Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Book08_กฎหมายอาญา

Book08_กฎหมายอาญา

Published by thanatphat2606, 2020-04-14 00:47:30

Description: Book08_กฎหมายอาญา

Keywords: Book08_กฎหมายอาญา

Search

Read the Text Version

๒๘๘ ความหมายของการ “Á”Õ เครอ่ื งมอื หรอื วตั ถุ การ “ÁÕ” คงหมายถึงยึดถือหรือครอบครองอยางใดอยางหน่ึงก็ได เพียงแตชวยถือ กค็ งถือวา เปน การ “ÁÕ” เพราะ “ยึดถอื ” ไวแ ลว เพราะไมจ าํ ตองถึงขนาด “ครอบครอง” อยา งไรก็ตาม ก็อาจมีการครอบครองโดยผูอื่นยึดถือไว หากซื้อเครื่องมือปลอมแลว แตผูขายยังไมสงมอบ คงยัง ไมถือวาผูซื้อครอบครอง นอกจากผูซ้ือจะใหผูขายยึดถือไวให หากเปนเชนนี้ก็คงตองถือวาผูซื้อ ครอบครองแลว และเปนความผดิ ตามมาตรา ๒๖๙/๒ น้ี โดยถือวา เปนการ “Á”Õ แลว ®Õ¡Ò·Õè ñùöù/òõðõ การมีเคร่ืองมือปลอมเงินตราไวเพ่ือใชในการปลอมอันเปน ความผิดตามมาตรา ๒๔๖ ดังนี้ นายแดงนําเคร่ืองมือปลอมเงินตราไปทําการปลอมเงินตราที่บานนายดํา เพื่อทําให นายดําดู ศาลฎีกาวินิจฉัยวา นายดําไมใชตัวการในการปลอมเงินตรา (ปลอมเงินตราเปนความผิด ตามมาตรา ๒๔๐) ทง้ั นเี้ พราะนายดาํ มไิ ดร ว มในการทดลองดว ย อยา งไรกต็ ามนายดาํ ยอมใหใ ชส ถานที่ ภาชนะ เตาไฟเปน การใหค วามสะดวกในการทาํ ปลอมเงนิ ตรา นายดาํ จงึ มคี วามผดิ ฐานเปน ผสู นบั สนนุ ตามมาตรา ๘๖ แตการทนี่ ายแดงนาํ เคร่ืองมือปลอมเงนิ ตราไปทาํ ปลอมทีบ่ านนายดํา แตไมเหมือน ของจริง นายแดงจึง “½Ò¡” เครื่องมือนั้นไว วันรุงข้ึนจะมาทดลองทําใหดูใหม นายดํา “ÃѺ½Ò¡” เคร่ืองมือไว ศาลฎีกาวินิจฉัยวา นายดํา “ไดช่ือวามีเคร่ืองมือและเครื่องมือน้ีจะใชปลอมเงินตรา ทดลองอกี จงึ เปน การมเี ครอ่ื งมอื สาํ หรบั ปลอมเงนิ ตราเพอ่ื ใชใ นการปลอม...แลว ” นายดาํ มคี วามผดิ ตาม มาตรา ๒๔๖ ฐานÁàÕ ¤Ã×èͧÁÍ× สําËÃºÑ »ÅÍÁà§¹Ô μÃÒà¾èÍ× ãªãŒ ¹¡ÒûÅÍÁà§¹Ô μÃÒ คาํ พพิ ากษาฎกี าเรอื่ งนี้ คงเปน บรรทดั ฐานทจี่ ะใชก บั การมเี ครอื่ งมอื ปลอมบตั รอเิ ลก็ ทรอนกิ ส เพ่อื ใชใ นการปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกสต ามมาตรา ๒๖๙/๒ ไดเปนอยา งดี ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹ “นาํ à¢ÒŒ ã¹” ËÃÍ× “ʧ‹ Í͡仔 ¹Í¡ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ à «§èÖ ºμÑ ÃÍàÔ Å¡ç ·Ã͹¡Ô Ê» ÅÍÁ ËÃ×Íà¤Ãè×ͧÁ×ÍËÃ×ÍÇÑμ¶ØสําËÃѺ»ÅÍÁºÑμÃÍÔàÅç¡·Ã͹ԡʏ ËÃ×Íà¤Ã×èͧÁ×ÍËÃ×ÍÇÑμ¶ØสําËÃѺãˌ䴌¢ŒÍÁÙŠ㹡ÒûÅÍÁºμÑ ÃÍÔàÅ¡ç ·Ã͹ԡʏ ÁÒμÃÒ òöù/ó บัญญตั ิวา ผูใดนําเขาในหรือสงออกไปนอกราชอาณาจักร ซ่ึงสิ่งใดๆ ตามมาตรา ๒๖๙/๑ หรือ มาตรา ๒๖๙/๒ ตองระวางโทษจาํ คุกต้ังแตสามปถงึ สบิ ป และปรบั ต้งั แตห กหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ผใู ด (๒) นาํ เขา ใน หรือสง ออกไปนอกราชอาณาจักร (๓) ซึ่งสิ่งใดๆ ตามมาตรา ๒๖๙/๑ (บัตรอิเล็กทรอนิกสปลอม) หรือสิ่งใดๆ ตาม มาตรา ๒๖๙/๒ (เครอื่ งมอื หรือวัตถุสําหรบั ปลอมบตั รอิเล็กทรอนกิ ส หรอื เครื่องมอื หรือวัตถสุ าํ หรับ ใหไดขอ มูลในการปลอมบัตรอิเลก็ ทรอนิกส)

๒๘๙ ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนา ¢ŒÍÊѧà¡μ ราชอาณาจักรมีความหมายอยางเดียวกับมาตรา ๔ วรรคแรก ซ่ึงไมรวมถึง เรือไทยหรืออากาศยานไทยซึ่งอยูนอกราชอาณาจักร และไมรวมถึงสถานทูตไทยในตางประเทศดวย เพราะไมใชราชอาณาจกั ร μÇÑ ÍÂÒ‹ § นายจมิ คนองั กฤษปลอมบตั รเครดติ ของธนาคารของไทยแหง หนงึ่ ในประเทศไทย โดยทําการปลอมที่ประเทศอังกฤษ นายจิมมีความผิดตามมาตรา ๒๖๙/๑ เปนความผิดซ่ึงลงโทษ ในราชอาณาจกั รไดต ามมาตรา ๘(๒/๑) เพราะคนไทย (ธนาคารของไทย) เปนผูเ สยี หาย หากตอมาภายหลัง นายจิมมอบบัตรเครดิตปลอมใหแกนายแดงท่ีประเทศอังกฤษ เพอื่ ใหน าํ เขา มาในประเทศไทย นายแดงรบั ไวโ ดยรวู า เปน ของปลอม นายแดงผดิ มาตรา ๒๖๙/๔ (ฐานมไี ว เพอื่ ใช) ซง่ึ ลงโทษในประเทศไทยไดตามมาตรา ๘ (๒/๑) หากนายแดงนาํ บตั รเครดติ ปลอมขน้ึ อากาศยานไทยซงึ่ จอดอยทู ป่ี ระเทศองั กฤษ เพอ่ื เดนิ ทาง มาประเทศไทย หากอากาศยานยังอยูเหนือนานฟานอกราชอาณาจักร นายแดงผิดมาตรา ๒๖๙/๔ (ฐานมีไวเ พือ่ ใช) ซงึ่ ลงโทษในประเทศไทยไดต ามมาตรา ๔ วรรคสอง เพราะเปน การกระทําความผดิ ตามมาตรา ๒๖๙/๔ ในอากาศยานไทยซงึ่ อยนู อกราชอาณาจกั รมขี อ สงั เกตวา กรณตี ามมาตรา ๔ วรรคสอง ไมต อ งรองขอใหล งโทษ ซึง่ ตา งกับมาตรา ๘ (๒/๑) หากอากาศยานไทยลาํ นนั้ เขา มาในราชอาณาจกั รแลว นายแดงกผ็ ดิ ตามมาตรา ๒๖๙/๓ นี้ (นําเขาในราชอาณาจักร) โดยเปนการกระทําความผิดในราชอาณาจักรตามมาตรา ๔ วรรคแรก ซง่ึ ลงโทษในราชอาณาจกั รไดโดยไมต องมกี ารรอ งขอ ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ “㪌” ËÃ×Í “ÁÕäÇŒà¾×èÍ㪌” «§Öè ºμÑ ÃÍÔàÅç¡·Ã͹ԡʻ ÅÍÁ ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ “จํา˹ҋ ” ËÃ×Í “ÁÕäÇàŒ ¾Í×è จํา˹ҋ ” «èÖ§ºμÑ ÃÍàÔ Å¡ç ·Ã͹ԡʻ ÅÍÁ ÁÒμÃÒ òöù/ô บญั ญัติวา ผใู ดใชห รอื มไี วเ พอื่ ใชซ งึ่ สง่ิ ใดๆ ตามมาตรา ๒๖๙/๑ อนั ไดม าโดยรวู า เปน ของทที่ าํ ปลอม หรอื แปลงขน้ึ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตห นง่ึ ปถ งึ เจด็ ป หรอื ปรบั ตงั้ แตส องหมน่ื บาทถงึ หนง่ึ แสนสห่ี มนื่ บาท หรอื ทง้ั จําทั้งปรบั ผใู ดจาํ หนา ยหรอื มไี วเ พอ่ื จาํ หนา ยซง่ึ สงิ่ ใดๆ ทท่ี าํ ปลอมหรอื แปลงขนึ้ ตามมาตรา ๒๖๙/๑ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตห นงึ่ ปถ งึ สบิ ป หรอื ปรบั ตง้ั แตส องหมนื่ บาทถงึ สองแสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทงั้ ปรบั ถาผูกระทําความผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสองเปนผูปลอมซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส ตามมาตรา ๒๖๙/๑ ใหลงโทษตามมาตราน้ีแตก ระทงเดยี ว ความผิดฐาน “ใช” หรือ “มีไวเ พอ่ื ใช” ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ผใู ด (๒) ใช หรือมีไวเพือ่ ใช (เพอ่ื ใช คือ เจตนาพิเศษ)

๒๙๐ (๓) ซ่ึงส่งิ ใดๆ ตามมาตรา ๒๖๙/๑ (บัตรอิเลก็ ทรอนกิ สป ลอม) อนั ไดม าโดยรวู าเปน ของ ท่ที ําปลอมข้ึน ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนา (๒) เจตนาพเิ ศษ เพอ่ื ใช (มีไวเ พอื่ ใช) ความผดิ ฐาน “จําหนาย” หรือ “มไี วเพื่อจําหนา ย” ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ผูใด (๒) จาํ หนา ย หรอื มไี วเพือ่ จําหนาย (เพอ่ื จําหนาย คือ เจตนาพิเศษ) (๓) ซ่ึงส่งิ ใดๆ ตามมาตรา ๒๖๙/๑ (บัตรอเิ ลก็ ทรอนิกสป ลอม) ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนา (๒) เจตนาพิเศษ เพอื่ จาํ หนาย (มีไวเ พ่ือจาํ หนา ย) คํา͸ԺÒ ตามวรรคแรกเปนกรณกี าร “ใช” หรือ “มไี วเ พ่อื ใช” ซึง่ บัตรอเิ ลก็ ทรอนกิ สปลอม ซง่ึ ขณะ ไดม ารวู า เปน ของปลอม หากขณะไดม าไมร วู า เปน ของปลอม แตภ ายหลงั รวู า เปน ของปลอมแลว ยงั ขนื นาํ ออกใช หรอื ยงั ขนื มไี วเ พอื่ นาํ ออกมาใช การกระทาํ จะไมเ ปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๖๙/๔ วรรคแรก น้ี ขอใหเ ปรยี บเทยี บกบั มาตรา ๒๔๕ กรณไี ดม าซงึ่ เงินตราปลอมโดยขณะไดม าไมรูว าเปน ของปลอม แตตอมารูวาเปนของปลอม แตยังขืนนําออกใชซึ่งเปนความผิดตามมาตรา ๒๔๕ แตกรณีตาม มาตรา ๒๖๙/๔ นีก้ ารใชห รอื มีไวเ พือ่ ใชซึง่ บตั รอิเลก็ ทรอนิกสปลอม ¨Ð¼Ô´¡çμ‹ÍàÁ×èÍä´ÁŒ Òâ´ÂÃÙÇŒ Ò‹ ໹š ¢Í§»ÅÍÁà·‹Ò¹éѹ หากขณะไดมาไมรูแตตอมารูแลวยังนําออกใช หรือมีไวเพ่ือนําออกใชก็ไมผิด มาตรา ๒๖๙/๔ วรรคแรกน้ี จะถือวา ผดิ มาตรา ๒๖๙/๕ กค็ งไมได เพราะมาตรา ๒๖๙/๕ เปน เรอ่ื ง ใชบตั รอิเล็กทรอนิกส ของผูอื่นโดยมิชอบ ซึง่ บัตรทใ่ี ชน ัน้ เปน บัตรท่ีแทจรงิ ไมใ ชเรื่องการใชบ ัตรปลอม “จํา˹‹Ò” ตามวรรคสอง หมายความวา สงตอไปยังบุคคลอื่นจะโดยมีคาตอบแทน หรือไมก ไ็ ด กรณีตามวรรคสามบัญญัติเชนเดียวกับมาตรา ๒๖๘ วรรคสอง กลาวคือถาผูใช หรือ ผูจําหนายบัตรปลอมเปนผูปลอมบัตรนั้นก็ใหลงโทษฐานเปนผูใชหรือผูจําหนายตามมาตรา ๒๖๙/๔ นี้ แตเ พียงกระทงเดยี ว Á¢Õ ÍŒ 椄 à¡μÇÒ‹ หากการปลอมบตั รอเิ ลก็ ทรอนกิ สน นั้ ในตวั เอง เปน การปลอมเอกสารดว ย ผูปลอมบัตรกผ็ ิดมาตรา ๒๖๙/๑ และผิดมาตรา ๒๖๔ (หรอื ๒๖๕ หรือ ๒๖๖) ดวย เปนการกระทาํ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษ “บทหนัก” ตามมาตรา ๙๐ หากผูปลอมบัตรน้ันนําไปใช กผ็ ดิ ฐานใชม าตรา ๒๖๙/๔ วรรคแรก และผดิ ฐานใชเ อกสารปลอมตามมาตรา ๒๖๘ แตล งโทษฐาน “ใช” กระทงเดยี ว คอื ลงโทษตามมาตรา ๒๖๙/๔ วรรคแรก และลงโทษตามมาตรา ๒๖๘ เปน กรณกี รรมเดยี ว

๒๙๑ ผดิ กฎหมายหลายบท ใหล งโทษ “บทหนกั ” แตเ พยี งบทเดยี ว ซง่ึ กข็ น้ึ อยวู า โทษตามมาตรา ๒๖๙/๔ และ โทษตามมาตรา ๒๖๘ วรรคสอง บทใดจะหนกั กวากัน (โทษตามมาตรา ๒๖๘ เทากับโทษฐานปลอม ซง่ึ แลว แตเ อกสารท่ีปลอมวาเปน เอกสารตาม มาตรา ๒๖๔ หรือมาตรา ๒๖๕ หรอื มาตรา ๒๖๖) หากผูปลอมเปน “਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹” ผูมีหนาท่ี “ทําเอกสาร” น้ัน และเอกสารนั้นเปน บัตรอเิ ลก็ ทรอนิกส และเปนเอกสารราชการ เจา พนักงานมีความผดิ ดังน้ี (๑) ผดิ มาตรา ๑๖๑ (เจา พนักงานปลอมเอกสาร) (๒) ผิดมาตรา ๒๖๕ (ปลอมเอกสารราชการ) (๓) ผิดมาตรา ๒๖๙/๑ (ปลอมบตั รอิเล็กทรอนิกส) หากเจา พนกั งานนําเอกสารน้ันออก “ใช” เจา พนักงานมคี วามผดิ ดังน้ี (๑) ผิดมาตรา ๒๖๘ วรรคแรก ซ่งึ มาตรา ๒๖๘ วรรคสองใหลงโทษฐาน “ใช” แตเพียง กระทงเดียว โดยไมต องลงโทษฐาน “ปลอม” ตามมาตรา ๒๖๕ ดว ยอีกกระทงหน่ึง กลา วคือ ลงโทษ ตามมาตรา ๒๖๘ วรรคแรก ซงึ่ กรณนี ้ี คอื ลงโทษตามมาตรา ๒๖๕ เพราะเปน การปลอมเอกสารราชการ (๒) ผิดมาตรา ๒๖๙/๔ วรรคแรก ซึ่งมาตรา ๒๖๙/๔ วรรคสาม ใหลงโทษฐาน “ใช” ตามมาตรา ๒๖๙/๔ วรรคแรก แตเ พยี งกระทงเดยี ว โดยไมต อ งลงโทษฐาน “ปลอม” ตามมาตรา ๒๖๙/๑ ดวยอีกกระทงหนึ่ง กลาวคือลงโทษตามมาตรา ๒๖๙/๔ วรรคแรก ¢ÍŒ 椄 à¡μ ระหวา งมาตรา ๒๖๕ และมาตรา ๒๖๙/๔ วรรคแรก ถอื วา เปน เรอ่ื งกรรมเดยี ว ผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษ “บทหนกั ” ซงึ่ กค็ ือโทษตามมาตรา ๒๖๙/๔ วรรคแรก เพราะหนกั กวา โทษตามมาตรา ๒๖๕ ÍÂÒ‹ §äáμç ÒÁ เจา พนกั งานผกู ระทาํ การปลอมยงั ตอ งรบั โทษตามมาตรา ๑๖๑ ดว ย ซง่ึ โทษ ตามมาตรา ๑๖๑ ยงั คงมอี ยู มไิ ดถ กู เกลอ่ื นกลนื ไป เนอ่ื งจากมาตรา ๒๖๘ วรรคสอง เกลอ่ื นกลนื เฉพาะ การปลอมตามมาตรา ๒๖๔ มาตรา ๒๖๕ มาตรา ๒๖๖ หรือมาตรา ๒๖๗ เทา นั้น มไิ ดเกลอ่ื นกลนื การปลอมเอกสารตามมาตรา ๑๖๑ ดว ย มาตรา ๒๖๙/๔ วรรคสาม กเ็ ชน เดยี วกนั กลา วคอื เกลอ่ื นกลนื เฉพาะการปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกสตามมาตรา ๒๖๙/๑ เทานั้น มิไดเกลื่อนกลืนการปลอมเอกสาร ตามมาตรา ๑๖๑ ดว ย ในกรณีเชนนี้ เจาพนักงานจึงตองรับโทษตามมาตรา ๒๖๙/๔ และตองรับโทษตาม มาตรา ๑๖๑ ซึ่งระหวางมาตรา ๒๖๙/๔ และมาตรา ๑๖๑ นี้ หากถือวาเปน “หลายกรรมตางกัน” ตามมาตรา ๙๑ กล็ งโทษทั้งสองมาตรารวมกัน แตถาถือวา เปน “กรรมเดยี ว” ตามมาตรา ๙๐ ก็ลงโทษ บทหนกั เพยี งบทเดียว ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹ãªŒºÑμÃÍÔàÅç¡·Ã͹ԡʏ¢Í§¼ŒÍÙ ×è¹â´ÂÁԪͺ ÁÒμÃÒ òöù/õ บญั ญัตวิ า ผูใดใชบ ัตรอิเล็กทรอนิกสข องผูอ ื่นโดยมชิ อบ ในประการทีน่ าจะกอ ใหเกดิ ความเสียหาย แกผ อู น่ื หรอื ประชาชน ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ หา ป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนงึ่ แสนบาท หรอื ทงั้ จาํ ทงั้ ปรบั

๒๙๒ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ผูใด (๒) ใชโ ดยมชิ อบ (๓) บัตรอิเล็กทรอนิกสของผูอ น่ื (๔) ในประการทีน่ าจะกอใหเกดิ ความเสียหายแกผูอ ่นื หรอื ประชาชน ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนา ¢ŒÍ椄 à¡μ (๑) มาตรานเี้ ปน เรอ่ื งการใชบ ตั รอเิ ลก็ ทรอนกิ สโ ดยมชิ อบ และบตั รนนั้ จะตอ งเปน ของผอู น่ื มใิ ชใ ชบตั รของตนเองโดยมิชอบ (๒) บัตรนน้ั ตอ งมใิ ชบ ัตรปลอมเพราะการใชบ ตั รปลอมเปน กรณตี ามมาตรา ๒๖๙/๔ (๓) การกระทําอาจเปนความผิดฐานอ่ืนๆ เชน ลักทรัพย ดวย เชน นายแดงลักบัตร ของนายดําไปกดเงินที่เคร่ืองจายเงิน นอกจากมีความผิดฐานลักทรัพย คือ ลักบัตรและลักเงิน และความผิดตามมาตรา ๑๘๘ แลว ยังมีความผิดตามมาตราน้ีอีกบทหน่ึงดวย เพราะบัตรเอทีเอ็ม ก็คอื บัตรอิเลก็ ทรอนกิ สตามนยิ ามในมาตรา ๑ (๑๔) ทีเ่ พ่ิมเติมแกไขใหมนี้ (๔) ไดเคยกลาวไวแลววา หมายเลขบนบัตรเครดิตรวมทั้งวันหมดอายุของบัตรไมใช “บัตรอิเล็กทรอนิกส” ตามนิยามในมาตรา ๑ (๑๔) (ก) (ค) และก็ไมเขาตาม (ข) เพราะเปนขอมูล หรือหมายเลขท่ีผูออกไดออกใหแกผูมีสิทธิใช โดยมีการออกเอกสารหรือวัตถุอ่ืนใดใหดวย กลาวคือ ปรากฏอยูบนบัตรเครดิตน้ันเอง ดวยเหตุน้ีหากนายแดงเอาเฉพาะหมายเลขบัตรเครดิตของนายดํา ไปใชโดยมิชอบ นายแดงก็ไมผิดมาตรานี้ เพราะหมายเลขดังกลาว มิใช “บัตรอิเล็กทรอนิกส” ตามนิยามในมาตรา ๑ (๑๔) (๕) คาํ วา “โดยมชิ อบ” มบี ญั ญตั ไิ วใ นมาตราอน่ื ในประมวลกฎหมายนี้ เชน มาตรา ๓๒๐ วรรคสอง เปนตน (๖) ถอ ยคาํ ท่ีวา “ã¹»ÃСÒ÷Õ蹋ҨС‹ÍãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒÂ᡼‹ ÍÙŒ è×¹ ËÃ×Í»ÃЪҪ¹” เปน “พฤติการณประกอบการกระทาํ ” (ฎกี าที่ ๗๖๙/๒๕๔๐) แมจ ะเปน องคป ระกอบภายนอก แตก็ มใิ ช “ขอ เทจ็ จรงิ ” จงึ ไมอ ยภู ายใตห ลกั ทวั่ ไปในมาตรา ๕๙ วรรคสาม กลา วคอื “นา จะเสยี หาย” หรอื ไม ใชมาตรฐานของ “วิญูชน” หากวิญูชนเห็นวาเสียหายก็ถือวาเสียหาย แมผูกระทําจะไมรูวา จะทาํ ใหเสียหายก็ตาม ¢ÍŒ 椄 à¡μ เพยี งแต “นา จะกอ ใหเ กดิ ความเสยี หาย” กเ็ ปน ความผดิ สาํ เรจ็ แลว โดยไมจ าํ ตอ ง เกดิ ความเสยี หายขนึ้ จรงิ ๆ (ฎีกาท่ี ๑๒๘๑-๑๒๘๒/๒๕๓๘) μÑÇÍ‹ҧ นายมวงมอบบัตรเอทีเอ็ม ของนายมวงพรอมรหัสใหนายดําไปชวยกดเงินใหจํานวน หน่ึงหม่ืนบาท นายดําไปกดเงินสองหม่ืนบาทโดยเก็บไวใชเองหน่ึงหม่ืนบาท นายดํามีความผิดฐาน ใชบัตรอิเล็กทรอนิกสข องผูอื่นโดยมิชอบตามมาตรา ๒๖๙/๕ น้ี (นอกจากความผิดฐานลกั ทรพั ย)

๒๙๓ ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ÁÕäÇàŒ ¾×Íè นําÍ͡㪫Œ §Öè ºμÑ ÃÍàÔ Åç¡·Ã͹ԡʢ ͧ¼ŒÍÙ ¹×è â´ÂÁªÔ ͺ ÁÒμÃÒ òöù/ö บญั ญัตวิ า ผใู ดมีไวเ พอื่ นําออกใชซึ่งบตั รอเิ ลก็ ทรอนิกสข องผูอ่ืนโดยมชิ อบตามมาตรา ๒๖๙/๕ ในประการทน่ี า จะกอ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ หรอื ประชาชน ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเกินหกหมนื่ บาท หรอื ท้งั จําท้งั ปรบั ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ผูใด (๒) มีไว (๓) ซึ่งบตั รอิเลก็ ทรอนิกสข องผอู น่ื (๔) ในประการทน่ี า จะกอใหเ กิดความเสียหายแกผูอ ่นื หรอื ประชาชน ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนา (๒) เจตนาพิเศษ “เพื่อนําออกใชโ ดยมชิ อบตามมาตรา ๒๖๙/๕” คาํ ͸ºÔ Ò “การมไี วเพ่อื นําออกใชโดยมิชอบ” เชน นายแดงสะสมรหสั เอทีเอ็มของบคุ คลตา งๆ ไวเปนจํานวนมาก หากพิสูจนไดวามีไวเพื่อนําออกใชโดยมิชอบ เชน กําลังจะไปขโมยบัตรเอทีเอ็ม ของบุคคลตางๆ เหลาน้ัน แลวนํามากดเงินจากเครื่อง การสะสมดังกลาวก็เปนความผิดตามมาตรา ๒๖๙/๖ นี้ ซึ่งหากไมมีบทบัญญัติมาตรานี้ การสะสมของนายแดงดังกลาวยังไมเปนความผิด เพราะเปนเพียงการตระเตรียมไปกระทําความผดิ เทา นน้ั àËμØ©¡Ã袏 ͧ¡ÒáÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹μ‹Ò§æ ÁÒμÃÒ òöù/÷ บญั ญัติวา ถาการกระทําดังกลาวในหมวดนี้ เปนการกระทําเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกสที่ ผอู อกไดอ อกใหแ กผ มู สี ทิ ธใิ ช เพอ่ื ใชป ระโยชนใ นการชาํ ระคา สนิ คา คา บรกิ ารหรอื หนอ้ี นื่ แทนการชาํ ระ ดว ยเงินสด หรือใชเ บกิ ถอนเงินสด ผกู ระทําตองระวางโทษหนักกวา ที่บญั ญัตไิ วในมาตราน้ันๆ ก่ึงหนึง่ คาํ ͸ԺÒ มาตราน้ีเปน “àËμØ©¡Ã菔 ของมาตราตางๆ ตามหมวด ๔ กลาวคือ เปนเหตุฉกรรจของมาตรา ๒๖๙/๑ ถึงมาตรา ๒๖๙/๖ ซึ่งผูกระทําจะตองรับโทษหนักข้ึนกึ่งหน่ึง โดยผกู ระทําจะตองรู “ขอ เทจ็ จริง” ทท่ี ําใหร บั โทษหนกั ขนึ้ ดวย เชน รวู าบัตรอิเล็กทรอนกิ สท่ตี นปลอม (ความผดิ มาตรา ๒๖๙/๑) หรอื ตนใชโ ดยมชิ อบ (ความผดิ มาตรา ๒๖๙/๕) นน้ั เปน บตั รทผ่ี อู อกไดอ อกใหแ ก ผมู สี ิทธิใช เพื่อใชประโยชนในการ (ก) ชําÃФҋ Ê¹Ô ¤ÒŒ คา บรกิ าร หรือหนอ้ี นื่ แทนการชําระดวยเงินสด หรอื (ข) ãªŒàº¡Ô ¶Í¹à§¹Ô Ê´ หากผูกระทําไมรูขอเท็จจริงดังกลาว ผูกระทําก็ไมตองรับโทษหนักขึ้นก่ึงหนึ่งตาม มาตรานี้

๒๙๔ ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡ÂÕè ǡѺ˹ѧÊÍ× à´Ô¹·Ò§ หนังสือเดินทางเปนเอกสารสําคัญอยางย่ิง ในปจจุบันมีการใชหนังสือเดินทางในการ ไปมาระหวา งประเทศ และนําไปใชในการกอการราย โดยการปลอมหนังสือเดนิ ทาง ทําใหเ ปน ภยั แก ความมั่นคงของประเทศทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งไดบัญญัติเปนความผิดไวในประมวลกฎหมาย ซงึ่ แบง ออกไดเปน ๓ ลกั ษณะคือ (๑) การปลอมหนงั สือเดินทาง (๒) การใชหนังสอื เดินทางของผูอื่น โดยมิชอบ และ (๓) การใชดวงตรา รอยตรา หรือแผนปะตรวจลงตราในหนังสือเดินทางปลอม หรอื โดยมชิ อบ ñ. ¡ÒûÅÍÁ˹ѧÊÍ× à´Ô¹·Ò§ มี ๓ กลุม คอื (๑.๑) ปลอม (๑.๒) ใช มีไวเพ่ือใชหรอื จาํ หนา ย และ (๓) นําเขา หรอื สง ออกซ่ึงหนังสือเดินทางปลอม ÁÒμÃÒ òöù/ø ผูใดทําหนังสือเดินทางปลอมขึ้นท้ังฉบับหรือแตสวนหน่ึงสวนใด เติมหรือตัดทอนขอความ หรือแกไขดวยประการใดๆ ในหนังสือเดินทางที่แทจริง หรือประทับตราปลอม หรอื ลงลายมอื ชอ่ื ปลอมในหนงั สอื เดนิ ทาง โดยประการทนี่ า จะเกดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ หรอื ประชาชน ถาไดก ระทาํ เพอ่ื ใหผหู นง่ึ ผูใดหลงเช่ือวาเปนหนงั สือเดนิ ทางท่แี ทจ ริง ผูน้ันกระทาํ ความผิดฐานปลอม หนงั สอื เดนิ ทาง ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตห นงึ่ ปถ งึ สบิ ป และปรบั ตง้ั แตส องหมน่ื บาทถงึ สองแสนบาท คาํ ͸ԺÒ ñ.ñ ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹»ÅÍÁ˹ѧÊ×Íà´Ô¹·Ò§ ÁÕ ó ¤ÇÒÁ¼´Ô ¤Í× ¤ÇÒÁ¼Ô´·Õè ñ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ทําหนงั สือเดินทางปลอมขึ้นทง้ั ฉบบั หรือแตสว นหน่งึ สวนใด (๒) โดยประการท่นี า จะเกดิ ความเสียหายแกผูอ ่นื หรอื ประชาชน ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนาธรรมดา (๒) มูลเหตุชักจูงใจ เพ่ือใหผหู นง่ึ ผูใดหลงเช่อื วา เปนเอกสารทแ่ี ทจ ริง ¤ÇÒÁ¼´Ô ·èÕ ò ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) กระทําการอยา งใดอยา งหนงึ่ ดังตอไปนี้ (ก) เดมิ (ข) ตัดทอนขอ ความ หรอื (ค) แกไ ขดวยประการใด (๒) ในหนังสือเดินทางทีแ่ ทจรงิ (๓) โดยประการท่นี าเสยี หายแกผอู ่นื หรอื ประชาชน

๒๙๕ ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนาธรรมดา (๒) มลู เหตุชกั จูงใจ เพอ่ื ใหผูหนง่ึ ผูใ ดหลงเช่อื วา เปน เอกสารทแี่ ทจ ริง ¤ÇÒÁ¼Ô´·Õè ó ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ประทบั ตราปลอมหรือลงลายมือชอื่ ปลอม (๒) ในหนังสือเดนิ ทาง (๓) โดยประการทน่ี าเสียหายแกผอู ่นื หรอื ประชาชน ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนาธรรมดา (๒) มลู เหตุชกั จงู ใจ เพอ่ื ใหผ ูหน่งึ ผูใ ดหลงเชอ่ื วาเปนเอกสารทแ่ี ทจ ริง ÁÒμÃÒ òöù/ù ผใู ดใชห รอื มไี วเ พอ่ื ใชซ งึ่ หนงั สอื เดนิ ทางปลอมตามมาตรา ๒๖๙/๘ ตอ งระวางโทษจําคุกต้งั แตห นึง่ ปถ งึ สบิ ป และปรบั ตง้ั แตส องหม่นื บาทถงึ สองแสนบาท ผูใดจําหนายหรือมีไวเพื่อจําหนายซึ่งหนังสือเดินทางปลอมตามมาตรา ๒๖๙/๘ ตองระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตสามปถ ึงยี่สบิ ป และปรบั ตัง้ แตห กหมน่ื บาทถงึ ส่แี สนบาท การมีหนังสือเดินทางปลอมตามมาตรา ๒๖๙/๘ จํานวนต้ังแตสองฉบับข้ึนไป ใหสันนษิ ฐานไวก อ นวามไี วเ พื่อจําหนา ย ถาผูกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสองเปนผูปลอมซ่ึงหนังสือเดินทาง ตามมาตรา ๒๖๙/๘ ใหลงโทษตามมาตรานี้แตกระทงเดยี ว ñ.ò ¡ÒÃãªËŒ Ã×Íจํา˹‹Ò มี ๔ ความผิดคือ ¤ÇÒÁ¼´Ô ·Õè ñ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ใช คือนําออกใชในลักษณะท่ีเปนหนังสือเดินทาง หากนําไปใชพับถุงกระดาษ ไมเขามาตราน้ี (๒) หนงั สือเดินทางปลอมตามมาตรา ๒๖๙/๘ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา คือรูวาเปนหนังสือเดินทางปลอมและไดใช หนังสือเดนิ ทางปลอมน้ัน ¤ÇÒÁ¼´Ô ·èÕ ò ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) มีไว (๒) หนังสอื เดนิ ทางปลอม

๒๙๖ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ (๑) เจตนาธรรมดา คอื รูว าเปนหนังสือเดนิ ทางปลอม และประสงคจ ะมีไว (๒) มูลเหตุชักจงู ใจพิเศษ เพื่อใชหนังสอื เดินทางปลอมนัน้ อยา งหนงั สือเดนิ ทาง หากเกบ็ ไวเ พือ่ เปน ตัวอยา งหรอื เพ่ือทาํ ลายเสีย ไมมีความผิดตามมาตราน้ี ¤ÇÒÁ¼Ô´·Õè ó ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) จาํ หนา ย คอื การสงตอ ใหผอู ่ืนไมว า จะมคี าตอบแทนหรือไม (๒) หนังสอื เดนิ ทางปลอมตามมาตรา ๒๖๙/๘ ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา ¤ÇÒÁ¼´Ô ·Õè ô ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ คอื มหี นังสือเดนิ ทางปลอมตามมาตรา ๒๖๙/๘ ไว โดยมี มูลเหตชุ ักจงู ใจพิเศษ คือ à¾Íè× จาํ ˹‹Ò แมจ ะยงั ไมท ันไดจาํ หนายออกไปก็เปนความผิดสําเรจ็ ¢ÍŒ Ê¹Ñ ¹ÉÔ °Ò¹¢Í§¡®ËÁÒ (มาตรา ๒๖๙/๙ วรรคแรก) การมหี นงั สอื เดนิ ทางปลอม ตง้ั แต ๒ ฉบับขนึ้ ไป ใหสนั นษิ ฐานไวกอ นวา มไี วเพ่อื จําหนาย เปนขอสันนษิ ฐานไมเด็ดขาด ผูกระทํา สามารถนําสบื หักลา งได º·ºÑÞÞÑμÔ¾ÔàÈÉ (มาตรา ๒๖๙/๙ วรรคส่ี) หากเปนการกระทําของผูท่ีปลอม หนังสือเดินทางเองใหล งโทษตามมาตราน้เี พยี งกระทงเดียว ÁÒμÃÒ òöù/ñð ผใู ดนาํ เขา ในหรอื สง ออกไปนอกราชอาณาจกั รซง่ึ หนงั สอื เดนิ ทาง ปลอมตามมาตรา ๒๖๙/๘ ตองระวางโทษจําคุกต้ังแตหน่ึงปถึงสิบป และปรับตั้งแตสองหมื่นบาท ถึงสองแสนบาท ถาการกระทําความผดิ ตามวรรคหนึง่ ไดกระทาํ ไปเพ่ือจําหนาย ตองระวางโทษจําคกุ ตง้ั แตสามปถ งึ ยีส่ บิ ป และปรับต้ังแตหกหมนื่ บาทถึงสแ่ี สนบาท ñ.ó นาํ à¢ÒŒ Ê‹§ÍÍ¡ ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) นําเขาในหรอื สงออกไปนอกราชอาณาจักร หมายถึง ราชอาณาจักรท่แี ทจรงิ ตามมาตรา ๔ วรรคแรก เทานัน้ (๒) หนังสือเดนิ ทางปลอมตามมาตรา ๒๖๙/๘ ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา àËμàØ ¾ÔÁè â·É หากทาํ ไปเพ่อื จําหนาย ตอ งระวางโทษหนักข้ึน ÁÒμÃÒ òöù/ññ ผใู ดใชหนังสอื เดินทางของผอู ื่นโดยมิชอบในประการทีน่ า จะกอ ใหเกิดความเสียหายแกผูอื่นหรือประชาชน ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสิบป และปรับไมเกิน สองแสนบาท

๒๙๗ ผูใดจัดหาหนังสือเดินทางใหผูกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง ตองระวางโทษ เชน เดยี วกัน ò. ¡ÒÃãªËŒ ¹§Ñ ÊÍ× à´Ô¹·Ò§ (·áèÕ ·¨Œ Ã§Ô ) ¢Í§¼ŒÙÍ×è¹â´ÂÁԪͺ ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ใชหนังสือเดินทางของผอู น่ื โดยมชิ อบ (๒) ในประการที่นาจะกอ ใหเ กิดความเสียหายแกผอู ืน่ หรอื ประชาชน ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา ÇÃäÊͧ ลงโทษ ¼·ŒÙ ¨èÕ ´Ñ ËÒหนงั สอื เดนิ ทางใหผ กู ระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนง่ึ ใชม เี ทา กนั ó. ¡ÒáÃÐทํา¡Ñº´Ç§μÃÒ ÃÍÂμÃÒ ËÃÍ× á¼¹‹ »ÐμÃǨŧμÃÒ มี ๔ ความผิด คือ (๑) ปลอม (๒) ใชด วงตรา รอยตราฯ ปลอม (๓) นําเขา สงออก ซ่ึงของปลอม และ (๔) ใชข องจริงโดยมชิ อบ ÁÒμÃÒ òöù/ñò ผูใดทําปลอมข้ึนซึ่งดวงตรา รอยตรา หรือแผนปะตรวจลงตรา อันใชในการตรวจลงตราสําหรับการเดนิ ทางระหวางประเทศ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตั้งแตห น่งึ ปถงึ สบิ ป และปรบั ตงั้ แตส องหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ¤ÇÒÁ¼Ô´·Õè ñ ปลอมดวงตรา รอยตราฯ ปลอม ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ทาํ ปลอมข้ึน (๒) ดวงตรา รอยตรา หรอื แผน ปะตรวจลงตรา (๓) อันใชใ นการตรวจลงตราสาํ หรบั เดินทางระหวางประเทศ ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา “การปลอม” คอื การทาํ ใหเ หมือนของจรงิ แมไมเหมือนทง้ั หมดก็ตาม ทํานองเดยี วกับ การปลอมเงินตรา ทัง้ น้ตี อ งมีดวงตรา รอยตรา หรอื แผนปะตรวจทแ่ี ทจริงอยูก อน ÁÒμÃÒ òöù/ñó ผูใ ดใชด วงตรา รอยตรา หรือแผนปะตรวจลงตราทีท่ ําปลอมขนึ้ ตามมาตรา ๒๖๙/๑๒ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตห นงึ่ ปถ งึ สบิ ป และปรบั ตงั้ แตส องหมนื่ บาทถงึ สองแสนบาท ถาผูกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงเปนผูปลอมซ่ึงดวงตรา รอยตราหรือแผนปะ ตรวจลงตราตามมาตรา ๒๖๙/๑๒ ใหล งโทษตามมาตรานี้แตก ระทงเดียว ¤ÇÒÁ¼Ô´·èÕ ò ใชด วงตรา รอยตรา หรือแผน ปะฯ ปลอม ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ใช (๒) ดวงตรา รอยตรา หรอื แผน ปะตรวจลงตรา (๓) อนั ใชใ นการตรวจลงตราสําหรับเดินทางระหวางประเทศ

๒๙๘ ͧ¤» ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา ÇÃäÊͧ ถาผูใชดวงตราปลอมดังกลาว เปนผูปลอมเอง ใหลงโทษตามมาตรานี้ เพียงกระทงเดยี ว ÁÒμÃÒ òöù/ñô ผใู ดนาํ เขา ในหรอื สง ออกไปนอกราชอาณาจกั รซงึ่ ดวงตรา รอยตรา หรอื แผน ปะตรวจลงตราซึง่ ระบุไวใ นมาตรา ๒๖๙/๑๒ อันเปนของปลอม ตองระวางโทษจาํ คุกตั้งแต หนึ่งปถ งึ สิบป และปรบั ตงั้ แตส องหม่นื บาทถึงสองแสนบาท ¤ÇÒÁ¼Ô´·Õè ó การนาํ เขา-สง ออกซ่ึงดวงตรา รอยตราฯ ปลอม ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) นําเขา ในหรอื สง ออกไปนอกราชอาณาจักร (๒) ซง่ึ ดวงตรา รอยตรา หรือแผนปะตรวจลงตราท่รี ะบไุ วใ นมาตรา ๒๖๙/๑๒ (๓) อนั เปน ของปลอม ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา คือรูวาเปนของปลอมและประสงคจะนําเขา หรือสงออกไปนอกราชอาณาจักร ÁÒμÃÒ òöù/ñõ ผใู ดใชดวงตรา รอยตรา หรือแผน ปะตรวจลงตราอนั แทจรงิ ทใ่ี ช ในการตรวจลงตราสาํ หรบั การเดนิ ทางระหวา งประเทศโดยมชิ อบ ในประการทน่ี า จะกอ ใหเ กดิ ความเสยี หาย แกผอู น่ื หรอื ประชาชนตอ งระวางโทษสองในสามสว นของโทษท่บี ัญญัตไิ วใ นมาตรา ๒๖๙/๑๓ ¤ÇÒÁ¼´Ô ·èÕ ô ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ใชดวงตรา รอยตรา หรอื แผนปะตรวจลงตรา (๒) อนั แทจ รงิ ทใ่ี ชใ นการตรวจลงตราสาํ หรบั การเดนิ ทางระหวา งประเทศโดยมชิ อบ (๓) ในประการทน่ี าจะกอใหเกิดความเสยี หายแกผอู นื่ หรอื ประชาชน ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ เจตนาธรรมดา คือ รูวา เปน ของจริง และประสงคจะใชส าํ หรบั การเดนิ ทางระหวา งประเทศโดยมชิ อบ แตไ มจ าํ เปน ตอ งรวู า การกระทาํ ของตนนา จะกอ ความเสยี หาย อยา งไร หรือแมไมมผี ลเสยี หายเกิดขึ้นก็เปนความผดิ ได ความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทางน้ีเกี่ยวพันกับความผิดเกี่ยวกับเอกสาร การปลอมแปลง ดวงตรา รอยตรา และบางสวนของบัตรอเิ ลก็ ทรอนิกสด วย

สรุปการต้งั ขอหา ลําดบั ขอหา/ฐานความผดิ องคป ระกอบความผดิ มาตรา อัตราโทษ หมายเหตุ ๑. ปลอมเอกสาร ๑. ผูใ ด ๒๖๔ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามปและปรับ ฎ.๑๐๖/๒๔๙๗ ๒. ทําเอกสารปลอมขน้ึ ไมเ กนิ หกหม่ืนบาท ฎ.๒๔๖๓/๒๕๔๘ ๒.๑ ทั้งฉบบั หรือแตสว นหน่ึงสวนใด ฎ.๙๐๒๖/๒๕๕๓ ๒.๒ เติมหรือตัดทอนขอความ หรือแกไขดวยประการ ฎ.๑๑๔๓/๒๕๒๓ ใดๆ ในเอกสาร ฎ.๓๐๗๘/๒๕๒๕ ๒.๓ ประทบั ตราปลอมหรือลงลายมอื ชือ่ ปลอม ฎ.๒๒๔๑/๒๕๒๓ ๓. โดยประการทน่ี า จะเกดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ หรอื ประชาชน ฎ.๓๘๑/๒๔๗๕ (พฤติการณป ระกอบการกระทํา) ฎ.๖๒๖๖/๒๕๔๕ ๔. โดยเจตนา ฎ.๑๖๗/๒๕๑๗ ๕. เพอื่ ใหผ หู นงึ่ ผใู ดหลงเชอ่ื วา เปน เอกสารทแ่ี ทจ รงิ (เจตนา ฎ.๑๕๗๒/๒๕๕๗ พิเศษ) ฎ.๗๖๙/๒๕๔๐ ๒. ปลอมเอกสารสิทธิ ๑. ผูใด ๒๖๕ ตองระวางโทษจําคุกตั้งแตหกเดือนถึงหาป ฎ.๑๖๗/๒๕๑๗ หรอื เอกสารราชการ ๒. ปลอม หรอื ปรบั ตั้งแตห น่ึงหมืน่ บาทถึงหนงึ่ แสนบาท ฎ.๑๕๗๒/๒๕๔๙ ๓. เอกสารสทิ ธิหรือเอกสารราชการ ฎ.๒๔๔๑/๒๕๒๓ ๔. เจตนา ฎ.๒๘๓๐/๒๕๒๔ ฎ.๑๐๓๘๕/๒๕๔๖ ฎ.๗๘๒/๒๕๔๗ ๒๙๙

ลาํ ดับ ขอ หา/ฐานความผดิ องคป ระกอบความผดิ มาตรา อตั ราโทษ หมายเหตุ ๓๐๐ ๓. ปลอมเอกสารสิทธิ ๑. ผูใ ด ๒๖๖ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แต หนง่ึ ถงึ สบิ ป หรอื ปรบั ฎ . ๒ ๗ ๘ - อันเปนเอกสาร ๒. ปลอม ตง้ั แตส องหม่ืนบาทถงึ สองแสนบาท ๒๗๙/๒๕๐๑ ราชการ พินัยกรรม ๓. เอกสารพเิ ศษดงั ตอ ไปนี้ ฎ.๑๗๖๔/๒๕๐๖ ใบหุน ตว๋ั เงนิ ๓.๑ เอกสารสิทธอิ ันเปนเอกสารราชการ ฎ.๑๕๑/๒๕๐๗(ป) ๓.๒ พนิ ัยกรรม ฎ.๕๕๗/๒๕๐๙ ๓.๓ ใบหนุ ใบหนุ กู หรอื ใบสาํ คญั ของใบหนุ หรอื ใบหนุ กู ฎ.๑๓๘๕/๒๕๒๒ ๓.๔ ตวั๋ เงิน ฎ.๒๙๑๗/๒๕๓๘ ๓.๕ บตั รฝากเงนิ ๔. แจง ใหเ จา พนกั งานจด ๑. ผใู ด ๒๖๗ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรือไมเกิน ฎ.๑๐๕๑/๒๕๐๕ ขอ ความอนั เปน เทจ็ ๒. แจงใหเ จาพนักงานผกู ระทาํ การตามหนา ที่ หกหมนื่ บาท ฎ.๕๖๑/๒๕๐๘ ๓. จดขอความอันเปนเท็จ ฎ.๔๘๕/๒๕๒๒ ๔. ลงในเอกสารมหาชน หรอื เอกสารราชการ ซง่ึ มวี ตั ถปุ ระสงค ฎ.๒๐๔๘/๒๕๔๗ สาํ หรบั ใชเปนพยานหลกั ฐาน ๕. โดยประการทนี่ า จะเกดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ หรอื ประชาชน ๖. โดยเจตนา

ลาํ ดับ ขอ หา/ฐานความผดิ องคประกอบความผิด มาตรา อตั ราโทษ หมายเหตุ ๕. ใชหรืออางเอกสาร ๑. ผูใ ด ๒๖๘ ÇÃäáá ตองระวางโทษดังท่ีบัญญัติไวใน ฎ.๑๖๕๔/๒๕๐๓(ป) ปลอม ๒. ใชหรอื อาง มาตรานน้ั ๆ (มาตรา ๒๖๔ มาตรา ๒๖๕ มาตรา ฎ.๑๒๖๙/๒๕๐๓ ๓. เอกสารอันเกิดจากการกระทําผิดตามมาตรา ๒๖๔ ๒๖๖ หรอื มาตรา ๒๖๗) ฎ.๖๕๘/๒๕๑๓ มาตรา ๒๖๕ มาตรา ๒๖๖ หรอื มาตรา ๒๖๗ ÇÃäÊͧ ถาผูกระทําความผิดตามวรรคแรก ฎ.๓๑๗/๒๕๒๑ ๔. ในประการทน่ี า จะเกดิ ความเสยี หายแกผ อู น่ื หรอื ประชาชน เปนผูปลอมเอกสารนั้น หรือเปนผูแจงให ฎ.๑๑๔๑/๒๕๒๓ (พฤติการณประกอบการกระทํา) เจา พนกั งานจดขอ ความนนั้ เอง ใหล งโทษตาม ฎ.๑๙๖๙/๒๕๒๔ ๕. โดยเจตนา มาตราน้กี ระทงเดยี ว ฎ.๑๘๙๕/๒๕๔๖ ฎ.๒๕๐๓/๒๕๔๘ ๓๐๑

๓๐๒ ô. คาํ ¶ÒÁ·ÒŒ º·àÃÂÕ ¹ ๑. หนงั สอื สัญญากยู มื เงินถอื วาเปน เอกสารประเภทใด ๒. ใบอนญุ าตใหมีอาวุธปนถือวาเปน เอกสารประเภทใด ๓. การนําใบเสร็จรับเงินของการไฟฟาสวนภูมิภาค เพื่อใหผูอื่นหลงเช่ือวาเปนใบเสร็จ ทแี่ ทจ รงิ อนั อาจนาํ ไปเรยี กเกบ็ เงนิ ซา้ํ ไดอ กี นน้ั แตไ มไ ดม กี ารลงชอ่ื ในชอ งพนกั งานเกบ็ เงนิ วา ไดร บั เงนิ ไวถกู ตองแลว การกระทาํ ดงั กลา วมคี วามผิดฐานปลอมเอกสารหรอื ไม ๔. นายโฉด เอาปา ยทะเบยี นรถยนตอซี ซู ุ ทท่ี างราชการออกใหไ ปติดใชกบั รถยนตซูซูกิ ซงึ่ ปา ยทะเบยี นหลดุ หายไปเพราะนา้ํ ทว ม แลว นาํ รถยนตซ ซู กู คิ นั ดงั กลา วไปใชง านเพอื่ ใหค นหลงเชอื่ วา หมายเลขปา ยทะเบียนตามท่ีนายโฉด ทําเปน ของรถยนตซูซูกิ นายโฉด มคี วามผดิ ขอ หาใด

๓๐๓ àÍ¡ÊÒÃÍÒŒ §Í§Ô เกยี รตขิ จร วจั นสวสั ด.์ิ (๒๕๕๑).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาค ๑ กรงุ เทพฯ:พลสยามพรนิ้ ตงิ้ . คณติ ณ นคร.(๒๕๔๗). กฎหมายอาญา ภาคทั่วไป. กรุงเทพฯ:วญิ ชู น. ทวเี กยี รติ มนี ะกนษิ ฐ.(๒๕๕๓).คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาคทว่ั ไป. กรงุ เทพฯ:วญิ ชู น. ประภาศน อวยชยั .(๒๕๒๖).ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๑. กรงุ เทพฯ:สาํ นกั อบรมศกึ ษา กฎหมายแหงเนติบัณฑิตยสภา. สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗).หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:อมรินทร พริ้นตงิ้ แอนดพับลชิ ชงิ่ บญุ เพราะ แสงเทียน.(๒๕๕๒).กฎหมายอาญา ๑ ภาคท่ัวไป.กรงุ เทพฯ:บริษทั วิทยพฒั น จํากัด สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗.)หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บริษัทอมรินทร พริ้นต้งิ แอนดพ ับลิชช่ิง. สุพจน นาถะพินธุ.(๒๕๓๓).ประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:สํานักพิมพรุงเรืองธรรม. สุวัฒน ศรีพงษสุวรรณ.(๒๕๔๙).คําอธิบายประมวลกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ: นติ ิบรรณาการ. วนิ ยั เลิศประเสรฐิ .(๒๕๔๗).วธิ ีไลสายกฎหมายอาญา เลม ๑.กรงุ เทพฯ:อนิ เตอรบ คุ ส. เกียรติขจร วัจนสวัสดิ์.(๒๕๕๐).คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิด เลม ๑. กรงุ เทพฯ:หา งหนุ สวนจาํ กัด จริ ชั การการพิมพ. บุญเพราะ แสงเทียน.(๒๕๕๒).กฎหมายอาญา ๑ ภาคทว่ั ไป.กรงุ เทพฯ:บริษทั วทิ ยพฒั น จํากัด. สหรัฐ กิติศุภการ.(๒๕๕๗).หลักและคําอธิบายกฎหมายอาญา.กรุงเทพฯ:บริษัทอมรินทร พริน้ ต้ิงแอนดพ ับลชิ ชง่ิ .

๓๐๔

๓๐๕ º··èÕ ô ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡èÂÕ Ç¡ºÑ à¾È ñ. ÇÑμ¶Ø»ÃÐʧ¤¡ ÒÃàÃÂÕ ¹Ã»ÙŒ ÃÐจาํ º· ๑. เพือ่ ใหนกั เรยี นนายสิบตาํ รวจมีความรคู วามเขาใจ กฎหมายอาญาเก่ียวกบั ความผดิ ฐานตางๆ ๒. เพอื่ ใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจ ทราบถงึ การวดั ผลและประเมนิ ผล วชิ ากฎหมายอาญา ภาคเรียนท่ี ๒ ๓. เพ่ือใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจมีความรคู วามเขา ใจเกยี่ วกบั ความผดิ เกยี่ วกับเพศ ò. ʋǹนาํ นักเรียนนายสิบตํารวจจะไดศึกษาประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ ในเร่ืองความผิด เก่ียวกบั เพศ ในเร่อื งการขม ขืนกระทําชาํ เราในเร่อื งการขมขืนกระทาํ ชาํ เราผอู ื่น การกระทาํ ชาํ เราเดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๕ ป การกระทาํ ชาํ เราทที่ าํ ใหผ กู ระทาํ ผดิ ตอ งรบั โทษหนกั ขน้ึ การกระทาํ อนาจาร การกระทาํ อนาจารแกเ ดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๕ ป การกระทาํ อนาจารทที่ าํ ใหผ กู ระทาํ ผดิ ตอ งรบั โทษหนกั ขนึ้ การกระทาํ ความผดิ ขม ขนื และกระทาํ อนาจารอนั ยอมความได การกระทาํ ความผดิ ฐานเปน ธรุ ะจดั หา การกระทาํ ความผิดเก่ียวกับการคาประเวณี การกระทําความผิดเก่ียวกับการคาส่ิงลามก ความตลอดจน แนวคาํ พิพากษาทีเ่ กย่ี วของเพ่ือใหนักเรียนนายสิบตาํ รวจใชป ระกอบการเรยี กการสอน ó. à¹×éÍËÒ ความผดิ เกย่ี วกบั เพศมกี ารแกไ ขลา สดุ ตามพระราชบญั ญตั แิ กไ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมาย อาญา (ฉบบั ท่ี ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซง่ึ มีผลบงั คบั ใชเม่ือวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยมีการปรับปรุง บทนยิ ามคาํ วา “กระทาํ ชาํ เรา” โดยมเี จตนารมณใ หส อดคลอ งกบั ลกั ษณะการกระทาํ ชาํ เราตามธรรมชาติ รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติความผิดเก่ียวกับเพศบางประการเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช กฎหมาย และเพ่ือใหความคุม ครองบคุ คลซง่ึ ถูกกระทาํ ทางเพศกลมุ ตาง ๆ มากยิง่ ข้นึ เชน เดก็ ผอู ยู ภายใตอํานาจของผูกระทําและไมสามารถปกปองตนเองได อีกทั้งเพ่ือปองปรามมิใหมีการกระทําที่ เปน การเอาเปรียบหรอื รบั ประโยชนจากผซู ึ่งคาประเวณหี รือจากการคาประเวณี

๓๐๖ ¡ÒâÁ‹ ¢¹× ¡ÃÐทาํ ชาํ àÃÒ ÁÒμÃÒ ò÷öñ ผูใดขมขืนกระทําชําเราผูอ่ืนโดยขูเข็ญดวยประการใดๆ โดยใชกําลัง ประทุษราย โดยผูอ่ืนนั้นอยูในภาวะท่ีไมสามารถขัดขืนได หรือโดยทําใหผูอื่นน้ันเขาใจผิดวา ตนเปนบคุ คลอืน่ ตอ งระวางโทษจําคกุ ตั้งแตสี่ปถ งึ ย่ีสิบป และปรับตง้ั แตแปดหม่ืนบาทถงึ สแ่ี สนบาท ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึง ไดกระทําโดยทําใหผูถูกกระทําเขาใจวาผูกระทํามี อาวธุ ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตเ จด็ ปถ งึ ยสี่ บิ ป และปรบั ตง้ั แตห นง่ึ แสนสห่ี มน่ื บาท ถงึ สแ่ี สนบาท ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนง่ึ ไดก ระทาํ โดยมอี าวธุ ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ หรอื โดยใช อาวธุ หรอื โดยรว มกระทาํ ความผดิ ดว ยกนั อนั มลี กั ษณะเปน การโทรมหญงิ หรอื กระทาํ กบั ชายในลกั ษณะ เดียวกัน ตองระวางโทษจําคุกตัง้ แตสบิ หา ปถ ึงยีส่ บิ ป และปรับตง้ั แตส ามแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือ จาํ คุกตลอดชีวิต ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนงึ่ เปน การกระทาํ ความผดิ ระหวา งคสู มรส และคสู มรสนน้ั ยังประสงคจะอยูกินดวยกันฉันสามีภริยา ศาลจะลงโทษนอยกวาที่กฎหมายกําหนดไวเพียงใดก็ได หรอื จะกาํ หนดเงอื่ นไขเพอื่ คมุ ความประพฤตแิ ทนการลงโทษกไ็ ด ในกรณที ศี่ าลมคี าํ พพิ ากษาใหล งโทษ จําคุกและคูสมรสฝายใดฝายหน่ึงไมประสงคจะอยูกินดวยกันฉันสามีภริยาตอไป และประสงคจะหยา ใหค ูสมรสฝายน้ันแจงใหศ าลทราบ และใหศาลแจง พนักงานอัยการใหด ําเนินการฟอ งหยา ให ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃä˹§Öè ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡ (๑) ผใู ด (๒) ขม ขนื กระทําชําเรา โดยวธิ ีการอยางใดอยางหนงึ่ ดงั ตอ ไปน้ี (ก) โดยขเู ขญ็ ดวยประการใด ๆ (ข) โดยใชกําลังประทุษรา ย (ค) โดยผูอ นื่ อยใู นภาวะที่ไมสามารถขัดขืนได หรอื (ง) โดยทําใหผ อู ่นื นน้ั เขา ใจผิดวาตนเปน บุคคลอน่ื (๓) ผอู ่ืน ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ ๑. เจตนาธรรมดา (ม.๕๙) ๒. เจตนาพเิ ศษ เพ่ือสนองความใครของผูกระทํา ๑ พ.ร.บ.แกไขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนที่ ๖๙ ก/หนา ๑๒๘/ ๒๗ พ.ค. ๖๒

๓๐๗ ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃÃ¤Ë¹Ö§è ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹¢‹Á¢¹× ¡ÃÐทําชาํ àÃÒ ๑) คําวา “¢‹Á¢×¹” หมายถึง การขืนใจ คือ ไดกระทําชําเราโดยผูอ่ืนมิไดสมัครใจ หากยนิ ยอมโดยสมคั รใจก็มใิ ชการขมขนื และการขม ขืนในทน่ี ี้อาจทาํ โดยวิธีอยางใดอยา งหนึง่ ดงั น้ี (¡) â´Â¢à‹Ù ¢Þç ´ÇŒ »ÃСÒÃã´æ ตวั อยา งเชน ชกั มดี ออกมาขูใหยอมกระทําชําเรา มฉิ ะน้ันจะแทง (คําพิพากษา ศาลฎีกาที่ ๑๒๔/๒๔๕๘), ขูวาหากไมถอดเส้ือผาจะยัดเยียดขอหายาบาใหและหยิบอาวุธปนมาขู ผเู สยี หายกลวั จงึ ยอมใหก ระทาํ ชาํ เรา (คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๕๗๙๓/๒๕๔๔) นายจา งขลู กู จา งซง่ึ เปน แรงงานตางดาววาหากไมยินยอมใหกระทําชําเราจะสงตัวไปใหเจาพนักงานตํารวจดําเนินคดีในขอหา หลบหนีเขา เมือง (คาํ พิพากษาศาลฎกี าที่ ๗๗๒๑/๒๕๔๙) (¢) â´Â㪌กาํ Åѧ»ÃÐ·ÉØ ÃÒŒ  ตัวอยางเชน ใชกําลังจับแขนขาของหญิงไวแลวกระทําชําเรา (คําพิพากษา ศาลฎกี าที่ ๘๐๕/๒๔๙๐), ชกตอ ยใหห ญงิ ยนิ ยอมใหก ระทาํ ชาํ เรา (คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๓๘๐/๒๕๓๔) (¤) â´Â¼ÙŒÍ¹×è ¹é¹Ñ Í‹ãÙ ¹ÊÀÒÇзèäÕ Á‹ÊÒÁÒö¢Ñ´¢×¹ä´Œ ตัวอยางเชน ชําเราหญิงขณะหญิงเมาสุราหมดสติอยูในสภาวะท่ีไมสามารถ ขดั ขนื ได (คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๓๘๒/๒๕๒๒), กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หายทม่ี สี ภาพกายพกิ าร ขาทง้ั สองขา ง ไมส ามารถใชการได (คําพพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๗๐๐๘/๒๕๕๔) (§) â´Â·íÒã˼Œ ŒÙ͹×è ¹éѹࢌÒ㨼Դ¤´Ô ÇÒ‹ μ¹à»¹š ºØ¤¤ÅÍ×è¹ หมายความวา ทาํ ใหผ อู นื่ สาํ คญั ผดิ ในตวั บคุ คลเปน คนละคน ไมใ ชส าํ คญั ผดิ ใน คณุ สมบตั ขิ องบคุ คลผนู ั้น ตวั อยา งเชน หญงิ มสี ามขี ณะนอนหลบั จาํ เลยแกลง วดิ นาํ้ ออกจากเรอื ทาํ ใหห ญงิ เขา ใจผดิ คดิ วา เปน สามขี องหญงิ กลบั มา แลว จาํ เลยกระทาํ ชาํ เราโดยทห่ี ญงิ ไมร ตู วั และคดิ วา จาํ เลยเปน สามี เชน น้ีจาํ เลยมีความผิดฐานขม ขืนกระทําชาํ เรา (คาํ พิพากษาศาลฎีกาท่ี ๒๓๓/๒๔๖๒) ò) ¡ÒáÃÐทาํ ชาํ àÃÒ μÒÁº·¹ÂÔ ÒÁ ÁÒμÃÒ ñ (ñø) “¡ÃÐทาํ ชําàÃÒ” หมายความวา กระทําเพอื่ สนอง ความใครของผูก ระทาํ โดยการใชÍÇÑÂÇÐà¾Èของผกู ระทําŋǧล้ําÍÇÑÂÇÐà¾È ·ÇÒÃ˹ѡ หรือª‹Í§»Ò¡ ของ¼ÙÍŒ è¹× ¢ŒÍ椄 à¡μ ๑. องคป ระกอบในสว นของการกระทาํ จะตอ งเปน การใชÍ ÇÂÑ ÇÐà¾È¢Í§¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ÅÇ‹ §ลา้ํ เทา นนั้ ÊÇ‹ ¹ÇμÑ ¶áØ Ë§‹ ¡ÒáÃÐทาํ คอื ÍÇÂÑ ÇÐà¾È ·ÇÒÃ˹¡Ñ หรอื ªÍ‹ §»Ò¡ของผอู น่ื โดยมàี ¨μ¹Ò ¾ÔàÈÉ คือ à¾×Íè ʹͧ¤ÇÒÁã¤Ãข‹ องผกู ระทํา จึงจะเปน¡ÒáÃÐทาํ ชําàÃÒตามกฎหมายท่แี กไ ขใหม ¡ÒáÃÐทําชําàÃÒสําเร็จจะตองปรากฏวา อวัยวะเพศของฝายชายไดŋǧÅéíÒ ËÃ×ÍÊÍ´ãÊเ‹ ขาไปในชอ งสงั วาสหรืออวัยวะเพศของฝายหญิง (คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๑๐๔๘/๒๕๑๘)

๓๐๘ áÁŒ¨ÐÁÕ¡ÒÃŋǧลํ้าࢌÒä»à¾Õ§àÅ硹ŒÍ¡ç໚¹¤ÇÒÁสําàÃç¨ (คําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๑๓๓/๒๕๐๙, ๔๐๒๔/๒๕๓๔) โดยไมจ าํ เปน จะตอ งมรี อยฉกี ขาดทชี่ ว งคลอด ปากมดลกู หรอื ทเ่ี ยอื่ พรหมจารี (คาํ พพิ ากษา ศาลฎกี าท่ี ๒๔๑๓/๒๕๒๐) หรอื มีการสาํ เร็จความใครหรือไม (คาํ พิพากษาศาลฎกี าท่ี ๑๑๓๓/๒๕๐๙, ๑๖๔๖/๒๕๓๒, ๘๔๘/๒๕๔๘) μÇÑ ÍÂÒ‹ § คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաҷÕè ññóó/òõðù จําเลยไดกระทําชําเราผูเสียหาย จนของลบั ของจาํ เลยไดเ ขา ไปในของลบั ผเู สยี หายราว ๑ องคลุ ี เชน นี้ ถอื ไดว า เปน การกระทาํ ชาํ เราสาํ เรจ็ ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๗ แลว การทท่ี างพจิ ารณาไมป รากฏวา มนี าํ้ อสจุ ิ ของจําเลยออกมาอยูที่ของลับของผูเสียหายหรือที่ของลับของจําเลยน้ันเปนเร่ืองสําเร็จความใครแลว หรือไม เปน อกี สวนหน่งึ ไมเ ปน เหตใุ หเ ห็นวา จําเลยกระทําชําเราไมสําเรจ็ หรอื เปนเพยี งขั้นพยายาม คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·Õè ñöôö/òõóò ความผดิ ฐานขม ขนื กระทําชําเรานัน้ เมอ่ื อวยั วะเพศของจาํ เลยไดล ว งลา้ํ เขา ไปในอวยั วะเพศของผเู สยี หายแลว แมจ าํ เลยไมส าํ เรจ็ ความใคร ก็เปน ความผิดสาํ เรจ็ คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·Õè øôø/òõôø จาํ เลยนาํ อวยั วะเพศของจาํ เลยใสอ วยั วะเพศ ของผูเสียหายท่ี ๑ และไดความจากแพทยผูตรวจพิสูจนผูเสียหายท่ี ๑ วาพบเยื่อพรหมจารีฉีกขาด ดังนี้ แสดงวา อวัยวะเพศของจําเลยไดล ว งลาํ้ เขา ไปในอวัยวะเพศของผเู สยี หายที่ ๑ แลว การกระทํา ของจาํ เลยจงึ เปนความผดิ ฐานกระทําชําเราเด็กหญงิ อายุยังไมเกินสบิ สามปตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๗ วรรคสอง สวนจาํ เลยจะสาํ เรจ็ ความใครห รอื ไมย อมมิใชส าระสําคญั ๒. หากชายมิไดเอาของลับของตนÊÍ´ãÊ‹ไปในของลับของหญิง เพียงแตถูไถ ทปี่ ากชอ งคลอดมคี าํ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๘๗๔/๒๔๙๑, ๑๗๐๖/๒๔๙๘, ๔๑๖๖/๒๕๔๗, ๑๓๙๐/๒๕๕๕ และ ๕๔๔๘/๒๕๕๗ μÑ´ÊÔ¹ÇÒ‹ ໹š ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹¾ÂÒÂÒÁ¢Á‹ ¢×¹¡ÃÐทําชําàÃÒ μÇÑ ÍÂÒ‹ § คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·Õè õôôø/òõõ÷ จําเลยเพียงใชอ วัยวะเพศของจาํ เลย ถูไถเสียดสีกับอวัยวะเพศของผูเสียหาย โดยเจตนากระทําชําเราแตเม่ือมิไดสอดใสจึงยังไมเปนการ กระทาํ ชาํ เราสําเร็จตามมาตรา ๒๗๗ วรรคสอง จําเลยคงผิดฐานพยายามกระทําชําเรา ๓. ดังไดกลาวแลววา การกระทําชําเราตามกฎหมายใหมตองเปนใชÍÇÑÂÇÐà¾È ของผูกระทําลวงล้ําเทาน้ัน หากเปนการใชÊèÔ§Í×è¹ã´ (วัตถุ) หรืออวัยวะอื่นซ่ึงไมใชÍÇÑÂÇÐà¾Èŋǧลํ้า ÍÇÑÂÇÐà¾Èหรือ·ÇÒÃ˹ѡของผูถูกกระทํากä็ Áà‹ »¹š ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹¢Á‹ ¢¹× กระทาํ ชาํ เราตามมาตรา ๒๗๖ วรรคหนึง่ หรอื ฐาน¡ÃÐทาํ ชําàÃÒà´¡ç ตามมาตรา ๒๗๗ วรรคหน่งึ หรอื วรรคสอง เพราะไมใ ชเปนการใช ÍÇÑÂÇÐà¾Èลวงลํ้า แตการกระทําดังกลาวผูกระทําอาจมีความผิดฐานกระทําอนาจารโดยการลวงล้ํา ตามมาตรา ๒๗๘ วรรคสอง หรอื มาตรา ๒๗๙ วรรคสี่หรือวรรคหาแลวแตก รณี ซง่ึ จะไดก ลา วตอไป

๓๐๙ ๔. มาตรา ๒๗๖ วรรคหนึ่งทแี่ กไขใหมบัญญัตวิ า “ผใู ดขมขืนกระทําชําเราผูอื่น...” และมาตรา ๑ (๑๘) บัญญัติวา “การกระทําชําเรา หมายความวา กระทําเพ่ือสนองความใครของ ผูก ระทําโดยการใชอวยั วะเพศของผกู ระทําลว งลํา้ อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรอื ชอ งปากของผูอ่นื ” ตามบทบญั ญตั ดิ งั กลา วจะเหน็ ไดว า ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ กฎหมายใชค าํ วา “ผใู ด” และ¼¶ŒÙ ¡Ù ¡ÃÐทาํ กฎหมายใชคาํ วา “ผูอ่นื ” ดงั นั้นผูก ระทาํ และผถู ูกกระทาํ อาจเปนà¾Èà´ÂÕ Ç¡Ñ¹ คือ ชายกระทาํ กับชาย หรอื หญงิ กระทํากบั หญงิ กไ็ ด หรอื μÒ‹ §à¾È¡¹Ñ คอื ชายกระทาํ กบั หญงิ หรอื หญิงกระทํากบั ชาย กไ็ ด หรือเปน ¤Ù‹ÊÁÃÊกัน คือ สามีกระทาํ ตอ ภริยา หรือภริยากระทําตอสามีกไ็ ดเ ชน กนั ¡Ã³ªÕ Ò¡ÃÐทาํ μÍ‹ ËÞ§Ô ตอ งเปน การใชอ วยั วะเพศของชายลว งลาํ้ หรอื สอดใสเ ขา ไป ในอวัยวะเพศ ทวารหนกั หรือชองปากของหญงิ ¡Ã³ÕªÒ¡ÃÐทําμ‹ÍªÒ ดวยกนั ตอ งเปนการใชอ วยั วะเพศของชายผกู ระทําลวงลํ้า หรือสอดใสเขา ไปในทวารหนกั หรอื ชอ งปากของชายผูถ ูกกระทาํ ทงั้ นี้ การãªÍŒ ÇÂÑ ÇÐà¾Èของชายผกู ระทาํ μÍ‹ ¼¶ŒÙ ¡Ù ¡ÃÐทาํ นนั้ ผกู ระทาํ อาจจะอยใู นสภาพ หรือเปน ฝา ย active (เคลอื่ นไหวเอง) ก็ได เชน ชายใชอ วัยวะเพศของตนÅÇ‹ §ลํ้าÍÇÂÑ ÇÐà¾Èของหญงิ ·ÇÒÃ˹¡Ñ ของชายหรือหญิง หรือª‹Í§»Ò¡ของชายอ่ืนหรอื หญงิ หรอื อาจจะอยใู นสภาพหรอื เปน ฝา ย passive (อยเู ฉยๆ) กไ็ ดเ ชน ชายบงั คบั ใหห ญงิ หรือชายอน่ื ÍÁÍÇÑÂÇÐà¾Èของตน ทั้งสองกรณีดังกลาวถือไดวาเปนการกระทําชําเราตามกฎหมายที่แกไขใหม (เทียบ ไดกับคําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๓๐๙/๒๕๕๓ ซ่ึงไดตัดสินตามกฎหมายเดิมวา การที่จําเลย (ชาย) ใหเ ดก็ หญงิ อายไุ มเ กนิ ๑๓ ป อมอวยั วะเพศของจาํ เลย เปน การกระทาํ ชาํ เราเดก็ หญงิ ตาม ป.อ.มาตรา ๒๗๗ วรรคสอง เพราะเปน การใชอวัยวะเพศของจําเลยกระทาํ กบั ชองปากของเดก็ หญงิ ซ่ึงเปนกรณี จําเลยอยูใ นสภาพหรอื เปนฝา ย passive เชน กนั ศาลฎกี าก็ตัดสนิ วาเปน การกระทาํ ชาํ เราเด็ก) Ëҡ໚¹¡Ã³ÕËÞÔ§¡ÃÐทําμ‹ÍªÒ ตองเปนกรณีใหอวัยวะเพศของชายผูถูกกระทํา ลวงลํา้ เขา ไปในอวยั วะเพศของหญิงผูกระทาํ ตวั อยา งเชน นาง ก. แตง กายโปป ลกุ อารมณท างเพศของ ด.ช. ข. อายุ ๑๔ ป จากนนั้ นาง ก. ใชอวยั วะเพศของตนลวงลํ้าอวัยวะเพศ ด.ช. ข. ดงั น้ี ถอื วา การกระทาํ ของ นาง ก. เปนการ กระทําชาํ เรา ด.ช. ข. แลว ¡Ã³ÕËÞÔ§¡ÃÐทําμ‹ÍËÞÔ§ จะเปนการกระทําชําเราไดหรือไม เห็นวา นาจะไมได โดยสภาพหญงิ ไมอาจใชอ วยั วะเพศของตนลว งล้ําอวัยวะเพศของหญงิ ผูถ ูกกระทําได แตมีประเด็นนาคิดวา กรณีหญิงแปลงอวัยวะเพศเปนชาย (หากในอนาคตแพทย สามารถแปลงอวยั วะเพศหญงิ เปน อวยั วะเพศชายไดแ ลว ) แลว ใชอ วยั วะเพศลว งลาํ้ อวยั วะเพศของหญงิ ผูถูกกระทําเพื่อสนองความใครของตนจะถือเปนการกระทําชําเราไดหรือไม เห็นวา กรณีเชนวานี้ ตองถือวาอวัยวะเพศชายท่ีแปลงมาเปนอวัยวะเพศของหญิงดวย เมื่อหญิงใชอวัยวะเพศชายที่แปลง

๓๑๐ มาลวงลํ้าอวัยวะเพศหญิงผูถูกกระทําเพื่อสนองความใครของตน ก็นาจะเปนการกระทําชําเราตาม กฎหมายไดเ ชนกัน õ. ¼ÙŒÃ‹ÇÁ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´ เน่ืองจากการขมขืนกระทําชําเราเปนความผิดท่ีรวมกัน กระทําความผิดไดเชนเดียวกับความผิดอ่ืนๆ ท่ัวไป เม่ือรวมกันกระทําผิดเปนμÑÇ¡ÒÃได ก็ยอมเปน ¼ŒãÙ ªตŒ ามมาตรา ๘๔ หรอื เปน ผสู นับสนนุ ตามมาตรา ๘๖ ไดเชนกัน คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒŮաҷèÕ òð÷ó/òõó÷ จําเลยท่ี ๑ กระทําชาํ เราดวยความยนิ ยอม ของผูเสียหายจึงไมมีความผิดฐานขมขืนกระทําชําเรา แตจําเลยท้ังสองไดสมคบรวมคิดกันมากอนวา จะใหจาํ เลยที่ ๒ ขมขนื กระทําชาํ เราผูเ สียหาย เมือ่ จําเลยที่ ๑ กระทาํ ชําเราผูเสียหายเสรจ็ แลว จําเลย ที่ ๑ ก็ออกจากหองไป เปด ประตไู วใ หจ าํ เลยท่ี ๒ เขา ไปขมขนื กระทาํ ชําเราผเู สยี หายถือไดว า เปน การ ชวยเหลอื หรอื ใหความสะดวกแกจ าํ เลยท่ี ๒ ในการกระทาํ ความผิดจาํ เลยท่ี ๑ จึงมคี วามผดิ ฐานเปน ผสู นบั สนนุ จาํ เลยที่ ๒ ในการกระทาํ ความผดิ ฐานขม ขืนกระทําชาํ เราผเู สยี หาย ó) ¼ŒÍÙ ¹è× คาํ วา “¼ÙŒÍ×è¹” ในทนี่ ้คี ือผถู กู กระทํา ซึง่ อาจเปน à¾Èà´ÂÕ Ç¡¹Ñ μ‹Ò§à¾Èหรือ¤Ê‹Ù ÁÃÊ กันกไ็ ด ô) à¨μ¹Ò ในสวนของเจตนาผูกระทําจะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ ทานศาสตราจารยจิตติ ตงิ ศภทั ย ไดอ ธบิ ายวา ถา มàี ¨μ¹Ò¡ÃÐทาํ ชาํ àÃÒ แมไ มส ามารถกระทาํ ไดส าํ เรจ็ กเ็ ปน ความผดิ ฐาน¾ÂÒÂÒÁ ถาเจตนาเพยี ง¡ÃÐทําÀÒ¹͡ ไมประสงคใ หข องลบั ลวงลํ้าเขา มาภายในชอ งสงั วาสของหญิง ไมเปน ความผดิ ฐานพยายามขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา แตอ าจเปน การกระทาํ ͹ҨÒÃเทา นนั้ (คาํ พพิ ากษาศาลฎกี า ที่ ๓๑๑/๒๔๙๐, ๑๓๑๖/๒๕๐๘, ๒๘๗๘/๒๕๒๒) อนงึ่ การกระทาํ ชาํ เราตามกฎหมายใหมต อ งกระทาํ à¾Í×è ʹͧ¤ÇÒÁã¤Ãข‹ อง¼¡ŒÙ ÃÐทาํ อันเปนà¨μ¹Ò¾àÔ ÈÉ ¡Ã³Õ¼Œ¡Ù ÃÐทาํ ¼Ô´μÍŒ §ÃѺâ·Éʧ٠¢é¹Ö (ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃäÊͧ, ÇÃäÊÒÁ) ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃäÊͧ การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนึ่ง ผูกระทาํ ตอ งรบั โทษหนักขึน้ ถาä´Œ¡ÃÐทําâ´ÂทําãËŒ¼ÙŒ¶Ù¡¡ÃÐทําࢌÒã¨Ç‹Ò¼ÙŒ¡ÃÐทําÁÕÍÒÇØ¸»„¹ หรือÇÑμ¶ØÃÐàºÔ´ตองระวางโทษจําคุก ตัง้ แตเจด็ ปถงึ ย่ีสิบปและปรบั ตงั้ แตห นึ่งแสนส่ีหมน่ื บาทถงึ ส่แี สนบาท ͸ºÔ Ò บทบญั ญตั ใิ นมาตรา ๒๗๖ วรรคสองนี้ เปน บทบญั ญตั ทิ ไ่ี ดม กี ารแกไ ขใหม โดยองคป ระกอบ ความผดิ ทสี่ าํ คญั คือ การทาํ ใหผ ูถกู กระทาํ เขา ใจวา ผูกระทาํ มอี าวุธปนหรอื วตั ถรุ ะเบิด ตวั อยา งเชน นายดาํ ใชป น ของเลน หรอื ปน บบี กี นั ขใู หน างสาวแดงยนิ ยอมใหต นกระทาํ ชาํ เรา ซ่ึงนางสาวแดงเขาใจวาเปนปนของจริง ในกรณีแมนายดําจะไมมีอาวุธปนติดตัวมาก็ดี หากนายดํา ไดก ระทาํ ใหน างสาวแดงเขา ใจวา อาวธุ ปน ปลอมทน่ี ายดาํ ใชข เู ขญ็ หรอื สงิ่ ทอี่ ยใู นกระเปา สะพายของนายดาํ

๓๑๑ ดงั กลา วเปนอาวธุ ปน เชนนีก้ ็เปนความผิดทนี่ ายดาํ จะตอ งรบั โทษสงู ขึน้ ตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสอง อนั เปนเหตฉุ กรรจของมาตรา ๒๗๖ วรรคหนงึ่ ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃäÊÒÁ ถา การกระทาํ ความผิดตามวรรคหนึ่ง ไดก ระทาํ โดยมีอาวธุ ปน หรือวตั ถุระเบดิ หรือโดยใชอ าวธุ หรือโดยรว มกระทําความผิดดวยกันอันมลี ักษณะเปนการโทรมหญิง หรือกระทํากับชายในลักษณะเดียวกัน ตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสิบหาปถึงย่ีสิบป และปรับตั้งแต สามแสนบาทถงึ ส่ีแสนบาทหรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃäÊÒÁ การกระทําความผดิ ตามวรรคหน่ึง ผกู ระทําตอ งรบั โทษหนักขึ้น ถา ๑) ไดก ระทําโดยมีอาวธุ ปน หรือวตั ถรุ ะเบิด ๒) ไดกระทําโดยใชอ าวุธ ๓) ไดก ระทาํ โดยรว มกระทาํ ความผดิ ดว ยกนั อนั มลี กั ษณะเปน การโทรมหญงิ หรอื กระทาํ กับชายในลักษณะเดยี วกัน ¢ÍŒ 椄 à¡μ ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃäÊÒÁ เปน àËμ©Ø ¡Ãèท ที่ าํ ใหผ กู ระทาํ ตอ งรบั โทษหนกั ขน้ึ กวา วรรคสอง แยกพจิ ารณาได ๒ ประการดงั น้ี (ñ) ä´¡Œ ÃÐทาํ â´ÂÁÍÕ ÒÇØ¸»„¹ËÃ×ÍÇμÑ ¶ÃØ Ðàº´Ô หากอาวธุ นนั้ คอื ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ เพยี งแตม อี าวธุ ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ ã¹¢³Ð¢Á‹ ¢¹× ¡ÃÐทาํ ชาํ àÃÒ áÁ¼Œ ¡ŒÙ ÃÐทาํ ÁäÔ ´ãŒ ªกŒ เ็ ปน ความผดิ ตามวรรคสามแลว แตถ า เปน ÍÒÇ¸Ø ÍÂÒ‹ §Í¹×è ตอ งมกี าร㪌 ดวยจงึ จะมีความผดิ ตามวรรคสาม (ò) â´ÂãªÍŒ ÒÇ¸Ø คําÇ‹Ò “â´Â㪌ÍÒÇØ¸” ตามกฎหมายที่แกไขใหม หมายถึง ÍÒÇØ¸»ÃÐàÀ·ã´ก็ได ซึ่งอาวุธในท่ีน้ีหมายรวมถึงสิ่งซึ่งไมเปนอาวุธโดยสภาพ แตซ่ึงไดใชหรือเจตนาจะใชนาจะประทุษราย รา งกายหรอื อนั ตรายสาหสั อยา งอาวธุ ตามความหมายใน ป.อ.มาตรา ๑ (๕) และตอ งเปน การใชใ นขณะ กระทาํ ความผดิ ตวั อยา งเชน การใชม ดี คตั เตอรแ มจ ะเปน อาวธุ โดยสภาพ แตถ า จะเอามาใชข ม ขผู เู สยี หาย ทุกคร้ัง จงึ ถอื เปน อาวุธโดยเจตนาจะใช (คําพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๑๔๐๐/๒๕๓๘) μÇÑ Í‹ҧ คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÊ®¡Õ Ò·èÕ ÷÷ø÷/òõõñ จาํ เลยนาํ อาวธุ มดี ทต่ี ดิ ตวั ออกมาวางบรเิ วณเสอ่ื ที่จัดเตรียมไวแลวจึงกระทําชําเราผูเสียหาย โดยผูเสียหายมิไดยืนยันวาจําเลยใชอาวุธมีดขูเข็ญบังคับ ใหผูเสียหายยอมใหจําเลยกระทําชําเรา เมื่อจําเลยสําเร็จความใครแลว จําเลยนําอาวุธมีดมาถือไว และขมขูผูเสียหายมใิ หบ อกแกผอู นื่ วา ถูกจาํ เลยกระทําชําเรา «Öè§à»¹š ¡ÒÃ㪌ÍÒÇØ¸ÁÕ´ËÅ§Ñ ¨Ò¡·èจÕ ําàÅ ¡ÃÐทาํ ชําàÃÒ¼ÙŒàÊÂÕ ËÒÂáÅŒÇ ซง่ึ เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๒๗๗ วรรคหน่ึง

๓๑๒ แมผูกระทําการขมขืนกระทําชําเราผูอื่นจะไมมีปน แตหากผูที่รวมกระทําดวยกันมีปน ผกู ระทํากต็ อ งรับโทษหนักขึน้ ตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสาม μÇÑ Í‹ҧ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·Õè øùñ/òõòñ จาํ เลยขมขืนชําเราหญิง โดยพวกของจําเลยมปี น บงั คบั ไมใ หค นอน่ื ชว ยหญงิ จาํ เลยรว มกระทาํ กบั พวกทมี่ อี าวธุ ปน จาํ เลยตอ งรบั โทษหนกั ขนึ้ ตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสอง (»˜¨¨ºØ ѹ¤×ÍÇÃäÊÒÁ) คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաҷèÕ ó÷ô/òõòö โจทกรว มยอมไปโรงแรมกบั จําเลยที่ ๒ เพราะ หลงกลอบุ ายหลอกลวงวา สามโี จทกร ว มนอกใจ ใหไ ปจบั ผดิ สามี แลว จาํ เลยที่ ๑ สามจี าํ เลยท่ี ๒ ไดเ ขา มา ชว ยกนั ถอดเสอื้ ผา และจาํ เลยที่ ๒ ä´ãŒ ª»Œ ¹„ บงั คบั ขเู ขญ็ ขณะจาํ เลยที่ ๑ ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราโจทกร ว ม จาํ เลยท่ี ๒ กถ็ า ยภาพไว จาํ เลยทง้ั สองจงึ มคี วามผดิ ฐานรว มกนั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราโจทกร ว มโดยมแี ละ ใชอาวุธปน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคสอง (»¨˜ ¨Øº¹Ñ ¤×ÍÇÃäÊÒÁ), ๘๓ คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·èÕ òò÷/òõòù จาํ เลยที่ ๑ ใชอ าวุธปนขบู งั คบั หญงิ ผเู สยี หายให ยอมใหจ าํ เลยที่ ๒ กระทาํ ชาํ เราโดยจาํ เลยท่ี ๑ มไิ ดก ระทาํ ชาํ เราผเู สยี หายดว ยถอื ไมไ ดว า จาํ เลยทง้ั สอง ไดรวมกันขมขืนกระทําชําเราผูเสียหายอันมีลักษณะเปนการโทรมหญิงแตถือเปนตัวการรวมกันขมขืน กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หายโดยมหี รอื ใชอ าวธุ ปน อนั เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๒๗๖ วรรคสอง (»¨˜ ¨ºØ ¹Ñ ¤×ÍÇÃäÊÒÁ) ¤ÇÒÁáμ¡μÒ‹ §ÃÐËNjҧÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃäÊͧáÅÐÇÃäÊÒÁ กรณวี รรคสองแมผ กู ระทาํ ไมม อี าวธุ ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ แตถ า ไดก ระทาํ ใหผ ถู กู กระทาํ เขา ใจวา ผมู อี าวธุ ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ กเ็ ขา องคป ระกอบเหตฉุ กรรจท มี่ โี ทษหนกั กวา การขม ขนื กระทาํ ชาํ เราทวั่ ไป ตามวรรคหนึง่ สว นวรรคสาม เปน กรณีทผี่ กู ระทําตองมีอาวธุ ปนหรอื วัตถรุ ะเบิดในขณะกระทาํ ความผดิ จึงจะครบองคประกอบเหตุฉกรรจต ามวรรคสามน้ี (ó) â´ÂÃÇ‹ Á¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ´ÇŒ ¡¹Ñ Í¹Ñ ÁÅÕ ¡Ñ ɳÐ໹š ¡ÒÃâ·ÃÁËÞ§Ô ËÃÍ× ¡ÃÐทาํ ¡ºÑ ªÒ ã¹ÅѡɳÐà´ÕÂÇ¡¹Ñ ¢ÍŒ 椄 à¡μ ๑. การรว มกระทาํ ความผดิ ดว ยกนั อนั มลี กั ษณะเปน การโทรมหญงิ นน้ั μÍŒ §Á¡Õ ÒÃ¼Å´Ñ à»ÅèÕ¹¡¹Ñ ¢Á‹ ¢¹× ¡ÃÐทาํ ชาํ àÃÒμ§éÑ áμÊ‹ ͧ¤¹¢Öé¹ä» (คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี ๑๒๐๒/๒๕๒๙) โดยμŒÍ§ÁÕ ¡ÒÃÃÇ‹ Á¡¹Ñ ¡ÃзÒí ¤ÇÒÁ¼´Ô ประการหนงึ่ และ¡ÒáÃÐทาํ ·ÃèÕ Ç‹ Á¡¹Ñ ¹¹éÑ à¢ÒŒ Å¡Ñ É³ÐÍ¹Ñ à»¹š ¡ÒÃâ·ÃÁËÞ§Ô อีกประการหนึง่ ดว ย (คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๓๘๖๓/๒๕๓๓)

๓๑๓ μÇÑ ÍÂÒ‹ § คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·èÕ öö÷/òõòñ จาํ เลยท่ี ๒ กบั พวกอกี หนงึ่ คนรว มกนั ขม ขนื กระทําชําเราผูเสียหายโดยพวกของจําเลยจับขาผูเสียหายไวใหจําเลยที่ ๒ ขมขืนกระทําชําเรากอน เสรจ็ แลวจําเลยท่ี ๒ มายนื คุมใหพวกของตนขม ขืนกระทําชําเราอีกจนสาํ เรจ็ ความใครคนละครั้งเชนน้ี เขา ลกั ษณะเปน การโทรมหญงิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ วรรคสอง (»¨˜ ¨ºØ ¹Ñ ¤Í× ÇÃäÊÒÁ) ๒. การโทรมหญงิ ผลู งมอื กระทาํ ตอ งมากกวา หนง่ึ คนผลดั เปลย่ี นกนั กระทาํ อยา งนอ ย ¤¹ÅФçÑé ดว ย (คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๑๖๘๕/๒๕๐๓ (ประชุมใหญ), ๑๙๙๒/๒๕๑๗, ๖๗๗/๒๕๒๑) ๓. แมค นหนงึ่ กระทาํ ชาํ เราสาํ เรจ็ ความใคร แตอ กี คนหนงึ่ แคพ ยายามขม ขนื กระทาํ ชําเรา กย็ งั ถอื วาเปน การโทรมหญิงแลว (คาํ พิพากษาศาลฎีกาท่ี ๓๐๐๗/๒๕๓๒ (ประชมุ ใหญ) ) μÇÑ ÍÂÒ‹ § คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·Õè óðð÷/òõóò (»ÃЪÁØ ãËÞ)‹ การทจี่ าํ เลยกบั พวกรว มกนั บกุ รกุ เขา ไปในบา นของผเู สยี หายในเวลากลางคนื โดยจาํ เลยมอี าวธุ มดี พวกของจาํ เลยมอี าวธุ ปน แลว จําเลยไดใชอาวุธมีดจ้ีบังคับกระทําชําเราผูเสียหาย ในขณะเดียวกันนั้นพวกของจําเลยไดใชอาวุธปน จบี้ งั คบั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราพวกของผเู สยี หายอกี คนหนง่ึ ซง่ึ นอนอยบู นเตยี งเดยี วกนั นน้ั จาํ เลยมคี วามผดิ ฐานรว มกนั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราหญงิ ซง่ึ มใิ ชภ รยิ าของตนโดยขเู ขญ็ ใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยและไดร ว มกนั กระทาํ โดยมหี รือใชอาวธุ ปนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคสอง (»¨˜ ¨ØºÑ¹¤×ÍÇÃäÊÒÁ) เม่ือจําเลยขมขืนกระทําชําเราผูเสียหายแลว พวกของจําเลยไดผละจากพวกของ ผูเสียหายมาขมขืนกระทําชําเราผูเสียหายตออีก แมพวกของจําเลย¨ÐäÁ‹ÊÒÁÒöÊÍ´ãÊ‹ÍÇÑÂÇÐà¾È ࢌÒä»ã¹ÍÇÂÑ ÇÐà¾È¢Í§¼ŒÙàÊÂÕ ËÒÂä´Œ แตก ไ็ ดลงมอื กระทําการขมขนื กระทาํ ชําเราผูเสียหายจนถงึ ขน้ั พยายามแลว การทจ่ี ําเลยกับพวกผลดั เปลี่ยนกันกระทาํ ชาํ เราผเู สียหายตอเนื่องกนั ถอื ไดว า เปน การ รว มกนั กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หายอนั มลี กั ษณะเปน การโทรมหญงิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ วรรคสอง (»¨˜ ¨ØºÑ¹¤Í× ÇÃäÊÒÁ) คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաҷÕè ñöóð/òõôô จําเลยกับพวกรวมกันกระทําผิด แมจะ ปรากฏวา หลงั จากจาํ เลยขม ขนื กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หายเสรจ็ แลว พวกของจาํ เลยคนหนงึ่ ทร่ี ว มกนั มาฉดุ ผเู สยี หายไปขม ขนื กระทาํ ชาํ เราซง่ึ เขา ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราเปน คนตอ มาจะไมส ามารถสอดใสอ วยั วะเพศ ของตนเขา ไปในอวยั วะเพศของผเู สยี หายไดเ พราะอวยั วะเพศไมแ ขง็ ตวั กต็ าม แตก ารทพี่ วกของจาํ เลย พยายามสอดใสอ ยนู าน ๑๐ นาที กแ็ สดงใหเ หน็ เจตนาทจ่ี ะรมุ กนั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หาย การกระทาํ ของจาํ เลยกบั พวกจงึ ไดช อ่ื วา เปน การรว มกนั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หายอนั มลี กั ษณะเปน การโทรมหญงิ ๔. แตถ า คนหนงึ่ กระทาํ ชาํ เราจนสาํ เรจ็ แตอ กี คนหนง่ึ 处 äÁ¶‹ §Ö ¢¹Ñé ¾ÂÒÂÒÁ¢Á‹ ¢¹× ¡ÃÐทาํ ชําàÃÒ กรณีนี้ยังäÁ¶‹ ×ÍÇ‹Ò໹š ¡ÒÃâ·ÃÁËÞÔ§ ทั้งสองคนมีความผดิ ฐานเปนตวั การรวมกนั ขม ขืน กระทาํ ชําเราตามมาตรา ๒๗๖ วรรคหนงึ่ ประกอบมาตรา ๘๓ เทา น้นั

๓๑๔ μÑÇÍÂÒ‹ § คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·Õè ñòðò/òõòù การรว มกระทาํ ความผดิ ดว ยกนั อนั มลี กั ษณะ เปน การโทรมหญงิ นนั้ μÍŒ §Á¡Õ ÒÃÃÇ‹ Á¡¹Ñ ¼Å´Ñ à»ÅÂÕè ¹¡¹Ñ ¢Á‹ ¢¹× ¡ÃÐทาํ ชาํ àÃÒμ§éÑ áμÊ‹ ͧ¤¹¢¹éÖ ä» จาํ เลย ท่ี ๑ ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หายà¾ÂÕ §¤¹à´ÂÕ Ç จาํ เลยท่ี ๒ 处 äÁä‹ ´¢Œ Á‹ ¢¹× ¡ÃÐทาํ ชาํ àÃÒ´ÇŒ  เพยี งแต กอดจูบและกดผูเสียหายใหจําเลยท่ี ๑ ขมขืนกระทําชําเราผูเสียหายเทานั้น ดังนี้ลักษณะการกระทํา ดงั กลา วของจาํ เลยท่ี ๒ เปน เพยี งตวั การรว มกระทาํ ผดิ ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราดว ยกนั กรณ¨ี §Ö äÁà‹ ¢ÒŒ Å¡Ñ É³Ð à»š¹¡ÒÃâ·ÃÁËÞ§Ô ÁÒμÃÒ ».Í.ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃäÊͧ (»¨˜ ¨ºØ ¹Ñ ¤Í× ÇÃäÊÒÁ) จําเลยทง้ั สองมี ความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคหนง่ึ ประกอบมาตรา ๘๓ เทานัน้ ๕. เมอื่ ไดข ม ขนื กระทาํ ชาํ เราอนั มลี กั ษณะเปน การโทรมหญงิ โดยกระทาํ ตงั้ แตส องคน ข้ึนไปแลว หากยังมีพวกที่รวมกระทําดวยกัน แตยังไมทันไดลงมือกระทําชําเราก็ตองรับผิดฐานเปน μÑÇ¡ÒÃรว มกนั ขมขืนกระทาํ ชําเราอนั มีลกั ษณะเปนการโทรมหญิงดวย μÇÑ Í‹ҧ คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·èÕ òòðð/òõò÷ ระหวา งทผ่ี เู สยี หายไปเทยี่ วงานมหกรรมชา ง จําเลยท่ี ๒ ซ่งึ ผูเ สยี หายไมเ คยรจู ักมากอน ไดเขามาทักทายและไปเท่ียวงานดวยกนั จนกระทั่งตกดึก ผเู สยี หายจะกลบั บานก็ขอใหจ าํ เลยที่ ๒ กบั พวกไปสง จําเลยท่ี ๒ ทาํ รรี อวา จะรอเพอ่ื นกอน แตเ มอ่ื ผเู สยี หายเดนิ ออกจากบรเิ วณงาน กเ็ หน็ จาํ เลยท่ี ๒ กบั พวกเดนิ นาํ หนา ไปกอ น ครน้ั ถงึ ทเี่ กดิ เหตผุ เู สยี หาย ก็ถูกชายวัยรุนซ่ึงมีจําเลยที่ ๑ รวมอยูดวยฉุดไปขมขืนกระทําชําเราท่ีขางทาง สวนจําเลยท่ี ๒ ถอดกางเกงรออยู ผูเสยี หายขอรอ งวา อยา ทําหนูเลย จําเลยที่ ๒ ตอบวา อีกคนหน่ึง แตมีคนเดินมา คนรา ยจงึ อมุ ผเู สยี หายไปทอี่ นื่ แลว ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราจนผเู สยี หายสลบไป ตามพฤตกิ ารณส อ วา จาํ เลย ท่ี ๒ ไดรวมกับพวกเพอื่ กระทาํ ความผดิ มาแตตน การรวมกันขมขืนกระทําชําเราอันมีลักษณะเปนการโทรมหญิงนั้นจะตองกอนหลัง กันอยู พวกของจําเลยบางคนไดขม ขนื กระทาํ ชําเราผูเสยี หายแลว บางคนกําลงั ขม ขืนกระทําชาํ เราอยู จาํ เลยที่ ๒ ซง่ึ ไดถ อดกางเกงรออยพู รอมที่จะขมขืนกระทาํ ชําเราเปนคนตอ ไป แมจ ะยังไมท ันไดขมขนื กระทําชําเราผเู สียหาย เพราะมีผูอ ื่นมายังที่เกดิ เหตุจึงหลบหนีไปเสยี กอ น กไ็ ดช่อื วา เปนผรู วมกระทาํ ความผิดแลว คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·èÕ öööó/òõóù จาํ เลยท่ี ๓ จบั มอื ปด ปากผเู สยี หายเพอ่ื ให จาํ เลยท่ี ๑ และจาํ เลยที่ ๒ ผลดั เปลยี่ นกนั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หายตอ เนอ่ื งกนั เปน การรมุ กนั กระทาํ ตอผูเสยี หาย ถือไดว า จําเลยที่ ๑ ท่ี ๒ และท่ี ๓ รว มกนั กระทาํ ชําเราอันมีลักษณะเปน การโทรมหญงิ คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաҷèÕ ñõõø/òõôó แมจําเลยจะมิไดเปน ผลู งมือขม ขืนกระทํา ชําเราผูเสียหาย แตพฤติการณที่จําเลยชวยกันฉุดผูเสียหายและชวยกดคอและตบตีผูเสียหายเพื่อให พวกของจาํ เลยขม ขนื กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หายในลกั ษณะโทรมหญงิ นน้ั ถอื ไดว า จาํ เลยไดà »¹š μÇÑ ¡ÒÃรว ม กระทาํ ผดิ ดว ยกนั กบั พวกของจาํ เลยแลว จาํ เลยจงึ มคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคสอง (»˜¨¨ØºÑ¹¤×ÍÇÃäÊÒÁ) ประกอบดวยมาตรา ๘๓

๓๑๕ คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·Õè öùøô/òõôô จาํ เลยพาผเู สยี หายและ ส. คนรกั ผเู สยี หาย ไปยังกระทอมที่เกิดเหตุ ตอมา ส. กลัววาจะเกิดเรื่องไมดีจึงคิดจะกลับ ขณะท่ี ส. กําลังติดเคร่ือง รถจกั รยานยนตแ ละผเู สยี หายจะนงั่ ซอ นทา ย จาํ เลยไดเ ขา มาลอ็ กคอผเู สยี หาย ลากลงมาและกอดปลา้ํ ผูเสยี หาย จากนน้ั มี ต. และ ช. เขามาจับแขนขาผเู สียหายพาไปท่แี ครขา งกระทอ มแลว ชว ยกนั ถอด กางเกงผเู สยี หาย แลว μ. ¢Á‹ ¢¹× ¡ÃÐทาํ ชาํ àÃÒ¼àŒÙ ÊÂÕ ËÒÂà»¹š ¤¹áá โดยมี ช. ชว ยจบั แขนขาผเู สยี หาย ระหวา งนนั้ จาํ เลยซง่ึ อยบู รเิ วณแครไ ดต ะโกนบอกให จ. ไปตามหา ส. ซง่ึ หนอี อกไปหาคนชว ยเหลอื แลว จาํ เลยและ จ. ว่งิ ออกไปเพ่ือหวงั สะกดั ก้ันมใิ ห ส. ไปรองขอความชว ยเหลือ หลงั จาก ต. ขมขืน กระทาํ ชาํ เราเสรจ็ แลว ª. ä´¢Œ Á‹ ¢¹× ¡ÃÐทาํ ชาํ àÃÒ¼àŒÙ ÊÂÕ ËÒÂà»¹š ¤¹μÍ‹ ä» ดงั นี้ แมจ าํ เลยจะมไิ ดช ว ยจบั แขนขา ผูเสียหายระหวา ง ต. หรอื ช. ขมขนื กระทาํ ชําเรากต็ าม แตก ารกระทาํ ของจาํ เลยดงั กลา วนับไดว าเปน μÇÑ ¡ÒÃในการรว มกนั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หายอนั มลี กั ษณะเปน การโทรมหญงิ ตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๖ วรรคสอง (»¨˜ ¨ºØ ¹Ñ ¤×ÍÇÃäÊÒÁ) แลว ¡Ã³Õ໹š ¡ÒáÃÐทํา¤ÇÒÁ¼´Ô ÃÐËNjҧ¤Ù‹ÊÁÃÊ ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃäÊÕè ถาการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง เปนการกระทําความผิด ระหวางคูสมรสและคูสมรสนั้น ยังประสงคจะอยูกินดวยกันฉันสามีภริยา ศาลจะลงโทษนอยกวาที่ กฎหมายกําหนดไวเพียงใดก็ได หรือจะกําหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติแทนการลงโทษก็ได ในกรณีท่ีศาลมีคําพิพากษาใหลงโทษจําคุก และคูสมรสฝายใดฝายหนึ่งไมประสงคจะอยูกินดวยกัน ฉันสามีภรยิ าตอ ไป และประสงคจะหยา ใหค ูสมรสฝา ยน้นั แจง ใหศ าลทราบ และใหศ าลแจงพนกั งาน อัยการใหดําเนนิ การฟอ งหยา ให ͸ºÔ Ò ñ. ¡ÒáÃÐทํา¤ÇÒÁ¼´Ô μÒÁÇÃä˹Öè§ ¶ŒÒ ๑) เปนการกระทําความผิดระหวางคูส มรส และ ๒) คูสมรสน้ันยังประสงคจ ะอยกู ินกันฉนั สามภี รยิ า ÈÒÅÁÕอาํ ¹Ò¨ (ก) ลงโทษนอ ยกวาทก่ี ฎหมายกําหนดไวเ พียงใดกไ็ ด หรือ (ข) กาํ หนดเงื่อนไขเพือ่ คมุ ประพฤติแทนการลงโทษ ò. แตใ นกรณที ศ่ี าลมคี าํ พพิ ากษาใหล งโทษจาํ คกุ และคสู มรสฝา ยใดฝา ยหนง่ึ ไมป ระสงค จะอยูก ินฉันสามภี รยิ าตอไปและประสงคจ ะหยา กฎหมายใหค สู มรสฝา ยนัน้ แจง ใหศาลทราบ และให ศาลแจงพนกั งานอยั การใหด าํ เนนิ การฟองหยา ให

๓๑๖ ¡ÒáÃÐทําชําàÃÒà´ç¡ÍÒÂäØ Áà‹ ¡¹Ô ñõ »‚ ÁÒμÃÒ ò÷÷ò ผูใ ดกระทาํ ชําเราเดก็ อายุยงั ไมเ กินสบิ หา ปซ ่ึงมิใชภรยิ าหรือสามีของตน โดยเดก็ นนั้ จะยนิ ยอมหรอื ไมก ต็ าม ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตห า ปถ งึ ยสี่ บิ ป และปรบั ตง้ั แตห นงึ่ แสนบาท ถงึ สแ่ี สนบาท ถาการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง เปนการกระทําแกเด็กอายุยังไมเกินสิบสามป ตอ งระวางโทษจําคุกต้งั แตเจด็ ปถึงยีส่ ิบป และปรับตั้งแตห นง่ึ แสนสห่ี ม่ืนบาทถึงสี่แสนบาท หรอื จําคกุ ตลอดชีวติ ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนง่ึ หรอื วรรคสอง ไดก ระทาํ โดยทาํ ใหผ ถู กู กระทาํ เขา ใจวา ผกู ระทาํ มอี าวธุ ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตส บิ ปถ งึ ยสี่ บิ ป และปรบั ตงั้ แตส องแสนบาท ถึงส่แี สนบาท หรอื จาํ คกุ ตลอดชีวติ ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง ไดกระทําโดยมีอาวุธปนหรือวัตถุ ระเบิดหรือโดยใชอาวุธ หรือโดยรวมกระทําความผิดดวยกันอันมีลักษณะเปนการโทรมเด็กหญิงหรือ กระทาํ กับเดก็ ชายในลกั ษณะเดียวกนั ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตลอดชีวิต ความผิดตามท่ีบัญญัติไวในวรรคหนึ่ง ถาเปนการกระทําโดยบุคคลอายุไมเกินสิบแปดป กระทาํ ตอ เดก็ ซง่ึ มอี ายกุ วา สบิ สามปแ ตย งั ไมเ กนิ สบิ หา ป โดยเดก็ นนั้ ยนิ ยอม ศาลทม่ี อี าํ นาจพจิ ารณาคดี เยาวชนและครอบครวั จะพจิ ารณาใหม กี ารคมุ ครองสวสั ดภิ าพของเดก็ ผถู กู กระทาํ หรอื ผกู ระทาํ ความผดิ ตามกฎหมายวาดวยการคุมครองเด็กแทนการลงโทษก็ได ในการพิจารณาของศาล ใหคํานึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปญ ญา การศึกษาอบรม สขุ ภาพ ภาวะแหง จิต นสิ ยั อาชพี สิ่งแวดลอ มของ ผูกระทาํ ความผดิ และเด็กผถู กู กระทาํ ความสมั พนั ธร ะหวา งผูก ระทําความผิดกับเดก็ ผูถ ูกกระทาํ หรอื เหตอุ ่นื อันควรเพื่อประโยชนของเด็กผูถ ูกกระทาํ ดวย ในกรณที ไ่ี ดม กี ารดาํ เนนิ การคมุ ครองสวสั ดภิ าพของเดก็ ผถู กู กระทาํ หรอื ผกู ระทาํ ความผดิ ตามกฎหมายวา ดว ยการคมุ ครองเดก็ แลว ผกู ระทาํ ความผดิ ไมต อ งรบั โทษ แตถ า การคมุ ครองสวสั ดภิ าพ ดังกลาวไมสําเร็จ ศาลจะลงโทษผูกระทําความผิดนอยกวาท่ีกฎหมายกําหนดไวสําหรับความผิดนั้น เพยี งใดก็ไดใ นการพิจารณาของศาล ใหค าํ นงึ ถงึ เหตตุ ามวรรคหาดว ย ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃä˹֧è ๑. ผูกระทําและà´ç¡¼ŒÙ¶¡Ù ¡ÃÐทํา¨Ð໚¹ËÞÔ§หรือªÒÂก็ได ดังนน้ั ชายอาจกระทําชาํ เรา เดก็ หญงิ หรอื เด็กชายกไ็ ด และหญิงก็อาจกระทําชาํ เราเด็กชายหรือเดก็ หญงิ กไ็ ด แตà ´ç¡¼¶ŒÙ ¡Ù ¡ÃÐทําจะตอ งมÍี ÒÂäØ Áà‹ ¡Ô¹ ñõ »‚ และÁÔãªÀ‹ ÃÂÔ ÒËÃ×ÍÊÒÁÕของผูกระทํา ดวย ๒ พ.ร.บ.แกไขเพิม่ เติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนท่ี ๖๙ ก/หนา ๑๒๘/ ๒๗ พ.ค. ๖๒

๓๑๗ หากภรยิ าซึง่ อายยุ ังไมเกิน ๑๕ ป ÂÔ¹ÂÍÁใหสามีกระทาํ ชําเรา การกระทําของสามี ก็ไมผ ิดมาตรา ๒๗๗ วรรคหนึ่ง หรอื หากภริยาäÁ‹Â¹Ô ÂÍÁ แมการกระทําของสามไี มผดิ มาตรา ๒๗๗ วรรคหน่งึ แตส ามีจะมีความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคหนงึ่ ๒. การนบั อายขุ องเดก็ ใหเ รมิ่ นบั แตว นั เกดิ (คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๗๘๔๑/๒๕๕๒ และ ๑๐๘๔/๒๕๕๔) ๓. ในสว นของการกระทาํ คอื การกระทาํ ชาํ เราเดก็ â´ÂäÁμ‹ ÍŒ §คาํ ¹§Ö ÇÒ‹ à´¡ç ¹¹Ñé ¨ÐÂ¹Ô ÂÍÁ ËÃ×ÍäÁ‹ แมเ ด็กจะยนิ ยอมการกระทําก็เปน ความผิด ๔. ความหมายของการกระทาํ ชาํ เรา มบี ทนยิ ามอยใู น ป.อ.มาตรา ๑ (๑๘) ขอใหน กั เรยี น ดคู ําอธิบายในมาตรา ๒๗๖ ๕. ปญ หาเกย่ี วกับการรว มประเวณีกับเดก็ หญงิ อายุไมเกิน ๑๕ ป โดยเขา ใจวาอายุเกนิ ๑๕ ป ผูกระทาํ จะมคี วามผดิ ตามมาตรานี้หรอื ไม มีคําพิพากษาศาลฎีกาตัดสนิ ไว ๒ แนว ซึ่งใหเ หตผุ ล ตางกนั ดงั นี้ á¹Çáá เห็นวา เปนเร่ืองผกู ระทาํ สําคัญผิดในขอเท็จจริงตามมาตรา ๖๒ วรรคแรก ที่วา ขอเท็จจริงใด ถามีอยูจริงจะทําใหการกระทําไมเปนความผิด แมขอเท็จจริงน้ันจะไมมีอยูจริง แตผูกระทาํ สาํ คญั ผิดวา มีอยจู รงิ ผูก ระทํายอ มไมม ีความผิดตามมาตรา ๒๗๗ วรรคหน่งึ เชน คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաҷÕè õñ÷ö/òõóø จําเลยรวมประเวณีกับเด็กหญิงมะปราง ผูเสียหายซึง่ มีอายุ ๑๔ ป ๕ เดือน โดยสําคัญผดิ คิดวาผูเ สียหายมอี ายุ ๑๘ ป มีปญหาวาจาํ เลยจะ อางความสําคัญผิดในเร่ืองอายุของผูเสียหายไดหรือศาลฎีกาวินิจฉัยวา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๗ และมาตรา ๒๗๙ ผกู ระทาํ ผดิ จะตอ งกระทาํ แกเ ดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๕ ป เรอ่ื งอายขุ องผเู สยี หาย เปน องคป ระกอบของความผดิ ดว ย จงึ เปน ขอ เทจ็ จรงิ ทวี่ า ผกู ระทาํ ผดิ ไดร หู รอื ไม การรหู รอื ไมร ขู อ เทจ็ จรงิ จะผดิ หรอื ไม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๒ วรรคหนึ่ง บัญญตั ิวา ขอเท็จจรงิ ใดถา มีอยูจริงจะ ทาํ ใหก ารกระทาํ ไมเ ปน ความผดิ ฯลฯ แมข อ เทจ็ จรงิ นนั้ จะไมม อี ยจู รงิ แตผ กู ระทาํ สาํ คญั ผดิ วา มอี ยจู รงิ ผกู ระทาํ ยอ มไมม คี วามผดิ ฯลฯ จงึ เหน็ ไดว า เมอื่ จาํ เลยสาํ คญั ผดิ ในเรอื่ งอายขุ องผเู สยี หาย แมค วามจรงิ ไมใชอ ยา งทีจ่ ําเลยสําคัญผิด จาํ เลยยอมไมม ีความผิด á¹Ç·èÕÊͧ เห็นวา อายุของหญิงเปนขอเท็จจริงซึ่งเปนองคประกอบของความผิด ถา ผกู ระทาํ ไมรู ถือวา ผกู ระทาํ ไมมเี จตนากระทําความผดิ ฐานนี้ ตามมาตรา ๕๙ วรรคสาม เชน คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·Õè öôðõ/òõóù จําเลยกระทาํ ชาํ เราผูเ สียหายÍÒÂØ ñô »‚ ô à´Í× ¹ โดยผเู สยี หายยนิ ยอม แตจ าํ เลยà¢ÒŒ 㨼´Ô ÇÒ‹ ผเู สยี หายÍÒÂØ ñ÷ »‚ เพราะผเู สยี หายมรี ปู รา งใหญ ตัวสูงเทาจําเลย พูดจาฉะฉานเหมือนผูใหญ อีกทั้งยังทํางานท่ีโรงงานผลไมกระปองซ่ึงจะรับเฉพาะ คนทมี่ อี ายุ ๑๗ ปข นึ้ ไปทาํ งาน ศาลฎกี าวนิ จิ ฉยั วา เชอื่ ไดว า จากรปู รา ง การพดู จา และงานทผี่ เู สยี หายทาํ มเี หตผุ ลทาํ ใหผ พู บเหน็ เขา ใจวา ผเู สยี หายมอี ายเุ กนิ กวา ๑๕ ปไ ด ฟง ไดว า จาํ เลยสาํ คญั ผดิ โดยเขา ใจวา ผเู สยี หายอายุ ๑๗ ป ยอ มมผี ลใหจ าํ เลยไมร ขู อ เทจ็ จรงิ วา ผเู สยี หายอายไุ มเ กนิ ๑๕ ป ซงึ่ เปน ขอ เทจ็ จรงิ

๓๑๘ อันเปนองคประกอบของความผิดตามมาตรา ๒๗๗ วรรคหนึ่ง เมื่อจําเลยไมรูขอเท็จจริงดังกลาว จงึ ถือวา จาํ เลยไมมเี จตนากระทําความผิดฐานน้ี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรคสาม ¢ÍŒ Êѧà¡μ กรณีตามปญหานี้ อายุของเด็กเปน¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§Íѹ໚¹Í§¤»ÃСͺÀÒ¹͡ของ ความผิดตามมาตรา ๒๗๗ วรรคหน่ึง การที่ผูเสียหายอายุยังไมเกิน ๑๕ ป แตผูกระทําเขาใจไปวา ผูเสียหายอายุเกินกวา ๑๕ ป และศาลก็เช่ือวาผูกระทําเขาใจผิดเชนน้ันจริง ตองถือวาผูกระทํา ¢Ò´à¨μ¹Òกระทาํ ความผิดฐานนต้ี ามมาตรา ๕๙ วรรคสาม ทีบ่ ญั ญัติวา “ถาผูก ระทาํ มิไดร ขู อ เท็จจริง อนั เปน องคป ระกอบของความผดิ จะถอื วา ผกู ระทาํ ประสงคต อ ผล หรอื ยอ มเลง็ เหน็ ผลของการกระทาํ นนั้ มไิ ด” เมอื่ ไมร กู ค็ อื ไมม เี จตนาอนั เปน การกระทาํ ทข่ี าดองคป ระกอบภายในเรอ่ื งเจตนานน่ั เอง ผกู ระทาํ จงึ ไมม คี วามผดิ มาตรา ๒๗๗ คดใี นทาํ นองนจี้ งึ นา จะปรบั ดว ยมาตรา ๕๙ วรรคสามมากกวา ทจี่ ะปรบั ดว ยมาตรา ๖๒ วรรคแรก เพราะมาตรา ๖๒ วรรคแรกจะนํามาใชเ ปน คุณแกผูกระทํากต็ อเม่ือมีการ กระทาํ น้ันครบองคประกอบภายนอกและผกู ระทํารูขอ เท็จจริงคอื มีเจตนาแลว เทานน้ั อยา งไรกต็ าม ปจ จบุ นั มบี ญั ญตั ใิ นมาตรา ๒๘๕/๑ บญั ญตั วิ า “ถา การกระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๗๗... หากเปนการกระทําตอà´¡ç ÍÒÂäØ Áà‹ ¡¹Ô ÊºÔ ÊÒÁ»‚ ËŒÒÁÍÒŒ §¤ÇÒÁäÁË ͌٠ÒÂØ¢Í§à´ç¡ à¾×èÍãËŒ¾Œ¹¨Ò¡¤ÇÒÁ¼Ô´¹Ñé¹” ดังน้ัน ขอเท็จจริงตามฎีกาในกรณีเด็กอายุยังไมเกินสิบสามป ฎีกานั้น จะใชเปนบรรทัดฐานไมไดแลว แตถาเปนกรณีที่เด็กอายุเกินสิบสามป เชน ในคําพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๖๔๐๕/๒๕๓๙ ซึ่งเด็กอายุ ๑๔ ป ๔ เดอื น ไมอ ยใู นหลกั เกณฑข องมาตรา ๒๘๕/๑ นี้ ฎกี านจ้ี ึงยงั ใชเปน บรรทัดฐานไดอ ยู ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃäÊͧ ถากระทําความผิดตามวรรคหนึง่ เปนการกระทําแกเด็ก อายุไมเ กนิ ๑๓ ป ผกู ระทําตอ งรับโทษหนักข้นึ ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃäÊÒÁ ถาการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ไดก ระทาํ โดยทาํ ใหผ ถู กู กระทาํ เขา ใจวา ผกู ระทาํ มอี าวธุ ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ ผกู ระทาํ กต็ อ งรบั โทษหนกั ขน้ึ ขอใหนักเรียนดูคําอธิบายในมาตรา ๒๗๖ วรรคสอง ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃäÊÕè ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนงึ่ หรอื วรรคสอง ไดก ระทาํ โดยมอี าวธุ ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ หรอื โดยใชอ าวธุ หรอื โดยรว มกระทาํ ความผดิ ดว ยกนั อนั มลี กั ษณะเปน การ โทรมเด็กหญงิ หรือกระทาํ กับเดก็ ชายในลกั ษณะเดยี วกนั ผูกระทําตองรับโทษหนกั ขนึ้ ขอใหน ักเรยี นดู คําอธิบายในมาตรา ๒๗๖ วรรคสาม ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃÃ¤ËŒÒ ความผิดตามที่บัญญัติไวในวรรคหน่ึง ถาเปนการกระทําโดยบุคคลอายุäÁ‹à¡Ô¹ ÊºÔ á»´»ก‚ ระทาํ μÍ‹ à´¡ç «§Öè ÁÍÕ ÒÂ¡Ø ÇÒ‹ ÊºÔ ÊÒÁ»á‚ μ‹ §Ñ äÁà‹ ¡¹Ô ÊºÔ ËÒŒ »‚ โดยà´¡ç ¹¹éÑ Â¹Ô ÂÍÁ ศาลทม่ี อี าํ นาจ พิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวจะพิจารณาใหมี¡Òä،Á¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾¢Í§à´ç¡¼ÙŒ¶Ù¡¡ÃÐทําËÃ×Í ¼ÙŒ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´ตามกฎหมายวาดวยการคุมครองเด็กแทนการลงโทษก็ได ในการพิจารณาของศาล

๓๑๙ ใหค ํานึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สตปิ ญ ญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแหง จิต นสิ ยั อาชพี ส่ิงแวดลอมของผูกระทําความผิดและเด็กผูถูกกระทํา ความสัมพันธระหวางผูกระทําความผิดกับเด็ก ผูถ ูกกระทาํ หรือเหตอุ น่ื อันควรเพือ่ ประโยชนของเดก็ ผูถ ูกกระทาํ ดวย ¢ŒÍ椄 à¡μ ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃäËÒŒ ศาลจะสง่ั ใหม กี ารคมุ ครองสวสั ดภิ าพของเดก็ แทนการลงโทษกไ็ ด ถา เขา เงอื่ นไข ดงั นี้ ๑. ผูก ระทาํ ความผิดจะตองอายุไมเกนิ ๑๘ ป (ขณะกระทาํ ความผิด) ๒. เด็กผถู กู กระทําอายุกวา ๑๓ ป แตยงั ไมเ กิน ๑๕ ป ๓. เดก็ ผูถูกกระทํายนิ ยอม ๔. ศาลท่ีมีอํานาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว มีอํานาจพิจารณาใหมี การคมุ ครองสวสั ดภิ าพของเดก็ ผถู กู กระทาํ หรอื ผกู ระทาํ ความผดิ ตามกฎหมายวา ดว ยการคมุ ครองเดก็ แทนการลงโทษกไ็ ด ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃäˡ ในกรณีท่ีไดมีการดําเนินการคุมครองสวัสดิภาพของเด็กผูถูกกระทําความผิดตาม กฎหมายวาดวยการคมุ ครองเด็กแลว ผกู ระทาํ ความผดิ äÁ‹μŒÍ§ÃºÑ â·É แตถ า การคมุ ครองสวสั ดภิ าพ ดังกลาวไมสําเร็จ ศาลจะŧâ·Éผูกระทําความผิดนอยกวาที่กฎหมายกําหนดไวสําหรับความผิดน้ัน เพยี งใดกไ็ ด ในการพจิ ารณาของศาลใหค ํานึงถงึ เหตตุ ามวรรคหาดว ย ¢ÍŒ Êѧà¡μ ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃäˡ มาตรา ๒๗๗ วรรคหกนี้บญั ญัติข้นึ เพือ่ ใหร บั กับความในมาตรา ๒๗๗ วรรคหา ๑) ¡àǹŒ â·É ใหแ กผ กู ระทาํ ความผดิ ในกรณที ไี่ ดม กี ารดาํ เนนิ การคมุ ครองสวสั ดภิ าพ ของเด็กผถู ูกกระทําหรือผูก ระทําความผิดตามกฎหมายวา ดว ยการคมุ ครองเด็กแลว หรอื ๒) ŧâ·É ผูกระทําความผิดนอยกวาท่ีกฎหมายกําหนดไวสําหรับความผิดนั้น เพียงใดก็ได ในกรณีท่กี ารคมุ ครองสวัสดิภาพดังกลาว äÁ‹สาํ àÃç¨ ทั้งน้ี ศาลจะตองคาํ นึงถึงเหตตุ ามวรรคหา ดวย ÁÒμÃÒ ò÷÷ ·ÇóÔ ถาการกระทําความผดิ ตามมาตรา ๒๗๖ วรรคหนงึ่ หรือมาตรา ๒๗๗ วรรคหนงึ่ หรอื วรรคสอง เปนเหตุใหผ ถู กู กระทาํ (๑) รบั อนั ตรายสาหสั ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตส บิ หา ปถ งึ ยสี่ บิ ป และปรบั ต้ังแตส ามแสนบาทถึงส่แี สนบาท หรือจาํ คกุ ตลอดชวี ติ (๒) ถงึ แกความตาย ผูก ระทําตองระวางโทษประหารชีวติ หรือจาํ คุกตลอดชวี ิต ͸ԺÒ มาตรานเี้ ปน ผลทที่ าํ ใหผ กู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๗๖ วรรคหนง่ึ หรอื มาตรา ๒๗๗ วรรคหน่งึ หรอื วรรคสอง ตองรบั โทษหนกั ขน้ึ ถา มผี ลเกิดขน้ึ คอื อนั ตรายสาหสั ตามอนุมาตรา (๑) หรือ ๓ พ.ร.บ.แกไขเพิม่ เติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบบั ที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนท่ี ๖๙ ก/หนา ๑๒๙/ ๒๗ พ.ค. ๖๒

๓๒๐ ถงึ แกความตายตามอนมุ าตรา (๒) และเปน ผลธรรมดาตามมาตรา ๖๓ ผูกระทาํ กต็ องรับโทษหนักขึ้น ตามมาตราน้ี ÁÒμÃÒ ò÷÷ μÃôÕ ถา การกระทาํ ความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสาม หรือมาตรา ๒๗๗ วรรคสี่ เปนเหตุใหผูถ กู กระทํา (๑) รบั อันตรายสาหัส ผกู ระทําตองระวางโทษประหารชีวิต หรือจาํ คุกตลอดชวี ติ (๒) ถึงแกความตาย ผูกระทาํ ตองระวางโทษประหารชวี ิต ͸ԺÒ มาตรานกี้ ม็ ลี กั ษณะทาํ นองเดยี วกบั มาตรา ๒๗๗ ทวิ กลา วคอื ถา การกระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสาม หรอื มาตรา ๒๗๗ วรรคส่ี มผี ลเกดิ ขน้ึ คอื อนั ตรายสาหสั ตามอนมุ าตรา (๑) ความตายตามอนุมาตรา (๒) และเปนผลธรรมดา ตามมาตรา ๖๓ ผูกระทําก็ตองรับโทษหนักขึ้น ตามมาตรานี้ ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹¡ÃÐทาํ ͹ҨÒà ÁÒμÃÒ ò÷ø ผใู ดกระทําอนาจารแกบคุ คลอายุกวาสบิ หาปโ ดยขเู ข็ญดวยประการใดๆ โดยใชกําลังประทุษราย โดยบุคคลน้ันอยูในภาวะที่ไมสามารถขัดขืนได หรือโดยทําใหบุคคลน้ัน เขาใจผิดวาตนเปนบุคคลอื่น ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสิบป หรือปรับไมเกินสองแสนบาท หรือ ทง้ั จาํ ท้งั ปรบั ถาการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง เปนการกระทําโดยใชวัตถุหรืออวัยวะอื่นซ่ึงมิใช อวัยวะเพศลวงล้ําอวัยวะเพศหรือทวารหนักของบุคคลนั้น ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกต้ังแตส่ีป ถงึ ย่ีสิบป และปรับตั้งแตแ ปดหม่ืนบาทถงึ สแ่ี สนบาท๕ ถาการกระทําความผิดตามวรรคสอง ไดกระทําโดยทําใหผูถูกกระทําเขาใจวาผูกระทํามี อาวธุ ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตเ จด็ ปถ งึ ยสี่ บิ ป และปรบั ตงั้ แตห นงึ่ แสนสหี่ มน่ื บาท ถงึ สแี่ สนบาท๖ ถาการกระทําความผดิ ตามวรรคสอง ไดกระทาํ โดยมอี าวุธปนหรอื วตั ถรุ ะเบิดหรือโดยใช อาวธุ หรอื โดยรว มกระทาํ ความผดิ ดว ยกนั อนั มลี กั ษณะเปน การโทรมหญงิ หรอื กระทาํ กบั ชายในลกั ษณะ เดยี วกนั ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตส บิ หา ปถ งึ ยส่ี บิ ป และปรบั ตง้ั แตส ามแสนบาทถงึ สแ่ี สนบาท หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ ๗ ๔ พ.ร.บ.แกไ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับท่ี ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนท่ี ๖๙ ก/หนา ๑๒๙/ ๒๗ พ.ค. ๖๒ ๕ พ.ร.บ.แกไ ขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนท่ี ๖๙ ก/หนา ๑๓๐/ ๒๗ พ.ค. ๖๒ ๖ พ.ร.บ.แกไ ขเพ่มิ เติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบบั ท่ี ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนท่ี ๖๙ ก/หนา ๑๓๐/ ๒๗ พ.ค. ๖๒ ๗ พ.ร.บ.แกไ ขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบบั ที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนที่ ๖๙ ก/หนา ๑๓๐/ ๒๗ พ.ค. ๖๒

๓๒๑ ͸ԺÒ ๑. มาตรา ๒๗๘ วรรคหน่ึง ͧ¤» ÃСͺÀÒ¹͡ ๑. ผใู ด ๒. กระทาํ อนาจารแกบุคคลอายุกวา ๑๕ ป ๓. โดยขูเขญ็ ดว ยประการใดๆ โดยใชก ําลงั ประทษุ รา ย โดยบุคคลน้นั อยูในภาวะที่ ไมสามารถขดั ขืนได หรือโดยทาํ ใหบ ุคคลน้ันเขา ใจผดิ วาตนเปนบคุ คลอ่ืน ͧ¤»ÃСͺÀÒÂã¹ à¨μ¹Ò (ÁÒμÃÒ õù) ๑.๑ การกระทาํ ͹ҨÒà คอื ¡ÒáÃзÒí “·äèÕ ÁÊ‹ Á¤ÇÃã¹·Ò§à¾È” μÍ‹ ÃÒ‹ §¡Ò¢ͧ ºØ¤¤ÅÍè×¹ (คําพิพากษาศาลฎกี าที่ ๔๐๒๔/๒๕๓๔) อนั เปนการ¡ÃÐทาํ μÍ‹ à¹Í×é μÇÑ ºØ¤¤Å เชน หอมแกม และจับหนา อกผหู ญงิ (คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๒๒๔๕/๒๕๓๗) กอดจบู ลูกคลาํ แตะเนือ้ ตรวจรางกาย ในทางไมสมควรก็เปนความผิดสําเร็จแลว (คําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๐๔๙/๒๕๕๐) อาจจะเปนการ กระทาํ ตอ เน้ือตวั ของผูเสียหาย เชน นายแดงลบู ไลอ วัยวะเพศของนางสาวขาว หรอื อาจใหผ เู สียหาย กระทาํ ตอ เนอื้ ตวั รา งกายของผกู ระทาํ เชน นายแดงบงั คบั ใหน างสาวขาวลบู ไลอ วยั วะเพศของนายแดง áÁŒ¨Ð໚¹¡ÒáÃÐทําã¹·èÕÅѺ¡ç໚¹Í¹Ò¨ÒÃä´Œ เชน การท่ีชายอื่นรวมประเวณีกับผูเสียหายซึ่งเปน ผูเยาวที่ถูกจําเลยพาไปในหองของโรงแรมáÁŒ¨Ð໚¹·ÕèÁÔ´ªÔ´แตเปนการกระทําที่ไมสมควรในทางเพศ ตอ รางกายของผเู สยี หายจึงเปน การกระทําเพอื่ การอนาจาร (คําพพิ ากษาศาลฎีกาที่ ๑๖๒๗/๒๕๓๙) การกระทาํ ตอ เนอื้ ตวั บคุ คลทไ่ี มส มควรทางเพศมไิ ดห มายความเฉพาะการคา ประเวณี หรือความใครเทาน้ัน แตÃÇÁ¶Ö§¡ÒáÃÐทําãËŒÍѺÍÒ¢ÒÂ˹ŒÒã¹·Ò§à¾È´ŒÇ เชน การกอดเอว ผเู สยี หาย จบั มือ และดงึ แขนผูเสียหายก็เปน การกระทําอนาจารแกผ ูเสียหายโดยใชกาํ ลังประทุษรา ย เปนความผดิ ตามมาตรา ๒๗๘ (คาํ พพิ ากษาศาลฎีกาท่ี ๔๘๓๖/๒๕๔๗) การกระทาํ ทไ่ี มส มควรในทางเพศอนั เปน การกระทาํ ผดิ อนาจารนนั้ ใหพ จิ ารณา การกระทําน้ันจากที่ปรากฏออกมาภายนอก หากคนท่ัวไปเห็นวาไมสมควรในทางเพศก็เปนอนาจาร แมผ กู ระทาํ จะมไิ ดก ระทาํ เพอ่ื ความใคร แตก ระทาํ ไปดว ยเหตอุ นื่ ๆ เชน เพอื่ แกแ คน หรอื โกรธแคน กต็ าม μÇÑ Í‹ҧ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաҷèÕ ñóñô/òõòö จําเลยกับผูเสียหายอยูกินดวยกัน โดยไมไ ดจ ดทะเบยี นสมรสเพยี ง ๒ เดอื นกเ็ ลกิ กนั ตอ มาจาํ เลยฟอ งเรยี กเอาคา สนิ สอดคนื จากฝา ยผเู สยี หาย ศาลพิพากษายกฟอง แสดงวาจําเลยไดแสดงเจตนาเลิกกับผูเสียหายโดยเด็ดขาดแลว ผูเสียหายหามี ความสัมพันธฉันสามีภริยากับจําเลยอีกตอไปไม ผูเสียหายขี่รถจักรยานยนตมีคนน่ังซอนทายมาดวย จาํ เลยเขา มาขวางกระชากแขนผเู สยี หายลงจากรถ เขา กอดปลาํ้ และพยายามฉดุ ใหไ ปกบั จาํ เลย จาํ เลย จงึ มีความผดิ ฐานกระทาํ อนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘ หากการกระทําตามทปี่ รากฏออกมาภายนอกน้นั ไมใชก ารกระทําท่ไี มสมควร กลา วคือ คนทั่วไปเหน็ วา ผูก ระทํามิไดมคี วามมงุ หมายในทางความใคร กä็ Á‹à»¹š ͹ҨÒà แมผูกระทํา

๓๒๒ จะมีความรูสึกในทางเพศอยูในขณะกระทําก็ตาม เชน นายแพทยตรวจรางกายภายในของหญิง เพราะจําเปน ในการตรวจโรคแมขณะตรวจนน้ั นายแพทยจะมีความรูสกึ ทางเพศขนึ้ มา การกระทาํ ของ นายแพทย กä็ Áà‹ »š¹¡ÒáÃÐทาํ ͹ҨÒà การกระทําใดท่ีจะมีพฤติการณหรือลักษณะท่ีไมสมควรในทางเพศน้ัน ตอ งพจิ ารณาจากประเพณนี ยิ มหรอื กาลเทศะ ถา ตามประเพณนี ยิ มคนทว่ั ไปเหน็ วา äÁà‹ »¹š ¡ÒáÃÐทาํ ͹ҨÒà เชน นายแพทยจ ับหนา อกหรือของลับผหู ญิงเพ่ือรักษาโรคตามความจําเปน หรอื การทีบ่ ิดา มารดาหรือญาติผูใหญกอดหรือหอมแกมลูกหลานดวยความรักความเอ็นดู หรือการจับมือลูบหัว เพอ่ื หยอกลอ เน่ืองจากความสนทิ สนม เปนตน สวนการกลาวถอยคําหรือพูดจาหยาบคาย หรือการเขียนภาพลามกอนาจาร หรือการเลาเร่ืองรวมเพศลามกอนาจารใหเด็กฟง (คําพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๒๘๕๘/๒๕๔๐) แมจะไม สมควรในทางเพศ แตÁ äÔ ´Œ¡ÃÐทาํ μÍ‹ à¹é×ÍμÑǺؤ¤Å จงึ ไมใ ชอนาจารตามมาตราน้ี อยางไรก็ตาม มีแนวคําพิพากษาศาลฎีกาใหมตัดสินวา การบันทึกภาพใต กระโปรงหญงิ â´ÂÁäÔ ´ÊŒ ÁÑ ¼ÊÑ μÍ‹ à¹Í×é μÇÑ ÃÒ‹ §¡Ò¢ͧËÞ§Ô แตท าํ ใหห ญงิ อบั อายเปน การกระทาํ อนาจาร โดยใชก าํ ลังประทษุ ราย (ᡨ‹ Ôμã¨) คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·Õè ñòùøó/òõõø การทจี่ าํ เลยแอบตดิ ตงั้ กลอ งบนั ทกึ ภาพ ไวที่ใตโตะทํางานของโจทกรวม และบันทึกภาพสรีระรางกายของโจทกรวมตั้งแตชวงล้ินปจนถึง อวัยวะชวงขามองเห็นกระโปรงที่โจทกรวมสวมใส ขาทอนลางและขาทอนบนของโจทกรวม โดยท่ี กลอ งบนั ทกึ ภาพมแี สงไฟสาํ หรบั เพมิ่ ความสวา งเพอื่ ใหม องเหน็ ภาพบรเิ วณใตก ระโปรงของโจทกร ว มให ชดั เจนยง่ิ ขน้ึ การกระทาํ ของจาํ เลยสอ แสดงใหเ หน็ ถงึ ความใครแ ละกามารมณ โดยทโ่ี จทกร ว มมไิ ดร เู หน็ หรอื ยนิ ยอม อนั ໹š ¡ÒáÃзÒí ·äèÕ ÁÊ‹ Á¤ÇÃã¹·Ò§à¾ÈμÍ‹ ⨷¡Ã Ç‹ Á â´Â⨷¡Ã Ç‹ Áμ¡ÍÂã‹Ù ¹ÀÒÇзäÕè Á‹ ÊÒÁÒö¢´Ñ ¢¹× ä´Œ áÁ¨Œ Òí àŨÐÁäÔ ´ÊŒ ÁÑ ¼ÊÑ μÍ‹ à¹Í×é μÇÑ ÃÒ‹ §¡Ò¢ͧ⨷¡Ã Ç‹ Áâ´Âμç แตก ารทจ่ี าํ เลยใช กลอ งบนั ทกึ ภาพใตก ระโปรงโจทกร ว มในระยะใกลช ดิ โดยโจทกร ว มไมร ตู วั ยอ มรบั ฟง ไดว า จาํ เลยไดก ระทาํ โดยประสงคต อ ผลอนั ไมส มควรในทางเพศตอ โจทกร ว ม โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยตามมาตรา ๑ (๖) แหง ประมวลกฎหมายอาญา ซงึ่ การใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยอนั เปน องคป ระกอบความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๘ นอกจากหมายความวา ทําการประทุษรายแกกายแลว ยังหมายความวาทําการประทุษรายแกจิตใจ ดวย ไมวาจะทําดวยใชแรงกายภาพหรือดวยวิธีอ่ืนใด และใหหมายความรวมถึงการกระทําใด ๆ ซงึ่ เปน เหตใุ หบ คุ คลหนง่ึ บคุ คลใดอยใู นภาวะทไี่ มส ามารถขดั ขนื ได การกระทาํ ของจาํ เลยดงั กลา ว ทาํ ให โจทกรวมตองรูสึกสะเทือนใจอับอายขายหนา จึงถือวาเปนการประทุษรายแกจิตใจของโจทกรวมแลว การกระทําของจําเลยจึงเปนการกระทําอนาจารโจทกรวม ครบองคประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๘ ¢ŒÍÊѧà¡μ แนวฎีกาใหมน้ีขัดกับแนวฎีกาเดิมซึ่งผูกระทําตองมีการสัมผัสตอ เนอื้ ตวั รา งกายของผเู สยี หายหรอื บงั คบั ใหผ เู สยี หายสมั ผสั ตอ เนอื้ ตวั รา งกายของผกู ระทาํ และมนี กั วชิ าการ

๓๒๓ โตแยงวาเปนการตีความที่เกินจากบทบัญญัติของกฎหมาย คงตองรอศาลฎีกาโดยท่ีประชุมใหญวา จะวินิจฉยั ไปใทางใดตอ ไป ๑.๒ การกระทาํ อนาจารตามมาตรานต้ี อ งกระทาํ โดยขเู ขญ็ ดว ยประการใดๆ โดยใช กําลังประทุษรายโดยบุคคลน้ันอยูในภาวะที่ไมสามารถขัดขืนได โดยทําใหบุคคลนั้น เขาใจผิดวา ตนเปนบุคคลอื่น ทํานองเดียวกับมาตรา ๒๗๖ ซ่ึงแสดงใหเห็นวาผูถูกกระทํามิไดยินยอมใหกระทํา ตอ งมีการขเู ขญ็ หรอื ใชกาํ ลังประทษุ ราย เปนตน μÑÇÍ‹ҧ คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·èÕ õðñ/òõðó จาํ เลยจบั มอื และกอดเดก็ หญงิ ผเู สยี หาย อายุ ๑๔ ป ถอื ไดว า เปน การใชแ รงกายภาพ ซงึ่ เปน การใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยตามความหมายใน มาตรา ๑ (๖) แลว การกระทาํ ของจาํ เลยดงั กลาว เปนความผิดฐานกระทาํ อนาจารตามมาตรา ๒๗๘ คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒŮաҷèÕ óùõó/òõóù จาํ เลยกอดคอผูเสียหายและจับแขน ผูเสียหายลากเพ่ือจะพาเขาหองพักในโรงแรม เปนการกระทําที่ไมสมควรในทางเพศ มีความผิดฐาน กระทําอนาจารโดยใชก ําลังประทุษรายตอ ผูเ สียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘ ¢ŒÍ椄 à¡μ หากไมเปน การขูเขญ็ โดยกําลงั ประทษุ รา ยหรือขูเข็ญจนผูเสยี หาย อยูในภาวะท่ีไมสามารถขัดขืนได แตผูเสียหายโงเขลาเบาปญญาหลงเชื่องมงายจึงยอมใหทําอนาจาร เชนน้ีผูกระทําไมผิดตามมาตรานี้ (คาํ พิพากษาศาลฎีกาท่ี ๕๘๓๗/๒๕๓๐) คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò·èÕ õøó÷/òõóð ผเู สยี หายยอมใหจ าํ เลยซง่ึ เปน แพทย แผนโบราณกระทําอนาจารโดยโงเขลาเบาปญญาหลงเช่ืออยางงมงายวาจําเลยทําการรักษาโรคใหได การกระทําของจาํ เลยจึงไมเ ปนการขูเข็ญโดยใชก ําลงั ประทุษราย หรือขูเข็ญจนผเู สียหายอยูใ นภาวะท่ี ไมส ามารถขดั ขนื ได เมอ่ื จาํ เลยกระทาํ ตอ ผเู สยี หายซง่ึ มอี ายเุ กนิ กวา ๑๓ ป การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ ไมเ ปน ความผิดฐานกระทําอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘ ๑.๓ ผูถกู กระทาํ จะเปน ชายหรอื หญิงก็ได แตตองมอี ายกุ วา ๑๕ ป ถาอายไุ มเ กิน ๑๕ ป ก็จะมคี วามผดิ ตามมาตรา ๒๗๙ ซ่งึ จะอธบิ ายตอไป สวนผกู ระทําจะเปน ชายหรือหญิงก็ได ๑.๔ ผกู ระทาํ ตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ คอื เจตนากระทาํ อนาจารตามทไี่ ดอ ธบิ าย ขา งตน ·§éÑ ¹éÕ Á¢Õ ÍŒ 椄 à¡μÇÒ‹ ในกรณกี ารจบั เนอ้ื ตอ งตวั หญงิ มใิ ชเ ปน การกระทาํ อนาจาร เสมอไป เชน การจับแขนหญิงบังคับพาไปขมขืนกระทําชําเรา การจับแขนกรณีน้ี ไมเปนการกระทํา อนาจารอกี บทหนง่ึ (คําพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๕๒๗/๒๕๑๘) แตน า จะเปน เพราะการจับแขนเปนเจตนา บงั คบั พาไปมากกวา การยึดแขนหญิงและน่ังเบียดหญิงในรถระหวางพาไปเพื่อการอนาจาร เปนการกระทําปกติธรรมดาในการควบคุมมิใหหนี ไมม ีลกั ษณะเปน การทาํ อนาจารตามมาตรา ๒๗๘ (คําพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๒๔๐๑/๒๕๒๒)

๓๒๔ ผูเสียหายและจําเลยมีความสัมพันธกันฉันชูสาว ในวันเกิดเหตุจําเลยมาหา ผูเสยี หายที่บานและกอดรดั ผเู สยี หายในฐานะท่เี คยมคี วามสัมพันธกนั มากอน แมผูเ สยี หายจะปฏเิ สธ และจําเลยไมเลิกราก็นาจะเปนเพราะจําเลยตองการแสดงความรักตอผูเสียหายตามวิสัยชายที่มี ตอ หญงิ ทเ่ี คยมคี วามสมั พนั ธก นั มากอ น การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ ขาดเจตนาบกุ รกุ และ¢Ò´à¨μ¹Ò͹ҨÒà ผเู สียหาย (คาํ พิพากษาศาลฎกี าท่ี ๑๒๔๘๒/๒๕๔๗) การท่จี าํ เลยกับพวกรวมกันจบั แขนท้งั สองขางของผูเสยี หายที่ ๒ ชไู วบนศรี ษะ กดใหผ เู สยี หายท่ี ๒ นอนหงาย และใชม อื ปด ปากผเู สยี หายที่ ๒ มใิ หร อ ง พรอ มกบั ถอดกางเกงผเู สยี หาย ที่ ๒ ออกกเ็ พอ่ื จาํ เลยกบั พวกจะ¢Á‹ ¢¹× ¡ÃÐทาํ ชาํ àÃÒผเู สยี หายที่ ๒ เทา นนั้ จาํ เลยกบั พวกมไิ ดก ระทาํ การ อยา งใดตอ ผเู สยี หายที่ ๒ อกี ดงั น้ี ¨Ð¶Í× ÇÒ‹ ¨Òí àÅ¡ºÑ ¾Ç¡¡ÃÐทาํ ͹ҨÒüàŒÙ ÊÂÕ ËÒ·Õè ò ´ÇŒ  ËÒä´äŒ Á‹ แมจ าํ เลยใหก ารรบั สารภาพ ศาลกไ็ มอ าจพพิ ากษาวา จาํ เลยกระทาํ ความผดิ ฐานดงั กลา วได (คาํ พพิ ากษา ศาลฎีกาที่ ๑๕๒๕/๒๕๔๘) ๒. ÁÒμÃÒ ò÷ø ÇÃäÊͧ การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนง่ึ ผกู ระทาํ ตอ งรบั โทษหนกั ขน้ึ หากเปนการกระทําโดย㪌ÇÑμ¶ØหรือÍÇÑÂÇÐÍè×¹ซึ่งÁÔ㪋ÍÇÑÂÇÐà¾Èŋǧล้ําÍÇÑÂÇÐà¾ÈËÃ×Í·ÇÒÃ˹ѡ ของบคุ คลน้นั ͸ºÔ Ò ๒.๑ มาตรา ๒๗๘ วรรคสองเปน àËμ©Ø ¡Ãèข องวรรคหนง่ึ ถา ผกู ระทาํ กระทาํ โดย㪌 ÇÑμ¶ØหรือÍÇÑÂÇÐÍ×蹫èÖ§ÁÔ㪋ÍÇÑÂÇÐà¾È เชน ใชอวัยวะเพศเทียมŋǧล้ําÍÇÑÂÇÐà¾Èหรือ·ÇÒÃ˹ѡของ ผถู กู กระทาํ ซงึ่ ตามกฎหมายเดมิ ในกรณี เปน ¡ÒáÃÐทาํ ชาํ àÃÒ (เพราะเปน ¡ÒÃãªÊŒ §Ôè ͹è× ã´ (วตั ถ)ุ กระทาํ กับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผูอ่ืน) เปลี่ยนมาเปน¡ÒáÃÐทํา͹ҨÒôŒÇ¡ÒÃŋǧÅíéÒ (sexual assault by penetration) และเปนความผิดตามมาตรา ๒๗๘ วรรคสอง ซ่ึงมีอัตราโทษเทากับ ความผิดฐานขมขนื กระทําชาํ เราตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ วรรคหนง่ึ ๒.๒ ¹Ò‹ 椄 à¡μÇ‹Ò ตอ ไปนี้การทช่ี ายใชล้ิน (คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๔๑๖๔/๒๕๕๕) หรือใชนิ้วมือ (คําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๘๒๘/๒๕๕๘) ŋǧลํ้าÍÇÑÂÇÐà¾ÈËÃ×Í·ÇÒÃ˹ѡของหญิง อายกุ วา ๑๕ ป จะ໹š ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹¡ÃÐทาํ ͹ҨÒÃโดยการลว งลา้ํ ตามมาตรา ๒๗๘ วรรคสอง äÁã‹ ªà‹ »¹š ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹¡ÃÐทําชําàÃҴѧ·ÕèÈÒÅ®¡Õ Òà¤ÂÇ¹Ô Ô¨©ÂÑ äÇÍŒ Õ¡μÍ‹ ä» ๒.๓ ÁÒμÃÒ ò÷ø ÇÃäÊÒÁáÅÐÇÃäÊÕè ในมาตรา ๒๗๘ วรรคสามและวรรคสี่ จะเหน็ ไดว ามีขอความทาํ นองเดียวกับ ท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๒๗๖ วรรคสอง และมาตรา ๒๗๖ วรรคสาม ขอใหนักเรียนดูคําอธิบาย ในมาตรา ๒๗๖

๓๒๕ ¡ÃÐทาํ ͹ҨÒÃá¡‹à´ç¡ÍÒÂØÂ§Ñ äÁà‹ ¡Ô¹ ñõ »‚ ÁÒμÃÒ ò÷ùø ผูใดกระทาํ อนาจารแกเด็กอายุยังไมเกินสบิ หา ป โดยเด็กนั้นจะยินยอม หรือไมก ต็ ามตองระวางโทษจําคุกไมเ กินสบิ ป หรอื ปรบั ไมเ กนิ สองแสนบาท หรือทง้ั จาํ ท้ังปรับ ถาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึง เปนการกระทําแกเด็กอายุไมเกินสิบสามป ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตห นงึ่ ปถ งึ สบิ ป หรอื ปรบั ตงั้ แตส องหมนื่ บาทถงึ สองแสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทงั้ ปรบั ถาการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ผูกระทําไดกระทําโดยขูเข็ญดวย ประการใดๆ โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย โดยเดก็ นน้ั อยใู นภาวะทไี่ มส ามารถขดั ขนื ได หรอื โดยทาํ ใหเ ดก็ นน้ั เขา ใจผดิ วา ตนเปน บคุ คลอนื่ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตห นงึ่ ปถ งึ สบิ หา ป หรอื ปรบั ตงั้ แตส องหมน่ื บาท ถึงสามแสนบาทหรอื ทั้งจําทงั้ ปรับ ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนงึ่ หรอื วรรคสาม เปน การกระทาํ โดยใชว ตั ถหุ รอื อวยั วะอนื่ ซึ่งมิใชอวัยวะเพศลวงลํ้าอวัยวะเพศหรือทวารหนักของเด็กนั้น ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแต หาปถ งึ ย่สี ิบป และปรับตั้งแตหนงึ่ แสนบาทถึงสแ่ี สนบาท ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคสี่ เปน การกระทาํ แกเ ดก็ อายยุ งั ไมเ กนิ สบิ สามป ตอ งระวางโทษ จาํ คกุ ตัง้ แตเจด็ ปถึงย่สี บิ ป และปรบั ตั้งแตหนง่ึ แสนสห่ี มืน่ บาทถึงสีแ่ สนบาท หรือจาํ คกุ ตลอดชวี ิต ถาการกระทําความผิดตามวรรคส่ีหรือวรรคหา ไดกระทําโดยทําใหผูถูกกระทําเขาใจวา ผกู ระทาํ มอี าวธุ ปน หรอื วตั ถรุ ะเบดิ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตส บิ ปถ งึ ยส่ี บิ ป และปรบั ตงั้ แตส องแสนบาท ถงึ ส่ีแสนบาทหรือจาํ คุกตลอดชีวติ ถาการกระทําความผิดตามวรรคสี่หรือวรรคหา ไดกระทําโดยมีอาวุธปนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใชอาวุธ หรือโดยรวมกระทําความผิดดวยกันอันมีลักษณะเปนการโทรมเด็กหญิงหรือกระทํา กับเด็กชายในลกั ษณะเดยี วกนั ตอ งระวางโทษจําคุกตลอดชวี ติ ͸ºÔ Ò ๑. วรรคหนงึ่ ของมาตราน้ี มอี งคป ระกอบความผดิ เชน เดยี วกบั มาตรา ๒๗๘ แตต า งกนั ตรงท่ี ¼ŒÙ¶¡Ù ¡ÃÐทาํ μŒÍ§à»¹š à´¡ç ÍÒÂäØ Á‹à¡¹Ô ñõ »‚ áÅÐäÁ‹ÇÒ‹ à´ç¡¹éѹ¨ÐÂÔ¹ÂÍÁËÃÍ× äÁ‹¡μç ÒÁ¡ç໚¹¤ÇÒÁ¼´Ô คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñö÷ó/òõôö จําเลยมีอาชีพขับรถรับสงเด็กนักเรียนขณะท่ี เด็กหญิงผูเสียหายเรียนอยูช้ันประถมศึกษาปท่ี ๖ จําเลยทําอนาจารผูเสียหายโดยใชมือลูบคลําท่ี อวัยวะสืบพันธุและจับหนาอกผูเสียหาย จําเลยมีความผิดฐานกระทําอนาจารเด็กอายุไมเกิน ๑๕ ป ตามมาตรา ๒๗๙ วรรคแรก การกระทาํ ตามมาตรานี้ แมช ายกระทาํ ตอ ชาย หรอื หญงิ กระทาํ ตอ หญงิ กเ็ ปน ความผดิ ท้งั สิน้ ๘ พ.ร.บ.แกไ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบบั ที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนที่ ๖๙ ก/หนา ๑๓๐/ ๒๗ พ.ค. ๖๒

๓๒๖ ขอ สาํ คญั อกี ประการหนง่ึ คอื ผกู ระทาํ ตอ งรขู อ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั อายขุ องเดก็ ดว ยตาม มาตรา ๕๙ วรรคสาม ถา ไมร ูกข็ าดเจตนา คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè óøøñ/òõôò จาํ เลยพาเดก็ หญงิ ส. ผเู สยี หายไปเพอื่ จะกระทาํ ชาํ เรา ในขณะท่ผี ูเสียหายอายุ ๑๔ ป ๑๐ เดือนเศษ โดยผูเสยี หายสมคั รใจยินยอมไปกบั จาํ เลย และจาํ เลย กอดจูบกระทาํ อนาจารแกผ เู สียหาย แมก ารกระทาํ ของจาํ เลยอาจเปน ความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๒๗๙ วรรคแรก ก็ตาม แตการทผ่ี ูเสยี หายมรี ูปรา งและลกั ษณะการพูดจาทําใหจ าํ เลย สําคญั ผดิ วา ผเู สยี หายอายุ ๑๘ ถงึ ๑๙ ป ซึง่ เปนการสําคญั ผดิ ในขอ เท็จจรงิ อันเปนองคป ระกอบของ ความผดิ ฐานอนาจารผเู สยี หายอายไุ มเ กนิ ๑๕ ป ตามมาตรา ๒๗๙ วรรคแรก การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ ¢Ò´à¨μ¹Òกระทาํ ความผดิ ฐานดงั กลาวตามมาตรา ๕๙ วรรคสาม นาสังเกตวา คดนี ้ีเด็กอายุ ๑๔ ป ๑๐ เดือน จึงไมอยภู ายใตบ ังคบั มาตรา ๒๘๕/๑ ซงึ่ เปน กฎหมายใหมท บ่ี ญั ญตั กิ รณเี ดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๓ ป หา มอา งความไมร อู ายขุ องเดก็ เพอ่ื ใหพ น จาก ความผิดนน้ั ๒. ความในวรรคสอง เปน การกระทําแกเ ด็กอายุไมเ กินสบิ สามป ซงึ่ เปนเหตใุ หผูกระทาํ ตอ งรับโทษหนักขน้ึ ๓. ความในวรรคสามแสดงวา เดก็ ไมย นิ ยอม เพราะถกู กระทาํ โดยขเู ขญ็ ดว ยประการใดๆ โดยใชกาํ ลงั ประทุษราย โดยเด็กนั้นอยใู นภาวะทไ่ี มส ามารถขดั ขนื ได หรอื โดยทําใหเดก็ นน้ั เขาใจผิดวา ตนเปน บุคคลอ่นื ซ่ึงเปน เหตุใหผกู ระทาํ ตองรบั โทษหนกั ข้ึน ๔. ความในวรรคสี่ ถาการกระทาํ ความผิดตามวรรคหนงึ่ หรือวรรคสาม เปน การกระทํา โดยใชวัตถุหรืออวยั วะอ่ืนซ่งึ มิใชอ วัยวะเพศลวงล้าํ อวยั วะเพศหรือทวารหนักของเดก็ นัน้ ผูกระทาํ ตอง รับโทษหนักขึ้นอีก มีขอความทํานองเดียวกับมาตรา ๒๗๘ วรรคสอง ขอใหนักเรียนดูคําอธิบาย ในมาตราดังกลา ว ๕. สวนความในวรรคหกและวรรคเจ็ด มีขอความเชนเดียวกับมาตรา ๒๗๖ วรรคสอง วรรคสาม และมาตรา ๒๗๗ วรรคสาม วรรคส่ี ขอใหนกั เรยี นดูคําอธบิ ายในมาตราดังกลาว

๓๒๗ ÃѺâ·É˹ѡ¢Öé¹à¹×èͧ¨Ò¡¼Å¢Í§¡ÒáÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´μÒÁÁÒμÃÒ ò÷ø ËÃ×Í ÁÒμÃÒ ò÷ù ÁÒμÃÒ òøðù ถา การกระทาํ ความผิดตามมาตรา ๒๗๘ หรอื มาตรา ๒๗๙ เปน เหตุให ผูถูกกระทาํ (๑) รบั อนั ตรายสาหสั ผกู ระทําตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตห า ปถ ึงยส่ี ิบป และปรับต้งั แต หนึ่งแสนบาทถึงสแ่ี สนบาท หรือจําคกุ คลอดชีวติ (๒) ถงึ แกค วามตาย ผกู ระทําตอ งระวางโทษประหารชวี ิต หรอื จําคุกตลอดชีวติ ͸ºÔ Ò มาตรานี้เปนผลที่ทาํ ใหผูก ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๗๘ ตองรับโทษหนักข้ึน ถา มีผล เกิดข้นึ คือ อันตรายสาหสั ตามอนุมาตรา (๑) หรอื ความตายตามมาตรา (๒) และเปนผลธรรมดาตาม มาตรา ๖๓ ผูกระทําตอ งรบั โทษหนักขน้ึ ตามมาตรานี้ ÁÒμÃÒ òøð/ñ ถาผูก ระทําความผิดตามมาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๗๘ หรอื มาตรา ๒๗๙ ไดº ¹Ñ ·¡Ö ÀÒ¾หรอื àÊÂÕ §การกระทาํ ชาํ เราหรอื การกระทาํ อนาจารนน้ั ไว à¾Í×è áÊǧËÒ »ÃÐ⪹â´ÂÁԪͺสําหรับตนเองหรือผูอ่ืน ตองระวางโทษหนักกวาท่ีบัญญัติไวในมาตราน้ันๆ ˹֧è ã¹ÊÒÁ ถาผกู ระทาํ ความผดิ ตามวรรคหน่ึง เผยแพรหรอื สง ตอ ซึ่งภาพหรอื เสียงการกระทําชําเรา หรอื การกระทําอนาจารทบ่ี ันทกึ ไว ตองระวางโทษหนกั กวา ทบี่ ัญญัติไวใ นมาตรานัน้ ๆ กึง่ หน่ึง ͸ԺÒ ๑. มาตรานเี้ พมิ่ โทษผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๗๘ หรอื มาตรา ๒๗๙ ทไ่ี ดบ นั ทกึ ภาพหรอื เสยี งการกระทาํ ชาํ เราหรอื การกระทาํ อนาจารเพอ่ื แสวงหาประโยชน โยดมชิ อบ โดยจะบนั ทกึ เองหรอื ดาํ เนนิ การใหผ อู นื่ บนั ทกึ กไ็ ด แตห ากมกี ารลกั ลอบบนั ทกึ โดยผกู ระทาํ ความผิดไมมสี ว นรูเหน็ ดวยผูกระทาํ ความผิดก็ไมม คี วามผดิ ตามมาตรานี้ ๒. ผูกระทําความผิดตามมาตราดังกลาวนอกจากผูลงมือแลว ยังหมายถึงตัวการ ตามมาตรา ๘๓ ผูใชตามมาตรา ๘๔ และผสู นับสนุนตามมาตรา ๘๗ ดวย ๓. หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนงึ่ ไดเ ผยแพร หรอื สง ตอ ซงึ่ ภาพหรอื เสยี งดงั กลา ว ตอ งระวางโทษหนักขน้ึ กึ่งหนึง่ ตามวรรคสอง μÑÇÍÂÒ‹ §·Õè ñ นาย ก. ขม ขืนกระทาํ ชําเรา นาง ข. นาย ก. มคี วามผิดเชนตามมาตรา ๒๗๖ วรรคหนงึ่ หากนาย ก. บนั ทกึ ภาพและเสยี งขณะขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา นาง ข. เพอื่ แสวงหาประโยชน โดยมิชอบ กรณนี ี้ นาย ก. มคี วามผิดตามมาตรา ๒๘๐/๑ วรรคหนึง่ μÍŒ §ÃºÑ â·É˹¡Ñ ¢Ö¹é ˹֧è ã¹ÊÒÁ ¢Í§â·É·Õºè ÞÑ ÞμÑ ÔäÇ㌠¹ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃä˹§èÖ ๙ พ.ร.บ.แกไขเพม่ิ เติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบบั ท่ี ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนท่ี ๖๙ ก/หนา ๑๓๑/ ๒๗ พ.ค. ๖๒

๓๒๘ ถาวันรุงขึ้น นาย ก. นําภาพท่ีตนบันทึกไวไปÊ‹§μ‹Íหรือà¼Âá¾Ã‹ เพื่อประจาน คนท่ัวไป กรณนี ี้ นาย ก. มคี วามผดิ ตามมาตรา ๒๘๐/๑ วรรคสอง อนั เปน เหตุฉกรรจข องวรรคหนึง่ μŒÍ§ÃѺâ·É˹¡Ñ ¢Ö¹é ¡Ö§è Ë¹Ö§è ¢Í§â·É·ºèÕ ÞÑ ÞÑμäÔ ÇŒã¹ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃä˹Öè§ μÑÇÍ‹ҧ·èÕ ò นางดําใชนายแดงใหขมขืนนางขาวศัตรูของนางดํา โดยนางดํา แอบบันทึกภาพและเสียงไวเพ่ือประสงคจะใชเผยแพรเพ่ือประจานนางขาวใหอับอาย โดยการบันทึก ดงั กลาวนายแดงไมมีสว นรูเหน็ ดว ย กรณีนี้ นางดาํ ผิดมาตรา ๒๘๐/๑ เพราะคําวา “ผูกระทาํ ความผิด ตามมาตรา ๒๗๖ ฯลฯ” ยอมหมายถงึ (๑) ผูลงมอื (นายแดง) (๒) ตวั การ (เชน คนดตู น ทาง) (๓) ผูรับโทษเสมือนเปนตัวการ ซ่ึงไดแก “ผูใชในกรณีที่ผูถูกใชไดกระทําความผิด ตามทใ่ี ช” (ã¹·¹èÕ ¤éÕ Í× ¹Ò§ดํา) (๔) ผูส นับสนนุ (เชน ใหยมื หองใหใชข มขืน) ดังน้ัน นางดําจึงผิดมาตรา ๒๘๐/๑ หากตอมานางดํานําภาพและเสียงท่ีตน บันทึกไปเผยแพรหรือสง ตอ นางดําก็ผิดมาตรา ๒๘๐/๑ วรรคสอง ซ่ึงเปน “เหตุฉกรรจ” ของวรรคหน่ึง ·¹Õè Ò§ดาํ μÍŒ §ÃѺâ·É˹¡Ñ ¢Ö¹é ¡Öè§Ë¹Ö觢ͧâ·É·ºÕè ÞÑ ÞμÑ äÔ Ç㌠¹ÁÒμÃÒ ò÷ö ÇÃä˹è§Ö ¡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´¢‹Á¢¹× ¡ÃÐทําชําàÃÒËÃÍ× ¡ÒáÃÐทาํ ͹ҨÒ÷ÂèÕ ÍÁ¤ÇÒÁä´Œ ÁÒμÃÒ òøññð ความผดิ ตามมาตราดังตอไปนี้ เปน ความผิดอนั ยอมความได (๑) มาตรา ๒๗๖ วรรคหน่ึง และมาตรา ๒๗๘ วรรคสอง ซ่ึงเปนการกระทําระหวาง คสู มรส ถา มไิ ดเ กดิ ตอ หนา ธารกาํ นลั หรอื ไมเ ปน เหตใุ หผ ถู กู กระทาํ รบั อนั ตรายสาหสั หรอื ถงึ แกค วามตาย (๒) มาตรา ๒๗๘ วรรคหน่ึง ถามิไดเกิดตอหนาธารกํานัล ไมเปนเหตุใหผูถูกกระทํา รบั อนั ตรายสาหสั หรอื ถงึ แกค วามตาย หรอื มไิ ดเ ปน การกระทาํ แกบ คุ คลดงั ระบไุ วใ นมาตรา ๒๘๕ และ มาตรา ๒๘๕/๒ ͸ºÔ Ò ๑. ความผดิ เกีย่ วกบั เพศท่จี ะยอมความได มีดงั น้ี (ก) กรณีตามมาตรา ๒๘๑ (๑) (๑) ตองเปนการกระทําความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๗๘ วรรคสอง (๒) เปน การกระทาํ ระหวา งคูสมรส (๓) มิไดเ กดิ ตอหนาธารกํานลั และ (๔) ไมเปนเหตุใหผ ูถ ูกกระทาํ รบั อันตรายสาหสั หรอื ถงึ แกค วามตาย ๑๐ พ.ร.บ.แกไขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบบั ที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนที่ ๖๙ ก/หนา ๑๓๑/ ๒๗ พ.ค. ๖๒

๓๒๙ (ข) กรณตี ามมาตรา ๒๘๑ (๒) (๑) ตองเปน การกระทําความผดิ ตามมาตรา ๒๗๘ วรรคหนึ่ง (๒) มิไดเ กิดตอหนาธารกํานลั (๓) ไมเ ปนเหตุใหผ ถู ูกกระทาํ รับอนั ตรายสาหัสหรอื ถึงแกความตาย และ (๔) มไิ ดเ ปน การกระทาํ แกบ คุ คลดงั ระบไุ วใ นมาตรา ๒๘๕ และมาตรา ๒๘๕/๒ ๒. คาํ วา “μÍ‹ ˹Ҍ ¸ÒÃกาํ ¹ÅÑ ” หมายถงึ กระทาํ ในลกั ษณะทเ่ี ปด เผยใหบ คุ คลอน่ื สามารถ เหน็ การกระทําของตนได (ฎ.๑๑๗๓/๒๕๐๘ ประชมุ ใหญ) และบคุ คลอ่นื น้นั จะตองมใิ ชผูท ี่รวมกระทาํ ความผิดดวยกัน μÇÑ ÍÂÒ‹ § กรณีมใิ ชก ารกระทําตอ หนาธารกาํ นลั คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ๑๑๗๓/๒๕๐๘ (ประชมุ ใหญ) จาํ เลยขม ขนื กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หาย ตอ หนา เดก็ หญงิ คนหนงึ่ ã¹ËÍŒ §¹Í¹Á´× เพยี งแตเ หตเุ กดิ ตอ หนา เดก็ หญงิ เทา นน้ั และโจทกม ไิ ดย นื ยนั โตแ ยง วา จาํ เลยไดก ระทาํ โดยประการทใี่ หเ ดก็ หญงิ ไดเ หน็ การกระทาํ ของจาํ เลย หรอื วา จาํ เลยไดก ระทาํ ในลักษณะที่เปดเผยใหบุคคลอื่นสามารถเห็นการกระทําของจําเลยได ดังน้ี พฤติการณแหงคดีจึงถือ ไมไ ดว า จาํ เลยไดก ระทาํ ผดิ ตอ หนา ธารกาํ นลั หากผเู สยี หายไดแ ถลงตอ ศาลไมต ดิ ใจเอาความจากจาํ เลย ขอถอนคํารองทุกข ศาลกต็ อ งสั่งจําหนายคดอี อกจากสารบบความ μÑÇÍ‹ҧ กรณีการกระทําตอหนาธารกํานลั คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ๔๖๙๓/๒๕๕๓ จําเลยจบั หนา อกผเู สยี หายซึง่ เปน หญงิ ในราน อาหาร ซ่ึงมีลูกคามาน่ังรับประทานอาหารและมีพนักงานรานอาหารนั้นเห็น ดังนี้ เปนการกระทํา อนาจารแกผูเสยี หายตอหนา ธารกํานัลแลว ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡ÕÂè Ç¡ºÑ ¡ÒäŒÒ»ÃÐàÇ³Õ ÁÒμÃÒ òøöññ ผใู ดกระทาํ ดว ยประการใดๆ ดงั ตอ ไปน้ี ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ ยส่ี บิ ป และปรบั ไมเ กินสีแ่ สนบาท หรอื จําคุกตลอดชวี ติ (๑) ชว ยเหลือ ใหความสะดวก หรือคมุ ครองการคา ประเวณขี องผูอน่ื (๒) รับประโยชนไมวา รปู แบบใดจากการคาประเวณีของผอู ่ืนหรือจากผูซง่ึ คา ประเวณี (๓) บังคบั ขูเข็ญ หลอกลวง หรอื ใชอ ํานาจครอบงาํ ผูอื่น หรอื รบั ผอู ่นื เขาทาํ งานเพือ่ การ คาประเวณี (๔) จัดใหมีการคา ประเวณีระหวา งผซู ึ่งคาประเวณีกับผใู ชบ รกิ าร (๕) ปกปด หรอื อําพรางแหลงที่มาของรายไดหรอื ทรัพยส นิ ซึง่ ไดมาจากการคาประเวณี (๖) อยูรวมกับผูซ่ึงคาประเวณีหรือสมาคมกับผูซึ่งคาประเวณีคนเดียวหรือหลายคน เปนอาจิณ และไมส ามารถแสดงที่มาของรายไดในการดาํ รงชีพของตน ๑๑ พ.ร.บ.แกไ ขเพมิ่ เติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลง รกจ.เลม ๑๓๖/ตอนที่ ๖๙ ก/หนา ๑๓๒/ ๒๗ พ.ค. ๖๒

๓๓๐ (๗) ขัดขวางการดําเนินการของหนวยงานที่ดูแลในการปองกัน ควบคุม ชวยเหลือ หรือใหการศึกษาแกผูซ่ึงคาประเวณี ผูซึ่งจะเขารวมในการคาประเวณี หรือผูซ่ึงอาจไดรับอันตราย จากการคาประเวณี ความในวรรคหนึ่ง (๒) และ (๖) มิใหใ ชบ งั คบั แกผูร ับประโยชนไ มว ารปู แบบใดซึง่ พึงไดร ับ ตามกฎหมายหรือตามธรรมจรรยา ͸ԺÒ ๑. มาตรา ๒๘๖ (เดิม) เปนความผิดฐานดําçªÕ¾ÍÂÙ‹¨Ò¡ÃÒÂä´Œ¢Í§¼ÙŒ«èÖ§¤ŒÒ»ÃÐàÇ³Õ หรอื ทเี่ รยี กกนั วา “แมงดา” ซง่ึ จะเปน ความผดิ ดงั กลา วจะตอ งไดค วามวา ผนู น้ั ดาํ รงชพี อยไู ด โดยอาศยั รายไดทั้งหมดหรือบางสวนจากผูซึ่งคาประเวณี หากขาดปจจัยแมเพียงบางสวนจากรายไดของผูซึ่ง คาประเวณีจะดาํ รงชีพอยูไมไ ด (คาํ พิพากษาฎกี าท่ี ๑๒๐๘/๒๕๓๕) ดังน้ัน หากผูนั้นมีรายไดจากการประกอบอาชีพเพียงพอในการดํารงชีพ แมผูน้ัน จะไดรับเงินสวนแบงจากผูซึ่งคาประเวณีดวยก็ตาม ไมเปนความผิดตามมาตรานี้ (คําพิพากษาฎีกา ท่ี ๒๕๕๕/๒๕๕๒ และ ๑๗๘/๒๕๒๘) เชน คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñ÷ø/òõòø แมจ าํ เลยอายเุ กนิ ๑๖ ป ซ่งึ เปนผดู ูแลจดั การ สถานการคา ประเวณไี ดร บั สว นแบง จากการคา ประเวณขี องหญงิ ทคี่ า ประเวณี แตจ าํ เลยกป็ ระกอบอาชพี อน่ื อยดู วย คือ ขายผาและนํ้าปลา มีรายไดเ ดือนละ ๕,๐๐๐ - ๖,๐๐๐ บาท แสดงวา จําเลยมีÃÒÂä´Œ จากการคาขาย และไมป รากฏวา รายไดด ังกลาวไมเพยี งพอสําหรับดํารงชีพ ถงึ จําเลยจะไดร บั สวนแบง จากหญงิ ซง่ึ คาประเวณกี ไ็ มเปน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๖ จะเหน็ ไดว า ตามมาตรา ๒๘๖ (เดมิ ) ไมส ามารถเอาผดิ กบั ผทู เี่ ปน แมงดาได หากผนู นั้ มรี ายไดอยางอื่นนอกเหนือจากท่ีไดร บั จากผูซึ่งคาประเวณีอยดู ว ย ดวยเหตุนี้กฎหมายใหม จึงเพ่ิมบทบัญญัติมากขึ้นเพื่อปองปรามมิใหมีการกระทํา ที่เปนการเอาเปรียบหรือรับประโยชนจากผูซ่ึงคาประเวณีหรือจากการคาประเวณี ดังจะเห็นไดจาก กรณจี าํ เลยตามคาํ พพิ ากษาที่ ๑๗๘/๒๕๒๘ ขา งตน ยอ มถอื ไดว า มคี วามผดิ ฐานรบั ประโยชนจ ากผซู งึ่ คาประเวณตี ามมาตรา ๒๘๖ (๒) ท่แี กไ ขใหมแ ลว ๒. ผกู ระทาํ และผูซง่ึ คาประเวณจี ะเปน ชายหรอื หญงิ กไ็ ด ๓. นา สงั เกตความในวรรคสองเปน ¢ÍŒ ¡àǹŒ ความรบั ผดิ ไวใ นกรณกี ารกระทาํ ตามความ ในวรรคหนงึ่ (๒) และ (๖) มใิ หน าํ มาใชบังคับแก¼ ÃÙŒ ºÑ »ÃÐ⪹ เชน บตุ รซึง่ อยูในความดแู ลของมารดา ผซู งึ่ คา ประเวณจี าํ เปน ตอ งรบั ประโยชนห รอื อยรู ว มกบั มารดาตามกฎหมาย หรอื ตามธรรมจรรยาไมเ ปน ความผดิ ตามมาตราน๑ี้ ๒ ๑๒ วรี ะวัฒน ปวราจารย คําบรรยายวิชากฎหมายอาญา ภาค ๑, ๒๕๖๒, คร้ังที่ ๖-๗ น.๒๔๑-๒๘๐

๓๓๑ ¤ÇÒÁ¼´Ô °Ò¹à»š¹¸ØÃШѴËÒÏ ÁÒμÃÒ òøò ผูใดà¾è×Íʹͧ¤ÇÒÁã¤Ã‹¢Í§¼ÙŒÍ×è¹ เปนธุระจัดหา ลอไป หรือพาไป à¾×èÍ¡ÒÃ͹ҨÒÃซ่ึงªÒÂหรือËÞÔ§ แมผูน้ันจะยินยอมก็ตาม ตองระวางโทษจําคุกตั้งแตหน่ึงปถึงสิบป และปรบั ตั้งแตส องหม่นื บาทถึงสองแสนบาท ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคแรกเปน การกระทาํ แกบ คุ คลอายเุ กนิ สบิ หา ป แตย งั ไมเ กนิ สบิ แปดป ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตส ามปถ งึ สบิ หา ป และปรบั ตงั้ แตห กหมน่ื บาทถงึ สามแสนบาท ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคแรกเปน การกระทาํ แกเ ดก็ อายยุ งั ไมเ กนิ สบิ หา ป ผกู ระทาํ ตองระวางโทษจาํ คกุ ต้ังแตห า ปถึงย่ีสบิ ป และปรบั ตัง้ แตห น่ึงแสนบาทถงึ สี่แสนบาท ผใู ดเพอื่ สนองความใครข องผอู นื่ ÃºÑ μÇÑ บคุ คลซง่ึ มผี จู ดั หา ลอ ไป หรอื พาไปตามวรรคแรก วรรคสอง หรอื วรรคสาม หรอื ʹºÑ ʹ¹Ø ในการกระทาํ ความผดิ ดงั กลา ว ตอ งระวางโทษตามทบี่ ญั ญตั ไิ ว ในวรรคแรก วรรคสอง หรือวรรคสาม แลว แตก รณี ͸ԺÒ ๑) ÇÃäáá ๑. ¡ÒáÃÐทํา คือ ໚¹¸ØÃШѴËÒ Å‹Íä» ËÃÍ× ¾Òä»à¾Í×è ¡ÒÃ͹ҨÒà การกระทาํ à¾Íè× ¡ÒÃ͹ҨÒÃตามมาตรา ๒๘๒ และมาตรา ๓๑๙ นนั้ หมายความถงึ การกระทาํ ทไ่ี มส มควรในทางเพศตอ รา งกายของบคุ คลอน่ื ซง่ึ ตอ งเปน การกระทาํ ตอ เนอ้ื ตวั ของบคุ คล โดยตรง จะกระทาํ ในทรี่ โหฐานหรอื สาธารณสถานกไ็ มม ผี ลทแ่ี ตกตา งกนั เชน การทชี่ ายอน่ื รว มประเวณี กับผูเสียหายซ่ึงเปนผูเยาวที่ถูกจําเลยพาไปในหองของโรงแรม แมจะเปนที่มิดชิดแตก็เปนการกระทํา ที่ไมสมควรในทางเพศตอรางกายของผเู สียหาย จงึ เปน การกระทําเพ่อื การอนาจาร (คาํ พิพากษาฎกี า ท่ี ๑๖๒๗/๒๕๓๙) จําเลยกับพวกพาผูเสียหายซ่ีงึ เปน หญงิ โสเภณีอายุ ๑๗ ป ไปอยูในซองโสเภณี ของจาํ เลย แลว ใหร บั จา งรว มประเวณกี บั ชายอนื่ เชน น้ี แมผ เู สยี หายจะสมคั รใจไปกบั จาํ เลยและตกลง ยินยอมรับจางรวมประเวณีกับชายอื่นตอมาก็ตาม ก็ถือวาจําเลยเปนธุระจัดหา ลอไป หรือชักพาไป เพอ่ื การอนาจารซง่ึ หญงิ อายยุ งั ไมเ กนิ ๑๘ ป มคี วามผดิ ตามมาตรา ๒๘๒ (คาํ พพิ ากษาฎกี าท่ี ๘๙๑/๒๕๑๕) คําÇ‹Ò à»š¹¸ØÃШѴËÒ หมายความวา ¨Ñ´ãˌ䴌ÁÒ«Ö觪ÒÂËÃ×ÍËÞÔ§ Å‹Íä» หมายความวา Å‹ÍÅǧä»Âѧʶҹ·èÕ·Õè¨Ñ´äÇŒ สวน¾Òä» หมายความวา นําä» (คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ øøö÷/òõõô) ๒. กฎหมายใชคําวา ªÒÂหรือËÞÔ§ ผูท่ีถูกพาไปดังกลาวจึงอาจเปนชายหรือหญิง ก็ได และแมผูทถี่ ูกพาไปนนั้ จะยนิ ยอม ผูกระทํากม็ คี วามผดิ ตามมาตรานี้ ๓. องคป ระกอบภายใน คอื เจตนาตามมาตรา ๕๙ ในการเปน ธรุ ะจดั หา ลอ ไป หรอื พาไปและตอ งมเี จตนาพเิ ศษทง้ั สองประการ คอื à¾Í×è ʹͧ¤ÇÒÁã¤Ã¢‹ ͧ¼ÍŒÙ ¹×è áÅÐà¾Íè× ¡ÒÃ͹ҨÒônj  ¤ÇÒÁã¤Ã‹ ในทนี่ ้ี ทา นศาสตราจารยจ ติ ติ อธบิ ายวา นา จะหมายความà¾ÂÕ §¤ÇÒÁ ¾Íã¨ã¹·Ò§à¾È äÁจ‹ าํ ໹š μÍŒ §¶§Ö ¡ºÑ ÃÇ‹ Á»ÃÐàdzสÕ าํ àèç เชน เพยี งแตก อดจบู ลบู คลาํ กไ็ ด และมาตรานี้

๓๓๒ ใชคาํ วา à¾×èÍʹͧ¤ÇÒÁã¤Ã‹¢Í§¼ÍŒÙ ¹×è มิใชข องตัวผกู ระทําเอง ดวยเหตุน้ีถาพาหญิงไปเพ่ือความใคร ของผูพาไปเอง ไมเปนความผดิ ตามมาตรานี้ คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ øòô/òõðó วนิ ิจฉัยวา ความผดิ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๒๘๒ ตองเปนกรณีท่ีเปนธุระจัดหา ลอไป หรือชักพาเพื่อสําเร็จความใครของ¼ÙŒÍè×¹ ถา เปนกรณีที่กระทําไปเพ่ือสําเรจ็ ความใครของผกู ระทําน้นั เองแลว ไมเ ปนความผิดตามมาตรา ๒๘๒ (แตอ าจเปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๘๔ โปรดดมู าตรา ๒๘๔) กบั มคี าํ พพิ ากษาฎกี าท่ี ๖๔๒-๖๔๔/๒๕๓๗ à¾Í×è ¡ÒÃ͹ҨÒà เชน พาหญงิ ไปขายซอ งโสเภณี (คาํ พพิ ากษาฎกี าที่ ๑๗๖๗/๒๕๑๕) การหลอกลวงพาหญงิ ไปรว มประเวณี โดยไมป ระสงคจ ะเลยี้ งดเู ปน ภรยิ ากเ็ ปน การอนาจาร (คาํ พพิ ากษา ฎีกาที่ ๓๕๘/๒๔๘๖, ๒๐๒๙/๒๕๒๐) แตถาพาหญิงไปเพื่ออยูกินเปนสามีภริยากันโดยชายไมมีภริยาอยูกอนมีแนว คําพิพากษาฎกี าไมถ อื วา เปนการพาไปเพือ่ การอนาจาร เชน หญิงอายุ ๑๕ ป หนอี อกจากบา นแลว เรียกจาํ เลยอายุ ๒๗ ป ÂѧäÁ‹ÁÀÕ ÃÔÂÒ มาพบจําเลยพาหญงิ ไปตามที่ตา งๆ เพอื่ อยกู ินเปน สามีภริยา ไมเปน การพรากผูเยาว แลวไมเปนการ พาไปเพือ่ การอนาจาร (คาํ พพิ ากษาฎกี าที่ ๑๘๑๙/๒๕๒๐) ผเู ยาวกับจําเลยรักใครกันโดยทจี่ ําเลยยงั äÁÁ‹ ÀÕ ÃÂÔ ÒÁÒ¡Í‹ ¹ จาํ เลยพาผเู ยาวไ ปอยกู บั จาํ เลยไดเ สยี กนั เพอ่ื ประสงคจ ะอยกู นิ ดว ยกนั ฉนั สามภี รยิ า แตมารดาจําเลยไมยอมรับผูเยาวเปนสะใภ การกระทําของจําเลยไมเปนความผิดฐานพรากผูเยาวไป เพอื่ การอนาจาร (คําพพิ ากษาฎกี าที่ ๖๖๓๔/๒๕๔๖) ๒) ÇÃäÊͧáÅÐÇÃäÊÒÁ เปน àËμ©Ø ¡Ãèท ท่ี าํ ใหผ กู ระทาํ ตอ งรบั โทษหนกั ขน้ึ ซง่ึ ผกู ระทาํ ตองรูขอเท็จจริงน้ัน ตามมาตรา ๖๒ วรรคทาย กลาวคือ ตองรูวาผูที่ถูกพาไปนั้น อายุเกิน ๑๕ ป แตยังไมเกิน ๑๘ ป จึงจะผิดตามวรรคสอง หรอื ตอ งรวู า ผทู ่ถี ูกพาไปนั้นอายยุ งั ไมเ กิน ๑๕ ป จงึ จะผดิ ตามวรรคสาม คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ øøö÷/òõõô จาํ เลยเพยี งแตพดู ชกั ชวนผเู สียหายซ่ึงเปน เดก็ อายุไมเกินสิบหาปใหไปรวมหลับนอนกับ อ. สามีของจําเลย แลวจะใหโทรศัพทเคลื่อนที่ ๑ เครื่อง และเงิน ๓,๐๐๐ บาท เปน การตอบแทน ผูเ สยี หายทํา·¾Õ Âѡ˹Ҍ áμä‹ Áμ‹ ¡Å§´ÇŒ  à·Ò‹ ¡Ñº¼ÙŒàÊÂÕ ËÒ äÁ‹ ¹Ô ÂÍÁ อนั เปน การกระทํา¤ÃºÍ§¤» ÃСͺ¤ÇÒÁ¼´Ô ตามมาตรา ๒๘๒ วรรคสาม ซึง่ จําเลยŧÁ×Í กระทาํ ความผดิ และกระทาํ ไปตลอดแลว áμ¼‹ àŒÙ ÊÂÕ ËÒÂäÁä‹ »´ÇŒ  ทาํ ใหก ารกระทาํ ของจาํ เลยäÁº‹ ÃÃÅ¼Ø Å ตามท่มี ุงหวังไว จงึ เปนการพยายามกระทาํ ความผิดตามมาตราดังกลาว ๓) สว นÇÃäÊÕè กฎหมายบญั ญตั ใิ ห ¼ÃŒÙ ºÑ μÇÑ กบั ¼ÊŒÙ ¹ºÑ ʹ¹Ø การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคแรก วรรคสอง หรอื วรรคสาม มคี วามผิดตอ งระวางโทษเชน เดียวกบั ¼Ù¡Œ ÃÐทาํ ÁÒμÃÒ òøó ผูใดà¾×èÍʹͧ¤ÇÒÁã¤Ã‹¢Í§¼ÙŒÍè×¹ เปนธุระจัดหา ลอไป หรือพาไป เพอ่ื การอนาจารซง่ึ ชายหรอื หญงิ โดยใชอ บุ ายหลอกลวง ขเู ขญ็ ใหก าํ ลงั ประทษุ รา ย ใชอ าํ นาจครอบงาํ ผดิ คลองธรรมหรอื ใชว ธิ ขี ม ขนื ใจดว ยประการอนื่ ใด ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตงั้ แตห า ปถ งึ ยสี่ บิ ป และปรบั ตงั้ แต หนงึ่ แสนบาทถึงส่ีแสนบาท

๓๓๓ ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคแรกเปน การกระทาํ แกบ คุ คลอายเุ กนิ สบิ หา ปแ ตย งั ไมเ กนิ สิบแปดป ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแตเจ็ดปถึงยี่สิบป และปรับตั้งแตหนึ่งแสนสี่หม่ืนบาท ถงึ สแ่ี สนบาท หรือจาํ คุกตลอดชวี ิต ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคแรกเปน การกระทาํ แกเ ดก็ อายยุ งั ไมเ กนิ สบิ หา ป ผกู ระทาํ ตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสิบปถึงย่ีสิบป และปรับต้ังแตสองแสนบาทถึงส่ีแสนบาท หรือจําคุก ตลอดชวี ิตหรอื ประหารชวี ติ ผใู ดเพอื่ สนองความใครข องผอู นื่ ÃºÑ μÇÑ บคุ คลซง่ึ มผี จู ดั หา ลอ ไป หรอื พาไป ตามวรรคแรก วรรคสอง หรอื วรรคสาม หรอื ʹºÑ ʹ¹Ø ในการกระทาํ ความผดิ ดงั กลา ว ตอ งระวางโทษตามทบี่ ญั ญตั ไิ ว ในวรรคแรก วรรคสอง หรือวรรคสาม แลว แตก รณี ͸ºÔ Ò ๑) ÇÃäáá ๑. นาสังเกตวา องคประกอบภายนอกในสวนของการกระทํา คือ ໚¹¸ØÃШѴËÒ ÅÍ‹ ä» ËÃÍ× ¾Òä»à¾×Íè ¡ÒÃ͹ҨÒà เหมือนกับมาตรา ๒๘๒ คงตางกันตรงท่มี าตรา ๒๘๓ น้ี ผกู ระทาํ ตอ งกระทาํ โดยใชอ บุ ายหลอกลวง ขเู ข็ญ ใชก าํ ลงั ประทุษราย ใชอ ํานาจครอบงําผดิ คลองธรรมหรือใช วธิ ขี ม ขืนใจดวยประการอ่นื ใดดวยจงึ จะเปน ความผดิ μÑÇÍÂÒ‹ § â´ÂãªÍŒ ºØ ÒÂËÅÍ¡Åǧ คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ òñð/òõôð การทจี่ าํ เลยËÅÍ¡Åǧผเู สยี หายซง่ึ มอี ายุ ๑๕ ปเ ศษ วาจะพาผูเสียหายไปทํางานในรานอาหาร แตกลับพาไปขายใหแก บ. เพ่ือใหคาประเวณี จะนับวา ผูเสียหายเต็มใจไปดวยไมได เพราะผูเสียหายไมไดเต็มใจไปคาประเวณีมาแตตน แตไปกับจําเลย เพราะจาํ เลยหลอกลวงวา จะพาไปทาํ งานทรี่ า นขายอาหารของนอ งสาวจาํ เลย และการทจี่ าํ เลยหลอกลวง ผูเสียหายแลวพาผูเสียหายไปขายใหแก บ. เพ่ือใหคาประเวณีก็เปนท่ีเห็นไดวา จําเลยมีเจตนาที่จะ ลอผูเสียหายไปเพ่ือการอนาจารและเพื่อสําเร็จความใครของผูอ่ืน â´ÂãªŒÍØºÒÂËÅÍ¡Åǧผูเสียหาย จาํ เลยจงึ มคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๓ วรรคสอง และมาตรา ๓๑๘ วรรคสาม μÇÑ Í‹ҧ ¡ÒâÙà‹ ¢çÞ คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ õøò/òõò÷ จําเลยชักชวนเด็กหญิงท้ังสามไปอยูดวย อา งวา จะหดั ลเิ กให แตก ม็ ไิ ดห ดั ให กลบั จะใหค า ประเวณâี ´Â¢ว‹Ù า ไมย อมจะสง ไปตา งจงั หวดั ¨¹เดก็ หญงิ คนหนง่ึ จาํ μÍŒ §ÂÍÁ仡ºÑ ªÒÂและชายนนั้ พยายามจะกระทาํ มดิ มี ริ า ยในระหวา งทาง ดงั น้ี จาํ เลยกระทาํ การ เปน ธรุ ะจัดหาหรือพาเดก็ หญงิ อายไุ มเ กิน ๑๓ ป ไปเพ่อื การอนาจาร เพอ่ื ใหส ําเรจ็ ความใครของผูอื่น เปน ความผิดตามมาตรา ๒๘๓ วรรคสาม ¢ÍŒ 椄 à¡μ คดีนี้มีการขูบังคับใหเด็กหญิงไปกับชายและถูกชายพยายามทํามิดีมิราย ถาไมย อมจะสง ไปตา งจังหวดั เดก็ หญิงน้ันจึงยอมไป จําเลยผดิ มาตรานี้

๓๓๔ μÑÇÍÂÒ‹ § ¡ÒÃ㪡Œ íÒÅѧ»ÃÐ·ÉØ ÃÒŒ  คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ñõòó/òõññ จําเลยเปนเจาของกจิ การสถานคา ประเวณี รบั ตวั นางสมจติ ผเู สยี หายไว แลว º§Ñ ¤ºÑ ãˤŒ ÒŒ »ÃÐàÇ³Õ ครน้ั นางสมจติ ไมย นิ ยอมกถ็ กู ผลกั เขา ไปในหอ ง มีชายรออยู เม่ือขดั ขืนตอไปก็ถูกจาํ เลยตบหนา บางคร้ังนางสมจิตถูกชายอ่ืนเขาไปในหองแลวจําเลย กใ็ สก ญุ แจหอ งขา งนอกและคอยเฝา อยู ทง้ั ยงั ตะโกนบอกใหช ายใหต บตไี ดถ า ไมย อม ถอื ไดว า การกระทาํ ของจําเลยเปนการกระทําเพ่ือความใครของผูอื่น เปนธุระจัดหาเพ่ือการอนาจารซ่ึงหญิงโดย㪌กําÅѧ »ÃзØÉÃÒŒ  อนั เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๘๓ แลว 㪌อํา¹Ò¨¤Ãͺงํา¼Ô´¤Åͧ¸ÃÃÁ เชน จะไมจางตอไป ถาคนใชไมทําตาม ความประสงคของนายจา ง ๒. ผทู ่ีถูกพาไปจะเปน ªÒÂหรือËÞ§Ô ก็ได ๓. ตองมเี จตนาและเจตนาพิเศษเชนเดียวกับมาตรา ๒๘๒ ๒) ÇÃäÊͧáÅÐÇÃäÊÒÁเปนเหตุฉกรรจซึ่งมีระวางโทษหนักขึ้น เชนเดียวกับ มาตรา ๒๘๒ ๓) ÇÃäÊÕèกําหนดให¼ÙŒÃѺμÑÇกับ¼ÙŒÊ¹ÑºÊ¹Ø¹การกระทําความผิดตามวรรคแรก วรรคสอง หรอื วรรคสามมีความผิดตองระวางโทษเชนเดียวกับผูกระทํา ÁÒμÃÒ òøó ·ÇÔ ผใู ดพาบคุ คลอายเุ กนิ สบิ หา ปแ ตย งั ไมเ กนิ สบิ แปดปไ ปเพอ่ื การอนาจาร แมผูน้ันจะยินยอมก็ตาม ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหาป หรือปรับไมเกินหน่ึงแสนบาท หรือท้ังจํา ทง้ั ปรบั ถา การกระทาํ ความผดิ ตามวรรคแรกเปน การกระทาํ แกเ ดก็ อายยุ งั ไมเ กนิ สบิ หา ป ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเกินเจ็ดป หรอื ปรับไมเ กนิ หน่ึงแสนส่ีหมืน่ บาท หรือท้ังจาํ ทั้งปรบั ผใู ด«‹Í¹àùŒ บุคคลซึ่งถกู พาไปตามวรรคแรกหรอื วรรคสอง ตองระวางโทษตามทบี่ ัญญตั ิ ในวรรคแรกหรอื วรรคสอง แลวแตกรณี ความผิดตามวรรคแรกและวรรคสามเฉพาะกรณีที่กระทําแกบุคคลอายุเกินสิบหาป เปน ความผดิ อนั ยอมความได นาสังเกตวา ความผิดตามวรรคแรกและวรรคสามเฉพาะกรณีท่ีกระทําแกบุคคลอายุเกิน ๑๕ ป เทาน้นั ท่ีเปนความผิดอันยอมความได ÁÒμÃÒ òøô ผูใ ด¾Ò¼ŒÍÙ ×¹è ä»à¾Í×è ¡ÒÃ͹ҨÒà โดยใชอุบายหลอกลวง ขูเ ขญ็ ใชก าํ ลัง ประทษุ รา ย ใชอ าํ นาจครอบงาํ ผดิ คลองธรรม หรอื ใชว ธิ ขี ม ขนื ใจดว ยประการอนื่ ใด ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ต้ังแตห นึ่งปถ ึงสบิ ป และปรับต้ังแตส องหมืน่ บาทถงึ สองแสนบาท ผูใด«‹Í¹àÃŒ¹บุคคลซึ่งถกู พาไปตามวรรคแรก ตอ งระวางโทษเชนเดียวกับผพู าไปนัน้ ความผิดตามมาตราน้ี เปน ความผิดอันยอมความได ¢ŒÍ¾¨Ô ÒÃ³Ò ñ) ÇÃäáá เปน การพาไปเพอ่ื การอนาจาร

๓๓๕ ñ. ¡ÒáÃÐทํา คือ พาผูอ่ืนไป ตองกระทําโดยใชอุบายหลอกลวง ขูเข็ญ ใชกําลัง ประทุษราย ใชอํานาจครอบงําผิดคลองธรรม หรือใชวิธีขมขืนใจดวยประการอ่ืนใดเชนเดียวกับ ในมาตรา ๒๘๓ μÇÑ ÍÂÒ‹ § â´ÂãªŒÍºØ ÒÂËÅÍ¡Åǧ คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè òùôõ/òõóõ จาํ เลยหลอกลวงผเู สยี หายวา จะพาผเู สยี หาย ไปสงที่บริเวณงานหนาศาลากลางจังหวัด เมื่อผูเสียหายขึ้นรถยนตสามลอรับจางของจําเลยแลว จําเลยกลับพาผูเสียหายไปที่โรงเรียนแหงหน่ึงแลวกระทําอนาจารผูเสียหายแสดงวาจําเลยมีเจตนา จะ¾Òผเู สยี หาย仡ÃÐทาํ ͹ҨÒÃซงึ่ เปน ความประสงคม าตง้ั แตแ รกแลว การกระทาํ ดงั กลา วเปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๗๘ และ ๒๘๔ ซง่ึ กระทาํ ตอ เนอื่ งกนั มาตลอดโดยไมข าดตอน จงึ เปน การกระทาํ กรรมเดยี ว ผดิ กฎหมายหลายบท μÑÇÍ‹ҧ ãªกŒ าํ Å§Ñ »ÃÐ·ÉØ ÃÒŒ  ©Ø´¤ÃÒ‹ คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ùøò/òôøò ชายฉดุ ครา หญงิ เพอ่ื การอนาจารเคลอ่ื นทไ่ี ป ไดส กั ๑ วา หญงิ สะบดั หลดุ ชายจะเขา ฉดุ อกี แตม คี นดงึ มอื หญงิ ไว ชายจงึ หยดุ เลกิ ไป ดงั น้ี เปน ความผดิ ฐานฉดุ ครา สาํ เร็จบริบูรณ หาใชเปน เพียงพยายามกระทาํ ผิดไม ¢ÍŒ 椄 à¡μ คดีนต้ี ัดสนิ ตามกฎหมายลกั ษณะอาญา มาตรา ๒๗๖ ซง่ึ ใชค ําวา©Ø´¤Ã‹Ò¾Òä» ´ÇŒ Âกาํ Å§Ñ กม็ ีผลเชนเดยี วกบั การ㪌กาํ Å§Ñ »ÃзØÉÃÒŒ Âตามมาตรานี้ ·‹Ò¹ÈÒÊμÃÒ¨ÒϨÔμμÔ μÔ§ÈÀѷԏ อธิบายวา การใชกําลังประทุษรายไดแก ตวั อยา งเชน ฉดุ ครา หญงิ ไป ความผดิ สาํ เรจ็ เมอื่ มกี าร¾Òà¤ÅÍ×è ¹·äèÕ » เพยี งแต ท. จบั มอื ม. จะฉดุ ม. รอ ง มคี นเขามา ท. จึงปลอ ย ม. ยังไมไ ดฉ ุดà¤Å×è͹¨Ò¡·èÕ ดงั นี้ เปน เพียงขัน้ พยายาม (คาํ พิพากษาฎกี า ที่ ๔๐๓/๒๔๙๗) ¶ŒÒ©´Ø 仨ҡ·äÕè ´Œก็เปน ความผดิ สาํ เรจ็ (คาํ พิพากษาฎกี าท่ี ๔๐๓/๒๔๙๗) คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ùõõù/òõôó จาํ เลยทง้ั สองใชมีดปลายแหลมเปน อาวธุ จ้ี ขบู งั คบั ผเู สยี หายนงั่ รถจกั รยานยนตไ ปจากบรเิ วณทจ่ี าํ เลยทงั้ สองพบผเู สยี หายครงั้ แรกไปจนถงึ กระทอ มนา ท่ีจําเลยทั้งสองกับพวกรวมกันผลัดเปล่ียนกันขมขืนกระทําชําเราผูเสียหาย โดยพวกจําเลยยืนคุมอยู การกระทําชําเราในลักษณะเชนน้ี จําเลยทั้งสองกับพวกกระทําในลักษณะติดตอกันและอยูคุมให พวกของตนขมขืนกระทําชําเราผูเสียหายจนสําเร็จความใครเปนการสมคบกันกระทําผิดอันมีลักษณะ เปนการโทรมหญิงและเปนความผดิ ฐาน¾ÒËÞÔ§ä»à¾Íè× ¡ÒÃ͹ҨÒÃâ´Â㪌กาํ Å§Ñ »ÃзØÉÃÒŒ  ๒. การพาไปเพ่อื การอนาจาร໹š ¤ÇÒÁ¼´Ô μ‹Íà¹×Íè § ขอน้ี ·‹Ò¹ÈÒÊμÃÒ¨ÒϨÔμμÔ μÔ§ÈÀѷԏ อธิบายวา ถาฉุดไปจากท่ีไดก็เปน ความผดิ สาํ เรจ็ แมฉ ดุ ไปไดเ พยี ง ๑ ถงึ ๒ วา และยงั คง໹š ¡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÂμ‹Ù ÅÍ´àÇÅÒ·¾Õè Òä»โดยใช กําลังประทุษรายหรือหลอกลวง ไมใชผิดเฉพาะเมื่อพาเคลื่อนที่ (คําพิพากษาฎีกาท่ี ๑๒๓๕/๒๕๐๙, ๔๕๐๒/๒๕๒๘) เพราะการพาไปกเ็ ปน การกระทาํ อนั เปน องคค วามผดิ อยอู นั หนงึ่ «§Öè ÁÊÕ ÀÒ¾μ´Ô μÍ‹ ¡¹Ñ àÃè×ÍÂ仨¹¡Ç‹Ò¨ÐàÅÔ¡¾Òä» เชน ถึงท่ีพักแลวกักขังหญิงไวตอไป ความผิดฐานฉุดคราสิ้นสุดลง

๓๓๖ มคี วามผดิ ฐานกกั ขงั เกดิ ขน้ึ อกี กระทงหนงึ่ (คาํ พพิ ากษาฎกี าท่ี ๑๓๒๗/๒๔๙๕, ๕๑๒/๒๔๙๘) ถา ขม ขนื กระทําชําเราดวย ก็เปนความผิดอีกกระทงหน่ึง (คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๒๒/๒๔๗๐, ๑๑๑๑/๒๕๑๙, ๑๕๑๘/๒๕๒๒) ÁÒμÃÒ òøõ ถา การกระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๗๗ ทวิ มาตรา ๒๗๗ ตรี มาตรา ๒๗๘ มาตรา ๒๗๙ มาตรา ๒๘๐ มาตรา ๒๘๒ หรอื มาตรา ๒๘๓ เปน การกระทาํ แกบุพการี ผูสืบสันดาน พี่นองรวมบิดามารดาหรือรวมแตบิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย ซง่ึ อยใู นความดแู ล ผอู ยใู นความควบคมุ ตามหนา ทร่ี าชการ ผอู ยใู นความปกครอง ในความพทิ กั ษห รอื ในความอนบุ าล หรอื ผอู ยภู ายใตอํานาจดว ยประการอ่ืนใด ผกู ระทําตองระวางโทษหนกั กวาทบ่ี ัญญัติ ไวใ นมาตรานน้ั ๆ หนึ่งในสาม ͸ԺÒ ๑. มาตรานเี้ ปน àËμ©Ø ¡Ãèท ท่ี าํ ใหผ กู ระทาํ ตอ งรบั โทษหนกั ขน้ึ ซง่ึ ผกู ระทาํ ตอ งรขู อ เทจ็ จรงิ นนั้ ตามมาตรา ๖๒ วรรคทาย คือตอ งรวู าเปน การกระทาํ แกบพุ การี ผูส บื สันดาน พีน่ อ งรวมบิดามารดา หรือรวมแตบิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษยซ่ึงอยูในความดูแล ผูอยูในความควบคุมตาม หนาท่ีราชการ ผูอยูในความปกครอง ในความพิทักษหรือในความอนุบาล หรือผูอยูภายใตอํานาจ ดวยประการอื่น การไมรูขอเท็จจริงดังกลาวก็ไมตองรับโทษหนักข้ึนตามมาตรานี้ แตตองรับโทษตาม มาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๗๗ ทวิ มาตรา ๒๗๗ ตรี มาตรา ๒๗๘ มาตรา ๒๗๙ มาตรา ๒๘๐ มาตรา ๒๘๒ หรอื มาตรา ๒๘๓ แลวแตก รณี ๒. ผถู กู กระทํากระทาํ ตามมาตราน้ี ไดแ ก (๑) º¾Ø ¡ÒÃÕ คือญาตทิ างสายโลหติ โดยตรงขน้ึ ไป เชน บิดามารดา ปูยา ตายาย ทวด (ò) ¼ŒÙÊº× Êѹ´Ò¹ ในทนี่ Ë้ี ÁÒ¶§Ö ¼ŒÊÙ º× Ê¹Ñ ´Ò¹ã¹·Ò§Êº× ÊÒÂâÅËμÔ â´Âá·¨Œ ÃÔ§ เพราะมาตราน้ี ไมไ ดม งุ ลงโทษหนกั ขนึ้ เฉพาะการกระทาํ แกบ ตุ รชอบดว ยกฎหมายเทา นน้ั จงึ ใชค าํ วา กระทาํ แกผ สู บื สนั ดาน ดงั นน้ั การทจี่ าํ เลยขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา¼ÊŒÙ º× ÊÒÂâÅËμÔ โดยตรงลงมา áÁ¼Œ ¹ŒÙ ¹Ñé ¨ÐÁãÔ ª‹ ໹š ºμØ ÃªÍº´ÇŒ ¡®ËÁÒ¢ͧจาํ àÅ¡μç ÒÁ กถ็ อื ไดว า จาํ เลยไดก ระทาํ μÍ‹ ¼ÊŒÙ º× Ê¹Ñ ´Ò¹ ตามความหมาย ของมาตรา ๒๘๕ น้ีแลว (คาํ พพิ ากษาฎีกาที่ ๒๙๙๓/๒๕๓๐) ¢ŒÍÊѧà¡μ คดีน้ีผูเสียหายเปนบุตรของจําเลยซ่ึงเกิดแตภริยาจําเลยโดยไมไดจดทะเบียน สมรส แมจะมิใชบุตรโดยชอบดวยกฎหมายของจําเลย แตก็เปนผูสืบสายโลหิตโดยแทจริงของ จําเลย การท่ีจําเลยกระทําชําเราผูสืบสายโลหิตโดยแทจริงของตนจึงเปนการกระทําตอผูสืบสันดาน ตามมาตรา ๒๘๕ แตถาºÔ´ÒàÅÕé§ขมขืนกระทําชําเราºØμÃàÅéÕ§ (เชน บุตรเลี้ยงมีอายุ ๑๒ ป) มีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๗ เทาน้นั กรณีไมต อ งดว ยมาตรา ๒๘๕ เพราะ

๓๓๗ อํานาจปกครองเด็กตกอยูแกมารดาตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา ๑๕๔๐ บุตรเล้ียง มไิ ดอ ยใู นความปกครองของบดิ าเล้ียง (คาํ พิพากษาฎกี าที่ ๓๒๘/๒๕๐๒) (ó) ¾¹Õè ŒÍ§ÃÇ‹ Áº´Ô ÒÁÒôÒËÃ×ÍÃÇ‹ Ááμ‹ºÔ´ÒËÃ×ÍÁÒÃ´Ò (ô) ÞÒμÔÊº× ÊÒÂâÅËÔμ (õ) ÈÉÔ Â« Öè§ÍÂÙã‹ ¹¤ÇÒÁ´ÙáÅ คาํ วา ÈÉÔ Â« §èÖ ÍÂã‹Ù ¹¤ÇÒÁ´áÙ Åตามมาตรา๒๘๕มไิ ดห มายถงึ เฉพาะผทู ม่ี คี วามสมั พนั ธ ในฐานะครูหรืออาจารย ซ่ึงÁÕ˹ŒÒ·èÕÊ͹ÈÔɏเทานั้น แตครูหรืออาจารยน้ันμŒÍ§ÁÕ˹ŒÒ·èդǺ¤ØÁ ´ÙáÅ»¡»‡Í§ÃÑ¡ÉÒμÑÇÈÔɏ áÅСÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´μÒÁ·èÕ¡®ËÁÒºÑÞÞÑμÔμ‹ÍÈÔɏã¹ÃÐËNjҧÁÕ˹ŒÒ·èÕ ´§Ñ ¡Å‹ÒÇ´ŒÇ (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๔๒๑/๒๕๔๖, ๗๙๘๖/๒๕๔๐) μÇÑ ÍÂÒ‹ § ¡Ã³Õ¡ÃÐทําμÍ‹ ÈÔɏ«èÖ§ÍÂã‹Ù ¹¤ÇÒÁ´áÙ Å จาํ เลยเปน ¤ÃÊ٠͹วชิ าพลศกึ ษาในโรงเรยี นซงึ่ ผเู สยี หายเปน นกั เรยี นอยู จาํ เลย กระทําอนาจารแกผูเสียหาย ¢³ÐจําàÅÂทํา˹ŒÒ·èÕÊͺ¤ÇÒÁÃÙŒÇÔªÒ¾ÅÈÖ¡ÉҢͧ¼ÙŒàÊÕÂËÒÂถือไดวา ผูเสียหายเปนศิษยซึ่งอยูในความดูแลของจําเลยตามความหมายของมาตรา ๒๘๕ (คําพิพากษาฎีกา ที่ ๑๗๕๙/๒๕๒๖) การท่ีจําเลยดํารงตําá˹‹§¼ÙŒª‹Ç¤ÃÙãËÞ‹ จําเลย‹ÍÁÁÕ˹ŒÒ·èÕ»¡¤Ãͧ´ÙáÅ ¼ÙŒàÊÕÂËÒ«è§Ö ໹š ÈÉÔ Âข องจําเลย เม่ือจําเลยพยายามกระทาํ ชําเราผูเสยี หาย จาํ เลยจึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๒๗๗ วรรคสอง (เดิม), ๒๘๔ วรรคแรก, ๒๘๕ (คําพิพากษา ฎกี าที่ ๓๑๑๐/๒๕๕๑) ¢ŒÍ椄 à¡μ คดีนี้จําเลยเปนผชู ว ยครูใหญ แมจ ะไมไดสอนในชัน้ ที่ผูเสียหายเรยี น ศาลฎกี า กย็ งั เหน็ วา จาํ เลยมหี นา ทป่ี กครองดแู ลผเู สยี หายซงึ่ เปน ศษิ ยข องจาํ เลย เมอื่ จาํ เลยพยายามกระทาํ ชาํ เรา ผูเ สยี หาย จาํ เลยจึงมคี วามผิดตามมาตรา ๒๘๕ ดว ย ¡Ã³ÁÕ ãÔ ª‹à»¹š ¡ÒáÃÐทําμ‹ÍÈÉÔ Â« §Öè ÍÂã‹Ù ¹¤ÇÒÁ´áÙ Å จาํ เลยเปน เพยี งครหู รอื อาจารยใ นการสอนกวดวชิ าตามทมี่ ผี ไู ปสมคั รเรยี นตาม ความสมคั รใจ และเมอื่ ผสู มคั รเรยี นชาํ ระคา สมคั รแลว จะไปเรยี นหรอื ไมก ข็ น้ึ อยกู บั ความสนใจทจ่ี ะใฝห า ความรู อกี ทง้ั ไมไ ดค วามวา สถาบนั กวดวชิ าของจาํ เลยมรี ะเบยี บหรอื ขอ บงั คบั เครง ครดั อยา งใด ยอ มแสดง วา จําเลยäÁÁ‹ Õ˹Ҍ ·ÃÕè ºÑ ¼Ô´ªÍº¤Çº¤ÁØ ´ÙáÅ»¡»‡Í§ÃÑ¡ÉÒμÑÇÈÉÔ ÂμÅÍ´ÃÐÂÐàÇÅÒ·Õทè าํ ¡ÒÃÊ͹ ดังนนั้ แมจ าํ เลยจะขม ขนื กระทาํ ชาํ เราโจทกร ว มซงึ่ เปน ผเู รยี นกวดวชิ ากบั จาํ เลย กม็ ใิ ชเ ปน การกระทาํ ตอ ศษิ ย ซ่ึงอยูในความดแู ล (คาํ พพิ ากษาฎกี าที่ ๔๒๑/๒๕๔๖) (ö) ¼ŒÙÍÂãÙ‹ ¹¤ÇÒÁ¤Çº¤ØÁμÒÁ˹Ҍ ·ÕèÃÒª¡Òà หมายถึง ผูกระทําความผิดมีหนาท่ีควบคุมตามหนาท่ีราชการและผูถูกกระทํา ตอ งเปน ผอู ยใู นความควบคุมดว ย (คําพิพากษาฎีกาท่ี ๒๔๕๓/๒๕๑๕)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook