บทที่๔ ปศผกพธี ปกณกพร ฟ็รกรรมทั่ว'}ไปที่ชาวพุทธฟิยมก้น นดํยงไฝจดเป็นหมวด หฟ่ฝ ๕ ประฬท ดือ 0. วรแสดงดวามเดารพพระ ๒.^รีประเดฺนชองพระ ท.^รีทำหนงสิออาราธนาและทำใบปวารผาถวายจดุป็จจัย ๔.รรีอาราธนาดืล อาราธนาพระปรตร อาราธนาธรรม ๕.รรีกรวดนํ้า วิรีแสดงความเคารพพระ การแสดงความเคารพพระ มีจุดม่งหมายเพี่อแสดงใทั่รูว่า ตนมีความเคารพนบถอดวยกายและโจจริงจุ ซาวพุทธยกฐานะ ของพระไว่ในซั้นสูงเป็นผู้ควรแก่การเคารพบูชา พระในที่นี๋ได้แก่ 0. พระพุทธรูป พระสถูป พระเจดีย์เป็นด้น ๐๔๒ ศาสนฟ้ร www.kalyanamitra.org
๒. พระภิกษุ และสามเณุร ผู้ทรงฒศอันสงส่ง แฬ่ดงดวๆมเดารพพระมฺ ฅ วร^1อกๆรฟ่ระ!ผรอ 0 การไหว 0 การกราบ 0 การประนมมอ การประ'นมมือ คอ การยกมือทั้งสองช้างซึ๊นประ'นมคล้ายๆ[ ดอกบวดูม อยู่ระหว่างอกเฉียง ๔๕ องศา นชนทั้งสองแนบดำ ตวเป็น การแสดงความเคารพเวลาพระสวดมนต์ 'พงพระเทศนา เป็นฺต์น ทั้งชายและหญิงทำเหมือนกันตรงกับภาษาบาลีว่า \"อัญชลี\" การไหว้ การไหว้ คือ การยกมือที่ประนมนล้ว พร้อมกฃิกมหนาลง แก 'น้อยไหฺนว'หวเฟมือทั้งุสองอยู่ระหว่างคิ้ว ปลายนวทั้จรด หน้าผากใช้แสดงความเคารพพระเวลาทำนยืนหรือนงเถ้าคิ้เป็นต์น ทั้งชายและหญงทำเหมือนกันตรงกับภาษาบาลีว่า \"ว้นทา\" ■ฬรีอ\"นมสการ\" การกราบ การกราบ คือการแสดงความเคารพอย่างสูงสด ด่อบคศล ที่เราเคารพน้บถอย่างสูงสูด โดยการใ'ห้อวัยวะทั้ง ๕ จรดอับ'พื้น คือ หน้าผาก Q ฝามือ ๒ เช่า ๒ เรียกว่า \"กราบแบบเบญจางค- ประสิษ่เ\" ศาสนฟิร ^๐๔ต www.kalyanamitra.org
ผู้ชายนั่งท่าเทพบุตร คือ ให้นั่งคุกเข่าตั้งฝ่าเทาชันขึ้น โชั นิ้วเท้าพับยันพื้นนั่งทับลงบนสืนเห้าทั้งคู่ หมอบกราบให้หฟ้าฝาก จรด พื้น วางฝ่ามือแบราบห่างกันหนั่งฝ่ามือ ก้มคืรษะลงให้หฟ้า ผากจรด พื้นในระหว่างฝ่ามือทั้งสอง ข้อศอกต่อกับหัวเข่า ผู้หญิงนั่งท่าเทพธิดา คือ นั่งคุกเข่ารวบ ไม่ชันเห้าอย่างผู้ชาย เวลากราบหมอบกราบเหมือนผู้ชาย ศอกสองข้างขนาบเข่า จึง ตรงกับภาษาบาลีว่า \"อภิวาท\" ท่าเตรียม r ผู้ชายนั่งท่าเทพบุตร ผู้หญิงนั่งท่าเทพธิดา การประนมมือ( อัญชลี ) r www.kalyanamitra.org
การใหวั(\"วันทา\" หรือ \"นมัสการ\") พ !'\\ > ๒๒-. f, การกราบ( อภวาท ) วิธีประเคนของพระ ประเคน หมายถึง การถวายของพระหรือการส่งของให้พระ ให้ถึงมือ การประเคนทถูกต้องนั้นต้องประกอบด้วยองค์ ๕ คือ 0.ของที่จะถวายนั้นต้องไม่หนักและใหญ่เกินไป คนเคืยวพอ ยกขึ้นไต้ ๒. ผู้ถวายต้องอยูโนหัตถบาล คือไม่ใกล้หรือไกลเกินไป ๓. เวลาถวายต้องยกของให้พ้นจากพื้น ไม่เสิอกไสไปกับพื้น ๔. ต้องถวายด้วยความเคารพ ๕. กิกษุผู้วับประเคน วับด้วยกายหรือของเนื่องด้วยกายก็ไต้ ศาสนพิสิ ©๔๕ www.kalyanamitra.org
วิธทำหนงสืออๆราธนา แล่ะใบปวิารณาถาายจตป้พย อาราธนา หมายถึง การนฺมนตหรือกำรเซื้อเซญใหพระไ!J ประกอบพรกรรมด่างา ในสมัยกอนนิมนต์ด้วยวาจา แต่ป้จจุบัน นิยมทำเปีนหบังสิออาราธนาหรือฎีกานิมนต์ การนิมนต์พระด้อง ระบุจำนวนพระ - งาน - สถานที่ - วัน - เดือน -ปี- เวลา -มี รถมาวับ - ส่ง เปีนด้น มีตวอย่างดุ้งนี้ หบังรออาราธนา อาราธนาพระคุณเจำพร้อมด้วยคณะสงฆ์........... รูป :... เพื่อ ! .ในงานทำบุญ , ฟ้านเลขที่.......... แขวง/ต่าบล.....,................เขต/อำเภอ... จังหวัด ............วันที่.... เดือน. พ.ศ เวลา .โทร หมายเหตมีรถวับ-ส่ง เมื่อท่านเจำภาพถ.วายเครื่องไทยธรรมแล้วนิยมถวายปีจจัย ด้วฺย ในการถวายปัจจัยนี้นด้องทำเป็นใบปวารณาและใส่ในซุอง ถวายพร้อมกับไทยธรรม ตัวอย่างใบปวารณา o(^ ศาสนพร www.kalyanamitra.org
ใบปวารผาลวายจตุป็จจัย ขอถวายป้จฺจัยอันสมควรแก่สมณบริโภค แต่พระดุผเจ้า เป็นยูลค่า. —, .บาท หากพระดุณเจ้าต[องปริะส่งุค์ส์งฺใด อันสมควรแก'สมณบริโภคแล้วขอไค่โปรดเรียกจากไวยาวัจกรของ พระคุณเจ้าเทอญ ไวยาวัจกรหมายลึง คนที่ได้^มอฆหฺมายจากเ^อาวาITให้ มีหนุ้าที่ตุนอรกเททริพย์รนของวัด กัปปิยการก หมาย^ ค่นที่ป^ดพระ สูกรฺษยฺพระ การอาราธนาสิอ อาราธนาสือ คือการขอให้พระให้สือก่อนที่จะประกอบฺ พรกรรม ๗น การฤวายทฺาน่ ฟ้นต้น เส์อเจ้าภาพจุดเทียนธูป บูชาพระเสรีจแล้ว ต้องอารารนาคืลรับคืลก่อนเพี่อความบริสทรุ กายและวาจา คำ อาราธนาคือ ๕ มะยง ภันเต วิสุง วิสุ่ง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. ทุติอัมป็ มะอัง กันเต วิสง วิธุง รักขะถรดถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ, ป้ญจะ สีลาน ย์าจามะ. ตะติอัมปิ มะอัง กันเต วิสุง วิสุง รักขะถรดถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ, ป้ญจะ สีลานิ ยาจามะ. ศาสนฟิร 0๔๗ www.kalyanamitra.org
J ,v *■ ■-^- - -4. การอาราธนาพระปริตร อาราธนาพระปริตร คือ การt.ซื้อเชญหรีอนิมนต์พระสงฆ์ ใฟ้เจริญพระพทธมนต์ หริอสวดพระพุทธมนต์ เซ่น สวดเจ็ด ตานาน หรือสิบสองตำนาน เป็นต้น คาอาราธนาพระปริตร สิ'พพะสิ'มปัตติสิทธิยา, วิปัตติปะฏิพาหายะ, ปะรืตติ'ง พรูถะ มังคะลัง, สิ'พพะทุกขะวินาสายะ, วิปัตติปะฏิพาหายะ, ลัพพะสัมปัตติสิทธิยา, สิ'พพะภะยะวินาสายะ, ปะรืตติ'ง พรูถะ มังคะลัง, วิปัตติปะฏิพาหายะ, ลัพพะลัมปัตติสิทธิยา, สิ'พพะโรคะวินาสายะ. ปะริตตัง พรถะ มังคะลัง. www.kalyanamitra.org
การอาราธนาธรรม อาราธนาธรรม คอ กๆร่เรอเชิญหรือนมนดพิระให้แสดง ธรรมเพี่อเป็นการเคารพตอพระธรรมก่อนที่พร่ะจะแสดงพระ ธรรมเทศนา จึงกล่าวคำอาราธนาธรรมดังต่อไปนี้ พรัหมา จ่ะ โลกาธิปะต สหัมปะติ, กัตอัญซะลี อนธิวะรัง อะยาจะถะ. ดันติธะ ดัตตาปปะระซ'กขะชาติกา, เทเสตุ ธัมมัง อนุกัป.ป็มัง ปะซัง. การกรวดนํ้า การกรวดนา คอ การอุทิศดัวนบญให้แก่ผู้ที่ล่วงดับไปแล้ว หดังจากการทำบุญ จุดประสงคํของการกรวดนี้ามีอยู่ ฅ อย่างคือ . 0. เป็นการอุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ที่ล่วงดับไปแล้ว ที่มีพระคุณ ต่อเรา มีคุณพ่อดุณแฝเป็นติน เพี่อแสดงความกดัญฌูต่อท่าน ๒.เป็นการตั้งความปรารถนา คือ ดัวยบุญที่เราได้ทำไว้ดีแล้วํ นี้ขอให้เรามีร่างกายที่แข็งแรงได้บรรลุมรรคผลนิพพานเป็นด้น ต. เป็นการแสดงกิริยาให้ของที่ใหญ่เกินไปที่จะยกได้ ด้อง หลงนํ้าใส่มีอผู้รับ วิธกรวดนํ้า 0. เดรียมนํ้าที่สะอาดใส่ในภาซนะไว้พอสมควร จะเป็นที่ กรวดนํ้า แก้วนํ้า หรือฃนก็ได้ ศาสนพิร ©๔๙ www.kalyanamitra.org
๒.พอพระสงฆ์เริ่มบุทว่า ยะถา วาริวะหา ก็เริ่มกรวดฺนํ้า นึกถึงบญอทิศให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ฅ พอพระสงฆ์ริบบทว่า ลัพพตโย ให้รินนํ้าที่เหลือสงให้หมด นั่งประนมมฺอริบุพร ๔. เอานํ้าที่กรวดไปเทลงที๋โคนต้นไม้ ๕. ถ้าไม่มีนํ้าให้ทาใจใหเป็นสมุ่าธิแล้วอุทิศบุญให้ โดยการ นึกถึงหน้าหริอทิอของผู้ที่ลุ่วงลับไปแล้ว กรวดนํ้าแบบย่อ อิทิง เม ญฺาตีน้ง โหตุ, สุ!เตา โหนตุ ญาตะโย. . . ขอบุญนี้จงลัาเริจแก่ญาต้ทั้งหลายของขาพเจ้า ขอญาติทั้ง หลายของฃาพเจ้า จงเป็นสุขๆ เถิด... ป็ญทานละเฉลยศวสนพิธี 0.ถฺาม ในศาสนพิธีเล่ม 0 หมวดที่ ๔ ปกิณกะ ว่าต้วยวิธีปฏิบัติ มีกี่อย่างอะไรบัาง ? ตอบ ในศาสนพิธีเล่ม ๐หมวดที่ ๔ปกิณกะ ว่าต้วยวิธีปฏิบัติมี ๕ อย่าง คือ วิธีแสดงความเคารพ 0 วิธีประเคนของ พระ 0 วิธีทาหนังสืออาราธนา และในปวารณาถวาย จตุป้จจ้ย ๑ วิธีอาราธนาคืล อาราธนาพํระปริดร: อาราธนาธรรม ๐ วิธีกรวดนํ้า 0 ๒.ถาม วิธีกราบที่เริยกว่า เบุญจางคประดิษฐ์นั้น กราบอย่างไร? ตอบ มีวิธีกราบอย่างนี้ คือ กราบต้วยอวัยวะทั้ง ๕ จฺรดกับนี้น ๐๕๐^ ศาสนฟ็ธี www.kalyanamitra.org
คือฟา๒ข้าง ฟ้ามือ๒ข้างและหน้าผาก © จรดพื้น ระหวางฺฝ่ามือ รวมเป็น. ๕ ๓.ถาม การแสดงความเคารพพระมืกี่วิธี อะไรบ้าง ? ต่อ่บ มื ฅวิธ คือ ะ ©.ประนมมือในภาษาเรียกว่าอญซสิ : ๒..ไหว้ ในภาษาเรียกว่า นฟ้สการ หรีอ วันทา ๓. กราบ ในภาษาบาสิเรียก อภวาท ๔.ถาม การประนมมือ ตรงกับคำที่เรียกในภาษาบาสิว่าอย่างไร? ตอบ การประนมมือ ตรงกับคำที่เรียกในภาษาบาสิว่า อัญซสิ ๕.ถาม การไหว้ ตรงกับคำที่เรียกในภาษาบาสิว่าอย่างไร ? ตอบ การไหว้ ตรงกับคำที่เรียกในภาษาบาสิว่า นมัสการ ๖.ฉาม การกราบ ตรงกับคำที่เรียกในภาษาบาสิว่าอย่างไร ? ตอบ การกราบ ตรงกัปคำที่เรียกในภาษาบาสิ ว่า .อกัวาท ๗.ถาม การประเคนของพระ มืความหมายว่าอย่างไร ? ตอบ การประเคนซองพระ หมายสิง การถวายของให้พระได้ รับสิงมือ ๔Vถาม •การีอาราธนาพระ^^ มืคํวามหมายว่าอย่างไร ? ตอบ การอาราธนาพระ หมายสิง การนิมนต์พระสงฆ์ไป ประกอบพธีต่วง ใ ตองทาเป็นกิจจลกษณะ ๙,ถาม จงเขียนคำอาราธนาพระปริตรมาดู ? ตอ่บ่ คำ อาราธนาประปริตร ว่าดังพื้ วิปัตติปฏิพาหายะ ลโพพะส์'มปัตติสิทธิยา ส์พพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง วิปัตติปฏิพาหายะ ลัพพะลัมปัตติสิทธิยา ศาสนฟ้ร ©๕© www.kalyanamitra.org
สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง วิปัตติปฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะสัง 00. ถาม จงเขียนคำอาราธนาธรรมมาดู ? ตอบ คำ อาราธนาธรรม ว่าตังนี้ s พรัหมา จะ โลกาธิปะตี สหัมปะติ กัตอัญซะลี อันธิวะรง อะยาจะถะ สันตีธะ สัตตาปปะระซักขะชาติกา เทเสตุ ธมมัง อะนุกัมป็มัง ปะซัง . 00. ถาม วิธีกรวดนํ้า คือ วิธีทำ อะไร เจ้าภาพพึงกรวดนี้าและ รับพรพระตอนไหน? ตอบ วิธีกรวดุนํ้าคือ การอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงสับไปแล้ว หลังจากการทำบุญ่ โดยเตรียมนํ้าสะอาดใส่ภาชนะที่ใส่, สำ หรับกรวดนี้า จะเป็นที่กรวดนํ้าโดยเฉพาะ หรีอแกว นํ้า หรีอซันอย่างใคอย่างหนึ่งก็ได้ พอพระสงฆ์เริ่ม อนุโมทนา ด้วยบทว่า ยถา...ก็เริ่มกรวดนํ้า พอองค์ที่ ๒ รับว่า สัพพึติโย...,รินนํ้าให้หมดแล้วประนมมือรับพรพระ ต่อ่ไปจนจบ ๐๒.ถาม คำ กรวดนํ้าอย่างสันที่สุดว่าอย่างไร ?. ตอบ คำ กรวดนํ้าแบบย่อิว่าอิทัง เม ญาตินัง โหตุ แปลว่า ขอบุญกุศลนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าเถิด หริอจะต่อว่า สุขีตา โหนตุ ญาตะโย ที่งแปลว่า ขอ ญาติทั้งหลาย จงเป็นสุขร เถิด ๐๕๒ ศ่าฝินฟิร www.kalyanamitra.org
วิชาวินย www.kalyanamitra.org
กัณฑ์ที่ 0 อปสัมปทา ตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาลจนมาถึงปัจจุบันนี้ ไดมีประเพณี การอุปสมบทเกิดขึ้นโดยมีวัตถประสงค์หลายประการ คือ 0. เพี่อกระทำพระนิพพานให้แจ้ง ๒. เพี่อแกตัว•เองตามหลักพุทธวิธี ๓. เพี่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ๔. เพี่อสิบทอดอายุพระพุทธศาสนา ๕. เพี่อสร้างบารมี วิธีอุปสมบท ๓ อย่าง 0. เอหิภิกชุอุปสัมปทา พระพุทธองค์ทรงประทานการ บวชให้ด้วยพระองค์เอง ๒. รสรณคมนูปสัมปทา บวชด้วยการให้ถึงสรณะ ๓ พระสาวกบวชให้ ๓.ญัดรจดดลกมมอุปสัมปทา บวชด้วยกรรมมีญัดดิเปีนที่ ๕ คณะสงฆ์บวชให้ ๑๕๔ วํปัย www.kalyanamitra.org
Si การกสงฆ์แห่งกิจนั้น T มี ๔ 0. จตุวรรค มีพวก ๔ รูป ทำปวารณา และอุโบสถ ๒. ปัญจวรรค มีพวก ๕ รูป ทำ ปวารณา ลงอุโบสถ และให้ บวชโนปัจจันตชนบท ค. ทสวรรค มีพวก 00 รูป ทำ ปวารณา ลงอุโบสถให้ บวช ในปัจจันตชนบท และให้บวชในมัซณิมชนบท ๔. วีสติวรรค มี พวก ๒๐ รูป ทำ ปวารณา ลงอุโบสถ ให้บวชในปัจจันตชนบท ให้บวชในมัซณิมมชนบท และให้อัพภาน จำ นวนสงฆ์ในการให้อุปสมบท ๒ อยาง 0. มธยมประเทศ กำหนดสงฆ์อย่างตำ 00 รูป ๒. ป้จจันตประเทศ กำหนดสงฆ์อย่างตำ ๕ รูป วินัย ๐๕๕ www.kalyanamitra.org
การบวร่* ๒ ประUTO 0. การบวชฟ็นฟ้กษุ เรียกว่า อุ่ปสมฺบทหรีออุปสัฒทา ๒. การบวชเป็นสามเณร เรียกว่า บรรพชา สงฆจะให้ อุปสมบท แก่ผู้vflด้รับการบรรพชาเป็นสามเณรมาแล้ว บพกิจ กจทจะตองทาก่อนอุปสมบุท เรียกว่า บุพกิจ ปี ๔ อ่ย่าง คือ 0. ต้องตรวจตราผู้จะอุปสมบท' ๒. ต้องให้ปีพระอุป้ซณาย์ ต. ต้องตรวจตราบริขารที่จำเป็น ๔. ล้อปสมบทจะต้องเปลงคำขอบวช ฃจ สมบดแห่งการอุปสมบท ๔ ประการ ๑. ว่ตอุสมบต ๒. ปริสสมบัคื ต. สิมาสมบัติ ๔. กรรมวาจาสมบัติ - ญัตติสมบัติ -อนุสาวนาสมบัติ ๐. วัตลุสมบัด ๔ ประการ ๑. เป็นผู้ชายปีอฺายุครบ ๒อ ปีบริบุรณ์ ๒.ไม่เป็นมนุ่ษย์วิบัติ ต.ไม่ใช่คนทาความผิดอ่ย่างร้ายแรง เช่น ฆ่ามารดาบิดา เป็นต้น ©๕๖ รปัย www.kalyanamitra.org
๔.ไม่ใช่คนทาความเสียหายในพระพุทธศทสนา อฺย่ๆงหนัก เช่นต้องอาบัติปาราช่กมาก่อน เป็นต้น ๒. ปรฬสมบัด คือสงฆ์ผู้จะกระทาติจแห่งการอุปสมบทมาครบตามกำห่นด เช่นการอุปสมบทในปัจ่จันตชนบท ต้องมีคณะสงฆ์๕รูปเป็นอย่างตุา ๓. สิมๆสมบัด คือสงฆ์ผู้ให่การอุปสมบท และผู้จะอุปสมบท ต้อ่ง ปรร;ชุมพร้อมกันภายในเขตสีมา ผู้!ม่ไต้เข้าประชุมต้องมอบฉันทะ ๔. กรรมวาจาสมบัด เป็นหน้าที่ของพระภิกษรปหนึ๋ง่ ผ้มีความร้ความสามารถ ฃ่ ฃิ จะสวดประกาศให้สงฆ์ฟ้งคือ . 0. สวดเที่ยวแรกเป็นคำเผดียงสงฆ์ขอให้อุปสมบทแก่ผู้จะ อุปสมบท เรียกว่า ญัตติ ๒. สวV ดสีก ต เทียว ;เป็นคำหารีอและตกลงกัน เรียกว่า อนุสาวนา .. รบัต ๔ ประการ พึงทราบวิบัติ ๔ ประการ มีนัยตรงกันขามกับสมบัติ ๔ ประการ ของผู้ที่จะอุปสมบท รฟัย่ ๐๕๗ www.kalyanamitra.org
.อนุศาสน ๘ อย่าง คำ ส์งสอนสำคัญเกี่ยวกับการดารงป็วิตในเพศสมณะ ที่ พระอุป้ซฌาย์ทุกรูปต้องสอนให้แก่พระบวชใหม่ เรียกว่าอนศาสน์มี ๘ ประการ คือ นิสสัย ๔ ป็จจ้ยเครื่องอาศัยชองบรรพชิด เรียกว่า นิสสัย มี ๔ อย่าง คือ เที่ยว!เณฑบาต 0 นุ่งห่มผ้าบังสุกุล 0 อย่โคนใมี 0 ฉันยาดองต้วยนํ้ามูตรเน่า0 อกรเนยกจ ๔ กจที่ไฝควรทำ เรียกว่า อกรณึยกัจ มี ๔ อย่างคือ เสพเมกุน 0 ลักของเขา 0 ฆ่าลัตว์ 0 พูดอวดคุณวิเศษทํ!ม่มี ในต้น 0 กิจ ๔ อย่างนี้บรรพชิตทำไม่ไต้ สิกขา ๓ กิจสำคัญอย่างยิ่งที่พระกิกษุและสามเณรทุกรูป เมี่อเข้ามา บวชในพระพุทธํศาสนาต้องสืกษา เรียกว่า สิกขา มี ฅ อย่างคือ อธิสิลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปัญญาสิกขา หรีอเรียกว่า คืล สมาธิ ปัญญา ความสำรวมกาย วาจาใหเรียบร้อย ซื่อว่า ศัล กๆรรักษาใจให้ตั้งมั่น ซื่อว่า สมาธิ ความรอบรู!นกองลังขทร ซื่อว่า ปัญญา ©๕๘ วินัย www.kalyanamitra.org
ป็ญหานละเฉลยกณฑ์ทึ 0 0. ถาม การอุปสมบทมีกี่วิธี อะไรบาง ? ตอบ การอุปสมบทมี cn วิธี คือ 0. เอหิภิกขุอุปส์มปทา ๒. ติสรณคมนูปส์'มปทา ตํ. ญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทา ๒.ถาม การอุปสมบทแต่ละวิธี ใครเป็นผู้กระทำ? ตอบ เอหิภิกขุอุปสัมปทา พระศาสดาทรงกระทำ การบวชให้เอง ติสรณคมนูปสัมปทา สาวกกระทำการบวชให้ ญัตติจตุตกกัมมอุปสัมปฺทา สงฆ์กระทำกา,รบวชให้ ๓. ถาม การกสงฆ์แฟงกิจต่างา มี ๔ อย่างอะไรบ้าง ? ตอบ การกสงฆ์แห่งกิจนั้นๆ มี ๔ อย่าง คือ 0. จตุวรรค มีพวก ๔ ๒. ป้ญจวรรค มีพวก ๕ ต. ทสวรรค มีพฺวก OG ๔. วีสติวรรค มีพวก ๒๐ ๔.ถาม การอุปสมบทในปัจจุบันใช้วิธีไหน กำ หนดสงฆ์อย่างตา ไว้เทาไร ? :, .• ตอบ การอุปสมบทในปัจจุบันให้วิธีญัตติจตุตถฺกัมมอุปสัมปทา กำ หนด่สงฆ์1ว้อย่างตาดงนี้ 0.ในมัธยมประเทศ ๐๐ รูป ๒.ในปัจจันตประเทศ ๕ รป รป้'ย ©๕๙ www.kalyanamitra.org
๕.ถาม สมฟ้ติ๔ มีอ่ร่Aรฟ้าง? . ตอบ่ สมบัติ ๔ ประกอบติวย ๑. วัตถุสมบัติ ๒. ปริสสมบัติ ฅ. สิมาสมบัติ ๔. กรรมวาจาสมบัติ แปงออกเป็น ๒ คือ #1ติสมบัติ และอนุสาวนาสมบัติ; ๖. ถาม การให้อุปสมบทโดยบุคคลและการใฟ้อุปสุมบทโดยสงฆ์ เรียก^อว่าอย่างไร่ ? ตอบ การให้อุปสมบทโดยบุคคลเรียกส์อว่า เอห้คืกขุอุปส์มปทา และติสร่ณคมนูปสํโมปทา การให้อุปสมบทโดยสงฆ์เรียกส์อว่า ญัดติจตุดลกัมมอุป สัมปทา. ๗.ถาม วัดถุสมบัติและปริสสมบัติ คืออะไร? ตอบ วัดถุสมบัติ คือผู้บวชต้องปราศจากโทษทต้องห้าม เซ่น เป็นโรคเรื้อน เป็นต้น ปริสสมบัติ คือภิกษุผู้ร่วมปร่ะชุมสงฆ์ในมซฌิมประเทศ มีจำ นวนอย่างน้อย ๑6รูป ส่วนในป้จจันตประเทศอย่าง s '• น้อย ๕ รูป ' ๔. ถาม ผู้ที่จะอุปสมบทต้องพร้อมต้วยวัตถุสมบ้ตคืประการ อะไร ฟ้าง? ตอบ ผู้อุปสมบทต้องพร้อมต้วยวัดถุสมฺบัติที่สำคัญ ๔ ประการ คือ ๑. เป็นผู้ชายมี;อายุครบ ๒๑ ปี ๑๖๑ วํใ!ย www.kalyanamitra.org
๒.ไมไ&นมนุษย์วิบัติ เซนถูกตอนหรือเป็นกะเทฺย ฅ.ไม่เศยทำอนันตริยกรรม ๔.ไม่เคยต้องปารารก หรือไม่เคยเข้ารีตเสิยรถีย์ ๙. ถาม บุคคลเซ่นไร เรียกว่า อุปัชฌาย์? ตอบ ภิกษุผู้รับรองหรือซักนำเข้าหม่ เรียกว่า อุปัชฌาย์ op,ถาม มักมีผู้ชอบถามว่า บริขาร ๘ ขฺอฺงพระภิกษุมีอะไรบัาง และอะไรเป็นบริขารสำคัญที่ขาดไม่ไต้ในการอุปสมบท? ตอบ บริขาร ๘ คือ สํงฆาฏิ อุตตราสํงค์ อันตรวาสก บาตร มีด เข็ม รัดประคด ผ้ๆกุรองนา ที่สำ คัญขาดไม่ไต้ก็คือ : ไตรจีวรและบาตร . 00.ถาม บุพกิจ ๔ คืออะไร มีอะไรบ้างฺ ? ตอบ บุพกิจมี ๔ คือ กิจก่อนอุปสมบท ประกอบต้วย 0. ตรวจตราผู้จะอุปสมบทว่าเป็นผู้สมควร ๒. ต้องจัดหาพระอุปัชฌายะ ฅ. ตรวจบุริขารที่จำเป็น — ๔. ผู้อุปสมบทต้องเปล่งคาขออุปสมบท oto. ถาม นิสฺส์โยคืออะไร มีเท่าไร อะไรบัาง ? ตอบ นิสสัย คือปัจจัยเครื่องอาคัยของบรรพข็ต มี ๔ อย่าง 0. เที่ยวบิณฑบาต. ๒. นุ่งห่มผ้าบังอุอุล ฅ. อยูโคนไม้ ๔. ฉันยาดองด้วยนามูตรเน่า Offi.ถาม อกรณียกิจคืออะไร มีกี่อย่าง อะไรบ้าง? ตอบ อกรณียกิจ คือกิจอันบรรพข้ตไม่ควรกระทำ มี* ๔ อย่าง 0๖0 www.kalyanamitra.org
คือ เสพเมถุน 0 ลักของเขา 0 ฆ่าลัตว์ 0 พูดอวด คุณวิเศษที่ไฝมีในตน 0 0๔.ถาม นสลัยและอกรฟ็ยคืจคืออะไร ทั้ง ๒ อย่าง รวมเรียก ว่าอะไร ? ตอบ นิศลัย่ คือ ปัจจยเครื่องอาลัยของบรรพป็ด อกรณียกิจ คือ กิจที่บรรพชิตไม่ควรทา ทั้ง ๒ อย่าง รวมเรียกว่า อนุศาสน์ ©๕:ถาม สิกขาลับสิกขาบท ตางลันอย่างไร? ตอบ สิกขาลับสิกขาบท ตางลันลังนี้ สิกขา คือ ข้อที่ภิกษุต้องคืกษา สิกข่าบท คือ พระบัญญัติ มาตราหนึ๋งๆเป็นสิกขาบทหนี้ง ๆ ๐๖.ถาม พระภิกษุสามเณรต้องคืกษาอะไร คืกษาตามนั้นไต้ ประโยชน์อย่างไร ? ตอบ^ คืกษาในฺสิกขา ฅ อย่าง คือ 0. สิลสิกขา คืกษาเรื่องคืล ๒. จิตตสิกขา คืกษาเรื่องสมาธิ (จิต) ต;ปัญญาสิกขา คืกษาเรื่องปัญญา ย่อมไต้ประโยชน์ลัม่! 0. คืกษาเรื่องคืล ทาให้เป็นผู้มีกายวาจาเรียบรีอย ๒. คืกษาเรื่องสมาธิ ทำ ให้ใจสงบมนคง ไม่ijงซ่าน ต. คืกษาเรื่องปัญญา ทำ ให้รอบเไนกองลังขาร 0๖๒ วิใฬั! www.kalyanamitra.org
ฑณ^ ๒ พระวินัย พระพุทธบญญัตและอภิฟิมา9าร เ^รียกว่า พระวินย เพราะเป็นระเปียบแบบแผนที่พระพุทธองค์ทรงตั้งขึ้น เพี่อ บริหารหมสงฆ์ ให้ประพฤติเรียบร้อยดีงาม ผู้ที่มาบวชนั้นมาจาก หลายซนชันวรรณะ ไดรับการแทตั้วมาต่างกัน จาเป็นจะต้องมีริ นัยหริอกฏระเปียบของ หมูคณะค่อยควบคุม รีงนำศรัทธาเลื่อม ใส เหมือนกับดอกไม้หลากสิ เมื่อเก็บมากองรวมกันแล้วดูไมสิวยงาม แต่ล้ามืบุคคลผู้ฉลาดเอาเ'สิอกมาร้อยเป็นพวงมาลัย หริอจัดใส่แจฺกัน ดูเรียบร้อยส'^งาม พระบญญัดิมื ๒ อยาง 0. มูลปัญญัติ คือ ฃ้อที่พระองค์ทรงตั้งไร้ทีแรก มืนัทาน บาง ปกรณ์บ้าง ๒.อนปัญญัติ คือ ช้อที่พระองค์ทรงตั้งเพี่มเติมทีหลัง วิรดั้งพระปัญญัติ 0. เมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้วตรัสเรียกประซมูสงฆ์ รนโย ๑๖๓ www.kalyanamitra.org
๒. ทํรงตรัสถามพระภิกษุผู้ก่อนเหตุ ฅ.ทรงฟ้ทษแห่งการประพฤติผิด และทรงแสดงอานิสงส์ แห่งการสำรวม ๔. ทรงวางโทษ่ คือปรับอาบัติตามเหตุ อาฟ้สิ ฅ่ สถาน ภิรฺยาที่รวงละเมิดพระบัญญ้ด คือช้อที่พระพุทธเจ้าทรง าม และมิโทํษเหนิอดน ชื่อว่า อาบัด แปลว่า ความต้อง มี โทษ ฅ สถาน คือ 0. อย่างหนัก ยงผู้ต้องโ'^าดจากความเป็นภิกษุคืออาบัติ ปาราชิก ไช. อย่างกลาง ยงผู้ต้องโห่อยู่กรรม คือ อิาบัติสํงฆาชิเสส ฅ. อย่างเบา ยังผู้ตองโหั๋แสดงติอฺหนิาภิกษุต้วยกัน คือ อาบัติธุลลจจยถึงอาบัติทพภาษิต อาบติ ๒สถาน 0. อเดกจฉา อาบัติที่แกั1ฃไม่ไต้ คือ อาบัติปาราชิก 1ช. สเดกจฉา อาบัติที่แกั1ขไต้ คือ อาบัติสังฆาทิเสสถึง อาบัติ'ตุพภาษิต ชื่ออาบติ ๗ อย่าง 0. ปาราชิก ๒. สังฆาทิเสส ต. ลุลสัจจัย ๔. ปา?ตตีย์ ๕. ปาฏิเทส่นิยะ ๖. ทุกกฎ ๗. ทุพภาษิต ๐๖๔ ว๊นัย www.kalyanamitra.org
สมุฏฐานคือทางฬิดอๆบดโดยตรงมี ๔ อย่าง 0. ลำ พังกาย ๒. ลำ พังวาจา ฅ. ลำ พังคายกับ่?ต ๔. ลำ พังวาจาทบ่จิต ในฆๆลีเพฺมเช้าอีก ๒ ดือ 0. ลำ พังกายกับวาจา ๒. ลำ พังภายกับวาจาและจิต- อามุโติ!เ'เ!{งโดยเจดฺนฺามี la อย่าง 0.สจิตตกะ อาบัติเกิดขึ้นโดยสมฎฐานมีเจตนา ๒.อจิตตกะ อาบัติเกิดขึ้นโดยสมุฏฐานไฝมีเจตนา โทษแหงอาบัติ ๒ อย่าง 0.โลกวซซะ เป็นโทษทางโลก คือ คนmlปไมใช่พระภิกษุ ทากเป็นความผิดเสิยหายซาวโลกติเตียน ๒. ป็ญญ้ตดืวัซช่ะ เป็นโทษทางพระวนย ผิดเฉพาะพระ ภิกษุ โดยฐานล่วงละเมีดพระจินัย่ แต่คนทั่วไปไฝผิด อาการต้องอาบัติ ๖ อย่าง 0. ต้องด้วยความไฝละอาย ๒. ต้องด้วยไฝรู ต. ต้องด้วยสงลโยแล้วขนทา . ๔. ต้องด้วยลำคัญว่าควรในของไฝควร ๕. ต้องด้วยลำคัญว่าไฝควรโนของที่ควร ๖. ต้องด้วยลืมสติ , ๑๖๕ www.kalyanamitra.org
อานิสงสัซองพระวินย พระวินยนนเมื่อรักษาดีแล้ว ย่อมได้อานิสงสั ดีอ ๑.ไฝมีความเดีอด?อนใจในภายหลัง เรียกว่า วิปปฏิสาร ๒. ย่อมได้รับความแช่มมื่นเนิกบาน เพราะรีสิกว่าตน ประพฤติดีงามแล้วไม่ถูกลงโทษเป็นด้น ต.จะเข้าสมาคมลับภิกษุผู้มีสืล ก็อาจหาญไม่สะทกสะท้าน ส่วน^ม'รักษาพระวินัยดังกล่าวแล้ว ย่อมได้รัปผสตรงลันข้าม วัตถุประสงค์ซองการปัญผดพระวินัย ๑. เฟ้อป็องลันไม่ใท้เป็นคนโหตเหี้ยม ๒. เฟ้อป้องลันการลวงโลกเลี้ยงข้พ ต. เฟ้อไมให้เป็นคนดุร้าย ๔. เฟ้อป้องลันความประพฤติเลวทราม ๕. เฟ้อป้องลันความประพฤติเสิย่หาย ๖. เฟ้อป้องลันการเล่นชุกซน . ๗. เฟ้อคล้อยตามความนิยมในครั้งนั้น ๘. เฟ้อให้เป็นธรรมเนียมของภิกฺษุ ประโยชน์ซองกำรบญญ้ติพระวินัย ๑. เฟ้อความดีงามแห่งหยู่สงฆ์ ๒. เฟ้อความลัาราญแห่งหมู่สงฆ์ ต. เฟ้อกำจัตบุคคลผู้เก้อยาก คือหน้าด้าน ๔. เฟ้อความอยู่ผาสุกแห่งภิกษุผู้มีสืลเป็นที่รัก ©๖๖ www.kalyanamitra.org
๕. เพอระวังอาสวะที่จะ๓ฟ ๖. เพื่อกำจดอาสวะที่จะรต่อไปข้างหฟ้า ๗. เพื่อความเลื่อมใสของผู้ที่ยังไม่เลื่อมใส ๘. เพื่อความเจริญยึ๋งๆ ขึ้นไปของฟ้ที่เลื่อมใส่แล้ว ๙. เพื่อความตั้งมั่นแฟงพระส์ทธร่รม 00. เพื่ออุดหนุนพระวินัย์ ป้ญหาและเฉลยกัณฑที่ ๒ 0. ถาม ทำไมพระบรมศาสดาจึงทรงบัญญัติพระวินัยไว้ ? ตอบ เพราะผู้ที่มาบวชเป็นfiกษุมาจากสกุลต่างา กัน มีพื้นเพ ต่างกัน มีนํ้าใจต่างกัน หากไม่มีวินัยปกครองหรือไม่ ประพฤติตามวินัย จะเป็นหมภกษุที่ไม่ดีไฝเป็นที่ตั้ง่แห่ง ศรัทธาเลื่อมใส เพราะขาดความเป็นระเบียบเรืยบร้อย ด้านวัตรปฏิบัติ เป็นต้น จึงทรงบัญญัติพระวินัยไว้ ๒.ถาม พระศาสดาฝัเป็นส์งฆบีดรดูแลภิกษสงฆ์ ทรงทำหฟ้าที่ ทางพระวินัยอปางไร ? ตอบ ทรงทำหฟ้าที่ ๒ ประการคือ 0.ทรงตั้งทุทธบัญญัติเพื่อป้องกันความประพฤติเสิยหาย และวางโทษแก่ภิกษุผู้ล่วงละเมิดด้วยปรับอาบัติหนัก บ้างเบาบ้าง ๒. ทรงตั้งขนบธรรมเนียม ขึ้งเรืยกว่า อภิสมาจารเพื่อ ซักนำความประพฤติของภิกษุสงฆให้ดุงาม ๓. ถาม คำส์ง์สอนในพระพุทธศาสนานั้น ประกอบด้วยธรรมกับ วินัย พระวินัยคืออะไร'พระวินัยมีความล่าคญอย่างไร ? วินัย ©๖๗ www.kalyanamitra.org
ตอบ พระวินัย คือ คาส์ง คู่กบพระธรรม คือ คำ พ่ง!ร^^ เครื่องทำให้ก่าย วาจา เรียบร้อย; ประทอบด้วยพทธ- ^ า ฃํ «\"» . t สมบคื สวรรคสมนัติ และนฺพพานสมป๋ต ๔. ถาม อะไรเรียกว่า พระวินัย สิกขา สิกขาบท? ตอบ พุทธบัญญัติ แสะอภิสมาจาร เรียกว่า พระวินัย คืล สมาธิ ปัญญา เรียกว่า สิก่ขา พระบัญญัติมาตราหนึ๋ง'! ซึ่งประกอบด้วยมูลบัญญัติ และอนุบัญญัติ เรียกวา.สิกขาบท ๕; ถาม พุทธบญญัติ มูลบัญญัติ อนุบัญญัติ คืออะไร ? ตอบ พุทธบัญญัติ คือข้อที่พรุะพุทธเ^าทรงตั้งไว้ เพี่อบรีหาร หมู่สงฆ์ให้ประพฤติติงาม มูลบัญญัติ คือข้อที่ทรงบัญญัติไว้ก่อน อนุบัญญัติ คือข้อที่ทรงบัญญัติเพิ่มเติมภายหลัง ๖. ถๆม พระวินัยนนพระศาสดาทรฺงบัญญัติไว้ลวงหน้าใช่หรีอไม วิธีการบัญญัติทรงบัญญัติอย่างไร? ตอบ ไฝทรงบัญญัติไว้ล่วงหน้า มีวิธีการบัญญัติดังนี้ 0. เหดุเภิดตรัสเรียกประชุมสงฆ์ ๒ ตรัสถามผู้ก่อเหตุให้มูลรับ ต. ทรงขี๋ไทษแห่งการทำผิดแสะแสดงอานิสงส์ความ สำ รวม ๔,ทรงวางโทษปรับอาบัติ และพระบัญญัติที่ทรงตงไว้ แล้ว แมฺIม'สะดวกก็ไมถอน แศุ่ดัดแปลงแก!ขให้เป็น ไปตามสะดวก ©๖๘ วิปัย www.kalyanamitra.org
๗. ถาม จงกล่าวถึงโทษแห่งอาบต ต สถาน และโทษแห่งอาบัติ ๒สถาน? ตอบ โทษแห่งอาบัติ ฅ สถาน คือ 0. อย่างหนัก ยังผู้ต้องุให้ฃาดจาก^'^ามฟ้นภิก^ ๒. อย่างกลาง บัง§ต้องโห่อยู่ก่รรม. ต.อย่างฒา บังผู้ต้องโห่ประจานตนต่อหน้าภิกษุด้วยกัน โทษแห่งอาบัติ ๒ สถาน คือ 0. อเตกิจฉา คือ โทษแห่งอาบัติที่แกั1ฃไม่ไต้ ๒.สเตกิจฉา คือ โทษแห่งอาบัติที่แกั1ขไต้ ๘. ถาม คำ ว่า ต้องอาบัติ หมายความว่าอย่างไร อาบัติแโทษกี่ สถาน อะไรบ้าง ? ตอบ ต้อง่อาบัติ หมายความว่า ต้องโทษ คือความผิดฐาน ละเมิดข้อที่พระพุทธเจ้าทรงห่าม อาบัติมีโทษ ต สถาน คือ อย่างหนัก อย่างกลาง อย่างฒา ๙.ถาม อะไรเรียกว่าสมุฏฐานแห่งอาบัติ มิเท่าไรบอกมาดู ? ตอบ ที่เกิดแห่งอาบัติ เรียกว่า สมุฏฐานแห่งอาบัติ โดยตรง มิ ๔ คือ 0. ลำ พังกาย ๒,ลำ พังวาจา ต. ลำ พังกายกับจิต่ ๔. ลำ พังวาจากับจิต เมีอว่าตามบาลีมิ ๖ คือ เติมกายวาจา รวมเป็น 0 และกายวาจาจิต รวมกันเป็น 0 op.ถาม เมื่อเพ่งเอาเจตุนาเป็นที่ตง จะจดอาบัติเป็นกี่พวก จง จัดมาดู ? ตอบ จัดไว้เป็น ๒ พวก คือ วิใ3โย ๐๖๙ www.kalyanamitra.org
o. สจิตตกะ ต้องเพราะมีเจตนา จงใจล่วงละเมิด ๒.อจิตตกะ ต้องเพราะไม่มีเจตนา คือไม่จงใจล่วงละเมิด 00.ถาม อย่างไรเรยกว่าอาบัติเปีนโลกวัชซะ อธิบายมาดู ? ตอบ โลกวัชชะ คือ อาบัติที่เป็นโทษทางโลกที่คนสามัญ หรือ ผู้มิใช่ภิกษุทำเข้าก็เป็นความผิด ความเสิยหายเหมีอนกัน เช่นทำโจรกรรม และการฆ่ามนุษย์ ตลอดถึงโทษที่เบา เช่น ทุบติกัน ด่ากัน เป็นต้น ©๒.ถาม อาการที่ภิกษุจะต้องอาบัติมีเท่าไร อะไรบ้าง ? ตอบ อาการที่ภิกษุจะต้องอาบัติมี ๖ อย่าง คือ 0. ต้องต้วยไม่ละอาย ๒. ต้องต้วยไม่รู้ว่าสิงนั้นเป็นอาบัติ ฅ. ต้องต้วยสง่ส์'ยแล้วขืนทำ ๔. ต้องต้วยสำคัญว่าควรในของที่ไม่ควร ๕. ต้อ.งต้วยสำคัญว่าไม่ควรในของที่ควร ๖. ต้องดวยลืมสติ ©๓. ถาม อาการที่ภิกษุจะต้องอาบัติ ข้อไหนเป็นข้อเลวที่สุด ? ตอบ ข้อว่า ต้องต้วยความไม่ละอาย เลวที่สุด ©๔.ถาม อาการที่ภิกษุจะต้องอาบัติข้อที่ว่ๅ ต้องต้วยสงสํยแล้ว ขืนทำ มีอธิบายอย่างไร ? ตอบ มีอธิบายว่า ภิกษุสงสํยอยู่ว่า ทำ อย่างนั้น®^ ผดพระ บัญญัติหรือ่ไม่ แด่ขืนที่าต้วยความสะเพร่าเช่นนี้ ล้า การที่ทำนั้นผิดพระบัญญัติ ก็ต้องอาบัติตามวัตถ ล้า ไม่ผิด ก็ต้องอาบัติทุกกฎเพราะสงสัย่แล้วขืนทำ 0๗0 วินัย www.kalyanamitra.org
©๕.ถาม พระวินัยมีอะไรเปีนอานิสงส์ ปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้รบ อานิสงส์นั้น ? ตอบ พระวินัยมีอานิสงส์ ๓ อย่างคือ 0.ไม่เดือดร้อน่ใจ หวิอไม่วิปฏิสาร ๒. ย่อมได้รับความแช่มชื่น เพราะรู้ว่าตนประพฤติดื งามแล้ว ไม่ถูกลงโทษเป็นด้น ต. จะเข้าสมาคมกับภิกษุผู้มีคืล ก็อาจหาญ ไม่สะทก สะท้าน ควรปฏิบติตามม้ซณิมาปฏิปทา ไมให้ตึง เคร่ง . จนเภินไป หรือไม่หย่อนจนเกินควรจึงจะได้อานิสงส์ ©๖.ถาม ประโยซนัของการบัญญัติพระวินัยที่พระสัมมาส์มพุทธ เจ้าทรงตรัสเสมอเมี่อทรงบัญญัติสิกขาบทมีอะไรบ้าง ? ตอบ 0. เพื่อความดืแห่งหมู่ ๒. เพื่อความสำราญแห่งหมู่ ต. เพื่อกำจัดบุคคลผู้เก้อยาก ๔. เพื่อความผาสุกแห่งภิกษุผู้มีคืล ๕. เพื่อระรังอาสวะที่จะเกิตขึ้นในปัจจุบัน s ๖. เพื่อกำจัดอาสวะที่จะมีต่อไปข้างหน้า ๗. เพื่อความเลื่อมใสของผู้ที่ยังไม่เลื่อมใส ๘. เพื่อความเจริญยิ่งๆ ของผู้เลื่อมใสแล้ว ๙. เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๐0. เพื่ออุดหนนพระวินัย วํไ!ย ๐๗๐ www.kalyanamitra.org
กัณฑ์ที่ ฅ สิกขาบท พิระบญญัติเรียกว่า ติกซาบทม ๒ ดือ 0. พทธอาณา ได้แก่ อาทิพฺรหมจริยกาสิกขา หลักการฺ สืกษาอบรมในฝ่ายบัญtpสำหรับป้องกันความประพฤติเสิยหายคือ คืล ๒๒๗ ข้อ มาในพระปาติโมกข์ ๒. อภสมาจารีกาสิกขา ได้แก่ฃฺนบธรรมเนียมที่พระภิกษุ ควรประพฤติ มานอกพระปาติโมกข์ สิกขาบทมาในพระปาติโมกข์ สิกขาบททานแสดงไว้ ๒ นัย คือ 0.สิกขาบทตามพระบาลในพระสูตร มี 0๕0 สิกขาบท คือ ปาราชิก ๔ ลังฆาทิเสส อต นีสลัคคืยปาจิตตีย์ ฅอ สุทธิกปาจิตตีย์ ๙๒ ปาฏิเทสนียะ ๔ อธิกรณสมถะ ๗ ๒. สิกขาบทในพระปาติโมกข์ และในคัมภีร์วิภังค์ มี ๒๒๗ คือเพิ่ม่ อนียต ๒ และเสขิยวัตร ๗๕ 0๗๒ วินัย www.kalyanamitra.org
การปร้บอาบดิมี ๒ คือ 0.การปรบอาบัตโดยตรงมี ๔ ได้แก ปาราชิก ส์งฆ่าทิเสส ปาจิตตีย์ และปาฏิเทสนียะ ๒. การปรบอาบํโตโดยอ้อมฺมี ๓ ได้แก่ ถุลลัจจัย ทุกกฏ และทุพภาษิตทั้ง ต นื้ จัดเข้าในลักษณะที่ลดโทษมาจากการปรับ อาบัตีโดยตรง ตีอ ถุลลัจจัย ลดลงมาจาก ปาราชิกและลังฆาทิเสส ทุกกฎ ลดลงมาจาก ปาจิตตีย์และปาฏิเทสนียะ ทุพภาษิต ลดลงมาจาก โอมสวาทสิกขาบท ส่วนเสฃิยวัตรถ้าไม่เอื้อเฟ้อด้องอาบัติทุกกฎ อุทเทส ๙ สิกขาบทที่มาในพระปาติโมกข์นั้น จัดเข้าเป็นพวกตาม. ซนดแหงอาบัติ เรียกว่า อุทเทส มี ๘ อย่างคือ 0. ปาราชิคุทเทส ๒. ลังฆาทิเสสุทเทส ต. อนิยตุทเทส ๔ นิสลัคคิยุทเทส ๕. ปาจิตติยุทั้เทุส ๖. ปาฎิเทสปึยุทเทส ๗. เสฃิยุทเทส ๘. สมถุทเทส รว่มเป็น ๙ ทั้ง นิทานุทเทส คือคำนิาหนิา ป็ญทๆและเฉลยกณฑที่ ฅ ๐.ถาม คำ ว่า วิบัยบัญญัติ ได้แก่อะไร ? ตอบ วินัยบัญญัติได้แก่ ข้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม และข้อ ^ว๊_นvั.ย. 0• ๗tต www.kalyanamitra.org
ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต ๒.ถาม วินัยมีกี่อย่าง อะไรบ้าง ? ตอบ วินัยมี ๒ อย่างคือ อาทิพรหมจ่ริยกาสิกขา และ อภิสมาจาริกาสิกขา หรืออีกนัยทนึ๋งได้แก่ ทรงห้ามทำ อย่างหนึ๋ง ทรงอนุญาตให้ทำอย่างหนึ่ง และอีกนัย คือ อาคาริยวินัย กับอนุาคาริยวินัย ฅ. ถาม อาทิพรหมจริยกาสิกขา คืออะไร ? ตอบ อาทิพรหมจริยกาสิกขา คือ ฃ้อคืกษาอันเป็นเบื้องด้น แห่งพรหมจรรย์ ๔. ถาม อภิสมาจาริกาสิกขา คืออะไร ? ตอบ อภิสมาจาริกาสิกขา คือ ข้อสืกษาเนึ่องด้วยอภิสมาจาร คือมารยาทอันดีงาม ๕.ถาม สิกขาบทคืออะไรมีกี่ประเภทอะไรบ้าง? ตอบ สิกขาบท คือ พระนัญญัติมาตราหนึ่งๆ สิกขาบทมี ๒ ประเภท คือฺ ที่นำ มาสวดในพระปาติโมกข์ กัปที่เมได้นำมาสวด ซึ่งเรียกว่า สิกขาบทนอกพระปาติโมกข์ ๖. ถาม สิกขาบทที่นำมาสวดทุกกึ๋งเดีอนเรียกว่าสวดปาติโมกข์ นั้นมีเท่าไร ? ตอบ สิกขาบทที่นำมาสวดในพระปาติโมกข์มี ๒๒๗ สิกขาบท ๗.ถาม การปรับอาบัติมีกี่แบบ อะไรบ้าง ? ตอบ มี ๓ แบบ คือ 0. ปรับโดยตรงมี ๔ อย่าง คือ ปาราชิก สิงร!าทิเสส ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ๑๗๔ วิฟ้ย - www.kalyanamitra.org
๒.ปรับโดยอ้อมมี ฅ อย่าง คือ ถลลัจจัย ทุกกฎ ทุพภาสิต ต. เสฃิยวัตร ถ้าไม่เอื้อเฟ้อ ปรับอาบัติทุกกฎ ๘. ถาม สิกขาบทที่มาในพระปาติโมกข์มีเท่าไร อะไรบ้าง ปรับ อาบัติแก่ผู้ละเมีตสิกขาบท นั้นทั้งหมตหรือไม่ อย่างไร? ตอบ สิกขาบทที่มาในพระปาติโมกข์มี ๒๒อ .นับทั้งอธิกรณ- สมถะด้วยมี ๒๒๗ คือ ปาราข์ก ๔ สิงฆาทิเสส 0ฅ อนิยต ๒ นิสสัตติยปาจตตีย์ ต0 ปาจิตตีย์ ๙๒ ปาฏิเทสนียะ ๔ เสฃิยวัตร ๗๕ อธิกรณสมถะ ๗ไม่ปรับอาบัติทั้งหมต คือ อธิกรณสมถะ ๗ เป็นวิธีระงับอฺธิกรถ!เท่านั้น ไม่ปรับอาบัติอะไร ๙.ถาม ภิกษุที่ละเมีตข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามแสิวไม่ด้อง อาบัติมีหรือไม่ ถ้ามีได้แกพระภิกษุเซ่นไร ? ตอบ. มี ต ประ๓ท คือ 0. พระภิกษุผู้บ้าคลั่งไม่มีสติสิ'มปซัญญะ ๒. ภิกษุผู้เพ้อไม่รู้ตัว ต. ภิกษุผู้กระ.สิ'บกระส่ายเพราะเวทนากล้าไม่มีสติ วิฟัย 0๗๕ www.kalyanamitra.org
ก้ผ'ท์ที่ ๔ ปาราชิก ๔ สิกขาบท ปาราชิก ๔ ปาราชิก ในความหมายฃฺองอาบ้ติ แปลว่า ยงผูฅองโฟ้ฟาย ปาราชิก ในความหมายของสิกขาบท แปลว่า ปรับอ่าบดปาราชิก ปาราชิก. ในความหมุาย่ของบุคคล แปลว่า ผู้ฟาย รกขาบฑที่ 0 ภิกบเสพเมถุน ด้อ่งปาราชิก คาว่า เมถุน หมายถึง การกระทำของคนฟูหรือของคน สองคน พระสุทินเ{เนต้นบัญญัติ ของสิกฺขาบทข้อนี้ หฺลักเกณฑการปรับอาบัติ 0. เสพในทางทวารทั้ง ฅ ติอ ทวารหนัก ทวารเบา และ ปาก จะเป็นมนุษย์ผู้ชายหรือผู้หญิง สิตวติรัจฉานตัวผู้หรือตัวเฝ็ย มนุษย์หรืออมนุษย์มีชิวิตอยู่ หรือว่าตายแลวแต่ซากศพยังบริบูรณ์ 6๗๖ วินัย www.kalyanamitra.org
พอจะเปีนวัตถุใฟ้สำเร็จกิจได ภิกษุเสฺพในทวารเหล่านั้น แม้จะไฝ สำ เร็จกิจ แต่องคซาตเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่ากับเมล็ดงา จะมี อะไรสวมโล่หรือไฝก็ตาม ต้องอาบัติปาราชิก ๒. ภิกษุถูกข่มชิน มีความยินดีขณะใดขณะหนึ่ง ต้อง อาบัติปาราชิก ต.ภิกษุยอมให้บุรุษอื่นเสพเมถุนในทวารหนัก จะถูกข่มขน หรือลักหลับและรู้ตัวดีนขึ้นมีความยินดี ต้องอาบัติปาราชิก ๔. ภิกษุหลังอ่อนปรารถนาจะเสพเมถุน ก้มลงอมองคชาด ของตนเองหรือมีองคซาตยาวสอด่เข้าไปในทวารหนัก ต้องอาบัติ ปาราชิก ๕. ทวารที่เปีนวัตถุแห่งอาบัติปาราชิก ของมนุษย์หรือ ลัตวัติรัจฉาน ที่ตายไปแล้วแหวงไปมาก ไฝให้สำเร็จกิจไต้เต็มที่ และองคซาตของผู้ชาย เปีนวัตถุแห่งอาบัติถุลลัจจัย ๖. อวัยวะที่เหลือนอกจากนี้ และวัตถุที่ไฝมี่วิญญาณเซ่น ตุ๊กตา เปีนต้น เปีนวัตถุแห่งอาบัติทุกกฏ เหตุที่ทำใ*^ตองอ่าบติ อาบัติในฺลืก้ขาบทนี้เปีนส่จิตตกะ ไฝเปีนอาบัติแก่ภิกษุ ๒ ประเภทคือ 0. ภิกษุถูกลักหลับและไฝรู้สิกตัว ๒. ภิกษุถูกข่มชินแต่ไฝยินดี และภิกษุอีก ๔ ประการคือ 0. ภิกษุเปีนฺผู้บ้าคลั่ง จนถึงไฝมีสติลัมปซัญญะ ๒.:ภิกษุผู้เฟ้อถึงกับไฝรู้ลืกตัว ต. ภิกษุกํระลับกระสายเพราะเวทนากล้า ถึงกับไฝมีสติ วินัย ๑๗๗ www.kalyanamitra.org
๔.ภิกษุผู้ก่อเหตุใท้ทรงบัญญ้ติสิกขาบท ที่เรียกว่า อาทิกัมมิกะ รกขาบทที่ ๒ ภิกษุถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ไดให้ ได้ราคา ๕ มาสก ด้องปาราชิก พระธนิยะเป็นต้นบัญญัติ ทรพย์ ๒ ประ๓ท ถือเอาสิงของที่เจ้าของไม่ไดให้ในสิกขาบทนี้ หมายถึงทรัพย์ ๒ ประเภทคือ ๐. สิงหาริมทรัพย์ ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไต้. ๒. อสิงหาริมทรัพย์ ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไฝไต้ อวหาร อฅ อวหาร หมายถึง อาการที่ถือว่าเป็นการลักทรัพย์ การถือเอาลังหาริมทริพย์ กาหนดถืงที่สุดฺด้วยการทำให้ เคลื่อนจากฐาน คือ 0. ลัก คือ อาการถือเอาทรัพย์ที่เคลื่อนจากที่ไต้ต้วยไถยจิต อันเป็นอาการแห่งขโมย ๒. ชิงหรือวิ่งราว คือ อาการที่ชิงเอาทรัพย์ที่เขาถืออยู่ ต้วยอาการอย่างใดอย่างหนึ๋ง ๓. ลักด้อน คือ อาการที่ขับต้อนหริอจูงไป ๔.เฟง คือ อาการที่เข้ามาแย่งเอาของที่เขาถืออยู่แล้วทำตก ๔. ลักลับ คือ อาการที่เปลื่ยนของตนเองอับของคนอื่น ต้วยหวังจะเอาของที่มีราคาแพงกว่า ๐๗๘ www.kalyanamitra.org
การถือเอาอสังหาริมทรัฬย์ กำ หนดถืงทีสุดเมือเจ้าของ สละกรรมถืทธิ้ ๖. ตู่ คือ อาการกล่าวดู่เพื่อฺจะเอาที่ดินเป็นของตัว แม้เจ้า ของจะขอคืนก็ไม่ยอม ๗.ฉ้อ คือ อาการที่ถือเอาของของผู้อี่นอันตกอยูในมีอตน (รับฝากแล้วโกงเสิย) ๘. อักยอก คือ อาการที่เอาส์งของของตนที่จะต้องถูกยึด ไปไว้เสิยที่อื่น. ๙. ตระบด คือ อาการที่ยืมของเขาไปแล้วเอาไปเสีย 00.ปล้น คือ อาการที่ยกพวกไปเอาส์งของของผู้อื่นต้วยอำนาจ 00. หลอกลวง คือ อาการที่ทำของปลอม ๐๒. กรรโชก คือ อาการที่แสดงํอำนาจให้เขากลัวแล้ว ยอมให้สิงของ ๐๓. ลักซ่อน คือ อาการที่เห็นของเขาทำตก แล้วเอา ใบไม้เป็นต้นปกปิดเสีย ต้องอาบติเพราะการสั่ง อาบตในสิกขาบทนี้ต้องเพราะลังคนอื่น เรียกว่า สาณัตดิกะ อาการลังมีตังนี้ 0. ลังต่อเดียว ไม่มีข้อแม้ ๒. ลังเจาะจงทรัพย์ ฅ. ลังต้วยทำนิมิต ที่งเรียกว่าใข้ไบ้ ๔. ลังกำหนดเวลา ๖.สั่งต้วยใช้สำนวนไม่จำกัดลงไป คือสั่งต้วยคำพูดไม่ตายตัว วิฟ้ย ๐๗๙ www.kalyanamitra.org
หลกเกณฑการปรบอาบด 0, ทรัพย์'รฺาคา 0 บาท คือ ๕ มาสก เป็นวตถุแห่งอาบต ปาราชิก ๒.ทรัพย์ราคาน้อยกว่า ๕ มาสก แต่สูงกว่า 0 มาสก เป็น วัตถุแห่งอาบ'ติธุลลัจจัย ฅฺ.ทรัพย์ราคา 0 มาสกลงมา เป็นวัตถุแห่งอ่าบัติทุกกฏ การถือเอาทรัพย์เช่นไรไม่ด้องอาบติ อาบัติในสิกขาบทนี้เป็นสจิตตกะ คือมีเจตนาจึงต้องอาบัติ ถ้าไม่มีเจตนาไม่ต้องอาบัติ คือ 0. ถือเอาต้วยสำคัญว่าของตน ๒ ถือเอาต้วยสำคัญว่าของทิ้ง เรียกว่า บังสุกุล - ต. ถือเอ่าต้วยวิสาสะ คือความคุ้นเคยทรีอเป็นคนกันเอง ๔. ถือเอาต้วยเป็นของยืม สิกขาบทที่ ฅ ภิกษุแกล้งฆามนุษย์ให้ตาย ต้องปาราชิก การฆ่า ๗ ประการ 0 ให้ประหาร ไต้แก่ฟ้นแทงและตี ๒.ซัดอาๅธไปประหาร ได้แก่ยิง ฟงหลาว และขว้าง ต. วางไว้ทำว้าย ได้แก่วางขวาก ฝืงหลาว วางของหบัก ให้ตกทับ วางยาตายเป็นต้น 0๘0 วินํโย www.kalyanamitra.org
๕. ทำ ร้ายด้วยวิชา เซ่นร่ายมนต์ หรือใฟ้,ฟฟ้า ๕..ทำร้ายด้วยฤทธึ๊ ๖. แสวงหาอาวุธให้ ๗.พรรณนาคุณแห่งความตาย หรือซักซวน เไาหนศวัตลุแหงอาปัต 0. มนุษย์เป็นวัตถุแห่งอาบัติปาราซ่ก ๒. อมนุษย์เป็นวัตถุแห่งอาบัติถุลลัจจัย ฅ. สัตว์ติรัจฉานเป็นวัตถุแห่งอาบัติปาจิตตีย์ หลกเกณฑ์การปรับอาบัติ ๑. พยายามฆ่ามนุษย์ ทำ สำ เรืจด้องอาบัติปาราชิก ๒.พยายามฆ่ามนุษย์ ทำ ไฝสำเร็จเพียงแต่เจ็บตัว ด้อง อาบัติถุลลัจจัย 6ท. พยายามฆ่ามนุษย์ ทำ ไม่กึงอย่างนั้น ด้องอาบัติทุกกฏ ๔. พยายามฆ่าตัวเอง ด้องอาบัติทุกกฏ ๕. พยายามฆ่าสัตว์อื่น ด้องอาบัติตามวัตถุ สิกขาบทที่ ๔ ภิกษุอวดลุดดริมนุสสธรรม (คือธรรมอันยิ่งซอฺงมนุษย์)ที่ ไฝมีในตน ต้องปาราชิก 1ปัย ๑๘๑ www.kalyanamitra.org
อวดอุดดริมนุสสธรรม ๒ ประการ 0. ฌาน คือ รูปฌาน ๔ ๒.โลกุตตรธรรม คือ มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน 0 หลักเกณฑ์การปริบอาบต ๐. พูดอวดเจาะจง ผู้ฟ้งเข้าใจความหมาย ต้องอาบัติ ปาราชิก ๒ พูดอวดไม่เจาะจง ผู้ฟิงแฟ้คนเดียวเข้าใจ ต้องอาบัติ ปาราชิก ถาไม่เข้าใจต้องอาบัติอุลลัจ่จัย พูดอวดโดยอ้อมมี ๓ ๐ อ้างลกษณะแห่งรูปพรรณ . ๒. อ้างบริขาร คือบาตร และจีวร ฅ. อ้างที่อยูอาส์'ย เมื่อเข้าฟ้งเขาใจ ต้องอาบัติถุลลัจจย เมื่อไม่เข้าใจ ต้อง อาบัติทุกกฏ สรุป ๐.- ปาราชิกทง ๔ สิกขาบท เป็นสจิตตกะ คือมีเจตนา จึงต้องอาบัติ ถ้าไม่มีเจตนาไม่ต้องอาบัติ. ๒. สิกขาบทที่ ๐ และ ๘ เป็นอนาถ!ตติกะ คือไม่ต้อง อาบัติเพราะส์งให้คนอื่นทำ ฅ. สิกขาบ่ทที่ ๒ และ ๓ เป็น สาถ!ตติกะ คือสิงให้คน ๑๘๒ วิฟ้ย www.kalyanamitra.org
อี่นทำ ผู้ส์งต้องอาบัติปารา'รกด้วย ๔. ปาราชิก เปีนอเตกิจฺฉา คีอต้องเข้าแล้วแกIขไม่ไต้ ขาดจากความเป็นภิกษุ หาส์งวาสมิไต้ บวชอีกไม่ไต้ ๕. ปาราชิกเป็นมูลเฉท คือต้ดรากเง่า หมายถึงห้าม มรรคผุลและนิพพาน แต่ไม่ห้ามสวรรค์ ป็ญหๆและเฉลยกณฑ์ที่ ๔ 0. ถาม ปาราชิกเป็นความหมายของอะไรไต้บ้าง และแต่ละอย่าง ฝ็ความหมายอย่างไร ? ตอบ ปาราชิกในความหมายของอาบัติ แปลว่า ยังผู้ต้องให้พ่าย ปาราชิกในความหมายของสิกขาบท แปลว่า ปรับ . อาบัติปาราชิก ปาราชิกในความหมายของบุคคล แปลว่า ผู้พ่าย ๒.ถาม ข้อยกเว้นร่วมกันของอาบัติ'ฅั้ง ๒๒๗ ข้อมีอะไรบ้าง ? ตอบ 0. บ้าคลั่งไว้สติสิ'มปซัญญะ ๒. เพ้อจนไม่ว้สิกตัว ต. มีเวทนากล้าจนไม่ว้สิกตัว ๔. อฺา'ทิกัมมิกะ คีอภิกษุ'ที่เป็นต้นบัญญัติ ๓. ถาม่ ภิกษุทำอย่างไรที่ถึอว่าเป็นการเสพเมถุนต้องปาราชิก ? ตอบ 0. เสพใน ๓ ทวาร ในเพศเมีย หรือ ๒ ทวารในเพศผู้ ในบัณ่เฑาะกัIม่ว่าจะเป็นมนุษย์ อมนุษย์ ติรัจฉา'น หรือศพแม้ล่วงทวารเท่าเมล็ดงา ต้องปาราชิก ๒.ให้บุรุษอื่นเสพเมถุนในทวารหนัก หรือถูกข่มขืน หรือ ถูกลักหลับแด'ยินดี ต้องปาราชิก ต. ภิกษุหลังอ่อน อมองคชาดดนหรือสอดองคซาดดน .วินัย ๐๘ต www.kalyanamitra.org
เข้าทวารหนัก ต้องปาราชิก ๔. ถาม ภิกษุถูกํข่มขืนต้องอาบัติอะไร ? ตอบ ภิกษุถูกข่มขืนแต้ยินัดีในขณะที่องโค์กาเนฺดเข้าไปกติ เข้า ไปกึงที่แล้วก็ติ หยุดอยูก็ติ ลอนออกก็ติ แฟ้ขฺฒะใดขณะ หนึ่งต้องอาบติปาราชิก ถ้าไม่มีจิตยินติ ไฝเป็นอฺ๚ฒ ๕. ถาม ทรัพย์ที่เป็นเหตุให้กึงปาราชิก กล่าวโดยหลักมีกี่ประเภท และมีกำหนดเขตว่ากึงที่สุดอย่างไร ? ตอบ ทรัพย์จำแนกไว้ ๒ ประ๓ท คือ ลังหาริมทรัพย์ ทรัพย์ เคลื่อนที่ไต้ อลังหาริมทรัพย์ ทรัพย์เคลื่อนทีไม่ไดั่ ลังหาริมทรั่พย์นั้นมีกำหนดเขตไว้ว่า ถ้ามีภิกษุมีไลยจิต คิดจะลักพยายามให้ทรัพย์นั้นเคลื่อนพ้นจากฐาน ก็ - เป็นอาบัติปาราชิกทันที อลังหาริมทรัพย์กำหนดว่าพ้น จากกรรมสิทธึ๊ของเจ้าของ คือ เจ้าของทอดอาลัยใน กรรมสิทธึ๊ เซ่นภิกษุสู่.เอาที่ตินขฺองเขา เมีอเจ้าของทอด อาลัย โดยศาลชั้นสูงตัดสินให้ภิกษุชนะไดที่ดินนั้น สมปรารลนาจ้งปรับอาบัติปาร่าชิกไต้. ๖. ถาม ทรัพย์ที่กล่าวไว้ในคัมภีร์วิภังค์ เมีอรวมแล้วมีกี่ประเภ่ท อะไรบ้าง ? ตอบ มี ๒ ประ๓ทคือ 0. ลังหาริมทรัพย์ ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ ไต้ ไต้แก่ปศุลัตร์และลัตร์พาหนะ เซน แพะ แกะ สุกร โค กร^ะบีอุ เป็นต้น ๒.อลังหาริมทรัพย์ ทรัพย์ ทเคลื่อนที่ไม่ไต้ ไต้แก'ที่ดิน เรือนเป็นต้น ๗.ถาม ภิกษุที่ต้องอาบัติเพราะทรัพย์ของตนเองนั้นมีหรือไม่ จงชั้แจง ? ตอบ มีคือ ภิกษุนัาลื่งของที่ต้องเสิยภาษมา จะผ่านที่ด่านเก็บ .๐๘๔- วินัย www.kalyanamitra.org
ภาษี ช่อนสิงของเหล่าใ!นเสีย หรอของมาก ช่อนให้ เหนแต่\"นอย ต้องอาบัติตามมลค่าที่ห้องเสียภาษี ขณะ นำ ของใ!น'พ้นเขตที่เสียภาษี เ?ยกว่าตระบัด่ ในคัมภีร์ ^3ค์ เสืยก่ที่อว่า สุงฆาตะ ๘.ดาม คำ ว่า ลักสับ \"พมายุความว่าอย่างไร ? ตอษ 'ลักสับ หมายความว่า มีไถยจิตสับสลากที่อตนกับซี่อผู้ อื่นํในกองของ ต้วยุ>1มายจะเอาลาภของผู้อื่นที่มีราคา . ฟิกว่า หรือการเอาของปลอมสับเอาของดีก็มีความหมาย เช่นเดียวกัน ๙. ถาม อาการที่ไฝเป็นอทินนาทานมี ๔ อย่าง คืออะไรบ้าง ? ตอบฺ อาการที่ไม่เป็นอทินนาทานมี ๔ คือ 0. ถือเอาห้วยวิสาสะ คือ่ ความคุ้นเคย ๒. ถือเอาโฟิยเป็นของยืม ต. ถือเอาโฟิยความสำคัญว่าเป็นของตน ๔. ถือเอาโฟิยสำคัญว่าเป็นของ'ทิ้ง ที่เรืยกว่า บังสุกุล 00.ดาม ทร์พย์ราคา ๕ มาสก เที่ยบเท่าราคาทองคำหนักกึ๋เมล็ด ข้าวเปล็อก ? ตอบ ราคาทรัพย์ ๕ ม้าสก เทียบเท่าราคาทองคำหนัก ๒๐ เมล็ฟิข้าวเปลือก 00.ดาม ในอทินนาทานสิกขาบท กำ หนฟิราคาทรัพย์เป็นรัตอุ แห่งอาบัติไวิอย่างไรบ้าง ? ตอบ 0. ทรัพย์มีราคาตั้งแต่ ๕ มาสกขึ้นไป เป็นรัตอุแห่ง อาบัติปารา'รก ๒.ทรัพย์มีราคาตากว่า ๕ มาสก แต่สูงกว่า 0 มาสก เป็นรัตอุแห่งอาบัติอุจลัจจิ'ย รปัย ๐๘๕ www.kalyanamitra.org
ฅ. ทรัพยมีราคาตั้งแต 0 มาสกลงไป เป็นวัตถุแห่ง อาบตทุกกฏ 0๒.ถาม คำ ว่า ไถยจิต หมายถึงอะไร ? ตอบ หมายถึงมีจิตคิดจะลัก คีอมีจิตคิดถึอเอาของที่เจ้าของ ไฝไดให้ด้วยอาการแห่งขโมย oin.flาม ภิกษุทำร้ายผู้อื่นถึงตาย เป็นอาบัติปาราชิกก็มี ไม่ถึง ปาราชิกถึมีทำไมจึงเป็นอาบัติไม่เหมือนกัน ? ตอบ เหตุที่เป็นอาบัติต่างกัน เพราะเจตนาของผู้ทำ ถ้าภิกษุ เจตนาทำร้ายผู้อื่นให้ถึงตาย ผู้ที่ตนทำร้ายนั้นถึงตาย ภิกษุนั้นด้องอาบัติปาราชิก แต่ถ้าไม่มีเจตนาจะฆา แต่ ผู้ที่ตนทำร้ายบังเอิญถึงฺแก่ค่วามตายเซ่นนั้ภิกษุผู้ทำร้าย นั้นไม่เป็นอาบัติปาราชิก ถ้าผู้ที่ตนทำร้ายเป็นอุปลัมบัน ด้องปาจิตตย์เป็นอนปลัมบันด้องทุกกฎ ๐๔.ถาม ภิกษุฆ่าลัตว่ให้ตายเป็นอาบัติอะไร ? ต่อบ ถ้าเป็นลัตว์มนุษย์ เป็นอิาบัติปาราชิก ลัตว์ที่เรียกว่า อมนุษย์ เซ่น ยักษ์เปรต และลัตว์ดิรัจฉานมีฤทร จำแลง กายเป็นมนุษย์1ด้ เป็นอาบัติถุลลัจจัย ติรัจฉานทั่วไป เป็นอาบัติปาจิตตีย์ ©๕.ถาม ภิกษุพยายามจะฆ่าตนเองเป็นอาบัติอะไร? ตอบ ภิกษุพยายามจะฆ่าตัวเองเป็นอาบัติทุกกฎ ©๖.ถาม การปลงชีวิตอย่างไร ด้องอาบัติถุลลัจจัย ? ต่อบ มี ๒ อย่างคือ 0.การปลงชิวิตมนุษย์แต่ไม่สำเร็จ คือไม่ตายแต่บาดเจ็บ ๒. การปลงฺชิวิตอมนุษย์ มียักษ์ เปรต เป็นด้น ©๗.ถาม ภิกษุอวดอุตตริมนุสสธรรม ด้องอาบัติอะไร ? ๑๘๖ วํนัย www.kalyanamitra.org
ตอบฺ อาIJติได้หลายกรณี ดังนี้ 0. อวดสิง'ฅีไมุ่มีในตน และอวดตรง ถ้ามีผู้'ตงเข้าใจ ต้องอาบัติปารา'ชิก (เข้าใจ หมายถึง ฟ้งภาษารู้เรื่อง) ถ้าไฝมีผู้เข้าใจ: ต้องถลลัจจัย ๒. อวดสิงที่ไฝมีในตน และอวดอ้อมๆ มี ต แบบ คือ อ้างรูปพรรณ อ้างบริขาร อ้างที่อฺยู่อาดัย (โดยไฝ'ดูด ว่าตนไต้บรรลุ) ถ้ามีผู้เข้าใจ ต้องถุลลัจจัย ถ้าไฝมี ผู้เข้าใจ ต้อง'ตุกกฏ ๓. อวดสิงที่มีในตน ต้อ^ปาจิตติย์ ๐๘.ถาม อุตตริม'นุสสธรรมคืออะไร มีอะไรบ้าง ? ตอบ อุตตริม'นุสสธรรม คือธรรมอันยิ่งข.องมนุษย์ หรือคุณ อย่างยวดยิ่งของมนุษย์ มีฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค ผล 'นิพพาน ๐๙.ถาม ภิกษุดูดอวดอุดตริมนุสสธรรมอย่างไร จึงต้องอาบัติ ? ตอบ ภิกษุดูดอวดว่า ไต้ฌานเป็นต้น หรืออวดว่าเป็นพระ โสดาบันเป็นต้น'ซึ๋งไฝมีในตน ดูดอวดแก่ผู้ใด ผู้นั้น เข้าใจ ต้องปาราชิก ผู'้ ตงไฝเข้าใจ ต้องอุลลัจจิ'ย ๒๐.ถาม 'จงบอกสิกขาบทที่ ๐ และที่ ๒ แห่งปาราชิกมาใ'ต้ดู ? ตอบ สิกขาบทที่ 0 ว่า ภิกษุเสพเมถุน ต้องปาราชิก สิกขาบทที่๒ ว่า ภิกษุถึอเอาสิงของที่เจ้าของเขาไฝไต้ใหฺ . ไต้ราคา๕มาสกต้องปาราชิก ๒๐.ถาม จงบอกสิกขาบทที่ ต และที่ ๔ แห่งปาราชิกมาใ'ต้ดู ? ตอบ สิกขาบทที่ ฅว่า ภิกษุแกล้งฆ่ามนุษย์ให้ตาย ต้องปาราชิก สิกขาบทที่ ๔ ว่า ภิกษุอวดอุตตริมนุสสธรรม'ที่ไฝมีในตน ต้องปาราชิก วิ14ย . ๐๘๗ www.kalyanamitra.org
๒๒.ถาม จงอ้างสิกขาบทที่บัญญัติไว หดร้าย และใจความ ข้อนั้นมีว่าอย่างไร ? ^ ตอบ ไมใหโหดร้าย อ้างสิกขาบทที่ ต แห่งปารา'รก ใจความ .ว่า ภิกษุแกล้งฆ่ามนุษย์ให่ตาย ต้องปารารก ๒๓.ถาม ภิกษุทาอะไรบ้าง จึงขาดจากความเป็นภิกษุ ภายหลัง กลับอุปสมบทอีกไต้หรือไม่ ? ตอบ ภิกษุทำอย่างนี้ คือ เสพเมถุน0 ถือเอาสิงของที่เจึาของ มีไต้ให้มีราคา ๕ มาสก 0 แกล้งฆ่ามนุษย์ให้ตาย 0 อวดอุดตริมนุสสธรรมที่โม่มีในตน 0 จึงขาดจากความ เป็นภิกษุ ภายหลังกลับมาอุปสมบทอีกไม่ไต้ ๒๔.ถาม ปารารกนั้นต้องล่วงละเมิดทั้ง ๔ ข้อ หรือเพียงอย่างใด อย่างหนึ่ง จึงเป็นปาราร่ถ จงแถลงม่าดู ? ตอบ ปารารกทั้ง๔ ข้อ ภิกษุล่วงละเมิดเพียงข้อใดข้อหนึ่ง แฟ้คราวเดียวก็ต้องปารารก ๒๕.ถาม ปารารก ๔ สิกขาบท สิกขาบทไหนเป็นสาเนตติกะ อนาณ้ตติกะ? ตอบ ปารารกทั้ง ๔ สิกขาบท สิกขาบทที่ ©และ ๔ เป็น อนาถ!ตติกะ คือไม่ต้องเพราะลัง สิกขาบทที่ ๒ และ ต เป็นสาถ!ตติกะ คือแม้ลังให้ผู้อี่นทำ ผู้ลังก็ต้องอาบัติ ปารารกต้วย ๒๖.ถาม ปารารก ๔ ข้อไหนเป็นสจึตตกะ ข้อไหนเป็นอจึตตกะ ทำ ไมเป็นเซ่นนั้น ? ตอบ ปารารกทั้ง ๔ ข้อ เป็นสจึติตกะ ที่เป็นฟนนั้น เพราะ ต้องดวยจฺงใจ เภิดขึ้นโดยมีเจตนาเป็นสนุฏฐาน ๒๗.ถาม ภิกษุต้องอาบัติปารารกแล้ว มีผลอย่างไร ? ๐๘๘ รใ!ย www.kalyanamitra.org
ตอบ มีผลเป็นผู้พ่ายจาสหมู่ ไม่มีสังวาส คือธรรมเป็นเหตุ อยู่ร่วมกันกับภิกษุทั้ง หลายอีก ขาดอำนาจอันชอบธรรม ที่จะถือเอาประโยชน์แห่งความเป็นภิกษุ เซ่น ขาดจาก สิกขาบทอันมีเสมอกับภิกษุ ขาดจากความปกครอง ไม่ ได้เพี่อจะเข้าอุโบสถ ปวารณาและสังฆกรรมกับสงฆ์อีก มาบวชอีกไม่ได้ ๒๘.ถาม ปาราข้ก ๔ สิกขุาบทไหนที่ภิกษุโซให้เขาทำก็ด้องอาบัติ .ถึงที่สุด ? ตอบ สิกขาบทที่ ๒ และสิกขาบทที่ ฅ ๒๙.ถาม สิกขาบทที่ใข้ผู้อื่นไปทำมีกี่ประ๓ท อะไรบ้าง มีหสักฐาน์ การดูอย่างไร? ตอบ่^ มี ๒ประ๓ท .คือ 0. สาถโดติกะ หมา£1ถึง สิกขาบทที่ตองอาบัติเพราะทํไ เองหรือสังให้คนอื่นทำ!อาบัติ ๒.อนาถโตติกะ หมายถึง สิกขาบทที่ทำเองอาบัติ สังให้ ผู้อื่นทำไม่อาบ้ติ หลักในการดูคือดูที่เราได้สนองดวาม อยากด้วยหรือไม่ เซ่น ปาราข้กข้อ ๔ เป็น อนาณตติกะ คือ ถึาให้เซาไปอวดตวเขาเองว่าฟ็น โสดาบัน เรา ไม่อาบัติ เพราะเราไม่ได้.สนองความอยาก ในการ อวดตัวกับเขาด้วย . วนัย 0๘๙ www.kalyanamitra.org
กผฟัyI £ สังฆาทิเสส on สักขาบท สังฆาทิเสส สังฆาทิเสส เป็นชื่อของอาบดิ นปลวา ดวามสะเมดมี สงฆโนกรรมเบื้องด้นและกรรมอนเหลือ คือ สงฆ์เป็นผู้ปรับโทษ ให้อยู่กรรม แสะสงฆ์เองเป็นผู้ระงับอาบัติส์งฆาทเสส เป็นซื่อของ สิกขาบท แปลว่า ปรับอาบัตส์งฆาท็เสส สิกขาบทที่ 0 ภกษุแกส้ฝฺาให้นํ้าอส่จเคลอนด้องสังฆาทิเสสเว้นไว้แด่สิน หสักเกณฑ์การปรับอาบัด 0. ภิกษุมีความพยายาม และเคลื่อ่นออกจากฐาน ต้อง อาบัติสังฆาทิเสส ๒. ภิกษุคิดและมีความพยายาม แต่นํ้าอสุจิไม่เคลื่อน ต้อง อาบัติถลสัจจัย สิกขาบทนี้ ปรารภทำให้ตนเอง จึงเป็นอนาณัตติกะ สัง 0๙0 วฟ้เย www.kalyanamitra.org
ให้ผู้อื่นทำไฝเป็นอาบัติ แต่ถ้าส์งให้เขาทำให้แก่ตน ฟ้องอาบัติและ เป็นสจิตตกะ สาณัดดิกะนละอนๅณัดดิกะ 0..สาฌัตติกะ ไฟ้แท่ สิกขาบทที่ฟ้องอาบัติเพราะทำเอง และใซให้ผู้อื่นทำ ๒. อนาฌัตติกะ ไฟ้แท่ สิกขาบทที่ฟ้องเพราะทำเอง ไฝ ฟ้องเพราะใฟ้ห้ผู้อื่นทำ รกขาบฑทึ่ ๒ ภิกษุมีความกำหนดอยู่ จิบฟ้องกายหญง ฟ้องสังฆาทิเสส หสักเกณฑ์การปรบอาบติ 0. ผู้หญิงเป็นวัตถุแห่งอาบัติสังฆาทิเสส ๒.บณเฑาะก์คือกระเทย เป็นวัตถุแห่งอาบัติถุลสัจจัย ต. ผู้ชายและสัตว์ติรัจฉานตัวผู้และตัวเมีย เป็นวัตถุแห่ง อาบัติทุกกฏ ผู้หญิงในสิกขาบทนี้หมายเอาหญิงมนุษย์ แฟ้ที่เกิดในวันนั้น ภิกษมีความกำหนัตถกฟ้องเคล้าคลึงกาย หรอพยายามจิบฟ้อง องค์แห่งอาบัติสังฆาทิเสส 0. สำ คัญถูกว่าเป็นผู้หญิง และจับฟ้อง |_ •^ ๒. กายตอกายถูกกนเข้า วิปัย 0๙0 www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 498
Pages: