Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 21223 หน่วยที่ 1-8

21223 หน่วยที่ 1-8

Published by กฤษฎา ศรีสุวรรณ์, 2021-08-31 07:23:24

Description: 21223 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาและหลักสูตรสำหรับเด็กปฐมวัย หน่วยที่ 1-8

Search

Read the Text Version

หลกั สูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศไทย 3-63 ศึกษาปฐมวัยที่มุ่งพัฒนาความหลากหลายทางภาษาน�ำเสนอตัวอย่างโรงเรียนวนิษา สุขุมวิท และกลุ่ม มสธโปรแกรมการศึกษาท่ีมุ่งพัฒนาเด็กอย่างผสมสาน เสนอตัวอย่างโรงเรียนอนุบาลมณียา ซึ่งในแต่ละ โปรแกรมการศกึ ษากม็ แี นวทางในการจดั การเรยี นรทู้ แี่ ตกตา่ งกนั ออกไปตามความคดิ ความเชอ่ื และหลกั การพื้นฐานของแต่ละโปรแกรมนน้ั มสธ มสธกิจกรรม3.3.2 จงอธบิ ายการเรยี นการสอนตามโปรแกรมการศกึ ษาทม่ี งุ่ พฒั นาความสามารถและความหลากหลาย ทางด้านภาษา ของโรงเรียนวนิษา สขุ ุมวทิ แนวตอบกิจกรรม 3.3.2 มสธการเรยี นการสอนตามโปรแกรมการศกึ ษาทม่ี งุ่ พฒั นาความสามารถและความหลากหลายทางดา้ น ภาษาเป็นดังนี้ จุดมุ่งหมายเพ่ือพัฒนาเด็กให้เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ ในการสื่อสารด้วยภาษาสากลคือ ภาษาอังกฤษ และภาษาอืน่ ๆ ได้ มคี วามเป็นสากลพดู ไดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่วไม่ตาํ่ กวา่ สามหรือสี่ภาษา หลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั นำ� มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย หลักสตู รส�ำหรบั เด็กวยั มสธ มสธ0-6 ปี หลกั สตู รดนตรสี ำ� หรบั เด็กปฐมวัยและหลกั สูตรเพอื่ การฝึกวนิ ยั ให้แกเ่ ด็กวัย 0-2 ปี การจดั สภาพแวดลอ้ มยดึ หลกั การมพี น้ื ทส่ี เี ขยี วเปน็ ครง่ึ หนง่ึ ของพนื้ ทโี่ รงเรยี นทงั้ หมด พนื้ ทที่ เ่ี ปน็ สนามหญ้าขนาดใหญ่ เป็นพน้ื ท่สี ำ� หรับทำ� กิจกรรมทหี่ ลากหลาย ภายในอาคารมีหอ้ งออกก�ำลงั กายในร่ม ขนาดใหญท่ ปี่ พู น้ื ดว้ ยยางหนานมิ่ กนั กระแทก มสี ระวา่ ยนา้ํ กลางแจง้ หอ้ งเรยี นแตล่ ะหอ้ งจะเปดิ โลง่ ทง้ั หมด สามารถปรับเปล่ียนการจัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียนให้สอดคล้องกับเน้ือหาในการจัดการเรียน การสอนได้โดยสะดวก มสธการจัดการเรยี นการสอนของโรงเรยี นวนษิ า สุขมุ วทิ เปน็ การบูรณาการนวตั กรรมทางการศึกษา หลายนวัตกรรม แต่ค่อนข้างจะให้ความส�ำคัญแก่แนวทางในการจัดการเรียนการสอนแบบ Reggio มสธ มสธ มสธEmilia

3-64 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรสำ�หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธบรรณานุกรม กรมการพัฒนาชุมชน. (2534). คู่มือการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เล่ม 1 . กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์กรมการพฒั นาชุมชน, มสธ มสธกรมการศาสนา. (2537). ระเบยี บกรมการศาสนาว่าด้วยศนู ยอ์ บรมเดก็ ก่อนเกณฑใ์ นวดั พ.ศ. 2537. กรุงเทพฯ: โรงพิมพก์ รมการศาสนา, กรมวิชาการ, กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2546). หลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2546. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ คุรสุ ภาลาดพร้าว. . (2540). หลกั สตู รกอ่ นประถมศกึ ษา พุทธศกั ราช 2540. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์คุรสุ ภาลาดพรา้ ว. กรมสามญั ศกึ ษา. (2518). แนวการจัดประสบการณแ์ ละแนวการวัดผลระดับอนบุ าล. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์จงเจริญ การพิมพ์. มสธกรองทอง บุญประคอง. (2560). การจัดการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลจิตตเมตต์. สัมภาษณ์ เม่ือ 13 มีนาคม 2560 คะนงึ สายแกว้ . (2557). เอกสารประกอบการสอนรายวชิ าการศกึ ษาปฐมวยั . คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สุรนิ ทร์ สืบคน้ จาก http://eced2.blogspot.com/p/blog-page_25.html มสธ มสธคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2527). การศึกษาและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนชั้นเด็ก เล็กในโรงเรยี นประถมศกึ ษา. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์การศาสนา. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มร. 5ศ/4 โครงการศึกษาในกรุงสยามของกรมศึกษาธกิ าร ร.ศ. 117-129 หน้า 6-22 หอจดหมายเหตุแหง่ ชาต.ิ สบ. 5.2.7/19 น, 1-22 เอกสารสว่ นบคุ คล ม.ล.ปน่ิ มาลากุล การประชุมเรือ่ งปรบั ปรงุ ส่งเสริมโรงเรียนประชาบาล หมวดที่ 5 การสอนเดก็ เล็ก (พ.ศ. 2495) หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ม.ร. 5 ศ/1 เอกสารรชั กาลที่ 5 กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรอื่ ง รายงานโรงเล้ียงเด็กของ พระอคั รชายาเธอฯ จำ� นวนรัตนโกสนิ ทรศก 109 (ร.ศ. 109) มสธหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ. ม.ร.6 ศ/10/40 เอกสารรัชกาลท่ี 6 กระทรวงศกึ ษาธิการ เรือ่ ง แผนการศกึ ษาระดับ ชาติ (17-28 พ.ย. 2462) ประเสรฐิ อกั ษร (นามแฝง). (2540). นรางกโุ รวาท. นนทบุรี: มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช. วนษิ า เรซ. (2560). การจดั การศกึ ษาของโรงเรียนวนษิ า. สมั ภาษณ์ เม่ือ 14 มกราคม 2560 วัชรีย์ ร่วมคิด. (2539). พัฒนาการของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยในประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2411–2538. มสธ มสธ(วิทยานพิ นธค์ รศุ าสตรมหาบณั ฑิต ไมไ่ ดต้ พี ิมพ์) คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั วเิ ชยี ร ไชยบงั . (2558). โรงเรียนนอกกะลา. บุรีรมั ย:์ ส�ำนักพมิ พ์เรียนนอกกะลา. . (2559). การจดั การศึกษาของโรงเรยี นล�ำปลายมาศพัฒนา. สัมภาษณ์ เม่อื 2 กันยายน 2559 วุฒชิ ยั มูลศลิ ป.์ (2528). แนวความคดิ ทางการศกึ ษาไทย 2411–2475. กรงุ เทพฯ: ฟันน่ีพับลชิ ช่ิง. ศิโรจน์ ผลพันธิน. (ม.ป.ป.) : กว่าจะมาเป็นสาธิตละอออุทิศ. สืบค้นจาก http://laorutis.dusit.ac.th/history. php สมบัติ พลายน้อย. (2535). สวนกุหลาบ ต�ำนานการศึกษาสมัยใหม่ในกรุงสยาม. กรุงเทพฯ: บริษัทพิฆเณศ มสธพริน้ ทต์ ง้ิ เซ็นเตอร์ จ�ำกัด.

หลักสตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของประเทศไทย 3-65 สมร ทองดี และสุกัญญา กาญจนกิจ. (2537). วิวัฒนาการทางการปฐมวัยศึกษา. ใน ประมวลสาระชุดวิชา มสธหลกั การและแนวคดิ ทางการปฐมวยั ศกึ ษา (หน่วยที่ 1 หนา้ 1-1 ถงึ 1-70). นนทบุรี: สาขาวชิ าศึกษา ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช. สถาบนั พฒั นาครูและบคุ ลากรทางการศึกษา. (2548). ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการ ศกึ ษา พ.ศ. 2549-2551. กรงุ เทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ. ส�ำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2552). Efrat Sebro: เอกสารประกอบการอบรม มสธ มสธเชิงปฏบิ ัติการเรื่อง Learning Mathematics Through Music in Early Childhood, มลู นิธชิ มรม ไทยอิสราเอลในพระราชูปถมั ภ์สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาสยามบรมราชกุมารีฯ เอกสารอัดสำ� เนา . (2536). เอกสารและผลงานวิจัยการจัดการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษาในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: ครุ สุ ภาลาดพร้าว. อาจอง ชมุ สาย ณ อยุธยา. (2560). การจดั การศกึ ษาของโรงเรียนสตั ยาไส. สมั ภาษณ์ เมอื่ 28 มกราคม 2560 มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธGood, Carter V. (1945). Dictionary of Education. New York: McGraw-Hill Book Company,



มสธ หน่วยที่4 หลักสูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัย ของต่างประเทศ มสธ มสธอาจารย์ดร.สมสุดามัธยมจันทร์ มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธช่ือ วุฒิ ต�ำแหน่ง มสธ หน่วยท่ีเขียน อาจารย์ ดร.สมสดุ า มัธยมจนั ทร์ ค.บ. (การศึกษาปฐมวยั ) (เกยี รตนิ ิยมอนั ดับ 1 เหรียญทอง) จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ค.ม. (การศกึ ษาปฐมวยั ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั Ed.D. (Early Childhood Education) University of North Texas, U.S.A. อาจารย์ประจ�ำสาขาวชิ าการศกึ ษาปฐมวัย คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ หนว่ ยท่ี 4

4-2 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรับเด็กปฐมวยั แผนการสอนประจ�ำหน่วย มสธชุดวิชา การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย มสธ มสธหน่วยท่ี 4 หลกั สูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของต่างประเทศ ตอนที่ 4.1 หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศในทวปี เอเชยี 4.2 หลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั ของประเทศในทวีปยโุ รป 4.3 โปรแกรมทางการศึกษาปฐมวัย มสธแนวคิด 1. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศในทวีปเอเชียมีแนวคิดในการจัดการศึกษาท่ีเน้นการ พัฒนาเด็กแบบองค์รวม โดยเปดิ โอกาสใหเ้ ด็กไดเ้ รียนรผู้ ่านการเล่นและการมีปฏสิ ัมพันธ์กับ มสธ มสธส่ิงต่างๆ รอบตัว ท้ังน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาทักษะท้ังด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม สตปิ ญั ญา ภาษา และความคดิ สรา้ งสรรคใ์ หแ้ กเ่ ดก็ ดงั นน้ั ขอบขา่ ยการเรยี นรจู้ งึ มงุ่ เนน้ กจิ กรรม ดา้ นรา่ งกาย สขุ อนามยั ภาษา การเรยี นรแู้ ละเขา้ ใจธรรมชาติ รวมถงึ การแสดงออกทางอารมณ์ และความคดิ สร้างสรรค์ผา่ นดนตรีและศลิ ปะ 2. ห ลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศในทวปี ยโุ รปมแี นวคดิ ทางการศกึ ษาโดยมงุ่ เนน้ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรผู้ า่ นการเลน่ หรอื เรยี นรผู้ า่ นการลงมอื กระทำ� ดว้ ยตนเอง โดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื ใหเ้ ดก็ มสธได้เรียนรู้ในส่ิงที่มีความหมายต่อตนเองผ่านธรรมชาติรอบตัว และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ดังนั้นขอบข่ายการเรียนรู้จึงมุ่งเน้นด้านสุขอนามัย ศิลปะ วัฒนธรรม การพัฒนาทักษะทาง ภาษา คณติ ศาสตร์ การเรยี นรธู้ รรมชาติ และการสบื คน้ ขอ้ มลู ดว้ ยกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. โปรแกรมทางการศึกษาปฐมวัยที่น่าสนใจในต่างประเทศมีอยู่หลากหลาย แต่ละโปรแกรมมี จุดเน้นท่ีแตกต่างกัน ท้ังเปิดโอกาสให้เด็กท่ีมีฐานะยากจนได้เรียนในโปรแกรมการศึกษา มสธ มสธปฐมวยั ท่ีมีคณุ ภาพท่ีม่งุ ส่งเสรมิ การจัดระเบยี บตนเองของเด็ก และทีม่ ุง่ เน้นการพัฒนาทกั ษะ มสธทางดนตรใี ห้แก่เด็กปฐมวยั

หลักสตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของต่างประเทศ 4-3 วัตถุประสงค์ มสธเมอ่ื ศึกษาหนว่ ยที่ 4 จบแล้ว นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธบิ ายหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ของประเทศในทวีปเอเชียได้ 2. อธิบายหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ของประเทศในทวีปยุโรปได้ 3. อธบิ ายโปรแกรมทางการศึกษาปฐมวัยของต่างประเทศได้ มสธ มสธกิจกรรมระหว่างเรียน 1. ท�ำแบบประเมินผลตนเองกอ่ นเรียนหน่วยท่ี 4 2. ศึกษาเอกสารการสอนตอนที่ 4.1–4.3 3. ปฏิบตั ิกิจกรรมตามท่ีได้รับมอบหมายในเอกสารการสอน 4. ฟงั ซีดีเสียงประจ�ำชดุ วชิ า (ถา้ มี) มสธ5. ชมดีวดี ีประกอบชุดวิชา(ถ้ามี) 6. ท�ำแบบประเมินผลตนเองหลงั เรียนหนว่ ยท่ี 4 สื่อการสอน มสธ มสธ1. เอกสารการสอน 2. แบบฝกึ ปฏิบัติ 3. ซดี ีเสียงประจำ� ชดุ วชิ า (ถ้าม)ี 4. ดวี ีดปี ระกอบชดุ วชิ า (ถ้าม)ี การประเมินผล มสธ1. ประเมนิ ผลจากแบบประเมินผลตนเองกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น 2. ประเมนิ ผลจากกจิ กรรมและแนวตอบทา้ ยเรือ่ ง 3. ประเมินผลจากการสอบไล่ประจ�ำภาคการศกึ ษา มสธ มสธเม่ืออ่านแผนการสอนแล้ว ขอให้ท�ำแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน มสธหน่วยที่ 4 ในแบบฝึกปฏิบัติ แล้วจึงศึกษาเอกสารการสอนต่อไป

4-4 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รส�ำหรับเด็กปฐมวยั ความน�ำ มสธโลกได้ถูกย่อให้แคบลงด้วยการติดต่อสื่อสาร หลักสูตรของแต่ละประเทศย่อมสะท้อนถึงการ เปล่ียนแปลง และความพยายามเพ่ือพัฒนาเด็กในประเทศของตนให้มีความพร้อมในการเป็นพลเมืองที่ดี มสธ มสธท้ังของประเทศและของโลก ด้วยเหตุท่ีโลกมีความแคบลงหลักสูตรการศึกษาของแต่ละประเทศจึงอาจมี ผลกระทบในวงกวา้ งตอ่ ประเทศอนื่ ๆ ดงั นนั้ นกั ศกึ ษาจงึ ควรศกึ ษาและทำ� ความเขา้ ใจหลกั สตู รของประเทศ อื่นๆ เพอ่ื ให้ทนั ต่อกระแสทเ่ี ปล่ียนแปลงของโลก จากผลการสำ� รวจระบบการศกึ ษาจากกวา่ 200 ประเทศทว่ั โลก พบวา่ ประเทศทม่ี รี ะบบการศกึ ษา ดที ี่สุดในโลก 6 อันดบั แรก คือ ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศญป่ี นุ่ ประเทศรัสเซีย ประเทศสงิ คโปร์ ประเทศ ฟนิ แลนด์ และประเทศองั กฤษ ตามลำ� ดับ (World Top 20 Project, 2016) ดงั น้ัน เพ่อื ให้นกั ศกึ ษาเหน็ มสธตัวอย่างการจัดการศึกษาปฐมวัยท่ีมีคุณภาพ ในหน่วยท่ี 4 น้ีผู้เขียนจะน�ำเสนอหลักสูตรแกนกลางระดับ การศกึ ษาปฐมวยั ของ 5 ประเทศ คอื ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศญีป่ ุ่น ประเทศสงิ คโปร์ ประเทศฟินแลนด์ และประเทศองั กฤษ และหลกั สตู รแกนกลางระดบั การศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศสวเี ดน ซงึ่ ไดร้ บั การยอมรบั จากองค์การยูนิเซฟว่ามีคุณภาพการจัดการศึกษาปฐมวัยในระดับสูง โดยเน้ือหาของหลักสูตรของแต่ละ มสธ มสธประเทศจะมงุ่ นำ� เสนอในดา้ นแนวคดิ ท่ีมอี ิทธิพล จุดมงุ่ หมาย และขอบข่ายการเรียนรทู้ ี่มงุ่ เนน้ ในหลกั สตู ร นอกจากนี้ ในตอนท้ายของหน่วยจะน�ำเสนอตัวอย่างโปรแกรมทางการศึกษาปฐมวัยที่มีชื่อเสียง ของตา่ งประเทศ ซง่ึ จากการศกึ ษาความแตกตา่ งระหวา่ งโปรแกรมและหลกั สตู ร พบวา่ โปรแกรมเปรยี บเสมอื น ชื่อของโครงการหลกั เปน็ สิง่ ทไ่ี มค่ ่อยเปลีย่ นแปลงหรือเปล่ยี นแปลงนอ้ ย ส่วนหลกั สตู รเปน็ เพียงสว่ นหน่ึง ภายใตโ้ ปรแกรม ในหนงึ่ โปรแกรมอาจประกอบดว้ ยหลายหลกั สตู ร เนอ้ื หาวชิ าในหลกั สตู รคอื สง่ิ ทถี่ กู สรา้ ง ขึ้นมาส�ำหรับผู้เรียนในโปรแกรมซึ่งหลักสูตรจะถูกปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัย ตามความต้องการและ แหล่งเรียนรู้ ในขณะท่ีชื่อโปรแกรมยังคงเดิม ตัวอย่างเช่น โปรแกรม “Kindermusik” ประกอบด้วย มสธหลักสูตร 6 ระดับใหเ้ ดก็ เลือกเรยี นตามความเหมาะสมของระดบั อายุและพฒั นาการ เนือ้ หา รายละเอียด ของกิจกรรมในแต่ละระดับของหลักสูตรในโปรแกรม อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพสังคมและ ความตอ้ งการทเ่ี ปลยี่ นแปลงไป แตช่ อ่ื ของโปรแกรมยงั คงเปน็ “Kindermusik” (Olivia, 2011; สำ� นกั งาน คณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาต,ิ 2542) อยา่ งไรก็ตาม ในหน่วยนจ้ี ะมุ่งน�ำเสนอโปรแกรมทางการศกึ ษา มสธ มสธปฐมวัยของตา่ งประเทศที่มีชือ่ เสียงและแพรห่ ลายไปท่ัวโลก คอื โปรแกรม Head Start โปรแกรม Tools มสธof the Mind และโปรแกรม Kindermusik

หลักสตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของตา่ งประเทศ 4-5 ตอนที่ 4.1 มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศในทวีปเอเชีย โปรดอ่านหัวเร่อื ง แนวคิด และวตั ถุประสงค์ของตอนที่ 4.1 แลว้ จึงศกึ ษารายละเอยี ดตอ่ ไป มสธ มสธหัวเร่ือง 4.1.1 หลักสตู รการศึกษาปฐมวยั ของประเทศเกาหลใี ต้ 4.1.2 หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศญ่ีปุน่ 4.1.3 หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศสงิ คโปร์ มสธแนวคิด 1. หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศเกาหลใี ต้ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากแนวคดิ ทเี่ ชอื่ วา่ เดก็ ควรไดร้ บั การพฒั นาแบบองคร์ วมโดยยดึ เดก็ เปน็ ศนู ย์กลาง เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรู้ ผา่ นการเลน่ และต้องมกี ารประสานความร่วมมอื ระหวา่ งบา้ น สถานศกึ ษา และชมุ ชน โดยจดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู รมงุ่ เนน้ ใหเ้ ดก็ มรี า่ งกายทแ่ี ขง็ แรง มอี ารมณส์ นุ ทรยี ์ มคี วาม มสธ มสธมน่ั ใจในตนเอง มที กั ษะการสอื่ สารทดี่ ี และสามารถทำ� งานรว่ มกบั ผอู้ นื่ ได้ โดยมขี อบขา่ ย การเรยี นรู้ 5 ดา้ น คอื ดา้ นสขุ ภาพรา่ งกาย ดา้ นการสอ่ื สาร ดา้ นศลิ ปะ ดา้ นสงั คม และ ดา้ นการสืบคน้ ข้อมลู โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. ห ลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศญปี่ นุ่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากแนวคดิ ทเ่ี ชอ่ื วา่ เดก็ ทกุ คน มีความแตกต่างกัน ดังนน้ั เด็กจะเติบโตและแสดงศกั ยภาพสูงสดุ ออกมาเมอ่ื ได้เรียนรู้ ผ่านการเล่น การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และความรู้สึกมีอิสระ โดยจุดมุ่งหมายของ มสธหลักสูตรมุ่งเน้นให้เด็กมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตท่ีดี มีความสามารถในการคิด มี คุณธรรม มีระเบียบวินัย มีความสามารถในการท�ำงานร่วมกับผู้อื่น และมีพัฒนาการ ทางภาษาและความคดิ สรา้ งสรรค์ ขอบขา่ ยการเรยี นรมู้ ี 5 ดา้ น คอื ดา้ นสขุ ภาพอนามยั ดา้ นการอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื ในสงั คม ดา้ นสภาพแวดลอ้ ม ดา้ นภาษา และดา้ นการแสดงออก ทางอารมณ์ มสธ มสธ3. หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศสิงคโปร์ ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดท่ีเชื่อว่าการ เรยี นรู้ที่เหมาะสมส�ำหรบั เด็กปฐมวยั คอื การเรยี นร้แู บบบูรณาการ โดยเดก็ ตอ้ งไดร้ บั การพฒั นาแบบองคร์ วม ไดเ้ รยี นรผู้ า่ นการเลน่ การมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ นื่ และการลงมอื กระท�ำด้วยตัวเอง โดยมีผู้ใหญ่คอยให้การสนับสนุน ส�ำหรับจุดมุ่งหมายของหลักสูตร มงุ่ เนน้ ใหเ้ ดก็ เรยี นรวู้ า่ สง่ิ ใดถกู สงิ่ ใดผดิ เรยี นรวู้ ธิ กี ารมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ นื่ รจู้ กั แบง่ ปนั มสธรกั ผอู้ นื่ เปน็ มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร มสี ขุ ภาพดี มคี วามกระตอื รอื รน้ ในการเรยี นรู้

4-6 การจดั การศึกษาและหลกั สตู รสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั มสธ ส่ิงต่างๆ และมีความสุขได้ด้วยตนเอง โดยมีขอบข่ายการเรียนรู้ 6 ด้าน คือ ด้าน สนุ ทรยี ภาพและความคดิ สรา้ งสรรค์ ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม ดา้ นภาษา ดา้ นคณติ ศาสตร์ ดา้ น การพฒั นาทักษะทางร่างกาย และด้านสงั คมและอารมณ์ มสธ มสธวัตถุประสงค์ เม่อื ศกึ ษาตอนที่ 4.1 จบแล้ว นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายแนวคดิ ที่มีอิทธิพล จดุ มุง่ หมาย และขอบข่ายการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษา ปฐมวยั ของประเทศเกาหลใี ต้ตามทก่ี ำ� หนดให้ได้ 2. อ ธบิ ายแนวคดิ ทีม่ ีอิทธิพล จดุ มงุ่ หมาย และขอบขา่ ยการเรยี นรู้ตามหลกั สตู รการศึกษา ปฐมวัยของประเทศญปี่ นุ่ ตามท่ีกำ� หนดใหไ้ ด้ 3. อ ธิบายแนวคิดทมี่ อี ิทธิพล จุดมงุ่ หมาย และขอบข่ายการเรียนรู้ตามหลกั สูตรการศึกษา มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธปฐมวัยของประเทศสงิ คโปรต์ ามท่กี ำ� หนดให้ได้

หลักสูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของตา่ งประเทศ 4-7 เรื่องที่ 4.1.1 มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศเกาหลีใต้ เกาหลีใต้หรือสาธารณรัฐเกาหลี เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกท่ีทิศเหนือติดกับประเทศ มสธ มสธเกาหลเี หนอื มพี นื้ ทคี่ รอบคลมุ สว่ นใตข้ องคาบสมทุ รเกาหลี และมปี ระเทศญปี่ นุ่ ตงั้ อยทู่ างตะวนั ออกเฉยี งใต้ โดยมที ะเลญปี่ นุ่ และชอ่ งแคบเกาหลกี นั้ ไว้ ประเทศเกาหลใี ตไ้ ดร้ บั การจดั อนั ดบั วา่ มรี ะบบการศกึ ษาทดี่ ที ส่ี ดุ ในโลก (World Top 20 Project, 2016) โดยทวั่ ไปประเทศเกาหลใี ตจ้ ดั การศึกษาปฐมวัยให้แกเ่ ด็กที่มี อายแุ รกเกดิ -5 ปี ใน 2 รปู แบบ คอื 1. ศูนย์ดูแลเด็ก ซงึ่ มงุ่ รบั เดก็ ตงั้ แตแ่ รกเกดิ ถงึ 5 ปี อยภู่ ายใตก้ ารดแู ลของกระทรวงสาธารณสขุ และสวสั ดกิ ารสังคม (Ministry of Health and Welfare) การจดั การศกึ ษารปู แบบน้ี เนน้ ในด้านการ มสธดแู ลสุขภาพอนามยั และความปลอดภยั ของเดก็ มากกว่าดา้ นวชิ าการ 2. โรงเรียนอนุบาล ซ่ึงมุ่งรับเด็กอายุ 3-5 ปี อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (Ministry of Education, Science and Technology) การศกึ ษารปู แบบนี้ ให้ความส�ำคญั กับการสอนสาระการเรียนรดู้ า้ นคณติ ศาสตร์ ภาษาศาสตร์ ดนตรี และศลิ ปะเปน็ หลกั มสธ มสธนอกจากจะได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีท่ีสุดในโลกแล้ว ประเทศ เกาหลีใต้ยังได้รับการยกย่องในการประชุมระดับโลกว่าด้วยการศึกษา ระหว่างวันท่ี 19-21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ณ เมืองอินชอน สาธารณรฐั เกาหลี ว่าเปน็ ประเทศทป่ี ระสบความส�ำเร็จในการจดั การศึกษา ซึ่งปัจจัยหน่ึงที่ท�ำให้ได้รับการยกย่องคือการริเริ่มใช้หลักสูตรปฐมวัยซ่ึงเรียกว่าหลักสูตรนูริ (Nuri Curriculum) ประเทศเกาหลใี ตไ้ ดเ้ รมิ่ ประกาศใชห้ ลกั สตู รนรู เิ ปน็ หลกั สตู รประจำ� ชาติ (national curriculum) ส�ำหรบั เดก็ ปฐมวัยในปี ค.ศ. 2012 โดยเร่ิมจากเดก็ ทม่ี ีอายุ 5 ปี ทงั้ ในศนู ยด์ ูแลเด็กและโรงเรียนอนบุ าล มสธและในปี ค.ศ. 2013 หลักสูตรนี้ได้ขยายขอบเขตครอบคลุมถึงเด็กอายุ 3-5 ปี จุดมุ่งหมายหลักของ หลกั สตู รนรู ิ คอื การสรา้ งหลกั สตู รทม่ี คี ณุ ภาพสงู สำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั ทมี่ อี ายรุ ะหวา่ ง 3-5 ปี และเปดิ โอกาส ให้เด็กช่วงอายุดังกล่าวมีโอกาสเข้าเรียนในโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยท่ีมีคุณภาพอย่างท่ัวถึง (กระทรวง ศึกษาธกิ าร, 2558) มสธ มสธแนวคิดท่ีมีอิทธิพลต่อหลักสูตร นรู เิ ปน็ หลกั สตู รทมี่ าจากการบรู ณาการการจดั การเรยี นการสอนในศนู ยด์ แู ลเดก็ ทมี่ งุ่ เนน้ การดแู ล สุขภาพและความปลอดภัยของเด็ก และการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนอนุบาลที่มุ่งเน้นวิชาการ เข้าด้วยกัน ซึ่งแนวคิดท่ีมีอิทธิพลต่อการจัดการเรียนการสอนทั้งในศูนย์ดูแลเด็กและโรงเรียนอนุบาลได้มี การเชอ่ื มโยงมาสแู่ นวคดิ ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ หลกั สตู รนรู ิ (Proclamation of the Ministry of Education and มสธHuman Resources Development, 2007) ดงั นี้

4-8 การจัดการศึกษาและหลกั สูตรส�ำหรบั เดก็ ปฐมวัย 1. เดก็ ควรไดร้ ับการพัฒนาแบบองคร์ วม โดยมงุ่ ให้เรียนรู้อยา่ งมคี วามสุข มสธ2. การสอนควรยดึ เดก็ เปน็ ศนู ยก์ ลางการเรยี นรู้ โดยเชอ่ื วา่ การเรยี นรรู้ ปู แบบนจี้ ะชว่ ยพฒั นาความ เป็นตัวของตัวเอง และความคดิ สร้างสรรคใ์ ห้แก่เดก็ ปฐมวยั 3. เด็กเรียนรจู้ ากการเล่น ดังนัน้ การเลน่ จงึ ตอ้ งอยใู่ นกิจกรรมประจำ� วนั ของเด็กปฐมวัย 4. การประสานความรว่ มมือระหว่างหนว่ ยงานรฐั บาล ชุมชน ครู ผู้ปกครอง และตวั เดก็ มคี วาม มสธ มสธส�ำคัญต่อการจัดการศกึ ษาสำ� หรับเด็กปฐมวยั แนวคดิ ดงั กลา่ วมคี วามสอดคลอ้ งกบั หลกั ในการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรใู้ หก้ บั เดก็ ปฐมวยั ทเี่ ชอื่ วา่ การเล่นคือการเรยี นรู้ทีด่ ีท่สี ดุ สำ� หรบั เด็ก เพราะขณะท่เี ลน่ เดก็ จะไดพ้ ฒั นาทกั ษะทกุ ดา้ นแบบองค์รวม โดยยึดเดก็ เป็นศนู ย์กลาง เด็กไดเ้ รียนรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ และสนกุ สนาน ซง่ึ เป็นการกระตุ้นแรงจงู ใจภายใน ให้เด็กอยากรู้ อยากลอง และอยากมีส่วนร่วมในการท�ำกิจกรรม นอกจากน้ี ยังให้ความส�ำคัญกับการ ประสานความรว่ มมอื ระหวา่ งบ้าน โรงเรยี น และชมุ ชน ซ่งึ มีบทบาทส�ำคัญอยา่ งมากในการสนบั สนุนการ มสธศึกษาสำ� หรับเด็กในทุกระดับ จุดมุ่งหมายของหลักสูตร หลกั สตู รนรู มิ จี ดุ มงุ่ หมายทสี่ อดรบั กบั การเปลยี่ นแปลงของโลก (Korea Institute of Child Care and Education, 2013) ดงั นี้ มสธ มสธ1. เพอ่ื พฒั นาทกั ษะด้านรา่ งกาย และปลูกฝงั สขุ นิสยั เกย่ี วกับการมีสขุ ภาพดีทย่ี ง่ั ยืนใหก้ บั เด็ก 2. เพอ่ื ให้เดก็ มที ักษะทางการติดต่อส่อื สารทด่ี ีกบั ผ้อู นื่ ได้ 3. เพ่ือให้เด็กมคี วามมนั่ ใจในตนเอง และสามารถทำ� งานร่วมกับผูอ้ ื่นได้ 4. เพอ่ื กระตุน้ ให้เดก็ มีความสนใจในสุนทรียะ ศิลปะ และมีความคิดสรา้ งสรรค์ 5. เพื่อกระตุ้นความสนใจของเด็กเก่ียวกับโลก และมีความเข้าใจต่อส่ิงต่างๆ รอบตัว ภายใต้ การเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ มสธเนอ่ื งจากหลกั สตู รนรู มิ จี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื กระตนุ้ ความสนใจของเดก็ เกยี่ วกบั โลก จงึ มกี ารสง่ เสรมิ ให้ เดก็ เขา้ ใจความแตกตา่ งของชนชาตติ า่ งๆ ในโลก เชน่ ความแตกตา่ งในดา้ นความเชอื่ และวธิ กี ารดำ� รงชวี ติ ของชนชาติอืน่ ท่ีแตกต่างจากตน (Bae, 2016) ซงึ่ แสดงใหเ้ ห็นว่าหลกั สตู รนีไ้ ม่เพียงแตม่ งุ่ เนน้ ให้เดก็ เปน็ พลเมืองทด่ี ขี องประเทศเท่านน้ั แตย่ ังมุง่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เปน็ พลเมอื งทดี่ ขี องประชาคมโลกอีกดว้ ย จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าจุดมุ่งหมายของหลักสูตรนูริมีความสอดคล้องกับหลักในการจัดการ มสธ มสธศกึ ษาปฐมวยั ทมี่ งุ่ สง่ เสรมิ พฒั นาการทง้ั ดา้ นรา่ งกาย อารมณ-์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญาใหแ้ กเ่ ดก็ อกี ทงั้ ยังมุ่งส่งเสริมทักษะด้านการสื่อสารและความคิดสร้างสรรค์ ซ่ึงเป็นรากฐานที่ส�ำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็ก มสธในทุกระดับ นอกจากนี้ ยงั ไดเ้ ร่ิมปลูกฝงั ทกั ษะการเปน็ พลเมืองทด่ี ีของโลกให้แกเ่ ดก็ ตง้ั แต่ระดับปฐมวยั

หลกั สตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของตา่ งประเทศ 4-9 ขอบข่ายการเรียนรู้ตามหลักสูตร มสธหลกั สตู รนรู ใิ หค้ วามสำ� คญั กบั ขอบขา่ ยการเรยี นรใู้ น 5 ดา้ น (Korea Institute of Child Care and Education, 2013) คือ 1. ด้านสุขภาพร่างกายและสุขอนามัย โดยมงุ่ ใหเ้ ดก็ ตระหนกั รเู้ กย่ี วกบั รา่ งกายของตน สามารถ ควบคมุ อวยั วะสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายผา่ นการทำ� กจิ กรรม เชน่ การออกกำ� ลงั กายงา่ ยๆ ได้ รวมถงึ มงุ่ เนน้ มสธ มสธการปลกู ฝงั เกยี่ วกบั การมีสุขอนามัยที่ดี และความปลอดภัยในชีวิตใหก้ บั เดก็ 2. ด้านการส่ือสาร โดยหลักสูตรจะมุ่งพัฒนาทักษะการสื่อสารท้ัง 4 ด้าน คือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขยี น 3. ด้านประสบการณ์ทางศิลปะ โดยมงุ่ ใหเ้ ดก็ มองเหน็ และมคี วามซาบซงึ้ ในความงามของศลิ ปะ และสามารถสะทอ้ นตนเองผา่ นการทำ� งานศิลปะได้ 4. ด้านทักษะทางสังคม โดยมุ่งเน้นการสร้างความม่ันใจในตนเองให้กับเด็ก การเข้าใจตนเอง มสธและผู้อ่ืน ส่งเสริมความรักความอบอุ่นในครอบครัว ความสามัคคีในการอยู่ร่วมกันในชุมชน และกระตุ้น ความสนใจของเด็กตอ่ สังคม 5. ด้านธรรมชาติและการสืบค้น โดยมุ่งกระตนุ้ ใหเ้ ดก็ อยากเรียนรู้ อยากท่จี ะสบื ค้นข้อมลู และ ทดลองโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สาระการเรียนรู้ในด้านน้ีจะเน้นการส่งเสริมทักษะทาง คณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ หลัก มสธ มสธสรุปไดว้ ่า หลกั สตู รนรู ใิ หค้ วามส�ำคญั กบั ขอบขา่ ยการเรยี นรูด้ า้ นสุขอนามัย ดา้ นการสอื่ สาร ด้าน ประสบการณท์ างศิลปะ ด้านทักษะทางสังคม และดา้ นธรรมชาตแิ ละการสืบคน้ ข้อมูล โดยใช้กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ กิจกรรม 4.1.1 มสธจงอธบิ ายขอบขา่ ยการเรียนรู้ตามหลกั สูตรนูรขิ องประเทศเกาหลีพอสังเขป แนวตอบกิจกรรม 4.1.1 ขอบข่ายการเรียนรู้ของหลักสูตรนูริมี 5 ด้าน คือ ด้านสุขภาพร่างกายและสุขอนามัย ด้านการ มสธ มสธ มสธส่ือสาร ดา้ นศลิ ปะ ด้านสงั คม และด้านการสบื ค้นขอ้ มลู โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

4-10 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รส�ำหรบั เด็กปฐมวัย เรื่องที่ 4.1.2 มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศญี่ปุ่น ญปี่ นุ่ เปน็ ประเทศทม่ี ลี กั ษณะเปน็ หมเู่ กาะในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก ตงั้ อยใู่ นมหาสมทุ รแปซฟิ กิ มสธ มสธโดยทางเหนือติดกบั ประเทศรัสเซีย ทางตะวันตกติดกับประเทศจนี และคาบสมุทรเกาหลี ประเทศญป่ี นุ่ ให้ ความส�ำคัญกับการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพของประชากรเป็นอย่างมาก ในภาพรวมการศึกษาของ ประเทศญ่ีปุ่นจะให้ความส�ำคัญกับการปลูกฝังพลเมืองให้เป็นคนท่ีมีระเบียบวินัย มีความขยันหมั่นเพียร และมงุ่ มนั่ ในการทำ� สงิ่ ตา่ งๆ ใหป้ ระสบความสำ� เรจ็ ประเทศญป่ี นุ่ ไดม้ กี ารจดั การศกึ ษาระดบั ปฐมวยั สำ� หรบั เดก็ แรกเกิด–5 ปี ใน 2 รูปแบบ (Ichimi, n.d.; Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology-Japan, n.d.) คือ มสธ1. ศูนย์เด็กเล็ก รบั เดก็ อายตุ งั้ แตแ่ รกเกดิ ถงึ 5 ปี การจดั การศกึ ษารปู แบบนจี้ ะอยภู่ ายใตก้ ารดแู ล ของกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดกิ ารสงั คม (Ministry of Health, Labour and Welfare) การจัดการศึกษาจะยึดตามคู่มือแนวทางการจัดการศึกษาส�ำหรับเด็กเล็ก โดยทั่วไปเด็กจะใช้เวลาอยู่ใน ศนู ย์เด็กเล็กประมาณวันละ 8 ช่ัวโมง มสธ มสธ2. โรงเรียนอนุบาล รับเด็กอายุตั้งแต่ 3-5 ปี การจัดการศึกษารูปแบบน้ีจะอยู่ภายใต้การดูแล ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร วฒั นธรรม กฬี า วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (Ministry of Education, Culture, Sport, Science and Technology) การจัดการศกึ ษายดึ ตามหลกั สูตรแกนกลางสำ� หรบั เดก็ อนุบาล โดย ท่วั ไปเด็กญี่ปนุ่ จะใชเ้ วลาอยใู่ นโรงเรยี นอนุบาลประมาณวนั ละ 4 ชวั่ โมง อยา่ งไรกต็ าม หลกั สตู รปฐมวยั ของประเทศญป่ี นุ่ ทจ่ี ะนำ� เสนอในเรอื่ งน้ี มงุ่ เนน้ ทหี่ ลกั สตู รแกนกลาง ส�ำหรบั เด็กในโรงเรยี นอนุบาล ซึง่ ถือเป็นหลกั สตู รแกนกลางของประเทศ มสธแนวคิดท่ีมีอิทธิพลต่อหลักสูตร นักการศึกษาและสถาบันท่ีเก่ียวข้องทางการศึกษาปฐมวัยของประเทศญ่ีปุ่น ได้อธิบายแนวคิด ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ หลกั สตู รแกนกลางสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั ญป่ี นุ่ (Nanakida, 2015; Fukuzawa, n.d.; Research Center for Child and Adolescent and Education Ochanomizu University, n.d.) ไวด้ งั น้ี มสธ มสธ1. การเรยี นร้อู ยา่ งอิสระชว่ ยใหเ้ ด็กเติบโตและแสดงศักยภาพสูงสุดออกมา 2. การมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั สง่ิ ตา่ งๆ รอบตวั ทงั้ วตั ถแุ ละบคุ คลมคี วามสำ� คญั ตอ่ การเรยี นรสู้ ำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย 3. การเรยี นรผู้ า่ นการเลน่ ชว่ ยสรา้ งสมดลุ ของพฒั นาการทงั้ ดา้ นรา่ งกายและจติ ใจใหแ้ กเ่ ดก็ ดงั นน้ั ครแู ละผปู้ กครองควรเปิดโอกาสให้เดก็ ได้เรยี นรผู้ า่ นการเลน่ 4. เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ดังน้ัน ในการสอนหรือการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ มสธแก่เดก็ จึงควรค�ำนึงถึงคณุ ลกั ษณะและพัฒนาการท่แี ตกต่างกนั ของเดก็ แตล่ ะคน

หลักสตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของต่างประเทศ 4-11 จากแนวคดิ ดงั กลา่ ว จะเหน็ ไดว้ า่ หลกั สตู รปฐมวยั ของประเทศญปี่ นุ่ มคี วามเชอื่ ในเรอ่ื งการพฒั นาเดก็ มสธให้เต็มตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระผ่านการเล่น และการมี ปฏิสมั พนั ธก์ บั ผู้อืน่ ซ่ึงอาจกล่าวได้วา่ การจดั การศึกษาปฐมวยั ของประเทศญี่ปนุ่ ไดร้ บั อทิ ธิพลจากทฤษฎี พัฒนาการเชาวน์ปัญญา (cognitive development) ของ Piaget ท่ีให้ความส�ำคัญกับการเรียนรู้ตาม พัฒนาการ และทฤษฎีการเรียนรูข้ อง Vygotsky ทีใ่ ห้ความส�ำคัญกับการเรียนรจู้ ากการมีปฏสิ มั พนั ธก์ บั มสธ มสธผูอ้ ืน่ (social interaction) จุดมุ่งหมายของหลักสูตร กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology, 2001) กำ� หนดจดุ มงุ่ หมายของหลักสูตรระดับปฐมวัยของ ญป่ี ุ่นไว้ ดงั น้ี มสธ1. เพอ่ื ปลกู ฝงั และวางรากฐานทางดา้ นสขุ ภาพรา่ งกายและสขุ ภาพจติ ทดี่ ใี หแ้ กเ่ ดก็ ผา่ นการดำ� เนนิ ชีวติ ประจำ� วัน โดยมุ่งเน้นในเร่อื งสุขภาพอนามัย ความปลอดภยั และความสุขในชีวิต 2. เพอื่ ปลกู ฝงั ทัศนคตดิ ้านความอสิ ระ คุณธรรม ระเบยี บวนิ ัย และการท�ำงานรว่ มกับผู้อื่น โดย พัฒนาผ่านความรักและความเชื่อใจผูอ้ นื่ 3. เพ่ือยกระดับพื้นฐานทางอารมณ์และเสริมสร้างความสามารถในการคิดผ่านการกระตุ้นความ มสธ มสธสนใจและความอยากรอู้ ยากเหน็ ในธรรมชาตแิ ละสงิ่ ตา่ งๆ รอบตัวของเดก็ 4. เพ่ือพัฒนาทักษะทางภาษา โดยเน้นให้เด็กมีความสุขในการพูดและการฟังผ่านการกระตุ้น ความสนใจและความอยากร้อู ยากเห็นของเดก็ ในการใช้ภาษาในชวี ติ ประจ�ำวนั 5. เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ผา่ นอารมณค์ วามรู้สึกโดยใชป้ ระสบการณ์ทีห่ ลากหลาย จากท่ีกล่าวมาสรุปได้ว่า จุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยมีความสอดคล้องกับ จดุ มงุ่ หมายหลกั ในการพฒั นาพลเมอื งของประเทศ เชน่ การศกึ ษาของประเทศญป่ี นุ่ ไดว้ างรากฐานในการ มสธพฒั นาพลเมอื งทมี่ คี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม โดยการปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ เปน็ ผทู้ มี่ รี ะเบยี บวนิ ยั ตงั้ แตช่ ว่ งปฐมวยั อีกทง้ั ยังมุ่งพฒั นาความคิดสร้างสรรคซ์ ึ่งเปน็ พื้นฐานในการรเิ ริ่มสรา้ งสรรคส์ ่งิ ใหม่ๆ เพ่ือกระตุน้ เศรษฐกจิ ของประเทศในอนาคต มสธ มสธขอบข่ายการเรียนรู้ตามหลักสูตร กระทรวงศึกษาธกิ าร วฒั นธรรม กีฬา วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology, 2001) ได้ก�ำหนดขอบข่ายการเรียนรู้ตามหลักสูตร การศกึ ษาปฐมวัยของญ่ปี นุ่ ไว้ 5 ดา้ น ดงั นี้ 1. ด้านสุขภาพอนามัย โดยมงุ่ พฒั นาทง้ั สขุ ภาพรา่ งกาย เชน่ ใหเ้ ดก็ สามารถเคลอ่ื นไหวรา่ งกาย ได้อย่างเต็มตามศักยภาพผ่านการเล่นท่ีหลากหลายทั้งในและนอกห้องเรียน มุ่งพัฒนาสุขภาพจิตผ่าน มสธการเลน่ และการทำ� กจิ กรรมตา่ งๆ อยา่ งมคี วามสขุ มงุ่ ปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ รจู้ กั การดแู ลรกั ษาสขุ ภาพอนามยั ของ

4-12 การจดั การศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวยั ตนเอง เช่น การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย การใช้ห้องนํ้า การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มสธและมุ่งใหเ้ ด็กสามารถดูแลความปลอดภยั ของตนเองได้ เชน่ การรู้จักการเล่นทป่ี ลอดภัย ฯลฯ 2. ด้านสังคม โดยมุง่ พฒั นาความเช่อื ม่นั ในตนเองผา่ นการเปดิ โอกาสให้เด็กได้คิด เล่น และท�ำ กจิ กรรมอยา่ งอสิ ระ รวมทัง้ มุง่ พฒั นาทักษะการอยรู่ ่วมกันกับผอู้ ืน่ เช่น รูจ้ กั การแบง่ ปนั การเปน็ ผูน้ ำ� และ ผ้ตู าม การทำ� งานเป็นทมี และควรเปิดโอกาสให้เดก็ มปี ระสบการณ์ทัง้ ความสุขและความเศร้าในการสร้าง มสธ มสธความสมั พนั ธก์ บั เพอ่ื น นอกจากนย้ี งั มงุ่ ปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ เปน็ ผมู้ รี ะเบยี บวนิ ยั และรจู้ กั บทบาทหนา้ ทขี่ องตนเอง 3. ด้านสภาพแวดล้อม โดยมุ่งกระตุ้นความสนใจ ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กเพ่ือให้เด็กได้ สมั ผสั ธรรมชาตอิ ยา่ งใกลช้ ดิ และตระหนกั ในความยง่ิ ใหญ่ ความงดงาม และความมหศั จรรยข์ องธรรมชาติ เชน่ ฤดกู าล ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และส่ิงมชี วี ติ ตา่ งๆ ส่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ ไดต้ ระหนักถึงคุณค่าของส่ิงมี ชีวติ รจู้ กั การดแู ลรกั ษาธรรมชาติ และสามารถอยรู่ ่วมกับธรรมชาตอิ ย่างให้เกยี รติซ่งึ กันและกนั 4. ดา้ นภาษา โดยมงุ่ พฒั นาความสนใจ และความสามารถในการใชภ้ าษาเพอื่ ตดิ ตอ่ สอื่ สารกบั ผอู้ นื่ มสธอยา่ งเปน็ มติ รในชวี ติ ประจำ� วนั มงุ่ ใหเ้ ดก็ สามารถใชค้ ำ� พดู ในการอธบิ ายความคดิ ความรสู้ กึ ความตอ้ งการ ได้ และมุ่งให้เด็กสามารถเข้าใจสิ่งท่ีผู้อ่ืนส่ือสารกับตน โดยครูอาจส่งเสริมทักษะเหล่าน้ีได้โดยให้เด็กมี ประสบการณ์ทางภาษาผ่านกิจกรรมทีห่ ลากหลาย เชน่ การอ่านหนงั สือภาพ การเล่านิทาน การฟงั ผูอ้ ่นื ด้วยความสนใจ และการถา่ ยทอดความร้สู กึ ผา่ นการเขียน 5. ด้านการแสดงออกทางอารมณ์ โดยมุ่งพัฒนาสุนทรียภาพและความคิดสร้างสรรค์ สามารถ มสธ มสธแสดงอารมณ์ ความรสู้ กึ ผา่ นกจิ กรรมตา่ งๆ เชน่ การเลน่ ดนตรี การเคลอ่ื นไหวประกอบจงั หวะ การรอ้ งเพลง การวาดภาพ และการสร้างผลงานตา่ งๆ อยา่ งอิสระ สรปุ ไดว้ า่ หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศญป่ี นุ่ นนั้ มไิ ดม้ งุ่ เนน้ เนอ้ื หาในเชงิ วชิ าการ แตเ่ นน้ การส่งเสริมทางด้านพลานามัย การมีสุขภาพท่ีดีท้ังทางด้านร่างกายและจิตใจ การเป็นผู้มีสุนทรียภาพท่ี เลง็ เหน็ ความงามของธรรมชาตแิ ละคณุ คา่ ของสงิ่ ตา่ งๆ รอบตวั การมรี ะเบยี บวนิ ยั สามารถชว่ ยเหลอื ตนเอง ในชีวิตประจ�ำวันได้ อีกทั้งยังมุ่งให้เด็กมีทักษะทางสังคม สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข มสธรู้บทบาทหน้าท่ีของตน มีความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น และมีความสามารถใน การถา่ ยทอดความคิด ความร้สู กึ ผา่ นกจิ กรรมตา่ งๆ เช่น ดนตรแี ละศลิ ปะ ฯลฯ กิจกรรม 4.1.2 มสธ มสธจงอธบิ ายแนวคิดทม่ี อี ทิ ธิพลและจดุ มุ่งหมายของหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศญปี่ นุ่ พอ สังเขป แนวตอบกิจกรรม 4.1.2 แนวคิดที่มีอิทธิพลต่อหลักสูตรของประเทศญี่ปุ่น คือการเรียนรู้อย่างอิสระ การเรียนรู้จากการมี ปฏสิ มั พนั ธก์ บั สงิ่ ตา่ งๆ รอบตวั ทง้ั วตั ถแุ ละบคุ คล การเรยี นรผู้ า่ นการเลน่ และการเรยี นรโู้ ดยคำ� นงึ ถงึ ความ มสธแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก

หลักสตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของตา่ งประเทศ 4-13 จดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู รมงุ่ เนน้ ใหเ้ ดก็ มสี ขุ ภาพรา่ งกายและสขุ ภาพจติ ทแ่ี ขง็ แรง มคี วามสามารถ มสธในการคดิ มคี ณุ ธรรม มรี ะเบยี บวนิ ยั สามารถทำ� งานรว่ มกบั ผอู้ นื่ ได้ มกี ารพฒั นาทกั ษะทางภาษาและความ คิดสร้างสรรค์ มสธ มสธเรื่องที่4.1.3 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศสิงคโปร์ มสธประเทศสงิ คโปร์แม้จะเปน็ ประเทศทมี่ ีขนาดเลก็ ทีส่ ดุ ในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ โดยมีพ้ืนท่เี พยี ง 697.1 ตารางกโิ ลเมตร แตก่ ลบั เปน็ ศนู ยก์ ลางพาณชิ ยท์ ส่ี ำ� คญั แหง่ หนง่ึ ในโลก อกี ทงั้ ยงั เปน็ ประเทศทม่ี กี าร จัดระบบการศึกษาท่ีดีท่ีสุดเป็นอันดับสามของโลก ซึ่งเป็นรองเพียงประเทศเกาหลีใต้และประเทศญ่ีปุ่น (World Top 20 Project, 2016) ระบบการศึกษาของประเทศสิงคโปร์มีความยืดหยุ่นตามความสนใจ ความสามารถ และความถนดั ของแตล่ ะบคุ คล เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ ฒั นาตนเองไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี (การทอ่ งเทย่ี ว มสธ มสธแหง่ ประเทศไทยกับประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น, 2556) ประเทศสิงคโปร์จดั การศกึ ษาปฐมวยั สำ� หรับเดก็ แรกเกดิ –6 ปี ใน 2 รปู แบบ (Ministry of Education Singapore, 2013) คอื 1. ศูนย์ดูแลเด็ก รับเด็กอายุต้ังแต่ 18 เดือน-6 ปี การจัดการศึกษารูปแบบนี้จะอยู่ภายใต้การ ดูแลของกระทรวงพฒั นาชมุ ชน เยาวชนและกฬี า (Ministry of Community Development, Youth and Sports) เวลาเปดิ ทำ� การของการจดั การศกึ ษารปู แบบนจ้ี ะขนึ้ อยกู่ บั ศนู ยด์ แู ลเดก็ แตล่ ะแหง่ เชน่ บาง แหง่ เปดิ บรกิ ารเตม็ วนั บางแหง่ เปดิ บรกิ ารครงึ่ วนั หรอื บางแหง่ ยดื หยนุ่ ตามเวลาทำ� งานของผปู้ กครอง เชน่ มสธเปิดตั้งแต่เวลา 7:00–19:00 น. ฯลฯ 2. โรงเรียนอนุบาล รับเด็กอายตุ ัง้ แต่ 4-6 ปี การจัดการศกึ ษาอยภู่ ายใตก้ ารดแู ลของกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร (Ministry of Education) การจดั การศกึ ษารูปแบบนแ้ี บง่ การรับเดก็ ออกเป็นวนั ละ 2 ช่วง แต่ละช่วงจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ช่ัวโมงต่อวัน และเด็กต้องมาเรียน 5 วันต่อสัปดาห์ โดยผู้ปกครอง สามารถเลือกชว่ งเวลาทจี่ ะส่งเด็กมาเรยี นได้ มสธ มสธรัฐบาลของประเทศสิงคโปร์ได้จัดท�ำคู่มือแนวทางการจัดการศึกษาปฐมวัยของประเทศขึ้น โดย แยกออกเปน็ 2 ส่วน สว่ นแรกคือแนวทางการดแู ลเดก็ ทีม่ ีอายตุ ํา่ กวา่ 3 ขวบ และส่วนที่สองคือแนวทาง การดูแลเด็กอนุบาล ซ่ึงเป็นหลักสูตรการอบรมเล้ียงดูและจัดการศึกษาท่ีมีคุณภาพให้แก่เด็กอายุ 4-6 ปี มสธโดยในเรื่องนีผ้ ู้เขียนจะนำ� เสนอเฉพาะหลกั สตู รของเดก็ อนุบาลซง่ึ มอี ายุ 4-6 ปี ดังน้ี

4-14 การจัดการศึกษาและหลกั สูตรสำ� หรับเด็กปฐมวยั แนวคิดที่มีอิทธิพลต่อหลักสูตร มสธองค์ประกอบหน่ึงท่ีมีอิทธิพลต่อการก�ำหนดทิศทางของการจัดการศึกษาของแต่ละประเทศคือ ปรชั ญา แนวคิด และความเช่อื ที่คณะผจู้ ดั ท�ำหลกั สูตรคิดวา่ มคี วามเหมาะสมและสอดคล้องกับพฒั นาการ และการเรียนรู้ของเด็กในแต่ละวัย ส�ำหรับแนวคิดท่ีมีอิทธิพลต่อหลักสูตรปฐมวัยของประเทศสิงคโปร์ (Pre-School Education Unit Ministry of Education Singapore, n.d.) มดี ังนี้ มสธ มสธ1. การพัฒนาเด็กเป็นแบบองค์รวม (holistic education) ซ่งึ การศกึ ษาแบบองค์รวม หมายถึง รปู แบบการจดั การศกึ ษาทมี่ งุ่ พฒั นาทกั ษะทกุ ดา้ นใหแ้ กผ่ เู้ รยี น เชน่ การศกึ ษาแบบองคร์ วมในระดบั อนบุ าล จะไมม่ งุ่ เนน้ การพฒั นาเฉพาะการอา่ นออกเขยี นได้ ซงึ่ เปน็ ทกั ษะทางสตปิ ญั ญาเพยี งดา้ นเดยี ว แตใ่ หค้ วาม ส�ำคัญกับการเล่น ซ่ึงเด็กจะได้พัฒนาทักษะทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญาไป พรอ้ มกนั 2. การเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยทั่วไปเด็กปฐมวัยเรียนรู้จากทุกส่ิงท่ีเกิดขึ้นรอบๆ ตัว โดยไม่ มสธแบ่งแยกเนื้อหาวิชา ดังนั้นการเรียนรู้แบบบูรณาการซ่ึงเป็นกระบวนการเรียนรู้ท่ีเชื่อมโยงองค์ความรู้และ ทักษะต่างๆ ให้เปน็ อนั หนงึ่ อันเดยี วกัน จงึ มีความเหมาะสมกับเดก็ ระดับปฐมวยั 3. การเรียนรู้จากการลงมือกระท�ำ โดยธรรมชาติของเด็กปฐมวัยจะเรียนรไู้ ดด้ ที ีส่ ดุ เมือ่ เดก็ ไดม้ ี สว่ นรว่ มและเรยี นรสู้ งิ่ ตา่ งๆ ทม่ี คี วามหมายดว้ ยตวั เอง ดงั นนั้ กจิ กรรมจงึ ควรคำ� นงึ ถงึ ความสนใจและความ ต้องการในการเรยี นร้ขู องเด็ก โดยกระตนุ้ ให้เดก็ ได้ใช้ความคิด การสังเกต การคน้ ควา้ ทดลอง และทักษะ มสธ มสธอ่ืนๆ ในการเรียนรู้มากกว่าการเรียนจากการท�ำแบบฝึกหัดในแบบเรียน นอกจากน้ียังควรเปิดโอกาส ใหเ้ ด็กไดล้ องถกู ลองผิดภายใตส้ ภาพแวดล้อมทีป่ ลอดภัยดว้ ย 4. การมีสว่ นร่วมของผูใ้ หญ่ในการสนบั สนุนการเรยี นรู้ อยา่ งไรกต็ าม ผใู้ หญค่ วรทราบถงึ ระดบั ความสามารถและความต้องการของเด็กก่อนโดยใช้การสังเกต กิจกรรมไม่ควรยากจนเกินไป แต่ควรมี ความทา้ ทายในระดบั ทเ่ี ดก็ สามารถประสบความสำ� เรจ็ ในการทำ� กจิ กรรมไดด้ ว้ ยตนเองและเมอ่ื เดก็ ประสบ ความส�ำเร็จแลว้ ผู้ใหญก่ ค็ วรกระตุ้นให้เดก็ ทำ� กจิ กรรมทยี่ ากขึน้ ไปเรอ่ื ยๆ โดยไม่กลวั ตอ่ ความผดิ พลาดท่ี มสธอาจเกิดขึน้ แต่เม่ือเกดิ ขอ้ ผดิ พลาด กค็ วรเปดิ โอกาสให้เดก็ ไดเ้ รยี นร้จู ากความผดิ พลาดนัน้ อยา่ งไรกต็ าม ความคาดหวงั ของผใู้ หญต่ อ่ ตวั เดก็ ควรอยบู่ นรากฐานของความเปน็ จรงิ โดยคำ� นงึ ถงึ พฒั นาการของเดก็ เปน็ สำ� คญั 5. การเรยี นรจู้ ากการมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื การมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื เชน่ ครู เพอื่ น และบคุ คลอนื่ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั เดก็ นอกจากจะชว่ ยเชอื่ มความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั ใหแ้ นบแนน่ ขนึ้ แลว้ ยงั ชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรู้ มสธ มสธส่ิงต่างๆ จากผู้อื่น เช่น เด็กได้เรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ ได้ฝึกและแก้ไขการใช้ภาษาของตนให้ถูกต้องจาก การเลยี นแบบครู ไดฝ้ ึกทักษะการเขา้ สงั คมและการท�ำงานรว่ มกบั ผอู้ ่ืน ฯลฯ 6. การเรียนรู้จากการเล่น การเล่นคือเคร่ืองมือส�ำคัญในการกระตุ้นให้เด็กส�ำรวจ ค้นคว้า ลอง ถูกลองผิด และแก้ปัญหาจากความผิดพลาดท่ีเกิดข้ึน นอกจากนี้เด็กยังได้ฝึกทักษะต่างๆ เช่น ทักษะ ด้านความคดิ สรา้ งสรรค์ ทักษะทางภาษา ทักษะทางคณติ ศาสตร์ ทกั ษะทางสงั คม การจัดระเบยี บ และ มสธการตดั สินใจผา่ นการเลน่

หลกั สูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของต่างประเทศ 4-15 จากแนวคิดดังกล่าวจะเห็นได้ว่า หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศสิงคโปร์มีความเช่ือใน มสธเร่ืองการเรียนรู้แบบองค์รวมโดยการบูรณาการองค์ความรู้และทักษะด้านต่างๆ โดยให้เด็กได้เรียนรู้ด้วย การลงมอื กระทำ� ผา่ นการเลน่ และการมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ นื่ โดยผใู้ หญเ่ ปน็ เพยี งผใู้ หก้ ารสนบั สนนุ การเรยี นรู้ ของเดก็ มสธ มสธจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ประเทศสงิ คโปรเ์ ชอ่ื วา่ เดก็ มคี วามสขุ จากการเรยี นรโู้ ลกดว้ ยการสงั เกต การสำ� รวจและการทดลอง เพอ่ื ทจี่ ะพฒั นาทกั ษะในการคดิ และปลกู ฝงั การเปน็ ผรู้ กั การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ใหก้ บั เดก็ ประเทศสงิ คโปรจ์ งึ มุ่งให้เด็กได้เรียนเพื่อให้คิดเป็น และคิดเป็นเพ่ือเรียนรู้ต่อไป (learn to think and think to learn) เน่ืองจากทักษะการคิดมีความเช่ือมโยงกับทักษะทางภาษา และทักษะทางภาษาจะพัฒนาได้ดีเม่ือเด็กได้ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืน ดังน้ัน จุดมุ่งหมายหนึ่งในสูตรการศึกษาปฐมวัยจึงมุ่งพัฒนาทักษะทางภาษาและ มสธทักษะทางสงั คมใหก้ บั เด็ก (Pre-School Education Unit Ministry of Education Singapore, n.d.) ดงั น้ี 1. เพ่อื ให้เดก็ รู้ว่าส่ิงใดถกู และสง่ิ ใดผิด 2. เพ่อื ใหเ้ ด็กรจู้ กั การแบ่งปันด้วยความเตม็ ใจ และรู้จกั การผลัดเปลย่ี นกับผอู้ ืน่ 3. เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถมีปฏิสมั พันธก์ บั ผู้อนื่ ไดด้ ี มสธ มสธ4. เพื่อใหเ้ ด็กมีความกระตอื รอื รน้ ในการสำ� รวจสิง่ ต่างๆ 5. เพื่อใหเ้ ด็กมีความสามารถในการฟังและการพดู ดว้ ยความเข้าใจ 6. เพอ่ื ใหเ้ ด็กมคี วามสะดวกสบายและมคี วามสุขด้วยตัวเอง 7. เพื่อให้เด็กมสี ุขภาพอนามยั และสขุ นิสัยท่ดี ี 8. เพ่อื ให้เด็กรักครอบครัว เพื่อน ครู และโรงเรียน จากจดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศสงิ คโปรด์ งั กลา่ วจะเหน็ ไดว้ า่ หลกั สตู ร มสธให้ความส�ำคญั กับการมุ่งพฒั นาเดก็ ปฐมวัยท้ังด้านสุขอนามยั จริยธรรม ทักษะสงั คม ตลอดจนการพฒั นา ทกั ษะทางภาษาและกระบวนการคิด เพ่ือใหเ้ ด็กเติบโตอย่างมคี ณุ ภาพ คดิ เปน็ และใฝเ่ รียนรตู้ ลอดชีวติ ขอบข่ายการเรียนรู้ตามหลักสูตร มสธ มสธประเทศสงิ คโปรก์ �ำหนดขอบขา่ ยการเรยี นรูไ้ ว้ 6 ดา้ น (Ministry of Education, 2013) ดังนี้ 1. ด้านความคิดสร้างสรรค์และสุนทรียภาพ โดยทั่วไปเด็กในวัยน้ี มีการแสดงออกถึงอารมณ์ ความรสู้ กึ นกึ คดิ ของตนออกมาโดยธรรมชาตอิ ยแู่ ลว้ ดงั นนั้ ครจู งึ ควรสรา้ งโอกาสใหเ้ ดก็ ไดแ้ สดงตวั ตนของ เขาออกมาอย่างอิสระผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การเล่น การส�ำรวจ หรือการสร้างสรรค์ผ่านศิลปะ ดนตรี และการเคลอื่ นไหว 2. ด้านสิ่งแวดล้อม สภาพแวดลอ้ มในทนี่ ห้ี มายถงึ สง่ิ ทมี่ อี ยตู่ ามธรรมชาตแิ ละสงิ่ ทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ ธรรมชาตขิ องเดก็ นนั้ มคี วามอยากรอู้ ยากเหน็ ชา่ งสงสยั ในสง่ิ ตา่ งๆ รอบตวั ครแู ละผปู้ กครองจงึ ควรกระตนุ้ มสธใหเ้ ดก็ ไดส้ งั เกต ซกั ถาม และสบื คน้ หาขอ้ มลู ดว้ ยกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เขา้ ใจโลกรอบๆ ตวั

4-16 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย 3. ดา้ นภาษาและการรหู้ นงั สอื ภาษามบี ทบาททสี่ ำ� คญั ในการพฒั นากระบวนการคดิ และการเรยี นรู้ มสธของเด็ก ในการส่งเสริมให้เด็กมีทัศนคติทางบวกกับการเรียนรู้ภาษานั้น เด็กควรจะได้สัมผัสภาษาที่มี ความหมายกับตัวเองผ่านการท�ำกิจกรรมต่างๆ เช่น การเล่นบทบาทสมมติ การร้องเพลง การท่องค�ำ คลอ้ งจอง หรอื การอา่ นนทิ าน ซงึ่ กจิ กรรมเหลา่ นจ้ี ะชว่ ยพฒั นาทกั ษะทางภาษาทงั้ การฟงั การพดู การอา่ น และการเขียนใหแ้ กเ่ ด็ก อกี ทง้ั ยังเป็นพนื้ ฐานสำ� คญั ทีน่ ำ� ไปสกู่ ารพฒั นาทักษะทางสังคมอีกด้วย มสธ มสธ4. ด้านร่างกาย เช่น การพัฒนากล้ามเนอื้ ใหญ่ท่สี ่งผลตอ่ การเคลอื่ นไหวอวยั วะส่วนต่างๆ ของ รา่ งกาย ความคลอ่ งตวั และการรกั ษาสมดลุ ของรา่ งกาย การพฒั นากลา้ มเนอ้ื เลก็ ทม่ี คี วามสำ� คญั ตอ่ ทกั ษะ การเขียนและการวาดภาพ และการท�ำงานประสานกันของอวัยวะต่างๆ เช่น มือกับตา ฯลฯ ทักษะด้าน ร่างกายนี้ยังรวมถึงการที่เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจ�ำวัน เช่น การรับประทานอาหาร การ แปรงฟนั ดงั นน้ั เพอื่ พฒั นาทกั ษะดา้ นนค้ี รจู งึ ควรจดั เตรยี มสถานทท่ี ปี่ ลอดภยั และจดั เวลาทเ่ี หมาะสมในการ ท�ำกจิ กรรมใหแ้ กเ่ ดก็ มสธ5. ด้านคณิตศาสตร์ ทักษะทางคณิตศาสตร์นั้นมีความสอดคล้องกับชีวิตประจำ� วันของเด็กเป็น อย่างมาก ดังน้ันในการท�ำกิจกรรมต่างๆ ครูควรเช่ือมโยงประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กไปสู่ทักษะทาง คณติ ศาสตร์ เชน่ เรอ่ื งจำ� นวนและตวั เลข การจดั กลมุ่ การแยกแยะ การนบั รวมถงึ การเรยี นรรู้ ปู ทรงตา่ งๆ 6. ด้านสังคมและอารมณ์ เดก็ ในวยั อนบุ าลเปน็ ชว่ งเวลาทเี่ ดก็ มกี ารพฒั นาการเปน็ ตวั ของตวั เอง และการเชอื่ มโยงตนเองกบั สงิ่ แวดลอ้ มรอบตวั ในชว่ งเวลานเ้ี ดก็ ควรไดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกบั กฎระเบยี บของสงั คม มสธ มสธคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และพฤตกิ รรมทเี่ ปน็ ท่ยี อมรับของสังคม การควบคมุ และจัดการกบั อารมณค์ วามรู้สึก ของตนเปน็ สงิ่ จำ� เปน็ ทเ่ี ดก็ จะตอ้ งเรยี นรใู้ นวยั นี้ การพฒั นาทกั ษะทางดา้ นอารมณแ์ ละสงั คมนมี้ คี วามจำ� เปน็ อยา่ งมากต่อสขุ ภาพจติ ของเดก็ ในระยะยาว และส่งผลต่อความส�ำเร็จในการเขา้ สงั คมในอนาคตอีกด้วย สรปุ ไดว้ า่ ประเทศสงิ คโปรม์ งุ่ หวงั ใหเ้ ดก็ อนบุ าลมคี วามพรอ้ มทง้ั ดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ สนุ ทรยี ภาพ สังคม และสตปิ ัญญา มที ักษะในการคิด มคี วามสามารถทางภาษาและการสือ่ สาร และคณิตศาสตร์ โดย เชอื่ วา่ เดก็ จะเรยี นรไู้ ดด้ ที ส่ี ดุ ผา่ นการเลน่ การลงมอื ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง เนอื้ หาหรอื สาระการเรยี นรดู้ า้ นตา่ งๆ มสธควรถูกบูรณาการเข้าด้วยกัน ครูควรมุ่งพัฒนาเด็กแบบองค์รวม เป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ และควรเปิด โอกาสให้เด็กได้เรยี นรจู้ ากการมีปฏิสัมพันธ์กับผูอ้ ่นื กิจกรรม 4.1.3 มสธ มสธจงอธบิ ายแนวคดิ ท่มี อี ิทธพิ ลต่อหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั ของประเทศสิงคโปร์พอสงั เขป แนวตอบกิจกรรม 4.1.3 แนวคิดท่ีมีอทิ ธพิ ลตอ่ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศสิงคโปร์ คอื การศึกษาแบบองค์รวม การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ การเรยี นรดู้ ว้ ยการลงมอื กระทำ� การเรยี นรผู้ า่ นการเลน่ และการมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั มสธผอู้ น่ื และการเปิดโอกาสใหผ้ ูใ้ หญ่มีส่วนรว่ มในการสนับสนนุ การเรยี นรู้ของเด็ก

หลกั สูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ของต่างประเทศ 4-17 ตอนที่ 4.2 มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศในทวีปยุโรป โปรดอ่านหัวเร่ือง แนวคิด และวัตถปุ ระสงคข์ องตอนท่ี 4.2 แลว้ จงึ ศกึ ษารายละเอยี ดต่อไป มสธ มสธหัวเร่ือง 4.2.1 หลักสตู รการศึกษาปฐมวัยของประเทศฟินแลนด์ 4.2.2 หลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั ของประเทศอังกฤษ 4.2.3 หลักสตู รการศึกษาปฐมวัยของประเทศสวเี ดน มสธแนวคิด 1. หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศฟนิ แลนดไ์ ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากแนวคดิ ทเี่ ชอ่ื วา่ เดก็ ควรไดร้ บั การจดั การศกึ ษาในสภาพแวดลอ้ มทอี่ บอนุ่ ปลอดภยั ไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ โดยอาศัยการตอ่ ยอดความรู้ใหม่ๆ จากประสบการณ์เดิมผ่านการมปี ฏิสมั พนั ธก์ ับผอู้ ื่น ดว้ ยการประสานความรว่ มมอื ระหวา่ งบา้ น โรงเรยี น และชมุ ชน จดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู ร มสธ มสธมุ่งเน้นให้เด็กมีทัศนคติทางบวกต่อตนเอง รู้จักกฎระเบียบของสังคม มีพัฒนาการ ด้านภาษา และมีความรับผิดชอบต่อส่ิงแวดล้อมโดยมีขอบข่ายการเรียนรู้ 7 ด้าน คือ ด้านภาษาและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ด้านคณิตศาสตร์ ด้านคุณธรรมและศาสนา ด้านธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ด้านสุขภาพอนามัย ด้านพัฒนาการของร่างกายและ การเคลื่อนไหว และดา้ นศลิ ปะและวัฒนธรรม 2. ห ลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศอังกฤษได้รับอิทธิพลจากแนวคิดท่ีเชื่อว่า เด็ก มสธเรียนรู้ตามล�ำดับข้ันของพัฒนาการ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ควรยึดเด็กเป็น ศูนยก์ ลาง โดยครูมีบทบาทเปน็ เพียงผ้สู นบั สนุนการเรียนร้ขู องเดก็ และควรส่งเสรมิ ให้ เด็กได้เรียนรู้ผ่านการเล่น จุดมุ่งหมายของหลักสูตรมุ่งเน้นให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตน สนใจ และมคี วามหมายตอ่ ตวั เอง โดยเชอื่ มโยงการเรยี นรใู้ นหอ้ งเรยี นสภู่ ายนอก มงุ่ สง่ เสรมิ ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของเด็กเพ่ือให้เด็กมีความพร้อมในการเรียนระดับประถม มสธ มสธศึกษาปีที่ 1 ได้เรียนรูใ้ นสภาพแวดล้อมทีป่ ลอดภยั และเปดิ โอกาสใหผ้ ้ปู กครองเขา้ มา มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของเด็ก ขอบข่ายการเรียนรู้มี 7 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้าน อารมณแ์ ละสงั คม ดา้ นภาษาและการเรียนรู้ ด้านการรหู้ นงั สอื ดา้ นคณิตศาสตร์ ดา้ น มสธความเขา้ ใจโลก และด้านศลิ ปะ

4-18 การจดั การศกึ ษาและหลักสตู รส�ำหรบั เดก็ ปฐมวัย มสธ3. ห ลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศสวเี ดนไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากแนวคดิ ในเรอื่ งการเรยี นรู้ จากประสบการณ์ตรงผ่านการเล่น และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืน ส่ิงท่ีต้องค�ำนึงถึง ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่เด็ก คือคุณค่าและบรรทัดฐานทางสังคม พัฒนาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ อิทธพิ ลของเด็ก โรงเรยี นและบ้าน ความร่วมมอื การ ตดิ ตามและการประเมนิ ผล และความรับผิดชอบของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา มสธ มสธวัตถุประสงค์ เม่อื ศกึ ษาตอนท่ี 4.2 จบแลว้ นักศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายแนวคิดที่มีอิทธิพล จดุ มงุ่ หมาย และขอบข่ายการเรียนรตู้ ามหลักสตู รการศกึ ษา ปฐมวัยของประเทศฟินแลนด์ตามที่กำ� หนดให้ได้ 2. อ ธิบายแนวคิดทมี่ ีอิทธิพล จุดมุ่งหมาย และขอบข่ายการเรียนรตู้ ามหลกั สตู รการศึกษา มสธปฐมวยั ของประเทศองั กฤษตามที่กำ� หนดใหไ้ ด้ 3. อ ธิบายแนวคิดท่ีมีอิทธิพลและสิ่งท่ีต้องค�ำนึงถึงในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่ มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธเดก็ ปฐมวัยของประเทศสวีเดนตามทก่ี �ำหนดให้ได้

หลกั สตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของต่างประเทศ 4-19 เรื่องที่ 4.2.1 มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศฟินแลนด์ การศกึ ษาของประเทศฟนิ แลนดก์ ำ� ลงั ไดร้ บั ความสนใจเปน็ อยา่ งมาก เนอ่ื งจากเปน็ การเรยี นทเ่ี ดก็ มสธ มสธไดใ้ ชเ้ วลาสว่ นใหญไ่ ปกบั การเลน่ ไมเ่ นน้ การสอบทเี่ ดก็ ตอ้ งแขง่ ขนั กบั ผอู้ น่ื แตเ่ นน้ ใหเ้ ดก็ เชอื่ มน่ั ในตนเอง แข่งขันกับตัวเอง และพัฒนาตนเองให้เต็มท่ีตามศักยภาพ ดังน้ันฟินแลนด์จึงได้รับการยอมรับว่าเป็น ประเทศทม่ี ีการจัดการศกึ ษาที่ดีท่ีสดุ ในโลกประเทศหน่งึ ประเทศฟินแลนดแ์ บ่งการศึกษาปฐมวัยสำ� หรบั เด็กแรกเกดิ ถึงอายุ 7 ปี ออกเป็น 2 ระดับ คอื 1. ระดับการดแู ลและใหก้ ารศกึ ษา (early childhood education and care) ซ่งึ ในระดับน้ี มุง่ เนน้ ที่การดูแลเด็กในด้านสุขภาพอนามัยและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นของเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี การเรียนในระดับนี้ มสธเนน้ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รียนรอู้ ยา่ งมีความสุขโดยไมเ่ น้นวิชาการมากนัก (Heinamaki, 2008) ผู้ปกครองสามารถ เลือกรับบริการทางการศึกษาระดับน้ีได้ใน 2 รูปแบบ คือศูนย์รับเล้ียงเด็กท่ีผู้ปกครองสามารถพาเด็กมา ฝากให้ศูนย์รับเล้ียงเด็กช่วยดูแล โดยเสียค่าบริการให้กับศูนย์ตามขนาดของครอบครัวและรายได้ของ ผปู้ กครอง และอกี รปู แบบคอื ผปู้ กครองจดั การศึกษาและดแู ลเด็กเองทบ่ี า้ น โดยรัฐบาลมอบเงนิ สนบั สนนุ มสธ มสธการศกึ ษาให้ และมกี ารสมุ่ ตรวจสอบคุณภาพของการจดั การศึกษาตามบ้าน 2. ระดับการให้การศึกษาแก่เด็ก 1 ปี ก่อนที่เด็กจะเข้าเรียนในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 (pre- primary education) การศึกษาระดบั นจี้ ดั ให้ส�ำหรบั เดก็ ที่มีอายุ 6 ปี โดยกฎหมายไดก้ �ำหนดวา่ เดก็ ชาว ฟนิ แลนดท์ กุ คนทมี่ อี ายุ 6 ปี จะตอ้ งเขา้ รบั การศกึ ษาในระดบั นเ้ี ปน็ เวลา 1 ปี กอ่ นเขา้ รบั การศกึ ษาในระดบั ประถมศึกษาโดยไม่เสียคา่ ใช้จ่ายใดๆ โดยกฎหมายน้มี ผี ลบังคบั ใช้ตง้ั แตเ่ ดือนสิงหาคม ค.ศ. 2015 ดังนั้น จึงถือได้ว่าการศึกษาระดับน้ีเป็นการศึกษาภาคบังคับส�ำหรับเด็กปฐมวัยในฟินแลนด์ (The Finland มสธNation Board of Education, n.d.) การศึกษาท้งั 2 ระดับนีอ้ ย่ภู ายใต้การดแู ลของกระทรวงกิจการสังคมและสาธารณสุข (Ministry of Social Affairs and Health) ทเี่ นน้ ใหเ้ ดก็ ใชเ้ วลาอยกู่ บั ครอบครวั ใหม้ ากทสี่ ดุ เพราะเชอ่ื วา่ ครอบครวั สามารถใหไ้ ดท้ งั้ ความรกั ความรู้ และสามารถดแู ลเดก็ ไดด้ กี วา่ สถานดแู ลเดก็ ดงั นน้ั รฐั บาลจงึ เปดิ โอกาส ใหแ้ มส่ ามารถลางานหลงั คลอดได้ 3 ปี อยา่ งไรกต็ าม เมอื่ เดก็ ทกุ คนมอี ายุ 6 ปี จะตอ้ งสง่ เขา้ เรยี นในระดบั มสธ มสธpre-primary education เปน็ เวลา 1 ปี เพื่อเป็นการเตรยี มความพร้อมกอ่ นเข้าเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 ดงั นนั้ ในเรอ่ื งนจ้ี ะนำ� เสนอหลกั สตู รแกนกลางของประเทศฟนิ แลนดใ์ นสว่ นของ pre-primary education แนวคิดที่มีอิทธิพลต่อหลักสูตร Finnish National Board of Education (2010) ได้อธิบายแนวคิดที่มีอิทธิพลต่อหลักสูตร มสธpre-primary education ของประเทศฟนิ แลนด์ไว้ ดังน้ี

4-20 การจดั การศึกษาและหลักสตู รส�ำหรบั เดก็ ปฐมวยั 1. การประสานความร่วมมือระหว่างบ้าน สถานศึกษา และชุมชน มีอิทธิพลอย่างมากต่อการ มสธศึกษาของเด็กปฐมวัย ความร่วมมือน้ีจะเป็นส่วนส�ำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการ ชีวิตความเป็นอยู่ และ การเรยี นรขู้ องเดก็ เพอื่ ใหเ้ ดก็ เติบโตขนึ้ มาเป็นมนษุ ย์ทมี่ ีความรับผดิ ชอบและเป็นสมาชิกทดี่ ีของสังคม 2. สง่ิ แวดล้อมที่ปลอดภยั ภายใตบ้ รรยากาศทอ่ี บอุน่ เป็นมิตร และเคารพซ่ึงกันและกันมคี วาม ส�ำคัญมากต่อการจดั การศึกษาสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธ มสธ3. การเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนในส่ิงที่ตนสนใจ และมีความหมายต่อตัวเด็กผ่านการเล่น การ ส�ำรวจ การทดลอง และการลงมือปฏบิ ัตดิ ้วยตัวเอง จะทำ� ใหเ้ ดก็ เรยี นรอู้ ย่างมคี วามสุขและสนุกสนาน 4. การเรยี นรขู้ องเดก็ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากประสบการณแ์ ละความรเู้ ดมิ ของตนเปน็ ฐานในการตอ่ ยอด การเรียนรู้ส่ิงใหม่ๆ และได้รับอิทธิพลจากการเรียนรู้ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอ่ืน รวมทั้งส่ิงต่างๆ รอบตัว สรปุ ไดว้ า่ หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศฟนิ แลนดอ์ ยบู่ นพนื้ ฐานทเี่ ชอื่ ในพลงั แหง่ ความรกั มสธความอบอนุ่ ทเ่ี ดก็ ไดร้ บั จากครอบครวั การประสานความรว่ มมอื ระหวา่ งบา้ น สถานศกึ ษา และชมุ ชน และ การเรียนรู้จากธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมรอบตวั โดยเน้นใหเ้ ดก็ เรยี นรอู้ ย่างมีความสขุ สนุกสนาน โดยใช้ พน้ื ฐานความรูเ้ ดมิ เพ่ือเช่ือมโยงไปสกู่ ารเรยี นรสู้ ิง่ ใหมๆ่ รอบตวั จุดมุ่งหมายของหลักสูตร มสธ มสธFinnish National Board of Education (2010) ได้ก�ำหนดจุดมุ่งหมายในการให้การศึกษา ระดับ pre-primary education ดังน้ี 1. เพอื่ ใหเ้ ด็กมีทัศนคติทางบวกตอ่ ตนเอง การทเี่ ด็กมที ัศนคตทิ ดี่ ีต่อตนเองจะช่วยใหเ้ ด็กพฒั นา ความสามารถในการเรยี นรู้และทักษะดา้ นตา่ งๆ อยา่ งมคี วามสุข เด็กสามารถพัฒนาทัศนคตนิ ไ้ี ดจ้ ากการ เล่นและการทำ� งานร่วมกับเพอ่ื น นอกจากนกี้ ารเปิดโอกาสให้เดก็ ไดเ้ ผชิญกับสิ่งท้าทายใหม่ๆ อยา่ งมั่นใจ และสรา้ งสรรค์ จะชว่ ยใหเ้ ดก็ เกิดความกระตอื รือร้นและเรียนรู้อย่างสนุกสนาน มสธ2. เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรสู้ งิ่ ทถี่ กู และสงิ่ ทผี่ ดิ เรยี นรกู้ ฎระเบยี บของสงั คม รวู้ า่ พฤตกิ รรมใดทเ่ี หมาะสม เมอื่ อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื เดก็ ตอ้ งเรยี นรทู้ จ่ี ะควบคมุ ตนเองและแกป้ ญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ ในชวี ติ ประจำ� วนั เดก็ ตอ้ งเขา้ ใจ เกยี่ วกบั ความเสมอภาคและความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล และตอ้ งรวู้ ธิ ดี แู ลรกั ษาสขุ ภาพอนามยั ตามความ เหมาะสมของวยั 3. เพอ่ื ใหเ้ ดก็ สามารถพฒั นาทางดา้ นภาษา เอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรม และสามารถแสดงออกถงึ มสธ มสธอตั ลักษณข์ องตนได้อยา่ งหลากหลาย เชน่ การแสดงออกผา่ นทางศิลปะ ฯลฯ 4. เพ่ือให้เด็กมีความสนใจในธรรมชาติ และมีจิตส�ำนึกความรับผิดชอบในการดูแลรักษาสภาพ แวดลอ้ ม เดก็ ตอ้ งเรยี นรใู้ นการสงั เกตและวเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ ม มคี วามสขุ กบั ความงามและความหลาก หลายในธรรมชาติ และตระหนกั ถงึ ผลของการกระทำ� ของตนต่อสภาพแวดลอ้ ม สรุปได้ว่า จุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศฟินแลนด์มุ่งส่งเสริมให้เด็กมี มสธทศั นคตทิ างบวกตอ่ ตนเอง เรยี นรกู้ ฎระเบยี บขอ้ บงั คบั และการอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ ในสงั คม โดยมงุ่ พฒั นาความ

หลักสตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ของตา่ งประเทศ 4-21 สามารถในการใช้ภาษาเพ่ือเป็นเคร่ืองมือในการติดต่อสื่อสารและเรียนรู้ซ่ึงกันและกัน อีกทั้งยังมุ่งปลูก มสธจติ สำ� นกึ ใหเ้ ดก็ ตระหนกั ถงึ ความรบั ผดิ ชอบในการอนรุ กั ษแ์ ละดแู ลรกั ษาธรรมชาติ รวมถงึ สง่ิ แวดลอ้ มใกลต้ วั ขอบข่ายการเรียนรู้ตามหลักสูตร การศึกษาในระดับ pre-primary education ของฟินแลนด์เน้นขอบข่ายการเรียนรู้ 7 ด้าน มสธ มสธอย่างไรก็ตาม ขอบข่ายการเรียนรู้ดงั กลา่ วจะถูกบูรณาการเข้าดว้ ยกันโดยเดก็ เปน็ ผู้ลงมอื ปฏิบตั ิงานตา่ งๆ ด้วยตัวเอง ความรู้จากสาระการเรียนรู้ที่เด็กได้รับจะช่วยขยายมุมมองการมองโลกและการเรียนรู้ตนเอง ของเดก็ Finnish National Board of Education (2010) ไดก้ ำ� หนดสาระการเรยี นรทู้ มี่ งุ่ เนน้ ในหลกั สตู ร ระดบั pre-primary education ดังน้ี 1. ด้านภาษาและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ได้แก่ ทกั ษะทางภาษาท้งั การฟงั การพูด การอ่าน และการเขยี น เดก็ ในวยั นจี้ ะไดร้ บั การสง่ เสรมิ ใหเ้ ปน็ นกั ฟงั และนกั พดู ทด่ี ใี นการสนทนาทเี่ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของ มสธการดำ� เนนิ ชวี ติ ประจำ� วนั ในสถานการณท์ ห่ี ลากหลาย เชน่ การเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดพ้ ดู แสดงความคดิ ความ รู้สึก และความคาดหวงั ของตน การฟงั นิทาน กลอน หรอื เรื่องเลา่ ต่างๆ กิจกรรมดงั กล่าวสามารถนำ� มา ใช้ในการพฒั นาทักษะทางภาษาให้แกเ่ ดก็ เพราะนอกจากจะช่วยเพ่มิ พูนคำ� ศพั ท์ให้แกเ่ ดก็ ยงั เปดิ โอกาส ใหเ้ ดก็ ไดซ้ กั ถามและตอบคำ� ถามจากสงิ่ ทไี่ ดฟ้ งั ซงึ่ ชว่ ยใหเ้ ดก็ เขา้ ใจตนเองและผอู้ น่ื มากยงิ่ ขนึ้ อกี ทงั้ ยงั นำ� ไปสกู่ ารพัฒนาทักษะการอ่านและการเขยี นตอ่ ไป มสธ มสธ2. ด้านคณิตศาสตร์ เชน่ การเรยี นรูเ้ รื่องรปู ทรง จำ� นวน การจดั กล่มุ และการเปรยี บเทยี บ ฯลฯ โดยเด็กจะไดร้ ับการกระตุ้นความสนใจทางคณติ ศาสตรจ์ ากสถานการณ์ต่างๆ ในชีวติ ประจ�ำวัน เชน่ การ เลน่ การฟงั นทิ าน การรอ้ งเพลง การออกกำ� ลงั กาย การทำ� งานเลก็ ๆ นอ้ ยๆ การสนทนากบั ผอู้ น่ื และการ เลน่ เกม โดยกจิ กรรมเหลา่ นจ้ี ะตอ้ งสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ มที ศั นคตทิ างบวกตอ่ คณติ ศาสตร์ ดงั นน้ั กจิ กรรมจงึ ควร ดงึ ดดู ความสนใจของเดก็ มีความท้าทาย และมคี วามหมายตอ่ เดก็ 3. ด้านคุณธรรมและศาสนา ขอบข่ายการเรียนรู้ด้านน้ีรวมถึงด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล มสธเอกลักษณท์ างวัฒนธรรม และความสมั พันธ์ระหวา่ งมนุษย์ ธรรมชาติ และชมุ ชน อกี ท้งั ยงั มงุ่ ปลูกฝงั เดก็ ในเรอ่ื งความอดทน อดกลน้ั การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ื่น การประมาณตน ความยตุ ธิ รรม ความ กลา้ หาญ และความมเี มตตากรุณา ซงึ่ ประเทศฟินแลนด์สนบั สนนุ ใหเ้ ด็กเรยี นรคู้ ณุ ธรรม จริยธรรมตั้งแต่ เลก็ โดยเรมิ่ พฒั นาจากการเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง แลว้ จงึ ขยายขอบเขตสคู่ วามสมั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื และสง่ิ แวดลอ้ ม การสอนคณุ ธรรมจรยิ ธรรมนนั้ จะถกู บรู ณาการไปกับกจิ กรรมในสถานการณต์ ่างๆ เช่น การสนทนา หรือ มสธ มสธการเลน่ บทบาทสมมตใิ นสว่ นทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ขอบขา่ ยการเรยี นรดู้ า้ นศาสนา นอกจากนห้ี ลกั สตู รยงั เปดิ โอกาส ใหเ้ ดก็ เรยี นรเู้ กย่ี วกบั หลกั ความเชอื่ ในศาสนาทเี่ ดก็ นบั ถอื และเทศกาลทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ศาสนานนั้ ๆ ดว้ ย 4. ด้านธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม หลกั สตู รระดบั นม้ี งุ่ เนน้ ใหเ้ ดก็ ศกึ ษาธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม รอบตัว เพื่อให้เกิดความเข้าใจ มีความซาบซ้ึงต่อธรรมชาติ และมีจิตส�ำนึกในการดูแลรักษาธรรมชาติ รอบตัว ในการเรียนรู้ธรรมชาติ เด็กจะเรียนรู้โดยใช้วิธีการสังเกตและสำ� รวจตรวจสอบ เช่น การสังเกต มสธเหตุการณ์ หรือปรากฏการณท์ างธรรมชาติ เปน็ ต้น

4-22 การจดั การศึกษาและหลักสูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั 5. ด้านสุขภาพอนามัย หลักสูตรมุ่งเน้นให้เด็กเรียนรู้ เข้าใจ และมีความรับผิดชอบต่อการดูแล มสธรกั ษาสขุ ภาพอนามยั และความปลอดภยั ของตนเองในชวี ติ ประจำ� วนั เชน่ การดแู ลความสะอาดของรา่ งกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับมารยาทบนโต๊ะอาหาร การมีสุขภาพจิตท่ีดี และการสร้างความสมดลุ ระหว่างการทำ� งาน การพกั ผอ่ น และสนั ทนาการ 6. ด้านพัฒนาการทางร่างกายและการเคลื่อนไหว หลกั สตู รมงุ่ ใหค้ วามสำ� คญั กบั การสรา้ งความ มสธ มสธสมดุลของร่างกาย พัฒนาการและสุขภาพ ขณะที่เล่นเด็กจะได้พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเนื้อเล็ก การประสานสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมอื กบั ตา และไดฝ้ กึ ควบคมุ การเคลอื่ นไหวสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย ขณะทเี่ ลน่ หรือท�ำกิจกรรมประจ�ำวัน เด็กจะได้รับการสนับสนุนให้แสดงออกอย่างอิสระทั้งกิจกรรมรายบุคคลและ กจิ กรรมกลมุ่ เพือ่ สรา้ งความมน่ั ใจในตนเองให้แกเ่ ดก็ 7. ด้านศิลปะและวัฒนธรรม หลักสูตรในระดบั pre-primary จะม่งุ เนน้ ใหเ้ ด็กพัฒนาความคดิ สร้างสรรค์ จินตนาการ และแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดของตนผ่านการสร้างงานศิลปะ เช่น ภาพวาด มสธงานประดิษฐ์ เพลง ดนตรี การเตน้ ประกอบจังหวะ และการแสดงละคร นอกจากนี้หลักสูตรยังมุง่ สง่ เสริม ให้เด็กเรียนรู้คุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมของตน และเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมของสังคมอ่ืน ด้วย สรปุ ไดว้ า่ ขอบขา่ ยการเรยี นรู้ในหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัยของประเทศฟนิ แลนด์ มงุ่ สง่ เสริมเด็ก ปฐมวยั ในดา้ นภาษาและการมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ นื่ ดา้ นคณติ ศาสตร์ ดา้ นคณุ ธรรมและศาสนา ดา้ นธรรมชาติ มสธ มสธและส่ิงแวดล้อม ด้านสุขภาพอนามัย ด้านพัฒนาการทางร่างกายและการเคล่ือนไหว และด้านศิลปะและ วฒั นธรรม โดยเนน้ พฒั นาตวั เดก็ ตามศกั ยภาพของแตล่ ะคน โดยไมต่ อ้ งแขง่ ขนั กบั ผอู้ นื่ ดงั นน้ั เดก็ จงึ เรยี นรู้ ด้วยความสนุกสนาน ความสุขในการเรียนรู้จะเป็นแรงจูงใจส�ำคัญที่กระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้และพัฒนา ตนเองต่อไป มสธกิจกรรม 4.2.1 ใหอ้ ธบิ ายแนวคิดทีม่ อี ทิ ธิพลตอ่ หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศฟนิ แลนดพ์ อสังเขป แนวตอบกิจกรรม 4.2.1 แนวคดิ ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศฟนิ แลนด์ คอื การประสานความรว่ มมอื มสธ มสธระหวา่ งบา้ น โรงเรยี น และชมุ ชน การจดั การศกึ ษาในสภาพแวดลอ้ มทอี่ บอนุ่ และปลอดภยั การเรยี นรจู้ าก ประสบการณ์เดิมและต่อยอดความรู้ใหม่ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืน และการเปิดโอกาสให้เด็กเรียนใน มสธส่งิ ทตี่ นสนใจ

หลกั สตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของต่างประเทศ 4-23 เรื่องที่ 4.2.2 มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศอังกฤษ ประเทศอังกฤษเป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความส�ำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก โดยการศึกษา มสธ มสธภาคบังคบั ส�ำหรบั เดก็ อังกฤษจะเร่ิมตั้งแต่เด็กอายุ 4 ปีบรบิ ูรณจ์ นถึงอายุ 16 ปี ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นวา่ ประเทศ องั กฤษใหค้ วามสำ� คญั กบั การวางรากฐานการเรยี นรใู้ หแ้ กเ่ ดก็ ตง้ั แตช่ ว่ งปฐมวยั ดว้ ยเหตนุ ป้ี ระเทศองั กฤษ จงึ เปน็ อกี ประเทศหนง่ึ ทไี่ ด้รับการจัดอันดับวา่ มรี ะบบการจดั การศึกษาดที สี่ ุดเปน็ อันดบั ต้นๆ ของโลก เม่ือพิจารณาการศึกษาปฐมวัยของประเทศอังกฤษจะพบว่า การศกึ ษาปฐมวัยในประเทศอังกฤษ สำ� หรับเดก็ เล็ก (early years) มุ่งเนน้ การใหก้ ารดแู ลและจดั ประสบการณใ์ ห้แก่เด็กอายแุ รกเกดิ ถึง 5 ปี (British National Curriculum, n.d.) การจดั การศกึ ษาปฐมวยั ในประเทศองั กฤษแบง่ ออกเปน็ 2 ระดบั มสธ(Wall, Litjens & Taguma, 2015) ดังน้ี 1. ระดับ nursery การจดั การศึกษาในระดับน้ีใหก้ ารอบรมเล้ียงดแู ก่เดก็ อายตุ ํ่ากว่า 4 ปี โดย มงุ่ เนน้ การเลย้ี งดมู ากกวา่ การเรยี นการสอน การจดั การศกึ ษาในระดบั นมี้ หี ลายรปู แบบ เชน่ ศนู ยร์ บั เลย้ี งเดก็ ทีผ่ ปู้ กครองสามารถน�ำบตุ รหลานมาฝากไว้ใหศ้ นู ย์ชว่ ยดูแล และการดแู ลเด็กที่บ้าน (child minder) ซงึ่ มสธ มสธผ้ปู กครองเปิดบ้านเพ่ือดแู ลบตุ รหลานของตนและรับดแู ลบตุ รหลานของผู้อน่ื 2. ระดับ reception เปน็ การจดั การศกึ ษาใหแ้ กเ่ ดก็ ทมี่ อี ายุ 4 ปี โดยเดก็ ๆ จะตอ้ งเรยี นในระดบั reception เปน็ เวลา 1 ปี กอ่ นเขา้ ศกึ ษาในชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เมอื่ อายุ 5 ปี สาเหตทุ มี่ กี ารจดั การศกึ ษา ระดับนี้เน่ืองมาจากหลักสูตรส�ำหรับเด็กเล็กและหลักสูตรระดับประถมศึกษามีความแตกต่างกันมากกล่าว คอื หลกั สตู รสำ� หรบั เดก็ เลก็ มงุ่ เนน้ การดแู ลเดก็ มากกวา่ ดา้ นวชิ าการ แตห่ ลกั สตู รระดบั ประถมศกึ ษามงุ่ เนน้ วชิ าการเปน็ หลกั ดว้ ยเหตนุ จ้ี งึ มกี ารจดั การศกึ ษาระดบั reception ขน้ึ เพอื่ เชอื่ มรอยตอ่ ระหวา่ งการจดั การ มสธศกึ ษาทงั้ 2 ระดับ อยา่ งไรกต็ าม ทงั้ การศกึ ษาระดบั nursery และระดบั reception ยดึ หลกั สตู รสำ� หรบั เดก็ เลก็ เปน็ หลกั จดุ ทแ่ี ตกตา่ งมเี พยี งการศกึ ษาระดบั reception มสี าระการเรยี นรมู้ ากกวา่ การจดั ประสบการณร์ ะดบั nursery ซึง่ จะอธบิ ายรายละเอียดในส่วนของขอบขา่ ยการเรยี นรู้ตามหลกั สูตรตอ่ ไป มสธ มสธแนวคิดท่ีมีอิทธิพลต่อหลักสูตร Kwon (2002) ไดอ้ ธบิ ายหลกั การและแนวคดิ ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศ อังกฤษ ดงั น้ี 1. เด็กแต่ละคนมีความเป็นปัจเจกบุคคล มีความคิด ความต้องการ และความสนใจที่แตกต่าง กนั ดงั นนั้ ครคู วรเคารพในความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล และยดึ เดก็ เปน็ ศนู ยก์ ลางการเรยี นรู้ โดยเปดิ โอกาส มสธให้เด็กได้เรยี นรใู้ นสิง่ ทีส่ นใจและไดล้ งมือปฏิบัตกิ จิ กรรมดว้ ยตนเอง

4-24 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรบั เด็กปฐมวัย 2. เด็กเรียนรู้จากการเล่น ดงั นนั้ ครคู วรเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ ลน่ อยา่ งอสิ ระ ขณะเลน่ เดก็ จะคอ่ ยๆ มสธพฒั นาความรคู้ วามเขา้ ใจในองคค์ วามรตู้ า่ งๆ ไดใ้ ชจ้ นิ ตนาการ และความคดิ ในการวเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะห์ องคค์ วามรทู้ ไ่ี ดร้ บั เดก็ ในวยั นค้ี วรไดร้ บั ประสบการณก์ ารเรยี นรแู้ บบองคร์ วมทเี่ นน้ การพฒั นาเดก็ ในทกุ ๆ ดา้ น ซึ่งการเล่นเปน็ การเปิดโอกาสให้เด็กได้พัฒนาทักษะด้านต่างๆ ไปพร้อมกบั การเรยี นรู้สิ่งรอบตวั 3. พัฒนาการของเด็กเป็นไปตามล�ำดับข้ันของพัฒนาการ แนวคิดน้ีมาจากทฤษฎีพัฒนาการ มสธ มสธทางเชาวป์ ัญญาของ Piaget ท่ีเช่ือวา่ เดก็ มพี ัฒนาการทางสติปญั ญาไปตามล�ำดบั ข้ัน เชน่ เดก็ จะเรียนรู้ โดยการลองผดิ ลองถูกซาํ้ ๆ ก่อนท่ีจะเรียนร้คู วามสมั พันธข์ องเหตแุ ละผล 4. เด็ก คือ ศูนย์กลางการเรียนรู้ ดงั นนั้ ครจู งึ มบี ทบาทเปน็ ผใู้ หค้ ำ� แนะนำ� จดั สภาพแวดลอ้ ม สอื่ วัสดุ อปุ กรณ์ และกิจกรรมท่เี ออ้ื ตอ่ การเรยี นรขู้ องเด็กมากกวา่ การสอน กลา่ วโดยสรปุ หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศองั กฤษถกู สรา้ งขนึ้ บนพน้ื ฐานแนวคดิ ทเี่ ชอื่ วา่ เดก็ เปน็ ศนู ยก์ ลางการเรยี นรู้ แตเ่ นอ่ื งจากเดก็ แตล่ ะคนมคี วามแตกตา่ งกนั ดงั นนั้ การเลน่ จงึ เปน็ วธิ กี าร มสธเรยี นรทู้ เี่ หมาะสมและสอดคลอ้ งกบั พฒั นาการของเดก็ วยั นี้ โดยเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ ลน่ อยา่ งอสิ ระ ในขณะ ทเ่ี ลน่ เดก็ จะไดใ้ ชจ้ นิ ตนาการ ไดค้ ดิ วเิ คราะหแ์ ละสรา้ งองคค์ วามรใู้ หมๆ่ ดว้ ยตวั เอง ครมู บี ทบาทเปน็ เพยี ง ผู้ใหก้ ารสนบั สนนุ การเรยี นรขู้ องเดก็ จุดมุ่งหมายของหลักสูตร มสธ มสธหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั ของประเทศองั กฤษ ท้งั การจัดประสบการณก์ ารเรียนรูร้ ะดบั nursery และระดับ reception มีจดุ มุง่ หมายรว่ มกนั 7 ประการ ดังนี้ 1. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ในส่ิงที่มีความหมายต่อตนอย่างสนุกสนาน โดยให้เด็กมีส่วนร่วมในการ เรียนรู้นน้ั 2. เพ่อื เชอื่ มโยงการเรยี นรู้ภายในห้องเรียนส่กู ารเรยี นร้โู ลกภายนอกห้องเรยี น 3. เพ่ือเสริมสร้างความสัมพันธ์และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง รวมถึงการให้ข้อมูล มสธเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กแก่ผูป้ กครองอย่างสมา่ํ เสมอ 4. เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เรยี นรใู้ นสงิ่ แวดลอ้ มทป่ี ลอดภยั เมอื่ ครจู ดั เตรยี มสภาพแวดลอ้ มทสี่ ง่ เสรมิ การเรยี นรู้ อยา่ งปลอดภยั ใหแ้ กเ่ ดก็ จะชว่ ยใหเ้ ดก็ รสู้ กึ วา่ ตนไดร้ บั ความสนใจและการสนบั สนนุ จากครู ซงึ่ ความรสู้ กึ น้ี จะชว่ ยสง่ เสรมิ การรับรคู้ ุณค่าในตนเองของเด็ก 5. เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กแต่ละคนได้เรียนรู้ตามความสนใจ โดยมีการประเมินผลและทบทวน มสธ มสธสิ่งที่เด็กเรียนรอู้ ย่างสม่าํ เสมอ 6. เพ่อื ให้การจดั การเรยี นการสอนส�ำหรับเดก็ ปฐมวยั ดำ� เนนิ ไปอยา่ งมคี ุณภาพ และเด็กทุกคนมี ความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรู้ 7. เพอ่ื เตรียมเดก็ ให้มีความพรอ้ มในการเรยี นใหป้ ระสบความส�ำเร็จในช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 สรุปได้ว่า หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศอังกฤษมีจุดมุ่งหมายเพ่ือเตรียมเด็กให้มี ความพร้อมในการเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1 โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งท่ีตนสนใจและมี มสธความหมายตอ่ ตนเองในสภาพแวดลอ้ มทปี่ ลอดภยั มผี ใู้ หญค่ อยใหก้ ารสนบั สนนุ ซงึ่ ผใู้ หญใ่ นทนี่ หี้ มายรวมถงึ

หลกั สตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ของตา่ งประเทศ 4-25 ผู้ปกครองดว้ ย ดังนน้ั การสรา้ งความสมั พันธ์ทีใ่ กลช้ ดิ ระหวา่ งบ้านและสถานศกึ ษาจึงมีความส�ำคัญมากใน มสธการศกึ ษาปฐมวัยของประเทศอังกฤษ ขอบข่ายการเรียนรู้ตามหลักสูตร ขอบข่ายการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศอังกฤษ มีทั้งหมด 7 ด้าน แต่ มสธ มสธเนอื่ งจากเดก็ ในระดบั nursery มพี ฒั นาการและความสามารถทแี่ ตกตา่ งจากเดก็ ในระดบั reception ดงั นน้ั ขอบข่ายการเรยี นรู้ในระดบั nursery จงึ ถกู ก�ำหนดไวเ้ พยี ง 3 ดา้ น คือ 1. ด้านบุคลิกภาพ อารมณ์และสังคม มุง่ สง่ เสริมให้เด็กมที ัศนคติทางบวกตอ่ ตนเองและผ้อู ่นื มี การพฒั นาทกั ษะทางสงั คม เชน่ การมปี ฏสิ มั พนั ธท์ างบวกกบั ผอู้ นื่ เดก็ ตอ้ งรจู้ กั ควบคมุ อารมณข์ องตนเอง เคารพซ่ึงกันและกัน รู้จักพฤติกรรมที่เหมาะสมในการท�ำงานร่วมกับผู้อื่น และมีความเชื่อมั่นในความ สามารถของตนเอง มสธ2. ด้านร่างกาย เปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตัวเองเพื่อให้เด็กได้พัฒนาทักษะ การเคลื่อนไหว การควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกาย และการประสานสัมพันธ์ของอวัยวะต่างๆ ขอบข่าย การเรียนรู้ดา้ นนย้ี งั รวมไปถงึ การส่งเสรมิ ให้เด็กรวู้ ิธีการดูแลสุขภาพอนามยั และความปลอดภยั ของตนเอง เช่น การออกก�ำลงั กาย และการเลอื กรบั ประทานอาหารทม่ี ีประโยชน์ ฯลฯ 3. ด้านภาษาและการสื่อสาร มุ่งส่งเสริมให้เด็กเกิดความมั่นใจในการใช้ภาษา และสามารถ มสธ มสธถา่ ยทอดความคดิ ความรสู้ กึ ของตนผา่ นการสอื่ สารในรปู แบบตา่ งๆ เชน่ การสนทนา การเลา่ เรอ่ื งราว หรอื การตัง้ ค�ำถาม ฯลฯ ส�ำหรับสาระการเรียนรู้ในระดับ reception จะคงขอบขา่ ยการเรยี นรรู้ ะดบั nursery ทั้ง 3 ด้าน ดังกลา่ วไว้ และเพิม่ ขอบข่ายการเรียนรอู้ ีก 4 ด้าน คือ ด้านการอา่ นออกเขียนได้ ดา้ นคณิตศาสตร์ ดา้ น ความเข้าใจโลก และดา้ นศลิ ปะ (Department for Education, 2014) ซึ่งมีรายละเอียดดงั ต่อไปนี้ 1. ด้านรู้หนังสือ โดยเรม่ิ จากการใหเ้ ดก็ รจู้ กั การเชอื่ มโยงเสยี งและตวั อกั ษรซง่ึ เปน็ พน้ื ฐานสำ� คญั มสธของการอา่ นและการเขยี น และเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ มปี ระสบการณก์ ารอา่ นทหี่ ลากหลาย เชน่ นทิ าน คำ� กลอน หรอื งานเขยี นอน่ื ๆ เพอ่ื จุดประกายความสนใจของเด็กต่อการเรยี นรหู้ นังสอื 2. ด้านคณิตศาสตร์ สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กร้จู กั ตัวเลขและจำ� นวน ได้พัฒนาทกั ษะการนบั การค�ำนวณ ง่ายๆ เชน่ การบวกและการลบ และเรยี นรูเ้ กีย่ วกบั รปู ทรง พ้นื ทแ่ี ละการวดั ฯลฯ 3. ด้านความเข้าใจโลก เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกและสังคมรอบตัว เช่น บุคคล มสธ มสธสถานท่ี เทคโนโลยี และสิง่ แวดลอ้ มผ่านการสงั เกตและการสำ� รวจ 4. ด้านศิลปะ สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ไดส้ มั ผสั ประสบการณผ์ า่ นสอ่ื และอปุ กรณท์ ห่ี ลากหลาย และกระตนุ้ ให้เด็กแสดงความคิด อารมณ์และความรู้สึกผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น ศิลปะ ดนตรี การเคล่ือนไหวและ จงั หวะ การเต้นร�ำ การแสดงบทบาทสมมติ และการออกแบบ เป็นต้น สรปุ ไดว้ า่ ขอบขา่ ยการเรยี นรสู้ ำ� หรบั เดก็ ระดบั nursery มงุ่ เนน้ ทกั ษะ 3 ดา้ น คอื ดา้ นบคุ ลกิ ภาพ อารมณ์และสังคม ด้านร่างกาย และด้านภาษาและการสื่อสาร ส่วนขอบข่ายการเรียนรู้ระดับ reception มสธจะคงขอบขา่ ยการเรยี นรทู้ ง้ั 3 ดา้ นในระดบั nursery ไวแ้ ละเพม่ิ ขอบขา่ ยการเรยี นรอู้ กี 4 ดา้ น คอื ดา้ น

4-26 การจัดการศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำหรบั เด็กปฐมวัย รหู้ นงั สอื ดา้ นคณติ ศาสตร์ ดา้ นความเขา้ ใจโลก และดา้ นศลิ ปะ ซง่ึ สาระการเรยี นรเู้ หลา่ นเี้ ปน็ พนื้ ฐานสำ� คญั มสธท่ีจะช่วยให้เด็กประสบความส�ำเร็จในการเรียนในระดับท่ีสงู ขึน้ ตอ่ ไป กิจกรรม 4.2.2 มสธ มสธใหอ้ ธบิ ายแนวคดิ ทม่ี อี ทิ ธพิ ล จดุ มงุ่ หมาย และขอบขา่ ยการเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศองั กฤษในระดับ reception พอสงั เขป แนวตอบกิจกรรม 4.2.2 แนวคิดท่ีมอี ิทธพิ ลต่อหลักสตู รระดบั reception คือความเชอื่ ท่ีวา่ การเรยี นร้ขู องเดก็ เปน็ ไปตาม ลำ� ดบั ขน้ั ของพฒั นาการ และเดก็ แตล่ ะคนมคี วามแตกตา่ งกนั ดงั นนั้ จงึ ควรยดึ เดก็ เปน็ ศนู ยก์ ลางการเรยี นรู้ มสธโดยครเู ปน็ เพียงผูส้ นับสนนุ การเรียนรขู้ องเด็ก และการเปิดโอกาสใหเ้ ด็กไดเ้ รียนร้ผู ่านการเลน่ อิสระ จุดมุ่งหมายของหลักสูตรมุ่งเน้นให้เด็กได้เรียนรู้ส่ิงที่ตนสนใจและมีความหมายต่อตัวเองอย่าง สนุกสนาน ให้เด็กได้เรียนในสภาพแวดล้อมท่ีปลอดภัย โดยมีการเช่ือมโยงการเรียนรู้จากห้องเรียน สู่ภายนอก และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง เพื่อให้เด็กมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้และมี ความพร้อมในการศกึ ษาในระดับประถมศกึ ษาปีท่ี 1 มสธ มสธระดบั reception มงุ่ เนน้ ขอบขา่ ยการเรยี นรู้ 7 ดา้ น คอื ดา้ นรา่ งกาย ดา้ นอารมณแ์ ละสงั คม ดา้ น ภาษาและการเรยี นรู้ ดา้ นการรหู้ นงั สอื ดา้ นคณิตศาสตร์ ดา้ นความเข้าใจโลก และด้านศิลปะ เรื่องที่ 4.2.3 มสธหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศสวีเดน ประเทศสวเี ดนเปน็ ประเทศในกลมุ่ นอรด์ กิ ซง่ึ หมายถงึ ประเทศทตี่ ง้ั อยบู่ นคาบสมทุ รสแกนดเิ นเวยี ในยโุ รปเหนอื โดยมกี รงุ สตอกโฮลม์ เปน็ เมอื งหลวง ประเทศสวเี ดนเปน็ ประเทศทใี่ หค้ วามสำ� คญั และประสบ มสธ มสธความส�ำเร็จในการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัยเป็นอย่างสูง (UNICEF, 2008) ประเทศสวีเดนจัดการ ศึกษาระดับปฐมวัยให้กับเด็กท่ีมีอายุต้ังแต่แรกเกิดถึง 6 ปี โดยแบ่งการจัดการศึกษาออกเป็น 2 ระดับ (Helsingborg, 2015) คอื 1. การจัดการศึกษาส�ำหรับเด็กอายุ 1-5 ปี เรียกว่าระดับ preschool การศึกษาระดับนี้มี วตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื แบ่งเบาภาระของผปู้ กครองทีต่ ้องออกไปท�ำงานนอกบา้ น ดงั นั้น สภาพแวดลอ้ มภายใน ศูนย์เด็กเล็กท่ีจัดการศึกษาในระดับน้ีจึงต้องจัดให้คล้ายคลึงกับบ้าน อย่างไรก็ตาม การศึกษาระดับน้ี มสธมงุ่ เน้นทกี่ ารดูแลสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของเด็กมากกวา่ ด้านวิชาการ

หลักสตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของตา่ งประเทศ 4-27 2. การจัดการศึกษาส�ำหรับเด็กอายุ 6 ปี เรียกว่า ระดับ preschool class เด็กต้องเข้าเรียนใน มสธระดบั preschool class เป็นเวลา 1 ปี ก่อนเข้าสกู่ ารศึกษาภาคบังคบั (compulsory education) เมื่อ อายุ 7 ปี การศึกษาปฐมวัยในระดับน้ีจัดข้ึนเพ่ือเชื่อมรอยต่อระหว่างการศึกษาระดับเด็กเล็กและระดับ ประถมศึกษาซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับ กิจกรรมในการจัดประสบการณ์ในระดับน้ีมีความใกล้เคียงกับ การศกึ ษาในระดับประถมศกึ ษา มสธ มสธแนวคิดท่ีมีอิทธิพลต่อหลักสูตร การศกึ ษาปฐมวยั เปน็ กา้ วแรกทส่ี ำ� คญั ในการวางรากฐานของกระบวนการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ แนวคดิ ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศสวเี ดน (Lohmander & Samuelsson, 2015) มดี งั นี้ 1. การเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เด็กสามารถเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงจากการสัมผัสสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติรอบๆ ตัว ดังน้ัน ครูหรือผู้ปกครองควรกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจและสืบค้นหาความรู้ มสธดว้ ยตวั เองผ่านวธิ กี ารตา่ งๆ 2. การเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การทเี่ ดก็ ไดพ้ ดู คยุ และทำ� กจิ กรรมรว่ มกบั ผอู้ นื่ เชน่ เพ่อื น ครู หรือบุคคลอน่ื ๆ จะทำ� ใหเ้ กิดการแลกเปล่ยี นความร้แู ละข้อมูลซง่ึ กันและกัน ซงึ่ จะช่วยให้เดก็ มี ความเขา้ ใจส่งิ ทเ่ี รียนรู้นนั้ ได้กว้างและกระจ่างขน้ึ 3. การเรียนรู้ผ่านการเล่น การเล่นมีความส�ำคัญมากต่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย เพราะ มสธ มสธการเล่นนอกจากจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านของเด็กแล้ว ยังช่วยให้เด็กเรียนรู้ด้วยความสุขและ สนกุ สนาน ทั้งยังชว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ ด็กเกิดความอยากรอู้ ยากเห็นในส่งิ ใหม่ๆ อกี ดว้ ย การจัดการศึกษาปฐมวัยของประเทศสวีเดนอยู่บนพ้ืนฐานความเช่ือที่ว่า เด็กควรเรียนรู้จาก ประสบการณต์ รง ดงั นน้ั จงึ เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรผู้ า่ นการเลน่ และการมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื การเรยี นรู้ ลักษณะน้ีจะชว่ ยให้เด็กไดพ้ ัฒนาตนเองแบบองคร์ วม อีกท้งั ยังได้บรู ณาการขอบขา่ ยการเรยี นรู้ดา้ นต่างๆ เข้าด้วยกัน ดังน้ัน จะเห็นได้ว่าการเรียนรู้ในลักษณะนี้มีความสอดคล้องกับหลักในการจัดประสบการณ์ มสธการเรยี นรสู้ ำ� หรับเดก็ ปฐมวัย ท่ีเน้นใหเ้ ด็กเปน็ ศนู ยก์ ลางแห่งการเรียนรู้ ส่ิงที่ต้องค�ำนึงถึงในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ หลักสูตรปฐมวัยของประเทศสวีเดนมิได้ก�ำหนดจุดมุ่งหมายและขอบข่ายการเรียนรู้ตามหลักสูตร มสธ มสธไว้อย่างชัดเจนเหมือนหลักสูตรปฐมวัยของประเทศอ่ืนๆ แต่ได้ก�ำหนดสิ่งที่ต้องค�ำนึงถึงในการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่เด็กปฐมวัยไว้เพ่ือเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ซ่ึงหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ของประเทศสวเี ดนไดก้ ำ� หนดสงิ่ ทต่ี อ้ งคำ� นงึ ถงึ ในการจดั การศกึ ษาไว้ 7 ประการ (Skolverket, 2010) ดงั นี้ 1. คุณค่าและบรรทัดฐานทางสังคม โรงเรียนควรจัดการศึกษาเพ่ือให้เด็กตระหนัก เข้าใจ และ ปฏิบัติตามบรรทัดฐานของสังคม โดยมุ่งส่งเสริมให้เด็กมีใจเปิดกว้าง เคารพผู้อ่ืน มีความเป็นนํ้าหน่ึง ใจเดยี วกนั มคี วามรบั ผิดชอบ มีความเห็นอกเหน็ ใจและเตม็ ใจชว่ ยเหลือผ้อู ่นื เข้าใจถงึ ความเท่าเทยี มกนั ในสงั คมโดยไมค่ ำ� นงึ ถงึ ความแตกตา่ งกนั ทางเชอ้ื ชาติ ศาสนา หรอื เพศ และเคารพในรปู แบบการดำ� รงชวี ติ มสธของผูอ้ ื่น รวมทั้งมุ่งเนน้ การปลูกจติ สำ� นกึ ในการดแู ลรกั ษาสภาพแวดล้อมใหแ้ กเ่ ด็กด้วย

4-28 การจัดการศึกษาและหลักสูตรส�ำหรบั เด็กปฐมวัย 2. พัฒนาการและการเรียนรู้ โรงเรียนควรจัดการศึกษาเพ่ือส่งเสริมองค์ความรู้และพัฒนาการ มสธด้านต่างๆ ของเด็ก โดยมุ่งส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น เพื่อให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุขและ สร้างสรรค์ พัฒนาการด้านร่างกาย มุ่งพัฒนาเก่ียวกับการเคล่ือนไหว การท�ำงานประสานกันของอวัยวะ ต่างๆ การเข้าใจในความสามารถของตนเอง รวมถึงความสามารถในการดูแลสุขภาพท่ีดีของตนเอง ด้าน อารมณแ์ ละสงั คม มงุ่ ใหเ้ ดก็ พฒั นาอตั ลกั ษณข์ องตนเอง มคี วามอยากรแู้ ละสนกุ กบั การเรยี นรู้ พฒั นาความ มสธ มสธเปน็ ตวั ของตวั เอง มคี วามรสู้ กึ ถงึ การมสี ว่ นรว่ มและสามารถปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บทางสงั คม รวมทงั้ สามารถ แกไ้ ขความขดั แยง้ ได้ ดา้ นสตปิ ญั ญามงุ่ ใหเ้ ดก็ เรยี นรแู้ ละเขา้ ใจโลกรอบๆ ตวั มกี ารพฒั นาทกั ษะทางภาษา ท้ังการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ทักษะทางคณิตศาสตร์ และ วทิ ยาศาสตร์ทีเ่ ก่ยี วข้องกบั ธรรมชาตริ อบตวั 3. ตัวเด็ก การศึกษาปฐมวัยของประเทศสวีเดนอยู่บนพ้ืนฐานความเชื่อว่า เด็กทุกคนมีอิทธิพล ต่อวิธีการท�ำงานและการก�ำหนดสาระการเรียนรู้ต่างๆ ของสถานศึกษา ดังน้ัน การจัดประสบการณ์การ มสธเรยี นรใู้ หแ้ กเ่ ดก็ จงึ คำ� นงึ ถงึ พฒั นาการ ความสามารถ และความตอ้ งการของเดก็ แตล่ ะคน รวมทงั้ การเคารพ ความคดิ เหน็ ของเดก็ นอกจากน้ี สถานศกึ ษายงั สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ มคี วามเขา้ เกยี่ วกบั ความเปน็ ประชาธปิ ไตย มคี วามรับผดิ ชอบต่อการกระทำ� ของตนต่อผูอ้ น่ื และสิ่งแวดลอ้ มในสถานศกึ ษา 4. สถานศึกษาและบ้าน เพื่อให้เด็กได้มีการเรียนรู้และพัฒนาเต็มตามศักยภาพ สถานศึกษาจึง มหี นา้ ทส่ี ำ� คญั ในการประสานความรว่ มมอื ระหวา่ งบา้ นและสถานศกึ ษา โดยสถานศกึ ษามกี ารใหข้ อ้ มลู เกย่ี ว มสธ มสธกับสถานศึกษา ขอ้ มูลเก่ียวกับเด็ก นอกจากน้ี สถานศึกษายังเปิดโอกาสใหผ้ ู้ปกครองเข้ามามีส่วนรว่ มใน การวางแผนกิจกรรม รว่ มกิจกรรมกบั เดก็ และประเมินผลการท�ำงานของสถานศึกษาดว้ ย 5. ความรว่ มมอื ระหวา่ งสถานศกึ ษาระดบั ปฐมวยั สถานศกึ ษาระดบั ประถม และศนู ยน์ นั ทนาการ สถานศกึ ษาในระดบั preschool ควรสรา้ งความสมั พนั ธท์ ดี่ กี บั สถานศกึ ษาระดบั preschool class สถาน ศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา และศนู ยน์ นั ทนาการตา่ งๆ ทมี่ คี วามเกย่ี วขอ้ งกบั เดก็ การประสานความรว่ มมอื ของผู้เกี่ยวขอ้ งในส่วนต่างๆ จะช่วยใหก้ ารถา่ ยโอนเด็กไปสู่การศกึ ษาในระดับท่ีสูงขนึ้ เปน็ ไปอยา่ งราบรื่น มสธอกี ทัง้ เดก็ จะไดม้ กี ารพฒั นาในดา้ นต่างๆ อยา่ งตอ่ เนื่องและมีประสิทธิภาพ 6. การติดตามและการประเมินผล สถานศึกษามีการติดตามและประเมินผลเพ่ือให้ทราบข้อมูล เกี่ยวกับคุณภาพในการจัดการเรียนการสอนให้กับเด็ก เช่น สาระการเรียนรู้และกิจกรรมที่จัดให้กับเด็กมี ความเหมาะสมและช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กอย่างเต็มท่ีหรือไม่ โดยสถานศึกษาเปิด โอกาสใหเ้ ดก็ และผปู้ กครองเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ งและสอดคลอ้ งกบั ความ มสธ มสธต้องการของทกุ ฝ่าย 7. ความรับผิดชอบของผู้บริหารสถานศึกษา ผบู้ รหิ ารมหี นา้ ทใ่ี นการตรวจสอบวา่ สถานศกึ ษามี การปฏิบัติตามแนวทางท่ีหลักสูตรก�ำหนดไว้อย่างครบถ้วนหรือไม่ โดยมีการติดตามอย่างเป็นระบบและ ต่อเนอื่ ง ต้ังแต่ข้ันการวางแผนงาน การปฏบิ ัติงาน การประเมนิ ผล และการนำ� ข้อมลู ที่ไดม้ าพฒั นาการจดั ประสบการณ์การเรยี นรูใ้ หก้ บั เด็กตอ่ ไป สรุปได้ว่า หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศสวีเดน มุ่งเน้นให้เด็กเรียนรู้และมีการพัฒนา มสธตนเองเต็มที่ตามศักยภาพ โดยจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กผ่านการเล่นและการค้นคว้าหาความรู้

หลกั สตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ของตา่ งประเทศ 4-29 ดว้ ยตวั เองผา่ นการมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั บคุ คลและสงิ่ แวดลอ้ มรอบตวั อีกทงั้ ยงั มงุ่ เนน้ ใหเ้ ดก็ เรยี นรกู้ ฎระเบยี บ มสธและบรรทัดฐานทางสังคม เพื่อให้เด็กได้อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ นอกจากนีย้ งั คำ� นึงถงึ การประสานความร่วมมือระหว่างบา้ น สถานศึกษาระดับปฐมวัย สถานศึกษาระดบั อน่ื ๆ รวมถงึ แหลง่ การเรยี นรอู้ น่ื ทม่ี สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั เดก็ และยงั ใหค้ วามสำ� คญั กบั การตดิ ตามและประเมนิ ผล เพอื่ พฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษาอย่างต่อเนอ่ื ง มสธ มสธกิจกรรม4.2.3 ให้อธิบายแนวคิดที่มีอิทธิพล และสิ่งท่ีต้องค�ำนึงถึงในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในหลักสูตร ปฐมวัยของประเทศสวเี ดนพอสงั เขป มสธแนวตอบกิจกรรม 4.2.3 แนวคิดที่มีอิทธิพลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศ สวเี ดน คอื ความเชอ่ื ทว่ี า่ เดก็ ควรไดร้ บั ประสบการณก์ ารเรยี นรดู้ ว้ ยตวั เอง การเรยี นรผู้ า่ นการเลน่ และการ มปี ฏิสมั พันธ์กับผอู้ นื่ สิ่งที่ต้องค�ำนึงในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยของประเทศสวีเดน มสธ มสธมี 7 ประการ คอื 1. คณุ ค่าและบรรทัดฐานทางสังคม 2. พัฒนาการและการเรียนรู้ของเดก็ 3. อิทธพิ ลของ เดก็ 4. โรงเรยี นและบ้าน 5. ความร่วมมอื ระหว่างโรงเรียน และสถาบนั อ่ืนๆ ท่เี กีย่ วข้องกับการศกึ ษาของ มสธ มมสสธธ มสธเดก็ ปฐมวัย 6. การตดิ ตามและประเมินผล และ 7. ความรับผิดชอบของผ้บู ริหารสถานศึกษา

4-30 การจดั การศึกษาและหลักสตู รส�ำหรับเดก็ ปฐมวยั ตอนที่ 4.3 มสธโปรแกรมทางการศึกษาปฐมวัย โปรดอ่านหวั เร่อื ง แนวคิด และวัตถปุ ระสงค์ของตอนท่ี 4.3 แลว้ จงึ ศกึ ษารายละเอยี ดต่อไป มสธ มสธหัวเร่ือง 4.3.1 โปรแกรม Head Start 4.3.2 โปรแกรม Tools of the Mind 4.3.3 โปรแกรม Kindermusik มสธแนวคิด 1. โปรแกรม Head Start ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากแนวคดิ ทเี่ ชอื่ วา่ เดก็ ทกุ คนควรไดร้ บั การศกึ ษา อย่างเท่าเทียมกัน เด็กแต่ละคนมีความเป็นปัจเจกบุคคล เรียนรู้ได้ดีท่ีสุดผ่านการเล่น และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น จุดมุ่งหมายของโปรแกรมมุ่งส่งเสริมให้เด็กเจริญเติบโต มีสุขอนามัยและพัฒนาการท่ีสมวัย ตลอดจนมุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบัน มสธ มสธครอบครัว และการเช่ือมโยงเด็กสู่แหล่งบริการชุมชนรูปแบบต่างๆ และขอบข่ายการ เรียนรู้ มี 8 ดา้ น คือ ด้านภาษา ด้านการรหู้ นงั สอื ดา้ นคณิตศาสตร์ ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นศลิ ปะ ดา้ นอารมณแ์ ละสงั คม ดา้ นทกั ษะทจ่ี ำ� เปน็ ในการเรยี นรู้ และดา้ นรา่ งกายและ สขุ ภาพอนามัย 2. โปรแกรม Tools of the Mind ได้รับอทิ ธพิ ลจากแนวคิดทฤษฎี Sociocultural ของ Vygotsky โปรแกรมนม้ี ่งุ พัฒนาการจดั ระเบยี บตนเองของเด็กปฐมวยั โดยหลกั สำ� คญั มสธท่ีเป็นหวั ใจในการจัดการศกึ ษามี 5 ประการ คอื การสรา้ งทักษะการจดั ระเบียบตนเอง ใหแ้ กเ่ ดก็ การพฒั นาทกั ษะการจดั ระเบยี บตนเองของเดก็ การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ โดยใชก้ ารเสรมิ ตอ่ การเรยี นรู้ การเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ เรยี นรผู้ า่ นการเลน่ และการใหค้ วาม ส�ำคัญกับการเรียนรูข้ องเด็กเป็นรายบคุ คล 3. โปรแกรม Kindermusik ได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดการสอนดนตรีของ Orff และ มสธ มสธKodaly ที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กวัยแรกเกิดถึง 7 ปี ในด้านร่างกาย ด้าน อารมณแ์ ละสังคม ด้านสติปัญญา ดา้ นความคิดสรา้ งสรรค์ ด้านภาษาและการรู้หนังสอื มสธดา้ นคณิตศาสตร์ และดา้ นดนตรี

หลกั สูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของตา่ งประเทศ 4-31 มสธวัตถุประสงค์ เมือ่ ศึกษาตอนที่ 4.3 จบแล้ว นกั ศึกษาสามารถ 1. อธิบายแนวคิดที่มีอิทธิพล จุดมุ่งหมาย และขอบข่ายการเรียนรู้ของโปรแกรม Head Start ตามทีก่ �ำหนดใหไ้ ด้ 2. อธิบายหลกั ส�ำคัญของโปรแกรม Tools of the Mind ตามท่ีกำ� หนดใหไ้ ด้ มสธ มสธ3. อ ธิบายแนวคิดท่ีมีอิทธิพล ประโยชน์ของโปรแกรม และรูปแบบการเรียนการสอนของ มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธโปรแกรมKindermusikตามทีก่ �ำหนดให้ได้

4-32 การจดั การศึกษาและหลักสูตรส�ำหรับเดก็ ปฐมวัย เรื่องที่ 4.3.1 มสธโปรแกรม Head Start Head Start เปน็ โปรแกรมทางการศกึ ษาปฐมวยั ทปี่ ระสบความสำ� เรจ็ และมชี อื่ เสยี งเปน็ อยา่ งมาก มสธ มสธในประเทศสหรฐั อเมรกิ า โปรแกรมนเี้ กดิ ขน้ึ ครงั้ แรกในชว่ งฤดรู อ้ นในปี ค.ศ. 1965 ในสมยั ของประธานาธบิ ดี Lyndon B. Johnson ซง่ึ ในขณะนน้ั ประเทศสหรฐั อเมรกิ ากำ� ลงั ประสบปญั หาความยากจนของคนในชาติ เพื่อแก้ปัญหานี้ประธานาธิบดี Johnson จึงประกาศแผนการต่อต้านความยากจน (The War of Poverty Plan) โดยโปรแกรม Head Start ก็เปน็ หนึง่ ในแผนการดังกลา่ ว โปรแกรม Head Start ถกู สร้างขึ้นเพ่ือช่วยเหลือเด็กปฐมวัยท่ีมาจากครอบครัวยากจนให้ได้รับการพัฒนาทางด้านอารมณ์ สังคม สขุ ภาพอนามยั โภชนาการ และสขุ ภาพจติ ทจ่ี ำ� เปน็ สำ� หรบั เดก็ ในวยั นี้ โดยในระยะแรกโปรแกรมนถ้ี กู สรา้ ง มสธขนึ้ สำ� หรบั เดก็ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ทไ่ี มม่ โี อกาสเขา้ รบั การศกึ ษาในระดบั อนบุ าล โปรแกรม Head Start อยภู่ ายใตก้ ารดแู ลของกระทรวงสาธารณสขุ (Department of Health and Human Services) ในปจั จบุ นั โปรแกรมนี้จดั ข้นึ ส�ำหรบั เด็กอเมริกันทีม่ อี ายรุ ะหวา่ ง 3-5 ปี ทมี่ าจากครอบครวั ฐานะยากจน ใหม้ ีโอกาส ได้เรียนในโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ทม่ี ีคณุ ภาพ (Morrison, 2007; Hudson, 2015) มสธ มสธแนวคิดท่ีมีอิทธิพลต่อโปรแกรม เนื่องจากโปรแกรม Head Start ไม่ระบแุ นวคิดท่ีนำ� มาใชเ้ ปน็ พืน้ ฐานในการจัดโปรแกรมไวอ้ ยา่ ง ชดั เจน แตจ่ ากการวิเคราะห์ของผู้เขยี นพอจะสรปุ แนวคดิ ท่ีมีอิทธพิ ลต่อโปรแกรมได้ ดงั น้ี 1. ความเทา่ เทยี มกันทางการศกึ ษา สหรฐั อเมรกิ าเปน็ ประเทศทใี่ หค้ วามสำ� คญั กบั ความเทา่ เทยี ม กนั ของคนในสงั คม และการศกึ ษาคอื เคร่อื งมอื สำ� คัญในการปลกู ฝงั ความเช่ือนี้ใหก้ บั เด็ก การทโ่ี ปรแกรม มสธHead Start ถกู สร้างขนึ้ มาเพ่อื เปิดโอกาสใหเ้ ด็กทมี่ ีฐานะยากจนไดเ้ รยี นในโปรแกรมการศึกษาปฐมวยั ที่ มีคุณภาพ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งม่ันในการลดความเหลื่อมลํ้าและส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางการ ศึกษาใหแ้ ก่เด็ก 2. ความเปน็ ปจั เจกบคุ คล เดก็ มคี วามแตกตา่ งกนั ทงั้ ในดา้ นความคดิ ความตอ้ งการ ประสบการณ์ และความสามารถ ครจู งึ ควรใหค้ วามสำ� คญั กบั ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของเดก็ และควรสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ มสธ มสธมคี วามเคารพในความแตกตา่ งของผอู้ น่ื ดว้ ย ครใู นโปรแกรมนไ้ี ดส้ ะทอ้ นความเชอ่ื ในความเปน็ ปจั เจกบคุ คล ของเดก็ โดยการเตรยี มกจิ กรรมและอปุ กรณท์ ห่ี ลากหลายใหแ้ กเ่ ดก็ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ แตล่ ะคนไดเ้ ลอื กทำ� กจิ กรรม ทสี่ อดคล้องกับความสามารถและความต้องการของตนเอง 3. การเรียนรู้ผ่านการเล่นและการลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง เด็กที่เรียนใน โปรแกรม Head Start ไดม้ สี ว่ นชว่ ยในการดแู ลสตั วเ์ ลยี้ งในหอ้ งเรยี น ไดช้ ว่ ยครเู ตรยี มของวา่ งใหก้ บั เพอื่ น มสธไดเ้ ลน่ ของเลน่ ทต่ี นเลอื กเอง และเมอ่ื มปี ญั หาเกดิ ขน้ึ ขณะทำ� กจิ กรรม เดก็ กไ็ ดฝ้ กึ แกป้ ญั หานน้ั ดว้ ยตนเอง

หลกั สตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของต่างประเทศ 4-33 4. การเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืน ในขณะที่เด็กท�ำกิจกรรมจะมีครูคอยให้ค�ำแนะน�ำ มสธหรือให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดเม่ือเด็กประสบปัญหา แต่การช่วยเหลือของครูนั้นจะอยู่ในรูปของการ กระตุ้นให้เด็กคิด ในขณะที่มีกิจกรรมใหม่ ครูอาจสาธิตให้เด็กรู้จักวิธีการเล่น จากน้ันก็เปิดโอกาสให้เด็ก ไดท้ ำ� กจิ กรรมดว้ ยตนเอง และเพอ่ื ใหเ้ ดก็ มคี วามไวว้ างใจในตวั ครู การสรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ รี ะหวา่ งเดก็ กบั ครจู งึ มคี วามส�ำคญั มาก โดยครสู ามารถเรม่ิ สรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ กี ับเดก็ ไดโ้ ดยการออกมารบั เด็กแตล่ ะคน มสธ มสธเมอื่ เดก็ มาถงึ โรงเรยี น เพอื่ ใหเ้ ดก็ ทกุ คนไดร้ บั ความอบอนุ่ และรสู้ กึ ภมู ใิ จวา่ ตนมคี า่ และมคี วามสำ� คญั กบั ครู สรปุ ไดว้ า่ แนวคดิ ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ โปรแกรม Head Start คอื ความเทา่ เทยี มกนั ทางการศกึ ษา การ ค�ำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคลท่ีมีความแตกต่างกันของเด็ก ดังนั้น วิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมส�ำหรับเด็ก ปฐมวยั คือการเรยี นรผู้ ่านการเลน่ และการมีปฏิสมั พนั ธก์ ับผอู้ นื่ จุดมุ่งหมายของโปรแกรม มสธโปรแกรม Head Start มจี ดุ มงุ่ หมายในการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรใู้ หแ้ กเ่ ดก็ ปฐมวยั 5 ประการ คอื 1. เพ่ือส่งเสรมิ การเจริญเตบิ โตและพัฒนาการของเด็ก 2. เพ่ือเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นสถาบันเร่ิมแรกท่ีให้การอบรม เลย้ี งดเู ด็ก มสธ มสธ3. เพ่ือจัดการศึกษาให้แก่เด็ก รวมถึงการดูแลสุขภาพอนามัย และให้บริการทางโภชนาการแก่ เดก็ เช่น การจัดเตรยี มอาหารและของว่างให้แกเ่ ดก็ ขณะทม่ี าเรียน ฯลฯ 4. เพื่อเชื่อมโยงเดก็ และครอบครวั สู่แหลง่ บรกิ ารในชมุ ชน 5. เพอื่ ใหม้ น่ั ใจวา่ การบรหิ ารจดั การโปรแกรมเปดิ โอกาสใหผ้ ปู้ กครองไดม้ สี ว่ นรว่ มในการตดั สนิ ใจ สรุปได้ว่า โปรแกรม Head Start มีจดุ มุ่งหมายเพอ่ื พฒั นาทกั ษะทั้งดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ สงั คม และสติปัญญาให้เด็กอย่างเป็นองค์รวม รวมถึงความพยายามในการประสานความร่วมมือระหว่างบ้าน มสธสถานศกึ ษา และชมุ ชน ดงั จะเหน็ ได้จากโครงการต่างๆ ในโปรแกรม Head Start เชน่ การตรวจสขุ ภาพ ร่างกายและสขุ ภาพฟนั ให้แก่เด็ก หรือโครงการให้ความร้แู กผ่ ปู้ กครอง ฯลฯ ขอบข่ายการเรียนรู้ของโปรแกรม มสธ มสธโปรแกรม Head Start ไดก้ �ำหนดกรอบขอบขา่ ยการเรยี นรู้สำ� หรบั เดก็ ปฐมวัยทม่ี อี ายุ 3-5 ปี ไว้ 8 ประการ ดงั น้ี 1. ด้านภาษา ขอบข่ายการเรียนรู้ด้านนี้มุ่งเน้นท่ีทักษะการฟังอย่างเข้าใจ เช่น การเข้าใจ บทสนทนา นทิ าน เพลง หรอื คำ� คลอ้ งจอง การเพมิ่ พนู คำ� ศพั ทท์ งั้ ดา้ นความซบั ซอ้ นและความหลากหลาย นอกจากนี้ ยงั มุง่ เน้นท่ที กั ษะการพดู และการส่ือสาร เช่น การใชภ้ าษาในการโตต้ อบ การแสดงความรสู้ กึ นกึ คดิ และความตอ้ งการของตน รวมทงั้ สามารถพดู ประโยคทมี่ คี วามยาวและมคี วามซบั ซอ้ นทางไวยากรณ์ มสธฯลฯ

4-34 การจดั การศึกษาและหลกั สูตรส�ำหรับเดก็ ปฐมวยั 2. ด้านการรู้หนังสือ ขอบขา่ ยการเรยี นรดู้ า้ นนม้ี งุ่ เนน้ ในดา้ นการรบั รเู้ กยี่ วกบั เสยี งและตวั อกั ษร มสธ(phonological awareness) ซ่ึงเป็นพื้นฐานที่ส�ำคัญในการอ่านและการเขียน เช่น การแยกเสียงของ พยญั ชนะตน้ และตวั สะกดของคำ� ทไ่ี ดย้ นิ การแยกพยางคใ์ นคำ� และการเชอื่ มโยงเสยี งกบั ตวั อกั ษร นอกจาก นี้ ยังมุ่งส่งเสริมทักษะในการอ่านและการเขียนขั้นเริ่มต้น เช่น การกระตุ้นให้เด็กเลือกนิทานท่ีชอบ อ่าน นทิ านทเี่ ลอื ก พดู คยุ และแสดงบทบาทสมมตเิ กยี่ วกบั นทิ านทอี่ า่ น อกี ทงั้ ยงั เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ฝกึ ลลี ามอื ที่ มสธ มสธสัมพันธ์กับทักษะการเขียนผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การลากเส้น การวาดรูป หรือการเล่นเกมทาง คอมพิวเตอรท์ ส่ี ง่ เสรมิ ทักษะการเขียน ฯลฯ 3. ด้านคณิตศาสตร์ ขอบขา่ ยการเรยี นรู้ด้านน้มี ่งุ เนน้ การเรียนรู้เกี่ยวกับตวั เลขและจ�ำนวน การ นับ การเปรียบเทียบขนาด จ�ำนวนมากกว่าและน้อยกว่า การเรียนรู้รูปทรงเรขาคณิตและต�ำแหน่งของ ส่ิงของ เช่น บน ล่าง ซ้าย ขวา ข้างใน และข้างนอก นอกจากน้ียังมุ่งส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้เก่ียวกับ การจัดวางแบบรปู การจัดกล่มุ และการวดั ฯลฯ มสธ4. ด้านวิทยาศาสตร์ ขอบข่ายการเรียนรู้ด้านนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้กระบวนการและทักษะทาง วทิ ยาศาสตร์ เชน่ การหาขอ้ มลู ดว้ ยวธิ กี ารสงั เกต การตง้ั สมมตฐิ าน การทดลอง การสบื เสาะ และรวบรวม ข้อมลู ทไ่ี ด้มาอภิปรายและน�ำเสนอในรปู แบบต่างๆ เชน่ ภาพวาด กราฟ หรอื แผนที่ ฯลฯ 5. ด้านศิลปะสร้างสรรค์ ขอบข่ายการเรียนรู้ด้านน้ีมุ่งพัฒนาศิลปะสร้างสรรค์ 4 ประเภท คือ ดนตรี เชน่ การฟังเพลง การรอ้ งเพลง และการเล่นดนตรี ฯลฯ ศิลปะประดษิ ฐ์ เช่น การวาดภาพ การป้ัน มสธ มสธการสรา้ งโมเดล หรืองานประดษิ ฐ์อน่ื ๆ ฯลฯ การเคลื่อนไหวประกอบจงั หวะ เชน่ การเต้น การเคล่อื นไหว ประกอบจงั หวะหรอื เพลง ฯลฯ และการเลน่ ละคร เชน่ การเลน่ บทบาทสมมติ โดยใชอ้ ปุ กรณใ์ นสถานการณ์ ต่างๆ ฯลฯ 6. ดา้ นอารมณแ์ ละสงั คม ขอบขา่ ยการเรยี นรดู้ า้ นนมี้ งุ่ พฒั นาการรบั รเู้ กยี่ วกบั ตนเอง การควบคมุ ตนเอง การทำ� งานร่วมกับผ้อู นื่ และการสรา้ งความสมั พันธ์กบั ผู้อนื่ เป็นต้น 7. ดา้ นทกั ษะทจี่ ำ� เปน็ ในการเรยี นรู้ ขอบขา่ ยการเรยี นรใู้ นดา้ นนม้ี งุ่ เนน้ การพฒั นาทกั ษะทมี่ คี วาม มสธจำ� เปน็ ตอ่ การเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั เชน่ ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ ความสนใจอยากรอู้ ยากเรยี น ความมงุ่ มน่ั ในการเรยี นรู้ ความมเี หตผุ ล และการมที ักษะในการแกป้ ญั หา 8. ด้านร่างกายและสุขภาพอนามัย ขอบข่ายการเรียนรู้ในด้านนี้มุ่งพัฒนาทักษะที่ต้องใช้ กลา้ มเน้อื ใหญ่ เช่น การควบคุมการเคลอื่ นไหวของรา่ งกาย การว่งิ การกระโดด การขว้างปาสงิ่ ของ การ ทรงตวั ฯลฯ การพฒั นาทกั ษะที่ใช้กลา้ มเนื้อเลก็ เช่น การจับดนิ สอ การตัดกระดาษ การประสานสมั พันธ์ มสธ มสธระหว่างมือกับตา การต่อบล็อก การต่อจิ๊กซอ ฯลฯ และการเรียนรู้เกี่ยวกับการช่วยเหลือตนเองในชีวิต ประจ�ำวัน ความปลอดภยั และการรกั ษาสขุ อนามยั ของตนเอง เชน่ การแปรงฟนั การลา้ งมอื การใชห้ อ้ งนา้ํ การแตง่ ตวั การรบั ประทานอาหาร และกฎจราจร ฯลฯ สรุปไดว้ า่ โปรแกรม Head Start กำ� หนดขอบขา่ ยการเรยี นรู้สำ� หรบั เดก็ ระดับปฐมวยั ไว้ 8 ด้าน คอื ดา้ นภาษา ดา้ นการรหู้ นงั สอื ดา้ นคณติ ศาสตร์ ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ดา้ นการพฒั นา มสธทกั ษะทางรา่ งกายและสขุ อนามยั ดา้ นอารมณแ์ ละสงั คม และดา้ นทกั ษะทจ่ี ำ� เปน็ ตอ่ การเรยี นรขู้ องเดก็ โดย

หลักสูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ของตา่ งประเทศ 4-35 โปรแกรม Head Start เช่อื วา่ ทักษะทง้ั 8 ดา้ นจะชว่ ยใหเ้ ด็กมีพน้ื ฐานการเรยี นรู้ส�ำหรบั การเรียนในระดับ มสธท่ีสูงขึน้ ต่อไป กิจกรรม 4.3.1 มสธ มสธจงอธิบายจุดมงุ่ หมาย และขอบข่ายการเรยี นรขู้ องโปรแกรม Head Start มาพอสังเขป แนวตอบกิจกรรม 4.3.1 จุดมุ่งหมายหลักในการจัดการศึกษาส�ำหรับเด็กปฐมวัยของโปรแกรม Head Start เช่น เพื่อ ส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว เพื่อ เช่ือมโยงเด็กและครอบครวั สู่เหล่งบรกิ ารชมุ ชน ฯลฯ มสธโปรแกรม Head Start มีขอบข่ายการเรียนรู้ 8 ด้าน คือ ด้านภาษา ด้านการรู้หนังสือ ด้าน คณิตศาสตร์ ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านศิลปะสร้างสรรค์ ด้านร่างกายและสุขอนามัย ด้านอารมณ์และสังคม และด้านทักษะท่จี ำ� เป็นต่อการเรยี นร้ขู องเด็ก มสธ มสธเรื่องที่4.3.2 โปรแกรม Tools of the Mind มสธTools of the Mind เป็นโปรแกรมทางการศึกษาปฐมวัยที่ได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดทฤษฎี Sociocultural Theory ของ Vygotsky ซงึ่ เปน็ นกั จติ วทิ ยาชาวรสั เซยี ทฤษฎนี ม้ี คี วามเชอ่ื วา่ การเรยี นรู้ เปน็ กระบวนการทางสงั คมและวฒั นธรรม เดก็ แตล่ ะคนจะมพี นื้ ทร่ี อยตอ่ ของพฒั นาการ (Zone of Proximal Development) ระหวา่ งระดบั พฒั นาการทเ่ี ปน็ จรงิ (Actual Development Level) และระดบั พฒั นาการ ที่จะเป็นไปได้ (Potential Development Level) ท่ีแตกต่างกัน และวิธีการที่สามารถช่วยเหลือเด็กให้ มสธ มสธกา้ วขา้ มรอยตอ่ ของพฒั นาการตอ้ งใชว้ ธิ เี สรมิ ตอ่ การเรยี นรหู้ รอื Scaffolding การเสรมิ ตอ่ การเรยี นรจู้ ะเกดิ ขนึ้ เมอื่ เดก็ มปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ นื่ โดยเดก็ จะปรบั เปลยี่ นความเขา้ ใจตามประสบการณท์ ไี่ ดร้ บั จากสงั คมและ วฒั นธรรมของตนจนสรา้ งเป็นความรู้ขน้ึ มา (สรุ างค์ โคว้ ตระกลู , 2559) นอกจากนี้ Vygotsky ยังเช่ือว่าพัฒนาการด้านสติปัญญา ด้านสังคม ด้านอารมณ์ และการจัด ระเบียบตนเอง (self-regulation) มีความเช่ือมโยงเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน ไม่สามารถแยกออกจากกัน ได้ และการจัดระเบียบตัวเองจะช่วยให้เด็กประสบความส�ำเร็จในอนาคต (Bodrova & Leong, 2009) มสธผลงานวจิ ยั เกย่ี วกบั การจดั ระเบยี บตนเองหลายเรอ่ื ง พบวา่ ถา้ ตอ้ งการใหเ้ ดก็ ประสบความสำ� เรจ็ ในโรงเรยี น

4-36 การจดั การศึกษาและหลักสูตรส�ำหรับเด็กปฐมวยั และในอนาคต เดก็ ตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาความสามารถดา้ นสงั คมและสตปิ ญั ญา ซึ่งความสามารถเหล่านีม้ ี มสธความเชื่อมโยงกับการจัดระเบียบตนเองของเด็ก นอกจากนี้ยังพบว่า การจัดระเบียบตนเองช่วยให้เด็กมี ความสขุ มุ รอบคอบ เพราะผทู้ มี่ คี วามสามารถในการจดั ระเบยี บตนเองจะมคี วามสามารถในการสรา้ งความ สัมพันธ์กับผู้อื่นในขณะท�ำกิจกรรมร่วมกัน นอกจากน้ีการเป็นผู้มีการจัดระเบียบตนเองจะช่วยให้เด็กรู้ บทบาทหน้าที่ของการเป็นนักเรียน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างความพยายามและผลส�ำเร็จในการเรียนรู้ มสธ มสธเด็กจึงมีความยินดีท่ีจะปฏิบัติตามกฎของโรงเรียนและท�ำตามค�ำสั่งของครู ในทางกลับกัน เด็กที่ไม่ได้รับ การพฒั นาดา้ นการจดั ระเบยี บตนเอง มแี นวโนม้ จะมปี ญั หาในการเรยี น มพี ฤตกิ รรมตอ่ ตา้ นสงั คม และอาจ ลาออกจากโรงเรยี นกอ่ นจบการศึกษา (Barnett et, al., 2008) สรุปไดว้ า่ จดุ มงุ่ หมายส�ำคญั ของโปรแกรม Tools of the Mind ม่งุ เน้นทีก่ ารพฒั นาทกั ษะการ จดั ระเบยี บตนเองใหก้ บั เดก็ ซงึ่ การจดั ระเบยี บตนเองสำ� หรบั โปรแกรมนห้ี มายถงึ การทเี่ ดก็ สามารถควบคมุ อารมณ์ ความสนใจ และการตอบสนองต่อส่ิงเร้าผ่านกระบวนการทางสติปัญญาและการแสดงออกทาง มสธพฤติกรรม เพือ่ ม่งุ ไปสเู่ ป้าหมายทีต่ ้องการ (Bodrova & Leong, nd.) หลักส�ำคัญของโปรแกรม Tools of the Mind หลักส�ำคญั ที่ถือเปน็ หวั ใจของโปรแกรม Tools of the Mind มี 5 ประการ คือ 1. การสร้างทักษะการจัดระเบียบตนเองให้แก่เด็ก โดยเปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดแ้ สดงพฤตกิ รรมของ มสธ มสธการจดั ระเบยี บตนเองออกมาได้อยา่ งอสิ ระ เครอ่ื งมอื แรกในโปรแกรม Tools of the Mind ท่สี รา้ งเสรมิ การจัดระเบียบตนเองให้แก่เด็ก คือ การให้เด็กพูดกับตนเอง เพราะเมื่อเด็กพูดกับตนเอง เด็กจะได้ฝึก ทักษะการจ�ำ ความมุ่งมั่นตั้งใจในขณะพูด ซึ่งเป็นองค์ประกอบส�ำคัญของการสร้างทักษะการจัดระเบียบ ตนเองของเด็ก 2. การพัฒนาทักษะการจัดระเบียบตนเองของเด็ก ในการพัฒนาทักษะการจัดระเบียบตนเอง ของเด็กนั้น ต้องฝึกทักษะการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและสังคม โดยเด็กต้องมีบทบาทท้ังการเป็นฝ่ายริเริ่ม มสธและฝา่ ยตอบสนองในขณะที่มปี ฏิสมั พนั ธ์กบั ผูอ้ ื่น 3. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้การเสริมต่อการเรียนรู้ให้แก่เด็ก การเรยี นรโู้ ดยใชก้ าร เสรมิ ตอ่ การเรยี นรู้ หมายถงึ การทค่ี รคู อยชว่ ยเหลอื เดก็ ใหส้ ามารถปฏบิ ตั งิ านทไ่ี มส่ ามารถทำ� ใหเ้ สรจ็ สมบรู ณ์ ไดด้ ว้ ยตวั เอง โดยการช่วยเหลือจะค่อยๆ ลดลงจนเด็กสามารถทำ� งานน้ันได้ดว้ ยตัวเอง ซึ่งการเรยี นรโู้ ดย ใช้การเสริมตอ่ การเรยี นร้นู ี้ จะตอ้ งจดั ในทกุ กิจกรรมของโปรแกรม Tools of the Mind มสธ มสธ4. การเล่นเป็นหัวใจส�ำคัญของโปรแกรม Tools of the Mind ดังนั้นการเล่นจึงเป็นส่วนหน่ึง ของกิจวัตรประจ�ำวันที่ครูจัดให้กับเด็ก นอกจากน้ีครูควรค่อยๆ เปลี่ยนจากการเล่นตามจินตนาการของ เด็กเปน็ การเลน่ เกมทีม่ กี ฎกตกิ า เพ่อื สง่ เสรมิ การจดั ระเบียบตนเองของเด็ก 5. การสอนเป็นรายบุคคล การสอนเป็นรายบุคคลมีบทบาทส�ำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็ก ครู ในโปรแกรมน้ีต้องเข้าใจความส�ำคัญของการจัดระเบียบตนเองที่มีต่อการเรียนรู้ของเด็ก และต้องรู้ว่าจะ มสธสามารถพัฒนาการจัดระเบียบตนเองให้แก่เด็กได้อย่างไร ดังนั้นครูจึงต้องเปลี่ยนวิธีการจัดกิจกรรมจาก

หลกั สูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวยั ของตา่ งประเทศ 4-37 กลุ่มใหญ่มาเป็นกิจกรรมรายบุคคล เพ่ือให้เด็กได้มีการเรียนรู้โดยใช้การเสริมต่อการเรียนรู้ ซ่ึงจะน�ำไปสู่ มสธการพัฒนาการจดั ระเบียบตนเองในที่สุด สรปุ ไดว้ า่ โปรแกรม Tools of the Mind มีหลักสำ� คัญที่ตอ้ งค�ำนงึ ถงึ คือ การสรา้ งและพัฒนา ทกั ษะการจดั ระเบยี บตนเองใหแ้ กเ่ ดก็ การจดั ประสบการณใ์ หแ้ กเ่ ดก็ โดยใชก้ ารเสรมิ ตอ่ การเรยี นรู้ และการเลน่ นอกจากนค้ี รตู อ้ งใหค้ วามสำ� คญั กบั การจดั กจิ กรรมเปน็ รายบคุ คลมากกวา่ การสอนกลมุ่ ใหญ่ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ได้ มสธ มสธพัฒนาการจดั ระเบยี บตนเองเต็มตามศักยภาพ กิจกรรมในโปรแกรม Tools of the Mind ในโปรแกรม Tools of the Mind มีกิจกรรมที่มุ่งส่งเสริมการจัดระเบียบตนเองให้แก่เด็ก ดัง ตัวอยา่ งต่อไปน้ี 1. การวางแผนการเล่น เด็กปฐมวัยเรียนรู้การวางแผนและการก�ำกับพฤติกรรมของตนเองโดย มสธใชก้ ารวาดภาพหรอื การเขยี น แลว้ จงึ เลน่ ตามบทบาททต่ี นไดว้ างเอาไว้ เชน่ กอ่ นทเ่ี ดก็ จะเลน่ บทบาทสมมติ ต้องมีการวางแผนว่าใครจะเล่นบทบาทอะไร และขณะท่ีเล่นเด็กๆ จะมีการจัดระเบียบตนเองให้เล่นตาม บทบาททไี่ ดว้ างแผนเอาไว้ การทเ่ี ดก็ ยงั คงบทบาทนนั้ ไวไ้ ดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เปน็ การฝกึ การจดั ระเบยี บตนเอง ใหด้ ำ� เนนิ ตามกฎกตกิ าหรอื แผนท่ีไดว้ างเอาไว้ 2. การวางแผนการเรียนรู้ กิจกรรมน้ีจะช่วยให้เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้การควบคุมและประเมิน มสธ มสธพฤตกิ รรมในการทำ� กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องตวั เอง เชน่ การทเี่ ดก็ วางแผนวา่ จะทำ� กจิ กรรมในศนู ยก์ ารเรยี น ใดบ้าง แผนท่ีได้วางเอาไว้จะช่วยเตือนความจ�ำและคอยก�ำกับให้เด็กรู้ว่าตนจะต้องท�ำกิจกรรมในศูนย์ การเรยี นใดบา้ ง และศนู ยก์ ารเรยี นใดทเี่ ดก็ ยงั ไมไ่ ดเ้ ขา้ ไปทำ� กจิ กรรม กจิ กรรมนเี้ ดก็ จะไดฝ้ กึ การจดั ระเบยี บ ตนเองในการควบคมุ ตนให้เขา้ ร่วมกจิ กรรมในศนู ย์การเรยี นทตี่ นไดว้ างแผนเอาไว้ 3. การอ่านหนังสือกับเพื่อน กิจกรรมน้ีเด็กได้ฝึกการจัดระเบียบตนเองโดยให้เด็กและเพื่อน ผลดั กนั อา่ นหนังสือ โดยผลัดกนั เปน็ ผอู้ ่านเร่ืองราวและเป็นผูฟ้ งั สว่ นครจู ะคอยดแู ลและชว่ ยเหลือเดก็ อยู่ มสธห่างๆ จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า กิจกรรมในโปรแกรม Tools of the Mind มีความคล้ายคลึงกับ โปรแกรม High/Scope ในดา้ นของการวางแผนและการด�ำเนนิ กจิ กรรมตามแผนทีต่ นไดว้ างไว้ อย่างไร กต็ าม จดุ ตา่ งระหวา่ งโปรแกรม High/Scope และโปรแกรม Tools of the Mind ทเี่ ดน่ ชดั คอื โปรแกรม High/Scope มงุ่ เนน้ ทก่ี ระบวนการทำ� งานในลกั ษณะของการวางแผน การดำ� เนนิ การ และการทบทวนสง่ิ มสธ มสธทไี่ ดท้ �ำแล้ว แต่โปรแกรม Tools of the Mind มงุ่ เนน้ ท่กี ารพัฒนาการจัดระเบยี บตนเองของเด็กปฐมวัย โดยขณะท�ำกิจกรรมเด็กจะต้องตระหนักรู้ตลอดเวลาว่าตอนนี้ตนก�ำลังท�ำอะไร สิ่งท่ีตนท�ำเป็นไปตาม บทบาท กติกาหรอื กรอบทก่ี ำ� หนดไวห้ รอื ไม่ เพราะโปรแกรม Tools of the Mind เช่อื วา่ เดก็ จะประสบ ความสำ� เรจ็ ในการเรยี นในโรงเรยี นและในอนาคตไดน้ น้ั ทกั ษะสำ� คญั ทเี่ ดก็ ควรไดร้ บั การฝกึ เปน็ อนั ดบั แรกๆ คือการจัดระเบียบตนเองหรือการรู้จักควบคุมตนเอง ดังนั้นกิจกรรมต่างๆ ในโปรแกรมน้ีจึงมุ่งเน้นการ มสธพัฒนาทกั ษะการจดั ระเบียบตนเองเปน็ หลัก

4-38 การจดั การศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวยั กิจกรรม 4.3.2 มสธจงอธบิ ายหลกั ส�ำคัญของโปรแกรม Tools of the Mind มาพอสงั เขป แนวตอบกิจกรรม 4.3.2 โปรแกรม Tools of the Mind มหี ลกั ส�ำคญั ในการจัดการศึกษาส�ำหรบั เดก็ ปฐมวัย 5 ประการ มสธ มสธคอื การสรา้ งทกั ษะการจดั ระเบยี บตนเอง การพฒั นาทกั ษะการจดั ระเบยี บตนเอง การจดั ประสบการณก์ าร เรียนรโู้ ดยใช้การเสรมิ ต่อการเรยี นรู้ การเรียนร้ผู ่านการเล่น และการให้ความสำ� คัญกับการเรียนรู้ของเด็ก เป็นรายบคุ คล มสธเรื่องที่ 4.3.3 โปรแกรม Kindermusik มสธ มสธKindermusik เป็นโปรแกรมการสอนดนตรีส�ำหรับเด็กวัยแรกเกิดถึง 7 ปี โปรแกรมน้ีเกิดข้ึน ครง้ั แรกในปี ค.ศ. 1960 ทปี่ ระเทศสาธารณรฐั เยอรมนั นี จากการประสานความรว่ มมอื ของนกั ดนตรี นกั การ ศกึ ษา ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นการเคลอื่ นไหวรา่ งกาย และผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นพฒั นาการเดก็ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ วางพ้ืนฐานทางดนตรีให้แก่เด็กก่อนเร่ิมเรียนดนตรีอย่างเป็นทางการ ต่อมาโปรแกรมนี้ได้เผยแพร่ไปสู่ ประเทศสหรัฐอเมรกิ าและอีกหลายประเทศกวา่ 5,000 สาขาทัว่ โลก (Kindermusik, n.d.) มสธแนวคิดท่ีมีอิทธิพลต่อโปรแกรม Kindermusik โปรแกรม Kindermusik ได้รับอิทธิพลจากผลงานวิจัยต่างๆ เช่น งานวิจัยเกี่ยวกับพัฒนาการ เดก็ การศกึ ษา และดนตรี นอกจากนี้ ยงั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากแนวการสอนดนตรี 2 ทฤษฎี (Friendswood- music, n.d.) คือ มสธ มสธ1. ทฤษฎกี ารสอนดนตรขี อง Orff ซง่ึ เชอ่ื วา่ พนื้ ฐานของดนตรคี อื จงั หวะ เรมิ่ จากการเรยี นรโู้ ดย เคลื่อนไหวอวยั วะส่วนตา่ งๆ ของรา่ งกายก่อน แลว้ จงึ ใชเ้ ครือ่ งดนตรใี นระยะต่อมา 2. ทฤษฎีการสอนดนตรีของ Kodaly ซ่ึงเชื่อว่าการสอนดนตรีควรสอนตามลำ� ดับเน้ือหาและ คำ� นงึ ถงึ พฒั นาการของเดก็ และเนน้ การสอนรอ้ งเพลงเปน็ หลกั นอกจากนยี้ งั เชอ่ื วา่ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง คอื ครทู ส่ี ำ� คญั ทส่ี ดุ ของเดก็ ดงั นน้ั โปรแกรมนจ้ี งึ เปดิ โอกาสใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองเขา้ รว่ มทำ� กจิ กรรมกบั เดก็ ดว้ ย จากทก่ี ลา่ วมาจะเหน็ ไดว้ า่ Kindermusik เปน็ โปรแกรมการสอนดนตรที ม่ี คี วามเหมาะสมสำ� หรบั มสธเดก็ ปฐมวยั เพราะ Kindermusik ใหค้ วามสำ� คญั กบั การสอนโดยคำ� นงึ ถงึ พฒั นาการทแี่ ตกตา่ งกนั ของเดก็

หลักสตู รและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของต่างประเทศ 4-39 แตล่ ะวยั และมกี ารประยกุ ตท์ ฤษฎกี ารสอนดนตรตี ามแนวของ Orff และ Kodaly ซงึ่ ไดร้ บั การยอมรบั วา่ มสธเปน็ แนวการสอนดนตรีที่มคี วามเหมาะสมสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั ประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจากโปรแกรม Kindermusik เนอ่ื งจาก Kindermusik เปน็ โปรแกรมทม่ี พี นื้ ฐานมาจากงานวจิ ยั และไดร้ บั การพฒั นาจากบคุ คล มสธ มสธผมู้ คี วามเชยี่ วชาญในสาขาตา่ งๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั เดก็ ปฐมวยั มงี านวจิ ยั จำ� นวนมากทย่ี นื ยนั ความสำ� เรจ็ ของ Kindermusik ซ่ึงสามารถสรุปประโยชนท์ ีเ่ ดก็ จะได้รับจากโปรแกรมน้ี (Little Seed Music, 2015) ได้ ดังน้ี 1. ด้านสติปัญญา จากการศกึ ษาพบวา่ การเรยี น การเลน่ ดนตรี และการฝกึ ฝนดนตรมี สี ว่ นชว่ ย ในการพัฒนาเส้นใยประสาทให้มีความแข็งแรงและเชื่อมโยงกันซับซ้อนมากข้ึน เช่น ขณะที่เด็กฟังเพลง และไดเ้ คลอ่ื นไหวประกอบจังหวะบ่อยๆ จะชว่ ยให้เด็กมที ักษะการจำ� และเนือ้ เพลงยงั ช่วยสง่ เสริมให้เดก็ มสธเขา้ ใจโลกรอบๆ ตัวได้ดียิง่ ข้นึ ดว้ ย 2. ด้านภาษาและการรู้หนังสือ ดนตรีเป็นส่ือที่น�ำเด็กไปสู่การเรียนรู้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ จากการศกึ ษาพบวา่ เดก็ จะจ�ำค�ำศัพทไ์ ดง้ า่ ยข้ึนเม่ือมกี ารจดั กล่มุ ค�ำศัพท์และเชือ่ มโยงกลุ่มคำ� ศัพท์นั้นกับ จังหวะ นอกจากนดี้ นตรียังช่วยพัฒนาความสามารถในการแยกแยะหนว่ ยที่เล็กทส่ี ุดของเสยี งในภาษาพดู เช่น เสียงพยัญชนะต่างๆ และช่วยพัฒนาทักษะการตระหนักรู้โครงสร้างในภาษาพูด เช่น เสียง จังหวะ มสธ มสธและพยางค์ เปน็ ตน้ ทักษะเหลา่ นีม้ คี วามส�ำคญั ต่อการพฒั นาทกั ษะการอ่านในอนาคต 3. ด้านคณิตศาสตร์ Kindermusik เป็นโปรแกรมท่ีเปิดโอกาสให้เด็กปฐมวัยพัฒนาศักยภาพ ทางคณติ ศาสตรเ์ ปน็ อยา่ งมาก ผลจากการศกึ ษาชวี้ า่ เมอ่ื เดก็ นบั จำ� นวนขณะทเี่ คลอื่ นไหวประกอบจงั หวะ หรอื ขณะทเ่ี ลน่ เครอื่ งดนตรี จะชว่ ยใหเ้ ดก็ เขา้ ใจองคค์ วามรเู้ กยี่ วกบั ตวั เลขและจำ� นวนไดด้ ยี งิ่ ขน้ึ นอกจากนี้ เมอื่ เดก็ เรยี นรอ้ งเพลง ทอ่ งคำ� คลอ้ งจอง และเคลอื่ นไหวประกอบจงั หวะ เดก็ จะไดพ้ ฒั นาทกั ษะการคาดเดา และทกั ษะการเรยี งลำ� ดบั ตามแบบรูปทก่ี ำ� หนด มสธ4. ด้านอารมณ์และสังคม จากการศึกษาพบว่าพัฒนาการทางด้านอารมณ์และสังคมมีความ เชอื่ มโยงกบั พฒั นาการทางสตปิ ญั ญาและการประสบความสำ� เรจ็ ในการเรยี น เดก็ ทม่ี รี ะเบยี บวนิ ยั ในตนเอง จะมคี วามยดื หยนุ่ และจดจอ่ ในการกา้ วไปสจู่ ดุ มงุ่ หมายทไ่ี ดต้ ง้ั ใจไวม้ ากกวา่ เดก็ ทไ่ี มม่ รี ะเบยี บวนิ ยั ในตนเอง Kindermusik เป็นโปรแกรมทีช่ ่วยพฒั นาระเบยี บวนิ ัยในตนเอง และสง่ เสริมการมีปฏสิ มั พนั ธท์ ดี่ กี บั ผ้อู ่ืน กจิ กรรมในโปรแกรมจะชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดม้ ปี ระสบการณก์ ารมปี ฏสิ มั พนั ธท์ างบวกกบั เพอ่ื น ผา่ นการกระตนุ้ ให้ มสธ มสธเดก็ ท�ำกจิ กรรมร่วมกัน ไดร้ ้จู กั การแบ่งปนั และผลดั กันเล่น 5. ด้านร่างกาย การออกก�ำลงั กายชว่ ยใหเ้ ด็กสขุ ภาพดี หัวใจและกล้ามเนื้อมีความแข็งแรง และ ช่วยใหอ้ ารมณ์ดี ในโปรแกรมนีเ้ ดก็ จะได้ทำ� กิจกรรม เชน่ การกระโดด การตบมอื การหมุน และการเต้น ประกอบเพลง ซึ่งช่วยพัฒนากล้ามเน้ือส่วนต่างๆ ของร่างกาย และได้พัฒนาการประสานความสัมพันธ์ ระหวา่ งตากบั มือในขณะทำ� กิจกรรม เช่น การโยนผา้ แล้วกระโดดจับผา้ ก่อนท่ีผา้ จะตกลงบนพ้ืน ฯลฯ 6. ด้านความคิดสร้างสรรค์ การเล้ียงดูเด็กให้มีความคิดสร้างสรรค์และท้าทายให้ท�ำส่ิงใหม่ๆ มสธเป็นการบ่มเพาะให้เด็กได้พัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ต่อไปในอนาคต

4-40 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำหรบั เด็กปฐมวยั โปรแกรม Kindermusik เปิดโอกาสให้เด็กมีการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เช่น ขณะที่เด็กเล่นเครื่อง มสธดนตรี เด็กจะค้นพบวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างเสียง และขณะท่ีเด็กเคลื่อนไหวประกอบจังหวะ เด็กได้ เคลอ่ื นไหวผ่านจังหวะและทว่ งทำ� นองท่หี ลากหลาย ซึ่งจะชว่ ยพฒั นาความคิดสร้างสรรคใ์ ห้แกเ่ ดก็ 7. ดา้ นดนตรี กจิ กรรมใน Kindermusik ถกู ออกแบบมาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการเปลง่ เสยี ง สง่ เสรมิ ความซาบซึ้งในดนตรี และวางรากฐานในการเรียนดนตรีต่อไปในอนาคต ในโปรแกรมนี้เด็กจะได้เรียน มสธ มสธเครอ่ื งดนตรที เี่ หมาะสมกบั อายใุ นชว่ งวยั ตา่ งๆ ไดส้ มั ผสั สนุ ทรยี ะทางดนตรที หี่ ลากหลาย และไดเ้ รยี นรกู้ ารอา่ น และท�ำความเข้าใจสัญลกั ษณท์ างดนตรี เป็นต้น สรุปได้ว่า โปรแกรม Kindermusik ช่วยส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการด้านสติปัญญา ด้านภาษา และการรหู้ นงั สอื ดา้ นคณติ ศาสตร์ ดา้ นอารมณแ์ ละสงั คม ดา้ นรา่ งกาย ดา้ นความคดิ สรา้ งสรา้ ง และทกั ษะ ทางดนตรี ดังนน้ั โปรแกรมน้จี งึ ควรไดร้ ับการส่งเสริมใหม้ ีการจดั ส�ำหรับเด็กในระดบั ปฐมวัย มสธรูปแบบการเรียนการสอน โปรแกรม Kindermusik จดั ประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ กั ษะทางดนตรตี ามระดบั อายุ โดยแบง่ ออก เป็น 6 ระดับ (Music.4.Life, n.d.) ดงั นี้ 1. ระดับ Kindermusik Cuddle & Bounce การสอนระดบั นเ้ี หมาะสำ� หรบั เดก็ ทารกอายตุ าํ่ กวา่ 1 ปี กจิ กรรมสำ� หรบั เดก็ ระดับน้มี ่งุ เนน้ การพฒั นากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ของเด็กผา่ นการเลน่ เชน่ การกลิ้ง การ มสธ มสธเหว่ียงตวั และการกระเดง้ ตัว ฯลฯ แต่เน่ืองจากเด็กในวยั น้ยี งั มขี ีดจ�ำกดั เรอ่ื งการเคลอื่ นไหว ดังนัน้ เด็กจึง ตอ้ งท�ำกจิ กรรมร่วมกบั ผู้ปกครองและเพอ่ื นๆ ในกล่มุ นอกจากน้เี ดก็ จะได้ฝกึ ทักษะการใชเ้ สยี งผา่ นเพลง เกม นทิ าน ภาษามอื (sign language) การเคลอื่ นไหวรา่ งกาย และการเลน่ เครอื่ งดนตรที เ่ี หมาะสมกบั วยั 2. ระดับ Kindermusik Sing & Play การสอนระดบั นเ้ี หมาะสำ� หรบั เดก็ อายุ 1-2 ปี โดยเด็ก จะไดท้ ำ� กจิ กรรมรว่ มกบั ผปู้ กครอง เดก็ ในวยั นก้ี ลา้ มเนอื้ ใหญม่ คี วามแขง็ แรงมากขน้ึ การเคลอื่ นไหวรา่ งกาย ประกอบเพลงและจังหวะจึงเน้นการเคล่ือนไหวมากขึ้น เช่น การเดินเป็นแถว การกระโดด การหมุนตัว มสธการเดินเขย่งปลายเท้า และการเต้นไปรอบๆ ห้อง ฯลฯ และยังส่งเสริมการพัฒนากล้ามเนื้อเล็กโดยการ นับน้ิวและการรอ้ งเพลงประกอบน้วิ มือ เป็นตน้ เด็กในวัยนไ้ี ด้เรียนร้เู กี่ยวกับจังหวะผา่ นเคร่ืองดนตรชี นดิ ต่างๆ เชน่ เครอ่ื งเขย่า กระด่ิง หรอื กลอง นอกจากน้ี กจิ กรรมในโปรแกรม Kindermusik สำ� หรบั เดก็ ใน วยั นี้ยังมงุ่ ส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา จินตนาการ ความคดิ สร้างสรรค์ การแสดงออกทางอารมณ์ และ การเรียนร้ทู ักษะทางสังคม เช่น การผลัดกันเล่น และการแบง่ ปนั ผ่านการเล่น ฯลฯ มสธ มสธ3. ระดับ Kindermusik Wiggle & Grow การสอนระดับนีเ้ หมาะส�ำหรบั เด็กอายุ 2-3 ปี โดย เด็กจะได้ท�ำกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครองได้สนุกสนานไปกับการฟังเพลง การร้องเพลง การเคล่ือนไหว ประกอบเพลงและจงั หวะตา่ งๆ การเลน่ เครอ่ื งดนตรงี า่ ยๆ เชน่ เครอ่ื งเขยา่ และไดท้ ำ� กจิ กรรมรว่ มกบั เพอ่ื น และผปู้ กครอง ซงึ่ กจิ กรรมเหล่านจี้ ะชว่ ยสง่ เสรมิ ความมั่นใจ การควบคมุ ตนเอง และช่วยพฒั นาทกั ษะการ สือ่ สารของเดก็ 4. ระดับ Kindermusik Laugh & Learn การสอนระดับน้ีเหมาะสำ� หรับเดก็ อายุ 3-4 ปี Kin- มสธdermusik ส�ำหรับเด็กในวัยนี้ผู้ปกครองมิได้เข้ามาร่วมท�ำกิจกรรมกับเด็กในห้องเรียน ดังนั้น เด็กจึงท�ำ

หลักสตู รและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของตา่ งประเทศ 4-41 กิจกรรมต่างๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการช่วยส่งเสริมความมั่นใจในตนเอง และเป็นการเตรียมเด็กให้มี มสธความพรอ้ มในการเขา้ โรงเรยี นในอนาคต กจิ กรรมและทกั ษะทเ่ี ดก็ ไดฝ้ กึ ในโปรแกรมระดบั น้ี เชน่ กจิ กรรม สำ� รวจเสยี งดนตรี ซงึ่ ชว่ ยสง่ เสรมิ จนิ ตนาการและปลกู ฝงั ความรกั ในเสยี งดนตรใี หแ้ กเ่ ดก็ ผา่ นกจิ กรรมการ เคล่ือนไหว การร้องเพลง และการเล่นเคร่ืองดนตรี ในกิจกรรมนิทานเด็กจะได้พัฒนาทักษะการรู้หนังสือ และการแสดงออก นอกจากน้ีเด็กยังได้พัฒนาจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ผ่านการแต่งเพลง และ มสธ มสธขณะที่เด็กท�ำกิจกรรมร่วมกับเพ่ือน เด็กจะได้พัฒนาทักษะทางสังคม เช่น การแบ่งปัน การผลัดกันเล่น และการเคารพผอู้ นื่ อกี ทง้ั เดก็ ยงั ได้ส�ำรวจอารมณ์ ความรู้สึกของตนเอง และผู้อนื่ ผา่ นการเล่นอกี ดว้ ย 5. ระดับ Move & Groove การสอนระดับนเี้ หมาะสำ� หรับเด็กอายุ 4-6 ปี กจิ กรรมมุ่งเนน้ การ พัฒนาคุณภาพของเสียง เช่น การร้องเพลงให้ตรงกับตัวโน้ต เด็กจะได้เรียนรู้การเคล่ือนไหวอย่างมี แบบแผนผา่ นเกมและการเตน้ นอกจากนเี้ ดก็ ไดร้ บั ประสบการณจ์ ากการฟงั ดนตรที ม่ี คี ณุ ภาพหลากหลาย ประเภทจากทั่วทุกมุมโลก และเด็กยังได้เริ่มเรียนการเล่นเคร่ืองดนตรีประเภทตี (percussion) และการ มสธเล่นคยี ์บอร์ดอยา่ งเปน็ ระบบ 6. ระดับ Kindermusik for the Young Child การสอนระดบั นเี้ หมาะส�ำหรบั เด็กอายุ 5-7 ปี โปรแกรมในระดับนี้เด็กจะใช้เวลาเรียนประมาณ 2 ปี โดยได้เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการเปล่ง เสียง การรอ้ งเพลง จังหวะ การอ่านสัญลกั ษณท์ างดนตรี และฝกึ เลน่ เครอ่ื งดนตรี 3 ประเภท คอื เครื่อง สาย เคร่ืองตี และเครอ่ื งเป่า การเรยี นโปรแกรม Kindermusik ในระดับนเี้ ป็นการวางรากฐานทางดนตรี มสธ มสธท่ีกว้างและลึกซึ้งให้แก่เดก็ ซง่ึ จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การเรียนดนตรขี องเด็กต่อไปในอนาคต (My Kinder- musik, n.d.) สรุปได้วา่ โปรแกรม Kindermusik มหี ลากหลายระดบั ใหผ้ ูป้ กครองได้เลือกตามความเหมาะสม กับอายุและความสนใจของเด็ก โดยเด็กสามารถเรียนในโปรแกรมน้ีได้ต้ังแต่วัยทารกจนถึงอายุ 7 ปี นอกจากนี้ Kindermusik แต่ละระดับมีการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับพัฒนาการและความสามารถของ เด็กแต่ละวัยเพือ่ ให้เด็กได้รับการพฒั นาทกั ษะทางดนตรเี ต็มตามศักยภาพ มสธกิจกรรม 4.3.3 ให้อธิบายรปู แบบการจดั การเรียนการสอนของโปรแกรม Kindermusik มาพอสงั เขป มสธ มสธแนวตอบกิจกรรม4.3.3 รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบ่งออกเป็น 6 ระดับ ตามอายขุ องเด็ก ดังน้ี 1. ระดบั Kindermusik Cuddle & Bounce ส�ำหรับเดก็ อายุต่าํ กวา่ 1 ปี โดยมุง่ เนน้ การพฒั นา กลา้ มเนื้อใหญข่ องเด็กผ่านการเลน่ 2. ระดับ Kindermusik Sing & Play ส�ำหรับเด็กอายุ 1-2 ปี โดยมุ่งพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ มสธกลา้ มเนอ้ื ยอ่ ย และการเคลือ่ นไหวสว่ นต่างๆ ของรา่ งกาย

4-42 การจดั การศกึ ษาและหลกั สตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวัย 3. ระดบั Kindermusik Wiggle & Grow สำ� หรับเดก็ อายุ 2-3 ปี โดยเน้นการฟังเพลง การ มสธร้องเพลง การเคลือ่ นไหวประกอบเพลง และการเล่นเครอ่ื งดนตรีงา่ ยๆ เช่น เครอ่ื งเขย่า ฯลฯ 4. ระดับ Kindermusik Laugh & Learn ส�ำหรับเดก็ อายุ 3-4 ปี โดยม่งุ สง่ เสรมิ ความม่นั ใจ ในตนเอง การเล่นเคร่ืองดนตรี และการแต่งเพลงของเด็ก 5. ระดับ Move & Groove ส�ำหรับเด็กอายุ 4-6 ปี โดยมุ่งพัฒนาคุณภาพของเสียง การ มสธ มสธเคลอื่ นไหวอย่างมแี บบแผน และการเล่นเครอ่ื งดนตรี 6. ระดบั Kindermusik for the Young Child สำ� หรับเด็กอายุ 5-7 ปี โดยมุ่งพัฒนาคณุ ภาพ มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธการรอ้ งเพลง การอา่ นสญั ลกั ษณท์ างดนตรี และการเลน่ เครอื่ งดนตรปี ระเภทเครอื่ งสาย เครอ่ื งตี และเครอ่ื งเปา่

หลกั สูตรและโปรแกรมการศึกษาปฐมวัยของต่างประเทศ 4-43 บรรณานุกรม มสธกระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2558). การประชมุ ระดบั โลกวา่ ดว้ ยการศกึ ษา ณ เมอื งอนิ ชอน สาธารณรฐั เกาหล.ี สบื คน้ เมอ่ื วนั ที่ 1 มนี าคม 2560 จาก http://www.moe.go.th/mor/th/news/detail.php?NewsID=41669& มสธ มสธKey=news_boontee การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน. (2556). ข้อมูลท่ัวไปเกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์. สืบค้นเมือ่ วันท่ี 3 กรกฎาคม 2560. จาก http://www.th.aectourismthai.com/tourismhub/1124 สุรางค์ โคว้ ตระกลู . (2559). จิตวิทยาการศกึ ษา. กรุงเทพฯ: สำ� นักพิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาต.ิ (2542). การเรยี นรขู้ องเดก็ ปฐมวยั . สบื คน้ เมอ่ื วนั ท่ี 2 มนี าคม 2560 จาก www.ptcn.ac.th>ebook>pdf>pdf Bae, J. (2016). A case study on the creative integration of global citizenship education for young มสธchildren into the Nuricurriculum through intercultural exchange. International Journal of Software Engineering and Its Applications, 10(2), 279-288. Barnett, W. S., Jung, K., Yarosz, D., Thomas, J., Hornbeck, A., Stechuk, R., et al. (2008). Edu- cational efforts of the Tools of the Mind curriculum: A randomized trial. Early Childhood มสธ มสธResearch Quarterly, 23(3), 299-313. Bodrova, E.; & Leong, D. J. (2009). Tools of the mind: A Vygotskian-Base early childhood cur- riculum. Early Childhood Survices, 3(3), 245-262. Bodrova, E.; & Leong, D. J. (n.d.). Tools of the mind. Retrieved January 2, 2017, from http:// www.bostonchildrensmuseum.org/sites/default/files/pdfs/5-Tools-of-the-Mind-Curriculum. pdf . (n.d.). British National Curriculum. Retrieved December 30, 2016, from http://www. มสธenglish nursery.ru/en/programs/british-educational-programme-british-national-curriculum Department for Education. (2014). Statutory framework for the early years foundation stage: Set- ting the standards for learning, development and care for children from birth to five. Retrieved November 27, 2016, from http://www.gov.uk/government/uploads/system/up- loads/attachment_data/file/335504/EYFS_framework_from_1_September_2014_with_clari- มสธ มสธfication_note.pdf Finnish National Board of Education. (2010). National core curriculum for pre-primary education 2010. Retrieved November 20, 2016, from www.oph.fi/download/153504_national_core_cur- riculum_for_pre-primary_education_2010.pdf .(n.d.). Early childhood education and care. Retrieved November 20, 2016, from www.oph. fi/english/education_system/early_childhood_education Friendswood music. (n.d.). The kindermusik difference. Retrieved December 2, 2016, from http:// มสธwww.friendswoodmusik.com/kindermusik.htm

4-44 การจดั การศึกษาและหลักสูตรส�ำหรบั เดก็ ปฐมวยั Fukuzawa, H. (n.d.). Kindergarten education guidelines. Retrieved December 13, 2016, from www. มสธfutaba.ed.jp/yoryo-e.html Heinamaki, L. (2008). Early childhood education in Finland. Retrieved November 20, 2016, from visit.fnst.org/wp-content/uploads/2015/11/Early-Childhood-Education-in-Finland-Liisa- Heinamaki-2008.pdf Helsingborg. (2015). Preschool and education. Retrieved November 25, 2015, from www.helsing- มสธ มสธborg.se/startsida/toppmeny/english/preschool-and-education/ Hudson, D. (2015). This day in history: The creation of Head Start. Retrieved March 16, 2017, from https://obamawhitehouse.archieves.gov/blog/2015/05/18/day-history-creation-head- start Ichimi, M. (n.d.). Preschool education and care in Japan. Retrieved December 13, 2016, from https://www.nier.go.jp/English/educationjapan/pdf/201109ECEC.pdf มสธKindremusik. (n.d.). Our history. Retrieved December 2, 2016, from https://www.kindermusik.com/ about/our-history/ Korea Institute of Child Care and Education. (2013). Nuricurriculum: The first step toward the integration of the split systems of early childhood education and care in Korea. Retrieved November 15, 2016, from kicce.re.kr/eng/newsletter_mail/pdf/201401_brief.pdf มสธ มสธKwon, Y. (2002). Changing curriculum for early childhood education in England. Retrieved November 27, 2016, from ecrp.uiuc.edu/v4n2/kwon.html Little Seed Music. (2015). Why Kindermusik?. Retrieved December 2, 2016, from http://www. littleseedmusic.com.au/why-kindermusik Lohmander, M. K., & Samuelsson, I. P. (2015). Play and learning in early childhood education in Sweden. Psychology in Russia: State of the Art, 8(2), 18-26. มสธMinistry of Education. (2012). Nurturing early learners: A curriculum framework for kindergartens in Singapore, a guide for parents. Retrieved November 18, 2016, from www.moe.gov.sg/ docs/default-source/decument/education/preschool/files/kindergarten-curriculum-frame- work-guide-for-parents.pdf Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology. (2001). National curriculum standards for kindergarten. Retrieved November 16, 2016, from http://www.mext.go.jp/ มสธ มสธenglish/news/2001/04/010401.html Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology-Japan. (n.d.). Early Childhood Education and Care in Japan. Retrieved November 16, 2016, from www.oecd.org/edu/ school/46021372.pdf Ministry of Education Singapore. (2013). Enhancing the quality of early childhood curriculum in Singapore. Retrieved November 18, 2016, from www.oecd.org/edu/school/Item%206b%20 มสธ-%20Singapore%20PDF.pdf

หลักสูตรและโปรแกรมการศกึ ษาปฐมวัยของต่างประเทศ 4-45 Morrison, G. S. (2007). Early childhood education today (10thed.). Upper Saddle River, NJ: Pear- มสธson Educational Inc. Music.4.Life. (n.d.). Cuddle & bounce (infants). Retrieved December 2, 2016, from http://charlot- temusic.net/kindermusik/cuddle-and-bounce/ .(n.d.). Laugh & Learn (preschoolers). Retrieved December 2. 2016, from http://charlot- temusic.net/kindermusik/pre-schoolers-3-4/ มสธ มสธ.(n.d.). Move & groove (4-6 year olds). Retrieved December 2. 2016, from http://charlot- temusic.net/kindermusik/big-kids/ .(n.d.). Sing & play (1-2 year olds). Retrieved December 2. 2016, from http://charlottemu- sic.net/kindermusik/sing-and-play/ .(n.d.). Wiggle & grow (2-3 year olds). Retrieved December 2. 2016, from http://charlot- temusic.net/kindermusik/wiggle-and-grow/ มสธMy Kindermusik. (n.d.). Kindermusik for the young child. Retrieved January 7, 2017, from http:// kindermusikwithorly.kindermusik.com/KindermusikForTheYoungChild/ Nanakida, A. (2015). Early childhood education and care curriculum in Japan. Retrieved Decem- ber 13, 2016, from file:///C:/Users/Admin/Downloads/9783662449851-c2.pdf Olivia. (2011). Difference between curriculum and program. Retrieved April 5, 2017, from http:// มสธ มสธwww.differencebetween.com/difference-between-curriculum-and-vs-program/ Pre-School Education Unit Ministry of Education Singapore. (n.d.). Nurturing early learners: A framework for a kindergarten curriculum in Singapore. Retrieved November 18, 2016, from ncm.gu.se/media/kursplaner/andrelander/singaporeforskola.pdf Proclamation of the Ministry of Education and Human Resources Development. (2007). The kindergarten curriculum of the Republic of Korea. Retrieved December 7, 2016, from ncm. มสธgu.se/media/kursplaner/andralander/koreaforskola.pdf Research Center for Child and Adolescent and Education Ochanomizu University. (n.d.). Frame- work and mechanisms of early childhood education in Japan. Retrieved November 16, 2016, from www.ocha.ac.jp/intl/cwed_old/eccd/report/hand_E/1-1e.pdf Skolverket. (2010). Curriculum for the preschool Lpfo 98: Revised 2010. Retrieved December 31, 2016, from www.ibe.unesco.org/curricula/sweden/sw_ppfw_2010_eng.pdf มสธ มสธ_____. (2014). Sharing session on kindergarten visits to South, Korea for kindergarten principals and teachers. Retrieved November 15, 2016, from http://www.edb.gov.hk/attachment/ed- system/preprimary-kindergarten/preprimary-voucher/Seoul_PPT_i.pdf The Finland Nation Board of Education. (n.d.). Early childhood education and care. Retrieved November 27, 2016, from www.oph.fi/english/education_system/early_childhood_education UNICEF (United Nations International Children’s Emergency Fund). (2008). The child care tran- มสธsition: A league table of early childhood education and care in economically advanced countries. Florence, Italy: UNICEF Innocenti Research Center.

4-46 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization. (2012). A report on the integra- มสธtion and coordination of early childhood care and education in The Republic of Korea. Retrieved November 15, 2016, from unesdoc.unesco.org/images/0022/002205/220563e.pdf Wall, S., Litjens I., &Taguma, M. (2015). Early childhood education and care pedagogy review: England. Retrieved November 24, 2016, from http://www.oecd.org/unitedkingdom/early- childhood-education-and-care-pedagogy-review-england.pdf. มสธ มสธWorld Top 20 Project. (2016). The world top 20 education pool 2016 final ranking. Retrieved April 1, 2017, from http://worldtop20.org/worldbesteducationsystem?gclid=CMms66r61dMCFcl มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธWaAod5k0Npg


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook