Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-08-คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5-2

64-08-08-คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5-2

Published by elibraryraja33, 2021-08-08 08:53:18

Description: 64-08-08-คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5-2

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๓ เรอ่ื ง กระเชา้ สดี า 473 ขน้ั ตอนในการเขยี นเรยี งความ ๑. การกาหนดหัวเร่ือง มี ๒ ลักษณะ การกาหนดหวั เรื่องไวเ้ รยี บร้อยแล้ว และเลือกเขียนตามความ สนใจ/พอใจ/มคี วามรู้เรอื่ งน้นั มากที่สุด ๒. การกาหนดขอบเขตของหัวข้อเร่ือง ไม่ควรกว้างมากเกินไปจนเขียนไม่จบ ควรมีจุดมุ่งหมายท่ี เฉพาะเจาะจง ตัวอยา่ งหัวข้อเรือ่ งทก่ี วา้ ง “สมุนไพร” ถ้านามาทาให้เฉพาะเจาะจง เป็น “สมุนไพรรกั ษาโรค” ๓. การรวบรวมข้อมูลใช้วางโครงเรื่อง ต้องเป็นข้อมูลท่ีมีหลักฐานอ้างอิง มีเหตุผลน่าเชื่อถือ โดย พจิ ารณาวา่ หวั ขอ้ ใดควรมาก่อน หรอื มาหลงั แล้วจัดเรียงลาดับ ๔. การจัดกลุ่มความคิดในการวางโครงเร่ือง อาจจัดเป็นพวก หมวดหมู่เดียวกัน เป็นหัวข้อใหญ่ หัวขอ้ ยอ่ ย โดยจดั ให้ต่อเนอ่ื งสอดคลอ้ งกนั ๕. วางโครงเรื่องด้วยการใชห้ ัวขอ้ หลกั หวั ขอ้ รอง และหัวข้อยอ่ ย เชน่ ตัวอยา่ ง โครงเรอ่ื ง สัตวเ์ ลีย้ งของฉนั สว่ นคานา : เปิดเรอื่ งด้วยความหมายของสัตวเ์ ลย้ี ง สว่ นเน้ือเรื่อง : ๑. รปู รา่ งลักษณะ (ของสตั ว์เล้ยี งของฉัน) ๒. การเลีย้ งสตั วเ์ ลี้ยง ๓. ประโยชน์ของสัตวเ์ ล้ียง ส่วนสรปุ : ข้อคดิ ของการเล้ยี งสตั ว์ (วิภา ตณั ฑลุ พงษ์. ๒๕๕๖. เอกสารนเิ ทศการศึกษา แนวทางการพฒั นาการเรียนการสอนเขียน ภาษาไทยในระดับประถมศึกษา. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา.)

474 คูม่ อื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบงานที่ 11 เรอื่ ง การเขียนแบบร่างเรียงความ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง กระเชา้ สดี า แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 เรือ่ ง หลกั การเขยี นเรียงความ รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕ คาชี้แจง ให้นักเรียนเขยี นแบบรา่ งเรยี งความตามหัวขอ้ ทส่ี นใจ พรอ้ มต้งั ช่อื เรือ่ ง เรียงความเรอ่ื ง............................................................................. ส่วน คานา เปดิ เร่ือง ดว้ ย ............................................................................................................................................................……………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………..………..………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………....... สว่ น เน้ือเรอ่ื ง ยอ่ หน้าที่ ๑............................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ย่อหนา้ ที่ ๒.............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ย่อหนา้ ที่ ๓.............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................ฯลฯ สว่ น สรปุ ปิดเรอ่ื งดว้ ย.......................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ชอ่ื ....................................................นามสกลุ ................................................ชั้น.................เลขที.่ ..............

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๓ เร่อื ง กระเชา้ สดี า 475 แนวคาตอบใบงานที่ 11 เรอ่ื ง การเขยี นแบบร่างเรยี งความ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรื่อง กระเชา้ สีดา แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 เรื่อง หลักการเขียนเรียงความ รายวิชา ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ คาช้แี จง ให้นักเรียนเขยี นแบบรา่ งเรยี งความตามหัวขอ้ ทสี่ นใจ พรอ้ มต้ังชอ่ื เร่อื ง ตวั อย่างการเขยี นแบบร่างเรียงความเรอื่ ง ป่าไม้ใหช้ ีวติ ส่วน คานา เปิดเรอื่ ง ดว้ ย คาขวญั การอนุรักษป์ ่าไม้ ดังนี้ “ป่าไม้ชวี ิต ช่วยรักษากันสักนิด เพอื่ ชีวิตทีส่ ดใส” จากน้นั อธบิ ายความหมายของป่าไม้ และความสาคัญของป่าไม้ โดยอธบิ ายความจากคาขวัญขา้ งตน้ สว่ น เน้ือเรื่อง ยอ่ หน้าที่ ๑ กล่าวถึงลักษณะของป่าไม้ และอธิบายขยายความเข้าใจเกี่ยวกับความสาคัญของ ปา่ ไม้ เชน่ มคี วามสาคญั ทางระบบนเิ วศวทิ ยา เศรษฐกิจ และนนั ทนาการ จากนั้นกล่าวถึงข้อดขี องปา่ ไม้ เช่น ชว่ ยปอ้ งกันการกัดเซาะและพัดพาหน้าดิน จากน้าฝนและลม ยอ่ หนา้ ท่ี 2 บอกประโยชน์และคุณคา่ ของป่าไม้ ตัง้ แต่สมยั อดีตจนถงึ ปัจจบุ ัน เช่น นาตน้ ไมม้ า สร้างบ้านเรือน เป็นแหล่งอาหารของสัตวป์ ่าและมนษุ ย์ และอธิบายว่าเราใชป้ ่าไม้ ใชต้ ้นไม้ทาประโยชน์ อะไรบา้ งใน การดารงชีวิต ความสัมพันธ์ระหวา่ งป่าไม้กับมนุษยท์ พ่ี ง่ึ พาอาศยั กนั มาอยา่ งชา้ นาน ย่อหน้าที่ ๓ ขยายความหมายของคาทีว่ ่า “ป่าไมใ้ ห้ชีวิต” โดยอธบิ ายขยายความเขา้ ใจว่าปา่ ไม้ ใหช้ ีวติ อยา่ งไร และเราจะอนรุ ักษ์ป่าไม้ให้คงอยคู่ ปู่ ระเทศต่อไปด้วยวิธีการอยา่ งไรบา้ ง สว่ น สรุป ปดิ เรื่องดว้ ย ด้วย การกล่าวยา้ ถึงความสาคญั ของป่าไมอ้ กี ครง้ั และฝากขอ้ คิดในการใชท้ รัพยากรป่าไม้ ใหค้ มุ้ คา่ ดว้ ยคาคม หรอื บทรอ้ ยกรองสน้ั ๆ ประมาณ 1 บท

๔๗๖ คมู่ อื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 12 เรอื่ ง เรยี งร้อยถ้อยความ เวลา 1 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่อื ง กระเช้าสดี า กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด สาระท่ี 2 การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ ตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตัวชวี้ ัด ป.๕/๒ เขียนสอ่ื สารโดยใช้คาไดถ้ กู ต้องชดั เจนและเหมาะสม ป.๕/๙ มมี ารยาทในการเขียน ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เรยี งความ เป็นงานเขยี นรอ้ ยแก้วท่ีถา่ ยทอดความคดิ ความร้สู กึ ของผเู้ ขียนออกมาเป็นเร่ืองราว โดยมี รูปแบบการเขียนท่ีชัดเจน ผู้เขียนต้องรู้หลักการเขียน เลือกวิธีการเรียบเรียงคา และประโยคด้วยภาษาที่ สละสลวย และสามารถถ่ายทอดข้อคดิ ให้กับผู้อืน่ ได้ ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) บอกหลักการเขียนเรยี งความได้ 3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) เขียนเรียงความได้ 3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A) มมี ารยาทในการเขียน ๔. สาระการเรยี นรู้ การเขียนเรียงความ ๕. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 5.1 ความสามารถในการส่ือสาร 5.2 ความสามารถในการคิด ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 ใฝ่เรียนรู้ 6.2 มุ่งมน่ั ในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้

หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๓ เร่อื ง กระเชา้ สีดา การจดั กจิ กรรมการเรียนร รายวชิ า ภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 12 เร่ือง เรยี ลาํ ดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กิจกรรมครู 1. ขอบเขตเน้อื หา ข้ันนาํ ๑๐ 1. ครทู บทวนกลวธิ ีในการ 1. การเขียน นาที เรียงความ โดยขน้ึ แถบข้อ เรยี งความ ใน PPT ดังน้ี  คาํ นํา – ต้นตน่ื เตน้  เน้ือเรอ่ื ง – กลางกล  สรปุ – จบจบั ใจ จุดประสงค์ 2. ครตู ้ังคําถามเพือ่ ทบทว การเรยี นรู้ ใหน้ ักเรียนบอกหรอื อธบิ า 1. บอกหลักการ หลกั การเขยี นเรียงความ เขยี นเรยี งความได้ ครู : การเขยี นเรียงความท หลักการเขียนอย่างไรบา้ ง บทเรยี น

รู้ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 5 สือ่ การเรียนรู้ ๔๗๗ 3 เรื่อง กระเช้าสดี า จาํ นวน 12 ชั่วโมง - แถบขอ้ ความ การประเมิน ยงร้อยถอ้ ยความ จํานวน 1 ชวั่ โมง การเรียนรู้ แนวการจดั การเรียนรู้ กิจกรรมนกั เรยี น รเขยี น 1. นกั เรียนร่วมกนั ทบทวนกลวิธใี น อความ การเขยี นเรยี งความ ลมกลนื  คาํ นํา – ตน้ ตืน่ เต้น  เนื้อเรอ่ื ง – กลางกลมกลนื  สรปุ – จบจับใจ วน โดย 2. นกั เรยี นตอบคําถาม ดังนี้ - คาํ ถาม 1. สงั เกต าย ตวั อยา่ งการอธิบายหลักการเขยี น การตอบคําถาม ทด่ี ีมี เรยี งความ ของนกั เรยี น ง - การเขียนคาํ นาํ ควรเขยี นให้ นา่ สนใจ เร้าใจ อธบิ ายความหมาย ของหวั ขอ้ เรือ่ ง - การเขยี นเนือ้ เรื่อง ควรเขยี น สาระสาํ คัญของเร่อื ง และขยาย ความเขา้ ใจใหช้ ัดเจน สอดคล้อง กลมกลืน

๔๗๘ คมู่ ลําดบั ขอบเขตเนือ้ หา/ ข้ันตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ กิจกรรมครู ๒. 2. เขียนเรียงความ ขนั้ สอน 2๐ 3. ครูนําตัวอยา่ งเรยี งควา ได้ นาที มาใหน้ ักเรียนอา่ นและพิจ 3. มมี ารยาทใน งานเขยี นเรยี งความ โดยต การเขียน คาํ ถาม เชน่ - เรยี งความนรี้ ปู แบบถกู ตอ้ - ผเู้ ขยี นตอ้ งการนาํ เสนอ - เรียงความนี้มีความโดดเ เร่ืองใดบา้ ง (เชน่ มีการนาํ ดว้ ยคําขวญั (ปิดเร่อื งประทับใจ) 4. จากนนั้ ครูเชื่อมโยงเขา้ เขียนเรียงความ 1. ครใู หน้ กั เรยี นบอก ความคบื หนา้ ของการเขีย รา่ งเรยี งความ 2. จากนัน้ ครใู หน้ ักเรยี นศ ความรู้จากใบงานท่ี 12 แ

อื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจดั การเรียนรู้ สือ่ การเรียนรู้ การประเมนิ คาํ ถาม การเรยี นรู้ กจิ กรรมนกั เรยี น - สงั เกตการตอบ คาํ ถามของ - การสรุป ควรปดิ เร่ืองและให้ นกั เรยี น ขอ้ คิดเพ่อื สรา้ งความประทบั ใจแก่ ผู้อ่าน ามที่ดี ๓. นกั เรียนอ่านตวั อยา่ งเรียงความ จารณา ทดี่ พี จิ ารณางานเขยี นเรยี งความ ตงั้ รว่ มกัน องหรอื ไม่ ออะไร เด่นใน ญ เพลง) าส่กู าร 1. นกั เรยี นบอกความคบื หน้าของ - สื่อ PPT ยนแบบ การเขยี นแบบรา่ งเรยี งความ ศึกษา 2. นักเรยี นเขยี นเรยี งความใน - ใบความรทู้ ี่ 2. ตรวจใบงาน และ ใบงานท่ี 12 12

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๓ เร่ือง กระเชา้ สีดา ลาดบั ขอบเขตเนอื้ หา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ท่ี จดุ ประสงค์การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ทีใ่ ช้ กิจกรรมครู 3. ขั้นปฏิบัติ 10 ชแ้ี จงการทางานในใบงาน นาที แล้วให้นักเรียนลงมือเขียน เรยี งความต่อให้เสรจ็ 3. ครูเดินดูการทางานขอ นักเรียน (ครูข้นึ กิจกรรม : นกั เรยี น ใบงานท่ี 11 การเขียน เรยี งความ) ใน PPT 7. ครนู าเรยี งความที่สาเร นักเรียนทั้งตน้ ทาง/ปลาย จากน้ันมอบหมายใหไ้ ปป งานเขยี นของตนเองใหส้ ม 4. ข้ันสรปุ 5 1. ครูนาสรปุ เร่ือง การเข นาที เรียงความ และนาความร แนะนาการเขียนใหแ้ ก่เพ และนอ้ ง ๆ หรอื จะส่งเข้า ประกวดกไ็ ด้

แนวการจดั การเรียนรู้ ๔๗๙ กิจกรรมนักเรียน ส่ือการเรียนรู้ การประเมิน นท่ี 12 การเรียนรู้ น - ใบงานที่ 11 4. สังเกต อง 3. นักเรียนเขียนเรยี งความ พฤตกิ รรม (ประเมนิ ดา้ น A) นทา (นักเรยี นตน้ ทาง/ปลายทางทาใบ - สื่อ PPT งานที่ 11) พร้อมกัน รจ็ มาให้ 7. นกั เรียนดเู รียงความทส่ี าเรจ็ - สื่อ PPT ยทางดู พร้อมกัน จากนน้ั ไปปรบั ปรงุ งาน ปรบั ปรงุ เขียนของตนเองใหส้ มบรู ณ์ มบูรณ์ 1. นักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้ ขียน เรือ่ ง การเขยี นเรียงความ และนา รู้ไป ความรู้ไปแนะนาการเขยี นใหแ้ ก่ พ่ือน ๆ เพอื่ น ๆ และน้อง ๆ หรอื จะสง่ เข้า า ประกวดกไ็ ด้

480 คู่มือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) 8. สือ่ การเรียนรู/้ แหลง่ เรียนรู้ 1. ตัวอย่างงานเขยี นเรียงความทด่ี ี 2. ใบความร้ทู ี่ 12 เร่ือง ขัน้ ตอนการเขียนเรียงความ 3. ใบงานที่ 12 เรือ่ ง เรียงรอ้ ยถ้อยความ 4. ส่ือ PPT เรื่อง เรยี งรอ้ ยถ้อยความ 5. คาถาม 9. การประเมินผลรวบยอด ช้ินงานหรือภาระงาน - ใบงานที่ 12 เรือ่ ง เรยี งรอ้ ยถ้อยความ สง่ิ ท่ตี อ้ งการวดั / ประเมิน วธิ ีการ เครื่องมอื ที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - บอกหลกั การเขียนเรยี งความ - พจิ ารณาการตอบ - คาถาม/ใบงาน ร้อยละ ๖๐ คาถามของนกั เรียน ข้นึ ไป ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) - เขียนเรยี งความ - ตรวจใบงานที่ 12 เรยี ง - แบบประเมนิ การเขยี น รอ้ ยละ ๖๐ ร้อยถ้อยความ เรยี งความ ขึ้นไป - ใบงาน ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A) - มมี ารยาทในการเขยี น - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ร้อยละ ๖๐ นกั เรยี น ของนักเรยี น ขึ้นไป คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุง่ มั่นในการทางาน นักเรยี น อันพงึ ประสงค์ ผ่าน สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน - แบบประเมินสมรรถนะ ระดบั คุณภาพ 1. ความสามารถในการส่ือสาร - สังเกตพฤตกิ รรม สาคัญของผเู้ รียน ผา่ น 2. ความสามารถในการคดิ นกั เรียน

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ เรอื่ ง กระเช้าสีดา 481 เกณฑป์ ระเมนิ : การเขยี นเรียงความ รายการประเมนิ ดีมาก (4) ระดับคุณภาพ/ระดับคะแนน ปรบั ปรงุ (1) ดี (3) พอใช้ (2) 1. การเขยี นคานา ใช้ภาษาในการ ใช้ภาษาคอ่ นขา้ งดี นาเข้าสู่เร่ืองตาม เขียนคานาไม่ตรง เขยี นคานาได้ เขียนคานาได้ดี หัวขอ้ เรยี งความได้ ประเด็น วกวนไป โดดเด่น จูงใจผ้อู ่าน นาเขา้ สู่เร่ืองได้ พอใช้ การใชภ้ าษา มา ไมเ่ ข้าสู่ ให้สนใจติดตามอ่าน ถกู ตอ้ งตรงประเดน็ ไม่โดดเด่นเท่าท่ีควร เป้าหมาย หรอื เนอ้ื เรือ่ ง ประเด็นเร่อื ง 2. สาระในเนือ้ เน้อื เรอ่ื งมสี าระ เนือ้ เรือ่ งมสี าระ เน้อื เร่ืองมสี าระ เน้ือเรื่องขาด เรื่อง ครบถ้วนทั้งความรู้ ความรู้ แต่ขาด น้อยทง้ั ความรูแ้ ละ สาระ ทง้ั ความรู้ และความงามใน ความงามในภาษา ความงามในภาษา และความงามใน ภาษา มีคณุ คา่ มีคณุ ค่า ขอ้ คดิ ไม่คอ่ ยสอดแทรก ภาษา ไม่มี ขอ้ คิดแทรกในงาน แทรกในงานเขียน คณุ ค่าและข้อคดิ ใน การสอดแทรก เขียนไดด้ ีและ เป็นสว่ นใหญ่ งานเขียน คุณคา่ ขอ้ คิดใน ถกู ต้องชัดเจน งานเขียน 3. การยกตวั อยา่ ง ยกบทประพนั ธ์ ยกบทประพนั ธ์ ยกบทประพันธ์ ขาดการยก อ้างองิ บท คาคม ไดถ้ กู ตอ้ ง คาคม ได้เหมาะสม คาคม ไดเ้ หมาะสม ตวั อย่างบท ประพนั ธ์ เหมาะสมสอดคล้อง สอดคล้องกบั งานได้ สอดคลอ้ งกบั งาน ประพนั ธ์ในงาน และคาคม กับงานได้เปน็ อยา่ ง เปน็ สว่ นใหญ่ ไดเ้ ปน็ บางสว่ น เขียน 4. การสรปุ ดี เขียนสรปุ ได้ตรง เขยี นสรปุ ไม่ตรง เขยี นสรปุ ได้ตรง ประเดน็ ท้งิ ท้ายให้ เขยี นสรปุ ไดค้ อ่ น ประเด็น ไม่มี 5. มารยาท ประเดน็ ให้ข้อคดิ คิดได้เปน็ ส่วนใหญ่ ข้างตรงประเดน็ การทิ้งท้ายใหค้ ดิ ในการเขยี น แกผ่ ู้อ่าน และนา่ และให้ข้อคิด เขยี นไม่สร้างสรรค์ ตดิ ตาม - เลก็ นอ้ ย ลายมือไมเ่ ปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย เขียนสร้างสรรค์ - อ่านไมเ่ ขา้ ใจ และใช้ ไมเ่ ขียนเสยี ดสผี ู้อ่นื ภาษาไมส่ ละสลวย เขียนดว้ ยลายมอื ที่ เป็นระเบยี บ อา่ น ง่าย ใช้ถอ้ ยคาสุภาพ เกณฑ์การประเมินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ๑8-๒๐ ดมี าก 15-๑7 ดี ๑2-๑4 ต่ากวา่ 12 พอใช้ ปรับปรงุ เกณฑก์ ารตัดสิน : ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป (ตอ้ งไดร้ ะดบั พอใชข้ ้ึนไป)

482 คู่มอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แบบประเมินการเขยี นเรยี งความ คาํ ชแี้ จง ใหค้ รผู สู้ อนประเมินการผลการทาํ งาน/ใบงาน โดยเขยี นคะแนน ลงในช่องท่กี ําหนดให้ ลําดับ การเขียน ํคา ํนา (4) รวม คดิ สรุป ท่ี ชื่อ-สกุล สาระในเ ้ืนอเร่ือง (4) คะแนน เปน็ ผา่ น ไม่ผา่ น การยก ัตวอย่าง (4) (๒๐) รอ้ ยละ การส ุรป (4) (100) มารยาทในการเขียน (4) 1 ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 รวม (คน) คดิ เปน็ ร้อยละ ผลการประเมนิ  ดมี าก ..........คน คิดเป็นร้อยละ...............  ดี ..........คน คิดเป็นร้อยละ................  พอใช้ ..........คน คิดเป็นรอ้ ยละ...............  ปรับปรุง .........คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ............... สรปุ ผลการประเมนิ รายชน้ั เรยี น  นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ จาํ นวน......................... คน คิดเป็นร้อยละ.........................  นกั เรียนไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมิน จาํ นวน......................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ......................... ลงชือ่ .................................................ผปู้ ระเมิน (..............................................) ........../..................../..........

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๓ เร่อื ง กระเช้าสดี า 483 10. บันทึกผลหลังสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ข้อจากดั การใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. ............. 11. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผทู้ ี่ได้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ ...................................................... ผตู้ รวจ (.......................................................) วันที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. .............

484 คู่มอื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบความรู้ที่ 12 เรอ่ื ง ขั้นตอนในการเขียนเรยี งความ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง กระเช้าสดี า แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 เรื่อง เรยี งร้อยถอ้ ยความ รายวิชา ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ เรียงความ คือ การนาถ้อยคามาแต่งเป็นเร่ืองราว เพื่อใช้เป็นข้อเขียนที่แสดงความคิด ความรู้ ความรู้สึก ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่ผู้เขียนถ่ายทอดสู่ผู้อ่าน โดยมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ คานา เนื้อเร่อื ง และสรุป จึงจะเรยี กวา่ เรยี งความอย่างสมบรู ณ์ การเขียนเรยี งความที่ดี มีขัน้ ตอน ดังนี้ ๑. การกาหนดหัวเรื่อง มี ๒ ลักษณะ คือ หัวข้อเรื่องที่กาหนดไว้แล้ว และเร่ืองที่เขียนตามความ สนใจ ทงั้ ๒ ลกั ษณะน้ี ผเู้ ขียนต้องมคี วามรูเ้ ร่ืองที่จะเขยี นมากท่ีสุด ชือ่ เรอ่ื งควรครอบคลุมชัดเจน ๒. การกาหนดขอบข่ายของเรื่อง แต่ละเร่ืองต้องมีรายละเอียดของแต่ละหัวเร่ืองย่อย มีการขยาย ความอย่างแจม่ แจง้ และเจาะจง ๓. การรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้วางโครงเร่ือง ควรมีความน่าเชื่อถือ และควรมีการวางเรียงลาดับเนื้อ เร่อื งกอ่ น - หลงั แลว้ คัดเลือกให้ตรงประเด็น จุดมุ่งหมายในการเขยี น และความคิดหลักของเรอื่ งให้มากที่สุด โดยจดั เป็นกลุ่มความคิด ๔. การจัดกลุ่มความคิดในการวางโครงเรื่อง โดยจัดเป็นหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อย แล้วจัดลาดับ ความคิดใหต้ ่อเน่ืองสอดคล้องกนั โดยใชแ้ ผนภาพโครงเรอื่ ง ตวั อย่าง เครอื่ งสาอางจากสมุนไพรไทย ปลอดสารเคมี ผลต่อการใช้ ประโยชนห์ ลายด้าน ๑. สร้างภมู ิคมุ้ กันร่างกาย ๑. ราคาถกู ๑. ด้านร่างกาย ๒. ไมอ่ นั ตรายต่อผวิ หนงั ๒. ลงทนุ คุ้มคา่ ๒. ดา้ นจิตใจ ๓. ดา้ นวิชาชพี ๓. เสรมิ สร้างสุขภาพจิต ๓. สง่ ขายตา่ งประเทศ ๕. การเขียนเนอื้ เรื่อง ควรเขยี นตามโครงเรอื่ งทว่ี างไว้ เขยี นแต่ละหัวขอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล มกี ารลาดบั ความสาคัญ มกี ารยกตัวอยา่ ง ที่แสดงความรู้ ความคิด ซึง่ อาจมีหลายย่อหน้า แต่ละย่อหนา้ มคี วามสมั พนั ธ์ สอดคลอ้ งกนั เขยี นในประเดน็ ของเร่อื ง ไม่ออกนอกลู่นอกทาง

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๓ เรอื่ ง กระเชา้ สดี า 485 ๖. การเขยี นสรุป ควรเขยี นทส่ี ร้างความรสู้ กึ ตอ่ ผอู้ า่ น “ทาใหผ้ ู้อ่านเกดิ ความศรทั ธา ประทบั ใจตอ่ ข้อเขียน อา่ นไม่เบือ่ ” การเขยี นสรปุ เร่อื งทาไดห้ ลายวธิ ี เช่น การเชญิ ชวนใหเ้ กดิ ความร่วมมอื การใช้หลัก ธรรมะ สานวน สภุ าษิต บทกวี การแสดงความคดิ เห็น หรอื ข้อเสนอแนะปดิ เรอ่ื ง แผนผังการจัดลาดับองค์ประกอบของเรียงความ ส่วน คานา ตน้ ตื่นเตน้ (คานา ความนา เปดิ เรื่อง) สว่ น เนอ้ื เรื่อง กลาง กลมกลืน ย่อหนา้ ท่ี 1 ย่อหนา้ ท่ี 2 ย่อหนา้ ท่ี 3 ฯลฯ สว่ น สรปุ จบ จบั ใจ (สรปุ , ความสรุป, ปิดเรอ่ื ง) (กระทรวงศึกษาธิการ. ๒๕๓๘. หนังสือเรียนภาษาไทย ชุดพน้ื ฐานภาษา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕ .กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพร้าว)

486 ค่มู ือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบงานท่ี 12 เรอ่ื ง เรยี งรอ้ ยถ้อยความ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง กระเช้าสีดา แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 เร่ือง เรียงรอ้ ยถ้อยความ รายวชิ า ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕ คาชแ้ี จง ให้เขียนเรยี งความตามหวั ข้อทสี่ นใจ โดยใช้แนวทางจากแบบรา่ งในใบงานท่ี ๑1 ให้ถูกตอ้ งสมบรู ณ์ เรยี งความเร่อื ง …………………………………………………………………………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………...………… ………………………………………………………………………………………………..……………… …………………………………………………………………………………………..…………………… ……………………………………………………………………………………..………………………… ………………………………………………………………………………..……………………………… …………………………………………………………………………..…………………………………… ……………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………..……………………………………………… …………………………………………………………..…………………………………………………… ……………………………………………………..………………………………………………………… ………………………………………………..……………………………………………………………… …………………………………………..…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..………………… ………………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………..…………………………… ……………………………………………………………………………..………………………………… ………………………………………………………………………..……………………………………… …………………………………………………………………..…………………………………………… ชือ่ .........……...……....……...……...……...…...…...…....…...…...…...…...…...…...…นา…ม…สก…ลุ …..…...…....…...….......…...…...…...…...…...…...…....…...…...…...….ช…ัน้ …...…....…...…...…...….เล…ขที.่ ........... ……………………..………………………………………………………………………………………… ………………..……………………………………………………………………………………………… …………..…………………………………………………………………………………………………… ……..………………………………………………………

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๓ เร่ือง กระเชา้ สดี า 487 ตวั อยา่ งการเขยี นเรยี งความ เรอื่ งพอ่ ของฉัน ถา้ จะเทียบคงเทียมฟา้ นภากวา้ ง พระคณุ พอ่ ยิง่ ใหญห่ าใดเปรียบ ทาทุกอยา่ งเพ่อื ลกู รกั จักได้ดี รักของพอ่ ย่งิ ใหญไ่ มจ่ ืดจาง คาว่า “พ่อ” เป็นคาส้ัน ๆ แต่มีความหมายลึกซ้งึ มีคุณค่าทางด้านจิตใจ เพราะพ่อคือผู้ให้กาเนิดให้ ชวี ิตแกผ่ ู้ทีเ่ ป็นลกู ทุกคน พ่อของฉนั ชื่อนายนิรนั ดร์ จันทร์เอียด อาชีพรบั ราชการ ครอบครวั ของเราอบอุ่นและมีความสุขมาก ไม่เคยมีปัญหาใด ๆ ใหค้ นในครอบครวั ตอ้ งเดือดรอ้ น พอ่ ของฉนั เปน็ หวั หน้าครอบครวั ทม่ี ีความรับผิดชอบ เป็น เย่ียมท้ังในฐานะสามที ดี่ ขี องภรรยาและพอ่ ท่ดี ขี องลกู ดงั ทก่ี ลา่ ววา่ “แหวนดเี พราะหัว ครอบครัวดเี พราะผูน้ า” พอ่ เป็นคนรกั ครอบครวั มาก พอ่ บอกวา่ ความรกั และความอบอนุ่ ในครอบครวั เปน็ สง่ิ ท่ีไม่ต้องซ้ือไม่ตอ้ ง ลงทุน ทุกครอบครัวช่วยกันทาให้เกิดข้ึนได้ เวลาที่ว่างจากหน้าที่การงานของพ่อจึงเป็นเวลาของครอบครัว พอ่ คอยดูแลเอาใจใสฉ่ นั อยา่ งใกล้ชิด เมื่อฉันมีปัญหาคนท่ีอยู่เคียงข้างช่วยเหลอื ฉันได้คอื พ่อ พ่อเปรียบเสมือน เทวดาประจาบ้านทีบ่ ันดาลใหค้ วามทุกขห์ มดไป พอ่ พดู เสมอว่าหากทกุ คนในครอบครวั รู้และปฏบิ ัตติ ามหน้าที่ ของตนเองแล้วชีวิตครอบครวั ก็จะราบร่นื สงบสุข ครอบครัวดีสังคมกจ็ ะดี และส่งผลให้ประเทศชาติดีตามไป ด้วย พ่อเป็นแบบอย่างที่ดีในการดาเนินชีวิต พ่อมัธยัสถ์รู้จักใช้จ่าย ส่ิงของท่ีพ่อซื้อล้วนเป็นของที่มี ประโยชน์ ฉันทาตามสิง่ ดี ๆ ที่พ่อปฏิบตั ิใหเ้ หน็ จนกระทัง่ ทุกวนั นี้ มคี นพูดวา่ “แบบดกี ว่าบอก” “ตัวอยา่ งที่ดี มีคา่ ยิ่งกวา่ คาสัง่ สอน” ฉันเชอื่ แลว้ วา่ คาพดู นีเ้ ป็นความจริง ในการทางานพอ่ ไมเ่ คยบกพรอ่ งในหน้าท่ี พอ่ บอก เสมอวา่ เพอื่ นรว่ มงานเปรียบเสมือนบคุ คลในครอบครัว ทเ่ี ราต้องชว่ ยเหลอื เสยี สละ แบ่งปนั ร้จู ักเอาใจเขามา ใส่ใจเรา พ่อจึงเป็นท่ีรักใคร่และชื่นชมมาโดยตลอด ในช่วงที่ครอบครัวของเรามีพ่อเป็นเสาหลักบ้านมีแต่ ความสขุ พ่อยอมลาบากเหนด็ เหนอื่ ยเพ่อื ใหล้ กู ได้สุขสบาย ยามที่ฉันเจบ็ ไขไ้ ด้ป่วยพอ่ จะดแู ลไม่เคยหา่ งสายตา ด้วยความรักความเป็นห่วง รักของพ่อเป็นรักที่ย่ิงใหญ่ ในบั้นปลายชีวิตของพ่อเม่ือพ่อล้มป่วย พ่อพยายาม ช่วยเหลอื ตนเองไมท่ าตัวใหเ้ ปน็ ภาระของคนในบา้ น ไม่เคยยอ่ ท้อตอ่ ความเจ็บป่วย พอ่ สอนเสมอวา่ หากชวี ติ ยัง ไม่สิน้ กใ็ ห้ดิ้นรนตอ่ สู้จนถงึ ทสี่ ุด พอ่ เปน็ นกั ส้ทู ฉ่ี ันยกย่องและเทดิ ทูน เพราะพอ่ สูจ้ นลมหายใจสดุ ทา้ ยที่พ่อมอี ยู่ ณ วนั น้ีเวลานี้ พ่อจากฉนั และครอบครัวไปแล้วอย่างไม่มีวนั กลับ แมร้ า่ งกายของพ่อจะดับสูญ แตค่ ุณ งามความดีทพ่ี ่อทาไว้ยังคงอยู่ ใหค้ รอบครัว ให้เพอ่ื นรว่ มงานระลึกถึง ทุกวนั นีฉ้ ันอยู่ในสงั คมได้อยา่ งสงา่ งาม เพราะฉนั เปน็ ลูกไมท้ ี่หล่นไมไ่ กลตน้ ดังคาคมทวี่ ่า “ลูกจะชว่ั จะดีอยู่ที่พ่อแม่” ฉนั เช่ือว่าหากพอ่ ทุกคนปฏบิ ัติ ได้เช่นเดียวกับพ่อของฉัน ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในครอบครัวในสังคมที่เป็นข่าวให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ก็จะลด น้อยลงหรืออาจจะหมดไปในท่ีสุด ฉันม่ันใจว่าขณะนี้คนดี ๆ เช่นพ่อของฉันท่านจะต้องสู่สุคติภพแล้วอย่าง แน่นอน (เดก็ หญงิ กีรติกานต์ จนั ทรเ์ อยี ด โรงเรียนอนุบาลปัตตานี สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาปัตตานี เขต ๑)

488 คมู่ ือครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แบบประเมินตนเอง ชื่อ : ____________________สกุล : _______________วัน____ เดอื น____________พ.ศ. _____ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี___๓___เรอื่ ง กระเชา้ สีดา ๑. ประเมนิ การเรยี นรู้ของตนเอง กาเคร่ืองหมาย  ในช่องระดับความสามารถของแต่ละกิจกรรมที่นักเรียนคิดว่าทาได้ตามระดับ การประเมินเหล่านี้ ระดบั ความสามารถ : ดีมาก ค่อนข้างดี ดี พอใช้ ปรับปรงุ ท่ี รายการ ระดบั ความสามารถ ดมี าก ค่อน ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ขา้ งดี ๑ อา่ นจบั ใจความสาคัญเร่ือง กระเช้าสีดา ได้ ๒ ต้ังคาถามและตอบคาถามเชิงเหตผุ ลได้ ๓ เขียนแสดงความรสู้ กึ และความคดิ เหน็ จากเร่อื งท่อี า่ นได้ ๔ พดู แสดงความรสู้ กึ และความคดิ เหน็ จากเรอื่ งท่ฟี ังและดไู ด้ ๕ เขียนเรียงความได้ถกู ตอ้ งตามหลกั การ 2. สง่ิ ท่ฉี นั ยงั ไม่เข้าใจ / ยงั ทาไดไ้ มด่ ี คอื …… (สามารถเขยี นได้มากกว่า 1 อยา่ ง) ……………………………………………................................................................................................ .................................................................................................................................................. ...............……………………………………………................................................................................. .................................................................................................................................................. 3. สิ่งที่ฉนั ตง้ั ใจจะทาให้ดขี ้ึนในการเรยี นหน่วยตอ่ ไป (สามารถเขยี นไดม้ ากกวา่ 1 อยา่ ง) ………………………………..……………............................................................................................. .................................................................................................................................................. ...............……………………………………………................................................................................. ..................................................................................................................................................

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๔ เร่อื ง ภาษาพัฒนาชวี ิต ๔๘๙ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ ภาษาพัฒนาชวี ติ

๔๙๐ คู่มือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ ภาษาพัฒนาชวี ติ รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ รายวชิ าภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖ เวลา ๑๒ ชั่วโมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๑. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชีวัด สาระที่ ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพอ่ื นาไปใชต้ ดั สินใจ แก้ปัญหาในการดาเนิน ชีวติ และมีนสิ ยั รกั การอ่าน ตัวช้ีวดั ป.๕/๓ อธิบายความหมายโดยนยั จากเรื่องทอ่ี า่ นอย่างหลากหลาย สาระท่ี ๒ การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่อื สาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวในรูปแบบ ต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ ตัวช้วี ดั ป.๕/๕ เขยี นจดหมายถงึ ผปู้ กครองและญาติ ป.๕/๗ กรอกแบบรายการตา่ ง ๆ ป.๕/๙ มมี ารยาทในการเขียน สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ยา่ งมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ กึ ใน โอกาสตา่ ง ๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวช้วี ดั ป.๕/๓ วิเคราะห์ความน่าเชื่อถอื จากเร่อื งทีฟ่ ังและดอู ย่างมเี หตผุ ล ป.๕/๕ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด สาระท่ี ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตวั ชี้วัด ป.๕/๑ ระบชุ นดิ และหนา้ ท่ีของคาในประโยค ป.๕/๓ เปรียบเทยี บภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถนิ่ สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและ นามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตจรงิ ตัวช้วี ดั ป.๕/๒ ระบคุ วามรูแ้ ละขอ้ คดิ จากการอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่สามารถนาไปใชใ้ นชีวิตจริง ป.๕/๓ อธบิ ายคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรม

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๔ เรือ่ ง ภาษาพฒั นาชวี ติ ๔๙๑ ๒. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด ๑. ข้อความหรือเรื่องท่ีมีความหมายโดยนัยจะไม่ส่ือความหมายตรงตัวจากสิ่งท่ีเขียน ต้องตีความ จากคาหรือบริบท จงึ จะเข้าใจความหมายทีแ่ ท้จรงิ ซ่งึ จะชว่ ยให้ส่ือสารกบั ผอู้ ่นื ได้ ๒. การเขียนจดหมายถึงผู้ปกครองและญาติ ต้องเขียนให้ถูกตอ้ งตามรูปแบบ ใช้ภาษาสุภาพเขียน ดว้ ยลายมือทสี่ วยงาม สะอาดเป็นระเบยี บ เพือ่ แสดงถึงความต้ังใจ ความเคารพ และควรมีมารยาทในการเขียน จะทาให้ส่อื สารได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ๓. การกรอกแบบรายการต่าง ๆ มีความสาคัญ ต้องอ่านให้เข้าใจกรอกข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วน เพอ่ื ประโยชน์ของตนเองและใชเ้ ป็นหลกั ฐานอา้ งองิ ๔. การฟังและดูส่ือต่างๆ ในชีวิตประจาวัน ต้องจับใจความ วิเคราะห์ความน่าเชือ่ ถอื แสดงความคิด อยา่ งมเี หตผุ ล และมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด ผู้รบั สารจึงจะได้รับประโยชน์ ๕. คาอุทาน เป็นคาที่แสดงอารมณ์ หรือความรู้สกึ ของผพู้ ูด การรู้จักชนดิ และหน้าท่ีของคาอทุ านใน ประโยค ทาให้สามารถนาไปใช้ส่อื สารได้ถกู ต้อง ๖. ภาษาพูด เป็นภาษาท่ีใช้พดู จากัน ในชวี ิตประจาวัน ส่วนภาษาเขยี นเป็นภาษาทีใ่ ชส้ าหรับเขียนที่ เป็นระดับทางการหรอื ระดับแบบแผน การสื่อสารใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพนัน้ จึงตอ้ งเลือกใชภ้ าษาท้ังที่เป็นภาษาพูด และภาษาเขียนใหเ้ หมาะสมกับโอกาส กาลเทศะและระดบั ของบุคคล ๗. ภาษาไทยมีทั้งภาษามาตรฐานที่ใช้เป็นภาษาราชการ และภาษาถ่ิน ซ่ึงมีความแตกต่างกันตาม ภูมปิ ญั ญาของท้องถ่นิ นนั้ ๆ เราควรเรียนรใู้ ห้เขา้ ใจ สามารถนาไปใช้ได้อย่างหลากหลาย ๘. ภาษาท่ีใชใ้ นการสอ่ื สารมีหลายระดับ การมีความร้เู ก่ียวกับระดับภาษาชว่ ยใหส้ ามารถพดู และเขียน ภาษาไทยได้ถูกตอ้ งเหมาะสมกับสัมพันธภาพของบุคคล โอกาส กาลเทศะและสัมฤทธิผลตามความมุ่งหมาย ของผสู้ ง่ สารและผรู้ บั สาร ๙. เพลงกล่อมเด็ก เป็นภมู ปิ ัญญาความสามารถในการใช้ภาษาของชาวบา้ นท่ีมีคณุ ค่า แฝงข้อคิด คติ สอนใจ สะท้อนภาพสังคม วฒั นธรรม คา่ นิยม ความคดิ ความเชอื่ ของคนในแตล่ ะท้องถนิ่ แต่ละยคุ สมัย ๑๐. เพลงร้องเล่นของเด็กไทย แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในการใช้ภาษาของเด็กท่ีเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะถ่ิน ใชค้ าสน้ั ๆ มลี ักษณะคลอ้ งจองและไมค่ ลอ้ งจองกนั ต้องเรยี นรใู้ ห้เข้าใจ เพื่อสืบสานไวเ้ ปน็ มรดกไทย อันทรงคุณคา่ สืบไป ๓. สาระการเรียนรู้ ความรู้ ๑. อธบิ ายลักษณะของภาษาพูดและภาษาเขียนได้ ๒. อธบิ ายลักษณะของภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่นได้ ๓. บอกหลกั การสอื่ สารภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ินได้ ๔. บอกลักษณะของระดับภาษาตา่ ง ๆ ได้ ๕. สรปุ ความรู้เรอื่ งระดบั ภาษาได้ ๖. บอกลักษณะของเพลงกลอ่ มเดก็ ได้ ๗. บอกลกั ษณะของเพลงร้องเลน่ ได้ ๘. บอกหลกั การกรอกแบบรายการได้ ๙. บอกหลกั การเขยี นจดหมายได้ ๑๐. บอกหลักการอธิบายความหมายโดยนัยได้ ๑๑. บอกหลักการวเิ คราะห์ความนา่ เชอ่ื ถือจากเร่ืองท่ฟี งั และดูจากสอ่ื ต่าง ๆ ได้

๔๙๒ คูม่ ือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ๑๒. บอกความหมาย ลกั ษณะ และหนา้ ทขี่ องคาอทุ านได้ ทักษะ/กระบวนการ ๑. แตง่ ประโยคโดยใช้ภาษาพดู และภาษาเขียนในการสื่อสารไดถ้ กู ตอ้ ง ๒. วเิ คราะหเ์ ปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ินได้ ๓. สอื่ สารภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิน่ ได้ถูกต้อง ๔. วเิ คราะหแ์ ละเปรยี บเทยี บภาษาในระดับต่าง ๆ ไดถ้ ูกต้อง ๕. เขยี นบทสนทนาจากสถานการณ์ท่กี าหนดให้ได้ ๖. เขยี นสรปุ ความรู้ ขอ้ คิด และคุณคา่ ของเพลงกล่อมเดก็ ได้ ๗. วเิ คราะห์และเขียนอธบิ ายความรู้ ขอ้ คดิ และคณุ ค่าของเพลงรอ้ งเลน่ ได้ ๘. กรอกแบบรายการตา่ ง ๆ ได้ ๙. เขยี นจดหมายตามรปู แบบได้ ๑๐. เขยี นจดหมายถงึ พ่อแม่ ญาติ หรอื ผู้ปกครองได้ ๑๑. วิเคราะห์คาและข้อความที่มคี วามหมายโดยนัยได้ ๑๒. วิเคราะหค์ วามน่าเชือ่ ถือจากเรอ่ื งทฟ่ี ังและดูได้ ๑๓. แต่งประโยคโดยใชค้ าอทุ านได้ เจตคติ ๑. มมี ารยาทในการอ่าน ๒. มีมารยาทในการเขยี น ๓. เหน็ ความสาคัญของภาษาพดู ภาษาเขยี น ๔. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ๕. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. มุ่งมน่ั ในการทางาน ๒. รักความเปน็ ไทย ๖. การประเมนิ ผลรวบยอด ช้นื งานหรือภาระงาน ๑. การวเิ คราะหแ์ ละแตง่ ประโยคโยคใช้ภาษาพดู ภาษาเขยี น ๒. ใบงานที่ ๑ ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ิน ๓. การวเิ คราะหก์ ารส่อื สารด้วยภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ิน ๔. การวิเคราะหแ์ ละเปรยี บเทยี บภาษาในระดบั ตา่ ง ๆ ๕. เขยี นบทสนทนาจากสถานการณท์ ่ีกาหนดให้ ๖. ใบงานที่ ๒ การวิเคราะหค์ ณุ ค่าและสรปุ ข้อคิดจากเรื่องทอี่ ่าน ๗. ใบงานที่ ๓ การระบุความรู้ ขอ้ คิด และคณุ คา่ ของเพลงรอ้ งเลน่ ๘. กรอกแบบรายการตา่ ง ๆ ๙. การเขยี นจดหมายถงึ พอ่ แม่ ญาตหิ รือผปู้ กครอง

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๔ เรื่อง ภาษาพัฒนาชวี ิต ๔๙๓ ๑๐. การอธบิ ายความหมายโดยนัย ๑๑. การวิเคราะหค์ วามน่าเชอ่ื ถอื จากเรื่องทฟี่ งั และดู ๑๒. แต่งประโยคโดยใชค้ าอุทาน ๗. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลชิ้นงานหรอื ภาระงาน เกณฑ์การประเมินภาษาพดู และภาษาเขียน ประเด็น ระดบั คุณภาพ การประเมนิ ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) แต่งประโยค ภาษาพดู และ แตง่ ประโยคโดยใช้ แต่งประโยคโดยใช้ แต่งประโยคโดยใช้ แตง่ ประโยค ภาษาเขียน ภาษาพูดและภาษา โดยใชภ้ าษาพูด เขยี นไดถ้ ูกตอ้ ง ภาษาพูดและภาษา ภาษาพูดและภาษา และภาษาเขยี น ทง้ั หมด ไมถ่ ูกต้อง ๓ เขียนไม่ถูกตอ้ ง 1 เขยี นไม่ถกู ต้อง ๒ ประโยค ประโยค ประโยค เกณฑก์ ารประเมิน ๑๖-๒๐ คะแนน หมายถึง ดีมาก ๑๑-๑๕ คะแนน หมายถึง ดี ๖-๑๐ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑-๕ คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ ต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ข้ึนไป

๔๙๔ คู่มือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑก์ ารประเมินการวเิ คราะห์ความรู้ คณุ คา่ และสรปุ ขอ้ คิดจากเร่ืองทอ่ี ่าน ประเด็น ๔ (ดมี าก) ระดับคุณภาพ ๑ (ปรับปรงุ ) การประเมนิ - อธิบายคุณคา่ ขาดองค์ประกอบไป การวิเคราะห์ ด้านวรรณศลิ ป์ได้ ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๓ องค์ประกอบ ความรู้ คุณค่า - อธบิ ายคุณค่าด้าน ขาดองคป์ ระกอบไป ขาดองคป์ ระกอบไป และสรุปข้อคิด เน้อื หาสาระได้ ๑ องคป์ ระกอบ ๒ องค์ประกอบ จากเรอ่ื งทอ่ี า่ น - อธิบายคณุ ค่า ไปใช้ในชวี ิต คณุ คา่ ด้านสังคม และวฒั นธรรมได้ - อธิบายการ นาความรู้ ข้อคิด และคุณค่าที่ไดร้ ับ จากเรื่องทอ่ี า่ น เกณฑ์การประเมิน ๑๖-๒๐ คะแนน หมายถึง ดีมาก ๑๑-๑๕ คะแนน หมายถงึ ดี ๖-๑๐ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑-๕ คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง ตอ้ งผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ขึน้ ไป

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๔ เรอ่ื ง ภาษาพัฒนาชวี ิต ๔๙๕ เกณฑ์การประเมินการเปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถ่นิ ประเดน็ ระดับคุณภาพ การประเมิน การเปรยี บเทยี บ ๔ (ดมี าก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรงุ ) ภาษาไทย เปรียบเทยี บภาษา มาตรฐาน ไทยมาตรฐาน เปรียบเทยี บภาษา เปรยี บเทยี บภาษา เปรียบเทยี บ กบั ภาษาถิน่ กบั ภาษาถิน่ ไทยมาตรฐานกบั ไทยมาตรฐานกบั ภาษา ภาษาไทย ทกี่ าหนดไดถ้ ูกตอ้ ง ภาษาถิ่นท่กี าหนด ถ่นิ ทก่ี าหนดได้ถกู ตอ้ ง มาตรฐานกับ ทัง้ หมดดว้ ยตนเอง ได้ถกู ตอ้ งทั้งหมด เปน็ สว่ นใหญ่ ภาษาถนิ่ ท่ี และสามารถแนะนา ด้วยตนเอง กาหนดได้ ผอู้ น่ื ได้ ถูกต้องบางคา เกณฑก์ ารประเมนิ ๑๖-๒๐ คะแนน หมายถงึ ดีมาก ๑๑-๑๕ คะแนน หมายถึง ดี ๖-๑๐ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑-๕ คะแนน หมายถงึ ปรับปรงุ ต้องผ่านเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๖๐ ขึน้ ไป

๔๙๖ ค่มู ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑก์ ารประเมนิ การเขยี นจดหมายถึงพอ่ แม่ ผู้ปกครองหรือญาติ ประเด็น ระดับคุณภาพ การประเมิน ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) การเขียนจดหมาย เน้อื ความในจดหมาย เนอ้ื ความในจดหมาย เนื้อความในจดหมาย เขยี นจดหมาย ถึงพ่อ แม่ มีรายละเอียดชัดเจน มีรายละเอยี ดชัดเจน มรี ายละเอียพอสมควร อยา่ งสั้น ๆ พอ ผู้ปกครองหรอื ญาติ และเรียงตามลาดับ และเรียงตามลาดับ รูปแบบจดหมาย เข้าใจรปู แบบ สามารถถ่ายทอด รปู แบบจดหมาย ถกู ตอ้ ง จดหมายถกู ตอ้ ง อารมณ์ความรสู้ ึก ถูกตอ้ ง ของผูเ้ ขยี นไปยงั ผู้อา่ นได้ รูปแบบ จดหมายถกู ตอ้ ง เกณฑก์ ารประเมิน ๑๖-๒๐ คะแนน หมายถงึ ดีมาก ๑๑-๑๕ คะแนน หมายถึง ดี ๖-๑๐ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑-๕ คะแนน หมายถงึ ปรับปรงุ ต้องผ่านเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๖๐ ขึ้นไป

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ เร่อื ง ภาษาพัฒนาชีวิต ๔๙๗ เกณฑก์ ารประเมนิ การกรอกแบบรายการ ประเด็น ระดับคุณภาพ การประเมนิ 1. การกรอกใบ ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรงุ ) ฝากเงิน และ กรอกรายการได้ ใบถอนเงนิ ตามแบบ ครบถว้ น กรอกรายการได้ กรอกรายการได้ กรอกรายการได้ ถกู ต้อง ชดั เจน ตามแบบ ครบถ้วน ตามแบบ แต่ไม่ ตามแบบแต่ไม่ สะอาด เรยี บร้อย ถกู ตอ้ ง ชัดเจน ครบถ้วน ต้องถามผอู้ ่ืน ครบถว้ น ต้อง สามารถแนะนา แตไ่ ม่สะอาด เปน็ บางครงั้ ถามหรอื ดแู บบ ผอู้ ่ืนได้ เรยี บร้อย ไมส่ ามารถ จากผอู้ น่ื แนะนาผู้อนื่ ได้ 2. การกรอกแบบ กรอกรายการได้ กรอกรายการได้ กรอกรายการได้ กรอกรายการได้ ฝากสง่ พสั ดุ ตามแบบ ครบถว้ น ตามแบบ ครบถว้ น ตามแบบ แต่ไม่ ตามแบบแตไ่ ม่ ไปรษณียภณั ฑ์ ถกู ต้อง ชัดเจน ถูกตอ้ ง ชัดเจน ครบถว้ นต้องถามผูอ้ ืน่ ครบถว้ นตอ้ ง แตไ่ ม่สะอาดเรยี บร้อย เป็นบางครงั้ ถามหรือดแู บบ สะอาด เรยี บร้อย ไมส่ ามารถแนะนา จากผอู้ ่ืน สามารถแนะนา ผู้อน่ื ได้ ผูอ้ น่ื ได้ เกณฑก์ ารประเมิน ๑๖-๒๐ คะแนน หมายถงึ ดีมาก ๑๑-๑๕ คะแนน หมายถงึ ดี ๖-๑๐ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑-๕ คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง ต้องผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ข้ึนไป

๔๙๘ คูม่ ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑก์ ารประเมนิ การอธบิ ายความหมายโดยนยั จากเรือ่ งทอ่ี า่ น ประเด็น ระดับคุณภาพ การประเมิน ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) การอ่านข้อความ ท่มี คี วามหมาย อา่ นขอ้ ความแลว้ อา่ นขอ้ ความแล้ว อา่ นขอ้ ความแล้ว อา่ นขอ้ ความ โดยนยั แล้วเขยี น เขียนอธบิ าย แลว้ เขยี น อธบิ ายความ ความหมายของคา เขยี นอธบิ าย เขียนอธิบาย อธบิ ายความ หมายของคา ท่ีมคี วามหมาย หมายของคา โดยนัยถูกตอ้ ง ความหมายของคา ความหมายของคา ทมี่ คี วามหมาย ชดั เจน สัมพันธก์ บั โดยนยั ด้วย เนอื้ เร่อื งทกุ คาได้ ท่ีมคี วามหมาย ที่มคี วามหมาย ตนเองไดบ้ างคา ดว้ ยตนเอง โดยนยั ถูกตอ้ ง โดยนัยด้วยตนเอง ทุกคาดว้ ยตนเอง ไดถ้ กู ตอ้ ง เป็นสว่ นใหญ่ เกณฑก์ ารประเมนิ ๑๖-๒๐ คะแนน หมายถงึ ดีมาก ๑๑-๑๕ คะแนน หมายถึง ดี ๖-๑๐ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑-๕ คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง ตอ้ งผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ขนึ้ ไป

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ เร่ือง ภาษาพฒั นาชีวติ ๔๙๙ เกณฑ์การประเมินการการวเิ คราะห์ความนา่ เชอ่ื ถอื จากเรอื่ งทฟี่ งั และดู ประเด็น ระดับคุณภาพ การประเมิน ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) การวิเคราะห์ วิเคราะหท์ กุ ประเดน็ วิเคราะหท์ กุ ประเดน็ วิเคราะหท์ ุกประเด็น วเิ คราะห์ไดบ้ าง ประเดน็ และ ความนา่ เชอ่ื ถือ ได้ถูกตอ้ ง อธบิ าย ไดถ้ ูกตอ้ ง อธบิ าย ได้ถูกต้อง แตไ่ ม่ อธบิ ายสนั้ ๆ จากเรือ่ งท่ฟี งั และ อยา่ งชัดเจน สามารถ อย่างชดั เจน สามารถ ละเอียด บางประเด็น ตอ้ งใหผ้ อู้ ืน่ ดู ยกตัวอย่างประกอบ ยกตวั อย่างประกอบ แนะนา ใหเ้ ห็นจรงิ ให้เห็นจรงิ แตไ่ มม่ ี การยกตวั อยา่ ง เกณฑ์การประเมนิ ๑๖-๒๐ คะแนน หมายถึง ดีมาก ๑๑-๑๕ คะแนน หมายถึง ดี ๖-๑๐ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑-๕ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ตอ้ งผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ข้นึ ไป

๕๐๐ คู่มอื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑก์ ารประเมนิ คาอุทาน ประเด็น ระดับคุณภาพ การประเมนิ ๔ (ดมี าก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) 1. บอกความหมาย บอกความหมาย บอกความหมาย บอกความหมายของ บอกความหมาย ลักษณะและหนา้ ท่ี ของคาอทุ านได้ ของคาอุทานได้ คาอทุ านได้ถูกต้อง คาอทุ านไดถ้ กู ต้อง ของคาอทุ าน ถกู ตอ้ งทงั้ หมด ถกู ต้อง ๓ คา ๒ คา ๑ คา 2. การจาแนกชนิด การจาแนกชนดิ การจาแนกชนิด จาแนกชนดิ และ จาแนกชนดิ และ และหน้าท่ขี องคา และหน้าทขี่ องคา และหนา้ ทข่ี องคา หน้าท่ขี องคาอทุ าน หน้าทีข่ องคาอทุ าน อทุ านในประโยค อทุ านในประโยคได้ อุทานในประโยคได้ ในประโยคได้ ในประโยคได้ ถูกตอ้ ง ๗-๘ ถูกต้อง 5-๖ ถูกต้อง 1-4 ถกู ตอ้ งทัง้ หมด ประโยค ประโยค ประโยค เกณฑก์ ารประเมิน ๑๖-๒๐ คะแนน หมายถงึ ดีมาก ๑๑-๑๕ คะแนน หมายถงึ ดี ๖-๑๐ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑-๕ คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง ต้องผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๖๐ ข้นึ ไป

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ เร่ือง ภาษาพัฒนาชวี ิต ๕๐๑ เกณฑก์ ารประเมนิ การทางานกลมุ่ ประเดน็ ๔ (ดมี าก) ระดับคุณภาพ ๑ (ปรับปรุง) การประเมิน ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) 1. กระบวนการ 1. มีประธาน ขาดขน้ั ตอน 1 ขาดขน้ั ตอน 2 ขาดขัน้ ตอน ๓ ทางานกลมุ่ เลขานุการ ผู้ร่วมงาน ขน้ั ตอน หรือไม่ ขนั้ ตอนข้นึ ไป ขั้นตอนขึน้ ไป ผนู้ าเสนอ ชัดเจน หรือไมช่ ัดเจน หรอื ไมช่ ัดเจน 2. มกี ารวางแผนงาน 3. เตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ 4. ปฏิบตั ติ ามแผน และพฒั นางาน 2. ความรับผิด ทุกคนทาหนา้ ทีข่ อง มีผมู้ หี น้าท่ี แต่ไม่ มผี ู้มหี น้าท่ี แต่ไม่รบั มผี มู้ หี น้าท่ี แตไ่ ม่ ชอบตอ่ หนา้ ที่ ตนเอง อยา่ งรบั ผิดชอบ รับผิดชอบ 1 คน ผิดชอบ 2 คนขึ้นไป รับผิดชอบ ๓ คน เตม็ ความสามารถ ข้ึนไป 3. การแสดง สมาชกิ ทกุ คนรว่ ม สมาชกิ สว่ นใหญ่ สมาชกิ มากกว่าคร่งึ สมาชกิ ไมใ่ ห้ ความคิดเห็น แสดงความคดิ เห็น รว่ มแสดงความ รว่ มแสดงความ ความรว่ มมือใน คดิ เห็น การแสดงความ คดิ เหน็ คิดเหน็ 4. การรว่ มงาน ทุกคนร่วมกจิ กรรม ร้อยละ 80 ของ รอ้ ยละ 60 ของ รอ้ ยละ ๕๐ ของ กลุม่ อย่างมี กลมุ่ อยา่ งมคี วามสขุ กลุ่มรว่ มกจิ กรรม กลุ่มร่วมกจิ กรรม กล่มุ รว่ มกจิ กรรม ความสขุ ผลงานมคี ุณภาพ กลุ่มอยา่ งมคี วามสขุ กลุ่มอย่างมีความสขุ กลมุ่ อยา่ งมี 5. ความสาเรจ็ และเสรจ็ ตาม ความสุข ของผลงาน กาหนดเวลา ผลงานมคี ุณภาพ ผลงานมคี ณุ ภาพ ผลงานไมม่ ี เสร็จช้ากว่าเวลาท่ี เสรจ็ ไมท่ นั ตาม คณุ ภาพ เสร็จไม่ กาหนดเล็กน้อย กาหนดเวลา ทนั ตามกาหนด เวลา รวม ๒๐ เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๗-๒๐ ดีมาก ๑๓-๑๖ ดี ๑๐-๑๒ พอใช้ ต่ากว่า ๑๐ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารตดั สนิ : ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ขนึ้ ไป

๕๐๒ คูม่ อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑ์การประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ประเด็น ระดบั คุณภาพ การประเมนิ ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) ๑. ร่วมมอื ใน ร่วมมือในการทา รว่ มมอื ในการทา ร่วมมอื ในการทา ไม่ร่วมมือใน การทากจิ กรรม กจิ กรรมตลอดเวลา กจิ กรรมบางชว่ ง กจิ กรรมนอ้ ยมาก การทากจิ กรรม ไมก่ ล้าออกมา ๒. กลา้ ออก กล้าออกมา แสดง กล้าออกมา แสดง กลา้ ออกมาแสดง แสดง มาแสดง ความสามารถ ความสามารถเป็น ความสามารถเป็น ความสามารถ ความสามารถ อยา่ งสม่าเสมอ ส่วนใหญ่ เป็นบางครง้ั ไม่สนใจและไม่มี ๓. เข้าร่วม รว่ มกจิ กรรมกล่มุ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ ความสุขใน กจิ กรรมด้วย อยา่ งมคี วามสุขทกุ อย่างมคี วามสขุ เป็น อยา่ งมีความสขุ การเขา้ รว่ ม ความสนกุ สนาน คร้ัง ส่วนใหญ่ ค่อนข้างน้อย กจิ กรรม เพลิดเพลนิ เกณฑ์การประเมิน ถอื ว่า ผ่าน ๘-๑๒ คะแนน หมายถึง ดีมาก ถอื วา่ ไม่ผ่าน ๗-๙ คะแนน หมายถงึ ดี ๔-๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑-๓ คะแนน หมายถึง ปรับปรงุ การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านต้งั แต่ ๒ รายการ ผา่ น ๑ รายการ

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๔ เร่ือง ภาษาพฒั นาชวี ิต ๕๐๓ เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มุ่งมนั่ ในการทางาน ตัวช้ีวัดท่ี ๖.๑ ตง้ั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ิหนา้ ทกี่ ารงาน พฤติกรรมบง่ ชี้ ดเี ยีย่ ม (๓) ดี (๒) ผา่ น (๑) ไม่ผา่ น (๐) ๖.๑.๑ เอาใจใสต่ อ่ ต้ังใจและรบั ผิด ตงั้ ใจและรับผดิ ตั้งใจและรับผดิ ไมต่ ง้ั ใจปฏิบตั ิ การปฏิบตั หิ น้าทที่ ี่ ชอบในการปฏบิ ัติ ชอบในการปฏบิ ตั ิ ชอบในการปฏบิ ตั ิ หนา้ ทีก่ ารงาน ได้รับมอบหมาย หนา้ ท่ีทไ่ี ด้รบั หนา้ ท่ีทีไ่ ดร้ บั หนา้ ท่ีที่ไดร้ บั ๖.๑.๒ ตงั้ ใจและรับผดิ ชอบ มอบหมาย มอบหมาย มอบหมายให้ ในการทางานให้ ใหส้ าเร็จ มี ให้สาเรจ็ มี สาเร็จ สาเรจ็ การปรับปรงุ และ การปรบั ปรงุ ๖.๑.๓ ปรับปรงุ และพฒั นา พฒั นาการทางาน การทางานให้ดีขึน้ การทางานด้วยตนเอง ใหด้ ีข้ึนดว้ ยตนเอง ตัวชว้ี ดั ท่ี ๖.๒ ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อใหง้ านสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ดเี ย่ยี ม (๓) ดี (๒) ผา่ น (๑) ไม่ผา่ น (๐) ไม่ขยนั อดทน ๖.๒.๑ ทุ่มเททางาน อดทน ทางานด้วยความ ทางานดว้ ยความ ทางานดว้ ยความ ในการทางาน ไมย่ ่อทอ้ ต่อปญั หา ขยัน อดทน ไมย่ ่อ ขยนั อดทน ขยัน พยายามให้ และอุปสรรคใน ทอ้ ตอ่ ปญั หา ใน พยายามให้งาน งานสาเร็จตาม การทางาน การทางาน สาเร็จตาม เปา้ หมาย ๖.๒.๒ พยายามแกป้ ัญหา พยายามใหง้ าน เปา้ หมาย และอปุ สรรคใน สาเรจ็ ตาม ชื่นชม ผลงานดว้ ย การทางานใหส้ าเร็จ เปา้ หมาย ช่นื ชม ความภาคภมู ิใจ ๖.๒.๓ ช่นื ชมผลงานดว้ ย ผลงานดว้ ย ความภาคภมู ใิ จ ความภาคภมู ิใจ รักความเป็นไทย ตัวชว้ี ดั ท่ี ๗.๒ เหน็ คุณคา่ และใช้ภาษาไทยในการสือ่ สารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ดเี ยีย่ ม (๓) ดี (๒) ผา่ น (๑) ไมผ่ า่ น (๐) ๗.๒.๑ ใช้ภาษาไทยและ ใชภ้ าษาไทย เลข ใชภ้ าษาไทย เลข ใชภ้ าษาไทย เลข ไม่สนใจใช้ภาษา เลขไทยในการสือ่ สาร ไทยในการสื่อสาร ไทยในการสอื่ สาร ไทยในการสอ่ื สาร ไทยอย่างถูกต้อง ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ได้ถูกต้อง ได้ถกู ตอ้ ง แนะนาใหผ้ อู้ ่ืน เหมาะสม เหมาะสมแนะนา เหมาะสมแนะนา ใช้ภาษาไทย ๗.๒.๒ ชักชวน แนะนาให้ ให้ผูอ้ ืน่ ใชภ้ าษา ใหผ้ ู้อน่ื ใช้ภาษา ท่ีถกู ตอ้ ง ผู้อื่นเหน็ คณุ คา่ ของ ไทยทีถ่ กู ตอ้ งเปน็ ไทยที่ถูกต้อง การใช้ภาษาไทยท่ี ประจา เปน็ แบบ ถกู ต้อง อยา่ งทีด่ ีดา้ น การใช้ภาษาไทย

๕๐๔ คมู่ ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง ภาษาพดู ภาษาเขียน เวลา 1 ชัว่ โมง หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 เรือ่ ง ภาษาพัฒนาชีวิต กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชี้วดั สาระที่ 4 หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ตัวชีว้ ดั ป.๕/๓ เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถน่ิ ๒. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ภาษาพดู เป็นภาษาทใ่ี ช้ในการส่อื สารเฉพาะกลมุ่ ทมี่ ีความสนิทสนมกนั ลกั ษณะของภาษาไมเ่ ครง่ ครดั มากนัก ส่วนภาษาเขยี นเป็นภาษาทมี่ ีระดับทางการ ในการสอื่ สารให้มีประสิทธิภาพนั้น ต้องเลือกใช้ภาษาท่ีมี ความเหมาะสมกบั โอกาส กาลเทศะและระดบั ของบคุ คล ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) อธบิ ายลักษณะของภาษาพูดและภาษาเขียนได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) เปรยี บเทยี บการใช้ภาษาพดู กบั ภาษาเขยี นได้ 3.3 ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) ใชภ้ าษาพดู กบั ภาษาเขยี นได้เหมาะสม ๔. สาระการเรยี นรู้ ภาษาพูดและภาษาเขยี น ๕. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 5.2 ความสามารถในการคิด ๖. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 6.1 ใฝเ่ รียนรู้ 6.2 ม่งุ มัน่ ในการทางาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เร่ือง ภาษาพฒั นาชีวิต การจดั กจิ กรรมการเรียนร รายวิชา ภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง ภาษ ลาํ ดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ขัน้ ตอนการจดั เวลา กจิ กรรมคร ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ท่ใี ช้ 1. ครนู ําบัตรคาํ ที่เป็น 1. ขอบเขตเนื้อหา และภาษาเขยี นมาให 1. ความหมายของ ขน้ั นาํ 5 อา่ น พร้อมบอกความ ภาษาพูดและภาษา นาที คําเหล่านน้ั เขียน 2. ลกั ษณะของภาษา ยงั ไง อ พดู และภาษาเขยี น 3. การเปรียบเทยี บ ทาํ ไง ทาํ ภาษาพดู และภาษา เขยี น 2. ครูตงั้ คาํ ถามชวน ครู : นักเรียนอา่ นคาํ ให้ สังเกตเหน็ ความเ หรอื แตกตา่ งของคาํ ห อยา่ งไร 3. ครนู าํ คลิปวดี ิทัศน บทสนทนาการใช้ภา

รู้ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ๕๐๕ รอ่ื ง ภาษาพฒั นาชวี ติ จํานวน 12 ช่ัวโมง ษาพดู ภาษาเขยี น จํานวน 1 ชวั่ โมง การประเมิน การเรียนรู้ แนวการจดั การเรียนรู้ ส่อื การเรยี นรู้ รู กิจกรรมนกั เรยี น - บตั รคาํ ภาษา พดู และบัตรคํา นภาษาพูด 1. นักเรยี นอ่านคาํ ท่ีครูกาํ หนด ภาษาเขยี น ห้นกั เรยี น ให้แล้วบอกความหมายของคาํ มหมายของ นน้ั ๆ อยา่ งไร 2. นักเรยี นร่วมกันตอบคําถาม - คําถาม - สงั เกตการตอบ าอยา่ งไร ดงั น้ี อยู่ในสอ่ื PPT คาํ ถามของ นคดิ ดังน้ี นกั เรียน : สิง่ ที่เหมือนคือ - วีดิทัศน์ตัวอย่าง นักเรียน าท่ีกาํ หนด ความหมายแต่ทต่ี ่างกนั คอื บทสนทนา - สังเกต เหมือน การเขยี น การแสดง หรอื ไม่ อธบิ ายได้วา่ “ยังไง แปลวา่ อยา่ งไร” น์ตัวอยา่ ง “ทําไง แปลวา่ ทาํ อยา่ งไร” าษาพดู ให้ 3. นักเรยี นรว่ มกนั แสดง ความคิดเห็นและตอบคําถาม

๕๐๖ คมู่ ลาํ ดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ขัน้ ตอนการจดั เวลา ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ทใ่ี ช้ กจิ กรรมคร 2. ขน้ั สอน 15 นักเรียนดแู ล้วตั้งคําถ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ นาที ครู : นักเรยี นชอบกา 1. อธิบายลักษณะของ ของคนในคลปิ หรือไ ภาษาพูดและภาษา เหตุใด เขียนได้ ครู : ผูพ้ ูดใชภ้ าษาแบ ครู : มีความเหมาะส บคุ คลหรอื ไม่ 4. ครูพดู แสดงความ สรปุ ทา้ ยแลว้ เชือ่ มโย บทเรยี น 1. ครูนาํ นกั เรยี นสร ความรู้เกย่ี วกบั ภาษา ภาษาเขียน โดยให้น ช่วยกนั สร้างองค์ควา ประเดน็ ดงั น้ี - ความหมายของภา และภาษาเขยี น ตาม ความเขา้ ใจของนักเร 2. ครูใหน้ กั เรยี นอภ ความรู้ภายในกลมุ่ เก

อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจดั การเรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้ การประเมนิ รู กจิ กรรมนกั เรยี น การใช้ภาษาพูด การเรียนรู้ ถาม เช่น ารใชภ้ าษา ความคิดเห็น ไม่ เพราะ บบใด สมกบั มคิดเหน็ 4. นักเรียนเขา้ สบู่ ทเรียน - สอ่ื PPT - สังเกต ยงเขา้ สู่ 1. นักเรยี นสนทนาแสดง การแสดง รา้ งองค์ ความคิดเหน็ แลกเปลย่ี น ความคดิ เห็นของ าพูดและ ความรู้ความคิดเหน็ กับครู นักเรียน นกั เรยี น ดงั นี้ ามรใู้ น - ความหมายภาษาพดู และ - ใบความรทู้ ่ี 1 1. ประเมนิ าษาพูด ภาษาเขียน การสรปุ หลักการ ม 2. นกั เรยี นร่วมกนั อภิปราย รียน ความรู้แลกเปลีย่ น ภปิ ราย กย่ี วกับ

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๔ เร่ือง ภาษาพัฒนาชีวติ ลาํ ดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ขน้ั ตอนการจดั เวลา กจิ กรรมคร ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ท่ใี ช้ “ลกั ษณะของภาษาพ เขยี นได้ ภาษาเขยี น” จากใบค 3. ครูต้งั คาํ ถามเพือ่ ใ เปรยี บเทยี บภาษาพ ภาษาเขียน ดังน้ี ครู : ระหวา่ งคําวา่ “ กับคาํ วา่ “สามภี รรย นกั เรยี นคดิ วา่ สองคํา ความหมายเหมอื นก นาํ ไปใช้ต่างกันอยา่ ง 4. ครใู หน้ กั เรยี นสรปุ ของภาษาพูดและภา อีกคร้งั 5. จากนั้นครสู รุปหล เพิม่ เตมิ เพื่อสรา้ งคว ตรงกนั

แนวการจดั การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ ๕๐๗ - คําถาม การประเมิน รู กิจกรรมนกั เรยี น การเรียนรู้ พดู และ ความคิดเหน็ ภายในกลมุ่ - สังเกตการตอบ ความรู้ท่ี ๑ เกีย่ วกบั เร่ือง “ลักษณะของ คาํ ถามของ ภาษาพดู และภาษาเขยี น” นักเรยี น จากการศึกษาใบความรู้ที่ 1 ให้นกั เรยี น 3. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั พดู และ ตอบคาํ ถาม ดงั นี้ “ผวั เมีย” นักเรียน : เปรยี บเทยี บได้วา่ ยา” คําว่า “สามภี รรยา” มี านี้ ความสุภาพมากกว่าคําวา่ “ผัว กันหรอื ไม่ เมีย” งไร ปหลักการ 4. นักเรยี นสรปุ หลกั การของ าษาเขียน ภาษาพูดและภาษาเขียนอกี ครงั้ ลักการ 5. นกั เรยี นฟงั ครูสรุปหลักการ วามเขา้ ใจท่ี เพม่ิ เติมเพื่อสรา้ งความเข้าใจที่ ตรงกนั

๕๐๘ ค่มู อื ลาดบั ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขัน้ ตอนการจดั เวลา กจิ กรรมคร ท่ี จดุ ประสงค์การเรียนรู้ การเรียนรู้ ท่ใี ช้ 10 6. ครูยกตวั อย่างบตั นาที พูดและภาษาเขยี นม นักเรยี ชว่ ยกนั ทาย - ยกตวั อย่างภาษาพ ภาษาเขียนทใี่ ช้ใน ชีวิตประจาวัน - เปรียบเทียบภาษา ภาษาเขยี นมคี วามแ อยา่ งไร ตวั อยา่ ง เช่น - วัยโจ๋ = ... - เจง๋ = ... - แห้ว = .. - เดีย้ ง = ... - ดาราหนัง = ..... 3. 2. เปรียบเทยี บภาษา ขน้ั ปฏบิ ตั ิ 7. ครูพูดสรปุ การยก พดู กับภาษาเขยี นได้ เพอ่ื สรปุ ความเข้าใจ ถูกต้อง 15 8. ครใู หน้ กั เรยี นแต นาที ใบงานท่ี 1 ภาษาพดู เขยี น

อครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจัดการเรียนรู้ ส่ือการเรยี นรู้ การประเมนิ รู กิจกรรมนกั เรียน การเรียนรู้ ตรคาภาษา 6. นักเรยี นดูตัวอย่างของ - ส่ือ PPT - สงั เกต มาให้ ภาษาพดู และภาษาเขียน - ตัวอย่างบตั รคา พฤติกรรมของ ภาษาพูด ภาษา นักเรียน จากนนั้ ช่วยกนั ทาย ดงั นี้ เขยี น พูดกบั าพดู และ 2. ประเมินจาก แตกต่างกนั การตรวจใบงาน น 3. สังเกต ............... - วยั โจ๋ = วยั ร่นุ พฤตกิ รรม ............... - เจ๋ง = สดุ ยอด ................ - แห้ว = ผดิ หวัง ............... - เดยี้ ง = บาดเจบ็ หนัก ............. - ดาราหนงั = ดาราภาพยนตร์ กตัวอย่าง 7. นกั เรียนทาความเข้าใจ จ เกย่ี วกบั ตวั อยา่ งพรอ้ มกันกบั ครู ตล่ ะกลมุ่ ทา 8. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มทาใบ - ใบงานที่ 1 ด ภาษา งานท่ี 1 ภาษาพูด ภาษาเขยี น

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๔ เรอ่ื ง ภาษาพฒั นาชวี ติ ลาดับ ขอบเขตเน้อื หา/ ขนั้ ตอนการจดั เวลา ท่ี จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทีใ่ ช้ กิจกรรมคร 3. ใช้ภาษาพดู กับ ภาษาเขยี นได้ (ครขู ้นึ กจิ กรรมในจอ เหมาะสม วา่ : นักเรยี นทาใบง ภาษาพดู ภาษาเขยี น 9. ครเู ฉลยใบงาน ต งาน จากนน้ั พานกั เร กิจกรรมรว่ มกนั 4. ขน้ั สรปุ 5 1. ครูสรปุ ความรเู้ รอื่ นาที พูดและภาษาเขียน ด ประพนั ธ์ ดังนี้ ภาษาพดู น้นั เรียบง่า เหมอื นเชน่ กับภาษาปา ภาษาเขียนมีแบบแผน เปรียบเทยี บไดส้ อื่ สารถ 2. ครูต้ังคาถามนาส ครู : นักเรยี นจะนาค เร่อื ง ภาษาพูด ภาษ ใช้ในชีวติ ประจาวันไ บ้าง

๕๐๙ แนวการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมิน รู กิจกรรมนักเรยี น การเรยี นรู้ อ PPT (นกั เรียนท้งั ตน้ ทาง/ปลายทาง - ส่อื PPT ของนักเรยี น งานที่ 1 ทาใบงานท่ี 1 พรอ้ มกนั ) น) ตรวจใบ 9. นกั เรียนนาเสนอผลงาน รยี นสรปุ และตรวจใบงานไปพร้อมกนั อง ภาษา 2. นักเรยี นร่วมกันอา่ นคา - สอ่ื PPT ดว้ ยคา ประพนั ธ์ เร่ือง ภาษาพดู กบั คาประพันธ์ เรอ่ื ง ภาษาพูด ภาษาเขยี น และสรปุ ความรู้ กับภาษาเขยี น ายไมย่ งุ่ ยาก รว่ มกนั ปากในการใช้ นจาขนึ้ ใจ ถูกรหู้ ลกั การ สรปุ วา่ 2. นกั เรยี นร่วมกันตอบคาถาม - คาถาม - สงั เกตการตอบ ความรู้ ดังน้ี คาถามของ ษาเขียน ไป นักเรียน : ใชภ้ าษาพูดและ นักเรยี น ได้อยา่ งไร ภาษาเขยี นให้ถูกต้องตาม หลักการและถกู ต้องเหมาะสม ในชีวิตประจาวัน

510 คมู่ ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 1. ใบความรู้ท่ี 1 เร่อื ง ภาษาพูด ภาษาเขยี น 2. ใบงานที่ 1 เรื่อง เปรียบเทียบภาษาพดู กับภาษาเขียน 3. สอื่ PPT เรอ่ื ง ภาษาพดู ภาษาเขยี น 4. คาประพนั ธ์เร่อื ง ภาษาพูดกบั ภาษาเขยี น 5. บตั รคาภาษาพดู และบตั รคาภาษาเขยี น 6. สือ่ คลปิ วิดีโอตัวอยา่ งการพูดสนทนา 9. การประเมนิ ผลรวบยอด ชิ้นงานหรือภาระงาน - ใบงานท่ี 1 เร่ือง เปรียบเทียบภาษาพูดกบั ภาษาเขยี น ส่งิ ทีต่ ้องการวดั / ประเมิน วธิ ีการ เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ รอ้ ยละ ๖๐ ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) ขึ้นไป - อธบิ ายลักษณะของภาษาพูด - พิจารณาจากการตอบ - คาถาม ร้อยละ ๖๐ และภาษาเขยี น คาถามของนักเรียน ขน้ึ ไป ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P) รอ้ ยละ ๖๐ - เปรียบเทยี บภาษาพูดกบั ภาษา - ตรวจใบงานที่ 1 - แบบประเมินการเปรียบ ขน้ึ ไป เขียน เรอ่ื ง เปรียบเทียบภาษา เทียบภาษาพูดกบั ภาษา ระดับคณุ ภาพ พดู กับภาษาเขยี น เขียน ผา่ น ระดับคณุ ภาพ ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผา่ น ค่านยิ ม (A) นักเรยี น - ใช้ภาษาพูดกบั ภาษาเขียนได้ - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมินคุณลกั ษณะ เหมาะสม นักเรยี น อันพึงประสงค์ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมินสมรรถนะ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ นักเรยี น สาคญั ของผู้เรียน 2. มุง่ ม่ันในการทางาน สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๔ เรือ่ ง ภาษาพัฒนาชีวติ 511 ประเด็น เกณฑป์ ระเมนิ : การเปรยี บเทียบภาษาพูดกบั ภาษาเขียน การประเมิน 1. การเปรียบเทียบ ระดับคุณภาพ ภาษาพูดและภาษา ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) เขยี น เปรยี บเทียบภาษา เปรยี บเทียบภาษา เปรยี บเทยี บภาษา เปรียบเทียบ พูดและภาษาเขียน พดู และภาษาเขียน พดู และภาษาเขยี น ภาษาพูดและ ไดถ้ ูกต้องทงั้ หมด ได้ถกู ตอ้ งท้งั หมด ได้ถูกต้องทั้งหมด ภาษาเขยี นได้ 10 ขอ้ 8-9 ข้อ 6-7 ขอ้ ตา่ กวา่ 6 ขอ้ 2. ความหมาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งทงั้ 8-9 ถูกต้องท้งั 6-7 ถูกต้องตา่ กวา่ 10 ข้อ ข้อ ข้อ 6 ขอ้ หมายเหตุ : คา่ น้าหนกั ข้อละ ๕ คะแนน (คะแนนรวม 40 คะแนน หาร 2 จะได้ 20 คะแนน) เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ๑8-๒๐ ดีมาก 15-๑7 ดี ๑2-๑4 พอใช้ ต่ากวา่ 12 ปรับปรงุ เกณฑก์ ารตดั สิน : ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ขึน้ ไป (ต้องไดร้ ะดบั พอใชข้ ้ึนไป)

512 คู่มือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แบบประเมนิ การเปรียบเทียบภาษาพูดกับภาษาเขียน คาช้แี จง ให้ครูผ้สู อนประเมนิ การทากจิ กรรม/ใบงาน โดยเขียนคะแนน ลงในช่องทกี่ าหนดให้ถกู ตอ้ ง ลาดบั ชอื่ - สกุล คะแนน คิดเปน็ สรปุ ผล ที่ ท่ไี ด้ รอ้ ยละ การประเมนิ ๒๐ คะแนน ๑๐๐ ผา่ น ไม่ผา่ น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ รวม (คน) คดิ เป็นรอ้ ยละ ผลการประเมิน  ดมี าก ..........คน คิดเป็นรอ้ ยละ...............  ดี ..........คน คิดเป็นรอ้ ยละ................  พอใช้ ..........คน คดิ เป็นร้อยละ...............  ปรับปรงุ .........คน คิดเป็นรอ้ ยละ............... สรปุ ผลการประเมนิ รายชั้นเรยี น  นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน จานวน......................... คน คิดเปน็ ร้อยละ.........................  นกั เรยี นไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ จานวน......................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ......................... ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมิน (..............................................) ........../..................../..........

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ เร่อื ง ภาษาพัฒนาชีวติ 513 10. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเรจ็ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากัดการใช้แผนการจดั การเรียนรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ......................................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. ............. 11. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผ้ทู ี่ไดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ ...................................................... ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. .............

514 คู่มอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบความรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง ภาษาพดู ภาษาเขียน หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 เรอ่ื ง ภาษาพฒั นาชีวิต แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 1 เรอ่ื ง ภาษาพูด ภาษาเขยี น รายวิชา ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาษาพดู และภาษาเขยี น ภาษาพูด หมายถึง ภาษาท่ีใช้ส่ือสารด้วยเสยี ง มลี กั ษณะใชใ้ นการพูดสนทนาทวั่ ไป ภาษาพดู ของไทย มลี กั ษณะเด่น ได้แก่ ๑. การพูดซา้ เชน่ นิ่ง ๆ เฉย ๆ หนงั สอื หนงั หา หลายสง่ิ หลายอย่าง ๒. ใชค้ าทีไ่ ม่ชัดเจน เช่น อะไรตอ่ อะไร อะไรพวกน้ี ๓. ใชค้ าลงท้าย เช่น ครบั คะ ๔. ใชป้ ระโยคทไ่ี มม่ ปี ระธาน เช่น ทาเสรจ็ แล้ว นึกว่าไมม่ า ๕. ใช้ประโยคท่ีไมม่ กี ริยา เชน่ วันนว้ี นั จันทร์ คนนั้นเพอ่ื นฉนั ภาษาเขียน หมายถึง ภาษาเขียนใช้ส่ือสารโดยลายลักษณ์อักษร เขียนบรรยายหรือพรรณนาที่ ลักษณะเครง่ ครดั ในหลกั ทางภาษา เรยี กว่า ภาษาแบบแผน ภาษาพูด ภาษาเขียน ๑. เป็นภาษาเฉพาะกลุ่มหรอื เฉพาะวยั วยั โจ๋ วัยรุน่ เจง๋ เยย่ี มมาก แห้ว ผิดหวัง ๒. เป็นภาษาไทยแท้ คือ ภาษาชาวบา้ น เขา้ ใจงา่ ย ผวั เมยี สามี ภรรยา ดาราหนงั ดาราภาพยนตร์ ๓. เปล่ยี นแปลงเสยี งสระ-เสยี งพยญั ชนะ ตดั คาสน้ั ลง จิงอะปา่ ว จรงิ หรือเปล่า ๔. ยมื คาภาษาต่างประเทศ และตัดคาใหส้ นั้ ลง เว่อร์ (Over) เกนิ ควร เกินกาหนด จอย (Enjoy) สนกุ เพลดิ เพลิน ก๊อป (Copy) สาเนา ต้นฉบับ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook