Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-13-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-1

64-08-13-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-1

Published by elibraryraja33, 2021-08-13 01:22:49

Description: 64-08-13-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-1

Search

Read the Text Version

ก คำนำ ด้วยพระบรมราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมุ่งหมายให้การศึกษาบ่มเพาะ สมรรถนะให้แก่ผู้เรียน เพื่อสร้างคุณลักษณะสำคัญ 4 ประการให้กับคนไทย อันได้แก่ 1) มีทัศนคติที่ดีและถูกต้อง 2) มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคงเข้มแข็ง 3) มีอาชีพ มีงานทำ 4) เป็นพลเมืองดี มีระเบียบวินัย และพระราชปณิธาน ใน การสบื สาน รกั ษา พัฒนาตอ่ ยอด โครงการในพระราชดำรขิ องพระราชบิดา จงึ ทรงพฒั นาการศกึ ษาทางไกลผ่าน ดาวเทียม หรือ NEW DLTV ในทุกด้านอาทิ ระบบออกอากาศ อุปกรณ์เทคโนโลยี บุคลากรและกระบวนการจัด การศึกษา เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนครูในโรงเรียนขนาดเล็ก สร้างโอกาสการเข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิตของ ประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ผ่านการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมจำนวน 15 ช่องสัญญาณ ไปยังโรงเรียนต่าง ๆ และ ผูส้ นใจทัว่ ประเทศ เพอื่ ให้ประเทศไทยเป็นสงั คมแห่งปญั ญามจี ิตอาสาในการสรรคส์ ร้างและพัฒนาประเทศให้ม่ันคง การสอนออกอากาศทางไกลผ่านดาวเทียม ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 นี้ เป็นการสอนออกอากาศในแนวใหม่ บันทึกเทปการสอนจากห้องเรียนต้นทางของโรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ครูปลายทางสามารถดูเทปการสอนผ่านทางเว็ปไซต์ www.dltv.ac.th และ Application on mobile DLTVของมูลนิธิ และมีคู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมงครบทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ซึ่ง ครูปลายทางสามารถปรบั กิจกรรมการเรียนรใู้ ห้เหมาะสมกบั ชุมชน ทอ้ งถ่นิ วัฒนธรรมและบริบทของแตล่ ะโรงเรียน การจัดทำคู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ได้รับความร่วมมือจากคณะทำงาน ประกอบด้วย สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ คณาจารย์จากมหาวิทยาลัย ศึกษานิเทศก์ และครูผู้เชี่ยวชาญ ทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ซึ่งครูปลายทางใช้ในการเตรียมการสอนล่วงหน้า รวมทั้งจัดเตรียมเอกสารเพื่อส่งเสริมการเรียน ได้แก่ ใบงาน ใบความรู้ แบบฝึกหัด ให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เกิด ประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในห้องเรียน เพื่อการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนขยายโอกาสและ โรงเรียนมธั ยมศึกษาขนาดเลก็ ตอ่ ไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมุ่งมั่นพัฒนายกระดับ คุณภาพการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อพัฒนาสังคมไทยและยกระดับคุณภาพของคนไทยให้เข้มแข็ง สมดัง พระราชปณธิ าน “...การศึกษาคอื ความม่ันคงของประเทศ...” ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มูลนธิ กิ ารศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม ในพระบรมราชปู ถัมภ์

ข บทนำ การจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เป็นการจัดการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก ครูสอนไม่ครบชั้น โดยจัดการเรียนการสอนของครูห้องเรียนต้นทางจากโรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปยังห้องเรียนปลายทางในโรงเรียนพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ พื้นที่สูง ชายแดน เกาะแก่งและเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ เปน็ การลดความเหลอื่ มลำ้ ในการจัดการศึกษาให้ท่วั ถึง เท่าเทียมและมคี ุณภาพ คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 – 3) ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ประกอบด้วยเอกสาร 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คือ 1) ภาษาไทย 2) คณิตศาสตร์ 3) วิทยาศาสตร์ 4) สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 5) สุขศึกษาและพลศึกษา 6) ศิลปะ 7) การงานอาชีพ 8) ภาษาต่างประเทศ แต่ละระดับชั้นมีเอกสารรวม 8 เล่ม แต่ละเล่มมีรายละเอียด คำชี้แจงการจัดกระบวน การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ สื่อ/ใบงาน/แบบฝึก แบบประเมิน ที่ตรงกับมาตรฐาน ตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้แกนกลาง (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ของแต่ละสาระการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 การจัดทำคู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 – 3) เป็นการทำงาน ร่วมกันของหลายหน่วยงาน มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาวิชา คณาจารย์ จากมหาวิทยาลัย คณะศึกษานิเทศก์ คณะครูผู้สอนในสังกัดสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และโรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้มีส่วนร่วมจาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยให้คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มีความสมบูรณ์และ เหมาะสมตอ่ การจัดการเรยี นการสอนเพ่อื เยาวชนไทยทัง้ ประเทศ มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ หวังว่าคู่มือครูและแผนการจัด การเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ คณะครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ในการจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม ในโรงเรียนขนาดเล็กและขยายโอกาสในระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น เพ่ือประสิทธภิ าพการจดั การเรยี นการสอนใหส้ ูงข้ึนต่อไป

สสสสาาาารรรรบบบบัญญญัั ญั ฃ โสสโคหหหคหบปคปบมคโคคหบคหหหสหมมคปคคคคคคคมคโหปคคบคหสหาาาำำำำำำำำำำำำาาาทกกทกทแแแนนนนนนนนนครรรแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแาำำำำารรรทกแชออชชอนนนชชชนนนแแแแแแแแแตตตผผผรรรนนน่ว่่วววว่่ว่่ว่วว่รแแแแแแแแแแแแแแแงงงรชอนชแแแตบบบผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผผร้้แี้ีแีแ้ีีแแ้ีแ้ผผผผผผผผผธธธรรรำำำนอออ่่ววว่นนนงสสสยยยยยยยยยำำำบผผผผผผผผผผผผผผผแ้ีี้แผผผธรำนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนอฐฐฐบบบิิิัญญญัันจจจจจจนนนนนนนนนสงงงยยยำกกกรรรกกกกกกกกกนนนนนนนนนนนนนนนฐบิญัจจนนนาาางกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกงงงงงงาาากกกกกกกกกกรกกกา้าา้้าาาาาาาาาาาาานนนกกกกกกกกกกกกกกกงงรรรกกกากกกยยยาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา้งงงาาาาาาาาาาาาารรรนรรรรรรรรรรกาาายาาาาาาาาาาาาาาากกกาาารรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรงรรราาารรรรรรรรรรรรรกกกรรรเเเเเเเเเายยยการรรรรรรรรรรรรรรรรรรรกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกรรราาาาาาาาารรรรรรรรรกกกกกกกกกกเเเาาายรกกกกกกกกกกกกกกกวววารราารรรยยยกกกยยยรรรีียยียียียีียยยียีาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาารรรวรยยัััชชชบบบิิิรยีียยีาาาาาาาาาาาาาาาเเเรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรววววววาาารนนนนนนนนนรรรรรรรรรจจจรรรัชบิเรรรรรรรรรรรรรรรววาาาจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจนนนรรริชิชชิชชชิชชชิิจจจจจจจจจจรดดััดัรรรรรรรรรยีียยีาจจจจจจจจจจจจจจจวววชิชิชจจจดดััดัดััััดัดัดดดัััดัดัดัดัดดดัดดัดดัััดัััดดัดดดััดดดัดััััดดัดัดดดััดดััดัดดััััดัดัดดาาามมมาาาดัดัดััััดดััดดัดดัดรรรยีูทู้ท้ทูู้ท้ทท้้ทููู้ทูู้้ทกกกนนนวิทิิททัดดดัััดััดัดัดดัดดดััดัดััดดัามาดัดัดัววววววกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกทูู้ทูท้้รรรกกกกกกกกกกนิทาาา่ีีี่่ีี่่ีี่่ีี่่รรรววกกกกกกกกกกกกกกกททิิทิยยยทิททิิรกกกาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา321112332าาาาาาาาาาี่ี่ี่รรรรููู้้้///ิทยทิาาาาาาาาาาาาาาาาาาา123ยยยรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรยยยาาายยยรรรรรรรรรรเเเตตตู้/ายรรรรรรรรรรรรรรรศศศยยรรรเเเสเเเสสเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเรรรกกกเตเเเเเเเเเาาาาาาวววัััรซรซรซรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรศรเเสรรรรรรรรรเเเเเเเเเเเเเเเยยีีียกเเเาาาาาาาาศศศศศศาาาัวซรรรรรรรรรรรรรรรรชชชยยีีียาาายยีีียีียยีียีีียยียีียียยีียยยยียีียียีีียยยยียียีียียียีีีีียยียยีีียียยยีียียยยยยรรรียีียยีียียยยีีีียยยลลลาาศศสสสนนนารรรรรราาาชาาายีาีียยียีียยยยีีียยีียียียีียยจจจยียยีีีววี้้้วีนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนลสนนนนนนนนนนรรลลลแแแตตตาสสสาสสสรรรสสสจี้วนนนนนนนนนนนนนนนัดดััดนนนะะะลรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรแตสสรสรรรรรรรรร์แแแ์์ูู้ทททู้้อออลลลรรรตตตตตตัดะเเเรรรรรรรรรรรรรรรู้้ทูู้ททูทูู้ทููู้้ทททททททู้้ท้้ทูู้้ทู้ทู้้ทูทู้ทู้ทูู้ทููู้้้ทู้ทููู้้้ทท้ททูู้้ทูทู้ทูทูู้ทูู้ท้ท้ท้ทููู้้้้้ทททู้ทู้ทู้ททูู้ทูู้้ทรรร์แูทู้้ททูททูทูู้้ทูทู้้้ทู้้ทู้อลรตต์์์รรรลลลนนนะะะ่่ีี่ีเรรรรรรทููู้้้ททูููู้้้ท้ทูทู้้ทททททู้ททูู้้้ทููู้ท้ทููู้้้ททรรร์ี่ี่ี่111ีีี่ี่่่่ีี่่ี่ี่่่ีีี่ี่่ี่่ี่ีี่ี่่ีีี่่ี่ีี่ีี่่ีี่ี่่ี่ี่่ี่ี่ีีีี่่ี่ี่่ีี่ี่ี่รลนะียยีียี่ี่ีีี่่ี่ี่ี่่่่ีีรรสสส์์์์์์ะะะอออร777631136338333833618222424412154522221451114หหห่ี1่่ี่ีีีีี่ี่ี่่่่ีีี่ี่่่ี่ี991119111ีย่่ีีี่รรรรรร222ส์์ะนนนออออ733183642412125มมมห911อออรร201010หหหสัสัสัหหหนอมเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเอเเเวววงงง01บบบหเเเัสหกกกรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรวววรรรเเเเเเเเเเเเเเเสัััสสสััสสัเรรรวงคคคบเเเเเเเกทิิทิทรรรรรรรรรรรรรรรอือ่ืือ่่ื่อ่ือออืื่ื่ือ่่ื่่อือ่อือ่ือื่อ่อออื่่ืื่ออ่ืืื่ออื่่อ่ือ่ื่อื่อ่ือ่อ่ืืือือื่อออ่ื่ื่ออ่อืื่ออ่ืื่ื่อ่ืออ่ืืื่อื่ออ่อ่ืือ่ืวรอออัสัสตัตัตัิชิิชช่ือ่ื่ออืรรรรรรรืออ่อืื่่วววควววเเทิอื่อ่ืื่ออ่ืืื่อ่ออ่ือ่ืื่อ่ออ่ืื่ออ่อ่ืือ่ืืป์์์ปปอตัชิอ่ืยยยรรงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงาาาอ่ืว่่ือืือ่ออื่ออ่ื่ืวาาางงงิขขขิิชชชิิิชิิิชชงงงป์ยงงงงงงงงงงงงงงงาออืื่่ากกกงรรรขิก์ก์ก์วววิชิชงงงงงงงาาาาาาอออมมมเกมเคจจมเจกคคมกกจธลจลคววคธลสกกวกคกกธสจสลลลธธธกรก์วพพพะะะงงชชิชิิซซซาาาาาัันันนอมคเกจมกสลจคธกวลววววววาาาิททิิทธุดดุุดุดดุุดงงงักมมัมักกััักกกรรรรรรลลลววววววาาาววววววพโสสโโสะชิซากกกนัศศศววาาาลลลลลลาทิชิชิิชิิชชิชุดุดงตตตกมักัรรลคคคววาววอออสสสสโะะะะะะตตตาาาาาาลลลลลลเเเเเเยยย้ษษ้้อษออษษษกบบบศมมมาลลอออชิชิตคอดดดดดดสลลลงังัังะะตาาาาาาาาลลเเยอษ้ษกกุุุกมมมมมมบรรรบบบบบบยยยมาาาุแแแุุวววแแแแแแาาางงงอณณณณณณบบบตัตัตัดดลังงงาาบบบุกมมรบบ์พพ์พ์อออืืือออืืืยางงงแุวแแารรรัมมมัังหหหหหห222จจจศศศ่่าา่าณณบลลลัตววววววลลลลลลววววววงบาาาบิิบิบพ์อือืััตตัตงสสสรัมหห2จขขขศดดดดดด่าะะะะะะลววลลชืชชืืงงง111วลลุุลุวนนนนนนมมมาาาาะะะ222นนนนนนะะะะะะบิ222นนนตัสขดดะะิขิขขิาาารรรืชง1ลุนนมสสสขขขไไไาะ2อออนนะะ2นสสส11แแแทททสสสนัันนั111ปปปปปป111กกกกกกาาาาาาคคคขิารงงงจจจจจจรรร้า้าา้สขไออออส1แทอออำำำสัน1ปป1กก000งงงตตตลลลาาค1111าาาแแแแแแงจจรรราาาาาาปปปรตตตา้รรรรรรอวววงงงดดุุุดุุดดดุอำงงงคคค0งตลเเเ1งงง1าแแ111ราาปรรรตรระะะรรรรรรรรรรร000000วงิมมิมิมิมิมินนนนนนอออุดุดาาารรรซซซรรรงคสสสหหหหหหเงเเเ1รััญัญญะรรรร00ปปปมิมินน์์คค์คอศศศทททวววเเเาร111111ซรมมมสังังังซซซะะะหหาาาาาาะะะน่นน่่่่่นนนเาาาญัชชชซซซลลลปลลลลลลค์ศทวเ11ิิททิทมงัซะืออือืสสสาาะนนนรรรน่่นตตตตตตาาาขขขตตตรรรากกกชลลลซลรรรลลขขขขขขันั้้นน้ัลลลิทลลลชชชชชชอออออออืสนรตตาขะะะตรงงงกลีีียยยอออรอ้้อ้อ์์์รรรรรรอออขขใใใอออั้นาาาลลลลลชชออออออออลลละมมม้น้ั้ัันนนััน้ั้น้ง์์์มมมมมมวววียออ้นนนกกก์รรอใอาลขขขขขขาาาะะะรรรนนนอองงงมมมแ์์แ์แลม้ัน้นั์มมวงงงงงงนกสส์ส์์ิททิิทธธัธััขขามมมเเเเเเะมมมรนศศศออองสสสขขขนนนมไไไออออออ์แงงกกกสสสสสสลลลหหหหหห์สทิธัมเเมศยยยอตตัััตรรรสขนไออยยยัธธัธััธธัธัาาาบบบกอออถถถสสลงงงงงงหหักกักับบััับาาาาาาะะะยตัรลลลลลลยัธัธมมมาบวววอถยยยสสสยยยงงาาาักสสสสสสาาาบังงงาาะรรรวววรรรลลหหหมกกกวยววววววสยาสส์์์ศศศศศศามมมงมมมตตตธธธนนนาาาาาารวรบบบบบบหทิทิิทกวว์ศศนนนาาามมตธนาาาาาาาารรรรรรกกกึึึบบิทศศศรรรศศศขขขขขขะะะรรรรรรนายยยรรราารรกึสสส้า้า้าศตตตรศบบบบบบ์์์ขขะษษษึึกึกกรรกกึกึึขขขยออออออสิิิสสิิสสิสรเเเาาา(((ส้าตบบททท์ษตตตุุุึกกึขปปปออรรรรรรสิิสตตตเษษษษษษาอออาาา(งงงงงงทุุทุททุุททุศศศทตุปรรต่่่ีีีสิสิิสสสิิสิรรรษษอางงทุทุศปปปสสสสสส่อ่ออ่ลลลงงงาาาาาาาาาธธธธธธี่ิสิสร์์์ปสส่อลททุุทุทุทุทุงแแแาาาาาาาาา)))ี่่ียยี่ยธปปปธีีทททีสสสปปปิ์ิแ์แ์ิแแ์ิ์ิแ์ิแ์ทุุทแาา)ีย่(((ปทีรรรรรรสปธธธธธธขขขิแ์ิแ์นนนตตตทีีททีีี่่่ีีทททีีลลลลลลกกก(รรธธขบบบบบบนิิิแ์แ์แ์แแ์์ิิ์ิแ111ต็็็งงงีที่ีทลลกแแแรรระะะะะะาาาี่ีี่่่่ีี่ีบบิ์แแิ์1็งลลลลลลรรรรรรแร111111ะะ์์์าี่ี่ปปปรรรสสสสสสภภภลลรร1ิิสสสิิสิสิส1์ะะะะะะขขขปรสสสสสภาาาาาาลลลสิสิภภภาาาภภภะะขทุทุุทททุุุทสสสสสสสอออาาลงงััังรรรรรรภาภงงงคคคทุทุสสอาาาาาาังาาาาาารรเเเธธธธธธงงงผผผผผผงคสสสากกกาเเเคคคคคคาาเธธรรรรรรงผผเเเิแ์ิแ์ิ์แ์แ์์ิแิแิสรรรสสสสสสกเถถถคคหหหรรตตตเ์ิแิ์แผผผผผผเเเเเเรสสลลลลลลยยีียีถมมมหมมมรรรรรราาาตผผเเลลล)))ลลยีสสสสสสมมะะะะะะนนนรราีีียยยยียียีนนนล)สสวววะะนมมมมมมียยีนสสสสสสทททนนนนนนะะะวมมสสทนนาาาาาาะแแแทททขขข่่ีี่ีทททาารรรรรรแ111ทขี่ทลลลอออี่่ีี่่่่ีีีรร1ผผผผผผล111111อะะะี่ี่งงงผผสสสสสส11ะงแแแสสสสสมมมมมมแสกกกาาามมการรร๊สสส๊๊ ร๊ส หหหหนนนน้าา้า้ า้ ซซซฃฃฃฎฎฎฉฉฉฆฆฆซฃ222ฎฉ111112111122111121121111221212221211ฆ---2------121112211121---666333---833722228297929873429427669369645737887172660511803075---ญญญ-63-923872659780237641ฅฅฅกกกชชชข1ข11ข555666จจจ33323682622238963299844955827167864517200797775150275ธธธงงงญฅกชข156จ3832629215467897075ธง

สารบัญ (ต่อ) ค แผนการการจัดการเรียนร้ทู ่ี 4 เรื่อง พฒั นาการของเซลล์ หน้า แผนการการจดั การเรียนรทู้ ี่ 45 เรอ่ื ง พกาฒั รนแาพกรา่แรลขะอองอเซสลโมลซ์ สี หน้า หนแว่ ผยนกกาารรเรกยีานรจรดัู้ทก่ี 4ารกเรายีรนสรังทู้เค่ี ร5าเะรหอ่ื ์ดงว้ กยาแรสแงพรแ่ ละออสโมซสี 290 หนแว่ ผยนกกาารรเกรายี รนจรัดทู้ กี่ า4รเกรายี รนสรงั ทู้ เค่ี 1ราเะรอ่ืหงด์ ้วปยัจแจสัยงทพ่ี ืชใช้ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง 2980 แผนการการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 21 เรื่อง ปจั จยั ทีพ่ ืชใชใ้ นการสังเคราะห์ด้วยแสง 320998 แผนการการจดั การเรียนรทู้ ่ี 32 เรือ่ ง ผปลัจติจภยั ทัณพี่ ฑชื จ์ ใาชก้ใกนากราสรงัสเังคเรคาระาหะด์ห้วด์ ยว้ แยสแงสง 30139 แผนการการจดั การเรียนรทู้ ่ี 43 เรื่อง คผวลาติ มภสัณำคฑัญ์จาขกอกงากราสรงัสเงัคเรคาระาหะด์หว้ด์ ยว้ แยสแงสงของพืชต่อสงิ่ มีชีวิตและส่งิ แวดลอ้ ม 33123 แผนการการจัดการเรียนรูท้ ี่ 54 เรื่อง ความตสรำะคหญั นขกัอตงอ่กคารุณสคังเ่าคขรอางะพหืชด์ ทว้ ม่ียตีแ่อสสงขิ่งมอีชงพีวิตชื แตลอ่ ะสสิง่ ่ิงมแีชววี ดติ ลแอ้ ลมะสิ่งแวดลอ้ ม 34392 แผนการการจดั การเรยี นรู้ที่ 65 เรอ่ื ง ความตระหนกั ต่อคณุ คา่ ของพชื ทีม่ ีตอ่ สิ่งมีชวี ติ และสงิ่ แวดลอ้ ม 36469 หนแว่ ผยนกกาารรเกรยีารนจรัดู้ทก่ี 5ารกเรายี รนลรำทู้ เลี่ 6ยี งเนรื่อ้ำงแลคะวอามาหตราะรขหอนงักพตชื่อคุณค่าของพชื ทม่ี ีตอ่ สงิ่ มีชวี ิตและสิ่งแวดลอ้ ม 37626 หนแว่ ผยนกกาารรเกรายี รนจรดั ู้ทกี่ า5รเกรายี รนลรำทู้ เลี่ 1ียงเรนือ่ ้ำงแลกะาอราลหำาเลรียขงอนง้ำพขชื องพชื 3772 แผนการการจดั การเรยี นรู้ท่ี 21 เรอ่ื ง การลำเลียงอนา้ำหขาอรงขพอชื งพืช 38707 แผนการการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 32 เรื่อง ธกาาตรอุ ลาำหเลารยี บงอางาชหนาดิรขทอี่มงคี พวชื ามสำคญั ต่อการเจริญเตบิ โตของพืช 3830 หนแว่ ผยนกกาารรเกรียารนจรัดู้ทก่ี 6ารกเรายี รนสรบื ทู้ พี่ 3นั ธเรุ์ขื่อองงพธาชื ตดอุ อากหารบางชนิดท่ีมีความสำคัญต่อการเจรญิ เติบโตของพชื 39863 หนแ่วผยนกกาารรเกราียรนจรดั ู้ทกี่ า6รเกรายี รนสรบื ทู้ พี่ 1นั ธเรุข์ อ่ื องงกพาืชรดสอืบกพนั ธ์ขุ องพชื 430976 แผนการการจดั การเรียนรู้ที่ 21 เรอ่ื ง โกคารรงสสบื รพ้างันทธ่ีใ์ขุ ชอ้ใงนพกชืารสืบพันธข์ุ องพชื ดอก 42017 แผนการการจดั การเรียนรู้ท่ี 32 เรือ่ ง กโคารงปสฏริสา้ นงทธิขีใ่ ชอ้ใงนพกืชาดรอสกืบพันธ์ขุ องพชื ดอก 4251 แผนการการจดั การเรียนรู้ที่ 43 เรื่อง การเปจฏริสญนหธลขิ งั อกงาพรืชปดฏอิสกนธิ 43285 แผนการการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 54 เรอ่ื ง การสเจบื รพิญนั หธลแุ์ ังบกบาไรมปอ่ ฏาิสศนยั ธเิพศของพืช 45308 แผนการการจดั การเรยี นรู้ท่ี 56 เรือ่ ง การสขบืยาพยันพธนัุแ์ ธบ์ุขบอไงมพ่อชืาศัยเพศของพชื 46510 แผนการการจดั การเรียนรู้ท่ี 76 เรือ่ ง คกวาารมขยสาำยคพญั ันขธอ์ุขงอเทงคพโชื นโลยกี ารเพาะเล้ยี งเน้อื เยอ่ื 47651 แผนการการจัดการเรียนรู้ที่ 87 เร่ือง ปควระามโยสชำนคข์ญั อขงอกงาเรทขคยโานยโพลยันกีธา์ุพรืชเพาะเลยี้ งเน้ือเยอ่ื 49715 บรแรณผนากนากุ รรกมารวจิทดั ยกาศรเารสยี ตนรร์ ูท้ ่ี 8 เรอ่ื ง ประโยชนข์ องการขยายพันธพ์ุ ืช 540961 รบกาารยรวณชิดั าแนเลทุกะครปโมนระโวลเิทมยนิยี 1าผศลาสตร์ 52006 คราำยชวี้แิชจางเรทาคยโวนิชโาลเยทีค1โนโลยี 1 รหัสวชิ า ว21103 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 53260 คำอชธี้แบิจางรยารยาวยิชวาิชเาทเทคโคนโนโลโยลีย1ี 1รหรหสั วสั ชิวาิชาวว2ิช1า10ว32ช1ั้น10ม3ธั ยชม้ันศมึกัธษยามปศที กึ ี่ษ1าภปาที ค่ี 1เรียภนาคทเ่ี ร1ยี นที่ 1 53562 มคาำตอรธฐิบาานยกรารยเวรชิ ยี านเทรู้/คตโวันชโล้วี ดัยี 1 รหสั วิชาวิชา ว21103 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 553 โมคารตงรสฐรา้านงกรายรเวริชยี านเทรู้/คตโวันชโล้ีวยดั ี 1 รหัสวิชา ว21103 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 55843 หโคนร่วงยสกรา้ งรรเรายี วนชิ ราทู้ เ่ีท1คเโทนคโลโยนีโ1ลยรใี หนสัชววี ชิ ติ าปวร2ะ1จ1ำ0ว3ันชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 55854 หนแ่วผยนกกาารรเกราียรนจรัดทู้ กี่ า1รเรทียคนโนรทู้ โลี่ 1ยใีเนรือ่ชงวี ิตเทปครโะนจโำลวยนัใี นชีวิตประจำวนั 558756 แผนการการจัดการเรียนรทู้ ่ี 21 เรื่อง รเทะคบโบนทโลางยเีใทนคชโีวนิตโปลยระี จำวัน 5658178 แผนการการจดั การเรียนรู้ท่ี 32 เรอ่ื ง กระารบจบัดทกาางรเทขอ้คมโนลู โแลลยะี สารสนเทศ 5679512 แผนการการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เรื่อง การจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ 65170956 641590 64890

สารบัญ (ตอ่ ) ฅ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 นักออกแบบระบบ หน้า แผนการการจัดการเรียนร้ทู ี่ 1 เรื่อง แนวคิดเชงิ นามธรรมในการแก้ปญั หา 678112 แผนการการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง สนกุ กบั การเขียนผังงาน 678189 แผนการการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรื่อง การเขียนอลั กอริทมึ เพอื่ แกป้ ัญหา 70356 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม 71467 แผนการการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรื่อง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 73667 แผนการการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 เรื่อง เครอ่ื งมือและอปุ กรณใ์ นการสร้างสรรคเ์ ทคโนโลยี 74712 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 โปรแกรมเมอรน์ อ้ ย 75845 แผนการการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การออกแบบและเขียนโปรแกรมเบอื้ งต้น 787056 แผนการการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง รู้จกั Micro:bit 789234 แผนการการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง เขียนโปรแกรมโดยใช้ Micro:bit 81590 แผนการการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 4 เรื่อง รู้จัก Arduino และ Thinkercad 83667 แผนการการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 5 เรื่อง คำสงั่ วนรอบ 85812 แผนการการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 6 เรอ่ื ง รูจ้ ักทางเลือก 897023 แผนการการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 7 เรอื่ ง ฟังก์ชนั ใน Tinkercad 899256 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 วศิ วกรนอ้ ย 91423 แผนการการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง ลอ้ และเพลา 93623 แผนการการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง จำลองวงจรอิเล็กทรอนกิ สอ์ ย่างง่าย 93667 แผนการการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง เร่อื ง กลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 94778 แผนการการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 เรื่อง ประยุกตใ์ ชก้ ลไก ไฟฟา้ และอเิ ลคทรอนิคส์ 96901 แผนการการจัดการเรียนร้ทู ี่ 5 เรื่อง ยานยนตแ์ ห่งโลกอนาคต 1907089 บรรณานกุ รม เทคโนโลยี 1 1909234 คณะจดั ทำคู่มือครูและแผนการจดั การเรียนรรู้ ะดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 101478 เพื่อการเรยี นการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) 102534 มูลนธิ กิ ารศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม ในพระบรมราชปู ถัมภ์ 105243 คณะจัดคมู่ ือครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 1 105254 คณะปรับปรงุ คมู่ ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 105276 คณะตรวจปรูฟ๊ และจดั ทำรูปเล่มค่มู ือครู และแผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 1

ฆ การรับชมรายการ การเรยี นการสอนทางไกลผา่ นดาวเทียม มลู นธิ กิ ารศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียม ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ให้บริการการจัดการเรยี นการสอน จากสถานวี ิทยโุ ทรทศั นก์ ารศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม จำนวน 15 ชอ่ งรายการ ทง้ั รายการสด (Live) และรายการย้อนหลงั (On demand) สามารถรบั ชมผา่ น www.dltv.ac.th Application on mobile DLTV - Android เข้าท่ี Play Store/Google Play พิมพ์คำว่า DLTV - iOS เขา้ ท่ี App Store พิมพ์คำวา่ DLTV การเรียกหมายเลขช่องออกอากาศสถานวี ทิ ยุโทรทศั น์การศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม 15 ชอ่ งรายการ DLTV 1 (ช่อง 186) เวลาเรียน / นอกเวลาเรียน DLTV 2 (ช่อง 187) รายการสอนชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 / สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ DLTV 3 (ชอ่ ง 188) รายการสอนชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 / ความรู้รอบตวั DLTV 4 (ชอ่ ง 189) รายการสอนช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3 / วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี DLTV 5 (ช่อง 190) รายการสอนชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 / ธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม DLTV 6 (ชอ่ ง 191) รายการสอนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 5 / ศลิ ปวัฒนธรรมไทย DLTV 7 (ช่อง 192) รายการสอนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 / หน้าที่พลเมือง DLTV 8 (ชอ่ ง 193) รายการสอนช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 / ภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร DLTV 9 (ช่อง 194) รายการสอนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 / ภาษาตา่ งประเทศ DLTV 10 (ชอ่ ง 195) รายการสอนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 / การเกษตร DLTV 11 (ช่อง 196) รายการสอนชน้ั อนุบาลปีท่ี 1 / รายการสําหรบั เด็ก-การเล้ยี งดูลกู DLTV 12 (ช่อง 197) รายการสอนช้ันอนุบาลปีท่ี 2 / สุขภาพ การแพทย์ DLTV 13 (ช่อง 196) รายการสอนชั้นอนุบาลปที ่ี 3 / รายการสำหรบั ผสู้ งู วัย DLTV 14 (ชอ่ ง 199) รายการของการอาชพี วังไกลกงั วล และมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล DLTV 15 (ช่อง 200) รายการของมหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช รายการพฒั นาวิชาชพี ครู

ง การติดตอ่ รบั ขอ้ มูลขา่ วสาร 1. มลู นธิ กิ ารศึกษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เลขที่ 214 ถนนนครสวรรค์ แขวงวดั โสมนสั เขตป้อมปราบศตั รูพา่ ย กรงุ เทพมหานคร ๑๐๑๐๐ โทร 0 2282 6734 โทรสาร 0 2282 6735 2. สถานีวิทยุโทรทศั นก์ ารศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซอยหวั หนิ 35 ถนนเพชรเกษม ตำบลหัวหนิ อำเภอหัวหนิ จงั หวัดประจวบครี ีขันธ์ 77110 โทร. 032 515457 - 8 โทรสาร 032 515951 [email protected] (ตดิ ตอ่ เรอ่ื งเวบ็ ไซต์) dltv@dltv,ac.th (ตดิ ต่อเร่ืองทั่วไป) 3. โรงเรียนวังไกลกงั วล ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ อำเภอหวั หิน จังหวัดประจวบครี ีขันธ์ 77110 โทร 032 522 347 , 032 520 478 โทรสาร 032 520 478 Facebook : โรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถมั ภ์ Website : http://www.kkws.ac.th 4. ช่องทางการติดตามข่าวสาร Facebook : ครูตู้ DLTV Website : http://www.dltv.ac.th

ค�ำ ช้ีแจง 1 จ ประกอบกปารระกใชอบ้แกผำนรใกชาแ้ รผจนดักคำกรำาเชรรยี้ีแเรนจียรงกู้ นสลำรมุ่ หกู้ สรลำับรมุ่ ะคสกรำาู รรเะรียกนารรู้วเิทรยยี ำนศรำสู้วติทรย์ าศาสตร์ 1 1. ควรเตรียมศึกษาเน้ือหาเพิ่มเติมในแต่ละบทเรียนก่อนการสอน เพ่ือให้สามารถปรับเปล่ียน สถานการณ์ตัวอย่างในแต่ละบทเรียน ให้เป็นสถานการณ์จริงในบริบทของนักเรียนและท้องถิ่นที่มีความ สอดคล้องกับเนื้อหาในบทเรียน เพ่ือให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้และประเมินได้ว่า นักเรียนใช้ความรู้ทาง วิทยาศาสตรใ์ นสถานการณใ์ นชีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างเหมาะสม 2. คาถามท้ายกิจกรรมของแต่ละแผนการสอน เป็นสง่ิ สาคญั ท่ีทาใหค้ รสู ามารถประเมนิ ได้ว่า นักเรียน เกิดองค์ความรู้ ตามจุดประสงค์ของแผน และตามตัวชี้วัดของหลักสูตรหรือยัง ดังนั้นในการสอนครูควรให้ ความสาคัญ ไม่ควรข้าม ควรถามตามลาดับทอ่ี อกแบบไว้ 3. การเข้าถึงส่อื การสอนทางอนิ เทอร์เนต ควรตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูล หากไม่สามารถเข้าถงึ ขอ้ มูล ได้ ให้ใช้รูปภาพหรือสื่อการสอนท่ีมีความใกล้เคียงแทนได้ หากในบทเรียนมีการใช้วีดีทัศน์ ผู้สอนควรดาวน์ ดโหาวลนดโ์วหดี ลีทดัศวนีด์ทิทีจ่ ัศัดนเตท์ รี่จยีัดมเตใหรยี้ในมแใหตใ้ล่ นะแบตทล่ เะรยีบนทมเรายี สนามรอาสงไ�ำวร้ใอนงเไควร้ใอ่ืนงเครอื่อมงพคิวอเตมอพริวใ์เหต้เอรรียใ์ บหรเ้ ร้อยี ยบกรอ่ อ้ นยทกา่อกนาทรสำ� กอานรสอน 4. อุปกรณ์ห้องปฏิบัติการที่ใช้ในการสอนแต่ละบทเรียน สามารถดัดแปลงใช้อุปกรณ์ท่ีหาได้ง่ายใน ทอ้ งถิ่น เชน่ ใชแ้ ก้วนา้ แทนบกี เกอร์ ใชไ้ มห้ นบี ผ้าแทนทีห่ นีบหลอดทดลอง เป็นต้น 5. ควรทาการทดลองลว่ งหนา้ (Try out) เพื่อให้สามารถกาหนดเวลาในแต่ละกิจกรรมไดอ้ ยา่ งแม่นยา ยง่ิ ขน้ึ 6. ควรเตรียมจัดทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนให้เพียงพอกับจานวนนักเรียนในช้ันเรียน สาหรบั บทเรียนทีม่ กี ารทดสอบดังกล่าว 7. แบบประเมนิ จัดทาไวท้ ้ายแผนการเรยี นรสู้ ดุ ท้าย ซ่ึงเป็นแบบประเมินท่ใี ช้วดั ผลทเ่ี กิดแก่ผู้เรียนตาม จุดประสงค์การเรียนรู้ครอบคลุมทง้ั 3 ด้านแลว้ ผูส้ อนสามารถเลือกใชเ้ ฉพาะแบบประเมินท่ีสอดคล้องกับสิ่งท่ี ตอ้ งการวดั ในแตล่ ะแผนการเรยี นร้ตู ามความเหมาะสม โดยไมจ่ าเป็นต้องใชท้ ุกแบบประเมินกบั ทุกแผน

2 ฉ 2 คำอธิบำยรำยวชิ ำพืน้ ฐำน รหสั วชิ ำ ว21101 รราำยวิชำาพวื้นทิ ฐยำานศวาิทสยตำรศ์ ำสตร์ 1 กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้ วทิ ยำศำสตร์ เวลำ 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ี่ 1 อธิบาย สมบัติทางกายภาพรวมทั้งจัดกลุ่มธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ความหนาแน่นของสาร บริสุทธ์ิและสารผสม โครงสร้างอะตอมและส่วนประกอบ การจัดเรียงอนุภาค ความสัมพันธ์ระหว่างอะตอม ธาตุและสารประกอบ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและการเคล่ือนท่ีของอนุภาคของสารชนิดเดียวกัน ในสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส ความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับการเปล่ียนสถานะของสสาร โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และแบบจาลอง ความสัมพันธ์ระหว่างรูปร่างกับการทาหน้าท่ีของเซลล์ การจัดระบบของสิ่งมีชีวิต ลักษณะและหน้าทข่ี องไซเลมและโฟลเอม การปฏสิ นธิของพชื ดอก การเกิดผลและ เมล็ด การกระจายเมล็ด และการงอกของเมล็ด กระบวนการแพร่ และออสโมซิส รวมทั้งยกตัวอย่างท่ีพบใน ชีวิตประจาวัน ความสาคัญของการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม การสืบพันธ์ุ แบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศของพืชดอก ลักษณะโครงสร้างของดอกที่มีส่วนทาให้เกิดการถ่ายเรณู ความสาคัญของธาตุอาหารบางชนิดท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตและการดารงชีวิตของพืช ความสาคัญของ เทคโนโลยีการเพาะเล้ยี งเน้ือเยื่อพืชในการใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ รวมทั้งบรรยายหน้าทข่ี องผนังเซลล์ เย่ือหุ้ม เซลลล์ ์ไไซซโทโทพพลาลสาซสมึ ซึมนวิ นเคิวลเยีคสลียแสวคแวิ โวอคลิวโไมอโลทคไมอนโทเดครอยี นแเลดะรคียลแอโลระพคลลาอสตโร์ เพปลรยีาบสเตท์ ยีเปบจรีดุยเบดเอื ทดียจบดุ จหุดลเอดมือเดหจลุดว ขหอลงอสมาเรหบลรวสิ ขทุ อธแิ์งสลาะรสบารผิสสุทมธคิ์แวลาะมสหานราผแสนมน่ ขคอวงาสมาหรนบราสิแทุนธ่นแิ์ ขลอะงสสาารรผบสรมิสกุทาธร์ิจแดัลเะรสยี าอรนผภุ สามคแกรางรยจดึ ัดเหเรนียี่ งวอระนหุภวาา่ คง อแรนงภุ ยาดึ คเแหลนะย่ี กวารระเหควล่าอ่ื งนอทนขีุ่ภอาคงอแนลภุะกาคารขเอคงลอ่ืสนสทารข่ี ชอนงดิอนเดุภยี าวคกขนั อใงนสถสานรชะนขดิอเงดแียขวง็ กขนัอใงนเสหถลาวนแะลขะอแงกแส๊ ข็งรปูขรอา่งงเหและว โแคลระงแสกร๊า้สงขรูปองรเ่าซงลแลลพ์ ะชืโคแรลงะสเซรล้าลงขส์ อตั งวเร์ ซวลมลท์พง้ั เืชขแยี ลนะแเผซนลภล์สาพัตทว์รบี่ วรมรยทาั้งยเขทียศิ นทแาผงกนาภราลพำ� ทเล่ีบยี รงรสยาราใยนทไิศซทเลามงแกลาะรโลฟาลเลเอียมง ขสอารงใพนชื ไแซลเละมระแบลปุะโจั ฟจลยั เทอจี่ มำ� ขเปอนง็ พในชื กแาลระสรงั ะเคบรปุ าจั ะจหัยด์ ทว้ จี่ยาแเสปง็นแใลนะกผาลรผสลังติเคทรเี่ ากะดิ หขด์นึ้ ้วจยาแกสกงาแรสลงัะเผคลรผาะลหติ ด์ทว้ เี่ ยกแดิ สขงึน้ วจเิ คากรากะาหร์ ผสลังเจคารกากะาหร์ใดช้วธ้ ยาแตสโุ ลงหวะิเคอรโาละหหะ์ผกลงึ่ โจลาหกะกาแรลใะชธ้ าตตกุ ุโมัลมหนัะตอรโงั ลสหที ะมี่ กตี ่ึงอโสลง่ิ หมะชี วี แติ ลสะง่ิ ธแาวตดุกลัมอ้ มเันศตรรษังฐสกีทจิ ่ีมแีลตะ่อสงั่ิงคมมีชีวใชิต้ เสค่ิงรแ่ือวงดมลือ้อเพมื่อเวศัดรมษวฐลกแิจลแะลปะริมสัางตครมขอใงชส้เคารรบ่ือรงิสมุทือธเ์ิแพลื่อะวสัดามรผวสลมแลกะลป้อรงิมจุลาทตรรขศอนง์แสบาบรบใชร้แิสสุทงศธ์ิแึกษละาเสซาลรลผ์แสลมะ โกคลร้องงสจรุลา้ ทงตรา่รงศนๆ์แภบาบยใใชน้แเสซงลศลึก์ เษลาอื เกซใลชลป้ ์แยุ๋ ลทะมี่ โคธี ารตงสอุ รา้าหงาตร่าเหงมๆาะภสามยกในบั เพซชื ลใลน์ เสลถือากนใชก้ปารุ๋ยณทท์่ีมกีธ่ าำ� ตหุอนาดหาวรธิ เกี หามราขะยสามย พกบันพธุ์พืชใืชนใสหถเ้ หานมกาะารสณมกท์ ับกี่ คาหวานมดตวอ้ ิธงกีกาารรขขยอางยมพนันษุ ธย์ุพ์ ืชให้เหมาะสมกับความตอ้ งการของมนุษย์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูลและการอภิปราย การคิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ คิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยใชข้ อ้ มลู หลากหลายและประจกั ษพ์ ยานท่ีตรวจสอบได้ เพื่อให้เกดิ ความรู้ ความเข้าใจ สามารถสอื่ สารสิ่งทเ่ี รยี นรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจนาความรู้ไป ใชใ้ นชีวิตประจาวัน รวมทั้งตระหนักถึงคณุ ค่าของการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ ธาตุกัมมันตรงั สี คณุ ค่าของ พืชท่ีมีต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม ความสาคัญของสัตว์ท่ีช่วยในการถ่ายเรณูของพืชดอก ประโยชน์ของ การขยายพนั ธพ์ุ ชื มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ มท่เี หมาะสม

ช 33 รหสั ตัวช้ีวัด ว 1.2 ม.1/1-1/18 ว 2.1 ม.1/1-1/10 รวมทั้งหมด 28 ตัวชว้ี ดั

4 ซ 4 มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชีว้ ัด รายวิชาา ววิททิ ยยาาศศาาสสตตร์พร์ื้นฐาน 1 รหสั วชิ า ว21101 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 รวมเวลา 60 ชั่วโมง จานวน 1.5 หนว่ ยกิต ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ สาระที่ 1 สารและสมบตั ิของสาร มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสารองคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลายและการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ตัวชี้วัด ว 2.1 ม.1/1 อธิบายสมบตั ิทางกายภาพบางประการของธาตโุ ลหะอโลหะและกึ่งโลหะ โดยใชห้ ลกั ฐาน เชิงประจักษ์ท่ีได้จากการสังเกต และการทดสอบ และใช้สารสนเทศท่ีได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ รวมท้ังจัดกลุ่ม ธาตุเป็นโลหะอโลหะและกึง่ โลหะ ว 2.1 ม.1/2 วิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะก่ึงโลหะ และธาตุกัมมันตรังสีที่มีต่อส่ิงมีชีวิต ส่งิ แวดล้อมเศรษฐกจิ และสงั คมจากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ ว 2.1 ม.1/3 ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุกัมมันตรังสี โดยเสนอ แนวทางการใชธ้ าตุ อยา่ งปลอดภัย ค้มุ ค่า ว 2.1 ม.1/4 เปรียบเทียบจุดเดือดจุดหลอมเหลวของสารบริสุทธิ์และสารผสม โดยการวัดอุณหภูมิ เขยี นกราฟ แปลความหมายขอ้ มลู จากกราฟหรอื สารสนเทศ ว 2.1 ม.1/5 อธิบายและเปรียบเทียบความหนาแนน่ ของสารบรสิ ทุ ธแิ์ ละสารผสม ว 2.1 ม.1/6 ใช้เคร่ืองมือเพื่อวัดมวลและปรมิ าตรของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสารผสม ว 2.1 ม.1/7 อธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอะตอมธาตุและสารประกอบ โดยใช้แบบจาลอง และสารสนเทศ ว 2.1 ม.1/8 อธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วยโปรตอนนิวตรอนและอิเล็กตรอนโดยใช้ แบบจาลอง ว 2.1 ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและ การเคล่อื นที่ของอนภุ าคของ สสารชนิดเดียวกนั ในสถานะของแขง็ ของเหลวและแก๊สโดยใชแ้ บบจาลอง ว 2.1 ม.1/10 อธิบายความสมั พันธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับการเปล่ียนสถานะของสสาร โดยใช้ หลกั ฐานเชิงประจักษ์และแบบจาลอง

5 ฌ 5 สาระท่ี 2 เซลลแ์ ละองคป์ ระกอบของเซลล์ มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ ของโครงสร้าง และหนา้ ที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชท่ีทางานสัมพนั ธก์ นั รวมทัง้ นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตวั ชว้ี ัด ว 1.2 ม.1/1 เปรียบเทียบรูปร่างและโครงสร้างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ รวมทั้งบรรยายหน้าท่ีของ ผนงั เซลล์ เย่ือหุม้ เซลล์ ไซโทพลาซมึ นวิ เคลยี ส แวคิวโอล ไมโทคอนเดรยี และคลอโรพลาสต์ ว 1.2 ม.1/2 ใชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ใช้แสงศกึ ษาเซลล์ และโครงสร้างตา่ งๆ ภายในเซลล์ ว 1.2 ม.1/3 อธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งรูปรา่ ง กบั การทาหนา้ ทข่ี องเซลล์ ว 1.2 ม.1/4 อธิบายการจัดระบบของสิ่งมีชีวิต โดยเร่ิมจากเซลล์ เน้ือเย่ือ อวัยวะ ระบบอวัยวะ จนเปน็ สิง่ มีชีวิต ว 1.2 ม.1/5 อธิบายกระบวนการแพร่และออสโมซิสจากหลักฐานเชิงประจักษ์ และยกตัวอย่าง การแพรแ่ ละออสโมซสิ ในชีวติ ประจาวนั สาระที่ 3 การสังเคราะห์ด้วยแสง มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลํ าเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํ างานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ ของโครงสรา้ ง และหนา้ ทข่ี องอวัยวะตา่ งๆ ของพืชทีท่ ํางานสมั พนั ธ์กัน รวมทงั้ นําความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชว้ี ัด ว 1.2 ม.1/6 ระบปุ ัจจัยทจี่ าเป็นในการสังเคราะห์ ด้วยแสงและผลผลติ ทเ่ี กิดขึน้ จากการสงั เคราะห์ ดว้ ยแสง โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ ว 1.2 ม.1/7 อธิบายความสาคัญของการสังเคราะห์ ดว้ ยแสงของพชื ต่อส่ิงมชี วี ติ และส่ิงแวดล้อม ว 1.2 ม.1/8 ตระหนักในคณุ คา่ ของพืชที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม โดยการร่วมกันปลูกและดูแล รกั ษาต้นไมใ้ นโรงเรยี นและชมุ ชน สาระท่ี 4 การลาเลียงน้า แร่ธาตแุ ละอาหารของพชื มาตรฐานการเรยี นรู้ มมาาตตรรฐฐาานนวว11.2.2เขเขา้ ใ้าจใสจมสบมตับิขัตอิขงอสง่ิ สมิ่งชี มวี ีชิตีวหิตนหว่ ยนพ่วยืน้ พฐาื้นนฐขาอนงขสอ่งิ มงสชี ิ่งีวมิตีชกีวาิตรลกําาเลรลยี ำง�สเลาียรผงส่านารเซผล่าลน์ เซลล์ ความสัมพนั ธข์ องโครงงสสรรา้ า้ งงและหหนน้า้าททขี่ ่ีขอองงรระะบบบบตตา่ า่ งงๆๆขขอองงสสตั ตั วว์แแ์ ลละะมมนนษุ ษุ ยยท์ ท์ ่ีที่ทํางาางนานสสัมมัพพันนัธก์ธัน์กนั คควาวมามสมัสมัพพนั ธัน์ธ์ ของโครงสรา้ ง และหนา้าทท่ีขี่ขอองงออววยั ัยววะะตต่า่างงๆๆขขอองงพพืชชื ทท่ที ท่ีําางางานนสสมั มัพพนั ันธ์กธ์กันันรวรมวมทท้ังนั้งํานคำ�วคาวมารมูไ้ รปู้ไใปชใป้ ชร้ปะรโะยโชยนช์ น์

6 ญ 6 ตัวช้วี ดั ว 1.2 ม.1/9 บรรยายลกั ษณะและหน้าท่ีของไซเล็มและโฟลเอม็ ว 1.2 ม.1/10 เขียนแผนภาพท่บี รรยายทศิ ทาง การลาเลียงสารในไซเล็มและโฟลเอ็มของพืช ว 1.2 ม.1/14 อธบิ ายความสาคัญของธาตุอาหารบางชนิดท่ีมีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและการดารงชวี ิต ของพชื ว 1.2 ม.1/15 เลอื กใช้ปยุ๋ ที่มีธาตุอาหารเหมาะสมกับพืชในสถานการณ์ท่กี าหนด สสาารระะทท่ี ่ี55 การสืบพพันนั ธธุ์ขขุ์ อองงพพืชืช มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลํ าเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ ของโครงสรา้ ง และหนา้ ที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพนั ธ์กัน รวมทงั้ นําความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้วี ัด ว 1.2 ม.1/11 อธิบายการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศของพืชดอก ว 11.2.2มม.1.1/1/212อธอิบธาิบยาลยักลษักณษะณโคะรโคงสรรง้าสงรข้าองงขดอองกดทอ่ีมกีสท่ว่ีมนีสท่วานใทหำ้เ�กใหิดก้เกาิดรถก่ายรเถร่าณยูเรวณมู ทรั้งวบมรทร้ังยบารยรกยารย ปกาฏริสปนฏธิสขนองธพขิ อชื ดงพอกชื ดกอากรเกาิดรผเลกแดิ ลผะลเแมละ็ดเมกลาด็รกกราะรจกายระเมจลา็ดยเแมละ็ดกแารลงะอกกาขรององเกมขลอด็ งเมลด็ ว 1.2 ม.1/13 ตระหนักถึงความสาคัญของสัตวท์ ชี่ ว่ ย ในการถ่ายเรณขู องพชื ดอก โดยการไมท่ าลาย ชวี ิตของสตั วท์ ช่ี ว่ ยในการถ่ายเรณู ว 11.2.2มม.1./11/616เลือเลกือวกิธีกวิาธรีกขายราขยยพานัยธพ์ุพันชื ธใ์ุพหืช้เหใหมา้เหะสมมากะับสมควกาับมคตว้อางมกตา้อรขงอกงามรนขษุองยม์ โนดุษยใยช์ ค้ โวดายมใชรู้ความรู้ เกยี่ วกบั การสสบื บื พพนั ันธธขุ์ ์ขุ อองงพพชื ืช ว 1.2 ม.1/17 อธิบายความสาคัญของเทคโนโลยี การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชในการใช้ประโยชน์ ด้านต่างๆ ว 1.2 ม.1/18 ตระหนกั ถึงประโยชน์ของการขยายพนั ธพ์ุ ชื โดยการนาความร้ไู ปใช้ในชีวติ ประจาวนั

7 ฎ 7 โครงสรา้ งรายวชิ า รหัสวชิ า ว21101 รายววิชชิ าาพวืน้ ิทฐายนาวศทิ ายสาตศรา์ สตร์ 1 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 รวมเวลา 60 ชวั่ โมง จานวน 1.5 หน่วยกติ หน่วยที่ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนกั ตวั ช้วี ดั (ช่วั โมง) คะแนน 1 เราจะเรียนรู้ - ความร้ทู ี่เป็นวทิ ยาศาสตร์เปน็ 6 0 วิทยาศาสตร์อยา่ งไร การเรียนรสู้ ่วนท่เี ปน็ องค์ความรูแ้ ละ วิธีการหรือขัน้ ตอนในการแสวงหา ความรู้ ซง่ึ ตอ้ งมีทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ ลกั ษณะสาคัญ ของนักวทิ ยาศาสตร์ คือเป็นผู้ท่ี ทางานเป็นกระบวนการอย่างเปน็ ระบบ สามารถคิดค้นส่งิ ท่ีเป็น ประโยชน์ต่อโลกอย่างมากมาย สรา้ งความสะดวก สบายให้มนษุ ย์ นักวทิ ยาศาสตรจ์ ะตอ้ งมีลกั ษณะ ตา่ งๆ ดังน้ี ช่างสังเกต อยากรู้ อยากเหน็ มีความเปน็ เหตเุ ป็นผล มีความคดิ รเิ ร่ิม มีความมานะ พยายามและอดทน กระบวนการหา ความรูท้ างวิทยาศาสตร์ ตอ้ งอาศัย การสังเกต การเกบ็ ข้อมูล การแปล ความหมายข้อมูลและอืน่ ๆ การใช้ และรับรู้โดยประสาทสมั ผสั ของ มนษุ ยไ์ มล่ ะเอียดและไม่แมน่ ยา เพียงพอ จงึ จาเป็นต้องมีเคร่ืองมือ และอุปกรณช์ ่วยในการศกึ ษา เพื่อให้ได้ขอ้ มลู ถกู ต้อง การพัฒนา เคร่ืองมอื วิทยาศาสตร์ ทาให้ขยาย ขอบเขตการรับรู้ของมนุษย์ได้อย่าง มาก จงึ มีการคน้ พบส่งิ ใหม่ๆ ทาให้ ความร้ทู างวิทยาศาสตรส์ ามารถ

8 ฏ 8 หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนกั ตัวชีว้ ัด (ชั่วโมง) คะแนน เปลย่ี นแปลงได้เมื่อมีขอ้ มลู หรือ หลกั ฐานเพมิ่ เติม 2 สารและสมบัตขิ อง ว 2.1 ม.1/1 ธาตุแตล่ ะชนิดมสี มบัตเิ ฉพาะตวั 20 37 สาร ว 2.1 ม.1/2 และมสี มบตั ิทางกายภาพบาง ว 2.1 ม.1/3 ประการเหมือนกันและบางประการ ว 2.1 ม.1/4 ต่างกันซ่งึ สามารถนามาจดั กลุ่มธาตุ ว 2.1 ม.1/5 เป็นโลหะอโลหะและก่งึ โลหะธาตุ ว 2.1 ม.1/6 โลหะมจี ดุ เดือดจุดหลอมเหลวสงู มีผิว ว 2.1 ม.1/7 มันวาวนาความร้อนนาไฟฟ้าดงึ เป็น ว 2.1 ม.1/8 เส้นหรือตเี ป็นแผ่นบางๆไดแ้ ละมี ว 2.1 ม.1/9 ความหนาแนน่ ท้งั สงู และตา่ ธาตุ ว 2.1 ม.1/10 อโลหะมจี ดุ เดือดจุดหลอมเหลวต่ามี ผิวไมม่ ันวาวไม่นาความรอ้ นไม่นา ไฟฟา้ เปราะแตกหักงา่ ยและมีความ หนาแนน่ ต่าธาตุกึง่ โลหะมสี มบตั บิ าง ประการเหมือนโลหะและสมบัติบาง ประการเหมือนอโลหะ ธาตโุ ลหะอโลหะและกึ่งโลหะที่ สามารถแผ่รังสีไดจ้ ัดเปน็ ธาตุ กัมมนั ตรงั สี ธาตมุ ีทั้งประโยชน์และ โทษการใชธ้ าตโุ ลหะอโลหะกึ่งโลหะ ธาตุกมั มันตรังสีควรคานงึ ถึง ผลกระทบต่อส่งิ มีชวี ติ ส่ิงแวดล้อม เศรษฐกจิ และสังคม สารบรสิ ุทธิ์ประกอบดว้ ยสาร เพียงชนดิ เดยี วส่วนสารผสม ประกอบดว้ ยสารตงั้ แต่2๒2ชชนนดิ ดิขขน้ึ น้ึไปไป สารบริสุทธิ์แต่ละชนิดมสี มบตั ิบาง ประการท่ีเป็นคา่ เฉพาะตวั เช่นจดุ เดือดและจดุ หลอมเหลวคงท่ีแต่สาร ผสมมีจุดเดอื ดและจุดหลอมเหลวไม่

9 ฐ 9 หน่วยท่ี ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนัก ตัวชีว้ ัด (ชวั่ โมง) คะแนน คงที่ขึ้นอยูก่ บั ชนดิ และสดั ส่วนของ สารท่ผี สมอยู่ด้วยกนั สารบริสุทธ์ิแตล่ ะชนิดมคี วาม หนาแนน่ หรือมวลต่อหนึ่งหน่วย ปรมิ าตรคงที่เปน็ คา่ เฉพาะของสาร น้นั สถานะและอุณหภมู ิหน่ึงแตส่ าร ผสมมคี วามหนาแนน่ ไม่คงท่ขี ึ้นอยู่ กบั ชนดิ และสัดสว่ นของสารท่ีผสม อยดู่ ว้ ยกัน สารบริสทุ ธ์แิ บง่ ออกเป็นธาตุ และสารประกอบ ธาตุประกอบด้วย อนภุ าคทเ่ี ลก็ ทีส่ ุดท่ยี งั แสดงสมบตั ิ ของธาตุนัน้ เรียกวา่ อะตอมธาตแุ ตล่ ะ ชนิดประกอบดว้ ยอะตอมเพยี งชนดิ เดยี วและไม่สามารถแยกสลายเปน็ สารอนื่ ได้ดว้ ยวิธีทางเคมธี าตุเขียน แทนดว้ ยสัญลกั ษณ์ธาตสุ ารประกอบ เกิดจากอะตอมของธาตตุ งั้ แต่๒22ชชนนดิ ดิ ขนึ้ ไปรวมตวั กนั ทางเคมใี นอตั ราสว่ น คงทม่ี สี มบัตแิ ตกตา่ งจากธาตุท่ีเปน็ องคป์ ระกอบสามารถแยกเป็นธาตไุ ด้ ดว้ ยวิธที างเคมีธาตุและสารประกอบ สามารถเขยี นแทนได้ด้วยสตู รเคมี อะตอมประกอบดว้ ยโปรตอน นวิ ตรอนและอเิ ล็กตรอนโปรตอนมี ประจุไฟฟา้ บวกธาตุชนดิ เดียวกนั มี จานวนโปรตอนเทา่ กนั และเป็นคา่ เฉพาะของธาตุนัน้ นวิ ตรอนเป็นกลาง ทางไฟฟ้าสว่ นอเิ ลก็ ตรอนมีประจุ ไฟฟ้าลบเม่ืออะตอมมีจานวน โปรตอนเท่ากับจานวนอิเลก็ ตรอนจะ

10 ฑ 10 หน่วยท่ี ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา น้าหนัก ตวั ช้วี ัด (ชวั่ โมง) คะแนน เป็นกลางทางไฟฟ้าโปรตอนและ นวิ ตรอนรวมกันตรงกลางอะตอม เรียกว่านวิ เคลียสส่วนอิเล็กตรอน เคลื่อนท่ีอยู่ในทว่ี ่างรอบนิวเคลยี ส สสารทุกชนดิ ประกอบด้วย อนุภาคโดยสารชนดิ เดยี วกนั ท่มี ี สถานะของแขง็ ของเหลวแกส๊ จะมี การจดั เรยี งอนุภาคแรงยึดเหนย่ี ว ระหวา่ งอนภุ าคการเคล่ือนทข่ี อง อนภุ าคแตกต่างกนั ซึ่งมีผลต่อรูปร่าง และปริมาตรของสสาร อนุภาคของของแข็งเรยี งชิดกนั มี แรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอนภุ าคมาก ทส่ี ดุ อนภุ าคส่ันอยูก่ บั ที่ทาให้มี รูปร่างและปริมาตรคงท่ี อนุภาคของของเหลวอยู่ใกล้กนั มีแรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนภุ าคน้อย กว่าของแข็งแต่มากกวา่ แก๊สอนุภาค เคล่อื นที่ได้แต่ไม่เป็นอิสระเท่าแก๊ส ทาให้มีรูปร่างไม่คงท่ีแตป่ ริมาตรคงที่ อนุภาคของแก๊สอยหู่ ่างกันมากมี แรงยดึ เหนยี่ วระหวา่ งอนุภาคนอ้ ย ท่สี ุดอนุภาคเคลอ่ื นท่ีได้อย่างอิสระ ทกุ ทิศทางทาให้มีรปู รา่ งและ ปรมิ าตรไม่คงที่ ความรอ้ นมีผลต่อการเปล่ียน สถานะของสสารเม่ือใหค้ วามรอ้ นแก่ ของแข็งอนภุ าคของของแข็งจะมี พลังงานและอุณหภูมเิ พิ่มขนึ้ จนถึง ระดับหนึง่ ซึ่งของแขง็ จะใชค้ วามร้อน ในการเปลยี่ นสถานะเปน็ ของเหลว

11 ฒ 11 หน่วยที่ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา น้าหนัก ตวั ชว้ี ดั (ชว่ั โมง) คะแนน เรยี กความร้อนท่ใี ช้ในการเปล่ียน สถานะจากของแข็งเป็นของเหลวว่า ความรอ้ นแฝงของการหลอมเหลว และอุณหภูมขิ ณะเปลย่ี นสถานะจะ คงทีเ่ รยี กอณุ หภูมินีว้ า่ จุดหลอมเหลว เมื่อให้ความรอ้ นแกข่ องเหลว อนภุ าคของของเหลวจะมีพลงั งาน และอุณหภมู เิ พ่ิมขึน้ จนถึงระดับหน่ึง ซง่ึ ของเหลวจะใช้ความร้อนในการ เปลยี่ นสถานะเปน็ แก๊สเรยี กความ ร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะจาก ของเหลวเปน็ แกส๊ วา่ ความร้อนแฝง ของการกลายเปน็ ไอและอุณหภมู ิ ขณะเปลย่ี นสถานะจะคงทีเ่ รียก อณุ หภูมิน้ีวา่ จุดเดือด เมอ่ื ทาให้อุณหภมู ขิ องแก๊สลดลง จนถึงระดบั หนึ่งแก๊สจะเปล่ยี น สถานะเปน็ ของเหลวเรยี กอุณหภมู นิ ี้ วา่ จุดควบแน่นซึง่ มีอณุ หภมู ิเดียวกบั จดุ เดอื ดของของเหลวนัน้ เมือ่ ทาใหอ้ ุณหภูมขิ องของเหลว ลดลงจนถงึ ระดบั หนง่ึ ของเหลวจะ เปล่ียนสถานะเปน็ ของแข็งเรียก อุณหภูมินี้ว่าจดุ เยือกแขง็ ซง่ึ มี อุณหภูมิเดียวกบั จุดหลอมเหลวของ ของแข็งน้ัน 3 เซลลแ์ ละ ว 1.2 ม.1/1 เซลลเ์ ป็นหนว่ ยพืน้ ฐานของ 9 18 องคป์ ระกอบของ ว 1.2 ม.1/2 สงิ่ มชี วี ติ สิง่ มีชวี ิต บางชนดิ มีเซลล์ เซลล์ ว 1.2 ม.1/3 เพียงเซลล์เดียว เชน่ อะมีบา พารามี ว 1.2 ม.1/4 เซยี ม ยีสต์ บางชนดิ มีหลายเซลล์ ว 1.2 ม.1/5 เชน่ พชื สตั ว์

12 ณ 12 หน่วยท่ี ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนกั ตวั ชวี้ ดั (ชว่ั โมง) คะแนน โครงสรา้ งพ้นื ฐานทพ่ี บท้ังใน เซลลพ์ ชื และเซลล์สตั วแ์ ละสามารถ สังเกตไดด้ ว้ ยกลอ้ งจลุ ทรรศน์ใชแ้ สง ไดแ้ ก่ เย่ือหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส โครงสร้างท่ีพบใน เซลล์พชื แตไ่ ม่พบในเซลล์สัตว์ ได้แก่ ผนงั เซลล์และคลอโรพลาสต์ โครงสร้างตา่ งๆ ของเซลล์มี หนา้ ที่แตกต่างกนั ผนงั เซลล์ ทา หนา้ ทใี่ หค้ วามแขง็ แรงแกเ่ ซลล์ เยอื่ หุ้มเซลล์ ทาหน้าทห่ี อ่ หุ้มเซลล์และ ควบคุมการลาเลยี งสารเขา้ และออก จากเซลล์นิวเคลยี ส ทาหนา้ ที่ควบคุม การทางานของเซลล์ ไซโทพลาซึม มี ออร์แกแนลลท์ ่ที าหน้าทีแ่ ตกตา่ งกนั แวควิ โอล ทาหนา้ ทเ่ี ก็บนา้ และสาร ตา่ งๆ ไมโทคอนเดรีย ทาหน้าที่ เกย่ี วกบั การสลายสารอาหารเพื่อให้ ไดพ้ ลงั งานแก่เซลล์ คลอโรพลาสต์ เป็นแหล่งทีเ่ กิดการสังเคราะห์ดว้ ย แสง เซลลข์ องสิ่งมชี วี ติ มรี ปู ร่าง ลกั ษณะที่หลากหลาย และมคี วาม เหมาะสมกับหนา้ ท่ีของเซลล์นน้ั เชน่ เซลล์ประสาทส่วนใหญ่มเี สน้ ใย ประสาทเป็นแขนงยาว นากระแส ประสาทไปยังเซลลอ์ ่นื ๆ ที่อยู่ไกล ออกไป เซลลข์ นรากเปน็ เซลล์ผวิ ของ รากทีม่ ีผนงั เซลล์และ เย่ือหุม้ เซลล์ ย่นื ยาวออกมา ลกั ษณะคลา้ ยขนเส้น เล็กๆ เพ่ือเพ่ิมพ้นื ทีผ่ วิ ในการดดู น้า และธาตอุ าหาร

13 ด 13 หน่วยท่ี ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนกั ตัวชว้ี ัด (ชั่วโมง) คะแนน พชื และสตั วเ์ ป็นส่งิ มีชีวิตหลาย เซลลม์ กี ารจดั ระบบ โดยเร่ิมจาก เซลลไ์ ปเป็นเน้อื เย่ือ อวยั วะ ระบบ อวยั วะ และส่งิ มชี วี ติ ตามลาดับ เซลลห์ ลายเซลลม์ ารวมกันเป็น เนอ้ื เยอ่ื เนือ้ เยอื่ หลายชนิดมารวมกัน และทางานรว่ มกนั เปน็ อวยั วะ อวัยวะต่างๆ ทางานร่วมกัน เป็น ระบบอวัยวะ ระบบอวัยวะทุกระบบ ทางานรว่ มกันเป็นสิ่งมีชวี ติ เซลล์มีการนาสารเข้าส่เู ซลลเ์ พื่อ ใชใ้ นกระบวนการต่างๆ ของเซลล์ และมีการขจัดสารบางอยา่ งที่เซลล์ ไม่ต้องการออกนอกเซลล์ การนาสาร เขา้ และออกจากเซลลม์ หี ลายวิธี เช่น การแพรเ่ ป็นการเคล่อื นท่ีของสาร จากบริเวณที่มีความเข้มข้นของสาร สูงไปสู่บริเวณท่มี ีความเข้มข้นของ สารต่า ส่วนออสโมซสิ เปน็ การแพร่ ของน้าผา่ นเยื่อหุม้ เซลลจ์ ากด้านทม่ี ี ความเขม้ ข้นของสารละลายต่าไปยัง ดา้ นทม่ี ี ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย สงู กว่า 4 การสงั เคราะห์ด้วย ว 1.2 ม.1/6 กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง 9 10 แสง ว 1.2 ม.1/7 ของพชื ท่ีเกิดขึน้ ใน คลอโรพลาสต์ ว 1.2 ม.1/8 จาเป็นต้องใช้แสง แก๊สคาร์บอนได ออกไซด์ คลอโรฟลิ ล์ และนา้ ผลผลิตท่ไี ด้จาก การสงั เคราะหด์ ้วย แสง ได้แก่ นา้ ตาลและแก๊ส ออกซิเจน

14 ต 14 หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนร้/ู สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา นา้ หนัก ตัวชีว้ ดั (ชั่วโมง) คะแนน การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง เป็น กระบวนการที่สาคัญต่อสง่ิ มีชีวติ เพราะเป็นกระบวนการเดยี วท่ี สามารถนาพลังงานแสงมา เปลย่ี นเป็นพลังงานในรูปสารประกอบ อนิ ทรีย์และเกบ็ สะสมในรปู แบบ ตา่ งๆ ในโครงสร้างของพชื พืชจงึ เป็นแหล่งอาหารและพลังงานที่ สาคญั ของส่ิงมีชวี ิตอ่นื นอกจากนี้ กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงยงั เปน็ กระบวนการหลักในการสร้าง แกส๊ ออกซิเจนใหก้ ับบรรยากาศ เพ่อื ใหส้ งิ่ มีชีวิตอืน่ ใช้ในกระบวนการ หายใจ 5 การลาเลยี งนา้ และ ว 1.2 ม.1/9 พืชมไี ซเลม็ และโฟลเอม็ ซึง่ เป็น 5 15 อาหารของพชื ว 1.2 ม.1/10 เนอื้ เยือ่ มีลกั ษณะคลา้ ยท่อเรียงตวั ว 1.2 ม.1/14 กันเปน็ กลุ่มเฉพาะที่ โดยไซเลม็ ทา ว 1.2 ม.1/15 หนา้ ที่ลาเลยี งน้าและธาตุอาหาร มี ทศิ ทางลาเลียงจากรากไปสูล่ าตน้ ใบ และส่วนต่างๆ ของพืช เพ่อื ใช้ในการ สังเคราะห์ดว้ ยแสง รวมถึง กระบวนการอืน่ ๆ ส่วนโฟลเอ็มทา หนา้ ที่ลาเลยี งอาหารทีไ่ ด้จากการ สังเคราะหด์ ว้ ยแสง มที ิศทางลาเลยี ง จากบริเวณทีม่ ีการสังเคราะห์ด้วย แสงไปส่สู ว่ นต่างๆ ของพชื พืชตอ้ งการธาตุอาหารท่จี าเปน็ หลายชนิดในการเจรญิ เติบโตและ การดารงชวี ติ พชื ตอ้ งการธาตุอาหาร บางชนิดในปริมาณมาก ไดแ้ ก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั โพแทสเซียม

15 ถ 15 หน่วยที่ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นร้/ู สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนัก ตวั ชี้วดั (ชัว่ โมง) คะแนน แคลเซยี ม แมกนีเซยี ม และกามะถนั ซงึ่ ในดนิ อาจมีไม่เพียงพอสาหรับการ เจรญิ เตบิ โตของพืช จึงต้องมีการให้ ธาตุอาหารในรูปของปุ๋ยกบั พืชอย่าง เหมาะสม 6 การสบื พันธ์ขุ องพืช ว 1.2 ม.1/11 พชื ดอกทุกชนดิ สามารถสืบพนั ธ์ุ 11 20 ว 1.2 ม.1/12 แบบอาศยั เพศได้ และบางชนิด ว 1.2 ม.1/13 สามารถสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศได้ ว 1.2 ม.1/16 การสืบพนั ธ์แุ บบอาศัยเพศเปน็ ว 1.2 ม.1/17 การสบื พนั ธุ์ทม่ี ี การผสมกันของ ว 1.2 ม.1/18 สเปิรม์ กับเซลล์ไข่ การสืบพันธ์ุ แบบ อาศัยเพศของพชื ดอกเกิดขึ้นท่ีดอก โดยภายในอับเรณูของสว่ นเกสรเพศ ผมู้ เี รณู ซึ่งทํ าหน้าท่ี สรา้ งสเปริ ม์ ภายในออวลุ ของสว่ นเกสร เพศเมีย มีถงุ เอม็ บรโิ อ ทาหน้าทีส่ ร้างเซลลไ์ ข่ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เป็นการสืบพันธุท์ ี่พืชตน้ ใหม่ไมไ่ ด้ เกิดจากการปฏิสนธริ ะหว่างสเปริ ม์ กบั เซลลไ์ ข่ แตเ่ กิดจากส่วนต่างๆ ของพชื เชน่ ราก ลาตน้ ใบ มีการ เจริญเตบิ โตและพัฒนาขนึ้ มา เปน็ ตน้ ใหมไ่ ด้ การถ่ายเรณู คือ การเคล่ือนย้าย ของเรณจู าก อบั เรณูไปยังยอดเกสร เพศเมยี ซ่ึงเก่ยี วข้องกบั ลักษณะและ โครงสรา้ งของดอก เชน่ สขี องกลีบ ดอก ตาแหนง่ ของเกสรเพศผู้และ เกสรเพศเมีย โดยมสี งิ่ ท่ชี ่วยในการ ถ่ายเรณู เชน่ แมลง ลม

16 ท 16 หนว่ ยที่ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนัก ตวั ชว้ี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน การถ่ายเรณูจะนาไปสกู่ าร ปฏิสนธิ ซึ่งจะเกิดขน้ึ ท่ีถุงเอ็มบรโิ อ ภายในออวุล หลังการปฏสิ นธจิ ะได้ ไซโกต และเอนโดสเปริ ม์ ไซโกตจะ พัฒนาตอ่ ไปเป็นเอม็ บรโิ อ ออวลุ พัฒนาไปเปน็ เมล็ด และรงั ไข่พัฒนา ไปเป็นผล ผลและเมลด็ มีการกระจายออก จากต้นเดมิ โดยวิธกี ารต่างๆ เมอ่ื เมลด็ ไปตกในสภาพแวดล้อม ท่ี เหมาะสมจะเกดิ การงอกของเมล็ด โดยเอม็ บริโอภายในเมล็ดจะเจรญิ ออกมา โดยระยะแรกจะอาศัย อาหารที่สะสมภายในเมล็ด จนกระทัง่ ใบแท้พัฒนา จนสามารถ สังเคราะหด์ ้วยแสงได้เต็มทีแ่ ละสรา้ ง อาหารได้เองตามปกติ มนุษยส์ ามารถนาความรเู้ รือ่ ง การสบื พนั ธุ์ แบบอาศยั เพศและไม่ อาศัยเพศ มาใช้ในการขยายพันธ์ุเพื่อ เพ่มิ จานวนพชื เช่น การใชเ้ มล็ดทไ่ี ด้ จากการสบื พันธ์แุ บบอาศยั เพศมา เพาะเลี้ยง วธิ ีการนีจ้ ะได้พืชใน ปรมิ าณมาก แตอ่ าจมีลักษณะที่ แตกตา่ งไปจากพ่อแม่ สว่ นการตอนก่งิ กิง่ารกปาักรกปิ่งักกชารกปาักรชต�ำอ่ กา่งิ รกตาดิ รตตาิดตา การทาบก่งิ การเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือ เป็นการนาความรูเ้ รื่องการสืบพนั ธ์ุ แบบไม่อาศัยเพศของพืชมาใช้ในการ ขยายพนั ธ์ุ เพื่อให้ไดพ้ ชื ที่มี

17 ธ 17 หน่วยที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนกั ตวั ชี้วัด (ชว่ั โมง) คะแนน ลกั ษณะเหมือนตน้ เดิม ซึ่งการ ขยายพันธุ์แต่ละวิธี มีข้ันตอน แตกต่างกัน จึงควรเลือกให้เหมาะสม กับความต้องการของมนุษย์ โดยตอ้ ง คานึงถึงชนดิ ของพืชและลักษณะ การสบื พันธุ์ของพชื เทคโนโลยีการเพาะเล้ยี งเน้ือเยือ่ พชื เป็นการนาความรเู้ กย่ี วกับปจั จยั ทจ่ี าเป็นต่อการเจริญเตบิ โตของพืช มาใชใ้ นการเพิม่ จานวนพชื และทาให้ พชื สามารถเจรญิ เติบโตไดใ้ นหลอด ทดลอง ซึง่ จะได้พชื จานวนมากใน ระยะเวลาส้นั และสามารถนา เทคโนโลยี การเพาะเลย้ี งเน้ือเยื่อมา ประยกุ ต์เพื่อการอนรุ ักษ์พนั ธุกรรม พชื ปรับปรุงพันธพ์ุ ืชท่ีมีความสาคัญ ทางเศรษฐกจิ การผลติ ยาและ สารสาคัญในพืช และอืน่ ๆ รวม 60 100

18 1 18 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ เรียนรวู้ ิทยาศาสตรอ์ ย่างไร รหสั วิชา ว21101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 6 ชั่วโมง ………………………………………………………………………………………………………………… 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั สาระ - มาตรฐานการเรยี นรู้ - ตัวชวี้ ดั - 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด ความรทู้ ่ีเป็นวิทยาศาสตร์เป็นการเรยี นรู้ส่วนที่เปน็ องค์ความรู้และวิธีการหรือขนั้ ตอนในการแสวงหา ความรู้ ซ่ึงต้องมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ลักษณะสาคัญของนักวิทยาศาสตร์ คือเป็นผู้ที่ทางาน เป็นกระบวนการอย่างเป็นระบบ สามารถคิดคน้ ส่ิงท่ีเป็นประโยชน์ต่อโลกอย่างมากมาย สร้างความสะดวก สบายให้มนุษย์ นักวิทยาศาสตร์จะต้องมีลักษณะต่างๆ ดังน้ี ช่างสังเกต อยากรู้อยากเห็น มีความเป็นเหตุ เป็นผล มีความคิดรเิ ริ่ม มคี วามมานะพยายามและอดทน กระบวนการหาความรทู้ างวิทยาศาสตร์ ต้องอาศัย การสังเกต การเก็บขอ้ มูล การแปลความหมายขอ้ มูลและอ่ืนๆ การใชแ้ ละรับรู้โดยประสาทสัมผัสของมนุษย์ ไม่ละเอียดและไม่แม่นยาเพียงพอ จึงจาเป็นต้องมีเคร่ืองมือและอุปกรณ์ช่วยในการศึกษา เพ่ือให้ได้ข้อมูล ถูกต้อง การพัฒนาเคร่ืองมือวิทยาศาสตร์ ทาให้ขยายขอบเขตการรับรขู้ องมนุษย์ได้อย่างมาก จงึ มกี ารค้นพบ สิ่งใหม่ๆ ทาใหค้ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตรส์ ามารถเปลย่ี นแปลงไดเ้ ม่อื มขี ้อมลู หรอื หลักฐานเพม่ิ เติม 3. สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1. ความหมายของวิทยาศาสตร์ 2. ลกั ษณะสาคัญของนักวทิ ยาศาสตร์ 3. ความรทู้ างวทิ ยาศาสตรเ์ ปล่ยี นแปลงได้ 4. ผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยตี ่อโลก ทกั ษะ/กระบวนการ 1. การตั้งประเดน็ คาถามหรอื ตัวแปร 2. การสร้างสมมติฐาน 3. การเลือกเทคนิควิธีในการสารวจตรวจสอบ 4. การรวบรวมขอ้ มลู และจัดกระทาข้อมลู

2 19 19 5. การวิเคราะหแ์ ละประเมินความสอดคล้องของประจกั ษพ์ ยาน 6. การสรา้ งแบบจาลองหรือรูปแบบการอธบิ ายหรือแสดงผลการสารวจตรวจสอบ 7. การสรา้ งคาถามท่ีนาไปส่กู ารสารวจตรวจสอบในสถานการณ์ใหม่ 8. การบนั ทึก อธิบาย และยอมรับผลการสารวจตรวจสอบ 9. การแสดงผลงาน เขียน หรอื นาเสนอผลงาน เจตคติ 1. ความสนใจใฝ่รู้ 2. ความม่งุ ม่ัน 3. ความอดทน 4. ความรอบคอบ 5. ความรับผดิ ชอบ 6. ความช่อื สัตย์ 7. ความประหยดั 8. การรว่ มแสดงความคิดเห็น 9. การยอมรับความคิดเห็นของผู้อนื่ 10. ความมเี หตุผล 11. การทางานร่วมกบั ผู้อน่ื อยา่ งสร้างสรรค์ 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ซ่ือสัตย์ สุจริต 2. วนิ ัย รบั ผดิ ชอบ 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมน่ั ในการทางาน 6. การประเมนิ ผลรวบยอด ชืน้ งานหรอื ภาระงาน

20 แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 1 เร่ือง วทิ ยาศาสตรค์ ืออะไร หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง เรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์อยา่ งไร เวลา 2 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 รายรวาิชยาวชิวาิทยวาทิ ศยาสาศตราพ์สื้นตฐรา์ น ขอบเขตเนื้อหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ ธรรมชาติวิทยาศาสตรแ์ ละความรู้ ข้นั นา 1) บัตรภาพเก่ียวกับ ทางวิทยาศาสตร์ 1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายเกี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ โดยใหน้ ักเรียนสังเกตภาพ 3 ชดุ ยานพาหนะ เทคโนโลยีในการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เดินทาง ฝนตกฟา้ ร้อง ฝนดาวตก ด้านความรู้ ไดแ้ ก่ ชุดที่ 1 ภาพวิวัฒนาการของโทรทัศน์ ชดุ ท่ี 2 ภาพพัฒนาการเกยี่ วกับการซักผ้า จตันกทจรนัปุ ทรราปุคราาเคปาน็ เปตน็้ ต้น 1. อธบิ ายความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 3 ภาพตัวแทนการเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ตามลาดบั แลว้ ใหน้ กั เรียนตอบ 2) บัตรคาศพั ทว์ ทิ ยาศาสตร์ 2. อธิบายและยกตัวอยา่ ง คาถามเกีย่ วกับภาพแตล่ ะชุด ดงั น้ี และไมใ่ ชว่ ิทยาศาสตร์ ปรากฏการณเ์ กีย่ วกับธรรมชาติโลก 3) ใบความร้ทู ี่ 1 เรื่อง ดว้ ยหลกั ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ ความร้ทู างวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ภาระงาน/ช้นิ งาน 1. บอกความแตกต่างส่ิงที่เป็น 1) กิจกรรมสารวจลายน้วิ มือ วทิ ยาศาสตร์และไมใ่ ช่วทิ ยาศาสตร์ 2. จาแนกและยกตวั อย่างสิ่งทเ่ี ป็น วทิ ยาศาสตร์และไม่ใชว่ ิทยาศาสตร์ ภาพท่ี 1.1.1 วิวัฒนาการของโทรทศั น์ ด้านคณุ ลักษณะ 1) จากภาพชุดที่ 1 นักเรียนสงั เกตเห็นเปน็ ภาพอะไร (ทวี ี ,ววิ ฒั นาการของการสร้างทวี ี) 1. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของ 2) ในปี 1930 ถงึ ปี 2010 ลกั ษณะของทีวีแตกต่างกนั อยา่ งไรบ้าง (รปู ทรง, การใช้งาน, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความสะดวก) 3 20

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 1 เรือ่ ง วิทยาศาสตร์คืออะไร 21 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เรยี นรู้วิทยาศาสตรอ์ ยา่ งไร เวลา 2 ชวั่ โมง รายรวาชิ ยาวิชวาทิ ยวาิทศยาาสศตารส์พตืน้ รฐ์าน ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 3) นกั เรยี นคิดวา่ เพราะสาเหตใุ ดทท่ี าใหม้ กี ารเปลย่ี นแปลงของการสร้าง ทวี ี (ตอบสนอง ความต้องการต่อการใชง้ าน, อานวยความสะดวก, มนษุ ยม์ ีววิ ัฒนาการความรู้ เพิ่มขึ้น) 4) จากนั้นใหน้ ักเรียนสังเกตภาพชุดที่ 2 ดงั ภาพ ภาพที่ 1.1.2 การซักผา้ ด้วยการตี เคร่ืองซักผา้ 1 เคร่ืองซกั ผา้ 2 ภาพที่ 1.1.3 พัฒนาการเก่ยี วกบั การซักผ้า 5) นกั เรียนคิดวา่ ผชู้ ายทอ่ี ย่ใู นภาพกาลงั ทาอะไร (นงั่ ซกั ผ้า , ทุบผา้ ) 4 21

หหกกลลนนุ่มุ่ม่่ววสสยยาากกรราาะะรรกกเเรราายีียรรนนเเรรรรยียี ทูทู้้ นน่่ีี รร11ูู้้ววิิททยยาาศศาาสสตตรร์์ จแใใจแคคววออนนิิววงึึงรรยยววตตกกัังงฒฒบบา่่ามมาาอ้อ้งงกกนนรรไไอือืงง7119768869าารรซซาามมรร)))00)))))ใใกกกัักกีกี((ททชช))ใใจเเจปปาานนผผคคาาคคาา้ไ้ไใใาารรวว้า้ารรััฟฟกกหหรรรรงงกกขขดดสสาาอื่อ่ืเเฟฟเเน้น้ถถนนคคออมมนนรรรรงงกกัั้าา้นน้นััน้ยย้้งงาาีีอือืซซยยมมเเออคคงงซซแแคคปัปักกรราานนเเ,,มมววกกััรรผผยียีกกผผคครรคคเเาาููใใมมผผนนนนมิมิขข้าา้หหรรหหิิดดมมอือื้า้า11อื่ื่อนึ้น้ึาาสสกกนน้้นนรรบบวว))ณณงงัังง))าาื่่ืออกกูู้้มม่่ักักาาซซา้า้เเรรผผยยกกัับบเเงงาาเเกักัจจรรา้า้พพ,,ตตกกเเผผััดดรรถถียยีททคคผผภภขขรรเเ้้าาาาาา้้กกนนรรรรซ่ี่ีซา้้าาา้้ึึาานนหหยยเเาาื่่ืออ่ื่ืออดดไไักกัรรพพะะรววรรมมรรงงงงููภภาามมาชชเเืืออชิิชเเซซส่่ส))ซซหหาารรีีกกยุดดุออาาััะะกกักกัพพเเียยี าาตตวททาารรออผผผผนนเเรรศศุุียียใใิชี่ี่าาคค้้ววาา้าา้ใใ33รรดดััยยนนดดาแแิทิทรรชชูู้ท้ท22เเ))รร่ือือ่แแบบ้้โโคคยยใใี่ี่วววูู้้ปปงงลลแแนนบบาารรซซิท11ทิทิว้ว้รรตตือ่ือ่ศศผผปปักักถถแแยยยกกงงาาชูู้ช้ััจจผผาากกเเซซาาสสาตตาารรมมจจ้าา้ศศักกัรรศตตยย่่าาออ่ืื่ ุุบบมมาาผผงงคคททรรางงกกสสัั้าา้คคนน์พพ์นนส้ังัง้ ััมมนนตตออสสจจนน้นืนื้ตววาารรออออมมึึงง้นััน้ทิิทฐฐรกกอ์อ์ยยงงพพตตาา์จจยยขขยยภภ่าา่ ้้นนออิิววาาาาึน้ึน้งง่่าาาานนเเศศงงไไงงพพตตรร((ววเเาาไไเเออปปรรนนสสผผ((แแรรรร็็นนผผ่อืื่อตตลล์์ููปป้าา้ออรรววเเ้้ววรรคคมม์ค์คาางงถถ่่าาาานนจจรรืออืาางงกกื่ื่รรมมววออออๆๆออลลยยววะะงงิิักกัเเคค่่าาไไซซนนลลรรษษววัักกเเ็็กกกัักาาพพณณผผเเททมมรรรร้้าาะะรรสสยียีาาททกกออะะะะนนาา่ีี่นนดดเเจจหหรร22ววิิกกะะใใตตกกชชสสรร((ใุใุ มมูู้ส้ส้้งง์์ดดลลาากกึึนนคคเเดดนนขขุุษษนนเเดด้้าาววเเยย้้ววมมลลรร์์ยยมมาาาาาาีี 2222 ชชั้้ันนมมเเัธธั ววยยลลมมาาศศึกึก22ษษาาชชปปว่ััว่ ีทีทโโมมี่ี่ 11งง ภภภาพาาพพที่AA1.1.4 การเกดิ ปรากฏการณ์ทางธรภภราามพพชBBาติ 5 2222

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 1 เร่อื ง วทิ ยาศาสตรค์ ืออะไร 23 หกลนุ่มวสยากราะรกเรายี รนเรรยี ูท้ น่ี ร1ู้วิทยาศาสตร์ แผนการจัดเกรา่ือรงเรเียรนียรน้ทู รีู่้ว1ิทยเารศ่ือางสตวริทอ์ ยยา่าศงาไรสตรค์ ืออะไร 23 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง รเารยื่อวงชิ าเรียวนทิ รยวู้ าทิ ศยาาสศตารส์พตนื้ รฐอ์ ายน่างไร ช้ันมเัธวยลมาศกึ 2ษาชปว่ั ีทโม่ี 1ง ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภราายพรวทาชิ ่ี ย1า.ว1ชิว.4ิทากยวาาทิรศเยากสาิดตศปราร์พสากน้ืตฏฐรกา์ นารณ์ทางธรรมชาติ 1) นักเรียนคิดว่า ภาภพาพAท่ีแ1ล.1ะ.4ภกาพารเBกิดเกปิดรปากรฏากฏารกณารท์ ณาง์อธะรไรรมช(ภาตาิพ A ฝ้าร้องฝ้าผ่า ภาพ B1)พนระักอเราียทนติ คยิ์ทดวรง่ากภลดาพ) A และ ภาพ B เกิดปรากฏการณ์อะไร (ภาพ A ฝ้าร้องฝ้าผ่า ภาพ B2)พประรอากาทฏิตกยา์ทรรณง์ทกล่ีเกดิด)ขึ้นในภาพ A และ ภาพ B เกิดจากการกระทาของมนุษย์หรือ ปรากฏ2ก) าปรรณาธ์กรฏรกมาชราณติ(์ทเปี่เก็นิดปขรึ้านกใฏนกภารพณA์ธรแรมลชะาภตาิ) พ B เกิดจากการกระทาของมนุษย์หรือ ปรากฏ3ก) าปรรณากธ์ รฏรกมาชราณต์ทิ(เี่เปก็นิดปขร้ึนาเกฏิดกจากรณสา์ธเรหรตมุใชดาตเพ)ิ ราะเหตุใดนกั เรียนจึงคิดเช่นน้ัน (คาตอบ ตามท3นี่ )ักปเรรยี านกเฏขกา้ ใาจร)ณ์ที่เกิดข้ึนเกิดจากสาเหตุใด เพราะเหตุใดนกั เรียนจึงคิดเช่นน้ัน (คาตอบ ตามท4่ีน)กั เนรักยี เนรเียขนา้ ใจจะ)รู้ได้อย่างไรว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากสาเหตุใด (จะต้องอาศัย ความร4ู้ใ)นนกัากรเศรียึกนษจาะรู้ได้อย่างไรว่าปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนเกิดจากสาเหตุใด (จะต้องอาศัย คว2า.มครู้ใรนูถกามารนศักกึ เษรยี านเกี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์โดยครถู ามคาถามตอ่ ไปน้ี จากตวั อย่างที่ครูนาเสนอ ใน2ต.อคนรตูถน้ ามนักเรยี นเกยี่ วกับวทิ ยาศาสตร์โดยครูถามคาถามตอ่ ไปนี้ จากตัวอย่างท่ีครูนาเสนอ ในตอน- ตจ้นากการสังเกตภาพทั้ง 3 ชดุ นักเรียนพูดถงึ พฒั นาการของความรู้ของมนษุ ย์ ว่า มนษุ ย์ มีความ- รจู้มาากกขารึ้นสสงั เรก้าตงภเคารพ่ือทงั้งมือ3 ชอดุปกนรกั ณเร์ไียดน้มพากดู ขถ้ึนงพจัฒากนอาดกีตารคขวอางมครวู้ทามี่วร่าู้ขนอั้นงนมักนเุษรียน์ วหา่ มมานยษุถึยง์ มสิง่ีคใวดาม(เรปู้ม็นาคกวขา้ึนมรสู้ทรา้างงวเิทคยรื่อาศงมาสือตอรุป์) กรณ์ได้มากข้ึนจากอดีต ความรู้ที่ว่าน้ันนักเรียนหมายถึง ส่ิงใด -(เปคน็วคามวารมู้วริทู้ทยาางศวาทิ สยตารศ์มาีสผตลรต)์ ่อการดาเนินชีวิตของนักเรียนอย่างไร (เพ่ืออานวยความ สะดวก- คตวอาบมสรนู้วิทองยตา่อศคาวสาตมรต์ม้อีผงลกตา่อรการดใชา้งเนานิ ขชอีวงิตอขุปอกงรนณัก์ตเร่าียงนไดอ้ดยีข่าึ้นงไรใช(้ปเพ้อ่ืองกอันานภวัยยในคกวามร สเกะิดดปวรกากตฏอกบาสรนณอท์ งาตง่อธครรวมาชมาตต้อิ)งการการใช้งานของอุปกรณ์ต่างได้ดีขึ้น ใช้ป้องกันภัยในการ เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ) 6 23 23

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง วทิ ยาศาสตร์คอื อะไร 24 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เรยี นรู้วิทยาศาสตรอ์ ย่างไร เวลา 2 ชว่ั โมง รายรวาชิ ยาวชิ วาทิ ยวาิทศยาาสศตารพ์สตื้นรฐ์าน ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 - นักเรียนใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมืออานวยความสะดวกอะไรบ้างในชีวิตประจาวัน อุปกรณ์เหล่านั้นใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างไร (เครื่องซักผ้า โทรศัพท์ ทีวี คอมพิวเตอร์ เป็นต้น โดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มาออกแบบ ควบคุมการทางานของ อปุ กรณ์เหล่านนั้ ) - นักเรยี นเขา้ ใจคาว่าเทคโนโลยอี ย่างไร (คาตอบตามท่ีนกั เรยี นเขา้ ใจ อาจจะหมายถงึ การนาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้) - ถ้าปัจจุบันไม่มีการนาความรู้วิทยาศาสตร์มาใช้ การดาเนินชีวิตของมนุษย์จะเหมือน หรือแตกต่างจากอดีต อย่างไร (การใช้ความรู้วิทยาศาสตร์มากขึ้นจะทาให้การดารงชีวิตของ มนุษย์สะดวก หรือและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น วิทยาศาสตร์มีผลต่อโลกและตัวเราอย่าง มากมายเพราะวิทยาศาสตร์สร้างสรรค์ส่ิงอานวยความสะดวกต่างๆ ในการดารงชีวิต เช่น แสงสว่างจากไฟฟ้า เส้ือผ้าท่ีเราสวมใส่ อาหารที่เรากิน ยารักษาโรค โทรทัศน์ พัดลม คอมพิวเตอร์ ตลอดจนเคร่ืองมือสื่อสารประเภทต่างๆ เป็นต้น และเป็นการอธิบายเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ ดังนั้นครูควรนานักเรียนอภิปรายเพ่ือให้สรุปได้ว่า วิทยาศาสตร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเด็น คือ วิทยาศาสตร์เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติ และการนาวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการช่วยเกี่ยวกับในการดาเนินชีวิต ของมนุษย์ ขน้ั สอน 7 24

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง วทิ ยาศาสตร์คอื อะไร 25 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง เรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งไร เวลา 2 ชว่ั โมง รายรวาิชยาวิชวาทิ ยวาิทศยาาสศตาร์พสต้นื รฐ์าน ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ขัน้ ส1อ.นนักเรยี นแบง่ กลุม่ กลุ่มละ 6 - 7 คน โดยคละเพศและความสามารถทางการเรียน 2. ให1้น.ักเนรักียเนรจียับนคแู่บัต่งกรคลาุ่ม “6อ-7ะไครนที่ใโชด่ ยแคลละะไมเพ่ใชศ่วแิทลยะาคศวาาสมตสรา์”มาพรถรท้อมางใกหา้เหรเตรุผียลนประกอบ โดยใชก้ า2ร.ระใดหม้นคักวเารมียคนดิจับจคาู่บกัตคริดคเ�ดำ่ยี “วอกะ่อไนรแทล่ีใ้วชค่ ดิแคลูแ่ะลไมะ่รใช่ว่วมิทกัยนาคศดิ าทส้ังตกรล์”ุ่ม พร้อมทั้งให้เหตุผล ประ3ก.อคบรโูใดหย้นใักชเก้ราียรนรสะังดเกมตคภวามพคTิดimจาeกlคinดิ eเดขีย่ อวงกกอ่ านรแใชล้คว้ วคาดิ มครแู่ ู้ทลาะงรว่วิทมยกานัศคาสดิ ตทรงั้ ์กทลามุ่ งด้านการ ส่อื สารขอ3ง.มคนรูใษุ หย้น์จักากเรอียดนตี สจงั นเกถตึงปภจัาจพุบTนั ime Line ของการใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ทางด้าน การสื่อสารของมนษุ ย์จากอดตี จนถงึ ปัจจุบัน ภาพที่ 1.1.5 Time line ของการส่อื สารของมนุษย์ 1 8 25

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง วทิ ยาศาสตร์คืออะไร 26 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง เรยี นรวู้ ิทยาศาสตรอ์ ย่างไร เวลา 2 ช่วั โมง รายรวาิชยาวชิวิทายวาทิศยาสาตศรา์พสนื้ตฐรา์ น ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาพที่ 1.1.6 Time line ของการสื่อสารของมนุษย์ 2 - นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใดจึงมีการเปลี่ยนแปลงเก่ียวกับการสื่อสารของมนุษย์จาก การใช้สัตว์เชเช่นน่ นนกกพพิรริ าาบบจนมาถึงปัจจุบันมีการใช้โซเชียลมีเดียในรูปแบบต่างๆ (โลกมีการ เปลี่ยนไป มนุษย์ต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกในยุคปัจจุบัน ประกอบกับ มนุษย์มีความรู้ วิทยาศาสตร์มากขึ้น สามารถนาความรู้มาปรับปรุงดัดแปลงอุปกรณ์ให้ตอบสนอง อานวย ความสะดวกของมนุษยม์ ากข้นึ ) - นักเรียนคิดว่าอะไรเป็นส่ิงสาคัญท่ีทาให้อุปกรณ์ หรือเคร่ืองมืออานวยความสะดวก ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพตอ่ มนษุ ย์ได้มากขึ้น (ความร้ทู างวิทยาศาสตร)์ 9 26

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง วิทยาศาสตร์คอื อะไร 27 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เรยี นร้วู ิทยาศาสตร์อย่างไร เวลา 2 ช่วั โมง รายรวาชิ ยาวชิวิทายวาทิ ศยาสาตศราพ์สน้ืตฐรา์ น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - นักเรียนคิดว่าการใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ช่วยให้สิ่งน้ัน/อุปกรณ์/เหตุการณ์น้ัน ดีข้ึนได้อย่างไร (นาความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีมากข้ึน ทาให้มนุษย์สามารถท่ีจะเพิ่มขีด ความสามารถ ในการสร้าง พัฒนาหรือใช้งานอุปกรณ์หรือส่ิงอานวยความสะดวกเหล่าน้ันได้) 4. ครูยกตัวอยา่ ง ภาพที่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แล้วถามคาถามให้นักเรียนร่วมกัน อภิปราย ดังนี้ ภาพที่ 1.1.7 ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ - จากภาพนกั เรยี นคิดว่าเป็นภาพอะไร เกิดเหตุการณ์ใดขนึ้ ในภาพ (เปน็ ภาพดวง จนั ทร์ ซง่ึ เกิดปรากฏการณจ์ ันทรปุ ราคา) - นกั เรยี นคดิ ว่าความเช่อื เดมิ เก่ียวกับปรากฏการณ์น้เี ป็นอย่างไร (เปน็ ปรากฏการณท์ ่ี เรียกวา่ พระราหูอมจนั ทร์ ซ่ึงเชอ่ื ว่าเปน็ ลางรา้ ย เป็นส่ิงท่ไี มด่ ี) - ในทางวิทยาศาสตร์นักเรียนคิดว่าเหตุการณ์น้ีเกิดข้ึนได้อย่างไร (ปรากฏการณ์ จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ท่ีดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวระนาบ เดียวกัน โดยโลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ขณะทดี่ วงจันทร์โคจรผ่านเข้า 10 27

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง วทิ ยาศาสตรค์ อื อะไร 28 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง เรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์อยา่ งไร เวลา 2 ช่วั โมง รายรวาชิ ยาวิชวิทายวาทิ ศยาสาตศรา์พสนื้ตฐรา์ น ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ไปในเงามืดของโลก ผู้สังเกตบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งไปทีละน้อยจนดวงจันทร์ เข้าไปอยู่เงามืดทง้ั ดวง และเริ่มมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งอีกครั้งหนงึ่ เมื่อดวงจนั ทร์เคล่ือนที่ ออกจากเงามืดของโลก ช่วงท่ีดวงจันทร์โคจรเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลกบางส่วนจะเรียกว่า “จันทรุปราคาบางส่วน” และช่วงท่ีดวงจันทร์โคจรเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลกท้ังดวง เรียกว่า “จันทรุปราคาเต็มดวง” จะมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงเป็นสีแดงอิฐ เนื่องจากได้รับแสงสีแดง ซ่งึ เป็นคลื่นที่ยาวที่สุด หักเหผ่านบรรยากาศโลกไปกระทบกับดวงจันทร์ ซ่ึงเปน็ ปรากฏการณ์ ธรรมชาตทิ ีใ่ ชค้ วามรทู้ างวทิ ยาศาสตร์มาอธิบายได้) 5. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายโดย นักเรียนทากิจกรรมสารวจลายนิ้วมือเพือ่ ให้ได้มาซึ่ง ประเภทความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ในใบกิจกรรมที่ 1 และ 2 และศกึ ษาใบความรู้เรื่อง ประเภท ของความรู้วิทยาศาสตร์ - จากการทากิจกรรมครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย โดยใช้คาถามเพื่อให้นักเรียน วิเคราะห์ประเภทของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ว่าจัดอยู่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ประเภทใดใน ประเดน็ ตอ่ ไปน้ี 1. มนษุ ย์ทกุ คนมลี ายนิ้วมอื ......(ขอ้ เท็จจริง) 2. ลกั ษณะลายน้ิวมือท่ีพบมคี วามแตกตา่ งกนั ..........(ขอ้ เท็จจรงิ ) 3. ลายน้วิ มอื สามารถจาแนกได้ 7 รูปแบบตามแบบมาตรฐาน ......(หลักการ) 4. จานวนรปู แบบลายนิว้ มอื ท่ีสารวจไดภ้ ายในกล่มุ .............(ขอ้ สรุป) 11 28

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง วิทยาศาสตร์คืออะไร 29 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์อยา่ งไร เวลา 2 ชั่วโมง รายวราชิ ยาวชิวทิายวาิทศายสาตศราพ์ ส้นืตฐรา์ น ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 5. ระบคุ วามแตกตา่ งของลักษณะลายนว้ิ มือของนักเรยี นแตล่ ะคน .......(ความคดิ รวบยอด) 6. การระบุลักษณะเด่นของรูปแบบลายนว้ิ มือท่ไี ด้จากการสารวจของลายนิ้วมอื ท่พี บ ในแต่ละกลมุ่ ......(หลักการ) (ลักษณะเด่นหาไดจ้ ากสดั ส่วนท่พี บได้มากท่ีสุดท่ีพบภายในกลมุ่ หรือห้อง) 7. ลายนวิ้ มอื สามารถนาไปใชใ้ นการระบุเอกลักษณข์ องบคุ คลได้..........(ทฤษฏี) 8. ลกั ษณะเดน่ ของลายน้วิ มือของแต่ละกลมุ่ จะมีความแตกตา่ งกนั .....(สมมตฐิ าน) 9. การระบุความแตกต่างของลายน้ิวมือที่พบ ระบโุ ดยการเทยี บกับแบบมาตรฐาน ....(หลกั การ) ขน้ั สรปุ 1. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายสรุปได้ว่า วิทยาศาสตร์ส่งเสริมต่อการดาเนิน ชีวิตประจาวันทาให้มีความสะดวกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดาเนินชีวิตมากข้ึน ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์นอกจากจะใช้อธบิ ายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และยังเป็นเครื่องมือ ในการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพสูง ในโลกเรายังมีส่ิงต่างๆ อีกมากมายที่สร้างสรรค์ ขึ้นมาด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเก่ียวข้องกับเราทุกคน ดังน้ันทุกคนต้องเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ถึงแมว้ ่าทุกคนจะไมไ่ ด้เปน็ ผูม้ ีความรู้วิทยาศาสตร์อย่างเช่ียวชาญในอนาคต แต่ 12 29

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1 เรือ่ ง วิทยาศาสตรค์ อื อะไร 30 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เรยี นรู้วทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งไร เวลา 2 ช่วั โมง รายวริชายาวิชวทิายวาิทศายสาตศรา์พสนื้ตฐรา์ น ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ต้องมีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ในระดับหน่ึง เพื่อท่ีจะใช้ประโยชน์จากการดารงชีวิตอย่างมี คณุ ภาพและเปน็ ผทู้ ม่ี สี ่วนรว่ มในการสรา้ งสรรค์สังคมของตนเองในโลกยคุ ปจั จบุ นั ) 2. วิทยาศาสตรเ์ ป็นความรู้ท่ตี ้องอาศัยหลักฐานท่ีเพียงพอ ผ่านการวิเคราะห์หลักฐานอย่าง เป็นเหตเุ ป็นผล สามารถแบง่ ประเภทความรทู้ างวิทยาศาสตร์ ได้ 6 ประเภท คือ 1) ข้อเท็จจริง 2) ความคิดรวบยอดหรือมโนมติ 3) หลักการ 4) สมมุติฐาน 5) ทฤษฎี 6) กฏ ขึ้นอยู่กับการอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและการนาไปใช้ประโยชน์ แต่จากการทา กิจกรรมเรายังไม่สามารถพบความรู้ประเภท กฏ ซ่ึง กฏ คือความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ ได้ 3. นักเรียนถามคาถามท่ีสงสัยเพิ่มเติม ครูสังเกตการแสดงความคิดเห็นของนักเรียน เพื่อ ตรวจสอบแนวความคิดของนักเรียน 13 30

31 14 31 การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครือ่ งมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ส่งิ ทตี่ ้องการวดั /ประเมิน ประเมินจากการทา 1. ใบบันทึกกิจกรรม ผ่านเกณฑร์ ะดับดีขึ้นไป กจิ กรรม 2. แบบสงั เกต ดา้ นความรู้ พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ระดบั ดีขึ้นไป 1. อธิบายความรทู้ าง ประเมนิ ทักษะ กระบวนการ แบบประเมนิ ทักษะ ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดีขน้ึ ไป วิทยาศาสตร์ กระบวนการ 2. อธิบายและ ประเมินคุณลกั ษณะ/ เจตคติ แบบประเมิน ยกตัวอย่างปรากฏการณ์ คณุ ลักษณะ/เจตคติ เก่ียวกับธรรมชาตโิ ลกด้วย หลักฐานทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 1. บอกความแตกตา่ งสง่ิ ที่ เป็นวทิ ยาศาสตรแ์ ละไม่ใช่ วิทยาศาสตร์ 2. จาแนกและ ยกตัวอยา่ งสงิ่ ท่ีเปน็ วทิ ยาศาสตรแ์ ละไม่ใช่ วทิ ยาศาสตร์ ด้านคุณลกั ษณะ 1. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี

32 15 32 8. บนั ทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ .......................................................................................................... ................................................. ปัญหาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................. ลงช่ือ ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วันท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย ................................................................................................................................................. .......... ลงชอ่ื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ.............

16 น้ำเดือดท่ีอุณหภูมิ 100 องศา บัตรคำความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ นกแสกบินผ่านหลังคาบ้านจะเป็น เซลเซียส ที่ระดับน้ำทะเล น้ำไหลจากท่สี ูงไปสู่ท่ีต่ำ ลางร้ายคนที่ปว่ ยอยู่จะตาย ตากระตุกด้านขวาจะประสบ พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันออกและ จ้งิ จกทักก่อนออกจากบ้าน เหตุร้าย ตกทางทิศตะวันตก เป็นลางไม่ดี ถ้าผ่าผลแอบเปิ้ลแลว้ โดนเมล็ด ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง สรุ ิยุปราคา/จันทรปุ ราคา จะมีปัญหาในครอบครัว น้ำจะระเหยไดช้ ้า ผพี ุ่งใต้/ราหูอมจันทร์ ใช่ ไมใ่ ช่ ใช่ ใช่ ใช่ ไมใ่ ช่ ไมใ่ ช่ ไมใ่ ช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไมใ่ ช่

17 34 34 ใบกิจกรรมท่ี 1 เรื่อง เรื่อง การจาแนกลายน้วิ มือของฉัน หน่วยที่ 1 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ ง วทิ ยาศาสตร์คืออะไร รวาธิ ยดี าวเิชนาินวกิทิจกยรารศมาสตรพ์ ื้นฐาน รหสั ว21101 ภาคเรียนที่ 1 ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 ปรบั เนื้อหา ให้ ถกู ต้อง 1. ใชด้ นิ สอ 2B ขีดบนกระดาษให้เป็นแถบสีดา 2. กดลายนว้ิ มือของตนเองลงบนแถบสดี า 3. นาเทปใสมาปิดบนลายนิ้วมอื จากน้นั ดึงเทปใสออกแล้วนาเทปใสท่มี ีลายน้ิวมือมาติดลงในแผนภาพแสดง ลายน้วิ มอื ของฉนั จนครบทงั้ หมด 10 นิ้ว แผนภาพแสดงลายพิมพน์ ิ้วมือของฉัน ภาพที่ 1.1.8 ลายพิมพน์ ิ้วมือของฉัน ที่มา: เอกสารประกอบการอบรมครขู อง สถาบนั วทิ ยาศาสตร์ สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา

35 18 35 ใบกิจกรรมที่ 2 เรอ่ื ง เรอ่ื ง การกาหนดอตั ราส่วนรูปแบบของลายน้ิวมือ หน่วยท่ี 1 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง วิทยาศาสตร์คืออะไร ว1ิธ. ีดนากั เรเนราินียยนกวจิแิชกตาร่ลวระมิทกลยุ่มาวศเิ าคสราตะรหพ์ ์ลื้นายฐนานิว้ มือรขหอสเั นงวนื้อ2ักห1เรา1ยี 0ใน1หท้ถภ้งั กู า1ตค0้อเรนงียว้ิ นตทา่ีม1แบชบนั้ มมาธัตยรฐมาศนึกดษงั นาปี้ ี ท่ี 1 ปรบั The 7 features used to identify fingerprints ภาพท่ี 1.1.9 แบบมาตรฐานลายนว้ิ มอื ท่มี า : สถาบันวิทยาศาสตร์ สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา

36 19 36 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายถึงอัตราส่วนของการเกิดรูปแบบของลายนิ้วมือลงในใบตารางบันทึกผล เรอื่ งการกาหนดอัตราสว่ นรูปแบบของลายนวิ้ มอื แลว้ สรปุ เป็นขอ้ มูลของกลุ่ม รปู แบบลายนิว้ มอื จานวน จานวนทั้งหมด รอ้ ยละของรูปแบบายน้ิวมือ วง (loop) วงก้นหอยกระเป๋ากลาง (central pocket loop) มดั หวายคู่ (double loop) โค้งราบ (plain arch) กน้ หอย (plain whorl) ซับซ้อน (accidental) ที่มา : สถาบันวิทยาศาสตร์ สํ านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา

37 20 37 37 37 ใบความรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง ความรูท้ างวิทยาศาสตร์ หนว่ ยท่ี 1ใบแคผวนากมารูท้จ่ีดั ก1าเรรเือ่รงียนครว้ทู า่ีม1รูท้ เารง่ือวงิทวยิทายศาศสาตสรต์ รค์ ืออะไร ธรรมชาติรรววทาาิิทท้ังยยยยมววาาีชิิชชศศีวาาาาิตสสววแตติิททลหรรยยะ์์นไาา((ว่มศศssย่มccาาทiiีชeeสส่ีีวnn1ตติตccรรแeeพพ์์ไผ))ดืื้้นน้มหหกฐฐาามมาจราานนาจยยกัดถถกรรกึึงงรหหาะสสััรคคบเววรวววาาียน22มมน11กรรร11าูู้้เเทู้00รกก11่ีคี่ี่ยย1้นววภภกกคเาาัับบรวคคอ่ื้สสางเเหิ่ิ่งงรรตตาวีียย่่าาคิทนนงงวยๆๆททาาม่ีี่ศใใ11รนนาู้ทธธสชช่ีรรมตนนััรร้้ีขรมมมม์คั้นชชือธธััตาาอยยอตตะมมนิิแแไมรศศลลีะะรึึกกะปปษษเรรบาาาาีปปยกกีีบททฏฏแกก่่ีี 11บาารรบณณแผ์์ททนาางง ธวิทรรยมาชศาตสิตทรั้ง์แมบีช่งีอวิอตกแเลปะ็นไม2่มีปชีรวะิตเภไดท้มคาือจาวกิทกยราะศบาวสนตกรา์บรรคิส้นุทคธวิ์ แ้าลหะาวคิทวายมาศรู้ทาสี่มตีขรั้น์ปตรอะนยุกมตีร์ะ(เ1บ)ียวบิทแยบาบศแาสผตนร์ บวิทรยิสาุทศธา์ิ ส(ตpรu์แreบ่งsอcอieกnเปce็น)2เปป็นรคะวเภาทมรคู้ทือางววิทิทยยาาศศาสาสตตร์บร์ขริส้ันุทพธ้ืนิ์ ฐแาลนะวทิท่ีไดย้จาศากาสกตาร์ปค้รนะพยบุกใตน์ ธ(1ร)รวมิทชยาาตศิ ไาดส้แตกร่์ ขบ้อรเิสทุท็จธจ์ิร(ิงpหuลreักกsาcรieกnฎceท)ฤเษปฎ็นีคไดวา้แมกร่วู้ทิชากงาวริทตย่าางศๆาเสชต่นร์ขช้ันีววพิท้ืนยฐาาฟนิสทิกี่ไดส้์จเาคกมกี ฯาลรฯค้นเรพาบเรใียนกธนรักรมวิทชยาาตศิ ไาดส้แตกร่์ ดข้อานเทน็จ้ีวจ่าริงนักหวลิทักยกาศรากสฎตรท์บฤรษิสฎุที ไธดิ์ ้แ(ก2่)ววิชวชิ ิาทากยกาารรศตตา่าา่สงงๆตๆรเ์ปช่นระชยีวุกวติท์ ย(aาpฟpิสlิกieสd์ เคscมiีeฯnลcฯe)เรหารเรือียวกิทนยักาวศิทายสาตศรา์สแตละร์ ดเท้าคนโนน้ีวโ่าลยนีักเปวิท็นยกาศรนาสาคตวรา์บมรริสู้พุทื้นธฐ์ิ า(น2)ทวาิงทวยิทายศาาศสาตสรต์ปร์รมะายปุกรตะย์ (ุกaตp์ใpชl้ iเeพdื่อใsหc้เieกิnดปceร)ะโหยรชือนว์แิทลยะาอศาานสวตยคร์แวาลมะ คสเทวะาคดมโวสนกะโใดลนวยกกี าเใรปนด็นกาการรางดรชำ�นีวราิตงคขชวีอาิตงมมขรอนู้พงุษื้มนยนฐ์คาุษวนยาท์คมาวรงาู้ทวมาิทรงู้ทยวาิทงศยวาาิทสศยตาารสศ์มตาารสป์ทตร่ีมระ์ทนย่มีุษุกนยตุษ์นใยชา์น้มเำ�าพมใื่อชาใ้ปหชร้เปกะริโดะยปโชยรนชะ์นโใย์นใชนชนีวช์แิตวี ลิตปะปรอะราะจนจาว�ำวยันันคไดไวด้แาแ้ มกก่ ่ แสพะดทวยกศ์ ใานสกตารร์ ดเภาสรชังชศีวาิตสตขรอ์งวมศิ นวุษกรยร์คมวศาามสรตู้ทรา์ งแวลิทะยคาอศมาพสิวตเตร์ทอ่ีรม์นเปุษน็ยต์น้นามาใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจาวันได้แก่ แพทย์ศาคสวตารม์ เรภ้ทู สาัชงศวาทิ สยตารศ์ วาศิสวตกรร์ รมศาสตร์ และคอมพวิ เตอร์ เป็นต้น ความรทู้ทาางงววทิ ทิ ยยาาศศาาสสตตรร์ ม์ ี 6 ประเภท คือ ค1.วาขม้อรเทู้ ็าจงจวริทิงยวาิทศยาาสศตารส์ มตีร6์ (ปScรiะeเnภtทificคอื facts) คือ ส่ิงที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ หรือ สิ่งที่ เป็นอยู่ จ1า.กขก้อาเรทส็จังเจกรติงขว้อิทเยทา็จศจารสิงตในรธ์ (รSรcมieชnาตtiไิfiมcเ่ ปfaลcย่ี tนs)แคปือลงสคิ่งงทค่ีเวกาิดมขเปึ้น็นไมจ่วร่งิาสจาะมเปาร็นถปสราาธกิตฏแกลาะรทณด์ สหอรบือไดส้ผิ่งทล่ี เหปม็นือนยู่เดจาิมกทกกุ าครรส้งั ังเขก้อตเขท้อ็จเจทรจ็ งิ จทราิงใวนทิ ธยรารศมาชสาตตริไจ์มะเ่ ปไดล้กย่ี านรแยปอลมงรคบั งเคมวื่อาขม้อเเปท็นจ็ จรงิ สนาั้นมสาารมถาสราถธสิตังเแกลตะไทด้ดเสชอ่นบได้ผล เหมือนเด“มิ นท้ํ า้ ุกตคกรั้งคือขอ้นเํ้ าททจ็ ไี่ จหรลิงจทาากงทวิที่สยงู ลาศงสาู่ทสตี่ ร่าจ์”ะไดก้ ารยอมรบั เมื่อข้อเทจ็ จริงนั้นสามารถสงั เกตได้ เชน่ “สนา้ รตอกาหคือารนไดา้ แ้ทก่ีไห่ คลาจราโ์ กบทไฮีส่ เงูดลรงตส่ทูโปตี่ รา่ ต”ีน ไขมนั วติ ามิน เกล่อื แร่ น้า” “นส้ํารแอขา็งหลาอรยไนด้ําแ้ ไกด่ ”้ คาร์โบไฮเดรต โปรตนี ไขมัน วิตามนิ เกลือ่ แร่ นา้ ” ใ“นนกา้ าแรขน็งลาอเสยนนอ้าขได้อ”้ มูลดิบหรือข้อเท็จจริงของนักวิทยาศาสตร์น้ันต้องบอกวิธีการท่ีใช้ในการได้มาซึ่ง ข้อมูลเพใ่ือนใกหา้ครนนอาื่นเสสนาอมขา้อรมถูลตดั ิบสิหนรไดือ้วข่า้อขเท้อ็จมจูลรนิงั้นขเอปง็นทัก่ีนวิท่าเยชา่ือศถาือสไตดร้เ์นพั้นียตง้อใดงบโอดกยวกิธลีกุ่มาครนทเ่ีใหช้ลใน่ากนาั้นรสไดาม้ ารซถ่ึง ตข้รอวมจูลสเอพบื่อคใวหา้คมนถอูกื่นตส้องาขมอางรขถ้อตมัดูลสไิดน้ได้ว่าข้อมูลน้ันเป็นที่น่าเช่ือถือได้เพียงใด โดยกลุ่มคนเหล่านั้นสามารถ ตรวจสอบ2ค. มวาโมนถมกูตติ (อ้ Cงoขnอcงeขpอ้ tม)ลู หไรดือ้ ความคิดรวบยอดมโนภาพ หรือ มโนทัศน์ ซึ่งมีความหมายเดียวกัน มโน มติเป็นเ2ร.่ือมงโขนอมงตแิ ต(C่ลoะnบcุคepคtล) แหตร่ลือคะวคาวมาคมิดคริดวซบึ่งยมอีคดวมาโนมภแาตพกตห่ารงือกมันโนกทาัศรนท์ ่ีบซุึ่คงมคีคลวหานมหึ่งสมังาเยกเดตียววัตกถันุ หมรโืนอ มปรตาิเกปฏ็นกเารร่ือณงข์จะอทงํ แาใตห่ล้เกะิดบกุคาครลรับแรตู้ข่ลอะงคบวุคาคมลคนิด้ันซแึ่งลมะีคนวํ าากมารแรตับกรตู้ม่าางสกัมันพันกธา์กรับทปี่บรุคะคสบลกหานร่ึงณส์เังดเิมกตจะวัทตํ าถใุ หห้เรกือิด มปโรนาภกฏาพกแารลณะท์จํ าะใทหา้เใขห้า้เใกจิดแกลาะรมรีคับวราู้ขมอรงู้เบพุคิ่มคขล้ึนนแ้ันลแะแลตะน่ละากบาุครครลับมรีมู้มโานสมัมตพิเกันี่ยธว์กกับับปวรัตะถสุบแกลาะรณปร์เดากิมฏจกะาทราณใ์อหย้เก่าิดง มใดโอนยภา่ างพหแนลึง่ ะแทตากใตหา่ ้เงขก้าันใจขแนึ้ลกะับมีปควราะมสรบู้เกพา่ิมรขณ้ึนแ์ ลแะลวะุฒแตภิ ่ลาะวะบขุคอคงลบมุคีมคโลนมติเกี่ยวกับวัตถุ และ ปรากฏการณ์อย่าง ใดอย่างหตนัว่งึ อแยตา่ กงตมา่ โงนกมันตขิเกึน้ ่ยี กวับขป้อรงะกสบั บขกอ้ าเทรณจ็ จ์แรลงิ ะสวรุฒปุ ภิไดา้วเะชขน่ องบคุ คล “ตนวั ้ํอาแยข่าง็ มคโือนนม้ํ ตา้ ทเิ ก่ีอีย่ ยวู่ใขน้อสงถกาับนขะ้อขเอทง็จเหจรลิงวส”รปุ ได้ เชน่ “แนมา้ แลขงง็ คคืออื สนัต้าวท์ ่ีอมยี 6ใู่ นขสาถแานละลขํ าอตงเวั หแลบว่ง”เปน็ 3 ส่วน” “ตแัวอมยล่างงคมอื โนสมัตตวท์ิ มี่เกี ดิ6จขาากกแาลระสลราุปตรัววแมบค่งวเปาม็นส3มั พสนัว่ นธร์”ะหว่างขอ้ เท็จจริงของสิ่งทัง้ หลาย เชน่ “ตสวั อสยารา่ เงปมลโย่ี นนมสตถิทาี่เนกะดิ ไจดาถ้ ก้ากเราารเสพรม่ิ ปุ หรรวือมลคดวพามลสงั งัมาพนัน”ธ์ระหว่างข้อเท็จจรงิ ของสงิ่ ท้ังหลาย เชน่ “สสารเปลยี่ นสถานะไดถ้ า้ เราเพิ่มหรือลดพลงั งาน”

38 21 38 ตัวอย่าง มโนมติที่เกิดข้ึนจากการนาเอาข้อมูลหรือเหตุการณ์ต่างๆ มาสรุปรวมกันเป็นกระบวนการ ตอ่ เนอ่ื งต้ังแต่ความรู้เบอื้ งต้นไปถงึ ความรู้ระดบั สูง เชน่ “ยีนส์ทีม่ ใี นโครโมโซมจะเปน็ ตวั กาหนดลักษณะทางพนั ธกุ รรม” 3. หลักการ (Principles) หลักการเป็นความจริงที่สามารถใช้หลักในการอ้างอิงและการพยากรณ์ชี้ เหตุการณ์ได้ หลักการเช่นการนามโนมติท่ีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ซ่ึงได้รับการทดลองการทดสอบแล้วว่าเป็น ความจริงที่ผสมผสานกัน แล้วสามารถนามาอ้างอิงในเรื่องต่างๆ ได้ หลักการต้องเป็นความจริงที่สามารถ ทดสอบได้ และไดผ้ ลตามเดิมตามหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ ตัวอย่างที่ 1 กลมุ่ ความคิดรวบยอด “ทองแดง เมื่อไดร้ บั ดังนั้น หลักการ ความรอ้ นจะขยายตัว\" \"โลหะทกุ ชนดิ เม่อื ได้รบั ความร้อนจะ \"อลมู เิ นียม เมื่อไดร้ บั ความร้อนจะขยายตัว\" ขยายตวั ” \"เหลก็ เม่อื ไดร้ บั ความร้อนจะขยายตัว\" ตวั อยา่ งท่ี 2 กลุ่มความคิดรวบยอด “ข้ัวบวกกับขวั้ บวก ดังน้นั หลักการ \"ขวั้ แม่เหลก็ ชนดิ เดียวกันจะผลัก จะผลักกัน\" กันขัว้ ต่างกนั จะดดู กนั \" \"ขั้วลบกบั ข้ัวลบจะผลกั กัน\" \"ขั้วลบกับขัว้ ข้วั บวกจะดูดกนั \" ตัวอย่างท่ี 3 กลุ่มความคิดรวบยอด\"แสงจะหกั เหเม่ือเดิน ดังนั้น หลักการ \"แสงจะหกั เหเมื่อเดินทางผา่ น ทางผ่านอากาศไปสูน่ า้ \" ตัวกลางหน่ึง ไปสูต่ วั กลางหนึ่งซง่ึ มีความ \"แสงจะหกั เหเมื่อเดนิ ทางผา่ นอากาศไปสู่ หนาแนน่ ต่างกัน\" แกว้ \"\"แสงจะหักเหเมอื่ เดินทางผ่านแก้วไปสู่ นา้ \" 4. กฎ (Laws) คือ หลักการอย่างหน่ึง ซึ่งเป็นข้อความท่ีระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุกับผลและ อาจเปลี่ยนในลักษณะรปู สมการแทนได้ ผา่ นขบวนการทดสอบได้ผลตามเดมิ ทุกประการและเปน็ เชอื่ ถือได้หาก มีผลการทดสอบได้ ขัดแย้งกฎน้ันก็ต้องล้มเลิกไปกฎส่วนใหญ่ได้มาจากการอุปมาน (Induction) โดยนําเอา ข้อเท็จจริงท้ังหลายมาผสมผสานกัน แต่บางกฎก็ได้มาจากการอนุมาน (Deduction) จากทฤษฎี ตัวอย่างกฎ ทางวิทยาศาสตร์ เช่น “กฎสัดส่วนคงท่ี” กล่าวว่า อัตราส่วนระหว่างมวลสารของธาตุที่รวมกัน เช่นสสาารรปปรระะกกออบบชชนนิดดิ หหนน่ึงึ่ง จะมคี า่ คงท่ีเสมอ” “กฎสดั ส่วนบอยล์ กลา่ ววา่ ถา้ อุณหภูมิคงท่ปี ริมาณของแกส๊ จะเป็นปฏิภาคผกผันกบั ความดนั ”

39 22 39 5. ทฤษฎี (Theories) เป็นข้อความท่ีสามารถอธิบาย ซ่ึงมีการยอมรับกันทั่วไปในการอธิบายกฎ หลักการ หรือข้อเท็จจริงหรือเป็นข้อความที่อธิบายหรือทํานายจากปรากฏการณ์ต่างๆ การสร้างทฤษฎี นักวิทยาศาสตร์ต้องอาศัยข้อมูลท่ีรวบรวมได้จากการสังเกต การทดลองหรือจากแหล่งข้อมูลก่อน แล้วจึงใช้ วธิ ีการอุปมานและการสรา้ งจินตนาการขึ้น เพ่ือสร้างข้อความและนําไปอธิบาย ผลการสังเกตการทดลองน้ันๆ ให้ได้บางครั้งนักวิทยาศาสตร์ก็ใช้ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการของตนเองสร้างทฤษฎีข้ึนมา โดยไม่จําเป็น ต้องใช้ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการทดลองก็ได้ ต่อมาถ้าทฤษฎีเหล่านั้นสามารถอธิบายหรือทํ านาย ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องได้ ทฤษฎีเหล่าน้ันก็ยอมเป็นท่ีเช่ือถือและอาจอนุมานเป็นหลักการหรือกฎต่อไปได้ การที่นกั วทิ ยาศาสตรจ์ ะยอมรบั ทฤษฎเี ปน็ ท่ี เช่อื ถือได้หรอื ไม่ ข้ึนอยู่กบั เงื่อนไขตอ่ ไปน้ี 1. ทฤษฎนี น้ั จะต้องอธบิ ายกฎ หลกั การและขอ้ เทจ็ จริงเรื่องราวทํานองเดยี วกันได้ 2. ทฤษฎีจะต้องอนุมานออกไปเปน็ กฎหรือหลกั การบางอยา่ งได้ 3. ทฤษฎีจะตอ้ งทํานายปรากฏทีอ่ าจเกดิ ตามมาได้ 46. สมมตฐิ านทางวิทยาศาสตร์ (Scientific hypotheses) สมมติฐานเปน็ ข้อความทนี่ ักวิทยาศาสตร์ ศึกษาและสรา้ งขน้ึ เพอื่ การคาดคะเนคำ�าตอบทอี่ าจเป็นไปได้ ของปัญหาโดยอาศัยข้อมูลและประสบการณ์ความรู้เดิมเป็นพื้นฐาน หรือคาดคะเนจากความเช่ือ หรือความ บันดาลใจของนักวิทยาศาสตร์ คำ�าตอบท่ีคาดน้ันจะเป็นจริงหรือไม่ยังไม่ทราบแน่ชัดจะต้องมีการทดสอบโดย การทดลอง หาหลักฐานมาสนับสนุนหาเหตุผลท่ีสนับสนุนหรือคิดค้น ท้ังทางตรงทางอ้อมของสมมติฐานน้ัน เสียก่อนการพิจารณาว่า ข้อความใดเป็นสมมติฐานหรือไม่ควรยึดหลักข้อความท่ีจะเป็นสมมติฐานจะต้องเป็น ข้อความท่ีคาดคะเนคํ าตอบ โดยที่บุคคลน้ันยังไม่เคยรู้หรือไม่เคยเรียนมาก่อน หากเคยเรียนต้องจัดเป็น ขอ้ เท็จจริง มโนมติ หรือหลกั การเทา่ น้ัน ตวั อยา่ งสมมติฐาน ทางวิทยาศาสตร์ เช่น “โลกและดวงจนั ทร์มกี ําเนดิ มาพร้อมๆ กัน “ “นักศึกษาคนหน่ึงมีความคิดว่า ลูกที่เกิดมาจากพ่อแม่ที่มีสีผิวแตกต่างกัน ลูกท่ีเกิดมาน่าจะมีสีผิว เหมือนแม”่

40 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 2 เร่ือง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (การสังเกต) หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรื่อง เรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์อยา่ งไร เวลา 1 ช่ัวโมง รายรวาิชยาวิชวิทายวาทิศยาสาตศรา์พส้ืนตฐรา์ น ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ ขอบเขตเนื้อหา กิจกรรมการเรยี นรู้ 1) ใบกจิ กรรม 3 เรอ่ื ง สงั เกต 1. ขั้นตอนและกระบวนการหาความรู้ ข้นั นา อะไรได้บ้าง ภาระงาน/ช้นิ งาน การแก้ปัญหาของนักวิทยาศาสตร์ การใช้ 1. ครูนาเสนอภาพให้นกั เรยี นสังเกต แล้วร่วมกันอภปิ รายความรูไ้ ด้ไดจ้ ากการดภู าพ - กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการ โดยนักเรยี นบรรยายสิ่งทีเ่ ห็นจากภาพ แสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ กาหนด ปญั หาหรือสิ่งทีส่ งสยั จากสิ่งท่ีตนสังเกต จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ 1. อธิบายขั้นตอนและกระบวนการหา ความรกู้ ารแก้ปัญหาของนักวิทยาศาสตร์ (การสงั เกต) 2. อธิบายการใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการแสวงหาความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ (การสังเกต) ภาพที่ 1.2.1 สถาปตั ยกรรมรัสเซีย ซึง่ นกั เรียนควรสรุปได้ว่า การรายงานสง่ิ ที่สงั เกตเหน็ จะส่งผลต่อข้อเท็จจรงิ ด้านทักษะและกระบวนการ ดังน้นั ไม่ควรนาความคดิ อารมณ์ ความรู้สึก เขา้ มาเกยี่ วข้องเราจะมีวิธีการเก็บขอ้ มูล 1. ระบุข้อมูลซ่ึงเป็นข้อเท็จจริงส่ิงท่ี หรือได้มาซ่งึ ข้อเท็จจรงิ ได้อย่างไร สังเกตได้ 23 40

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การสงั เกต) 41 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง เรยี นรู้วิทยาศาสตร์อยา่ งไร เวลา 1 ชว่ั โมง ดา้ นคณุ ลักษณะ รายรวาิชยาวิชวิทายวาทิศยาสาตศรา์พสน้ืตฐรา์ น ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 1. ตระหนักถงึ ความสาคัญของ ขนั้ สอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. นักเรียนแบ่งกล่มุ กล่มุ ละ 6 - 7 คน โดยคละ เพศและความสามารถทางการเรยี น 2. นักเรียน ฝึกทักษะการสังเกต จากวัตถุตัวอย่าง ท่ีสามารถหาได้ง่ายและไม่อันตราย จากการสมั ผัส เชน่ ปากกา ภายใตเ้ ง่ือนไขตามลาดบั โดยบนั ทึกในใบกิจกรรมท่ี 3 ดังนี้ 1) สังเกตวัตถุตัวอย่างและเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด ภายในเวลาที่กาหนด ไม่ควร เกนิ 2 นาที 2) จดั กระทาขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสงั เกตในข้อ 1 โดยสรา้ งเกณฑ์ข้นึ เองภายในกลมุ่ 3) จากข้อมูลที่ได้จากการสังเกตในข้อ 1 ให้จาแนกข้อมูลโดยใช้เกณฑ์ประสาท สัมผัสด้านต่างๆ 4) ครแู ละนักเรียนอภปิ รายร่วมกันเพ่ือให้ได้ข้อมลู ทเี่ ป็นขอ้ เท็จจริงเทา่ น้ัน ขนั้ สรปุ 1. ครูนานักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปว่า การสังเกต เป็น หนึ่งในกระบวนการหา ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถนาไปสู่กระบวนการตั้งปัญหาท่ีสามารถหาคาตอบได้ ดว้ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซง่ึ ในกระบวนการดังกล่าวต้องสามารถระบุปัญหาและ สาเหตไุ ดอ้ ยา่ งชดั เจน เปน็ ลาดบั แรก 24 41


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook