Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 21223 หน่วยที่ 1-8

21223 หน่วยที่ 1-8

Published by กฤษฎา ศรีสุวรรณ์, 2021-08-31 07:23:24

Description: 21223 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาและหลักสูตรสำหรับเด็กปฐมวัย หน่วยที่ 1-8

Search

Read the Text Version

หลักสูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-13 มสธเร่ืองท่ี 3.1.3 การศึกษาปฐมวัยสมัยหลังเปล่ียนแปลงการปกครอง มสธ มสธหลังรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่ีได้มีการให้ความส�ำคัญกับการศึกษา ปฐมวัยเป็นอย่างมาก ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการจัดการศึกษามาโดยตลอด จนกระท่ังในสมัย หลังการเปล่ียนแปลงการปกครอง เมื่อปี พ.ศ. 2475 ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาปฐมวัยของ ประเทศไทยหลายประการ จากโครงการศึกษาก็ปรบั เปล่ยี นเปน็ แผนการศึกษาชาติ ในเร่อื งนี้จะขอกล่าว ถึงประเด็นส�ำคัญ ประกอบด้วย แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2475 แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2494 การปฐมวยั ศกึ ษาตามแนวคิดของ Froebel และ Montessori และการจัดตง้ั โรงเรยี นอนบุ าลของรัฐบาล แห่งแรกของไทย ดงั ต่อไปน้ี มสธ1. แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2475 หลงั การเปลยี่ นแปลงการปกครองเมอื่ พ.ศ. 2475 มกี ารประกาศใชแ้ ผนการศกึ ษาชาติ พ.ศ. 2475 ซ่ึงมีการกำ� หนดจัดช้นั เรยี นใหมโ่ ดยจัดช้ัน ก ข ก กา หรือที่เรียกว่าช้นั ประถม เดมิ คอื ช้นั ประถมศึกษา มสธ มสธปีท่ี 1 ส่วนประถมศึกษาปีที่ 1,2,3 เดิม ให้เรียกเป็นประถมศึกษาปีท่ี 2,3,4 ตามล�ำดับจนกระท่ังปี พ.ศ. 2479 ไดก้ ลา่ วถงึ การศกึ ษาปฐมวยั ในรปู ของคำ� วา่ มลู ศกึ ษา ซง่ึ ไดก้ ำ� หนด “มลู ศกึ ษา” เปน็ การศกึ ษา ส�ำหรับเด็กอายุตํ่ากว่าเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ (อายุ 5-7 ปี) และการศึกษาเบื้องแรก มีลักษณะ คล้ายคลึงกับแผนการศกึ ษาชาตฉิ บบั ตอ่ มา คือแผนการศกึ ษาชาติ พ.ศ. 2494 (คนงึ สายแกว้ , 2557) 2. แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2494 มสธแผนการศกึ ษาชาติ พ.ศ. 2494 รวมแนวคดิ เรอื่ งการศกึ ษาปฐมวยั หรอื ทเี่ รยี กวา่ มลู ศกึ ษา ซง่ึ เดมิ แบ่งเป็นโรงเรียนบุรพบท โรงเรียน ก ข นโม และกินเดอกาเตน เข้าไว้ด้วยกัน และเปลี่ยนค�ำว่า “มูลศกึ ษา” - เปน็ - “อนบุ าล” โดยระบุวา่ “การศกึ ษาชน้ั อนบุ าล” ไดแ้ ก่ การอบรมกุลบุตรกลุ ธิดากอ่ น การศกึ ษาภาคบังคบั มหี ลกั การให้อบรมนิสยั และฝกึ ประสาทไวใ้ หพ้ ร้อมที่จะรับการศกึ ษาชนั้ ประถมศึกษา ตอ่ ไป และกำ� หนดอายขุ องเดก็ ตา่ํ กวา่ 8 ปลี งมา หรอื ในระหวา่ งอายุ 3-7 ปี จะเหน็ ไดว้ า่ การศกึ ษาปฐมวยั มสธ มสธหรือการศึกษาวัยก่อนเกณฑ์บังคับเรียนในสมัยนั้น ยังไม่ได้ก�ำหนดจุดมุ่งหมายเพื่อเตรียมความพร้อม แกเ่ ด็ก หากแตม่ ่งุ เตรียมใหเ้ ดก็ อ่านออกเขยี นได้เปน็ หลกั 3. การปฐมวัยศึกษาตามแนวคิดของ Froebel และ Montessori การศึกษาปฐมวัยของไทยมาเปล่ียนแปลงไปตามแนวคิดของ Froebel และ Montessori เม่ือ โรงเรยี นราษฎรห์ ลายโรงเรยี น ไดแ้ ก่ โรงเรยี นวฒั นาวทิ ยาลยั อนั เปน็ โรงเรยี นทม่ี คี รไู ทยทส่ี ำ� เรจ็ การอนบุ าล มสธศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นคนแรก น�ำความรู้และแนวคิดมาจัดการศึกษาปฐมวัยได้ถูกต้องตาม

3-14 การจัดการศึกษาและหลักสตู รส�ำ หรับเดก็ ปฐมวัย หลกั เกณฑ์ โรงเรียนราชินซี ง่ึ เปน็ โรงเรียนท่สี องท่ีเปิดแผนกอนบุ าลขึ้น แนวการสอนก็เปน็ Froebel และ มสธMontessori แต่น�ำมาจากประเทศญ่ปี นุ่ มุ่งสอนใหเ้ ดก็ ช่วยตวั เองในเรื่องของกิจวตั รประจำ� วัน เชน่ การ ล้างหน้าแปรงฟัน ใส่และถอดกระดมุ เส้ือผ้า เอาใจใสด่ ูแลเรอ่ื งอาหาร การพกั ผอ่ น การออกกำ� ลังกาย ฝกึ การฟ้อนร�ำและการละครตลอดจนศิลปะแบบไทย โรงเรียนมาร์แตร์เดอีเป็นโรงเรียนท่ีสามที่ได้น�ำวิธี การสอนดงั กลา่ วเขา้ มาใชใ้ นประเทศไทย แตท่ วา่ แนวทางการสอนเปน็ ไปตามแบบอยา่ งของประเทศองั กฤษ มสธ มสธ3.1 การจัดการเรียนการสอนแบบ Froebel เป็นการสอนให้เด็กมีกิจกรรมอิสระ มีความคิด สร้างสรรค์ เน้นการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนท่ีเดก็ ได้เลน่ และเรยี นรจู้ ากการเลน่ และร้องเพลง โดยใช้ อปุ กรณก์ ารเลน่ แบบชดุ อปุ กรณ์ และกจิ กรรมการงานอาชพี ทช่ี ว่ ยฝกึ ความสามารถในการคดิ วเิ คราะหแ์ ละ สงั เคราะห์ จดั ประสบการณก์ ารเรยี นรดู้ ว้ ยการตอ่ ไมบ้ ลอ็ ก ไมท้ อ่ น หรอื กลอ่ งไมข้ ดี ไฟ ในการจดั การเรยี น การสอนตามแนวคดิ ของ Froebel ไดก้ ลา่ วถงึ หลกั การจดั การเรยี นการสอน และขอ้ ควรคำ� นงึ ทสี่ ำ� คญั ดงั นี้ 3.1.1 หลกั การการจดั การเรยี นการสอน หลกั การการจดั การเรยี นการสอนของเฟรอเบลตอ้ ง มสธมีอย่างน้อย 6 ประการ ดงั น้ี 1) เด็กสัมผัสการเรยี นรดู้ ว้ ยความสขุ 2) เดก็ ไดส้ งั เกตเพ่อื เรยี นรู้โดยมคี รแู นะน�ำสนบั สนนุ 3) เดก็ เกดิ ภาวะสรา้ งสรรคจ์ ากการคดิ ในการปฏบิ ัติกิจกรรม 4) เด็กเกดิ พฒั นาจิตนยิ มจากกิจกรรมการงานอาชีพ เช่น การเล่นเสรี การรอ้ งเพลง มสธ มสธการรู้จักเกบ็ ของเข้าที่ เปน็ ต้น 5) เดก็ รจู้ กั การเขา้ สงั คมทถ่ี กู ตอ้ งจากการเลน่ หรอื การเรยี นรว่ มกบั เพอ่ื นๆ และฝกึ การ มีวินยั จากการทำ� กิจกรรมประจำ� วัน 6) เดก็ เพมิ่ พนู การพฒั นาพทุ ธปิ ญั ญาจากกจิ กรรมการเลน่ ปนเรยี นของเดก็ ทค่ี รจู ดั สรร และกำ� หนดแผนมาอยา่ งเปน็ ระบบ เช่น การนบั การวดั การเปรียบเทียบ การจ�ำแนก ฯลฯ 3.1.2 ข้อควรค�ำนึงที่ส�ำคัญ การจดั การเรยี นการสอนแบบ Froebel มขี อ้ ควรคำ� นงึ ทสี่ ำ� คญั มสธคอื 1) ครตู อ้ งมีแผนการสอน ครูต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ ชดุ อุปกรณ์ และก�ำหนดกิจกรรม การงานอาชพี ใหส้ อดคลอ้ งกับวยั พฒั นาการ และความพรอ้ มของเดก็ ในการเรยี น แลว้ เปิดโอกาสใหเ้ ด็ก ลงมือเล่นกับอุปกรณ์อย่างอิสระตามธรรมชาติ โดยครูเป็นผู้สังเกตการและพร้อมต่อการให้การสนับสนุน การเรยี นรู้ มสธ มสธ2) ครตู อ้ งสอนระเบยี บวนิ ยั เมอ่ื เลน่ เสรจ็ แลว้ เดก็ ตอ้ งเกบ็ ชดุ อปุ กรณท์ นี่ ำ� มาเลน่ กลบั เข้าท่ีให้เป็นระเบียบ เด็กจะได้เรียนรู้การมีระเบียบวินัยจากการเก็บชุดของเล่นนี้ Froebel กล่าวว่า “การกระทำ� ที่เป็นระเบียบ เป็นทางน�ำไปส่กู ารคดิ ท่เี ปน็ ระเบียบดว้ ย” นอกจากการเลน่ ชดุ อปุ กรณ์ ครตู อ้ งจดั กจิ กรรมการงานอาชพี และกจิ กรรมนนั ทนาการอนื่ ๆ เสรมิ เพ่ือสร้างสุนทรีวิจักษ์และการเรียนความเป็นมนุษย์ ชีวิต และคุณงามความดีด้วย เพราะชุดอุปกรณ์ท่ี Froebel สร้างข้ึนจะเน้นการส่งเสริมความเข้าใจหยั่งรู้เท่านั้น ซ่ึงการพัฒนาเด็กต้องครอบคลุมถึงจิตใจ มสธอารมณ์ สงั คม และคณุ ธรรมดว้ ย ตามแนวคดิ ของ Froebel การพฒั นาเดก็ ทดี่ ตี อ้ งสอดคลอ้ งผสมกลมกลนื

หลกั สูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-15 ไปกบั ธรรมชาติของเดก็ ให้เด็กเรียนรูจ้ ากงา่ ยไปยาก จากธรรมชาตขิ องเด็กไปสกู่ ารเรียนรทู้ ีพ่ งึ ปรารถนา มสธโดยมีครูเปน็ ผูแ้ นะแนวและสนับสนนุ ใหเ้ ดก็ เกิดภาวะสร้างสรรค์ ร้จู ักสัมพนั ธภาพทางสงั คม 3.2 การจัดการเรียนการสอนแบบ Montessori เกิดขึ้นจากแนวคิดของ Maria Montessori แพทยห์ ญงิ และนกั จติ วทิ ยาชาวอติ าลี ทนี่ ำ� แนวคดิ ในการ “จดั บา้ นเดก็ ” มาใช้ นนั่ คอื การจดั สภาพแวดลอ้ ม ของห้องเรียนให้เหมือนบ้าน มีเคร่ืองมือเครื่องใช้ เครื่องครัว อุปกรณ์ในการท�ำสวน ฯลฯ เพื่อให้เด็ก มสธ มสธไดฝ้ กึ ทกั ษะในการใชม้ อื ฝกึ ฝนใหเ้ กดิ ความถนดั ในการใชท้ กั ษะตา่ งๆ ในการดำ� เนนิ ชวี ติ เพอื่ ใหเ้ ตบิ โตขนึ้ เป็นผู้ใหญ่ท่ีสามารถช่วยตนเองได้ การจัดการเรียนการสอนแบบ Montessori จะไม่บังคับให้เด็กๆ น่ังโต๊ะเขียน เรียงหน้าเข้าหาครู แต่จะปล่อยให้เด็กประกอบกิจกรรมในลักษณะต่างๆ โดยใช้เครื่องมือ เครอ่ื งใชภ้ ายในบา้ นทท่ี างโรงเรยี นเตรยี มไวใ้ ห้ เปน็ การจดั สภาพแวดลอ้ มแบบหอ้ งเรยี นเปดิ การเรยี นการ สอนแบบ Montessori มีหลักยึด 3 ประการไดแ้ ก่ 1) ปรับงานโรงเรียนให้เด็กฝึกฝนแล้วน�ำไปใช้ท่ีบ้าน โดยใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน มสธจำ� ลอง 2) ให้เสรีภาพแกน่ กั เรยี นโดยปราศจากความกา้ วร้าวและการกระท�ำแบบเผดจ็ การของครู 3) ฝกึ เดก็ ใหม้ โี อกาสใชส้ มั ผสั ทกุ สว่ นของรา่ งกาย เพอื่ ใหม้ ที กั ษะในการทำ� งานบา้ นและการ ดำ� เนินชวี ิตทดี่ ี มสธ มสธ4. การจัดต้ังโรงเรียนอนุบาลของรัฐบาลแห่งแรกของไทย เมอื่ การศกึ ษาปฐมวยั ไดร้ บั ความสนใจมากขน้ึ นกั การศกึ ษาทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั การศกึ ษาระดบั ปฐมวยั ตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ของเดก็ วยั นี้ กระทรวงธรรมการและผทู้ ม่ี บี ทบาทสำ� คญั ในการจดั การศกึ ษา ได้เร่ิมเตรียมการจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลศึกษาข้ึนและขยายโรงเรียนไปยังส่วนภูมิภาค ดังท่ีได้ตั้งคณะ กรรมการจดั ต้ังโรงเรียนอนบุ าลของกระทรวงธรรมการ ข้นึ ในปี พ.ศ. 2480 ประกอบดว้ ย 1) นายนาค เทพหสั ดนิ ณ อยุธยา มสธ2) ม.ล.มานิจ ชุมสาย 3) นางจ�ำนง เมอื งแมน (นางพิณพาท พทิ ยเพท) ในระหวา่ งปี พ.ศ. 2480-2482 กระทรวงธรรมการได้จดั ส่งครจู ำ� นวนหนึ่งไปศกึ ษาและดูงานการ ศกึ ษาปฐมวัยในประเทศญ่ปี ุ่น อาทิ นางจติ รา ทองแถม ณ อยธุ ยา ไปศึกษาและดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่น มสธ มสธเป็นเวลานาน 6 เดอื น และได้กลบั มาจัดเตรียมการดำ� เนินงานโรงเรยี นอนุบาล และไดส้ ่งนางสาวสมถวิล สวยสำ� อาง (นางสมถวลิ สังขะทรพั ย)์ ไปศกึ ษาดา้ นการศกึ ษาปฐมวยั ณ ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2482 กระทรวงธรรมการได้คัดเลือกครู 3 คน คือนางสาวสวัสวดี วรรณโกวิท นางสาวเอื้อนทิพย์ วินิจฉัยกุล (นางเออ้ื นทพิ ย์ เปรมโยธนิ ) และนางสาวเบญจา ตงุ คะสริ ิ (คณุ หญงิ เบญจา แสงมะล)ิ ไปศกึ ษาการอนบุ าล ณ ประเทศญปี่ ุน่ ซง่ึ ทา่ นเหลา่ นีก้ ไ็ ด้กลบั มาเปน็ ผู้นำ� ทางการศึกษาปฐมวยั ของไทยในเวลาต่อมา เม่ือกระทรวงธรรมการเตรียมการพร้อมท้ังในด้านบุคลากรและด้านอ่ืนๆ แล้วก็ได้เปิดโรงเรียน อนุบาลแหง่ แรกของรฐั ข้นึ ในกรงุ เทพมหานครชอื่ วา่ โรงเรียนอนุบาลละอออทุ ิศ โรงเรยี นน้ีได้รบั เงนิ บรจิ าค มสธส�ำหรับสร้างอาคารเรียนจากเงินในกองมรดกของ น.ส.ละออ ล่ิมเซ่งไถ่ จึงได้ต้ังช่ือว่าโรงเรียนอนุบาล

3-16 การจดั การศึกษาและหลักสูตรส�ำ หรับเด็กปฐมวยั ละอออุทิศ เปิดท�ำการสอนเม่ือวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2483 ในสังกัดกรมการฝึกหัดครูมี ม.ล. มานิจ มสธชุมสาย เปน็ หวั หนา้ กองฝึกหดั ครใู นขณะนน้ั และมนี างจติ รา ทองแถม ณ อยุธยา เป็นครูใหญ่ (ศโิ รจน์ ผลพนั ธิน, ม.ป.ป.) โรงเรยี นอนบุ าลละอออทุ ศิ ทจ่ี ดั ตงั้ ขนึ้ ในระยะแรกนน้ั มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ทดลองการจดั การอนบุ าล ศกึ ษาและเพอื่ ทดสอบความสนใจและความเขา้ ใจของประชาชนในเรอ่ื งการศกึ ษาปฐมวยั โดยทางโรงเรยี น มสธ มสธรับนักเรียนชายและหญิงที่มีอายุระหว่าง 3 ปีครึ่งไปจนถึง 6 ปี หรือจนพร้อมที่จะเข้าเรียนในชั้นประถม ศึกษา การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ เป็นการเตรียมสภาพจิตใจของเด็กให้ พรอ้ มทจี่ ะรบั การศกึ ษาในชนั้ ตอ่ ไป หดั ใหใ้ ชเ้ ครอื่ งมอื ตา่ งๆ ในการเรยี น การเลน่ และการประดษิ ฐ์ อบรม ใหเ้ ปน็ คนชา่ งคดิ ชา่ งทำ� ขยนั ไมอ่ ยนู่ งิ่ เฉย และเปน็ คนวอ่ งไวกระฉบั กระเฉง ฝกึ ฝนเดก็ ใหเ้ ปน็ คนชา่ งสงั เกต มีไหวพริบ เฉลียวฉลาด คิดหาเหตุผลให้เกิดความเข้าใจด้วยตนเอง มีความพากเพียร พยายาม อดทน มสธไม่จบั จด ใหเ้ ปน็ คนทีร่ จู้ กั พึง่ ตนเอง สามารถท�ำหรือปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ไดด้ ว้ ยตนเอง เดก็ ในโรงเรยี น อนบุ าลนจี้ ะไดร้ บั การอบรมใหส้ ามารถชว่ ยตวั เองใหไ้ ดม้ ากทสี่ ดุ ครเู ปน็ เพยี งผคู้ อยดแู ลใหค้ วามชว่ ยเหลอื เท่านนั้ เดก็ ไดร้ บั การฝกึ หัดในเรอ่ื งของกิริยามารยาท ศลี ธรรมและสังคม ให้มีสขุ นิสัยที่ดี และมอี นามยั โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศได้จัดการเรียนการสอนตามแนวคดิ ของ Froebel บิดาแห่งการจดั การ ศึกษาปฐมวยั และใช้การสอนแบบเรยี นปนเลน่ (play way method) นำ� เกมการร้องรำ� การละเล่น และ มสธ มสธดนตรี เข้ามาเป็นส่วนส�ำคัญในการเรียนของเด็กและการส่งเสริมให้เด็กลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ส�ำหรับ การสอนในระดบั การศกึ ษาปฐมวยั ก�ำหนดไว้เป็นระยะเวลา 2 ปี คอื ช้ันอนบุ าลปีท่ี 1 และชั้นอนุบาลปีที่ 2 การสอนทุกวิชาครูหัดให้เด็กสังเกต คิด สนทนา เล่านิทาน และใช้วิธีสอนที่ย่ัวยุให้เด็กอยากเรียนรู้และ สามารถเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งสนกุ สนาน วธิ กี ารจดั การเรยี นการสอนของโรงเรยี นอนบุ าลละอออทุ ศิ กค็ อื หลกั สตู ร การศกึ ษาปฐมวยั ทเ่ี รยี กวา่ หลกั สตู รอนบุ าล พ.ศ. 2483 ทร่ี ฐั บาลยคุ นน้ั ประกาศใหใ้ ชใ้ นโรงเรยี นอนื่ ๆ ตาม ตา่ งจังหวดั ด้วย (เบญจา แสงมะลิ, ม.ป.ป. อา้ งถึงใน วชั รยี ์ รว่ มคดิ , 2539) มสธสรุปได้ว่าการศึกษาปฐมวัยระยะนี้มุ่งเตรียมเด็กให้พร้อมทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ และส่งเสริม พัฒนาการของเด็กทง้ั ร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญามากข้ึน การจดั กิจกรรมต่างๆ สง่ เสรมิ เด็กให้ เป็นผู้เรียนท่ีสามารถลงมือกระท�ำในกิจกรรมต่างๆ อย่างอิสระในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มี ประเดน็ สำ� คญั ทเี่ กดิ ขน้ึ คอื มกี ารประกาศใชแ้ ผนการศกึ ษาชาติ พ.ศ. 2475 แผนการศกึ ษาชาติ พ.ศ. 2494 และเรมิ่ มีการน�ำแนวคดิ ของ Froebel และ Montessori เขา้ มาใช้ในการจัดการศึกษาปฐมวยั และมีการ มสธ มสธ มสธจัดต้งั โรงเรยี นอนุบาลของรฐั บาลเปน็ แหง่ แรก คอื โรงเรยี นอนบุ าลละอออุทศิ

หลกั สูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-17 มสธกิจกรรม 3.1.3 จงอธบิ ายหลักการของการจดั การเรยี นการสอนแบบ Froebel แนวตอบกิจกรรม 3.1.3 หลักการจัดการเรยี นการสอนตามแนวคดิ ของ Froebel มีดงั นี้ มสธ มสธ1. เด็กสัมผสั การเรียนรู้ดว้ ยความสุข 2. เดก็ ได้สังเกตอยา่ งเรียนรูโ้ ดยมคี รแู นะน�ำสนบั สนนุ 3. เด็กเกิดภาวะสร้างสรรคจ์ ากการคิดในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 4. เดก็ เกดิ พฒั นาจติ นยิ มจากกจิ กรรมการงานอาชพี เชน่ การเลน่ เสรี การรอ้ งเพลง การรจู้ กั เกบ็ ของเข้าที่ ฯลฯ 5. เดก็ รจู้ กั การเขา้ สงั คมทถี่ กู ตอ้ งจากการเลน่ หรอื การเรยี นรว่ มกบั เพอื่ นๆ และฝกึ การมวี นิ ยั จาก มสธการท�ำกจิ กรรมประจ�ำวนั 6. เดก็ เพมิ่ พนู การพฒั นาพทุ ธปิ ญั ญาจากกจิ กรรมการเลน่ ปนเรยี นของเดก็ ทคี่ รจู ดั สรรและกำ� หนด มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธแผนมาอยา่ งเป็นระบบ เช่น การนับ การวัด การเปรยี บเทียบ การจ�ำแนก ฯลฯ

3-18 การจดั การศึกษาและหลกั สตู รสำ�หรับเด็กปฐมวยั มสธตอนท่ี 3.2 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย โปรดอา่ นหัวเรื่อง แนวคดิ และวัตถปุ ระสงคข์ องตอนท่ี 3.2 แล้วจงึ ศกึ ษารายละเอยี ดต่อไป มสธ มสธหัวเรื่อง 3.2.1 หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัยระยะแรกถงึ พ.ศ. 2534 3.2.2 หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัยหลัง พ.ศ. 2534 ถงึ ปจั จบุ ัน 3.2.3 หลักสตู รการศึกษาปฐมวัยของหน่วยงานท่เี กีย่ วข้อง มสธแนวคิด 1. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยระยะแรกถึง พ.ศ. 2534 ประกอบด้วยหลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2483 หลกั สตู รชนั้ เดก็ เลก็ ฉบบั พ.ศ. 2495 หลกั สตู รอนบุ าล พ.ศ. 2496 หลกั สตู ร อนบุ าล พ.ศ. 2503 หลกั สตู รอนบุ าลศกึ ษา พ.ศ. 2518 หลกั สูตรอนุบาล พ.ศ. 2522 หลกั สตู รเดก็ เลก็ พ.ศ. 2524 หลกั สตู รเดก็ เลก็ พ.ศ. 2526 หลกั สตู รเดก็ เลก็ พ.ศ. 2528 มสธ มสธหลักสตู รเด็กเลก็ พ.ศ. 2531 และหลกั สตู รอนุบาล พ.ศ. 2534 2. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยหลัง พ.ศ. 2534 ถึงปัจจุบัน ประกอบด้วยหลักสูตรก่อน ประถมศกึ ษา พุทธศักราช 2540 หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2546 และ หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัยพทุ ธศักราช 2560 3. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของหน่วยงานต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง คือ หลักสูตรการศึกษา ปฐมวยั ของศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ กรมการพฒั นาชมุ ชน หลกั สตู รเดก็ เลก็ ของศนู ยเ์ ดก็ เลก็ มสธกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข หลกั สตู รโรงเรยี นอนุบาลละอออทุ ศิ หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั ของส�ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน และหลกั สตู ร ของกรมการพฒั นาชมุ ชน และหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของศนู ยอ์ บรมเดก็ กอ่ นเกณฑ์ ในวัด กรมการศาสนา มสธ มสธวัตถุประสงค์ เมอื่ ศกึ ษาตอนท่ี 3.2 จบแลว้ นกั ศึกษาสามารถ 1. อธิบายหลักสตู รการศึกษาปฐมวัยระยะแรกถงึ พ.ศ. 2534 ตามทกี่ �ำหนดใหไ้ ด้ 2. อธบิ ายหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั หลงั พ.ศ. 2534 ถึงปัจจุบนั ตามทก่ี �ำหนดให้ได้ มสธ3. อธบิ ายหลักสตู รการศึกษาปฐมวัยของหน่วยงานท่เี ก่ียวข้องตามทกี่ �ำหนดให้ได้

หลักสูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-19 มสธเร่ืองท่ี 3.2.1 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยระยะแรกถึง พ.ศ. 2534 มสธ มสธการศึกษาปฐมวัยได้รับความสนใจมากขึ้นหลังการเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 มีการ ด�ำเนินการหลายประการเก่ียวกับการพัฒนาการศึกษาปฐมวัย โดยเฉพาะการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งใน ระยะแรกของการพฒั นาหลกั สตู รขนึ้ มาใชน้ น้ั ยงั ไมไ่ ดใ้ ชค้ ำ� เรยี กวา่ หลกั สตู ร มกี ารใชค้ ำ� อนื่ ๆ เชน่ แนวการ สอน แนวการจัดประสบการณ์ ฯลฯ อย่างไรก็ดี ในเร่ืองน้ีจะขอใช้ค�ำว่า “หลักสูตร” เพื่อให้เห็นภาพ วิวัฒนาการของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยในประเทศไทยในแต่ละระยะของการเปลี่ยนแปลง ในเรื่อง หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยระยะแรกถึง พ.ศ. 2534 จะกล่าวถึง หลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2483 หลักสูตร ช้ันเด็กเล็ก พ.ศ. 2495 หลกั สูตรอนุบาล พ.ศ. 2496 หลกั สตู รอนุบาล พ.ศ. 2503 หลกั สูตรอนบุ าลศกึ ษา มสธพ.ศ. 2518 หลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2522 หลักสูตรเด็กเล็ก พ.ศ. 2524 หลักสูตรเด็กเล็ก พ.ศ. 2526 หลกั สตู รเดก็ เลก็ พ.ศ. 2528 หลกั สตู รเดก็ เลก็ พ.ศ. 2531 และหลกั สตู รอนบุ าล พ.ศ. 2534 ดงั รายละเอยี ด ต่อไปนี้ มสธ มสธหลักสูตรอนุบาลพ.ศ.2483 หลักสตู รอนบุ าล พ.ศ. 2483 ได้ก�ำหนดความประสงค์ของการอบรมเด็ก ไวด้ ังน้ี 1. เพอ่ื เตรยี มสภาพจติ ของเดก็ ใหพ้ รอ้ มทจี่ ะรบั การศกึ ษาขนั้ ตอ่ ๆ ไป หดั ใหใ้ ชเ้ ครอ่ื งมอื ตา่ งๆ ใน การเรียนและการเล่นประดิษฐ์สิ่งของ อบรมให้เป็นคนช่างคิด ช่างท�ำ ขยัน ไม่อยู่นิ่งและเป็นคนว่องไว กระฉบั กระเฉง 2. เพื่ออบรมเด็กให้เป็นคนมีความสังเกต มีไหวพริบ เฉลียวฉลาด คิดหาเหตุผลให้เกิดความ มสธเข้าใจดว้ ยตนเอง มคี วามพากเพียรพยายามอดทน ไมจ่ บั จด 3. เพ่ืออบรมให้เป็นคนพ่ึงตนเอง สามารถหรือปฏิบัติสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองได้ เด็กในโรงเรียน อนุบาลน้ี ถูกอบรมให้ช่วยตนเองได้มากท่ีสุด เช่น หัดแต่งตัว ใส่เส้ือผ้า นุ่งกางเกง หวีผม รับประทาน อาหาร ฯลฯ ทงั้ จะตอ้ งทำ� ใหเ้ ปน็ เวลาดว้ ย ไมต่ อ้ งมพี เ่ี ลย้ี งคอยตกั เตอื นหรอื คอยรบั ใชท้ ำ� ให้ ครเู ปน็ แตผ่ ดู้ แู ล ควบคุมอยู่หา่ งๆ เทา่ น้ัน มสธ มสธ4. เพอื่ หดั มารยาทและศลี ธรรมทง้ั ในสว่ นตวั และในการปฏบิ ตั ติ อ่ สงั คม หดั มารยาทในการนงั่ เดนิ ยืน และรบั ประทานอาหาร ฯลฯ หดั ใหเ้ ป็นคนสภุ าพเรียบร้อย ฝกึ นิสยั ให้เปน็ คนมีศลี ธรรมอันดงี าม จติ ใจ เข้มแข็งเปน็ ระเบยี บ รกั ษาวินัย มีความสามัคคีซง่ึ กนั และกัน 5. เพอื่ ปลกู ฝงั นสิ ยั ทางสขุ ภาพอนามยั รจู้ กั ระวงั รกั ษาสขุ ภาพของตน เลน่ และรบั ประทานอาหาร เป็นเวลา รู้จกั รกั ษาร่างกายใหส้ ะอาดและแขง็ แรงอยู่เสมอ 6. เพ่ืออบรมให้เป็นคนร่าเริงต่อชีวิต มีการสอนร้องเพลง และการเล่นที่สนุกสนาน ท้ังนี้เพื่อจะ มสธไดเ้ ปน็ นักตอ่ สซู้ ึง่ เต็มไปด้วยความรา่ เรงิ เบิกบานและคดิ ก้าวหน้าเสมอ

3-20 การจดั การศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำ หรับเด็กปฐมวยั หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส้ินสุดลง ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติและ มสธองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ จากการประชุมใหญ่ใน ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) ที่นครเบรุต ประเทศเลบานอน ที่ประชุมยูเนสโกได้ส่งผู้เช่ียวชาญ 2 ท่าน มาสำ� รวจการศึกษา ในประเทศไทย เม่ือเดือนกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2492 ไดแ้ ก่ Sir John Sargent กับ Dr. Predo Orata และ ทั้งสองท่านได้น�ำเสนอรายงานเร่ืองการศึกษาในประเทศไทย (Education in Thailand) ในส่วนที่ มสธ มสธเกีย่ วกบั การศกึ ษาปฐมวยั ว่า “ให้ช้ันประถมเรียนแต่วิชาตลอดวัน ไม่มีโอกาสท่ีจะได้ฝึกประสาทตาและมือ โดยการ ปฏิบัติงานดา้ นต่างๆ ความจริงทงั้ โลกเวลาน้ี 2 ปแี รกแห่งการเรียน เขาเอาเด็กมาฝกึ ให้ชนิ ต่อสงิ่ แวดลอ้ ม ทางสังคมและสภาพการณ์มากกวา่ ” Dr.Orata ไดก้ ลบั มาประเทศไทยอกี ครง้ั เมอื่ ตน้ ปี พ.ศ. 2493 เพอ่ื เขยี นโครงการขอความชว่ ยเหลอื มสธเสนอต่อยเู นสโก เรยี กว่า โครงการ 10 ปี คณะกรรมการไดเ้ สนอโครงการทดลองตอ่ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร และเมื่อได้รับอนุมัติแล้วก็เร่ิมด�ำเนินงานเมื่อวันท่ี 23 มกราคม ต่อมาจึงมีการประกาศแผนการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2494 ตามมา และในปเี ดยี วกนั นี้เองทีม่ ีการประชุมนกั การศกึ ษา ได้พัฒนาแผนการสอน เดก็ เล็กหรอื หลกั สูตรฉบบั พ.ศ. 2494 ขนึ้ จนมีการนำ� ไปใช้ในโรงเรียนเทศบาลและโรงเรียนประชาบาลที่ จดั การศกึ ษาชนั้ เดก็ เลก็ อยา่ งเปน็ ทางการในระยะเวลาตอ่ มา จนเปน็ ทรี่ จู้ กั กนั ในนาม “หลกั สตู รชนั้ เดก็ เลก็ มสธ มสธพ.ศ. 2495” (หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ สบ. 5.2.7/19 น, 1-22) หลักสูตรชั้นเด็กเล็ก พ.ศ. 2495 หลกั สตู รชน้ั เด็กเลก็ พ.ศ. 2495 ไดก้ �ำหนดองคป์ ระกอบท่ีสำ� คญั ของหลกั สูตร ดงั นี้ ความมุ่งหมาย 1. เพ่อื ใหเ้ ด็กอายุกอ่ นถงึ เกณฑ์ไดร้ บั การศกึ ษาสมบูรณ์ มสธ2. เพอื่ ชว่ ยแบง่ เบาภาระของผปู้ กครองทต่ี อ้ งออกไปทำ� งานนอกบา้ น และชว่ ยอบรมใหเ้ ดก็ เตบิ โต เป็นพลเมืองดี หลักการและระเบียบวิธีสอน ระเบียบวิธีการสอนที่น�ำมาใช้คือระเบียบวิธีการสอนแบบเล่น ปนเรยี น (play way) และวธิ ีสอนแบบโครงการ (project method) การจัดการเรยี นการสอนยังแบ่งออก มสธ มสธเปน็ หมวดไดแ้ ก่ 1. สงั คมศกึ ษา ประกอบดว้ ย หนา้ ทพ่ี ลเมือง ศีลธรรม ภูมศิ าสตร์ และประวตั ศิ าสตร์ 2. ภาษาไทย อา่ น เขยี น วางสระ วรรณยุกต์ ได้ถูกต้อง 3. เลขคณิต บวก ลบ เลขง่ายๆ ไดไ้ มเ่ กิน 2 ตำ� แหน่ง นับจ�ำนวนไมเ่ กนิ 100 รู้จกั มาตราเมตริก รูค้ า่ ของเงิน 4. ธรรมชาตศิ กึ ษา รจู้ กั ธรรมชาตแิ วดลอ้ ม มคี วามรบั ผดิ ชอบในสงิ่ ทต่ี นเองเลยี้ งดู รจู้ กั ปรากฏการณ์ มสธธรรมชาติ กลางวันกลางคืน พืช สตั ว์ ส่งิ มชี ีวิตและไมม่ ีชีวติ

หลกั สูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-21 5. สุขศกึ ษาและพลศึกษา อนามัย อาหารท่ีมปี ระโยชน์ และความมนี าํ้ ใจเปน็ นกั กีฬา มสธ6. ขบั ร้องและดนตรี รจู้ ักดนตรแี ละจงั หวะ การร้องเพลง 7. วาดเขยี นและการฝมี อื รูจ้ ักการวาด การป้ัน ระบายสี ตดั ปะ กระดาษ การเย็บผา้ และการ รอ้ ยดอกไม้ ภายหลงั จากการมีคูม่ ือซ่ึงเปรียบเสมอื นหลักสูตรเดก็ เล็กในปี พ.ศ. 2495 แล้ว ในปี พ.ศ. 2496 มสธ มสธกม็ กี ารปรบั หลกั สตู รอนบุ าลเสยี ใหมใ่ หเ้ หมาะสมยง่ิ ขน้ึ โดยปรบั จากหลกั สตู รฉบบั ปี พ.ศ. 2483 ลดเนอ้ื หา วิชาต่างๆ ลง ทั้งนี้เนื่องจากอิทธิพลของแนวการจัดการเรียนการสอนแบบด้ังเดิมยังปรากฏอยู่มาก ในหลักสูตรน้ี แนวทางการจดั การเรยี นการสอนมิได้เป็นการเล่นปนเรยี นจรงิ ยังเน้นทักษะการอ่านในวิชา ภาษาไทย เนน้ การเขยี นและการผนั คำ� ยงั เนน้ ความเขม้ ขน้ ในวชิ าเลขคณติ เนน้ ใหน้ กั เรยี นหญงิ เรยี นการ เยบ็ ปกั ถกั รอ้ ยแบบโบราณ จงึ ตอ้ งปรบั ปรงุ วธิ กี ารจดั การเรยี นการสอนโดยเพม่ิ กจิ กรรมเขา้ ไปในวชิ าตา่ งๆ ใหม้ ากขน้ึ มสธหลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2496 อันเนื่องมาจากหลักสูตรท่ีปรับปรุงในปี พ.ศ. 2496 นั้นไม่ปรากฏรายละเอียดท่ีสืบค้นได้ และ นกั การศกึ ษาปฐมวยั เชอื่ วา่ ไดช้ ำ� รดุ หรอื สญู หายไปแลว้ จากการสมั ภาษณอ์ าจารยค์ ณุ หญงิ เบญจา แสงมลิ มสธ มสธซง่ึ เปน็ ผ้มู ีบทบาทสำ� คัญในการปรบั ปรุงเปลี่ยนแปลงหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยของไทยไดข้ อ้ มูลบางส่วน ว่าโรงเรียนอนุบาลมีจุดหมายเพ่ือให้การศึกษาและอบรมแก่กุลบุตรกุลธิดาก่อนการศึกษาภาคบังคับ โดย มหี ลกั การทม่ี งุ่ ใหก้ ารอบรมนสิ ยั และฝกึ ประสาทไวใ้ หพ้ รอ้ มทจ่ี ะรบั การศกึ ษาชน้ั ประถมศกึ ษาตอ่ ไป พรอ้ ม กนั นน้ั กม็ กี ารลดเนอ้ื หาตา่ งๆ ใหน้ อ้ ยลง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ วชิ าภาษาไทยและเลข รวมทงั้ จดั ใหม้ กี จิ กรรม เพิม่ ขึน้ ในวิชาต่างๆ ดว้ ย (เบญจา แสงมลิ, สัมภาษณ์, 17 มกราคม 2539 อา้ งถงึ ในวัชรยี ์ รว่ มคิด, 2539, น. 189) แม้ไม่สามารถหาเอกสารหลักสูตรของปี พ.ศ. 2496 ได้ แต่เอกสารฉบับหนึ่ง คือ ประมวล มสธการสอนนักเรียนอนุบาล ซึ่งเรียบเรียงโดยคุณหญิงเบญจา แสงมลิ เป็นหลักฐานช้ินหน่ึงซึ่งน่าจะเป็นผล เกย่ี วเนอื่ งกบั การปรบั หลกั สตู รฉบบั พ.ศ. 2496 และมคี วามสอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ นั นนั่ คอื การปรบั หลกั สตู ร ในปี พ.ศ. 2496 น้ัน มีการลดเน้ือหาวิชาต่างๆ ลงและในประมวลการสอนฉบับนี้ก็มีรายวิชาลดลง เหลอื เพยี งวชิ าสขุ ศกึ ษา สงั คมศกึ ษา ธรรมชาตศิ กึ ษา ภาษาไทย เลขคณติ ฝกึ ประสาท รอ้ งเพลงและการ มสธ มสธแสดง ทา่ ทางตามจงั หวะ การเลน่ และศลิ ปะ รายวชิ าทหี่ ายไปจากหลกั สตู ร ฉบบั ปี พ.ศ. 2483 คอื วชิ าการ ฝึกเชาวน์ การเล่นและการทำ� สวน ขบั ร้องและการฝมี ือ หนา้ ทพ่ี ลเมอื งและศลี ธรรม ความรเู้ รื่องเมอื งไทย และการแสดงท่าทางตามจังหวะ การเล่น ศิลปะ ตลอดจนไปรวมอยู่ในเนื้อหาวิชาอ่ืนๆ ด้วย ดังน้ันจึง น่าจะเป็นไปได้ที่ประมวลการสอนฉบับน้ี มีส่วนที่ปรับคล้ายหลักสูตร พ.ศ. 2496 หรืออาจเป็นเหมือน “สำ� เนา” ของหลักสูตร พ.ศ. 2496 ดว้ ย หลกั สูตรฉบับนีไ้ ด้น�ำปัจจัยแนวคดิ ใหมท่ างการศกึ ษามาใช้เพอื่ ให้หลกั สูตรมคี วามเหมาะสม เช่น การก�ำหนดระเบยี บวิธสี อนแบบเลน่ ปนเรียน ซ่งึ เป็นแนวคดิ ทางจิตวิทยา การสอนแบบโครงการ ซงึ่ เนน้ มสธให้เด็กมคี วามคดิ รเิ ริ่มสรา้ งสรรคพ์ ัฒนางานและพฒั นาตน การฝกึ ความรบั ผิดชอบของเดก็ เหลา่ น้ี ฯลฯ

3-22 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำ หรับเด็กปฐมวยั นอกจากนั้น ยังเน้นการสอนโดยยึดหลักศูนย์กลางความสนใจ คือ สอนในเรื่องท่ีเด็กสนใจซึ่ง มสธหมายความวา่ เดก็ คอื ศนู ยก์ ลางการเรยี นรู้ อนั เปน็ ไปตามหลกั แหง่ จติ วทิ ยาการเรยี นรู้ และยงั เนน้ การจดั การ เรยี นการสอนแบบ “สหสมั พนั ธร์ ะหวา่ งวชิ า” ซงึ่ เปน็ การบรู ณาการความรไู้ ปสวู่ ชิ าตา่ งๆ ซงึ่ คลา้ ยคลงึ กบั การจัดการเรียนการสอนยุคปัจจุบัน ต่างกันแต่เพียงว่าในยุคปัจจุบันจะเน้นการบูรณาการทุกๆ วิชาเป็น กิจกรรมทง้ั สน้ิ โดยไม่แยกเปน็ รายวิชา มสธ มสธหลักสูตรอนุบาลศึกษาพ.ศ.2503 ปี พ.ศ. 2503 มีการประกาศใช้แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2503 แผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบบั นถ้ี า่ ยทอดความสำ� คญั ของการศกึ ษาปฐมวยั มาจากแผนการศกึ ษาชาติ พ.ศ. 2494 และยกระดบั ความ ส�ำคัญของการศึกษาปฐมวัยมากข้ึนโดยปรับเปลี่ยนช่วงอายุของเด็กอนุบาลจากที่ก�ำหนดไว้ว่าอยู่ในช่วง 4–7 ขวบเป็น 3–6 ขวบ ปรับเปล่ียนลักษณะการจัดการศึกษาปฐมวัยเป็น 2 ระดับ คือ ระดับอนุบาลและ มสธเด็กเลก็ และประกาศใชค้ ู่มือการจัดอนบุ าลศกึ ษา 2503 ขึ้นใช้ตัง้ แตว่ ันที่ 10 พฤศจกิ ายน 2503 เปน็ ต้น มา เพอ่ื ใหก้ ารจดั การเรยี นการสอนเปน็ ไปในทำ� นองเดยี วกนั กรมสามญั ศกึ ษาจงึ จดั ใหม้ กี ารประชมุ ครใู หญ่ โรงเรียนอนุบาลทั่วราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม 2504 จนถึง 2 กันยายน 2504 จากการ ประชุมคร้งั น้ี ได้จัดท�ำแนวการบรหิ ารโรงเรยี นและแนวการจดั การเรียนการสอน ดังนี้ มสธ มสธ1. ระเบยี บปฏบิ ตั สิ �ำหรบั โรงเรียนอนบุ าล 2. แนวการสอนวิชาภาษาไทย 3. แนวการสอนวชิ าเลขคณิต 4. แนวการสอนวชิ าพลานามยั 5. แนวการสอนวชิ าธรรมชาตศิ ึกษา 6. แนวการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษา 7. แนวการสอนวิชาศลิ ปศึกษา มสธ8. แนวการสอนวชิ าขบั ร้องและดนตรี 9. แนวการจดั เล้ียงอาหารในโรงเรียนอนบุ าล หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั หลักสตู รนี้ ยงั คงเน้นแนวการจัดการเรยี นการสอนแบบดั้งเดมิ นัน่ คอื เนน้ การเตรยี มความพรอ้ มใหเ้ ดก็ มคี วามรคู้ วามสามารถทจี่ ะเขา้ เรยี นในชน้ั ประถมศกึ ษา เนน้ การอา่ น เขยี น มสธ มสธเรียนเลข มกี ารปรับให้มีกิจกรรมเพม่ิ ข้ึนในวิชาธรรมชาติศกึ ษาและสงั คมศึกษา หลักสูตรอนุบาลศึกษา พ.ศ. 2518 หลงั จากไดม้ กี ารปรบั ปรงุ หลกั สตู รอนบุ าลศกึ ษาตามแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ 2503 ซงึ่ ดำ� เนนิ การ แลว้ เสรจ็ และเผยแพรใ่ นปี 2505 แลว้ กไ็ ดย้ ดึ หลกั สตู รนเี้ ปน็ แนวทางในการจดั การศกึ ษาเรอื่ ยมาจนกระทง่ั ปี พ.ศ. 2514 กรมสามญั ศกึ ษาจงึ ไดพ้ จิ ารณาปรบั ปรงุ แนวทางในการจดั การเรยี นการสอนอนบุ าลขน้ึ และ มสธทดลองใชใ้ นโรงเรยี นอนบุ าลของกรมสามญั ศกึ ษากอ่ น จากนนั้ จงึ เสนอให้กระทรวงศกึ ษาธกิ ารประกาศใช้

หลกั สูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-23 ในโรงเรียนอนุบาลท่ัวไปในระยะเวลาต่อมา เนื่องจากแนวการจัดประสบการณ์หรือหลักสูตรฉบับนี้ได้ มสธเผยแพรใ่ นปี 2518 จงึ เป็นท่ีร้จู กั กนั ในนามของหลกั สูตร 2518 เหตผุ ลหรือความจ�ำเป็นทีต่ ้องเรม่ิ ปรับปรงุ หลกั สูตรต้งั แตป่ ี 2514 นัน้ ปรากฏอย่ใู นสว่ นคำ� นำ� ของเอกสาร (กรมสามัญศึกษา, 2518)ดังนี้ “...ด้วยปรากฏว่าการจัดการศึกษาระดับอนุบาลศึกษาเป็นท่ีนิยมของประชาชนอย่างกว้าง มสธ มสธขวาง เพราะการศกึ ษาอนบุ าลมีส่วนชว่ ยใหเ้ ด็กเกิดความสัมฤทธิผลในดา้ นการศึกษาระดบั ชั้นสงู ๆ ขน้ึ ไป ได้เป็นอยา่ งดี อยา่ งไรกต็ าม การจดั การศึกษาระดับนีแ้ มจ้ ะไดจ้ ัดมานานแล้วกต็ าม ยงั มแี นวการสอนและ ระเบยี บการจดั บางอยา่ งทถ่ี อื ปฏบิ ตั แิ ตกตา่ งกนั แมแ้ ตโ่ รงเรยี นอนบุ าลทกี่ รมสามญั ศกึ ษาจดั เองกย็ งั มแี นว การปฏบตั ิแตกตา่ งกนั เช่น แนวการวดั ผลระดบั ชนั้ อนุบาลของกรมฯ บางโรงเรยี นใช้วีธีการเช่นเดียวกบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 ทกุ ประการ บางโรงเรียนถือปฏิบตั ติ ามหลักการการจดั การศกึ ษาวัยกอ่ นการศึกษา ภาคบงั คบั โดยถอื วา่ เปน็ การเตรยี มเดก็ ใหพ้ รอ้ มทจ่ี ะเรยี นในระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 การวดั ผลไมน่ ยิ ม มสธให้คะแนน แต่ดูความพร้อมของเด็กเป็นส�ำคัญ หลีกเลี่ยงค�ำว่าสอบได้ สอบตก โรงเรียนท่ียึดหลักการ เช่นน้ีมีน้อย โรงเรียนส่วนใหญ่ได้ด�ำเนินการตามแบบวิธีแรก จนก่อให้เกิดข้อขัดแย้งกันข้ึน กรมฯ จึงได้ มอบเร่ืองให้หน่วยศึกษานิเทศก์จัดวางแนวการวัดผลระดับอนุบาลศึกษาขึ้น และเม่ือได้มีการประชุม พิจารณากันแล้วเห็นว่าการจะพิจารณาวางแนวการวัดผลน้ันต้องดูเน้ือหาหรือแนวการสอนเด็กอนุบาล เสียกอ่ น เน่ืองจากแนวการจดั ประสบการณไ์ ดเ้ คยมีการจัดท�ำกนั ไว้แลว้ แต่ พ.ศ. 2503 มบี างสง่ิ บางอยา่ ง มสธ มสธไม่ทันสมัยจึงได้เสนอให้กระทรวงศึกษาธิการแต่งต้ังคณะกรรมการคณะหน่ึงข้ึนปรับปรุงแนวการสอน อนุบาลศึกษาเสียใหม่ให้เหมาะสมกับกาลสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตรช้ันประถมศึกษาที่ก�ำลังด�ำริ จะให้ปรบั ปรุงแก้ไขใหม.่ ..” จุดมุ่งหมาย 1. เพ่ือสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ มีนสิ ยั ทีด่ ี รจู้ กั กนิ เล่น ออกก�ำลงั กาย และพักผอ่ นอย่างถูกตอ้ ง เพื่อจะได้ มสธมีร่างกายเจรญิ เติบโตแข็งแรง ร้จู ักระวังรกั ษาตวั ใหพ้ ้นจากโรคภยั และอุบัตเิ หตุ 2. เพื่อใหร้ ูจ้ ักชว่ ยตนเอง สามารถปฏิบตั ิกิจวตั รประจ�ำวันของตนเองได้ 3. เพอื่ ปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ เปน็ คนรา่ เรงิ แจม่ ใส มจี ติ ใจและนสิ ยั อนั ดงี าม รจู้ กั ควบคมุ อารมณข์ องตนเอง รู้จักเลน่ และการอยู่รว่ มกบั ผอู้ น่ื ได้ 4. เพ่ือเตรียมเด็กให้พร้อมที่จะเรียนในชั้นต่อไป โดยฝึกให้เด็กรู้จักใช้ประสาทสัมผัสได้อย่าง มสธ มสธเหมาะสมและเคล่ือนไหวรา่ งกายได้อย่างถกู ตอ้ ง 5. เพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ รจู้ กั สงั เกต มไี หวพรบิ มคี วามคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ สามารถแสดงออกชนื่ ชม ตอ่ ความไพเราะและสิ่งสวยงามตา่ งๆ เป้าหมาย แนวการสอนอนุบาลศกึ ษานี้ จดั สำ� หรับเดก็ ทมี่ ีอายุระหว่าง 4-6 ปี ในรปู แบบของชนั้ มสธอนบุ าลปีที่ 1 และช้ันอนุบาลปีที่ 2 ให้ได้รับการเตรยี มความพรอ้ มที่จะเขา้ เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาต่อไป

3-24 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รส�ำ หรับเด็กปฐมวยั เน้ือหา เนื้อหาสาระการเรียนรู้ได้มีการแบ่งเน้ือหาออกเป็นรายวิชาเช่นเดียวกับหลักสูตร พ.ศ. มสธ2503 แตกต่างกันที่มีค�ำว่า “ประสบการณ์และกิจกรรม” น�ำหน้าแต่ละวิชา ประสบการณ์และกิจกรรม ที่จดั ไดแ้ ก่ 1. ประสบการณ์และกิจกรรมดา้ นคณิตศาสตร์ 2. ประสบการณ์และกจิ กรรมดา้ นภาษาไทย มสธ มสธ3. ประสบการณ์และกิจกรรมด้านสงั คมศึกษา 4. ประสบการณแ์ ละกจิ กรรมดา้ นธรรมชาติศกึ ษา 5. ประสบการณ์และกิจกรรมดา้ นสขุ ศกึ ษา 6. ประสบการณแ์ ละกิจกรรมด้านศลิ ปศึกษา 7. ประสบการณแ์ ละกิจกรรมด้านขับรอ้ งดนตรี ความมุ่งหมายของประสบการณแ์ ละกจิ กรรมทางด้านคณิตศาสตร์ มสธ1) เพ่ือเตรยี มและสง่ เสรมิ ความพรอ้ ม 2) เพือ่ ศกึ ษาการสงั เกตและคิดหาเหตผุ ล 3) เพอื่ ใหร้ ู้จกั และเข้าใจความหมายของตัวเลขจำ� นวน 4) เพอื่ ใหร้ ู้จกั นำ� ความรไู้ ปใช้ในชีวิตประจำ� วัน ความมงุ่ หมายของประสบการณแ์ ละกจิ กรรมทางด้านภาษาไทย มสธ มสธ1) เพอ่ื เตรียมและสง่ เสรมิ ความพร้อมในการเรียนภาษา 2) เพื่อฝกึ ทักษะและความเข้าใจเบ้อื งต้นการใชภ้ าษา 3) เพ่ือศึกษามารยาทในการพดู การฟัง 4) เพื่อสง่ เสริมให้เดก็ กลา้ พดู กล้าแสดง ความมงุ่ หมายของประสบการณ์และกิจกรรมด้านสังคมศึกษา 1) ปลกู ฝังและอบรมใหม้ ีสังคมนิสยั ท่ดี ี สามารถอยู่ เล่น และทำ� งานรว่ มกับผอู้ น่ื ได้ มสธ2) ปลูกฝังใหม้ ีอุปนสิ ัยท่ดี ี อยู่ในขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละวฒั นธรรมอนั ดงี ามของไทย 3) ใหเ้ ขา้ ใจความสัมพนั ธ์ในครอบครวั และชุมนุมชนท่ตี นเก่ียวข้องอยู่ 4) ให้รูจ้ ักสทิ ธหิ นา้ ท่ขี องตน และไม่ล่วงลาํ้ สทิ ธหิ นา้ ท่ขี องผูอ้ น่ื 5) รจู้ ักยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของผู้อืน่ และกลา้ แสดงความคดิ เหน็ ของตน 6) ให้ร้จู กั และสนใจในสงิ่ แวดล้อมที่เกยี่ วขอ้ งกบั ความเป็นอยู่ของเดก็ ในชมุ ชนน้นั มสธ มสธความมุ่งหมายของประสบการณแ์ ละกจิ กรรมดา้ นธรรมชาติศึกษา 1) เพอื่ ให้สนใจ มองความสวยงาม รกั และชนื่ ชมธรรมชาติ 2) เพื่อสง่ เสริมให้เด็กเกิดนิสัยอยากรูอ้ ยากเห็น ชา่ งสงั เกต มเี หตุผล 3) เพ่ือให้ได้มีโอกาส ศึกษาหาความจริงเก่ยี วกับธรรมชาติดว้ ยตนเอง 4) เพื่อให้เกิดความเพลดิ เพลนิ และรจู้ ักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ มสธ5) เพ่อื ใหร้ จู้ ักระวงั รกั ษาตวั จากภัยซง่ึ เกิดจากธรรมชาติ

หลกั สตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-25 6) เพ่ือให้รู้จักคุณค่า รักษา ไม่ท�ำลายธรรมชาติและส่ิงสวยงาม ตลอดจนน�ำมาใช้ให้เกิด มสธประโยชน์ ความมุง่ หมายของประสบการณแ์ ละกจิ กรรมดา้ นสขุ ศกึ ษา 1) เพือ่ ใหม้ รี า่ งกายแขง็ แรง มกี ารทรงตวั ไดถ้ ูกต้อง มอี ริ ยิ าบทดี มใี จร่าเริงแจม่ ใส 2) เพื่อให้รู้จกั ช่วยตัวเอง และระวงั ตัวเองและผู้อ่นื ใหป้ ลอดภัย มสธ มสธ3) เพื่อใหร้ ู้จักปอ้ งกนั ตนเองและผู้อ่ืนให้พ้นจากโรคภยั ไข้เจ็บ 4) เพอื่ สรา้ งสขุ นสิ ยั ทดี่ ใี นการรบั ประทานอาหาร การออกกำ� ลงั กาย การพกั ผอ่ นการขบั ถา่ ย 5) เพื่อให้มคี วามคิดรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ ฝึกประสาทกล้ามเนื้อให้แคลว่ คลอ่ งวอ่ งไว ความมงุ่ หมายของประสบการณแ์ ละกจิ กรรมด้านศลิ ปศกึ ษา 1) เพื่อให้เกดิ ความเพลิดเพลิน ช่ืมชมในสิง่ สวยงาม 2) เพื่อฝึกกล้ามเนอื้ มอื ประสาท ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมอื กับตา มสธ3) เพอ่ื ฝกึ ใหเ้ ปน็ คนละเอียด ประณีตมรี ะเบยี บ ชา่ งสังเกต 4) เพื่อปลูกฝังแนวความคดิ สร้างสรรค์ 5) เพอ่ื ใหร้ จู้ ักใช้เวลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ 6) เพื่อให้สมั พันธ์กับการเรียนร้วู ิชาอนื่ ๆ ความมงุ่ หมายของประสบการณ์และกิจกรรมดา้ นขบั ร้องดนตรี มสธ มสธ1) เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสนุกสนาน เพลดิ เพลิน 2) เพื่อสง่ เสรมิ ให้เดก็ ร้จู ักความไพเราะซาบซง้ึ และเกดิ รสนยิ มทางดนตรี 3) เพ่ือฝึกให้เด็กได้แสดงออกและเกิดความคิดริเร่ิมในการร้องเพลงและการแสดงท่าทาง ประกอบ 4) เพ่ือฝึกให้เด็กได้แสดงออกและเกิดความคิดริเริ่มในการร้องเพลงและการแสดงท่าทาง ประกอบ มสธ5) เพอ่ื ให้สมั พนั ธ์กับการเรยี นรู้วชิ าอื่น หลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2522 หลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2522 เป็นหลักสูตรท่ีปรับปรุงขึ้นจากหลักสูตรอนุบาลศึกษา พ.ศ. 2518 มสธ มสธโดยมงุ่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั สตู รประถมศกึ ษา พ.ศ. 2521 แตท่ วา่ ยงั คงมงุ่ เตรยี มความพรอ้ มเพอ่ื การเรยี นตอ่ ในระดบั ช้นั ประถมปีท่ี 1 มสี าระสำ� คญั ดงั นี้ จุดมุ่งหมาย 1. เพ่ือส่งเสริมให้เด็กมีสุขนิสัยท่ีดีเก่ียวกับการกิน การออกก�ำลังกาย และการพักผ่อนอย่างถูก ต้อง ตลอดจนรจู้ ักระวังรักษาตัวใหพ้ น้ จากโรคภยั และอบุ ัติเหตุ 2. เพื่อปลูกฝังให้เด็กมีลักษณะนิสัยท่ีดีงาม รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง รู้จักและอยู่ร่วมกับ มสธผอู้ ืน่ ได้

3-26 การจดั การศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำ หรบั เดก็ ปฐมวยั 3. เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ รจู้ กั สงั เกต มไี หวพรบิ มคี วามคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ สามารถแสดงออก ชนื่ ชม มสธต่อความไพเราะและส่ิงสวยงามต่างๆ 4. เพ่ือฝกึ ใหเ้ ดก็ รู้จกั ใชป้ ระสาทสมั ผัสได้อย่างเหมาะสม และเคลอื่ นไหวรา่ งกายไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 5. เพือ่ ใหร้ จู้ ักปฏบิ ตั ิกิจวัตรประจำ� วนั ของตนเองได้ เป้าหมาย เพอื่ พัฒนาความพร้อมท้งั 4 ดา้ นแก่เด็กวยั 4–6 ปี ในรปู ของชั้นอนบุ าลปีท่ี 1 และช้นั มสธ มสธอนบุ าลปที ่ี2 เน้ือหา 1. การเตรยี มสรา้ งเสรมิ ทกั ษะในวิชาภาษาไทยและส่งเสริมความพรอ้ มในการเรยี นภาษาไทย 2. การเตรียมสรา้ งเสรมิ ทักษะวชิ าคณติ ศาสตร์ 3. การเตรยี มสรา้ งเสริมประสบการณ์ 3.1 เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขนิสัยท่ีดีในการรับประทานอาหาร การพักผ่อน มสธการขบั ถา่ ยและการรักษาความสะอาด 3.2 เพอื่ ใหร้ ้จู กั ช่วยตัวเองและผู้อนื่ ใหป้ ลอดภัยและพน้ จากโรคภัยไข้เจบ็ 3.3 เพ่ือปลูกฝังให้มีอุปนิสัยท่ีดี มีใจร่าเริงแจ่มใสอยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณีและ วฒั นธรรมอนั ดีงามของไทย 3.4 เพื่อปลูกฝังให้มีอุปนิสัยท่ีดี มีใจร่าเริงแจ่มใสอยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณีและ มสธ มสธวัฒนธรรมอันดงี ามของไทย 3.5 เพอื่ ใหร้ จู้ กั สทิ ธหิ นา้ ทขี่ องตน ไมล่ ว่ งลา้ํ สทิ ธขิ องผอู้ น่ื ยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื 3.6 เพอ่ื ใหม้ นี สิ ยั อยากรอู้ ยากเหน็ ชา่ งสงั เกต มเี หตผุ ล ศกึ ษาหาความจรงิ เกย่ี วกบั ธรรมชาติ ดว้ ยตนเอง 3.7 เพือ่ ใหร้ จู้ กั คุณคา่ มองเหน็ ความสวยงาม รกั และช่นื ชมธรรมชาติ ไม่ท�ำลายธรรมชาติ ทีส่ วยงาม ตลอดจนน�ำมาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ มสธ4. การเตรียมสร้างเสรมิ ลักษณะนิสยั 4.1 เพ่อื ฝกึ ประสาทสัมพันธ์ 4.2 เพอ่ื ปลูกฝงั ใหม้ คี วามคิดสรา้ งสรรค์ 4.3 เพอื่ ส่งเสริมให้มรี สนิยมที่ดี รักสวยรกั งาม ซาบซึ้งในความไพเราะของดนตรี 4.4 เพ่ือปลูกฝงั ค่านิยม ทัศนคตแิ ละคุณลกั ษณะที่ดีของศิลปะและวัฒนธรรมไทย มสธ มสธ4.5 เพอื่ ส่งเสริมใหเ้ ด็กรูจ้ กั การแสดงออกตามความถนดั และความสามารถของแต่ละบุคคล 4.6 เพ่ือส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ สังคมและสตปิ ญั ญา 4.7 เพ่อื ฝึกให้เปน็ คนมีระเบียบ ประณตี และชา่ งสังเกต 4.8 เพื่อให้เกิดความสนกุ สนานเพลิดเพลิน และใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์ มสธ4.9 เพอ่ื นนำ� ไปใช้บูรณาการกับกล่มุ วชิ าตา่ งๆ

หลกั สตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-27 หลักสูตรเด็กเล็ก พ.ศ. 2524 มสธการพัฒนาหลักสูตรฉบับนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากผลการทดลองจัดช้ันเด็กเล็กขึ้นในโรงเรียน ประชาบาลและเทศบาลทจ่ี งั หวดั ฉะเชงิ เทรา เมอ่ื ปี พ.ศ. 2495 ซงึ่ ปรากฏวา่ ทดลองแลว้ ไดผ้ ลดเี ปน็ ทนี่ ยิ ม ของประชาชน จงึ อนญุ าตให้โรงเรียนประถมศึกษาท่ีมคี วามพรอ้ มเปดิ ช้นั เดก็ เล็กขึน้ ไดโ้ รงเรียนละ 1 ห้อง ดังนั้นหน่วยศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษาจึงได้จัดวางแผนการจัดประสบการณ์ หรือ หลักสูตรช้ัน มสธ มสธเดก็ เลก็ ไวเ้ พอ่ื เปน็ แนวทางใหก้ ารศกึ ษาอบรมเดก็ เปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั คอื เตรยี มเดก็ ใหม้ คี วามพรอ้ ม ทกุ ดา้ น ไดแ้ ก่ ด้านรา่ งกาย สังคม อารมณ์และสติปัญญา จนกระทัง่ ปี พ.ศ. 2524 จงึ ไดม้ ีการปรับปรุง หลักสตู รเด็กเลก็ ขนึ้ จุดมุ่งหมาย 1. ดา้ นร่างกาย ส่งเสริมร่างกายใหม้ คี วามเจรญิ เติบโต แข็งแรง ฝกึ กจิ นสิ ัยและสุขนิสัยท่ดี ี เชน่ รู้จักรักษาความสะอาด เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และเป็นเวลา ตลอดจนการใช้ห้องน้ํา มสธห้องส้วมได้ถูกต้อง ฝึกให้เล่นและออกก�ำลังกาย เพ่ือบริหารกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ทั้งรู้จักการพักผ่อนท่ี ถูกวธิ ี 2. ดา้ นจติ ใจ–อารมณ์ ส่งเสริมดา้ นสขุ ภาพจติ และปลูกฝังคา่ นยิ มเกีย่ วกับจรยิ ภาพตา่ งๆ เช่น มี จิตใจรา่ เรงิ แจม่ ใส ชนื่ ชมต่อความไพเราะและสงิ่ สวยงาม ฝกึ ให้มใี จเมตตากรุณา เออ้ื เฟ้อื เผ่อื แผ่ ซื่อสตั ย์ กตัญญูกตเวที เคารพเชอื่ ฟงั ผู้ใหญ่ ประหยดั ขยัน หมนั่ เพยี ร อดทน รจู้ ักควบคุมอารมณแ์ ละเช่อื ถอื ใน มสธ มสธคำ� สงั่ สอนของศาสนา 3. ด้านสังคม ส่งเสริมการพัฒนาลักษณะนิสัยให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เช่น ปลูกฝังให้ เด็กร้จู ักเคารพตนเอง ปฏบิ ัตติ นต่อหมู่คณะ กล้าพูด กลา้ แสดงออกด้วยตนเอง เน้ือหา หลกั สตู รเดก็ เลก็ ฉบบั นเี้ ปน็ หลกั สตู รทพ่ี ฒั นาขน้ึ ใหม่ เปน็ หลกั สตู รทพี่ ฒั นาขนึ้ มาในระยะ เวลาไล่เล่ียกับการปรับปรุงหลักสูตรอนุบาลในปี พ.ศ. 2522 จึงมีผลท�ำให้การจัดแบ่งกลุ่มเน้ือหาต่างๆ คล้ายคลงึ กนั คือ มสธ1. เตรียมสรา้ งเสรมิ ทักษะภาษาไทย 2. เตรียมสร้างเสรมิ ทกั ษะคณติ ศาสตร์ 3. เตรยี มสรา้ งเสริมประสบการณ์ 4. เตรยี มสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ัย เพราะหลกั สูตรทง้ั สองต่างก็มุ่งเน้นการเตรยี มเด็กเพือ่ เป็นนักเรยี นชนั้ ประถมปีท่หี น่ึงเป็นส�ำคัญ มสธ มสธหลักสูตรเด็กเล็กพ.ศ.2526 ผลการวจิ ยั เกย่ี วกบั เดก็ เลก็ ทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศบง่ ชวี้ า่ การเตรยี มความพรอ้ มใหก้ บั เดก็ วยั กอ่ นเขา้ เรยี นตอ่ ในระบบการศกึ ษาภาคบงั คบั มคี วามสำ� คญั ในดา้ นการสรา้ งทศั นคตทิ ดี่ ตี อ่ การเรยี นของ เด็ก ลดการตกซาํ้ ชนั้ จงึ ไดจ้ ดั ใหม้ ีโครงการเปดิ ชัน้ เด็กเล็กในทอ้ งถิ่นท่มี ปี ัญหาทางเศรษฐกิจ และปญั หา การใชภ้ าษาอนื่ มากกวา่ ภาษาไทย มงุ่ ทจ่ี ะเตรยี มความพรอ้ มในดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ สงั คมและสตปิ ญั ญา มสธเปน็ สำ� คัญ เพือ่ ใหพ้ ร้อมทจี่ ะเรยี นต่อในชนั้ ประถมศกึ ษาตอ่ ไป (คณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาติ,

3-28 การจดั การศกึ ษาและหลกั สตู รสำ�หรับเดก็ ปฐมวัย 2527) จึงได้มีการปรับปรุงและจัดท�ำแนวการจัดประสบการณ์และแผนการจัดประสบการณ์ขึ้น เพื่อเป็น มสธแนวทางในการบรรลผุ ลไดด้ ี สาระสำ� คัญของหลักสตู รมดี ังนี้ จุดมุ่งหมาย เพ่ือเป็นการจัดประสบการณ์ให้แก่เด็กอายุวัยก่อนเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ 1 ปี โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเตรียมเด็กให้มีความพร้อมในการเรียนประถมศึกษาต่อไป และส่งเสริมพัฒนาการ ของเด็กทกุ ดา้ น กลา่ วคือ ด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ตลอดจนคณุ ธรรม ค่านิยมอันพงึ มสธ มสธประสงค์ของชาติ เน้ือหา เนือ้ หาสาระมไิ ดจ้ ัดเป็นรายวิชา แต่น�ำประสบการณต์ ่างๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั เดก็ โดยตรงมา รวบรวมเปน็ 3 หมวดหมู่ ได้แก่ 1. เตรียมสรา้ งเสรมิ ทักษะภาษาไทยและคณติ ศาสตร์ 2. เตรยี มสร้างเสรมิ ประสบการณ์ 3. เตรยี มสรา้ งเสรมิ ลักษณะนสิ ยั มสธหลักสตู รน้ไี ดเ้ สริมเพม่ิ กจิ กรรมต่างๆ เข้าไปในหลักสูตร ได้แก่ ศลิ ปศกึ ษา การเล่นตามมมุ การ เล่นกลางแจ้ง กิจกรรมพ้ืนฐาน กายบริหารและกิจกรรมเข้าจังหวะ กิจกรรมในวงกลมและเกมการศึกษา โดยการน�ำกจิ กรรมเหลา่ น้บี ูรณาการเขา้ ไปในเนอ้ื หาวิชา หลักสูตรเด็กเล็ก พ.ศ. 2528 มสธ มสธหลักสูตรฉบบั น้เี ป็นหลกั สูตรที่ปรบั ปรุงมาจากหลกั สตู รฉบบั พ.ศ. 2526 มเี นอ้ื หาสาระคลา้ ยคลึง กับหลกั สูตรเดิม เพยี งแต่เพ่ิมเตมิ แนวการจัดประสบการณแ์ ละจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ดงั น้ี 1. แนวการจัดประสบการณ์ 1.1 เปน็ ประสบการณ์ท่มี งุ่ ปลูกฝังเด็กใหม้ ีพ้ืนฐานชวี ิตทดี่ ดี ้านคุณธรรมและจริยธรรม 1.2 เป็นประสบการณ์ท่ีมุ่งสร้างเสริมให้เด็กคิดเป็น ท�ำเป็น และแก้ปัญหาได้เหมาะสม ตามวยั มสธ1.3 เป็นประสบการณ์ที่ม่งุ สรา้ งทศั นคติทีด่ ตี อ่ การเรยี นใหก้ ับเด็ก 1.4 เป็นประสบการณท์ ี่มงุ่ เตรยี มเดก็ ใหม้ ีความพรอ้ มดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ สังคมและสติ- ปัญญากอ่ นเขา้ เรียนระดบั ประถมศกึ ษา 2. จุดมุ่งหมาย จุดมุ่งหมายท่ีเพ่ิมเข้ามา ได้แก่ การมุ่งให้เด็กด�ำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขด้วย ไมเ่ พยี งแตม่ งุ่ เตรียมความพร้อมในดา้ นร่างกาย อารมณ์ สังคม และสตปิ ัญญา เพ่ือให้เดก็ มีพื้นฐานพร้อม มสธ มสธทจี่ ะเรียนตอ่ ในระดับประถมศึกษาเทา่ น้นั หลักสูตรเด็กเล็ก พ.ศ. 2531 หลังจากท่ีได้ด�ำเนินการจัดท�ำเอกสารแนวการจัดประสบการณ์และแผนการจัดประสบการณ์ ชั้นเด็กเล็กให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษามาระยะหน่ึงแล้ว ส�ำนักงานคณะกรรมการการ ประถมศึกษาแห่งชาติ ก็ได้แต่งตั้งคณะท�ำงานเพื่อปรับปรุงแนวการจัดประสบการณ์และแผนการจัด มสธประสบการณ์ช้ันเด็กเล็กเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษาชั้นเด็กเล็กให้ได้ผลดี ถูกต้องตามหลัก

หลักสตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-29 วิชาการ และสัมฤทธิผลตามเป้าหมายมากยิ่งข้ึน (ส�ำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, มสธ2534) มหี ลักการ จุดมุ่งหมายและวตั ถปุ ระสงค์ ดงั นี้ 1. หลักการ 1.1 เป็นประสบการณ์ท่ีมุ่งส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและ สตปิ ญั ญา เพ่อื ปพู น้ื ฐานท่ีดใี หแ้ ก่เด็ก มสธ มสธ1.2 เป็นประสบการณท์ ี่ตอบสนองความต้องการ ความสนใจ ท่ีสอดคล้องกบั วยั ของเดก็ 1.3 เปน็ ประสบการณ์พน้ื ฐานที่มุ่งสง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กช่วยตัวเองไดต้ ามควรแกว่ ัย 1.4 เปน็ ประสบการณ์ทม่ี งุ่ ปลูกฝังให้เด็กมีพ้นื ฐานทีด่ ดี ้านคณุ ธรรมและจริยธรรม 2. จุดมุ่งหมาย ส่งเสรมิ ให้เด็กมพี ัฒนาการตามความสามารถของแตล่ ะคนในดา้ นต่างๆ ดังนี้ 2.1 สง่ เสริมพฒั นาการทั้งทางดา้ นร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา 2.2 จดั ประสบการณ์ท่ีช่วยใหเ้ ดก็ ด�ำรงชีวติ ประจำ� วันไดอ้ ย่างมีความสขุ 2.3 มที ักษะพ้นื ฐานทจ่ี ะช่วยตวั เองได้ตามควรแกว่ ัย มสธ2.4 มีทักษะพนื้ ฐานทจ่ี ะเรียนในช้ันประถมศกึ ษา 3. จุดประสงค์ของการจัดประสบการณ์ 3.1 พัฒนาการทางดา้ นร่างกาย 3.2 พฒั นาการด้านอารมณ์ จติ ใจ มสธ มสธ3.3 พฒั นาการดา้ นสังคม 3.4 พฒั นาการด้านสตปิ ัญญา หลักสูตรโรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2531) หลกั สตู รอนบุ าลของโรงเรยี นสาธติ อนบุ าลละอออทุ ศิ เปน็ หลกั สตู รทมี่ คี วามเปน็ มาชา้ นานในฐานะ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยฉบับแรกของรัฐบาล เริ่มใช้มาตั้งแต่พุทธศักราช 2483 มีความเปลี่ยนแปลงที่ มสธชัดเจน คือได้ท�ำการปรับปรุงในปี พ.ศ. 2496 โดยพยายามลดเน้ือหารายวิชาต่างๆ ให้น้อยลงและเพิ่ม กิจกรรมให้มากขึ้น หลักสูตรได้มีการปรับปรุงคร้ังใหญ่โดยเริ่มด�ำเนินการเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2531 ปรบั ปรงุ ใหเ้ หมาะสมกบั ภาวการณท์ เี่ ปลย่ี นไป เนน้ ใหเ้ ปน็ หลกั สตู รทมี่ เี อกลกั ษณข์ องความเปน็ ละอออทุ ศิ มีวัตถุประสงค์ที่จะจัดการเรียนการสอนให้เหมาะกับเด็กในกลุ่มรับบริการซ่ึงมีคุณลักษณะเฉพาะ อ้างอิง ทฤษฎีและหลักทางการศึกษาปฐมวัยท่ีถูกต้อง เพ่ือเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาของสถาบันราชภัฏสวนดุสิต มสธ มสธไดศ้ กึ ษาทฤษฎแี ละเรยี นรวู้ ธิ กี ารปฏบิ ตั ทิ ถี่ กู ตอ้ งตอ่ ไป (วฒั นา ปญุ ญฤทธ,์ิ 2539 อา้ งถงึ ในวชั รยี ์ รว่ มคดิ , 2539) องค์ประกอบตา่ งๆ ของหลกั สูตรมีลกั ษณะดงั น้ี จุดมุ่งหมาย ในการจัดการศึกษาส�ำหรับเด็กปฐมวัย (อายุ 3-6 ปี) ในโรงเรียนสาธิตอนุบาล ละอออุทศิ มวี ัตถุประสงค์ในการพัฒนาเดก็ คือ ดา้ นสติปัญญาและการเรยี นรู้ 1) ใหม้ เี จตคตทิ ด่ี ตี ่อการเรียน 2) ใหเ้ ปน็ คนชอบคน้ ควา้ และพฒั นาความสามารถในการแกป้ ญั หา ตลอดจนการฝกึ ฝนให้ มสธเปน็ คนที่มีความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์

3-30 การจดั การศึกษาและหลักสตู รส�ำ หรับเด็กปฐมวัย 3) ใหไ้ ด้รบั ฝกึ ฝนจนมที กั ษะในการรบั รู้โดยใชป้ ระสาทสัมผสั ท้ังห้า มสธ4) ใหม้ คี วามสามารถในการใชภ้ าษาในการถา่ ยทอดความคดิ ความรสู้ กึ และใชใ้ นการสอื่ สาร กบั ผอู้ นื่ ได้ 5) ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับสิง่ แวดล้อมรอบตัว แม้ว่าสภาพการณ์ท่ีเปลี่ยนไปจะท�ำให้หลักสูตรอนุบาลละอออุทิศในปัจจุบันมีความเป็น มสธ มสธอนุบาลของรัฐน้อยลงกว่าในอดีต แต่สิ่งท่ียังคงถือเป็นเอกลักษณ์ของหลักสูตรนี้ก็คือ ปรัชญาการศึกษา ซึ่งมุ่งเนน้ ในเรอ่ื งการเตรียมความพร้อมไว้อย่างยึดมั่น ในการปรบั ปรุงหลกั สตู รเมอ่ื ปี พ.ศ. 2531 น้ี ไดม้ ี การระดมทรพั ยากรบุคคล คือนกั การศกึ ษาปฐมวัย และผ้เู ชีย่ วชาญ มาช่วยในการด�ำเนนิ งานเปน็ จ�ำนวน มาก (วัฒนา ปุญญฤทธ์ิ, 2539 อ้างถึงในวัชรีย์ ร่วมคิด, 2539) จึงพออนุมานได้ว่า การปรับหลักสูตร ครั้งน้ีคงได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางด้านการศึกษาเป็นส�ำคัญ เพราะนักการศึกษาปฐมวัยจะต้องใช้ความ เขา้ ใจในหลักการศกึ ษาปฐมวัยและจติ วิทยาเดก็ ปฐมวยั มาเปน็ หลักยึดในการพัฒนาหลักสูตร มสธนอกจากหลกั สตู รอนบุ าลละอออทุ ศิ จะยดึ มนั่ ในปรชั ญาการเตรยี มความพรอ้ มแลวั ยงั พบวา่ หลกั สตู รนย้ี งั มงุ่ ปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ มคี วามรกั และความภาคภมู ใิ จใน “ความเปน็ ไทย” และสง่ิ ทยี่ งั คงเหนยี วแนน่ ในหลกั สตู รนอี้ กี ประการหนงึ่ กค็ อื เรอื่ งของสอื่ การสอนและกจิ กรรมทม่ี งุ่ เนน้ การใชข้ องจรงิ และการปฏบิ ตั จิ รงิ ดังท่ี วัฒนา ปุญญฤทธ์ิ (2539) ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การจัดกิจกรรมและส่ือการสอนต่างๆ น้ัน ได้รับ งบประมาณสนบั สนนุ อยา่ งมากมายและเพยี งพอทจ่ี ะให้เด็กได้ลงมอื ปฏบิ ัตอิ ย่างสะดวกสบาย มสธ มสธดา้ นการวัดและการประเมินผลนัน้ เนน้ การใชก้ ารสงั เกตเป็นสว่ นใหญ่ มไิ ด้ให้ความสำ� คัญ ตอ่ ประเดน็ เรอื่ งความพรอ้ มของพฒั นาการทงั้ สด่ี า้ นนกั ทางดา้ นรา่ งกายมพี ยาบาลดแู ลความเจรญิ เตบิ โต ของรา่ งกายดว้ ย สว่ นทางดา้ นสตปิ ญั ญาอาจมกี ารทดสอบระหวา่ งภาคเรยี นบา้ ง (อญั ชลี ไสยวรรณ,์ 2539 อา้ งถึงในวัชรีย์ ร่วมคิด, 2539) ด้านแผนการจัดประสบการณ์พบว่า ในส่วนของกิจกรรมและตารางกิจกรรมน้ันคล้ายคลึง กบั หลกั สูตรทัว่ ไป แตอ่ าจเรยี กชือ่ แตกตา่ งบ้าง ไดแ้ ก่ กจิ กรรมกลุ่ม กจิ กรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมสงบ มสธแต่ละกิจกรรมก็มวี ธิ ีปฏิบตั ิที่คลา้ ยคลึงกบั หลักสตู รอื่น อาจมีกจิ กรรมเสรมิ พิเศษเข้ามาด้วย คอื กจิ กรรม เขา้ ห้องสมดุ ของเลน่ และการวา่ ยน้ํา อาจสรปุ ไดว้ า่ หลกั สตู รของอนบุ าลละอออทุ ศิ พฒั นาขน้ึ มาโดยเนน้ ปรชั ญาการเตรยี มความ พร้อมเป็นส�ำคัญ และภายหลังได้พยายามเน้นเอกลักษณ์ความเป็นละอออุทิศให้มาก เพื่อให้มีความ เหมาะสมกบั กลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะกลมุ่ ประเดน็ นเี้ องทอี่ าจเปน็ สาเหตใุ หก้ ารใชห้ ลกั สตู รฉบบั นจี้ ำ� กดั อยใู่ น มสธ มสธหน่วยงาน “ละอออุทศิ ” เท่านน้ั หลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2534 หลกั สตู รและแผนการจดั ประสบการณฉ์ บบั นเี้ ปน็ หลกั สตู รของโรงเรยี นอนบุ าลรฐั บาลทพ่ี ฒั นาขน้ึ โดยมงุ่ เนน้ ทจ่ี ะสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ มคี วามพรอ้ มดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา ใหก้ ารศกึ ษา มสธมีความถกู ต้องตามหลักการอนบุ าลศึกษา โดยการศกึ ษาหลกั การทฤษฎี ผลงานวิจยั ทเ่ี กีย่ วกับการศกึ ษา

หลกั สูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-31 ในระดับก่อนประถมศึกษา รวมท้ังค�ำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันเป็นแนวทาง (ส�ำนักงาน มสธคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแห่งชาติ, 2536) หลักการ ปฐมวัยเป็นระยะทีส่ ำ� คญั ยิง่ ของชีวิต ทัง้ นเ้ี พราะเปน็ ชว่ งทเี่ หมาะสมในการวางฐานและ เสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ เพื่อเป็นก�ำลังส�ำคัญในการพัฒนาประเทศ รัฐได้ก�ำหนดสภาวะ ความตอ้ งการพน้ื ฐาน และบรกิ ารสำ� หรบั เดก็ และเยาวชน โดยระบวุ า่ เดก็ ทกุ คนจะตอ้ งไดร้ บั การตอบสนอง มสธ มสธขน้ั พน้ื ฐานเพอื่ ใหก้ ารพฒั นาเปน็ ไปอยา่ งรอบดา้ น เพอื่ ใหก้ ารพฒั นาบรรลถุ งึ ศกั ยภาพของความเปน็ มนษุ ย์ โดยสมบูรณ์ และสามารถใช้ชวี ิตอยา่ งมปี ระโยชน์ตอ่ ตนเองและสังคม ในท�ำนองเดียวกนั แผนการศึกษา แห่งชาติ ฉบับท่ี 7 ได้กล่าวถึงนโยบายการจัดการศึกษาส�ำหรับเด็กระดับอนุบาลศึกษาว่า เพ่ือให้เด็กมี พัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาตามศักยภาพ ดังน้ันส�ำนักงานคณะกรรมการ การประถมศึกษาแห่งชาตจิ ึงได้กำ� หนดหลกั การส�ำหรับแนวการจดั ประสบการณ์ ดงั นี้ 1. ประสบการณ์ท่ีมงุ่ เสรมิ สรา้ งพัฒนาการทางดา้ นร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คมและสติปญั ญา มสธเพอ่ื วางพน้ื ฐานชวี ติ ท่ดี ีให้แกเ่ ด็ก 2. ประสบการณ์ท่ีมุ่งตอบสนองความต้องการ ความสนใจ ความสามารถและความแตกต่าง ระหวา่ งบคุ คลทเ่ี หมาะสมตามวยั 3. ประสบการณ์ทม่ี ุ่งพัฒนาทกั ษะพ้นื ฐานเพอ่ื ประสบความส�ำเร็จในชีวิต จุดมุ่งหมาย แนวการจดั ประสบการณร์ ะดบั อนบุ าลศกึ ษาชน้ั อนบุ าลปที ี่ 1 และปที ่ี 2 มจี ดุ มงุ่ หมาย มสธ มสธที่จะส่งเสริมให้เด็กแต่ละคนได้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ สติปญั ญาดังต่อไปน้ี 1. มีร่างกายเจริญเติบโต แข็งแรงสมบูรณ์ มีความสามารถในการใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ คลอ่ งแคล่วและมสี ุขนิสัยท่ีดี 2. มคี วามสามารถท่ีจะช่วยตวั เองได้ตามวยั 3. มคี วามรสู้ ึกทด่ี ตี อ่ ตนเองและผ้อู ่นื มสธ4. มีคุณธรรมและจริยธรรม 5. มีความรัก ชนื่ ชม และภมู ใิ จในศลิ ปวัฒนธรรม ประเพณที ด่ี งี ามของชาติ 6. เหน็ คณุ คา่ สามารถอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาสิ่งแวดลอ้ ม 7. เปน็ สมาชิกท่ีดขี องสงั คม และสามารถปรบั ตวั อย่รู ่วมกับผอู้ น่ื ได้อย่างมีความสุข 8. มีความสามารถในการใช้กระบวนการเรียนรู้ มีประสาทสัมผัสท่ีดี มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ มสธ มสธและใช้ภาษาในการส่ือความหมายไดค้ ล่องแคลว่ เป้าหมาย การจัดการศึกษาระดับอนุบาลศึกษา เป็นการจัดการศึกษาให้แก่เด็กที่มีอายุระหว่าง 4-6 ปี โดยแบง่ เปน็ 2 ระดบั คือ ชน้ั อนุบาลปีท่ี 1 จดั การศึกษาให้กบั เดก็ อายุระหว่าง 4-5 ปี ชัน้ อนุบาลปที ่ี 2 จดั การศกึ ษาใหก้ ับเดก็ อายุระหวา่ ง 5-6 ปี การจดั ประสบการณใ์ หแ้ กเ่ ดก็ อนบุ าล มเี ปา้ หมายเพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดพ้ ฒั นาทง้ั ทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ-์ มสธจิตใจ สงั คม และสติปญั ญา ดังน้ี

3-32 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รส�ำ หรบั เดก็ ปฐมวยั 1. พัฒนาการด้านร่างกาย มสธ1.1 มรี ่างกายเจริญเตบิ โตตามวัย 1.2 พฒั นากล้ามเนื้อและประสาทสมั ผัส 1.3 มสี ขุ นิสัยในการรกั ษาสุขภาพอนามยั 1.4 เรียนร้กู ารระวังและรักษาความปลอดภยั ของตนเองและผ้อู ืน่ มสธ มสธ2. พัฒนาการด้านอารมณ์-จิตใจ 2.1 ร้จู ักผ่อนคลายความเครยี ด มสี ขุ ภาพจติ ดแี ละมีความสขุ 2.2 ควบคมุ อารมณ์ของตนเอง และแสดงออกไดเ้ หมาะสมกบั วยั 2.3 มคี วามรสู้ กึ ทดี่ ตี ่อตนเองและผ้อู ่นื รูจ้ ักเอาใจเขามาใส่ใจเรา 2.4 มีวินัยในตนเอง และมีความรับผดิ ชอบงานทีไ่ ด้รับมอบหมาย 2.5 พฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรมได้เหมาะสมกับวยั มสธ2.6 มีความรักและช่ืนชมในศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีที่ดีงามของท้องถิ่น และประเทศชาติ 2.7 เหน็ คณุ คา่ และมสี ว่ นร่วมในการดแู ลรักษาสง่ิ แวดล้อม 3. พัฒนาการด้านสังคม 3.1 รจู้ ักเข้าใจตนเองและบุคคลใกล้ชิด มสธ มสธ3.2 ร้จู กั บคุ คล ความสำ� คญั ของครอบครัว สังคม และชมุ ชน 3.3 มสี ังคมนสิ ัยท่ดี ี สามารถทำ� งานและอยู่ร่วมกบั ผู้อนื่ ได้ 3.4.มีความสนใจและมสี ่วนร่วมในการดแู ลรักษาสงิ่ แวดล้อม 3.5 มคี วามภมู ิใจในชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์และความเปน็ ไทย 4. พัฒนาการด้านสติปัญญา 4.1 สามารถใชภ้ าษาในการส่อื ความหมาย มสธ4.2 มคี วามรู้ความเข้าใจพน้ื ฐานทางคณิตศาสตร์ 4.3 มคี วามสามารถในการรบั รโู้ ดยใชป้ ระสาทสัมผัส 4.4 มคี วามสามารถในการคดิ แก้ปัญหาและการใช้เหตุผล 4.5 มีความคิดสร้างสรรค์ 4.6 มคี วามจ�ำดี มสธ มสธ4.7 มนี สิ ยั รกั การเรียนรู้ และมีความสนใจต่อส่ิงทไ่ี ด้พบเหน็ สรุปไดว้ ่าหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัยในระยะเรมิ่ แรกที่มีการกำ� หนดหลกั สตู ร จนถงึ ปี พ.ศ. 2534 ประกอบด้วย หลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2483 หลักสูตรชั้นเดก็ เล็ก พ.ศ. 2495 หลักสูตรอนบุ าล พ.ศ. 2496 หลกั สูตรอนบุ าล พ.ศ. 2503 หลักสูตรอนบุ าลศึกษา พ.ศ. 2518 หลกั สูตรอนบุ าล พ.ศ. 2522 หลกั สตู ร เดก็ เล็ก พ.ศ. 2524 หลกั สูตรเดก็ เล็ก พ.ศ. 2526 หลกั สูตรเด็กเลก็ พ.ศ. 2528 หลกั สตู รเดก็ เล็ก พ.ศ. มสธ2531 และหลกั สตู รอนบุ าล พ.ศ. 2534 ซึ่งมลี กั ษณะเดน่ ที่สำ� คัญ คือ

หลักสตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-33 หลกั สตู รชน้ั เดก็ เลก็ ฉบบั พ.ศ. 2495 หลกั สตู รฉบบั นเ้ี กดิ ขนึ้ จากการที่ UNESCO สง่ ผเู้ ชย่ี วชาญ มสธมาวิเคราะห์หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั ทปี่ ระเทศไทยใช้อยเู่ มอ่ื ปี พ.ศ. 2493 พบวา่ เดก็ ขาดโอกาสในการ พัฒนาทางดา้ นรา่ งกายและเนน้ แตก่ ารเรียนเน้ือหาวชิ าการ จงึ เกิดการปรับปรุงจากหลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2483 ลดเนอ้ื หาวชิ าการตา่ งๆ ลงและเพม่ิ กิจกรรมต่างๆ ใหม้ ากขึ้น หลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2496 กเ็ ป็นเพียงการลดเนือ้ หาวชิ าและรายวิชาตา่ งๆ ลง แต่ทว่ามีการนำ� มสธ มสธแนวคิดใหมท่ างการศึกษาปฐมวัยมาใช้ เนน้ ให้เดก็ มคี วามคดิ รเิ ริม่ สร้างสรรค์ มีความรบั ผดิ ชอบ ที่สำ� คัญ ก็คือมีการบูรณาการระหวา่ งวชิ าทมี่ คี วามคลา้ ยคลงึ กันเข้าด้วยกัน หลักสูตรอนุบาลศึกษา พ.ศ. 2503 เกิดขึ้นเพ่ือให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปตามแผนการ ศกึ ษาแหง่ ชาตฉิ บบั ใหม่ คอื แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2503 ซง่ึ เปลย่ี นแปลงเกณฑอ์ ายขุ องเดก็ อนบุ าล ใหล้ ดลงเปน็ 3–6 ขวบ แตก่ ารจดั การเรยี นการสอนกเ็ ปน็ แบบดงั้ เดมิ เนน้ อา่ น เขยี น เรยี นเลข เพอื่ เตรยี มตวั เขา้ เรียนในช้นั ประถมศกึ ษา มสธหลักสูตรอนุบาลศึกษา พ.ศ. 2518 เกิดขึ้นเนื่องจากความแตกต่างกันในแนวการจัดการเรียน การสอนระหว่างโรงเรียนต่างๆ แม้แต่โรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษาเอง โดยเฉพาะอย่างย่ิงความ แตกต่างกันในวิธีการวัดผล ซ่ึงบางโรงเรียนมีการสอบเพื่อเลื่อนชั้นเหมือนการจัดการเรียนการสอนระดับ ประถมศึกษา บางโรงเรยี นเพยี งแค่ดูความพร้อมตามพฒั นาการเท่าน้นั หลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2522 สร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2521 มสธ มสธมงุ่ พฒั นาความพรอ้ มของเดก็ ในดา้ นตา่ งๆ แตก่ ย็ งั คงเปน็ การเตรยี มความพรอ้ มเพอ่ื เรยี นตอ่ ในระดบั ประถม ศึกษา หลักสูตรเด็กเล็ก พ.ศ. 2524 คล้ายคลึงกับหลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2522 จุดประสงค์เป็น เช่นเดียวกนั เพียงแต่มวี ตั ถุประสงคป์ ลายทางเพ่มิ ข้ึนเท่านนั้ หลักสูตรเด็กเลก็ พ.ศ. 2526 เสรมิ เพิ่มกจิ กรรมตา่ งๆ เชน่ ศิลปศกึ ษาและการเล่นตามมุม ฯลฯ โดยบูรณาการเข้าไปในหลักสูตร และหลักสูตรเด็กเล็ก พ.ศ. 2528 ก็เป็นเพียงการเพิ่มแนวการจัด มสธประสบการณแ์ ละจุดมุง่ หมายเข้าไปในหลกั สตู รเดก็ เล็ก พ.ศ. 2526 เท่านั้น หลักสูตรเด็กเล็ก พ.ศ. 2531 เป็นหลักสูตรที่ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งส�ำคัญ เนื่องจาก เปน็ หลักสูตรที่มงุ่ พฒั นาเดก็ ตามพัฒนาการท้งั 4 ดา้ น ท้งั ทางด้านร่างกาย อารมณ์ สงั คมและสติปัญญา เปน็ การจดั การเรียนการสอนตามความสนใจของผเู้ รียน สว่ นหลกั สตู รอนบุ าล พ.ศ. 2534 นนั้ เกดิ ขนึ้ จากผลการวจิ ยั เกย่ี วกบั การจดั การศกึ ษาในระดบั กอ่ น มสธ มสธประถมศึกษา ยึดพัฒนาการเป็นหลักโดยค�ำนึงถึงความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม ความ กา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ใหค้ วามสำ� คญั กบั กระบวนการคดิ และจรยิ ธรรม หลกั สตู รฉบบั น้ี มีความทันสมัยเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับต่างประเทศท่ีเจริญแล้ว เพราะความก้าวหน้าทางการสื่อสาร มสธทำ� ให้นกั การศึกษาไทยมีโลกทัศน์กวา้ งไกลข้นึ

3-34 การจัดการศึกษาและหลักสตู รสำ�หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธกิจกรรม 3.2.1 จงอธิบายหลกั สูตรชัน้ เดก็ เลก็ พ.ศ. 2495 แนวตอบกิจกรรม 3.2.1 หลกั สูตรชน้ั เดก็ เล็ก พ.ศ. 2495 มคี วามมุ่งหมาย เพ่ือใหเ้ ด็กอายุก่อนถึงเกณฑไ์ ดร้ ับการศึกษาที่ มสธ มสธครบถว้ นสมบรู ณ์ และเพอื่ ชว่ ยแบง่ เบาภาระของผปู้ กครองทตี่ อ้ งออกไปทำ� งานนอกบา้ น และชว่ ยอบรมให้ เดก็ เตบิ โตเปน็ พลเมอื งดี ระเบยี บวธิ กี ารสอนทน่ี ำ� มาใชค้ อื ระเบยี บวธิ กี ารสอนแบบเลน่ ปนเรยี น (play way) และวิธีสอนแบบโครงการ (project method) แบ่งการจัดการเรียนการสอนออกเป็นหมวด ได้แก่ สงั คมศกึ ษา ภาษาไทย เลขคณติ ธรรมชาตศิ กึ ษา สขุ ศกึ ษา และพลศกึ ษา ขบั ร้องและดนตรี วาดเขยี น และการฝมี อื มสธเร่ืองท่ี 3.2.2 มสธ มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยหลัง พ.ศ. 2534 ถึงปัจจุบัน หลงั จากมกี ารประกาศใช้ หลกั สตู รอนบุ าล พ.ศ. 2534 การศกึ ษาปฐมวยั ไดร้ บั ความสนใจมากขนึ้ ในสว่ นของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดม้ กี ารพฒั นาหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ตอ่ เนอื่ งกนั มา และในขณะเดยี วกนั กม็ หี นว่ ยงานทเี่ ขา้ มามหี นา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบการศึกษาในระดับปฐมวัยเพิ่มขึ้น ในหน่วยงานต่างๆ น้ันก็มีการ พัฒนาหลักสูตรของหน่วยงานตนข้ึน ซ่ึงจะได้กล่าวถึงในเร่ืองท่ี 3.2.3 ต่อไป ในส่วนของกระทรวง มสธศกึ ษาธกิ ารทเี่ ปน็ ผทู้ ร่ี บั ผดิ ชอบการจดั การศกึ ษาปฐมวยั สว่ นใหญ่ กม็ กี ารพฒั นาหลกั สตู รขน้ึ มาเชน่ กนั ใน เรื่องนี้จะขอกล่าวถึงหลักสูตรดังกล่าวซึ่งประกอบด้วย หลักสูตรก่อนประถมศึกษา พุทธศักราช 2540 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 และหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี มสธ มสธหลักสูตรก่อนประถมศึกษา พุทธศักราช 2540 กระทรวงศกึ ษาธกิ ารมนี โยบายใหพ้ ฒั นาการศกึ ษาระดบั ปฐมวยั อยา่ งจรงิ จงั ในลกั ษณะการอบรม เลี้ยงดูและพัฒนาความพร้อมของเด็กทุกด้าน ท้ังทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา เมื่อปี พ.ศ. 2536 ซ่ึงขณะน้ันเรียกตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2535 ว่า การศึกษาระดับ ก่อนประถมศึกษา การจัดการศึกษาในระดับนี้อาจจัดในรูปแบบของชั้นเด็กเล็ก อนุบาลศึกษา หรือศูนย์ พัฒนาเด็กประเภทต่างๆ โดยจัดให้ครอบคลุมทุกพ้ืนท่ีเพื่อให้โอกาสแก่เด็กท้ังในเมืองและชนบทได้รับ มสธประสบการณก์ ารเรยี นรไู้ มแ่ ตกตา่ งกนั เพอ่ื ใหก้ ารศกึ ษาในระดบั นม้ี มี าตรฐานเดยี วกนั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

หลกั สตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-35 จึงได้มอบหมายให้กรมวิชาการจัดท�ำแนวการจัดประสบการณ์และพัฒนาเป็นหลักสูตรก่อนประถมศึกษา มสธพุทธศักราช 2540 ข้ึน และประกาศให้โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กระดับก่อนประถมศึกษาทั่วประเทศ น�ำไปใช้ต้ังแต่พุทธศักราช 2541 เป็นต้นมา มีรายละเอียดเก่ียวกับองค์ประกอบท่ีส�ำคัญ (กรมวิชาการ, 2540) ดังต่อไปน้ี ปรัชญาการจัดการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา มสธ มสธหลักสูตรก่อนประถมศึกษา พุทธศักราช 2540 ก�ำหนดปรัชญาการจัดการศึกษาและการอบรม เลยี้ งดเู ดก็ บนพนื้ ฐานทสี่ นองความตอ้ งการของเดก็ ทตี่ อ้ งการความรกั ความอบอนุ่ ความเขา้ ใจ และความ จำ� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งไดร้ บั การพฒั นาทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา อยา่ งสมดลุ ตอ่ เนอื่ ง ไปพร้อมกันทุกด้าน ประสบการณ์ต่างๆ ที่จัดให้จะเป็นประสบการณ์ตรงท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับวัย ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล และบรบิ ทของสงั คมทเี่ ดก็ อาศยั อยู่ ทงั้ นเี้ ปน็ ไปเพอื่ ใหเ้ ดก็ เกดิ การเรยี นรแู้ ละ มคี วามสขุ กบั การปฏบิ ัติกิจวัตรประจำ� วัน โดยอาศยั ความรว่ มมือกันระหวา่ งบา้ น สถานศึกษา และชุมชน มสธเพื่อพัฒนาให้เด็กไดเ้ ตบิ โตเป็นพลเมืองทม่ี ีคณุ ค่าตอ่ ไป หลักการ (หลักสูตรก่อนประถมศึกษา อายุ 3-6 ปี) 1. เป็นการจดั การศกึ ษาใหค้ รอบคลุมเด็กทุกประเภททมี่ ีอายุระหว่าง 3-6 ปี 2. เปน็ การพัฒนาเดก็ โดยยึดหลกั การอบรมเลยี้ งดแู ละให้การศกึ ษา 3. เป็นการพัฒนาเด็กโดยองค์รวม ท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ผ่าน มสธ มสธกจิ กรรมการเลน่ ท่ีเหมาะสมกบั วัย วุฒภิ าวะ และความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล 4. เป็นการจัดประสบการณ์ท่ีให้เด็กสามารถด�ำรงชีวิตประจ�ำวันได้อย่างมีคุณภาพ และมี ความสขุ 5. เปน็ การพฒั นาเดก็ โดยบคุ ลากรทมี่ คี วามรคู้ วามสามารถในการจดั การศกึ ษาระดบั กอ่ นประถม ศกึ ษา 6. เปน็ การพฒั นาเดก็ โดยใหค้ รอบครัว และชมุ ชนมีส่วนร่วม มสธจุดมุ่งหมาย เพ่ือให้เด็กอายุ 3-6 ปี มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์และคุณลักษณะตามวัย ดังต่อ ไปนี้ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ 1) มสี ุขภาพดี เจริญเตบิ โตตามวัย และมพี ฤตกิ รรมอนามยั ทีเ่ หมาะสม 2) ใช้กลา้ มเนอ้ื ใหญ่ กลา้ มเน้อื เล็ก ไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ และประสานสมั พนั ธก์ นั มสธ มสธ3) รา่ เรงิ แจ่มใส มคี วามสขุ และความรสู้ กึ ทดี่ ีต่อตนเองและผู้อน่ื 4) มคี ุณธรรมและจริยธรรม มวี ินัยในตนเอง และมคี วามรบั ผิดชอบ 5) ชว่ ยเหลอื ตนเองได้เหมาะสมกับสภาพและวยั 6) อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ อยา่ งมคี วามสขุ และเปน็ สมาชกิ ทด่ี ขี องสงั คมในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษตั รยิ ์เป็นประมขุ 7) รกั ธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ้ ม วัฒนธรรมในท้องถิน่ และความเป็นไทย มสธ8) ใช้ภาษาเพอื่ การสอื่ สารไดเ้ หมาะสมกับวยั

3-36 การจัดการศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำ หรบั เดก็ ปฐมวยั 9) มีความสามารถในการคิด การแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวัย และมีเจตคติท่ีดีต่อการ มสธเรยี นรสู้ งิ่ ต่างๆ คุณลักษณะตามวัย พัฒนาการของเดก็ ปฐมวยั แบง่ ตามระดับอายเุ ด็ก 3-4 ปี 4-5 ปี และ 5-6 ปี และแยกตามพัฒนาการทางด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ จิตใจ ด้านสังคม และพัฒนาการด้านสติ ปัญญา มสธ มสธเน้ือหา เนือ้ หาและแนวคิด ก�ำหนดเฉพาะหวั ข้อไมม่ ีรายละเอยี ดแตม่ แี นวคดิ ในแต่ละหัวข้อ ทง้ั นี้ เพื่อประสงค์ให้ผู้สอนก�ำหนดรายละเอียดขึ้นเอง ให้สอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจของเด็กได้ โดยง่าย สามารถยืดหยุ่นเนื้อหาเหล่าน้ีได้ โดยค�ำนึงถึงประสบการณ์และส่ิงแวดล้อมในชีวิตจริงของเด็ก สว่ นแนวคดิ เปน็ สงิ่ ทต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ กบั เดก็ หลงั จากทจี่ ดั ประสบการณห์ รอื กจิ กรรมใหเ้ ดก็ ปฏบิ ตั แิ ลว้ ดงั นน้ั จึงไม่ต้องการให้น�ำเนื้อหาและแนวคิดไปให้เด็กท่องจ�ำ หัวข้อเนื้อหาประกอบด้วยเน้ือหาเร่ือง ตัวเรา ครอบครวั โรงเรยี นของฉนั บคุ คลตา่ งๆ วนั สำ� คญั ธรรมชาตริ อบตวั การอนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม การคมนาคม มสธและการสอ่ื สาร และสิง่ ตา่ งๆ รอบตวั หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 ในปี พ.ศ. 2544 กระทรวงศึกษาธกิ ารได้แต่งตงั้ คณะกรรมการพัฒนาหลักสตู รระดับกอ่ นประถม มสธ มสธศึกษาข้ึน เพื่อพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับสภาพการเปล่ียนแปลงของสังคม สอดคล้องกับพระราช บัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และหลักสูตรข้นั พื้นฐาน พ.ศ. 2544 คณะกรรมการชดุ ดงั กล่าว ได้ พฒั นาหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั  พทุ ธศกั ราช 2546 ขน้ึ มอี งคป์ ระกอบทสี่ ำ� คญั ดงั น้ี (กรมวชิ าการ, 2546) ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย การศกึ ษาปฐมวยั เปน็ การพฒั นาเดก็ ตง้ั แตแ่ รกเกดิ ถงึ 5 ปี บนพนื้ ฐาน การอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ท่ีสนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ตามศกั ยภาพ ภายใตบ้ รบิ ทสงั คม-วฒั นธรรมทเี่ ดก็ อาศยั อยู่ ดว้ ยความรกั ความเออ้ื อาทร และความเขา้ ใจ ของทกุ คน เพอื่ สรา้ งรากฐานคณุ ภาพชวี ติ ใหเ้ ดก็ พฒั นาไปสคู่ วามเปน็ มนษุ ยท์ สี่ มบรู ณ์ เกดิ คณุ คา่ ตอ่ ตนเอง มสธและสังคม หลักการ เดก็ ทกุ คนมสี ิทธทิ ่จี ะไดร้ บั การอบรมเลีย้ งดแู ละสง่ เสริมพฒั นาการ ตลอดจนการเรยี นรู้ อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็กกับผู้เล้ียงดูหรือบุคลากรท่ีมีความรู้ความ สามารถในการอบรมเลย้ี งดแู ละใหก้ ารศกึ ษาเดก็ ปฐมวยั เพอ่ื ใหเ้ ดก็ มโี อกาสพฒั นาตนเองตามลำ� ดบั ขนั้ ของ มสธ มสธพฒั นาการทกุ ดา้ น อย่างสมดลุ และเตม็ ตามศักยภาพ โดยก�ำหนดหลกั การ ดังนี้ 1. สง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นรูแ้ ละพฒั นาการทค่ี รอบคลมุ เดก็ ปฐมวัยทกุ ประเภท 2. ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาท่ีเน้นเด็กเป็นส�ำคัญ โดยค�ำนึงถึงความแตกต่าง ระหวา่ งบุคคล และวถิ ชี ีวติ ของเด็กตามบริบทของชุมชน สงั คม และวฒั นธรรมไทย 3. พัฒนาเดก็ โดยองคร์ วมผ่านการเล่นและกจิ กรรมที่เหมาะสมกบั วัย 4. จัดประสบการณ์การเรยี นรใู้ หส้ ามารถดำ� รงชวี ติ ประจำ� วนั ได้อย่างมีคุณภาพและมคี วามสุข มสธ5. ประสานความรว่ มมือระหว่างครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษาในการพัฒนาเดก็

หลกั สตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-37 จุดหมาย หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั สำ� หรบั เด็กอายุ 3-5 ปี มุง่ ใหเ้ ด็กมพี ฒั นาการด้านร่างกาย มสธอารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสติปญั ญา ท่ีเหมาะสมกับวัย ความสามารถและความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล จงึ ก�ำหนดจดุ หมายซงึ่ ถือเป็นมาตรฐาน คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ดังนี้ 1) ร่างกายเจริญเติบโตตามวัย และมีสขุ นสิ ัยที่ดี 2) กลา้ มเนอื้ ใหญแ่ ละกลา้ มเนอ้ื เลก็ แขง็ แรง ใชไ้ ดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ และประสานสมั พนั ธก์ นั มสธ มสธ3) มสี ขุ ภาพจติ ดี และมคี วามสขุ 4) มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมีจติ ใจท่ีดงี าม 5) ชื่นชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี การเคล่อื นไหว และรกั การออกกำ� ลังกาย 6) ช่วยเหลือตนเองไดเ้ หมาะสมกบั วยั 7) รกั ธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม วฒั นธรรม และความเปน็ ไทย 8) อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบ มสธประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข 9) ใช้ภาษาสอื่ สารไดเ้ หมาะสมกับวัย 10) มคี วามสามารถในการคดิ และการแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวยั 11) มีจนิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ 12) มเี จตคติท่ดี ีตอ่ การเรยี นรู้ และมที กั ษะในการแสวงหาความรู้ มสธ มสธคุณลักษณะตามวัย คุณลักษณะตามวัยเป็นความสามารถตามวัยหรือพัฒนาการตาม ธรรมชาตเิ มอื่ เดก็ มอี ายถุ งึ วยั นนั้ ๆ ผสู้ อนจำ� เปน็ ตอ้ งทำ� ความเขา้ ใจคณุ ลกั ษณะตามวยั ของเดก็ อายุ 3-5 ปี เพื่อน�ำไปพิจารณาจัดประสบการณ์ให้เด็กแต่ละวัยได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ขณะเดียวกันจะต้องสังเกต เด็กแต่ละคนซึ่งมีความแตกต่างระหว่างบุคคล เพื่อน�ำข้อมูลไปช่วยในการพัฒนาเด็กให้เต็มตามความ สามารถและศกั ยภาพ พฒั นาการเดก็ ในแตล่ ะชว่ งอายอุ าจเรว็ หรอื ชา้ กวา่ เกณฑท์ ก่ี ำ� หนดไว้ และการพฒั นา จะเปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ถา้ สงั เกตพบวา่ เดก็ ไมม่ คี วามกา้ วหนา้ อยา่ งชดั เจนตอ้ งพาเดก็ ไปปรกึ ษาผเู้ ชย่ี วชาญ มสธหรือแพทยเ์ พ่อื ช่วยเหลอื และแก้ไขได้ทนั ทว่ งที สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรใู้ ชเ้ ปน็ สอ่ื กลางในการจดั กจิ กรรมใหก้ บั เดก็ เพอ่ื สง่ เสรมิ พฒั นาการ ทกุ ดา้ น ทัง้ ดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสตปิ ัญญา ซึ่งจ�ำเป็นต่อการพฒั นาเด็กใหเ้ ป็นมนษุ ย์ท่ี สมบูรณ์ ท้ังน้ีสาระการเรียนรู้ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการ และคุณลักษณะหรือ ค่านิยม คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ความรสู้ �ำหรบั เดก็ อายุ 3-5 ปี จะเปน็ เรอื่ งราวทเ่ี กย่ี วข้องกบั ตวั เด็ก บคุ คล มสธ มสธและสถานที่ท่ีแวดล้อมเด็ก ธรรมชาติรอบตัว และส่ิงต่างๆ รอบตัวเด็ก ที่เด็กมีโอกาสใกล้ชิดหรือมี ปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจ�ำวันและเป็นส่ิงที่เด็กสนใจ จะไม่เน้นเนื้อหา การท่องจ�ำ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ทกั ษะหรอื กระบวนการจำ� เปน็ ตอ้ งบรู ณาการทกั ษะทส่ี ำ� คญั และจำ� เปน็ สำ� หรบั เดก็ เชน่ ทกั ษะการเคลอื่ นไหว ทักษะทางสังคม ทักษะการคิด ทักษะการใช้ภาษา คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ขณะเดียวกัน ควรปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ เกดิ เจตคตทิ ด่ี ี มคี า่ นยิ มทพ่ี งึ ประสงค์ เชน่ ความรสู้ กึ ทด่ี ตี อ่ ตนเองและผอู้ น่ื รกั การเรยี นรู้ มสธรักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรมท่ีเหมาะสมกับวยั ฯลฯ

3-38 การจดั การศึกษาและหลักสูตรส�ำ หรบั เด็กปฐมวัย ผู้สอนหรือผู้จัดการศึกษา อาจน�ำสาระการเรียนรู้มาจัดในลักษณะหน่วยการสอนแบบบูรณาการ มสธหรือเลือกใช้วิธีการที่สอดคล้องกับปรัชญาและหลักการจัดการศึกษาปฐมวัย สาระการเรียนรู้ก�ำหนดเป็น 2 ส่วน ดงั น้ี 1. ประสบการณส์ ำ� คญั ประสบการณส์ ำ� คญั เปน็ สงิ่ จำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ สำ� หรบั การพฒั นาเดก็ ทาง ดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญาชว่ ยใหเ้ ดก็ เกดิ ทกั ษะทสี่ ำ� คญั สำ� หรบั การสรา้ งองคค์ วามรู้ มสธ มสธโดยใหเ้ ดก็ ไดม้ ปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั วตั ถุ สง่ิ ของ บคุ คลตา่ งๆ ทอี่ ยรู่ อบตวั รวมทงั้ ปลกู ฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรมไป พรอ้ มกันดว้ ย ประสบการณส์ ำ� คญั มดี งั นี้ 1) ประสบการณ์สำ� คัญท่สี ง่ เสรมิ พัฒนาการด้านร่างกาย 2) ประสบการณ์สำ� คญั ท่สี ง่ เสริมพฒั นาการดา้ นอารมณ์และจิตใจ 3) ประสบการณ์สำ� คัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม 4) ประสบการณส์ �ำคัญทีส่ ง่ เสริมพฒั นาการด้านสตปิ ัญญา มสธ2. สาระท่ีควรเรียนรู้ เป็นเรอื่ งราวรอบตัวเด็กท่นี �ำมาเป็นสือ่ ในการจดั กิจกรรม ให้เดก็ เกดิ การเรียนรู้ ไม่เน้นการท่องจ�ำเน้ือหา ผู้สอนสามารถก�ำหนดรายละเอียดขึ้นเองให้สอดคล้องกับวัย ความ ต้องการ และความสนใจของเด็ก โดยให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ส�ำคัญที่ระบุไว้ข้างต้น ทั้งนี้อาจ ยืดหยุ่นเนื้อหาได้ โดยค�ำนึงถึงประสบการณ์และส่ิงแวดล้อมในชีวิตจริงของเด็ก สาระท่ีเด็กอายุ 3-5 ปี ควรเรยี นรู้ มีดงั นี้ มสธ มสธ1) เรอื่ งราวเกย่ี วกบั ตวั เดก็ เดก็ ควรรจู้ กั ชอ่ื นามสกลุ รปู รา่ ง หนา้ ตา รจู้ กั อวยั วะตา่ งๆ วธิ รี ะวงั รกั ษารา่ งกายใหส้ ะอาด ปลอดภยั การรบั ประทานอาหารทถ่ี กู สขุ ลกั ษณะ เรยี นรทู้ จ่ี ะเลน่ และทำ� สงิ่ ตา่ งๆ ดว้ ยตนเองคนเดยี วหรอื กบั ผอู้ นื่ ตลอดจนเรยี นรทู้ จ่ี ะแสดงความคดิ เหน็ ความรสู้ กึ และแสดงมารยาท ท่ีดี 2) เรื่องราวเก่ียวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก เด็กควรได้มีโอกาสรู้จักและรับรู้ เรื่องราวเก่ียวกับครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน รวมทั้งบุคคลต่างๆ ท่ีเด็กต้องเก่ียวข้องหรือมีโอกาส มสธใกล้ชดิ และมีปฏสิ ัมพันธ์ในชีวิตประจำ� วนั 3) ธรรมชาตริ อบตวั เดก็ ควรจะไดเ้ รยี นรสู้ งิ่ มชี วี ติ สงิ่ ไมม่ ชี วี ติ รวมทงั้ ความเปลย่ี นแปลง ของโลกทแี่ วดลอ้ มเด็กตามธรรมชาติ เช่น ฤดูกาล กลางวนั กลางคนื ฯลฯ 4) สิง่ ตา่ งๆ รอบตวั เด็ก เด็กควรจะไดร้ จู้ กั สี ขนาด รูปรา่ ง รปู ทรง น้าํ หนกั ผวิ สมั ผัส ของส่งิ ต่างๆ รอบตวั สงิ่ ของเครือ่ งใช้ ยานพาหนะ และการส่ือสารตา่ งๆ ท่ีใช้อยใู่ นชีวิตประจำ� วนั มสธ มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 จากการประเมินผลการใชห้ ลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช 2546 พบว่าคุณภาพของเดก็ ปฐมวยั โดยเฉพาะพฒั นาการดา้ นรา่ งกายและสตปิ ญั ญา ตำ�่ กวา่ พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจและสงั คม อกี ทงั้ ความจำ� เปน็ ในการปรบั เปลย่ี นจดุ เนน้ ในการพฒั นาคณุ ภาพคนในสงั คมไทยตามแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 12 รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2560 มสธที่ต้องการให้เด็กปฐมวัยได้รับการดูแลและพัฒนาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ท้ังทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา

หลกั สตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-39 มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และวฒั นธรรมในการดำ� รงชวี ติ สามารถอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื ได้ เตบิ โตเปน็ คนดี มคี ณุ ภาพ มสธมีจติ ส�ำนึกและค่านยิ มทีพ่ ึงประสงค์ เหน็ แก่ประโยชน์ส่วนรวม มีจติ สาธารณะ มีวัฒนธรรมประชาธิปไตย มที ักษะในการคดิ มวี ินยั มคี วามคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ เดก็ ปฐมวยั ทุกคนไดร้ ับการพัฒนาท่สี มกับวยั อยา่ งมี คณุ ภาพและตอ่ เนอ่ื ง เหลา่ นเ้ี ปน็ ประเดน็ ทมี่ าของการทบทวนหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2546 รวมทั้งข้อมูลจากการศึกษาวิจัย และแผนแม่บทกฎหมายต่างๆ ได้ถูกน�ำมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตร มสธ มสธการศกึ ษาปฐมวยั ใหม้ คี วามเหมาะสมชดั เจนยง่ิ ขนึ้ โดยสาระสำ� คญั ทค่ี วรนำ� มากลา่ วในเรอ่ื งน้ี ไดแ้ ก่ ปรชั ญา การศึกษาปฐมวัย วิสัยทัศน์ และหลักการของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560) ดังน้ี 1. ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560 ไดร้ ะบปุ รชั ญาการ ศกึ ษาปฐมวยั ไว้ว่า “การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กต้ังแต่แรกเกิดถึง 6 ปีบริบูรณ์ อย่างเป็นองค์รวม มสธบนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัย ของเดก็ แตล่ ะคนใหเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ ภายใตบ้ รบิ ทสงั คมและวฒั นธรรมทเ่ี ดก็ อาศยั อยดู่ ว้ ยความรกั ความ เอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคน เพ่ือสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่ สมบรู ณ์เกิดคณุ ค่าต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาต”ิ 2. วิสัยทัศน์ หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2560 ระบวุ สิ ยั ทัศน์ของหลักสูตร คือ มสธ มสธ“ หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั มงุ่ พฒั นาเดก็ ทกุ คน ใหไ้ ด้รบั การพัฒนาด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา อย่างสมดุล ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุขและ เหมาะสมตามวยั มที กั ษะชวี ติ และปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ คนดี มวี นิ ยั และ สำ� นกึ ความเปน็ ไทย โดยความรว่ มมอื ระหวา่ งสถานศกึ ษา พอ่ แม่ ครอบครวั ชมุ ชน และทกุ ฝา่ ยทเี่ กย่ี วขอ้ ง กบั การพัฒนาเดก็ ” 3. หลักการ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ระบุหลักการของหลักสูตรไว้ 5 มสธประการ คือ 1) ส่งเสรมิ พัฒนาการและการเรียนร้ใู หค้ รอบคลุมเดก็ ปฐมวัยทกุ คน 2) ยดึ หลกั การอบรมเลย้ี งดแู ละใหก้ ารศกึ ษาทเี่ นน้ เดก็ เปน็ สำ� คญั โดยคำ� นงึ ถงึ ความแตกตา่ ง ระหวา่ งบคุ คล และวถิ ีชีวติ ของเดก็ ตามบริบทของชมุ ชน สังคม และวัฒนธรรมไทย 3) ยดึ พัฒนาการและการพัฒนาเดก็ โดยองค์รวมผา่ นการเล่นอยา่ งมีความหมายมกี ิจกรรม มสธ มสธหลากหลายทไ่ี ด้ลงมือกระทำ� เหมาะสมกับวยั ในสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้ 4) จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กมีทักษะชีวิต และสามารถปฏิบัติตนตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นคนดี มีวนิ ัย และมีความสขุ 5) สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจและประสานความรว่ มมอื ในการพฒั นาเดก็ ระหวา่ งสถานศกึ ษา มสธกบั พอ่ แม่ ครอบครวั ชุมชน และทุกฝ่ายทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การพฒั นาเดก็ ปฐมวัย

3-40 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรส�ำ หรับเด็กปฐมวยั ท้ังน้ี หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2560 ประกอบดว้ ย 2 ส่วน ได้แก่ หลักสตู รการ มสธศกึ ษาปฐมวยั สำ� หรับเดก็ อายุตำ่� กวา่ 3 ปี และหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย สำ� หรับเดก็ อายุ 3-6 ปี โดย หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยส�ำหรับเด็กอายุต�่ำกว่า 3 ปี มีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการ ด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปญั ญาท่ีเหมาะสมกบั วัย มีสาระการเรียนรสู้ ำ� หรับเด็กช่วงอายุ 2-3 ปี ที่ประกอบด้วยประสบการณ์ส�ำคัญ และสาระท่ีควรเรียนรู้ เกี่ยวกับตัวเด็กก่อนแล้วจึงขยายไปสู่ มสธ มสธบคุ คลและสถานทแี่ วดลอ้ มเดก็ ธรรมชาตริ อบตวั และสงิ่ ตา่ งๆ รอบตวั เดก็ สว่ นหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั สำ� หรบั เดก็ อายุ 3-6 ปี มงุ่ พฒั นาเดก็ เปน็ องคร์ วมอยา่ งสมดลุ ทกุ ดา้ น ทง้ั ดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา เต็มตามศักยภาพ ความสามารถ และความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล สาระการเรยี นรู้เป็นไป ในลกั ษณะเดยี วกนั กบั เดก็ อายตุ ำ่� กวา่ 3 ปี แตม่ ขี อบขา่ ยทกี่ วา้ งและลงลกึ มากกวา่ รวมทง้ั เนน้ ประสบการณ์ สำ� คญั ท่ีผ้สู อนตอ้ งน�ำไปใช้ในการออกแบบการจดั ประสบการณใ์ ห้เดก็ ปฐมวยั เรียนรู้ นอกจากนี้ หลกั สูตร การศกึ ษาปฐมวัย ยงั กำ� หนดวธิ ีการนำ� ไปปรบั ใชส้ �ำหรบั เด็กกล่มุ เปา้ หมายเฉพาะอีกด้วย มสธสรปุ ได้วา่ หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทยในยุคหลังปี พ.ศ. 2534 ถงึ ปจั จบุ ัน มกี าร พัฒนาและประกาศใช้หลกั สูตรหลายฉบับ ไดแ้ ก่ หลักสตู รก่อนประถมศึกษา พทุ ธศกั ราช 2540 หลักสตู ร การศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2546 และหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 มสธ มสธกิจกรรม3.2.2 จงอธบิ ายถึงการพฒั นาหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั ในยุคหลัง พ.ศ. 2534 ถึงปจั จุบัน แนวตอบกิจกรรม 3.2.2 หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศไทยในยุคหลังปี พ.ศ. 2534 ถึงปจั จบุ นั มกี ารพัฒนาและ ประกาศใช้หลักสูตรหลายฉบับ ท้ังที่เป็นหลักสูตรแกนกลางท่ีพัฒนาโดยกระทรวงศึกษาธิการ และ มสธหน่วยงานอ่ืนๆ ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ มีการพัฒนาและประกาศใช้หลักสูตรหลายฉบับ เช่น มสธ มสธ มสธหลกั สตู รกอ่ นประถมศกึ ษา พทุ ธศักราช 2540 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 ฯลฯ

หลกั สูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-41 มสธเรื่องที่ 3.2.3 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง มสธ มสธหลังจากมีการประกาศใช้หลักสูตรอนุบาล พ.ศ. 2534 การศึกษาปฐมวัยได้รับความสนใจมาก ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2540 จนถงึ ปจั จุบนั ได้มหี นว่ ยงานทั้งของรัฐและเอกชนทเี่ ขา้ มารับผิดชอบการศกึ ษา ในระดบั ปฐมวยั เพมิ่ มากขน้ึ ในหนว่ ยตา่ งๆ เหลา่ นไี้ ดม้ กี ารพฒั นาหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั เพอ่ื ใชใ้ นการ จัดการศึกษาในหน่วยงานของตนขึ้น เช่น หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กรมการ พฒั นาชมุ ชน หลกั สตู รเดก็ เลก็ ของศนู ยเ์ ดก็ เลก็ กองโภชนาการ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ หลกั สตู ร การศึกษาปฐมวัยของส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน หลักสูตรของกรมการพัฒนาชุมชน หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั ของศนู ย์อบรมเด็กกอ่ นเกณฑใ์ นวดั กรมการศาสนา ฯลฯ ในเรอื่ งน้ีจะขอเสนอ มสธหลักสูตรท่ีกลา่ วถึงดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้ 1. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กรมการพัฒนาชุมชน ปรัชญาการศึกษา การพัฒนาเดก็ ปฐมวัยจะต้องดำ� เนนิ การใหต้ ่อเนื่องและสอดคลอ้ งกันทงั้ ส่ดี ้าน มสธ มสธคอื พัฒนาการด้านรา่ งกาย จิตใจ-อารมณ์ สังคม และสตปิ ญั ญา เป้าหมาย เตรียมความพร้อมทัง้ สดี่ า้ นให้กับเด็กวัย 3-6 ขวบ ในศูนยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ วัตถุประสงค์ มงุ่ เนน้ ใหเ้ ด็ก 3-6 ปี ไดม้ กี ารพัฒนาทัง้ ทางรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และ สตปิ ญั ญา เปน็ ไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกบั ทฤษฎีทางจติ วิทยาพฒั นาการ และทฤษฎีการเรยี นรู้ เนื้อหา เน้นการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบการจัดกิจกรรม ตามหน่วยการเรียนท่ีก�ำหนดไว้ ท้ัง 29 หนว่ ย เช่น หนว่ ยปฐมนเิ ทศ หนว่ ยฤดรู ้อน หน่วยนํ้า หน่วยฤดฝู น ฯลฯ หน่วยการเรยี นเหล่าน้ี มสธกำ� หนดไว้เพียงครา่ วๆ เนอื้ หาจะเก่ยี วกบั ส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถน่ิ และวฒุ ิภาวะของเดก็ ซง่ึ เปล่ยี นแปลงได้ ตามความเหมาะสม จ�ำนวนระยะเวลาในการจัดประสบการณ์ในแต่ละหน่วยนั้นอาจยืดหยุ่นได้ตามความ เหมาะสม 2. หลักสูตรเด็กเล็กของศูนย์อนามัยเด็กเล็ก กองโภชนาการ กรมอนามัย มสธ มสธกระทรวงสาธารณสุข ศนู ยอ์ นามยั เดก็ เลก็ เดมิ ชอ่ื “ศนู ยโ์ ภชนาการเดก็ วยั กอ่ นเรยี น” จดั ตง้ั ขนึ้ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคส์ ำ� คญั คือ เพื่อควบคุมและป้องกนั โรคขาดสารอาหารในกลมุ่ ทารกและวัยกอ่ นเรยี น ซึง่ เปน็ กลมุ่ เป้าหมายสำ� คัญ ในช่วงกลางแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2520–2524) และขยายผลต่อมา จนครอบคลมุ ไปทวั่ ประเทศ สง่ ผลอยา่ งสำ� คญั ตอ่ การแกไ้ ขปญั หาเดก็ ขาดสารอาหาร จนทำ� ใหป้ ระเทศไทย มสธมชี อ่ื เสยี งทางดา้ นเปน็ ผนู้ ำ� ในการแกไ้ ขปญั หาโภชนาการ โดยกระบวนการทางสาธารณสขุ มลู ฐานมาจนทกุ วนั น้ี

3-42 การจัดการศึกษาและหลกั สตู รส�ำ หรับเดก็ ปฐมวยั กิจกรรมหนึ่งซ่ึงได้เกิดขน้ึ มายุคเดียวกันและยงั คงอยมู่ าปัจจบุ ันนี้ ไดแ้ ก่ การจดั ต้งั ศูนย์โภชนาการเดก็ วยั มสธกอ่ นเรียนขน้ึ ตามหมู่บา้ นตา่ งๆ ในชนบท ซึ่งแตด่ งั้ เดิมได้ทำ� หน้าทเี่ ป็นเสมือนศนู ย์สาธติ การเล้ียงดเู ดก็ ท่ี ถกู ตอ้ งตามหลักโภชนาการประจำ� หมบู่ ้านแลว้ ยงั สง่ ผลถึงการพัฒนาเด็กเลก็ ให้เจริญเตบิ โต มพี ัฒนาการ ด้านจิตใจ อารมณ์ และสังคมได้เหมาะสมตามวัยด้วย จึงได้รับความนิยมจากพ่อแม่ท่ีมีลูกในวัยดังกล่าว ท่ีจะน�ำเด็กเข้ามาอยู่ในศูนย์จ�ำนวนมาก และเป็นตัวอย่างให้หน่วยงานของรัฐอีกหลายหน่วยงานได้ มสธ มสธด�ำเนินการจัดตั้งศูนย์รับเล้ียงดูแลเด็กในช่วงเวลากลางวันในลักษณะเดียวกัน โดยเรียกชื่อไปต่างๆ กัน และมีความครอบคลมุ หม่บู ้านต่างๆ ทวั่ ประเทศกว้างขวางยงิ่ ข้ึน จุดมุ่งหมาย 1) เพ่อื สง่ เสรมิ ภาวะโภชนาการ และสุขภาพอนามัยของเดก็ อายุ 3 เดอื น ถงึ 5 ปี 2) เพ่ือเสริมสร้างสุขนิสัยที่ถูกต้อง และปลูกฝังให้เด็กรักและคุ้นเคยกับการอยู่ในสภาพแวดล้อม ทส่ี ะดวกและเปน็ ระเบียบ 3) เพ่อื แบ่งเบาภาระของผ้ปู กครองและช่วยเหลอื ครอบครัวที่ยากจน มสธ4) เพอื่ เปน็ แบบอย่างการเลย้ี งดูเด็กท่ถี กู ตอ้ งแกช่ ุมชน เน้ือหา 1) ดา้ นโภชนาการ และสุขภาพอนามยั 2) ดา้ นเตรยี มความพรอ้ มของเดก็ มสธ มสธ3) ด้านการศึกษา 4) ด้านการตดิ ตอ่ เข้าถึงพอ่ แม่ของเดก็ 3. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน พ.ศ. 2534 หลกั สตู รอนุบาลของส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนหรือที่เรียกกันทัว่ ไปว่า “หลกั สตู ร อนุบาลเอกชน” นี้ไม่ได้เป็นหลักสูตรฉบับแรกที่ใช้ในโรงเรียนอนุบาลเอกชน ก่อนหน้านี้โรงเรียนอนุบาล มสธเอกชน ก็ใช้หลักสตู รอนุบาลเชน่ เดียวกับหนว่ ยงานของรฐั ซึง่ กรมวชิ าการไดจ้ ัดพิมพข์ ้นึ ตอ่ มาสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาเอกชนอาศยั แนวทางเดยี วกนั กบั สำ� นกั งานคณะกรรมการ การประถมศึกษาแห่งชาติ โดยได้ขออนุญาตสำ� นักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติจัดพิมพ์ แนวและแผนการจัดประสบการณ์ให้กับครูโรงเรียนเอกชนและผู้มีหน้าที่เก่ียวข้องใช้เป็นคู่มือและแนวทาง ในการเตรยี มความพรอ้ มใหก้ บั เดก็ ใชม้ าระยะหนงึ่ แลว้ ตอ่ มาเมอ่ื สถานการณแ์ ละสภาพแวดลอ้ มตา่ งๆ ได้ มสธ มสธเปลย่ี นแปลงไป สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาเอกชนจงึ ขออนญุ าตจดั ทำ� หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ขน้ึ เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกับสภาวะแวดลอ้ มในขณะนั้นและสอดคลอ้ งกับแผนการศึกษาแหง่ ชาต.ิ . . ” องค์ประกอบหลักสูตรฉบับนี้ มดี งั น้ี หลักการ การจัดการศึกษาแก่เด็กอายุระหว่าง 3–6 ปี มีความส�ำคัญอย่างย่ิง เพราะเด็กวัยนี้ เป็นวัยท่ีก�ำลังเติบโตพัฒนาทุกด้านอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้ของเด็กในวัยนี้จะเรียนรู้ได้ดีจากการเล่น การมปี ระสบการณต์ รงกบั สง่ิ ของและการกระทำ� การเคลอ่ื นไหว เพราะฉะนน้ั การสอนและอบรมเลย้ี งดเู ดก็ วัยน้ี จึงควรเป็นการส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านให้เหมาะสมกับวัยและปลูกฝังเจตคติท่ีดีในการเรียน มสธการทำ� งาน การคิด การสังเกต และการแก้ปัญหาโดยใหเ้ ด็กมคี วามสขุ ในการเรียนรู้

หลกั สตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-43 เป้าหมาย การจดั การศกึ ษาใหแ้ ก่เด็กอายุ 3-6 ปี เพื่อให้เดก็ ไดร้ บั การอบรมเล้ียงดแู ละส่งเสริม มสธพฒั นาการทกุ ดา้ นใหม้ พี นื้ ฐานชวี ติ ทด่ี ี อนั เปน็ การนำ� ไปสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพประชากรอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ในรปู ของชั้นอนบุ าล คอื 1) เดก็ ที่เข้าเรียนในช้ันอนบุ าลปีที่ 1 มอี ายรุ ะหว่าง 3–4 ปี เวลาเรยี น 1 ปกี ารศึกษา 2) เดก็ ที่เข้าเรียนในชั้นอนุบาลปที ่ี 2 มีอายุระหวา่ ง 4–5 ปี เวลาเรียน 1 ปกี ารศึกษา มสธ มสธ3) เดก็ ทเ่ี ข้าเรียนในชั้นอนบุ าลปีท่ี 3 มอี ายุระหว่าง 5–6 ปี เวลาเรียน 1 ปีการศกึ ษา วัตถุประสงค์ ในการจัดประสบการณ์ต่างๆ ให้แก่เด็ก มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการ ทกุ ด้าน ดงั น้ี 1) พัฒนาการด้านร่างกาย 1.1) เพ่อื พัฒนารา่ งกายให้เจรญิ เติบโตตามวยั 1.2) เพือ่ พฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่ 1.3) เพื่อปลกู ฝังสุขนสิ ัย มสธ2) พัฒนาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ และสังคม 2.1) เพ่ือใหม้ สี ุขภาพจติ ท่ดี ี 2.2) เพ่ือให้มเี จตคติท่ีดตี ่อตนเอง 2.3) เพอ่ื ให้รูจ้ กั ตนเองและชว่ ยตนเอง มสธ มสธ2.4) เพอ่ื ปลกู ฝังใหม้ สี ังคมนิสยั ท่ดี ี และเจตคตปิ ระชาธิปไตย 2.5) เพ่ือสง่ เสรมิ ใหม้ ีวินยั ในตนเอง และมคี วามรับผดิ ชอบงานที่ไดร้ บั มอบหมาย 2.6) เพ่ือปลูกฝงั คุณธรรมและจรยิ ธรรม 2.7) เพื่อปลูกฝังให้เกิดความม่ันใจ มีบทบาทในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวฒั นธรรม 3) พัฒนาการด้านสติปัญญา มสธ3.1) เพือ่ พัฒนาและส่งเสริมการใชภ้ าษาในการสอ่ื ความหมาย 3.2) เพอ่ื สง่ เสริมการสงั เกตด้วยประสาทรบั รตู้ า่ งๆ 3.3) เพื่อสง่ เสริมทกั ษะการคดิ แบบตา่ งๆ ความจ�ำ เหตุผล และแกป้ ัญหา 3.4) เพอ่ื พฒั นาและส่งเสรมิ ความคดิ สร้างสรรค์ 3.5) เพ่อื ปลกู ฝังใหเ้ ปน็ คนรักในการเรียนรู้ มสธ มสธเน้ือหา การจดั ประสบการณส์ ำ� หรบั ชน้ั อนบุ าลปที ี่ 1–3 ไมไ่ ดจ้ ดั เปน็ รายวชิ า รายการประสบการณ์ และเนื้อหาจะมีลักษณะจัดรวมกันเป็นหน่วยการสอน โดยจัดให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กและ สงิ่ แวดลอ้ มรอบตัวเดก็ หน่วยการสอนทกี่ ำ� หนดไวม้ ที ้ังหมด 31 หนว่ ย 4. หลักสูตรของกรมการพัฒนาชุมชน กรมการพฒั นาชมุ ชนมงุ่ จดั การศกึ ษาอบรมแกเ่ ดก็ วยั 3-6 ปี ใหพ้ ฒั นาทางรา่ งกาย จติ ใจ-อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญา เปน็ ไปอยา่ งเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ทฤษฎที างจติ วทิ ยาพฒั นาการและทฤษฎกี าร มสธเรียนรู้ (กรมการพัฒนาชมุ ชน, 2534) โดยรว่ มมอื กบั มหาวิทยาลัยมหิดล และความชว่ ยเหลอื จากมูลนธิ ิ

3-44 การจัดการศึกษาและหลกั สูตรส�ำ หรับเดก็ ปฐมวัย ซี.ซี.เอฟ. ในประเทศไทย ด�ำเนินการพัฒนาและหารูปแบบหลักสูตรท่ีเหมาะสมมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง มี มสธการทดลองใชแ้ ละปรบั ปรงุ เรอื่ ยมา ในระยะแรกของความพยายามไดท้ ำ� การศกึ ษาและปรบั ปรงุ จากหลกั สตู ร ของหน่วยงานอื่นๆ ตลอดจนขอระดมความคิดการพัฒนาจากหน่วยงานเหล่านั้นจนกระทั่งส�ำเร็จและ นำ� ออกใชเ้ ผยแพร่ไดใ้ นปี พ.ศ. 2534 (สมหมาย ออ่ นละมลู , 2539 อา้ งถึงใน วัชรยี ์ รว่ มคิด, 2539) ความน่าสนใจของหลักสตู รฉบบั นี้ คือ เป็นหลกั สตู รทีพ่ ฒั นาสำ� หรบั เด็กคละอายุ คือ อายตุ ้งั แต่ มสธ มสธ3-6 ขวบ ซง่ึ จะตอ้ งนำ� ปจั จยั ทางดา้ นสงั คมและชมุ ชนเขา้ มาเปน็ ปจั จยั ประกอบ ปรบั พนื้ ฐานทางการศกึ ษา และให้ความส�ำคัญในประเด็นทางจิตวิทยา เพ่ือให้ได้หลักสูตรที่มีความเป็นกลางและยืดหยุ่นพอส�ำหรับ เดก็ หลายกลมุ่ อายใุ นชนบท ทอ่ี าจจะมีความแตกต่างของชุมชน ปรัชญาและหลักการ 1) เตรียมความพรอ้ มใหก้ ับเดก็ ทงั้ ทางด้านร่างกาย อารมณ์ สงั คม และสตปิ ัญญา 2) บูรณาการเป็นหน่วยการสอนผ่านกิจกรรมพ้ืนฐานประจ�ำวัน ได้แก่ กิจกรรมการเคล่ือนไหว และจังหวะ กิจกรรมเสรี เล่นตามมุม เกมการศึกษา กิจกรรมการเล่นกลางแจ้ง และกิจกรรมศิลปะ ซึ่ง มสธกิจกรรมเหลา่ นี้ คือ กิจกรรมท่ีใชส้ ำ� หรับเด็กปฐมวัยอยา่ งถูกต้องตามหลกั การ 3) ส่งเสริมให้มีการจัดมุมต่างๆ เพื่อการเรียนรู้แบบเอกัตบุคคลตามหลักปฏิบัติในหลักสูตรการ ศึกษาปฐมวยั ทว่ั ไป เน้ือหา เนอื้ หาจัดทำ� เป็นหน่วยการสอน ทเี่ กยี่ วข้องสัมพนั ธ์กบั ลกั ษณะของชุมชนชนบท คือ มสธ มสธ1) เปน็ เร่อื งพ้นื ฐานและใกล้ตวั เด็ก 2) เปน็ เร่ืองมคี วามยืดหยนุ่ พอสมควร 3) อาศัยปจั จยั ทางดา้ นพนื้ ฐานทางสงั คม และเศรษฐกจิ เป็นประการส�ำคัญ 4) เปน็ ปจั จัยที่อำ� นวยใหม้ ีการจดั สภาพแวดลอ้ มภายในและภายนอก ตามสภาพทเ่ี ปน็ อยจู่ ริงใน ชุมชน การสง่ เสริมใหเ้ ด็กโตดแู ลเด็กเลก็ 5) น�ำสภาพสังคมและวิถีชวี ติ ของคนในชมุ ชนมาใช้ มสธหลักสูตรของกรมการพัฒนาชุมชนน้ี จึงมุ่งพัฒนาให้มีความสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางการ ศึกษาจิตวิทยา สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกจิ และการเมือง การปกครองเป็นอยา่ งดี 5. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด กรมการศาสนา หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด กรมการศาสนา มีองค์ประกอบ มสธ มสธและรายละเอยี ดท่ีสำ� คญั ดังนี้ (กรมการศาสนา, 2537) หลักการ แนวการจัดประสบการณ์ส�ำหรับเด็กในศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด ใช้แนว ธรรมาธิปไตยในการกำ� หนดการจดั ประสบการณ์ โดยมีหลกั การส�ำคัญ ดงั นี้ 1) ม่งุ ปลกู ฝังให้เด็กมีพ้นื ฐานที่ดดี า้ นคณุ ธรรมและจริยธรรม 2) มงุ่ เตรยี มเด็กใหม้ คี วามพร้อมทางดา้ นรา่ งกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม 3) มุ่งส่งเสริมให้เด็กสามารถพัฒนาตนเองให้มีความพร้อมในการใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมี มสธความสขุ

หลกั สูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-45 4) มุ่งส่งเสริมสร้างทัศนคติที่ดีและมีพ้ืนฐานในการเรียนรู้ เพื่อให้สามารถศึกษาต่อในระดับที่ มสธสงู ข้ึน จุดมุ่งหมาย แนวการจัดประสบการณม์ จี ดุ มุง่ หมายเพ่ือปลูกฝังอบรมเลี้ยงดูเด็ก ดังต่อไปน้ี 1) เสรมิ สรา้ งพฒั นาการของเดก็ ใหเ้ กดิ ความพรอ้ มทางดา้ นรา่ งกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสงั คม 2) ปลกู ฝงั ให้เด็กมพี น้ื ฐานชวี ิตท่ีดีท้ังทางดา้ นคุณธรรมและจริยธรรม มสธ มสธ3) จัดประสบการณท์ ีช่ ่วยใหเ้ ด็กดำ� รงชีวติ ประจ�ำวันได้อย่างมีความสุข 4) เตรยี มเดก็ ให้มที กั ษะพนื้ ฐานทจ่ี ะเรยี นต่อในระดบั ทส่ี ูงขน้ึ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของเด็กไทยตามแนวทางธรรมาธิปไตย มดี ังน้ี 1) มีลักษณะของคนไทย เด็กควรมีมารยาทไทย รู้จักเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่ รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และวฒั นธรรมไทย ได้แก่ การรจู้ กั สัญลักษณข์ องชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และให้ ความเคารพ รู้จักการเลียนแบบมารยาทและการใช้ภาษาจากผู้ใหญ่ การปฏิบัติตนเบ้ืองต้นที่เหมาะสม มสธสอดคล้องกับวัฒนธรรมและประเพณีไทย 2) มีศาสนา เด็กควรมีหลักปฏิบัติทางศาสนา เช่น เช่ือฟงั คำ� อบรมสั่งสอนของพ่อแม่และผู้ใหญ่ ร้จู กั การปฏิบตั ศิ าสนกจิ ประจำ� วนั ช่วยพ่อแมใ่ สบ่ าตร ไปวดั หรือสถานทีท่ ำ� พธิ ีทางศาสนาที่คนนบั ถือกบั พอ่ แมพ่ นี่ อ้ งและญาตติ ามควรแกโ่ อกาส ไมร่ งั แกคนและสตั ว์ และสวดมนต์กอ่ นนอนอย่างสมา่ํ เสมอ มสธ มสธ3) มพี ฤติกรรมท่ีนำ� ไปสกู่ ารเป็นคนดี คนเกง่ เม่ือโตขนึ้ เดก็ ควรรักษาความสะอาดตนเองได้ เชน่ การอาบน้ํา แปรงฟัน มีระเบียบวินัย และรู้จักการจัดของใช้ส่วนตัวให้มีระเบียบ สามารถพึ่งตนเอง คือ ปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน เช่น การกินอาหาร ขับถ่าย แต่งตัวให้ตนเอง และมีความพยายามท�ำกิจกรรม ต่างๆ ด้วยตนเอง 4) มคี วามพรอ้ มทจี่ ะรบั จรยิ ศกึ ษา เดก็ ควรมคี วามพรอ้ มทจ่ี ะรบั จรยิ ศกึ ษา คอื รจู้ กั ตนแยกจากคน อื่น มขี องใช้ส่วนตัวที่ถูกสุขอนามัย รักและไว้วางใจผเู้ ลย้ี งดู เช่น รักพอ่ แม่ ไม่หวาดกลวั คนอ่ืนและสภาพ มสธแวดลอ้ มจนเกนิ เหตุ มีประสบการณ์ของความสำ� เร็จ ไดแ้ ก่ พอใจ มีความสขุ เมื่อหาสงิ่ ตา่ งๆ ไดเ้ อง ทำ� ได้ สำ� เร็จ 5) มคี วามเฉลียวฉลาด สขุ ภาพจิตดี และเรยี นรู้เก่ยี วกบั คนรอบตัว เด็กควรมีความเฉลียวฉลาด เช่น ร้จู กั การเลน่ แบบเคลอื่ นไหว สัมผัส สุขภาพจติ ดี เช่น รา่ เริง แจม่ ใส เรยี นร้เู ก่ยี วกบั คนรอบตวั เช่น รู้จักและรักตนเอง พอ่ แม่ พี่นอ้ ง คน สตั ว์ ตน้ ไม้ รวมท้ังมพี นื้ ฐานการเรียนรใู้ นทักษะตา่ งๆ เพอื่ ศกึ ษาตอ่ มสธ มสธในระดับทสี่ งู ขึ้น เนื้อหา มวลประสบการณ์ท่ีจัดให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ประกอบด้วยทักษะพ้ืนฐานการศึกษา ซึ่ง ได้แก่ ทกั ษะทางภาษาและการคิดคำ� นวณ ทักษะการดำ� เนนิ ชวี ิต ไดแ้ ก่ การเสริมสรา้ งประสบการณ์ และ ลักษณะนสิ ยั โดยแบ่งออกเปน็ 4 กล่มุ คือ 1) การเตรียมสรา้ งเสริมทกั ษะภาษาไทย 2) การเตรยี มสรา้ งเสริมทกั ษะคณติ ศาสตร์ 3) การเตรยี มสร้างเสริมประสบการณ์ มสธ4) การเตรยี มสรา้ งเสริมลักษณะนสิ ัย

3-46 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรส�ำ หรับเด็กปฐมวัย สรุปได้ว่า หน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษาให้กับเด็กปฐมวัย ได้มีการพัฒนา มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยข้ึนเพ่ือให้เหมาะกับบริบทของโรงเรียนในสังกัดของตน ประกอบด้วยหลักสูตร การศึกษาปฐมวัยของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กรมการพัฒนาชุมชน หลักสูตรเด็กเล็กของศูนย์เด็กเล็ก กองโภชนาการ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของสำ� นกั งานคณะกรรมการ การศึกษาเอกชน หลักสูตรของกรมการพัฒนาชุมชน และหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของศูนย์อบรมเด็ก มสธ มสธก่อนเกณฑ์ในวัด กรมการศาสนา กิจกรรม 3.2.3 หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยท่หี น่วยงานๆ พฒั นาขนึ้ มาประกอบด้วยหลักสตู รใดบา้ ง จงอธบิ าย มสธแนวตอบกิจกรรม 3.2.3 หลักสูตรทห่ี น่วยงานต่างๆ ไดพ้ ัฒนาขนึ้ ประกอบดว้ ยหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยของศูนยพ์ ัฒนา เดก็ เลก็ กรมการพฒั นาชุมชน หลกั สตู รเด็กเล็กของศูนยเ์ ด็กเลก็ กองโภชนาการ กรมอนามยั กระทรวง สาธารณสุข หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน หลักสูตรของกรม มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธการพัฒนาชุมชน และหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั ของศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวดั กรมการศาสนา

หลกั สตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-47 มสธตอนที่ 3.3 โปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย โปรดอ่านหัวเร่ือง แนวคิด และวัตถปุ ระสงคข์ องตอนที่ 3.3 แล้วจงึ ศกึ ษารายละเอียดต่อไป มสธ มสธหัวเร่ือง 3.3.1 ความหมาย ความสำ� คญั และประเภทของโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั 3.3.2 ตัวอยา่ งโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศไทย แนวคิด มสธ1. โปรแกรมการศกึ ษาเปน็ การจดั การศกึ ษาทมี่ จี ดุ มงุ่ หมายใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ทกั ษะและความรู้ ในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงโดยเฉพาะ อาจเป็นปัญญาหรือทักษะที่นอกเหนือไปจากที่ก�ำหนด ไว้ในหลักสูตรแกนกลาง มคี วามส�ำคญั ตอ่ เดก็ ครู สถานศกึ ษา พอ่ แม่ ผู้ปกครอง และ ต่อการศึกษาปฐมวัยโดยรวม ประกอบไปด้วยโปรแกรมการศึกษาที่มุ่งพัฒนาทางจิต โปรแกรมการศึกษาเพือ่ สังคม โปรแกรมการศึกษาท่มี ่งุ พฒั นาความสามารถและความ มสธ มสธหลากหลายทางดา้ นภาษา และโปรแกรมการศึกษาแบบผสมผสาน 2. ตัวอย่างโปรแกรมการศึกษาท่ีมุ่งพัฒนาทางจิต คือโรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) และ โรงเรียนสัตยาไสย โปรแกรมการศึกษาเพื่อสังคมคือโรงเรียนล�ำปลายมาศพัฒนา โปรแกรมการศึกษาท่ีมุ่งพัฒนาความสามารถและความหลากหลายทางด้านภาษาคือ โรงเรียนวนิษา สุขุมวิท และโปรแกรมการศึกษาแบบผสมผสาน คือโรงเรียนอนุบาล มณียา มสธวัตถุประสงค์ เม่ือศึกษาตอนที่ 3.3 จบแลว้ นกั ศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายความหมาย ความส�ำคัญ และประเภทของโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยได้ มสธ มสธ มสธ2. อธิบายและยกตัวอยา่ งโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ตามที่ก�ำหนดใหไ้ ด้

3-48 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ�หรบั เด็กปฐมวัย มสธเร่ืองที่ 3.3.1 ความหมาย ความส�ำคัญ และประเภทของโปรแกรมการศึกษาปฐมวัย มสธ มสธโปรแกรมการศึกษาเป็นทิศทางในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับแนวคิดทางการศึกษาที่ ผจู้ ดั การศกึ ษาเชอ่ื มน่ั ในทน่ี จี้ ะขอกลา่ วถงึ ความหมาย ความสำ� คญั และประเภทของโปรแกรมการศกึ ษา ปฐมวยั ดงั ต่อไปน้ี ความหมายของโปรแกรมการศึกษาปฐมวัย ก่อนที่จะท�ำความเข้าใจกับโปรแกรมการศึกษาปฐมวัย นักศึกษาควรท�ำความเข้าใจกับค�ำว่า มสธหลักสูตรและโปรแกรมการศึกษาก่อน เพราะท้ังสองค�ำน้ีมีความหมายไม่ต่างกันนัก ในความหมายของ หลักสตู รนนั้ พจนานกุ รมการศกึ ษาของ Good (1973) ไดใ้ ห้ความหมายของหลกั สตู รไวว้ ่า “หลกั สูตร คือ กลุ่มรายวิชาท่ีจัดไว้อยา่ งมรี ะบบหรอื ล�ำดับวิชาทบ่ี ังคับสำ� หรบั จบการศึกษา หรือเพ่ือรับประกาศนียบัตรในสาขาวิชาต่างๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหลักสูตรอาจหมายถึงชุดของการ เรยี นและประสบการณส์ ำ� หรบั เดก็ ซง่ึ โรงเรยี นวางแผนไวใ้ หเ้ ดก็ บรรลถุ งึ จดุ หมายของการศกึ ษา อาจหมายถงึ มสธ มสธประสบการณ์ทุกอย่างที่จัดให้แก่เด็กโดยอยู่ในความดูแลและการสอนของครู อีกความหมายหน่ึงท่ีส�ำคัญ ของหลกั สตู รกค็ อื กจิ กรรมทคี่ รจู ดั ใหน้ กั เรยี นไดเ้ ลน่ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ ความหมายของหลกั สตู ร โดยสรปุ กค็ อื ประสบการณต์ า่ งๆ ทจ่ี ดั โดยสถานศกึ ษา ทงั้ ภายในและภายนอกสถานศกึ ษา เพอ่ื พฒั นาให้ ผูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ และพฒั นาตนเองจนสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายทกี่ �ำหนดไวไ้ ด”้ โปรแกรมการศึกษาก็มีความหมายไม่แตกต่างจากหลักสูตร ท่ีเป็นแนวทางในการจัดการศึกษา มสธเพอ่ื พฒั นาผเู้ รียนใหเ้ ป็นไปในทศิ ทางท่ตี อ้ งการ นักการศึกษาบางท่าน ยึดถือว่าหลักสูตรมีความหมายที่กว้างกว่าโปรแกรมการศึกษา โดย โปรแกรมการศึกษาจะถูกสร้างข้ึนมาตอบสนองจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ในขณะท่ีนักการศึกษาบางท่าน กลา่ ววา่ โปรแกรมการศกึ ษามคี วามหมายทก่ี วา้ งกวา่ หลกั สตู ร เพราะเชอื่ วา่ หลกั สตู รจะถกู สรา้ งขนึ้ มาตอบ สนองจดุ ม่งุ หมายของโปรแกรม มสธ มสธในที่น้ีผเู้ ขียนมีความเห็นว่าโปรแกรมการศึกษา มีความหมายในทำ� นองเดียวกนั กับหลักสตู ร แต่ มีความหมายที่กว้างกว่าหลักสูตร เนื่องจากโปรแกรมการศึกษาเป็นจุดมุ่งหมายของผู้จัดการศึกษาท่ี ต้องการให้ผู้เรียนเกิดทักษะและความรู้ไปในทิศทางท่ีต้องการ ซ่ึงอาจมีทิศทางที่แตกต่างกันไป เช่น มีจุดมุ่งเน้นที่การพัฒนาจิต หรือมุ่งเน้นการพัฒนาสังคม หรือมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะทางภาษา หรือ มุ่งพัฒนาเด็กอย่างผสมผสาน จึงได้สร้างหลักสูตรการเรียนการสอนขึ้นมาเพ่ือให้บรรลุจุดมุ่งหมายตามที่ มสธโปรแกรมการศึกษาก�ำหนดไว้ เช่น ผู้จัดการศึกษาต้องการให้เด็กท่ีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เช่น

หลักสูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-49 เด็กสมาธสิ น้ั หรือเด็กออทิสติก สามารถเรยี นรู้เน้อื หาวชิ าการได้เท่าเทยี มกบั เด็กปกติ จงึ สรา้ งโปรแกรม มสธการศึกษาสอนเดก็ เหลา่ นข้ี นึ้ มา แลว้ สร้างหลักสูตรการเรียนการสอนท่ีสามารถน�ำไปใชก้ บั เดก็ เหล่านนั้ ได้ สรปุ ไดว้ า่ โปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั เปน็ ทศิ ทางในการจดั การศกึ ษาเพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นพฒั นาไปตาม จดุ มุ่งหมายท่โี ปรแกรมก�ำหนด โปรแกรมการศกึ ษามคี วามหมายทก่ี วา้ งกวา่ หลักสตู ร มสธ มสธความส�ำคัญของโปรแกรมการศึกษาปฐมวัย 1. ทำ� ให้เด็กมีโอกาสไดร้ บั การพัฒนาไปในทิศทางท่หี ลากหลาย สอดคล้องกบั ความถนดั ความ สนใจของเดก็ รวมทงั้ สอดคล้องกบั ความเชื่อ ทศั นคติ คา่ นิยมของบา้ นและชมุ ชนท่ีเดก็ อาศยั อยู่ 2. ทำ� ใหค้ รเู หน็ แนวทางในการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายในการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั เพ่ือท่คี รจู ะน�ำมาปรับใชใ้ นการจัดการเรยี นร้เู พอื่ พัฒนาเดก็ ปฐมวยั ในส่วนที่ตนรบั ผดิ ชอบ 3. ท�ำให้สถานศึกษาสามารถจัดการการเรียนการสอนได้ตอบสนองกับความต้องการ ทัศนคติ มสธค่านยิ ม และความเชือ่ ของครอบครวั ของเดก็ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชน 4. ท�ำให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีทางเลือกในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโปรแกรมการศึกษาที่ สอดคลอ้ งกับความต้องการ ทศั นคติ คา่ นยิ ม และความเชอ่ื ของครอบครัว 5. ท�ำให้เกิดความหลากหลายทางแนวคิดในการจัดการศึกษาปฐมวัย อันจะน�ำไปสู่การศึกษา มสธ มสธค้นควา้ เพอื่ หาแนวทางสรา้ งแนวคดิ ในการพฒั นาเดก็ โดยภาพรวมตอ่ ไป ประเภทของโปรแกรมการศึกษาปฐมวัย โปรแกรมการศึกษาท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาตามแนวคิดและความเช่ือของนักการศึกษามีหลากหลาย ประเภท เป็นโรงเรียนท่ีจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดที่ต้องการให้ผู้เรียนสามารถ เรียนรู้อย่างมี ความสขุ เนน้ ปญั ญาในการดำ� เนนิ ชวี ติ ดา้ นอน่ื ๆ มากกวา่ การมคี วามรตู้ ามหลกั สตู รการศกึ ษาทว่ั ไป ในทน่ี ้ี มสธจะขอยกตวั อย่างโดยจัดแบง่ เปน็ กลุ่มต่างๆ 4 กลมุ่ ดังน้ี 1. โปรแกรมท่ีมุ่งพัฒนาทางจิต มเี ปา้ หมายทจี่ ะพฒั นาเดก็ ใหเ้ ปน็ คนดี มศี ลี ธรรม มากกวา่ ทจี่ ะ หวังผลความรู้ทางวิชาการ บางโรงเรียนต้ังเป้าหมายไว้เพียงให้เด็กมีความรักในเพ่ือนมนุษย์ มีความรัก และเมตตาต่อสรรพสิง่ เชน่ โรงเรียนจติ ตเมตต์ (ปฐมวัย) บางโรงเรยี นมีเปา้ หมายถงึ ข้นั ให้เดก็ เรียนรู้ทจ่ี ะ แสวงหาสัจจธรรม ให้เด็กเจริญจิตภาวนาท�ำสมาธิ เพื่อให้เข้าใจถึงความเป็นอนิจจังของสรรพส่ิง เช่น มสธ มสธโรงเรยี นสัตยาไส ที่อำ� เภอชยั บาดาล จงั หวัดลพบุรี 2. โปรแกรมการศึกษาเพ่ือสังคม เป็นกลุ่มท่ียึดมั่นในเรื่องของชุมชนหรือสังคมรอบๆ ตัว มีเป้าหมายที่จะใช้สรรพส่ิงในสภาวะแวดล้อมรอบตัวผู้เรียนเป็นปัจจัยในการจัดการเรียนการสอน มุ่งหวัง ทจ่ี ะใหผ้ เู้ รยี นใชค้ วามรทู้ ไ่ี ดร้ บั มาในการพฒั นาชมุ ชน ดำ� รงชวี ติ อยา่ งมคี วามสขุ ในสงั คมหรอื ชมุ ชนทอ่ี าศยั อยู่น้ัน โดยไม่จ�ำเป็นท่ีจะต้องไปดิ้นรนเพ่ือการท�ำมาหาเล้ียงชีพในชุมชนอ่ืน เช่น โรงเรียนล�ำปลายมาศ มสธพัฒนา

3-50 การจัดการศึกษาและหลักสตู รส�ำ หรบั เดก็ ปฐมวัย 3. โปรแกรมที่มุ่งพัฒนาความสามารถและความหลากหลายทางด้านภาษา มีเป้าหมายในการ มสธพัฒนาเด็กให้มีทักษะในการใช้ภาษาต่างประเทศได้หลายภาษา บางแห่งถึงกับต้ังเป้าหมายให้เด็กเรียนรู้ ถงึ 5 ภาษา เชน่ โรงเรียนวนษิ า สขุ ุมวทิ 4. โปรแกรมการศึกษาแบบผสมผสาน นอกเหนือไปจากสาระความรู้และประสบการณ์ตาม หลกั สูตรแกนกลางแลว้ โรงเรียนกลมุ่ น้ียงั มุ่งหวงั ใหเ้ ด็กมีประสบการณแ์ ละความร้ทู างด้านอน่ื ๆ ด้วย เช่น มสธ มสธดนตรี การเรยี นร้แู ละลงมือทดลองทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์และธรรมชาตริ อบๆ ตวั ซ่งึ มที ั้งเรอ่ื งของพชื สตั ว์ และสรรพสง่ิ ในโลก เดก็ ๆ จะเรยี นรแู้ ละลงมอื ทำ� ในเรอ่ื งของการเพาะปลกู การเลย้ี งสตั ว์ การตงั้ สมมตฐิ าน และการทดลอง ตลอดจนเรียนรู้ในเร่ืองอน่ื ๆ ตามแนวคิดทฤษฎพี หุปัญญา โรงเรยี นกลมุ่ นี้ เชน่ โรงเรยี น วรรณสว่างจิต โรงเรยี นสยามสามไตร โรงเรียนอนุบาลมณยี า ฯลฯ สรปุ ไดว้ า่ โปรแกรมการศกึ ษา คอื การจดั การศกึ ษาทม่ี จี ดุ มงุ่ หมายใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ทกั ษะและความรู้ ในเรื่องใดเร่ืองหนึ่งโดยเฉพาะ อาจเป็นปัญญาหรือทักษะที่นอกเหนือไปจากท่ีก�ำหนดไว้ในหลักสูตรแกน มสธกลาง มีความส�ำคัญต่อเด็ก ครู สถานศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครอง และต่อการศึกษาปฐมวัยโดยรวม มี 4 ประเภท ประกอบดว้ ยโปรแกรมการศกึ ษาทมี่ งุ่ พฒั นาทางจติ โปรแกรมการศกึ ษาเพอื่ สงั คม โปรแกรมการ ศกึ ษาทม่ี งุ่ พฒั นาความสามารถและความหลากหลายทางดา้ นภาษา และโปรแกรมการศกึ ษาแบบผสมผสาน มสธ มสธกิจกรรม3.3.1 จงอธบิ ายความหมาย ความส�ำคญั และประเภทของโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั แนวตอบกิจกรรม 3.3.1 โปรแกรมการศึกษา เป็นการจัดการศึกษาท่ีมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนเกิดทักษะและความรู้ใน เรอื่ งใดเรอ่ื งหนงึ่ โดยเฉพาะ อาจเปน็ ปญั ญาหรอื ทกั ษะทน่ี อกเหนอื ไปจากทก่ี ำ� หนดไวใ้ นหลกั สตู รแกนกลาง มสธโปรแกรมการศึกษามีความส�ำคัญต่อเด็ก ครู สถานศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครอง และต่อการศึกษา ปฐมวัยโดยรวม โปรแกรมการศกึ ษามี 4 ประเภท คอื โปรแกรมการศกึ ษาทม่ี งุ่ พฒั นาทางจติ โปรแกรมการศกึ ษา เพอ่ื สงั คม โปรแกรมการศกึ ษาทม่ี งุ่ พฒั นาความสามารถและความหลากหลายทางดา้ นภาษา และโปรแกรม มสธ มสธ มสธการศกึ ษาแบบผสมผสาน

หลักสตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-51 มสธเร่ืองท่ี 3.3.2 ตัวอย่างโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย มสธ มสธโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั เปน็ ทศิ ทางในการจดั การศกึ ษาเพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นพฒั นาไปตามจดุ มงุ่ หมาย ท่ีโปรแกรมก�ำหนด ซ่ึงได้จ�ำแนกออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มโปรแกรมการศึกษาท่ีมุ่งพัฒนา ทางจิต กลุ่มโปรแกรมการศึกษาเพื่อสังคม กลุ่มโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยที่มุ่งพัฒนาความหลากหลาย ทางภาษา และกลุ่มโปรแกรมการศึกษาท่ีมุ่งพัฒนาเด็กอย่างผสมสาน ในเร่ืองนี้จะยกตัวอย่างการจัดการ ศึกษาของโรงเรียนตามกล่มุ โปรแกรมการศึกษาปฐมวัยดงั กลา่ ว ดังรายละเอียดต่อไปนี้ มสธโปรแกรมการศึกษากลุ่มท่ีมุ่งพัฒนาทางจิต การศึกษาปฐมวัยโดยท่ัวไปก�ำหนดจุดมุ่งหมายเพ่ือพัฒนาเด็กให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ท่ี ครอบคลมุ พัฒนาการทง้ั ดา้ นร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญา อยา่ งสมดลุ ไปพร้อมกัน แต่ใน บางโรงเรียนมีโปรแกรมการศึกษาที่มุ่งพัฒนาทางจิตใจเป็นส�ำคัญ ดังตัวอย่างท่ีจะกล่าวถึงโรงเรียน ในกลุ่มน้ี 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) และโรงเรยี นสัตยาไส ดงั รายละเอียด ตอ่ ไปน้ี มสธ มสธ1. โรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) โปรแกรมการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวยั ) เกิดขึ้นจากการตั้งคำ� ถามตอ่ ตนเองของผูบ้ ริหารว่า อยากให้เดก็ เติบโตขน้ึ เป็นคนอยา่ งไร โลก ในอนาคตจะเปน็ อยา่ งไร การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนของโรงเรียนและโอกาสที่เด็กๆ ไดร้ ับจะน�ำพา เดก็ ๆ ไปสคู่ วามส�ำเรจ็ ที่ย่งั ยืนหรอื ไม่ กิจกรรมเหลา่ น้นั และโอกาสเหล่านัน้ ที่เดก็ ๆ ได้รบั จะช่วยใหเ้ ด็กๆ สามารถกา้ วข้ามอุปสรรคตา่ งๆ ไปไดด้ ว้ ยตนเองหรือไม่ เดก็ ๆ จะสามารถดูแล จดั การชวี ติ ของตนเองได้ หรอื ไม่ เดก็ ๆ จะคน้ พบความสามารถของตนเองอยา่ งภาคภมู ใิ จไดห้ รอื ไม่ กจิ กรรมและประสบการณท์ ที่ าง มสธโรงเรียนจัดให้และโอกาสที่เด็กได้รับสอดคล้องกับความมุ่งหวังหรือไม่ อย่างไร โรงเรียนจะเตรียมตัวเด็ก ใหพ้ รอ้ มทจี่ ะดำ� เนนิ ชวี ติ ในอนาคตอยา่ งมคี วามสุขไดอ้ ย่างไร (กรองทอง บญุ ประคอง, 2560) 1.1 จุดมุ่งหมายหลักในการพัฒนาเด็ก สงิ่ ทโ่ี รงเรยี นจติ ตเมตต์ (ปฐมวยั ) ทำ� กค็ อื การจดั ให้ โรงเรยี นเปน็ พนื้ ทแี่ หง่ การเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองของทกุ คน ตง้ั แตเ่ ดก็ ครู ผปู้ กครอง บคุ ลากรในโรงเรยี น รวมถงึ ทกุ คนทีม่ ีสว่ นเกี่ยวขอ้ งทีก่ อ่ ให้เกิดการเห็นคณุ ค่าในตนเอง ผ้อู น่ื ธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม เขา้ ใจ มสธ มสธในผลกระทบทงั้ ในเชงิ ของการพฒั นาและเสอ่ื มถอย นอกจากพฒั นาการทงั้ สด่ี า้ นคอื รา่ งกาย อารมณ-์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา มีความสามารถในการเรียนรู้ จัดการ และพฒั นาตนเองไปตลอดชีวติ สามารถทจ่ี ะ อยรู่ ว่ มในสงั คมทมี่ คี วามแตกตา่ งหลากหลาย อยกู่ บั ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ เกอ้ื ประโยชน์ และความสุขต่อกันและกันแล้ว จุดมุ่งหมายท่ีส�ำคัญที่สุดของโรงเรียนก็คือ ให้เด็กเป็นผู้ท่ีมีความเมตตา โปรแกรมการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) จึงเป็นการบูรณาการนวัตกรรมการ มสธเรยี นรู้ทีเ่ ข้าใจและเคารพในความเปน็ ธรรมชาตขิ องเด็กเปน็ หลกั

3-52 การจดั การศึกษาและหลักสูตรส�ำ หรับเดก็ ปฐมวยั โรงเรยี นเปน็ พนื้ ทส่ี ำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั ใชท้ ำ� กจิ กรรมเพอ่ื การเรยี นรแู้ ละสะสมทกั ษะชวี ติ (life มสธskills) แบง่ ประเภทอย่างกวา้ งๆ เปน็ พื้นทสี่ องชนิด ได้แก่ พ้นื ท่ใี นร่มและพน้ื ที่กลางแจ้ง ตามหลักพ้ืนที่ ทั้งสองประเภทต้องมีเครื่องเล่น อุปกรณ์การเรียนรู้ทั้งที่ต้องการใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก ทั้งที่ ตอ้ งใชค้ วามคดิ จนิ ตนาการของตน ทงั้ ทตี่ อ้ งใชพ้ ลงั กายและการพกั ผอ่ นคลายความเครยี ดของประสาทและ กล้ามเน้ือในสดั สว่ นทแ่ี ตกตา่ งกันออกไป หอ้ งทำ� กิจกรรมต่างๆ จะมสี ือ่ พรม เบาะ เกา้ อ้ี มา้ นงั่ โตะ๊ ซ่ึง มสธ มสธเชญิ ชวนให้เดก็ นัง่ ทำ� กจิ กรรมต่างๆ ท่ตี ้องการความเงยี บ ใชก้ ล้ามเนื้อเล็ก ใช้ความคดิ และจินตนาการใน สัดส่วนที่สะดวกแก่การผลิตงานที่สร้างสรรค์ แต่ในพื้นท่ีร่มก็ยังคงมีเคร่ืองมือ เครื่องใช้ที่ต้องใช้พลังกาย กล้ามเนอื้ ใหญ่อยูป่ ระปราย เพอื่ เป็นการยืดเสน้ ยืดสาย ปรบั เปลย่ี นอารมณ์ คลายความเครยี ด ซึง่ อาจจะ เกิดจากการน่ังท�ำอะไรนานๆ โดยเฉพาะในวันฝนตก ระเบียงหน้าห้องเรียน ซึ่งปกติใช้เป็นทางเดินก็มี บารเ์ ดี่ยวเล็กๆ ให้เด็กไดห้ ้อยโหนเพอ่ื เปน็ การเปลีย่ นอริ ิยาบถ ทั้ง 2 พืน้ ที่น้จี ัดได้สัดส่วนพอเหมาะท่จี ะมี สว่ นช่วยใหเ้ ดก็ ควบคุมตนเองได้ ไม่วง่ิ เลน่ อยา่ งไม่มจี ดุ หมาย (aimless running) เป็นการฝกึ ให้เด็กอยู่ มสธนิง่ (immobile) ซึ่งเปน็ การจัดเตรยี มเด็กให้อย่ใู นสภาพทีร่ จู้ ักนง่ิ สงบ เปน็ เด็กที่มีสมาธิ มวี นิ ัย รตู้ วั รตู้ น 1.2 หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน หลักสูตรที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน เป็นการบรู ณาการนวตั กรรมการเรยี นการสอนทใี่ ห้ความส�ำคญั แก่การจดั การเรียนการสอนแบบ โครงการ (Project Approach) และการจัดการเรียนการสอนท่ีใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning) กิจกรรมการเรียนการสอนเริ่มต้นด้วยดนตรีและการเคล่ือนไหว การท�ำสมาธิด้วยกิจกรรมที่ มสธ มสธชักน�ำเด็กให้เกิดสมาธิ เช่น การเชิญเทียน ฯลฯ จากนั้นกิจกรรมการเรียนการสอนก็เป็นไปในลักษณะที่ ยดึ โยงกบั ธรรมชาติ ทงั้ ธรรมชาตขิ องตวั เดก็ และสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ปน็ ธรรมชาติ ทง้ั นหี้ ลกั สตู รการสอนของ โรงเรยี นจติ ตเมตต์ (ปฐมวยั ) อาจจะไมแ่ ตกตา่ งจากโรงเรยี นอน่ื มากนกั แตก่ ระบวนการในการจดั การเรยี น การสอนอาจจะแตกตา่ งออกไป โดยเดก็ ๆ ไดร้ บั ประสบการณท์ างดา้ นประสาทสมั ผสั ตงั้ แตก่ า้ วแรกทยี่ า่ ง เข้าส่บู ริเวณโรงเรยี น การได้สมั ผัสดว้ ยเทา้ กับพนื้ ผวิ ชนดิ ต่างๆ ต้งั แตอ่ อ่ นนุ่มไปจนถึงแขง็ กระด้าง เรียบ ลนื่ หรือขรุขระ การไดส้ ัมผัสด้วยมือและประสาทสัมผัสดา้ นอ่นื ๆ ทงั้ หู ตา จมูก ลนิ้ มสธกิจกรรมประจ�ำวันของโรงเรียนเริ่มต้นด้วยดนตรี โรงเรียนน�ำแนวคิดทางดนตรีของ Carl Orff คีตกวชี าวเยอรมนั มาใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน Orff เชอ่ื วา่ ดนตรี (music) การเคล่ือนไหว (move- ment) และการพูด (speech) เป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ ทั้งสามส่ิงรวมกันเป็นเอกภาพ (unity) ซ่ึง Orff เรียกว่า “ดนตรีเบ้ืองต้น” (elemental music) ค�ำว่า “ดนตรีเบื้องต้น” นี้ Orff หมายถึง การแสดงออกทางดนตรขี องบคุ คลทีเ่ ปน็ ไปโดยธรรมชาติ Orff ได้สังเกตจากเดก็ ในสภาวะแวดลอ้ มปกติ มสธ มสธไม่มีกฎเกณฑ์อะไรบังคับ เด็กจะใช้ดนตรี การเคล่ือนไหว และภาษาพูดไปพร้อมกัน เด็กท่ีกำ� ลังเต้นร�ำ จะรอ้ งเพลงไปดว้ ย เมอ่ื เดก็ รอ้ งเพลงกม็ กั จะเคลอื่ นไหวไปตามจงั หวะเสยี งเพลง เขาเชอื่ วา่ การศกึ ษาดนตรี ควรจะเริ่มด้วยความรู้ท่ีง่ายๆ จากเพลงง่ายๆ และพัฒนาข้ึนไปสู่ดนตรีท่ีซับซ้อนหรือบทเพลงท่ียากขึ้น ดว้ ยข้อสรปุ นี้ Orff ไดว้ างแผนการศกึ ษาทเ่ี ป็นข้นั ๆ ต่อเนื่องกัน โดยมโี ครงสรา้ งทเี่ รม่ิ จากสง่ิ ท่ีง่ายทส่ี ดุ แล้วสอนเพ่ิมเติมไปสู่สิ่งที่ซับซ้อนท่ีสุด Orff เห็นว่าจังหวะเป็นส่วนประกอบส�ำคัญท่ีสุดของดนตรี มสธการแสดงออกของมนุษยท์ ่เี ปน็ ธรรมชาติที่สุดและสามญั ท่สี ดุ คอื การใช้จังหวะ

หลกั สูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-53 นอกจากการใช้แนวทางการสอนดนตรีแบบ Orff แล้ว ยังมีการน�ำดนตรีมาใช้ในการสอน มสธคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ตามแนวทางของอิสราเอลด้วย หลังจากนั้นจึงน�ำเข้าสู่กิจกรรมการเรียน การสอนทมี่ ไิ ดส้ รา้ งเปน็ หลกั สตู รจำ� เพาะแตกตา่ งไปจากหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของโรงเรยี นอน่ื ๆ เพยี ง แต่ใช้วิธีการในการจัดการเรียนการสอนที่แตกต่าง เสริมเพ่ิมในสิ่งที่จะน�ำไปสู่เป้าหมายของโปรแกรม การสอนของโรงเรียน อาทิ การให้เด็กทุกคนร่วมท�ำกิจกรรมอุ้มท้อง อุ้มรัก เพ่ือให้เด็กๆ รู้จักและเข้าใจ มสธ มสธผู้อื่น เด็กๆ จะต้องบรรจุสิ่งของไว้ที่ท้องในลักษณะของคนท้องและจะกระท�ำกิจกรรมต่างๆ ในสภาวะ ดงั กลา่ วตลอดท้ังวัน กจิ กรรมนน้ี อกจากจะทำ� ใหเ้ ดก็ เรียนรูแ้ ละเขา้ ใจในบคุ คลอนื่ เข้าใจความยาก ลำ� บาก ของคนท่ีก�ำลังตัง้ ทอ้ งแล้ว ยงั ท�ำใหเ้ ด็กตระหนักถึงพระคณุ ของแมท่ ี่อุม้ ทอ้ งและใหก้ ำ� เนิดตนมา 2. โรงเรียนสัตยาไส ก่อตั้งและอำ� นวยการโดย ดร.อาจอง ชมุ สาย ณ อยุธยา เปดิ รับนกั เรยี น ช้ันอนุบาล 1 ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เด็กอนุบาลจะมาเรียนเฉพาะเวลากลางวัน นักเรียนประถมศึกษา และมธั ยมศกึ ษาจะเปน็ นกั เรยี นประจำ� โรงเรยี นสตั ยาไสในประเทศไทยเกดิ จากการไดร้ บั แรงบนั ดาลใจของ ดร.อาจอง ทไ่ี ดร้ บั จากการไดไ้ ปพบกบั ทา่ นสตั ยาไส บาบา ณ เมอื งพทุ ธปาตี ประเทศอนิ เดยี ทไี่ ดแ้ นะนำ� วา่ มสธควรใชเ้ วลาทีเ่ หลือของชีวิตพฒั นาเร่อื งการศึกษา โดยควรเปน็ การศึกษาทม่ี ีคณุ ธรรมด้วย 2.1 จุดมุ่งหมายหลักในการพัฒนาเด็ก โรงเรียนท่ัวไปมุ่งที่จะพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะและ ความรู้ความสามารถท่ีจะนำ� ไปต่อยอดการเรียนรู้ในระดับท่ีสูงข้ึน ผู้เรียนจะมีความรู้ความสามารถในการ ประกอบอาชีพที่สร้างความเป็นอยู่ท่ีดีให้แก่ผู้เรียน สามารถอยู่ได้ในสังคมอย่างเป็นปกติสุข แต่ทว่า มสธ มสธส่ิงเหล่าน้ันมิใช่จุดมุ่งหมายท่ีส�ำคัญของโรงเรียนสัตยาไส โรงเรียนสัตยาไสมุ่งที่จะพัฒนาผู้เรียนให้เป็น คนดี มีศีลธรรม มีจิตใจท่ีสงบเยือกเย็น การเรียนรู้องค์ความรู้ที่จะน�ำไปเรียนต่อในระดับที่สูงข้ึนหรือ เรยี นรเู้ พอื่ นำ� ไปประกอบอาชพี เลย้ี งดตู นเองในระดบั ตอ่ ไปจงึ เปน็ เปา้ หมายทร่ี องลงมา เปา้ หมายหลกั ของ โรงเรียนแห่งน้ีคือขจัดความเป็นตัวตนและความต้องการต่างๆ ของผู้เรียนออกไป เพราะโรงเรียนแห่งนี้ ตง้ั ขนึ้ เพอ่ื ยกระดบั จติ ใจผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ มนษุ ยท์ สี่ มบรู ณ์ มคี วามเปน็ เลศิ ทางคณุ ธรรมโดยยดึ หลกั คณุ คา่ ความ เป็นมนษุ ย์ 5 ประการ คอื ความรัก ความเมตตา ความจริง ความประพฤติชอบ ความสงบสุขและอหิงสา มสธมคี วามเคารพในศาสนาและวฒั นธรรม ประเพณอี นั ดงี ามของตนเองและผอู้ นื่ สามารถดำ� รงชวี ติ อยใู่ นสงั คม ปจั จบุ นั ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข และรบั ใช้ผอู้ ่ืนด้วยความเสยี สละ 2.2 หลักสูตรและการเรียนการสอน หลักสูตรการสอนของโรงเรียนสัตยาไสเป็นหลักสูตร ของกระทรวงศึกษาธกิ าร แต่วธิ กี ารจัดการเรียนการสอนเพือ่ ใหบ้ รรลุเป้าหมายตามทีโ่ ปรแกรมกำ� หนดไว้ เปน็ วธิ กี ารของโรงเรยี นเอง มสธ มสธการจดั การเรยี นการสอนเพอ่ื ใหบ้ รรลตุ ามจดุ มงุ่ หมายของโรงเรยี นสตั ยาไส เปน็ การใชก้ ระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์เพ่ือพิสูจน์ความจริง เด็กทุกคนถูกสอนให้แสวงหาความจริง ซึ่งความจริงในท่ีนี้คือสิ่งท่ี ต้องด�ำรงอยู่อย่างไม่เปล่ียนแปลง ไม่ว่ากาลเวลาจะเปล่ียนแปลงไปเช่นไร สิ่งที่เป็นความจริงจะต้องไม่ เปลี่ยนแปลง แต่เม่ือเด็กท�ำการศึกษาค้นคว้าไปจนถึงท่ีสุดแล้วก็จะพบว่า ทุกส่ิงทุกอย่างในโลกน้ีล้วน เปลีย่ นแปลงทง้ั สิน้ ดงั ตัวอยา่ ง การเรียนรเู้ ร่อื งของไดโนเสาร์ ครจู ะเปิดโอกาสใหเ้ ดก็ ได้ค้นควา้ เสาะหา และพสิ จู นด์ ว้ ยตวั เองวา่ มไี ดโนเสารอ์ ยทู่ ใ่ี ดบา้ งในปจั จบุ นั ในทสี่ ดุ เดก็ จะไมส่ ามารถคน้ หาไดโนเสารพ์ บได้ มสธเด็กๆ ก็จะไปศึกษาเพิ่มเติม อาจจะด้วยการสอบถามผู้รู้ หรือวิธีการอ่ืนๆ ค�ำตอบที่ได้ก็คือไดโนเสาร์

3-54 การจัดการศึกษาและหลักสตู รส�ำ หรับเด็กปฐมวัย เคยมอี ยจู่ รงิ ในอดตี ปจั จบุ นั สญู พนั ธไุ์ ปหมดแลว้ ดงั นน้ั ไดโนเสารจ์ งึ มใิ ชค่ วามจรงิ ในโลกปจั จบุ นั แลว้ ความจรงิ มสธทแ่ี ทอ้ ยทู่ ไี่ หน เมอ่ื แสวงหาความจรงิ จากโลกภายนอกไมไ่ ด้ ครกู จ็ ะแนะนำ� ใหเ้ ดก็ แสวงหาความจรงิ ในตวั เอง โรงเรียนสัตยาไสใหเ้ ดก็ เลอื กเรยี นในสิ่งทต่ี นเองอยากรู้ แสวงหาค�ำตอบดว้ ยตนเอง เมอื่ แสวงหา ค�ำตอบไม่ได้ เดก็ กต็ ้องไปหาความรจู้ ากบุคคลอน่ื ซึง่ ไมใ่ ชค่ รู ลักษณะของการจดั การเรยี นการสอนจะเปน็ ทง้ั การจดั การเรยี นการสอนแบบโครงการ (project approach) และการจดั การเรยี นการสอนแบบใชป้ ญั หา มสธ มสธเปน็ ฐาน (problem based learning) แตท่ วา่ ทกุ กจิ กรรมการเรยี นการสอนจะเชอ่ื มโยงไปสเู่ รอื่ งของธรรมะ และสจั ธรรมอยเู่ สมอ ดงั ตวั อยา่ งนทิ านทคี่ รเู ลา่ ใหเ้ ดก็ ฟงั กจ็ ะเปน็ นทิ านทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ธรรมะ เกยี่ วกบั การ ทำ� ความดที ง้ั สนิ้ เช่น เรือ่ งของคนตัดไมท้ ีเ่ ดนิ ทางฝ่าเปลวแดดเข้าไปตัดต้นไมก้ ลางทุง่ เมอื่ ไปถึงก็เหนือ่ ย มากเพราะอากาศรอ้ น จำ� ตอ้ งนงั่ พกั คลายรอ้ นใตร้ ม่ เงาของตน้ ไมท้ ตี่ นจะโคน่ ตน้ ไมก้ ย็ งั คงใหร้ ม่ เงาแกค่ น ท่ีจะมาตัดโคน่ ท�ำลายตน เปน็ การแสดงออกถงึ ความเมตตา ฯลฯ เด็กของโรงเรียนสัตยาไสในระดับปฐมวัยจะเรียนที่โรงเรียนแบบไป-กลับ เฉพาะตอนกลางวัน แต่เด็กนักเรียนต้ังแต่ช้ันประถมปีที่ 1 ขึ้นไปจะต้องอยู่ประจ�ำท่ีโรงเรียน ทุกคนจะต้องตื่นข้ึนมาสวดมนต์ มสธและน่ังสมาธิร่วมกันต้ังแต่เวลา 5 นาฬิกาในตอนเช้าทุกวัน ทุกคนมีสมาธิอยู่กับลมหายใจโดยไม่เลือก ศาสนา ทั้งนี้เพ่ือแสวงหาความจริงที่พบว่าไม่มีท่ีไหนอีกแล้วนอกจากในดวงจิตของตนเอง นักเรียนของ โรงเรียนสตั ยาไสมีทัง้ ทีน่ บั ถือศาสนาพทุ ธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม แต่ทกุ คนสามารถทำ� กิจกรรม ทางศาสนาของตนร่วมกนั ได้ ทกุ คนฝกึ สมาธิโดยการติดตามลมหายใจของตนเอง มสธ มสธถึงแม้ว่าเด็กช้ันอนุบาลไม่ต้องอยู่ประจ�ำค้างคืนท่ีโรงเรียน แต่ก็ถูกสอนในแนวทางเดียวกัน เด็กจะได้รบั การจัดการเรียนการสอนท้ังแบบโครงการ และแบบทีใ่ ชป้ ญั หาเปน็ ฐาน ต้องฝกึ สมาธิ แตก่ าร ฝกึ สมาธขิ องเดก็ วยั นตี้ ้องอาศยั การเคล่ือนไหว เพราะธรรมชาติของเด็กวัยนจ้ี ะอย่นู งิ่ ๆ ไดไ้ ม่นาน ดังนน้ั กจิ กรรมการเชญิ เทยี น หรอื การสง่ ตอ่ ภาชนะทม่ี นี า้ํ เตม็ จากคนหนงึ่ สอู่ กี คนหนงึ่ โดยไมใ่ หน้ า้ํ หก กส็ ามารถ ใช้เป็นเครื่องชักน�ำให้เด็กมีสมาธิได้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างกันของเด็กนักเรียนในโรงเรียนสัตยาไสคือ การใหพ้ ่ดี แู ลนอ้ ง ดังนน้ั การทำ� กิจกรรมใดๆ ของรนุ่ พ่ี ก็จะเป็นแบบอยา่ งใหร้ นุ่ นอ้ งปฏบิ ตั ติ าม มสธเดก็ นกั เรียนทกุ คนของโรงเรียนสัตยาไสตอ้ งปฏบิ ตั ิตนใหอ้ ยูใ่ นศีลท้ัง 5 ขอ้ เมอ่ื ศลี ข้อแรกคอื การ ห้ามฆ่าสัตว์ นักเรียนในโรงเรียนนี้จึงต้องกินอาหารมังสวิรัติเพ่ือที่จะได้ไม่ส่งเสริมให้เกิดการฆ่า ครูและ บคุ ลากรทกุ คนในโรงเรยี นกเ็ ชน่ เดยี วกนั ทุกคนปฏิบตั ติ อ่ กนั และกนั อย่างยิม้ แย้มแจม่ ใส ทกุ คนมีความสุข (อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา, 2560.) โรงเรียนสัตยาไสเป็นโรงเรียนเอกชนท่ีไม่เก็บค่าเล่าเรียน เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบให้ มสธ มสธเปลา่ นักเรยี นจ่ายเพียงแคค่ ่าอาหารและค่าท่พี กั เท่านน้ั โรงเรียนอยู่ไดด้ ว้ ยเงินบริจาคจากผทู้ มี่ ีจติ ศรัทธา คล้ายคลงึ กบั โรงเรียนล�ำปลายมาศพัฒนา โปรแกรมการศึกษากลุ่มเพื่อสังคม โรงเรียนในโปรแกรมการศึกษากลุ่มเพ่ือสังคมจะเสนอตัวอย่างโรงเรียนล�ำปลายมาศพัฒนา เพ่ือ มสธใหเ้ หน็ ถงึ ความเปน็ มา จดุ มงุ่ หมายหลกั ในการพฒั นาเดก็ หลกั สตู รและการจดั การเรยี นการสอน ดงั ตอ่ ไปนี้

หลกั สตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-55 โรงเรียนล�ำปลายมาศพัฒนา มสธโรงเรยี นลำ� ปรายมาศพฒั นาเปน็ โรงเรยี นเอกชนของมลู นธิ ทิ ไ่ี มแ่ สวงหาผลกำ� ไร เปดิ สอนตงั้ แตช่ น้ั อนบุ าลจนถงึ ช้นั มัธยมศึกษาตอนตน้ ตง้ั อยบู่ นพ้ืนท่ี 50.2 ไร่ ในอ�ำเภอล�ำปลายมาศ จังหวดั บุรรี มั ย์ ได้ เปิดท�ำการเรียนการสอน เม่ือวันท่ี 16 พฤษภาคม 2546 นักเรียนที่เข้าเรียนไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน ข้อ พิจารณาที่ส�ำคัญคือ ผู้ปกครองต้องพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับโรงเรียนในการพัฒนาผู้เรียนอย่างเต็ม มสธ มสธศักยภาพ ปจั จบุ นั ผูร้ ับใบอนุญาตโรงเรียน คอื มูลนิธลิ ำ� ปลายมาศพัฒนา 1. จดุ มงุ่ หมายในการพฒั นาเดก็ โรงเรยี นลำ� ปลายมาศพฒั นามแี นวคดิ ทว่ี า่ ระบบการศกึ ษา ของไทยยดึ ติดอยใู่ น “ความร”ู้ ซ่งึ เปน็ เพยี งสว่ นเปลอื กของการศกึ ษา แท้ท่จี ริงแลว้ คุณคา่ ของการศึกษา อยทู่ กี่ ารกอ่ ใหเ้ กดิ ความเจรญิ งอกงามทางปญั ญา อนั ประกอบดว้ ยปญั ญาภายนอก ซงึ่ หมายถงึ ความเขา้ ใจ อยา่ งถอ่ งแทใ้ นสงิ่ ทอ่ี ยรู่ อบตวั และปญั ญาภายในอนั หมายถงึ ความเขา้ ใจตนเองและธรรมชาตขิ องชวี ติ การ ศึกษาของไทยมีส่วนคล้ายกับวิถีของโรงงานอุตสาหกรรมคือฝึกคนให้มีความสามารถด้านเดียว หลักสูตร แกนกลางของการศึกษาคงอยู่อย่างไร้การเปล่ียนแปลงเป็นเวลานาน ท�ำให้ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง มสธของโลก นอกจากนน้ั ระบบการศกึ ษายงั เปน็ การแขง่ ขนั กนั ใหม้ คี วามรมู้ ากกวา่ คนอน่ื มองหาความสำ� เรจ็ ในเชงิ เศรษฐกจิ แตเ่ พยี งอยา่ งเดยี วจนมองไมเ่ หน็ ความสำ� คญั ของปญั ญาการใชช้ วี ติ ซงึ่ ในความเปน็ จรงิ แลว้ ความรมู้ ากไมไ่ ด้ทำ� ให้คนมีความสุขมากขน้ึ คนจ�ำนวนไม่น้อยจมอย่ใู นความทุกขท์ ่เี กิดขน้ึ จากแรงบีบคั้น ทางเศรษฐกิจและการพยายามปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงทางสังคม ดังนั้น โรงเรียนล�ำปลายมาศ มสธ มสธพัฒนา จึงพยายามปลีกตัวออกจากแนวความคิดแบบด้ังเดิม โดยให้ความส�ำคัญกับการเรียนรู้อย่างมี ความสขุ มากกวา่ องคค์ วามรู้ ใหเ้ ดก็ เกดิ ทกั ษะกระบวนการคดิ และกระบวนการแสวงหาความรผู้ า่ นสงิ่ ตา่ งๆ ทเ่ี ดก็ สนใจ มใิ ชเ่ รยี นรผู้ า่ นตำ� ราเรยี นเทา่ นน้ั ดงั นนั้ เปา้ หมายของโรงเรยี นลำ� ปลายมาศพฒั นา จงึ เปน็ การ มงุ่ พฒั นาปญั ญาทงั้ สองดา้ นและใหค้ วามสำ� คญั แกส่ งั คมและสภาวะแวดลอ้ มใกลต้ วั (วเิ ชยี ร ไชยบงั , 2559) 2. หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน โรงเรียนล�ำปลายมาศได้น�ำกระบวนการ “จิตศึกษา” มาเป็นเคร่ืองมือในการบ่มเพาะปัญญาภายใน หลักการที่ส�ำคัญที่สุดก็คือการเคารพคุณค่า มสธความเป็นมนุษยท์ ีเ่ ทา่ เทียมกนั การจัดกิจกรรมตามแนวคดิ นีม้ ุ่งเนน้ ใหเ้ ดก็ มีความรกั มคี วามเออ้ื เฟือ้ เผอ่ื แผ่ เห็นความสัมพันธ์ระหว่างตนกบั สงิ่ อน่ื ๆ และมสี ตริ ้สู กึ ตัวไดเ้ รว็ เมอื่ สร้างปญั ญาภายในไดเ้ ข้มแข็งพอ เด็กก็จะมีวุฒิภาวะ มีภูมิคุ้มกันชีวิตท่ีจะช่วยให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ ไม่ว่าปัญหาหรืออุปสรรคเหล่านั้นจะ รุนแรงเพียงใด ส่วนทางด้านปัญญาภายนอกน้ัน โรงเรียนล�ำปลายมาศพัฒนาพบว่า แนวทางการสอนที่ เหมาะสมคอื การบรู ณาการโดยการนำ� ปญั หามาเป็นสงิ่ กระตนุ้ การเรียนรู้ (problem–based learning) มสธ มสธปัญญาภายใน หมายถงึ ความฉลาดทางดา้ นจิตวิญญาณ (SQ) และความฉลาดทางดา้ น อารมณ์ (EQ) ได้แก่ 2.1 การรับรูอ้ ารมณ์และความรสู้ ึกของตนเอง (รตู้ ัว) และผ้อู ืน่ 2.2 การเห็นคุณค่าในตนเอง ผู้อ่ืนและส่ิงอ่ืนๆ เพ่ือการด�ำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย และความหมาย 2.3 การอยู่ด้วยกันอย่างภราดรภาพ ยอมรับในความแตกต่าง เคารพและให้ มสธเกยี รตกิ นั มวี นิ ยั มีความรบั ผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม อยู่อย่างพอดแี ละพอใจไดง้ ่ายๆ

3-56 การจัดการศึกษาและหลกั สูตรสำ�หรับเด็กปฐมวยั 2.4 การมีสติอยู่เสมอ รู้เท่าทันอารมณ์ เพื่อท่ีจะรู้ได้ว่าจะไปต่อหรือจะหยุดกับส่ิงท่ี มสธก�ำลังท�ำอยู่ มคี วามสามารถในการจดั การกับอารมณ์ของตนเองได้ 2.5 การมีสัมมาสมาธิ เพ่ือก�ำกับความเพียรในการเรียนรู้หรือการท�ำภารกิจให้ลุล่วง มีความอดทนทง้ั ทางดา้ นร่างกายและจติ ใจ 2.6 การเห็นความสัมพันธ์เช่ือมโยงระหว่างตนเองกับส่ิงต่างๆ นอบน้อมต่อสรรพสิ่ง มสธ มสธทีเ่กอื้ กลู กนั อยู่ กระบวนทัศน์ของจิตศึกษา 1. การใชจ้ ติ วทิ ยาเชงิ บวก เพอ่ื ลดอารมณแ์ ละพฤตกิ รรมทไ่ี มด่ ี เชน่ ความอยาก ความหยง่ิ ความ ฉุนเฉียว ความเกลียดชัง ความท้อแท้ ความเบื่อหน่ายและความอิจฉา ลดการเปรียบเทียบ ตีตรา ตีคา่ และตัดสิน ลดการชโี้ ทษเพราะพฤตกิ รรมบางอย่างนั้น เดก็ ท�ำลงไปเพราะความไม่รู้ ลดการนำ� ความ อยากมาเป็นเงื่อนไขต่อความรัก ลดการสร้างภาพและใช้ความกลัวมาเป็นเคร่ืองมือในการควบคุม มสธลดค�ำพูดด้านลบ เลิกใช้ความรุนแรง แก้ไขพฤติกรรมท่ีเป็นลบด้วยการให้รู้ตัว ให้การเรียนรู้และให้การ ฝกึ ฝน 2. การสร้างชุมชนและวิถีของชุมชน เป็นชุมชนที่สะอาดร่มรื่น สวยงาม และปลอดภัย ใกล้ชิด ธรรมชาติ หา่ งไกลจากส่งิ ท่ีรบกวน ทกุ คนล้วนเป็นกัลยาณมติ รทค่ี อยเกื้อกูลดว้ ยความเมตตา การจดั กระทำ� ผา่ นกจิ กรรมและศาสตรท์ เี่ กย่ี วขอ้ ง เปน็ การบรู ณาการศาสตรท์ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั จติ ศกึ ษา มสธ มสธในหน่วยการเรยี นหลกั เชน่ การเรยี นรูจ้ กั รวาลวิทยา การเรียนรแู้ ละสมั ผัสกบั นิเวศในแนวลกึ เพอื่ ใหเ้ หน็ ถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสรรพสงิ่ การมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู ร การไดป้ ฏบิ ตั งิ านทางดา้ นศลิ ปะ ดนตรหี รอื การแสดง การมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมทางสงั คม การไดใ้ ชก้ จิ กรรมในการรบั รแู้ ละรบั ฟงั ทเ่ี นน้ การ ฟังอย่างมีคุณภาพ ไม่เน้นการตัดสินใจ และการได้ท�ำกิจกรรมของหลักสูตรแฝง เช่น การท�ำงานอดิเรก และการเลน่ อสิ ระ ฯลฯ โรงเรยี นลำ� ปลายมาศพฒั นาใชว้ ธิ กี ารจดั การเรยี นการสอนแบบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (problem based มสธlearning) ผู้เรียนเป็นผู้ระบุปัญหาท่ีประสบอยู่ แล้วแสวงหานวัตกรรมเพ่ือลงมือในการแก้ปัญหานั้นเอง จดุ เดน่ ของการเรยี นรู้โดยใชป้ ญั หาเป็นฐานก็คือ เป็นการเรยี นรูจ้ ากชีวิตจรงิ ลงมือปฏิบัติจรงิ และเพ่ือนำ� ไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ เสรมิ สรา้ งทกั ษะทจี่ ำ� เปน็ ตอ่ การเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง เชน่ กระบวนการคดิ การแกป้ ญั หา ฯลฯ จากแนวคิดในการสร้างโปรแกรมการเรียนของโรงเรียนล�ำปลายมาศพัฒนา ซ่ึงเรียกตนเองว่า โรงเรยี นนอกกะลานน้ั ทำ� ให้โรงเรยี นลำ� ปลายมาศเปน็ โรงเรยี นทีม่ ีลกั ษณะเฉพาะ (วิเชยี ร ไชยบัง, 2559) มสธ มสธดงันี้ 1. เป็นโรงเรียนท่ีไม่มีการสอบ เพราะโรงเรียนเลือกใช้วิธีการวัดผลตามสภาพจริงด้วยเครื่องมือ ทห่ี ลากหลาย 2. เป็นโรงเรียนที่ไม่มีเสียงระฆัง โรงเรียนสร้างวินัยข้ึนจากความไว้วางใจซ่ึงกันและกัน มีความ เคารพในกันและกัน มสธ3. ภาระงานของผเู้ รียนทกุ คนลว้ นมคี ่า ดังนั้นจึงไมม่ กี ารใหด้ าวหรือคะแนน

หลักสูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-57 4. เป็นโรงเรียนที่ไม่ต้องใช้แบบเรียน เพราะความรู้จากแบบเรียนจะล้าสมัยไปในเวลาอันส้ัน มสธโรงเรียนมุ่งพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ทักษะการจัดการความรู้ ทักษะการคิด ซ่ึงในที่สุดแล้วผู้เรียนจะเป็น ผแู้ สวงหาความร้ทู ี่จำ� เป็นและมคี วามหมายต่อตนเองด้วยตวั เอง 5. เป็นโรงเรียนที่ไมม่ กี ารอบรมหน้าเสาธง 6. เป็นโรงเรียนทม่ี ไิ ด้จดั ระดับความสามารถของผู้เรยี น มสธ มสธ7. เปน็ โรงเรยี นที่ครูสอนดว้ ยเสียงท่เี บาทส่ี ดุ เพราะเป็นการแสดงออกถงึ ความเมตตา อารี และ เขา้ ถึงจติ ใจได้ลึกกว่า 8. เป็นโรงเรียนที่พ่อแม่ต้องมาร่วมเรียนรู้กับลูก เพราะความเข้าใจตรงกันและความร่วมมือกัน ระหวา่ งโรงเรยี นกบั พอ่ แม่ จะท�ำใหเ้ ด็กสามารถเรียนรูไ้ ด้เตม็ ศกั ยภาพ 9. เปน็ โรงเรยี นทที่ กุ คนเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ ความสขุ จะนำ� ไปสฉู่ นั ทะ คอื รกั ทจี่ ะเรยี นรู้ เมอ่ื รกั ท่ีจะเรยี นรู้ ก็จะเรยี นร้ไู ด้เปน็ อยา่ งดี มสธโปรแกรมการศึกษาที่มุ่งพัฒนาความสามารถและความหลากหลายทางด้านภาษา โปรแกรมการศกึ ษากลมุ่ ทม่ี งุ่ พฒั นาความสามารถและความหลากหลายทางภาษา เปน็ โปรแกรม ที่มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาเด็กแตกต่างจากโรงเรียนปฐมวัยศึกษาทั่วไป ในเรื่องน้ีจะขอเสนอตัวอย่าง โรงเรียนวนิษา สุขุมวิท เพื่อท�ำความเข้าใจเกี่ยวกับท่ีมา จุดมุ่งหมายในการพัฒนาเด็ก หลักสูตรและ มสธ มสธการเรียนการสอน ดังต่อไปน้ี โรงเรียนวนิษา สุขุมวิท โรงเรียนวนิษา สุขุมวิท เป็นโรงเรียนท่ีจัดโปรแกรมการศึกษาขึ้นตามจุดมุ่งหมายในการพัฒนา ผู้เรียนที่แตกต่างออกไปจากโรงเรียนปฐมวัยทั่วไป คณะผู้บริหารสถานศึกษาแห่งน้ีเป็นกลุ่มบุคคลที่มีวิถี ชวี ติ ทจ่ี ำ� เปน็ ตอ้ งเดนิ ทางไปตา่ งประเทศและมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผคู้ นหลายชาติ หลายภาษา เหน็ ความสำ� คญั ของการส่ือสารกับผู้คนเชื้อชาติต่างๆ และเห็นว่า แม้จะมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษซึ่งเป็น มสธภาษาสากลในการสอื่ สารไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ กย็ งั คงมปี ญั หาในการสอ่ื สาร ถา้ ผทู้ ต่ี อ้ งสอ่ื สารดว้ ยนน้ั ไมม่ ี ความสามารถในการใชภ้ าษาองั กฤษ มีผคู้ นอกี จ�ำนวนมากมายทใ่ี ชภ้ าษาอ่ืนๆ ในการสอื่ สาร เชน่ ภาษา จีน ภาษาสเปน ภาษาญปี่ ุน่ ฯลฯ โรงเรยี นวนษิ า สขุ ุมวทิ เหน็ วา่ ต่อไปในอนาคต เดก็ ไทยจะต้องออกไป ติดต่อธุรกิจหรือประกอบอาชีพในประเทศอ่ืนๆ นอกจากประเทศไทย จึงมุ่งประเด็นหลักในการพัฒนา ผเู้ รยี นไปทางดา้ นภาษาเปน็ สำ� คญั การจดั การศกึ ษาของโรงเรยี นวนษิ าสขุ มุ วทิ เปน็ ดงั ท่ี วนษิ า เรซ (2560) มสธ มสธกลา่ วไว้ ดังน้ี 1. จุดมุ่งหมายในการพัฒนาเด็ก โรงเรยี นวนษิ า มจี ดุ มงุ่ หมายหลกั ในการพฒั นาเดก็ ใหเ้ ปน็ ผทู้ มี่ คี วามรู้ ความสามารถในการสอื่ สารดว้ ยภาษาสากลคอื ภาษาองั กฤษ และภาษาอน่ื ๆ ได้ และนอกจาก ประเดน็ ทางดา้ นภาษาแล้ว โรงเรียนวนิษายงั มีความคาดหวังในตัวผูเ้ รียน ดังน้ี 1.1 มคี วามเป็นสากล 1.2 พูดไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ ไม่ต่าํ กว่าสามหรอื สภ่ี าษา 1.3 ไม่หวาดกลัวคนตา่ งชาติ แตจ่ ะสนุกในการเรยี นรแู้ ละทำ� ความรจู้ กั กบั คนทุกชาติ มสธทุกภาษา

3-58 การจดั การศึกษาและหลกั สูตรสำ�หรับเดก็ ปฐมวยั 1.4 เคารพและเปิดใจต่อวฒั นธรรมอื่น เข้าใจในแนวคดิ และวิถชี ีวิตของคนชาตอิ นื่ มสธ1.5 มีความสขุ ไดท้ ่ามกลางความแตกต่าง 1.6 ไมต่ ัดสนิ ผ้อู น่ื เพยี งเพราะความแตกตา่ งทางความคดิ และทางภาษา 1.7 มีความเก่งในวชิ าการตา่ งๆ ทีส่ �ำคญั โดยพื้นฐาน เช่น คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วชิ าพละตา่ งๆ เชน่ วา่ ยนาํ้ ยมิ นาสติก และกีฬาท่ีเร่มิ มีกฎและการฝึกซอ้ ม มสธ มสธ1.8 รู้สึกว่าชีวิตและการเรียนรู้เป็นเรื่องที่สนุกสนาน และอยากมาโรงเรียนทุกวันเพ่ือ สนกุ และเรยี นรู้ส่งิ ใหมๆ่ ไปดว้ ยกัน 2. หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน เพ่ือให้บรรลุจุดประสงค์ตามที่ได้ตั้งใจไว้ โรงเรยี นวนิษาจึงไดน้ ำ� หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัยจากประเทศสหรฐั อเมริกามาใช้ ประกอบดว้ ย หลกั สตู ร ส�ำหรบั เด็กวัย 0–6 ปี หลกั สตู รดนตรีส�ำหรับเด็กปฐมวยั และหลกั สูตรเพื่อการฝกึ วนิ ยั ให้แก่เด็กวยั 0–2 ปี ในท่ีน้ีจะไม่กล่าวถึงรายละเอียดของแต่ละหลักสูตรท่ีทางโรงเรียนน�ำมาใช้ แต่จะกล่าวถึงการจัดสภาพ แวดลอ้ ม และวธิ ีการจัดการเรยี นการสอน ดงั น้ี มสธ2.1 การจัดสภาพแวดล้อม โรงเรยี นวนษิ ายดึ หลกั การของการมพี น้ื ทสี่ เี ขยี ว ครง่ึ หนงึ่ ของพื้นที่โรงเรียนท้ังหมด พ้ืนที่โล่งและสนามเด็กเล่นของโรงเรียนจึงมีเนื้อท่ีประมาณหนึ่งไร่ พ้ืนท่ีที่เป็น สนามหญ้าขนาดใหญ่น้ัน เป็นพ้ืนที่ส�ำหรับท�ำกิจกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่การเดินธรรมชาติในยามเช้า การให้เด็กๆ ได้วิ่งเต็มฝีเท้าและการเล่นกีฬาที่ต้องมีกฎกติกาต่างๆ ภายในอาคารมีห้องออกก�ำลังกาย มสธ มสธในร่มขนาดใหญ่ท่ีปูพ้ืนด้วยยางหนาน่ิมกันกระแทก มีสระว่ายนํ้ากลางแจ้ง ในขณะที่ห้องเรียนแต่ละห้อง จะเปิดโล่งท้ังหมด สามารถปรับเปลี่ยนการจัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียนให้สอดคล้องกับเนื้อหาใน การจัดการเรียนการสอนไดโ้ ดยสะดวก 2.2 การจัดการเรียนการสอน การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนวนิษา เป็นการ บูรณาการนวัตกรรมทางการศึกษาหลายนวัตกรรมแต่ค่อนข้างจะให้ความส�ำคัญแก่แนวทางในการจัดการ เรียนการสอนแบบ Reggio Emilia และโดยท่ีจุดมุ่งหมายของโรงเรียน คือ การให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ มสธมากกวา่ สามหรือส่ีภาษา โรงเรยี นวนิษาจงึ จัดให้มบี ุคลากรเจา้ ของภาษาแต่ละภาษามาสอนซง่ึ มีทัง้ ภาษา อังกฤษ สเปน จนี และญ่ปี ่นุ การตัดสนิ ใจเลือกวา่ จะนำ� ภาษาใดมาสอนนนั้ พิจารณาจากความเปน็ ภาษา ท่ีมีผู้คนนิยมใช้เป็นจ�ำนวนมาก เช่น ภาษาอังกฤษ จีน และสเปน ทางโรงเรียนรับฟังข้อเสนอแนะจาก ผปู้ กครองดว้ ยในการเลอื กนำ� ภาษาตา่ งๆ มาสอนทโ่ี รงเรยี น ลา่ สดุ มกี ารนำ� เสนอภาษาดทั ชจ์ ากผปู้ กครอง ซง่ึ ทางโรงเรยี นกร็ ับไว้พิจารณา มสธ มสธการจดั การเรยี นการสอนมไิ ดจ้ ำ� กดั อยแู่ ตใ่ นหอ้ งเรยี นเทา่ นน้ั แตจ่ ะเปน็ การสอนแตล่ ะภาษา ในทุกโอกาส เช่น เมื่อครูชาวจีนท�ำหน้าท่ีเป็นผู้รับเด็กท่ีมาเรียนตอนเช้าท่ีหน้าโรงเรียน ก็จะทักทายเด็ก เป็นภาษาจีน ครูสเปนสอนเด็กว่ายน้ําหรือพลศึกษาก็ใช้ภาษาสเปนในการสอน การพบปะทักทายกันใน ทกุ โอกาส ครเู จา้ ของแต่ละภาษาจะใชแ้ ตภ่ าษาของตน ท้งั นี้ ไม่มกี ารสอนภาษาไทยในโรงเรยี น เนอ่ื งจาก โรงเรียนมอบหมายให้ผู้ปกครองเป็นผู้สอนภาษาไทยให้แก่เด็กๆ เองท่ีบ้าน และขอร้องมิให้ผู้ปกครองใช้ ภาษาอืน่ นอกจากภาษาไทยเทา่ น้นั ที่บา้ น ถ้าผปู้ กครองเปน็ ชาวต่างชาติ มิใช่คนไทยก็จะขอใหผ้ ู้ปกครอง ใช้ภาษาของตนท่ีมิได้จัดการเรียนการสอนท่ีโรงเรียนในการพูดคุยกับเด็กท่ีบ้าน ทั้งนี้เพื่อให้เด็กมีความ มสธแตกฉานในภาษาท่ีหลากหลาย

หลักสตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-59 แนวคิดในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนวนิษาเป็นการมุ่งสู่ความเป็นสากล จุดมุ่ง- มสธหมายในการพฒั นาเด็กจึงมไิ ด้จำ� กดั อยู่ท่กี ารศกึ ษาตอ่ ภายในประเทศ ดังนัน้ สถานภาพทางเศรษฐกจิ ของ ผปู้ กครองจะตอ้ งตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของเดก็ ได้ ซง่ึ ผปู้ กครองในชมุ ชนละแวกโรงเรยี นเปน็ กลมุ่ คน ทม่ี สี ถานภาพทางเศรษฐกจิ และสงั คมทเ่ี ขา้ กนั ไดก้ บั จดุ มงุ่ หมายของทางโรงเรยี นอยแู่ ลว้ จงึ นบั วา่ โรงเรยี น วนิษา สุขมุ วิท สามารถจดั โปรแกรมการศึกษาได้สอดคล้องกบั ความตอ้ งการของชมุ ชนไดเ้ ป็นอย่างดี มสธ มสธโปรแกรมการศึกษากลุ่มที่พัฒนาเด็กในด้านต่างๆ อย่างผสมผสาน โรงเรยี นในกลุ่มโปรแกรมการศึกษาทีม่ ุง่ พฒั นาเดก็ ในด้านตา่ งๆ อยา่ งผสมผสาน เปน็ โรงเรียนที่ บูรณาการแนวคิดหลายแนวคิดมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน ในท่ีน้ีจะขอยกตัวอย่าง โรงเรียนอนุบาลมณียา เพอ่ื ให้ทราบถงึ ทม่ี า จุดมุ่งหมายในการพัฒนาเด็ก หลกั สตู รและการเรยี นการสอน ดังน้ี มสธโรงเรียนอนุบาลมณียา โรงเรยี นอนบุ าลมณยี า เปน็ โรงเรยี นเอกชนและโรงเรยี นนำ� รอ่ งของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารในโครงการ จดั การเรยี นการสอนทยี่ ดึ การทำ� งานของสมองเปน็ สำ� คญั เปน็ โรงเรยี นทมี่ งุ่ พฒั นาเดก็ ทกุ ดา้ นตามแนวคดิ ทฤษฎพี หปุ ญั ญา (Multiple Intellicence) ของ Howard Gardner มสธ มสธ1. จุดมุ่งหมายในการพัฒนาเด็ก โรงเรียนอนบุ าลมณียา จัดการศกึ ษาระดับปฐมวัย โดยมี ความมุ่งหวังที่จะพัฒนาเด็กให้เต็มตามศักยภาพ ต้ังแต่เริ่มเปิดโรงเรียนได้มุ่งเน้นการอบรมดูแล พัฒนา ความพร้อมของเด็กเพ่ือการเรียนรู้ในข้ันต่อไป มีการส่งเสริมให้เด็กเจริญงอกงามในด้านการคิดมากกว่า ฝกึ ในดา้ นการจำ� มกี ารสง่ เสรมิ พฒั นาการทง้ั 4 ดา้ น คอื ดา้ นรา่ งกาย อารมณ-์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา รวมท้ังยังปลูกฝังเจตคติท่ีดีต่อการเรียนมากกว่ามุ่งวิชาการ มุ่งหวังให้เด็กมีประสบการณ์และความรู้ทาง ด้านอ่ืนๆ ด้วย เช่น ดนตรี การเรียนรู้และลงมือทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์และธรรมชาติรอบๆ ตัว ตลอดจนเรียนร้ใู นเรื่องอ่นื ๆ ตามแนวคดิ ทฤษฎีพหปุ ัญญา มสธ2. หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน โรงเรียนอนุบาลมณียาได้จัดท�ำหลักสูตรสถาน ศกึ ษาขนึ้ ใชโ้ ดยนำ� หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2546 มาวเิ คราะห์ ศกึ ษาโครงสรา้ งของหลกั สตู ร และน�ำมาก�ำหนดเป็นหน่วยการเรียนให้เหมาะกับแต่ละภาคการเรียนของปีการศึกษา จัดท�ำก�ำหนด การสอน แผนการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีความยืดหยุ่นตามสภาพเหตุการณ์ปัจจุบัน มสธ มสธและความต้องการของเด็ก โดยเน้นให้ได้ลงมือปฏิบัติจริงมากท่ีสุด และได้น�ำเอา A Comprehensive Framework for Curricular in Israeli Preschool Ages 3-6 Jerusalem (1995) มาผสมผสานและ ปรับให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย เป็นหลักสูตรสถานศึกษาท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดย เน้นแนวคิดเร่ืองการจัดการเรียนการสอนท่ีสอดคล้องกับการท�ำงานของสมอง และให้ความส�ำคัญแก่ สุนทรียศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งให้เด็กคิดเป็น คิดอย่าง มสธสร้างสรรค์ และคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ

3-60 การจัดการศกึ ษาและหลกั สตู รสำ�หรบั เดก็ ปฐมวยั ดังนั้น เพื่อให้เห็นชัดเจนถึงการจัดการเรียนการสอนอย่างผสมผสาน จะขอยกตัวอย่าง มสธกจิ กรรมการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลในดา้ นต่างๆ ดังน้ี 2.1 กิจกรรมการเรียนการสอนท่ีมุ่งพัฒนาทางจิต ได้แก่ กิจกรรมท่ีมุ่งสร้างความ สงบ เชน่ การใชเ้ สยี งดนตรเี ปน็ ภมู หิ ลงั ในระหวา่ งการทำ� กจิ กรรม การจดั กจิ กรรมทมี่ งุ่ ใหเ้ กดิ สติ เชน่ การ เชิญเทียน กิจกรรมที่ฝึกสมาธิ เช่น การร้อยลูกปัด การร้อยดอกไม้ ฯลฯ การอยู่กับลมหายใจเข้า-ออก มสธ มสธการบริหารสมองดว้ ยกิจกรรมที่เรียกวา่ Brain Gym การจัดกจิ กรรมท่ีมุ่งใหเ้ หน็ ความเชือ่ มโยง การเหน็ คุณค่าของตนเองและสิ่งอ่ืนๆ กิจกรรมท่ีบ่มเพาะความดีงามจากการเล่านิทานที่แฝงคุณธรรม การเล่น บทบาทสมมติและกจิ กรรมทบ่ี ่มเพาะความเมตตา เช่น การปลูกพชื และเลย้ี งสตั ว์ ฯลฯ 2.2 กิจกรรมการเรียนการสอนที่มุ่งพัฒนาทางสังคม เด็กๆ เรียนรู้เก่ียวกับสังคม รอบตัวต้ังแต่ครอบครวั ของตนเองแล้วขยายออกไปในวงกว้าง รู้จักสถาบันต่างๆ ทางสงั คม กระบวนการ ทางประชาธปิ ไตยทั้งจากประสบการณต์ รงและการเล่นบทบาทสมมติ เรียนรเู้ ร่อื งอาชีพต่างๆ ทั้งจากการ มสธเชิญวิทยากรภายนอกเข้ามาให้ความรู้ในห้องเรียน และการออกไปเรียนรู้จากสถานท่ีจริง ไม่ว่าจะเป็น สถานทร่ี าชการอยา่ งสถานตี ำ� รวจ ตลาดสด รา้ นสะดวกซอื้ รถประจำ� ทาง เรอื โดยสาร รถไฟฟา้ พนกั งาน ตอ้ นรับบนเครอ่ื งบนิ แพทย์ พยาบาล ทหาร และต�ำรวจ ฯลฯ 2.3 กิจกรรมการเรียนการสอนที่มุ่งพัฒนาทางด้านภาษา โรงเรียนอนุบาลมณียา จดั ใหม้ กี ารสอนภาษาองั กฤษและภาษาจนี โดยจดั การเรยี นการสอนใหเ้ ปน็ ไปตามธรรมชาตขิ องการเรยี นรู้ มสธ มสธคอื เริ่มจากการฟงั จากนั้นกเ็ รียนพดู สร้างความเข้าใจในแต่ละภาษาโดยไม่มกี ารแปลคำ� และทอ่ งศัพท์ ให้ เดก็ เข้าใจในภาษานนั้ ๆ เชน่ เดยี วกบั ทม่ี ีความเขา้ ใจภาษาไทย แตย่ ังไมเ่ รมิ่ เขยี น 2.4 กิจกรรมการเรียนการสอนที่มุ่งพัฒนาปัญญา ไม่มีกลยุทธ์หรือเทคนิคในการ จัดการเรียนการสอนเทคนิคใดหรือกลยุทธ์ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยวิธีการอย่างหน่ึง อย่างใดเพียงอย่างเดียว จะครอบคลุมการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับการท�ำงานของสมองได้ ทง้ั หมด แตจ่ ะตอ้ งเปน็ การใชว้ ธิ กี ารผสมผสานการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรใู้ หแ้ กผ่ เู้ รยี นอยา่ งหลากหลาย มสธในทน่ี จี้ ะใชส้ ว่ นหนงึ่ ของกลยทุ ธก์ ารจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนของ Tate (2003 อา้ งถงึ ใน สถาบนั พฒั นา ครูและบุคลากรทางการศึกษา, 2548) เลือกเฉพาะในส่วนของกลยุทธ์ท่ีเหมาะสมกับเด็กปฐมวัยมาใช้ ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ดังนี้ 1) การอภิปรายและการระดมสมอง 2) การเรยี นรผู้ า่ นการท�ำงานศลิ ปะ มสธ มสธ3) การออกไปศกึ ษานอกสถานท่ี 4) การเรยี นร้ผู า่ นการเลม่ เกม 5) การเรียนรู้จากการลงมือปฏิบตั ิและคน้ คว้าทดลองดว้ ยตนเอง 6) การเรยี นรผู้ ่านกิจกรรมการเคลอ่ื นไหว 7) การเรียนรู้โดยอาศัยดนตรีเป็นภูมิหลัง และการใช้ดนตรเี ป็นสื่อสำ� หรบั การ เรียนรู้ มสธ8) การเรยี นรจู้ ากกิจกรรมการเรยี นการสอนแบบโครงการ

หลักสตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-61 9) การเรียนรู้จากกิจกรรมแบบรว่ มมอื มสธ10) การเรียนร้จู ากการเลน่ บทบาทสมมติ 11) การเรียนรจู้ ากการฟงั นิทานหรอื เร่ืองเลา่ 12) การเรียนรจู้ ากประสบการณต์ รงในชวี ิตจริง 13) การจ�ำและเลียนแบบ มสธ มสธ14) การใช้เทคโนโลยสี นับสนนุ กิจกรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมการเรียนการสอนดงั กลา่ วข้างตน้ เปน็ กิจกรรมทีก่ ่อให้เกดิ การเรยี นรูท้ ีส่ อดคลอ้ งกบั การ ท�ำงานของสมอง ดังจะเห็นได้จากรายงานการวิจัยท่ีสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว และจะขอยกตัวอย่างการ จัดการเรียนการสอนที่โรงเรยี นอนบุ าลมณียา ในเรอื่ งดังตอ่ ไปน้ี 1. การใช้ดนตรีในการจัดการเรียนการสอน โรงเรยี นอนบุ าลมณยี าใชด้ นตรใี นการสง่ เสรมิ ให้เดก็ เรยี นรู้สง่ิ ตา่ งๆ ดังต่อไปน้ี มสธ1.1 การสอนดนตรี เดก็ ปฐมวยั เรยี นรจู้ ากการเลน่ การฟงั นทิ าน การเคลอื่ นไหว และ ลงมือท�ำด้วยตนเอง การสอนดนตรีส�ำหรับเด็กอนุบาลจึงยึดแนวคิด ทฤษฎีในการจัดการเรียนการสอนที่ สอดคลอ้ งกบั พฒั นาการของเดก็ เปน็ สำ� คญั การสอนดนตรสี ำ� หรบั เดก็ อนบุ าลทถี่ กู ตอ้ ง ตอ้ งเรม่ิ จากการฟงั เพอื่ จำ� แนกเสยี ง ทงั้ ระดบั เสยี งและประเภทของเสยี ง การเรยี นรจู้ งั หวะ และการมคี วามสามารถในการอา่ น ภาษาดนตรี ซ่ึงหมายถึงการเรม่ิ รูจ้ กั ตัวโนต้ ดังนี้ มสธ มสธ1.1.1 การสอนการฟัง การสอนทักษะการฟังด้วยการใช้กิจกรรมการเล่า และ เลน่ ตามเน้อื หาของนิทานประกอบเพลง ครูใชเ้ พลงได้หลากหลาย แตค่ วรเป็นเพลงบรรเลงที่มเี สียงดนตรี ทใ่ี หเ้ ด็กๆ เดาหรอื สรา้ งจนิ ตนาการไปกับเสยี งเพลงได้ 1.1.2 การสอนเรื่องจังหวะ การสอนจงั หวะให้เด็กอนุบาลก็จะสอนจากของจรงิ คอื การใหฟ้ งั เพลง แตม่ กี จิ กรรมใหเ้ ลน่ ประกอบเพลงเพอื่ เรม่ิ เรยี นรจู้ งั หวะเบอ้ื งตน้ กอ่ น นนั่ คอื จงั หวะ 1–2 ในระดบั ตอ่ ไป ครจู ะใหเ้ ดก็ ๆ เรยี นรสู้ ญั ลกั ษณเ์ กยี่ วกบั จงั หวะ เพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารสอนคณติ ศาสตรผ์ า่ นกจิ กรรม มสธดนตรี (Sebro, 2552 อา้ งถงึ ในคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแห่งชาติ, 2552) 1.1.3 การสอนโน้ตดนตรี การที่จะให้เด็กอนุบาลสามารถอ่านโน้ตด้วยวิธีการ เดยี วกบั เดก็ ทโี่ ตแลว้ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งงา่ ย แตก่ ม็ ใิ ชเ่ รอ่ื งยาก หากใชว้ ธิ กี ารสอนทส่ี อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของ เด็ก ในท่ีนี้จะขอกลา่ วถึงการสอนให้รู้จักตัวโน้ตกอ่ น วธิ กี ารสอนที่ใชค้ อื การเล่านิทานประกอบภาพ เร่ือง โด เร มี ท้ังนี้เนือ่ งจากในขั้นตน้ จะใหเ้ ด็กๆ ระดบั ช้ันอนุบาลปีท่ี 1 รจู้ กั กบั ตัวโนต้ แค่ 3 ตัวก่อน แลว้ คอ่ ย มสธ มสธไปเรียนร้เู พิม่ ขน้ึ ในระดบั ชนั้ อนบุ าลปที ี่ 2 และปที ี่ 3 1.2 ดนตรีกับการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เมื่อเด็กรู้จักสัญลักษณ์ โด เร มี แล้ว ครูกด คยี บ์ อรด์ หรอื เครอื่ งดนตรใี ดๆ กไ็ ดใ้ หเ้ ดก็ ๆ ไดฟ้ งั เสยี งโนต้ ดนตรที งั้ 3 ตวั ครนู ำ� บตั รภาพทเี่ ปน็ รปู ตวั โนต้ ท้ัง 3 ตัวมาให้เด็กดู จากนั้นก็แจกบัตรภาพน้ันให้พิจารณาว่าบัตรภาพที่ตนเองถืออยู่น้ัน เป็นโน้ตตัวใด จากนั้นครูกดตัวโน้ตจากเคร่ืองดนตรีอีก ให้เด็กคนท่ีถือตัวโน้ตตรงกับเสียงดนตรีที่ครูกดชูบัตรภาพขึ้น หรอื ใหท้ ำ� กจิ กรรม หรอื แสดงทา่ ทางใดๆ กไ็ ดต้ ามทเี่ ดก็ คดิ สรา้ งสรรคข์ นึ้ เอง จากตรงน้ี เดก็ กจ็ ะอา่ นโนต้ เปน็ มสธร้จู กั เสยี งดนตรีทต่ี รงตามตัวโน้ตนัน้ โนต้ ดนตรีนัน้ เกีย่ วข้องกับคณิตศาสตร์ โนต้ 4 จงั หวะ สามารถแบ่ง

3-62 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำ หรบั เด็กปฐมวยั ไดเ้ ปน็ 2-2 และ 1-1 1-1 เปน็ ตน้ เดก็ ๆ ไดเ้ รยี นรคู้ ณติ ศาสตรใ์ นจงั หวะดนตรี มแี บบรปู (pattern) มกี ารฟงั มสธการแสดง ความคิดริเร่มิ มีการท�ำงานรว่ มกนั เปน็ กลุม่ เปน็ การเรียนแบบบรู ณาการ 1.3 ดนตรกี บั การเรยี นรเู้ รอ่ื งราว และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การจดั การเรยี น การสอนวทิ ยาศาสตรอ์ าศยั การสบื เสาะเปน็ ฐาน ทเ่ี นน้ กระบวนการคดิ เชงิ วทิ ยาศาสตร์ ตอ้ งใหม้ กี ารลงมอื ทำ� เองและคิดเอง คำ� วา่ “ลงมือทำ� เอง” ครสู ามารถสร้างกิจกรรมท่ีเดก็ ได้ลงมอื ทำ� เองโดยให้เด็กเปรียบ- มสธ มสธเทียบเสียงที่เกิดขึ้นจากเครื่องดนตรีท่ีเป็นเคร่ืองเขย่า ซึ่งเป็นภาชนะท่ีบรรจุวัตถุที่แตกต่างกันไว้ โดยให้ เดก็ บรรจวุ ตั ถตุ า่ งๆ ดว้ ยตนเอง และเดก็ ไดล้ งมอื เขยา่ เอง แลว้ หาคำ� ตอบวา่ เหตใุ ดเสยี งทไี่ ดย้ นิ จงึ แตกตา่ ง กัน เด็กจะมีโอกาสในการทดลอง โอกาสในการตั้งสมมติฐาน และโอกาสในการแก้ปัญหา ท�ำให้เกิด กระบวนการคดิ การไตรต่ รอง การไดค้ ดิ ดว้ ยตนเองของเดก็ เปน็ แงม่ มุ ทสี่ ำ� คญั ในการจดั การเรยี นการสอน วิทยาศาสตร์ นอกจากนี้เครื่องดนตรีประเภทต่างๆ เช่น เครื่องตี เคร่ืองเคาะ เคร่ืองลม และเครื่องสาย ฯลฯ เด็กจะสามารถเรยี นรเู้ ร่อื งราวทางฟิสกิ ส์ได้อกี มากมายจากกิจกรรมดนตรีท่ีครูจดั ขน้ึ มสธ2. การเรียนรู้เก่ียวกับฟิสิกส์ของเด็กปฐมวัย ฟิสิกส์เป็นเร่ืองของการศึกษาที่เกี่ยวกับแรง และการเคล่ือนท่ี เป็นสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับสสาร พลังงาน และปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สสารกับพลงั งาน (Chaille & Britain, 2003) แนวคดิ ส�ำคัญท่ีเด็กค้นพบจากการลงมือปฏิบัตใิ นกิจกรรม ทเ่ี ก่ียวกบั ฟสิ ิกส์ คำ� ตอบตอ่ ส่ิงท่ตี นอยากรู้ เช่น สงิ่ นีเ้ คล่ือนทไี่ ด้อยา่ งไร ฯลฯ เพ่ือสง่ เสรมิ การค้นคว้าทาง ดา้ นฟสิ กิ ส์ ครเู ลอื กใชว้ ตั ถตุ า่ งๆ อยา่ งหลากหลายเพอื่ ใหเ้ ดก็ นำ� มาใชใ้ นการกอ่ ใหเ้ กดิ การเคลอ่ื นทไี่ ดห้ ลาย มสธ มสธรปู แบบ วตั ถเุ หลา่ นนั้ หมายรวมถงึ บลอ็ ก ทางลาดเอยี ง ทางวง่ิ ลกู ตมุ้ รอก เขาวงกต ลอ้ เลอื่ น และอปุ กรณ์ ท่ีใช้เล่นกับน้ําในอ่าง หรือภาชนะท่ีเจาะรูไว้ เด็กสามารถถ่วงความสมดุล กลิ้ง เหวี่ยง ดัน ดึง กระทบ เลื่อน เท ขว้าง เป่า หรอื ทิง้ วัตถเุ หลา่ นั้นลงมา เดก็ เรยี นร้วู า่ อากาศมแี รงตา้ น มแี รงดัน อากาศมีอยรู่ อบๆ ตัวเรา เด็กทดลองท้ิงแผ่นกระดาษลงมาจากอาคารเรียนชั้นสองแล้วจับเวลาท่ีกระดาษแผ่นน้ันใช้ในการ ตกลงมาถงึ พนื้ เปรยี บเทยี บกบั การทงิ้ แผน่ กระดาษแผน่ เดยี วกนั แตข่ ยำ� ใหเ้ ปน็ กอ้ น เพอ่ื ทดลองเรอื่ งแรงตา้ น ของอากาศ เด็กเรียนรเู้ ร่อื งนํ้า กำ� เนดิ ของนา้ํ การเปล่ยี นแปลงสถานะของนาํ้ พลงั งานของน้ํา มสธ3. การเรียนรู้เกี่ยวกับชีววิทยาของเด็กปฐมวัย นอกเหนอื จากเรอ่ื งฟสิ กิ สท์ เี่ รยี นรจู้ ากสภาพ แวดล้อมรอบตัวแล้ว เด็กเรียนรู้เรื่องชีววิทยาจากการเพาะเล้ียงพืชและสัตว์ เด็กเปรียบเทียบประสิทธิผล ของการปลูกข้าวระหว่าง นาด�ำ นาหว่าน และนาโยน เด็กเรียนรู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์จากการ กำ� หนดประเด็นปัญหา ตง้ั สมมตฐิ าน แลว้ ท�ำการทดลองเพ่ือพสิ ูจน์สมมตฐิ าน โรงเรยี นกลมุ่ ทใี่ ชโ้ ปรแกรมการศกึ ษาแบบผสมผสาน ไมว่ า่ จะเปน็ โรงเรยี นวรรณสวา่ งจติ โรงเรยี น มสธ มสธสยามสามไตร โรงเรยี นอนบุ าลมณยี า และโรงเรยี นอนื่ ๆ อกี หลายโรงเรยี น จดั การเรยี นการสอนในลกั ษณะ เดยี วกนั น้ี นอกจากจะมกี จิ กรรมดงั ตวั อยา่ งขา้ งตน้ แลว้ ยงั มกี จิ กรรมอน่ื ๆ ทง้ั ในเรอ่ื งของภาษา ซงึ่ โรงเรยี น กลมุ่ นกี้ ใ็ หค้ วามสำ� คญั กบั ภาษาทสี่ องเชน่ กนั โรงเรยี นกลมุ่ นเี้ ชอ่ื ในแนวคดิ ทฤษฎพี หปุ ญั ญาของ Howard Gardner จึงพยายามจัดการเรียนการสอนให้สนองต่อปญั ญาด้านตา่ งๆ ของผ้เู รียนใหค้ รบทกุ ดา้ น ตัวอย่างการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนตามโปรแกรมการศึกษา ทั้ง 4 โปรแกรม คือ โปรแกรมการศึกษากลุ่มท่ีมุ่งพัฒนาทางจิต ได้น�ำเสนอตัวอย่างโรงเรียนอนุบาลจิตตเมตต์ และโรงเรียน มสธสัตยาไส โปรแกรมการศึกษาเพื่อสังคมน�ำเสนอตัวอย่างโรงเรียนล�ำปลายมาศพัฒนา กลุ่มโปรแกรมการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook