Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 21223 หน่วยที่ 9-15

21223 หน่วยที่ 9-15

Published by กฤษฎา ศรีสุวรรณ์, 2021-08-31 07:29:05

Description: 21223 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาและหลักสูตรสำหรับเด็กปฐมวัย หน่วยที่ 9-15

Search

Read the Text Version

มสธ หน่วยท่ี9 การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านร่างกาย มสธ มสธรองศาสตราจารย์ดร.อรุณีหรดาล มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธชื่อ วุฒิ ต�ำแหน่ง มสธ หน่วยท่ีเขียน รองศาสตราจารย์ ดร.อรณุ ี หรดาล ค.บ. (ภาษาอังกฤษ) ค.ม. (จติ วิทยาการศกึ ษาและการแนะแนว) M.Ed., Ed.S. (Curriculum & Instruction-Early Childhood Education) Ph.D. (Elementary Education) รองศาสตราจารยป์ ระจำ� สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช หนว่ ยที่ 9

9-2 การจัดการศกึ ษาและหลกั สตู รส�ำหรบั เด็กปฐมวยั มสธแผนการสอนประจ�ำหน่วย ชุดวิชา การจดั การศกึ ษาและหลักสตู รส�ำหรับเด็กปฐมวัย มสธ มสธหน่วยท่ี 9 การจัดประสบการณ์เพื่อพฒั นาเดก็ ปฐมวัยด้านร่างกาย ตอนท่ี 9.1 แนวคิดเก่ยี วกบั การจดั ประสบการณ์เพอื่ พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านรา่ งกาย 9.2 การจดั ประสบการณ์และสื่อทีใ่ ช้ในการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกาย 9.3 การประเมนิ พัฒนาการเดก็ ปฐมวัยด้านรา่ งกาย มสธแนวคิด 1. การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกาย ชว่ ยใหเ้ ดก็ สามารถดแู ลรกั ษาสขุ ภาพ อนามัย ได้เคล่อื นไหวอวยั วะสว่ นต่างๆ ทใ่ี ช้กล้ามเน้ือใหญ่ กลา้ มเนือ้ เลก็ และการประสาน มสธ มสธสัมพันธ์ได้อย่างครอบคลุม โดยมีหลักการและแนวทางการจัดประสบการณ์ที่ให้ความส�ำคัญ กับตัวเด็กปฐมวัย ความปลอดภัย การเรียนรู้อย่างมีความสุข และการมีส่วนร่วมของพ่อแม่ ผปู้ กครอง ครู และชุมชน 2. การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย เป็นการจัดกิจกรรมท่ีช่วยส่งเสริม พฤติกรรมการดูแลรักษาสุขภาพอนามัย ส่งเสริมการใช้กล้ามเน้ือใหญ่ กระตุ้นความแข็งแรง ของกระดกู และกลา้ มเนอื้ บรเิ วณลำ� ตวั หวั ไหล่ แขนขา ใหส้ ามารถทำ� งานประสานสมั พนั ธเ์ พอื่ มสธใชใ้ นการทรงตวั และการเคล่ือนไหว รวมถึงการใช้กลา้ มเนื้อเลก็ บรเิ วณมอื ขอ้ มือ และนว้ิ มือ และการสัมผัสรับรู้ที่ประสานสัมพันธ์ในการหยิบจับสิ่งต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งการจัด กิจกรรมดังกล่าวจ�ำเป็นต้องใช้สื่อประกอบการจัดกิจกรรมที่มีความปลอดภัย ช่วยให้เด็กได้ พฒั นาร่างกายไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 3. การประเมินพัฒนาการด้านร่างกายของเด็กปฐมวัย เป็นการประเมินสุขภาพอนามัย การใช้ มสธ มสธกลา้ มเนอ้ื ใหญแ่ ละการประสานสมั พนั ธ์ รวมถงึ การใชก้ ลา้ มเนอื้ เลก็ และการสมั ผสั รบั รทู้ ปี่ ระสาน สมั พนั ธ์ สามารถใชเ้ ครือ่ งมือในการประเมินได้ทงั้ แบบบันทึกข้อมูลเทียบกบั เกณฑม์ าตรฐาน การใช้เคร่ืองมือเฉพาะท้ังเครื่องช่ังน้ําหนักและวัดส่วนสูง แบบสังเกตพฤติกรรม และแบบ มสธทดสอบ

การจดั ประสบการณเ์ พื่อพัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านร่างกาย 9-3 วัตถุประสงค์ มสธเม่อื ศกึ ษาหน่วยที่ 9 จบแล้ว นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธบิ ายแนวคดิ เกย่ี วกบั การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกายได้ 2. อธบิ ายการจดั ประสบการณแ์ ละสอ่ื ทใี่ ชใ้ นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกายได้ 3. อธบิ ายการประเมนิ พัฒนาการเด็กปฐมวยั ด้านรา่ งกายได้ มสธ มสธกิจกรรมระหว่างเรียน 1. ทำ� แบบประเมนิ ผลตนเองกอ่ นเรยี นหน่วยที่ 9 2. ศกึ ษาเอกสารการสอนตอนท่ี 9.1-9.3 3. ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามทไี่ ดร้ ับมอบหมายในเอกสารการสอน 4. ฟงั ซีดีเสียงประจ�ำชุดวชิ า มสธ5. ชมดวี ีดีประกอบชดุ วชิ า (ถ้ามี) 6. ท�ำแบบประเมนิ ผลตนเองหลังเรยี นหนว่ ยท่ี 9 สื่อการสอน มสธ มสธ1. เอกสารการสอน 2. แบบฝึกปฏิบตั ิ 3. ซีดเี สียงประจ�ำชดุ วชิ า 4. ดีวีดปี ระกอบชุดวชิ า (ถ้ามี) การประเมินผล มสธ1. ประเมินผลจากแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนและหลงั เรียน 2. ประเมินผลจากกจิ กรรมและแนวตอบท้ายเรอ่ื ง 3. ประเมนิ ผลจากการสอบไล่ประจ�ำภาคการศกึ ษา มสธ มสธเม่ืออ่านแผนการสอนแล้ว ขอให้ท�ำแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน มสธหน่วยท่ี 9 ในแบบฝึกปฏิบัติ แล้วจึงศึกษาเอกสารการสอนต่อไป

9-4 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั มสธตอนท่ี 9.1 แนวคดิ เกย่ี วกบั การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกาย โปรดอา่ นหัวเร่อื ง แนวคิด และวตั ถุประสงคข์ องตอนท่ี 9.1 แลว้ จึงศกึ ษารายละเอียดตอ่ ไป มสธ มสธหัวเรื่อง 9.1.1 ความสำ� คญั และจดุ มงุ่ หมายของการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกาย 9.1.2 หลกั การและแนวทางการจัดประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นร่างกาย 9.1.3 ขอบข่ายการจัดประสบการณ์เพื่อพฒั นาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย มสธแนวคิด 1. การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย ช่วยให้เด็กสามารถดูแลรักษา สขุ ภาพอนามยั ไดเ้ รยี นรกู้ ารใชอ้ วยั วะเคลอ่ื นไหวของกลา้ มเนอื้ ใหญ่ กลา้ มเนอื้ เลก็ และ การประสานสัมพันธ์ท่ีหลากหลายและซับซ้อนขึ้น ได้ตอบสนองความต้องการตาม ธรรมชาติของเด็กปฐมวัย ช่วยการเชื่อมโยงของเซลล์ประสาท ช่วยกระตุ้นการท�ำงาน มสธ มสธของสมองน้อย ได้พัฒนาความพร้อมส�ำหรับการอ่านและการเขียน รวมท้ังยังเป็น พนื้ ฐานในการพฒั นาเด็กทม่ี ีคณุ ภาพใหแ้ กป่ ระเทศชาติ 2. การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกายมีหลักการที่ส�ำคัญ คือ หลัก พฒั นาการเดก็ หลกั การสนองความตอ้ งการตามธรรมชาตขิ องเดก็ หลกั ความปลอดภยั หลกั การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ และหลกั การมสี ว่ นรว่ มของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชน จากหลักการดังกล่าวน�ำไปสู่แนวทางการจัดประสบการณ์ที่เน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญ การ มสธจัดประสบการณ์ท่ีค�ำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เรียน การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ อย่างมคี วามสขุ และจัดประสบการณ์แบบพ่อแม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชนมสี ่วนรว่ ม 3. ขอบข่ายการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกายครอบคลุมทั้งทางด้าน สุขภาพอนามัยท่ีเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต พฤติกรรมสุขนิสัยและการดูแลความ ปลอดภัย ด้านการใช้กล้ามเน้ือใหญ่เกี่ยวข้องกับการเคล่ือนไหวร่างกายท่ีใช้กล้ามเนื้อ มสธ มสธบรเิ วณลำ� ตวั หวั ไหล่ และแขนขา และกลา้ มเนอื้ เลก็ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การใชม้ อื ขอ้ มอื และ นิ้วมือ รวมทั้งการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเน้ือส่วนต่างๆ ในการหยิบ จับ และ มสธทำ� กจิ วตั รประจ�ำวัน

การจัดประสบการณเ์ พื่อพัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านร่างกาย 9-5 มสธวัตถุประสงค์ เมอ่ื ศึกษาตอนที่ 9.1 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายความสำ� คญั และจดุ มงุ่ หมายของการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ น ร่างกายได้ มสธ มสธ2. ระบุหลกั การและแนวทางการจัดประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านร่างกายได้ มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธ3. อธบิ ายและยกตวั อยา่ งขอบขา่ ยการจดั ประสบการณเ์พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกายได้

9-6 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรส�ำหรบั เด็กปฐมวัย มสธเร่ืองที่ 9.1.1 ความส�ำคัญและจุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนา เด็กปฐมวัยด้านร่างกาย มสธ มสธพัฒนาการด้านร่างกายมีความส�ำคัญอย่างมากต่อเด็กปฐมวัย เน่ืองจากการมีสุขภาพร่างกายท่ี แขง็ แรงสมบรู ณจ์ ะสง่ ผลใหพ้ ฒั นาการดา้ นอนื่ ทงั้ อารมณ-์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญาดตี ามไปดว้ ย การจดั ประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กด้านร่างกายจึงมีความส�ำคัญไม่น้อยไปกว่าด้านอื่นๆ ดังน้ัน เพ่ือให้การจัด ประสบการณเ์ ปน็ ไปอยา่ งมีคณุ ภาพและประสิทธภิ าพ บุคคลทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั เดก็ ทั้งพ่อแม่ ผปู้ กครอง และ ครู จำ� เปน็ ตอ้ งศกึ ษาและทำ� ความเขา้ ใจถงึ ความสำ� คญั และจดุ มงุ่ หมายของการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นา มสธเด็กปฐมวยั ดา้ นร่างกาย ดังมีรายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ ความส�ำคัญของการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย การจดั ประสบการณด์ า้ นรา่ งกายมคี วามสำ� คญั ตอ่ เดก็ ปฐมวยั หลายอยา่ ง ดงั มรี ายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ มสธ มสธ1. ชว่ ยใหเ้ ดก็ เจรญิ เตบิ โตมโี ครงสรา้ งพน้ื ฐานของรา่ งกายสมวยั เดก็ ปฐมวยั อยใู่ นชว่ งทร่ี า่ งกาย ก�ำลังเจริญเติบโต เป็นระยะท่ีโครงสร้างพื้นฐานของร่างกายได้แก่ สมองและระบบประสาท กระดูกและ กลา้ มเนอ้ื อยใู่ นระหวา่ งการพฒั นาเกอื บสมบรู ณเ์ ตม็ ทแ่ี บบผใู้ หญ่ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การสรา้ งกระดกู ของ เด็กวัยนี้ที่เป็นช่วงเวลาส�ำคัญ ร่างกายสามารถดูดแคลเซียมจากอาหารได้ดี และสามารถน�ำแคลเซียม ในกระแสเลอื ดไปตกแตง่ บนเนอื้ กระดกู ไดด้ เี ชน่ กนั ถา้ เลยชว่ งเวลานไ้ี ปแลว้ ความหวงั วา่ การกนิ แคลเซยี ม ปรมิ าณมากๆ แลว้ จะมกี ารดดู ซมึ ไดด้ เี ทา่ หรอื ความสามารถในการนำ� แคลเซยี มไปเกาะบนเนอื้ กระดกู ไดด้ ี มสธเท่าช่วงวัยนี้คงไม่มี นอกจากน้ียังมีผลจากการศึกษาพบว่า การได้รับอาหารท่ีดี แคลเซียมท่ีพอเพียง ในวยั นี้ จะสามารถชะลอการเกดิ ภาวะกระดกู พรนุ ไปไดก้ วา่ 10 ปี (วรี ะศกั ด์ิ ธรรมคณุ านนท,์ 2555, น. 75) ดังน้ัน การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เด็กได้รับประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ต่อร่างกายจะส่งผลต่อการ เจริญเติบโต และโครงสร้างพื้นฐานของร่างกาย โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงและ เหมาะกับวัย ประเภทนม ถ่ัวทุกชนิด ปลา งาดำ� จะช่วยใหเ้ ดก็ มโี ครงสรา้ งกระดกู ทแี่ ข็งแรง มสธ มสธ2. ช่วยการเชื่อมโยงของเซลล์ประสาท แนวคดิ นโี อฮวิ แมนนสิ เชอ่ื วา่ ความฉลาดสามารถฝกึ ฝน ได้ และสิ่งแวดล้อมมีส่วนช่วยท�ำให้เซลล์สมองประสานกัน การที่คนจะฉลาดหรือไม่ เกิดจากเซลล์สมอง ประสานเขา้ ดว้ ยกนั ถา้ มีมากฉลาดมาก มกี ารค้นพบวา่ เซลลป์ ระสานประสาทจะขยายตัวได้ดี เม่ือมือกบั เท้าท�ำงานมาก เพราะปลายประสาทจะอยู่บริเวณส่วนนี้ แนวคิดนีโอฮิวแมนนิสจึงให้เด็กเล่น และต้อง เคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย การจัดกิจกรรมจะมุ่งให้เด็กได้ออกนอกห้องเรียน ได้ปีนป่าย วิ่งเล่น เพ่อื ให้มอื กบั เท้าท�ำงานมากท่สี ุด (เกยี รตวิ รรณ อมาตยกุล, 2546, น. 15) สอดคลอ้ งกับท่ีพชั รี ผลโยธนิ มสธ(2554, น. 11-15) ได้กล่าวไวว้ า่ การทำ� งานของสมองมคี วามสัมพนั ธก์ ับการเคล่ือนไหวร่างกายและการ

การจัดประสบการณ์เพอื่ พฒั นาเด็กปฐมวยั ดา้ นรา่ งกาย 9-7 ออกก�ำลังกาย เป็นการเพิ่มพลังงานและเพิ่มปริมาณออกซิเจน ช่วยสร้างสารเคมีท่ีเป็นประโยชน์ต่อการ มสธเรียนรู้ เพิ่มความแข็งแรงให้แก่การเชื่อมโยงของเซลล์ประสาท และประสานการท�ำงานของร่างกายและ สมอง 3. ช่วยกระตุ้นการท�ำงานของสมองน้อย (Cerebellum) สมองน้อยเป็นสมองส่วนที่มีหน้าที่ ในการควบคมุ และสรา้ งแบบแผนการเคลอ่ื นไหว รวมทงั้ ปรบั สมดลุ การเคลอ่ื นไหวของทว่ งทา่ ในอริ ยิ าบถตา่ งๆ มสธ มสธทงั้ การนั่ง ยนื เดิน คลาน วิ่ง กระโดด ปนี โหน โดยสมองนอ้ ยจะประมวลข้อมูลเกีย่ วกับการส่ังงานของ กลา้ มเนอื้ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสมดลุ ของทว่ งทา่ ในการเคลอ่ื นไหว และทำ� ใหก้ ารควบคมุ การเคลอ่ื นไหวเปน็ ไป อยา่ งถกู ตอ้ ง เชน่ ตอ้ งกา้ วขาทา่ น้ี ตอ้ งยกมอื แบบน้ี นอกจากนี้ ผลจากการศกึ ษาวจิ ยั ยงั พบวา่ สมองนอ้ ย นั้นไม่ได้ท�ำหน้าท่ีในการควบคุมความสมดุลของการเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียว แต่สมองน้อยยังท�ำงาน เชอ่ื มโยงกบั สว่ นตา่ งๆ ของสมองสว่ นอน่ื ในการปฏบิ ตั กิ าร ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ นอารมณ-์ จติ ใจ หรอื การสมั ผสั รบั รตู้ ่างๆ ขณะเดยี วกนั การเคลื่อนไหวร่างกายทงั้ แบบปกตใิ นชวี ติ ประจ�ำวัน การเล่น การออกกำ� ลังกาย มสธหรอื การกฬี า ช่วยกระตุ้นพฒั นาการของสมองน้อยโดยตรงดว้ ย ถ้าเด็กไมไ่ ด้ใชร้ ่างกายในการเคลอ่ื นไหว อย่างเหมาะสม กล้ามเนือ้ ใหญแ่ ละกลา้ มเนื้อเล็กไมไ่ ดร้ บั การพัฒนา ทว่ งทา่ ต่างๆ ไม่มกี ารฝกึ ฝน อวัยวะ สว่ นต่างๆ คือ แขน ขา มอื ไหล่ ลำ� ตัว เท้า ฯลฯ ใชง้ านนอ้ ยเกินไป สมองนอ้ ยจะพัฒนาน้อย และถา้ สมองน้อยบกพร่องโอกาสท่ีจะพัฒนาความเฉลียวฉลาดในด้านอื่นๆ ก็จะลดลงด้วย (พรพิไล เลิศวิชา, 2552, น. 31-33 และกันตภณ วิชัยทา, 2559) มสธ มสธ4. ช่วยตอบสนองความต้องการของเด็กปฐมวัย โดยธรรมชาติเด็กวัยนี้ชอบเล่น อยู่น่ิงไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา ชอบปีนป่าย กระโดดโลดเต้น และมีพลังส่วนเกินมาก อยากมีอิสระ ไม่ชอบ การบังคับ การจัดประสบการณ์ให้เด็กได้เล่นท่ีต้องใช้ก�ำลัง และเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย เป็น การเปิดโอกาสให้เด็กได้ออกก�ำลังกายกลางแจ้งอย่างอิสระในสนามหญ้าหรือบริเวณนอกอาคารเรียนท่ี กว้างขวาง รวมท้ังเครื่องเล่นสนามท่ีปลอดภัย และเหมาะสมกับวัย เช่น ชิงช้า ม้าหมุน เครื่องปีนป่าย เป็นต้น เคร่ืองเล่นเหล่าน้ีจะช่วยให้เด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อแขน ขา ในการเคล่ือนไหวและการทรงตัวได้ มสธเปน็ อยา่ งดแี ละได้ใช้พลงั ส่วนเกิน ซึ่งถา้ เดก็ ไมม่ โี อกาสไดส้ นุกสนานเพลดิ เพลินจากการเล่นน้ี เด็กอาจใช้ พลังงานส่วนเกินท่ีมีอยู่ไปท�ำในสิ่งที่เป็นอันตรายหรือเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรืออาจแสดงออกทาง พฤตกิ รรมที่ไม่เหมาะสม เชน่ รงั แกสัตว์ รงั แกเพื่อน ฯลฯ ซ่งึ เปน็ พฤตกิ รรมท่ีไม่พึงประสงค์ 5. ช่วยให้เด็กสามารถดูแลรักษาสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น การ ดูแลรักษาสุขภาพและความปลอดภัยของตนเองและผู้อ่ืนเป็นพ้ืนฐานส�ำคัญของการจัดประสบการณ์เพ่ือ มสธ มสธพฒั นาเดก็ ดา้ นรา่ งกาย เดก็ วยั นคี้ วรไดเ้ รยี นรทู้ จ่ี ะปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำ� วนั ดว้ ยตนเอง การดแู ลรกั ษาความ สะอาดของรา่ งกาย และอวยั วะสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย เชน่ การลา้ งมอื ทสี่ ามารถปอ้ งกนั สารตะกวั่ ทต่ี ดิ มอื ปนเปื้อนมากับฝุ่นละอองขณะที่เด็กเล่นได้ สารตะกั่วสามารถท�ำลายการพัฒนาสมองและระบบประสาท ของเดก็ อายตุ ํ่ากวา่ 6 ปี อยา่ งถาวร หรือในระดับตน้ น�ำไปสู่ปัญหาพฤติกรรม ลดสติปัญญา ลดการเจริญ เติบโต และการไดย้ นิ ใหด้ อ้ ยลง ส่วนในระดบั กลาง พิษสารตะก่ัวสามารถท�ำอนั ตรายไตและตับ เช่นเดียว มสธกับสมองและระบบประสาท ในระดับสูงสามารถท�ำให้ตาบอด หูหนวก สิ้นสติ และถึงตายได้ (Mulroy,

9-8 การจัดการศึกษาและหลักสูตรสำ� หรบั เด็กปฐมวยั Bothell and Gaudio, 2004, pp. 21-23) การปอ้ งกนั สารตะกัว่ เขา้ สู่รา่ งกายสามารถทำ� ได้ดว้ ยการให้ มสธเด็กลา้ งมอื บ่อยๆ โดยเฉพาะกอ่ นรับประทานอาหาร นอกจากน้ี การระมดั ระวงั ดแู ลความปลอดภยั ของตนเองและผอู้ น่ื กม็ คี วามสำ� คญั เชน่ กนั เดก็ วยั นี้ ควรได้เรียนรู้การป้องกันอุบัติเหตุขณะท�ำกิจกรรมทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน รวมท้ังเห็นคุณค่า ของการรกั ษาความปลอดภยั ในชวี ติ ประจำ� วนั เชน่ การขา้ มถนน การปอ้ งกนั อนั ตรายจากไฟ การปอ้ งกนั มสธ มสธโรคตดิ ตอ่ การเลอื กรบั ประทานอาหารทปี่ ลอดภยั สงิ่ ทก่ี ลา่ วมาทงั้ หมดนี้ เดก็ สามารถเรยี นรแู้ ละปฏบิ ตั ไิ ด้ ถ้าไดร้ บั การจดั ประสบการณแ์ ละอบรมสัง่ สอนอยา่ งถกู ต้องและเหมาะสมกบั วยั 6. ชว่ ยใหเ้ ดก็ มโี อกาสไดพ้ ฒั นาความแขง็ แรงของกระดกู และทกั ษะการเคลอื่ นไหวของกลา้ มเนอ้ื และการประสานสัมพันธ์ เป็นท่ีทราบกันโดยท่ัวไปแล้วว่าเด็กในช่วงวัยน้ีกระดูก กล้ามเน้ือก�ำลังพัฒนา อย่างรวดเร็ว การรับประทานอาหารที่พอเพียงอย่างเดียวไม่สามารถท�ำให้กระดูกหนาตัวและแข็งแรงได้ ต้องอาศัยแรงจากการเคลื่อนไหวกระตุ้นเน้ือกระดูก ท้ังให้แข็งแรงข้ึนและส่งเสริมให้เจริญเติบโตดีข้ึน มสธการทร่ี า่ งกายไดม้ กี ารเคลอ่ื นไหว กระดกู จะไดร้ บั แรงกระทำ� ตลอดเวลาทมี่ กี ารเคลอ่ื นไหว แรงทก่ี ระทำ� กบั กระดูกเป็นส่ิงกระตุ้นท่ีส�ำคัญที่สุดอันหน่ึง ที่ท�ำให้กระดูกมีการสร้าง ซ่อมแซมและสะสมแคลเซียมเพิ่ม ในเนอื้ กระดกู กระดกู ทไี่ มค่ อ่ ยไดเ้ คลอ่ื นไหว กระดกู อนั นนั้ จะออ่ นแอ กระดกู บางลง ดงั นน้ั ยง่ิ ออกกำ� ลงั กาย มากและบ่อย จะช่วยเพ่ิมความแข็งแรงให้กับเน้ือกระดูก (วีระศักดิ์ ธรรมคุณานนท์, 2555, น. 75) ดงั นน้ั การจดั ประสบการณเ์ พอื่ ใหเ้ ดก็ ไดอ้ อกกำ� ลงั และเคลอื่ นไหวสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายเปน็ ประจำ� ทกุ วนั มสธ มสธจึงเป็นการฝึกใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ให้ท�ำงานอย่างประสานสัมพันธ์กัน มีความกระฉับกระเฉง ใช้ได้ อยา่ งคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว และชว่ ยเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการทำ� งานของกลา้ มเนอื้ และความแขง็ แรงของกระดกู ไปพรอ้ มกันด้วย 7. ชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดพ้ ฒั นาความพรอ้ มสำ� หรบั เปน็ พน้ื ฐานของการอา่ นและการเขยี นตอ่ ไปเมอ่ื เดก็ โตขน้ึ เปน็ ทที่ ราบกนั โดยทวั่ ไปวา่ พฒั นาการดา้ นการใชก้ ลา้ มเนอื้ มอื นว้ิ มอื และตาของเดก็ ปฐมวยั ยงั ทำ� งาน ไม่ประสานสัมพันธ์กันดีพอ การเตรียมความพร้อมให้กับเด็กด้วยความเข้าใจในข้อจ�ำกัดน้ีจะช่วยให้การ มสธพัฒนาความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อเล็กของเด็กเป็นไปอย่างราบร่ืน การจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องใช้ ของเลน่ และกจิ กรรมทห่ี ลากหลายใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ จากงา่ ยไปหายากตามความตอ้ งการและความสามารถของ เดก็ เปน็ รายบคุ คล จะทำ� ใหเ้ ดก็ เกดิ ความสนใจและรว่ มกจิ กรรมดว้ ยความตงั้ ใจและมคี วามสขุ ชว่ ยใหเ้ ดก็ ใช้ และบงั คบั กล้ามเน้ือบรเิ วณมอื นิ้วมอื และข้อมือใหส้ ามารถลากเส้นไปในทศิ ทางท่ีต้องการได้ นอกจากนี้ การฝึกใหเ้ ดก็ เคล่ือนสายตาจากซา้ ยไปขวาจะช่วยเตรยี มความพรอ้ มส�ำหรบั การอา่ นหนังสอื ให้เดก็ ได้ มสธ มสธสรปุ ไดว้ า่ การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกายมคี วามสำ� คญั ในการชว่ ยใหเ้ ดก็ เจรญิ เตบิ โตมโี ครงสรา้ งพนื้ ฐานของรา่ งกายสมวยั ชว่ ยการเชอ่ื มโยงของเซลลป์ ระสาทและกระตนุ้ การทำ� งาน ของสมองน้อย ได้ตอบสนองความต้องการของเด็กปฐมวัย ช่วยให้เด็กสามารถดูแลรักษาสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น และช่วยให้มีโอกาสได้พัฒนาความแข็งแรงของกระดูกและทักษะ การเคลอื่ นไหวของกลา้ มเนอื้ และการประสานสมั พนั ธ์ รวมทงั้ ชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดพ้ ฒั นาความพรอ้ มสำ� หรบั เปน็ มสธพื้นฐานของการอ่านและการเขียนต่อไปเม่อื เดก็ โตข้นึ

การจดั ประสบการณ์เพอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านร่างกาย 9-9 จุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย มสธเด็กปฐมวัยมีความก้าวหน้าเก่ียวกับพัฒนาการด้านร่างกายทั้งด้านการใช้กล้ามเน้ือใหญ่และ กลา้ มเนอื้ เลก็ ในการเคลอ่ื นไหวสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย เนอ่ื งจากสมอง กระดกู และกลา้ มเนอื้ พฒั นาสมบรู ณ์ มากขน้ึ และทำ� หนา้ ทไ่ี ดด้ ขี น้ึ เดก็ วยั นจี้ งึ ชอบเคลอ่ื นไหวอยเู่ สมอ การจดั กจิ กรรมทเี่ หมาะสมจะชว่ ยสง่ เสรมิ พฒั นาการท่ดี ีอยูแ่ ล้วใหด้ ยี งิ่ ๆ ขึน้ ไป และช่วยพฒั นาทักษะทีย่ งั ไมด่ ีพอให้มปี ระสิทธิภาพมากข้ึน การจัด มสธ มสธประสบการณ์เพ่อื พฒั นาเดก็ ปฐมวัยดา้ นร่างกายมจี ดุ มงุ่ หมายท่สี �ำคญั ดังน้ี 1. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้การดูแลรักษาสุขภาพอนามัยและความปลอดภัย ท้ังในด้านการ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สะอาดถูกสุขลักษณะ การรักษาความสะอาดของอวัยวะส่วนต่างๆ ของ รา่ งกาย เสอ้ื ผา้ สงิ่ ของเครอื่ งใช้ การพกั ผอ่ นและออกกำ� ลงั กายอยา่ งเหมาะสม รวมตลอดถงึ การดแู ลรกั ษา ความปลอดภัยของตนเองและผ้อู น่ื ระมดั ระวงั ไม่ให้เกดิ อุบัติเหตุขณะเล่น เดิน ว่ิง ใชข้ องเลน่ เคร่อื งเล่น และสิ่งของเคร่ืองใช้อยา่ งถกู ต้องดว้ ยความระมดั ระวัง มสธ2. เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรกู้ ารใชอ้ วยั วะเคลอ่ื นไหวรา่ งกายในลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ งจากเดมิ กลา้ มเนอ้ื ใหญ่ ของเด็กปฐมวัยในช่วงอายุ 3-6 ปี พัฒนาอย่างรวดเร็ว เด็กเร่ิมพัฒนาทักษะใหม่ๆ และเสริมแต่งส่วน ตา่ งๆ ใหด้ ขี นึ้ ประกอบกบั เดก็ ในชว่ งวยั นพ้ี รอ้ มทจี่ ะเรยี นรู้ เนอื่ งจากธรรมชาตขิ องวยั ทมี่ คี วามกระตอื รอื รน้ อยากรู้อยากเห็น และอยากท�ำส่ิงต่างๆ ด้วยตนเอง ดังน้ัน หากพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูให้โอกาสเด็ก ไดฝ้ กึ ใชอ้ วยั วะสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายในการทำ� กจิ กรรมตา่ งๆ ทแี่ ตกตา่ งจากทเี่ คยทำ� ดว้ ยความระมดั ระวงั มสธ มสธและมีความเหมาะสมกับวัย รวมทั้งให้ค�ำแนะน�ำและช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ถึง การใช้อวัยวะในการเคล่ือนไหวร่างกาย และการท�ำสิ่งต่างๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ กระดกู และกลา้ มเนอ้ื มีความแขง็ แรง คล่องแคลว่ วอ่ งไว เมอื่ เดก็ ทำ� สง่ิ ใดสงิ่ หน่งึ ไดส้ �ำเร็จ ก็จะเปน็ ก�ำลังใจ ใหอ้ ยากทดลองท�ำสิ่งใหมอ่ ่ืนๆ ต่อไปเร่ือยๆ 3. เพื่อให้เด็กได้พัฒนาทักษะการใช้อวัยวะเคลื่อนไหวร่างกายท่ีมีความซับซ้อนมากขึ้น เมื่อ เดก็ สามารถเคลอ่ื นไหวรา่ งกายในลกั ษณะตา่ งๆ รวมถงึ สามารถหยบิ จบั สง่ิ ของเครอื่ งใช้ และอปุ กรณก์ ารเลน่ มสธเพื่อส�ำรวจทดลองด้วยตนเองได้ในระยะแรกจะเป็นก�ำลังใจให้เด็กได้พัฒนาสร้างสรรค์การเล่นให้มีความ แตกต่างแปลกใหม่ และซับซ้อนกว่าเดิม ย่ิงพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูเปิดโอกาสให้เด็กออกก�ำลัง ได้ใช้ อวัยวะเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ กัน ด้วยการจัดหาของเล่นและเคร่ืองเล่นที่ปลอดภัยและเหมาะสม กบั วยั จดั สภาพแวดลอ้ มท่ปี ลอดภัยและเอ้ืออำ� นวยความสะดวกในการเลน่ จะช่วยให้เดก็ ไดพ้ ฒั นาทักษะ การใช้อวยั วะส่วนต่างๆ ของรา่ งกายทัง้ กลา้ มเนือ้ ใหญ่และกลา้ มเนื้อเลก็ ในการเคล่อื นไหวและทำ� สง่ิ ต่างๆ มสธ มสธท่ยี ากและซับซอ้ นมากขน้ึ ได้ และสามารถทำ� ไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคล่วและวอ่ งไว 4. เพื่อตอบสนองความต้องการตามธรรมชาติของวัย ดว้ ยเปน็ วยั ทอี่ ยนู่ งิ่ ไมไ่ ด้ ตอ้ งเคลอื่ นไหว และออกก�ำลังกายเพ่ือก�ำจัดพลังงานส่วนเกินที่มีอยู่ในตัวให้หมดไป การจัดประสบการณ์ทางร่างกายจะ เปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้พลังด้วยการว่ิงเล่นอย่างอิสระ ได้ปีนป่าย ได้กระโดด ห้อยโหน แกว่งไกว และ มุดลอดได้อยา่ งอสิ ระตามความสนใจของแต่ละคน ขณะเดียวกนั เด็กไดเ้ รียนรูท้ ีจ่ ะดูแลตนเองและเพอ่ื นให้ มสธปลอดภยั จากอุบตั ิเหตุทอ่ี าจเกิดขน้ึ จากการเลน่ และการท�ำกจิ กรรมต่างๆ

9-10 การจัดการศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรับเด็กปฐมวัย 5. เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้แก่ประเทศชาติ เด็กมีความส�ำคัญอย่างยิ่ง มสธตอ่ อนาคตของประเทศชาตแิ ละสงั คมไทย เปน็ ความหวงั ของประเทศ การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื สง่ เสรมิ การ เคล่อื นไหวที่เหมาะสมกับวัยใหแ้ ก่เดก็ จึงเป็นส่ิงจำ� เป็น เนือ่ งจากในชว่ งวัย 6 ปีแรกของชวี ติ เป็นชว่ งวัย ส�ำคญั และจำ� เปน็ ที่สุดของการพัฒนาพฤตกิ รรมที่พงึ ประสงคแ์ ละบุคลกิ ภาพทดี่ ี เพราะถอื วา่ เปน็ ช่วงวยั ท่ี มอี ตั ราพฒั นาการสงู สุด เป็นจงั หวะทองของการวางรากฐานในการพฒั นาเดก็ สง่ิ ทเ่ี ดก็ ไดเ้ รยี นรแู้ ละไดร้ ับ มสธ มสธการอบรมสงั่ สอนในชว่ งวยั น้ี จะเปน็ รากฐานทสี่ ำ� คญั ของบคุ ลกิ ภาพ และพนื้ ฐานนสิ ยั เมอ่ื เตบิ โตเปน็ ผใู้ หญ่ ดงั นนั้ การท่ีพอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครเู ห็นถึงความส�ำคัญและความจ�ำเป็นในการสง่ เสรมิ การใชก้ ลา้ มเนอ้ื ใหญแ่ ละกลา้ มเนอื้ เลก็ รวมถงึ การประสานสมั พนั ธข์ องกลา้ มเนอื้ ทดี่ ใี หแ้ กเ่ ดก็ ดว้ ยการรว่ มมอื กนั ทำ� หน้าที่ ของตนอย่างเตม็ ความรคู้ วามสามารถไปในทศิ ทางเดยี วกนั ก็จะชว่ ยใหป้ ระเทศชาตมิ เี ดก็ และเยาวชนทมี่ ี คณุ ภาพเติบโตเป็นผู้ใหญท่ ดี่ ตี ่อไปในอนาคต สรุปได้ว่า การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกายมีจุดมุ่งหมายที่ส�ำคัญ คือเพ่ือ มสธใหเ้ ด็กได้เรียนรกู้ ารดแู ลรักษาสขุ ภาพอนามัยและความปลอดภยั ของตนเองและผู้อน่ื เพอื่ ให้เดก็ ได้เรยี นรู้ การใช้อวัยวะเคล่ือนไหวร่างกายในลักษณะที่แตกต่างจากเดิม เพื่อให้เด็กได้พัฒนาทักษะการใช้อวัยวะ เคล่ือนไหวร่างกายที่มีความซับซ้อนมากข้ึน เพื่อตอบสนองความต้องการตามธรรมชาติของวัย และเพื่อ เป็นพื้นฐานในการพฒั นาเดก็ และเยาวชนใหแ้ ก่ประเทศชาติ มสธ มสธกิจกรรม9.1.1 ใหอ้ ธบิ ายความสำ� คญั และจดุ มงุ่ หมายของการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกาย แนวตอบกิจกรรม 9.1.1 1. การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกายมคี วามสำ� คญั ทง้ั ตอ่ ตวั เดก็ เองและบคุ คล มสธท่ีเกี่ยวข้องกับเด็ก เช่น ช่วยให้เด็กเจริญเติบโตมีโครงสร้างพื้นฐานของร่างกายสมวัย ช่วยการเชื่อมโยง ของเซลลป์ ระสาท ชว่ ยกระตุน้ การท�ำงานของสมองนอ้ ย ชว่ ยตอบสนองความตอ้ งการของเด็ก เป็นตน้ 2. การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกายมีจุดมุ่งหมายที่ส�ำคัญหลายประการ เชน่ เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรกู้ ารดแู ลรกั ษาสขุ ภาพอนามยั และความปลอดภยั ของตนเอง เพอ่ื ตอบสนองความ ต้องการตามธรรมชาติของวัย เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้การใช้อวัยวะเคลื่อนไหวร่างกายในลักษณะท่ีแตกต่าง มสธ มสธ มสธจากเดมิ เพื่อให้เด็กได้พัฒนาทักษะการใช้อวัยวะเคล่ือนไหวรา่ งกายท่มี คี วามซบั ซ้อนมากขน้ึ เปน็ ต้น

การจดั ประสบการณเ์ พ่อื พฒั นาเดก็ ปฐมวัยดา้ นร่างกาย 9-11 มสธเร่ืองที่ 9.1.2 หลักการและแนวทางการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านร่างกาย มสธ มสธการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกายมีจุดมุ่งหมายส�ำคัญเพ่ือส่งเสริมสุขภาพ อนามัย ความสามารถในการใช้กล้ามเน้ือใหญ่ และความสามารถในการใช้กล้ามเน้ือเล็ก ในการจัด ประสบการณเ์ พอื่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคด์ งั กลา่ วได้ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครแู ละผดู้ แู ลเดก็ ควรศกึ ษาและทำ� ความ เข้าใจถึงหลกั การและแนวทางในการจดั ประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กดา้ นร่างกาย ดงั มรี ายละเอียดตอ่ ไปน้ี มสธหลักการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย มีความส�ำคัญต่อเด็กท้ังในด้านการมี สขุ ภาพอนามัยท่ดี ที ี่จะส่งผลต่อการเจรญิ เตบิ โต รวมถงึ การเคล่ือนไหวท่ีตอ้ งใช้กลา้ มเน้ือใหญ่ กลา้ มเน้ือ เล็ก และการท�ำงานที่สัมพันธ์กันของอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ใช้ในการเดิน การว่ิง การถือ การ มสธ มสธผลัก การปั้น ท่ีต้องมีความคล่องแคล่วว่องไว และกระฉับกระเฉง ดังนั้น เด็กจึงควรได้รับการจัด ประสบการณ์หรือได้ปฏิบัติกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมความสามารถดังกล่าวทุกวัน โดยยึดหลักการจัดท่ี สำ� คญั ดงั น้ี 1. หลักพัฒนาการเด็ก เด็กในช่วงปฐมวัยมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วท้ังขนาดของร่างกาย นา้ํ หนกั และสว่ นสงู รวมทงั้ มคี วามสามารถในการทำ� สงิ่ ตา่ งๆ ไดม้ ากขนึ้ กระดกู และกลา้ มเนอ้ื ทใี่ ชใ้ นการ เคลอ่ื นไหว เช่น กล้ามเนอ้ื แขน ขา กล้ามเนอ้ื มอื กำ� ลังพฒั นาแต่ยังทำ� งานไม่ประสานกันดีพอ โดยเฉพาะ มสธกล้ามเน้ือมือและการสัมผัสรับรู้ ท�ำให้เด็กยังไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อมือให้ลากเส้นไปตามที่ต้องการ ได้ จากลกั ษณะพฒั นาการดงั กลา่ วทำ� ใหเ้ ดก็ วยั นต้ี อ้ งการอาหารและสารอาหารทเ่ี พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการ ของร่างกายอย่างเหมาะสมกับวัย เพ่ือความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายและกระดูก และต้องการ การเคลือ่ นไหวที่ต้องใชก้ ลา้ มเน้ือใหญบ่ ริเวณแขน ขา ล�ำตวั หวั ไหล่ เพอื่ เพิ่มความแขง็ แรงใหก้ บั กระดูก และชว่ ยใหก้ ลา้ มเนอื้ ทำ� งานไดอ้ ยา่ งประสานสมั พนั ธก์ นั สามารถเคลอ่ื นไหวและใชง้ านไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ มสธ มสธซงึ่ เปน็ พน้ื ฐานของการมบี คุ ลกิ ภาพทด่ี ตี อ่ ไปในอนาคต รวมตลอดถงึ การฝกึ ทกั ษะการใชก้ ลา้ มเนอื้ บรเิ วณ มือ นิว้ มือให้ทำ� งานประสานสมั พันธ์กนั เพอ่ื เป็นพ้นื ฐานการเขยี นเมื่อเด็กเรยี นในระดับทส่ี ูงขึ้น 2. หลกั การสนองความตอ้ งการตามธรรมชาติของเด็ก โดยปกตเิ ดก็ ปฐมวยั ชอบเคลอื่ นไหวสว่ น ตา่ งๆ ของรา่ งกาย ทำ� ใหไ้ มช่ อบอยนู่ งิ่ หรอื ถา้ หยดุ ไดก้ เ็ ปน็ เวลาไมน่ านนกั มพี ลงั ชอบการปนี ปา่ ยหอ้ ยโหน มคี วามอยากรู้อยากเหน็ มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบทดลองทำ� สิง่ ต่างๆ ตอ้ งการอิสระ ทงั้ น้ีเพราะต้องการ ทดสอบความสามารถของตนและตอ้ งการเปน็ ตวั ของตวั เอง ไมช่ อบการบงั คบั หรอื รบั คำ� สงั่ จากคนรอบขา้ ง มสธดังน้ัน เด็กวัยนี้จึงต้องการอิสระที่จะท�ำกิจกรรมต่างๆ ตามท่ีตนสนใจ ต้องการการเคล่ือนไหวส่วนต่างๆ

9-12 การจัดการศึกษาและหลกั สตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวยั ของรา่ งกายเพอ่ื ทดสอบความสามารถของตนในการควบคมุ การใชอ้ วยั วะตา่ งๆ ตอ้ งการปลดปลอ่ ยพลงั งาน มสธทม่ี อี ยใู่ นตวั ดว้ ยการเลน่ ทต่ี อ้ งออกแรงมากๆ เชน่ การวง่ิ การกระโดด การปนี ปา่ ย หอ้ ยโหนสง่ิ ตา่ งๆ การ ม้วนกลิ้ง การเตะ การขว้าง ซ่ึงบางครั้งดูเหมือนจะอันตรายหรือเส่ียงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม เดก็ วัยนยี้ ังตอ้ งการการดูแลอยหู่ ่างๆ จากบคุ คลที่อยใู่ กลช้ ิด เพ่อื ให้แนใ่ จวา่ เมอื่ มปี ัญหาจะมีคนช่วยเหลอื หรือดูแลใหค้ �ำแนะน�ำได้ มสธ มสธ3. หลักความปลอดภัย การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย จ�ำเป็นต้อง ใช้พ้ืนที่กว้างกลางแจ้งเพื่อให้เด็กได้วิ่งและเล่นเพ่ือออกก�ำลังกาย รวมท้ังต้องมีอุปกรณ์ ของเล่น และ เครื่องเล่นที่ปลอดภัยให้เด็กได้ฝึกเคลื่อนไหวและควบคุมอวัยวะส่วนต่างๆ จากรายงานการบาดเจ็บจาก เคร่ืองเลน่ ตา่ งๆ ในสนามเด็กเล่นคดิ เป็นร้อยละ 1.47 ของการบาดเจ็บทั้งหมดในเดก็ อายุนอ้ ยกว่า 15 ปี ทมี่ ารบั การตรวจทหี่ อ้ งฉกุ เฉนิ เมอื่ ประมาณการทงั้ ประเทศคาดวา่ จะมเี ดก็ บาดเจบ็ จากเครอ่ื งเลน่ ในสนาม เดก็ เลน่ ปลี ะ 34,075 ราย การบาดเจ็บชนิดนี้มกั เกดิ ขนึ้ ในเดก็ อายุ 5-12 ปี สาเหตุรอ้ ยละ 44 เกดิ จาก มสธกระดานลน่ื ร้อยละ 33 เกิดจากชงิ ช้า นอกจากนนั้ เกดิ จากเคร่อื งปีนปา่ ย ม้าหมุน และอืน่ ๆ การบาดเจ็บ ทเ่ี กดิ ขนึ้ สว่ นใหญเ่ ปน็ การบาดเจบ็ ของแขนขา ใบหนา้ และศรี ษะ การบาดเจบ็ ทร่ี นุ แรงทพี่ บบอ่ ยคอื กระดกู หกั ของแขนหรือข้อมือ และการบาดเจ็บศีรษะ ส�ำหรับการเสียชีวิตนั้น ส่วนใหญ่เป็นการตายจากเคร่ืองเล่น ล้มทับ ทั้งจากชิงช้า เคร่ืองเล่นปีนป่าย เครื่องเล่นลูกโลกท่ีใช้ปีนป่ายและหมุนได้ นอกจากน้ันมีรายงาน การตายจากการตกศรี ษะกระแทกพนื้ สนามทแี่ ขง็ (อดศิ กั ดิ์ ผลติ ผลการพมิ พ,์ 2556, น. 5-36) นอกจากน้ี มสธ มสธอุปกรณ์และของเล่นท่ีให้เด็กฝึกการใช้มือและนิ้วมือที่อาจเป็นสาเหตุให้เด็กได้รับอันตราย เช่น อุปกรณ์ การทำ� กิจกรรมประกอบอาหารประเภทมีด ไมแ้ หลม ครก ถว้ ยชามท่ีท�ำจากแก้ว เป็นต้น อปุ กรณ์การทำ� ศลิ ปะสรา้ งสรรค์ เชน่ ดินน้าํ มัน ลูกปัดขนาดเลก็ กรรไกรปลายแหลม เป็นต้น ดงั น้นั การจดั กิจกรรมเพอ่ื พฒั นาเด็กปฐมวัยด้านร่างกายจึงตอ้ งระมดั ระวังทงั้ ความปลอดภัยของสนาม เคร่ืองเล่นในสนาม การดแู ล เด็กขณะเล่น และการเลอื กอปุ กรณ์เครื่องใช้ในการจัดกิจกรรมตา่ งๆ 4. หลักการเรียนรู้อย่างมีความสุข กิจกรรมส�ำคัญในชีวติ ของเดก็ ปฐมวยั คือ การเล่น ในขณะ มสธท่ีเล่น เดก็ แสดงออกถึงความสดชืน่ เบิกบาน สนุกสนานทงั้ สหี นา้ แววตา และทา่ ทาง เด็กมคี วามสขุ จาก การได้เล่น ได้เคล่ือนไหวอย่างอิสระตามความพอใจและตามที่ต้องการภายใต้บรรยากาศการเล่นท่ีอบอุ่น มพี อ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู เ่ี ขา้ ใจคอยใหก้ ำ� ลงั ใจ ชว่ ยเหลอื และชน่ื ชมในพฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคข์ องเดก็ ส่งเสริมและสนับสนุนได้เด็กได้เล่นเครื่องเล่นที่หลากหลาย เช่น บันไดมือ เชือกปีนป่าย ท่อนไม้ทรงตัว การเล่นเกมเสริมทักษะการเคล่ือนไหว เป็นต้น จากการที่ได้เล่นเครื่องเล่นในสนาม ได้ขุดหลุม ได้เก็บ มสธ มสธดอกไมท้ ร่ี ว่ งอยใู่ ตต้ น้ มารอ้ ยเปน็ พวงมาลยั ใสค่ อ ทำ� ใหเ้ ดก็ มคี วามสขุ สนกุ สนาน เลน่ ซาํ้ แลว้ ซาํ้ อกี การเลน่ ดังกลา่ วจะชว่ ยใหเ้ ดก็ ได้ฝึกใช้ทกั ษะการใชก้ ลา้ มเน้ือสว่ นต่างๆ ของร่างกายอยา่ งหลากหลาย 5. หลักการมีส่วนร่วมของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชน เป็นทย่ี อมรับกนั โดยทั่วไปวา่ พอ่ แม่ ผู้ปกครอง และชุมชนล้วนมีบทบาทส�ำคัญในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ท้ังนี้เนื่องจากเด็กปฐมวัยมีความ ใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัวมาตั้งแต่เกิด และยังคุ้นเคยกับคนในชุมชนโดยเฉพาะเพ่ือนบ้านท่ีอยู่ ใกลเ้ คยี งกนั นอกจากนเ้ี ดก็ ยงั ใชเ้ วลาสว่ นใหญอ่ ยกู่ บั พอ่ แมผ่ ปู้ กครองทบี่ า้ น การใหเ้ ดก็ ไดเ้ ลน่ ออกกำ� ลงั กาย มสธท่ีสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กจึงไม่เพียงพอ พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็ก

การจัดประสบการณเ์ พือ่ พฒั นาเด็กปฐมวัยดา้ นรา่ งกาย 9-13 ไดอ้ อกกำ� ลงั กาย และใชอ้ วยั วะสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายในการเคลอ่ื นไหวไดอ้ ยา่ งหลากหลายทงั้ กลา้ มเนอื้ ใหญ่ มสธและกลา้ มเนอื้ เลก็ จนอาจกลา่ วไดว้ า่ เดก็ ปฐมวยั จะไดร้ บั ประโยชนใ์ นการพฒั นาดา้ นรา่ งกายไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ หากพอ่ แม่ ผูป้ กครอง ครู และชมุ ชน รว่ มมือกันให้สอดประสานส่งเสริมซ่งึ กันและกนั และไม่ขัดแย้งกัน สรปุ ไดว้ า่ การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกายมหี ลกั การในการจดั ประสบการณ์ ทส่ี ำ� คัญ 5 ประการ ทพ่ี อ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครตู อ้ งคำ� นงึ ถึง ไดแ้ ก่ หลกั พัฒนาการเด็ก หลกั การสนอง มสธ มสธความตอ้ งการตามธรรมชาตขิ องเดก็ หลกั ความปลอดภยั หลกั การเรยี นรอู้ ยา่ งความสขุ และหลกั การมสี ว่ น ร่วมของพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และชุมชน แนวทางการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย จากหลกั การจดั ประสบการณด์ งั กลา่ ว สามารถนำ� มาใชเ้ ปน็ แนวทางทส่ี ำ� คญั ในการจดั ประสบการณ์ เพ่อื พฒั นาเด็กปฐมวยั ด้านร่างกายไดด้ งั นี้ มสธ1. การจัดประสบการณ์ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญ ในการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย ดา้ นรา่ งกายทใี่ หค้ วามสำ� คญั กบั ผเู้ รยี น พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครตู อ้ งคำ� นงึ ถงึ ธรรมชาติ และความสามารถ ในแตล่ ะชว่ งวยั ของเดก็ เพอ่ื ใหส้ ามารถจดั กจิ กรรม และวสั ดอุ ปุ กรณ์ ของเลน่ และเครอ่ื งเลน่ ไดเ้ หมาะสมกบั วยั และมคี วามหลากหลายทงั้ ทส่ี ามารถเลน่ หรอื ทำ� กจิ กรรมไดท้ งั้ ในรม่ และกลางแจง้ และเดก็ สามารถปฏบิ ตั ิ มสธ มสธกิจกรรมอย่างสงบและได้เคล่ือนไหวและใช้ก�ำลัง เพื่อให้เด็กสามารถเลือกท�ำกิจกรรมได้ตามความสนใจ ความถนัด และระดบั ความสามารถของแตล่ ะคนทอี่ าจมีไมเ่ ท่ากัน ซ่งึ บางคร้งั เด็กอาจต้องการท�ำคนเดยี ว หรอื บางครงั้ ต้องการท�ำร่วมกับเพ่ือนเพ่ือที่จะไดช้ ว่ ยเหลือกนั ก็ได้ จากการท�ำกจิ กรรมดังกลา่ ว เดก็ จะได้ เคล่ือนไหวร่างกายในลักษณะต่างๆ ท่ีช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะการใช้กล้ามเน้ือเล็กในการลากเส้น ปั้น ร้อย กล้ามเน้ือใหญ่ในการวิ่ง กระโดด ปีนป่าย ห้อยโหน ม้วนกล้ิงตัว และประสาทการรับรู้ท�ำงานได้ ประสานสัมพันธ์กันอย่างเป็นธรรมชาตแิ ละเต็มตามศกั ยภาพของแต่ละคน 2. การจัดประสบการณ์ท่ีค�ำนึงถึงความปลอดภัยของเด็ก การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็ก มสธปฐมวยั ด้านรา่ งกาย เปน็ การจดั กจิ กรรมเพอื่ กระต้นุ ใหเ้ ดก็ ไดใ้ ชอ้ วยั วะในการเคลอื่ นไหวอยา่ งหลากหลาย จึงจ�ำเป็นต้องมีวัสดุ อุปกรณ์ ของเล่น และเครื่องเล่นเป็นอุปกรณ์ประกอบการปฏิบัติกิจกรรมท่ีจะช่วย ให้การฝึกใช้อวัยวะต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังเป็นส่ิงจูงใจให้เด็กมีความสนใจในการปฏิบัติ กิจกรรมด้วยความเต็มใจอย่างกระตือรือร้น ดังน้ัน การจัดเตรียมและจัดหาส่ือประกอบกิจกรรมจึงเป็น มสธ มสธสิ่งส�ำคัญที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูต้องใส่ใจและพิจารณาอย่างรอบคอบถึงประโยชน์ท่ีเด็กจะได้รับและ ความปลอดภัยของวัสดุ อุปกรณ์ ของเล่น และเครื่องเล่นดังกล่าวทั้งในแง่ของตัววัสดุ อุปกรณ์ ของเลน่ และเครอ่ื งเลน่ เอง รวมถงึ วธิ กี ารใชห้ รอื การเลน่ ซง่ึ ศริ ประภา พฤทธกิ ลุ (2556, น.10-32) ไดก้ ลา่ วไวว้ า่ การ เลอื กของเลน่ สำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั ต้องค�ำนงึ ถึงความปลอดภยั 3 ดา้ น คอื ด้านวัสดทุ ่ใี ช้ผลติ ของเลน่ ด้าน ขนาดและนาํ้ หนกั ของของเล่น และความแขง็ แรงทนทานของของเล่น นอกจากน้ี การดแู ลเด็กขณะปฏบิ ัติ กจิ กรรมอยา่ งใกลช้ ดิ กม็ คี วามสำ� คญั เชน่ กนั ทจ่ี ะชว่ ยปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตไุ ด้ เชน่ ขณะเดก็ รอ้ ยลกู ปดั ซง่ึ มขี นาด มสธคอ่ นข้างเลก็ การเล่นเครือ่ งเลน่ สนามชนิดตา่ งๆ เป็นต้น

9-14 การจัดการศึกษาและหลกั สตู รส�ำหรับเดก็ ปฐมวยั 3. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุข ในการจัดประสบการณ์เพื่อให้เด็กปฐมวัย มสธพฒั นาดา้ นรา่ งกายไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ นน้ั ควรใหเ้ ดก็ มโี อกาสเลอื กทำ� กจิ กรรมไดต้ ามความถนดั หรอื ความ สนใจของตน โดยมพี อ่ แม่ ผูป้ กครอง และครคู อยดแู ลอย่างใกล้ชิด เป็นก�ำลงั ใจ และยอมรบั ในเอกลักษณ์ และความสามารถเฉพาะตัว รวมทั้งจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างจากคนอื่นของเด็ก ผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดต้อง ช่วยให้เด็กสร้างทัศนคติในทางบวกต่อตนเองโดยเช่ือว่าตนเองมีความสามารถในการท�ำสิ่งต่างๆ ท่ีอาจ มสธ มสธแตกตา่ งจากเพอื่ น ในการจดั กจิ กรรมทสี่ ง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ใชก้ ลา้ มเนอื้ สว่ นตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเปน็ กจิ กรรมกลางแจง้ ทใ่ี หเ้ ดก็ ไดเ้ ลน่ ในสนาม และกจิ กรรมในรม่ ทเ่ี ดก็ ไดท้ ำ� กจิ กรรมสรา้ งสรรคใ์ นลกั ษณะตา่ งๆ บรรยากาศการ เล่นหรือการท�ำกิจกรรมต้องปลอดโปร่ง เพลิดเพลิน ไม่ตึงเครียด ไม่ท�ำให้เด็กรู้สึกอึดอัดใจ ด้วยการให้ เกยี รติ ใหอ้ ิสระแกเ่ ด็กในการคิดสร้างสรรคท์ �ำผลงาน มีความคดิ เป็นของตนเองในการปรบั เปล่ยี นวธิ ีการ เล่นท่ีแปลกใหมแ่ ละไม่อันตราย ชื่นชมยินดใี นสงิ่ ทเ่ี ดก็ ทำ� ส�ำเร็จ เพือ่ ให้เดก็ เกดิ ความภาคภูมใิ จในตนเอง 4. การจัดประสบการณ์แบบพ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนมีส่วนร่วม ในการจัดประสบการณ์ มสธเพือ่ พัฒนาเด็กปฐมวัยดา้ นร่างกาย พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และชุมชนสามารถให้ความร่วมมือกับสถานพฒั นา เดก็ และสถานศึกษาในการพฒั นาเดก็ ใหเ้ จรญิ เตบิ โตไดส้ มวยั มสี ขุ ภาพอนามยั ท่ีดี ไดร้ บั การพัฒนาความ สามารถในการใชก้ ลา้ มเนอ้ื เคลอื่ นไหวอวยั วะสว่ นตา่ งๆ ทเ่ี ดก็ วยั นคี้ วรไดร้ บั การพฒั นาไดอ้ ยา่ งครอบคลมุ ด้วยการมสี ว่ นรว่ มในการสรา้ งสุขนิสัยท่ดี ี มสี ว่ นร่วมในการจัดกิจกรรมทง้ั ทบี่ า้ นและสถานพฒั นาเด็กหรอื สถานศกึ ษา การบรจิ าควสั ดเุ หลอื ใชห้ รอื วสั ดพุ น้ื บา้ นเพอ่ื เปน็ วสั ดอุ ปุ กรณห์ รอื จดั ทำ� เปน็ สอ่ื ประกอบการสอน มสธ มสธให้ข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะ รวมถึงการใช้แรงงานในการสร้างและซ่อมแซมเคร่ืองเล่นในสนามให้เพียงพอ กับจ�ำนวนเด็กและมีความปลอดภัยในการเล่น ขณะเดียวกันชุมชนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก ดา้ นรา่ งกายไดโ้ ดยการไมจ่ ำ� หนา่ ยหรอื ขายอาหารทไี่ มม่ ปี ระโยชนต์ อ่ รา่ งกาย ไมจ่ ำ� หนา่ ยหรอื ขายของเลน่ ท่ีไม่สรา้ งสรรค์และอาจก่อให้เกดิ อันตรายตอ่ เดก็ รวมตลอดถงึ การพัฒนาและดแู ลสนามเด็กเล่นใหส้ ะอาด ปลอดภยั และดแู ลซ่อมแซมเครื่องเล่นใหม้ คี วามปลอดภยั ในการเล่น สรปุ ไดว้ า่ การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกายมแี นวทางการจดั ทส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ มสธการจดั ประสบการณท์ เ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำ� คญั การจดั ประสบการณท์ คี่ ำ� นงึ ถงึ ความปลอดภยั ของเดก็ การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุข และการจัดประสบการณ์แบบพ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนมี สว่ นรว่ ม มสธ มสธกิจกรรม9.1.2 ใหร้ ะบหุ ลักการและแนวทางการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ด้านร่างกาย แนวตอบกิจกรรม 9.1.2 1. หลักการสำ� คญั ท่ีพ่อแม่ ผปู้ กครอง ครแู ละผดู้ แู ลเด็กต้องค�ำนงึ ถงึ ในการจดั ประสบการณ์เพ่อื มสธพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกาย ได้แก่ หลกั พฒั นาการเด็ก หลกั การสนองความตอ้ งการตามธรรมชาตขิ อง

การจัดประสบการณเ์ พื่อพัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านร่างกาย 9-15 เด็ก หลักความปลอดภัย หลักการเรยี นรู้อยา่ งความสขุ และหลักการมีสว่ นร่วมของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และ มสธชมุ ชน 2. แนวทางการจัดประสบการณ์เพ่อื พัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านร่างกาย ได้แก่ การจัดประสบการณ์ ทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำ� คญั การจดั ประสบการณท์ ค่ี ำ� นงึ ถงึ ความปลอดภยั ของผเู้ รยี น การจดั ประสบการณก์ าร เรียนรู้อย่างมีความสุข และการจดั ประสบการณแ์ บบพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และชมุ ชนมสี ว่ นรว่ ม มสธ มสธเร่ืองท่ี9.1.3 ขอบข่ายการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย มสธพฒั นาการดา้ นรา่ งกายของเดก็ ปฐมวยั เปน็ กระบวนการเปลย่ี นแปลงลกั ษณะทางกาย และความ สามารถในการใชอ้ วยั วะตา่ งๆ ของรา่ งกาย ทงั้ ทเี่ ปน็ กลา้ มเนอื้ ใหญใ่ นการเคลอ่ื นไหว การใชก้ ลา้ มเนอื้ เลก็ และการใช้สัมผัสรับรู้ในการใช้มือและตาให้ประสานสัมพันธ์กันในการท�ำกิจกรรมต่างๆ ที่ด�ำเนินต่อเนื่อง มาต้งั แตว่ ัยทารก เดก็ ปฐมวัยอยู่ในช่วงของการเจรญิ เติบโตทางโครงสรา้ งและอวยั วะต่างๆ ของร่างกายที่ มสธ มสธเป็นไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกายควรให้ครอบคลุม สิ่งตอ่ ไปนี้ 1. ด้านสุขภาพอนามัย เปน็ ภาวะแหง่ ความสมบรู ณข์ องรา่ งกายและจติ ใจ รวมถงึ การดำ� เนนิ ชวี ติ อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เด็กวัยนี้อยู่ในช่วงวัยที่ร่างกายก�ำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นระยะท่ี เดก็ ชอบเคลอ่ื นไหว ชอบเลน่ และทำ� กจิ กรรมตลอดเวลา สนใจสง่ิ แวดลอ้ มรอบตวั ตอ้ งการทำ� สงิ่ ตา่ งๆ เพอื่ พสิ จู นค์ วามเปน็ ตวั ของตวั เอง ทำ� ใหไ้ มส่ นใจรบั ประทานอาหาร ดงั นนั้ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครแู ละผดู้ แู ลเดก็ มสธตอ้ งดแู ลใหเ้ ดก็ ไดร้ บั ประทานอาหารใหเ้ พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของรา่ งกายทงั้ ปรมิ าณและคณุ ภาพ สะอาด และถูกสุขลักษณะ เพื่อส่งเสริมให้ร่างกายเจริญเติบโตได้สมวัย มีสุขภาพแข็งแรงป้องกันการเกิดภาวะ ทุพโภชนาการ นอกจากนี้ ยังต้องสรา้ งเสริมใหเ้ ดก็ มพี ฤตกิ รรมสขุ นิสยั ในเรอื่ งตา่ งๆ ดังตัวอยา่ งต่อไปน้ี 1.1 การรักษาความสะอาด เด็กควรรู้จักรักษาความสะอาดของร่างกายทุกส่วน เชน่ หน้า ตา หู ผม เล็บ มือ เทา้ ปาก และฟนั ตลอดจนเส้อื ผ้าและสงิ่ ของเคร่ืองใช้ตา่ งๆ มสธ มสธ1.2 การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เด็กควรมีความรู้เรื่องอาหารที่มีประโยชน์ต่อ รา่ งกาย การรบั ประทานอาหารทห่ี ลากหลายในปรมิ าณพอเหมาะไมม่ ากหรอื นอ้ ยเกนิ ไป รบั ประทานอาหาร ให้ครบหมู่ รู้จกั วิธีในการเลือกซือ้ อาหารทีป่ ลอดภัย 1.3 การออกก�ำลังกาย เดก็ ในชว่ งวยั น้ี พฒั นาการดา้ นการใชก้ ลา้ มเนอ้ื ใหญข่ องเดก็ มคี วาม แข็งแรง และคล่องแคล่วมากข้ึน การสนับสนุนให้เด็กได้เคล่ือนไหวแขนและขาในกิจกรรมการเล่นต่างๆ ทงั้ กลางแจง้ และในรม่ อยา่ งอสิ ระ อยา่ งนอ้ ยวนั ละ 4 ชว่ั โมง จะชว่ ยเพม่ิ ความแขง็ แรงใหก้ บั กลา้ มเนอื้ และ มสธสมรรถภาพทางรา่ งกาย รวมท้งั ให้ความสนุกสนานเพลดิ เพลนิ

9-16 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรส�ำหรบั เด็กปฐมวยั 1.4 การพักผ่อน เดก็ ควรพักผ่อนใหเ้ พยี งพอกบั ความต้องการของร่างกายในแตล่ ะวัน ซึง่ มสธเด็กวยั น้ี ควรนอนกลางคืน 9-10 ชั่วโมง กลางวันประมาณ 1-2 ชว่ั โมง เด็กวยั นค้ี วรนอนตอนกลางวัน ด้วย เนื่องจากร่างกายต้องการพักผ่อนหลังจากได้ท�ำกิจกรรมมาตลอดท้ังวัน เด็กท่ีนอนหลับพักผ่อน ไมเ่ พยี งพอจะทำ� ใหร้ า่ งกายไมส่ ดชน่ื ออ่ นเพลยี งา่ ย หงดุ หงดิ และมปี ญั หาดา้ นการเรยี นรู้ มบี างคนทอ่ี าจไมช่ อบ นอนเพราะหว่ งเลน่ พอ่ แม่ ผปู้ กครองควรจดั ใหเ้ ดก็ นอนเปน็ เวลา และไมค่ วรใชก้ ารนอนเปน็ การลงโทษเดก็ มสธ มสธ1.5 ความปลอดภัย เด็กควรได้เรียนรู้ถึงการป้องกันตนเองและผู้อ่ืนจากอุบัติเหตุต่างๆ ที่ อาจเกดิ จากการหกลม้ การขนึ้ ลงบนั ได การเหยยี บของแหลมและของมคี ม การใชอ้ ปุ กรณเ์ ครอื่ งใชใ้ นบา้ น การเล่นเคร่ืองเล่นและของเล่นตา่ งๆ 1.6 การป้องกันโรค เด็กควรไดเ้ รียนรู้เร่อื งการปอ้ งกันโรค โดยเฉพาะโรคติดตอ่ ต่างๆ เชน่ ไข้หวัด โรคตาแดง โรคทางเดินอาหาร โรคมือเทา้ เปื่อย เปน็ ต้น 2. ด้านการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเนือ้ ใหญ่ หมายถงึ กล้ามเนอ้ื ท่ใี ช้ในการเคลือ่ นไหวร่างกาย มสธหรือกล้ามเนื้อท่ีเก่ียวข้องกับการเคล่ือนไหวอวัยวะท่ีส�ำคัญของร่างกาย เช่น แขน ขา ล�ำตัว ที่ใช้ในการ เดนิ การวงิ่ การกระโดด การกลง้ิ หรอื มว้ นตวั การกม้ ตวั การขวา้ ง การปา ซงึ่ การเคลอื่ นไหวรา่ งกายตอ้ ง อาศัยการท�ำงานที่ประสานกันของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ท่ีจะช่วยให้เกิดความสมดุล ความว่องไว ความ กระฉบั กระเฉง การยดื หยนุ่ ความแขง็ แกรง่ ความเรว็ และความทนทานของพฒั นาการกลา้ มเนอื้ ใหญ่ ซงึ่ Nilsen (1997, p. 64 อา้ งถงึ ในพชั รี ผลโยธนิ , 2555, น. 9-23) กลา่ ววา่ การประสานสมั พนั ธก์ นั ของ มสธ มสธกล้ามเน้ือใหญ่ของเด็กอายุ 2-5 ปี เปน็ การเคลื่อนไหวพื้นฐาน เช่น ปีนป่าย กระโดดขา้ ม ควบคมุ การวิง่ การเดนิ ทรงตวั บนกระดานแผน่ เดยี ว การถบี จกั รยาน และเมอ่ื อายุ 5 ปขี น้ึ ไป จะพฒั นาเปน็ การเคลอื่ นไหว ทต่ี อ้ งการการควบคมุ การทำ� งานของกลา้ มเนอื้ ทลี่ ะเอยี ดมากขนึ้ จนนำ� ไปสกู่ ารเลน่ กฬี า คอื การตี การเตะ การเลีย้ งบอล การขว้างเหนอื ศีรษะ การตี/เตะลูกบอลกลางอากาศ และการหลบหลีก พัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวัยจะพัฒนาไปเร็วกว่าพัฒนาการด้านการใช้ กล้ามเนื้อเล็ก ท้ังนี้เพราะมนุษย์ควบคุมกล้ามเน้ือจากส่วนบนลงล่างตามแนวกระดูกสันหลัง และจาก มสธสว่ นกลางของรา่ งกายสสู่ ว่ นปลาย ดงั จะเหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจนในทารกทส่ี ามารถควบคมุ กลา้ มเนอ้ื สว่ นคอใหช้ นั แขง็ อยไู่ ด้ กอ่ นทจี่ ะควบคมุ กลา้ มเนอื้ บรเิ วณกน้ และบน้ั เอวใหน้ งั่ และกอ่ นการควบคมุ กลา้ มเนอ้ื สว่ นขาและ หลงั ใหย้ นื ไดต้ ามลำ� ดบั เชน่ เดยี วกบั เดก็ ทใี่ ชแ้ ขนกวาดใหข้ องเคลอื่ นทไี่ ดก้ อ่ นทจี่ ะใชม้ อื หยบิ จบั สง่ิ ของนน้ั ๆ ดว้ ยเหตนุ ้ี เดก็ ในวยั นจ้ี งึ สามารถเคลอ่ื นไหวและทำ� กจิ กรรมทตี่ อ้ งใชก้ ลา้ มเนอื้ ใหญไ่ ดด้ กี วา่ กจิ กรรมทตี่ อ้ ง ใชก้ ลา้ มเนอ้ื เลก็ อยา่ งไรกต็ าม ถงึ แมก้ ลา้ มเนอ้ื ใหญจ่ ะพฒั นาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ แตก่ ย็ งั ไมส่ มบรู ณเ์ ตม็ ท่ี เดก็ มสธ มสธยงั จำ� เปน็ ตอ้ งไดร้ บั การสง่ เสรมิ การใชก้ ลา้ มเนอ้ื ใหญบ่ รเิ วณแขน ขา ลำ� ตวั ใหส้ ามารถทรงตวั และเคลอื่ นไหว อวยั วะสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ และวอ่ งไว ดว้ ยการจดั กจิ กรรมเพอ่ื พฒั นาความแขง็ แรง ของกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมท้ังฝึกการทรงตัวด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายในลักษณะต่างๆ ดังตัวอย่าง ตอ่ ไปน้ี 2.1 การเดิน เดก็ ควรไดท้ ำ� กจิ กรรมเกยี่ วกบั การเดนิ ในหลากหลายลกั ษณะ เชน่ เดนิ ตรงไป ขา้ งหน้า เดนิ ถอยหลงั เดนิ ด้วยสน้ เท้า เดินเขย่งปลายเท้า เดินสลบั เท้าแกวง่ แขนคล้ายผ้ใู หญ่ เดินสลบั มสธเทา้ ข้นึ -ลงบนั ได เดนิ บนกระดานแผน่ เดียว เปน็ ต้น

การจัดประสบการณเ์ พ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยดา้ นรา่ งกาย 9-17 2.2 การวิ่ง เดก็ ควรไดร้ บั การจดั กจิ กรรมทีเ่ ปิดโอกาสใหว้ ่ิงในลักษณะตา่ งๆ เช่น วง่ิ อย่าง มสธรวดเรว็ วง่ิ ทางตรง วงิ่ แลว้ หยดุ วง่ิ หมนุ ตวั เลย้ี ว วงิ่ หลกี สงิ่ กดี ขวาง วงิ่ รอบสงิ่ ของหรอื วงิ่ เปน็ วงกลม เปน็ ตน้ 2.3 การกระโดด เดก็ ควรไดร้ ว่ มกจิ กรรมทต่ี อ้ งกระโดดในหลากหลายลกั ษณะ เชน่ กระโดด สองขา กระโดดขาเดียว กระโดดสงู กระโดดข้ามสงิ่ ของ กระโดดควบแบบมา้ การก้าวกระโดด กระโดด อยกู่ ับที่ กระโดดไปข้างหน้าอย่างตอ่ เนอื่ ง เปน็ ต้น มสธ มสธ2.4 การจับ หรือการรับส่ิงของต่างๆ สง่ิ ทเ่ี ดก็ ควรไดร้ บั การฝกึ เชน่ การรบั ลกู บอลดว้ ยมอื การใช้ตะกรา้ รบั ลูกบอล เปน็ ต้น 2.5 การเตะ เดก็ ควรไดเ้ ลน่ เตะลูกบอลในลักษณะตา่ งๆ เช่น เตะลกู บอลไปข้างหน้าอย่าง ไม่มีทศิ ทาง เตะลกู บอลแบบกะระยะ เตะลูกบอลโดยขาเหยียดตรง เตะลกู บอลแบบงอขา เป็นตน้ 2.6 การปีนป่าย เด็กควรมโี อกาสไดป้ นี ปา่ ยเคร่ืองเล่นในสนามอยา่ งหลากหลายตามความ สนใจทงั้ บนั ไดโค้ง ราวปนี ป่าย โดมกลม เปน็ ตน้ มสธ2.7 การถีบจักรยาน เด็กควรมีโอกาสได้ถีบจักรยานสามล้อในลักษณะต่างๆ เช่น ถีบ จกั รยานสามล้อหลบส่ิงกดี ขวาง ถีบจักรยานสามล้อเลย้ี วซา้ ย-ขวา รวมท้งั หดั ถบี จกั รยานสองล้อ เป็นต้น ในการจดั กจิ กรรมเพอื่ สง่ เสรมิ การใชก้ ลา้ มเนอื้ ใหญด่ งั กลา่ ว พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครจู ำ� เปน็ ตอ้ ง เข้าใจพัฒนาการด้านการใช้กล้ามเน้ือใหญ่และการประสานสัมพันธ์ของเด็กปฐมวัยแต่ละช่วงวัยเพ่ือให้ สามารถจดั กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั วยั ซง่ึ ลกั ษณะพฒั นาการดา้ นการใชก้ ลา้ มเนอื้ ใหญแ่ ละการประสาน มสธ มสธสมั พนั ธข์ องเดก็ อายุ 3-6 ปี สามารถสรปุ ได้ (Turner and Helms, 1997, pp. 186-188; Gallahue, 1987, pp. 65-66) ดงั นี้ ตารางท่ี 9.1 ลักษณะพัฒนาการด้านการใช้กล้ามเน้ือใหญ่ของเด็กอายุ 3-6 ปี พัฒนาการด้านการใช้ ลักษณะพฤติกรรมของเด็กปฐมวัย อายุ 4-5 ปี มสธกล้ามเน้ือใหญ่ มสธ มสธ1. การเดนิอายุ 3-4 ปี อายุ 5-6 ปี - เดนิ เขยง่ เท้าไดส้ น้ั ๆ - เดินเขยง่ เทา้ ได้ไกล - เดนิ เขยง่ ปลายเท้า - เดินไดต้ รงทาง พอควร ไดไ้ กล - เดินข้นึ บนั ได - เดนิ สลับเทา้ แกวง่ แขน - เดินคล่องแคล่วเหมอื น สลบั เท้าได้ คล้ายผู้ใหญ่ ผ้ใู หญ่ - เดินขนึ้ -ลงบันได - เดนิ ขน้ึ -ลงบันได สลับเท้าได้ สลับเทา้ ได้คลอ่ งแคล่ว มสธ2. การวงิ่ - วง่ิ ตามลำ� พงั ไดไ้ มส่ ะดดุ - ว่ิงไดค้ ล่องแคลว่ - ว่ิงไดร้ วดเร็วและหยดุ ควบคุมการเรม่ิ ออกว่งิ ได้ทนั ที หมุนตัวเล้ยี ว หยดุ วิ่ง และเลี้ยวไดด้ ี ไดค้ ลอ่ ง

มสธพัฒนาการด้านการใช้ กล้ามเนื้อใหญ่ 9-18 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรบั เด็กปฐมวยั ตารางท่ี 9.1 (ตอ่ ) มสธ มสธ3. การกระโดด อายุ 3-4 ปี ลักษณะพฤติกรรมของเด็กปฐมวัย อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี - กระโดดจากพน้ื ดว้ ยเทา้ - ยืนแล้วกระโดดได้สงู - ยนื แลว้ กระโดดได้สูง ท้ังสองอยกู่ ับท่ี 8-10 น้ิว 12 น้ิว - วง่ิ แล้วกระโดดได้สูง - วง่ิ แลว้ กระโดดไดส้ ูง 28-35 นว้ิ - กระโดดท�ำระยะห่าง ประมาณ 3 ฟตุ มสธ ได้ 1-2 ครง้ั ดว้ ยขาขา้ ง ได้ 4-6 คร้งั ติดตอ่ กัน ได้ 8-10 ครง้ั ตดิ ตอ่ กนั 23-33 นวิ้ 4. การกระโดดขาเดยี ว - กระโดดขาเดยี วอยกู่ บั ที่ - กระโดดขาเดยี วอยกู่ บั ที่ - กระโดดขาเดยี วอยกู่ บั ที่ มสธ มสธ- กระโดดขาเดยี วไดร้ ะยะ ท่ีถนัด ดว้ ยขาขา้ งท่ถี นัด ด้วยขาข้างเดียว - กระโดดขาเดยี วไป ข้างหน้าอยา่ งต่อเน่อื ง ไดไ้ กล มสธ5. การกระโดดสูง ทาง 50 ฟุต ภายใน 11 วนิ าที 2 ขา - กระโดดขาเดียวอย่าง ชำ� นาญตามจังหวะ ตา่ งๆ - กระโดดสงู 2 ขาอย่าง - กระโดดสงู 2 ขาอย่าง มสธ มสธ7. การกระโดดควบ งา่ ยๆ ได้ ช�ำนาญ แบบมา้ ว่งิ 6. การกระโดดขา้ ม - กระโดดขา้ มขาเดยี วได้ - กระโดดข้ามขาเดยี ว ได้อยา่ งชำ� นาญ - เริม่ ตน้ กระโดดควบ - กระโดดควบแบบมา้ วงิ่ แบบม้าว่งิ ได้คลอ่ งแคลว่ มสธ9. การจับ 8. การก้าวกระโดด - เร่มิ ต้นก้าวกระโดด - กา้ วกระโดดถดั เทา้ ดว้ ย - ก้าวกระโดดถัดเท้า ถัดเทา้ ถัดเท้าไดข้ ้างเดียว เท้าท้งั สองทลี ะข้าง สลบั ข้างได้คลอ่ งแคลว่ - รับลูกบอลไดถ้ ้ามี - ใชต้ ะกรา้ รบั ลกู บอล - ใชต้ ะกร้ารับลูกบอล คำ� แนะนำ� ทโ่ี ยนมาได้ ทโี่ ยนมาได้

มสธพัฒนาการด้านการใช้ การจัดประสบการณเ์ พื่อพฒั นาเด็กปฐมวยั ด้านร่างกาย 9-19 กล้ามเนื้อใหญ่ ตารางท่ี 9.1 (ตอ่ ) มสธ มสธ10. การเตะ อายุ 3-4 ปี ลักษณะพฤติกรรมของเด็กปฐมวัย อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี - เตะลูกบอลไปขา้ งหนา้ - เตะลูกบอลกะระยะได้ - เตะลูกบอลกะระยะ ไดอ้ ยา่ งไม่มีทศิ ทาง พอควร ไดด้ ีขน้ึ - เตะลูกบอลไดโ้ ดย - งอขาและเตะออกไปได้ ขาเหยยี ดตรงและ รา่ งกายเคล่ือนไหว เล็กน้อย มสธ11. การปนี ป่าย - ไตข่ ึ้นมา้ ล่นื ได้ - ปีนปา่ ยขน้ึ ลงม้าลน่ื ได้ดี - ปนี เคร่อื งเลน่ สนาม เลน่ ไมล้ ื่นแกว่งไกว ตวั ได้ดขี ึน้ มสธ มสธ3. ดา้ นการใชก้ ลา้ มเนอื้ เลก็ กลา้ มเนอื้ เลก็ หมายถงึ กลา้ มเนอื้ ทใ่ี ชใ้ นการหยบิ จบั สงิ่ ของ ซง่ึ สว่ นมาก 12. การถีบจกั รยาน - ถบี จกั รยานสามล้อ - ถบี จักรยานสามลอ้ - เรมิ่ ตน้ หดั ขจี่ ักรยาน จะอยใู่ นบริเวณขอ้ มอื มอื น้วิ มือ การท�ำงานของกลา้ มเนอ้ื เล็กในส่วนต่างๆ เหล่าน้ี ตอ้ งใช้การสัมผสั รบั รู้ หลบสิ่งกดี ขวางได้ เล้ียวกลับหลงั ได้ สองลอ้ ได้ และการทำ� งานประสานกันหรือให้สมั พันธก์ ันของกลา้ มเนื้อ เชน่ การท�ำงานประสานกนั ของกลา้ มเน้ือมอื ตา ข้อมือ น้ิวมือ เป็นต้น เด็กวัยนี้จะพัฒนาความสามารถในการใช้มือที่ถนัดได้ราวอายุ 4-6 ปี การ เคลื่อนไหวนี้ ประกอบดว้ ยความคลอ่ งแคล่ว ความชำ� นาญในการใชม้ ือซ้ายและขวา ความแม่นยำ� ความ มสธมน่ั คง และทกั ษะการใชม้ อื การกำ� การถอื การปน้ั การพลกิ หนา้ กระดาษ การใชก้ รรไกร กจิ กรรมทง้ั หมด เหลา่ น้ีเป็นสง่ิ ช้ีบ่งถงึ ทักษะการใชก้ ลา้ มเน้อื เลก็ ซงึ่ Nilsen (1997, p. 64 อา้ งถึงในพัชรี ผลโยธนิ , 2555, น. 9-23) กลา่ วว่าพัฒนาการหรอื ความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนอื้ เลก็ และการใช้มอื ของเดก็ อายุ 2-5 ปี เป็นลักษณะของการเคลอื่ นไหวพนื้ ฐาน เชน่ ตอ่ ภาพตดั ตอ่ ใชก้ รรไกรสองมือ จบั ดินสอส/ี สีเทียน หวผี ม เมอ่ื เดก็ มอี ายุ 5 ปขี น้ึ ไป จะพฒั นาเปน็ การเคลอ่ื นไหวทต่ี อ้ งการการควบคมุ การทำ� งานของกลา้ มเนอ้ื ละเอยี ด มสธ มสธมากขนึ้ เชน่ ผกู เชอื กรองเทา้ ควบคมุ การใชม้ อื เขยี น เปน็ ตน้ อยา่ งไรกต็ าม เดก็ ผหู้ ญงิ จะมคี วามสามารถ ในการใชก้ ลา้ มเนอื้ เลก็ ไดด้ กี วา่ เดก็ ผชู้ าย ในการจดั กจิ กรรมเพอ่ื สง่ เสรมิ ความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนอ้ื เลก็ และการประสานสัมพันธค์ วรให้ครอบคลุมการใช้มือ น้ิวมือ และข้อมอื ในลกั ษณะตา่ งๆ ดงั น้ี 3.1 การโยนและการรับ การโยนและการรับสิง่ ของต่างๆ ทีเ่ ด็กควรไดร้ ับการฝกึ เช่น การ รับถุงถั่วหรือลูกบอลขนาดเล็กท่ีคนอ่ืนโยนมาให้ การโยนถุงถั่วหรือลูกบอลขนาดเล็กให้คนอ่ืน การโยน ถุงถ่ัวหรือลูกบอลตามระยะทางท่ีก�ำหนด การขว้างลูกบอลสองมือเหนือศีรษะ การส่งลูกบอลสองมือ มสธดา้ นหนา้ การรบั ลูกบอลที่กระดอนขนึ้ จากพ้นื ด้วยมอื ทัง้ สอง เป็นต้น

9-20 การจัดการศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั 3.2 การหยิบจับ เด็กควรได้ฝึกใช้มือหยิบจับอุปกรณ์และส่ิงของต่างๆ ในขณะท�ำกิจกรรม มสธเชน่ การตอ่ แทง่ ไมบ้ ลอ็ ก การหยบิ กอ้ นหนิ หรอื ลกู กวาดใสข่ วด การเลน่ ภาพตดั ตอ่ การหยบิ ลกู ปดั รอ้ ยดว้ ย เส้นเชอื ก การสานใบมะพร้าว เปน็ ต้น 3.3 การตัด เด็กควรได้มีโอกาสใช้กรรไกรตัดกระดาษในลักษณะต่างๆ เช่น ตัดเป็นชิ้น ตดั ตามเส้นทก่ี ำ� หนดทง้ั เสน้ ตรง เส้นโค้ง เส้นซิกแซก็ เป็นตน้ มสธ มสธ3.4 การขดี เขยี น เดก็ ควรไดท้ ำ� กจิ กรรมเกยี่ วกบั การเขยี น เชน่ การลากเสน้ ในลกั ษณะตา่ งๆ การเขยี นรูปเรขาคณิตตา่ งๆ ตามแบบ เช่น วงกลม ส่ีเหลีย่ ม สามเหลย่ี ม เป็นตน้ 3.5 การพับ เด็กควรได้พบั กระดาษแบบงา่ ยๆ โดยอาจพับเล่นเองอยา่ งอสิ ระ หรือพับตาม แบบ เช่น พับกระดาษสองทบ สามทบ พบั กระดาษเปน็ หน้าสัตวต์ ่างๆ เป็นตน้ 3.6 การวาดภาพ เด็กควรมีโอกาสได้ใช้ดนิ สอสหี รอื สีเทยี นวาดภาพตา่ งๆ ตามจินตนาการ ซึง่ อาจเป็นภาพคน สตั ว์ สง่ิ ของ หรอื ภาพอ่ืนตามความสนใจ มสธในการจดั กจิ กรรมเพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ กลา้ มเนอื้ เลก็ บรเิ วณมอื นว้ิ มอื ขอ้ มอื และการประสานสมั พนั ธ์ ดงั กล่าว พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครจู �ำเป็นต้องมคี วามรู้และความเขา้ ใจพฒั นาการด้านการใชก้ ลา้ มเน้ือเล็ก และการประสานสัมพันธ์ของเด็กปฐมวัยแต่ละช่วงวัย เพ่ือให้สามารถจัดกิจกรรมได้อย่างเหมาะสม ซ่ึง ลกั ษณะพัฒนาการดา้ นการใชก้ ล้ามเนือ้ เล็กของเดก็ อายุ 3-6 ปี สามารถสรปุ ได้ (Turner and Helms, 1997, pp. 186-188; Gallahue, 1987, pp. 65-66) ดังน้ี มสธ มสธตารางท่ี 9.2 ลักษณะพัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนื้อเล็กของเด็กอายุ 3-6 ปี มสธ1. การโยนพัฒนาการด้านการใช้อายุ 3-4 ปี ลักษณะพฤติกรรมของเด็กปฐมวัย อายุ 5-6 ปี กล้ามเน้ือเล็ก อายุ 4-5 ปี - โยนลกู บอลดว้ ยมือ - โยนลกู บอลได้ไกลข้นึ - โยนลกู บอลคลา้ ยผู้ใหญ่ ทัง้ สอง ล�ำตวั ตรง มสธ มสธ มสธ2. การรบั ตามแนวระนาบ ยื่นเทา้ ออกมาใช้แขน เทา้ อยูก่ ับที่ เหว่ยี งลูก - รับลกู บอลดว้ ยแขนตรง - รบั ลูกบอลด้วยแขน - รบั ลกู บอลขนาดเลก็ ลง รับพลาดมากกวา่ ขณะข้อศอกอยูห่ น้า ไดด้ ้วยมือ พบั ขอ้ ศอก รับลูกได้ ลำ� ตัว ยงั กะระยะไมถ่ ูก ขา้ งลำ� ตัว กะระยะได้ดี พอควร - รับลกู บอลทก่ี ระดอน ข้ึนจากพน้ื ไดด้ ้วยมือ ท้ังสอง

มสธพัฒนาการด้านการใช้ การจัดประสบการณเ์ พ่อื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นร่างกาย 9-21 กล้ามเน้ือเล็ก ตารางที่ 9.2 (ต่อ) มสธ มสธ มสธ3. การหยิบจับ อายุ 3-4 ปี ลักษณะพฤติกรรมของเด็กปฐมวัย อายุ 5-6 ปี อายุ 4-5 ปี - ต่อแทง่ ไม้บล็อกได้ - ต่อแท่งไมบ้ ล็อกได้ - ตอ่ แทง่ ไม้บลอ็ กไดส้ ูง โดยไมล่ ม้ โดยไม่ลม้ ไมล่ ม้ - ต่อไมบ้ ลอ็ กเป็นแทง่ - ตอ่ แทง่ ไมบ้ ลอ็ กเป็นรปู - ต่อแทง่ ไม้บลอ็ กเป็นรูป สะพานตามแบบได้ ประตูตามแบบได้ บนั ไดได้ - หยิบลกู กวาดใสข่ วด - หยบิ ลูกกวาดใสข่ วด - หยิบลกู กวาดใส่ขวด 10 เม็ด ได้ในเวลา 10 เมด็ ได้ในเวลา 10 เมด็ ไดใ้ นเวลา 30 วนิ าที 25 วินาที 18-20 วนิ าที - ต่อภาพตดั ต่อ - ตอ่ ภาพตดั ต่อ - ต่อภาพตดั ตอ่ 3-5 ช้ินได้ มสธ มสธ5. การขีดเขยี น 6–9 ช้ินได้ 7-15 ช้นิ ได้ 4. การตัด - ตัดกระดาษเป็นช้นิ ส่วน - ตดั กระดาษตาม - ตดั กระดาษตาม เสน้ ตรงได้ เส้นโค้งได้ - เขยี นรปู วงกลมตาม - เขียนรปู สเ่ี หลีย่ มจัตรุ สั - เขียนรูปสามเหล่ยี ม แบบได้ ตามแบบได้ ตามแบบได้ มสธ7. การวาด 6. การพับ - พบั และรีดสันกระดาษ - พับและรีดสนั กระดาษ - พบั และรีดสันกระดาษ สองทบตามแบบได้ สามทบตามแบบได้ ได้คลอ่ งแคล่วหลายทบ - วาดภาพคนมศี ีรษะ - วาดภาพคนมีศีรษะ - วาดภาพคนมศี ีรษะ ตา ขา ปาก ตา ขา ปาก ล�ำตัว ตา ขา ปาก ลำ� ตัว เท้า เทา้ จมูก จมกู แขน คอ มือ ผม สรุปได้ว่า ขอบข่ายการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกายควรจัดให้ครอบคลุม ทั้งด้านสขุ ภาพอนามัย ด้านการใช้กล้ามเนอ้ื ใหญ่ และดา้ นการใช้กลา้ มเนอ้ื เลก็ ซ่ึงสามารถสรปุ ไดด้ งั นี้ 1) ด้านสุขภาพอนามัย เป็นภาวะความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจที่เกี่ยวข้องกับการรักษา มสธ มสธความสะอาดของรา่ งกาย การรบั ประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ การพักผ่อน การดแู ลรกั ษาความปลอดภยั และการป้องกันโรค 2) ด้านการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ เป็นการใช้กล้ามเนื้อท่ีช่วยให้ร่างกายสามารถเคล่ือนท่ีและ เคลื่อนไหวอวยั วะท่ีสำ� คัญของร่างกาย เช่น ลำ� ตวั หัวไหล่ แขน ขา ท่ีใช้ในการเดนิ การวิ่ง การกระโดด การกลง้ิ หรอื มว้ นตวั การขวา้ ง การปา ซง่ึ การเคลอื่ นไหวรา่ งกายดงั กลา่ วตอ้ งอาศยั การทำ� งานทป่ี ระสานกนั มสธของกล้ามเน้อื ส่วนต่างๆ

9-22 การจัดการศึกษาและหลกั สูตรส�ำหรบั เด็กปฐมวัย 3) ดา้ นการใชก้ ลา้ มเนอื้ เลก็ เปน็ กลา้ มเนอื้ ทใ่ี ชใ้ นการหยบิ จบั สงิ่ ของ ซง่ึ สว่ นมากจะอยใู่ นบรเิ วณ มสธขอ้ มือ มอื น้วิ มอื การทำ� งานของกล้ามเนื้อเลก็ ในสว่ นต่างๆ เหลา่ น้ี ตอ้ งใช้การสมั ผสั รับรู้ และการทำ� งาน ประสานกันหรือให้สัมพันธ์กันของกล้ามเน้ือ เช่น การท�ำงานประสานกันของกล้ามเน้ือมือ ตา ข้อมือ นวิ้ มอื ในการหยบิ จบั สงิ่ ของต่างๆ เป็นต้น มสธ มสธกิจกรรม9.1.3 ใหอ้ ธบิ ายและยกตวั อยา่ งขอบขา่ ยการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการใชก้ ลา้ มเนอ้ื เลก็ แนวตอบกิจกรรม 9.1.3 การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการใช้กล้ามเน้ือเล็ก เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อฝึก มสธการใช้และควบคมุ กลา้ มเนอ้ื บริเวณขอ้ มอื มือ และนิ้วมือ ใหส้ ามารถท�ำงานประสานสมั พนั ธก์ ับตาในการ มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธหยบิ จบั ลากเสน้ ใชก้ รรไกร ขีดเขยี น พบั และวาดภาพได้ตามความสนใจ

การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านรา่ งกาย 9-23 มสธตอนที่ 9.2 การจัดประสบการณ์และสื่อที่ใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย โปรดอา่ นหัวเรื่อง แนวคดิ และวัตถปุ ระสงคข์ องตอนท่ี 9.2 แล้วจงึ ศึกษารายละเอียดต่อไป มสธ มสธหัวเร่ือง 9.2.1 การจดั ประสบการณ์และส่อื ท่ีใชใ้ นการพัฒนาเด็กปฐมวยั ดา้ นสขุ ภาพอนามยั 9.2.2 การจัดประสบการณ์และสอ่ื ทใี่ ช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านกลา้ มเนอื้ ใหญ่ 9.2.3 การจัดประสบการณแ์ ละส่อื ท่ีใช้ในการพัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านกล้ามเนอ้ื เล็ก มสธแนวคิด 1. การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นสขุ ภาพอนามยั เปน็ การจดั กจิ กรรมและ ประสบการณ์ที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต ภาวะโภชนาการ พฤติกรรมสุขนิสัยและ การดูแลความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น ท่ีต้องมีวัสดุอุปกรณ์ และสิ่งของเครื่องใช้ เปน็ ส่อื ในการจดั กจิ กรรมอย่างเหมาะสม มสธ มสธ2. การจัดประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวัยดา้ นกล้ามเน้ือใหญ่ เปน็ การจดั กิจกรรมและ ประสบการณเ์ พอื่ สง่ เสรมิ และกระตนุ้ ความแขง็ แรงของกระดกู และฝกึ ใชก้ ลา้ มเนอื้ บรเิ วณ ล�ำตัว หัวไหล่ แขน และขาให้สามารถท�ำงานได้อย่างประสานสัมพันธ์กันในการ เคล่ือนไหว ซึ่งจ�ำเป็นต้องใช้วัสดุ อุปกรณ์ สนาม และเครื่องเล่นในสนามที่ปลอดภัย เพ่ือส่งเสริมให้เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อในการเคล่ือนไหวร่างกายได้อย่างหลากหลายและ สนุกสนาน มสธ3. การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนอื้ เลก็ เปน็ การจดั กจิ กรรม และประสบการณ์ท่ีให้เด็กได้มีโอกาสฝึกใช้และควบคุมการท�ำงานของกล้ามเนื้อเล็ก บริเวณข้อมือ มือ และน้ิวมือ ให้ประสานสัมพันธ์กับตา เพ่ือให้สามารถใช้มือหยิบ จบั ลากเสน้ และท�ำกจิ กรรมตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งคล่องแคลว่ การจดั กิจกรรมจ�ำเปน็ ตอ้ งใช้ มสธ มสธ มสธสือ่ และอปุ กรณ์ทห่ี ลากหลายให้เด็กสามารถเลอื กใชไ้ ดต้ ามความถนัดและความสนใจ

9-24 การจัดการศึกษาและหลักสตู รสำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย มสธวัตถุประสงค์ เม่ือศกึ ษาตอนท่ี 9.2 จบแล้ว นกั ศึกษาสามารถ 1. อธิบายและยกตัวอย่างการจัดประสบการณ์และสื่อที่ใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้าน สุขภาพอนามัยตามทกี่ ำ� หนดใหไ้ ด้ มสธ มสธ2. อธิบายและยกตัวอย่างการจัดประสบการณ์และสื่อที่ใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้าน กลา้ มเนอื้ ใหญไ่ ด้ 3. อธิบายและยกตัวอย่างการจัดประสบการณ์และสื่อท่ีใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้าน มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธกลา้มเนอ้ืเลก็ ได้

การจัดประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านรา่ งกาย 9-25 มสธความน�ำ การจัดประสบการณ์และการใช้ส่ือเพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย เป็นบทบาทหน้าที่ของทั้ง พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครู เพยี งแตล่ กั ษณะกจิ กรรมและวธิ กี ารจดั กจิ กรรมของพอ่ แมผ่ ปู้ กครองอาจมลี กั ษณะ มสธ มสธแตกตา่ งจากครู โดยพอ่ แม่ ผปู้ กครองอาจจดั กจิ กรรมทเ่ี ปน็ สว่ นหนงึ่ ของกจิ วตั รประจำ� วนั หรอื วถิ กี ารดำ� เนนิ ชวี ติ ของครอบครัวท่ีไม่เป็นทางการ ไม่มีข้ันตอนและวิธีการจัดกิจกรรมท่ีชัดเจนเหมือนครู เด็กได้เรียนรู้และ พัฒนาในลักษณะของการซึมซับโดยไม่รู้ตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปจากการท�ำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกใน ครอบครัว อย่างไรก็ตาม กิจกรรมท่ีให้เด็กท�ำควรมีจุดมุ่งหมายว่าต้องการให้เด็กได้เรียนรู้หรือพัฒนาใน เรื่องใด เช่น การไปออกก�ำลังกายท่ีสวนสาธารณะใกล้บ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพ่ือต้องการให้เด็ก ได้ออกกำ� ลังวงิ่ เลน่ ได้ใช้พลงั งานท่ีเด็กมอี ย่ใู นตัวเป็นจ�ำนวนมาก รวมทัง้ ปนี ป่ายเคร่อื งเล่นเพื่อใหก้ ระดูก มสธและกล้ามเนื้อได้รับการพัฒนา หรือการให้เด็กช่วยท�ำอาหาร เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้วิธีการล้างผักและ ประโยชน์ของผัก รวมทั้งใหเ้ ดก็ ลองรับประทานอาหารทป่ี รงุ จากผัก ซง่ึ โดยปกตเิ ดก็ ไมช่ อบ เป็นตน้ แต่ การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อื่ เพอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกายทคี่ รเู ปน็ ผจู้ ดั เปน็ กจิ กรรมทคี่ อ่ นขา้ ง เป็นทางการ มกี ารวางแผนและเตรียมการล่วงหน้า มีรายละเอยี ดการจดั กจิ กรรมตามขน้ั ตอน และการใช้ มสธ มสธสื่อประกอบการจัดกิจกรรมที่ครูต้องให้ความส�ำคัญตั้งแต่การเลือกและการใช้เพ่ือช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ตาม วัตถุประสงค์ที่ได้ก�ำหนดไว้ ดังน้ัน รายละเอียดการจัดประสบการณ์และการใช้สื่อเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย ดา้ นรา่ งกายทจ่ี ะกลา่ วถงึ ในตอนท่ี 9.2 จงึ ใหค้ วามสำ� คญั กบั การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อ่ื ของครู ดงั มี มสธ มมสสธธ มสธรายละเอียดในเร่อื งที่ 9.2.1-9.2.3 ดังต่อไปน้ี

9-26 การจัดการศึกษาและหลกั สูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั มสธเร่ืองที่ 9.2.1 การจัดประสบการณ์และสื่อที่ใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านสุขภาพอนามัย มสธ มสธสุขภาพอนามัยส�ำหรับเด็กปฐมวัยเป็นเรื่องท่ีมีความส�ำคัญอย่างย่ิงท่ีจะช่วยให้ร่างกายโดยรวมมี การเจริญเตบิ โต แข็งแรง ไมเ่ จ็บปว่ ยง่าย การจดั ประสบการณเ์ พ่อื พัฒนาเด็กปฐมวัยด้านสขุ ภาพอนามยั จงึ เปน็ เรอ่ื งของการสรา้ งนสิ ัยใหแ้ กเ่ ดก็ ท่ีครอบคลุมโภชนาการ สุขนิสยั และความปลอดภยั (Morrison, 2017) ดว้ ยการใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรถู้ งึ การรบั ประทานอาหารทม่ี คี ณุ คา่ ทางโภชนาการ ใหพ้ ลงั งานเพยี งพอกบั ความต้องการของร่างกาย มีพฤติกรรมสุขนิสัย และออกก�ำลังกายอย่างสม่ําเสมอ เพ่ือช่วยให้เด็กมีการ มสธเจรญิ เติบโตอย่างเหมาะสมกบั วยั ขณะเดยี วกันตอ้ งใหเ้ ดก็ ไดเ้ รียนรูท้ ี่จะระมัดระวังในเรอื่ งความปลอดภยั ของตัวเด็กเองและผู้อ่ืนขณะเล่นและท�ำกิจกรรม ในการจัดประสบการณ์เพื่อส่งเสริมสุขภาพอนามัยให้แก่ เด็กปฐมวัย เป็นหน้าท่ีและความรับผิดชอบโดยตรงของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูที่ต้องเป็นต้นแบบที่ดี ใหแ้ กเ่ ดก็ ฝกึ ใหเ้ ดก็ ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผทู้ มี่ สี ขุ นสิ ยั อยา่ งสมาํ่ เสมอและตอ่ เนอ่ื ง รวมถงึ การจดั กจิ กรรมทส่ี ง่ เสรมิ มสธ มสธพฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหารทม่ี ปี ระโยชนส์ ะอาดและปลอดภยั การดแู ลรกั ษาสขุ ภาพอนามยั และความ ปลอดภัยของตนเองและผู้อนื่ ซ่งึ การจดั ประสบการณ์ด้านสขุ ภาพอนามยั มีจดุ ม่งุ หมายทีส่ ำ� คัญ ดังนี้ 1. เพือ่ สง่ เสริมให้เดก็ มพี ฤติกรรมการรับประทานอาหารทีถ่ กู ต้องตามหลกั โภชนาการ 2. เพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ มพี ฤตกิ รรมสขุ นสิ ยั ในการดแู ลรกั ษาความสะอาดของรา่ งกาย สงิ่ ของเครอ่ื งใช้ การพักผ่อน และการปอ้ งกันตนเองจากโรคตดิ ตอ่ ตา่ งๆ 3. เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีพฤติกรรมการดูแลรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นในการท�ำ มสธกจิ วัตรประจำ� วัน และการเลน่ ในหอ้ งเรยี นและนอกห้องเรียน การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อื่ เพอื่ สง่ เสรมิ สขุ ภาพอนามยั ของเดก็ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคด์ งั กลา่ ว สามารถปฏิบัตแิ ละจดั กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งหลากหลาย ดังตวั อยา่ งต่อไปน้ี 1. กิจกรรมการปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูต้องสนทนาพูดคุยอบรม สง่ั สอนและปลกู ฝงั สรา้ งเสรมิ ใหเ้ ดก็ มพี ฤตกิ รรมสขุ นสิ ยั ควบคไู่ ปกบั การใหเ้ ดก็ ฝกึ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทเี่ ปน็ สว่ น มสธ มสธหน่ึงของกิจวัตรประจ�ำวันอย่างสมํ่าเสมอ และสอนให้เด็กระมัดระวังดูแลรักษาความปลอดภัยของตนเอง และผอู้ น่ื ระหวา่ งทำ� กจิ กรรม ขณะเดยี วกนั ตอ้ งเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ใี หแ้ กเ่ ดก็ ทง้ั ในดา้ นการรบั ประทานอาหาร หลากหลายชนดิ ท่มี ีประโยชน์ การหยิบ จบั ใช้ และถือสงิ่ ของเคร่ืองใช้ท่มี คี มและทท่ี �ำจากวสั ดเุ ปราะบาง แตกหักง่าย 1.1 แนวทางการจัดกิจกรรมการปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน เนอ่ื งจากเดก็ วยั นเ้ี รยี นรไู้ ดด้ จี าก การเลียนแบบบุคคลท่อี ย่ใู กลช้ ดิ โดยเฉพาะบุคคลใกล้ชิดท่เี ดก็ รักและศรัทธา ดังนนั้ การจดั กจิ กรรมการ มสธปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำ� วนั นอกจากการใหเ้ ดก็ ลงมอื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมอยา่ งสมาํ่ เสมอแลว้ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และ ครคู วรเป็นแบบอย่างทด่ี ีใหแ้ กเ่ ด็ก โดยมีแนวทางการปฏบิ ัติ ดงั นี้

การจัดประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นร่างกาย 9-27 1) กระตนุ้ หรอื จงู ใจใหเ้ ดก็ สมคั รใจทำ� ดว้ ยตนเอง จากการเหน็ คณุ คา่ และประโยชนข์ องสงิ่ ที่ มสธท�ำด้วยการพูดคุยสนทนาและยกตัวอย่าง จะท�ำให้เด็กท�ำด้วยความเต็มใจและอย่างมีความสุข เกิดความ เคยชิน ท�ำจนเป็นนสิ ัย 2) ควรฝกึ ทลี ะพฤตกิ รรม ไมเ่ รง่ รดั และเครง่ ครดั จนเกนิ ไปจนเดก็ รสู้ กึ เครยี ดและมเี จตคตทิ ่ี ไม่ดีต่อเร่ืองนั้นๆ ถึงแม้เด็กปฏิบัติได้เองโดยไม่ต้องตักเตือนก็ต้องคอยสังเกตและดูแลให้เด็กปฏิบัติอย่าง มสธ มสธตอ่ เนอ่ื งสม่าํ เสมอ แลว้ จึงเร่มิ ฝึกให้เด็กปฏิบัตใิ นเรอ่ื งอนื่ ๆ ต่อไป 3) เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก รวมท้ังชักชวนให้เด็กท�ำไปพร้อมกัน เม่ือเด็กสามารถท�ำ ได้ดี ต้องใหค้ �ำชมเชยในทันทีเพื่อใหเ้ ด็กเกิดความภาคภูมิใจในความสำ� เรจ็ ของตนเอง 4) จดั เตรยี มอปุ กรณเ์ ครอื่ งใชป้ ระกอบการปฏบิ ตั ใิ หพ้ รอ้ มและเหมาะสมกบั วยั เดก็ สามารถ หยิบใช้ไดด้ ว้ ยตนเอง 1.2 สื่อท่ีใช้ในการจัดกิจกรรมการปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน ในการฝึกพฤติกรรมด้าน มสธสุขนิสัยให้ประสบความส�ำเร็จ ส่ือที่ใช้ประกอบการจัดกิจกรรมก็นับว่ามีความส�ำคัญเช่นกัน อุปกรณ์และ เครือ่ งใชต้ า่ งๆ ต้องเหมาะสมกับวัย มีความครบถ้วนสมบรู ณ์ และพร้อมใช้งาน เดก็ สามารถหยบิ ใช้ได้เอง ไมต่ อ้ งขอความชว่ ยเหลอื จากผใู้ หญ่ เชน่ การแปรงฟนั เดก็ ตอ้ งมแี ปรงสฟี นั ขนาดเหมาะสมกบั ปาก ขนแปรง ไม่แขง็ ยาสฟี นั ส�ำหรับเดก็ ทไ่ี ม่เผ็ดร้อน มีแก้วน้าํ และอ่างล้างหน้าท่มี ีความสงู เหมาะกบั วยั มีผ้าสำ� หรบั เช็ดปากทส่ี ะอาด ทกุ อยา่ งจดั วางไว้ในระดับทเ่ี ด็กสามารถหยบิ ใชไ้ ด้ด้วยตนเอง เป็นตน้ มสธ มสธ2. กิจกรรมประกอบอาหาร เป็นการจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์ที่เด็กได้เรียนรู้จากประสบ- การณ์ตรงในการท�ำอาหารแบบง่ายๆ ที่มีประโยชน์เหมาะสมกับวัยเป็นกลุ่มย่อย ท้ังประเภทเคร่ืองด่ืม อาหารคาว และอาหารหวาน ประสบการณ์ท่ีเด็กได้รับจากการประกอบอาหารจะท�ำให้เด็กได้รับความรู้ เกดิ ความรสู้ กึ ประสบความสำ� เรจ็ และทสี่ ำ� คญั ชว่ ยปลกู ฝงั ลกั ษณะนสิ ยั ในการรบั ประทานอาหารทตี่ ดิ ตวั ไป ตลอดชวี ติ กจิ กรรมประกอบอาหารชว่ ยใหเ้ ดก็ มคี วามรแู้ ละความเขา้ ใจวา่ อาหารทมี่ ปี ระโยชน์ สะอาด และ ถูกหลักโภชนาการช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ได้เรียนรู้มารยาทในการรับประทานอาหาร และพัฒนา มสธพฤตกิ รรมสขุ นสิ ยั เชน่ การลา้ งมอื การลา้ งภาชนะ การเตรยี มอาหารทส่ี ะอาดถกู หลกั อนามยั และไดเ้ รยี นรู้ ประโยชนข์ องอาหาร เชน่ การรบั ประทานผกั และผลไมบ้ างชนดิ ชว่ ยในการขบั ถา่ ยได้ บางชนดิ ชว่ ยปอ้ งกนั เลือดออกตามไรฟัน หรือช่วยให้ผิวสวย เป็นต้น นอกจากนี้ เด็กยังได้เรียนรู้และชิมอาหารบางชนิดท่ี ไม่เคยรู้จักมาก่อน และส่วนประกอบของอาหารต่างวัฒนธรรม รวมถึงเร่ืองความปลอดภัยจากการใช้ เครอ่ื งครวั ตา่ งๆ เชน่ การใชม้ ดี ครก กระทะ เตาไฟ ถว้ ยแกว้ และถว้ ยชามทต่ี อ้ งใชอ้ ยา่ งระมดั ระวงั เปน็ ตน้ มสธ มสธ2.1 แนวทางการจัดกิจกรรมประกอบอาหาร การจัดกิจกรรมประกอบอาหารส�ำหรับเด็ก ปฐมวัยที่จะใหป้ ระสบความสำ� เร็จและมคี วามปลอดภยั ไดน้ นั้ มแี นวทางในการจัดกิจกรรม ดงั นี้ 1) รายการอาหารท่ีจะให้เด็กท�ำ ต้องเป็นอาหารท่ีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เหมาะกับ วัย และมีข้ันตอนการท�ำท่ีไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก และเด็กทุกคนสามารถมีส่วนร่วม ในการประกอบกิจกรรมอย่างทว่ั ถึง 2) ต้องมีการหาข้อมูลมาก่อนว่ามีเด็กแพ้อาหารบางประเภทหรือไม่ หรือความเช่ือ มสธของแต่ละครอบครวั เกีย่ วกบั อาหาร เช่น อาหารประเภทใดรับประทานได้-ไม่ได้

9-28 การจดั การศกึ ษาและหลกั สูตรสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั 3) ใหเ้ ดก็ มสี ว่ นรว่ มในการจดั เตรยี มเครอ่ื งปรงุ ทจี่ ะนำ� มาประกอบอาหารเทา่ ทเ่ี ดก็ จะ มสธสามารถหามาไดโ้ ดยไมเ่ ดอื ดรอ้ น โดยอาจนำ� ผกั และผลไมท้ บ่ี า้ นมมี ารว่ มกจิ กรรม เพอ่ื สรา้ งความรสู้ กึ ของ การมีส่วนรว่ ม 4) อธบิ ายรายละเอยี ดของขน้ั ตอนการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมประกอบการสาธติ ใหเ้ ดก็ เขา้ ใจ ก่อนให้เด็กลงมือปฏบิ ตั ิกิจกรรมเป็นกล่มุ ย่อย มสธ มสธ5) ใหเ้ ดก็ มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามความรู้ ความสามารถ และความสนใจ ของแต่ละคน ไม่ควรบังคับให้เด็กท�ำในสิ่งที่เด็กไม่ถนัด หรือไม่อยากท�ำ และมีข้อตกลงในการปฏิบัติ กิจกรรมรว่ มกัน โดยเฉพาะในเร่อื งการใช้อุปกรณท์ ่อี าจเปน็ อันตรายต่อเด็ก 6) ขณะเดก็ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมครตู อ้ งดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ และพรอ้ มใหก้ ารชว่ ยเหลอื ไดท้ นั ท่วงที 7) หากมเี ดก็ บางคนปฏเิ สธทจ่ี ะรบั ประทานอาหารทช่ี ว่ ยกนั ทำ� ครไู มค่ วรบงั คบั เพราะ มสธจะย่งิ ท�ำใหเ้ ดก็ มีเจตคตทิ ีไ่ ม่ดีต่ออาหารชนิดนัน้ ๆ หรอื เด็กมีความประสงคจ์ ะขอชมิ อาหาร ควรตักให้เดก็ แตน่ ้อย เม่ือหมดจึงเติมใหอ้ ีก 8) หลังจากปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้วต้องให้เด็กช่วยกันจัดเก็บและท�ำความสะอาด อุปกรณแ์ ละสถานที่ใหเ้ รียบรอ้ ย 2.2 ส่ือท่ีใช้ในการจัดกิจกรรมประกอบอาหาร ในการจดั กจิ กรรมประกอบอาหาร ครูต้อง มสธ มสธให้ความสำ� คญั กบั การจัดเตรยี มอปุ กรณแ์ ละเคร่ืองใช้ในการประกอบอาหารทมี่ ีความปลอดภยั และเหมาะ กับวัยของเด็ก โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ท่อี าจเปน็ อนั ตรายต่อเด็ก เช่น มีดไมค่ วรคมมากและปลายมดี ไม่แหลม อาจใช้มีดพลาสติก หรือมีดท่ีใช้บนโต๊ะอาหาร ทั้งน้ีต้องเหมาะสมกับส่ิงที่เด็กจะต้องห่ันหรือตัด ประกอบด้วย หรือครกก็ไม่ควรเป็นครกขนาดใหญ่ท่ีสากมีน้ําหนักมากเกินก�ำลังเด็ก เป็นต้น นอกจากนี้ อาหารทีจ่ ะใหเ้ ดก็ ทำ� ควรใช้เคร่ืองปรุงท่ีเปน็ ผกั และผลไม้ทมี่ ีตามฤดกู าลในทอ้ งถนิ่ หาไดไ้ ม่ยาก ราคาไม่ แพง เดก็ สามารถซอ้ื หามารว่ มกจิ กรรมได้ มสธ3. กิจกรรมการเล่านิทาน นทิ านเปน็ เรอ่ื งราวทเ่ี กดิ จากจนิ ตนาการของผเู้ ลา่ หรอื องิ ความจรงิ เพอื่ ให้เกิดความสนกุ สนานเพลิดเพลนิ ความรู้ สอดแทรกคติ แนวคิด คุณธรรมจริยธรรมที่พึงประสงค์ อีกทัง้ ยงั เพม่ิ พนู ลกั ษณะนสิ ยั ทดี่ เี พอื่ เปน็ แนวทางใหเ้ ดก็ ไดป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ติ าม นทิ านชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกบั ขนบธรรมเนียมประเพณีในการด�ำเนินชีวิตของบุคคลท่ีอยู่ในสังคมด้านการประพฤติปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่อง ละเอียดอ่อนที่จะซึมซับลงไปในจิตใจของเด็กทีละเล็กทีละน้อย ช่วยกระตุ้นให้เด็กเลียนแบบพฤติกรรม มสธ มสธที่ดีงาม และปรับแก้พฤติกรรมที่ไม่ดีของเด็ก เช่น การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย การอาบน้ํา แปรงฟัน ล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหาร การเลือกรับประทานอาหารท่ีสะอาดถูกสุขลักษณะและ มปี ระโยชนต์ อ่ รา่ งกาย เปน็ ตน้ ครสู ามารถใชน้ ทิ านเปน็ สอ่ื โนม้ นา้ วใหเ้ ดก็ ปฏบิ ตั ติ ามจดุ ประสงคก์ ารเรยี น มสธทีต่ ั้งไว้โดยง่าย

การจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวยั ดา้ นรา่ งกาย 9-29 3.1 แนวทางการจดั กจิ กรรมการเลา่ นทิ าน การเลา่ นทิ านใหเ้ ดก็ ฟงั อาจมวี ธิ กี ารทห่ี ลากหลาย มสธแตกต่างกันไป ท่ีส�ำคัญต้องสร้างความประทับใจและสามารถดึงดูดความสนใจของเด็กให้อยู่กับนิทาน ท่ีผู้เลา่ เล่าใหเ้ ด็กฟงั ได้ ชวี นั วสิ าสะ (2558) และเกรกิ ยนุ้ พันธ์ (2543)ได้เสนอแนวทางการเล่านทิ านไว้ ดังน้ี 1) เร่ิมตน้ ดว้ ยถอ้ ยค�ำท่เี รียกความสนใจ ฟงั แล้วนา่ ตืน่ เตน้ จูงใจใหต้ ิดตามเรือ่ ง มสธ มสธ2) พยายามหลีกเล่ยี งการบรรยายและการอธิบายท่ไี มจ่ �ำเปน็ 3) เม่อื ตวั ละครพูดคุยกัน ควรใช้บทสนทนาในหนังสือ 4) การเล่าควรใช้นํ้าเสียงที่ช้า ชัดเจน มีหนักเบา เน้นเสียงที่ควรเน้น ทอดจังหวะ หยดุ ในที่ทค่ี วรหยดุ 5) ผเู้ ลา่ อาจใชส้ หี นา้ ทา่ ทางประกอบบา้ ง โดยใสอ่ ารมณข์ องตวั ละครขณะดใี จ เสยี ใจ หรือโกรธเพยี งเล็กน้อย ไม่ต้องมากเหมือนนักแสดงละคร มสธ6) การเลา่ บางครงั้ ถา้ มสี อ่ื ประกอบการเลา่ เชน่ ของจรงิ หนุ่ ชนดิ ตา่ งๆ ภาพประกอบ ฯลฯ จะชว่ ยดงึ ดูดความสนใจของเดก็ ได้มาก แตต่ อ้ งไมล่ ืมให้เด็กรู้จกั ความไพเราะของถอ้ ยคำ� และสำ� นวน จากนทิ าน 7) เวลาทีใ่ ชใ้ นการเล่านิทานไมค่ วรนานเกนิ ไป ความสนใจของเด็กอายุ 4-6 ปี อยู่ ทป่ี ระมาณ 10-15 นาที ขณะเลา่ นทิ านควรสังเกตความสนใจของเด็ก หากเดก็ เรม่ิ หมดความสนใจควรรบี มสธ มสธสรปุ จบ 8) หลงั จากฟงั นทิ านจบ ควรมกี จิ กรรมใหเ้ ดก็ มสี ว่ นรว่ ม เชน่ ใหเ้ ลา่ นทิ านทไี่ ดฟ้ งั ไป แลว้ ตอบค�ำถามเก่ียวกบั นทิ าน หรืออาจใหเ้ ดก็ แสดงบทบาทสมมติตามเนอ้ื หาของนทิ าน เปน็ ต้น 3.2 สื่อท่ีใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเล่านิทาน ในการจัดกิจกรรมการเล่านิทานครู สามารถใช้ส่ือประกอบการจัดกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย แต่ส่ือท่ีส�ำคัญท่ีสุด คือ นิทาน เนื่องจากเป็น สอื่ หลักทตี่ อ้ งนำ� มาเล่าหรืออ่านให้เด็กฟงั นิทานต้องมีประโยชน์และเหมาะสมกับวยั ครูต้องพิถีพถิ ันและ มสธพิจารณาเรื่องที่จะน�ำมาเล่าให้รอบคอบ ทั้งน้ีเพราะการฟังนิทานเป็นกิจกรรมท่ีส่งผลกระทบถึงจิตใจและ พฤติกรรมของเด็ก ซ่งึ ส�ำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษาแหง่ ชาติ (2553) ไดเ้ สนอแนวทางในการเลอื ก นทิ านสำ� หรบั เด็กปฐมวัยไว้ ดังน้ี 1) เหมาะสมกบั วยั ความพรอ้ ม และวฒุ ภิ าวะของเดก็ เดก็ ยงิ่ เลก็ เนอื้ เรอื่ งของนทิ าน ยงิ่ ตอ้ งเป็นเร่ืองท่ีแสดงข้อเทจ็ จรงิ เพอื่ ใหเ้ ดก็ เกดิ ความคิดรวบยอดที่ถกู ตอ้ ง สำ� หรับเด็กโต ครคู วรน�ำเรื่อง มสธ มสธแปลกๆ และมหัศจรรยเ์ พ้อฝันมาเล่าให้เดก็ ฟงั 2) สนองความต้องการพื้นฐานและความต้องการตามธรรมชาติของเด็ก อย่างน้อย ทส่ี ดุ นทิ านจะตอ้ งทำ� ใหเ้ ดก็ ไดร้ บั ความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ เชน่ เรอ่ื งเกยี่ วกบั สตั วห์ รอื เดก็ ในวยั เดยี วกนั การทอ่ งเท่ียว ธรรมชาติ สง่ิ มหศั จรรย์เหนือธรรมชาติ เป็นตน้ 3) กระตนุ้ และปลกุ เรา้ จนิ ตนาการของเดก็ เนอื้ หาจงึ ควรมสี ง่ิ ทเี่ ปน็ สนุ ทรยี ภาพความ งดงามตน่ื ตาตน่ื ใจปรากฏอยู่ โดยเฉพาะอย่างย่ิงกบั เด็กทม่ี ีอายรุ ะหว่าง 4-6 ปี ซง่ึ เปน็ ชว่ งทีก่ ำ� ลงั พฒั นา มสธความคิดจินตนาการ ดังนั้น การเลือกนิทานมาเล่าหรืออ่านให้เด็กวัยนี้ฟังควรเลือกเร่ืองท่ีมีการพรรณนา

9-30 การจดั การศึกษาและหลกั สตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวัย ถึงความงดงามของธรรมชาติ ลักษณะท่ีแปลกประหลาดน่าพิศวงของสัตว์ ความงดงามของนางฟ้าหรือ มสธความน่าเกลยี ดน่ากลวั ของแมม่ ด ความนา่ รักนา่ เอ็นดูของสัตวเ์ ลีย้ งตา่ งๆ เปน็ ตน้ 4) เป็นวรรณกรรมทดี่ ีทั้งโครงเรื่อง พฤตกิ รรมทเี่ ดน่ ชัดของตัวละคร แนวความคิดที่ สรา้ งสรรค์ และภาษาทเ่ี หมาะสมชดั เจน งา่ ย และใชภ้ าษาสภุ าพ เสนอแนะวธิ แี กป้ ญั หาแกเ่ ดก็ ในการเผชญิ ปัญหาอุปสรรคและความยากล�ำบากด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ ใช้ความพากเพียร มานะอดทน และสติปัญญา มสธ มสธในการแก้ไขปญั หา 5) เนอ้ื หาหลากหลาย ตัวละครเอกอยใู่ นวยั เดียวกับเด็ก แมว้ า่ ตัวละครจะเป็นสัตวก์ ็ ต้องมีพฤติกรรมทมี่ ีลกั ษณะเปน็ เดก็ เช่นเดียวกบั ผ้ฟู งั ในการเลอื กนิทานมาเลา่ หรืออ่านในแต่ละคร้งั ควร ใหม้ เี นอ้ื เรอ่ื งทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไปหลายๆ แนว สำ� หรบั เดก็ เลก็ อาจตอ้ งการฟงั เรอื่ งเดมิ ซา้ํ ๆ ได้ แตถ่ า้ เปน็ เด็กโตแลว้ การนำ� เรือ่ งแนวเดยี วกนั มาเล่าบอ่ ยๆ จะท�ำใหเ้ ด็กเบอ่ื หน่ายได้ 6) แทรกบทตลกขบขนั แตต่ อ้ งเปน็ บทตลกทไ่ี มห่ ยาบคาย สง่ิ ทคี่ รแู ละผดู้ แู ลเดก็ ควร มสธระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งคือ ไม่เลือกนิทานที่มีบทตลกขบขันท่ีมีลักษณะเป็นการกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นเจ็บปวด เป็นบทตลกที่อยู่บนความอบั อายของผู้อน่ื ซึ่งลักษณะเชน่ นีเ้ ดก็ อาจนำ� ไปเปน็ แบบอยา่ งได้ 7) มเี นอ้ื หาสาระทม่ี งุ่ ใหเ้ ดก็ ไดข้ ยายประสบการณ์ ไดร้ บั ขอ้ มลู ขา่ วสารแปลกใหม่ โดย พิจารณาให้เหมาะสมกับชว่ งอายุ วุฒภิ าวะและประสบการณ์พนื้ ฐานเดมิ ของเดก็ 8) ช่วยปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีงามให้แก่เด็ก ลักษณะตัวเอกท่ีปรากฏในนิทานต้อง มสธ มสธเปน็ ตวั แบบทดี่ ใี หแ้ กเ่ ดก็ หรอื อาจเปน็ ตวั แบบทม่ี พี ฤตกิ รรมไมด่ ใี นเบอื้ งตน้ แลว้ ปรบั เปลย่ี นนสิ ยั ไปในทาง ทีถ่ ูกต้องดงี าม มีจรรยามารยาทนา่ ช่นื ชม และมีพฤติกรรมทส่ี งั คมยอมรับในท่สี ุด 9) ชว่ ยเสรมิ สรา้ งจรยิ ธรรมและคณุ ธรรมงา่ ยๆ ซึ่งเดก็ ในระดับปฐมวัยสามารถท�ำได้ เช่น เรื่องที่มีเน้ือหาสาระประเภทช้ีน�ำให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตนเอง ระมัดระวังเร่ืองความปลอดภัย รักษา สุขภาพอนามยั สว่ นตน เชน่ การแปรงฟัน การล้างมอื ก่อนรับประทานอาหารและหลงั จากเขา้ หอ้ งนา้ํ การ อาบน้าํ สระผม เปน็ ตน้ การระมัดระวงั และดแู ลความปลอดภยั ของตนเองและผู้อนื่ ขณะเลน่ และท�ำกิจวัตร มสธประจ�ำวนั เปน็ ต้น ในการเล่านิทานให้เด็กฟัง นอกจากการใช้นิทานเป็นส่ือมาเล่าให้เด็กฟังแล้ว การใช้ส่ือ ประกอบการเลา่ นทิ านกม็ คี วามสำ� คญั ทจี่ ะชว่ ยใหเ้ ดก็ มคี วามสนใจในการฟงั นทิ านมากขนึ้ ครสู ามารถใชส้ อื่ ประกอบการเล่านิทานได้อย่างหลากหลาย เช่น หุ่นชนิดต่างๆ ภาพสามมิติ การใช้น้ิวมือเคล่ือนไหว เปน็ ตวั ละครในนทิ าน ของจรงิ เปน็ ตน้ แตท่ งั้ นตี้ อ้ งสอดคลอ้ งกบั เนอ้ื หาของนทิ าน เหมาะกบั วยั และความ มสธ มสธสนใจของเด็ก และถ้าเปิดโอกาสได้เด็กมีส่วนร่วมในการใช้สื่อด้วยจะยิ่งช่วยเพิ่มความตื่นเต้นและความ สนุกสนานในการฟงั นทิ านใหแ้ กเ่ ด็กไดม้ ากขึ้น สรปุ ไดว้ า่ การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นสขุ ภาพอนามยั เปน็ สงิ่ ทพี่ อ่ แม่ ผปู้ กครอง และครตู อ้ งให้ความสำ� คัญ เนื่องจากส่งผลตอ่ การเจริญเติบโต ภาวะโภชนาการ พฤตกิ รรมสขุ นสิ ยั ในการ ดแู ลรกั ษาความสะอาดสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย ตลอดจนการระมดั ระวงั ความปลอดภยั ของตนเองและผู้อ่ืน ซึ่งการจัดกิจกรรมและประสบการณ์สามารถท�ำได้หลายวิธี เช่น การปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวันร่วมกับเด็ก มสธด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดี การจัดกิจกรรมประกอบอาหาร การเล่านิทาน เป็นต้น ในการจัดกิจกรรม

การจัดประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวัยด้านรา่ งกาย 9-31 ดังกล่าวจ�ำเป็นต้องมีสื่อและวัสดุอุปกรณ์ประกอบการท�ำกิจกรรมท่ีครูต้องให้ความส�ำคัญในการจัดหาและ มสธจดั เตรยี มให้เพยี งพอกับความตอ้ งการ เหมาะสมกบั วัย และมีความปลอดภยั ส�ำหรบั เดก็ กิจกรรม 9.2.1 มสธ มสธใหอ้ ธบิ ายและยกตวั อยา่ งการจดั ประสบการณแ์ ละสอื่ ทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรมเพอื่ สง่ เสรมิ พฤตกิ รรม การดูแลรักษาความปลอดภยั แนวตอบกิจกรรม 9.2.1 การจดั กิจกรรมเพือ่ ส่งเสริมใหเ้ ด็กดูแลรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น ควรเรมิ่ จากการ ใหเ้ ดก็ ตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ของการระมดั ระวงั เพอื่ ไมใ่ หเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตุ และผลเสยี ทเี่ กดิ จากอบุ ตั เิ หตตุ า่ งๆ มสธเช่น การบาดเจบ็ พกิ าร ความเสียหายของทรพั ยส์ ิน เป็นต้น ซงึ่ อาจจดั กจิ กรรมได้อยา่ งหลากหลาย เชน่ การใหเ้ ดก็ สนทนาพดู คยุ เกยี่ วกบั ประสบการณท์ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั อบุ ตั เิ หตตุ า่ งๆ การยกตวั อยา่ งเหตกุ ารณก์ าร เกดิ อุบตั ิเหตใุ นชมุ ชนทเ่ี ด็กรบั รูก้ นั โดยทั่วไป การเล่านิทานท่ตี ัวละครเอกของเรื่องได้รับอบุ ัติเหตุ จากนั้น มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธใหเ้ ดก็ มสี ว่ นรว่ มในการสนทนาถงึ ผลกระทบทเี่ กดิ ขนึ้ และแนวทางปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตตุ า่ งๆ เปน็ ตน้

9-32 การจดั การศกึ ษาและหลักสตู รส�ำหรบั เด็กปฐมวยั มสธเรื่องที่ 9.2.2 การจัดประสบการณ์และสื่อท่ีใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านกล้ามเน้ือใหญ่ มสธ มสธการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการใชก้ ลา้ มเนอ้ื ใหญ่ นอกจากครจู ะตอ้ งจดั กจิ กรรม กลางแจ้งเพื่อส่งเสริมให้เด็กได้ออกก�ำลัง ได้ใช้กล้ามเนื้อใหญ่และการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อส่วน ตา่ งๆ อยา่ งอสิ ระและหลากหลายเพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดร้ บั การพฒั นาอยา่ งบรู ณาการแลว้ ยงั ตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั กบั ของเลน่ และเครอื่ งเลน่ ทเี่ ดก็ ตอ้ งใชป้ ระกอบการเลน่ ทงั้ ในดา้ นความแขง็ แรงทนทานของของเลน่ และเครื่องเล่น ความเหมาะสมกับวัย วิธีการเล่นท่ีถูกต้อง ความสะอาดและความพร้อมของของเล่นและเครื่องเล่น รวม มสธตลอดถงึ การดแู ลเดก็ อยา่ งใกล้ชดิ ตลอดเวลาทเี่ ล่น ซ่ึงมจี ดุ มงุ่ หมายสำ� คญั ของการจดั ประสบการณ์ดังน้ี 1. เพ่ือพัฒนาความสามารถในการใช้และควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเน้ือบริเวณล�ำตัว หวั ไหล่ แขนและขา 2. เพื่อพัฒนาความสามารถในการควบคุมการเคล่ือนไหวของกล้ามเนื้อแขน ขา ล�ำตัว และ มสธ มสธหัวไหลไ่ ดอ้ ย่างประสานสมั พันธก์ ัน 3. เพ่ือพัฒนาความสามารถในการเคล่ือนไหวอวัยวะส่วนต่างๆ ท่ีช่วยให้ร่างกายมีการทรงตัว ทดี่ สี ามารถเคล่ือนท่ีไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ และว่องไว ส�ำหรับการจัดประสบการณ์และการใช้สื่อเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อใหญ่และ การประสานสัมพันธใ์ ห้บรรลุวตั ถุประสงค์ดงั กลา่ ว สามารถจดั กิจกรรมได้ ดังตวั อย่างตอ่ ไปน้ี 1. กิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ เปน็ กจิ กรรมทจี่ ดั ใหเ้ ดก็ ไดเ้ คลอื่ นไหวสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย มสธอยา่ งอสิ ระตามจงั หวะโดยใชเ้ สยี งเพลง คำ� คลอ้ งจอง หรอื เครอ่ื งใหจ้ งั หวะชนดิ อนื่ ๆ เชน่ เสยี งตบมอื เสยี ง เพลง เสยี งเคาะไม้ รำ� มะนา กลอง เปน็ ต้น เพอื่ ส่งเสริมจนิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์ ให้เดก็ ไดฝ้ กึ เคล่ือนไหวร่างกายในลักษณะต่างๆ เนื่องจากเด็กวัยนี้ร่างกายก�ำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา การใช้ส่วน ต่างๆ ของร่างกายยังไม่ประสานสัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์ กิจกรรมดังกล่าวช่วยให้เด็กมีจังหวะในการ เคลื่อนไหว ไม่เกิดปัญหาวิ่งชนผู้อ่ืนหรือสิ่งของต่างๆ ขณะท�ำกิจกรรม ซึ่งมีผลต่อการปรับตัวของเด็ก มสธ มสธไมก่ ระทบกระทง่ั ผอู้ น่ื ไดง้ า่ ย สามารถดำ� เนนิ ชวี ติ อยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ นอกจากนย้ี งั ชว่ ยใหเ้ ดก็ มี บุคลกิ ภาพที่ดีด้วย 1.1 แนวทางการจัดกิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ ในการจัดกิจกรรมเคล่ือนไหวและ จังหวะส�ำหรับเด็กปฐมวัย ครูต้องค�ำนึงถึงรูปแบบการเคล่ือนไหวและจังหวะที่เหมาะสมกับเด็ก และ มสธองคป์ ระกอบของการจดั กจิ กรรม ซึ่งมีรายละเอยี ด ดงั น้ี

การจัดประสบการณเ์ พ่อื พัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้านรา่ งกาย 9-33 1) รูปแบบการเคล่ือนไหวและจังหวะท่ีเหมาะกับเด็กปฐมวัย มีทงั้ หมด 8 รูปแบบ มสธ(สำ� นักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา, 2547, น. 60) ดังน้ี 1.1) การเคลื่อนไหวพ้ืนฐาน ได้แก่ การเคลอ่ื นไหวตามธรรมชาตขิ องเด็ก ซงึ่ มีทั้งการเคลื่อนไหวอย่กู บั ที่ เช่น การตบมือ ผงกศีรษะ ขยบิ ตา เปน็ ต้น และการเคลือ่ นไหวเคลอ่ื นท่ี เชน่ การเดนิ การว่ิง การกระโดด การควบม้า การเขย่ง เป็นต้น มสธ มสธ1.2) การเลียนแบบ ไดแ้ ก่ การสมมตใิ หเ้ ดก็ เปน็ ส่ิงใดสิ่งหนงึ่ ซงึ่ อาจเคลื่อนที่ หรอื อยกู่ ับท่กี ็ได้ เชน่ การเลยี นแบบทา่ สตั ว์ การเลยี นแบบทา่ ทางคน การเลยี นแบบเครอื่ งยนต์กลไกและ เคร่อื งเลน่ และการเลียนแบบปรากฏการณ์ธรรมชาติ 1.3) การเคลอ่ื นไหวตามบทเพลง ไดแ้ ก่ การเคลอื่ นไหวหรอื ทำ� ทา่ ประกอบเพลง 1.4) การทำ� ทา่ กายบรหิ ารประกอบเพลง ไดแ้ ก่ การทำ� ทา่ กายบรหิ ารตามจงั หวะ ทำ� นองเพลง หรือค�ำคลอ้ งจอง มสธ1.5) การเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์ ได้แก่ การเคลอ่ื นไหวท่ีเด็กคิดสรา้ งสรรค์ ทา่ ทางขนึ้ เอง อาจชน้ี ำ� ดว้ ยการปอ้ นคำ� ถาม หรอื ออกคำ� สงั่ หรอื เคลอื่ นไหวโดยใชอ้ ปุ กรณป์ ระกอบการฝกึ เช่น แถบผ้า รบิ บนิ้ ถุงถั่ว เปน็ ต้น 1.6) การเล่นหรือแสดงท่าทางตามค�ำบรรยาย ไดแ้ ก่ การเคลือ่ นไหวหรือการ แสดงทา่ ทางตามจนิ ตนาการจากเรือ่ งราว หรอื ค�ำบรรยายของครแู ละผูด้ แู ลเดก็ มสธ มสธ1.7) การปฏิบัติตามค�ำสั่งและข้อตกลง ได้แก่ การเคลื่อนไหวหรือท�ำท่าทาง ตามสัญญาณหรือคำ� สง่ั ตามที่ได้ตกลงกันไว้ 1.8) การฝึกท�ำท่าทางเป็นผู้น�ำผู้ตาม ไดแ้ ก่ การเคลอื่ นไหวหรอื ทำ� ทา่ ทางจาก ความคดิ สรา้ งสรรคข์ องเด็กเอง แล้วให้เพื่อนปฏบิ ตั ติ าม 2) องค์ประกอบของการจัดกิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ ในการจัดกิจกรรม เคลอ่ื นไหวและจงั หวะสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั ครจู ำ� เปน็ ตอ้ งคำ� นงึ ถงึ องคป์ ระกอบของการจดั กจิ กรรมดงั ที่ ดษุ ฎี มสธบรพิ ตั ร ณ อยุธยา (2535, น. 12-13) กล่าวไว้ ดงั นี้ 2.1) การรู้จักส่วนต่างๆ ของร่างกาย การเตรียมร่างกายให้พร้อมทุกส่วนเพ่ือ ให้มีความคล่องถือว่าเป็นการปูพ้ืนฐานเบ้ืองต้นท่ีส�ำคัญย่ิง เด็กต้องฝึกหัดให้เข้าใจลักษณะสภาพและการ ใชร้ า่ งกายของตนเองวา่ สามารถเคลอื่ นไหวแตล่ ะสว่ นไดอ้ ยา่ งไร รา่ งกายสว่ นไหนเรยี กวา่ อะไร อยตู่ รงไหน มขี นาดเทา่ ไร ให้เดก็ หัดท่าทางเอง การฝึกหัดเช่นนีเ้ ป็นการเตรียมเด็กใหพ้ ร้อมทีจ่ ะเคลือ่ นไหวได้อย่างมี มสธ มสธประสทิ ธภิ าพ 2.2) บริเวณและพ้ืนท่ี การเคล่ือนไหวนั้นเป็นการขยบั เขยื้อนร่างกายบางส่วน หรือการเคลื่อนตัว ย่อมต้องการบริเวณและเน้ือท่ีที่จะเคลื่อนไหวจากจุดหน่ึงไปอีกจุดหน่ึงอยู่ตลอดเวลา บริเวณเนื้อที่โดยรอบจึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการฝึกการเคล่ือนไหวร่างกาย ควรให้เด็กทดลองหา เนอื้ ทร่ี อบๆ ตวั ในอริ ยิ าบทตา่ งๆ กนั เชน่ ยนื กางขาเลก็ นอ้ ย กางขามากกวา้ งขนึ้ หรอื นง่ั ในหลายลกั ษณะ มสธเป็นตน้

9-34 การจดั การศกึ ษาและหลักสตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั 2.3) ระดับของการเคล่ือนไหว การเคลอ่ื นทีท่ กุ ชนิดหากไม่มกี ารเปลี่ยนระดบั มสธความสมดุล ความเหมาะสม และท่าทางท่ีหลากหลายจะไม่เกิดขึ้น มีแต่ความจ�ำเจซํ้าซากและความแข็ง กระดา้ งไมน่ า่ ดู การเปลยี่ นระดบั ทำ� ใหเ้ กดิ ทา่ ทางและการเคลอื่ นไหวทแี่ ตกตา่ งกนั ออกไป การใหเ้ ดก็ เคลอื่ นตวั 3 ระดับ คือ สูง กลาง ต่ํา น้ันมีความส�ำคัญ เพราะปกติเด็กจะเคลื่อนตัวอยู่ในระดับเดียวกันเท่าน้ัน การเรม่ิ ปูพ้ืนฐานครูจะตอ้ งใชเ้ ทคนิควิธี เชน่ การสมมตใิ ห้เปน็ สตั ว์ชนิดต่างๆ การสมมตเิ รื่องการเดินทาง มสธ มสธเปน็ ตน้ 2.4) ทิศทางของการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวอาจมีทศิ ทางไปข้างหนา้ ขา้ ง หลัง ข้างซ้าย-ขวา หรือรอบทิศ ถ้าไม่ได้รับการฝึกท้ังเด็กและผู้ใหญ่จะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างเดียว การจดั กจิ กรรมเคลอื่ นไหวสำ� หรบั เดก็ โดยใหเ้ ดก็ เปลยี่ นทศิ ทางการเคลอ่ื นไหวจะชว่ ยใหส้ ามารถเคลอ่ื นตวั ไปโดยอิสระดว้ ยความเชอื่ มนั่ เป็นตวั ของตัวเอง 2.5) การฝึกจังหวะ เป็นการท�ำจังหวะด้วยวิธีการต่างๆ 4 วิธี คือ 1) การใช้ มสธส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น การตบตัก ดีดมือ เป็นต้น 2) การเปล่งเสียง เช่น ใช้พยางค์โดดที่มี ความหมาย เชน่ ออ่ี อ ตมุ้ ตบุ๊ ปอ่ ง หรอื ใชช้ อ่ื คนออกเสยี งใหเ้ ปน็ จงั หวะ เชน่ มยรุ ี พชั รี เปน็ ตน้ 3) การใช้ เคร่ืองเคาะจังหวะมาเคาะ ตี ขยับให้เป็นจังหวะ และ 4) การเคลื่อนไหวท้ังที่มีเสียงและไม่มีเสียง เช่น การก้าวเท้าพร้อมปรบมือ การโยกตัวสลบั ซ้ายขวา เปน็ ต้น จากความรู้เกี่ยวกับรูปแบบการเคล่ือนไหวและจังหวะและองค์ประกอบของการจัดกิจกรรม มสธ มสธเคลอ่ื นไหวและจงั หวะดงั กลา่ ว ครแู ละผดู้ แู ลเดก็ สามารถนำ� มาบรู ณาการในการจดั กจิ กรรมเคลอ่ื นไหวและ จงั หวะ (เยาวพา เดชะคปุ ต,์ 2540, น. 61; ส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา, 2547, น. 61) ได้ดงั นี้ (1) ให้เด็กหาพื้นท่ีของตนเองด้วยการให้ยืนห่างจากเพื่อนอย่างน้อยในรัศมีของแขน ที่กางออกอยา่ งเตม็ ท่เี พือ่ ไม่ให้ชนกนั ขณะเคลอ่ื นไหว (2) เรม่ิ จากการเคลอ่ื นไหวทเ่ี ปน็ อสิ ระทยี่ งั ไมม่ กี ฎกตกิ าทยี่ งุ่ ยาก เชน่ ใหเ้ ดก็ กระจาย อยภู่ ายในหอ้ ง และเคลอื่ นไหวไปตามธรรมชาติ เชน่ การเคลอ่ื นไหวอยกู่ บั ทด่ี ว้ ยการกม้ การเงย การบดิ ตวั มสธและการเคลือ่ นไหวทีต่ ้องเคลอื่ นท่ี เชน่ การเดนิ การวงิ่ การกระโดด เปน็ ตน้ (3) จดั ใหเ้ ดก็ มปี ระสบการณก์ ารเคลอ่ื นไหวโดยใชส้ ว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายในกจิ กรรม ทเี่ ออื้ ให้เดก็ ได้เคล่ือนไหวในลกั ษณะต่างๆ ทหี่ ลากหลาย (4) จดั กจิ กรรมใหเ้ ปน็ ไปในลกั ษณะของการเคลอื่ นไหวเชงิ สรา้ งสรรคใ์ หม้ ากทส่ี ดุ โดย ครแู ละผดู้ แู ลเดก็ กำ� หนดประเดน็ ใหเ้ ดก็ คดิ เอง ทดลองทำ� เองมากกวา่ ทค่ี รจู ะเปน็ ผสู้ าธติ หรอื บอกใหท้ ำ� ตาม มสธ มสธ(5) จัดกิจกรรมที่มีความหมายต่อเด็ก ให้เด็กเข้าใจและเห็นความเกี่ยวข้องของการ เคลื่อนไหวกับการด�ำเนินชีวติ ประจำ� วัน โดยเน้นทัง้ ในด้านปรมิ าณและคุณภาพของการเคลอ่ื นไหวควบคู่ กันไป (6) จดั กจิ กรรมการเคลอื่ นไหวทตี่ อ้ งใชก้ ลา้ มเนอื้ ของรา่ งกายโดยสว่ นรวมเปน็ สำ� คญั กอ่ น เชน่ กจิ กรรมการเคล่ือนไหวที่เกยี่ วข้องกับการใชก้ ลา้ มเนอ้ื บรเิ วณลำ� ตัว แขน และขา เปน็ ตน้ (7) ส่งเสริมให้เด็กได้ตระหนักถึงความสามารถในการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของ มสธรา่ งกายท่ตี นเองสามารถท�ำไดเ้ ป็นส�ำคญั ทง้ั นเ้ี พอ่ื ช่วยให้เด็กมีความเช่อื มน่ั ในตนเองควบคู่กันไป

การจดั ประสบการณเ์ พ่ือพฒั นาเดก็ ปฐมวัยด้านรา่ งกาย 9-35 (8) ใหเ้ ดก็ เขา้ ใจและตระหนกั ในความแตกตา่ งระหวา่ งความสามารถของตนและผอู้ น่ื มสธเดก็ แตล่ ะคนมีอตั ราการเรียนรู้หรือการพัฒนาความสามารถในการเคล่อื นไหวของส่วนตา่ งๆ ของร่างกาย แตกตา่ งกนั ดังนั้น การเรยี นรู้เกีย่ วกับการเคลื่อนไหวส่วนตา่ งๆ ของรา่ งกายของแตล่ ะคนจงึ เป็นไปตาม อตั ราการเรยี นร้ขู องตนเอง (9) จัดกิจกรรมการเคล่ือนไหวในบรรยากาศท่ีมีความสนุกสนานและท้าทายตลอด มสธ มสธเวลาการด�ำเนินกจิ กรรม 1.2 ส่ือที่ใช้ประกอบการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ในการจดั กจิ กรรมเคลอื่ นไหว และจังหวะจ�ำเป็นต้องมีส่ือประกอบการจัดกิจกรรม โดยเฉพาะอย่างย่ิงเครื่องให้จังหวะ ซ่ึงอาจเป็นเสียง ดนตรี การตเี กราะ เคาะไม้ เคาะเหลก็ กลอง ฉิง่ ฉาบ รำ� มะนา หรอื สงิ่ ตา่ งๆ ที่อยรู่ อบตัวทส่ี ามารถทำ� ให้ เกดิ เสยี งได้ หรอื แมแ้ ตเ่ สยี งทเี่ กดิ จากการเคลอ่ื นไหวสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย เชน่ การตบมอื ตบตกั เปน็ ตน้ เพอื่ เปน็ ขอ้ ตกลงหรอื กฎกตกิ าทใ่ี ชใ้ นการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม นอกจากน้ี อาจใหเ้ ดก็ ใชอ้ ปุ กรณต์ า่ งๆ ประกอบ มสธการเคล่ือนไหวเพื่อพัฒนาการคิดจินตนาการหรือความคิดสร้างสรรค์ รวมท้ังการแก้ปัญหาตามเงื่อนไข ที่ครกู �ำหนด เชน่ เศษผา้ กระดาษหนังสอื พมิ พ์ ผ้าเช็ดหนา้ ไม้บรรทัด เก้าอี้ ไมบ้ ล็อก เปน็ ต้น 2. กิจกรรมกลางแจ้ง เป็นกิจกรรมท่ีจัดให้เด็กได้มีโอกาสออกไปนอกห้องเรียนเพื่อออกก�ำลัง เคล่ือนไหวร่างกายและแสดงออกอย่างอิสระ โดยยึดความสนใจและความสามารถของเด็กแต่ละคนเป็น หลัก กิจกรรมกลางแจ้งที่ควรจัดให้เด็กเล่นมีหลายชนิด ได้แก่ การเล่นเครื่องเล่นในสนาม การเล่นนํ้า มสธ มสธเลน่ ทราย การเลน่ ในบา้ นตกุ๊ ตาหรอื บา้ นจำ� ลอง การเลน่ ในมมุ ชา่ งไม้ การเลน่ อปุ กรณก์ ฬี า และการเลน่ เกม การละเลน่ (สำ� นกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา, 2547, น. 63-65) แต่ในเรอื่ งน้ีจะใหค้ วามสำ� คญั กบั การเล่นเครื่องเล่นในสนามเน่ืองจากเป็นกิจกรรมท่ีเด็กมีโอกาสได้ใช้กล้ามเน้ือใหญ่บริเวณลำ� ตัว หัวไหล่ แขนและขาไดอ้ ย่างครอบคลมุ และช่วยใหเ้ ด็กไดฝ้ ึกใชก้ ล้ามเนอ้ื สว่ นต่างๆ ในลักษณะทแี่ ตกตา่ งกัน การ เล่นเครือ่ งเล่นในสนามสามารถชว่ ยใหเ้ ด็กไดอ้ อกกำ� ลงั กาย ได้ฝึกการทรงตวั ได้กระโดดโลดเตน้ ได้หอ้ ย โหนปีนป่าย ท�ำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ท้ังแขน ขา และมือท�ำงานได้อย่างประสานสัมพันธ์กัน ท�ำให้มี มสธสขุ ภาพแขง็ แรง และมีบคุ ลกิ ลักษณะที่ดี มีความคล่องแคลว่ วอ่ งไว 2.1 แนวทางการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง ในการจดั กจิ กรรมกลางแจง้ ใหเ้ ดก็ เลน่ เครอ่ื งเลน่ ใน สนาม และเลน่ อสิ ระ มแี นวทางการจัดได้ดงั นี้ 1) ตรวจดูความสะอาด ความเรียบร้อย และความพร้อมในการใช้งานของอุปกรณ์ เครื่องเลน่ ต่างๆ และความปลอดภยั ของสนามและสถานทเ่ี ลน่ มสธ มสธ2) สรา้ งขอ้ ตกลงในการเลน่ เกย่ี วกบั วธิ กี ารเลน่ การแบง่ ปนั อดทนรอคอยตามลำ� ดบั กอ่ นหลงั เพอื่ ปอ้ งกนั อนั ตรายหรอื อบุ ตั เิ หตทุ อี่ าจเกดิ ขนึ้ และเมอ่ื พบวา่ เครอ่ื งเลน่ ชำ� รดุ หรอื มปี ญั หาใหแ้ จง้ ครแู ละผู้ดูแลเด็กทันที 3) อธิบายและสาธิตวิธีการเล่นและข้อควรระวังในการเล่นให้เด็กเข้าใจ และให้เด็ก สงั เกตและทดลองเล่นก่อนจนเด็กสามารถเลน่ ไดด้ ว้ ยตนเอง กรณีท่ีเด็กเคยเล่นมาแลว้ สามารถให้เดก็ เล่น มสธได้เลยโดยไม่ตอ้ งอธิบาย

9-36 การจัดการศึกษาและหลักสตู รส�ำหรบั เดก็ ปฐมวยั 4) ให้เด็กมีอิสระในการเล่น และดูแลเด็กตลอดเวลาท่ีเล่น ไม่ปล่อยให้เด็กเล่นตาม มสธล�ำพัง และช่วยเหลือเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ รวมท้ังช้ีแนะและตักเตือนในกรณีที่เด็กเล่นไม่ถูกต้อง ไมเ่ ป็นไปตามขอ้ ตกลง 5) กระตนุ้ และจงู ใจใหเ้ ดก็ เลน่ เครอ่ื งเลน่ ใหห้ ลากหลายและปรบั เปลยี่ นวธิ เี ลน่ ในกรณี ทสี่ งั เกตเหน็ วา่ เดก็ เลน่ เครอื่ งเลน่ เดมิ ดว้ ยวธิ กี ารเดมิ ๆ มาระยะหนงึ่ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ไดใ้ ชอ้ วยั วะสว่ นตา่ งๆ ของ มสธ มสธร่างกายอย่างหลากหลายเหมาะสมกบั วยั 6) เขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มกบั การเลน่ ของเดก็ ในโอกาสทเ่ี หมาะสม โดยการสรา้ งสถานการณ์ การเล่นร่วมกับเด็ก หรือใช้ค�ำพดู /ค�ำถามเพ่ือใหเ้ ดก็ สงั เกต และคิดหาคำ� ตอบดว้ ยตนเอง 7) เมอ่ื เลน่ เสรจ็ แลว้ ใหเ้ ดก็ ชว่ ยกนั ดแู ลเครอ่ื งเลน่ และสถานทเี่ ลน่ ใหส้ ะอาดและอยใู่ น สภาพเรียบร้อย และทำ� ความสะอาดรา่ งกายให้เรียบรอ้ ย 2.2 ส่ือท่ีใช้ในการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง ในการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง เครอ่ื งเล่นชนดิ ต่างๆ มสธนบั ว่าเปน็ ส่ิงส�ำคญั ทจ่ี ะชว่ ยสร้างความสนใจในการเลน่ ให้แก่เด็ก ช่วยให้เด็กไดอ้ อกก�ำลงั และใชก้ ลา้ มเนอ้ื สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายไดอ้ ยา่ งหลากหลาย เครอื่ งเลน่ อาจซอื้ สำ� เรจ็ รปู หรอื จดั ทำ� ขน้ึ มาเองกไ็ ด้ แตส่ ง่ิ สำ� คญั คอื ต้องปลอดภัยท้งั ในด้านการออกแบบ วิธกี ารเล่น วัสดทุ ีใ่ ช้ และการติดตั้ง ที่ตอ้ งมีความเหมาะสมกบั วัย วิธีการเล่นไม่ซับซ้อนมีความปลอดภัย เด็กมีความสนุกสนานในการเล่น แต่ก็ไม่ง่ายจนไม่เกิดความ ทา้ ทายทำ� ใหเ้ ดก็ ไมอ่ ยากเลน่ ครตู อ้ งจดั เตรยี มเครอื่ งเลน่ ทช่ี ว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ คลอื่ นไหวรา่ งกายไดอ้ ยา่ ง มสธ มสธหลากหลาย เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ ใชอ้ วยั วะทกุ สว่ น นอกจากน้ี ตอ้ งมกี ารดแู ลรกั ษาเครอื่ งเลน่ ให้สะอาด เรยี บรอ้ ย อยใู่ นสภาพสมบรู ณพ์ รอ้ มใหเ้ ดก็ เลน่ ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั เมอ่ื เกดิ การชำ� รดุ เสยี หายตอ้ งรบี ซอ่ มแซม โดยเร็ว หากต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมต้องติดประกาศหรือมีร้ัวล้อมรอบป้องกันไม่ให้เด็กเข้าเล่น ถ้า สามารถเคลื่อนย้ายได้ ควรนำ� ออกจากสนามเด็กเลน่ ไปก่อนจนกว่าจะซอ่ มแซมเสร็จ เพือ่ ความปลอดภยั ของเดก็ เครือ่ งเล่นในสนามที่ครคู วรจัดเตรยี มไว้ใหเ้ ด็กเล่นควรมคี วามหลากหลาย ดังตวั อย่างต่อไปน้ี 1) บันไดโค้ง ลกั ษณะเปน็ บนั ไดทำ� ดว้ ยโลหะหรอื พลาสตกิ โคง้ เปน็ รปู ครงึ่ วงกลม มี มสธบนั ไดข้ึน-ลง การปนี ป่ายและห้อยโหนบนั ไดโค้งทำ� ให้เดก็ ไดใ้ ช้ก�ำลงั แขนและขา และการทำ� งานประสาน กันของกล้ามเนือ้ 2) ม้าหมุน มีลักษณะเป็นท่ีนั่งล้อมรอบวงกลม ซึ่งประกอบด้วยโลหะเป็นรูปท่อ ลกั ษณะกลมหรอื ราวจบั การเคลอ่ื นทอ่ี าศยั แรงผลกั จากมอื และเทา้ การเลน่ มา้ หมนุ ชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดอ้ อกกำ� ลงั ขา แขน การเคล่อื นไหวสามารถหมนุ ช้าหรือเรว็ ไดต้ ามตอ้ งการ มสธ มสธ3) ไมก้ ระดก เปน็ กระดานมที น่ี งั่ ตรงปลายทง้ั สองขา้ ง ตรงกลางยดึ ตดิ กบั ขาตง้ั สามารถ กระดกขน้ึ -ลงเมอ่ื มผี นู้ งั่ ตรงปลายทง้ั สองขา้ ง การเลน่ ไมก้ ระดกชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดใ้ ชก้ ำ� ลงั แขน ขา และฝกึ การ ทรงตวั ไมใ่ ห้ตก ขณะไมก้ ระดกขน้ึ -ลง 4) บันไดและกระดานล่ืน ประกอบดว้ ยสว่ นทเี่ ปน็ บนั ไดสำ� หรบั ปนี ขน้ึ ทย่ี นื พกั และ กระดานลืน่ ลาดลงประมาณ 40-60 องศา การเล่นบนั ไดและกระดานลืน่ ชว่ ยใหเ้ ดก็ ได้ออกก�ำลงั ขา แขน มสธและได้ฝกึ การทรงตัวขณะล่นื ลง

การจัดประสบการณ์เพ่ือพฒั นาเด็กปฐมวัยดา้ นร่างกาย 9-37 5) โดมกลม ท�ำด้วยโลหะรูปโค้งหลายๆ ช้ัน แต่ละช้ันมีข้ันหรือท่อนโลหะเพื่อให้ มสธปนี ปา่ ย การเลน่ โดมกลมชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ และบรหิ ารกลา้ มเนอ้ื มอื แขน และขา และการทำ� งานประสานกนั ของกลา้ มเนือ้ 6) ชิงช้า มลี กั ษณะเปน็ เชอื กแขวนลงมาจากกิง่ ไม้ ทอ่ นไม้ หรือราวเหลก็ ผูกตดิ กับ ทนี่ ง่ั ทอี่ าจนงั่ ได้ 1-2 คน ความสงู ของชงิ ชา้ มผี ลตอ่ รศั มกี ารแกวง่ วา่ ตอ้ งการใหแ้ กวง่ ไดใ้ กลห้ รอื ไกลเพยี งใด มสธ มสธการเลน่ ชิงช้าชว่ ยให้เดก็ ได้ใช้แรงขอ้ มือ แขน และได้ฝึกการทรงตวั 7) ราวปนี ปา่ ย สว่ นมากเปน็ โลหะตอ่ เปน็ ทรงสเี่ หลย่ี มแนวตรงและแนวขวางหลายชนั้ ความสูงขึน้ อยกู่ บั อายุของเดก็ ทเี่ ลน่ การเล่นปนี ป่าย ห้อยโหน ชว่ ยใหเ้ ด็กได้ออกก�ำลงั แขน ขา และการ ท�ำงานประสานกันของกลา้ มเนื้อ 8) อุโมงค์ ทำ� ดว้ ยโลหะขนาดใหญ่ เชน่ ถงั นา้ํ มนั วางขวางตามทย่ี ดึ และมบี นั ไดทาง ขึ้นลง การลอดอุโมงค์ช่วยให้เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อบริเวณแขน ขา ล�ำตัว และการท�ำงานประสานกันของ มสธกลา้ มเน้ือ การจัดกิจกรรมกลางแจ้ง นอกจากการจัดให้เด็กเล่นเครื่องเล่นในสนามดังกล่าวแล้ว ยงั สามารถให้เล่นในลกั ษณะอนื่ ๆ ได้อกี เชน่ การเลน่ ขา้ มเครอ่ื งกดี ขวาง การเล่นเกมกลางแจ้ง การเล่น การละเล่นพืน้ บ้าน การเลน่ นํา้ เล่นทราย การเลน่ บ้านจ�ำลอง เปน็ ต้น สรปุ ไดว้ า่ การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นกลา้ มเนอ้ื ใหญ่ เปน็ การจดั กจิ กรรมและ มสธ มสธประสบการณเ์ พอื่ สง่ เสรมิ และกระตนุ้ ความแขง็ แรงของกระดกู และกลา้ มเนอ้ื บรเิ วณลำ� ตวั หวั ไหล่ แขน และ ขา ซง่ึ สามารถจัดกจิ กรรมไดอ้ ย่างหลากหลาย เช่น กิจกรรมการเคล่ือนไหวและจงั หวะ กจิ กรรมกลางแจ้ง เปน็ ตน้ กจิ กรรมดงั กลา่ วเดก็ จะมโี อกาสไดฝ้ กึ การทรงตวั ไดอ้ อกกำ� ลงั กาย ไดใ้ ชอ้ วยั วะเคลอ่ื นไหวบรเิ วณ แขน ขาเพื่อให้ท�ำงานได้ประสานสัมพันธ์กัน และการท่ีเด็กจะสามารถใช้กล้ามเน้ือดังกล่าวได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพจำ� เปน็ ตอ้ งมเี ครอ่ื งเลน่ ชนดิ ตา่ งๆ ทป่ี ลอดภยั เหมาะสมกบั วยั และชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดใ้ ชก้ ลา้ มเนอื้ ดังกล่าวได้อย่างหลากหลายและสนุกสนาน มสธกิจกรรม 9.2.2 ให้อธิบายและยกตัวอย่างการจัดประสบการณ์และส่ือที่ช่วยให้เด็กได้ฝึกใช้กล้ามเน้ือบริเวณแขน ขา ลำ� ตัว หัวไหล่ มอื ใหท้ �ำงานประสานสัมพันธ์กนั มสธ มสธแนวตอบกิจกรรม9.2.2 กิจกรรมท่ีช่วยกระตุ้นให้กระดูกมีความแข็งแรงและช่วยให้เด็กได้ฝึกการใช้กล้ามเนื้อใหญ่บริเวณ ลำ� ตวั หวั ไหล่ แขนและขาไดด้ ที สี่ ดุ คอื การใหว้ งิ่ เลน่ ในสนามกลางแจง้ และไดเ้ ลน่ เครอ่ื งเลน่ ในสนาม เชน่ เครอื่ งเลน่ ปนี ปา่ ย อโุ มงค์ ชงิ ชา้ ไมก้ ระดก เปน็ ตน้ การเลน่ ในสนามและเครอื่ งเลน่ ตา่ งๆ เดก็ ไดว้ ง่ิ กระโดด กลง้ิ มว้ นตวั ปนี ปา่ น เดนิ ทรงตวั มดุ ลอด ซง่ึ จะชว่ ยใหก้ ลา้ มเนอ้ื ใหญส่ ว่ นตา่ งๆ ไดเ้ คลอ่ื นไหว และทำ� งาน ได้อย่างประสานสัมพันธ์กัน ท�ำให้การเคล่ือนไหวร่างกายของเด็กมีความคล่องแคล่ว ว่องไว และ มสธกระฉบั กระเฉง

9-38 การจัดการศกึ ษาและหลักสูตรส�ำหรับเด็กปฐมวยั มสธเรื่องที่ 9.2.3 การจัดประสบการณ์และส่ือท่ีใช้ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านกล้ามเน้ือเล็ก มสธ มสธการจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นการใชก้ ลา้ มเนอ้ื เลก็ และการประสานสมั พนั ธ์ เปน็ หน้าที่โดยตรงของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู ท่ีต้องศึกษาและท�ำความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะพัฒนาการ และความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อเล็กและการประสานสัมพันธ์ของเด็กวัยน้ี ถึงแม้ว่าความสามารถ ดงั กล่าวจะเกิดขึ้นและพฒั นาไปตามขัน้ ตอนของพฒั นาการและอายุของเด็กทเ่ี พมิ่ มากข้นึ แตก่ ารท่ีเดก็ จะ มีทักษะและความสามารถในการใช้และควบคุมกล้ามเน้ือเล็กได้อย่างดี จ�ำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมและ มสธพัฒนาจากบุคคลท่ีอยู่ใกล้ชิดในการจัดกิจกรรม จัดหาอุปกรณ์ของเล่นและเครื่องเล่นเพ่ือให้เด็กได้ฝึกใช้ ลองผดิ ลองถกู เพ่ือใหส้ ามารถควบคมุ กลา้ มเนื้อเล็กบรเิ วณมอื ขอ้ มือ และน้วิ มอื ใหท้ ำ� งานประสานสมั พันธ์ กนั ซงึ่ จะเปน็ พน้ื ฐานสำ� คญั ของการอา่ นและการเขยี นในอนาคตของเดก็ ในการจดั ประสบการณเ์ พอ่ื พฒั นา กล้ามเน้อื เลก็ และการประสานสมั พนั ธใ์ หแ้ กเ่ ดก็ ปฐมวยั มจี ุดมุ่งหมายที่ส�ำคญั ดงั น้ี มสธ มสธ1. เพอื่ พฒั นาความสามารถในการใชก้ ล้ามเนือ้ เล็กบริเวณข้อมอื มือ และนวิ้ มอื 2. เพอ่ื พฒั นาความสามารถในการควบคมุ การเคลอื่ นไหวของกลา้ มเนอื้ เลก็ บรเิ วณขอ้ มอื มอื และ น้วิ มอื และการสัมผสั รับรูใ้ ห้ทำ� งานไดอ้ ย่างประสานสัมพนั ธ์กัน สำ� หรบั การจดั ประสบการณแ์ ละการใชส้ อื่ เพอ่ื สง่ เสรมิ ความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนอื้ เลก็ และการ ประสานสมั พันธข์ องเดก็ ให้บรรลุวตั ถุประสงคด์ ังกล่าว สามารถจัดกจิ กรรมได้ ดังตัวอยา่ งต่อไปนี้ 1. กิจกรรมสร้างสรรค์ เปน็ กิจกรรมที่ช่วยใหเ้ ด็กได้ใชก้ ลา้ มเนื้อเล็ก และแสดงออกทางอารมณ์ มสธความรสู้ กึ ความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละจนิ ตนาการโดยใชศ้ ลิ ปะ เชน่ การวาดภาพระบายสี การปน้ั การฉกี -ปะ การตดั -ปะ การพมิ พภ์ าพ การรอ้ ย การสาน การประดษิ ฐ์ หรอื กจิ กรรมลกั ษณะอนื่ ทเี่ ดก็ ไดค้ ดิ สรา้ งสรรค์ ทเี่ หมาะกบั วยั เชน่ การเลน่ พลาสตกิ สรา้ งสรรคห์ รอื ตวั ตอ่ การเลน่ สรา้ งจากแผน่ พลาสตกิ หรอื แทง่ ไม้ การ สรา้ งรปู จากกระดานปกั หมดุ เปน็ ตน้ จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดงั กลา่ ว เดก็ จะไดฝ้ กึ ทกั ษะการใชก้ ลา้ มเนอ้ื เลก็ บริเวณข้อมือ ฝ่ามือ และนิ้วมือในการหยิบส่ิงของ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ ดินสอ สีเทียน การจับกรรไกร มสธ มสธตัดกระดาษ การใช้ฝ่ามือนวดแป้งหรือคลึงแป้งโดให้น่ิมก่อนปั้น การใช้ปลายนิ้วมือหยิบวัสดุมาร้อย ประดษิ ฐเ์ ศษวสั ดุ หรอื ฉกี กระดาษเพอ่ื นำ� มาปะตดิ ใหเ้ ปน็ รปู ตามจนิ ตนาการ รวมทง้ั การหยบิ หนงั ยางหรอื เส้นไหมพรมมารอ้ ยบนหมดุ ทป่ี กั บนกระดานเพอ่ื สร้างสรรคเ์ ป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ ในการหยบิ จบั สิง่ ของต่างๆ ขณะท�ำกจิ กรรม ต้องอาศัยการท�ำงานทปี่ ระสานสมั พันธก์ ันของตาและกล้ามเน้อื เลก็ บริเวณ มอื ซง่ึ จะชว่ ยใหเ้ ดก็ พรอ้ มทจ่ี ะอา่ นและเขยี นเมอื่ โตขน้ึ กจิ กรรมสรา้ งสรรคส์ ามารถจดั ไดห้ ลากหลายลกั ษณะ มสธดังตวั อยา่ งต่อไปน้ี

การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ด้านรา่ งกาย 9-39 1) การวาดภาพระบายสี เปน็ กจิ กรรมการสรา้ งภาพ 2 มติ ิ ทเ่ี ดก็ เขยี นตามความรสู้ กึ นกึ คดิ มสธของตนเองให้เปน็ สญั ลกั ษณ์ ลวดลายตา่ งๆ แทนการพูด อปุ กรณท์ ใี่ ช้ได้แก่ ดนิ สอ และสชี นดิ ตา่ งๆ พกู่ ัน ชอลก์ เชือกจานผสมสี กระดาษชนิดต่างๆ เป็นตน้ ใหเ้ ด็กฝกึ ใชม้ อื และการประสานสัมพนั ธ์กล้ามเนื้อมือ และตาในการควบคุมการใช้ดินสอ สีไม้ สีเทียน ลากเส้น ฝึกการวาดภาพและระบายสีเป็นรูปทรงและ รปู ร่างตา่ งๆ มสธ มสธ2) การปั้น เปน็ การนำ� เอาวสั ดอุ ปุ กรณ์ เชน่ ดนิ เหนยี ว ดนิ นาํ้ มนั แปง้ โด ขเ้ี ลอื่ ยผสมแปง้ เปยี ก ฯลฯ มาปน้ั ใหเ้ ปน็ รปู รา่ งหรอื คน สตั ว์ สงิ่ ของตา่ งๆ ตามความคดิ และจนิ ตนาการของเดก็ โดยเรมิ่ จากการ คลึงแป้งให้เป็นเส้น ปั้นเป็นแผ่น ปั้นเป็นก้อนกลมหรือสี่เหลี่ยม ปั้นตามเร่ืองราวหรือนิทานที่ได้ฟังตาม จินตนาการ 3) การประดิษฐ์ เปน็ การน�ำเอาสิ่งของ เศษวัสดุ และวัสดุเหลือใช้ เชน่ เศษผ้า ไหมพรม เชอื กฟาง กล่องกระดาษชนิดและขนาดต่างๆ หลอดกาแฟ แกนกระดาษทชิ ชู เป็นตน้ นำ� มาประดษิ ฐ์และ มสธตกแตง่ ใหเ้ ปน็ สงิ่ ของทม่ี รี ปู รา่ งตามความคดิ ของเดก็ อยา่ งอสิ ระ เชน่ ประดษิ ฐเ์ ปน็ ของเลน่ ของใช้ เปน็ ตน้ และอาจใชว้ สั ดอุ นื่ ๆ มาประกอบหรอื ตกแตง่ เพม่ิ เตมิ เพอ่ื ใหง้ านสมบรู ณข์ น้ึ เชน่ เศษไหมพรม หลอดกาแฟ เศษผ้า รวมถงึ งานกระดาษเสน้ ท่ใี ชก้ าวประกอบให้เปน็ รูปร่างสามมิติ 4) การปะติด (collage) การฉีกปะ ตัดปะ การปะติดเป็นกิจกรรมท่ีใช้กระดาษหรือวัสดุ ตา่ งๆ มาติดซอ้ นกันบนกระดาษหรือผ้า โดยอาจฉกี หรือตัดกระดาษเป็นชนิ้ หรอื ไม่ต้องฉกี ถา้ กระดาษมี มสธ มสธขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ในการปะติด อาจปะติดเป็นภาพออกมาหรือเพียงน�ำกระดาษมาติดซ้อนๆ กัน เท่านนั้ กไ็ ด้ สำ� หรบั การฉีกปะและตัดปะ ทำ� ไดห้ ลายวิธี อาจฉีกกระดาษเปน็ ช้นิ เล็กๆ น�ำมาตดิ เรยี งตอ่ กนั หรอื อาจฉกี กระดาษเปน็ รปู เรขาคณติ ฉกี ตามความคดิ จนิ ตนาการ บางคนอาจฉกี หรอื ใชก้ รรไกรตดั ใหเ้ ปน็ รูปต่างๆ เช่น สัตว์ ผลไม้ ของเล่น เป็นต้น แล้วน�ำมาประดิษฐ์เป็นภาพหรือใช้เป็นส่วนประกอบในการ ประดษิ ฐภ์ าพอนื่ กไ็ ด้ กระดาษท่ใี ช้ไมค่ วรแข็งหรอื เหนียวเกนิ ไป เชน่ กระดาษสีมัน กระดาษหนังสอื พิมพ์ ใบโฆษณาสนิ คา้ กระดาษวารสารตา่ งๆ เปน็ ตน้ มสธ5) การวาดภาพด้วยน้ิวมือ เป็นการใช้นว้ิ มอื วาดและระบายสบี นกระดาษ หรือผา้ ผืนใหญ่ ใหเ้ ป็นภาพตามความคดิ และจนิ ตนาการ 6) การเล่นสร้าง เป็นการใช้วัสดุและอุปกรณ์ เช่น พลาสติกสร้างสรรค์หรือตัวต่อ แผ่น ยางพารา แทง่ ไม้ กระดานปักหมดุ และไหมพรม เป็นต้น มาสรา้ งเปน็ ส่ิงต่างๆ หรือนำ� ไหมพรมมาเกย่ี ว บนกระดานปกั หมุดเปน็ ภาพตา่ งๆ ตามจินตนาการ มสธ มสธ1.1 แนวทางการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ในการจดั กิจกรรมสรา้ งสรรค์ สำ� นักวชิ าการและ มาตรฐานการศกึ ษา (2547, น. 59) ได้เสนอแนวทางในการจดั กิจกรรมไว้ดังน้ี 1) จดั เตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณใ์ นการทำ� กจิ กรรม โดยพยายามจดั หาวสั ดทุ อ้ งถน่ิ มาใชเ้ ปน็ อันดบั แรก 2) ใหค้ ำ� แนะนำ� /อธบิ ายและสาธติ วธิ ใี ชว้ สั ดอุ ปุ กรณท์ ถ่ี กู ตอ้ งใหเ้ ดก็ เขา้ ใจกอ่ นปฏบิ ตั ิ มสธกิจกรรม เช่น การใช้พ่กู ันหรือกาว

9-40 การจดั การศึกษาและหลักสตู รสำ� หรบั เด็กปฐมวัย 3) ให้เด็กท�ำกิจกรรมสร้างสรรค์ประเภทใดประเภทหน่ึงร่วมกันในกลุ่มย่อย เพื่อฝึก มสธให้เดก็ ร้จู กั การวางแผน และท�ำงานรว่ มกบั ผ้อู ืน่ 4) แสดงความสนใจในงานของเดก็ ทกุ คน และควรนำ� ผลงานของเดก็ ทกุ คนหมนุ เวยี น จดั แสดงท่ีปา้ ยนิเทศ 5) หากพบว่ามีเดก็ สนใจทำ� กิจกรรมอยา่ งเดียวตลอดเวลา เช่น วาดภาพอยา่ งเดยี ว มสธ มสธครคู วรกระตนุ้ เร้าและจูงใจใหเ้ ดก็ เปลี่ยนท�ำกิจกรรมอนื่ บา้ ง เพราะกิจกรรมแต่ละประเภทพฒั นาเด็กแตล่ ะ ดา้ นแตกต่างกัน และเมอ่ื เดก็ ท�ำตามท่ีแนะนำ� ได้ ควรใหแ้ รงเสริมทุกคร้งั 6) เกบ็ ผลงานทแี่ สดงความกา้ วหนา้ ของเดก็ เปน็ รายบคุ คลในแฟม้ สะสมผลงาน เพอื่ เป็นข้อมลู ประกอบการพิจารณาความก้าวหน้าทางพัฒนาการของเด็ก 1.2 ส่ือที่ใช้ในการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสรา้ งสรรคท์ จ่ี ะชว่ ยใหเ้ ดก็ ได้ ฝกึ การใชแ้ ละควบคมุ กลา้ มเนอื้ เลก็ และการสมั ผสั รบั รใู้ หป้ ระสานสมั พนั ธก์ นั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพจำ� เปน็ มสธตอ้ งมสี อ่ื ทง้ั ทเี่ ปน็ วสั ดแุ ละอปุ กรณท์ เ่ี ดก็ ตอ้ งใชป้ ระกอบการทำ� กจิ กรรมตามประเภทของงานศลิ ปะสรา้ งสรรค์ (กิตยิ า เก้าเอยี้ น, 2551, น. 53-56) ดงั น้ี 1) วัสดุขีดเขียน สร้างภาพ และทดลองสีชนิดต่างๆ เช่น สีเทียน สีชอล์ก สีน้ํา สีโปสเตอร์ สีผสมอาหาร สจี ากธรรมชาติ สฝี ่นุ สเี มจกิ ดนิ สอสี พ่กู ัน กระดาษ เปน็ ต้น 2) วัสดุส�ำหรับงานพิมพ์ งานพิมพ์ใชว้ ัสดุ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ มสธ มสธ2.1) วัสดุส�ำหรับพื้นพิมพ์ เช่น กระดาษ ผา้ ไม้ เปน็ ต้น 2.2) แม่พิมพ์ เป็นการใช้พ้ืนผิวของวัสดุหรือเศษวัสดุต่างๆ มาพิมพ์ เช่น น้วิ มอื มือ ตรายางเปน็ รูปสตั ว์ สิ่งของ สญั ลกั ษณ์ประจำ� ตวั เด็ก เป็นต้น 2.3) สีที่ใช้ในงานพิมพ์ ใช้ได้หลายชนิดข้ึนอยู่กับวิธีพิมพ์ เช่น สีโปสเตอร์ สเี ทยี น สนี ํา้ เป็นต้น 3) วัสดุงานประดิษฐ์ เปน็ วสั ดทุ ใ่ี หเ้ ดก็ ใชป้ ระดษิ ฐด์ ว้ ยวธิ ตี า่ งๆ ตามจนิ ตนาการ เชน่ มสธกระดาษ และเศษวสั ดุต่างๆ กรรไกร แปง้ เปียก กาว เปน็ ต้น 4) วัสดุส�ำหรับงานปั้น เช่น ดินเหนียว ดินนาํ้ มัน แป้งโด ดินกระดาษ เป็นต้น นอกจากวัสดุอุปกรณ์ที่เด็กต้องใช้ท�ำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์แล้ว ยังมีวัสดุส�ำหรับให้เด็ก เลน่ สรา้ ง เชน่ แทง่ ไม้ แทง่ พลาสตกิ แผน่ ยางพารา กระดานปกั หมดุ เปน็ ตน้ วสั ดอุ ปุ กรณด์ งั กลา่ วครตู อ้ ง จดั เตรยี มหรืออาจให้เด็กช่วยจัดหามาบางส่วนได้ เช่น เศษวสั ดุ วัสดุเหลือใช้ ถา่ นและดอกไม้ทจ่ี ะมาท�ำสี มสธ มสธจากธรรมชาติ วัสดุและอุปกรณ์ควรมีความหลากหลายและพอเพียงส�ำหรับเด็ก และควรจัดวางไว้ในที่ท่ี เด็กสามารถหยิบใช้ได้ด้วยตนเอง วัสดุอุปกรณ์บางอย่างที่เด็กยังไม่เคยใช้ หรือยังใช้ไม่ถูกต้อง ครูต้อง อธิบายและสาธิตใหเ้ ดก็ เขา้ ใจและสามารถใช้ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งด้วยตนเองก่อนน�ำไปใช้ 2. กจิ กรรมการเลน่ นวิ้ มอื เปน็ กจิ กรรมการเคลอ่ื นไหวกลา้ มเนอ้ื เลก็ บรเิ วณมอื นว้ิ มอื และขอ้ มอื ที่อาจเป็นการเคลื่อนไหวอย่างอิสระตามจินตนาการ หรือเคล่ือนไหวประกอบค�ำคล้องจอง การเล่านิทาน การร้องเพลง ฯลฯ การเล่นน้ิวมือเป็นการแต่งน้ิวและขยับน้ิวประกอบคำ� คล้องจอง หรืออาจแต่งนิ้วเป็น มสธตวั ละคร แลว้ ขยับน้วิ ต่างๆ เลน่ ตามบทบาทตวั ละครในนิทานก็ได้ กิจกรรมการเล่นนว้ิ มอื ช่วยตอบสนอง

การจัดประสบการณ์เพอื่ พฒั นาเด็กปฐมวัยด้านรา่ งกาย 9-41 ความต้องการตามธรรมชาติของเด็กวัยนี้ที่ชอบการเคล่ือนไหวและใช้จินตนาการ และท่ีส�ำคัญช่วยให้เด็ก มสธได้บรหิ ารกล้ามเนื้อท�ำใหส้ ามารถใชม้ อื ได้อย่างคลอ่ งแคล่วและประสานสัมพันธ์กนั ครสู ามารถนำ� การเล่น นิว้ มอื มากระตนุ้ ความสนใจของเด็ก ช่วยใหเ้ ดก็ สงบและมสี มาธใิ นการทำ� กิจกรรมไดด้ ้วย 2.1 แนวทางการจดั กจิ กรรมการเลน่ นวิ้ มอื การจดั กจิ กรรมการเลน่ นว้ิ มอื ทค่ี รสู ว่ นมากนยิ ม จัดกันคือ การให้เด็กเคลื่อนไหวนิ้วมือประกอบการท่องค�ำคล้องจอง และประกอบการเล่านิทาน ซึ่งมี มสธ มสธแนวทางการจัดกิจกรรมได้ดังนี้ 1) พิจารณาเลือกค�ำคล้องจอง/นิทานที่เหมาะส�ำหรับการให้เด็กเคล่ือนไหวนิ้วมือ ประกอบ ขณะท่องค�ำคลอ้ งจองหรอื ฟังนิทาน 2) ฝึกท่องค�ำคล้องจองและจ�ำเนื้อหาของนิทานให้ได้ เน่ืองจากขณะจัดกิจกรรมครู ตอ้ งเคลอ่ื นไหวนว้ิ มอื ประกอบการทอ่ งคำ� คลอ้ งจอง/เลา่ นทิ าน ทำ� ใหต้ อ้ งมสี มาธจิ ดจอ่ อยกู่ บั การเคลอ่ื นไหว นว้ิ มอื และดูแลเดก็ ใหม้ ีส่วนรว่ มในกจิ กรรมอย่างทัว่ ถึง มสธ3) คิดท่าทางการเคลื่อนไหวน้ิวมือให้สอดคล้องกับเน้ือหาของค�ำคล้องจอง/นิทานท่ี จะเล่าให้เดก็ ฟัง ซง่ึ ท่าทางการเคล่ือนไหวควรตอ้ งใช้น้วิ มอื ให้ครบทุกนิ้ว และทา่ การเคล่อื นไหวน้ิวมอื ตอ้ ง ไมเ่ รว็ หรอื มคี วามซบั ซ้อนทย่ี ากเกนิ วยั ของเด็ก 4) ในกรณที เี่ ดก็ ยงั เคลอื่ นไหวนว้ิ มอื ไดไ้ มค่ ลอ่ ง ตอ้ งฝกึ ใหเ้ ดก็ เคลอื่ นไหวอยา่ งอสิ ระ เพือ่ เตรยี มความพรอ้ มก่อนการท่องคำ� คล้องจอง/เลา่ นิทาน มสธ มสธ5) ควรสาธิตใหเ้ ด็กดูเปน็ ตัวอย่างกอ่ น จากน้ันจงึ ให้เดก็ ทำ� ไปพร้อมกบั ครู 6) เมื่อเดก็ ทำ� ได้แลว้ อาจให้เดก็ คดิ ทา่ ทางประกอบค�ำคลอ้ งจองเองตามจนิ ตนาการ 2.2 สื่อท่ีใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเล่นนิ้วมือ ในการจดั กจิ กรรมการเลน่ นวิ้ มอื ความ สามารถขยบั และบังคบั กล้ามเนือ้ บริเวณมือ นิ้วมอื และข้อมือเปน็ ส่งิ สำ� คัญ เนือ่ งจากเป็นเสมอื นอุปกรณ์ ประกอบการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม หากเดก็ ยงั ไมส่ ามารถบงั คบั ได้ ครอู าจเรมิ่ จากการใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ การเคลอ่ื นไหว และควบคุมกล้ามเน้ือเล็กบริเวณดังกล่าวอย่างอิสระก่อน หากจะให้เด็กเคลื่อนไหวนิ้วมือประกอบ มสธค�ำคล้องจอง ต้องเลือกค�ำคล้องจองสั้นๆ ที่เด็กสามารถจดจ�ำได้ ใช้ภาษาง่ายแก่การท�ำความเข้าใจ และ ต้องมีลักษณะเป็นรูปธรรมที่สามารถคิดท่าทางประกอบได้ เช่นเดียวกับนิทานที่ต้องไม่ยาว มีตัวละครที่ เป็นตวั เอกไม่มาก เป็นต้น สรปุ ไดว้ า่ การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนอ้ื เลก็ เปน็ การจดั กจิ กรรม ทใี่ หเ้ ดก็ ไดม้ โี อกาสฝกึ ใชแ้ ละควบคมุ การทำ� งานของกลา้ มเนอ้ื เลก็ บรเิ วณขอ้ มอื มอื และนว้ิ มอื รวมทง้ั การ มสธ มสธใช้การสัมผัสรับรู้ให้ท�ำงานประสานสัมพันธ์กัน ซ่ึงสามารถจัดกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย เช่น กิจกรรม สร้างสรรค์ กิจกรรมการเล่นน้ิวมือ เป็นต้น ในการจัดกิจกรรมดังกล่าววัสดุและอุปกรณ์นับเป็นส่ิงส�ำคัญ ดงั นน้ั ครตู อ้ งจดั เตรยี มและจดั หาใหม้ คี วามหลากหลายและเพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของเดก็ และตอ้ งอธบิ าย มสธและสาธติ ใหเ้ ดก็ เขา้ ใจและทดลองใช้จนเด็กสามารถทำ� ได้ด้วยตนเอง

9-42 การจดั การศึกษาและหลกั สูตรส�ำหรบั เดก็ ปฐมวยั มสธกิจกรรม 9.2.3 ให้อธิบายและยกตัวอย่างการจัดประสบการณ์และส่ือที่ใช้ในการส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อบริเวณ มอื ขอ้ มือ และน้ิวมอื ให้ประสานสมั พนั ธก์ ับตา แนวตอบกิจกรรม 9.2.3 มสธ มสธการจดั กจิ กรรมเพ่ือสง่ เสรมิ การใชก้ ล้ามเนื้อบริเวณมือ ขอ้ มอื และนวิ้ มอื และการใช้สมั ผัสรับรใู้ ห้ กลา้ มเนอ้ื ทำ� งานประสานสมั พนั ธก์ บั ตา ตอ้ งเปน็ กจิ กรรมทเ่ี ดก็ ไดใ้ ชม้ อื โดยเฉพาะบรเิ วณปลายนวิ้ หยบิ จบั สือ่ และวัสดุอุปกรณ์เพือ่ ปฏิบัตกิ ิจกรรม ซึง่ มีหลายกจิ กรรม เช่น การร้อยวสั ดุ การปั้น การประดิษฐ์เศษ มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธวสั ดุ การสรา้ งภาพจากกระดานหมดุ การวางแทง่ ไมต้ อ่ กนั เพอื่ สรา้ งเปน็ สง่ิ ตา่ งๆ ตามจนิ ตนาการ เปน็ ตน้

การจัดประสบการณเ์ พ่อื พัฒนาเด็กปฐมวยั ด้านรา่ งกาย 9-43 มสธตอนท่ี 9.3 การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย มสธ มสธหัวเร่ือง 9.3.1 การประเมนิ เดก็ ปฐมวัยดา้ นสขุ ภาพอนามยั 9.3.2 การประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ด้านการใชก้ ล้ามเน้อื ใหญ่ 9.3.3 การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยดา้ นการใช้กลา้ มเน้อื เล็ก โปรดอ่านหัวเรอื่ ง แนวคดิ และวตั ถุประสงคข์ องตอนท่ี 9.3 แล้วจึงศกึ ษารายละเอียดตอ่ ไป มสธแนวคิด 1. การประเมนิ เดก็ ปฐมวยั ดา้ นสขุ ภาพอนามยั เปน็ การประเมนิ ลกั ษณะทางกาย การเจรญิ เติบโตและภาวะโภชนาการ รวมถึงพฤติกรรมด้านสุขนิสัยและการดูแลรักษาความ ปลอดภัยของตนเองและผู้อ่ืน ซ่ึงสามารถประเมินได้ทั้งวิธีการสังเกตและบันทึก พฤติกรรม การสัมภาษณ์ และการใช้เคร่ืองมือเฉพาะ ส�ำหรับเครื่องมือที่ใช้ในการ มสธ มสธประเมินมีท้ังแบบสังเกตและบันทึกพฤติกรรม แบบสัมภาษณ์ และเครื่องมือเฉพาะ ทัง้ เครอ่ื งชง่ั น้�ำหนักและวดั ส่วนสูง และปรอทวัดไข้ 2. การประเมนิ เดก็ ปฐมวยั ดา้ นการใชก้ ลา้ มเนอื้ ใหญ่ เปน็ การประเมนิ ความสามารถในการ ใช้และควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณแขน ขา ล�ำตัว หัวไหล่ และการประสานสัมพันธ์ของ กล้ามเน้ือที่ใช้ในการเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งสามารถประเมินได้ทั้งวิธีการสังเกตและ บันทึกพฤติกรรม และการใช้แบบทดสอบเชิงปฏิบัติ ส�ำหรับเคร่ืองมือที่นิยมใช้ในการ มสธประเมนิ มที ั้งแบบสังเกตและบันทึกพฤติกรรม และแบบทดสอบเชิงปฏิบตั ิ 3. การประเมนิ เดก็ ปฐมวัยดา้ นการใชก้ ลา้ มเนือ้ เล็ก เปน็ การประเมนิ ความสามารถในการ ใช้และควบคุมกล้ามเน้ือบริเวณมือ ข้อมือ นิ้วมือ และการใช้สัมผัสรับรู้ในการประสาน สัมพันธ์ของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหยิบจับและท�ำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจ�ำวัน ซึ่ง สามารถประเมินได้ทั้งวิธีการสังเกตและบันทึกพฤติกรรม และการทดสอบเชิงปฏิบัติ มสธ มสธเครื่องมอื ท่ีนิยมใชใ้ นการประเมนิ คือแบบสงั เกตและบันทกึ พฤติกรรม และแบบทดสอบ มสธเชงิ ปฏิบัติ

9-44 การจดั การศึกษาและหลักสตู รส�ำหรับเด็กปฐมวยั มสธวัตถุประสงค์ เม่ือศกึ ษาตอนที่ 9.3 จบแล้ว นกั ศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายวธิ กี ารและยกตวั อยา่ งเครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ สขุ ภาพอนามยั ของเดก็ ปฐมวยั ได้ 2. อธิบายวิธีการและยกตัวอย่างเคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการด้านการใช้ มสธ มสธกล้ามเนื้อใหญข่ องเดก็ ปฐมวยั ได้ 3. อธิบายวิธีการและยกตัวอย่างเคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการด้านการใช้ มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธกล้ามเน้ือเล็กของเดก็ ปฐมวยั ได้

การจดั ประสบการณเ์ พอื่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยดา้ นร่างกาย 9-45 มสธเรื่องที่ 9.3.1 การประเมินเด็กปฐมวัยด้านสุขภาพอนามัย มสธ มสธการประเมินสุขภาพอนามัยของเด็กเป็นสิ่งจ�ำเป็นที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูจะต้องกระท�ำเป็น ประจ�ำอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อช่วยเหลือเด็กได้อย่างทันท่วงทีเม่ือพบความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดข้ึน และยัง สามารถป้องกันหรือบรรเทาความรุนแรงท่ีจะเกิดขึ้นได้ การประเมินสุขภาพอนามัยเด็กน้ันจะตอ้ งสงั เกต โดยใชป้ ระสาทสมั ผสั คอื ตา หู และจมกู ใหเ้ ปน็ ประโยชนใ์ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในเรอ่ื งนจี้ ะกล่าวถึง ขอบข่าย วิธีการประเมิน และเคร่ืองมือท่ีใช้ในการประเมินสุขภาพอนามัยเด็กปฐมวัย ดังมีรายละเอียด ตอ่ ไปน้ี 1. ขอบข่ายของการประเมินด้านสุขภาพอนามัยเด็กปฐมวัย ประกอบดว้ ย การประเมนิ ลกั ษณะ มสธทางร่างกาย การประเมินการเจริญเติบโตและภาวะโภชนาการ การประเมินพฤติกรรมสุขนิสัยและความ ปลอดภยั ซ่ึงมรี ายละเอียด ดังนี้ 1.1 การประเมินลักษณะทางร่างกาย ต้องเร่ิมจากการตรวจดูสภาพร่างกายทั่วไปก่อนว่า เด็กมีสขุ ภาพแขง็ แรงสมบูรณ์ แจ่มใส สนใจต่อสิง่ แวดลอ้ ม เดนิ วิง่ ไดต้ ามปกติ นอนหลับเปน็ ปกติ การ มสธ มสธประเมินลกั ษณะทางรา่ งกายทว่ั ไป ดงั ตัวอยา่ งตอ่ ไปน้ี 1) ลักษณะรา่ งกายทวั่ ไป ขนาดตัวเหมาะสมกับอายุ อวัยวะสว่ นต่างๆ ของรา่ งกาย สมบูรณ์ครบถ้วนและมีสดั ส่วนปกติ ศีรษะไมล่ ีบเล็ก 2) ผม สะอาด ไม่มีกลิน่ หนงั ศรี ษะไมม่ ตี ุม่ หนอง ไม่มีเหา 3) หู สะอาด ไมม่ กี ลิ่น ไมม่ นี า้ํ ไหลออกมา มลี ักษณะการไดย้ ินเปน็ ปกติ 4) ดวงตา เป็นประกายสดใส ไมเ่ ป็นโรคตาแดง ตาแฉะ มีลักษณะการมองเห็นเปน็ มสธปกติ 5) ริมฝีปาก เกล้ียง มีสีชมพูไม่ซีด ไม่แห้งไม่แตก และไม่มีแผลที่ริมฝีปากและ มมุ ปาก 6) ฟนั ไมเ่ ป็นโรคฟันผุ ฟันไม่ด�ำมลี ักษณะเหลอื แต่ตอ ไม่มีเลอื ดออกตามไรฟนั 7) อนามัยชอ่ งปาก ไม่มีกล่นิ เหม็นรุนแรง ไม่เปน็ แผลในปาก มสธ มสธ8) ผิวหนัง เกล้ียง ไม่เหี่ยวย่นหรือแห้งกว่าปกติ ไม่มีตุ่มหนองหรือผื่นแดงผิดปกติ ไมต่ กสะเกด็ 9) เล็บ สะอาด เกล้ียง มีลกั ษณะเป็นมนั ไมแ่ ห้ง 10) มือและเท้า สะอาด ไมม่ อี าการเขียวท่ีปลายมือปลายเท้า 1.2 การประเมินการเจริญเติบโตและภาวะโภชนาการ เป็นการประเมินการเปล่ียนแปลง ลกั ษณะโครงสรา้ ง ขนาดรา่ งกาย และสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายทง้ั กระดกู กลา้ มเนอ้ื ระบบประสาทและสมอง มสธน้ําหนักตัว ความสูงขนาดของศีรษะที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุท่ีเพ่ิมมากข้ึน เด็กวัยน้ีอยู่ในช่วงที่

9-46 การจดั การศึกษาและหลกั สตู รสำ� หรับเดก็ ปฐมวยั โครงสรา้ งทางรา่ งกายและอวยั วะตา่ งๆ มกี ารเจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ ดว้ ยเหตนุ เ้ี ดก็ จงึ ตอ้ งการสารอาหาร มสธทถี่ กู ตอ้ งเหมาะสมเพยี งพอกบั ความตอ้ งการของรา่ งกายในแตล่ ะวยั การประเมนิ ภาวะโภชนาการของเดก็ ส่วนมากจงึ เปน็ การประเมนิ จากนาํ้ หนกั และส่วนสงู ของเด็กเทยี บกับเด็กในวยั เดยี วกัน 1.3 การประเมินพฤติกรรมสุขนิสัยและความปลอดภัย เป็นการประเมินพฤตกิ รรมทเี่ ป็น สว่ นหนง่ึ ของการทำ� กจิ วตั รประจำ� วนั ทเี่ ดก็ ปฏบิ ตั อิ ยา่ งถกู ตอ้ งตามหลกั สขุ ภาพและอนามยั อยา่ งสมาํ่ เสมอ มสธ มสธจนเกดิ ความเคยชนิ ทง้ั ในดา้ นการดแู ลรกั ษาความสะอาดของอวยั วะสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย เสอื้ ผา้ เครอ่ื งนงุ่ หม่ และสงิ่ ของเครอื่ งใช้ รวมตลอดถงึ การระมดั ระวงั เรอื่ งความปลอดภยั ของตนเองและผอู้ น่ื จากโรคตดิ ตอ่ และ การเกิดอุบตั ิเหตุขณะเล่นและปฏิบตั กิ จิ กรรมต่างๆ สง่ ผลให้เดก็ มสี ขุ ภาพอนามยั ที่แขง็ แรงสมบรู ณ์ 2. วิธีการประเมินสุขภาพอนามัยเด็กปฐมวัย ในการประเมนิ สขุ ภาพอนามยั เดก็ ปฐมวยั สามารถ ประเมนิ ไดห้ ลายวธิ ี แต่ท่นี ิยมใช้กันมากทสี่ ดุ มี 3 วธิ ี ดังนี้ 2.1 การสังเกตและบันทึกพฤติกรรม เป็นการสังเกตลักษณะทางร่างกายและพฤติกรรม มสธสุขนิสัยท่ีเด็กแสดงออกในสภาพการณ์ที่เป็นธรรมชาติโดยที่เด็กไม่รู้ตัว แล้วบันทึกพฤติกรรมดังกล่าว ในแบบสังเกตพฤติกรรมท่ีพัฒนาข้ึน ในการสังเกตพฤติกรรมเด็กควรสังเกตหลายคร้ังในหลากหลาย สถานการณ์เพือ่ ใหแ้ น่ใจวา่ เป็นพฤติกรรมทแ่ี ทจ้ รงิ ของเด็ก 2.2 แบบสัมภาษณ์ เป็นแนวค�ำถามท่ีครูใช้ในการสนทนาหรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เพ่ิมเติม โดยอาจสัมภาษณ์จากตัวเด็กเอง พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เก่ียวข้องท่ีสามารถให้ข้อมูล มสธ มสธเก่ียวกับเด็กได้เพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลที่จะน�ำมาใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจเร่ืองใด เรอ่ื งหน่ึงเก่ยี วกับเด็ก 2.3 การใช้เคร่ืองมือเฉพาะ การประเมินการเจริญเติบโตและภาวะโภชนาการของเด็ก ปฐมวัยมีหลายวิธีที่ต้องใช้ประกอบกัน เช่น การช่ังน้ําหนัก การวัดส่วนสูง การวัดเส้นรอบวงศีรษะ เส้น รอบวงอก และเสน้ รอบวงกึ่งกลางตน้ แขน ความหนาของไขมนั ใตผ้ ิวหนงั เปน็ ต้น บางวิธีตอ้ งใช้เครอื่ งมือ เฉพาะทางทต่ี อ้ งไดร้ บั การฝกึ จากผเู้ ชยี่ วชาญ ซงึ่ ไมเ่ หมาะทพ่ี อ่ แม่ ผปู้ กครอง และครจู ะใชใ้ นการประเมนิ เดก็ มสธวิธีที่ง่ายท่ีได้รับความนิยมอย่างมากในการประเมินการเจริญเติบโตและภาวะโภชนาการเด็กในเบื้องต้น ได้แก่ การชั่งนํ้าหนัก การวัดส่วนสูง และการสอบถามประวัติเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร โดยมี รายละเอยี ดในการด�ำเนินการ ดังนี้ 1) การชง่ั นา้ํ หนกั ควรวางเครอ่ื งชงั่ บนพน้ื ทเ่ี รยี บ พรอ้ มทงั้ ตรวจสอบหรอื ปรบั เครอ่ื งชงั่ ให้เป็นศูนย์ก่อนทุกคร้ัง (วิธีการปรับหรือตรวจสอบเครื่องช่ังให้ศึกษาจากหนังสือคู่มือของเคร่ืองชั่งแต่ละ มสธ มสธเครอื่ ง) นอกจากนคี้ วรมกี ารตรวจสอบความเทย่ี งตรงของเครอ่ื งมอื ชง่ั อยา่ งนอ้ ยปลี ะ 2-3 ครง้ั ควรใหเ้ ดก็ ถอดเสอื้ ผา้ สว่ นใหญ่ รองเทา้ และเขม็ ขดั ออก ในการนบั อายเุ ดก็ จะนบั เปน็ เดอื นโดยคำ� นวณจากวนั เดอื น ปีเกดิ จนถึงวนั ท่ชี งั่ นํ้าหนัก (ใชจ้ ดุ กึง่ กลางของเดือนเปน็ หลกั คือ เศษของเดอื นทน่ี อ้ ยกว่า 15 วนั หรือ มสธ15 วันเตม็ ใหต้ ดั ทิง้ ถ้าเกิน 15 วนั ให้นับเป็น 1 เดอื น)

การจดั ประสบการณ์เพื่อพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ด้านร่างกาย 9-47 2) การวัดส่วนสูง ใหเ้ ด็กถอดรองเทา้ และยืนตรงบนพ้นื ราบโดยให้สน้ เทา้ ก้น ไหล่ มสธและศีรษะชิดผนังหรอื เคร่อื งวดั แล้วใช้แผ่นโลหะเลอ่ื นวางชิดสว่ นบนสดุ ของศีรษะ แลว้ วดั สว่ นสงู จากพน้ื ถึงจดุ บนศรี ษะ สำ� หรบั การนบั อายุเดก็ คำ� นวณจากวันเดอื นปีเกดิ จนถงึ วนั วดั สว่ นสูง คำ� นวณแบบเดยี ว กับทใ่ี ชใ้ นกรณขี องการช่ังนํา้ หนัก 3) การใช้ปรอทวัดไข้ ในกรณที ต่ี รวจรา่ งกายเดก็ และพบวา่ เดก็ มไี ข้ ควรวดั อณุ หภมู ิ มสธ มสธรา่ งกายด้วยปรอทวดั ไข้ทันที เดก็ ทม่ี อี ายุต่าํ กวา่ 6 ปี ควรวัดปรอททางรกั แร้ เพราะไม่ท�ำให้เดก็ กลัวและ ปอ้ งกนั การกดั กลนื หรอื สำ� ลกั ปรอท ปกตอิ ณุ หภมู ทิ ว่ี ดั ทางรกั แรจ้ ะตาํ่ กวา่ ทวี่ ดั ทางปาก 0.5 องศาเซลเซยี ส และต่ํากว่าวัดทางทวารหนัก 1 องศาเซลเซียส อุณหภูมิปกติจะอยู่ระหว่าง 35.9-37.2 องศาเซลเซียส ถา้ พบความผดิ ปกตใิ ดๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั เดก็ ใหร้ บี สง่ รกั ษาตอ่ ทนั ที พาณี สตี กะลนิ (2533, น. 199) ไดก้ ลา่ ว ถงึ แนวทางการใชป้ รอทวัดไข้ไว้ดงั น้ี 3.1) ดงึ ปรอทออกจากปลอก ลา้ งฟอกสบูท่ ำ� ความสะอาดปรอทกอ่ นใช้ มสธ3.2) ตรวจดูน้ําปรอทท่ีมองเห็นเป็นสีตะกั่วเงามัน ซึ่งอยู่ในช่วงกลางเป็นแนว ยาวตามตัวปรอทแก้ว ถ้ายังมองเห็นอยู่สูงเกินกระเปาะ ให้จับโคนแท่งแก้วปรอทให้แน่นแล้วสลัดแรงๆ 2-3 นาที เพื่อให้น้ําปรอททั้งหมดไหลตกลงไปในกระเปาะซึ่งอยู่ส่วนปลายของแท่งแก้วปรอท แล้วจึง เรมิ่ วัด 3.3) สอดปลายปรอทส่วนท่เี ปน็ ปลายแหลมไว้ใต้รักแร้ข้างใดข้างหนง่ึ หนบี ไว้ มสธ มสธนาน 2-3 นาที แล้วจึงเอาออก 3.4) อ่านตัวเลขอุณหภูมิที่นํ้าปรอทไหลขึ้นมา คือ อุณหภูมิความร้อนภายใน ร่างกายผ้ปู ่วย 3.5) ท�ำความสะอาดปรอทด้วยนํ้าสบู่ ล้างแล้วเช็ดให้แห้ง แล้วสลัดปรอทเก็บ ในปลอก 3. เครื่องมือท่ีใช้ในการประเมินสุขภาพอนามัยเด็กปฐมวัย ในการประเมินสุขภาพอนามัยเด็ก มสธสามารถใช้เครื่องมอื ประเมนิ ไดห้ ลายชนดิ แตท่ น่ี ยิ มใชก้ นั โดยท่ัวไปมี 2 ชนิด ดังน้ี 3.1 แบบสังเกตและบันทึกพฤติกรรม ในการประเมินสุขภาพอนามัยเด็กปฐมวัยส่วนมาก จะใช้แบบสังเกตและบันทึกพฤตกิ รรม ดังตวั อยา่ งตอ่ ไปนี้ 1) แบบบนั ทกึ ลกั ษณะทางรา่ งกายของเดก็ ทต่ี อ้ งมกี ารบนั ทกึ ขอ้ มลู ลงในแบบบนั ทกึ มสธ มสธ มสธทงั้ ความผดิ ปกตติ ่างๆ ท่ตี รวจพบ หรอื โรคประจำ� ตวั ตลอดจนการแพ้ยา ดังตวั อย่างตอ่ ไปน้ี

มสธชื่อ-นามสกลุ ................................................................. วนั ที่ประเมิน ............................................................... ชอ่ื ผปู้ ระเมนิ ................................................................. ครง้ั ที่ ......................................................................... 9-48 การจัดการศึกษาและหลกั สูตรส�ำหรับเดก็ ปฐมวัย ตารางที่ 9.3 ตัวอย่างแบบบันทึกลักษณะทางร่างกายของเด็กปฐมวัย มสธ มสธลักษณะทางร่างกาย ปกติ ผิดปกติ หมายเหตุ ลักษณะร่างกายโดยทั่วไป ผม การแพ้ยา/อาหาร: ดวงตา อนามยั ช่องปาก รมิ ฝปี าก มสธฟนั หู มือ เล็บ ผิวหนัง มมสสธธ มมสสธธ มมสสธธเทา้

การจดั ประสบการณ์เพ่ือพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นร่างกาย 9-49 2) แบบบันทึกค่าน้ําหนักและส่วนสูง ในการประเมนิ ภาวะโภชนาการและการเจรญิ มสธเติบโตของเด็กด้วยการชั่งน้ําหนัก และวัดส่วนสูง พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูจ�ำเป็นต้องบันทึกค่าน้ําหนัก และส่วนสูงของเด็กหรอื เดก็ แตล่ ะคนลงในแบบบนั ทกึ ท่สี รา้ งขึน้ ดงั ตวั อย่างในตารางที่ 9.4 แล้วน�ำตัวเลข เหล่าน้ันเปรียบเทียบกับค่าเฉล่ียน้ําหนักและส่วนสูงท่ีศึกษาจากเด็กไทยของ กรมอนามัย กระทรวง สาธารณสุข (2543) ในภาคผนวกท้ายหนว่ ย มสธ มสธตารางท่ี 9.4 ตัวอย่างแบบบันทึกค่าน้ําหนักและส่วนสูงของเด็กปฐมวัย มสธช่ือ-นามสกุลชื่อผูบ้ นั ทึกข้อมลู ................................................................................................................................................ 1. คร้ังที่ 1 (วันเดือนปี) ครั้งท่ี 2 (วันเดือนปี) 2.อายุ นํ้าหนัก ส่วนสูง อายุ นํ้าหนัก ส่วนสูง (ปี/เดือน) (ก.ก.) (ซม.) (ปี/เดือน) (ก.ก.) (ซม.) มสธ มสธ3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. มสธ มมสสธธ มสธ10.

9-50 การจัดการศกึ ษาและหลกั สตู รสำ� หรับเด็กปฐมวยั 3) แบบสังเกตพฤติกรรมสุขนิสัยและการรักษาความปลอดภัย เป็นการประเมิน มสธพฤติกรรมที่เด็กปฏิบัติตนอย่างถูกต้องตามหลักสุขภาพและอนามัยอย่างสม่ําเสมอจนเกิดความเคยชิน ส่งผลให้เด็กมีสุขภาพอนามัยท่ีแข็งแรงสมบูรณ์ ซึ่งส่วนมากจะใช้การสังเกตพฤติกรรมตามแบบสังเกต ที่พัฒนาขนึ้ ดังตวั อย่างตอ่ ไปน้ี มสธ มสธตารางท่ี 9.5 ตัวอย่างแบบสังเกตพฤติกรรมด้านสุขนิสัยและความปลอดภัยของเด็กปฐมวัย ค�ำช้ีแจง ให้สังเกตพฤตกิ รรมของเด็กตามรายการพฤติกรรมท่กี �ำหนดให้ โดยใส่เคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องระดบั พฤตกิ รรมตามทีส่ งั เกตเหน็ ช่อื -นามสกุล................................................................. วันท่ปี ระเมิน ............................................................... ชื่อผ้ปู ระเมนิ ................................................................. ครงั้ ที่ ......................................................................... มสธข้อท่ี รายการพฤติกรรมระดับพฤติกรรม 1. การล้างมือท�ำได้ด้วยตนเอง ครูต้องเตือนบ้าง มสธ มสธ1.1 ล้างมอื หลงั จากเลน่ เสรจ็ 1.2 ลา้ งมอื ก่อนรับประทานอาหาร 1.3 ลา้ งมอื หลังเขา้ ห้องน้าํ 1.4 ล้างมอื เมือ่ เปอื้ นเปรอะ 1.5 เช็ดมอื หลังจากลา้ งมือ มสธ2. การเล่นเครือ่ งเลน่ สนาม 2.1 เล่นเครือ่ งเลน่ ไดถ้ กู วิธี 2.2 เข้าแถวรอเล่นตามลำ� ดบั ก่อนหลังไมแ่ ยง่ กันเลน่ มสธ มสธ2.3 แจง้ ครูเม่ือพบเหน็ ของเล่นช�ำรดุ 2.4 ให้คำ� แนะน�ำเพ่ือนที่เล่นเครื่องเล่นไมถ่ กู ต้อง มสธ2.5 ไมเ่ ล่นโลดโผนเสีย่ งต่อการเกิดอุบัตเิ หตุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook