หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๔ เร่อื ง ภาษาพัฒนาชวี ิต 631 ใบงานท่ี 9 เรอื่ ง การเขียนจดหมายถงึ พอ่ แม่ ญาติ หรือผปู้ กครอง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรือ่ ง ภาษาพัฒนาชวี ติ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 9 เร่อื ง การเขยี นจดหมายถึงพ่อแม่ ญาติ หรอื ผปู้ กครอง รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นเลือกเขียนจดหมายถึงพอ่ แม่ ผปู้ กครอง หรือญาติ ทเี่ คารพนับถอื ให้ถกู ตอ้ งตามรูปแบบของจดหมาย ชือ่ ....................................................นามสกลุ ................................................ช้ัน.................เลขท.ี่ ..............
632 คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวคาตอบใบงานที่ 9 เรอื่ ง การเขยี นจดหมายถงึ พอ่ แม่ ญาติ หรอื ผปู้ กครอง หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 เรอ่ื ง ภาษาพัฒนาชีวิต แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 9 เรอื่ ง การเขยี นจดหมายถงึ พอ่ แม่ ญาติ หรือผปู้ กครอง รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๕ คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเลือกเขยี นจดหมายถึงพอ่ แม่ ผู้ปกครอง หรือญาติ ท่ีเคารพนบั ถอื ให้ถกู ต้องตามรปู แบบของจดหมาย ตัวอย่างการเขียนจดหมายถึงคณุ ตา 102/5 บ้านหัวหนิ ต. หัวหนิ อ. หวั หนิ จ. ประจวบคีรขี นั ธ์ 77110 กราบเทา้ คณุ ตาท่ีเคารพรกั อย่างสูง 15 กันยายน 2564 เม่ือวันที่ 13 กันยายน 2564 ท่ีผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ จ.น่าน ที่น่ัน ทวิ ทัศน์สวยมากเลยครับ ผมจึงเขียนจดหมายมาหาคุณตา เพอื่ คุณตาจะไดห้ าเวลาว่างไปเท่ยี วบา้ ง คณุ ตาครบั ตอนน้ีผมเรยี นอยู่ชน้ั ป.5 แล้ว ผมยังจาคาสอนของคุณตาได้เสมอว่า ความมุ่งม่ันจะช่วยให้เราประสบความสาเรจ็ ผมจึงมุง่ มน่ั ต้ังใจเรยี นและเปน็ เด็กดี เพื่อจะไดป้ ระสบ ความสาเร็จในชวี ิต เมือ่ ช่วงสอบกลางภาคที่ผ่านมา ผมได้คะแนนร้อยละ 90.45 ผมดีใจมาก และ คณุ ครชู มว่า ผมมคี วามตั้งใจและพยายามดีมาก ขอใหผ้ มตัง้ ในเรียนแบบนต้ี ลอดไป ซึง่ ผมกจ็ ะตง้ั ใจ เรียนตอ่ ไป สุดท้ายน้ี ผมหวงั ว่าคณุ ตาคงมคี วามสขุ ดีนะครับ ดว้ ยความเคารพอยา่ งสงู (ศักรินทร์ ดาวเด่น)
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๔ เรือ่ ง ภาษาพัฒนาชีวติ ๖๓๓ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 10 เร่ือง การอธิบายความหมายโดยนัย เรือ่ ง ภาษาพฒั นาชีวติ เวลา 1 ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 5 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชีว้ ัด สาระที่ 1 การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความร้แู ละความคิดเพื่อนาไปใชต้ ดั สินใจ แก้ปญั หาในการดาเนิน ชีวิต และมีนิสยั รักการอา่ น ตัวชว้ี ดั ป.๕/๓ การอธบิ ายความหมายโดยนยั จากเร่อื งท่ีอา่ นอยา่ งหลากหลาย ๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด คาหรอื ข้อความหรอื เรื่องที่มีความหมายโดยนัย จะไม่ส่ือความหมายตรงตัวจากส่ิงที่เขียน ตอ้ งอาศัย การตคี วามจากคาหรอื บรบิ ท จึงจะเขา้ ใจความหมายหรือเจตนาของเนื้อความได้ ๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) บอกหลกั การอธบิ ายความหมายโดยนยั ได้ 3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) เขียนอธบิ ายความหมายโดยนยั ได้ 3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของคาในภาษาไทยทมี่ ีต่อการสอื่ สาร ๔. สาระการเรยี นรู้ คาท่มี ีความหมายโดยนยั ๕. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ๖. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - ใฝ่เรยี นรู้ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้
๖๓๔ คู่มือ การจดั กจิ กรรมการเรยี นร รายวชิ า ภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 เร แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 10 เรื่อง การอธบิ ลาดับ ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขนั้ ตอนการจดั เวลา แ ท่ี จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทใี่ ช้ กจิ กรรมครู 1. ขอบเขตเนอ้ื หา ขัน้ นา 5 1. ครยู กตัวอย่างคาปร 1. การอธิบาย ความหมายโดยนยั นาที ในสื่อ PPT เรือ่ ง กล้วย นักเรียนสงั เกตคาทข่ี ีด กลว้ ยนา้ ว้ารสชาติอร สุกจากเครอื นา่ กนิ นา้ ลาย ของกลว้ ยกล้วยเพยี งมดี ตัด ก็จะไดก้ ล้วยสดสดจากต้น 2. ครูตั้งคาถามชวนคดิ ข้อ 1. คาประพันธ์น้กี เรอ่ื งใด ขอ้ 2. คาท่ขี ดี เสน้ มีคว เหมอื นกนั หรอื ไม่ อย่า ขอ้ 3. นกั เรยี นคดิ วา่ ล ความหมายของทงั้ สอง อย่างไร
อครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) รู้ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ร่อื ง ภาษาพฒั นาชวี ิต จานวน 12 ชั่วโมง บายความหมายโดยนัย จานวน 1 ชัว่ โมง แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่ือการเรยี นรู้ การประเมนิ กิจกรรมนักเรียน การเรยี นรู้ ระพันธ์ 1. นกั เรยี นอา่ นคาประพันธใ์ น - คาประพันธ์ ย และให้ ส่อื PPT เร่ือง กล้วย และ เรื่อง กล้วย ดเสน้ ใต้ สงั เกตคาทีข่ ดี เสน้ ใต้ รอ่ ยเหลือ กล้วยนา้ วา้ รสชาตอิ ร่อยเหลอื - สงั เกตการตอบ ยไหล สกุ จากเครอื น่ากนิ น้าลายไหล คาถามของ ดอยา่ งฉบั ไว ของกล้วยกล้วยเพียงมดี ตดั อยา่ งฉบั ไว นกั เรยี น นเอย กจ็ ะได้กลว้ ยสดสดจากต้นเอย คด ดังนี้ 2. นกั เรยี นตอบคาถาม ดงั นี้ - คาถาม กลา่ วถึง ข้อ 1. ตอบ กล่าวถงึ กล้วย ขอ้ 2. ตอบ กลว้ ย (ผลไม)้ กบั วามหมาย กล้วย (งา่ ย ๆ) างไร ข้อ 3. ตอบ คาแรกมี ลักษณะ ความหมายตรงตามรปู ภาษา งคาเปน็ คาทสี่ องมคี วามหมายไมต่ รง กับรปู ภาษา
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๔ เร่อื ง ภาษาพัฒนาชวี ิต ลาดับ ขอบเขตเนอื้ หา/ ขน้ั ตอนการจัด เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ทีใ่ ช้ กิจกรรมครู 2. ขั้นสอน 25 3. ครพู ดู เช่ือมโยงว่า ว นาที เรียนเรื่อง การอธบิ าย ความหมายโดยนยั 1. ครูพดู อธบิ ายลกั ษณ คาท่ีมีความหมายโดยต โดยนัย และให้นกั เรยี น ความรู้ท่ี ๑0 เรอ่ื ง กา ความหมายโดยตรงและ ประกอบการอธบิ าย - ความหมายโดยตรง ความหมายที่ตรงไปตร ตวั หนังสือ - ความหมายโดยนัย ความหมายแฝงหรอื ม ความหมายโดยอ้อม ไ ตามตวั หนังสอื 2. ครูยกตัวอยา่ งคาท่มี ความหมายโดยตรงแล ความหมายโดยนยั มา 2 คา ได้แก่
๖๓๕ แนวการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ กจิ กรรมนักเรียน การเรียนรู้ วันน้จี ะ 3. นกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ - สังเกตการแสดง ย รว่ มกันและเข้าสบู่ ทเรยี น ความคิดเหน็ ของ นกั เรียน ณะของ 1. นักเรยี นฟงั ครูอธิบาย - ใบความรูท้ ี่ 10 ตรงและ ลกั ษณะของคาทม่ี ีความหมาย เรอ่ื ง การอธิบาย นอ่านใบ โดยตรงและโดยนยั และศึกษา ความหมาย ารอธิบาย จากใบความรทู้ ่ี 10 เรือ่ ง โดยนัย ะโดยนยั การอธิบายความหมายโดยตรง และโดยนยั ประกอบ การ ง เป็น อภปิ รายกลมุ่ รงมาตาม เป็น มี ไม่ตรง มี 2. นักเรียนแสดงความคิดเหน็ - ตัวอย่างคาท่ีมี ละคาทมี่ ี และสนทนารว่ มกนั กับครู ความหมาย าจานวน เก่ยี วกับตวั อยา่ งคาทมี่ ี โดยตรงและคาท่ี ความหมายโดยตรงและคาทม่ี ี มคี วามหมาย ความหมายโดยนัย โดยนยั
๖๓๖ คมู่ ลําดบั ขอบเขตเนอื้ หา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ กิจกรรมครู ท่ี จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ - หนิ กอ้ นนสี้ วยม - ข้อสอบชุดน้หี นิ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3. จากนั้นให้นกั เรยี นช วเิ คราะห์ความหมายข 1. บอกหลกั การ ประโยค โดยครูต้ังคําถ อธิบายความหมาย ครู : ประโยคใดมีคาํ ใด โดยนัยได้ ความหมายโดยตรง แล มีความหมายโดยนัย น แยกได้อยา่ งไร 4. เมือ่ นกั เรียนเขา้ ใจล คาํ ที่มคี วามหมายโดยต คาํ ทีม่ ีความหมายโดยน สามารถบอกความแตก คําไดแ้ ล้ว ครใู หน้ กั เรยี หลกั การอธบิ ายความห โดยนยั ได้ 5. ครอู ธิบายวิธีเลน่ เก หมวดหมูค่ ําทมี่ คี วามห โดยตรงและคําทมี่ คี วา
อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจดั การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมนิ กจิ กรรมนกั เรยี น การเรยี นรู้ มาก นมาก ชว่ ยกนั 3. นกั เรียนตอบคําถาม ดงั นี้ ของคําใน นักเรียน : ถ่านดาํ มี ถามวา่ ความหมายโดยตรง, ใจดํา มี ดท่มี ี ความหมายโดยนัย ซึ่งแยกได้ จากการพิจารณาความหมาย ละคําใด ของคาํ ทั้งสอง นกั เรยี น ลักษณะ 4. นกั เรียนชว่ ยกันสรปุ 1. ประเมนิ การ ตรงและ หลกั การอธิบายความหมาย สรุปหลกั การฯ นยั และ โดยนยั ได้ กตา่ งของ ยนสรุป หมาย กมจดั 5. นกั เรียนเลน่ เกมทาย หมาย ความหมายของคําท่มี ี ามหมาย ความหมายโดยตรงและคาํ ทีม่ ี
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ เร่ือง ภาษาพัฒนาชวี ิต ลาดบั ขอบเขตเนอื้ หา/ ขนั้ ตอนการจดั เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ทใ่ี ช้ กจิ กรรมครู โดยนยั เชน่ 3. 2. เขียนอธิบาย ขน้ั ปฏบิ ตั ิ 15 แกะดา, โม่งดา, เก ความหมายโดยนัยได้ นาที กานา้ , ซนเหมือนลิง, ล นกขมิน้ , เพชรสสี วย, ห หมูในเลา้ , หนอนบอ่ น แดง, ไฟเขยี ว, ดาวสภ นง่ั ลาบาก 6. ครูช้แี จงการทางาน นกั เรยี นทาใบงานที่ 1 การอธบิ ายความหมาย (ครูขึน้ กจิ กรรม : นักเร ใบงานที่ 10 การอธิบ ความหมายโดยนยั ) 4. 3. พิจารณาเรอ่ื งท่ี ข้ันสรปุ 7. ครูเฉลยใบงานท่ี 1 อา่ นและนาไปใช้ ให้นักเรยี นตรวจสอบร ประโยชนไ์ ด้ จากนนั้ สรุปกจิ กรรม 5 1. ครตู ั้งคาถามเพือ่ สร นาที ครู : การอธิบายความ ของคาท่ีมีความหมาย
แนวการจัดการเรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้ ๖๓๗ กจิ กรรมนักเรียน การประเมนิ ความหมายโดยนยั การเรียนรู้ ก้าอ้ี สส., ลงิ กงั , หมูในเลา้ , นไส,้ ผี ภา, ตกที่ น และให้ 6. นกั เรยี นทากจิ กรรมในใบ - ใบงานท่ี 2 2. ประเมนิ 10 เรอ่ื ง งานที่ 10 เร่อื ง การอธบิ าย เรื่อง การอธบิ าย การเขียนอธบิ าย ยโดยนยั ความหมายโดยนยั ความหมาย รยี นทา (นกั เรียนตน้ ทาง/ปลายทาง โดยนยั บาย ทาใบงานที่ 10 พรอ้ มกนั ) 10 และ 7. นกั เรยี นดเู ฉลยและตรวจใบ - สมดุ บนั ทกึ - สังเกตการตอบ รว่ มกนั งานไปพรอ้ มกัน จากนน้ั สรปุ คาถาม คาถามของ กิจกรรม นักเรยี น รปุ ดังน้ี มหมาย 1. นักเรยี นรว่ มกนั ตอบคาถาม ยโดยนัย ดงั นี้ นกั เรยี น : มลี กั ษณะการใช้คา
๖๓๘ คมู่ อื ลาดับ ขอบเขตเน้อื หา/ ข้นั ตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทใ่ี ช้ กจิ กรรมครู มีลักษณะการใช้คาอย 2. ครู : เร่ืองนส้ี ามารถ ปรบั ใช้ประโยชน์กบั เร บา้ ง
อครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจัดการเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมิน กิจกรรมนกั เรียน การเรยี นรู้ ย่างไร ท่สี าคญั ด้วยกนั 2 ข้อ คือ - สังเกต พฤตกิ รรม การเปิดดูความหมายจาก ของนักเรียน พจนานกุ รมหรือทา้ ยบทเรยี น (ประเมนิ ดา้ น A) และการดคู วามหมายจาก บริบทของประโยค ถนาไป 2. นกั เรยี น : สามารถนาไปใช้ รอื่ งใดได้ ประโยชนใ์ นเร่ือง การถอดคา ประพนั ธ์ การพดู เปรยี บเทียบ ในเชงิ สรา้ งสรรค์และมี ความหมายท่ีดตี ่อกัน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๔ เรือ่ ง ภาษาพฒั นาชวี ติ 639 8. สือ่ การเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ 1. คาประพนั ธ์เรอื่ ง กล้วย 2. ตวั อย่างคาที่มคี วามหมายโดยตรงและคาทีม่ ีความหมายโดยนยั 3. ใบความรู้ที่ 10 เรื่อง การอธบิ ายความหมายโดยนยั 4. ใบงานท่ี 10 เร่อื ง การอธบิ ายความหมายโดยนัย 5. สื่อ PPT เรอื่ ง การอธบิ ายความหมายโดยนยั 6. บตั รคา 9. การประเมนิ ผลรวบยอด ชิ้นงานหรือภาระงาน - ใบงานที่ 10 เรื่อง การอธิบายความหมายโดยนัย สงิ่ ทต่ี อ้ งการวดั / ประเมิน วธิ กี าร เครอ่ื งมอื ที่ใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) - พิจารณาการตอบ - บอกหลกั การอธบิ าย - คาถาม/ใบงาน ร้อยละ ๖๐ ความหมายโดยนัย คาถามของนกั เรยี น ข้นึ ไป ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P) - เขยี นอธิบายความหมาย - ตรวจใบงานท่ี 10 - แบบประเมินใบงานท่ี รอ้ ยละ ๖๐ โดยนยั เรื่อง การอธิบาย 10เรอ่ื ง การอธิบาย ข้นึ ไป ความหมายโดยนยั ความหมายโดยนัย ด้านคุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - พจิ ารณาเรอื่ งท่อี ่านและ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม รอ้ ยละ ๖๐ นาไปใชป้ ระโยชน์ นักเรียน ขึ้นไป คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มงุ่ มน่ั ในการทางาน นักเรียน อันพงึ ประสงค์ ผ่าน สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คณุ ภาพ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร นกั เรียน สาคญั ของผูเ้ รียน ผา่ น 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะ ชวี ติ
640 คมู่ ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑ์ประเมิน : การทาใบงานท่ี 10 เรอ่ื ง การอธิบายความหมายโดยนัย ประเดน็ ระดับคุณภาพ การประเมนิ ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) 1. การค้นหาคาที่มี ขดี เส้นใตค้ าทีม่ ี ขดี เสน้ ใต้คาท่ีมี ขดี เส้นใต้คาท่มี ี ขดี เสน้ ใต้คาท่ีมี ความหมายโดยนัย ความหมายโดยนยั ความหมายโดยนัย ความหมายโดยนัย ความหมาย ได้ถกู ตอ้ งทง้ั 10 ข้อ ได้ถูกต้อง 8-9 ขอ้ ได้ถกู ตอ้ ง 6-7 ข้อ โดยนยั ไดต้ า่ กว่า 6 ข้อ 2. การแตง่ แตง่ ประโยคโดยใช้คา แตง่ ประโยคโดยใช้ แตง่ ประโยคโดยใช้ แตง่ ประโยคโดย ประโยคคาทมี่ ี ทีม่ ีความหมายโดยนยั คาทม่ี ีความหมาย คาทีม่ คี วามหมาย ใชค้ าทีม่ ี ความหมายโดยนยั ไดถ้ ูกต้องทงั้ 10 โดยนยั ไดถ้ ูกต้อง โดยนยั ไดถ้ กู ต้อง ความหมาย ประโยค ตั้งแต่ 8-9 ตง้ั แต่ 6-7 โดยนัยได้ถกู ต้อง ประโยค ประโยค ตา่ กว่า 6 ประโยค หมายเหตุ : คา่ น้าหนกั ๕ คะแนน (คะแนนรวม 40 คะแนน หาร 2 จะได้ 20 คะแนน) เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑8-๒๐ ดมี าก 15-๑7 ดี ๑2-๑4 พอใช้ ตา่ กวา่ 12 ปรับปรงุ เกณฑ์การตัดสิน : ผา่ นเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป (ตอ้ งไดร้ ะดับพอใชข้ ึ้นไป)
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๔ เร่อื ง ภาษาพัฒนาชีวติ 641 แบบประเมนิ การทาใบงานที่ 10 เรอ่ื ง การอธบิ ายความหมายโดยนัย คาชแี้ จง ให้ครูผสู้ อนประเมนิ ผลการทางาน/ใบงาน โดยเขยี นคะแนน ลงในช่องที่กาหนดให้ ลาดบั ชื่อ - สกลุ คะแนน คดิ เปน็ สรปุ ผล ท่ี ที่ได้ รอ้ ยละ การประเมิน ๒๐ คะแนน ๑๐๐ ผ่าน ไม่ผา่ น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ รวม (คน) คิดเปน็ ร้อยละ ผลการประเมิน ดมี าก ..........คน คิดเปน็ ร้อยละ............... ดี ..........คน คิดเป็นรอ้ ยละ................ พอใช้ ..........คน คดิ เป็นร้อยละ............... ปรบั ปรงุ .........คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ............... สรปุ ผลการประเมนิ รายช้นั เรียน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ จานวน......................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ....................... นกั เรียนไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ จานวน......................... คน คิดเปน็ ร้อยละ....................... ลงชอื่ .................................................ผปู้ ระเมิน (..............................................) ........../..................../..........
642 คูม่ ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) 10. บันทึกผลหลังสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากัดการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ............. 11. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ ...................................................... ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. .............
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๔ เรอ่ื ง ภาษาพฒั นาชวี ิต 643 ใบความร้ทู ่ี 10 เรอ่ื ง การอธบิ ายความหมายโดยตรงและโดยนยั หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 เรือ่ ง ภาษาพฒั นาชีวติ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 10 เร่อื ง การอธิบายความหมายโดยนยั รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕ การใช้คาที่มคี วามหมายโดยตรงและโดยนัย คาในภาษาไทยบางคามีหลากหลายความหมายคาบางคาแม้มีความหมายตรงอยู่แล้ว แต่บางคร้ังอาจนามาใช้ในความหมายใหม่ซึ่งเป็นความหมายโดยนัย การท่ีจะว่าคานั้นมีความหมาย โดยตรงหรือโดยนยั น้นั ตอ้ งพจิ ารณาจากคาอ่ืน ๆ ในประโยคหรอื ข้อความที่อยใู่ กล้เคยี ง คาที่มีความหมายโดยตรง คือ คาที่มีความหมายอย่างตรงไปตรงมาตามตัวหนังสือ ตรง ตามเนื้อความหรือความหมายท่ีปรากฏ ในพจนานุกรม เป็นคาที่ใช้ทั่ว ๆ ไปทั้งการพูดและ การเขียน เม่ือฟังหรอื อ่านแลว้ เข้าใจได้ทันทีไมต่ อ้ งแปลความหรือตีความ คาที่มีความหมายโดยนัย คือ คาที่มีความหมายแฝงหรือมีความหมายโดยอ้อม ไม่ตรง ตามตัวหนังสือ เมื่อฟังหรืออ่านแล้วจะต้องตีความ เป็นเชิงเปรียบเทียบหรือมี ความเก่ียวโยงกับ ส่ิงอืน่ หรอื มคี วามหมายซอ่ นเรน้ อยใู่ นคา ตวั อย่างคาทมี่ คี วามหมายโดยตรงและโดยนัย คา ความหมายโดยตรง ความหมายโดยนัย ผ้ทู ่ีชอบทาอะไรความดเี พียงผวิ เผิน ผกั ชโี รยหน้า ผักชนดิ กล่นิ หอมนยิ มมาแต่งอาหาร ไม่เปดิ เผย ไม่ถูกกฎหมาย แสดงท่าทใ่ี หเ้ ขา้ ใจผดิ ใต้ดิน สิ่งท่วี างหรอื อาศัยอยตู่ า่ ลงไปในดนิ การกเุ รือ่ งขนึ้ มาเอง คนทที่ าหนา้ ทใ่ี ห้ผ้อู น่ื หลงเชื่อ สวมหนา้ กาก การนาสง่ิ อ่นื มาปดิ บงั ใบหนา้ ผทู้ ่ีทาไมเ่ หมอื นใคร (ทางไม่ดี) การเขา้ ข้าง สนบั สนนุ ยกเมฆ อาการกาลงั ยกขึ้นด้านบน ประพฤตินอกลูน่ อกทาง เปดิ เผยความลบั ทซ่ี อ่ น นกต่อ นกทม่ี ีไวส้ าหรับลอ่ นกตวั อื่น คนท่ีไม่มีประสบการณ์ อยากพูด แกะดา สัตว์ชนิดหนง่ึ ขนหยกิ มีเขา ยาก ถือหาง อาการกาลงั จบั ยก หยบิ นอกคอก อาการท่ีกาลงั อยดู่ า้ นนอก แบไต๋ อาการกาลงั กางมอื ออก ไกอ่ อ่ น ไก่ทย่ี ังมอี ายไุ มม่ าก คนั ปาก อาการทก่ี าลงั คนั หิน แร่ชนดิ หน่งึ
644 คู่มอื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) คา ความหมายโดยตรง ความหมายโดยนัย กล้วย หมู ไฟเขียว ผลไม้ สัตว์ ง่าย หนอนหนงั สอื แพะรบั บาป สญั ญาณจราจร อนญุ าต เหน็ ชอบ อนุมตั ิ เรอื จ้าง - คนทชี่ อบอ่านหนงั สือ ดาว ภาษาดอกไม้ - ผ้ทู ตี่ กเปน็ ผู้ตอ้ งหาและรับโทษแทนผู้ทา นกพริ าบ ผิดจริง ดาว ดา - ครู ขาว แกะดา ดวงดาว ในระบบสรุ ิยะจกั รวาล บุคคลทีเ่ ด่นในทางใดทางหนง่ึ เต่า กล้วย - พูดจาสภุ าพ นา่ ฟัง หมู หิน นกชนดิ หนึง่ สันติภาพ ขวากหนาม ดวงดาว คนท่กี าลังเจริญรงุ่ เรือง, โดดเด่น เพชร สดี า ส่งิ ช่วั ร้าย ส่งิ ไมด่ ี ต้มตุ๋น เก้าอี้ สีขาว ส่ิงทดี่ ี สงิ่ ทบี่ รสิ ทุ ธิ์ หวั โขน แกะทม่ี ขี นสีดา คนที่แปลกแยกแตกต่างจากคนอ่นื งูเหา่ ปลาไหล เต่า สัตวค์ ร่ึงบกครง่ึ นา้ คนทีท่ างานชา้ ดา ผลไม้ชนิดหนง่ึ เมื่อสุกมสี เี หลอื ง งา่ ย ๆ ไมย่ งุ่ ยาก สัตว์ชนิดหนง่ึ มสี ขี่ า ตัวอว้ นกลม งา่ ย ของแขง็ ท่ีประกอบดว้ ยแรช่ นดิ เดียวหรือ ยาก หลายชนิดรวมตวั กันอยู่ตามธรรมชาติ ส่วนทย่ี ่นื ออกมาจากก่ิงหรอื ใบ อปุ สรรค ช่ือแก้วทแ่ี ขง็ ที่สุดและมีนา้ แวววาว สิ่งทมี่ ีค่ามาก มากกว่าพลอยอนื่ ๆ วิธีการทาอาหารใหส้ กุ ต้องใชเ้ วลา หลอกลวง ที่สาหรบั นงั่ มีขาและพนกั พิง ตาแหน่ง รูปหวั ยักษ์ ลิง ทใ่ี ชส้ วมเวลาเล่นโขนหรือ บทบาทหน้าท่ี ละคร ชอื่ งูชนดิ หนึ่ง มพี ษิ รา้ ยแรง คนท่ีเลี้ยงไม่เชอื่ ง ชอบแว้งกัด ชือ่ ปลาชนดิ หนึง่ รปู ร่างกลมยาวและ คนกะล่อน ปล้นิ ปล้อน เคล่อื นที่คลา้ ยงู สดี า ความช่ัวร้าย
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๔ เรือ่ ง ภาษาพฒั นาชวี ติ 645 คา ความหมายโดยตรง ความหมายโดยนัย บา้ นเลก็ สุนขั จ้ิงจอก บา้ นที่มีขนาดเล็ก เมยี น้อย แพะ ขนตามลาตวั สเี ทาปนน้าตาล มขี นสน้ั คนเจา้ เลห่ ์ ลักษณะคล้ายอานม้าบรเิ วณไหล่ ปาก เตา่ แหลม หตู ง้ั แหลมตรง หางเป็นพวง เข้ยี ว และฟนั คมมาก กลางวนั มกั นอนอย่ใู นโพรง กา ดนิ ออกหากินในเวลากลางคืน กนิ เนื้อสตั ว์ หงส์ ชื่อสตั ว์เล้ยี งลูกด้วยนม เปน็ สตั ว์เค้ียว คนบรสิ ทุ ธทิ์ ่ถี ูกใสร่ ้าย ลงิ เอ้อื งกีบคู่ขนาดกลาง ขนลาตัวหยาบสี ดา ขาว หรอื นา้ ตาล มเี ขา ๑ คู่ กาฝาก แกง สัตว์เลือ้ ยคลาน มสี ่ีขา คอยาว ลาตัวสนั้ คนที่ทางานชา้ กนิ มกี ระดองหมุ้ กระดองมที ง้ั ทเ่ี ปน็ แผ่น นกขม้ิน เกล็ดแขง็ และทเี่ ปน็ แผ่นหนงั นกพิราบ - ชือ่ สัตวป์ กี ชนดิ หนงึ่ ขนสดี า คนต้อยตา่ คนจน - ภาชนะสาหรบั ใสน่ า้ รอ้ น - การทาเครอ่ื งหมายกากบาท นกในนิยายถือว่าเปน็ นกในตระกลู สงู คนสูงศกั ด์ิ คนฐานะร่ารวย ช่ือสตั ว์เลยี้ งลกู ด้วยนม ลกั ษณะคล้ายคน คนซุกซน แขนขายาว ตนี หน้าและตนี หลังใชจ้ บั เกาะได้ วอ่ งไว ชอบหอ้ ยโหนบนต้นไม้ ช่ือพชื ชนิดหนึ่งทอ่ี าศัยเกาะอยตู่ ามต้นไม้ คนทชี่ อบพงึ่ พงิ อาศยั คนอนื่ แต่ไมท่ า ดดู สารอาหารทจ่ี ากพรรณไมท้ ่อี าศยั อยู่ ประโยชน์ กับข้าวประเภททเี่ ปน็ น้า มีชอ่ื ตา่ ง ๆ โกหก หลอกให้เชือ่ ตามวธิ ปี รุงและเครอ่ื งปรุง เช่น แกงจดื แกงเผ็ด แกงสม้ รบั ประทาน ฉ้อราษฎรบ์ งั หลวงหรอื คอรปั ชัน เช่น กนิ งบประมาณแผ่นดิน น่ังกนิ ท่ี ชือ่ นกชนดิ หน่งึ ตัวเท่านกเอ้ียง มหี ลายสี คนเรร่ อ่ น ไม่มที ี่อยู่อาศัยเปน็ หลกั แหลง่ เช่น เหลอื ง แดง ฟ้า ชอ่ื นกขนาดกลาง รปู รา่ งคลา้ ยนกเขา คนส่งสาร แตถ่ ้าเปน็ พริ าบขาว จะ แต่ขนาดใหญก่ วา่ ส่วนใหญ่ตัวสเี ทาอม หมายถงึ สันติภาพ ฟ้า อาศยั อยู่เป็นฝงู ทารงั แบบงา่ ย ๆ ตามซอกอาคารด้วยกิง่ ไม้ขนาดเลก็
646 คูม่ อื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ตัวอย่างการใชค้ าท่มี ีความหมายโดยนัย ๑. งานช้ินน้เี ป็นงานกลว้ ย ๆ สาหรับฉัน (คาว่า “กล้วย” ในทีน่ มี้ คี วามหมายโดยนยั วา่ ง่ายมาก) ๒. เดก็ คนนเี้ ป็นเด็กหัวออ่ นจงึ ถูกชกั จงู จากเพอ่ื นคนอื่นได้โดยงา่ ย (คาว่า “หัวอ่อน” ในที่น้มี ีความหมายโดยนัยวา่ ว่างา่ ยสอนงา่ ย) ๓. สดุ าแต่งตวั ดว้ ยเส้ือผ้าฉดู ฉาด เหมือนกาคาบพรกิ (คาว่า “กาคาบพรกิ ” ในทน่ี มี้ ีความหมายโดยนยั ว่าคนผวิ ดาแต่งตวั ดว้ ยเสื้อผ้าสีแดง) กระทรวงศกึ ษาธิการ. ๒๕๔๑. ค่มู ือการสอนภาษาไทยชนั้ ประถมศึกษาที่ ๕-๖. กรงุ เพทฯ : โรงพมิ พ์องคก์ ารค้าคุรสุ ภา
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ เรือ่ ง ภาษาพฒั นาชีวิต 647 ใบงานที่ 10 เรือ่ ง การอธิบายความหมายโดยนัย หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เร่อื ง ภาษาพฒั นาชวี ติ แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 10 เรอ่ื ง การอธบิ ายความหมายโดยนยั รายวชิ า ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕
648 คู่มอื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ชื่อ....................................................นามสกลุ ................................................ช้นั .................เลขท.่ี ..............
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๔ เรอื่ ง ภาษาพฒั นาชีวติ 649 แนวคาตอบใบงานที่ 10 เรอื่ ง การอธบิ ายความหมายโดยนัย หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เรอื่ ง ภาษาพฒั นาชีวติ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10 เร่ือง การอธิบายความหมายโดยนัย รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ ดาว คนสวยทาอะไรก็ดูดเี ปน็ ดาวไปหมด ตา่ งจากเราที่เปน็ เหมอื นอีกา เพชร พ่ชี ายของฉันเข้าสอบแขง่ ขันชงิ ทุนการศกึ ษาโครงการเพชรในตม เปร้ยี ว ดาราวัยรุน่ บางคนแต่งตัวเปรย้ี วมาก เกา้ อี้ เลือกตงั้ สมยั หนา้ พวก ส.ส. คงอยากได้เกา้ อี้เปน็ ของตนเองมาก ข้ึน
650 คู่มอื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เสอ้ื โหล เธออยา่ ใสเ่ สื้อโหลสิ ดูไมท่ นั สมัยเลย นกขมิ้น เดก็ ชายยากจนคนน้ันค่าไหนนอนน่ันเหมอื นนกขมิ้นเลย หนิ ข้อสอบวิชาภาษาไทยปนี ไ้ี มค่ อ่ ยหินเลย ทาได้สบายมาก กล้วย ๆ การทาขา้ วผัดหมเู ปน็ เรื่องกลว้ ย ๆ สาหรบั แม่ของฉันไป แล้ว เด็ด ชายหนมุ่ คนนม้ี ีวลีเด็ดพิชติ ใจสาว ๆ ตลอด อาบนา้ ร้อน ปู่อาบนา้ รอ้ นมาก่อนหลาน จงึ แนะนาหลานได้ถูกวิธี แหลง่ ทม่ี าของใบงาน : จากโครงการสื่อ 60 พรรษา
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๔ เรอ่ื ง ภาษาพัฒนาชวี ติ ๖๕๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 11 เรื่อง การวเิ คราะหเ์ ร่ืองท่ฟี งั และดจู ากสือ่ ตา่ ง ๆ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 เรอื่ ง ภาษาพฒั นาชีวติ เวลา 1 ช่วั โมง กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ัด สาระท่ี 3 การฟงั การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรูส้ กึ ใน โอกาสต่าง ๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตวั ช้วี ัด ป.๕/๓ วเิ คราะหค์ วามนา่ เช่อื ถือจากเรือ่ งท่ีฟงั และดอู ย่างมเี หตุผล ป.๕/๕ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด ๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การฟงั และดูส่ือต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวัน ผ้รู บั สารต้องจบั ใจความ วเิ คราะห์ความนา่ เชื่อถือ ร้จู กั แสดง ความคิดอย่างมีเหตุผล สามารถบอกคุณค่าประโยชน์ข้อคิด ความรู้และกลวิธีต่าง ๆ ที่ได้จากการฟัง การดู ไปใช้ในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวัน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) บอกหลกั การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถอื จากเรอื่ งทฟี่ ังและดูจากสอ่ื ตา่ ง ๆ ได้ 3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) วิเคราะห์ความน่าเชอ่ื ถอื จากเร่อื งท่ฟี ังและดูได้ 3.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A) มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู ๔. สาระการเรยี นรู้ การวเิ คราะห์เร่ืองที่ฟังและดจู ากสอ่ื ตา่ ง ๆ ๕. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต ๖. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1 ใฝเ่ รยี นรู้ 6.2 มุ่งมน่ั ในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้
๖๕๒ คมู่ การจดั กจิ กรรมการเรยี นร รายวิชา ภาษาไทย หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เร แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 11 เรื่อง การวเิ คราะหเ์ ลําดบั ขอบเขตเนอื้ หา/ ขัน้ ตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรียนรู้ ทใี่ ช้ กจิ กรรมครู 1. ขอบเขตเนอ้ื หา - การวเิ คราะห์เรอื่ ง ข้ันนาํ 5 1. ครูให้ตัวแทนอาสาสมัค ท่ีฟังและดจู ากส่อื นาที นกั เรยี น 1 คนออกมาเลา่ ตา่ ง ๆ หรอื เหตกุ ารณ์ที่น่าสนใจใ ฟัง 1 เร่อื ง 2. ครูตัง้ คําถามกระตุ้นคว สนใจ ดังนี้ ครู : เรอื่ งนี้ กล่าวถึงอะไร ครู : มแี หลง่ ทมี่ าหรือไม่ ครู : เรื่องน้มี ีความน่าเชื่อถ หรือไม่ อยา่ งไร 3. ครูเปิดคาํ ถามแสดงคว คิดเหน็ ของนักเรียน ดังนี้ ครู : นักเรยี นวเิ คราะหแ์ ล ความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั เหตุก ไดอ้ ยา่ งไร
ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) รู้ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 รอื่ ง ภาษาพฒั นาชวี ติ จํานวน 12 ช่วั โมง เรือ่ งทฟี่ งั และดูจากส่อื ต่าง ๆ จาํ นวน 1 ชว่ั โมง แนวการจดั การเรียนรู้ ส่อื การเรยี นรู้ การประเมิน - ขา่ ว การเรยี นรู้ กจิ กรรมนกั เรยี น - คาํ ถาม - สงั เกต คร 1. นักเรยี นตัวแทนอาสาสมัคร การตอบคาํ ถาม าข่าว ออกมาเล่าเรือ่ งหรือเหตุการณ์ 1 ของนักเรียน ใหเ้ พ่อื น เรอื่ ง ให้เพอ่ื น ๆ ในห้องเรียนทงั้ ต้นทางและปลายทางฟังพร้อมกัน วาม 2. นักเรยี นตอบคาํ ถามของครู ร เชน่ นกั เรียน : เร่อื งนี้เกี่ยวขอ้ งกับ....... ถือได้ นกั เรยี น : น่าเชื่อถือ เพราะ........... ไม่น่าเชอื่ ถอื เพราะ........................ วาม 3. นกั เรียนแสดงความคดิ เห็น - คําถามนาํ เขา้ - สงั เกต ละแสดง จากคําถามของครู ดังนี้ เช่น สกู่ ารแสดง การแสดง การณ์นี้ นกั เรยี น : แสดงความคิดเห็น ความคิดเห็น ความคิดเห็น ร่วมกันกับครูเกย่ี วกบั เหตกุ ารณท์ ี่ ของนกั เรียน ฟัง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๔ เร่อื ง ภาษาพัฒนาชีวิต ลาํ ดบั ขอบเขตเน้อื หา/ ขน้ั ตอนการจดั เวลา แ ท่ี จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทใ่ี ช้ กิจกรรมครู 2. ขน้ั สอน 25 4. ครูพดู แสดงความคิดเห นาที ท้ายและเชื่อมโยงเขา้ ส่เู นอ้ื บทเรียน 1. ครูต้งั คาํ ถามชวนคดิ วิเค ครู : ถา้ นักเรยี นจะวิเคราะห เรอื่ งราวที่ฟังและดจู ากส่ือต นกั เรียนจะมีหลกั การวเิ ครา อยา่ งไร จดุ ประสงค์ 2. จากน้นั ครพู ดู อธบิ ายห การเรียนรู้ วิเคราะหเ์ รอื่ งท่ฟี งั และดูจ 1. บอกหลกั การ ต่าง ๆ ให้นกั เรยี นฟงั วา่ เร วเิ คราะหค์ วาม หลักการวเิ คราะห์เรอ่ื งท่ีฟ นา่ เชื่อถือจากเร่ืองที่ เพ่ือพจิ ารณาว่าเรื่องนั้นมคี ฟงั และดจู ากส่อื นา่ เช่อื ถอื หรือไม่ มากนอ้ ย ตา่ ง ๆ ได้ 3. เมอ่ื นักเรยี นเร่มิ เข้าใจแ จงึ ให้นักเรยี นช่วยกันสรุปห วิเคราะหค์ วามน่าเชือ่ ถือจ ทฟี่ งั และดูจากสือ่ ต่าง ๆ จ ความรทู้ ี่ ๑๑
แนวการจดั การเรยี นรู้ ส่ือการเรยี นรู้ ๖๕๓ กิจกรรมนกั เรยี น การประเมนิ การเรียนรู้ หน็ สรปุ 4. นกั เรียนเขา้ สูบ่ ทเรียน อหาใน คราะหว์ ่า 1. นักเรียนตอบคาํ ถามครู ดงั นี้ - คําถาม - สังเกต ห์ นักเรยี น : วิเคราะห์ความ การตอบคาํ ถาม ต่าง ๆ นา่ เช่ือถอื และดปู ระโยชน์จาก ของนกั เรียน าะห์ เร่อื งท่ฟี ังและดวู ่าใหป้ ระโยชน์ หลักการ 2. นักเรียนแสดงความคดิ เห็น จากสอ่ื และสนทนาร่วมกนั กบั ครู ราควรมี ฟงั และดู ความ ยเพียงใด แลว้ ครู 3. นกั เรียนชว่ ยกันสรุปหลกั การ - ใบความรทู้ ี่ 1. ประเมนิ หลกั การ วิเคราะหค์ วามน่าเชอ่ื ถอื จากเร่อื ง 11 เรื่อง การ การสรุป จากเรอื่ ง ท่ีฟงั และดูจากส่ือต่าง ๆ ได้ จาก วเิ คราะหเ์ ร่อื งที่ หลักการ จากใบ ใบความรทู้ ่ี ๑๑ ฟงั และดูจากสือ่ ตา่ ง ๆ
๖๕๔ คู่มือ ลาดบั ขอบเขตเนอื้ หา/ ข้ันตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กจิ กรรมครู 3. มีมารยาทใน 4. ครูให้นักเรียนดูคลปิ วิด การฟัง การดู และ โฆษณาและต้งั ประเดน็ คา การพูด เพือ่ ให้นกั เรยี นทากจิ กรรม ครู : สือ่ โฆษณาน้ีคืออะไร ครู : ส่อื โฆษณานี้เช่ือถอื ได ครู : นกั เรียนคดิ ว่าคลปิ วดิ โฆษณาดังกลา่ วมจี ุดมงุ่ หม อย่างไร 3. 2. เขียนอธิบาย ข้ันปฏบิ ัติ 15 5. ครูชีแ้ จงการทางานใหน้ ความหมายโดยนัยได้ นาที ฟงั และให้นักเรยี นทาใบงา เรื่อง การวเิ คราะห์ความ น่าเชือ่ ถือจากเร่อื งท่ีฟงั แล สื่อต่าง ๆ (ครขู ้ึนกจิ กรรม : นกั เรยี น กิจกรรมในใบงานท่ี ๑๑ การวเิ คราะหค์ วามนา่ เชอ่ื เรือ่ งท่ฟี งั และดจู ากส่ือต่าง
อครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจดั การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมนิ กิจกรรมนกั เรยี น การเรียนรู้ ดโี อสอ่ื 4. นกั เรยี นฟงั และดูคลปิ วิดีโอสอ่ื 3. สงั เกต าถาม โฆษณา พฤติกรรม ม ดงั นี้ ของนกั เรยี น ร ดห้ รอื ไม่ ดีโอ มาย นกั เรียน 5. นักเรยี นทาใบงานท่ี 11 เร่อื ง - ใบงานที่ 11 2. ประเมิน านท่ี 11 การวเิ คราะห์ความนา่ เช่อื ถือจาก การวเิ คราะห์ การเขยี น ความนา่ เชอ่ื ถือ อธบิ าย เร่ืองท่ีฟงั และดจู ากส่ือตา่ ง ๆ จากเรอื่ งท่ีฟัง ละดจู าก และดจู ากส่อื ต่าง ๆ นทา (นักเรยี นตน้ ทาง/ปลายทาง อถอื จาก ทาใบงานที่ ๑๑ พรอ้ มกัน) ง ๆ)
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๔ เรือ่ ง ภาษาพฒั นาชวี ติ ลาดับ ขอบเขตเนือ้ หา/ ขน้ั ตอนการจัด เวลา แ ท่ี จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทใี่ ช้ กจิ กรรมครู 6. ครูเฉลยใบงานที่ 10 น ตรวจสอบร่วมกนั จากนั้น กิจกรรม 4. ขนั้ สรุป 5 1. ครูตัง้ คาถามเพ่อื สรปุ ด นาที ครู : การวเิ คราะหค์ วามน ของสื่อตา่ ง ๆ มีประโยชน 2. ครู : เรื่องนส้ี ามารถนา ใช้ประโยชนก์ ับเรอื่ งใดไดบ้
๖๕๕ แนวการจดั การเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมิน กจิ กรรมนกั เรียน การเรยี นรู้ นักเรียน 6. นกั เรยี นดเู ฉลยและตรวจใบ - สงั เกต นสรปุ งานไปพรอ้ มกนั จากน้นั สรุป การตอบคาถาม ของนกั เรียน กิจกรรม ดงั นี้ 1. นกั เรยี นร่วมกนั ตอบคาถาม ดงั นี้ - สือ่ PPT น่าเชื่อถอื นักเรียน : ทาให้ไมห่ ลงเช่ือส่อื ตา่ ง สรปุ ความรู้ นอ์ ย่างไร ๆ มากเกนิ ไป และมสี ติในการฟงั มากขน้ึ าไปปรบั 2. นักเรยี น : สามารถนาไปใช้ใน บ้าง เรอ่ื งการวเิ คราะหค์ วามนา่ เชื่อถอื ของเรอ่ื งทฟี่ งั และดู เชน่ ข่าว โฆษณา
656 คมู่ อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) 8. ส่อื การเรียนร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 1. คลิปโฆษณา 1 เรอ่ื ง 2. ใบความรู้ที่ 10 เร่ือง การวเิ คราะห์ความนา่ เช่อื ถอื จากเรอื่ งท่ีฟงั และดจู ากส่ือต่าง ๆ 3. ใบงานที่ 10 เรื่อง การวเิ คราะห์ความนา่ เชอ่ื ถอื จากเรอ่ื งทฟี่ งั และดูจากสื่อต่าง ๆ 4. ส่ือ PPT เร่อื ง การวเิ คราะห์ความน่าเช่ือถอื จากเรื่องที่ฟงั และดูจากส่ือต่าง ๆ 5. ตัวอยา่ งข่าว 9. การประเมนิ ผลรวบยอด ช้ินงานหรือภาระงาน - ใบงานที่ 10 เรอื่ ง การวเิ คราะห์ความนา่ เชื่อถือจากเร่อื งทฟ่ี งั และดจู ากสื่อตา่ ง ๆ ส่งิ ที่ต้องการวัด / ประเมนิ วิธีการ เครื่องมือท่ใี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) - พิจารณาการตอบ - คาถาม/ใบงาน รอ้ ยละ ๖๐ - บอกหลกั การวิเคราะห์ความ คาถามของนกั เรยี น ข้นึ ไป นา่ เชอื่ ถือจากเรื่องที่ฟงั และดู จากสอื่ ตา่ ง ๆ ด้านทักษะและกระบวนการ (P) - ตรวจใบงานท่ี 11 - แบบประเมินใบงานท่ี รอ้ ยละ ๖๐ - เขยี นอธิบายความหมาย เรื่อง การวิเคราะห์ความ 10เรอื่ ง การวเิ คราะห์ ขึ้นไป โดยนัย น่าเชอื่ ถือจากเรอ่ื งท่ฟี งั ความนา่ เช่ือถือจากเรอ่ื งที่ และดจู ากสื่อต่าง ๆ ฟังและดจู ากสื่อตา่ ง ๆ ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม รอ้ ยละ ๖๐ คา่ นยิ ม (A) นกั เรียน ขึน้ ไป - มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 1. ใฝ่เรยี นรู้ นักเรยี น คณุ ลกั ษณะอันพึง ผ่าน 2. มงุ่ มัน่ ในการทางาน ประสงค์ สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดับคณุ ภาพ 1. ความสามารถในการส่อื สาร นกั เรียน สาคญั ของผูเ้ รียน ผา่ น 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะ ชวี ิต
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ เร่อื ง ภาษาพฒั นาชีวติ 657 เกณฑ์ประเมิน : การวิเคราะห์ความนา่ เช่อื ถอื จากเรือ่ งท่ฟี ังและดจู ากส่อื ตา่ ง ๆ ประเดน็ ระดับคุณภาพ การประเมนิ ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรงุ ) 1. การวิเคราะห์ วิเคราะหท์ กุ ประเดน็ วิเคราะหท์ ุกประเด็น วิเคราะหบ์ างประเดน็ วิเคราะหบ์ าง ความน่าเช่ือถือ ได้ถกู ตอ้ ง อธิบาย ได้ อธบิ ายตรง ได้ อธบิ ายตรง ประเด็น อธิบาย จากเรือ่ งทฟี่ ัง ตรงประเดน็ และ ประเด็นร้อยละ ๘๐ ประเด็นร้อยละ ๖๐ ตรงประเดน็ รอ้ ยละ และดู ยกตัวอย่างประกอบ และยกตัวอยา่ ง และไมย่ กตัวอย่าง ๔๐ และไม่ สอดคล้องกบั เร่ือง ประกอบไดบ้ างสว่ น ประกอบ ยกตัวอย่าง ประกอบ 2. การใชเ้ หตผุ ล มีเหตมุ ีผล และยก มีเหตมุ ีผล และยก ตัวอยา่ งประกอบ ขาดการยก ในการวเิ คราะห์ ตวั อยา่ งประกอบ ตวั อยา่ งประกอบ การอธบิ ายเหตผุ ล ตวั อย่างประกอบ ส่อื การอธิบายเหตผุ ล การอธบิ ายเหตผุ ล ไดเ้ พยี งเลก็ นอ้ ย การอธบิ าย ไดเ้ ข้าใจชดั เจน ได้เข้าใจเป็นบางส่วน หมายเหตุ : ค่านา้ หนักขอ้ ละ ๕ คะแนน (คะแนนรวม 40 คะแนน หาร 2 จะได้ 20 คะแนน) เกณฑก์ ารประเมินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ๑8-๒๐ ดีมาก 15-๑7 ดี ๑2-๑4 พอใช้ ต่ากว่า 12 ปรับปรงุ เกณฑก์ ารตดั สิน : ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ขนึ้ ไป (ต้องไดร้ ะดบั พอใช้ขนึ้ ไป)
658 คมู่ อื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แบบประเมนิ การวิเคราะหค์ วามนา่ เชือ่ ถือจากเรอ่ื งทฟ่ี ังและดูจากสอ่ื ตา่ ง ๆ คาชี้แจง ให้ครูผสู้ อนประเมินผลการทางาน/ใบงาน โดยเขยี นคะแนน ลงในชอ่ งท่ีกาหนดให้ ลาดับ ชื่อ - สกุล คะแนน คิดเป็น สรปุ ผล ที่ ทไ่ี ด้ รอ้ ยละ การประเมิน ๒๐ คะแนน ๑๐๐ ผา่ น ไม่ผ่าน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ รวม (คน) คดิ เปน็ ร้อยละ ผลการประเมนิ ดมี าก ..........คน คดิ เป็นรอ้ ยละ............... ดี ..........คน คิดเป็นรอ้ ยละ................ พอใช้ ..........คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ............... ปรับปรงุ .........คน คดิ เป็นร้อยละ............... สรุปผลการประเมนิ รายช้นั เรียน นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ จานวน......................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ......................... นกั เรียนไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน จานวน......................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ......................... ลงชอื่ .................................................ผปู้ ระเมนิ (..............................................) ........../..................../..........
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ เรอ่ื ง ภาษาพฒั นาชวี ติ 659 10. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเรจ็ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากัดการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ......................................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. ............. 11. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ...................................................... ผ้ตู รวจ (.......................................................) วนั ที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. .............
660 คมู่ อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบความรู้ท่ี 11 เรอื่ ง การวเิ คราะหเ์ รอื่ งทฟี่ ังและดจู ากสอ่ื ต่าง ๆ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร่อื ง ภาษาพฒั นาชวี ิต แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 11 เรอ่ื ง การวิเคราะห์เร่อื งท่ฟี งั และดูจากสื่อตา่ ง ๆ รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕ การวิเคราะหเ์ รอ่ื งทฟ่ี งั และดู ประเภทเรอ่ื งที่ฟังและดู ในชวี ติ ประจาวนั ซึ่งอาจสรปุ ประเภทได้ ดงั น้ี 1. สื่อโฆษณา จะเป็นการส่ือให้คลอ้ ยตาม อาจไม่สมเหตุสมผล ผู้ฟังตอ้ งพจิ ารณาไตร่ตรองก่อนซ้ือ 2. สอ่ื เพือ่ ความบันเทิง เช่น เพลง, เรื่องเลา่ ซ่ึงอาจมีการแสดงประกอบด้วย ผู้ฟัง/ดูต้องระมัดระวัง ใช้วจิ ารณญาณประกอบการตัดสินใจกอ่ นที่จะซอื้ หรือทาตาม 3. ข่าวสาร ผู้ฟัง/ดู ต้องรู้จักแหล่งข่าว ผู้นาเสนอข่าว การจับประเด็น ความมีเหตุมีผล รู้จัก เปรยี บเทยี บเนอ้ื หาจากท่ีมาของขา่ วหลาย ๆ แหง่ เปน็ ต้น 4. ปาฐกถา เนื้อหาประเภทน้ีผู้ฟังต้องมีสมาธิเพ่ือจับประเด็นสาคัญให้ได้ และก่อนตัดสินใจเช่ือหรือ นาข้อมูลส่วนใดไปใชป้ ระโยชนต์ ้องมีความร้พู ื้นฐานในเร่อื งนน้ั ๆ อยู่บ้าง 5. สุนทรพจน์ สื่อประเภทนส้ี ว่ นใหญจ่ ะไมย่ าว และมใี จความที่เข้าใจง่าย ชัดเจน แต่ผูฟ้ งั จะตอ้ งรจู้ ัก กลนั่ กรองสง่ิ ที่ดีไปเป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิ แนวทางการฟงั และดอู ย่างสรา้ งสรรค์ 1. เข้าใจความหมายของคา สานวนประโยคและข้อความทบ่ี รรยายหรอื อธิบาย 2. เข้าใจลักษณะของข้อความว่ามีใจความสาคัญของเรื่อง ท่ีเป็นความคิดหลัก ซึง่ มักตรงกับหัวข้อ เรื่อง 3. รจู้ กั ประเภทของเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู ต้องแยกข้อเท็จจรงิ ข้อคดิ เหน็ ของเรอ่ื ง/ขา่ ว 4. ตีความในเรือ่ งได้ตรงตามจุดประสงค์ของผู้เลา่ /ผู้เขียน บางคนต้องการให้ความรู้ บางคนต้องการ โน้มน้าวใจ ผฟู้ ังและดตู ้องรู้จุดประสงค์ของเร่อื งให้ได้ เพอื่ จะได้จบั ใจความสาคญั ได้ 5. ตง้ั ใจฟงั และดูให้ตลอดเรือ่ ง พยายามทาความเข้าใจใหต้ ลอดเรอ่ื ง ยิ่งเร่อื งยาวสลับซับซ้อนย่งิ ตอ้ ง ต้ังใจเป็นพิเศษและพยายามจับประเด็นหวั เรื่อง 6. สรุปใจความสาคัญ ข้นั สุดท้ายของการฟังและดูเพอ่ื จับใจความสาคัญก็คือสรปุ ให้ได้วา่ เร่ืองอะไร ใคร ทาอะไร ทีไ่ หน เมือ่ ไร อย่างไร การสรปุ การฟังและการดู – รจู้ ดุ มุง่ หมายของสารทดี่ ูและฟงั นน้ั – รับฟังและดอู ย่างตงั้ ใจและทาความเข้าใจ – รูจ้ ักสรปุ และเลอื กนาไปใช้ประโยชน์ กระทรวงศึกษาธกิ าร. ๒๕๓๘. หนังสือเรียนภาษาไทยชุดพ้ืนฐานภาษาชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พอ์ งค์การคา้ ครุ ุสภา.
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๔ เรอ่ื ง ภาษาพัฒนาชีวติ 661 ใบงานท่ี 11 เรอ่ื ง การวเิ คราะหเ์ รอ่ื งทฟ่ี งั และดูจากสื่อตา่ ง ๆ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง ภาษาพัฒนาชีวติ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11 เรอื่ ง การวิเคราะหเ์ ร่อื งท่ฟี งั และดูจากสือ่ ตา่ ง ๆ รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนฟังและดูโฆษณาจากสอ่ื ต่าง ๆ ที่สนใจ 1 เรื่อง และวเิ คราะห์ตามหัวขอ้ ท่ีกาหนดให้ โฆษณานา่ สนใจซื้อสินค้าหรอื ไม่ เพราะอะไร โฆษณานีข้ ายเกยี่ วกับอะไร ........................................................................... ....................................................... ........................................................................... ....................................................... ........................................................................... ................ ......... ชอ่ื โฆษณา ......................................................... ......................................................... ............ การใชภ้ าษาเป็นอย่างไร โฆษณาน่าเชือ่ ถอื หรือไม่ เพราะอะไร .......................................................... .............................................................. .......................................................... .............................................................. .......... .............................................................. ข้อคดิ ที่ได้รบั คอื อะไร ... ........................................................... ........................................................... ........................................................... ............ ชื่อ.....................................................นามสกลุ ...............................................ชนั้ .................เลขท.่ี ..............
662 คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวคาตอบใบงานท่ี 11 เรอื่ ง การวิเคราะหเ์ รอื่ งทฟี่ ังและดูจากสอ่ื ตา่ ง ๆ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 4 เร่อื ง ภาษาพัฒนาชวี ติ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 11 เรื่อง การวเิ คราะห์เรอื่ งที่ฟงั และดูจากสอ่ื ตา่ ง ๆ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕ คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนฟงั และดูโฆษณาจากส่อื ตา่ ง ๆ ท่ีสนใจ 1 เรอื่ ง และวเิ คราะห์ตามหัวขอ้ ที่กาหนดให้ โฆษณานา่ สนใจซอ้ื สนิ ค้าหรอื ไม่ เพราะอะไร โฆษณาน้ีขายเกี่ยวกบั อะไร น่าสนใจ เพราะไม่ราคากบั คณุ ภาพมีความ ผลติ ภัณฑซ์ ักผา้ “ผงซกั ฟอก” ใกล้เคยี งกัน และนาเสนอสีสนั สวยงาม น่าสนใจ ช่ือโฆษณา ผงซักฟอก “ไฮไลท์” ขาวหมดจด การใชภ้ าษาเป็นอยา่ งไร โฆษณาน่าเชอ่ื ถือหรอื ไม่ เพราะอะไร ใช้ภาษาโน้มน้าวใจเพ่อื ให้คล้อยตาม ไม่น่าเชอ่ื ถือ เพราะเนื้อหาของโฆษณา กลา่ วเกินจรงิ ตรงคาว่า “ขาวหมดจด” ข้อคดิ ทไ่ี ด้รบั คอื อะไร ควรเลือกซื้อสินคา้ ทม่ี คี ณุ ภาพ ซ่งึ เปน็ ไปไม่ได้ ไม่โฆษณาเกนิ จรงิ ราคาเหมาะสม
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๔ เร่อื ง ภาษาพฒั นาชีวิต ๖๖๓ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 12 เรอื่ ง คาอุทานสือ่ สารอารมณ์ เวลา 1 ชัว่ โมง เรื่อง ภาษาพัฒนาชวี ติ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชีว้ ัด สาระท่ี 4 หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ ตัวชี้วดั ป.๕/๑ ระบชุ นิดและหน้าทข่ี องคาในประโยค ๒. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด คาอทุ าน เปน็ คาทีแ่ สดงอารมณ์ หรอื ความรู้สึกของผพู้ ดู จงึ ควรทาความเข้าใจเกย่ี วกับชนิดและหน้าท่ี ของคาอุทาน สามารถนาไปใชส้ ื่อสารได้อยา่ งถกู ต้อง ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) บอกความหมาย ลกั ษณะ และหน้าที่ของคาอุทานได้ 3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) แต่งประโยคโดยใช้คาอทุ านได้ 3.3 ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A) เห็นความสาคัญของการใช้คาอุทานใหถ้ ูกตอ้ ง ๔. สาระการเรียนรู้ คาอุทาน ๕. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 5.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 5.2 ความสามารถในการคดิ ๖. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 ใฝ่เรยี นรู้ 6.2 มงุ่ มน่ั ในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้
๖๖๔ คมู่ ลําดบั การจดั กจิ กรรมการเรยี นร ที่ รายวชิ า ภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร 1. แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑๒ เร่อื ง คาํ อทุ ขอบเขตเน้ือหา/ ขนั้ ตอนการจดั เวลา แ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ กจิ กรรมคร ข้นั นาํ 1. ครูนาํ รูปภาพจาํ นว ขอบเขตเนอ้ื หา 5 รูปภาพมาให้นกั เรยี น - คําอทุ าน นาที สังเกตกิริยาอาการทา่ ตัวอยา่ งรปู ภาพ - รูปภาพคนกาํ ลังมีคว - รูปภาพคนทอ้ แท้ สิน้ - รปู ภาพคนทาํ งานสาํ 2. ครถู ามคาํ ถาม ดงั น ครู : ประโยคท่นี ักเรยี แตง่ มีลักษณะอยา่ งไร 3. ครนู ําประโยคทน่ี กั แต่งมา 1 ประโยค แล นักเรยี นออกเสยี งพรอ้ และรว่ มแสดงความค ครู : เย่ ! ทํางานชิน้ น้ีส คาํ ท่ีขีดเส้นใตบ้ อกถงึ อ
อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) รู้ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ร่อื ง ภาษาพฒั นาชีวติ จาํ นวน 12 ชว่ั โมง ทานส่อื สารอารมณ์ จํานวน 1 ชว่ั โมง แนวการจดั การเรียนรู้ สอื่ การเรยี นรู้ การประเมนิ - รูปภาพ 3 รูป การเรียนรู้ รู กจิ กรรมนกั เรยี น วน 3 1. นักเรยี นแตง่ ประโยคจาก นดแู ละ รูปภาพจาํ นวน 3 รูปภาพทีค่ รู าทาง กําหนดให้ ดงั นี้ ตัวอย่างประโยค วามสุข - ไชโย ! ฉันสอบไดอ้ ันดบั ที่ 1 นหวงั - เฮ่อ ! แย่จงั ชีวติ ไมเ่ หลอื อะไรแลว้ าเร็จ - เย่ ! ทาํ งานชิ้นน้สี าํ เรจ็ แลว้ น้ี 2. นักเรียนตอบคําถาม เชน่ - คาํ ถาม - สงั เกตการตอบ ยนชว่ ยกนั นักเรยี น : มลี กั ษณะส่ือสาร คําถามของ ร อารมณค์ วามรสู้ กึ ต่าง ๆ นักเรยี น กเรยี น 3. นกั เรียนร่วมกันตอบคาํ ถาม ล้วให้ “คําทขี่ ดี เส้นใต้ นน่ั คือ คาํ อมกนั อทุ าน” คดิ เหน็ สาํ เร็จแลว้ - คาํ ถาม - สังเกตการตอบ อารมณ์ คาํ ถามของ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เรื่อง ภาษาพัฒนาชีวิต ลาดับ ขอบเขตเนือ้ หา/ ขนั้ ตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ทใี่ ช้ กจิ กรรมคร อย่างไร ครู : คาอะไรบ้างทบี่ ง่ อารมณค์ วามรสู้ ึกและ นักเรยี นคิดวา่ คาเหล่า เรียกว่าคาอะไร 4. ครูพดู แสดงความค สรปุ ทา้ ยและเชื่อมโยง เนอื้ หาในบทเรยี น 2. ขั้นสอน 20 1. ครูต้งั คาถามเพือ่ ม นาที เนือ้ หา ครู : คาอทุ าน คอื อะไ นกั เรียนร้จู กั หรือไม่ อ 2. ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งก ศึกษาใบความรู้ที่ 12 คาอทุ าน จากนน้ั ร่วม อภปิ รายภายในกลมุ่
แนวการจดั การเรียนรู้ ๖๖๕ รู กิจกรรมนกั เรยี น สื่อการเรยี นรู้ การประเมิน งบอกถึง การเรยี นรู้ ะเป็น านี้ นักเรียน คิดเห็น 4. นกั เรียนเขา้ สูบ่ ทเรยี น งเขา้ สู่ ม่งุ เขา้ สู่ 1. นักเรียนตอบคาถาม - คาถาม - สงั เกตการตอบ ไร นักเรียน : คาอทุ าน คอื คาที่ คาถามของ อย่างไร ส่ือสารอารมณค์ วามรสู้ กึ ตา่ ง ๆ นักเรียน เช่น ไชโย เย่ เฮ่อ โธเ่ อย๋ ว้าย ฯลฯ กลมุ่ แล้ว 2. นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ที่ - ใบความรู้ท่ี 12 เรอื่ ง 12 เรอ่ื ง คาอทุ าน จากน้ัน เรื่อง คาอทุ าน มกนั ร่วมกนั อภปิ รายภายในกลมุ่
๖๖๖ คมู่ ลําดบั ขอบเขตเน้อื หา/ ข้นั ตอนการจดั เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรียนรู้ ทใ่ี ช้ กจิ กรรมคร 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ขั้นปฏบิ ตั ิ 3. ครอู ธบิ ายเก่ียวกับ 1. บอกความหมาย 20 เพ่มิ เตมิ เพือ่ สรา้ งความ ลกั ษณะ และหน้าท่ี นาที ตรงกนั ในประเด็น ดงั ของคําอุทาน - ความหมายและลกั ษ คําอทุ าน 2. แตง่ ประโยคโดยใช้ - หน้าที่ของคําอุทาน คําอทุ านได้ - ชนิดของคําอทุ าน 5. ครูอธิบายการทาํ งา จากน้นั แจกใบงานท่ี 1 คาํ อุทาน (ครูขน้ึ กิจกรรม : นกั เ กิจกรรมในใบงานที่ 1 เรอ่ื ง คาํ อทุ าน) 6. ครนู าํ ผลงานของกล ทที่ ําเสร็จมาใหน้ กั เรียน ปลายทางดูพรอ้ มกัน แ ประเมนิ ความถกู ต้อง 7. ครูสรปุ การทาํ กจิ ก
อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจดั การเรียนรู้ ส่ือการเรยี นรู้ การประเมนิ รู กจิ กรรมนกั เรยี น - ส่ือ PPT การเรยี นรู้ บคําอทุ าน 3. นกั เรยี นร่วมสนทนาและ เรอ่ื ง คําอุทาน 1. ประเมนิ การบอก มเขา้ ใจที่ ตอบคําถามเก่ยี วกับคําอทุ าน ความหมาย งนี้ ไปพรอ้ ม ๆ กบั การอธิบายของ ลักษณะ หน้าท่ี ษณะของ ครู และชนดิ ของคํา อทุ าน าน 5. นักเรยี นทําใบงานท่ี 12 - ใบงานที่ 12 2. ประเมิน 12 เรอื่ ง เรอ่ื ง คําอุทาน พร้อมกัน เรอื่ ง คําอุทาน จาํ แนกชนิด เรยี นทํา (นักเรียนต้นทาง/ปลายทาง ของคําอุทาน 12 ทาํ กิจกรรม) ลมุ่ นกั เรยี น 6. นักเรียนตน้ ทาง/ปลายทาง นตน้ ทาง/ ดูผลงานพรอ้ มกัน และ และ ประเมนิ ความถกู ต้อง กรรม 7. นักเรียนร่วมกันสรปุ กิจกรรม
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๔ เรอ่ื ง ภาษาพฒั นาชีวิต ลาดับ ขอบเขตเนื้อหา/ ขน้ั ตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ กจิ กรรมคร 4. 3. เห็นความสาคญั ขนั้ สรุป 5 1. ครูใหน้ ักเรยี นสรปุ ของการใชค้ าอทุ านให้ นาที เกี่ยวกบั คาอทุ าน ถูกต้อง
๖๖๗ แนวการจดั การเรียนรู้ สือ่ การเรยี นรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ รู กิจกรรมนักเรยี น 3. สงั เกต การตอบคาถาม ปความรู้ 1. นกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้ - สื่อ PPT ของนกั เรียน เรอ่ื ง คาอุทาน ดงั น้ี นักเรยี น : คาอุทาน เป็นคาที่ แสดงอารมณ์ หรอื ความรสู้ กึ ของผู้พูด การรจู้ กั ชนิดและ หนา้ ที่ของคาอทุ านในประโยค ทาใหส้ ามารถนาไปใชส้ อ่ื สาร ได้ถูกตอ้ งตามอารมณ์และ ความรู้สกึ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 518
Pages: