อุบาสิกาสุชาดาเป็นพระโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ ประการสินไป ไม่มีทางตกตํ่า มีความแน่นอนที่จะสำเร็จ สัมโพธิ® ในวันข้างหน้า อุบาสกกกุธะเป็นโอปปาติกะ เพราะสังโยชน์เบื้องตํ่า ๕ ประการสินไป ปรินิพพานในภพนั้น ไม่หวนกสับมาจากโลก นั้นอีก อุบาสกการฟิมภะเป็นโอปปาติกะเพราะสังโยชน์เบื้องตํ่า ๕ ประการสินไป ปรินิพพานในภพนั้น ไม่หวนกสับมาจาก โลกนั้นอีก อุบาสกนิกฏะเป็นโอปปาติกะ เพราะสังโยชน์เบื้องตํ่า ๕ ประการสินไป ปรินิพพานใใ^พนั้น ไม่หวนกสับมาจากโลก นั้นอีก อุบาสกกฏิสสหะเป็นโอปปาติกะ เพราะสังโยชน์เบื้องตํ่า ๕ ประการสินไป ปรินิพพานในภพนั้น ไม่หวนกลับมาจาก โลกนั้นอีก อุบาสกตุฎฐะเป็นโอปปาติกะ เพราะสังโยชน์เบื้องตํ่า ๕ ประการสินไป ปรินิพพานในภพนั้น ไม่หวนกสับมาจากโลก นั้นอีก อุบาสกสันตุฏฐะเป็นโอปปาติกะ เพราะสังโยชน์เบื้องตํ่า ๕ ประการสินไป ปรินิพพานในภพนั้น ไม่หวนกสับมาจาก โลกนั้นอีก ® สัมโพธิ ในที่นี้หมายถึงมรรค ๓ ฌี้องสูง {สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตตมรรค)(ที.ม.อ. ๑๗๕/๑๔๕) [๓๗) ความไม่หวนกลับมาและจะสำเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า www.kalyanamitra.org
อุบาสกภฏะเป็นโอปปาติกะ เพราะสังโยชน์เบื้องตํ่า ๕ ประการสินไป ปรินิพพานในภพนั้น ไม่หวนกลับมาจากโลก นั้นอีก อุบาสกสุภฏะเป็นโอปปาติกะ เพราะสังโยชน์เบื้องตํ่า ๕ ประการสินไป ปรินิพพานในภพนั้น ไม่หวนกลับมาจากโลก นั้นอีก อุบาสกในนาทิกคามอีก ๕๐ คน ดับอีพแล้วเป็น โอปปาติกะ เพราะสังโยชน์เบื้องตํ่า ๕ ประการสินไป ปรินิพพานในภพนั้น ไม่หวนกลับมาจากโลกนั้นอีก อุบาสกในนาทิกคามอีก ๙๖ คน ดับชีพแล้วเป็น พระสกทาคามี เพราะสังโยชน์ ๓ประการสินไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะเบาบาง มาส่โลกนี้อีกเพียงครั้งเดียวก็จะทำที่สุด แห่งทุกข์ได้ อุบาสกในนาทิกคามอีก ๕๑๐ คน ดับชีพแล้วเป็น พระโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ ประการสินไป ไม่มีทางตกตํ่า มีความแน่นอนที่จะสำเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า หลักธรรมที่^อว่าแว่นธรรม [๑๕๘] อานนท์ ข้อที่บุคคลเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ดับชีพนั้น ไม่ใชีเรื่องแปลก แต่เมื่อผู้นั้นๆ ดับชีพแล้ว พวก เธอเข้ามาหาตถาคตถามเรื่องนั้น นั่นเป็นการรบกวนตถาคต ฉะนั้น เราจะแสดงหลักธรรมที่ชื่อว่าแว่นธรรม® เป็นเครื่องมีอ ® แว่นธรรมหมายถึงธรรมเป็นเครื่องส่องดูตนเองจนสามารถพยากรณ์ตนได้ใน ที่นี้ได้แก่ อริยมรรคญาณ(ที.ม.ฎีกา ๑๕๘/๑๗๕)ดูเทียบ ม.ยู.(แปล)๑๒/ ๗๔/๖๖, องฺ.จตุกุก.(แปล)๒๑/๕๒/๘๖ [๓๙] www.kalyanamitra.org
ให้อริยสาวกมีไว้ เมื่อประสงค์ก็จะพึงพยากรณ์ตนได้ด้วย ตนเองว่า 'เราหมดสินเหตุที่ให้ไปเกิดในนรก หมดสินเหตุที่ ให้ไปเกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หมดสินเหตุที่ให้ไปเกิดใน แดนเปรต หมดสินเหตุที่ให้ไปเกิดในอบาย ทุคติ และวินิบาต แล้ว เราเป็นพระโสดาบน ไม่มีทางตกตํ่า มีดวามแน่นอนที่จะ สำ เร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า' [๑๕๙] หลักธรรมที่ร่อว่าแว่นธรรมเป็นเครื่องมือให้ อริยสาวกมืไว้ เมื่อประสงค์ ก็จะพึงพยากรณ์ตนได้ด้วย ตนเองว่า *เราหมดสินเหตุที่ให้!ปเกิดในนรกหมดสินเหตุที่ ให้!ปเกิดในกำเนิดลัดว์ดิรัจฉาน หมดสินเหตุที่ให้!ปเกิดใน แดนเปรด หมดสินเหตุที่ให้ไปเกิดในอบาย ทุดดิ และ วินิบาตแล้ว เราเป็นพระโสดาบน ไม่มืทางดกตํ่า มืความ แน่นอนที่จะสำ เร็จล้มโพธิในรันข้างหน้า' คืออะไร คือ พระอริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ๑. ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ในพระพุทธเจ้าว่า \"แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มี พระภาคพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ ด้วยพระองค์เองโดยชอบ เพึยบพร้อมด้วย วิชชาและจรณะ เสด็จไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกผู้ที่ควรฝึกได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระผู้มีพระภาค\" ๒. ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ในพระธรรมว่า \"พระธรรมเป็นธรรมที่พระ ผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว ผู้ปฏิบัติจะพึง [๓๙! พลักธรรมที่?อว่าแว่นธรรม www.kalyanamitra.org
เห็นชัดด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล® ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้า มาในตน อัน วิญญชนพึงรู้เฉพาะตน\" ๓. ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวใน พระสงฆ์ว่า \"พระสงฆ์สาวกของพระผู้มี พระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติ ถูกต้อง ปฏิบัติสมควร ได้แก่ อริยบุคคล ๔ ดู่ คือ ๘ บุคคล พระสงฆ์สาวกของพระผู้มี พระภาคนี้ เป็นผู้ควรแก่ของที่เขานำมาถวาย ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่ทักษิณา ควร แก'การทำอัญชลี เป็นนาบุญอันยอดเยี่ยม ของโลก\" ๔. ประกอบด้วยดีลที่พระอริยะชอบใจ'\" ที่ไม่ ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท ท่าน ผู้รู้สรรเสริญ ไม่ถูกตัณหาและทิฏฐิครอบงำ เป็นไปเพื่อสมาธิ อานนท์ นี้แล คือหลักธรรมที่ชื่อว่าแว่นธรรมเป็นเครื่อง มือให้อริยสาวกมีไว้ เมื่อประสงค์ก็จะพึงพยากรณ์ตนได้ด้วย ตนเองว่า 'เทหมดสินเหตุที่ให้ไปเกิดในนรกหมด สินเหตุที่ ให้ไปเกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หมดสินเหตุที่ให้ไปเกิดใน แดนเปรต หมดสินเหตุที่ให้ไปเกิดในอบาย ทุคติ และวินิบาต ® ไม่ประกอบควยกาลหมายถึงให้ผลไม่จำกัดกาล คือไม่ขึ้นกับกาลเวลาให้ผล แก่ผู้ปฏิบัติทุกเวลา ทุกโอกาสบรรลุเมื่อใด ก็ได้รับผลเมื่อนั้น(องฺ.ติก.อ.๒/ ๕๙/๑๕๘) ^ สืลที่พระอริยะชอบใจ หมายถึงคืลที่ประกอบด้วยมรรคและผล ในที่นี้หมาย ถึงความสำรวมทุกซนิด (ที.ม.อ. ๑๕๘/๑๔๖,องฺ.จตุฤก.อ. ๒/๕๒/๓๔๙) (๔๐) www.kalyanamitra.org
แล้ว เราเป็นพระโสดาบัน ไม่มีทางตกตํ่า มีความแน่นอนที่จะ สำ เร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า' ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคเมื่อประทับอยู่ในตำหน้กอิฐ ในนาทิกคามนั้น ทรงแสดงธรรมีกถาเป็นอันมากแก่ภิกษุทั้ง หลายอย่างนี้ว่า \"สืลมีลักษณะอย่างนี้ สมาธิมีลักษณะอย่างนี้ ปัญญามีลักษณะอย่างนี้ สมาธิอันบุคคลอบรมโดยมีสืลเป็น ฐานย่อมมีผลมาก มีอานิสงล้มาก ปัญญาอันบุคคลอบรม โดยมีสมาธิเป็นฐาน ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก จิตอัน บุคคลอบรมโดยมีปัญญาเป็นฐาน ย่อมหลุดพ้นโดยชอบจาก อาสวะทั้งหลาย คือ กามาสวะ ภวาสวะ และอวิชชาสวะ\" [๑๖๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ใน นาทิกคาม รับลังเรียกท่านพระอานนท์มาตรัสว่า \"มาเถิด อานนท์ เราจะเข้าไปยังกรุงเวสาลีกัน\" ท่านพระอานนท์ทูลร้บ สนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หยู่ ใหญ่ เสด็จถึงกรุงเวสาลี ประทับอยู่ที่อัมพปาลีวัน® รับลังเรียก ภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า \"ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงมีสติสัมปชัญญะ นี้เป็นดำพรํ่า สอนของเราสำหรับเธอทั้งหลาย ภิกษุผู้มีสติ เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวิน้ยนี้ ® อัมพปาลีวัน หมายถึงสว'แมะม่วงของหโฐงคณิกาชื่ออัมพปาลี ซึ่งถวายเป็น ที่พักแด่สงร5มีพระทุทธเจ้าเป็นประธาน (ที.ม.อ. ๑๖๐/๑๔๖) (๔๑) หลักธรรมทึ่ชึ่อว่าแว่นธรรม www.kalyanamitra.org
๑. พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำ จัดอภิชฌาและ โทมนัสในโลกได้ ๒. พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่ ฯลฯ ๓. พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ฯลฯ ๔. พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่ มี ความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำ จัด อภิชฌาและโทมนัสในโลกได้ ภิกษุผู้มีสติ เป็นอย่างนี้แล ภิกษุผู้มีสัมปชัญญะ เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ทำ ความรู้สืกตัวในการก้าวไป การถอยกสับ ทำ ความรู้สิกตัวในการแลดู การเหลียวดู ทำ ความรู้ลีกตัวในการคู้เข้า การเหยียดออก ทำ ความรู้ลีกตัวในการครองสังฆาฏิบาตรและจีวร ทำ ความรู้ลีกตัวในการฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม ทำ ความรู้ลีกตัวในการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ทำ ความรู้ลีกตัวในการเดินการยีนการนั่งการนอน การตื่น การพูด การนิ่ง ภิกษุผู้มีสัมปชัญญะ เป็นอย่างนี้แล (<£๒] www.kalyanamitra.org
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงมีสติสัมปชัญญะอยู่ นีเป็นคำ พรํ่าสอนของเราสำหร้บเธอทั้งหลาย\"® นางอัมพปาลีคณิกา^ [๑๖๑] นางอัมพปาลีคณิกาทราบว่า \"พระผู้มีพระ ภาคเสด็จถึงกรุงเวสาลีประทับอยู่ที่สวนมะม่วงของเรา\" สำ ดับนั้นนางอัมพปาลีคณิกาให้จัดเตรียมยานพาหนะดันงามๆ ขึ้นยานพาหนะดันงามๆ ออกจากกรุงเวสาลีพร้อมด้วยยาน พาหนะคันงามๆ ติดตามอีกหลายดัน ตรงไปยังสวนของตน จนสุดทางที่ยานพาหนะจะเข้าไปได้ ลงจากยานพาหนะเดิน เข้าไปเฝืาพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนังณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคทรงชีแจงให้นางอัมพปาลีคณิกาเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา จากนั้น นางอัม- พปาลีคณิกาผู้อันพระผู้มีพระภาคทรงชีแจงให้เห็นชัด ชวนใจ ให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบ ชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา ได้กราบทูลพระผู้มี พระภาคดังนี้ว่า \"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์โปรดรับภัตตาหารของหม่อมฉันในวันพรุ่งนี\" ® ดูเทียบ ที.สี. (แปล) ๙/๒๑๙/๗๑๓, สํ.สฬา.(แปล) ๑๘/๒๕๕/๒๗๗, อง.. จตุกุก.(แปล) ๒๑/๒๗๔/๓๙๐, สํ.ม.(แปล) ๑๙/๓๖๘/๒๑๑-๒๑๒ ธรรมทั้งหลาย ในที่นี้หมายถึงนิวรณ์ ๕ อุปาทานขันธ์ ๕ อายตนะภายใน ๖ อายตนะภายนอก ๖โพชฌงค์ ๗ และอริยสัจ ๔(อง..เอกก.อ. ๑/๓๙๐/๔๔๐) ^ ดูเทียบ วิ.ม.(แปล)๕/๒๘๘-๒๘๙/๑๐๕-๑๐๘ (<£๓! นางอัมพปาลคณิกา www.kalyanamitra.org
พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์ด้วยพระอาการดุษณี เมื่อนางทราบอาการที่พระผู้มีพระภาคทรงร้บนิมนต์แล้ว จึงลุกจากที่นั่ง ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค กระทำประ ทักษิณแล้วจากไป พวกเจ้าลิจฉวีกรุงเวสาลีได้ทราบว่า พระผู้มีพระภาค เสด็จถึงกรุงเวสาลี ประทับอยู่ที่อัมพปาลีวัน จึงล้งให้จัด เตรียมยานพาหนะคันงามๆ เสด็จขึ้นยานพาหนะคันงามๆ ออกจากกรุงเวสาลีพร้อมด้วยยานพาหนะคันงามๆ ตามเสด็จ อีกหลายคัน ในบรรดาเจ้าลิจฉวีนั้น บางพวกดำล้วน คือ ใช้ลี ดำ ทรงผ้าลีดำ ทรงเครื่องประด้บลีดำ บางพวกเหลีองล้วน คือ ใช้ลีเหลีอง ทรงผ้าลีเหลีอง ทรงเครื่องประดับลีเหลีอง บาง พวกแดงล้วน คือ ใช้ลีแดง ทรงผ้าลีแดง ทรงเครื่องประดับลี แดง บางพวกขาวล้วน คือ ใช้ลีขาว ทรงผ้าลีขาว ทรงเครื่อง ประคับลีขาว นางอัมพปาลีคณิกาใช้เพลากระทบเพลา ล้อกระทบล้อ แอกกระทบแอกรถกับพวกเจ้าลิจฉวีหนุ่มๆ พวกเจ้าลิจฉวีตรัสถามว่า \"อัมพปาลี เหตุไร เธอจึงใช้ เพลากระทบเพลา ล้อกระทบล้อ แอกกระทบแอกรถกับพวก เจ้าลิจฉวีห'นุ่มๆ เล่า\" นางอัมพปาลีพูลตอบว่า \"ช้าแต่พระลูกเจ้า เพราะ หม่อมฉันพูลนิมนต์พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ให้ ทรงร้บภัตตาหารในวันพรุ่งนี้\" พวกเจ้าลิจฉวีตรัสว่า \"เธอจงให้ภัตตาหารมื้อนี้(แลก) ภับเงน ๑๐๐,๐๐๐ เถิด\" [tfcfl www.kalyanamitra.org
นางอัมพปาลีทูลว่า \"แม้พวกท่านจะยกกรุงเวสาลี พร้อมทั้งแว่นแคว้นให้หม่อมฉัน กระนั้นหม่อมฉันก็ไม่ยอม ให้ภัตตาหารมื้อสำคัญ\" ทันใดนั้นพวกเจ้าลิจฉวีทรงดีดพระองคุลีพร้อมตรัสว่า \"ท่านทั้งหลาย นางอัมพปาลีชนะพวกเรา นางลวงพวกเรา\" แล้วเสด็จไปยังอัมพปาลีวัน ผู้ที่ไม่เคยเห็นพวกเทพชั้นดาวดึงส์ จงดูพวกเจ้าลิจฉวี จง เปรียบพวกเจ้าลิจฉวีกับพวกเทพชั้นดาวดึงส์\" พวกเจ้าลิจฉวีเสด็จไปด้วยยานพาหนะจนสุดทางที่ยาน พาหนะจะเข้าไปได้ จึงเสด็จลงจากยานพาหนะเข้าไปเฝืาพระ ผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้พวกเจ้าลิจฉวีเห็นชัด ชวนใจให้ อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบ ชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา พวกเจ้าลิจฉวีผู้อันพระ ผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไป ปฏิบัติเร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่น ร่าเริงด้วยธรรมีกถา ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้งนี้ว่า \"ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ โปรดรับภัตตาหารของพวกข้าพระองค์ในวันพรุ่งนี้เถิด\" พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า \"เรารับนิมนต์เพี่อฉัน ภัตตาหารในวันพรุ่งนี้ของนางอัมพปาลีไว้แล้ว\" [๔๕] นางอัมพปาลคณํกา www.kalyanamitra.org
พวกเจ้าลิจฉวีทรงดีดพระองคุลีพร้อมตรัสว่า \"นาง อัมพปาลีชนะพวกเรา นางลวงพวกเรา\" จากนั้น พวกเจ้าลิจ ฉวีต่างชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค เสด็จลุก จากที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค กระทำประ ทักษิณแล้วจากไป [๑๖๒] ครั้แคืนนั้นผ่านไป นางอัมพปาลีคณิกา สัง ให้จัดเตรียมของขบฉันอันประณีตไวีในสวนของตน ให้คนไป กราบทูลเวลาแด่พระผู้มีพระภาคว่า \"ได้เวลาแล้ว ภัตตาหาร เสร็จแล้ว พระพุทธเจ้าข้า\" ตอนเข้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกถือ บาตรและจีวร พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จเข้าไปยังที่พักของ นางอัมพปาลีคณิกา ประทับบนพุทธอาสน์ที่ลาดไว้แล้ว นางอัมพปาลีคณิกาได้นำของขบฉันอันประณีต ประเคนภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานให้อิ่มหนำด้วย มีอตนเอง เมื่อพระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จวางพระหัตถ์จาก บาตร นางอัมพปาลีคณิกาจึงเลีอกนั่ง ณ ที่สมควรที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งตํ่ากว่าได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้งนี้ว่า \"ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ หม่อมฉันขอมอบถวายสวนแห่งนี้แด่ภิกษุสงฆ์มี พระพุทธเจ้าทรงเป็นประธาน\" พระผู้มีพระภาคทรงรับสวนแล้ว จึงทรงชี้แจงให้นาง อัมพปาลีคณิกาเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจ ให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วย ธรรมีกถาแล้ว ทรงลุกจากพุทธอาสน์เสด็จจากไป (๔๖] www.kalyanamitra.org
ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่อัมพปาลีวัน เขตกรุงเวสาลี ทรงแสดงธรรมีกถาเป็นอันมากแก่ภิกชุทั้ง หลายอย่างนี้ว่า \"สีลมีลักษณะอย่างนี้ สมาธิมีลักษณะอย่างนี้ ปัญญามีลักษณะอย่างนี้ สมาธิอันบุคคลอบรมโดยมีสีลเป็น ฐานย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ปัญญาอันบุคคลอบรม โดยมีสมาธิเป็นฐาน ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก จิตอัน บุคคลอบรมโดยมีปัญญาเป็นฐาน ย่อมหลุดพ้นโดยชอบจาก อาสวะทั้งหลาย คือ กามาสวะ ภวาสวะ และอวิชชาสวะ\" ทรงเข้าจำพรรษาในเวฬุวคาม® [๑๖๓] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ตาม ความพอพระทัย ในอัมพปาลีวันแล้ว รับลังเรียกท่านพระอา นนท์มาตรัสว่า \"มาเถิด อานนท์ เราจะไปยังเวฬุวคามกัน\" เวฬุวคามนั้น รับลังเรียกภิกษุทังหลายมาตรัสว่า \"มาเถิด ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงจำพรรษารอบกรุงเวสาลีตามที่ที่มี เพีอน ตามทีทีมีคนเคยพบเหนกัน ตามท๊ทัมัคนเคยคบกัน ส่วนเราจะจำพรรษาในเวฬุวคามนี้\" พวกภิกษุทูลรับสนองพระดำรัสแล้วจำพรรษารอบ กรุงเวสาลีตามที่ที่มีเพื่อน ตามที่ที่มีคนเคยพบเห็นกัน ตามที่ ที่มีคนเคยคบกัน ส่วนพระผู้มีพระภาคทรงจำพรรษาใน เวฬุวคามนั้น ® ดูเทียบ สํ.ม.(แปล)๑๙/๓๗๕/๒๒๒-๒๒๓ (๔๗! ทรงเข้าจำพรรษาใ'เนวฬุวคาม www.kalyanamitra.org
[๑๖๔] ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงจำพรรษา ได้เกิด อาการพระประชวรอย่างรุนแรงมีทุกฃเวทนา®อย่างแสนสาหัส จวนเจียนจะปรินิพพาน พระองค์ทรงมีสติสัมปชัญญะ ทรง อดกลั้นไม่พรั่นพรึงทรงพระดำริว่า\"การที่เราไม่บอกผู้อุปัฏฐาก ไม่อำลาภิกชุสงฆ์ปรินิพพานนั้น ไม่เหมาะแก'เรา ทางที่ดี เรา ควรใช้ความเพียร'\" ขับไล่อาพาธนี้ ดำ รงชีวิตสังขารอยู่ต่อไป\" ลำ ดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงใช้ความเพียรขับไล่ อาการพระประชวรนั้น ทรงดำรงชีวิตสังขารอยู่ อาการพระ- ประชวรจึงสงบ เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงหายจากพระประชวร หายจากพระอาการไข้ไม่นาน ได้เสด็จออกจากพระวิหารไป ประหับนั่งบนพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้วในร่มเงาพระวิหาร ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝืาพระผู้มีพระภาคถึงที่ประหับ พระสุขภาพของพระองค์แล้ว ได้เห็นพระองค์ทรงอดทนต่อ ทุกขเวทนาแล้ว ทำ ให้ร่างกายของข้าพระองค์อ่อนเปลี้ย ประดุจคนเมา ข้าพระองค์รู้ถึกมีดทุกด้าน แม้ธรรม\" ก็ไม่ ปรากฏแก่ข้าพระองค์อีกแล้ว เพราะพระอาการไข้ของพระผู้มี ® ทุกขเวทนาในที่นี้หมายถึงความรู้สืกเจ็บปวดเป็นอาการของทุกข์ในไตรลักษณ์ ซึ่งเกิดขึ้นได้แม้แก่ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ มิใช่ทุกข์ในปฐจจสทุปบาทหรือใน อริยลัจ พระผู้มีพระภาคทรงข่มทุกขเวทนานี้ด้วยความเพียร (ที.ม.อ. ๑๖๔/ ๑๔๘-๑๔๙) ^ ความเพียร ในที่นี้มี ๒ อย่าง คือ(๑)ความเพียรที่เป็นบุพภาค ได้แก่ การ บริกรรมผลสมาบัติ(๒)ความเพียร ที่ประกอบด้วยผลสมาบัติ(ที.ม.อ.๑๖๔/ ๑๔๙,ท.ม.ฏกา ๑๖๔/๑๗๘) ^ ธรรม ในที่นี้หมายถึงสติปัฏฐาน ๔ เป็นต้น(ที.ม.อ. ๑๖๔/๑๔๙) ((£๘] www.kalyanamitra.org
พระภาค แต่ข้าพระองค์ก็ยังเบาใจอยู่หน่อยหนึ่งว่า 'พระผู้มี พระภาคจะยังไม่ปรินิพพาน ตราบเท่าที่ยังไม่ได้ปรารภภิกษุ สงฆ์แล้วตรัสพระพุทธพจน์อย่างใดอย่างหนึ่ง\" [๑๖๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า \"อานนท์ ภิกษุสงฆ์ ยังจะหวังได้อะไรในเราอีกเล่า ธรรมที่เราแสดงแล้วไม่มีใน ไม่มีนอก® ในเรื่องธรรมทั้งหลาย ตถาคตไม่มีอาจริยมุฏ!'\" ผู้ ที่คิดว่า เราเท่านั้น จักเป็นผู้บริหารภิกษุสงฆ์ต่อไป หรือว่า ภิกษุสงฆ์จะต้องยึดเราเท่านั้นเป็นหลัก ผู้นั้นจะต้องปรารภ ภิกษุสงฆ์แล้วกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่ แต่ตถาคตไม่ คิดว่า เราเท่านั้น จักเป็นผู้บริหารภิกษุสงฆ์ต่อไป หรือว่าภิกษุ สงฆ์จะต้องยึดเราเท่านั้นเป็นหลัก แล้วท่าไมตถาคตจะต้อง ปรารภภิกษุสงฆ์กล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งอีกเล่า บัดนี้ เราเป็น ผู้ชรา แก่ เฒ่า ล่วงกาลมานาน ผ่านวัยมามาก เรามีวัย ๘๐ ปี ร่างกายของตถาคตประหนึ่งแซมด้วยไมไผ่ ยังเป็นไปได้ ก็ เหมีอนกับเกวียนเก่าที่ซ่อมแซมด้วยไมีไผ่ฉะนั้น ร่างกายของ ตถาคตสบายขึ้นก็เพราะในเวลาที่ตถาคตเข้าเจโตสมาธิอัน ไม่มีนิมิต เพราะไม่ไล่ใจนิมิตทุกอย่าง และเพราะด้บเวทนา บางอย่างได้เท่านั้น ® ไม่มีในไม่มีนอก หมายถึงไม่แบ่งเป็น ๒ ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นการเฌ่งธรรมหรือ แบ่งบุคคล(ผู้ฟัง)เว่น ผู้ที่คิดว่า เราจะไม่แสดงธรรมบ่ระมาณเท่าณี้เก่บุคคลอื่น ชื่อว่าท่าธรรมให้มีใน แต่จะแสดงธรรมบ่ระมาณเท่านฺแก่บุคคลอื่น ชื่อว่าท่า ธรรมให้มีนอก ส่วนผู้ที่คิดว่า เราจะแสดงแก่บุคคลนี้ ชื่อว่าท่าบุคคลให้มีใน ไม่แสดงแก่บุคคลนี้ ชื่อว่าท่าบุคคลให้มีนอก (ที.ม.อ. ©๖๕/๑๔๙) ๒ อาจริยบุฎเ แบ่ลว่า ก่ามีอของอาจารย์ อธิบายว่า มีอที่กำไว้ ใช้เรืยกอาการ ของอาจารย์ภายนอก พระพุทธศาสนาที่หวงวิชา ไม่ยอมบอกแก่คิษย์ขณะที่ ตนเองยังห'นุ่ม แต่จะบอกแก่คิษย์ที่ตนรัก ขณะที่ตนใกล้จะตายเท่านั้น แต่ พระผู้มีพระภาคไม่ทรงถึอตามคติเช้นนี้(ที.ม.อ. ๑๖๕/๑๕๐) [๔๙] ทรงเข้าจำพรรษาในเวฬุ[วคาม www.kalyanamitra.org
อานนท์ เพราะเหตุนั้นแล พวกเธอจงมีตนเรนเกาะ® มี ตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิงอื่นเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็น ที่พึ่ง ไม่มีสิงอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ภิกษุมีดนเป็น๓าะ มีดนเป็นที่พึ่ง ใม่มีสิงอื่นเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไมมีสิงอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ อย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ๑. พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มี สัมป'รญญะ มีสติ กำ จัดอภิชฌาและ โทมนัสในโลกได้ ๒. พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่ ฯลฯ ๓. พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ฯลฯ ๔. พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่ มี ความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำ จัด อภิชฌาและโทมนัสในโลกได้\" ภิกษุมีตนเป็นเกาะมีตนเป็นที่พึ่งไม่มีสิงอื่นเป็นที่พึ่ง มี ธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิงอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ อย่าง นแล ® มีตนเป็นเกาะ ในที่นี้หมายถึงทำตนให้พ้นจากห้วงนํ้า คือ โอฆะ ๔ เหมือน กับเกาะกลางมหาสมุทรที่นํ้า ท่วมไม่ถึง(ที.ม.อ.๑๖๕/๑๕๐,ที.ม.ฎีกา ๑๖๕/ ๑๘๐) ^ ดู องฺ.จตุกุก.(แปล)๒๑/๒๗๙๓๙๐ [๕๐) www.kalyanamitra.org
อานนท์ ภิกษุเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ไม่ว่าจะในบัดนี้หรือ เมื่อเราล่วงไปแล้ว จะเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิงอื่นเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิง อื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ภิกษุเหล่านั้นจักอยู่ในความเป็นผู้เลิศกว่า เหล่าภิกษุผู้ใคร่ต่อการภิกษา\"® คามก้ณฑ์ในมหาปริรพพานสูตร จบบริบูรณ์ ภาณวารที่ ๒ จบ ® ดูเทียบ ที.ปา. ๑๑/๘๐/๔๙,๑๐๙/๖๗,สํ.ม.(แปล)๑๙/๓๗๙/๒๓๔ [๕๑] ทรงพ้าจำพรรษาในIวvflflาม www.kalyanamitra.org
ว่าด้วยนิมิตโอภาส® [๑๖๖] ครั้นในเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครอง อันตรวาสกถือบาตรและจีวรเสด็จเช้าไปยังกรุงเวสาลีเพี่อ บิณฑบาต เมื่อเสด็จกลับจากบิณฑบาต ภายหลังเสวยพระ กระยาหารเสร็จแล้ว รับลังเรียกท่านพระอานนท์มาตรัสว่า \"อานนท์ เธอจงถือผ้านิลีทนะ(ผ้ารองนั่ง) เราจะเช้าไปพัก กลางวันที่ปาวาลเจดีย์\" ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว ถือผ้า นิสีทนะตามเสด็จพระผู้มีพระภาคไปทางเบื้องพระปฤษฎางค์ ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จเช้าไปยังปาวาลเจดีย์ ประทับนั่งบนพุทธอาสน์ที่ท่านพระอานนท์ใJลาดถวาย ท่าน พระอานนท์ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณที่สมควร [๑๖๗] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับท่านพระอานนท์ ด้งนี้ว่า \"อานนท์ กรุงเวสาลีน่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์น่ารื่นรมย์ โคตมกเจดีย์น่ารื่นรมย์ ลัตตัมพเจดีย์น่ารื่นรมย์ พทุ!]ตต เจดีย์น่ารื่นรมย์ สารันททเจดีย์น่ารื่นรมย์ ปาวาลเจดีย์น่า รื่นรมย์ อิทธิบาท ๔ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญ ท่าให้มากแล้ว ท่าให้ เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้เป็นที่ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว ลังสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้นเมื่อมุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป'° หรีอเกิน กว่า ๑ กัป อิทธิบาท ๔ ตถาคตเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ท่าให้ ® ดูเทยบ สํ.ม.(แปล)๑๙/๘๒๒/๓๘๕-๓๘๖,องฺ.อคูฐก.(แปล)๒๓/๗๐/๓๗๒ นิสีหนฟ้;ในที่นี้หมายถึงแผ่นหนังสัตว์ (องฺ.อฎฐก.อ. ๓/๗๐/๒๗๔) ^ กัปในที่นื้หมายถึงอายุกัป คือร}วงอายุของคนแต่ละยุคในยุคของพร!ทุทธเจ้า ของเรา อายุกัปของคน = ๑๐๐ ปี (ที.ม.อ. ๑๖๗/๑๕๗) (๕๒] www.kalyanamitra.org
เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้เป็นที่ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว ส์งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตเมื่อมุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หรือ เกินกว่า ๑ กัป\" เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงทำนิมิตที่ชัดแจ้ง ทรงทำโอภาสที่ชัดเจนแม้อย่างนี้ ท่านพระอานนท์ก็ไม่อาจจะ รู้ทนจึงไม่กราบพูลวิงวอนพระผู้มีพระภาคว่า \"ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญขอพระผู้มีพระภาคโปรดดำรงพระชนมชีพอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตโปรดดำรงพระชนมชีพอยู่ตลอดกัป เพื่อเกื้อถูล แก่คนหยู่มาก เพื่อสุขแก่คนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์เพื่อเกื้อภูล เพื่อสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทังหลาย\" ทั้งนี้เป็นเพราะท่านพระอานนท์ถูกมารดลใจ แม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓พระผู้มีพระภาคก็ได้ตรัสกับท่านพระอานนท์ ด้งนี้ว่า \"อานนท์ กรุงเวสาลีน่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์น่ารื่นรมย์ โคตมกเจดีย์น่ารื่นรมย์ สัตตัมพเจดีย์น่ารื่นรมย์ พทุมุ่ตต เจดีย์น่ารื่นรมย์ สารันททเจดีย์น่ารื่นรมย์ ปาวาลเจดีย์น่า รื่นรมย์ อิทธิบาท ๔ ผู้Lดผู้หนึ่งเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้ เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้เป็นที่ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว สังสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้นเมื่อมุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หรือเกิน กว่า ๑ กัป อิทธิบาท ๔ ตถาคตเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้ เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้เป็นที่ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว สังสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตเมื่อมุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หรือ เกินกว่า ๑ กัป\" เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงทำนิมิตที่ชัดแจ้ง ทรงทำโอภาสที่ชัดเจนแม้อย่างนี้ ท่านพระอานนท์ก็ไม่อาจจะ รู้ทัน จึงไม่กราบทูลวิงวอนพระผู้มีพระภาคว่า \"ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค โปรดดำรงพระชนมชีพ [๕๓] ว่าด้วยนิมตโอภาส www.kalyanamitra.org
อยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตโปรดดำรงพระชนมชีพอยู่ตลอด กัปเพี่อเกื้อภูลแก่คนหยู่มาก เพี่อสุขแก่คนหมู่มาก เพี่อ อนุเคราะห์ชาวโลก เพี่อประโยชน์ เพี่อเกื้อกูล เพี่อสุขแก่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย\"เพราะท่านพระอานนท์ถูกมารดลใจ จากนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับท่านพระอานนท์ ด้งนี้ว่า \"ไปเถิดอานนท์เธอจงกำหนดเวลาที่สมควร ณ บัดนี้ เถิด\" ท่านพระอานนท์พูลรับสนองพระดำรัสแล้วลุกจาก อาสนะถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคกระท่าประทักษิณแล้ว นั่งที่โคนไม้แห่งหนึ่งในที่ไม่ไกล มารกราบทูลให้ปรินิพพาน [๑๖๘] ครั้นเมื่อท่านพระอานนท์จากไปไม่นาน มารผู้มีบาปได้เข้าไปเฝืาพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับยืน ณ ที่ สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้งนี้ว่า \"ข้าแต่พระองค์ผู้ เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดปรินิพพานในบัดนี้ขอพระสุคต โปรดปรินิพพานเถิด เวลานี้เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มี พระภาค พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้Iว้ว่า'มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพานตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลายผู้สาวกของเรา ยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็น พหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว แต่ก็ยังบอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เป็ดเผย จำ แนก ท่าให้ ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาท® ที่เกิดขึ้น ® ปรัปวาท ในที่นี้หมายถึงวาทะ หรือลัทธิต่างๆ ของเจ้าลัทธิอื่นนอกพระทุทธ ศาสนา {ท.ม.ฏกา ๓๗๔/๓๗๕,ชุ.ม.อ.๓๑/๒๓๗) [๕ฝ www.kalyanamitra.org
ให้เรียบร้อยโดยชอบธรรมไม่ได้' ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เวลา นี้ ภิกษุทั้งหลาย ผู้สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้เฉียบแหลม ได้รับการแนะนำ แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติ ธรรมสมควรแก'ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับ อาจารย์ของตนแล้วก็บอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปีดเผย จำ แนก ทำ ให้ง่ายได้ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาทที่ เกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยชอบธรรมได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดปรินิพพานในบัดนี้ ขอพระสุคตโปรด ปรินิพพานเถิด เวลานี้เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้!ว้ว่า 'มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพานตราบเท่าที่ภิกษุณีทั้งหลายผู้สาวิกาของ เรายังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่ เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ ปฏิบัติชอบ ไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตน แต่ ยังบอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิดเผย จำ แนก ทำ ให้ง่าย ไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาทที่เกิดขึ้นให้ เรียบร้อยโดยชอบธรรมไม่ได้' ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เวลานี้ ภิกษุณีทั้งหลายผู้สาวิกาของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้เฉียบแหลม ได้รับการแนะนำ แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติ ธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับ อาจารย์ของตนแล้วก็บอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิดเผย จำ แนก ทำ ให้ง่ายได้ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาทที่ เกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยชอบธรรมได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดปรินิพพานในบัดนี้ ขอพระสุคต โปรดปรินิพพานเถิด เวลานี้เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มี พระภาค [๕๕) มารกราบชุลให้ปรินิพพาน www.kalyanamitra.org
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจา'^ว้ว่า 'มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพาน ตราบเท่าที่อุบาสกทั้งหลายผู้สาวกของ เรายังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่ เป็นพ'ผูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ ปฏิบัติชอบ ไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิดเผย จำ แนก ท่าใ'ฬ้ง่าย ไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาทที่เกิดขึ้นให้ เรียบร้อยโดยชอบธรรมไม่ได้' ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เวลานี้ อุบาสกทั้งหลายผู้สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้เฉียบแหลม ได้รับการแนะนำ แกล้วกล้า เป็นพางูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติ ธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับ อาจารย์ของตนแล้วก็บอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิดเผย จำ แนก ท่าให้ง่ายได้ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาทที่ เกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยชอบธรรมได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดปรินิพพานในบัดนี้ ขอพระสุคต โปรดปรินิพพานเถิด เวลานี้เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มี พระภาค พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้!ว้ว่า 'มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพาน ตราบเท่าที่อุบาสิกาทั้งหลายผู้สาวิกา ของเรายังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพ'!งูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตน แล้วยังบอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิดเผย จำ แนก ท่าให้ ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาทที่เกิดขึ้นให้ เรียบร้อยโดยชอบธรรมไม่ได้' ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เวลานี้ (๕๖! www.kalyanamitra.org
อุบาสิกาทั้งหลายผู้สาวิกาของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้เฉียบแหลม ได้รับการแนะนำ แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติ ธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับ อาจารย์ของตนแล้วก็บอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิดเผย จำ แนก ทำ ให้ง่ายได้ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาทที่ เกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยชอบธรรมได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดปรินิพพานในบัดนี้ ขอพระสุคตโปรด ปรินิพพานเถิด เวลานี้เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้!ว้ว่า 'มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพานตราบเท่าที่พรหมจรรย์® ของเรายังไม่ บริบูรณ์ กว้างขวาง แพร่หลาย รู้จักกันโดยมาก มั่นคงดี กระทั่งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ดีแล้ว' ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ก็เวลานี้ พรหมจรรย์ของพระผู้มีพระภาค บริบูรณ์ กว้างขวาง แพร่หลาย รู้จักกันโดยมาก มั่นคงดี กระทั่งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ดีแล้ว ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดปรินิพพานในบัดนี้ ขอพระสุคตโปรดปรินิพพานเถิด เวลานี้เป็นเวลาปรินิพพาน ของพระผู้มีพระภาค' เมื่อมารหูลอาราธนาอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคได้ตอบ มารผู้มีบาปด้งนี้ว่า \"มารผู้มีบาป ท่านจงอย่ากังวล'\"เลย อีก ไม่นาน การปรินิพพานของตถาคตจะมี จากนี้!ปอีก ๓ เดีอน ตถาคตจะปรินิพพาน\" ® พรหมจรรย์ในที่นี้หมายถึงสาสนพรหมจรรย์คือคำสังสอนในพระพุทธศาสนา ทั้งสินที่รวมลงในไตรสิกขา (ที.ม.อ. ๑๖๘/๑๕๙) ^ คำ นี้เฟสจากคำว่า \"อปฺโปสฺสุกฺโก\" ที่งตามรูปสัพท์แปลกันว่า ขวนขวายน้อย (ที.ม.อ. ๑๖๘/๑๕๙) (๕๗) มารกราบVเลให้ปรินพพาน www.kalyanamitra.org
ทรงปลงพระชนมายสังขาร [๑๖๙] เวลานั้น พระผู้มีพระภาคทรงมีสติสัม- ป'^ญญะ ทรงปลงพระชนมายุสังขาร®แล้ว ณ ปาวาลเจดีย์ เมื่อพระองค์ทรงปลงพระชนมายุสังขารแล้ว ได้เกิดแผ่นดิน ไหวอย่างรุงแรงน่าสะพรึงกสัว ขนพองสยองเกล้า ทั้งกลอง ทิพย์ก็ด้งกึกก้อง ครั้แพระผู้มีพระภาคทรงทราบความนั้น จึง ทรงเปล่งพระอุทานในเวลานั้น ด้งนี้ว่า \"พระมุนีละกรรมทั้งที่ชั่งได้และที่ชั่งไม่ได้ อันเป็นเหตุก่อกำเนิด เป็นเครื่องปรุงแต่งภพได้แล้ว ยินดีในภายใน มีใจมั่นคง ทำ ลายกิเลสที่เกิดในตนได้ เหมีอนนักรบทำลายเกราะได้ฉะนั้น\"'\" เหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ๘ ประการ\" [๑๗๐] ล่าดับนั้นท่านพระอานนท์ได้มีความคิดด้งนี้ ว่า\"น่าอัศจรรย์จริงไม่เคยปรากฏ แผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงจริง แผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงจริงๆ น่าสะพรึงกสัว ขนพองสยอง เกล้า ทั้งกลองทิพย์ก็ด้งกึกก้อง อะไรหนอแลเป็นเหตุ อะไร ® ปลงพระซนมายุสังขาร หมายถึงสลัดปัจจัยเครื่องปรุงแต่งอายุ คือ ตกลง พระทัยว่าจะปรินิพพาน(ที.ม.อ. ๑๖๙/๑๕๙) ^ ดูเทียบ องฺ.ออุฐก.(แปล)๒๓/๗©/๓๗๖ ขรนขวายน้อยในที่นี้หมายถึงไม่ต้องกังวลห่วงใย(องฺ.ออุฐก.อ. ๓/๗๐/๒๗๗) ดูเทียบ องฺ.อฏฺฐก.(แปล)๒๓/๗๐/๓๗๖-๓๗๘ [๕๙] www.kalyanamitra.org
เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จึงเข้าไปเฝืา พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณที่สมควร ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า \"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ แผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงจริง แผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงจริงๆ น่าสะพรึงกลัว ขนพองสยองเกล้า ทั้งกลองทิพย์ก็ดังกึกก้อง อะไรหนอแลเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว อย่างรุนแรง พระพุทธเจ้าข้า\" [๑๗๑] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า \"อานนท์ เหตุ ปัจจัย ๘ ประการนี้ ที่ทำ ให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เหตุปัจจัย ๘ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนนํ้า นํ้าตั้งอยู่บนลม ลม ตั้งอยู่บนอากาศ เวลาที่ลมพายุพัดแรงย่อม ทำ ให้นํ้ากระเพื่อม นํ้าที่กระเพื่อมย่อมทำให้ แผ่นดินไหวตาม นี้เป็นเหตุปัจจัยประการ ที่ ๑ ที่ทำ ให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ๒. สมณะหรึอพราหมณ์ผู้มีฤทธ มีความ ชำ นาญทางจิต หรึอเทพผู้มีฤทธิ้มาก มี อา^Jภาพมาก ได้เจริญปฐวีสัญญานิดหน่อย แต่เจริญอาโปสัญญาจนหาประมาณมิได้ จึงทำให้แผ่นดินนี้!หวสันสะเทือนเลื่อนลั่น นี้เป็นเหตุปัจจัยประการที่ ๒ ที่ทำ ให้เกิด แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง (๕๙] เหตุที่ทำให้๓ดแผ่นดนไทวอย่างรุนแใง๘ปวะการ www.kalyanamitra.org
๓. คราวที่พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ จุติ จากสวรรค์ชั้นดุสิต เสด็จลง^พระครรภ์ ของพระมารดา แผ่นดินนี้ก็ไหวสันสะเทือน เลื่อนลั่น นี้เป็นเหตุปัจจัยประการที่ ๓ ที่ ทำ ให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ๔. คราวที่พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ ประสูติจากพระครรภ์ของพระมารดา แผ่น ดินนี้ก็ไหวลั่นสะเทือน เลื่อนลั่น นี้เป็นเหตุ ปัจจัยประการที่ ๔ ที่ทำ ให้เกิดแผ่นดินไหว อย่างรุนแรง ๕. คราวที่ตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิ- ญาณ แผ่นดินนี้ก็ไหวลั่นสะเทือน เลื่อนลั่น นี้เป็นเหตุปัจจัยประการที่ ๕ ที่ทำ ให้เกิด แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ๖. คราวที่ตถาคตประกาศธรรมจักรอันยอด เยี่ยมให้เป็นไป แผ่นดินนี้ก็ไหวลั่นสะเทือน เลื่อนลั่น นี้เป็นเหตุปัจจัยประการที่ ๖ ที่ ทำ ให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ๗. คราวที่ตถาคตมีสติสัมปชัญญะ ปลงอายุ สังขาร แผ่นดินนี้ก็ไหวลั่นสะเทือน เลื่อนลั่น นี้ เป็นเหตุปัจจัยประการที่ ๗ ที่ทำ ให้เกิด แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ๘. คราวที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิ- เสสนิพพานธาตุ แผ่นดินนี้ก็ไหวลั่นสะเทือน เลื่อนลั่น นี้เป็นเหตุปัจจัยประการที่ ๘ ที่ ทำ ให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง 1๖0] www.kalyanamitra.org
อานนท์ เหตุปัจจัย ๘ ประการนี้แล ที่ทำ ให้เกิดแผ่น ดินไหวอย่างรุนแรง บริษัท ๘ จำ พวก® [๑๗๒] อานนท์ บริษัท ๘ จำ พวกนี้ บริษัท ๘ จำ พวกไหนบ้าง คือ ๑. ขัตติยบริษัท (ชุมนุมกษัตริย์) ๒. พราหมณบริษัท (ชุม'นุมพราหมณ์) ๓. คหบดีบริษัท (ชุม'นุมคหบดี) ๙. สมณบริษัท (ชุม สมณะ) ๕. จาตุมหาราชบริษัท (ชุม'นุมเทพ'ชั้น จาตุมหาราช) ๖. ดาวดึงสบริษัท (ชุมนุมเทพชั้นดาวดึงส์) ๗. มารบริษัท (ชุม'นมมาร) ๘. พรหมบริษัท (ชุมนุมพรหม) อานนท์ เราจำได้ว่า เคยเ'ข้าไปหาขัตติยบริษัทหลายร้อย ครั้ง 'ทั้งเคย'นั่ง'พูดคุย และสนทนาใน'ข้ตติยบริษัทนัน กษัตริย์เหล่านั้นมีวรรณะเ'ช่นใด เราก็มีวรรณะเช่นนั้น กษัตริย์เหล่านั้นมีเสียงเช่นใด เราก็มีเสียงเช่นนั้น เราชี้แจงให้ กษัตริย์เหล่านั้นเห็นจัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง ® ดูเทียบ ที.ปา.๑๑/๓๓๗/๒๒๙,ม.sy.(แปล)๑๒/๑๕๑/๑tf๐,อง..อ{เฐก.(แปล) ๒๓/๖๙/๓๗๑-๓๗๒ [๖®] ปริษ้ท a จำ พวก www.kalyanamitra.org
ด้วยธรรมีกถา และเมื่อเรากำลังพูดอยู่ ก็ไม่มีใครรู้ว่า 'ผู้กำลังพูดอยู่นี้เป็นใคร เป็นเทพหรือเป็นมนุษย์' ครั้นชี้แจง ให้กษัตริย์เหล่านั้นเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้วหายไป และเมื่อเราหายไปแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ ว่า •ผู้ที่หายไปแล้วนี้เป็นใคร เป็นเทพหรือเป็นมนุษย์' อานนท์ เราจำได้ว่า เคยเข้าไปหาพราหมณบริษัทหลาย ร้อยครั้ง ฯลฯ คหบดีบริษัท ฯลฯ สมณบริษัท ฯลฯ จาตุมหาราชบริษัท ฯลฯ ดาวดึงสบริษัท ฯลฯ มารบริษัท ฯลฯ อานนท์ เราจำได้ว่า เคยเข้าไปหาพรหมบริษัทหลาย ร้อยครั้ง ทั้งเคยนั่งพูดคุย และสนทนาในพรหมบริษัทนั้น พรหมเหล่านั้นมีวรรณะเช่นใด เราก็มีวรรณะเช่นนั้น พรหม เหล่านันมีเรยงเช่นใด เราก็มีเสียงเช่นนั้น เราชี้แจงให้พรหม และเมื่อเรากำลังพูดอยู่ ก็ไม่มีใครรู้ว่า'ผู้กำลังพูดอยู่นี้เป็นใคร เป็นเทพหรือเป็นมนุษย์' ครั้แชี้แจงให้พรหมเหล่านั้นเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา แล้วก็หายไป และเมื่อเราหายไปแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่า•ผู้ที่หายไปแล้วนี้เป็นใคร เป็นเทพหรือเป็นมนุษย์' อานนท์ บริษัท ๘ จำ พวกนี้แล (๖๒) www.kalyanamitra.org
อภิภายตนะ ๘ ประการ [๑๗๓] อานนท์ อภิภายตนะ ๘ ประการนี้ อภิภายตนะ® ๘ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. บุคคลหนึ่งมีรูปสัญญาภายใน'° เห็นรูปทั้ง หลายภายนอกขนาดเล็ก มีสีสันดีหรือไม่ดี ครอบงำรูปเหล่านั้นได้ มีสัญญาอย่างนี้ว่า 'เรารู้ เราเห็น'นี้เป็นอภิภายตนะประการที่ ๑ ๒. บุคคลหนึ่งมีรูปสัญญาภายใน เห็นรูปทั้ง หลายภายนอกขนาดใหญ่ มีสีสันดีหรือไม่ดี ครอบงำรูปเหล่านั้นได้ มีสัญญาอย่างนีว่า •เรารู้ เราเห็น'นี้เป็นอภิภายต'นะประการที่ ๒ ๓. บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายใน'\" เห็นรูปทั้ง หลายภายนอกขนาดเล็ก มีสีสันดีหรือไม่ดี ครอบงำรูปเหล่านั้นได้ มีสัญญาอย่างนี้ว่า 'เรารู้ เราเห็น'นี้เป็นอภิภายต'นะประการที่ ๓ ® อภิภายตนะ หมายถึงเหตุครอบงำเหตุที่มีอิทธิพลุ ได้แก่ญาณหรีอฌานที่ เป็นเหตุครอบงำนิวรณ์๕และอารมณ์ทั้งหลาย คำ นี้มาจาก อภิภู +อายตนะ ที่ธิอว่า อภิภู เพราะครอบงำอารมณ์ และที่ที่อว่าอายตนะ เพราะเป็นทีเกิด ความสุขอันวิเศษแก่พระโยคีทั้งหลาย เพราะเป็นมนายตนะ และธัมมายตนะ (ที.ม.อ. ๑๗๓/ ๑๖๔,องฺ.อภูฐก.อ. ๓/๖(1/๒๗๐,องฺ.อภูฐก.ฎกา ๓/๖๑-๖(?/ ๓๐๒)และ ดูเทียบ ที.ปา. ๑๑/๓๓๘/๒๒๑'-๒๓๐, ม.ม. ๑๓/๒๙๑/๒๒๔- ๒๒๕, องฺ.อฏฐก.(แปล) ๒๓/๖๕/๓๖๗-๓๖๘, องฺ.ทสก.(แปล) ๒๔/๒๙/ ๗๑ ^ มีเปสัญญาภายในหมายถึงจำได้หมายรู้รูปภายในโดยการบริกรรมรูปภายใน (ท.ม.อ. ๑๗๓/๑๖๔) ^ มีอรูปสัญญาภายในหมายถึงเว้นจากสัญญาในบริกรรมในรูปภายไน(ที.ม.อ. ๑๗๓/๑๖(1!) (๖๓) อภํภายตนะ ๘ ประการ www.kalyanamitra.org
๔. บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายใน เห็นรูปทั้ง หลายภายนอกขนาดใหญ่ มีสีสันดีหรือไม่ดี ครอบงำรูปเหล่านั้นได้มีสัญญาอย่างนี้ว่า'เรา รู้ เราเห็น' นี้เป็นอภิภายต14ะประการที่ ๔ ๕. บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายใน เห็นรูปทั้ง หลายภายนอกที่เขียวมีสีเขียว เปรืยมด้วย ของเขียว มีสีเขียวเข้ม เปรืยบเหมีอนดอก ผักตบที่เขียว มีสีเขียว เปรืยบด้วยของเขียว มีสีเขียวเข้ม ฉันใด หรือเปรียบเหมีอนผ้า เมีองพาราณสีอันมีเนี้อละเอียดทั้ง ๒ ด้าน ที่เขียว มีสีเขียว เปรียบด้วยของเขียว มีสี เขียวเข้ม ฉันใด บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญา ภายในก็ฉันนั้นเหมีอนกัน เห็นรูปทั้งหลาย ภายนอกที่เขียว มีสีเขียว เปรียบด้วยของ เขียว มีสีเขียวเข้ม ครอบงำรูปเหล่านั้นได้ มี สัญญาอย่างนี้ว่า 'เรารู้ เราเห็น' นี้เป็น อภิภายตนะประการที่ ๕ ๖. บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายใน เห็นรูปทั้ง หลายภายนอกที่เหลือง มีสีเหลือง เปรียบ ด้วยของเหลือง มีสีเหลืองเข้ม เปรียบ เหมีอนดอกกรรณิการ์ที่เหลือง มีสีเหลือง เปรียบด้วยของเหลือง มีสีเหลืองเข้ม ฉันใด หรือเปรียบเหมีอนผ้าเมีองพาราณสีอันมี เนี้อละเอียดทั้ง ๒ ด้านที่เหลือง มีสีเหลือง เปรียบด้วยของเหลือง มีสีเหลืองเข้ม ฉันใด บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายในก็ฉันนั้น 1๖<£1 www.kalyanamitra.org
เหมึอนกัน เห็นรูปทั้งหลายภายนอกที่เหลือง มีลืเหลือง เปรียบด้วยของเหลือง มีลื เหลืองเข้ม ครอบงำรูปเหล่านั้นได้ มีสัญญา อย่างนี้ว่า 'เรารู้ เราเห็น' นี้เป็นอภิภายตนะ ประการที่ ๖ ๗. บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายใน เห็นรูปทัง หลายภายนอกที่แดง มีลืแดง เปรียบด้วย ของแดง มีสืแดงเข้ม เปรียบเหมีอนดอก ชบาที่แดง มีลืแดง เปรียบด้วยของแดง มีสื แดงเข้ม ฉันใด หรีอ เปรียบเหมีอนผ้าเมีอง พาราณลือันมีเนี้อละเอียดทั้ง ๒ ด้านที่แดง มีสิแดง เปรียบด้วยของแดง มีลืแดงเข้ม ฉันใด บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายในก็ฉัน นั้นเหมีอนกัน เห็นรูปทั้งหลายภายนอก ที่แดง มีลืแดง เปรียบด้วยของแดง มีลื แดงเข้ม ครอบงำรูปเหล่านั้นได้ มีสัญญา อย่างนี้ว่า 'เรารู้ เราเห็น' นี้เป็นอภิภายตนะ ประการที่ ๗ ๘. บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายใน เห็นรูปทั้ง หลายภายนอกที่ขาว มีลืขาว เปรียบด้วย ของขาว มีลืขาวเข้ม เปรียบเหมีอนดาว ประกายพรึกที่ขาว มีสิขาว เปรียบด้วยของ ขาว มีลืขาวเข้ม ฉันใด หรีอเปรียบเหมีอน ผ้าเมีองพาราณลือันมีเนี้อละเอียดทั้ง ๒ ด้าน ที่ขาว มีลืขาว เปรียบด้วยของขาว มีสืขาวเข้ม ฉันใด บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายในก็ฉัน 1๖๕] อภิภายตนะ ๘ ประการ www.kalyanamitra.org
นั้นเหมือนกัน เห็นรูปทั้งหลายภายนอก ที่ขาว มืสีขาว เปรียบด้วยของขาว มืสีขาวเข้ม ครอบงำรูปเหล่านั้นได้ มืสัญญาอย่างนี้ว่า 'เรารู้ เราเห็น' นี้เป็นอภิภายตนะ ประการ ที่ ๘ อานนท์ อภิภายตนะ ๘ ประการนี้แล วิโมกข์ ๘ ประการ [๑๗๔] อานนท์ วิโมกข์® ๘ ประการนี้ วิโมกข์ ๘ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. บุคคลผู้มุรูปเห็นรูปทั้งหลาย นี้เป็นวิโมกข์ ประการที่ ๑ ๒. บุคคลผู้มือรูปสัญญาภายใน เห็นรูปทั้ง หลายภายนอก นี้เป็นวิโมกข์ประการที่ ๒ ดูเทียบข้อ ๑๒๙หน้า ๗๕ในเล่มนี้ มีรูป หมายถึงได้รูปฌานโดยเจริญกสิณที่กำหนดวัตถุในกายของตน เข้น สีผม เห็นรูปทั้งหลาย หมายถึง เห็นรูปฌาน ๔(ที.ม.อ. ๑๒๙/๑๑๒-๑๑๓) เห็นรูปทั้งหลายภายนอก หมายถึงเห็นรูปทั้งหลายมีนีลกสิณเป็นด้นด้วย ญาณจักชุ (ที.ม.อ. ๑๒๙/๑๑๒-๑๑๓) ผู้น้อมใจไปว่างาม หมายถึงผู้เจริญ วณณกสิณ กำ หนดสีทงาม (ท.ม.อ. ๑๒๙/๑๑๒-๑๑๓) ดู ท.ปา. ๑๑/๓๓๙/๓๕๐, องฺ.อฎฺฐก.(แปล)๒๓/๖๖/๓๖๘-๓๖๙ วิโมกข์แปลว่า ความหลุดพ้นหมายถึงภาวะที่จิตหลุดพ้นจากสิงรบกวนและ น้อมดิ่งไปในอารมณ์นั้น(องฺ.อฎฐก.อ.๓/๖๖/๒๗๒)ดูเทียบ ที.ม.(แปล)๑๐/ ๑๗cy๑๒๒ มีรูปในที่นี้หมายถึงุได้^ฌานที่เกิดจากการทำบริกรรมในรูปภายในตน เข้น ทำ บริกรรมผม เหงื่อ เน้อ เลือด กระดูก ฟัน เล็บ โดยวิธีการบริกรรมเป็นสี ต่างๆ มีสีเขียว เหลือง แดง เป็นด้น(องฺ.อ{jฐก.อ. ๓/๖๕/๒๗๐,๖๖/๒๗๒) ม.ม.๑๓/๒๔๘/๒๒๓-๒๒๔, อง.อ{เฐก.(แปล)๒๓/๖๖/๓๖๘-๓๖๙ [๖๖] www.kalyanamitra.org
๓. บุคคลผู้น้อมใจไปว่า 'งาม' นี้เป็นวิโมกข์ ประการที่ ๓ ๔. บุคคลบรรลุอากาสาน้ญจายตนฌานโดย กำ หนดว่า 'อากาศหาที่สุดมิได้' อยู่ เพราะ ล่วงรูปสัญญา ดับปฏิฆสัญญา ไม่กำหนด นาน้ตตสัญญาโดยประการทั้งปวง นี้เป็น วิโมกข์ประการที่ ๔ ๕. บุคคลล่วงอากาสาน้ญจายตนฌานโดย ประการทั้งปวง บรรลุวิญญาณัญจายตน ฌานโดยกำหนดว่า 'วิญญาณหาที่สุดมิได้' อยู่นี้เป็นวิโมกข์ประการที่ ๕ ๖. บุคคลล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดย ประการทั้งปวง บรรลุอากิญจัญญายตน ฌานโดยกำหนดว่า 'ไม่มีอะไร' อยู่ นี้เป็น วิโมกข์ประการที่ ๖ ๗. บุคคลล่วงอากิญจัญญายตนฌานโดย ประการทั้งปวง บรรลุเนวสัญญานา สัญญายตนฌานอยู่ นี้เป็นวิโมกข์ประการที่ ๗ ๘. บุคคลล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน โดยประการทั้งปวง บรรลุสัญญาเวทยิตนิ- โรธอยู่ นี้เป็นวิโมกข์ประการที่ ๘ อานนท์ วิโมกข์ ๘ ประการนี้แล (๖๗) วิโมกข์ ๙ ประการ www.kalyanamitra.org
ทรงเล่าเรืองมาร'' [๑๗๕] อานนท์ สมัยหนึ่ง เมื่อแรกตรัสรู้ เราพักอยู่ ที่ต้นอชปาลนิโครธ ใกล้ฝืงแม่นํ้าเนรัญชรา ที่ตำ บลอุรุเวลา มารผู้มีบาปไต้เข้ามาหาเรายึนณที่สมควรไต้กล่าวกับเราดังนี้ว่า 'ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดปรินิพพาน ไนบัดนี้ ขอพระสุคตโปรดปรินิพพานเถิด เวลานี้เป็นเวลา ปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค' เมื่อมารกล่าวอย่างนี้ เราตอบว่า 'มารผู้มีบาป เราจะยัง ไม่ปรินิพพานตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลายผู้สาวกของเรายังไม่ เฉียบแหลม ไม่ได้ริบการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพ'ดูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว แต่ยังบอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เป็ดเผย จำ แนก ท่าไ'ล้ง่ายไม่ได้ ยัง แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาทที่เกิดขึ้นไ'ต้เรียบร้อย โดยชอบธรรมไม่ได้ มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพานตราบเท่าที่ภิกษุณี ทั้งหลายผู้สาวิกาของเรา ยังไม่เฉียบแหลมไม่ได้ริบการแ'นะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพ'ดูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับ อาจารย์ของตนแล้ว แต่ยังบอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เป็ด เผย จำ แนก ท่าไ'ฅ้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบ ปริปวาทที่เกิดขึ้นไ'ห้เรียบร้อยโดยชอบธรรมไม่ได้ ® ดูเทียบ ข้อ ๑๖๘ 1๖๘) www.kalyanamitra.org
มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพานตราบเท่าที่อุบาสก ทั้งหลายผู้สาวกของเรายังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้ริบการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพ'ดูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับ อาจารย์ของตนแล้ว แต่ยังบอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิด เผย จำ แนก ท่าให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบ ปริปวาทที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยชอบธรรมไม่ได้ มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพานตราบเท่าที่อุบาสิกา ทั้งหลายผู้สาวิกาของเรายังไม่เฉียบแหลมไม่ได้ริบการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพ'ดูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับ อาจารย์ของตนแล้ว แต่ยังบอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิด เผย จำ แนก ท่าให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบ ปริปวาทที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยชอบธรรมไม่ได้ มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพานตราบเท่าที่ พรหมจรรย์ของเรายังไม่บริบุรณ์ กว้างขวาง แพร่หลาย รู้จัก กันโดยมาก มั่นคงดี กระทั่งเทพและม'นุษย์ทั้งหลายประกาศ ได้ดีแล้ว [๑๗๖] อานน'ฅ์ วันนี้เมื่อกี้นี้เอง มารผู้มีบาปได้เข้า มาหาเราที่ปาวาลเจดีย์ยืน ณ ที่สมควร ได้กล่าวกับเราด้งนี้ว่า 'ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค โปรดปรินิพพาน ในบัดนี้ ขอพระสุคตโปรดปรินิพพานเถิด เวลานี้เป็นเวลา ปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคได้ตริสพระวาจา^ว้ว่า 'มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพานตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลายผู้สาวกของเรา (๖๙] วโมกข์ ๘ประการ www.kalyanamitra.org
ยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็น พาฎสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ ปฏิบัติชอบ ไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว แต่ยังบอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิดเผย จำ แนก ทำ ใ'ฬ้ ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาทที่เกิดขึ้น ใ'ฅ้เรียบร้อยโดยชอบธรรมไม่ได้ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เวลานี้ ภิกชุทั้งหลาย ผู้สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้เฉียบแหลม ได้รับการแนะนำ แกล้วกล้า เป็นพ'ฬูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติ ธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับ อาจารย์ของตนแล้วก็บอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิดเผย จำ แนก ทำ ใ'ฅ้ง่ายได้ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปร้ปวาทที่ เกิดขึ้นใ'ล้เรียบร้อยโดยชอบธรรมได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดปรินิพพานในบัดนี้ขอพระสุคตโปรด ปรินิพพานเถิด เวลานี้เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้!ว้ว่า 'มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพาน ตราบเท่าที่ภิกษุณีทั้งหลายผู้สาวิกา ของเรายังไม่เฉียบแหลมไม่ได้รับการแนะนำไม่แกล้วกล้า ฯลฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้!ว้ว่า 'มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพานตราบเท่าที่อุบาสกทั้งหลายผู้สาวกของ เรายังไม่เฉียบแหลม ฯลฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้!ว้ว่า 'มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพาน ตราบเท่าที่อุบาสิกาทั้งหลายผู้สาวิกา ของเรา ยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพ'ดูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว [๗๐! www.kalyanamitra.org
แต่ยังบอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิดเผย จำ แนก ทำ ให้ ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบปรัปวาทที่เกิดขึ้น ให้เรียบร้อยโดยชอบธรรมไม่ได้'ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เวลานี้ อุบาสิกาทั้งหลาย ผู้สาวิกาของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้เฉียบ แหลม ได้รับการแนะนำ แกล้วกล้า เป็นพ'ดูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้วก็บอก แสดง บัญญัติ กำ หนด เปิดเผย จำ แนก ทำ ให้ง่ายได้ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ปราบ ปรัปวาทที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยชอบธรรมได้ ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดปรินิพพานในบัดนี ขอพระสุคตโปรดปรินิพพานเถิด เวลานี้เป็นเวลาปรินิพพาน ของพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้!ว้ว่า 'มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพาน ตราบเท่าที่พรหมจรรย์ของเรายังไม่ บริบูรณ์ กว้างขวาง แพร่หลาย รู้จักกันโดยมาก มั่นคงดี กระทั่งเทพและมนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ดีแล้ว' ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เวลานี้ พรหมจรรย์ของพระผู้ มีพระภาคบริบูรณ์ กว้างขวาง แพร่หลาย รู้จักกันโดยมาก มั่นคงดี กระทั่งเทพและมนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ดีแล้ว ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญขอพระผู้มีพระภาคโปรดปรินิพพานในบัดนี ขอพระสุคตโปรดปรินิพพานเถิด เวลานิเป็นเวลาปรินิพพาน ของพระผู้มีพระภาค [๑๗๗] อานนท์ เมื่อมารบอกอย่างนี้ เราได้ตอบ มารผู้มีบาปด้งนี้ว่า 'มารผู้มีบาป ท่านจงอย่ากังวลเลย อีกไม่ นาน การปรินิพพานของตถาคตจะมี จากนี้โปอีก ๓ เดีอน (ท1®1 วิโมกข์๙ประการ www.kalyanamitra.org
ตถาคตจะปรินิพพาน' อานนท์ วันนี้ เมื่อกี้นี้เอง เรามีสติสัมปชัญญะดี ปลง อายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์\" พระอานนท์กราบทูลอาราธนา [๑๗๘] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้ ท่านพระ อานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า \"ข้าแต่พระองค์ผู้ เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดดำรงพระชนมชีพอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตโปรดดำรงพระชนมชีพอยู่ตลอดกัป เพื่อเกี้อภูล แก่คนหยู่มาก เพื่อสุขแก'คนหยู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์เพื่อเกี้อทูล เพื่อสุขแก'เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย\" พระผู้มีพระภาคตรัสว่า \"อย่าเลย อานนท์ อย่ามา วิงวอนตถาคตเลย บัดนี้!.ม่ใช่เวลาที่จะวิงวอนตถาคต\" แม้ครั้งที่ ๒ ท่านพระอานนท์ก็ได้กราบทูลพระผู้มี พระภาคดังนี้ว่า ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ ท่านพระอานนท์ก็ได้กราบทูลพระผู้มี พระภาคดังนี้ว่า \"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค โปรดดำรงพระชนมชีพอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคต โปรดดำรง พระชนมชีพอยู่ตลอดกัป เพื่อเกี้อทูลแก่คนหยู่มาก เพื่อสุข แก่คนหยู่มากเพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์เพื่อเกี้อทูล เพื่อสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย\" พระผู้มีพระภาคจึงตรัสถามว่า \"อานนท์ เธอเชื่อความ ตรัสรู้ของตถาคตหรือ\" [๗๒] www.kalyanamitra.org
ท่านพระอานนท์พูลตอบว่า \"เชื่อ พระพุทธเจ้าข้า\" พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า \"ก็เมื่อเธอเชื่อ ไฉน ยัง แค่นไค้ตถาคตถึง ๓ ครั้งเล่า\" ท่านพระอานนท์พูลตอบว่า \"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่าอานนท์ อิทธิบาท ๔ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญ ท่าให้มากแล้ว ทำ ให้เป็นดุจยาน แล้ว ทำ ให้เป็นที่ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว ส่งสมแล้ว ปรารภดี ผู้ นั้น เมื่อมุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หรือเกินกว่า ๑ กัป อิทธิ- บาท ๔ ตถาคตเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้เป็นที่ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว ส่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตเมื่อมุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หรือเกินกว่า ๑ กัป\" พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า \"เธอเชื่อหรือ อานนท์\" ท่านพระอานนท์ทูลตอบว่า \"เชื่อ พระพุทธเจ้าข้า\" พระผู้มีพระภาคตรัสว่า \"เหตุนั้นแล อานนท์ เรื่องนี้จึง เป็นความบกพร่องของเธอ เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอ® เมื่อ ตถาคตทำนิมิตที่ชัดแจ้ง ทำ โอภาสที่ชัดเจนแม้อย่างนี้ เธอก็ ไม่อาจจะรู้ทัน จึงไม่วิงวอนตถาคตว่า •ขอพระผู้มีพระภาค โปรดดำรงพระชนมชีพอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตโปรดดำรง พระชนมชีพอยู่ตลอดกัป เพี่อเกื้อกูลแก่คนหมู่มาก เพี่อสุข แก่คนหมู่มาก เพี่ออนุเคราะห์ชาวโลกเพี่อประโยชน์เพี่อเกื้อกูล เพี่อสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย' ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะห้ามเธอเพึยง๒ ครั้ง พอครั้งที่ ๓ตถาคตจะร้บนิมนต์ ® ที่ตรัสว่า เรื่องนื้จึงเป็นความบกพร่องซองเธอ เรื่องนเป็นความผิดซองเธอ มิใร่ตรัสเพี่อจะทรงตำหนิ แต่ตรัสเพี่อเป็นเหตุบรรเทาความเศร้าโศกของ พระอานนท์ (ที.ม.อ. ๑๗๙๑๖๗) (๗๓! พระอานนท์กราบพูลอาราธนา www.kalyanamitra.org
เหตุนี้แหละ เรื่องนี้จึงเป็นความบกพร่องของเธอ เรื่องนี้เป็น ความผิดของเธอ ทรงแสดงอานุภาพของอิทธิบาท ๔ ประการ [๑๗๙] อานนท์ สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ เขตกรุงราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล เรียกเธอมากล่าวว่า •อานนท์ กรุงราชคฤห์น่ารื่นรมย์ ภูเขาคิชฌกูฏน่ารื่นรมย์ อิทธิบาท ๔ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้ เป็นที่ ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดี ผู้นั้นเมื่อ 3^งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หริอเกินกว่า ๑ กัป อิทธิบาท ๔ ตถาคตเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้เป็น ที่ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตเมื่อ บุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หริอเกินกว่า ๑ กัป®'เมื่อตถาคต ทำ นิมิตที่ชัดแจ้ง ทำ โอภาสที่ชัดเจนแม้อย่างนี้ เธอก็ไม่อาจจะ รู้ทัน จึงไม่วิงวอนตถาคตว่า •ขอพระผู้มีพระภาคโปรดดำรง พระชนมชีพอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตโปรดดำรงพระชนมชีพ อยู่ตลอดกัป เพื่อเกื้อกูลแก่คนหยู่มาก เพื่อสุขแก่คนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อสุขแก่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย' ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะ ห้ามเธอเพียง ๒ ครั้ง พอครั้งที่ ๓ ตถาคตจะรับนิมนต์ เหตุ นั้นแหละ อานนท์ เรื่องนี้จึงเป็นความบกพร่องของเธอ เรื่อง นี้เป็นความผิดของเธอ ® ดูเทยบ อภิ.ก. ๓๗/๖๒๓/๓๗««-๓๗๙ (๗(T) www.kalyanamitra.org
[๑๘๐] อานนท์ สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่โคตมนิโครธ เขตกรุงราชคฤห์ฯลฯ เราอยู่ที่เหวทิ้งโจร เขตกรุงราชคฤห์ฯลฯ เราอยู่ที่ถํ้าสัตตบรรณ ข้างภูเขาเวภาระ เขตกรุงราชคฤห์ ฯลฯ เราอยู่ที่กาฬสืลา ข้างภูเขาอิสิคิลิ เขตกรุงราชคฤห์ ฯลฯ เรา อยู่ที่เงื้อมสัปปโสณฑิกะ ในสิตวัน เขตกรุงราชคฤห์ ฯลฯ เรา อยู่ที่ตโปทาราม เขตกรุงราชคฤห์ ฯลฯ เราอยู่ที่เวฬุวันสถาน ที่ให้เหยื่อกระแต เขตกรุงราชคฤห์ ฯลฯ เราอยู่ที่ชีวกัมพวัน เขตกรุงราชคฤห์ ฯลฯ เราอยู่ที่มัทททุจฉิมฤคทายวัน เขตกรุง ราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล เราได้เรียกเธอมากล่าวว่า 'อานนท์ กรุง ราชคฤห์น่ารื่นรมย์ ภูเขาคิชฌกูฏน่ารื่นรมย์ โคตมนิโครธน่า ฑิกะ ในสิตวันน่ารื่มรมย์ ตโปทารามน่ารื่นรมย์ เวฬุวันสถาน ที่ให้เหยื่อกระแตน่ารื่นรมย์ ชีวกัมพวันน่ารีนรมย์ มัททฤจฉิ มฤคทายวันน่ารื่นรมย์ อานนท์ อิทธิบาท ๔ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้เป็นที่ตังแล้ว ให้ ตั้งมั่นแล้ว สังสมแล้ว ปรารภดี ผู้นันเมึ่อมุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ ได้ ๑ กัป หรือเกินกว่า ๑ กัป อิทธิบาท ๔ ตถาคตเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้เป็นที่ตังแล้ว ให้ ตั้งมั่นแล้ว สังสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตเมื่อมุ่งหวัง พึง ดำ รงอยู่ได้ ๑ กัป หรือเกินกว่า ๑ กัป' เมื่อตถาคตทำนิมิตที่ ชัดแจ้ง ทำ โอภาสที่ชัดเจนแม้อย่างนี้ เธอก็ไม่อาจจะรู้ทน จึง ไม่วิงวอนตถาคตว่า 'ขอพระผู้มีพระภาคโปรดดำรงพระชนม ชีพอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตโปรดดำรงพระชนมชีพอยู่ต่อไป ตลอดกัป เพื่อประโยชน์แก่คนหมุ่มาก เพื่อสุขแก่คนหมุ่มาก (๗๕] ทรงแสดงอา!Jภาพชองอิทธบาท ๔ ประการ www.kalyanamitra.org
เพี่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพี่อเกื้อกูล เพี่อสุขแก่เทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย'ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะห้ามเธอเพียง ๒ ครั้ง พอครั้งที่ ๓ ตถาคตจะร้บนิมนต์ เหตุนั้นแหละ อานนท์ เรื่องนี้ จึงเป็นความบกพร่องของเธอ เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอ [๑๘๑] อานนท์ สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่อุเทนเจดีย์ เขต กรุงเวสาลี ณ ที่นั้นแล เราได้เรียกเธอมากล่าวว่า 'อานนท์ กรุงเวสาลีน่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์น่ารื่นรมย์ อานนท์ อิทธิบาท เมื่อมุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หรีอเกินกว่า ๑ กัป อิทธิบาท ๔ ตถาคตเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้ เป็นที่ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว สังสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคต เมื่อมุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หรีอเกินกว่า ๑ กัป เมื่อ ตถาคตทำนิมิตที่ชัดแจ้ง ทำ โอภาสที่ชัดเจนแม้อย่างนี้ เธอก็ ไม่อาจจะรู้ทัน จึงไม่วิงวอนตถาคตว่า 'ขอพระผู้มีพระภาค โปรดดำรงพระชนมชีพอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตโปรดดำรง พระชนมชีพอยู่ตลอดกัป เพี่อเกื้อกูลแก่คนหมู่มาก เพี่อสุข แก่คนหมู่มาก เพี่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพี่อประโยชน์เพี่อเกื้อกูล เพึอสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย' ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะห้ามเธอเพึยง๒ครั้ง พอครั้งที่ ๓ตถาคตจะร้บนิมนต์ เหตุนันแหละ อานนท์ เรื่องนี้จึงเป็นความบกพร่องของเธอ เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอ [๑๘๒] อานนท์ สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่โคตมกเจดีย์ เขตกรุงเวสาลี ฯลฯ เราอยู่ที่สัตตัมพเจดีย์ เขตกรุงเวสาลี ฯลฯ เราอยู่ทีพทุปุตตเจดีย์ เขตกรุงเวสาลี ฯลฯ เราอยู่ที่สารันทท (๗๖] www.kalyanamitra.org
เจดีย์ เขตกรุงเวสาลี ฯลฯ เราอยู่ที่ปาวาลเจดีย์ วันนี้เมื่อกี้เอง ณ ปาวาลเจดีย์ เราได้เรียกเธอมากล่าวว่า 'อานนท์ กรุงเวสา ลีน่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์น่ารื่นรมย์ โคตมกเจดีย์น่ารื่นรมย์ สัตตัมพเจดีย์น่ารื่นรมย์ พหุปุตตเจดีย์น่ารื่นรมย์ สาวันทท เจดีย์น่ารื่นรมย์ ปาวาลเจดีย์น่ารื่นรมย์ อานนท์ อิทธิบาท ๔ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้ เป็นที่ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว สังสมแล้ว ปรารภดี ผู้นั้นเมื่อมุ่ง หวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หริอเกินกว่า ๑ กัป อิทธิบาท ๔ ตถาคตเจริญ ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้ เป็นที่ตั้งแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้ว สังสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคต เมื่อมุ่งหวัง พึงดำรงอยู่ได้ ๑ กัป หริอเกินกว่า ๑ กัป' เมื่อ ตถาคตทำนิมิตที่ชัดแจ้ง ทำ โอภาสที่ชัดเจนแม้อย่างนี้ เธอก็ ไม่อาจจะรู้ทัน จึงไม่วิงวอนตถาคตว่า 'ขอพระผู้มีพระภาค โปรดดำรงพระชนมชีพอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตโปรดดำรง พระชนมชีพอยู่ตลอดกัป เพื่อเกี้อกูลแก่คนหมู่มาก เพื่อสุข แก่คนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์เพื่อเกี้อภูล เพื่อสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย' ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะห้ามเธอเพียง๒ ครั้ง พอครั้งที่ ๓ตถาคตจะร้บนิมนต์ เหตุนั้นแหละ อานนท์ เรื่องนี้จึงเป็นความบกพร่องของเธอ เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอ [๑๘๓] อานนท์ เราเคยบอกเธอไว้ก่อนมิใช่หริอว่า ความพสัดพราก ความทอดทิ้ง ความแปรเปลี่ยนเป็นอย่าง อื่นจากของวักของชอบใจทุกอย่างจะต้องมี ฉะนั้น จะพึงหา ได้อะไรจากที่ไหนในสังขารนี้ ลี่งที่เกิดขึ้น มีขึ้น ถูกปัจจัยปรุง แต่งขึ้น มีความแตกสลายเป็นธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะ [๗๗] ทรงแสดงอานุภาพของอทธบาท ๙ประการ www.kalyanamitra.org
ปรารถนาว่า ขอสิงนั้นจงอย่าแตกสลายไปเลย ตถาคตสละ คลาย ปล่อย ละ วางสิงนั้นได้แล้ว ปลงอายุสังขารแล้ว วาจา ที่ตถาคตกล่าวไว้ว่า •อีกไม่นาน การปรินิพพานของตถาคตจะ มี จากนั้!ปอีก ๓ เดือน ตถาคตจะปรินิพพานเป็นวาจาที่ เปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว' จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ตถาคตจะกสับ คืนคำเพราะต้องการมีอายุอยู่ต่อไป มาเถิด อานนท์ เราจะ เข้าไปยังกูฏาคารศาลา ป่ามหาว้นกัน\" ท่านพระอานนท์ทูลรับ สนองพระดำรัสแล้ว ท่านพระอานนท์มาตรัสว่า •'ไปเถิด อานนท์ เธอจงไปนิมนต์ ไห้ภิกษุเท่าที่อาสัยอยู่ในกรุงเวสาลีมาประชุมกัน ณหอฉัน\" ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว จึงนิมนต์ ภิกษุทุกรูปเท่าที่อาด้ยอยู่ในกรุงเวสาลี มาประชุมกัน ณ หอ ฉันแล้ว เข้าไปเฝัาพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาท แล้วยืน ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้งนี้ว่า •'ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุสงฆ์ประชุมกันแล้ว ขอพระผู้มีพระ ภาคจงกำหนดเวลาที่สมควร ณ บัดนี้เถิด พระพุทธเจ้าข้า\"® [๑๘๔] จากนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จไป ณหอฉัน ประทับนั่งบนพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้ว รับสั่งเรียกภิกษุทั้ง หลายมาตรัสว่า \"ภิกษุทั้งหลาย(เพราะฉะนั้น) ธรรมที่เรา แสดงแล้วเพื่อความรู้ยิ่ง เธอทั้งหลายพึงเรียน เสพ เจริญ ท่าให้มาก ด้วยดืโดยวิธีที่พรหมจรรย์นี้จะพึงตั้งอยู่ได้นาน ® ดูเทียบ ชุ.ม.(แปล)๒๙/๔๐/๑๔๘-๑๔๙ (๗Ctj www.kalyanamitra.org
ดำ รงอยู่ได้นาน ข้อนั้นพึงเป็นไป เพื่อเกื้อกูลแก่คนหยู่มาก เพื่อสุขแก่คนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรมที่เราแสดงแล้วเพื่อความรู้ยิ่ง เธอทั้งหลายพึง เรียน เสพ เจริญ ทำ ให้มากด้วยดีโดยริธีที่พรหมจรรย์นีจะ พึงดั้งอยู่ได้นาน ดำ รงอยู่ได้นาน ซ้อนัน พึงเป็นไปเพื่อ เกื้อกูลแก่คนหมู่มาก เพื่อสุขแก่คนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกล เพื่อสุขแก่เทวดาและ IมนTษยtทงZหลZายZคอZอะZเร คอ ๒. สัมมัปปธาน ๔ ๑. สติปัฏฐาน ๔ ๓. อิทธิบาท ๔ ๔. อินทรีย์ ๕ ๕. พละ ๕ ๖. โพชฌงค์ ๗ ๗. อริยมรรคมีองค์ ๘ ภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้แล คือ ธรรมที่เราแสดงแล้วเพึอ ความรู้ยิ่ง เธอทั้งหลาย พึงเรียน เสพ เจริญ ทำ ให้มากด้วยดี โดยวิธีที่พรหมจรรย์นี้จะพึงตั้งอยู่ได้นาน ดำ รงอยู่ได้นาน ข้อ นั้นพึงเป็นไปเพื่อเกื้อกูลแก่คนหมู่มาก เพื่อสุขแก่คนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพึอเกือกูล เพึอสุขแก่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย\" [๗๙) ทรงแสดงอานุภาพของอทธิบาท๙ประการ www.kalyanamitra.org
สังเวชนืยธรรม (ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสังเวช) [๑๘๕] จากนั้น พระผู้มีพระภาครับส์งเรียกภิกษุทั้ง หลายมาตรัสว่า \"ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนเธอทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีดวามเสือมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจง ทำ หน้าที่ให้สำเร็จด้วยความไม่ประมาทเถิด อีกไม่นานการ ปรินิพพานของตถาคตจะมี จากนี้!ปอีก ๓ เตือน ตถาคตจะ ปรินิพพาน\" พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดาได้ตรัสเวยยากรณภาษิตนี้ แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า \"มนุษย์ทุกคนไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ โง่ ฉลาด มั่งมี และยากจน ล้วนต้องตาย® ชีวิตของสัตว์เปรียบเหมือนกาชนะดินที่ช่างหม้อป้นแล้ว เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง สุกบ้าง ดิบบ้าง ซึ่งล้วนมีความแตกสลายเป็นที่สุด\" พระสุคตศาสดาได้ตรัสพระคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า \"วัยของเราแก่หง่อม ชีวิตของเราเหลือน้อย เราจะจากพวกเธอไป เราทำที่พึ่งแก'ตนแล้ว พวกเธอจงอย่าประมาท มีสติ มีตืลบริสุทธ ® ดูเทียบ ชุ.ชา.(แปล)๒๗/๘๗/๓๖๘ 1๙๐1 www.kalyanamitra.org
มีความดำริมั่นคงดี รักษาจิตของตนไว้ ผู้ที่ไม่ประมาทอยู่ในธรรมวินัยนี้ ละการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้\"® ภาณวารที่ ต จบ ® ดูเทียบ ชุ.สุ. ๒๕/๕๘๔/๔๕ [๘®) สังIวฬยธรรม www.kalyanamitra.org
การทอดพระเนตรกรุงเวสาลือย่างช้างมอง [๑๘๖] ครั้นในเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครอง อันตรวาสกถือบาตรและจีวร เสด็จเช้าไปยังกรุงเวสาลีเพื่อ บิณฑบาต เมื่อเสด็จกลับจากบิณฑบาต ภายหลัง เสวยพระ กระยาหารเสร็จแล้ว ทอดพระเนตรกรุงเวสาลีอย่างช้างมอง® รับลังเรียกท่านพระอานนท์มาตรัสว่า \"อานนท์ การเห็นกรุง เวสาลีครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายของตถาคต มาเถิด อานนท์ เรา จะเช้าไปยังภัณฑุคามกัน\" ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระ ดำ รัสแล้ว พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมูใหญ่ เสด็จถืง กัณฑุคาม ประท้บอยู่ที่ภัณฑุคามนั้น รับลังเรียกภิกษุทั้ง หลายมาตรัสว่า \"ภิกษุทั้งหลาย เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดธรรม ๔ประการ เราและเธอทั้งหลายจึงเที่ยวเร่ร่อนไปตลอดกาลยาวนานอย่างนี้ ธรรม ๔ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยคืล เราและ เธอทั้งหลายจึงเที่ยวเร่ร่อนไปตลอดกาล ยาวนานอย่างนี้ ® อย่างฟ้างมอง หมายถึงทรงหันพระองค์กลับหลังอย่างทีพญาช้างมอง คือพญา ช้างไม่อาจจะเอี้ยวคอ มองช้างหลัง ต้องหันกลับทั้งตัวฉันใด พระผู้มีพระ ภาคก็ฉันฺนั้น เพราะพระอัฎฐิก้านพระศอเป็นชิ้นเดียวกัน ไม่มีข้อต่อจึงไม่ อาจจะเอี้ยวพระศอมองข้างหลังไต้ แต่จะไม่เหมือนกับช้างมอง เพราะมี ทุทธานุภาพ จึงทำใหัแผ่นดีนนี้หมุนไปเหมือนกับแป้น (กุลาลจกฺกิ) โดยทำ พระผู้มีพระภาคไหัมีหน้าตรงต่อกรุงเวสาลี (ที.ม.อ. ๑๘๖/๑๖๘) Icto] www.kalyanamitra.org
๒. เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยสมาธิ เราและ เธอทั้งหลายจึงเที่ยวเร่ร่อนไปตลอดกาล ยาวนานอย่างนี้ ๓. เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยปัญญา เรา และเธอทั้งหลายจึงเที่ยวเร่ร่อนไปตลอด กาลยาวนานอย่างนี้ ๔. เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยวิมุตติ เรา และเธอทั้งหลายจึงเที่ยวเร่ร่อนไปตลอด กาลยาวนานอย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย เราและเธอทั้งหลายได้รู้แจ้งแทงตลอด อริยสืล เราและเธอทั้งหลายได้รู้แจ้งแทงตลอดอริยสมาธิ เรา และเธอทั้งหลายได้รู้แจ้งแทงตลอดอริยปัญญา เราและเธอ ทั้งหลายได้รู้แจ้งแทงตลอดอริยวิมุตติเราและเธอทั้งหลายถอน ภวตัณหาได้แล้ว ภวเนตติสินไปแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก®\" พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดาได้ตรัสเวยยากรณภาษิต นี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า \"สีล สมาธิ ปัญญา และวิมุตติ อันยอดเยี่ยม ธรรมเหล่านี้ พระโคดมผู้มียศตรัสรู้แล้ว ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสบอกธรรม แก่ภิกษุทั้งหลายเพื่อความรู้ยี่ง พระศาสดา ทรงทำที่สุดแห่งทุกข์ ® ดูเทียบข้อ ๑๕๕ และดูเทียบ อง..จตุฤก.(แปล)๒๑/๙๑-๒ เที่ยวเร่ร่อนไป หมายถึงไปจากภพหนึ่งส่อีกภพหนึ่ง กลับไปกลับมาครังแล้ว ครั้งเล่า (องฺ.จตุฤก.อ. ๒/๑/๒๗๙) [๘๓! การทอดพระเนตรกรุงIวสาลอย่าฬ้างมอง www.kalyanamitra.org
มีพระจักษุ ปรินิพพานแล้ว®\" ได้ยินว่าพระผู้มีพระภาคเมื่อประทับอยู่ที่ภัณฑุคามทรง แสดงธรรมีกถาเป็นอันมากแก่ภิกษุทั้งหลายอย่างนี้ว่า \"สีลมี ลักษณะอย่างนี้สมาธิมีล้กษณะอย่างนี้ปัญญามีล้กษณะอย่างนี้ สมาธิอันบุคคลอบรมโดยมีสีลเป็นฐาน ย่อมมีผลมาก มี อานิสงส์มาก ปัญญาอันบุคคลอบรมโดยมีสมาธิเป็นฐาน ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก จิตอันบุคคลอบรมโดยมี ปัญญาเป็นฐาน ย่อมหลุดพ้นโดยชอบจากอาสวะทั้งหลาย คึอ กามาสวะ ภวาสวะ และอวิชชาสวะ\" มหาปเทส ๔ ประการ (ข้ออ้างที่สำคัญ) [๑๘๗] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ตาม ความพอพระทัยในภัณฑุคามแล้ว รับลังเรียกท่านพระ อานนท์มาตรัสว่า \"มาเถิด อานนท์ เราจะเข้าไปยังหัตถีคามกัน\" ... \"มาเถิด อานนท์ เราจะเข้าไปยังอัมพคามกัน\" ... \"มาเถิด อานนท์ เราจะเข้าไปยังชัมทุคามกัน\" ... \"มาเถิด อานนท์ เรา จะเข้าไปยังโภคนครกัน\" ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระ ดำ รัสแล้ว พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมูใหญ่เสด็จ ถึง'hคนคร ประทับอยู่ที่อานันทเจดีย์ในโภคนคร ร้บลังเรียก ภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า \"ภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดงมหาปเทส ๔ ประการนี้ เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกส่าว\" ภิกษุเหส่านั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว ® ปรินิพพานในที่นี้หมายถึงดับกิเลสได้สินเ?ง (ที.ม.อ. ๑๘๖/๑๖๙) (๔๙] www.kalyanamitra.org
พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า [๑๘๘]\"๑. ภิกษุในธรรมวินัยนี้พึงกล่าวอย่างนี้ว่า 'ผู้ มีอายุ ข้าพเจ้าได้สดับ รับมาเฉพาะพระ พักตร์พระผู้มีพระภาคว่า 'นี้เป็นธรรม นี้ เป็นวินัย นี้เป็นสัตถุสาสน์' เธอทั้งหลายยัง ไม่พึงข้นชม ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของผู้ นั้น พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้น ให้ดี®แล้ว พึงสอบดูในสูตร เทียบดูในวินัย ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงใน สูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้ พึงลง สันนิษฐานว่า 'นี้มิใช่พระดำรัสของพระผู้มี พระภาคพระองค์นั้นแน่นอน และภิกษุนี้ร้บ มาผิด' เธอทั้งหลายพึงทิ้งคำนั้นเสิย ถ้าบท และพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า 'นี้ เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคพระองค์ นั้นแน่นอน และภิกษุนี้รับมาด้วยดี' เธอทั้ง หลายพึงจำมหาปเทสประการที่ ๑ นี้!ว้ ๒. ภิกษุในธรรมวินัยนี้พึงกล่าวอย่างนี้ว่า 'ใน อาวาสชื่อโน้นมีสงฆ์ อยู่พร้อมด้วยพระเถระ พร้อมด้วยปาโมกข์ ข้าพเจ้าได้สดับมา เฉพาะหน้าสงฆ์นั้นว่า'นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย พึงเรียนบทและพยัญช'แะเหล่านั้นใ'พลี หมายถึงการเรียนที่สามารถเว่า ตรง นี้แสดงบาลีไว้ ตรงนี้แสดง อรรถาธิบายไว้ ตรงนี้แสดงอนุสนธิไว้ ตรงนี้ แสดงเบื้องต้นและเบื้องปลายไว้(องฺ.จตุกุก.อ. ๒/๑๘๐/๙๐๒) (๙๕) มหาปเทส (T ประการ www.kalyanamitra.org
นี้เป็นสัตถุสาสน์'เธอทั้งหลายยังไม่พึงชื่นชม ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของผู้นั้น พึงเรียน บทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดีแล้ว พึงสอบ ดูในสูตร เทียบดูในวินัย ถ้าบทและ พยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า 'นี้มิใช่พระดำรัสของพระผู้มีพระภาค พระองค์นั้นแน่นอน และสงฆ์นั้นรับมาผิด' เธอทั้งหลายพึงทิ้งคำนั้นเสีย ถ้าบทและ พยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า •นี้ เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคพระองค์ นั้นแน่นอน และสงฆ์นั้นรับมาด้วยดี' เธอ ทั้งหลายพึงจำมหาปเทสประการที่ ๒ นี้!ว้ ๓. ภิกษุในธรรมวินัยนี้พึงกล่าวอย่างนี้ว่า 'ใน อาวาสชื่อโนันมีภิกษุผู้เป็นพระเถระอยู่ จำ นวนมาก เป็นพหูสูต เรียนคัมภีร์® ทรงธรรม'\" ทรงวินัย'\" ทรงมาติกา'' ข้าพเจ้า ได้สดับมาเฉพาะหนัาพระเถระเหล่านั้นว่า ® คัมภีร์ หมายถึงนิกาย ๕คือ ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย อังคุตตร นิกาย และชุททกนิกาย (องฺ.ติก.อ. ๒/๒๐/๙๘) ^ ธรรม หมายถึงพระสุตตันตปิฎกและอภิธัมมปิฎก (องฺ.ติก.อ. ๒/๒๐/๙๘, องฺ.ติก.ฏกา ๒/๒๐/๑๑๓) วินัย หมายถึงพระวินัยปิฎก (องฺ.ติก.อ. ๒/๒๐/๙๘) ^ มาติกา หมายถึงมาติกา ๒ คือ ภิกขุวิภังค์ และภิกขุนีวิภังค์ (องฺ.ติก.อ. ๒/ ๒๐/๙๘) [๘๖) www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 513
Pages: