Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Book08_กฎหมายอาญา

Book08_กฎหมายอาญา

Published by thanatphat2606, 2020-04-14 00:47:30

Description: Book08_กฎหมายอาญา

Keywords: Book08_กฎหมายอาญา

Search

Read the Text Version

๔๘๘ («) ¡Õ´¢ÇÒ§·Ò§ÊÒ¸ÒóШ¹ÍҨ໚¹ÍØ»ÊÃäμ‹Í¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑÂËÃ×ͤÇÒÁÊдǡ 㹡ÒèÃҨà ÁÒμÃÒ óøõ ผูใดโดยไมไดรับอนุญาตอันชอบดวยกฎหมาย กีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเปนอุปสรรคตอความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจรโดยวางหรือทอดท้ิงส่ิงของ หรือโดยกระทําดวยประการอื่นใด ถาการกระทํานั้นเปนการกระทําโดยไมจําเปนตองระวางโทษปรับ ไมเ กินหา พันบาท องคประกอบของความผิดมดี ังนี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ไมไดรับอนญุ าตอันชอบดว ยกฎหมาย ๒. กีดขวางทางสาธารณะจนอาจเปนอุปสรรคตอความปลอดภัยหรือความสะดวก ในการจราจร ๓. โดยวางหรอื ทอดทงิ้ ส่งิ ของหรือโดยกระทําดวยประการอน่ื ใด ๔. การกระทาํ น้ันเปนการกระทาํ โดยไมจําเปน คํา͸ºÔ Ò ñ. äÁ‹ä´ŒÃѺ͹ØÞÒμÍѹªÍº´ŒÇ¡®ËÁÒ หมายถึง การกีดขวางทางสาธารณะตาม มาตรานี้ ตองเปนการกระทําโดยไมไดรับอนุญาตอันชอบดวยกฎหมาย การอนุญาตอันชอบดวย กฎหมาย หมายความวา เจา พนกั งานผอู นญุ าตเปน ผมู อี าํ นาจอนญุ าตไดต ามกฎหมาย และไดอ นญุ าต โดยวธิ ีอนั ถกู ตอ งตามกฎหมาย ไมใ ชวาเจา พนักงานชัน้ ใดๆ ท่ีจะอนุญาตไดตามชอบใจ เชน พนักงาน การประปาไดร บั อนุญาตใหข ดุ ถนนฝงทอ ประปา หรอื ไดร ับอนุญาตใหจ ดั มหรสพ ณ ถนนราชดาํ เนิน เนอื่ งในวนั ท่ี ๕ ธนั วามหาราช เปนตน ò. ¡Õ´¢ÇÒ§·Ò§ÊÒ¸ÒóШ¹ÍҨ໚¹ÍØ»ÊÃäμ‹Í¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑÂËÃ×ͤÇÒÁÊдǡ 㹡ÒèÃҨà กดี ขวาง หมายถึง กดี ก้นั ขัดขวาง เกะกะ ทางสาธารณะ หมายถึง ทัง้ ทางบก ทางนํา้ ทางรถไฟ สําหรบั ประชาชนใชสอย อาจเปนอุปสรรคตอความปลอดภัย หมายถึงการทําใหเกิดความขัดของหรือลําบาก อันเปนอันตรายตอความปลอดภัย เชน เอาสเก็ตบอรดวางทิ้งไวบนทางเทาท่ีคนเดินสัญจรไปมา ซ่ึงอาจทําใหคนท่ีไปเหยียบล่ืนหกลมได หรือเอาน้ํามันเครื่องราดไวกลางถนน ทําใหรถท่ีวิ่งไปมา ลืน่ ชนกันได อาจเปน อปุ สรรคตอ ความสะดวกในการจราจร หมายถงึ ความขดั ขอ งลาํ บากในการจราจร เชน ต้ังจอหนังกลางแปลงบนถนน ทําใหร ถผา นไปมาไมส ะดวก เปน ตน ó. ÇÒ§ËÃ×Í·Í´·Ô§é ÊÔ觢ͧËÃ×Íâ´Â¡ÃÐทํา´ŒÇ»ÃСÒÃÍ×è¹ã´ วาง หมายถงึ นาํ สิง่ ของไปไวบ นทางสาธารณะอันเปน การกีดขวางทาง ทอดทิ้ง หมายถึง ไมเอาธุระ ไมเอาใจใส เชน รถบรรทุกนํ้ามันทําน้ํามันหกราดไป ตามพืน้ ถนน โดยไมเอาใจใสหรือจอดรถทเ่ี ชา มาทงิ้ ไวขวางทางจราจรโดยไมเอาธรุ ะ

๔๘๙ โดยกระทําดวยประการอื่นใด คือ ไมวาจะกระทําดวยวิธีใดก็ตามอันเปนการกีดขวาง ทางสาธารณะ เชน ใชเ ชือกขงึ ขวางทางเดนิ ขุดหลุมบนถนน เปนตน ô. ¡ÒáÃÐทาํ ¹Ñ¹é ໹š ¡ÒáÃÐทําâ´ÂäÁจ‹ ํา໚¹ ไมจ าํ เปน หมายถงึ ไมม เี หตสุ มควรอนั จาํ ตอ งกระทาํ เชน นนั้ แตถ า มเี หตจุ าํ เปน ตอ งกระทาํ ก็ไมเปนความผิด เชน ขับรถไปบนถนนเปลี่ยวรถเกิดเสีย ตองจอดทิ้งไวกลางทางเพราะไมสามารถ เข็นเขาแอบไวเพราะเบรกมือคางและไมมีใครชวยเข็น จึงจําเปนตองท้ิงรถไวเชนน้ันเพื่อไปตามชาง จึงถอื เปน การกีดขวางทางจราจรโดยจาํ เปน Í·Ø ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·Õè ñðô/òôöò จําเลยทําฝายกั้นลําน้ําปงโดยอางวามิไดก้ันตลอดลํานํ้า เรอื ยงั คงสญั จรไปมาได ศาลฎกี าวนิ จิ ฉยั วา “แมจ าํ เลยจะเถยี งวา มไิ ดก น้ั ตลอดลาํ นาํ้ มชี อ งใหเ รอื ขน้ึ ลอ งได กย็ ังมผี ดิ แมเ พยี งปลูกรกุ ล้าํ กม็ ีผดิ โดยไมจ าํ ตอ งพิจารณาวา ตองมีการเสียหาย เพราะมหาชนมีอํานาจ อันชอบธรรมที่จะใชลํานํ้าโดยเต็มบริบูรณ และมีความชอบธรรมที่จะไดความสะดวกทุกสิ่งทุกอยาง แหงลํานา้ํ ท่ีเปนอยู (ò) ®¡Õ Ò·èÕ ñðòð-ñðòñ/òõðõ คูหรือคลองที่เจาของท่ีดินขุดขึ้นนั้นแมจะยอม ใหชาวบานถือวิสาสะใชในการสัญจรไปมาบาง แตเจาของก็มิไดอุทิศใหเปนสาธารณะจึงไมทําให กลายสภาพเปนทางสาธารณะไปได ฉะน้ัน ถึงเจาของที่ดินจะทําคันดินปดกั้นก็ไมมีความผิด ฐานปดกัน้ ทางสาธารณะ (¬) á¢Ç¹μÔ´μ§éÑ ËÃ×ÍÇÒ§ÊÔ§è ã´äÇ⌠´Â»ÃСÒ÷èÕ¹Ò‹ ¨Ðμ¡ËÃ×;ѧŧ ÁÒμÃÒ óø÷ ผูใดแขวน ติดต้ังหรือวางส่ิงใดไวโดยประการที่นาจะตกหรือพังลง ซึ่งจะเปนเหตุอันตรายเปรอะเปอนหรือเดือดรอนแกผูสัญจรในทางสาธารณะตองระวางโทษ ปรบั ไมเ กนิ หา พันบาท องคป ระกอบของความผิดมดี ังนี้ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. แขวนติดต้ังหรือวางสงิ่ ใดไว โดยประการทน่ี าจะตกหรือพังลง ๒. ซึ่งจะเปนเหตุอันตราย เปรอะเปอนหรือเดอื ดรอนแกผูสญั จรในทางสาธารณะ คาํ ͸ºÔ Ò ñ. á¢Ç¹μÔ´μÑé§ËÃÍ× ÇÒ§ÊèÔ§ã´äÇ⌠´Â»ÃСÒ÷¹Õè ‹Ò¨Ðμ¡ËÃ×;ѧŧ แขวนติดต้ังหรือวางสิ่งใดไว “แขวน” หมายถึง หอยสิ่งของลงมาจากการยึดตรึง เบื้องบนดว ยสง่ิ ใดสงิ่ หน่งึ เชน ใชลวดแขวนปา ยหางราน “ตดิ ตง้ั ” หมายถงึ เอาส่ิงของอยางหนง่ึ ไปตดิ หรือยึดตรึงกับของอีกส่ิงหนึ่ง เชน ติดต้ังเครื่องดูดอากาศ เครื่องทําความรอน เคร่ืองทําความเย็น “วางส่ิงของ” หมายถึง เอาสิ่งของวางไวโดยมีสิ่งอื่นรองรับ เชน วางกระถางตนไม วางตกุ ตากระเบื้อง เปนตน

๔๙๐ การแขวน ตดิ ตงั้ หรอื วางนจ้ี ะกระทาํ ในทใ่ี ดกไ็ ด เชน หลงั คา ดาดฟา ระเบยี ง ขอบหนา ตา ง ฝาผนัง กําแพงร้วั โดยประการที่นาจะตกหรือพังลงมา หมายความวา เปนการแขวนติดตั้ง หรือวางใน ลักษณะที่ไมม่ันคงแข็งแรงพอ อาจจะตกหรือพังลงมาก็ได คือ โอกาสในการท่ีจะตกหรือพังลงมา มีอยมู ากหรอื คอ นขางแนน อน ò. «èÖ§¨Ð໹š àËμØÍѹμÃÒ à»ÃÍÐà»Íœ„ ¹ ËÃÍ× à´×Í´ÃÍŒ ¹á¡‹¼ÊŒÙ ÞÑ ¨Ãã¹·Ò§ÊÒ¸ÒóРซ่ึงจะเปนเหตุอันตราย หมายถึง ส่ิงที่นาตกหรือพังลงมาน้ัน อาจเปนเหตุใหเกิด อนั ตรายแกผ สู ญั จรในทางสาธารณะได เชน กระถางตน ไมว างไวบ นระเบยี ง อาจตกลงมาถกู ศรี ษะของ นายดาํ ซ่งึ กําลังเดนิ ผา นซอยนั้นพอดี ทาํ ใหศ รี ษะแตกได เปรอะเปอน หมายถึง ทําใหเลอะเทอะสกปรก เชน กระโถนปสสาวะของลูกวางไว ทีข่ อบหนา ตางอาจตกลงมาถูกผูสญั จรเปรอะเปอ นได เดือดรอนแกผูสัญจรในทางสาธารณะ หมายถึง แมไมเปนอันตรายหรือเปรอะเปอน แตก็ทาํ ความเดือดรอนราํ คาญใหไ ด เชน วางถงุ เกบ็ ฝุนจากเคร่ืองดูดฝนุ ไวบ นดาดฟา ฝุน อาจปลิวลง มาทาํ ใหค นตอ งเดนิ หลบและอดุ จมกู อนั เปนการรบกวนผูสญั จรใหต อ งเดอื ดรอนรําคาญ เปน ตน การแขวนติดตั้งหรือวางส่ิงใดไวน้ันอาจกระทําท่ีใดก็ได แตตองอยูในลักษณะท่ีนาจะตก หรือพังลง ซึ่งการตกหรือพังลงน้ันอาจจะทําใหผูสัญจรในทางสาธารณะไดรับอันตรายเปรอะเปอน หรือเดือดรอน สงิ่ ที่วางไวน้นั ยงั ไมตอ งตกลงมากเ็ ปน ความผดิ แลว (Þ) ¡ÃÐทํา´ÇŒ »ÃСÒÃã´æ ãË¢Œ ͧᢧç μ¡Å§ ³ ·èãÕ ´æ â´Â»ÃСÒ÷¹Õè ‹Ò¨Ð໹š Í¹Ñ μÃÒÂ᡺‹ ¤Ø ¤ÅËÃ×Í·ÃѾ ÁÒμÃÒ óøù ผูใดกระทําดวยประการใดๆ ใหของแข็งตกลง ณ ที่ใดๆ โดยประการ ท่ีนาจะเปนอันตรายหรือเดือดรอนรําคาญแกบุคคล หรือเปนอันตรายแกทรัพยหรือกระทําดวย ประการใดๆ ใหของโสโครกเปรอะเปอนหรือนาจะเปรอะเปอนตัว บุคคลหรือทรัพย หรือแกลง ทําใหของโสโครกเปนที่เดือดรอนรําคาญ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหนึ่งเดือนหรือปรับไมเกิน หน่ึงหม่นื บาทหรือท้งั จําทัง้ ปรบั ความผิดตามมาตราน้ีแบงออกเปน ๓ ประการคือ ๑. กระทาํ ดว ยประการใดๆ ใหข องแขง็ ตกลง ณ ทใ่ี ดๆ โดยประการทน่ี า จะเปน อนั ตราย หรือเดือดรอนรําคาญแกบ คุ คล หรือเปน อนั ตรายแกทรัพย ๒. กระทาํ ดวยประการใดๆ ใหของโสโครกเปรอะเปอนหรอื นา จะเปรอะเปอนตัวบคุ คล หรอื ทรัพย ๓. แกลงทําใหของโสโครกเปนทีเ่ ดือดรอ นรําคาญ ความผิดแรก มอี งคประกอบของความผิดดังน้ี

๔๙๑ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทําดว ยประการใดๆ ๒. ใหข องแข็งตกลง ณ ทใ่ี ดๆ ๓. โดยประการที่นาจะเปนอันตรายหรือเดือดรอนรําคาญแกบุคคล หรือเปนอันตราย แกทรพั ย คํา͸ºÔ Ò ñ. ¡ÃÐทํา´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ ตองเปน การกระทาํ ของคนดวยวิธใี ดๆ ก็ได เชน โดยการ ปา ขวาง โยน ท้งิ กไ็ ด ò. ãËŒ¢Í§á¢§ç μ¡Å§ÁÒ ของที่ถกู คนขวาง ปา ดงั กลา ว ตองเปนของแข็งและการตกลง กไ็ มจ ําเปน ตอ งตกลงในทางสาธารณะ อาจตกลงในที่ใดๆ กไ็ ด เชน ขวางขวดเหลาลงมาจากดาดฟา ó. â´Â»ÃСÒ÷Õ蹋ҨÐ໚¹Í¹Ñ μÃÒÂËÃÍ× à´×ʹÌ͹ราํ ¤ÒÞ᡺‹ ¤Ø ¤Å หรือเปนอันตราย ตอทรัพย การทําใหของแข็งตกลงมานั้น เพียงแตนาจะเปนอันตรายหรือเดือดรอนรําคาญแกบุคคล ก็เพียงพอแลวไมจําเปนตองเปนอันตราย หรือกอใหเกิดความเดือดรอนรําคาญขึ้นแลวจริงๆ แตถา เปน อันตรายตอทรัพย การตกลงของของแข็งนัน้ ตอ งถงึ ข้ันทําใหทรพั ยนนั้ เปน อนั ตรายแลว จงึ จะเปน ความผดิ เชน ขวา งขวดเหลา ตกลงมาเฉยี่ วหวั คน แมไ มถ กู กเ็ ปน ความผดิ แลว แตท าํ กระถางตน ไมต กลง มาเกือบถูกรถยนตย งั ไมผ ิดตอ งถกู รถยนตแ ลว จึงจะผดิ ความผดิ นไี้ มต อ งการเจตนา แมเ ปนการกระทาํ โดยประมาทกเ็ ปนความผดิ ตามมาตราน้ี ¤ÇÒÁ¼Ô´·èÕÊͧ มีองคป ระกอบของความผิดดังน้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. การทาํ ดวยประการใดๆ ๒. ใหข องโสโครกเปรอะเปอ นหรือนา จะเปรอะเปอ นตัวบุคคลหรือทรพั ย คํา͸ºÔ Ò ๑. กระทําดวยประการใดๆ ตองเปน การกระทาํ ของคน ไมจาํ กัดวิธีการแตอยางใด ๒. ใหของโสโครกเปรอะเปอ นหรอื นา จะเปรอะเปอนตัวบคุ คลหรือทรพั ย ¢Í§âÊâ¤Ãก คือ ของสกปรกไมจํากัดวาจะเปนของแข็งหรือของเหลว ถาทําดวย ประการใดๆ ใหเปรอะเปอ นตัวบุคคล หรอื ทรัพยก เ็ ปนความผดิ เชน สาดนา้ํ สกปรกเขาไปในทางทม่ี ี คนสญั จรไปมา โดยไมใ สใ จวา จะมคี นอยบู นทางเดนิ หรอื ไม ถงึ แมว า นาํ้ ทสี่ าดไปนนั้ จะไมเ ปรอะเปอ นใคร กเ็ ปนความผิดมาตราน้ี การกระทาํ ตามขอ น้ไี มจ าํ เปนตองมเี จตนา ความผิดท่สี าม มอี งคประกอบของความผิด ดงั น้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. แกลง ๒. ทาํ ใหข องโสโครกเปน ท่ีเดอื ดรอ นราํ คาญ

๔๙๒ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. á¡ÅŒ§ แสดงวามีเจตนากระทํา มิใชเปนการกระทําไปโดยประมาทหรือรูเทาไมถึง การณ ò. ทาํ ãË¢Œ ͧâÊâ¤Ã¡à»¹š ·àÕè ´Í× ´ÃÍŒ ¹ราํ ¤ÒÞ อาทเิ ชน เอาขยะมลู ฝอยไปทง้ิ ในทที่ ไ่ี มค วร เชน หนาบานหรอื ขางรั้วจนสงกล่นิ เหมน็ รบกวนผูอน่ื ใหเดอื ดรอ นราํ คาญ à¨μ¹Ò ผูกระทําผดิ ตามมาตรานต้ี องมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡ÂÕè Ç¡ºÑ ¡Òá͋ ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÂÕ ËÒÂμÍ‹ ·Ã¾Ñ Âʏ ¹Ô ÊÒ¸ÒóÐáÅÐà¡ÂèÕ Ç¡ºÑ ÊμÑ Ç á¹Ç¤´Ô ๑. ทรัพยสินสาธารณะ เชน ทาง หรือทอระบายนํ้า เปนสิ่งท่ีมีข้ึนเพื่อประโยชนของ สวนรวมบุคคลจึงมีหนาที่ท่ีจะตองสงวนรักษาไมทําใหเกิดความขัดของ หรือเสียหาย เพราะความ ขัดของหรือเสียหายดังกลาวยอมกอใหเกิดภยันตรายตอสุขภาพ และรางกายของประชาชน ดังนั้น กฎหมายจงึ ตองบญั ญัติความผดิ ไว ๒. บคุ คลใดมหี นา ทค่ี วบคมุ สตั วต อ งควบคมุ สตั วน นั้ ไวไ มใ หไ ปไหนโดยลาํ พงั เพอื่ ปอ งกนั มใิ หไ ปทาํ อนั ตรายตอ บคุ คลอน่ื หรอื ทรพั ยส นิ ของบคุ คลอน่ื หากผคู วบคมุ สตั วล ะเลย กฎหมายบญั ญตั ิ ไวเปนความผิด นอกจากน้ีการใชแรงงานสัตวเกินสมควร การทารุณสัตว หรือกระทําประการใด ตอ สตั วโ ดยปราศจากความเมตตา กฎหมายบญั ญตั ไิ วเ ปน ความผดิ ดว ย รวมทงั้ การทงิ้ ซากสตั ว ซง่ึ อาจ เนาเหม็นไวในหรอื ริมทางสาธารณะ กฎหมายก็บญั ญตั ไิ วเปนความผดิ เชน เดยี วกัน ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡ÂÕè Ç¡ºÑ ¡Òá‹ÍãËàŒ ¡Ô´¤ÇÒÁàÊÂÕ ËÒÂμ‹Í·ÃÑ¾ÂÊ¹Ô ÊÒ¸ÒóРความผดิ ในเร่ืองนี้ ประกอบดวยการกระทําความผดิ ๓ ฐานคอื ๑. ทาํ ใหร างระบายนาํ้ รอ งนาํ้ หรอื ทอ ระบายของโสโครกอนั เปน สง่ิ สาธารณะเกดิ ขดั ขอ ง หรือไมส ะดวก ๒. ทําใหเกดิ ปฏิกูลแกน า้ํ ในบอ สระ หรอื ทขี่ ังนํา้ อนั มไี วสําหรบั ประชาชนใชส อย ๓. ขดุ หลมุ หรือรางหรือปลูกปกหรือวางส่งิ ของเกะกะไวในทางสาธารณะ ความผดิ ทงั้ สามฐานนี้ ปรากฏอยใู นมาตรา ๓๗๕, ๓๘๐ และ ๓๘๖ ดงั มสี าระสาํ คญั ดงั น้ี (¡) ทาํ ãËÃŒ Ò§ÃкÒÂนํา้ ÃÍ‹ §นา้ํ ËÃÍ× ·‹ÍÃкÒ¢ͧâÊâ¤Ã¡à¡Ô´¢´Ñ ¢ŒÍ§ËÃÍ× äÁÊ‹ дǡ ÁÒμÃÒ ó÷õ ผูใดทําใหรางระบายน้ํา รองนํ้าหรือทอระบายของโสโครกอันเปน สง่ิ สาธารณะเกิดขดั ขอ งหรอื ไมสะดวกตองระวางโทษปรับไมเกนิ หาพันบาท องคประกอบของความผดิ มดี งั น้ี

๔๙๓ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ทาํ ใหรางระบายนํา้ รองนา้ํ หรือทอ ระบายของโสโครกอันเปนสง่ิ สาธารณะ ๒. เกิดขดั ขอ งหรอื ไมส ะดวก คาํ ͸ԺÒ ñ. ทาํ ãËŒÃÒ§ÃкÒÂนา้ํ ÃÍ‹ §นา้ํ ËÃÍ× ·‹ÍÃкÒ¢ͧâÊâ¤Ã¡Í¹Ñ ໹š ÊÔ§è ÊÒ¸ÒóРรางระบายนํา้ คอื สิ่งทที่ าํ ขนึ้ เพื่อระบายนา้ํ เขาออก รองน้าํ คือทางน้าํ ไหลซง่ึ อาจเกดิ ข้ึนโดยธรรมชาตหิ รอื โดยขดุ ขน้ึ ก็ได Í·Ø ÒËó ®Õ¡Ò·Õè ùòð/òô÷ö จําเลยบังอาจเขาทํานาปลูกขาวลงในสระหรือหนองสาธารณ ประโยชน ซึ่งเกิดข้ึนโดยธรรมชาติ เปนการขัดขวางตอทางสายนํ้าท่ีจะไหลลงสูสระวัดปาเลไลย และจําเลยไดวิดนํ้าในสระหรือหนองน้ีไปทางอ่ืนอีกดวย ทําใหราษฎรเดือดรอนขาดนํ้าในสระ วดั ปาเลไลยสาํ หรับใชสอยจําเลยมีผิดตามมาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐ รอ งนาํ้ ตองมลี ักษณะท่มี นี ํา้ ไหลและประชาชนใชประโยชนไ ด ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·èÕ ñóóñ/òô÷ù จําเลยไดปดก้ันลําน้ําตะกรุดซ่ึงต้ืนเขินมาก ฤดูน้ําจึงมีนํ้า ตลอดโดยมปิ รากฏวา มผี ใู ดใชส อยน้าํ หรือเปนทางเดนิ เรอื หรอื อยา งใด ดังน้ี จาํ เลยไมมีความผิดตาม มาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐ คําวารองนํ้านี้ถูกจํากัดไวเฉพาะทางนํ้าไหลเพ่ือประโยชนแกการระบายน้ําหรือ เพื่อประชาชนใชสอยนา้ํ เทาน้นั มไิ ดห มายความถึงทางน้าํ ไหลขนาดใหญ เชน แมนา้ํ ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ ñðô/òôöò การทาํ ฝายกนั้ ลาํ นาํ้ ปง ไมผ ดิ ตามมาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐ เพราะไมใ ช ขัดขวางแกท อถา ยนํา้ รางนาํ้ หรอื ทางนา้ํ ไหล ทอระบายนํา้ โสโครก คอื ทอระบายสิ่งสกปรกออกไป ลักษณะสําคัญของความผิดตามมาตราน้ีคือ รางระบายน้ํา รองน้ําหรือทอระบายของ โสโครกจะตองเปน สง่ิ สาธารณะคือ ประชาชนทั่วไปใชป ระโยชนร ว มกนั ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè ÷ùù/òô÷ô จาํ เลยไดป ด กนั้ ทางนาํ้ ทไี่ หลเขา สบู งึ ซง่ึ ราษฎรอาศยั ใชน า้ํ ทาํ การ เพาะปลกู แลวจําเลยเขา ทาํ สวนในบงึ ตัดสนิ วาจาํ เลยมคี วามผิดตามมาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐ ทอ ระบายนา้ํ ซึ่งอยูใ นท่ีดินของเอกชน ถา ไดค วามวา ใชสําหรับประชาชนทั่วไประบายนาํ้ มานาน กเ็ ปนส่งิ สาธารณะเจาของทด่ี นิ ถมทอไมได

๔๙๔ ÍØ·ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ôøö/òô÷ò ทอนํ้าอยูในที่ดินของจําเลยเปนทอทางนํ้าไหลติดตอ กับทอของหลวง และมีมาหลายสิบปแลวกอนจําเลยเปนเจาของ เมื่อเจาของเดิมไดทําสําหรับเปน ทอระบายนํ้าทั่วๆ ไปแลว ก็ถือวาเปนทอสาธารณประโยชนเชนเดียวกับเปดท่ีดินของตนใหเปน ทางเดิน การท่ีจาํ เลยถมทอนา้ํ นี้จงึ มคี วามผิดตามมาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐ (ò) ®¡Õ Ò·Õè ñõðò/òõñô จาํ เลยปด กน้ั รอ งนาํ้ สาธารณะทาํ ใหน า้ํ หยดุ ไหล ราษฎรไดร บั ความเดอื ดรอ น โจทกขอใหศาลลงโทษตาม ป.อ.มาตรา ๓๗๕ ò. ¢Ñ´¢ÍŒ §ËÃÍ× äÁÊ‹ дǡ หมายความวา ใชก ารไมไ ดห รอื ใชไ มไ ดเต็มที่ (¢) ทําãËàŒ ¡´Ô »¯¡Ô ÙÅá¡น‹ ้าํ 㹺͋ ÊÃÐËÃ×Í·Õè¢Ñ§นาํ้ Í¹Ñ ÁäÕ ÇŒÊíÒËÃºÑ »ÃЪҪ¹ãªŒÊÍ ÁÒμÃÒ óøð ผูใ ดทําใหเกิดปฏิกลู แกน ้ําในบอ สระหรือทขี่ ังนํา้ อนั มไี วสําหรับประชาชน ใชสอย ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกนิ หน่งึ เดอื น หรอื ปรับไมเ กนิ หน่ึงหม่ืนบาทหรือทั้งจําท้ังปรับ องคประกอบของความผิดมีดงั นี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ทาํ ใหเ กดิ ปฏิกลู ๒. แกนํ้าในบอ สระหรือที่ขงั นาํ้ อนั มีไวส ําหรับประชาชนใชส อย คํา͸ԺÒ ñ. ทําãËŒà¡´Ô »¯Ô¡ÙÅ ปฏิกูล บทบัญญัติในมาตราน้ีตรงกับกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๓๕ (๑๕) ซ่ึงใช คําวา “ทําใหนํ้า...โสโครก” คําวาปฏิกูลแปลวานาเกลียด ซึ่งศาลฎีกาไดวินิจฉัยในคําพิพากษาฎีกา ท่ี ๑๑๐๘/๒๕๐๕ วา “การกระทําใหเ กิดปฏกิ ลู หมายถงึ ทําใหน าเกลยี ดหรอื พึงเกลยี ดหรอื เกดิ โสโครก แกนํ้า” ดังน้ัน ความหมายของคําวา ทําใหเกิดปฏิกูลจึงตรงกับคําวา “ทําใหโสโครก” คือ ทําใหนํ้า สกปรก การทาํ ใหน าํ้ สกปรกนไี้ มจ าํ เปน วา จะตอ งเอาของเนา เหมน็ หรอื สงิ่ อนั พงึ รงั เกยี จใสเ จอื ปนลงไป การทําใหน้ําสกปรกดวยวิธีการใดก็ใชได แตการสกปรกของน้ําตองมิใชสภาพที่เกิดเปนการชั่วคราว มิฉะนั้นยังไมถือวา ทําใหเกิดปฏิกูล ตัวอยางที่ถือเปนความผิด เชน ท้ิงซากสัตวเนาลงในบอน้ํา ท่ีใชบ รโิ ภค หรือถายอจุ จาระปส สาวะลงไปในท่ีชาวบา นใชอาบ เปนตน Í·Ø ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ ññðø/òõðõจําเลยไปวิดนํ้าเพอื่ จับปลาในหนองซง่ึ ประชาชนใชต ักน้าํ เอาไปรด ผักและเอาไปใหโคกระบืออาบ วินิจฉัยวาการท่ีจําเลยทําใหนํ้าขุน ยังไมพอฟงวาทําใหเกิดปฏิกูลแก นาํ้ ในหนอง เพราะนาํ้ ขนุ เปน สภาพทเ่ี กดิ ขนึ้ จากโคลนในหนองนน้ั เองชว่ั คราว หาใชท าํ ใหเ กดิ ปฏกิ ลู ไม จําเลยจึงยงั ไมม ีความผดิ กอ นหนา นศ้ี าลฎกี าไดว นิ จิ ฉยั ในคาํ พพิ ากษาฎกี าท่ี ๒๐๗/๒๔๗๔ วา การทจี่ าํ เลยกบั พวก ลงจับสัตวนํ้าในหนองที่ขังนํ้า จนทําใหนํ้าในหนองขุนขนเปนโคลนปนน้ําไปต้ัง ๗-๘ วัน เปนเหตุให ราษฎรใชส อยและรบั ประทานนํ้าไมไ ดตามสภาพเดมิ จําเลยจึงมีความผิดตามกฎหมายลกั ษณะอาญา

๔๙๕ มาตรา ๓๓๕(๑๕) ถงึ แมว า ขอ เทจ็ จรงิ ของคาํ พพิ ากษาทงั้ สองนจ้ี ะใกลเ คยี งกนั แตค าํ วนิ จิ ฉยั ตรงกนั ขา ม กม็ ขี อทนี่ าสังเกตวา สภาพการใชสอยนํ้าของประชาชนใน ฎีกาท่ี ๑๑๐๘/๒๕๐๕ ไมไ ดเปลี่ยนแปลงไป เนอ่ื งจากการกระทาํ ของจาํ เลย และขอ เทจ็ จรงิ ไมป รากฏวา นาํ้ ขนุ อยนู านเทา ใด แต ฎกี าที่ ๒๐๗/๒๔๗๔ นั้นประชาชนใชสอยน้ําไมไดตามปกติ จึงนาคิดวาในกรณีเชนน้ีควรถือวาทําใหน้ําเกิดปฏิกูลได คําพิพากษาฎีกาทั้งสองน้ีจึงอาจจะยังไมขัดกัน แตอยางไรก็ดีถายังไมปรากฏวาการท่ีจําเลยลงไป วดิ ปลานัน้ เปนผลทําใหทีข่ งั นํา้ สําหรบั สาธารณชนใชสอยขนุ ขน โสโครก จาํ เลยกย็ ังไมผ ดิ ตามมาตรานี้ ò. นํ้า㹺‹Í ÊÃÐËÃ×Í·Õè¢Ñ§น้ํา¹éѹμŒÍ§ÁÕäÇŒÊíÒËÃѺ»ÃЪҪ¹ãªŒÊÍ ¡ÒÃ㪌Ê͹éÕ ไมจาํ กัดวาจะตองมไี วด ื่ม อาบเทานั้น แตรวมไปถงึ การใชปลูกผกั หรือเลย้ี งสตั วดวย (¤) ¢´Ø ËÅØÁËÃÍ× ÃÒ§ËÃÍ× »ÅÙ¡»˜¡ËÃÍ× ÇҧʧÔè ¢Í§à¡Ð¡Ðänj㹷ҧÊÒ¸ÒóРÁÒμÃÒ óøö ผูใดขุดหลุมหรอื ราง หรอื ปลูกปก หรือวางส่ิงของเกะกะไวในทางสาธารณะ โดยไมไดรับอนุญาตอันชอบดวยกฎหมาย หรือทําไดโดยชอบดวยกฎหมาย แตละเลยไมแสดง สญั ญาณตามสมควรเพ่ือปอ งกนั อุปท วเหตุ ตอ งระวางโทษปรบั ไมเกนิ หา พันบาท องคป ระกอบของความผดิ มดี ังน้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ขดุ หลมุ หรอื ราง หรอื ปลูกปกหรือวางสิ่งของเกะกะ ๒. ในทางสาธารณะ ๓. โดยไมไดรับอนุญาตอันชอบดวยกฎหมาย หรือทําไดโดยชอบดวยกฎหมาย แตละเลยไมแ สดงสญั ญาณ ๒. ในทางสาธารณะ (ดจู ากมาตรา ๓๗๑) ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ¢´Ø ËÅÁØ ËÃÍ× ÃÒ§ËÃ×Í»ÅÙ¡»¡˜ ËÃ×ÍÇҧʧèÔ ¢Í§à¡Ð¡Ð ขุดหลมุ หมายถงึ ขดุ พ้นื ทางสาธารณะไวใหเ ปน หลมุ บอ ขุดราง หมายถึง การขดุ พน้ื ทางสาธารณะไวเ ปนราง ปลกู ส่ิงของเกะกะ หมายถงึ ปลูกสิ่งของใดๆ เชน ตน ไม ปลกู ส่งิ กอสรา งตา งๆ ไวเ กะกะ บนทางสาธารณะ ปกสิ่งของเกะกะ เชน ปก รั้ว ปกเสา ปก ดาํ ตนขา วไวใ นทางสาธารณะ ปลูกปก เปนการรวมเอาการกระทําท้ังปลูกท้ังปกเขาดวยกัน แตเดิมใชคําวา ปลูกเรือน และปก ร้ัว ปจ จบุ นั มกั ใชคําวา ปลูกสราง วางสิ่งของเกะกะ คือวางส่ิงหน่ึงสิง่ ใดไวบ นทางสาธารณะ ทําใหเกะกะ เชน กองดนิ หรือ หนิ ไวบ นทางสาธารณะ

๔๙๖ ò. ã¹·Ò§ÊÒ¸ÒóР(ดูจากมาตรา ๓๗๑) ไมว าจะเปนการขดุ หลมุ ขดุ วางปลูกปก หรือ วางของเกะกะตองเปนการกระทําในทางสาธารณะ จึงจะเปนความผดิ ได ó. â´ÂäÁ‹ä´ŒÃѺ͹ØÞÒμÍѹªÍº´ŒÇ¡®ËÁÒ หรือทําไดโดยชอบดวยกฎหมาย แตล ะเลยไมแสดงสัญญาณตามสมควร เพอ่ื ปองกนั อปุ ท วเหตุ การกระทําดังกลาวขางตนตองไมไดรับอนุญาตอันชอบดวยกฎหมายจึงจะเปนความผิด ดงั นนั้ หากมกี ารกระทาํ เกดิ ขน้ึ โดยไดร บั อนญุ าตอนั ชอบดว ยกฎหมายแลว ถงึ แมว า ตอ มาการอนญุ าต ไดสน้ิ สุดลงก็ไมทําใหการกระทํานัน้ ผิดกฎหมายได ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·Õè ÷øñ/òôùñ กองหินในทางสาธารณะโดยมีสัญญาเชากับเทศบาล เปน การกองโดยไดรับอนุญาต จําเลยหาไดกองข้ึนใหมภายหลังสัญญาเชาไดสิ้นอายุแลวนั้นไมจึงเปน เรอื่ งทจี่ ะตองจัดการในทางแพง หาเปนคดีอาญาไม การกระทําความผิดตามมาตราน้ี ถือเอาเวลาท่ีทําการขุดหลุมหรือรางปลูกปก หรอื วางส่งิ ของเกะกะเปน สําคญั เปน การกระทาํ ผดิ ครง้ั เดียวไมต อเนือ่ งกัน ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ õù/òô÷ô โจทกฟองวาจําเลยปลูกหองแถวรุกล้ําทางหลวง คดีถึงท่ีสุดแลว โจทกนําคดีมาฟองใหมโดยอางวาจําเลยยังไมร้ือหองแถว จึงเปนการรุกลํ้าทางหลวงอยูเรื่อยๆ ไป เชนนี้โจทกจะนํามาฟองอีกไมไดเปนฟองซํ้าเพราะเปนการกระทําผิดคร้ังเดียวจะฟงวาจําเลย กระทําผดิ เร่ือยๆ ไป หาชอบดว ยกฎหมายใหม แตถามีการกระทําข้ึนใหมอีกก็ตองถือวา เปนการกระทําความผิดทุกคร้ังที่ทําขึ้นใหม เชน ปลูกขาวในทางสาธารณะทุกป เปนตน แตถาการกระทําใหมน้ันไมใชการกระทําที่เปนความผิด โดยตรงแลวก็ไมเปนการทําความผิดข้ึนใหม เชน ปลูกเรือนลํ้าเขาไปในทางสาธารณะแลวตอมาร้ือ หลังคาออกมุงใหมตามสภาพเดิม การรื้อหลังคาแลวมุงใหมไมใชการกระทําที่เปนความผิดจึงไมใช การกระทําความผิดข้นึ ใหม การนับอายคุ วามจงึ ตอ งเรม่ิ นับตง้ั แตการปลกู เรอื น ä´ŒÃѺ͹ØÞÒμáμ‹ÅÐàÅÂäÁ‹áÊ´§ÊÑÞÞÒ³μÒÁÊÁ¤ÇÃà¾è×Í»‡Í§¡Ñ¹ÍØ»˜·ÇàËμØ หมายถึง ไดรับอนุญาตแลวขุดหลุม ขุดราง ปลูกปกหรือวางสิ่งของเกะกะในท่ีสาธารณะแลว แตไมไดทํา สัญญาณแสดงไวเพื่อปองกันอุปทวเหตุ เชน ขุดหลุมฝงทอประปาท่ีถนนโดยทําการขออนุญาตแลว แตไ มตง้ั สญั ญาณหรือโคมไฟใหผอู น่ื รูวา มีหลมุ อยบู นถนน ผูก ระทาํ ตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ ÍØ·ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ ùòö/òô÷ô ขดุ คูก้ันทางหลวงโดยไมไดรบั อนญุ าต (ò) ®¡Õ Ò·Õè öõø/òô÷ñ ปลกู ตนลําพใู นทีช่ ายเลนนํา้ ข้ึนทว มถึง (ó) ®¡Õ Ò·Õè óóò/òô÷õ ปกหลกั ลอ มรวั้ ปลกู หอ งแถวปด ทางหลวง

๔๙๗ (ô) ®Õ¡Ò·èÕ ÷òñ/òôøù ปดก้ันทางสาธารณะโดยโคนตนไมใหญขวางทาง และปลูกตนไมลงในทาง (õ) ®Õ¡Ò·èÕ ñó÷÷/òõòð ปลกู ขา วในทางสาธารณะโดยมไิ ดร บั อนญุ าตเปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๘๖ ¤ÇÒÁ¼Ô´à¡ÕÂè Ç¡ºÑ ÊμÑ Ç ความผดิ เกยี่ วกับสัตว ประกอบดว ยความผิดทั้งหมด ๖ ฐาน คอื ๑. ปลอยปละละเลยใหสัตวด หุ รอื สัตวร ายท่ีควบคุมไวเ ทย่ี วไปโดยลําพงั ๒. กระทําทารุณตอ สัตว หรอื ฆา สตั วโ ดยใหไดร บั ทุกขเวทนาอันไมจําเปน ๓. ใชใ หส ตั วท ํางานจนเกนิ สมควรหรอื ใชใหท ํางานอันไมสมควร ๔. ไลต อ นหรือทาํ ใหส ัตวใดๆ เขาไปในสวน ไรห รอื นาของผอู น่ื ๕. ปลอ ยปละละเลยใหส ตั วทคี่ วบคมุ ไวเขา ไปในสวนไรหรอื นาของผอู ื่น ๖. ทง้ิ ซากสตั วซง่ึ อาจเนาเหมน็ ในรมิ ทางสาธารณะ ความผดิ ทงั้ ๖ ฐานนี้ ปรากฏอยใู นมาตรา ๓๗๗, ๓๘๑, ๓๘๒, ๓๙๔, ๓๙๕ และ ๓๙๖ ดังมีสาระสาํ คญั ดงั นี้ (¡) »Å‹Í»ÅÐÅÐàÅÂãËŒÊÑμÇ´ ØËÃÍ× ÊμÑ ÇÏ ŒÒ·դè Ǻ¤ÁØ äÇàŒ ·ÕèÂÇä»â´Âลํา¾Ñ§ ÁÒμÃÒ ó÷÷ ผูใดควบคุมสัตวดุหรือสัตวรายปลอยปละละเลยใหสัตวนั้นเท่ียวไป โดยลําพัง ในประการท่ีอาจทําอันตรายแกบุคคลหรือทรัพย ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหน่ึงเดือน หรอื ปรับไมเกนิ หนึ่งหม่นื บาท หรือทงั้ จาํ ทั้งปรับ องคประกอบของความผิดมีดงั น้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. เปนผคู วบคมุ สตั วด หุ รือสตั วร าย ๒. ปลอยปละละเลยใหส ัตวน นั้ เท่ียวไปโดยลาํ พงั ๓. ในประการทอ่ี าจทาํ อนั ตรายแกบคุ คลหรอื ทรพั ย คํา͸ԺÒ ñ. à»¹š ¼ŒÙ¤Çº¤ØÁÊμÑ Ç´ ËØ ÃÍ× ÊμÑ ÇÏ ÒŒ  เปน ผคู วบคมุ สตั ว หมายถงึ ผมู หี นา ทใี่ นการควบคมุ สตั วด หุ รอื สตั วร า ยไมจ าํ เปน ตอ งเปน เจาของ หากเจาของไมม หี นาทค่ี วบคุมจะไมม ีความผดิ ตามมาตรานี้ การควบคุมสัตว หมายถึง กํากับดูแลควบคุมสัตวนั้นๆ ผูที่มีหนาท่ีใหอาหารหรือรักษา สุขภาพสัตวน ้นั ไมใ ชผ กู ํากบั ดูแลควบคุมสตั ว สัตวราย ซึ่งหมายความวา โดยธรรมชาติของสัตวน้ันเองเปนสัตวที่มีนิสัยเปนท้ังดุ และรายกาจเปนปกติอยูในตัว และเปนสัตวที่เปนภัยอันตรายอันนาสะพรึงกลัวตอบุคคลผูไดพบเห็น เชน เสือ จระเข หรอื งูพิษ เปน ตน ซ่งึ ตางกับสัตวจ ําพวกทก่ี ฎหมายมาตราน้บี ญั ญตั ิใชคําวา “สัตวด ”ุ

๔๙๘ สัตวดุ หมายความวา โดยธรรมชาติของสัตวน้ันเอง มิใชเปนสัตวรายแตอาจเปนสัตวดุ ซงึ่ เจา ของจะตอ งมกี ารควบคมุ ดแู ลเปน พเิ ศษผดิ จากปกตธิ รรมดาโดยลา มโซห รอื ขงั กรงไว เชน สนุ ขั ทดี่ ุ เปนตน มิฉะนน้ั ถา ปลอ ยปละละเลยแลวอาจไปทาํ อันตรายแกบ คุ คลหรอื ทรัพยของผูอ่ืนได คําวา สัตวด ุน้ันตอ งเปน สัตวท ี่มนี สิ ัยดเุ ปนพเิ ศษไปกวา สัตวประเภทเดียวกันโดยท่วั ๆ ไป และมิไดจํากัดเฉพาะการดุรายในลักษณะเปนอันตรายแกบุคคลเทาน้ัน แตรวมถึงอันตราย แกท รพั ยด ว ย ดงั นนั้ สตั วเ ลย้ี งทไ่ี มเ ปน ภยั แกบ คุ คลอน่ื แตช อบออกไปทาํ ใหท รพั ยส นิ ของผอู น่ื เสยี หาย ก็จดั เปนสตั วดดุ วย ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ ñöò/òõòó สนุ ขั ของจาํ เลยเคยกดั เปด ของ ก. มาหลายครง้ั ครงั้ นสี้ นุ ขั นน้ั ไปกดั เปดของ ก. ตายและบาดเจ็บหลายสบิ ตวั เปนสตั วด ตุ ามมาตรา ๓๗๗ ò. »ÅÍ‹ »ÅÐÅÐàÅÂãËŒÊμÑ Ç¹ Ñé¹à·ÕèÂÇä»μÒÁลํา¾§Ñ ปลอ ยปละละเลย หมายถงึ การไมควบคุมสตั วดงั กลา วตามหนา ท่ีอาจเปนการพลัง้ เผลอ ประมาทเลนิ เลอ ไมเ อาใจใสใ นการควบคมุ หรือจงใจปลอยใหส ตั วเทย่ี วไปตามลําพัง เทีย่ วไปตามลาํ พัง หมายถงึ สตั วดงั กลา วพลดั เพริดไปตามลาํ พังโดยปราศจากผูควบคมุ ไมวาจะเท่ียวไปยังสถานทใี่ ดกต็ าม เชน ปลอ ยจระเขท ี่เลยี้ งไวใ หห ลุดลงแมนาํ้ ลําคลองไป ó. ã¹»ÃСÒ÷èÕÍÒ¨ทําÍѹμÃÒÂá¡‹ºØ¤¤ÅËÃ×Í·ÃѾ หมายถึง จะเปนความผิด ตอเมื่อการปลอยปละละเลยดังกลา ว อาจทาํ ใหเกิดอนั ตรายตอบุคคลหรือทรัพยได ไมจ ําเปนตอ งถงึ กบั เกิดอันตรายขึ้นแลว จริงๆ เพียงแตน า จะเกดิ อันตรายกเ็ ปน ความผดิ แลว (¢) ¡ÃÐทํา¡Ò÷ÒÃØ³μ‹ÍÊμÑ Çˏ Ã×ͦ‹ÒÊμÑ ÇãËŒä´ÃŒ Ѻ·¡Ø ¢àÇ·¹ÒÍ¹Ñ äÁ‹¨íÒ໹š ÁÒμÃÒ óøñ ผูใดกระทําการทารุณตอสัตว หรือฆาสัตวโดยใหไดรับทุกขเวทนา อนั ไมจ าํ เปน ตอ งระวางโทษจําคุกไมเ กนิ หนงึ่ เดือนหรือปรับไมเกินหนึ่งหม่นื บาทหรอื ทั้งจาํ ท้ังปรบั องคป ระกอบของความผิดมดี งั น้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทาํ การทารุณตอสัตว หรือ ๒. ฆาสตั วโดยใหไดร ับทุกขเวทนาอนั ไมจ ําเปน ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คํา͸ԺÒ ñ. ¡ÃÐทํา¡Ò÷ÒÃØ³μ‹ÍÊÑμǏ คือ การกระทําตอสัตวอยางดุรายหรือโหดราย เชน การเฆยี่ นตสี ตั วจ นไดร บั ความทกุ ขท รมาน หรอื จบั สตั วข งั ไวโ ดยไมใ หน าํ้ หรอื อาหารกนิ เปน เวลานานๆ เปนตน ถงึ แมว าสตั วจะไมต ายกเ็ ปน ความผิด ทั้งนี้ ตองเปน การทารุณตอ สัตวใหไดร บั ทกุ ขเวทนา โดยไมจ าํ เปน เชน จับแมวตัดขาท้ิง ๒ ขา ง แลว ปลอ ยไป เปน ตน

๔๙๙ ò. ¦Ò‹ ÊÑμǏãËäŒ ´ŒÃºÑ ·¡Ø ¢àÇ·¹ÒÍ¹Ñ äÁจ‹ ํา໹š ฆา สัตว หมายถึง ฆาใหตาย ใหไดรับทุกขเวทนาอันไมจําเปน หมายถึง กระทําการใดๆ ใหสัตวไดรับความเจ็บปวด ทกุ ขท รมานกอ นตายโดยไมจ าํ เปน เชน ฆา ววั โดยเฉอื นเนอ้ื ทลี ะชน้ิ ทง้ั เปน ทกุ วนั จนตาย ฆา งโู ดยคอ ยๆ ฟนทีละทอ น จนงตู าย เปนตน à¨μ¹Ò ความผิดตามมาตราน้ตี อ งเปน การกระทาํ โดยเจตนาตามมาตรา ๕๙ (¤) 㪌ãËŒÊÑμǏทํา§Ò¹¨¹à¡¹Ô ÊÁ¤ÇÃËÃ×ÍãªãŒ ËทŒ าํ §Ò¹ÍѹäÁÊ‹ Á¤Çà ÁÒμÃÒ óøò ผูใดใชใหสัตวทํางานจนเกินสมควรหรือใชใหทํางานอันไมสมควร เพราะเหตทุ สี่ ัตวนน้ั ปวยเจบ็ ชราหรือออนอายุตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเกนิ หน่งึ เดอื น หรือปรบั ไมเ กิน หนึง่ หม่ืนบาทหรอื ทั้งจําทง้ั ปรบั องคประกอบของความผดิ มีดงั นี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ใชใหส ัตวท ํางานจนเกนิ ควร หรอื ใชใ หทํางานอันไมสมควร ๒. สตั วน ้ันปว ยเจ็บ ชราหรือออนอายุ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คํา͸ԺÒ ñ. 㪌ãËŒÊμÑ Çทํา§Ò¹¨¹à¡¹Ô ÊÁ¤Çà ËÃ×ÍãªãŒ ËŒทาํ §Ò¹Í¹Ñ äÁ‹ÊÁ¤Çà ใชใหสัตวทํางานจนเกินสมควร หมายถึง ใชใหสัตวทํางานมากเกินกวาที่วิญูชนจะพึง ใชสําหรับสัตวท่ีอยูในสภาพเชนน้ัน เชน ใชกระบือที่ชรามากแลวไถนาทั้งวันทุกวันโดยไมมีเวลา หยุดพัก ใชโ คปวยลากเกวยี นหนักๆ ไป เปน ระยะทางไกลโดยไมห ยุดพกั เปนตน ใชใหสัตวทํางานอันไมสมควร หมายถึง ใชใหสัตวทํางานที่ไมเหมาะสมกับชีวิตของสัตว น้นั ๆ เชน ใชโ ค-กระบอื ไปลากซงุ เปนตน ò. ÊÑμǹ éѹ»†ÇÂà¨ºç ªÃÒ ËÃ×Í͋͹ÍÒÂØ ปวยเจบ็ หมายถึง เปน โรคอยางใดอยา งหนึง่ รวมทง้ั การมบี าดแผลหรือรางกายสว นใด สว นหนงึ่ ฟกชํา้ ชรา หมายถงึ แกห รอื มอี ายุมากตามชนดิ ของสตั วน ้นั ๆ ออ นอายุ หมายถงึ มีอายนุ อยตามเกณฑข องสตั วชนิดน้นั ๆ เจตนา ผกู ระทําตองมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ เชน ตองรวู า สตั วน น้ั ปวยเจบ็ ชรา หรอื ออนอายุ ดวย เชน ใชลกู ชา งทีย่ งั เล็กมากลากซุงทอนใหญๆ ซึ่งเกินกาํ ลงั ที่ลูกชางจะลากไหว

๕๐๐ (§) äÅμ‹ ŒÍ¹ËÃÍ× ·ÓãËÊŒ μÑ Çã´æ ࢌÒã¹ÊǹäËËÃ×͹Ңͧ¼ŒÙÍ×è¹ ÁÒμÃÒ óùô ผูใดไล ตอน หรือทําใหสัตวใดๆ เขาในสวน ไร หรือนาของผูอื่น ท่ีไดแตงดินไว เพาะพันธุไว หรือมีพืชพันธุ หรือผลิตผลอยู ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหนึ่งเดือน หรอื ปรบั ไมเ กินหน่ึงหมน่ื บาท หรอื ทงั้ จาํ ทงั้ ปรบั องคประกอบของความผิดมีดังน้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ไล ตอ นหรือทําใหส ัตวใดๆ เขาในสวน ไร หรอื นา ๒. สวน ไร หรือนาเปนของผูอื่นที่ไดแตงดินไว เพาะพันธุไว หรือมีพืชพันธุ หรือ ผลิตผลอยู ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คํา͸ºÔ Ò ñ. äÅ‹ μÍŒ ¹ ËÃ×ÍทําãËÊŒ ÑμÇã´æ ࢌÒã¹Êǹ äË ËÃ×Í¹Ò การไล ตอนหรือทําใหสัตวเขาในสวน ไร หรือนา หมายความรวมถึงการกระทําใดๆ กไ็ ดท เี่ ปน ผลใหส ตั วเ ขา ไปในสวน ไรห รอื นาของผอู น่ื เชน ไล ตอ น จงู หรอื ลอ สตั วเ ขา ไปแตไ มร วมไปถงึ การท่ีสัตวเขาไปเองโดยไมควบคุมดูแลใหดี คือผูกระทําตองมีเจตนาท่ีจะทําใหสัตวเขาไป ผูกระทํา ไมจําตองเปนเจาของสัตว การไลตอนสัตวของผูอื่นก็เปนความผิดตามมาตรานี้ได และสัตวท่ีวานี้ อาจเปน สัตวช นิดใดกไ็ ด ò. Êǹ äË ËÃÍ× ¹Ò໹š ¢Í§¼ÍŒÙ ¹è× ·äÕè ´áŒ μ§‹ ´¹Ô äÇàŒ ¾Òо¹Ñ ¸äØ ÇËŒ ÃÍ× Á¾Õ ª× ¾¹Ñ ¸ËØ ÃÍ× ¼ÅμÔ ¼Å ÍÂÙ‹ สวน ไร หรือนา นั้นตองเปนของผูอื่น และไดมีการแตงดินไว เพาะพันธุไวหรือมี พืชพันธุหรือผลิตผลอยู จึงควรมีความหมายจํากัด เฉพาะสวน ไร หรือนาที่มีการเพาะปลูกเทานั้น เชน ไรกุหลาบ นาขาวทม่ี ีขาวปลกู อยู หรอื สวนผลไม เปน ตน เจตนา ผูก ระทําตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ (จ) ปลอยปละละเลยใหส ัตวท่คี วบคุมไวเขาในสวนหรือไรน าของผอู ื่น ÁÒμÃÒ óùõ ผูใดควบคุมสัตวใดๆ ปลอยปละละเลยใหสัตวน้ันเขาในสวน ไรหรือนา ของผูอ่ืนที่ไดแตงดินไว เพาะพันธุไวหรือมีพืชพันธุหรือผลิตผลอยู ตองระวางโทษปรับไมเกิน หา พนั บาท องคประกอบของความผิดมดี ังนี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. เปน ผูควบคุมสตั วใดๆ ๒. ปลอยปละละเลยใหสตั วนั้นเขา ในสวน ไรห รอื นา

๕๐๑ ๓. สวน ไร หรือนาเปนของผูอ่ืนที่ไดแตงดินไวเพาะพันธุไว หรือมีพืชพันธุ หรอื ผลิตผลอยู คาํ ͸ԺÒ ñ. ໚¹¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ÊμÑ Çã´æ ผูค วบคุม หมายถงึ เปนผูดูแลมีหนาทค่ี วบคุมสตั วเทานั้น ไมจาํ เปน ตอ งเปนเจาของสัตว ก็ได สตั วใ ดๆ หมายถงึ สตั วช นดิ ใดกไ็ ดไ มจ าํ กดั ชนดิ และประเภท เชน สนุ ขั ววั ควาย หมี เสอื ò. »ÅÍ‹ »ÅÐÅÐàÅÂãËŒÊμÑ Ç¹ ѹé ࢌÒã¹Êǹ äË ËÃÍ× ¹Ò ปลอยปละละเลย คือไมใชความระมัดระวังดูแลใหดีวาสัตวน้ันจะไมเขาไปในสวน ไร หรือนาของผูอ น่ื กฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๔๐(๑) ซง่ึ มีขอความคลายกันไดใชค าํ วา “ปลอ ยให ปศสุ ตั วห รือสัตวพาหนะเขาในเรอื กสวนไรน าของผอู นื่ ” ศาลฎีกาจงึ วินิจฉยั วาถา ขอเท็จจรงิ ไดความวา สัตวน้ันมีผูเล้ียงดูแลควบคุมอยูก็จะถือวา “ปลอย” ไมได การที่ประมวลกฎหมายอาญาใชคําวา “ปลอยปละละเลย” จึงมีความหมายแตกตางไปจากกฎหมายเกา ดังน้ัน ขอเท็จจริงท่ีผูกระทําไมผิด กฎหมายลักษณะอาญาจึงอาจผิดตามมาตรานี้ได เชน เลี้ยงกระบือแตไมควบคุมดูแลใหดี กระบือ จึงเขาไปในสวนของผูอ ่นื เชนน้ี เปนตน ó. Êǹ äË ËÃ×Í¹Ò เปนของผูอ่ืนที่ไดแตงดินไว เพาะพันธุไว หรือมีพืชพันธุ หรือผลติ ผลอยู หมายถงึ สวน ไร หรือนา ตามความหมายเดียวกบั ในมาตรา ๓๙๔ ÍØ·ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ õõô/òôøô การปลอยชางไวในปาชาไมควบคุม ทําใหชางนั้นเขาไป ในไรข องผูอ่นื หา ง ๗๐ เสน ผูควบคุมชางมีความผิดตามมาตรานี้ (ò) ®¡Õ Ò·Õè ññó÷/òõðö โคเปนของจําเลย จําเลยเปนผูเล้ียงดูรักษา โดยเวลา เชา จําเลยจะเปดคอกปลอยใหโคออกมากินตามลําพัง ไมมีคนคอยควบคุมเล้ียงดูรักษาตกเวลาเย็น จาํ เลยจงึ ไปไลก ลบั เขา คอก ดงั น้ี ถอื วา จาํ เลยเปน ผคู วบคมุ สตั วต ามความหมายแหง ป.อ.มาตรา ๓๙๕ แลว การท่ีจําเลยไมควบคุมปลอยปละละเลยใหโคเขาไปกัดกินพืชพันธุในไรของผูเสียหายที่ปลูกไว จึงมคี วามผดิ (©) ·éÔ§«Ò¡ÊμÑ Ç«Öè§ÍÒ¨à¹Ò‹ àËÁ¹ç ã¹ËÃ×ÍÃÁÔ ·Ò§ÊÒ¸ÒóРÁÒμÃÒ óùö ผูใดทิ้งซากสตั วซึง่ อาจเนาเหม็นในหรอื รมิ ทางสาธารณะ ตอ งระวางโทษ ปรับไมเกินหาพันบาท องคประกอบของความผิดมดี งั น้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ทิ้งซากสัตวซง่ึ อาจเนา เหม็น ๒. ในหรอื ริมทางสาธารณะ

๕๐๒ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ·§éÔ «Ò¡ÊÑμÇ« §èÖ ÍҨ๋ÒàËÁç¹ ทิ้ง คอื ปลอยไวไมว า วธิ ีใด เชน โยน กอง ขวา ง ปา วาง เปนตน ซากสัตว คือ สัตวทตี่ ายแลว และซากนั้นตอ งเนาเหม็นได จึงไมรวมถึงซากที่แหงจนไม อาจเนา เหมน็ ไดแ ลว และซากนนั้ ไมจ าํ เปน ตอ งเนา เหมน็ ในขณะทท่ี งิ้ กเ็ ปน ความผดิ แลว เชน ซากสนุ ขั ซากแมว เปนตน และซากที่วาน้ีไมจําเปนตองเปนซากท่ีอยูครบท้ังตัว อาจเปนสวนใดสวนหนึ่งก็ได เชน ศรี ษะ หรอื ขา หรอื ลําตวั เทา น้นั ก็ได ò. ã¹ËÃ×ÍÃÁÔ ·Ò§ÊÒ¸ÒóРทางสาธารณะ เคยกลา วไวแ ลว เชน ถนนหนทาง แมนํา้ ลําคลอง ในหรอื รมิ ทางสาธารณะ จงึ หมายถงึ ในถนนหรอื รมิ ถนน ในแมน า้ํ หรอื รมิ ลาํ คลอง เปน ตน à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ จะตอ งมเี จตนาธรรมดาตามมาตรา ๕๙ เพราะคําวา “ทงิ้ ” แสดงวาจงใจ หรอื ตง้ั ใจกระทํา ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡èÂÕ Ç¡Ñº¡Òá͋ ãËàŒ ¡´Ô ÍѹμÃÒÂá¡‹¡ÒÂËÃ×ͨÔμã¨áÅФÇÒÁ¼´Ô ÅËâØ ·ÉÍ×è¹æ á¹Ç¤Ô´ ๑. การกระทําอันตรายตอกายหรือจิตใจของผูอ่ืน การขมขูหรือขมเหงรังแกผูอื่น การกระทําทารุณตอผูที่ออนแอกวาเนื่องจากอายุหรือความเจ็บปวย แมเปนเพียงเล็กนอยกฎหมาย กบ็ ญั ญัตไิ วเ ปนความผิด ๒. บุคคลวิกลจริตกฎหมายถือวา เปนบุคคลที่ตองอยูในความควบคุม ดังนั้น การปลอยปละละเลยใหบุคคลดังกลาวออกมาจึงกอใหเกิดอันตรายตอประชาชนไดกฎหมาย จึงบัญญัติเอาผิดแกผูปลอยปละละเลยน้ัน นอกจากนี้การชวยบุคคลที่ตกอยูในภยันตรายเปนสิ่งท่ี มนุษยควรกระทํา การละเลยจึงเปนการกระทําที่ผิดตอกฎหมายรวมท้ังการเปลือยหรือเปดเผย รางกายหรือการกระทาํ ลามกตอหนาธารกํานลั กฎหมายถือเปน ความผดิ เชนเดียวกัน และการดหู มน่ิ เปนสิ่งที่กอใหเกิดความบาดหมางกันในหมูประชาชน เปนอันตรายตอการอยูรวมกันของบุคคล ในสังคม กฎหมายจึงตองบญั ญัตใิ หเปนความผดิ ดวย ¤ÇÒÁ¼Ô´à¡ÂèÕ Ç¡ºÑ ¡Òá‹ÍãËàŒ ¡Ô´ÍѹμÃÒÂá¡¡‹ ÒÂËÃ×ͨμÔ ã¨ ความผิดในเร่อื งน้ปี ระกอบดว ยความผดิ ๕ ฐาน คือ ๑. กระทาํ โดยประมาทเปนเหตใุ หผูอื่นรบั อันตรายแกก ายหรือจิตใจ ๒. ใชก าํ ลังทาํ รายผูอนื่ โดยไมถงึ กับเปนเหตใุ หเ กดิ อนั ตรายแกกายหรอื จิตใจ

๕๐๓ ๓. ทําใหผ อู น่ื เกดิ ความกลัวหรอื ความตกใจโดยการขเู ข็ญ ๔. กระทําดวยประการใดๆ อันเปนการรังแกหรือขมเหงผูอ่ืนในที่สาธารณสถาน หรือตอหนาธารกํานลั ๕. กระทาํ ทารุณตอ เด็กอายยุ ังไมเกินสิบหา ป คนปว ยเจบ็ หรอื คนชรา ซ่ึงความผดิ ทั้ง ๕ ฐานจะปรากฏอยูในมาตรา ๓๙๐, ๓๙๑, ๓๙๒, ๓๙๗ และ ๓๙๘ ดงั มีสาระสําคญั ดงั น้ี (¡) ¡ÃÐทาํ â´Â»ÃÐÁҷ໚¹àËμãØ ËŒ¼ŒÙ͹è× ÃÑºÍ¹Ñ μÃÒÂá¡‹¡ÒÂËÃÍ× ¨μÔ ã¨ มาตรา ๓๙๐ ผูใดกระทําโดยประมาท และการกระทําน้ันเปนเหตุใหผูอ่ืนรับอันตราย แกก ายหรอื จติ ใจตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หนง่ึ เดอื น หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนง่ึ หมน่ื บาท หรอื ทง้ั จาํ ทงั้ ปรบั องคประกอบของความผิดมดี ังนี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทาํ ดวยประการใดๆ ๒. เปนเหตุใหผอู ่ืนรับอนั ตรายแกก ายหรือจติ ใจ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - ประมาท คาํ ͸ºÔ Ò ๑. กระทําดวยประการใดๆ กฎหมายไมจํากัดลักษณะการกระทําไว จึงหมายถึง การกระทําใดๆ กไ็ ดท ้ังสิ้น เชน ว่งิ ยนื เดิน ปสสาวะ ขบั รถ กระโดด ฯลฯ ๒. เปนเหตุใหผูอ่ืนไดรับอันตรายแกกายหรือจิตใจ หมายถึง การกระทําดังกลาว ในขางตนนั้นเปนผลใหผูอ่ืนไดรับอันตรายแกกาย เชน ฟกช้ํา ปูดบวม มีบาดแผล เลือดไหล หรือ เปนผลใหผอู ื่นไดรับอนั ตรายแกจติ ใจ เชน ตกใจจนช็อก มึนงง เปน ตน อยา งไรก็ตามอนั ตรายตอ กาย หรือจิตใจนนั้ ตองเปนผลโดยตรงจากการกระทาํ โดยประมาทนั้น »ÃÐÁÒ· การกระทําความผิดตามมาตราน้ี มิไดจํากัดลักษณะของการกระทําไว โดยเฉพาะ คงมคี วามหมายถงึ การกระทาํ ทกุ อยา งทไ่ี ดก ระทาํ โดยประมาท คอื มใิ ชก ารกระทาํ โดยเจตนา แตก ระทาํ โดยปราศจากความระมดั ระวงั ซงึ่ บคุ คลในภาวะเชน นนั้ จกั ตอ งมตี ามวสิ ยั และพฤตกิ ารณ และ ผกู ระทาํ อาจใชความระมดั ระวงั เชนวาน้ันไดแ ตหาไดใชใ หเพียงพอไม ÍØ·ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ ñòøò/òõñô จําเลยท่ี ๑ และท่ี ๒ ขับเรือแลนมาตรงกลางลําน้ํา ดวยความเร็วสูง เมื่อใกลจะสวนกันเรือทั้งสองแลนเกือบจะเปนเสนตรงเขาหากันในลักษณะนากลัว จะเกิดโดนกัน แมจําเลยที่ ๒ จะเบนหลีกไปทางขวามือ อันเปนการปฏิบัติตามกฎหมายก็ตาม แตจําเลยที่ ๒ ก็มิไดลดความเร็วกลับขับเรือเบนหลีกไปทางขวาในระยะกระชั้นชิด สวนจําเลยที่ ๑ กม็ ไิ ดล ดความเรว็ ทง้ั มไิ ดเ บนหลกี ไปทางขวา แตค งแลน เรอื ตรงไป เรอื จาํ เลยท่ี ๒ จงึ ชนเรอื ของจาํ เลย

๕๐๔ ที่ ๑ เปนเหตุใหผ โู ดยสารในเรอื จําเลยที่ ๑ ถึงแกค วามตายและบาดเจ็บ เชน น้ีแสดงวาจําเลยท้งั สอง มีความประมาทปราศจากความระมัดระวังซ่ึงบุคคลในภาวะเชนจําเลยท้ังสองซ่ึงขับขี่เรือยนต สวนทางกัน จักตองมีตามวิสัยและพฤติการณ จําเลยท้ังสองจึงตองมีความผิดฐานกระทํา โดยประมาทเปนเหตใุ หผ ูอ น่ื ถึงแกความตายและบาดเจบ็ (ò) ®¡Õ Ò·èÕ òòñò/òõóò จําเลยท่ี ๒ ขับรถมาตามถนนพหลโยธินจากสามแยก เกษตรมุงหนาไปทางลาดพราวเม่ือถึงส่ีแยกพหลโยธินตัดกับถนนรัชดาภิเษก สัญญาณไฟจราจรเปน สีแดง จําเลยท่ี ๒ ไดขับรถเคล่ือนอยางชาๆ ฝาฝนสัญญาณไฟแดงจราจรสีแดงเขาไปในส่ีแยก จนเลยเสน สขี าวทก่ี าํ หนดใหร ถหยดุ ประมาณ ๑๐ เมตร เกอื บถงึ กลางสแ่ี ยก รถจาํ เลยที่ ๒ จงึ ขวางทาง จําเลยท่ี ๑ ซ่ึงแลนมาดวยความเร็วตามถนนรัชดาภิเษกดานถนนวิภาวดี-รังสิต มุงหนาไปตาม ถนนรัชดาภิเษกเขาไปในสี่แยก รถจําเลยท่ี ๑ หามลอและหักหลบเฉี่ยวชนรถจําเลยท่ี ๒ แลว เสียหลักไปทางขวาไปชนรถที่จอดรอสัญญาณไฟจราจรในถนนรัชดาภิเษกดานท่ีมาจากลาดพราว และชนผูเสียหาย พฤติการณเชนน้ีถือไดวาจําเลยท่ี ๒ ขับรถดวยความประมาทเปนเหตุโดยตรง ทาํ ใหร ถจาํ เลยที่ ๑ เฉย่ี วชนรถจาํ เลยที่ ๒ และชนผเู สียหายไดร ับอนั ตรายแกก าย (ó) ®¡Õ Ò·Õè òñõô/òõóô จําเลยที่ ๒ สําคัญผิดวาบุตรแรกเกิดของตนถึงแก ความตายแลวจึงโยนลงมาจากหนาตา งโรงแรม แมโจทกจะไมมีพยานรเู หน็ วา จําเลยท่ี ๑ รว มลงมือ กระทําความผิดกับจําเลยที่ ๒ แตการที่ จําเลยท่ี ๑ อยูรวมหองเดียวกับจําเลยท่ี ๒ ตามลําพัง ในขณะทจ่ี ําเลยท่ี ๒ คลอดบุตร จาํ เลยที่ ๒ ยอ มตองมคี วามเจบ็ ปวด ซง่ึ จะตองเรยี กใหจําเลยที่ ๑ ชวยเหลือตน ตามพฤติการณจึงมีเหตุผลใหเช่ือไดวาจําเลยท่ี ๑ ไดรูเห็นในการคลอดบุตรของจําเลย ท่ี ๒ แมจะเปนการคลอดกอนกําหนดประมาณ ๒ เดือนเศษก็หาใชวาเด็กทารกจะไมมีชีวิตรอดอยู เสมอไปไม จําเลยที่ ๑ ในฐานะบิดายอมมีหนาที่ตองเอาใจใสดูแลบุตรดวยการใชความระมัดระวัง ตรวจดูใหถวนถ่ีเสียกอนวาบุตรท่ีเกิดมายังมีชีวิตรอดอยูหรือไม มิใชปลอยใหจําเลยท่ี ๒ โยนบุตร ทิ้งไปโดยมิไดหามปรามทั้งๆ ท่ีจําเลยที่ ๑ สามารถใชความระมัดระวังในกรณีเชนน้ีได จําเลยท่ี ๑ จึงมคี วามผดิ ฐานกระทาํ โดยประมาทเปน เหตุใหผอู ื่นไดรับอันตรายแกก ายตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๐ การกระทําโดยประมาทท่ีเกิดขึ้น ถึงแมวาจะเปนการประมาทอยางรายแรงสักเพียงใด ถา ไมถงึ ขั้นเกดิ อนั ตรายแกก ายหรือจติ ใจแกผ ูอน่ื แลวกย็ งั ถอื ไมไดว ามคี วามผิดตามมาตราน้ี ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ ñ÷÷ð/òõñö แมการขับรถของจําเลยเปนท่ีนาหวาดเสียว เปนเหตุใหเกิด ชนกันอยางแรง และตางเสียหายมากอยางไรก็ตาม แตเมื่อลักษณะบาดแผลของผูเสียหายท่ีไดรับ เพียงเจ็บบริเวณขอศอก ปลายแขนซายมีรอยช้ําเล็กนอย รักษาประมาณ ๒ วัน เทานี้ยังไมรุนแรง จนเปน เหตใุ หเกิดอันตรายแกก าย อนั จะเปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๐ (¢) ãªกŒ ําÅѧทาํ ÌҼŒÙÍè×¹â´ÂäÁ‹¶§Ö ¡Ñºà»š¹àËμãØ ËŒà¡´Ô Í¹Ñ μÃÒÂá¡‹¡ÒÂËÃÍ× ¨μÔ ã¨ ÁÒμÃÒ óùñ ผูใดใชกําลังทํารายผูอื่นโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย หรอื จติ ใจตองระวางโทษจําคุกไมเกนิ หนง่ึ เดอื น หรอื ปรับไมเกินหน่ึงหมนื่ บาทหรือท้งั จําทงั้ ปรับ

๕๐๕ ความผดิ ตามมาตราน้ี มสี าระสาํ คญั เชน เดยี วกบั กฎหมายลกั ษณะอาญามาตรา ๓๓๘(๓) ซึ่งมีความวา “ผูใดบังอาจทุบตีหรือใชกําลังกระทําอยางใดๆ แกผูอ่ืนแตไมถึงแกบาดเจ็บ ทานวา มนั มคี วามผิดตอ งระวางโทษช้นั ๔” องคประกอบของความผิดมดี งั น้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ใชก ําลังทาํ รา ย ๒. ผอู ่นื ๓. โดยไมถึงกบั เปนเหตุใหเ กิดอนั ตรายแกกายหรอื จิตใจ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ãªกŒ าํ ÅѧทําÌҠใชกําลังทําราย ตางจากความผิดฐานทํารายรางกายตามมาตรา ๒๙๕ ซึ่งใชคําวา “ทําราย” และตางกับคําวา “ใชกําลังประทุษราย” ตามมาตรา ๓๓๙ ซ่ึงมีคํานิยามตามมาตรา ๑(๖) วาหมายความวา “ทําการประทุษรายแกกายหรือจิตใจของบุคคลไมวาจะทําดวยใชแรงกายภาพ หรอื ดว ยวธิ อี น่ื ใด และใหห มายความรวมถงึ การกระทาํ ใดๆ ซงึ่ เปน เหตใุ หบ คุ คลหนงึ่ บคุ คลใดอยใู นภาวะ ที่ไมสามารถขัดขืนได ไมวาจะโดยใชยาทําใหมึนเมาสะกดจิตหรือใชวิธีอ่ืนใดอันคลายคลึงกัน” จึงเห็นไดวาการใชกําลังทํารายมีความหมายท่ีแคบกวาการทํารายตามมาตรา ๒๙๕ โดยจํากัดไว เฉพาะการทํารายท่ีใชกําลังเทาน้ัน และการที่กฎหมายใชคําวาใชกําลังทํารายโดยไมใชคําวาใชกําลัง ประทษุ รา ยจงึ แสดงวา จะนาํ คํานิยามตามมาตรา ๑(๖) มาใชก บั คาํ วา ใชกาํ ลังทาํ รา ยไมไ ด การทํารายโดยใชกําลัง หมายถึง การกระทําโดยใชแรงกายภาพเทาน้ัน และไมรวมถึง การกระทําใดๆ ซ่ึงเปนเหตุใหผูอื่นอยูในภาวะที่ไมสามารถขัดขืนได ไมวาจะโดยใชยาทําใหมึนเมา สะกดจิตหรอื ใชว ิธอี ืน่ ใดอันคลายคลงึ กัน Í·Ø ÒËó ®Õ¡Ò·èÕ öð÷/òôøõ การเอายาพิษปนในอาหารแลวเอาไปใหผูเสียหายรับประทาน จนมีอาการมนึ เมาอาจเปน ความผิดฐานทาํ รายรางกายได แตยังไมเปนการใชกาํ ลังทํารา ย ศาลฎีกาไดวินิจฉัยไวในคําพิพากษาฎีกาท่ี ๖๓๔/๒๔๘๖ วา “คําวาใชกําลังในที่นี้ หมายความวาทําการเคลื่อนไหวรางกาย” ดังน้ัน จึงสรุปไดวา การทํารายดวยวิธีการอันใดก็ตาม ทีต่ องการมกี ารเคลอื่ นไหวแหงรางกายเขา ทาํ รายแลว ยอ มเปน การใชก ําลังทาํ รา ยทง้ั สิน้ เชน ชก เตะ ถีบ ตดี วยไม ใชมอื ตบ ใชมีดดาบแทง เปน ตน (ñ) ®Õ¡Ò·Õè ñôñö/òô÷ù การเอาอุจจาระเทรดจากท่ีสูงโดยเจตนาจะใหถูกเขา ซ่ึงเดินและอุจจาระไดถูกเขาเปรอะเปอนต้ังแตศีรษะจนถึงเทา เปนการใชกําลังกระทําแกผูอ่ืน ไมถ ึงบาดเจ็บตามกฎหมายลกั ษณะอาญามาตรา ๓๓๘(๓) (ป.อ.มาตรา ๓๙๑)

๕๐๖ (ò) ®Õ¡Ò·èÕ öóô/òôøö จาํ เลยถา ยปส สาวะรดผเู สยี หายเปน การใชก าํ ลงั อยา งหนงึ่ จาํ เลยจงึ มีความผดิ ตามมาตรา ๓๓๘(๓) (ป.อ.มาตรา ๓๙๑) (ó) ®Õ¡Ò·èÕ òñùù/òõñù จําเลยใชกําลังจับมือผูตายใหลุกข้ึน โดยผูตายไมสมัครใจ เม่ือผูตายบอกวาจะไปสวมเส้ือกอน จําเลยจึงปลอยถือไดวาเปนการใชกําลังทํารายเปนความผิด ตาม ป.อ. มาตรา ๓๙๑ การกระทาํ ทม่ี ิไดมีการเคล่ือนไหวแหง รางกาย ยงั ถือไมไดวา เปนการใชก าํ ลังทําราย Í·Ø ÒËó ®¡Õ Ò·Õè òõøô/òõòò การที่จําเลยเพียงแตจับแขนโจทกซึ่งวางที่ประตูรถยนต มิได ดึงกระชาก ไมเปนการใชกําลังทํารายโจทกโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกายหรือจิตใจ ตามมาตรา ๓๙๑ ò. ¼ÙŒÍè¹× หมายถึง เปนการใชก าํ ลังทาํ รา ยผูอ ่นื มใิ ชก ระทําตอ ตนเอง ó. â´ÂäÁ‹¶Ö§¡Ñºà»š¹àËμØãËŒà¡Ô´ÍѹμÃÒÂá¡‹¡ÒÂËÃ×ͨÔμ㨠หมายถึง การใชกําลัง ดงั กลา ว ไมเปน เหตใุ หเกิดอนั ตรายแกกายหรอื จิตใจของผทู ี่ถกู ใชกาํ ลังทําราย ÍØ·ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·Õè öøø/òõð÷ ใชเ ทา เตะและถบี ผเู สยี หายมบี าดแผลทดี่ ง้ั จมกู ถลอกเลก็ นอ ย เทาเมล็ดขาวเปลือก หางคิ้วซายถลอกเล็กนอยและท่ีใบหูขวาชํ้าเล็กนอย รักษา ๒ วันหาย เรียกวา ยังไมถ ึงขน้ั เกดิ อนั ตรายแกก ายหรือจติ ใจ (ò) ®¡Õ Ò·èÕ øøù/òõð÷ ใชมีดดาบแทงทํารายถูกชายโครงมีรอยช้ําแดงโตกลม ครึ่งเซนติเมตร รักษาประมาณ ๕ วันหาย ยังถือไมไดวาเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย จึงผิด ตามมาตรา ๓๙๑ (ó) ®¡Õ Ò·Õè ôó÷/òõñõ ผูเสียหายถูกจําเลยเตะทั้งรองเทา มีบาดแผลเปนรอยชํ้า บวมท่ีหนา ผาก เบาตาช้ําบวมเขียว ตาขวามีรอยช้ําเลือด ริมฝปากลางแตก รอยชํ้าบวมที่ปลายคาง หัวเขาบวมเล็กนอย มีรอยถลอกเลือดออกซ่ึงบาดแผลทั้งหมดควรจะหายภายใน ๗ วัน เชนน้ีถือวา เกดิ อนั ตรายแกกายแลว (ô) ®¡Õ Ò·èÕ ôùô÷/òõóñ ผูเสียหายไดรับบาดแผลฟกชํ้าที่หนาดานซายเพียง แหงเดียว แพทยลงความเห็นวารักษาประมาณ ๗ วัน ตามรายงานผลการตรวจบาดแผลทายฟอง โจทกไมไดนําสืบ แพทยผูตรวจชันสูตรบาดแผลของผูเสียหายท่ีไดรับบาดเจ็บจากการถูกทําราย มากกวาน้ี จึงยังฟงไมไดวาผูเสียหายถูกทํารายจนเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกายหรือจิตใจตาม ป.อ. มาตรา ๒๙๕ คงเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๑ เทานน้ั (õ) ®Õ¡Ò·Õè ùõ/òõóò จาํ เลยทงั้ สองทราบดวี า ส. กบั ผตู ายมสี าเหตโุ กรธเคอื งกนั มากอ น วันเกิดเหตุจําเลยทั้งสองกับ ส. เดินไปพบผูตายกับพวก ส. ชักมีดปลายแหลมไลแทงทํารายผูตาย จาํ เลยท้งั สองไดว่ิงตาม ส.เขา ไปดว ย เมอื่ ส. แทงผตู ายแลว จาํ เลยทั้งสองไดช ว ยกัน กระทบื ผตู ายซา้ํ

๕๐๗ แลวจําเลยท้ังสองกับ ส. ก็ไดห ลบหนีไปดวยกัน แสดงใหเห็นเจตนาของจาํ เลยกับพวกที่จะรว มกนั แทง ทํารายผูตายมาแตตน แมจําเลยทั้งสองจะไมไดแทงผูตาย เพียงแตกระทืบผูตาย อันเปนการทําราย ผูอ่ืน โดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกายหรือจิตใจก็ตาม เม่ือการตายของผูตายเกิดจาก การแทงทํารายของพวกจําเลยก็ยอมถือวาจําเลยทั้งสองเปนตัวการในความผิดฐานรวมกันฆาผูอื่น โดยเจตนาดวย (ö) ®Õ¡Ò·èÕ óùñó/òõóô ขณะเกิดเหตุคนท่ีมาในงานเล้ียงโกรธผูตายท่ียิงปน จึงตางคนตางทํารายผูตาย จําเลยเขาไปเตะและกระทืบผูตาย มิไดใชอาวุธทํารายรางกายผูตาย จําเลยไดกระทําไปตามลําพังมิไดรวมหรือสมคบกับผูอ่ืน ปรากฏจากบาดแผลของผูตายตามรายงาน การชันสูตรพลิกศพวา ท่ีเหนือคิ้วขวามีรอยถูกของแข็งตีเปนบาดแผลยาว ๑ น้ิว ตรงกลางหนาผาก ถูกของแขง็ ยาว ๕ นิ้วเศษ ยบุ ลกึ ลงไป ๑ น้วิ ใตตาขวาถกู ของแขง็ ตแี ตกยาว ๑ นวิ้ บาดแผลแตละ แหง เกิดจากการถูกตดี ว ยความแรงจนกะโหลกศีรษะยุบและแตกเปนช้ิน รางกายสวนอื่นไมม ีบาดแผล เหตุที่ตาย เน่ืองจากผูตายถูกตีดวยของแข็งอยางแรงหลายที เปนเหตุใหกะโหลกศีรษะแตกและยุบ สมองไดรับความกระทบกระเทือนอยางแรงผูตายถึงแกความตายทันที ยอมแสดงใหเห็นชัดวาท่ี จําเลยเตะและกระทืบผูตายมิไดเปนเหตุใหผูตายไดรับบาดแผลดังกลาว ท้ังรางกายสวนอื่นนอกจาก บาดแผลน้ัน ก็ไมป รากฏวา มีบาดแผลหรือรอยฟกชํ้าอนื่ ใดอีก ดงั น้ี ยังถือไมไดว า จําเลยรว มกระทําผิด กับผูอื่นโดยมีเจตนาฆาผูตาย การกระทําของจําเลยจึงเปนเพียงการใชกําลังทํารายผูอื่นโดยไมถึงกับ เปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย อันเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๑ ความตายของผูตายมิใชผล โดยตรงทเี่ กิดจากการกระทําของจําเลย จําเลยจึงไมต องรับผิด (÷) ®¡Õ Ò·Õè óóð/òõóõ ผลการชันสูตรบาดแผลของแพทยมีความเห็นวา มีรอยบวม เล็กนอยท่ีขมับดานซายบาดแผลรักษาหายภายใน ๓ วัน เปนความผิดฐานทํารายรางกายตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๑ (ø) ®Õ¡Ò·èÕ ñõøó/òõóõ ป. พวกของจําเลยไมพอใจผูเสียหายเพราะ ป. ขับขี่ จักรยานยนตเฉ่ยี วผูเ สียหาย ผูเสียหายยกศอกขึน้ กนั แตไปถูกศีรษะ ป. สาเหตดุ งั กลาวเปนเหตเุ พยี ง เล็กนอ ยไมทําให ป. กบั พวกโกรธแคน ถึงกับจะตองฆาผเู สยี หาย เม่ือ ป. และจาํ เลยพบกับผเู สยี หาย ป. ไดพ ดู จาโตเ ถยี งแลว พวกของ ป. ชกผูเ สยี หาย ห. ใชมดี ปลายแหลมแทงผเู สยี หาย จาํ เลยกบั พวก ที่เหลือเขามารุมตอย แสดงวาพวก ป. มีความโกรธเกิดข้ึนในปจจุบันทันที ทั้งไมปรากฏวาไดสมคบ กันมากอน ตางคนตางมีเจตนาทํารายรางกายผูเสียหาย ดังนั้นแตละคนจึงมีความผิดตามผล ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการกระทาํ ของแตล ะคนเมอ่ื จาํ เลยเพยี งแตช กตอ ยผเู สยี หาย แตผ เู สยี หายไมม แี ผลฟกชา้ํ ซึ่งแสดงวาถูกตอย จําเลยจึงมีความผิดฐานทํารายผูอื่นโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย หรอื จิตใจ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๑

๕๐๘ Í·Ø ÒËó¢ ͧÍѹμÃÒÂᡨ‹ μÔ ã¨ (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ ñóùù/òõðø ถูกชกตีไมปรากฏบาดแผลเปนอันตรายแกกาย แลวถูกพาตัวไปคุมขังไวใตถุนสถานีตํารวจแตเดียวดายไกลหูไกลตาผูตองหาดวยกัน เชนนี้ไมเปน อนั ตรายแกจ ิตใจ (ò) ®¡Õ Ò·èÕ ò÷ó/òõðù การใชเ ทา เงอ้ื จะถบี ไมเ ปน อนั ตรายตอ จติ ใจ เพราะอนั ตราย ตอจติ ใจน้ันตองเปนผลจากการทําราย ความรูส กึ วา ถกู เหยียดหยามเจบ็ ใจแคน ใจ เหลานีเ้ ปนอารมณ หาใชเ ปน อนั ตรายตอ จติ ใจไม à¨μ¹Ò ผกู ระทําตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ องคประกอบภายในของความผิดมาตรานี้คือ เจตนาทําราย ศาลฎีกาวินิจฉัยใน คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๑๙/๒๕๑๗ วา “การใชกําลังยอมแสดงอยูในตัววาตองมีเจตนา ประกอบกับ คาํ วา ทาํ รา ย เปน การชดั แจง วา ตอ งมเี จตนากระทาํ ตอ รา งกายและจติ ใจของผอู นื่ คอื ตอ งมเี จตนาทาํ รา ย เมอ่ื ขอ เทจ็ จรงิ ในคดนี ฟ้ี ง เปน ยตุ ไิ ดว า จาํ เลยใชก าํ ลงั ผลกั อกผเู สยี หายมใิ หผ เู สยี หายขนึ้ ไปบนอฒั จนั ทร โดยจําเลยไมมเี จตนาทาํ ราย การกระทําของจาํ เลยจงึ ไมเ ปน ความผิด” ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè ùô÷/òô÷ñ จําเลยเปนครูใหญโรงเรียนประชาบาล ไดรับรายงานจากครู ประจําช้ันวามีเด็กนักเรียนเกียจคราน ๖ คน ซึ่งลวนแตเปนเด็กดื้อสั่งสอนยากและถูกครูลงโทษ มาหลายครง้ั แลว จาํ เลยจงึ เรยี กตวั เดก็ ทงั้ ๖ มาสง่ั สอนและลงโทษเฆยี่ นดว ยไมเ รยี วคนละ ๔ ที เปน การ ทําโทษในฐานครูกับศิษยโดยเจตนาดีพอสมควรแกเหตุ และจําเลยก็มิไดมีความลําเอียงแกลงลงโทษ เดก็ คนใดใหไ ดร ับบาดเจบ็ เปนพิเศษกวาคนอื่น จาํ เลยจงึ ไมมีความผิด ปญหาที่นาสนใจเกี่ยวกับมาตราน้ีประการหนึ่งคือ การทํารายอันเกิดจากมูลวิวาท โดยตางฝายตางใชกําลังทํารายกัน จะถือวาเปนความผิดตามมาตราน้ีหรือไม แตเดิมมาศาลฎีกาได วางหลักของกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๓๘(๓) วาแมจะเปนเร่ืองวิวาทกัน จําเลยก็มีความผิด เพราะไมมีกฎหมายหามไมใหคูวิวาทฝายท่ีบาดเจ็บฟองอีกฝายหนึ่ง (ฎีกาท่ี ๕๙๙, ๖๐๐/๒๔๖๙) และไดยึดหลักน้ีตลอดมา (ฎีกาที่ ๓๓๙/๒๔๗๐, ฎีกาที่ ๓๙๖/๒๔๗๐, ฎีกาท่ี ๔๐๗/๒๔๗๖, ฎกี าท่ี ๓๐๖/๒๔๗๗) จนถงึ พ.ศ.๒๔๗๘ กเ็ รม่ิ วางหลกั ใหมว า การทาํ รา ยกนั เกดิ จากการววิ าทจงึ เปน การ ทตี่ า งฝา ยตา งสมคั รใจ เขา ทาํ รา ยซงึ่ กนั และกนั ไมพ งึ ฟง วา ฝา ยใดบงั อาจ (ฎกี าท่ี ๙๗๒/๒๔๗๘) และได เดนิ ตามแนวนมี้ าจนถงึ พ.ศ.๒๕๐๐ (ฎกี าท่ี ๑๑๒๐/๒๔๘๐, ฎกี าท่ี ๙๕๓/๒๔๘๔, ฎกี าที่ ๙๙๔/๒๔๘๗ และฎีกาที่ ๑๔๙๕/๒๕๐๐) ก็ไมปรากฏคําพิพากษาฎีกาในเรื่องน้ี อีกขอที่นาสังเกตวากฎหมาย ลกั ษณะอาญามาตรา ๓๓๘(๓) ไดใ ชค าํ วา “ผใู ดบงั อาจ” ซง่ึ ศาลฎกี าไดย ดึ เปน หลกั อธบิ ายวา การสมคั รใจ วิวาททํารายกันจึงไมเปนความผิด เพราะไมอาจฟงไดวาฝายใดบังอาจ ดังนั้นแมกระท่ังพนักงาน อยั การกไ็ มอ าจเปน โจทกฟ อ งได ในขณะเดยี วกนั กฎหมายลกั ษณะอาญามาตรา ๒๕๔ ซงึ่ เปน ความผดิ ฐานทํารายรางกายไมปรากฏวามีคําวาบังอาจอยูในตัวบท ดังน้ันการทํารายรางกายถึงบาดเจ็บ

๕๐๙ อนั เกดิ จากการววิ าทจงึ เปน ความผดิ (ฎกี าที่ ๓๖๕/๒๔๗๒, ฎกี าที่ ๒๒/๒๔๗๕) เมอ่ื พเิ คราะหข อ ความ ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๙๑ แลว ไมป รากฏวา มคี าํ วา “บงั อาจ” เชน กฎหมายลกั ษณะอาญา ดังน้ันจึงเห็นวาการใชกําลังทํารายซ่ึงกันและกันในการวิวาทตอสูโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตราย แกกายหรือจิตใจจึงเปนความผิดตามมาตรานี้ ®Õ¡Ò·Õè óõùò/òõôõ จําเลยจับขอมือของโจทกยกขึ้นพรอมกับพูดวาโจทกไมมีสิทธิ เก็บคาเชา เมอื่ เจาพนกั งานตาํ รวจเขา มาจําเลยกป็ ลอ ยมอื โจทก โดยใชเ วลาจบั มือของโจทกไวไ มเกิน ๑ นาที เจตนาอันแทจริงของจําเลยในการจับมือโจทกยกข้ึนก็เพื่อใหเจาพนักงานตํารวจเห็นวาโจทก ไดร บั เงนิ คา เชา บา นไวโ ดยไมม สี ทิ ธจิ ะรบั เทา นนั้ หาไดม เี จตนาจะทาํ รา ยโจทกใ หไ ดร บั อนั ตรายแกก าย หรือจิตใจแตอยางใด จึงไมมีความผิดฐานทํารายรางกายผูอ่ืนโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแก กายหรือจติ ใจ ®¡Õ Ò·èÕ òøøø/òõô÷ การทํารายเพียงใดจะถือวาเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย หรอื จติ ใจนน้ั ตอ งพจิ ารณาถงึ การกระทาํ และบาดแผลทผี่ เู สยี หายไดร บั ประกอบกนั โจทกบ รรยายฟอ ง ในสวนน้ีวา จําเลยกับพวกที่หลบหนีรวมกันรัดคอและตัวผูเสียหายที่ ๑ และขวางชามกวยเตี๋ยวใส ผเู สยี หายที่ ๒ ถกู บรเิ วณหนา ผากและนา้ํ กว ยเตย๋ี วสาดถกู ใบหนา ผเู สยี หายที่ ๑ แลว ใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย เตะผูเสียหายท่ี ๒ ท่ีหนาอก ๑ คร้ัง เมื่อพิเคราะหรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย ผเู สยี หายท่ี ๑ มรี อยถลอกทแ่ี ขนยาว ๓ เซนตเิ มตร ๒ แผล รอยบวมแดงกลางหนา อก ๒ เซนตเิ มตร และ ขอบตาบนบวมทง้ั สองขา ง สว นผเู สยี หายที่ ๒ มบี าดแผลฉกี ขาดทหี่ นา ผากยาวประมาณ ๓ เซนตเิ มตร ๒ แผล และรอยบวมขนาดเสนผา ศูนยกลาง ๑ เซนตเิ มตร ทั้งแพทยลงความเหน็ วา ลกั ษณะบาดแผล ของผูเสียหายทั้งสองใชเวลารักษาประมาณ ๗ วัน ซ่ึงลักษณะของการกระทําและบาดแผลดังกลาว นับไดวาผูเสียหายไดรับอันตรายแกกายหรือจิตใจแลว จําเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๒๙๕ ประกอบมาตรา ๘๓ (¤) ทําã˼Œ ͌٠è×¹à¡Ô´¤ÇÒÁ¡ÅÑÇËÃ×ͤÇÒÁμ¡ã¨â´Â¡ÒâÙà‹ ¢çÞ ÁÒμÃÒ óùò ผใู ดทาํ ใหผ อู นื่ เกดิ ความกลวั หรอื ความตกใจโดยการขเู ขญ็ ตอ งระวางโทษ จาํ คุกไมเกินหนึง่ เดือน หรือปรับไมเ กนิ หน่งึ หมื่นบาทหรือทัง้ จําทั้งปรับ องคประกอบของความผิดมีดังน้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ทําใหผอู น่ื เกิดความกลวั หรือความตกใจ ๒. โดยการขเู ขญ็ ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คํา͸ºÔ Ò ñ. ทําãËŒ¼ÙŒÍè×¹à¡Ô´¤ÇÒÁ¡ÅÑÇËÃ×ͤÇÒÁμ¡ã¨ หมายถึง การขูเข็ญน้ันทําใหผูอื่นเกิด ความกลวั หรอื ความตกใจวา จะเกดิ ภยั อยางใดอยางหนึ่งขนึ้ กับตน เชน กลวั วา จะถูกฆา กลัววาจะถกู เสกหนงั เขา ทอง เปน ตน

๕๑๐ ò. â´Â¡Òâًà¢çÞ หมายถึง การแสดงวาจะทําใหเกิดภัยแกผูอ่ืนไมวาจะเกิดข้ึนใน ทันทีหรือในอนาคตก็ตาม การขูเข็ญทําใหผูอ่ืนกลัวหรือตกใจนั้นตองเปนการแสดงวาจะทําใหเกิดภัย แกเ ขา ไมใ ชภ ยั ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ หรอื เคราะหก รรม การขเู ขญ็ จะทาํ ดว ยคาํ พดู หรอื ดว ยการใช กาํ ลังกายหรืออาวุธก็ได และตองมีผลใหผ ทู ่ถี กู ขูเข็ญกลวั หรอื ตกใจ การกลาววาจาในลกั ษณะทาทายไมใ ชการขูเขญ็ Í·Ø ÒËó ®¡Õ Ò·Õè òùòö/òõòò กลา ววา “ฮากบั คงิ สกู นั ทถ่ี นน คงิ กบั ฮาตอ งตายกนั ไปขา งหนงึ่ ” เปนคําทา ไมใ ชขูเขญ็ ตามมาตรา ๓๙๒ (ฮา เปน สรรพนามแทนผพู ูด หรอื กู สวนคิงเปนสรรพนามแทน ผฟู ง หรอื มึง) เมื่อมีการขูเข็ญแลวขอเท็จจริงตองปรากฏตอไปดวยวา มีผลของการขูเข็ญเกิดข้ึนคือ ผูถกู ขูเ ข็ญไดเ กิดความกลัวหรอื ความตกใจขึ้น หากมเี พยี งการขเู ขญ็ โดยไมมีผลแลวยังไมเ ปน ความผิด ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·Õè ôð/òõðù จําเลยถือมีดตรงเขาจะแทงผูเสียหายซ่ึงยืนหางในระยะ ๑ วา ผูเ สียหายรอ งวา “ผมไมส ู” แลวโดดหนแี ละว่งิ หนขี น้ึ เรือนไดทัน กริ ยิ าอาการและคาํ พดู ของผูเสียหาย แสดงวา ผเู สยี หายกลวั ทจ่ี ะเกดิ ข้นึ แกตนแลว จึงเปนความผดิ ตามมาตรา ๓๙๒ การขูเข็ญที่ผูขูเข็ญไมสามารถทําใหผูถูกขูเข็ญไดรับภัยไดจริงตามท่ีขูเข็ญก็สามารถเปน ความผดิ ได ถาผถู กู ขเู กดิ ความกลวั ซึ่งเปน ผลของการขเู ขญ็ น้ันแลว ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè óó÷/òõñ÷ จําเลยถือปนพลาสติกมาขูเข็ญทําทาจะยิงผูเสียหาย ผูเสียหาย เขาใจวา เปน ปนจริงเกิดความกลวั ตกใจจนหนา ซีดขาว จาํ เลยตอ งมีความผดิ ตามมาตรา ๓๙๒ แตถ า ลงมอื ขเู ขญ็ แลว ไมเ กดิ ผล คอื ผถู กู ขไู มเ กดิ ความกลวั หรอื ตกใจ กเ็ ปน เพยี งความผดิ ขั้นพยายาม ซึ่งผกู ระทําไมตอ งรับโทษตาม ป.อ.มาตรา ๑๐๕ à¨μ¹Ò ความผิดตามมาตรานี้ ผูกระทําตองมีเจตนาในการกระทําความผิดตาม มาตรา ๕๙ ÍØ·ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ñññð/òõðø ผูเสียหายไปทวงเงินจําเลยและกลับไปแลว จําเลยโกรธ ผูเสียหาย จึงเดินดาผูเสียหายอยูบนบานของจําเลยวา “บักถวิล โคตรพอโคตรแมมึง มึงไมสํานึกวา มงึ จะตายโหงกมู ปี น อยู ๒ กระบอก กจู ะเอามงึ ใหต ายแนค ราวน”้ี โดยจาํ เลยไมร วู า ผเู สยี หายมาแอบฟง เชน นแ้ี สดงวา จาํ เลยบน ดา อยคู นเดยี วเพอ่ื ระบายอารมณท ไี่ มพ อใจ ไมม ลี กั ษณะทน่ี า กลวั หรอื ตกใจวา จาํ เลยจะยิงผูเสยี หายจรงิ จงั ดังที่พดู คาํ พูดของจําเลยไมเ ปนการขูเ ข็ญ ตาม ป.อ. มาตรา ๓๙๒ (ò) ®¡Õ Ò·èÕ ñù÷ò/òõóñ จําเลยกับพวกบุกรุกข้ึนไปบนบานซึ่งเปนเคหสถานที่ อยูอาศัยของผูเสียหาย โดยมีอาวุธปนติดตัวไปดวย และไดใชอาวุธปนยิงเพ่ือขูเข็ญใหผูเสียหาย กับพวก เกิดความกลัวจนผูเสียหายลงจากบานไป การกระทําของจําเลยเปนความผิดตอกฎหมาย หลายบทรวมท้ังผดิ ตามมาตรา ๓๙๒ ดวย

๕๑๑ (§) ¡ÃзíÒ´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ Íѹ໚¹¡ÒÃÃѧá¡ËÃ×Í¢‹Áà˧¼ÙŒÍ×è¹ã¹·ÕèÊÒ¸Òóʶҹ ËÃÍ× μÍ‹ ˹Ҍ ¸ÒáíÒ¹ÑÅ ÁÒμÃÒ óù÷ ผูใดกระทําดว ยประการใดๆ ตอผูอื่น อนั เปน การรังแก ขมเหง คุกคาม หรือกระทําใหไ ดรับความอบั อายหรอื เดอื ดรอนรําคาญ ตอ งระวางโทษปรับไมเ กินหา พนั บาท ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงเปนการกระทําในที่สาธารณสถานหรือตอหนา ธารกํานัล หรือเปนการกระทําอันมีลักษณะสอไปในทางท่ีจะลวงเกินทางเพศ ตองระวางโทษจําคุก ไมเกินหนงึ่ เดอื น หรือปรบั ไมเกินหนึ่งหมืน่ บาท หรือท้ังจําท้ังปรับ ถาการกระทําความผิดตามวรรคสองเปนการกระทําโดยอาศัยเหตุที่ผูกระทํามีอํานาจ เหนือผูถูกกระทํา อันเน่ืองจากความสัมพันธในฐานะที่เปนผูบังคับบัญชา นายจาง หรือผูมีอํานาจ เหนือประการอน่ื ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หนึ่งเดือนและปรับไมเกินหนง่ึ หมื่นบาท องคประกอบของความผดิ มดี งั นี้ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทาํ ดว ยประการใดๆ อนั เปน การรงั แกหรือขม เหงผูอืน่ หรอื กระทําใหผอู น่ื ไดรบั ความอับอายหรือเดือดรอนรําคาญ ๒. ในทสี่ าธารณสถานหรือตอ หนา ธารกํานัล ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ¡ÃÐทํา´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ Í¹Ñ à»š¹¡ÒÃÃ§Ñ á¡ËÃ×Í¢‹Áà˧¼ÙÍŒ ¹×è ËÃÍ× ¡ÃÐทาํ ã˼Œ ÙŒÍ×¹è ä´ŒÃѺ ¤ÇÒÁÍѺÍÒÂËÃ×Íà´Í× ´ÃŒÍ¹ราํ ¤ÒÞ การรังแก คอื การแกลงทาํ ความเดอื ดรอนใหแ กผูอื่น ขมเหง คือการใชกาํ ลงั รงั แก ตวั อยา งของการรงั แกหรอื ขม เหงไดแ ก เหน็ คนศรี ษะลา นใสว กิ เดนิ ผา นมากห็ ยบิ วกิ เปด ขนึ้ หรอื ทาํ ตนเปน นกั เลงโตเดนิ เขา ไปในรา นอาหาร แลว บอกใหผ ทู นี่ ง่ั อยกู อ นยา ยไปนงั่ โตะ อนื่ เพอื่ ตนจะ น่งั แทน เปนตน ทําใหไดรับความอับอายหรือเดือดรอนรําคาญ เชน พูดจาแทะโลมหญิงที่เดินผาน หรอื พดู จาหยาบคายไมส ภุ าพใหคนอืน่ เดอื ดรอนรําคาญ หรือเปดกระโปรงผูหญิง เปนตน Í·Ø ÒËó ®Õ¡Ò·Õè óøø/òõðõ จําเลยตะโกนกลาวตอผูเสียหายซึ่งหนาและตอหนาธารกํานัล ในเวลากลางคืนวา “อายช้ันมึงมีทนายมาหากูทางอาญาหรือ ลูกกระโปกกูไมหด ฯลฯ” เปนถอยคํา ที่หยาบคายไมสุภาพ แตไมมีขอความอันเปนการดูหมิ่นนายช้ันผูเสียหาย จึงไมเปนผิดฐานดูหมิ่น ซงึ่ หนา แตถ อ ยคาํ ทจ่ี าํ เลยกลา วประกอบกบั วธิ กี ลา วและเวลาทจ่ี าํ เลยกลา ว ทาํ ใหน ายชน้ั ผเู สยี หายไดร บั ความเดือดรอ น

๕๑๒ ò. ã¹·èÕÊÒ¸ÒóʶҹËÃ×ÍμÍ‹ ˹Ҍ ¸ÒÃกํา¹ÑÅ ในที่สาธารณสถาน มีความหมายตามมาตรา ๑(๓) เชน ถนนหนทาง โรงภาพยนตร สวนสาธารณะ ตอ หนา ธารกาํ นลั หมายถงึ กระทาํ ในลกั ษณะเปด เผยตอ หนา ประชาชน คอื เปน ลกั ษณะ ที่ประชาชนสามารถมองเห็นได แมจะเกิดในที่รโหฐานก็ตาม เชน ขมเหงรังแกผูอื่นอยูในหองนอน ของตน แตหนา ตางหองเปด คนเดินผานไปมาสามารถมองเขามาเห็นไดถ นดั à¨μ¹Ò ผกู ระทําตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ Í·Ø ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ñóùø/òõðö จาํ เลยดา ผอู น่ื ดว ยถอ ยคาํ หยาบคายซา้ํ ไปซา้ํ มาหลายครงั้ ที่หนา ประตบู านผูเสียหายในเวลากลางดกึ อันเปน เวลาหลับนอนของผเู สยี หายซึ่งอยใู นบาน ถือไดว า เปนการทําใหผูเสยี หายไดรับความเดือดรอนราํ คาญ การกระทาํ เชนน้จี ึงผิดมาตรา ๓๙๗ (ò) ®Õ¡Ò·èÕ ñùðø/òõñø ซอยในทด่ี นิ เอกชนซง่ึ แบง เชา ใหป ลกู บา น ประชาชนชอบ ที่จะเขา-ออกติดตอกันไดเปนสาธารณสถาน การเอารถยนตจอดขวางกั้นไมใหรถขางในออกจาก ซอยได ไมเ ปน ความผดิ ตามมาตรา ๓๑๐ แตก ารไมย อมถอยรถใหร ถขา งในออกไดเ ปน การรงั แกขม เหง ตามมาตรา ๓๙๗ (¨) ¡ÃÐทาํ ·ÒÃØ³μ‹Íà´ç¡ÍÒÂÂØ ѧäÁà‹ ¡Ô¹ÊÔºËÒŒ »‚ ¤¹»Ç† Â਺ç ËÃ×ͤ¹ªÃÒ ÁÒμÃÒ óùø ผูใดกระทําดวยประการใดๆ อันเปนการทารุณตอเด็กอายุยังไมเกิน สิบหาป คนปวยเจ็บหรือคนชราซึ่งตองพ่ึงผูนั้นในการดํารงชีพหรือการอื่นใด ตองระวางโทษจําคุก ไมเกนิ หน่ึงเดือนหรอื ปรับไมเกนิ หนง่ึ หมืน่ บาทหรือทง้ั จาํ ท้งั ปรับ องคประกอบของความผดิ มีดงั น้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทาํ ดว ยประการใดๆ อนั เปน การทารณุ ๒. ตอเด็กอายุยังไมเกินสิบหาป คนปวยเจ็บหรือคนชราซ่ึงตองพ่ึงผูน้ันในการดํารงชีพ หรือการอืน่ ใด ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คํา͸ԺÒ ñ. ¡ÃÐทํา´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ Íѹ໚¹¡Ò÷ÒÃØ³ หมายถึง กระทําโดยวิธีการใดๆ ก็ได อันเปน การกระทาํ อันโหดรายตอ ผูอื่น ทารุณ หมายถงึ หยาบชา รายกาจ ดรุ า ย หรอื โหดรา ย ò. μÍ‹ à´¡ç ÍÒÂÂØ §Ñ äÁà‹ ¡¹Ô ÊºÔ ËÒŒ »‚ ¤¹»Ç† Â਺ç ËÃÍ× ¤¹ªÃÒ«§èÖ μÍŒ §¾§Öè ¼¹ŒÙ ¹Ñé 㹡ÒÃดาํ çª¾Õ ËÃ×Í¡ÒÃ͹è× ã´ เชน ใหเด็กอายไุ มเกนิ ๑๕ ป อยูอยางอดๆ อยากๆ ลามโซไวในหอ งไมใ หอ อกไปไหน บังคับใหน่ังหอกระดาษทอฟฟทั้งวันไมมีเวลาพัก หรือใชคนชราหรือคนปวยทํางานแบกของหนักๆ โดยไมใหพ ักผอ น การเฆยี่ น ตี โบย เปนตน

๕๑๓ ซ่ึงตอ งพึง่ ผูน้นั ในการดํารงชีพหรอื ในทางอื่นใด หมายถึง เดก็ คนปวยเจบ็ หรอื คนชรา ดงั กลา วขา งตน เปน ผทู อี่ ยใู นฐานะตอ งอาศยั พง่ึ พาผกู ระทาํ นนั้ ในการดาํ รงชพี เชน ตอ งอาศยั ปจ จยั ๔ จากผกู ระทาํ อนั ไดแ ก อาหาร ทอ่ี ยอู าศยั เสอ้ื ผา ยารกั ษาโรค หรอื พงึ่ พาในการอนื่ ใด เชน ในการใหก าร ศกึ ษาเลา เรยี น ในการรักษาพยาบาล เปนตน à¨μ¹Ò ผกู ระทําตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÅËØâ·É͹×è æ ความผดิ ลหโุ ทษอ่ืนๆ ไดแก ความผิดเล็กๆ นอ ยๆ ๔ ฐานดว ยกนั คือ ๑. ปลอ ยปละละเลยใหบคุ คลวิกลจริตทคี่ วบคมุ ดูแลไวออกเท่ียวไปโดยลาํ พงั ๒. ไมช วยผูอน่ื ซ่ึงตกอยใู นภยนั ตรายแหงชีวิต ๓. กระทําการอันควรขายหนาตอหนาธารกํานัล ๔. ดหู มน่ิ ผูอ่ืนซ่ึงหนาหรอื ดวยการโฆษณา ความผิดท้งั ๔ ฐานน้ี ปรากฏอยูในมาตรา ๓๗๓, ๓๗๔, ๓๘๘ และ ๓๙๓ ซ่งึ มสี าระ สาํ คัญดังนี้ (¡) »ÅÍ‹ »ÅÐÅÐàÅÂã˺Œ ؤ¤ÅÇԡŨÃÔμ·¤Õè Ǻ¤ØÁ´áÙ ÅäÇŒÍÍ¡à·ÕÂè Çä»â´Âลํา¾Ñ§ ÁÒμÃÒ ó÷ó ผูใดควบคุมดูแลบุคคลวิกลจริตปลอยปละละเลยใหบุคคลวิกลจริตนั้น ออกเที่ยวไปโดยลําพัง ตองระวางโทษปรบั ไมเกินหา พนั บาท องคป ระกอบของความผิดมดี งั น้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. เปน ผคู วบคุมดูแลบคุ คลวิกลจริต ๒. ปลอยปละละเลยใหบุคคลวิกลจริตนั้นออกเทยี่ วไปโดยลาํ พัง คาํ ͸ºÔ Ò ñ. ໹š ¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ´á٠źؤ¤ÅÇԡŨÃμÔ ผูกระทาํ ผิดตามมาตรานี้ไดตองเปน ผคู วบคุมดูแล บุคคลวกิ ลจรติ บุคคลวิกลจริต คอื ผูท ี่มจี รติ ไมป กติ ซง่ึ เม่ือพิจารณาตาม ป.อ.มาตรา ๖๕ แลว บุคคล วิกลจริตก็คือ ผูที่ไมสามารถรูผิดชอบหรือไมสามารถบังคับตนเองไดเพราะมีจิตบกพรอง โรคจิต หรือจิตฟนเฟอน ò. ¡ÒáÃÐทํา·èÕ໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´¤×Í¡ÒûŋÍ»ÅÐÅÐàÅ ไมใชความระมัดระวังในฐานะ ที่ตนเปนผูควบคุมดูแล จนกระท่ังบุคคลวิกลจริตนั้นออกเท่ียวไปโดยลําพัง ซึ่งการท่ีบุคคลวิกลจริต นั้นออกเท่ียวไปโดยขาดผูควบคุมดูแลนี้ อาจเปนเหตุใหบุคคลวิกลจริตนั้นไปทํารายหรือกอใหเกิด ความเสยี หายแกบ ุคคลอ่ืนหรอื กระทาํ การท่เี ปนอันตรายแกต นเองได

๕๑๔ (¢) äÁª‹ ‹Ç¼ÍÙŒ è×¹«Öè§μ¡Í‹ãÙ ¹ÀÂ¹Ñ μÃÒÂá˧‹ ªÕÇμÔ ÁÒμÃÒ ó÷ô ผูใดเห็นผูอ่ืนตกอยูในภยันตรายแหงชีวิต ซ่ึงตนอาจชวยไดโดยไมควร กลัวอันตรายแกตนเองหรือผูอื่น แตไมชวยตามความจําเปน ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหน่ึงเดือน หรือปรับไมเกินหนงึ่ หมน่ื บาทหรอื ทั้งจาํ ท้ังปรบั องคประกอบของความผดิ มีดังน้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. เห็นผูอ่ืนตกอยูในอันตรายแหงชีวิต ซ่ึงตนอาจชวยไดโดยไมควรกลัวอันตราย แกต นเอง หรอื ผูอ นื่ ๒. ไมช วยตามความจําเปน ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ - à¨μ¹Ò คาํ ͸ºÔ Ò ñ. àËç¹¼ÙŒÍè×¹μ¡ÍÂÙ‹ã¹ÀÂѹμÃÒÂáË‹§ªÕÇÔμ «èÖ§μ¹ÍÒ¨ª‹ÇÂä´Œâ´ÂäÁ‹¤ÇáÅÑÇÍѹμÃÒ ᡋμ¹àͧËÃ×ͼٌÍè×¹ เห็นผูอ่ืนตกอยูในอันตรายแหงชีวิต ผูกระทําตอง “เห็น” วาผูอื่นกําลังไดรับภัย หรืออันตรายแหงชีวิตนอกจากเห็นแลวตองเขาใจขอเท็จจริงดวยวาบุคคลท่ีตนเห็นนั้นกําลังอยู ในภยันตรายถึงชีวิต คือความตายยังไมเกิดข้ึนแตใกลจะเกิดเทานั้น และตองเกิดแนถาไมไดรับ การชวยเหลอื เชน เห็นคนวา ยน้ําไมเปน กําลังจะจมนาํ้ ตาย เปนตน ซง่ึ ตนเองชว ยไดโ ดยไมค วรกลวั อนั ตรายแกต นหรอื ผอู น่ื หมายความวา ตอ งอยใู นฐานะท่ี อาจชว ยได ดงั นั้น ถา เห็นคนกําลงั จะจมนํ้าตายแตผูท เ่ี ห็นวา ยน้ําไมเ ปนเชนกัน หรอื กระแสน้ําพัดแรง จนกระทงั่ คนทวี่ า ยน้าํ เปนก็ชวยตนเองลาํ บากเชนกัน การทไ่ี มเขาไปชวยกไ็ มเปน ความผิด ò. μÒÁ¤ÇÒÁจาํ ໚¹ หมายถงึ ความชว ยเหลือท่ใี หก ็เพยี งเฉพาะเทา ท่ีจาํ เปนเทานนั้ คือ กระทําเทาท่ีจะทําใหผูที่ไดรับภัย รอดพนจากความตายเทาที่จะชวยไดโดยไมถึงกับทําใหผูชวยไดรับ อันตราย เมื่อไดช ว ยเหลอื เทา ทจี่ ําเปนแลวผทู ่ีไดรับภัยจะรอดชีวิตหรือไม ไมส าํ คัญ การทเ่ี หน็ แลว ไมช ว ยตามความจาํ เปน น้ี แสดงวา ผทู ลี่ ะเวน ไมช ว ยนน้ั มเี จตนาทจี่ ะไมช ว ย เจตนาจงึ เปนองคป ระกอบของความผดิ เจตนา ผกู ระทําตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ คอื ไมต อ งการจะชวย (¤) ¡ÃÐทํา¡ÒÃÍ¹Ñ ¤ÇâÒÂ˹Ҍ μ‹Í˹ŒÒ¸ÒÃกํา¹ÅÑ ÁÒμÃÒ óøø ผูใดกระทําการอันควรขายหนาตอหนาธารกํานัล โดยเปลือย หรือเปด เผยรางกาย หรอื กระทําการลามกอยางอ่นื ตองระวางโทษปรบั ไมเกนิ หา พันบาท องคประกอบของความผดิ มดี งั นี้

๕๑๕ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทําการอันควรขายหนาโดยเปลือยรางกายหรือเปดเผยรางกายหรือกระทําการ ลามกอยา งอ่ืน ๒. ตอ หนาธารกํานัล ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ¡ÃÐทํา¡ÒÃÍѹ¤ÇâÒÂ˹ŒÒâ´Âà»Å×ÍÂËҧ¡ÒÂËÃ×Íແ´à¼ÂËҧ¡ÒÂËÃ×Í¡ÃÐทํา¡Òà ÅÒÁ¡Í‹ҧÍ×¹è การกระทําอันควรขายหนา หมายถึง การกระทําที่มีลักษณะเปนการกระทําที่กระทํา ไปแลวผูกระทําควรอับอาย คือบุคคลทั่วไปเห็นวาการกระทําน้ันเปนการกระทําที่นาอับอายขายหนา แตการกระทําท่ีควรอับอายน้ี ถาหากกระทําอยูตามลําพังไมมีผูใดพบเห็น เชน ในที่เปลี่ยว ที่มืด ในหองที่มดิ ชดิ ก็ไมถอื วาเปนการรบกวนความสงบหรือศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน กฎหมายถึงไมถอื เปนความผิด แตก ารกระทําอันควรขายหนา ตอ หนาธารกํานลั นั้นกถ็ อื เปนความผิดตามมาตราน้ี เชน ใสกางเกงช้นั ในตัวเดยี ว เดินไปมาตามถนนท้ังท่เี ปน หญงิ สาว โดยเปลอื ยรา งกายหรอื เปด เผยรา งกาย เชน แกผ า เดนิ ไปมาในตลาด เปด ของลบั ใหด หู นา โรงภาพยนตร เปน ตน การกระทําลามกอยางอื่น การกระทําลามกอยางอ่ืนนอกจากเปลือยกายหรือเปดเผย รางกาย เชน แสดงกิริยาทาทางลามก อาทิ แสดงทารวมประเวณีใหคนดูกลางตลาด ถอดกางเกง ยนื ปสสาวะตรงสแี่ ยกไฟแดง ทง้ั น้รี วมถงึ การกลา ววาจาลามกดวย การกระทําอันควรขายหนานี้ ตองกระทําโดยการ “เปลือย” หรือ “เปดเผยรางกาย” หรือ “กระทําการลามกอยางอื่น” การเปลือยหรือการเปดเผยรา งกายนี้ตองถึงขั้นท่ีบุคคลท่ัวไปถือวา ขายหนา ถึงแมวาผูกระทําถือเปนเร่ืองที่ไมตองอับอายก็เปนความผิด การเปลือยหรือการเปดเผย รา งกายนี้ ไมจ ําเปน ตอ งเปน รา งกายของตนเองกเ็ ปนความผิดได ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè ññ÷ó/òõðø เหตุเกิดในหองนอนมืด เพราะจําเลยตามไปพบจึงฉุดพามา หอ งจาํ เลย ระหวา งทางจาํ เลยใชก าํ ลงั แกผ า ภรรยาใหค นทง้ั หลายดู เพอ่ื จะใหภ รรยาไดร บั ความอบั อาย จาํ เลยมคี วามผิดฐานกระทําการอันควรขายหนาตอหนา ธารกํานัล การกระทําการลามกอยางอ่ืน ไมไดหมายความเฉพาะแตเร่ืองเกี่ยวกับรางกายเทาน้ัน แตหมายถงึ วาจาดว ย ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·èÕ ñðöù/òõðö จาํ เลยกลา วคาํ วา “เยด็ โคตรแมม งึ ” ตอ หนา หญงิ ชายราว ๕๐ คน จาํ เลยมคี วามผดิ ตาม ป.อ. มาตรา ๓๘๘

๕๑๖ การกลาววาจาท่ีเปนเพียงคําหยาบหรือคําดากัน แตยังไมถึงขั้นลามกอนาจารไมเปน ความผดิ ตามมาตราน้ี ÍØ·ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ø÷ò/òôöô จําเลยเรียกขุนโพชนวา “อายถมอายขุนโพชน” เปนเพียง คําดา มใิ ชเปน ลามกอนาจาร (ò) ®Õ¡Ò·èÕ õ/òô÷ô คําวา “อายชาติหมา” และ “ดอกทอง” น้ันเปนแตคําดากัน ไมใ ชเ ปน ถอ ยคําลามกอนาจาร ò. μÍ‹ ˹ŒÒ¸ÒÃกํา¹ÑÅ ธารกํานัล มีปรากฏอยูที่มาตรา ๒๘๑ อีกแหงหนึ่ง ซึ่งมีคําพิพากษาฎีกาอธิบาย ความหมายไวและนํามาใชก บั มาตรานีไ้ ด การกระทําตอหนาธารกํานัล คือ การกระทําในลักษณะที่เปดเผยใหบุคคลอ่ืนสามารถ เหน็ การกระทาํ น้ันได หรอื แสดงใหปรากฏแกประชาชนทัว่ ไป ไมจ าํ เปนตองเปน สาธารณสถานเทาน้ัน อาจกระทําอยูในบานแตผ คู นมองเขาไปเหน็ ไดโ ดยงายก็ได Í·Ø ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ñóø/òô÷ò สถานที่ที่จําเลยกระทําผิดเปนใตถุนเรือน แตไมมีส่ิงกําบัง อยูห า งทางหลวงประมาณ ๑๓ วา มีเรือนราษฎรอยูใ กลๆ หลายหลงั มองเหน็ กันไดท้งั ในขณะที่ทาํ ผิด ไดมพี ยานอยใู นทใ่ี กลๆ ถงึ ๔ คน และมีคนอยูบนเรอื นซ่งึ อาจมองเห็นไดอ กี นบั เปน สถานท่ีตอ หนา ธารกํานลั (ò) ®¡Õ Ò·Õè ñ÷ùô/òôùô ที่เกิดเหตุเปนถนนริมฝงคลองและเปนเวลากลางคืน มีเด็กชายคนหนึ่งเดินขางหนา เมื่อเห็นเขาเด็กชายน้ันว่ิงหนีไปและยังมีชายอีก ๒ คน ซ่ึงเดินอยู บนถนนชายคลอง อกี ฟากหนงึ่ พบเหน็ เขาถือวา เปน ความผิดท่ีไดก ระทําตอ หนาธารกาํ นลั ถา การกระทาํ นนั้ ไมมผี ใู ดเห็น ก็ไมถ อื วา เปน การกระทําตอ หนาธารกาํ นลั ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè ôð/òôöø ตรงท่เี กดิ เหตุเปนปาหางทางเดนิ ๑ เสน แตไมไดค วามวามีคนเห็น ในเวลาจําเลยกระทําความผิด แมหากวามีคนเดินตามทางจะเห็นไดก็ดี แตเมื่อไมมีคนเดินก็ถือไมได วา จําเลยกระทาํ ผิดตอหนา ธารกาํ นลั การกระทําตอหนาบุคคลอ่ืน ถาบุคคลน้ันไมเห็นการกระทําก็ไมเปนการกระทําตอหนา ธารกํานลั Í·Ø ÒËó ®¡Õ Ò·Õè ññ÷ó/òõðø เหตุเกิดในหอ งนอนมดื เพราะดับตะเกยี งแลวมเี ด็กหญิงคนหน่ึง นอนหลบั อยูข า งๆ และตื่นขนึ้ ภายหลังเมือ่ จาํ เลยกระทําเสรจ็ แลวไมเ ปนความผดิ ตอหนา ธารกํานัล ถา การกระทาํ นนั้ มลี กั ษณะทบ่ี คุ คลอน่ื ไมค วรเหน็ การกระทาํ นน้ั ได ถงึ แมว า จะมผี พู บเหน็ เขาก็ยงั ไมเ ปน การกระทําตอ หนา ธารกํานัล

๕๑๗ ÍØ·ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·Õè ôõ/òô÷÷ ผูเสียหายนอนอยูในหองที่ไมมีประตู จําเลยเขาไปปลุกปล้ํา ทาํ อนาจาร ผเู สยี หายจงึ รอ งเอะอะขนึ้ จนบดิ าจดุ ไฟเขา ไปพบ ยงั เรยี กไมไ ดว า กระทาํ ตอ หนา ธารกาํ นลั (ò) ®Õ¡Ò·èÕ ù÷ð/òô÷÷ จําเลยกระทําอนาจารหญิงซึ่งนอนอยูบนเตียงภายในบาน ของหญิงเวลากลางคืน หญิงรองขึ้นจําเลยก็ยังกอดหญิงไวเพื่อปองกันการถูกทํารายจนกระทั่งมีคน ไปพบเชนน้ี ยงั ถือไมไดว าเหตุเกิดตอ หนา ธารกํานัล (ó) ®Õ¡Ò·Õè ññóø/òô÷ù จาํ เลยขนึ้ ไปทาํ อนาจารหญงิ บนเรอื นของหญงิ เวลาพลบคาํ่ มเี ด็กหญงิ คนหน่ึงอยใู นหอ งเห็นการกระทาํ ของจาํ เลย ยงั ไมถอื วา เหตเุ กดิ ตอ หนา ธารกาํ นัล à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรานต้ี อ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ (§) ´ÙËÁ¹èÔ ¼ÙŒÍ¹è× «Ö§è ˹Ҍ ËÃÍ× ´ŒÇ¡ÒÃâ¦É³Ò ÁÒμÃÒ óùó ผูใดดูหมิ่นผูอ่ืนซ่ึงหนาหรือดวยการโฆษณา ตองระวางโทษจําคุกไมเกิน หนง่ึ เดอื น หรอื ปรบั ไมเกินหนึ่งหม่ืนบาทหรอื ท้งั จาํ ทัง้ ปรบั องคป ระกอบของความผิดมีดงั นี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ดหู มิ่นผูอ่ืน ๒. ซ่งึ หนา หรอื ดว ยการโฆษณา ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ´ËÙ Áè¹Ô ¼ÙŒÍè×¹ ดูหมิ่น หมายถึง การสบประมาทดูถูกเหยียดหยาม หรือดาทอใหไดรับความอับอาย เสียหาย ดังน้ันการกระทําใดๆ ก็ตามท่ีเปนการสบประมาทดูถูกเหยียดหยามจนเปนเหตุใหผูอื่นได รับความอับอายประการหนึ่ง หรือไดรับความเสียหายอีกประการหน่ึง จึงเปนการดูหม่ิน การดูถูก เหยียดหยามผูอ่ืนในลักษณะที่หยาบชาลามก จึงมักเขากรณีของการทําใหไดรับความอับอาย หากไมเ ขา ลกั ษณะหยาบชา ลามก แตเ ปน การทาํ ใหผ อู น่ื ไดร บั ความเสยี หายกเ็ ปน การดหู มน่ิ ไดเ ชน กนั Í·Ø ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ñò÷ó/òô÷ó จําเลยดาโจทกวา “อายหนาดานเอาของเขาไปจริงแลว ยังไมรับ อายชาติหมาจะพลิกแผนดิน มึงไมรับ กูจะเอาเขาตะราง” แตโจทกก็ไมไดกลาวคําวา อายชาติหมาในฟอง จึงเหลือเปนปญหาคําวาอายหนาดาน เปนคําหมิ่นประมาทซ่ึงหนาหรือไม ตัดสินวาจําเลยดาโจทก วาอายหนาดานเชนน้ีโดยประสงคตั้งใจจะดูถูกโจทกวาเปนคนเสียหาย ยอ มเปน ความผดิ ฐานหมน่ิ ประมาทซึ่งหนา (ò) ®Õ¡Ò·èÕ ùñò/òô÷ö จําเลยหม่ินประมาทใสความนายอยู ครูโรงเรียนวา “หมาส่แี ม” (หมาเย็ดแม) ตอ หนาคนหลายคน จําเลยจงึ มีความผิดฐานหม่ินประมาทโดยการโฆษณา ตามกฎหมายลกั ษณะอาญา มาตรา ๓๓๙(๓)

๕๑๘ (ó) ®¡Õ Ò·èÕ ñññô/òô÷ù การกลาวคําดาดวยถอยคําวา “อีดอกทอง” เปนหม่ิน ประมาทซงึ่ หนา (ô) ®¡Õ Ò·Õè ôñó/òôøð จําเลยดาธรรมการอําเภอวา “อายธรรมการอําเภอหมาๆ แปลภาษาองั กฤษก็ไมไ ด” และวา “หมาเย็ดแม” หลายครง้ั จาํ เลยมคี วามผิดฐานหม่นิ ประมาทซงึ่ หนา (õ) ®¡Õ Ò·Õè óññ/òôùñ กลาววาจาวาผูท่ีเปนนายกเทศมนตรีตอหนาประชาชนวา “เปนสุนัขเปนลิงเอาสุนัขขึ้นน่ังแทนหางงอกแลว” ดังนี้ เปนความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๓๙(๓) (ö) ®Õ¡Ò·èÕ ò÷ò-ò÷ó/òõðõ จําเลยเปนชายพูดตอหนาผูเสียหายซึ่งเปนภริยา ผูใหญบา นวา “เมียผใู หญบานน้แี ตงตวั สวย นา อยากลํา่ เสียที” ซ่ึงหมายความวา ผูเ สียหายแตงตัวสวย อยากรวมประเวณีดว ย คําทจี่ าํ เลยกลา วและวธิ ที จ่ี าํ เลยกลา วฟง ไดว า เปนการดหู มิน่ ผูเสยี หายซง่ึ หนา (÷) ®Õ¡Ò·Õè òðøù/òõññ ถอ ยคาํ ทจ่ี าํ เลยดา วา “อหี มาไปควกั เอากระดกู พอ กระดกู แม มึงเจด็ ชวั่ โคตรมาสกู ับกูอีหนาหมู อหี นาหมา” เปนถอ ยคาํ ดูหมิน่ ซ่งึ หนา (ø) ®Õ¡Ò·Õè ôóù/òõñõ จําเลยรองดาผูเสียหายซ่ึงเปนหญิงสาวตอหนาคนเดินผาน ไปมาวา “ออกมาซิกูจะจับหีมึงใหมึงดู” และวา “มึงไปเลาใหมซิวากูจับหีมึง” ดังนี้เปนการดูหมิ่น ผูเสยี หาย ซ่ึงหนา ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๓ (ù) ®¡Õ Ò·Õè ôôõ/òõòò คาํ วา “ไอเ ห้ยี ไอส ัตว” เปน การดหู ม่นิ คํากลาวที่มีลักษณะหยาบคายซึ่งบุคคลทั่วไปไมพึงกลัว หรือเปนเพียงคําสาปแชง คําพูดประชดแดกดันหรอื ขม ขูย ังไมเปน การดหู ม่ิน ÍØ·ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·Õè óøø/òõðõ ถอ ยคาํ ทจี่ าํ เลยตะโกนกลา วตอ ผเู สยี หายซงึ่ หนา และตอ หนา ธารกํานลั ในเวลากลางคนื วา “อา ยชน้ั มงึ มีทนายมาหากทู างอาญาหรอื ลูกกระโปกกกู ไ็ มหด อา ยแจะ ลกู นางจักรหรอื จะหาอา ยแจะเปน อันธพาลก็เอาซโี วย อา ยแจะไมใชห ญาปากคอกของคนจะเอายังไร ก็เอาซีโวย” เปนขอความที่หยาบคายไมสุภาพ แตก็ไมมีขอความอันเปนการดูหมิ่นนายชั้นผูเสียหาย จึงไมเปนความผิดฐานดูหม่ินซึ่งหนาตามมาตรา ๓๙๓ แตถอยคําท่ีจําเลยกลาวประกอบกับวิธีกลาว และเวลาที่จําเลยกลาวทําใหนายช้ันผูเสียหายไดรับความเดือดรอนรําคาญ จึงเปนความผิดตาม มาตรา ๓๙๗ (ò) ®Õ¡Ò·èÕ ñ÷ö/òôöô จําเลยกลาววาโจทกวา “อีหนาเลือดไมปรานีแกคนจน” เปน เพียงถอยคําที่หยาบแตยังไมเ ปน เหตใุ หถึงแกจะตองรับโทษฐานหมิ่นประมาทซึง่ หนา (ó) ®¡Õ Ò·Õè ñòñ/òô÷ö จําเลยกับผูเสียหายอยูบานเดียวกัน จําเลยปดประตูตึงตัง ผูเสียหายจึงวาจําเลยไมมีมารยาท จําเลยจึงพูดตอบผูเสียหายซ่ึงเปนหญิงวา “กูไมไดขึ้นครอมมึงนี่” ถอ ยคาํ เชน นเี้ ปน คาํ ทจ่ี าํ เลยกลา วดว ยความแดกดนั และใชเ วลาทไ่ี มส ภุ าพ ยงั ไมค วรถอื วา เปน คาํ หยาบชา อนั เปน ความผดิ ตามกฎหมายลกั ษณะอาญามาตรา ๓๓๙(๒)

๕๑๙ (ô) ®Õ¡Ò·Õè ñôò/òô÷÷ ถอยคําท่ีวา “บักสี กูจะเตะปากมึงเดี๋ยวนี้” หาใชเปนการ ใสความหรือดูถกู ดาทอซ่งึ เปนการหมน่ิ ประมาทซงึ่ หนา ไม ถอยคําที่ตามปกติถือไดวาเปนเพียงไมสุภาพหรือหยาบคาย หากกลาวกับบุคคลทั่วไป แลว ไมถึงขนาดเปนการดูหมิ่นน้ัน ถานําไปกลาวกับผูท่ีอยูในฐานะท่ีควรไดรับการเคารพนับถือแลว กเ็ ปน การดูหม่ินได ®¡Õ Ò·Õè ÷õ÷ò/òõôò การที่จําเลยกลาวถอยคําตอโจทกรวมวา “มึงเขาไปในท่ีของกู ไดอยางไร กูจะแจงขอหาบุกรุกมึง มึงเปนผูใหญบานไดอยางไร ไมรูกฎหมายไมรูหนาที่ ไอหนาโง มึงตองเจอกับกูแนท่ีศาล” น้ันเห็นไดวาสรรพนามที่จําเลยใชแทนตัวจําเลยและโจทกรวมวา¡Ùและ ÁÖ§น้ันเปนเพียง¶ŒÍÂคําäÁ‹ÊØÀÒ¾ สวนถอยคําในทํานองวาโจทกรวมเปนผูใหญบานไมมีอํานาจหนาที่ ไมรูกฎหมายและจะฟองรองดําเนินคดีกับโจทกรวมน้ัน เปนเพียงเจตนาที่จะดําเนินคดีกับโจทกรวม เทานั้น ไมใชถอยคําท่ีดูถูกเหยียดหยามโจทกรวม แตท่ีจําเลยวาโจทกรวมวาä͌˹ŒÒâ§‹นั้น ถอยคํา ดังกลาวแสดงอยูในตัวถึงการดูหม่ินเหยียดหยามโจทกรวม แมจะเปนการกลาวถอยคําดูหมิ่น โจทกร ว มในขณะทจี่ าํ เลยและโจทกร ว มทะเลาะกนั กต็ อ งถอื วา จาํ เลยกลา วโดยมเี จตนาดหู มน่ิ โจทกร ว ม หาใชว า การกลา วในขณะทะเลาะกนั จะถอื วา จาํ เลยมไิ ดม เี จตนาดหู มน่ิ อนั จกั เปน การขาดองคป ระกอบ ความผิดไม ®Õ¡Ò·Õè òøö÷/òõô÷ คาํ วา “ดหู ม่นิ ” ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๓ ไมไดนยิ ามศพั ทไ วว า มีความหมายวาอยางไร แตตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอธิบายวา หมายถึง ดูถูก เหยียดหยาม ทําใหอับอายเปนที่เกลียดชังของประชาชน โดยถอยคําที่กลาวจะตองเปนการ เหยียดหยามผอู ่ืน หาใชตัวผกู ลาวเองไม คาํ วา “ประธานใชค รอู ยางข้ขี า” นั้น จําเลยมิไดเ หยียดหยาม ตวั ผเู สยี หายวา มสี ถานภาพอยา งขข้ี า หรอื ผรู บั ใช แตเ ปน การพดู ถงึ สถานภาพของครใู นโรงเรยี นรวมทงั้ จาํ เลยวา เปน ผรู บั ใชข องผเู สยี หาย เมอื่ คาํ วา “ขขี้ า ” ในทนี่ จี้ าํ เลยหมายถงึ ตวั จาํ เลยเองและครใู นโรงเรยี น ท่ีถูกผูเสียหายใชงาน มิใชหมายถึงตัวผูเสียหายซึ่งเปนผูใชงาน ถอยคําที่จําเลยกลาวจึงมิใชเปน การดหู มิ่นผูเสียหายซ่งึ หนา ตามความหมายใน ป.อ.มาตรา ๓๙๓ Í·Ø ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·Õè õôñ/òõðô ถอ ยคาํ ท่ีจาํ เลยกลา วตอ สามเณรสองรปู ซ่งึ หนา เพราะเหตทุ ่ี ใชไ ปขอเทยี นจากภกิ ษรุ ูปหนงึ่ ไมไ ดว า “ถาไมไปเดีย๋ วกเู ตะลงกฏุ ใิ หห มด” เปนถอยคําทจ่ี ําเลยกลา วแก สามเณรซ่ึงเปนบุคคลที่ประชาชนท่ัวไปถือวา ควรเคารพกวาบุคคลธรรมดา ฉะนั้น จึงไมแตเพียงจะ เปนถอยคําท่ไี มสภุ าพและขมขเู ทาน้นั หากเปนการดูหมิน่ ตามความหมายใน ป.อ.มาตรา ๓๙๓ ดว ย (ò) ®Õ¡Ò·Õè ñ÷öõ/òõðö การท่ีจําเลยกลาวแกพระภิกษุวา “ถาไมเห็นแกผาเหลือง หรอื ไมใชพ ระจะเตะใหตกกุฏหิ มดเลย” เปนความผดิ ฐานดหู มิ่นซง่ึ หนา การดูหม่ินน้ีมิใชจํากัดเฉพาะการกระทําดวยวาจาเทาน้ัน แตอาจกระทําดวยการแสดง กิริยาอาการก็ได

๕๒๐ ò. «Öè§Ë¹ŒÒËÃ×Í´ŒÇ¡ÒÃâ¦É³Ò ซงึ่ หนา หมายความวา ไมจ าํ เปน วา ผดู หู มน่ิ จะตอ งอยตู อ หนา ผถู กู ดหู มน่ิ ถา ไดค วามเพยี ง วา กลาวคาํ ดหู มน่ิ ใหผ ูถกู กลาวไดยนิ เทา นัน้ กถ็ ือวาเปน การกระทาํ ซึ่งหนา แลว การดหู มน่ิ ซงึ่ หนา นหี้ มายความวา ผถู กู ดหู มนิ่ ตอ งอยใู นทเี่ กดิ เหตุ และไดย นิ วาจาหรอื ได เหน็ กริ ยิ าดหู มนิ่ แตถ า การดหู มนิ่ นน้ั ไมส ามารถไปถงึ ผถู กู ดหู มน่ิ ไดโ ดยตรงทนั ที เพราะผถู กู ดหู มน่ิ ไมไ ด อยูในท่เี กดิ เหตุแลวก็ยงั ไมถ ือวา เปนการดหู มน่ิ ซ่งึ หนา Í·Ø ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ ñù/òô÷ö จําเลยกลาวคําหยาบดาผูเสียหายท่ีนอกถนนทางหลวง แตผูเสียหายอยูในหองไมเห็นตัวไดยินแตเสียง แตจําเลยรูแลววาผูเสียหายอยูในน้ันถือไดวาเทากับ ดา ตอหนา (ò) ®¡Õ Ò·èÕ øõö-øõ÷/òõðò เดินพนไปได ๓ วา แลวจึงดาก็เปนความผิดฐาน หมน่ิ ประมาทซงึ่ หนา เพราะความผดิ ฐานหมน่ิ ประมาทซงึ่ หนา นน้ั เพยี งแตก ลา วคาํ ดา ใหผ ถู กู ดา ไดย นิ เทาน้นั กเ็ ปนผิดแลว ไมจาํ ตอ งดา โดยหนั หนา หากัน จะดาอยูข างหลงั หรือขางไหนกไ็ มสําคัญ (ó) ®¡Õ Ò·èÕ ñ÷öõ/òõðö จําเลยลงบันไดกุฏิเดินไปราว ๙-๑๐ วา แลวพูดดูหมิ่น พระภิกษุ แมจะไมไดกลาวตอหนา แตพระภิกษุซึ่งถูกกลาวน้ันไดยินถอยคําซ่ึงจําเลยกลาว ยอมเปน ความผดิ ฐานดูหมิ่นซึง่ หนา ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๓ (ô) ®Õ¡Ò·Õè òõö/òõðù ความผดิ ฐานดหู มน่ิ นนั้ ถา เปน การกลา วดว ยวาจาตอ งเปน การ กลาวซ่งึ หนา คดนี โี้ จทกม ิไดอยูในที่เกิดเหตุ มใิ ชก ลาวซงึ่ หนาจึงไมเ ปน ความผิดฐานดูหม่ิน (õ) ®¡Õ Ò·Õè ññð/òõñö จําเลยมีจดหมายถึงโจทก แมขอความในจดหมายเปนการ ดูหม่ิน แตการท่ีจําเลยสงจดหมายไปถึงโจทกก็ตางวันเวลากัน จึงไมมีลักษณะเปนการดูหมิ่นซ่ึงหนา หรอื ดูหม่ินดวยการโฆษณา (ö) ®¡Õ Ò·Õè òñøð/òõóñ การทจ่ี ะเปน ความผดิ ฐานหมน่ิ ประมาทนนั้ จะตอ งเปน การ ใสความผูอื่นโดยยืนยันขอเท็จจริงที่ใสความน้ันตอบุคคลท่ีสาม และการใสความนั้นนาจะทําใหผูอื่น ท่ีถูกใสความเสียช่ือเสียง ถูกดูหม่ินหรือถูกเกลียดชัง ดังน้ัน การท่ีจําเลยถาม ป. วามีความสัมพันธ ทางชูสาวกับโจทกหรือไม จึงเปนเพียงการคาดคะเนของจําเลยเทาน้ัน มิใชเปนการยืนยันขอเท็จจริง อันนา จะทาํ ใหโ จทกเสยี ชอื่ เสียง ถกู ดูหม่นิ หรือถูกเกลียดชังแตป ระการใด จําเลยจึงไมมคี วามผดิ ฐาน หมน่ิ ประมาทและขอ เทจ็ จรงิ ไมป รากฏวา จาํ เลยกลา ววาจาตอ หนา โจทกจ งึ ไมใ ชเ ปน ดหู มน่ิ โจทกซ ง่ึ หนา จําเลยไมม ีความผิดฐานดูหมน่ิ ซงึ่ หนา การที่กฎหมายหามมิใหมีการดูหม่ินซ่ึงหนา นาจะเปนเพราะประสงคจะปองกันมิใหเกิด การทะเลาะวิวาทกัน การดูหมิ่นซึ่งหนาจึงนาจะตองเปนการดูหมิ่นในทันทีทันใด และในระยะท่ีอาจ เกิดการทะเลาะวิวาททํารายกันขึ้นได ฉะนั้น การเขียนจดหมายดาผูอื่นจึงไมเปนการดูหม่ินซึ่งหนา

๕๒๑ เวน แตจ ะยน่ื ใหอ า นตอ หนา เหตทุ ไี่ มเ ปน นน้ั นา จะอยทู ว่ี า เพราะจาํ เลยมไิ ดอ ยตู อ หนา หรอื ใกลผ เู สยี หาย ในขณะเกดิ เหตมุ ากกวา เพราะเวลาทเ่ี ขยี นจดหมายกบั เวลาทโ่ี จทกร บั จดหมายตา งกนั สมมตุ วิ า แทนที่ จําเลยจะสงจดหมายไปดาโจทก จําเลยโทรศัพทไปดาเชนนี้เวลาท่ีจําเลยดากับที่โจทกรับโทรศัพท คงไมต า งกนั แตถ า โจทกจ าํ เลยอยหู า งไกลกนั จนตอ งใชโ ทรศพั ทก น็ า จะไมเ ปน การดหู มน่ิ ซง่ึ หนา เชน กนั ความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหนานี้ ผูท่ีกระทําตองมีเจตนา ดังน้ัน ถึงแมวาจะมีการดูหม่ิน แตถาผดู หู มน่ิ ไมรวู า ผถู ูกดหู ม่นิ อยู “ซึ่งหนา ” แลว กย็ ังไมม ีความผดิ ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè òõù/òõñô จาํ เลยกลา วดหู มนิ่ ซง่ึ หนา ผเู สยี หายขณะทผี่ เู สยี หายอยหู า ง ๑๐ วา และจาํ เลยไมร วู า ผเู สยี หายแอบอยทู นี่ น่ั จาํ เลยยงั ไมม คี วามผดิ ฐานดหู มน่ิ ซง่ึ หนา ตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา ๓๙๓ โฆษณา สาํ หรบั การดหู มน่ิ ผอู นื่ ดว ยการโฆษณา ศาลฎกี าไดอ รรถาธบิ ายไวใ นคาํ พพิ ากษา ฎกี าที่ ๑๐๕๓/๒๕๐๗ วา คาํ วา “โฆษณา” ตามพจนานุกรมหมายความวา การปาวรอง จึงแสดงใหเห็น วาการดหู มิน่ ดว ยการโฆษณาตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๓ น้ี มีความหมายถึงการดหู มิ่นในลกั ษณะการใหรู กนั หลายๆ คนไมใชพดู กนั ตวั ตอตัว Í·Ø ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ óöô/òôøõ การสงคําดูหม่ินทางจดหมายโดยสงถึงบุคคลเฉพาะตัว ไมประสงคจะใหเปดเผย หาเปนดูหม่นิ ดว ยการโฆษณาไม (ò) ®¡Õ Ò·Õè ñðõó/òõð÷ จําเลยกลาวตอเด็กรับใชในบานผูเสียหายวา “ใหไปบอก อายเหี้ย อีเหี้ยนายของมึงสองคน อยามาวาอะไรกูมากนักประเด๋ียวกูทนไมไดจะเอาเร่ืองอีก” ดังนี้ เปนการส่ังฝากไปบอกผูเสียหายในลักษณะพูดกันตัวตอตัว โดยไมปรากฏวาจําเลยไดกลาวตอ บคุ คลอน่ื อกี จึงไมเปนการดหู มนิ่ ดว ยการโฆษณา (ó) ®Õ¡Ò·Õè ññðõ/òõñù บรรณาธกิ ารหนงั สอื พมิ พล งขอ ความวา ต.ตะโกนกลางตลาด วาจะถอดรองเทาตบหนา ส. เปน ขอ ความที่ทาํ ให ส. บงั เกิดความอับอายและเมือ่ ขอความดังกลาวน้ี จาํ เลยเปนผทู ําใหเ กิดขนึ้ ปรากฏแกค นทัง้ หลายในหนงั สอื พมิ พ จึงเปนการดหู มิน่ ส. ดว ยการโฆษณา การดหู มิน่ ดวยการโฆษณาตอ งมีลกั ษณะของการปาวรองใหค นหลายๆ คนรใู นบางกรณี การกลา วคาํ ดหู ม่ินตอ หนา คนเพยี ง ๒ คน กเ็ พียงพอทีจ่ ะถอื วา เปนการโฆษณาแลว ¤ÇÒÁáμ¡μ‹Ò§ÃÐËÇÒ‹ §¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹´ËÙ ÁÔ蹫֧è ˹ŒÒ¡ºÑ ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ËÁ¹Ôè »ÃÐÁÒ· ñ. ¡ÒôÙËÁÔè¹à»š¹àÃ×èͧ¢Í§¡ÒÃʺ»ÃÐÁÒ· ดูถูกเหยียดหยามหรือดาทอใหไดรับ ความอบั อายเสียหาย ซง่ึ หมายความวา ผดู ูหม่นิ ไดกระทําตอ ผูถูกดูหมน่ิ โดยตรงโดยดูถูกเหยยี ดหยาม หรือดาทอผูถูกดูหมิ่นใหอับอายหรือเสียหาย แตการหม่ินประมาทเปนเรื่องที่ผูกระทําไปใสความ ตอ บคุ คลทสี่ าม โดยประการทน่ี า จะทาํ ใหผ ถู กู ใสค วามเสยี ชอ่ื เสยี งหรอื ถกู บคุ คลทสี่ ามดหู มนิ่ เกลยี ดชงั การหมิ่นประมาทจึงตองมีบุคคลท่ีสามเขามาเก่ียวของดวย โดยเปนผูรับฟงหรือรับรูการใสความ ในขณะที่การดูหมนิ่ ซึ่งหนา เปน เรอ่ื งเฉพาะระหวา งผดู หู ม่ินกบั ผูถกู ดหู มน่ิ ท่อี ยตู อหนา กนั

๕๒๒ ò. ¡ÒôÙËÁèԹ໚¹¡Òôٶ١àËÂÕ´ËÂÒÁËÃ×Í´‹Ò·Íà¾×èÍãËŒÍÕ¡½†ÒÂ˹Öè§ÍѺÍÒ ËÃÍ× àÊÂÕ ËÒ ขอ ความทใ่ี ชด หู มนิ่ จงึ อาจเปน ไดท ง้ั การยนื ยนั ขอ เทจ็ จรงิ ทแ่ี นน อนหรอื ขอ ความหยาบชา ทใี่ ชด า ทอกนั และไมม ที างเปน ความจรงิ ไปได สว นการหมนิ่ ประมาทนนั้ ตอ งเปน การยนื ยนั ขอ เทจ็ จรงิ ท่ีแนนอนเทาน้นั เชน ดําดา แดงวา “ไอเห้ีย ไอสตั ว” เปน การใชคาํ ที่ใชใ นการดาทอกนั ไมม ีทางทีจ่ ะ เปน ไปไดวา แดงจะเปนเหีย้ เปนสตั วดังทด่ี าํ วา หรอื ดําดาแดงวา ไปชาํ เรากบั บคุ คลทว่ั ไปไมเ ลือกหนา เปนการยืนยันขอเท็จจริงท่ีแนนอนทําใหแดงอับอายเสียหาย ทั้งสองกรณีน้ีเปนการดูหม่ินซึ่งหนา แตถ า ดําดา แดงดงั กลา วขา งตน ตอ หนาขาว ในกรณีแรกดาํ ไมมผี ดิ ฐานหม่ินประมาท แตในกรณที ่ีสอง ดํามีความผิดฐานหม่ินประมาทดวยเพราะไปยืนยันขอเท็จจริงกับขาววา แดงเปนคนไมดีทําใหแดง เสยี ชอ่ื เสยี งและนา จะทาํ ใหข าวดหู มนิ่ แดง ดงั นนั้ จงึ สรปุ ไดว า การดหู มนิ่ ซง่ึ หนา ทกี่ ระทาํ ตอ หนา บคุ คล ท่ีสามน้ัน อาจเปนการหม่ินประมาทดวยหรือไมก็ได แตการใสความกันตอหนาผูถูกหมิ่นประมาท มักจะตองเปนการดูหม่ินซ่ึงหนาดวยเสมอ เปนการกระทํากรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐ ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·Õè ôôõ/òõòò จําเลยดาผูเสียหายตอหนาบุคคลอ่ืนๆ วา “ไอเหี้ย ไอสัตว ไอทองสขุ โกงบานโกงเมือง” คาํ วา ไอเหยี้ ไอส ัตวเ ปน เพยี งการดหู ม่ินเหยยี ดหยาม แตคําวาไอท องสขุ โกงบา นโกงเมอื ง มคี วามหมายวา ผเู สยี หายซงึ่ เปน ขา ราชการปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ เบยี ดบงั ทรพั ยส นิ หรอื ยกประโยชนข องทางราชการมาเปนของตนหรอื ของผอู ืน่ โดยทุจริต จงึ เปน การหม่ินประมาท ó. ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ËÁÔè¹»ÃÐÁҷ໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´ÍѹÂÍÁ¤ÇÒÁä´Œ á실ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹´ÙËÁÔè¹ «è֧˹Ҍ ໹š ¤ÇÒÁ¼Ô´·ÕÂè ÍÁ¤ÇÒÁ¡Ñ¹äÁ‹ä´Œ à¨μ¹Ò ผูกระทาํ ความผดิ ตอ งมีเจตนาในการกระทําตามมาตรา ๕๙ ô. คํา¶ÒÁ·ÒŒ º·àÃÕ¹ ๑. ความผิดลหโุ ทษ ฐานความผิดใดตอ ไปนี้ ไมใ ชฐานความผดิ เก่ียวกบั เจา พนกั งาน ๒. นายเขียว เอาอจุ จาระ เท รด จากท่ีสงู โดยมีเจตนาใหถูกนายแดง เปรอะเปอ น ดงั น้ี นายเขียวจะมีความผดิ หรือไม

๕๒๓ àÍ¡ÊÒÃ͌ҧÍÔ§ เกยี รตขิ จร วจั นสวสั ด.์ิ (๒๕๕๑).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาค ๑ กรงุ เทพฯ:พลสยามพรน้ิ ตงิ้ . เกียรติขจร วัจนสวัสดิ์.(๒๕๕๐).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิด เลม ๑. กรงุ เทพฯ:หา งหนุ สวนจํากดั จริ ัชการการพิมพ. คณิต ณ นคร.(๒๕๔๗). กฎหมายอาญา ภาคทว่ั ไป. กรงุ เทพฯ:วิญูชน. ทวเี กยี รติ มนี ะกนษิ ฐ.(๒๕๕๓).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาคทวั่ ไป. กรงุ เทพฯ:วญิ ชู น. บญุ เพราะ แสงเทยี น.(๒๕๕๒).กฎหมายอาญา ๑ ภาคท่ัวไป.กรุงเทพฯ:บริษัทวิทยพัฒน จํากดั ประภาศน อวยชยั .(๒๕๒๖).ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๑. กรงุ เทพฯ:สาํ นกั อบรมศกึ ษา กฎหมายแหง เนติบณั ฑิตยสภา. วินยั เลศิ ประเสรฐิ .(๒๕๔๗).วิธีไลส ายกฎหมายอาญา เลม ๑.กรงุ เทพฯ:อินเตอรบ คุ ส. สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗.)หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บริษัทอมรินทร พร้ินต้ิงแอนดพับลชิ ชงิ่ . สุพจน นาถะพินธุ.(๒๕๓๓).ประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:สํานักพิมพรุงเรืองธรรม. สุวัฒน ศรีพงษสุวรรณ.(๒๕๔๙).คําอธิบายประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ: นติ บิ รรณาการ.

๕๒๔ จัดพมิ พโ ดย โรงพิมพตํารวจ ถ.เศรษฐศิริ ดุสติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศัพท ๐-๒๖๖๘-๒๘๑๑-๓ โทรสาร ๐-๒๒๔๑-๔๖๕๘

“เปนหลักประกันความยุติธรรมและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพยสินของประชาชนที่มีมาตรฐานสากล” พลตํารวจเอก จักรทิพย ชัยจินดา ผูบัญชาการตํารวจแหงชาติ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook