Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Book08_กฎหมายอาญา

Book08_กฎหมายอาญา

Published by thanatphat2606, 2020-04-14 00:47:30

Description: Book08_กฎหมายอาญา

Keywords: Book08_กฎหมายอาญา

Search

Read the Text Version

๓๘๘ ฉันสามีภริยา การกระทําของจําเลยจึงไมเปนความผิดฐานพรากเด็กไปจากมารดาและผูดูแล โดยปราศจากเหตุอนั สมควรตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๗ วรรคหนง่ึ ®¡Õ Ò·Õè ôùùõ/òõó÷ ผูเสียหายซึ่งเปนเด็กกับจําเลยสมัครใจรักใครชอบพอกัน โดยจําเลยยังไมมีภริยามากอน และจําเลยไดพาผูเสียหายไปนอนหลับไดเสียกันก็เพ่ือประสงคจะ กินอยูดวยฉันสามีภริยา ตอมาฝายจําเลยมีเหตุขัดของไมสามารถจัดหาสินสอดและของหม้ันไปสูขอ ผูเ สียหายจากบดิ ามารดาผเู สียหายตามประเพณีได จงึ มิไดอยูกินดว ยกนั ดงั น้ี การกระทาํ ของจาํ เลย จงึ ไมเปน ความผิดฐานพรากเดก็ ไปเพื่อการอนาจาร ®Õ¡Ò·Õè ñòõø/òõôò ความมงุ หมายของ ป.อ.มาตรา ๓๑๗ เพอื่ เอาโทษแกผ ทู พี่ รากเดก็ แมเด็กเต็มใจไปดวย การพรากเด็กตามมาตรานี้มิไดจํากัดวาพรากไปโดยวิธีการอยางใด ถาเด็กอายุ ยงั ไมเ กนิ สบิ หา ปแ ลว ยอ มเปน ความผดิ แมเ ดก็ จะมรี ปู รา งใหญโ ตมคี วามรสู กึ ผดิ ชอบเกนิ กวา ปกตกิ ต็ าม และการพรากกม็ ไิ ดจ าํ กดั วา พรากไปเพอื่ ประสงคใ ดหรอื ประโยชนอ ยา งใดเพยี งแตม เี จตนาพรากเดก็ ไป เสยี จากบิดามารดากเ็ ปน ความผิดแลว แตถา จาํ เลยพรากเด็กไปโดยมเี หตุผลอนั สมควรก็ไมมีความผดิ ตามมาตราน้ี ปรากฏวา ผเู สยี หายกาํ ลงั ศกึ ษาเลา เรยี นยงั ไมบ รรลนุ ติ ภิ าวะตอ งอยใู ตอ าํ นาจปกครองของ บดิ ามารดา การทจี่ าํ เลยพรากผเู สยี หายไปเสยี จากบดิ ามารดาขณะทบ่ี ดิ ามารดาจาํ ตอ งอปุ การะเลยี้ งดู และใหการศึกษาตามสมควรแกบุตรในระหวางที่เปนผูเยาวและมีสิทธิกําหนดท่ีอยูของบุตร อันเปน สทิ ธแิ ละหนาทขี่ องบิดามารดาและบุตรตาม ป.พ.พ. การกระทําของจําเลยจึงปราศจากเหตอุ นั สมควร จึงเปนความผิด ตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๗ วรรคแรก แตเ มอื่ จาํ เลยกับผูเสียหายรักกันดวยความสจุ ริตใจ ตา งมเี จตนาอยกู นิ ดว ยกนั ฉนั สามภี รยิ าและศาลมคี าํ สง่ั อนญุ าตใหส มรสและมบี ตุ รดว ยกนั การกระทาํ ของจาํ เลยขาดเจตนากระทาํ เพ่ือการอนาจาร จงึ ไมม ีความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๗ วรรคสาม ®Õ¡Ò·èÕ óóøò/òõôò แมเด็กหญิง จ. ออกจากบานโดยบอกผูเสียหายที่ ๑ ซ่ึงเปน ผูปกครองและผูดูแลวาไปหานางสาว ร. เมื่อพบก็ขอตามไปทํางานท่ีจังหวัดสระบุรีดวย นางสาว ร. กบั เด็กหญิง จ. ไปหานาย ส. เพื่อขอใหไ ปสงที่บา นดงบัง และนาย ส. วานจาํ เลยท่ี ๑ กบั พวกไปสง แทนก็ตาม แตก ารท่จี ําเลยที่ ๑ กับพวกไมพานางสาว ร. กบั เด็กหญิง จ. ไปสงท่บี านดงบัง จาํ เลยที่ ๑ กลับพาเด็กหญิง จ. ไปเท่ียวและคางคืนที่กระทอมญาติของจําเลยที่ ๑ โดยหาไดรับความยินยอม จากผเู สยี หายท่ี ๑ ไม ทงั้ ทีท่ ราบดวี า นางสาว ร. กบั เด็กหญงิ จ. จะไปบา นดงบัง พฤติการณถอื ไดว า เปนการกระทาํ โดยปราศจากเหตุอันสมควร เปนความผดิ ฐานพรากเด็กอายไุ มเกิน ๑๕ ป ®Õ¡Ò·èÕ øôø/òõôø ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๗ วรรคแรก มคี วามมงุ หมาย เพ่ือใหความคุมครองอํานาจปกครองของบิดามารดา ผูปกครองหรือผูดูแลท่ีมีตอผูเยาวมิใหผูใด พาไปหรอื แยกออกจากความปกครองดแู ลโดยไมจ าํ กดั วา จะกระทาํ ดว ยวธิ ใี ดและไมค าํ นงึ ถงึ ระยะใกล หรอื ไกล แมผ เู สียหายที่ ๑ ¹§Ñè àŹ‹ ÍÂÙ‹ãμ¶Œ ¹Ø ºŒÒ¹ของจําเลยแตผูเ สียหายท่ี ๑ ก็ยงั อยใู นความปกครอง ดแู ลของผูเสยี หายที่ ๒ จําเลยไมมสี ิทธิจะพาผเู สยี หายที่ ๑ ไปยังท่ีใดโดยผูเ สยี หายท่ี ๒ ไมย นิ ยอม การที่จําเลยมาÍØŒÁ¼ÙŒàÊÕÂËÒ·èÕ ñ ขึ้นไปบนบานพาไปหองนอนแลวกระทําชําเราผูเสียหายที่ ๑

๓๘๙ ถือวาจําเลยแยกสทิ ธิปกครองของผเู สียหายที่ ๒ ในการควบคมุ ดแู ลผเู สียหายท่ี ๑ โดยปราศจากเหตุ อันสมควรการกระทําของจําเลยเปนการพรากเด็กอายุยังไมเกินสิบหาปไปเสียจากผูปกครองเพ่ือการ อนาจารอันเปน ความผิดตามมาตรา ๓๑๗ วรรคสาม ®Õ¡Ò·Õè óòñø/òõôù การที่จําเลยพรากเด็กอายุยังไมเกิน ๑๕ ป ไปเสียจากมารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร และไดกระทําชําเราเด็กหญิงอายุไมเกิน ๑๕ ป ซง่ึ มใิ ชภ รยิ าของตน โดยเดก็ หญงิ นน้ั ยนิ ยอม แมก ารกระทาํ ของจาํ เลยจะเปน การกระทาํ ตอ เนอื่ งในวนั เดยี วกนั แตจ าํ เลยกระทาํ ไปโดยมเี จตนาตา งกนั คอื จาํ เลยมเี จตนาพรากเดก็ หญงิ อ. ไปเสยี จากมารดา เพื่อการอนาจารอัน໚¹à¨μ¹Ò·Õè¡ÃÐทําμ‹ÍÁÒôҢͧà´ç¡ËÞÔ§ อ. สวนท่ีจําเลยกระทําตอเด็กหญิง อ. เปน เจตนากระทาํ ชาํ เราอนั เปน เจตนาตา งหากจากเจตนาพราก จงึ มิใชก ระทําโดยมเี จตนาเดียวกัน การกระทําของจําเลยในแตละวันที่เกิดเหตุตามคําฟองจึงเปนความผิดสองกรรมตางกัน ขอสังเกต ฎกี าที่ ๔๖๑๐/๒๕๔๙ กต็ ดั สนิ ในทาํ นองเดยี วกนั คาํ วนิ จิ ฉยั ในแนวทางดงั กลา วนม้ี มี าตงั้ แตฎ กี ากอ นๆ เชน ฎีกาที่ ๔๓๐๔/๒๕๔๑ ฎีกาท่ี ๑๑๓๑/๒๕๓๗ ฎีกาท่ี ๓๙๘/๒๕๒๐ เปน ตน ÁÒμÃÒ óñø “พรากผเู ยาวโดยผเู ยาวไมเตม็ ใจไปดว ย” ผูใดพรากผเู ยาวอ ายุกวาสบิ หา ปแ ตยังไมเ กนิ สบิ แปดปไปเสียจากบดิ ามารดา ผูปกครอง หรือผูดูแล โดยผูเยาวนั้นไมเต็มใจไปดวย ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตสองปถึงสิบป และปรับตั้งแต ส่ีพันบาทถึงสองหมืน่ บาท ผูใดโดยทุจริต ซ้ือ จําหนาย หรือรับตัวผูเยาวซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ตองระวางโทษ เชน เดียวกับผูพรากนั้น ถา ความผดิ ตามมาตรานีไ้ ดก ระทําเพื่อหากาํ ไรหรือเพอื่ การอนาจาร ผกู ระทําตองระวาง โทษจาํ คกุ ตง้ั แตส ามปถ งึ สบิ หาป และปรับต้งั แตห กพันบาทถึงสามหมื่นบาท ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (วรรคแรก) (๑) ผใู ด (๒) พรากโดยผเู ยาวไมเตม็ ใจไปดว ย (๓) ผูเ ยาวอายุกวา สบิ หาป แตย งั ไมเกินสบิ แปดป ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (วรรคสอง) (๑) ผใู ด (๒) รบั ตัว ซอ้ื จาํ หนา ย (๓) ผูเยาวซงึ่ ถกู พรากตามวรรคแรก ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนาธรรมดา (๒) เจตนาพเิ ศษ “โดยทุจรติ ”

๓๙๐ ͸ԺÒ ความผิดตามมาตราน้ี แยกองคประกอบความผดิ ไดด งั นี้ ÇÃäáá ๑. พรากไปเสยี จากบดิ ามารดา ผูป กครองหรอื ผดู ูแล ๑.๑ บิดามารดา หมายถงึ บดิ ามารดาทชี่ อบดว ยกฎหมาย ๑.๒ ผปู กครอง มคี วามหมายตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย ๑.๓ ผดู ูแล หมายถึง ผูดแู ลทางขอ เทจ็ จรงิ (เทียบคาํ อธิบายมาตรา ๓๑๗) ๒. ผเู ยาวอ ายกุ วา สบิ หา ป แตยงั ไมเกินสบิ แปดป ผูกระทําเอาเด็กท่ีถูกพรากอายุกวา ๑๕ ป แตยังไมเกิน ๑๘ ปไป กฎหมายถือวา เด็กอายุดงั กลาวยอ มสามารถใหค วามยินยอมโดยถูกตองได ๓. โดยผเู ยาวน น้ั ไมเ ต็มใจไปดวย การจะเปน ความผดิ ตามมาตรานี้ เมอื่ ผูเ ยาวนั้นไมเต็มใจไปดวย ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ โดยเจตนา ผกู ระทําจะตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ ÇÃäÊͧ คาํ อธบิ ายวรรคสองเทียบดูมาตรา ๓๑๗ วรรคสอง ÇÃäÊÒÁ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ กระทาํ ความผดิ อยา งใดอยา งหนง่ึ ดังกลา วในสองวรรคกอน ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ ๑. โดยเจตนา ๒. มูลเหตชุ ักจงู ใจเพือ่ หากําไร หรือเพือ่ การอนาจาร ÇÃäÊÒÁ เปนเหตเุ พมิ่ โทษใหหนกั ข้ึนในกรณที ไี่ ดกระทาํ โดยมมี ลู เหตุชกั จูงใจพเิ ศษ คือ เพื่อหากาํ ไรหรอื เพ่อื การอนาจาร ®Õ¡Ò·Õè ô÷øó/òõóô ความผิดฐานพรากผูเยาวไปเพื่อการอนาจาร เปนความผิด สําเร็จนับแตจําเลยเร่ิมพรากผูเสียหายซึ่งเปนผูเยาวไปโดยมีเจตนาเพ่ือการอนาจาร แมจําเลยยังไม ไดกระทําอนาจารผูเสียหายก็ตาม การที่จาํ เลยกระทาํ อนาจารผูเสยี หายหลังจากน้นั จงึ เปน ความผิด อกี กรรมหนง่ึ ซง่ึ ตา งกรรมตา งวาระกบั ความผดิ ดงั กลา ว การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ เปน ความผดิ หลายกรรม ®¡Õ Ò·Õè óóôó-óóôô/òõóô จําเลยพาผูเสียหายไปเพ่ือเปนภรรยา ผูเสียหายเต็มใจ ไปดว ย มิไดใชกาํ ลงั บงั คบั พาไปโดยผเู สียหายกับจําเลยเคยอยูกินฉันสามีภรรยามากอน จาํ เลยมิไดมี เจตนาพาผูเสยี หายไปเพ่อื การอนาจาร แมผ ูเสยี หายจะเปนหญงิ ผูเ ยาว อายุ ๑๗ ป กย็ งั ถอื ไมไดว า เปนการลวงละเมิดตออํานาจปกครองของมารดา การกระทําของจําเลยไมเปนความผิดฐานพาหญิง ไปเพ่ือการอนาจาร โดยใชกําลังประทุษราย และพรากผูเยาวไปเพ่ือการอนาจาร ตาม ป.อ.มาตรา ๒๘๔ และมาตรา ๓๑๘

๓๙๑ ®¡Õ Ò·Õè ñõñô/òõóò จาํ เลยที่ ๑ กบั พวกขบั รถพาผเู สยี หายไปยงั ทเี่ ปลยี่ วแลว ปลกุ ปลา้ํ จบั หนา อกและถอดเสอ้ื กางเกงผเู สยี หาย พอดมี รี ถยนตบ รรทกุ ผา นมา จาํ เลยที่ ๑ จงึ ขบั รถพาผเู สยี หาย ไปยังบอเลี้ยงปลาและดึงตัวผูเสียหายลงมาจากรถ จําเลยที่ ๑ กอดจูบผูเสียหาย จําเลยที่ ๒ กระชากกางเกงของผูเสียหายออกผูเสียหายด้ินหลุดแลวกระโดดลงไปในบอเล้ียงปลา จําเลยที่ ๑ ที่ ๒ กบั พวกพดู ขม ขวู า ถา ไมข น้ึ จะตามลงไปกดใหต ายบา ง จะเอาไฟฟา ชอ็ ตบา ง ทงั้ มพี วกจาํ เลยบางคน ถอดเสอื้ กางเกงออกหมด บางคนเหลอื แตกางเกงใน เปน เหตใุ หผ ูเสียหายไมกลา ขน้ึ ตองทนทรมาน อยูในบอถึง ๑ ช่ัวโมงเศษ และท่ีผูเสียหายขึ้นจากบอก็เพราะถูกหลอกวาพวกจําเลยไปหมดแลว ผเู สยี หายจงึ ขน้ึ มา แลว ถกู จาํ เลยท่ี ๑ ท่ี ๒ กบั พวกจบั ตวั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา การกระทาํ ของจาํ เลยที่ ๑ ท่ี ๒ จงึ เปนความผดิ ฐานพาหญงิ ไปเพ่อื การอนาจารและฐานหนวงเหนย่ี วผูอน่ื ใหป ราศจากเสรีภาพ การทจี่ ําเลยที่ ๑ ท่ี ๒ หนวงเหนย่ี วผูเสยี หายไวก็เพ่อื มงุ ประสงคทจ่ี ะเอาตัวผเู สียหายไป ขมขืนกระทาํ ชําเรา ซ่งึ เปนความประสงคม าตงั้ แตแ รกแลว การกระทําดังกลาวจึงตอ เนอ่ื งกนั ตลอดมา โดยไมข าดตอน การกระทาํ ของจาํ เลยที่ ๑ ที่ ๒ จงึ เปนการกระทาํ กรรมเดยี วผดิ กฎหมายหลายบท แมจะไดความวาผูเสียหายออกจากบานไปอยูที่อื่น แตมารดาก็ยังใหสรอยทองคํา ถือไดว า มารดายงั อุปการะเลีย้ งดูผเู สยี หายอยู การทจี่ าํ เลยท่ี ๑ ที่ ๒ พาผเู สียหายไปกระทาํ อนาจาร โดยผูเสียหายไมยินยอมถือไดวาเปนการลวงอํานาจปกครองของบิดามารดา จึงเปนความผิดฐาน พรากผูเยาว ÁÒμÃÒ óñù “พรากผเู ยาวอ ายุกวาสบิ หาป แตยังไมเกนิ สิบแปดป เพอื่ หากําไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผูเยาวเ ตม็ ใจไปดวย” ผูใดพรากผูเ ยาวอายุกวา สบิ หา ปแ ตย ังไมเ กนิ สิบแปดปไปเสยี จากบิดามารดา ผูปกครอง หรือผูดูแล เพื่อหากําไร หรือเพ่ือการอนาจาร โดยผูเยาวน้ันเต็มใจไปดวย ตองระวางโทษจําคุก ตั้งแตสองปถงึ สิบป และปรับตั้งแตส ี่พันบาทถึงสองหม่ืนบาท ผูใดโดยทุจริต ซื้อ จําหนาย หรือรับตัวผูเยาวซ่ึงถูกพรากตามวรรคแรก ตองระวางโทษ เชนเดียวกบั ผพู รากนนั้ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (วรรคแรก) (๑) ผูใด (๒) พรากไปเสียจาก (ก) บิดา มารดา (ข) ผูปกครอง หรอื (ค) ผูด แู ล (๓) ผเู ยาวอ ายกุ วา สิบหา ป แตย ังไมเ กินสบิ แปดปโ ดยผเู ยาวน้ันเต็มใจไปดว ย ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนาธรรมดา

๓๙๒ (๒) เจตนาพิเศษ (ก) เพอื่ หากําไร หรอื (ข) เพ่อื การอนาจาร ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (วรรคสอง) (๑) ผใู ด (๒) ซอ้ื จําหนา ย หรือ รบั ตัว (๓) ผเู ยาวซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนาธรรมดา (๒) เจตนาพิเศษ “โดยทุจรติ ” คํา͸ºÔ Ò มาตรานเี้ หมอื นกบั มาตรา ๓๑๘ ในเร่อื งอายุของผูเ ยาว แตตางกับมาตรา ๓๑๘ ในแงท ี่ ผูก ระทาํ ตอ งมมี ลู เหตชุ ักจงู ใจ คอื นอกจากจะมเี จตนาแลว ยังตองมมี ูลเหตชุ กั จงู ใจทจี่ ะหากาํ ไร หรือ เพื่อการอนาจารอีกดวย ฉะนน้ั ถึงผูเ ยาวจะเตม็ ใจไปดว ยก็ตองเอาผิด วรรคสองเปนการลงโทษผูซื้อ จําหนาย หรือรับตัวผูเยาวไวโดยทุจริต ผูกระทําตอง มีเจตนาโดยตองรูวาผูเยาวอายุกวา ๑๕ ป แตยังไมเกิน ๑๘ ป ในขณะท่ีพรากและถูกพรากไปเสีย จากบิดา ผูปกครอง หรือผูดูแล นอกจากนี้ยังตองมีมูลเหตุชักจูงใจ คือทุจริตดวย (คําอธิบายตาม มาตรา ๑ (๑)) มาตรานีเ้ พ่ิมโทษโดยประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ®¡Õ Ò·Õè ôõòö/òõôó ความผิดฐานพรากผูเยาวมีวัตถุประสงคเพ่ือใหความคุมครอง อํานาจปกครองบิดามารดา ผูปกครองหรือผูดูแลที่มีตอผูเยาวมิใหผูใดมาพรากไปเสียจากความ ปกครอง ขณะเกิดเหตุผูเสียหายอาศัยอยูกับนาย บ. และนาง ก. ผูเปนบิดามารดาและอยูในความ ปกครองของบิดามารดา การท่ีนาง ก. อนุญาตใหผูเสียหายไปเที่ยวกับเพ่ือนน้ันเปนการอนุญาตให ออกไปเท่ียวเปนการช่ัวคราวมิไดอนุญาตใหแยกออกไปอยูโดยลําพังเปนการถาวร จึงยังไมพนจาก ความปกครองดูแลของบิดามารดา การทผี่ ูเสยี หายออกจากบานพกั ไปหาจําเลยทีห่ อพัก หลังจากน้ัน จําเลยพาผูเสียหายไปเดินเท่ียวหางสรรพสินคาแลวชวนผูเสียหายไปที่หองพักของจําเลยและอยูกับ จําเลยเร่ือยมา แลวจําเลยกระทําชําเราผูเสียหายโดยบิดามารดาของผูเสียหายมิไดอนุญาตให ผูเสียหายไปอยูกับจําเลยถือเปนการพรากผูเสียหายออกมาจากบิดามารดาอันเปนการพรากผูเยาว ไปเสียจากบดิ ามารดาเพอ่ื การอนาจารตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๙ วรรคแรก ®¡Õ Ò·Õè óõô/òõôò ผูเยาวกับจําเลยรูจักสนิทสนมกันมานานประมาณ ๔ ป มีความรักใครชอบพอกันอยูกอนแลว ผูเยาวเองก็รับวาสมัครใจรวมประเวณีกับจําเลย นอกจากนี้ บิดามารดาจําเลยเคยติดตอสูขอผูเยาวจากบิดามารดาแตตกลงในจํานวนเงินคาสินสอดกันไมได ผูเยาวจึงติดตามไปอยูกับจําเลย และหลังจากนั้นก็อยูกินกับจําเลยมาโดยตลอด มิไดกลับไปอาศัย

๓๙๓ อยูกับบิดามารดาของตนจนผูเยาวต้ังครรภ พฤติการณของจําเลยท่ีพาผูเยาวไปอยูกินดวยกันก็ดวย ประสงคจะเลี้ยงดูผูเยาวเปนภริยาจริงๆ ประกอบกับจําเลยไมเคยมีภริยาและบุตรมากอน จําเลย ยอมอยูในฐานะเล้ียงดูผูเยาวฉันสามีภริยาไดโดยแท การกระทําของจําเลยไมอาจถือวาเปนการ พรากผเู ยาวไปเพือ่ การอนาจาร ®¡Õ Ò·èÕ öøñù/òõó÷ เด็กหญิง ข. หลบหนีออกจากบานเพียงไปดูภาพยนตรซ่ึงไม หางไกลจากบานท่ีอยู เมื่อภาพยนตรเลิกแลวก็คงกลับบานหากไมถูกจําเลยพาไป อํานาจในการ ปกครองดูแลของ จ. ผูปกครองดูแลจึงหาไดสิ้นสุดลงไม จําเลยพาเด็กหญิง ข. ไปอยูท่ีอ่ืนหลายวัน และไดกระทําชาํ เราเด็กหญิง ข. หลายคร้ัง ถือวาเปน การพรากเดก็ หญิง ข. ออกจาก จ. โดยปราศจาก เหตุอันสมควรและเปนการกระทําอนาจารดวย แมขณะเกิดเหตุเด็กหญิง ข. อายุ ๑๓ ป แตมี รูปรางสมบูรณกวาเด็กปกติทั่วไป ตามสายตาของบุคคลภายนอกจะประมาณวามีอายุประมาณ ๑๗ ถึง ๑๘ ป ซึ่งจําเลยก็สําคัญผิดเชนน้ัน จําเลยยอมไดรับประโยชนตาม ป.อ.มาตรา ๖๒ วรรคแรก จําเลยจึงมีความผิดฐานพรากผูเยาวไปเพ่อื การอนาจารตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๙ ®¡Õ Ò·Õè õðóø/òõóù คําวา “ผูปกครอง” ตาม ป.อ.มาตรา ๓๑๙ หมายถึง ผูใช อํานาจปกครองอยางบิดามารดา ผูเสียหายเปนผูปกครองและดูแลผูเยาวท้ังในฐานะนาและนายจาง โดยไดร บั มอบหมายจากบดิ ามารดาของผเู ยาวจ งึ เปน ผใู ชอ าํ นาจปกครอง การทจ่ี าํ เลยพาผเู ยาวไ ปจาก ผเู สยี หายโดยปราศจากเหตุอนั สมควร เปน ความผดิ ฐานพรากผเู ยาวต าม ป.อ.มาตรา ๓๑๙ วรรคแรก ®¡Õ Ò·èÕ ñöò÷/òõóù นางสาว ก. ผูเสียหาย อายุ ๑๕ ปเศษ ไมไดพักอาศัยอยูกับ มารดาเพราะมารดานาํ ไปฝากใหอ ยกู บั ผอู นื่ กไ็ มถ อื วา พน จากอาํ นาจปกครองของมารดา การทจ่ี าํ เลย พาผูเสียหายไปโดยมารดามิไดยินยอม ยอมเปนการลวงอํานาจปกครองของมารดาแมผูเสียหาย จะสมัครใจยินยอม ก็ถือไมไดวาไดรับความยินยอมจากมารดา การกระทําของจําเลยจึงเปน การพรากผูเสยี หาย ซงึ่ เปน ผเู ยาวไ ปเสยี จากมารดา การกระทําเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒ และ ๓๑๙ น้ัน หมายความถึง การกระทําท่ีไมสมควรในทางเพศตอรางกายของบุคคลอื่น ซึ่งตองเปนการกระทําตอ เนื้อตัวของบุคคลโดยตรง จะกระทําในที่รโหฐานหรือสาธารณสถานก็ไมมีผลที่แตกตางกัน การท่ี ชายอื่นรวมประเวณีกับผูเสียหายซึ่งเปนผูเยาวที่ถูกจําเลยพาไปในหองของโรงแรมแมจะเปนท่ีมิดชิด แตกเ็ ปนการกระทําที่ไมสมควรในทางเพศตอรางกายของผูเสยี หาย จงึ เปนการกระทาํ เพือ่ อนาจาร ¢ÍŒ Êѧà¡μ ÁÒμÃÒ óñù ตางกับมาตรา ๓๑๘ ดังนี้ (ñ) ÁÒμÃÒ óñø ผเู ยาว ไมเตม็ ใจไปดวย สวนมาตรา ๓๑๙ ผูเยาวเต็มใจไปดวย (ò) ÁÒμÃÒ óñø พรากไปดวยเหตุใดๆ ก็ผิดตามวรรคแรก หากเพ่ือหากําไรหรือ เพ่ืออนาจาร จึงจะเปนเหตุฉกรรจตามวรรคสาม สวนมาตรา ๓๑๙ เน่ืองจากผูเยาวเต็มใจไปดวย การพรากจึงตอ งมีเหตจุ ูงใจ เพอื่ หากาํ ไร หรอื เพื่อการอนาจารเทาน้นั จงึ จะเปนความผิด

๓๙๔ อยางไรก็ตาม หากความจริงเปนการพรากไปเพื่อการอนาจาร โดยผูเยาวเต็มใจไปดวย อันเปน ความผิดตามมาตรา ๓๑๙ วรรคแรก แตโ จทกฟ องวาจาํ เลยพรากผเู ยาว โดยผเู ยาวไ มเตม็ ใจ ไปดวยตามมาตรา ๓๑๘ ศาลก็ลงโทษตามมาตรา ๓๑๙ ซึ่งมีโทษเบากวาโทษตามมาตรา ๓๑๘ วรรคสามได โดยฎกี าท่ี ๗๔๐/๒๕๓๖ ใหเ หตผุ ลทลี่ งโทษดงั กลา วได เพราะการพรากผเู ยาวไ ปเพอ่ื การอนาจาร จะโดยผูเยาวเ ตม็ ใจไปดวยหรือไมก ต็ าม ประมวลกฎหมายอาญากบ็ ญั ญัติวาเปน ความผิดอยูแลว ÊÃØ»¡Ã³Õ ÁÒμÃÒ óñ÷, óñø, óñù ๑) หากพรากเดก็ อายุ “处 äÁ‹à¡¹Ô ÊԺˌһ”‚ เปน กรณมี าตรา ๓๑๗ ไมต องคํานึงวา เด็ก จะเต็มใจไปดว ย หรือไมเ ต็มใจไปดวย ๒) หากพรากผเู ยาวอายุ “¡ÇÒ‹ ÊºÔ ËŒÒ»”‚ แต “ÂѧäÁà‹ ¡Ô¹ÊԺỴ»”‚ (๒.๑) หากผเู ยาวไมเตม็ ใจไปดวยเปนกรณมี าตรา ๓๑๘ (๒.๒) หากผูเยาวเต็มใจไปดว ยเปน กรณมี าตรา ๓๑๙ ãËŒ¾¨Ô ÒóҤÇÒÁáμ¡μÒ‹ §´§Ñ ¹Õé ÁÒμÃÒ óñ÷ ÁÒμÃÒ óñø ÁÒμÃÒ óñù เดก็ อายุยังไมเ กนิ สบิ หาป ผเู ยาวอ ายุกวา สบิ หาป ผเู ยาวอายกุ วาสบิ หาป แตยงั ไมเกินสิบแปดป แตยังไมเ กินสิบแปดป เด็กเต็มใจไปดวย หรือไมเต็มใจ ผเู ยาวไมเ ตม็ ใจไปดว ย ผูเ ยาวเต็มใจไปดว ย ไปดวยกไ็ ด ปราศจากเหตอุ นั สมควร - - หากการพรากกระทําโดยมีเจตนา หากการพรากกระทําโดยมี การกระทําจะเปนความผิดตาม พเิ ศษ “à¾Íè× ËÒกําäÔ หรอื “à¾×èÍ¡Òà เจตนาพิเศษ “à¾×èÍËÒกําäÔ วรรคแรกตองพรากหรือ โดยมี ͹ҨÒÔ ก็เปนเหตุฉกรรจตาม “à¾×èÍ¡ÒÃ͹ҨÒÔ ก็เปน เจตนาพิเศษ “à¾è×ÍËÒกําäÔ หรือ เหตุฉกรรจต ามวรรคสาม “ à ¾×è Í ¡ Ò Ã Í ¹ Ò ¨ Ò Ã ” เทานั้น วรรคสาม มิฉะนั้นไมเปน ความผดิ ÁÒμÃÒ óòñ/ñ การกระทําความผิดตามมาตรา ๓๑๒ ตรี วรรคสอง และมาตรา ๓๑๗ หากเปนการกระทําตอเด็กอายุไมเกินสิบสามป หามอางความไมรูอายุของเด็กเพ่ือใหพนจาก ความผิดนัน้

๓๙๕ ËÁ¹èÔ »ÃÐÁÒ· ÁÒμÃÒ óòö “ผูใดใสความผูอื่นตอบุคคลท่ีสาม โดยประการท่ีนาจะทําใหผูอื่นน้ัน เสียช่ือเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังผูนั้นกระทําความผิดฐานหม่ินประมาท ตองระวางโทษจําคุก ไมเกินหนึง่ ปหรอื ปรบั ไมเ กินสองหม่ืนบาท หรอื ทงั้ จําทัง้ ปรบั ” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. ใสความผูอื่นโดยประการท่ีนาจะทําใหผูอ่ืนนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหม่ิน หรือถูก เกลยี ดชัง ๒. ใสความตอบคุ คลท่สี าม ๓. โดยเจตนา ñ) ãʤ‹ ÇÒÁ คํากลา วท่เี ปนหม่นิ ประมาท ไดแก การ “ใสความ” คือ แสดงพฤตกิ ารณ อันเปนขอเท็จจริงที่เกิดขึ้นแลวหรือกําลังเกิดข้ึนอยู เปนการยืนยันขอเท็จจริงถึง¤ÇÒÁ»ÃоÄμÔ àÊèÍ× ÁàÊÂÕ ã¹·Ò§»ÃÐàdz,Õ »ÃоÄμÔªÑèÇËÃÍ× ·¨Ø ÃμÔ ã¹Ë¹ŒÒ·Õè¡Òçҹ ËÃ×ͰҹСÒÃà§¹Ô ·äèÕ Á¹‹ Ò‹ àª×Íè ¶Í× ไมว า จะเปน จรงิ หรอื เทจ็ กต็ าม เปน การพดู หาเหตรุ า ยหรอื กลา วหาเรอื่ งรา ยใหผ อู น่ื ไดร บั ความเสยี หาย ๑.๑ ໹š ¡ÒáŋÒÇ¢ŒÍà·¨ç ¨Ã§Ô ËÃ×;Äμ¡Ô Òó· àèÕ ¡èÂÕ Ç¡Ñº·Ò§»ÃÐàÇ³Õ เชน กลา วหา เขาในทางชูส าว (ฎีกาที่ ๔๔๗/๒๕๓๕ น.๔๒๒) ๑.๒ ¤ÇÒÁ»ÃоÄμÔªÑèÇËÃÍ× ·Ø¨ÃμÔ เชน ๑.๓ ·Ø¨ÃÔμã¹Ë¹ŒÒ·Õè¡Òçҹ กลาววา ผูวาราชการจังหวัดประพฤติอยางคนไร ศีลธรรม มสี วนพัวพันเปนผจู างคนฆา นักขา ว ใชอาํ นาจในทางทผี่ ิด (ฎกี าท่ี ๕๒๖/๒๕๒๕ น.๖๕๑) ๑.๔ °Ò¹Ð¡ÒÃà§Ô¹·èÕäÁ‹¹Ò‹ àªèÍ× ¶Í× เชน กลาววา ออกเชค็ จายเงนิ ๑ ลา นบาท ไมม ี เงนิ ธนาคารงดจา ยเงนิ ทําใหเ ขาใจวาฐานะการเงนิ ไมน าเชอื่ ถอื (ฎกี าที่ ๔๐๗/๒๕๒๓ น.๒๒๗) Ç¸Ô ¡Õ ÒÃãÊ‹¤ÇÒÁ คอื แสดงขอความใหปรากฏ ò) ¼ÙŒÍ×è¹ คือผูที่ถูกใสความอาจเปนบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลก็ได นิติบุคคล อาจเปนผกู ระทาํ ó) μÍ‹ º¤Ø ¤Å·ÊèÕ ÒÁ คอื มบี คุ คลทสี่ ามไดร บั ทราบขอ เทจ็ จรงิ เกยี่ วกบั การหมน่ิ ประมาทนน้ั เชน สง จดหมายหมน่ิ ประมาท น. ให ส. อา นเอาเองเมื่อ ส.ทราบขอ ความก็ครบองคประกอบ (ฎกี า) ®Õ¡Ò·Õè òñõõ/òõóñ การกระทําของจําเลยตามท่ีไดบรรยายมาในฟองเปนเร่ืองที่ จาํ เลยถามนายประกอบวา มคี วามสมั พนั ธท างชสู าวกบั โจทกจ รงิ หรอื ไม ถา เปน จรงิ กใ็ หเ ลกิ เสยี เทา นน้ั ไมไดยืนยันถึงวานายประกอบมีความสัมพันธทางชูสาวกับโจทก ยังไมเขาลักษณะเปนการใสความ อนั จะเปน การหมนิ่ ประมาทโจทก และเมอื่ ไมป รากฏวา จาํ เลยกลา วเชน นนั้ ตอ หนา โจทกจ งึ มใิ ชเ ปน การ ดูหมิน่ โจทกซ ่งึ หนา อกี เชน กัน ®Õ¡Ò·Õè òñøð/òõóñ การที่จะเปนความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นจะตองเปนการ ใสความผูอ่ืนโดยยืนยันขอเท็จจริงท่ีใสความน้ันตอบุคคลที่สาม และการใสความน้ันนาจะทําใหผูอ่ืน

๓๙๖ ทถี่ กู ใสค วามเสยี ชอ่ื เสยี ง ถกู ดหู มน่ิ หรอื ถกู เกลยี ดชงั ดงั นน้ั การทจี่ าํ เลยถาม ป.วา มคี วามสมั พนั ธท าง ชสู าวกบั โจทกห รอื ไม จงึ เปน เพยี งการคาดคะเนของจาํ เลยเทา นน้ั มใิ ชเ ปน การยนื ยนั ขอ เทจ็ จรงิ อนั นา จะทาํ ใหโจทกเ สยี ชอ่ื เสยี ง ถกู ดหู ม่นิ หรอื ถกู เกลยี ดชงั แตประการใด จําเลยจึงไมมีความผิดฐานหมน่ิ ประมาท และขอเท็จจริงไมปรากฏวาจําเลยกลาววาจาตอหนาโจทก จึงไมใชเปนดูหมิ่นโจทกซ่ึงหนา จาํ เลยไมมีความผดิ ฐานดหู มิน่ ซึง่ หนา ฎีกาท่ี ๓/๓๕๔๒ ขอความที่จําเลยที่ ๑ ลงพิมพโฆษณาวาโจทกเรียกเงิน ๕ ลานบาท ในการถายภาพนดู นน้ั จําเลยท่ี ๑ มิไดอา งถึงขอ ความจรงิ อันใดเลยในการแสดงความคิดเหน็ เชน นนั้ ทง้ั ไมม ขี อ ความทแ่ี สดงใหเ หน็ เจตนาของจาํ เลยท่ี ๑ ทจี่ ะปกปอ งโจทก ทาํ ใหผ ทู ไี่ มท ราบความจรงิ เขา ใจผดิ ดูหม่ินเกลียดชังโจทกอันสงผลกระทบตอเกียรติยศและสถานะในทางสังคมของโจทก หาใชเปนการ ติชมดวยความเปนธรรมอันเปนวิสัยของประชาชนยอมกระทําไม จึงเปนการใสความหมิ่นประมาท โจทก จําเลยท่ี ๑ ไมไ ดรบั การยกเวนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๙ คําวา “ãʤ‹ ÇÒÁ” ตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๖ ไมไดนิยามศัพทไววามีความหมายวา อยางไร แตตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอธิบายวา หมายถึงพูดหาเหตุราย กลาวหาเร่ืองราย ใหผูอื่นไดรับความเสียหาย โจทกมีความสัมพันธฉันชูสาวกับจําเลย ไมกอใหเกิดสิทธิแกจําเลย ท่ีจะกลาวหาเรื่องรายประจานโจทกดวยถอยคําหมิ่นประมาทโจทก เม่ือจําเลยแจงความเพ่ือเปน หลักฐานเทานัน้ มิไดม ีเจตนาใหเจาพนักงานดาํ เนนิ คดีแกโ จทก จงึ เปน ไดว า จําเลยมุงประสงคใ หโ จทก ถูกดูหมนิ่ เกลยี ดชงั และทาํ ลายช่อื เสยี งของโจทก การกระทาํ ของจําเลยจงึ เปนการหม่ินประมาทโจทก ท้ังขอความอันเปนหม่ินประมาทโจทกเปนการใสความในเร่ืองสวนตัวไมเปนประโยชนแกประชาชน แมเรื่องที่กลาวหาจะเปนความจริง จําเลยก็ไมอาจยกเอาเหตุกระทําเพ่ือปองกันตนหรือปองกันสวน ไดเ สียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมขึ้นปฏเิ สธความผิดได ®¡Õ Ò·Õè ôôòõ/òõôõ ขณะโจทกเดินอยูท่ีหนาหอประชุม จําเลยช้ีมือมาท่ีโจทกแลว พดู กนั ชาวบานทเ่ี ดินผา นมา “ระวงั ทนายสกปรกจะเอาเรื่อง” ซ่ึงคําพูดดังกลาวไมม ีขอความประกอบ ใหเ หน็ วา โจทกม อี าชพี ทนายความสกปรกในเรอื่ งอะไร แมจ ะเปน คาํ เสยี ดสโี จทกว า เปน คนนา รงั เกยี จ แตไมถึงขนาดทําใหผูที่รับฟงเขาใจวาโจทกเปนคนคดโกงขาดความนาเช่ือถือหรือนาจะทําใหโจทก เสียช่อื เสยี ง ถกู ดูหมิ่นหรือดถู กู เกลียดชัง ถอ ยคาํ ท่จี ําเลยกลาวจงึ ไมเปน หม่นิ ประมาทโจทก ®Õ¡Ò·Õè ù÷/òõôñ จําเลยกับผูเสียหายเคยมีความขัดแยงกัน ในเรื่องหน้ีเงินกูมากอน ประกอบกับพฤติการณของผูเสียหายเมื่อไปถึงหนาร้ัวบานของจําเลยไดเรียกจําเลยซึ่งเปนเจาหนี้ ใหออกมาพูดนอกร้ัวบาน อันถือวาเปนการไมใหเกียรติจําเลยทําใหจําเลยโกรธผูเสียหายและรองดา ผูเ สียหายวา “มึงเปนเมยี นอ ยสารวัตร ศ. อยา มาทาํ ใหญใ หกเู หน็ นะ” ตอหนา พ. ซงึ่ มากบั ผเู สียหาย การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ เปน การทาํ ใหผ เู สยี หายเสยี ชอื่ เสยี ง ถกู ดหู มน่ิ หรอื ถกู เกลยี ดชงั จาก พ. อนั เปน ความผดิ ฐานหมิ่นประมาทตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๖

๓๙๗ ®¡Õ Ò·Õè ñ÷óô/òõðó (ประชุมใหญ) มารดาถูกขวางดวยกอนอิฐ บุตรไมเห็นคนขวาง แตไดกลาวตอหนาคนหลายคนวา “ไมมีใครนอกจากไอแกว (โจทก) อายชาติหมา อายฉิบหาย” ดังน้ี เม่ือพฤติการณแสดงวาเปนแตคาดคะเน ไมมีเจตนาใสความใหโจทกเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหม่ิน เกลยี ดชงั ก็ไมผ ดิ ฐานหมน่ิ ประมาทตามมาตรา ๓๒๖ ®Õ¡Ò·èÕ ñðóó/òõóó การใสค วามตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๖ ผกู ระทาํ ตอ งมเี จตนาใสค วาม ผูอื่น ขอความที่จําเลยเบิกความเก่ียวกับตัวโจทกในคดีอาญาอื่น เปนขอท่ีจําเลยสืบทราบมาจาก ชาวบาน ไมใชขอท่ีจําเลยประสบมาดวยตนเอง สวนขอที่ชาวบานบอกใหจําเลยทราบนั้นจะเปน ความจริงหรือไม จําเลยไมทราบ การเบิกความของจําเลยมีเจตนาจะใหความจริงตอศาลในการ พิจารณาตามที่จําเลยสืบทราบมาเทานั้น จําเลยหาไดมีเจตนาใสความโจทกใหถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง แตอ ยา งใดไม จงึ ไมเปนความผิดตามมาตราน้ี ñ. ËÁè¹Ô »ÃÐÁÒ·¼μÙŒ Ò ÁÒμÃÒ óò÷ “ผใู ดใสค วามผตู ายตอ บคุ คลทส่ี ามและการใสค วามนนั้ นา จะเปน เหตใุ หบ ดิ า มารดา คูสมรส หรือบุตรของผูตายเสียชอ่ื เสยี ง ถกู ดูหมิ่น หรอื ถูกเกลยี ดชงั ผูน้ันกระทําความผดิ ฐาน หมิ่นประมาท ตอ งระวางโทษดงั บญั ญตั ิไวในมาตรา ๓๒๖ นน้ั ” ͧ¤»ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ๑. ใสค วามผตู าย และการใสค วามนนั้ นา จะเปน เหตใุ หบ ดิ ามารดา คสู มรส หรอื บตุ รของ ผตู ายเสยี ชือ่ เสยี ง ถกู ดหู ม่นิ หรือถูกเกลียดชัง ๒. ใสความตอ บุคคลทสี่ าม ๓. โดยเจตนา ¨Ò¡Í§¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ¢ÒŒ §μŒ¹ ๑. องคความผดิ ตามมาตรานี้ เหมือนกบั มาตรา ๓๒๖ เปนสว นมาก คงผิดกันเฉพาะใน องคประกอบในขอ แรกเพยี งสองประการ คอื - ใสความผตู าย (ไมใ ชใ สความผูอื่นซึ่งหมายถึงบุคคลทีย่ ังมีชวีิ ติ ) - การใสความน้ันนาจะเปนเหตุใหบิดามารดา คูสมรส หรือบุตรของผูตาย เสียช่ือเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง (ไมใชใสความผูตายแลวนาจะเปนเหตุใหผูตายเสียชื่อเสียง ถูกดหู มิ่น ถูกเกลยี ดชัง) ๒. เมื่อมีการหมิ่นประมาทตองดูวาขณะใสความคนที่ถูกใสความตายแลวหรือยัง ถายังไมตาย แมจะเจ็บปวยใกลจะตายเพียงใดตองบังคับตามมาตรา ๓๒๖ ถาตายแลวจึงบังคับตาม มาตรา ๓๒๗ นี้ ๓. คนทจ่ี ะเสียชอื่ เสยี ง ถูกดหู มน่ิ ถกู เกลียดชงั เพราะการใสความผตู ายน้ัน กฎหมาย จาํ กดั ไวเ ฉพาะบคุ คลเพยี งสามประเภทคอื (๑) บดิ ามารดา (๒) คสู มรส (๓) บตุ ร บคุ คลสามประเภทนนั้ จะตองอยใู นฐานะทช่ี อบดว ยกฎหมาย กฎหมายไมไ ดใ ชค ําวา บุพการี หรือผูสืบสันดาน

๓๙๘ ÁÒμÃÒ óòø ถาความผิดฐานหมิ่นประมาทไดกระทําโดยการโฆษณาดวยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี หรอื ส่งิ บันทึกเสยี ง บนั ทกึ ภาพ หรอื บันทกึ อกั ษรกระทาํ โดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพหรอื โดยกระทาํ ภาพขา วประกาศดวยวธิ ีอนื่ ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจาํ คุกไมเ กิน สองป และปรบั ไมเ กินสองแสนบาท ò. ¡ÒáÃÐทํา·¡Õè ®ËÁÒ¶Í× Ç‹ÒäÁà‹ »š¹¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹ËÁèÔ¹»ÃÐÁÒ· ÁÒμÃÒ óòù “ผูใดแสดงความคดิ เห็นหรอื ขอ ความใดโดยสุจริต ๑. เพ่ือความชอบธรรม ปองกนั ตน หรือปอ งกันสว นไดเ สยี เกี่ยวกบั ตน ตามคลองธรรม ๒. ในฐานะเปนเจา พนกั งานปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ที่ ๓. ติชมดวยความเปนธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเปนวิสัยของประชาชนยอมกระทํา หรือ ๔. ในการแจงขาวดวยความเปนธรรม เรื่องการดําเนินการอันเปดเผยในศาลหรือ ในการประชุม ผนู ้ันไมมีความผดิ ฐานหมิ่นประมาท” ¡Ã³·Õ Õè¡®ËÁÒ¶Í× ÇÒ‹ äÁà‹ »š¹¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ËÁ¹èÔ »ÃÐÁÒ· ตองพิจารณาวาการแสดงความคิดเห็นหรือขอความนั้นเปนไปโดยสุจริตหรือไม ถาไมสุจริตเสียแลวก็ไมจําตองพิจารณาเงืิ่อนไขอ่ืนอีกตอไป เชน มีเจตนาแกลงกลาวขอความเท็จ โดยไมสุจริตเสียแลว กรณีไมเขาขอยกเวนที่จะไมเปนความผิดตามมาตรา ๓๒๙ (๑) ได สุจริตหรือ ไมส ุจริต ตอ งอาศยั พฤติการณตางๆ เปนเครอื่ งชี้ (๑) เพ่ือความชอบธรรม ปองกันตนหรอื ปองกันสว นไดเสยี เก่ยี วกับตนตามคลองธรรม เพ่อื ความชอบธรรม หมายถงึ เพ่ือใหถ กู ตอ งตามความเปน ธรรม ซึ่งเปนมูลเหตุชกั จูงใจ ในการใสค วามพาดพิงไปถงึ ผูอนื่ หรอื ผูต าย ปองกันตนตามคลองธรรม หมายถึง ปองกันตามทํานองคลองธรรมตอความเสียหาย ตางๆ ทเี่ กดิ ข้ึน และจะเกดิ ข้นึ แกตนตามความหมายทีค่ นธรรมดาทวั่ ไปเขาใจกันเทาน้ัน ปองกันสวนไดเสียเก่ียวกับตนตามคลองธรรม หมายถึง ปองกันประโยชนสวนไดเสีย อันเกยี่ วกับตนตามทาํ นองคลองธรรม สว นไดเสียหมายถงึ สว นทไ่ี ดป ระโยชน หรอื เสยี ประโยชน (๒) ในฐานะเปนเจาพนักงานปฏิบัติการตามหนาท่ีท่ีจะเขาเกณฑในขอน้ี จะตองอยูใน ฐานะเปน เจาพนกั งานปฏิบตั ิตามหนา ท่ี คําวา เจา พนักงานตองเปนเจา พนกั งานตามกฎหมาย ®Õ¡Ò·Õè õõð/òõðö พนักงานสอบสวนรวบรวมขอเท็จจริงและแสดงความเห็นวา ผูตองหาเปนคนรายหรือไมตามหนาท่ีหรือพนักงานอัยการรับสํานวนการสอบสวนมาแลว ไดตรวจ สํานวนเสนอความคิดเห็นตามลําดับชั้นตามหนาที่ หรือเจาพนักงานเสนอรายงานเกี่ยวกับการ ปฏิบัติผิดวินัยของขาราชการผูอยูในบังคับบัญชาตามหนาที่ไมวาจะเปนการแสดงขอเท็จจริง หรือแสดงความคดิ เห็น

๓๙๙ ®Õ¡Ò·èÕ ñðõõ/òõñõ จําเลยฟองหยาภริยาจําเลย โดยกลาวในฟองวาภริยาจําเลย เปนชูกับโจทก ซ่ึงจําเลยมีความจําเปนที่จะตองกลาวเพ่ือมิใหเปนฟองเคลือบคลุม ถือวาขอความ ท่ีจําเลยกลาวในฟองน้ันเปนขอความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพ่ือประโยชนแกคดีของตน ตามมาตรา ๓๓๑ จาํ เลยไมมคี วามผิดฐานหมนิ่ ประมาท ®¡Õ Ò·Õè ñõùð/òõòñ จําเลยฟองหยาสามี ระบุในฟองวาไดเสียเลี้ยงหญิงอ่ืนคือ โจทกเ ปน ภรยิ า เปน คาํ กลา วในกระบวนพจิ ารณาและใชส ทิ ธทิ างศาล ไมป รากฏวา จาํ เลยทาํ โดยไมส จุ รติ ไมเ ปนหม่ินประมาทท้ังทางอาญาและทางแพง ®Õ¡Ò·èÕ öôøó/òõóñ การทจี่ าํ เลยฟอ งโจทกเ ปน คดลี ม ละลายโดยบรรยายฟอ งวา โจทก เปนคนมีหน้ีสินลนพนตัว ซ่ึงจําเปนตองกลาวในคําฟองเพื่อใหโจทกเขาใจขอหาไดชัดเจนนั้นถือไดวา เปนขอความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพ่ือประโยชนแกคดีของตน จึงไมเปนความผิดฐานหมิ่น ประมาท (๓) ติชมดวยความเปนธรรม ซ่ึงบุคคลหรือสิ่งใดอันเปนวิสัยของประชาชนยอมกระทํา กฎหมายใหถือเอาวิสัยของประชาชนท่ัวไปยอมกระทํากัน เปนขอวินิจฉัยวากรณีเชนใดประชาชน กระทํากัน กรณีนั้นถือวาไมเปนความผิด การติชมน้ีรวมท้ังบุคคลหรือสิ่งอ่ืนดวย เชน นักการเมือง ตัวละคร นักประพันธ ภาพยนตร หนังสือ ตําราตางๆ รูปภาพ กิจการบานเมือง กิจการสาธารณะ พฤตกิ ารณเ จาหนาทีร่ ัฐ เปน ตน การติชมซึ่งเปนปกติวิสัยของประชาชนนี้วาเปนธรรมหรือไมนั้นตองพิจารณาตัวบุคคล หรือส่ิงนั้นประกอบดวย เชน นักการเมือง ไมวาจะเปน ส.ส. รมว. รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ยอมถูกติชมวิพากษวิจารณกันมากวาดําเนินงานผิดพลาดอยางไรบาง ควรแกไขอยางไรเกี่ยวกับ ตัวละคร เปนความผิดสวนที่จําเลยกลาววา การทําทํานบ ผูเสียหายไมทําตามคําพูด ทํางานไมขาว สะอาดน้ัน จําเลยกลาวในฐานะเปนครูใหญและเปนกรรมการหมูบาน ผูเสียหายเอาเงินทําทํานบ ที่เหลือไปทําอยางอื่นโดยไมแจงใหจําเลยทราบ การทําทํานบไมสําเร็จพอนํ้ามาทํานบก็พัง ดังนี้ ถอื ไดว า เปนการกลา วโดยสจุ รติ และอยใู นวิสัยของการติชมได จึงไมม คี วามผดิ (๔) แสดงความคิดเห็นหรือขอความโดยสุจริต ในการแจงขาวดวยความเปนธรรม เร่ืองการดําเนินการอนั เปดเผยในศาลหรอื ในการประชุม ปกติการดําเนินการในศาลเปนเร่ืองเปดเผยอยูแลว เวนแตการดําเนินการลับยอมเอา ไปแจง ขา วไมไ ด แตเ มอื่ ศาลพพิ ากษาแลว กน็ บั เปน การเปด เผยแลว ยอ มแจง ขา วได สว นในการประชมุ นน้ั ถาไมใชการประชุมลับก็ยอมนําขอความนั้นไปแจงขาวได เชน การประชุมสภาผูแทนราษฎร หรือ การประชุมของสมาคมอ่ืนๆ อันมิใชประชุมลับ นอกจากการแจงขาวแลว ผูแจงขาวน้ันยังมีสิทธิ ท่ีจะแสดงความเห็นหรือขอความโดยสุจริตประกอบการแจงขาวไดดวย ในเม่ือการแจงขาวนั้น โดยความเปนธรรมและสุจริต กลาวคือไมถือเอาการแจงขาวและแสดงความคิดหรือขอความนั้น ขึน้ บังหนา เพ่อื การใสความหมนิ่ ประมาทผอู ่นื

๔๐๐ μÑÇÍÂÒ‹ § ®Õ¡Ò·èÕ ñó-ñô/òôù÷ กรรมการของสมาคมไดอภิปรายในท่ีประชุมสมาคมและออก โฆษณาไวท่ีสมาคมตามมติท่ีประชุมวา ไดลบช่ือสมาชิกผูหน่ึงออกจากสมาชิก เพราะเหตุที่สมาชิก ผนู น้ั ไดว งิ่ เตน ชกั ชวนสมาชกิ ใหก อ กวนวนุ วาย ถอื อทิ ธพิ ลผใู หญใ นวงราชการเปน การแจง ขา วโดยสจุ รติ และสุภาพและความเปนธรรม ไมม คี วามผิดฐานหมนิ่ ประมาท ®¡Õ Ò·Õè ñððö/òõôò จําเลยท่ี ๒ ซึ่งเปนพยานของจําเลยท่ี ๑ ในคดีที่จําเลยท่ี ๑ ฟองโจทกตอศาลอาญาเบิกความวา ในขณะโจทกทําหนาที่สืบสวนหามูลคดีในเรื่องที่จําเลยท่ี ๑ และที่ ๒ ถกู ด. กบั พวกรอ งเรยี นกลา วหาวา จาํ เลยท่ี ๑ และท่ี ๒ สมคบกนั ขม ขใู หจ าํ เลยใหก ารปรกั ปราํ ด. โดยโจทกไดเ รียกรองเงินจาํ นวน ๓๐,๐๐๐ บาท จากจําเลยท่ี ๑ เพ่ือเปนการตอบแทนในการปน พยาน อนั เปน การสรา งพยานหลกั ฐานทไ่ี มเ ปน ความจรงิ ใหแ กจ าํ เลยท่ี ๑ แตค วามจรงิ โจทกไ มเ คยเรยี กรอ งเงนิ จํานวน ๓๐,๐๐๐ บาท จากจําเลยท่ี ๑ ตามทีจ่ ําเลยท่ี ๒ เบกิ ความ ถอยคาํ เบกิ ความของจาํ เลยท่ี ๒ ดงั กลา วจงึ เปน การใสค วามโจทก โดยประการทน่ี า จะทาํ ใหโ จทกเ สยี ชอื่ เสยี ง ถกู ดหู มนิ่ หรอื ถกู เกลยี ดชงั การกระทาํ ของจาํ เลยที่ ๒ จงึ เปน การดหู มน่ิ และหมน่ิ ประมาทโจทก อนั เปน การกระทาํ กรรมเดยี วผดิ ตอ กฎหมายหลายบท หาใชเ ปน การแสดงความคดิ เหน็ หรอื ขอ ความโดยสจุ รติ เพอื่ ความชอบธรรม ปอ งกนั ตน หรอื ปอ งกนั สว นไดเ สยี เกย่ี วกบั ตนตามคลองธรรมตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๙ ไม ®Õ¡Ò·Õè ôõöó/òõôô โจทกไดรับเลือกต้ังเปนสมาชิกองคการบริหารสวนตําบลแลว จําเลยไดพูดผานเคร่ืองกระจายเสียงวา โจทกเปนคนขี้โกงเอาท่ีสาธารณประโยชนเปนของตนเอง เพื่อใหประชาชนตอตานการกระทําที่จําเลยเห็นวาไมถูกตองตามกฎหมายเพราะการที่โจทกเสนอตัว ตอ ประชาชนใหเ ลอื กตน เปน การแสดงวา ตนเปน คนดมี คี วามซอ่ื สตั ยส จุ รติ ไวว างใจใหเ ขา ไปมสี ว นรว ม บริหารกิจการแทนประชาชนได และการเรียกรองเอาที่สาธารณประโยชนคืนก็เพ่ือประโยชนของ ประชาชนและจําเลยเองดวย จําเลยจึงมีความชอบธรรมท่ีจะเปดเผยใหประชาชนทราบเพ่ือปองกัน สวนไดเสียเก่ียวกับตนตามคลองธรรม ตลอดจนแสดงความคิดเห็นติชมดวยความเปนธรรม ซ่ึงการ กระทําดังกลา วอันเปนวสิ ัยของประชาชนยอมกระทาํ แมข ณะจาํ เลยกลา วถอยคาํ ดงั กลาว โจทกยังไม ถกู ดาํ เนนิ คดอี าญา หากจาํ เลยเช่ือบรสิ ุทธิ์ใจ มไิ ดม ีเจตนากลัน่ แกลงใสรายโจทก และมมี ูลอันควรเช่อื กเ็ ปนการกระทําโดยสุจริตแลว จําเลยไมม ีความผดิ ®¡Õ Ò·Õè ñóñò-ñóñô/òõôò (ÁÒμÃÒ óòù, óóð, ñõ) ความผิดฐานหม่ินประมาทท่ีกระทําโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพตาม ป.อ. มาตรา ๓๒๘ ยอมเปนความผิดสําเร็จเมื่อมีการวางจําหนายหนังสือพิมพ และทองที่ที่ความผิด เกิดขน้ึ ยอ มไดแก ทองทที่ ุกทองทท่ี ว่ี างจาํ หนายหนงั สอื พิมพฉ บบั นัน้ หาใชจ ํากดั เฉพาะทองทท่ี โี่ จทก ไดอ า นหนงั สอื พมิ พแ ละทราบการกระทาํ ความผิดไม การนําขอความตามคําฟองท่ีมีการฟองคดีอาญาตอศาลมาลงพิมพในหนังสือพิมพน้ัน เปน การรายงานขา วเรอ่ื งทมี่ กี ารฟอ งรอ งกนั ถอื วา เปน การแจง ขา วดว ยความเปน ธรรมเรอ่ื งการดาํ เนนิ การ อนั เปด เผยในศาลโดยสจุ รติ ไดร บั ความคมุ ครองตามมาตรา ๓๒๙(๔) ไมเ ปน ความผดิ ฐานหมนิ่ ประมาท ดฎู ีกาท่ี ๓๖๕๔/๒๕๔๓

๔๐๑ ó. ¡ÒþÔʨ٠¹¤ ÇÒÁ¨ÃÔ§ (ÁÒμÃÒ óóð) ในกรณหี มน่ิ ประมาทถา ผถู กู หาวา กระทาํ ความผดิ พสิ จู นไ ดว า ขอ ทหี่ าวา เปน หมน่ิ ประมาท น้ันเปนความจริงผูน้นั ไมตอ งรบั โทษ (มาตรา ๓๓๐ วรรคแรก) แตห ามไมใ หพ สิ ูจน ถา ขอที่หาวาเปน หมิ่นประมาทน้ันเปนการใสความในเรื่องสวนตัว และการพิสูจนจะไมเปนประโยชนแกประชาชน (มาตรา ๓๓๐ วรรคทา ย) ®Õ¡Ò·Õè ÷ôóõ/òõôñ โจทกเปนเจาพนักงานตํารวจ กรมตํารวจไดมีคําสั่งไลโจทกออก จากราชการ ยอมเปนประจักษชัดวาโจทกปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบดวยกฎหมายและมีพฤติกรรมกอ ความเดือดรอนแกประชาชน การที่จําเลยตีพิมพการกระทําหรือพฤติกรรมของโจทกซ่ึงเปนสมาชิก สภาจังหวัดตามคําสั่งกรมตํารวจน้ัน แมเปนขอความหมิ่นประมาทโจทกก็ตาม แตก็มิใชเปนการ ใสความในเรื่องสวนตัว เพราะเปนการตีแผส่ิงประพฤติชั่วรายและกระทําหนาที่มิชอบของโจทก ขณะเปน ขา ราชการตาํ รวจเพอ่ื ใหป ระชาชนรบั ทราบและใหผ ปู ระพฤตมิ ชิ อบพงึ สงั วรไว ยอ มเปน ขอ ความ ที่เปนประโยชนแกประชาชน ซ่ึงจําเลยมีสิทธิพิสูจนไดตาม ป.อ.มาตรา ๓๓๐ วรรคทาย ดังน้ัน เม่ือจําเลยไดตีพิมพขาวในหนังสือฉบับพิพาทเกี่ยวกับการกระทําของโจทกตามความเปนจริง จําเลยยอมไมตอ งรบั โทษ การที่หนังสือพิมพลงพิมพวาโจทกจายเช็คไมมีเงิน แมโจทกจะเปนนายกเทศมนตรี ก็เปน ความผิดฐานหมิ่นประมาทเพราะเปน เรอ่ื งสวนตัว ไมเ ปนประโยชนตอประชาชน ®Õ¡Ò·èÕ ôð÷/òõòó หนังสือพิมพลงขอความวา โจทกจายเช็คหน่ึงลานบาทแก ธนาคารเชค็ ไมม เี งนิ ธนาคารแจง ตํารวจจับโจทก เปนทเ่ี ขาใจวา โจทกม ีฐานะการเงนิ ไมดีไมนาเช่อื ถือ เปนหมน่ิ ประมาทโจทกซง่ึ เปน นายกเทศมนตรี และประกอบการคา เปนเร่อื งสวนตัวไมเกย่ี วกบั หนาท่ี การงานในตาํ แหนง นายกเทศมนตรี อนั จะถอื ไดว าเปน ประโยชนแกประชาชนจึงอา งวา เปน ความจริง เพือ่ มิตอ งรบั โทษไมได ¡ÒÃáÊ´§¤ÇÒÁ¤´Ô àËç¹ã¹¡Ãкǹ¾Ô¨ÒóҤ´Õã¹ÈÒÅ (ÁÒμÃÒ óóñ) คคู วามหรอื ทนายความของคคู วาม ซงึ่ แสดงความคดิ เหน็ หรอื ขอ ความในกระบวนพจิ ารณา คดใี นศาลเพอื่ ประโยชนแ กค ดขี องตน ไมม ีความผิดฐานหมิน่ ประมาทตามมาตรา ๓๓๑ ®¡Õ Ò·èÕ òôù/òõñð (»ÃЪØÁãËÞ‹) คดกี อนจําเลยถกู อางและหมายเรยี กมาเปน พยาน จําเลยถูกคูความคดีนั้นถามวา พยานไดปลุกปลํ้าโจทกในคดีน้ีหรือไม จําเลยไมเต็มใจตอบเกรงจะ ถูกฟองคดีอาญา แตศาลสั่งใหตอบ จึงตอบวาไดเสียกัน เปนการตอบตามประเด็นที่คูความซักถาม ตอบไปตามหนาท่ีของพยาน มิใชนอกเหนือหนาท่ี ท้ังไมมีเจตนาตอบไปเพื่อหม่ินประมาทโจทก ไมม คี วามผิด ในคดีฟองหยา โจทกกลาวอางเหตุหยาวาคูสมรสอีกฝายเปนชูกับบุคคลอื่น ถือวาเปน ขอความในกระบวนพจิ ารณาของศาลเพ่อื ประโยชนแกคดีของตน ไมเ ปน หม่ินประมาท

๔๐๒ ®Õ¡Ò·èÕ ñðõõ/òõñõ จําเลยฟองหยาภริยาจําเลยโดยกลาวในฟองวาภริยาจําเลย เปนชูกับโจทก ซ่ึงจําเลยมีความจําเปนท่ีจะตองกลาวเพื่อมิใหเปนฟองเคลือบคลุม ถือวาขอความ ท่ีจําเลยกลาวในฟองน้ันเปนขอความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพ่ือประโยชนแกคดีของตนตาม มาตรา ๓๓๑ จาํ เลยไมม ีความผดิ ฐานหมนิ่ ประมาท ®Õ¡Ò·Õè ñõùð/òõòñ จําเลยฟองหยาสามี ระบุในฟองวาไดเสียเลี้ยงดูหญิงอ่ืนคือ โจทกเ ปน ภรยิ า เปน คาํ กลา วในกระบวนพจิ ารณาและใชส ทิ ธทิ างศาล ไมป รากฏวา จาํ เลยทาํ โดยไมส จุ รติ ไมเปนหมน่ิ ประมาทท้งั ทางอาญาและทางแพง ®Õ¡Ò·Õè òòñò/òõóö จําเลยฟองขอใหเพิกถอนโจทกออกจากเปนผูอนุบาลของ จ. ผูไรความสามารถและต้ังจําเลยเปนผูอนุบาลแทน โดยบรรยายฟองวาโจทกเลนการพนัน ไมเหมาะ ท่ีจะเปนผูอนุบาลของ จ. คดีดังกลาวจึงมีขอที่จะตองพิจารณาวาโจทกหรือจําเลยควรเปนผูอนุบาล ของ จ. ดงั นนั้ การทจี่ าํ เลยเบกิ ความวา บา นของโจทกต ง้ั เปน บอ นการพนนั กเ็ พอื่ สนบั สนนุ คดขี องจาํ เลย วา โจทกไ มเ หมาะสมทจี่ ะเปน ผอู นบุ าล ถอื ไดว า เปน ขอ ความในกระบวนพจิ ารณาในศาลเพอ่ื ประโยชน แกค ดีของตน ไมเ ปนความผิดฐานหม่ินประมาทตาม ป.อ.มาตรา ๓๓๑ ®Õ¡Ò·Õè öôøó/òõóñ การทจ่ี าํ เลยฟอ งโจทกเ ปน คดลี ม ละลายโดยบรรยายฟอ งวา โจทก เปนคนมีหน้ีสินลนพนตัวซ่ึงจําเปนตองกลาวในคําฟองเพื่อใหโจทกเขาใจขอหาไดชัดเจนนั้น ถือไดวา เปนขอความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชนแกคดีของตน จึงไมเปนความผิดฐานหมิ่น ประมาทตาม ป.อ.มาตรา ๓๓๑ ÁÒμÃÒ óóò ในคดหี มิ่นประมาทซงึ่ มีคําพิพากษาวาจําเลยมีความผิด ศาลอาจส่งั (๑) ใหยึดและทําลายวตั ถุหรือสว นของวตั ถุท่ีมีขอความหม่นิ ประมาท (๒) ใหโฆษณาคําพิพากษาท้ังหมดหรือแตบางสวนในหนังสือพิมพหน่ึงฉบับหรือ หลายฉบับครง้ั เดียวหรอื หลายครงั้ โดยใหจ ําเลยเปน ผชู ําระคาโฆษณา มาตรานี้ไมใชเรื่องลงโทษ แตเปนบทบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับการบังคับคดี เพ่ือเปนการกู เกียรตยิ ศชอื่ เสยี งของฝา ยผเู สียหาย ทถ่ี กู ใสความหม่ินประมาทและเสยี หายไปแลวนั้นกลบั คนื มา ผเู สยี หายหรอื พนกั งานอัยการโจทกม ที างทาํ ได ๒ ประการ ก. ขอมาพรอมกับคําฟอง กลาวคือ ระบุบรรยายขอมาในคําฟองหรือจะขอมาใน ทายคําขอทา ยฟองน้นั ก็ได ข. ในกรณไี มไ ดข อมากบั ฟอ ง ผเู สยี หายโจทกอ าจขอมาโดยคาํ รอ งขอแกไ ขเพม่ิ เตมิ ฟอ ง แตท ง้ั นต้ี อ งขอเขา มากอ นศาลชนั้ ตน มคี าํ พพิ ากษาวา จาํ เลยมคี วามผดิ แมม าตรานจ้ี ะไมเ ขยี นไวช ดั แจง วามีคําพิพากษาของศาลใดก็ตาม เพราะคําขอเชนน้ียอมไมเปดโอกาสใหขอไดในชั้นอุทธรณหรือ ฎีกา เพราะการอุทธรณหรือฎีกานี้เปนอุทธรณคําพิพากษาศาลชั้นตนหรือศาลอุทธรณเทานั้น (ฎีกา ที่ ๙๕๐/๒๔๘๕) ค. การขอตาม ม. ๓๓๒ ขอไดท ้งั ๒ กรณีหรอื ขอเพียงอยางหน่ึงอยา งใด หรอื ไมข อเลย ก็ไดมีขอสําคัญวาศาลจะมีคําส่ังหรือคําพิพากษาไดเฉพาะเม่ือศาลมีคําพิพากษาวาจําเลยมีความผิด เทา นนั้

๔๐๓ ®Õ¡Ò·Õè öôøó/òõóñ การทจี่ าํ เลยฟองโจทกเ ปนคดีลมละลายโดยบรรยายฟองวา โจทก เปนคนมีหน้ีสินลนพนตัว ซึ่งจําเปนตองกลาวในคําฟองเพื่อใหโจทกเขาใจขอหาไดชัดเจนน้ันถือไดวา เปนขอความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพ่ือประโยชนแกคดีของตน จึงไมเปนความผิดฐานหม่ิน ประมาท ÁÒμÃÒ óóó “ความผดิ ในหมวดนเ้ี ปน ความผิดอนั ยอมความได ถาผูเสียหายในความผิดฐานหม่ินประมาทตายเสียกอนรองทุกข ใหบิดามารดา คูสมรส หรอื บุตรของผูเสียหายรอ งทกุ ขไ ด และใหถอื วาเปนผเู สยี หาย” ความผิดฐานหม่ินประมาทที่จะยอมความได จํากัดเฉพาะหม่ินประมาทบุคคลธรรมดา ซึง่ อยูในหมวดน้ีเทา นน้ั ในกรณีผูเสียหายในคดีหม่ินประมาทตามมาตรา ๓๒๖ หรือมาตรา ๓๒๗ หรือ มาตรา ๓๒๘ ถาผเู สียหายเชนวานน้ั ตายลงเสยี กอ นรอ งทุกข กฎหมายใหบ ิดา มารดา คูสมรส หรือ บุตรของผเู สยี หายรองทุกขไดและใหถอื วา เปนผเู สียหาย ô. คาํ ¶ÒÁ·ÒŒ º·àÃÕ¹ ๑. จงใหค วามหมายของคาํ วา “คา ไถ” ๒. นายชอบ ซือ้ เดก็ หญงิ นารกั อายุ ๑๔ ป จาก นายเช่ียว ทีไ่ ปพรากเอกมาจาก บิดา มารดา ของ เด็กหญงิ นา รัก มา ดงั น้ี การกระทาํ ของนายชอบ ผิดฐานใด หรือไม อยางไร ๓. จงยกตัวอยางถอยคาํ ทีถ่ ือวา ผิด “หมน่ิ ประมาท”

๔๐๔ àÍ¡ÊÒÃÍÒŒ §ÍÔ§ เกยี รตขิ จร วจั นสวสั ด.์ิ (๒๕๕๑).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาค ๑ กรงุ เทพฯ:พลสยามพรนิ้ ตง้ิ . คณติ ณ นคร.(๒๕๔๗). กฎหมายอาญา ภาคท่วั ไป. กรงุ เทพฯ:วิญูชน. ทวเี กยี รติ มนี ะกนษิ ฐ.(๒๕๕๓).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาคทว่ั ไป. กรงุ เทพฯ:วญิ ชู น. ประภาศน อวยชยั .(๒๕๒๖).ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๑. กรงุ เทพฯ:สาํ นกั อบรมศกึ ษา กฎหมายแหง เนติบณั ฑติ ยสภา. สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗).หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:อมรินทร พรน้ิ ติง้ แอนดพ ับลชิ ชิ่ง บุญเพราะ แสงเทยี น.(๒๕๕๒).กฎหมายอาญา ๑ ภาคทว่ั ไป.กรงุ เทพฯ:บริษัทวทิ ยพัฒน จํากัด สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗.)หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บริษัทอมรินทร พรนิ้ ต้งิ แอนดพ บั ลชิ ช่ิง. สุพจน นาถะพินธุ.(๒๕๓๓).ประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:สํานักพิมพรุงเรืองธรรม. สุวัฒน ศรีพงษสุวรรณ.(๒๕๔๙).คําอธิบายประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ: นติ ิบรรณาการ. วนิ ัย เลิศประเสริฐ.(๒๕๔๗).วิธีไลส ายกฎหมายอาญา เลม ๑.กรงุ เทพฯ:อินเตอรบุคส. เกียรติขจร วัจนสวัสด์ิ.(๒๕๕๐).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิด เลม ๑. กรุงเทพฯ:หางหนุ สว นจาํ กดั จริ ัชการการพมิ พ.

๔๐๕ º··Õè ÷ ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡ÕÂè ǡѺ·Ã¾Ñ  ñ. ÇÑμ¶»Ø ÃÐʧ¤¡ ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ»ÃÐจาํ º· ๑. เพ่ือใหนักเรียนนายสิบตํารวจมีความรูความเขาใจ เร่ืองกฎหมายอาญาเกี่ยวกับ ความผดิ ฐานตา งๆ ๒. เพอื่ ใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจ ทราบถงึ การวดั ผลและประเมนิ ผล วชิ ากฎหมายอาญา ๒ ๓. เพื่อใหนกั เรยี นนายสิบตาํ รวจมคี วามรู เกยี่ วกับความผิดเกย่ี วกบั ทรพั ย ò. ʋǹนํา นักเรียนจะไดศึกษาประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ เรื่องความผิดเกี่ยวกับทรัพย อนั ไดแ ก ความผดิ ฐานลกั ทรพั ย ลกั ทรพั ย เหตฉุ กรรจ วงิ่ ราวทรพั ย กรรโชกทรพั ย รดี เอาทรพั ย ชงิ ทรพั ย ปลน ทรพั ย ฉอ โกง ฉอ โกงประชาชน โกงเจา หน้ี ยกั ยอก รบั ของโจร และทาํ ใหเ สยี ทรพั ย ตลอดจนแนว คาํ พิพากษาทีเ่ กีย่ วขอ งเพอ่ื ใหนักเรยี นนายสบิ ตาํ รวจใชป ระกอบการเรยี นการสอน ó. à¹Í×é ËÒ ¤ÇÒÁ¼Ô´à¡ÕèÂÇ¡ºÑ ·ÃѾ ñ. ÅÑ¡·ÃѾ ÁÒμÃÒ óóô “ผูใดเอาทรัพยของผูอ่ืนหรือที่ผูอ่ืนเปนเจาของรวมอยูดวยไปโดยทุจริต ผูนั้นกระทาํ ความผดิ ฐานลกั ทรพั ย ตองระวางโทษจําคุกไมเกนิ สามป และปรับไมเ กินหกหมื่นบาท” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. เอาไป ๒. ทรัพยของผอู ืน่ หรอื ท่ีผูอืน่ เปนเจาของรวมอยูด ว ย ๓. โดยเจตนาทุจริต คํา͸ºÔ Ò คาํ วา “เอาไป” หมายถงึ เอาไปจากความครอบครองของผอู นื่ โดยทใ่ี นขณะนน้ั มผี อู นื่ เปน ผคู รอบครองทรพั ยน น้ั อยู จะครอบครองทรพั ยน น้ั โดยผนู น้ั เปน ผยู ดึ ถอื ทรพั ยน น้ั ไวเ อง หรอื ครอบครอง โดยมีผูอ่ืนยึดถือทรัพยนั้นไวแทน เชน ลูกจางยึดถือทรัพยไวแทนนายจาง เปนตน ก็ไดขอสําคัญ ผูเอาไปตามมาตรา ๓๓๔ นี้ จะตองไมเปนผูครอบครองทรัพยน้ันอยูเองในขณะนั้น เพราะมิฉะนั้น กอ็ าจจะเปน ผดิ ฐานยกั ยอกตามมาตรา ๓๕๒ ไมม คี วามผดิ ฐานนแ้ี ตอ ยา งใด อยา งไรกต็ าม ถา ผเู อาไป เปน เพยี งผยู ดึ ถอื ทรพั ยน น้ั ไวแ ทนผอู น่ื เชน กรณลี กู จา งยดึ ถอื ทรพั ยไ วแ ทนนายจา งดงั กลา วแลว ขา งตน เชน น้ี ถา ลกู จา งเอาทรพั ยน น้ั ไปโดยทจุ รติ ลกู จา งกอ็ าจมคี วามผิดฐานลกั ทรพั ยน ายจา งไดเ ชน เดยี วกนั

๔๐๖ ¡. ¤ÇÒÁ¤Ãͺ¤Ãͧ นี้มีความหมายตรงกับคําวา “สิทธิครอบครอง” ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๖๗ ซึง่ บัญญัติวา บุคคลใดยดึ ถือทรัพยส ินโดยเจตนาจะยดึ ถอื เพอื่ ตน ทานวาบคุ คลนั้นได ซึ่งสิทธิครอบครอง จะเห็นไดวาการที่บุคคลใดจะไดมาซึ่งสิทธิครอบครองในทรัพยใดนั้นจะตอง ประกอบดวยทั้งการกระทาํ และเจตนารวม ๒ ประการดว ยกนั กลา วคือ มีการกระทําโดย การ “ยดึ ถอื ” ทรัพยนัน้ ไว และมเี จตนายดึ ถอื ทรพั ยน ั้นไว “เพอ่ื ตน” การเอาไปจากครอบครองน้ัน นอกจากผูเอาไปจะไมมีสิทธิครอบครองในทรัพยนั้นแลว จะตอ งปรากฏดว ยวา ทรพั ยน นั้ อยใู นความครอบครองของผอู น่ื ถา ทรพั ยน น้ั ไมอ ยใู นความครอบครอง ของบุคคลใดเลย เชน เปนทรัพยสินหาย หรือเปนทรัพยสินไมมีเจาของผูเอาไปก็ไมมีความผิด ฐานลักทรัพย ทรพั ยส นิ หาย หมายถงึ ทรพั ยส นิ นน้ั หลดุ ไปจากความยดึ ถอื ของเจา ของหรอื ผคู รอบครอง โดยมไิ ดต้ังใจ และเจา ของหรอื ผูครอบครองก็ไมร หู ายไปท่ใี ด ทงั้ มไิ ดส นใจจะติดตามเอาคนื ทรพั ยไ มม เี จา ของ หมายถงึ ทรพั ยท เ่ี จา ของเลกิ การครอบครองดว ยเจตนาสละกรรมสทิ ธิ์ เชน ทรัพยท ่ีเจา ของทงิ้ แลว สตั วทยี่ งั อยโู ดยอิสระ เปน ตน บุคคลที่เขา ยึดถือเอาทรัพยซ่ึงไมม ีเจา ของ ยอ มไดกรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยน นั้ องคป ระกอบของความผิดในสว นการกระทาํ “เอาไป” น้ี นอกจากจะเปน การเอาไปจาก ความครอบครองของผอู น่ื แลว ทรพั ยท ถี่ กู เอาไปนนั้ จะตอ งเปลย่ี นแปลงทอี่ ยหู รอื เคลอ่ื นทไี่ ปจากทอ่ี ยู กอ นถกู เอาไปอกี ดวย ถาทรัพยน้ันไมไดเ ปลีย่ นแปลงท่ีอยหู รอื ไมไดเ คลือ่ นทไี่ ปแตอ ยางใด ก็ไมถ อื วา มกี ารเอาไปตามความในมาตรา ๓๓๔ ซง่ึ ผกู ระทาํ ความผดิ อาจรบั ผดิ เพยี งฐานพยายามลกั ทรพั ยเ ทา นน้ั แตถาสามารถเขายึดถือหรือมีอํานาจเหนือทรัพยนั้นไดอยางแทจริงแลว แมจะไดนํา เคลอ่ื นที่หรือเปลย่ี นแปลงทอ่ี ยไู ปแตเพยี งเลก็ นอยก็ตาม ก็ถือวาเปน การเอาไปสาํ เรจ็ แลว ผูเอาไปจึง อาจมีความผดิ ฐานลักทรพั ยส าํ เร็จ มิใชเพยี งแตค วามผดิ ฐานพยายามลกั ทรพั ยเ ทานน้ั ·Ã¾Ñ ¢Í§¼ÍŒÙ ×¹è ËÃ×Í·è¼Õ ÙŒÍ×è¹à»¹š ਌ҢͧÃÇÁÍ´ً ÇŒ  ·ÃѾ ตามประมวลกฎหมายอาญามิไดนิยามคําวา “·ÃѾ” ไว ฉะน้ันความหมาย คําวาทรัพย จึงนาจะอนุโลมยึดถือเอาความหมายตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา ๑๓๗ ซง่ึ บญั ญัตวิ า “ทรพั ย หมายความวา วัตถมุ รี ปู ราง” และจากประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๘ ซึ่งบัญญัติวา “ทรัพยสิน หมายความรวมทั้งทรัพย และวัตถุไมมีรูปรางซ่ึงอาจมีราคา และอาจถือเอาได” มีปญหาซึ่งถกเถียงกันมาตั้งแตกอนมี ป.อ. แลววา พลังงานตางๆ เชน กระแสไฟฟา ไอน้ําจากเคร่ืองจักร เปนทรัพยหรือไม โดยที่พลังงานมิใชของแข็ง มิใชของเหลว และมิใชกาซ นักกฎหมายสวนใหญจึงมีความเห็นวา พลังงานมิใชทรัพยผูเอาไปจึงไมควรมีความผิดฐานลักทรัพย แมตอมาจะมคี ําพพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๘๗๗/๒๕๐๑ ตัดสนิ วา ผลู ักกระแสไฟฟา มีความผิดฐานลักทรัพย นกั กฎหมายไมน อ ยกย็ งั คดั คา นอยู และมคี วามเหน็ วา จะตอ งมกี ฎหมายบญั ญตั ไิ วเ ปน การเฉพาะใหก าร ลกั กระแสไฟฟามีความผิดตามกฎหมาย มิฉะนัน้ กไ็ มควรมคี วามผดิ

๔๐๗ ¢. ·Ã¾Ñ ¹Ñ¹é ໚¹¢Í§¼ÙŒÍè×¹ËÃ×ͼŒÙÍè׹໹š ਌ҢͧÃÇÁÍ‹ٴnj  ทรัพยท่จี ะถูกลกั ไปไดต าม มาตรา ๓๓๔ จะตองเปนทรัพยซึ่งมีเจาของกรรมสิทธิ์อยู มิใชทรัพยไมมีเจาของ เจาของทรัพยน้ัน จะเปนเอกชน นิติบุคคล หรอื รัฐกไ็ ด ทรัพยท่ีจะถูกลักไดตองเปนของผูอ่ืนหรืออยางนอยผูอ่ืนตองเปนเจาของรวมอยูดวยกับ ผูลัก ถาทรัพยนั้นเปนของผูเอาไปเพียงผูเดียวแลว แมจะเอาไปจากการครอบครองของผูอ่ืนก็ไมมี ความผิดฐานลกั ทรพั ย ทรัพยน้ันแมจะเคยมีเจาของมากอน แตถาเจาของสละกรรมสิทธ์ิเสียแลว ก็กลายเปน ทรพั ยไ มมีเจาของ ผใู ดเอาไปก็ไมมคี วามผดิ ฐานลักทรพั ย à¨μ¹Ò องคป ระกอบภายในขอน้คี อื ที่บญั ญตั ไิ วใน ป.อ.มาตรา ๕๙ กลาวคอื นอกจากกระทํา โดยรูสํานึกในการที่กระทําอันเปนหลักวาดวยการกระทําแลว ผูน้ันจะตองประสงคตอผลหรือยอม เล็งเห็นผลของการท่ีกระทําน้ันดวย แตถาผูนั้นไมรูขอเท็จจริงอันเปนองคประกอบของความผิดก็จะ ถอื วา ผนู น้ั ประสงคต อ ผลหรอื ยอ มเลง็ เหน็ ผลไมไ ด นน่ั กค็ อื ถอื วา ผนู นั้ ไมม เี จตนากระทาํ ผดิ แตอ ยา งใด การเอาทรัพยของผูอ่ืนไปโดยถือวิสาสะก็เชนเดียวกัน เปนความเขาใจของผูเอาไปวา เจาของคงยินยอมใหเอาไปได โดยที่เคยมีความสัมพันธทํานองน้ันกันมากอนเกา ถาตนเอาทรัพย น้ันไปอกี ก็คงไมเ ปน ไร จึงเทากบั เปนการสําคัญผิดวา เจา ของยินยอมตามนัยมาตรา ๖๒ ดังกลา วแลว ผกู ระทําจงึ ไดรับยกเวน ความผิดฐานลกั ทรพั ยเชน เดยี วกัน â´Â·¨Ø ÃμÔ องคประกอบภายในขอน้ีเปนเจตนาพิเศษหรือมูลเหตุชักจูงใจประกอบการกระทําคือ การเอาทรัพยข องผูอ่นื หรอื ทผ่ี ูอื่นเปน เจาของรวมอยดู วยไป ซงึ่ ป.อ.มาตรา ๑(๑) มีบทนยิ ามคาํ นไี้ ว ดงั นี้ “โดยทจุ รติ ” หมายความวา เพอ่ื แสวงหาประโยชนท มี่ คิ วรไดโ ดยชอบดว ยกฎหมายสาํ หรบั ตนเอง หรอื ผอู น่ื เจตนาพเิ ศษเพอ่ื แสวงหาประโยชนท ม่ี คิ วรไดโ ดยชอบดว ยกฎหมายสาํ หรบั ตนเองหรอื ผอู น่ื นี้ จะตองเกิดขึ้นพรอมกันกับการกระทํา “เอาไป” ถาเพ่ิงเกิดขึ้นภายหลังก็ไมมีความผิดฐานลักทรัพย แตถาในขณะเอาไปการกระทําเขาองคประกอบความผิดโดยครบถวนแลว แมภายหลังนํามาคืนให หรอื เอาไปทําลายไมใ ชป ระโยชนอ กี ตอไป กไ็ มเปน เหตใุ หพ น ความผดิ ไปแตอ ยางใด อน่งึ มขี อ สังเกตวา ความผดิ ฐานลักทรัพยก บั ยักยอกนนั้ มีขอ แตกตา งกนั คือ ๑. ลักทรพั ยต อ งเปน เรือ่ งเอาไปซงึ่ ทรพั ย ทอี่ ยูในความครอบครองของผอู นื่ แตย กั ยอก ทรพั ยต องอยูในความครอบครองของผยู ักยอกเอง แลวเบยี ดบงั เอาเปนของตน ๒. ลักทรัพยผูกระทําตองมีเจตนาทุจริตกอนเอาทรัพยไปจากการครอบครอง สวนการ ยกั ยอกน้นั ทรัพยอยูในความครอบครองกอ นแลว ทจุ ริตเบยี ดบงั เอาเปน ของตนภายหลัง ๓. ลกั ทรพั ยเ ปน ความผิดอันยอมความไมไ ด แตย ักยอกยอมความได

๔๐๘ ๔. ในกรณีของตกหายมีหลักวินิจฉัยในปญหาคาบเก่ียวระหวางลักทรัพยและยักยอก คือ ตามคําพพิ ากษาฎีกาที่ ๑๓๖๓/๒๕๐๓ วนิ ิจฉยั วา ถาเกบ็ เอาทรัพยน ้ันไปโดยรหู รอื มีเหตุอันควร รูวาทรัพยน้ันอยูในระหวางเจาของกําลังติดตามหรือกําลังจะติดตามเพื่อเอาคืนก็เปนการลักทรัพย แตถาเก็บเอาไปโดยไมมีเหตุอันควรรูเชนวาน้ันแลวก็เปนการเก็บไดซ่ึงทรัพยสินหาย มีความผิดฐาน ยักยอก μÇÑ ÍÂÒ‹ § ®¡Õ Ò·Õè òóö/òôùñ เพยี งแตท าํ ใหผ ลไมห ลดุ จากตน เชน สอยมะมว งหรอื ตดั ขนนุ หลน จากตน หรือขุดถอนมันหรือตนหอมใหหลุดจากพ้ืนดินเพื่อจะลักนั้น ยังไมเปนการเอาทรัพยนั้นไป คงเปนผิดเพียงฐานพยายามลักทรัพย คนรายถอนตนหอมท้ิงเกล่ือนอยูบนรองสวนยังไมทันเอาไป เจาทรัพยมาพบจึงหนีไป แลวทํารายเจาทรัพยขณะเจาทรัพยไลจับกุมเปนความผิดฐานพยายาม ชิงทรัพย (แตถามีการกระทําอยางใดแกทรัพยที่ขาดหลุดจากตนน้ันแลวถือวาลักทรัพยสําเร็จแลว เชน ฎกี าที่ ๒๓๖/๒๔๙๑ ตดั ยอดจากแลวเฉาะผกู เปนมดั ) ®¡Õ Ò·èÕ ññõó/òôùô ขอเท็จจริงในคดีไดความวา จําเลยข้ึนไปบนตนมะพราวของ ผูอื่น โดยเจตนาทุจริตคิดจะลักมะพราว จําเลยฟนมะพราวไดหน่ึงทะลายก็เอามาพาดกิ่งมะพราวไว เพอื่ จะตดั ทะลายอน่ื ตอ ไป ขณะตดั ทะลายทสี่ อง พวกเจา ทรพั ยม าพบเขา จาํ เลยจงึ ลงจากตน มะพรา ว หนไี ปโดยไมไ ดเ อามะพรา วไปดว ย ศาลฎกี าวนิ จิ ฉยั วา จาํ เลยมคี วามผดิ ฐานลกั ทรพั ย คอื ลกั เอามะพรา ว ทะลายทหี่ นึ่งสาํ เร็จแลวเพราะถอื เอาไป คอื เอาเคลือ่ นจากทีไ่ ปแลว ®Õ¡Ò·èÕ ñóöó/òõðó (ประชุมใหญ) ทรัพยสินหายเปนเร่ืองที่ทรัพยสินหลุดพนไปจาก ความยึดถือของเจาของหรือผูครอบครองโดยมิไดตั้งใจ ไมใชเรื่องสละครอบครอง ผูใดเก็บเอาทรัพย น้นั ไป จะเปนความผิดฐานลกั ทรพั ย หรอื ยกั ยอกทรพั ย หรอื ยักยอกทรัพยส ินหายตอ งพิจารณาตาม พฤติการณเปนรายๆ ไป คือ ถาเก็บเอาไวโดยรูหรือควรรูวาทรัพยน้ัน เจาของกําลังติดตาม หรือ จะตดิ ตามเพอื่ เอาคนื กเ็ ปน ลกั ทรพั ย ถา ไมร หู รอื ไมม เี หตคุ วรรู เปน ความผดิ ฐานยกั ยอกทรพั ยส นิ หาย รถทหารควํ่า ทําใหปนทหารตกนํ้า ๑ กระบอก ทหารลงมาหา ๒ คร้ังไมพบ จึงไป แจง ความทอ่ี าํ เภอ ตอ มาตอนคาํ่ วนั เดยี วกนั นนั้ เอง จาํ เลยไปงมเอาปน นน้ั ไปขายเสยี แสดงวา จาํ เลยรู หรอื ควรรวู า รถทหารควา่ํ ปน จมนาํ้ อยู แลว ถอื โอกาสตอนปลอดผคู นไปงมเอาปน ทอี่ ยรู ะหวา งเจา ของ กําลงั ตดิ ตาม ®¡Õ Ò·Õè ñ÷ù/òõð÷ ผเู สยี หายจะเขา หอ งสว มจงึ มอบกระเปา ถอื ใหจ าํ เลยถอื ไว จาํ เลย เปดกระเปาเอาสรอยและธนบัตรไปเสีย ตัดสินวาผูเสียหายฝากกระเปาถือใหดูแลแทนช่ัวคราว ÁÔä´Œ ÁÕà¨μ¹Ò¨ÐÊÅСÒäÃͺ¤ÃͧãËŒ ¨Ö§¶×ÍÇ‹ÒÊÌ͡Ѻ¸¹ºÑμÃÂѧÍÂً㹤Ãͺ¤Ãͧ¢Í§¼ÙŒàÊÕÂËÒ การท่ีจําเลยลอบเปดกระเปาถือเอาสรอยกับธนบัตรของผูเสียหายไป จึงเปนความผิดฐานลักทรัพย ไมใชย ักยอก

๔๐๙ ®¡Õ Ò·èÕ ôöø/òõñð ศาลฎกี ากลา ววา การทก่ี ระบอื หายไปจากทเ่ี ลย้ี ง ไปอยกู ลางทงุ ใกล กระทอมนาผอู ืน่ ซง่ึ หา งประมาณ ๑ กิโลเมตรและพวกเจาทรัพยกําลงั ติดตามอยู ดงั นีย้ งั ถือไมไดว า เปน ทรัพยส ินหาย โดยทคี่ วามยดึ ถือของเจา ของยังไมข าดไป จาํ เลยควรจะรูวา หากจาํ เลยท่ี ๑ ไมพา เอาไปเสีย เจาของยงั ติดตามเอาคืนไดงาย ดงั นนั้ จําเลยที่ ๑ จึงมคี วามผดิ ฐานลกั ทรพั ย หาใชยักยอก เก็บของตก ®Õ¡Ò·Õè òõñ/òõñó คดีไดความวาผูเสียหายเชานาจําเลยโดยตกลงใหขาวแกจําเลย ปล ะ ๑๐๘ ถงั เปน คา เชา ผเู สยี หายไมช าํ ระคา เชา จาํ เลยจงึ ไปตวงขา วจากลานนวดขา วในนาผเู สยี หาย ไป ๑๐๘ ถงั ศาลฎกี ากลา ววา มปี ญ หาตอ ไปวา การทจี่ าํ เลยมาตวงขา วจากลานนวดขา วในนาผเู สยี หาย ไป ๑๐๘ ถัง โดยท่ีนายแหลมบุตรผูเสียหายซึ่งเปนผูเฝาขาวอยูมิไดอนุญาตนั้น จําเลยจะมีความผิด ฐานลกั ทรพั ยห รอื ไม ความผดิ ฐานลกั ทรพั ยผ กู ระทาํ จะตอ งเอาทรพั ยผ อู นื่ ไปโดยทจุ รติ ศาลฎกี าเหน็ วา ¢ÒŒ Çã¹¹Ò¼ÙàŒ ÊÂÕ ËÒ ÁÕÍÂÁÙ‹ Ò¡¡ÇÒ‹ ·ÕèจําàÅÂÁÒμǧàÍÒä» จาํ เลยตวงเอาขา วไป ๑๐๘ ถงั เทาจํานวน คา เชา นาทจี่ าํ เลยมสี ทิ ธิ จะไดร บั ชาํ ระจากผเู สยี หายจะวา จาํ เลยมเี จตนาทจุ รติ ลกั ขา วผเู สยี หายหาไดไ ม ®¡Õ Ò·èÕ óòñ/òõñð จําเลยไดเรียกเอาเงินและทองมาใสถุงยามเพื่อเปนสิริมงคล ในการทจ่ี าํ เลยจะทาํ พธิ ขี น้ึ บา นใหมข องโจทกร ว ม จงึ ไดห อ ธนบตั รจาํ นวน ๒,๐๐๖ บาท กบั เอาสรอ ยคอ ทองคําหนักหนึ่งบาทหน่ึงเสน บรรจุใสในกลอ งพลาสติกสง ใหจาํ เลย จําเลยเอาหอ เงนิ และกลอ งบรรจุ สายสรอ ยดงั กลา วใสล งในถงุ ยา มแลว ลงเรอื นไป มนี ายประสทิ ธแิ ละโจทกร ว มเดนิ ตามหลงั ระหวา งเดนิ กนั ไปทางบา นใหมข องโจทกร ว ม เพอื่ จะทาํ พธิ ี จาํ เลยลว งเอาหอ ธนบตั รนนั้ ไปเสยี จงึ เหน็ ไดว า เปน การ ลกั ทรัพย เพราะโจทกรวมเจาของทรพั ย ยงั มไิ ดส ละการครอบครองใหจ ําเลย เพียงแตใ หจ ําเลยยึดถอื ไวช ั่วคราว การท่ีจําเลยเอาหอ ธนบัตรนั้นไป ยอมมคี วามผดิ ฐานลักทรัพย ®¡Õ Ò·èÕ ñùòô-ñùòõ/òõñô จาํ เลยเปน ลกู จา งเรอื หาปลากน็ าํ เรอื ของนายจา งไปจบั ปลา แลว ๒ วนั ก็เอามาสง ทกุ คร้งั เปน อยางนี้ คราวน้จี ําเลยเอาเรือหาปลากับเคร่อื งไมเ คร่อื งมือไปแลว ก็ เอาไปขายเสยี ปญ หาวา จาํ เลยจะมคี วามผดิ ฐานลกั ทรพั ยห รอื เปน ความผดิ ฐานยกั ยอก กต็ อ งวนิ จิ ฉยั ปญหาเรอื่ งครอบครองเปน เบ้ืองตน ศาลฎกี าวนิ จิ ฉัยวากรณีอยางนก้ี ารครอบครองยงั อยูทต่ี ัวเจาของ ทรัพยคือเจาของเรือ เม่ือจําเลยเอาไปก็หมายความเอาไปจากการครอบครองก็เปนความผิดฐาน ลักทรพั ย มิใชค วามผิดฐานยักยอก ®Õ¡Ò·èÕ òð÷ô/òõñô จําเลยตัดสายโทรทัศนออกและยกเอาเคร่ืองรับโทรทัศนของ ผูเสียหายในหอ งรบั แขกเคลื่อนไปทก่ี ลางหอง เผอญิ ผูเ สยี หายเขาไปพบจาํ เลย จาํ เลยจึงวางเครื่องรับ โทรทัศนไวท่ีพื้นหองแลวหลบหนีไป จําเลยยอมมีความผิดฐานลักทรัพยเพราะถือวา จําเลยเอาทรัพย ไปแลวโดยทาํ ใหทรัพยส ินเคลอ่ื นท่ี ®¡Õ Ò·èÕ ÷õõ/òõò÷ ไดความวา จําเลยเชาท่ีดินของโจทกทําไร แลวจําเลยขุดดินน้ัน ไปขายโดยทจุ รติ จาํ เลยมคี วามผดิ ฐานลกั ทรพั ย วนิ จิ ฉยั วา ผดิ ฐานลกั ทรพั ยไ มใ ชผ ดิ ฐานยกั ยอก เพราะ การเชาท่ีดินนั้นผูใหเชาใหเชาทรัพยสินในสภาพที่เปนอสังหาริมทรัพย เมื่อที่ดินถูกขุดข้ึนมาแลวยอม

๔๑๐ เปล่ียนสภาพเปนสังหาริมทรัพยจึงถือไมไดวาเปนทรัพยสินที่เชา ดินที่ถูกขุดมาจึงคงอยูในความ ครอบครองของผูใหเชา ในคดีเรื่องน้ีศาลฎีกาถือหลักท่ีวาใครเปนคนครอบครอง แตโดยวินิจฉัยวา ท่ีผูใหเชาใหเชาทรัพยสินคือที่ดินนี้ในสภาพที่เปนอสังหาริมทรัพย แตเมื่อท่ีดินถูกขุดข้ึนมาแลวก็ กลายเปน สงั หารมิ ทรพั ย จงึ ถือไมไ ดวา เปน ทรพั ยสินท่เี ชา เม่ือเปน สังหารมิ ทรพั ยไมใ ชท รพั ยส ินท่เี ชา ก็ถอื วา อนั น้ี ยงั อยใู นความครอบครองของเจา ของทดี่ ิน เมอ่ื เอาไปกเ็ ปน ลกั ทรัพย ดงั นัน้ ถาหากเปน เรอื่ งเชา บา น เชน เชา ตกึ หลงั หนงึ่ เปน การเชา อสงั หารมิ ทรพั ย ถา คนเชา ถอดมงุ ลวดในบา นหลงั นนั้ ไป หรอื กระจกบานหนา ตา งไป จะถือวา เปนลักทรพั ยห รือยกั ยอกทรพั ย มันก็ตองเขา มาสปู ญหาทว่ี าใคร ครอบครองทรัพยน้ัน เมื่อพิจารณาดูคําพิพากษาฎีกาน้ีแลวจะเห็นไดวาการครอบครองนั้นยังอยูท่ี เจา ทรพั ย เพราะเมอื่ แยกออกมาจากตวั อสงั หารมิ ทรพั ยแ ลว กเ็ ปน สงั หารมิ ทรพั ย จงึ เปน ความผดิ ฐาน ลกั ทรพั ย ®¡Õ Ò·èÕ õ÷ô/òõò÷ จาํ เลยขนึ้ ไปบนตน ลาํ ไยหกั ลาํ ไยทง้ั กง่ิ จากตน ใสใ นเขง เจา พนกั งาน จับจําเลยขณะจําเลยอยูบนตนและกําลังหักก่ิงลําไยใสเขงอยู (ถามวาอยางน้ีเปนพยายามหรือเปน ความผิดสําเร็จ มันมีเขงมันหักก่ิงลําไยใสเขง เพราะฉะน้ันการหักก่ิงลําไยใสเขง ก็เปนการแยกหรือ เคล่ือนที่ผลลําไยออกจากตน อันน้ีเปนการแยกออกมา และเขายึดถือเอาผลลําไยไวแลวคือใสเขงไว แลว อยางนกี้ ็เปนการเอาไปซง่ึ ทรพั ยของผูเสยี หาย ครบองคป ระกอบ) เปนความผดิ ในฐานลักทรพั ย สําเรจ็ แลว ไมใชเ ปนความผิดฐานพยายาม ®¡Õ Ò·èÕ öññ/òõóð จําเลยขับรถเขาไปเติมนํ้ามันกับเด็กปมของผูเสียหาย เม่ือเติม เกอื บจะเต็มถัง จาํ เลยพูดวา ไมมีเงนิ เดย๋ี วจะเอามาใหแลวจาํ เลยไดขับรถออกไปทนั ที พฤติการณของ จาํ เลยทขี่ ณะเตมิ นาํ้ มนั ไมไ ดด บั เครอื่ งยนตร ถ แลว ฝาปด ถงั นาํ้ มนั กไ็ มม ใี ชผ า อดุ ไวแ ทน แสดงวา เปน การ วางแผนการไวเพ่ือจะไมชําระเงินคาน้ํามันเมื่อไดนํ้ามันมาแลวโดยจะรีบหนีไป อนั เปนอุบายในการท่ี จะทําใหการลักทรัพยสําเร็จ แลวจําเลยมีเจตนาทุจริตมาตั้งแตตนท่ีจะลักเอาน้ํามันผูเสียหาย จึงเปน ความผิดฐานลักทรัพยโดยใชกลอบุ าย ®¡Õ Ò·èÕ òõôù/òõóò จําเลยเขาไปในบานผูเสียหายเพ่ือทวงคาแรงที่ผูเสียหายคาง บตุ รชายของจาํ เลย เปน การเขา ไปโดยมเี หตผุ ลสมควรโดยสจุ รติ แมจ าํ เลยจะไดถ อื มดี ไปดว ย แตก เ็ ปน เพียงมีดเหลียนซงึ่ โดยทัว่ ๆ ไปใชสาํ หรบั หวดหญา และไมป รากฏวา จําเลยตงั้ ใจจะไปทํารา ยผเู สยี หาย ต้งั แตแรก จึงไมอ าจถือไดวา จาํ เลยมีเจตนาบุกรุก จําเลยทวงคาแรงจากผูเสียหายไมได จึงโกรธและใชมีดฟนพยายามทํารายผูเสียหาย แลว เอาเครอื่ งสบู นา้ํ ของผเู สยี หายไป มใิ ชเ ปน การฟน ผเู สยี หายเพอ่ื ความสะดวกหรอื เพอื่ เอาเครอื่ งสบู นาํ้ ของผเู สยี หายไปเกดิ ขนึ้ หลงั จากการทาํ รา ยรา งกายของตนไปแลว จาํ เลยจงึ ไมม คี วามผดิ ฐานชงิ ทรพั ย แมจําเลยเอาเครื่องสูบนํ้าของผูเสียหายไปเพื่อยึดเอาไวใหผูเสียหายไปจายคาแรง บุตรชายจําเลยแลวจําเลยจะคืนให ก็ถือไดวาจําเลยเอาทรัพยของผูเสียหายไปโดยมีเจตนาทุจริต อนั เปน ความผดิ ฐานลักทรพั ย เพราะจําเลยไมมีอํานาจเอาทรพั ยข องผเู สยี หายไปโดยพลการได

๔๑๑ ®¡Õ Ò·èÕ ñöôó/òõóõ จําเลยเอาปนของผูเสียหายไปเพื่อจะยิงทําราย ส. ซ่ึงเปนชูกับ ภริยาของจําเลยดวยบันดาลโทสะท่ีเห็น ส. นั่งอยูกับภริยาของจําเลย มิไดมีเจตนาที่จะเอาปนของ ผเู สยี หายไปเปนของตนโดยทุจรติ จงึ ไมเปน ความผิดฐานลกั ทรพั ย ¯Õ¡Ò·èÕ ñððò/òõóõ จําเลยนํารถยนตออกจากหางผูเสียหาย เพื่อไปทําความสะอาด ตามหนา ที่ เสรจ็ แลว ไดน าํ รถไปใชป ระโยชนส ว นตวั ทตี่ า งจงั หวดั แตร ถเสยี ระหวา งทาง เปน เหตใุ หน าํ รถ มาคนื ผเู สยี หายไมไ ด ถา รถไมเ สยี จาํ เลยกน็ าํ รถมาคนื ใหผ เู สยี หายได กรณเี ปน การเอารถไปใชช ว่ั คราว เทานั้น มิไดกระทําเพื่อเปนการตัดกรรมสิทธิ์ของผูเสียหายตลอดไป จึงมิใชเปนการกระทําที่ถือวา เอาทรพั ยของผเู สยี หายไป อันจะเปน ความผิดฐานลกั ทรัพย เขาไปลักขุดเอาดินของผูอ่ืนไป เปนความผิดฐานบุกรุก ลักทรัพยและทําใหเสียทรัพย ซง่ึ เปน กรรมเดยี วผิดกฎหมายหลายบท ®¡Õ Ò·Õè ôøðô/òõóó จําเลยท่ี ๑ เขาไปขุดเอาหนาดินในท่ีดินพิพาทของโจทกรวมไป ยอ มมคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๓๓๔, ม.๓๕๘ และ ม.๓๖๒ เปน การกระทาํ กรรมเดยี ว ผิดตอ กฎหมายหลายบท ลงโทษตาม ม.๓๓๔ ซึง่ เปน บททมี่ โี ทษหนกั ทสี่ ดุ ผูเชาที่ดินถือวาครอบครองที่ดินแทนผูใหเชาในสภาพท่ีเปนอสังหาริมทรัพย การที่ผูเชา ขุดดินข้ึนมายอมมีสภาพเปนสังหาริมทรัพย ซึ่งผูใหเชาไมไดสงมอบการครอบครองใหผูเชาดวย เมื่อผเู ชา เอาไปขาย จงึ เปน ความผิดฐานลักทรัพย ไมใชย ักยอก ®Õ¡Ò·èÕ õôòó/òõôñ การท่ีจําเลยเปนผูเชาที่ดินของโจทกรวมและผูเสียหาย ก็เพียง แตท าํ ใหจ าํ เลยเปน ผคู รอบครองทด่ี นิ ดงั กลา วในสภาพอสงั หารมิ ทรพั ยเ ทา นน้ั เมอ่ื ทด่ี นิ ถกู ขดุ ดนิ ทไ่ี ด ยอมเปล่ียนสภาพเปนสังหาริมทรัพย โจทกรวมกับผูเสียหายไมไดมอบการครอบครองดินท่ีเปน สงั หารมิ ทรพั ยใ หจ าํ เลยครอบครองดนิ ดงั กลา วจงึ ยงั อยใู นความครอบครองของโจทกร ว มและผเู สยี หาย ดงั นน้ั การทจี่ าํ เลยเอาดนิ ดงั กลา วไปขายอนั เปน การแสวงหาประโยชนท ม่ี คิ วรไดโ ดยชอบดว ยกฎหมาย จึงเปน ความผิดฐานลกั ทรัพย ®Õ¡Ò·èÕ õöõ/òõôò การทจ่ี าํ เลยสงั่ ให ค. ขดุ ทรายแกว ในดนิ ของโจทกร ว มอา งวา เปน ของตน โดยปกปดขอ เท็จจรงิ ไมให ค. ทราบวาทด่ี ินเปนของโจทกร ว ม จาํ เลยไดข ายทรายแกวทข่ี ดุ ได ใหแก ค. โดยมิไดน าํ เงนิ ท่ีขายไดม อบแกโ จทกรวม เปน การแสวงหาประโยชนท ี่มคิ วรไดโ ดยชอบดวย กฎหมายสาํ หรบั ตนเองแลว การกระทาํ ของจาํ เลยมเี จตนาทุจริตเปนความผดิ ฐานลักทรัพย ®¡Õ Ò·èÕ óö÷ð/òõôò ผูเสียหายฟองจําเลยขอแบงนามรดกและขาวเปลือกเหนียว ที่เก็บเก่ียวไดจากนาพิพาท ขณะที่คดีอยูในระหวางพิจารณาของศาล ผูเสียหายและจําเลยท้ังสองได ไปตกลงกันที่สถานีตํารวจวา ฝายใดฝายหนึ่งจะไมเอาขาวเปลือกเหนียวที่ไดจากการทํานาพิพาท ไปขาย แตยอมใหแตละฝายเอาไปสีรับประทานได ผูเสียหายทําผิดขอตกลงดังกลาว โดยผูเสียหาย เอาขาวเปลือกเหนียว ๕๐ ถุงไปชําระหนี้แทนเงินใหเจาหน้ีของตนจําเลยทั้งสองจึงปดยุงขาวพิพาท การกระทําของจําเลยทั้งสองก็เพื่อรักษาผลประโยชนในทรัพยพิพาทซ่ึงอยูในระหวางพิจารณาคดี น้นั เอง ดังนั้น แมจะปรากฏวาจําเลยทั้งสองจะไดกวาดขาวเปลือกเหนียวไปกองรวมไวในยุงขาวดวย ก็ตาม พฤติการณข องจําเลยท้ังสองก็ขาดเจตนาทุจรติ ไมเ ปน ความผดิ ฐานลักทรัพย

๔๑๒ Å¡Ñ ¡ÃÐáÊä¿¿Ò‡ áÅÐÊÑÞÞÒ³â·ÃÈ¾Ñ · การลกั กระแสไฟฟา ศาลฎกี าเคยวนิ จิ ฉยั โดยมตทิ ป่ี ระชมุ ใหญใ นป ๒๕๐๑ วา เปน ความผดิ ฐานลักทรัพย (ฎีกาที่ ๘๗๗/๒๕๐๑) ตอมาในป ๒๕๔๒ ศาลฎีกาโดยมติท่ีประชุมใหญวินิจฉัยวา การที่จําเลยลักเอาสัญญาณโทรศัพทจากตูโทรศัพทสาธารณะไปใชเพื่อประโยชนของจําเลยก็เปน ความผดิ ฐานลกั ทรพั ยเ ชน กนั เพราะสญั ญาณโทรศพั ทเ ปน กระแสไฟฟา ทแ่ี ปลงมาจากเสยี งพดู เคลอ่ื นท่ี ไปตามสายลวดตัวนาํ จากที่หนึง่ ไปยังอกี ทห่ี นึง่ จึงเปนความผิดฐานลักทรัพย ®Õ¡Ò·èÕ ñøøð/òõôò (ประชมุ ใหญ) สญั ญาณโทรศพั ทเ ปน กระแสไฟฟา ทแี่ ปลงมาจาก เสียงพูดเคล่ือนท่ีไปตามสายลวดตัวนําจากที่หน่ึงไปยังอีกท่ีหน่ึง จําเลยลักเอาสัญญาณโทรศัพทจาก ตโู ทรศพั ทส าธารณะซง่ึ อยใู นความครอบครองขององคก ารโทรศพั ทแ หง ประเทศไทยไปใชเ พอื่ ประโยชน ของจาํ เลยโดยทจุ ริต จึงเปน ความผดิ ฐานลกั ทรพั ยเชนเดียวกบั การลักกระแสไฟฟา ®¡Õ Ò·èÕ øñ÷÷/òõôó การÅÑ¡àÍÒ¤Åè×¹áÁ‹àËÅç¡ä¿¿‡Òอันเปนทรัพยของผูเสียหาย ท่ีผลิตข้ึนเพื่อใชกับÇÔ·ÂØ¤Á¹Ò¤Á โดยจําเลยกับพวกนําเครื่องโทรศัพทเคล่ือนที่ท่ีปรับสัญญาณและ รหัสเลขหมายของโทรศัพทผูอื่นมาใชติดตอส่ือสารโทรออกหรือรับการเรียกเขาผานสถานีและชุมสาย โทรศพั ทร ะบบเซลลลู าร ๔๗๐ ของผเู สยี หายนนั้ เปน เพยี งการรบั สง วทิ ยคุ มนาคมหรอื กลา วอกี นยั หนงึ่ วา เปน การá§‹ 㪤Œ Źè× ÊÞÑ ÞÒ³â·ÃÈ¾Ñ ·â ´ÂäÁÁ‹ ÊÕ ·Ô ¸Ô นน่ั เอง จงึ ÁãÔ ªเ‹ ปน การเอาไปซง่ึ ทรพั ยส นิ ของ ผอู น่ื โดยทจุ รติ การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ ไมเ ปน ความผดิ ตาม ม.๓๓๕ (๑)(๗) ว.๒ แตจ าํ เลยคงมคี วามผดิ ตาม พ.ร.บ.วทิ ยคุ มนาคมฯ (ฐานรวมกันรบกวนขัดขวางตอ การวทิ ยุคมนาคม) ¢ÍŒ Êѧà¡μ เรื่องน้ีเปนลักสัญญาณโทรศัพทใชสาย (พื้นฐาน) ถาเปนโทรศัพทมือถือ (โทรศัพทเคล่ือนท่ี) มีคําพิพากษาฎีกาที่ ๕๓๕๔/๒๕๓๙ วินิจฉัยวาการที่จําเลยปรับจูนและกอบป คล่ืนสัญญาณโทรศัพทเคลื่อนที่และรับสงวิทยุคมนาคมโดยไมไดรับอนุญาต เปนเพียงการแยงใช คล่ืนสัญญาณโทรศัพท ไมเปนความผิดฐานลักทรัพย คําพิพากษาฎีกาน้ีไมขัดกับคําพิพากษาฎีกา ที่ ๑๘๘๐/๒๕๔๒ ซง่ึ ในคําพพิ ากษาฎกี าที่ ๑๘๘๐/๒๕๔๒ ก็ไดวนิ ิจฉัยไวด ว ยวา ไมข ดั กับคําพพิ ากษา ฎีกาที่ ๕๓๕๔/๒๕๓๙ เพราะขอเท็จจริงไมตรงกัน เนื่องจากในคําพิพากษาฎีกาท่ี ๕๓๕๔/๒๕๓๙ เปนการปรับจูนและกอบปคล่ืนสัญญาณมือถือและใชรับสงวิทยุคมนาคม โดยอาศัยคลื่นสัญญาณ โทรศัพทของผูเสียหายท่ีลองลอยอยูในอากาศ กรณีจึงแตกตางกับขอเท็จจริงในคําพิพากษาฎีกา ที่ ๑๘๘๐/๒๕๔๒ น้ี ซงึ่ เปน เรือ่ งการลกั สัญญาณโทรศัพทท ีอ่ ยูภ ายในสายโทรศพั ท กลาวโดยสรุปวาที่แตกตางกัน เพราะตามคําพิพากษาฎีกาที่ ๕๓๕๔/๒๕๓๙ เปน คล่ืนสัญญาณโทรศัพทมือถือท่ีลองลอยอยูในอากาศ สวนคําพิพากษาฎีกาท่ี ๑๘๘๐/๒๕๔๒ เปน สญั ญาณโทรศพั ทท อี่ ยภู ายในสายโทรศพั ท เมอื่ ขอ เทจ็ จรงิ แตกตา งกนั จงึ ไมถ อื วา คาํ วนิ จิ ฉยั ขดั แยง กนั ®¡Õ Ò·èÕ õóõô/òõóù จําเลยนําโทรศัพทมือถือมาปรับจูนและกอบปคลื่นสัญญาณ โทรศัพทของผูเสียหายแลวใชรับสงวิทยุคมนาคมโดยไมไดรับอนุญาต เปนเพียงการแยงใชคลื่น สัญญาณโทรศัพทของผูเสียหายโดยไมมีสิทธิ มิใชเปนการเอาทรัพยของผูอ่ืนไปโดยทุจริตไมเปน ความผดิ ฐานลกั ทรัพย แมจ าํ เลยใหก ารรับสารภาพกต็ องพพิ ากษายกฟอง

๔๑๓ ò. Å¡Ñ ·Ã¾Ñ  àËμ©Ø ¡Ãè ÁÒμÃÒ óóõ ผูใ ดลักทรพั ย (๑) ในเวลากลางคืน (๒) ในท่ีหรือบริเวณท่ีมีเหตุเพลิงไหม การระเบิด อุทกภัย หรือในที่ หรือบริเวณที่มี อบุ ตั เิ หตุ เหตทุ กุ ขภยั แกร ถไฟ หรอื ยานพาหนะอนื่ ทปี่ ระชาชนโดยสาร หรอื ภยั พบิ ตั อิ นื่ ทาํ นองเดยี วกนั หรืออาศัยโอกาสที่มเี หตุเชน วาน้ัน หรอื อาศัยโอกาสทปี่ ระชาชนกาํ ลงั ตน่ื กลัวภยันตรายใดๆ (๓) โดยทาํ อนั ตรายสงิ่ กดี กนั้ สาํ หรบั คมุ ครองบคุ คลหรอื ทรพั ย หรอื โดยผา นสง่ิ เชน วา นน้ั เขาไปดว ยประการใดๆ (๔) โดยเขา ทางชอ งทางซงึ่ ไดท าํ ขนึ้ โดยไมไ ดจ าํ นงใหเ ปน ทางคนเขา หรอื เขา ทางชอ งทาง ซ่งึ ผูเปน ใจเปด ไวให (๕) โดยแปลงตวั หรอื ปลอมตวั เปน ผอู น่ื มอมหนา หรอื ทาํ ดว ยประการอนื่ เพอ่ื ไมใ หเ หน็ หรอื จําหนา ได (๖) โดยลวงวา เปน เจา พนกั งาน (๗) โดยมอี าวุธ หรอื โดยรว มกระทําความผดิ ดวยกันตง้ั แตส องคนขึน้ ไป (๘) ในเคหสถาน สถานทร่ี าชการหรอื สถานทท่ี จ่ี ดั ไวเ พอื่ ใหบ รกิ ารสาธารณะทตี่ นไดเ ขา ไป โดยไมไดร บั อนุญาต หรอื ซอนตวั อยใู นสถานท่ีน้นั ๆ (๙) ในสถานที่บชู าสาธารณะ สถานีรถไฟ ทา อากาศยาน ทจ่ี อดรถ หรอื เรือสาธารณะ สาธารณสถานสําหรับขนถา ยสินคา หรอื ในยวดยานสาธารณะ (๑๐) ทใี่ ชห รือมไี วเพอ่ื สาธารณประโยชน (๑๑) ทเ่ี ปนของนายจางหรือท่ีอยใู นความครอบครองของนายจา ง (๑๒) ทีเ่ ปนของผมู อี าชีพกสิกรรม บรรดาท่ีเปน ผลติ ภณั ฑ พชื พันธุ สัตว หรอื เครื่องมอื อนั มไี วสําหรบั ประกอบกสิกรรมหรอื ไดม าจากการกสกิ รรมนั้น ตอ งระวางโทษจําคุกตัง้ แตหน่ึงปถ งึ หา ป และปรบั ต้งั แตส องพนั บาทถึงหนง่ึ หมน่ื บาท ถาความผิดตามวรรคแรกเปนการกระทําท่ีประกอบดวยลักษณะดังท่ีบัญญัติไวใน อนุมาตราดังกลาวแลวตั้งแตสองอนุมาตราขึ้นไป ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแตหน่ึงปถึงเจ็ดป และปรบั ตัง้ แตส องพันบาทถงึ หน่งึ หมื่นสีพ่ ันบาท ถาความผิดตามวรรคแรกเปนการกระทําตอทรัพยท่ีเปนโค กระบือ เครื่องกล หรือเครื่องจักรที่ผูมีอาชีพกสิกรรมมีไวสําหรับประกอบกสิกรรม ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกต้ังแต สามปถ ึงสิบป และปรับตงั้ แตหกพันบาทถงึ สองหมน่ื บาท ถาการกระทําความผิดดังกลาวในมาตราน้ี เปนการกระทําโดยความจําใจหรือความ ยากจนเหลือทนทาน และทรพั ยน้นั มีราคาเล็กนอ ย ศาลจะลงโทษผกู ระทาํ ความผดิ ดงั ทบ่ี ัญญัติไวใน มาตรา ๓๓๔ กไ็ ด

๔๑๔ คาํ ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ óóõ ÇÃäáá (๑) ลักทรัพยในเวลากลางคืน ป.อ.มาตรา ๑(๑๑) “กลางคืน” หมายความวา เวลาระหวางพระอาทิตยตกและ พระอาทิตยขน้ึ เปนการถือเอาการทพ่ี ระอาทิตยข น้ึ และพระอาทติ ยตกเปน เกณฑว ินจิ ฉัย มไิ ดถือเวลา ทกี่ าํ หนดไวแ นช ดั โดยใชน าฬก าเปน เครอ่ื งบอกเวลาแตอ ยา งไร เวลาพระอาทติ ยข นึ้ และพระอาทติ ยต ก นน้ั ถอื เกณฑก ารขน้ึ หรอื ตกจากขอบฟา เปน สาํ คญั มไิ ดถ อื เอาแสงอาทติ ยเ ปน เครอ่ื งกาํ หนดแตอ ยา งใด (๒) ลกั ทรพั ยใ นทีห่ รือบรเิ วณทมี่ เี หตุเพลิงไหม การระเบดิ อทุ กภยั หรอื ในท่หี รือบรเิ วณ ท่ีมีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแกรถไฟ หรือยานพาหนะอ่ืนท่ีประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทํานอง เดยี วกันหรืออาศัยโอกาสทีม่ ีเหตุเชน วา น้ัน หรอื อาศัยโอกาสที่ประชาชนกําลังตนื่ กลัวภยนั ตรายใดๆ กฎหมายลงโทษผูกระทําผิดฐานลักทรัพยตามขอนี้หนักข้ึน เพราะเหตุที่กรณีเชนน้ี การลักทรัพยกระทําไดสะดวกและผูกระทําฉวยโอกาสกระทําอยางไรศีลธรรมโดยไมคํานึงถึง ความทุกขเข็ญของผูอื่นซ่ึงกําลังประสบอยูในขณะน้ันแยกพิจารณาไดเปน ๓ กรณีคือ (๑) ในท่ีหรือ บริเวณทีม่ เี หตุเพลงิ ไหม การระเบิด อทุ กภยั หรอื อาศัยโอกาสทีม่ ีเหตุเชนวานนั้ (๒) ในที่หรอื บริเวณ ท่ีมีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแกรถไฟ หรือยานพาหนะอ่ืนท่ีประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทํานอง เดียวกัน หรืออาศัยโอกาสท่ีมีเหตุเชนวาน้ัน และ (๓) อาศัยโอกาสท่ีประชาชนกําลังต่ืนกลัว ภยนั ตรายใดๆ (๓) ลักทรัพยโดยทําอันตรายส่ิงกีดกั้นสําหรับคุมครองบุคคลหรือทรัพย หรือโดยผาน ส่ิงที่วาน้ันเขาไปดวยประการใดๆ “สิ่งกีดก้ันสําหรับคุมครองบุคคลและทรัพย” เชน ร้ัวบาน ฝาบาน ถาพังเขาไปลักทรัพยยอมมีผิดตามมาตรานี้ สวนคําวา “โดยผานส่ิงเชนวาน้ันเขาไปดวยประการใด” มตี วั อยา งเชนปน ร้ัวเขา ไปลักทรัพย (๔) ลักทรัพยโดยเขาทางชองทางซ่ึงไดทําขึ้นโดยไมไดจํานงใหเปนทางคนเขาหรือ เขาทางชองทางซ่งึ ผเู ปนใจเปด ไวให มาตรา ๓๓๕(๔) ถือเอาการ “เขาไป” เปนเกณฑท่ีจะลงโทษหนักขึ้น ถาเขาไปแลวจะ ออกกลับมาโดยวิธีใดไมถือเปนเร่ืองสําคัญท่ีจะลงโทษหนักข้ึนแตอยางใด เชน เขาไปลักทรัพย ในบานของเขาโดยเขาทางประตูที่เจาของเปดท้ิงไว แตพอจะออกมาจากบาน เจาของกลับมาพอดี จึงตองหนีออกทางชองหนา ตางหลงั บา น ไมตอ งรับโทษหนกั ขน้ึ ตามมาตรา ๓๓๕(๔) น้ี ชองทางซ่ึงไดทําข้ึนโดยไมไดจํานงใหเปนทางคนเขาน้ัน เชน ชองระบายลม ปลองไฟ ชองหนาตาง เปนตน แตตองชองทางท่ีไดทําข้ึนโดยคนทํา ถาลมพัดเอากระเบื้องหลังคาเปนชองไป ยงั มิไดซ อมคนจงึ ปน เขา ทางชอ งนั้นไมเขาตามมาตรา ๓๓๕(๔) นี้ สวนชอ งทางซ่ึงผูเ ปน ใจเปดไวใหน ัน้ จะเปน ชองทางประตู หนา ตา ง หรือเปน ชองทางทีไ่ ดง ัดและเปด ไวให (๕) ลักทรัพยโดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเปนผูอื่น มอมหนาหรือทําดวยประการอื่น เพื่อไมใ หเหน็ หรอื จาํ หนาได คาํ วา “á»Å§μÇÑ ” หมายความวา จะแปลงตวั เพ่ือมิใหจาํ ได เชน ใสวกิ

๔๑๕ หรอื ใสห นวดหรอื เคราปลอม คาํ วา “»ÅÍÁμÑÇ” หมายความวา ปลอมตัวใหเหมอื นกบั ผอู ืน่ ซงึ่ มตี วั อยู เชน ก. ปลอมตวั ใหเ หมอื น ข. แลวลักทรพั ย คาํ วา “มอมหนา” หมายความวา เราเอาดินหมอหรือ สีมาทาหนา เพื่อไมใหจําหนาได สวนคําวา “ทําดวยประการอ่ืนเพื่อไมใหเห็นหรือจําหนาได” หมายความถึง การปกปดใบหนาดวยประการใดๆ เชน เอาหนากากใสหรือเอาผาเช็ดหนาผูกหนา เหลือไวเ ฉพาะตรงนยั นตา (๖) ลักทรัพยโ ดยลวงวา เปนเจา พนักงาน การลักทรพั ยโ ดยลวงวาเปนเจา พนักงานตามมาตรา ๓๓๕(๖) น้ไี มต องถึงกับลวงวาเปน เจาพนักงานผูปฏิบัติหนาที่แตอยางใด เชน แตงเคร่ืองแบบขาราชการพลเรือนเรียกใหรถยนตหยุด เพอ่ื ตรวจคน เมอ่ื เขายอมหยดุ ใหต รวจคน กถ็ อื โอกาสลกั ทรพั ยใ นรถยนตเ ขาไป นา จะอยใู นความหมายนี้ แลวขอสําคัญนาจะอยูท่ีวาคําพูดหรือกิริยาทาทางท่ีแสดงออกนั้นลวงใหเขาเขาใจหรือไมวาเปน เจาพนกั งาน ตําแหนงใดตําแหนง หนึ่งหรือไม อน่ึงคําวา “ลวง” น้ัน หมายถึงการทําใหเขาใจผิดโดยวิธีใดๆ ไมจําตองมีการแอบอาง โดยตรงวาตนเปนเจาพนักงานก็ได เชน แตงกายเปนราษฎรธรรมดาแลวขอตรวจบัตรประจําตัวเขา เขาคิดวาเปนเจาพนักงานยอมใหตรวจ จึงถือโอกาสนั้นลักทรัพยเขาไปเชนน้ี ถือวาเปนการลักทรัพย โดยลวงวาเปนเจาพนักงานเพราะผูท่ีจะขอตรวจบัตรประจําตัวประชาชนไดก็มีเฉพาะเจาพนักงาน เทาน้นั (๗) ลกั ทรพั ยโ ดยมีอาวุธหรือโดยรว มกระทําความผิดดว ยกันต้งั แตส องคนขึน้ ไป เหตุท่ีทาํ ใหร บั โทษหนักขึน้ ตาม มาตรา ๓๓๕(๗) นี้ แยกออกเปน ๒ เหตคุ ือ ลักทรัพย โดยมีอาวุธ กับลักทรัพยโดยรวมกระทําความผิดดวยกันต้ังแตสองคนข้ึนไป เพียงเหตุใดเหตุหนึ่ง ก็ทําใหตองรับโทษหนักขึ้นแลว แตถาลักทรัพยโดยมีเหตุท้ังสองเหตุดังกลาวแลวดวยกัน ก็ยังคงรับ โทษหนักขึ้นในระวางโทษเทาเดิมตาม มาตรา ๓๓๕ วรรคแรก มิไดรับโทษหนักข้ึนถึงขนาด มาตรา ๓๓๕ วรรคสอง แตอยางใด การลักทรัพยโดยมีอาวุธน้ัน ปกติแลวก็ตองถือหรือพกพาติดตัวไปดวยในขณะกระทํา การลักทรัพย แตแมจะไมติดตัวอยู หากอยูในท่ีซ่ึงอาจหยิบฉวยไดทันทวงที เชน เอาหอกพิงเสาไว ใตถุนบานแลวปนข้ึนไปลักของในบาน ก็ถือวาลักทรัพยโดยมีอาวุธ การมีอาวุธในการลักทรัพยน้ัน ตองมีอยู ตั้งแตเริ่มลงมือลักทรัพยไปจนถึงลักทรัพยสําเร็จ ถาเพ่ิงมีภายหลัง เชน ลักดาบของ เจา ทรัพยถือมาดว ย เมือ่ พบเจาทรัพยจึงเงือ้ จะฟน เชนน้ไี มเปน ลกั ทรัพยโดยมีอาวุธ แตเปน ชิงทรพั ย แตถามีอาวุธแลวไมไดใชทําอะไรเลยนอกจากพกไปลักทรัพยเพียงอยางเดียวก็เปนลักทรัพย โดยมีอาวุธแลว การลักทรัพยโดยรวมกระทําความผิดดวยกันต้ังแตสองคนข้ึนไปนั้น หมายถึง การเปน ตัวการในการลักทรัพยน้ันดวยกันตามมาตรา ๘๓ ไมรวมถึงผูใชหรือผูสนับสนุนตามมาตรา ๘๔ มาตรา ๘๕ หรือมาตรา ๘๖

๔๑๖ (๘) ลักทรัพยในเคหสถาน สถานท่ีราชการ หรือสถานที่ที่จัดไวเพ่ือใหบริการสาธารณะ ทีต่ นไดเขา ไปโดยไมไดร ับอนญุ าต หรือซอ นตวั อยูในสถานท่นี น้ั ๆ มาตรา ๓๓๕(๘) ลงโทษการลักทรัพยในสถานท่ี ๓ ประเภทที่บุคคลน้ันไดเขาไป โดยมไิ ดร บั อนญุ าต หรอื ขณะเขา ไปนน้ั ไดร บั อนญุ าต แตเ ขา ไปแลว ไดซ อ นตวั อยใู นสถานทนี่ น้ั ๆ ไมอ อกมา และถอื โอกาสกระทําการลกั ทรพั ยใ นสถานที่นนั้ โดยลงโทษหนักข้ึนตามวรรคแรกนเ้ี ชน เดยี วกัน บคุ คลผลู กั ทรพั ยจ ะตอ งเขา ไปลกั ทรพั ยจ ากในสถานทตี่ า งๆ ดงั กลา วแลว ในขณะทเี่ ขา ไป มิไดรบั อนุญาตใหเ ขาไปได กรณใี ดที่ถอื วามสี ิทธิเขา ไปหรือไดร บั อนญุ าตใหเ ขาไปได จึงตอ งพจิ ารณา เปนกรณีๆ ไป แตอยางไรก็ตามการอนุญาตใหเขาไปในบางคร้ังอาจไมอนุญาตใหเขาไปทุกสวนของ เคหสถานก็ได ถาเขาไปลักจากสวนที่ไมไดรับอนุญาตใหเขาไปก็ถือวาเปนลักทรัพยในเคหสถาน เชน กนั เชน อนญุ าตใหเ ขา ไปในหอ งรบั แขกแตเ ขา ไปลกั ทรพั ยใ นหอ งนอน เปน ตน การเขา ไปลกั ทรพั ย ในเคหสถานน้นั จะตองเปนการเขาไปทง้ั ตวั ถาเพยี งแตย่นื มือเขาไปหยิบทรพั ยออกมา ไมถ ือวาเปน ลกั ทรัพยใ นเคหสถาน เพราะมาตรา ๓๓๕(๘) ใชค ําวาที่ “ตน” เขา ไปโดยมิไดร บั อนญุ าต คําวา “ตน” จงึ นาจะมไิ ดหมายความเฉพาะมอื หรอื แขนเทานั้น อกี กรณหี นง่ึ การเขา ไปในเคหสถาน สถานทร่ี าชการ สถานทบ่ี รกิ ารสาธารณะดงั กลา วแลว ขณะเขาไปอาจมีสิทธิหรือไดรับอนุญาตใหเขาไป แตไดซอนตัวอยูในสถานท่ีน้ันมิใหผูอื่นเห็น แลวถือโอกาสลักเอาทรัพยจากท่ีน้ันไป ก็ถือวาตองรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา ๓๓๕(๘) น้ีเชนกัน เชน ขาราชการไมยอมกลับออกมาจากสถานที่ราชการเม่ือเลิกงาน แตไดซอนตัวอยูในสถานที่นั้น จนเม่ือเห็นปลอดคนแลว จึงลกั เอาทรพั ยจ ากสถานท่นี น้ั ไป เปน ตน (๙) ลักทรัพยในสถานท่ีบูชาสาธารณะ สถานีรถไฟ ทาอากาศยาน ที่จอดรถ หรือเรือ สาธารณะ สาธารณสถานสาํ หรบั ขนถายสนิ คา หรือในยวดยานสาธารณะ เหตุท่ีทําใหตองรับโทษหนักข้ึนตามมาตรา ๓๓๕(๙) น้ี คือ การลักทรัพยในสถานท่ี หรือท่ีดังกลาวแลว ซึ่งตางกับในมาตรา ๓๓๕(๘) ตรงที่สถานท่ีหรือท่ีตามมาตรา ๓๓๕(๙) น้ี เปนสถานที่หรือท่ีซ่ึงประชาชนทั่วไปอาจเขาออกไดโดยอิสระไมตองรับอนุญาตจากผูใด รวมทั้งไมมี กําหนดเวลาการเขาออกทแ่ี นนอนอยูแลว (๑๐) ลกั ทรพั ยทใี่ ชหรือมไี วเ พ่อื สาธารณประโยชน สําหรับตามมาตรา ๓๓๕(๑๐) น้ีตองเปนทรัพยท่ีใชหรือมีไวเพ่ือสาธารณประโยชน ของประชาชนทั่วๆ ไป เชน หลอดไฟฟาท่ีติดอยูตามเสาไฟฟาสาธารณะ หรือหลอดไฟฟาท่ีเตรียม ไวติดตามเสาไฟฟาสาธารณะก็เชนเดียวกัน โทรทัศนสาธารณะ สายไฟฟาหรือสายโทรศัพทตามเสา ทอประปาท่ีนํามาวางไวเพื่อเตรียมฝงเพื่อปลอยน้ําไปใหประชาชน ปายจอดรถของกรมการขนสง ทางบก ปายบอกช่ือถนนของเทศบาล เปนตน ทรัพยของทางราชการทั่วๆ ไปถามิไดใชหรือมีไว เพ่ือสาธารณประโยชนก็มไิ ดเขาอยใู นมาตรา ๓๓๕(๑๐) นแ้ี ตอ ยางใด เชน พมิ พดดี ในสถานทร่ี าชการ เงนิ ของทางราชการที่เก็บไวในตนู ริ ภยั ตูโตะ เกาอี้ แบบพมิ พตางๆ เปนตน

๔๑๗ (๑๑) ลักทรพั ยท่เี ปนของนายจางหรือทีอ่ ยใู นความครอบครองของนายจาง นายจา งตามความหมายในมาตรา ๓๓๕(๑๑) นี้ หมายถงึ นายจา งตามสญั ญาจา งแรงงาน (๑๒) ลักทรพั ยท่เี ปน ของผูมอี าชพี กสกิ รรม บรรดาทเ่ี ปน ผลติ ภัณฑ พชื พนั ธุ สัตว หรือ เคร่ืองมืออนั มีไวส าํ หรับประกอบกสกิ รรม หรือไดม าจากการกสกิ รรมน้นั มาตรา ๓๓๕(๑๒) นใ้ี หค วามคมุ ครองแกท รพั ยข องผมู อี าชพี กสกิ รรมเฉพาะประเภททรี่ ะบุ เอาไวดังกลาว ซึ่งอาจเปนทรพั ยอ ันมไี วส ําหรบั ประกอบกสกิ รรมหรอื เปนทรพั ยไดมาจากการกสิกรรม อยา งใดอยางหนึง่ หรือทัง้ สองอยา ง ÁÒμÃÒ óóõ ÇÃäÊͧ วรรคสองนล้ี งโทษหนกั ขนึ้ ไปอกี สาํ หรบั การลกั ทรพั ยท เี่ ขา ไปอยใู นเกณฑข องมาตรา ๓๓๕ (๑)-(๑๒) ตง้ั แตส องอนมุ าตราขนึ้ ไป เชน ลกั ทรพั ยใ นเคหสถานในเวลากลางคนื ลกั ทรพั ยโ ดยลวงวา เปน เจาพนักงานและโดยมีอาวุธ ลักทรัพยของนายจางในยวดยานสาธารณะ ลักทรัพยในเคหสถาน โดยมอมหนาโดยมีอาวุธ และทีเ่ ปนของนายจา ง เปนตน แตถ าอยูในอนมุ าตราเดียวกนั เชน ลกั ทรัพย โดยมอี าวธุ และโดยรว มกนั ตง้ั แตส องคนขน้ึ ไป ไมเ ขา มาตรา ๓๓๕ วรรคสอง แตเ ขา เฉพาะมาตรา ๓๓๕ วรรคแรกเทาน้ัน ÁÒμÃÒ óóõ ÇÃäÊÒÁ กําหนดใหผูกระทําผิดตามมาตรา ๓๓๕ วรรคแรกซ่ึงก็ไดแกตามมาตรา ๓๓๕(๑๒) คือ ลักทรัพยท่ีเปนของผูมีอาชีพกสิกรรม บรรดาท่ีเปนผลิตภัณฑ พืชพันธุ สัตว หรือเคร่ืองมืออันมีไว สาํ หรบั ประกอบกสกิ รรม หรอื ไดม าจากการกสกิ รรมนนั้ จะตอ งรบั โทษหนกั ขน้ึ โดยกาํ หนดตวั ทรพั ยไ ว แนชัดวา ถาทรัพยน้ันเปนโค กระบือ เครื่องกล เครื่องจักร ที่ผูมีอาชีพกสิกรรมมีไวสําหรับประกอบ กสิกรรม ÁÒμÃÒ óóõ ÇÃ䷌Ҡเปนพฤติการณที่ทําใหผูกระทําความผิดไดรับโทษนอยลงกวาโทษที่ระบุไวในมาตรา ๓๓๕ วรรคแรก วรรคสองและวรรคสาม กลา วคอื ถาการกระทําผิดดังกลาว เปน การกระทําโดยความ จําใจหรือความยากจนเหลอื ทนทานและทรัพยน ั้นมรี าคาเลก็ นอ ย ศาลอาจจะลงโทษผกู ระทาํ ผิดตาม มาตรา ๓๓๔ ก็ได ดวยความจาํ ใจ เชน เปน คนพลัดหลงทางมาเปนเวลากลางคืน ไมพ บเจาของบาน อยูท่ีบานกําลังหิวโหยจึงปนหนาตางเขาไปเอาอาหารมากินประทังความหิว ศาลอาจลงโทษตาม มาตรา ๓๓๔ กไ็ ดค วามยากจนเหลอื ทนทาน คอื ไมม เี งนิ หรอื ปจ จยั พอทจ่ี ะซอ้ื อาหาร ยา เครอ่ื งนงุ หม ได จะขอใครก็ไมไดหรือเขาไมยอมให จึงตัดสินใจเขาไปลักมาจากในเคหสถานของเขา ฯลฯ เชนน้ี ถาศาลเห็นวาทรัพยนั้นมีราคาเล็กนอย ก็อาจลงโทษตามมาตรา ๓๓๔ ก็ได การลักทรัพย เพราะความจําใจ หรือความยากจนเหลือทนทานนี้ ไมจํากัดวาจะตองลักมาเพ่ือตนเองเทานั้น อาจลักไปเพอ่ื บคุ คลอ่ืนกไ็ ด

๔๑๘ μÑÇÍ‹ҧ ®Õ¡Ò·Õè ùøô/òõðø ที่จอดรถสาธารณะตามมาตรา ๓๓๕(๙) นั้นเปนท่ีจอดรถ ท่ีสาธารณชนมีสิทธิจะนํารถของตนไปจอดได ดังน้ันท่ีซึ่งมีปายใหจอด ใหรถประจําทางหยุดรับสง คนโดยสารเปน ระยะๆ ไป จงึ ไมใ ชท ่ีจอดรถสาธารณะตามความมงุ หมายของกฎหมาย ®¡Õ Ò·èÕ ñðøð/òõññกุญแจนั้นไมใชสิ่งกีดกั้นสําหรับคุมครองบุคคลหรือทรัพย เพราะไมมีลกั ษณะเปน สิ่งกีดก้ันอยา งเชน รว้ั หรือวา ลูกกรง ประตู หนาตา งอะไรทาํ นองนั้น ®¡Õ Ò·èÕ òôô÷/òõò÷ ประตูรถเปนสวนหนึง่ ของรถ ไมใชส ิง่ กดี กนั้ ®Õ¡Ò·èÕ òùùõ/òõôõ เงินที่ลักเอาจากตูโทรศัพทสาธารณะ ไมใชทรัพยท่ีใชหรือ มีไวเพือ่ สาธารณประโยชนตาม ม.๓๓๕(๑๐) ó. ǧÔè ÃÒÇ·ÃѾ ÁÒμÃÒ óóö “ผูใดลักทรัพยโดยฉกฉวยเอาซ่ึงหนา ผูน้ันกระทําความผิดฐาน วิ่งราวทรพั ยต องระวางโทษจําคกุ ไมเกินหา ป และปรับไมเกนิ หนง่ึ แสนบาท ถาการวิง่ ราวทรพั ยเ ปนเหตุใหผอู น่ื รบั อันตรายแกก ายหรอื จิตใจ ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษ จําคุก ต้ังแตสองปถงึ เจด็ ป และปรบั ตัง้ แตส่หี มื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หม่นื บาท ถาการว่ิงราวทรัพยเปนเหตุใหผูอ่ืนรับอันตรายสาหัส ผูกระทําตองระวางโทษจําคุก ต้ังแตส ามปถ ึงสิบป และปรบั ตั้งแตหกหม่ืนบาทถงึ สองแสนบาท ถาการว่ิงราวทรัพยเปนเหตุใหผูอื่นถึงแกความตาย ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกต้ังแต หาปถ งึ สิบหาป และปรบั ตัง้ แตหนง่ึ หมืน่ บาทถึงสามหมื่นบาท” ͧ¤»ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ๑. ลกั ทรัพย ๒. ฉกฉวยของซึง่ หนา คํา͸ºÔ Ò ว่ิงราวทรัพย คอื การลกั ทรพั ยโ ดยฉกฉวยเอาซ่ึงหนา คาํ วา “ฉกฉวย” คือ กิริยาทห่ี ยิบ หรือจับหรือกระชากเอาทรัพยไปโดยเร็ว ไมขาดตอนหรือขาดระยะรวมเปนการกระทํากรรมเดียวกับ การเอาทรพั ย คาํ วา “ซงึ่ หนา ” หมายถงึ ทรพั ยน นั้ ถกู ฉกฉวยไปซง่ึ หนา ตวั เจา ทรพั ย หรอื อยใู กลช ดิ กบั ตวั ผูครอบครองทรัพยน้ัน และความสําคัญอยูที่วา ทรัพยนั้นจะตองอยูใกลตัวหรือใกลชิดกับตัว ผูครอบครองทรัพยน้ัน และขณะถูกฉกฉวยเอาทรัพยไป ผูน้ันรูสึกตัวหรือเห็นในการฉกฉวย เอาทรพั ยไป ถาผูน ้ันไมเห็นหรอื ไมร ูสกึ กไ็ มเ ปน วง่ิ ราวทรัพย วิธีการฉกฉวยเอาซ่ึงหนาน้ัน จะใชเทาว่ิงหรือใชยานพาหนะเปนเคร่ืองมือก็ได และอาจ จะเปน การสมคบรวมมือกนั หลายคนหรอื เปนการแบงหนา ที่กนั ทํากไ็ ด สว นกรณีวรรคสอง ถึง วรรคสี่นน้ั เปนเหตอุ น่ื ประกอบการเพม่ิ โทษ

๔๑๙ μÑÇÍÂÒ‹ § ®Õ¡Ò·èÕ ùñù/òõðó จําเลยเขาไปในรานขายสุรา ขอซื้อสุราแตเจาของไมขายให เพราะพนเวลาขายแลวจําเลยก็ควาขวดสุราท่ีตั้งอยูในรานสุราและกลาววาจะเอาไปจะทําไม แลว ควาขวดสุราและเดินออกจากราน การกระทําน้ันก็ยอมจะเปนความผิดฐานว่ิงราวทรัพยได เพราะมีการฉกฉวยเอาซง่ึ หนา ®¡Õ Ò·èÕ ñðøø/òõòð จําเลยลูบคลําตามเสื้อกางเกงผูเสียหาย แลวพูดขอแวนตา ผเู สยี หายสวมอยู ผเู สยี หายไมใ ห จาํ เลยแยง แวน ตาไปจากผเู สยี หาย ผเู สยี หายแยง คนื มาไดจ าํ เลยแยง ไปอกี แลว พดู วา ถา เอง็ มอี าวธุ กแ็ ทงแลว และเอามอื ลวงใตเ สอื้ ตรงขอบกางเกงหนา ทอ ง ดงั นี้ เปน การ ว่ิงราวแวน ตา แตไมเปนการขูวา จะทาํ ราย ®¡Õ Ò·èÕ òñðð/òõòñ รวบคอผเู สยี หายเพอ่ื ใหร วู า สวมสรอ ยคออยู แลว กระตกุ สรอ ยคอ หนัก ๒ สลงึ สรอยบาดคอเปน แผล ไมถงึ เปน อันตรายแกก าย ไมเปนชิงทรพั ย แตเ ปนการฉกฉวยเอา ซึ่งหนา เปน วง่ิ ราวทรพั ย ®¡Õ Ò·èÕ øóñ/òõóò จําเลยที่ ๑ ใชมือซายกระชากคอเส้ือผูเสียหาย แลวใชมือขวา กระชากสรอยคอทองคําหนัก ๑ สลึง ของผูเสียหายขาดออกจากกัน และเอาสรอยคอกับพระเลี่ยม ทองคําซึ่งแขวนอยู ๑ องคไป เปนการกระทําท่ีตอเนื่องกันในทันใดเพื่อประสงคจะเอาสรอยคอของ ผูเสียหายเปนสําคัญและเปนเพียงวิธีการเอาทรัพยของผูเสียหายเทาน้ัน มิใชเปนการใชกําลัง ประทษุ รา ยผเู สยี หาย อนั จะเปน ความผดิ ฐานชงิ ทรพั ย แตเ ปน เรอ่ื งทจี่ าํ เลยใชก ริ ยิ าฉกฉวยเอาสรอ ยคอ และพระเล่ียมทองคําของผูเสียหายไปซึ่งหนาอันเปนความผิดฐานว่ิงราวทรัพย เม่ือโจทกมิได บรรยายองคประกอบความผิดฐานนี้มา และคําขอทายฟองก็มิไดขอใหลงโทษฐานว่ิงราวทรัพย จึงเปนเร่ืองท่ีโจทกมิไดประสงคใหลงโทษในความผิดฐานว่ิงราวทรัพย คงลงโทษจําเลยไดเฉพาะฐาน ลกั ทรพั ยเทา นนั้ ô. ¡ÃÃ⪡·Ã¾Ñ  ÁÒμÃÒ óó÷ “ผูใดขมขืนใจผูอื่นใหยอมใหหรือยอมจะใหตนหรือผูอื่นไดประโยชน ในลักษณะที่เปนทรัพยสินโดยใชกําลังประทุษรายหรือโดยขูเข็ญวาจะทําอันตรายตอชีวิต รางกาย เสรีภาพ ช่อื เสียง หรอื ทรัพยส ินของผูถูกขูเขญ็ หรือของบคุ คลที่สาม จนผูถกู ขมขืนใจยอมเชน วา นน้ั ผูน ้ันกระทําความผิดฐานกรรโชก ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กินหาป และปรับไมเ กนิ หน่งึ แสนบาท ถา ความผดิ ฐานกรรโชกไดก ระทําโดย (๑) ขูวาจะฆา ขูวาจะทํารายรางกายใหผูถูกขมขืนใจหรือผูอื่นใหไดรับอันตรายสาหัส หรอื ขวู าจะทําใหเกิดเพลงิ ไหมแกทรพั ยส นิ ของผถู กู ขมขืนใจหรอื ผอู ื่น หรือ (๒) มอี าวธุ ตดิ ตวั มาขเู ข็ญ ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหกเดือนถึงเจ็ดป และปรับต้ังแตหนึ่งหมื่นบาท ถึงหน่ึงแสนส่หี มนื่ บาท”

๔๒๐ ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. ขม ขืนใจผูอื่น ๑.๑ ใหยอมให หรือ ๑.๒ ยอมจะให ๒. แกตนหรือผูอื่น ๓. ไดร ับประโยชนใ นลกั ษณะท่เี ปน ทรพั ยสิน ๔. โดย ๔.๑ ใชกําลังประทุษราย หรือ ๔.๒ ขเู ข็ญวาจะทาํ อันตรายตอชีวติ รางกาย เสรีภาพ ชอื่ เสยี ง หรือทรัพยส นิ ของ ผถู กู ขูเ ข็ญหรือบุคคลที่สาม ๕. ผูถกู ขม ขืนใจยอมเชน วา นน้ั ๖. โดยเจตนา คาํ ͸ºÔ Ò คําวา “¢‹Á¢×¹ã¨” หมายความวาบังคับใจ ซ่ึงการตัดสินใจยังอยูท่ีตัวผูกระทําเอง แตผกู ระทําถกู บงั คบั ใหตอ งตดั สินใจทีจ่ ะกระทาํ ตามทบี่ ังคับ คําวา “ÂÍÁãËŒ” หมายความวาตกลงใหประโยชนในลักษณะที่เปนทรัพยสินในปจจุบัน น้ันเอง เชน ตกลงใหเ งินในขณะนั้นตามท่ขี มขืนใจ คําวา “ÂÍÁ¨ÐãËŒ” หมายความวาตกลงจะใหในเวลาภายหนา เชน ตกลงวาพรุงน้จี ะให ประโยชนใ นลักษณะทเ่ี ปนทรัพยสิน คาํ วา “»ÃÐ⪹ã¹Å¡Ñ ɳзÕàè »š¹·Ã¾Ñ ÂÊ¹Ô ” หมายความรวมถงึ สิง่ ตางๆ ดงั ตอ ไปนี้ (๑) “·ÃѾÊÔ¹” ตามความหมายแหงประมวลกฎหมายแพงฯ มาตรา ๑๓๘ คือ หมายความ “ÃÇÁ·éѧ·ÃѾ (คือวัตถุที่มีรูปราง เชน เงินหรือสิ่งของ) ·Ñé§ÇÑμ¶Ø·èÕäÁ‹ÁÕÃٻËҧ «Öè§ÍÒ¨ ÁÕÃÒ¤ÒáÅÐÍÒ¨¶×ÍàÍÒä´Œ” เชน สิทธิตางๆ ที่คํานวณเปนเงินได เชน ลิขสิทธิ์ สิทธิเรียกรอง ทเี่ กดิ จากหน้ี ทรัพยสทิ ธิ ฯลฯ (๒) »ÃÐ⪹· äèÕ Áã‹ ª‹μÑÇ·Ã¾Ñ Âʏ Ô¹´§Ñ ¡Å‹ÒÇã¹ (ñ) áμ‹à»¹š »ÃÐ⪹ã¹Å¡Ñ ɳзÕàè »š¹ ·ÃѾÊÔ¹ เชน การยอมใหดูภาพยนตรฟรี หรือยอมใหขึ้นรถประจําทางฟรีหรือใหบริการฟรีซ่ึงอาจ คาํ นวณเปน เงนิ ได ความผดิ ฐานกรรโชกตามมาตรา ๓๓๗ ผกู ระทําตอ งขม ขนื ใจผูอื่น คอื เปน การไปบังคบั บุคคลอ่ืนท่ีไมใชตัวผูกระทําความผิด และความผิดจะเกิดขึ้นตอเม่ือผูถูกขมขืนใจยอมใหคือ ตกลงให หรือยอมจะใหในภายหลงั และเมือ่ ยอมใหห รอื ยอมจะใหแลว ผขู มขืนใจจะไดรบั ประโยชนในลกั ษณะ ทรัพยสินแลวหรือยังไมไดรับก็ตาม ก็เปนความผิดสําเร็จทันที แตถาผูถูกขมขืนใจไมยอมไมวา เพราะเหตุใด ผกู ระทําก็มีความผิดเพยี งพยายามกระทาํ ความผิดเทาน้นั

๔๒๑ การขม ขนื ใจผอู น่ื จะเปน ความผดิ ตามมาตรานตี้ อ งเปน ผไู มม อี าํ นาจโดยชอบดว ยกฎหมาย ถา เปนผมู อี ํานาจโดยชอบดว ยกฎหมายกไ็ มม ีความผดิ ฐานกรรโชก ทง้ั นผี้ กู ระทาํ ความผดิ จะตอ งกระทาํ ไปโดยมเี จตนาคอื ผกู ระทาํ รสู าํ นกึ ในการกระทาํ และ ขณะเดียวกันผูกระทําประสงคต อ ผลหรอื ยอ มเล็งเห็นผล กรณีตามมาตรา ๓๓๗ วรรคสอง (๑)(๒) เปนเหตุฉกรรจซ่ึงเพิ่มโทษใหหนักขึ้นกวา วรรคแรก อนึง่ มขี อ สงั เกตระหวา งความผิดฐานกรรโชกและชงิ ทรพั ยด ังนี้ ๑. ชงิ ทรพั ยต อ งเปน การสง ทรพั ยใ หใ นขณะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ ราย ความผดิ ฐานกรรโชกถา ยอมใหห รอื สง ทรพั ยใ หท นั ทเี มอื่ ถกู ขม ขนื ใจ หรอื เพยี งรบั สญั ญา ยอมจะใหภายหลังถูกขมขืนใจ การใชกําลังประทุษรายหรือการขูเข็ญจะทําอันตรายในขณะขมขืนใจ หรือภายหลังกไ็ ด ๒. ชงิ ทรพั ยเ ปน การใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยหรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยตอ ตวั บคุ คล สวนกรณกี รรโชกนอกจากกระทําตอ ตวั บุคคลแลว อาจกระทาํ ตอเสรีภาพ ช่ือเสยี ง หรอื ทรัพยสินก็ได ๓. ชิงทรัพย ทรัพยที่สงใหตองเปนทรัพยท่ีเคลื่อนที่ได สวนกรรโชกจะเคลื่อนท่ีหรือไม กไ็ ด และยังรวมถึงประโยชนในลักษณะที่เปน ทรัพยสนิ μÇÑ ÍÂÒ‹ § ®¡Õ Ò·Õè ññùó/òõðò ผูเสียหายถูกจําเลยขูจนยอมรับจะใหเงินตามที่จําเลยขมขืนใจ แลว ยอ มครบองคแ หง ความผดิ ฐานกรรโชกแลว ทกุ ประการ จะไดร บั เงนิ ตามทผี่ เู สยี หายรบั ปากใหแ ลว หรอื ยงั หาใชส าระสาํ คญั ขององคค วามผดิ ฐานกรรโชกไม ฉะนนั้ การทจี่ าํ เลยถกู เจา หนา ทจ่ี บั เสยี กอ นที่ จะไดร บั เงนิ จากผเู สยี หาย จงึ ไมเ ปน เหตใุ หก ารกระทาํ ของจาํ เลยอยใู นขน้ั พยายามกระทาํ ความผดิ ไปได ®Õ¡Ò·èÕ ñò÷ø/òõðó (ประชุมใหญ) จําเลยเขียนจดหมายไปขูเข็ญผูเสียหายใหสง เงิน ๓,๐๐๐ บาทใหจําเลย มิฉะนั้นบุตรผูเสียหายจะเปนอันตรายถึงชีวิต แมจะไดความวาบุตรของ ผูเสียหายเปนคนบอกใหจําเลยเขียนจดหมายไปขูเข็ญบิดา เพื่อหลอกลวงใหบิดาสงเงินมาใหก็ยัง ถือวา ผูเสียหายถูกขมขืนใจ เพราะในแงของผูเสียหายยังคงถือวาบุตรผูเสียหายเปนบุคคลท่ีสาม ตามมาตรา ๓๓๗ วรรคตน จาํ เลยจงึ มคี วามผิดฐานกรรโชกตามมาตรา ๓๓๗ ®¡Õ Ò·èÕ ñôô÷/òõñó จําเลยกับพวกมีอาวุธปนติดตัวเขาไปพูดจาใหผูเสียหายคิดบัญชี การเงินที่จําเลยกับผูเสียหายเปนหุนสวนทําการกอสราง โดยขูวาถาไมคิดจะเกิดเรื่องการกระทําของ จําเลยไมบรรลุผล เพราะผูเสียหายไมยอมคิดบัญชีให ไมวาจะดวยเหตุท่ีผูเสียหายไมกลัวหรือเพราะ มีตํารวจมาขัดขวางก็ตาม จําเลยก็มีความผิดฐานพยายามกระทําความผิดตอเสรีภาพแลวแตไมเปน ความผดิ ฐานพยายามกรรโชก เพราะไมม ที างทจี่ ะเหน็ วา จาํ เลยจะไดป ระโยชนใ นทรพั ยส นิ หากจะไดก ็ เพยี งสทิ ธิในฐานะท่เี ปน หนุ สวน

๔๒๒ ®¡Õ Ò·èÕ òðòõ/òõñö จําเลยกับพวกเขาไปในรานผูเสียหาย และพูดขูเข็ญเอาเงิน ผเู สยี หายสองครงั้ ครงั้ ทสี่ ามถกู ตาํ รวจจบั ได เมอื่ ผเู สยี หายไมย อมใหเ งนิ หรอื ไมร บั วา จะใหจ งึ อยใู นขน้ั พยายามกระทําความผดิ ฐานกรรโชก ®Õ¡Ò·èÕ òõøø/òõóð จาํ เลยเชอ่ื โดยสจุ รติ วา ผเู สยี หายลกั สตก๊ิ เกอรร าคาหนงึ่ บาทของ หางฯ ซึ่งจําเลยมีหนาท่ีดูแลกิจการอยูไป การท่ีจําเลยเรียกใหผูเสียหายเสียคาปรับแกหางฯ จํานวน ๓๐ บาท มิฉะน้ันจะสงตัวใหเจาพนักงานตํารวจน้ัน เปนกรณีท่ีจําเลยชอบท่ีจะใชสิทธิตามกฎหมาย ดาํ เนนิ คดแี กผ เู สยี หายในทางอาญาได คาํ พดู ของจาํ เลยดงั กลา วเทา กบั เปน ขอ เสนอใหช ดใชค า เสยี หาย เพือ่ ตกลงเลิกคดีตามทีห่ า งฯ ถือปฏบิ ัติจงึ ไมเปน การขมขืนใจหรอื ขูเ ขญ็ ผเู สยี หาย จําเลยไมมคี วามผดิ ฐานกรรโชก ®¡Õ Ò·èÕ ôð÷õ/òõóð จําเลยเพียงแตทํานายดวงชะตาผูเสียหายวา ผูเสียหาย กําลังมีเคราะหใหสะเดาะเคราะห โดยเสียเงินคายกครูใหแกจําเลย ดังน้ี หาใชเปนการขูเข็ญตาม ความหมายของมาตรา ๓๓๗ แหง ป.อ. ไม แมจ ําเลยพดู ขวู า ถาไมใ หเงินจะใหพ อ ปมู าทาํ อันตราย ผูเสียหายทางไสยศาสตร และผูเสียหายยอมใหเงินก็เปนเร่ืองท่ีผูเสียหายเช่ือตามคําทํานายวา จะมเี คราะห มิใชเพราะกลวั คําขูเขญ็ ของจาํ เลย การกระทําของจําเลยไมเ ปนความผดิ ฐานกรรโชก ®Õ¡Ò·Õè óññð/òõóñ จาํ เลยเปน ญาตกิ บั ผเู สยี หายถอื วสิ าสะเขา ไปในบา นของผเู สยี หาย ตามลาํ พงั โดยไมมีอาวุธ เพอ่ื พดู ขอเงนิ จากผูเ สยี หาย เม่ือผเู สยี หายวาไมมี จําเลยพดู วา จะกระทบื ให ขาหักอีก แมจะเปนถอยคําที่รุนแรงไปบาง แตก็เปนการพูดถากถางหยอกลอมากกวาท่ีจะเปนการ ขมขนื ใจผูเ สียหายใหจําตอ งยินยอม ถอื ไมไ ดว าจําเลยมเี จตนากรรโชกเอาทรพั ยจากผเู สียหาย บานของผูเสียหายกับจําเลยอยูใกลกัน จําเลยเปนญาติกับผูเสียหายและรูจักกันมานาน จาํ เลยเคยไปมาหาสทู บ่ี า นของผเู สยี หาย การทจี่ าํ เลยเขา ไปในบา นของผเู สยี หายในวนั เกดิ เหตเุ พอ่ื พดู ขอเงนิ จึงยงั ฟงไมไดว า จําเลยเขา ไปโดยไมม เี หตุอันสมควร ®¡Õ Ò·èÕ óõñò/òõóò จําเลยสงจดหมายขมขูเรียกเอาเงินจากผูเสียหาย หากขัดขืน จะทําการระเบิดรานคาของผูเสียหายใหพังพินาศ แตผูเสียหายไมยอมใหเงินหรือยอมรับวาจะใหเงิน แกจําเลยตามที่เรียกรอง ถือไดวาจําเลยไดลงมือกระทําความผิดไปโดยตลอดแลวแตการกระทํานั้น ไมบ รรลผุ ล การกระทาํ ของจําเลยจงึ เปนความผดิ ฐานพยายามกรรโชก ®Õ¡Ò·èÕ ôðñò/òõóô การท่ีผูเสียหายยินยอมมอบเงินให ด. เพราะเหตุวา ด. จะนํา รูปถายของผูเสียหายซึ่งแตงตัวเปนฆราวาสไปโฆษณา อันเปนการขูเข็ญวาจะทําอันตรายตอชื่อเสียง ของผเู สียหาย และผเู สยี หายยนิ ยอมมอบเงินให ด. แม ด. จะยงั มไิ ดร บั เงินจํานวนดังกลาวไปกเ็ ปน ความผดิ ฐานกรรโชกสาํ เร็จแลว ®Õ¡Ò·èÕ ñóñ/òõôö จําเลยทั้งสี่เขามาในรานขณะผูเสียหายกําลังจัดของอยูกลางราน ผูเสยี หายถามวา มาซอื้ อะไร จําเลยท่ี ๑ บอกวาเปน เจาพนักงานตํารวจมาดูแลความเรียบรอยในรา น ตองการเงนิ ๕,๐๐๐ บาท เปน คาดแู ล ผเู สียหายรสู กึ ไมปลอดภยั จึงเดนิ ไปหลงั รานโทรศัพทไปทสี่ ถานี

๔๒๓ ตาํ รวจแตไมตดิ เมอื่ เดินออกมาหนา รานก็เห็นจําเลยทัง้ สีเ่ ดินข้ึนรถยนตก ระบะไป จะเหน็ ไดวา จาํ เลย ท่ี ๑ เพียงแตÍ ÒŒ §ÇÒ‹ ໹š ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ และ¾Ù´¢Íà§¹Ô เปนคาดแู ลรา นเทาน้ัน «§èÖ ผูเสียหาย¨ÐãËŒ ËÃÍ× äÁ¡‹ äç ´Œ ·§éÑ äÁป‹ รากฏวา จาํ เลยทงั้ สใ่ี ชก าํ ลงั ประทษุ รา ยหรอื ขเู ขญ็ วา จะทาํ อนั ตรายตอ ชวี ติ รา งกาย เสรีภาพ ช่ือเสียง หรือทรัพยสินของผูเสียหายหรือบุคคลท่ีสามแตอยางใด จําเลยท้ังสี่äÁ‹ä´Œ¾Ù´¢Ù‹Ç‹Ò ËÒ¡äÁã‹ ËàŒ §¹Ô áÅÇŒ ¨Ð·Òí ÍÐäüàŒÙ ÊÂÕ ËÒÂและไมไ ดร อเอาเงนิ จากผเู สยี หายตามทพ่ี ดู คาํ พดู ของจาํ เลยที่ ๑ ดังกลาว จึงÂѧ¶×ÍäÁ‹ä´ŒÇ‹Òเปนการขูเข็ญวาจะทําอันตรายตอเสรีภาพและทรัพยสินของผูเสียหาย äÁเ‹ ปนความ¼Ô´ตาม ม.๓๓๗ õ. ÃÕ´àÍÒ·Ã¾Ñ Â ÁÒμÃÒ óóø “ผูใดขมขืนใจผูอ่ืนใหยอมใหหรือยอมจะใหตนหรือผูอ่ืนไดประโยชน ในลักษณะท่ีเปนทรัพยสิน โดยขูเข็ญวาจะเปดเผยความลับ ซ่ึงการเปดเผยน้ันจะทําใหผูถูกขูเข็ญ หรือบุคคลท่ีสามเสียหายจนผูถูกขมขืนใจยอมเชนวานั้น ผูน้ันกระทําความผิดฐานรีดเอาทรัพย ตอ งระวางโทษจําคกุ ตง้ั แตห น่งึ ปถ ึงสิบป และปรบั ตัง้ แตสองหมน่ื บาทถงึ สองแสนบาท” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. ขมขืนใจผอู ืน่ ใหยอมใหห รือยอมจะให ๒. ตนหรือผอู นื่ ไดรบั ประโยชนในลกั ษณะทเี่ ปนทรพั ยสนิ ๓. โดยขูเข็ญวาจะเปดเผยความลับ ซึ่งการเปดเผยน้ันจะทําใหผูถูกขูเข็ญหรือบุคคล ที่สามเสยี หาย ๔. จนผถู ูกขม ขืนใจยอมเชน วา น้ัน ๕. โดยเจตนา คํา͸ԺÒ ผูกระทําจะตองขูเข็ญวาจะเปดเผยความลับซึ่งการเปดเผยจะทําใหผูถูกขูเข็ญหรือ บุคคลที่สาม เสียหายเทาน้ัน โดยไมมีการใชกําลังประทุษรายหรือโดยขูเข็ญวาจะทําอันตรายตอชีวิต รางกาย เสรีภาพ ช่อื เสยี ง หรอื ทรัพยส ินของผถู กู ขูเขญ็ หรือบคุ คลท่ีสาม ความผดิ ฐานรดี เอาทรพั ยน ้ี ยอ มเปน การขเู ขญ็ วา จะทาํ อนั ตรายตอ ชอื่ เสยี ง ฉะนนั้ จงึ เปน ความผิดฐานกรรโชกและความผิดตอเสรีภาพในตัวเอง แตความผิดฐานรีดเอาทรัพยนี้แมผูถูกขูเข็ญ จะสงทรัพยใหทันทีในขณะขูเข็ญก็ไมเปนความผิดฐานชิงทรัพยเพราะการขูเข็ญนั้นไมไดขูเข็ญวา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยเนอ่ื งจากความผดิ ฐานกรรโชกนน้ั เปน การขเู ขญ็ วา จะทาํ อนั ตรายตอ ชวี ติ รา งกาย และอืน่ ๆ คําวา “¢‹Á¢¹× 㨔 หมายความวา บงั คบั ใจ คําวา “¤ÇÒÁÅѺ” หมายความวา สิ่งซึ่งบุคคลผูมีประโยชนไดเสียประสงคจะปกปด โดยยอมใหร เู ฉพาะภายในวงบคุ คลอนั จาํ กดั ความลบั ตามมาตรานจี้ ะเปน ความลบั ในทางใดๆ กไ็ ด เชน ความลับสวนตัว อยางหญิงที่ยังไมมีสามีแตเคยเสียตัวมาแลว หรือความลับในทางอุตสาหกรรมก็ได

๔๒๔ ความสาํ คัญอยูท ว่ี า ผทู ่ีมสี ว นไดเ สยี โดยเฉพาะเจา ของความลบั ประสงคจะปกปด นอกจากนก้ี ารเผย ความลับตามท่ีขูเ ขญ็ วาจะเปดเผยนั้นจะทําใหผ ูถ กู ขเู ข็ญหรือบุคคลทสี่ าม เชน สามภี ริยาหรือบุตรของ ผถู กู ขูเข็ญเสียหาย บุคคลผูรูความลับของผูอื่นนอกจากบุคคลท่ัวไปแลวอาจเปนผูมีหนาท่ีหรือวิชาชีพก็ได เชน ทนายความ ความลับนั้นถานําไปเปดเผยแลวถาไมเสียหายก็ไมเปนความผิด ถาการเปดเผย ความลับน้นั เปน เพียงเสยี หายแกเขา แตไมไ ดขูเ ข็ญจนเขายอมใหประโยชนในลักษณะที่เปน ทรัพยสิน ไมผดิ มาตรา ๓๓๘ แตผ ดิ ฐานเปดเผยความลับตามมาตรา ๓๒๒ ถงึ มาตรา ๓๒๔ คําวา “เสียหาย” อาจจะเสียหายทางดานช่ือเสียง เกียรติยศก็ได รวมถึงความเสียหาย ทางดา นทรัพยส นิ ความผิดสําเร็จเกิดขึ้นเมื่อ ผูถูกขมขืนใจยอมใหหรือยอมจะใหประโยชนในลักษณะท่ี เปน ทรัพยส นิ แลว สวนจะไดประโยชนหรอื ไมไมส าํ คัญ แตถาผูถกู ขม ขืนใจไมยอมใหหรือไมย อมจะให ไมวาเพราะไมกลัวการขูเข็ญ หรือไมไดใหประโยชนในลักษณะที่เปนทรัพยสิน ก็เปนความผิดฐาน พยายามรีดเอาทรพั ย ®¡Õ Ò·Õè ñùôõ/òõñô จําเลยไดขมขืนใจโจทก ซึ่งเปนหุนสวนผูจัดการของหางหุน สวนจํากัดแหงหนึ่ง วาจะทําอันตรายตอช่ือเสียงของหางหุนสวนจํากัดแหงน้ัน ซึ่งเปนนิติบุคคลและ บุคคลที่สาม และไดขูเข็ญขมขืนใจโจทกวาจะเปดเผยความลับซึ่งการเปดเผยความลับน้ันจะทําให หา งหุน สวนจํากัด ดังกลา วเสยี หาย จนโจทกย อมจะใหเงนิ แกจ ําเลยตามท่ถี กู ขูเขญ็ ดงั น้ี ถอื วา โจทก ซ่ึงเปนผูถูกขูเข็ญเปนผูเสียหาย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒(๔) มีอํานาจฟองคดีในความผิดฐานกรรโชก หรือรดี เอาทรัพย การท่ีจําเลยขมขืนใจโจทกโดยขูเข็ญวาจะทําอันตรายตอชื่อเสียงของหางหุนสวนจํากัด ซ่ึงเปนบุคคลท่ีสาม จําเลยมีความผิดฐานกรรโชกตามมาตรา ๓๓๗ และจําเลยไดขูเข็ญโจทกวา จะเปดเผยความลับ ซ่ึงการเปดเผยนั้น จะทําใหโจทกเสียหาย จําเลยมีความผิดฐานรีดเอาทรัพย ตามมาตรา ๓๓๘ อีกฐานหน่ึงดวย แตความผิดฐานรีดเอาทรัพยเปนความผิดที่มีโทษหนักข้ึนจาก ความผิดฐานกรรโชกโดยอาศัยการกระทําเดียวกัน ตองลงโทษบทหนักในการกระทํากรรมเดียวกัน ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐ ö. ª§Ô ·Ã¾Ñ  ÁÒμÃÒ óóù “ผใู ดลักทรัพยโดยใชกาํ ลังประทุษรา ยหรือขเู ข็ญวา ในทนั ใดน้ันจะใชก าํ ลัง ประทุษรา ยเพอ่ื (๑) ใหความสะดวกแกก ารลักทรัพย หรือการพาทรัพยนน้ั ไป (๒) ใหย่นื ใหซ ่ึงทรัพยน นั้ (๓) ยดึ ถือเอาทรัพยน น้ั ไว (๔) ปกปด การกระทาํ ความผิดนนั้ หรอื (๕) ใหพนจากการจับกมุ

๔๒๕ ผนู น้ั กระทาํ ความผดิ ฐานชงิ ทรพั ย ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตห า ปถ งึ สบิ ป และปรบั ตงั้ แต หนง่ึ หมน่ื บาทถงึ สองหมื่นบาท ถาความผิดนั้นเปนการกระทําท่ีประกอบดวยลักษณะดังที่บัญญัติไวในอนุมาตราหน่ึง อนมุ าตราใดแหงมาตรา ๓๓๕ หรอื เปนการกระทําตอทรพั ยท่เี ปน โค กระบอื เครอ่ื งกลหรอื เครอ่ื งจักร ที่ผูมีอาชีพกสิกรรมมีไวสําหรับประกอบกสิกรรม ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสิบปถึงสิบหาป และปรับตั้งแตส องหมืน่ บาทถงึ สามหม่นื บาท ถาการชิงทรัพยเปนเหตุใหผูอื่นรับอันตรายแกกายหรือจิตใจ ผูกระทําตองระวางโทษ จาํ คกุ ต้ังแตสบิ ปถ ึงย่ีสิบป และปรับต้ังแตส องหมนื่ บาทถึงสี่หม่นื บาท ถาการชิงทรัพยเปนเหตุใหผูอ่ืนรับอันตรายสาหัส ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกต้ังแต สิบหา ปถึงยี่สบิ ป และปรับตัง้ แตสามหมน่ื บาทถึงส่หี ม่ืนบาท ถาการชิงทรัพยเปนเหตุใหผูอ่ืนถึงแกความตาย ผูกระทําตองระวางโทษประหารชีวิต หรือจาํ คกุ ตลอดชีวติ ” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ๑. ลักทรัพย ๒. โดยใชกาํ ลังประทุษราย หรือขเู ขญ็ วาในทนั ใดนัน้ จะใชกําลังประทษุ ราย ๓. การใชกําลังหรือขูเข็ญ จะใชกําลังประทุษรายนั้นโดยเจตนาเพื่ออยางใดอยางหนึ่ง ดังตอ ไปนี้ ๓.๑ เพื่อสะดวกแกการลักทรพั ย หรอื เพ่ือพาทรัพยน ัน้ ไป ๓.๒ เพอ่ื ใหยื่นใหซึง่ ทรัพยน ั้น ๓.๓ เพ่อื ยดึ ถือเอาทรัพยน นั้ ไว ๓.๔ เพอ่ื ปกปด การกระทําความผดิ นนั้ ๓.๕ เพื่อใหพ นจากการจับกมุ คาํ ͸ԺÒ ๑. จะเปนความผิดฐานชิงทรัพยสําเร็จ การกระทํานั้นตองครบองคประกอบความผิด ฐานลักทรัพยโ ดยบริบรู ณแลว เม่ือการกระทําครบองคประกอบความผิดฐานลักทรัพยแลว ผูกระทําการลักทรัพยไดใช กําลังประทุษรายหรือขูเข็ญวาในทันใดน้ันจะใชกําลังประทุษรายกอนหรือในขณะกระทําการลักทรัพย หรือหลังจากการลกั ทรพั ย จึงจะเปนความผดิ ฐานชงิ ทรพั ย ๒. คําวา “ใชกําลงั ประทษุ ราย” หมายถงึ การประทษุ รา ยแกร า งกายหรอื จิตใจของบคุ คล ไมวาจะทําดวยแรงกายภาพหรือดวยวิธีอื่นใด และใหหมายความรวมถึงการกระทําใดๆ ซึ่งเปนเหตุ ใหบ คุ คลใดอยใู นภาวะทไี่ มส ามารถขดั ขนื ได ไมว า จะตอ งใชย าทาํ ใหม นึ เมา สะกดจติ ใจหรอื ใชว ธิ อี นื่ ใด อันคลา ยคลึงกัน ตาม ป.อ.มาตรา ๑(๖)

๔๒๖ ๓. การใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยนน้ั จะตอ งเปน การกระทาํ แกบ คุ คล จะเปน เจา ทรพั ย ผคู รอบครองทรพั ย หรอื บคุ คลอน่ื และไมว า จะทาํ กอ นลกั ทรพั ย ขณะทาํ การ ลกั ทรพั ย หรอื ลกั ทรพั ยส าํ เรจ็ ไปแลว กต็ าม แตม ขี อ สาํ คญั วา จะตอ งเปน การกระทาํ เกย่ี วเนอื่ งตดิ ตอ กนั เพ่ือทําการลักทรัพยน้ันไมขาดตอนหรือขาดระยะเปนกรรมเดียวกัน ถาไมเก่ียวเน่ืองกันขาดตอน ขาดระยะไปแลว อาจเปน ความผดิ ฐานลกั ทรัพย กบั ทํารายรางกายตางกระทงกัน ๔. ในการใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญวาในทันใดจะใชกําลังประทุษรายนั้น จะตอง กระทําโดยเจตนาพิเศษ คือ เพื่อประสงคตอผลอยา งใดอยา งหนึ่งในอนมุ าตรา ๑ ถงึ อนมุ าตรา ๕ ๔.๑ เพื่อสะดวกแกการลักทรัพย เชน กอนจะทําการลักทรัพยจับเอาคนยามเฝา ประตูบานมัดติดเสาไว แลวเขาไปลักทรัพย หรือเพื่อสะดวกในการพาเอาทรัพยนั้นไป หรือขูเข็ญ เจา ทรพั ยไมใหขัดขวาง ถา ขดั ขวางจะถูกทําราย ๔.๒ เพอื่ ใหย นื่ ใหซ งึ่ ทรพั ย เชน เหน็ เจา ทรพั ยผ กู นาฬก าอยจู งึ ไดใ ชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรือขูใ หถ อดนาฬกาสงให มเิ ชน นน้ั จะฆา หรอื จะฟน ทันที เปน ตน ๔.๓ เพ่ือยึดถือเอาทรัพยนั้นไว เมื่อทําการลักทรัพยไดแลวเจาทรัพยขัดขวาง หรือแยงเอาคนื หรอื พวกเจาทรัพยต ิดตามไปทัน เพอ่ื แยงเอาทรัพยคืน จึงใชกําลังประทุษรา ยโดยจบั เจาทรัพยผ กู ตดิ กับตน ไมหรอื ผกู ตาเสยี ๔.๔ เพื่อปกปดการกระทําความผิด หมายความวา ลักทรัพยสําเร็จแลวไดขู เจา ทรัพยไมใ หนาํ เรือ่ งไปแจง ตาํ รวจ ๔.๕ เพอ่ื ใหพ น จากการจบั กมุ หมายความวา การลกั ทรพั ยส าํ เรจ็ แลว พวกเจา ทรพั ย หรือเจาพนักงานติดตามเอาทรัพยคืน และจะจับกุม ผูกระทําการลักทรัพยนั้นใชกําลังประทุษราย หรอื ขเู ขญ็ จะประทุษรา ย เปนการขัดขวางเพอ่ื ใหพ นจากการจบั กมุ ในการลกั ทรพั ยน ้ัน ๕. ถา ปราศจากการประสงคต อ ผลใน ๕ อนมุ าตรานน้ั แลว แมจ ะมกี ารทาํ รา ยหรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก ําลงั ประทุษราย ก็ไมเ ปนความผิดฐานชิงทรัพย ๖. การใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา ในทนั ใดนน้ั จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยกอ นเอาทรพั ย ไปก็ดี หลังจากเอาทรัพยไปสําเร็จแลวก็ดี ตองเปนการกระทําผิดตอเก่ียวเน่ืองเปนกรรมเดียวกัน ไมขาดตอนหรือขาดระยะกับการลักทรัพยน น้ั ถาขาดตอนกนั แลว ไมเปนความผดิ ฐานชิงทรัพย ๗. การชิงทรัพยประกอบดวยเหตุฉกรรจ มาตรา ๓๓๙ ไดบัญญัติโทษเพิ่มหนักขึ้น เปนข้ันๆ ๗.๑ ตามวรรคแรกน้ัน เปนเพียงแตใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญวาในทันใดน้ัน จะทําการประทุษรายแกรางกาย หรือจิตใจ ในขั้นนี้ไมถึงกับเปนอันตรายแกรางกาย และจิตใจ เชน การจับแขนดงึ กระชาก ๗.๒ ถา การชงิ ทรพั ยน นั้ ประกอบดว ยเหตดุ งั บญั ญตั ไิ วใ นอนมุ าตราหนง่ึ อนมุ าตราใด แหงมาตรา ๓๓๕ เชน ชิงทรัพยในเวลากลางคืน ความผิดก็เพ่ิมหนักข้ึนตามความในมาตรา ๓๓๙

๔๒๗ วรรค ๓ แมก ารชงิ ทรัพยจ ะมีเหตุตามมาตรา ๓๓๕ หลายอนมุ าตราประกอบกัน ผลก็มีอยางเดยี วกัน คอื มีความผดิ ตามวรรคสามน้ี ๗.๓ ถาการชิงทรัพยนั้นเปนการกระทําตอทรัพยท่ีเปนโค กระบือ เคร่ืองกล หรือ เคร่ืองจักรท่ีผูมีอาชีพกสิกรรมมีไวประกอบกสิกรรม ผูกระทําก็ตองรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา ๓๓๙ วรรคสาม ๗.๔ ถา การชงิ ทรพั ยเ ปน เหตใุ หผ อู นื่ ไดร บั อนั ตรายแกก ายหรอื จติ ใจแลว กาํ หนดโทษ เพิม่ สูงขึน้ อีก ๗.๕ ถาการชิงทรัพยเปนเหตุใหผูอ่ืนรับอันตรายสาหัสตามท่ีบัญญัติไวใน มาตรา ๒๙๗ โทษเพิม่ สูงขนึ้ อกี ๗.๖ ถาการชิงทรัพยเปนเหตุใหผูอื่นถึงแกความตาย ผูกระทํามีโทษสูงสุดใน ความผดิ ฐานชิงทรพั ย การชิงทรัพยเ ปนเหตใุ หถึงตายน้ี ผูกระทาํ การชิงทรัพยตองไมมเี จตนาฆา แตถ าเปนเจตนาฆาเพ่ือสะดวกในการลกั ทรัพยแลว ผูกระทาํ ยอ มมคี วามผิดฐานอืน่ หรอื มาตรา ๒๘๙(๖) ในการใชกําลังประทุษรายน้ัน ตองมีเจตนาใชกําลังประทุษรายดวยการชิงทรัพย เปนเหตุใหผูอ่ืนไดรับอันตรายแกกายหรือจิตใจ รับอันตรายสาหัสหรือถึงแกความตายนั้นจะตอง เปน ผลทเ่ี กิดขนึ้ จากการชิงทรัพยน้ันโดยตรง μÇÑ ÍÂÒ‹ § ®Õ¡Ò·Õè ñöøó/òõðù จําเลยบังคับใหเขาขับรถยนต และขับรถของเขาไป เพื่อหนี มิใหถูกทํารายและถูกจับ เมื่อหนีพนแลว ก็จอดทิ้งไวในซอยในท่ีโลงเตียน ไมแสดงอาการซุกซอน ไมมีเจตนาทีจ่ ะถอื เอารถคนั นั้น ไมมคี วามผิดฐานลักทรพั ย แตผิดฐานทาํ ใหเ สอ่ื มเสียอิสรภาพ ®Õ¡Ò·Õè ñôðø/òõñò กรณที จ่ี าํ เลยลกั กระบอื ของผเู สยี หายผเู สยี หายไลต ดิ ตามอกี ๑๐วา จะทัน จําเลยท้ิงกระบือว่ิงหนี ผูเสียหายไลติดตามตอไปอีกเพื่อจะจับกุม จําเลยชักปนออกจอง ยอ มเปน การขเู ขญ็ จะทาํ รา ยผเู สยี หายเพอื่ ใหพ น จากการจบั กมุ เปน การกระทาํ ตอ เนอ่ื งกบั การลกั ทรพั ย ผิดฐานชงิ ทรัพย ®¡Õ Ò·èÕ ÷ñõ/òõñõ โจทกส บู นาํ้ ออกจากหนองนา้ํ เพอ่ื จบั ปลา จนนา้ํ แหง สามารถจบั ปลา ไดแลว ยอมถือไดวาปลาในหนองอยูในความครอบครองของโจทก ไมวาหนองนั้นจะเปนหนอง สาธารณะหรือไมก็ตาม การท่ีจําเลยใชปนขูหามมิใหโจทกจับปลาในหนองแลวสั่งใหพวกของจําเลย เอาปลาเหลา นน้ั ไป จาํ เลยยอมมคี วามผิดฐานชงิ ทรพั ย ®Õ¡Ò·èÕ òøòò/òõñ÷ จําเลยเขาบีบคอผูเสียหายทางดานหลัง แลวกระชากสรอยคอ หอยพระเครื่องท่สี วมอยทู ีค่ อจนสรอยขาด ในทนั ใดผูเ สียหายใชมอื กมุ สรอ ยที่หลุดจากคอ แตยังอยูท่ี บรเิ วณหนา อกไวไ ดท นั จาํ เลยเอาไปไมไ ด แมส รอ ยอยทู มี่ อื จาํ เลยตอนกระชาก กเ็ ปน การกระทาํ ในขนั้ ทมี่ งุ หมายจะใหส รอ ยขาดหลดุ จากคอผเู สยี หายเทา นน้ั เมอ่ื สรอ ยขาดแลว จาํ เลยยงั ไมท นั ยดึ ถอื เอาไป ผูเสียหายกุมสรอ ยเอาไวไ ด การยดึ ถือเอาสรอ ยไปยังไมบรรลุผล เปน ความผดิ ฐานพยายามชิงทรัพย

๔๒๘ ®¡Õ Ò·Õè òóùù/òõñø จาํ เลยลกั ไกไ ปจากบา นผเู สยี หาย ตอ มา ๑ ชวั่ โมง ผเู สยี หายตาม ไปพบจําเลยกับไกทก่ี ระทอ มของจาํ เลยหางจากท่ีเกดิ เหตุ ๑๐๐ เสน จําเลยถอื เหล็กแหลมจองมาทาง ผเู สยี หาย การลกั ทรพั ยข าดตอนไปแลว ไมใ ชอ ยใู นระหวา งพาทรพั ยไ ป การขจู ะทาํ รา ยเปน การกระทาํ ทเ่ี กิดขึน้ ภายหลัง มไิ ดตอ เน่อื งจากการกระทาํ ผิดฐานลกั ทรพั ย การกระทําของจาํ เลยไมเ ปนความผิด ฐานชงิ ทรพั ย ®¡Õ Ò·èÕ òñðó/òõòñ จําเลยข้ึนไปบนเรือนผูเสียหายในเวลากลางคืน แลวลักเอา นกเขาพรอมดวยกรงของผูเ สยี หาย นางสาวดําเห็นเขา จงึ เขาแยงกรงนน้ั แตสกู ําลังจําเลยไมไ ด จาํ เลย จึงแยงเอากรงและนกเขาของผูเสียหายไปได ดังน้ี ถือไมไดวาจําเลยไดใชกําลังประทุษรายแกกาย หรือจิตใจของนางสาวดําแตประการใด ทั้งไมไดความวาจําเลยขูเข็ญวาในทันใดน้ันจะใชกําลังกาย ประทษุ รา ยนางสาวดาํ ดว ย การใชก าํ ลงั แยง เอาทรพั ยไ ป กถ็ อื ไมไ ดว า เปน เหตใุ หน างสาวดาํ อยใู นภาวะ ที่ไมสามารถขัดขืนได ตามความหมายในมาตรา ๑(๖) การกระทําของจําเลยจึงไมเปนความผิดฐาน ชิงทรัพย แตเ ปนความผิดฐานลักทรัพยเทา นน้ั เพราะการใชก าํ ลังแยง กรงเปน การกระทําตอ ทรัพย ®¡Õ Ò·Õè ñðñø/òõòù จําเลยไปเลนไพแลวก็จับไดวาผูเสียหายเลนไพโกง จึงใชเหล็ก ปลายแหลมจีผ้ เู สยี หายบงั คับใหค นื เงิน ๙๒๐ บาทท่ีถูกโกง เปน การกระทําโดยจาํ เลยเช่อื วาตนมสี ิทธิ อันจะพึงไดเงนิ ทเ่ี สียการพนันไปคืน เพราะผูเสียหายเลนโกง ก็ไมเปนความผดิ ฐานชิงทรพั ย ท่ีไมเปนความผิดฐานชิงทรัพยก็เพราะเหตุวาการกระทําของเขาไมเปนความผิดฐาน ลักทรัพยนั่นเอง มันขาดเจตนาในการลักทรัพย เม่ือไมเปนการลักทรัพยแลวแมวาจะใชเหล็ก ปลายแหลม จีผ้ เู สียหายมันกไ็ มก อ ใหเกิดเปน ความผดิ ฐานชิงทรพั ยได ®Õ¡Ò·èÕ òö÷ô/òõóò จําเลยลกั ทรัพยส ําเร็จแลว ขณะหลบหนี ญ. ผดู ูแลรักษาทรัพย น้ันไดวิ่งไลจับจําเลย จําเลยสะบัดหลุดแลวใชมีดแทง ญ. ถือไดวาเปนการกระทําที่ตอเน่ืองกันยังไม ขาดตอนจากการกระทําความผิดฐานลักทรพั ย การทจี่ ําเลยใชม ีดแทง ญ. เปนการใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย เพอื่ ใหพ น จากการจบั กมุ การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ เปนความผดิ ฐานชงิ ทรัพย ®Õ¡Ò·èÕ ñðøò/òõóô พฤติการณของจําเลยท่ี ๒ ท่ีแสดงตอผูเสียหายซ่ึงเปนนักเรียน ตางโรงเรียนกัน ในขณะที่มีอาการมึนเมาโดยเอาเสื้อของผูเสียหายท่ีพาดบาผูเสียหายไป เมื่อลงจาก รถโดยสารประจําทางไปแลวก็มิไดมีกิริยาท่ีจะหลบหนี หรือพาไปใหพน ท้ังยังตามไปในโรงเรียนที่ ผเู สยี หายเขา ไป โดยเสอื้ ทเ่ี อาไปกย็ งั พาดบา จาํ เลยท่ี ๒ อยู การกระทาํ ของจาํ เลยทง้ั สองทเ่ี ปน วยั รนุ เชน นน้ั เหน็ ไดว า จาํ เลยท่ี ๒ มไิ ดม เี จตนาทจ่ี ะเอาไปเปน ของตนเองอนั เปน การแสดงเจตนาทจุ รติ เกย่ี วกบั ทรพั ย ท่ีเอาไป แตเปนท่ีเห็นไดวาเปนการแสดงอํานาจบาตรใหญทําไปดวยความคะนอง เพ่ือใหผูเสียหาย เห็นวาเปนคนเกงพอท่ีจะรังแกคนไดตามวิสัยวัยรุนที่ความประพฤติไมเรียบรอยเทาน้ัน มิใชเปนการ มุงหมายเพอื่ ประโยชนจ ากทรพั ย จงึ ไมเ ปน ความผิดฐานชงิ ทรพั ย ®Õ¡Ò·èÕ ñòøøø/òõõö ขณะผูเสียหายยืนปสสาวะอยูบริเวณพงหญาปากทางเขา สถานขี นสง จาํ เลยซง่ึ ผเู สยี หายไมร จู กั มากอ นเดนิ เขา มาหาแลว ลว งหยบิ เงนิ สด ๒๐๐ บาท จากกระเปา เสอื้

๔๒๙ ของผูเสียหายและชกผูเสียหายซึ่งมีอายุ ๗๐ ป ทําใหไดรับบาดเจ็บและทรุดน่ังลงกับพ้ืนโดยจําเลย มิไดพูดกับผูเสียหายแลวหลบหนีไป ลักษณะการกระทําของจําเลยเปนการกระทําการท่ีตอเนื่อง กันมิใชการกระทําท่ีขาดตอน คือการลักทรัพยเงินของผูเสียหายและการทํากับรางกายผูเสียหาย โดยทํารายรางกายผูเสียหาย เปนพฤติการณที่บงชี้ถึงเจตนาของจําเลยท่ีตองทําอันตรายแกกาย ผูเสียหายเพ่ือความสะดวกแกการกระทําผิดและพาเอาทรัพย การกระทําของจําเลยจึงเปนความผิด ฐานชงิ ทรัพยเ ปนเหตใุ หผอู น่ื ไดรับอันตรายแกกาย ®¡Õ Ò·èÕ òðöøø/òõõö หลังจากจําเลยท่ี ๑ และท่ี ๒ ชิงเอาเงินและโทรศัพทของ ผูเสียหายไปแลวจําเลยท่ี ๑ โทรศัพทไปแจงจาํ เลยท่ี ๓ ท่ีบาน ตอ มาจําเลยท่ี ๓ ไดเ ดินทางมาสมทบ ในที่เกิดเหตุและรวมแสดงบทบาทเปนหัวหนาสอบถามผูเสียหายเกี่ยวกับยาเสพติดตามท่ีจําเลยที่ ๑ แตงเรื่องขึ้น ถือวาความผิดฐานชิงทรัพยของจําเลยท่ี ๑ และท่ี ๒ สําเร็จภาคตอนแลวนับแตเวลา จําเลย ๑ และที่ ๒ ไดเงินและโทรศัพทของผูเสียหายไป แมจําเลยที่ ๓ พาผูเสียหายออกไปจาก ท่ีเกิดเหตุหลังจากที่จําเลยท่ี ๑ และท่ี ๒ ไดเงนิ และโทรศัพทของผเู สยี หายไปแลวจะถือวา จาํ เลยที่ ๓ ชว ยเหลอื หรอื ใหค วามสะดวกแกจ าํ เลยที่ ๑ และที่ ๒ กอ นหรอื ขณะกระทาํ ผดิ หาไดไ ม ถอื ไมไ ดว า จาํ เลยที่ ๓ เปน ผสู นับสนนุ การกระทําผดิ ÷. »Å¹Œ ·ÃѾ ÁÒμÃÒ óôð “ผูใดชิงทรัพยโดยรวมกันกระทําความผิดดวยกันต้ังแตสามคนขึ้นไป ผูน้ันกระทําความผิดฐานปลนทรัพย ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตสิบปถึงสิบหาป และปรับต้ังแต สองหมืน่ บาทถึงสามหมืน่ บาท ถาในการปลนทรัพยผูกระทําแมแตคนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปดวยผูกระทําตองระวาง โทษจาํ คกุ ตงั้ แตส บิ สองปถงึ ยีส่ ิบป และปรบั ต้ังแตส องหม่นื ส่ีพันบาทถึงสีห่ มื่นบาท ถาการปลนทรัพยเปนเหตุใหผูอื่นไดรับอันตรายสาหัส ผูกระทําตองระวางโทษจําคุก ตลอดชีวิต หรือจาํ คกุ ตงั้ แตสบิ หาปถึงยีส่ ิบป ถาการปลน ทรัพยไดกระทําโดยแสดงความทารณุ จนเปนเหตใุ หผ ูอ่ืนรบั อนั ตรายแกกาย หรือจติ ใจ ใชป น ยิง ใชวตั ถรุ ะเบดิ หรือกระทําทรมาน ผกู ระทําตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตลอดชวี ิต หรอื จําคกุ ตั้งแตสิบหา ปถึงย่สี บิ ป ถาการปลน ทรพั ยเ ปน เหตใุ หผ ูอื่นถึงแกค วามตาย ผูกระทําตอ งระวางโทษประหารชีวติ ” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. ชิงทรพั ย ๒. โดยรว มกระทาํ ความผิด ต้ังแตส ามคนข้ึนไป คาํ ͸ԺÒ ๑. ที่จะเปนความผิดฐานปลนทรัพยในองคประกอบขอแรกน้ันจะตองเปนการชิงทรัพย เสียกอ น กรณอี ยางไรเปนการชิงทรัพย ใหด ใู นความผิดฐานชิงทรัพยต ามมาตรา ๓๓๙

๔๓๐ ๒. ในองคประกอบขอ ๒ ท่ีวา “โดยรวมกระทําความผิดดวยกัน” นั้นหมายความถึง เฉพาะผทู เ่ี ปน ตวั การรว มกนั กระทาํ ความผดิ โดยเฉพาะไมน บั รวมถงึ ผสู นบั สนนุ ดว ย กรณอี ยา งไรเรยี กวา ตัวการนั้นใหดูในมาตรา ๘๓ ผูสนบั สนุนดมู าตรา ๘๖ แหง ป.อาญา ฉะนั้นเมอื่ กระทาํ ความผดิ ครบ องคประกอบฐานชิงทรัพยแลว จะตองพิจารณาตัวผูที่รวมกันกระทําความผิดในจํานวนสามคนนั้น ดวยวา เปนตัวการรวมกันกระทําความผิดหรือไม ถาเปนตัวการรวมกันกระทําการชิงทรัพย ตั้งแต สามคนขนึ้ ไปแลว กเ็ ปน ความผดิ ฐานปลน ทรพั ย แตใ นกรณรี ว มกนั ไปลกั ทรพั ย พวกของจาํ เลยทเี่ ขา ไป ลักฆาหรือยิงเจาทรัพย หากขอเท็จจริงฟงไมไดวา จําเลยรูวาพวกของจําเลยมีอาวุธการกระทําของ พวกจําเลยจึงอยูนอกความมุงหมายหรือเจตนาของจําเลยยอมไมมีความผิดฐานปลนทรัพยหรือฆา เจา ทรพั ยดว ยคงมีความผิดฐานลักทรพั ยเทานนั้ ๓. ในความผิดฐานปลนทรัพยนั้นตามองคประกอบขางตนตองทําการชิงทรัพย โดยรว มกนั ตงั้ แตส ามคนขน้ึ ไป และความผดิ ฐานชงิ ทรพั ยน นั้ องคป ระกอบจะตอ งเปน การลกั ทรพั ยก อ น ฉะนั้นในการสมคบรวมกันไปทําการลักทรัพยน้ี อาจมีบุคคลเกินกวาสามคนข้ึนไปทําการรวมกัน แตต างคนตางแยกกนั ทาํ มบี ุคคลบางสว นกระทําการชิงทรัพย คอื ใชก าํ ลังประทษุ รายขณะกระทาํ การ ลักทรัพยนั้น โดยมิไดตกลงรวมกันมากอนเชนน้ี ความผิดอาจแยกกันเปนตอนๆ ได แลวแตวา การกระทําน้ันเปน เหตสุ ว นตวั หรือเปนเหตุในลกั ษณะคดใี นการกระทาํ ความผิดน้ัน ๔. ความผดิ ฐานปลน ทรพั ยน ้ี ประมวลกฎหมายอาญาไดแ บง แยกความผดิ ออกเปน ขนั้ ๆ ประกอบดวยเหตฉุ กรรจเ ชนเดยี วกบั ความผิดฐานชงิ ทรัพย กลา วคือ ¢¹Ñé μ¹Œ คอื ความผดิ ฐานวรรคแรกนน้ั เปน การปลน ทรพั ยโ ดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยหรอื ขเู ขญ็ วา ทนั ใดนนั้ จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยไมถ งึ เปน อนั ตราย หรอื ถงึ เปน อนั ตรายแกร า งกายหรอื จติ ใจ แตไ มถ งึ เปน อนั ตรายแกก ายหรอื จติ ใจถงึ สาหสั กฎหมายกาํ หนดโทษจาํ คกุ ตงั้ แตส บิ ปถ งึ สบิ หา ป และปรบั ตง้ั แต สองหมน่ื บาทถึงสามหม่นื บาท ¢éѹ·ÕèÊͧ ถาในการปลนทรัพย ผูกระทํามีอาวุธติดตัวไปดวยแมแตคนหนึ่งคนใด ไมวา จะเปนเพียงโดยใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญวาในทันใดน้ันจะใชกําลังประทุษรายแกกายหรือจิตใจ ไมถ งึ อนั ตรายแกก ายหรอื จติ ใจหรอื ไม เปน ความผดิ ตามวรรคสอง กฎหมายกาํ หนดโทษจาํ คกุ และปรบั สูงกวาข้ันตน ¢¹éÑ ·ÊÕè ÒÁ ถา ในการปลน เปน เหตใุ หผ อู นื่ ไดร บั อนั ตรายสาหสั ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ แลว ผนู ้ันมคี วามผิดตามวรรคสาม ซ่งึ กฎหมายกาํ หนดโทษสงู กวา ¢¹Ñé ·ÊÕè èÕ ถา การปลน ทรพั ยไ ดก ระทาํ โดยแสดงความทารณุ จนเปน เหตใุ หผ อู น่ื ไดร บั อนั ตราย แกกายหรอื จิตใจ ใชป น ยิง ใชว ตั ถรุ ะเบิด หรอื กระทาํ ทรมาน ผูกระทําไดรบั โทษสงู ขนึ้ ตามทก่ี ฎหมาย กําหนดโทษไว คําวา “¡ÃÐทาํ â´ÂáÊ´§¤ÇÒÁ·ÒÃØ³¹¹éÑ ” ตองเปนเหตใุ หเ ปนอันตรายแกก ายหรอื จติ ใจ เชน การตัดใบหู การชก ตอย เฆ่ยี น ตี จนสลบ การตัดนวิ้ มอื นิ้วเทา เปน ตน

๔๓๑ คาํ วา “¡ÒÃ㪻Œ ¹„ Â§Ô ” นนั้ กฎหมายมไิ ดจ าํ กดั วา ใชป น ยงิ แลว จะยงิ กอ นลงมอื ปลน ทรพั ย ระหวา งปลน ทรพั ย หรอื ภายหลงั ปลน ทรพั ยแ ลว โดยกระทาํ ตดิ ตอ สมั พนั ธก นั ยงั ไมข าดตอน และการใช ปนยิงน้ันจะยิงถูกบุคคลใดหรือไมก็ตามเปนความผิดตามวรรคสี่น้ี และในกรณีท่ีใชวัตถุระเบิดก็คงมี ความหมายเชน เดียวกนั กับใชป นยิง การกระทําโดยทรมาน เชน การเอาเชือกรัดคอทําใหหายใจไมออกหลายคร้ังหลายหน การใชไฟฟาจ้ีเพื่อทําใหบอกที่เก็บทรัพย เปนตน แตการกระทําโดยทรมานนี้ ไมจําตองถึงกับเปน อันตรายแกกายหรือจิตใจ ¢éѹ·èÕËŒÒ ถาการปลนทรัพยเปนเหตุใหผูอ่ืนถึงแกความตาย ผูกระทําการปลนทรัพย มีความผดิ ตามวรรคสุดทายของมาตรา ๓๔๐ การปลนทรัพยเปนเหตุใหไดรับอันตรายแกกายและจิตใจ ไดรับอันตรายสาหัส หรือ ถงึ แกค วามตายนี้ กรณเี ปน เชน เดยี วกบั ความผดิ ฐานชงิ ทรพั ยก ลา วคอื คาํ วา ผอู นื่ นน้ั มไิ ดห มายเฉพาะ เจาทรัพยท่ีถูกปลนอาจเปนพวกเจาของทรัพย เจาพนักงาน หรือผูครองทรัพยแทนเจาทรัพยก็ได และการปลนทรัพยกับการไดรับอันตรายแกกายหรือจิตใจ รับอันตรายสาหัสหรือแกความตายนี้ ตอ งเปน การกระทาํ ทต่ี อ เนอื่ งกนั กบั การปลน ทรพั ยน นั้ มกี ารยงิ ตอ สกู บั เจา ทรพั ยแ ตก ระสนุ พลาดไปถกู พวกคนรายดวยกันตาย จําเลยจึงมีความผิดเพียงฐานปลนทรัพยโดยใชปนยิงและฐานฆาคนตาย โดยเจตนาเทานัน้ μÑÇÍÂÒ‹ § ®¡Õ Ò·èÕ ñôöõ/òõðø คนรา ยซงึ่ อยทู พี่ นื้ ดนิ ใชป น ยงิ สนุ ขั เหา จะกดั คนรา ยขณะคนรา ยอนื่ กาํ ลงั คน หาทรพั ย ถอื ไดว า การปลน ไดก ระทาํ โดยใชป น ยงิ เพราะคนรา ยยงิ สนุ ขั ทเี่ หา และจะกดั คนรา ย ในขณะท่คี นรายกําลังปลนบา นผเู สยี หาย เปนการกระทาํ ในการปลนทรัพยนั้นดวย เปนความผิดตาม มาตรา ๓๔๐ วรรคสี่ ®Õ¡Ò·èÕ ñùñ÷/òõññ ความผิดฐานปลนทรัพยเปนเหตุใหผูอื่นถึงแกความตายตาม มาตรา ๓๔๐ วรรคทายนั้น หมายถึง บุคคลอ่ืนมิใชพวกปลนดวยกันเอง ฉะนั้นการที่จําเลยกับพวก ปลนทรัพยและใชปนยิงเจาทรัพยบาดเจ็บกระสุนพลาดไปถูกพวกคนรายดวยกันตาย จําเลยจึงผิด เพียงฐานปลนทรพั ยโดยใชปนยิง และฐานฆา คนตายโดยเจตนา ®¡Õ Ò·èÕ õõù/òõñ÷ จําเลยกบั พวกอกี ๓ คน ซ่งึ ไมปรากฏวาเปนคนที่คนุ เคยชอบพอ กบั ผเู สยี หายพอทจี่ ะขอเงนิ กนั ได มาเตะรว้ั สังกะสีและระเบียงเรอื นของผเู สียหาย ผูเ สยี หายออกมาดู จําเลยขอเงิน ๑๒ บาท ผูเสียหายวาไมมี จําเลยกับพวกชวยกันเตะรั้วและระเบียงเรือน จนสังกะสี หลดุ ๓ แผน ไมระแนงเรอื นหลุดหลายอนั ถอื ไดว าเปนการขูเขญ็ วา ในทนั ใดน้นั จะใชกําลงั ประทษุ ราย ผูเสยี หายกลัวร้ัวจะพงั และกลวั ถกู ทาํ รา ย จึงตอ งยอมใหเงนิ แกจําเลยไป ๑๐ บาท จําเลยรับเงินแลว ยังพูดขเู ข็ญอกี วา ทหี ลังถา กูมา อยากไดอะไรใหตามใจกนู ะ ซง่ึ เขาใจไดวา ถาไมใ หจะตอ งถูกทาํ ราย การกระทาํ ของจําเลยเปน ปลน ทรัพย

๔๓๒ ®Õ¡Ò·Õè ùøð/òõñù เมอ่ื จาํ เลยที่ ๑ มอี าวุธ (มดี ) ตดิ ตัวไปดว ยในการปลน แมจ าํ เลย ท่ี ๑ จะมไิ ดใชหรือแสดงอาวุธในการกระทําความผดิ และจาํ เลยท่ี ๒ ไมรูว าจําเลยที่ ๑ มอี าวธุ ก็ตาม จําเลยที่ ๒ กต็ อ งมีความผดิ ตามมาตรา ๓๔๐ วรรคสอง ®Õ¡Ò·Õè ÷÷ø/òõñù มาตรา ๓๔๐ ตรนี น้ั ตอ งไดค วามวา ไดช งิ ทรพั ยโ ดยใชย านพาหนะ เพือ่ กระทําผิด ไมใชช ิงรถจกั รยานยนตพ าไป ®¡Õ Ò·Õè ñôöõ/òõñù (ประชมุ ใหญ) จาํ เลย ๓ คนใชเ สน ลวดขงึ กน้ั สะพานบนถนนดกั รถ ทผ่ี า นมาใหช นเพอ่ื เอาทรพั ย มผี ขู บั รถหกลอ มาเหน็ เสน ลวดและหยดุ ไดห า ง ๓ วา การกระทาํ ของจาํ เลย ทง้ั สามมใิ ชเ ปน เพยี งขน้ั ตระเตรยี มแตเ ปน การลงมอื กระทาํ ความผดิ แลว แตก ระทาํ ไปไมต ลอดถอื ไดว า จาํ เลยพยายามกระทาํ ความผดิ และเปนการพยายามกระทําความผิดฐานปลน ทรพั ย ®Õ¡Ò·Õè ôñóð/òõòø จําเลยท่ี ๑ เอาเหล็กขูดชารปมาวางบนตัวใหผูเสียหายเห็น ในขณะน่ังติดกันอยูในรถยนตโดยสารประจําทาง แลวพูดขอแวนตาจากผูเสียหาย แลวจําเลยท่ี ๑ หยิบเอาแวนตาของผูเสียหายจากกระเปาเสื้อและดึงสเกลจากในสมุดผูเสียหายไป ยอมเปน การลกั ทรพั ย โดยขเู ขญ็ วา ทันใดนั้นจะใชกาํ ลงั ประทุษรา ยอนั เปนความผิดฐานชิงทรพั ย ตาม ม.๓๓๙ ขณะเดียวกันนน้ั จําเลยที่ ๒ ท่ี ๓ ซ่ึงขึน้ รถยนตโ ดยสารประจาํ ทางไปพรอมกบั จาํ เลยท่ี ๑ และยนื อยู ใกลก ับจําเลยที่ ๑ ตา งเขาไปหยิบทรัพยจากกระเปาเส้อื และจากในมอื ผูเสยี หาย แสดงวาจาํ เลยท่ี ๒ ที่ ๓ ทราบถงึ การกระทาํ ของจาํ เลยท่ี ๑ โดยตลอด ถอื ไดว า จาํ เลยท่ี ๒ ท่ี ๓ รว มชงิ ทรพั ยก บั จาํ เลยท่ี ๑ ดว ยการกระทําของจําเลยจงึ ถอื เปน ความผิดฐานปลนทรัพย ®Õ¡Ò·èÕ ùòôñ/òõô÷ จําเลยกับพวกนําธูปซ่ึงมีสวนผสมของส่ิงของบางอยางที่ทําให มึนเมาออกมาใหโจทกรวมและ บ. ดม ทําใหโจทกรวมเกิดอาการมึนศีรษะเปนเหตุใหอยูในภาวะ ไมส ามารถขดั ขนื ไดแ ลว จาํ เลยกบั พวกอกี ๒ คน ไดล กั ทรพั ยข องโจทกร ว มไป ถอื ไดว า เปน การลกั ทรพั ย โดยใชกําลังประทุษรายเพื่อใหความสะดวกแกการลักทรัพยและการพาทรัพยน้ันไป เมื่อรวมกระทํา ความผิดตงั้ แต ๓ คนขน้ึ ไป การกระทาํ ของจาํ เลยจึงเปน ความผิดฐานปลน ทรัพย ø. ©ÍŒ â¡§ ÁÒμÃÒ óôñ “ผูใดโดยทุจริต หลอกลวงผูอ่ืนดวยการแสดงขอความอันเปนเท็จ หรือปกปดขอความจริงซึ่งควรบอกใหแจง และโดยการหลอกลวงดังวาน้ันไดไปซ่ึงทรัพยสินจาก ผูถูกหลอกลวง หรือบุคคลท่ีสาม หรือทําใหผูถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทํา ถอน หรือทําลาย เอกสารสิทธิ ผูนั้นกระทําความผิดฐานฉอโกง ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรือปรับไมเกิน หกหม่นื บาท หรือท้งั จาํ ทัง้ ปรบั ” ͧ¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. หลอกลวงผอู ื่น ๑.๑ ดวยการแสดงขอ ความอนั เปน เทจ็ หรอื ๑.๒ ดว ยการปกปดขอ ความจริงซงึ่ ควรบอกใหแจง

๔๓๓ ๒. โดยการหลอกลวงนัน้ ๒.๑ ไดไ ปซึง่ ทรัพยสนิ จากผูถกู หลอกลวง หรือบคุ คลทสี่ าม หรอื ๒.๒ ทําใหผ ูถ กู หลอกลวง หรอื บุคคลท่สี าม ทาํ ถอน หรือทําลายเอกสารสิทธิ ๓. โดยเจตนาทุจริต คาํ ͸ºÔ Ò ๑. การหลอกลวงผูอ ืน่ นั้น หมายความวา เปน การกระทําใหผูอ่ืนหลงผดิ หรอื สาํ คัญผดิ ๒. การหลอกลวงผอู ่นื นี้ ยอ มกระทาํ ไดเ ปน ๒ ทางดวยกนั คือ ๒.๑ ดวยการแสดงขอความอันเปนเทจ็ หรอื ๒.๒ ดว ยการปกปด ขอความจรงิ ซง่ึ ควรบอกใหแ จง การแสดงขอความหรือขอเท็จจริงน้ัน อาจแสดงทางวาจา ลายลักษณอักษร ทางเครื่อง กระจายเสียง เครื่องบันทึกเสียง วิทยุ แผนเสียง ภาพ หรือภาพยนตร โทรศัพท หรือโทรทัศนก็ได และการแสดงดังกลาวน้ี อาจเปนการแสดงโดยตรงของผูแสดงตามวิธีการตางๆ ดังกลาวแลว หรือ โดยปริยายทางกิริยาทาทางท่ีแสดงออกมาก็ได เชน การพยักหนาแสดงการยอมรับ หรือโดยกิริยา ทาทางอื่นๆ ๓. ดวยการแสดงขอความอันเปนเท็จ หมายความวา เปนการแสดงยืนยันขอเท็จจริง อยางใดอยางหนึ่ง ซ่ึงเกิดขึ้นแลวหรือกําลังเกิดอยูในขณะแสดงขอเท็จจริง ซึ่งผูแสดงรูอยูแลววา ขอเท็จจริงท่ีแสดงออกน้ันเปนความเท็จ เพื่อใหผูอื่นหลงเชื่อวาเปนความจริงตามท่ีแสดงนั้น โดยไมใ ชค วามคิดเห็น หรอื เปน การคาดคะเนลวงหนาของผูแสดง การแสดงขอความซึ่งจะเกิดขึ้นตอไปในภายหนาที่คาดคะเนเอาไวลวงหนานั้น เปนการ กลาวหรือแสดงถึงเร่ืองอนาคตซ่ึงจะเกิดขึ้นหรือไมก็ไดนั้นไมใชการแสดงขอเท็จจริงอันเปนเท็จ เพราะเมือ่ ยงั ไมเกิดข้นึ ยอ มทราบไมไ ดวาเท็จจรงิ ๔. การแสดงปกปดขอความจริงซึ่งควรบอกใหแจงหมายความถึงการหลอกลวง ซึ่งผูกระทําการหลอกลวงน้ันแสดงการปกปดขอความจริงอันควรบอกใหแจง โดยผูหลอกลวงรูอยูวา ขอความจริงหรือเหตุการณนั้นมีอยูอยางไร กลับนิ่งเสียไมบอกใหแจงโดยเจตนาใหผูถูกหลอกลวง เขา ใจผดิ และหลงเช่อื ตามน้ัน โดยไมใ ชการหลงลมื เพราะไมรคู วามจรงิ ทีป่ กปด นนั้ ๕. องคประกอบความผิดขอ ๒. คือ การหลอกลวงโดยการแสดงตามองคประกอบ ขอ แรกนั้นทําใหผูห ลอกลวง ๕.๑ ไดไปซง่ึ ทรพั ยสนิ จากผูถกู หลอกลวงหรือบคุ คลที่ ๓ หรือ ๕.๒ ทําใหผถู ูกหลอกลวงหรือบคุ คลท่ี ๓ ทํา ถอน หรอื ทําลายเอกสารสิทธิ การหลอกลวงการแสดงขอความเท็จหรือปกปดขอความจริงซ่ึงควรบอกใหแจงไมเกิด ผลขึน้ เพราะ ๑) ผถู กู หลอกลวงไมห ลงเชอื่ จงึ ไมไ ดไ ปซงึ่ ทรพั ยส นิ หรอื ไมไ ดท าํ ถอน หรอื ทําลายเอกสารสิทธิ

๔๓๔ ๒) ผูถูกหลอกลวงไมหลงเชื่อ แตทําเปนเช่ือ จึงสงทรัพยสินใหไป จะเปน เพราะความเมตตาสงสาร หรอื เพอ่ื จะใหเ ปน หลักฐานในการจับกมุ ๓) ผูถูกหลอกลวงหลงเชื่อแตไมมีทรัพยสินจะใหหรือใหทรัพยสินแลว แตเอาไป ไมไดไมว าเพราะเหตใุ ด ทั้ง ๑), ๒) และ ๓) นี้เรียกวาผูหลอกลวงนั้น ลงมือกระทําความผิดฐานฉอโกงแลว แตกระทําไปไมตลอดเพราะผูถูกหลอกลวงไมเ ช่อื และกระทาํ ไปตลอดแลวแตไมบ รรลผุ ล คอื ไมไดไ ป ซึ่งทรัพยสินจากผูถูกหลอกลวง จึงมีความผิดเพียงฐานพยายามฉอโกงตามความในมาตรา ๘๐, ๓๔๑ เทานั้น เพราะความผิดฐานฉอโกงจะเปนความผิดสําเร็จ แตเมื่อผูถูกหลอกลวงเช่ือ และสงมอบทรัพยสินน้ันใหมาอยูในความครอบครองยึดถือของผูหลอกลวง หรือผูถูกหลอกลวง ทํา ถอน หรอื ทําลายเอกสารสิทธนิ ้ันแลว ๖. องคประกอบขอสุดทายคือ เจตนาทุจริตหมายความวาเปนการกระทําโดยเจตนา ธรรมดาตามมาตรา ๕๙ คอื กระทาํ โดยรสู าํ นกึ และประสงคต อ ผล หรอื ยอ มเลง็ เหน็ ผลแหง การกระทาํ น้ันไดและประกอบกับมีเหตุจูงใจโดยทุจริต ซ่ึงเปนการแสวงหาประโยชนที่มิควรไดโดยชอบดวย กฎหมายสาํ หรับตนเองหรอื ผอู น่ื ดว ย เจตนาทจุ รติ จะตอ งเกิดขนึ้ เม่อื ใด เจตนาทจุ รติ เก่ียวกบั การหลอกลวงที่จะเปนความผดิ ฐานฉอโกงนี้ จะตองมีเจตนาทุจริตมากอนท่ีจะกระทําการหลอกลวง หรือในขณะกระทําการ หลอกลวงนัน้ เพ่ือใหเ ขาหลงเช่ือสงมอบทรพั ยส ินให หรือใหเขา ทาํ ถอน หรอื ทาํ ลายเอกสารสิทธินน้ั ถาเจตนาทุจริตเกิดขึ้นหลังจากไดทรัพยสินไปไวในความยึดถือครอบครองแลว ไมเปนความผิด ฐานฉอโกง แตเปนความผิดฐานยักยอก น่ีคือขอแตกตางในสาระสําคัญของความผิดฐานฉอโกง กบั ความผดิ ฐานยกั ยอกทรพั ย μÇÑ Í‹ҧ ®Õ¡Ò·Õè ùðñ/òô÷ö ปลอมใบส่ังซ้ือนมของ รพ.ศิริราช สั่งใหหางขายนมใหที่สะพาน ทาชาง หางโทรศัพทไปถามโรงพยาบาล รูวาถูกหลอก จึงแจงตํารวจ ตํารวจบอกใหหางซอนกล สงนมใหจ ําเลย เพอ่ื จะคอยดกั จบั กุมคนรา ย เปน พยายามฉอโกง เปนการกระทาํ ตลอดแตไ มบ รรลผุ ล เพราะเจาทรัพยไ มห ลงเชอ่ื คําเทจ็ ®¡Õ Ò·Õè ñõõô/òõññ ขอซื้อโคจากผูเสียหายโดยใหผูเสียหายนําโคไปสงท่ีบานจําเลย แลว จาํ เลยจะชาํ ระราคาใหเ มอ่ื ผเู สยี หายนาํ โคไปสง ใหแ ลว จาํ เลยกลบั บา ยเบย่ี งขอชาํ ระใหใ นวนั รงุ ขนึ้ และคนื นน้ั จาํ เลยกพ็ าโคหนไี ป ดงั นี้ เหน็ ไดว า จาํ เลยมเี จตนาทจุ รติ หลอกลวงผเู สยี หายโดยไมม เี จตนา จะใชราคาโคมาแตเริ่มตน จึงเปนความผิดฐานฉอโกง อันน้ีมองดูแลวจะเห็นไดวามีการหลอกลวง เพราะฉะน้นั กต็ ัดสินวา เปน ความผิดฐานฉอโกง ®¡Õ Ò·èÕ øöó/òõñó การท่ีจําเลยนําตัวบุคคลอื่นมาแสดงวาเปนเจาของทรัพยท่ีจะยื่น ขอประกันตอศาลขอใหโจทกรับรองหลักทรัพย ซึ่งโจทกหลงเชื่อจึงรับรองหลักทรัพยน้ันตอศาล

๔๓๕ และศาลใหประกันไป ตอมาจําเลยหลบหนีดังนี้ วินิจฉัยวาหนังสือรับรองหลักทรัพยเปนเอกสารสิทธิ ในการที่จําเลยไดประกันตัวไป ถือวาไดรับประโยชนแลวจึงเปนการทุจริต จําเลยยอมมีความผิดฐาน ฉอ โกงตามมาตรา ๓๔๑ ศาลฎีกาวนิ ิจฉัยวา หนังสือรบั รองหลักทรัพยน ัน้ เปน เอกสารสทิ ธิ ®Õ¡Ò·Õè òôôð/òõòõ จําเลยหลอกลวงผูเสียหายวาสามารถนําบุตรสาวผูเสียหาย เขาเรียนเปนผูชวยพยาบาลของโรงพยาบาลไดโดยไมตองสอบคัดเลือกเขาเรียน และเรียกรองเอาเงิน จากผูเสียหาย จําเลยหลอกลวงผูเสียหายเพื่อตองการไดเงินจากผูเสียหายเทานั้น ดังนี้จําเลยยอมมี ความผิดตามมาตรา ๓๔๑ ®Õ¡Ò·èÕ òõøñ/òõòù จําเลยท้ังสองข่ีรถจักรยานยนตซอนกันเขาไปเติมน้ํามัน เมื่อผูเสียหายขอเงินคานํ้ามัน จําเลยท่ี ๒ กลับตอบวาไมมีเงินมีแตนี่เอาไหม ขณะพูดจําเลยท่ี ๒ ถือลกู กลมๆ คลายลกู ระเบิด แลว จําเลยทง้ั สองก็ขีร่ ถจักรยานยนตออกไป การกระทาํ ของจาํ เลยทั้ง ๒ เปนความผดิ ฐานฉอโกง ù. ©ÍŒ â¡§»ÃЪҪ¹ ÁÒμÃÒ óôó ถา การกระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๓๔๑ ไดก ระทาํ ดว ยการแสดงขอ ความ อันเปนเท็จตอประชาชน หรือดวยการปกปด ความจริง ซงึ่ ควรบอกใหแ จง แกประชาชน ผกู ระทําตอง ระวางโทษจาํ คุกไมเ กินหาป หรอื ปรบั ไมเ กินหน่งึ แสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทงั้ ปรับ ฉอโกงอันมีลักษณะฉกรรจตามมาตราน้ี จะเปนการหลอกลวงดวยการแสดงขอความ อัน “เท็จ” ก็ดี หรือปกปดขอความซ่ึงควรบอกใหแจงก็ดี ขอสําคัญก็คือการหลอกลวงประชาชน ถาหลอกลวงเพียงคนเดยี วไมเปน ความผิดที่เขามาตราน้ี (ฎกี าท่ี ๑๒๒/๒๕๐๖) อนง่ึ การกระทาํ อนั จะเปน ความผดิ ตามมาตราน้ี ผกู ระทาํ จะตอ งกระทาํ ดว ยเจตนาแสดง ขอความอันเปนเท็จตอประชาชนโดยทั่วไป จะถือเอาจํานวนผูเสียหายท่ีถูกหลอกลวงมากหรือนอย และผลเสียหายอันเกิดจากคําหลอกลวงมากหรือนอยเปนหลักในการพิจารณาวาเปนการกระทํา ท่ีมีเจตนาแสดงขอ ความอนั เปนเท็จตอประชาชนโดยทัว่ ไปหาไดไ ม ®Õ¡Ò·èÕ òôøö/òõòø จําเลยประกาศรับสมัครคนงานไปทํางานตางประเทศ จนผเู สียหาย กลมุ หนงึ่ รวม ๗ คน หลงเช่อื ไปสมคั รเพอ่ื ทํางานตามทจี่ าํ เลยประกาศ จาํ เลยกบั พวก รับเงินผูเสียหายไวเปนจํานวนมาก แตผูเสียหายไมไดทํางานยังตางประเทศที่จําเลยกับพวกประกาศ ชักชวน ดังนี้ การกระทําของจําเลยยอมถือไดวาจําเลยโดยทุจริตหลอกลวงประชาชน รวมทั้ง ผเู สยี หายดว ยการแสดงขอ ความอนั เปน เทจ็ และโดยการหลอกลวงไดไ ปซงึ่ ทรพั ยส นิ จาํ เลยจงึ มคี วามผดิ ตาม ป.อ. มาตรา ๓๔๓ ®¡Õ Ò·Õè õöó/òõóñ จําเลยทําเอกสารขึ้นมีลักษณะเปนคําถามคลายขอสอบและต้ัง โตะขายเอกสารดังกลาวโดยจําเลยกลาวโฆษณาที่หนา ม.รามคําแหงวา จําเลยมีขอสอบวิชา ๓๓๑ กับ ๔๐๘ ท่ีกําลังจะสอบในไมก่ีวันขางหนาขาย ซึ่งเปนขอความอันเปนเท็จ แตการกระทําดังกลาว เปนการหลอกลวงแกนักศึกษา ม.รามคําแหง ไมเปนการหลอกลวงประชาชนท่ัวไป จึงเปนความผิด ฐานฉอ โกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ ไมเ ปนความผิดตาม มาตรา ๓๔๓

๔๓๖ จําเลยยังไมสําเร็จการศึกษาช้ันปริญญาตรี แตไดกางกระเปาหนังสือ ซึ่งมีภาพจําเลย สวมเส้ือครุยปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิตของ ม.รามคําแหงไวบนโตะ ขายขอสอบ ม.รามคําแหง เพอ่ื แสดงแกผ ทู พี่ บเหน็ ใหเ ชอื่ วา จาํ เลยสาํ เรจ็ ปรญิ ญาตรคี ณะนติ ศิ าสตรข อง ม.รามคาํ แหง การกระทาํ ของจาํ เลยเปนความผิดตามมาตรา ๔๘ ของ พ.ร.บ.ฯ ม.รามคาํ แหง พ.ศ.๒๕๑๔ ñð. â¡§à¨ÒŒ ˹Õé ÁÒμÃÒ óôù “ผใู ดเอาไปเสยี ทาํ ใหเ สยี หาย ทาํ ลาย ทาํ ใหเ สอ่ื มคา หรอื ทาํ ใหไ รป ระโยชน ซ่ึงทรัพยอันตนจํานําไวแกผูอ่ืน ถาไดกระทําเพื่อใหเกิดความเสียหายแกผูรับจํานํา ตองระวางโทษ จาํ คกุ ไมเกินสองป หรือปรับไมเ กนิ สหี่ ม่ืนบาท หรอื ทัง้ จาํ ทงั้ ปรบั ” ͧ¤»ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ ๑. เอาไปเสีย ทาํ ใหเสยี หาย ทาํ ลาย ทําใหเ สือ่ มคา หรือทาํ ใหไ รป ระโยชน ๒. ซึง่ ทรพั ยอ นั ตนจํานาํ ไวแกผูอ่นื ๓. เพื่อใหเกดิ การเสยี หายแกผ รู ับจํานํา ๔. โดยเจตนา คํา͸ԺÒ ๑. คําวา “จํานํา” นั้นคือสัญญาซ่ึงบุคคลหน่ึงเรียกวาผูจํานํา สงมอบสังหาริมทรัพย สงิ่ หนงึ่ ใหแ กบ คุ คลอกี คนหนงึ่ เรยี กวา ผรู บั จาํ นาํ เพอื่ เปน การประกนั การชาํ ระหนตี้ ามประมวลกฎหมาย แพง และพาณิชยมาตรา ๗๔๗ และตามความในพระราชบญั ญัตโิ รงรบั จํานาํ ๒. สาระสําคัญของการจํานําก็คือ การสงมอบสังหาริมทรัพยไวในครอบครอง ของผูรับจํานําเพียงแตกลาววาเอาทรัพยสิ่งน้ันจํานําไว แตมิไดสงทรัพยนั้นใหอยูในความครอบครอง ของผรู บั จาํ นาํ หรอื ตวั แทนของผรู บั จาํ นาํ แลว กไ็ มเ รยี กวา เปน การจาํ นาํ ฉะนน้ั ตามองคป ระกอบความผดิ ขอ ๒ ที่วา “ทรัพยอันตนจํานําไวแกผูอ่ืน” นั้น จึงหมายถึงสังหาริมทรัพยซึ่งตนไดสงมอบ ความครอบครองเปน จํานาํ ใหผรู ับจาํ นาํ แลว ๓. การเอาไปเสีย ทําใหเสียหาย ทําลาย ทําใหเส่ือมคาหรือทําใหไรประโยชนน้ัน ตองเปนการกระทําโดยตัวผูจํานําเอง และโดยเจตนาเพ่ือใหเกิดความเสียหายแกผูรับจํานําจึงจะเปน ความผิด มาตรานี้ ถาผูอื่นกระทําไมเปนความผิดตามมาตรานี้ เวนแตจะเปนการรวมกระทําผิดกับ ผูจํานาํ ในฐานะตัวการตามมาตรา ๘๓ หรอื ใชใหก ระทําความผิดตามมาตรา ๘๔ และอาจมีความผิด ในมาตราอน่ื เชน ลักทรัพยหรอื ทาํ ใหเสยี ทรพั ย เปนตน μÇÑ ÍÂÒ‹ § ®¡Õ Ò·Õè ñðõð/òõð÷ จําเลยทําสัญญากูเงินโจทกโดยเอาท่ีดินเปนประกันเงินกู ตอมาจําเลยเอาทีด่ นิ แปลงน้ไี ปจาํ นอง การกระทําดังนีไ้ มเปนความผดิ ตามมาตรา ๓๔๙ และ ๓๕๐ ®¡Õ Ò·èÕ öõð/òõñð จําเลยจํานําสรอยทองคําของตนไวกับผูเสียหาย เพ่ือเอาเงิน มาเลนการพนัน แลวจําเลยกระชากสรอยเสนนี้ไปจากคอผูเสียหาย ไมเปนความผิดฐานชิงทรัพย เพราะสรอ ยเสนนน้ั เปน ของจาํ เลยเอง

๔๓๗ อนึ่ง ขอสอบเนติฯ ขอสอบผูชวยผูพิพากษา วาการมอบสรอยใหเปนประกันเงินยืม เอาไปเลน การพนนั นน้ั เปน โมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๑๓ ไมเ ปน การจาํ นาํ ตามกฎหมาย ไมม คี วามผดิ ฐานโกงเจา หนต้ี ามมาตรา ๓๔๙ ®¡Õ Ò·èÕ óöøô-õ/òõóò จําเลยไดจํานําทรัพยสินไวแกผูเสียหาย การที่จําเลยกับ พวกรวมกันขนยายทรัพยสินที่จํานําไปจากสถานท่ีเก็บรักษาโดยอางวาทรัพยสินเหลาน้ันเปนของ บุคคลอื่นยอมเปนการทําใหเกิดความเสียหายแกผูรับจํานํา เพราะเปนการทําใหทรัพยสินท่ีเปน หลกั ประกันการจาํ นําลดจาํ นวนลง หรือหมดสน้ิ ไป ผดิ ตามมาตรา ๓๔๙ ññ. Â¡Ñ ÂÍ¡ ÁÒμÃÒ óõò “ผูใดครอบครองทรัพยซึ่งเปนของผูอ่ืน หรือซ่ึงผูอื่นเปนเจาของ รวมอยูดวยเบียดบังเอาทรัพยนั้นเปนของตน หรือบุคคลท่ีสามโดยทุจริต ผูนั้นกระทําความผิดฐาน ยักยอก ตองระวางโทษจําคุกไมเ กนิ สามป หรอื ปรับไมเกนิ หกหมนื่ บาท หรือท้งั จาํ ทง้ั ปรบั ถาทรพั ยน ั้นไดต กมาอยใู นความครอบครองของผกู ระทาํ ความผิด เพราะผูอนื่ สง มอบให โดยสาํ คญั ผดิ ไปดว ยประการใด หรอื เปน ทรพั ยส นิ หายซง่ึ ผกู ระทาํ ความผดิ เกบ็ ได ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษ แตเพียงก่ึงหน่งึ ” ͧ¤»ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ๑. ครอบครองทรพั ย ๒. ทรัพยเ ปนของผูอ นื่ หรอื ผูอ่ืนเปนเจาของรวมอยูดว ย ๓. เบียดบังเอาทรัพยน นั้ เปนของตน หรอื ของบุคคลที่สาม ๔. โดยเจตนาทจุ ริต คาํ ͸ºÔ Ò ๑. คําวา “ครอบครอง” หมายความถึงวา ทรัพยนั้นไดตกเขามาอยูในความยึดถือ ของตนไมวาทรัพยน้ันจะตกเขามาอยูในความยึดถือของตนโดยบุคคลอ่ืนมอบใหโดยตรงหรือเปน การครอบครองทรัพยนั้นโดยไมมีผูอื่นมอบให แตทรัพยไดตกเขามาอยูในความยึดถือครอบครอง ของตน ซง่ึ อาจแยกไดเ ปน การครอบครองโดยตรงอยา งหนง่ึ และการครอบครองโดยปรยิ ายอยา งหนงึ่ ทัง้ สองอยางเปน การครอบครองตามความหมายของมาตราน้ี ๑.๑ การครอบครองโดยตรง ไดแก การท่ีเจาของทรัพยหรือตัวแทนของเจาของ ทรัพยสงมอบทรัพยน้ันใหแกผูอ่ืนเพื่อครอบครองดูแลรักษา และผูอ่ืนนั้นไดรับมอบทรัพยนั้นมาอยู ในความครอบครองดูแลรักษาของตน นับแตบัดน้ันการมอบการครอบครองทรัพยก็เปนอันบริบูรณ ตามความหมายของมาตราน้แี ลว การครอบครองโดยตรงนี้ นอกจากเจาของทรัพยหรือตัวแทนสงมอบทรัพยแลว กรณี อาจเปน การครอบครองโดยผลของสญั ญาหรอื โดยผลของกฎหมายโดยตรงกไ็ ด เชน การรบั ฝาก จาํ นาํ จาํ นอง เชา หรือยมื เปน ตน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook