การจัดประสบการณใ์ นระดบั ปฐมวัยศึกษา 8-39 5. หลักการมีส่วนร่วมของพ่อแม่ ผู้ปกครอง พ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นผู้ท่ีมีบทบาทส�ำคัญในการ มสธอบรมเลยี้ งดสู ง่ เสรมิ พฒั นาการและการเรยี นรใู้ หแ้ กเ่ ดก็ เนอื่ งจากผปู้ กครองมคี วามใกลช้ ดิ กบั เดก็ มาตงั้ แต่ เกิด และยังได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเด็กท่ีบ้าน ผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมในการจัดประสบการณ์การ เรียนรู้ให้แก่เด็กได้ท้ังที่บ้านและสถานศึกษา ด้วยการชวนเด็กพูดคุยสนทนาและเสริมต่อเกี่ยวกับส่ิงที่ได้ เรียนรจู้ ากสถานศึกษา ช่วยจัดเตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์ที่เดก็ จำ� เป็นต้องใช้ท่สี ถานศึกษา การเขา้ ไปชว่ ยครูจดั มสธ มสธกจิ กรรมในเรอ่ื งทตี่ นถนดั ชว่ ยดแู ลเดก็ ขณะออกไปศกึ ษาแหลง่ เรยี นรู้ ทส่ี ำ� คญั ทงั้ ผปู้ กครองและครสู ามารถ แลกเปลี่ยนข้อมูลเก่ียวกับพฤติกรรมเด็กขณะอยู่ที่บ้านและสถานศึกษา เพื่อให้ผู้ปกครองและครูมีความ เข้าใจที่ตรงกันเก่ียวกับพฤติกรรมและการเรียนรู้ ซึ่งจะมีประโยชน์ท้ังต่อครูและผู้ปกครองท่ีจะช่วยให้การ พัฒนาเด็กไปในทิศทางเดียวกัน การร่วมมือระหว่างพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูในการพัฒนาเด็กปฐมวัย เปน็ ไปตามเจตนารมณข์ องพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทแี่ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553 ในมาตรา 8 (2) ท่ีระบุไว้ว่า การจัดการศึกษาให้ยึดหลักการมีส่วนร่วมของสังคม และ (6) มสธทว่ี า่ การจดั การศกึ ษาใหย้ ดึ หลกั การมสี ว่ นรว่ มของบคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน องคก์ รชมุ ชน องคก์ รปกครอง สว่ นทอ้ งถิ่น เอกชน องคก์ รเอกชน องค์กรวชิ าชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคม อืน่ (สำ� นักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาต,ิ 2553, น. 6) สรุปได้ว่าการจัดประสบการณ์ในระดับปฐมวัยศึกษามีหลักการท่ีส�ำคัญ 5 ประการ คือ หลัก พัฒนาการเด็ก หลักการเรียนรู้ หลักการพัฒนาเด็กเป็นองค์รวม หลักบูรณาการบริบทของท้องถ่ิน และ มสธ มสธหลักการมสี ว่ นรว่ มของพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง กิจกรรม 8.3.1 จงอธบิ ายหลักการจัดประสบการณ์ในระดับปฐมวัยศึกษาทนี่ ักศกึ ษาคิดว่าสำ� คญั 1 หลกั การ มสธแนวตอบกิจกรรม 8.3.1 นกั ศกึ ษาสามารถเลอื กตอบหลกั การจดั ประสบการณใ์ นระดบั ปฐมวยั ศกึ ษาทนี่ กั ศกึ ษาคดิ วา่ สำ� คญั ไดอ้ ยา่ งหลากหลายตามความคดิ เหน็ ตวั อยา่ งเชน่ การบรู ณาการบรบิ ทของทอ้ งถนิ่ เปน็ การนำ� บรบิ ทของ ทอ้ งถน่ิ เขา้ มาบรู ณาการในการจดั ประสบการณใ์ หก้ บั เดก็ ปฐมวยั ทเ่ี ปน็ เรอ่ื งทใ่ี กลต้ วั เดก็ อยา่ งมคี วามหมาย ได้แก่ นทิ าน เรอื่ งเลา่ ทอ้ งถนิ่ เพลง ค�ำคลอ้ งจอง อาหาร อาชพี ประจำ� ทอ้ งถิน่ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เรยี นร้เู กยี่ วกบั มสธ มสธรากเหงา้ ของตนเอง เรยี นรคู้ วามเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งกนั ปลกู ฝงั ความภาคภมู ใิ จ การรักษา วฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญา และยอมรบั ในความแตกตา่ งระหวา่ งกนั สามารถนำ� ความรทู้ ไ่ี ดร้ บั ไปใชใ้ นการดำ� เนนิ มสธชีวติ สง่ ผลใหเ้ ด็กเตบิ โตเป็นสมาชิกทด่ี ขี องสงั คมและสามารถอยู่ร่วมกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ย่างมคี วามสุข
8-40 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรสำ� หรบั เด็กปฐมวัย มสธเร่ืองที่ 8.3.2 แนวการจัดประสบการณ์ในระดับปฐมวัยศึกษา มสธ มสธในการจัดประสบการณ์ให้เด็กปฐมวัยเกิดการเรียนรู้และพัฒนาครบทุกด้านตามจุดมุ่งหมายที่ ก�ำหนดน้ัน ผู้จัดประสบการณ์จ�ำเป็นต้องเข้าใจพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ซ่ึงในหน่วยน้ี ได้กล่าวไว้แล้ว ความรู้ดังกล่าวประกอบกับความเข้าใจในแนวการจัดประสบการณ์ ท่ีครูต้องด�ำเนินการ ในดา้ นการจัดสภาพแวดล้อม กิจกรรม ส่อื และการประเมิน จะช่วยให้ครสู ามารถจัดประสบการณใ์ หเ้ ดก็ ปฐมวัยไดพ้ ฒั นาครบทกุ ด้านตามจดุ มุง่ หมาย ดงั นั้น ในเรื่องน้ีจะกล่าวถงึ แนวการจดั สภาพแวดลอ้ ม แนว การจดั กิจกรรม แนวการเลอื กและการใชส้ ื่อ และแนวการประเมนิ ในระดับปฐมวยั ศกึ ษา ดงั น้ี มสธแนวการจัดสภาพแวดล้อมในระดับปฐมวัยศึกษา เด็กเกิดการเรยี นรู้จากการมีปฏสิ ัมพันธ์กบั สิง่ แวดล้อม การจดั ประสบการณ์กบั สภาพแวดล้อมจงึ ไม่สามารถแยกจากกันได้ นอกจากน้ี ครูถือว่าเป็นสิ่งแวดล้อมท่ีส�ำคัญที่สุดส�ำหรับการจัดประสบการณ์ และยังต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตนให้กับเด็กอีกด้วย เพราะเด็กเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ ท้ังนี้ มสธ มสธการจดั สภาพแวดลอ้ มสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั มแี นวการจดั (Schmidt, 1998; กระทรวงมหาดไทย, 2547; กรม วิชาการ, 2546; NAEYC, 2009 อ้างถึงใน จีรพนั ธุ์ พูลพัฒน,์ 2556, น. 250; พัชรี สวนแก้ว, 2545, น. 118-141; สำ� นักงานบริหารและพัฒนาองค์ความร้,ู มปป.) ดงั น้ี 1. การจัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน ต้องคำ� นึงถงึ เป้าหมายการเรยี นรู้และการพัฒนาเดก็ ความปลอดภยั ความสะอาด มีอากาศถ่ายเท มอี ุณหภมู ิทเี่ หมาะสม มแี สงสวา่ งเพยี งพอ ปราศจากเสียง รบกวน มีบรรยากาศอบอุ่นให้เด็กเกิดความรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข มีการจัดพ้ืนท่ีส�ำหรับการท�ำ มสธกจิ กรรม มขี อ้ ตกลง กตกิ า และแนวปฏบิ ตั ริ ว่ มกนั จดั พน้ื ทใี่ หม้ มี มุ เลน่ เสรหี รอื มมุ ประสบการณ์ จดั สอ่ื วสั ดุ อปุ กรณต์ ลอดจนครภุ ณั ฑค์ รบถว้ นเพยี งพอและเหมาะกบั เดก็ รวมทงั้ ปา้ ยสำ� หรบั ตดิ ผลงานเดก็ เพอ่ื สะทอ้ น ถึงการเห็นคุณค่าของการทำ� กิจกรรมหรอื การท�ำงานของเดก็ 2. การจัดสภาพแวดล้อมภายนอกห้องเรียน เป็นการจัดสภาพแวดล้อมในอาณาบริเวณรอบ สถานศกึ ษา รวมทง้ั จดั สนามเดก็ เลน่ พรอ้ มเครอ่ื งเลน่ สนาม ระวงั รกั ษาความปลอดภยั ภายในบรเิ วณสถาน มสธ มสธศึกษาและบริเวณรอบนอกสถานศึกษา ดูแลรักษาความสะอาด ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงารอบๆ บริเวณสถาน ศกึ ษา สง่ิ ตา่ งๆ เหล่าน้เี ปน็ สว่ นหนึง่ ทส่ี ง่ ผลต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเดก็ นอกจากน้ี ควรจัดให้มี สถานที่ในร่มส�ำหรบั การเลน่ น้ำ� พร้อมอุปกรณป์ ระกอบการเล่น มุมชา่ งไม้ และบอ่ ทราย 3. การจัดสภาพแวดล้อมทางด้านบุคลากร เช่น ครู พ่ีเลี้ยง ผู้บริหาร เจ้าหน้าท่ีอ่ืนๆ ฯลฯ บุคคลเหล่านเ้ี ป็นสภาพแวดล้อมส�ำคญั ท่ีอยใู่ กล้ชิดเด็ก และมสี ว่ นท่ีจะเสริมสร้างพฒั นาการและการเรียนรู้ ของเดก็ บุคลากรทอี่ ยกู่ บั เดก็ จงึ ควรเปน็ ผทู้ ม่ี กี ริ ิยาวาจาดโี ดยเฉพาะครูจะต้องเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี สง่ เสริม มสธให้เด็กได้พัฒนาครบทั้งด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา การจัดสภาพแวดล้อมด้าน
การจดั ประสบการณ์ในระดับปฐมวยั ศึกษา 8-41 บคุ ลากรในสถานศกึ ษาและในหอ้ งเรยี นจงึ เปรยี บเสมอื นบา้ นและสถานทใ่ี นการเรยี นรขู้ องเดก็ ครคู อื สมาชกิ มสธคนหนึ่งของบา้ นมหี น้าที่ให้การศึกษาและเลย้ี งดูให้เดก็ ไดเ้ รยี นรตู้ ามความสนใจและตอ้ งการของเดก็ ดว้ ย บรรยากาศที่สนุกสนาน ผ่อนคลาย ช่วยให้เดก็ สามารถเรียนรูไ้ ดด้ ี นอกจากนี้ สุมน อมรวิวัฒน์ (2530, น. 13) ได้แบ่งประเภทบรรยากาศของสภาพแวดล้อมออก เป็น 2 ประเภท คือ บรรยากาศทางกายภาพหรือบรรยากาศทางวัตถุ และบรรยากาศทางจิตวิทยา ซ่ึง มสธ มสธสามารถน�ำมาประยกุ ต์ใช้เป็นแนวการจดั สภาพแวดลอ้ มส�ำหรบั เดก็ ปฐมวัยได้ ดงั นี้ 1. การจัดบรรยากาศทางกายภาพหรือบรรยากาศทางวัตถุ เปน็ การจัดสภาพแวดลอ้ มทางวตั ถุ ภายในห้องเรียนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด มีสื่ออุปกรณ์ ของเล่น เครื่องใช้ และสิ่งอ�ำนวยความ สะดวกตา่ งๆ ทจ่ี ะสง่ เสรมิ พฒั นาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ หอ้ งเรยี นมขี นาดเหมาะ มฝี าผนงั กน้ั เปน็ สดั สว่ น มีแสงสว่างเพยี งพอและเข้าถูกทิศทาง อากาศถ่ายเทสะดวก มีโตะ๊ เก้าอีข้ นาดเหมาะกับเดก็ 2. การจัดบรรยากาศทางจิตวิทยา เป็นการจัดสภาพแวดล้อมทางด้านจิตใจให้เด็กรู้สึกสบายใจ มสธผ่อนคลาย มีความอบอุ่น เป็นกันเอง มีปฏิสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน ครูให้ความรัก ความเข้าใจและเอื้ออาทรต่อ เด็กทุกคน ตลอดจนเด็กมีอิสระในการแสดงออกอย่างมีระเบียบวินัย มีโอกาสตัดสินใจเลือกเล่นหรือท�ำ กิจกรรมตามความสนใจและความตอ้ งการของตนเอง มสธ มสธแนวการจัดกิจกรรมในระดับปฐมวัยศึกษา การจัดกิจกรรมในระดับปฐมวัยศึกษามีการจัดท่ีหลากหลาย กิจกรรมต่างๆ ควรก�ำหนดข้ึนเพ่ือ ให้เด็กไดพ้ ฒั นาครบทกุ ดา้ นอยา่ งสมดลุ ท้ังด้านร่างกาย อารมณ์-จติ ใจ สังคม และสตปิ ัญญา โดยค�ำนึง ถึงพัฒนาการ ความสนใจและความต้องการของเด็ก เหมาะสมกับวัย ความสามารถ บริบทสังคมและ วฒั นธรรมทแี่ วดลอ้ มตวั เดก็ ใหโ้ อกาสเดก็ ไดล้ งมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ ผา่ นกจิ วตั รประจำ� วนั กจิ กรรมตา่ งๆ ทกี่ ำ� หนด ไว้ในตารางกิจกรรมประจ�ำวันเพ่ือให้เด็กรู้สึกมั่นคงและผ่อนคลายที่ได้ท�ำกิจกรรมภายใต้ตารางกิจกรรมที่ มแี บบแผนและมีความสม่ำ� เสมอ รวมทัง้ กิจกรรมพเิ ศษตา่ งๆ ทีจ่ ัดข้ึนตามความเหมาะสม และท่ีสำ� คัญครู มสธตอ้ งมกี ารวางแผนและเชอื่ มตอ่ อยา่ งกลมกลนื ระหวา่ งกจิ กรรม ซง่ึ จะชว่ ยใหเ้ ดก็ เกดิ ความสนใจ รสู้ กึ ประสบ ความสำ� เร็จ และเกิดการเรยี นรตู้ ามเป้าหมายท่ีต้องการ (Biddle, Garcia-Nevarez, Henderson, and Valero-Kerick, 2014, p. 241; กรมวชิ าการ, 2546) ดงั นนั้ การจดั กจิ กรรมในระดบั ปฐมวยั ศกึ ษาจงึ มแี นว การจดั กจิ กรรม (พชั รี ผลโยธิน, 2532) ดงั น้ี มสธ มสธ1. จัดกิจกรรมตามกิจวัตรประจ�ำวัน เป็นการจัดกิจกรรมท่ีให้เด็กมีโอกาสช่วยเหลือตนเอง ในเรื่องต่างๆ ซ่ึงถอื เป็นกิจวัตรประจำ� วนั ของเดก็ ทกุ คน เชน่ การแตง่ กาย การใชห้ ้องน้ำ� หอ้ งส้วม การ ลา้ งมอื การรบั ประทานอาหาร การแปรงฟนั การเกบ็ ของเล่นเม่ือเล่นเสร็จ โดยครูและผเู้ กีย่ วขอ้ งจะต้อง อดทน ไมร่ ีบรอ้ นใหเ้ วลาเด็กในการท�ำกิจกรรม ไม่แสดงความโมโหหรือลงโทษถา้ เด็กท�ำไม่ได้ หรือทำ� ได้ ไมด่ ีตามท่คี าดหวงั 2. จดั กจิ กรรมตามตารางกจิ กรรมประจำ� วนั เปน็ การจดั กจิ กรรมทมี่ แี บบแผนตามเวลาทกี่ ำ� หนด มสธในตารางกิจกรรมประจ�ำวนั ตวั อย่างเชน่
8-42 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรบั เด็กปฐมวัย 09.00 – 09.20 น. กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะ มสธ09.20 – 10.20 น. กิจกรรมศลิ ปะและการเลน่ ตามมุม ตัวอย่างกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นกิจกรรมตามตารางกิจกรรมประจ�ำวันที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการ ของเด็กปฐมวัย ในแต่ละกิจกรรมครูต้องออกแบบการจัดกิจกรรม และด�ำเนินการจัดกิจกรรมตามเวลาที่ ก�ำหนดไว้ โดยบูรณาการผ่านการเล่นท่ีมีความหมายต่อเด็ก ไม่มุ่งพัฒนาการด้านใดด้านหนึ่ง สามารถ มสธ มสธยดื หยนุ่ เวลาในแตล่ ะกจิ กรรมตามความตอ้ งการและความสนใจของเดก็ บางกจิ กรรมเดก็ ใหค้ วามสนใจเปน็ พเิ ศษ ครสู ามารถยดื เวลาออกไปได้ แตบ่ างกจิ กรรมเดก็ มชี ว่ งความสนใจสนั้ ครสู ามารถหยดุ กจิ กรรม และ ให้เด็กท�ำกิจกรรมอ่ืนแทน สิ่งส�ำคัญที่ควรค�ำนึงถึง คือ ครูควรด�ำเนินกิจกรรมประจ�ำวันไปตามล�ำดับ กจิ กรรมทก่ี �ำหนดไวใ้ นตารางกิจกรรมประจำ� วัน เพอื่ ให้เดก็ เกดิ ความเคยชนิ และรตู้ ัวล่วงหน้าวา่ จะตอ้ งทำ� กจิ กรรมใดต่อไป จะช่วยให้เดก็ ไม่เกิดความกังวล ตื่นเตน้ ช่วยให้เดก็ เรยี นรู้ระเบียบวินยั และเรียนร้เู วลา ได้เป็นอยา่ งดี มสธ3. กิจกรรมพิเศษต่าง ๆ เป็นการจัดกิจกรรมท่ีนอกเหนือจากกิจกรรมตามกิจวัตรและกิจกรรม ตามตารางกิจกรรมประจ�ำวัน เน่ืองในโอกาสส�ำคัญต่างๆ เช่น วันส�ำคัญทางศาสนา วันส�ำคัญของชาติ ฯลฯ รวมทง้ั ในโอกาสพเิ ศษตา่ งๆ เชน่ ไปศกึ ษาแหลง่ เรยี นรตู้ า่ งๆ นอกสถานศกึ ษาทเี่ หมาะกบั เดก็ ปฐมวยั เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตร์ สวนสตั ว์ ฯลฯ ซงึ่ ครตู อ้ งเตรยี มเดก็ กอ่ นไป เตรยี มกจิ กรรมใหเ้ ดก็ ทำ� ระหวา่ ง ศึกษานอกสถานท่ี และกจิ กรรมหลงั ไปศกึ ษานอกสถานที่ มสธ มสธแนวการเลือกและการใช้ส่ือในระดับปฐมวัยศึกษา สอ่ื ทใ่ี ชใ้ นการจดั ประสบการณ์ เปน็ ตวั กลางในการถา่ ยทอดความรู้ ประสบการณ์ คา่ นยิ ม เจตคติ และทกั ษะ เป็นสิง่ เร้าท่ชี ว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ ด็กปฐมวัยแสดงพฤติกรรมต่างๆ รวมทัง้ เสริมสรา้ งพัฒนาการ และ การเรยี นรขู้ องเดก็ สอื่ จงึ มคี วามสำ� คญั และจำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ สำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั ดงั นนั้ ในการจดั ประสบการณ์ จึงจำ� เปน็ ตอ้ งใช้สอ่ื ให้เหมาะกับจุดมุ่งหมาย สาระการเรยี นรู้ และตอ้ งเหมาะกับวยั และพฒั นาการของเด็ก มสธทั้งน้ีชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2554, น. 1-24 ถึง 1-27) จ�ำแนกสื่อที่ใช้ในการจัดประสบการณ์ออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. สื่อประเภทวสั ดุ หมายถงึ สอ่ื ทเี่ ปน็ วตั ถสุ น้ิ เปลอื งใชแ้ ลว้ หมดไป หรอื พงั งา่ ย ทงั้ นี้ สอื่ ประเภท วสั ดยุ ังจำ� แนกออกเปน็ กลมุ่ ใหญไ่ ด้ 2 กลุ่ม คือ มสธ มสธ1.1 วสั ดทุ มี่ ผี จู้ ดั ทำ� จำ� หนา่ ย คอื วสั ดกุ ารสอนทม่ี ผี ทู้ ำ� สำ� เรจ็ รปู เพอ่ื จำ� หนา่ ย โดยผลติ ออกมา เป็นจ�ำนวนมาก ทั้งที่ผลิตมาจากต่างประเทศและผลิตขึ้นในประเทศไทย เช่น หนังสือนิทาน แผ่นภาพ ฯลฯ นอกจากนี้ ยงั มีสือ่ ประเภทวสั ดุ เชน่ ภาพถ่าย โปสเตอร์ การ์ตนู ภาพวาด หุ่นจำ� ลอง ฯลฯ 1.2 วัสดุท่ีครูหามาเองหรือจัดท�ำข้ึน คือ วัสดุที่ครูหาได้ในท้องถิ่น ท้ังท่ีเป็นวัสดุเหลือใช้ เชน่ กลอ่ งกระดาษ หลอดกาแฟ แกนกระดาษ นติ ยสาร ฯลฯ และวสั ดตุ ามธรรมชาติ เชน่ เมลด็ พชื กง่ิ ไม้ ใบไม้ ทราย ดนิ ฯลฯ ส่วนวสั ดทุ ่ีครจู ดั ท�ำขนึ้ เช่น ส่อื การสอนที่ครผู ลิตขึ้นมาใช้เอง อาจใชว้ สั ดทุ ีห่ าได้ใน ทอ้ งถ่นิ หรอื วัสดุเหลือใชม้ าทำ� เป็นส่ือการสอน เช่น ท�ำรถจากกลอ่ งกระดาษ ทำ� ตุก๊ ตาจากกง่ิ ไม้และใบไม้ มสธฯลฯ
การจดั ประสบการณ์ในระดบั ปฐมวัยศกึ ษา 8-43 2. ส่ือประเภทอุปกรณ์ หมายถงึ สอื่ ประเภทเคร่ืองมือทีค่ รนู �ำมาใชใ้ นการจัดประสบการณ์ เช่น มสธอปุ กรณเ์ คร่ืองเสียง เชน่ วทิ ยุ CD อปุ กรณ์เคร่อื งฉาย เชน่ โทรทัศน์ คอมพวิ เตอร์ ฯลฯ อปุ กรณเ์ คร่อื ง เล่นสนาม เชน่ ไมล้ ่ืน กระดานทรงตัว ที่ปนี ป่าย ฯลฯ อุปกรณเ์ คร่อื งทดลองวทิ ยาศาสตร์ ตวั อยา่ งเช่น แว่นขยาย แมเ่ หลก็ ฯลฯ 3. ส่ือประเภทวิธีการ หมายถึง วธิ ีการจดั กิจกรรมท้งั ในและนอกหอ้ งเรยี น ทคี่ รูใชเ้ ป็นเครือ่ งมอื มสธ มสธถ่ายทอดความรู้และเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กตามวัตถุประสงค์ วิธีการจึงเป็นส่ือประเภทหน่ึงท่ีช่วยให้เด็ก ปฐมวยั มสี ว่ นรว่ ม และมปี ระสบการณ์ตรงจากการลงมือปฏิบัติ ทงั้ น้ี ส่ือประเภทวธิ กี ารจ�ำแนกออกเป็น 3 ลักษณะ คอื (1) วิธกี ารของครูและเดก็ ทง้ั ชั้น อาจเป็นกิจกรรมท่ีครูทำ� ให้เด็กดู หรือเด็กท�ำและมคี รูคอย ชแ้ี นะ (2) วธิ ีการของเดก็ เป็นกลุม่ ย่อย ทั้งที่เป็นการแบง่ กลุ่มท�ำกจิ กรรมในเวลาเรียนและกิจกรรมกลุ่มท่ี ท�ำงานเป็นโครงการ และ (3) วิธีการของเด็กเป็นรายบุคคลทั้งที่ครูมอบหมาย หรือเพื่อนมอบหมาย ในฐานะสมาชิกของกลมุ่ และท่เี ดก็ เลือกปฏิบตั ิเอง ซ่งึ วธิ กี ารท่นี ิยมใช้กันมาก เช่น การสาธิต การทดลอง มสธการเลน่ เกม การแสดงบทบาทสมมติ การจำ� ลองสถานการณ์ การฝกึ ปฏบิ ตั จิ รงิ หลงั จากไปทศั นศกึ ษา หรอื การเล่นเสรีตามมมุ เล่นตา่ งๆ หรือการทำ� กิจกรรมตามโครงการที่เดก็ สนใจ สอ่ื มีความส�ำคญั ในการชว่ ยเรา้ ความสนใจของเด็ก เพราะเดก็ สามารถใชป้ ระสาทสัมผสั และการ เคล่ือนไหว แทนการฟงั หรือดดู ้วยตาเพยี งอยา่ งเดียว สื่อชว่ ยพัฒนาการเรยี นรู้ท�ำให้เดก็ เกดิ ความเขา้ ใจท่ี เปน็ รปู ธรรม เดก็ จะเชอ่ื มโยงประสบการณเ์ ดมิ กบั ประสบการณใ์ หม่ และสอื่ จะทำ� ใหเ้ ดก็ เกดิ ความจำ� ในเรอื่ ง มสธ มสธทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ การใชส้ อ่ื ในการจดั ประสบการณร์ ะดบั ปฐมวยั ศกึ ษาใหป้ ระสบผลสำ� เรจ็ จงึ มแี นวการใชส้ อ่ื ดงั น้ี 1) เลือกใช้ส่ือให้ตรงกับจุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ และกิจกรรม เหมาะกับบริบทและ วฒั นธรรม ไมข่ ัดตอ่ ศลี ธรรมจรรยาของคนในสังคม 2) เลอื กใชส้ อื่ ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะ และความสามารถหรอื พฒั นาการของเดก็ ปฐมวยั ครู และผู้เกี่ยวข้องต้องม่ันใจว่าเลือกใช้ส่ือที่ส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ให้กับเด็กปฐมวัยได้อย่างเป็น องค์รวม มสธ3) ตรวจสอบความปลอดภยั ของสอื่ วสั ดุ อปุ กรณ์ และวธิ กี าร วา่ ไมเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ เดก็ สอื่ หรืออุปกรณ์มีความทนทาน มีปริมาณเพียงพอ และควรหมุนเวียนเปล่ียนสื่อเป็นระยะเพ่ือให้เกิดความ หลากหลาย 4) ใชส้ อื่ อยา่ งประหยดั และคมุ้ คา่ รวมทง้ั เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดม้ สี ว่ นรว่ มในการตดั สนิ ใจเลอื ก ใช้สอื่ วสั ดุ อุปกรณ์ ของเลน่ เคร่อื งเลน่ ตา่ งๆ เช่น เลอื กใชว้ สั ดุทมี่ ีในการท�ำกิจกรรมศิลปะด้วยตนเอง มี มสธ มสธอสิ ระในการตัดสนิ ใจเลอื กเลน่ เครอ่ื งเล่นสนามโดยมีครดู แู ลขณะเด็กเล่น 5) ฝกึ ใหเ้ ด็กรจู้ ักใช้ และดูแลรกั ษาสือ่ อย่างถูกวิธี ครแู ละผู้เกย่ี วข้องควรสงั เกตพฤติกรรม ของเด็กขณะทเ่ี ด็กเรียนรจู้ ากสือ่ วสั ดุอุปกรณแ์ ละวิธีการ รวมทั้งฝึกใหเ้ ด็กรจู้ กั เกบ็ เขา้ ที่เมอื่ เลน่ เสร็จ แนวการประเมินในระดับปฐมวัยศึกษา การประเมนิ เปน็ กจิ กรรมทสี่ อดแทรกอยใู่ นการจดั ประสบการณท์ กุ ขนั้ ตอน เปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ที่ มสธช่วยให้การจัดประสบการณบ์ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ ช่วยให้ครูทราบพัฒนาการและการเรียนรขู้ องเด็กวา่ เปน็ ไป
8-44 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรับเด็กปฐมวยั ตามวัยหรือไม่ พฤติกรรมใดทีเ่ ปน็ ปัญหาและควรหาวธิ แี กไ้ ข นอกจากนี้ยังส่ือสารใหพ้ ่อแมผ่ ปู้ กครองเด็ก มสธทราบและร่วมมือกับครูในการส่งเสริม ปรับปรุง หรือพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย การประเมิน ในระดับปฐมวัยศึกษา แบง่ ออกเปน็ 2 ส่วน คือ การประเมนิ การจดั ประสบการณ์ของครู และการประเมิน พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560; นันทยา น้อยจันทร์, 2548 อ้างถึงใน นยั นา อิสระวทิ ย์, 2549; กระทรวงมหาดไทย, 2547, น. 74-75; กรมวชิ าการ, 2546; ทัศนีย์ นาทรงคณุ , มสธ มสธ2546)ดังนี้ 1. การประเมินการจัดประสบการณ์ของครู เป็นการประเมินผลการจัดประสบการณ์ของครูว่า บรรลุเป้าหมายตามที่วางแผนไว้หรือไม่ อย่างไร โดยพิจารณาถึงจุดเด่นและสิ่งที่ควรปรับปรุงในการจัด ประสบการณ์ ทง้ั น้ี การประเมนิ การจดั ประสบการณข์ องครูมีจุดมุง่ หมาย คือ 1) เพอ่ื ประเมนิ การจดั ประสบการณว์ า่ มคี วามสอดคลอ้ งกบั เปา้ หมายในการพฒั นาเดก็ หรอื ไม่ 2) เพื่อประเมินระยะเวลาของการจัดประสบการณ์ว่าเหมาะสมกับวัย และความสนใจของ มสธเดก็ หรอื ไม่ 3) เพอื่ ประเมนิ การใชส้ อ่ื และความเหมาะสมของการใชส้ อื่ ในการจดั ประสบการณส์ ำ� หรบั เดก็ 4) เพื่อประเมินวิธีการท่ีใช้ในการประเมินผลการจัดประสบการณ์ว่ามีความสอดคล้องกับ วตั ถุประสงคห์ รอื ไม่ 5) เพอื่ ประเมินภาพรวมการจัดประสบการณ์ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ มสธ มสธสำ� หรบั การประเมนิ การจดั ประสบการณข์ องครู มวี ธิ ดี �ำเนินการดงั น้ี 1) ศึกษาและท�ำความเข้าใจแผนการจดั ประสบการณ์ 2) วางแผนเลือกใช้วิธีการและเคร่ืองมือที่เหมาะสมส�ำหรับใช้บันทึกและประเมินการจัด ประสบการณ์ และศกึ ษาวิธกี ารใชเ้ ครือ่ งมืออยา่ งละเอียดและปฏบิ ัตติ ามอยา่ งเครง่ ครดั 3) ดำ� เนนิ การประเมนิ และสรุปผลการประเมนิ การจดั ประสบการณข์ องครู 4) รายงานผลการประเมิน โดยตรวจสอบว่าการจัดประสบการณ์มีความเหมาะสมหรือไม่ มสธเพยี งใด ควรปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลงในดา้ นใดบา้ ง 5) น�ำเสนอผลการประเมนิ ตอ่ ผบู้ รหิ าร 2. การประเมินพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก การประเมนิ ถอื เปน็ สว่ นหนง่ึ ของกระบวนการ จดั ประสบการณส์ ำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั ทง้ั น้ี การประเมนิ พฒั นาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั มจี ดุ มงุ่ หมาย คือ มสธ มสธ1) เพื่ออธบิ ายสภาพพฒั นาการ และความพรอ้ มของเด็กในขณะนนั้ 2) เพอื่ นำ� ขอ้ มลู ไปใชเ้ ปน็ แนวทางในการจดั ประสบการณใ์ หแ้ กเ่ ดก็ เปน็ รายบคุ คลและเปน็ กลมุ่ 3) เพอ่ื ใหเ้ ด็กได้พฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพ สามารถทำ� งานและแก้ปัญหาได้ตามวยั มคี วาม พรอ้ มทจ่ี ะเข้าสรู่ ะดบั ประถมศึกษา 4) เพือ่ คน้ หาเด็กทจ่ี �ำเปน็ จะต้องไดร้ บั การชว่ ยเหลือเปน็ พิเศษ 5) เพอ่ื ประเมนิ วา่ โปรแกรมการสอนทค่ี รแู ละสถานศกึ ษาใชอ้ ยนู่ นั้ บรรลจุ ดุ ประสงคข์ องการ มสธศึกษาสำ� หรับเดก็ ปฐมวัยหรอื ไม่
การจดั ประสบการณ์ในระดับปฐมวยั ศกึ ษา 8-45 ส�ำหรบั การประเมินพฒั นาการและการเรียนรขู้ องเดก็ ปฐมวยั มีวธิ ดี �ำเนนิ การดงั น้ี มสธ1) ศึกษาและท�ำความเข้าใจพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัยทุกด้านท้ังด้านร่างกาย อารมณ-์ จิตใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา เพือ่ ให้สามารถประเมินพัฒนาการได้อยา่ งถูกต้องและตรงกบั ความ เปน็ จรงิ 2) วางแผนเลอื กใชว้ ธิ กี ารและเครอื่ งมอื ทเ่ี หมาะสมสำ� หรบั ใชบ้ นั ทกึ และประเมนิ พฒั นาการ มสธ มสธเพือ่ ใหไ้ ดผ้ ลของพัฒนาการอยา่ งถกู ตอ้ งตามต้องการ 3) ดำ� เนนิ การประเมนิ และบนั ทกึ พฒั นาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ ซง่ึ กอ่ นการประเมนิ ตอ้ ง ศกึ ษาวธิ ีการใชเ้ ครอื่ งมืออย่างละเอยี ดและปฏิบัติตามอยา่ งเคร่งครดั 4) ประเมนิ และสรุป ซงึ่ ต้องดูจากผลการประเมนิ หลายๆ ครั้ง 5) รายงานผล ซ่ึงตอ้ งพจิ ารณาวา่ จะตอ้ งสง่ ผลการประเมินใหก้ ับใครบา้ ง เพื่ออะไร และ ต้องใชร้ ูปแบบใดในการรายงาน เพ่ือผลทีไ่ ดจ้ ะเกดิ ประโยชนอ์ ย่างแท้จริง มสธ6) ให้ผปู้ กครองมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ ท�ำใหผ้ ปู้ กครองรู้สึกถึงความส�ำคัญของตน และ ต้องการท่ีจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก ตลอดจนสามารถน�ำความคิดเห็นจากผู้ปกครองมาเป็นพ้ืนฐาน ในการจัดประสบการณ์ใหเ้ หมาะสมส�ำหรับการพัฒนาเด็กต่อไป สรุปได้ว่า แนวการจัดประสบการณ์ในระดับปฐมวัยศึกษาเป็นการจัดประสบการณ์เพ่ือส่งเสริม พัฒนาการและการเรยี นรู้ให้กับเดก็ ปฐมวัย เกยี่ วข้องกับการจดั สภาพแวดล้อม การจัดกจิ กรรม การเลือก มสธ มสธและการใช้ส่ือ และการประเมินการจัดประสบการณ์ของตัวครูเอง รวมทั้งประเมินพัฒนาการและการ เรยี นรู้ของเดก็ ปฐมวยั กิจกรรม 8.3.2 จงอธิบายแนวการจดั กจิ กรรมในระดับปฐมวัยศกึ ษามาพอสงั เขป มสธแนวตอบกิจกรรม 8.3.2 แนวการจัดกจิ กรรมในระดบั ปฐมวัยศกึ ษามดี งั น้ี 1. จัดกิจกรรมตามกิจวัตรประจ�ำวัน เป็นการจัดกิจกรรมที่ให้เด็กมีโอกาสช่วยเหลือตนเองด้าน ตา่ งๆ เช่น การแต่งกาย การใช้หอ้ งน้�ำ ห้องสว้ ม การลา้ งมอื การรับประทานอาหาร การแปรงฟัน การ มสธ มสธเก็บของเล่น ฯลฯ 2. จัดกิจกรรมตามตารางกิจกรรมประจำ� วัน เป็นการจดั กจิ กรรมที่มแี บบแผนตามเวลาทีก่ ำ� หนด ในตารางกิจกรรมประจ�ำวนั 3. จัดกิจกรรมพเิ ศษต่างๆ เปน็ การจดั กจิ กรรมทนี่ อกเหนือจากกจิ กรรมตามกิจวตั รและกจิ กรรม ตามตารางกจิ กรรมประจำ� วนั เนอ่ื งในโอกาสสำ� คญั ตา่ งๆ เชน่ วนั สำ� คญั ทางศาสนา วนั สำ� คญั ของชาติ ฯลฯ มสธรวมทงั้ ในโอกาสพเิ ศษตา่ งๆ
8-46 การจัดการศึกษาและหลกั สตู รส�ำหรับเด็กปฐมวยั มสธเรื่องที่ 8.3.3 วิธีการจัดประสบการณ์ในระดับปฐมวัยศึกษา มสธ มสธการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื สง่ เสรมิ พฒั นาการทกุ ดา้ นอยา่ งเปน็ องคร์ วมใหก้ บั เดก็ ปฐมวยั นนั้ จำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งคำ� นงึ ถงึ วยั พฒั นาการ ความสนใจ และการเรยี นรขู้ องเดก็ สำ� หรบั วธิ กี ารจดั ประสบการณใ์ นระดบั ปฐมวัยศึกษาสามารถจัดเป็นกิจกรรมได้หลากหลายตามความเหมาะสม ท้ังนี้ กิจกรรมที่นิยมน�ำมาใช้ใน การจดั ประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวยั มรี ายละเอียดและวิธีการจดั (Schmidt, 1998; กรมวิชาการ, 2546; ทศิ นา แขมมณี, 2553; วรวรรณ เหมชะญาต,ิ 2559) ดังน้ี 1. กิจกรรมการเล่นเสรีหรือการเล่นในมุมประสบการณ์ “มุมประสบการณ์” อาจเรียกช่ือแตก ตา่ งกัน เช่น ศูนย์การเรยี น ศูนย์กิจกรรม มมุ มมุ ประสบการณ์ ฯลฯ แตไ่ ม่ว่าจะเรยี กชอื่ อยา่ งไร กถ็ ือว่า มสธเป็นวิธีการจัดประสบการณ์วิธีหนึ่ง การจัดประสบการณ์โดยใช้มุมประสบการณ์เป็นวิธีท่ีครูให้เด็กศึกษา หาความรดู้ ว้ ยตนเองจากการเขา้ ไปเลน่ ในมมุ ประสบการณ์ ซงึ่ ครไู ดจ้ ดั เตรยี มสอ่ื วสั ดอุ ปุ กรณไ์ วห้ ลากหลาย ภายในมุมประสบการณ์แต่ละมุม เพื่อจูงใจให้เด็กได้เข้าไปเรียนรู้ ตัวอย่างมุมประสบการณ์ที่นิยมจัด ในหอ้ งเรยี นปฐมวยั เชน่ มมุ บลอ็ ก มมุ หนงั สอื มมุ วทิ ยาศาสตรห์ รอื มมุ ธรรมชาตศิ กึ ษา มมุ บา้ น มมุ รา้ นคา้ มสธ มสธฯลฯ ซง่ึ มมุ ประสบการณด์ งั กลา่ วจะถกู จดั ไวภ้ ายในหอ้ งเรยี นอยา่ งเพยี งพอตอ่ การทำ� กจิ กรรมของเดก็ เดก็ จะหมนุ เวยี นเขา้ มมุ ประสบการณ์ โดยครทู ำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ ผจู้ ดั เตรยี มสอื่ วสั ดอุ ปุ กรณ์ คอยใหค้ ำ� แนะนำ� อำ� นวย ความสะดวกในการทำ� กจิ กรรม และประเมนิ การเรยี นรขู้ องเดก็ ขอ้ ดขี องวธิ นี คี้ อื เดก็ สามารถเรยี นรไู้ ดด้ ว้ ย ตนเอง เด็กเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ สามารถเรียนรู้ทั้งเป็นรายบุคคลและเรียนรู้ร่วมกับเพื่อน เปน็ กลุม่ ย่อยได้ การจัดกิจกรรมการเล่นเสรี มวี ิธกี ารจดั กิจกรรม ดังนี้ มสธ1) ขณะเดก็ เลน่ ครตู ้องคอยสังเกตความสนใจในการเล่นของเดก็ หากพบว่า มมุ ใดทเี่ ดก็ ส่วนใหญไ่ ม่สนใจที่จะเลน่ แล้ว ควรสับเปล่ียนจัดสอ่ื ภายในมมุ เล่นใหม่ เชน่ มุมบา้ น อาจเพ่มิ เตมิ ส่ือ หรือ เปลีย่ นเปน็ มมุ รา้ นคา้ หรอื มุมเสรมิ สวย หรือมุมหมอ เปน็ ตน้ 2) หากมมุ ใดมจี ำ� นวนเดก็ เขา้ ไปเลน่ ในมมุ นน้ั มากเกนิ ไป ครคู วรใหเ้ ดก็ มโี อกาสคดิ แกป้ ญั หา หรือชกั ชวนใหแ้ กป้ ญั หาในการเลอื กเลน่ มุมใหม่ มสธ มสธ3) การเลอื กเลน่ มมุ การเลน่ ในมมุ เดยี วเปน็ ระยะเวลานาน อาจทำ� ใหเ้ ดก็ ขาดประสบการณ์ การเรยี นร้ดู ้านอนื่ ครคู วรชกั ชวนให้เด็กเลือกเล่นในมมุ อ่นื ๆ ดว้ ย 4) สื่อ ของเล่น และเคร่ืองเลน่ ในแต่ละมุม ควรมีการสับเปล่ียนหรอื เพิ่มเติมเป็นระยะ เพ่ือ ไมใ่ หเ้ ดก็ เกดิ ความเบอ่ื หนา่ ย เชน่ เกบ็ หนงั สอื นทิ านบางเลม่ ทเ่ี ดก็ หมดความสนใจ และนำ� หนงั สอื นทิ านใหม่ มาวางแทน ฯลฯ 2. กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เป็นกจิ กรรมที่ชว่ ยเดก็ ใหแ้ สดงออกทางอารมณ์ ความร้สู ึก ความ มสธคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ และจนิ ตนาการ กจิ กรรมนส้ี ามารถเชอื่ มโยงการทำ� งานของสมองหลายดา้ น และอวยั วะ
การจัดประสบการณ์ในระดับปฐมวัยศกึ ษา 8-47 บางสว่ น สง่ เสรมิ จนิ ตนาการโดยเชอื่ มโยงประสบการณอ์ อกมาเปน็ ภาพ/รปู ทรง เดก็ ไดล้ งมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ มี มสธประสบการณ์ตรง เรียนรู้ผ่านการสังเกต มีอิสระทางความคิด ผลงานศิลปะสร้างสรรค์เกิดข้ึนจากการคิด และการตดั สนิ ใจของเด็กปฐมวยั เชน่ การวาดภาพ การสรา้ งผลงานจากสี การป้นั การพิมพ์ การฉกี ปะ การปะติด การตดั การพับ การประดษิ ฐเ์ ศษวสั ดุ ฯลฯ ผลงานศลิ ปะของเดก็ จงึ มีท้ังท่ีเป็นงาน 2 มิติ และ 3 มติ ิ การจดั กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรคใ์ หก้ บั เดก็ นนั้ ควรจดั ใหเ้ ดก็ ทำ� ทกุ วนั โดยในแตล่ ะวนั ครอู าจจดั ศลิ ปะ มสธ มสธประเภทต่างๆ ให้เด็กเลือกท�ำตามความสนใจวันละ 3–5 ประเภท มีทั้งท่ีให้เด็กท�ำเป็นรายบุคคลและ กลุม่ ย่อย การจดั กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ มวี ิธกี ารจดั กิจกรรม ดังนี้ 1) จัดเตรียมวสั ดอุ ุปกรณ์ ควรพยายามหาวสั ดทุ อ้ งถนิ่ มาใชก้ อ่ นเปน็ อันดับแรก 2) กอ่ นใหเ้ ดก็ ทำ� กจิ กรรม ตอ้ งอธบิ ายวธิ ใี ชส้ อื่ วสั ดุ อปุ กรณท์ ถ่ี กู ตอ้ งใหเ้ ดก็ ทราบพรอ้ มทงั้ สาธิตให้ดูจนเข้าใจ เชน่ การใชพ้ ูก่ ันหรือกาว จะต้องปาดพกู่ ันหรือกาวนน้ั กับขอบภาชนะทีใ่ ส่ เพอ่ื ไม่ให้ มสธกาวหรอื สีไหลเลอะเทอะ ฯลฯ 3) ให้เด็กท�ำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ประเภทใดประเภทหน่ึงร่วมกันในกลุ่มย่อย เพื่อฝึก ใหเ้ ดก็ รูจ้ ักวางแผน และรบั ผดิ ชอบท�ำงานร่วมกบั ผอู้ ่ืน 4) แสดงความสนใจในงานของเด็กทุกคน ไม่มองผลงานเด็กด้วยความขบขันและควรน�ำ ผลงานของเด็กทุกคนหมุนเวยี นจดั แสดงท่ปี ้ายจัดแสดงผลงาน มสธ มสธ5) หากพบวา่ เดก็ คนใดสนใจทำ� กจิ กรรมศลิ ปะประเภทเดยี วตลอดเวลา ควรกระตนุ้ เรา้ และ จูงใจให้เด็กเปลี่ยนท�ำกิจกรรมอ่ืนบ้าง เพราะกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์แต่ละประเภทพัฒนาเด็กแต่ละด้าน แตกต่างกัน และเมอ่ื เดก็ ท�ำตามทแ่ี นะน�ำ ครคู วรให้แรงเสริมทกุ ครั้ง 6) เก็บผลงานช้ินที่แสดงความก้าวหน้าของเด็กเป็นรายบุคคลไว้ในแฟ้มสะสมผลงานเด็ก รายบุคคล เพื่อเป็นข้อมลู สังเกตพฒั นาการของเด็ก 3. กิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ เปน็ กจิ กรรมทจี่ ดั ใหเ้ ดก็ ไดเ้ คลอ่ื นไหวสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย มสธอย่างอิสระตามจังหวะ โดยใช้เสียงเพลง จังหวะ และดนตรีประกอบ เช่น เสียงตบมือ เสียงเพลง เสียง เคาะไม้ เคาะเหล็ก ร�ำมะนา กลอง ฯลฯ มาประกอบการเคล่ือนไหว เพ่ือส่งเสริมให้เด็กเกิดจินตนาการ ความคดิ สรา้ งสรรค์ เดก็ วยั นรี้ า่ งกายกำ� ลงั อยใู่ นระหวา่ งพฒั นา การใชส้ ว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายยงั ไมป่ ระสาน สัมพันธก์ ันอยา่ งสมบรู ณ์ การจดั กิจกรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะ มีวิธกี ารจัดกจิ กรรม ดังน้ี มสธ มสธ1) ควรเริ่มกจิ กรรมจากการเคล่ือนไหวทเ่ี ปน็ อสิ ระ และมวี ธิ กี ารที่ไมย่ ุ่งยากมากนัก ไดแ้ ก่ ให้เดก็ ไดก้ ระจายอยูภ่ ายในห้องหรอื บริเวณทีฝ่ ึก และให้เคลอ่ื นไหวไปตามธรรมชาตขิ องเด็ก 2) ควรให้เด็กได้แสดงออกด้วยตนเองอย่างอิสระ และเป็นไปตามความนึกคิดของเด็กเอง ครไู มค่ วรชี้แนะ 3) ควรเปิดโอกาสให้เด็กคิดหาวิธีเคลื่อนไหวทั้งท่ีต้องเคลื่อนท่ีและไม่ต้องเคลื่อนที่ เป็น มสธรายบุคคล เป็นคู่ เป็นกล่มุ ไมค่ วรเกนิ 5-6 คน ตามล�ำดับ
8-48 การจดั การศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำหรับเด็กปฐมวยั 4) ควรใช้ส่ิงของท่ีอยู่ใกล้ตัวเด็ก เศษวัสดุต่างๆ ได้แก่ กระดาษหนังสือพิมพ์ เศษผ้า มสธท่อนไม้ เข้ามาชว่ ยในการเคล่ือนไหวและให้จังหวะ 5) ควรกำ� หนดจงั หวะสญั ญาณนดั หมายในการเคลอ่ื นไหวตา่ งๆ เชน่ กำ� หนดสญั ญาณการ ตีกลอง 2 คร้ัง ส�ำหรับนัดหมายการเปลี่ยนท่าทาง หรือหยุดเคลื่อนไหว ให้เด็กทราบเมื่อท�ำกิจกรรม ทกุ คร้งั มสธ มสธ6) ควรสร้างบรรยากาศอย่างอิสระ ช่วยให้เด็กรู้สึกอบอุ่น เพลิดเพลิน รู้สึกสบาย และ สนุกสนาน 7) ควรจดั ใหม้ ีเกมการละเลน่ บา้ ง เพ่ือชว่ ยใหเ้ ด็กสนใจมากข้นึ 8) กรณที เ่ี ดก็ ไมย่ อมเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผสู้ อนไมค่ วรใชว้ ธิ บี งั คบั ควรใหเ้ วลาและโนม้ นา้ วให้ เดก็ สนใจเขา้ ร่วมกิจกรรมดว้ ยความสมัครใจ 9) หลังจากเด็กได้ออกก�ำลังเคล่ือนไหวร่างกายแล้ว ควรให้เด็กพักผ่อน โดยอาจให้นอน มสธเล่นบนพ้นื หอ้ ง น่ังพัก หรอื เปดิ เพลงจงั หวะช้าๆ เบาๆ ทสี่ รา้ งความรูส้ ึกให้เดก็ อยากพกั ผ่อน 4. กิจกรรมเสริมประสบการณ์/กิจกรรมในวงกลม เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กได้มีโอกาสฟัง พดู สงั เกต คิดแกป้ ญั หาใช้เหตผุ ล และฝกึ ปฏิบัติเพือ่ ให้เกดิ ความคดิ รวบยอด เกย่ี วกบั สาระท่เี รียนร้ดู ้วย วิธตี ่างๆ เชน่ สนทนา อภิปราย สาธิต ทดลอง เล่า/อ่านนทิ าน ร้องเพลง ทอ่ งคำ� คลอ้ งจอง ศึกษานอก สถานท่ี เชิญวทิ ยากรมาใหค้ วามรู้ เป็นตน้ มสธ มสธการจดั กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ มวี ธิ กี ารจดั กจิ กรรม ดงั น้ี (กรมวชิ าการ, 2546; ทศิ นา แขมมณ,ี 2553) 1) การสนทนา อภิปราย เป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาด้านการพูด การฟัง รู้จัก แสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สื่อท่ีใช้อาจเป็นของจริง ของจ�ำลอง รูปภาพ สถานการณ์จ�ำลอง 2) การเลา่ หรอื อา่ นนทิ าน เปน็ การเลา่ เรอ่ื งตา่ งๆ หรอื อา่ นหนงั สอื นทิ านภาพใหเ้ ดก็ ฟงั สว่ น มสธมากจะเป็นเรื่องที่เน้นการปลูกฝังให้เกิดคุณธรรม จริยธรรม วิธีการนี้จะช่วยให้เด็กเข้าใจได้ดีขึ้น ส่ือท่ีใช้ อาจเป็นรูปภาพ หนงั สอื นิทาน หุ่น 3) การบรรยาย เป็นกระบวนการที่ครใู ช้ในการช่วยให้เด็กเกิดการเรยี นรดู้ ว้ ยการพูด การ บอกเล่า การอธบิ ายเก่ยี วกบั เน้อื หาหรอื ส่ิงทีต่ อ้ งการสอนเด็ก วธิ ีนี้เป็นวิธกี ารจัดประสบการณท์ ใ่ี ชก้ ับเด็ก จ�ำนวนมาก ใช้เวลาน้อย เป็นวิธีการท่ีสะดวกไม่ยุ่งยาก และเป็นวิธีท่ีครูสามารถถ่ายทอดเน้ือหาสาระได้ มสธ มสธมาก แต่วิธีน้ีครูเป็นผู้ที่มีบทบาทส�ำคัญอาจท�ำให้เด็กขาดความสนใจ และเป็นวิธีท่ีไม่สามารถตอบสนอง ความแตกต่างระหว่างบคุ คล 4) การสาธติ การจดั ประสบการณแ์ บบสาธติ เปน็ กระบวนการทคี่ รใู ชใ้ นการชว่ ยใหเ้ ดก็ เกดิ การเรียนรู้ด้วยการท่ีครูแสดงหรือท�ำสิ่งต่างๆ ท่ีต้องการให้เด็กได้เรียนรู้ โดยให้เด็กได้สังเกตดูแล้ว เปิดโอกาสให้เดก็ ได้ซักถาม อภิปรายรว่ มกัน และสรปุ ผลการเรยี นรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการสังเกต วธิ ีนี้เปน็ วธิ ที ช่ี ว่ ย ให้เดก็ ไดร้ บั ประสบการณต์ รงในสงิ่ ทเี่ รยี นรอู้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม ทำ� ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจและจดจำ� เรอ่ื งทค่ี รสู าธติ มสธได้ดี เป็นวิธีการที่ประหยัดเวลา อุปกรณ์ แต่ก็มีข้อจ�ำกัดหากเด็กกลุ่มใหญ่มาก เด็กอาจสังเกตเห็น การสาธติ ไมช่ ัดเจน
การจดั ประสบการณใ์ นระดับปฐมวยั ศกึ ษา 8-49 5) การทดลอง เปน็ กระบวนการแสวงหาความรดู้ ว้ ยวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ เรมิ่ จากการที่ มสธครหู รอื เดก็ กำ� หนดปญั หาและสมมตฐิ านในการทดลอง ครทู ำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ ผใู้ หค้ ำ� แนะนำ� ในการทดลองกบั เดก็ และใหเ้ ดก็ ลงมอื ทดลองปฏบิ ตั โิ ดยใชว้ สั ดอุ ปุ กรณท์ จี่ ดั เตรยี มไวใ้ หแ้ ลว้ ทำ� การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู วเิ คราะห์ ข้อมูล สรุปและอภิปรายผลการทดลอง วิธีนี้ท�ำให้เด็กได้ประสบการณ์ตรงผ่านกระบวนการลงมือกระท�ำ ด้วยตนเอง ทำ� ให้เดก็ สนใจและกระตอื รือรน้ ในการท�ำกจิ กรรม เดก็ เกิดการเรียนรู้ เข้าใจ และจดจำ� ช่วย มสธ มสธให้เด็กได้พัฒนาทักษะกระบวนการต่างๆ เช่น ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ แสวงหาความรู้ ทักษะกระบวนการคิด ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ฯลฯ รวมทงั้ ไดพ้ ัฒนาลักษณะนิสัยใฝ่รู้ 6) การเลน่ บทบาทสมมติ เปน็ การใหเ้ ดก็ เลน่ สมมตติ นเองเปน็ ตวั ละครตา่ งๆ ตามเนอ้ื เรอ่ื ง ในนิทานหรือเร่ืองราวต่างๆ อาจใช้ส่ือประกอบการเล่นสมมติ เพื่อเร้าความสนใจและก่อให้เกิดความ สนุกสนาน เชน่ หนุ่ สวมศรี ษะ ท่คี าดศีรษะรปู คนและสตั วร์ ปู แบบตา่ งๆ เคร่ืองแต่งกาย และอุปกรณจ์ รงิ ชนิดต่างๆ มสธ7) การไปศึกษานอกสถานท่ี การจัดประสบการณ์ด้วยการไปศึกษานอกสถานที่ เป็น กระบวนการทคี่ รแู ละเดก็ รว่ มกนั วางแผนและเดนิ ทางไปศกึ ษาเรยี นรู้ ณ สถานทอ่ี นั เปน็ แหลง่ ความรู้ ตาม กระบวนการหรอื วธิ กี ารทไี่ ดว้ างแผนไว้ ไดแ้ ก่ การสงั เกต การสมั ภาษณ์ จากนน้ั นำ� ขอ้ มลู ทไ่ี ดม้ าอภปิ ราย และสรปุ ผลการเรยี นรู้ เปน็ วธิ ที ชี่ ว่ ยใหเ้ ดก็ ไดร้ บั ประสบการณต์ รงจากการเรยี นรใู้ นสภาพจรงิ หรอื สถานการณ์ จรงิ ชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดเ้ ปลยี่ นบรรยากาศ ทำ� ใหเ้ ดก็ มคี วามกระตอื รอื รน้ และสนใจในการเรยี นรเู้ พม่ิ มากขน้ึ มสธ มสธ8) การร้องเพลง เล่นเกม ท่องค�ำคล้องจอง เป็นการจัดให้เด็กได้แสดงออกเพื่อความ สนุกสนาน เพลดิ เพลิน และเรียนรู้เกี่ยวกบั ภาษาและจังหวะ เกมทน่ี �ำมาเลน่ ไม่ควรเปน็ การแข่งขัน การจัดกิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ มวี ิธีการจดั กิจกรรม ดังนี้ 1) ควรยึดหลักการจัดกิจกรรมท่ีเน้นให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรงและมีโอกาสค้นพบด้วย ตนเองใหม้ ากทสี่ ดุ 2) ควรยอมรับความคิดเห็นท่ีหลากหลายของเด็กและให้โอกาสเด็กได้ฝึกคิด ฝึกพูดแสดง มสธความคดิ เหน็ 3) เชญิ วทิ ยากรมาใหค้ วามรแู้ ทนครู เชน่ พอ่ แม่ ตำ� รวจ หมอ ฯลฯ จะชว่ ยใหเ้ ดก็ สนใจและ สนกุ สนานยง่ิ ข้ึน 4) ในขณะทเ่ี ดก็ ทำ� กจิ กรรมหรอื หลงั จากทำ� กจิ กรรมเสรจ็ แลว้ ครคู วรใชค้ ำ� ถามปลายเปดิ ท่ี ชวนใหเ้ ดก็ คิด ไมค่ วรใชค้ ำ� ถามทมี่ ีค�ำตอบ “ใช”่ “ไม่ใช่” หรอื มคี ำ� ตอบให้เดก็ เลอื ก และครคู วรใจเย็นให้ มสธ มสธเวลาเดก็ คิดค�ำตอบ 5) ชว่ งระยะเวลาทจี่ ดั กจิ กรรมสามารถยดื หยนุ่ ไดต้ ามความเหมาะสม ทงั้ นใ้ี หค้ ำ� นงึ ถงึ ความ สนใจของเดก็ และความเหมาะสมของกิจกรรมนนั้ ๆ เช่น การศึกษานอกสถานที่ การประกอบอาหาร การ ปลูกพชื ฯลฯ อาจใชเ้ วลานานกวา่ ท่ีกำ� หนดไว้ 5. กจิ กรรมการเลน่ กลางแจง้ เปน็ กจิ กรรมทจ่ี ดั ใหเ้ ดก็ มโี อกาสไดอ้ อกไปทำ� กจิ กรรมนอกหอ้ งเรยี น มสธเพอื่ ออกกำ� ลงั กาย เคลอ่ื นไหวรา่ งกาย และแสดงออกอยา่ งอสิ ระ โดยยดึ ความสนใจและความสามารถของ
8-50 การจัดการศึกษาและหลักสตู รสำ� หรับเด็กปฐมวยั เด็กแตล่ ะคนเปน็ หลัก ทั้งนี้ กิจกรรมการเล่นกลางแจ้งในระดบั ปฐมวัยศกึ ษาประกอบด้วย (กรมวิชาการ, มสธ2546) 5.1 การเล่นเครื่องเล่นสนาม คำ� ว่าเคร่อื งเล่นสนาม หมายถงึ เครื่องเลน่ ทเี่ ด็กอาจปีนปา่ ย หมนุ โยก ซ่ึงทำ� ออกมาในรปู แบบต่างๆ เช่น 5.1.1 เครื่องเลน่ ส�ำหรับปนี ปา่ ย หรอื ตาขา่ ยส�ำหรบั ปนี เลน่ มสธ มสธ5.1.2 เครอ่ื งเล่นส�ำหรบั โยกหรอื ไกว เชน่ มา้ ไม้ ชิงช้า ม้านงั่ โยก กระดานหก ฯลฯ 5.1.3 เครื่องเล่นส�ำหรบั หมุน เช่น ม้าหมุน พวงมาลัยรถส�ำหรบั หมุนเล่น ฯลฯ 5.1.4 ราวโหนขนาดเลก็ สำ� หรับเดก็ 5.1.5 ตน้ ไมส้ �ำหรับเดินทรงตวั หรือไม้กระดานแผน่ เดียว 5.1.6 เครื่องเลน่ ประเภทล้อเล่ือน ได้แก่ รถสามลอ้ รถลากจงู ฯลฯ 5.2 การเล่นทราย ทรายเป็นสิง่ ทเ่ี ด็กๆ ชอบเล่น ทง้ั ทรายแหง้ ทรายเปยี ก น�ำมาก่อเป็น มสธรปู ต่างๆ และสามารถนำ� วสั ดอุ ่นื มาประกอบการเลน่ ตกแต่งได้ เชน่ ก่งิ ไม้ ดอกไม้ เปลือกหอย พมิ พข์ นม ทตี่ กั ทราย ฯลฯ ปกตบิ อ่ ทรายจะอยกู่ ลางแจง้ โดยอาจจดั ใหอ้ ยใู่ ตร้ ม่ เงาของตน้ ไมห้ รอื สรา้ งหลงั คา ทำ� ขอบ ก้นั เพื่อมใิ หท้ รายกระจดั กระจาย บางโอกาสอาจพรมนำ้� ให้ชืน้ เพอ่ื เด็กจะไดก้ ่อเลน่ นอกจากนี้ ควรมวี ิธี การปิดกัน้ มใิ ห้สตั ว์เล้ยี งลงไปทำ� ความสกปรกในบ่อทรายได้ 5.3 การเล่นน้�ำ เด็กทั่วไปชอบเล่นน�้ำมาก การเล่นน้�ำนอกจากสร้างความพอใจและคลาย มสธ มสธความเครียดให้เด็กแล้ว ยังท�ำให้เด็กเกิดการเรียนรู้อีกด้วย เช่น เรียนรู้การสังเกต จ�ำแนก เปรียบเทียบ ปริมาตร ฯลฯ อุปกรณ์ท่ีใส่น้�ำอาจเป็นถังท่ีสร้างขึ้นโดยเฉพาะหรืออ่างน�้ำวางบนขาต้ังที่ม่ันคง ความสูง พอที่เดก็ จะยืนได้พอดี และควรมพี ลาสตกิ กันเสื้อผา้ เปียกให้เดก็ ใช้คลมุ ระหว่างเล่น 5.4 การเล่นสมมติในบ้านตุ๊กตาหรือบ้านจ�ำลอง เปน็ บา้ นจำ� ลองสำ� หรบั ใหเ้ ดก็ เลน่ จำ� ลอง แบบจากบา้ นจรงิ อาจทำ� ดว้ ยเศษวสั ดปุ ระเภทผา้ ใบ กระสอบปา่ น ของจรงิ ทไ่ี มใ่ ชแ้ ลว้ มกี ารตกแตง่ บรเิ วณ ใกลเ้ คียงใหเ้ หมือนบา้ นจรงิ ๆ บางครง้ั อาจจดั เปน็ ร้านขายของ สถานท่ีทำ� การต่างๆ เพอ่ื ให้เดก็ เลน่ สมมติ มสธตามจนิ ตนาการของเดก็ เอง 5.5 การเล่นในมุมช่างไม้ เด็กต้องการการออกก�ำลังในการเคาะ ทุบ ตอก การเล่นในมุม ชา่ งไม้จะชว่ ยพฒั นากลา้ มเนอ้ื ใหแ้ ขง็ แรง ฝกึ การใช้มอื และการประสานสมั พนั ธ์ระหวา่ งมือกบั ตา 5.6 การเล่นกับอุปกรณ์กีฬา เป็นการน�ำอุปกรณ์กีฬามาให้เด็กเล่นอย่างอิสระหรือใช้ ประกอบเกมการเล่นที่ให้อิสระแก่เด็ก ไม่ควรเน้นการแข่งขันเพื่อมุ่งหวังแพ้-ชนะ อุปกรณ์กีฬาที่นิยมน�ำ มสธ มสธมาใหเ้ ดก็ เลน่ เช่น ลกู บอล หว่ งยาง ถุงทราย ฯลฯ 5.7 การเลน่ เกมการละเลน่ กจิ กรรมการเลน่ เกมการละเลน่ ทจี่ ดั ใหเ้ ดก็ เลน่ เชน่ เกมการละเลน่ ของไทย เกมการละเลน่ ของทอ้ งถน่ิ เชน่ มอญซอ่ นผา้ รรี ขี า้ วสาร แมง่ ู โพงพาง ฯลฯ การละเลน่ เหลา่ นี้ ตอ้ ง ใช้บริเวณที่กว้าง การเล่นอาจเป็นกลุ่มเล็ก/กลุ่มใหญ่ก็ได้ ก่อนเล่นครูอธิบายกติกาและสาธิตการเล่นให้ เด็กเข้าใจ ไม่ควรน�ำเกมการละเล่นท่ีมีกติกายุ่งยากหรือเน้นการแข่งขันแพ้-ชนะ มาจัดกิจกรรมให้กับ มสธเดก็ วัยน้ี เพราะเด็กจะเกิดความเครียดและสร้างความรูส้ ึกไมด่ ีต่อตนเอง
การจัดประสบการณใ์ นระดบั ปฐมวัยศึกษา 8-51 การจัดกจิ กรรมการเลน่ กลางแจง้ มีวธิ กี ารจัดกจิ กรรม ดังน้ ี มสธ1) หมน่ั ตรวจตราเครอ่ื งเลน่ สนามและอปุ กรณป์ ระกอบใหอ้ ยใู่ นสภาพทปี่ ลอดภยั และใชก้ าร ไดด้ ีอยเู่ สมอ 2) ใหโ้ อกาสเดก็ เลือกเลน่ กลางแจง้ อยา่ งอสิ ระทุกวนั อย่างนอ้ ยวนั ละ 30 นาที 3) ขณะเดก็ เลน่ กลางแจง้ ครตู อ้ งคอยดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ เพอ่ื ระมดั ระวงั ความปลอดภยั ในการ มสธ มสธเล่น หากพบว่าเดก็ แสดงอาการเหนื่อย ออ่ นล้า ควรให้เดก็ หยดุ พัก 4) ไม่ควรน�ำกิจกรรมพลศึกษาส�ำหรับเด็กระดับประถมศึกษามาใช้สอนเด็กปฐมวัยเพราะ ไม่เหมาะสมกับวัย 5) หลังจากเลิกกิจกรรมการเล่นกลางแจ้ง ควรให้เด็กได้พักผ่อนหรือนั่งพัก ไม่ควรให้เด็ก รับประทานอาหารกลางวนั หรือดื่มนำ้� ทนั ที เพราะอาจท�ำใหเ้ ด็กอาเจยี น เกิดการจุกแนน่ ได้ 6. กิจกรรมเกมการศึกษา เปน็ เกมทีช่ ว่ ยพัฒนาสตปิ ญั ญา มกี ฎเกณฑ์กติกาง่ายๆ เดก็ สามารถ มสธเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่มได้ ช่วยให้เด็กรู้จักการสังเกต คิดหาเหตุผลและเกิดความคิดรวบยอด เกย่ี วกับสี รปู รา่ ง จำ� นวน ประเภท และความสัมพนั ธเ์ กย่ี วกับพน้ื ท/่ี ระยะ เกมการศกึ ษาทเี่ หมาะสำ� หรับ เด็กวยั 3-6 ปี ไดแ้ ก่ เกมจบั คู่ เกมแยกประเภท เกมจัดหมวดหมู่ เกมเรยี งล�ำดับ เกมโดมิโน เกมล็อตโต หรือเกมสงั เกตรายละเอยี ดของภาพ เกมภาพตัดตอ่ ฯลฯ การจัดกิจกรรมเกมการศกึ ษา มีวิธกี ารจดั กิจกรรม ดังน้ี มสธ มสธ1) การสอนเกมการศกึ ษาในระยะแรก ควรเรม่ิ สอนโดยใช้ของจรงิ เชน่ ให้เดก็ จบั คสู่ งิ่ ของ ทีเ่ หมือนกัน หรอื เรยี งล�ำดบั วัตถุสงิ่ ของตามลำ� ดบั สงู -ต่ำ� 2) การเลน่ เกมการศกึ ษาในแตล่ ะวนั อาจจดั ใหเ้ ดก็ ไดเ้ ลน่ ทงั้ เกมการศกึ ษาชดุ ใหมแ่ ละเกม การศึกษาชดุ เกา่ ท่เี ดก็ เคยเล่นแลว้ 3) ครอู าจใหเ้ ดก็ หมนุ เวยี นเขา้ มาเลน่ เกมการศกึ ษากบั ครทู ลี ะกลมุ่ หรอื เลน่ ทง้ั ชน้ั ตามความ เหมาะสม มสธ4) ครูอาจให้เดก็ ที่เล่นเกมการศึกษาไดบ้ างเกม มาชว่ ยแนะนำ� กตกิ าการเล่นเกมชดุ นั้นใน บางโอกาส 5) การเลน่ เกมการศกึ ษา นอกจากจะใชเ้ วลาในชว่ งกจิ กรรมเกมการศกึ ษาตามตารางกจิ กรรม ประจำ� วันแล้วอาจให้เดก็ เลอื กเลน่ อสิ ระในชว่ งเวลากิจกรรมเสรีได้ 6) การเกบ็ เกมการศึกษาทเ่ี ล่นแลว้ ควรเก็บใส่กลอ่ งเลก็ ๆ แตล่ ะเกม แล้วจดั ใส่กลอ่ งใหญ่ มสธ มสธรวมไว้เปน็ ชดุ สรุปได้ว่า การจัดประสบการณ์ในระดับปฐมวัยศึกษาน้ัน ต้องจัดให้สอดคล้องเหมาะสมกับวัย ความสนใจ ความต้องการ และความแตกต่างระหวา่ งบุคคล การจดั ประสบการณใ์ ห้กบั เดก็ ปฐมวยั ที่เกิด ประโยชน์กับเด็กมากที่สุด ควรใช้วิธีการจัดประสบการณ์ผ่านกิจกรรมประจ�ำวัน ได้แก่ กิจกรรมการเล่น เสรี กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ กิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ กิจกรรมเสริมประสบการณ์หรือกิจกรรม ในวงกลม กจิ กรรมการเลน่ กลางแจง้ และกจิ กรรมเกมการศกึ ษา โดยใหเ้ ดก็ ไดล้ งมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ ตามตาราง มสธกจิ กรรมประจำ� วนั เพอื่ พฒั นาเดก็ อยา่ งสมดลุ ทกุ ดา้ นทงั้ ดา้ นรา่ งกาย อารมณ-์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา
8-52 การจัดการศึกษาและหลักสูตรสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธกิจกรรม 8.3.3 จงอธบิ ายวิธีการจดั ประสบการณผ์ ่านกจิ กรรมประจำ� วนั มาอยา่ งนอ้ ย 1 กจิ กรรม แนวตอบกิจกรรม 8.3.3 นักศึกษาสามารถเลือกตอบได้อย่างหลากหลาย ตัวอย่างเช่น กิจกรรมเสริมประสบการณ์ มีวิธี มสธ มสธการจดั เช่น 1. จัดกจิ กรรมทีเ่ น้นใหเ้ ด็กได้รบั ประสบการณ์ตรง 2. เชิญวิทยากรมาใหค้ วามรู้ เชน่ พอ่ แม่ ต�ำรวจ หมอ ฯลฯ จะช่วยให้เดก็ สนใจและสนกุ สนาน ย่ิงข้ึน 3. ขณะท่ีเด็กท�ำกิจกรรม หรือหลังจากท�ำกิจกรรมเสร็จแล้ว ควรใช้ค�ำถามปลายเปิดที่ชวนให้ เด็กคดิ มสธ4. ช่วงระยะเวลาท่ีจัดกิจกรรมสามารถยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม โดยค�ำนึงถึงความสนใจ มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธของเดก็ และความเหมาะสมของกจิ กรรม
การจดั ประสบการณ์ในระดับปฐมวัยศกึ ษา 8-53 มสธบรรณานุกรม กรมวิชาการ. (2546). คู่มอื หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546. กรงุ เทพฯ: ครุ สุ ภาลาดพร้าว. กระทรวงมหาดไทย. (2547). คมู่ อื ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ สงั กดั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ . กรงุ เทพฯ: สำ� นกั บรหิ าร มสธ มสธการศกึ ษาทอ้ งถน่ิ . กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2560). หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560. กรงุ เทพฯ: ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตร จ�ำกัด. จีรพันธ์ุ พูลพัฒน์. (2556). บทความวิจัยทางการศึกษาปฐมวัย. กรงุ เทพฯ: พัฒนาคุณภาพทางวชิ าการ. ชาตรี วฑิ รู ชาต.ิ (2553). เรยี นรดู้ ว้ ยการเลน่ . สบื คน้ จาก http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/article- detail.asp?id=64 ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2554). สามญั ทัศนส์ ่อื การสอนกับการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน. ใน เอกสารการสอนชดุ วชิ าส่ือกับ มสธการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน หนว่ ยท่ี 1 (น. 1-1 ถงึ 1-4). นนทบรุ :ี สำ� นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. ทิศนา แขมมณี. (2553). ศาสตรก์ ารสอน (พมิ พค์ ร้งั ท่ี 13). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ทศั นยี ์ นาทรงคุณ. (2546). การประเมนิ พัฒนาการ. มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม. นภเนตร ธรรมบวร. (2551). หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย (พิมพ์ครัง้ ที่ 3). กรงุ เทพฯ: ส�ำนกั พิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณ์ มสธ มสธมหาวทิ ยาลยั . นยั นา อสิ ระวทิ ย.์ (2549). การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั : แนวคดิ และการปฏบิ ตั .ิ สงขลา: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สงขลา. พัชรี ผลโยธิน. (2555). แนวคิดในการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัย. ใน ประมวลสาระชุดวิชาการจัด ประสบการณ์ส�ำหรับเดก็ ปฐมวยั (พมิ พ์ครั้งที่ 4) หนว่ ยท่ี 1 (น. 1-1 ถึง 1-62). นนทบรุ :ี ส�ำนักพิมพ์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. พัชรี ผลโยธนิ และอรณุ ี หรดาล. (2557). ความรพู้ ื้นฐานเก่ยี วกับพัฒนาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั . ใน มสธเอกสารการสอนชุดวิชาพัฒนาการและการเรียนรู้ของเดก็ ปฐมวยั (พิมพค์ รงั้ ท่ี 2) หนว่ ยท่ี 1 (น. 1-1 ถึง 1-46). นนทบุรี: ส�ำนักพมิ พม์ หาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. พัชรี สวนแก้ว. (2545). จิตวิทยาพัฒนาการและการดแู ลเดก็ . กรงุ เทพฯ: ดวงกมล. ภรณี คุรุรัตน์. (2540). การเรยี นรู้ของเดก็ ปฐมวยั . กรุงเทพฯ: เซเวน่ พรน้ิ ตงิ้ กร๊ปุ . มัณฑรา ธรรมบุศย์. (มปป.) จิตวิทยาการเรยี นรู.้ สบื ค้นจาก https://sites.google.com/site/psychologybkf1/ มสธ มสธhome/citwithya-kar-reiyn-ru วรวรรณ เหมชะญาต.ิ (2559). การจดั ประสบการณแ์ บบศนู ยก์ ารเรยี น. สบื คน้ จาก www.pecerathailand.com/ pdf/35.pdf วลั ภา สบายยงิ่ . (2559). การเรยี นร.ู้ ใน ประมวลสาระชดุ วชิ าจติ วทิ ยาเพอื่ การดำ� รงชวี ติ หนว่ ยที่ 8 (น. 8-1 ถงึ 8-68). นนทบรุ :ี ส�ำนกั พมิ พ์มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช. สำ� นกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2553). พระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทแี่ กไ้ ข มสธเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553. กรงุ เทพฯ: บริษัท พริกหวานกราฟฟคิ จ�ำกัด
8-54 การจดั การศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวัย สำ� นกั งานบรหิ ารและพฒั นาองคค์ วามร.ู้ (มปป.). การจดั การชนั้ เรยี นและสง่ิ แวดลอ้ มในการเรยี นรอู้ นบุ าล. สบื คน้ จาก มสธhttp://www.okmd.or.th/bbl/documents/306/bbl-classroom-management-learning-environ- ment สภุ าวดี ศรวี รรธนะ. (2542). พฒั นาการทางภาษาและวธิ กี ารสง่ เสรมิ . นครสวรรค.์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค.์ สรุ างค์ โคว้ตระกลู . (2556). จิตวทิ ยาการศึกษา (พิมพ์ครั้งท่ี 11). กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. วชิรพร โชติพานัส. (มปป.) มโนทัศน์ทางจิตวิทยาพัฒนาการ. สืบค้นจาก http://www.teacher.ssru.ac.th/ มสธ มสธwachiraporn_ch/ อมลวรรณ วีระธรรมโม. (2549). การเล่น: กิจกรรมเพ่ือส่งเสริมพัฒนาการส�ำหรับเด็กปฐมวัย. ส�ำนักหอสมุด มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ . 5(1) (มกราคม-มิถุนายน) น. 77-87. อรนุช กนั สทิ ธิ์ และจติ ติมา รกั นาค. (2554). จติ วทิ ยากลมุ่ พฤตกิ รรมนยิ ม. ใน ประมวลสาระชดุ วิชาจติ วทิ ยาและ วทิ ยาการเรยี นรู้ (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 2) หนว่ ยท่ี 6 (น. 6-1 ถงึ 6-43). นนทบรุ :ี สำ� นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. มสธอรุณี หรดาล. (2551). แนวการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัย. ใน ประมวลสาระชุดวิชาการจัด ประสบการณส์ �ำหรับเด็กปฐมวัย (พิมพ์คร้ังท่ี 2) หน่วยท่ี 6 (น. 2-1 ถึง 2-68). นนทบรุ ี: สำ� นกั พิมพ์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. อรณุ ี หรดาล, สมร ทองดี และสกุ ญั ญา กาญจนกจิ (2555). แนวคดิ จากปรชั ญาการศกึ ษา. ใน ประมวลสาระชดุ วชิ า หลกั การและแนวคดิ ทางการศกึ ษาปฐมวยั . หนว่ ยท่ี 1 (น. 1-1 ถงึ 1-70). นนทบรุ :ี สำ� นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั มสธ มสธสโุขทยั ธรรมาธริ าช. อุบลรตั น์ เพง็ สถิต. (2549). จติ วิทยาพัฒนาการเด็ก (พิมพ์คร้งั ที่ 6). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำ� แหง. Alkins, D. H. (2000). Developmental and Neuroscience: Research Implement of Early Childhood Education. Texas. University of North Texas. Anthony, M. (2017). Cognitive Development in 3-5 Year Olds. Retrieved from http://www.scho- lastic.com/parents/resources/article/stages-milestones/cognitive-development-3-5-year- มสธolds Biddle, K. A. G., Garcia-Nevarez, A., Henderson, W. J. R., & Valero-Kerick, A. (2014). Early Childhood Education. New York: Sage Publications. Copple, C., & Bredekamp, S. (2006). Basics of Developmentally Appropriate Practice: An Intro- duction for Teachers of Children 3 to 6. The United States of America: The National Association for the Education of Young Children. มสธ มสธCopple, C., & Bredekamp, S. (2009). Developmentally Appropriate Practice in Early Childhood Programs Serving Children from Birth Through Age 8. Washington, D.C.: National Association for the Education of Young Children. Department of Education. (2014). Statutory Framework for the Early Years Foundation Stage. Retrieved from http://www.foundationyears.org.uk/eyfs-statutory-framework/. Epstein, A. S. (2007). The Intentional Teacher. Washington, D.C.: National Association for the มสธEducation of Young Children.
การจดั ประสบการณใ์ นระดับปฐมวยั ศึกษา 8-55 Lewis, B. (2016). Early Childhood Education. Retrieved from http://k6educators.about.com/od/ มสธMorrison, G.S. (2009). Excerpt from Early Childhood Education Today. Retrieve from https:// www.education.com/reference/article/principles-montessori-method/ National Research Council. (2000). Eager to Learn. Washington, D.C.: National Academic Press. Peterson, E. A. (1996). A Practical Guide to Early Childhood Planning, Methods, and Materials. Massachusetts: A Simon & Schuster Company. มสธ มสธQualifications and Curriculum Authority. (2000). Curriculum Guidance for the Foundation Stage. London: Qualifications and Curriculum Authority. Schmidt, V. E. (1998). Success for Life. Texas University of North Texas. Retrieved from www. มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธeducation.com/reference/article/principles-montessori-method/
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 468
Pages: