Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-08-คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5-2

64-08-08-คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5-2

Published by elibraryraja33, 2021-08-08 08:53:18

Description: 64-08-08-คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5-2

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๓ เรอ่ื ง กระเชา้ สีดา 395 8. ส่ือการเรียนร/ู้ แหลง่ เรียนรู้ 1. คลปิ วิดโี อเรอื่ ง ฮีโร่ในดวงใจ 2. คลปิ วดิ โี อไทยประกันชีวิตเร่อื ง พ่อลกู สชู้ วี ิต 3. ใบความรู้ที่ 6 เรื่อง การพดู แสดงความรสู้ กึ และความคิดเหน็ 4. ใบงานที่ 6 เรือ่ ง การพูดแสดงความรสู้ ึกและความคดิ เหน็ จากเร่อื งท่ฟี งั และดู 5. สื่อ PPT เร่ือง การพดู แสดงความรสู้ ึกและความคิดเหน็ จากเร่ืองทฟ่ี งั และดู 9. การประเมนิ ผลรวบยอด ชิ้นงานหรอื ภาระงาน - ใบงานที่ 6 เรอื่ ง การพูดแสดงความรสู้ กึ และความคดิ เห็นจากเรือ่ งทฟ่ี ังและดู ส่งิ ท่ตี อ้ งการวดั / ประเมนิ วธิ กี าร เครอื่ งมือที่ใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) - สังเกตการตอบคาถาม - คาถาม รอ้ ยละ ๖๐ - บอกหลกั การพูดแสดง ขึ้นไป ความรู้สึกและความคดิ เห็น ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) - แบบประเมนิ การพูด รอ้ ยละ ๖๐ - พดู แสดงความรู้สกึ และความ - ประเมินการพูดแสดง แสดงความรสู้ ึกและความ ขน้ึ ไป คิดเหน็ จากเร่ืองทฟ่ี งั และดู ความรสู้ ึกและความ คดิ เหน็ คิดเหน็ ดา้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A) - มีมารยาทในการฟงั การดู - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ร้อยละ ๖๐ และการพูด นักเรยี น นักเรียน ขึน้ ไป คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ 1. ใฝ่เรยี นรู้ นกั เรยี น อนั พงึ ประสงค์ ผา่ น 2. มุ่งมน่ั ในการทางาน สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คณุ ภาพ 1. ความสามารถในการส่ือสาร นักเรียน สาคัญของผู้เรียน ผา่ น 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะ ชวี ติ

396 คมู่ ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑ์ประเมนิ : การพดู แสดงความร้สู ึกและความคิดเหน็ จากเรอื่ งทฟ่ี งั และดู ประเดน็ ระดบั คุณภาพ การประเมิน 1. การพูดแสดง ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) ความรู้สกึ พดู แสดงความรสู้ กึ พดู แสดงความรสู้ ึก พดู แสดงความรสู้ ึก พดู แสดงความรสู้ ึก 2. การพดู แสดง ได้สัมพันธก์ บั เรื่อง ได้สัมพนั ธ์กบั เรื่อง ได้สมั พนั ธ์กบั เร่ือง ไมค่ ่อยสัมพนั ธก์ บั ความคดิ เหน็ แสดงเหตผุ ลและ แสดงเหตุผลและ แสดงเหตผุ ลและ เรอื่ งมากนกั 3. การใชภ้ าษา ยกตัวอยา่ ง ยกตัวอย่าง ยกตวั อย่าง ยกตวั อยา่ งไดน้ อ้ ย ประกอบชัดเจน ประกอบเป็นสว่ น ประกอบเพียง มาก 4. ตรงตอ่ เวลา ใหญ่ เล็กนอ้ ย 5. บุคลิกภาพ พดู แสดงความ พูดแสดงความ พูดแสดงความ พดู แสดงความ คดิ เห็นไดส้ ัมพันธ์ คิดเหน็ ได้สมั พนั ธ์ คดิ เหน็ ได้สัมพันธ์ คดิ เหน็ ไมค่ อ่ ย กับเรอ่ื งแสดงเหตุผล กบั เรอื่ งแสดงเหตผุ ล กับเรอ่ื งแสดงเหตุผล สัมพันธก์ บั เรื่อง และยกตวั อย่าง และยกตวั อยา่ ง และยกตัวอยา่ ง มากนัก ยกตวั อย่าง ประกอบชดั เจน ประกอบไดด้ ี ประกอบไดเ้ ลก็ นอ้ ย ได้นอ้ ยมาก ใช้ภาษาในการพูด ใช้ภาษาในการพูด ใชภ้ าษาในการพูด ใช้ภาษาในการพูด ไดถ้ ูกต้องเหมาะสม ไดถ้ ูกต้องเหมาะสม ไดเ้ หมาะสม ฟัง ได้เหมาะสม แต่ ฟังเขา้ ใจง่าย ใช้ ฟังเขา้ ใจงา่ ย ใช้ เข้าใจงา่ ย ใช้ภาษา อาจไม่เข้าใจบ้างใน ภาษาแบบแผนใน ภาษาแบบแผนใน แบบแผนเปน็ บางครงั้ การพดู ท่ดี ี การพดู เป็นส่วน บางสว่ น ใหญ่ พูดครบ 5 นาที ใช้เวลาในการพดู ใชเ้ วลาในการพดู ใช้เวลาในการพูด 4 นาที 3 นาที ไม่ถงึ 2 นาที มที ่าทางทีเ่ หมาะสม มีทา่ ทางประกอบ มที ่าทางประกอบ ไม่มที า่ ทางประกอบ ประกอบการพดู การพดู เป็นสว่ นใหญ่ การพูดบา้ งเล็กนอ้ ย การพูดเลย เกณฑ์การประเมินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 18-20 ดีมาก 15-17 ดี 12-14 พอใช้ ตา่ กวา่ ๑2 ปรบั ปรงุ เกณฑ์การตดั สิน : ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป (ตอ้ งไดร้ ะดบั พอใชข้ ้ึนไป)

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ เร่อื ง กระเช้าสดี า 397 แบบประเมนิ การพดู แสดงความร้สู กึ และความคดิ เหน็ จากเรอื่ งที่ฟังและดู คาช้แี จง ให้ครูประเมินการวเิ คราะหค์ ณุ ค่าและสรุปขอ้ คดิ จากเรอ่ื งทอี่ ่าน โดยเขียนคะแนน ลงในช่องที่กาหนด ลาดับ ชอ่ื - สกลุ คะแนน คดิ เปน็ สรปุ ผล ท่ี ทีไ่ ด้ รอ้ ยละ การประเมิน ๒๐ คะแนน ๑๐๐ ผา่ น ไม่ผ่าน ๑ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ รวม (คน) คดิ เป็นรอ้ ยละ ผลการประเมิน  ดีมาก ..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ...............  ดี ..........คน คิดเป็นรอ้ ยละ................  พอใช้ ..........คน คิดเปน็ ร้อยละ...............  ปรบั ปรงุ .........คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ............... สรุปผลการประเมนิ รายชนั้ เรียน  นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ จานวน......................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.......................  นักเรยี นไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน จานวน......................... คน คดิ เปน็ ร้อยละ....................... ลงชอื่ .................................................ผปู้ ระเมนิ (..............................................) ........../..................../..........

398 คู่มือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) 10. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ข้อจากดั การใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท่ี .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ............. 11. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผูท้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ...................................................... ผตู้ รวจ (.......................................................) วันที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. .............

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๓ เร่อื ง กระเช้าสีดา 399 ใบความรู้ที่ 6 เรอื่ ง การพดู แสดงความรู้สกึ และความคิดเหน็ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรือ่ ง กระเช้าสีดา แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 เรอ่ื ง การพดู แสดงความรูส้ กึ และความคิดเหน็ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ การพดู แสดงความรูส้ กึ การพูดแสดงความรู้สึก เป็นการถา่ ยทอดความรู้สึกนึกคิดทมี่ ีอยู่ให้ผู้อื่นไดร้ ับรู้โดยการพูด ซึ่ง สะทอ้ นจากความร้สู ึกท่ีได้พบเหน็ ภาพ เหตุการณ์ สถานที่ หรอื ส่งิ ของต่าง ๆ ด้วยการพดู ให้ผอู้ ืน่ ฟงั การพูดแสดงความคดิ เหน็ การพูดแสดงความคิดเหน็ เป็นการพูดขยายความจากเรื่องใดเร่ืองหน่งึ โดยอธิบายหรือแสดง ความคดิ เหน็ ประกอบเรอื่ งนั้นอย่างมเี หตผุ ล ดังนั้น การพูดแสดงความรู้สึกและความคิดเห็น จึงเป็นการพูดแสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นต่อเร่ืองใดเรื่องหน่ึง ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ผู้พูดจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ถูกต้องหรือไม่ แล้วพูดให้กระจ่างชัด โดยใช้เหตุผลประกอบหรือ มีหลักฐานอ้างองิ และมีมารยาทใน การพดู หลกั การพดู แสดงความรู้สึกและความคดิ เหน็ 1. ศกึ ษาเรอื่ งทีส่ นใจจะพูดให้เข้าใจ ชดั เจน แจ่มแจง้ 2. กล่าวถงึ ขอ้ มลู หรือข้อเทจ็ จริงก่อน แลว้ จงึ กล่าวความรู้สึกหรือความคิดเห็น โดยใช้เหตุผล หรอื หลักฐานประกอบ 3. ควรพูดในเชิงสร้างสรรค์ และมขี อ้ เสนอแนะ 4. มมี ารยาทในการพูด พดู ดว้ ยภาษาทีส่ ภุ าพ ไม่ใช้ถ้อยคารุนแรง 5. ควรเขยี นแบบรา่ งกอ่ นพดู แล้วตรวจสอบปรับปรุงสานวนภาษาใหถ้ ูกตอ้ ง มารยาทในการพดู ๑. พูดจาไพเราะ ๒. ไมแ่ ย่งกนั พูด ๓. พูดดว้ ยคาสุภาพไม่หยาบคาย ๔. พูดดว้ ยนา้ เสยี งท่ีไพเราะนมุ่ นวล ๕. ไม่พูดแทรกจังหวะผอู้ ื่น ๖. พดู ดว้ ยหนา้ ตาย้มิ แยม้ แจ่มใส ๗. ใชค้ วามดังของเสยี งใหพ้ อเหมาะ ไม่เสยี งเบาหรอื ดังเกนิ ไป ๘. ไม่พดู นนิ ทาว่ารา้ ยผอู้ น่ื

400 คูม่ อื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) จากการดภู าพเกีย่ วกบั การปลกู ตน้ ไมใ้ นชุมชน ตวั อยา่ งที่ ๑ การพดู แสดงความรู้ (การปลกู ตน้ ไม้ชว่ ยลดโลกรอ้ น) การปลูกต้นไม้ ช่วยรกั ษาอณุ หภูมขิ องโลกให้คงที่ ต้นไมช้ ่วยปลอ่ ยไอนา้ สู่บรรยากาศและเพิ่มความชื้น ต้นไม้ชว่ ยปกคลมุ พื้นดินจากแสงแดด เป็นการช่วยลดอุณหภูมิความรอ้ นของโลกได้ เราจงึ ควรช่วยกันอนุรักษ์ สง่ิ แวดลอ้ ม เช่น ช่วยกันปลูกตน้ ไม้ ไม่ตดั ไม้ทาลายป่า ไม่ใช้ถุงพลาสติก ซ่งึ เรากท็ ราบกันอยู่แลว้ วา่ ภาวะโลก รอ้ นทาให้เกดิ ผลรา้ ยตา่ ง ๆ ต่อโลกของเรา เช่นการเกิดพายทุ ่ีแรงขึน้ ดินถล่ม น้าทว่ ม ไฟไหมป้ ่าทาให้สตั วบ์ าง ชนดิ เร่ิมสูญพนั ธุ์อกี ด้วย ตัวอย่างที่ ๒ การพูดแสดงความรสู้ กึ (ความสามัคค)ี ความสามคั คี เปน็ คณุ สมบัติประจาตัวของคนไทย ท่ีสบื ทอดกนั มาแตโ่ บราณ เพราะคนไทยรวู้ ่า ถ้าคน ในชมุ ชนมีความสามัคคี ย่อมมีกาลงั กลา้ แขง็ ทงั้ ในการคดิ และการทางาน ตัวอยา่ งท่ี ๓ การพูดแสดงความคิดเหน็ (การมีสว่ นรว่ มในการรกั ษาปา่ ) ปา่ ไม้เป็นทรพั ยากรธรรมชาติท่ีมีความสาคัญ แต่ทุกวันน้ีผนื ป่าท่ัวโลกเหลือน้อยเต็มที จนถึงขนาดมี คนพูดว่า ทุกวนิ าทีจะมีต้นไม้หายไปจากโลกของเรา 1 พื้นที่สนามฟุตบอล ประเทศไทยมี การทาลายป่าสูง หากไม่หาแนวทางป้องกัน หยุดยั้ง และอนุรักษ์ป่าไว้ เช่ือว่าอนาคตประเทศไทยคงจะไม่มีป่าหลงเหลือ การปลกู ตน้ ไมว้ ันละต้นเสมอื นการเสริมมงคลแก่ชวี ติ ถา้ ปลูกแลว้ งอกงามบง่ บอกว่าชวี ติ จะเจรญิ รุ่งเรือง (วิภา ตณั ฑุลพงษ.์ ๒๕๕๖. เอกสารนเิ ทศการศกึ ษา แนวทางการพฒั นาการเรียนการสอนเขียน ภาษาไทยในระดับประถมศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พค์ ณะรฐั มนตรแี ละราชกจิ จานเุ บกษา.)

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ เรอ่ื ง กระเช้าสดี า 401 ตวั อย่าง การเขยี นแบบร่างการพูดแสดงความรู้ ความคิดเหน็ และความรสู้ กึ จากรูปภาพทก่ี าหนดให้ (ภาพ : ส่อื 60 พรรษาเฉลมิ พระเกยี รต)ิ บทพูดแสดงความรู้ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว เป็นพระมหากษตั รยิ ล์ าดับท่ี 9 ในราชวงศ์จักรี ทรงข้ึนครองราชย์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ทรงก่อตั้งโครงการตามแนวพระราชดารเิ พื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีชวี ิตที่ดี บทพูดแสดงความคดิ เหน็ พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยและทรงงานอย่างลาบากตรากตราเป็นอย่างยิ่ง ทรงช่วยเหลือ ประชาชนของพระองค์ทุกหมู่เหล่า โดยไม่แบ่งแยกรวยจน และยังทรงมีพระราชหฤทัยที่เปี่ยมล้นด้วย ความดี บทพูดแสดงความรู้สึก ฉนั รู้สึกภูมใิ จเป็นอยา่ งยิ่งที่ได้เกิดในผนื แผ่นดนิ ไทยท่ีมพี ระมหากษตั ริย์ไทยที่ทรงรักและหว่ งใย ประชาชนเสมือนลูกของพระองคเ์ อง ฉันรกั และเคารพเทิดทูนสรรเสริญพระองค์ย่ิง

402 คมู่ อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบงานที่ 6 เรอื่ ง การพดู แสดงความรสู้ ึกและความคดิ เห็นจากเรอื่ งทฟี่ งั และดู หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง กระเช้าสีดา แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 6 เรอื่ ง การพูดแสดงความรู้สกึ และความคดิ เห็น รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนเขียนบทพดู แสดงความรู้สกึ และความคิดเหน็ จากการฟงั และดโู ฆษณา เร่อื ง พ่อลกู ส้ชู ีวิต ตามรปู แบบทก่ี าหนดให้ แล้วออกมาพดู นาเสนอหน้าชน้ั เรยี น แหลง่ ที่มาของรูปภาพ : www.youtube.com ไทยประกันชีวติ Life purpose. แบบรา่ งการพูดแสดงความรู้สึกและความคดิ เหน็ ชือ่ .....................................................นามสกุล...............................................ช้ัน.................เลขท.ี่ ..............

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๓ เร่ือง กระเช้าสีดา 403 แนวคาตอบใบงานท่ี 6 เรอ่ื ง การพดู แสดงความรู้สึกและความคดิ เห็นจากเรื่องทฟ่ี ังและดู หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรอื่ ง กระเชา้ สีดา แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 6 เร่ือง การพูดแสดงความรสู้ ึกและความคดิ เห็น รายวิชา ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นเขยี นบทพูดแสดงความรู้สกึ และความคิดเหน็ จากการฟงั และดูโฆษณา เรอ่ื ง พอ่ ลกู สูช้ วี ิต ตามรูปแบบทกี่ าหนดให้ แลว้ ออกมาพดู นาเสนอหนา้ ช้ันเรียน แหล่งทมี่ าของรูปภาพ : www.youtube.com ไทยประกนั ชีวิต Life purpose. แนวการเขียนแบบร่างการพูดแสดงความรู้สึกและแสดงความคิดเห็น ครั้งแรกท่ดี ูวิดโี อนี้ ทาให้รสู้ กึ สงสารพอ่ ลูกทั้งสอง เพราะเขามีชีวิตท่ลี าบาก ต้องตอ่ ส้กู ับอุปสรรคต่าง ๆ เพอื่ เอาชีวิตรอด ในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันเพ่ือเอาตัวรอดในการดาเนินชีวิต และรู้สึกสงสารผู้คนบนโลกใบน้ี ท่ีมีชีวิตลาบาก และในตอนหลังรู้สึกภูมิใจในความเข้มแข็งของพ่อที่สู้ชีวิตและดารงชีวิตด้วย ความพอเพยี งจนสามารถเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้ การมชี วี ิตท่ลี าบาก เปรียบเสมือนการตกอย่ใู น หว้ งเหวแห่งความเปน็ ความตาย เพราะถ้าไม่มีเงนิ ไมม่ ีอาหาร ก็จะทาใหช้ วี ติ ขาดความสขุ แตเ่ มอ่ื ไหร่ ท่ีใจเราสแู้ ละ ไม่ย่อทอ้ ตอ่ ความยากลาบาก มีสติตั้งมัน่ ในการใช้ชีวติ ชวี ติ เราก็อาจจะพบกบั ความสุขท่ี แท้จริงได้ เหมือนด่ังเช่นพ่อลูกคู่น้ี ท่ีมีใจเข้มแข็ง เอาชนะอุปสรรค และสามารถดารงชีวิตด้วย ความพอเพยี งไดอ้ ย่างมีความสขุ

๔๐๔ คูม่ ือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 7 เร่อื ง คาเช่ือม ประสานความหมาย เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง กระเช้าสีดา กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั สาระท่ี 4 หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ ตวั ชี้วดั ป.๕/๑ ระบชุ นิดและหน้าท่ขี องคาในประโยค ๒. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด คาเชื่อม เป็นคาท่ีใช้เชื่อมคา วลี ประโยคหรือข้อความให้ต่อเน่ืองกัน ต้องเลือกใช้คาให้ถูกต้องตาม ชนดิ และหนา้ ที่ของคา เพ่ือให้มีความสัมพนั ธก์ นั และสามารถสื่อความหมายไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) บอกความหมาย ลักษณะ และหนา้ ทีข่ องคาเชอ่ื มได้ 3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จาแนกชนิดของคาเชื่อมได้ 3.3 ด้านคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) นาความรู้เรื่องคาเชอ่ื มไปใช้สอื่ สารไดถ้ ูกต้อง ๔. สาระการเรยี นรู้ คาเชอื่ ม (ความหมาย ชนดิ และหนา้ ทข่ี องคาเชือ่ ม) ๕. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 5.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 5.2 ความสามารถในการคดิ ๖. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1 ใฝ่เรยี นรู้ 6.2 มุ่งมนั่ ในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๓ เรอ่ื ง กระเช้าสีดา การจัดกจิ กรรมการเรียนร รายวชิ า ภาษาไทย หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7 เรื่อง คาเชือ่ ม ลาดบั ขอบเขตเน้ือหา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรียนรู้ ทใ่ี ช้ กจิ กรรมคร 1. ขอบเขตเน้อื หา ขัน้ นา 5 1. ครยู กตัวอยา่ งประ 1. ความหมาย ชนิด นาที นกั เรยี นพจิ ารณา ดังน คาเชื่อม และหนา้ ที่ ของคาเชอื่ ม 2. การวเิ คราะห์ 1. พอใจและพอเพียงอ คาเชอ่ื มในประโยค 2. เธอจะกินขา้ วหรอื กิน 3. เพราะฝนตกหนกั จ น้าท่วม 2. ครตู ัง้ คาถาม ดังน้ี ครู : นกั เรยี นสงั เกตเห ในประโยคข้างต้น ครู : นักเรยี นคดิ วา่ คา ใต้ ทาหน้าที่อะไรในป 3. ครูพดู สรปุ ท้ายและ เขา้ สู่เนอื้ หาในบทเรยี

๔๐๕ รู้ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 3 เร่อื ง กระเชา้ สีดา จานวน 12 ชว่ั โมง ประสานความหมาย จานวน 1 ชว่ั โมง แนวการจดั การเรยี นรู้ สอื่ การเรียนรู้ การประเมิน รู กิจกรรมนกั เรยี น - แถบประโยค การเรยี นรู้ ะโยคให้ 1. นักเรียนอา่ นประโยคทคี่ รู นี้ ยกมาให้ แล้วแสดง ความคิดเหน็ อา่ นหนังสอื 1. พอใจและพอเพียงอา่ นหนังสือ นผลไม้ดีจ๊ะ 2. เธอจะกินข้าวหรอื กนิ ผลไมด้ ีจะ๊ จงึ ทาให้ 3. เพราะฝนตกหนักจึงทาให้ น้าทว่ ม หน็ สงิ่ ใด 2. นักเรียนตอบคาถาม ดังนี้ - คาถามอยู่ในสอ่ื - สงั เกตการตอบ นกั เรียน : เห็นคาทที่ าตวั หนา PPT คาถามของ าทข่ี ีดเส้น และขดี เส้นใต้ นักเรียน ประโยค นักเรยี น : อาจตอบได้ หลากหลายตามความเขา้ ใจ ะเชอ่ื มโยง และประสบการณ์ ยน 3. นกั เรียนเขา้ สบู่ ทเรยี น

๔๐๖ คูม่ อื ลาดับ ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ท่ี จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ที่ใช้ กจิ กรรมคร 2. ขน้ั สอน 25 1. ครูตง้ั คาถามเข้าสู่ นาที สาระสาคญั ของเนื้อห ครู : นกั เรียนรู้จกั คาเ หรอื ไม่ อยา่ งไร ครู : คาเชือ่ มใช้ทาอะ 2. ครนู าประโยคในข “พอใจและพอเพียงอ่าน มาสนทนากบั นักเรยี น แยกเปน็ 2 ประโยค ไ - พอใจอา่ นหนงั สือ - พอเพียงอา่ นหนงั สอื และนาคาว่า “และ” จากประโยคดังกลา่ ว 3. ครูอธิบายวา่ ถ้านา ทั้ง 2 มารวมกนั โดยใ “และ” เชอ่ื มตรงกลา “พอใจอ่านหนงั สือแล พอเพยี งอ่านหนงั สอื ” ทาให้ประโยคนนั้ ยาวเ

อครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจัดการเรียนรู้ สือ่ การเรียนรู้ การประเมนิ รู กิจกรรมนกั เรียน การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นร่วมกันตอบ - คาถามอยูใ่ นส่ือ - สงั เกตการตอบ หา ดังนี้ คาถาม PPT คาถามของ เชื่อม นกั เรียน : อาจตอบได้หลาก นักเรยี น หลาย ตามความเขา้ ใจของ ะไร นักเรยี น ขอ้ ที่ 1 2. นักเรยี นฟงั ครอู ธบิ ายและ - แถบประโยค นหนงั สอื ” สนทนารว่ มกันกบั ครู น โดยครู ได้แก่ อ ออกมา าประโยค 3. นักเรยี นร่วมกนั คิดและ - แถบประโยค ยใชค้ าว่า แสดงความคดิ เหน็ วา่ จะตดั างจะได้ว่า ส่วนใดออก ละ - นักเรยี นอาจสังเกตเหน็ สว่ น ” แต่จะ ทซี่ า้ กนั คอื “อา่ นหนังสือ” เกนิ ไป ดังนนั้ เราตอ้ งตัดคาวา่ “อา่ น

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๓ เรื่อง กระเชา้ สีดา ลาํ ดบั ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กิจกรรมคร จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ครจู งึ ถามนกั เรียนว่า 1. บอกความหมาย สามารถตัดสว่ นทซ่ี ํ้าก ลักษณะ และหน้าท่ี หรือไม่ อยา่ งไร โดยให ของคําเชือ่ มได้ นักเรียนคิดเองวา่ จะต ออก 4. ครูตัง้ คําถามยํา้ อกี ครู : นกั เรียนรู้จกั คาํ เช อยา่ งไร ใครอธิบายไดบ้ 5. ครูเร่มิ อธบิ ายเน้ือห ประเด็นสําคัญ ดงั น้ี - ความหมายของคําเช - ชนิดของคําเชอ่ื ม - หนา้ ทข่ี องคําเช่ือม 6. ครูสอบถามขอ้ สงส นกั เรียน ครู : นกั เรียนคนใดมขี เกี่ยวกับคาํ เชื่อมหรือไ อย่างไร

๔๐๗ แนวการจดั การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมิน การเรยี นรู้ รู กิจกรรมนกั เรยี น - คําถามอย่ใู นสอ่ื PPT - สงั เกตการตอบ : เรา หนังสอื ” - สอ่ื PPT คําถาม ใบความรูท้ ่ี 7 1. ประเมนิ กันออกได้ ทิ้ง ไม่ตอ้ งเขียนซาํ้ สองรอบ ซงึ่ การตอบคําถาม ห้ จะไดว้ ่า ตดั ส่วนใด “พอใจและพอเพียงอ่านหนังสือ” เป็นประโยคที่กระชับ เขา้ ใจง่าย กครงั้ วา่ 4. นักเรยี นตอบคําถาม โดย ชอ่ื หรือไม่ ตอบตามความเขา้ ใจทค่ี รูได้ บา้ ง อธบิ ายขา้ งต้น หาใน 5. นักเรยี นฟังครูอธิบาย ชื่อม เนอ้ื หาและรว่ มสนทนา วิเคราะห์ อภปิ รายเนอ้ื หา ร่วมกนั กับครู สยั ของ 6. นกั เรียนตอบคาํ ถามตาม - คาํ ถาม ข้อสงสัย ความเข้าใจและสรุปหลกั การ ไม่ รว่ มกัน

๔๐๘ คมู่ ลําดบั ขอบเขตเนือ้ หา/ ข้ันตอนการจดั เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ทีใ่ ช้ กิจกรรมคร 7. ครูพานกั เรียนเลน่ ลกู ไก่ไปหาแม่ไก”่ โดย คําเช่ือมทคี่ รูกาํ หนดให ลูกไก่ และกําหนดให้ป เปน็ แม่ไก่ เช่น และ , แต่ , 3. 2. จําแนกชนดิ ขนั้ ปฏบิ ตั ิ 15 กําหนดประโยค “ ของคําเช่ือมได้ นาที 1. แมก่ ินขนม 3. นาํ ความรเู้ รอ่ื ง 2. พี่จะดหู นัง คาํ เช่อื มไปใชส้ ื่อสารได้ 3. เธอจะกนิ ข ถกู ตอ้ ง 8. ครชู ้แี จงการทาํ ใบง ใหน้ กั เรียนทําใบงานท (ครูข้นึ กจิ กรรม : นกั เ ใบงานที่ 7 คําเช่อื มป ความหมาย) 9. ครูเฉลยใบงานที่ 7 นกั เรียนตรวจสอบร่วม จากนนั้ สรปุ กจิ กรรม

อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจดั การเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ รู กิจกรรมนกั เรยี น - เกมพาลูกไกไ่ ป การเรียนรู้ นเกม “พา 7. นักเรยี นเลม่ เกมพาลูกไกไ่ ป หาแม่ไก่ ยกําหนด หาแมไ่ ก่ ห้เปน็ ประโยค หรอื กําหนดเปน็ “ลูกไก่” “เปน็ แม่ไก”่ ม......ผลไมพ้ ร้อมกัน ง.......น้องจะดูการต์ ูน ขา้ ว.......หรอื กนิ ของหวานกอ่ นดี งาน แลว้ 8. นักเรียนทําใบงานที่ 7 2. ประเมิน ที่ 7 พรอ้ มกนั การจําแนกชนิด ของคําเช่ือม เรยี นทํา (นกั เรียนตน้ ทาง/ปลายทาง 3. สังเกต ประสาน ทาํ ใบงานที่ 7 พรอ้ มกัน) พฤติกรรม 7 9. นักเรียนดูเฉลยและตรวจ มกนั ใบงานไปพร้อมกัน จากนนั้ สรปุ กจิ กรรม

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ เร่ือง กระเชา้ สดี า ลาดบั ขอบเขตเน้ือหา/ ขน้ั ตอนการจัด เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทใี่ ช้ กจิ กรรมคร 4. ขั้นสรุป 5 1. ครูถามคาถามเพอ่ื นาที ครู : การเรียนรเู้ รอ่ื ง ค มีประโยชนอ์ ย่างไรบ้า ครู : นักเรยี นจะนาเร คาเช่อื มไปใชป้ ระโยช อยา่ งไรบ้าง

แนวการจัดการเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ ๔๐๙ รู กิจกรรมนกั เรียน อสรปุ 1. นักเรยี นตอบคาถามเพื่อ - ส่ือ PPT การประเมนิ คาเชือ่ ม สรปุ นกั เรียน : ชว่ ยใหเ้ ลอื กใช้ สรปุ ความรู้ การเรียนรู้ าง คาและภาษาได้ถูกตอ้ ง - คาถาม เหมาะสม และทาใหก้ าร สื่อสารมปี ระสิทธิภาพ ร่ือง นกั เรยี น : ไปใชป้ ระโยชน์ใน ชนไ์ ด้ การเขียนเรยี งความ และ การเขยี นเรื่องตา่ ง ๆ

410 คู่มือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 1. บตั รคาเชือ่ ม/แถบประโยคทมี่ ีคาเช่อื ม 2. ใบความรู้ที่ 7 เรอ่ื ง คาเชอื่ มประสานความหมาย 3. ใบงานท่ี 7 เรื่อง คาเชือ่ มประสานความหมาย 4. ส่ือ PPT เร่ือง คาเชือ่ มประสานความหมาย 5. เกมพาลกู ไก่ไปหาแม่ไก่ 9. การประเมนิ ผลรวบยอด ชิ้นงานหรือภาระงาน - ใบงานที่ 7 เร่ือง คาเชอ่ื มประสานความหมาย ส่งิ ทตี่ ้องการวัด / ประเมิน วิธกี าร เครอ่ื งมือที่ใช้ เกณฑ์ - คาถาม รอ้ ยละ ๖๐ ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) ขึ้นไป - บอกความหมาย ลกั ษณะ - พิจารณาการตอบ - แบบประเมนิ การจาแนก ร้อยละ ๖๐ และหน้าท่ีของคาเชอ่ื ม คาถาม ชนดิ ของคาเชื่อม ขน้ึ ไป ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ร้อยละ ๖๐ - จาแนกชนิดของคาเชอ่ื ม - ประเมนิ การจาแนก นกั เรียน ข้นึ ไป ชนิดของคาเชือ่ ม/ตรวจ - แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ ใบงาน อันพงึ ประสงค์ ผ่าน - แบบประเมินสมรรถนะ ระดบั คุณภาพ ด้านคุณลักษณะ เจตคติ สาคัญของผเู้ รยี น ผ่าน คา่ นิยม (A) - ใฝ่เรยี นร้แู ละมงุ่ ม่นั ในการ - สงั เกตพฤตกิ รรม ทางาน นักเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - สงั เกตพฤตกิ รรม 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุ่งมน่ั ในการทางาน นักเรยี น สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร - สังเกตพฤตกิ รรม 2. ความสามารถในการคดิ นกั เรยี น

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๓ เรือ่ ง กระเชา้ สีดา 411 เกณฑป์ ระเมนิ : การทาใบงานเรอ่ื ง คาเชือ่ มประสานความหมาย ประเด็น ระดบั คุณภาพ การประเมิน ๔ (ดมี าก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรงุ ) บอกความหมายของ บอกความหมายของ บอกความหมาย 1. บอกความหมาย บอกความหมาย คาเช่ือมได้ถกู ต้อง คาเชื่อมไดถ้ ูกต้อง ของคาเช่ือมได้ ลักษณะ และ ของคาเชือ่ มได้ ๓ คา ๒ คา ถกู ต้อง ๑ คา หนา้ ท่ขี องคาเชื่อม ถูกตอ้ ง ทัง้ หมด 2. การจาแนก จาแนกชนิดและ จาแนกชนดิ และ จาแนกชนิดและ จาแนกชนดิ และ ชนดิ และหนา้ ที่ หนา้ ท่ขี องคาเช่ือม หนา้ ท่ขี องคาเชอ่ื ม หนา้ ท่ขี องคาเช่ือม หน้าทขี่ องคา ของคาเชอ่ื มใน ในประโยคได้ถูกต้อง ในประโยคไดถ้ กู ต้อง ในประโยคได้ถูกต้อง เช่ือมในประโยค ประโยค ทง้ั หมด ๗-๘ ประโยค 5-๖ ประโยค ได้ถกู ตอ้ ง 1-4 3. ความเรยี บรอ้ ย ผลงานมคี วามเป็น ผลงานมีความเปน็ ประโยค ระเบยี บแสดงออก ผลงานส่วนใหญ่มี ระเบยี บแตม่ ี 4. ตรงต่อเวลา ถึงความประณตี ความเปน็ ระเบยี บ ข้อบกพรอ่ งบางส่วน ผลงานสว่ นใหญ่ 5. ความถูกตอ้ ง สง่ งานตรงเวลา แต่ยงั มขี ้อบกพร่อง สง่ ชา้ เกิน 10 นาที ไม่เปน็ ระเบียบ ของงาน เนอ้ื หาสาระของ เลก็ นอ้ ย เนือ้ หาสาระของ และมขี ้อ ผลงานถูกต้อง สง่ ช้าเกิน 5 นาที ผลงานถูกตอ้ งเปน็ บกพรอ่ งมาก ครบถ้วน บางประเดน็ เนือ้ หาสาระของ ส่งช้าเกนิ 15 ผลงานถูกต้องเป็น นาที ส่วนใหญ่ เน้อื หาสาระของ ผลงานไมถ่ กู ต้อง เปน็ ส่วนใหญ่ เกณฑ์การประเมินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 18-20 ดมี าก 15-17 ดี 12-14 พอใช้ ตา่ กวา่ ๑2 ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารตัดสิน : ผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๖๐ ขึ้นไป (ตอ้ งไดร้ ะดับพอใชข้ นึ้ ไป)

412 คู่มือครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แบบประเมนิ การทาใบงานเร่ือง คาเชือ่ มประสานความหมาย คาชแ้ี จง ให้ครูผสู้ อนประเมนิ การผลการทางาน/ใบงาน โดยเขียนคะแนน ลงในชอ่ งทกี่ าหนดให้ ลาดับ ชอ่ื - สกลุ คะแนน คิดเปน็ สรปุ ผล ที่ ทีไ่ ด้ ร้อยละ การประเมิน ๒๐ คะแนน ๑๐๐ ผ่าน ไม่ผ่าน ๑ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ รวม (คน) คดิ เปน็ ร้อยละ ผลการประเมนิ  ดีมาก ..........คน คิดเป็นรอ้ ยละ...............  ดี ..........คน คดิ เป็นร้อยละ................  พอใช้ ..........คน คดิ เป็นร้อยละ...............  ปรับปรงุ .........คน คดิ เป็นร้อยละ............... สรปุ ผลการประเมินรายช้ันเรียน  นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมิน จานวน......................... คน คิดเป็นรอ้ ยละ.......................  นักเรยี นไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ จานวน......................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ....................... ลงช่ือ.................................................ผปู้ ระเมิน (..............................................) ........../..................../..........

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๓ เร่อื ง กระเช้าสดี า 413 10. บันทึกผลหลังสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ข้อจากดั การใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. ............. 11. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผทู้ ี่ได้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ ...................................................... ผ้ตู รวจ (.......................................................) วันที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. .............

414 คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบความรู้ที่ 7 เรอื่ ง คาเช่อื มประสานความหมาย หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง กระเช้าสดี า แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 7 เรอ่ื ง คาเชือ่ ม ประสานความหมาย รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ความหมายของคาเช่อื ม คาเช่ือม คือ คาที่ใช้เช่ือมคา วลี ประโยค หรอื ขอ้ ความเขา้ ด้วยกนั ใหต้ ิดตอ่ เป็นเรอื่ งเดยี วกนั เพ่ือให้ มใี จความสมบูรณ์และสละสลวยมากข้นึ ชนิดของคาเชือ่ ม คาเชือ่ มมที ง้ั หมด 4 ชนิด ได้แก่ 1. คลอ้ ยตามกัน 2. ขดั แย้งกัน 3. เลือกอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง 4. เป็นเหตุเปน็ ผลกัน ๑. คาเชือ่ มท่ีเช่ือมใจความคล้อยตามกนั ไดแ้ กค่ าวา่ “กบั และ ก็ เมอื่ ...ก็ พอ...ก็” ตัวอย่างเชน่ - พอแมก่ ลบั ถงึ บา้ นก็ไปอาบน้าทนั ที - น้องกบั พี่เดนิ ทางไปโรงเรยี นด้วยกนั - พอ่ และแมเ่ ดนิ ทางไปเทย่ี วเชียงราย - เมอื่ เธอไมม่ าก็แลว้ แต่เขา - ทั้งหมดตรงและเดินอยา่ งเปน็ ระเบยี บ ๒. คาเช่อื มที่เชอื่ มใจความขัดแย้งกัน ได้แกค่ าวา่ “แต่ แตท่ วา่ ถึง...ก็ แม้...ก”็ ตัวอย่างเชน่ - พีด่ กู าร์ตนู แต่น้องดภู าพยนตร์ - ณชิ าจะกินผักแตแ่ พรวจะกินผลไม้ - ถึงเขาจะยากจนแตเ่ ขาก็มีความสขุ - เขาวง่ิ เร็วมากแตท่ วา่ ไมเ่ หนอ่ื ยเลย - แม้งานจะยากก็ไมใ่ ช่อปุ สรรคสาหรบั เขา 3. คาเช่อื มที่เช่ือมใจความให้เลอื กอยา่ งใดอย่างหน่ึง ได้แก่คาวา่ หรือ มิฉะน้ัน ไม่เชน่ นั้น ตัวอยา่ งเชน่ - พ่ีจะกินผกั หรือเธอจะไปกนิ ผลไม้ - นอ้ งจะกินขา้ วหรือจะดกู าร์ตูน - เธอจะดูโทรทัศน์หรือจะฟังฉนั พดู - เราควรออกกาลงั กายมฉิ ะน้ันจะไม่แขง็ แรง - เราต้องตง้ั ใจเรยี นไม่เช่นนน้ั จะไมเ่ ขา้ ใจ

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๓ เร่ือง กระเช้าสีดา 415 4. คาเช่ือมท่เี ชอื่ มใจความเป็นเหตเุ ป็นผลกัน ได้แกค่ าว่า “ดงั น้ัน เพราะฉะนนั้ เพราะ... จึง ดงั น้ัน ดังนั้น...จงึ จงึ ด้วย เหตเุ พราะ ฉะน้นั ตวั อยา่ งเชน่ - เพราะเขาขยันอา่ นหนังสือเขาจึงสอบผา่ น - เขาเกยี จคร้านจงึ สอบตก - มานะเปน็ คนดีดงั น้ันเพื่อนจงึ รักเขา - แมเ่ ลี้ยงดมู าเพราะฉะนน้ั เราควรบชู าแม่ - พอ่ แม่ทางานหนกั เพราะต้องเล้ยี งดลู กู เชื่อมประโยคกบั ประโยค หน้าท่ีของคาเชอื่ ม เชอ่ื มคากับคา หรอื กลุ่มคา เชื่อมข้อความหรอื ข้อความ หนา้ ทขี่ องคาเชอื่ ม คือ การทคี่ าเชือ่ มทาหน้าทอ่ี ยา่ งใดอยา่ งหนึง่ กบั คา กลมุ่ คา ประโยค หรอื ข้อความ เขา้ ด้วยกนั เพอื่ ให้มีความหมายชัดเจนข้นึ 1. เชื่อมประโยคกบั ประโยค เช่น - เขามีเงนิ จานวนมากแตเ่ ขากห็ าความสุขไม่ได้ - พอ่ แม่ทางานหนักเพื่อส่งเสียใหล้ กู ๆ ได้เรยี นหนงั สือ - ฉันอยากได้กระเป๋าทรี่ าคาถูกและใชง้ านได้ดี - แมเ่ ดินทางไปเที่ยวทะเลและร่วมงานสงั สรรค์กบั เพ่อื น ๆ ๒. เช่อื มคากบั คา หรือกลมุ่ คา เชน่ - ถา้ ตง้ั ใจเก็บเงินเสยี ต้งั แต่ตอนนี้ อนาคตจะสบายเมื่อแก่ - เธอจะสูต้ อ่ หรือถอดใจ - ฉนั เห็นคุณสมชายและภรรยา 3. เชื่อมขอ้ ความกับขอ้ ความ เชน่ มนษุ ย์ทุกคนลว้ นต้องการปจั จัยส่ี ไดแ้ ก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ทอ่ี ย่อู าศัยและยารักษาโรค ดว้ ยเหตุน้ีมนษุ ยจ์ งึ จาเป็นต้องประกอบอาชพี เพ่อื ให้ได้เงนิ มาซอ้ื ส่งิ จาเป็นเหลา่ นี้และประทังชวี ติ

416 ค่มู ือครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบงานท่ี 7 เรื่อง คาเชอ่ื มประสานความหมาย หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 เรือ่ ง กระเชา้ สดี า แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 เร่ือง คาเชอ่ื ม ประสานความหมาย รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นเตมิ คาและข้อความในช่องวา่ งให้ถูกต้อง ๑. คณุ ยายซือ้ ผักกาด.....................................ผลไม้มาจากตลาด จานวน 2 ตะกรา้ คาเชอ่ื มคือคาว่า.......................ชนดิ ของคาเชอ่ื ม คือ...................................................... ๒. น้องชายจะทาการบา้ น..............................จะชว่ ยแม่ทางานบ้านกอ่ น คาเช่ือมคอื คาว่า.......................ชนดิ ของคาเชอื่ ม คือ...................................................... ๓. ...................ฝนหยุดตก เขา..................รีบเดินทางกลบั บ้านทนั ที คาเชอ่ื มคอื คาว่า.......................ชนิดของคาเชื่อม คือ...................................................... ๔. ..................งานชิ้นนีย้ ากมาก เขา...................ตัง้ ใจทาเปน็ พเิ ศษ คาเชื่อมคอื คาวา่ .......................ชนดิ ของคาเชื่อม คอื ...................................................... ๕. ...................เธอตงั้ ใจเรยี น.........................สอบไดค้ ะแนนสงู คาเชอ่ื มคอื คาวา่ .......................ชนดิ ของคาเช่ือม คือ...................................................... ๖. เธอต้องรบี รบั ประทานอาหาร.............................จะไปโรงเรยี นสาย คาเชือ่ มคือคาว่า.......................ชนดิ ของคาเชื่อม คือ...................................................... ๗. พ่ีชายจะดสู ารคดี..........................น้องสาวจะดกู าร์ตูน คาเชื่อมคือคาว่า.......................ชนดิ ของคาเชอ่ื ม คอื ....................................................... ๘. .......................เขาปลกู ผกั สวนครัว เขา..........................มผี กั สดรบั ประทานอยเู่ สมอ คาเชื่อมคือคาวา่ .......................ชนดิ ของคาเชอื่ ม คือ....................................................... ๙. เขามีกริ ยิ ามารยาทที่งดงาม..........................ครจู ึงเลอื กเขาเปน็ ตัวแทนไปรบั รางวลั คาเชื่อมคอื คาวา่ .......................ชนิดของคาเช่ือม คอื ....................................................... ๑๐......................ถวั่ จะสกุ งา.......................ไหม้เสียกอ่ น คาเช่อื มคอื คาวา่ .......................ชนดิ ของคาเช่อื ม คอื ....................................................... ชื่อ.....................................................นามสกลุ ....................................................ชัน้ ................เลขท่.ี ..........

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๓ เร่ือง กระเชา้ สดี า 417 แนวคาตอบใบงานที่ 7 เร่อื ง คาเชอื่ มประสานความหมาย หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 เรอ่ื ง กระเชา้ สีดา แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 7 เรอ่ื ง คาเชอ่ื ม ประสานความหมาย รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๕ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเตมิ คาและขอ้ ความในช่องวา่ งใหถ้ กู ต้อง 1. คณุ ยายซื้อผกั กาด และ ผลไมม้ าจากตลาด จานวน 2 ตะกรา้ คาเชอ่ื มคือคาวา่ และ ชนดิ ของคาเชอ่ื ม คอื คล้อยตามกนั 2. น้องชายจะทาการบา้ น หรือ จะชว่ ยแม่ทางานบา้ นกอ่ น คาเช่ือมคอื คาวา่ หรอื ชนิดของคาเช่อื ม คือ เลอื กอย่างใดอย่างหนง่ึ 3. พอ ฝนหยดุ ตก เขา ก็ รีบเดนิ ทางกลบั บ้านทันที คาเช่อื มคือคาว่า พอ...ก็ ชนดิ ของคาเชือ่ ม คือ คลอ้ ยตามกนั 4. เพราะ งานช้ินนยี้ ากมาก เขา จึง ตงั้ ใจทาเปน็ พเิ ศษ คาเชอื่ มคอื คาว่า เพราะ...จงึ ชนดิ ของคาเชื่อม คือ เปน็ เหตเุ ปน็ ผลกนั 5. เพราะ เธอตั้งใจเรยี น จงึ สอบได้คะแนนสูง คาเช่ือมคือคาวา่ เพราะ...จงึ ชนดิ ของคาเชอ่ื ม คอื เปน็ เหตเุ ป็นผลกัน 6. เธอตอ้ งรบี รบั ประทานอาหาร มิฉะนนั้ จะไปโรงเรยี นสาย คาเชอ่ื มคอื คาวา่ มฉิ ะนั้น ชนดิ ของคาเชอ่ื ม คอื เลือกอย่างใดอย่างหนงึ่ 7. พชี่ ายจะดสู ารคดี แต่ นอ้ งสาวจะดูการต์ นู คาเชอ่ื มคอื คาว่า แต่ ชนิดของคาเชื่อม คือ ขัดแย้งกัน 8. ไม่รูว้ า่ เขาจะปลกู ผักสวนครัวเพอ่ื ขาย หรอื เก็บไวก้ ินเอง คาเชื่อมคอื คาว่า หรือ ชนิดของคาเชื่อม คือ เลอื กอย่างใดอย่างหนง่ึ 9. เขามกี ิริยามารยาททีง่ ดงาม ดงั นน้ั ครูจงึ เลอื กเขาเปน็ ตวั แทนไปรบั รางวลั คาเช่อื มคือคาวา่ ดังนัน้ ชนิดของคาเช่อื ม คอื เป็นเหตเุ ปน็ ผลกัน 10. กว่า ถัว่ จะสกุ งา ก็ ไหมเ้ สยี กอ่ น คาเชอ่ื มคือคาวา่ กวา่ ...ก็ ชนดิ ของคาเชอ่ื ม คอื ขดั แยง้ กนั *หมายเหตุ ข้อ 6. (สือ่ ความให้เลือกวา่ จะรีบรบั ประทานอาหารหรือจะรับประทานไปเรอื่ ย ๆ เพราะถ้า รีบรับประทานก็จะไมไ่ ปโรงเรยี นสาย แตถ่ ้าเลอื กรับประทานไปเร่ือย ๆ กจ็ ะทาใหไ้ ปโรงเรียนสาย)

๔๑๘ คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 8 เรอ่ื ง กล่มุ คาหรือวลี เรอ่ื ง กระเชา้ สีดา เวลา 1 ชัว่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชีว้ ัด สาระที่ 4 หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ ตัวชว้ี ัด ป.๕/๒ จาแนกสว่ นประกอบของประโยค ๒. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กลมุ่ คาหรือวลี เปน็ การนาคาตั้งแต่ ๒ คาข้ึนไปมาเรยี งกนั เพื่อให้เกดิ ความหมายใหม่เพ่ิมข้ึน จึงต้อง ร้จู ักจาแนกและเลอื กใชไ้ ด้ถูกตอ้ งเหมาะสม ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) บอกความหมายและลกั ษณะของกลุ่มคาได้ 3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จาแนกกลุ่มคาได้ แต่งประโยคจากกลมุ่ คาได้ 3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A) ใฝ่เรยี นรู้เรื่องกลุ่มคา ๔. สาระการเรยี นรู้ กลมุ่ คาหรอื วลี ๕. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการส่ือสาร 5.2 ความสามารถในการคิด ๖. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1 ใฝเ่ รียนรู้ 6.2 มุง่ มั่นในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๓ เรอ่ื ง กระเชา้ สีดา การจดั กจิ กรรมการเรยี นร รายวิชา ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 8 เรอื่ ง ก ลาดบั ขอบเขตเนอ้ื หา/ ข้ันตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ทีใ่ ช้ กจิ กรรมครู 1. ขอบเขตเนือ้ หา ข้นั นา 5 1. ครูนาเพลง กลมุ่ คา 1. ความหมายของ นาที มาใหน้ ักเรยี นร่วมกนั ร กลุ่มคาหรอื วลี ดังนี้ 2. ลักษณะของ เ กลุ่มคาหรอื วลี วลี วลี วลี วลี นัน้ ง่ายไมเ่ บา หลักการจานั้นชา่ งง วลี วลี วลี มี 7 ชนิดจดจา แตค่ วามหมายยังไม 2. ครูยกตวั อย่างกลมุ่ ให้นักเรียนอา่ น แลว้ ช บอกว่าเปน็ กลมุ่ คาชน - พอ่ ค้าคนกลาง - นกั กีฬาฟตุ บอล

๔๑๙ รู้ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 3 เร่อื ง กระเชา้ สดี า จานวน 12 ชว่ั โมง กลุ่มคาหรือวลี จานวน 1 ชวั่ โมง แนวการจดั การเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมิน กจิ กรรมนักเรียน การเรยี นรู้ าหรอื วลี 1. นักเรยี นร่วมกนั ร้องเพลง - เพลง กลมุ่ คา รอ้ ง กลุ่มคาหรือวลี จากนั้นแสดง หรือวลี ความคดิ เหน็ เพลง กลมุ่ คาหรอื วลี ร้จู กั วลหี รอื เปลา่ มาเถิดพวกเรามาเรยี นกนั งา่ ยดาย ความหมายคอื คาเรยี งกนั เรยี กอกี ชือ่ ว่ากลมุ่ คา แต่ความหมายยงั ไมส่ มบูรณ์ มส่ มบรู ณ์ ตอ้ งเรยี บเรียงใหเ้ ขา้ ใจ ผแู้ ตง่ ครูชลภกั ด์ิ คงกาเนิด มคามา 2. นกั เรียนอา่ นกลมุ่ คา และ - คาถามอยู่ในส่ือ - สังเกตการตอบ ช่วยกัน ร่วมกันสนทนาเกย่ี วกบั กลมุ่ คา PPT คาถามของ นดิ ใด ท่อี า่ น และช่วยกนั บอกว่าเปน็ นักเรียน กลุ่มคาชนดิ ใด - พ่อค้าคนกลาง = กลมุ่ คานาม - นักกีฬาฟตุ บอล = กลุม่ คานาม

๔๒๐ คมู่ ลําดบั ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขัน้ ตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรียนรู้ ทีใ่ ช้ กจิ กรรมครู - ตง้ั ใจทาํ งาน - ออ่ นแรงเมื่อยล้า 2. ขน้ั สอน 25 3. ครพู ูดสรปุ ทา้ ยและเ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ นาที เข้าสูเ่ นือ้ หาในบทเรีย 1. บอกความหมาย 1. ครูต้ังคําถามเขา้ สู่ และลักษณะของ สาระสําคัญของเนอื้ ห กลมุ่ คาํ ได้ ครู : นกั เรียนรจู้ ักกลมุ่ หรือไมอ่ ย่างไร 2. ครใู หน้ กั เรยี นอภปิ เป็นกระบวนการกลุม่ ความหมายของกลมุ่ ค ศกึ ษาจากใบความรู้ท 3. ครูถามนักเรียนอีก ครู : นักเรยี นเข้าใจ ความหมายของกลุ่มค หรือไม่ จงอธิบาย 4. จากนัน้ ครูอธิบายเ ดงั น้ี - กลมุ่ คาํ เรียกอกี อย่า

อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจดั การเรียนรู้ สอื่ การเรยี นรู้ การประเมิน กิจกรรมนกั เรยี น การเรยี นรู้ - ต้งั ใจทํางาน = กลมุ่ คํากริยา - ออ่ นแรงเมื่อยล้า = กลมุ่ คาํ กริยา เช่ือมโยง 3. นกั เรียนเขา้ ส่บู ทเรยี น ยน 1. นักเรียนตอบคําถาม - คําถามอยู่ในสื่อ - สังเกตการตอบ หา ดังนี้ นักเรยี น : รูจ้ กั /ไมร่ ูจ้ กั ขนึ้ อย่กู บั PPT คาํ ถามของ มคํา ประสบการณเ์ ดมิ ของนกั เรยี น นักเรียน ปราย 2. นักเรยี นอภปิ รายในกลุม่ - ใบความรทู้ ี่ 8 มเก่ียวกับ โดยศึกษาจากใบความรู้ท่ี 8 คํา โดย 3. นักเรียนอธิบายความหมาย - 1. สงั เกต ท่ี ๘ ของกลมุ่ คํา โดยจบั ฉลากเพยี ง การตอบคําถาม กครัง้ 2 กลุ่ม พูดอธบิ ายให้เพอ่ื นฟงั คาํ เพิ่มเตมิ 4. นกั เรียนฟังครอู ธบิ าย เพื่อ างหน่งึ สรา้ งความเขา้ ใจให้ชัดเจนขึ้น และรว่ มกนั ทาํ กิจกรรม

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ เรือ่ ง กระเชา้ สีดา ลําดบั ขอบเขตเน้อื หา/ ขนั้ ตอนการจดั เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทใี่ ช้ กิจกรรมครู ว่า วลี มคี วามหมายค การนําคาํ ตั้งแต่ ๒ คาํ มาเรยี งต่อกนั โดยไม่เ คาํ ใหมแ่ ละไม่เปน็ ประ - ลกั ษณะของกลุ่มคาํ มีความหมายในตวั เอง ไมใ่ ช่ประโยค - ครพู านักเรียนทาํ กิจ “ใช่หรอื ไม”่ 5. ครูต้งั คาํ ถามวา่ ครู : นกั เรยี นคดิ วา่ กล สามารถนําไปแตง่ ประ หรือไม่ อย่างไร ครยู กตวั อยา่ งกลมุ่ คาํ นกั เรยี นแต่งเปน็ ประโ ใจความที่สมบรู ณ์ ปร 2 ประโยค

แนวการจดั การเรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้ ๔๒๑ การประเมิน กจิ กรรมนกั เรยี น การเรียนรู้ คอื “ใช่หรอื ไม”่ 2. ตรวจ าข้ึนไป  แทนความหมายวา่ ใช่ การจําแนก เกดิ  แทนความหมายวา่ ไมใ่ ช่ กลุ่มคาํ ะโยค กลมุ่ คําเรยี กอีกอยา่ งวา่ วลี 3. ตรวจประโยค า คอื 4. สงั เกต ง แตย่ ัง กลมุ่ คาํ สามารถมี 1 คํา ก็ได้ พฤตกิ รรม กลุ่มคําเปน็ ส่วนประกอบ ของประโยค จกรรม กล่มุ คาํ สามารถเปน็ ประธานหรอื กริยาในประโยคได้ วลใี ชป้ ระกอบกบั คาํ อ่ืน ๆ ได้ 5. นกั เรยี นร่วมกันตอบคําถาม ลุ่มคาํ ะโยคได้ าและให้ จากน้ัน นกั เรยี นทกุ คนร่วมกนั - ใบงานท่ี 8 โยคให้มี แตง่ ประโยคจากกลมุ่ คาํ ใหม้ ี ระมาณ ใจความทสี่ มบรู ณ์ ประมาณ 2 ประโยค

๔๒๒ คู่มือ ลาดบั ขอบเขตเนอื้ หา/ ข้นั ตอนการจัด เวลา แ ที่ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทใี่ ช้ กิจกรรมครู 3. 2. จาแนกกลมุ่ คาได้ ขนั้ ปฏิบตั ิ 15 6. ครชู แ้ี จงการทางาน 3. แต่งประโยคจาก นาที จากนั้นให้นักเรียนทาใ กลุ่มคาได้ 8 4. ใฝเ่ รียนรู้เรอ่ื ง (ครขู นึ้ กจิ กรรม : นักเ กลุ่มคา ใบงานที่ 8 การจาแน กลมุ่ คาและนากลมุ่ คา ประโยค) 7. ครูเฉลยใบงานที่ 8 นักเรยี นตรวจสอบร่วม และสรปุ กจิ กรรม 4. ข้นั สรปุ 5 1. ครถู ามคาถามเพือ่ นาที ครู : จากการเรยี นเร่ือ กลุ่มคา นกั เรียนจะนาความรเู้ กลุ่มคาไปใชป้ ระโยชน อย่างไร

อครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจัดการเรยี นรู้ สือ่ การเรียนรู้ การประเมนิ กจิ กรรมนักเรยี น การเรียนรู้ น 6. นกั เรยี นทาใบงานที่ 8 ใบงานท่ี พรอ้ มกัน (นักเรยี นตน้ ทาง/ปลายทาง เรียนทา ทาใบงานท่ี 8 พรอ้ มกนั ) นก ามาแต่ง 7. นักเรียนดเู ฉลยและตรวจใบ 8 งานพรอ้ มกนั และสรปุ มกัน กจิ กรรม อสรปุ 1. นักเรยี นตอบคาถามเพ่อื - สอ่ื PPT - สงั เกตการตอบ อง สรปุ เช่น นาความรูเ้ ร่อื ง สรปุ ความรู้ คาถามของ นกั เรยี น กลุม่ คา ไปใช้ในการเขยี น - คาถาม เร่ือง ส่อื สารต่าง ๆ หรอื การแต่ง นไ์ ด้ ประโยค เพ่ือให้ถกู ต้องตาม หลกั ภาษาไทย

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ เรือ่ ง กระเช้าสีดา 423 8. ส่ือการเรยี นร/ู้ แหลง่ เรียนรู้ 1. เพลง กลมุ่ คาหรือวลี 2. ใบความรู้ท่ี 8 เรอื่ ง กลมุ่ คาหรอื วลี 3. ใบงานท่ี 8 เร่ือง การจาแนกกลมุ่ คาและแตง่ ประโยค 4. สื่อ PPT เรื่อง กลมุ่ คาหรอื วลี 5. คาถาม 6. บตั รกลุ่มคา 9. การประเมินผลรวบยอด ชิ้นงานหรอื ภาระงาน - ใบงานท่ี 8 เรื่อง การจาแนกกลุ่มคาและแตง่ ประโยค สิ่งทต่ี ้องการวัด / ประเมิน วธิ กี าร เคร่อื งมือทีใ่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) - พจิ ารณาการตอบ - คาถาม/ใบงาน รอ้ ยละ ๖๐ - บอกความหมายและลกั ษณะ คาถาม ขน้ึ ไป ของกลมุ่ คา ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) 1. จาแนกกลมุ่ คา - ตรวจใบงาน - แบบประเมนิ /ใบงาน รอ้ ยละ ๖๐ 2. แตง่ ประโยคจากกลมุ่ คา ขน้ึ ไป ด้านคุณลักษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A) - ใฝเ่ รียนรเู้ ร่อื งกลุ่มคา - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ นักเรยี น อันพึงประสงค์ ผา่ น 2. มงุ่ มั่นในการทางาน - สังเกตพฤตกิ รรม สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น นักเรียน - แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดับคณุ ภาพ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร สาคญั ของผเู้ รียน ผ่าน 2. ความสามารถในการคิด

424 คูม่ ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑ์ประเมิน : การทาใบงานเร่ือง การจาแนกกลุ่มคาและแต่งประโยค ประเดน็ ระดับคุณภาพ การประเมนิ ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรงุ ) บอกความหมาย 1. บอก บอกความหมาย บอกความหมาย บอกความหมายของ ของกลมุ่ คาไม่ ความหมายของ ของกลมุ่ คาได้ ของกลมุ่ คาได้ กล่มุ คาได้ถกู ตอ้ ง ถกู ตอ้ ง กลมุ่ คาไดถ้ กู ตอ้ ง ถูกต้องครบทุกคา ถกู ตอ้ งเป็นสว่ น เพียงบางประเดน็ ใหญ่ เท่าน้ัน จาแนกกลมุ่ คาได้ น้อยกวา่ 6 ขอ้ 2. การจาแนก จาแนกกลมุ่ คาได้ จาแนกกลมุ่ คาได้ จาแนกกลมุ่ คาได้ ผลงานสว่ นใหญ่ กลุ่มคา ถกู ตอ้ งทัง้ 10 ข้อ ถูกตอ้ งทง้ั 8-9 ข้อ ถูกต้องท้ัง 6-7 ข้อ ไม่เป็นระเบียบ 3. ความเรยี บรอ้ ย ผลงานมีความเป็น และมีข้อ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมีความเป็น บกพรอ่ งมาก ระเบยี บแสดงออก ความเปน็ ระเบียบ ระเบียบแตม่ ี ส่งชา้ เกิน 15 ถงึ ความประณตี แต่ยงั มขี อ้ บกพรอ่ ง ขอ้ บกพรอ่ งบางส่วน นาที เล็กนอ้ ย สง่ ชา้ เกิน 10 นาที เนื้อหาสาระของ 4. ตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลา สง่ ช้าเกิน 5 นาที ผลงานไมถ่ ูกตอ้ ง เปน็ สว่ นใหญ่ 5. ความถกู ต้อง เน้ือหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ ของงาน ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถกู ตอ้ งเป็น ผลงานถูกต้องเปน็ ครบถว้ น ส่วนใหญ่ บางประเดน็ เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18-20 ดีมาก 15-17 ดี 12-14 พอใช้ ต่ากวา่ ๑2 ปรับปรงุ เกณฑก์ ารตดั สนิ : ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ข้นึ ไป (ตอ้ งไดร้ ะดบั พอใชข้ ึ้นไป)

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เร่อื ง กระเช้าสีดา 425 แบบประเมินการทาใบงานเรื่อง การจาแนกกลมุ่ คาและแตง่ ประโยค คาชีแ้ จง ให้ครูผสู้ อนประเมินการผลการทางาน/ใบงาน โดยเขยี นคะแนน ลงในช่องทก่ี าหนดให้ ลาดบั ชื่อ - สกุล คะแนน คดิ เป็น สรปุ ผล ท่ี ทไี่ ด้ รอ้ ยละ การประเมนิ ๒๐ คะแนน ๑๐๐ ผ่าน ไมผ่ า่ น ๑ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ รวม (คน) คิดเป็นรอ้ ยละ ผลการประเมนิ  ดมี าก ..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ...............  ดี ..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ................  พอใช้ ..........คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ...............  ปรับปรงุ .........คน คดิ เปน็ ร้อยละ............... สรปุ ผลการประเมนิ รายช้ันเรียน  นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน จานวน......................... คน คิดเปน็ ร้อยละ.........................  นักเรียนไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ จานวน......................... คน คิดเป็นรอ้ ยละ......................... ลงช่ือ.................................................ผปู้ ระเมนิ (..............................................) ........../..................../..........

426 คมู่ อื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) 10. บันทึกผลหลงั สอน ผลการจัดการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากดั การใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. ............. 11. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรือผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ ...................................................... ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. .............

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๓ เรอื่ ง กระเชา้ สีดา 427 ใบความรทู้ ่ี 8 เรอ่ื ง กลุ่มคาหรอื วลี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง กระเชา้ สดี า แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8 เร่อื ง กลุ่มคาหรอื วลี รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ 1. ความหมายของกล่มุ คาหรอื วลี 1. หนังสอื บรรทัดฐานภาษาไทย เลม่ 3 ไดใ้ ห้ความหมายของวลี ไว้วา่ “วลี หมายถึง หน่วยทางภาษาท่ใี ช้เปน็ ส่วนประกอบของประโยค เม่อื ประกอบเข้าไปใช้ประโยคแล้ว วลีย่อมทาหน้าท่ีใดหน้าท่ีหนึ่ง ได้แก่ ภาคประธาน ภาคแสดง หรือส่วนขยาย วลีอาจประกอบด้วยคา 1 คา หรอื คาหลายคาก็ได้” 2. หนังสืออุเทศภาษาไทย หลักภาษาไทย : เร่ืองที่ครูภาษาไทยต้องรู้ ได้ให้ความหมายของกลุ่มคาไว้ ว่า “กล่มุ คา คือ คาหลายคาที่มาประกอบกัน มีความสัมพันธ์กัน แต่ไมป่ รากฏชัดและไม่สมบูรณ์ถงึ ข้ันท่ี จะจดั เปน็ ประโยคหรอื เป็นวลีได้ ดังน้ัน สรปุ ความหมายได้ว่า กลุ่มคาหรือวลี คือ การนาคาต้ังแต่ ๒ คาข้ึนไปมาเรียงต่อกนั โดยไม่เกิด คาใหม่ มีความหมาย แต่ยังไม่เปน็ ประโยค 2. ชนดิ ของกลุ่มคาหรอื วลี จากการศึกษาเกี่ยวกบั ชนดิ ของคาทงั้ 7 ชนดิ ไดแ้ ก่ 1. คานาม 2. คาสรรพนาม 3. คากรยิ า 4. คาวิเศษณ์ 5. คาบุพบท 6. คาสันธานหรอื คาเชื่อม 7. คาอุทาน ดังน้ัน เม่อื จัดกลุ่มคาแลว้ สามารถแบง่ ได้ ๗ ชนิด โดยเรยี กตามชนดิ ของคาทีข่ ้ึนต้นกลุ่มคาน้ัน ๆ ดังน้ี 1. กลมุ่ คานามหรอื นามวลี เช่น โรงเรยี นของเรา เด็กทงั้ หลาย พอ่ ค้าปลาหมกึ นักเรียนโรงเรยี นวงั ไกลกงั วล4 สตั ว์ป่าจานวนมาก ลงุ ปา้ นา้ อาปยู่ ่าตายาย ๒. กล่มุ คาสรรพนามหรอื สรรพนามวลี เชน่ พวกเราชาวไทย พระคณุ เจ้า พวกเธอทั้งหลาย ท่านอาจารย์ยอด ๓. กลมุ่ คากรยิ าหรอื กริยาวลี ข้นึ ต้นดว้ ยคากรยิ า เชน่ ทามาหากิน เดินอยา่ งรวดเร็ว สง่ งานเรยี บรอ้ ยแลว้ ไมช่ อบละครเรอื่ งนเ้ี ลย

428 ค่มู อื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ๔. กลมุ่ คาวเิ ศษณ์หรือวิเศษณ์วลี สูงลบิ ลิว่ เชน่ หอมช่นื ใจจังเลย มากเลยทเี ดียว เหลือเกนิ จรงิ ๆ เชียว มากจงั เลย ทสี่ ุดในโลก ดว้ ยน้าใจ เหนือใตอ้ อกตก ๕. กลมุ่ คาบุพบทหรือบพุ บทวลี ดว้ ยเหตุผลน้ี เช่น บนโตะ๊ ทางาน หรอื ไมก่ ็ ใต้ขอบสะพาน ในทา่ มกลาง ชา่ งกระไรหนอ ! พระเจา้ ชว่ ยกล้วยทอด ! ๖. กลมุ่ คาสันธานหรอื สนั ธานวลี เช่น ถงึ อยา่ งไรก็ตาม เพราะฉะนนั้ แลว้ หากมฉิ ะน้ันแลว้ ๗. กลุม่ คาอทุ านหรอื อุทานวลี เชน่ อะไรกันน่ี ! วา้ ยตายแล้ว ! 3. การนากลุ่มคามาแต่งประโยค ตามหลกั ภาษาไทย เราสามารถนากลุ่มคาหรอื วลมี าแต่งประโยค เพือ่ ให้มีความใจความสมบรู ณ์ โดย ประกอบขน้ึ ตามโครงสรา้ งของประโยค ได้ดงั น้ี 1. ภาคประธาน เช่น กลุม่ คานาม กลมุ่ คาสรรพนาม 2. ภาคแสดง เช่น กลมุ่ คากริยา 3. สว่ นขยาย เชน่ กลุม่ คาวิเศษณ์ 4. ประกอบประโยค เชน่ กลุ่มคาบพุ บท กลุ่มคาสนั ธาน และกลุ่มคาอุทาน คา นามวลี กริยาวลี ประโยค นกั เรยี น จานวนมาก เด็ก เดก็ นอ้ ยคนน้ัน ชอบเรียนวิชาศิลปะ นกั เรยี นจานวนมากชอบเรยี นวชิ าศลิ ปะ โรงงาน อตุ สาหกรรม ต้ังใจเรียนมาก เด็กเดก็ นอ้ ยคนนัน้ ตงั้ ใจเรียนมาก ตลาด การค้าผักผลไม้ สุนขั สีดาตวั นัน้ เพ่มิ โบนสั ให้แกพ่ นกั งาน 5 % โรงงานอุตสาหกรรมเพิม่ โบนสั ใหแ้ ก่ ปลาทู แมน่ า้ แม่กลอง พนกั งาน 5 % รถ บรรทกุ สนิ คา้ เปดิ เวลา 01.00 น. ตลาดการคา้ ผกั ผลไมเ้ ปิดเวลาตี 1 วง่ิ ไล่กัดแมว สุนขั สีดาตวั นัน้ วิ่งไล่กัดแมว มีรสชาตอิ รอ่ ย ปลาทูแมน่ า้ แม่กลองมีรสชาตอิ ร่อย แล่นบนถนนอย่างชา้ ๆ รถบรรทกุ สินคา้ แลน่ บนถนนอยา่ งชา้ ๆ

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๓ เรอ่ื ง กระเช้าสีดา 429 4. กลุ่มคากบั หน้าที่ในประโยค กลุ่มคาทท่ี าหน้าท่เี ป็นประธานในประโยค 1. กลุ่มคานาม เช่น พ่อคา้ ปลาหมึกปักหลักขายปลาหมึกอย่ทู ต่ี ลาดนัด สตั วป์ ่าจานวนมากอาศยั อยู่ในปา่ ท่ีอดุ มสมบรู ณ์ โรงเรยี นของเราเปน็ โรงเรยี นสเี ขียว เดก็ ๆ ทง้ั หลายช่วยกนั พัฒนาโรงเรียนด้วยการทาความสะอาด 2. กลมุ่ คาสรรพนาม เชน่ พวกเราชาวไทยร่วมกันทาความดเี พ่อื ถวายเป็นพระราชกศุ ล พระคุณเจา้ จะทาวัตรเม่ือไหร่ครับ พวกเธอทง้ั หลายจงช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดของโรงเรียน กลมุ่ คาทท่ี าหน้าท่ีเป็นกริยาในประโยค 1. กลมุ่ คากรยิ า เช่น ชาวบา้ นที่ทามาหากนิ บนเขาสงู สว่ นใหญ่เปน็ ชาวดอย นกั เรยี นเดินอย่างรวดเรว็ เมือ่ ครปู ลอ่ ยกลบั บ้าน ผมส่งงานเรยี บร้อยแลว้ เม่อื เช้านี้ แก้วตาไมช่ อบละครเร่อื งน้ีเลย กลุ่มคาทที่ าหนา้ ที่ประกอบประโยคเพ่ือใหใ้ จความสมบรู ณข์ ้ึน 1. กลมุ่ คาวิเศษณ์ เชน่ อาหารร้านนอ้ี รอ่ ยมากเลยทีเดียว เขารักเธอมากเหลอื เกิน 2. กลุ่มคาบพุ บท เช่น แมร่ บี ว่ิงเขา้ บ้านในท่ามกลางสายฝนทีต่ กแรง พลอยวางกับข้าวไว้บนโต๊ะอาหาร 3. กลุ่มคาสันธาน เช่น ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ตอ้ งไปใหท้ ันวันแข่ง เพราะเขาเปน็ คนสะเพร่า ดว้ ยเหตุผลนง้ี านของเขาจึงผิดพลาด 4. กลุม่ คาอุทาน เช่น ว้ายตายแลว้ ! รถชนกันเสยี งดังโครม อะไรกนั น่ี ! พวกเธอน้าสหี กเลอะเทอะใส่รปู ได้อยา่ งไร แหล่งทม่ี า : เรยี บเรียงมาจากหนังสือบรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม 3 หน้า 65-90 และหนงั สืออุเทศภาษาไทย หลกั ภาษาไทย : เร่ืองทค่ี รภู าษาไทยต้องรู้ หนา้ 93-101

430 คู่มอื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบงานท่ี 8 เรอ่ื ง การจาแนกกลมุ่ คาและแตง่ ประโยค หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรอื่ ง กระเชา้ สดี า แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 8 เร่อื ง กลมุ่ คาหรือวลี รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ ตอนท่ี 1 ใหน้ กั เรียนนากลุ่มคาทอี่ ยูใ่ นกรอบสเี่ หล่ยี มไปเติมในชอ่ งว่างให้สมั พันธ์กัน พ่ีปา้ นา้ อาป่ยู ่าตายาย ถ้ามิฉะนั้น ทา่ มกลางข้างใน ว่ิงออกกาลังกาย พุทโธเ่ อย๋ น่าเวทนาจรงิ ๆ มากมายเลยทเี ดยี ว ถงึ อยา่ งไรกแ็ ล้วแต่ พวกเราทง้ั หลาย ร่าเรงิ สนกุ สนาน 1. กลุ่มคานาม ได้แก่................................................................................................................... 2. กลุ่มคาสรรพนาม ไดแ้ ก่................................................................................................................... 3. กลมุ่ คากรยิ า ได้แก.่ .................................................................................................................. 4. กลุ่มคาวเิ ศษณ์ ไดแ้ ก่................................................................................................................... 5. กลุ่มคาบพุ บท ไดแ้ ก่................................................................................................................... 6. กลุ่มคาสันธาน ได้แก่................................................................................................................... 7. กลุ่มคาอุทาน ไดแ้ ก.่ .................................................................................................................. ตอนท่ี 2 ให้นักเรียนแตง่ ประโยค โดยนากลุ่มคาจากตอนที่ 1 มาแต่งประโยค อยา่ งนอ้ ย 5 ประโยค พรอ้ มขีดเส้นใตก้ ลมุ่ คานัน้ ด้วย ขอ้ ท่ี ประโยค ชื่อ....................................................นามสกลุ .................................................ช้ัน.............เลขที่............

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๓ เรอื่ ง กระเชา้ สีดา 431 เฉลยใบงานท่ี 8 เรอ่ื ง การจาแนกกลมุ่ คาและแตง่ ประโยค หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เร่อื ง กระเชา้ สดี า แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 8 เร่อื ง กลมุ่ คาหรือวลี รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ ตอนที่ 1 ใหน้ กั เรียนนากล่มุ คาทีอ่ ยู่ในกรอบสเ่ี หลีย่ มไปเติมในชอ่ งวา่ งใหส้ มั พนั ธก์ ัน พปี่ า้ น้าอาปยู่ า่ ตายาย ถา้ มฉิ ะนั้น ทา่ มกลางข้างใน วงิ่ ออกกาลังกาย พทุ โธ่เอย๋ นา่ เวทนาจรงิ ๆ มากมายเลยทเี ดียว เด็ก ๆ ทั้งหลาย พวกเราทงั้ หลาย ร่าเรงิ สนกุ สนาน 1. กลุ่มคานาม ได้แก่ พ่ปี ้าน้าอาปยู่ ่าตายาย, เด็ก ๆ ทั้งหลาย 2. กลุ่มคาสรรพนาม ไดแ้ ก่ พวกเราทัง้ หลาย 3. กลมุ่ คากริยา ไดแ้ ก่ วง่ิ ออกกาลงั กาย, ร่าเรงิ สนุกสนาน 4. กลุ่มคาวเิ ศษณ์ ไดแ้ ก่ มากมายเลยทเี ดียว 5. กลมุ่ คาบพุ บท ได้แก่ ท่ามกลางขา้ งใน 6. กลมุ่ คาสันธาน ไดแ้ ก่ ถ้ามฉิ ะนน้ั 7. กลมุ่ คาอุทาน ได้แก่ พุทโธเ่ อ๋ย น่าเวทนาจรงิ ๆ ตอนที่ 2 ให้นกั เรียนแตง่ ประโยค โดยนากลมุ่ คาจากตอนท่ี 1 มาแต่งประโยค อยา่ งนอ้ ย 5 ประโยค พร้อมขดี เสน้ ใต้กลมุ่ คาน้ันด้วย ข้อท่ี ตวั อย่างประโยค 1 เด็ก ๆ ทง้ั หลายชอบวงิ่ เล่นในสนามหญ้าเทียม 2 พอ่ ของฉันวง่ิ ออกกาลงั กายทุกเยน็ 3 เธอควรทางานใหเ้ สรจ็ ถ้ามิฉะน้นั จะไม่มงี านส่งอาจารย์ 4 พทุ โธ่เอย๋ นา่ เวทนาจรงิ ๆ แมวถูกรถชนตาย 5 รา้ นอาหารรา้ นนม้ี ขี องกินใหเ้ ลือกมากมายเลยทเี ดยี ว

432 คมู่ อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) สื่อสาหรบั ครู เพลง กลุ่มคาหรอื วลี คารอ้ ง ชลภกั ดิ์ คงกาเนิด ทานอง เพลงชา้ ง โรงเรียน วงั ไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์ รายวชิ า ภาษาไทย กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 วลี วลี วลี รจู้ ักวลหี รือเปลา่ วลี นน้ั งา่ ยไมเ่ บา มาเถิดพวกเรามาเรยี นกัน หลกั การจานน้ั ชา่ งงา่ ยดาย ความหมายคือคาเรียงกนั เรียกอกี ชอื่ ว่ากลุ่มคา วลี วลี วลี แตค่ วามหมายยงั ไม่สมบูรณ์ มี 7 ชนดิ จดจา ต้องเรยี บเรยี งให้เข้าใจ แตค่ วามหมายยังไม่สมบูรณ์

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ เรื่อง กระเชา้ สีดา ๔๓๓ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 9 เรือ่ ง ประโยคนั้นสาคญั ไฉน เวลา 1 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่ือง กระเช้าสีดา กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวช้ีวัด สาระท่ี 4 หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ ตัวช้วี ดั ป.๕/๒ จาแนกสว่ นประกอบของประโยค ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด ประโยค เป็นการนาคาหรอื กลุม่ คามาเรยี งต่อกันเพื่อให้ไดใ้ จความสมบูรณ์ ประกอบดว้ ยภาคประธาน และภาคแสดง ต้องรู้จักการวิเคราะห์ จาแนกโครงสร้างของประโยคให้ถูกต้อง จะทาให้การส่ือสารมีความ เข้าใจและได้ใจความสมบรู ณ์ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) บอกความหมายของประโยคได้ 3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) แต่งประโยคไดถ้ ูกตอ้ ง 3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ในการแต่งเรอื่ งต่าง ๆ ได้ ๔. สาระการเรียนรู้ ประโยค 2 ส่วน และประโยค 3 สว่ น ๕. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด ๖. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 ใฝ่เรียนรู้ 6.2 มงุ่ มน่ั ในการทางาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้

๔๓๔ คูม่ ือ การจดั กจิ กรรมการเรียนร รายวิชา ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 9 เร่อื ง ประโ ลาดับ ขอบเขตเน้ือหา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ กิจกรรมครู 1. ขอบเขตเน้อื หา ข้นั นา 5 1. ครูยกแถบประโยค 1. ความหมายของ นาที นกั เรียนอา่ น 1 ประโย ประโยค ตัง้ คาถามวา่ แถบน้เี ปน็ 2. การแตง่ ประโยค 2 หรอื ไม่ ถ้านักเรียนตอ ส่วนและประโยค 3 ประโยค สงั เกตจากอะ สว่ น 2. ครูนาคาในกรอบส ท่คี ละกนั ใหน้ ักเรยี นอ นก ยา่ ง ปลา กนิ บิน 3. ครใู ห้นกั เรยี นนาคาท ให้มาเรียงกันใหเ้ ปน็ ประ ใจความสมบรู ณ์ และมา ครู : นักเรียนเรียงกันไ ประโยค

อครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) รู้ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 3 เร่ือง กระเชา้ สีดา จานวน 12 ชว่ั โมง โยคน้ันสาคญั ไฉน จานวน 1 ชั่วโมง แนวการจดั การเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ การประเมิน กจิ กรรมนกั เรยี น การเรยี นรู้ คมาให้ 1. นกั เรยี นร่วมกนั อา่ นแถบ - คาถามอยู่ในสื่อ - สังเกตการตอบ ยคและ ประโยค และช่วยกนั ตอบวา่ PPT คาถามของ นกลุ่มคา เป็นกลมุ่ คาหรอื ประโยค อบวา่ เปน็ นักเรยี น ะไร สเ่ี หล่ียม 2. นกั เรียนอา่ นคาทก่ี าหนดให้ - บตั รคา อ่าน ดังน้ี แมว น เรว็ ทก่ี าหนด 3. นักเรียนนาคามาเรยี งตอ่ กนั ะโยคท่ีมี ใหเ้ ปน็ ประโยค ากทส่ี ุด ได้กี่ นักเรียน : 3 ประโยค ได้แก่ - คาถามอย่ใู นส่อื - สงั เกตการตอบ - นกบินเรว็ - แมวกนิ ปลายา่ ง PPT คาถามของ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook