๔๘๘ («) ¡Õ´¢ÇÒ§·Ò§ÊÒ¸ÒóШ¹ÍҨ໚¹ÍØ»ÊÃäμ‹Í¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑÂËÃ×ͤÇÒÁÊдǡ 㹡ÒèÃҨà ÁÒμÃÒ óøõ ผูใดโดยไมไดรับอนุญาตอันชอบดวยกฎหมาย กีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเปนอุปสรรคตอความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจรโดยวางหรือทอดท้ิงส่ิงของ หรือโดยกระทําดวยประการอื่นใด ถาการกระทํานั้นเปนการกระทําโดยไมจําเปนตองระวางโทษปรับ ไมเ กินหา พันบาท องคประกอบของความผิดมดี ังนี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ไมไดรับอนญุ าตอันชอบดว ยกฎหมาย ๒. กีดขวางทางสาธารณะจนอาจเปนอุปสรรคตอความปลอดภัยหรือความสะดวก ในการจราจร ๓. โดยวางหรอื ทอดทงิ้ ส่งิ ของหรือโดยกระทําดวยประการอน่ื ใด ๔. การกระทาํ น้ันเปนการกระทาํ โดยไมจําเปน คํา͸ºÔ Ò ñ. äÁ‹ä´ŒÃѺ͹ØÞÒμÍѹªÍº´ŒÇ¡®ËÁÒ หมายถึง การกีดขวางทางสาธารณะตาม มาตรานี้ ตองเปนการกระทําโดยไมไดรับอนุญาตอันชอบดวยกฎหมาย การอนุญาตอันชอบดวย กฎหมาย หมายความวา เจา พนกั งานผอู นญุ าตเปน ผมู อี าํ นาจอนญุ าตไดต ามกฎหมาย และไดอ นญุ าต โดยวธิ ีอนั ถกู ตอ งตามกฎหมาย ไมใ ชวาเจา พนักงานชัน้ ใดๆ ท่ีจะอนุญาตไดตามชอบใจ เชน พนักงาน การประปาไดร บั อนุญาตใหข ดุ ถนนฝงทอ ประปา หรอื ไดร ับอนุญาตใหจ ดั มหรสพ ณ ถนนราชดาํ เนิน เนอื่ งในวนั ท่ี ๕ ธนั วามหาราช เปนตน ò. ¡Õ´¢ÇÒ§·Ò§ÊÒ¸ÒóШ¹ÍҨ໚¹ÍØ»ÊÃäμ‹Í¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑÂËÃ×ͤÇÒÁÊдǡ 㹡ÒèÃҨà กดี ขวาง หมายถึง กดี ก้นั ขัดขวาง เกะกะ ทางสาธารณะ หมายถึง ทัง้ ทางบก ทางนํา้ ทางรถไฟ สําหรบั ประชาชนใชสอย อาจเปนอุปสรรคตอความปลอดภัย หมายถึงการทําใหเกิดความขัดของหรือลําบาก อันเปนอันตรายตอความปลอดภัย เชน เอาสเก็ตบอรดวางทิ้งไวบนทางเทาท่ีคนเดินสัญจรไปมา ซ่ึงอาจทําใหคนท่ีไปเหยียบล่ืนหกลมได หรือเอาน้ํามันเครื่องราดไวกลางถนน ทําใหรถท่ีวิ่งไปมา ลืน่ ชนกันได อาจเปน อปุ สรรคตอ ความสะดวกในการจราจร หมายถงึ ความขดั ขอ งลาํ บากในการจราจร เชน ต้ังจอหนังกลางแปลงบนถนน ทําใหร ถผา นไปมาไมส ะดวก เปน ตน ó. ÇÒ§ËÃ×Í·Í´·Ô§é ÊÔ觢ͧËÃ×Íâ´Â¡ÃÐทํา´ŒÇ»ÃСÒÃÍ×è¹ã´ วาง หมายถงึ นาํ สิง่ ของไปไวบ นทางสาธารณะอันเปน การกีดขวางทาง ทอดทิ้ง หมายถึง ไมเอาธุระ ไมเอาใจใส เชน รถบรรทุกนํ้ามันทําน้ํามันหกราดไป ตามพืน้ ถนน โดยไมเอาใจใสหรือจอดรถทเ่ี ชา มาทงิ้ ไวขวางทางจราจรโดยไมเอาธรุ ะ
๔๘๙ โดยกระทําดวยประการอื่นใด คือ ไมวาจะกระทําดวยวิธีใดก็ตามอันเปนการกีดขวาง ทางสาธารณะ เชน ใชเ ชือกขงึ ขวางทางเดนิ ขุดหลุมบนถนน เปนตน ô. ¡ÒáÃÐทาํ ¹Ñ¹é ໹š ¡ÒáÃÐทําâ´ÂäÁจ‹ ํา໚¹ ไมจ าํ เปน หมายถงึ ไมม เี หตสุ มควรอนั จาํ ตอ งกระทาํ เชน นนั้ แตถ า มเี หตจุ าํ เปน ตอ งกระทาํ ก็ไมเปนความผิด เชน ขับรถไปบนถนนเปลี่ยวรถเกิดเสีย ตองจอดทิ้งไวกลางทางเพราะไมสามารถ เข็นเขาแอบไวเพราะเบรกมือคางและไมมีใครชวยเข็น จึงจําเปนตองท้ิงรถไวเชนน้ันเพื่อไปตามชาง จึงถอื เปน การกีดขวางทางจราจรโดยจาํ เปน Í·Ø ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·Õè ñðô/òôöò จําเลยทําฝายกั้นลําน้ําปงโดยอางวามิไดก้ันตลอดลํานํ้า เรอื ยงั คงสญั จรไปมาได ศาลฎกี าวนิ จิ ฉยั วา “แมจ าํ เลยจะเถยี งวา มไิ ดก น้ั ตลอดลาํ นาํ้ มชี อ งใหเ รอื ขน้ึ ลอ งได กย็ ังมผี ดิ แมเ พยี งปลูกรกุ ล้าํ กม็ ีผดิ โดยไมจ าํ ตอ งพิจารณาวา ตองมีการเสียหาย เพราะมหาชนมีอํานาจ อันชอบธรรมที่จะใชลํานํ้าโดยเต็มบริบูรณ และมีความชอบธรรมที่จะไดความสะดวกทุกสิ่งทุกอยาง แหงลํานา้ํ ท่ีเปนอยู (ò) ®¡Õ Ò·èÕ ñðòð-ñðòñ/òõðõ คูหรือคลองที่เจาของท่ีดินขุดขึ้นนั้นแมจะยอม ใหชาวบานถือวิสาสะใชในการสัญจรไปมาบาง แตเจาของก็มิไดอุทิศใหเปนสาธารณะจึงไมทําให กลายสภาพเปนทางสาธารณะไปได ฉะน้ัน ถึงเจาของที่ดินจะทําคันดินปดกั้นก็ไมมีความผิด ฐานปดกัน้ ทางสาธารณะ (¬) á¢Ç¹μÔ´μ§éÑ ËÃ×ÍÇÒ§ÊÔ§è ã´äÇ⌠´Â»ÃСÒ÷èÕ¹Ò‹ ¨Ðμ¡ËÃ×;ѧŧ ÁÒμÃÒ óø÷ ผูใดแขวน ติดต้ังหรือวางส่ิงใดไวโดยประการที่นาจะตกหรือพังลง ซึ่งจะเปนเหตุอันตรายเปรอะเปอนหรือเดือดรอนแกผูสัญจรในทางสาธารณะตองระวางโทษ ปรบั ไมเ กนิ หา พันบาท องคป ระกอบของความผิดมดี ังนี้ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. แขวนติดต้ังหรือวางสงิ่ ใดไว โดยประการทน่ี าจะตกหรือพังลง ๒. ซึ่งจะเปนเหตุอันตราย เปรอะเปอนหรือเดอื ดรอนแกผูสญั จรในทางสาธารณะ คาํ ͸ºÔ Ò ñ. á¢Ç¹μÔ´μÑé§ËÃÍ× ÇÒ§ÊèÔ§ã´äÇ⌠´Â»ÃСÒ÷¹Õè ‹Ò¨Ðμ¡ËÃ×;ѧŧ แขวนติดต้ังหรือวางสิ่งใดไว “แขวน” หมายถึง หอยสิ่งของลงมาจากการยึดตรึง เบื้องบนดว ยสง่ิ ใดสงิ่ หน่งึ เชน ใชลวดแขวนปา ยหางราน “ตดิ ตง้ั ” หมายถงึ เอาส่ิงของอยางหนง่ึ ไปตดิ หรือยึดตรึงกับของอีกส่ิงหนึ่ง เชน ติดต้ังเครื่องดูดอากาศ เครื่องทําความรอน เคร่ืองทําความเย็น “วางส่ิงของ” หมายถึง เอาสิ่งของวางไวโดยมีสิ่งอื่นรองรับ เชน วางกระถางตนไม วางตกุ ตากระเบื้อง เปนตน
๔๙๐ การแขวน ตดิ ตงั้ หรอื วางนจ้ี ะกระทาํ ในทใ่ี ดกไ็ ด เชน หลงั คา ดาดฟา ระเบยี ง ขอบหนา ตา ง ฝาผนัง กําแพงร้วั โดยประการที่นาจะตกหรือพังลงมา หมายความวา เปนการแขวนติดตั้ง หรือวางใน ลักษณะที่ไมม่ันคงแข็งแรงพอ อาจจะตกหรือพังลงมาก็ได คือ โอกาสในการท่ีจะตกหรือพังลงมา มีอยมู ากหรอื คอ นขางแนน อน ò. «èÖ§¨Ð໹š àËμØÍѹμÃÒ à»ÃÍÐà»Íœ„ ¹ ËÃÍ× à´×Í´ÃÍŒ ¹á¡‹¼ÊŒÙ ÞÑ ¨Ãã¹·Ò§ÊÒ¸ÒóРซ่ึงจะเปนเหตุอันตราย หมายถึง ส่ิงที่นาตกหรือพังลงมาน้ัน อาจเปนเหตุใหเกิด อนั ตรายแกผ สู ญั จรในทางสาธารณะได เชน กระถางตน ไมว างไวบ นระเบยี ง อาจตกลงมาถกู ศรี ษะของ นายดาํ ซ่งึ กําลังเดนิ ผา นซอยนั้นพอดี ทาํ ใหศ รี ษะแตกได เปรอะเปอน หมายถึง ทําใหเลอะเทอะสกปรก เชน กระโถนปสสาวะของลูกวางไว ทีข่ อบหนา ตางอาจตกลงมาถูกผูสญั จรเปรอะเปอ นได เดือดรอนแกผูสัญจรในทางสาธารณะ หมายถึง แมไมเปนอันตรายหรือเปรอะเปอน แตก็ทาํ ความเดือดรอนราํ คาญใหไ ด เชน วางถงุ เกบ็ ฝุนจากเคร่ืองดูดฝนุ ไวบ นดาดฟา ฝุน อาจปลิวลง มาทาํ ใหค นตอ งเดนิ หลบและอดุ จมกู อนั เปนการรบกวนผูสญั จรใหต อ งเดอื ดรอนรําคาญ เปน ตน การแขวนติดตั้งหรือวางส่ิงใดไวน้ันอาจกระทําท่ีใดก็ได แตตองอยูในลักษณะท่ีนาจะตก หรือพังลง ซึ่งการตกหรือพังลงน้ันอาจจะทําใหผูสัญจรในทางสาธารณะไดรับอันตรายเปรอะเปอน หรือเดือดรอน สงิ่ ที่วางไวน้นั ยงั ไมตอ งตกลงมากเ็ ปน ความผดิ แลว (Þ) ¡ÃÐทํา´ÇŒ »ÃСÒÃã´æ ãË¢Œ ͧᢧç μ¡Å§ ³ ·èãÕ ´æ â´Â»ÃСÒ÷¹Õè ‹Ò¨Ð໹š Í¹Ñ μÃÒÂ᡺‹ ¤Ø ¤ÅËÃ×Í·ÃѾ ÁÒμÃÒ óøù ผูใดกระทําดวยประการใดๆ ใหของแข็งตกลง ณ ที่ใดๆ โดยประการ ท่ีนาจะเปนอันตรายหรือเดือดรอนรําคาญแกบุคคล หรือเปนอันตรายแกทรัพยหรือกระทําดวย ประการใดๆ ใหของโสโครกเปรอะเปอนหรือนาจะเปรอะเปอนตัว บุคคลหรือทรัพย หรือแกลง ทําใหของโสโครกเปนที่เดือดรอนรําคาญ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหนึ่งเดือนหรือปรับไมเกิน หน่ึงหม่นื บาทหรือท้งั จําทัง้ ปรบั ความผิดตามมาตราน้ีแบงออกเปน ๓ ประการคือ ๑. กระทาํ ดว ยประการใดๆ ใหข องแขง็ ตกลง ณ ทใ่ี ดๆ โดยประการทน่ี า จะเปน อนั ตราย หรือเดือดรอนรําคาญแกบ คุ คล หรือเปน อนั ตรายแกทรัพย ๒. กระทาํ ดวยประการใดๆ ใหของโสโครกเปรอะเปอนหรอื นา จะเปรอะเปอนตัวบคุ คล หรอื ทรัพย ๓. แกลงทําใหของโสโครกเปนทีเ่ ดือดรอ นรําคาญ ความผิดแรก มอี งคประกอบของความผิดดังน้ี
๔๙๑ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทําดว ยประการใดๆ ๒. ใหข องแข็งตกลง ณ ทใ่ี ดๆ ๓. โดยประการที่นาจะเปนอันตรายหรือเดือดรอนรําคาญแกบุคคล หรือเปนอันตราย แกทรพั ย คํา͸ºÔ Ò ñ. ¡ÃÐทํา´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ ตองเปน การกระทาํ ของคนดวยวิธใี ดๆ ก็ได เชน โดยการ ปา ขวาง โยน ท้งิ กไ็ ด ò. ãËŒ¢Í§á¢§ç μ¡Å§ÁÒ ของที่ถกู คนขวาง ปา ดงั กลา ว ตองเปนของแข็งและการตกลง กไ็ มจ ําเปน ตอ งตกลงในทางสาธารณะ อาจตกลงในที่ใดๆ กไ็ ด เชน ขวางขวดเหลาลงมาจากดาดฟา ó. â´Â»ÃСÒ÷Õ蹋ҨÐ໚¹Í¹Ñ μÃÒÂËÃÍ× à´×ʹÌ͹ราํ ¤ÒÞ᡺‹ ¤Ø ¤Å หรือเปนอันตราย ตอทรัพย การทําใหของแข็งตกลงมานั้น เพียงแตนาจะเปนอันตรายหรือเดือดรอนรําคาญแกบุคคล ก็เพียงพอแลวไมจําเปนตองเปนอันตราย หรือกอใหเกิดความเดือดรอนรําคาญขึ้นแลวจริงๆ แตถา เปน อันตรายตอทรัพย การตกลงของของแข็งนัน้ ตอ งถงึ ข้ันทําใหทรพั ยนนั้ เปน อนั ตรายแลว จงึ จะเปน ความผดิ เชน ขวา งขวดเหลา ตกลงมาเฉยี่ วหวั คน แมไ มถ กู กเ็ ปน ความผดิ แลว แตท าํ กระถางตน ไมต กลง มาเกือบถูกรถยนตย งั ไมผ ิดตอ งถกู รถยนตแ ลว จึงจะผดิ ความผดิ นไี้ มต อ งการเจตนา แมเ ปนการกระทาํ โดยประมาทกเ็ ปนความผดิ ตามมาตราน้ี ¤ÇÒÁ¼Ô´·èÕÊͧ มีองคป ระกอบของความผิดดังน้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. การทาํ ดวยประการใดๆ ๒. ใหข องโสโครกเปรอะเปอ นหรือนา จะเปรอะเปอ นตัวบุคคลหรือทรพั ย คํา͸ºÔ Ò ๑. กระทําดวยประการใดๆ ตองเปน การกระทาํ ของคน ไมจาํ กัดวิธีการแตอยางใด ๒. ใหของโสโครกเปรอะเปอ นหรอื นา จะเปรอะเปอนตัวบคุ คลหรือทรพั ย ¢Í§âÊâ¤Ãก คือ ของสกปรกไมจํากัดวาจะเปนของแข็งหรือของเหลว ถาทําดวย ประการใดๆ ใหเปรอะเปอ นตัวบุคคล หรอื ทรัพยก เ็ ปนความผดิ เชน สาดนา้ํ สกปรกเขาไปในทางทม่ี ี คนสญั จรไปมา โดยไมใ สใ จวา จะมคี นอยบู นทางเดนิ หรอื ไม ถงึ แมว า นาํ้ ทสี่ าดไปนนั้ จะไมเ ปรอะเปอ นใคร กเ็ ปนความผิดมาตราน้ี การกระทาํ ตามขอ น้ไี มจ าํ เปนตองมเี จตนา ความผิดท่สี าม มอี งคประกอบของความผิด ดงั น้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. แกลง ๒. ทาํ ใหข องโสโครกเปน ท่ีเดอื ดรอ นราํ คาญ
๔๙๒ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. á¡ÅŒ§ แสดงวามีเจตนากระทํา มิใชเปนการกระทําไปโดยประมาทหรือรูเทาไมถึง การณ ò. ทาํ ãË¢Œ ͧâÊâ¤Ã¡à»¹š ·àÕè ´Í× ´ÃÍŒ ¹ราํ ¤ÒÞ อาทเิ ชน เอาขยะมลู ฝอยไปทง้ิ ในทที่ ไ่ี มค วร เชน หนาบานหรอื ขางรั้วจนสงกล่นิ เหมน็ รบกวนผูอน่ื ใหเดอื ดรอ นราํ คาญ à¨μ¹Ò ผูกระทําผดิ ตามมาตรานต้ี องมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡ÂÕè Ç¡ºÑ ¡Òá͋ ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÂÕ ËÒÂμÍ‹ ·Ã¾Ñ ÂÊ ¹Ô ÊÒ¸ÒóÐáÅÐà¡ÂèÕ Ç¡ºÑ ÊμÑ Ç á¹Ç¤´Ô ๑. ทรัพยสินสาธารณะ เชน ทาง หรือทอระบายนํ้า เปนสิ่งท่ีมีข้ึนเพื่อประโยชนของ สวนรวมบุคคลจึงมีหนาที่ท่ีจะตองสงวนรักษาไมทําใหเกิดความขัดของ หรือเสียหาย เพราะความ ขัดของหรือเสียหายดังกลาวยอมกอใหเกิดภยันตรายตอสุขภาพ และรางกายของประชาชน ดังนั้น กฎหมายจงึ ตองบญั ญัติความผดิ ไว ๒. บคุ คลใดมหี นา ทค่ี วบคมุ สตั วต อ งควบคมุ สตั วน นั้ ไวไ มใ หไ ปไหนโดยลาํ พงั เพอื่ ปอ งกนั มใิ หไ ปทาํ อนั ตรายตอ บคุ คลอน่ื หรอื ทรพั ยส นิ ของบคุ คลอน่ื หากผคู วบคมุ สตั วล ะเลย กฎหมายบญั ญตั ิ ไวเปนความผิด นอกจากน้ีการใชแรงงานสัตวเกินสมควร การทารุณสัตว หรือกระทําประการใด ตอ สตั วโ ดยปราศจากความเมตตา กฎหมายบญั ญตั ไิ วเ ปน ความผดิ ดว ย รวมทงั้ การทงิ้ ซากสตั ว ซง่ึ อาจ เนาเหม็นไวในหรอื ริมทางสาธารณะ กฎหมายก็บญั ญตั ไิ วเปนความผดิ เชน เดยี วกัน ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡ÂÕè Ç¡ºÑ ¡Òá‹ÍãËàŒ ¡Ô´¤ÇÒÁàÊÂÕ ËÒÂμ‹Í·ÃѾÂÊ¹Ô ÊÒ¸ÒóРความผดิ ในเร่ืองนี้ ประกอบดวยการกระทําความผดิ ๓ ฐานคอื ๑. ทาํ ใหร างระบายนาํ้ รอ งนาํ้ หรอื ทอ ระบายของโสโครกอนั เปน สง่ิ สาธารณะเกดิ ขดั ขอ ง หรือไมส ะดวก ๒. ทําใหเกดิ ปฏิกูลแกน า้ํ ในบอ สระ หรอื ทขี่ ังนํา้ อนั มไี วสําหรบั ประชาชนใชส อย ๓. ขดุ หลมุ หรือรางหรือปลูกปกหรือวางส่งิ ของเกะกะไวในทางสาธารณะ ความผดิ ทงั้ สามฐานนี้ ปรากฏอยใู นมาตรา ๓๗๕, ๓๘๐ และ ๓๘๖ ดงั มสี าระสาํ คญั ดงั น้ี (¡) ทาํ ãËÃŒ Ò§ÃкÒÂนํา้ ÃÍ‹ §นา้ํ ËÃÍ× ·‹ÍÃкÒ¢ͧâÊâ¤Ã¡à¡Ô´¢´Ñ ¢ŒÍ§ËÃÍ× äÁÊ‹ дǡ ÁÒμÃÒ ó÷õ ผูใดทําใหรางระบายน้ํา รองนํ้าหรือทอระบายของโสโครกอันเปน สง่ิ สาธารณะเกิดขดั ขอ งหรอื ไมสะดวกตองระวางโทษปรับไมเกนิ หาพันบาท องคประกอบของความผดิ มดี งั น้ี
๔๙๓ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ทาํ ใหรางระบายนํา้ รองนา้ํ หรือทอ ระบายของโสโครกอันเปนสง่ิ สาธารณะ ๒. เกิดขดั ขอ งหรอื ไมส ะดวก คาํ ͸ԺÒ ñ. ทาํ ãËŒÃÒ§ÃкÒÂนา้ํ ÃÍ‹ §นา้ํ ËÃÍ× ·‹ÍÃкÒ¢ͧâÊâ¤Ã¡Í¹Ñ ໹š ÊÔ§è ÊÒ¸ÒóРรางระบายนํา้ คอื สิ่งทที่ าํ ขนึ้ เพื่อระบายนา้ํ เขาออก รองน้าํ คือทางน้าํ ไหลซง่ึ อาจเกดิ ข้ึนโดยธรรมชาตหิ รอื โดยขดุ ขน้ึ ก็ได Í·Ø ÒËó ®Õ¡Ò·Õè ùòð/òô÷ö จําเลยบังอาจเขาทํานาปลูกขาวลงในสระหรือหนองสาธารณ ประโยชน ซึ่งเกิดข้ึนโดยธรรมชาติ เปนการขัดขวางตอทางสายนํ้าท่ีจะไหลลงสูสระวัดปาเลไลย และจําเลยไดวิดนํ้าในสระหรือหนองน้ีไปทางอ่ืนอีกดวย ทําใหราษฎรเดือดรอนขาดนํ้าในสระ วดั ปาเลไลยสาํ หรับใชสอยจําเลยมีผิดตามมาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐ รอ งนาํ้ ตองมลี ักษณะท่มี นี ํา้ ไหลและประชาชนใชประโยชนไ ด ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·èÕ ñóóñ/òô÷ù จําเลยไดปดก้ันลําน้ําตะกรุดซ่ึงต้ืนเขินมาก ฤดูน้ําจึงมีนํ้า ตลอดโดยมปิ รากฏวา มผี ใู ดใชส อยน้าํ หรือเปนทางเดนิ เรอื หรอื อยา งใด ดังน้ี จาํ เลยไมมีความผิดตาม มาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐ คําวารองนํ้านี้ถูกจํากัดไวเฉพาะทางนํ้าไหลเพ่ือประโยชนแกการระบายน้ําหรือ เพื่อประชาชนใชสอยนา้ํ เทาน้นั มไิ ดห มายความถึงทางน้าํ ไหลขนาดใหญ เชน แมนา้ํ ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ ñðô/òôöò การทาํ ฝายกนั้ ลาํ นาํ้ ปง ไมผ ดิ ตามมาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐ เพราะไมใ ช ขัดขวางแกท อถา ยนํา้ รางนาํ้ หรอื ทางนา้ํ ไหล ทอระบายนํา้ โสโครก คอื ทอระบายสิ่งสกปรกออกไป ลักษณะสําคัญของความผิดตามมาตราน้ีคือ รางระบายน้ํา รองน้ําหรือทอระบายของ โสโครกจะตองเปน สง่ิ สาธารณะคือ ประชาชนทั่วไปใชป ระโยชนร ว มกนั ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè ÷ùù/òô÷ô จาํ เลยไดป ด กนั้ ทางนาํ้ ทไี่ หลเขา สบู งึ ซง่ึ ราษฎรอาศยั ใชน า้ํ ทาํ การ เพาะปลกู แลวจําเลยเขา ทาํ สวนในบงึ ตัดสนิ วาจาํ เลยมคี วามผิดตามมาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐ ทอ ระบายนา้ํ ซึ่งอยูใ นท่ีดินของเอกชน ถา ไดค วามวา ใชสําหรับประชาชนทั่วไประบายนาํ้ มานาน กเ็ ปนส่งิ สาธารณะเจาของทด่ี นิ ถมทอไมได
๔๙๔ ÍØ·ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ôøö/òô÷ò ทอนํ้าอยูในที่ดินของจําเลยเปนทอทางนํ้าไหลติดตอ กับทอของหลวง และมีมาหลายสิบปแลวกอนจําเลยเปนเจาของ เมื่อเจาของเดิมไดทําสําหรับเปน ทอระบายนํ้าทั่วๆ ไปแลว ก็ถือวาเปนทอสาธารณประโยชนเชนเดียวกับเปดท่ีดินของตนใหเปน ทางเดิน การท่ีจาํ เลยถมทอนา้ํ นี้จงึ มคี วามผิดตามมาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐ (ò) ®¡Õ Ò·Õè ñõðò/òõñô จาํ เลยปด กน้ั รอ งนาํ้ สาธารณะทาํ ใหน า้ํ หยดุ ไหล ราษฎรไดร บั ความเดอื ดรอ น โจทกขอใหศาลลงโทษตาม ป.อ.มาตรา ๓๗๕ ò. ¢Ñ´¢ÍŒ §ËÃÍ× äÁÊ‹ дǡ หมายความวา ใชก ารไมไ ดห รอื ใชไ มไ ดเต็มที่ (¢) ทําãËàŒ ¡´Ô »¯¡Ô ÙÅá¡น‹ ้าํ 㹺͋ ÊÃÐËÃ×Í·Õè¢Ñ§นาํ้ Í¹Ñ ÁäÕ ÇŒÊíÒËÃºÑ »ÃЪҪ¹ãªŒÊÍ ÁÒμÃÒ óøð ผูใ ดทําใหเกิดปฏิกลู แกน ้ําในบอ สระหรือทขี่ ังนํา้ อนั มไี วสําหรับประชาชน ใชสอย ตองระวางโทษจาํ คุกไมเกนิ หน่งึ เดอื น หรอื ปรับไมเ กนิ หน่ึงหม่ืนบาทหรือทั้งจําท้ังปรับ องคประกอบของความผิดมีดงั นี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ทาํ ใหเ กดิ ปฏิกลู ๒. แกนํ้าในบอ สระหรือที่ขงั นาํ้ อนั มีไวส ําหรับประชาชนใชส อย คํา͸ԺÒ ñ. ทําãËŒà¡´Ô »¯Ô¡ÙÅ ปฏิกูล บทบัญญัติในมาตราน้ีตรงกับกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๓๕ (๑๕) ซ่ึงใช คําวา “ทําใหนํ้า...โสโครก” คําวาปฏิกูลแปลวานาเกลียด ซึ่งศาลฎีกาไดวินิจฉัยในคําพิพากษาฎีกา ท่ี ๑๑๐๘/๒๕๐๕ วา “การกระทําใหเ กิดปฏกิ ลู หมายถงึ ทําใหน าเกลยี ดหรอื พึงเกลยี ดหรอื เกดิ โสโครก แกนํ้า” ดังน้ัน ความหมายของคําวา ทําใหเกิดปฏิกูลจึงตรงกับคําวา “ทําใหโสโครก” คือ ทําใหนํ้า สกปรก การทาํ ใหน าํ้ สกปรกนไี้ มจ าํ เปน วา จะตอ งเอาของเนา เหมน็ หรอื สงิ่ อนั พงึ รงั เกยี จใสเ จอื ปนลงไป การทําใหน้ําสกปรกดวยวิธีการใดก็ใชได แตการสกปรกของน้ําตองมิใชสภาพที่เกิดเปนการชั่วคราว มิฉะนั้นยังไมถือวา ทําใหเกิดปฏิกูล ตัวอยางที่ถือเปนความผิด เชน ท้ิงซากสัตวเนาลงในบอน้ํา ท่ีใชบ รโิ ภค หรือถายอจุ จาระปส สาวะลงไปในท่ีชาวบา นใชอาบ เปนตน Í·Ø ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ ññðø/òõðõจําเลยไปวิดนํ้าเพอื่ จับปลาในหนองซง่ึ ประชาชนใชต ักน้าํ เอาไปรด ผักและเอาไปใหโคกระบืออาบ วินิจฉัยวาการท่ีจําเลยทําใหนํ้าขุน ยังไมพอฟงวาทําใหเกิดปฏิกูลแก นาํ้ ในหนอง เพราะนาํ้ ขนุ เปน สภาพทเ่ี กดิ ขนึ้ จากโคลนในหนองนน้ั เองชว่ั คราว หาใชท าํ ใหเ กดิ ปฏกิ ลู ไม จําเลยจึงยงั ไมม ีความผดิ กอ นหนา นศ้ี าลฎกี าไดว นิ จิ ฉยั ในคาํ พพิ ากษาฎกี าท่ี ๒๐๗/๒๔๗๔ วา การทจี่ าํ เลยกบั พวก ลงจับสัตวนํ้าในหนองที่ขังนํ้า จนทําใหนํ้าในหนองขุนขนเปนโคลนปนน้ําไปต้ัง ๗-๘ วัน เปนเหตุให ราษฎรใชส อยและรบั ประทานนํ้าไมไ ดตามสภาพเดมิ จําเลยจึงมีความผิดตามกฎหมายลกั ษณะอาญา
๔๙๕ มาตรา ๓๓๕(๑๕) ถงึ แมว า ขอ เทจ็ จรงิ ของคาํ พพิ ากษาทงั้ สองนจ้ี ะใกลเ คยี งกนั แตค าํ วนิ จิ ฉยั ตรงกนั ขา ม กม็ ขี อทนี่ าสังเกตวา สภาพการใชสอยนํ้าของประชาชนใน ฎีกาท่ี ๑๑๐๘/๒๕๐๕ ไมไ ดเปลี่ยนแปลงไป เนอ่ื งจากการกระทาํ ของจาํ เลย และขอ เทจ็ จรงิ ไมป รากฏวา นาํ้ ขนุ อยนู านเทา ใด แต ฎกี าที่ ๒๐๗/๒๔๗๔ นั้นประชาชนใชสอยน้ําไมไดตามปกติ จึงนาคิดวาในกรณีเชนน้ีควรถือวาทําใหน้ําเกิดปฏิกูลได คําพิพากษาฎีกาทั้งสองน้ีจึงอาจจะยังไมขัดกัน แตอยางไรก็ดีถายังไมปรากฏวาการท่ีจําเลยลงไป วดิ ปลานัน้ เปนผลทําใหทีข่ งั นํา้ สําหรบั สาธารณชนใชสอยขนุ ขน โสโครก จาํ เลยกย็ ังไมผ ดิ ตามมาตรานี้ ò. นํ้า㹺‹Í ÊÃÐËÃ×Í·Õè¢Ñ§น้ํา¹éѹμŒÍ§ÁÕäÇŒÊíÒËÃѺ»ÃЪҪ¹ãªŒÊÍ ¡ÒÃ㪌Ê͹éÕ ไมจาํ กัดวาจะตองมไี วด ื่ม อาบเทานั้น แตรวมไปถงึ การใชปลูกผกั หรือเลย้ี งสตั วดวย (¤) ¢´Ø ËÅØÁËÃÍ× ÃÒ§ËÃÍ× »ÅÙ¡»˜¡ËÃÍ× ÇҧʧÔè ¢Í§à¡Ð¡Ðänj㹷ҧÊÒ¸ÒóРÁÒμÃÒ óøö ผูใดขุดหลุมหรอื ราง หรอื ปลูกปก หรือวางส่ิงของเกะกะไวในทางสาธารณะ โดยไมไดรับอนุญาตอันชอบดวยกฎหมาย หรือทําไดโดยชอบดวยกฎหมาย แตละเลยไมแสดง สญั ญาณตามสมควรเพ่ือปอ งกนั อุปท วเหตุ ตอ งระวางโทษปรบั ไมเกนิ หา พันบาท องคป ระกอบของความผดิ มดี ังน้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ขดุ หลมุ หรอื ราง หรอื ปลูกปกหรือวางสิ่งของเกะกะ ๒. ในทางสาธารณะ ๓. โดยไมไดรับอนุญาตอันชอบดวยกฎหมาย หรือทําไดโดยชอบดวยกฎหมาย แตละเลยไมแ สดงสญั ญาณ ๒. ในทางสาธารณะ (ดจู ากมาตรา ๓๗๑) ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ¢´Ø ËÅÁØ ËÃÍ× ÃÒ§ËÃ×Í»ÅÙ¡»¡˜ ËÃ×ÍÇҧʧèÔ ¢Í§à¡Ð¡Ð ขุดหลมุ หมายถงึ ขดุ พ้นื ทางสาธารณะไวใหเ ปน หลมุ บอ ขุดราง หมายถึง การขดุ พน้ื ทางสาธารณะไวเ ปนราง ปลกู ส่ิงของเกะกะ หมายถงึ ปลูกสิ่งของใดๆ เชน ตน ไม ปลกู ส่งิ กอสรา งตา งๆ ไวเ กะกะ บนทางสาธารณะ ปกสิ่งของเกะกะ เชน ปก รั้ว ปกเสา ปก ดาํ ตนขา วไวใ นทางสาธารณะ ปลูกปก เปนการรวมเอาการกระทําท้ังปลูกท้ังปกเขาดวยกัน แตเดิมใชคําวา ปลูกเรือน และปก ร้ัว ปจ จบุ นั มกั ใชคําวา ปลูกสราง วางสิ่งของเกะกะ คือวางส่ิงหน่ึงสิง่ ใดไวบ นทางสาธารณะ ทําใหเกะกะ เชน กองดนิ หรือ หนิ ไวบ นทางสาธารณะ
๔๙๖ ò. ã¹·Ò§ÊÒ¸ÒóР(ดูจากมาตรา ๓๗๑) ไมว าจะเปนการขดุ หลมุ ขดุ วางปลูกปก หรือ วางของเกะกะตองเปนการกระทําในทางสาธารณะ จึงจะเปนความผดิ ได ó. â´ÂäÁ‹ä´ŒÃѺ͹ØÞÒμÍѹªÍº´ŒÇ¡®ËÁÒ หรือทําไดโดยชอบดวยกฎหมาย แตล ะเลยไมแสดงสัญญาณตามสมควร เพอ่ื ปองกนั อปุ ท วเหตุ การกระทําดังกลาวขางตนตองไมไดรับอนุญาตอันชอบดวยกฎหมายจึงจะเปนความผิด ดงั นนั้ หากมกี ารกระทาํ เกดิ ขน้ึ โดยไดร บั อนญุ าตอนั ชอบดว ยกฎหมายแลว ถงึ แมว า ตอ มาการอนญุ าต ไดสน้ิ สุดลงก็ไมทําใหการกระทํานัน้ ผิดกฎหมายได ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·Õè ÷øñ/òôùñ กองหินในทางสาธารณะโดยมีสัญญาเชากับเทศบาล เปน การกองโดยไดรับอนุญาต จําเลยหาไดกองข้ึนใหมภายหลังสัญญาเชาไดสิ้นอายุแลวนั้นไมจึงเปน เรอื่ งทจี่ ะตองจัดการในทางแพง หาเปนคดีอาญาไม การกระทําความผิดตามมาตราน้ี ถือเอาเวลาท่ีทําการขุดหลุมหรือรางปลูกปก หรอื วางส่งิ ของเกะกะเปน สําคญั เปน การกระทาํ ผดิ ครง้ั เดียวไมต อเนือ่ งกัน ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ õù/òô÷ô โจทกฟองวาจําเลยปลูกหองแถวรุกล้ําทางหลวง คดีถึงท่ีสุดแลว โจทกนําคดีมาฟองใหมโดยอางวาจําเลยยังไมร้ือหองแถว จึงเปนการรุกลํ้าทางหลวงอยูเรื่อยๆ ไป เชนนี้โจทกจะนํามาฟองอีกไมไดเปนฟองซํ้าเพราะเปนการกระทําผิดคร้ังเดียวจะฟงวาจําเลย กระทําผดิ เร่ือยๆ ไป หาชอบดว ยกฎหมายใหม แตถามีการกระทําข้ึนใหมอีกก็ตองถือวา เปนการกระทําความผิดทุกคร้ังที่ทําขึ้นใหม เชน ปลูกขาวในทางสาธารณะทุกป เปนตน แตถาการกระทําใหมน้ันไมใชการกระทําที่เปนความผิด โดยตรงแลวก็ไมเปนการทําความผิดข้ึนใหม เชน ปลูกเรือนลํ้าเขาไปในทางสาธารณะแลวตอมาร้ือ หลังคาออกมุงใหมตามสภาพเดิม การรื้อหลังคาแลวมุงใหมไมใชการกระทําที่เปนความผิดจึงไมใช การกระทําความผิดข้นึ ใหม การนับอายคุ วามจงึ ตอ งเรม่ิ นับตง้ั แตการปลกู เรอื น ä´ŒÃѺ͹ØÞÒμáμ‹ÅÐàÅÂäÁ‹áÊ´§ÊÑÞÞÒ³μÒÁÊÁ¤ÇÃà¾è×Í»‡Í§¡Ñ¹ÍØ»˜·ÇàËμØ หมายถึง ไดรับอนุญาตแลวขุดหลุม ขุดราง ปลูกปกหรือวางสิ่งของเกะกะในท่ีสาธารณะแลว แตไมไดทํา สัญญาณแสดงไวเพื่อปองกันอุปทวเหตุ เชน ขุดหลุมฝงทอประปาท่ีถนนโดยทําการขออนุญาตแลว แตไ มตง้ั สญั ญาณหรือโคมไฟใหผอู น่ื รูวา มีหลมุ อยบู นถนน ผูก ระทาํ ตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ ÍØ·ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ ùòö/òô÷ô ขดุ คูก้ันทางหลวงโดยไมไดรบั อนญุ าต (ò) ®¡Õ Ò·Õè öõø/òô÷ñ ปลกู ตนลําพใู นทีช่ ายเลนนํา้ ข้ึนทว มถึง (ó) ®¡Õ Ò·Õè óóò/òô÷õ ปกหลกั ลอ มรวั้ ปลกู หอ งแถวปด ทางหลวง
๔๙๗ (ô) ®Õ¡Ò·èÕ ÷òñ/òôøù ปดก้ันทางสาธารณะโดยโคนตนไมใหญขวางทาง และปลูกตนไมลงในทาง (õ) ®Õ¡Ò·èÕ ñó÷÷/òõòð ปลกู ขา วในทางสาธารณะโดยมไิ ดร บั อนญุ าตเปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๘๖ ¤ÇÒÁ¼Ô´à¡ÕÂè Ç¡ºÑ ÊμÑ Ç ความผดิ เกยี่ วกับสัตว ประกอบดว ยความผิดทั้งหมด ๖ ฐาน คอื ๑. ปลอยปละละเลยใหสัตวด หุ รอื สัตวร ายท่ีควบคุมไวเ ทย่ี วไปโดยลําพงั ๒. กระทําทารุณตอ สัตว หรอื ฆา สตั วโ ดยใหไดร บั ทุกขเวทนาอันไมจําเปน ๓. ใชใ หส ตั วท ํางานจนเกนิ สมควรหรอื ใชใหท ํางานอันไมสมควร ๔. ไลต อ นหรือทาํ ใหส ัตวใดๆ เขาไปในสวน ไรห รอื นาของผอู น่ื ๕. ปลอ ยปละละเลยใหส ตั วทคี่ วบคมุ ไวเขา ไปในสวนไรหรอื นาของผอู ื่น ๖. ทง้ิ ซากสตั วซง่ึ อาจเนาเหมน็ ในรมิ ทางสาธารณะ ความผดิ ทงั้ ๖ ฐานนี้ ปรากฏอยใู นมาตรา ๓๗๗, ๓๘๑, ๓๘๒, ๓๙๔, ๓๙๕ และ ๓๙๖ ดังมีสาระสาํ คญั ดงั นี้ (¡) »Å‹Í»ÅÐÅÐàÅÂãËŒÊÑμÇ´ ØËÃÍ× ÊμÑ Çà ŒÒ·դè Ǻ¤ÁØ äÇàŒ ·ÕèÂÇä»â´Âลํา¾Ñ§ ÁÒμÃÒ ó÷÷ ผูใดควบคุมสัตวดุหรือสัตวรายปลอยปละละเลยใหสัตวนั้นเท่ียวไป โดยลําพัง ในประการท่ีอาจทําอันตรายแกบุคคลหรือทรัพย ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหน่ึงเดือน หรอื ปรับไมเกนิ หนึ่งหม่นื บาท หรือทงั้ จาํ ทั้งปรับ องคประกอบของความผิดมีดงั น้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. เปนผคู วบคมุ สตั วด หุ รือสตั วร าย ๒. ปลอยปละละเลยใหส ัตวน นั้ เท่ียวไปโดยลาํ พงั ๓. ในประการทอ่ี าจทาํ อนั ตรายแกบคุ คลหรอื ทรพั ย คํา͸ԺÒ ñ. à»¹š ¼ŒÙ¤Çº¤ØÁÊμÑ Ç´ ËØ ÃÍ× ÊμÑ Çà Ҍ  เปน ผคู วบคมุ สตั ว หมายถงึ ผมู หี นา ทใี่ นการควบคมุ สตั วด หุ รอื สตั วร า ยไมจ าํ เปน ตอ งเปน เจาของ หากเจาของไมม หี นาทค่ี วบคุมจะไมม ีความผดิ ตามมาตรานี้ การควบคุมสัตว หมายถึง กํากับดูแลควบคุมสัตวนั้นๆ ผูที่มีหนาท่ีใหอาหารหรือรักษา สุขภาพสัตวน ้นั ไมใ ชผ กู ํากบั ดูแลควบคุมสตั ว สัตวราย ซึ่งหมายความวา โดยธรรมชาติของสัตวน้ันเองเปนสัตวที่มีนิสัยเปนท้ังดุ และรายกาจเปนปกติอยูในตัว และเปนสัตวที่เปนภัยอันตรายอันนาสะพรึงกลัวตอบุคคลผูไดพบเห็น เชน เสือ จระเข หรอื งูพิษ เปน ตน ซ่งึ ตางกับสัตวจ ําพวกทก่ี ฎหมายมาตราน้บี ญั ญตั ิใชคําวา “สัตวด ”ุ
๔๙๘ สัตวดุ หมายความวา โดยธรรมชาติของสัตวน้ันเอง มิใชเปนสัตวรายแตอาจเปนสัตวดุ ซงึ่ เจา ของจะตอ งมกี ารควบคมุ ดแู ลเปน พเิ ศษผดิ จากปกตธิ รรมดาโดยลา มโซห รอื ขงั กรงไว เชน สนุ ขั ทดี่ ุ เปนตน มิฉะนน้ั ถา ปลอ ยปละละเลยแลวอาจไปทาํ อันตรายแกบ คุ คลหรอื ทรัพยของผูอ่ืนได คําวา สัตวด ุน้ันตอ งเปน สัตวท ี่มนี สิ ัยดเุ ปนพเิ ศษไปกวา สัตวประเภทเดียวกันโดยท่วั ๆ ไป และมิไดจํากัดเฉพาะการดุรายในลักษณะเปนอันตรายแกบุคคลเทาน้ัน แตรวมถึงอันตราย แกท รพั ยด ว ย ดงั นนั้ สตั วเ ลย้ี งทไ่ี มเ ปน ภยั แกบ คุ คลอน่ื แตช อบออกไปทาํ ใหท รพั ยส นิ ของผอู น่ื เสยี หาย ก็จดั เปนสตั วดดุ วย ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ ñöò/òõòó สนุ ขั ของจาํ เลยเคยกดั เปด ของ ก. มาหลายครง้ั ครงั้ นสี้ นุ ขั นน้ั ไปกดั เปดของ ก. ตายและบาดเจ็บหลายสบิ ตวั เปนสตั วด ตุ ามมาตรา ๓๗๗ ò. »ÅÍ‹ »ÅÐÅÐàÅÂãËŒÊμÑ Ç¹ Ñé¹à·ÕèÂÇä»μÒÁลํา¾§Ñ ปลอ ยปละละเลย หมายถงึ การไมควบคุมสตั วดงั กลา วตามหนา ท่ีอาจเปนการพลัง้ เผลอ ประมาทเลนิ เลอ ไมเ อาใจใสใ นการควบคมุ หรือจงใจปลอยใหส ตั วเทย่ี วไปตามลําพัง เทีย่ วไปตามลาํ พัง หมายถงึ สตั วดงั กลา วพลดั เพริดไปตามลาํ พังโดยปราศจากผูควบคมุ ไมวาจะเท่ียวไปยังสถานทใี่ ดกต็ าม เชน ปลอ ยจระเขท ี่เลยี้ งไวใ หห ลุดลงแมนาํ้ ลําคลองไป ó. ã¹»ÃСÒ÷èÕÍÒ¨ทําÍѹμÃÒÂá¡‹ºØ¤¤ÅËÃ×Í·ÃѾ หมายถึง จะเปนความผิด ตอเมื่อการปลอยปละละเลยดังกลา ว อาจทาํ ใหเกิดอนั ตรายตอบุคคลหรือทรัพยได ไมจ ําเปนตอ งถงึ กบั เกิดอันตรายขึ้นแลว จริงๆ เพียงแตน า จะเกดิ อันตรายกเ็ ปน ความผดิ แลว (¢) ¡ÃÐทํา¡Ò÷ÒÃØ³μ‹ÍÊμÑ ÇË Ã×ͦ‹ÒÊμÑ ÇãËŒä´ÃŒ Ѻ·¡Ø ¢àÇ·¹ÒÍ¹Ñ äÁ‹¨íÒ໹š ÁÒμÃÒ óøñ ผูใดกระทําการทารุณตอสัตว หรือฆาสัตวโดยใหไดรับทุกขเวทนา อนั ไมจ าํ เปน ตอ งระวางโทษจําคุกไมเ กนิ หนงึ่ เดือนหรือปรับไมเกินหนึ่งหม่นื บาทหรอื ทั้งจาํ ท้ังปรบั องคป ระกอบของความผิดมดี งั น้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทาํ การทารุณตอสัตว หรือ ๒. ฆาสตั วโดยใหไดร ับทุกขเวทนาอนั ไมจ ําเปน ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คํา͸ԺÒ ñ. ¡ÃÐทํา¡Ò÷ÒÃØ³μ‹ÍÊÑμÇ คือ การกระทําตอสัตวอยางดุรายหรือโหดราย เชน การเฆยี่ นตสี ตั วจ นไดร บั ความทกุ ขท รมาน หรอื จบั สตั วข งั ไวโ ดยไมใ หน าํ้ หรอื อาหารกนิ เปน เวลานานๆ เปนตน ถงึ แมว าสตั วจะไมต ายกเ็ ปน ความผิด ทั้งนี้ ตองเปน การทารุณตอ สัตวใหไดร บั ทกุ ขเวทนา โดยไมจ าํ เปน เชน จับแมวตัดขาท้ิง ๒ ขา ง แลว ปลอ ยไป เปน ตน
๔๙๙ ò. ¦Ò‹ ÊÑμÇãËäŒ ´ŒÃºÑ ·¡Ø ¢àÇ·¹ÒÍ¹Ñ äÁจ‹ ํา໹š ฆา สัตว หมายถึง ฆาใหตาย ใหไดรับทุกขเวทนาอันไมจําเปน หมายถึง กระทําการใดๆ ใหสัตวไดรับความเจ็บปวด ทกุ ขท รมานกอ นตายโดยไมจ าํ เปน เชน ฆา ววั โดยเฉอื นเนอ้ื ทลี ะชน้ิ ทง้ั เปน ทกุ วนั จนตาย ฆา งโู ดยคอ ยๆ ฟนทีละทอ น จนงตู าย เปนตน à¨μ¹Ò ความผิดตามมาตราน้ตี อ งเปน การกระทาํ โดยเจตนาตามมาตรา ๕๙ (¤) 㪌ãËŒÊÑμÇทํา§Ò¹¨¹à¡¹Ô ÊÁ¤ÇÃËÃ×ÍãªãŒ ËทŒ าํ §Ò¹ÍѹäÁÊ‹ Á¤Çà ÁÒμÃÒ óøò ผูใดใชใหสัตวทํางานจนเกินสมควรหรือใชใหทํางานอันไมสมควร เพราะเหตทุ สี่ ัตวนน้ั ปวยเจบ็ ชราหรือออนอายุตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเกนิ หน่งึ เดอื น หรือปรบั ไมเ กิน หนึง่ หม่ืนบาทหรอื ทั้งจําทง้ั ปรบั องคประกอบของความผดิ มีดงั นี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ใชใหส ัตวท ํางานจนเกนิ ควร หรอื ใชใ หทํางานอันไมสมควร ๒. สตั วน ้ันปว ยเจ็บ ชราหรือออนอายุ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คํา͸ԺÒ ñ. 㪌ãËŒÊμÑ Çทํา§Ò¹¨¹à¡¹Ô ÊÁ¤Çà ËÃ×ÍãªãŒ ËŒทาํ §Ò¹Í¹Ñ äÁ‹ÊÁ¤Çà ใชใหสัตวทํางานจนเกินสมควร หมายถึง ใชใหสัตวทํางานมากเกินกวาที่วิญูชนจะพึง ใชสําหรับสัตวท่ีอยูในสภาพเชนน้ัน เชน ใชกระบือที่ชรามากแลวไถนาทั้งวันทุกวันโดยไมมีเวลา หยุดพัก ใชโ คปวยลากเกวยี นหนักๆ ไป เปน ระยะทางไกลโดยไมห ยุดพกั เปนตน ใชใหสัตวทํางานอันไมสมควร หมายถึง ใชใหสัตวทํางานที่ไมเหมาะสมกับชีวิตของสัตว น้นั ๆ เชน ใชโ ค-กระบอื ไปลากซงุ เปนตน ò. ÊÑμǹ éѹ»†ÇÂà¨ºç ªÃÒ ËÃ×Í͋͹ÍÒÂØ ปวยเจบ็ หมายถึง เปน โรคอยางใดอยา งหนึง่ รวมทง้ั การมบี าดแผลหรือรางกายสว นใด สว นหนงึ่ ฟกชํา้ ชรา หมายถงึ แกห รอื มอี ายุมากตามชนดิ ของสตั วน ้นั ๆ ออ นอายุ หมายถงึ มีอายนุ อยตามเกณฑข องสตั วชนิดน้นั ๆ เจตนา ผกู ระทําตองมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ เชน ตองรวู า สตั วน น้ั ปวยเจบ็ ชรา หรอื ออนอายุ ดวย เชน ใชลกู ชา งทีย่ งั เล็กมากลากซุงทอนใหญๆ ซึ่งเกินกาํ ลงั ที่ลูกชางจะลากไหว
๕๐๐ (§) äÅμ‹ ŒÍ¹ËÃÍ× ·ÓãËÊŒ μÑ Çã´æ ࢌÒã¹ÊǹäËËÃ×͹Ңͧ¼ŒÙÍ×è¹ ÁÒμÃÒ óùô ผูใดไล ตอน หรือทําใหสัตวใดๆ เขาในสวน ไร หรือนาของผูอื่น ท่ีไดแตงดินไว เพาะพันธุไว หรือมีพืชพันธุ หรือผลิตผลอยู ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหนึ่งเดือน หรอื ปรบั ไมเ กินหน่ึงหมน่ื บาท หรอื ทงั้ จาํ ทงั้ ปรบั องคประกอบของความผิดมีดังน้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ไล ตอ นหรือทําใหส ัตวใดๆ เขาในสวน ไร หรอื นา ๒. สวน ไร หรือนาเปนของผูอื่นที่ไดแตงดินไว เพาะพันธุไว หรือมีพืชพันธุ หรือ ผลิตผลอยู ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คํา͸ºÔ Ò ñ. äÅ‹ μÍŒ ¹ ËÃ×ÍทําãËÊŒ ÑμÇã´æ ࢌÒã¹Êǹ äË ËÃ×Í¹Ò การไล ตอนหรือทําใหสัตวเขาในสวน ไร หรือนา หมายความรวมถึงการกระทําใดๆ กไ็ ดท เี่ ปน ผลใหส ตั วเ ขา ไปในสวน ไรห รอื นาของผอู น่ื เชน ไล ตอ น จงู หรอื ลอ สตั วเ ขา ไปแตไ มร วมไปถงึ การท่ีสัตวเขาไปเองโดยไมควบคุมดูแลใหดี คือผูกระทําตองมีเจตนาท่ีจะทําใหสัตวเขาไป ผูกระทํา ไมจําตองเปนเจาของสัตว การไลตอนสัตวของผูอื่นก็เปนความผิดตามมาตรานี้ได และสัตวท่ีวานี้ อาจเปน สัตวช นิดใดกไ็ ด ò. Êǹ äË ËÃÍ× ¹Ò໹š ¢Í§¼ÍŒÙ ¹è× ·äÕè ´áŒ μ§‹ ´¹Ô äÇàŒ ¾Òо¹Ñ ¸äØ ÇËŒ ÃÍ× Á¾Õ ª× ¾¹Ñ ¸ËØ ÃÍ× ¼ÅμÔ ¼Å ÍÂÙ‹ สวน ไร หรือนา นั้นตองเปนของผูอื่น และไดมีการแตงดินไว เพาะพันธุไวหรือมี พืชพันธุหรือผลิตผลอยู จึงควรมีความหมายจํากัด เฉพาะสวน ไร หรือนาที่มีการเพาะปลูกเทานั้น เชน ไรกุหลาบ นาขาวทม่ี ีขาวปลกู อยู หรอื สวนผลไม เปน ตน เจตนา ผูก ระทําตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ (จ) ปลอยปละละเลยใหส ัตวท่คี วบคุมไวเขาในสวนหรือไรน าของผอู ื่น ÁÒμÃÒ óùõ ผูใดควบคุมสัตวใดๆ ปลอยปละละเลยใหสัตวน้ันเขาในสวน ไรหรือนา ของผูอ่ืนที่ไดแตงดินไว เพาะพันธุไวหรือมีพืชพันธุหรือผลิตผลอยู ตองระวางโทษปรับไมเกิน หา พนั บาท องคประกอบของความผิดมดี ังนี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. เปน ผูควบคุมสตั วใดๆ ๒. ปลอยปละละเลยใหสตั วนั้นเขา ในสวน ไรห รอื นา
๕๐๑ ๓. สวน ไร หรือนาเปนของผูอ่ืนที่ไดแตงดินไวเพาะพันธุไว หรือมีพืชพันธุ หรอื ผลิตผลอยู คาํ ͸ԺÒ ñ. ໚¹¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ÊμÑ Çã´æ ผูค วบคุม หมายถงึ เปนผูดูแลมีหนาทค่ี วบคุมสตั วเทานั้น ไมจาํ เปน ตอ งเปนเจาของสัตว ก็ได สตั วใ ดๆ หมายถงึ สตั วช นดิ ใดกไ็ ดไ มจ าํ กดั ชนดิ และประเภท เชน สนุ ขั ววั ควาย หมี เสอื ò. »ÅÍ‹ »ÅÐÅÐàÅÂãËŒÊμÑ Ç¹ ѹé ࢌÒã¹Êǹ äË ËÃÍ× ¹Ò ปลอยปละละเลย คือไมใชความระมัดระวังดูแลใหดีวาสัตวน้ันจะไมเขาไปในสวน ไร หรือนาของผูอ น่ื กฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๔๐(๑) ซง่ึ มีขอความคลายกันไดใชค าํ วา “ปลอ ยให ปศสุ ตั วห รือสัตวพาหนะเขาในเรอื กสวนไรน าของผอู นื่ ” ศาลฎีกาจงึ วินิจฉยั วาถา ขอเท็จจรงิ ไดความวา สัตวน้ันมีผูเล้ียงดูแลควบคุมอยูก็จะถือวา “ปลอย” ไมได การที่ประมวลกฎหมายอาญาใชคําวา “ปลอยปละละเลย” จึงมีความหมายแตกตางไปจากกฎหมายเกา ดังน้ัน ขอเท็จจริงท่ีผูกระทําไมผิด กฎหมายลักษณะอาญาจึงอาจผิดตามมาตรานี้ได เชน เลี้ยงกระบือแตไมควบคุมดูแลใหดี กระบือ จึงเขาไปในสวนของผูอ ่นื เชนน้ี เปนตน ó. Êǹ äË ËÃ×Í¹Ò เปนของผูอ่ืนที่ไดแตงดินไว เพาะพันธุไว หรือมีพืชพันธุ หรือผลติ ผลอยู หมายถงึ สวน ไร หรือนา ตามความหมายเดียวกบั ในมาตรา ๓๙๔ ÍØ·ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ õõô/òôøô การปลอยชางไวในปาชาไมควบคุม ทําใหชางนั้นเขาไป ในไรข องผูอ่นื หา ง ๗๐ เสน ผูควบคุมชางมีความผิดตามมาตรานี้ (ò) ®¡Õ Ò·Õè ññó÷/òõðö โคเปนของจําเลย จําเลยเปนผูเล้ียงดูรักษา โดยเวลา เชา จําเลยจะเปดคอกปลอยใหโคออกมากินตามลําพัง ไมมีคนคอยควบคุมเล้ียงดูรักษาตกเวลาเย็น จาํ เลยจงึ ไปไลก ลบั เขา คอก ดงั น้ี ถอื วา จาํ เลยเปน ผคู วบคมุ สตั วต ามความหมายแหง ป.อ.มาตรา ๓๙๕ แลว การท่ีจําเลยไมควบคุมปลอยปละละเลยใหโคเขาไปกัดกินพืชพันธุในไรของผูเสียหายที่ปลูกไว จึงมคี วามผดิ (©) ·éÔ§«Ò¡ÊμÑ Ç«Öè§ÍÒ¨à¹Ò‹ àËÁ¹ç ã¹ËÃ×ÍÃÁÔ ·Ò§ÊÒ¸ÒóРÁÒμÃÒ óùö ผูใดทิ้งซากสตั วซึง่ อาจเนาเหม็นในหรอื รมิ ทางสาธารณะ ตอ งระวางโทษ ปรับไมเกินหาพันบาท องคประกอบของความผิดมดี งั น้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ทิ้งซากสัตวซง่ึ อาจเนา เหม็น ๒. ในหรอื ริมทางสาธารณะ
๕๐๒ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ·§éÔ «Ò¡ÊÑμÇ« §èÖ ÍҨ๋ÒàËÁç¹ ทิ้ง คอื ปลอยไวไมว า วธิ ีใด เชน โยน กอง ขวา ง ปา วาง เปนตน ซากสัตว คือ สัตวทตี่ ายแลว และซากนั้นตอ งเนาเหม็นได จึงไมรวมถึงซากที่แหงจนไม อาจเนา เหมน็ ไดแ ลว และซากนนั้ ไมจ าํ เปน ตอ งเนา เหมน็ ในขณะทท่ี งิ้ กเ็ ปน ความผดิ แลว เชน ซากสนุ ขั ซากแมว เปนตน และซากที่วาน้ีไมจําเปนตองเปนซากท่ีอยูครบท้ังตัว อาจเปนสวนใดสวนหนึ่งก็ได เชน ศรี ษะ หรอื ขา หรอื ลําตวั เทา น้นั ก็ได ò. ã¹ËÃ×ÍÃÁÔ ·Ò§ÊÒ¸ÒóРทางสาธารณะ เคยกลา วไวแ ลว เชน ถนนหนทาง แมนํา้ ลําคลอง ในหรอื รมิ ทางสาธารณะ จงึ หมายถงึ ในถนนหรอื รมิ ถนน ในแมน า้ํ หรอื รมิ ลาํ คลอง เปน ตน à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ จะตอ งมเี จตนาธรรมดาตามมาตรา ๕๙ เพราะคําวา “ทงิ้ ” แสดงวาจงใจ หรอื ตง้ั ใจกระทํา ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡èÂÕ Ç¡Ñº¡Òá͋ ãËàŒ ¡´Ô ÍѹμÃÒÂá¡‹¡ÒÂËÃ×ͨÔμã¨áÅФÇÒÁ¼´Ô ÅËâØ ·ÉÍ×è¹æ á¹Ç¤Ô´ ๑. การกระทําอันตรายตอกายหรือจิตใจของผูอ่ืน การขมขูหรือขมเหงรังแกผูอื่น การกระทําทารุณตอผูที่ออนแอกวาเนื่องจากอายุหรือความเจ็บปวย แมเปนเพียงเล็กนอยกฎหมาย กบ็ ญั ญัตไิ วเ ปนความผิด ๒. บุคคลวิกลจริตกฎหมายถือวา เปนบุคคลที่ตองอยูในความควบคุม ดังนั้น การปลอยปละละเลยใหบุคคลดังกลาวออกมาจึงกอใหเกิดอันตรายตอประชาชนไดกฎหมาย จึงบัญญัติเอาผิดแกผูปลอยปละละเลยน้ัน นอกจากนี้การชวยบุคคลที่ตกอยูในภยันตรายเปนสิ่งท่ี มนุษยควรกระทํา การละเลยจึงเปนการกระทําที่ผิดตอกฎหมายรวมท้ังการเปลือยหรือเปดเผย รางกายหรือการกระทาํ ลามกตอหนาธารกํานลั กฎหมายถือเปน ความผดิ เชนเดียวกัน และการดหู มน่ิ เปนสิ่งที่กอใหเกิดความบาดหมางกันในหมูประชาชน เปนอันตรายตอการอยูรวมกันของบุคคล ในสังคม กฎหมายจึงตองบญั ญัตใิ หเปนความผดิ ดวย ¤ÇÒÁ¼Ô´à¡ÂèÕ Ç¡ºÑ ¡Òá‹ÍãËàŒ ¡Ô´ÍѹμÃÒÂá¡¡‹ ÒÂËÃ×ͨμÔ ã¨ ความผิดในเร่อื งน้ปี ระกอบดว ยความผดิ ๕ ฐาน คือ ๑. กระทาํ โดยประมาทเปนเหตใุ หผูอื่นรบั อันตรายแกก ายหรือจิตใจ ๒. ใชก าํ ลังทาํ รายผูอนื่ โดยไมถงึ กับเปนเหตใุ หเ กดิ อนั ตรายแกกายหรอื จิตใจ
๕๐๓ ๓. ทําใหผ อู น่ื เกดิ ความกลัวหรอื ความตกใจโดยการขเู ข็ญ ๔. กระทําดวยประการใดๆ อันเปนการรังแกหรือขมเหงผูอ่ืนในที่สาธารณสถาน หรือตอหนาธารกํานลั ๕. กระทาํ ทารุณตอ เด็กอายยุ ังไมเกินสิบหา ป คนปว ยเจบ็ หรอื คนชรา ซ่ึงความผดิ ทั้ง ๕ ฐานจะปรากฏอยูในมาตรา ๓๙๐, ๓๙๑, ๓๙๒, ๓๙๗ และ ๓๙๘ ดงั มีสาระสําคญั ดงั น้ี (¡) ¡ÃÐทาํ â´Â»ÃÐÁҷ໚¹àËμãØ ËŒ¼ŒÙ͹è× ÃÑºÍ¹Ñ μÃÒÂá¡‹¡ÒÂËÃÍ× ¨μÔ ã¨ มาตรา ๓๙๐ ผูใดกระทําโดยประมาท และการกระทําน้ันเปนเหตุใหผูอ่ืนรับอันตราย แกก ายหรอื จติ ใจตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หนง่ึ เดอื น หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนง่ึ หมน่ื บาท หรอื ทง้ั จาํ ทงั้ ปรบั องคประกอบของความผิดมดี ังนี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทาํ ดวยประการใดๆ ๒. เปนเหตุใหผอู ่ืนรับอนั ตรายแกก ายหรือจติ ใจ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - ประมาท คาํ ͸ºÔ Ò ๑. กระทําดวยประการใดๆ กฎหมายไมจํากัดลักษณะการกระทําไว จึงหมายถึง การกระทําใดๆ กไ็ ดท ้ังสิ้น เชน ว่งิ ยนื เดิน ปสสาวะ ขบั รถ กระโดด ฯลฯ ๒. เปนเหตุใหผูอ่ืนไดรับอันตรายแกกายหรือจิตใจ หมายถึง การกระทําดังกลาว ในขางตนนั้นเปนผลใหผูอ่ืนไดรับอันตรายแกกาย เชน ฟกช้ํา ปูดบวม มีบาดแผล เลือดไหล หรือ เปนผลใหผอู ื่นไดรับอนั ตรายแกจติ ใจ เชน ตกใจจนช็อก มึนงง เปน ตน อยา งไรก็ตามอนั ตรายตอ กาย หรือจิตใจนนั้ ตองเปนผลโดยตรงจากการกระทาํ โดยประมาทนั้น »ÃÐÁÒ· การกระทําความผิดตามมาตราน้ี มิไดจํากัดลักษณะของการกระทําไว โดยเฉพาะ คงมคี วามหมายถงึ การกระทาํ ทกุ อยา งทไ่ี ดก ระทาํ โดยประมาท คอื มใิ ชก ารกระทาํ โดยเจตนา แตก ระทาํ โดยปราศจากความระมดั ระวงั ซงึ่ บคุ คลในภาวะเชน นนั้ จกั ตอ งมตี ามวสิ ยั และพฤตกิ ารณ และ ผกู ระทาํ อาจใชความระมดั ระวงั เชนวาน้ันไดแ ตหาไดใชใ หเพียงพอไม ÍØ·ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ ñòøò/òõñô จําเลยท่ี ๑ และท่ี ๒ ขับเรือแลนมาตรงกลางลําน้ํา ดวยความเร็วสูง เมื่อใกลจะสวนกันเรือทั้งสองแลนเกือบจะเปนเสนตรงเขาหากันในลักษณะนากลัว จะเกิดโดนกัน แมจําเลยที่ ๒ จะเบนหลีกไปทางขวามือ อันเปนการปฏิบัติตามกฎหมายก็ตาม แตจําเลยที่ ๒ ก็มิไดลดความเร็วกลับขับเรือเบนหลีกไปทางขวาในระยะกระชั้นชิด สวนจําเลยที่ ๑ กม็ ไิ ดล ดความเรว็ ทง้ั มไิ ดเ บนหลกี ไปทางขวา แตค งแลน เรอื ตรงไป เรอื จาํ เลยท่ี ๒ จงึ ชนเรอื ของจาํ เลย
๕๐๔ ที่ ๑ เปนเหตุใหผ โู ดยสารในเรอื จําเลยที่ ๑ ถึงแกค วามตายและบาดเจ็บ เชน น้ีแสดงวาจําเลยท้งั สอง มีความประมาทปราศจากความระมัดระวังซ่ึงบุคคลในภาวะเชนจําเลยท้ังสองซ่ึงขับขี่เรือยนต สวนทางกัน จักตองมีตามวิสัยและพฤติการณ จําเลยท้ังสองจึงตองมีความผิดฐานกระทํา โดยประมาทเปนเหตใุ หผ ูอ น่ื ถึงแกความตายและบาดเจบ็ (ò) ®¡Õ Ò·èÕ òòñò/òõóò จําเลยท่ี ๒ ขับรถมาตามถนนพหลโยธินจากสามแยก เกษตรมุงหนาไปทางลาดพราวเม่ือถึงส่ีแยกพหลโยธินตัดกับถนนรัชดาภิเษก สัญญาณไฟจราจรเปน สีแดง จําเลยท่ี ๒ ไดขับรถเคล่ือนอยางชาๆ ฝาฝนสัญญาณไฟแดงจราจรสีแดงเขาไปในส่ีแยก จนเลยเสน สขี าวทก่ี าํ หนดใหร ถหยดุ ประมาณ ๑๐ เมตร เกอื บถงึ กลางสแ่ี ยก รถจาํ เลยที่ ๒ จงึ ขวางทาง จําเลยท่ี ๑ ซ่ึงแลนมาดวยความเร็วตามถนนรัชดาภิเษกดานถนนวิภาวดี-รังสิต มุงหนาไปตาม ถนนรัชดาภิเษกเขาไปในสี่แยก รถจําเลยท่ี ๑ หามลอและหักหลบเฉี่ยวชนรถจําเลยท่ี ๒ แลว เสียหลักไปทางขวาไปชนรถที่จอดรอสัญญาณไฟจราจรในถนนรัชดาภิเษกดานท่ีมาจากลาดพราว และชนผูเสียหาย พฤติการณเชนน้ีถือไดวาจําเลยท่ี ๒ ขับรถดวยความประมาทเปนเหตุโดยตรง ทาํ ใหร ถจาํ เลยที่ ๑ เฉย่ี วชนรถจาํ เลยที่ ๒ และชนผเู สียหายไดร ับอนั ตรายแกก าย (ó) ®¡Õ Ò·Õè òñõô/òõóô จําเลยที่ ๒ สําคัญผิดวาบุตรแรกเกิดของตนถึงแก ความตายแลวจึงโยนลงมาจากหนาตา งโรงแรม แมโจทกจะไมมีพยานรเู หน็ วา จําเลยท่ี ๑ รว มลงมือ กระทําความผิดกับจําเลยที่ ๒ แตการที่ จําเลยท่ี ๑ อยูรวมหองเดียวกับจําเลยท่ี ๒ ตามลําพัง ในขณะทจ่ี ําเลยท่ี ๒ คลอดบุตร จาํ เลยที่ ๒ ยอ มตองมคี วามเจบ็ ปวด ซง่ึ จะตองเรยี กใหจําเลยที่ ๑ ชวยเหลือตน ตามพฤติการณจึงมีเหตุผลใหเช่ือไดวาจําเลยท่ี ๑ ไดรูเห็นในการคลอดบุตรของจําเลย ท่ี ๒ แมจะเปนการคลอดกอนกําหนดประมาณ ๒ เดือนเศษก็หาใชวาเด็กทารกจะไมมีชีวิตรอดอยู เสมอไปไม จําเลยที่ ๑ ในฐานะบิดายอมมีหนาที่ตองเอาใจใสดูแลบุตรดวยการใชความระมัดระวัง ตรวจดูใหถวนถ่ีเสียกอนวาบุตรท่ีเกิดมายังมีชีวิตรอดอยูหรือไม มิใชปลอยใหจําเลยท่ี ๒ โยนบุตร ทิ้งไปโดยมิไดหามปรามทั้งๆ ท่ีจําเลยที่ ๑ สามารถใชความระมัดระวังในกรณีเชนน้ีได จําเลยท่ี ๑ จึงมคี วามผดิ ฐานกระทาํ โดยประมาทเปน เหตุใหผอู ื่นไดรับอันตรายแกก ายตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๐ การกระทําโดยประมาทท่ีเกิดขึ้น ถึงแมวาจะเปนการประมาทอยางรายแรงสักเพียงใด ถา ไมถงึ ขั้นเกดิ อนั ตรายแกก ายหรือจติ ใจแกผ ูอน่ื แลวกย็ งั ถอื ไมไดว ามคี วามผิดตามมาตราน้ี ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·èÕ ñ÷÷ð/òõñö แมการขับรถของจําเลยเปนท่ีนาหวาดเสียว เปนเหตุใหเกิด ชนกันอยางแรง และตางเสียหายมากอยางไรก็ตาม แตเมื่อลักษณะบาดแผลของผูเสียหายท่ีไดรับ เพียงเจ็บบริเวณขอศอก ปลายแขนซายมีรอยช้ําเล็กนอย รักษาประมาณ ๒ วัน เทานี้ยังไมรุนแรง จนเปน เหตใุ หเกิดอันตรายแกก าย อนั จะเปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๐ (¢) ãªกŒ ําÅѧทาํ ÌҼŒÙÍè×¹â´ÂäÁ‹¶§Ö ¡Ñºà»š¹àËμãØ ËŒà¡´Ô Í¹Ñ μÃÒÂá¡‹¡ÒÂËÃÍ× ¨μÔ ã¨ ÁÒμÃÒ óùñ ผูใดใชกําลังทํารายผูอื่นโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย หรอื จติ ใจตองระวางโทษจําคุกไมเกนิ หนง่ึ เดอื น หรอื ปรับไมเกินหน่ึงหมนื่ บาทหรือท้งั จําทงั้ ปรับ
๕๐๕ ความผดิ ตามมาตราน้ี มสี าระสาํ คญั เชน เดยี วกบั กฎหมายลกั ษณะอาญามาตรา ๓๓๘(๓) ซึ่งมีความวา “ผูใดบังอาจทุบตีหรือใชกําลังกระทําอยางใดๆ แกผูอ่ืนแตไมถึงแกบาดเจ็บ ทานวา มนั มคี วามผิดตอ งระวางโทษช้นั ๔” องคประกอบของความผิดมดี งั น้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ใชก ําลังทาํ รา ย ๒. ผอู ่นื ๓. โดยไมถึงกบั เปนเหตุใหเ กิดอนั ตรายแกกายหรอื จิตใจ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ãªกŒ าํ ÅѧทําÌҠใชกําลังทําราย ตางจากความผิดฐานทํารายรางกายตามมาตรา ๒๙๕ ซึ่งใชคําวา “ทําราย” และตางกับคําวา “ใชกําลังประทุษราย” ตามมาตรา ๓๓๙ ซ่ึงมีคํานิยามตามมาตรา ๑(๖) วาหมายความวา “ทําการประทุษรายแกกายหรือจิตใจของบุคคลไมวาจะทําดวยใชแรงกายภาพ หรอื ดว ยวธิ อี น่ื ใด และใหห มายความรวมถงึ การกระทาํ ใดๆ ซงึ่ เปน เหตใุ หบ คุ คลหนงึ่ บคุ คลใดอยใู นภาวะ ที่ไมสามารถขัดขืนได ไมวาจะโดยใชยาทําใหมึนเมาสะกดจิตหรือใชวิธีอ่ืนใดอันคลายคลึงกัน” จึงเห็นไดวาการใชกําลังทํารายมีความหมายท่ีแคบกวาการทํารายตามมาตรา ๒๙๕ โดยจํากัดไว เฉพาะการทํารายท่ีใชกําลังเทาน้ัน และการที่กฎหมายใชคําวาใชกําลังทํารายโดยไมใชคําวาใชกําลัง ประทษุ รา ยจงึ แสดงวา จะนาํ คํานิยามตามมาตรา ๑(๖) มาใชก บั คาํ วา ใชกาํ ลังทาํ รา ยไมไ ด การทํารายโดยใชกําลัง หมายถึง การกระทําโดยใชแรงกายภาพเทาน้ัน และไมรวมถึง การกระทําใดๆ ซ่ึงเปนเหตุใหผูอื่นอยูในภาวะที่ไมสามารถขัดขืนได ไมวาจะโดยใชยาทําใหมึนเมา สะกดจิตหรอื ใชว ิธอี ืน่ ใดอันคลายคลงึ กัน Í·Ø ÒËó ®Õ¡Ò·èÕ öð÷/òôøõ การเอายาพิษปนในอาหารแลวเอาไปใหผูเสียหายรับประทาน จนมีอาการมนึ เมาอาจเปน ความผิดฐานทาํ รายรางกายได แตยังไมเปนการใชกาํ ลังทํารา ย ศาลฎีกาไดวินิจฉัยไวในคําพิพากษาฎีกาท่ี ๖๓๔/๒๔๘๖ วา “คําวาใชกําลังในที่นี้ หมายความวาทําการเคลื่อนไหวรางกาย” ดังน้ัน จึงสรุปไดวา การทํารายดวยวิธีการอันใดก็ตาม ทีต่ องการมกี ารเคลอื่ นไหวแหงรางกายเขา ทาํ รายแลว ยอ มเปน การใชก ําลังทาํ รา ยทง้ั สิน้ เชน ชก เตะ ถีบ ตดี วยไม ใชมอื ตบ ใชมีดดาบแทง เปน ตน (ñ) ®Õ¡Ò·Õè ñôñö/òô÷ù การเอาอุจจาระเทรดจากท่ีสูงโดยเจตนาจะใหถูกเขา ซ่ึงเดินและอุจจาระไดถูกเขาเปรอะเปอนต้ังแตศีรษะจนถึงเทา เปนการใชกําลังกระทําแกผูอ่ืน ไมถ ึงบาดเจ็บตามกฎหมายลกั ษณะอาญามาตรา ๓๓๘(๓) (ป.อ.มาตรา ๓๙๑)
๕๐๖ (ò) ®Õ¡Ò·èÕ öóô/òôøö จาํ เลยถา ยปส สาวะรดผเู สยี หายเปน การใชก าํ ลงั อยา งหนงึ่ จาํ เลยจงึ มีความผดิ ตามมาตรา ๓๓๘(๓) (ป.อ.มาตรา ๓๙๑) (ó) ®Õ¡Ò·èÕ òñùù/òõñù จําเลยใชกําลังจับมือผูตายใหลุกข้ึน โดยผูตายไมสมัครใจ เม่ือผูตายบอกวาจะไปสวมเส้ือกอน จําเลยจึงปลอยถือไดวาเปนการใชกําลังทํารายเปนความผิด ตาม ป.อ. มาตรา ๓๙๑ การกระทาํ ทม่ี ิไดมีการเคล่ือนไหวแหง รางกาย ยงั ถือไมไดวา เปนการใชก าํ ลังทําราย Í·Ø ÒËó ®¡Õ Ò·Õè òõøô/òõòò การที่จําเลยเพียงแตจับแขนโจทกซึ่งวางที่ประตูรถยนต มิได ดึงกระชาก ไมเปนการใชกําลังทํารายโจทกโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกายหรือจิตใจ ตามมาตรา ๓๙๑ ò. ¼ÙŒÍè¹× หมายถึง เปนการใชก าํ ลังทาํ รา ยผูอ ่นื มใิ ชก ระทําตอ ตนเอง ó. â´ÂäÁ‹¶Ö§¡Ñºà»š¹àËμØãËŒà¡Ô´ÍѹμÃÒÂá¡‹¡ÒÂËÃ×ͨÔμ㨠หมายถึง การใชกําลัง ดงั กลา ว ไมเปน เหตใุ หเกิดอนั ตรายแกกายหรอื จิตใจของผทู ี่ถกู ใชกาํ ลังทําราย ÍØ·ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·Õè öøø/òõð÷ ใชเ ทา เตะและถบี ผเู สยี หายมบี าดแผลทดี่ ง้ั จมกู ถลอกเลก็ นอ ย เทาเมล็ดขาวเปลือก หางคิ้วซายถลอกเล็กนอยและท่ีใบหูขวาชํ้าเล็กนอย รักษา ๒ วันหาย เรียกวา ยังไมถ ึงขน้ั เกดิ อนั ตรายแกก ายหรือจติ ใจ (ò) ®¡Õ Ò·èÕ øøù/òõð÷ ใชมีดดาบแทงทํารายถูกชายโครงมีรอยช้ําแดงโตกลม ครึ่งเซนติเมตร รักษาประมาณ ๕ วันหาย ยังถือไมไดวาเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย จึงผิด ตามมาตรา ๓๙๑ (ó) ®¡Õ Ò·Õè ôó÷/òõñõ ผูเสียหายถูกจําเลยเตะทั้งรองเทา มีบาดแผลเปนรอยชํ้า บวมท่ีหนา ผาก เบาตาช้ําบวมเขียว ตาขวามีรอยช้ําเลือด ริมฝปากลางแตก รอยชํ้าบวมที่ปลายคาง หัวเขาบวมเล็กนอย มีรอยถลอกเลือดออกซ่ึงบาดแผลทั้งหมดควรจะหายภายใน ๗ วัน เชนน้ีถือวา เกดิ อนั ตรายแกกายแลว (ô) ®¡Õ Ò·èÕ ôùô÷/òõóñ ผูเสียหายไดรับบาดแผลฟกชํ้าที่หนาดานซายเพียง แหงเดียว แพทยลงความเห็นวารักษาประมาณ ๗ วัน ตามรายงานผลการตรวจบาดแผลทายฟอง โจทกไมไดนําสืบ แพทยผูตรวจชันสูตรบาดแผลของผูเสียหายท่ีไดรับบาดเจ็บจากการถูกทําราย มากกวาน้ี จึงยังฟงไมไดวาผูเสียหายถูกทํารายจนเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกายหรือจิตใจตาม ป.อ. มาตรา ๒๙๕ คงเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๑ เทานน้ั (õ) ®Õ¡Ò·Õè ùõ/òõóò จาํ เลยทงั้ สองทราบดวี า ส. กบั ผตู ายมสี าเหตโุ กรธเคอื งกนั มากอ น วันเกิดเหตุจําเลยทั้งสองกับ ส. เดินไปพบผูตายกับพวก ส. ชักมีดปลายแหลมไลแทงทํารายผูตาย จาํ เลยท้งั สองไดว่ิงตาม ส.เขา ไปดว ย เมอื่ ส. แทงผตู ายแลว จาํ เลยทั้งสองไดช ว ยกัน กระทบื ผตู ายซา้ํ
๕๐๗ แลวจําเลยท้ังสองกับ ส. ก็ไดห ลบหนีไปดวยกัน แสดงใหเห็นเจตนาของจาํ เลยกับพวกที่จะรว มกนั แทง ทํารายผูตายมาแตตน แมจําเลยทั้งสองจะไมไดแทงผูตาย เพียงแตกระทืบผูตาย อันเปนการทําราย ผูอ่ืน โดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกายหรือจิตใจก็ตาม เม่ือการตายของผูตายเกิดจาก การแทงทํารายของพวกจําเลยก็ยอมถือวาจําเลยทั้งสองเปนตัวการในความผิดฐานรวมกันฆาผูอื่น โดยเจตนาดวย (ö) ®Õ¡Ò·èÕ óùñó/òõóô ขณะเกิดเหตุคนท่ีมาในงานเล้ียงโกรธผูตายท่ียิงปน จึงตางคนตางทํารายผูตาย จําเลยเขาไปเตะและกระทืบผูตาย มิไดใชอาวุธทํารายรางกายผูตาย จําเลยไดกระทําไปตามลําพังมิไดรวมหรือสมคบกับผูอ่ืน ปรากฏจากบาดแผลของผูตายตามรายงาน การชันสูตรพลิกศพวา ท่ีเหนือคิ้วขวามีรอยถูกของแข็งตีเปนบาดแผลยาว ๑ น้ิว ตรงกลางหนาผาก ถูกของแขง็ ยาว ๕ นิ้วเศษ ยบุ ลกึ ลงไป ๑ น้วิ ใตตาขวาถกู ของแขง็ ตแี ตกยาว ๑ นวิ้ บาดแผลแตละ แหง เกิดจากการถูกตดี ว ยความแรงจนกะโหลกศีรษะยุบและแตกเปนช้ิน รางกายสวนอื่นไมม ีบาดแผล เหตุที่ตาย เน่ืองจากผูตายถูกตีดวยของแข็งอยางแรงหลายที เปนเหตุใหกะโหลกศีรษะแตกและยุบ สมองไดรับความกระทบกระเทือนอยางแรงผูตายถึงแกความตายทันที ยอมแสดงใหเห็นชัดวาท่ี จําเลยเตะและกระทืบผูตายมิไดเปนเหตุใหผูตายไดรับบาดแผลดังกลาว ท้ังรางกายสวนอื่นนอกจาก บาดแผลน้ัน ก็ไมป รากฏวา มีบาดแผลหรือรอยฟกชํ้าอนื่ ใดอีก ดงั น้ี ยังถือไมไดว า จําเลยรว มกระทําผิด กับผูอื่นโดยมีเจตนาฆาผูตาย การกระทําของจําเลยจึงเปนเพียงการใชกําลังทํารายผูอื่นโดยไมถึงกับ เปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย อันเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๑ ความตายของผูตายมิใชผล โดยตรงทเี่ กิดจากการกระทําของจําเลย จําเลยจึงไมต องรับผิด (÷) ®¡Õ Ò·Õè óóð/òõóõ ผลการชันสูตรบาดแผลของแพทยมีความเห็นวา มีรอยบวม เล็กนอยท่ีขมับดานซายบาดแผลรักษาหายภายใน ๓ วัน เปนความผิดฐานทํารายรางกายตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๑ (ø) ®Õ¡Ò·èÕ ñõøó/òõóõ ป. พวกของจําเลยไมพอใจผูเสียหายเพราะ ป. ขับขี่ จักรยานยนตเฉ่ยี วผูเ สียหาย ผูเสียหายยกศอกขึน้ กนั แตไปถูกศีรษะ ป. สาเหตดุ งั กลาวเปนเหตเุ พยี ง เล็กนอ ยไมทําให ป. กบั พวกโกรธแคน ถึงกับจะตองฆาผเู สยี หาย เม่ือ ป. และจาํ เลยพบกับผเู สยี หาย ป. ไดพ ดู จาโตเ ถยี งแลว พวกของ ป. ชกผูเ สยี หาย ห. ใชมดี ปลายแหลมแทงผเู สยี หาย จาํ เลยกบั พวก ที่เหลือเขามารุมตอย แสดงวาพวก ป. มีความโกรธเกิดข้ึนในปจจุบันทันที ทั้งไมปรากฏวาไดสมคบ กันมากอน ตางคนตางมีเจตนาทํารายรางกายผูเสียหาย ดังนั้นแตละคนจึงมีความผิดตามผล ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการกระทาํ ของแตล ะคนเมอ่ื จาํ เลยเพยี งแตช กตอ ยผเู สยี หาย แตผ เู สยี หายไมม แี ผลฟกชา้ํ ซึ่งแสดงวาถูกตอย จําเลยจึงมีความผิดฐานทํารายผูอื่นโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย หรอื จิตใจ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๑
๕๐๘ Í·Ø ÒËó¢ ͧÍѹμÃÒÂᡨ‹ μÔ ã¨ (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ ñóùù/òõðø ถูกชกตีไมปรากฏบาดแผลเปนอันตรายแกกาย แลวถูกพาตัวไปคุมขังไวใตถุนสถานีตํารวจแตเดียวดายไกลหูไกลตาผูตองหาดวยกัน เชนนี้ไมเปน อนั ตรายแกจ ิตใจ (ò) ®¡Õ Ò·èÕ ò÷ó/òõðù การใชเ ทา เงอ้ื จะถบี ไมเ ปน อนั ตรายตอ จติ ใจ เพราะอนั ตราย ตอจติ ใจน้ันตองเปนผลจากการทําราย ความรูส กึ วา ถกู เหยียดหยามเจบ็ ใจแคน ใจ เหลานีเ้ ปนอารมณ หาใชเ ปน อนั ตรายตอ จติ ใจไม à¨μ¹Ò ผกู ระทําตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ องคประกอบภายในของความผิดมาตรานี้คือ เจตนาทําราย ศาลฎีกาวินิจฉัยใน คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๑๙/๒๕๑๗ วา “การใชกําลังยอมแสดงอยูในตัววาตองมีเจตนา ประกอบกับ คาํ วา ทาํ รา ย เปน การชดั แจง วา ตอ งมเี จตนากระทาํ ตอ รา งกายและจติ ใจของผอู นื่ คอื ตอ งมเี จตนาทาํ รา ย เมอ่ื ขอ เทจ็ จรงิ ในคดนี ฟ้ี ง เปน ยตุ ไิ ดว า จาํ เลยใชก าํ ลงั ผลกั อกผเู สยี หายมใิ หผ เู สยี หายขนึ้ ไปบนอฒั จนั ทร โดยจําเลยไมมเี จตนาทาํ ราย การกระทําของจาํ เลยจงึ ไมเ ปน ความผิด” ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè ùô÷/òô÷ñ จําเลยเปนครูใหญโรงเรียนประชาบาล ไดรับรายงานจากครู ประจําช้ันวามีเด็กนักเรียนเกียจคราน ๖ คน ซึ่งลวนแตเปนเด็กดื้อสั่งสอนยากและถูกครูลงโทษ มาหลายครง้ั แลว จาํ เลยจงึ เรยี กตวั เดก็ ทงั้ ๖ มาสง่ั สอนและลงโทษเฆยี่ นดว ยไมเ รยี วคนละ ๔ ที เปน การ ทําโทษในฐานครูกับศิษยโดยเจตนาดีพอสมควรแกเหตุ และจําเลยก็มิไดมีความลําเอียงแกลงลงโทษ เดก็ คนใดใหไ ดร ับบาดเจบ็ เปนพิเศษกวาคนอื่น จาํ เลยจงึ ไมมีความผิด ปญหาที่นาสนใจเกี่ยวกับมาตราน้ีประการหนึ่งคือ การทํารายอันเกิดจากมูลวิวาท โดยตางฝายตางใชกําลังทํารายกัน จะถือวาเปนความผิดตามมาตราน้ีหรือไม แตเดิมมาศาลฎีกาได วางหลักของกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๓๘(๓) วาแมจะเปนเร่ืองวิวาทกัน จําเลยก็มีความผิด เพราะไมมีกฎหมายหามไมใหคูวิวาทฝายท่ีบาดเจ็บฟองอีกฝายหนึ่ง (ฎีกาท่ี ๕๙๙, ๖๐๐/๒๔๖๙) และไดยึดหลักน้ีตลอดมา (ฎีกาที่ ๓๓๙/๒๔๗๐, ฎีกาที่ ๓๙๖/๒๔๗๐, ฎีกาท่ี ๔๐๗/๒๔๗๖, ฎกี าท่ี ๓๐๖/๒๔๗๗) จนถงึ พ.ศ.๒๔๗๘ กเ็ รม่ิ วางหลกั ใหมว า การทาํ รา ยกนั เกดิ จากการววิ าทจงึ เปน การ ทตี่ า งฝา ยตา งสมคั รใจ เขา ทาํ รา ยซงึ่ กนั และกนั ไมพ งึ ฟง วา ฝา ยใดบงั อาจ (ฎกี าท่ี ๙๗๒/๒๔๗๘) และได เดนิ ตามแนวนมี้ าจนถงึ พ.ศ.๒๕๐๐ (ฎกี าท่ี ๑๑๒๐/๒๔๘๐, ฎกี าท่ี ๙๕๓/๒๔๘๔, ฎกี าที่ ๙๙๔/๒๔๘๗ และฎีกาที่ ๑๔๙๕/๒๕๐๐) ก็ไมปรากฏคําพิพากษาฎีกาในเรื่องน้ี อีกขอที่นาสังเกตวากฎหมาย ลกั ษณะอาญามาตรา ๓๓๘(๓) ไดใ ชค าํ วา “ผใู ดบงั อาจ” ซง่ึ ศาลฎกี าไดย ดึ เปน หลกั อธบิ ายวา การสมคั รใจ วิวาททํารายกันจึงไมเปนความผิด เพราะไมอาจฟงไดวาฝายใดบังอาจ ดังนั้นแมกระท่ังพนักงาน อยั การกไ็ มอ าจเปน โจทกฟ อ งได ในขณะเดยี วกนั กฎหมายลกั ษณะอาญามาตรา ๒๕๔ ซงึ่ เปน ความผดิ ฐานทํารายรางกายไมปรากฏวามีคําวาบังอาจอยูในตัวบท ดังน้ันการทํารายรางกายถึงบาดเจ็บ
๕๐๙ อนั เกดิ จากการววิ าทจงึ เปน ความผดิ (ฎกี าที่ ๓๖๕/๒๔๗๒, ฎกี าที่ ๒๒/๒๔๗๕) เมอ่ื พเิ คราะหข อ ความ ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๙๑ แลว ไมป รากฏวา มคี าํ วา “บงั อาจ” เชน กฎหมายลกั ษณะอาญา ดังน้ันจึงเห็นวาการใชกําลังทํารายซ่ึงกันและกันในการวิวาทตอสูโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตราย แกกายหรือจิตใจจึงเปนความผิดตามมาตรานี้ ®Õ¡Ò·Õè óõùò/òõôõ จําเลยจับขอมือของโจทกยกขึ้นพรอมกับพูดวาโจทกไมมีสิทธิ เก็บคาเชา เมอื่ เจาพนกั งานตาํ รวจเขา มาจําเลยกป็ ลอ ยมอื โจทก โดยใชเ วลาจบั มือของโจทกไวไ มเกิน ๑ นาที เจตนาอันแทจริงของจําเลยในการจับมือโจทกยกข้ึนก็เพื่อใหเจาพนักงานตํารวจเห็นวาโจทก ไดร บั เงนิ คา เชา บา นไวโ ดยไมม สี ทิ ธจิ ะรบั เทา นนั้ หาไดม เี จตนาจะทาํ รา ยโจทกใ หไ ดร บั อนั ตรายแกก าย หรือจิตใจแตอยางใด จึงไมมีความผิดฐานทํารายรางกายผูอ่ืนโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแก กายหรือจติ ใจ ®¡Õ Ò·èÕ òøøø/òõô÷ การทํารายเพียงใดจะถือวาเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย หรอื จติ ใจนน้ั ตอ งพจิ ารณาถงึ การกระทาํ และบาดแผลทผี่ เู สยี หายไดร บั ประกอบกนั โจทกบ รรยายฟอ ง ในสวนน้ีวา จําเลยกับพวกที่หลบหนีรวมกันรัดคอและตัวผูเสียหายที่ ๑ และขวางชามกวยเตี๋ยวใส ผเู สยี หายที่ ๒ ถกู บรเิ วณหนา ผากและนา้ํ กว ยเตย๋ี วสาดถกู ใบหนา ผเู สยี หายที่ ๑ แลว ใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย เตะผูเสียหายท่ี ๒ ท่ีหนาอก ๑ คร้ัง เมื่อพิเคราะหรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย ผเู สยี หายท่ี ๑ มรี อยถลอกทแ่ี ขนยาว ๓ เซนตเิ มตร ๒ แผล รอยบวมแดงกลางหนา อก ๒ เซนตเิ มตร และ ขอบตาบนบวมทง้ั สองขา ง สว นผเู สยี หายที่ ๒ มบี าดแผลฉกี ขาดทหี่ นา ผากยาวประมาณ ๓ เซนตเิ มตร ๒ แผล และรอยบวมขนาดเสนผา ศูนยกลาง ๑ เซนตเิ มตร ทั้งแพทยลงความเหน็ วา ลกั ษณะบาดแผล ของผูเสียหายทั้งสองใชเวลารักษาประมาณ ๗ วัน ซ่ึงลักษณะของการกระทําและบาดแผลดังกลาว นับไดวาผูเสียหายไดรับอันตรายแกกายหรือจิตใจแลว จําเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๒๙๕ ประกอบมาตรา ๘๓ (¤) ทําã˼Œ ͌٠è×¹à¡Ô´¤ÇÒÁ¡ÅÑÇËÃ×ͤÇÒÁμ¡ã¨â´Â¡ÒâÙà‹ ¢çÞ ÁÒμÃÒ óùò ผใู ดทาํ ใหผ อู นื่ เกดิ ความกลวั หรอื ความตกใจโดยการขเู ขญ็ ตอ งระวางโทษ จาํ คุกไมเกินหนึง่ เดือน หรือปรับไมเ กนิ หน่งึ หมื่นบาทหรือทัง้ จําทั้งปรับ องคประกอบของความผิดมีดังน้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ทําใหผอู น่ื เกิดความกลวั หรือความตกใจ ๒. โดยการขเู ขญ็ ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คํา͸ºÔ Ò ñ. ทําãËŒ¼ÙŒÍè×¹à¡Ô´¤ÇÒÁ¡ÅÑÇËÃ×ͤÇÒÁμ¡ã¨ หมายถึง การขูเข็ญน้ันทําใหผูอื่นเกิด ความกลวั หรอื ความตกใจวา จะเกดิ ภยั อยางใดอยางหนึ่งขนึ้ กับตน เชน กลวั วา จะถูกฆา กลัววาจะถกู เสกหนงั เขา ทอง เปน ตน
๕๑๐ ò. â´Â¡Òâًà¢çÞ หมายถึง การแสดงวาจะทําใหเกิดภัยแกผูอ่ืนไมวาจะเกิดข้ึนใน ทันทีหรือในอนาคตก็ตาม การขูเข็ญทําใหผูอ่ืนกลัวหรือตกใจนั้นตองเปนการแสดงวาจะทําใหเกิดภัย แกเ ขา ไมใ ชภ ยั ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ หรอื เคราะหก รรม การขเู ขญ็ จะทาํ ดว ยคาํ พดู หรอื ดว ยการใช กาํ ลังกายหรืออาวุธก็ได และตองมีผลใหผ ทู ่ถี กู ขูเข็ญกลวั หรอื ตกใจ การกลาววาจาในลกั ษณะทาทายไมใ ชการขูเขญ็ Í·Ø ÒËó ®¡Õ Ò·Õè òùòö/òõòò กลา ววา “ฮากบั คงิ สกู นั ทถ่ี นน คงิ กบั ฮาตอ งตายกนั ไปขา งหนงึ่ ” เปนคําทา ไมใ ชขูเขญ็ ตามมาตรา ๓๙๒ (ฮา เปน สรรพนามแทนผพู ูด หรอื กู สวนคิงเปนสรรพนามแทน ผฟู ง หรอื มึง) เมื่อมีการขูเข็ญแลวขอเท็จจริงตองปรากฏตอไปดวยวา มีผลของการขูเข็ญเกิดข้ึนคือ ผูถกู ขูเ ข็ญไดเ กิดความกลัวหรอื ความตกใจขึ้น หากมเี พยี งการขเู ขญ็ โดยไมมีผลแลวยังไมเ ปน ความผิด ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·Õè ôð/òõðù จําเลยถือมีดตรงเขาจะแทงผูเสียหายซ่ึงยืนหางในระยะ ๑ วา ผูเ สียหายรอ งวา “ผมไมส ู” แลวโดดหนแี ละว่งิ หนขี น้ึ เรือนไดทัน กริ ยิ าอาการและคาํ พดู ของผูเสียหาย แสดงวา ผเู สยี หายกลวั ทจ่ี ะเกดิ ข้นึ แกตนแลว จึงเปนความผดิ ตามมาตรา ๓๙๒ การขูเข็ญที่ผูขูเข็ญไมสามารถทําใหผูถูกขูเข็ญไดรับภัยไดจริงตามท่ีขูเข็ญก็สามารถเปน ความผดิ ได ถาผถู กู ขเู กดิ ความกลวั ซึ่งเปน ผลของการขเู ขญ็ น้ันแลว ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè óó÷/òõñ÷ จําเลยถือปนพลาสติกมาขูเข็ญทําทาจะยิงผูเสียหาย ผูเสียหาย เขาใจวา เปน ปนจริงเกิดความกลวั ตกใจจนหนา ซีดขาว จาํ เลยตอ งมีความผดิ ตามมาตรา ๓๙๒ แตถ า ลงมอื ขเู ขญ็ แลว ไมเ กดิ ผล คอื ผถู กู ขไู มเ กดิ ความกลวั หรอื ตกใจ กเ็ ปน เพยี งความผดิ ขั้นพยายาม ซึ่งผกู ระทําไมตอ งรับโทษตาม ป.อ.มาตรา ๑๐๕ à¨μ¹Ò ความผิดตามมาตรานี้ ผูกระทําตองมีเจตนาในการกระทําความผิดตาม มาตรา ๕๙ ÍØ·ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ñññð/òõðø ผูเสียหายไปทวงเงินจําเลยและกลับไปแลว จําเลยโกรธ ผูเสียหาย จึงเดินดาผูเสียหายอยูบนบานของจําเลยวา “บักถวิล โคตรพอโคตรแมมึง มึงไมสํานึกวา มงึ จะตายโหงกมู ปี น อยู ๒ กระบอก กจู ะเอามงึ ใหต ายแนค ราวน”้ี โดยจาํ เลยไมร วู า ผเู สยี หายมาแอบฟง เชน นแ้ี สดงวา จาํ เลยบน ดา อยคู นเดยี วเพอ่ื ระบายอารมณท ไี่ มพ อใจ ไมม ลี กั ษณะทน่ี า กลวั หรอื ตกใจวา จาํ เลยจะยิงผูเสยี หายจรงิ จงั ดังที่พดู คาํ พูดของจําเลยไมเ ปนการขูเ ข็ญ ตาม ป.อ. มาตรา ๓๙๒ (ò) ®¡Õ Ò·èÕ ñù÷ò/òõóñ จําเลยกับพวกบุกรุกข้ึนไปบนบานซึ่งเปนเคหสถานที่ อยูอาศัยของผูเสียหาย โดยมีอาวุธปนติดตัวไปดวย และไดใชอาวุธปนยิงเพ่ือขูเข็ญใหผูเสียหาย กับพวก เกิดความกลัวจนผูเสียหายลงจากบานไป การกระทําของจําเลยเปนความผิดตอกฎหมาย หลายบทรวมท้ังผดิ ตามมาตรา ๓๙๒ ดวย
๕๑๑ (§) ¡ÃзíÒ´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ Íѹ໚¹¡ÒÃÃѧá¡ËÃ×Í¢‹Áà˧¼ÙŒÍ×è¹ã¹·ÕèÊÒ¸Òóʶҹ ËÃÍ× μÍ‹ ˹Ҍ ¸ÒáíÒ¹ÑÅ ÁÒμÃÒ óù÷ ผูใดกระทําดว ยประการใดๆ ตอผูอื่น อนั เปน การรังแก ขมเหง คุกคาม หรือกระทําใหไ ดรับความอบั อายหรอื เดอื ดรอนรําคาญ ตอ งระวางโทษปรับไมเ กินหา พนั บาท ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงเปนการกระทําในที่สาธารณสถานหรือตอหนา ธารกํานัล หรือเปนการกระทําอันมีลักษณะสอไปในทางท่ีจะลวงเกินทางเพศ ตองระวางโทษจําคุก ไมเกินหนงึ่ เดอื น หรือปรบั ไมเกินหนึ่งหมืน่ บาท หรือท้ังจําท้ังปรับ ถาการกระทําความผิดตามวรรคสองเปนการกระทําโดยอาศัยเหตุที่ผูกระทํามีอํานาจ เหนือผูถูกกระทํา อันเน่ืองจากความสัมพันธในฐานะที่เปนผูบังคับบัญชา นายจาง หรือผูมีอํานาจ เหนือประการอน่ื ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หนึ่งเดือนและปรับไมเกินหนง่ึ หมื่นบาท องคประกอบของความผดิ มดี งั นี้ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทาํ ดว ยประการใดๆ อนั เปน การรงั แกหรือขม เหงผูอืน่ หรอื กระทําใหผอู น่ื ไดรบั ความอับอายหรือเดือดรอนรําคาญ ๒. ในทสี่ าธารณสถานหรือตอ หนา ธารกํานัล ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ¡ÃÐทํา´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ Í¹Ñ à»š¹¡ÒÃÃ§Ñ á¡ËÃ×Í¢‹Áà˧¼ÙÍŒ ¹×è ËÃÍ× ¡ÃÐทาํ ã˼Œ ÙŒÍ×¹è ä´ŒÃѺ ¤ÇÒÁÍѺÍÒÂËÃ×Íà´Í× ´ÃŒÍ¹ราํ ¤ÒÞ การรังแก คอื การแกลงทาํ ความเดอื ดรอนใหแ กผูอื่น ขมเหง คือการใชกาํ ลงั รงั แก ตวั อยา งของการรงั แกหรอื ขม เหงไดแ ก เหน็ คนศรี ษะลา นใสว กิ เดนิ ผา นมากห็ ยบิ วกิ เปด ขนึ้ หรอื ทาํ ตนเปน นกั เลงโตเดนิ เขา ไปในรา นอาหาร แลว บอกใหผ ทู นี่ ง่ั อยกู อ นยา ยไปนงั่ โตะ อนื่ เพอื่ ตนจะ น่งั แทน เปนตน ทําใหไดรับความอับอายหรือเดือดรอนรําคาญ เชน พูดจาแทะโลมหญิงที่เดินผาน หรอื พดู จาหยาบคายไมส ภุ าพใหคนอืน่ เดอื ดรอนรําคาญ หรือเปดกระโปรงผูหญิง เปนตน Í·Ø ÒËó ®Õ¡Ò·Õè óøø/òõðõ จําเลยตะโกนกลาวตอผูเสียหายซึ่งหนาและตอหนาธารกํานัล ในเวลากลางคืนวา “อายช้ันมึงมีทนายมาหากูทางอาญาหรือ ลูกกระโปกกูไมหด ฯลฯ” เปนถอยคํา ที่หยาบคายไมสุภาพ แตไมมีขอความอันเปนการดูหมิ่นนายช้ันผูเสียหาย จึงไมเปนผิดฐานดูหมิ่น ซงึ่ หนา แตถ อ ยคาํ ทจ่ี าํ เลยกลา วประกอบกบั วธิ กี ลา วและเวลาทจ่ี าํ เลยกลา ว ทาํ ใหน ายชน้ั ผเู สยี หายไดร บั ความเดือดรอ น
๕๑๒ ò. ã¹·èÕÊÒ¸ÒóʶҹËÃ×ÍμÍ‹ ˹Ҍ ¸ÒÃกํา¹ÑÅ ในที่สาธารณสถาน มีความหมายตามมาตรา ๑(๓) เชน ถนนหนทาง โรงภาพยนตร สวนสาธารณะ ตอ หนา ธารกาํ นลั หมายถงึ กระทาํ ในลกั ษณะเปด เผยตอ หนา ประชาชน คอื เปน ลกั ษณะ ที่ประชาชนสามารถมองเห็นได แมจะเกิดในที่รโหฐานก็ตาม เชน ขมเหงรังแกผูอื่นอยูในหองนอน ของตน แตหนา ตางหองเปด คนเดินผานไปมาสามารถมองเขามาเห็นไดถ นดั à¨μ¹Ò ผกู ระทําตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ Í·Ø ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ñóùø/òõðö จาํ เลยดา ผอู น่ื ดว ยถอ ยคาํ หยาบคายซา้ํ ไปซา้ํ มาหลายครงั้ ที่หนา ประตบู านผูเสียหายในเวลากลางดกึ อันเปน เวลาหลับนอนของผเู สยี หายซึ่งอยใู นบาน ถือไดว า เปนการทําใหผูเสยี หายไดรับความเดือดรอนราํ คาญ การกระทาํ เชนน้จี ึงผิดมาตรา ๓๙๗ (ò) ®Õ¡Ò·èÕ ñùðø/òõñø ซอยในทด่ี นิ เอกชนซง่ึ แบง เชา ใหป ลกู บา น ประชาชนชอบ ที่จะเขา-ออกติดตอกันไดเปนสาธารณสถาน การเอารถยนตจอดขวางกั้นไมใหรถขางในออกจาก ซอยได ไมเ ปน ความผดิ ตามมาตรา ๓๑๐ แตก ารไมย อมถอยรถใหร ถขา งในออกไดเ ปน การรงั แกขม เหง ตามมาตรา ๓๙๗ (¨) ¡ÃÐทาํ ·ÒÃØ³μ‹Íà´ç¡ÍÒÂÂØ ѧäÁà‹ ¡Ô¹ÊÔºËÒŒ »‚ ¤¹»Ç† Â਺ç ËÃ×ͤ¹ªÃÒ ÁÒμÃÒ óùø ผูใดกระทําดวยประการใดๆ อันเปนการทารุณตอเด็กอายุยังไมเกิน สิบหาป คนปวยเจ็บหรือคนชราซึ่งตองพ่ึงผูนั้นในการดํารงชีพหรือการอื่นใด ตองระวางโทษจําคุก ไมเกนิ หน่ึงเดือนหรอื ปรับไมเกนิ หนง่ึ หมืน่ บาทหรือทง้ั จาํ ท้งั ปรับ องคประกอบของความผดิ มีดงั น้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทาํ ดว ยประการใดๆ อนั เปน การทารณุ ๒. ตอเด็กอายุยังไมเกินสิบหาป คนปวยเจ็บหรือคนชราซ่ึงตองพ่ึงผูน้ันในการดํารงชีพ หรือการอืน่ ใด ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คํา͸ԺÒ ñ. ¡ÃÐทํา´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ Íѹ໚¹¡Ò÷ÒÃØ³ หมายถึง กระทําโดยวิธีการใดๆ ก็ได อันเปน การกระทาํ อันโหดรายตอ ผูอื่น ทารุณ หมายถงึ หยาบชา รายกาจ ดรุ า ย หรอื โหดรา ย ò. μÍ‹ à´¡ç ÍÒÂÂØ §Ñ äÁà‹ ¡¹Ô ÊºÔ ËÒŒ »‚ ¤¹»Ç† Â਺ç ËÃÍ× ¤¹ªÃÒ«§èÖ μÍŒ §¾§Öè ¼¹ŒÙ ¹Ñé 㹡ÒÃดาํ çª¾Õ ËÃ×Í¡ÒÃ͹è× ã´ เชน ใหเด็กอายไุ มเกนิ ๑๕ ป อยูอยางอดๆ อยากๆ ลามโซไวในหอ งไมใ หอ อกไปไหน บังคับใหน่ังหอกระดาษทอฟฟทั้งวันไมมีเวลาพัก หรือใชคนชราหรือคนปวยทํางานแบกของหนักๆ โดยไมใหพ ักผอ น การเฆยี่ น ตี โบย เปนตน
๕๑๓ ซ่ึงตอ งพึง่ ผูน้นั ในการดํารงชีพหรอื ในทางอื่นใด หมายถึง เดก็ คนปวยเจบ็ หรอื คนชรา ดงั กลา วขา งตน เปน ผทู อี่ ยใู นฐานะตอ งอาศยั พง่ึ พาผกู ระทาํ นนั้ ในการดาํ รงชพี เชน ตอ งอาศยั ปจ จยั ๔ จากผกู ระทาํ อนั ไดแ ก อาหาร ทอ่ี ยอู าศยั เสอ้ื ผา ยารกั ษาโรค หรอื พงึ่ พาในการอนื่ ใด เชน ในการใหก าร ศกึ ษาเลา เรยี น ในการรักษาพยาบาล เปนตน à¨μ¹Ò ผกู ระทําตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÅËØâ·É͹×è æ ความผดิ ลหโุ ทษอ่ืนๆ ไดแก ความผิดเล็กๆ นอ ยๆ ๔ ฐานดว ยกนั คือ ๑. ปลอ ยปละละเลยใหบคุ คลวิกลจริตทคี่ วบคมุ ดูแลไวออกเท่ียวไปโดยลาํ พงั ๒. ไมช วยผูอน่ื ซ่ึงตกอยใู นภยนั ตรายแหงชีวิต ๓. กระทําการอันควรขายหนาตอหนาธารกํานัล ๔. ดหู มน่ิ ผูอ่ืนซ่ึงหนาหรอื ดวยการโฆษณา ความผิดท้งั ๔ ฐานน้ี ปรากฏอยูในมาตรา ๓๗๓, ๓๗๔, ๓๘๘ และ ๓๙๓ ซ่งึ มสี าระ สาํ คัญดังนี้ (¡) »ÅÍ‹ »ÅÐÅÐàÅÂã˺Œ ؤ¤ÅÇԡŨÃÔμ·¤Õè Ǻ¤ØÁ´áÙ ÅäÇŒÍÍ¡à·ÕÂè Çä»â´Âลํา¾Ñ§ ÁÒμÃÒ ó÷ó ผูใดควบคุมดูแลบุคคลวิกลจริตปลอยปละละเลยใหบุคคลวิกลจริตนั้น ออกเที่ยวไปโดยลําพัง ตองระวางโทษปรบั ไมเกินหา พนั บาท องคป ระกอบของความผิดมดี งั น้ี ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. เปน ผคู วบคุมดูแลบคุ คลวิกลจริต ๒. ปลอยปละละเลยใหบุคคลวิกลจริตนั้นออกเทยี่ วไปโดยลาํ พัง คาํ ͸ºÔ Ò ñ. ໹š ¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ´á٠źؤ¤ÅÇԡŨÃμÔ ผูกระทาํ ผิดตามมาตรานี้ไดตองเปน ผคู วบคุมดูแล บุคคลวกิ ลจรติ บุคคลวิกลจริต คอื ผูท ี่มจี รติ ไมป กติ ซง่ึ เม่ือพิจารณาตาม ป.อ.มาตรา ๖๕ แลว บุคคล วิกลจริตก็คือ ผูที่ไมสามารถรูผิดชอบหรือไมสามารถบังคับตนเองไดเพราะมีจิตบกพรอง โรคจิต หรือจิตฟนเฟอน ò. ¡ÒáÃÐทํา·èÕ໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´¤×Í¡ÒûŋÍ»ÅÐÅÐàÅ ไมใชความระมัดระวังในฐานะ ที่ตนเปนผูควบคุมดูแล จนกระท่ังบุคคลวิกลจริตนั้นออกเท่ียวไปโดยลําพัง ซึ่งการท่ีบุคคลวิกลจริต นั้นออกเท่ียวไปโดยขาดผูควบคุมดูแลนี้ อาจเปนเหตุใหบุคคลวิกลจริตนั้นไปทํารายหรือกอใหเกิด ความเสยี หายแกบ ุคคลอ่ืนหรอื กระทาํ การท่เี ปนอันตรายแกต นเองได
๕๑๔ (¢) äÁª‹ ‹Ç¼ÍÙŒ è×¹«Öè§μ¡Í‹ãÙ ¹ÀÂ¹Ñ μÃÒÂá˧‹ ªÕÇμÔ ÁÒμÃÒ ó÷ô ผูใดเห็นผูอ่ืนตกอยูในภยันตรายแหงชีวิต ซ่ึงตนอาจชวยไดโดยไมควร กลัวอันตรายแกตนเองหรือผูอื่น แตไมชวยตามความจําเปน ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหน่ึงเดือน หรือปรับไมเกินหนงึ่ หมน่ื บาทหรอื ทั้งจาํ ท้ังปรบั องคประกอบของความผดิ มีดังน้ี ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. เห็นผูอ่ืนตกอยูในอันตรายแหงชีวิต ซ่ึงตนอาจชวยไดโดยไมควรกลัวอันตราย แกต นเอง หรอื ผูอ นื่ ๒. ไมช วยตามความจําเปน ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ - à¨μ¹Ò คาํ ͸ºÔ Ò ñ. àËç¹¼ÙŒÍè×¹μ¡ÍÂÙ‹ã¹ÀÂѹμÃÒÂáË‹§ªÕÇÔμ «èÖ§μ¹ÍÒ¨ª‹ÇÂä´Œâ´ÂäÁ‹¤ÇáÅÑÇÍѹμÃÒ ᡋμ¹àͧËÃ×ͼٌÍè×¹ เห็นผูอ่ืนตกอยูในอันตรายแหงชีวิต ผูกระทําตอง “เห็น” วาผูอื่นกําลังไดรับภัย หรืออันตรายแหงชีวิตนอกจากเห็นแลวตองเขาใจขอเท็จจริงดวยวาบุคคลท่ีตนเห็นนั้นกําลังอยู ในภยันตรายถึงชีวิต คือความตายยังไมเกิดข้ึนแตใกลจะเกิดเทานั้น และตองเกิดแนถาไมไดรับ การชวยเหลอื เชน เห็นคนวา ยน้ําไมเปน กําลังจะจมนาํ้ ตาย เปนตน ซง่ึ ตนเองชว ยไดโ ดยไมค วรกลวั อนั ตรายแกต นหรอื ผอู น่ื หมายความวา ตอ งอยใู นฐานะท่ี อาจชว ยได ดงั นั้น ถา เห็นคนกําลงั จะจมนํ้าตายแตผูท เ่ี ห็นวา ยน้ําไมเ ปนเชนกัน หรอื กระแสน้ําพัดแรง จนกระทงั่ คนทวี่ า ยน้าํ เปนก็ชวยตนเองลาํ บากเชนกัน การทไ่ี มเขาไปชวยกไ็ มเปน ความผิด ò. μÒÁ¤ÇÒÁจาํ ໚¹ หมายถงึ ความชว ยเหลือท่ใี หก ็เพยี งเฉพาะเทา ท่ีจาํ เปนเทานนั้ คือ กระทําเทาท่ีจะทําใหผูที่ไดรับภัย รอดพนจากความตายเทาที่จะชวยไดโดยไมถึงกับทําใหผูชวยไดรับ อันตราย เมื่อไดช ว ยเหลอื เทา ทจี่ ําเปนแลวผทู ่ีไดรับภัยจะรอดชีวิตหรือไม ไมส าํ คัญ การทเ่ี หน็ แลว ไมช ว ยตามความจาํ เปน น้ี แสดงวา ผทู ลี่ ะเวน ไมช ว ยนน้ั มเี จตนาทจี่ ะไมช ว ย เจตนาจงึ เปนองคป ระกอบของความผดิ เจตนา ผกู ระทําตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ คอื ไมต อ งการจะชวย (¤) ¡ÃÐทํา¡ÒÃÍ¹Ñ ¤ÇâÒÂ˹Ҍ μ‹Í˹ŒÒ¸ÒÃกํา¹ÅÑ ÁÒμÃÒ óøø ผูใดกระทําการอันควรขายหนาตอหนาธารกํานัล โดยเปลือย หรือเปด เผยรางกาย หรอื กระทําการลามกอยางอ่นื ตองระวางโทษปรบั ไมเกนิ หา พันบาท องคประกอบของความผดิ มดี งั นี้
๕๑๕ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. กระทําการอันควรขายหนาโดยเปลือยรางกายหรือเปดเผยรางกายหรือกระทําการ ลามกอยา งอ่ืน ๒. ตอ หนาธารกํานัล ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ¡ÃÐทํา¡ÒÃÍѹ¤ÇâÒÂ˹ŒÒâ´Âà»Å×ÍÂËҧ¡ÒÂËÃ×Íà»´à¼ÂËҧ¡ÒÂËÃ×Í¡ÃÐทํา¡Òà ÅÒÁ¡Í‹ҧÍ×¹è การกระทําอันควรขายหนา หมายถึง การกระทําที่มีลักษณะเปนการกระทําที่กระทํา ไปแลวผูกระทําควรอับอาย คือบุคคลทั่วไปเห็นวาการกระทําน้ันเปนการกระทําที่นาอับอายขายหนา แตการกระทําท่ีควรอับอายน้ี ถาหากกระทําอยูตามลําพังไมมีผูใดพบเห็น เชน ในที่เปลี่ยว ที่มืด ในหองที่มดิ ชดิ ก็ไมถอื วาเปนการรบกวนความสงบหรือศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน กฎหมายถึงไมถอื เปนความผิด แตก ารกระทําอันควรขายหนา ตอ หนาธารกํานลั นั้นกถ็ อื เปนความผิดตามมาตราน้ี เชน ใสกางเกงช้นั ในตัวเดยี ว เดินไปมาตามถนนท้ังท่เี ปน หญงิ สาว โดยเปลอื ยรา งกายหรอื เปด เผยรา งกาย เชน แกผ า เดนิ ไปมาในตลาด เปด ของลบั ใหด หู นา โรงภาพยนตร เปน ตน การกระทําลามกอยางอื่น การกระทําลามกอยางอ่ืนนอกจากเปลือยกายหรือเปดเผย รางกาย เชน แสดงกิริยาทาทางลามก อาทิ แสดงทารวมประเวณีใหคนดูกลางตลาด ถอดกางเกง ยนื ปสสาวะตรงสแี่ ยกไฟแดง ทง้ั น้รี วมถงึ การกลา ววาจาลามกดวย การกระทําอันควรขายหนานี้ ตองกระทําโดยการ “เปลือย” หรือ “เปดเผยรางกาย” หรือ “กระทําการลามกอยางอื่น” การเปลือยหรือการเปดเผยรา งกายนี้ตองถึงขั้นท่ีบุคคลท่ัวไปถือวา ขายหนา ถึงแมวาผูกระทําถือเปนเร่ืองที่ไมตองอับอายก็เปนความผิด การเปลือยหรือการเปดเผย รา งกายนี้ ไมจ ําเปน ตอ งเปน รา งกายของตนเองกเ็ ปนความผิดได ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè ññ÷ó/òõðø เหตุเกิดในหองนอนมืด เพราะจําเลยตามไปพบจึงฉุดพามา หอ งจาํ เลย ระหวา งทางจาํ เลยใชก าํ ลงั แกผ า ภรรยาใหค นทง้ั หลายดู เพอ่ื จะใหภ รรยาไดร บั ความอบั อาย จาํ เลยมคี วามผิดฐานกระทําการอันควรขายหนาตอหนา ธารกํานัล การกระทําการลามกอยางอ่ืน ไมไดหมายความเฉพาะแตเร่ืองเกี่ยวกับรางกายเทาน้ัน แตหมายถงึ วาจาดว ย ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·èÕ ñðöù/òõðö จาํ เลยกลา วคาํ วา “เยด็ โคตรแมม งึ ” ตอ หนา หญงิ ชายราว ๕๐ คน จาํ เลยมคี วามผดิ ตาม ป.อ. มาตรา ๓๘๘
๕๑๖ การกลาววาจาท่ีเปนเพียงคําหยาบหรือคําดากัน แตยังไมถึงขั้นลามกอนาจารไมเปน ความผดิ ตามมาตราน้ี ÍØ·ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ø÷ò/òôöô จําเลยเรียกขุนโพชนวา “อายถมอายขุนโพชน” เปนเพียง คําดา มใิ ชเปน ลามกอนาจาร (ò) ®Õ¡Ò·èÕ õ/òô÷ô คําวา “อายชาติหมา” และ “ดอกทอง” น้ันเปนแตคําดากัน ไมใ ชเ ปน ถอ ยคําลามกอนาจาร ò. μÍ‹ ˹ŒÒ¸ÒÃกํา¹ÑÅ ธารกํานัล มีปรากฏอยูที่มาตรา ๒๘๑ อีกแหงหนึ่ง ซึ่งมีคําพิพากษาฎีกาอธิบาย ความหมายไวและนํามาใชก บั มาตรานีไ้ ด การกระทําตอหนาธารกํานัล คือ การกระทําในลักษณะที่เปดเผยใหบุคคลอ่ืนสามารถ เหน็ การกระทาํ น้ันได หรอื แสดงใหปรากฏแกประชาชนทัว่ ไป ไมจ าํ เปนตองเปน สาธารณสถานเทาน้ัน อาจกระทําอยูในบานแตผ คู นมองเขาไปเหน็ ไดโ ดยงายก็ได Í·Ø ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ñóø/òô÷ò สถานที่ที่จําเลยกระทําผิดเปนใตถุนเรือน แตไมมีส่ิงกําบัง อยูห า งทางหลวงประมาณ ๑๓ วา มีเรือนราษฎรอยูใ กลๆ หลายหลงั มองเหน็ กันไดท้งั ในขณะที่ทาํ ผิด ไดมพี ยานอยใู นทใ่ี กลๆ ถงึ ๔ คน และมีคนอยูบนเรอื นซ่งึ อาจมองเห็นไดอ กี นบั เปน สถานท่ีตอ หนา ธารกํานลั (ò) ®¡Õ Ò·Õè ñ÷ùô/òôùô ที่เกิดเหตุเปนถนนริมฝงคลองและเปนเวลากลางคืน มีเด็กชายคนหนึ่งเดินขางหนา เมื่อเห็นเขาเด็กชายน้ันว่ิงหนีไปและยังมีชายอีก ๒ คน ซ่ึงเดินอยู บนถนนชายคลอง อกี ฟากหนงึ่ พบเหน็ เขาถือวา เปน ความผิดท่ีไดก ระทําตอ หนาธารกาํ นลั ถา การกระทาํ นนั้ ไมมผี ใู ดเห็น ก็ไมถ อื วา เปน การกระทําตอ หนาธารกาํ นลั ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè ôð/òôöø ตรงท่เี กดิ เหตุเปนปาหางทางเดนิ ๑ เสน แตไมไดค วามวามีคนเห็น ในเวลาจําเลยกระทําความผิด แมหากวามีคนเดินตามทางจะเห็นไดก็ดี แตเมื่อไมมีคนเดินก็ถือไมได วา จําเลยกระทาํ ผิดตอหนา ธารกาํ นลั การกระทําตอหนาบุคคลอ่ืน ถาบุคคลน้ันไมเห็นการกระทําก็ไมเปนการกระทําตอหนา ธารกํานลั Í·Ø ÒËó ®¡Õ Ò·Õè ññ÷ó/òõðø เหตุเกิดในหอ งนอนมดื เพราะดับตะเกยี งแลวมเี ด็กหญิงคนหน่ึง นอนหลบั อยูข า งๆ และตื่นขนึ้ ภายหลังเมือ่ จาํ เลยกระทําเสรจ็ แลวไมเ ปนความผดิ ตอหนา ธารกํานัล ถา การกระทาํ นนั้ มลี กั ษณะทบ่ี คุ คลอน่ื ไมค วรเหน็ การกระทาํ นน้ั ได ถงึ แมว า จะมผี พู บเหน็ เขาก็ยงั ไมเ ปน การกระทําตอ หนา ธารกํานัล
๕๑๗ ÍØ·ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·Õè ôõ/òô÷÷ ผูเสียหายนอนอยูในหองที่ไมมีประตู จําเลยเขาไปปลุกปล้ํา ทาํ อนาจาร ผเู สยี หายจงึ รอ งเอะอะขนึ้ จนบดิ าจดุ ไฟเขา ไปพบ ยงั เรยี กไมไ ดว า กระทาํ ตอ หนา ธารกาํ นลั (ò) ®Õ¡Ò·èÕ ù÷ð/òô÷÷ จําเลยกระทําอนาจารหญิงซึ่งนอนอยูบนเตียงภายในบาน ของหญิงเวลากลางคืน หญิงรองขึ้นจําเลยก็ยังกอดหญิงไวเพื่อปองกันการถูกทํารายจนกระทั่งมีคน ไปพบเชนน้ี ยงั ถือไมไดว าเหตุเกิดตอ หนา ธารกํานัล (ó) ®Õ¡Ò·Õè ññóø/òô÷ù จาํ เลยขนึ้ ไปทาํ อนาจารหญงิ บนเรอื นของหญงิ เวลาพลบคาํ่ มเี ด็กหญงิ คนหน่ึงอยใู นหอ งเห็นการกระทาํ ของจาํ เลย ยงั ไมถอื วา เหตเุ กดิ ตอ หนา ธารกาํ นัล à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรานต้ี อ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ (§) ´ÙËÁ¹èÔ ¼ÙŒÍ¹è× «Ö§è ˹Ҍ ËÃÍ× ´ŒÇ¡ÒÃâ¦É³Ò ÁÒμÃÒ óùó ผูใดดูหมิ่นผูอ่ืนซ่ึงหนาหรือดวยการโฆษณา ตองระวางโทษจําคุกไมเกิน หนง่ึ เดอื น หรอื ปรบั ไมเกินหนึ่งหม่ืนบาทหรอื ท้งั จาํ ทัง้ ปรบั องคป ระกอบของความผิดมีดงั นี้ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ดหู มิ่นผูอ่ืน ๒. ซ่งึ หนา หรอื ดว ยการโฆษณา ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ - เจตนา คาํ ͸ԺÒ ñ. ´ËÙ Áè¹Ô ¼ÙŒÍè×¹ ดูหมิ่น หมายถึง การสบประมาทดูถูกเหยียดหยาม หรือดาทอใหไดรับความอับอาย เสียหาย ดังน้ันการกระทําใดๆ ก็ตามท่ีเปนการสบประมาทดูถูกเหยียดหยามจนเปนเหตุใหผูอื่นได รับความอับอายประการหนึ่ง หรือไดรับความเสียหายอีกประการหน่ึง จึงเปนการดูหม่ิน การดูถูก เหยียดหยามผูอ่ืนในลักษณะที่หยาบชาลามก จึงมักเขากรณีของการทําใหไดรับความอับอาย หากไมเ ขา ลกั ษณะหยาบชา ลามก แตเ ปน การทาํ ใหผ อู น่ื ไดร บั ความเสยี หายกเ็ ปน การดหู มน่ิ ไดเ ชน กนั Í·Ø ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·èÕ ñò÷ó/òô÷ó จําเลยดาโจทกวา “อายหนาดานเอาของเขาไปจริงแลว ยังไมรับ อายชาติหมาจะพลิกแผนดิน มึงไมรับ กูจะเอาเขาตะราง” แตโจทกก็ไมไดกลาวคําวา อายชาติหมาในฟอง จึงเหลือเปนปญหาคําวาอายหนาดาน เปนคําหมิ่นประมาทซ่ึงหนาหรือไม ตัดสินวาจําเลยดาโจทก วาอายหนาดานเชนน้ีโดยประสงคตั้งใจจะดูถูกโจทกวาเปนคนเสียหาย ยอ มเปน ความผดิ ฐานหมน่ิ ประมาทซึ่งหนา (ò) ®Õ¡Ò·èÕ ùñò/òô÷ö จําเลยหม่ินประมาทใสความนายอยู ครูโรงเรียนวา “หมาส่แี ม” (หมาเย็ดแม) ตอ หนาคนหลายคน จําเลยจงึ มีความผิดฐานหม่ินประมาทโดยการโฆษณา ตามกฎหมายลกั ษณะอาญา มาตรา ๓๓๙(๓)
๕๑๘ (ó) ®¡Õ Ò·èÕ ñññô/òô÷ù การกลาวคําดาดวยถอยคําวา “อีดอกทอง” เปนหม่ิน ประมาทซงึ่ หนา (ô) ®¡Õ Ò·Õè ôñó/òôøð จําเลยดาธรรมการอําเภอวา “อายธรรมการอําเภอหมาๆ แปลภาษาองั กฤษก็ไมไ ด” และวา “หมาเย็ดแม” หลายครง้ั จาํ เลยมคี วามผิดฐานหม่นิ ประมาทซงึ่ หนา (õ) ®¡Õ Ò·Õè óññ/òôùñ กลาววาจาวาผูท่ีเปนนายกเทศมนตรีตอหนาประชาชนวา “เปนสุนัขเปนลิงเอาสุนัขขึ้นน่ังแทนหางงอกแลว” ดังนี้ เปนความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๓๙(๓) (ö) ®Õ¡Ò·èÕ ò÷ò-ò÷ó/òõðõ จําเลยเปนชายพูดตอหนาผูเสียหายซึ่งเปนภริยา ผูใหญบา นวา “เมียผใู หญบานน้แี ตงตวั สวย นา อยากลํา่ เสียที” ซ่ึงหมายความวา ผูเ สียหายแตงตัวสวย อยากรวมประเวณีดว ย คําทจี่ าํ เลยกลา วและวธิ ที จ่ี าํ เลยกลา วฟง ไดว า เปนการดหู มิน่ ผูเสยี หายซง่ึ หนา (÷) ®Õ¡Ò·Õè òðøù/òõññ ถอ ยคาํ ทจ่ี าํ เลยดา วา “อหี มาไปควกั เอากระดกู พอ กระดกู แม มึงเจด็ ชวั่ โคตรมาสกู ับกูอีหนาหมู อหี นาหมา” เปนถอ ยคาํ ดูหมิน่ ซ่งึ หนา (ø) ®Õ¡Ò·Õè ôóù/òõñõ จําเลยรองดาผูเสียหายซ่ึงเปนหญิงสาวตอหนาคนเดินผาน ไปมาวา “ออกมาซิกูจะจับหีมึงใหมึงดู” และวา “มึงไปเลาใหมซิวากูจับหีมึง” ดังนี้เปนการดูหมิ่น ผูเสยี หาย ซ่ึงหนา ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๓ (ù) ®¡Õ Ò·Õè ôôõ/òõòò คาํ วา “ไอเ ห้ยี ไอส ัตว” เปน การดหู ม่นิ คํากลาวที่มีลักษณะหยาบคายซึ่งบุคคลทั่วไปไมพึงกลัว หรือเปนเพียงคําสาปแชง คําพูดประชดแดกดันหรอื ขม ขูย ังไมเปน การดหู ม่ิน ÍØ·ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·Õè óøø/òõðõ ถอ ยคาํ ทจี่ าํ เลยตะโกนกลา วตอ ผเู สยี หายซงึ่ หนา และตอ หนา ธารกํานลั ในเวลากลางคนื วา “อา ยชน้ั มงึ มีทนายมาหากทู างอาญาหรอื ลูกกระโปกกกู ไ็ มหด อา ยแจะ ลกู นางจักรหรอื จะหาอา ยแจะเปน อันธพาลก็เอาซโี วย อา ยแจะไมใชห ญาปากคอกของคนจะเอายังไร ก็เอาซีโวย” เปนขอความที่หยาบคายไมสุภาพ แตก็ไมมีขอความอันเปนการดูหมิ่นนายชั้นผูเสียหาย จึงไมเปนความผิดฐานดูหม่ินซึ่งหนาตามมาตรา ๓๙๓ แตถอยคําท่ีจําเลยกลาวประกอบกับวิธีกลาว และเวลาที่จําเลยกลาวทําใหนายช้ันผูเสียหายไดรับความเดือดรอนรําคาญ จึงเปนความผิดตาม มาตรา ๓๙๗ (ò) ®Õ¡Ò·èÕ ñ÷ö/òôöô จําเลยกลาววาโจทกวา “อีหนาเลือดไมปรานีแกคนจน” เปน เพียงถอยคําที่หยาบแตยังไมเ ปน เหตใุ หถึงแกจะตองรับโทษฐานหมิ่นประมาทซึง่ หนา (ó) ®¡Õ Ò·Õè ñòñ/òô÷ö จําเลยกับผูเสียหายอยูบานเดียวกัน จําเลยปดประตูตึงตัง ผูเสียหายจึงวาจําเลยไมมีมารยาท จําเลยจึงพูดตอบผูเสียหายซ่ึงเปนหญิงวา “กูไมไดขึ้นครอมมึงนี่” ถอ ยคาํ เชน นเี้ ปน คาํ ทจ่ี าํ เลยกลา วดว ยความแดกดนั และใชเ วลาทไ่ี มส ภุ าพ ยงั ไมค วรถอื วา เปน คาํ หยาบชา อนั เปน ความผดิ ตามกฎหมายลกั ษณะอาญามาตรา ๓๓๙(๒)
๕๑๙ (ô) ®Õ¡Ò·Õè ñôò/òô÷÷ ถอยคําท่ีวา “บักสี กูจะเตะปากมึงเดี๋ยวนี้” หาใชเปนการ ใสความหรือดูถกู ดาทอซ่งึ เปนการหมน่ิ ประมาทซงึ่ หนา ไม ถอยคําที่ตามปกติถือไดวาเปนเพียงไมสุภาพหรือหยาบคาย หากกลาวกับบุคคลทั่วไป แลว ไมถึงขนาดเปนการดูหมิ่นน้ัน ถานําไปกลาวกับผูท่ีอยูในฐานะท่ีควรไดรับการเคารพนับถือแลว กเ็ ปน การดูหม่ินได ®¡Õ Ò·Õè ÷õ÷ò/òõôò การที่จําเลยกลาวถอยคําตอโจทกรวมวา “มึงเขาไปในท่ีของกู ไดอยางไร กูจะแจงขอหาบุกรุกมึง มึงเปนผูใหญบานไดอยางไร ไมรูกฎหมายไมรูหนาที่ ไอหนาโง มึงตองเจอกับกูแนท่ีศาล” น้ันเห็นไดวาสรรพนามที่จําเลยใชแทนตัวจําเลยและโจทกรวมวา¡Ùและ ÁÖ§น้ันเปนเพียง¶ŒÍÂคําäÁ‹ÊØÀÒ¾ สวนถอยคําในทํานองวาโจทกรวมเปนผูใหญบานไมมีอํานาจหนาที่ ไมรูกฎหมายและจะฟองรองดําเนินคดีกับโจทกรวมน้ัน เปนเพียงเจตนาที่จะดําเนินคดีกับโจทกรวม เทานั้น ไมใชถอยคําท่ีดูถูกเหยียดหยามโจทกรวม แตท่ีจําเลยวาโจทกรวมวาä͌˹ŒÒâ§‹นั้น ถอยคํา ดังกลาวแสดงอยูในตัวถึงการดูหม่ินเหยียดหยามโจทกรวม แมจะเปนการกลาวถอยคําดูหมิ่น โจทกร ว มในขณะทจี่ าํ เลยและโจทกร ว มทะเลาะกนั กต็ อ งถอื วา จาํ เลยกลา วโดยมเี จตนาดหู มน่ิ โจทกร ว ม หาใชว า การกลา วในขณะทะเลาะกนั จะถอื วา จาํ เลยมไิ ดม เี จตนาดหู มน่ิ อนั จกั เปน การขาดองคป ระกอบ ความผิดไม ®Õ¡Ò·Õè òøö÷/òõô÷ คาํ วา “ดหู ม่นิ ” ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๓ ไมไดนยิ ามศพั ทไ วว า มีความหมายวาอยางไร แตตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอธิบายวา หมายถึง ดูถูก เหยียดหยาม ทําใหอับอายเปนที่เกลียดชังของประชาชน โดยถอยคําที่กลาวจะตองเปนการ เหยียดหยามผอู ่ืน หาใชตัวผกู ลาวเองไม คาํ วา “ประธานใชค รอู ยางข้ขี า” นั้น จําเลยมิไดเ หยียดหยาม ตวั ผเู สยี หายวา มสี ถานภาพอยา งขข้ี า หรอื ผรู บั ใช แตเ ปน การพดู ถงึ สถานภาพของครใู นโรงเรยี นรวมทงั้ จาํ เลยวา เปน ผรู บั ใชข องผเู สยี หาย เมอื่ คาํ วา “ขขี้ า ” ในทนี่ จี้ าํ เลยหมายถงึ ตวั จาํ เลยเองและครใู นโรงเรยี น ท่ีถูกผูเสียหายใชงาน มิใชหมายถึงตัวผูเสียหายซึ่งเปนผูใชงาน ถอยคําที่จําเลยกลาวจึงมิใชเปน การดหู มิ่นผูเสียหายซ่งึ หนา ตามความหมายใน ป.อ.มาตรา ๓๙๓ Í·Ø ÒËó (ñ) ®Õ¡Ò·Õè õôñ/òõðô ถอ ยคาํ ท่ีจาํ เลยกลา วตอ สามเณรสองรปู ซ่งึ หนา เพราะเหตทุ ่ี ใชไ ปขอเทยี นจากภกิ ษรุ ูปหนงึ่ ไมไ ดว า “ถาไมไปเดีย๋ วกเู ตะลงกฏุ ใิ หห มด” เปนถอยคําทจ่ี ําเลยกลา วแก สามเณรซ่ึงเปนบุคคลที่ประชาชนท่ัวไปถือวา ควรเคารพกวาบุคคลธรรมดา ฉะนั้น จึงไมแตเพียงจะ เปนถอยคําท่ไี มสภุ าพและขมขเู ทาน้นั หากเปนการดูหมิน่ ตามความหมายใน ป.อ.มาตรา ๓๙๓ ดว ย (ò) ®Õ¡Ò·Õè ñ÷öõ/òõðö การท่ีจําเลยกลาวแกพระภิกษุวา “ถาไมเห็นแกผาเหลือง หรอื ไมใชพ ระจะเตะใหตกกุฏหิ มดเลย” เปนความผดิ ฐานดหู มิ่นซง่ึ หนา การดูหม่ินน้ีมิใชจํากัดเฉพาะการกระทําดวยวาจาเทาน้ัน แตอาจกระทําดวยการแสดง กิริยาอาการก็ได
๕๒๐ ò. «Öè§Ë¹ŒÒËÃ×Í´ŒÇ¡ÒÃâ¦É³Ò ซงึ่ หนา หมายความวา ไมจ าํ เปน วา ผดู หู มน่ิ จะตอ งอยตู อ หนา ผถู กู ดหู มน่ิ ถา ไดค วามเพยี ง วา กลาวคาํ ดหู มน่ิ ใหผ ูถกู กลาวไดยนิ เทา นัน้ กถ็ ือวาเปน การกระทาํ ซึ่งหนา แลว การดหู มน่ิ ซงึ่ หนา นหี้ มายความวา ผถู กู ดหู มนิ่ ตอ งอยใู นทเี่ กดิ เหตุ และไดย นิ วาจาหรอื ได เหน็ กริ ยิ าดหู มนิ่ แตถ า การดหู มนิ่ นน้ั ไมส ามารถไปถงึ ผถู กู ดหู มน่ิ ไดโ ดยตรงทนั ที เพราะผถู กู ดหู มน่ิ ไมไ ด อยูในท่เี กดิ เหตุแลวก็ยงั ไมถ ือวา เปนการดหู มน่ิ ซ่งึ หนา Í·Ø ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ ñù/òô÷ö จําเลยกลาวคําหยาบดาผูเสียหายท่ีนอกถนนทางหลวง แตผูเสียหายอยูในหองไมเห็นตัวไดยินแตเสียง แตจําเลยรูแลววาผูเสียหายอยูในน้ันถือไดวาเทากับ ดา ตอหนา (ò) ®¡Õ Ò·èÕ øõö-øõ÷/òõðò เดินพนไปได ๓ วา แลวจึงดาก็เปนความผิดฐาน หมน่ิ ประมาทซงึ่ หนา เพราะความผดิ ฐานหมน่ิ ประมาทซงึ่ หนา นน้ั เพยี งแตก ลา วคาํ ดา ใหผ ถู กู ดา ไดย นิ เทาน้นั กเ็ ปนผิดแลว ไมจาํ ตอ งดา โดยหนั หนา หากัน จะดาอยูข างหลงั หรือขางไหนกไ็ มสําคัญ (ó) ®¡Õ Ò·èÕ ñ÷öõ/òõðö จําเลยลงบันไดกุฏิเดินไปราว ๙-๑๐ วา แลวพูดดูหมิ่น พระภิกษุ แมจะไมไดกลาวตอหนา แตพระภิกษุซึ่งถูกกลาวน้ันไดยินถอยคําซ่ึงจําเลยกลาว ยอมเปน ความผดิ ฐานดูหมิ่นซึง่ หนา ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๓ (ô) ®Õ¡Ò·Õè òõö/òõðù ความผดิ ฐานดหู มน่ิ นนั้ ถา เปน การกลา วดว ยวาจาตอ งเปน การ กลาวซ่งึ หนา คดนี โี้ จทกม ิไดอยูในที่เกิดเหตุ มใิ ชก ลาวซงึ่ หนาจึงไมเ ปน ความผิดฐานดูหม่ิน (õ) ®¡Õ Ò·Õè ññð/òõñö จําเลยมีจดหมายถึงโจทก แมขอความในจดหมายเปนการ ดูหม่ิน แตการท่ีจําเลยสงจดหมายไปถึงโจทกก็ตางวันเวลากัน จึงไมมีลักษณะเปนการดูหมิ่นซ่ึงหนา หรอื ดูหม่ินดวยการโฆษณา (ö) ®¡Õ Ò·Õè òñøð/òõóñ การทจ่ี ะเปน ความผดิ ฐานหมน่ิ ประมาทนนั้ จะตอ งเปน การ ใสความผูอื่นโดยยืนยันขอเท็จจริงที่ใสความน้ันตอบุคคลท่ีสาม และการใสความนั้นนาจะทําใหผูอื่น ท่ีถูกใสความเสียช่ือเสียง ถูกดูหม่ินหรือถูกเกลียดชัง ดังน้ัน การท่ีจําเลยถาม ป. วามีความสัมพันธ ทางชูสาวกับโจทกหรือไม จึงเปนเพียงการคาดคะเนของจําเลยเทาน้ัน มิใชเปนการยืนยันขอเท็จจริง อันนา จะทาํ ใหโ จทกเสยี ชอื่ เสียง ถกู ดูหม่นิ หรือถูกเกลียดชังแตป ระการใด จําเลยจึงไมมคี วามผดิ ฐาน หมน่ิ ประมาทและขอ เทจ็ จรงิ ไมป รากฏวา จาํ เลยกลา ววาจาตอ หนา โจทกจ งึ ไมใ ชเ ปน ดหู มน่ิ โจทกซ ง่ึ หนา จําเลยไมม ีความผิดฐานดูหมน่ิ ซงึ่ หนา การที่กฎหมายหามมิใหมีการดูหม่ินซ่ึงหนา นาจะเปนเพราะประสงคจะปองกันมิใหเกิด การทะเลาะวิวาทกัน การดูหมิ่นซึ่งหนาจึงนาจะตองเปนการดูหมิ่นในทันทีทันใด และในระยะท่ีอาจ เกิดการทะเลาะวิวาททํารายกันขึ้นได ฉะนั้น การเขียนจดหมายดาผูอื่นจึงไมเปนการดูหม่ินซึ่งหนา
๕๒๑ เวน แตจ ะยน่ื ใหอ า นตอ หนา เหตทุ ไี่ มเ ปน นน้ั นา จะอยทู ว่ี า เพราะจาํ เลยมไิ ดอ ยตู อ หนา หรอื ใกลผ เู สยี หาย ในขณะเกดิ เหตมุ ากกวา เพราะเวลาทเ่ี ขยี นจดหมายกบั เวลาทโ่ี จทกร บั จดหมายตา งกนั สมมตุ วิ า แทนที่ จําเลยจะสงจดหมายไปดาโจทก จําเลยโทรศัพทไปดาเชนนี้เวลาท่ีจําเลยดากับที่โจทกรับโทรศัพท คงไมต า งกนั แตถ า โจทกจ าํ เลยอยหู า งไกลกนั จนตอ งใชโ ทรศพั ทก น็ า จะไมเ ปน การดหู มน่ิ ซง่ึ หนา เชน กนั ความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหนานี้ ผูท่ีกระทําตองมีเจตนา ดังน้ัน ถึงแมวาจะมีการดูหม่ิน แตถาผดู หู มน่ิ ไมรวู า ผถู ูกดหู ม่นิ อยู “ซึ่งหนา ” แลว กย็ ังไมม ีความผดิ ÍØ·ÒËó ®Õ¡Ò·Õè òõù/òõñô จาํ เลยกลา วดหู มนิ่ ซง่ึ หนา ผเู สยี หายขณะทผี่ เู สยี หายอยหู า ง ๑๐ วา และจาํ เลยไมร วู า ผเู สยี หายแอบอยทู นี่ น่ั จาํ เลยยงั ไมม คี วามผดิ ฐานดหู มน่ิ ซง่ึ หนา ตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา ๓๙๓ โฆษณา สาํ หรบั การดหู มน่ิ ผอู นื่ ดว ยการโฆษณา ศาลฎกี าไดอ รรถาธบิ ายไวใ นคาํ พพิ ากษา ฎกี าที่ ๑๐๕๓/๒๕๐๗ วา คาํ วา “โฆษณา” ตามพจนานุกรมหมายความวา การปาวรอง จึงแสดงใหเห็น วาการดหู มิน่ ดว ยการโฆษณาตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๓ น้ี มีความหมายถึงการดหู มิ่นในลกั ษณะการใหรู กนั หลายๆ คนไมใชพดู กนั ตวั ตอตัว Í·Ø ÒËó (ñ) ®¡Õ Ò·èÕ óöô/òôøõ การสงคําดูหม่ินทางจดหมายโดยสงถึงบุคคลเฉพาะตัว ไมประสงคจะใหเปดเผย หาเปนดูหม่นิ ดว ยการโฆษณาไม (ò) ®¡Õ Ò·Õè ñðõó/òõð÷ จําเลยกลาวตอเด็กรับใชในบานผูเสียหายวา “ใหไปบอก อายเหี้ย อีเหี้ยนายของมึงสองคน อยามาวาอะไรกูมากนักประเด๋ียวกูทนไมไดจะเอาเร่ืองอีก” ดังนี้ เปนการส่ังฝากไปบอกผูเสียหายในลักษณะพูดกันตัวตอตัว โดยไมปรากฏวาจําเลยไดกลาวตอ บคุ คลอน่ื อกี จึงไมเปนการดหู มนิ่ ดว ยการโฆษณา (ó) ®Õ¡Ò·Õè ññðõ/òõñù บรรณาธกิ ารหนงั สอื พมิ พล งขอ ความวา ต.ตะโกนกลางตลาด วาจะถอดรองเทาตบหนา ส. เปน ขอ ความที่ทาํ ให ส. บงั เกิดความอับอายและเมือ่ ขอความดังกลาวน้ี จาํ เลยเปนผทู ําใหเ กิดขนึ้ ปรากฏแกค นทัง้ หลายในหนงั สอื พมิ พ จึงเปนการดหู มิน่ ส. ดว ยการโฆษณา การดหู มิน่ ดวยการโฆษณาตอ งมีลกั ษณะของการปาวรองใหค นหลายๆ คนรใู นบางกรณี การกลา วคาํ ดหู ม่ินตอ หนา คนเพยี ง ๒ คน กเ็ พียงพอทีจ่ ะถอื วา เปนการโฆษณาแลว ¤ÇÒÁáμ¡μ‹Ò§ÃÐËÇÒ‹ §¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹´ËÙ ÁÔ蹫֧è ˹ŒÒ¡ºÑ ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ËÁ¹Ôè »ÃÐÁÒ· ñ. ¡ÒôÙËÁÔè¹à»š¹àÃ×èͧ¢Í§¡ÒÃʺ»ÃÐÁÒ· ดูถูกเหยียดหยามหรือดาทอใหไดรับ ความอบั อายเสียหาย ซง่ึ หมายความวา ผดู ูหม่นิ ไดกระทําตอ ผูถูกดูหมน่ิ โดยตรงโดยดูถูกเหยยี ดหยาม หรือดาทอผูถูกดูหมิ่นใหอับอายหรือเสียหาย แตการหม่ินประมาทเปนเรื่องที่ผูกระทําไปใสความ ตอ บคุ คลทสี่ าม โดยประการทน่ี า จะทาํ ใหผ ถู กู ใสค วามเสยี ชอ่ื เสยี งหรอื ถกู บคุ คลทสี่ ามดหู มนิ่ เกลยี ดชงั การหมิ่นประมาทจึงตองมีบุคคลท่ีสามเขามาเก่ียวของดวย โดยเปนผูรับฟงหรือรับรูการใสความ ในขณะที่การดูหมนิ่ ซึ่งหนา เปน เรอ่ื งเฉพาะระหวา งผดู หู ม่ินกบั ผูถกู ดหู มน่ิ ท่อี ยตู อหนา กนั
๕๒๒ ò. ¡ÒôÙËÁèԹ໚¹¡Òôٶ١àËÂÕ´ËÂÒÁËÃ×Í´‹Ò·Íà¾×èÍãËŒÍÕ¡½†ÒÂ˹Öè§ÍѺÍÒ ËÃÍ× àÊÂÕ ËÒ ขอ ความทใ่ี ชด หู มนิ่ จงึ อาจเปน ไดท ง้ั การยนื ยนั ขอ เทจ็ จรงิ ทแ่ี นน อนหรอื ขอ ความหยาบชา ทใี่ ชด า ทอกนั และไมม ที างเปน ความจรงิ ไปได สว นการหมนิ่ ประมาทนนั้ ตอ งเปน การยนื ยนั ขอ เทจ็ จรงิ ท่ีแนนอนเทาน้นั เชน ดําดา แดงวา “ไอเห้ีย ไอสตั ว” เปน การใชคาํ ที่ใชใ นการดาทอกนั ไมม ีทางทีจ่ ะ เปน ไปไดวา แดงจะเปนเหีย้ เปนสตั วดังทด่ี าํ วา หรอื ดําดาแดงวา ไปชาํ เรากบั บคุ คลทว่ั ไปไมเ ลือกหนา เปนการยืนยันขอเท็จจริงท่ีแนนอนทําใหแดงอับอายเสียหาย ทั้งสองกรณีน้ีเปนการดูหม่ินซึ่งหนา แตถ า ดําดา แดงดงั กลา วขา งตน ตอ หนาขาว ในกรณีแรกดาํ ไมมผี ดิ ฐานหม่ินประมาท แตในกรณที ่ีสอง ดํามีความผิดฐานหม่ินประมาทดวยเพราะไปยืนยันขอเท็จจริงกับขาววา แดงเปนคนไมดีทําใหแดง เสยี ชอ่ื เสยี งและนา จะทาํ ใหข าวดหู มนิ่ แดง ดงั นนั้ จงึ สรปุ ไดว า การดหู มนิ่ ซง่ึ หนา ทกี่ ระทาํ ตอ หนา บคุ คล ท่ีสามน้ัน อาจเปนการหม่ินประมาทดวยหรือไมก็ได แตการใสความกันตอหนาผูถูกหมิ่นประมาท มักจะตองเปนการดูหม่ินซ่ึงหนาดวยเสมอ เปนการกระทํากรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐ ÍØ·ÒËó ®¡Õ Ò·Õè ôôõ/òõòò จําเลยดาผูเสียหายตอหนาบุคคลอ่ืนๆ วา “ไอเหี้ย ไอสัตว ไอทองสขุ โกงบานโกงเมือง” คาํ วา ไอเหยี้ ไอส ัตวเ ปน เพยี งการดหู ม่ินเหยยี ดหยาม แตคําวาไอท องสขุ โกงบา นโกงเมอื ง มคี วามหมายวา ผเู สยี หายซงึ่ เปน ขา ราชการปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ เบยี ดบงั ทรพั ยส นิ หรอื ยกประโยชนข องทางราชการมาเปนของตนหรอื ของผอู ืน่ โดยทุจริต จงึ เปน การหม่ินประมาท ó. ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ËÁÔè¹»ÃÐÁҷ໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´ÍѹÂÍÁ¤ÇÒÁä´Œ á실ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹´ÙËÁÔè¹ «è֧˹Ҍ ໹š ¤ÇÒÁ¼Ô´·ÕÂè ÍÁ¤ÇÒÁ¡Ñ¹äÁ‹ä´Œ à¨μ¹Ò ผูกระทาํ ความผดิ ตอ งมีเจตนาในการกระทําตามมาตรา ๕๙ ô. คํา¶ÒÁ·ÒŒ º·àÃÕ¹ ๑. ความผิดลหโุ ทษ ฐานความผิดใดตอ ไปนี้ ไมใ ชฐานความผดิ เก่ียวกบั เจา พนกั งาน ๒. นายเขียว เอาอจุ จาระ เท รด จากท่ีสงู โดยมีเจตนาใหถูกนายแดง เปรอะเปอ น ดงั น้ี นายเขียวจะมีความผดิ หรือไม
๕๒๓ àÍ¡ÊÒÃ͌ҧÍÔ§ เกยี รตขิ จร วจั นสวสั ด.์ิ (๒๕๕๑).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาค ๑ กรงุ เทพฯ:พลสยามพรน้ิ ตงิ้ . เกียรติขจร วัจนสวัสดิ์.(๒๕๕๐).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิด เลม ๑. กรงุ เทพฯ:หา งหนุ สวนจํากดั จริ ัชการการพิมพ. คณิต ณ นคร.(๒๕๔๗). กฎหมายอาญา ภาคทว่ั ไป. กรงุ เทพฯ:วิญูชน. ทวเี กยี รติ มนี ะกนษิ ฐ.(๒๕๕๓).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาคทวั่ ไป. กรงุ เทพฯ:วญิ ชู น. บญุ เพราะ แสงเทยี น.(๒๕๕๒).กฎหมายอาญา ๑ ภาคท่ัวไป.กรุงเทพฯ:บริษัทวิทยพัฒน จํากดั ประภาศน อวยชยั .(๒๕๒๖).ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๑. กรงุ เทพฯ:สาํ นกั อบรมศกึ ษา กฎหมายแหง เนติบณั ฑิตยสภา. วินยั เลศิ ประเสรฐิ .(๒๕๔๗).วิธีไลส ายกฎหมายอาญา เลม ๑.กรงุ เทพฯ:อินเตอรบ คุ ส. สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗.)หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บริษัทอมรินทร พร้ินต้ิงแอนดพับลชิ ชงิ่ . สุพจน นาถะพินธุ.(๒๕๓๓).ประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:สํานักพิมพรุงเรืองธรรม. สุวัฒน ศรีพงษสุวรรณ.(๒๕๔๙).คําอธิบายประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ: นติ บิ รรณาการ.
๕๒๔ จัดพมิ พโ ดย โรงพิมพตํารวจ ถ.เศรษฐศิริ ดุสติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศัพท ๐-๒๖๖๘-๒๘๑๑-๓ โทรสาร ๐-๒๒๔๑-๔๖๕๘
“เปนหลักประกันความยุติธรรมและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพยสินของประชาชนที่มีมาตรฐานสากล” พลตํารวจเอก จักรทิพย ชัยจินดา ผูบัญชาการตํารวจแหงชาติ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 538
Pages: