ฅ. เก็บอติเรกบาตรเกิน ๑0 วุ้น ๔. เก็บอกาลจีวรเกิน 0 เดือน ๕. อ้จเจกจีวรฺล่วงจีวรกาล ๖. อยูในเสนาสนะป้า อยู่ปราศจากไตรจีวรเกิน ๖ คืน ๗. เก็บ๓ส์ซเกิน ๗.วัน การสละสิงชอง ๑.ของที่เป็นนิสส์'คคีย์โตยวัตถุ ต้องสละแก่สงฆ์อย่างเคียว ๒. ของที่เป็นนิสสํโคคีย์โดยอาการ โดยล่วงเวลา จะสละ แก'ภิกษุรูปเคียว หลายรูป หรือแก่สงฆ์ก็ไต้ ยกเว้นบาตรที่ขอต่อ คนที่ไมใช่ญาติไม่โซปวารณา ต้องสละแก่สงฆ์อย่างเคียว ๓. ของที่เป็นนิสส์โคคีย์ สูญหายไปก่อนที่จะสละ ให้ภิกษุ นั้นแสดงอาบัติ ก็ถือว่าพ้นจากอาบัติ ป้ญหาและเฉลยป็ดดวรรคที่ ฅ ๐. ถาม ภิกษุรับประเคนนั้าผึ้ง้แต้วลม ปล่อยวางไปถึง ๑๐ วัน เฃฺาใจว่ายังไม่ล่วง ๗ วัน เธอจะต้องอาบัติหรือไม่ ? ตอบ ต้องอาบัตินิสส์คคิยปาจิตคีย์ เพรฺาะสิกขาบทนี้เป็น อจีตตกะ ๒.ถาม อติเรกบาตรคีออะไร ภิกษุเก็บไว้เกินกี่วันต้องนิสลํโคคิย- ปาจิตคีย์ ? ตอบ อติเรกบาตร คีอบาตรนอกจากบาตรที่อธิษฐาน เก็บไว้ เกิน 0๐ วัน ต้องนิสลํโคคิยปาจิตตีย์ ๒๔๒ วิใ!■ย www.kalyanamitra.org
๓. ถาม ปีตตวรรค สิกขาบทที่ 0 และ ๒ กล่าวว่าอยางไร ? ตอบ สิกขาบทที่ 0 กล่าว่ว่า บาตร่นอกจากบาตรอธิษฐาน เรียกว่า อติเรกบาตร อ่ติเรกบาตรนั้น ภิกษุเก็บไว!ด้ . เพียง 0๐ วัน เป็นอย่างยิ่ง ถ้าให้ล่วง ๑0 วันไป ต้อง นิสส์คคิยปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๒ กล่าวว่า ภิกษุมีบาตรร้าวยังไฝถึง ๐๐ นิ้ว ขอบาตรใหม่ต่อ่คฤหัสถ์ที่ไมใช่ญาติ ไม่ใช่ปวารณา (ไม่ ไต้บอกให้ขอ)ไต้มา ต้องนิสส์คคิยปาจิตตีย์ ๔. ถาม ๓สิ'ซ ๕ที่ภิกษุร้บประเด่นแล้วเก็บไร้ฉันได!ม่เกิน ๗ วัน . ไต้แก่อะไรบ้าง ? s ฅอ่บ ไต้แก่ เนยใส๑ เนยข้น 0 นํ้ามันอนํ้าผึ้ง©นํ้าอ้อย 0 ๔. ถาม ปัตตวรรคสิกขาบทที่.๖ และ๗ กล่าวว่าอย่างไร่ ? ตอบ สิกขาบทที่๖ กล่าวว่า ภิกษุขอต้ายตอคฤหัสถ์ท!มใช่ญาติ ไม่ใช่ปวารณาเอามาให้ช่างดูก (ช่างทอผา) ทอเป็นจีวร ต้องนิสสิ'คคิยปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๗ กล่าวว่า ถ้าคฤหัสถ์ที่!มใช่ญาติ ไม่ใช่ ปวารณา สิ'งให้ช่างหูก (ช่างทอผ้า) เพอถวายแก่ภิกษุ ถ้าภิกษุไปกำหนดให้เขาทำให้ตีขึ้นต้วยจะให้รางวัลแก่เขา ต้องนสสิ'คคิยปาจิตตีย์ ๖. ถาม เวลาใดเรียกจีวรกาล ? ตอบ ภิกษุไต้อานสงสิพรรษา จีวรกาลนบติงแต่แรม 0 คา เดือน 00 ถึงขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๑๒ แต่ถ้าภิกษุไต้กราน กฐิน จีวรกาลยืดไปถึง ขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๔ ว๊นย ๒๔ฅ www.kalyanamitra.org
๗.ถาม ภิกษุจาพรรษาหลังจะไดรับอานสงสัพรรษา และรับกฐิน ได้หรือไม่ เพราะเหตุไร ? ตอบ ไม่ได้ทั้ง ๒ อย่าง เพราะวันปวารญาออกพรรษาหลัง หมดเขตอานสงลัพรรษาพอด้ เมื่ออานิสงลัพรรษาไม่มี กฐินก็รับไม่ได้และกรานไม่ได้. ๘. ถาม นิสลัคด้ยปาจิตตีย์ ป้ต;ตวรรคสิกขาบทที่ ๙ กล่าวว่า อย่างไร ? ตอบ ภิกษุจำพรรษาในเสนาสนะป่าที่งเป็นที่ฟลี่ยว ออก พรรษาแลัวอยากจะเก็บไตรจีวรผืนหนึ่งไวในบ้าน (ใน หยู่บ้าน) เมื่อมีเหตุเก็บไวั!ด้เพียง๖ตีนเป็นอย่างยุงถ้า เก็บไว้เทินกว่านั้น ด้องฺนิสลัคตียปาจิตตีย์ เว้นไว้แต่ได้ สมมติ (ตีอสงฆ์ตกลงให้เก็บไว้ได้เกิน ๖ ตีน) ๙.ถาม อะไรเรียกว่าลากที่ภิกษุนอมมาไม่ได้ อย่างไหนมีโทษ ? ตอบฺ ลาภในที่นี้ ได้แก่ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภลัซ ที่งเรืยกว่า บิจจิ'ย ๔ และของที่เป็นกัปป็ยะอย่างอื่นๆ ก็ เรืยกว่าลาภ ลาภที่เขาจะถวายสงฆ์ ฟ้อมํมาเพื่อตน ด้องนิสลัคตียปาจิตตีย์ ฟ้อมมาเพื่อบุคคลด้องปาจิตตีย์ 00.ถาม ภิกษว้อย่ว่าฟ้อมลาภสงฆ์Iปเพื่อตนก็ตี เพื่อบคคลก็ดี ๆน้ V จ เพื่อสงฆ์อื่นก็ตี ด้องอาบัติอะไร ? ตอบ ฟ้อมลาภที่เขาจะถวายสงฆ์เพื่อตนด้องนิสลัคคิยปาจิตตีย์ เพื่อบุคคลอื่นด้องปาจิตตีย์ เพื่อสงฆ์อื่นด้องทุกกฎ ๒๔๔ วินัย www.kalyanamitra.org
กัณฑ์ที่ ๗ ปๆจิดฅืย์๙\\ธ1 สักชาบท ปๆจิดฅืย์ แปลว่า อาบดิที่ยังกุศลคือความดีให้ดกไป เรียก ว่า สุทธิกปาจิตตีย์ ก็ได้ แปลว่า ปาจิตตีย์ล้วน แตในบาสิเรียกเพียง ปาจิตตีย์ เป็นลหุกาบัติ มีโทษเบา เป็นสเตกิจฺฉฺา แก!ขได้ภิกษุ ล่วงละเมิดเข้าแล้วด้องแสดงต่อหน้าสงฆ์ ต่อหน้าคณะ ทรีอว่าต่อ. หน้าภิกษุรูปใดรูปหนึ่งจึงจะพ้นได้ มีทั้งหมด ๙๒ สิกขาบท แปงออกเป็น ๙ วรรคด้งต่อไปนี้ 0. มุสาวาทวรรค มี 00 สิกขาบท ๒. ภูตคามวรรค มี 00 สิกขาบท ต.โอวาทวรรค มี 00 สิกขาบท ๔.โภชนวรรค มี 00 สิกขาบท ๕. อเจลกวรรค มี 00 สิกขาบท ๖. สุราปานวรรค มี 00 สิกขาบท ๗. ส์ปปานวรรค มี 00 สิกขาบท ๘. สหธรรมิกวรรค มี ๐๐ สิกฺขาบท ๙. รตนวรรค มี ๐๒ สิกขาบท รนย่ ๒๔๕ www.kalyanamitra.org
มุสาวาทวรรคที่ 0 มี 00 สักขาบท §กชาบทที่ e ชุดปด ด้องปาจิดดีย์ สักนผะทารพดปด 91 เรื่อง™ดไม่จริง ตั้งใจพูดให้ผิดพยายามใฐดให้ผิด ผู้ฟ้งเข้าใจ เนื้อความนั้น หรือแสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ๋งฺเซ่น ส์นสิรษะ หรือเขียนหนังสือ เพี่อโกหกคนอื่น จัดเข้าในลักษณะนื้ หลักเกณฑ์การปรบอาบ้ติ 0. ตั้งใจจะพูดเท็จดายการพูด การเขียน หรืออาการท่า ทางอย่างใดอย่างหนึ๋งผู้ฟังจะเชื่อหรือไม่เซึ๋อก็ตามต้องอาบติปาจิตตีย์ ๒.ปฏิสสวะ คือรับปากแล้วภายหลังไม่ทำตามที่รับปาก ต้อง อาบัติทุกกฎ ฅ.พูดพลั้งเผลอ หฺรือพูดพลาด หรือพูดต้วยความเข้าใจผิด ไม่เป็นอาบัติ ๒๔๖ วินัย www.kalyanamitra.org
สิกขาบทที่ ๒ ด่าภิกษ ต้องปๆจิด่สิย ลกษณะการดำ การด่า คือ คำ พูดเสียดแทงให้เจ็บใจ พร้อมด้วยจิตปรารถนา ให้เขาเจ็บใจมี ๒ ลักษณะ คือ 0. การพูดยอยกประซดประชันแดกดันให้ตรงกันข้ามกับ ความ เป็นจริง เซ่น เขาไฝสวย ก็พูดวาเขาสวย เป็น่ด้น ๒. พูดกดให้เลวลงด้วยคำหยาบ เซ่น ด่าว่าเขาเป็นลัตว์ ดิรัจฉาน เป็นด้น เรื่องฝาหรับยกขึ้นด่า เรียฺกว่า อก&สรัดถ มี 00อย่างคือ 0. ซาดิกำเนิด ๒. ซื่อ ๓.โคตร ๔. การงาน ๕. คืลปะ ๖.โรค ๗. รูปพรรณลัณฐาน ๘. กิเลส ๙. อาบัดิ 00. คำ สบประมาท หลกเกณฑ์การปรับอาบต 0.ด่าหริอพูดเสียดแทงภิกษุด้วยกันโดยเจาะจงดัว ด้องอา- บตปาจิตตีย์ '๒.พูดขึ้นลอย ๆ ไฝเจาะจงดัว ตองอาบัดิทุกกฏ ต.ด่า หรือพูดเสียดแทงเพี่อจะลัอเล่น ด้องอาบัติทุพภาษิต ๔. ด่า หรือ พูดเสิยดแทงคนทึ๋ใฝใซ่ภิกษุ ด้องอาบัติทุกกฎ วินัย ๒๔๗ www.kalyanamitra.org
รกขาบทที่ ฅ สํอเสิยดภิกษุ ต้องปาจิดดีข คำ ว่า ส์อ!รยดหมายถึง การพูดยุแหยให้เขาแตกสามัคคีกัน่ คือ เอาคำพูดของอีกฝ่ายหนึ่งไปพูดให้รกฝ่ายหนึ๋งฟ้ง แล้วนำเอา คำ พูดของฝ่ายหลังไปพูดให้ฝ่ายแรกฟ้ง ให้เขาทะเสาะวิวาทลัน หลักเกณฑ์การป^อาบต - 0. พูดส่อเสิยดภิกษุด้วยลัน ต้องอาบติปาจิตคีย์ ๒. ข้างหนึ่งเป็นภิกษุ อีกข้างหนึ่งไฝใช่ภิกษุ หรือไม่เป็น ภิกษุทั้งสองฝ่าย พูดส่อเสิยดต้องอาบัติทุกกฏ ฅ. ไต้ฟ้งมาแล้วบอกด้วยความหวังคี ไม่ประสงคํให้แตก แยกไมตองอาบัติ รกขาบทที่ ๔ ภิกษุสอนธรรมนก่อนปลัมบัน ล้าว่าพร้อมลัน ต้อง ปาจิตคีย์ คำ ว่า ธรรม,หมายถึง พุทธภาษิต สาวกภาษิต .ฤๅษีภาษิต เทวดาภาษิต . .' คำ ว่า อษุปลัมบัน หมายถึง บุคคลที่ไมใช่ภิกษุหรือภิกษุณี จะเป็นผู้หญิงหรือผูซายก็ไต้ คำ ว่า \"ว่าพร้อมลัน\" หมายถึง ให้กล่าวหรือสวดธรรม พฺร้อมลับตน หนึ่งคำ หนึ่งอักษร หนึ่งพยัญชนะ หนึ่งบท ๒๔๘ วิฟ้ย www.kalyanamitra.org
หลกเกณฑ์การปรบอาบัติ สอนอนุปส์'มบันให้กล่าวหรอสวดธรรม มีพุทธํภาบัด เป็นต้นพร้อมกับตนหนึ่งบทหรือบางส่วนก็ตามที ต้องอาป๋ตปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๕ ภกษุนอนในทม่งทบังอฺนเดีย์วกันกับอนุปสัม่บันเกน ๓ คืน ขึ้นไป ต้องปาจิตตีย์ คาวา อนุปสัมบัน ในสิกขาบทนึ่ หมายถึงฺ ผู้ซฺ'ายที่ไม่ใช่ ภิกษุ มีอุบาสกและสามเณรเป็นต้น คำ ว่า นอนร่วม หมายถึง นอนในที่มุงที่บังเตียฺวกัน เช่น กฎิ ศาลา วิหาร เป็นต้น เหยียดกายอยู่พร้อมกัน จะหลบหรือไม่ หฺสับก็ตามเรียกว่า นอุนร่วม หสักเกณฑ์การปร้บอาบัติ 0. นุอนร่วมกับอนุปสัมบันเกิน .ฅ คืนต้องอาบัติปาจิตตีย์ s ๒. ภิกษุนั่ง อนุปสัมบันนอ่น หรือนั่งทงสฺองฝ่ายจนสว่าง ไม่ต้องอาบัติ ฅ..นอนร่วมไต้ ๒ คืน คืนที่ ต ให้ลุกขึ้นไปก่อนอรุณขึ้น ไม่ต้สงอาบัติ สิกขาบทที่ ๖ ภิกษุนอนในที่มุงที่บังอนเตียวกันกัฃผู้พญง แม้ในคืน แรกต้อง ปาจิตตีย์ คำ ว่า ผู้หญิง ในสิกขาบทนี้ หมายถึง ผู้หญิงมนุษย์แม้ที่ วนัย ๒๔๙ www.kalyanamitra.org
เกิดในวันนั้น คนเดียวหรีอหลุายคนก็ตาม ถ้าภิกษุนอนร่วมจน อรุณขึ้นวันใหม่ ต้องอาบ'ดีปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๗ ต้อง ภิกษุแสดงธรรมแกผู้หญิง๓นกว่า ๖ คำ ขึ้นไป ปาจิตตีย์ เวนไว้แด่มีบุรษผ้ร้เตียงสาอย่ต้วย <1 9 นินิ คำ ว่า ผู้หญิง ในสิกขาบทุน หมายฺถึง ผู้หญิงทรู้เดียงสา ฟ้งแสิวเข้าใจคำใ{เด สิกขาบทที่ ๘ ภิกษุบอกอดดริมนุสสธรรมที่มีจิรงแก่อนปสิม)}!ฬ้รฬ^ คำ ว่า อุดตริมนุสสธรรม หมายถึง ธรรมอันย์งยวดของ มนุษย์ คำ ว่า อนุปสัม)ชัน หมายถึง คนที่ไม่ใช่ภิกษุหรือภิกษุณี สิกขาบทที่ ๙ ภิกษุบอกอา)ชัดขั๋วหยาบของภิกษุอื่นแก'อนุปสัมบันต้อง ปาจิตตีย์ เว้นไว้แด่ไต้สมมตี คำ ว่า อาบัตีซั่วหยาบ หมายถึง อาบัติปาราชิก และอาบัติ- สังฆาทิเสส ภิกษุต้องแสิวทำให้เป็นคนชั่วหยาบ ๒๕๐ วนย www.kalyanamitra.org
หลกเกณฑ์การป^อาบต 0. ภิกษุทได้สมมติบอกฺอาบัติได้ตามที่สงฆ์กำหนด บอก เกินกำหนด ด้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. บอกอาบัติอย่างอื่นนอกจากอาบัติซั่วหยๆบ ด้องอาบัติ ทุกกฎ สิกฺขาบทที่ 00 ภิกษุชดเองก็ดี ไช!ท้ผู้อื่นฃุดกดี ^แอ่นดิน ต้องปาจิดดิย์ ลกบณะชองแผ่นดิน ๒ อยาง 0. ชาดปฐพี แอ่นดินแท้ คือ มีตินร่วนล้วน มีตินเหนียว ล้วน มีของอย่างอื่นปนบ้างเล็กนีอย ๒. อซาดปฐพี แอ่นดินไม่แท้ เป็นหิน กรวด แร่ หรือ ทรายล้วน มีตินปนบ้างเล็กน้อย ภิกษุขุดเองหรือโซใหคนอื่นขด ด้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะในสมยนั้นคนถือกันว่าแผ่นตินมีชีวิต ป็ญหาและเฉลยมุสาวาทวรรคที่ 0 0. ถาม ปาจิตตีย์ แปลว่าอะไร ชีอเติมของสิกขาบทนี้คืออะไร ? ตอบ ปาจิตตีย์แปลว่า การล่วงละเมีดอันยังคุศลให้ตกไป ซื่อ เติมของสิกขาบทนี้คือ สุทธิกปาจิตตีย์ ๒.ถาม ภิกษุพูดมุสา จะเป็นอาบัติอะไรบ้าง ? ตอบ ภิกษุพูดมุสา ย่อมเป็นอาบัติปาราซิก เพราะอวดอุตตริ มนุสสธรรมที่ไม่มีใน่ตน เป็นอาบัติสิงฆาทิเสส เพราะ โจทย์ฟ้องภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราซิกไม่มีมูลด้วยความ โกรธ เป็นอาบัติถุลลจจัย เพราะอว่ด่อุตตริมนุสสธรรม รปัย ๒๕อ www.kalyanamitra.org
ทีไฝมีในตนโดยออมค้อม เป็นอานัติปาจิตตีย์ เพราJ ปฏิสสวะ ฅ. ถาม ท่านปรับโทษภิกษผู้พูดมุสาเป็นปาจิตตีย์ ก็เพื่อกันมิให้ พูดเหลวไหล ถ้าภิกษุพูด จริงทุกเรื่อง ก็เป็นอันพน อาบัติเพราะเรื่องพูด หรือเห็นแย้งอย่างไรก็ว่ามา ? ตอบ เห็นว่ายังไฝพ้น เพราะในมุสาวาทวรรคแห่งปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ฅ ห้ามไฝให้ปเอกอุดตริมนุสธรรมของตน ที่ มีจริงแก่อนุปส์มบัน และสิกขาบทที่ ๙ ห้ามไม่ให้บอก อาบัติซั๋วหยาบของภิกษุแก'อนุปอัมบัน เว้นไว้แต่ไค้รับ สมมติ เหล่านี้ส่อให้เห็นว่าล้วนแต่เป็นความจริงทั้งนั้น แต่ท่านไฝอนุญาตให้พูด ขืนพูดปรับอาบัติ ๔. ถาม คำ ต่า ที่ทำ ให้ตองอาบัติ ๑0 ประการมีอะไรบ้าง ? . ตอบ เป็นคำต่าพาดพิงถึงชาติกำเนิด 0โคตร 0 ซื่อ ๑ การ งาน ๑ ติลปะ ๑ อาพาธ ๐ เพศ ๑ กิเลส 0 อาบัติ 0 และคำต่าที่เลว Q (อักโกสวัตถุ แปลว่า เรื่องส่าหรับต่ๅ) ๕. ถาม จงยกตัวอย่างอาบัติปาจิตตีย์มาอย่างละข้อ ในฐานะที่ ทำ ให้เป็นคนเลว แสดงความดุร้าย ทำ ให้เสิยหาย เป็น ความชุกซน ? . ตอบ ทำ ให้เป็นคนเลว เซ่น กล่าวมุสฺา แสดงความุดุร้าย เซ่น ฆ่าอัตว์ ทำ ให้เสิยหาย เซ่น ประจฺานความซวขฺองกัน และกันฺ เป็นความชุกซน เซ่น เล่นซ่อฺนของ ๖. ถาม โอมสวาทและอักโกสวัตถุ มีหมายว่าอย่างไร ? ตอบ. โอมสวาท คือ คำ พูดเสิยดแทงให้เจ็บฺใจ อักโกสวัตถุ คือ เรื่องส่าหรับต่า ๐๐ อย่าง ๒๔๒ วินัย www.kalyanamitra.org
๗. ถาม \"ภิกษุสอนธรรมแก่อนุปส์มบันฤาว่าพร้อมกันตองปาจิต- ตีย\"์ เ!เนอจิตตกะหรือสจิตตกะ แม้ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะ อาบัติหรือไม่ สิกขาบทนี้บัญญัติเพี่ออะไร ? ตอบ เป็นอจิตตกะ ถ้าว่าพร้อมกันแม้Iม่ได้ตั้งใจก็อาบัติ สิกขา บทนี้บัญญัติเพี่อไม่ให้ติษย์หมิ่นครู ๘.ถาม. ภิกษุนอนในที่มุงที่บังอันเดียวกันกับอนุปสัมบัน - ตอง อาบติอะไร จงซี้แจง ? ตอบ ถ้าอนุปสัมบันเป็นชายนอนเกินสามคืนขึ้นไป ต้อง ปาจิตดีย์ตามสิกขาบทที่ ๕ แฟงมุสาวาทวรรค ถ้าอนุป- สัมบันเป็นหญิงแม้ในคืนแรกต้องปาจิตตีย์ ต้ามฺสิกขา บทที่ ๖ แห่งมุสาวาทวรรค ๙. ถาม เมิ่อมีเหตุให้พระต้องแสดฺงธ่รรม่แกหญิงจะแสดง อย่างไรจึงจะไม่อาบัติ ? ตอบ แสดงได!ม่เกิน ๖ คำ ถ้าเกิน ๖ คำ ต้องุมีซายผู้รู้เตียง สาอยู่ด้วย oo^ถาม ปฐพีมีกี่อย่างอะไรบ้าง ภิกษุชุดต้องอ่าบัติอย่างไร เป็น โลกวัชซะหรือบ้ณณตติวัซชะ ? ตอบ ปฐพีมี ๒ อย่างคือ ๐.ชาตปฐพี คือแผ่นตีนแห้. ได้แก่ตินรืวนถ้วน ตีน เหนียวถ้วน หรือมีตินปนเป็นส่วนใหญ่ ๒. อชาตปฐพี คือแผ่นตีนไม่แห้ มีตินเป็นส่วนน้อย ชุด ดินต้องอาบัดติปาจิตตีย์ เป็นป้ณณัตติวัชชะ : วิน้ย ๒๕ต www.kalyanamitra.org
ภูตคามวรรคfi ๒ มี oo สิกขาบท สิกขาบทที่ 0 ภกษุพรากชองเชียวชึ๋งเกดอยูภับที่ ให้หลุดจากที่ ต้อง ปาจิตตีย์ ลกษณะชองเชียวที่เรียกว่า ภูตคาม ๕ ชนิด 0.พืชเกิดจากเง่า ตีอใช้เง่าเพาะ เซ่นขมิ้น ขิง ซ่า เป็นต้น ๒. พืชเกิดจากต้น ตีอต้วยวิธีการตอนกิ่ง หรือนำกิ่งไป ปลูกไต้ เซ่น ต้นโพธิ้ ต้นไท่รเป็นต้น ต. พืชเกิดจากข้อ คือขยาย่พัน.ต้วยตา.หรือช้อ เซ่น อ้อย มันส์มปะหลัง เป็นต้น di, พืชเกิดจากยอด คือใช้ยอดป้กก็เป็นต้นไต้ เซ่น ผักบุ้ง กะเพรา เป็นต้น ๕.พืชเกิดจากฒล็ด คือใช้ฒล็ดเพาะ เซ่น ช้าวถํ่ว เป็นต้น ดามนัยอรรถกถาพืชที่ถูกพรากจากที่แล้วแต่ยังสามารถเป็น ไต้อีกเรืยกว่า พืชคาม -' ๒๕๔ วิปัย www.kalyanamitra.org
คาว่า พราก หมายถึง การทำใหเส์ยหายหรือให้หลุดจาก สภาพเดิมห้วฺยการตดกิ่ง ตัดราก เด็ดยอด เป็นดิน หลักเกณฑ์การปรืบอาบต 0.. ภตคาม ภิกษุพรากเองก็ดี โซให้ผู้อื่นพรากก็ดี ดิอง อาบ'ดิปาจิตตีย์ ๒. ฟ้ชคาม ภิกษุพรากเองถึดี โซให้ผู้อื่นพรากก็ดี ดิอง อาบัดิทุกกฏ ลักขาบทที่la ภิกษุประพฤดิอนาจาร สงฆ์เรียกตัวมาลาม แกล้งพํด กลบเกลื่อนกดี นิ่งเลัยไม่พูดก็คี ล้าสงฆ์สวดประกาศข้อความนน จบ ตัองปาจิตตีย์ การสวดประกาศ ประพฤตีอนาจาร สงฆ์สวดประกาศข้อความนั้น ดิวย ญตตีทุติยกรรม ยกฺอัญญวาทกํรรม ตีอกรรมอันสงฆ์พึงทำแก่ภิกษุผู้พูด กลบเกลื่อน ยกวิเหสกกรรม คือ กรรมอันสงฆ์พึงกระทำแก่ภิกษุผู้ยังสงฆ์ โห้ลำบาก คือเมื่อสงฆ์สอบสวนนั่งนิ่งเสิย หลักเกณฑ์การปรบอาบต 0. ภิกษุที่ถูกสงฆ์สอบสวนแล้ว พูดจากลบเกลื่อนกลับไป รปัย . ๒๕๕ www.kalyanamitra.org
กลับมา หฺรืฮนั่งนิ่ง ต้องอาบัติทุกกฎ ๒. ถ้าสงฆ์สวดฺอัญญวาทกรรม หรือวิ,เหฺสภกรรุมอย่าง ใดอย่าง หนิ่ง ฬอบสวนอีกยังทำเหมือนเติม ต้องอาบัติปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๓ ภกษุดเตียฬิกษุอนที่สงฆ์สมมดให้เป็นผู้ทำการสงฆ์ล้าเรอ ทำ โดยขอบ ดเตียนเปล่าา ดองปาจิดตีย หลักเกณฑ์การปรืบอาบต ๑. ติเตียนต่อหน้าอุปลัมบัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. ติเตียนต่อหน้าอนุปลัมบัน ต้องอาบัติทุกกฎ ฅ. ติเตียนภิกษุที่สงฆ์ใฝไต้สมมติแต่ทำการสงฆ์โดยลำพง ต้องอาบัติทุกกฎ. ๔. ถ้าทำการไม่เป็นธรรม ลำ เอียงต้วยอคติ ไม่ต้องอาบัติ สิกขาบทที่ ๔ ภิกษุเอาเตียง ดั่ง ฟูก เก้าอ ของสงฆ์ไปดั้งโนที่แจ้ง แล้ว่ เมื่อหลีกไปจากที่นั้น โม่เก้บเองก้ตี ไมให้1ห้ผู้อื่นเก็บก็ตี ไม่ม่อบ หมายแก่ผู้อื่นก็ตี ต้องปาจิดตีย์ หลักเกณฑ์การปรบอาฟ้ตี 0. ของสงฆ์เป็นวัตถุแหงอาบัติปาจิตตีย์ ๒.ของบุคคลนอกจากของตนเอง เป็นวัตถุแหงอาบัติทุกกฎ ๒๕๖ วินัย www.kalyanamitra.org
ฅ ของอย่างอื่นนอกจากที่ระบุ สิกขาบท เป็นรัตลุ แห่งอาบัติทุกกฎ ๔. มีเหตุฉุกเฉินรีบไป ไฝเก็บใหเรียบร้อย ไม่เป็นอาบัติ สิกขาบทที่ ๕ สิกบุเอาที่นอนของสง่ฆ์ปูลาดในกฏีสงฆ์แล้ว เมื่อหลีกไป จาก ที่นั้นไม่เก็บเองก็ดี ไฝโซโห้ผู้อนเก็่บกึลี ไม่มฺอบหมายแก่ผู้ อื่นก็ลี ต้องปาจดลีย์ คำ ว่า ที่นอนขฺอฺงสงฆ์ หมายถึง ฟูก .เสิอ ผ้าปูนอน และของชนิดเดียวกัน ไม่ใช่เตียง และตง คำ ว่า กุฎึ หมายถึง ที่อยู่อาคํ'ยของพระภิกษุ คำ ว่า หลกไป หมายถึง หลีกไปไม่กลับ ถ้าจะกลับมาอีกไม่ นับว่าทิ้ง ในสิกขาบทนี้ หล้กเกณฑ์การปร้บอาบัติ 0. กุฎีสงฆ์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒.ของคนอื่นนอกจากของตน ต้องอาบัติทุกกฎ ต. ของตนเองไม่ต้องอาบัติ สิกขาบทที่ ๖ ภิกษุรู้อยู่ว่ากุฎี^ผู้ฟฺยู่ก่อน แกล้งไปนัอนเบฺยด ต้วยหวัง จะใต้ผู้อยู่ก่อนคบแดบใจเข้าก็จะหลักไปเอง ต้องปาจิดลีย์ วินัย ๒๕๗ www.kalyanamitra.org
หล้กเกณฑ์การปรบอาบต , ๑. กุฎีเป็นของสงฆ์ เข้าไปนอนเบียดภิกษอี่นด้วยหวังจะให้ เขๆอึดอัดใจแล้วหลีกไปเสีย ด้องอาบติปาจิตตีย ๒. นอนเบียดในที่ไมใช่ของสงฆ์ ด้องอาบัติทุกก่ฏ ฅ. นอนเบียดในที่อยู่ของตน ไม่ด้องอาบัติ ๔. บีเหตุจำเป็น เช่น บีอันตรายจะเกิดขึ้นในที่นั้น หรือ อาพาธไม่สบาย ไม่ด้องอาบัติ สิกขาบฑที่ ๗ ภิกษุโกรธเคืองภกษุอื่น ฉุดคร่าไล่ออกจากกฏีสงฆ์ ต้อง ปาจิตตีย์ หลักเกณฑ์การปรบอาบต 0. ไกรธไม่พอใจ ฉุดลากเองหรือใข้ให้คนอื่นฉุดลากภิกษุ อื่นออกจากกุฎีสงฆ์ ด้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒.ขนเอาเฉพาะบริขารทิ้ง ด้องอาบัติทุกกฎ ต. อุปัชฌาย์อาจารย์ฉุดคร่าลูกติษย์ที่ประพฤติตัวไม่ตี ไม่ เขึ้อฟ้งออกจากกุฎีสงฆ์ ไม่ด้องอาบัติ สิกขาบทที่ ๘ ภิกษุนั่งทับก็ตี นอนทับก็ตี บนเตียงก็ตี บนดั่งก็ตี อันมี เทัาไฝไต้ตรึฟ้ทัแน่น ซึ๋งเขาวางไวับนร่างร้านที่เขาเกึบของในกฎี 5น ต้องปาจิตดย้ ๒๕๘ วิฟ้เย www.kalyanamitra.org
เตียงมีหลายซนิด ในสิกขาบทนี้หมายเอาเตียงที่เขาทาเอา เท้าเสียบเข้าไปในแม่แคร่ ไม่ต้องตรึงสลัก เรียกทับสัพท์ว่า อาทัจจบาท คำ ว่า ร่างร้าน ในที่นี้หมายเอา โครงที่ตั้งขึ้นในวิหาร ปัก 4สาตอฟ้อขึ้นแล้ววางไม้คานบนนั้น สูงพอตีรษะไม่กระทบพื้น เอา เตียงวางบนไม้คาน ขาท้อยลงต้านล่าง อยู่ไต้ทั้งข้างบนและข้าง ล่าง ร้านข้างบน เรียกว่าเวหาสกุฎี ปัจจุบันนี้เรียกว่าที่นอนสองชั้น หลโกเกณฑ์การปร้บอาบัตุ นอนหรือนั่งบนเตียงหรือบนตั่งที่มีเท้าไม่ไต้ตรึงสลักไว้ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๙ ภกษุจะเอาดินหรือปนโบกหลังคากุฎี พึงโบกได้แด่เพียง แค่ ฅชั้น ถาโบกเกินกว่านัน ด้องปาจิตตีย์ สิกขาบทนี้ทรงบัญญัติไว้เพื้อไม่ใท้กุฎีพง คึอ โบกหลาย ชั้นกุฎีรับนั้าหนักไม่อยู่ พุงลงมาอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตไต้ สิกขาบทที่ 00 กิกษร้อฝว่านํ้ามีตัวลัตว์ เอารดห]sฌ0้'าหรือดิน ด้องปาจิตตีย์ <)นั น คำ ว่า นํ้ามีตัวลัตว์ หมายถึง ตัวลัตว์เล็กๆ มีลูกนั้า เป็นต้น วินัย ๒๕๙ www.kalyanamitra.org
สิกขาบทนื้ถ้าภิกษุไฝรูใ'รนํ้ารดหcฐาหิรือดินไฝต้องอาบ'ติ ถ้ารู้ต้อง อาบัดิปาจิตตีย์ ' ป็ญหานสะ!.ฉลยภู่ดคามวรรคที่ ๒ 0. ถาม ในปาจิตตีฟืนข้อที่หามพรากของเขียวใครเป็นต้นป๋ญญ้ต และอะไรคือความหมายของคำว่า \"พืชคาม\" ? ตอบ ต้นบ'ญญัดิคือภิกษุชาวเมืองอาฬวี และพืชคามหมายถึง พืชพันธุที่ถูกพรากแล้วยังเป็นไต้อีก ๒.ถาม ภิกษุเห็นว่าอาบัติที่เกิดจากการพูดมืมากจึงที่งเสิยไฝชุเด เซนนี้ยังมืทางต้องอาบัติหรือไฝ ถ้าไฝมืก็แล้วไป ถ้ามื จงอ้างมา ? ตอบ มื คือ เมื่อสงฆ์เรืยกไปสอบถามเพี่อชำระอธิกรณ์ นิ่ง เสิยไฝพูดฺ หรือนิ่งช่วยปกป็ดอาบัติสิ'งฆาทิเสสของภิกษุ อื่น เหล่านี้ต้องิอาบัติปาจิตตีย์ แต่ถ้าทำเป็นใบ้นิ่งเสิย โดยถึอมูควัตร (ข้อปฏิบัติเป็นเหมือนคนใบ้) ต้องอาบ้ต ทุกกฎ ฅ. ถาม ในสิกขาบทมืบทลงโทษต่อภิกษุผู้ติเตียนสงฆ์ฟืต้วับสมมติ ต่อหน้าอุปสิ'มบัน และอนุปสิ'มบัน และไฝไต้วับสมมติ แต่ทำทารโดยผู้เดียวอย่างํไรบ้าง ? ตอบ มืบทลงโทษดังนี้คือ 0. ติเตียนสงฆ์ผู้!ต้วับส่มํมตีต่อหน้าอุปสิ'มบันต้อง ปาจิตตีย์ ๒. ติเตียนสิงฆ์ผู้!ต้วับสมมติต่อหน้าอนุปสิ'มบันต้อง ๒๖๐ วิฟัย www.kalyanamitra.org
ทุกกฏ ฅ. ติเตียนสงฆ์^ม่ได้รับสมมติ แต่ทำการโดยลำพัง ต้องทุกกฏ ๔. ถาม ภิกษุเอาเตียง ตั่ง ฟูก เก้าอี้ และที่นอน ไปตั้งวางทิ้งไว้ กลางแจ้ง่ หรือในกุฎีสงฆ์ แล้วทิ้งไปไฝกลับมาไยดีอีก จนของเสืยหาย ภิกษุที่กระทำเซ่นนี้จะอาบัติอะไร จง อธิบายมาโดยลังเฃปพอเข้าใจ ? ตอบ เตียง ตั่ง ฟูก เก้าอี้ ล้าเอาไปตั้งทิ้งไว้ในกุฎีไฝเป็นอาบัติ แต่ล้าเอาไปวางทิ้งไว้กลางแจ้งต้องอาบัติปาจิตตีย์ แต่. ที่นอนล้านำไปวางทิ้งไว้!ฝเก็บให้ตีในกุฎีตามที่แจ้งก็ดาม ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๔. ถาม ภิกษุต้องการแย่งกุฎีของภิกษุอื่นจึงเอาของเพื่อนภิกษุ ผูท่ะเลาะไปโยน่ทิ้งนอกกุฎี เขาต้องอาบัติปาจิตตีย์หรือ ไฝเพราะเหตุใด การขับไล่กรณใดไฝอาบัติ ? ตอบ ไฝเป็นปาจิตตีย์ แต่เป็นทุกกฎ เพราะจะอาบัติเมื่อไล่ที่ โดยฉุดคร่าตัวภิกษุอื่น การขับไล่ภิกษุอื่น^ฝสมฺควรให้ อยู่จฺากลำนักตน ไฝเกี่ยวกับสิกขาบทนี้ ๖.ถาม ภิกษุขาดสติไฝทันดูว่านี้ามีตัวลัดว์เอาไปรด่ติน ภิกษุนี้ จะอาบัติปาจิตตีย์หรือไฝอย่างไร ? ตอบ ไฝอาบัติเพราะภิกษุลำตัญว่าไฝมีตัวลัตว์อยู่ วินย้ ๒๖0 www.kalyanamitra.org
โอวาทวรรคที่ ๓ มี 0๐ สิกขาบท สิกขาบทที่ 0 ภิกษุที่สงฆไฝได้สมมด สั่งสอนนางภิกษุณี ด้องปๆจฅดีย์ .เป็นธรรมเนียมของภิกษุณี .จะต้องรับฟ้งโอวาทจากภิกษุ สงฆ์ทุก ๑๕ วัน ภิกษุรูปใดทคณะสงฆ์!ม่ไต้อนุญาฅ สอน นางภิกษุณี ไปสอนต้องอาบัติปาจิตตีย สิกขาบทที่ ๒ แม้ภิกษุที่สงฆ์สมมติแล้ว ดั้งแด่อาทิตย์ดกแล้ว ไป .^ ^ สอนนางภิกษุณี ด้องปาจิดดยํ •) สิกขาบทที่ ๓ ภิกษุเช้าไปสอนนางภิกษุณีถึงในทอยู่ ด้องปาจิดติย์ เว้น ไว้แด่นางภิกษุณีป๋วยไช้ . ๒๖]ร] วินัย www.kalyanamitra.org
สิกขาบทที่ ๕ ภิกษุติเตึย'นภิกษุอื่นว่าสอนนางภิกษุณีเพราะเห็นแก่ลาภ ต้องปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๕ ภิกษุให้จิวรแก่นางภิกษุณีที่ไม่ใช่ญาติ ต้องปาจิตตีย์ เว้น ไว้แต่แลกเปลี่ยนกัน สิกขาบทที่ ๖ ภิกษุเยบจิวรของนางภิกษุณีที่ไม่ใช่ญาติก็ตี ใช้ให้ผู้อื่นเยึบ ก็ตี ต้องปาจิตตีย์ วนัย ๒๖ฅ www.kalyanamitra.org
รกขาบทfl ๗ ภิก?^วนนางฺภิภษผีเรนฬางดฺวฺยกับ นมรนระยะทางฺ บ้านหฟ้ง ตองปา?ตฅีกั เว้นนตทางเปลี่ยว สิกขาบทที่ ๘ ภกชุขวเผางกักษุผีองเรืออำเดยวภั^ขึ้นฬํ้ากัรอํองนํ้ากัดี ตองปา?ตสืย เว้นไว้แดขามฟาก สิกขาบทที่ ๙ กักษรูอยูฉันซองเที่ยวซอง่ฉน ทึ่นางกักษุณฺบ้งดบให ดฤหัฟิถ์เซาถวาย รองปา?ดดีย เว้นไว้แด่คฤหัสถ์เซาเริ่มไว้กอน สิกขาบทที่ 0๐ กักษุนงกัดึ นอนกัด ในที่ฟิบสองด่อสองกับนางกักษณี รองปา?ดรย ตั้งแต่สิกขาบทที่ ๒ - 00 มีเนื้อความซัดเจนอยู่แล้ว ไม่จำ เป็นต้องกล่าวอีก ป้ญหาและเฉสยโอวาทวรรคท ๓ 0. ถาม ภิกษุที่สฺงฆ!ม่ไต้รับสมมติสังสอนภิกษุณีจะอาบัติอะไร หรือไต้รับสมมติแล้วสอนจนตะวันตกตินจะอาบัติอะไร? ตอบ อาบัติปฺา?ตติยทั้งสองกรณี. ๒.ถาม ภิกษุกลุ่มหนึ่งไต้รับสมมติแล้วไต้เข้าไปสอนภิกษุณีสืง ในที่อยู่อาบัติหรือไม่ ภิกษุ ก อิจฉาภิกษุ ข ติเติยนวา ๒๖๔ วินัย www.kalyanamitra.org
สอนภิกษุณีเพราะเห็นแก่ลาภ อาบัติหรือไม่ ? .ตอบ อาบัติถ้าภิกษุณีไม่ป่วย ไม่อาบัติถ้าภิกษุณีป่วย ถ้าภิกษุ ขไมได้สอนเพราะเห็นแก่ลาภ ภิกษุก ด้องอาบัติปาจิตตีย์ ถ้าภิกษุข สอนเพราะเห็นแก่ลาภจริง ภิกษุ ก ด้องทุกกฏ ฅ. ถาม ภิกษุให้ผู้อื่นเยบจีวรให้ภิกษุณีด้องอาป่ติปาจิตตีย์หรือไม่? ตอบ ด้องอาบัติปาจิตตีย์ ถ้าภิกษุไม่ใช่ญาติ แมให้ผู้อื่นเย็บ ให้ภิกษุณีนั้นก็อาบัติ ๔. ถาม่ ภิกษุซวนภิกษุณีเตินทางด้วยกันสินระยะทางบ้านหนึ่ง แล้วไปร่วมนั่งเรือล่องไปอีกที่หนึ่งแล้วไปร่วมนั่งเรือล่อง อีกที่หนึ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาบัติปาจิตตีย์กี่ตัว และ จะไม่อาบัติในกรณีใด ? ตอบ ๒ตัวที่ภิกษุซวนภิกษุณีเตินทางด้วยกันสินระยะบ้านหนึ่ง อาบัติปาจิตตีย์แล้ว และภิกษุยังอาบัติปาจิตตีย์ ในฃอที่ นั่งร่วมกับภิกษุณีล่องเรือไปตามลานํ้าด้วย แต่จะไม่ อาบัติในข้อเดินทาง ถาทางเดินเปีนทางที่เปลี่ยวและ ข้อนั่งเรือเมื่อนั่งเรือข้ามฟาก ๔. ถาม ในสิกขาบทที่ภิกษุรู้แล้วฉันอาหารที่ภิกฺษุณีแนะให้เขา ถวาย ถ้าโยมเขาจดไวเองก่อนฉัน ฉันเขาไปจะด้อง อาบัติปาจิตตีย์หรือไม่อย่างไร ? ตอบ ถ้าโยมเขาจัดไว้ก่อนแล้วไม่อาบัติ ถ้าโยม่เขาไม่ได้ นิมนตัIว้ก่อน แต่ภิกษุณีIปแนะให้เขานิมนต์จึงอาบัติ ๖. ถาม ในสิกขาบทที่ภิกษุนั่งในที่ลับกับภิกษุณี นั่งในที่ลับกับผู้ หญิงหลาย ๆ คนจะอาบัติปาจิตตีย์หรือไม่ แล้วถ้าภิกษุ นั่งในที่แจ้งกับผู้หญิงหลาย'7คน จะเป็นอาบัติไหม? ตอบ กรณีแรกอาบัติปาจิตตีย์ กรณีหลังไม่อาบัติ วิา!ย ๒๖๕ www.kalyanamitra.org
โภชนวรรคที่ ๔ มี 00 สิกขาบท สิกขาบทที่ 0 อาหารในโรงทานททั่วไปไม่นิยมบุคคล ภิกบุไม่เจ็บไข้ ฉันไค้แด่เฉพาะวนเดียวแล้วต้องหยุดเสิยโนระหวาง ต่อไปจึง ฉันไค้อีก ถ้าฉันดีด ๆ กันดั้งแต่สองวันขึ้นไป ต้องปาจึดดีย์ อาหารในโรงทาน หมายถึงอาหารที่เขาจัดไว้แจกสำหรับคนทั่วไปไม่เจาะจง คนใดคนหนึ๋ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ๋ง มีอยู่ ๕ อย่าง คือ 0. ข้าวสก คือธัญชาติหรือขาวทุกชนิดที่หุงสุกแล้ว ๒. คุมมาสฺ คือขนมสดทุกชนิด เก็บไว้นานจะเน่าเสิย ๓. สัดตุ คือขนมแห้งทุกชนิด เก็บไว้นานไม่เล้ย ๔.ปลา คือปลาและสัตว์นํ้าทุกชนิด ๕. เนื้อ คือเนื้อของสัตว์ทุกชนิดที่ใซ้เป็นอาหารได้ ๒๖๖ วิใ4ย www.kalyanamitra.org
% หลักเกณฑ์การปรบอาบัติ 0. ภิกษุไม่ฟ็นไข้ฉัน ๒ วันติดต่อกันต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. ขณะรับประเคนต้องอาบัติทุกกฎ ฅ. ฉันวันเว้นวันไม่ต้องอาบัติ สิกขาบทที่ ๒ ถ้าทายกเขานิมนต์ ออกซื่อโภชนะทั้ง ๕ อย่าง คือข้าว สุก ขนมฬด ขนมแห้ง ปลา เนื้อ อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าไปร้บ ของนั้นมาหรือฉันของนั้นพร้อมกันตั้งแต่ ๔รูปขึ้นไปต้องปาจิตตีย์ เร้นไว้แต่สมัย คือ เรนไข้อย่าง 0 หน้าจิวรกาลอย่าง 0 เวลาทำ จิวรอย่าง 0 เดินทางไกลอย่าง 0 ไปทางเรืออย่าง 0 อยู่มาก ต้วยกันนิณ'ทบาตไม่พอฉันอย่าง 0โภชนะเป็นของสมณะอย่าง G) วินัย ๒๖๗ www.kalyanamitra.org
โภชนะทง ๕ ในสิกขาบทนี้ เหมีอนกบสิกขาบทที่ ๑ การฉันพร้อมถัน ๔ รูปขึ้นไป หมายถึงการนั่งล้อมวงถันฉัน หรือ ฉันเป็นหมู่ หลักเกณพ์ๆรปร้บอาบต 0.ทายกออกซื่อโภชนะทั้ง ๕ แลฺะนั่งฉันล้อมวงเกิน ๔ รูป ขณะร้บประเคนต้องอาบ้ตทุกกฎ ๒. ขณะฉันต้องอาบัติปาจิตตีย์ ต.ฉันรวมถันไม่เกิน ๔ รูป หรือในสมัยทั้ง ๗ ที่อนุญาต ไม่ต้องอาบัติ ลักขาบทที่ ฅ ภิกษุรับนิมนต์แห่งหนึ่ง ด้วยโภชนะทั้ง ๕ อย่าง โดอย่างหนึ่งแล้ว ไฝไปฉันในที่นิมนต์นั้น ไปฉันเลัยที่อน ด้อง ปาจิตตีย์ เว้นไว้แด่ยกลัวนที่ร้บนิมนต์ไว้ก่อนนั้นให้แก่ภิกษุอื่นเลัย หรือหน้าจิวรกาลและเวลาทำจิวร หลักเกณฑ์การปรับอาบัติ 0.ภิกษุร้บนิมนต์!ว้แล้ว ล้าไปฉันอาหารจากที่อื่นก่อน ขณะ รับประเคนต้องอาบัติทุกกฎ ๒. ขณะฉันต้องอาบัติปาจิตตีย์ ต. ยกเว้นภิกษุอาพาธ หน้าจีวรกาล หรือเวลาทำจีวร ไม่ ต้องอาบัติ ๒๖๘ วิiSti www.kalyanamitra.org
สิกขาบทที ๔ ภิกษเข้าไปบิณ่ฑบาตในบ้านทายกเซาเอาขนมมาถวายเป็น อั1ฒาก จะรบได้เป็นอย่างมากเพียง ฅ บาตรเท่านน ถ้าร้บให้ เกนกว่านั้น ด้องปาจิตดืย์ ของที่รบมามากเช่นนั้น ด้องแปงให้ ภกษุอื่น คำ ว่า ขนม โนสิกขาบฺทนี้ หมายถึง ขนมหรือของกินที่ เขาเตรืยมไว้สำหรับเป็นของฝาก หรือของที่เตรืยมไว้สำหรับเดิน ทาง หลักเกณฑ์การปรับอาบ้ต 0. รับเกิน ฅ บาตร ต้องอาบัดิปาจิตตีย์ ๒.รับม่าแล้วไม่แปงภิกษุอื่น ต้องอาบัดิทุกกฏ ๓,รับของที่ไมใช่ของฝาก หรือขฺองเสบียงสำหรับเดินทาง ไม่ต้องอาบัดิ สิกขาบทที่ ๕ ภิกษุลันด้างอยู่ มีผู้เอาโภชนะทั้ง ๕ อย่างใดอย่างหนึ๋ง เข้ามาประเดน ห้ามเสิยแล้ว ลุกจากที่นั่งนั้นแล้ว ลันของเคี้ยว ของลันซึ่งไฝเป็นเด!๓กษุไข้ หรือไฝได้ทำวินัยกรรม ด้องปาจิตตีย์ คำ ว่า ห้ามเสิยแล้ว หมายถึง ขณะลันอาหารทายกนำ อาหารมาประเคนให้อีก บอกปฏิเสธว่าพอแล้ว คำ ว่าของเคี้ยว หมายถึง ของที่กินเป็นอาหารว่าง เช่น ผลไม้ วินัย ๒๖๙ www.kalyanamitra.org
คำ ว่า ของฉัน หมายถึง โภชนะทั้ง ๕ ตามสิกขาบทที่ 0 คำ ว่า เดนภกษไข้ หมายถึง ของที่ภิกษุไข้ฉันเหลือ เรีย่ก ว่า ของเป็นเดน 'หลกเกณฑ์การปรบอามุติ 0. ภิกษุห้ามภัตรแล้ว รับของเคี้ยวของฉันอีก หรือรับของ ที่ไม่เป็นเดนดวยตั้งใจว่าจะฉัน ขณะรับประเคน ต้องอาบัติทุกกฎ ๒,ขณะฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ฅ.ฉันของที่เป็นเดน และอาหารที่ภิกษุอื่นทำวินัยกรรม ไม่ ต้องอาบัติ สิกข่าบทฺท ๖ ภิกษร้อยวา ภิกษอื่นห้ามข้าวแล้ว คิดจะยกโทษเธอ <|ฃิ V 1 แกล้งเอาชองเคี้ยวซองฉันที่ไม่เป็นเด่นภิกษุไ'^ปล่อให้เธอฉัน ล้า เธอฉันแล้ว ล้องปาจิดติย์ ภิกษรืว่าภิกษรูปอื่นห้ามภัตรแล้ว คิดจะแกล้งให้ต้องอาบัติ จึงนำอาหารที่ไม่เป็นเดนไปหลอกให้ฉัน ล้าเธอฉัน ภิกษุรูปที่แกล้ง ต้องอาบัติปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๗ ภิกษุฉันของเคี้ยวชองฉันที่เป็นอาหารในเวลาวิกาล คิอ ดั้งแต่เที่ยงแล้วไปจนถึงรันใหม่ ล้องปๆจิดดีย์ ๒๗.อ วํนัย www.kalyanamitra.org
หลกเกณฑ์การปรบอาบต 0. ฉันของเคี้ยวของฉันใน่เวลาวิกาล ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. ฉันยาไม่ต้องอาบัติ สิกขาบทที่ ๔ ภิกษุฉันของเคี้ยวของฉันที่เป็นอาหารชึ๋งรบประเคนไว้ ค้างคืน ค้องปาจิตตีย์ ภิกษุฉันอาหารที่เป็นส์โนนิธิ คือ.อาหารที่เก็บสะสมไว้ข้าม คืน ต้องอาบติปาจิตตีย์ ยกเว้นของที่เป็นส์'ตตาหกาลิกคือ ฉันภายใน ๗ วัน เซ่น นํ้ามัน นํ้าผึ้งเป็นต้น และของที่เป็นยาวข้วิก คือ ฉันไต้ตลอตชีวิต เซ่นยาตำง า ไม่ต้องอาบัติ สิกขาบทที่ ๙ * ภิกษุไม่โข่ผู้อาพาธ ขอโภชนะอฺนประณีต คือ ข้าวสุก ระคนค้วยเนยใส เนยข้น นํ้ามัน นํ้ๆผึ้ง นํ้ๆค้อย ปลา เนอ 'นมสต ค้ม ต่อคฤหสถ์ที่ไม่ใช่ญาติไม่ใซ่ปวารผา เอามาฉัน ค้องปาจิตตีย์ หลักเกณฑ์การปรบอาบัติ 0.ภิกษุไม่อาพาธ ขอโภขนะอนประณีตตามสิกขาบทนี้ ต่อ คนที่ไม่ใช่ญาติไม่ใซ่ปวารณา ขณะรับต้องอาบัติทุกกฎ ๒. ขณะฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๓. ขอต่อคนที่เป็นญาติและเป็นปวารณา ไม่ต้องอาบัติ .วินัย ๒๗๑ www.kalyanamitra.org
สิภชๆบทที่ 00 ^ษุกลืนกินอาหารที่ไฝมี^ห้ สิอยังไฝได้รับประเคน ให้ ล่วงทวารปากเช้าไป ด้องปาจิตตีย์ เว้นไว้แด่นํ้าและไม้ลืฟิน หลกเกณฑ์การปรับ&าบต 0. ภิก1^อเอาของที่ยั3ไฝประเคน ขณะหยิบต้องอาป๋ติทุก่กฏ ๒. ถ้าฉันเข้าไปต้องอาบัติปาจิตตีย์ ต. ภิกษุอาพาธหนัก เซ่นถูกงูกัด หยิบเอายามหาวิกัฅ ๔ อย่าง คือ มูตร คูถ เถ้า ติน ฉันโตยไม่ต้องรับประเคนไต้ ไม่ต้อง อาบัติ ปืญหาและเฉลยโภชนวรรคที่ ๔ 0. ถาม โภชนะเซ่นไร เรียกว่า ปรัมปรโภชนะ ภิกษุฉันปรัมปร- โภชน์ต้องอาบัติอะไร ? ตอบ ภิกษุรับนิมนต์ฉันโภชtiะทั้ง ๕ อย่างโด่อย่างหนึ๋งไว้ก่อน แล้วํไม่ไป ไปฉันโภชนะนั้นเสิยที่อื่นซึ่งพรัอ่มเวลากัน นั้ เรียกว่า ปรัมปรโภชนะ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เว้นไว้แต่ สมัยคราวเป็นไข้ คราวถวายจีวร คราวทำจีวร ใอ. ถาม โภชนะ ๕ ได้แก่อะไรบ้าง และฉันที่เรียกว่าฉันเป็น คณะจะต้องมีจำนวนตั้งแต่กี๋รูปขึ้นไป? ตอบ ได้แก่ข้าว ขนมสต ขนมแห้ง ปลา และเนื้อ ฉันเป็น คณะจะต้องมีตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ๓. ถาม ทรงบัญญัติสิกขาบทที่ ๕ แห่งโภชนะวรรคไว้ด้วย พระพุทธประสงต์อย่างไร ? ๒๗๒ วิiiy www.kalyanamitra.org
ตอบ ด้วยพระพุทธประสงค์จะรักษาหน้าขฺองทายก หากว่า ภิกฺษุรับนิมนต์ไปฉันในที่แห่งหนึ่งได้อาหารไมคูกปาส ก็ จะฉันแต่เล็กน้อย ห้ามของที่เขามาอังคาสนนเสิยและ • จะไปฉันที่อี่นอีก ดูเหมือนทายกนั้นไม่สามารถเลี้ยงให้ อิ่มหน้า ทาให้เขาได้ความเก้อ เมื่อมืสิกขาบทนี้ภิกษุ จะไม่สามารถทำอย่างนั้น ๔. ถฺาม เวลาวิกาลคือซวงเวลาใดและถ้าภิกษุสงส์'ยในเวลาไม่แน่ ใจแล้วยังฉันอาหารในเวลาวิกาลพอคื อาบัติหรือไม่ ? ตอบ เวลาวิกาลคือตั้งแต่เที่ยงรันแล้ว จนอรุณฺขึ้น และสงสัย ว่าใช่หรือไม่ใช่ ยังฉันไม่อาบัติทุกกฏ แต่อาบัติปาจตตีย์ เพราะเ&นอจิตตกะในช่วงเวลาวิกาลฒัด้องอาบติปาจิต่ตีย์ ๕.ถาม คำ ว่า วิกาลในสิกขาบทที่ ๗ แห่งโภชนวรรคที่๔หมาย . ถึงเวลาไหน ถึงเวลาไหน ? ตอบ คำ ว่า วิกาลในสิกขาบทที่ ๗ แห่งโภชนวรรคที่ ๔ หมาย ถึงเวลาตั้งแต่เที่ยงรันไปแล้วจนถึงอรุณขึ้น ๖.ถาม ภิโเษุขอโภชนะต่อคฤหัสถ!มใซ่ญาติอย่างไร จึงไม่อาบัติ และเป็นสจิตตกะ ? ตอุบ ๑. อาพาธ ไม่ได้โภชนะนั้นไม่มืความสุข ๒.เมื่อภิกษุผู้อาพาธขอมา ภิกษุ^ม'อาพาธจะฉันด้วยก็ได้ ต. ภิกษุไม่อาพาธขอต่อคฤหัสถ์ให้ภิกษุผู้อาพาธก็ได้ ๔. ภิกษุไม่อาพาธขอต่อญาติหรือผู้ปวารณามาเพื่อฉัน สิกขาบทนี้เป็นอจิตตกะ ๗.ถาม โภชนะอย่างไรได้ขึ้อว่าโภชนะอันประณีต ? ตอบ โภชนะ เช่น เนยใส เนยข้น นํ้ามัน นํ้าผึ้ง นํ้าอ้อย ปลา เนี้อ นมสต นมล้ม อย่างใตอย่างหนึ่ง ร่อว่าโภชนะอัน วินัย ๒๗ฅ่ www.kalyanamitra.org
ประณีต ๘.ถาม วิธีประเคนที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยถักษณะอย่างไร? ตอบ วิธีประเคนที่ถูกต้องนั้นต้องประกอบด้วยองค์ดังนี้ ๑. ของที่จะประเคนนั้น ไม่ใหญโตหรือหนักเกินไป พอ คนปานกลางรับไต้คนเดียว ๒. ผู้ประเคนเข้ามาอยู่ในหัตถบาล ๓. ผ้ประเคนน้อมเข้ามา ๔. กิริยาที่น้อมเข้ามานั้น ด้วยกายหรือของเนื่องด้วย กายก็ไต้ * ๕. ภิกษุผู้ร้บประเค'ฒัม่ด้วยกายหรือของเนื่องด้วยกายก็1ต้ ๙. ถาม ภิกษุไปบิณฑบาตกถับมาแล้วฉันบิณฑบาตนั้น โดยมิได้ •โหัสืษย์ประเคนก่อน อย่างนี้เออจะด้องอาบิตอะไรหรือไม่ เพราะเหตุไร? ตอบ .ไม่ต้องอาบัติ เพราะอาหารที่บิณฑบาตได้มานั้น มีผู้ใหั หรือประเคนแล้ว คือผู้ดักบาตร ฉะนั้นจึงไม่ต้องให้ติษย์ ประเคนก่อนก็ฉันได้ ๒๗๔ วิใโ'ย www.kalyanamitra.org
อเจลกวรรคที่^ มี eo fคซาบท สิกขาฃทที่ ๐ ภิกษุให้ชองเคี้ยวชองฉันนก่นักบวชนณาศาสนาด้วยมือ ชองตน ด้องปาจิดดึย์ คำ ว่า ชองเคี้ยวชองฉัน หมายถึง อาหารทุกชนิด 71ใซ้ รับประทานได้ เซ่น ข้าวสุก ขนมสด ขนมแห้ง ปลา เนื้อ ผลไม้ เฝือก มัน เป็นด้น คำ ว่า นักบวชนอกศาสนา หมายถึง นักบวชนอกศาสนา พุทธทุกประเภท มีอเจลกะ คือ พวกซีเปลือย ปริพาชก ปริพาซีกา คือนักบวชผู้ชายผู้หญิงพวกหนึ๋งชอบเที่ยวแสดงปรัชญาของตนใน ที่ต่างา บาทหลวง พราหมณ์ เป็นด้น หลกเกณฑ์การปรับอาบัติ 0. ยื่นอาหารให้นักบวชนอกศาสนา ด้วยมีอตนเอง ตักให้ หรือโยนให้ ต้องอาบัติปาจิตตีย วิ14ย ๒๗๕ www.kalyanamitra.org
๒.ให้นํ้าและไม้ชำระฟ้น ต้องอาบตทุกกฏ ๓ ส์งให้คนอื่นให้ วางให้ หรือให้ของอยางอื่นนอกจาก ของเคี้ยวของฉันไม่ต้องอาบัติ สิกขาบทที่ โอ ภิกษุซวนภิกษุอึ๋นไปเที่ยวบัณฑบาตด้ายกัน หวงจJ ประพฤด้อนาจาร ไล่เธอกกับมาเสิย ด้องปาจิตตีย์ หกักเกณฑ์การปรืบอาบต 0 ภิกษุต้องการประพฤติชั่ว ไล่ภิกษุทีไปต้วยกันกลับ ขณฺะ บอกให้กลับต้องอาบัติทุกกฎ ๒. เมือไปลับสายตา ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ฅ. รับบาตรเต็มแล้ว หรือว่ามืธุระรืบดวน บอกให้กลับ กอนไม่ต้องอาบัติ สิกขาบ่ฑ่ที่ ๓ ภิกษุล่าเร็จการนั่งแทรกแซงในสคุลที่เขากำกังบริโภค อาหารอยู่ด้องปาจิตตีย์ ' ภิกษุเข้าไปนั่งขัดคอซาวบ้านในขณะที่เขากำลังบริโภค อาหารอยู่นั้น เป็นการเสิยมารยาทอย่างมาก ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒๗๖ วินัย www.kalyanamitra.org
สิกขาบทที่ ๔ ภกษุนั่งอยู่โนหองกับผู้หญิง ใฝมีผู้ชายอยู่รนผื่อน ด้อ่ง ปาจิตตีย์ คำ ว่า นั่งในห้อง . หมายถึง นั่งในฑลับตา มีส์งกำบัง คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา คำ ว่าไม่มีผู้ชายอยู่เป็นเพื่อน หมายถึง ผู้ชายที่รูเดียงสา หลกเกณฑการปรบอาบติ 0. นั่งหรือนอนในที่ลับตา ไม่มีผู้ชายที่รู้เดียงสาอยู่ด้วย ด้องอาบัติปาจิตดีย์ ๒. นั่งที่ลับตากับผู้หญิงหลายคน ด้องอาบัติปาจิตตีย์ ฅ. ถ้ามีผู้ชายรู้เดียงสาอยู่ด้วยไม่ด้องอาบัติ สิกขาบทที่ ๕ ภกษุนั่งโนที่แจ้งกับหญิงสองต่อสอง ต้องปาจิตตีย์ คำ ว่า นั่งโนที่แจ้ง หมายถึง นั่งในที่ลับหู คีอหูไม่ได้ยิน เสียงของการพูดกัน แต่สามารถเห็นได้ด้วยสายตา หลกเกณฑ์การปรบอาบัติ 0. นั่งในที่ลับหูสองต่อสองด้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. ถ้ามีผ้หฌิงอยหลายคนไม่ตองอาบัติ ข ^า1ย ๒๗๗ www.kalyanamitra.org
สิกขาบทที่ ๖ ภิกษุผันิมนต์ด้วยโภช่นะทั้ง ๕ แล้ว จะไปในที่อื่นจากที่ นิมนต์นั้น ในเวลาก่อนฉันก็ดี ฉันกลับมาแล้วก็ด้ ด้องลาภิกษุที่ มีอยู่ในวัดก่อนจึงจะไม่ได้ ล้าไฝลาก่อนเที่ยวไป ด้องปาจึดดย์ เว้นไวัแตลม้ยคือ จึวรกาล และเวลาทำจึวร ทุลักเกณฑ์การปรบอาบต 0..ภิกษุรับนิมนต์แล้ว ก่อนถึงที่นิมนต์ห้ามแวะที่อื่น หรือ ว่าหลังฉันเสฺร็จแล้วขากลับมาแวะโนที่อื่น ล้าล่วงละเมีดต้อง อาบติปาจิตตีต์ ๒.ก่อนไปที่อื่นบอกภิกษุรูปใดรูปหนึ่งไว้ ไปเพราะเหตุจำเป็น ในสมัยจีวรกาล หรือเวลาทำจีวร ไฝต้องอาบติ สิกขาบทที่ ๗ ล้าเขาปวารณาด้วยปีจจัย ๔ เพียง ๔ เคือน พีงซ'อุ เซาได้เพียงกำหนดนั้นเท่านั้น ล้าขอให้เกินกว่าก่าหนดนั้นไป ด้อง ปาจิตตีย์ เว้นไว้แต่เขาปวารณาอีก หรือปวารณาเป็นนิตย์ คำว่า ปัจจัย ๔ หมายถึง จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และ๓ลัซ การขอสิงใดก็ตาม ล้าเกินกำหนดที่เขาปวารณาไว้1ม่ สมควร คำ ว่า ปวารณา หมายถึง การที่คฤหัสถ์ออกปากบอกให้ ภิกษุขอสิงที่ต้องการจากดนไต้ ในคัมภิวิภังต์ มี ๔ อย่างคือ ๒๗๘ วิปัย www.kalyanamitra.org
o. ปวารณากำหนดป้จจัย เซ่นต้องการอาหารบิณฑบาต ให้ขอไต้ ๒. ปวารณากำหนดเวลา เซ่นตลอดเวลา ๔ เดอน ต้อฺงการ ส์งโดขอไต้ ๓. ปวารณากำหนดทั้งปัจจัยและเวลา เซ่น ถ้าต้องการ บิณฑบาต ขอไต้ตลอดเวลา ๔ เดือน ๔. ปวารณาไม่กำหนดทั้งปัจจัยและเวลา เซ่น ถ้าต้อง การสิงโต นิมนต์ขอไต้ตลอดเว่ลา โนปวารณาทั้ง ๔ นั้น เขาปวารณาอย่างไร ขอไต้ตามที่ ปวารณานั้น หลกเกณฑ์การปรบอาบต 0. ภิกษุขอไต้ตามกำหนด บิจจัยและเวลา ไมตองอาบัติ ๒. ปวารณาเป็นนิดย!ม่ต้องอาบัติ ต. ถ้าขอเกินกำหนดปัจจัยและเวลาต้องอาบัติปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๘ ภิกษุไปคกระบวนทฺพ ที่เขายกไปเพื่อจะรบกัน ต้อง ปาจิตตีย์ เว้นไว้แดมเหดุ หลกเกณฑ์การปรบอาบัติ 0. ภิกษุตั้งโจจะไปดูกองทัพ ขณะไปต้องอาบัติทุกกฎ ๒.ขณะดูกองทัพ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ต. ญาติของภิกษุป่วย หรือไปเห็นโดยบังเอิญ ไม'ต้องอาบัติ วินัย ๒๗๙ www.kalyanamitra.org
สิกขาบทที่ ๙ ถ้าเหดุที่ดองไปมีอยู่ พึงไปอยู่ในกองทพได้เพียง ๓ วัน ถ้าอยู่ให้เกินกว่ากาหนดนั้น ด้องปาจิตตีย์ หลักเกณฑ์การปรับอาบัติ 0. ถ้าอยู่ ต วัน ไม่ต้องอาบัติ วันที่ ๔ ต่อเมื่อพระอาทิตย์ ตกดิน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. ถ้ามีเหตุจำเป็นเซ่น เจ็บในกองทัพ กองทัพถูกข้าสิก ล้อม หรือพยาบาลภิกษุไข้ ไม่ต้องอาบัติ สิกขาบทที่ 00 ในเวลาที่อยู่ในกองทัพดามฺกำหนดนั้น ถ้าไปดูเขารบกัน กิตี หรือไปดูเขาดรวจพลก็ด ดูเขาจดกระบวนทัพกิตี ดูหมู่ เสนาที่จดเป็นกระบวนแล้วกิตี ด้องปาจิตตีย์ ในสิกขาบทนื้มีเนื้อความซัดเจนอยู่แล้ว คือ ห้ามไม่ให้!ป ดูเขาจํดทัพตามยุทธวิธี ป้ญหาและเฉลยอเจลกวรรคที่ ๕ 0. ถาม บุคคลที่เรืยกว่า ปริพาชก ปริพาซิกาคือใคร ภิกษุให้ของ เคี้ยวและของกินแก่บุคคลเหล่านั้น อย่างไรเป็นอาบัติ • อย่างไรไม่เป็นอาบัติ ? ตอบ ปริพาซกฺ คือนักบวชผู้ชายนอกพระพุทธศาสนา ปริพาซิกา คือนักบวชผู้หญิงนอกพระพุทธศาสนา ■ให้ ต้วยมีอของตนต้องอาบัติปาจิตตีย์ สิงให้บุคคลอื่นให้ ๒๘0 วิฟ้ย www.kalyanamitra.org
หรือวางให!ฝเป็นอาบัติ ๒.ถาม ภิกษุ ก ซวนภิกษุ ขไปบิณฑบาตแล้วไล่ภิกษุ ข กลับมา • ต้องอาบัติหรือไม่.? ดอบ ภิกษุก อาบิต ล้าไล่กลับมาเพราะตนจะประพฤติอนาจาร ไม่อาบัติ ล้ามีเหฬุาเป็น เซ่น บาตรเต็มให้กลับมาก่อน ๓.ถาม ภิกษุเข้าหาสกุลที่สามีภรรยาเขากินข้าวกันอยู่ ไปนั่งอยู่ ต้วย ต้องอาบัติห่รือไม่ ? ตอบ มีความผิดต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะในสิกขาบทห้าม ภิกษุนั่งแทรกแซงในสกุลที่เขากำลังบริโภคอาหารกันอยู่. ๔.ถาม ภิกษุแสดงธรรมกับผู้หญิงซี่งมีสามีเขาอยู่ต้วย ต้อง อาบัติหรือไม่ ? ตอบ ไม่ต้องอาบัติเพราะอาการแสดงธรรม แต่ล้านั่งในเรือน นอนของเขฺาต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะเข้าไปนั่งแทรก แซุงตามสิกขาบทที่ ต แห่งอํเจลกวรรค. ๕. ล่าม ภิกษุนั่งในห้องกับผู้หญิงไม่มีผู้ซายอยู่เป็นเพี๋อน เป็น อาบิตอะไร ล้ามีผู้หญิงอยู่หลายคนคุ้มโทษไต้หรือไม่ และล้ามีภิกษุ๒ รูปต้วยกัน ที่อว่ามีผู้ซายอยู่เป็นเพี่อน ไต้หรือไม่เพราะเหตใด ? ตอบ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ล้ามีผู้หญิงอยู่หลายคนคุ้มโทษไม่ไต้ และซี่อว่ามีผู้ซายอยู่เป็นเพี่อนไต้ ๖.ถาม ในสิกขาบทของปาจิตตีย์กล่าวถึงการที่ภิกษุจะรับปัจจัย ของบุคคลผู้ปวารณาไว้อย่างไรบ้าง จงอธิบาย และปัจจัย ที่ว่าคือปัจจัยอะไร ? ตอบ ล้ามีบุคคลปวารณาให้รับปัจจัยไต้ฟ้งรับไต้เพียง ๔ เดือน ว๊นย ๒๘อ www.kalyanamitra.org
ถ้าขอเกินกว่ากาหน(?^ ๔ เดือน ต้องปาจิตฺดืย์ เวนไว้แต่ .เขาปวารณาอีกหรืฮฺเขาปวารณาตลอดชีวิต ปัจจัยที่ว่า' ดือปัจจัยอันไต้แก่ จีวร ปิณฑบาต เสนาสนะและเภอัช. ๗.ถาม ถ้ามีเหตุจำเป็นพิเศษ เซ่นเจ็บอยู่ในกองทัพอยู่เกินกว่า ค วัน ต้องอาบัติหรือไม่ และเหตุจำเป็น่มีอะไรบ้าง เมื่อ อยู่โนกองทัพต้องระงับเรื่องอะไรบ้างจีงจ่ะไม่อาบัติ ? ตอบ ไม่อาบัติปาจิตตีย์ เหตุจำเป็นโดยทั่วไปได้แก่ 0. ญาติป่วย ขอเข้าพบไต้ ๒. กระบวนทัพฝานมาทางอารามบังเอิญเห็น ค. มีอันฺตรายเกิดขึ้น เซ่น ถูกจับเป็นเฉลย เมื่ออยู่ในกองทัพต้องระงับไม่ไปดูเขาจัดทัพ ไม่ไปดูเขา 'รบกัน เป็นต้น ๘. ถาม ภิกษุเดินไปปิณฑบาต่ ฝานหน้าสนามแกทหาร เหลียวดู เขาแกทหารจะอาบัติหรือไม่เพราะเหตุใด ? ตอบ ไม่อาบัติด้วยอเจลกวรรคสิกขาบทที่ 00 เพราะแถว ทหารนั้นเป็นแถวแกทัดไม่ใซ่แถวที่กำลังจะไปรบ แต่ อาบัติทุกกฏ เพราะไม่ทอดจักษุ ไอ๘๒ วินัย www.kalyanamitra.org
สุราปานวรรคที่ ๖ มี eo สิกขาบท สิกขาบทที่ 0 ภิกษุดื่มนๆเมา ต้องปาจิตตีย์ สักษํณะนํ้าเมามี ๒ อย่าง 0.เมรย ไดเฅ่ นํ้าอ้นมีรศหวานทุกชนิดเซ่นนาอ้อยนา๓ลสด หรือผลไม้ต่าง ๆ เอามาหม้'กหรือแซ่ จนรสหวานกลายเป็นนํ้าเมา ๒.สุรา ได้แก่ เมรัยที่เขากลั่นแล้ว ซึ่งจะมีรสเมาแรงขึ้น หสักเกณฑ์การปรับอาบัติ 0. ภิก]ฐ้ห่รือไม่Pฑมดี่มนํ้าเมาฒ่เช้ไ^ ๒. ๓นำไชประกอบยารักษาโรค หรือโmJรุงในอ่าหารเล็กา สักขาบทที่ ๒ วิใ!ย ๒๘ต ภิกษุ!ภิกษุ ต้องปาจิตตีย์ www.kalyanamitra.org
จี้ภิกษุเล่น ต้องฺอาบ'ติปา?ตตีย์ ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ใช่ภิกษุต้อง อาบัติทุกกฎ สิกขาบทที่ ฅ ภิกษุว่ายนํ้าเล่น ดุ้องปาจดดีย์ หลกเกณฑ์การปรบอาบัด .0. นํ้าลึกพอที่จะดำไต้มิดตัว หรือลึกพฺอที่จะว่ายไต้ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ .• ' ๒. เอามือวักป้าเล่น เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฎ ฅ. เล่นป้าในภาชนะต่าง•เ .ต้องอาบัติทุกกฎ สิกขาบทที่ ๔ ภิกษุแสดงความไม่เอื้อเ^อในรืนย ต้องปาจิตตีย์ ความไฝเอื้อเหื้เอ ๒ อย่าง 0.ไม่เอื้อเฟ้อในบุคคล คือ ภิกษุผู้ว่ากล่าวตักเตีอนส์'งสอน ๒. ไม่เอื้อเฟ้อในธรรม คือ พระบัญญัติและหลักธรรมที่ เมื่อทาผิดแล้วถูกภิกษุอื่นยกพระบัญญัติและหลักธรรมขึ้นตักเติอน หลักเกณฑ์การปรบอาบัติ 0.แสดงความไม่เอื้อเฟ้อต่อภิกษุผู้ตักเตือน หรือพระบัญญัติ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒๘๔ วนัย www.kalyanamitra.org
๒. แสดงความไฝเอื้อเฟ้อต่อฺผู้ที่ไม่ใช่ภิกษุ หรือต่อหลัก ธรรมที่ไม่ใช่พระบัญญัติ ต้องอาบัติทุกกฏ รกชาบทที่ ๕ ภิกษุหลอ!๓กษุให้กลัวN ต้องปาจิตตีย์ คำ ว่า การหลอนหมายถึง การชุเด การแสดงอาการอยางที่น ให้ตกใจกลัวผีหรือชุเดขู่ให้กลัว แอบเอามือมาแตะกายให้ตกใจ เป็นต้น หลักเกณฑ์การปรืบอาบัด ฅ.ไม่ตั้งใจจะทำให้ตกใจ ไม่ต้องอาบัติ รกชาบทที่ ๖ ภิกษุไม่เป็นใช้ ตดไฟให้เป็นเปลวเองก็ตี ใช้ให้ต้อนตีตภิตี เพี่อจะผง ต้องปาจิตตีย์ ตีด่เพี่อเหตุอื่นไม่เป็นอาบัติ หลักเกณฑ์การปรบอาบัติ 0. ภิกษุไม่เป็นไข้ ติดไฟเองหรือใช้ให้คนอื่นติดไฟ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ ๒. ถ้าก่อเพี่อเหตุอย่างอื่น เช่นป้องกันลัตว์ร้าย เพี่อจะต้ม นํ้า เพี่อภิกษุอาพาธ ที่เรือนไฟ หรือที่คนอื่นก่อไว้แล้วไม่ต้องอาบัติ วิฟัย ๒๘๕ www.kalyanamitra.org
สิกขาบทที่ ๗ ภิกษุอยูโผัชฌิมประIทศ คือจังหวัดกลางแฟงประIทศ อินเดีย 0๕ วันจึงอาบนํ้าได้หนหนึ่ง ถ้ายังไฝถึง 0๕ วัน อาบ นํ้าด้องปาจึดดีย์ เว้นใวัแด่มีเหดุจัาร่นโน!เจจันฅประเทศ เช่น ประเทศเรา อาบนํ้าได้เป็นนตย์ ไฝเป็นอาบัติ หลณกณฑ์การปรบอาบัติ 0.ภิกษุอยูในมัซฌิมประเทศ ถ้าอาบนํ้าก่อน ๑๕ วัน ตอง อาบัติปาจิตตีย์ ๒.ยกเว้นในกรณีเหล่านี้คีอ อยูในช่วงท้ายฤดูร้อน 0 เดือน ครึ่ง และช่วงเดือนแรกของฤดูฝน เป็นไข้ ทำงานเหงี่อออกมาก เดินทางไกล เจอพายุฝน ไฝตองอาบัติ สิกขาบทที่ ๘ ภิกษุได้จึวรใหม่มา ด้องฟ็นทุด้วยสิ ฅ อย่าง คือ เขียว คราม โคลน ดำ คลํ้า อย่างใคอย่างหนึ่งก่อนจึงนุ่งห่มได้ ถ้า ไม่พินทก่อนแล้วนุ่งห่ม ด้องปาจึดติย์ คำ ว่า พินทุ หมายถึง การทำผ้าใท้เสิยสิด้วยจุดกลม ๆ ขนาดใหญเท่าแววตานกยูง ขนาดเล็กเท่าหลังตัวเรือดไว้ที่มุมผ้า ด้วยสิเขียวคราม โคลน คำ คํ้า สิกขาบทที่ ๙ ภิกษุวิกัปจึวรแก่ภิกษุก็คื ภิกษุณึก็ดี นางสิกขมานาก็คื ๒๘๖ วิใ4ย www.kalyanamitra.org
สามเณรก็ดี สามเณรีทดื ผู้รีบยังไม่ไดถอน ใฬ่ห่มจีวรนั้น ต้อง ปาจีตตีย์ คำ ว่า วิกัป หมายถึง การทำให้เป็นสองเจ้าของ ผ้ามีสอง เจ้าของเก็บไว้เกิน 00 วันได้ ถ้าจะนำมาโซให้บอกภกษุผู้รวมเป็น เจ้าของนั้น ทำ ปีจจุทธรณ์ คือ กล่าวคำถอนวิกัปเสิยก่อนจึงโฟ้.ด้ ถ้าไม่ถอนวิกัปฺนำมาใช้ ด้องอาบติปาจิตตีย์ สิกขาบททุ 0๐ ภิกฬุ่อนบริขาร คือ บาดร จีวร ผ้าปูนั่ง กล่องเช็มฺ ประคดเอว สิงใดสิงหนึ๋งฺของภิกษุอื่น ต้วยคืดว่ๆจะล้อเล่น ดอง ปาจิตตีย์ หล้กเกณฑ์การปรีบอาบต 0. ภิกษุซ่อนเอง หรือใช้ให้คนอื่นซ่อนบริขารตามที่กล่าว แล้วฺ เพื่อจะแกล้งเล่น ด้องอาบัติปาจิตตีย์ . ๒. ฝวนบริขารอื่นนอกจากที่กล่าวไว้ หรือบริขารของ สามเณร ด้องอาบัติทุกกฎ , ต. เห็นวางบริขารไม่เป็นที่ ตั้งใจจะเก็บไว้ให้!ม'เป็นอาบัติ ป้ญหาและเฉลยสุราปานวรรคที่ ๖ 0. ถาม สุราและฒรยต่าง่กันอย่างไร สิกขาบทช้อที่ห้ามดื่มนํ้าเมา นี้เป็นสจิตตกะหรืออจิตตกะ และยกเว้นในกรณึใดบ้าง? ตฺอบ สุราและเมรัยต่างกันดังนี้คือเมรัยได้แก่นํ้าอันมีรสหวาน วินัย ๒๘๗ www.kalyanamitra.org
ที่กลายเป็นรสเมาเอง เซ่น นํ้าตาลสด ส่วนสุรา ไต้แก เมรัยที่เขากลั่นสกัดให้มีรสเม่าแรงขึ้นอีก สิกขาบทที่ เกี่ยวกันสุรานี้เป็นอจิตตกะ และยกเรันในกรณีที่ 0.ของนั้นไมโซ่นาเมา แต่มีสีกลิ่นรสคลายนั้าเมา เซ่น ยาดองบางอย่าง ๒.นั้าเมาอันเจือในแกง ในเนื้อหรือในของอื่นเพี่อซูรส หรือกันเสียอันมีปน่อยู่น้อย จนอาจบอกไต้ว่าไฝมี. ซึ่งมีขึ้อเรืยกว่า อัพโพหารืก (มีก็เหมีอนไม่มี) ๒.ถาม ภิกษุดื่มนั้าเมาต้องปาจิตตีย์ ถ้าสูบล่นสูบกัญชาต้อง อาบัติอะไร ? ตอบ อาบตทุกกฏ ๓. ถาม ภิกษุต้องอาบัติเพราะความชุกซนมีอย่างไรบัาง ? ตอบ มีอย่างนื้ คือ เล่นจี้ เล่นนั้า.หลอนภิกษุ ซ่อนของเพี่อ ล้อเล่น ๅฐดเย้าให้เกิดความรำคาญ ๔.ถาม ในสิกขาบทที่ว่าภิกษุว่ายนํ้าเล่นต้องปาจิตตีย์นั้นลักษณะ อย่างไรที่เป็นการเลนนั้าแล้วอาบัติ ? ตอบ 0. นํ้าลีกพอที่จะดำไต้มิดตัวหรือว่ายไต้โดยสะดวกเป็น วัตถุแห่งปาจิตตีย์ ๒. เล่นอย่างอื่นเซ่นเอามีอวักนั้าเป็นต้น เป็นวัตถุแห่ง ๓. นั้าตื้นไม่ถึงกำหนดที่จะเป็นปาจิตตีย์ก็ตี นํ้าใน ภาชนะก็ตี เป็นวัตถุแห่งทุกกฎ ๔. ถาม ความไม่เอื้อเพี่อในพระวินัยมกี่อย่าง อะไรบัาง ? ตอบ. ความไม่เอื้อเพี่อในพระวินัยมี ๒ อย่างไต้แก่ Q.ไม่เอื้อเพี่อในบุคฺคล คือผู้กล่าวลั่งสอนตักเตีอน ๒๘๘ วิฟ้ย www.kalyanamitra.org
๒.ไฝเอื้อเฟ้อในธรรม คีอบัญญ้ตและธรรมอันมิใซ่บัญcp ๖. ถาม ในสิกขาบทvlให้ ๑๕ วันสรงนํ้าไดครั้งหนึ่งนั้น บัญญัติ ไว้เพื่อจะใซในกรณใด ? ดอบ ในกรณีที่เป็นประเทศอัดคุดนํ้าเฉพาะที่อันดารนํ้า เซ่น ในประเทศดอน ในคราวฤดูแล้ง เซ่นภาคกลางอินเดีย. ๗.ถาม คำว่า พินทุอัปปะ ดีออะไร? ตอบ คำว่า พินทุกปปะ คือการทำให้เสิยสิ วัตถุสำหรับทำให้ แ[ยสิ คือเขยวคราม โคลน ดำคลํ้ๆ ทำ ให้เป็นจุดกลม .หรือดวงกลมใหญ่เท่าแววดาวนกยูง เล็กเท่าหลังตัวเลือด ๘. ถาม จีวร ผ้านิสิทนะ อังสะ ผ้าเช็ดหน้า อย่างไหน ควรพินทุ อย่างไหนไม่ควรพินทุ เพราะเหตุใด ? ตอบ จีวร อังสะ ควรพินทุเพราะใช็นุ่งหม ผ้าน้สิทนะ ผ้าเช็ดหน้า ไม่ควรพินทุ เพราะไมใช้นุ่งห่ม ๙.ถาม บริขาร ๘ มิอะไรบ้าง ภิกทุซ่อนบริขารของ0นเพื่อ ล้อเล่นต้องอาบัติอะไร? ตอบ บริขาร ๘ มิ 0. ลังฆาฏิ. ๒. อุดตราสงค์ ฅ..อันตรวาสก ๔. บาตร ๕. มิดโกน ๖.กล่องเช็ม ๗. ประคดเอว ๘. ผ้ากรองนั้า ๐๐.ถาม ภิกษุซ่อนบริขารของภิกษุและสามเณรต้องอาบัติอะไร ล้ามิเจตนาจะเก็บไว้ให้จะอาบัติหริอไม่ ? .ตอบ ภิกษุซ่อนบาตรจีวร ผ้าปูนั่ง กล่องเข็ม ประคดเอวของ ภิกษุ ต้องปาจิตตีย์ ซ่อนบริขารอื่นหริอบริขารของ สามเณรต้องทุกกฎ ล้าซ่วยเก็บเอาไว้ให้โม่เป็นอาบัติ. วิปัย ๒๘๙ www.kalyanamitra.org
สัปปานวรรคฑี๋ ๗ มี 00 สักชาบท สิถฃาบทที่ 0 ภิกษุแกล้งฆ่าสัตว์ดิร้จฉ่าน ต้องปาจิตตีย์ หสักฺ๓ณฑ์การปรบอาบต 0. ฆ่าสัตว์ดิรัจฉานทุกชนิดจะเป็นสัตว์ตัวเล็กหรอต้วใหญ่ ตาย ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒.ไม่ตายแต่บาดเจ็บ ต้องอาบัติทุกกฎ ๓. ถ้าไมมเจตนาไม่ต้องอาบัติ สิกขาบทที่ 1ร3 ภิกษุเอยู่ว่า นํ้ามีตัวสัตว์ บรโภคนํ้านั้น ต้องปาจิตตีย์ หลกเกณฑ์การปรับอาijS 0. ภิกษุรู้ว่านํ้ามีตัวสัตว์ ดื่มภินก็ติ อาบก็ติ ใช้สอย อย่างอึ๋นก็ดี เรียกว่าบริโภค ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒๙0 •วิน้ย www.kalyanamitra.org
๒. ถ้าไม่รู้ว่ามีตัวสัตว์ ไม่ต้องอาบัติ สิกขาบทที่ ๓ ภิกษุร้อย่ว่า อริกรฟ้นี้สงฆ์ทาLเล้าโดยชอบ เลิกถอน 1รุ่| ฃ เสิยกลับทำใหม่ ต้องปาจิตตีย์ คำ ว่า อริกรฟ้ หมายถึง เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วสงฆ์ต้อง พิจารณาสะสางให้เรียบร้อยตามพระวินัย มีอยู่ ๔ เรื่อง คือ AA • sV o. วฺวาทาธ่กรณ ๒. อนุวาทาธิกรณ์ ฅ. อาป้ตตาธิกรฟ้ ๔. กิจจาธิกรณ์ รายละเอียดของอธิกรถ! พึงดูในกัณฑ์ที่ ๙ เรื่องอธิกรณ สมถะ (หน้า ๓๒๖) หลักเกณฑ์การปร้บอาบัติ 0. เมื่ออธิกรถ!อย่างใดอย่างหนึ๋งเกิดขึ้นแล้ว สงฆ์ไต้ ดำ เนินการถูกต้องดามพระธรรมวินัย รื้อฟ้นขึ้นมาเพี่อให้สงฆ์ พิจารณาใหม่ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. ภิกษุมีเจตนาดี เข้าใจว่าอธิกรถ!ที่ทำนั้นไม่เป็นธรรม เลิกถอนกสับมาทำใหม่ ไม่เป็นอาบัติ » สิกขๆบทที่ ๔ ภิท^ย่เ๓เฬ่ปก!]ดอาบ้ดิชํ่'ผยาบซองภิกฬึ๋wbsihfnM <)นิ ii ร วินัย ๒๙๑ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 498
Pages: