๒๘๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ อุปสังกมนียธัมมกอา ว่าด้วยธรรมอันทำให้น่าเข้าใกล้ ๒ ๑. สาฃัลยะ ความอ่อนหวาน ๒. ปฏิสันถาร การต้อนรับ ที่มา : สมาปัตติวรรค ตติยปัณณาสก์ อง..ทุก. ๒0/๗๗๕ เทุวเม ภิฤฃเว ธมมา ฯ กดเม เฑว ฯ สาฃลุยณจ ปฏิสนถาโร จฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมมี ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างคือ อะไรบ้าง คือ ความอ่อนหวาน ๑ การต้อนรับ ๑ ฯ เสวนียธัมมกถา ว่าด้วยธรรมอันทำให้น่าคบหา ๒ ๑. อวิหิงสา ความไม่เบียดเบียน ๒. ใสเจยยะ ความเป็นผู้มีกาย วาจา ใจสะอาด ที่มา สมาปัตติวรรค ตติยปัณณาสก์ อง..ทุก. ๒0/๗๗๖ เทุวเม ภิกขเว ธมมา ฯ กดเม เท.ว ฯ อวิหึสา จ ใสเจยุยณจ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมมี ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างคืออะไร บ้าง คือ ความไม่เบียดเบียน ๑ ความเป็นคนสะอาด ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
นละคณะ] หมวด ๒ ๒๘๙ ปริหานิยธัมมกลา ว่าสืวยธรรมอันทำให้เสิอม ๒ ๑. อคูตตทวารตา ความไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ ๒. โภชเน อมัฅตัณชุตา ความไม่รู้จักประมาณโนการบริโภค ทีมา : สมาปัตติวรรค ตติยปัณณาสก์ อง..ทุก. ๒0/๗๗๗ เทุวเม ภิคุฃเว ธมมา ฯ กตเม เฑุว ฯ อินุฑุริเยธุ[ อธุตตทวารตา จ โภชเน อมตฺตญชุตา จ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมมี ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างคือ อะไรบ้าง คือ ความไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑ ความไม่รู้จัก ประมาณในการบริโภค ๑ ฯ อปริหานิยธัมมกลา ว่าด้วยธรรมอันทำไม่ให้เส์อม ๒ ๑. ดูตตทวารตา ความคุ้มครองทวารในอินทรีย์ ๒. โภชเน มัตตณชุตา ความรู้จักประมาณในการบริโภค ที่มา : สมาปัตติวรรค ตติยปัณณาสก์ องฺ.ทุก. ๒0/๗๗๘ เทวเม ภิคุฃเว ธมมา ฯ กตเม เทฺว ฯ อินทุริเยสุ คตุตทุวารตา จ โภชเน มดดชุชุตา จ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมมี ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างคือ อะไรบ้าง คือ ความคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑ ความรู้จัก ประมาณในการบริโภค ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๒๙0 คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ พลกถา ว่าด้วยธรรมอันเป็นกำลังภายใน ๒ ๑. สติพละ กำ ลังสติ ๒. สมาธิพละ กำ ลังสมาธิ ที่มา ะ สมาปัตติวรรค ตติยปัณณาสก์ อ^.ทุก. ๒0/๗๘0 เทวเม ภิคขเว ธมมา ฯ กดเม เทว ฯ สติพลญจ สมาธิพลผจ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมมี ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างคืออะไร บ้าง คือ กำ ลังคือสติ ๑ กำ ลังคือสมาธิ ๑ ฯ อโนสักกกลา ว่าด้วยธรรมอันทำใไ^ม่ท้อถอย ๒ ๑. ความเป็นผู้ยังไม่พอในกุศลธรรม ๒. ความเป็นผู้Iม่ท้อถอยโนความเพียร ที่มา : สมาปัตติวรรค ตติยปัณณาสก์ อง..ทุก. ๒0/๗๘๖ เทุวเม ภิฤขเว ธมมา ฯ กดเม เทว ฯ อสนฺดูฏฺเดา จ กุสเลอุ[ ธมเมอุ[ อปปฎิวาณิดา จ ปธานสมี ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมมี ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างคืออะไร บ้าง คือ ความเป็นผู้!ม่พอในกุศลธรรม ๑ ความเป็นผู้!ม่ท้อถอยในความ เพียร ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๒ ๒^® อนปการธัมมกฝืา ว่าด้วยธรรมไม่เป็นอุปการะ ๒ ๑. 34ฎฐสัจจะ ความหลงลืมสติ ๒. อสัมปชัญญะ ความไม่รู้ตัว ที่มา : สมาปัตติวรรค ตติยปัณณาสก์ อง..ทุก- ๒0/๗๘๗ เทุวเม ภิกฃเว ธมมาฯ กดเม เทุว ฯ บุฎรสจจญจ อสมปชญณญจ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมมี ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างคือ อะไรบ้าง คือ ความหลงลืมสติ ๑ ความไม่รู้ตัว ๑ ฯ พหปการธัมมกฝิา ว่าด้วยธรรมมือปการะมาก ๒ ๑. สติ ความร ๒. สัมปชัญญะ ความรู้ตัว ที่มา : สมาปัตติวรรค ตติยปัณณาสก์ อ^.ทุก.๒0/๗๘๘ เทุวเม ภิกฃเว ธมมา ฯ กดเม เทุว ฯ สติ จ สมปชญณญจ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมมี ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างคือ อะไรบ้าง คือ สติ ๑ สัมปชัญญะ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๒๙๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ทิฏเกถา ว่าด้วยทิฐิ ๒ ๑. สัสสตทิฐิ ความเห็นว่าเที่ยง ๒, รุจเฉททิฐิ ความเห็นว่าขาดสูญ ทีมา : ปาลิเลยยกสูตร มัซฌิมปัณณาสก์ ขันธส์งยุต สํ.ข. ๑๗/๘๑ ยา โข ปน สา ภิอุขเว สสฺสฅทิฎฺจิ สงขาโร โส ... ยา โข ปน สา ภิฤขเว รุชุเฉททิฎจิ สงุขาโร โส ...'ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ความเห็นว่าเที่ยงเซ่นนั้นเป็น ส์งขาร ... ก็ความเห็นว่าขาดสูญเซ่นนั้นเป็นส์งขาร ... ฯ มากรณกถา ว่าด้วยอย่าทำ ๒ ๑. อย่าประกอบความประมาท ๒. อย่าทำความเขยชิดกับความยินดีในกาม ทมา : พาลนักขัตตวัตอุ อัปปมาทวรรค ชุ.ธ. ๒๕/๒๗ ม! ปม!ทมนุคูฌฺเชล ม! ท!มรติสนฺลวํ ทปฺปมตฺโต ทิ ท)!ยนฺใฅ ปปฺใปติ วิija อุ[ฃํ ฯ แปล : อย่าประกอบเนือง ๆ ที่งความประมาท อย่า ประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเชยชิดด้วยความยินดีในกาม เพราะว่าคนที่ไม่ประมาท เพ่งพินืจอยู่ ย่อมบรรลุถึงสุข อันไพบูลย์ ฯ www.kalyanamitra.org
นละคณะ] หมวด ๒ ๒๙๓ สุเมธสกถา ว่าด้วยลักษณะของฝ็มีปัญญาดี ๒ ๑. ไฝประมาทในเมื่อคนอื่นประมาท ๒. ตื่นอยู่ในเมื่อคนอื่นหล้บ ที่มา : เทวสหายกภิกขุวัตถ อัปปมาทวรรค ขุ.ธ. ๒๕/เอ๙ จi อปปมตโต ปมตฺเตธุ[ อุ[ตุเตอุ[ พชุชไคโร อพลสสํว สีฆสโส หิตวา ยาติ อุ[เมธใส ฯ แปล : คนมีป้ญญาดีเป็นผู1ม่ประมาทในเมื่อคนอื่นประมาท ตื่นอยู่ในเมื่อผู้อื่นหลับ ย่อมทิ้งห่างคนด้อยปัญญาไป เหมือนม้าลเท้าเร็วทิ้งม้าที่ไม่มีกำลังไปฉะนั้น ฯ ปีณฑปาตกลา ว่าด้วยบิณฑบาตที่มีผลอานิสงส์เท่ากัน เอ ๑. บิณฑบาตที่พระตถาคตเจ้าเสวยแล้วได้ตรัสรู้ ๒. บิณฑบาตที่พระตถาคตเจ้าเสวยแล้วปรินิพพาน ที่มา จุนทสูตร ปาฏลิคามิยวรรค ชุ.อุ. ๒๕/๗๕ ยผจ ใเณุฑปาดํ ปริฦญชิตุวา ตลาคโต อใjตุตรํ สมุมาสมุโพธึ อภิสมุชุชฌติ, ยญจ ปีฉเฑปาตํ ปริชุญชิตุวา อมุปาทิเสสาย นิพพานธาตุยา ปรินิพพายติ ฯ อิฒ เทว ปีณฑปาตา สมสมปฺผลา สมสมวิปากา อติวิย อญเณหิ ปีณฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จ ฯ www.kalyanamitra.org
๒๙๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ แปล : บิณฑบาตที่พระตถาคตเจ้าเสวยแล้วได้ตรัสรู้พระอนุตตร สัมมาโพธิญาณ ๑ บิณฑบาตที่พระตถาคตเจ้าเสวยแล้วเสด็จดับขันธ ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑ บิณฑบาต ๒ ครั้งนี้มีผลเสมอ ๆ กัน มีวิบากเท่า ๆ กัน มีผลมากกว่า มีอานิสงส์มากกว่าบิณฑบาตครั้ง อื่น ๆ ยิ่งนัก ฯ นิพพานกถา ว่าด้วยนิพพาน ๒ ๑. สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสยังมีเบญจขันธ์เหลือ ๒. อนุปาฑิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ ที่มา นิพพานธาตุสูตร ทุกนิบาต ข.อิติ. ๒๕/๔๔ เทวมา ภิฤฃเว นิพพานธาตุโย ฯ กตมา เฑว ฯ สอุปาทิเสสา จ นิพพานธาตุ อนุปาทิเสสา จ นิพุพานธาตุ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุมี ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างคือ อะไรบ้าง คือ สอปาทิเสสนิพพานธาต ๑ อนปาทิเสสนิพพานธาต ๑ ฯ เปมนิจจยกถา ว่าสัวยเหตุเกิดความรัก ๒ ๑. 1^พเพสันนิวาสะ เคยอยู่กินกันมาในชาติก่อน ๒. ปจชุฟ้นนหิตะ เกื้อกูลกันในบิจจุบัน www.kalyanamitra.org
นละคณะ] หมวด ๒ ๒๙๕ ที่มา : ฮาเกดซาดก ทุกนิบาด ชุ.ซา.๒๗/ต๒๔ 1]พฺเพ ว สนฺนิวาเสน ปชุธุปุปนนหิเตน วา เอวนตํ ชายเต เปมํ รุปุปลํว ยโถทเก ฯ แปล : ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ เคยอยู่กินกันมาแต่ชาติก่อน ๑ ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ในชาตินี้ ๑ เหมือนดอกบัวเกิดได้เพราะอาสัยนั้ากับ เปีอกตม ฯ อทานกถา ว่าด้วยสาเหตุที่ให้ทานไม่ได้ ๒ ๑. มัจเฉรา เพราะความตระหนี่ ๒. ปมาทา เพราะความประมาท ที่มา : พิลารโกสิยซาดก ทสกนิบาด ชุ.ซา. ๒๗/๑๔๗๔ มจุเฉรา จ ปมาทา จ เอวํ ทานํ น ทิยยติ ปุณุณํ อากงฺฃมาเนน เทยุยํ โหติ วิชานตา ฯ แปล : บุคคลให้ทานไม่ได้ด้วยเหตุ ๒ อย่างนี้ คือ ความ ตระหนี่ ๑ ความประมาท ๑ บัณฑิตผู้รู้แจ้งเมื่อต้องการ บุญก็พึงให้ทานแห้ ฯ www.kalyanamitra.org
๒๙๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ พหุภาสกกถา ว่าด้วยคนท4ี่พดมาก ๒ ๑. รัตโต คนที่มีความรัก ๒. ชุฎโฐ คนทมีความโกรธ ที่มา : มหาปทุมชาดก ทวาทสกนิบาต ชุ.ซา.๒๗/«๗๕๙ พชุมุ่ปี รตุโต ภาเสยย ชุฎุโ®ปี พห ภาสติ ฯ แปล : คนที่มีความรักมักใ5เดมาก คนที่มีความโกรธก็พูดมาก ฯ ปทกกลา ว่าด้วยหลักของผลประโยชน์ ๒ 0. ได้ส์งที่ยังไฝไส์ ๒. รักษาสิงที่ได้มาแด้ว ที่มา : เตสกณชาดก จัดดาฟ้สนิบาต ชุ.ชา.๒๗/๒๙๔๔ เทวว ตาต ปทกานิ ยตล สพฺพํ ปติฏเดํ อลทธสฺส จ โย สาโภ ลทุธสฺส จารฤขนา ฯ แปล : ท่านพ่อ ผลประโยชน์ทั้งปวงอยู่ที่หลัก ๒ ประการ คือ การได้สิงที่ยังไม่ได้และการรักษาสิงที่ได้มาแล้ว ฯ www.kalyanamitra.org
นละคณะ] หมวด ๒ ๒๙๗ กามกถา ว่าด้วยกาม ๒ ๑. วัตดูกาม วัตถุอันน่าใคร่ ได้แก่ กามคุณ ๕ ๒. กิเลสกาม กิเลสฟ้นเหตุใไ^คร่ ที่มา : กามสุดตนิทเทส ชุ.ม. ๒๙/๒ กามาติ ดูๆทานโค เทุว กามา วตฺดูกามา จ กิเลสกามา จ ฯ แปล : ว่าโดยหัวข้อ คำ ว่า กาม ได้แก่ กาม ๒ อย่าง คือ วัตถุถาม ๑ กิเลสกาม ๑ ฯ ธัมมกลา ว่าด้วยธรรม ๒ ๑. สังฃตธรรม ธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่ง ได้แก่ ขันธ์ ๕ ๒. อสังฃฅธรรม ธรรมที่ปัจจัยไม่ได้ปรุงแต่ง ได้แก่ พระนิพพาน ที่มา : จูฟึนดรทุกะ นิกเซปกัณฑ์ อภิ.สงฺ. ต๙๑๒๕๖.๑๒๕๗ กฅเม ธมมา สงขดา ฯ เยว เต ธมมา สปปจจยา, เตว เต ธมมา สงฃตา ฯ กตเม ธมมา อสงขตา ฯ โยเอว โส ธมโม อปุปจจโย, โสเอว โส ธมุโม อสงฃโต ฯ แปล : ธรรมเป็นส์งฃตะเปีนไฉน ธรรมที่มีปัจจัยเหล่านั้นอันใดเล่า ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละซื่อว่าธรรมเปีนส์งขตะ ธรรมเปีนอส์งขตะเปีนไฉน ธรรมที่ใม่มีปัจจัยนั้นอันใดเล่า ธรรมนั้นนั่นแหละซื่อว่าธรรมเปีนออังขตะฯ www.kalyanamitra.org
๒๙๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ รูปกลา ว่าด้วยรูป ๒ ๑. มหาภูตเป รูปใหญ่ ได้แก่ ธาตุ ๔ ๒. ธุปาทายรูป รูปอาสัย ได้แก่ รูป ๒๔ ที่มา : อซิตมาณวปัญหานิทเทส ปารายนวรรค ชุ.จู. moA) รูปนติ จตุตาโร จ มหาภูฅไ จตุนนณจ มหาดูฅานํ อุปาทายรูป ฯ แปล : คำ ว่า รูป ไคํแก่ มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาสัยมหาภูตรูป ๔ฯ สมาธิกถา ว่าด้วยสมาธิ ๒ ๑. อุปจารสมาธิ สมาธิเป็นแต่เฉียด ๆ ๒. อัปปนาสมาธิ สมาธิแน่วแน่ ที่มา ะ กัมมัฏฐานคคหณนิทเทส, วิสุทธิ. ๑/ฅ๙/๙๑ กดิวิโธ สมาธิติ อวิณขปสคขเณม คาว เอกวิโธ ฯ อุปจารปุปนา- วเสน ชุวิโธ... ฯ แปล : ถามว่าสมาธิมีเท่าไร ตอบว่าเมื่อว่าโดยลักษณะคือความ ไม่ฟ้งซ่านแห่งจิต สมาธิก็มีอย่างเดียว (และ) สมาธิมี ๒ อย่าง คือ อุปจารสมาธิ ๑ อัปปนาสมาธิ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
นละคณะ] หมวด ๒ \\a>ss พุทธสุณคฝืา ว่าด้วยพุทธคุณ ๒ ๑. อัตฅหิตสมฟ้ฅิ ความถึงพร้อมแห่งประโยชน์ส่วนพระองค์ ๒. ปรหิตปฏิบัติ การปฏิบัติเพื่อเปีนประโยชน์แก่ผู้อี่น ที่มา : มหาฎีกาปรมัตถมัญชุสา วิสุV!ริ.ฎี. 6)/1อ๕๙ต๘๑ สงเขปโต อตฺตหิตสมปตุติปรหิตปฏิปตติวเสน ทุวิรา ทุทฺธคูณา ... ฯ แปล : ว่าโดยย่อ พระพุทธคุณมี๒ประการคืออัตตหิตสมบัติ® ปรหิตปฏิบัติ ๑ ... ฯ อบ หมวด ๒ www.kalyanamitra.org
คลังธรรม หมวด ๓ www.kalyanamitra.org
หมวด ๓ ญาณทัสสนคถา ว่าด้วยญาณทัสสนะที่เกิดแก่พระพุทธเจ้า CT ๑. ความพนวิเศษไฝกำเริบ ๒. ซาติส์เป็นซาติสุดฟ้าย ๓ ภพใหม่ไม่มีด่อไป ทีมา : ปัญจวัคคิยกถฺา มหาซ้นธกะ วิ.มหา. ๔/๑๖/®๘ ฌาณณุจ ปน เม ทสสนํ รุทปาทิ อถูปปา เม วิ ตุติ, อยมนติมา ชาติ, นตุถิทานิ 1]นพุภโวติ ฯ แปล : อนึ่ง ปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราว่า ความหลุด พ้นของเราไม่กลับกำเริบอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่ไม่มีต่อไป ฯ เฑวฑัตตาสัฑธัมมกถา ว่าด้วยอส์ทธรรมของพระเทวทัต ฅ ๑. ความปรารถนาอันตํ่าช้า ๒. ความมีมิตรชั่ว ต. พอบรรลุคุณวิเศษเพียงขั้นตํ่า ก็เลิกเสิยในระหว่าง www.kalyanamitra.org
cnols) คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ที่มา ะ อาปายิกะ ส์งฆ๓ทขันธกะ วิ.จุฤ. ๗/๑0๗ ตึหิ ภิกฃท อสทธมฺฌหิ อภิสูโต ปริยาทินุนจิตุโฅ เฑวทตุโต อาปายิโก ฌรยิโก กปฺปฎโ® อเตกิจโฉ ฯ กตเมหิ ตีหิ ฯ ปาปีจฉตา ปาปมิตุตตา โอรมตุตเกน วิเสสาธิคเมน อนุตรา โวสานํ อาปาทิ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทัตมีจิตถูกอส์ทธรรม ต ประการ ครอบงำยํ่ายีแล้วจักเกิดโนอบาย ตกนรกหมกไหม้อยู่ตลอดกัป ไม่มีใครช่วย เหลือได้ อส์ทธรรม ฅ ประการคืออะไรบ้าง คือ ความปรารถนาอันตํ่าช้า ๑ ความมีมิตรชั่ว ๑ พอบรรลุคุณวิเศษเพียงขั้นตํ่าก็เลิกเสิยในระหว่าง ๑ ฯ ติ!!ฎกคฝืา ว่าด้วยป็ฎก ๓ ๑. วินัยบฎก หมวดพระวินัย ๒. ธุ[ตตันตปีฎก หมวดพระสูตร ต. อภิธรรมปีฎก หมวดพระอภิธรรม ที่มา ๑: มหาวิภังค์ วิ.ป. ๘/ต เอเต นาคา มหาปผุผา ชนุพุทีปา อิธาคตา วินยํ เต วาจยึธุ[ ปีฎกํ ตมพปณฺณิยา นิกาเย ปณจ วาเจสู๊ สตุต เจว ปกรเณ ฯ แปล : ท่านเหล่านี้มาจากซมใฐทวีป ช่วยกันสอนพระวินัย ป็ฎกที่เกาะตามพบ้ณณิ สอนนิกาย ๕(พระสุดตันตป็ฎก) และพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๓ ๓๐๓ ที่มา ๒: นิทานกถา อรรถกถาสุมังคลวิลาสินี ที.สี.อ. ๑๖ กถํ ปีฎกวเสน ติวิธํ ฯ สพพมปี เจตํ วินย่ปีฏกํ อุ[ตุตนุตปีฎกํ อภิธมฺมปีฎกนุติ ติปปเภทเมว โหติ ฯ แปล : ว่าโดยป็ฎก พระพุทธพจน์จัดเป็น ฅ อย่างไร คือ พระพุทธพจน์แม้ทั้งหมดนี้มี ฅ ประเภทเท่านั้น คือ พระวินัยปีฎก ๑ พระ สุดตันตป็ฎก ๑ พระอภิธรรมปีฎก ๑ ฯ ปาฎิหาริยกถา ว่าด้วยปาฏิหาริย์ ๓ ๑. อิทธิปๅฐหาริอ์ แสดงฤทสั1ส์เป็นอัศจรรย์ ๒. อาเทสนๆปาฏิหาริย์ ทายใจได้เป็นอัศจรรย์ ฅ. อาjสาสรปาฏิหาริย์ สอนให้เห็นจริงเป็นอัศจรรย์ ที่มา : เกวัฏฏสูตร ที.สี. ๙/๕๘ฅ ตีณิ โข อิมานิ เกวฎฺฎ ปาฎิหาริยานิ มยา สยํ อภิญณา สจรกดวา ปเวทิฅานิ ฯ กดมานิ ตีณิ ฯ อิทุธิปาฎิหาริยํ อาเทสนา- ปาฎิหาริยํ อนุสาสนีปาฎิหาริยํ ฯ แปล : (พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า) ดูก่อนเกวัฏฏะ ปาฏิหาริย์ฅ อย่างนี้ เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแส์วจึงได้ประกาศให้รู้ ปาฏิหาริย์ ฅ อย่างคืออะไรบ้าง คือ อิทธิปาฏิหาริย์ ๑ อาเทสนาปาฏิหาริย์ ๑ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๓๐๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ปาติใมคขุทเทสคลา ว่าด้วยหัวใจพุทธศาสน์ £ท ๑. ไม่ทำความชั่วทุกอย่าง ๒. ทำ แด่ความดี ฅ. ชำ ระจิตของตนให้ฝองแผ้ว ทมา : มหาปทานสูตร ที.ม. ๑อ/๙©, อานันทเถรปัญหวัตลุ พุทธวรรค ชุ.ธ. ๒๕/๑๘ต สพพปาปสส อกรณํ ฤสลสุ^ปสมุปทา สจิตุตปริโยทปนํ เอตํ ทุทธาน สาสนํ ฯ แปล : การไฝทำความชั่วทุกอย่าง ๑ การทำความดีให้ถึง พร้อม ๑ การชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว ๑ นี้เป็น คาสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ฯ สฃาลักฃณกถา ว่าด้วยลักษณะของเพื่อน ฅ ๑, เพื่อนกิน ๒. เพื่อนแต่ปาก ต. เพื่อนแห้ ที่มา : สิงคาลํกสูตร ที.ปา.๑๑/๒๕ต โหติ สมมิยสมมิโย โหติ ปานสขา นาม สหาโย โหติ โส สขา ฯ โย จ อตเถธุ[ ชาเตสู www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๓ ๓๐๕ แปล : คนที่เป็นเพื่อนในโรงสุราก็มี คนที่ใฐดแต่ปากว่า เพื่อน ๆ ก็มี ก็^ดเป็นสหายได!ดนเเนมเี่\"อมีความจำเป็น เกิดขน ผ้นั้นจัดว่าเป็นเพื่อนแท้ ฯ ธังสกกถา ว่าด้วยคนเสือม ฅ ๑. คนมีมิตรชั่ว ๒. คนมีเพื่อนชั่ว ฅ. คนมีความประพฤติชั่ว ที่มา : สิงคาลกสูตร ที.ปา.พ๒๕(ท ปาปมิอุโต ปาปสโฃ ปาปอาจารโคจโร อสมา โลกา ปรมหา จ รุภยา ธํสเต นโร ฯ แปล ะ คนมีมิตรชั่ว คนมีเพื่อนชั่ว คนมีมารยาทและความ ประพฤติเลว ย่อมเส์อมจากโลกทั้งสอง คือจากโลกนี้และ จากโลกหน้า ฯ นฆราวาสกลา ว่าด้วยลักษณะคนครองเรือนใ1 ม่ได้ ๓ ๑. มักนอนหลับในกลางวัน ๒. เกลียดการลุกขึ้นในกลางคืน ต. เป็นนักเลงขึ้เมาเป็นนิจ www.kalyanamitra.org
๓๐๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ที่มา : สิงคาลกสูตร ที.ปา.๑๑/๒๕ฅ น ทิวา อ[ุ ปปสีเลน รตฅิมุฏุแไนเทสสินา นิจจํ มด.เตน โสฉแฑน สกกา อาวสิดู๊ ฆรํ ฯ แปล : คนที่34กนอนหลับในกลางวัน เกลียดการลุกขึ้นใน กลางคืน เป็นนักเลงขึ้เมาเป็นนิจ ไม่อาจครอบครอง เหย้าเรือนให้ดีได้ ฯ อกุศลมูลกถา ว่าด้วยรากเหง้าของอกุศล ฅ ๑. โลภะ อยากได้ ๒. โทสะ คิดประทุษร้ายเขา ต. โมหะ ฯ หลงไม่รู้จริง ที่มา ๑: สิงคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ตอ๕/๒๔๒, อคุสลยูลสูตร ทุติยปัณณาสก์ องฺ.ติก.๒๐/๙๖อ ตีณิ อลุสล^ลานิ : โลโภ อลุสล^ลํ, โทโส อลุสล^ลํ, ไร^ไห อลุสล^ลํ ฯ แปล- : อกุศลมูล ต คือ อกุศลมูลคือโลภะ ๑ อกุศลมูลคือ โทสะ ๑ อกุศลมูลคือโมหะ ๑ ฯ ที่มา ๒: มูลสูตร ปฐมวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๕๐ โลโภ โทโส จ โมโห จ า^ริสํ ปาปเจฅสํ หึสน.ติ อตฺฅสม.ฎตา ตจสารํว สม.ผลํ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๓ ๓๐๗ แปล : โลภะ โทสะ โมหะเกิดในตน ย่อมเบียดเบียนคน ที่มีจิตใจชั่วช้า เหมือนชุยไผ่เกิดขึ้นย่อมเบียดเบียนต้นไฝ ฉะนั้น ฯ กุศลมูลกลา ว่าด้วยรากเหง้าของกุศล ๓ ๑. อโลภะ ไฝอยากไต้ ๒. อโทสะ ไม่คิดประทุษร้ายเขา ต. อโมหะ ไม่หลง ที่มา : ส์งคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ฅ0๕ ตีณิ ถูสลยูลานิ ะ อโลโภ คูสลยูลํ, อโทโส ทุสลยูลํ, อโมโห ทุสลยูลํ ฯ แปล : กุศลมูล ต คิอ กุศลมูลคีออโลภะ ๑ กุศลมูลคิออโทสะ ๑ ทศลมลคิออโมหะ ๑ ฯ ทุจริตกถา ว่าด้วยการประพฤติชั่ว ฅ ๑. กายทุจริต ประพฤติชั่วต้วยกาย ๒. วจีทุจริต ประพฤติชั่วต้วยวาจา ต. มโนทุจริต ประพฤติชั่วต้วยใจ www.kalyanamitra.org
๓๐๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวง ที่มา ๑: สังคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ตอ๕ ตีณิ ทุชุจริตานิ ะ กายใ}จจริตํ วจีใ}จจริตํ มโนใ}ชุจริตํ ฯ แปล : ทุจริต ๓ คือ กายทุจริต ๑ วจีทุจริต ๑ มโนทุจริต ๑ ฯ ที่มา ๒: ทุจจริตสูตร ทุติยวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๖๕ กายชุชุจริตํ กดวา วจีทุชุอริตานิ จ มโนทุชุจริตํ กตฺวา ยญจผฺผํ โทสสผหิดํ อกตวา คูสลํ กมุมํ กตุวานาภูสลํ พใ} กายสส เภทา ชุใ]ปญโณ นิรยํ โสปปชุชติ ฯ แปล : บุคคลผู้มีปัญญาทราม ทำ กายทุจริต วจีทุจริต มโน ทุจริต และอกุศลกรรมอย่างอื่นที่มีโทษ ไม่ทำกุศลกรรม ทำ แต่อกุศลกรรมไว้มาก ตายแล้วย่อมเข้าถึงนรก ฯ สุจริตกถา ว่าด้วยการประพฤติดี ฅ ๑. กายอุ[จริต ประพฤติชอบด้วยกาย ๒. วจีอุ[จริต ประพฤติชอบด้วยวาจา ฅ. มโนอุ[จริต ประพฤติชอบด้วยใจ ที่มา ๑: สังคีติสตร ที.ปา. ๑๑/ตอ๕ ติณิ อุ[จริตานิ : กายอุ[จริต วจีอุ[จริตํ มโนอุ[จริตํ ฯ แปล : สจริต ๓ คือ กายสจริต ๑ วจีลุจริต ๑ มโนลุจริต ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด (ท ๓0๙ ที่มา ๒: สุจริตสูตร ทุติยวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒(ะ/๖๕ กายทุชุจริตํ หิตฺวา วจีทุชุจริตานิ จ มโนทุจุจริตํ หิตวา ยณจณุฌํ โทสสญหิสํ อกตุวาคูสลํ กมุมํ กตุวาน คูสลํ พชุ๊ กายสุส เภทา สปฺปญโณ สคคํ โส ลูปปชชติ ฯ แปล : บุคคลผู้มีป้ญญา ละกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต และไม่ทำอกุศลกรรมอย่างอื่นที่Jiโทษ ไม่ทำอกุศลกรรม ทำ แต่กุศลกรรมไว้มาก ตายแล้วย่อมเข้าถึงสวรรค์ ฯ อกุสลวิตักกกถา ว่าด้วยความตรึกที่เป็นอกุศล ฅ (นัยที่ ๑) ๑. กามวิตก ความตรึกโนกาม ๒. พยาปาทวิตก ความตรึกในอันพยาบาท ฅ. วิหิงสาวิตก ความตรึกโนอันเบียดเบียน ที่มา : สังคีติสูตร ที.ปา. ๑๑/ตอ๕ ตโย อกุสลวิตกกา ะ กามวิตกโก พยาปาทวิตกุโก วิหิสาวิตฤโก ฯ แปล : อกุศลวิตก ต คือ กามวิตก ๑ พยาปาทวิตก ๑ วิหิงสา วิตก ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
0)๑0 คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ อกุสลวิตักกกถา ว่าด้วยความตรึกที่เป็นอกุศล ฅ (นัยที่ ๒) ๑. ความตรึกเกี่ยวกับการที่ตนจะไม่ถูกคนอื่นดูหมิ่น ๒. ความตรึกเกี่ยวกับลาภกักการะและการสรรเสริญ ต. ความตรึกเกี่ยวกับความเอ็นดูในคนอื่น ที่มา : วิตักกสูตร จตุตถวรรค ติกนิบาต ชุ.กิติ. ๒(2/๔0 ตโยเม ภิกขเว อคูสลา วิตกกา ... อนวญณตติปฎิสํคูตุโต วิตกโก, ลาภสคุการสิโลกปฏิสํคูตฺโต วิตคุโก, ปรานุฑทยตาปฎิสํคูตุโต วิตกโก ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อกุศลวิตกนี้มี ตประการ อกุศลวิตก ต ประการคืออะไรบ้าง คือ วิตกเกี่ยวกับการที่ตนจะไม่ถูกคนอื่นดูหมิ่น ๑ วิตกเกี่ยวกับลาภกักการะและการสรรเสริญ ๑ วิตกเกี่ยวกับความเอ็นดูใน 4 คนอน ฯ แปล : อนวญณตติสญญตุโต ลาภสกการคารโว สหนนที อมชุเจหิ อารา สํโยชนกฺขยา ฯ บุคคลผู้เกี่ยวข้องอยู่กับการที่ตนจะไม่ถูกคนอื่นดูหมิ่น ตระหนักอยู่ในลาภกักการะ ชอบเพลิดเพลินอยู่กับพวก อำมาตย์(คนใกล้ชิด)ย่อมห่างไกลจากความสินกังโยชน์ ฯ โย จ ใ^ตฺตปชุ๊ หิตุวา วิวาเห สงคหานิ จ ภพโพ โส ตาทีโส ภิกฺชุ ชุฎฮํ สมุโพธิบุตฺตมํ ฯ ส่วนภิกษุใดในธรรมวินัยนี้ละบุตร กัตว์เลี้ยง การ แต่งงาน และการช่วยเหลือเสิยได้ ภิกษุเช่นนี้จึงจะ สามารถบรรลุอรหัตตผลที่ยอดเยี่ยมได้ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ฅ ๓๑๑ กุสลวิตักกกถา ว่าด้วยความตรึกที่เป็นกุศล ฅ ๑. เนกขัมมวิตก ความตรึกในอันออกจากกาม ๒. อัพยาปาทวิตก ความตรึกในอันไม่พยาบาท ต. อวิหิงสาวิตก ความตรึกในอันไม่เบียดเบียน ที่มา ๑: ส์งสืติสูตร ที.ปา.๑๑/ต0๕ ตโย คูสสวิตคุกา : เนคุขมฺมวิตคุโก อพยาปาทวิตกโก อวิหึสา- วิตกโก ฯ แปล : กุศลวิตก ต คือ เนกขัมมวิตก ๑ อัพยาปาทวิตก ๑ อวิหิงสาวิตก ๑ ฯ ทมา ๒: อันธกรณสูตร จตุตถวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๘๗ ตโย วิตฤเก กุสเล วิตกกเย ตโย ปน อคูสเส นิรากเร ส เว วิตกกานิ วิจาริตานิ สเมติ ๅฎฺเว รช ส^หตํ ส เว วิตกfเปสเมน เจตสา อิเธว โส สนุติปทํ สมชุชคา ฯ แปล : ผู้บำ เพ็ญเพียรพึงตรึกถึงกุศลวิตก ต ประการ แต่พึง กำ จัดอกุศลวิตก ต ประการเสีย ผู้บำ เพ็ญเพียรนั้นจึงจะ ทำ ให้มิจฉาวิตกและวิจารทั้งหลายสงบระงับได้ เหมือน ฝนทำผงธุลีที่พึงขึ้นให้สงบได้ฉะนั้น ผู้บำ เพ็ญเพียรนั้น มืใจสงบจากมิจฉาวิตกแล้ว จึงได้บรรลุอันติบทคือนิพพาน ในอัตภาพนี้ทีเดียว ฯ www.kalyanamitra.org
๓๑๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ อกุสลสังกัปปกถา ว่าด้วยความดำริที่เป็นอกุศล ฅ ๑. กามสังกัปปะ ความดำริในกาม ๒. พยาปาทสังกัปปะ ความดำริในอันพยาบาท ฅ. วิหิงสาสังกัปปะ ความดำริในอันเบียดเบียน ที่มา : สังคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ฅ0๕ ตโย อถูสลสงุกปุปา ะ กามสงฺกปุโป พยาปาทสงกปุโป วิหิสา- สงุกปุโป ฯ แปล : อกุศลอังอัปปะ ฅ คือ กามอังกัปปะ ๑ พยาปาท- อังกัปปะ ๑ วิหิงสาอังกัปปะ ๑ ฯ กุสลสังกัปปกถา ว่าด้วยความดำริที่เป็นกุศล ๓ ๑. เนกขัมมสังกัปปะ ความดำริในอันออกจากกาม ๒. อัพยาปาทสังกัปปะ ความดำริในอันไฝพยาบาท ต. อวิหิงสาสังกัปปะ ความดำริในอันไม่เบียดเบียน ที่มา : สังคีติสูตร ที.ปา. ๑๑/ตอ๕ ตโย กุสลสงฺกปุปา : เนฤฃมมสง.กปุโป อพ.ยาปาทสงฺกปุโป อวิหึสาสงฺกปุโป ฯ แปล : กุศลอังกัปปะ ต คือ เนกขัมมอังกัปปะ ๑ อัพยาปาท อังกัปปะ ๑ อวิหิงสาอังกัปปะ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
นละคณะ] หมวด ๓ ๓๑๓ อกุสลธาตุกลา ว่าด้วยธาตที่เป็นอกุศล ต ๑. กามธาดุ ธาตุคึอกาม ๒. พยาปาทธาตุ ธาตุคือความพยาบาท ฅ. วิหิงสาธาตุ ธาตุคือความเบียดเบียน ที่มา : ส์โงคีติสูตร ที.ปา. ๑๑/ต0๕ ติสุโส อคูสลธาตุโย : กามธาตุ พุยาปาทธาตุ วิหิสาธาตุ ฯ แปล : อกุศลธาตุ ฅ คือ กามธาตุ ๑ พยาปาทธาตุ ๑ วิหิงสา ธาต ๑ ฯ กุสลธาตุกลา ว่าด้วยธาตุที่เป็นกศล ๓ ๑. เนกขัมมธาตุ ธาตุคือความออกจากกาม ๒. อัพยาปาทธาตุ ธาตุคือความไม่พยาบาท ฅ. อวิหิงสาธาตุ ธาตุคือความไม่เบียดเบียน ที่มา : ส์งคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ตอ๕ ติสโส ถูสลธาตุโย ะ เนฤขมฺมธาตุ อพุยาปาทธาตุ อวิหิสาธาตุ ฯ แปล : กุศลธาตุ ฅ คือ เนกขัมมธาตุ ๑ อัพยาปาทธาตุ ๑ อวิหิงสาธาต ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๓๑๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ธาตุกถา ว่าด้วยธาตุ ฅ (นัยที่ ๑) ๑. กามธาตุ ธาตุคือกาม ๒. รูปธาตุ ธาตุคือรูป ๓ อรูปธาตุ ธาตุคือส์งไม่มีรูป ที่มา : ส์งคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ต0๕ อปราช ติสุโส ธาตุโย : กามธาตุ รูปธาตุ อรูปธาตุ ฯ แปล : ธาตุอีก ฅ คือ กามธาตุ ๑ รูปธาตุ ๑ อรูปธาตุ ๑ ฯ ธาตุกถา ว่าด้วยธาตุ ฅ (นัยที่ ๒) ๑. รูปธาตุ ธาตุคือรูป ๒. อรูปธาตุ ธาตุคือสิงไม่มีรูป ฅ. นิโรธธาตุ ธาตุคือความดับทุกข์ ที่มา ๑: ลังคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ฅอ๕ อปราปี ติสโส ธาตุโย ะ รูปธาตุ อรูปธาตุ นิโรธธาตุ ฯ แปล : ธาตุอีก ฅ คือ รูปธาตุ ๑ อรูปธาตุ ๑ นิโรธธาตุ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด (ท ๓(ร>๕ ที่มา ๒: ธาตุสูตร ปฐมวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๕® เปธาดู๊ ปริณณาย อฐเป^ อสณุรตา นิโรเธ เย วิชุชุจนุติ เต ชนา มจ.ชุหายิโน ฯ แปล : เหล่าซนผู้กำหนดรู้รูปธาตุแล้วไม่ดำรงอยูในอรูปธาตุ น้อมไปในนิโรธธาตุ ย่อมเป็นผู้ละมัจจุราชได้ ฯ ธาตุกถา ว่าด้วยธาตุ ฅ (นัยที่ ฅ) ๑. หีนธาตุ ธาตุอย่างเลว ๒, มัชฌิมธาตุ ธาตุอย่างกลาง ฅ. ปณีตธาตุ .ธาตุอย่างประณีต ที่มา : สังคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ต0๕ อปราปี ติสโส ธาตุโย : หืนธาตุ มชุฌิมธาตุ ปณีตธาตุ ฯ แปล ธาตุอีก ฅ คือ หืนธาตุ ๑ มัซฌิมธาตุ ๑ ปณีตธาตุ 0 ฯ ตัณหากถา ว่าด้วยตัณหา ฅ (นัยที่ ๑) ๑. คามตัณหา ทะยานอยากในกามคุณ ๒. ภวตัณหา ทะยานอยากในภพ ฅ. วิภวตัณหา ทะยานอยากในวิภพ www.kalyanamitra.org
๓๑๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ที่มา : ส์งคีติสตร ที.ปา. ๑๑/ฅ0๕ ติสฺโส ตณฺหา ะ กามดณหา ภวฅณฺหา วิภวตณุหา ฯ แปล : ตัณหา ฅ สิอ กามตัณหา ๑ ภวตัณหา ๑ วิภวตัณหา ๑ ฯ ตัณหากถา ว่าด้วยตัณหา ๓ (นัยที่ ๒) ๑. กามตัณหา ทะยานอยากในกามภพ ๒. รูปตัณหา ทะยานอยากโนรูปภพ ต. อรูปตัณหา ทะยานอยากในอรูปภพ ที่มา : ลังคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ฅ©๕ อปราปี ติสฺโส ฅณหา : กามฅณุหา รูปตฌฺหา อรูปฅณุหา ฯ แปล : ตัณหาอีก ต คือ กามตัณหา ๑ รปตัณหา ๑ อรป ตัณหา ๑ ฯ ตัณหากถา ว่าด้วยตัณหา ฅ (นัยที่ ฅ) ๑. รูปตัณหา ทะยานอยากในรูปภพ ๒. อรูปตัณหา ทะยานอยากในอรูปภพ ต. นิโรธตัณหา ทะยานอยากในความตับสูญ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๓ <^® ที่มา : ส์งสีติสูตร ที.ปา.พฅอ๕ 0ปราปี สิสฺโส ตณฺหใ ะ เปตญทา อเปตณฺหา นิโรธตฉ}ทา ฯ แปล ะ ตัณหาอีก ต คีอ รูปตัณหา ® อรูปตัณหา 0 นิโรร ตัณหา ๑ ฯ สังโยชนคลา ว่าด้วยสังโยชน์ เท ๑. สักกายทิเ ความเห็นเป็นเหตุถือตัวถือตน ๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ฅ. สีลัพพตปรามาส ความเชื่อถือสิงตักดิสิทธิด้วยอำนาจสืลพรต ที่มา : ส์งคีติสูตร ที.ปา. ๑®/ฅ0๕ ฅีณิ สฌฺโณชนานิ ะ สกฺกายทิป็ธิ วิอีกิจฺกา สีอทุพตปรามาโส ฯ แปล : สังโยชน์ (อีเลสเควิองประกอบสัตว์!•าในกพ) ค อีอ สักกายทิฐิ ๑ วิจิกิจฉา ๑ สิลัพพตปรามาส ๑ ฯ อาสวกถา ว่าด้วยอาสวะ ๓ ๑. กามาสวะ อาสวะเป็นเหตุอยากได้ ๒. ภวาสวะ อาสวะเป็นเหตุอยากเป็น ฅ. อวิชชาสวะ อาสวะคือความไม่รู้ www.kalyanamitra.org
คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ทีมา ๑: สังคีติสูตร ที.ปา. ๑๑/รท0๕ ตใย อาสวา : กามาสโว ภวาสโว อวิชชาสโว ฯ แปล : อาสวะ(กิเลสที่หมักดองอยู่ในส์fนดาน)ฅ คือ กามาสวะ ๑ ภวาสวะ ๑ อวิชชาสวะ ๑ ฯ ทมา ๒: ทุติยอาสวสูตร ปฐมวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๕๗ ยสุส กามาสโว ฃีโณ อวิชุชา จ วิราชิตา ภวาสโว ปริกฃีโณ วิปปเ^ตุโต นิรูปธิ ธาเรติ อนติมํ เทหํ เชตุวา มารํ สวาหนิ ฯ แปล ; ภิกชุผู้มีกามารวะเ[นแสัว ละอรชซาสวะได้แล้ว หมด ภวารวะแล้ว ฟ้นรเศษแล้ว หาอุปBJIได้แล้ว พิชิตพญา มารพร้อมหยู่เรนาได้ ย่อมรรร้ระเป็นชาติสุดท้าย ฯ ภวกลา ว่าด้วยภพ ๓ ๑. ทามภพ ภพที่เป็นกามาวจร ๒. เปภพ ภพที่เป็นรูปาวจร ต. อรูปภพ ภพที่เป็นอรูปาวจร ทมา : สังคีติสูตร ที.ปา. ๑๑/ตฮ๕ ตโย ภวา ะ กามภโว รูปภโว อรูปภโว ฯ แปล : ภพ ฅ คือ กามภพ ๑ รูปภพ ๑ อรูปภพ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๓ ๓๑๙ เอสนากถา ว่าด้วยการแสวงหา ฅ ๑. กาฌสนา แสวงหากาม ๒. ภเวสนา แสวงหาภพ ต. พรัหมจริเยสนา แสวงหาพรหมจรรย์ ทีมา ๑: สังคีติสูตร ที.ปา. ๑๑/(ท0๕ ติสุโส เอสนา : กาเมสนา ภเวสนา พรหมจริเยสนา ฯ แปล : การแสวงหา ต คือ กาเมสนา ๑ ภเวสนา ๑ พรัหมจริเยสนา ๑ ฯ ทีมา ๒ ะ ทุติยเอสนๆสูตร ปฐมวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๕๕ กาเมสนา ภเวสนา พรหมจริเยสนา สห อิติ สจจปรามาโส ทิฎุเฎฮานา ส สยา ฯ แปล : (การแสวงหามี ต คือ)การแสวงหากาม การแสวงหา ภพ และการแสวงหาพรหมจรรย์ คือ การยึดมั่นว่า อย่างนี้จริง ทีฏฐิฐาน และเหตุเกิดแห่งกิเลส ฯ สพพราควิรตตสุส ตณุหกฃยวิมุตติใน เอสนา ปฎินิสฺสฎฺฮา ฑิฎฺฮิฎฺฮานา สมุหตา เอสนาาร ขยา ภิคุชุ นิราใส อกถงุกร ฯ แปล : อริยบุคคล^ฝยินดีด้วยความยินดีทั้งปวง ผู้ฟ้อมไป ในธรรมเปีนที่เนตัณหา ละทิ้งการแสวงหาทั้งหลายได้ www.kalyanamitra.org
๓๒0 คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ แล้ว ถอนทิฐิทั้งหลายได้แล้ว ซื่อว่าเป็นภิกษุ เป็น^ฝ หวังอะไร ผู้หมดความสงสัย เพราะไม่มีการแสวงหา ฯ วิธากถา ว่าด้วยความถือตัว ฅ ๑. ถือตัวว่าเราดีกว่าเขา ๒. ถือตัวว่าเราเสมอเขา ฅ, ถือตัวว่าเราด้อยกว่าเขา ที่มา : ส์'งคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ตอ๕ ติสฺโส วิธา : เสยุโยหมสุมีติ วิธา, สทิโสหมสฺมีติ วิธา, หีโนห นสุมีติ วิธา ฯ แปล : ความถือตัว ฅ คือ ถือตัวว่าเราดีกว่าเขา ๑ ถือตัวว่า เราเสมอเขา ๑ ถือตัวว่าเราด้อยกว่าเขา ๑ ฯ อัฑธากถา ว่าด้วยระยะกาล ฅ ๑. อตีตอัทธา ระยะกาลที่เป็นส่วนอดีต ๒. อนาคตอัทธา ระยะกาลที่เป็นส่วนอนาคต ต. ฟ้จชุฟ้นนอัทธไ ระยะกาลที่เป็นปัจจุบัน www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๓ ๓๒๑ ที่มา : ส์งคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ฅ0๕ ดโย อทุธา ะ อดืโด อๆธา,อนาคโด อๆธๆ,ปจฺ';ปฺปนุโน อๆธา ฯ แปล : อัทธๆ (ระยะกาล) ฅ คือ อตีตอัทธา ๑ อนาคตอัทธา ๑ ปัจจุบันอัทธา ๑ ฯ อันตกถา ว่าด้วยส่วนที่ถือ ฅ ๑. สักกายอันดะ ส่วนที่ถีอว่าเป็นกายตน ๒. สักกายสมุทยอันดะ ส่วนที่ถือว่าเป็นเหตุก่อให้เกิดกายตน ฅ. สักกายนิโรธอันดะ ส่วนที่ถือว่าเป็นเครื่องดับกายตน ที่มา : ส์งคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ต©๕ ดโย อนตา ะ สกกาโย อนโด, สกกายสๆทโย อนุโด, สฤกายนิโรโธ อนุโด ฯ แปล : อันตะ (ส่วนที่ถือ) ฅ คือ อักกายอันตะ ๑ อักกายสมุทย อันตะ ๑ อักกายนิโรฮอันตะ ๑ ฯ เวทนากถา ว่าด้วยเวทนา ฅ ๑. อ[ุ ฃททนา ความเสวยอารมณ์ที่เป็นสุข ๒. ชุกฃเวทนา ความเสวยอารมณ์ที่เป็นทุกข์ ฅ. อชุกฃมอุ[ขเวทนา ความเสวยอารมณ์ที่ไม่โซ่ทุกข์ ไม่โซ่สุข www.kalyanamitra.org
๓๒๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ที่มา ๑: ส์งคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ฅ0๕ ติสโส เวทนา : ล[ุ ขา เวทนา, ใากุขา เวทนา, อชุกขมลุ[ขา เวทนา ฯ แปล : เวทนา (ความเสวยอารมณ์) ฅ คือ สุขเวทนา ๑ ทุกข เวทนา ๑ อทุกขมสุขเวทนา ๑ ฯ ที่มา ๒: ทุติยเวทนาสูตร ปฐมวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๕ฅ โย ลุ[ขํ ชุกฺขโต อทุท ชุฤขมทุทกฃิ สลลโต อชุคุขมอุ[ขํ สนุตํ อทุทกขิ นํ อนิชุจโต ส เว สมฺมทุทโส ภิฤชุ ยโต ตตุถ วิชุจฺจติ ฯ แปล : ภิกษุใดได้เห็นสุขเวทนาโดยความเป็นทุกข์ ได้เห็น ทุกขเวทนาโดยความเป็นลูกศร ได้เห็นอทุกขมสุขเวทนา ที่ละเอียดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ภิกษุนั้นแลจัดว่า เป็นผู้เห็นโดยชอบ พากเพียรอยู่ ย่อมหลุดพ้นจาก เวทนานั้น ฯ ทุกฃตากถา ว่าด้วยความเป็นทุกข์ ฅ ๑. ชุกขชุกขตา ความเป็นทุกข์เพราะทุกข์ ๒. สังขารชุกขตา ความเป็นทุกข์เพราะส์งขาร ฅ. วิปริณามชุกขตา ความเป็นทุกข์เพราะความแปรผัน www.kalyanamitra.org
นละคณะ] หมวด ๓ ๓๒)๓ ที่มา : ส์งคีสิสูตร ที.ปา.๑๑/คอ๕ ติสโส ชุกขตา ะ ชุกฃชุชุฃตา สงฃารชุกฃตา วิปริณามชุชุฃตา ฯ แปล : ทุกขตา (ความเป็นทุกข์ ฅ) คือ ทุกขทุกขตา ๑ สังขาร ทุกขตา ๑ วิปริณามทุกขตา ๑ ฯ กิญอนกถา ว่าด้วยเครื่องกังวล ฅ ๑. ราคกิญจนะ เครี่องกังวลคือราคะ ๒. โฑสกิญจนะ เครี่องกังวลคือโทสะ ฅ. โมหกิญจนะ เครี่องกังวลคือโมหะ ที่มา ะ ฟ้งสิสิสูตร ที.ปา.๑๑/ตอ๕ ตโย กิผฺจนา ะ ราโค คิญจนํ, โทโส กิญจนํ, โมโห กิญจนํ ฯ แปล : กิญจนะ (เครื่องกังวล) ต คือ ราคกิญจนะ ๑ โทส กิญจนะ ๑ โมหกิญจนะ ๑ ฯ อัคคิกถา ว่าด้วยไฟ^เลส ๓ ๑. ราคัคคิ ไฟคือราคะ ฅ. โมหัคคิ ไฟคือโมหะ www.kalyanamitra.org
๓๒๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตตวงส์ ที่มา ๑: สังคีติสตร ที.ปา. ๑๑/ตอ๕/๒๔๕ ตโย อคุคี : ราคคุคิ โทสคุคิ โมหฤคิ ฯ แปล : อัคคิ (ไฟ) ฅ คือ ราคิคคิ ๑ โทอัคคิ ๑ โมหัคคิ ๑ ฯ ทีมา ๒: อัคคีสูตร ปัญจมวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๙ต ราคคุคิ ทหติ มจุเจ รดฺเต คาเมq มุจฉิเต โทสคคิ ปม พยาปน.เม มเร ปาณาติปาติโม โมหคุคิ ปม สม .เห อริยธมเม อโกวิเท เอเต อคุคี อชามนุตา สฤกายาภิรตา ปชา ฯ แปล : ไฟคือราคะย่อมแผดเผาหมู่อัตว์ผู้กำหนัดหมกมุ่นอยู่ ในกามทั้งหลาย ไฟคือโทสะย่อมแผดเผาหมู่อัดว์ผู้มีจิต พยาบาท ชอบฆ่าอัดว์ ส่วนไฟคือโมหะย่อมแผดเผาหมู่ อัตว์ผู้ลุ่มหลง ไม่ฉลาดในอริยธรรม หมู่อัดว!ม่รู้จักไฟทั้ง ๓ กองนจึง_ยfิ*.น.ด0|ีจในกายของตนอย่างt ยิA่ง อัคคินิพพาปนกลา ว่าด้วยวิธีดับไฟกิเลส ๓ ๑. ดับไฟราคะด้วยอสุภอัญญา ๒. ดับไฟโทสะด้วยการแผ่เมตตา ฅ. ดับไฟโมหะด้วยปัญญา www.kalyanamitra.org
นละคณะ] ทมวด ๓ ๓๒๕ ที่มา : อัคสิสูตร ป้ญจมวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๙ฅ แปล : พ จ รดุดินทิวา ยุดดา สมมาสมพุทธสาสเน เด นิพุพาเปนฺดิ ราคคฺคึ นิจจํ อธุ[ภสญณิโน โทสคคี ปน เมดดาย นิพุพาเปนุดิ นชุดดมา โมหคคึ ปน ปผผาย ยายํ นิพุเพธคามินี ฯ เหล่าส์'ตว์ผู้บำเพ็ญภาวนาทั้งกลางวันและกลางคืนใน ศาสนาของพระส์มมาส์มพุทธเจ้า มีอสุภสัญญาอยู่ทุกเมี่อ ย่อมดับไฟคือราคะได้ เหล่าสัตว์ผู้เป็นยอดคนย่อมดับไฟ คือโทสะได้ด้วยเมตตาภาวนา และดับไฟคือโมหะได้ด้วย ป้ฌฌาเป็นเครื่องทำลายกิเลส ฯ อัคคิกถา ว่าด้วยไฟบุคคล ฅ ๑. อาชุไนยยัคคิ ไฟคืออาทุไนยบุคคล ๒. ทักฃิเณยยัคคิ ไฟคือทักขิไณยบุคคล ฅ. คหปตัคคิ ไฟคือคฤหบดี ที่มา : ส์งสืติสูตร ที.ปา.ฟฅอ๕ อปเรปี ดโย อๆคึ : อาชุเนยุยคคิ ทฤขิเณยุยๆคิ คหปดคคิ ฯ แปล ะ อัคคิ (ไฟ) อีก ต คือ อาทุไนยอัคคิ ๑ ทักขิไณยอัคคิ ๑ คหปดัคคิ ๑ ฯ อธิบาย ข้อที่ ๑ หมายถึงบิดามารดาผู้มีอุปการะมากต่อบุตรธิดา ข้อที่ ๒ หมายถึงภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นผู้มีอุปการะมากต่อคฤหัสถ์ในด้านการ www.kalyanamitra.org
๓๒b คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ แนะนำให้ตั้งอยู่ในคุณความดี ข้อที่ ฅ หมายถึงสามีซึ๋งเป็นผู้มีอุปการะมาก ต่อภรรยา บุคคลทั้ง ต นื้1ด้ซื่อว่าเป็นไฟตามเผาไหมีในกรณีที่บุตรธิดาไม่ บำ รุงบิดามารดา คฤหัสถ์ต่าว่าภิกษุสงฆ์ หรือภรรยาประพฤตินอกใจสามี โดยเป็นเหตุให้ได้รับทุกข์หมกไหมีอยู่ในนรกเป็นต้น (ที.ปา.อ. ๑๘๙-๑๙๒) รูปสังคหกถา ว่าด้วยการย่อรป ๓ ๑. สนิทัสสนสัปปฏิฆเป รูปทเห็นได้และกระทบได้ ๒. อนิหัสสนสัปปฎิฆรูป รูปที่เห็นไม่ได้ แต่กระทบได้ ฅ. อนิหัสสนอัปปฎิฆรูป รูปที่เห็นไม่ได้และกระทบไม่ได้ ที่มา : สังคีติสตร ที.ปา.๑๑/ฅ0๕ ติวิเธน รูปสงฺคโห : สนิทสุสนสปฺปฎิฆรูป อนิทสุสนสปุปฎิฆรูป อนิทสุสนอปปฎิฆรูป ฯ แปล : รูปสังคหะ (การย่อรูป) ฅ คือ รูปที่เห็นได้และกระทบ ได้ ๑ รูปที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ๑ รูปที่เห็นไม่ได้และกระทบไม่ได้ ๑ ฯ อธิบาย : รูปสังคหะ หมายถึงการนับหรือย่อจำนวนรูปลงเหลือ ฅ กลุ่ม คือ รูปที่ฌนได้และกระทบได้ ได้แก่ รูปายตนะ อายตนะคือรูป รูปที่ฌนไม่ได้ แต่กระทบได้ ได้แก่ อายตนะทั้ง ๙ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เสิยง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ รูปที่เห็นไม่ได้และกระทบไม่ได้ ได้แก่ สุขุมรูปที่เหลือจากอายตนะ ๑0 (ที.ปา.อ. ๑๙๒) www.kalyanamitra.org
นละคณะ] หมวด ๓ ๓๒๗ สังขารกถา ว่าด้วยสังขาร ฅ (นัยที่ ๑) ๑. ใ]ญญาภิสังขาร อภิสังขารคือบุญ ๒. อใ]ญญาภิสังขาร อภิสังขารคือบาป ต. อาฌญชาภิสังขาร อภิสังขารคืออาเนญซา ที่มา : ส์งคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ตฮ๕ ตโย สงขารา : ใ]ญณาภิสงุขาโร อใ]ณณาภิสงุขาโร อาฌณชาภิ- สงขาโร ฯ แปล : สังขาร (สภาพปรุงแต่ง) ต คือ ปุญญาภิสังขาร ๑ อใ]ญญาภิสังขาร ๑ อาเนญซาภิสังขาร ๑ ฯ อธิบาย : สังขารในที่นี้เรียกว่า อภิสังขาร(สภาพปรุงแต่งอันยิ่ง) อภิสังขารคือใJญ ได้แก่กุศลเจตนาที่เกิดจากทาน คืล ภาวนาทั้งที่เปีน กามาวจรและรูปาวจร หรีอเจตนาโนมหากุศลจิต ๘ ดวง รูปาวจรกุศลจิต ๕ ดวง อภิสังขารคือบาป ได้แก่อกุศลเจตนาทั้งหลายหรีอเจตนาในอกุศลจิต ๑๒ ตวง อภิสังขารคืออาฌญชา ได้แก่กุศลเจตนาที่เปีนอรูปาวจรซึ่งเปีน ภาวะจิตที่มั่นคงแน่วแน่ด้วยสมาธิแห่งจตุตถฌาน (ที.ปา.อ. ๑๙๒-๑๙๔) www.kalyanamitra.org
0)๒๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ สังขารกถา ว่าด้วยสังขาร ๓ (นัยที่ ๒) ๑. กายสังขาร ความจงใจทางกาย กายส์'ญเจตนา ๒. วจีสังขาร ความจงใจทางวาจา วจีสัญเจตนา ฅ. จีตตสังขาร ความจงใจทางใจ มโนสัญเจตนา ที่มา ส์มมาทิฏฐิสูตร ยูลปริยายวรรค ม.ยู. ๑เอ/๑0๒ กตโม ปนาวใส สงุขาโร ... ตโยฒ อาวุโส สงขารา : กายสงขาโร วจีสงุขาโร จิตตสงขาโร ฯ แปล : ก็สังขาร เหตุเกิดแห่งสังขาร ความดับแห่งสังขาร และ ปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับแห่งสังขารเป็นไฉน คีอ สังขาร ต เหล่านี้ ได้แก่ กายสังขาร ๑ วจีสังขาร ๑ จิตตสังขาร ๑ ฯ อธิบาย : สังขาร ในที่นี้หมายถึงสภาพที่มีลักษณะปรุงแต่งหรือ รังสรรค์การกระทำโดยมีเจตนาความจงใจเป็นหลักสำคัญ กายสังขาร สภาพ ที่ปรุงแต่งการกระทำทางกาย ได้แก่ความจงใจในการทำดีทำชั่ว ๒อ อย่าง ฝ่ายกามาวจรกุศ^ล ๘ ฝ่ายอกุศล๑๒ วจีสังขาร สภาพปรุงแต่งการกระทำทาง วาจา ได้แก่ความจงใจในการเปล่งวาจา ๒0 อย่าง จิตตสังขาร {หรือ มโน สังขาร) สภาพปรุงแต่งการกระทำทางใจ ได้แก่ความจงใจทางใจ ๒๙ อย่าง ทั้งฝ่ายกุศลและอกุศลระดับโลกิยะ ชั่งเกิดแก่บุคคลผู้นั่งคิดอยูโนที่สับโดยไม่ แสดงพฤติกรรมทางกายและวาจา (ม.ยู.อ. ๑/๒ฅ๗) สังขารทั้ง ฅ นี้เรืยก อีกอย่างว่า อภิสังขรณกสังขาร สังขารคือกรรมที่เป็นคัวการปรุงแต่ง ได้แก่กุศลเจตนาและอกุศลเจตนาทั้งปวงในกามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ และ อรูปาวจรภูมิ ตรงกับคำว่า •สังขาร' ตามหสักปฏิจจสมุปบาท www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ฅ ๓๒๙ สังขารกถา ว่าด้วยส์งขาร ฅ (นัยที่ ฅ) ๑. กายสังขาร สภาพปรุงแต่งกาย คือลมหายใจเข้า-ออก ๒. วจีสังขาร สภาพปรุงแต่งวาจา คือวิตกและวิจาร ฅ. จีตตสังขาร สภาพปรุงแต่งจิต คือสัญญาและเวทนา ที่มา : จูฬเวทัลลสูตร จูฬยมกวรรค ม.มู. ©๒/๔๖ต ตโยเม อารุโส วิสาข สงฺขารา : กายสงขาโร วจีสงุขาโร จิตต- สงฺขาโร ... อสุสาสปสสาสา โข อารุโส วิสาข กายสง.ขาโร, วิตกกวิจารา วจีสง.ขาโร, สฌฉเา จ เวทนา จ จิต.ตสงขาโร ... ฯ แปล ; ท่านวิสาขะ สังขารนี้มี ฅ ประการ คือ กายสังขาร ๑ วจีสังขาร ๑ จิตตสังขาร ๑ ... ลมหายใจออกและลมหายใจเข้าจัดเป็น กายสังขาร วิตกและวิจารจัดเป็นวจีสังขาร สัญญาและเวทนาจัดเป็น จิตตสังขาร ... ฯ ปุคคฝืคฝืา ว่าด้วยบคคล ๓ ๑. เสกขบุคคล ผู้ยังต้องคืกษา ๒. อยเเสตกแข๚บบุุคฅคฅลฅ ^ฬูมเ่,ฬตฬ้ยอMrงiคlืliก:ษrาI เนวเสกขานาเสกขบุคคล ผู้ยังต้องคืกษาก็ไม่ใซ่ ผู้!ม่ต้องคืกษา www.kalyanamitra.org
คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ที่มา : ส์งสืติสูตร ทึ.ปา.๑๑/ฅ0๕ ตโย 1]คุคลา ะ เสกโข 1]ค.คโล, อเสชุโข ไเชุคโล, เนวเสชุขานาเสชุโข ijqคโล ฯ แปล : บุคคล ฅ คือ เสกขบุคคล ๑ อเสกขบุคคล ๑ เนวเสกขา นาเสกขบุคคล ๑ ฯ อธิบาย : เสกขบุคคล หมายถึงพระอริยบุคคล ๗ ประ๓ท มี ท่านผู้ตั้งอยูโนโสดาป้ตติมรรคเป็นต้น อเสกขบุคคล หมายถึงพระอรหันต ขีณาสพ เนวเสกขานาเสกขบุคคล หมายถึงปุอุซนทํ่วไปที่งเป็นผู้เหินห่าง จากไตรสิกขา (ที.ปา.อ. ๑๙๔) เถรกถา ว่าด้วยผู้เป็นเถระ ฅ ๑. ชาติเถระ เป็นเถระโดยชาติ ๒. ธัมมเถระ เป็นเถระโดยธรรม ฅ. ส้มมติเถระ เป็นเถระโดยสมมติ ที่มา ะ ลังคึติสูตร ที.ปา.๑๑/ฅ0๕ ดโย เถรา ะ ชาติดฺเถโร ธมมดุเถโร สมมติตเถโร ฯ แปล : เถระ ต คือ ชาติเถระ ๑ ธัมมเถระ ๑ สิ'มมติเถระ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๓ ๓๓๑ ปุญญกิริยากลา ว่าด้วยวิสิทำบุญ ๓ ๑. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน ๒. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาสืล ฅ. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา ที่มา ๑: ส์งคีติสูตร ที.ปา.พตอ๕ ดีณิ ijqผคิริยวดุแนิ ะ ทานมยํ ไ^ผผคิริยวดฺฤ, สึลมยํ ผ- คิริยวดฤ, ภาวนามยํ ใเผุผคิริยวฅุฤ ฯ แปล : บุญกิริยาวัตถุ (ที่ตั้งแห่งการทำบุญ) ฅ คือ ทานมัย ๑ สิลมัย ๑ ภาวนามัย ๑ ฯ ที่มา ๒: 1]ญญกิริยวัตลุสูตร ทุติยวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๖อ ijqผผว โส สิฤเขยย อายดคคํ ถุ[ชุทุรยํ ทานญจ สมจริยผจ เมดุดจิดดญจ ภาวเย ฯ เอเด ธมเม ภาวยิดุวา ฅโย ถุขสมุทฺทเย อพยาปชผํ ถุ[ขํ โลกํ ปณฺฑิโต อุปปชชดิ ฯ แปล : กุลบุตรผู้หวังประโยซน์พึงส์งสมบุญที่มีผลสูงสุด ที่ ให้ผลเป็นความสุข คือ พึงบำเพ็ญทาน บำ เพ็ญสมจริยา และเจริญเมตตาจิต บัณฑิตครั้นบำเพ็ญธรรมอันเป็น เหตุให้เกิดสุขสมบัติ ฅ ประการเหล่านี้แล้ว ย่อมเข้าถึง โลกที่เป็นสุข ไม่มีการเบียดเบียนกัน ฯ www.kalyanamitra.org
๓๓๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ โจทนาวัฅ^คฝืา ว่าด้วยสาเหตุแห่งการโจท ๓ ๑. ทิฎเฐนะ ด้วยได้เห็น ๒. อ[ุ เตนะ ด้วยได้ยิน ต. ปริสังกายะ ด้วยรังเกียจสงสัย ที่มา : ส์งสืติสตร ที.ปา.®๑/ต0๕ ดีณิ โจทนาวดแนิ ะ ทิฎเปีน อ[ุ เตน ปริสงคาย ฯ แปล : โจทนาวัตถุ ๓ คือ ด้วยได้เห็น ๑ ด้วยได้ยิน ๑ ด้วย รังเกียจสงสัย ๑ ฯ งญญากฝืา ว่าด้วยปัญญา ฅ (นัยที่ ๑) ๑. เสกขฟ้ญญา ปัญญาของพระเสขะ ๒. อเสกขฟ้ญญา ปัญญาของพระอเสขะ ต. เนวเสกขานาเสกฃฟ้ญญา ปัญญาไม่ใช่ทั้งของพระเสขะและพระอเสขะ ที่มา ะ สังคีติสูตร ที.ปา.๑®/ฅอ๕ ติสฺโส ปณุฌา ะ เสกขา ปญฌา, อเสคุขา ปณณา, เนวเสกขานา- เสฤขา ปญฌา ฯ แปล : ปัญญา ต คือ เสกขปัญญา ๑ อเสกขปัญญา๑ เนวเสกขา นาเสกขปัญญา ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
นละคผะ] หมวด ๓ ๓๓๓ {โญญากฝืา ว่าด้วยปัญญา ๓ (นัยที่ ๒) ๑. จินดามยฟ้ญญา ปัญญาสำเร็จด้วยการคิด ๒. อ[ุ ตมยฟ้ญญไ ปัญญาสำเร็จด้วยการฟ้ง ๓. ภาวนามยฟ้ญญา ปัญญาสำเร็จด้วยการอบรม ที่มา : สังคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ตอ«/๒๔๖ อปราปี ดิสโส ปผผา ะ จินดามยา ปญผา, อ[ุ ดมยา ปผผา, ภาวนามยา ปณผา ฯ แปล : ปัญญาอีก ๓ คิอ จินตามยปัญญา ๑ สุตมยปัญญา ๑ ภาวนามยปัญญา ๑ ฯ อไวุธกถา ว่าด้วยอาวุธ ๓ ๑. อ[ุ ดาาธ อาวุธคือสุตะ ๒. ปวิเวกาวุธ อาวุธคือความสงัด ๓. ปัญญาวุธ อาวุธคือปัญญา ที่มา : สังคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ตอ๕/๒๔๗ ตีณาวุธานิ ะ อุ[ดาวุธํ ปวิเวกาวุธํ ปผณาวุธํ ฯ แปล : อาวุธ ๓ คือ สุดาวุธ ๑ ปวิเวกาวุธ ๑ ปัญญาวุธ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๓๓๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ อธิบาย : อุ[ตา'3ธ หมายถึงพระทุทอพจน์คือพระไตรป็ฎก ที่ได้ ซื่อว่าเป็นอาวุธเพราะเป็นเหตุให้ผู้สดับไม่ครั่นคร้าม สามารถข้ามพ้นทาง กันดารคือการเวียนว่ายตายเกิดได้ ปวิเวกาวุธ หมายถึงความสงัด ฅ คือ ความสงัดทางกาย ความสงัดทางจิต และความสงัดจากอุปธิ (ส์งนุงนัง ระคนด้วยกิเลสและหอบทุกข์) ได้ซื่อว่าเป็นอาวุธเพราะเมื่อบุคคลยินดีใน ความสงัดทั้งสามนี้ย่อมไม่หวาดกลัวภัยใด ๆ ฟ้ญญาวุธ หมายถึงปัญญา ทั้งที่เป็นโลกิยะและโลตุตตระ ได้ซื่อว่าเป็นอาวุธเพราะเมื่อบุคคลมีปัญญา ก็ไม่ด้องหวาดกลัวภัยใด ๆ (ที.ปา.อ. ๑๙๗-๑๙๔) จักฃุกถา ว่าด้วยจักษ ฅ ๑. มังสจักบุ ตาเนี้อ ๒. ทิพพจักบุ ตาทีพย์ ฅ. ฟ้ญญาจักบุ ตาคือปัญญา ที่มา ๑: ส์งดีติสูตร ที.ปา.๑๑/ต©๕ ดีณิ จกทุเนิ : มํสจฤชุ ทิพพจกุบุ ปญผาจฤบุ ฯ แปล : จักษุ ต คือ มังสจักษุ ๑ ทีพพจักษุ ๑ ปัญญาจักษุ ๑ ฯ ที่มา ๒: จักขุสูตร ทุติยวรรค ติกนิบาต ขุ.อิติ. ๒๕/๖๑ มํสจฤบุ ทิพพจกบุ ปผผาจคบุ อนุดฅรํ เอตานิ ตีณิ จกบุนิ อกขาสิ า^ริธุ[ตุตโม ฯ แปล : พระผู้ประเสริฐที่สุดได้ตรัสจักษุไร้ ฅ ประการ คือ มังสจักษุ ทีพพจักษุ และปัญญาจักษุที่ยอดเยี่ยม ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ฅ ๓๓๕ แปล : มํสจคฺขสุส อุปปาโท มคโค ทิพพสฺส จกอุโน ยโด ผาณํ อุทปาทิ ปผผไจฤอุ อนุตุดรํ ยสส จกอุสส ปฏิลาภา สพุพทุกขา วินุจจดิ ฯ ความเกิดขึ้นแห่งมังสจักษุเป็นทางแห่งทิพพจักษุ เมื่อใดญาณเกิดขึ้น เมื่อนั้นปัญญาจักษุอันยอดเยี่ยมซึ่ง เป็นเหตุให้บุคคลฟันจากทุกข์ทั้งปวงเพราะได้จักษุนี้ย่อม เกิดขึ้น ฯ สืกขากลา ว่าด้วยสิกขา ต ๑. อรสีลสิกขา สิกขาคือสืลยี่ง ๒. อธิจิฅตสิกขา สิกขาคือจิตยิ่ง ฅ. อธิปัญญาสิกขา สิกขาคือปัญญายิ่ง ที่มา ๑: ส์งคีติสูตร ที.ปา.๑๑/ตอ๕,ปฐมสิกขัตตยสูตร ทุติยปัณณาสก์ อง..ติก.๒อ/๑ออ๑ ดิสุโส สิฤขา ะ อธิสีลสิกขา อธิจิดฅสิกขา อธิปญผาสิกขา ฯ แปล : สิกขา ฅ คือ อธิสีลสิกขา ๑ อธิจิตตสิกขา ๑ อธิปัญญา สิกขา ๑ ฯ ที่มา ๒: ปฐมสิกขาสูตร ทุติยสิกขาสูตร ทุติยปัณณาสก์ องฺ.ติก. เลอ/๙๙๔.๙๙๙ สาธิกมิทํ ภิกขเว ทิยฑผสิกขาปทสดํ อนุวฑุฒมาสํ อุทุฒสํ อาคจฺฉติ, ยดล อดุลกามา อุลดุดา สิกขนุติ ฯ ติสฺโส อิมา ภิฤขเว สิๆขา, ยดุเลดํ สพพํ สโมธานํ คจุฉติ ... อธิสีลสิฤขา อธิจิดุดสิกฺขา อธิปผผาสิกขา ฯ www.kalyanamitra.org
๓๓๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิกขาบท ๑๕อ ถ้วนนี้มาส่อุทเทสทุก กึ่งเดือนซึ่งกุลบุตรทั้งหลายผู้ปรารถนาประโยชน์สิกษากันอยู่ ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย สิกขาซึ่งเป็นที่รวมแห่งสิกขาบท ๑๕๐ นั้นไว้ทั้งหมดมี ฅ สิกขา ฅ ดืออะไรบ้าง ดือ อธิสิลสิกขา ๑ อธิจิตตสิกขา ๑ อธิป้ญญาสิกขา ๑ ฯ ที่มา ฅ: ทุติยสิกขัตตยสูตร สมณวรรค ทุติยปัณณาสก์ อง..ติก. lao/ooota อธิสีลํ อธิจิดฺดํ อธิปญผผจ วีริยวา ถามวา ธืติมา ฌายี สโต ธุตุตินฺฑริโย จเร ฯ แปล : ภิกษุผู้มีความเพียร มีเรี่ยวแรง มีปัญญา เพ่งพีนิจ มีสติ คุ้มครองอินทรีย์ พีงประพฤติอธิสิล อธิจิต และ อธิปัญญา ฯ ที่มา ๔: มารเธยยสูตร ปฐมวรรค ติกนิบาต ชุ.อิติ. ๒๕/๕๙ สึลสมาธิปผผา จ ยสส เอเต สุ[ภาวิตา อติฤกมม มารเธยยํ อาทิชุโจว วิโรจติ ฯ แปล : สิล สมาธิ ปัญญากันผู้!ดเจริญดืแล้ว ผู้นั้นย่อมถ้าว ล่วงปวงมารไล้แล้ว รุ่งเรีองอยู่เหมีอนดวงอาทิตย์ ฯ อธิบาย : อธิสีลสิกขา หมายถึงข้อปฏิบ้ตสำหริ'บลกอบรมในทาง ความประพฤติชั้นสูง ได้แก่ปาติโมกขส์'งวรสิล (สิลดือความสำรวมในพระ ปาติโมกข์) จัดเป็นสิลที่ยิงกว่าสูงกว่าสิลทั่วไปเพราะเกิดมีเฉพาะกาลที่ พระพุทธเจ้าอุบัติ (ดือโดยพุทธบัญญัติ) อธิจิตตสิกขา หมายถึงข้อปฏิบัติ สำ หรับลกอบรมจิตเพื่อใฟ้เกิดสมาธิชั้นสูง ได้แก่การแกจิตจนถึงชั้นสมาบัติ ๘ แล้วทำให้เป็นบาทฐานแห่งวิปัสสนา จัดเป็นสมาธิที่ยิ่งกว่าสมาธิจิตทั่วไป www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด (ท ๓๓๗ เพราะเกิดมีเฉพาะกาลที่พระพุทธเจ้าอุบัติ อธิปัญญาสิกขา หมายถึงข้อ ปฏิบัติสำหรับลกอบรมปัญญาเพี่อให้เกิดความรู้แจ้งมองเห็นสภาพของสิง ทั้งหลายตามเ{เนจริง ได้แก่วิปัสสนาญาณ คือปัญญาที่กำหนดรู้อาการ ของไตรลักษณ์ จัดเป็นปัญญาขั้นสูงยิ่งเพราะเกิดมีเฉพาะกาลที่พระพุทธเจ้า อุบัติ (นัย วิ.อ. ๑/๒๕๙-๒๖อ, ที.ปา.อ. ๑๙๘) ภาวนากถา ว่าด้วยการภาวนา ฅ (นัยที่ ๑) ๑. กายภาวนา การอบรมกาย ๒. จิตตภาวนา การอบรมจิต ฅ. ปัญญาภาวนา การอบรมปัญญา ที่มา : ส์งสืติสูตร ที.ปา.๑๑/ตอ๕ ติสุโส ภาวนา ะ กายภาวนา จิตฺฅภาวนา ปญณาภาวนา ฯ แปล : ภาวนา (การอบรม) ฅ กายภาวนา ๑ จิตตภาวนา ๑ ปัญญาภาวนา ๑ ฯ อธิบาย : ภาวนา ตโนที่นี้หมายถึงภาวนาของพระอรหันตขีณาสพ กล่าวคือ กายภาวนา พระอรหันตขีณาสพมีกายคือทวารทั้ง๕(ตาหูจมูก ลิ้น กาย)ที่สำ รวมดีแล้ว จิฅตภาวนา พระอรหันตขีณาสพมีฌานสมาบัติ ๘ไม่ เส์อมเหมีอนของพวกปุถุชน ปัญญาภาวนา พระอรหันตขีณาสพมีอรหัตต ผลปัญญาที่ถึงความไพบูลย์ยิ่ง (นัย ที.ปา.อ. ๑๙๘) www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 626
Pages: