แนวคิดเกย่ี วกับหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย 2-37 มสธเรื่องที่ 2.3.1 องค์ประกอบของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย มสธ มสธองค์ประกอบของหลักสูตรเป็นสง่ิ ทกี่ ำ� หนดขน้ึ ส�ำหรบั น�ำไปใชใ้ นการวางแผน การจดั ทำ� หลกั สูตร นักพัฒนาหลกั สตู รได้เสนอแนวคดิ เกย่ี วกับหลักสตู รวา่ ควรมีองคป์ ระกอบท่ีสำ� คัญ ดังน้ี Taba (1962) ได้ก�ำหนดองค์ประกอบของหลักสูตรวา่ ประกอบด้วย 1. วัตถุประสงค์ เป็นส่ิงท่ีต้องการให้เกิดความส�ำเร็จของผู้เรียน ซึ่งในบางครั้งอาจใช้ค�ำว่า เปา้ หมาย 2. เน้อื หา เป็นสิง่ ท่ีกำ� หนดข้ึนจากวตั ถปุ ระสงค์ 3. ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ เปน็ วธิ กี ารหรอื ยทุ ธศาสตรส์ ำ� หรบั การจดั ประสบการณท์ ผี่ สู้ อนวางแผน มสธและเลอื กไว้ 4. การประเมินผล เป็นการประเมินความส�ำเร็จของผู้เรียนและเป็นการตรวจสอบวัตถุประสงค์ ของหลกั สตู ร Saylor, Alexander and Lewis (1981) ได้ก�ำหนดองคป์ ระกอบของหลกั สตู ร ว่าประกอบด้วย มสธ มสธ1. เปา้ หมาย วตั ถุประสงค์ และขอบเขตของความรู้ ซง่ึ ประกอบด้วย 4 ด้าน คอื 1.1 การพฒั นาตนเอง 1.2 ความสามารถทางดา้ นสงั คม 1.3 ทกั ษะการเรยี นรูอ้ ยา่ งต่อเนือ่ ง 1.4 การเรยี นรทู้ ลี่ ึกหรอื ละเอยี ดยิ่งขึน้ 2. วธิ กี ารจัดการเรียนการสอน ซึ่งเปน็ วิธีการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ที่จะชว่ ยให้ผู้เรียนบรรลุ มสธเปา้ หมายหรอื วัตถุประสงคข์ องหลกั สูตร 3. การประเมนิ ผล ด้วยเทคนคิ และวธิ กี ารที่หลากหลาย จากองค์ประกอบของหลกั สูตรดังกล่าว Oliva (2001, p. 151) ไดใ้ หแ้ นวคดิ วา่ หลักสูตรควรตอ้ ง มอี งคป์ ระกอบท่ีสำ� คัญ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. จดุ หมายของหลักสตู ร มสธ มสธ2. วตั ถปุ ระสงค์ของหลกั สูตร 3. จุดหมายของการจดั การเรียนการสอน 4. วัตถปุ ระสงคข์ องการจัดการเรยี นการสอน 5. ยทุ ธศาสตรก์ ารจัดการเรยี นการสอน 6. การประเมินผล ซ่งึ ประกอบดว้ ย การประเมนิ ผลการจดั การเรยี นการสอน โดยพจิ ารณาจาก จุดหมายของการจัดการเรยี นการสอน และการประเมินหลักสูตร โดยพจิ ารณาจากจุดหมายของหลกั สูตร มสธเป็นส�ำคัญ
2-38 การจัดการศึกษาและหลักสตู รส�ำ หรับเดก็ ปฐมวยั สำ� หรบั หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ซงึ่ เปน็ หลกั สตู รทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำ� คญั ดว้ ยการใหค้ วามสำ� คญั มสธกบั พัฒนาการ การเจริญเตบิ โต ความสนใจและความถนดั ของเดก็ แตล่ ะคน การกำ� หนดองค์ประกอบของ หลักสูตรจึงเป็นส่ิงท่ีสะท้อนถึงแนวทางการน�ำไปใช้ในการจัดการศึกษา เพ่ือพัฒนาเด็กให้บรรลุตาม วัตถุประสงค์ที่ก�ำหนดในหลักสูตร ดังท่ีมีการอธิบายถึงองค์ประกอบหลักของหลักสูตร 2 ประการ คือ McCarthy & Houston, 1980, pp. 224-229 อา้ งถึงใน นภเนตร ธรรมบวร, 2546, น. 45-46) มสธ มสธ1. เนื้อหา หมายถึง ความรู้ ความคิดรวบยอด รวมตลอดถึงข้อมูลที่เด็กจ�ำเป็นต้องเรียนรู้ ซึ่ง เปน็ สว่ นส�ำคัญของหลักสูตร เช่น คณิตศาสตร์ ภาษา สังคมศึกษา ดนตรี ศลิ ปศึกษา และวทิ ยาศาสตร์ ฯลฯ 2. กระบวนการ เปน็ วธิ กี ารทเ่ี ดก็ ใชใ้ นการเรยี นรู้ การพฒั นาทกั ษะในการเรยี นรู้ และการนำ� ความรู้ ทไี่ ดไ้ ปปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั หลกั สตู รทเ่ี นน้ กระบวนการจะใหค้ วามสำ� คญั กบั ความสามารถในการไดม้ า ซงึ่ ขอ้ มลู การจดั ระบบขอ้ มลู การวเิ คราะห์ การบรู ณาการและการสอื่ สารขอ้ มลู กลา่ วอกี นยั หนง่ึ หลกั สตู ร มสธที่เน้นกระบวนการจะใหค้ วามส�ำคัญกับวธิ กี ารที่เดก็ คิด การประเมินผล และการค้นหาขอ้ มลู ใหม่ เน้ือหาและกระบวนการดังกล่าว จะถูกก�ำหนดไว้ในองค์ประกอบของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย โดยทว่ั ไป แต่อาจมีความแตกต่างกนั ไปตามปรชั ญา ความเช่อื และทฤษฎกี ารจดั การศึกษาว่าจะมีจุดเนน้ ที่เน้ือหา หรือกระบวนการ อาทิ หลักสูตรท่ีเน้นเนื้อหาจะมีแนวคิดว่าเน้ือหาทางวิชาการเป็นส่ิงจ�ำเป็น ต่อการเรียนรู้ของเด็ก ในองค์ประกอบของหลักสูตรก็จะมีการก�ำหนดเน้ือหาไว้อย่างชัดเจน ส�ำหรับใน มสธ มสธหลักสูตรที่เน้นกระบวนการก็มีแนวคิดว่ากระบวนการจัดการเรียนรู้เป็นสิ่งส�ำคัญต่อการพัฒนาทักษะท่ี จ�ำเป็นส�ำหรับเด็กปฐมวัย ในหลักสูตรจึงให้ความส�ำคัญกับกระบวนการเรียนรู้ของเด็กด้วยวิธีการที่ หลากหลาย แตท่ งั้ นใี้ นองคป์ ระกอบของทงั้ เนอ้ื หาและกระบวนการลว้ นเปน็ สง่ิ สำ� คญั ตอ่ การเรยี นรขู้ องเดก็ เนื่องจากการเรียนรู้ของเด็กจะต้องมีทั้งองค์ประกอบด้านเนื้อหาและกระบวนการควบคู่กันไป ดังที่มี การก�ำหนดองค์ประกอบของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยท่ีมีการน�ำเน้ือหาและกระบวนการมาก�ำหนดไว้ ในหลักสูตร ดังตัวอยา่ งต่อไปน้ี มสธ1. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศนิวซีแลนด์ ได้ก�ำหนดองค์ประกอบของหลักสูตรว่า ประกอบด้วย (Ministry of Eduction, 1996, pp. 14-30) 1.1 หลักการ สาระและจดุ หมาย 1.2 เนอื้ หา 1.3 การพฒั นาการเรยี นรู้และความสามารถ มสธ มสธ1.4 การประเมินผล 2. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยตามแนวคิดของนักพัฒนาหลักสูตร นักพัฒนาหลักสูตรได้เสนอ แนวคิดเกี่ยวกับองค์ประกอบของหลักสูตรจากผลจากการตรวจสอบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยจากหลาย ประเทศทั่วโลก พบว่า หลักสูตรที่น�ำไปใช้ในการสอนและการเรียนรู้ส�ำหรับเด็กปฐมวัย มีองค์ประกอบที่ สำ� คญั (Scott, 2008 cited in McLachlan, Fleer and Edwards, 2013, p. 10) ดงั นี้ 2.1 ความมงุ่ หมาย จดุ หมาย และจดุ มงุ่ หมาย ซง่ึ เปน็ สงิ่ ทตี่ อ้ งปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหห้ ลกั สตู รประสบ มสธผลส�ำเร็จ
แนวคดิ เกยี่ วกับหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย 2-39 2.2 เนอ้ื หา ขอบเขต หรือเนื้อหาวชิ า ซึ่งมาจากทั้งทีก่ ำ� หนดไว้ในและนอกหลกั สูตร มสธ2.3 วิธีการหรือกระบวนการ หมายถึง วิธีการหรือการปฏิบัติในการสอนท่ีน�ำมาใช้เพื่อให้ ประสบผลสำ� เรจ็ ตามจดุ ม่งุ หมายหรือผลลพั ธท์ ี่ก�ำหนดไว้ในหลักสูตร 2.4 การประเมนิ ผล หมายถึง วิธีการตรวจสอบผลการปฏิบัติ เพื่อน�ำมาพัฒนาเด็กใหบ้ รรลุ ตามความมุง่ หมาย จุดหมาย หรือจุดม่งุ หมายของหลักสตู ร มสธ มสธ3. หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศไทย เปน็ หลกั สตู รทม่ี แี นวคดิ ในการสง่ เสรมิ พฒั นาการ ที่เหมาะสมกับวัยและความแตกต่างระหว่างบุคคล ผ่านการเรียนรู้ท่ีเปิดโอกาสให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับ บุคคลและส่ิงแวดล้อมด้วยการเล่นเป็นส�ำคัญ โดยค�ำนึงถึงบริบททางวัฒนธรรมและสังคมที่เด็กอาศัยอยู่ จากแนวคิดดงั กล่าว หลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั จึงมีองค์ประกอบท่ีส�ำคญั ดงั ตอ่ ไปน้ี 3.1 หลักการของหลักสูตร เป็นการก�ำหนดสาระส�ำคัญของหลักสูตรที่ต้องการพัฒนาเด็ก ปฐมวัยทุกประเภท ด้วยการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาท่ียึดเด็กเป็นส�ำคัญ โดยค�ำนึงถึงศักยภาพและ มสธความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล บรบิ ทของชมุ ชน สงั คมและวฒั นธรรม ดว้ ยหลกั การจดั ประสบการณผ์ า่ นการ เลน่ และกจิ กรรมทห่ี ลากหลายเหมาะสมกบั วยั เพอื่ ใหเ้ ดก็ สามารถปรบั ตวั และดำ� รงชวี ติ อยา่ งมคี ณุ ภาพและ มคี วามสุข โดยประสานความร่วมมอื ในการพฒั นาเดก็ ระหว่างครอบครวั สถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม 3.2 จดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู ร แสดงถงึ คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงคท์ คี่ รอบคลมุ พฒั นาการดา้ น รา่ งกาย อารมณ-์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา ทตี่ อ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั เดก็ หลงั จากไดร้ บั การจดั ประสบการณ์ มสธ มสธตามหลักสูตร 3.3 สาระการเรียนรู้ แสดงถงึ สงิ่ ทนี่ ำ� มาใชใ้ นการจดั ประสบการณท์ ป่ี ระกอบดว้ ย สาระทค่ี วร เรยี นรแู้ ละประสบการณ์สำ� คัญ เพือ่ ใหเ้ ดก็ ไดร้ ับการส่งเสริมพฒั นาการตามจดุ ม่งุ หมายของหลักสูตร 3.4 การจัดประสบการณ์ เป็นการก�ำหนดถึงรูปแบบและวิธีการที่น�ำมาใช้ในการจัด ประสบการณ์ที่มีความเหมาะสมกับพัฒนาการและการเรียนรู้ที่เป็นไปตามวัยของเด็ก โดยเน้นการจัด ประสบการณ์ที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติผ่านการใช้ประสาทสัมผัสท้ังห้า พร้อมทั้งให้อิสระแก่เด็ก มสธในการเลอื กและตดั สนิ ใจดว้ ยตนเอง 3.5 การประเมินพัฒนาการ เป็นกระบวนการที่มีการด�ำเนินการอย่างต่อเน่ืองในระหว่าง การจดั ประสบการณ์ เป็นการศึกษาผลของพฒั นาการเด็กทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ-์ จติ ใจ สังคม และ สติปัญญา เพ่ือน�ำมาใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาการจัดประสบการณ์ท่ีช่วยให้เด็กได้รับการพัฒนาตาม จดุ ม่งุ หมายของหลกั สตู ร มสธ มสธจากขอ้ มลู ดงั กลา่ ว สามารถนำ� มาอธบิ ายองคป์ ระกอบของหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ไดด้ งั ตอ่ ไปน้ี 1. จดุ มงุ่ หมาย หมายถงึ สง่ิ ทตี่ อ้ งการใหเ้ ดก็ ไดบ้ รรลหุ ลงั จากไดร้ บั การจดั การเรยี นการสอนตาม หลกั สูตร 2. เนอื้ หาหรอื สาระการเรยี นรู้ หมายถงึ องคค์ วามรทู้ นี่ ำ� มาใชใ้ นการจดั ประสบการณท์ ไ่ี ดม้ าจาก มสธการก�ำหนดข้นึ โดยหลักสูตร หรือการก�ำหนดขึน้ จากความสนใจและความต้องการของเด็ก
2-40 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรสำ�หรับเดก็ ปฐมวยั 3. กระบวนการจัดประสบการณ์ หมายถึง ยุทธศาสตร์ท่ีน�ำมาใช้ในการจัดประสบการณ์ท่ี มสธสอดคลอ้ งกบั พฒั นาการและการเรยี นรทู้ เ่ี ปน็ ไปตามวยั และศกั ยภาพของเดก็ แตล่ ะคน เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดร้ บั การ พฒั นาจนบรรลุตามจุดมุ่งหมายของหลกั สตู ร 4. การประเมนิ พฒั นาการ เปน็ วธิ กี ารเพอ่ื ตรวจสอบจดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู รดว้ ยหลกั การประเมนิ ตามสภาพจริง และใช้วิธีการท่ีเหมาะสมกับการประเมินพัฒนาการของเด็กปฐมวัย เช่น การสังเกต มสธ มสธพฤตกิ รรม การประเมนิ ชิน้ งาน หรือการสัมภาษณ์ ฯลฯ การกำ� หนดองค์ประกอบของหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ดังกลา่ ว อาจมรี ายละเอยี ดทแี่ ตกต่างกัน ไปตามปรชั ญา วสิ ยั ทศั น์ และเปา้ หมายของการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั แตท่ กุ องคป์ ระกอบของหลกั สตู รจะถกู น�ำมาวางแผนและด�ำเนินการเพื่อให้เด็กปฐมวัยได้รับการอบรมเล้ียงดูและส่งเสริมพัฒนาการให้บรรลุตาม จดุ มุ่งหมายของหลักสตู รไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ มสธกิจกรรม 2.3.1 จงอธบิ ายองคป์ ระกอบทส่ี �ำคญั ของหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั แนวตอบกิจกรรม 2.3.1 มสธ มสธหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย มอี งค์ประกอบที่ส�ำคญั ดังต่อไปนี้ 1. จดุ มงุ่ หมาย หมายถงึ สงิ่ ทต่ี อ้ งการใหเ้ ดก็ ไดบ้ รรลุ หลงั จากไดร้ บั การจดั การเรยี นการสอนตาม หลักสตู ร 2. เนอื้ หาหรอื สาระการเรยี นรู้ หมายถงึ องคค์ วามรทู้ น่ี ำ� มาใชใ้ นการจดั ประสบการณท์ ไ่ี ดม้ าจาก การกำ� หนดขึ้นโดยหลกั สตู ร หรือการกำ� หนดขนึ้ จากความสนใจและความตอ้ งการของเด็ก 3. กระบวนการจัดประสบการณ์ หมายถึง ยุทธศาสตร์ที่น�ำมาใช้ในการจัดประสบการณ์ที่ มสธสอดคลอ้ งกบั พฒั นาการและการเรยี นรทู้ เี่ ปน็ ไปตามวยั และศกั ยภาพของเดก็ แตล่ ะคน เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดร้ บั การ พฒั นาจนบรรลุตามจุดม่งุ หมายของหลักสตู ร 4. การประเมินพฒั นาการ หมายถงึ วธิ ีการเพ่อื ตรวจสอบจุดม่งุ หมายของหลักสูตรด้วยหลกั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ และใชว้ ธิ กี ารทเ่ี หมาะสมกบั การประเมนิ พฒั นาการของเดก็ ปฐมวยั เชน่ การสงั เกต พฤติกรรม การประเมินชิ้นงาน การประเมนิ ท่มี กี ารใช้แบบทดสอบตามเปา้ หมายเฉพาะดา้ นของเด็ก หรือ มสธ มสธ มสธการสมั ภาษณ์เป็นต้น
แนวคิดเกย่ี วกบั หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั 2-41 มสธเรื่องท่ี 2.3.2 ลักษณะที่ดีของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย มสธ มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย นับเป็นหัวใจส�ำคัญของการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย การ เจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กจะเกิดขึ้นอย่างสมดุลและรอบด้านตามศักยภาพของ เด็กแต่ละคน ผู้ท่ีท�ำหน้าที่รับผิดชอบในการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่เด็กปฐมวัยจ�ำเป็นต้องมีการ จัดเตรียมหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยท่ีสนับสนุนการเรียนรู้ และการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กให้เป็นไป อยา่ งเหมาะสม ซง่ึ การวางแผนเพอ่ื จดั เตรยี มหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั มคี วามจำ� เปน็ อยา่ งยงิ่ ทต่ี อ้ งทำ� การ ศกึ ษาความรเู้ กย่ี วกบั พฒั นาการของเดก็ ใหเ้ พยี งพอ เพอ่ื นำ� มาสรา้ งเปน็ หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ทด่ี แี ละ เหมาะสม ดังท่ีมีการอธิบายเก่ียวกับหลักสูตรท่ีเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กปฐมวัย (Bredekamp, มสธ1987, p. 2 อ้างถึงใน นภเนตร ธรรมบวร, 2546, น. 62-64) ดงั น้ี 1. ความเหมาะสมของอายุ (age appropriateness) สง่ิ สำ� คญั ประการแรกทค่ี รคู วรใหค้ วามสำ� คญั คอื อายุของเด็กในช้นั เรียน ถ้าในชน้ั เรียนมีเด็กท่อี ายุไล่เล่ยี กันเรยี นดว้ ยกัน ยอ่ มมีความต้องการแตกตา่ ง จากช้ันเรียนท่ีมีเด็กต่างอายุเรียนร่วมกัน ด้วยเหตุน้ีการวางแผนหลักสูตรควรมีความเหมาะสมกับระดับ มสธ มสธพัฒนาการของแตล่ ะชว่ งอายุ และประกอบด้วยกิจกรรมการเรยี นการสอนที่หลากหลาย 2. ความเหมาะสมของเด็กแต่ละคน (individual appropriateness) ถึงแมว้ า่ รปู แบบการเจริญ เติบโตของเด็กจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ช่วงเวลาในการพัฒนาของเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ดงั นน้ั ในการวางแผนหลกั สตู รการเรยี นการสอนสำ� หรบั เดก็ ครจู ำ� เปน็ ตอ้ งศกึ ษาความสนใจ ความสามารถ และภูมิหลงั ของเด็ก ครคู วรกำ� หนดเปา้ หมายและวตั ถุประสงค์สำ� หรับเดก็ แต่ละคน 3. ครอบครัวและวัฒนธรรม (family and culture) การวางแผนหลักสูตรการเรียนการสอน มสธควรค�ำนึงถึงความแตกต่างระหว่างครอบครัวและวัฒนธรรมของเด็ก ขณะเดียวกันก็ควรส่งเสริมการมี ส่วนร่วมของครอบครวั ในการจดั การเรยี นร้ขู องเด็กใหม้ ากทีส่ ดุ 4. ค่านิยมของครู (teacher values) หรอื สง่ิ ทคี่ รใู หค้ ณุ คา่ จะสง่ ผลทง้ั ทาตรงและทางออ้ มตอ่ การ วางแผนหลกั สตู รการเรียนการสอน ดังนัน้ ครูจงึ ควรตรวจสอบความสนใจ ความเชอื่ คา่ นยิ ม และปรัชญา การศกึ ษาของตนอยา่ งสม่ําเสมอและตอ่ เนื่อง มสธ มสธนอกจากน้ี สมาคมการปฐมวยั ศกึ ษาแหง่ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า (National Association for the Education of Young Children: NAEYC) ได้ให้ค�ำแนะน�ำเกี่ยวกับหลักสูตรที่เหมาะสมส�ำหรับ เด็กปฐมวัย (Gestwicki, 1999, p. 53) ดงั นี้ 1. หลกั สตู รทเ่ี หมาะสมกบั พฒั นาการของเดก็ ตอ้ งจดั เตรยี มทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งสำ� หรบั พฒั นาการของ เดก็ ทง้ั ดา้ นร่างกาย อารมณ์ ภาษา สุนทรียศาสตร์ และสติปัญญา 2. หลกั สตู รตอ้ งครอบคลมุ เนอื้ หาทหี่ ลากหลายเกยี่ วกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ทางสงั คม และสงิ่ ทมี่ คี วามหมาย มสธแก่เด็ก
2-42 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รสำ�หรบั เด็กปฐมวัย 3. หลักสูตรทีส่ ร้างขึ้นควรพจิ ารณาให้เหมาะกับความพร้อมและความสามารถทเ่ี ด็กจะปฏิบัติได้ มสธ4. หลักสูตรต้องมีการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ อาจใช้การบูรณาการข้ามเนื้อหาวิชา เพื่อ ช่วยเหลือเด็กให้เข้าใจความสัมพันธ์อย่างมีความหมายของสิ่งต่างๆ และสร้างโอกาสส�ำหรับการพัฒนา แนวคดิ ให้มากขึ้น 5. หลกั สตู รตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั กบั ความรแู้ ละความเขา้ ใจกระบวนการและทกั ษะ รวมถงึ แนวโนม้ มสธ มสธในการใช้และประยุกตใ์ ช้ทักษะเพ่อื นำ� ไปสูก่ ารเรียนรู้ จากขอ้ มลู ดงั กลา่ ว สามารถนำ� มาอธบิ ายลกั ษณะทด่ี ขี องหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ทตี่ อ้ งใหค้ วาม ส�ำคญั กับเดก็ ปฐมวัย ในประเด็นตอ่ ไปน้ี 1. หลักสูตรที่เหมาะสมกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวยั 2. หลักสตู รที่เหมาะสมกับความต้องการของเด็กปฐมวัย 3. หลกั สตู รทีเ่ หมาะสมกับการท�ำงานของสมองเด็กปฐมวัย มสธ4. หลักสูตรท่ีเหมาะสมกบั บรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรมของเดก็ ปฐมวยั 1. หลกั สตู รทเี่ หมาะสมกบั พฒั นาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั มหี ลกั สำ� คญั ของหลกั สตู รทมี่ งุ่ เนน้ ใหเ้ ดก็ ไดร้ บั การสง่ เสรมิ พฒั นาการและการเรยี นรดู้ า้ นรา่ งกาย อารมณ-์ จติ ใจ สังคม และสติปัญญา ให้เป็นไปตามวยั และศกั ยภาพที่แตกต่างกันของเด็กแตล่ ะคน เด็กปฐมวัยยุค เจนเนอเรชน่ั อัลฟา (Generation Alpha) คือ เดก็ ท่ีเกดิ ในชว่ งปี 2553 เปน็ ตน้ ไป จนถงึ ราวๆ ปี พ.ศ. มสธ มสธ2568 โดยประมาณ เดก็ ยคุ นเ้ี กดิ มาทา่ มกลางความเจรญิ กา้ วหนา้ ทางวทิ ยาการและเทคโนโลยี หรอื อธบิ าย ไดว้ า่ เปน็ ยคุ ของเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เดก็ ยคุ เจนเนอเรชน่ั อลั ฟา จงึ มชี วี ติ อยทู่ า่ มกลางเทคโนโลยเี พอ่ื การเรยี นรู้ และการด�ำรงชวี ิต เด็กจึงตอ้ งไดร้ บั การปพู ้นื ฐานความสามารถในการใช้และจัดการกับเทคโนโลยีได้อยา่ ง ชาญฉลาด จากสถานการณ์นีท้ �ำใหพ้ บว่าเดก็ เจนเนอเรช่นั อัลฟา เป็นเดก็ ทม่ี คี วามรู้หลากหลาย เรยี นรู้ ไดร้ วดเรว็ มคี วามฉลาด ไมต่ ดิ ยดึ กบั ความคดิ เดมิ พงึ่ พาตนเองและชอบทดลองสงิ่ ตา่ งๆ ทมี่ คี วามทา้ ทาย การพึ่งพาเทคโนโลยีในการด�ำรงชีวิตและการเรียนรู้ของเด็ก ส่งผลท�ำให้เกิดพฤติกรรมท่ีเป็นอุปสรรคต่อ มสธพฒั นาการของเดก็ เชน่ เดก็ มคี วามเชอ่ื มนั่ ในตนเองสงู ไมใ่ สใ่ จสงั คมและบคุ คลรอบขา้ ง ขาดวนิ ยั และความ รับผิดชอบ ขาดความอดทนและการรอคอย และมีปัญหาด้านสุขภาพ เนื่องจากการบริโภคอาหารท่ีต้อง เน้นความรวดเร็ว จึงต้องพ่ึงพาอาหารส�ำเร็จรูปหรืออาหารท่ีต้องผ่านกระบวนการทางเคมี เช่น การอบ การรมควนั การทอดดว้ ยความร้อนสูง การใช้สารเคมีในการถนอมอาหาร ฯลฯ สงิ่ เหล่าน้ีเป็นปจั จัยทีม่ ผี ล ตอ่ สขุ ภาพและการเกดิ โรคตามมา การสง่ เสรมิ พฒั นาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ ยคุ น้ี จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งใหค้ วาม มสธ มสธส�ำคัญกับพัฒนาการและการเรียนรู้ที่จ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิต และสังคมรอบด้านที่มีความก้าวหน้าและ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเน่ือง หลักสูตรที่เหมาะสมกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ในยคุ น้ี ควรมีลักษณะดังน้ี 1.1 เปน็ หลกั สตู รทม่ี กี ารบรู ณาการนวตั กรรมและเทคโนโลยมี าใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน ไดแ้ ก่ รปู แบบการสอน เทคนคิ การสอน สอื่ และนวตั กรรม การจดั สภาพแวดลอ้ ม และการประเมนิ ผล ฯลฯ 1.2 หลักสูตรต้องเน้นการมีส่วนร่วมของบ้าน โรงเรียน ชุมชนและสังคมในการพัฒนา มสธเด็กปฐมวัยอย่างเขา้ ใจดว้ ยการใหค้ วามรักและความอบอุน่
แนวคิดเกีย่ วกบั หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย 2-43 1.3 หลักสูตรที่เน้นการพัฒนาผู้เรียนได้รู้จักคุณค่าของตนเองและผู้อ่ืน ปลูกจิตส�ำนึกความ มสธรับผดิ ชอบตอ่ สังคม รู้จกั การใหแ้ ละการมีจิตอาสา 1.4 หลกั สตู รตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั กบั การพฒั นาทกั ษะการคดิ และทกั ษะชวี ติ เพอื่ การปรบั ตวั และดำ� รงชีวิตอย่างมคี วามสขุ 1.5 หลักสูตรท่ีให้อิสระแก่เด็กในการคิดและตัดสินใจในการเลือกที่จะเรียนรู้ตามความ มสธ มสธตอ้ งการและความสนใจ 1.6 หลักสูตรต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เพื่อการเรียนรู้วิธีการ ปฏบิ ตั ิตนทเี่ หมาะสม และเป็นหลักสตู รท่ีสร้างความสขุ และความสนุกสนานในการเรียนรใู้ หแ้ กเ่ ดก็ 2. หลักสูตรท่ีเหมาะสมกับความต้องการของเด็กปฐมวัย เดก็ ปฐมวยั เกดิ ขึ้นมาพรอ้ มกบั ความ ต้องการ เช่น อาหาร ทอ่ี ยอู่ าศัย ยารกั ษาโรค ความรัก และความปลอดภยั ฯลฯ ความตอ้ งการพนื้ ฐาน ของมนุษย์เป็นสิ่งท่ีต้องได้รับการตอบสนองเพ่ือความสมบูรณ์ของชีวิต ดังทฤษฎีความต้องการของ มสธMaslow ท่กี ำ� หนดความต้องการของมนุษยไ์ ว้ 6 ประการ (Allan, & Francis, 2004, p. 125) ดงั น้ี 2.1 ความต้องการในการด�ำรงชวี ิตใหอ้ ยรู่ อด 2.2 ความต้องการความปลอดภัย 2.3 ความต้องการความรกั และความเปน็ เจา้ ของ 2.4 ความต้องการเปน็ ท่ยี อมรับนับถอื มสธ มสธ2.5 ความตอ้ งการในการรบั รแู้ ละความเข้าใจ 2.6 ความต้องการความสมบูรณ์ของชวี ิต หลักสูตรท่ีเหมาะสมกับความต้องการของเด็กปฐมวัย พิจารณาจากความต้องการพื้นฐานของ มนุษยต์ ามทฤษฎขี อง Maslow ทีใ่ หก้ ารยอมรับว่าเปน็ ความตอ้ งการของมนุษย์โดยท่ัวไปที่เกิดขึน้ อยา่ ง เปน็ ลำ� ดบั ข้นั ซ่ึงความตอ้ งการของเด็กปฐมวยั ท่เี ริ่มตน้ จากความต้องการอาหาร ทอ่ี ยู่ท่ปี ลอดภยั เสอ้ื ผา้ เครอ่ื งนมุ่ หม่ และการดแู ลสขุ ภาพอนามยั ใหป้ ราศจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ จนสดุ ทา้ ยนำ� ไปสคู่ วามตอ้ งการสมบรู ณ์ มสธของชวี ติ ทส่ี ามารถทำ� ตนใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ ละไดแ้ สดงออกทางศกั ยภาพของตนอยา่ งเตม็ ท่ี ความตอ้ งการ ในแตล่ ะขน้ั ดงั กลา่ ว เดก็ ปฐมวยั ควรไดร้ บั การสนบั สนนุ ใหไ้ ดร้ บั ความตอ้ งการอยา่ งเหมาะสมจากครอบครวั โรงเรียน ชุมชน และสงั คม ที่ตอ้ งเขา้ ใจวา่ ธรรมชาตขิ องเด็กปฐมวัยตามแนวคิดของนกั มนุษยนยิ มเหน็ วา่ เดก็ มคี วามดี ความงามในตนเองอยา่ งเปน็ ธรรมชาติ เดก็ ตอ้ งการประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นเพอ่ื สรา้ งสรรคส์ ง่ิ ทด่ี งี าม และความกา้ วหนา้ ของตนเอง พฤตกิ รรมทด่ี งี ามจะเกดิ ขนึ้ หากเดก็ ไดร้ บั การอบรมเลยี้ งดแู ละใหก้ ารแนะนำ� มสธ มสธท่ามกลางสิ่งแวดล้อมท่ีสนองตอบต่อความต้องการของเด็ก ย่อมช่วยให้เด็กได้เป็นผู้ท่ีมีจิตใจท่ีดีงาม มีบุคลกิ ภาพม่ันคง ประสบผลสำ� เร็จและมีความสขุ ในชวี ติ การวิเคราะห์ถึงความต้องการของเด็กปฐมวัยดังกล่าว นับเป็นแนวทางท่ีสามารถนำ� มาอธิบาย ลกั ษณะของหลกั สูตรทเ่ี หมาะสมกับความต้องการของเดก็ ปฐมวัย ดังน้ี 1) เปา้ หมายของหลกั สตู รตอ้ งใหเ้ ดก็ ไดร้ บั ประสบการณใ์ นโรงเรยี นทใ่ี หเ้ ดก็ มคี วามเปน็ อสิ ระ มสธและสนบั สนนุ ให้เดก็ ไดม้ คี วามฝนั มเี ปา้ หมายและมคี วามตอ้ งการประสบผลส�ำเร็จด้วยตนเอง
2-44 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำ หรบั เดก็ ปฐมวัย 2) หลกั สตู รตอ้ งสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารจดั สภาพแวดลอ้ มทงั้ ทางกายและสงั คมใหเ้ ดก็ เกดิ แรงจงู ใจ มสธและปรารถนาทจี่ ะพัฒนาตนเอง 3) หลักสูตรต้องสนับสนุนให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจและต้องการ โดยผู้สอนต้อง สรา้ งแรงจูงใจแก่เด็กตามลกั ษณะและศักยภาพของเด็กแต่ละคน 4) เป็นหลักสูตรกัลยาณมิตรท่ีสร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่นระหว่างเด็กและครู ท่ามกลาง มสธ มสธบรรยากาศแหง่ ความไว้วางใจ ความใสใ่ จและความสนใจท่ดี ตี ่อกัน 5) หลักสูตรต้องให้ความส�ำคัญกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กมากกว่าการให้ ความส�ำคัญกับเน้ือหาในวิชา เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาไทย และวิทยาศาสตร์ โดยเป็นหลักสูตรท่ีเน้น ประสบการณ์และความสนใจของเด็ก ดังตารางสรุปหลักสูตรที่เหมาะสมกับความต้องการของเด็กปฐมวัย ดงั นี้ มสธตารางท่ี 2.2 แสดงหลักสูตรท่ีเหมาะสมกับความต้องการของเด็กปฐมวัย จุดเนน้ ของหลกั สตู ร • ใสใ่ จเด็กเปน็ รายบคุ คล • ใส่ใจกับลักษณะเฉพาะของพฒั นาการและการเจรญิ เติบโตของ มสธ มสธการสอน เดก็ แตล่ ะคน • ยึดความสนใจของเดก็ การจัดการเรียนรู้ • เนน้ การให้ความรัก สิ่งแวดล้อม • ครเู ปน็ ผู้อ�ำนวยความสะดวก • การศกึ ษาที่เกิดขน้ึ จากสถานการณ์หรอื เรยี นรจู้ ากสิง่ อน่ื ๆ มสธ มมสสธธ มสธการประเมนิ ผล• ใส่ใจกบั การสร้างสรรค์ • การกระตุ้นให้ผเู้ รยี นเกดิ แรงจงู ใจท่ตี ้องการความส�ำเรจ็ • บรรยากาศแหง่ ความสนุกสนาน • เด็กมีอิสระในการเคลอื่ นไหว • บรรยากาศแห่งความไว้วางใจ • ยดึ ผู้เรยี น • ใส่ใจกับการเจรญิ เติบโต • ประเมินตามสภาพจริง • ประเมนิ จากประสบการณ์ของเด็ก • ไม่มกี ารแขง่ ขนั
แนวคดิ เก่ยี วกบั หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2-45 3. หลักสูตรท่ีเหมาะสมกับการท�ำงานของสมองเด็กปฐมวัย เดก็ ปฐมวัยอายตุ ้ังแตแ่ รกเกิด-6ปี มสธเป็นระยะที่มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการสูงสุด โดยเฉพาะสมองและศีรษะของเด็กที่มีการเติบโตอย่าง รวดเร็วกวา่ สว่ นใดของร่างกาย สมองของเด็กวยั นี้มีการขยายตวั ดา้ นจำ� นวนและขนาดของปลายประสาท (Dendrites) และมกี ารเพมิ่ ขน้ึ ของกระบวนการสรา้ งไมอลิ นิ (Myelination) เพอื่ ใหข้ อ้ มลู ภายนอกรบั เขา้ ระบบประสาทได้อยา่ งรวดเรว็ (พรพไิ ล เลศิ วชิ า และอคั รภมู ิ จารภุ ากร, 2550, น. 75) สมองของเดก็ แบ่ง มสธ มสธออกเป็น 2 ซีก คือ สมองซีกซ้ายและสมองซีกขวา การเข้าใจการท�ำงานร่วมกันของสมองซีกซ้ายและ ซีกขวาจะส่งผลดีต่อพฤติกรรมของเด็กอย่างรอบด้าน เช่น การมีเหตุผล การคิด การอ่าน การเขียน การนบั ดนตรี และศลิ ปะ ฯลฯ จากการศึกษาหลกั สตู รของโรงเรียนหลายแห่ง พบวา่ มีการจำ� กัดอยู่กับ การอา่ น การเขยี น และคณติ ศาสตร์ ซงึ่ เปน็ การสนบั สนนุ ใหส้ มองซกี เดยี วทำ� งานเปน็ สว่ นใหญ่ และละเลย การฝึกฝน และพัฒนาความสามารถของสมองทั้ง 2 ซีก (ซอลลี่ พี สปริงเกอร์ และจอร์จ ดัตช์, 2540, น. 328) มสธจากการทีน่ ักประสาทวทิ ยาไดศ้ ึกษาการท�ำงานของสมองมนุษย์ พบว่า การจดั การเรยี นการสอน ท่ีใหค้ วามใสใ่ จกบั สมองของเดก็ จะช่วยพฒั นาการเรียนร้ขู องเดก็ การศึกษาเก่ยี วกบั การท�ำงานของสมอง และน�ำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนจะช่วยสร้างเด็กให้มีความพร้อมส�ำหรับการคิด การเรียนรู้ และ การทำ� งานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สถานศกึ ษาจงึ ควรมแี นวทางในการกำ� หนดหลกั สตู รทมี่ กี ารจดั การเรยี น การสอนท่ีเอ้ือต่อการท�ำงานสมอง ด้วยการสนับสนุนและกระตุ้นให้ครูได้มีกลยุทธ์ในการพัฒนาเด็กอย่าง มสธ มสธหลากหลาย เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้หลายด้าน ด้วยแนวคิดเกี่ยวกับเด็กที่ว่า เด็กทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ดี เม่อื ได้รับการจดั ประสบการณ์ท่ีเหมาะสม (Christine, 2549) จากขอ้ มลู ดงั กลา่ วชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ ความสำ� คญั ของการทำ� งานของสมองวา่ เดก็ ปฐมวยั เปน็ ระยะทสี่ มอง มกี ารเจรญิ เตบิ โตสงู สดุ ทเี่ รยี กวา่ หนา้ ตา่ งแหง่ โอกาส (Windows of Opportunity) เปน็ ชว่ งเวลาทส่ี มอง เปดิ กว้างสำ� หรับการเรยี นรทู้ ี่เดก็ จำ� เป็นต้องไดร้ บั การพฒั นา หากผ่านพ้นชว่ งวัยนไ้ี ปแลว้ การพัฒนาอาจ เป็นไปด้วยความยากล�ำบากหรืออาจไม่เกิดข้ึนเลย การท�ำความเข้าใจเก่ียวกับการท�ำงานของสมองเด็ก มสธปฐมวัยที่ประกอบด้วยสมองซีกซ้ายและซีกขวา จะเป็นการสร้างโอกาสที่ส�ำคัญของการพัฒนาทักษะที่ จ�ำเป็นต่อการคิด ทักษะการเรียนรู้อย่างรอบด้าน ทักษะชีวิตและทักษะทางสังคม ดังน้ัน หลักสูตรท่ี เหมาะสมกับการทำ� งานของสมองเดก็ ปฐมวยั มีดงั นี้ 1) หลกั สตู รต้องส่งเสรมิ การเรียนร้ใู ห้เด็กได้พัฒนาอย่างสมดลุ ท้ังสมองซกี ขวาและซีกซา้ ย 2) หลักสตู รตอ้ งส่งเสรมิ การคดิ ทม่ี คี วามส�ำคัญต่อชีวติ และการเรยี นรขู้ องเด็ก เช่น การคิด มสธ มสธแกป้ ญั หา การคิดสรา้ งสรรค์ การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ การคดิ อยา่ งเป็นระบบ ฯลฯ 3) หลักสูตรท่ีใส่ใจกับสุขภาวะทางอารมณ์ให้เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม ด้วยหลักการที่ว่า อารมณ์ทเี่ ป็นสขุ และสนกุ สนาน ท�ำให้เกดิ แรงจูงใจในการเรียนรไู้ ดอ้ ย่างประสบผลสำ� เรจ็ 4) หลกั สูตรทใี่ ห้ความสำ� คัญกบั การส่งเสรมิ พฒั นาการและการเรียนรู้โดยองคร์ วมของเด็ก 5) หลักสูตรที่สนับสนุนให้เด็กได้รับการกระตุ้นสมองเพ่ือการเรียนรู้ ด้วยการให้เด็กได้มี มสธปฏสิ ัมพันธก์ บั บุคคล สถานที่ และสง่ิ แวดล้อม
2-46 การจดั การศึกษาและหลักสตู รส�ำ หรบั เด็กปฐมวยั หลกั สตู รทเ่ี หมาะสมกบั การทำ� งานของสมองเดก็ ปฐมวยั จงึ ควรเปน็ หลกั สตู รทใ่ี สใ่ จและเออื้ ตอ่ การ มสธทำ� งานของสมอง ดว้ ยการสรา้ งสรรคใ์ หส้ มองของเดก็ ไดเ้ รยี นรแู้ ละปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในสภาพแวดลอ้ มทผี่ อ่ น คลายและมคี วามสขุ จะชว่ ยใหเ้ ดก็ มคี วามสนกุ สนาน รกั การเรยี นรแู้ ละมแี รงบนั ดาลใจทต่ี อ้ งการประสบผล ส�ำเร็จตามศักยภาพของตนเอง 4. หลักสูตรที่เหมาะสมกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของเด็กปฐมวัย บริบททางสังคม มสธ มสธและวฒั นธรรมเปน็ สง่ิ ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การจดั การศกึ ษา หลกั สตู รจำ� เปน็ ตอ้ งสรา้ งหรอื พฒั นาขน้ึ ดว้ ยการคำ� นงึ ถึงบริบททางสังคมและวฒั นธรรม ดังนี้ 4.1 บริบททางสังคม จากรายงานสภาพแวดล้อมการพัฒนาตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และ สังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564) ในดา้ นสังคมที่เกีย่ วข้องกับเด็กปฐมวยั พบว่า เดก็ ปฐมวยั ยงั มพี ัฒนาการทีล่ า่ ชา้ กว่าวยั เพราะครอบครวั ไมม่ ีความรแู้ ละขาดเวลาในการเลย้ี งดูอย่างเหมาะสม และ ยังมีปัญหาด้านสติปัญญาเพราะคุณภาพการศึกษาไทยอยู่ในระดับตํ่า ประกอบกับการด�ำรงชีวิตในสังคม มสธยคุ ดจิ ทิ ลั ของเดก็ ปฐมวยั ทม่ี กี ารนำ� เทคโนโลยสี ารสนเทศเขา้ มาเปน็ สว่ นหนง่ึ ของการดำ� รงชวี ติ เดก็ สามารถ เรียนรู้และเข้าถึงข้อมูลอย่างอิสระและมีทางเลือก ความเจริญก้าวหน้าเหล่าน้ีจะยังประโยชน์ให้แก่เด็กได้ จ�ำเป็นต้องมีการพัฒนาเด็กให้เป็นผู้ท่ีใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์ แต่จากข้อมูลได้ พบว่า เด็กจ�ำนวนมากยังไม่สามารถคัดกรองส่ือเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม ซ่ึงส่งผลต่อวิกฤต ค่านิยม ทัศนคติและพฤติกรรมในการด�ำเนินชีวิต (ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม มสธ มสธแห่งชาติ, สำ� นกั นายกรัฐมนตรี, 2560, น. 15) 4.2 บริบททางวัฒนธรรม การดำ� รงชวี ติ ของเดก็ ปฐมวยั เกดิ ขน้ึ ไดจ้ ากการมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ครอบครัว ชุมชน และวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ซ่ึงท�ำหน้าท่ีหล่อหลอมให้เด็กโตข้ึนและปฏิบัติตนเป็น สมาชกิ ทด่ี ขี องสงั คม เดก็ ปฐมวยั นบั เปน็ สว่ นหนงึ่ ของสงั คมทเ่ี ตบิ โตทา่ มกลางวฒั นธรรมทเ่ี ปลยี่ นแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปล่ียนผ่านของสังคมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เด็กปฐมวัยจ�ำเป็นต้องได้รับการวาง รากฐานใหม้ คี วามเขม้ แขง็ และเผชญิ กบั บรบิ ททางวฒั นธรรมทหี่ ลากหลาย เดก็ จำ� เปน็ ตอ้ งไดร้ บั การพฒั นา มสธความรู้ ความเขา้ ใจ ความสามารถและทกั ษะ เพอื่ เตรยี มความพรอ้ มสำ� หรบั ชวี ติ ในปจั จบุ นั และอนาคต เชน่ การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข การเข้าใจวัฒนธรรมของตนเองและของผู้อื่น และการพัฒนา คุณลักษณะของการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ฯลฯ การเช่ือมโยงเด็กปฐมวัยเข้าสู่ความหลากหลายทาง วัฒนธรรม นับเป็นสิ่งท่ีมีความส�ำคัญยิ่งที่ต้องด�ำเนินการร่วมกันระหว่างครอบครัว โรงเรียน ชุมชนและ สงั คม เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดต้ ระหนกั ถงึ บทบาทของตนเองในการปฏบิ ตั ติ นทา่ มกลางวฒั นธรรมทหี่ ลากหลาย และ มสธ มสธมคี วามพร้อมทจี่ ะอยใู่ นสังคมอาเซยี นอยา่ งภาคภูมใิ จ จากบรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรมดงั กลา่ ว สามารถนำ� มาอธบิ ายถงึ หลกั สตู รทเี่ หมาะสมกบั บรบิ ท ทางสงั คมและวฒั นธรรมของเดก็ ปฐมวัย ดงั น้ี 1) หลกั สตู รตอ้ งมงุ่ เนน้ การปลกู ฝงั คณุ คา่ ทางสงั คมและวฒั นธรรมทดี่ งี าม ดว้ ยการรบั รอู้ ยา่ ง เข้าใจ และน�ำไปปฏิบัตไิ ด้ 2) หลักสูตรต้องให้ความส�ำคัญกับการสร้างจิตส�ำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคม การท�ำ มสธหน้าทเ่ี ป็นสมาชิกท่ีดี และการสร้างสรรค์สงั คมให้อยรู่ ่วมกนั อย่างผาสุก
แนวคิดเกี่ยวกบั หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย 2-47 3) หลักสูตรต้องพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีความตระหนักรู้ในคุณค่าของตนเองและวัฒนธรรม มสธของตนเอง นบั เปน็ สว่ นหนง่ึ ทจ่ี ะทำ� ใหเ้ ดก็ มคี วามมนั่ ใจทจี่ ะเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มกบั สงั คม ทมี่ คี วามหลากหลาย ทางวัฒนธรรม ด้วยการเคารพในสทิ ธิ และยอมรับความคิดเห็นของผู้อนื่ ทีม่ วี ิถีชีวติ ที่แตกต่างจากตนเอง 4) หลักสูตรต้องให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาเด็กให้มีความพร้อมในการอยู่ร่วมกันและมี ปฏิสมั พนั ธก์ ับผู้อน่ื เปิดโอกาสให้เดก็ ได้เรียนรู้และร่วมกิจกรรมทหี่ ลากหลายทางสังคม มสธ มสธ5) หลักสูตรต้องสร้างสรรค์เด็กให้เป็นบุคคลที่มีความสุขในการเรียนรู้ มีสุขภาวะท่ีดี มี คุณธรรมจริยธรรม ระเบียบวินัย และมีจิตอาสาต่อสังคม สิ่งเหล่าน้ีถือเป็นการวางรากฐานให้เด็กมีความ สามารถที่จะดำ� รงชวี ิตและปรับตัวอย่างมีความสุข ทา่ มกลางบรบิ ททางวฒั นธรรมทีห่ ลากหลายของสงั คม ประชาคมอาเซียน จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า หลักสูตรท่ีเหมาะสมกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของเด็กปฐมวัย ต้องเน้นการปลูกฝังคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมท่ีดีงาม ให้ความส�ำคัญกับการสร้างจิตส�ำนึกในความ มสธรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ใหต้ ระหนกั รใู้ นคณุ คา่ ของตนเองและวฒั นธรรมของตน มคี วามพรอ้ มในการอยรู่ ว่ มกนั และมปี ฏสิ ัมพันธก์ บั ผ้อู ่นื รวมตลอดถงึ สร้างสรรคใ์ หเ้ ด็กเป็นบคุ คลทีม่ คี วามสขุ ในการเรยี นรู้ กิจกรรม 2.3.2 มสธ มสธจงอธบิ ายลักษณะท่ีดขี องหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั แนวตอบกิจกรรม 2.3.2 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยเป็นหัวใจส�ำคัญส�ำหรับการจัดการศึกษาเพ่ือให้เด็กปฐมวัยได้รับการ สง่ เสรมิ พฒั นาการและการเรยี นรใู้ หเ้ กดิ ขนึ้ อยา่ งสมดลุ และรอบดา้ นตามศกั ยภาพของเดก็ แตล่ ะคน ลกั ษณะ ทด่ี ขี องหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พจิ ารณาไดจ้ ากความเหมาะสมกบั เดก็ ปฐมวยั ใน 4 ประการ คอื เหมาะสม มสธกับพัฒนาการและการเรยี นรู้ เหมาะสมกับความตอ้ งการ เหมาะสมกับสมอง และเหมาะสมกับบรบิ ททาง มสธ มสธ มสธสังคมและวัฒนธรรมของเดก็ ปฐมวัย
2-48 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำ หรบั เดก็ ปฐมวยั มสธตอนที่ 2.4 หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โปรดอ่านหวั เร่ือง แนวคดิ และวตั ถปุ ระสงคข์ องตอนที่ 2.4 แล้วจึงศกึ ษารายละเอียดตอ่ ไป มสธ มสธหัวเร่ือง 2.4.1 หลักการเบอื้ งตน้ ของหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั 2.4.2 การพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย 2.4.3 การนำ� หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใช้ 2.4.4 การประเมนิ หลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย มสธแนวคิด 1. หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เป็นหลักสูตรท่ีจัดท�ำขึ้นเพ่ือน�ำไปใช้ในการพัฒนาเด็ก ปฐมวยั ใหส้ อดคลอ้ งกับบรบิ ทของสถานศึกษา ชมุ ชนและสงั คม หลกั การของหลกั สตู ร สถานศกึ ษาปฐมวยั ประกอบดว้ ย หลกั การพฒั นาเดก็ แบบองคร์ วม หลกั การพฒั นาเดก็ มสธ มสธอย่างเป็นเอกภาพ หลักการพัฒนาเด็กให้มีความดีงาม หลักการมีส่วนร่วม และหลัก ความตอ้ งการของเด็กปฐมวัย 2. การพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวัย จดั ท�ำข้ึนโดยความรว่ มมอื ระหว่างสถานศึกษา ครอบครัว ชุมชน และผู้ที่เก่ียวข้องในการจัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษาตามขั้นตอนซึ่ง ประกอบด้วย การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่เก่ียวข้อง การด�ำเนินการจัดท�ำหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวัย การตรวจสอบหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย การน�ำหลักสูตร มสธสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใช้ และการวจิ ยั และตดิ ตามผลการใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั โดยมีการก�ำหนดรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเด็ก ของครอบครัว สถานศึกษา ชมุ ชนและสงั คม ตามบรบิ ทของสถานศึกษา 3. การนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใช้ เปน็ ขนั้ ตอนทส่ี ำ� คญั สำ� หรบั การตรวจสอบความ สำ� เรจ็ ของการนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั สกู่ ารปฏบิ ตั จิ รงิ โดยมแี นวทางทปี่ ระกอบ มสธ มสธด้วย ประชุมวางแผนก่อนการด�ำเนินการ ก�ำหนดแผนการด�ำเนินงาน ด�ำเนินการใช้ หลักสูตรสถานศึกษา และติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ข้อมูลท่ีได้จากการน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้จะถูกน�ำไปพิจารณา แก้ไข มสธปรบั ปรุง และพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวัยให้มีประสทิ ธิภาพมากย่ิงขน้ึ
แนวคิดเกี่ยวกับหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั 2-49 มสธ4. การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เป็นการตรวจสอบข้อมูลจากการใช้หลักสูตร สถานศึกษาปฐมวัย การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยมีหลายแนวทางให้เลือก ใชไ้ ดต้ ามความเหมาะสมและบรบิ ทของแตล่ ะหลกั สตู ร ไดแ้ ก่ การประเมนิ โดยพจิ ารณา จากจดุ มุง่ หมาย การประเมินโดยพจิ ารณาจากช่วงเวลา และการประเมนิ โดยพิจารณา มสธ มสธจากสิ่งที่ต้องการประเมิน ผลการประเมินจะถูกน�ำไปพิจารณาและตัดสินใจเกี่ยวกับ คุณภาพของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เพ่ือการด�ำเนินการปรับปรุง แก้ไข หรือ เปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกบั บรบิ ทของสถานศกึ ษา ชุมชนและสังคม วัตถุประสงค์ เมือ่ ศกึ ษาตอนที่ 2.4 จบแล้ว นักศกึ ษาสามารถ มสธ1. อธิบายหลักการเบ้ืองตน้ ของหลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวัยได้ 2. อธิบายการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวัยได้ 3. อธบิ ายการนำ� หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวัยไปใชไ้ ด้ มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธ4. อธบิ ายการประเมนิ หลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวัยได้
2-50 การจดั การศกึ ษาและหลักสูตรสำ�หรับเด็กปฐมวัย มสธเรื่องท่ี 2.4.1 หลักการเบ้ืองต้นของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย มสธ มสธหลกั สตู รสถานศกึ ษา (school curriculum) เปน็ แนวคดิ ของการจดั การศกึ ษาแนวใหมท่ ตี่ อ้ งการ กระจายอำ� นาจในการตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั การศกึ ษาใหส้ นองตอบตอ่ ความตอ้ งการของชมุ ชนและสงั คมทเ่ี รยี ก ว่า การบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-based Management: SBM) (Myers and Stonehill, 1993; Oswald, 1995 อา้ งถงึ ใน อรพรรณ พรสมี า, 2546, น. 7) จงึ เปน็ หนา้ ท่โี ดยตรงของ สถานศกึ ษาทต่ี อ้ งศกึ ษาและทำ� ความเขา้ ใจ เพอื่ นำ� ไปสกู่ ารพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาของตนเองไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ ง หลักสูตรสถานศึกษาเป็นนโยบายของการจัดการศึกษาที่เกิดข้ึนหลังจากที่มีการประกาศใช้ มสธพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พุทธศักราช 2542 หมวด 4 แนวการจดั การศกึ ษา มาตรา 22 ทก่ี ลา่ ว ไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า ผเู้ รยี นมคี วามสำ� คญั ทส่ี ดุ กระบวนการจดั การศกึ ษาตอ้ งสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถพฒั นาตามธรรมชาตแิ ละ เตม็ ตามศกั ยภาพ มาตรา 24 (1) กำ� หนดไวว้ า่ ใหส้ ถานศกึ ษาและหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งจดั เนอ้ื หาสาระและ มสธ มสธกจิ กรรมให้สอดคลอ้ งกบั ความสนใจและความถนัดของผเู้ รียน โดยคำ� นึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล มาตรา 27 ใหค้ ณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานกำ� หนดหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน เพอื่ ความเปน็ ไทย ความเปน็ พลเมอื งทดี่ ขี องชาติ การดำ� รงชวี ติ และการประกอบอาชพี ตลอดจนเพอื่ การ ศึกษาต่อ และให้สถานศึกษาข้ันพื้นฐานมีหน้าที่จัดท�ำสาระของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์ในวรรคหน่ึง ที่เก่ียวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพ่ือเป็นสมาชิก ที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ (ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2545, มสธน. 13-16) ดว้ ยหลกั การจดั การศกึ ษาดงั กลา่ วขา้ งตน้ จงึ เปน็ แนวทางของการจดั การศกึ ษาทยี่ ดึ ผเู้ รยี นเปน็ ส�ำคัญ โดยพิจารณาว่าเด็กทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพและความแตกต่าง ระหว่างบุคคล การจัดการศึกษาจึงจ�ำเป็นต้องด�ำเนินการพัฒนาเด็กทุกคนท่ีมาจากสภาพแวดล้อมที่ แตกตา่ งกนั ใหไ้ ดร้ บั การพฒั นาตามความตอ้ งการและศกั ยภาพ เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ ตบิ โตเปน็ ผทู้ ปี่ ระสบผลสำ� เรจ็ ในการเรยี นรู้ และการดำ� รงชวี ติ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ทำ� ใหส้ ถานศกึ ษาจำ� เปน็ ตอ้ งจดั ทำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษา มสธ มสธซ่ึงหมายถึง แผนหรือแนวทางหรือข้อก�ำหนดของการจัดการศึกษาที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ความ สามารถ ซงึ่ จัดท�ำโดยคณะบคุ คลของสถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้อง เพ่ือพฒั นาผเู้ รียนและชมุ ชน สังคมให้มี คณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ และส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนรจู้ กั ตนเอง มีชีวติ อยู่ในชุมชน สงั คมอยา่ งเป็นสขุ ซงึ่ ตอ้ งไมข่ ดั ตอ่ ความมน่ั คงของชาติ และสทิ ธมิ นษุ ยชน (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2553, น. 1) ดงั นน้ั หลกั สตู ร สถานศกึ ษาถอื เปน็ ความรบั ผดิ ชอบโดยตรงของสถานศกึ ษาทตี่ อ้ งมกี ารจดั ทำ� ใหส้ อดคลอ้ งกบั แนวทางการ มสธจดั การศกึ ษาทเี่ หมาะสมของผู้เรยี น และบริบทของชมุ ชนและสงั คม เพือ่ น�ำไปใช้ในการพฒั นาผูเ้ รียนใหม้ ี
แนวคดิ เกย่ี วกบั หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย 2-51 คณุ ภาพตามมาตรฐานทกี่ ำ� หนด ตลอดจนใชเ้ ปน็ แนวทางสำ� หรบั การประเมนิ คณุ ภาพการจดั การศกึ ษาของ มสธสถานศึกษา หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั เปน็ หลกั สตู รทเ่ี กดิ จากการทสี่ ถานศกึ ษานำ� สภาพทเ่ี ปน็ ปญั หา จดุ เดน่ เอกลักษณข์ องชุมชน สังคม ศลิ ปวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ เพอ่ื การเป็น สมาชิกท่ีดีของครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติมาก�ำหนดเป็นสาระและจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ มสธ มสธเด็กบนพน้ื ฐานของหลกั สตู รแกนกลาง และเพ่มิ เติมสาระตามความถนดั ความสนใจของเด็กปฐมวัย โดย ความร่วมมอื ของทุกคนในสถานศึกษาและชมุ ชน มกี ารกำ� หนดวิสัยทศั น์ ภารกจิ เป้าหมาย หรอื จดุ หมาย (มาตรฐานคณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค)์ เพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารออกแบบหลกั สตู รสถานศกึ ษาใหม้ คี ณุ ภาพเพอื่ พฒั นา เดก็ (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2547, น. 31) เพอื่ ใหไ้ ดห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ทต่ี อบสนองตอ่ เปา้ หมาย ของการพัฒนาเด็กปฐมวัยตามบริบทของสถานศึกษาให้ก้าวทันการเปล่ียนแปลงและความก้าวหน้าทาง วทิ ยาการ นวตั กรรม และเทคโนโลยี และสอดคลอ้ งกบั บรบิ ททางเศรษฐกจิ สงั คมและสงิ่ แวดลอ้ ม สถานศกึ ษา มสธควรได้ศึกษาหลักการของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 ที่จะน�ำมาใช้เป็นแนวการจัดท�ำ หลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2547, น. 8-9, 31) ดังตอ่ ไปนี้ 1. ส่งเสรมิ กระบวนการเรยี นรู้และพัฒนาการที่ครอบคลมุ เดก็ ปฐมวยั ทกุ ประเภท 2. ยึดหลักการอบรมเล้ียงดูและให้การศึกษาท่ีเน้นเด็กเป็นส�ำคัญ โดยค�ำนึงถึงความแตกต่าง ระหวา่ งบุคคล และวถิ ีชีวิตของเดก็ ตามบรบิ ทของชมุ ชน สังคมและวฒั นธรรมไทย มสธ มสธ3. พฒั นาเดก็ โดยองค์รวมผ่านการเลน่ และกิจกรรมท่เี หมาะกับวยั 4. จัดประสบการณก์ ารเรียนรใู้ หส้ ามารถด�ำรงชีวิตประจำ� วันได้อยา่ งมคี ณุ ภาพและมีความสุข 5. ประสานความร่วมมือระหวา่ งครอบครวั ชุมชน และสถานศึกษาในการพฒั นาเดก็ หลกั การของหลกั สตู รดงั กลา่ วไดช้ ใี้ หเ้ หน็ ถงึ แนวทางการจดั ทำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ทต่ี อ้ ง ดำ� เนนิ การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ทกุ คนดว้ ยแนวทางทเ่ี หมาะสมกบั พฒั นาการและการเจรญิ เตบิ โตของเดก็ โดย ใหค้ วามสำ� คญั กับการเตรียมความพรอ้ ม เพือ่ การมชี วี ติ และการเรยี นรู้ที่ประสบผลส�ำเรจ็ เพอื่ ให้หลกั สตู ร มสธสถานศกึ ษาปฐมวยั เปน็ หลกั สตู รทม่ี คี วามเปน็ เอกภาพ เหมาะสมกบั บรบิ ทของสถานศกึ ษา ในเรอ่ื งนจ้ี งึ ขอ อธบิ ายหลกั การของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั ตามแนว HUMAN คือ หลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ท่ี มเี ป้าหมายเพอ่ื การพัฒนาเดก็ ส่คู วามเป็นมนษุ ย์ทส่ี มบรู ณ์ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. หลักการพัฒนาเด็กแบบองค์รวม (Holistic: H) หลักสูตรสถานศึกษาจ�ำเป็นต้องก�ำหนด จุดมุ่งหมายที่สอดคล้องกับแนวทางของหลักสูตรแกนกลาง ท่ีมุ่งเน้นให้เด็กได้รับการส่งเสริมพัฒนาการ มสธ มสธและการเรยี นรู้อย่างรอบดา้ นทง้ั ทางรา่ งกาย อารมณ์-จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา โดยคำ� นงึ ถึงศกั ยภาพ และความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล ซง่ึ การพฒั นาเดก็ แบบองคร์ วมจะประสบผลสำ� เรจ็ ได้ หลกั สตู รจำ� เปน็ ตอ้ ง ยดึ หลกั การจดั การเรยี นรทู้ ย่ี ดึ เดก็ เปน็ สำ� คญั ดว้ ยกจิ กรรมทเ่ี ปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดพ้ ฒั นาทง้ั ความรู้ และทกั ษะ ทจี่ ำ� เปน็ ตอ่ การวางพน้ื ฐานสำ� หรบั ทกั ษะการเรยี นรแู้ ละการดำ� รงชวี ติ ผา่ นกจิ กรรมแบบบรู ณาการทว่ี า่ หนง่ึ แนวคิด เด็กสามารถเรียนรู้ได้หลายกิจกรรม หนึ่งกิจกรรมเด็กสามารถเรียนรู้ได้หลายทักษะและหลาย มสธประสบการณส์ �ำคัญ
2-52 การจดั การศึกษาและหลกั สตู รสำ�หรับเด็กปฐมวัย 2. หลักการพัฒนาเด็กอย่างเป็นเอกภาพ (Unity: U) หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั ต้องให้ความ มสธส�ำคัญกับหลักการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีความเป็นเอกภาพ ท่ีสะท้อนถึงคุณลักษณะท่ีโดดเด่นในสังคมท่ี มกี ารเปลยี่ นแปลง หลกั สตู รสถานศกึ ษาจำ� เปน็ ตอ้ งกำ� หนดเปา้ หมายของการพฒั นาเดก็ ใหม้ คี ณุ ลกั ษณะท่ี สอดคลอ้ งกลมกลนื และเหมาะสมกบั บรบิ ทของสถานศกึ ษา โดยมจี ดุ เนน้ วา่ การพฒั นาเดก็ อยา่ งเปน็ เอกภาพ ต้องเป็นการพัฒนาเด็กให้สามารถอยู่ในสังคมโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง คนท่ีมีความรู้และทักษะ มสธ มสธในการรบั มือกับการเปลีย่ นแปลงท่ีเกดิ ขึน้ อย่างต่อเน่ือง และสามารถปรบั ตัวเองให้เขา้ กับสถานการณ์ใหม่ ได้เท่านั้น จึงจะประสบความส�ำเร็จ (เบลลันกา, เจมส์ และแบรนด์, รอน, 2556, น. 37) สถานศึกษา ปฐมวัยจึงควรได้พิจารณาเอกภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่เด็ก เช่น พัฒนาการคิดอย่างรอบด้าน การท�ำงาน การแก้ปญั หา และความร่วมมอื โลกทม่ี ีการตดิ ต่อสอ่ื สารอย่างไร้พรหมแดน เดก็ จำ� เปน็ ต้อง ได้รับการพัฒนาคุณลักษณะของผู้ที่สามารถอยู่ร่วมและท�ำงานกับผู้อื่น ท่ามกลางความหลากหลายของ สังคมและวัฒนธรรม หรือที่เรียกว่า พหุสังคมและวัฒนธรรม ดังน้ัน หลักสูตรสถานศึกษาจึงจ�ำเป็นต้อง มสธกำ� หนดหลกั การพฒั นาเดก็ อยา่ งเปน็ เอกภาพทเี่ ปน็ เปา้ หมายสำ� คญั ของการพฒั นาเดก็ ใหส้ ามารถดำ� รงชวี ติ ไดอ้ ย่างประสบผลสำ� เรจ็ ในสงั คมแหง่ ศตวรรษท่ี 21 3. หลักการพัฒนาเด็กให้มีความดีงาม (Merit: M) หลักสูตรสถานศึกษาควรต้องยึดหลักการ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ใหม้ คี วามดงี ามในตนเอง อนั เปน็ คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงคข์ องการวางรากฐานเดก็ ปฐมวยั ให้เป็นพลเมืองดีและมีคุณภาพของชุมชน สังคมและพลเมืองโลกจากสภาพสังคมที่มีความซับซ้อนและมี มสธ มสธความเสยี่ ง ทอี่ าจสง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรมทไี่ มเ่ หมาะสม หลกั สตู รควรมกี ารสรา้ งความพรอ้ มดว้ ยการปลกู ฝงั ให้ เด็กได้เรียนรู้วิธีการปฏิบัติตนอยู่ในความดีงามทั้งกับตนเองและผู้อื่นในสังคม การแสดงความดีงามกับ ตนเอง เชน่ การปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำ� วนั ไดด้ ว้ ยตนเอง การรกั ษาความสะอาด การรบั ประทานอาหารทเ่ี ปน็ ประโยชน์ เปน็ ตน้ และการแสดงความดงี ามกบั ผอู้ นื่ เชน่ ความเออ้ื เฟอ้ื เผอ่ื แผ่ การพดู จาไพเราะออ่ นหวาน การแสดงความกตัญญูกตเวที การใหค้ วามเคารพและเห็นอกเหน็ ใจผอู้ ่นื เป็นตน้ ความดีงามดงั กล่าวนับ เปน็ คณุ ลกั ษณะของเดก็ ปฐมวยั ทสี่ ำ� คญั ทคี่ วรไดร้ บั การสง่ เสรมิ ผา่ นกจิ กรรมในหลกั สตู ร ดว้ ยหลกั การทวี่ า่ มสธหลักสตู รมิใชเ่ พียงเส้นทางให้เดก็ ได้ประสบผลส�ำเร็จในด้านความรูแ้ ตเ่ พียงดา้ นเดยี ว เพราะการด�ำรงชวี ิต ของเดก็ ในสงั คมได้อยา่ งมีความสุขและประสบผลสำ� เร็จ จำ� เป็นต้องสร้างเสรมิ ให้เดก็ เปน็ ผ้ทู ี่มคี วามดงี าม สามารถท�ำตนใหเ้ ป็นประโยชนแ์ ก่สงั คมไดอ้ ยา่ งรอบด้าน และอยู่รวมกันอยา่ งสมานฉันท์ 4. หลักการมีส่วนร่วม (Associate: A) การศึกษาปฐมวัยเป็นการจัดการศึกษาท่ีต้องประกอบ ไปดว้ ยการอบรมเลยี้ งดแู ละการใหก้ ารศกึ ษา ซง่ึ จำ� เปน็ ตอ้ งอาศยั องคค์ วามรใู้ นหลายแขนงมาใช้ เชน่ การ มสธ มสธแพทย์ จติ วทิ ยา การสาธารณสุข สงั คมศาสตร์ และการศึกษา ฯลฯ การส่งเสรมิ พัฒนาการเดก็ ปฐมวยั จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งอาศยั บคุ คลในหลายวชิ าชพี เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั พระราชบญั ญตั ิ การศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 มาตรา 8 การจัดการศึกษาให้ยึดหลักการมีส่วนร่วมของสังคม ท้งั จากบุคคล ครอบครัว ชมุ ชน องค์กร ชุมชน และสถาบันสังคมอ่ืนท่เี ก่ยี วข้อง ดงั น้ัน การด�ำเนินงานจัด ท�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย จึงมีนโยบายให้บุคคลที่เก่ียวข้องกับสถานศึกษาท้ังในระดับครอบครัว สถานศกึ ษาและชมุ ชนในบรบิ ทของสถานศกึ ษาเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการดำ� เนนิ งานของหลกั สตู รสถานศกึ ษา มสธปฐมวยั เช่น การวางแผน การตัดสินใจ การดำ� เนนิ การ การก�ำกับติดตามและการประเมินหลักสตู ร ฯลฯ
แนวคดิ เก่ียวกับหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย 2-53 หลกั การมสี ว่ นรว่ มดงั กลา่ วนบั เปน็ การสนบั สนนุ ใหก้ ารจดั การศกึ ษาปฐมวยั เปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั และ มสธเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนและสังคมในการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาท่ีสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาเด็กด้านบริบทของสถานศึกษา ชุมชนและสงั คม 5. หลักความต้องการของเด็กปฐมวัย (Need: N) เด็กปฐมวัยเป็นวัยแรกของชีวิตมนุษย์ท่ี เปรียบเสมือนรากแก้วของต้นไม้ จึงมีความจ�ำเป็นต้องวางรากฐานให้เข้มแข็ง เพ่ือให้เด็กได้เติบโตและมี มสธ มสธชีวิตในอนาคตที่ม่ันคง การวางรากฐานของชีวิตในช่วงเด็กปฐมวัย การให้ความใส่ใจถึงความต้องการนับ เป็นเร่ืองส�ำคัญท่ีเด็กควรได้รับการตอบสนอง เพ่ือน�ำไปสู่ความส�ำเร็จในการด�ำรงชีวิต ซ่ึงเรียกว่าความ ตอ้ งการพน้ื ฐานตามทฤษฎีของ Maslow ทีป่ ระกอบด้วย ความต้องการทางรา่ งกาย ความต้องการความ มน่ั คงปลอดภยั หรอื สวสั ดภิ าพ ความตอ้ งการความรกั และเปน็ สว่ นหนง่ึ ของกลมุ่ ความตอ้ งการทจ่ี ะรสู้ กึ วา่ ตนเองมคี ่า และความตอ้ งการที่จะรจู้ กั ตนเองตามสภาพที่แท้จริงและพัฒนาตามศกั ยภาพของตน (สรุ างค์ โค้วตระกูล, 2554, น. 161-162) การจัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษาจึงต้องก�ำหนดแนวทางของหลักสูตรที่มี มสธเป้าหมายของการพัฒนาเด็กให้ได้รับการตอบสนองความต้องการดังกล่าว และควรเป็นการตอบสนอง ทเี่ หมาะสมกบั บรบิ ททแี่ วดลอ้ มของเดก็ โดยหลกั สตู รสถานศกึ ษาตอ้ งวเิ คราะหใ์ หเ้ หน็ ถงึ ความตอ้ งการของ เดก็ อย่างแทจ้ ริงวา่ เด็กแต่ละคนมีธรรมชาตทิ ่เี หมือนกัน คือ ขั้นตอนของการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการที่ เกดิ ข้นึ ตามวยั แตเ่ ด็กแต่ละคนทีแ่ ตกต่างกนั เกดิ ขึน้ จากปัจจยั ด้านสภาพแวดล้อม อาทิ การอบรมเล้ยี งดู สภาพ ทางสงั คมและวฒั นธรรม เปน็ ต้น ดังนน้ั การพัฒนาเดก็ ปฐมวัยตามทศิ ทางของหลักสตู ร จงึ จำ� เปน็ มสธ มสธต้องให้ความส�ำคัญกับการตอบสนองความต้องการพื้นฐานที่เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน อันเนื่องมา จากปจั จยั ทแี่ วดลอ้ มตวั เดก็ เพอ่ื ใหค้ วามตอ้ งการของเดก็ ไดร้ บั การตอบสนองอยา่ งเหมาะสมทสี่ ง่ ผลตอ่ การ มีพฤตกิ รรมท่ดี ีของเดก็ ในอนาคต หลักการเบ้ืองต้นของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยตามแนวทาง “HUMAN” ดังกล่าว นับเป็น แนวทางที่สามารถน�ำไปใช้ในการจัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนา เดก็ ปฐมวัย ตลอดจนบรบิ ทของสถานศกึ ษา ชุมชนและสังคม โดยเชอ่ื ม่นั ว่าหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย มสธทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพจะสามารถพฒั นาเดก็ สคู่ วามเปน็ มนษุ ยท์ สี่ มบรู ณ์ สามารถทำ� ประโยชนใ์ หแ้ กต่ นเอง ชมุ ชน สังคมและประเทศชาตติ ่อไป กิจกรรม 2.4.1 มสธ มสธจงอธบิ ายหลักการเบื้องตน้ ของหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัยตามแนว HUMAN แนวตอบกิจกรรม 2.4.1 หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยเป็นหลักสูตรที่จัดท�ำขึ้นเพื่อน�ำไปใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ชุมชนและสังคม หลักการของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยท่ีมี มสธเปา้ หมายเพ่ือการพฒั นาเด็กสู่ความเป็นมนุษย์ทสี่ มบูรณต์ ามแนว HUMAN มีดังตอ่ ไปนี้
2-54 การจดั การศึกษาและหลักสตู รสำ�หรบั เด็กปฐมวัย 1. หลกั การพัฒนาเด็กแบบองค์รวม (Holistic: H) มสธ2. หลกั การพัฒนาเดก็ อยา่ งเปน็ เอกภาพ (Unity: U) 3. หลกั การพฒั นาเด็กให้มีความดงี าม (Merit: M) 4. หลักการมสี ่วนรว่ ม (Associate: A) 5. หลักความตอ้ งการของเดก็ ปฐมวัย (Need: N) มสธ มสธเรื่องที่2.4.2 การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย มสธจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ท่ีมีการมอบอ�ำนาจให้สถานศึกษา ปฐมวัยด�ำเนินการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน โดยค�ำนึงถึงศักยภาพและความแตกต่างระหว่าง บุคคล และให้สถานศึกษาจัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชนและสังคม มสธ มสธภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ใหเ้ ปน็ สมาชกิ ทด่ี ขี องครอบครวั ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ โดยความรว่ มมอื กบั ครอบครวั ชมุ ชน และผทู้ เี่ กยี่ วขอ้ งในการพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา ปฐมวัย ดังน้ัน การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาจึงเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาท่ีต้องด�ำเนินการเพื่อให้ได้ หลกั สตู รสถานศกึ ษาทมี่ คี ณุ ภาพ สามารถนำ� ไปใชพ้ ฒั นาผเู้ รยี นไดต้ ามสภาพจรงิ ผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งในการพฒั นา หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ควรต้องท�ำการศึกษากระบวนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ดังแนวทาง ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่เป็นแนวปฏิบัติส�ำหรับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาแบบครบวงจร มสธ(กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2552, น. 37-38) ดงั นี้ การพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษาโดยทวั่ ไป ประกอบด้วยการด�ำเนนิ งานใน 2 สว่ น คือ 1. การด�ำเนินการระดับสถานศึกษา ด�ำเนินการโดยองค์คณะบุคคลในระดับสถานศึกษา ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการ เพ่ือพิจารณาจัดท�ำหลักสูตร สถานศึกษา มสธ มสธ2. การดำ� เนนิ การระดบั ชนั้ เรยี น ดำ� เนนิ การโดยครผู สู้ อนแตล่ ะคนในการออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้ และจดั การเรียนการสอน เพ่อื ให้สอดคล้อง เหมาะสมกับผู้เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ซึง่ อาจมีความแตกตา่ งกนั การดำ� เนนิ การพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาโดยทวั่ ไป จงึ อยภู่ ายใตก้ ารดำ� เนนิ งานของคณะกรรมการ หรือคณะทำ� งาน ซึ่งมขี นั้ ตอนการด�ำเนินการ ดังน้ี 1. แตง่ ตัง้ คณะกรรมการ/คณะทำ� งาน คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและงานวิชาการของสถาน มสธศกึ ษา ประกอบด้วย ผบู้ ริหารสถานศึกษาและครูผสู้ อน
แนวคิดเกี่ยวกับหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั 2-55 2. วิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มีแหล่งข้อมูลส�ำคัญท่ีเป็นประโยชน์ต่อการจัดท�ำหลักสูตร มสธสถานศึกษา อาทิ หลักสตู รแกนกลาง ขอ้ มูลจากการวิเคราะห์สภาพ ปัญหา จุดเนน้ ความตอ้ งการของ ชมุ ชน และของสถานศึกษาแต่ละแหง่ ตลอดจนความต้องการของผู้เรยี น 3. จดั ทำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษา พจิ ารณาจดั ทำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาซง่ึ มอี งคป์ ระกอบสำ� คญั ไดแ้ ก่ วิสัยทัศน์ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา และเกณฑ์การจบหลักสูตร พร้อม มสธ มสธกันน้สี ถานศึกษาจะตอ้ งจดั ท�ำเอกสารระเบียบการวดั ผลประเมินผล เพื่อใชค้ วบคู่กบั หลกั สูตรสถานศึกษา 4. คณะกรรมการสถานศกึ ษาพจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบ นำ� เสนอรา่ งเอกสารหลกั สตู รสถานศกึ ษา และระเบยี บการวดั ประเมนิ ผลตอ่ คณะกรรมการสถานศกึ ษาเพอ่ื พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบ หากมขี อ้ เสนอ แนะจากคณะกรรมการให้น�ำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณาปรับปรุงร่างหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความ เหมาะสมชัดเจนย่ิงข้ึนก่อนการอนุมัติใช้หลักสูตร เม่ือได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา แลว้ ใหจ้ ัดท�ำเปน็ ประกาศหรือคำ� สง่ั เร่อื งให้ใชห้ ลักสตู รสถานศึกษา โดยผู้บรหิ ารสถานศึกษาและประธาน มสธกรรมการสถานศึกษาเป็นผูล้ งนาม 5. ใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษา ครผู สู้ อนนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาไปจดั การเรยี นรเู้ พอื่ พฒั นาผเู้ รยี นให้ มีคุณภาพตามเป้าหมาย 6. วิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตร ด�ำเนินการติดตามผลการใช้หลักสูตรอย่างต่อเนื่องเป็น ระยะๆ เพ่ือน�ำผลจากการติดตามมาใช้เป็นข้อมูลพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพ และมีความ มสธ มสธเหมาะสมยิ่งขน้ึ ส�ำหรับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยได้มีการก�ำหนดแนวทางไว้ในคู่มือหลักสูตร การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 เพ่ือให้สถานศึกษาได้น�ำแนวทางไปสู่การปฏิบัติตามขั้นตอน (กระทรวงศึกษาธิการ, 2547, น. 31-47) ดงั น้ี 1. ศึกษาท�ำความเข้าใจเอกสารหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 และเอกสาร หลักสตู รอืน่ ๆ รวมทัง้ ศกึ ษาขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตวั เดก็ และครอบครวั สภาพปัจจบุ นั ปญั หา ความต้องการของ มสธชุมชนและทอ้ งถิน่ 2. รว่ มกันจดั ท�ำหลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั ตามหวั ขอ้ ดงั นี้ 2.1 วสิ ยั ทศั น์ ภารกิจ เปา้ หมาย หรือจดุ หมาย (มาตรฐานคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค)์ 2.2 โครงสรา้ งหลักสตู ร 2.2.1 สาระการเรียนรู้รายปี มสธ มสธ2.2.2 เวลาเรยี น 2.3 การจัดประสบการณ์ 2.4 การสรา้ งบรรยากาศการเรยี นรู้ 2.5 สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 2.6 การประเมินพัฒนาการ 2.7 การบริหารจดั การหลักสูตร มสธ2.8 อื่นๆ
2-56 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรสำ�หรับเดก็ ปฐมวยั 3. ตรวจสอบหลกั สตู รของสถานศกึ ษาปฐมวยั เมอ่ื สถานศกึ ษาดำ� เนนิ การจดั ทำ� หลกั สตู รสถาน- มสธศึกษาปฐมวัยเสร็จแล้ว ควรก�ำหนดให้มีการประเมินก่อนน�ำหลักสูตรไปใช้ อาจให้ผู้เชี่ยวชาญหรือ ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ างการศกึ ษาปฐมวยั ตรวจสอบคณุ ภาพของหลกั สตู ร องคป์ ระกอบตา่ งๆ ของหลกั สตู รทจี่ ดั ทำ� แลว้ ประเมนิ ระหวา่ งดำ� เนนิ การใชห้ ลกั สตู รเพอื่ ตรวจสอบวา่ นำ� ไปใชไ้ ดด้ เี พยี งใด ควรปรบั ปรงุ แกไ้ ขเรอื่ งใด และประเมินหลงั การใชห้ ลักสตู รครบแต่ละช่วง อายุ 3 ปี 4 ปี และ 5 ปี เพอ่ื สรุปผลหลกั สตู รทจ่ี ัดท�ำและ มสธ มสธปรบั ปรุงพฒั นาใหด้ ขี ้นึ จากข้อมูลแนวทางการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาดังกล่าว จะเห็นได้ว่าการพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษามีการด�ำเนินการอย่างเป็นข้ันตอน ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดของกระบวนการวางแผนในการ พฒั นาหลักสูตรของ Saylor, Alexander and Lewis (1981, p. 30) ซ่ึงประกอบด้วย ขน้ั ตอนดงั นี้ 1. การกำ� หนดเปา้ หมาย และจดุ ประสงค์ 2. การออกแบบหลักสูตร มสธ3. การน�ำหลักสูตรไปใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน 4. การประเมินหลักสูตร ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยมีการด�ำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ในเร่ืองนี้จึงขอนำ� เสนอแนวทางการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั ตามขนั้ ตอน ดังต่อไปน้ี 1. การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลท่ีเกี่ยวข้อง ได้แก่ หลักสูตรแกนกลาง หลักสูตรสถานศึกษา มสธ มสธฉบับเดิม ความตอ้ งการในการพฒั นาเดก็ นโยบายการจัดการศกึ ษา ความตอ้ งการของสังคม บรบิ ทของ ชุมชนและสังคมของสถานศึกษา 2. การดำ� เนนิ การจดั ทำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั โดยมกี ารกำ� หนดองคป์ ระกอบของหลกั สตู ร สถานศกึ ษา ซง่ึ ไดแ้ ก่ ปรชั ญา วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ /ภารกจิ เปา้ หมายหรอื จดุ หมาย โครงสรา้ งของหลกั สตู ร วิธีการจัดประสบการณ์ และการประเมินพัฒนาการ ซ่ึงองค์ประกอบดังกล่าวจะต้องมีความสอดคล้องกับ ความต้องการของเด็กปฐมวัย สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษาของสถาน มสธศกึ ษา และชมุ ชน ดงั องค์ประกอบหลักท่ใี ชส้ �ำหรับการจัดท�ำหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวยั ดงั นี้ 2.1 ปรัชญา เป็นสิ่งที่เป็นความรู้หรือความเช่ือ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในการพัฒนาเด็ก ปฐมวัยท่ีสถานศึกษาก�ำหนดข้ึนจากพื้นฐานทางปรัชญาการศึกษาท่ีมีการน�ำมาก�ำหนดใช้ในการพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยกันอย่างกว้างขวาง เช่น ปรัชญาการศึกษาบูรณนิยม มีแนวทางการพัฒนา เด็กให้เป็นผู้ท่ีมีความพร้อมและศักยภาพในการด�ำรงชีวิต และการปฏิรูปสังคม ปรัชญาการศึกษา มสธ มสธพิพัฒนนิยม มีแนวทางการพัฒนาเด็กให้มีความพร้อมอย่างสมดุลและรอบด้าน โดยยึดผู้เรียนเป็นส�ำคัญ และปรชั ญาการศกึ ษาอตั ถภิ าวนยิ ม มแี นวทางการพฒั นาเดก็ ไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งอสิ ระ และตดั สนิ ใจดว้ ยตนเอง ฯลฯ 2.2 วิสัยทศั น์ เป็นสิ่งที่แสดงถึงภาพแหง่ ความตอ้ งการในอนาคตท่ีมคี วามชดั เจน และเปน็ ไปได้ท่ีต้องการให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก ซึ่งมาจากความร่วมมือของผู้ท่ีเก่ียวข้องในการจัดท�ำหลักสูตรสถาน- ศึกษา ร่วมกันแสดงความคิด มองอนาคตของเด็ก และก�ำหนดวิสัยทัศน์ท่ีมีความสอดคล้องกับนโยบาย มสธและบรบิ ทในการจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษา
แนวคดิ เก่ียวกบั หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั 2-57 2.3 พันธกิจ/ภารกจิ เปน็ ขอบเขตการดำ� เนนิ งานทีส่ �ำคญั ซึ่งสถานศึกษาต้องปฏิบัติเพ่ือให้ มสธบรรลวุ ิสัยทัศน์ทก่ี �ำหนดไว้ และน�ำไปสู่การวางแผนปฏิบัตติ ่อไป 2.4 เปา้ หมายหรอื จดุ หมาย เปน็ ความคาดหวงั ดา้ นคณุ ภาพทต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั เดก็ ซง่ึ สอดคล้องกับหลกั สตู รแกนกลาง วิสัยทศั นแ์ ละพนั ธกิจของสถานศึกษา 2.5 โครงสร้างของหลักสูตร เป็นการก�ำหนดโครงสร้างของหลักสูตรตามช่วงอายุของเด็ก มสธ มสธซง่ึ ประกอบดว้ ย มาตรฐานคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ตวั บง่ ชแี้ ละสภาพทพี่ งึ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ รายปี และเวลาเรยี น 2.6 วิธีการจัดประสบการณ์ เป็นการก�ำหนดแนวทางการจัดประสบการณ์ที่เหมาะสมกับ พฒั นาการดา้ นรา่ งกาย อารมณ์-จติ ใจ สังคม และสติปญั ญา ทเ่ี ปน็ ไปตามวยั ความต้องการ ความถนดั และศกั ยภาพของเดก็ แตล่ ะคน ดว้ ยการจดั เตรยี มสอ่ื และสภาพแวดลอ้ มการเรยี นรทู้ เี่ ปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดม้ ี อิสระในการเลือก และปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองทงั้ ในและนอกสถานศกึ ษา มสธ2.7 การประเมินพัฒนาการ เป็นการด�ำเนินงานท่ีแสดงถึงความมีคุณภาพของหลักสูตร สถานศกึ ษาวา่ ตอ้ งการพฒั นา ปรบั ปรงุ หรอื แกไ้ ขมากนอ้ ยเพยี งใด การประเมนิ พฒั นาการ จงึ จำ� เปน็ ตอ้ ง มีการด�ำเนินงานอย่างเป็นระบบท่ีเร่ิมจากการวางแผน การเลือกใช้เคร่ืองมือและการเก็บรวบรวมข้อมูล เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลการประเมนิ ทแ่ี ทจ้ รงิ สำ� หรบั นำ� มาใชใ้ นการพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมาก ยง่ิ ขึน้ มสธ มสธจากองค์ประกอบของหลักสูตรสถานศึกษาดังกล่าวข้างต้น สถานศึกษาสามารถก�ำหนดหัวข้อ เพมิ่ เติมหรือปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสม 3. การตรวจสอบหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เป็นการตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรท่ี เกี่ยวกับองค์ประกอบของหลักสูตร โดยผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่เก่ียวข้องทางการศึกษาปฐมวัย ตลอดจน พ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคคลในชุมชนของสถานศึกษา เพ่ือให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการพัฒนา และปรบั ปรงุ แก้ไข ใหห้ ลกั สตู รสถานศึกษามคี วามสมบูรณก์ อ่ นการนำ� ไปใช้ มสธ4. การน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ เป็นการน�ำหลักสูตรสถานศึกษาที่ผ่านการตรวจ สอบไปใช้ในการจัดประสบการณ์ โดยครูจะต้องท�ำการออกแบบการจัดประสบการณ์ ซ่ึงประกอบด้วย วตั ถปุ ระสงค์ ยทุ ธศาสตรก์ ารจดั ประสบการณ์ และวธิ กี ารประเมนิ พฒั นาการเดก็ ทเ่ี ปน็ ไปตามแนวทางของ หลกั สตู รสถานศกึ ษา เพอื่ ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายของการพฒั นาเดก็ ตามบรบิ ทของสถานศกึ ษา ชมุ ชนและสงั คม 5. การวิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ท่ีต้องด�ำเนินการอย่างต่อเน่ือง มสธ มสธและเป็นขั้นตอนทั้งก่อนการใช้หลักสูตร ระหว่างการใช้หลักสูตรและหลังการใช้หลักสูตร เพ่ือให้ได้ข้อมูล ส�ำหรับเป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรที่มีความชัดเจนและมีความเช่ือมั่น อันส่งผลให้การ พัฒนาเด็กปฐมวยั ของสถานศึกษาบรรลตุ ามเปา้ หมายทีก่ �ำหนดไว้ในหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย จากขนั้ ตอนการพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ดงั กลา่ ว สถานศกึ ษาสามารถนำ� ขนั้ ตอนหลกั ไปกำ� หนดรายละเอยี ด ใหส้ อดคลอ้ งกบั แนวทางการพฒั นาเดก็ ของครอบครวั สถานศกึ ษา ชมุ ชนและสงั คม ตามบริบทของสถานศกึ ษาแตล่ ะแห่ง เพ่ือให้ไดห้ ลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั ท่มี ปี ระสทิ ธิภาพ สามารถนำ� มสธไปใชใ้ นการจัดการศึกษาได้บรรลเุ ป้าหมายตามมาตรฐานท่กี �ำหนดตอ่ ไป
2-58 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รสำ�หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธกิจกรรม 2.4.2 การพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั มีขน้ั ตอนอะไรบ้าง แนวตอบกิจกรรม 2.4.2 การพฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั มีการด�ำเนนิ การตามขัน้ ตอนดงั ต่อไปน้ี มสธ มสธ1. การศึกษาและวิเคราะหข์ อ้ มูลทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 2. การด�ำเนินการจัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยที่มีองค์ประกอบ ได้แก่ ปรัชญา วิสัยทัศน์ พนั ธกจิ /ภารกิจ เปา้ หมายหรอื จดุ หมาย โครงสร้างของหลักสตู ร วธิ ีการจดั ประสบการณ์ และการประเมิน พัฒนาการ 3. การตรวจสอบหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย 4. การน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั ไปใช้ มสธ5. การวิจยั และตดิ ตามผลการใช้หลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัย มสธ มสธเร่ืองที่2.4.3 การน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ การน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ เป็นขั้นตอนที่มีความส�ำคัญยิ่งที่เก่ียวข้องกับการ มสธเปล่ียนแปลงด้วยการยอมรับและการเห็นประโยชน์ของหลักสูตรที่สร้างขึ้นใหม่ เป็นการน�ำหลักสูตรที่ ได้รับการพัฒนาข้ึนสู่การปฏิบัติ การน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้จ�ำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องท�ำความ เขา้ ใจถงึ การเปลยี่ นแปลงทตี่ อ้ งเกดิ ขน้ึ ในการจดั ประสบการณ์ ดงั ทม่ี กี ารอธบิ ายวา่ ถา้ ครแู ละผทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ ง ในการพฒั นาหลกั สตู ร เขา้ ใจถงึ ธรรมชาตขิ องการเปลยี่ นแปลง กจ็ ะทำ� หนา้ ทไี่ ดเ้ ปน็ อยา่ งดที จี่ ะมกี ารปฏบิ ตั ิ ที่เหมาะสม ค�ำถามท่ีมักพบจากครูเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงท่ีเกี่ยวกับหลักสูตร เช่น ครูทุกคนต้องการการ มสธ มสธเปล่ียนแปลงน้ีหรือไม่ ท�ำไมต้องมีการเปลี่ยนแปลง การเปล่ียนแปลงจะเกิดผลกระทบกับครูอย่างไร มีวิธีการอะไรบ้างท่ีครูต้องให้การสนับสนุนการเปล่ียนแปลงที่ดีที่สุด หลักสูตรใหม่จะช่วยพัฒนาคุณภาพ การเรียนรู้ได้หรือไม่ ครูจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเน่ือง (Print, 1993, p. 226) ดงั นนั้ เพอื่ ใหก้ ารนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ทเ่ี ปน็ การเปลย่ี นแปลงซง่ึ เกดิ ขน้ึ ในสถานศกึ ษา ได้มีการน�ำไปใช้ได้ประสบผลส�ำเร็จ จ�ำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมในการด�ำเนินงานและการจัด กิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อมูลส�ำหรับน�ำมาแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยให้มี มสธประสทิ ธิภาพมากยง่ิ ขนึ้
แนวคิดเก่ียวกบั หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย 2-59 การน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ มีความจ�ำเป็นต้องมีการวางแผนเพื่อก�ำหนดขอบเขต มสธของการดำ� เนนิ การนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาไปใช้ ทสี่ ามารถทำ� ใหห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ สี่ ง่ ผล ตอ่ การพัฒนาเดก็ ได้บรรลุเปา้ หมายตามแนวทาง ดังต่อไปน้ี 1. ประชุมวางแผนก่อนการด�ำเนินการ เปน็ การดำ� เนนิ การประชมุ วางแผนรว่ มกนั ระหวา่ งบคุ คล ท่ีเกี่ยวข้องกับการน�ำหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ ซ่ึงได้แก่ ที่ปรึกษาด้านหลักสูตร ผู้บริหาร คณะครู ผู้ มสธ มสธปกครองและบคุ คลอนื่ ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง การประชมุ วางแผนเปน็ การนำ� เสนอเปา้ หมายและขอบเขตของการนำ� หลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ ซ่ึงผู้เข้าประชุมจ�ำเป็นต้องก�ำหนดกรอบภาระงานที่ผู้บริหารสถานศึกษาและ คณะครูจะเป็นผู้น�ำหลักท่ีส�ำคัญในการสนับสนุนการน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ กิจกรรมการ ประชมุ วางแผนสามารถปฏบิ ตั ไิ ดใ้ นลกั ษณะทหี่ ลากหลาย เชน่ การประชมุ กลมุ่ ขนาดเลก็ เพอื่ รว่ มอภปิ ราย และแสดงแนวคิดเพื่อให้ได้ข้อมูลส�ำหรับแผนการด�ำเนินงาน การประชุมกลุ่มขนาดกลางระหว่างบุคลากร ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั สถานศกึ ษา เพอ่ื ชแ้ี จงและกำ� หนดแผนการดำ� เนนิ งาน หรอื การประชมุ กลมุ่ ขนาดใหญ่ เพอ่ื มสธการรับรู้และการวางแผนร่วมกันระหว่างผู้ที่เก่ียวข้องทั้งหมด การประชุมวางแผนก่อนการน�ำหลักสูตร สถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใชม้ เี ปา้ หมายหลกั คอื เพอ่ื ประเมนิ สถานการณแ์ ละนำ� ขอ้ มลู การประเมนิ มาจดั เตรยี ม ความพรอ้ มของบคุ ลากรทเ่ี หมาะสมกบั ภาระงานของการนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใช้ ดว้ ยแนวทาง การประเมนิ สถานการณโ์ ดยการวเิ คราะห์ SWOT ดังน้ี 1.1 การวิเคราะห์จุดแข็ง (Strength: S) คอื การประชุมที่มกี ารนำ� เสนอขอ้ มูลอ้างอิงปจั จัย มสธ มสธภายในของสถานศกึ ษาทส่ี ง่ ผลดีต่อการดำ� เนินการใชห้ ลักสตู รทส่ี ถานศึกษามีความโดดเดน่ ท่สี ามารถน�ำ มาใช้ประโยชน์ในการน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ เช่น ผู้บริหารมี ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตร มีความมุ่งม่ันในการท�ำงาน และมีความสามารถในการประสานงาน ความร่วมมือกับผู้อื่นได้อย่างดี ส�ำหรับผู้สอนเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการสอน มีความคิดสร้างสรรค์ ยอมรบั การเปลยี่ นแปลงและมีความกระตอื รือร้น มคี วามรกั และสามคั ครี ว่ มกันในสถานศกึ ษา 1.2 การวิเคราะห์จุดอ่อน (Weakness: W) คือ การประชุมที่มีการน�ำเสนอข้อมูลปัจจัย มสธภายในของสถานศึกษาทสี่ ง่ ผลเสยี หรอื ผลกระทบตอ่ การด�ำเนนิ การใชห้ ลกั สตู ร เชน่ ผสู้ อนยังขาดความ ช�ำนาญในการจัดประสบการณ์ ผู้สอนไม่ได้จบทางด้านการศึกษาปฐมวัย ไม่สนใจและไม่ชอบการ เปล่ียนแปลง หรือบุคลากรขาดภาวะผู้น�ำและการท�ำงานเป็นทีม ฯลฯ จุดอ่อนเหล่านี้เป็นภาวะที่ไม่เอ้ือ ประโยชน์ต่อการน�ำหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ จ�ำเป็นต้องก�ำจัดออกไป โดยสถานศึกษาควรหาโอกาส พัฒนาจดุ แขง็ ที่มีให้มากย่งิ ขน้ึ เพอ่ื ให้การน�ำหลักสตู รสถานศึกษาไปใช้ได้ส�ำเร็จ มสธ มสธ1.3 การวิเคราะห์โอกาส (Opportunity: O) คือ การประชุมท่ีมีการน�ำเสนอข้อมูลปัจจัย ภายนอกสถานศกึ ษาทสี่ ง่ ผลดหี รอื เปน็ ประโยชนต์ อ่ การนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใช้ เชน่ หลกั สตู ร สถานศกึ ษามคี วามโดดเดน่ ทสี่ นองความตอ้ งการในการจดั การศกึ ษาของชมุ ชน บคุ ลากรในชมุ ชนใหค้ วาม รว่ มมอื ในการจัดการศกึ ษา เปน็ ต้น 1.4 การวเิ คราะหอ์ ปุ สรรค (Threat: T) คอื การประชมุ ทม่ี กี ารนำ� เสนอขอ้ มลู ปจั จยั ภายนอก สถานศกึ ษาทส่ี ง่ ผลเสยี หรอื เปน็ อปุ สรรคตอ่ การนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใช้ ผลเสยี หรอื อปุ สรรค มสธทเ่ี กดิ ขน้ึ เปน็ สงิ่ ทสี่ ถานศกึ ษาไมส่ ามารถเปลย่ี นแปลงแกไ้ ข หรอื ควบคมุ ไมใ่ หเ้ กดิ ขน้ึ ได้ ทำ� ไดเ้ พยี งหาทาง
2-60 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำ หรับเด็กปฐมวัย ปอ้ งกนั ใหเ้ กดิ ขน้ึ นอ้ ยลง ดงั เชน่ พอ่ แมแ่ ละผปู้ กครองขาดความรู้ ความเขา้ ใจในการอบรมเลยี้ งดแู ละใหก้ าร มสธศกึ ษาแกเ่ ดก็ ปฐมวยั สถานศกึ ษาสามารถแกไ้ ขไดโ้ ดยการจดั โครงการหรอื กจิ กรรมการใหค้ วามรแู้ กพ่ อ่ แม่ และผปู้ กครองในรปู แบบตา่ งๆ เชน่ การประชมุ การจดั นทิ รรศการ การเผยแพรข่ า่ วสารทางจลุ สาร เปน็ ตน้ ผลการวิเคราะห์ดังกล่าว จะช่วยท�ำให้เกิดแนวทางการจัดเตรียมบุคลากรที่เหมาะสมกับ การนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ซง่ึ สถานศกึ ษาตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั กบั การ มสธ มสธหาจดุ แขง็ ทเี่ ปน็ ปจั จยั ภายใน ซง่ึ สนบั สนนุ การดำ� เนนิ การใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั และกำ� จดั จดุ ออ่ น ซ่ึงเป็นปัจจัยภายในที่ส่งผลเสียหรือผลกระทบต่อการด�ำเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยออกไป สถานศึกษาต้องมีความพยายามท่ีจะพัฒนาโอกาสท่ีเป็นผลดีและเอื้อประโยชน์ต่อการใช้หลักสูตร สถานศกึ ษาปฐมวยั ใหม้ ากขน้ึ และพยายามหลกี เลย่ี งอปุ สรรคทเ่ี ปน็ ผลเสยี ทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ กบั การใชห้ ลกั สตู ร สถานศกึ ษาปฐมวยั ดงั ตวั อยา่ งผลการวเิ คราะห์ SWOT ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการประชมุ วางแผนการนำ� หลกั สตู ร สถานศกึ ษาปฐมวัยไปใช้ ดงั ต่อไปนี้ มสธปัจจัยปัจจัยท่ีส่งผลดีต่อการใช้ ปัจจัยท่ีส่งผลเสียหรือผลกระทบต่อการใช้ หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรสถานศึกษา ภายใน จดุ แข็ง (S) : พฒั นาให้ย่ังยืน จุดอ่อน (W) : กำ� จัดออกไป มสธ มสธสถานศึกษา• ครูมคี วามรู้ความสามารถ • ผ บู้ ริหารขาดภาวะผนู้ ำ� และไม่สนบั • ค รมู ีความกระตือรือรน้ และเรียนรู้งานได้ ภายนอก สนุนการเปล่ยี นแปลง รวดเรว็ • ครูขาดความรแู้ ละประสบการณ์ มสธสถานศึกษา• ผบู้ รหิ ารมภี าวะผนู้ �ำและเปน็ นกั วาง• ครูชอบสอนเขยี น อ่านเปน็ หลัก แผนท่ีดี อุปสรรค (T) : หลกี เลย่ี ง โอกาส (O) : แสวงหาโอกาสใหม้ ากข้นึ • พ่อแม่ และผู้ปกครองขาดความรู้ •พ่อแม่และผปู้ กครองสนใจและให้ความ ร่วมมอื ในการจดั การศกึ ษา ความเขา้ ใจในการอบรมเลี้ยงดเู ด็ก 2. ก�ำหนดแผนการด�ำเนินงาน หลังจากการประชุมวางแผนการด�ำเนินการแล้ว จะท�ำให้สถาน ศกึ ษาสามารถนำ� มาก�ำหนดเปน็ แผนการดำ� เนินงานการน�ำหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัยไปใช้ ซึง่ ประกอบ มสธ มสธดว้ ยแผนการดำ� เนินงาน ดงั ต่อไปนี้ 2.1 แผนการเตรียมความพร้อมปัจจัยท่ีสนับสนุนการน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ไปใช้ ได้แก่ การก�ำหนดผู้รับผิดชอบในการใช้หลักสูตร การจัดเตรียมสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ การเตรียม สถานท่ีและส่ิงแวดล้อม การเรียนรู้ การเตรียมพัฒนาบุคลากร การเตรียมระบบการวัดและประเมินผล การใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษา การเตรยี มงบประมาณและสงิ่ อำ� นวยความสะดวก และการประสานความรว่ มมอื มสธระหว่างบา้ นและชุมชน
แนวคิดเกี่ยวกับหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั 2-61 2.2 แผนการพัฒนาบุคลากรให้มีความเช่ียวชาญที่สอดคล้องกับแนวทางของหลักสูตร มสธสถานศึกษาปฐมวัย บุคลากรท่ีต้องไดร้ ับการพฒั นาความเช่ยี วชาญ ไดแ้ ก่ 2.2.1 ผู้บริหารสถานศึกษา มีความส�ำคัญยิ่งต่อการน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ไปใช้ ผบู้ รหิ ารจะทำ� หนา้ ทใี่ นการเปน็ ผนู้ ำ� รว่ มกบั บคุ ลากรในการกำ� หนดนโยบายและแนวทางการดำ� เนนิ การ ใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ดังนั้น ผู้บริหารจึงจ�ำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ มสธ มสธหลกั สูตรสถานศึกษา มีวสิ ัยทศั น์ท่กี ้าวหน้า และมองผลส�ำเรจ็ ท่ีจะเกดิ ขนึ้ จากการใช้หลักสูตรสถานศกึ ษา ปฐมวยั ทช่ี ดั เจน สามารถเปน็ ผนู้ ำ� และประสานความรว่ มมอื กบั บคุ ลากรทงั้ ภายในและภายนอกสถานศกึ ษา ได้เป็นอย่างดี ดังบทบาทและหน้าท่ีของผู้บริหารท่ีเกี่ยวข้องกับการน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ ดงั นี้ 1) จดั ทำ� แผนการดำ� เนนิ งานการจดั การศกึ ษาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั 2) แสวงหาความรู้และฝึกฝนทักษะเกี่ยวกับหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยให้ มสธลกึ ซึ้ง 3) จดั ระบบการนเิ ทศ ตดิ ตามและสนบั สนนุ การใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั 4) สนบั สนนุ ปจั จยั ทเ่ี ออื้ ตอ่ การนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใช้ ทง้ั ในดา้ น การพฒั นาบุคลากร งบประมาณ ส่ือ วัสดุ อุปกรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ 5) สนับสนุนให้มีการน�ำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดประสบการณ์ มสธ มสธตามแนวทางของหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวัย 6) จดั ระบบการวดั และประเมนิ ผลหลกั สตู รอยา่ งเตม็ ประสทิ ธภิ าพทงั้ ระยะกอ่ น การใช้หลักสูตร ระหว่างการใช้หลักสูตรและหลังการใช้หลักสูตร เพื่อให้หลักสูตรสถานศึกษาได้รับการ พฒั นาอยา่ งตอ่ เนื่อง สอดคล้องกบั บรบิ ทของผู้เรยี น สถานศกึ ษา ชมุ ชนและทอ้ งถ่ิน 7) จดั เตรยี มแผนบคุ ลากรในการทำ� งานตามขอบขา่ ยของการใชห้ ลกั สตู รสถาน ศกึ ษาปฐมวัย มสธ2.2.2 ครูผู้สอน นบั เปน็ ผทู้ มี่ คี วามสำ� คญั ทส่ี ดุ ตอ่ การนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใช้ เนื่องจากครูผู้สอน คือ ผู้ที่น�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปสู่การปฏิบัติจริงในชั้นเรียน หากครู ผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติที่ดีต่อหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ย่อมส่งผลให้หลักสูตร สถานศกึ ษาปฐมวัยเปน็ หลักสตู รทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพ สถานศึกษาจำ� เป็นตอ้ งกำ� หนดแผนการดำ� เนนิ งานการ พฒั นาครผู สู้ อนเกยี่ วกบั หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั เชน่ การฝกึ อบรมทกั ษะการจดั ประสบการณ์ เทคนคิ มสธ มสธการสอน การประเมนิ พฒั นาการ และการศึกษาดูงาน ฯลฯ ทง้ั น้ีเพื่อนำ� ความรูแ้ ละประสบการณม์ าใช้ใน การดำ� เนนิ งานตามบทบาทและหนา้ ทข่ี องครผู สู้ อนทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใช้ ดงั น้ี 1) จัดท�ำหน่วยการเรียนรู้ ออกแบบการจัดประสบการณ์และด�ำเนินการจัด ประสบการณ์ 2) ใช้เทคนิคการจัดประสบการณ์ท่ีเหมาะสมกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของ มสธเด็กปฐมวัย
2-62 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รสำ�หรับเด็กปฐมวัย 3) นำ� นวตั กรรมและเทคโนโลยที ท่ี นั สมยั มาบรู ณาการใชใ้ นการจดั ประสบการณ์ มสธ4) จัดเตรยี มสอื่ สภาพแวดลอ้ มและแหล่งการเรยี นรู้ 5) จดั เตรียมแนวทางการประเมินพฒั นาการเด็ก 6) ประสานความรว่ มมอื ระหวา่ งบา้ น โรงเรยี นและชมุ ชนในการจดั ประสบการณ์ ตามหลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย มสธ มสธ7) จดั ทำ� วจิ ยั ชน้ั เรยี นเพอื่ สง่ เสรมิ และแกไ้ ขพฒั นาการเดก็ ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายตาม หลกั สูตร 2.2.3 บุคลากรผู้สนับสนุน เป็นผู้ที่มีส่วนส�ำคัญในการสนับสนุนให้เกิดการน�ำ หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ได้อย่างคล่องตัว เช่น นักเทคโนโลยี ศึกษานิเทศก์ และหัวหน้าฝ่าย โภชนาการ ฯลฯ บคุ ลากรเหลา่ นจ้ี ำ� เปน็ ตอ้ งเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั จงึ ควร ได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยในด้านนโยบาย จุดมุ่งหมาย มสธและองคป์ ระกอบอน่ื ๆ เพอื่ นำ� แนวทางไปใชใ้ นการวางแผนการสนบั สนนุ การใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ดงั บทบาทและหนา้ ทีข่ องบคุ ลากรผ้สู นับสนนุ การใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั ดังน้ี 1) บทบาทของนกั เทคโนโลยี (1) จดั เตรยี มนวตั กรรมและเทคโนโลยเี พอื่ สนบั สนนุ การจดั ประสบการณ์ (2) จดั สภาพแวดลอ้ มท่ีสรา้ งแรงจูงใจในการเรยี นรใู้ ห้แกเ่ ดก็ มสธ มสธ(3) ดูแลรักษาสื่อและสภาพแวดล้อมให้มีความพร้อมส�ำหรับการใช้งาน อยา่ งสมา่ํ เสมอ 2) บทบาทของศกึ ษานิเทศก์ (1) นิเทศ ก�ำกับ ติดตามและช่วยเหลือการจัดประสบการณ์ให้แก่ครู ผ้สู อน (2) วางแผนการพฒั นา ปรบั ปรงุ และแกไ้ ขการจดั ประสบการณใ์ หบ้ รรล-ุ มสธเปา้ หมายของหลกั สตู รสถานศกึ ษา (3) นำ� เทคนคิ การนเิ ทศมาใชใ้ หเ้ หมาะสมตามความแตกตา่ งของศกั ยภาพ ครผู ูส้ อนแตล่ ะคน (4) แสวงหาความรทู้ เี่ ปน็ ประโยชน์ เพอ่ื สนบั สนนุ การจดั ประสบการณใ์ ห้ แก่ครูผู้สอน มสธ มสธ3) บทบาทของฝ่ายโภชนาการ (1) จดั ทำ� แผนโภชนาการทเ่ี หมาะสมกบั วยั และการเจรญิ เตบิ โตของเดก็ (2) ก�ำกับ ติดตามดูแลให้เด็กมีภาวะโภชนาการท่ีเหมาะสมกับวัย 2.2.4 ผปู้ กครองและชมุ ชน เปน็ ผทู้ ม่ี สี ว่ นสำ� คญั ในการใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั เชน่ กนั เนอื่ งจากผปู้ กครองและชมุ ชนเปน็ สว่ นหนงึ่ ของสงั คมทต่ี อ้ งเขา้ มามบี ทบาทในการจดั การศกึ ษา จงึ เป็นหน้าท่ีของสถานศึกษาปฐมวัยท่ีต้องด�ำเนินงานจัดเตรียมแผนพัฒนาพ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคคล มสธในชุมชนที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ ความเข้าใจตามแนวทางของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ย่อมส่งผลต่อ
แนวคดิ เกีย่ วกับหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั 2-63 การใช้หลักสูตรให้มีความส�ำเร็จได้มากย่ิงข้ึน เนื่องจากผู้ปกครองและชุมชนเป็นผู้ที่มีบทบาทและหน้าที่ มสธที่เกย่ี วขอ้ งกับการใชห้ ลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย ดังน้ี 1) บทบาทของผ้ปู กครอง (1) วางแผนการจดั ประสบการณ์ร่วมกับสถานศึกษา (2) ใหค้ วามรว่ มมอื กบั การจดั กจิ กรรมตามหลกั สตู รทง้ั ในและนอกสถาน- มสธ มสธศึกษา (3) ร่วมรับการฝึกอบรมเพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติ เกย่ี วกับหลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวัยตามบรบิ ทของผู้ปกครอง (4) เลยี้ งดแู ละเอาใจใสก่ บั พฒั นาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ อยา่ งสมาํ่ เสมอ (5) แสวงหาความรูแ้ ละพฒั นาตนเองเพอ่ื การเป็นผู้ปกครองคณุ ภาพ (6) รว่ มประเมนิ พฒั นาการเดก็ กับสถานศึกษาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง มสธ2) บทบาทของชมุ ชน (1) เปน็ คณะกรรมการสถานศึกษา (2) สนับสนนุ สื่อ แหล่งการเรียนร้แู ละภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ (3) รว่ มจัดกิจกรรมส่งเสรมิ พัฒนาการให้แก่เด็ก (4) เผยแพรข่ า่ วสารความรู้ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ มสธ มสธ(5) จดั ท�ำแหล่งการเรียนรทู้ ่ีมีคณุ ภาพในรปู แบบทหี่ ลากหลาย 2.3 แผนการจัดระบบบริหารหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เป็นการจัดเตรียมแผนงาน การบริหารหลักสตู รสถานศกึ ษาในฝา่ ยตา่ งๆ โดยจะมกี ารก�ำหนดผูร้ บั ผดิ ชอบในการบริหารจดั การใหก้ าร ดำ� เนินงานประสบผลสำ� เรจ็ ไดด้ ้วยดี เชน่ ฝา่ ยบริหารหลักสูตรและการจัดประสบการณ์ ฝา่ ยงบประมาณ ฝ่ายส่ือทรัพยากรและแหล่งการเรียนรู้ ฝ่ายประเมินพัฒนาการเด็ก ฝ่ายนิเทศ ก�ำกับ และติดตาม ฯลฯ ระบบบริหารของแต่ละฝ่ายจะท�ำหน้าที่สนับสนุนงานและอ�ำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่เก่ียวข้องในการน�ำ มสธหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ ตลอดจนแก้ไขปัญหาและอุปสรรคท่ีอาจเกิดขึ้นในระหว่างการใช้หลักสูตรได้ อย่างทนั ที 3. ด�ำเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย หัวใจส�ำคัญของการด�ำเนินการใช้หลักสูตร คือ การจัดประสบการณ์ของครูปฐมวัย ครูจึงเป็นผู้ที่มีความส�ำคัญย่ิงต่อการด�ำเนินการใช้หลักสูตรให้บรรลุ จุดมงุ่ หมาย ดงั น้นั ในขนั้ ตอนนี้สถานศกึ ษาต้องเตรียมความพร้อมให้กบั ครใู นการจัดประสบการณท์ ีเ่ ปน็ มสธ มสธไปตามแนวทางของหลกั สตู ร โดยใหค้ รไู ดร้ บั การพฒั นาตนเอง เชน่ การอบรมเลย้ี งดู วธิ กี ารจดั ประสบการณ์ การจดั เตรียมส่ือ สภาพแวดลอ้ มและแหลง่ การเรียนรู้ การประเมนิ พัฒนาการเด็กปฐมวยั และการบริหาร จดั การหลกั สตู ร ฯลฯ และในขณะทม่ี กี ารดำ� เนนิ การใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ฝา่ ยตา่ งๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง เชน่ ผูบ้ รหิ าร ผ้ปู กครองและชมุ ชน ศกึ ษานิเทศก์ และนกั เทคโนโลยี ควรใหก้ ารสนบั สนนุ และชว่ ยเหลือ มสธการจัดประสบการณข์ องครูใหด้ �ำเนนิ ไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพตามจดุ มุง่ หมายของหลกั สูตร
2-64 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรสำ�หรบั เด็กปฐมวัย 4. ติดตามและประเมนิ ผลการใช้หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย จากการทม่ี กี ารนำ� หลกั สตู รสถาน มสธศึกษาปฐมวัยลงสู่การปฏิบัติจริงในสถานศึกษา จ�ำเป็นต้องมีการติดตามและประเมิน ผลการใช้หลักสูตร สถานศกึ ษา เพ่อื ตรวจสอบคณุ ภาพของหลักสูตรดว้ ยวิธกี ารดงั น้ี 4.1 เก็บและรวบรวมข้อมูลผลการปฏิบัติการใช้หลักสูตรให้ได้จ�ำนวนมากและหลาก หลาย เชน่ ผลการจดั ประสบการณข์ องผสู้ อน ผลการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ความคดิ เหน็ ของครู ผบู้ รหิ าร มสธ มสธผู้ปกครอง และบุคคลท่ีเก่ียวข้อง เป็นต้น โดยน�ำข้อมูลที่รวบรวมได้มาวิเคราะห์และสรุปผลเพ่ืออธิบาย คุณภาพของหลักสูตร 4.2 เก็บข้อมูลเพ่ือหาปัญหาและอุปสรรคในการใช้หลักสูตรจากผู้ท่ีเก่ียวข้อง เช่น ข้อมูล จากการจดั ประสบการณข์ องครู พบปญั หาและอปุ สรรคใดบา้ ง ความรคู้ วามเขา้ ใจของครเู กย่ี วกบั หลกั สตู ร สู่การปฏิบัติ มีมากน้อยเพียงใด การประสานงานความร่วมมือของผู้ปกครองพบอุปสรรคใดบ้าง ส่ือและ อุปกรณ์มีมากนอ้ ยและเหมาะสมกบั เดก็ เพียงใด เปน็ ต้น มสธ4.3 ศกึ ษาวธิ กี ารแกไ้ ขคณุ ภาพของหลกั สตู รจากสภาพผลการปฏบิ ตั กิ ารใชห้ ลกั สตู ร ตลอด จนปัญหาและอุปสรรคในการใช้หลักสูตรที่พบ สถานศึกษาจ�ำเป็นต้องแสวงหาและก�ำหนดวิธีการแก้ไข อยา่ งรวดเรว็ ดว้ ยการประชมุ และระดมความคิดจากผูท้ ่เี ก่ยี วขอ้ งเข้ามามสี ่วนรว่ มในการใหข้ ้อเสนอแนะวธิ ี การแกไ้ ขและปรับปรุงคุณภาพของหลักสูตร 4.4 วิจัยและพัฒนา เป็นกิจกรรมหนึ่งที่มีความส�ำคัญและต้องมีการด�ำเนินงานอย่างเป็น มสธ มสธระบบ เพ่ือใหไ้ ด้ข้อมูลเก่ยี วกบั การใช้หลักสูตรสถานศึกษา มาเปน็ แนวทางพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาให้ มีประสิทธภิ าพมากยง่ิ ขนึ้ กิจกรรม 2.4.3 การน�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั ไปใช้มแี นวทางอย่างไร มสธแนวตอบกิจกรรม 2.4.3 การนำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ไปใช้จำ� เป็นต้องมกี ารวางแผน เพือ่ ให้หลักสตู รสถานศกึ ษาสู่ การปฏบิ ตั ิทสี่ ง่ ผลตอ่ พัฒนาเด็กได้บรรลเุ ป้าหมาย โดยมแี นวทางดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ประชมุ วางแผนกอ่ นการด�ำเนินการ มสธ มสธ2. กำ� หนดแผนการด�ำเนนิ การ 3. ด�ำเนนิ การใชห้ ลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย มสธ4. ตดิ ตามและประเมินผลการใชห้ ลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย
แนวคดิ เกยี่ วกบั หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั 2-65 มสธเรื่องที่ 2.4.4 การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย มสธ มสธการประเมนิ หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั เปน็ กจิ กรรมขนั้ สดุ ทา้ ยของการจดั ทำ� หลกั สตู รสถานศกึ ษา ปฐมวัย เพ่ือให้ได้ข้อมูลส�ำหรับการตัดสินใจเก่ียวกับหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย การประเมินหลักสูตร สถานศกึ ษาปฐมวยั ตอ้ งมกี ารวางแผน การจดั เตรยี มขอ้ มลู และการดำ� เนนิ งานอยา่ งเปน็ กระบวนการรว่ มกนั ระหว่างผู้ท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือให้ได้ผลการประเมินท่ีเป็นประโยชน์ส�ำหรับการน�ำไปช่วยเหลือครู เด็ก และ สถานศึกษาให้มีการจัดประสบการณ์ได้ประสบผลส�ำเร็จตามเป้าหมายของหลักสูตร และผลการประเมิน หลกั สตู รสถานศกึ ษาจะเปน็ ขอ้ มลู สำ� คญั สำ� หรบั การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั หลกั สตู รวา่ มคี ณุ คา่ ตอ่ การนำ� ไปปฏบิ ตั ิ หรือต้องมีการพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขอย่างไร ดังที่มีการอธิบายเกี่ยวกับจุดประสงค์ของการประเมิน มสธหลกั สตู รทส่ี ามารถนำ� มาใชเ้ ปน็ แนวทางของการประเมนิ หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั (Brady and Ken- nedy, 2003, p. 236; Oliva, 2001, p. 443) ดงั น้ี 1. เพ่ือวัดระดบั สมรรถนะของผูเ้ รียนทีพ่ บว่าเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์หรอื ไม่ 2. เพอื่ เปรียบเทียบสมรรถนะของผเู้ รยี นกับมาตรฐาน มสธ มสธ3. เพ่อื อธบิ ายและตดั สินใจเก่ยี วกับหลกั สูตร 4. เพอื่ ทำ� การตรวจสอบเปา้ หมายและวตั ถปุ ระสงคจ์ ากสงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการดำ� เนนิ การทป่ี ระกอบ ดว้ ย การประเมนิ แผนงาน การประเมนิ การจดั ประสบการณ์ การประเมนิ กระบวนการ การประเมนิ ผลผลติ และการประเมินวธิ ีการ จากขอ้ มลู ดงั กลา่ วสรปุ ไดว้ า่ การประเมนิ หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั เปน็ กจิ กรรมทมี่ คี วามสำ� คญั ตอ่ การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั คณุ ภาพของหลกั สตู รทส่ี ง่ ผลใหม้ กี ารนำ� ไปพฒั นา ปรบั ปรงุ และแกไ้ ข เพอื่ ใหก้ าร มสธจดั ประสบการณต์ ามหลกั สตู รสถานศกึ ษาบรรลเุ ป้าหมายอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ การประเมินหลักสูตร ท่ีเหมาะสมส�ำหรับน�ำมาใช้ในการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย มหี ลายแนวทาง ดงั น้ี 1. การประเมินโดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมาย มีดงั น้ี 1.1 การประเมินผลระหว่างการด�ำเนินการ (formative evaluation) เป็นการประเมินผล มสธ มสธในระหว่างท่ีมีการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย จุดมุ่งหมายของการประเมินผลระหว่างการด�ำเนินการ คือ มุ่งตรวจสอบผลการปฏิบัติระหว่างท่ีมีการด�ำเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยว่า มีปัญหาและ อปุ สรรคใดบ้าง เชน่ การประเมนิ การเขียนแผนการจัดประสบการณ์ การประเมินวิธีการจัดประสบการณ์ การประเมนิ สอ่ื และสง่ิ แวดลอ้ มสำ� หรบั การจดั ประสบการณ์ และการประเมนิ ความคดิ เหน็ ของครผู สู้ อนและ ผู้เกี่ยวข้อง ฯลฯ ข้อมูลที่ได้จากการประเมินนี้จะเป็นประโยชน์ส�ำหรับน�ำมาปรับปรุงในขณะท่ีมีการใช้ หลกั สตู รไดใ้ นทนั ที เปน็ การลดอปุ สรรคทเี่ กดิ ขน้ึ และชว่ ยทำ� ใหก้ ารดำ� เนนิ การใชห้ ลกั สตู รบรรลเุ ปา้ หมาย มสธไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
2-66 การจัดการศึกษาและหลกั สตู รส�ำ หรบั เดก็ ปฐมวยั 1.2 การประเมินผลรวมหลังเสร็จสิ้นการด�ำเนินการ (summative evaluation) เป็นการ มสธประเมินผลเม่ือเสร็จส้ินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย จุดมุ่งหมายของการประเมินผลรวมหลังเสร็จ สิ้นการด�ำเนินการ คือ การตัดสินผลส�ำเร็จของการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยว่าเป็นหลักสูตรท่ี เหมาะสมหรอื ไมส่ ำ� หรบั สถานศกึ ษา หรอื จำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารพฒั นาปรบั ปรงุ และแกไ้ ขอยา่ งไร การประเมนิ ผล รวมสามารถด�ำเนินการได้หลังจากมีการน�ำหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้อย่างน้อย 1 ภาคเรียน หรือ 1 ปี มสธ มสธการศกึ ษา ซ่ึงสถานศกึ ษาสามารถพิจารณาได้ตามความเหมาะสม 2. การประเมินโดยพิจารณาจากช่วงเวลา ดังนี้ 2.1 การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาหลังจากที่มีการจัดท�ำแล้วเสร็จ เพอ่ื พจิ ารณาความ ถูกต้องและความเหมาะสมเก่ยี วกบั องคป์ ระกอบของหลักสตู ร เช่น ปรชั ญา วสิ ัยทศั น์ พนั ธกจิ เปา้ หมาย คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ (มาตรฐาน) โครงสรา้ งการเรยี นรู้ การจัดประสบการณ์ สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ และการประเมนิ ผล ฯลฯ การประเมนิ กอ่ นการดำ� เนนิ การควรใชแ้ นวทางการมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ จาก มสธผู้ท่เี กยี่ วขอ้ งท้ังในระดบั ครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน และสังคมที่เปน็ บรบิ ทของสถานศกึ ษา เพ่ือให้ได้ ผลการประเมนิ ทส่ี อดคลอ้ งกบั บรบิ ทของหลกั สตู รสถานศกึ ษาโดยแทจ้ รงิ นอกจากนี้ ยงั รวมถงึ การประเมนิ บคุ ลากร และสงิ่ อำ� นวยความสะดวกในการใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาวา่ มคี วามพรอ้ มหรอื ไมเ่ พยี งใด เชน่ ครู สภาพแวดล้อมภายในและภายนอกห้องเรียน สื่อและอุปกรณ์ เคร่ืองเล่นสนาม ตลอดรวมถึงระบบการ ใหบ้ รกิ ารในการจดั ประสบการณ์ เชน่ เอกสาร คอมพวิ เตอร์ และระบบอนิ เทอรเ์ นต็ เพอ่ื การคน้ ควา้ ขอ้ มลู มสธ มสธเพ่มิ เติมฯลฯ 2.2 การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย หมายถึง การประเมินการ ด�ำเนินงานที่เกิดข้ึนในระหว่างการใช้หลักสูตรสถานศึกษาว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่อย่างไร เช่น การประเมนิ การออกแบบและการจัดประสบการณข์ องครู การประเมนิ ผลพฒั นาการของเดก็ การประเมิน ปัจจัยสิง่ อำ� นวยความสะดวกในการจดั ประสบการณ์วา่ สามารถใชไ้ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพเพยี งใด และการ ประเมนิ ความคดิ เหน็ ของผบู้ รหิ าร ครู และผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง ฯลฯ ขอ้ มลู จากการประเมนิ จะนำ� มาใชส้ ำ� หรบั การ มสธพัฒนา ปรับปรงุ และแก้ไขหลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั ให้สามารถลงสูก่ ารปฏิบตั ิได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การประเมินช่วงเวลาระหว่างการใช้หลักสูตรจึงมีความส�ำคัญท่ีสามารถสะท้อนให้เห็นถึงการน�ำ หลักสูตรสถานศกึ ษาส่กู ารปฏบิ ัติจรงิ ใหบ้ รรลุตามจดุ มุ่งหมายของหลักสูตรได้มากน้อยเพยี งใด 2.3 การประเมินหลังเสร็จส้ินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย หมายถึง การประเมิน หลังเสร็จส้ินการใช้หลักสูตรสถานศึกษา เพ่ือตรวจสอบหลักสูตรสถานศึกษาว่ามีประสิทธิภาพมากน้อย มสธ มสธเพียงใด โดยครอบคลุมการประเมินกระบวนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ตัวหลักสูตรสถานศึกษา กระบวนการใช้หลกั สตู รสถานศึกษา และการประเมนิ คณุ ภาพของผ้เู รียน 3. การประเมินโดยพิจารณาจากสิ่งท่ีต้องท�ำการประเมิน เปน็ การประเมนิ หลกั สตู รสถานศกึ ษา ทม่ี กี ารยอมรบั และใชก้ นั โดยทว่ั ไป ทเี่ รยี กวา่ รปู แบบของสตฟั เฟลิ บมี (Stufflebeam Model) ประกอบดว้ ย ส่ิงที่ต้องท�ำการประเมิน โดยน�ำมาใช้เป็นแนวทางการประเมินส�ำหรับหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย 4 มสธประการ ดังนี้ (ธ�ำรง บวั ศรี, 2542, น. 339-341)
แนวคดิ เก่ยี วกับหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั 2-67 3.1 การประเมินบริบท (context evaluation) เป็นการประเมินผลในขั้นการวางแผน มสธการจัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย จุดมุ่งหมายของการประเมินผล คือ เพ่ือช่วยให้ได้ข้อมูลในการ ก�ำหนดจุดมงุ่ หมายของหลกั สูตรสถานศกึ ษา โดยวิเคราะหจ์ ากส่ิงแวดลอ้ ม ความตอ้ งการของชมุ ชน และ ปัญหาต่างๆ ข้อมูลจากการประเมินบริบทเหล่าน้ีจะถูกน�ำมาใช้ในการก�ำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร กิจกรรมทใี่ ช้ส�ำหรบั การประเมินบริบท ได้แก่ การสำ� รวจความคิดเหน็ และการประชมุ ผู้เช่ียวชาญ ฯลฯ มสธ มสธ3.2 การประเมินตัวป้อนหรือปัจจัยน�ำเข้า (input evaluation) เป็นการประเมินผลในข้ัน การจดั ทำ� โครงการหรอื โครงสรา้ ง (programming or structuring) จดุ มงุ่ หมายของการประเมนิ คอื การ พิจารณาว่าจะใช้ทรัพยากรอย่างไรจึงจะบรรลุจุดหมายของหลักสูตรสถานศึกษาได้ เช่น การตรวจสอบ ความพร้อมของสถานศึกษา ยุทธศาสตร์หรือวิธีการปฏิบัติส�ำหรับการใช้หลักสูตรสถานศึกษาให้บรรลุผล ควรเป็นอย่างไร และมีการน�ำไปใช้อย่างไร และจะบรรลุผลหรือไม่ หรือควรเปลี่ยนแปลงอย่างไร การ ประเมินน้ีเป็นการตรวจสอบความพร้อมเบ้ืองต้นเก่ียวกับทรัพยากร ที่จะน�ำไปใช้ในการเลือกแผนการจัด มสธประสบการณ์ของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยให้มีความเหมาะสม และสามารถด�ำเนินการได้อย่างเป็น รปู ธรรม 3.3 การประเมินกระบวนการ (process evaluation) เป็นการประเมนิ ผลในขั้นปฏบิ ัตกิ าร การประเมินผลประเภทน้ีเริ่มข้ึนหลังจากท่ีน�ำเอาหลักสูตรสถานศึกษาลงสู่การปฏิบัติในชั้นเรียน เป็นการ ประเมนิ เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ปอ้ นกลบั ใน 3 ประการ คอื ประการแรก เพอ่ื ตรวจสอบหาขอ้ บกพรอ่ งหรอื ทำ� นาย มสธ มสธข้อบกพร่องที่จะเกิดข้ึน ซ่ึงอาจเป็นข้อบกพร่องของหลักสูตรหรือของการจัดประสบการณ์ ประการท่ีสอง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกิดข้ึนระหว่างการด�ำเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษา เพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจ เก่ียวกับหลักสูตรสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และประการท่ีสาม เพ่ือประโยชน์ในการเก็บ หลกั ฐานในการปฏิบตั งิ านการใชห้ ลักสูตรสถานศกึ ษา 3.4 การประเมินผลผลิต (product evaluation) เป็นการประเมินเพ่ือตรวจสอบผลการใช้ หลกั สตู รสถานศึกษา หลงั จากเสร็จสน้ิ การด�ำเนนิ การแล้วว่าบรรลจุ ดุ มุง่ หมายตามหลักสตู รสถานศกึ ษาที่ มสธกำ� หนดไวห้ รอื ไม่ มากนอ้ ยเพยี งใด การประเมนิ ผลผลติ ทส่ี ำ� คญั จะตอ้ งมกี ารกำ� หนดเกณฑม์ าตรฐานสำ� หรบั นำ� เอาผลผลติ มาเทยี บกบั เกณฑม์ าตรฐาน เชน่ การนำ� ผลการประเมนิ พฒั นาการของเดก็ มาเทยี บกบั เกณฑ์ มาตรฐาน เพอื่ อธบิ ายผลการประเมนิ พฒั นาการของเดก็ วา่ เปน็ ไปในทศิ ทางใด ฯลฯ การประเมนิ ผลผลติ น้ี จะเปน็ ตัวช้วี ัดหลักสตู รสถานศึกษาวา่ มคี ณุ ภาพหรือไมเ่ พยี งใด เพ่อื นำ� ไปใชใ้ นการตัดสินใจในการพัฒนา ปรบั ปรงุ และแกไ้ ขหลักสูตรสถานศกึ ษาใหม้ ีประสทิ ธิภาพมากยงิ่ ขึน้ มสธ มสธจากแนวทางการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยทงั้ 3 ประเภท ดังกล่าวสามารถนำ� มาสรุป มสธไดด้ ังตารางที่ 2.3 ดงั น้ี
มสธแนวทาง2-68 การจดั การศึกษาและหลักสูตรส�ำ หรบั เด็กปฐมวัย ตารางที่ 2.3 แนวทาง วิธีการ และจุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย การประเมนิ โดยพิจารณา จากจดุ มุ่งหมายวิธีการ จุดมุ่งหมายการประเมิน มสธ มสธการประเมนิ โดยพจิ ารณา• การประเมนิ ผลระหวา่ ง• ตรวจสอบผลการปฏิบตั ิระหวา่ ง การด�ำเนินการ การด�ำเนินการใช้หลกั สูตรสถาน จากช่วงเวลา ศึกษาปฐมวยั มสธ มสธ มสธการประเมินโดยพจิ ารณา• การประเมินผลรวมหลงั เสร็จส้นิ • ตดั สินผลสำ� เรจ็ ของการใช้หลักสูตร มสธ มมสสธธ มสธจากสิง่ ทตี่ ้องการประเมิน การด�ำเนนิ การสถานศึกษาปฐมวัย • การประเมนิ กอ่ นการนำ� หลักสูตร • ตรวจสอบความถกู ตอ้ งและ สถานศึกษาปฐมวยั ไปใช้ เหมาะสมของหลกั สูตร สถานศึกษาปฐมวยั • ตรวจสอบความพรอ้ มกอ่ นการใช้ หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั • การประเมนิ ระหว่างการใช ้ • ประเมนิ การดำ� เนินงานทีเ่ กิดขึน้ หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั ระหวา่ งการใชห้ ลักสูตรสถานศกึ ษา ปฐมวัย • การประเมนิ หลงั จากเสรจ็ ส้ิน • ตรวจสอบประสทิ ธิภาพของ การใชห้ ลักสูตรสถานศึกษา หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั ปฐมวยั • การประเมนิ บริบท • กำ� หนดจุดมุ่งหมายของหลกั สูตร สถานศึกษาปฐมวยั • การประเมินตวั ป้อนหรอื ปจั จยั • การประเมนิ ความพร้อมเก่ยี วกบั น�ำเข้า ทรพั ยากรทีจ่ ะน�ำไปใชใ้ นการเลือก แผนการจัดประสบการณ์ท่ี เหมาะสม • การประเมนิ กระบวนการ • ปรับปรุงผลการปฏิบตั ิในระหวา่ ง การใชห้ ลักสตู รสถานศึกษา • การประเมินผลผลิต • ควรพัฒนา ปรบั ปรุง และแกไ้ ข หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวัยหรือ ไม่ / อยา่ งไร
แนวคิดเกย่ี วกับหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั 2-69 จากขอ้ มลู การประเมนิ หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ดงั กลา่ ว สามารถสรปุ ไดว้ า่ สถานศกึ ษาจำ� เปน็ มสธต้องออกแบบและวางแผนการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา โดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมายของหลักสูตร สถานศึกษาที่ก�ำหนดขึ้น แล้วท�ำการศึกษาแนวทางการประเมินที่เหมาะสมกับบริบทของหลักสูตร สถานศึกษา จะท�ำให้สามารถระบุประเด็นได้ว่าการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาในคร้ังน้ีควรประเมินใคร ประเมินอะไร ประเมินอย่างไร ประเมินเมื่อใด และน�ำผลการประเมินไปท�ำอะไร เพ่ือให้ผลการประเมิน มสธ มสธหลักสูตรสถานศึกษามีความเชื่อม่ัน ได้ข้อมูลท่ีส�ำคัญและถูกต้องส�ำหรับประกอบการพิจารณาตัดสินใจ เกี่ยวกับหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยว่า ต้องมีการด�ำเนินการปรับปรุง แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงให้มี ความเหมาะสมสำ� หรบั การนำ� ไปใชใ้ นการจดั ประสบการณใ์ หบ้ รรลตุ ามจดุ มงุ่ หมายของสถานศกึ ษาปฐมวยั ตอ่ ไป มสธกิจกรรม 2.4.4 การประเมนิ หลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัยมแี นวทางอย่างไร แนวตอบกิจกรรม 2.4.4 การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เป็นกิจกรรมท่ีมีความส�ำคัญต่อการตัดสินใจเก่ียวกับ มสธ มสธคุณภาพของหลกั สตู ร แนวทางทเี่ หมาะสมสำ� หรับการประเมินหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวยั มีดังน้ี 1. การประเมินโดยพิจารณาจากจดุ มงุ่ หมาย แบ่งไดเ้ ป็น 2 วิธี คือ การประเมนิ ผลระหวา่ งการ ด�ำเนนิ การ และการประเมนิ ผลหลังเสรจ็ สน้ิ การด�ำเนนิ การ 2. การประเมนิ โดยพจิ ารณาจากชว่ งเวลา แบง่ ไดเ้ ปน็ 3 วธิ ี คอื การประเมนิ กอ่ นการนำ� หลกั สตู ร สถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ การประเมินระหว่างการใช้ และการประเมินหลังจากเสร็จส้ินการใช้ 3. การประเมนิ โดยพจิ ารณาจากสงิ่ ทต่ี อ้ งทำ� การประเมนิ 4 ประการ คอื การประเมนิ บรบิ ท การ มสธ มมสสธธ มสธประเมินตัวป้อนหรือปจั จยั นำ� เข้า การประเมนิ กระบวนการ และการประเมินผลผลิต
2-70 การจัดการศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำ หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธบรรณานุกรม กรมวิชาการ. กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). แนวทางการจัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพรา้ ว. มสธ มสธกระทรวงศึกษาธิการ. (2540). หลักสูตรก่อนประถมศึกษา พุทธศักราช 2540. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว. . (2545). แนวทางการจัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). . (2547). คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 (ส�ำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี). กรุงเทพฯ: โรงพิมพค์ ุรุสภาลาดพร้าว. . (2552). แนวทางการบริหารจดั การหลกั สตู รตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช มสธ2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพช์ มุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ� กัด. . (2553). การพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา. นนทบุร:ี บริษัท ไทย พบั พลิค เอด็ ดูเคชน่ั จ�ำกดั . กาญจนา คุณารักษ์. (2553). พื้นฐานการพฒั นาหลกั สูตร. นครปฐม: โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั ศิลปากร. ฆนทั ธาตุทอง. (2550). การพฒั นาหลกั สูตรทอ้ งถิ่น. นครปฐม: เพชรเกษมการพมิ พ.์ โจน อี. เดอร์แรนท์. (2007). การสรา้ งวินัยเชิงความเข้าใจทถ่ี ูกตอ้ งและวิธนี �ำไปใช้. กรุงเทพฯ: บริษัท คนี มเี ดยี มสธ มสธ(ประเทศไทย) จ�ำกดั . ใจทิพย์ เชอ้ื รัตนพงษ.์ (2539). การพัฒนาหลกั สตู ร: หลักการและแนวปฏบิ ัต.ิ กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ อลีน เพลส. ชัยวัฒน์ สุทธิรตั น์, (2556). การพฒั นาหลักสูตรทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรงุ เทพฯ: บริษัท วีพริ้นท์ (1991) จำ� กดั . ซอลลี พี สปริงเกอร์ และจอรจ์ ดตั ซ.์ (2540). สู่อจั ฉริยะดว้ ยสมองสองซกี . แปลโดย สนั ต์ สิงหภกั ด.ี กรงุ เทพฯ: สำ� นักพมิ พ์ไฮลิสตกิ . ณรงคว์ ทิ ย์ แสนทอง และปกรณ์ วงศร์ ตั นพบิ ลู ย.์ (2557). ใชช้ วี ติ คดิ แบบโคชเพอ่ื กา้ วไปสคู่ วามสำ� เรจ็ . กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พมิ พ์ Mass Publishing. มสธทองหล่อ วงษ์ธรรมา. (2555). พื้นฐานปรัชญาการศึกษา ภูมิปัญญาของตะวันออกและตะวันตก. กรุงเทพฯ: สำ� นกั พมิ พโ์ อเดยี นสโตร์. ธำ� รง บวั ศร.ี (2542). ทฤษฎีหลักสูตร การออกแบบและการพฒั นา (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรงุ เทพฯ: ธนธัชการพมิ พ์. บญุ เลีย้ ง ทุมทอง. (2553). การพฒั นาหลักสตู ร. กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พิมพแ์ หง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ประสาท เนอื งเฉลมิ . (2553). หลกั สตู รการศกึ ษา. มหาสารคาม: ส�ำนักพมิ พ์มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. มสธ มสธปัญญา แก้วกียูณ และสุภัทร พันธ์พัฒนากุล. (2545). การบริหารจัดการศึกษาในรูปแบบการใช้โรงเรียนหรือ เขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาเป็นฐาน. กรงุ เทพฯ: ภาพการพิมพ.์ พรพิไล เลิศวิชา และอัครภูมิ จารุภากร. (2550). สมองวัยเริ่มเรียนรู้. กรุงเทพฯ: บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จ�ำกดั . มณรี ตั นา โนนหัวรอ. (2557). การพฒั นารปู แบบการประเมนิ เสริมพลงั อำ� นาจเพือ่ เพิม่ สมรรถนะดา้ นการวัดและ ประเมินผลการศึกษาของครูประจ�ำการ สังกัดส�ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 2. ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการทดสอบและวัดผลการศึกษา. (ไม่ได้ตีพิมพ์) มสธกรุงเทพฯ: บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ.
แนวคดิ เกย่ี วกบั หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2-71 วชิ ัย ตนั ศิร.ิ (2550). อุดมการณท์ างการศึกษา ทฤษฎแี ละภาคปฏิบตั ิ. กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์ มสธมหาวทิ ยาลยั . วิชัย วงษ์ใหญ.่ (2537). กระบวนการพฒั นาหลักสูตรและการเรียนการสอนภาคปฏบิ ตั ิ. กรุงเทพฯ: สวุ รี ยิ าสาสน์. วิทย์ วศิ ทเวทย.์ (2555). ปรัชญาทรรศน์ : ปรชั ญาการศกึ ษา. กรุงเทพฯ: โครงการเผยแพรผ่ ลงานวชิ าการ คณะ อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . วินยั วงษใ์ หญ่. (2554). นวตั กรรมหลกั สตู รและการเรียนรูส้ ่คู วามเป็นพลเมือง. กรงุ เทพฯ: อาร์ แอนด์ ปร้ินท์. มสธ มสธวรินทร วูวงศ.์ (ม.ป.ป.). การศกึ ษาปฐมวัยของญ่ีปุ่น. วารสารเครอื ข่ายญปี่ นุ่ ศึกษา, 6 (2). สืบคน้ จาก http:// jsat.or.th/wp_content/uploads/dlm_uploads/2016/12/62-6.pdf. สุนทร โคตรบรรเทา. (2553). ปรัชญาการศึกษาส�ำหรับผู้บริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ: บริษัท ส.เอเซียเพรส (1989) จ�ำกดั . สุรางค์ โค้วตระกูล. (2554). จิตวิทยาการศึกษา (พิมพ์ครั้งท่ี 10). กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . มสธสรุ ยิ เดว ทรีปาตี. (2559). คุณภาพชีวติ ของเด็กปฐมวัย เรื่อง บทบาทของครอบครวั ในการเลีย้ งดลู ูกในศตวรรษ ท่ี 21. กรุงเทพฯ: บรษิ ัท บเี คเคโปร จำ� กัด. ส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2556). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553. [ออนไลน]์ สบื คน้ เมอ่ื 2 มถิ นุ ายน 2560 จาก http://www.onesqa.or.th/upload /download/ file_975dff739ff5a909753b8bff237c78fa.pdf. มสธ มสธสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาต.ิ (2545). พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทแี่ กไ้ ข เพิม่ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั พริกหวานกราฟฟคิ จำ� กัด. ส�ำนักนายกรัฐมนตรี. ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2560). แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ีสิบสอง พ.ศ. 2560-2564 สืบค้นเม่ือ 20 มกราคม 2560. จาก http://www. ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/A/115/1.PDF. สำ� นกั งานปลดั กระทรวงการคลัง. (2559). รายงานประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2559 และ 2560. ข่าวกระทรวง มสธการคลงั . ฉบบั ที่ 147/2559 วนั ที่ 28 ตุลาคม 2559. สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. (2556). แผนปฏบิ ตั กิ ารตามยทุ ธศาสตรช์ าตดิ า้ นเดก็ ปฐมวยั (แรกเกดิ ถงึ กอ่ น เข้าประถมศึกษาปีท่ี 1) ตามนโยบายรัฐบาลด้านเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2555-2559. กรุงเทพฯ: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จ�ำกัด. . (2559). ปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคตประเทศไทย มั่นคง มั่งค่ัง ย่ังยืน นโยบายด้านการศึกษาของ นายกรฐั มนตรี (พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา). กรงุ เทพฯ: 21 เซน็ จูร่ี จ�ำกัด. มสธ มสธ . (2560). แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั พรกิ หวานกราฟฟคิ จ�ำกดั . ส�ำนักวิชาการ, ส�ำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2558). ระบอบประชาธิปไตยของไทยกับกระแส ประชาธปิ ไตยของโลก. สบื คน้ เมอื่ 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2560. จาก http://www.parliament.go.th/Libary. . (2559). เอกสารวิชาการ Academic Focus ประเทศไทย 4.0. สืบคน้ เม่อื 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2560. จาก มสธhttp://www.parliament. go.th/library.
2-72 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรส�ำ หรับเด็กปฐมวยั อรพรรณ พรสมี า. (2546). รปู แบบการบรหิ ารโดยใชโ้ รงเรยี นเปน็ ฐาน : ประสบการณท์ ค่ี ดั สรรโรงเรยี นในโครงการ มสธโรงเรยี นปฏริ ปู การเรยี นรเู้ พอื่ พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น. กรงุ เทพฯ: หา้ งหนุ้ สว่ นจำ� กดั วที ซี ี คอมมวิ นเิ คชนั่ . อคั รพงษ์ สจั จวาทิต. (2546). การจดั การศกึ ษาแบบผู้เรยี นเป็นศูนย์กลาง. กรงุ เทพฯ: ขา้ วฟ่าง. อารี สัณหฉวี. (2550). ทฤษฎีการเรียนรู้ของสมอง ส�ำหรับพ่อแม่ ครูและผู้บริหาร. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มิตร สมั พันธ.์ Allan, C. & Francis, P. (2004). Curriculum Foundations, Principles, and Issues. USA: Pearson มสธ มสธEducation. Bobbitt, F. (1918). The Curriculum. Boston: Houghton Miffin. Brady, L. & Kennedy, K. (2003). Curriculum Construction. Australia : Pearson Prentice Hall. Bredekamp, S. & Copple, C. (1997). Developmentally Appropriate Practice in Early Childhood Programs. revised edition. Washington, DC: NAEYC. California Department of Education. (2010). California Preschool Curriculum Framework Volume มสธ1. [Online] Retrieve June 3, 2017, from http://www.cde.ca.gov/sp/cd/re/ documents/ psframwork kvol1.pdf. Caswell, H. & Campbell, D. (1935). Curriculum Development. New York: American Book. Cay, D. (1966). Curriculum: Design for Learning. Indianapolis: The Bobbs-Merrill. Christine, W. (2549). คู่มือครูส�ำหรับเสริมสร้างสมองของเด็กวัยเรียน ระดับปฐมวัย-อุดมศึกษา. แปลโดย มสธ มสธพีรณา รกิ ุล สรุ กาน และสมหญิง สมั ฤทธิ์ผล. กรงุ เทพฯ: หจก. พมิ พ์พนิ ิจ การพมิ พ.์ Ellis, A. (2004). Exemplars of Curriculum Theory. New York: Eye On Education, Inc. Gestwicki, C. (1991). Developmentally Appropriate Practice. USA: Delmar Publsihers. Hass, G. (1987). Curriculum Planning : A New Approach (5th ed.). Boston: Allyn and Bacon. Kelly. A.V. (2003). The Curriculum Theory and Practice (5th ed.). London: The Cromwell Press. Laurie, B. & Kerry, K. (2003). Curriculum Construction. Australia: Pearson Prentice Hall. มสธMarsch, C. & Willis, G. (1995). Curriculum-Alternative Approach: Ongoing Issues. Englewood Cliffs, New Jersey: Merrill. McLachlan, C., Fleer, M. and Edwards, S. (2013). Early Childhood Curriculum (2nd ed.). Cam- bridge: Cambridge University Press. Ministry of Eduction. (1996). Early Childhood Curriculum Wellington: Crown. Oliva, P. (2001). Developing the Curriculum. (4th ed.). New York: Longman. มสธ มสธPhi Delta Kappa. (1971). Educational Evaluation and Decision Making. National Study Commit- tee on Evaluation, Peacock. Posner, G. (1995). Analyzing the Curriculum. New York: McGraw-Hill. Pratt, D. (1980). Curriculum. New York: Harcourt Brace & Jovanovich. Print, M. (1993). Curriculum Development and Design (2nd ed.). Australia: Murray Print. มสธ . (1993). Curriculum Development and Design. Australia: dbook.
แนวคดิ เกย่ี วกับหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั 2-73 Ragan, W. B. (1960). Modern Elementary Curriculum. revised edition. New York: Simon and มสธSchuster. Saylor J. G., Alexander, W. M. and Lewis. A. J. (1981). Curriculum Planning for Better Teaching and Learning (4th ed.). New York : Holt, Rinehart and Winston. Skarzynski, P. & Gibson, R. (2553). การสร้างนวัตกรรมให้เป็น Core Competency. ผู้แปล ณัฐยา สนิ ตระการผล. กรุงเทพฯ: บริษทั เอก็ ซเปอรเ์ นท็ จ�ำกัด. มสธ มสธSTAKES. (2003). National Curriculum Guidelines on Early Childhood Education and Care in Finland. สืบค้นเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2560, จาก http://www.ibe.unesco.org./curricula/finland/ fi_ecefw_2004_eng. pdf. Taba, H. (1962). Curriculum Development: Theory and Practice. New York: Harcourt, Brace, Jovanovich. The State of Queensland. (2006). Early Years Curriculum Guideline. Queensland: Queensland มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธStudiesAuthorityPartnershipandInnovation.
มสธ หน่วยที่3 หลักสูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของ ประเทศไทย มสธ มสธอาจารย์ศิริพงษ์ทิณรัตน์ มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธช่ือ วุฒิ มสธต�ำแหน่ง หน่วยที่เขียน อาจารยศ์ ิรพิ งษ์ ทณิ รตั น์ ศษ.บ. (ปฐมวัยศึกษา) ศษ.ม. (บริหารการศกึ ษา) มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช Cert in mini M.Ed. (Early Childhood Education) มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ (ประสานมติ ร) ผรู้ บั ใบอนญุ าต, ผู้จดั การ, ผ้อู ำ� นวยการโรงเรยี นอนุบาลมณยี า หน่วยท่ี 3
3-2 การจดั การศึกษาและหลกั สตู รสำ�หรบั เด็กปฐมวัย มสธแผนการสอนประจ�ำหน่วย ชุดวิชา การจดั การศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธ มสธหน่วยท่ี 3 หลักสตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย ตอนที่ 3.1 การศึกษาปฐมวัยของประเทศไทยยุคก่อนมีหลกั สูตร 3.2 หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศไทย มสธ3.3 โปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย แนวคิด 1. การศกึ ษาปฐมวัยของประเทศไทยยคุ ก่อนมีหลกั สูตร มวี วิ ฒั นาการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คอื มสธ มสธระยะดั้งเดิมจนกระท่ังถึงยุคการน�ำแนวคิดตะวันตกมาใช้ ระยะในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว และระยะหลงั เปลยี่ นแปลงการปกครอง 2. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทยมีการปรับปรุงและพัฒนามาเป็นล�ำดับ เร่ิมจาก หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ระยะแรกถงึ พ.ศ. 2534 หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พ.ศ. 2534 ถงึ ปจั จบุ นั และหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั ท่ีหนว่ ยงานต่างๆ พฒั นาข้ึน 3. โปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มท่ีมุ่งพัฒนา ทางจิต กลุม่ ทม่ี ุ่งตอบสนองความตอ้ งการของสงั คม กลมุ่ ทม่ี งุ่ พฒั นาความสามารถและความ มสธหลากหลายทางด้านภาษา และกลุม่ ผสมผสาน วัตถุประสงค์ เมอื่ ศกึ ษาหนว่ ยท่ี 3 จบแลว้ นักศกึ ษาสามารถ มสธ มสธ1. อธิบายการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทยยคุ กอ่ นมหี ลกั สูตรได้ 2. อธิบายหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศไทยได้ มสธ3. อธิบายโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทยได้
หลกั สูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศไทย3-3 กิจกรรมระหว่างเรียน มสธ1. ท�ำแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหนว่ ยที่ 3 2. ศกึ ษาเอกสารการสอนตอนท่ี 3.1–3.3 3. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามท่ไี ดร้ ับมอบหมายในเอกสารการสอน 4. ฟังซีดเี สียงประจำ� ชุดวชิ า มสธ มสธ5. ชมดีวีดีประกอบชุดวิชา (ถา้ ม)ี 6. ท�ำแบบประเมินผลตนเองหลังเรยี นหน่วยที่ 3 สื่อการสอน 1. เอกสารการสอน 2. แบบฝึกปฏบิ ัติ มสธ3. ซีดเี สียงประจำ� ชดุ วิชา 4. ดีวีดีประกอบชดุ วชิ า (ถ้ามี) การประเมินผล มสธ มสธ1. ประเมนิ ผลจากแบบประเมนิ ผลตนเองกอ่ นเรียนและหลังเรยี น 2. ประเมนิ ผลจากกิจกรรมและแนวตอบทา้ ยเรอื่ ง 3. ประเมินผลจากการสอบไลป่ ระจ�ำภาคการศกึ ษา เมื่ออ่านแผนการสอนแล้ว ขอให้ท�ำแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน มสธ มมสสธธ มสธหน่วยท่ี3ในแบบฝึกปฏิบัติแล้วจึงศึกษาเอกสารการสอนต่อไป
3-4 การจดั การศึกษาและหลกั สูตรสำ�หรับเด็กปฐมวัย มสธตอนที่ 3.1 การศึกษาปฐมวัยของประเทศไทยยุคก่อนมีหลักสูตร โปรดอา่ นหวั เรือ่ ง แนวคดิ และวัตถปุ ระสงคข์ องตอนท่ี 3.1 แลว้ จงึ ศกึ ษารายละเอียดตอ่ ไป มสธ มสธหัวเรื่อง 3.1.1 การศกึ ษาปฐมวัยต้งั แตด่ ัง้ เดมิ ถงึ ยุคการนำ� แนวคดิ ตะวนั ตกมาใช้ 3.1.2 การศกึ ษาปฐมวัยในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 3.1.3 การศึกษาปฐมวัยสมัยหลงั เปลีย่ นแปลงการปกครอง มสธแนวคิด 1. การศึกษาปฐมวัยในยุคดั้งเดิมเป็นการจัดการศึกษาที่ไม่มีรูปแบบตายตัว ยังไม่มีการ พัฒนาหลักสูตรเฉพาะข้ึน ประกอบด้วยการศึกษาปฐมวัยในยุคสมัยกรุงสุโขทัย การ ศกึ ษาปฐมวยั ในยคุ สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา และการศกึ ษาปฐมวยั ในยคุ สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ตอนตน้ มสธ มสธ2. การศกึ ษาปฐมวยั ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั มกี ารเปลย่ี นแปลง จากเดมิ มาก มกี ารนำ� แนวคดิ ทางตะวนั ตกเขา้ มาใช้ มกี ารกอ่ ตงั้ โรงเลย้ี งเดก็ แหง่ แรก มี การจัดตัง้ โรงเรียนอย่างเป็นระบบ และมีโรงเรียนปฐมวยั ศกึ ษาแหง่ แรก 3. การศกึ ษาปฐมวยั สมัยหลงั เปลี่ยนแปลงการปกครอง มกี ารปรบั เปล่ียนให้สอดคล้องกบั แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2475 แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2494 และมีการน�ำแนวคิด ของ Froebel และ Montessori มาใชใ้ นการจดั การศกึ ษา มสธวัตถุประสงค์ เมอ่ื ศึกษาตอนที่ 3.1 จบแล้ว นกั ศึกษาสามารถ 1. อธิบายการศกึ ษาปฐมวยั ในยุคด้งั เดิมถงึ ยคุ การน�ำแนวคิดตะวนั ตกมาใชไ้ ด้ 2. อธบิ ายการศกึ ษาปฐมวยั ในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อย่หู ัวได้ มสธ มสธ มสธ3. อธิบายการศึกษาปฐมวัยสมยั หลังเปลีย่ นแปลงการปกครองตามท่กี ำ� หนดให้ได้
หลักสูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-5 มสธเรื่องท่ี 3.1.1 การศึกษาปฐมวัยต้ังแต่ดั้งเดิมถึงยุคการน�ำแนวคิดตะวันตกมาใช้ มสธ มสธการศกึ ษาปฐมวยั ของไทยแม้วา่ จะมมี าต้งั แต่สมัยกรุงสุโขทัย แต่ทวา่ การศกึ ษาของไทยทกุ ระดับ ตง้ั แตย่ คุ ดง้ั เดมิ นน้ั มไิ ดม้ กี ารจดั เปน็ ระบบโรงเรยี น ไมม่ หี ลกั สตู ร ไมม่ กี ารบงั คบั ไมม่ กี ารกำ� หนดกฎเกณฑ์ ที่แน่นอน การถ่ายทอดเร่ืองราวความรู้กระท�ำผ่านสถาบันที่ส�ำคัญสามสถาบันคือ บ้าน วัดและวัง การ ศกึ ษายคุ ดง้ั เดมิ นน้ั เรม่ิ ตน้ ทบ่ี า้ นโดยมบี ดิ ามารดา หรอื ญาตผิ ใู้ หญเ่ ปน็ ผถู้ า่ ยทอดความรเู้ บอ้ื งตน้ ใหแ้ กเ่ ดก็ สำ� หรบั เดก็ ผชู้ ายเมอ่ื โตขน้ึ ผปู้ กครองกม็ กั นำ� ไปฝากเรยี นทวี่ ดั สว่ นเดก็ หญงิ กจ็ ะไดร้ บั การศกึ ษาทบ่ี า้ น การ ศึกษายุคน้ันมักจะเป็นทักษะในการด�ำรงชีวิต ส่วนการเรียนรู้วิชาการด้านอ่ืนๆ รวมทั้งทางด้านภาษาน้ัน เด็กผู้ชายจะเรยี นรูจ้ ากวดั สว่ นกลุ บุตรกุลธิดาผ้สู ูงศักดิ์ ทัง้ ทีเ่ ปน็ บตุ รหลานของเจ้านายและขุนนางก็จะได้ มสธรบั การศกึ ษาทง้ั ในวงั และในวดั อยา่ งไรกต็ าม ยงั ไมม่ กี ารใหค้ วามสำ� คญั ตอ่ การศกึ ษาปฐมวยั (สมร ทองดี และสุกัญญา กาญจนกิจ, 2537) ประเทศไทยก็เชน่ เดยี วกับประเทศทางตะวนั ตกที่มไิ ดใ้ หค้ วามสำ� คัญตอ่ การศกึ ษาของเดก็ ปฐมวยั จนถงึ กบั มคี ำ� กลา่ วกนั ในหมชู่ าวตะวนั ตกวา่ การใหค้ วามสำ� คญั กบั เดก็ ปฐมวยั เปน็ เร่ืองที่เปล่าประโยชน์ จนกระทั่ง Friedrich Froebel นกั การศกึ ษาชาวเยอรมนั จัดตงั้ สถานศึกษาสำ� หรับ มสธ มสธเดก็ ปฐมวยั ข้นึ การศึกษาปฐมวยั จึงเร่ิมตน้ ข้นึ ในประเทศตะวันตกต้งั แตย่ ุคนนั้ Froebel มีความเชื่อวา่ ครู ควรจะสง่ เสรมิ พฒั นาการตามธรรมชาตขิ องเดก็ ใหเ้ จรญิ ขนึ้ ดว้ ยการกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ความคดิ สรา้ งสรรคอ์ ยา่ ง เสรโี ดยใชก้ ารเลน่ และกจิ กรรมเปน็ เครอื่ งมอื เดก็ ลว้ นมคี วามสามารถทเี่ กดิ ขน้ึ จากภายใน ความสามารถน้ี จะแสดงออกเมอ่ื ไดร้ บั การกระตนุ้ หรอื สนบั สนนุ การศกึ ษาปฐมวยั ในประเทศไทยกม็ ลี กั ษณะคลา้ ยคลงึ กนั คือยงั ไมไ่ ดใ้ ห้ความส�ำคัญกบั การศึกษาในระดบั นี้ เพอ่ื ทจ่ี ะทำ� ความเข้าใจกบั การศึกษาปฐมวัยของไทยใน ยคุ ดง้ั เดมิ กอ่ นทจี่ ะมกี ารนำ� แนวคดิ ทางตะวนั ตกมาใช้ ในเรอื่ งนจ้ี ะกลา่ วถงึ การศกึ ษาปฐมวยั ของไทยในยคุ มสธสมยั กรงุ สุโขทัย ยุคสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา และยุคสมัยกรุงรตั นโกสนิ ทร์ตอนตน้ ดังต่อไปน้ี การศึกษาปฐมวัยในยุคสมัยกรุงสุโขทัย การจัดการศึกษาในยุคสมัยกรุงสุโขทัยเป็นการศึกษาแบบไม่เป็นทางการ ไม่มีโรงเรียนจึงไม่มี หลกั สตู รหรอื หลกั เกณฑท์ แ่ี นน่ อน การจดั การศกึ ษาโดยทว่ั ไปจดั ขนึ้ ในบา้ นสำ� หรบั คนทวั่ ไป เพอื่ เรยี นงาน มสธ มสธชา่ งฝมี อื และวชิ าชีพต่างๆ โดยมีพ่อแม่หรอื คนในครอบครัวเป็นครผู ้สู อน มวี ดั เป็นสถานท่เี รียนรขู้ องบุตร หลานขนุ นางและราษฎรทวั่ ไปทต่ี อ้ งการเรยี นรทู้ างดา้ นภาษา มพี ระทม่ี คี วามรคู้ วามสามารถทางภาษาบาลี เป็นครูผู้สอน บุตร ธิดาของเจ้านายและข้าราชบริพารก็ศึกษาในส�ำนักราชบัณฑิต โดยมีราชบัณฑิตเป็น ผใู้ หก้ ารศกึ ษา วชิ าที่สอนไดแ้ ก่ จริยศึกษา ภาษาไทย ภาษาบาลี และวชิ าความรู้เบอื้ งต้นอ่ืนๆ พลศกึ ษา และหัตถศึกษา ยังมิได้ให้ความส�ำคัญแก่การศึกษาปฐมวัย เด็กวัยน้ีได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัว มสธตามจารตี ประเพณีและวถิ ีชีวติ ของคนยุคนั้นเทา่ นั้น (สมร ทองดี และสุกญั ญา กาญจนกิจ, 2537)
3-6 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำ หรบั เด็กปฐมวัย การศึกษาปฐมวัยในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา มสธการศึกษาของไทยมีการเปล่ียนแปลงไปตามแบบอย่างของชาวตะวันตกในรัชสมัยสมเด็จ พระนารายณม์ หาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ระหว่าง พ.ศ. 2198–2231 กรุงศรีอยุธยาเจริญสัมพันธไมตรีกับ ประเทศฝรงั่ เศสจนถงึ ขน้ั สง่ ราชฑตู ไปฝรงั่ เศสและสง่ คนไทยไปเลา่ เรยี นในประเทศฝรงั่ เศสดว้ ย ไทยอนญุ าต ให้ฝร่ังเศสเผยแพร่ศาสนาคริสต์ สร้างโบสถ์และสร้างโรงเรียน สมเด็จพระนารายน์มหาราชโปรดเกล้าให้ มสธ มสธพระโหราธิบดีแต่งแบบเรยี นเพอื่ ใช้ในการสอนภาษาขึน้ ชือ่ วา่ หนงั สอื จินดามณี ซง่ึ ต่อมาไดม้ ีการคดั ลอก และแก้ไขแต่งเติมหลายครั้งจนท�ำให้หนังสือจินดามณีมีหลายส�ำนวน แต่ทั้งน้ีก็ยังมิได้ให้ความส�ำคัญต่อ การศึกษาปฐมวัยจนถึงข้ันมีการก�ำหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอนหรือจัดท�ำหลักสูตรข้ึนเป็นการ จ�ำเพาะ ต่อมาการศกึ ษาแบบตะวนั ตกและโรงเรยี นทจ่ี ดั ตง้ั ขน้ึ โดยชาวฝรงั่ เศสกห็ มดสนิ้ ไป เมอื่ สน้ิ รชั สมยั ของสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช มสธการศึกษาปฐมวัยในยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น การศึกษาในแนวทางของชาวตะวันตกมาเร่ิมข้ึนอีกครั้งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อหมอสอน ศาสนาชาวอเมริกันเดินทางเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2367–2394) หมอสอนศาสนาเหล่านี้ที่น�ำโดยหมอ Dan B. Bradley ได้น�ำวิชาการแพทย์แผน มสธ มสธปจั จบุ นั ตลอดจนการพมิ พม์ าเผยแพรแ่ ละไดร้ เิ รมิ่ ตง้ั โรงเรยี นขนึ้ เพอื่ สอนเดก็ ไทยดว้ ย กรมหลวงวงษาธริ าชสนทิ ได้ทรงนิพนธ์หนังสือจินดามณีเล่ม 2 ขึ้น หนังสือประถม ก กา ประถมมาลาก็เกิดขึ้นในรัชสมัยนี้ การศึกษาของไทยเริม่ เป็นแบบตะวนั ตกมากข้นึ เม่ือพวกหมอสอนศาสนาชาวอเมริกนั จัดระบบการศกึ ษา แบบโรงเรียนให้เปน็ ตัวอย่างตามสถานท่ตี า่ งๆ ประกอบกับกิจการด้านการพมิ พ์เจริญขึน้ หนงั สือประเภท ต่างๆ ได้รับการพิมพ์เผยแพร่มากขึน้ โอกาสในการแสวงหาความรูข้ องคนไทยมีมากข้นึ แต่ก็จ�ำกดั อยใู่ น กลุ่มคนชั้นสูงและผู้ที่มีฐานะดีเท่านั้น การศึกษาของไทยมาเจริญขึ้นมากในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ มสธพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั (พ.ศ. 2411–2453) จะเหน็ ไดว้ า่ การศกึ ษาของไทยตง้ั แตส่ มยั สโุ ขทยั จนถงึ ตน้ รชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ - เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นับเป็นการศึกษาก่อนมีระบบโรงเรียน ไม่มีโรงเรียนส�ำหรับ เรียนหนังสอื โดยเฉพาะ ไมม่ ีหลักสูตร ไม่มกี ารก�ำหนดเวลาเรยี นและไม่มกี ารวัดผลการศกึ ษา การจดั การ ศกึ ษาปฐมวัยสำ� หรับเจ้านายเชือ้ พระวงศ์ สว่ นใหญ่จะจดั ในพระบรมมหาราชวงั โดยจา้ งอาลักษณ์มาสอน มสธ มสธหนังสอื แก่เจา้ นายอายุประมาณ 3 ปขี ึ้นไปจนถึง 7 ปี การเรยี นในระดบั นย้ี งั เรยี นรวมกันท้ังเด็กหญิงและ เด็กชาย ส่วนเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะดี พ่อแม่ก็จ้างครูมาสอนหนังสือให้ท่ีบ้าน การจัดการเรียน การสอนครอบคลุม การสอนอ่านเขียนภาษาไทย ภาษาบาลี ความรู้เบ้ืองต้นอ่ืนๆ บางทีพ่อแม่ก็อาจจะ สอนตามความสามารถของตนเองหรือสอนอาชีพของตนให้แก่เด็ก เช่น หัตถศึกษา เด็กหญิงที่อยู่ใน ครอบครัวท่ีมีฐานะดี ก็มีโอกาสที่จะได้เรียนและได้รับการอบรมเก่ียวกับกิจการบ้านเรือน งานฝีมือ การ มสธประกอบอาหาร การทอผา้ หรือเรยี นรกู้ ารประกอบอาชีพตามแบบอยา่ งของครอบครวั
หลกั สูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-7 พ่อแม่ที่มีฐานะยากจนจะน�ำลูกชายฝากไว้ท่ีวัดให้เป็นลูกศิษย์วัด เพื่อเรียนหนังสือและศึกษา มสธพระธรรมวนิ ยั ถา้ เปน็ เดก็ ทยี่ งั เลก็ มากพระสงฆก์ จ็ ะทำ� หนา้ ทเี่ ลย้ี งดู ตลอดจนอบรมสงั่ สอนและใหก้ ารศกึ ษา ดว้ ยตามลำ� ดบั การจดั การศกึ ษาในวดั จะมพี ระสงฆเ์ ปน็ ผสู้ อนและจดั ใหเ้ ดก็ เรยี นตามกฏุ ิ วหิ าร หอสวดมนต์ หรอื หอฉนั แลว้ แตค่ วามสะดวกเหมาะสม โดยแบง่ นกั เรยี นเปน็ 3 ประเภท คอื ประเภทแรกเปน็ พระภกิ ษุ ประเภทที่ 2 เป็นสามเณร และประเภทท่ี 3 เป็นศษิ ย์วดั ทเ่ี ป็นนกั เรยี นชั้นมูลมีอายุตงั้ แต่ 7-8 ปี ขน้ึ ไป มสธ มสธซ่ึงมีทั้งที่พ่อแม่เอามาฝากให้เป็นศิษย์วัดเพื่อศึกษาเล่าเรียนและกินอยู่ประจ�ำที่วัด และอีกพวกหน่ึง ไปเชา้ เยน็ กลบั สรุปได้ว่าในยุคสมัยด้ังเดิมคือตั้งแต่ยุคสมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา และยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนต้น ประเทศไทยยังไม่มีการให้ความส�ำคัญต่อการศึกษาปฐมวัย การศึกษาในยุคสมัยน้ันเป็นไปใน ลักษณะท่ีไม่มีแบบแผน ไม่มีโรงเรียนส�ำหรับเรียนหนังสือโดยเฉพาะ ไม่มีหลักสูตร ไม่มีการก�ำหนด เวลาเรียน และไมม่ ีการวดั ผลการศกึ ษา มสธกิจกรรม 3.1.1 จงอธิบายการศกึ ษาปฐมวัยของไทยสมยั ดั้งเดิมคอื ตัง้ แต่ยุคสมัยกรุงสุโขทยั กรุงศรอี ยุธยา จนถึง ยคุ สมยั กรงุ รัตนโกสินทรต์ อนต้น มสธ มสธแนวตอบกิจกรรม3.1.1 การศึกษาปฐมวัยของไทยในยุคสมัยดั้งเดิมคือตั้งแต่ยุคสมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา และยุค กรงุ รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ยงั เปน็ ไปในลกั ษณะทไ่ี มม่ แี บบแผน ไมม่ โี รงเรยี นสำ� หรบั เรยี นหนงั สอื โดยเฉพาะ มสธ มมสสธธ มสธไม่มหี ลกั สตู ร ไม่มกี ารกำ� หนดเวลาเรยี น และไมม่ ีการวดั ผลการศึกษา
3-8 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รสำ�หรับเด็กปฐมวัย มสธเร่ืองท่ี 3.1.2 การศึกษาปฐมวัยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มสธ มสธการศึกษาของไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงต้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ 5 แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทรน์ บั เปน็ การศกึ ษากอ่ นมรี ะบบโรงเรยี น ไมม่ โี รงเรยี นสำ� หรบั เรยี น หนังสือโดยเฉพาะ ไม่มีหลักสูตร ไม่มีการก�ำหนดเวลาเรียนและไม่มีการวัดผลการศึกษา ในรัชสมัยของ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ระยะตอ่ มา การศกึ ษาปฐมวยั ไดม้ กี ารพฒั นาเปลย่ี นแปลงไป ซงึ่ จะกลา่ วถึงประเด็นส�ำคัญประกอบดว้ ย สาเหตุของการเปลย่ี นแปลงการจดั การศกึ ษา การกอ่ ตัง้ โรงเล้ยี ง- เด็กแหง่ แรก การจัดตงั้ โรงเรยี นอยา่ งเป็นระบบ ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี มสธ1. สาเหตุของการเปล่ียนแปลงการจัดการศึกษา จากสภาพการศกึ ษาของไทยกอ่ นหนา้ รชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทยี่ งั ไม่มีการให้ความส�ำคัญต่อการศึกษาปฐมวัย การศึกษาเป็นไปในลักษณะที่ไม่มีแบบแผน ไม่มีโรงเรียน ส�ำหรับเรียนหนงั สอื โดยเฉพาะ ไมม่ หี ลกั สตู ร ไม่มีก�ำหนดเวลาเรยี น ต่อมาไดเ้ กิดการเปล่ียนแปลงขึ้นใน มสธ มสธรชั สมยั นี้ โดยมสี าเหตสุ ำ� คญั ทตี่ อ้ งทำ� ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงทางการศกึ ษาประกอบดว้ ย (วฒุ ชิ ยั มลู ศลิ ป,์ 2528) 1) ความกดดนั อันเกิดจากการคุกคามของประเทศตะวันตก 2) ความต้องการบุคลากรทม่ี คี วามรมู้ าใช้ในราชการ 3) ประสบการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับจากการเสด็จประพาส ต่างประเทศ มสธ4) การนำ� แบบอย่างของการจัดการศกึ ษาท่ที รงพบเหน็ มาเป็นแนวทางในการจัดการศึกษา 5) มีจุดมุ่งหมายที่จะท�ำให้เกิดการพัฒนาทางการศึกษาซ่ึงรวมถึงการศึกษาปฐมวัยส�ำหรับ ประเทศไทย 2. การก่อต้ังโรงเล้ียงเด็กแห่งแรก มสธ มสธการพัฒนาเด็กปฐมวัยในประเทศไทยเริ่มข้ึนเมื่อพระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ได้เป็นองค์กอ่ ตัง้ “โรงเล้ียงเดก็ ” เปน็ แห่งแรกในปี พ.ศ. 2433 โดยพระองค์ทรงบริจาคทรัพยซ์ ื้อท้งั ทด่ี ิน และตึกโรงเรือนต่างๆ ซ่อมแซมและก่อสร้างบริเวณและเครื่องใช้ทั้งปวงบริบูรณ์พร้อมเสร็จ จัดเป็น โรงสำ� หรับเลยี้ งเดก็ ขน้ึ ทตี่ รอกโรงเลย้ี งเดก็ ตำ� บลสวนมะลิ รมิ ถนนบำ� รงุ เมอื ง เพอื่ ดแู ลเลย้ี งทารกทงั้ เดก็ ชาย และเดก็ หญงิ ซึ่งเป็นบุตรธิดาของคนยากจน โรงเลี้ยงเด็กนี้ สมเด็จกรมพระยาด�ำรงราชานุภาพทรงเป็น มสธผู้จดั การคนแรกและไดท้ รงกำ� หนดเรือ่ งเด็กจะตอ้ งเรยี นรไู้ ว้ 10 เรอ่ื ง ได้แก่
หลกั สตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-9 1) ให้อา่ นหนังสอื ออก เขียนหนงั สอื ได้ มสธ2) ใหค้ ิดเลขเปน็ 3) ให้รูจ้ กั รกั ษาอริ ิยาบถ 4) ให้หงุ ข้าวต้มแกงเปน็ 5) ให้เย็บผ้าเปน็ มสธ มสธ6) ให้ขึ้นต้นไมเ้ปน็ 7) ให้ว่ายนา้ํ เปน็ 8) ให้ปลูกทบั กระท่อมทอ่ี ยเู่ ป็น 9) ใหร้ ู้จกั ปลกู ตน้ ไม้ 10) ให้รจู้ ักเลีย้ งสตั ว์ เรอ่ื งทเี่ รยี นทง้ั 10 นเ้ี ปรยี บเสมอื นหลกั สตู รการศกึ ษาซงึ่ มที งั้ ลกั ษณะของวชิ าการและวชิ าชพี เพอื่ มสธการดำ� รงชีวิตอย่ไู ดใ้ นสงั คม นับเป็นหลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั หลกั สตู รแรก โดยสมเดจ็ กรมพระยาดำ� รง ราชานุภาพทรงเป็นผู้พัฒนาขึ้น หลักสูตรดังกล่าวเป็นแนวทางท่ียึดหลักปรัชญาการศึกษาเพื่อชีวิต เปน็ สำ� คญั เพราะวชิ าทกี่ ำ� หนดใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี น ไดศ้ กึ ษาทงั้ 10 เรอ่ื งเหลา่ นลี้ ว้ นเปน็ วชิ าทช่ี ว่ ยใหเ้ ดก็ สามารถ ยงั ชพี และอยรู่ อดไดใ้ นสงั คมทมี่ ชี วี ติ ผกู พนั อยกู่ บั ธรรมชาตแิ ละเกษตรกรรม หลกั สตู รจงึ มคี วามสอดคลอ้ ง กับสภาพสงั คม วัฒนธรรม และเศรษฐกจิ เป็นส�ำคัญ เดก็ ทเ่ี ขา้ มาอยใู่ นโรงเลีย้ งเด็กแห่งน้ีได้รบั การอบรม มสธ มสธดแู ล ตง้ั แตแ่ รกเกดิ เปน็ ตน้ มาจนถงึ วัย 11 ปี ส�ำหรบั เด็กหญงิ และวัย 13 ปี ส�ำหรบั เดก็ ชาย จึงออกจาก โรงเลย้ี งเดก็ ไปประกอบอาชพี ได้ เดก็ ไดร้ บั การอบรมเลยี้ งดตู ง้ั แตเ่ ลก็ และไดร้ บั การฝกึ ฝนวชิ าเหลา่ นต้ี าม สภาพความพร้อมของแต่ละคน (กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ, 2472 อ้างถึงในวัชรีย์ ร่วมคิด, 2539, น. 95) 3. การจัดตั้งโรงเรียนอย่างเป็นระบบ มสธนอกเหนอื จากการตง้ั โรงเลย้ี งเดก็ แลว้ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ยงั ไดม้ ี การน�ำแนวคิดการจัดการปฐมวัยศึกษามาใช้ในรูปแบบของโรงเรียนด้วย นั่นคือ ได้มีการจัดต้ังโรงเรียน ราชกุมารและโรงเรยี นราชกมุ ารสี �ำหรับพระเจ้าลกู ยาเธอและพระเจา้ ลกู เธอท่ยี งั ทรงพระเยาว์ข้ึนในปี พ.ศ. 2435 และ 2436 ตามล�ำดับ นับเป็นสถานศึกษาปฐมวัยส�ำหรับเชื้อพระวงศ์แห่งแรก ท่ีเปิดท�ำการอย่าง มสธ มสธเปน็ ระบบ มกี ารกำ� หนดชนั้ เรยี น วชิ าเรยี น และเวลาเรยี นทช่ี ดั เจน ไดแ้ ก่ กำ� หนดสถานทเี่ รยี นไวใ้ นพระบรม มหาราชวงั กำ� หนดชน้ั เรียนไว้ 3 ช้นั ได้แก่ ชั้นที่ 1 หรอื ชน้ั ต้น เทียบได้กบั ชน้ั มลู ชัน้ ที่ 2 และชน้ั ที่ 3 วิชาทเ่ี รียน ใชแ้ บบเรยี นเรว็ เลม่ 1 และเล่ม 2 ตามล�ำดับ โดยเรียนอ่าน เขยี น และคดิ เลข ใช้วธิ ีการสอน แบบเรียนปนเล่น เนน้ การลงมือท�ำกจิ กรรม (หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ มร.5 ศ/1 น.109) การจัดต้ังโรงเรียนครั้งน้ีจึงเป็นจุดเร่ิมต้นของการศึกษาในระบบโรงเรียน มีการก�ำหนดหลักสูตร การศึกษาปฐมวัยในรูปหลักสูตรมูลศึกษาข้ึนมาด้วย ภายหลังเมื่อต้ังกรมศึกษาธิการขึ้นในปี พ.ศ. 2430 ไดม้ กี ารปรบั ปรงุ หลกั สตู รมลู ศกึ ษา และขยายการศกึ ษาออกไปโดยใหว้ ดั และพระอารามตา่ งๆ รว่ มจดั การ มสธศกึ ษาในรูปของโรงเรยี นมลู สามญั จนกระทงั่ ถึงปี พ.ศ. 2441
3-10 การจดั การศึกษาและหลกั สตู รส�ำ หรบั เดก็ ปฐมวยั 3.1 การศึกษาปฐมวัยตามโครงการศึกษา พ.ศ. 2441 เมื่อปี พ.ศ. 2441 ได้มีโครงการศึกษา มสธฉบับแรก เรียกว่าโครงการศึกษา พ.ศ. 2441 แล้วจึงมีโครงการศึกษาฉบับอื่นๆ ตามมาอีกหลายฉบับ นโยบายและแนวความคดิ ตลอดจนลกั ษณะการจดั โรงเรยี นอนบุ าลเปน็ ดงั นี้ (หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ มร. 5 ศ/4 น. 6–22) โครงการศกึ ษาฉบบั แรก คอื โครงการศกึ ษา พ.ศ. 2441 โครงการศกึ ษาฉบบั นไ้ี ดก้ ลา่ วถงึ โรงเรยี น มสธ มสธมูลศกึ ษา อนั เปน็ การศึกษาเบือ้ งแรกหรอื การศึกษาปฐมวัย โดยโรงเรยี นมลู ศึกษาแบง่ ออกเป็น 3.1.1 โรงเรียนบูรพบท รับเด็กอายุ 7 ปี เพื่อฝึกเด็กให้มีความรู้เพียงพอส�ำหรับเข้าเรียน ในโรงเรียนประถมศึกษาต่อไป โรงเรียนบูรพบทมูลศึกษาน้ีอาจจัดเป็นโรงเรียนต่างหากหรือแทรกอยู่ใน โรงเรียนประถมศกึ ษากไ็ ด้ 3.1.2 โรงเรียน ก.ข. นโม จัดสอนเก่ียวกับการเขียน อา่ น คดิ ค�ำนวณ ตามวิธีการอยา่ งเกา่ สถานที่เรียนใหเ้ รียนตามวัดหรือตามบา้ น ไม่กำ� หนดอายุผู้เรียน เม่อื ผู้เรียน เขียน อ่าน คิดเลขไดแ้ ลว้ จะ มสธได้เข้าเรียนเบือ้ งต้นในสถานศกึ ษาเป็นล�ำดับขน้ั ไป 3.1.3 โรงเรียนกินเดอกาเตน มีลักษณะการจัดการเรียนการสอนเช่นเดียวกับโรงเรียน ก.ข.นโม อย่างไรก็ตาม ถึงแม้วา่ โครงการศึกษา พ.ศ. 2441 จะได้ก�ำหนดใหม้ โี รงเรยี นมลู ศกึ ษาดงั ทกี่ ลา่ ว มาแล้ว แต่การจัดช้ันมูลยังไม่มีการก�ำหนดหลักสูตร ไม่มีระเบียบการสอน การจัดการข้ันมูลในช่วง เวลานนั้ จงึ นยิ มฝากไวใ้ นโรงเรยี นประถมศกึ ษา และเปน็ การจดั เพอื่ เตรยี มเขา้ ชนั้ ประถมศกึ ษา เปน็ การจดั มสธ มสธกนั เองโดยไม่มีหลักสูตร ไมม่ ีระเบยี บการสอน ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2445 โครงการศึกษา พ.ศ. 2441 กถ็ กู ปรับเปลยี่ นไปเพราะอิทธพิ ลของ การจัดการศกึ ษาของประเทศญ่ีป่นุ หลังจากท่ีเจ้าพระยาธรรมศกั ดม์ิ นตรีและคณะกลับจากการศึกษาดูงาน ท่ีประเทศญ่ีปุ่น ส�ำหรับระดับการศึกษาปฐมวัยได้ก�ำหนดให้มีขั้นการศึกษาเบื้องต้นท่ีเรียกว่าประโยคมูล ศึกษา อันเป็นการจัดช้ันเรียนสอนเด็กให้มีความรู้พื้นฐานเพื่อเรียนต่อในระดับประถมศึกษา และต่อมา ในปี พ.ศ. 2450 ได้จัดให้โรงเรียนประถมท่ไี ม่มแี ผนมูลศึกษาสามารถจดั ช้ันเตรียมไดอ้ ีก 1 ช้ัน มสธ3.2 สถานปฐมวัยศึกษาเอกชนแห่งแรก ช่วงปลายรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ - เจ้าอยู่หัว เกดิ การตนื่ ตัวในเร่ืองของการจัดการศกึ ษาปฐมวัย มีการแพรข่ ยายแนวคดิ ในการจดั การศกึ ษา ปฐมวัยตามแบบตะวันตก และเม่ือผู้คนให้ความส�ำคัญกับการศึกษาปฐมวัยมากขึ้น จึงได้มีการจัดต้ัง โรงเรียนปฐมวัยแห่งแรกและก�ำหนดหลักสูตรการสอนอย่างเป็นทางการ โดยเร่ิมในโรงเรียนราษฎร์เป็น ส่วนใหญ่ มีการน�ำแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนแบบ Froebel และ Montessori เข้ามาใน มสธ มสธประเทศไทยเป็นครั้งแรก โรงเรียนราษฎร์ท่ีเปิดสอนในระยะแรกมี 3 แห่ง คือ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนมาแตร์เดอี และโรงเรียนราชินี หลักสูตรที่ใช้ในโรงเรียนทั้งสามแห่ง คือ แนวหลักสูตรของ Froebel และ Montessori เม่ือโรงเรียนราษฎร์เกิดข้ึนมากในระยะเวลาต่อมา การจัดการเรียนการสอน ของแตล่ ะโรงเรยี นกเ็ ปน็ ไปตามความพอใจขาดความเป็นเอกภาพ จนกระทง่ั ต่อมาในรัชสมยั ของพระบาทสมเด็จพระมงกฏุ เกล้าเจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 6 ปี พ.ศ. 2461 รัฐบาลจึงได้ตราพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ขึ้น เพ่ือควบคุมดูแลให้การจัดการเรียนการสอนของ มสธโรงเรียนราฎร์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การศึกษาปฐมวัยของไทยจึงเร่ิมเป็นระบบและมีแนวปฏิบัติท่ี
หลกั สูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-11 ชัดเจนขึ้น ดังท่ีได้ระบไุ ว้ในวตั ถปุ ระสงค์ของการจัดการศึกษาปฐมวัยวา่ “มุ่งเล้ยี งดูเดก็ อ่อนๆ เปน็ สำ� คัญ มสธและสอนใหเ้ ดก็ รอู้ า่ น รเู้ ขยี น เรยี นนบั ไปพลางๆ ในระหวา่ งเวลานนั้ ดว้ ย..” (หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ มร. 6 ศ/10) จะเหน็ ไดว้ า่ การศกึ ษาปฐมวยั ไดพ้ ฒั นาเรอ่ื ยมา โดยระยะแรกของชน้ั มลู หรอื โรงเรยี นมลู ศกึ ษาหรอื ชน้ั เตรยี มประถมจนกระทงั่ ในสมยั กอ่ นเปลย่ี นแปลงการปกครองกไ็ ดพ้ ฒั นาขน้ึ เปน็ ไปในรปู ของการอนบุ าล มสธ มสธ(kindergarten) ตามแนวคดิ ของ Froebel และ Montessori ซึง่ ไดน้ �ำเข้ามาในประเทศไทยต้ังแต่ปลาย รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โดยมหี ลกั ฐานทค่ี น้ พบคอื หลกั การเกยี่ วกบั การสอนเดก็ ในหนังสือนรางกุโรวาท ของประเสริฐอกั ษร (2540) เมือ่ พ.ศ. 2453 ซ่งึ มีการกลา่ วถงึ การสอนเด็กอายุ ระหว่าง 1-7 ปี ไว้ดังน้ี มสธทำ� ของเลน่ เปน็ ทอ่ นทอ่ นอักษรพร้อม ทาสสี นั หวา่ นลอ้ มซ้อมใหจ้ �ำ ทารกประจวบขวบคร่งึ จ่ึงพอสอน เปรยี บเหมือนป้อนขา้ วกลว้ ยชว่ ยถนอม สองขวบแล้วแคล่วคล่องต้องหาเลศ มสธ มสธเช่นรู้ช้อนปอ้ นข้าวเรากนิ เพลนิ หดั นับหนง่ึ สองสามตามสะดวก ชวนให้คดิ ลกู ปดั สีอธบิ าย จงหาเหตใุ ห้สงั เกตประเภทของ เรียกไรต้องมใิ ห้ยากถลากถลำ� ลอ่ ใหช้ ี้สีแสงวา่ แดงดำ� เลน่ ลกู ประคำ� คล�ำลูกปัดหัดประเมิน ใหร้ ู้เหตุผลแทแ้ ต่เผนิ เผิน ไฟรอ้ นเกนิ จับไดอ้ ย่าใกล้กราย หดั ลบบวกเทียบเคียงเพยี งงา่ ยๆ ทงั้ ลองทายอกั ษรสะกดกระถดไป มสธใหร้ จู้ ักกลัวชว่ั ชา้ ฆ่ามดบี ้ ได้สามขวบรูจ้ กั ควบพยัญชนะ กับสระเช่ยี วชาญพออ่านได้ รอ้ ยลูกปดั หดั เขียนเพยี รตามใจ รู้จักใชส้ ิ่งของท่ีต้องการ ให้เออ้ื เฟ้อื เผือ่ แผแ่ กใ่ ครใคร หรอื ทบุ ตแี มวหมานา่ สงสาร ห้ามส่อเสียดเกียจกันฉนั ทา มสธ มสธสี่ขวบถ้วนควรอ่านหนงั สอื ออก ลอ่ ท�ำงานอยา่ ให้คร้านเบอื่ งานลี้ ของของเขาอย่าเข้าปองเป็นพอ้ งการ เลกิ คดิ อา่ นพดู เทจ็ เขด็ อาญา มอี ะไรใหป้ ันหัดหันหา ยั่วปรารถนานยิ มอย่างทางทดี่ ี ให้หัดลอกเขยี นหนงั สือหรอื ภาพสี เล่นเครอื่ งเลน่ เหน็ วิธใี นทางเรียน ถงึ ห้าขวบรวบรัดหดั ให้คลอ่ ง แขวนรปู หรนู ่าดชู ูความเพียร พอจัดห้องจดั ให้คลา้ ยเสมียน ทงั้ กระดาษดนิ สอมีสตี า่ งๆ ตัง้ โต๊ะเขียนหนงั สอื ไว้ให้นยิ ม จะไดร้ ่างจะได้เขยี นเรียนขรม มสธตูส้ มดุ ชุดนทิ านอ่านตะบม รปู ภาพสมฝมี ือเดก็ เล็กลอกลาย
3-12 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ�หรับเดก็ ปฐมวยัจูงสมคั รรักวชิ าอย่าเสียหลาย ใหป้ ลืม้ ปลุกสนกุ สนานการศกึ ษา รูแ้ ยบคายแต่ขา้ งหนุนคุณวชิ า ตอ้ งฝกึ เพียรประหยดั ตัวกลัวโทษา มสธถงึ เลน่ ซนผละเล่นเปน็ อุบาย ทารกอายคุ วรเหมือนพรวนดิน หกเจ็ดขวบจวบสมัยไปโรงเรียน เขา้ หลักสอนตอนคํ่าตามตำ� รา มสธ มสธแลโรยปุ๋ยคุน้ ร่วนสงวนถกู ถงึ จะปลกู พชื เพาะกเ็ หมาะสนิ คงงอกงามตามเฉลยเชยวารนิ ทร์ ชมุ ธรณนิ ทรโ์ อชารสสดงดงาม ถงึ จะปลกู พืชเพาะก็เหมาะส้ิน ก็พีพนู ภิญโญโตอร่าม เช่นเด็กหัดกระหายวิชาพยายาม ต้องมคี วามร้กู ล้าปรชี าชาญ สรุปได้ว่าการศึกษาปฐมวัยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีสาเหตุที่ต้อง มสธทำ� ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงการจดั การศกึ ษาเพราะความกดดนั อนั เกดิ จากการคกุ คามของประเทศตะวนั ตก มีความต้องการบุคลากรท่ีมีความรู้มาใช้ในราชการ และเกิดจากประสบการณ์ท่ีพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับจากการเสด็จประพาสต่างประเทศ ในยุคนี้มีการก่อต้ังโรงเลี้ยงเด็ก แห่งแรกโดยพระองคเ์ จ้าสายสวลภี ริ มย์ มกี ารจดั ตัง้ โรงเรียนอยา่ งเป็นระบบ มสี ถานศึกษาปฐมวยั สำ� หรบั เช้ือพระวงศ์แห่งแรก เกิดการศึกษาปฐมวัยตามโครงการศึกษา พ.ศ. 2411 และเกิดสถานศึกษาปฐมวัย มสธ มสธศึกษาของเอกชนแห่งแรกข้นึ แนวตอบกิจกรรม 3.1.2 มสธการศึกษาปฐมวัยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการก่อตั้งโรงเลี้ยงเด็ก แหง่ แรกโดยพระองคเ์ จา้ สายสวลภี ริ มย์ มีการจดั ต้งั โรงเรยี นอยา่ งเป็นระบบ มีสถานศกึ ษาปฐมวัยสำ� หรบั เชื้อพระวงศ์แห่งแรก เกิดการศึกษาปฐมวัยตามโครงการศึกษา พ.ศ. 2411 และเกิดสถานศึกษาปฐมวัย มสธ มสธ มสธศึกษาของเอกชนแหง่ แรกข้ึน กิจกรรม 3.1.2 จงอธบิ ายการศึกษาปฐมวยั ของไทยในรชั สมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 468
Pages: