Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ลิขิตรักข้ามภพ 101-130

ลิขิตรักข้ามภพ 101-130

Published by novellabook2562, 2023-01-28 07:27:55

Description: ลิขิตรักข้ามภพ 101-130

Search

Read the Text Version

แห่งนี้เป็นรังของหมู่มวลวิหคจากทั่วทั้งใต้หล้าอย่างไรอย่างน้ัน พวกมันส่งเสียง รอ้ งจ๊ิบๆ ใหไ้ ด้ยนิ ไปตลอดทาง ฟงั แล้วก็ใหร้ ้สู ึกกระฉบั กระเฉงมชี ีวิตชีวาย่งิ นัก

บทที่ 120-4 สถานการณ์พลิกผัน เหลา่ ผูค้ นทง้ั หลายน่ังอยู่บนหลังช้างท่ีกาลังเดินไปบนพื้นท่ีราบอันหาพบได้น้อย ในพ้ืนท่ีของหุบเขาเผิงไหล ตลอดเส้นทางท่ีพวกเขาเดินผ่าน พบเจอบุรุษและ สตรีในชุดเส้ือผ้าสีครามจานวนมาก มีท้ังกาลังหอบหนังสือและอ่านมันอย่าง หนัก มีทั้งกาลังทางานใช้แรงงานเหมือนกับชาวบ้านท่ัวไป แต่ท่ีทาให้ผู้คนรู้สึก ตกใจที่สุดก็คือ ขณะท่ีพวกเขาเดินไปถึงจุดหนึ่งซ่ึงเป็นท่ีราบลุ่มแม่น้า กลับเห็น ลูกศิษย์วัยหนุ่มสาวชาวเผิงไหลจานวนมากถลกขากางเกงข้ึน ยืนอยู่ในท่ีนาที่ เต็มไปด้วยน้าขัง กาลังก้มหน้าก้มตาดานากันอย่างต้ังใจ บนใบหน้าของแต่ละ คนช่างแสนร่าเริงเบิกบาน เคร่ืองมือท่ีพวกเขาใช้รดน้า กาจัดวัชพืช รวมถึงไถ หนา้ ดนิ แต่ละอย่าง ล้วนเป็นสง่ิ ทพ่ี วกเขาไมเ่ คยเหน็ มาก่อนท้ังส้ิน กลวิธีใหม่ๆ มี ใหเ้ หน็ ได้ศึกษาไมห่ ยุด หลินมู่ไป๋มองตามไปด้วยความใคร่รู้ คิ้วคมสะบัดขึ้นราวกับกาลังร่ายระบา หลายตอ่ หลายครัง้ ทเ่ี ขาอดไม่ได้ต้องหันหน้ากลับไปขอคาช้ีแนะจากชาวเผิงไหล แต่ทว่ากลับถูกดวงตาคมกริบของชิงเซ่ียท่ีตวัดมาทาให้ตกใจเสียจนต้องเก็บ ความอยากร้อู ยากเหน็ กลบั ไปจนหมด หลินมู่ไป๋รู้ซึ้งถึงสถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างดี ชิงเซี่ยก็ทราบดีว่าในใจของ หลินมู่ไป๋เต็มไปด้วยความประหลาดใจ จึงพูดคุยเร่ือยเปื่อยกับเขาไปด้วย อธิบายให้เขาฟังไปด้วยช้าๆ หญิงสาวใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ อยู่ ตลอด ท่าทางของนางดูอิสระสบายๆ ดูไม่ถือตัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไว้ด้วย ความสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติ ย่ิงนามาเปรียบเทียบกับบัณฑิตหลินผู้โง่งมที่ อยูข่ า้ งกันแล้ว ย่งิ ส่งให้ชิงเซยี่ ดูพเิ ศษมากยง่ิ ข้ึน

หลังจากเดินมาได้อีกสักพัก จู่ๆ กระโจมหลังหน่ึงที่ปกคลุมไปด้วยสีขาวโปร่งก็ ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้า หลินมู่ไป๋ไม่สามารถเก็บความประหลาดใจไว้ได้อีก ต่อไป จึงเอย่ ถามด้วยเสียงดงั “นน่ั คอื สง่ิ ใดหรอื ?” ชิงเซ่ียแอบก่นด่าเขาในใจไม่หยุด พอเห็นชาวเผิงไหลท่ีหันหน้ากลับมามองพวก เขาทง้ั สองดว้ ยแววตาสงสัย จงึ รีบอ้าปากอธบิ ายดว้ ยความรีบร้อน “สิ่งน้ีเรียกว่า โรงเรือนกระจก หรอื ใหเ้ รียกอกี ช่ือก็คือเรอื นเพาะชา ด้านในจะรกั ษาอุณหภูมิไว้ อยเู่ สมอเพื่อช่วยเรง่ การเจรญิ เติบโตของพืช ใต้เท้าหลินอยู่แต่ในวังมาโดยตลอด จึงอาจไมค่ ่อยเข้าใจวถิ ดี ารงชีวิตของผู้คนภายนอกเทา่ ทค่ี วร” ชาวเผิงไหลท้ังหลายยกยิ้มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ตรงกันข้ามกับจู้ยวนชิงที่ แอบกล่าวในใจว่า ช่างสมกับท่ีเป็นลูกหลานของนายท่าน ความรู้กว้างขวาง ยากทีจ่ ะประเมนิ ไดจ้ ริงๆ ท่านมู่หันกลับมาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเราที่อยู่ท่ีนี่เรียกมันว่าเรือนกาลเวลา คล้ายคลึงกับส่งิ ทีแ่ ม่นางกล่าวมาเปน็ อยา่ งมาก เพยี งแตพ่ วกเราควบคมุ อุณหภูมิ ภายในให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ท้ังยังปรับกระบวนการการเผาไหม้ใต้ดินให้ เหมาะสมสาหรับการเพาะปลูกพืชท่ีจาต้องใช้ความร้อนสูงอีกด้วย ซึ่งอัตราการ เจริญเติบโตของมันรวดเร็วเป็นอย่างย่ิง ถึงขนาดมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลย ทเี ดียว” กล่าวจบ จงึ โบกมอื ขน้ึ เบาๆ ทีหนึ่ง ลูกศิษย์ที่อยู่ด้านข้างก็หันไปดึงอุปกรณ์ปรับ ความร้อนจนเกิดเป็นเสียงดังซู่ๆ ฉับพลันแสงที่มีลวดลายบางอย่างก็ห่อหุ้มไป บนต้นกลา้ ท่ีอยู่ในโรงเรือนกระจก และเพยี งช่วั พริบตา ภาพอันแสนมหัศจรรย์ก็ ปรากฏให้พวกเขาเห็น จากต้นกล้าเล็กๆ ฉับพลันแปรเปลี่ยนไปเป็นทุ่งกว้างสี

มรกต จากนั้นไม่นานมันก็ผลิดอกออกใบ แตกกระจายเกิดเป็นกิ่งก้านสาขา ลา ต้นเจรญิ เติบโตขึ้นเรอื่ ยๆ ดว้ ยอัตราท่ีรวดเร็ว ใช้เวลาเพยี งชั่วดีดน้ิว พวกมันก็สูง จนถึงช่วงเอวของคน จากทุ่งสีเขียว บัดนี้แปรเปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองทองท้ังทุ่ง ปลายยอดของรวงข้าวสที องอรา่ มหอ้ ยลงพร้อมเกบ็ เก่ียว คิดไม่ถึงว่าต้นกล้าสาย พันธ์ุน้จี ะเป็นต้นขา้ วสาลสี ีทอง! ในใจของชิงเซ่ียเวลานี้เต็มไปด้วยความต่ืนตระหนก วิทยาการเช่นน้ีต่อให้เป็น สมยั ปจั จุบันก็ยังยากทจี่ ะทาได้ ตอนนนี้ างเร่ิมสงสัยแลว้ จริงๆ ว่านายทา่ นผู้นั้นที่ พวกเขาเอ่ยถึง ตกลงแล้วย้อนอดีตมาจากยุคสมัยไหนกันแน่ หรือว่าเขาจะเป็น ซเู ปอรแ์ มนทีม่ าจากโลกอนาคต? พอคิดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่าความคิดอันแสนเพ้อฝันน่าประหลาดของตนช่างน่า ขบขันยิ่งนัก ช่างเถิด จะไปสนทาไมว่าเขาเป็นคนยุคสมัยไหน ผ่านมาหนึ่งพันปี แล้ว คนกค็ งกลายเป็นกระดกู ขาวไปนานแลว้ คงไมม่ ีโอกาสไดพ้ บเจอกันอีก จู้ยวนชิงหันไปยกยิ้มกับชิงเซ่ียพรางอธิบายกล่าว “แต่ไหนแต่ไรมาหุบเขาเผิง ไหลกผ็ ลิตเพอ่ื ให้เพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของตัวเองเท่านั้น ลกู ศษิ ย์ทั้งหลายใน หุบเขาไม่เพียงแต่ต้องศึกษาและฝึกฝนเก่ียวกับศาสตร์ของเครื่องจักรกล แต่ยัง ต้องลงมือผลิตเองอีกด้วย ต่างฝ่ายไม่ว่าใครต่างก็ต้องทาหน้าที่ที่ตนได้รับ กระทง่ั ผนู้ าของเขากไ็ มม่ ียกเว้น” ชงิ เซย่ี พยักหน้ารบั ตามอย่างอดไม่ได้ กฎการปกครองเช่นนี้ ดีเสียยิ่งกว่ากฎของ แต่ละแคว้นที่ว่าองค์จักรพรรดิอยู่เหนือทุกส่ิงเสียอีก ไม่แปลกใจเลยท่ีชาวเผิง ไหลจะมีความภาคภูมิใจและเช่ือมั่นในตนเองสูง เพราะหากไม่ใช่การปรากฏตัว ของนางมาทาให้ความเช่ือมั่นของพวกเขาได้รับความด่างพร้อย บางทีพวกเขา คงนาวิทยาการชน้ั สงู เช่นนอี้ อกไปฆา่ คนจริงๆ

“พี่ใหญจ่ ู!้ ” นา้ เสียงคมชัดกระปรี้กระเปร่าสายหน่ึงฉับพลันก็ดังส่งขึ้น ที่แท้เป็น ลูกศิษย์คนเม่ือสักครู่ที่ช่วยท่านมู่เปิดเครื่องเร่งการเจริญเติบโตให้ต้นกล้านี่เอง สายตาของฝงู ชนหนั กลับไปมองนางที่อย่ใู นชดุ เสือ้ ผ้าสีครามแขนสั้นรูปแบบของ บุรุษ หากมองผ่านไปเฉยๆ คงคิดว่านางเป็นบุรุษจริงๆ ทว่าเวลานี้หลังจากที่ สงั เกตอกี ครัง้ ถงึ พบว่านางมีฟนั ขาวรมิ ฝีปากแดง ใบหน้างดงามติดไปทางหวาน ที่แทก้ เ็ ปน็ สาวน้อยหน้าตาแฉลม้ ผหู้ น่ึง หญิงสาวผ้นู ั้นด้วยเพราะเม่อื สักครตู่ กอยใู่ นภวังค์ ไมไ่ ด้สังเกตว่าโดยรอบมีคนอยู่ มากถึงเพียงน้ี ทนั ทที ีเ่ รยี กออกไป จึงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก มองดูสายตาของ ทุกคนท่ีจับจ้องมายังตัวเองเป็นสายตาเดียว ใบหน้าก็อดไม่ได้ข้ึนสีแดงระเร่ือ หญิงสาวกม้ หนา้ ลงไปมองพ้ืนช้าๆ มือบีบจอบเล็กๆ ทท่ี าจากเหล็กสัมฤทธิ์เอาไว้ แน่น ไมก่ ลา้ แมแ้ ตจ่ ะเปล่งเสียงใดๆ น่ีเป็นคร้ังแรกที่ชิงเซี่ยพบเจอหญิงสาวท่ีข้ีอายขนาดนี้ จึงอดไม่ได้รู้สึกดีด้วย จู้ ยวนชิงหัวเราะเบาๆ กล่าว “เสี่ยวเต๋ีย น่ีเป็นแขกคนสาคัญของหุบเขาเผิงไหล ของพวกเรา เจ้ามเี รอื่ งอันใดกร็ บี กล่าวเถดิ ” สาวน้อยที่ถูกเรียกว่าเส่ียวเต๋ียเงยหน้าขึ้นช้าๆ แอบกวาดสายตามองไปยังกลุ่ม คนคร้ังหนึ่ง ขณะน้ันเอง ท่ีสายตาของนางสบเข้ากับดวงตาที่แฝงไปด้วยรอยย้ิม ของชงิ เซี่ยพอดิบพอดี หญิงสาวตกใจรีบก้มหน้างุดในทันใด ก่อนจะพึมพากล่าว ด้วยเสียงเบา “เส่ียวเต๋ียไม่มีเรื่องอันใดแล้ว พี่ใหญ่จู้ไปทาธุระท่านต่อเถิด” กล่าวจบจึงหมุนตัวกลับไป ก่อนจะสาวเท้าว่ิงกลับไปยังทุ่งดอกทานตะวัน แล้ว หายวับไปท่ามกลางสีเหลอื งทองเหล่านัน้ จู้ยวนชิงยกยิ้ม ก่อนหันกลับมากล่าวกับชิงเซี่ยและหลินมู่ไป๋ “น่ีเป็นน้องสาว

ของข้าเอง นางไม่ชอบเรียนรู้ทฤษฎีเก่ียวกับเครื่องจักรกล แต่รักการวิจัยและ ศึกษาเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของพืชมากกว่า ท้ังธัญพืช พืชผัก และผลไม้ ท้ังหลายในเผิงไหลของพวกเรา โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นนางท่ีเพาะปลูกมา ท้ังสิ้น เพียงแต่นางไม่ค่อยได้พบปะกับคนนอก ออกจะขี้ขลาดไปสักหน่อย ทา ใหท้ กุ คนตอ้ งพบเจอเรอ่ื งน่าขนั เสยี แล้ว” หลินมู่ไป๋ยกย้ิมกล่าว “แม่นางเสี่ยวเต๋ียไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันของโลก ภายนอก นิสัยดูเรียบง่ายซ่ือตรง หุบเขาเผิงไหลทิวทัศน์งดงามประชาชนมี ความสามารถ บคุ คลทีถ่ ูกเล้ยี งดูมากเ็ ตม็ ไปด้วยจิตวิญญาณของสถานท่ีแห่งนี้” ชิงเซ่ยี ยกยิ้มบางๆ ไมไ่ ด้กล่าวสิ่งใด เสี่ยวเตี๋ยผู้นี้หากไปอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน ไม่ แนบ่ างทีอาจไดช้ ื่อวา่ เป็นมารดาของพืชพนั ธุ์ธญั ญาหารที่มีประโยชน์ต่อประเทศ และประชาชนด้วยซา้ น่าเสียดายพอมาอยทู่ นี่ ่ี กลับเปน็ เพียงแค่ประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้รับความสาคัญใดๆ กระทั่งคากล่าวยกย่องของหลินมู่ไป๋ที่มีให้ ก็เพียงแค่ ชมเชยในนิสัยของนางเท่านั้น ไม่ได้สังเกตหรือใส่ใจเลยว่าทุกส่ิงทุกอย่างที่นาง ทา นามาซ่ึงประโยชน์ท่ีแท้จริงต่อประชาชนมากมายเพียงใด แม้แต่ชาวเผิงไหล ดว้ ยกันเองกย็ งั ไมใ่ ส่ใจนาง สาเหตุเพยี งเพราะนางไม่ได้มีความมุ่งม่ันสนใจศึกษา พัฒนาศาสตร์ของเคร่ืองกลเพียงเท่าน้ัน พอคิดถึงตรงน้ี ชิงเซ่ียก็ทอดถอนใจ ตา่ งยุคต่างสมัยกนั แนวความคดิ กแ็ ตกตา่ งกนั จริง! ช้างเผือกนากลุ่มคนเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ตลอดเส้นทาง ทิวทัศน์ท่ีมีให้ชมช่าง สวยงามแปลกตายิ่ง ส่งให้ผู้คนในคณะเดินทางรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย และ ด้วยเหตุน้ีจึงไม่ได้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้าแต่อย่างใด ยิ่งบวกเข้ากับจู้ยวนชิง ดา้ นข้างคอยชวนทั้งสองพูดคุยหัวเราะอยู่เสมอ ทั้งสองจึงตกอยู่ท่ามกลางความ หลงใหลและความสุข ใช้เวลาเพียงไม่นาน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงปากทางเข้า

เพยี งหนึง่ เดียวของหุบเขา...หบุ เขาสวรรค์! หุบเขาสวรรค์แห่งน้ีมีความสูงนับหม่ืนจ้ัง ต่อให้เป็นนกก็ยังยากท่ีจะบินผ่านไป ได้ มันมีรูปร่างเหมือนคมดาบท่ีถูกวางอยู่ในแนวต้ัง ช่องว่างระหว่างหุบเขาเป็น บันไดหินที่ถูกสร้างซ้อนข้ึนไปนับหม่ืนเร่ิน* ดูน่าอัศจรรย์ใจท้ังยังน่าตกใจ จินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่ากว่าจะได้ความสาเร็จเช่นนี้มา เมื่อครั้งแรกเร่ิมนั้น พวกเขาสรา้ งมันขน้ึ มาดว้ ยวิธกี ารไหนกัน จู้ยวนชิงมองว่าชิงเซี่ยเป็นพวกเดียวกันมาตั้งนานแล้ว เขาเดินขึ้นหน้าพร้อม รอยย้ิม กล่าวอธิบาย “บันไดหินน้ีแท้จริงแล้วเป็นเพียงสิ่งท่ีใช้หลอกตาเท่าน้ัน แรกเริ่มเมื่อตอนทีส่ รา้ ง ด้วยเพราะใชเ้ วลาสรา้ งนานเกินไป ยงั ไม่ทันสาเร็จ มันก็ ถูกละทิ้งไปกลางคันเสียก่อน เส้นทางลับที่แท้จริงท่ีใช้กลับขึ้นไปข้างบน จริงๆ มันอยู่ตรงกลางของหุบเขาต่างหาก อาศัยความร้อนจากใต้ดินเป็นหลัก จากนั้น ก็เปิดประตูกั้นน้าท่ีอยู่ใต้ดินออก หลังจากที่น้ากับความร้อนไหลมาปะทะกัน ก็ จะทาให้เกิดเปน็ พลงั งานมหาศาล ดันสง่ ให้แพที่อยู่ด้านล่างลอยขึ้นไปได้ วิธีการ นี้ไมเ่ พียงแต่ประหยัดเวลาประหยัดแรง ทั้งยงั สะดวกสบายเปน็ อยา่ งยิ่ง” ชิงเซี่ยดวงตาเบิกกว้างข้ึนทันที คิดไม่ถึงว่าทางเข้าที่ชาวเผิงไหลพูดถึงนั้นจะใช้ วิธีการเช่นน้ี เวลานี้นางรู้สึกเพียงแต่ว่าชาวเผิงไหลช่างฉลาดหลักแหลม และ แปลกประหลาดอยากจะคาดเดาย่ิง ขณะน้ีเอง เสียงดังกึกก้องสายหน่ึงพลันดังส่งขึ้นจากทางด้านบนราวกับเสียง ของฟ้าร้อง เหล่าฝูงชนพร้อมใจแหงนหน้าขน้ึ มองอยา่ งพรอ้ มเพรยี ง ก่อนจะเห็น เป็นนกยักษ์สีแดงเพลิงจานวนสิบกว่าตัวกาลังบินวนอยู่เหนือน่านฟ้าที่พวกเขา อยู่ พวกมันหวีดร้องเสยี งแหลม จะงอยปากทแี่ หลมคมรุมจกิ ไปที่ชายหนุ่มผู้หน่ึง ซงึ่ มีการเคลื่อนไหวทีค่ ล่องแคล่ววอ่ งไวราวกบั เสอื ดาวความดุดนั รุน

ทันทีท่ีชิงเซี่ยมองเห็น ฉับพลันก็ราวกับมีเสียงระเบิดดังตู้มข้ึนในหัวสมอง หญิง สาวตะโกนร้องเสยี งดังอยา่ งหยดุ ไมอ่ ยู่ กล่าว “เรว็ เข้า! รีบชว่ ยเขาลงมาเรว็ !” * เริ่น(仞)มาตรวัดความยาวอย่างหน่ึงของจีน หนึ่งหน่วยหรือหนึ่งเริ่นเท่ากับ 7- 8 ฉ่ือ โดยหนงึ่ ฉอ่ื เท่ากบั 1/3 เมตร

บทท่ี 121-1 ปีศาจสาวเจ็ดพฤกษา อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันให้ชาวเผิงไหลได้เคลื่อนไหวใดๆ วิหคตัวหนึ่งท่ีมีความ ยาวมากกว่าแปดฉ่ือ* และมีขนาดตัวใหญ่เทียบเท่ากับบุรุษวัยผู้ใหญ่คนหนึ่งก็ โฉบผ่านเหนือน่านฟ้าไป กลิ่นคาวเหม็นเน่าน่าสะอิดสะเอียนคละคลุ้งไปท่ัว วิหคตัวนั้นมีขนนกสีแดงเพลิง ดวงตาสีแดงก่าดุจสีของโลหิต กรงเล็บคมกริบดั่ง ตะขอ ปีกท้ังสองข้างหากขยายอย่างเต็มที่จะมีความยาวมากถึงยี่สิบกว่าเมตร เลยทีเดยี ว มันบินผ่านไปด้วยระดับความสูงต่าๆ ส่งให้ฝุ่นผงและตะกอนของดิน ทรายนับไม่ถ้วนลอยข้ึนฟ้าตามไปด้วย จะงอยปากท่ีแหลมคมเหมือนกับใบมีด ของมนั เวลานก้ี ่าลงั มุ่งเป้าไปทางชายหนมุ่ ผูน้ ัน้ อยา่ งดดุ ัน ชิงเซยี่ ตกใจจนใบหน้าถอดสี นางหนั ไปแยง่ หนา้ ไมข้ องลูกศษิ ย์ชาวเผิงไหลผู้หนึ่ง มาถือไว้ ก่อนจะคล่าหากริชที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อ แล้วใส่มันลงในหน้าไม้ ใช้มันยิง ออกไปแทนลูกดอก ความเร็วของใบมีดรวดเร็วราวกับสายฟ้า มันพุ่งออกไปยัง ทศิ ทางของเปา้ หมายอย่างแม่นยา่ จนน่าตกใจ หมายโจมตีเข้าท่ีท้องของนกยักษ์ ตัวนัน้ อยา่ งแรง แต่ทวา่ เสยี งท่ไี ด้ยนิ กลบั มามเี พียงเสียงดังกริ๊กๆ เสียงหนึ่งเท่านั้น เหมือนกับว่า กริชท่ีถูกยิงออกไปยิงไปโดนเข้ากับเหล็กดิบก็มิปาน ขณะน้ันเอง ท่ีเสียงดังฉับ ทื่อๆ เสียงหน่ึงพลันดังส่งข้ึน กริชเล่มน้ันอยู่ๆ ก็หักออกเป็นสองท่อน แล้วร่วง ลงจากที่สงู สีหน้าของจู้ยวนชิงเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นในทันที กล่าวด้วยเสียงลึก “น่ีคือราชัน วิหคสีชาด เป็นหน่ึงในสิบเผ่าพันธุ์วิหคท่ีมีขนาดตัวใหญ่และดุร้ายที่สุดแห่งหุบ เขาเผงิ ไหล ไม่อาจเป็นศัตรกู ับมนั ได้ ใครกไ็ ด้ โจมตีมันดว้ ยกระสนุ ไมอ้ สั นี!”

เหล่าชายหน่มุ จา่ นวนหนึ่งของเผิงไหลรุดขึ้นหน้าโดยพลัน พวกเขาจับคู่เป็นสอง คนต่อหนงึ่ กลมุ่ แตล่ ะกลุม่ ยกเครอื่ งมือชนิดหน่ึงที่สร้างขึ้นอย่างละเอียดอ่อนมา ด้วยหน่ึงหลัง จากน้ันพอสิ้นเสียงเคล่ือนไหวดังปุๆ กระสุนที่มีขนาดใหญ่ เทียบเท่ากับก่าป้ันก่าหน่ึงก็ถูกยิงไปทางวิหคยักษ์ตัวน้ันอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ ตาม แม้วิหคยักษ์ตัวนั้นจะแข็งแกร่งราวกับกระดูกถูกเสริมไว้ด้วยเหล็ก แต่ดู เหมือนมันจะเคยได้รับความล่าบากและเสียเปรียบให้กับกระสุนไม้อัสนีท่ีดูไม่ สะดุดตาน้ีมาก่อน มันไม่สนใจโจมตีชายหนุ่มที่ห้อยอยู่บนหน้าผาต่อไปอีก จะงอยปากของมันอ้าข้ึนแผดเสียงร้องยาวค่ารามล่ัน ปีกอันแสนใหญ่โตตบ กระพืออย่างต่อเน่ือง พยายามเป็นอย่างมากท่ีจะสลัดลูกกระสุนเหล่าน้ันออก น่าเสียดายทด่ี ูเหมอื นวา่ บนลูกกระสนุ เหลา่ นน้ั จะมีหนามเล็กๆ ซอ่ นไว้อยู่ ท้ังบน ปลายหนามยังติดตะขอเอาไว้อีกด้วย ดังนั้นทันทีท่ีมันสัมผัสกับขนนก จึงติดอยู่ เช่นนน้ั แน่น ไม่อาจสลัดให้หลดุ ได้ จู้ยวนชิงเห็นว่าเวลาสุกงอมได้ท่ีแล้ว จึงล้วงมือเข้าไปหยิบผงสีครามท่ีบรรจุอยู่ ในถงุ ออกมา และทันทีท่ีลมแรงพัดผ่าน มันก็หอบเอาผงสีครามเหล่านั้นลอยขึ้น อากาศตามไปด้วย ผงสีครามสลายหายไปในท้องนภาไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยให้ เห็น ประหนง่ึ ไอนา่้ ที่ระเหยไปอย่างน้นั ราชันวิหคสีชาดต่ืนตกใจเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาทั้งคู่ราวกับสีของโลหิต มันรีบ กระพือปีกบินหนีด้วยความลนลาน อย่างไรก็ตาม ได้ยินเพียงเสียงดังตู้มของ ระเบิดดังส่งมาเท่านั้น กล่ินก่ามะถันฉับพลันกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ บนร่างของ ราชันวิหคสีชาดเวลาน้ี ถูกระเบิดจนเกิดเป็นรูให้เลือดไหลออกมานับไม่ถ้วน ส่ง กลิ่นเหม็นฉุนแสบจมูกไปหมด ชายหนุ่มท่ีห้อยอยู่บนหน้าผาเห็นว่าสบโอกาส จึงอาศัยจังหวะน้ีพลิกตัวครั้งหนึ่ง ก่อนชักมีดสั้นเล่มหน่ึงออกมา แล้วปาไปที่

ลา่ คอของวหิ คสชี าดตวั นนั้ อย่างโหดเหี้ยม สายโลหิตสีแดงสดพุ่งกระจายขึ้นเต็ม ท้องฟ้าในทันใด ฝูงวิหคหวีดร้องเสียงดังก้อง ศีรษะของวิหคสีชาดตัวน้ันร่วงลง ไปกับพื้น ร่างที่ไร้ศีรษะหมุนควงอยู่ในอากาศอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ชว่ งหนง่ึ แลว้ จึงร่วงตามศีรษะของมันไปในทส่ี ดุ ร้อยวายุพดั ไหว ฝูงวหิ คเศร้าโศกหดหู่ วิหคยกั ษ์ท่ีอาศัยอยู่ในหุบเขากลุ่มนี้ เรียก ไดว้ า่ เด็ดเดี่ยวและกลา้ หาญเป็นอย่างมาก เพราะแม้วา่ จะพบเจอกับสถานการณ์ ท่ีอาจท่าให้ปราชัยได้ทุกเมื่ออย่างเช่นตอนนี้ พวกมันก็ไม่คิดที่จะหลบหนีไป แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับเลือกที่จะทุบหม้อจมเรือ ต่อสู้อย่างถึงที่สุดแทน เวลานี้ฝูงวิหคร่วมใจกันสยายปีก เข้าปิดล้อมชายหนุ่มที่อยู่บนหน้าผาในทันใด เหล่าผู้คนท่ีอยู่ด้านล่างหลังเห็นภาพดังกล่าวก็ให้ต่ืนตกใจไปตามๆ กัน เพราะ ระยะห่างระหว่างฝูงวหิ คกับชายหนุม่ อย่ใู กล้กันมาก พวกเขาจึงไม่อาจใช้กระสุน ไม้อัสนีได้ ท่าได้แต่ยิงลูกธนูออกไปเทา่ นน้ั ชิงเซ่ียตื่นตระหนกจนใบหน้าซีดเผือด นางกระโดดลงจากหลังช้างอย่างรวดเร็ว กอ่ นชกั ดาบศึกเลม่ หนงึ่ ออกมา หมายจะปนี หนา้ ผาขึ้นไปช่วย อย่างไรก็ดี จู้ยวน ชิงรุดข้ึนมาร้ังนางเอาไว้เสียก่อน เขาส่งสายตาเป็นสัญญาณให้กับคนท่ีอยู่ โดยรอบครงั้ หนง่ึ เหล่าผู้คนก็รีบหันไปคว้าเถาวัลย์ไว้ แล้วปีนข้ึนหน้าผาไปอย่าง รวดเร็ว ถึงแม้ว่าชาวเผิงไหลเหล่าน้ีจะค่อนข้างข้ีขลาด แต่พวกเขาก็อาศัยอยู่ในหุบเขา แห่งน้ีมานาน ท้ังยังได้เผชิญหน้ากับวิหคท่ีดุร้ายจากแต่ละสายพันธ์ุจนเป็นปกติ ยิ่งไปกว่าน้ัน พวกเขามรี ่างกายท่แี ข็งแรงและยืดหยุ่นกว่าที่เห็นภายนอกมากนัก การเคลื่อนไหวก็คล่องแคล่วว่องไว แต่เพราะระยะห่างระหว่างชายหนุ่มกับพวก เขาค่อนข้างไกล จึงไม่อาจเข้าถึงเขาได้ในคร้ังเดียว เม่ือเห็นว่าฝูงนกรุมล้อมชาย

หนุม่ เอาไว้ ในเวลานเ้ี อง ทีอ่ ยู่ๆ เสยี งคมชดั จากขลุ่ยไม้ไผ่ก็ดังข้ึน เสียงนั้นแหลม มาก เสียดหูไปหมด หลังจากที่มันดังขึ้นเพียงไม่กี่คร้ัง ก็ท่าให้คนรู้สึกวิงเวียน ตาลายแล้ว เวลานี้มือเท้าแปรเปล่ียนเป็นเหน็บชา ศีรษะทั้งมึนท้ังปวด ตรงช่อง ท้องและหน้าอกปั่นป่วนเสยี จนแทบจะคลนื่ ไสอ้ อกมา จู้ยวนชงิ ขมวดค้ิวเข้าหากนั แน่น พลางตะโกนกลา่ วเสียงดัง “แมลงพษิ มงั กรควัน ปา่ เมฆาเจด็ พฤกษา ทุกคนรีบอดุ หูเรว็ เข้า อยา่ ได้ฟงั ตอ่ !” ฝูงชนที่อยูด่ ้านล่างหน้าผาไดย้ ินก็รบี ยกมือขน้ึ อดุ หใู นทันใด ชิงเซ่ียแหงนหน้าขึ้น ไปมอง พบว่าฝูงวิหคยักษ์เหล่านั้น เวลานี้ราวกับบ้าคลั่งไปแล้วก็มิปาน พวกมัน ตบปีกโจมตีกันเองอย่างดุเดือด ลงมือสังหารพวกเดียวกันด้วยความเหี้ยมโหด ทารณุ ขนนกยามน้กี ระจายไปทว่ั ท้องฟ้า กล่นิ คาวเลือดคละคลงุ้ ไปท่วั อากาศ หญิงสาวนางหน่ึงในชุดเส้ือผ้าสีมรกตน่ังอยู่บนหลังนกอินทรีสีขาวหิมะ นางมี ใบหน้ากลมตาโต ริมฝีปากแดงฟันขาว เส้นด้ายสีหยกหลายเส้นพันล้อมอยู่รอบ ศีรษะ ข้างใต้เส้นด้ายเหล่านั้น คือเส้นผมท่ีถูกถักเป็นเปียเล็กๆ อย่างละเอียด บรรจง ด้านบนยังประดับไว้ด้วยกระดง่ิ สเี ขยี วมรกตจ่านวนไม่น้อย ตรงริมฝีปาก ของนาง ขลุ่ยไม้ไผ่สีเขียวล่าหน่ึงจ่ออยู่ ท่วงท่าเอียงศีรษะเป่าขลุ่ยของหญิงสาว ทัง้ ดนู า่ รักและให้ความรสู้ กึ เยือกเยน็ สายหนึง่ ท่ไี มอ่ าจบรรยายได้ พอมองดูวิหคยักษ์เหล่าน้ันสังหารกันจนได้ท่ีแล้ว มือเล็กสีขาวหิมะจึงค่อยเก็บ เข้าชายเสื้อไป ก่อนจะก่าผงท่ีมีสีสันหลากสีก่าหนึ่งออกมา แล้วโปรยมันไปท่ัว อากาศ เพียงชั่วพริบตา ฝูงวิหคท่ีบินอยู่เต็มท้องฟ้าพลันหวีดร้องดังลั่น และไม่ ถงึ ชวั่ อึดใจ พวกมนั กส็ ลายกลายเปน็ โลหติ ร่วงลงกับพ้ืนดงั ตุบๆ ฝงู ชนเวลานี้ได้แตเ่ บิกตาโพลงอยา่ งโงง่ ม ไมม่ ีผู้ใดรู้วา่ หญิงสาวผู้น้ีมาจากท่ีใด ตัว

ของหญิงสาวเองก็หาได้สนใจเหล่าผู้คนที่อยู่ด้านล่างไม่ นางเพียงแต่ยกมุมปาก ข้ึนอย่างได้ใจทีหน่ึง ก่อนหันไปกล่าวกับชายหนุ่มในชุดครามท่ีลอยคว้างอยู่ กลางอากาศด้วยน่้าเสียงเย้ยหยัน “เจ้าท่อนไม้หยาง เจ้าพูดเองมิใช่หรือว่าไม่ จ่าเป็นต้องให้ข้าช่วย? แต่เวลาน้ีท่ีต้องช่วยข้าก็ช่วยไปแล้ว เจ้าจะท่าอันใดข้า ได้?” ชายหนุ่มน่ิงเงียบไม่กล่าวสิ่งใด มือที่จับตะขอไว้ปีนลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว ด้วยเพราะไรซ้ ึง่ เดรจั ฉานมาคอยเกะกะอีก การเคลือ่ นไหวของเขาจึงคล่องแคล่ว ราวกับลงิ ยักษ์อย่างไรอยา่ งน้ัน เพียงชัว่ พริบตา เท้าของชายหนุ่มก็เหยียบลงบน พืน้ ดิน กระท่ังถึงยามนี้ ชาวเผิงไหลท้ังหลายถึงเพิ่งจะมีเวลามาสังเกตหน้าตาของชาย หนุม่ อย่างละเอยี ดถถ่ี ้วน เห็นเพียงผู้มาอยู่ในชุดเสื้อผ้าสีคราม วงหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมชัด ถึงแม้ ใบหน้าจะเยียบเย็นดุจน่้าค้างแข็ง แต่นั่นก็หาได้ท่าลายความสง่างามของเขาลง ไม่ ตรงกนั ขา้ มกลบั ย่ิงส่งใหเ้ ขาดูแข็งแกร่งและอาจหาญมากข้ึนไปอีก ในมือของ ชายหนุ่มข้างหน่ึงเวลาน้ีหิ้วเชือกยาวไว้หน่ึงเส้น ตรงเอวเหน็บหอกยาวสีเงิน เอาไว้ เหนอื ขึน้ ไปบนแขน ปลอกมีดอันหน่ึงรดั อยู่ตรงนน้ั ส่วนมีดที่เป็นประกาย มนั เงายังคงนอนอยใู่ นมือของชายหนุ่ม เขาเดินมาหยุดอยู่ด้านหนา้ ฝูงชน ดวงตา ท้ังคู่จับจ้องไปยังชิงเซ่ียที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนนิ่ง มุมปากยกข้ึนเป็นรอยยิ้ม น้อยๆ พอถอนหายใจออกยาวดว้ ยความโลง่ อกแลว้ จึงหัวเราะขึ้นเสยี งเบา “พี่ใหญ่หยาง!” ชิงเซี่ยก้าวขึ้นไปข้างหน้าสองก้าว แล้วจับมือของหยางเฟิงไว้ ด้วยความลนลานท่าอะไรไม่ถูก ดวงตาทั้งคู่แดงระเร่ือไปด้วยความตื้นตัน นับต้ังแต่ท่ีจากกันเม่ือวันน้ัน ปัจจุบันผ่านไปถึงสามปีแล้ว นางท้ังหวั่นวิตก

หวาดกลัว เป็นหว่ ง และรู้สึกผิดต่อเขามาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าวันน้ีจะได้มาพบ กันอีก คร้ังท่ ามก ล างหุบเหวที่ ลึ ก จนแท บจะไ ม่เห็นเดื อนเห็นต ะวันแ ห่งน้ี ประโยคนับหม่ืนนับพันที่อยากเอ้ือนเอ่ย ติดอยู่ที่ริมฝีปากไม่อาจกล่าวออกมา เป็นค่าพดู ได้ ชิงเซย่ี ตืน่ เต้นเสยี จนระงับไว้ไม่อยู่ “ใต้เท้าหยาง!” หลินมู่ไป๋ตะโกนเรียกช่ือเขาเสียงดัง อยากจะเลียนแบบชิงเซี่ย กระโดดลงมาจากหลังช้าง แต่กลับกลายเป็นว่าแทบจะล้มคะม่าหัวทิ่มไปกับพ้ืน โชคดีท่ีจู้ยวนชิงเข้ามาช่วยพยุงเขาเอาไว้ หลินมู่ไป๋รีบวิ่งข้ึนหน้าด้วยความลน ลาน แลว้ กล่าวดว้ ยน่า้ เสยี งปตี ยิ นิ ดี “ใต้เทา้ หยางเหตุใดท่านถงึ มาอยู่ที่นี่ได้ ชีวิต คนไร้ที่ไมพ่ บพาน** จรงิ ๆ!” จู้ยวนชิงเห็นการท่าทางของชิงเซ่ีย เขาก็รู้ได้ทันทีว่าผู้มาต้องมีฐานะไม่ธรรมดา แน่นอน อันที่จริง โดยส่วนตัวแล้วเขาแอบยกชิงเซ่ียเป็นเจ้านายของตน เรียบร้อยแล้ว ท้ังยังต้ังปณิธานไว้ว่าจะขอตามติดและจงรักภักดีต่อนาง เวลานี้ จงึ รีบเสนอตัว ก้าวข้ึนหน้าไปหลายก้าวอย่างรู้สถานการณ์ แล้วเอ่ยด้วยน้่าเสียง ฟังชัด “เม่ือครู่ข้ายังคิดอยู่ว่าผู้กล้าที่กล้าต่อกรกับราชันวิหคสีชาดโดยล่าพังน้ัน เป็นผู้ใด ท่แี ท้ก็เปน็ สหายกับแมน่ างจวงนีเ่ อง ไมแ่ ปลกใจเลย” หยางเฟิงยกยิ้มบางๆ เป็นการทักทายทุกคน จากน้ันจึงหันกลับมากล่าวกับ ชงิ เซ่ยี พร้อมรอยยมิ้ “เส่ยี วเซ่ยี รู้ว่าเจา้ สบายดี เทา่ นีข้ ้ากว็ างใจแล้ว” “ท่านหาท่ีน่เี จอไดอ้ ยา่ งไรกัน ข้ารอท่านอย่ทู เ่ี ขตไป๋หลิงถงึ สองปเี ลยรู้หรือไม่?” ในใจของชิงเซ่ียมีแต่ความตื่นเต้น รีบกล่าวต่ออย่างมีความสุข ขณะที่หยางเฟิง ก่าลังคิดจะตอบกลับ ทันใดน้ันเองเสียงร้องหวีดยาวสายหน่ึงก็ดังข้ึน ทุกคน พร้อมใจกันหันกลับไปมองต้นเสียง เห็นเป็นอินทรียักษ์สีขาวตัวน้ันก่าลังร่อนลง

กับพื้น หญิงสาวในชุดสีมรกตกระโดดลงจากหลังของมันทันทีท่ีเท้าสัมผัสกับ พืน้ ดนิ นางก็ย่ืนมอื ออกไปตบหัวนกอินทรีขาวหลายคร้ัง อินทรขี าวก็สง่ เสียงร้อง ตอบมาราวกบั มจี ิตวญิ ญาณ ก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าไป บินบนอยู่บนท้องฟ้าช่ัวครู่ แล้วหายวับไปท่ามกลางผืนนภา เห็นสายตาของกลุ่มคนมองมาที่ตนด้วยความ สงสัย หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจสักนิด นางเพียงแค่มองชิงเซี่ยข้ึนลงคร้ังหน่ึงอย่าง พิจารณา แล้วหันไปกล่าวกับหยางเฟิง “ที่เจ้าอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตไต่ลงมา ก็เพ่ือ เดก็ น้อยผู้นีน้ ะหรอื ข้ายังคิดอยู่ว่าจะเป็นหญิงงามล่มแคว้น คิดไม่ถึงมองไปแล้ว กแ็ ค่น้นั ไมเ่ หน็ จะมอี ะไรดี” กล่าวจบ กแ็ คน่ เสยี งฮอึ ยา่ งเย็นชาทีหน่ึง วางท่าดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่คิดจะ ปิดบัง ชงิ เซย่ี ชะงักไปในทนั ที คิว้ ขมวดเขา้ หากนั เล็กน้อย ก่อนหันไปกล่าวกับหยางเฟิง “นางเปน็ ใครกัน?” หยางเฟิงท่าหน้าเหนื่อยหน่ายเฉื่อยชา ขมวดคิ้วกล่าว “ก็แค่สหายธรรมดาผู้ หน่งึ ” * ฉื่อ(尺)มาตรวัดความยาวอย่างหน่ึงของจีน หน่ึงหน่วยหรือหนึ่งฉ่ือเท่ากับ1/3 เมตร ** ชีวิตคนไร้ที่ไม่พบพาน(人生无处不相逢)หมายถึงหลังจากท่ีแยก จากกันไปแลว้ จะตอ้ งมีโอกาสไดพ้ บเจอกนั อกี ครัง้ อยา่ งแนน่ อนที่ไหนสกั แหง่

บทที่ 121-2 ปีศาจสาวเจ็ดพฤกษา “สหายธรรมดาท่ีไหนกัน?” หญิงสาวในชุดสีเขียวมรกตเอ่ยแย้งเสียงแหลม นาง หนั หนา้ กลับไป ค้ิวเรียวราวกับใบหลวิ เลกิ ข้ึน กอ่ นเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสาทว่ามี เสน่ห์ “เจ้าท่อนไม้หยาง เหตใุ ดเจ้าถงึ ได้เลือดเย็นไร้คุณธรรมเช่นนี้ สามปีที่ผ่าน มาข้าอยู่ข้างกายเจ้ามาโดยตลอด คอยยกส่ารับชงชาให้ แม้กระทั่งร่างกายท่ี บริสุทธ์ิของข้าก็มอบให้กับเจ้าไปแล้ว เวลานี้พอมาเจอหญิงในดวงใจ เจ้าก็ตัด ขาดความสัมพันธ์กับข้า คิดลบล้างความสัมพันธ์ทั้งหมดทิ้งไปเช่นน้ีหรือ? ข้าจะ บอกอะไรเจา้ ให้ ไม่มีวัน!” กล่าวจบ หญิงสาวก็เดินตึกๆๆ ขึ้นมาหยุดอยู่ด้านหน้าของพวกเขาท้ังสอง นาง เดนิ เขา้ ไปจับแขนของหยางเฟิงเอาไว้ แล้วหันหน้ากลับมากล่าวกับชิงเซ่ีย “เด็ก น้อย เจ้ากระโดดลงมากับบุรุษผู้หน่ึง เวลาน้ีที่ด้านบนก็ยังมีบุรุษอีกผู้หน่ึงก่าลัง จะเป็นจะตายเพราะเจ้า เวลานี้ข้างกายของเจ้าก็มีบุรุษกลุ่มใหญ่เพิ่มเข้ามาอีก ดังน้ันเจ้าอย่าได้มาแย่งกับข้า ถ้าไม่อย่างน้ัน เซียนอย่างข้าจะลงมือวางยาพิษ สังหารบุรุษที่อยู่ข้างกายเจ้าเหล่าน้ีให้หมดสิ้น แล้วท่าเป็นศพแห้งแขวนไว้บน หน้าผาเล้ยี งนกอนิ ทรี ให้เจ้ากลายเป็นหญิงม่ายทงั้ ที่ยังมีชวี ิตอยู!่ ” “อ้า! ขา้ รู้แล้วว่าเจา้ เปน็ ใคร!” เสียงของหลินมู่ไป๋ดังมาจากด้านหลังของกลุ่มคน “เจ้าคือปีศาจสาวเจ็ดพฤกษาแห่งป่าเมฆาเจ็ดพฤกษา เจ้าเมืองผัวโหลวนาม เล่ียอวิน๋ จ!้ี ” กลุ่มคนหลังจากท่ีได้ยินดังน้ันก็หาได้มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองไม่ พวกเขามอง ไปรอบๆ อย่างมึงงง จะมีก็เพียงแต่ชิงเซ่ียท่ีหัวใจส่ันสะท้านไปเล็กน้อย นางหัน หน้ากลับไปมองหยางเฟิงด้วยความสงสัย แอบคิดในใจว่าเหตุใดเขาจึงได้ไปหา

เร่ืองย่ัวเยา้ ปศี าจสาวเชน่ นก้ี นั หลังจากทีส่ ังเกตท่าทขี องนางเวลานี้ ก็พบว่าหญิง สาวไมต่ า่ งไปจากขา่ วลอื ท่ไี ดย้ นิ มาเลย ป่าเมฆาเจด็ พฤกษาตั้งอยู่บนเนินเขาในหุบเขาป่าเมฆา ท่ัวทั้งป่าถึงแม้จะมีต้นไม้ อยู่เพียงเจ็ดต้น แต่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยรากไม้และก่ิงไม้จ่านวนมาก ท้ังยังมี เถาวัลย์ข้ึนกระจัดกระจายไปท่ัว ส่งให้หุบเขาแห่งน้ีมีสภาพเหมือนป่าฝนเขต ร้อนขนาดใหญ่ แมลงพิษจ่านวนมากมายมีให้พบเห็นอยู่ทุกแห่ง คนเป็นเข้าได้ แต่ไม่สามารถออกไปได้ เป็นหนึ่งในสถานท่ีที่อันตรายที่สุดบนแผ่นดินใหญ่ สถานท่ีแห่งน้ีถูกเรียกส้ันๆ ในนามเจ็ดพฤกษา หรืออีกชื่อในฉายาเมืองผัวโหลว เมื่อเจ็ดปีก่อน โจรบนหลังม้ากลุ่มหน่ึงท่ีอยู่ใต้การน่าของเฮยหล่ิง ถูกทหารของ แคว้นซีชวนและหนานฉู่ปิดล้อมไว้ ท่ามกลางสถานการณ์บีบบังคับ พวกเขาจึง ร่นถอยเข้าไปในเขตป่าเมฆาเจ็ดพฤกษา ทหารของทั้งสองแคว้นเองก็ยกก่าลัง ตามเข้าไปด้วย แต่ผู้ใดจะรู้เล่าว่า สุดท้ายกลับไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กลับออกมา ได้ ในตอนนั้น ฉู่หลีเพิ่งจะกลับถึงแคว้นได้ไม่นาน จักรพรรดิแห่งหนานฉู่เวลาน้ันก็ บดั ซบ จักรพรรดแิ หง่ ซชี วนยิ่งโหดร้าย ทั้งสองแคว้นมีค่าส่ังลงมาพร้อมกันให้ส่ง เหล่าทหารทฝ่ี ีมอื ดีท้งั หลายเข้าไปในป่าเมฆา แล้วไปถอนตน้ ไม้เจ็ดตน้ น้นั ทง้ิ เสีย ท้ังสองแคว้นส่งทหารทั้งหมดห้าพันนายเข้าไปในป่าเมฆาเจ็ดพฤกษาพร้อมกัน และขาดการติดต่อไปในท่ีสดุ สองวนั หลงั จากน้ัน ศพทั้งหมดถูกขนมาท้ิงอยู่นอก เมืองเศรษฐกิจของแผ่นดินใหญ่ บังเกิดเป็นคดีนองเลือดที่ครึกโครมท่ีสุดเท่าท่ีมี มา ทวา่ ผูใ้ ดจะรู้เลา่ ว่า ยังไม่ทันให้ทั้งสองแคว้นมีค่าส่ังโจมตีใดๆ เด็กหญิงวัยสิบ กว่าขวบผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดสีเขียวมรกต จู่ๆ ก็เดินออกมาจากป่าเมฆาเจ็ดพฤกษา บนศีรษะของนางประดับด้วยกระด่ิงจ่านวนมาก เด็กหญิงเดินน่าออกมา

ด้านหน้าเพียงคนเดียว ก่อนจะส่ังการให้สัตว์ปีศาจและอสรพิษทั้งหลายออกมา จากป่า แล้วเขา้ กวาดล้างสังหารผู้คนในเมืองจนสิ้นซาก แม้แต่สัตว์เลี้ยงอย่างไก่ หรือสุนัขกไ็ ม่มีเหลือ บา้ นเมืองถกู เผาท่าลายจนราบเปน็ หนา้ กลอง บทเพลงแห่ง ความเศร้าโศกดังระงมไปทว่ั สุดท้าย เพราะเชิญผู้ฝึกอสูรช้ันสูงจากเผ่าหมาป่าพิสุทธิ์แห่งหนานเจียงผู้หนึ่ง ออกหน้าช่วยเหลือ สถานการณ์วุ่นวายจึงสงบลง นับแต่น้ันเป็นต้นมา ชื่อของ ปีศาจสาวเจ็ดพฤกษาเล่ยี อวน๋ิ จก้ี ็เปน็ ทโ่ี ดง่ ดังไปทวั่ ไม่มีผ้ใู ดไม่รู้จกั อย่างไรก็ตาม หลังจากวันนั้นเลี่ยอว๋ินจ้ีก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่า ภายหลงั จะมีคนจา่ นวนมากทอ่ี าจหาญบกุ เขา้ ไปในปา่ เมฆาเจด็ พฤกษา แต่ก็ไม่มี ผใู้ ดคน้ หาร่องรอยของนางพบ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้มาเจอตัวจริงของนางในหุบ เขาเผงิ ไหลทีป่ ิดตัวตัดขาดจากโลกภายนอกมานานนับพนั ปีแหง่ นี้ เลี่ยอวิ๋นจี้หวั เราะฮ่าๆ กล่าว “เจ้าหนูนไ่ี ม่เลวเลย คิดไม่ถึงว่าเวลาน้ียังคงมีคนจ่า ชื่อของข้าได้อยู่ สมควรตบรางวัลให้สักหน่อย” กล่าวจบ จึงล้วงมือเข้าไปใน กระเป๋าที่เหน็บอยู่ข้างเอว แล้วหยิบของก่าหน่ึงออกมา จากนั้นจึงโยนมันไปที่ หลินมู่ไป๋ พอเห็นสิ่งของสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งมาทางทิศท่ีตนเองยืนอยู่อย่างแรง แล้วคิดถึง ฉายาปีศาจสาวของนาง หลินมู่ไป๋ฉับพลันก็สะดุ้งโหยงร้องเสียงดัง เขารีบยกมือ ขึ้นกอดศีรษะเอาไว้ในทันใด ชิงเซ่ียเห็นดังน้ันก็เลิกคิ้วข้ึนข้าง ก่อนปากริชในมือ ออกไปราวกับดอกไมห้ มิ ะทก่ี า่ ลงั ร่ายระบ่ากลางอากาศ กริชเล่มนั้นลอยข้ึนพลิก ลงหลายที ไม่นานส่ิงของที่น่าสงสัยเหล่านั้นก็ถูกตีจนตกลงกับพ้ืน สายตาของ กลุ่มคนมองตามไป เห็นเป็นแมลงชนิดหน่ึงที่มีสีเขียวสดใส แต่เพราะส่วนใหญ่ ถูกชิงเซี่ยสับจนขาดไปแล้ว ภาพที่เห็นอยู่เบ้ืองหน้า จึงกลายเป็นภาพของแมลง

ที่มีล่าไส้ไหลทะลักออกมา น้่าสีเขียวเหนอะหนะโปรยลงมาจากด้านบน มองไป แล้วกใ็ หร้ ู้สึกขยาด ดูน่าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง เล่ียอว๋ินจี้ขมวดค้ิวเป็นปม หันไปจับแขนของหยางเฟิงไว้แน่น แล้วกรีดร้องด้วย เสียงดัง” น่ี เจ้าท่อนไม้หยาง คนรักเก่าของเจ้ารังแกข้า เจ้ายังไม่รีบแก้แค้นให้ ข้าอกี ?” หยางเฟิงขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ก่อนปัดมือเลี่ยอว๋ินจี้ท่ีจับแขนของตนออกไป แลว้ เอ่ยด้วยเสียงลึก “แมน่ างเล่ีย โปรดส่ารวมด้วย” “ส่ารวมอันใดกัน?” เล่ียอว๋ินจี้ยกมือขึ้นเท้าสะเอว ดวงตาท้ังคู่เบิกกว้าง ก่อนยู่ ปากกล่าว “ตอนนั้นยามท่ีเจ้านอนเปลือยก้นท้ังวันรอให้ข้ามาดูแล ไม่เคยได้ยิน เจ้าบอกให้ข้าส่ารวมเลยสักครั้ง! ตอนนี้เจ้าปีกกล้าขาแข็งขึ้นแล้วซีนะ ไม่ ต้องการข้าแล้วซี คิดจะเตะข้าออกไปให้พ้นๆ ใช่หรือไม่? ไม่มีวัน ฝันไปเถอะ ฮึ!” กลา่ วจบ จงึ หมุนกายเตรียมจะเดินเข้าหุบเขาไป จู้ยวนชิงเห็นดาวแห่งความโชค ร้ายก่าลังจะเดินเข้าหุบเขาอย่างไม่สนใจสิ่งใดทั้งส้ิน ก็ต่ืนตระหนกเสียจน วญิ ญาณแทบจะหลดุ ออกจากรา่ ง เขารีบรดุ ข้นึ ไปหยุดอยูด่ ้านหน้าของเล่ยี อวิ๋นจ้ี ทันที ก่อนร้ังนางเอาไว้ แล้วเอ่ยถามพร้อมรอยย้ิมท่ีพยายามป้ันแต่งอย่างถึงขีด สุด “ไมท่ ราบว่าแม่นางเลยี่ กา่ ลังจะไปท่ีใดหรอื ?” เลยี่ อวิน๋ จเ้ี ลิกค้ิว กล่าวด้วยความโมโห “ตอนนี้ข้าก่าลังอารมณ์ไม่ดี คิดอยากจะ ฆ่าคน เห็นแก่ท่ีเจ้าหน้าตาไม่เลว ข้าจะขอเตือนเจ้าไว้สักครั้ง ทางท่ีดีไสหัว ออกไปให้พ้นๆ หน้าข้าเสีย ย่ิงไกลเท่าไรก็ย่ิงดี มิฉะนั้นอย่าหาว่าแมลงพิษในมือ ข้าไรต้ า!”

จู้ยวนชิงชะงักน่ิง ปล่อยให้หญิงสาวผู้แสนป่าเถ่ือนนางน้ีเดินผ่านตนเองไปอย่าง ไร้สติ รอจนกระท่ังเขามีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา นางก็เดินออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มรีบเร่งฝีเท้าเดินตามไปด้วยความร้อนรน โอดครวญกับตนเองอย่างน่า สงสาร หวาดกลัวเหลือเกนิ วา่ นางจะทา่ กบั ประชาชนตาด่าๆ ของหุบเขาเผิงไหล เหมอื นกบั ท่ีนางท่ากับวหิ คสีชาด ชิงเซี่ยหันหน้ากลับมามองหยางเฟิง คิดถึงค่าพูดท่ีหญิงสาวเพิ่งพูดออกมาเมื่อ สักครู่ จึงเอ่ยถามด้วยความกังวล “พ่ีใหญ่หยาง หลายปีมานี้ เกิดเรื่องอะไร ขน้ึ กบั ท่านกนั แน่?” หยางเฟิงหัวเราะเบาๆ ยื่นมือออกไปตบไหล่ของชิงเซ่ีย กล่าวพร้อมรอยย้ิม “พวกเราเดนิ ไปดว้ ยคยุ กันไปด้วยเถิด” หลนิ มไู่ ปเ๋ ห็นพวกเขาเดินกลับเข้าไปในหุบเขา จึงรีบเดินตามขึ้นไปจากด้านหลัง เวลาน้ีท่ีหุบเขาสวรรค์เหลือเพียงแต่ซากศพของวิหคสีชาดที่เปื้อนเปรอะไปด้วย คราบเลือดสแี ดง กับซากของหนอนแมลงสเี ขยี วสดที่ดนู า่ สะอดิ สะเอียนเทา่ นน้ั ในหอ้ งนอนของชงิ เซ่ยี ข้างๆ โต๊ะทรงส่ีเหลี่ยมจัตุรัสตัวหนึ่ง มีสามบุรุษหน่ึงสตรี นั่งอยู่ ชิงเซ่ียกวาดสายตาพิจารณาปฏิกิริยาของพวกเขาทั้งสาม ก็พบว่าฉู่หลีท่ี ยังอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีขาวสะอาด เวลาน้ีก่าลังน่ังพิงหลังไปกับก่าแพงด้วยท่าที แสนเกียจคร้าน สายตาเขาจับจ้องไปทางหยางเฟิงอย่างย่ัวเย้า ดูไปแล้ว เหมือนกับก่าลงั จะหาเรอื่ งสรา้ งความเปน็ ปฏปิ ักษ์กบั อีกฝา่ ยอย่างไรอยา่ งนัน้ ส่วนหยางเฟิง เขาไม่มีการเคล่ือนไหวใดๆ ท้ังส้ิน แน่นิ่งเหมือนด่ังภูเขาที่ตั้ง ตระหง่าน ใบหน้าลึกล่้าดุจสายน่้า ท่าราวกับมองไม่เห็นฉู่หลี ไร้ซ่ึงกริยา ตอบสนองประหนงึ่ นกั บวชท่กี า่ ลงั เขา้ ฌาน

กลับเป็นหลินมู่ไป๋ท่ีดูจะมีความสุขจนออกนอกหน้ามากกว่าใครเพ่ือน เขาไม่ รับรถู้ งึ ความไม่เป็นมิตรที่แผ่ออกมาใดๆ ท้ังนั้น ยังจมอยู่กับความปีติท่ีได้พบกับ สหายเก่าอีกครั้งราวกับคนเสียสติ ดวงตาท้ังคู่เปล่งประกายระยิบระยับด้วย ความยนิ ดจี นถึงขดี สุด เฮอ้ ! ชงิ เซี่ยถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยใจ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นางจะไม่ มีวันบอกเรื่องที่ฉู่หลียังคงอยู่ในหุบเขาให้กับเจ้าบัณฑิตผู้แสนโง่งมผู้นี้ฟังอย่าง เด็ดขาด เพราะหลินมู่ไป๋เป็นคนซื่อตรง เล่นละครหลอกลวงผู้อื่นก็ไม่เป็น หาก ว่าพล้ังเผลอพูดออกไป เกรงว่าสถานการณ์คงจะเลวร้ายยิ่ง แต่ว่าในเวลาน้ี ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่หลีและหยางเฟิงยากเกินกว่าจะคาดเดาได้ นางจึง จ่าเป็นต้องหาบางคนมาช่วยไกล่เกล่ียบรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสอง ท่ามกลางสถานการณ์บงั คบั จ่าใจ หลินมู่ไปจ๋ ึงถูกดึงเข้ามาร่วมดว้ ยเพราะเหตนุ ้ี “หรือก็คอื ยามนั้นทา่ นไม่ได้สง่ คนมาหาข้า บอกใหข้ ้ารอท่านอยู่ที่อยู่เขตไป๋หลิง ใชห่ รือไม่?” หยางเฟิงพยักหน้ารับ กล่าวด้วยเสียงลึก “ถูกต้องแล้ว หลังจากท่ีข้าแยกกับเจ้า ไปเมื่อตอนน้ัน ข้าก็ถูกพรรคพวกของอูซือเม่ยเอ่อร์ไล่ฆ่าไปตลอดทาง ภายหลัง ไปพบเข้ากับมนุษย์งูแห่งหนานเจียง ร่างกายก็ถูกพิษเข้าไปอีก โชคยังดีที่ได้เจอ กับเล่ียอว๋ินจี้ท่ีเข้ามาเก็บสมุนไพรในหนานเจียงพอดี จึงได้ถูกนางช่วยเอาไว้ ข้า ถูกวางยาพิษไปหนักมาก ใช้เวลานานถึงสามปีเต็มกว่าท่ีร่างกายจะฟ้ืนตัว กลับมาได้ ตอนที่ข้าเร่งกลับไปที่ไป๋หลิง เจ้าก็ไม่อยู่ที่น่ันแล้ว ข้าค้นหาข่าว เก่ยี วกบั ตัวเจา้ มาเร่ือย จนเม่ือครึ่งเดือนก่อนได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับศึกบนท่ีราบ ไป๋ลู่ และเหตุการณ์แผ่นดินแยก ข้าจึงรีบตามมา ตอนท่ีข้ามาถึง ก็พบเข้ากับเซ วียนอ๋องแห่งแคว้นฉินท่ีอยู่ด้านบนพอดี หลังจากรับฟังเร่ืองราวต่างๆ อย่าง

ละเอยี ด จงึ ลงมาตามหาเจ้า” สิ่งท่ีเขากล่าวมา ฟังแล้วดูเหมือนง่ายดายราวกับเขียนลงบนแผ่นกระดาษ แต่ หลังจากได้ฟังอาการบาดเจ็บของเขาท่ีต้องใช้เวลารักษานานถึงสองปีกว่า ก็ พอจะทราบได้วา่ สถานการณ์ตอนนน้ั อันตรายมากถงึ เพยี งใด ชงิ เซ่ียขมวดคิ้วเข้า หากนั แนน่ แอบคดิ ในใจวา่ ในเม่ือเปน็ เชน่ นี้ คนที่มาส่งข่าวให้กับนางเป็นผู้ใดกัน คบคิดได้สักครู่ ในที่สุดก็ได้ค่าตอบ สามวันนั้นซว่ีต๋าเล่ียอ้างว่าขึ้นเขาล่าสัตว์ ไม่ได้กลับบ้าน คิดว่าเขาคงจะโกหกเพ่ือกันไม่ให้ตัวนางจากไป พอคิดถึงตรงน้ี ดวงตาทั้งคู่ก็พลันแดงก่า ชิงเซ่ียยื่นมือออกไปคว้ามือของหยางเฟิงมาจับไว้แน่น แลว้ เอ่ยดว้ ยเสยี งลกึ “พใ่ี หญ่หยาง บญุ คณุ มหาศาลไม่อาจทดแทน ข้าจ่าใส่ใจไว้ แลว้ น่า้ ใจทีท่ ่านมีต่อขา้ ตอ่ ให้ใช้ทง้ั ชีวติ น้ีกค็ งไม่อาจช่าระคืนให้ท่านได้” หยางเฟิงยกย้ิมบางๆ ส่ายหน้ากล่าว “บุญคุณน้อยนิดดุจน้่าค้าง ตอบแทน ยิ่งใหญ่ดุจน่า้ พุ* พวกเราท้ังสองกน็ บั ว่ามวี าสนาต่อกนั ” ชิงเซี่ยรู้สึกตื้นตันและประทับใจเป็นอย่างมาก ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ กล่าวดว้ ยเสียงลกึ “อันทจี่ รงิ ข้าเหน็ ทา่ นเปน็ พช่ี ายแทๆ้ ของข้ามานานแลว้ ” หยางเฟิงชะงักไปเล็กน้อย ในดวงตามีประกายสายหน่ึงวิ่งวาบผ่าน เนิ่นนาน ทเี ดียวกวา่ ทเ่ี ขาจะยกยม้ิ ออกมา แล้วกลา่ วพรอ้ มรอยย้มิ “ข้าเองก็เชน่ กัน” “อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมท่ีแฝงด้วยความรู้สึกดูถูกสายหนึ่งดังส่งมา ชิงเซี่ยหัน หนา้ กลับไปมอง เห็นเป็นฉ่หู ลที ใี่ บหน้าเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย มุมปากเหยียด ขึ้นอย่างรังเกียจ ก็อดไม่ได้รู้สึกโมโหขึ้นมา กล่าวด้วยเสียงดัง “หากไม่ใช่เป็น เพราะท่าน พวกเราจะต้องมาลา่ บากกนั ถงึ เพยี งนห้ี รอื ?”

ฉู่หลีได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แล้วกล่าวด้วยเสียงลึก “เจ้าอย่าได้ อา้ ปากไล่กัดคนไปเร่ือย! ข้าไม่ได้ส่งคนไปไล่สังหารพวกเจ้าเสียหน่อย ฮึ หากว่า ขา้ ส่งคนไปจริง เจา้ คิดว่าเวลาน้ีพวกเจ้าจะไดม้ านง่ั อยูท่ นี่ ใ่ี นสภาพสมบูรณ์พร้อม ไร้รอยขีดข่วนหรืออย่างไร สองปีหรือ? ต่อให้เป็นยี่สิบปีก็อย่าได้ฝันว่าจะรักษา ใหห้ ายได!้ ” “ท่าน!” ชงิ เซี่ยดีดตัวข้นึ ยนื ด้วยความโกรธจดั “ใจเย็นๆ! ใจเย็นๆ!” หลินมู่ไป๋รีบข้ึนมาห้ามทัพด้วยความร้อนรน เขาแทรกตัว เขา้ มาอยตู่ รงกลางระหว่างคนทั้งสอง แล้วกล่าวอย่างระมัดระวัง “เวลาน้ีทุกคน ลงมาบนเรือล่าเดียวกันแล้ว สมควรร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน แบ่งปันเวลาตก ทกุ ขไ์ ดย้ าก ไมอ่ าจทา่ ให้เกดิ ความขดั แย้งภายในอยา่ งเดด็ ขาด” * บุญคุณน้อยนิดดจุ น่า้ คา้ ง ตอบแทนย่งิ ใหญด่ ุจน่้าพุ(滴水之恩,涌泉相 报)เป็นส่านวน บง่ บอกถงึ คนผหู้ น่ึงใหค้ วามช่วยเหลอื ต่อคนผู้หน่ึงเพียงเล็กน้อย แต่ คนผู้นน้ั กลับตอบแทนกลบั มากมายมหาศาล

บทที่ 121-3 ปีศาจสาวเจ็ดพฤกษา ชิงเซี่ยถลึงตาจ้องไปท่ีฉู่หลีอย่างดุดัน พอเห็นท่าทีที่ไม่แยแสน้ันของเขา นางก็ เดอื ดเสียจนอดไมไ่ ด้แทบจะขน้ึ ไปตอ่ ยตีกับเขาสกั หนง่ึ รอบ ส่วนฉหู่ ลีทเ่ี หน็ ชิงเซ่ียโมโหโกรธเกร้ียว อารมณ์ของเขากลับแปรเปลี่ยนเป็นดีข้ึน เสียอย่างนั้น อันที่จริง ก่อนหน้าน้ีเหตุที่เขาเอ่ยวาจาเย็นชาและท่าท่าทีดูแคลน ไปนั้น ก็ด้วยเห็นชิงเซี่ยกับหยางเฟิงเอาแต่ร่าลึกความสัมพันธ์คร้ังเก่าก่อน ไม่ สนใจในตัวเขา จึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ เวลานี้หลังจากที่ได้ทะเลาะกันไปสองสาม ประโยค ในใจก็ให้รู้สึกแปลกๆ เหมือนได้รับความส่าคัญอีกครั้ง อารมณ์จึง พลอยดีข้ึน ถึงขนาดหันหน้ากลับไปเอ่ยกับชิงเซี่ยท่ีคุกรุ่นไปด้วยเพลิงโทสะ “น่ี! ข้าหวิ แล้ว ไปยกอะไรกลับมาให้กนิ หนอ่ ย” “กิน? กินศีรษะท่านน่ะสิ!” ชิงเซ่ียหยิบถ้วยชาท่ีวางอยู่บนโต๊ะข้ึนมาด้วยความ คบั แค้น แลว้ ขว้างมันไปทศี่ ีรษะของฉู่หลี ฉูห่ ลีเปน็ บคุ คลระดับไหน เขาอยู่กับชิงเซ่ยี มานานที่สดุ ทัง้ ร่างกายยังผา่ นการรบ มาแล้วนับร้อยๆ คร้ัง ไม่ต้องรอให้ประโยคน้ันของหญิงสาวกล่าวจบ เขาก็ เตรียมพรอ้ มอยใู่ นท่วงทา่ ป้องกนั เรยี บรอ้ ย ฉู่หลียกฝ่ามือข้ึนปัดคร้ังหนึ่ง ถ้วยชา ท่ลี อยมาอย่างดุดนั กห็ ลุดออกนอกทศิ ทางของเป้าหมายไป หลินมู่ไป๋ผู้น่าสงสาร ท่ีก่าลังจะออกไปหาอาหารมาบรรณาการฝ่าบาทของเขาอย่างมีน้่าใจ พลันถูก ถ้วยชาถ้วยนั้นกระแทกใส่เข้าที่ท้ายทอยอย่างแม่นย่า ประหนึ่งว่าถ้วยชามี ดวงตางอกออกมาอย่างไรอย่างน้ัน หลังส้ินเสียงดังปึกหนักๆ เสียงหน่ึง หลินมู่ ไปก๋ ็ร้องครางออกมาเสียงดงั ราวกับหมทู ี่ถกู เชอื ดกม็ ิปาน

“พ่ใี หญ่หยาง พวกเราออกไปกัน” ชิงเซ่ียถลึงตาจ้องไปที่ฉู่หลีด้วยความโหดเห้ียมคร้ังหนึ่ง ก่อนจะหันไปดึงหยาง เฟิงแล้วลากเขาออกจากห้องไป ขณะท่ีใกล้จะเดินไปถึงหัวเลี้ยวของทางเดิน ชิงเซ่ียฉับพลันก็หยุดฝีเท้าลง ขมวดค้ิวเข้าหากันเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยเสียงลึก “พใ่ี หญห่ ยาง ข้ามเี รอ่ื งหนึ่งอยากจะถามทา่ น” หยางเฟิงพยักหน้ารับ กล่าว “เจ้าอยากจะถามข้าถึงสถานการณ์ของเซวียนอ๋อง กระมัง” ชิงเซ่ียชะงักไปในทันใด ก่อนเลิกคิ้วข้ึนมองเขาด้วยความฉงน หยางเฟิงเห็น ดังนั้นจึงยกยิ้มบางๆ กล่าว “เร่ืองของพวกเจ้าเล่าลือกันไปแทบจะท่ัวทุกหัว ระแหงแล้ว ข้าเองก็ได้ยินผ่านหูมาบ้าง หลายวันมานี้ท่ีพวกเจ้าตกลงมาในหุบ เหว เซวียนอ๋องได้เสาะหาผู้มีพรสวรรค์ท้ังมีความสามารถพิเศษอันหาได้ยากไป ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ แม้กระท่ังเลี่ยอว๋ินจ้ีก็ยังได้รับค่าเชิญจากเขา มิเช่นน้ันตัวข้า คงไม่ได้รับข่าวสารเกี่ยวกับเจ้าเร็วขนาดนี้ เพียงแต่หุบเหวแห่งน้ีลึกนับหมื่นจ้ัง ท้งั ดา้ นบนยงั เตม็ ไปด้วยหมอกควันมีพิษ คนธรรมดาทั่วไปหากได้สูดดม เกรงว่า มแี ต่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนหน้านี้ร่างกายของข้าได้รับพิษงูท่ีถูกปรุงมา จากงูพิษกว่าร้อยชนิด ต่อมาด้วยความช่วยเหลือของเล่ียอว๋ินจ้ี จึงกลายเป็นว่า ใช้พิษต้านพิษ ร่างกายของข้าเปลี่ยนเป็นโถใส่พิษไปนานแล้ว กอปรกับมี เล่ียอว๋ินจ้ีข่ีวิหคอยู่ด้านข้างคอยช่วยเหลือดูแล จึงลงมาถึงที่นี่ได้โดยไม่ได้รับ อนั ตรายถึงชีวติ เพราะหากเปล่ยี นข้าเป็นคนอนื่ นา่ กลวั ว่าคงตกตายอย่างศพไม่ สมประกอบไปนานแลว้ ” ในหุบเหวที่มีความลึกกว่าหมื่นจ้ังแห่งนี้ ภัยร้ายมีมากมาย บ้างแปลกประหลาด

และอันตรายถงึ ขัน้ คอขาดบาดตายไดเ้ ลยทเี ดียว ทว่ามองดูใบหน้าของหยางเฟิง ที่เต็มไปด้วยความเด็ดเด่ียวแน่วแน่ ในใจของชิงเซ่ียก็ย่ิงรู้สึกต้ืนตันจนยากจะ เอื้อนเอย ได้ยินเพียงหยางเฟิงกล่าวต่อ “คืนนั้นเม่ือสามวันก่อน ข้ามาถึงไป๋ลู่ หยวน บังเอิญได้พบกับค่ายทหารของแคว้นฉินพอดี ทั้งยังพบกับเซวียนอ๋องท่ี เวลาน้ันก่าลังยืนอยู่ใกล้ๆ ปากเหวอีกด้วย เขาดูผ่ายผอมห่อเห่ียวเป็นอย่างมาก ใบหน้าไร้ซ่ึงสีเลือด ร่างกายอ่อนแอเสียจนแทบจะประคองกายไว้ไม่อยู่ องค์ จักรพรรดิแควน้ ฉินไดส้ ง่ แพทย์มือดีจากเผ่าอูอีแห่งหนานเจียงจ่านวนสิบกว่าคน เดินทางมาท่ีราบไปล๋ ่เู พอื่ รกั ษาเขา น่ันถึงได้ยอ้ื ชีวติ เขากลบั มาได้อยา่ งโชคดี” “เวลานี้งานเล้ียงไล่ล่าของซีชวนจบลงไปแล้ว ตงฉีเคล่ือนทัพกลับแคว้น เรียบร้อย จะเหลือก็แต่กองทัพของแคว้นฉินและแคว้นฉู่สองแคว้นที่ยังรออยู่ท่ี เดมิ ไม่จากไปไหน องค์จักรพรรดิแคว้นฉินมีพระบัญชาพร้อมป้ายทองถึงสิบสาม ป้ายเพอื่ เรียกเซวียนอ๋องกลับไป แต่กลับถูกเขาปฏิเสธจนหมดส้ิน เกิดเป็นท่ีเล่า ลือถกเถยี งไปทว่ั ราชสา่ นกั ท้ังค่าติฉินนินทาและครหาวา่ รา้ ย ไมว่ า่ อย่างไรก็มีให้ ได้ยนิ หมด ย่งิ ประกอบกับยามนท้ี างเหนอื ของแคว้นฉินอย่างเป่ยเจียงถูกพวกซง หนูเข้ารุกรานอีกคร้ัง แต่เพราะไม่มีกองก่าลังจากค่ายเหยียนจื้อคอยป้องกัน เอาไว้ ป้อมปราการติดชายแดนหลายแห่งจึงถูกเข้าปล้นสะดม สภาพย่าแย่น่า อนาถเสยี จนยากจะเอื้อนเอ่ย ทางฝ่ังซีชวนเองก็อาศัยเหตุผลที่ว่างานเลี้ยงไล่ล่า เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ไล่กองทัพแค้วนฉินกลับแคว้นไปก็หลายครั้ง เห็นว่าทหาร ก่าลังจะเขา้ ปะทะกันอยูใ่ นที ท่ามกลางสถานการณ์บังคบั และแรงกดดันอันหนัก หน่วง ในที่สุดเซวียนอ๋องจึงตัดสินใจเข้าปิดล้อมที่ราบไป๋ลู่ ยึดครองป้อมไป๋ลู่ อนาคตน่าเป็นกงั วลนัก” ชิงเซ่ียชะงัก ยืนอยู่บนโถงทางเดนิ นิง่ แกม้ สขี าวซีดของนางซดี ขาวข้ึนเร่ือยๆ ทุก ครั้งที่ได้ยินหยางเฟิงกล่าว เพียงช่ัวพริบตา มันก็ขาวราวกับกระดาษแผ่นหน่ึง

ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของสีเลือดให้เห็น ทว่าทันใดนั้นเอง จู่ๆ เหมือนกับเพิ่งนึก อะไรบางอย่างออก ชิงเซ่ียจึงหันกลับไปจับร่างกายหยางเฟิงไว้แน่น แล้วกล่าว ด้วยเสียงลึก “พ่ใี หญ่หยาง ท่านช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่ ช่วยไปขอร้องเล่ียอวิ๋นจี้ แทนข้าหน่อย ขอให้นางพาข้าขี่วิหคกลับขึ้นไป ข้าไม่อาจรออยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป แล้ว แม้แตห่ น่งึ เค่อกร็ อไม่ได้” หยางเฟิงขมวดค้ิวเข้าหากันแน่น ก่อนจับไหล่ของชิงเซี่ยเอาไว้ แล้วสายหน้า กล่าว “หากว่าท่าเช่นนั้นได้ ข้ายังต้องเปลืองแรงไต่ลงมาอีกหรือ? เล่ียอวิ๋นจี้มี ความสามารถพิเศษที่แตกต่างจากคนทั่วไปเป็นอย่างมาก นางแช่ตัวอยู่ในบ่อ แมลงพิษมานานปี ขนาดของร่างกายจึงผิดแผกจากคนทั่วไป กระดูกก็เบากว่า ยิ่งประกอบกับนางเรียนรู้ศาสตร์ของวิชาตัวเบา ท่าให้ท้ังร่างของนางมีน้่าหนัก เพียงสิบจินเท่าน้ัน ด้วยเหตุน้ีนางถึงนั่งอยู่บนหลังอินทรีขาวได้ อย่างเจ้ากับข้า หากน่งั ลงไป อินทรีขาวจะยงั บินไดอ้ ยูอ่ ีกหรอื ?” ชงิ เซ่ียไดย้ นิ ดังน้นั ก็รู้สกึ เจบ็ ปวดใจไปหมด คดิ ถึงภาพของฉินจือเหยียนท่ีใบหน้า ซีดขาว ออกมายืนอยู่ข้างปากเหวทุกค่าคืน รอคอยตัวนางกลับไปอย่าง ยากลา่ บาก ในใจก็เหมอื นกบั ถกู มีดกรดี ลกึ ลงไปเป็นชน้ั ๆ หยางเฟงิ เหน็ นางเป็นเช่นนี้ ก็ได้แต่เอ่ยปลอบใจ กล่าว “อย่าได้เป็นกังวลไปเลย ต้องมวี ธิ อี ยา่ งแน่นอน อดทนรออกี สักหน่อยเถดิ ” เวลานีเ้ อง เสียงแค่นฮึเย็นชาสายหนึ่งก็ดังส่งมาฉับพลันทันที ท้ังสองคนหันหน้า กลับไปมอง ก่อนจะเห็นเป็นเลี่ยอว๋ินจ้ีท่ีอยู่ในชุดเส้ือผ้าสีเขียวสดใสก่าลังยืนอยู่ ใต้ระเบียง นางใช้สายตาเย็นชามองมายังคนท้ังสอง ก่อนกล่าวด้วยเสียงลึก “เด็กน้อยเจ้าช่างหลายใจย่ิง ทิ้งน่้าใจไล่โปรยเสน่ห์ให้กับผู้อื่นไปท่ัว ดูน่าระร่ืน นกั !”

ตัวนางเองก็เป็นหญิงสาวที่มีอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปีมิใช่หรือ เหตุใดอ้าปาก หุบปากก็เรียกผู้อื่นเป็นเด็กน้อยได้อย่างคล่องปากเช่นนี้เล่า ชิงเซี่ยได้ยินนาง กลา่ วเชน่ นนั้ ใบหน้าก็เปลยี่ นไปเลก็ นอ้ ย ทว่าอยา่ งไรเสียนางก็เป็นผู้มีพระคุณท่ี ช่วยชีวิตของหยางเฟิงเอาไว้ จึงไม่อยากต่อปากกับนางให้มากความ ก่อนหมุน ตวั เดินออกไปทางลานบ้าน “เสยี่ วเซ่ีย! เจ้าจะไปท่ใี ด?” ชิงเซ่ียหันหน้ากลับมา มุมปากยกข้ึนเป็นรอยย้ิมจางๆ ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเบา “ข้าจะไปเดินเล่นสักหน่อย อย่าได้เป็นกังวลไปเลย” จากนั้น ร่างของนางก็ หายไปจากลานบา้ น หยางเฟิงตวัดสายตามองมาทางเลี่ยอว๋ินจ้ีด้วยความโมโหวูบหน่ึง ก่อนจะหมุน กายแล้วเดินกลับเข้าห้องไป ใบหน้าที่แสนเย่อหย่ิงของเลี่ยอว๋ินจ้ีฉับพลันแปร เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที นางมองไปทางที่ชิงเซ่ียจากไป จู่ๆ ก็แค่นเสียงอย่าง เย็นชา แล้วใช้ร่างกายท่ีเป็นดง่ั สายลมแอบตามชิงเซย่ี ไปเงยี บๆ ไรซ้ ่ึงซมุ่ เสียง ร้อยติณชาติพัดพล้ิว หมื่นสรรพสิ่งเงียบสงัด ชิงเซ่ียเดินไปเร่ือยๆ อย่างไร้ซ่ึง จุดมุ่งหมาย รู้ตัวอีกทีนางก็มาถึงหุบเขาสวรรค์แล้ว หญิงสาวยืนอยู่ข้างใต้หน้า ผา แหงนหนา้ มองข้นึ ไปดา้ นบน เห็นเพยี งแต่ชะง่อนหินท่ียื่นออกมากับผนังของ แผ่นผาที่สูงล่ิวเท่านั้น ไม่อาจมองเห็นสุดขอบของมันได้เลย ทั้งด้านบนน้ันยังมี เมฆหมอกสีสนั ตระการตาปกคลมุ เอาไว้อยู่ ดูกร็ ูว้ า่ มีพิษ ฟ้าดินกว้างใหญ่ สูงไกลเวิ้งว้าง ความรู้สึกไร้เร่ียวแรงสายหนึ่งผุดขึ้นในใจของ ชงิ เซี่ยคร้ังแล้วครั้งเล่า หญิงสาวถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกหนักหน่วง ต่อให้ อาศัยนกไม้ของเผิงไหล ก็ยังไม่อาจบินได้สูงถึงเพียงนั้น กับระยะห่างท่ีไกลกัน

มากถึงขนาดนี้ แมว้ า่ นางจะตะโกนรอ้ งจนกล่องเสียงแตกสลาย เขาก็ไม่มีทางได้ ยิน ฉินจือเหยียน ฉินจือเหยียน ข้าจะต้องกลับไปยืนอยู่ข้างกายท่านอย่างสมบูรณ์ พรอ้ มไรซ้ ึ่งรอยขดี ขว่ นให้ได้ ดังน้ันแล้ว ได้โปรด ท่านต้องดูแลร่างกายให้ดีๆ รอ วันที่ข้าจะไดก้ ลับไป ในเวลาน้ีเอง ท่ีเสียงขลุ่ยสายหน่ึงฉับพลันก็ดังข้ึน เสียงของมันท้ังนุ่มนวลและ เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง เหมือนกับเสียงของนกขมิ้นท่ีร้องข้ึนเม่ือยาม ราตรี ชิงเซ่ียหันหน้ากลับไป เดินตามต้นเสียงของขลุ่ยท่ีดังส่งมา ใช้เวลาไม่ถึง หนึ่งก้านธูป นางก็พบกับหญิงสาวผู้หน่ึงซ่ึงอยู่ในชุดเสื้อผ้าสีม่วงก่าลังยืนอยู่บน โขดหิน ชุดอาภรณ์ของหญิงสาวพล้ิวไหวราวกับก่าลังร่ายระบ่า เส้นผมยาว สยายไปพร้อมกับสายลม นางมฟี ันสีขาวสว่าง ทา่ ทางดูเป็นมิตร ในมือสีขาวผ่อง ของนางเวลาน้ีถอื ขลุย่ หยกสีขาวลา่ หนึ่งจอ่ ไปท่ปี าก แลว้ บรรเลงเป็นท่วงท่านอง ที่มีจังหวะคมชัด วิหคน้อยสีเหลืองหลายตัวเข้ามารุมล้อมอยู่รอบกายของหญิง สาว แข่งกันส่งเสียงร้องคลอไปตามเพลง ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ดูไปแล้วช่าง งดงามจับใจ เตม็ ไปดว้ ยบรรยากาศของเซยี นสวรรค์ ชงิ เซี่ยขยบั เล็กนอ้ ย หญิงสาวผู้นนั้ เหมอื นจะไดย้ ินเสียงเคลอื่ นไหวของนางจึงหัน หน้ากลับมา พอนางเห็นชิงเซี่ย ใบหน้าขาวผ่องก็แปรเปล่ียนเป็นแดงระเร่ือใน ทันใด นางกระโดดลงมาจากโขดหินด้วยท่าทีลนลานท่าอะไรไม่ถูก มือเท้าไม่รู้ จะเอาไปวางที่ไหนแล้วเวลาน้ี ชิงเซี่ยชะงักไปในทันใด ร้สู กึ เพียงว่าสาวน้อยผู้น้ีคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างมาก พอ มองดูใบหน้าของนางท่ีแดงก่าไปหมด ถึงได้หวนคิดไปถึงลูกศิษย์ชาวเผิงไหลผู้ หนึ่งท่ีช่วยแสดงวิธีใช้เรือนกาลเวลาให้ทุกคนดูเมื่อวาน หากจ่าไม่ผิด ดูเหมือน

นางจะเปน็ ลกู พี่ลูกน้องของจู้ยวนชิง ชอ่ื ว่าเสยี่ วเตยี๋ “ขอโทษด้วย รบกวนเจา้ แลว้ ” ชงิ เซีย่ พยกั หน้าใหเ้ ลก็ น้อยด้วยความเกรงใจ จากนั้นจงึ หมนุ กายเดนิ ออกไปช้าๆ จู้เสี่ยวเตี๋ยลนลานไปในทันที รีบยกขลุ่ยข้ึนไปซ่อนไว้ด้านหลัง ก่อนกระซิบเสียง เบาพร้อมใบหนา้ แดงก่า “ไม่...ไม่เป็นไร เป็นข้าที่รบกวนแมน่ างจวงแล้ว” ชิงเซี่ยรู้สึกประทับใจแม่นางน้อยผู้นี้นัก กล่าวพร้อมรอยย้ิม “เจ้าเรียกข้าว่า ชิงเซ่ียเฉยๆ ก็พอแล้ว เจา้ เปา่ ต่อเถิด ขา้ ชอบฟงั ”

บทท่ี 121-4 ปีศาจสาวเจ็ดพฤกษา ในงานชุมนุมของกรมโยธาธิการเม่ือวาน จู้เสี่ยวเต๋ียเองก็อยู่ที่นั่นด้วย ได้เห็น ท่วงท่าอนั กล้าหาญเดด็ เด่ยี วของชงิ เซยี่ ที่ดีดน้ิวท่าร้ายคน ครั้งก่อนท่ไี ด้พบกันจึง ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อนางเล็กน้อย ยามน้ีพอเห็นหญิงสาวอยู่ในชุดสีขาวราวหิมะ ใบหน้างดงามอ่อนหวาน แตกต่างจากที่ได้เห็นเม่ือวานราวกับเป็นคนละคน ก็ อดไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายลง ขลุ่ยหยกถูกจ่อขึ้นไปที่ริมฝีปากอีกคร้ัง ขณะที่ก่าลัง คิดจะเป่า กลับเห็นชิงเซี่ยแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า ท่าทีเต็มไปด้วยความเหม่อลอย จงึ ไดเ้ อย่ ถามเสยี งเบาอย่างห้ามไมอ่ ยู่ “แม่นางจวง ท่านมีเรอื่ งกงั วลใจหรือ?” ชิงเซ่ียหันหน้ากลับมา มองไปที่ใบหน้างามหยดย้อยของจู้เส่ียวเต๋ีย ในแววตา เต็มไปด้วยความบริสุทธ์ิกระจ่างใส ในใจก็รู้สึกดีด้วย กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “บน โลกใบนี้ ผู้ใดเลา่ จะไม่มเี รื่องกังวลใจ?” จู้เสี่ยวเตี๋ยชะงักไปเล็กน้อย คิดอยู่กับตนเองช่ัวครู่ ก่อนจะพยักหน้ากล่าว “แม่ นางพดู ถกู หลายวันมานเ้ี สี่ยวหวงไม่สบาย ขา้ เองกเ็ ศร้าใจนัก” ชงิ เซ่ียขมวดคิว้ มุน่ ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ผ้ใู ดคือเสยี่ วหวง?” “ก็คือลกู ของเสีย่ วองิ อย่างไรเล่า” จู้เสี่ยวเตี๋ยยกย้ิมข้ึนในทันใด ก่อนชี้นิ้วไปทาง วิหคนอ้ ยสีเหลอื งตัวหน่ึงท่ีบนิ อยู่กลางอากาศ กล่าวพรอ้ มเสียงหวั เราะฮา่ ๆ “แต่ ว่าข้าใหม้ ันกินยาไปแลว้ อาการนา่ จะดีขน้ึ ในไมก่ ี่วัน” ชิงเซี่ยเห็นความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของนาง จึงยกย้ิมเล็กน้อย ก่อนยื่นมือออกไป ลบู หวั นางเบาๆ กล่าวยม้ิ ๆ ราวกับตนเองเปน็ ผู้สูงอายุ “ยังเป็นเดก็ อยจู่ ริงๆ”

จูเ้ ส่ียวเตี๋ยไมม่ ีแม้เพียงคร่งึ เส้ียวของความโกรธ มองมาทางชิงเซี่ยที่เอาแต่แหงน หน้ามองขึ้นไปข้างบน แล้วเอ่ยถามอีกคร้ัง “แม่นางจวง ท่านคงคิดถึงบ้าน กระมัง?” “อมื ” ชงิ เซ่ยี พยกั หน้ารบั เบาๆ กล่าวอยา่ งไมค่ ดิ จะใสใ่ จ “ขา้ อยากกลบั ไปมาก” จู้เส่ียวเตี๋ยเบิกตากว้าง ท่าทีเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนเอ่ยถาม “พวกพี่ชาย ไมใ่ ชว่ า่ ก่าลงั เก็บกวาดตะกอนดนิ โคลนทอี่ ุดทางเข้าไว้อยู่หรอกหรือ อีกไม่กี่วันก็ นา่ จะเสรจ็ แล้วน”ี่ “ข้ารู้” หญิงสาวผู้มีใบหน้าซีดขาวถอนหายใจเอ่ยด้วยเสียงเบา “แต่ว่าข้า อยากจะรีบกลับไปเสียแต่ตอนนี้เลย” “อ้อ!” จเู้ สี่ยวเตย๋ี ขานรับ ฉับพลันราวกับได้เห็นแสงสว่างในทันใด รีบกล่าวด้วย ความกระตือรือรน้ “ข้ารู้แล้ว เพราะว่าข้างบนก่าลังมีคนรอท่านอยู่ ท่านกลัวว่า เขาจะเป็นกังวลเร่อื งท่านใชห่ รือไม่?” ชิงเซ่ยี พยกั หน้ารับ แล้วกล่าวเสยี งเบาอยา่ งไมป่ ิดบงั “อืม” “เช่นนั้นก็ง่ายมาก” จู้เสี่ยวเต๋ียยกย้ิมด้วยความสดใส ก่อนกล่าว “แม่นางแค่ เขยี นจดหมายมา ขา้ ใหเ้ ส่ียวองิ ไปสง่ ใหท้ ่าน เทา่ น้ีก็สนิ้ เรอ่ื ง” ชิงเซ่ียได้ยินดังนั้นฉับพลันก็ตื่นตกใจไปในทันใด นางหันหน้ากลับมามองจู้ เสี่ยวเต๋ียอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างย่ืนออกไปกุมมือของจู้เสี่ยวเตี๋ยเอาไว้ด้วย ความร้อนรน แล้วกล่าวด้วยเสียงลึก “จริงหรือ! ท่าได้จริงหรือ?” ความรู้สึก ตื่นเต้นฉับพลันกอบกุมหัวใจของนางไปทั้งดวง แม้แต่น้่าเสียงท่ีเอ่ยออกมาก็ส่ัน สะทา้ นไปเลก็ นอ้ ย

“แน่นอนสิ” จู้เสี่ยวเต๋ียกล่าวพร้อมรอยยิ้มเป็นประกาย แล้วล้วงมือเข้าไปหยิบ กระดาษกับพู่กันในอกเสื้อท่ีพกไปไหนมาไหนด้วยตลอด แล้วกล่าวว่า “ข้า ทดลองพวกเมล็ดพชื กับสมนุ ไพรทุกวัน ดังนนั้ จึงมักพกกระดาษกบั พกู่ ันตดิ ตัวไป ด้วยทุกท่ี ท่านไม่ต้องกลับไปเอาแล้ว เขียนมันเสียท่ีน่ีแหละ อีกสักครู่ข้าจะให้ เส่ียวอิงน่าขึ้นไปส่งให้ท่าน เส่ียวอิงมีปีก ในบรรดาพวกพ้องท้ังหมดของมัน มี เพียงมันที่มักจะบินออกไปด้านนอกเสมอๆ และทุกครั้งท่ีกลับมา ก็มักจะเอา เมลด็ พันธ์หุ รือพืชสมนุ ไพรจากด้านนอกกลบั มาฝากขา้ ดว้ ย” ชิงเซ่ียถือกระดาษกับพู่กันไว้ในมือ มือที่ถือมีอยู่ช่วงหน่ึงส่ันสะท้านไปหมด ประโยคนับพันนับหม่ืนติดอยู่ในล่าคอเช่นนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจเอ้ือนเอ่ย ออกมาได้ หลังจากคิดอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดจึงเขียนเป็นข้อความว่า ข้าไม่เป็นอัน ใด ไม่เกินสิบวันต้องกลับไปได้อย่างแน่นอน ท่านต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดี อยา่ ได้เหน็ดเหน่อื ยมากเกินไปนัก รอข้ากลับไป กับประโยคสั้นๆ เพียงไม่กี่ประโยค ชิงเซ่ียกลับใช้เวลาเขียนนานถึงคร่ึงค่อนช่ัว ยาม หลังจากที่เขียนเสร็จ จึงส่งมันให้กับจู้เส่ียวเตี๋ย สายตาท่ีชิงเซ่ียใช้มองไป ทั้งแดงกา่ ทง้ั เต็มไปด้วยความตนื้ ตันอย่างปิดไมม่ ดิ จู้เสี่ยวเต๋ียเรียกวิหคตัวน้อยให้บินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนมัดกระดาษติดไว้ท่ีเท้าเล็กๆ ของมัน แลว้ เอ่ยดว้ ยเสยี งเบา “เสี่ยวองิ บินข้นึ ไปข้างบน เอาจดหมายนสี้ ง่ ใหก้ ับ ทหาร รอจนกว่าจะได้จดหมายตอบกลับที่ยาวมากๆๆๆ ถึงจะกลับมาได้รู้ หรือไม่?” วิหคน้อยผงกศีรษะเลก็ ๆ ของมันรับดว้ ยความชาญฉลาด ปีกคู่น้ันสยายออก บิน ข้ึนสูงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ สายตาของชิงเซ่ียและจู้เส่ียวเต๋ียม

องตามมนั ไปด้วยความกระตือรือร้น กลางท้องนภาที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาอันสูงล่ิว นกอินทรีสีขาวหิมะตัวใหญ่ตัว หนึ่งก่าลังบินอยู่บนนั้น และทันทีที่มันเห็นวิหคตัวน้อยสีเหลืองบินข้ึนมา มันก็ รีบพุ่งเข้าไปคาบวิหกตัวนั้นไว้อย่างรวดเร็ว หญิงสาวในชุดสีเขียวมรกตนางหนึ่ง ยนื อยู่อีกฝ่ังของหุบเขาเผิงไหล ยกมือตบไปที่ศีรษะของอินทรีขาวตัวน้ันหลายที กอ่ นจะรบั วิหคตัวนอ้ ยทกี่ า่ ลังดน้ิ สอู้ ยู่ในปากของมันออกมา แล้วปลดจดหมายท่ี ผูกไว้ท่ีข้อเท้าของมันออก ก่อนเลิกคิ้วข้ึนข้าง ในแววตาฉับพลันมีประกายสาย หน่ึงวิ่งวาดผ่าน หญิงสาวรีบกลับเข้าไปในห้องของตัวเองด้วยความรวดเร็ว จากนน้ั ไม่นาน จึงเดินมาท่หี นา้ ตา่ ง ปลอ่ ยให้วิหคนอ้ ยตัวนั้นบนิ ไป ธงทหารโบกสะบัดกลางค่ายเหยียนจ้ือ ในกระโจมใหญ่สีเขียวกลางค่ายทหาร เหล่าแพทย์จากเผ่าอูอีแห่งหนานเจียงก่าลังยืนกระจุกกันอยู่ที่มุมหน่ึง กระซิบ กระซาบกันด้วยเสียงเบา ฉินจือเหยียนพลิกจดหมายที่ถูกส่งมาจากเสียนหยาง ดว้ ยใบหนา้ ที่แสนเยน็ ชา ควิ้ คมคู่นน้ั คอ่ ยๆ ขมวดเข้าหากนั เร่อื ยๆ ด้านล่าง คือเหล่าแม่ทัพระดับสูงจากค่ายเหยียนจ้ือ พวกเขามองไปยังผู้น่าทัพ ของตนอยา่ งเงยี บขรึมไมก่ ลา่ วส่งิ ใดออกมา ท่าเพียงแต่ส่งความเช่ือใจและความ คาดหวังทั้งหมด ไปยังคนป่วยท่ีร่างกายอ่อนแอจนแทบจะประคองตัวไม่ไหว อย่างไรซ้ ่งึ ซุ่มเสียง ในเวลานเี้ อง อยๆู่ เสยี งฝีเท้าทีเ่ ร่งรบี สายหนึ่งกด็ งั ข้ึนด้านนอกกระโจม ฉินจือเห ยียนเลิกคิ้วข้ึนข้าง แหงนหน้าข้ึนมามอง ก่อนจะเห็นเป็นนายทหารผู้หน่ึงซึ่งอยู่ ในชุดเกราะอ่อนก่าลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าประตู เขากล่าวด้วยเสียงฟังชัด “องค์ ชาย มีวิหคน้อยตัวหน่ึงบินข้ึนมาจากหุบเขา ที่เท้าของมันผูกจดหมายไว้ เป็น จดหมายที่จ่าหน้าถึงองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นเสียงดังแกร๊กเสียงหนึ่ง พู่กันในมือของฉินจือเหยียนก็ร่วงลงบนโต๊ะในทันใด ดวงตาท้ังคู่พริบตามีประกายข้ึนมาทันที ตลอดสามวันที่ผ่านมา ยามราตรีไม่ อาจนอนหลบั วนั เวลาผ่านไปยาวนานราวกับเป็นปี รอคอยก็เพียงแต่ปาฏิหาริย์ เช่นนี้ท่ีอาจจะเกดิ ข้ึนในสักวันหน่ึง ร่างท่ียนื อยูข่ องฉนิ จือเหยียนยามนี้ติดจะโงน เงนไปเล็กน้อย เขารีบเดินไปหยุดอยู่หน้านายทหารท่ีมารายงานข่าว ก่อนรับ วิหคน้อยสีเหลืองตัวนั้นมาไว้ในมือ มองดูตัวอักษรโย้เย้น่าเกลียดที่เขียนชื่อ ฉินจือเหยียนลอยเด่นข้ึนมาบนกระดาษขาวซ่ึงถูกผูกติดไว้กับขาเล็กๆ ของวิหค นอ้ ย ก็รู้ไดท้ ันทวี า่ นั่นเปน็ ลายมือของชงิ เซ่ีย ความรู้สกึ ปีตยิ ินดีและตืน่ เตน้ ทม่ี หาศาลล้นทะลักออกมาไมห่ ยุดหย่อน ชายหนมุ่ ค่อยๆ คล่ีกระดาษแผ่นน้ันออกช้าๆ ก่อนกวาดสายตามองไปด้วยหัวใจท่ีเป่ียม สุข รอบดา้ นเวลาน้เี งยี บกริบ เงียบถงึ ขนาดทีว่ ่าหากมีเข็มตกลงไปก็ได้ยิน เหล่าบุรุษ ท่ีติดจะหยาบกระด้างเหล่าน้ัน ดูเหมือนจะรู้ดีว่ากระดาษบางๆ แผ่นน้ีมี ความหมายต่อผู้น่าของพวกเขาเพียงใด การรอคอยตลอดสามวันท่ีผ่านมา ใน ทีส่ ุดกไ็ ด้รบั ผลลพั ธเ์ สยี ที ใบหน้าของแต่ละคนปรากฏร่องรอยของความยินดีข้ึน อยา่ งปดิ ไมม่ ดิ รอคอยข่าวดีท่ีกา่ ลงั ส่งมาอย่างเงียบๆ อยา่ งไรก็ตาม ผ่านไปเนิน่ นาน หลังจากท่ยี งั ไม่มีปฏิกิรยิ าใดๆ ตอบกลับมา เหล่า ผู้คนจึงได้ทอดสายตามองไปฉินจือเหยียนด้วยความสงสัย ก่อนจะต้องต่ืน ตระหนกหลังพบว่าใบหน้าของเทพสงครามแห่งแคว้นต้าฉินเวลาน้ีซีดขาวราว กับกองหมิ ะที่ทบั ถม ในแววตาค่นู ้ันเต็มไปดว้ ยความเจ็บปวดรวดร้าว “องค์ชาย!” พอแพทย์ชรานายหน่ึงจากเผ่าอูอีเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว จึงคิดจะเอ่ย

ถามความจากเขา ทว่ายังไม่ทันได้ออกปาก ก็เห็นร่างกายของฉินจือเหยียน กระตุกไปเสียก่อน เลือดสดๆ สายหน่ึงพุ่งออกมาจากปากของเขาราวกับน้่าพุ สาดรดไปบนวหิ คนอ้ ยสเี หลอื งตัวนัน้ จนเป้อื นเปรอะ “องค์ชาย!” เหล่านายทหารที่อยู่ด้านล่างรีบรุดข้ึนไปข้างหน้าด้วยความพร้อม เพียงในทันที เข้าไปรับร่างของฉินจือเหยียนท่ีก่าลังจะล้มลงไปไว้ เหล่าแพทย์ จากเผา่ ออู แี ห่งหนานเจียงทต่ี ามข้นึ มาภายหลัง หลงั จากที่มองส่ารวจเขาไปแวบ หนึ่ง ใบหน้าฉับพลันก็แปรเปล่ียน ตะโกนกล่าวด้วยเสียงดัง “ไม่ดีแล้ว! รีบออก จากค่ายเด๋ียวน้ี ไปเมืองฮว่าเสียนตามหาท่านผู้อาวุโสใหญ่ บางทีอาจมีโอกาส รอด!” ทา่ มกลางความตื่นตระหนก วิหคน้อยที่ร่างกายเป้ือนเปรอะไปด้วยคราบเลือดสี แดงสดร้องขึ้นหลายคร้ัง มันบินออกนอกกระโจมไป บินวนอยู่ในอากาศหลายที ก่อนจะมีแม่ทัพช้ันสูงนายหน่ึงเดินออกมาจากกระโจมแล้วง้างธนูมุ่งเป้าไปที่มัน วิหคน้อยตื่นตกใจเป็นอย่างมาก มันบินหลบลูกธนูท่ียิงมาอย่างบ้าคลั่ง แล้วบิน กลับเข้าไปในหบุ เหวลกึ ท่ามกลางลมหนาวท่ีพัดมาอย่างเย็นยะเยียบ กระดาษสีขาวแผ่นน้ันท่ีท่าหน้าท่ี ส่งข่าวมา ถูกเท้าใหญ่ๆ จ่านวนนับไม่ถ้วนขยี้ลงกับพื้นด้วยความโกรธแค้น เห็น เพียงตัวอักษรโย้เย้น่าเกลียดเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นตายร้ายดีร่วม แบ่งปัน ติดตามผ่านร้อนผ่านฝนยามตกทุกข์ได้ยาก ใต้แสงจันทร์บุปผาที่ แปรเปลี่ยน รักท่ีเคยมีร่วมกัน เพ่ือเหตุใด? หัวใจบุรุษดุจหินผามั่นคงสูง ตระหงา่ น หัวใจข้าออ่ นบางราวกง่ิ หลิว กิง่ หลวิ พบเหมันต์ที่หนาวเหน็บน้ันหักได้ ขอหนิ ผาไดโ้ ปรดเคลื่อนยา้ ยไปเชน่ กนั ท่ามกลางลมหนาวที่เยือกเย็นเปล่าเปลี่ยว พายุหิมะใหญ่ฉับพลันเข้าครอบคลุม

ไปทุกพ้ืนท่ี เพียงพริบตา กระดาษท่ีส่งข่าวมาแผ่นน้ันก็ถูกกลบฝังลงใต้พ้ืนหิมะ อยา่ งโหดร้ายทารุณ ต้ังแต่เที่ยงวันจนใกล้พระอาทิตย์ตกดิน ชิงเซี่ยกับจู้เสี่ยวเต๋ียรอคอยให้เส่ียวอิง ส่งขา่ วกลับมาอยู่ตลอด ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงเรื่อยๆ หัวใจของชิงเซี่ยก็ค่อยๆ ถูก ความหนาวเหนบ็ กลนื กนิ ไปเรอ่ื ยๆ เชน่ กัน จู้เส่ียวเตี๋ยเวลานี้ร้อนรนเสียจนเหง่ือ ผุดข้ึนมาที่หน้าผากไม่หยุด พยายามพูดถึงข้อดีของวิหคน้อยตัวนั้นให้ฟังอยู่ไม่ ขาด ขณะทที่ ้ังสองคนกา่ ลังจะถูกความผิดหวังเขา้ กลนื กนิ อยู่น้ันเอง เสียงร้องแหลมๆ ติดลนลานสายหน่ึงของวิหคก็ดังข้ึน ทั้งสองคนกลับมามีสติในทันใด แล้วรีบหัน หนา้ ขนึ้ ไปมอง ก่อนที่จู้เสี่ยวเตี๋ยจะเป่านกหวีดเรียก วิหคน้อยตัวนั้นก็รีบบินเข้า มาซุกอยู่กับอกของจู้เสี่ยวเตี๋ย ร่างกายของวิหคน้อยตัวน้ันยามนี้เปื้อนเปรอะไป ด้วยคราบเลือด กล่ินคาวเลือดเข้มข้นลอยขึ้นเตะจมูก ทั้งยังมีกลิ่นของชวนเป้ย ชนั้ ดีสายหนง่ึ ลอยสง่ มาจางๆ ชงิ เซ่ยี ชะงักยนื อยูท่ เี่ ดมิ นิ่ง โลหิตจากทวั่ ท้ังรา่ งฉบั พลันเยน็ เฉียบราวกับน้่าแข็งก็ มิปาน

บทท่ี 122-1 อารมณ์อันแสนฟุ้งซ่าน พระอาทิตย์คล้อยลาลับขอบฟ้าไปทางทิศตะวันตก แหงนหน้ามองข้ึนไป เห็น เพยี งแต่แสงของดวงจันทร์ทส่ี ุกสว่าง และแสงของดวงดาราท่ีกระพริบพราวบาง เบา บ่งบอกวา่ ราตรนี ้ีได้มาเยอื นแลว้ รอบด้านเวลานี้ ต้นหญ้าพัดพลิ้วปลิวไสว สายลมของยามวิกาลกระซิบผ่านไป เบาๆ หนองน้าสีเขียวมรกตด้านล่างหุบเขาสวรรค์ เกิดเป็นระลอกคล่ืนซัดผ่าน ก้อนหินก้อนเล็กก้อนน้อยเหล่าน้ันไปอย่างเอ่ือยๆ บังเกิดเป็นล้าห้วยสายเล็ก แสนงดงามที่คดเค้ียวไหลผ่านไปทางทิศตะวันตก บริเวณรอบๆ ของหนองน้า ต้นยูคาลิปตัสสูงโปร่งขึ้นอยู่หนาแน่น แสงของดวงจันทร์อันเย็นเฉียบท่ีส่องผ่าน ลงมา ตกกระทบลงกับใบของต้นยูคาลิปตัสส่งให้ใบไม้เปล่งประกายสีขาว พระจนั ทรเ์ ปล่งปลง่ั อกี ฟากหนงึ่ ของหนองน้า ก้อนหินขนาดใหญต่ ั้งสงู ตระหง่านอย่ตู รงนั้น หญิงสาว ท่อี ยใู่ นชุดผ้าฝ้ายสีขาว ตรงเอวผูกดว้ ยผา้ สดี ้า ใบหน้าติดซีดขาวไปเล็กน้อย เส้น ผมสีด้าขลับราวกับสีของน้าหมึกปล่อยสยายระไปกับเอวบาง ดวงตาราวกับ สายน้าก้าลังทอดมองออกไปยังที่ไกลๆ ประหนงึ่ ภาพของเทพเซยี นที่ออกมาเดิน เล่นในยามวกิ าลก็มปิ าน งดงามละเอยี ดอ่อนดูไมธ่ รรมดา ฉู่หลีท่ีอยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวบางคาดด้วยสายรัดเอวหลวมๆ ยืนห่างออกมา ทา่ มกลางเหลา่ ต้นหญ้าท่ีข้ึนสูงจนถึงเอว เขาแหงนหน้ามองไปยังหญิงสาวในชุด ขาวที่น่ังกอดเขา่ อยบู่ นก้อนหินขนาดใหญ่ มองดูท่าทีที่ดูหดหู่เหม่อลอยของนาง ก็ให้รู้สึกว่ามีบรรยากาศเศร้าสร้อยสายหน่ึงพัดผ่านร่างของเขาไปอย่างบางเบา ฉู่หลีมองตามหญิงสาวที่แหงนหน้าข้ึนไป สายตาของเขาก็ไปตกอยู่บนยอดหน้า

ผาที่สูงชันแห่งน้ัน ดวงตาราบเรียบท่ีเหม่อมองไปยังท่ีไกลๆ ฉับพลันส่งให้ผู้คน ไม่อาจคาดเดาได้ถึงระลอกคลื่นทีก่ า้ ลงั สั่นไหวอยูใ่ นดวงตาคู่นน้ั ของฉู่หลี ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด แต่สายลมของยามวิกาลเวลาน้ียิ่งมายิ่งพัดรุนแรงขึ้น เรื่อยๆ ฉู่หลีขยับเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายของชิงเซ่ียช้าๆ แล้วถอดเส้ือคลุมที่ สวมอยอู่ อก กอ่ นจะคลมุ มันไปบนไหล่บางของหญงิ สาว ด้วยสัญชาตญาณการรับรู้และความต่ืนตัวของชิงเซี่ย แน่นอนว่านางรับรู้การ มาถึงของเขานานแล้ว เพยี งแต่ไม่รวู้ า่ เพราะเหตุใด ล่วงเลยมาจนถึงบัดน้ี ถึงเพ่ิง จะกระซิบกลา่ วกบั เขาดว้ ยเสียงเบา “ทา่ นออกมาเดนิ เล่นตามอ้าเภอใจในยามนี้ หากว่าถูกผอู้ ่ืนพบเขา้ อนั ตรายยิง่ นกั รู้หรอื ไม่” ฉู่หลีไม่ได้ตอบค้าถามของนาง เขาเพียงแต่กล่าวด้วยเสียงลึก “สายลมในยาม วิกาลค่อนข้างเยน็ เจา้ ตามข้ากลับไปเถิด” “อืม” ชิงเซ่ียพยักหน้ารับ ขณะท่ีก้าลังคิดจะปีนลงจากก้อนหิน ผู้ใดจะทราบว่า ด้วยเพราะนั่งอยู่ในท่านั้นเป็นเวลานาน เท้าของนางเวลาน้ีจึงเป็นเหน็บชา อีก นิดเดียวก็แทบจะร่วงลงมาจากบนก้อนหินยักษ์ โชคยังดีท่ีฉู่หลีมือเท้าไวเข้าไป ประคองนางไว้ได้ทัน แต่อย่างไรรองเท้าของนางยามนี้เปียกชื้นไปหมดแล้ว คราบน้าไหลยาวผ่านขาเล็กๆ ของนางลงไป แม้แต่ชายกระโปรงยามน้ีเองก็ เปยี กโชก ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงหันหลังกลับไปให้ หญงิ สาว กอ่ นยดื แขนท้ังสองข้างออกไปด้านหลัง กลา่ วด้วยเสยี งลกึ “ขึน้ มา” ชิงเซ่ียมองไปท่ีเขาคร้ังหน่ึงแล้วก้มศีรษะลงไม่กล่าวสิ่งใด ท้าเพียงแต่ทุบมือไป บนน่องขาที่เหน็บชาน้ันแรงๆ สองที จากน้ันจึงค่อยกระโดดลงมาบนพื้น ตุปัดตุเป๋เซไปเล็กน้อย หลังจากยืนได้อย่างม่ันคงแล้ว จึงสะบัดขาหลายที

เตรยี มพร้อมจะเดินกลับไปเอง ผู้ใดเล่าจะทราบว่าเพ่ิงก้าวเท้าออกไปได้เพียงก้าวเดียว จู่ๆ ก็ถูกเรี่ยวแรง มหาศาลสายหน่ึงดึงกลับไปอย่างแรง ฉู่หลีใบหน้ามืดครึ้มด่ิงลึก ในแววตาด้า สนิทราวกับสีของน้าหมึก ค้ิวขมวดเป็นปมแน่น เขาแทบจะกล่าวออกมาทีละ ค้าๆ ด้วยน้าเสียงท่ีทุ้มต่้าเด่นชัด “เจ้าไม่อยากเก่ียวข้องกับข้าถึงเพียงนั้นเลย หรอื ?” ชิงเซี่ยชะงักนิ่ง ก่อนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วส่ายหน้ากล่าว “ข้าไม่เข้าใจว่าท่าน กา้ ลังพูดถึงเร่อื งอะไร” กล่าวจบก็หมุนตัวเตรียมจะจากไป “เจ้าอยากกลับไปยืนอยู่ข้างกายเขาจนแทบรอไม่ไหวเลยอย่างน้ันหรือ?” ฉู่หลี ก้าวเท้าขึน้ มาข้างหน้าอย่างดดุ นั กอ่ นเอ่ยถามด้วยเสียงดังชดั ชิงเซ่ียดวงตาประกายคมไปในทันใด ใบหน้าฉายแววโมโหเกร้ียวกราด กล่าว ด้วยเสียงลึก “ฉู่หลี ท่านอย่าได้กล่าววาจาสะเปะสะปะไปเรื่อย ข้าไม่อยากหา เรื่องทะเลาะกับท่านเวลานี้” “จวงชิงเซ่ีย!” ฉู่หลีขึ้นมาจับไหล่ของชิงเซี่ยไว้แน่น ดวงตาทั้งคู่ราวกับมีเปลว เพลงิ ก้าลังลุกโชนกม็ ิปาน กล่าว “ขา้ ไมส่ นใจอกี ตอ่ ไปแลว้ วา่ เจา้ จะเอาแตค่ ิดถึง เขาอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ ข้าไม่สนใจอีกต่อไปว่าในฝันของเจ้าจะเอาแต่เอ่ย เรยี กชอื่ ของเขา ขา้ ไมส่ นใจสง่ิ ทีเ่ จ้าเคยท้ามาทง้ั หมดในอดีต ไม่ว่าอะไรเวลาน้ีข้า ก็ไมส่ นใจอีกตอ่ ไปแล้ว ข้ากระท่ังรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ขอเพียงเจ้าหนีออกไปจาก ทแ่ี ห่งนไี้ ด้ เจ้าก็จะโผเข้าส่อู ้อมกอดของผู้อื่น แล้วมองข้าเป็นด่ังศัตรูที่ต้องก้าจัด แต่ขอเพียงแค่ในเวลาน้ี ตอนน้ีท่ีอยู่ต่อหน้าข้า ตอนท่ีเจ้ามองไม่เห็นเขา ดวงตา ของเจ้าชว่ ยมองมาทีข่ า้ เพียงผเู้ ดยี วไดห้ รอื ไม่ ไมใ่ ช่เอาแตเ่ หม่อมองข้ึนไปข้างบน

นน้ั !” ชิงเซี่ยมองไปยังชายหนุ่มผู้ก้าลังบ้าคลั่งจนแทบจะเสียสติด้วยใบหน้าไร้ ความรู้สึก ความรู้สึกเจ็บปวดสายหน่ึงค่อยๆ เพ่ิมข้ึนจากก้นบ้ึงของหัวใจอย่าง ช้าๆ ประหนง่ึ ลมพายทุ กี่ ้าลงั จะพดั กวาดหวั ใจท้ังดวงของนางไปอย่างไรอยา่ งน้ัน ฉู่หลี ข้าเคยให้โอกาสท่านไปแล้ว แต่เพราะเหตุใด ขณะที่ข้าตัดสินใจจะยืนอยู่ ข้างกายท่าน ท่านถึงผลักไสข้าออกไปอย่างโหดเห้ียม มาวันนี้ วันที่ข้าเปลี่ยนใจ ท่านกลับมาต่อสู้ดิ้นรน พยายามที่จะแย่งข้ากลับไป ความรู้สึกผิดบาปเหล่านั้น ทม่ี าจากตวั ท่านทรมานข้าอยู่ทุกคืนวันจนราตรีมิอาจหลับตา มิอาจนอนหลับได้ อยา่ งเปน็ สุข ไม่ร้จู รงิ ๆ วา่ ผทู้ ่ีผลักให้ข้าต้องมาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ ออกเช่นนี้ เป็นเพราะชะตากรรมท่ีบัดซบ หรือเป็นเพราะความเอาแต่ใจและ เหน็ แก่ตัวของท่านกนั แน่? แววตาของหญงิ สาวท่ชี ัดใสดุจหมิ ะเต็มไปด้วยความสงบน่งิ และมัน่ คง นางยื่นมือ ออกไป แกะนิ้วของฉู่หลีออกทีละน้ิวๆ ด้วยการตัดสินใจท่ีเด็ดขาด ในที่สุดก็ คอ่ ยๆ ถอยหลงั กลบั ไป ทา่ มกลางดวงตาสีด้าขลับที่จอ้ งมองมาของเขา “ตอนกลับไปทา่ นกร็ ะวังหนอ่ ย อยา่ ใหผ้ อู้ ื่นพบเห็นได้” ท่ามกลางต้นหญ้านับร้อยพันท่ีส่ันสะเทือนไปตามแรงลม หญิงสาวในชุดสีขาว รูปร่างบอบบาง ผมยาวสีด้าปล่อยสยาย เดินผ่านดงหญ้าหนาๆ ท่ีขึ้นสูงจนถึง เอวไปอย่างชา้ ๆ กอ่ นจะหายลับจากสายตาไป สายลมของยามราตรีหนาวเหน็บ ชายหนุ่มในชุดอาภรณ์ตัวบางคาดด้วยสายรัด เอวหลวมๆ ยังคงยืนอยู่ที่เดิมนิ่งไม่จากไปไหน ฉับพลันน้ันเอง เขาเหมือนกับได้

ย้อนกลับไปในคืนน้ันของเม่ือสิบกว่าปีก่อน แสงของพระจันทร์ที่หนาวเหน็บ ทอดลงมาบนร่างของเขาจางๆ เสด็จพ่อมีพระบัญชาลงมาให้เขาไปเป็นตัว ประกันท่ีแคว้นตงฉี เหล่านางก้านันและผู้ติดตามทั้งหลายท่ีต้องเดินทางไปด้วย ล้วนแต่แอบไปร้องไห้เสียใจกันอย่างเงียบๆ เสียใจภายหลังที่มาติดตามเจ้านาย ไร้ประโยชน์ พระมารดาของเขา จงู มอื น้องชายท่มี อี ายยุ งั นอ้ ยเดินผา่ นเขาเข้าไป ยังพระต้าหนักท่ีแสนหรูหราส่องประกายงดงามท่ีเป็นด่ังรูปภาพที่มีสีสันสดใส หลงั นน้ั พวกเขาไมแ่ มแ้ ตจ่ ะชายตามองมาทต่ี นด้วยซ้า ปัจจุบันเขาอายุยังน้อย ยังไม่ถึงยี่สิบห้าปี แต่ว่าเพราะเหตุใด ยามน้ีท่ียืนอยู่ตรง นี้ เขาถึงได้รู้สึกว่าตนเองแก่ลงมากถึงเพียงน้ัน ตลอดชีวิตของเขา เขาต่อสู้กับ โชคชะตาอย่างยากล้าบากมาโดยตลอด ถึงกระนั้น ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่ตนเอง ปรารถนาในส่งิ ใด ตนเองกย็ ังไมอ่ าจรับรู้ได้อย่างแนช่ ดั ประโยคที่ตนเคยพูดเม่ือคร้ังอยู่ท่ีพระต้าหนักอว๋ินเสียงลอยกลับเข้ามาดัง สะท้อนในหูอีกคร้ัง เขาเคยพูดไว้ ใต้หล้าน้ีไม่มีสิ่งใดส้าคัญไปกว่าแคว้นหนานฉู่ ของเขา ในเวลาน้ันเขาหนักแน่นมั่นคงมากถึงเพียงไหน เปรียบดั่งภาพของเขา เจียงซานที่ต้ังสูงตระหง่านอย่างมั่นคง กวาดผ่านไปทั่วทุกทุ่งหญ้าและพื้นท่ีราบ ความเชื่อม่ันของเขาหนักแน่นประดุจด่ังหินผาท่ีจะไม่มีวันถูกสั่นคลอนและ เคลอื่ นไหว แต่วา่ ในเวลาน้ี เขารูส้ ึกเสยี ใจในภายหลังเขา้ ใหแ้ ลว้ ที่แท้การครอบครองอ้านาจเบ็ดเสร็จท้ังหมด ยึดครองหุบเขาไกลนับหมื่นลี้ เทยี บไมไ่ ดเ้ ลยกบั รอยยม้ิ ทอ่ี บอนุ่ ของนางเพยี งรอยยิม้ เดียว ชงิ เซ่ยี เจ้าร้หู รอื ไม่ วันน้ันวันที่ข้าขึ้นสืบต่อราชบัลลังก์ ตอนท่ียืนอยู่ข้างบนแล้ว

ทอดสายตามองต่้าลงไป หวั ใจของขา้ กลบั อ้างวา้ งเปลา่ เปลย่ี ว พระจันทร์ลอยคว้างอย่างเดียวดายท่ามกลางผืนนภา เสียงแมลงนับร้อยร้องขับ ขาน มมุ ปากของฉหู่ ลยี กขน้ึ เปน็ รอยยม้ิ ออ่ นๆ ข้าจมลึกลงมาในบ่อโคลนแล้ว จะ ใหถ้ อนตวั ออกไปได้อย่างไร เดินออกมาได้ไม่ถึงช่วงหน่ึงก้านธูป จู่ๆ เงาร่างของ จู้ยวนชิงฉับพลันก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า ชิงเซี่ยชะงักไปเล็กน้อย ทว่าทันทีท่ีคิด ไดว้ ่าดา้ นหลงั ของนางยังมีบางคนยนื อยู่ จงึ รีบหันหน้ากลับไปมองด้านหลังอย่าง รวดเร็ว พอเหน็ ว่าฉหู่ ลีไมไ่ ดอ้ ยู่ตรงน้ันแล้ว จงึ คอ่ ยถอนหายใจลงอยา่ งโล่งใจ ยก ยมิ้ มองไปยงั เบ้อื งหน้า เอย่ ถาม “ท่านหวั หน้าจู้ ท่านรีบเร่งขนาดนี้ ไม่ทราบว่ามี เร่ืองอนั ใดหรอื ?” จู้ยวนชิงหลังจากท่ีได้เห็นหน้าชิงเซ่ีย สีหน้าจึงได้ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เขา กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่ีพระราชวังเฟ่ิงหมิงจัดงานเล้ียงข้ึน ตอนน้ีก็ขาดแต่แม่ นางคนเดียวแล้ว ข้าได้ยินเสี่ยวเต๋ียบอกว่าแม่นางอยู่ท่ีหุบเขาสวรรค์ ถึงได้ออก มาตามหา” “อ้อ” ชิงเซี่ยรีบพยักหน้ารับ กลัวว่าอีกสักครู่หากฉู่หลีกลับมาแล้วไม่ระวัง บังเอิญมาพบกับจู้ยวนชงิ เขา้ จะเป็นเร่อื ง จงึ รีบรอ้ นกล่าว “เชน่ น้ันพวกเรารีบไป กันเถิด” กลีบบปุ ผาพัดพลวิ้ ผ่านผนื ป่า ก้านกิ่งหลิวแกวง่ ไกวเหนอื แม่น้า บรรยากาศสูงส่ง โอ่อ่าของพระตา้ หนักเฟิ่งหมิงเวลานี้ก็เป็นเช่นนั้น เสียงของขลุ่ยไม้ไผ่ดังส่งมาให้ ไดย้ ินอยา่ งแผว่ เบา ทว่ งทา้ นองเตม็ ไปด้วยความกระฉับกระเฉง ฟังดูแล้วไพเราะ เสนาะหู สาวน้อยชาวเผิงไหลหลายนางทันทีท่ีเห็นเดินเข้ามาก็รีบว่ิงข้ึนมา ข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้น ใบหน้าของแต่ละคนขึ้นเป็นก้อนเมฆสีแดงระ เรื่อ พวกนางโค้งหัวลงเล็กน้อยเป็นการค้านับพรางกล่าว “พี่ใหญ่จู้ คุณหนูกับ

ทา่ นผอู้ าวโุ สท้ังหลายอย่ใู นพระต้าหนกั แล้ว เวลานี้จะรอกแ็ ต่พวกทา่ นเท่านนั้ ” จู้ยวนชิงย้ิมให้พวกนางเล็กน้อยเป็นเชิงตอบกลับ ก่อนจะหันมาชิงเซ่ีย แล้วเดิน น้านางเข้าไปข้างใน

บทท่ี 122-2 อารมณ์อันแสนฟุ้งซ่าน กา้ วเดินข้นึ ไปบนบันไดวนทีท่ า้ จากหยกสีเขียวมรกต ด้านบนโคมไฟที่ท้าจากหิน โมราที่ตั้งอยู่ตรงสองฟากฝ่ังของประตูทางเข้า เวลาน้ีวางประดับไว้ด้วยไข่มุก ราตรีเม็ดโตทีเ่ ปล่งประกายพรา่ งพราวดงึ ดดู สายตาให้ผคู้ นหลงใหล ประตูบานใหญ่ของพระต้าหนักถูกผลักออก ดวงตาของชิงเซ่ียฉับพลันเปล่ง ประกาย ภาพที่ปรากฏสู่สายตาของนางเวลาน้ีคือห้องโถงอันกว้างใหญ่ทั้ง สุกสว่างและเปล่งประกายระยิบระยับ ฝูงชนมารวมกันอย่างแออัดเนืองแน่น บนพื้นห้องโถงถูกปูด้วยพรมที่ดูหรูหรามีราคา ภายในพระต้าหนักถูกตกแต่งไว้ อย่างประณีตสวยงาม เหล่าชนช้ันสูงในชุดเสื้อผ้าเนื้อดีน่ังแยกกันอยู่สองฟาก พวกเขาก้าลังยกถ้วยน้าชาขึ้นคาราวะพูดคุยด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันดัง ก้อง และฉับพลันทันใดที่เสียงของขลุ่ยไม้ไผ่เริ่มบรรเลง หญิงสาวในชุดอาภรณ์ พลว้ิ ไหวสีสนั หลากตาจา้ นวนหลายสิบนางกท็ ยอยก้าวขึ้นไปบนเวที ชายอาภรณ์ ของพวกนางโบกสะบัดพัดพลิ้ว เอวบางทรงนาฬิกาทรายบิดตามอย่างชดช้อย พวกนางร่ายระบ้าอย่างเชื่องช้าด้วยความมีเสน่ห์เต็มเป่ียม บังเกิดเป็นทิวทัศน์ ของการร้องระบา้ อันงดงาม ที่น่ังอยู่ในพระต้าหนักเวลาน้ี มีผู้ใดบ้างที่ไม่ใช่บุคคลผู้กุมอ้านาจของหุบเขาเผิง ไหล มองเห็นชิงเซี่ยเดนิ เขา้ มา เหลา่ บคุ คลทรงอ้านาจท้ังหลายต่างก็พร้อมใจกัน ลุกข้ึนยืนท้าความเคารพด้วยความพร้อมเพรียง ชิงเซี่ยพยักหน้าตอบรับพร้อม ดว้ ยรอยยิ้มทกั ทาย ก่อนจะถูกจยู้ วนชงิ พาไปนัง่ ตรงที่น่ังที่ติดกับหลินมู่ไป๋ ถัดลง ไปบริเวณท่ีน่ังของนางอีกข้ันหน่ึง เวลานี้หยางเฟิงก้าลังน่ังอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีท่ี แสนจริงจัง และทันทีท่ีเขามองเห็นชิงเซี่ย ชายหนุ่มก็ยกยิ้มข้ึนอย่างเบิกบาน

เลี่ยอวนิ๋ จหี้ ญงิ สาวทีอ่ ย่ใู นชดุ สีเขียวมรกตท่ีหัวเราะและพูดคุยอยู่ข้างๆ เขาเองก็ หนั มายกยิ้มกวา้ งให้กบั ชงิ เซีย่ เป็นเชิงทักทายด้วยเช่นกนั ชิงเซี่ยชะงักไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ปีศาจสาวนางน้ีดู เหมือนจะท้าอะไรตามแต่อารมณ์อยู่แล้ว ด้วยเพราะนางไม่เคยเดินตาม กฎเกณฑ์หรือเหตุผล ชิงเซ่ียจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ทันทีที่นางนั่งลง ทันใดน้ันจู่ๆ หลินมู่ไป๋ก็ขยับเข้ามาประชิดตัวนาง กระซิบกล่าวด้วยเสียงเสียงแตกอยู่ที่ข้างหู “ฝา่ บาทหายไปไหนก็ไมร่ ู้ ทา่ นเองก็ไมอ่ ยู่ ขา้ ยังคดิ ไปว่าพวกท่านสองคนจะแอบ หนีออกไปด้วยกนั ไม่สนใจข้าเสียแลว้ ” ชิงเซ่ียหันขวับจ้องที่เขาด้วยความดุดันวูบหน่ึง ก่อนจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง สิง่ ใดอีก นางเงยหนา้ ขน้ึ ไปเล็กน้อย เห็นคณุ หนถู านนง่ั อย่บู นตา้ แหน่งหลกั หญิง สาวยามน้ีอยู่ในชุดอาภรณ์สีม่วงอ่อนปักด้วยลวดลายผีเสื้อสีเขียวอมฟ้า ส่งให้ นางยิ่งดเู งยี บขรึมงามสง่าเปน็ พิเศษ ทว่าใบหน้าที่ติดจะซีดขาวอยู่บ้างกับดวงตา ท้ังสองข้างท่ีแดงก้่า บอกได้เป็นอย่างดีว่ากว่าจะผ่านวันน้ีไปได้เป็นเรื่องยาก ส้าหรบั นาง เมื่อเห็นสายตาของชิงเซี่ยท่ีมองส่งมา คุณหนูถานก็ยกยิ้มข้ึนอย่างแผ่วเบา ใน ดวงตาของนางมีประกายลังเลสายหน่ึงว่ิงวาบผ่าน แต่ถึงอย่างน้ันนางก็ไม่ได้ พดู คยุ กับชิงเซย่ี ชิงเซ่ียทราบดีว่าเวลานี้คุณหนูถานทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกขัดแย้งต่อตน ด้วยเพราะ ตัวนางช่วยให้หญิงสาวหลุดพ้นจากสถานการณ์คับขันมาได้ แต่ในขณะเดียวกัน กร็ ู้สึกคบั แคน้ ใจท่ตี นทา้ รา้ ยชายคนรักของนาง ย่ิงไปกวา่ นั้นนางยงั รู้อีกว่าเวลานี้ ฉู่หลียังอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดหากนางจะสงสัยในค้าพูดของชิงเซ่ีย เวลานี้ทั้งสองคนจึงไมไ่ ดเ้ ข้าไปพูดคยุ กนั ทา้ เพียงแต่ยกจอกสุราข้ึนมา แล้วเอียง

ศีรษะด่ืมมันลงไปเท่านน้ั สุราทีด่ ม่ื ไปมฤี ทธิแ์ รงมากทีเดียว ความเผ็ดร้อนท่ีราวกับคมมีดไหลผ่านล้าคอลง ไป เวลานี้อารมณ์ของชิงเซ่ียก้าลังพลุ่งพล่าน ภาพของวิหคน้อยตัวนั้นของ เส่ียวเต๋ียที่เปื้อนเปรอะไปด้วยคราบเลือดทั้งตัวเมื่อตอนกลางวันลอยขึ้นมา ปรากฏอยู่เบ้ืองหน้าอย่างต่อเน่ือง หัวใจดวงของนางประหนึ่งถูกตรึงไว้แล้วถูก เข็มจ้านวนนับไม่ถ้วนแทงทะลุเข้าไปอย่างเห้ียมโหด เจ็บปวดจนยากจะรับไหว ลมหายใจหอบกระช้ันไม่เป็นจังหวะ แต่ทว่าในพริบตา ภาพของฉู่หลีท่ียืนอยู่ กลางทุ่งหญ้าท่ีขึ้นสูงจนถึงเอวอย่างเปล่าเปล่ียวและเดียวดายฉับพลันก็แทรก ผ่านข้ึนมา เหมือนกับวงล้อขนาดยักษ์สองวงท่ีดึงร้ังนางจากทั้งทางซ้ายและ ทางขวา ท้าเอาหัวใจของนางสัน่ สะท้านไม่หยดุ อาหารอันโอชะที่ถกู จัดวางไว้อยู่บนโต๊ะงานเลี้ยงสูญเสียความดึงดูดเย้ายวนของ พวกมันไปจนหมดสิ้น ชิงเซี่ยกรอกสุราเข้าปากจอกแล้วจอกเล่า เพียงไม่นาน ศีรษะของนางก็เร่ิมรู้สึกมึนงง อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสหลายต่อหลายท่านยังคง เดินข้ึนมายกจอกสุราค้านับอยู่เบื้องหน้าหญิงสาวไม่หยุด หลินมู่ไป๋ท่ีน่ังอยู่ ด้านข้างมองภาพนั้นอย่างทอดถอนใจคร้ังหนึ่ง ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินมา บังอยู่ด้านหน้าของชิงเซ่ีย ช่วยกันพวกผู้อาวุโสเหล่านั้นเอาไว้ ผ่านไปไม่ถึงหนึ่ง เค่อ ในทีส่ ดุ ดวงตาของหญิงสาวก็พรา่ เบลอไปด้วยอาการเมามาย ฟุบหน้าลงกับ โต๊ะด้วยอาการวงิ เวียน หยางเฟิงย่อมต้องมองออกว่าชิงเซี่ยใช้สุราดับทุกข์ ชายหนุ่มถอนหายใจลุกข้ึน ยืน ก่อนจะยกจอกเหล้าข้ึนมาช่วยรับแทนหญิงสาวบ้าง เล่ียอว๋ินจ้ีที่นั่งอยู่ ด้านขา้ งมองภาพนั้นด้วยความเย็นชาอย่างถึงที่สุด รอยย้ิมบนใบหน้าค่อยๆ จาง หายไปแล้วแทนท่ีด้วยรอยย้ิมเย้ยหยันตรงมุมปาก ความรู้สึกขมขื่นค่อยๆ กลืน

กินไปท้งั กน้ บง้ึ หวั ใจของหญิงสาว ทันใดนั้นเอง สายตาของนางก็กวาดมองไปยัง ชิงเซี่ยท่ีน่ังอยู่ด้านข้าง รอยยิ้มเย็นสายหน่ึงฉับพลันผุดขึ้นมาบนใบหน้า ใน ดวงตามีประกายคมกรบิ ทว่าในเวลานี้เอง อยู่ๆ เสียงสูงของคนผู้หน่ึงก็ดังข้ึนเรียกความสนใจของทุกคน ไป “ปราชญห์ ญิงแหง่ เผิงไหลคุณหนมู ู่สอื เยยี นมาถงึ แล้ว!” เสียงบรรเลงของเครื่องดนตรีทั้งหมดหยุดลงในทันที หญิงสาวท่ีก้าลังร่ายร้าอยู่ บนเวทปี ระหน่ึงบุปผางามพร้อมใจกันถอยรน่ ไปยืนอยู่ตรงมุมหน่ึง ฝูงชนที่อยู่ทั้ง ด้านล่างและด้านบนเวลาน้ีต่างลุกขึ้นยืนด้วยความพร้อมเพรียง ชิงเซ่ียกับหยาง เฟิงหันมาสบตากันคร้ังหนึ่งก่อนจะลุกข้ึนตาม ขณะที่ก้าลังจะดึงหลินมู่ไป๋ท่ีเมา มายหมดสภาพด้านข้างให้ลุกขึ้นด้วย หญิงสาวนางหนึ่งที่อยู่ในชุดอาภรณ์สีด้า ทง้ั รา่ ง ก็ค่อยๆ ขยบั เท้าเปล่าที่ขาวผอ่ งดุจดัง่ หมิ ะเดนิ เขา้ มาในทอ้ งพระโรง หญิงสาวนางนีไ้ ม่ได้มรี ูปรา่ งหน้าตาทโ่ี ดดเดน่ มากสักเท่าไหร่ ผิวพรรณของนางก็ ขาวมากจนตดิ จะประหลาด เบ้าตาลึกโบ๋เต็มไปด้วยอารมณ์โศกเศร้า ใบหน้าซูบ ตอบผอมแหง้ ส่งให้ดวงตาโตคู่น้ันท้ังด้าและเป็นประกายมากย่ิงขึ้น ค้ิวเล็กเรียว ดุจใบหลิวโค้งโก่ง ล้าคอขาวดุจหิมะเชิดตรง อย่างไรก็ตาม พอมองรวม ส่วนประกอบท้ังห้าเข้าด้วยกันแล้ว กลับส่งให้หญิงสาวนางน้ีมีบรรยากาศท่ีโดด เด่นเกินคนธรรมดาทั่วไปมากนัก ไม่เหมือนคุณหนูถานที่มองจากภายนอกแล้ว ให้ความรูส้ กึ เงียบสงบและอ่อนโยน แต่เป็นบรรยากาศและความรู้สึกสายหนึ่งท่ี ส่งตรงออกมาจากภายใน จู้ยวนชิงก็นั่งอยู่ด้านหลังของชิงเซ่ีย ทันทีท่ีเขาเห็น ดังน้นั จึงรีบรุดขึน้ มาขา้ งหนา้ เร่งกล่าวอธิบายโดยพลัน “ผู้น้ีคืออัจฉริยะของพวก เราชาวเผิงไหลในรุ่นน้ี นางอาศัยอยู่ท่ีหอเทียนจี แม่นางจวงคงไม่เคยพบมา ก่อน”

ชงิ เซ่ยี ได้ยินดงั นนั้ ก็ใหต้ กตะลงึ ไปในทันใด นางเคยได้ยินจู้ยวนชิงพูดถึงอัจฉริยะ ในแต่ละยุคสมัยของเผิงไหลมาก่อน แต่จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าอัจฉริยะของยุค สมยั นี้จะเป็นเพยี งหญิงสาวทมี่ อี ายนุ ้อยถึงเพยี งนี้ เผิงไหลสืบทอดกันมาอย่างยาวนาวนับร้อยนับพันปี แต่ไหนแต่ไรมาก็เคารพนับ ถือผู้ท่ีมีความรู้เก่ียวกับเร่ืองของกลไกและเครื่องจักร ทุกๆ สิบปีพวกเขาจะจัด งานชุมนุมวิชาการข้ึน เพื่อรวบรวมค้นหาผู้อาวุโสหรือผู้ท่ีมีสติปัญญามาช่วยกัน อภิปรายและแก้ปญั หาท่ไี ม่อาจแก้ได้ หรอื ปญั หาท่ีมรี ะดับความยากสูง ผู้ท่ีได้รับ รางวัลชนะเลิศ จะถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะในรุ่นน้ันๆ และกลายเป็นตัวแทน ของภมู ปิ ัญญาอันสูงส่งของหุบเขาเผิงไหล ได้รับความเคารพนับถืออย่างถึงที่สุด ชิงเซ่ียได้ยินมาว่างานชุมนุมวิชาการคร้ังล่าสุดที่ถูกจัดข้ึน นับรวมปัจจุบันก็ผ่าน มาถึงหกปีแล้ว แต่สาวตรงหน้าไม่ว่าจะดูอย่างไรก็อายุแค่ยี่สิบต้นๆ เท่านั้น เช่นนนั้ เม่ือหกปีกอ่ น นางก็ยงั เปน็ เพยี งหญิงสาวทมี่ ีอายุเพียงสิบสี่สบิ ห้าเองไม่ใช่ หรือ อาศัยอายุเพียงเท่านั้นก็มีความรู้ความสามารถท่ีโดดเด่นยิ่งกว่าผู้อาวุโส รวมถงึ ศิษยท์ ่านอนื่ ๆ ของหบุ เขาเผงิ ไหล นับว่าพรสวรรค์ของนาน่าตื่นตะลึงโดย แท้ นางจึงรีบร้อนประคองมือกล่าวอย่างรวดเร็ว “ได้ยินชื่อเสียงของแม่นางมู่มา นาน คิดไม่ถึงว่าก่อนข้าจะจากไป จะได้มาพบตัวจริงของแม่นางท่ีน่ี เรียกได้ว่า เป็นโชคดขี องขา้ ทีส่ ะสมมาตลอดสามภพชาตนิ ี้เลยทเี ดียว” มู่สือเยียนยกยิ้มบางๆ กล่าว “ข้าไม่ได้ก้าวออกจากหุบเขาส่วนในมาสองปีแล้ว เมื่อคืนวานได้ยินท่านลุงชิงเล่าให้ฟังว่าแม่นางจวงมีความรู้กว้างขวางและมี สติปัญญาอันน่าท่ึง จึงอดไม่ได้อยากที่จะออกมาขอค้าชี้แนะจากแม่นางสัก เลก็ น้อย กวา่ แม่นางจะออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ก็ยังมีเวลาอีกหลายวัน ไม่ทราบ

ว่าวนั พรุง่ นท้ี า่ นพอจะมเี วลาว่างหรอื ไม่ ขา้ อยากเชิญท่านมาท่ีหอเทียนจี เผื่อข้า จะไดม้ ีโอกาสรับฟงั ความคดิ เหน็ อนั สูงสง่ ของท่านบา้ งสกั เล็กน้อย?” คา้ ขอเชน่ นี้ไหนเลยจะปฏิเสธได้ ชงิ เซ่ยี จงึ พยักหนา้ รบั ตอบกลบั ไป หญิงสาวเห็น ดังนั้นก็ยกย้ิมกว้างอย่างมีความสุขในทันที เห็นเพียงแต่แม้นางจะมีอายุไม่มาก แต่ตรงหางตากลับปรากฏร่องรอยของความเห่ียวย่นให้เห็นบ้างแล้ว ชิงเซี่ยรับรู้ ได้ว่าน่ันเป็นผลพวงมาจากการใช้สมองจนเกินพอดี อย่างไรก็ตาม พอคิดว่า ส่ิงประดิษฐ์อันน่าอัศจรรย์ทั้งหลายท่ีถูกน้ามาใช้ในหุบเขามาจากสมองอันชาญ ฉลาดของหญิงสาวที่ดูอ่อนแอบอบบางผู้หน่ึง นางก็อดไม่ได้ท่ีจะรู้สึกชื่นชมและ เคารพ และในขณะน้ีเอง อยู่ๆ หลินมู่ไป๋ก็สะอึกแห้งๆ ข้ึนมาครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็ล้มเอนลงไปด้านหน้า มู่สือเยียนเป็นเพียงหญิงสาวรูปร่างบอบ บางผู้หนึ่งเท่าน้ัน ไหนเลยจะมีเรี่ยวแรงผลักผีสุราผู้นี้ออกไปได้ ทันทีที่ส้ินเสียง ล้มดังปังหน่ึงที นางก็ถูกหลินมู่ไป๋กดทับลงไปใต้ร่างอย่างจัง ขาท้ังสองข้างของ หลินมู่ไป๋ยามน้ีพาดเก่ียวอยู่บนโต๊ะอาหารตัวเล็ก ใบหน้าท้ังใบของชายหนุ่มฝัง ลงบนหน้าอกของมู่สือเยยี น ทวา่ ไม่เพียงเท่าน้นั หลินมไู่ ป๋กลับยังท้าปากจ๊อบแจ๊ บอย่างไร้ซ่ึงสติ ก่อนจะผล็อยหลับไปท้ังๆ เช่นน้ัน ซ้ายังส่งเสียงกรนดังครอกๆ มาใหไ้ ดย้ ินเป็นระยะๆ เหล่าผู้คนท่ีอยู่ในงานฉับพลันต่างตื่นตกใจไปกันถ้วนหน้า เสียงร้องตะโกนบอก ให้ลากหลินมู่ไป๋ข้ึนมาดังข้ึนไม่หยุด มู่สือเยียนเวลาน้ีใบหน้าแดงก้่าไปทั้งดวง สภาพดูน่าอเนจอนาถเป็นอย่างมาก ท่านมู่เองยามน้ีก็ใบหน้ามืดครึ้มไปท้ังแถบ น่ันเพราะปราชญ์หญิงแห่งเผิงไหลผู้น้ี ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งสติปัญญา ท้ังยังเป็นหน้าเป็นตาของหุบเขาเผิงไหลอีกด้วย ท่ีส้าคัญไปกว่านั้นนางเป็นลูก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook