยาวไ ปจาก ผเู สยี หายโดยปราศจากเหตุอนั สมควร เปน ความผดิ ฐานพรากผเู ยาวต าม ป.อ.มาตรา ๓๑๙ วรรคแรก ®¡Õ Ò·èÕ ñöò÷/òõóù นางสาว ก. ผูเสียหาย อายุ ๑๕ ปเศษ ไมไดพักอาศัยอยูกับ มารดาเพราะมารดานาํ ไปฝากใหอ ยกู บั ผอู นื่ กไ็ มถ อื วา พน จากอาํ นาจปกครองของมารดา การทจ่ี าํ เลย พาผูเสียหายไปโดยมารดามิไดยินยอม ยอมเปนการลวงอํานาจปกครองของมารดาแมผูเสียหาย จะสมัครใจยินยอม ก็ถือไมไดวาไดรับความยินยอมจากมารดา การกระทําของจําเลยจึงเปน การพรากผูเสยี หาย ซงึ่ เปน ผเู ยาวไ ปเสยี จากมารดา การกระทําเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒ และ ๓๑๙ น้ัน หมายความถึง การกระทําท่ีไมสมควรในทางเพศตอรางกายของบุคคลอื่น ซึ่งตองเปนการกระทําตอ เนื้อตัวของบุคคลโดยตรง จะกระทําในที่รโหฐานหรือสาธารณสถานก็ไมมีผลที่แตกตางกัน การท่ี ชายอื่นรวมประเวณีกับผูเสียหายซึ่งเปนผูเยาวที่ถูกจําเลยพาไปในหองของโรงแรมแมจะเปนท่ีมิดชิด แตกเ็ ปนการกระทําที่ไมสมควรในทางเพศตอรางกายของผูเสยี หาย จงึ เปนการกระทาํ เพือ่ อนาจาร ¢ÍŒ Êѧà¡μ ÁÒμÃÒ óñù ตางกับมาตรา ๓๑๘ ดังนี้ (ñ) ÁÒμÃÒ óñø ผเู ยาว ไมเตม็ ใจไปดวย สวนมาตรา ๓๑๙ ผูเยาวเต็มใจไปดวย (ò) ÁÒμÃÒ óñø พรากไปดวยเหตุใดๆ ก็ผิดตามวรรคแรก หากเพ่ือหากําไรหรือ เพ่ืออนาจาร จึงจะเปนเหตุฉกรรจตามวรรคสาม สวนมาตรา ๓๑๙ เน่ืองจากผูเยาวเต็มใจไปดวย การพรากจึงตอ งมีเหตจุ ูงใจ เพอื่ หากาํ ไร หรอื เพื่อการอนาจารเทาน้นั จงึ จะเปนความผิด
๓๙๔ อยางไรก็ตาม หากความจริงเปนการพรากไปเพื่อการอนาจาร โดยผูเยาวเต็มใจไปดวย อันเปน ความผิดตามมาตรา ๓๑๙ วรรคแรก แตโ จทกฟ องวาจาํ เลยพรากผเู ยาว โดยผเู ยาวไ มเตม็ ใจ ไปดวยตามมาตรา ๓๑๘ ศาลก็ลงโทษตามมาตรา ๓๑๙ ซึ่งมีโทษเบากวาโทษตามมาตรา ๓๑๘ วรรคสามได โดยฎกี าท่ี ๗๔๐/๒๕๓๖ ใหเ หตผุ ลทลี่ งโทษดงั กลา วได เพราะการพรากผเู ยาวไ ปเพอ่ื การอนาจาร จะโดยผูเยาวเ ตม็ ใจไปดวยหรือไมก ต็ าม ประมวลกฎหมายอาญากบ็ ญั ญัติวาเปน ความผิดอยูแลว ÊÃØ»¡Ã³Õ ÁÒμÃÒ óñ÷, óñø, óñù ๑) หากพรากเดก็ อายุ “处 äÁ‹à¡¹Ô ÊԺˌһ”‚ เปน กรณมี าตรา ๓๑๗ ไมต องคํานึงวา เด็ก จะเต็มใจไปดว ย หรือไมเ ต็มใจไปดวย ๒) หากพรากผเู ยาวอายุ “¡ÇÒ‹ ÊºÔ ËŒÒ»”‚ แต “ÂѧäÁà‹ ¡Ô¹ÊԺỴ»”‚ (๒.๑) หากผเู ยาวไมเตม็ ใจไปดวยเปนกรณมี าตรา ๓๑๘ (๒.๒) หากผูเยาวเต็มใจไปดว ยเปน กรณมี าตรา ๓๑๙ ãËŒ¾¨Ô ÒóҤÇÒÁáμ¡μÒ‹ §´§Ñ ¹Õé ÁÒμÃÒ óñ÷ ÁÒμÃÒ óñø ÁÒμÃÒ óñù เดก็ อายุยังไมเ กนิ สบิ หาป ผเู ยาวอ ายุกวา สบิ หาป ผเู ยาวอายกุ วาสบิ หาป แตยงั ไมเกินสิบแปดป แตยังไมเ กินสิบแปดป เด็กเต็มใจไปดวย หรือไมเต็มใจ ผเู ยาวไมเ ตม็ ใจไปดว ย ผูเ ยาวเต็มใจไปดว ย ไปดวยกไ็ ด ปราศจากเหตอุ นั สมควร - - หากการพรากกระทําโดยมีเจตนา หากการพรากกระทําโดยมี การกระทําจะเปนความผิดตาม พเิ ศษ “à¾Íè× ËÒกําäÔ หรอื “à¾×èÍ¡Òà เจตนาพิเศษ “à¾×èÍËÒกําäÔ วรรคแรกตองพรากหรือ โดยมี ͹ҨÒÔ ก็เปนเหตุฉกรรจตาม “à¾×èÍ¡ÒÃ͹ҨÒÔ ก็เปน เจตนาพิเศษ “à¾è×ÍËÒกําäÔ หรือ เหตุฉกรรจต ามวรรคสาม “ à ¾×è Í ¡ Ò Ã Í ¹ Ò ¨ Ò Ã ” เทานั้น วรรคสาม มิฉะนั้นไมเปน ความผดิ ÁÒμÃÒ óòñ/ñ การกระทําความผิดตามมาตรา ๓๑๒ ตรี วรรคสอง และมาตรา ๓๑๗ หากเปนการกระทําตอเด็กอายุไมเกินสิบสามป หามอางความไมรูอายุของเด็กเพ่ือใหพนจาก ความผิดนัน้
๓๙๕ ËÁ¹èÔ »ÃÐÁÒ· ÁÒμÃÒ óòö “ผูใดใสความผูอื่นตอบุคคลท่ีสาม โดยประการท่ีนาจะทําใหผูอื่นน้ัน เสียช่ือเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังผูนั้นกระทําความผิดฐานหม่ินประมาท ตองระวางโทษจําคุก ไมเกินหนึง่ ปหรอื ปรบั ไมเ กินสองหม่ืนบาท หรอื ทงั้ จําทัง้ ปรบั ” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. ใสความผูอื่นโดยประการท่ีนาจะทําใหผูอ่ืนนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหม่ิน หรือถูก เกลยี ดชัง ๒. ใสความตอบคุ คลท่สี าม ๓. โดยเจตนา ñ) ãʤ‹ ÇÒÁ คํากลา วท่เี ปนหม่นิ ประมาท ไดแก การ “ใสความ” คือ แสดงพฤตกิ ารณ อันเปนขอเท็จจริงที่เกิดขึ้นแลวหรือกําลังเกิดข้ึนอยู เปนการยืนยันขอเท็จจริงถึง¤ÇÒÁ»ÃоÄμÔ àÊèÍ× ÁàÊÂÕ ã¹·Ò§»ÃÐàdz,Õ »ÃоÄμÔªÑèÇËÃÍ× ·¨Ø ÃμÔ ã¹Ë¹ŒÒ·Õè¡Òçҹ ËÃ×ͰҹСÒÃà§¹Ô ·äèÕ Á¹‹ Ò‹ àª×Íè ¶Í× ไมว า จะเปน จรงิ หรอื เทจ็ กต็ าม เปน การพดู หาเหตรุ า ยหรอื กลา วหาเรอื่ งรา ยใหผ อู น่ื ไดร บั ความเสยี หาย ๑.๑ ໹š ¡ÒáŋÒÇ¢ŒÍà·¨ç ¨Ã§Ô ËÃ×;Äμ¡Ô Òó· àèÕ ¡èÂÕ Ç¡Ñº·Ò§»ÃÐàÇ³Õ เชน กลา วหา เขาในทางชูส าว (ฎีกาที่ ๔๔๗/๒๕๓๕ น.๔๒๒) ๑.๒ ¤ÇÒÁ»ÃоÄμÔªÑèÇËÃÍ× ·Ø¨ÃμÔ เชน ๑.๓ ·Ø¨ÃÔμã¹Ë¹ŒÒ·Õè¡Òçҹ กลาววา ผูวาราชการจังหวัดประพฤติอยางคนไร ศีลธรรม มสี วนพัวพันเปนผจู างคนฆา นักขา ว ใชอาํ นาจในทางทผี่ ิด (ฎกี าท่ี ๕๒๖/๒๕๒๕ น.๖๕๑) ๑.๔ °Ò¹Ð¡ÒÃà§Ô¹·èÕäÁ‹¹Ò‹ àªèÍ× ¶Í× เชน กลาววา ออกเชค็ จายเงนิ ๑ ลา นบาท ไมม ี เงนิ ธนาคารงดจา ยเงนิ ทําใหเ ขาใจวาฐานะการเงนิ ไมน าเชอื่ ถอื (ฎกี าที่ ๔๐๗/๒๕๒๓ น.๒๒๗) Ç¸Ô ¡Õ ÒÃãÊ‹¤ÇÒÁ คอื แสดงขอความใหปรากฏ ò) ¼ÙŒÍ×è¹ คือผูที่ถูกใสความอาจเปนบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลก็ได นิติบุคคล อาจเปนผกู ระทาํ ó) μÍ‹ º¤Ø ¤Å·ÊèÕ ÒÁ คอื มบี คุ คลทสี่ ามไดร บั ทราบขอ เทจ็ จรงิ เกยี่ วกบั การหมน่ิ ประมาทนน้ั เชน สง จดหมายหมน่ิ ประมาท น. ให ส. อา นเอาเองเมื่อ ส.ทราบขอ ความก็ครบองคประกอบ (ฎกี า) ®Õ¡Ò·Õè òñõõ/òõóñ การกระทําของจําเลยตามท่ีไดบรรยายมาในฟองเปนเร่ืองที่ จาํ เลยถามนายประกอบวา มคี วามสมั พนั ธท างชสู าวกบั โจทกจ รงิ หรอื ไม ถา เปน จรงิ กใ็ หเ ลกิ เสยี เทา นน้ั ไมไดยืนยันถึงวานายประกอบมีความสัมพันธทางชูสาวกับโจทก ยังไมเขาลักษณะเปนการใสความ อนั จะเปน การหมนิ่ ประมาทโจทก และเมอื่ ไมป รากฏวา จาํ เลยกลา วเชน นนั้ ตอ หนา โจทกจ งึ มใิ ชเ ปน การ ดูหมิน่ โจทกซ ่งึ หนา อกี เชน กัน ®Õ¡Ò·Õè òñøð/òõóñ การที่จะเปนความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นจะตองเปนการ ใสความผูอ่ืนโดยยืนยันขอเท็จจริงท่ีใสความน้ันตอบุคคลที่สาม และการใสความน้ันนาจะทําใหผูอ่ืน
๓๙๖ ทถี่ กู ใสค วามเสยี ชอ่ื เสยี ง ถกู ดหู มน่ิ หรอื ถกู เกลยี ดชงั ดงั นน้ั การทจี่ าํ เลยถาม ป.วา มคี วามสมั พนั ธท าง ชสู าวกบั โจทกห รอื ไม จงึ เปน เพยี งการคาดคะเนของจาํ เลยเทา นน้ั มใิ ชเ ปน การยนื ยนั ขอ เทจ็ จรงิ อนั นา จะทาํ ใหโจทกเ สยี ชอ่ื เสยี ง ถกู ดหู ม่นิ หรอื ถกู เกลยี ดชงั แตประการใด จําเลยจึงไมมีความผิดฐานหมน่ิ ประมาท และขอเท็จจริงไมปรากฏวาจําเลยกลาววาจาตอหนาโจทก จึงไมใชเปนดูหมิ่นโจทกซ่ึงหนา จาํ เลยไมมีความผดิ ฐานดหู มิน่ ซึง่ หนา ฎีกาท่ี ๓/๓๕๔๒ ขอความที่จําเลยที่ ๑ ลงพิมพโฆษณาวาโจทกเรียกเงิน ๕ ลานบาท ในการถายภาพนดู นน้ั จําเลยท่ี ๑ มิไดอา งถึงขอ ความจรงิ อันใดเลยในการแสดงความคิดเหน็ เชน นนั้ ทง้ั ไมม ขี อ ความทแ่ี สดงใหเ หน็ เจตนาของจาํ เลยท่ี ๑ ทจี่ ะปกปอ งโจทก ทาํ ใหผ ทู ไี่ มท ราบความจรงิ เขา ใจผดิ ดูหม่ินเกลียดชังโจทกอันสงผลกระทบตอเกียรติยศและสถานะในทางสังคมของโจทก หาใชเปนการ ติชมดวยความเปนธรรมอันเปนวิสัยของประชาชนยอมกระทําไม จึงเปนการใสความหมิ่นประมาท โจทก จําเลยท่ี ๑ ไมไ ดรบั การยกเวนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๙ คําวา “ãʤ‹ ÇÒÁ” ตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๖ ไมไดนิยามศัพทไววามีความหมายวา อยางไร แตตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอธิบายวา หมายถึงพูดหาเหตุราย กลาวหาเร่ืองราย ใหผูอื่นไดรับความเสียหาย โจทกมีความสัมพันธฉันชูสาวกับจําเลย ไมกอใหเกิดสิทธิแกจําเลย ท่ีจะกลาวหาเรื่องรายประจานโจทกดวยถอยคําหมิ่นประมาทโจทก เม่ือจําเลยแจงความเพ่ือเปน หลักฐานเทานัน้ มิไดม ีเจตนาใหเจาพนักงานดาํ เนนิ คดีแกโ จทก จงึ เปน ไดว า จําเลยมุงประสงคใ หโ จทก ถูกดูหมนิ่ เกลยี ดชงั และทาํ ลายช่อื เสยี งของโจทก การกระทาํ ของจําเลยจงึ เปนการหม่ินประมาทโจทก ท้ังขอความอันเปนหม่ินประมาทโจทกเปนการใสความในเร่ืองสวนตัวไมเปนประโยชนแกประชาชน แมเรื่องที่กลาวหาจะเปนความจริง จําเลยก็ไมอาจยกเอาเหตุกระทําเพ่ือปองกันตนหรือปองกันสวน ไดเ สียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมขึ้นปฏเิ สธความผิดได ®¡Õ Ò·Õè ôôòõ/òõôõ ขณะโจทกเดินอยูท่ีหนาหอประชุม จําเลยช้ีมือมาท่ีโจทกแลว พดู กนั ชาวบานทเ่ี ดินผา นมา “ระวงั ทนายสกปรกจะเอาเรื่อง” ซ่ึงคําพูดดังกลาวไมม ีขอความประกอบ ใหเ หน็ วา โจทกม อี าชพี ทนายความสกปรกในเรอื่ งอะไร แมจ ะเปน คาํ เสยี ดสโี จทกว า เปน คนนา รงั เกยี จ แตไมถึงขนาดทําใหผูที่รับฟงเขาใจวาโจทกเปนคนคดโกงขาดความนาเช่ือถือหรือนาจะทําใหโจทก เสียช่อื เสยี ง ถกู ดูหมิ่นหรือดถู กู เกลียดชัง ถอ ยคาํ ท่จี ําเลยกลาวจงึ ไมเปน หม่นิ ประมาทโจทก ®Õ¡Ò·Õè ù÷/òõôñ จําเลยกับผูเสียหายเคยมีความขัดแยงกัน ในเรื่องหน้ีเงินกูมากอน ประกอบกับพฤติการณของผูเสียหายเมื่อไปถึงหนาร้ัวบานของจําเลยไดเรียกจําเลยซึ่งเปนเจาหนี้ ใหออกมาพูดนอกร้ัวบาน อันถือวาเปนการไมใหเกียรติจําเลยทําใหจําเลยโกรธผูเสียหายและรองดา ผูเ สียหายวา “มึงเปนเมยี นอ ยสารวัตร ศ. อยา มาทาํ ใหญใ หกเู หน็ นะ” ตอหนา พ. ซงึ่ มากบั ผเู สียหาย การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ เปน การทาํ ใหผ เู สยี หายเสยี ชอื่ เสยี ง ถกู ดหู มน่ิ หรอื ถกู เกลยี ดชงั จาก พ. อนั เปน ความผดิ ฐานหมิ่นประมาทตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๖
๓๙๗ ®¡Õ Ò·Õè ñ÷óô/òõðó (ประชุมใหญ) มารดาถูกขวางดวยกอนอิฐ บุตรไมเห็นคนขวาง แตไดกลาวตอหนาคนหลายคนวา “ไมมีใครนอกจากไอแกว (โจทก) อายชาติหมา อายฉิบหาย” ดังน้ี เม่ือพฤติการณแสดงวาเปนแตคาดคะเน ไมมีเจตนาใสความใหโจทกเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหม่ิน เกลยี ดชงั ก็ไมผ ดิ ฐานหมน่ิ ประมาทตามมาตรา ๓๒๖ ®Õ¡Ò·èÕ ñðóó/òõóó การใสค วามตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๖ ผกู ระทาํ ตอ งมเี จตนาใสค วาม ผูอื่น ขอความที่จําเลยเบิกความเก่ียวกับตัวโจทกในคดีอาญาอื่น เปนขอท่ีจําเลยสืบทราบมาจาก ชาวบาน ไมใชขอท่ีจําเลยประสบมาดวยตนเอง สวนขอที่ชาวบานบอกใหจําเลยทราบนั้นจะเปน ความจริงหรือไม จําเลยไมทราบ การเบิกความของจําเลยมีเจตนาจะใหความจริงตอศาลในการ พิจารณาตามที่จําเลยสืบทราบมาเทานั้น จําเลยหาไดมีเจตนาใสความโจทกใหถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง แตอ ยา งใดไม จงึ ไมเปนความผิดตามมาตราน้ี ñ. ËÁè¹Ô »ÃÐÁÒ·¼μÙŒ Ò ÁÒμÃÒ óò÷ “ผใู ดใสค วามผตู ายตอ บคุ คลทส่ี ามและการใสค วามนนั้ นา จะเปน เหตใุ หบ ดิ า มารดา คูสมรส หรือบุตรของผูตายเสียชอ่ื เสยี ง ถกู ดูหมิ่น หรอื ถูกเกลยี ดชงั ผูน้ันกระทําความผดิ ฐาน หมิ่นประมาท ตอ งระวางโทษดงั บญั ญตั ิไวในมาตรา ๓๒๖ นน้ั ” ͧ¤»ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ๑. ใสค วามผตู าย และการใสค วามนนั้ นา จะเปน เหตใุ หบ ดิ ามารดา คสู มรส หรอื บตุ รของ ผตู ายเสยี ชือ่ เสยี ง ถกู ดหู ม่นิ หรือถูกเกลียดชัง ๒. ใสความตอ บุคคลทสี่ าม ๓. โดยเจตนา ¨Ò¡Í§¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ¢ÒŒ §μŒ¹ ๑. องคความผดิ ตามมาตรานี้ เหมือนกบั มาตรา ๓๒๖ เปนสว นมาก คงผิดกันเฉพาะใน องคประกอบในขอ แรกเพยี งสองประการ คอื - ใสความผตู าย (ไมใ ชใ สความผูอื่นซึ่งหมายถึงบุคคลทีย่ ังมีชวีิ ติ ) - การใสความน้ันนาจะเปนเหตุใหบิดามารดา คูสมรส หรือบุตรของผูตาย เสียช่ือเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง (ไมใชใสความผูตายแลวนาจะเปนเหตุใหผูตายเสียชื่อเสียง ถูกดหู มิ่น ถูกเกลยี ดชัง) ๒. เมื่อมีการหมิ่นประมาทตองดูวาขณะใสความคนที่ถูกใสความตายแลวหรือยัง ถายังไมตาย แมจะเจ็บปวยใกลจะตายเพียงใดตองบังคับตามมาตรา ๓๒๖ ถาตายแลวจึงบังคับตาม มาตรา ๓๒๗ นี้ ๓. คนทจ่ี ะเสียชอื่ เสยี ง ถูกดหู มน่ิ ถกู เกลียดชงั เพราะการใสความผตู ายน้ัน กฎหมาย จาํ กดั ไวเ ฉพาะบคุ คลเพยี งสามประเภทคอื (๑) บดิ ามารดา (๒) คสู มรส (๓) บตุ ร บคุ คลสามประเภทนนั้ จะตองอยใู นฐานะทช่ี อบดว ยกฎหมาย กฎหมายไมไ ดใ ชค ําวา บุพการี หรือผูสืบสันดาน
๓๙๘ ÁÒμÃÒ óòø ถาความผิดฐานหมิ่นประมาทไดกระทําโดยการโฆษณาดวยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี หรอื ส่งิ บันทึกเสยี ง บนั ทกึ ภาพ หรอื บันทกึ อกั ษรกระทาํ โดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพหรอื โดยกระทาํ ภาพขา วประกาศดวยวธิ ีอนื่ ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจาํ คุกไมเ กิน สองป และปรบั ไมเ กินสองแสนบาท ò. ¡ÒáÃÐทํา·¡Õè ®ËÁÒ¶Í× Ç‹ÒäÁà‹ »š¹¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹ËÁèÔ¹»ÃÐÁÒ· ÁÒμÃÒ óòù “ผูใดแสดงความคดิ เห็นหรอื ขอ ความใดโดยสุจริต ๑. เพ่ือความชอบธรรม ปองกนั ตน หรือปอ งกันสว นไดเ สยี เกี่ยวกบั ตน ตามคลองธรรม ๒. ในฐานะเปนเจา พนกั งานปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ที่ ๓. ติชมดวยความเปนธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเปนวิสัยของประชาชนยอมกระทํา หรือ ๔. ในการแจงขาวดวยความเปนธรรม เรื่องการดําเนินการอันเปดเผยในศาลหรือ ในการประชุม ผนู ้ันไมมีความผดิ ฐานหมิ่นประมาท” ¡Ã³·Õ Õè¡®ËÁÒ¶Í× ÇÒ‹ äÁà‹ »š¹¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ËÁ¹èÔ »ÃÐÁÒ· ตองพิจารณาวาการแสดงความคิดเห็นหรือขอความนั้นเปนไปโดยสุจริตหรือไม ถาไมสุจริตเสียแลวก็ไมจําตองพิจารณาเงืิ่อนไขอ่ืนอีกตอไป เชน มีเจตนาแกลงกลาวขอความเท็จ โดยไมสุจริตเสียแลว กรณีไมเขาขอยกเวนที่จะไมเปนความผิดตามมาตรา ๓๒๙ (๑) ได สุจริตหรือ ไมส ุจริต ตอ งอาศยั พฤติการณตางๆ เปนเครอื่ งชี้ (๑) เพ่ือความชอบธรรม ปองกันตนหรอื ปองกันสว นไดเสยี เก่ยี วกับตนตามคลองธรรม เพ่อื ความชอบธรรม หมายถงึ เพ่ือใหถ กู ตอ งตามความเปน ธรรม ซึ่งเปนมูลเหตุชกั จูงใจ ในการใสค วามพาดพิงไปถงึ ผูอนื่ หรอื ผูต าย ปองกันตนตามคลองธรรม หมายถึง ปองกันตามทํานองคลองธรรมตอความเสียหาย ตางๆ ทเี่ กดิ ข้ึน และจะเกดิ ข้นึ แกตนตามความหมายทีค่ นธรรมดาทวั่ ไปเขาใจกันเทาน้ัน ปองกันสวนไดเสียเก่ียวกับตนตามคลองธรรม หมายถึง ปองกันประโยชนสวนไดเสีย อันเกยี่ วกับตนตามทาํ นองคลองธรรม สว นไดเสียหมายถงึ สว นทไ่ี ดป ระโยชน หรอื เสยี ประโยชน (๒) ในฐานะเปนเจาพนักงานปฏิบัติการตามหนาท่ีท่ีจะเขาเกณฑในขอน้ี จะตองอยูใน ฐานะเปน เจาพนกั งานปฏิบตั ิตามหนา ท่ี คําวา เจา พนักงานตองเปนเจา พนกั งานตามกฎหมาย ®Õ¡Ò·Õè õõð/òõðö พนักงานสอบสวนรวบรวมขอเท็จจริงและแสดงความเห็นวา ผูตองหาเปนคนรายหรือไมตามหนาท่ีหรือพนักงานอัยการรับสํานวนการสอบสวนมาแลว ไดตรวจ สํานวนเสนอความคิดเห็นตามลําดับชั้นตามหนาที่ หรือเจาพนักงานเสนอรายงานเกี่ยวกับการ ปฏิบัติผิดวินัยของขาราชการผูอยูในบังคับบัญชาตามหนาที่ไมวาจะเปนการแสดงขอเท็จจริง หรือแสดงความคดิ เห็น
๓๙๙ ®Õ¡Ò·èÕ ñðõõ/òõñõ จําเลยฟองหยาภริยาจําเลย โดยกลาวในฟองวาภริยาจําเลย เปนชูกับโจทก ซ่ึงจําเลยมีความจําเปนที่จะตองกลาวเพ่ือมิใหเปนฟองเคลือบคลุม ถือวาขอความ ท่ีจําเลยกลาวในฟองน้ันเปนขอความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพ่ือประโยชนแกคดีของตน ตามมาตรา ๓๓๑ จาํ เลยไมมคี วามผิดฐานหมนิ่ ประมาท ®¡Õ Ò·Õè ñõùð/òõòñ จําเลยฟองหยาสามี ระบุในฟองวาไดเสียเลี้ยงหญิงอ่ืนคือ โจทกเ ปน ภรยิ า เปน คาํ กลา วในกระบวนพจิ ารณาและใชส ทิ ธทิ างศาล ไมป รากฏวา จาํ เลยทาํ โดยไมส จุ รติ ไมเ ปนหม่ินประมาทท้ังทางอาญาและทางแพง ®Õ¡Ò·èÕ öôøó/òõóñ การทจี่ าํ เลยฟอ งโจทกเ ปน คดลี ม ละลายโดยบรรยายฟอ งวา โจทก เปนคนมีหน้ีสินลนพนตัว ซ่ึงจําเปนตองกลาวในคําฟองเพื่อใหโจทกเขาใจขอหาไดชัดเจนนั้นถือไดวา เปนขอความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพ่ือประโยชนแกคดีของตน จึงไมเปนความผิดฐานหมิ่น ประมาท (๓) ติชมดวยความเปนธรรม ซ่ึงบุคคลหรือสิ่งใดอันเปนวิสัยของประชาชนยอมกระทํา กฎหมายใหถือเอาวิสัยของประชาชนท่ัวไปยอมกระทํากัน เปนขอวินิจฉัยวากรณีเชนใดประชาชน กระทํากัน กรณีนั้นถือวาไมเปนความผิด การติชมน้ีรวมท้ังบุคคลหรือสิ่งอ่ืนดวย เชน นักการเมือง ตัวละคร นักประพันธ ภาพยนตร หนังสือ ตําราตางๆ รูปภาพ กิจการบานเมือง กิจการสาธารณะ พฤตกิ ารณเ จาหนาทีร่ ัฐ เปน ตน การติชมซึ่งเปนปกติวิสัยของประชาชนนี้วาเปนธรรมหรือไมนั้นตองพิจารณาตัวบุคคล หรือส่ิงนั้นประกอบดวย เชน นักการเมือง ไมวาจะเปน ส.ส. รมว. รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ยอมถูกติชมวิพากษวิจารณกันมากวาดําเนินงานผิดพลาดอยางไรบาง ควรแกไขอยางไรเกี่ยวกับ ตัวละคร เปนความผิดสวนที่จําเลยกลาววา การทําทํานบ ผูเสียหายไมทําตามคําพูด ทํางานไมขาว สะอาดน้ัน จําเลยกลาวในฐานะเปนครูใหญและเปนกรรมการหมูบาน ผูเสียหายเอาเงินทําทํานบ ที่เหลือไปทําอยางอื่นโดยไมแจงใหจําเลยทราบ การทําทํานบไมสําเร็จพอนํ้ามาทํานบก็พัง ดังนี้ ถอื ไดว า เปนการกลา วโดยสจุ รติ และอยใู นวิสัยของการติชมได จึงไมม คี วามผดิ (๔) แสดงความคิดเห็นหรือขอความโดยสุจริต ในการแจงขาวดวยความเปนธรรม เร่ืองการดําเนินการอนั เปดเผยในศาลหรอื ในการประชุม ปกติการดําเนินการในศาลเปนเร่ืองเปดเผยอยูแลว เวนแตการดําเนินการลับยอมเอา ไปแจง ขา วไมไ ด แตเ มอื่ ศาลพพิ ากษาแลว กน็ บั เปน การเปด เผยแลว ยอ มแจง ขา วได สว นในการประชมุ นน้ั ถาไมใชการประชุมลับก็ยอมนําขอความนั้นไปแจงขาวได เชน การประชุมสภาผูแทนราษฎร หรือ การประชุมของสมาคมอ่ืนๆ อันมิใชประชุมลับ นอกจากการแจงขาวแลว ผูแจงขาวน้ันยังมีสิทธิ ท่ีจะแสดงความเห็นหรือขอความโดยสุจริตประกอบการแจงขาวไดดวย ในเม่ือการแจงขาวนั้น โดยความเปนธรรมและสุจริต กลาวคือไมถือเอาการแจงขาวและแสดงความคิดหรือขอความนั้น ขึน้ บังหนา เพ่อื การใสความหมนิ่ ประมาทผอู ่นื
๔๐๐ μÑÇÍÂÒ‹ § ®Õ¡Ò·èÕ ñó-ñô/òôù÷ กรรมการของสมาคมไดอภิปรายในท่ีประชุมสมาคมและออก โฆษณาไวท่ีสมาคมตามมติท่ีประชุมวา ไดลบช่ือสมาชิกผูหน่ึงออกจากสมาชิก เพราะเหตุที่สมาชิก ผนู น้ั ไดว งิ่ เตน ชกั ชวนสมาชกิ ใหก อ กวนวนุ วาย ถอื อทิ ธพิ ลผใู หญใ นวงราชการเปน การแจง ขา วโดยสจุ รติ และสุภาพและความเปนธรรม ไมม คี วามผิดฐานหมนิ่ ประมาท ®¡Õ Ò·Õè ñððö/òõôò จําเลยท่ี ๒ ซึ่งเปนพยานของจําเลยท่ี ๑ ในคดีที่จําเลยท่ี ๑ ฟองโจทกตอศาลอาญาเบิกความวา ในขณะโจทกทําหนาที่สืบสวนหามูลคดีในเรื่องที่จําเลยท่ี ๑ และที่ ๒ ถกู ด. กบั พวกรอ งเรยี นกลา วหาวา จาํ เลยท่ี ๑ และท่ี ๒ สมคบกนั ขม ขใู หจ าํ เลยใหก ารปรกั ปราํ ด. โดยโจทกไดเ รียกรองเงินจาํ นวน ๓๐,๐๐๐ บาท จากจําเลยท่ี ๑ เพ่ือเปนการตอบแทนในการปน พยาน อนั เปน การสรา งพยานหลกั ฐานทไ่ี มเ ปน ความจรงิ ใหแ กจ าํ เลยท่ี ๑ แตค วามจรงิ โจทกไ มเ คยเรยี กรอ งเงนิ จํานวน ๓๐,๐๐๐ บาท จากจําเลยท่ี ๑ ตามทีจ่ ําเลยท่ี ๒ เบกิ ความ ถอยคาํ เบกิ ความของจาํ เลยท่ี ๒ ดงั กลา วจงึ เปน การใสค วามโจทก โดยประการทน่ี า จะทาํ ใหโ จทกเ สยี ชอื่ เสยี ง ถกู ดหู มนิ่ หรอื ถกู เกลยี ดชงั การกระทาํ ของจาํ เลยที่ ๒ จงึ เปน การดหู มน่ิ และหมน่ิ ประมาทโจทก อนั เปน การกระทาํ กรรมเดยี วผดิ ตอ กฎหมายหลายบท หาใชเ ปน การแสดงความคดิ เหน็ หรอื ขอ ความโดยสจุ รติ เพอื่ ความชอบธรรม ปอ งกนั ตน หรอื ปอ งกนั สว นไดเ สยี เกย่ี วกบั ตนตามคลองธรรมตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๙ ไม ®Õ¡Ò·Õè ôõöó/òõôô โจทกไดรับเลือกต้ังเปนสมาชิกองคการบริหารสวนตําบลแลว จําเลยไดพูดผานเคร่ืองกระจายเสียงวา โจทกเปนคนขี้โกงเอาท่ีสาธารณประโยชนเปนของตนเอง เพื่อใหประชาชนตอตานการกระทําที่จําเลยเห็นวาไมถูกตองตามกฎหมายเพราะการที่โจทกเสนอตัว ตอ ประชาชนใหเ ลอื กตน เปน การแสดงวา ตนเปน คนดมี คี วามซอ่ื สตั ยส จุ รติ ไวว างใจใหเ ขา ไปมสี ว นรว ม บริหารกิจการแทนประชาชนได และการเรียกรองเอาที่สาธารณประโยชนคืนก็เพ่ือประโยชนของ ประชาชนและจําเลยเองดวย จําเลยจึงมีความชอบธรรมท่ีจะเปดเผยใหประชาชนทราบเพ่ือปองกัน สวนไดเสียเก่ียวกับตนตามคลองธรรม ตลอดจนแสดงความคิดเห็นติชมดวยความเปนธรรม ซ่ึงการ กระทําดังกลา วอันเปนวสิ ัยของประชาชนยอมกระทาํ แมข ณะจาํ เลยกลา วถอยคาํ ดงั กลาว โจทกยังไม ถกู ดาํ เนนิ คดอี าญา หากจาํ เลยเช่ือบรสิ ุทธิ์ใจ มไิ ดม ีเจตนากลัน่ แกลงใสรายโจทก และมมี ูลอันควรเช่อื กเ็ ปนการกระทําโดยสุจริตแลว จําเลยไมม ีความผดิ ®¡Õ Ò·Õè ñóñò-ñóñô/òõôò (ÁÒμÃÒ óòù, óóð, ñõ) ความผิดฐานหม่ินประมาทท่ีกระทําโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพตาม ป.อ. มาตรา ๓๒๘ ยอมเปนความผิดสําเร็จเมื่อมีการวางจําหนายหนังสือพิมพ และทองที่ที่ความผิด เกิดขน้ึ ยอ มไดแก ทองทที่ ุกทองทท่ี ว่ี างจาํ หนายหนงั สอื พิมพฉ บบั นัน้ หาใชจ ํากดั เฉพาะทองทท่ี โี่ จทก ไดอ า นหนงั สอื พมิ พแ ละทราบการกระทาํ ความผิดไม การนําขอความตามคําฟองท่ีมีการฟองคดีอาญาตอศาลมาลงพิมพในหนังสือพิมพน้ัน เปน การรายงานขา วเรอ่ื งทมี่ กี ารฟอ งรอ งกนั ถอื วา เปน การแจง ขา วดว ยความเปน ธรรมเรอ่ื งการดาํ เนนิ การ อนั เปด เผยในศาลโดยสจุ รติ ไดร บั ความคมุ ครองตามมาตรา ๓๒๙(๔) ไมเ ปน ความผดิ ฐานหมนิ่ ประมาท ดฎู ีกาท่ี ๓๖๕๔/๒๕๔๓
๔๐๑ ó. ¡ÒþÔʨ٠¹¤ ÇÒÁ¨ÃÔ§ (ÁÒμÃÒ óóð) ในกรณหี มน่ิ ประมาทถา ผถู กู หาวา กระทาํ ความผดิ พสิ จู นไ ดว า ขอ ทหี่ าวา เปน หมน่ิ ประมาท น้ันเปนความจริงผูน้นั ไมตอ งรบั โทษ (มาตรา ๓๓๐ วรรคแรก) แตห ามไมใ หพ สิ ูจน ถา ขอที่หาวาเปน หมิ่นประมาทน้ันเปนการใสความในเรื่องสวนตัว และการพิสูจนจะไมเปนประโยชนแกประชาชน (มาตรา ๓๓๐ วรรคทา ย) ®Õ¡Ò·Õè ÷ôóõ/òõôñ โจทกเปนเจาพนักงานตํารวจ กรมตํารวจไดมีคําสั่งไลโจทกออก จากราชการ ยอมเปนประจักษชัดวาโจทกปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบดวยกฎหมายและมีพฤติกรรมกอ ความเดือดรอนแกประชาชน การที่จําเลยตีพิมพการกระทําหรือพฤติกรรมของโจทกซ่ึงเปนสมาชิก สภาจังหวัดตามคําสั่งกรมตํารวจน้ัน แมเปนขอความหมิ่นประมาทโจทกก็ตาม แตก็มิใชเปนการ ใสความในเรื่องสวนตัว เพราะเปนการตีแผส่ิงประพฤติชั่วรายและกระทําหนาที่มิชอบของโจทก ขณะเปน ขา ราชการตาํ รวจเพอ่ื ใหป ระชาชนรบั ทราบและใหผ ปู ระพฤตมิ ชิ อบพงึ สงั วรไว ยอ มเปน ขอ ความ ที่เปนประโยชนแกประชาชน ซ่ึงจําเลยมีสิทธิพิสูจนไดตาม ป.อ.มาตรา ๓๓๐ วรรคทาย ดังน้ัน เม่ือจําเลยไดตีพิมพขาวในหนังสือฉบับพิพาทเกี่ยวกับการกระทําของโจทกตามความเปนจริง จําเลยยอมไมตอ งรบั โทษ การที่หนังสือพิมพลงพิมพวาโจทกจายเช็คไมมีเงิน แมโจทกจะเปนนายกเทศมนตรี ก็เปน ความผิดฐานหมิ่นประมาทเพราะเปน เรอ่ื งสวนตัว ไมเ ปนประโยชนตอประชาชน ®Õ¡Ò·èÕ ôð÷/òõòó หนังสือพิมพลงขอความวา โจทกจายเช็คหน่ึงลานบาทแก ธนาคารเชค็ ไมม เี งนิ ธนาคารแจง ตํารวจจับโจทก เปนทเ่ี ขาใจวา โจทกม ีฐานะการเงนิ ไมดีไมนาเช่อื ถือ เปนหมน่ิ ประมาทโจทกซง่ึ เปน นายกเทศมนตรี และประกอบการคา เปนเร่อื งสวนตัวไมเกย่ี วกบั หนาท่ี การงานในตาํ แหนง นายกเทศมนตรี อนั จะถอื ไดว าเปน ประโยชนแกประชาชนจึงอา งวา เปน ความจริง เพือ่ มิตอ งรบั โทษไมได ¡ÒÃáÊ´§¤ÇÒÁ¤´Ô àËç¹ã¹¡Ãкǹ¾Ô¨ÒóҤ´Õã¹ÈÒÅ (ÁÒμÃÒ óóñ) คคู วามหรอื ทนายความของคคู วาม ซงึ่ แสดงความคดิ เหน็ หรอื ขอ ความในกระบวนพจิ ารณา คดใี นศาลเพอื่ ประโยชนแ กค ดขี องตน ไมม ีความผิดฐานหมิน่ ประมาทตามมาตรา ๓๓๑ ®¡Õ Ò·èÕ òôù/òõñð (»ÃЪØÁãËÞ‹) คดกี อนจําเลยถกู อางและหมายเรยี กมาเปน พยาน จําเลยถูกคูความคดีนั้นถามวา พยานไดปลุกปลํ้าโจทกในคดีน้ีหรือไม จําเลยไมเต็มใจตอบเกรงจะ ถูกฟองคดีอาญา แตศาลสั่งใหตอบ จึงตอบวาไดเสียกัน เปนการตอบตามประเด็นที่คูความซักถาม ตอบไปตามหนาท่ีของพยาน มิใชนอกเหนือหนาท่ี ท้ังไมมีเจตนาตอบไปเพื่อหม่ินประมาทโจทก ไมม คี วามผิด ในคดีฟองหยา โจทกกลาวอางเหตุหยาวาคูสมรสอีกฝายเปนชูกับบุคคลอื่น ถือวาเปน ขอความในกระบวนพจิ ารณาของศาลเพ่อื ประโยชนแกคดีของตน ไมเ ปน หม่ินประมาท
๔๐๒ ®Õ¡Ò·èÕ ñðõõ/òõñõ จําเลยฟองหยาภริยาจําเลยโดยกลาวในฟองวาภริยาจําเลย เปนชูกับโจทก ซ่ึงจําเลยมีความจําเปนท่ีจะตองกลาวเพื่อมิใหเปนฟองเคลือบคลุม ถือวาขอความ ท่ีจําเลยกลาวในฟองน้ันเปนขอความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพ่ือประโยชนแกคดีของตนตาม มาตรา ๓๓๑ จาํ เลยไมม ีความผดิ ฐานหมนิ่ ประมาท ®Õ¡Ò·Õè ñõùð/òõòñ จําเลยฟองหยาสามี ระบุในฟองวาไดเสียเลี้ยงดูหญิงอ่ืนคือ โจทกเ ปน ภรยิ า เปน คาํ กลา วในกระบวนพจิ ารณาและใชส ทิ ธทิ างศาล ไมป รากฏวา จาํ เลยทาํ โดยไมส จุ รติ ไมเปนหมน่ิ ประมาทท้งั ทางอาญาและทางแพง ®Õ¡Ò·Õè òòñò/òõóö จําเลยฟองขอใหเพิกถอนโจทกออกจากเปนผูอนุบาลของ จ. ผูไรความสามารถและต้ังจําเลยเปนผูอนุบาลแทน โดยบรรยายฟองวาโจทกเลนการพนัน ไมเหมาะ ท่ีจะเปนผูอนุบาลของ จ. คดีดังกลาวจึงมีขอที่จะตองพิจารณาวาโจทกหรือจําเลยควรเปนผูอนุบาล ของ จ. ดงั นนั้ การทจี่ าํ เลยเบกิ ความวา บา นของโจทกต ง้ั เปน บอ นการพนนั กเ็ พอื่ สนบั สนนุ คดขี องจาํ เลย วา โจทกไ มเ หมาะสมทจี่ ะเปน ผอู นบุ าล ถอื ไดว า เปน ขอ ความในกระบวนพจิ ารณาในศาลเพอ่ื ประโยชน แกค ดีของตน ไมเ ปนความผิดฐานหม่ินประมาทตาม ป.อ.มาตรา ๓๓๑ ®Õ¡Ò·Õè öôøó/òõóñ การทจ่ี าํ เลยฟอ งโจทกเ ปน คดลี ม ละลายโดยบรรยายฟอ งวา โจทก เปนคนมีหน้ีสินลนพนตัวซ่ึงจําเปนตองกลาวในคําฟองเพื่อใหโจทกเขาใจขอหาไดชัดเจนนั้น ถือไดวา เปนขอความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชนแกคดีของตน จึงไมเปนความผิดฐานหมิ่น ประมาทตาม ป.อ.มาตรา ๓๓๑ ÁÒμÃÒ óóò ในคดหี มิ่นประมาทซงึ่ มีคําพิพากษาวาจําเลยมีความผิด ศาลอาจส่งั (๑) ใหยึดและทําลายวตั ถุหรือสว นของวตั ถุท่ีมีขอความหม่นิ ประมาท (๒) ใหโฆษณาคําพิพากษาท้ังหมดหรือแตบางสวนในหนังสือพิมพหน่ึงฉบับหรือ หลายฉบับครง้ั เดียวหรอื หลายครงั้ โดยใหจ ําเลยเปน ผชู ําระคาโฆษณา มาตรานี้ไมใชเรื่องลงโทษ แตเปนบทบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับการบังคับคดี เพ่ือเปนการกู เกียรตยิ ศชอื่ เสยี งของฝา ยผเู สียหาย ทถ่ี กู ใสความหม่ินประมาทและเสยี หายไปแลวนั้นกลบั คนื มา ผเู สยี หายหรอื พนกั งานอัยการโจทกม ที างทาํ ได ๒ ประการ ก. ขอมาพรอมกับคําฟอง กลาวคือ ระบุบรรยายขอมาในคําฟองหรือจะขอมาใน ทายคําขอทา ยฟองน้นั ก็ได ข. ในกรณไี มไ ดข อมากบั ฟอ ง ผเู สยี หายโจทกอ าจขอมาโดยคาํ รอ งขอแกไ ขเพม่ิ เตมิ ฟอ ง แตท ง้ั นต้ี อ งขอเขา มากอ นศาลชนั้ ตน มคี าํ พพิ ากษาวา จาํ เลยมคี วามผดิ แมม าตรานจ้ี ะไมเ ขยี นไวช ดั แจง วามีคําพิพากษาของศาลใดก็ตาม เพราะคําขอเชนน้ียอมไมเปดโอกาสใหขอไดในชั้นอุทธรณหรือ ฎีกา เพราะการอุทธรณหรือฎีกานี้เปนอุทธรณคําพิพากษาศาลชั้นตนหรือศาลอุทธรณเทานั้น (ฎีกา ที่ ๙๕๐/๒๔๘๕) ค. การขอตาม ม. ๓๓๒ ขอไดท ้งั ๒ กรณีหรอื ขอเพียงอยางหน่ึงอยา งใด หรอื ไมข อเลย ก็ไดมีขอสําคัญวาศาลจะมีคําส่ังหรือคําพิพากษาไดเฉพาะเม่ือศาลมีคําพิพากษาวาจําเลยมีความผิด เทา นนั้
๔๐๓ ®Õ¡Ò·Õè öôøó/òõóñ การทจี่ าํ เลยฟองโจทกเ ปนคดีลมละลายโดยบรรยายฟองวา โจทก เปนคนมีหน้ีสินลนพนตัว ซึ่งจําเปนตองกลาวในคําฟองเพื่อใหโจทกเขาใจขอหาไดชัดเจนน้ันถือไดวา เปนขอความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพ่ือประโยชนแกคดีของตน จึงไมเปนความผิดฐานหม่ิน ประมาท ÁÒμÃÒ óóó “ความผดิ ในหมวดนเ้ี ปน ความผิดอนั ยอมความได ถาผูเสียหายในความผิดฐานหม่ินประมาทตายเสียกอนรองทุกข ใหบิดามารดา คูสมรส หรอื บุตรของผูเสียหายรอ งทกุ ขไ ด และใหถอื วาเปนผเู สยี หาย” ความผิดฐานหม่ินประมาทที่จะยอมความได จํากัดเฉพาะหม่ินประมาทบุคคลธรรมดา ซึง่ อยูในหมวดน้ีเทา นน้ั ในกรณีผูเสียหายในคดีหม่ินประมาทตามมาตรา ๓๒๖ หรือมาตรา ๓๒๗ หรือ มาตรา ๓๒๘ ถาผเู สียหายเชนวานน้ั ตายลงเสยี กอ นรอ งทุกข กฎหมายใหบ ิดา มารดา คูสมรส หรือ บุตรของผเู สยี หายรองทุกขไดและใหถอื วา เปนผเู สียหาย ô. คาํ ¶ÒÁ·ÒŒ º·àÃÕ¹ ๑. จงใหค วามหมายของคาํ วา “คา ไถ” ๒. นายชอบ ซือ้ เดก็ หญงิ นารกั อายุ ๑๔ ป จาก นายเช่ียว ทีไ่ ปพรากเอกมาจาก บิดา มารดา ของ เด็กหญงิ นา รัก มา ดงั น้ี การกระทาํ ของนายชอบ ผิดฐานใด หรือไม อยางไร ๓. จงยกตัวอยางถอยคาํ ทีถ่ ือวา ผิด “หมน่ิ ประมาท”
๔๐๔ àÍ¡ÊÒÃÍÒŒ §ÍÔ§ เกยี รตขิ จร วจั นสวสั ด.์ิ (๒๕๕๑).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาค ๑ กรงุ เทพฯ:พลสยามพรนิ้ ตง้ิ . คณติ ณ นคร.(๒๕๔๗). กฎหมายอาญา ภาคท่วั ไป. กรงุ เทพฯ:วิญูชน. ทวเี กยี รติ มนี ะกนษิ ฐ.(๒๕๕๓).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาคทว่ั ไป. กรงุ เทพฯ:วญิ ชู น. ประภาศน อวยชยั .(๒๕๒๖).ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๑. กรงุ เทพฯ:สาํ นกั อบรมศกึ ษา กฎหมายแหง เนติบณั ฑติ ยสภา. สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗).หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:อมรินทร พรน้ิ ติง้ แอนดพ ับลชิ ชิ่ง บุญเพราะ แสงเทยี น.(๒๕๕๒).กฎหมายอาญา ๑ ภาคทว่ั ไป.กรงุ เทพฯ:บริษัทวทิ ยพัฒน จํากัด สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗.)หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บริษัทอมรินทร พรนิ้ ต้งิ แอนดพ บั ลชิ ช่ิง. สุพจน นาถะพินธุ.(๒๕๓๓).ประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:สํานักพิมพรุงเรืองธรรม. สุวัฒน ศรีพงษสุวรรณ.(๒๕๔๙).คําอธิบายประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ: นติ ิบรรณาการ. วนิ ัย เลิศประเสริฐ.(๒๕๔๗).วิธีไลส ายกฎหมายอาญา เลม ๑.กรงุ เทพฯ:อินเตอรบุคส. เกียรติขจร วัจนสวัสด์ิ.(๒๕๕๐).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิด เลม ๑. กรุงเทพฯ:หางหนุ สว นจาํ กดั จริ ัชการการพมิ พ.
๔๐๕ º··Õè ÷ ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡ÕÂè ǡѺ·Ã¾Ñ  ñ. ÇÑμ¶»Ø ÃÐʧ¤¡ ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ»ÃÐจาํ º· ๑. เพ่ือใหนักเรียนนายสิบตํารวจมีความรูความเขาใจ เร่ืองกฎหมายอาญาเกี่ยวกับ ความผดิ ฐานตา งๆ ๒. เพอื่ ใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจ ทราบถงึ การวดั ผลและประเมนิ ผล วชิ ากฎหมายอาญา ๒ ๓. เพื่อใหนกั เรยี นนายสิบตาํ รวจมคี วามรู เกยี่ วกับความผิดเกย่ี วกบั ทรพั ย ò. ʋǹนํา นักเรียนจะไดศึกษาประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ เรื่องความผิดเกี่ยวกับทรัพย อนั ไดแ ก ความผดิ ฐานลกั ทรพั ย ลกั ทรพั ย เหตฉุ กรรจ วงิ่ ราวทรพั ย กรรโชกทรพั ย รดี เอาทรพั ย ชงิ ทรพั ย ปลน ทรพั ย ฉอ โกง ฉอ โกงประชาชน โกงเจา หน้ี ยกั ยอก รบั ของโจร และทาํ ใหเ สยี ทรพั ย ตลอดจนแนว คาํ พิพากษาทีเ่ กีย่ วขอ งเพอ่ื ใหนักเรยี นนายสบิ ตาํ รวจใชป ระกอบการเรยี นการสอน ó. à¹Í×é ËÒ ¤ÇÒÁ¼Ô´à¡ÕèÂÇ¡ºÑ ·ÃѾ ñ. ÅÑ¡·ÃѾ ÁÒμÃÒ óóô “ผูใดเอาทรัพยของผูอ่ืนหรือที่ผูอ่ืนเปนเจาของรวมอยูดวยไปโดยทุจริต ผูนั้นกระทาํ ความผดิ ฐานลกั ทรพั ย ตองระวางโทษจําคุกไมเกนิ สามป และปรับไมเ กินหกหมื่นบาท” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. เอาไป ๒. ทรัพยของผอู ืน่ หรอื ท่ีผูอืน่ เปนเจาของรวมอยูด ว ย ๓. โดยเจตนาทุจริต คํา͸ºÔ Ò คาํ วา “เอาไป” หมายถงึ เอาไปจากความครอบครองของผอู นื่ โดยทใ่ี นขณะนน้ั มผี อู นื่ เปน ผคู รอบครองทรพั ยน น้ั อยู จะครอบครองทรพั ยน น้ั โดยผนู น้ั เปน ผยู ดึ ถอื ทรพั ยน น้ั ไวเ อง หรอื ครอบครอง โดยมีผูอ่ืนยึดถือทรัพยนั้นไวแทน เชน ลูกจางยึดถือทรัพยไวแทนนายจาง เปนตน ก็ไดขอสําคัญ ผูเอาไปตามมาตรา ๓๓๔ นี้ จะตองไมเปนผูครอบครองทรัพยน้ันอยูเองในขณะนั้น เพราะมิฉะนั้น กอ็ าจจะเปน ผดิ ฐานยกั ยอกตามมาตรา ๓๕๒ ไมม คี วามผดิ ฐานนแ้ี ตอ ยา งใด อยา งไรกต็ าม ถา ผเู อาไป เปน เพยี งผยู ดึ ถอื ทรพั ยน น้ั ไวแ ทนผอู น่ื เชน กรณลี กู จา งยดึ ถอื ทรพั ยไ วแ ทนนายจา งดงั กลา วแลว ขา งตน เชน น้ี ถา ลกู จา งเอาทรพั ยน น้ั ไปโดยทจุ รติ ลกู จา งกอ็ าจมคี วามผิดฐานลกั ทรพั ยน ายจา งไดเ ชน เดยี วกนั
๔๐๖ ¡. ¤ÇÒÁ¤Ãͺ¤Ãͧ นี้มีความหมายตรงกับคําวา “สิทธิครอบครอง” ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๖๗ ซึง่ บัญญัติวา บุคคลใดยดึ ถือทรัพยส ินโดยเจตนาจะยดึ ถอื เพอื่ ตน ทานวาบคุ คลนั้นได ซึ่งสิทธิครอบครอง จะเห็นไดวาการที่บุคคลใดจะไดมาซึ่งสิทธิครอบครองในทรัพยใดนั้นจะตอง ประกอบดวยทั้งการกระทาํ และเจตนารวม ๒ ประการดว ยกนั กลา วคือ มีการกระทําโดย การ “ยดึ ถอื ” ทรัพยนัน้ ไว และมเี จตนายดึ ถอื ทรพั ยน ั้นไว “เพอ่ื ตน” การเอาไปจากครอบครองน้ัน นอกจากผูเอาไปจะไมมีสิทธิครอบครองในทรัพยนั้นแลว จะตอ งปรากฏดว ยวา ทรพั ยน นั้ อยใู นความครอบครองของผอู น่ื ถา ทรพั ยน น้ั ไมอ ยใู นความครอบครอง ของบุคคลใดเลย เชน เปนทรัพยสินหาย หรือเปนทรัพยสินไมมีเจาของผูเอาไปก็ไมมีความผิด ฐานลักทรัพย ทรพั ยส นิ หาย หมายถงึ ทรพั ยส นิ นน้ั หลดุ ไปจากความยดึ ถอื ของเจา ของหรอื ผคู รอบครอง โดยมไิ ดต้ังใจ และเจา ของหรอื ผูครอบครองก็ไมร หู ายไปท่ใี ด ทงั้ มไิ ดส นใจจะติดตามเอาคนื ทรพั ยไ มม เี จา ของ หมายถงึ ทรพั ยท เ่ี จา ของเลกิ การครอบครองดว ยเจตนาสละกรรมสทิ ธิ์ เชน ทรัพยท ่ีเจา ของทงิ้ แลว สตั วทยี่ งั อยโู ดยอิสระ เปน ตน บุคคลที่เขา ยึดถือเอาทรัพยซ่ึงไมม ีเจา ของ ยอ มไดกรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยน นั้ องคป ระกอบของความผิดในสว นการกระทาํ “เอาไป” น้ี นอกจากจะเปน การเอาไปจาก ความครอบครองของผอู น่ื แลว ทรพั ยท ถี่ กู เอาไปนนั้ จะตอ งเปลย่ี นแปลงทอี่ ยหู รอื เคลอ่ื นทไี่ ปจากทอ่ี ยู กอ นถกู เอาไปอกี ดวย ถาทรัพยน้ันไมไดเ ปลีย่ นแปลงท่ีอยหู รอื ไมไดเ คลือ่ นทไี่ ปแตอ ยางใด ก็ไมถ อื วา มกี ารเอาไปตามความในมาตรา ๓๓๔ ซง่ึ ผกู ระทาํ ความผดิ อาจรบั ผดิ เพยี งฐานพยายามลกั ทรพั ยเ ทา นน้ั แตถาสามารถเขายึดถือหรือมีอํานาจเหนือทรัพยนั้นไดอยางแทจริงแลว แมจะไดนํา เคลอ่ื นที่หรือเปลย่ี นแปลงทอ่ี ยไู ปแตเพยี งเลก็ นอยก็ตาม ก็ถือวาเปน การเอาไปสาํ เรจ็ แลว ผูเอาไปจึง อาจมีความผดิ ฐานลักทรพั ยส าํ เร็จ มิใชเพยี งแตค วามผดิ ฐานพยายามลกั ทรพั ยเ ทานน้ั ·Ã¾Ñ ¢ͧ¼ÍŒÙ ×¹è ËÃ×Í·è¼Õ ÙŒÍ×è¹à»¹š ਌ҢͧÃÇÁÍ´ً ÇŒ  ·ÃѾ ตามประมวลกฎหมายอาญามิไดนิยามคําวา “·ÃѾ” ไว ฉะน้ันความหมาย คําวาทรัพย จึงนาจะอนุโลมยึดถือเอาความหมายตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา ๑๓๗ ซง่ึ บญั ญัตวิ า “ทรพั ย หมายความวา วัตถมุ รี ปู ราง” และจากประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘ ซึ่งบัญญัติวา “ทรัพยสิน หมายความรวมทั้งทรัพย และวัตถุไมมีรูปรางซ่ึงอาจมีราคา และอาจถือเอาได” มีปญหาซึ่งถกเถียงกันมาตั้งแตกอนมี ป.อ. แลววา พลังงานตางๆ เชน กระแสไฟฟา ไอน้ําจากเคร่ืองจักร เปนทรัพยหรือไม โดยที่พลังงานมิใชของแข็ง มิใชของเหลว และมิใชกาซ นักกฎหมายสวนใหญจึงมีความเห็นวา พลังงานมิใชทรัพยผูเอาไปจึงไมควรมีความผิดฐานลักทรัพย แมตอมาจะมคี ําพพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๘๗๗/๒๕๐๑ ตัดสนิ วา ผลู ักกระแสไฟฟา มีความผิดฐานลักทรัพย นกั กฎหมายไมน อ ยกย็ งั คดั คา นอยู และมคี วามเหน็ วา จะตอ งมกี ฎหมายบญั ญตั ไิ วเ ปน การเฉพาะใหก าร ลกั กระแสไฟฟามีความผิดตามกฎหมาย มิฉะนัน้ กไ็ มควรมคี วามผดิ
๔๐๗ ¢. ·Ã¾Ñ ¹ѹé ໚¹¢Í§¼ÙŒÍè×¹ËÃ×ͼŒÙÍè׹໹š ਌ҢͧÃÇÁÍ‹ٴnj  ทรัพยท่จี ะถูกลกั ไปไดต าม มาตรา ๓๓๔ จะตองเปนทรัพยซึ่งมีเจาของกรรมสิทธิ์อยู มิใชทรัพยไมมีเจาของ เจาของทรัพยน้ัน จะเปนเอกชน นิติบุคคล หรอื รัฐกไ็ ด ทรัพยท่ีจะถูกลักไดตองเปนของผูอ่ืนหรืออยางนอยผูอ่ืนตองเปนเจาของรวมอยูดวยกับ ผูลัก ถาทรัพยนั้นเปนของผูเอาไปเพียงผูเดียวแลว แมจะเอาไปจากการครอบครองของผูอ่ืนก็ไมมี ความผิดฐานลกั ทรพั ย ทรัพยน้ันแมจะเคยมีเจาของมากอน แตถาเจาของสละกรรมสิทธ์ิเสียแลว ก็กลายเปน ทรพั ยไ มมีเจาของ ผใู ดเอาไปก็ไมมคี วามผดิ ฐานลักทรพั ย à¨μ¹Ò องคป ระกอบภายในขอน้คี อื ที่บญั ญตั ไิ วใน ป.อ.มาตรา ๕๙ กลาวคอื นอกจากกระทํา โดยรูสํานึกในการที่กระทําอันเปนหลักวาดวยการกระทําแลว ผูน้ันจะตองประสงคตอผลหรือยอม เล็งเห็นผลของการท่ีกระทําน้ันดวย แตถาผูนั้นไมรูขอเท็จจริงอันเปนองคประกอบของความผิดก็จะ ถอื วา ผนู น้ั ประสงคต อ ผลหรอื ยอ มเลง็ เหน็ ผลไมไ ด นน่ั กค็ อื ถอื วา ผนู นั้ ไมม เี จตนากระทาํ ผดิ แตอ ยา งใด การเอาทรัพยของผูอ่ืนไปโดยถือวิสาสะก็เชนเดียวกัน เปนความเขาใจของผูเอาไปวา เจาของคงยินยอมใหเอาไปได โดยที่เคยมีความสัมพันธทํานองน้ันกันมากอนเกา ถาตนเอาทรัพย น้ันไปอกี ก็คงไมเ ปน ไร จึงเทากบั เปนการสําคัญผิดวา เจา ของยินยอมตามนัยมาตรา ๖๒ ดังกลา วแลว ผกู ระทําจงึ ไดรับยกเวน ความผิดฐานลกั ทรพั ยเชน เดยี วกัน â´Â·¨Ø ÃμÔ องคประกอบภายในขอน้ีเปนเจตนาพิเศษหรือมูลเหตุชักจูงใจประกอบการกระทําคือ การเอาทรัพยข องผูอ่นื หรอื ทผ่ี ูอื่นเปน เจาของรวมอยดู วยไป ซงึ่ ป.อ.มาตรา ๑(๑) มีบทนยิ ามคาํ นไี้ ว ดงั นี้ “โดยทจุ รติ ” หมายความวา เพอ่ื แสวงหาประโยชนท มี่ คิ วรไดโ ดยชอบดว ยกฎหมายสาํ หรบั ตนเอง หรอื ผอู น่ื เจตนาพเิ ศษเพอ่ื แสวงหาประโยชนท ม่ี คิ วรไดโ ดยชอบดว ยกฎหมายสาํ หรบั ตนเองหรอื ผอู น่ื นี้ จะตองเกิดขึ้นพรอมกันกับการกระทํา “เอาไป” ถาเพ่ิงเกิดขึ้นภายหลังก็ไมมีความผิดฐานลักทรัพย แตถาในขณะเอาไปการกระทําเขาองคประกอบความผิดโดยครบถวนแลว แมภายหลังนํามาคืนให หรอื เอาไปทําลายไมใ ชป ระโยชนอ กี ตอไป กไ็ มเปน เหตใุ หพ น ความผดิ ไปแตอ ยางใด อน่งึ มขี อ สังเกตวา ความผดิ ฐานลักทรัพยก บั ยักยอกนนั้ มีขอ แตกตา งกนั คือ ๑. ลักทรพั ยต อ งเปน เรือ่ งเอาไปซงึ่ ทรพั ย ทอี่ ยูในความครอบครองของผอู นื่ แตย กั ยอก ทรพั ยต องอยูในความครอบครองของผยู ักยอกเอง แลวเบยี ดบงั เอาเปนของตน ๒. ลักทรัพยผูกระทําตองมีเจตนาทุจริตกอนเอาทรัพยไปจากการครอบครอง สวนการ ยกั ยอกน้นั ทรัพยอยูในความครอบครองกอ นแลว ทจุ ริตเบยี ดบงั เอาเปน ของตนภายหลัง ๓. ลกั ทรพั ยเ ปน ความผิดอันยอมความไมไ ด แตย ักยอกยอมความได
๔๐๘ ๔. ในกรณีของตกหายมีหลักวินิจฉัยในปญหาคาบเก่ียวระหวางลักทรัพยและยักยอก คือ ตามคําพพิ ากษาฎีกาที่ ๑๓๖๓/๒๕๐๓ วนิ ิจฉยั วา ถาเกบ็ เอาทรัพยน ้ันไปโดยรหู รอื มีเหตุอันควร รูวาทรัพยน้ันอยูในระหวางเจาของกําลังติดตามหรือกําลังจะติดตามเพื่อเอาคืนก็เปนการลักทรัพย แตถาเก็บเอาไปโดยไมมีเหตุอันควรรูเชนวาน้ันแลวก็เปนการเก็บไดซ่ึงทรัพยสินหาย มีความผิดฐาน ยักยอก μÇÑ ÍÂÒ‹ § ®¡Õ Ò·Õè òóö/òôùñ เพยี งแตท าํ ใหผ ลไมห ลดุ จากตน เชน สอยมะมว งหรอื ตดั ขนนุ หลน จากตน หรือขุดถอนมันหรือตนหอมใหหลุดจากพ้ืนดินเพื่อจะลักนั้น ยังไมเปนการเอาทรัพยนั้นไป คงเปนผิดเพียงฐานพยายามลักทรัพย คนรายถอนตนหอมท้ิงเกล่ือนอยูบนรองสวนยังไมทันเอาไป เจาทรัพยมาพบจึงหนีไป แลวทํารายเจาทรัพยขณะเจาทรัพยไลจับกุมเปนความผิดฐานพยายาม ชิงทรัพย (แตถามีการกระทําอยางใดแกทรัพยที่ขาดหลุดจากตนน้ันแลวถือวาลักทรัพยสําเร็จแลว เชน ฎกี าที่ ๒๓๖/๒๔๙๑ ตดั ยอดจากแลวเฉาะผกู เปนมดั ) ®¡Õ Ò·èÕ ññõó/òôùô ขอเท็จจริงในคดีไดความวา จําเลยข้ึนไปบนตนมะพราวของ ผูอื่น โดยเจตนาทุจริตคิดจะลักมะพราว จําเลยฟนมะพราวไดหน่ึงทะลายก็เอามาพาดกิ่งมะพราวไว เพอื่ จะตดั ทะลายอน่ื ตอ ไป ขณะตดั ทะลายทสี่ อง พวกเจา ทรพั ยม าพบเขา จาํ เลยจงึ ลงจากตน มะพรา ว หนไี ปโดยไมไ ดเ อามะพรา วไปดว ย ศาลฎกี าวนิ จิ ฉยั วา จาํ เลยมคี วามผดิ ฐานลกั ทรพั ย คอื ลกั เอามะพรา ว ทะลายทหี่ นึ่งสาํ เร็จแลวเพราะถอื เอาไป คอื เอาเคลือ่ นจากทีไ่ ปแลว ®Õ¡Ò·èÕ ñóöó/òõðó (ประชุมใหญ) ทรัพยสินหายเปนเร่ืองที่ทรัพยสินหลุดพนไปจาก ความยึดถือของเจาของหรือผูครอบครองโดยมิไดตั้งใจ ไมใชเรื่องสละครอบครอง ผูใดเก็บเอาทรัพย น้นั ไป จะเปนความผิดฐานลกั ทรพั ย หรอื ยกั ยอกทรพั ย หรอื ยักยอกทรัพยส ินหายตอ งพิจารณาตาม พฤติการณเปนรายๆ ไป คือ ถาเก็บเอาไวโดยรูหรือควรรูวาทรัพยน้ัน เจาของกําลังติดตาม หรือ จะตดิ ตามเพอื่ เอาคนื กเ็ ปน ลกั ทรพั ย ถา ไมร หู รอื ไมม เี หตคุ วรรู เปน ความผดิ ฐานยกั ยอกทรพั ยส นิ หาย รถทหารควํ่า ทําใหปนทหารตกนํ้า ๑ กระบอก ทหารลงมาหา ๒ คร้ังไมพบ จึงไป แจง ความทอ่ี าํ เภอ ตอ มาตอนคาํ่ วนั เดยี วกนั นนั้ เอง จาํ เลยไปงมเอาปน นน้ั ไปขายเสยี แสดงวา จาํ เลยรู หรอื ควรรวู า รถทหารควา่ํ ปน จมนาํ้ อยู แลว ถอื โอกาสตอนปลอดผคู นไปงมเอาปน ทอี่ ยรู ะหวา งเจา ของ กําลงั ตดิ ตาม ®¡Õ Ò·Õè ñ÷ù/òõð÷ ผเู สยี หายจะเขา หอ งสว มจงึ มอบกระเปา ถอื ใหจ าํ เลยถอื ไว จาํ เลย เปดกระเปาเอาสรอยและธนบัตรไปเสีย ตัดสินวาผูเสียหายฝากกระเปาถือใหดูแลแทนช่ัวคราว ÁÔä´Œ ÁÕà¨μ¹Ò¨ÐÊÅСÒäÃͺ¤ÃͧãËŒ ¨Ö§¶×ÍÇ‹ÒÊÌ͡Ѻ¸¹ºÑμÃÂѧÍÂً㹤Ãͺ¤Ãͧ¢Í§¼ÙŒàÊÕÂËÒ การท่ีจําเลยลอบเปดกระเปาถือเอาสรอยกับธนบัตรของผูเสียหายไป จึงเปนความผิดฐานลักทรัพย ไมใชย ักยอก
๔๐๙ ®¡Õ Ò·èÕ ôöø/òõñð ศาลฎกี ากลา ววา การทก่ี ระบอื หายไปจากทเ่ี ลย้ี ง ไปอยกู ลางทงุ ใกล กระทอมนาผอู ืน่ ซง่ึ หา งประมาณ ๑ กิโลเมตรและพวกเจาทรัพยกําลงั ติดตามอยู ดงั นีย้ งั ถือไมไดว า เปน ทรัพยส ินหาย โดยทคี่ วามยดึ ถือของเจา ของยังไมข าดไป จาํ เลยควรจะรูวา หากจาํ เลยท่ี ๑ ไมพา เอาไปเสีย เจาของยงั ติดตามเอาคืนไดงาย ดงั นนั้ จําเลยที่ ๑ จึงมคี วามผดิ ฐานลกั ทรพั ย หาใชยักยอก เก็บของตก ®Õ¡Ò·Õè òõñ/òõñó คดีไดความวาผูเสียหายเชานาจําเลยโดยตกลงใหขาวแกจําเลย ปล ะ ๑๐๘ ถงั เปน คา เชา ผเู สยี หายไมช าํ ระคา เชา จาํ เลยจงึ ไปตวงขา วจากลานนวดขา วในนาผเู สยี หาย ไป ๑๐๘ ถงั ศาลฎกี ากลา ววา มปี ญ หาตอ ไปวา การทจี่ าํ เลยมาตวงขา วจากลานนวดขา วในนาผเู สยี หาย ไป ๑๐๘ ถัง โดยท่ีนายแหลมบุตรผูเสียหายซึ่งเปนผูเฝาขาวอยูมิไดอนุญาตนั้น จําเลยจะมีความผิด ฐานลกั ทรพั ยห รอื ไม ความผดิ ฐานลกั ทรพั ยผ กู ระทาํ จะตอ งเอาทรพั ยผ อู นื่ ไปโดยทจุ รติ ศาลฎกี าเหน็ วา ¢ÒŒ Çã¹¹Ò¼ÙàŒ ÊÂÕ ËÒ ÁÕÍÂÁÙ‹ Ò¡¡ÇÒ‹ ·ÕèจําàÅÂÁÒμǧàÍÒä» จาํ เลยตวงเอาขา วไป ๑๐๘ ถงั เทาจํานวน คา เชา นาทจี่ าํ เลยมสี ทิ ธิ จะไดร บั ชาํ ระจากผเู สยี หายจะวา จาํ เลยมเี จตนาทจุ รติ ลกั ขา วผเู สยี หายหาไดไ ม ®¡Õ Ò·èÕ óòñ/òõñð จําเลยไดเรียกเอาเงินและทองมาใสถุงยามเพื่อเปนสิริมงคล ในการทจ่ี าํ เลยจะทาํ พธิ ขี น้ึ บา นใหมข องโจทกร ว ม จงึ ไดห อ ธนบตั รจาํ นวน ๒,๐๐๖ บาท กบั เอาสรอ ยคอ ทองคําหนักหนึ่งบาทหน่ึงเสน บรรจุใสในกลอ งพลาสติกสง ใหจาํ เลย จําเลยเอาหอ เงนิ และกลอ งบรรจุ สายสรอ ยดงั กลา วใสล งในถงุ ยา มแลว ลงเรอื นไป มนี ายประสทิ ธแิ ละโจทกร ว มเดนิ ตามหลงั ระหวา งเดนิ กนั ไปทางบา นใหมข องโจทกร ว ม เพอื่ จะทาํ พธิ ี จาํ เลยลว งเอาหอ ธนบตั รนนั้ ไปเสยี จงึ เหน็ ไดว า เปน การ ลกั ทรัพย เพราะโจทกรวมเจาของทรพั ย ยงั มไิ ดส ละการครอบครองใหจ ําเลย เพียงแตใ หจ ําเลยยึดถอื ไวช ั่วคราว การท่ีจําเลยเอาหอ ธนบัตรนั้นไป ยอมมคี วามผดิ ฐานลักทรัพย ®¡Õ Ò·èÕ ñùòô-ñùòõ/òõñô จาํ เลยเปน ลกู จา งเรอื หาปลากน็ าํ เรอื ของนายจา งไปจบั ปลา แลว ๒ วนั ก็เอามาสง ทกุ คร้งั เปน อยางนี้ คราวน้จี ําเลยเอาเรือหาปลากับเคร่อื งไมเ คร่อื งมือไปแลว ก็ เอาไปขายเสยี ปญ หาวา จาํ เลยจะมคี วามผดิ ฐานลกั ทรพั ยห รอื เปน ความผดิ ฐานยกั ยอก กต็ อ งวนิ จิ ฉยั ปญหาเรอื่ งครอบครองเปน เบ้ืองตน ศาลฎกี าวนิ จิ ฉัยวากรณีอยางนก้ี ารครอบครองยงั อยูทต่ี ัวเจาของ ทรัพยคือเจาของเรือ เม่ือจําเลยเอาไปก็หมายความเอาไปจากการครอบครองก็เปนความผิดฐาน ลักทรพั ย มิใชค วามผิดฐานยักยอก ®Õ¡Ò·èÕ òð÷ô/òõñô จําเลยตัดสายโทรทัศนออกและยกเอาเคร่ืองรับโทรทัศนของ ผูเสียหายในหอ งรบั แขกเคลื่อนไปทก่ี ลางหอง เผอญิ ผูเ สยี หายเขาไปพบจาํ เลย จาํ เลยจึงวางเครื่องรับ โทรทัศนไวท่ีพื้นหองแลวหลบหนีไป จําเลยยอมมีความผิดฐานลักทรัพยเพราะถือวา จําเลยเอาทรัพย ไปแลวโดยทาํ ใหทรัพยส ินเคลอ่ื นท่ี ®¡Õ Ò·èÕ ÷õõ/òõò÷ ไดความวา จําเลยเชาท่ีดินของโจทกทําไร แลวจําเลยขุดดินน้ัน ไปขายโดยทจุ รติ จาํ เลยมคี วามผดิ ฐานลกั ทรพั ย วนิ จิ ฉยั วา ผดิ ฐานลกั ทรพั ยไ มใ ชผ ดิ ฐานยกั ยอก เพราะ การเชาท่ีดินนั้นผูใหเชาใหเชาทรัพยสินในสภาพที่เปนอสังหาริมทรัพย เมื่อที่ดินถูกขุดข้ึนมาแลวยอม
๔๑๐ เปล่ียนสภาพเปนสังหาริมทรัพยจึงถือไมไดวาเปนทรัพยสินที่เชา ดินที่ถูกขุดมาจึงคงอยูในความ ครอบครองของผูใหเชา ในคดีเรื่องน้ีศาลฎีกาถือหลักท่ีวาใครเปนคนครอบครอง แตโดยวินิจฉัยวา ท่ีผูใหเชาใหเชาทรัพยสินคือที่ดินนี้ในสภาพที่เปนอสังหาริมทรัพย แตเมื่อท่ีดินถูกขุดข้ึนมาแลวก็ กลายเปน สงั หารมิ ทรพั ย จงึ ถือไมไ ดวา เปน ทรพั ยสินท่เี ชา เม่ือเปน สังหารมิ ทรพั ยไมใ ชท รพั ยส ินท่เี ชา ก็ถอื วา อนั น้ี ยงั อยใู นความครอบครองของเจา ของทดี่ ิน เมอ่ื เอาไปกเ็ ปน ลกั ทรัพย ดงั นัน้ ถาหากเปน เรอื่ งเชา บา น เชน เชา ตกึ หลงั หนงึ่ เปน การเชา อสงั หารมิ ทรพั ย ถา คนเชา ถอดมงุ ลวดในบา นหลงั นนั้ ไป หรอื กระจกบานหนา ตา งไป จะถือวา เปนลักทรพั ยห รือยกั ยอกทรพั ย มันก็ตองเขา มาสปู ญหาทว่ี าใคร ครอบครองทรัพยน้ัน เมื่อพิจารณาดูคําพิพากษาฎีกาน้ีแลวจะเห็นไดวาการครอบครองนั้นยังอยูท่ี เจา ทรพั ย เพราะเมอื่ แยกออกมาจากตวั อสงั หารมิ ทรพั ยแ ลว กเ็ ปน สงั หารมิ ทรพั ย จงึ เปน ความผดิ ฐาน ลกั ทรพั ย ®¡Õ Ò·èÕ õ÷ô/òõò÷ จาํ เลยขนึ้ ไปบนตน ลาํ ไยหกั ลาํ ไยทง้ั กง่ิ จากตน ใสใ นเขง เจา พนกั งาน จับจําเลยขณะจําเลยอยูบนตนและกําลังหักก่ิงลําไยใสเขงอยู (ถามวาอยางน้ีเปนพยายามหรือเปน ความผิดสําเร็จ มันมีเขงมันหักก่ิงลําไยใสเขง เพราะฉะน้ันการหักก่ิงลําไยใสเขง ก็เปนการแยกหรือ เคล่ือนที่ผลลําไยออกจากตน อันน้ีเปนการแยกออกมา และเขายึดถือเอาผลลําไยไวแลวคือใสเขงไว แลว อยางนกี้ ็เปนการเอาไปซง่ึ ทรพั ยของผูเสยี หาย ครบองคป ระกอบ) เปนความผดิ ในฐานลักทรพั ย สําเรจ็ แลว ไมใชเ ปนความผิดฐานพยายาม ®¡Õ Ò·èÕ öññ/òõóð จําเลยขับรถเขาไปเติมนํ้ามันกับเด็กปมของผูเสียหาย เม่ือเติม เกอื บจะเต็มถัง จาํ เลยพูดวา ไมมีเงนิ เดย๋ี วจะเอามาใหแลวจาํ เลยไดขับรถออกไปทนั ที พฤติการณของ จาํ เลยทขี่ ณะเตมิ นาํ้ มนั ไมไ ดด บั เครอื่ งยนตร ถ แลว ฝาปด ถงั นาํ้ มนั กไ็ มม ใี ชผ า อดุ ไวแ ทน แสดงวา เปน การ วางแผนการไวเพ่ือจะไมชําระเงินคาน้ํามันเมื่อไดนํ้ามันมาแลวโดยจะรีบหนีไป อนั เปนอุบายในการท่ี จะทําใหการลักทรัพยสําเร็จ แลวจําเลยมีเจตนาทุจริตมาตั้งแตตนท่ีจะลักเอาน้ํามันผูเสียหาย จึงเปน ความผิดฐานลักทรัพยโดยใชกลอบุ าย ®¡Õ Ò·èÕ òõôù/òõóò จําเลยเขาไปในบานผูเสียหายเพ่ือทวงคาแรงที่ผูเสียหายคาง บตุ รชายของจาํ เลย เปน การเขา ไปโดยมเี หตผุ ลสมควรโดยสจุ รติ แมจ าํ เลยจะไดถ อื มดี ไปดว ย แตก เ็ ปน เพียงมีดเหลียนซงึ่ โดยทัว่ ๆ ไปใชสาํ หรบั หวดหญา และไมป รากฏวา จําเลยตงั้ ใจจะไปทํารา ยผเู สยี หาย ต้งั แตแรก จึงไมอ าจถือไดวา จาํ เลยมีเจตนาบุกรุก จําเลยทวงคาแรงจากผูเสียหายไมได จึงโกรธและใชมีดฟนพยายามทํารายผูเสียหาย แลว เอาเครอื่ งสบู นา้ํ ของผเู สยี หายไป มใิ ชเ ปน การฟน ผเู สยี หายเพอ่ื ความสะดวกหรอื เพอื่ เอาเครอื่ งสบู นาํ้ ของผเู สยี หายไปเกดิ ขนึ้ หลงั จากการทาํ รา ยรา งกายของตนไปแลว จาํ เลยจงึ ไมม คี วามผดิ ฐานชงิ ทรพั ย แมจําเลยเอาเครื่องสูบนํ้าของผูเสียหายไปเพื่อยึดเอาไวใหผูเสียหายไปจายคาแรง บุตรชายจําเลยแลวจําเลยจะคืนให ก็ถือไดวาจําเลยเอาทรัพยของผูเสียหายไปโดยมีเจตนาทุจริต อนั เปน ความผดิ ฐานลักทรพั ย เพราะจําเลยไมมีอํานาจเอาทรพั ยข องผเู สยี หายไปโดยพลการได
๔๑๑ ®¡Õ Ò·èÕ ñöôó/òõóõ จําเลยเอาปนของผูเสียหายไปเพื่อจะยิงทําราย ส. ซ่ึงเปนชูกับ ภริยาของจําเลยดวยบันดาลโทสะท่ีเห็น ส. นั่งอยูกับภริยาของจําเลย มิไดมีเจตนาที่จะเอาปนของ ผเู สยี หายไปเปนของตนโดยทุจรติ จงึ ไมเปน ความผิดฐานลกั ทรพั ย ¯Õ¡Ò·èÕ ñððò/òõóõ จําเลยนํารถยนตออกจากหางผูเสียหาย เพื่อไปทําความสะอาด ตามหนา ที่ เสรจ็ แลว ไดน าํ รถไปใชป ระโยชนส ว นตวั ทตี่ า งจงั หวดั แตร ถเสยี ระหวา งทาง เปน เหตใุ หน าํ รถ มาคนื ผเู สยี หายไมไ ด ถา รถไมเ สยี จาํ เลยกน็ าํ รถมาคนื ใหผ เู สยี หายได กรณเี ปน การเอารถไปใชช ว่ั คราว เทานั้น มิไดกระทําเพื่อเปนการตัดกรรมสิทธิ์ของผูเสียหายตลอดไป จึงมิใชเปนการกระทําที่ถือวา เอาทรพั ยของผเู สยี หายไป อันจะเปน ความผิดฐานลกั ทรัพย เขาไปลักขุดเอาดินของผูอ่ืนไป เปนความผิดฐานบุกรุก ลักทรัพยและทําใหเสียทรัพย ซง่ึ เปน กรรมเดยี วผิดกฎหมายหลายบท ®¡Õ Ò·Õè ôøðô/òõóó จําเลยท่ี ๑ เขาไปขุดเอาหนาดินในท่ีดินพิพาทของโจทกรวมไป ยอ มมคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๓๓๔, ม.๓๕๘ และ ม.๓๖๒ เปน การกระทาํ กรรมเดยี ว ผิดตอ กฎหมายหลายบท ลงโทษตาม ม.๓๓๔ ซึง่ เปน บททมี่ โี ทษหนกั ทสี่ ดุ ผูเชาที่ดินถือวาครอบครองที่ดินแทนผูใหเชาในสภาพท่ีเปนอสังหาริมทรัพย การที่ผูเชา ขุดดินข้ึนมายอมมีสภาพเปนสังหาริมทรัพย ซึ่งผูใหเชาไมไดสงมอบการครอบครองใหผูเชาดวย เมื่อผเู ชา เอาไปขาย จงึ เปน ความผิดฐานลักทรัพย ไมใชย ักยอก ®Õ¡Ò·èÕ õôòó/òõôñ การท่ีจําเลยเปนผูเชาที่ดินของโจทกรวมและผูเสียหาย ก็เพียง แตท าํ ใหจ าํ เลยเปน ผคู รอบครองทด่ี นิ ดงั กลา วในสภาพอสงั หารมิ ทรพั ยเ ทา นน้ั เมอ่ื ทด่ี นิ ถกู ขดุ ดนิ ทไ่ี ด ยอมเปล่ียนสภาพเปนสังหาริมทรัพย โจทกรวมกับผูเสียหายไมไดมอบการครอบครองดินท่ีเปน สงั หารมิ ทรพั ยใ หจ าํ เลยครอบครองดนิ ดงั กลา วจงึ ยงั อยใู นความครอบครองของโจทกร ว มและผเู สยี หาย ดงั นน้ั การทจี่ าํ เลยเอาดนิ ดงั กลา วไปขายอนั เปน การแสวงหาประโยชนท ม่ี คิ วรไดโ ดยชอบดว ยกฎหมาย จึงเปน ความผิดฐานลกั ทรัพย ®Õ¡Ò·èÕ õöõ/òõôò การทจ่ี าํ เลยสงั่ ให ค. ขดุ ทรายแกว ในดนิ ของโจทกร ว มอา งวา เปน ของตน โดยปกปดขอ เท็จจรงิ ไมให ค. ทราบวาทด่ี ินเปนของโจทกร ว ม จาํ เลยไดข ายทรายแกวทข่ี ดุ ได ใหแก ค. โดยมิไดน าํ เงนิ ท่ีขายไดม อบแกโ จทกรวม เปน การแสวงหาประโยชนท ี่มคิ วรไดโ ดยชอบดวย กฎหมายสาํ หรบั ตนเองแลว การกระทาํ ของจาํ เลยมเี จตนาทุจริตเปนความผดิ ฐานลักทรัพย ®¡Õ Ò·èÕ óö÷ð/òõôò ผูเสียหายฟองจําเลยขอแบงนามรดกและขาวเปลือกเหนียว ที่เก็บเก่ียวไดจากนาพิพาท ขณะที่คดีอยูในระหวางพิจารณาของศาล ผูเสียหายและจําเลยท้ังสองได ไปตกลงกันที่สถานีตํารวจวา ฝายใดฝายหนึ่งจะไมเอาขาวเปลือกเหนียวที่ไดจากการทํานาพิพาท ไปขาย แตยอมใหแตละฝายเอาไปสีรับประทานได ผูเสียหายทําผิดขอตกลงดังกลาว โดยผูเสียหาย เอาขาวเปลือกเหนียว ๕๐ ถุงไปชําระหนี้แทนเงินใหเจาหน้ีของตนจําเลยทั้งสองจึงปดยุงขาวพิพาท การกระทําของจําเลยทั้งสองก็เพื่อรักษาผลประโยชนในทรัพยพิพาทซ่ึงอยูในระหวางพิจารณาคดี น้นั เอง ดังนั้น แมจะปรากฏวาจําเลยทั้งสองจะไดกวาดขาวเปลือกเหนียวไปกองรวมไวในยุงขาวดวย ก็ตาม พฤติการณข องจําเลยท้ังสองก็ขาดเจตนาทุจรติ ไมเ ปน ความผดิ ฐานลักทรัพย
๔๑๒ Å¡Ñ ¡ÃÐáÊä¿¿Ò‡ áÅÐÊÑÞÞÒ³â·ÃÈ¾Ñ · การลกั กระแสไฟฟา ศาลฎกี าเคยวนิ จิ ฉยั โดยมตทิ ป่ี ระชมุ ใหญใ นป ๒๕๐๑ วา เปน ความผดิ ฐานลักทรัพย (ฎีกาที่ ๘๗๗/๒๕๐๑) ตอมาในป ๒๕๔๒ ศาลฎีกาโดยมติท่ีประชุมใหญวินิจฉัยวา การที่จําเลยลักเอาสัญญาณโทรศัพทจากตูโทรศัพทสาธารณะไปใชเพื่อประโยชนของจําเลยก็เปน ความผดิ ฐานลกั ทรพั ยเ ชน กนั เพราะสญั ญาณโทรศพั ทเ ปน กระแสไฟฟา ทแ่ี ปลงมาจากเสยี งพดู เคลอ่ื นท่ี ไปตามสายลวดตัวนาํ จากที่หนึง่ ไปยังอกี ทห่ี นึง่ จึงเปนความผิดฐานลักทรัพย ®Õ¡Ò·èÕ ñøøð/òõôò (ประชมุ ใหญ) สญั ญาณโทรศพั ทเ ปน กระแสไฟฟา ทแี่ ปลงมาจาก เสียงพูดเคล่ือนท่ีไปตามสายลวดตัวนําจากที่หน่ึงไปยังอีกท่ีหน่ึง จําเลยลักเอาสัญญาณโทรศัพทจาก ตโู ทรศพั ทส าธารณะซง่ึ อยใู นความครอบครองขององคก ารโทรศพั ทแ หง ประเทศไทยไปใชเ พอื่ ประโยชน ของจาํ เลยโดยทจุ ริต จึงเปน ความผดิ ฐานลกั ทรพั ยเชนเดียวกบั การลักกระแสไฟฟา ®¡Õ Ò·èÕ øñ÷÷/òõôó การÅÑ¡àÍÒ¤Åè×¹áÁ‹àËÅç¡ä¿¿‡Òอันเปนทรัพยของผูเสียหาย ท่ีผลิตข้ึนเพื่อใชกับÇÔ·ÂØ¤Á¹Ò¤Á โดยจําเลยกับพวกนําเครื่องโทรศัพทเคล่ือนที่ท่ีปรับสัญญาณและ รหัสเลขหมายของโทรศัพทผูอื่นมาใชติดตอส่ือสารโทรออกหรือรับการเรียกเขาผานสถานีและชุมสาย โทรศพั ทร ะบบเซลลลู าร ๔๗๐ ของผเู สยี หายนนั้ เปน เพยี งการรบั สง วทิ ยคุ มนาคมหรอื กลา วอกี นยั หนงึ่ วา เปน การá§‹ 㪤Œ Źè× ÊÞÑ ÞÒ³â·ÃÈ¾Ñ ·â ´ÂäÁÁ‹ ÊÕ ·Ô ¸Ô นน่ั เอง จงึ ÁãÔ ªเ‹ ปน การเอาไปซง่ึ ทรพั ยส นิ ของ ผอู น่ื โดยทจุ รติ การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ ไมเ ปน ความผดิ ตาม ม.๓๓๕ (๑)(๗) ว.๒ แตจ าํ เลยคงมคี วามผดิ ตาม พ.ร.บ.วทิ ยคุ มนาคมฯ (ฐานรวมกันรบกวนขัดขวางตอ การวทิ ยุคมนาคม) ¢ÍŒ Êѧà¡μ เรื่องน้ีเปนลักสัญญาณโทรศัพทใชสาย (พื้นฐาน) ถาเปนโทรศัพทมือถือ (โทรศัพทเคล่ือนท่ี) มีคําพิพากษาฎีกาที่ ๕๓๕๔/๒๕๓๙ วินิจฉัยวาการที่จําเลยปรับจูนและกอบป คล่ืนสัญญาณโทรศัพทเคลื่อนที่และรับสงวิทยุคมนาคมโดยไมไดรับอนุญาต เปนเพียงการแยงใช คล่ืนสัญญาณโทรศัพท ไมเปนความผิดฐานลักทรัพย คําพิพากษาฎีกาน้ีไมขัดกับคําพิพากษาฎีกา ที่ ๑๘๘๐/๒๕๔๒ ซง่ึ ในคําพพิ ากษาฎกี าที่ ๑๘๘๐/๒๕๔๒ ก็ไดวนิ ิจฉัยไวด ว ยวา ไมข ดั กับคําพพิ ากษา ฎีกาที่ ๕๓๕๔/๒๕๓๙ เพราะขอเท็จจริงไมตรงกัน เนื่องจากในคําพิพากษาฎีกาท่ี ๕๓๕๔/๒๕๓๙ เปนการปรับจูนและกอบปคล่ืนสัญญาณมือถือและใชรับสงวิทยุคมนาคม โดยอาศัยคลื่นสัญญาณ โทรศัพทของผูเสียหายท่ีลองลอยอยูในอากาศ กรณีจึงแตกตางกับขอเท็จจริงในคําพิพากษาฎีกา ที่ ๑๘๘๐/๒๕๔๒ น้ี ซงึ่ เปน เรือ่ งการลกั สัญญาณโทรศัพทท ีอ่ ยูภ ายในสายโทรศพั ท กลาวโดยสรุปวาที่แตกตางกัน เพราะตามคําพิพากษาฎีกาที่ ๕๓๕๔/๒๕๓๙ เปน คล่ืนสัญญาณโทรศัพทมือถือท่ีลองลอยอยูในอากาศ สวนคําพิพากษาฎีกาท่ี ๑๘๘๐/๒๕๔๒ เปน สญั ญาณโทรศพั ทท อี่ ยภู ายในสายโทรศพั ท เมอื่ ขอ เทจ็ จรงิ แตกตา งกนั จงึ ไมถ อื วา คาํ วนิ จิ ฉยั ขดั แยง กนั ®¡Õ Ò·èÕ õóõô/òõóù จําเลยนําโทรศัพทมือถือมาปรับจูนและกอบปคลื่นสัญญาณ โทรศัพทของผูเสียหายแลวใชรับสงวิทยุคมนาคมโดยไมไดรับอนุญาต เปนเพียงการแยงใชคลื่น สัญญาณโทรศัพทของผูเสียหายโดยไมมีสิทธิ มิใชเปนการเอาทรัพยของผูอ่ืนไปโดยทุจริตไมเปน ความผดิ ฐานลกั ทรัพย แมจ าํ เลยใหก ารรับสารภาพกต็ องพพิ ากษายกฟอง
๔๑๓ ò. Å¡Ñ ·Ã¾Ñ  àËμ©Ø ¡Ãè ÁÒμÃÒ óóõ ผูใ ดลักทรพั ย (๑) ในเวลากลางคืน (๒) ในท่ีหรือบริเวณท่ีมีเหตุเพลิงไหม การระเบิด อุทกภัย หรือในที่ หรือบริเวณที่มี อบุ ตั เิ หตุ เหตทุ กุ ขภยั แกร ถไฟ หรอื ยานพาหนะอนื่ ทปี่ ระชาชนโดยสาร หรอื ภยั พบิ ตั อิ นื่ ทาํ นองเดยี วกนั หรืออาศัยโอกาสที่มเี หตุเชน วาน้ัน หรอื อาศัยโอกาสทปี่ ระชาชนกาํ ลงั ตน่ื กลัวภยันตรายใดๆ (๓) โดยทาํ อนั ตรายสงิ่ กดี กนั้ สาํ หรบั คมุ ครองบคุ คลหรอื ทรพั ย หรอื โดยผา นสง่ิ เชน วา นน้ั เขาไปดว ยประการใดๆ (๔) โดยเขา ทางชอ งทางซงึ่ ไดท าํ ขนึ้ โดยไมไ ดจ าํ นงใหเ ปน ทางคนเขา หรอื เขา ทางชอ งทาง ซ่งึ ผูเปน ใจเปด ไวให (๕) โดยแปลงตวั หรอื ปลอมตวั เปน ผอู น่ื มอมหนา หรอื ทาํ ดว ยประการอนื่ เพอ่ื ไมใ หเ หน็ หรอื จําหนา ได (๖) โดยลวงวา เปน เจา พนกั งาน (๗) โดยมอี าวุธ หรอื โดยรว มกระทําความผดิ ดวยกันตง้ั แตส องคนขึน้ ไป (๘) ในเคหสถาน สถานทร่ี าชการหรอื สถานทท่ี จ่ี ดั ไวเ พอื่ ใหบ รกิ ารสาธารณะทตี่ นไดเ ขา ไป โดยไมไดร บั อนุญาต หรอื ซอนตวั อยใู นสถานท่ีน้นั ๆ (๙) ในสถานที่บชู าสาธารณะ สถานีรถไฟ ทา อากาศยาน ทจ่ี อดรถ หรอื เรือสาธารณะ สาธารณสถานสําหรับขนถา ยสินคา หรอื ในยวดยานสาธารณะ (๑๐) ทใี่ ชห รือมไี วเพอ่ื สาธารณประโยชน (๑๑) ทเ่ี ปนของนายจางหรือท่ีอยใู นความครอบครองของนายจา ง (๑๒) ทีเ่ ปนของผมู อี าชีพกสิกรรม บรรดาท่ีเปน ผลติ ภณั ฑ พชื พันธุ สัตว หรอื เครื่องมอื อนั มไี วสําหรบั ประกอบกสิกรรมหรอื ไดม าจากการกสกิ รรมนั้น ตอ งระวางโทษจําคุกตัง้ แตหน่ึงปถ งึ หา ป และปรบั ต้งั แตส องพนั บาทถึงหนง่ึ หมน่ื บาท ถาความผิดตามวรรคแรกเปนการกระทําท่ีประกอบดวยลักษณะดังท่ีบัญญัติไวใน อนุมาตราดังกลาวแลวตั้งแตสองอนุมาตราขึ้นไป ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแตหน่ึงปถึงเจ็ดป และปรบั ตัง้ แตส องพันบาทถงึ หน่งึ หมื่นสีพ่ ันบาท ถาความผิดตามวรรคแรกเปนการกระทําตอทรัพยท่ีเปนโค กระบือ เครื่องกล หรือเครื่องจักรที่ผูมีอาชีพกสิกรรมมีไวสําหรับประกอบกสิกรรม ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกต้ังแต สามปถ ึงสิบป และปรับตงั้ แตหกพันบาทถงึ สองหมน่ื บาท ถาการกระทําความผิดดังกลาวในมาตราน้ี เปนการกระทําโดยความจําใจหรือความ ยากจนเหลือทนทาน และทรพั ยน้นั มีราคาเล็กนอ ย ศาลจะลงโทษผกู ระทาํ ความผดิ ดงั ทบ่ี ัญญัติไวใน มาตรา ๓๓๔ กไ็ ด
๔๑๔ คาํ ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ óóõ ÇÃäáá (๑) ลักทรัพยในเวลากลางคืน ป.อ.มาตรา ๑(๑๑) “กลางคืน” หมายความวา เวลาระหวางพระอาทิตยตกและ พระอาทิตยขน้ึ เปนการถือเอาการทพ่ี ระอาทิตยข น้ึ และพระอาทติ ยตกเปน เกณฑว ินจิ ฉัย มไิ ดถือเวลา ทกี่ าํ หนดไวแ นช ดั โดยใชน าฬก าเปน เครอ่ื งบอกเวลาแตอ ยา งไร เวลาพระอาทติ ยข นึ้ และพระอาทติ ยต ก นน้ั ถอื เกณฑก ารขน้ึ หรอื ตกจากขอบฟา เปน สาํ คญั มไิ ดถ อื เอาแสงอาทติ ยเ ปน เครอ่ื งกาํ หนดแตอ ยา งใด (๒) ลกั ทรพั ยใ นทีห่ รือบรเิ วณทมี่ เี หตุเพลิงไหม การระเบดิ อทุ กภยั หรอื ในท่หี รือบรเิ วณ ท่ีมีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแกรถไฟ หรือยานพาหนะอ่ืนท่ีประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทํานอง เดยี วกันหรืออาศัยโอกาสทีม่ ีเหตุเชน วา น้ัน หรอื อาศัยโอกาสที่ประชาชนกําลังตนื่ กลัวภยนั ตรายใดๆ กฎหมายลงโทษผูกระทําผิดฐานลักทรัพยตามขอนี้หนักข้ึน เพราะเหตุที่กรณีเชนน้ี การลักทรัพยกระทําไดสะดวกและผูกระทําฉวยโอกาสกระทําอยางไรศีลธรรมโดยไมคํานึงถึง ความทุกขเข็ญของผูอื่นซ่ึงกําลังประสบอยูในขณะน้ันแยกพิจารณาไดเปน ๓ กรณีคือ (๑) ในท่ีหรือ บริเวณทีม่ เี หตุเพลงิ ไหม การระเบิด อทุ กภยั หรอื อาศัยโอกาสทีม่ ีเหตุเชนวานนั้ (๒) ในที่หรอื บริเวณ ท่ีมีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแกรถไฟ หรือยานพาหนะอ่ืนท่ีประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทํานอง เดียวกัน หรืออาศัยโอกาสท่ีมีเหตุเชนวาน้ัน และ (๓) อาศัยโอกาสท่ีประชาชนกําลังต่ืนกลัว ภยนั ตรายใดๆ (๓) ลักทรัพยโดยทําอันตรายส่ิงกีดกั้นสําหรับคุมครองบุคคลหรือทรัพย หรือโดยผาน ส่ิงที่วาน้ันเขาไปดวยประการใดๆ “สิ่งกีดก้ันสําหรับคุมครองบุคคลและทรัพย” เชน ร้ัวบาน ฝาบาน ถาพังเขาไปลักทรัพยยอมมีผิดตามมาตรานี้ สวนคําวา “โดยผานส่ิงเชนวาน้ันเขาไปดวยประการใด” มตี วั อยา งเชนปน ร้ัวเขา ไปลักทรัพย (๔) ลักทรัพยโดยเขาทางชองทางซ่ึงไดทําขึ้นโดยไมไดจํานงใหเปนทางคนเขาหรือ เขาทางชองทางซ่งึ ผเู ปนใจเปด ไวให มาตรา ๓๓๕(๔) ถือเอาการ “เขาไป” เปนเกณฑท่ีจะลงโทษหนักขึ้น ถาเขาไปแลวจะ ออกกลับมาโดยวิธีใดไมถือเปนเร่ืองสําคัญท่ีจะลงโทษหนักข้ึนแตอยางใด เชน เขาไปลักทรัพย ในบานของเขาโดยเขาทางประตูที่เจาของเปดท้ิงไว แตพอจะออกมาจากบาน เจาของกลับมาพอดี จึงตองหนีออกทางชองหนา ตางหลงั บา น ไมตอ งรับโทษหนกั ขน้ึ ตามมาตรา ๓๓๕(๔) น้ี ชองทางซ่ึงไดทําข้ึนโดยไมไดจํานงใหเปนทางคนเขาน้ัน เชน ชองระบายลม ปลองไฟ ชองหนาตาง เปนตน แตตองชองทางท่ีไดทําข้ึนโดยคนทํา ถาลมพัดเอากระเบื้องหลังคาเปนชองไป ยงั มิไดซ อมคนจงึ ปน เขา ทางชอ งนั้นไมเขาตามมาตรา ๓๓๕(๔) นี้ สวนชอ งทางซ่ึงผูเ ปน ใจเปดไวใหน ัน้ จะเปน ชองทางประตู หนา ตา ง หรือเปน ชองทางทีไ่ ดง ัดและเปด ไวให (๕) ลักทรัพยโดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเปนผูอื่น มอมหนาหรือทําดวยประการอื่น เพื่อไมใ หเหน็ หรอื จาํ หนาได คาํ วา “á»Å§μÇÑ ” หมายความวา จะแปลงตวั เพ่ือมิใหจาํ ได เชน ใสวกิ
๔๑๕ หรอื ใสห นวดหรอื เคราปลอม คาํ วา “»ÅÍÁμÑÇ” หมายความวา ปลอมตัวใหเหมอื นกบั ผอู ืน่ ซงึ่ มตี วั อยู เชน ก. ปลอมตวั ใหเ หมอื น ข. แลวลักทรพั ย คาํ วา “มอมหนา” หมายความวา เราเอาดินหมอหรือ สีมาทาหนา เพื่อไมใหจําหนาได สวนคําวา “ทําดวยประการอ่ืนเพื่อไมใหเห็นหรือจําหนาได” หมายความถึง การปกปดใบหนาดวยประการใดๆ เชน เอาหนากากใสหรือเอาผาเช็ดหนาผูกหนา เหลือไวเ ฉพาะตรงนยั นตา (๖) ลักทรัพยโ ดยลวงวา เปนเจา พนักงาน การลักทรพั ยโ ดยลวงวาเปนเจา พนักงานตามมาตรา ๓๓๕(๖) น้ไี มต องถึงกับลวงวาเปน เจาพนักงานผูปฏิบัติหนาที่แตอยางใด เชน แตงเคร่ืองแบบขาราชการพลเรือนเรียกใหรถยนตหยุด เพอ่ื ตรวจคน เมอ่ื เขายอมหยดุ ใหต รวจคน กถ็ อื โอกาสลกั ทรพั ยใ นรถยนตเ ขาไป นา จะอยใู นความหมายนี้ แลวขอสําคัญนาจะอยูท่ีวาคําพูดหรือกิริยาทาทางท่ีแสดงออกนั้นลวงใหเขาเขาใจหรือไมวาเปน เจาพนกั งาน ตําแหนงใดตําแหนง หนึ่งหรือไม อน่ึงคําวา “ลวง” น้ัน หมายถึงการทําใหเขาใจผิดโดยวิธีใดๆ ไมจําตองมีการแอบอาง โดยตรงวาตนเปนเจาพนักงานก็ได เชน แตงกายเปนราษฎรธรรมดาแลวขอตรวจบัตรประจําตัวเขา เขาคิดวาเปนเจาพนักงานยอมใหตรวจ จึงถือโอกาสนั้นลักทรัพยเขาไปเชนน้ี ถือวาเปนการลักทรัพย โดยลวงวาเปนเจาพนักงานเพราะผูท่ีจะขอตรวจบัตรประจําตัวประชาชนไดก็มีเฉพาะเจาพนักงาน เทาน้นั (๗) ลกั ทรพั ยโ ดยมีอาวุธหรือโดยรว มกระทําความผิดดว ยกันต้งั แตส องคนขึน้ ไป เหตุท่ีทาํ ใหร บั โทษหนักขึน้ ตาม มาตรา ๓๓๕(๗) นี้ แยกออกเปน ๒ เหตคุ ือ ลักทรัพย โดยมีอาวุธ กับลักทรัพยโดยรวมกระทําความผิดดวยกันต้ังแตสองคนข้ึนไป เพียงเหตุใดเหตุหนึ่ง ก็ทําใหตองรับโทษหนักขึ้นแลว แตถาลักทรัพยโดยมีเหตุท้ังสองเหตุดังกลาวแลวดวยกัน ก็ยังคงรับ โทษหนักขึ้นในระวางโทษเทาเดิมตาม มาตรา ๓๓๕ วรรคแรก มิไดรับโทษหนักข้ึนถึงขนาด มาตรา ๓๓๕ วรรคสอง แตอยางใด การลักทรัพยโดยมีอาวุธน้ัน ปกติแลวก็ตองถือหรือพกพาติดตัวไปดวยในขณะกระทํา การลักทรัพย แตแมจะไมติดตัวอยู หากอยูในท่ีซ่ึงอาจหยิบฉวยไดทันทวงที เชน เอาหอกพิงเสาไว ใตถุนบานแลวปนข้ึนไปลักของในบาน ก็ถือวาลักทรัพยโดยมีอาวุธ การมีอาวุธในการลักทรัพยน้ัน ตองมีอยู ตั้งแตเริ่มลงมือลักทรัพยไปจนถึงลักทรัพยสําเร็จ ถาเพ่ิงมีภายหลัง เชน ลักดาบของ เจา ทรัพยถือมาดว ย เมือ่ พบเจาทรัพยจึงเงือ้ จะฟน เชนน้ไี มเปน ลกั ทรัพยโดยมีอาวุธ แตเปน ชิงทรพั ย แตถามีอาวุธแลวไมไดใชทําอะไรเลยนอกจากพกไปลักทรัพยเพียงอยางเดียวก็เปนลักทรัพย โดยมีอาวุธแลว การลักทรัพยโดยรวมกระทําความผิดดวยกันต้ังแตสองคนข้ึนไปนั้น หมายถึง การเปน ตัวการในการลักทรัพยน้ันดวยกันตามมาตรา ๘๓ ไมรวมถึงผูใชหรือผูสนับสนุนตามมาตรา ๘๔ มาตรา ๘๕ หรือมาตรา ๘๖
๔๑๖ (๘) ลักทรัพยในเคหสถาน สถานท่ีราชการ หรือสถานที่ที่จัดไวเพ่ือใหบริการสาธารณะ ทีต่ นไดเขา ไปโดยไมไดร ับอนญุ าต หรือซอ นตวั อยูในสถานท่นี น้ั ๆ มาตรา ๓๓๕(๘) ลงโทษการลักทรัพยในสถานท่ี ๓ ประเภทที่บุคคลน้ันไดเขาไป โดยมไิ ดร บั อนญุ าต หรอื ขณะเขา ไปนน้ั ไดร บั อนญุ าต แตเ ขา ไปแลว ไดซ อ นตวั อยใู นสถานทนี่ น้ั ๆ ไมอ อกมา และถอื โอกาสกระทําการลกั ทรพั ยใ นสถานที่นนั้ โดยลงโทษหนักข้ึนตามวรรคแรกนเ้ี ชน เดยี วกัน บคุ คลผลู กั ทรพั ยจ ะตอ งเขา ไปลกั ทรพั ยจ ากในสถานทตี่ า งๆ ดงั กลา วแลว ในขณะทเี่ ขา ไป มิไดรบั อนุญาตใหเ ขาไปได กรณใี ดที่ถอื วามสี ิทธิเขา ไปหรือไดร บั อนญุ าตใหเ ขาไปได จึงตอ งพจิ ารณา เปนกรณีๆ ไป แตอยางไรก็ตามการอนุญาตใหเขาไปในบางคร้ังอาจไมอนุญาตใหเขาไปทุกสวนของ เคหสถานก็ได ถาเขาไปลักจากสวนที่ไมไดรับอนุญาตใหเขาไปก็ถือวาเปนลักทรัพยในเคหสถาน เชน กนั เชน อนญุ าตใหเ ขา ไปในหอ งรบั แขกแตเ ขา ไปลกั ทรพั ยใ นหอ งนอน เปน ตน การเขา ไปลกั ทรพั ย ในเคหสถานน้นั จะตองเปนการเขาไปทง้ั ตวั ถาเพยี งแตย่นื มือเขาไปหยิบทรพั ยออกมา ไมถ ือวาเปน ลกั ทรัพยใ นเคหสถาน เพราะมาตรา ๓๓๕(๘) ใชค ําวาที่ “ตน” เขา ไปโดยมิไดร บั อนญุ าต คําวา “ตน” จงึ นาจะมไิ ดหมายความเฉพาะมอื หรอื แขนเทานั้น อกี กรณหี นง่ึ การเขา ไปในเคหสถาน สถานทร่ี าชการ สถานทบ่ี รกิ ารสาธารณะดงั กลา วแลว ขณะเขาไปอาจมีสิทธิหรือไดรับอนุญาตใหเขาไป แตไดซอนตัวอยูในสถานท่ีน้ันมิใหผูอื่นเห็น แลวถือโอกาสลักเอาทรัพยจากท่ีน้ันไป ก็ถือวาตองรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา ๓๓๕(๘) น้ีเชนกัน เชน ขาราชการไมยอมกลับออกมาจากสถานที่ราชการเม่ือเลิกงาน แตไดซอนตัวอยูในสถานที่นั้น จนเม่ือเห็นปลอดคนแลว จึงลกั เอาทรพั ยจ ากสถานท่นี น้ั ไป เปน ตน (๙) ลักทรัพยในสถานท่ีบูชาสาธารณะ สถานีรถไฟ ทาอากาศยาน ที่จอดรถ หรือเรือ สาธารณะ สาธารณสถานสาํ หรบั ขนถายสนิ คา หรือในยวดยานสาธารณะ เหตุท่ีทําใหตองรับโทษหนักข้ึนตามมาตรา ๓๓๕(๙) น้ี คือ การลักทรัพยในสถานท่ี หรือท่ีดังกลาวแลว ซึ่งตางกับในมาตรา ๓๓๕(๘) ตรงที่สถานท่ีหรือท่ีตามมาตรา ๓๓๕(๙) น้ี เปนสถานที่หรือท่ีซ่ึงประชาชนทั่วไปอาจเขาออกไดโดยอิสระไมตองรับอนุญาตจากผูใด รวมทั้งไมมี กําหนดเวลาการเขาออกทแ่ี นนอนอยูแลว (๑๐) ลกั ทรพั ยทใี่ ชหรือมไี วเ พ่อื สาธารณประโยชน สําหรับตามมาตรา ๓๓๕(๑๐) น้ีตองเปนทรัพยท่ีใชหรือมีไวเพ่ือสาธารณประโยชน ของประชาชนทั่วๆ ไป เชน หลอดไฟฟาท่ีติดอยูตามเสาไฟฟาสาธารณะ หรือหลอดไฟฟาท่ีเตรียม ไวติดตามเสาไฟฟาสาธารณะก็เชนเดียวกัน โทรทัศนสาธารณะ สายไฟฟาหรือสายโทรศัพทตามเสา ทอประปาท่ีนํามาวางไวเพื่อเตรียมฝงเพื่อปลอยน้ําไปใหประชาชน ปายจอดรถของกรมการขนสง ทางบก ปายบอกช่ือถนนของเทศบาล เปนตน ทรัพยของทางราชการทั่วๆ ไปถามิไดใชหรือมีไว เพ่ือสาธารณประโยชนก็มไิ ดเขาอยใู นมาตรา ๓๓๕(๑๐) นแ้ี ตอ ยางใด เชน พมิ พดดี ในสถานทร่ี าชการ เงนิ ของทางราชการที่เก็บไวในตนู ริ ภยั ตูโตะ เกาอี้ แบบพมิ พตางๆ เปนตน
๔๑๗ (๑๑) ลักทรพั ยท่เี ปนของนายจางหรือทีอ่ ยใู นความครอบครองของนายจาง นายจา งตามความหมายในมาตรา ๓๓๕(๑๑) นี้ หมายถงึ นายจา งตามสญั ญาจา งแรงงาน (๑๒) ลักทรพั ยท่เี ปน ของผูมอี าชพี กสกิ รรม บรรดาทเ่ี ปน ผลติ ภัณฑ พชื พนั ธุ สัตว หรือ เคร่ืองมืออนั มีไวส าํ หรับประกอบกสกิ รรม หรือไดม าจากการกสกิ รรมน้นั มาตรา ๓๓๕(๑๒) นใ้ี หค วามคมุ ครองแกท รพั ยข องผมู อี าชพี กสกิ รรมเฉพาะประเภททรี่ ะบุ เอาไวดังกลาว ซึ่งอาจเปนทรพั ยอ ันมไี วส ําหรบั ประกอบกสกิ รรมหรอื เปนทรพั ยไดมาจากการกสิกรรม อยา งใดอยางหนึง่ หรือทัง้ สองอยา ง ÁÒμÃÒ óóõ ÇÃäÊͧ วรรคสองนล้ี งโทษหนกั ขนึ้ ไปอกี สาํ หรบั การลกั ทรพั ยท เี่ ขา ไปอยใู นเกณฑข องมาตรา ๓๓๕ (๑)-(๑๒) ตง้ั แตส องอนมุ าตราขนึ้ ไป เชน ลกั ทรพั ยใ นเคหสถานในเวลากลางคนื ลกั ทรพั ยโ ดยลวงวา เปน เจาพนักงานและโดยมีอาวุธ ลักทรัพยของนายจางในยวดยานสาธารณะ ลักทรัพยในเคหสถาน โดยมอมหนาโดยมีอาวุธ และทีเ่ ปนของนายจา ง เปนตน แตถ าอยูในอนมุ าตราเดียวกนั เชน ลกั ทรัพย โดยมอี าวธุ และโดยรว มกนั ตง้ั แตส องคนขน้ึ ไป ไมเ ขา มาตรา ๓๓๕ วรรคสอง แตเ ขา เฉพาะมาตรา ๓๓๕ วรรคแรกเทาน้ัน ÁÒμÃÒ óóõ ÇÃäÊÒÁ กําหนดใหผูกระทําผิดตามมาตรา ๓๓๕ วรรคแรกซ่ึงก็ไดแกตามมาตรา ๓๓๕(๑๒) คือ ลักทรัพยท่ีเปนของผูมีอาชีพกสิกรรม บรรดาท่ีเปนผลิตภัณฑ พืชพันธุ สัตว หรือเคร่ืองมืออันมีไว สาํ หรบั ประกอบกสกิ รรม หรอื ไดม าจากการกสกิ รรมนนั้ จะตอ งรบั โทษหนกั ขน้ึ โดยกาํ หนดตวั ทรพั ยไ ว แนชัดวา ถาทรัพยน้ันเปนโค กระบือ เครื่องกล เครื่องจักร ที่ผูมีอาชีพกสิกรรมมีไวสําหรับประกอบ กสิกรรม ÁÒμÃÒ óóõ ÇÃ䷌Ҡเปนพฤติการณที่ทําใหผูกระทําความผิดไดรับโทษนอยลงกวาโทษที่ระบุไวในมาตรา ๓๓๕ วรรคแรก วรรคสองและวรรคสาม กลา วคอื ถาการกระทําผิดดังกลาว เปน การกระทําโดยความ จําใจหรือความยากจนเหลอื ทนทานและทรัพยน ั้นมรี าคาเลก็ นอ ย ศาลอาจจะลงโทษผกู ระทาํ ผิดตาม มาตรา ๓๓๔ ก็ได ดวยความจาํ ใจ เชน เปน คนพลัดหลงทางมาเปนเวลากลางคืน ไมพ บเจาของบาน อยูท่ีบานกําลังหิวโหยจึงปนหนาตางเขาไปเอาอาหารมากินประทังความหิว ศาลอาจลงโทษตาม มาตรา ๓๓๔ กไ็ ดค วามยากจนเหลอื ทนทาน คอื ไมม เี งนิ หรอื ปจ จยั พอทจ่ี ะซอ้ื อาหาร ยา เครอ่ื งนงุ หม ได จะขอใครก็ไมไดหรือเขาไมยอมให จึงตัดสินใจเขาไปลักมาจากในเคหสถานของเขา ฯลฯ เชนน้ี ถาศาลเห็นวาทรัพยนั้นมีราคาเล็กนอย ก็อาจลงโทษตามมาตรา ๓๓๔ ก็ได การลักทรัพย เพราะความจําใจ หรือความยากจนเหลือทนทานนี้ ไมจํากัดวาจะตองลักมาเพ่ือตนเองเทานั้น อาจลักไปเพอ่ื บคุ คลอ่ืนกไ็ ด
๔๑๘ μÑÇÍ‹ҧ ®Õ¡Ò·Õè ùøô/òõðø ที่จอดรถสาธารณะตามมาตรา ๓๓๕(๙) นั้นเปนท่ีจอดรถ ท่ีสาธารณชนมีสิทธิจะนํารถของตนไปจอดได ดังน้ันท่ีซึ่งมีปายใหจอด ใหรถประจําทางหยุดรับสง คนโดยสารเปน ระยะๆ ไป จงึ ไมใ ชท ่ีจอดรถสาธารณะตามความมงุ หมายของกฎหมาย ®¡Õ Ò·èÕ ñðøð/òõññกุญแจนั้นไมใชสิ่งกีดกั้นสําหรับคุมครองบุคคลหรือทรัพย เพราะไมมีลกั ษณะเปน สิ่งกีดก้ันอยา งเชน รว้ั หรือวา ลูกกรง ประตู หนาตา งอะไรทาํ นองนั้น ®¡Õ Ò·èÕ òôô÷/òõò÷ ประตูรถเปนสวนหนึง่ ของรถ ไมใชส ิง่ กดี กนั้ ®Õ¡Ò·èÕ òùùõ/òõôõ เงินที่ลักเอาจากตูโทรศัพทสาธารณะ ไมใชทรัพยท่ีใชหรือ มีไวเพือ่ สาธารณประโยชนตาม ม.๓๓๕(๑๐) ó. ǧÔè ÃÒÇ·ÃѾ ÁÒμÃÒ óóö “ผูใดลักทรัพยโดยฉกฉวยเอาซ่ึงหนา ผูน้ันกระทําความผิดฐาน วิ่งราวทรพั ยต องระวางโทษจําคกุ ไมเกินหา ป และปรับไมเกนิ หนง่ึ แสนบาท ถาการวิง่ ราวทรพั ยเ ปนเหตุใหผอู น่ื รบั อันตรายแกก ายหรอื จิตใจ ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษ จําคุก ต้ังแตสองปถงึ เจด็ ป และปรบั ตัง้ แตส่หี มื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หม่นื บาท ถาการว่ิงราวทรัพยเปนเหตุใหผูอ่ืนรับอันตรายสาหัส ผูกระทําตองระวางโทษจําคุก ต้ังแตส ามปถ ึงสิบป และปรบั ตั้งแตหกหม่ืนบาทถงึ สองแสนบาท ถาการว่ิงราวทรัพยเปนเหตุใหผูอื่นถึงแกความตาย ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกต้ังแต หาปถ งึ สิบหาป และปรบั ตัง้ แตหนง่ึ หมืน่ บาทถึงสามหมื่นบาท” ͧ¤»ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ๑. ลกั ทรัพย ๒. ฉกฉวยของซึง่ หนา คํา͸ºÔ Ò ว่ิงราวทรัพย คอื การลกั ทรพั ยโ ดยฉกฉวยเอาซ่ึงหนา คาํ วา “ฉกฉวย” คือ กิริยาทห่ี ยิบ หรือจับหรือกระชากเอาทรัพยไปโดยเร็ว ไมขาดตอนหรือขาดระยะรวมเปนการกระทํากรรมเดียวกับ การเอาทรพั ย คาํ วา “ซงึ่ หนา ” หมายถงึ ทรพั ยน นั้ ถกู ฉกฉวยไปซง่ึ หนา ตวั เจา ทรพั ย หรอื อยใู กลช ดิ กบั ตวั ผูครอบครองทรัพยน้ัน และความสําคัญอยูที่วา ทรัพยนั้นจะตองอยูใกลตัวหรือใกลชิดกับตัว ผูครอบครองทรัพยน้ัน และขณะถูกฉกฉวยเอาทรัพยไป ผูน้ันรูสึกตัวหรือเห็นในการฉกฉวย เอาทรพั ยไป ถาผูน ้ันไมเห็นหรอื ไมร ูสกึ กไ็ มเ ปน วง่ิ ราวทรัพย วิธีการฉกฉวยเอาซ่ึงหนาน้ัน จะใชเทาว่ิงหรือใชยานพาหนะเปนเคร่ืองมือก็ได และอาจ จะเปน การสมคบรวมมือกนั หลายคนหรอื เปนการแบงหนา ที่กนั ทํากไ็ ด สว นกรณีวรรคสอง ถึง วรรคสี่นน้ั เปนเหตอุ น่ื ประกอบการเพม่ิ โทษ
๔๑๙ μÑÇÍÂÒ‹ § ®Õ¡Ò·èÕ ùñù/òõðó จําเลยเขาไปในรานขายสุรา ขอซื้อสุราแตเจาของไมขายให เพราะพนเวลาขายแลวจําเลยก็ควาขวดสุราท่ีตั้งอยูในรานสุราและกลาววาจะเอาไปจะทําไม แลว ควาขวดสุราและเดินออกจากราน การกระทําน้ันก็ยอมจะเปนความผิดฐานว่ิงราวทรัพยได เพราะมีการฉกฉวยเอาซง่ึ หนา ®¡Õ Ò·èÕ ñðøø/òõòð จําเลยลูบคลําตามเสื้อกางเกงผูเสียหาย แลวพูดขอแวนตา ผเู สยี หายสวมอยู ผเู สยี หายไมใ ห จาํ เลยแยง แวน ตาไปจากผเู สยี หาย ผเู สยี หายแยง คนื มาไดจ าํ เลยแยง ไปอกี แลว พดู วา ถา เอง็ มอี าวธุ กแ็ ทงแลว และเอามอื ลวงใตเ สอื้ ตรงขอบกางเกงหนา ทอ ง ดงั นี้ เปน การ ว่ิงราวแวน ตา แตไมเปนการขูวา จะทาํ ราย ®¡Õ Ò·èÕ òñðð/òõòñ รวบคอผเู สยี หายเพอ่ื ใหร วู า สวมสรอ ยคออยู แลว กระตกุ สรอ ยคอ หนัก ๒ สลงึ สรอยบาดคอเปน แผล ไมถงึ เปน อันตรายแกก าย ไมเปนชิงทรพั ย แตเ ปนการฉกฉวยเอา ซึ่งหนา เปน วง่ิ ราวทรพั ย ®¡Õ Ò·èÕ øóñ/òõóò จําเลยที่ ๑ ใชมือซายกระชากคอเส้ือผูเสียหาย แลวใชมือขวา กระชากสรอยคอทองคําหนัก ๑ สลึง ของผูเสียหายขาดออกจากกัน และเอาสรอยคอกับพระเลี่ยม ทองคําซึ่งแขวนอยู ๑ องคไป เปนการกระทําท่ีตอเนื่องกันในทันใดเพื่อประสงคจะเอาสรอยคอของ ผูเสียหายเปนสําคัญและเปนเพียงวิธีการเอาทรัพยของผูเสียหายเทาน้ัน มิใชเปนการใชกําลัง ประทษุ รา ยผเู สยี หาย อนั จะเปน ความผดิ ฐานชงิ ทรพั ย แตเ ปน เรอ่ื งทจี่ าํ เลยใชก ริ ยิ าฉกฉวยเอาสรอ ยคอ และพระเล่ียมทองคําของผูเสียหายไปซึ่งหนาอันเปนความผิดฐานว่ิงราวทรัพย เม่ือโจทกมิได บรรยายองคประกอบความผิดฐานนี้มา และคําขอทายฟองก็มิไดขอใหลงโทษฐานว่ิงราวทรัพย จึงเปนเร่ืองท่ีโจทกมิไดประสงคใหลงโทษในความผิดฐานว่ิงราวทรัพย คงลงโทษจําเลยไดเฉพาะฐาน ลกั ทรพั ยเทา นนั้ ô. ¡ÃÃ⪡·Ã¾Ñ  ÁÒμÃÒ óó÷ “ผูใดขมขืนใจผูอื่นใหยอมใหหรือยอมจะใหตนหรือผูอื่นไดประโยชน ในลักษณะที่เปนทรัพยสินโดยใชกําลังประทุษรายหรือโดยขูเข็ญวาจะทําอันตรายตอชีวิต รางกาย เสรีภาพ ช่อื เสียง หรอื ทรัพยส ินของผูถูกขูเขญ็ หรือของบคุ คลที่สาม จนผูถกู ขมขืนใจยอมเชน วา นน้ั ผูน ้ันกระทําความผิดฐานกรรโชก ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กินหาป และปรับไมเ กนิ หน่งึ แสนบาท ถา ความผดิ ฐานกรรโชกไดก ระทําโดย (๑) ขูวาจะฆา ขูวาจะทํารายรางกายใหผูถูกขมขืนใจหรือผูอื่นใหไดรับอันตรายสาหัส หรอื ขวู าจะทําใหเกิดเพลงิ ไหมแกทรพั ยส นิ ของผถู กู ขมขืนใจหรอื ผอู ื่น หรือ (๒) มอี าวธุ ตดิ ตวั มาขเู ข็ญ ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหกเดือนถึงเจ็ดป และปรับต้ังแตหนึ่งหมื่นบาท ถึงหน่ึงแสนส่หี มนื่ บาท”
๔๒๐ ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. ขม ขืนใจผูอื่น ๑.๑ ใหยอมให หรือ ๑.๒ ยอมจะให ๒. แกตนหรือผูอื่น ๓. ไดร ับประโยชนใ นลกั ษณะท่เี ปน ทรพั ยสิน ๔. โดย ๔.๑ ใชกําลังประทุษราย หรือ ๔.๒ ขเู ข็ญวาจะทาํ อันตรายตอชีวติ รางกาย เสรีภาพ ชอื่ เสยี ง หรือทรัพยส นิ ของ ผถู กู ขูเ ข็ญหรือบุคคลที่สาม ๕. ผูถกู ขม ขืนใจยอมเชน วา นน้ั ๖. โดยเจตนา คาํ ͸ºÔ Ò คําวา “¢‹Á¢×¹ã¨” หมายความวาบังคับใจ ซ่ึงการตัดสินใจยังอยูท่ีตัวผูกระทําเอง แตผกู ระทําถกู บงั คบั ใหตอ งตดั สินใจทีจ่ ะกระทาํ ตามทบี่ ังคับ คําวา “ÂÍÁãËŒ” หมายความวาตกลงใหประโยชนในลักษณะที่เปนทรัพยสินในปจจุบัน น้ันเอง เชน ตกลงใหเ งินในขณะนั้นตามท่ขี มขืนใจ คําวา “ÂÍÁ¨ÐãËŒ” หมายความวาตกลงจะใหในเวลาภายหนา เชน ตกลงวาพรุงน้จี ะให ประโยชนใ นลักษณะทเ่ี ปนทรัพยสิน คาํ วา “»ÃÐ⪹ã¹Å¡Ñ ɳзÕàè »š¹·Ã¾Ñ ÂÊ¹Ô ” หมายความรวมถงึ สิง่ ตางๆ ดงั ตอ ไปนี้ (๑) “·ÃѾÂÊÔ¹” ตามความหมายแหงประมวลกฎหมายแพงฯ มาตรา ๑๓๘ คือ หมายความ “ÃÇÁ·éѧ·ÃѾ (คือวัตถุที่มีรูปราง เชน เงินหรือสิ่งของ) ·Ñé§ÇÑμ¶Ø·èÕäÁ‹ÁÕÃٻËҧ «Öè§ÍÒ¨ ÁÕÃÒ¤ÒáÅÐÍÒ¨¶×ÍàÍÒä´Œ” เชน สิทธิตางๆ ที่คํานวณเปนเงินได เชน ลิขสิทธิ์ สิทธิเรียกรอง ทเี่ กดิ จากหน้ี ทรัพยสทิ ธิ ฯลฯ (๒) »ÃÐ⪹· äèÕ Áã‹ ª‹μÑÇ·Ã¾Ñ ÂÊ Ô¹´§Ñ ¡Å‹ÒÇã¹ (ñ) áμ‹à»¹š »ÃÐ⪹ã¹Å¡Ñ ɳзÕàè »š¹ ·ÃѾÂÊÔ¹ เชน การยอมใหดูภาพยนตรฟรี หรือยอมใหขึ้นรถประจําทางฟรีหรือใหบริการฟรีซ่ึงอาจ คาํ นวณเปน เงนิ ได ความผดิ ฐานกรรโชกตามมาตรา ๓๓๗ ผกู ระทําตอ งขม ขนื ใจผูอื่น คอื เปน การไปบังคบั บุคคลอ่ืนท่ีไมใชตัวผูกระทําความผิด และความผิดจะเกิดขึ้นตอเม่ือผูถูกขมขืนใจยอมใหคือ ตกลงให หรือยอมจะใหในภายหลงั และเมือ่ ยอมใหห รอื ยอมจะใหแลว ผขู มขืนใจจะไดรบั ประโยชนในลกั ษณะ ทรัพยสินแลวหรือยังไมไดรับก็ตาม ก็เปนความผิดสําเร็จทันที แตถาผูถูกขมขืนใจไมยอมไมวา เพราะเหตุใด ผกู ระทําก็มีความผิดเพยี งพยายามกระทาํ ความผิดเทาน้นั
๔๒๑ การขม ขนื ใจผอู น่ื จะเปน ความผดิ ตามมาตรานตี้ อ งเปน ผไู มม อี าํ นาจโดยชอบดว ยกฎหมาย ถา เปนผมู อี ํานาจโดยชอบดว ยกฎหมายกไ็ มม ีความผดิ ฐานกรรโชก ทง้ั นผี้ กู ระทาํ ความผดิ จะตอ งกระทาํ ไปโดยมเี จตนาคอื ผกู ระทาํ รสู าํ นกึ ในการกระทาํ และ ขณะเดียวกันผูกระทําประสงคต อ ผลหรอื ยอ มเล็งเห็นผล กรณีตามมาตรา ๓๓๗ วรรคสอง (๑)(๒) เปนเหตุฉกรรจซ่ึงเพิ่มโทษใหหนักขึ้นกวา วรรคแรก อนึง่ มขี อ สงั เกตระหวา งความผิดฐานกรรโชกและชงิ ทรพั ยด ังนี้ ๑. ชงิ ทรพั ยต อ งเปน การสง ทรพั ยใ หใ นขณะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ ราย ความผดิ ฐานกรรโชกถา ยอมใหห รอื สง ทรพั ยใ หท นั ทเี มอื่ ถกู ขม ขนื ใจ หรอื เพยี งรบั สญั ญา ยอมจะใหภายหลังถูกขมขืนใจ การใชกําลังประทุษรายหรือการขูเข็ญจะทําอันตรายในขณะขมขืนใจ หรือภายหลังกไ็ ด ๒. ชงิ ทรพั ยเ ปน การใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยหรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยตอ ตวั บคุ คล สวนกรณกี รรโชกนอกจากกระทําตอ ตวั บุคคลแลว อาจกระทาํ ตอเสรีภาพ ช่ือเสยี ง หรอื ทรัพยสินก็ได ๓. ชิงทรัพย ทรัพยที่สงใหตองเปนทรัพยท่ีเคลื่อนที่ได สวนกรรโชกจะเคลื่อนท่ีหรือไม กไ็ ด และยังรวมถึงประโยชนในลักษณะที่เปน ทรัพยสนิ μÇÑ ÍÂÒ‹ § ®¡Õ Ò·Õè ññùó/òõðò ผูเสียหายถูกจําเลยขูจนยอมรับจะใหเงินตามที่จําเลยขมขืนใจ แลว ยอ มครบองคแ หง ความผดิ ฐานกรรโชกแลว ทกุ ประการ จะไดร บั เงนิ ตามทผี่ เู สยี หายรบั ปากใหแ ลว หรอื ยงั หาใชส าระสาํ คญั ขององคค วามผดิ ฐานกรรโชกไม ฉะนนั้ การทจี่ าํ เลยถกู เจา หนา ทจ่ี บั เสยี กอ นที่ จะไดร บั เงนิ จากผเู สยี หาย จงึ ไมเ ปน เหตใุ หก ารกระทาํ ของจาํ เลยอยใู นขน้ั พยายามกระทาํ ความผดิ ไปได ®Õ¡Ò·èÕ ñò÷ø/òõðó (ประชุมใหญ) จําเลยเขียนจดหมายไปขูเข็ญผูเสียหายใหสง เงิน ๓,๐๐๐ บาทใหจําเลย มิฉะนั้นบุตรผูเสียหายจะเปนอันตรายถึงชีวิต แมจะไดความวาบุตรของ ผูเสียหายเปนคนบอกใหจําเลยเขียนจดหมายไปขูเข็ญบิดา เพื่อหลอกลวงใหบิดาสงเงินมาใหก็ยัง ถือวา ผูเสียหายถูกขมขืนใจ เพราะในแงของผูเสียหายยังคงถือวาบุตรผูเสียหายเปนบุคคลท่ีสาม ตามมาตรา ๓๓๗ วรรคตน จาํ เลยจงึ มคี วามผิดฐานกรรโชกตามมาตรา ๓๓๗ ®¡Õ Ò·èÕ ñôô÷/òõñó จําเลยกับพวกมีอาวุธปนติดตัวเขาไปพูดจาใหผูเสียหายคิดบัญชี การเงินที่จําเลยกับผูเสียหายเปนหุนสวนทําการกอสราง โดยขูวาถาไมคิดจะเกิดเรื่องการกระทําของ จําเลยไมบรรลุผล เพราะผูเสียหายไมยอมคิดบัญชีให ไมวาจะดวยเหตุท่ีผูเสียหายไมกลัวหรือเพราะ มีตํารวจมาขัดขวางก็ตาม จําเลยก็มีความผิดฐานพยายามกระทําความผิดตอเสรีภาพแลวแตไมเปน ความผดิ ฐานพยายามกรรโชก เพราะไมม ที างทจี่ ะเหน็ วา จาํ เลยจะไดป ระโยชนใ นทรพั ยส นิ หากจะไดก ็ เพยี งสทิ ธิในฐานะท่เี ปน หนุ สวน
๔๒๒ ®¡Õ Ò·èÕ òðòõ/òõñö จําเลยกับพวกเขาไปในรานผูเสียหาย และพูดขูเข็ญเอาเงิน ผเู สยี หายสองครงั้ ครงั้ ทสี่ ามถกู ตาํ รวจจบั ได เมอื่ ผเู สยี หายไมย อมใหเ งนิ หรอื ไมร บั วา จะใหจ งึ อยใู นขน้ั พยายามกระทําความผดิ ฐานกรรโชก ®Õ¡Ò·èÕ òõøø/òõóð จาํ เลยเชอ่ื โดยสจุ รติ วา ผเู สยี หายลกั สตก๊ิ เกอรร าคาหนงึ่ บาทของ หางฯ ซึ่งจําเลยมีหนาท่ีดูแลกิจการอยูไป การท่ีจําเลยเรียกใหผูเสียหายเสียคาปรับแกหางฯ จํานวน ๓๐ บาท มิฉะน้ันจะสงตัวใหเจาพนักงานตํารวจน้ัน เปนกรณีท่ีจําเลยชอบท่ีจะใชสิทธิตามกฎหมาย ดาํ เนนิ คดแี กผ เู สยี หายในทางอาญาได คาํ พดู ของจาํ เลยดงั กลา วเทา กบั เปน ขอ เสนอใหช ดใชค า เสยี หาย เพือ่ ตกลงเลิกคดีตามทีห่ า งฯ ถือปฏบิ ัติจงึ ไมเปน การขมขืนใจหรอื ขูเ ขญ็ ผเู สยี หาย จําเลยไมมคี วามผดิ ฐานกรรโชก ®¡Õ Ò·èÕ ôð÷õ/òõóð จําเลยเพียงแตทํานายดวงชะตาผูเสียหายวา ผูเสียหาย กําลังมีเคราะหใหสะเดาะเคราะห โดยเสียเงินคายกครูใหแกจําเลย ดังน้ี หาใชเปนการขูเข็ญตาม ความหมายของมาตรา ๓๓๗ แหง ป.อ. ไม แมจ ําเลยพดู ขวู า ถาไมใ หเงินจะใหพ อ ปมู าทาํ อันตราย ผูเสียหายทางไสยศาสตร และผูเสียหายยอมใหเงินก็เปนเร่ืองท่ีผูเสียหายเช่ือตามคําทํานายวา จะมเี คราะห มิใชเพราะกลวั คําขูเขญ็ ของจาํ เลย การกระทําของจําเลยไมเ ปนความผดิ ฐานกรรโชก ®Õ¡Ò·Õè óññð/òõóñ จาํ เลยเปน ญาตกิ บั ผเู สยี หายถอื วสิ าสะเขา ไปในบา นของผเู สยี หาย ตามลาํ พงั โดยไมมีอาวุธ เพอ่ื พดู ขอเงนิ จากผูเ สยี หาย เม่ือผเู สยี หายวาไมมี จําเลยพดู วา จะกระทบื ให ขาหักอีก แมจะเปนถอยคําที่รุนแรงไปบาง แตก็เปนการพูดถากถางหยอกลอมากกวาท่ีจะเปนการ ขมขนื ใจผูเ สียหายใหจําตอ งยินยอม ถอื ไมไ ดว าจําเลยมเี จตนากรรโชกเอาทรพั ยจากผเู สียหาย บานของผูเสียหายกับจําเลยอยูใกลกัน จําเลยเปนญาติกับผูเสียหายและรูจักกันมานาน จาํ เลยเคยไปมาหาสทู บ่ี า นของผเู สยี หาย การทจี่ าํ เลยเขา ไปในบา นของผเู สยี หายในวนั เกดิ เหตเุ พอ่ื พดู ขอเงนิ จึงยงั ฟงไมไดว า จําเลยเขา ไปโดยไมม เี หตุอันสมควร ®¡Õ Ò·èÕ óõñò/òõóò จําเลยสงจดหมายขมขูเรียกเอาเงินจากผูเสียหาย หากขัดขืน จะทําการระเบิดรานคาของผูเสียหายใหพังพินาศ แตผูเสียหายไมยอมใหเงินหรือยอมรับวาจะใหเงิน แกจําเลยตามที่เรียกรอง ถือไดวาจําเลยไดลงมือกระทําความผิดไปโดยตลอดแลวแตการกระทํานั้น ไมบ รรลผุ ล การกระทาํ ของจําเลยจงึ เปนความผดิ ฐานพยายามกรรโชก ®Õ¡Ò·èÕ ôðñò/òõóô การท่ีผูเสียหายยินยอมมอบเงินให ด. เพราะเหตุวา ด. จะนํา รูปถายของผูเสียหายซึ่งแตงตัวเปนฆราวาสไปโฆษณา อันเปนการขูเข็ญวาจะทําอันตรายตอชื่อเสียง ของผเู สียหาย และผเู สยี หายยนิ ยอมมอบเงินให ด. แม ด. จะยงั มไิ ดร บั เงินจํานวนดังกลาวไปกเ็ ปน ความผดิ ฐานกรรโชกสาํ เร็จแลว ®Õ¡Ò·èÕ ñóñ/òõôö จําเลยทั้งสี่เขามาในรานขณะผูเสียหายกําลังจัดของอยูกลางราน ผูเสยี หายถามวา มาซอื้ อะไร จําเลยท่ี ๑ บอกวาเปน เจาพนักงานตํารวจมาดูแลความเรียบรอยในรา น ตองการเงนิ ๕,๐๐๐ บาท เปน คาดแู ล ผเู สียหายรสู กึ ไมปลอดภยั จึงเดนิ ไปหลงั รานโทรศัพทไปทสี่ ถานี
๔๒๓ ตาํ รวจแตไมตดิ เมอื่ เดินออกมาหนา รานก็เห็นจําเลยทัง้ สีเ่ ดินข้ึนรถยนตก ระบะไป จะเหน็ ไดวา จาํ เลย ท่ี ๑ เพียงแตÍ ÒŒ §ÇÒ‹ ໹š ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ และ¾Ù´¢Íà§¹Ô เปนคาดแู ลรา นเทาน้ัน «§èÖ ผูเสียหาย¨ÐãËŒ ËÃÍ× äÁ¡‹ äç ´Œ ·§éÑ äÁป‹ รากฏวา จาํ เลยทงั้ สใ่ี ชก าํ ลงั ประทษุ รา ยหรอื ขเู ขญ็ วา จะทาํ อนั ตรายตอ ชวี ติ รา งกาย เสรีภาพ ช่ือเสียง หรือทรัพยสินของผูเสียหายหรือบุคคลท่ีสามแตอยางใด จําเลยท้ังสี่äÁ‹ä´Œ¾Ù´¢Ù‹Ç‹Ò ËÒ¡äÁã‹ ËàŒ §¹Ô áÅÇŒ ¨Ð·Òí ÍÐäüàŒÙ ÊÂÕ ËÒÂและไมไ ดร อเอาเงนิ จากผเู สยี หายตามทพ่ี ดู คาํ พดู ของจาํ เลยที่ ๑ ดังกลาว จึงÂѧ¶×ÍäÁ‹ä´ŒÇ‹Òเปนการขูเข็ญวาจะทําอันตรายตอเสรีภาพและทรัพยสินของผูเสียหาย äÁเ‹ ปนความ¼Ô´ตาม ม.๓๓๗ õ. ÃÕ´àÍÒ·Ã¾Ñ Â ÁÒμÃÒ óóø “ผูใดขมขืนใจผูอ่ืนใหยอมใหหรือยอมจะใหตนหรือผูอ่ืนไดประโยชน ในลักษณะท่ีเปนทรัพยสิน โดยขูเข็ญวาจะเปดเผยความลับ ซ่ึงการเปดเผยน้ันจะทําใหผูถูกขูเข็ญ หรือบุคคลท่ีสามเสียหายจนผูถูกขมขืนใจยอมเชนวานั้น ผูน้ันกระทําความผิดฐานรีดเอาทรัพย ตอ งระวางโทษจําคกุ ตง้ั แตห น่งึ ปถ ึงสิบป และปรบั ตัง้ แตสองหมน่ื บาทถงึ สองแสนบาท” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. ขมขืนใจผอู ืน่ ใหยอมใหห รือยอมจะให ๒. ตนหรือผอู นื่ ไดรบั ประโยชนในลกั ษณะทเี่ ปนทรพั ยสนิ ๓. โดยขูเข็ญวาจะเปดเผยความลับ ซึ่งการเปดเผยน้ันจะทําใหผูถูกขูเข็ญหรือบุคคล ที่สามเสยี หาย ๔. จนผถู ูกขม ขืนใจยอมเชน วา น้ัน ๕. โดยเจตนา คํา͸ԺÒ ผูกระทําจะตองขูเข็ญวาจะเปดเผยความลับซึ่งการเปดเผยจะทําใหผูถูกขูเข็ญหรือ บุคคลที่สาม เสียหายเทาน้ัน โดยไมมีการใชกําลังประทุษรายหรือโดยขูเข็ญวาจะทําอันตรายตอชีวิต รางกาย เสรีภาพ ช่อื เสยี ง หรอื ทรัพยส ินของผถู กู ขูเขญ็ หรือบคุ คลท่ีสาม ความผดิ ฐานรดี เอาทรพั ยน ้ี ยอ มเปน การขเู ขญ็ วา จะทาํ อนั ตรายตอ ชอื่ เสยี ง ฉะนนั้ จงึ เปน ความผิดฐานกรรโชกและความผิดตอเสรีภาพในตัวเอง แตความผิดฐานรีดเอาทรัพยนี้แมผูถูกขูเข็ญ จะสงทรัพยใหทันทีในขณะขูเข็ญก็ไมเปนความผิดฐานชิงทรัพยเพราะการขูเข็ญนั้นไมไดขูเข็ญวา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยเนอ่ื งจากความผดิ ฐานกรรโชกนน้ั เปน การขเู ขญ็ วา จะทาํ อนั ตรายตอ ชวี ติ รา งกาย และอืน่ ๆ คําวา “¢‹Á¢¹× 㨔 หมายความวา บงั คบั ใจ คําวา “¤ÇÒÁÅѺ” หมายความวา สิ่งซึ่งบุคคลผูมีประโยชนไดเสียประสงคจะปกปด โดยยอมใหร เู ฉพาะภายในวงบคุ คลอนั จาํ กดั ความลบั ตามมาตรานจี้ ะเปน ความลบั ในทางใดๆ กไ็ ด เชน ความลับสวนตัว อยางหญิงที่ยังไมมีสามีแตเคยเสียตัวมาแลว หรือความลับในทางอุตสาหกรรมก็ได
๔๒๔ ความสาํ คัญอยูท ว่ี า ผทู ่ีมสี ว นไดเ สยี โดยเฉพาะเจา ของความลบั ประสงคจะปกปด นอกจากนก้ี ารเผย ความลับตามท่ีขูเ ขญ็ วาจะเปดเผยนั้นจะทําใหผ ูถ กู ขเู ข็ญหรือบุคคลทสี่ าม เชน สามภี ริยาหรือบุตรของ ผถู กู ขูเข็ญเสียหาย บุคคลผูรูความลับของผูอื่นนอกจากบุคคลท่ัวไปแลวอาจเปนผูมีหนาท่ีหรือวิชาชีพก็ได เชน ทนายความ ความลับนั้นถานําไปเปดเผยแลวถาไมเสียหายก็ไมเปนความผิด ถาการเปดเผย ความลับน้นั เปน เพียงเสยี หายแกเขา แตไมไ ดขูเ ข็ญจนเขายอมใหประโยชนในลักษณะที่เปน ทรัพยสิน ไมผดิ มาตรา ๓๓๘ แตผ ดิ ฐานเปดเผยความลับตามมาตรา ๓๒๒ ถงึ มาตรา ๓๒๔ คําวา “เสียหาย” อาจจะเสียหายทางดานช่ือเสียง เกียรติยศก็ได รวมถึงความเสียหาย ทางดา นทรัพยส นิ ความผิดสําเร็จเกิดขึ้นเมื่อ ผูถูกขมขืนใจยอมใหหรือยอมจะใหประโยชนในลักษณะท่ี เปน ทรัพยส นิ แลว สวนจะไดประโยชนหรอื ไมไมส าํ คัญ แตถาผูถกู ขม ขืนใจไมยอมใหหรือไมย อมจะให ไมวาเพราะไมกลัวการขูเข็ญ หรือไมไดใหประโยชนในลักษณะที่เปนทรัพยสิน ก็เปนความผิดฐาน พยายามรีดเอาทรพั ย ®¡Õ Ò·Õè ñùôõ/òõñô จําเลยไดขมขืนใจโจทก ซึ่งเปนหุนสวนผูจัดการของหางหุน สวนจํากัดแหงหนึ่ง วาจะทําอันตรายตอช่ือเสียงของหางหุนสวนจํากัดแหงน้ัน ซึ่งเปนนิติบุคคลและ บุคคลที่สาม และไดขูเข็ญขมขืนใจโจทกวาจะเปดเผยความลับซึ่งการเปดเผยความลับน้ันจะทําให หา งหุน สวนจํากัด ดังกลา วเสยี หาย จนโจทกย อมจะใหเงนิ แกจ ําเลยตามท่ถี กู ขูเขญ็ ดงั น้ี ถอื วา โจทก ซ่ึงเปนผูถูกขูเข็ญเปนผูเสียหาย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒(๔) มีอํานาจฟองคดีในความผิดฐานกรรโชก หรือรดี เอาทรัพย การท่ีจําเลยขมขืนใจโจทกโดยขูเข็ญวาจะทําอันตรายตอชื่อเสียงของหางหุนสวนจํากัด ซ่ึงเปนบุคคลท่ีสาม จําเลยมีความผิดฐานกรรโชกตามมาตรา ๓๓๗ และจําเลยไดขูเข็ญโจทกวา จะเปดเผยความลับ ซ่ึงการเปดเผยนั้น จะทําใหโจทกเสียหาย จําเลยมีความผิดฐานรีดเอาทรัพย ตามมาตรา ๓๓๘ อีกฐานหน่ึงดวย แตความผิดฐานรีดเอาทรัพยเปนความผิดที่มีโทษหนักข้ึนจาก ความผิดฐานกรรโชกโดยอาศัยการกระทําเดียวกัน ตองลงโทษบทหนักในการกระทํากรรมเดียวกัน ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐ ö. ª§Ô ·Ã¾Ñ  ÁÒμÃÒ óóù “ผใู ดลักทรัพยโดยใชกาํ ลังประทุษรา ยหรือขเู ข็ญวา ในทนั ใดน้ันจะใชก าํ ลัง ประทุษรา ยเพอ่ื (๑) ใหความสะดวกแกก ารลักทรัพย หรือการพาทรัพยนน้ั ไป (๒) ใหย่นื ใหซ ่ึงทรัพยน นั้ (๓) ยดึ ถือเอาทรัพยน น้ั ไว (๔) ปกปด การกระทาํ ความผิดนนั้ หรอื (๕) ใหพนจากการจับกมุ
๔๒๕ ผนู น้ั กระทาํ ความผดิ ฐานชงิ ทรพั ย ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตห า ปถ งึ สบิ ป และปรบั ตงั้ แต หนง่ึ หมน่ื บาทถงึ สองหมื่นบาท ถาความผิดนั้นเปนการกระทําท่ีประกอบดวยลักษณะดังที่บัญญัติไวในอนุมาตราหน่ึง อนมุ าตราใดแหงมาตรา ๓๓๕ หรอื เปนการกระทําตอทรพั ยท่เี ปน โค กระบอื เครอ่ื งกลหรอื เครอ่ื งจักร ที่ผูมีอาชีพกสิกรรมมีไวสําหรับประกอบกสิกรรม ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสิบปถึงสิบหาป และปรับตั้งแตส องหมืน่ บาทถงึ สามหม่นื บาท ถาการชิงทรัพยเปนเหตุใหผูอื่นรับอันตรายแกกายหรือจิตใจ ผูกระทําตองระวางโทษ จาํ คกุ ต้ังแตสบิ ปถ ึงย่ีสิบป และปรับต้ังแตส องหมนื่ บาทถึงสี่หม่นื บาท ถาการชิงทรัพยเปนเหตุใหผูอ่ืนรับอันตรายสาหัส ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกต้ังแต สิบหา ปถึงยี่สบิ ป และปรับตัง้ แตสามหมน่ื บาทถึงส่หี ม่ืนบาท ถาการชิงทรัพยเปนเหตุใหผูอ่ืนถึงแกความตาย ผูกระทําตองระวางโทษประหารชีวิต หรือจาํ คกุ ตลอดชีวติ ” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ๑. ลักทรัพย ๒. โดยใชกาํ ลังประทุษราย หรือขเู ขญ็ วาในทนั ใดนัน้ จะใชกําลังประทษุ ราย ๓. การใชกําลังหรือขูเข็ญ จะใชกําลังประทุษรายนั้นโดยเจตนาเพื่ออยางใดอยางหนึ่ง ดังตอ ไปนี้ ๓.๑ เพื่อสะดวกแกการลักทรพั ย หรอื เพ่ือพาทรัพยน ัน้ ไป ๓.๒ เพอ่ื ใหยื่นใหซึง่ ทรัพยน ั้น ๓.๓ เพ่อื ยดึ ถือเอาทรัพยน นั้ ไว ๓.๔ เพอ่ื ปกปด การกระทําความผดิ นนั้ ๓.๕ เพื่อใหพ นจากการจับกมุ คาํ ͸ԺÒ ๑. จะเปนความผิดฐานชิงทรัพยสําเร็จ การกระทํานั้นตองครบองคประกอบความผิด ฐานลักทรัพยโ ดยบริบรู ณแลว เม่ือการกระทําครบองคประกอบความผิดฐานลักทรัพยแลว ผูกระทําการลักทรัพยไดใช กําลังประทุษรายหรือขูเข็ญวาในทันใดน้ันจะใชกําลังประทุษรายกอนหรือในขณะกระทําการลักทรัพย หรือหลังจากการลกั ทรพั ย จึงจะเปนความผดิ ฐานชงิ ทรพั ย ๒. คําวา “ใชกําลงั ประทษุ ราย” หมายถงึ การประทษุ รา ยแกร า งกายหรอื จิตใจของบคุ คล ไมวาจะทําดวยแรงกายภาพหรือดวยวิธีอื่นใด และใหหมายความรวมถึงการกระทําใดๆ ซึ่งเปนเหตุ ใหบ คุ คลใดอยใู นภาวะทไี่ มส ามารถขดั ขนื ได ไมว า จะตอ งใชย าทาํ ใหม นึ เมา สะกดจติ ใจหรอื ใชว ธิ อี นื่ ใด อันคลา ยคลึงกัน ตาม ป.อ.มาตรา ๑(๖)
๔๒๖ ๓. การใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยนน้ั จะตอ งเปน การกระทาํ แกบ คุ คล จะเปน เจา ทรพั ย ผคู รอบครองทรพั ย หรอื บคุ คลอน่ื และไมว า จะทาํ กอ นลกั ทรพั ย ขณะทาํ การ ลกั ทรพั ย หรอื ลกั ทรพั ยส าํ เรจ็ ไปแลว กต็ าม แตม ขี อ สาํ คญั วา จะตอ งเปน การกระทาํ เกย่ี วเนอื่ งตดิ ตอ กนั เพ่ือทําการลักทรัพยน้ันไมขาดตอนหรือขาดระยะเปนกรรมเดียวกัน ถาไมเก่ียวเน่ืองกันขาดตอน ขาดระยะไปแลว อาจเปน ความผดิ ฐานลกั ทรัพย กบั ทํารายรางกายตางกระทงกัน ๔. ในการใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญวาในทันใดจะใชกําลังประทุษรายนั้น จะตอง กระทําโดยเจตนาพิเศษ คือ เพื่อประสงคตอผลอยา งใดอยา งหนึ่งในอนมุ าตรา ๑ ถงึ อนมุ าตรา ๕ ๔.๑ เพื่อสะดวกแกการลักทรัพย เชน กอนจะทําการลักทรัพยจับเอาคนยามเฝา ประตูบานมัดติดเสาไว แลวเขาไปลักทรัพย หรือเพื่อสะดวกในการพาเอาทรัพยนั้นไป หรือขูเข็ญ เจา ทรพั ยไมใหขัดขวาง ถา ขดั ขวางจะถูกทําราย ๔.๒ เพอื่ ใหย นื่ ใหซ งึ่ ทรพั ย เชน เหน็ เจา ทรพั ยผ กู นาฬก าอยจู งึ ไดใ ชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรือขูใ หถ อดนาฬกาสงให มเิ ชน นน้ั จะฆา หรอื จะฟน ทันที เปน ตน ๔.๓ เพ่ือยึดถือเอาทรัพยนั้นไว เมื่อทําการลักทรัพยไดแลวเจาทรัพยขัดขวาง หรือแยงเอาคนื หรอื พวกเจาทรัพยต ิดตามไปทัน เพอ่ื แยงเอาทรัพยคืน จึงใชกําลังประทุษรา ยโดยจบั เจาทรัพยผ กู ตดิ กับตน ไมหรอื ผกู ตาเสยี ๔.๔ เพื่อปกปดการกระทําความผิด หมายความวา ลักทรัพยสําเร็จแลวไดขู เจา ทรัพยไมใ หนาํ เรือ่ งไปแจง ตาํ รวจ ๔.๕ เพอ่ื ใหพ น จากการจบั กมุ หมายความวา การลกั ทรพั ยส าํ เรจ็ แลว พวกเจา ทรพั ย หรือเจาพนักงานติดตามเอาทรัพยคืน และจะจับกุม ผูกระทําการลักทรัพยนั้นใชกําลังประทุษราย หรอื ขเู ขญ็ จะประทุษรา ย เปนการขัดขวางเพอ่ื ใหพ นจากการจบั กมุ ในการลกั ทรพั ยน ้ัน ๕. ถา ปราศจากการประสงคต อ ผลใน ๕ อนมุ าตรานน้ั แลว แมจ ะมกี ารทาํ รา ยหรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก ําลงั ประทุษราย ก็ไมเ ปนความผิดฐานชิงทรัพย ๖. การใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา ในทนั ใดนน้ั จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยกอ นเอาทรพั ย ไปก็ดี หลังจากเอาทรัพยไปสําเร็จแลวก็ดี ตองเปนการกระทําผิดตอเก่ียวเน่ืองเปนกรรมเดียวกัน ไมขาดตอนหรือขาดระยะกับการลักทรัพยน น้ั ถาขาดตอนกนั แลว ไมเปนความผดิ ฐานชิงทรัพย ๗. การชิงทรัพยประกอบดวยเหตุฉกรรจ มาตรา ๓๓๙ ไดบัญญัติโทษเพิ่มหนักขึ้น เปนข้ันๆ ๗.๑ ตามวรรคแรกน้ัน เปนเพียงแตใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญวาในทันใดน้ัน จะทําการประทุษรายแกรางกาย หรือจิตใจ ในขั้นนี้ไมถึงกับเปนอันตรายแกรางกาย และจิตใจ เชน การจับแขนดงึ กระชาก ๗.๒ ถา การชงิ ทรพั ยน นั้ ประกอบดว ยเหตดุ งั บญั ญตั ไิ วใ นอนมุ าตราหนง่ึ อนมุ าตราใด แหงมาตรา ๓๓๕ เชน ชิงทรัพยในเวลากลางคืน ความผิดก็เพ่ิมหนักข้ึนตามความในมาตรา ๓๓๙
๔๒๗ วรรค ๓ แมก ารชงิ ทรัพยจ ะมีเหตุตามมาตรา ๓๓๕ หลายอนมุ าตราประกอบกัน ผลก็มีอยางเดยี วกัน คอื มีความผดิ ตามวรรคสามน้ี ๗.๓ ถาการชิงทรัพยนั้นเปนการกระทําตอทรัพยท่ีเปนโค กระบือ เคร่ืองกล หรือ เคร่ืองจักรท่ีผูมีอาชีพกสิกรรมมีไวประกอบกสิกรรม ผูกระทําก็ตองรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา ๓๓๙ วรรคสาม ๗.๔ ถา การชงิ ทรพั ยเ ปน เหตใุ หผ อู นื่ ไดร บั อนั ตรายแกก ายหรอื จติ ใจแลว กาํ หนดโทษ เพิม่ สูงขึน้ อีก ๗.๕ ถาการชิงทรัพยเปนเหตุใหผูอ่ืนรับอันตรายสาหัสตามท่ีบัญญัติไวใน มาตรา ๒๙๗ โทษเพิม่ สูงขนึ้ อกี ๗.๖ ถาการชิงทรัพยเปนเหตุใหผูอื่นถึงแกความตาย ผูกระทํามีโทษสูงสุดใน ความผดิ ฐานชิงทรพั ย การชิงทรัพยเ ปนเหตใุ หถึงตายน้ี ผูกระทาํ การชิงทรัพยตองไมมเี จตนาฆา แตถ าเปนเจตนาฆาเพ่ือสะดวกในการลกั ทรัพยแลว ผูกระทาํ ยอ มมคี วามผิดฐานอืน่ หรอื มาตรา ๒๘๙(๖) ในการใชกําลังประทุษรายน้ัน ตองมีเจตนาใชกําลังประทุษรายดวยการชิงทรัพย เปนเหตุใหผูอ่ืนไดรับอันตรายแกกายหรือจิตใจ รับอันตรายสาหัสหรือถึงแกความตายนั้นจะตอง เปน ผลทเ่ี กิดขนึ้ จากการชิงทรัพยน้ันโดยตรง μÇÑ ÍÂÒ‹ § ®Õ¡Ò·Õè ñöøó/òõðù จําเลยบังคับใหเขาขับรถยนต และขับรถของเขาไป เพื่อหนี มิใหถูกทํารายและถูกจับ เมื่อหนีพนแลว ก็จอดทิ้งไวในซอยในท่ีโลงเตียน ไมแสดงอาการซุกซอน ไมมีเจตนาทีจ่ ะถอื เอารถคนั นั้น ไมมคี วามผิดฐานลักทรพั ย แตผิดฐานทาํ ใหเ สอ่ื มเสียอิสรภาพ ®Õ¡Ò·Õè ñôðø/òõñò กรณที จ่ี าํ เลยลกั กระบอื ของผเู สยี หายผเู สยี หายไลต ดิ ตามอกี ๑๐วา จะทัน จําเลยท้ิงกระบือว่ิงหนี ผูเสียหายไลติดตามตอไปอีกเพื่อจะจับกุม จําเลยชักปนออกจอง ยอ มเปน การขเู ขญ็ จะทาํ รา ยผเู สยี หายเพอื่ ใหพ น จากการจบั กมุ เปน การกระทาํ ตอ เนอ่ื งกบั การลกั ทรพั ย ผิดฐานชงิ ทรัพย ®¡Õ Ò·èÕ ÷ñõ/òõñõ โจทกส บู นาํ้ ออกจากหนองนา้ํ เพอ่ื จบั ปลา จนนา้ํ แหง สามารถจบั ปลา ไดแลว ยอมถือไดวาปลาในหนองอยูในความครอบครองของโจทก ไมวาหนองนั้นจะเปนหนอง สาธารณะหรือไมก็ตาม การท่ีจําเลยใชปนขูหามมิใหโจทกจับปลาในหนองแลวสั่งใหพวกของจําเลย เอาปลาเหลา นน้ั ไป จาํ เลยยอมมคี วามผิดฐานชงิ ทรพั ย ®Õ¡Ò·èÕ òøòò/òõñ÷ จําเลยเขาบีบคอผูเสียหายทางดานหลัง แลวกระชากสรอยคอ หอยพระเครื่องท่สี วมอยทู ีค่ อจนสรอยขาด ในทนั ใดผูเ สียหายใชมอื กมุ สรอ ยที่หลุดจากคอ แตยังอยูท่ี บรเิ วณหนา อกไวไ ดท นั จาํ เลยเอาไปไมไ ด แมส รอ ยอยทู มี่ อื จาํ เลยตอนกระชาก กเ็ ปน การกระทาํ ในขนั้ ทมี่ งุ หมายจะใหส รอ ยขาดหลดุ จากคอผเู สยี หายเทา นน้ั เมอ่ื สรอ ยขาดแลว จาํ เลยยงั ไมท นั ยดึ ถอื เอาไป ผูเสียหายกุมสรอ ยเอาไวไ ด การยดึ ถือเอาสรอ ยไปยังไมบรรลุผล เปน ความผดิ ฐานพยายามชิงทรัพย
๔๒๘ ®¡Õ Ò·Õè òóùù/òõñø จาํ เลยลกั ไกไ ปจากบา นผเู สยี หาย ตอ มา ๑ ชวั่ โมง ผเู สยี หายตาม ไปพบจําเลยกับไกทก่ี ระทอ มของจาํ เลยหางจากท่ีเกดิ เหตุ ๑๐๐ เสน จําเลยถอื เหล็กแหลมจองมาทาง ผเู สยี หาย การลกั ทรพั ยข าดตอนไปแลว ไมใ ชอ ยใู นระหวา งพาทรพั ยไ ป การขจู ะทาํ รา ยเปน การกระทาํ ทเ่ี กิดขึน้ ภายหลัง มไิ ดตอ เน่อื งจากการกระทาํ ผิดฐานลกั ทรพั ย การกระทําของจาํ เลยไมเ ปนความผิด ฐานชงิ ทรพั ย ®¡Õ Ò·èÕ òñðó/òõòñ จําเลยข้ึนไปบนเรือนผูเสียหายในเวลากลางคืน แลวลักเอา นกเขาพรอมดวยกรงของผูเ สยี หาย นางสาวดําเห็นเขา จงึ เขาแยงกรงนน้ั แตสกู ําลังจําเลยไมไ ด จาํ เลย จึงแยงเอากรงและนกเขาของผูเสียหายไปได ดังน้ี ถือไมไดวาจําเลยไดใชกําลังประทุษรายแกกาย หรือจิตใจของนางสาวดําแตประการใด ทั้งไมไดความวาจําเลยขูเข็ญวาในทันใดน้ันจะใชกําลังกาย ประทษุ รา ยนางสาวดาํ ดว ย การใชก าํ ลงั แยง เอาทรพั ยไ ป กถ็ อื ไมไ ดว า เปน เหตใุ หน างสาวดาํ อยใู นภาวะ ที่ไมสามารถขัดขืนได ตามความหมายในมาตรา ๑(๖) การกระทําของจําเลยจึงไมเปนความผิดฐาน ชิงทรัพย แตเ ปนความผิดฐานลักทรัพยเทา นน้ั เพราะการใชก าํ ลังแยง กรงเปน การกระทําตอ ทรัพย ®¡Õ Ò·Õè ñðñø/òõòù จําเลยไปเลนไพแลวก็จับไดวาผูเสียหายเลนไพโกง จึงใชเหล็ก ปลายแหลมจีผ้ เู สยี หายบงั คับใหค นื เงิน ๙๒๐ บาทท่ีถูกโกง เปน การกระทําโดยจาํ เลยเช่อื วาตนมสี ิทธิ อันจะพึงไดเงนิ ทเ่ี สียการพนันไปคืน เพราะผูเสียหายเลนโกง ก็ไมเปนความผดิ ฐานชิงทรพั ย ท่ีไมเปนความผิดฐานชิงทรัพยก็เพราะเหตุวาการกระทําของเขาไมเปนความผิดฐาน ลักทรัพยนั่นเอง มันขาดเจตนาในการลักทรัพย เม่ือไมเปนการลักทรัพยแลวแมวาจะใชเหล็ก ปลายแหลม จีผ้ เู สียหายมันกไ็ มก อ ใหเกิดเปน ความผดิ ฐานชิงทรพั ยได ®Õ¡Ò·èÕ òö÷ô/òõóò จําเลยลกั ทรัพยส ําเร็จแลว ขณะหลบหนี ญ. ผดู ูแลรักษาทรัพย น้ันไดวิ่งไลจับจําเลย จําเลยสะบัดหลุดแลวใชมีดแทง ญ. ถือไดวาเปนการกระทําที่ตอเน่ืองกันยังไม ขาดตอนจากการกระทําความผิดฐานลักทรพั ย การทจี่ ําเลยใชม ีดแทง ญ. เปนการใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย เพอื่ ใหพ น จากการจบั กมุ การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ เปนความผดิ ฐานชงิ ทรัพย ®Õ¡Ò·èÕ ñðøò/òõóô พฤติการณของจําเลยท่ี ๒ ท่ีแสดงตอผูเสียหายซ่ึงเปนนักเรียน ตางโรงเรียนกัน ในขณะที่มีอาการมึนเมาโดยเอาเสื้อของผูเสียหายท่ีพาดบาผูเสียหายไป เมื่อลงจาก รถโดยสารประจําทางไปแลวก็มิไดมีกิริยาท่ีจะหลบหนี หรือพาไปใหพน ท้ังยังตามไปในโรงเรียนที่ ผเู สยี หายเขา ไป โดยเสอื้ ทเ่ี อาไปกย็ งั พาดบา จาํ เลยท่ี ๒ อยู การกระทาํ ของจาํ เลยทง้ั สองทเ่ี ปน วยั รนุ เชน นน้ั เหน็ ไดว า จาํ เลยท่ี ๒ มไิ ดม เี จตนาทจ่ี ะเอาไปเปน ของตนเองอนั เปน การแสดงเจตนาทจุ รติ เกย่ี วกบั ทรพั ย ท่ีเอาไป แตเปนท่ีเห็นไดวาเปนการแสดงอํานาจบาตรใหญทําไปดวยความคะนอง เพ่ือใหผูเสียหาย เห็นวาเปนคนเกงพอท่ีจะรังแกคนไดตามวิสัยวัยรุนที่ความประพฤติไมเรียบรอยเทาน้ัน มิใชเปนการ มุงหมายเพอื่ ประโยชนจ ากทรพั ย จงึ ไมเ ปน ความผิดฐานชงิ ทรพั ย ®Õ¡Ò·èÕ ñòøøø/òõõö ขณะผูเสียหายยืนปสสาวะอยูบริเวณพงหญาปากทางเขา สถานขี นสง จาํ เลยซง่ึ ผเู สยี หายไมร จู กั มากอ นเดนิ เขา มาหาแลว ลว งหยบิ เงนิ สด ๒๐๐ บาท จากกระเปา เสอื้
๔๒๙ ของผูเสียหายและชกผูเสียหายซึ่งมีอายุ ๗๐ ป ทําใหไดรับบาดเจ็บและทรุดน่ังลงกับพ้ืนโดยจําเลย มิไดพูดกับผูเสียหายแลวหลบหนีไป ลักษณะการกระทําของจําเลยเปนการกระทําการท่ีตอเนื่อง กันมิใชการกระทําท่ีขาดตอน คือการลักทรัพยเงินของผูเสียหายและการทํากับรางกายผูเสียหาย โดยทํารายรางกายผูเสียหาย เปนพฤติการณที่บงชี้ถึงเจตนาของจําเลยท่ีตองทําอันตรายแกกาย ผูเสียหายเพ่ือความสะดวกแกการกระทําผิดและพาเอาทรัพย การกระทําของจําเลยจึงเปนความผิด ฐานชงิ ทรัพยเ ปนเหตใุ หผอู น่ื ไดรับอันตรายแกกาย ®¡Õ Ò·èÕ òðöøø/òõõö หลังจากจําเลยท่ี ๑ และท่ี ๒ ชิงเอาเงินและโทรศัพทของ ผูเสียหายไปแลวจําเลยท่ี ๑ โทรศัพทไปแจงจาํ เลยท่ี ๓ ท่ีบาน ตอ มาจําเลยท่ี ๓ ไดเ ดินทางมาสมทบ ในที่เกิดเหตุและรวมแสดงบทบาทเปนหัวหนาสอบถามผูเสียหายเกี่ยวกับยาเสพติดตามท่ีจําเลยที่ ๑ แตงเรื่องขึ้น ถือวาความผิดฐานชิงทรัพยของจําเลยท่ี ๑ และท่ี ๒ สําเร็จภาคตอนแลวนับแตเวลา จําเลย ๑ และที่ ๒ ไดเงินและโทรศัพทของผูเสียหายไป แมจําเลยที่ ๓ พาผูเสียหายออกไปจาก ท่ีเกิดเหตุหลังจากที่จําเลยท่ี ๑ และท่ี ๒ ไดเงนิ และโทรศัพทของผเู สยี หายไปแลวจะถือวา จาํ เลยที่ ๓ ชว ยเหลอื หรอื ใหค วามสะดวกแกจ าํ เลยที่ ๑ และที่ ๒ กอ นหรอื ขณะกระทาํ ผดิ หาไดไ ม ถอื ไมไ ดว า จาํ เลยที่ ๓ เปน ผสู นับสนนุ การกระทําผดิ ÷. »Å¹Œ ·ÃѾ ÁÒμÃÒ óôð “ผูใดชิงทรัพยโดยรวมกันกระทําความผิดดวยกันต้ังแตสามคนขึ้นไป ผูน้ันกระทําความผิดฐานปลนทรัพย ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตสิบปถึงสิบหาป และปรับต้ังแต สองหมืน่ บาทถึงสามหมืน่ บาท ถาในการปลนทรัพยผูกระทําแมแตคนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปดวยผูกระทําตองระวาง โทษจาํ คกุ ตงั้ แตส บิ สองปถงึ ยีส่ ิบป และปรบั ต้ังแตส องหม่นื ส่ีพันบาทถึงสีห่ มื่นบาท ถาการปลนทรัพยเปนเหตุใหผูอื่นไดรับอันตรายสาหัส ผูกระทําตองระวางโทษจําคุก ตลอดชีวิต หรือจาํ คกุ ตงั้ แตสบิ หาปถึงยีส่ ิบป ถาการปลน ทรัพยไดกระทําโดยแสดงความทารณุ จนเปนเหตใุ หผ ูอ่ืนรบั อนั ตรายแกกาย หรือจติ ใจ ใชป น ยิง ใชวตั ถรุ ะเบดิ หรือกระทําทรมาน ผกู ระทําตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตลอดชวี ิต หรอื จําคกุ ตั้งแตสิบหา ปถึงย่สี บิ ป ถาการปลน ทรพั ยเ ปน เหตใุ หผ ูอื่นถึงแกค วามตาย ผูกระทําตอ งระวางโทษประหารชีวติ ” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. ชิงทรพั ย ๒. โดยรว มกระทาํ ความผิด ต้ังแตส ามคนข้ึนไป คาํ ͸ԺÒ ๑. ที่จะเปนความผิดฐานปลนทรัพยในองคประกอบขอแรกน้ันจะตองเปนการชิงทรัพย เสียกอ น กรณอี ยางไรเปนการชิงทรัพย ใหด ใู นความผิดฐานชิงทรัพยต ามมาตรา ๓๓๙
๔๓๐ ๒. ในองคประกอบขอ ๒ ท่ีวา “โดยรวมกระทําความผิดดวยกัน” นั้นหมายความถึง เฉพาะผทู เ่ี ปน ตวั การรว มกนั กระทาํ ความผดิ โดยเฉพาะไมน บั รวมถงึ ผสู นบั สนนุ ดว ย กรณอี ยา งไรเรยี กวา ตัวการนั้นใหดูในมาตรา ๘๓ ผูสนบั สนุนดมู าตรา ๘๖ แหง ป.อาญา ฉะนั้นเมอื่ กระทาํ ความผดิ ครบ องคประกอบฐานชิงทรัพยแลว จะตองพิจารณาตัวผูที่รวมกันกระทําความผิดในจํานวนสามคนนั้น ดวยวา เปนตัวการรวมกันกระทําความผิดหรือไม ถาเปนตัวการรวมกันกระทําการชิงทรัพย ตั้งแต สามคนขนึ้ ไปแลว กเ็ ปน ความผดิ ฐานปลน ทรพั ย แตใ นกรณรี ว มกนั ไปลกั ทรพั ย พวกของจาํ เลยทเี่ ขา ไป ลักฆาหรือยิงเจาทรัพย หากขอเท็จจริงฟงไมไดวา จําเลยรูวาพวกของจําเลยมีอาวุธการกระทําของ พวกจําเลยจึงอยูนอกความมุงหมายหรือเจตนาของจําเลยยอมไมมีความผิดฐานปลนทรัพยหรือฆา เจา ทรพั ยดว ยคงมีความผิดฐานลักทรพั ยเทานนั้ ๓. ในความผิดฐานปลนทรัพยนั้นตามองคประกอบขางตนตองทําการชิงทรัพย โดยรว มกนั ตงั้ แตส ามคนขน้ึ ไป และความผดิ ฐานชงิ ทรพั ยน นั้ องคป ระกอบจะตอ งเปน การลกั ทรพั ยก อ น ฉะนั้นในการสมคบรวมกันไปทําการลักทรัพยน้ี อาจมีบุคคลเกินกวาสามคนข้ึนไปทําการรวมกัน แตต างคนตางแยกกนั ทาํ มบี ุคคลบางสว นกระทําการชิงทรัพย คอื ใชก าํ ลังประทษุ รายขณะกระทาํ การ ลักทรัพยนั้น โดยมิไดตกลงรวมกันมากอนเชนน้ี ความผิดอาจแยกกันเปนตอนๆ ได แลวแตวา การกระทําน้ันเปน เหตสุ ว นตวั หรือเปนเหตุในลกั ษณะคดใี นการกระทาํ ความผิดน้ัน ๔. ความผดิ ฐานปลน ทรพั ยน ้ี ประมวลกฎหมายอาญาไดแ บง แยกความผดิ ออกเปน ขนั้ ๆ ประกอบดวยเหตฉุ กรรจเ ชนเดยี วกบั ความผิดฐานชงิ ทรัพย กลา วคือ ¢¹Ñé μ¹Œ คอื ความผดิ ฐานวรรคแรกนน้ั เปน การปลน ทรพั ยโ ดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยหรอื ขเู ขญ็ วา ทนั ใดนนั้ จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยไมถ งึ เปน อนั ตราย หรอื ถงึ เปน อนั ตรายแกร า งกายหรอื จติ ใจ แตไ มถ งึ เปน อนั ตรายแกก ายหรอื จติ ใจถงึ สาหสั กฎหมายกาํ หนดโทษจาํ คกุ ตงั้ แตส บิ ปถ งึ สบิ หา ป และปรบั ตง้ั แต สองหมน่ื บาทถึงสามหม่นื บาท ¢éѹ·ÕèÊͧ ถาในการปลนทรัพย ผูกระทํามีอาวุธติดตัวไปดวยแมแตคนหนึ่งคนใด ไมวา จะเปนเพียงโดยใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญวาในทันใดน้ันจะใชกําลังประทุษรายแกกายหรือจิตใจ ไมถ งึ อนั ตรายแกก ายหรอื จติ ใจหรอื ไม เปน ความผดิ ตามวรรคสอง กฎหมายกาํ หนดโทษจาํ คกุ และปรบั สูงกวาข้ันตน ¢¹éÑ ·ÊÕè ÒÁ ถา ในการปลน เปน เหตใุ หผ อู นื่ ไดร บั อนั ตรายสาหสั ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ แลว ผนู ้ันมคี วามผิดตามวรรคสาม ซ่งึ กฎหมายกาํ หนดโทษสงู กวา ¢¹Ñé ·ÊÕè èÕ ถา การปลน ทรพั ยไ ดก ระทาํ โดยแสดงความทารณุ จนเปน เหตใุ หผ อู น่ื ไดร บั อนั ตราย แกกายหรอื จิตใจ ใชป น ยิง ใชว ตั ถรุ ะเบิด หรอื กระทาํ ทรมาน ผูกระทําไดรบั โทษสงู ขนึ้ ตามทก่ี ฎหมาย กําหนดโทษไว คําวา “¡ÃÐทาํ â´ÂáÊ´§¤ÇÒÁ·ÒÃØ³¹¹éÑ ” ตองเปนเหตใุ หเ ปนอันตรายแกก ายหรอื จติ ใจ เชน การตัดใบหู การชก ตอย เฆ่ยี น ตี จนสลบ การตัดนวิ้ มอื นิ้วเทา เปน ตน
๔๓๑ คาํ วา “¡ÒÃ㪻Œ ¹„ Â§Ô ” นนั้ กฎหมายมไิ ดจ าํ กดั วา ใชป น ยงิ แลว จะยงิ กอ นลงมอื ปลน ทรพั ย ระหวา งปลน ทรพั ย หรอื ภายหลงั ปลน ทรพั ยแ ลว โดยกระทาํ ตดิ ตอ สมั พนั ธก นั ยงั ไมข าดตอน และการใช ปนยิงน้ันจะยิงถูกบุคคลใดหรือไมก็ตามเปนความผิดตามวรรคสี่น้ี และในกรณีท่ีใชวัตถุระเบิดก็คงมี ความหมายเชน เดียวกนั กับใชป นยิง การกระทําโดยทรมาน เชน การเอาเชือกรัดคอทําใหหายใจไมออกหลายคร้ังหลายหน การใชไฟฟาจ้ีเพื่อทําใหบอกที่เก็บทรัพย เปนตน แตการกระทําโดยทรมานนี้ ไมจําตองถึงกับเปน อันตรายแกกายหรือจิตใจ ¢éѹ·èÕËŒÒ ถาการปลนทรัพยเปนเหตุใหผูอ่ืนถึงแกความตาย ผูกระทําการปลนทรัพย มีความผดิ ตามวรรคสุดทายของมาตรา ๓๔๐ การปลนทรัพยเปนเหตุใหไดรับอันตรายแกกายและจิตใจ ไดรับอันตรายสาหัส หรือ ถงึ แกค วามตายนี้ กรณเี ปน เชน เดยี วกบั ความผดิ ฐานชงิ ทรพั ยก ลา วคอื คาํ วา ผอู นื่ นน้ั มไิ ดห มายเฉพาะ เจาทรัพยท่ีถูกปลนอาจเปนพวกเจาของทรัพย เจาพนักงาน หรือผูครองทรัพยแทนเจาทรัพยก็ได และการปลนทรัพยกับการไดรับอันตรายแกกายหรือจิตใจ รับอันตรายสาหัสหรือแกความตายนี้ ตอ งเปน การกระทาํ ทต่ี อ เนอื่ งกนั กบั การปลน ทรพั ยน นั้ มกี ารยงิ ตอ สกู บั เจา ทรพั ยแ ตก ระสนุ พลาดไปถกู พวกคนรายดวยกันตาย จําเลยจึงมีความผิดเพียงฐานปลนทรัพยโดยใชปนยิงและฐานฆาคนตาย โดยเจตนาเทานัน้ μÑÇÍÂÒ‹ § ®¡Õ Ò·èÕ ñôöõ/òõðø คนรา ยซงึ่ อยทู พี่ นื้ ดนิ ใชป น ยงิ สนุ ขั เหา จะกดั คนรา ยขณะคนรา ยอนื่ กาํ ลงั คน หาทรพั ย ถอื ไดว า การปลน ไดก ระทาํ โดยใชป น ยงิ เพราะคนรา ยยงิ สนุ ขั ทเี่ หา และจะกดั คนรา ย ในขณะท่คี นรายกําลังปลนบา นผเู สยี หาย เปนการกระทาํ ในการปลนทรัพยนั้นดวย เปนความผิดตาม มาตรา ๓๔๐ วรรคสี่ ®Õ¡Ò·èÕ ñùñ÷/òõññ ความผิดฐานปลนทรัพยเปนเหตุใหผูอื่นถึงแกความตายตาม มาตรา ๓๔๐ วรรคทายนั้น หมายถึง บุคคลอ่ืนมิใชพวกปลนดวยกันเอง ฉะนั้นการที่จําเลยกับพวก ปลนทรัพยและใชปนยิงเจาทรัพยบาดเจ็บกระสุนพลาดไปถูกพวกคนรายดวยกันตาย จําเลยจึงผิด เพียงฐานปลนทรพั ยโดยใชปนยิง และฐานฆา คนตายโดยเจตนา ®¡Õ Ò·èÕ õõù/òõñ÷ จําเลยกบั พวกอกี ๓ คน ซ่งึ ไมปรากฏวาเปนคนที่คนุ เคยชอบพอ กบั ผเู สยี หายพอทจี่ ะขอเงนิ กนั ได มาเตะรว้ั สังกะสีและระเบียงเรอื นของผเู สียหาย ผูเ สยี หายออกมาดู จําเลยขอเงิน ๑๒ บาท ผูเสียหายวาไมมี จําเลยกับพวกชวยกันเตะรั้วและระเบียงเรือน จนสังกะสี หลดุ ๓ แผน ไมระแนงเรอื นหลุดหลายอนั ถอื ไดว าเปนการขูเขญ็ วา ในทนั ใดน้นั จะใชกําลงั ประทษุ ราย ผูเสยี หายกลัวร้ัวจะพงั และกลวั ถกู ทาํ รา ย จึงตอ งยอมใหเงนิ แกจําเลยไป ๑๐ บาท จําเลยรับเงินแลว ยังพูดขเู ข็ญอกี วา ทหี ลังถา กูมา อยากไดอะไรใหตามใจกนู ะ ซง่ึ เขาใจไดวา ถาไมใ หจะตอ งถูกทาํ ราย การกระทาํ ของจําเลยเปน ปลน ทรัพย
๔๓๒ ®Õ¡Ò·Õè ùøð/òõñù เมอ่ื จาํ เลยที่ ๑ มอี าวุธ (มดี ) ตดิ ตัวไปดว ยในการปลน แมจ าํ เลย ท่ี ๑ จะมไิ ดใชหรือแสดงอาวุธในการกระทําความผดิ และจาํ เลยท่ี ๒ ไมรูว าจําเลยที่ ๑ มอี าวธุ ก็ตาม จําเลยที่ ๒ กต็ อ งมีความผดิ ตามมาตรา ๓๔๐ วรรคสอง ®Õ¡Ò·Õè ÷÷ø/òõñù มาตรา ๓๔๐ ตรนี น้ั ตอ งไดค วามวา ไดช งิ ทรพั ยโ ดยใชย านพาหนะ เพือ่ กระทําผิด ไมใชช ิงรถจกั รยานยนตพ าไป ®¡Õ Ò·Õè ñôöõ/òõñù (ประชมุ ใหญ) จาํ เลย ๓ คนใชเ สน ลวดขงึ กน้ั สะพานบนถนนดกั รถ ทผ่ี า นมาใหช นเพอ่ื เอาทรพั ย มผี ขู บั รถหกลอ มาเหน็ เสน ลวดและหยดุ ไดห า ง ๓ วา การกระทาํ ของจาํ เลย ทง้ั สามมใิ ชเ ปน เพยี งขน้ั ตระเตรยี มแตเ ปน การลงมอื กระทาํ ความผดิ แลว แตก ระทาํ ไปไมต ลอดถอื ไดว า จาํ เลยพยายามกระทาํ ความผดิ และเปนการพยายามกระทําความผิดฐานปลน ทรพั ย ®Õ¡Ò·Õè ôñóð/òõòø จําเลยท่ี ๑ เอาเหล็กขูดชารปมาวางบนตัวใหผูเสียหายเห็น ในขณะน่ังติดกันอยูในรถยนตโดยสารประจําทาง แลวพูดขอแวนตาจากผูเสียหาย แลวจําเลยท่ี ๑ หยิบเอาแวนตาของผูเสียหายจากกระเปาเสื้อและดึงสเกลจากในสมุดผูเสียหายไป ยอมเปน การลกั ทรพั ย โดยขเู ขญ็ วา ทันใดนั้นจะใชกาํ ลงั ประทุษรา ยอนั เปนความผิดฐานชิงทรพั ย ตาม ม.๓๓๙ ขณะเดียวกันนน้ั จําเลยที่ ๒ ท่ี ๓ ซ่ึงขึน้ รถยนตโ ดยสารประจาํ ทางไปพรอมกบั จาํ เลยท่ี ๑ และยนื อยู ใกลก ับจําเลยที่ ๑ ตา งเขาไปหยิบทรัพยจากกระเปาเส้อื และจากในมอื ผูเสยี หาย แสดงวาจาํ เลยท่ี ๒ ที่ ๓ ทราบถงึ การกระทาํ ของจาํ เลยท่ี ๑ โดยตลอด ถอื ไดว า จาํ เลยท่ี ๒ ท่ี ๓ รว มชงิ ทรพั ยก บั จาํ เลยท่ี ๑ ดว ยการกระทําของจําเลยจงึ ถอื เปน ความผิดฐานปลนทรัพย ®Õ¡Ò·èÕ ùòôñ/òõô÷ จําเลยกับพวกนําธูปซ่ึงมีสวนผสมของส่ิงของบางอยางที่ทําให มึนเมาออกมาใหโจทกรวมและ บ. ดม ทําใหโจทกรวมเกิดอาการมึนศีรษะเปนเหตุใหอยูในภาวะ ไมส ามารถขดั ขนื ไดแ ลว จาํ เลยกบั พวกอกี ๒ คน ไดล กั ทรพั ยข องโจทกร ว มไป ถอื ไดว า เปน การลกั ทรพั ย โดยใชกําลังประทุษรายเพื่อใหความสะดวกแกการลักทรัพยและการพาทรัพยน้ันไป เมื่อรวมกระทํา ความผิดตงั้ แต ๓ คนขน้ึ ไป การกระทาํ ของจาํ เลยจึงเปน ความผิดฐานปลน ทรัพย ø. ©ÍŒ â¡§ ÁÒμÃÒ óôñ “ผูใดโดยทุจริต หลอกลวงผูอ่ืนดวยการแสดงขอความอันเปนเท็จ หรือปกปดขอความจริงซึ่งควรบอกใหแจง และโดยการหลอกลวงดังวาน้ันไดไปซ่ึงทรัพยสินจาก ผูถูกหลอกลวง หรือบุคคลท่ีสาม หรือทําใหผูถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทํา ถอน หรือทําลาย เอกสารสิทธิ ผูนั้นกระทําความผิดฐานฉอโกง ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรือปรับไมเกิน หกหม่นื บาท หรือท้งั จาํ ทัง้ ปรบั ” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. หลอกลวงผอู ื่น ๑.๑ ดวยการแสดงขอ ความอนั เปน เทจ็ หรอื ๑.๒ ดว ยการปกปดขอ ความจริงซงึ่ ควรบอกใหแจง
๔๓๓ ๒. โดยการหลอกลวงนัน้ ๒.๑ ไดไ ปซึง่ ทรัพยสนิ จากผูถกู หลอกลวง หรือบคุ คลทสี่ าม หรอื ๒.๒ ทําใหผ ูถ กู หลอกลวง หรอื บุคคลท่สี าม ทาํ ถอน หรือทําลายเอกสารสิทธิ ๓. โดยเจตนาทุจริต คาํ ͸ºÔ Ò ๑. การหลอกลวงผูอ ืน่ นั้น หมายความวา เปน การกระทําใหผูอ่ืนหลงผดิ หรอื สาํ คัญผดิ ๒. การหลอกลวงผอู ่นื นี้ ยอ มกระทาํ ไดเ ปน ๒ ทางดวยกนั คือ ๒.๑ ดวยการแสดงขอความอันเปนเทจ็ หรอื ๒.๒ ดว ยการปกปด ขอความจรงิ ซง่ึ ควรบอกใหแ จง การแสดงขอความหรือขอเท็จจริงน้ัน อาจแสดงทางวาจา ลายลักษณอักษร ทางเครื่อง กระจายเสียง เครื่องบันทึกเสียง วิทยุ แผนเสียง ภาพ หรือภาพยนตร โทรศัพท หรือโทรทัศนก็ได และการแสดงดังกลาวน้ี อาจเปนการแสดงโดยตรงของผูแสดงตามวิธีการตางๆ ดังกลาวแลว หรือ โดยปริยายทางกิริยาทาทางท่ีแสดงออกมาก็ได เชน การพยักหนาแสดงการยอมรับ หรือโดยกิริยา ทาทางอื่นๆ ๓. ดวยการแสดงขอความอันเปนเท็จ หมายความวา เปนการแสดงยืนยันขอเท็จจริง อยางใดอยางหนึ่ง ซ่ึงเกิดขึ้นแลวหรือกําลังเกิดอยูในขณะแสดงขอเท็จจริง ซึ่งผูแสดงรูอยูแลววา ขอเท็จจริงท่ีแสดงออกน้ันเปนความเท็จ เพื่อใหผูอื่นหลงเชื่อวาเปนความจริงตามท่ีแสดงนั้น โดยไมใ ชค วามคิดเห็น หรอื เปน การคาดคะเนลวงหนาของผูแสดง การแสดงขอความซึ่งจะเกิดขึ้นตอไปในภายหนาที่คาดคะเนเอาไวลวงหนานั้น เปนการ กลาวหรือแสดงถึงเร่ืองอนาคตซ่ึงจะเกิดขึ้นหรือไมก็ไดนั้นไมใชการแสดงขอเท็จจริงอันเปนเท็จ เพราะเมือ่ ยงั ไมเกิดข้นึ ยอ มทราบไมไ ดวาเท็จจรงิ ๔. การแสดงปกปดขอความจริงซึ่งควรบอกใหแจงหมายความถึงการหลอกลวง ซึ่งผูกระทําการหลอกลวงน้ันแสดงการปกปดขอความจริงอันควรบอกใหแจง โดยผูหลอกลวงรูอยูวา ขอความจริงหรือเหตุการณนั้นมีอยูอยางไร กลับนิ่งเสียไมบอกใหแจงโดยเจตนาใหผูถูกหลอกลวง เขา ใจผดิ และหลงเช่อื ตามน้ัน โดยไมใ ชการหลงลมื เพราะไมรคู วามจรงิ ทีป่ กปด นนั้ ๕. องคประกอบความผิดขอ ๒. คือ การหลอกลวงโดยการแสดงตามองคประกอบ ขอ แรกนั้นทําใหผูห ลอกลวง ๕.๑ ไดไปซง่ึ ทรพั ยสนิ จากผูถกู หลอกลวงหรือบคุ คลที่ ๓ หรือ ๕.๒ ทําใหผถู ูกหลอกลวงหรือบคุ คลท่ี ๓ ทํา ถอน หรอื ทําลายเอกสารสิทธิ การหลอกลวงการแสดงขอความเท็จหรือปกปดขอความจริงซ่ึงควรบอกใหแจงไมเกิด ผลขึน้ เพราะ ๑) ผถู กู หลอกลวงไมห ลงเชอื่ จงึ ไมไ ดไ ปซงึ่ ทรพั ยส นิ หรอื ไมไ ดท าํ ถอน หรอื ทําลายเอกสารสิทธิ
๔๓๔ ๒) ผูถูกหลอกลวงไมหลงเชื่อ แตทําเปนเช่ือ จึงสงทรัพยสินใหไป จะเปน เพราะความเมตตาสงสาร หรอื เพอ่ื จะใหเ ปน หลักฐานในการจับกมุ ๓) ผูถูกหลอกลวงหลงเชื่อแตไมมีทรัพยสินจะใหหรือใหทรัพยสินแลว แตเอาไป ไมไดไมว าเพราะเหตใุ ด ทั้ง ๑), ๒) และ ๓) นี้เรียกวาผูหลอกลวงนั้น ลงมือกระทําความผิดฐานฉอโกงแลว แตกระทําไปไมตลอดเพราะผูถูกหลอกลวงไมเ ช่อื และกระทาํ ไปตลอดแลวแตไมบ รรลผุ ล คอื ไมไดไ ป ซึ่งทรัพยสินจากผูถูกหลอกลวง จึงมีความผิดเพียงฐานพยายามฉอโกงตามความในมาตรา ๘๐, ๓๔๑ เทานั้น เพราะความผิดฐานฉอโกงจะเปนความผิดสําเร็จ แตเมื่อผูถูกหลอกลวงเช่ือ และสงมอบทรัพยสินน้ันใหมาอยูในความครอบครองยึดถือของผูหลอกลวง หรือผูถูกหลอกลวง ทํา ถอน หรอื ทําลายเอกสารสิทธนิ ้ันแลว ๖. องคประกอบขอสุดทายคือ เจตนาทุจริตหมายความวาเปนการกระทําโดยเจตนา ธรรมดาตามมาตรา ๕๙ คอื กระทาํ โดยรสู าํ นกึ และประสงคต อ ผล หรอื ยอ มเลง็ เหน็ ผลแหง การกระทาํ น้ันไดและประกอบกับมีเหตุจูงใจโดยทุจริต ซ่ึงเปนการแสวงหาประโยชนที่มิควรไดโดยชอบดวย กฎหมายสาํ หรับตนเองหรอื ผอู น่ื ดว ย เจตนาทจุ รติ จะตอ งเกิดขนึ้ เม่อื ใด เจตนาทจุ รติ เก่ียวกบั การหลอกลวงที่จะเปนความผดิ ฐานฉอโกงนี้ จะตองมีเจตนาทุจริตมากอนท่ีจะกระทําการหลอกลวง หรือในขณะกระทําการ หลอกลวงนัน้ เพ่ือใหเ ขาหลงเช่ือสงมอบทรพั ยส ินให หรือใหเขา ทาํ ถอน หรอื ทาํ ลายเอกสารสิทธินน้ั ถาเจตนาทุจริตเกิดขึ้นหลังจากไดทรัพยสินไปไวในความยึดถือครอบครองแลว ไมเปนความผิด ฐานฉอโกง แตเปนความผิดฐานยักยอก น่ีคือขอแตกตางในสาระสําคัญของความผิดฐานฉอโกง กบั ความผดิ ฐานยกั ยอกทรพั ย μÇÑ Í‹ҧ ®Õ¡Ò·Õè ùðñ/òô÷ö ปลอมใบส่ังซ้ือนมของ รพ.ศิริราช สั่งใหหางขายนมใหที่สะพาน ทาชาง หางโทรศัพทไปถามโรงพยาบาล รูวาถูกหลอก จึงแจงตํารวจ ตํารวจบอกใหหางซอนกล สงนมใหจ ําเลย เพอ่ื จะคอยดกั จบั กุมคนรา ย เปน พยายามฉอโกง เปนการกระทาํ ตลอดแตไ มบ รรลผุ ล เพราะเจาทรัพยไ มห ลงเชอ่ื คําเทจ็ ®¡Õ Ò·Õè ñõõô/òõññ ขอซื้อโคจากผูเสียหายโดยใหผูเสียหายนําโคไปสงท่ีบานจําเลย แลว จาํ เลยจะชาํ ระราคาใหเ มอ่ื ผเู สยี หายนาํ โคไปสง ใหแ ลว จาํ เลยกลบั บา ยเบย่ี งขอชาํ ระใหใ นวนั รงุ ขนึ้ และคนื นน้ั จาํ เลยกพ็ าโคหนไี ป ดงั นี้ เหน็ ไดว า จาํ เลยมเี จตนาทจุ รติ หลอกลวงผเู สยี หายโดยไมม เี จตนา จะใชราคาโคมาแตเริ่มตน จึงเปนความผิดฐานฉอโกง อันน้ีมองดูแลวจะเห็นไดวามีการหลอกลวง เพราะฉะน้นั กต็ ัดสินวา เปน ความผิดฐานฉอโกง ®¡Õ Ò·èÕ øöó/òõñó การท่ีจําเลยนําตัวบุคคลอื่นมาแสดงวาเปนเจาของทรัพยท่ีจะยื่น ขอประกันตอศาลขอใหโจทกรับรองหลักทรัพย ซึ่งโจทกหลงเชื่อจึงรับรองหลักทรัพยน้ันตอศาล
๔๓๕ และศาลใหประกันไป ตอมาจําเลยหลบหนีดังนี้ วินิจฉัยวาหนังสือรับรองหลักทรัพยเปนเอกสารสิทธิ ในการที่จําเลยไดประกันตัวไป ถือวาไดรับประโยชนแลวจึงเปนการทุจริต จําเลยยอมมีความผิดฐาน ฉอ โกงตามมาตรา ๓๔๑ ศาลฎีกาวนิ ิจฉัยวา หนังสือรบั รองหลักทรัพยน ัน้ เปน เอกสารสทิ ธิ ®Õ¡Ò·Õè òôôð/òõòõ จําเลยหลอกลวงผูเสียหายวาสามารถนําบุตรสาวผูเสียหาย เขาเรียนเปนผูชวยพยาบาลของโรงพยาบาลไดโดยไมตองสอบคัดเลือกเขาเรียน และเรียกรองเอาเงิน จากผูเสียหาย จําเลยหลอกลวงผูเสียหายเพื่อตองการไดเงินจากผูเสียหายเทานั้น ดังนี้จําเลยยอมมี ความผิดตามมาตรา ๓๔๑ ®Õ¡Ò·èÕ òõøñ/òõòù จําเลยท้ังสองข่ีรถจักรยานยนตซอนกันเขาไปเติมน้ํามัน เมื่อผูเสียหายขอเงินคานํ้ามัน จําเลยท่ี ๒ กลับตอบวาไมมีเงินมีแตนี่เอาไหม ขณะพูดจําเลยท่ี ๒ ถือลกู กลมๆ คลายลกู ระเบิด แลว จําเลยทง้ั สองก็ขีร่ ถจักรยานยนตออกไป การกระทาํ ของจาํ เลยทั้ง ๒ เปนความผดิ ฐานฉอโกง ù. ©ÍŒ â¡§»ÃЪҪ¹ ÁÒμÃÒ óôó ถา การกระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๓๔๑ ไดก ระทาํ ดว ยการแสดงขอ ความ อันเปนเท็จตอประชาชน หรือดวยการปกปด ความจริง ซงึ่ ควรบอกใหแ จง แกประชาชน ผกู ระทําตอง ระวางโทษจาํ คุกไมเ กินหาป หรอื ปรบั ไมเ กินหน่งึ แสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทงั้ ปรับ ฉอโกงอันมีลักษณะฉกรรจตามมาตราน้ี จะเปนการหลอกลวงดวยการแสดงขอความ อัน “เท็จ” ก็ดี หรือปกปดขอความซ่ึงควรบอกใหแจงก็ดี ขอสําคัญก็คือการหลอกลวงประชาชน ถาหลอกลวงเพียงคนเดยี วไมเปน ความผิดที่เขามาตราน้ี (ฎกี าท่ี ๑๒๒/๒๕๐๖) อนง่ึ การกระทาํ อนั จะเปน ความผดิ ตามมาตราน้ี ผกู ระทาํ จะตอ งกระทาํ ดว ยเจตนาแสดง ขอความอันเปนเท็จตอประชาชนโดยทั่วไป จะถือเอาจํานวนผูเสียหายท่ีถูกหลอกลวงมากหรือนอย และผลเสียหายอันเกิดจากคําหลอกลวงมากหรือนอยเปนหลักในการพิจารณาวาเปนการกระทํา ท่ีมีเจตนาแสดงขอ ความอนั เปนเท็จตอประชาชนโดยทัว่ ไปหาไดไ ม ®Õ¡Ò·èÕ òôøö/òõòø จําเลยประกาศรับสมัครคนงานไปทํางานตางประเทศ จนผเู สียหาย กลมุ หนงึ่ รวม ๗ คน หลงเช่อื ไปสมคั รเพอ่ื ทํางานตามทจี่ าํ เลยประกาศ จาํ เลยกบั พวก รับเงินผูเสียหายไวเปนจํานวนมาก แตผูเสียหายไมไดทํางานยังตางประเทศที่จําเลยกับพวกประกาศ ชักชวน ดังนี้ การกระทําของจําเลยยอมถือไดวาจําเลยโดยทุจริตหลอกลวงประชาชน รวมทั้ง ผเู สยี หายดว ยการแสดงขอ ความอนั เปน เทจ็ และโดยการหลอกลวงไดไ ปซงึ่ ทรพั ยส นิ จาํ เลยจงึ มคี วามผดิ ตาม ป.อ. มาตรา ๓๔๓ ®¡Õ Ò·Õè õöó/òõóñ จําเลยทําเอกสารขึ้นมีลักษณะเปนคําถามคลายขอสอบและต้ัง โตะขายเอกสารดังกลาวโดยจําเลยกลาวโฆษณาที่หนา ม.รามคําแหงวา จําเลยมีขอสอบวิชา ๓๓๑ กับ ๔๐๘ ท่ีกําลังจะสอบในไมก่ีวันขางหนาขาย ซึ่งเปนขอความอันเปนเท็จ แตการกระทําดังกลาว เปนการหลอกลวงแกนักศึกษา ม.รามคําแหง ไมเปนการหลอกลวงประชาชนท่ัวไป จึงเปนความผิด ฐานฉอ โกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ ไมเ ปนความผิดตาม มาตรา ๓๔๓
๔๓๖ จําเลยยังไมสําเร็จการศึกษาช้ันปริญญาตรี แตไดกางกระเปาหนังสือ ซึ่งมีภาพจําเลย สวมเส้ือครุยปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิตของ ม.รามคําแหงไวบนโตะ ขายขอสอบ ม.รามคําแหง เพอ่ื แสดงแกผ ทู พี่ บเหน็ ใหเ ชอื่ วา จาํ เลยสาํ เรจ็ ปรญิ ญาตรคี ณะนติ ศิ าสตรข อง ม.รามคาํ แหง การกระทาํ ของจาํ เลยเปนความผิดตามมาตรา ๔๘ ของ พ.ร.บ.ฯ ม.รามคาํ แหง พ.ศ.๒๕๑๔ ñð. â¡§à¨ÒŒ ˹Õé ÁÒμÃÒ óôù “ผใู ดเอาไปเสยี ทาํ ใหเ สยี หาย ทาํ ลาย ทาํ ใหเ สอ่ื มคา หรอื ทาํ ใหไ รป ระโยชน ซ่ึงทรัพยอันตนจํานําไวแกผูอ่ืน ถาไดกระทําเพื่อใหเกิดความเสียหายแกผูรับจํานํา ตองระวางโทษ จาํ คกุ ไมเกินสองป หรือปรับไมเ กนิ สหี่ ม่ืนบาท หรอื ทัง้ จาํ ทงั้ ปรบั ” ͧ¤»ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. เอาไปเสีย ทาํ ใหเสยี หาย ทาํ ลาย ทําใหเ สือ่ มคา หรือทาํ ใหไ รป ระโยชน ๒. ซึง่ ทรพั ยอ นั ตนจํานาํ ไวแกผูอ่นื ๓. เพื่อใหเกดิ การเสยี หายแกผ รู ับจํานํา ๔. โดยเจตนา คํา͸ԺÒ ๑. คําวา “จํานํา” นั้นคือสัญญาซ่ึงบุคคลหน่ึงเรียกวาผูจํานํา สงมอบสังหาริมทรัพย สงิ่ หนงึ่ ใหแ กบ คุ คลอกี คนหนงึ่ เรยี กวา ผรู บั จาํ นาํ เพอื่ เปน การประกนั การชาํ ระหนตี้ ามประมวลกฎหมาย แพง และพาณิชยมาตรา ๗๔๗ และตามความในพระราชบญั ญัตโิ รงรบั จํานาํ ๒. สาระสําคัญของการจํานําก็คือ การสงมอบสังหาริมทรัพยไวในครอบครอง ของผูรับจํานําเพียงแตกลาววาเอาทรัพยสิ่งน้ันจํานําไว แตมิไดสงทรัพยนั้นใหอยูในความครอบครอง ของผรู บั จาํ นาํ หรอื ตวั แทนของผรู บั จาํ นาํ แลว กไ็ มเ รยี กวา เปน การจาํ นาํ ฉะนน้ั ตามองคป ระกอบความผดิ ขอ ๒ ที่วา “ทรัพยอันตนจํานําไวแกผูอ่ืน” นั้น จึงหมายถึงสังหาริมทรัพยซึ่งตนไดสงมอบ ความครอบครองเปน จํานาํ ใหผรู ับจาํ นาํ แลว ๓. การเอาไปเสีย ทําใหเสียหาย ทําลาย ทําใหเส่ือมคาหรือทําใหไรประโยชนน้ัน ตองเปนการกระทําโดยตัวผูจํานําเอง และโดยเจตนาเพ่ือใหเกิดความเสียหายแกผูรับจํานําจึงจะเปน ความผิด มาตรานี้ ถาผูอื่นกระทําไมเปนความผิดตามมาตรานี้ เวนแตจะเปนการรวมกระทําผิดกับ ผูจํานาํ ในฐานะตัวการตามมาตรา ๘๓ หรอื ใชใหก ระทําความผิดตามมาตรา ๘๔ และอาจมีความผิด ในมาตราอน่ื เชน ลักทรัพยหรอื ทาํ ใหเสยี ทรพั ย เปนตน μÇÑ ÍÂÒ‹ § ®¡Õ Ò·Õè ñðõð/òõð÷ จําเลยทําสัญญากูเงินโจทกโดยเอาท่ีดินเปนประกันเงินกู ตอมาจําเลยเอาทีด่ นิ แปลงน้ไี ปจาํ นอง การกระทําดังนีไ้ มเปนความผดิ ตามมาตรา ๓๔๙ และ ๓๕๐ ®¡Õ Ò·èÕ öõð/òõñð จําเลยจํานําสรอยทองคําของตนไวกับผูเสียหาย เพ่ือเอาเงิน มาเลนการพนัน แลวจําเลยกระชากสรอยเสนนี้ไปจากคอผูเสียหาย ไมเปนความผิดฐานชิงทรัพย เพราะสรอ ยเสนนน้ั เปน ของจาํ เลยเอง
๔๓๗ อนึ่ง ขอสอบเนติฯ ขอสอบผูชวยผูพิพากษา วาการมอบสรอยใหเปนประกันเงินยืม เอาไปเลน การพนนั นน้ั เปน โมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๑๓ ไมเ ปน การจาํ นาํ ตามกฎหมาย ไมม คี วามผดิ ฐานโกงเจา หนต้ี ามมาตรา ๓๔๙ ®¡Õ Ò·èÕ óöøô-õ/òõóò จําเลยไดจํานําทรัพยสินไวแกผูเสียหาย การที่จําเลยกับ พวกรวมกันขนยายทรัพยสินที่จํานําไปจากสถานท่ีเก็บรักษาโดยอางวาทรัพยสินเหลาน้ันเปนของ บุคคลอื่นยอมเปนการทําใหเกิดความเสียหายแกผูรับจํานํา เพราะเปนการทําใหทรัพยสินท่ีเปน หลกั ประกันการจาํ นําลดจาํ นวนลง หรือหมดสน้ิ ไป ผดิ ตามมาตรา ๓๔๙ ññ. Â¡Ñ ÂÍ¡ ÁÒμÃÒ óõò “ผูใดครอบครองทรัพยซึ่งเปนของผูอ่ืน หรือซ่ึงผูอื่นเปนเจาของ รวมอยูดวยเบียดบังเอาทรัพยนั้นเปนของตน หรือบุคคลท่ีสามโดยทุจริต ผูนั้นกระทําความผิดฐาน ยักยอก ตองระวางโทษจําคุกไมเ กนิ สามป หรอื ปรับไมเกนิ หกหมนื่ บาท หรือท้งั จาํ ทง้ั ปรบั ถาทรพั ยน ั้นไดต กมาอยใู นความครอบครองของผกู ระทาํ ความผิด เพราะผูอนื่ สง มอบให โดยสาํ คญั ผดิ ไปดว ยประการใด หรอื เปน ทรพั ยส นิ หายซง่ึ ผกู ระทาํ ความผดิ เกบ็ ได ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษ แตเพียงก่ึงหน่งึ ” ͧ¤»ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ๑. ครอบครองทรพั ย ๒. ทรัพยเ ปนของผูอ นื่ หรอื ผูอ่ืนเปนเจาของรวมอยูดว ย ๓. เบียดบังเอาทรัพยน นั้ เปนของตน หรอื ของบุคคลที่สาม ๔. โดยเจตนาทจุ ริต คาํ ͸ºÔ Ò ๑. คําวา “ครอบครอง” หมายความถึงวา ทรัพยนั้นไดตกเขามาอยูในความยึดถือ ของตนไมวาทรัพยน้ันจะตกเขามาอยูในความยึดถือของตนโดยบุคคลอ่ืนมอบใหโดยตรงหรือเปน การครอบครองทรัพยนั้นโดยไมมีผูอื่นมอบให แตทรัพยไดตกเขามาอยูในความยึดถือครอบครอง ของตน ซง่ึ อาจแยกไดเ ปน การครอบครองโดยตรงอยา งหนง่ึ และการครอบครองโดยปรยิ ายอยา งหนงึ่ ทัง้ สองอยางเปน การครอบครองตามความหมายของมาตราน้ี ๑.๑ การครอบครองโดยตรง ไดแก การท่ีเจาของทรัพยหรือตัวแทนของเจาของ ทรัพยสงมอบทรัพยน้ันใหแกผูอ่ืนเพื่อครอบครองดูแลรักษา และผูอ่ืนนั้นไดรับมอบทรัพยนั้นมาอยู ในความครอบครองดูแลรักษาของตน นับแตบัดน้ันการมอบการครอบครองทรัพยก็เปนอันบริบูรณ ตามความหมายของมาตราน้แี ลว การครอบครองโดยตรงนี้ นอกจากเจาของทรัพยหรือตัวแทนสงมอบทรัพยแลว กรณี อาจเปน การครอบครองโดยผลของสญั ญาหรอื โดยผลของกฎหมายโดยตรงกไ็ ด เชน การรบั ฝาก จาํ นาํ จาํ นอง เชา หรือยมื เปน ตน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 538
Pages: