Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

(2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

Published by agenda.ebook, 2020-11-24 16:21:00

Description: (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 7-8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 2-3 ธันวาคม 2563

Search

Read the Text Version

นางสวุ ณา สุวรรณจฑู ะ (Mrs. Suwana Suwanjuta) กรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ วสิ ยั ทัศน์ในการทำ�งาน “สุจรติ เปน็ ธรรม โปรง่ ใส มุ่งแกไ้ ขปญั หาคอร์รัปชัน” การศึกษา l ปี 2521 บญั ชีบัณฑิต จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั l ปี 2547 รฐั ศาสตรมหาบัณฑติ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ การอบรม l ปี 2547 วิทยาลัยการยุติธรรม ส�ำนักงานศาลยุติธรรม หลักสูตร “ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรม ระดับสูง” รนุ่ ท่ี 8 l ปี 2548 วทิ ยาลยั ป้องกนั ราชอาณาจักร หลกั สูตร “การป้องกนั ราชอาณาจกั ร” รุน่ ท่ี 48 l ปี 2551 สถาบันพระปกเกล้า หลักสูตร “การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำ� หรับนกั บรหิ ารระดับสูง” รุ่นท่ี 12 l ปี 2553 ส�ำนักงานศาลปกครอง หลกั สูตร “นักบรหิ ารการยุตธิ รรมทางปกครองระดับสงู ” รุ่นท่ี 1 l ปี 2556 สถาบนั วิทยาการตลาดทุน หลักสตู ร “ผูบ้ รหิ ารระดบั สูง” รนุ่ ที่ 16 l ปี 2558 วิทยาลัยศาลรัฐธรรมนูญ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หลักสูตร “หลักนิติธรรม เพอ่ื ประชาธิปไตย” รุ่นที่ 4 ตำ�แหนง่ ทส่ี ำ�คัญในอดตี l ปี 2544 ผชู้ ่วยปลดั กระทรวงยตุ ิธรรม l ปี 2545 ผูต้ รวจราชการกระทรวงยตุ ธิ รรม (ระดับ 9) l ปี 2547 ผตู้ รวจราชการกระทรวงยตุ ธิ รรม (ระดบั 10) l ปี 2549 อธิบดกี รมคมุ้ ครองสิทธแิ ละเสรีภาพ l ปี 2554 รองปลัดกระทรวงยุติธรรม l ปี 2557 อธบิ ดีกรมสอบสวนคดีพเิ ศษ l ปี 2558 ปลัดกระทรวงยตุ ธิ รรม 10 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

นายสรุ ศักด์ิ คีรีวเิ ชยี ร (Mr. Surasak Keereevichien) กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ วสิ ยั ทศั น์ในการทำ�งาน “เป้าหมาย สจุ รติ เที่ยงธรรม เสมอภาค ยงั่ ยนื ถาวร และถูกตอ้ งชอบธรรม” การศึกษา l ปี 2514 นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ l ปี 2516 เนตบิ ณั ฑิตไทย เนติบัณฑิตยสภา ในพระบรมราชูปถัมภ์ l ปี 2543 รัฐศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ การอบรม l ปี 2553 หลกั สูตร “ผู้บริหารกระบวนการยตุ ธิ รรมระดบั สูง” รนุ่ ที่ 14 l ปี 2560 หลกั สตู ร “การเมอื งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำ� หรับนกั บริหารระดบั สูง” รนุ่ ที่ 20 l ปี 2561 หลักสูตร “การพัฒนาการเมอื งและการเลือกตงั้ ระดับสงู ” รนุ่ ที่ 8 ตำ�แหน่งทีส่ ำ�คัญในอดีต l ปี 2552 อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรงุ เทพใต้ l ปี 2553 ประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 5 l ปี 2554 ประธานศาลอทุ ธรณ์ ภาค 3 l ปี 2555 - 2556 ผู้พพิ ากษาหัวหนา้ คณะในศาลฎีกา รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 11

พลเอก บณุ ยวจั น์ เครือหงส์ (Gen. Boonyavat Kruahongs) กรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ วสิ ัยทัศนใ์ นการทำ�งาน “ท�ำงานอย่างมอื อาชพี ยึดความยุติธรรมเปน็ หลกั ” การศกึ ษา l ปี 2519 วิทยาศาสตรบัณฑิต โรงเรียนนายร้อยพระจลุ จอมเกล้า (จปร. 24) การอบรม l ปี 2529 หลกั สตู รหลกั ประจ�ำโรงเรียนเสนาธกิ ารทหารบก รุ่นท่ี 65 l ปี 2545 สถาบนั พระปกเกลา้ หลกั สตู ร “การบริหารงานภาครฐั กฎหมายมหาชน” รุ่นที่ 1 l ปี 2547 วทิ ยาลัยป้องกันราชอาณาจกั ร หลกั สูตร “การปอ้ งกันราชอาณาจกั ร” รนุ่ ท่ี 47 l ปี 2551 สถาบนั วทิ ยาการตลาดทนุ หลกั สูตร “ผ้บู ริหารระดับสงู ” รุ่นที่ 7 l ปี 2557 หลักสตู ร “นกั บริหารการยุติธรรมทางปกครองระดบั สงู ” รุน่ ที่ 5 l ปี 2560 วิทยาลัยศาลรัฐธรรมนูญ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หลักสูตร “หลักนิติธรรม เพอ่ื ประชาธิปไตย” รุ่นท่ี 5 ตำ�แหนง่ ท่ีสำ�คญั ในอดีต l ปี 2539 ผอู้ �ำนวยการกองตรวจสอบและวเิ คราะห์ ส�ำนักงานปลดั บัญชกี องทัพบก l ปี 2543 ผอู้ �ำนวยการกองการส�ำรวจและจัดหนว่ ย ส�ำนักงานปลัดบญั ชีกองทัพบก l ปี 2545 ผู้ชว่ ยปลัดบัญชที หารบก l ปี 2547 ผอู้ �ำนวยการส�ำนักงานตรวจสอบภายในทหารบก l ปี 2552 รองผอู้ �ำนวยการสำ� นกั งบประมาณกลาโหม l ปี 2554 ผูอ้ �ำนวยการส�ำนักงบประมาณกลาโหม l ปี 2556 ประธานกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ิงาน กสทช. 12 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

ผ้บู รหิ ารสำ�นกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ นายวรวิทย์ สขุ บญุ เลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายประหยัด พวงจำ�ปา นายธรรมนูญ เรอื งดษิ ฐ์ นางณชั ชา เกดิ ศรี รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายศกั ด์ิชัย เมทินพี ิศาลกุล นายวรวทิ ย์ ทพิ ย์ธรรมธารา นายนิวัตไิ ชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 13

นายกิตติ ลมิ้ พงษ์ ผ้ชู ว่ ยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายอุทิศ บัวศรี นายพเิ ศษ นาคะพนั ธุ์ ผู้ชว่ ยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผูช้ ่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายพงศเ์ อก วจิ ติ รกูล นายสุรพงษ์ อนิ ทรถาวร ผชู้ ่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. 14 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

นายทินกร เขมะวิชานุรตั น์ พันตำ�รวจเอก อทิ ธิพล กิจสวุ รรณ นายสทิ ธพิ งษ์ ปึงวงศานรุ ักษ์ ผู้ชว่ ยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผชู้ ่วยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผูช้ ่วยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 1 ภาค 2 ภาค 3 นายอุดมศกั ดิ์ ดุลยประพันธ์ นายประจวบ สวัสดปิ ระสงค์ นายชาตรี ทองสาริ ผชู้ ว่ ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผูช้ ่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 4 ภาค 5 ภาค 6 นายพเิ ชฐ พ่มุ พันธ์ นายสมพล กาญจนโสภณ นายสนน่ั ทองจนี ผู้ชว่ ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ช่วยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 7 ภาค 8 ภาค 9 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 15



คำ�นำ� คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จัดต้ังขึ้น ตามบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มีเจตนารมณ์เพ่ือให้เป็นองค์กร ท�ำหน้าท่ีตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรัฐของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าท่ีของรัฐ โดยพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ได้บัญญัติให้ส�ำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ (สำ� นักงาน ป.ป.ช.) เปน็ ส่วนราชการทีเ่ ปน็ หน่วยงาน อิสระตามรัฐธรรมนูญ มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีอ�ำนาจหน้าที่เก่ียวกับราชการท่ัวไปของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซง่ึ มอี ิสระในการบรหิ ารงานบคุ คล การงบประมาณ ทำ� หนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบงานธรุ การ ศกึ ษาและรวบรวมขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วกบั งานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยตอ้ งปฏิบตั งิ านด้วยความซอื่ สตั ย์ สุจริต โปร่งใส เป็นธรรมและสามารถ ตรวจสอบการท�ำงานได้ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ได้บัญญัติให้สำ� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ (สำ� นกั งาน ป.ป.ช.) เปน็ สว่ นราชการและมฐี านะเปน็ นิตบิ ุคคล รบั ผดิ ชอบข้นึ ตรงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอี �ำนาจหน้าทรี่ ับผิดชอบ งานธุรการและด�ำเนินการเพ่ือให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. บรรลุภารกิจและหน้าที่ อ�ำนวยความสะดวก ประสานงาน ใหค้ วามร่วมมอื ส่งเสริม และสนับสนุนการปฏิบตั ิงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประสานความรว่ มมือ ระหว่างประเทศ รวบรวม วิเคราะห์ ศึกษาวิจัย และเผยแพร่ข้อมลู ตา่ งๆ เกย่ี วกับการทุจริตประพฤติมิชอบ และ จัดท�ำระบบสารสนเทศข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องท่ีอยู่ในระหว่างการด�ำเนินการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพ่อื กรรมการจะได้ตรวจสอบไดต้ ลอดเวลา พระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 มาตรา 29 ไดบ้ ญั ญตั ใิ หค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. รายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏบิ ตั หิ นา้ ทพี่ รอ้ มขอ้ สงั เกตตอ่ รฐั สภาทกุ ปี ทงั้ นใ้ี หป้ ระธานกรรมการ หรอื กรรมการทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย มาแถลงรายงานดงั กลา่ วตอ่ รัฐสภา และใหป้ ระกาศรายงานดงั กลา่ วในราชกจิ จานเุ บกษาและเปดิ เผยตอ่ สาธารณะ การจดั ท�ำรายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. นน้ั เปน็ การประมวล รายละเอยี ดเกย่ี วกบั ผลการปฏบิ ตั งิ านของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทส่ี ำ� คญั ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามหน้าที่และอ�ำนาจที่กฎหมายบัญญัติ มีสาระส�ำคัญประกอบด้วยด้านป้องกันการทุจริต ดา้ นปราบปรามการทจุ รติ ดา้ นตรวจสอบทรพั ยส์ นิ และดา้ นการบรหิ ารจดั การองคก์ รเพอื่ เสนอมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เพ่ือน�ำไปปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของสว่ นราชการ รฐั วสิ าหกจิ และหนว่ ยงานของรฐั ในการบูรณาการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ การกระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือการกระท�ำความผิดตอ่ ตำ� แหน่งหน้าท่ีในการยตุ ธิ รรมได้อยา่ งเป็นรปู ธรรม รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 17

ความส�ำเร็จของการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศจะเกิดข้ึนได้ก็ด้วยความร่วมมือ จากทุกภาคส่วน ท้ังจากรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน ซึ่งมี ความตระหนักรู้ในภัยร้ายแรงของการทุจริตนั้น ว่ามีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งเป็นปญั หาสำ� คัญของประเทศทที่ กุ ภาคส่วนจ�ำเปน็ ตอ้ งร่วมกนั แกไ้ ขโดยเร็ว คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 18 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

บทสรปุ ผู้บรหิ าร รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 เป็นการประมวลผลการปฏบิ ัติงานตามหน้าที่และอ�ำนาจของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซ่ึง มคี วามมุ่งมั่นในการปราบปรามการทจุ ริตควบคู่ไปกบั การปลูกจติ ส�ำนึกในดา้ นคุณธรรม และจริยธรรมให้แกค่ นในประเทศเพ่ือสรา้ งกระแสสงั คมทไี่ ม่ทนตอ่ การทุจริต โดยมผี ลการด�ำเนนิ งานท่ีสำ� คญั ดงั นี้ 1. สัมฤทธิผลของการดำ�เนินงานตามอำ�นาจหน้าที่ขององค์กรตามที่กฎหมายกำ�หนด ประกอบดว้ ย ดา้ นปราบปรามการทจุ รติ ผลงานดา้ นปราบปรามการทจุ ริตในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 มีเรอื่ งรับใหมท่ ัง้ สิน้ จ�ำนวน 4,622 เร่ือง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ จ�ำนวน 3,752 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 81.18 โดยภาพรวม ของผลการด�ำเนินงานดา้ นปราบปรามการทุจรติ สรุปไดด้ ังนี้ (1) เรอื่ งคา้ งด�ำเนินการสะสม จำ� นวน 15,362 เร่ือง (2) เรอ่ื งกล่าวหาที่รบั ใหม่ (ตรวจสอบเบ้ืองตน้ ) จำ� นวน 4,622 เรอื่ ง (3) รวมรับด�ำเนินการ จำ� นวน 19,984 เรื่อง (4) ด�ำเนนิ การแลว้ เสรจ็ จำ� นวน 3,752 เร่อื ง จำ� แนกเปน็ ขน้ั ตรวจสอบแล้วเสรจ็ เดด็ ขาดจำ� นวน 3,190 เรอื่ ง และข้นั ไตส่ วน จำ� นวน 562 เรอื่ ง (5) คงเหลือ จำ� นวน 16,232 เรอ่ื ง ผลงานเรื่องกล่าวหาท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติช้ีมูลความผิดที่น่าสนใจ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ซ่ึงเป็นการช้ีมูลความผิดอาญา และหรือวินัยหรือเป็นเหตุให้ถูกถอดถอนแล้วแต่กรณี จ�ำนวน 12 เรอ่ื ง ดังน้ี - เรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าท่ีสังกัดกรุงเทพมหานคร กรณีจัดท�ำโครงการค่าใช้จ่ายในการประดับ ตกแต่งไฟฟา้ เพ่อื สง่ เสรมิ การท่องเท่ยี ว (Motif of Light) โดยมิชอบ - เร่ืองกล่าวหานายสุรัชฐ์ จันทะรัง นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลยางสีสุราช อ�ำเภอยางสีสุราช และ นายรังสรรค์ จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลเมอื งเตา อำ� เภอพยัคฆภมู ิพสิ ัย จังหวัดมหาสารคาม กับพวก กรณที จุ รติ ในการสอบแข่งขนั บุคคลเพ่อื บรรจเุ ปน็ พนกั งานส่วนตำ� บลจังหวัดมหาสารคาม จำ� นวน 31 แห่ง - เร่ืองกล่าวหานายอุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดเชียงใหม่ กับพวก กรณีใช้อ�ำนาจส่ังการให้วิศวกรซ่ึงไม่มีอ�ำนาจออกแบบปรับปรุงต่อเติมอาคารส�ำนักงาน องค์การบริหารส่วนจงั หวัดเชยี งใหม่ โดยไม่ถูกต้องตามหลักวศิ วกรรมและสถาปตั ยกรรม - เรื่องกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส�ำนักงาน พระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ นายพนม ศรศลิ ป์ เม่ือครงั้ ด�ำรงตำ� แหน่งรองผอู้ ำ� นวยการสำ� นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นางสาวประนอม คงพิกุล เม่อื คร้งั ด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนางชมพูนุท จันฤาไชย และเจ้าหน้าท่ีส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรณีทุจริตงบประมาณโครงการ เงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด การพัฒนาวัดของส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และการเรียกรับเงิน (เงินทอนวดั ) รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 19

- เร่ืองกล่าวหาเจ้าหน้าที่ส�ำนักงานจังหวัดพิษณุโลก ทุจริตกรณีจัดซ้ือเครื่องตรวจค้นยาเสพติด อัลฟา่ 6 จังหวัดพษิ ณโุ ลก - เรื่องกล่าวหานายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการองค์การคลังสินค้า และ นายอธิธัช เรือนทองค�ำ เรียกรบั เงินจำ� นวน 30,000,000 บาท จากบริษทั เจียเม้ง จ�ำกดั - เร่ืองกล่าวหานายอ�ำนาจ มาฟู หรือนายสิงหนาท มาฟูตระกูล เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งปลัดองค์การ บริหารส่วนต�ำบลเวียงกาหลง กับพวกรวม 5 ราย ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการ กรณีจัดท�ำและเบิกจ่ายเงินตามโครงการฝึกอบรมเพ่ิมประสิทธิภาพให้แก่ผู้บริหาร สมาชิกองค์การบริหาร ส่วนต�ำบล ผู้น�ำชุมชน และพนักงานส่วนต�ำบลเวียงกาหลง ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โดยมิชอบ ด้วยกฎหมาย - เร่ืองกล่าวหานายสุนิตย์ ญาณวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มงานก่อสร้าง และนายสมชาย รอดแล้ว ช่างผู้ควบคุมงานก่อสร้าง เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อ่ืนใดจากบริษัท ซี.เอ.คอนสทรัคช่ัน 1994 จำ� กดั ผูร้ บั จา้ ง - เรือ่ งกลา่ วหานายจรัล ค�ำเช้ือ เมอื่ ครงั้ ด�ำรงตำ� แหนง่ ผู้อ�ำนวยการ ส�ำนกั งานประปาสว่ นภูมิภาคเขต 5 จังหวัดสงขลา กับพวก ทุจริตต่อหน้าที่ในการก�ำหนดราคากลางในการจัดซื้อท่ีดินส�ำหรับก่อสร้างสถานีจ่ายน�้ำ และเพิม่ แรงดัน ส�ำนกั งานประปาสว่ นภูมิภาคสะเดา - เรื่องกล่าวหานายพฤทธิ์ บุปผาค�ำ อดีตพนักงานบริษัทการบินไทย จ�ำกัด ขณะด�ำรงต�ำแหน่ง รองกรรมการผู้อ�ำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ (DN) รักษาการกรรมการผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและ ไปรษณยี ภณั ฑ์ (FZ) กรณจี ดั ซื้อพ้นื ท่ีระวางบรรทกุ สนิ ค้าจากบรษิ ทั Southern Air Inc. (SAI) - เร่ืองกล่าวหานายธนเดช อังคณาวิจิตร เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งพนักงานบริหารทรัพย์อาวุโส ส่วนส�ำรวจและดูแลทรัพย์สิน ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กรณีมีการร้ือถอนหรือขนย้าย ทรพั ยส์ ินออกจากบา้ นอนั เป็นทรัพย์ NPA (ทรัพย์สนิ รอการขาย) ของธนาคาร - เร่ืองกล่าวหาเรืออากาศเอก เผด็จ ลิมปิสวัสดิ์ เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุ การบินแห่งประเทศไทย จ�ำกัด กับพวก กรณีทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารสถานีและโครงสร้างเหล็กติดต้ังระบบ เรดาร์ปฐมภูมิ ณ บริเวณท่าอากาศยานหัวหิน ต�ำบลบ่อฝ้าย อ�ำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท�ำให้บริษัท วทิ ยุการบินแห่งประเทศไทย จ�ำกัด ได้รบั ความเสียหาย เรื่องกล่าวหาผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยมีผลค�ำพิพากษาของศาลที่เป็น เร่อื งสำ� คัญและเป็นทปี่ ระจักษ์ต่อสังคม จำ� นวน 11 เร่อื ง ดังนี้ - คดีหมายเลขด�ำท่ี อท.(ผ)168/2559 คดีหมายเลขแดงที่ อท.(ผ)97/2559 ศาลอาญาคดีทุจริตและ ประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขด�ำท่ี อท.60/2560 คดีหมายเลขแดงที่ 9088/2560 ศาลอุทธรณ์ ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นางเบญจา หลยุ เจริญ ท่ี 1 กับพวกรวม 5 คน จ�ำเลย - คดีหมายเลขด�ำที่ อม.40/2561 คดีหมายเลขแดงท่ี อม.144/2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผดู้ ำ� รงตำ� แหน่งทางการเมือง ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายทักษณิ ชนิ วตั ร จ�ำเลย - คดหี มายเลขดำ� ที่ อท.19/2560 คดีหมายเลขแดงที่ อท.29/2561 ศาลอาญาคดีทจุ ริตและประพฤติ มชิ อบภาค 6 ระหวา่ งคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายสมชาติ เพช็ รประเสริฐ ท่ี 1 กบั พวกรวม 14 คน จำ� เลย - คดหี มายเลขดำ� ท่ี อท.6/2561 คดหี มายเลขแดงที่ อท.49/2561 ศาลอาญาคดีทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบ ภาค 3 ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายทรงชัย รจุ ิรารงั สรรค์ จำ� เลย 20 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

- คดีหมายเลขด�ำท่ี อท.477/2560 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ พลตำ� รวจตรี สจั จะ คชหริ ัญ ท่ี 1 กบั พวกรวม 3 คน จำ� เลย - คดหี มายเลขด�ำที่ อท.482/2560 อท.507/2560 อท. 514/2560 ศาลอาญาคดที ุจริตและประพฤติ มิชอบกลาง ระหวา่ งคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายภิญโญ ฉันทศรัทธาการ ท่ี 1 กบั พวกรวม 12 คน นางสาวชลธิดา สทิ ธิธรรม ท่ี 1 กับพวกรวม 2 คน - คดีหมายเลขด�ำนท่ี อท.150/2561 ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นางสาวฉววี รรณ เลยี ววจิ ักขณ์ ท่ี 1 กับพวก รวม 19 คน จ�ำเลย - คดีหมายเลขด�ำท่ี อท.207/2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายเฉลมิ พล ศรีหงษ์ ท่ี 1 กบั พวกรวม 2 คน จำ� เลย - คดีหมายเลขด�ำที่ อท.223/2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายจติ ต์สันติ ธนะโสภณ ท่ี 1 กับพวกรวม 2 คน จำ� เลย - คดีหมายเลขด�ำท่ี อท.115/2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายสมนึก สงคราม จำ� เลย - คดีหมายเลขด�ำที่ อท 38/2560 คดีหมายเลขแดงที่ อท 32/2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและ ประพฤตมิ ิชอบภาค 5 ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายดิเรก ก้อนกลีบ ท่ี 1 กับพวก จ�ำเลย ดา้ นป้องกันการทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนในการผลักดันการด�ำเนินโครงการ/กิจกรรมป้องกัน การทุจริตตามกรอบยุทธศาสตร์และแนวทางภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) อย่างกว้างขวาง ซ่ึงยุทธศาสตร์และแนวทางดังกล่าวมีความสอดคล้องและ สนับสนุนยทุ ธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนการปฏริ ูปประเทศ ด้านการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ และประพฤติมิชอบ และแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมไปถึงนโยบาย รัฐบาลท่ีมุ่งเน้นการต่อต้านการทุจริต และกระแสสังคมในปัจจุบันที่ให้ความส�ำคัญกับการป้องกันและปราบปราม การทจุ รติ ในวงกว้าง ผลการดำ� เนนิ งานดา้ นปอ้ งกันการทจุ รติ สรุปไดด้ งั ตอ่ ไปนี้ 1. การด�ำเนินงานของคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) จ�ำนวน 6 คณะ เพ่ือรับผิดชอบก�ำหนดนโยบาย เสนอแนะและกำ� กบั ตดิ ตามการด�ำเนนิ งานแตล่ ะยทุ ธศาสตร์ 2. ผลการด�ำเนินงานโครงการ/กิจกรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) จำ� นวน 6 ยทุ ธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ท่ี 1: สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ซ่ึงมีโครงการหลายโครงการที่ส่งผลกระทบ ในวงกว้างอย่างต่อเน่ืองและยั่งยืน ได้แก่ โครงการ STRONG: จิตพอเพียงต้านทุจริต ท่ีด�ำเนินการในรูปชมรม STRONG โดยสมาชิกเป็นประชาชนและผู้ที่มีแรงจูงใจต่อต้านทุจริต และผลงานช้ินส�ำคัญอีกช้ินหน่ึง ท่ีจะส่งผล ระยะยาว คือชุด หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) จ�ำนวน 5 หลักสูตร ซึ่งคณะรฐั มนตรีในการประชุมเมอื่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2561 มมี ตเิ ห็นชอบใหห้ นว่ ยงานท่ีเก่ยี วข้องน�ำหลักสูตรไปดำ� เนินการ เพื่อใช้ในการปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยตั้งแต่ปฐมวัย จนจบการศึกษาภาคบังคับ คือ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 รวมระยะเวลา 15 ปี นอกจากน้ยี ังมโี ครงการ/กิจกรรมอนื่ ๆ จำ� นวน 16 โครงการ ที่มคี วามสำ� คญั ในกระบวนการ ปรับเปล่ยี นสภาพสงั คมสู่สภาวะท่ี “ไม่ทนต่อการทุจรติ ” รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 21

ยุทธศาสตร์ที่ 2: ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการผลักดันการยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต โดยในระดับพ้ืนท่ีได้ด�ำเนินการ ผา่ นโครงการสง่ เสริมทอ้ งถ่ินปลอดทจุ รติ ซ่งึ ได้ก่อใหเ้ กิดการแสดงเจตจำ� นงทางการเมอื งในการตอ่ ตา้ นการทจุ ริต ด้วยการจัดท�ำแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริต 4 ปี (พ.ศ. 2560 - 2564) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ท่ัวประเทศ และในระดับชาติ โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างองค์กรอิสระและรัฐสภา ในการยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต รวมท้ังได้ด�ำเนินโครงการอ่ืนท่ีส�ำคัญอีก 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสง่ เสรมิ มาตรฐานคุณธรรมจรยิ ธรรมของผู้ดำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง โครงการ ประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ เรื่อง “การยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต” และ โครงการก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต” เพื่อให้พรรคการเมือง นักการเมือง และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแสดงเจตจ�ำนงทางการเมือง ในการต่อต้านการทุจริต และส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมทางการเมืองของประชาชนไปสู่วัฒนธรรม การมีส่วนร่วมและต่อต้านการทุจริต เพ่ือให้เกิดการบริหารงานด้วยความโปร่งใส มีความเข้มแข็งในการบริหาร ราชการตามหลักธรรมาภบิ าล ยุทธศาสตร์ท่ี 3: สกัดก้ันการทุจริตเชิงนโยบาย ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการศึกษา เพ่ือก�ำหนดเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย เพื่อเป็นเคร่ืองมือที่ใช้สร้างความโปร่งใสในการพัฒนา นโยบายของพรรคการเมืองและการน�ำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และได้ด�ำเนินโครงการจัดท�ำแนวทาง ในการขบั เคลอ่ื นหลกั ธรรมาภบิ าล เพ่อื สกัดกน้ั การทจุ ริตเชงิ นโยบาย โดยมขี ้อเสนอแนะเกีย่ วกบั บทบาทของ 3 ภาคสว่ น ทตี่ ้องร่วมขับเคลื่อนหลักธรรมาภิบาลเพอ่ื สกัดก้นั การทจุ ริตเชิงนโยบาย ได้แก่ ภาครฐั ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม และประชาชนท่ัวไป รวมทั้งได้จัดท�ำโครงการสร้างหลักสูตรและพัฒนาองค์ความรู้ทางนิติเศรษฐศาสตร์ ในงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โครงการประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติประจ�ำปี เรื่อง การสกัดก้ันการทุจริตเชิงนโยบาย และโครงการก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “สกัดก้ันการทุจริต เชงิ นโยบาย” เพอื่ ใหเ้ กดิ การสรา้ งระบบปอ้ งกนั การทุจริตเชิงนโยบายไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ยุทธศาสตร์ท่ี 4: พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก การผลักดันให้มีการด�ำเนินการ “พัฒนา ระบบการป้องกันการทุจริตเชิงรุก” มีหลายรูปแบบท้ังในเชิงระบบและตัวบุคคล โดยด�ำเนินการผ่านโครงการหรือ กิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นเคร่ืองมือเชิงระบบ โดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยเสริมให้ การประเมินมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การเสนอมาตรการ ความเห็น ข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีและหน่วยงาน ท่ีเก่ียวข้อง จ�ำนวน 10 เร่ือง และโครงการ/กิจกรรมอ่ืนที่ส�ำคัญ จ�ำนวน 7 โครงการท่ีท�ำให้เกิดการพัฒนากลไก การปอ้ งกนั การทจุ รติ ใหเ้ ท่าทนั ต่อสถานการณก์ ารทุจริต ยุทธศาสตร์ท่ี 5: ปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปรามการทุจริต ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ให้ความส�ำคัญกับการปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปรามการทุจริต โดยการปฏิรูปทั้งในส่วนของ กฎหมาย ท่ีใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติราชการให้เกิดความรวดเร็วมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม สอดคล้อง กับมาตรฐานสากล การจัดท�ำแนวทางการปรับปรุงกฎหมายให้เท่าทันต่อพลวัตรของการทุจริตของประเทศไทย สนธิสัญญาระหว่างประเทศตามแนวทางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (United Nation Convention against Corruption: UNCAC) และการก�ำหนดมาตรการที่มีประสิทธิภาพ ส�ำหรับภาคธุรกิจเอกชนในการป้องกันการให้สินบน โดยความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายภาคเอกชนและหน่วยงาน ภาครัฐท่ีเกย่ี วขอ้ ง 22 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

ยุทธศาสตร์ท่ี 6: ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย ประกอบดว้ ยกลยุทธ์ 2 กลยุทธ์ คอื การศกึ ษาและก�ำกับติดตามการยกระดบั ดชั นี การรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย และการบูรณาการเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ รติ เพื่อยกระดบั คะแนนดัชนกี ารรับรกู้ ารทจุ ริต (CPI) ของประเทศไทย โดยศึกษาวเิ คราะหข์ ้อมลู และจัดท�ำข้อเสนอแนะเพ่ือยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) เสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพ่ือพิจารณา มอบหมายหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งในการด�ำเนินการตอ่ ไป รวมท้งั ได้มีการติดตามการด�ำเนนิ การตามขอ้ เสนอแนะดังกลา่ ว 3. การประเมินผลส�ำเร็จของโครงการ/กิจกรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ผลการประเมนิ ความส�ำเร็จ ของโครงการในภาพรวมพบว่า การด�ำเนินโครงการ/กิจกรรมประสบความส�ำเร็จในระดับ “มาก” (คะแนนเฉลี่ย 3.81 คะแนน จากคะแนนเตม็ 5 คะแนน) หรอื คิดเปน็ ร้อยละ 76.20 โดยมีผลการประเมินในแตล่ ะมิติ ดังนี้ มิตปิ ระสิทธภิ าพ ซ่งึ เปน็ การประเมนิ ประสทิ ธภิ าพดา้ นการบรหิ ารจดั การโครงการ โดยพิจารณาจาก ความสอดคล้องของการใช้ทรัพยากรท่ีเป็นปัจจัยน�ำเข้า (Input) กระบวนการด�ำเนินโครงการ/กิจกรรม (Process) และผลผลิต (Output) ซงึ่ ได้คะแนนเฉลีย่ 4.46 คะแนน อยใู่ นระดบั “มากที่สดุ ” มิติประสิทธิผล จากผลการประเมินพบว่า โครงการ/กิจกรรมมีการด�ำเนินการเป็นไปตาม วัตถุประสงคท์ ่ีกำ� หนดไว้ในโครงการ/กิจกรรมนัน้ โดยไดค้ ะแนนเฉล่ียอยู่ที่ 4.54 คะแนน อยู่ในระดับ “มากทสี่ ุด” มิติผลกระทบและความคุ้มค่า เป็นการประเมินผลส�ำเร็จของโครงการในมิติผลกระทบ (Impact) และระดับความคุ้มค่าของโครงการพบว่า โครงการ/กิจกรรมท่ีด�ำเนินการมีผลกระทบในเชิงคุณภาพต่อการน�ำไปสู่ การปฏิบตั เิ หน็ ผล ไดค้ ะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.24 คะแนน อย่ใู นระดบั “ปานกลาง” ส่วนมติ คิ วามคมุ้ คา่ ของโครงการ ท่ีด�ำเนินการมีการยึดโยงกับเป้าประสงค์/ตัวช้ีวัดของยุทธศาสตร์ ได้คะแนนเฉลี่ยอยู่ท่ี 3.12 คะแนน อยู่ในระดับ “ปานกลาง” 4. แผนบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ก�ำหนดเป้าหมายสังคมไทยมีภาพลักษณ์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตดีข้ึน ตามตัวช้ีวัด ทก่ี �ำหนด คือ ประเทศไทยได้รบั การประเมินค่าดชั นีการรับรู้การทุจรติ (Corruption Perceptions Index : CPI) สูงกว่าร้อยละ 44 มีหน่วยงานท่ีร่วมขับเคล่ือนแผนบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ประกอบด้วย 14 กระทรวง 38 หน่วยงาน 3 ส่วนราชการไมส่ งั กดั ส�ำนกั นายก รัฐมนตรี กระทรวงหรอื ทบวง 1 หนว่ ยงานของรฐั สภา และ 5 หน่วยงานอิสระของรฐั รวมทง้ั ส้นิ 47 หนว่ ยงาน ได้รับการจัดสรรงบประมาณรวมท้งั สิ้น 869,303,200 บาท มผี ลการเบิกจา่ ย ณ วันที่ 28 กนั ยายน 2561 จำ� นวน 694,904,500 บาท คดิ เป็นรอ้ ยละ 79.94 ดา้ นตรวจสอบทรพั ย์สิน ผลการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองระดับชาติ ระดบั ท้องถิน่ และเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐ รวมทงั้ สนิ้ 12,161 บัญชี ดังนี้ 1. บญั ชคี า้ งสะสม 18,026 บัญชี 2. บญั ชีรับใหม่ 8,511 บัญชี 3. รวมทงั้ สนิ้ 26,537 บัญชี 4. บัญชีทต่ี รวจแลว้ เสร็จ (คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตแิ ลว้ ) 12,161 บญั ชี (1) ตรวจสอบปกติ 11,771 บญั ชี (2) ตรวจสอบเพื่อยนื ยันขอ้ มลู 283 เรอ่ื ง (3) ตรวจสอบเชิงลกึ 107 เร่ือง 5. คงเหลอื 14,376 บัญชี รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 23

เร่ืองที่ส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จำ� นวน 372 เรือ่ ง จ�ำแนกเปน็ เรอ่ื งไมย่ น่ื บญั ชี จำ� นวน 190 เรอื่ ง ย่ืนบญั ชีเท็จ จำ� นวน 181 บญั ชี ทรพั ย์สินเพมิ่ ขึน้ ผิดปกติหรือร่�ำรวยผิดปกติ จ�ำนวน 1 เรื่อง โดยมีมูลค่าทรัพย์สินที่ร้องขอให้ตกเป็นของแผ่นดิน เป็นเงิน 896,554,760.28 บาท ค�ำพิพากษาของศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผู้ดำ� รงต�ำแหน่งทางการเมือง ประกอบดว้ ย 1. กรณีทรัพย์สินท่ีเพิ่มขึ้นผิดปกติ รายนายเกษม นิมมลรัตน์ เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งรองนายกองค์การ บริหารสว่ นจังหวดั เชียงใหม่ 2. กรณีจงใจย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรอื ปกปิดข้อเทจ็ จริงทค่ี วรแจง้ ใหท้ ราบ ดังนี้ 2.1 นายสุรศักดิ์ เตชะนิธิสวัสด์ิ เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลบางกระเจ้า อ�ำเภอเมือง จงั หวัดสมทุ รสาคร 2.2 นายธาริต เพ็งดษิ ฐ์ เม่อื คร้งั ดำ� รงต�ำแหน่งอธบิ ดีกรมสอบสวนคดพี ิเศษ 2.3 นายโอภาส แพพ่วง ผู้คัดค้าน เมอ่ื ครั้งด�ำรงตำ� แหนง่ รองนายกองคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลปา่ มะคาบ อ�ำเภอเมอื งพิจติ ร จังหวดั พจิ ติ ร 2.4 พลต�ำรวจโท หรือ นายพงศ์พฒั น์ ฉายาพันธ์ุ เมื่อคร้งั ดำ� รงตำ� แหน่งผ้บู ญั ชาการตำ� รวจสอบสวนกลาง 2.5 นายชูวิทย์ กมลวศิ ิษฎ์ ผู้ถกู กล่าวหา เมอ่ื ครง้ั ด�ำรงตำ� แหนง่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรครงั้ ท่ี 2 3. กรณีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน รายนางสาวณัฐนันท์ รัตนวีระกาญจน์ เมอ่ื คร้งั ด�ำรงตำ� แหน่ง รองนายกองค์การบริหารสว่ นตำ� บลหนองเหยี ง อำ� เภอพนสั นคิ ม จังหวดั ชลบุรี 2. สมั ฤทธผิ ลของการดำ�เนินงานตามระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบรู ณาการ 2.1 ความสำ� เรจ็ ในการบรรลุเป้าหมายระดับองค์กร การปฏิบัติราชการตามค�ำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ค่าน�้ำหนักรวม 100 ค่าแนนทไ่ี ด้ 3.5489 คะแนน โดยจ�ำแนกเป็น 4 มติ ิ ดังน้ี มติ ิที่ 1 ด้านประสทิ ธผิ ลตามแผนยทุ ธศาสตร ์ น�ำ้ หนกั 38 คะแนน 3.8105 มติ ิท่ี 2 ด้านคณุ ภาพของการตอบสนองต่อผ้มู สี ่วนไดเ้ สีย นำ�้ หนกั 12 คะแนน 1.9180 มิตทิ ่ี 3 ดา้ นประสิทธภิ าพของการปฏบิ ัติราชการ น้�ำหนกั 25 คะแนน 3.4879 มิติที่ 4 ดา้ นการพฒั นาองคก์ ร น�้ำหนกั 25 คะแนน 4.0087 2.2 ระดบั ความพงึ พอใจของผรู้ ับบริการต่อประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการใช้บริการและกระบวนการให้บริการ โดยมผี ลการสำ� รวจความพงึ พอใจและผลการสำ� รวจการรบั รตู้ ่อการดำ� เนนิ งานของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ดังนี้ (1) ค่าเฉล่ียความพงึ พอใจรวมของผรู้ ับบรกิ ารที่มตี ่อส�ำนกั งาน ป.ป.ช. อยทู่ ี่รอ้ ยละ 70 (2) ปัจจัยท่ีมีน�้ำหนักมากที่สุดต่อความพึงพอใจรวม คือ ความพึงพอใจต่อผลของกิจกรรมหรือ การปฏิบตั ิงาน รองลงมา คือ ระยะเวลาในการด�ำเนินงาน (3) กลุ่มประชาชนท่ัวไปผู้ที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญาตรีมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าผู้มีการศึกษาต่�ำกว่า ปริญญาตรี โดยกลมุ่ ผูม้ ีอาชพี รบั ราชการมกี ารรบั รู้ขอ้ มูลขา่ วสารเกย่ี วกบั ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. มากทสี่ ดุ (4) กลุ่มประชาชนทั่วไปท่ีมีคะแนนความรับรู้เชิงบวกสูงสุด คือ กลุ่มข้าราชการและกลุ่มนักศึกษาและ ท่ีมีคะแนนความรับรูเ้ ชงิ บวกต่ำ� สุดคือเจา้ ของกจิ การ/ประกอบอาชีพอสิ ระท่ีจบการศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรีขึน้ ไป 24 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

2.3 สัมฤทธผิ ลของการด�ำเนนิ งานในส่วนทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ภาระผูกพนั กบั ภาคีและพันธสญั ญาตา่ ง ๆ ทงั้ ในระดบั ประเทศและตา่ งประเทศ มีดังนี้ (1) ความก้าวหน้าการขับเคล่ือนและเผยแพร่มาตรการควบคุมภายในท่ีเหมาะสมส�ำหรับนิติบุคคล ในการป้องกันการให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐ ตามมาตรา 176 ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ขับเคล่ือนเรื่องการต่อตา้ นสนิ บน อย่างต่อเนื่อง เช่น การออกคู่มือแนวทางการก�ำหนดมาตรการป้องกันสินบนส�ำหรับนิติบุคคลเพื่อให้เข้าถึง กลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติ การส่งเร่ืองการด�ำเนินการของ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบและมีมติ ส่งั การใหห้ นว่ ยงานภาครัฐนำ� เอามาตรการของ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไปเผยแพรใ่ หเ้ กดิ ผลเป็นรูปธรรม การให้บรกิ าร ของศูนย์ให้ค�ำปรึกษาส�ำหรับนิติบุคคล (ABAS) นอกจากน้ี ยังได้ผนึกความร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมสถาบัน กรรมการบริษัทไทย (IOD) และส�ำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และ American Bar Association จัดงานสัมมนาระดับนานาชาติในพนื้ ท่ีภาค 2 เพ่อื เสริมสร้างความรูค้ วามเขา้ ใจให้กับ นิติบุคคลทั้งในประเทศไทยและต่างชาติที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ระหวา่ งภาครัฐและเอกชนซ่ึงสรา้ งความความตนื่ ตัวใหก้ ับทกุ ภาคส่วนอยา่ งต่อเนอื่ ง (2) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ในประเด็นการอนุวัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention against Corrutpion: UNCAC) และการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญา UNCAC คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะหน่วยงานกลางในการดำ� เนินการเพอ่ื ให้ความร่วมมือระหว่างประเทศตามพนั ธกรณี ภายใต้อนุสัญญาดังกล่าว ได้ผลักดันให้มีการยกระดับการอนุวัติตามอนุสัญญาฯ ผ่านกระบวนการตราพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 ท้ังในส่วนทเ่ี ป็นไปตามหลกั การเดมิ และหลักการใหม่เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพการด�ำเนินการในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เช่น การรับฟัง ความคิดเห็นสาธารณะ การก�ำหนดฐานความผิดขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และกลไกในการติดตามทรัพย์สินคืน ในต่างประเทศ เป็นต้น นอกจากน้ี คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการจัดท�ำรายงานการประเมินตนเอง ของประเทศ (Self-assessment checklist) เพื่อน�ำเสนอความคืบหน้าและความส�ำเร็จของไทยในการต่อต้าน การทุจริต ซ่ึงมีความสอดคล้องกับพันธกรณีตามอนุสัญญา UNCAC โดยรวบรวมและศึกษาวิเคราะห์ ข้อกฎหมายและการด�ำเนินการท่ีเก่ียวข้องจากทุกภาคส่วน เพื่อเป็นข้อมูลให้ฝ่ายรัฐผู้ประเมินได้พิจารณาประเมิน ความสอดคล้องของการดำ� เนินการของประเทศไทยกับอนสุ ญั ญา UNCC (Desk review) รวมถึงให้ข้อสงั เกตและ ข้อเสนอแนะแก่ประเทศไทย (3) ความกา้ วหน้าของการดำ� เนินคดีทจุ รติ ระหว่างประเทศ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรหลัก ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตจึงได้ให้ความส�ำคัญเป็นอย่างย่ิงในการเร่งรัดการด�ำเนินคดีทุจริตระหว่าง ประเทศให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ได้มีการด�ำเนินการผ่านทั้งกลไกภายในของส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยศูนย์ประสานงานคดีระหว่างประเทศ รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศอย่างต่อเน่ืองและใกล้ชิด ในการขอความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่เก่ียวข้อง เพ่ือไม่กระทบต่อรูปคดีของ ประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากน้ี ยังได้มีการบูรณาการการท�ำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ที่เก่ียวข้อง โดยได้มีการแต่งต้ังคณะกรรมการประสานและเร่งรัดการด�ำเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศขึ้น เพื่อให้ ค�ำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในการด�ำเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศ เร่งรัดและติดตามการด�ำเนินงานให้มี ประสิทธิภาพและประสิทธิผลรวมถึงการติดตามทรัพย์สินในคดีทุจริตท่ีมีการยักย้ายถ่ายเทไปยังต่างประเทศ กลบั คืนประเทศไทยเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 25

2.4 ความส�ำเรจ็ ในการพฒั นาองค์กรและทรพั ยากรบุคคลทีบ่ ่งบอกถงึ การเสรมิ สรา้ งและพัฒนาขดี สมรรถนะ การบรหิ ารจัดการของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ให้มีความเข้มแขง็ ย่ังยืน และทันสมัย การบริหารทรัพยากรบุคคล ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคล เพ่อื ตอบสนองและสนับสนนุ การด�ำเนนิ งานตามภารกจิ ของสำ� นักงาน ป.ป.ช. ดงั น้ี (1) ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ เรอ่ื ง การสรรหาและการแต่งต้ัง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของส�ำนักงาน ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 (ประกาศราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 135 ตอนท่ี 54 ก เมือ่ วนั ที่ 1 สิงหาคม 2561) (2) ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการบริหารทรัพยากรบุคคล ของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 (ประกาศราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 135 ตอนที่ 86 ก เมือ่ วนั ที่ 29 ตุลาคม 2561) (3) ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษส�ำหรับ ข้าราชการส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 (ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 135 ตอนท่ี 51 ก เมอื่ วนั ที่ 20 กรกฎาคม 2561) (4) ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เร่ือง การแบ่งส่วนราชการและ หน้าท่ีและอ�ำนาจของส่วนราชการในสังกัดส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 การพฒั นาบุคลากร สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการพัฒนาบุคลากรทั้งภายในและภายนอกสำ� นักงาน ป.ป.ช. ด้วยการพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การฝึกอบรม การสัมมนา การให้ทุนการศึกษา การศึกษาดูงาน ซ่ึง ผลการดำ� เนินการพบวา่ มกี ารพัฒนาบุคลากรไปแล้วทั้งสน้ิ 24,808 คน แบ่งเปน็ บุคลากรภายใน จ�ำนวน 2,360 คน และบคุ ลากรภายนอก จ�ำนวน 22,448 คน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การด�ำเนินงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำปี งบประมาณ พ.ศ. 2561 ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไดพ้ ัฒนาปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศตา่ ง ๆ ของสำ� นักงาน ป.ป.ช. เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การท�ำงานแบบ Digital Platform ตามนโยบายของรัฐบาลท่ีจะก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 และ มุ่งเน้นการบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานรัฐ และสถาบันการเงิน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการด�ำเนินงานของ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. และพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อแลกเปล่ียนข้อมูล ในเรื่องร้องเรียน และน�ำมาพัฒนาต่อยอดเป็นระบบฐานข้อมูลคดีทุจริตโดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน ในกระบวนการยุติธรรมเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยเทคโนโลยี Web Service นอกจากน้ี ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการปรับปรุงระบบเปิดเผยข้อมูลด้านคดีทุจริตและบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสิน ให้สอดคล้อง กับพระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 เพ่ือให้ประชาชน สามารถติดตามผลการด�ำเนินงานของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ และมีการพัฒนาระบบสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อใช้ ประโยชน์ในการบริหารจัดการส�ำนักงาน ป.ป.ช. ให้มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับแผนปฏิรูปประเทศด้านการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีความมุ่งม่ันในการด�ำเนินการตามหน้าท่ีและอ�ำนาจ และการด�ำเนินงาน ที่สอดคล้องกับแผนยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ที่มุง่ หมายใหท้ กุ ภาคส่วนรว่ มต่อตา้ นการทจุ ริต และภาครัฐมีการบริหารจัดการตามหลักธรรมมาภิบาลและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในทุกระดับ โดยเฉพาะการสร้างวัฒนธรรมแยกแยะประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมของบุคลากรภาครัฐให้เกิดขึ้น พร้อมท้ังสร้างจิตส�ำนึกและค่านิยมให้ทุกภาคส่วนตื่นตัวและละอายต่อการทุจริตประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ ส่งเสริม สนับสนุน ให้ภาคีองค์กรภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ชุมชน ประชาชน และภาคีต่าง ๆ มีส่วนร่วม ในการสอดส่อง เฝ้าระวัง ให้ข้อมูลแจ้งเบาะแสการทุจริตและตรวจสอบการดำ� เนินงานของหน่วยงานภาครัฐ และ ภาคสว่ นอื่น ๆ โดยไดร้ บั ความค้มุ ครองจากรัฐตามท่กี ฎหมายบัญญัติ 26 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

สารบัญ หนา้ ตราสญั ลักษณ์ 3 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ ผ้บู ริหารสำ� นักงานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาต ิ 4 - 12 คำ� น�ำ 13 - 15 บทสรปุ ผู้บรหิ าร 17 - 18 19 - 26 บทนำ� 30 1. ทีม่ าและบทบญั ญัติของกฎหมาย 30 - 39 2. หน้าทีแ่ ละอำ� นาจ และโครงสรา้ งองค์กร 39 - 42 3. วิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตรข์ ององคก์ ร 42 - 43 4. ภาพรวมด้านทรพั ยากรบุคคลและงบประมาณ 5. ความเชอื่ มโยงผลการดำ� เนินงานของสำ� นักงาน ป.ป.ช. ยทุ ธศาสตร์ชาติ 44 แผนการปฏิรปู ประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทงั้ การทำ� งานเชงิ บูรณาการกบั ภาคีเครือขา่ ยที่เกยี่ วขอ้ ง ภาพรวมการเปรียบเทียบงบประมาณระหว่างปีงบประมาณ 46 พ.ศ. 2560 กับปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 46 1. งบประมาณทีส่ ำ� นกั งาน ป.ป.ช. ไดร้ บั จดั สรรจ�ำแนกรายการคา่ ใชจ้ า่ ย 2. ผลการใช้จ่ายงบประมาณ ผลการดำ�เนนิ งานตามหน้าที่และอำ�นาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. สมั ฤทธิผลของการดำ� เนินงานในภาพรวมครอบคลมุ การด�ำเนนิ งานตามหนา้ ที่ และอำ� นาจของสำ� นักงาน ป.ป.ช. ตามทกี่ ฎหมายกำ� หนด 44 ดา้ นปราบปรามการทจุ ริต 48 - 74 ดา้ นปอ้ งกันการทุจริต 75 - 141 ดา้ นตรวจสอบทรัพยส์ ินและหนส้ี นิ 142 - 149 2. สัมฤทธิผลของการด�ำเนินงานตามระบบการประเมนิ ผลภาคราชการแบบบรู ณาการ 150 2.1 ความสำ� เรจ็ ในการบรรลเุ ปา้ หมายระดับองคก์ ร ความเชอื่ มโยงกับยทุ ธศาสตรช์ าติ และการเชอ่ื มโยงพนั ธกรณตี า่ ง ๆ 150 การปฏิบตั ิราชการตามคำ� รับรองการปฏบิ ตั ิราชการ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 151 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 27

สารบญั (ต่อ) หน้า 2.2 ระดบั ความพึงพอใจของผรู้ ับบรกิ ารต่อประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จากการใชบ้ รกิ าร และกระบวนการใหบ้ รกิ าร 152 - 155 2.3 สัมฤทธผิ ลของการดำ� เนินงานในสว่ นท่ีเก่ียวข้องกบั ภาระผูกพันกบั ภาคี และพันธสัญญาตา่ ง ๆ ท้ังในระดับประเทศและต่างประเทศ 155 - 157 2.4 ความสำ� เรจ็ ในการพัฒนาองคก์ รและทรพั ยากรบคุ คลท่ีบง่ บอกถงึ การเสริมสร้าง และพัฒนา ขีดสมรรถนะการบรหิ ารจดั การของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ให้มคี วามเข้มแข็ง ย่ังยืนและทันสมยั 158 - 174 3. ข้อเสนอแนะ 175 - 176 ภาคผนวก 177 l ภาพกจิ กรรม 178 - 199 l สถติ ิผลการด�ำเนินงานชีม้ ลู ความผดิ เจา้ พนกั งานของรฐั /เจา้ หน้าท่ขี องรัฐของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จำ� แนกข้อมลู ตามประเภท/ลกั ษณะของคดี ขนาดของคดี และมลู ค่าความเสยี หาย ตัง้ แต่เดอื นตุลาคม พ.ศ. 2560 - เดอื นกันยายน พ.ศ. 2561 200 l สถติ ผิ ลการด�ำเนินงานชี้มูลความผดิ เจา้ พนักงานของรฐั /เจ้าหน้าทขี่ องรัฐของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จำ� แนกข้อมูลตามประเภทคดี/ลักษณะของคดี และต�ำแหนง่ เจา้ พนักงานของรฐั /เจา้ หน้าทีข่ องรัฐ ตัง้ แตเ่ ดอื นตลุ าคม พ.ศ. 2560 - เดอื นกันยายน พ.ศ. 2561 201 l รปู แบบ/ลกั ษณะการทจุ รติ คอรร์ ัปชนั ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ในสงั คมไทย ตง้ั แต่เดอื นตลุ าคม พ.ศ. 2560 - เดือนกันยายน พ.ศ. 2561 202 - 225 งบแสดงฐานะการเงิน 226 งบแสดงผลการดำ�เนินงานทางการเงนิ 228 หมายเหตุประกอบงบการเงนิ 229 รายงานรายได้แผน่ ดิน 243 28 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

บทน�ำ 1. ท่ีมาและบทบัญญตั ขิ องกฎหมาย 2. หนา้ ที่และอำ� นาจ และโครงสร้างองคก์ ร 3. วสิ ยั ทัศน์ พันธกจิ และยุทธศาสตรข์ ององคก์ ร 4. ภาพรวมด้านทรัพยากรบุคคลและงบประมาณ 5. ความเชือ่ มโยงผลการดำ� เนินงานของสำ� นักงาน ป.ป.ช. ยทุ ธศาสตร์ชาติ แผนการปฏริ ูปประเทศ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ รวมทั้งการทำ� งานเชงิ บรู ณาการกบั ภาคเี ครือขา่ ยทเ่ี กย่ี วข้อง

บทนำ� 1. ท่มี าและบทบัญญัติของกฎหมาย รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 234 (4) บัญญัติให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอำ� นาจอนื่ ท่บี ญั ญตั ไิ วใ้ นรัฐธรรมนญู หรอื กฎหมาย พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 29 บัญญัติให้เป็นหน้าที่และอ�ำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. “ในการรายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติ หน้าที่พรอ้ มข้อสงั เกตตอ่ รฐั สภาทุกป”ี ท้ังนี้ ให้ประธานกรรมการ หรอื กรรมการท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย มาแถลงรายงานดงั กล่าวต่อรัฐสภา และให้ประกาศรายงานดังกลา่ วในราชกิจจานเุ บกษาและเปิดเผยต่อสาธารณะ 2. หน้าท่แี ละอำ�นาจ และโครงสรา้ งองค์กร 2.1 หน้าทีแ่ ละอำ� นาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2560 มาตรา 234 มาตรา 235 และมาตรา 144 บญั ญตั ใิ ห้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหนา้ ทีแ่ ละอำ� นาจดังต่อไปนี้ มาตรา 234 (1) ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีการกล่าวหาว่าผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระ หรือผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ใดมีพฤติการณ์ร�่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือ จงใจปฏิบัติหน้าท่ีหรือใช้อ�ำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม มาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพ่ือด�ำเนินการต่อไปตามรัฐธรรมนูญ หรือตามพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ (2) ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร�่ำรวยผิดปกติ กระท�ำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระท�ำความผิด ต่อต�ำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม เพื่อด�ำเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต (3) ก�ำหนดให้ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระ ผวู้ า่ การตรวจเงินแผน่ ดนิ และเจา้ หน้าที่ของรัฐยื่นบัญชที รพั ยส์ นิ และหนี้สินของตน คสู่ มรส และบตุ รที่ยังไมบ่ รรลุนิติภาวะ รวมท้ังตรวจสอบและเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (4) หนา้ ทแ่ี ละอ�ำนาจอืน่ ทีบ่ ัญญตั ิไว้ในรฐั ธรรมนญู หรอื กฎหมาย 30 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม (1) (2) และ (3) ให้เป็นหน้าท่ีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติที่จะต้องจัดให้มีมาตรการหรือแนวทางท่ีจะท�ำให้การปฏิบัติหน้าท่ีมีประสิทธิภาพ เกิดความรวดเร็ว สุจริต และเทยี่ งธรรม ในกรณจี ำ� เปน็ จะมอบหมายใหห้ นว่ ยงานของรฐั ที่มหี นา้ ทีแ่ ละอ�ำนาจ เกีย่ วข้องกบั การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตด�ำเนินการแทนในเร่ืองท่ีมิใช่เป็นความผิดร้ายแรง หรือที่เป็นการกระท�ำของเจ้าหน้าท่ี ของรัฐบางระดับหรือก�ำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของหน่วยธุรการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติเป็นผู้ด�ำเนินการสอบสวนหรือไต่สวนเบื้องต้น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่บัญญัติไว้ ในพระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตกไ็ ด้ มาตรา 235 ภายใต้บังคับมาตรา 236 ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือมีการกล่าวหาว่าผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ทางการเมืองเฉพาะท่ีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระ หรือผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ใดมีพฤติการณ์ ตามมาตรา 234 (1) ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไต่สวนข้อเท็จจริง และหากมีมติ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าก่ึงหน่ึงของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่เห็นว่าผู้นั้นมีพฤติการณ์หรือกระท�ำความผิด ตามท่ีไตส่ วนให้ด�ำเนินการ ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) ถ้าเป็นกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้เสนอเรื่อง ต่อศาลฎีกา เพือ่ วินิจฉยั ทั้งน้ี ให้น�ำความในมาตรา 226 วรรคเจด็ มาใช้บังคบั แกก่ ารพจิ ารณาพพิ ากษาของศาลฎกี าโดยอนุโลม (2) กรณีอ่ืนนอกจาก (1) ให้ส่งส�ำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุดเพ่ือด�ำเนินการฟ้องคดี ต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง หรือด�ำเนินการอื่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต การไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ต้องด�ำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาท่ีก�ำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต เมื่อศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้อง ให้ผู้ถูกกล่าวหา หยุดปฏบิ ตั ิหน้าทีจ่ นกว่าจะมคี �ำพพิ ากษา เว้นแต่ศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผดู้ �ำรงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง จะมคี ำ� ส่งั เปน็ อยา่ งอ่นื ในกรณีทศ่ี าลฎกี าหรือศาลฎีกาแผนกคดอี าญาของผูด้ ำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมืองมคี �ำพิพากษา วา่ ผถู้ ูกกลา่ วหามพี ฤติการณ์หรือกระท�ำความผดิ ตามท่ถี กู กลา่ วหาแลว้ แต่กรณี ให้ผู้ต้องค�ำพิพากษาน้ันพ้นจากต�ำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าท่ี และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของผ้นู ัน้ และจะเพกิ ถอนสิทธเิ ลอื กตงั้ มกี �ำหนดเวลาไม่เกินสิบปดี ว้ ยหรือไมก่ ็ได้ ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ังไม่ว่าในกรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือ สมัครรับเลือก เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิ ดำ� รงตำ� แหน่งทางการเมอื งใด ๆ ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิด ฐานร่ำ� รวยผดิ ปกติหรือทจุ ริตต่อหน้าที่ ให้ริบทรัพย์สนิ ทผ่ี นู้ น้ั ได้มาจากการกระท�ำความผิด รวมทง้ั บรรดาทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชน์อืน่ ใดที่ได้มาแทนทรพั ย์สนิ นน้ั ตกเป็นของแผ่นดนิ การพิจารณาของศาลฎีกาและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ให้น�ำส�ำนวน การไต่สวนของคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเปน็ หลกั ในการพิจารณา และเพ่ือประโยชน์ แหง่ ความยตุ ิธรรม ให้ศาลมีอำ� นาจไตส่ วนขอ้ เทจ็ จริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ ให้น�ำมาตราน้ีมาใช้บังคับแก่กรณีท่ีบุคคลตามมาตรา 234 (3) จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สิน รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 31

และหนสี้ ิน หรอื จงใจยน่ื บัญชแี สดงรายการทรพั ยส์ นิ หรอื หน้ีสนิ อนั เปน็ เท็จหรอื ปกปดิ ขอ้ เทจ็ จรงิ ท่คี วรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณอ์ ันควรเชอ่ื ได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงทม่ี าแห่งทรัพย์สินหรอื หน้สี ินน้นั ด้วยโดยอนโุ ลม มาตรา 144 ในการพิจารณารา่ งพระราชบญั ญัตงิ บประมาณรายจา่ ยประจ�ำปีงบประมาณ รา่ งพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายเพ่มิ เติม และรา่ งพระราชบญั ญัตโิ อนงบประมาณรายจา่ ย สมาชิกสภา ผูแ้ ทนราษฎรจะแปรญัตติ เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพ่ิมเติมรายการหรือจ�ำนวนในรายการมิได้ แต่อาจแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนรายจ่าย ซึ่งมใิ ชร่ ายจ่ายตามข้อผกู พันอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) เงนิ สง่ ใช้ต้นเงินกู้ (2) ดอกเบย้ี เงินกู้ (3) เงนิ ท่ีก�ำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญัตติ หรือ การกระท�ำด้วยประการใด ๆ ท่ีมีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระท�ำมิได้ ในกรณีท่ีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา มีจ�ำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจ�ำนวนสมาชิก ท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา เห็นว่ามีการกระท�ำท่ีฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสองให้เสนอความเห็นต่อ ศาลรัฐธรรมนูญเพ่ือพิจารณา และศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับ ความเห็นดังกล่าว ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการกระท�ำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสอง ให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระท�ำดังกล่าวเป็นอันส้ินผล ถ้าผู้กระท�ำการดังกล่าวเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ สมาชิกวุฒิสภา ให้ผู้กระท�ำการน้ันส้ินสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำวินิจฉัย และให้เพิกถอน สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น แต่ในกรณีท่ีคณะรัฐมนตรีเป็นผู้กระท�ำการหรืออนุมัติให้กระท�ำการหรือรู้ว่ามีการกระท�ำ ดังกลา่ วแล้วแตม่ ไิ ด้สงั่ ยับยงั้ ให้คณะรฐั มนตรพี น้ จากต�ำแหนง่ ทง้ั คณะนบั แตว่ นั ทศ่ี าลรัฐธรรมนญู มคี ำ� วนิ ิจฉยั และให้ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของรัฐมนตรีที่พ้นจากต�ำแหน่งน้ัน เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้อยู่ในท่ีประชุม ในขณะท่ีมีมติ และให้ผู้กระท�ำการดงั กล่าวต้องรบั ผิดชดใช้เงนิ น้นั คนื พร้อมด้วยดอกเบีย้ เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้ใดจัดท�ำโครงการหรืออนุมัติหรือจัดสรรเงินงบประมาณโดยรู้ว่ามีการด�ำเนินการ อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ถ้าได้บันทึกข้อโต้แย้งไว้เป็นหนังสือหรือมีหนังสือแจ้งให้ คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาตทิ ราบ ให้พ้นจากความรับผิด การเรยี กเงนิ คนื ตามวรรคสามหรอื วรรคสี่ ให้กระท�ำไดภ้ ายในยีส่ ิบปนี บั แตว่ นั ท่มี กี ารจัดสรรงบประมาณนนั้ ในกรณีท่ีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้รับแจ้งตามวรรคส่ีให้คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติด�ำเนินการสอบสวนเป็นทางลับโดยพลัน หากเห็นว่ากรณีมีมูล ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อด�ำเนินการต่อไปตามวรรคสาม และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและศาลรัฐธรรมนูญหรือบุคคลใดจะเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกับ ผแู้ จง้ มิได้ 32 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 28 มาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 35 มาตรา 88 และมาตรา 138 บัญญตั ใิ หค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหนา้ ที่และอำ� นาจ ดังตอ่ ไปนี้ มาตรา 28 (1) ไตส่ วนและมีความเห็นกรณมี กี ารกล่าวหาผดู้ ำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู หรือ ผู้ด�ำรงตำ� แหนง่ ในองคก์ รอิสระ ผ้ใู ดมีพฤติการณ์ร�่ำรวยผิดปกติ ทจุ ริตต่อหนา้ ท่ี หรอื จงใจปฏบิ ตั หิ นา้ ทหี่ รอื ใช้อำ� นาจ ขัดตอ่ บทบญั ญตั แิ ห่งรฐั ธรรมนูญหรือกฎหมาย หรอื ฝา่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏิบตั ิตามมาตรฐานทางจริยธรรมอยา่ งรา้ ยแรง (2) ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร�่ำรวยผิดปกติ กระท�ำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ี หรือ กระทำ� ความผิดต่อตำ� แหนง่ หนา้ ที่ราชการ หรือความผิดต่อต�ำแหน่งหนา้ ท่ีในการยตุ ธิ รรม (3) ก�ำหนดให้ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ในองค์กรอิสระ และ เจ้าหน้าที่ของรัฐย่ืนบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้งตรวจสอบและ เปดิ เผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนสี้ นิ ของบคุ คลดงั กลา่ ว (4) ไต่สวนเพื่อด�ำเนินคดีในฐานความผิดอ่ืนที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ก�ำหนดหรือ ทีม่ กี ฎหมายกำ� หนดใหอ้ ย่ใู นหน้าทแ่ี ละอำ� นาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. (5) หน้าท่ีและอ�ำนาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ หรือ กฎหมายอืน่ ในการด�ำเนินการตาม (4) ในส่วนที่เก่ียวกับความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะด�ำเนินการเอง หรือมอบหมายให้หน่วยงานที่มีหน้าท่ีและอ�ำนาจในการด�ำเนินการ เป็นผู้ด�ำเนินการก็ได้ มาตรา 32 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าท่ีและอ�ำนาจเสนอมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะ ต่อคณะรฐั มนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรอื องคก์ รอัยการในเรอื่ งดงั ตอ่ ไปนี้ (1) ปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงาน ของรัฐ เพื่อป้องกนั หรอื ปราบปรามการทุจรติ การกระทำ� ความผดิ ต่อต�ำแหนง่ หน้าทรี่ าชการ หรอื การกระทำ� ความผิด ตอ่ ตำ� แหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม (2) จัดให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพ่ือป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทงั้ ในภาครฐั และภาคเอกชนอยา่ งเขม้ งวด (3) เสนอแนะใหม้ กี ารปรบั ปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ บงั คับ หรือมาตรการใดทเี่ ป็นช่องทางให้มกี ารทจุ รติ หรอื ประพฤตมิ ชิ อบ หรอื เป็นเหตใุ ห้เจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐไม่อาจปฏิบัตหิ นา้ ท่ีใหเ้ กดิ ผลดตี ่อราชการได้ ในการจัดท�ำมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะตามวรรคหน่ึง คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจจัดให้มี การรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในเรื่องที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำหนด เมื่อองค์กรตามวรรคหน่ึงได้รับแจ้งมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้วหากเป็นกรณีท่ีไม่อาจด�ำเนินการได้ ให้แจ้งปัญหาและอุปสรรคต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบต่อไป ทั้งนี้ ไมเ่ กนิ เก้าสบิ วันนบั แตไ่ ด้รับแจง้ จากคณะกรรมการ ป.ป.ช. รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 33

มาตรา 33 เพ่ือให้ประชาชนและหน่วยงานของรฐั มสี ว่ นร่วมและใหค้ วามร่วมมอื ในการปอ้ งกนั และปราบปราม การทจุ ริต ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำหนดมาตรการและกลไกทจี่ �ำเปน็ ต่อการดำ� เนินการในเรื่อง ดังตอ่ ไปน้ี (1) การส่งเสริมใหป้ ระชาชนรวมตวั กันเพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ใหค้ วามรู้ ตอ่ ตา้ น หรอื ช้ีเบาะแส โดย ได้รบั ความคุ้มครอง รวมทงั้ จัดให้มีช่องทางการแจง้ ข้อมูล เบาะแส หรือพยานหลักฐาน ส�ำหรบั การกระท�ำความผดิ ท่ีอยู่ในหน้าท่ีและอ�ำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยช่องทางดังกล่าวต้องมีวิธีการท่ีง่าย สะดวก ไม่มีข้ันตอน ยุ่งยาก และไม่ก่อผลร้ายกับผู้แจ้งดังกล่าว รวมท้ังด�ำเนินการเพื่อป้องกันการทุจริต ตลอดจนเสริมสร้างทัศนคติและ ค่านยิ มเกยี่ วกับความซ่อื สัตย์สุจริต (2) ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนหน่วยงานของรัฐในการจัดให้มีกลไกการแจ้งเตือนกรณีพบว่า มพี ฤติการณท์ ่ีส่อว่าอาจมีการทุจรติ ในหนว่ ยงานของตน (3) ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเก่ียวกับอันตรายของการทุจริต รวมถึง ค่านยิ มทเ่ี น้นการพงึ่ พาระบบอุปถัมภใ์ นสงั คม เพอื่ ให้เกิดการตอ่ ตา้ นการทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบอยา่ งกวา้ งขวาง (4) รับฟังข้อเสนอแนะจากประชาชนหรือหน่วยงานของรัฐเพื่อน�ำไปปรับปรุงการปฏิบัติหน้าท่ีของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำ� นักงาน ป.ป.ช. ให้มีประสทิ ธิภาพยงิ่ ขน้ึ ในการด�ำเนินการตาม (1) (2) และ (3) ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เพอื่ ใหค้ �ำเสนอแนะ ชว่ ยเหลอื และรว่ มมอื กนั ดำ� เนนิ การ คณะกรรมการตามวรรคสองให้ประกอบด้วย ประธานกรรมการเป็นประธาน กรรมการทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายจ�ำนวนหนึ่งคน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ประธานกรรมการ การอุดมศึกษา ผ้อู ำ� นวยการส�ำนักงบประมาณ เปน็ กรรมการโดยตำ� แหนง่ ผ้แู ทนจากภาคเอกชนและภาคประชาสงั คม ท่ีเกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตไม่เกินส่ีคน และผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกินสามคนซ่ึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งเป็นกรรมการ การแต่งต้ังผู้แทนจากภาคเอกชนและภาคประชาสังคม และผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นไป ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำ� หนด โดยให้ผแู้ ทนจากภาคเอกชนและภาคประชาสังคม และ ผูท้ รงคุณวุฒิมีวาระการดำ� รงต�ำแหน่งคราวละสามปี ใหเ้ ลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานกุ าร โดยให้เลขาธิการแตง่ ต้ังพนักงานเจ้าหน้าท่เี ปน็ ผู้ช่วยเลขานุการ ไม่น้อยกว่าสองคน ท้ังนี้ คณะกรรมการดังกล่าวอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือในการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติการใด ๆ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย มาตรา 35 ในกรณีท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการด�ำเนินการอย่างใดในหน่วยงาน ของรัฐอันอาจน�ำไปสู่การทุจริตหรือส่อว่าอาจมีการทุจริต ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด�ำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว ถ้าผลการตรวจสอบปรากฏว่ากรณีมีเหตุอันควรระมัดระวัง คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจมีมติด้วยคะแนนเสียง ไม่น้อยกว่าสองในสามของกรรมการท้ังหมดเท่าที่มีอยู่มีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐดังกล่าวและคณะรัฐมนตรีทราบ พรอ้ มดว้ ยขอ้ เสนอแนะแนวทางการแก้ไข หน่วยงานของรัฐและคณะรัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องด�ำเนินการตามควรแก่กรณีเพ่ือป้องกันมิให้เกิดการทุจริต หรือเกิดความเสียหายต่อประโยชน์ของรัฐหรือประชาชนโดยเร็วและถ้าไม่เกี่ยวกับความลับของทางราชการให้เปิดเผย ใหป้ ระชาชนทราบเป็นการทว่ั ไป 34 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

มาตรา 88 เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือเม่ือคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่ของรัฐตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคส่ี ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด�ำเนินการสอบสวน เปน็ ทางลับโดยพลนั และไมว่ ่าในกรณีใดผู้ใดจะเปิดเผยขอ้ มลู เก่ียวกบั ผแู้ จ้งมไิ ด้ เจ้าหน้าท่ีของรัฐรวมท้ังผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินซ่ึงจัดท�ำโครงการหรืออนุมัติหรือจัดสรรเงินงบประมาณ โดยรู้ว่ามีการด�ำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง จะพ้นจากความรับผิดตามรัฐธรรมนูญเฉพาะเม่ือได้แจ้งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก่อนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะได้ด�ำเนินการสอบสวน การสอบสวนตามวรรคหน่ึง ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กำ� หนด เมอื่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. สอบสวนแล้วเห็นวา่ มีมูล ให้เสนอความเห็นตอ่ ศาลรัฐธรรมนญู โดยเรว็ และให้ ศาลรฐั ธรรมนญู ดำ� เนินการตอ่ ไปตามบทบัญญัตแิ ห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ในกรณีจ�ำเป็นและได้รับค�ำร้องขอ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. จัดให้มีการคุ้มครองเจ้าหน้าท่ีของรัฐตามวรรคหนงึ่ เชน่ เดียวกบั การค้มุ ครองพยานตามมาตรา 131 มาตรา 138 ในการด�ำเนินการด้านการต่างประเทศเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มหี น้าทีแ่ ละอำ� นาจในเร่ืองดังตอ่ ไปน้ี (1) เป็นหน่วยงานกลางในการด�ำเนินการเพ่ือให้ความร่วมมือระหว่างประเทศตามพันธกรณีและข้อตกลง ระหว่างประเทศในการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ (2) ด�ำเนินการตามค�ำร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศในคดีทุจริตในกรณีที่ ผู้ประสานงานกลาง ตามกฎหมายว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด�ำเนินการ หรือพิจารณาให้ความช่วยเหลือกับต่างประเทศในคดีทุจริตซ่ึงมิใช่ค�ำร้องขอความช่วยเหลือตามกฎหมายว่าด้วย ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรอื่ งทางอาญา 2.2 โครงสรา้ งองคก์ ร หน้าท่ีและอ�ำนาจของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 มีดงั ต่อไปน้ี มาตรา 141 ให้มีส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเรียกโดยย่อว่า “สำ� นักงาน ป.ป.ช.” เป็นส่วนราชการและมีฐานะเปน็ นิตบิ คุ คล รบั ผิดชอบขนึ้ ตรงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาตรา 142 ส�ำนักงานมหี นา้ ทแ่ี ละอำ� นาจดงั ต่อไปน้ี (1) รับผิดชอบงานธุรการ และด�ำเนินการเพื่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. บรรลุภารกิจและหน้าที่ตามที่ ก�ำหนดไวใ้ นรฐั ธรรมนญู พระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนญู นีแ้ ละกฎหมายอนื่ (2) อ�ำนวยความสะดวก ประสานงาน ให้ความร่วมมือ ส่งเสริม และสนับสนุนการปฏิบัติงานของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และกรรมการ (3) ประสานงานและใหค้ วามร่วมมอื ระหวา่ งประเทศเกีย่ วกับการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต (4) ด�ำเนินการหรือจัดให้มีการรวบรวม วิเคราะห์ ศึกษาวิจัย และเผยแพร่ข้อมูลและความรู้เก่ียวกับ การทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบและอันตรายของการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบท้งั ในภาครัฐและภาคเอกชน (5) ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ ต่อต้านหรือ ชเ้ี บาะแส ตามกลไกทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. กำ� หนดตามมาตรา 33 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 35

(6) เสนอแนะและให้ค�ำปรึกษาแก่หน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรอื เจ้าพนกั งานของรัฐ หรอื ภาคเอกชน เก่ยี วกับการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ (7) จัดท�ำระบบสารสนเทศของข้อมูลเก่ียวกับเรื่องท่ีอยู่ในระหว่างการด�ำเนินการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซ่ึงอย่างน้อยต้องระบุผู้รับผิดชอบและความคืบหน้าของการด�ำเนินการของแต่ละเรื่อง เพ่ือกรรมการจะได้ตรวจสอบ ได้ตลอดเวลา (8) ปฏบิ ัติการอ่ืนตามท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย และตามท่ีกฎหมายบญั ญตั ิ ในการด�ำเนนิ การ (6) ส�ำนักงานต้องตอบขอ้ หารือภายในสามสบิ วนั เว้นแต่ในกรณที ี่มีเหตจุ �ำเป็นอนั ไม่อาจ ด�ำเนินการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาดังกล่าว ประธานกรรมการอาจขยายระยะเวลาออกไปตามที่จ�ำเป็นได้ แต่รวมแลว้ ต้องไมเ่ กนิ เกา้ สบิ วนั มาตรา 143 ในการก�ำกับดูแลส�ำนักงาน ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอ�ำนาจออกระเบียบ หรือประกาศ ในเรอ่ื งดงั ตอ่ ไปน้ี (1) การจัดแบ่งส่วนงานภายในของส�ำนักงาน และขอบเขตหนา้ ที่ของส่วนงานดงั กล่าว (2) การบริหารและจัดการการเงนิ และทรพั ย์สนิ การงบประมาณ และการพัสดขุ องส�ำนักงาน (3) การวางระเบียบว่าด้วยการจัดท�ำ การเปิดเผย การเผยแพร่ การเก็บรักษา และการท�ำลายเอกสาร และข้อมูลที่อยู่ในความครอบครองของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และส�ำนักงาน ท้ังน้ี ในการเผยแพร่ข้อมูล ใหจ้ ัดทำ� สำ� หรบั คนพิการที่จะสามารถเขา้ ถงึ ไดด้ ว้ ย (4) วางระเบียบเก็บรักษาและบริหารจัดการพยานหลักฐานของกลางในคดีและทรัพย์สิน รวมท้ัง การจำ� หน่าย การมอบหมายใหผ้ อู้ นื่ เก็บรักษา หรอื จำ� หนา่ ยทรพั ย์สินดังกลา่ ว (5) ก�ำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายค่าเบ้ียเล้ียง ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายอื่น และ ค่าตอบแทน ของพยานบุคคลหรือผู้ซึ่งช่วยปฏิบัติหน้าที่ตามค�ำร้องขอของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้ท่ีได้รับ มอบหมายจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการปฏิบัตหิ นา้ ทีต่ ามพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู น้ี (6) วางระเบียบเกี่ยวกับการแต่งต้ังคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะบุคคล เพ่ือช่วยเหลือ คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือส�ำนักงานในการปฏิบัติหน้าท่ีท่ีไม่ใช่การไต่สวน และก�ำหนดเบ้ียประชุมให้แก่บุคคล ที่ไดร้ ับแตง่ ตง้ั ดังกลา่ ว (7) วางระเบียบเก่ียวกับการก�ำหนดเบี้ยประชุมของคณะกรรมการไต่สวนตามมาตรา 51 คณะกรรมการ ตามมาตรา 33 วรรคสอง และคณะอนุกรรมการตามมาตรา 33 วรรคสาม การด�ำเนินการตาม (1) ต้องค�ำนึงถึง ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และความคล่องตัว ระเบียบหรือประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้ประธานกรรมการ เป็นผู้ลงนามและเมื่อได้ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแล้วใหใ้ ชบ้ ังคบั ได้ มาตรา 148 ให้ส�ำนักงานมีเลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและลูกจ้างของส�ำนักงาน และ รับผิดชอบการปฏิบัติงานของส�ำนักงาน ขึ้นตรงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะก�ำหนดให้มี รองเลขาธกิ าร ผู้ชว่ ยเลขาธิการ หรือต�ำแหนง่ อืน่ ทเ่ี ทยี บเท่า เป็นผชู้ ่วยสงั่ และปฏบิ ตั ริ าชการด้วยก็ได้ วิธีการได้มาซง่ึ เลขาธกิ ารใหเ้ ป็นไปตามทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำหนด เมอื่ มกี รณที ีจ่ ะแต่งตั้งเลขาธิการ รองเลขาธกิ าร หรือต�ำแหนง่ อื่นทเี่ ทียบเท่าใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอเร่ืองตอ่ นายกรฐั มนตรีเพ่ือน�ำความกราบบงั คมทลู เพอื่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แตง่ ตั้งตอ่ ไป 36 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

แผนภาพโครงสร้างการแบ่งสว่ นราชการในสงั กดั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. และกรอบอตั ราก�ำลงั คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส�ำนักงาน ป.ป.ช. 3,554 เลขาธิการ 1 สำ� นักงานเลขาธิการ 51 กลมุ่ ตรวจสอบภายใน 7 รองเลขาธิการ 6 กลุ่มงานประสานการบรหิ ารเชิงยุทธ ์ 7 ผูช้ ว่ ยเลขาธิการฯ 6 ผูช้ ว่ ยเลขาธิการฯ ภาค 9 ศูนย์ประมวลข้อมลู ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ผูร้ งคุณวฒุ ิ 10 ผูเ้ ชีย่ วชาญ (ชช.) 19 ศนู ยป์ ระเมนิ คณุ ธรรม และความโปรง่ ใส ของหน่วยงานรฐั (ITA) กลมุ่ ภารกิจ กล่มุ ภารกิจ 712 กลุ่มภารกจิ 150 กลมุ่ ภารกจิ 232 กลมุ่ ภารกจิ 238 กลมุ่ ภารกจิ 1,957 ดา้ นส่งเสรมิ จริยธรรม ปราบปรามการทจุ รติ ตรวจสอบทรัพย์สิน อำ� นวยการ วิชาการ ปฏิบัติการพืน้ ท่ี คณุ ธรรมและ 149 ป้องกันการทุจรติ ส�ำนกั ไตส่ วนการทจุ รติ 42 สำ� นักทะเบยี นและ 47 ส�ำนักนโยบาย 43 ส�ำนักการต่างประเทศ 37 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. 262 ภาคการเมอื ง 1 พฒั นาระบบตรวจสอบ และยุทธศาสตร์ ภาค (9 แห่ง) สำ� นักมาตรการ 52 สำ� นักไตส่ วนการทุจรติ ส�ำนักตรวจสอบ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ป้องกนั การทุจรติ ภาคการเมือง 2 ทรัพยส์ ินภาคการเมอื ง ประจำ� จงั หวัด 1,671 70 41 ส�ำนักบรหิ ารงานกลาง 33 ส�ำนกั กฎหมาย 36 (76 แห่ง) ส�ำนักปอ้ งกนั 20 การทจุ รติ ภาคการเมือง ส�ำนกั ไต่สวนการทจุ รติ 90 สำ� นักส่งเสรมิ ส�ำนับรหิ ารงานคลัง 51 สภาบันการปอ้ งกนั ภาคการเมือง 3 การตรวจสอบทรัพย์สิน 21 และปราบปราม ภาคการเมอื งส่วนทอ้ งถน่ิ 60 สำ� นกั ตรวจราชการ 24 การทจุ รติ แห่งชาติ ส�ำนกั ป้องกนั 20 ส�ำนักไต่สวนการทุจริต 79 ส�ำนักบรหิ าร 45 สัญญา ธรรมศักดิ์ การทุจรติ ภาครฐั ภาคการเมอื ง 4 ทรัพยากรบคุ คล สำ� นกั ตรวจสอบทรัพยส์ ิน สำ� นักป้องกันการทจุ รติ ภาครัฐและรฐั วสิ าหกจิ 41 ศนู ย์เทคโนโลยี 50 ภาครฐั วิสาหกิจ 25 สารสนเทศ และธรุ กิจเอกชน สำ� นกั ไตส่ วน 93 ส�ำนักประชาสมั พันธ์ 34 การทจุ รติ 1 ศูนยว์ จิ ยั เพื่อตอ่ ตา้ นการทุจรติ 21 สำ� นักปอ้ งกนั การทุจรติ สำ� นักไต่สวน 73 ส�ำนักอำ� นวยการ 26 ปว๋ ย อ้ึงภากรณ์ ภาคประชาสงั คมและ 32 การทจุ รติ 2 คณะกรรมการ การพฒั นาเครอื ขา่ ย สำ� นักไตส่ วน ศูนย์กำ� กับดูแล การทจุ ริต 3 76 การจัดซ้อื จดั จ้างภาครฐั 34 สำ� นักไตส่ วนการทุจริต 75 ภาครัฐวสิ าหกิจ สำ� นกั สบื สวน 58 และภารกิจพเิ ศษ ส�ำนักคดี 56 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 37

ภาพรวมโครงสร้างการแบง่ สว่ นราชการและอตั ราก�ำลงั 1. แบง่ กลุม่ ภารกจิ ออกเป็น 7 กลมุ่ จำ� นวน 122 หนว่ ยงาน ดงั น้ี 1.1 หนว่ ยงานข้ึนตรงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จำ� นวน 5 หน่วยงาน 1.2 กลุม่ ภารกิจด้านส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรม และป้องกันการทจุ ริต จ�ำนวน 5 หน่วยงาน 1.3 กล่มุ ภารกิจปราบปรามการทุจรติ จ�ำนวน 10 หน่วยงาน 1.4 กลมุ่ ภารกิจตรวจสอบทรัพย์สนิ จำ� นวน 4 หน่วยงาน 1.5 กลุ่มภารกจิ อำ� นวยการ จำ� นวน 6 หน่วยงาน 1.6 กลุ่มภารกจิ วิชาการ จ�ำนวน 6 หน่วยงาน 1.7 กลุ่มภารกิจปฏิบัติการพ้ืนท่ี จ�ำนวน 86 หน่วยงาน (1 ส�ำนัก 9 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และ 76 สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั ) 2. แบ่งเป็นหน่วยงานส่วนกลางและส่วนภมู ภิ าค ดังน้ี 2.1 สว่ นกลาง จำ� นวน 37 หน่วยงาน ไดแ้ ก่ 29 สำ� นกั 1 สถาบัน 5 ศนู ย์ และ 2 กลมุ่ งาน 2.1 สว่ นภูมิภาค จำ� นวน 85 หนว่ ยงาน ไดแ้ ก่ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค จำ� นวน 9 แห่ง และสำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จังหวดั จำ� นวน 76 จังหวดั 3. กรอบอัตราก�ำลัง สว่ นราชการ อัตราก�ำลัง หนว่ ยงานขน้ึ ตรงเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. 35 1. ส�ำนักงานเลขาธิการ 19 2. ศูนยป์ ระมวลข้อมลู สำ� นกั งาน ป.ป.ช. 14 3. ศนู ย์ประเมินคุณธรรมและความโปรง่ ใสของหนว่ ยงานภาครฐั 6 4. กล่มุ ตรวจสอบภายใน 7 5. กลมุ่ งานประสานการบริหารเชงิ ยทุ ธ์ 43 กลมุ่ ภารกจิ ดา้ นส่งเสรมิ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และป้องกนั การทจุ ริต 18 1. สำ� นักมาตรการปอ้ งกันการทุจริต 18 2. สำ� นกั ปอ้ งกนั การทจุ ริตภาคการเมือง 24 3. สำ� นักปอ้ งกันการทุจริตภาครฐั 28 4. ส�ำนักปอ้ งกนั การทจุ ริตภาครัฐวิสาหกจิ และธรุ กิจเอกชน 33 5. ส�ำนกั ปอ้ งกนั การทจุ ริตภาคประชาสงั คมและการพัฒนาเครอื ข่าย 51 กลมุ่ ภารกิจปราบปรามการทจุ ริต 47 1. ส�ำนกั ไตส่ วนการทุจรติ ภาคการเมือง 1 54 2. สำ� นกั ไต่สวนการทจุ รติ ภาคการเมือง 2 45 3. สำ� นักไต่สวนการทจุ ริตภาคการเมอื ง 3 39 4. ส�ำนกั ไตส่ วนการทุจริตภาคการเมือง 4 51 5. ส�ำนักไตส่ วนการทจุ รติ ภาครฐั 1 49 6. ส�ำนักไต่สวนการทจุ ริตภาครัฐ 2 42 7. ส�ำนกั ไต่สวนการทุจรติ ภาครฐั 3 54 8. สำ� นกั ไต่สวนการทจุ รติ ภาครฐั วิสาหกจิ 9. สำ� นกั สบื สวนและกจิ การพิเศษ 10. สำ� นักคดี 38 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

สว่ นราชการ อตั ราก�ำลัง กลุม่ ภารกิจตรวจสอบทรพั ย์สิน 1. สำ� นกั ทะเบยี นและพัฒนาระบบตรวจสอบ 25 2. ส�ำนักตรวจสอบทรพั ยส์ ินภาคการเมอื ง 37 3. สำ� นกั ส่งเสริมการตรวจสอบทรพั ย์สินภาคการเมืองส่วนทอ้ งถนิ่ 18 4. สำ� นักตรวจสอบทรัพย์สินภาครฐั และรฐั วิสาหกจิ 40 กลุ่มภารกจิ อ�ำนวยการ 1. ส�ำนกั นโยบายและยทุ ธศาสตร์ 35 2. สำ� นักบรหิ ารงานกลาง 29 3. ส�ำนกั บริหารงานคลัง 40 4. ส�ำนกั บริหารทรัพยากรบคุ คล 39 5. ส�ำนกั ประชาสมั พันธ์ 22 6. สำ� นักอำ� นวยการคณะกรรมการ 20 กล่มุ ภารกจิ วิชาการ 1. สำ� นักการตา่ งประเทศ 27 2. สำ� นักกฎหมาย 33 3. สถาบนั การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สัญญา ธรรมศักดิ์ 41 4. ศนู ย์เทคโนโลยสี ารสนเทศ 44 5. ศนู ย์วจิ ยั เพื่อต่อต้านการทุจรติ ปว๋ ย อง๊ึ ภากรณ์ 17 6. ศนู ยก์ ำ� กับดแู ลการจดั ซอ้ื จัดจ้างภาครัฐ 18 กล่มุ ภารกจิ ปฏิบัติการพื้นที่ 1. สำ� นกั ตรวจราชการ 17 2. ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 9 แหง่ 93 3. สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัด 76 จังหวดั 980   3. วิสัยทศั น์ พนั ธกิจ และยุทธศาสตร์ขององค์กร ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ขับเคลื่อนภารกิจหลักโดยใช้แผนยุทธศาสตร์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. เป็นเครื่องมือ มาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 แผนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 1 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 - 2555 โดยมุ่งเน้นการท�ำหน้าที่ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในการปลูกฝังจิตส�ำนึก สร้างวัฒนธรรมสุจริต เสริมสร้างภาคีเครือข่ายร่วมป้องกัน ปราบปรามการทุจริต และพัฒนากลไกตรวจสอบและ ลงโทษผู้กระท�ำผิด ในช่วงเวลาต่อมาด้วยเง่ือนไขตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ส่งผลให้ภารกิจของส�ำนักงาน ป.ป.ช. กว้างขวางข้ึนทั้งในมิติเชิงบทบาทและเชิงพ้ืนท่ี และท�ำให้ทิศทางของ แผนยทุ ธศาสตร์ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ระยะท่ี 2 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 - 2560 นอกเหนอื จากผลักดันภารกจิ หลัก อย่างต่อเน่ือง ยังได้ให้ความส�ำคัญกับบทบาทท้ังในการด�ำเนินโครงการ/กิจกรรมและการบูรณาการในการด�ำเนินงาน ปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตในรูปแบบและวิธกี ารตา่ ง ๆ โดยทุกภาคสว่ นเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม มกี ารขยายขอบเขต การด�ำเนินงานไปยังต่างจังหวัด โดยได้มีการจัดต้ังส�ำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจ�ำจังหวัด และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจ�ำจังหวัดข้ึน มีการขยายผลความร่วมมือไปยังต่างประเทศ เพิม่ มากข้ึน และใหค้ วามส�ำคัญกบั การน�ำเอาเครือ่ งมือการบริหารการสือ่ สารมาใช้ในหน่วยงาน รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 39

แผนแม่บทส�ำนักงาน ป.ป.ช. ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) ได้จัดท�ำข้ึนในมิติที่ต่างไปจากเดิม ทั้งในมิติเรื่องกรอบระยะเวลาและความสอดคล้องกับกรอบทิศทางในการด�ำเนินงานของประเทศ กล่าวคือ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเม่ือวันท่ี 4 ตุลาคม 2559 เห็นชอบให้ทุกส่วนราชการจัดท�ำแผนงานในภารกิจหลักของหน่วย งานระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) โดยให้ก�ำหนดรายละเอยี ดโครงการ/กิจกรรมที่จะด�ำเนนิ การและผลท่จี ะได้รับ ในแตล่ ะระยะ โดยประเมนิ และทบทวนแผนงานทุก ๆ 5 ปี ซ่งึ ในการจดั ทำ� แผนแมบ่ ทสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) ได้น�ำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) แผนแม่บทบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) และยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) มาใช้เป็นกรอบทิศทางในการด�ำเนินการ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีแผนแมบ่ ทสำ� นักงาน ป.ป.ช. ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) ทก่ี ้าวทันต่อนวตั กรรมและเทคโนโลยตี ่าง ๆ และ ใช้เป็นแนวทางในการจัดท�ำโครงการ/กิจกรรม เพ่ือขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ภายใต้แผนแม่บทส�ำนักงาน ป.ป.ช. ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) ให้บรรลุวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และเกิดผลสัมฤทธ์ิที่เป็นรูปธรรมต่อไป โดยการก�ำหนดวสิ ยั ทศั น์ พันธกิจ วตั ถปุ ระสงค์ คา่ เป้าหมายและตัวชวี้ ดั ประเด็นยทุ ธศาสตร์ และกลยุทธ์ไว้ ดังต่อไปนี้ วสิ ยั ทัศน์ “ผสานพลัง สร้างประเทศไทยใสสะอาด ปราศจากทุจริต” พันธกิจ 1. บรู ณาการความรว่ มมอื กับทุกภาคส่วนในการผลกั ดันการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ 2. การสรา้ งวัฒนธรรมสุจริตในสังคมไทย 3. พัฒนามาตรการและกลไกในการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต 4. ม่งุ สูก่ ารเปน็ องคก์ รคุณธรรม ยึดหลกั ความซื่อสตั ย์ เปน็ ธรรม มืออาชพี 5. ตดิ ตามและประเมนิ ผลความสำ� เรจ็ อย่างต่อเน่อื ง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสรา้ งใหท้ ุกภาคส่วนตระหนกั และมสี ว่ นรว่ มในการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม 2. เพ่อื ให้คนไทยมวี ัฒนธรรมสุจริต และไมเ่ พกิ เฉยต่อการทุจรติ 3. เพ่ือให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้เป็นท่ียอมรับ ในระดบั สากล 4. เพ่ือใหม้ ีการบรหิ ารจัดการองคก์ รโดยยดึ หลกั ธรรมาภบิ าล และม่งุ สกู่ ารเปน็ องค์กรคุณธรรม 5. เพื่อติดตามความก้าวหนา้ และประเมินผลความส�ำเร็จในการดำ� เนนิ งานปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต ค่าเปา้ หมายและตัวชวี้ ดั 1. เจ้าหน้าทขี่ องรฐั และประชาชนทุกภาคส่วนมีความละอายตอ่ การกระทำ� การทจุ ริตเพิม่ ขนึ้ ตัวชว้ี ดั : ระดับความละอายของเจ้าหน้าที่ของรฐั และประชาชนทกุ ภาคส่วนต่อการกระทำ� การทจุ รติ เพม่ิ ขึน้ 2. การดำ� เนนิ งานในการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ มปี ระสทิ ธภิ าพเพม่ิ ขน้ึ ตวั ชว้ี ัด : ระดบั ความเชือ่ มนั่ ของทกุ ภาคส่วนในการดำ� เนินงานของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. เพ่มิ ข้ึน 40 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

ประเด็นยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตรท์ ่ี 1 ประสานและบรู ณาการความร่วมมือในการปลกู ฝังวัฒนธรรมสจุ รติ ของทกุ ภาคสว่ น ค่าเปา้ หมายและตัวช้วี ดั 1. การมีส่วนร่วมของทกุ ภาคสว่ นในการรว่ มปอ้ งปรามการทุจริต ตัวชีว้ ดั : ระดับการมีสว่ นร่วมของทุกภาคสว่ นในการปอ้ งปรามการทจุ ริต ตัวชว้ี ัด : ระดบั การปรบั เปลย่ี นฐานความคิดของทกุ ภาคสว่ นในการตอ่ ตา้ นการทุจริต 2. การมสี ว่ นรว่ มของภาครฐั ในการรว่ มปอ้ งปรามการทจุ ริต ตัวชวี้ ัด : ระดับการมีสว่ นร่วมของหน่วยงานภาครัฐในการป้องปรามการทจุ ริต กลยทุ ธ์ 1. ส่งเสริมและสนบั สนนุ ทุกภาคสว่ นใหป้ รบั ฐานความคดิ สามารถแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและส่วนรวม 2. ส่งเสริมการปลูกฝังวัฒนธรรมสจุ รติ 3. บรู ณาการความร่วมมอื ทุกภาคสว่ นในการป้องปรามการทุจริตในทุกมติ ิ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 พฒั นาระบบและกลไกการป้องกนั การทจุ ริตเชิงรุก คา่ เป้าหมายและตัวช้ีวดั 1. การด�ำเนนิ งานในการป้องกนั การทุจรติ มปี ระสทิ ธิภาพเพิม่ ขึน้ ตัวชี้วัด : ระดับการรับร้ขู องประชาชนถึงผลกระทบเรอื่ งการทุจรติ ตวั ชว้ี ัด : รอ้ ยละของคดีการทุจรติ ลดลง ตวั ชีว้ ัด : รอ้ ยละความสำ� เรจ็ ของผลการด�ำเนนิ การปอ้ งกนั การทจุ รติ 2. คุณธรรมและความโปรง่ ใสในการด�ำเนนิ งานของหนว่ ยงานภาครฐั ตัวชี้วัด : ร้อยละของหน่วยงานภาครัฐที่ผ่านเกณฑ์การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ในการด�ำเนนิ งาน (Integrity & Transparency Assessment: ITA) ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 80 กลยทุ ธ์ 1. ส่งเสริมและสนบั สนนุ ให้ส่วนราชการ รฐั วสิ าหกจิ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน และหน่วยงานอ่ืน ของรัฐ จัดทำ� แผนปฏิบตั กิ ารปอ้ งกันการทุจริตอยา่ งตอ่ เน่อื ง 2. สง่ เสรมิ การด�ำเนินงานเพอื่ ยกระดบั ดชั นกี ารรับร้กู ารทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) และสนบั สนนุ ให้มีการตดิ ตามการด�ำเนินงานในภาพรวม 3. เพิม่ ประสทิ ธิภาพระบบและกลไกการปอ้ งกนั การทุจริต รวมถงึ การตรวจสอบทรัพย์สินอยา่ งเท่าทันตอ่ พลวัตการทุจรติ 4. ผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐน�ำผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment: ITA ) ไปใช้ในการพัฒนา ปรบั ปรงุ องค์กร รวมท้งั หาแนวทางสง่ เสริมให้ ภาคเอกชนน�ำไปประยกุ ตใ์ ช้ในการพฒั นาองค์กรในระยะตอ่ ไป ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3 พัฒนากลไกและประสทิ ธภิ าพในการปราบปรามการทุจรติ ค่าเป้าหมายและตวั ชวี้ ัด การดำ� เนินงานในการปราบปรามการทจุ ริตมีประสิทธภิ าพเพิม่ ขึน้ ตวั ชีว้ ัด : ร้อยละของเรอ่ื งกล่าวหารอ้ งเรียนดำ� เนนิ การแล้วเสรจ็ เพ่มิ ขึน้ ตวั ชี้วดั : รอ้ ยละความสำ� เรจ็ ของผลการดำ� เนินการปราบปรามการทุจรติ กลยุทธ์ 1. พัฒนา ปรับปรงุ กระบวนการปราบปรามการทุจริตให้รวดเรว็ มีประสิทธภิ าพ เท่าทนั ตอ่ พลวัตของการทจุ ริต และมาตรฐานสากล รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 41

2. สง่ เสรมิ ให้มีการปรบั ปรงุ กฎหมายใหเ้ ทา่ ทนั ตอ่ การเปลยี่ นแปลง และเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้ 3. เพมิ่ ประสทิ ธิภาพการดำ� เนินมาตรการคุม้ ครองพยานและผแู้ จ้งเบาะแส 4. ยกระดับประสทิ ธิภาพการดำ� เนินการและประสานงานคดที ุจรติ ระหวา่ งประเทศ 5. จัดท�ำฐานข้อมูลด้านการปราบปรามการทุจรติ ให้มคี วามเช่ือมโยงกับหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ ง 6. การบรู ณาการองค์กรเพ่อื เพิม่ ประสิทธิภาพในการปราบปรามการทจุ ริต ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 4 เพ่มิ ประสิทธภิ าพการบริหารจดั การองคก์ ร คา่ เปา้ หมายและตัวช้ีวัด 1. ประสทิ ธภิ าพการปฏิบัติงานของสำ� นักงาน ป.ป.ช. เพ่มิ ข้นึ ตัวชีว้ ัด : ร้อยละของกลมุ่ เปา้ หมายมีความพงึ พอใจในการดำ� เนนิ งานของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. กลยทุ ธ์ 1. พัฒนาสมรรถนะบุคลากรในด้านระบบเทคโนโลยี การบริหารองค์กร และการวิจัยของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ใหส้ อดคลอ้ งกบั ภารกจิ ทีร่ ับผดิ ชอบ และพลวตั การทจุ รติ ท่ีมีการเปลีย่ นแปลงไป 2. พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและฐานข้อมูลเพ่ือสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ 3. พฒั นาระบบการส่ือสารเพ่ือการต่อต้านการทุจรติ 4. พัฒนาสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ให้เป็นองคก์ รคุณธรรมและมธี รรมาภิบาล 5. สร้างวฒั นธรรมองค์กรใหม้ คี วามซ่ือสตั ย์ เปน็ ธรรม มอื อาชีพ  4. ภาพรวมด้านทรัพยากรบคุ คลและงบประมาณ 4.1 ภาพรวมดา้ นทรัพยากรบคุ คล ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 สำ� นกั งาน ป.ป.ช. มขี ้าราชการจ�ำนวนท้งั ส้นิ 2,227 อตั รา โดยจำ� แนกตาม ต�ำแหน่งและสายงาน ปรากฏตามตาราง ดังน้ี ตารางแสดงจ�ำนวนข้าราชการสำ� นักงาน ป.ป.ช. จำ� แนกตามตำ� แหนง่ และสายงาน หนว่ ย : คน ต�ำแหน่ง สว่ นกลาง สว่ นภูมภิ าค จำ� นวน 1. ผบู้ ริหาร 10 7 17 2. ผเู้ ชย่ี วชาญ/ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ 303 3. ผูอ้ �ำนวยการ 12 0 0 3.1 กระบวนการยตุ ิธรรม 18 69 87 3.2 สาขาทว่ั ไป 4. พนกั งานไตส่ วน 423 420 843 5. เจ้าพนักงานปอ้ งกนั การทจุ ริต 107 148 255 6. เจ้าพนักงานตรวจสอบทรพั ยส์ นิ 97 234 332 7. ตำ� แหนง่ สนบั สนนุ 292 122 414 7.1 ประเภทวชิ าการ 191 74 265 7.2 ประเภททัว่ ไป รวม 1,153 1,074 2,227 42 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

4.2 ภาพรวมดา้ นงบประมาณ ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ไดร้ ับการจัดสรรงบประมาณจำ� นวนทัง้ ส้ิน 2,426,728,700 บาท (สองพนั สี่ร้อยยี่สบิ หกลา้ นเจ็ดแสนสองหมื่นแปดพันเจ็ดร้อยบาทถว้ น) ซึง่ ได้รับงบประมาณเพ่มิ ขน้ึ จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จ�ำนวน 406,382,200 บาท (สี่ร้อยหกล้านสามแสนแปดหมื่นสองพันสองร้อยบาทถ้วน) หรือคิดเป็น ร้อยละ 20.11 โดยจ�ำแนกงบประมาณท่ีได้รับจัดสรรตามหมวดรายการค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ในการจัดการและบริหาร องคก์ ร และในลักษณะคา่ ครภุ ัณฑ์ ทีด่ นิ และสง่ิ ก่อสร้าง ปรากฏตามแผนภาพ ดงั น้ี แผนภาพงบประมาณทไ่ี ดร้ ับการจดั สรรจำ� แนกตามหมวดรายการค่าใชจ้ ่าย ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายจ�ำนวนทั้งส้ิน 2,137,664,454.48 บาท (สองพนั หน่งึ ร้อยสามสบิ เจ็ดลา้ นหกแสนหกหมนื่ สพี่ นั สีร่ ้อยห้าสิบสบี่ าท ส่ีสิบแปดสตางค)์ หรือคิดเป็นร้อยละ 88.09 ของงบประมาณท่ีได้รับจัดสรรทั้งหมด โดยจ�ำแนกตามหมวดรายการค่าใช้จ่ายปรากฏ ตามตาราง ดงั นี้ ตารางแสดงงบประมาณทีไ่ ดร้ บั จดั สรรทง้ั หมด โดยจำ� แนกตามหมวดรายการคา่ ใช้จา่ ย หมวดรายการคา่ ใช้จ่าย ไดร้ บั จดั สรร ใช้จ่าย รอ้ ยละ 1. บุคลากร 1,382,262,600 1,215,354,735.77 87.93 2. การจดั การและบริหารองคก์ ร 75.48 3. ค่าครภุ ัณฑ์ ที่ดินและสงิ่ ก่อสรา้ ง 759,707,300 573,393,995.51 122.53 284,758,800 348,915,723.20 88.09 รวม 2,426,728,700 2,137,664,454.48 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 43

5. ความเชอ่ื มโยงผลการดำ�เนินงานของสำ�นักงาน ป.ป.ช. ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏริ ปู ประเทศ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ รวมทั้งการทำ�งานเชิงบรู ณาการกบั ภาคีเครือขา่ ยท่ีเก่ียวขอ้ ง ประเดน็ ความสอดคลอ้ งและเชอ่ื มโยง เป้าหมายหลัก ยทุ ธศาสตรช์ าติ ยุทธศาสตรท์ ี่ 6 : 20 ปี การปรับสมดุลและพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การภาครฐั (4) การต่อต้านการทจุ ริตและประพฤตมิ ิชอบ แผนการปฏิรูป ด้านการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบ ประเทศฯ (1) ด้านการปอ้ งกนั และเฝ้าระวงั (2) ด้านการปอ้ งปราม 1 (3) ดา้ นการปอ้ งปราม 2 (4) ดา้ นการปราบปราม 1 (5) ด้านการปราบปราม 2 (6) ด้านการบรหิ ารจดั การ แผนพฒั นาฯ ยุทธศาสตร์ที่ 6 : การบริหารจดั การในภาครัฐ การป้องกนั การทจุ ริต CPI => 50 คะแนน ฉบบั ท่ี 12 ประพฤติมิชอบและธรรมาภบิ าลในสงั คมไทย ในปี พ.ศ. 2564 (ปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบ เพ่ือให้สังคมไทยมวี ินยั โปรง่ ใส และยุติธรรม) ยุทธศาสตร์ชาติฯ ยุทธศาสตร์ท่ี 1 ยุทธศาสตรท์ ี่ 2 ระยะที่ 3 สร้างสังคมท่ไี ม่ทนตอ่ การทจุ ริต ยกระดบั เจตจ�ำนงทางการเมอื ง ยทุ ธศาสตร์ท่ี 3 ยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 สกัดกั้นการทุจริตเชงิ นโยบาย พฒั นาระบบปอ้ งกนั การทจุ รติ เชิงรุก ยทุ ธศาสตร์ท่ี 5 ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 6 ปฏริ ูปกลไกและกระบวนการ ยกระดบั คะแนนดัชนกี ารรบั รู้ การปราบปรามการทจุ ริต การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย แผน 1. ปลกู ฝงั วิธคี ิด สรา้ งจิตส�ำนึก ใหม้ คี วามซื่อสัตย์สุจริต เป้าหมาย : สังคมไทย บูรณาการฯ มภี าพลักษณ์การปอ้ งกนั 2. ปอ้ งกันการทุจริตเชงิ รกุ 3. ปราบปรามการทุจรติ และปราบปราม การทจุ รติ ดขี ้นึ 44 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ ไ

ภาพรวมการเปรียบเทยี บงบประมาณระหวา่ ง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 กบั ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 1. งบประมาณท่ีสำ� นักงาน ป.ป.ช.ได้รบั จัดสรรจ�ำแนกรายการค่าใชจ้ า่ ย 2. ผลการใชจ้ า่ ยงบประมาณ ไ

ภาพรวมการเปรียบเทยี บงบประมาณ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 กบั ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 1. งบประมาณทส่ี ำ�นกั งาน ป.ป.ช. ไดร้ ับจัดสรรจำ�แนกรายการค่าใช้จ่าย ล�ำดบั หมวดรายการค่าใช้จา่ ย งบประมาณทไ่ี ด้รบั จดั สรร เพ่มิ ขนึ้ /ลดลง ร้อยละ 1 บุคลากร 2560 2561 จ�ำนวน 0.16 2 การจัดการและบรหิ ารองค์กร 1,380,071,100 1,382,262,600 2,191,500 49.41 3 คา่ ครภุ ัณฑ์ ที่ดินและสิง่ กอ่ สรา้ ง 508,470,200 759,707,300 รวมท้ังสน้ิ 131,805,200 284,758,800 251,237,100 116.05 2,020,346,500 2,426,728,700 152,953,600 20.11 406,382,200 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับจัดสรรงบประมาณ พ.ศ. 2561 ตามพระราชบัญญัติงบประมาณ พ.ศ. 2561 จ�ำนวน 2,426,728,700 บาท เพมิ่ ข้ึนจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จำ� นวน 406,382,200 บาท คิดเปน็ ร้อยละ 20.11 โดยจำ� แนกตามหมวดรายการคา่ ใชจ้ ่ายได้ ดงั น้ี - ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร จ�ำนวน 1,382,262,600 บาท เพ่ิมข้ึนจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จ�ำนวน 2,191,500 บาท คดิ เป็นร้อยละ 0.16 - ค่าใช้จ่ายในการจัดการและบริหารองค์กร จ�ำนวน 759,707,300 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จ�ำนวน 251,237,100 บาท คดิ เป็นร้อยละ 49.41 - ค่าใช้จ่ายครุภัณฑ์ ท่ีดินและส่ิงก่อสร้างจ�ำนวน 284,758,800 บาท เพ่ิมข้ึนจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จำ� นวน 152,953,600 บาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 116.05 2. ผลการใชจ้ า่ ยงบประมาณ ล�ำดบั ประเภทงบ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 รอ้ ยละ ประมาณ งบประมาณ งบประมาณ เพ่มิ ข้นึ / ท่ีไดร้ บั เบิกจา่ ย ร้อยละ ทีไ่ ดร้ ับ เบกิ จ่าย รอ้ ยละ ลดลง 1 บุคลากร 1,380,071,100.00 1,162,784,973.70 84.26 1,310,210,830.00 1,215,354,735.77 92.76 4.52 25.99 2 การจดั การและ 508,385,400.00 455,094,739.61 89.52 767,137,486.40 573,393,995.51 74.74 บริหารองค์กร 165.81 3 ค่าครุภัณฑ์ ท่ีดิน 131,890,000.00 131,265,509.55 99.53 349,380,383.60 348,915,723.20 99.86 22.21 และสิ่งก่อสร้าง รวมท้งั ส้ิน 2,020,346,500.00 1,749,145,222.86 86.58 2,426,728,700.00 2,137,664,454.48 88.09 ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. มีการใชจ้ ่ายงบประมาณ จ�ำนวน 1,866,710,191.35 บาท และกันเงินเหลื่อมปี จ�ำนวน 270,954,263.13 บาท รวมงบประมาณรายจ่ายท้ังสิ้น จ�ำนวน 2,137,664,454.48 บาท โดยเมือ่ เทยี บกบั การใช้จา่ ยกับปงี บประมาณ พ.ศ. 2560 แล้วเพ่มิ ขึ้นรอ้ ยละ 22.21 46 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

ผลการด�ำเนนิ งานตามหน้าทแี่ ละอ�ำนาจ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไ 1. สัมฤทธิผลของการดำ� เนินงานในภาพรวมครอบคลุมการด�ำเนนิ งาน ตามหนา้ ทแี่ ละอำ� นาจขององค์กรตามท่กี ฎหมายก�ำหนด ดา้ นปราบปรามการทุจริต ด้านปอ้ งกนั การทุจรติ ด้านตรวจสอบทรพั ย์สนิ และหน้ีสนิ 2. สมั ฤทธิผลของการดำ� เนนิ งานตามระบบการประเมนิ ผล ภาคราชการแบบบูรณาการ 2.1 ความสำ� เร็จในการบรรลุเป้าหมายระดับองค์กรความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตรช์ าติ แผนการปฏริ ูปประเทศ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนบรู ณการ ป้องกัน ปราบปรามการทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ การปฏิบัติราชการตามคำ� รับรองการปฏบิ ตั ริ าชการ ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 2.2 ระดบั ความพงึ พอใจของผู้รับบริการต่อประโยชน์ท่ีได้รับจากการใชบ้ ริการและ กระบวนการให้บรกิ าร 2.3 สมั ฤทธผิ ลของการด�ำเนินงานในสว่ นที่เกี่ยวขอ้ งกบั ภาระผูกพัน กับภาคี และ พันธสญั ญาตา่ งๆ ท้งั ในระดบั ประเทศและตา่ งประเทศ 2.4 ความสำ� เรจ็ ในการพัฒนาองคก์ รและทรพั ยากรบุคคลท่ีบ่งบอกถงึ การเสริมสร้าง และพัฒนาขดี สมรรถนะการบรหิ ารจดั การของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ใหม้ คี วามเขม้ แขง็ ยั่งยนื และทนั สมยั 3. ข้อเสนอแนะ

ผลการด�ำเนนิ งานตามหน้าทแ่ี ละอำ� นาจ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. สมั ฤทธิผลของการดำ�เนินงานในภาพรวมครอบคลุมการดำ�เนนิ งาน ตามหนา้ ท่ีและอำ�นาจของสำ�นักงาน ป.ป.ช. ตามทีก่ ฎหมายกำ�หนด ดงั นี้ ดา้ นปราบปรามการทจุ รติ 1. สถิตภิ าพรวมผลการด�ำเนนิ งานด้านปราบปรามการทจุ รติ (1) เร่อื งค้างดำ� เนนิ การสะสม จำ� นวน 15,362 เร่อื ง (2) เรอ่ื งกลา่ วหาทรี่ บั ใหม่ จ�ำนวน 4,622 เรือ่ ง (3) รวมรับด�ำเนนิ การ จำ� นวน 19,984 เร่อื ง (4) ด�ำเนินการแลว้ เสรจ็ จำ� นวน 3,752 เร่อื ง จ�ำแนกเปน็ ขัน้ ตรวจสอบแล้วเสร็จเดด็ ขาด จ�ำนวน 3,190 เร่อื ง และขัน้ ไต่สวน จำ� นวน 562 เรอ่ื ง (5) คงเหลอื อย่รู ะหวา่ งด�ำเนินการ (ณ วนั ท่ี 30 กันยายน 2561) จ�ำนวน 16,232 เร่อื ง 2. สถิตผิ ลการด�ำเนินงานดา้ นปราบปรามการทุจริตท่พี ิจารณาแล้วเสรจ็ จ�ำแนกตามผลการพิจารณาของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. (1) ช้มี ูลความผิดเจ้าพนกั งานของรัฐ/เจา้ หน้าท่ขี องรฐั จ�ำนวน 408 เรื่อง (2) ใหข้ อ้ กลา่ วหาตกไป จ�ำนวน 134 เรอ่ื ง (3) ไม่รบั /ไมย่ กขน้ึ พจิ ารณา/จ�ำหนา่ ยเร่อื งออกจากสารบบ จำ� นวน 40 เรอื่ ง (4) ไม่รับไวไ้ ตส่ วนข้อเท็จจรงิ จ�ำนวน 2,223 เรื่อง (5) สง่ ใหพ้ นกั งานสอบสวน จ�ำนวน 59 เรือ่ ง (6) สง่ ใหห้ นว่ ยอืน่ ด�ำเนินการ จ�ำนวน 768 เรือ่ ง (7) ส่งใหพ้ นักงานสอบสวนและหนว่ ยงานอ่ืนด�ำเนินการ จำ� นวน 120 เรื่อง 3. สถติ ผิ ลการด�ำเนินงานด้านปราบปรามการทจุ รติ จ�ำแนกตามมตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. หนว่ ย : เรอื่ ง เรือ่ งแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ /ตรวจสอบเบอ้ื งตน้ จำ�นวน เร่อื งไต่สวนข้อเทจ็ จริง จำ�นวน 1. ไมร่ บั /ไม่ยกข้ึนพิจารณา/จำ�หน่ายเร่อื งออกจากสารบบ 33 1. ให้ขอ้ กล่าวหาตกไป/ไมย่ กข้นึ พจิ ารณา/ยตุ กิ ารดำ�เนินคดี 141 2. ไม่รับไว้ไตส่ วนข้อเท็จจรงิ 2,223 1.1 ใหข้ อ้ กล่าวหาตกไป/ไม่ยกขึน้ พจิ ารณา 3. รับไว้ไตส่ วนข้อเท็จจริง 594 1.2 ยุติการดำ�เนินคดี 4. สง่ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. ดำ�เนนิ การ 226 2. ส่งกลับไปยังพนกั งานสอบสวนตามมาตรา 89/กล่าวโทษต่อ 1 5. ส่งให้สำ�นักงาน ป.ป.ท. และมาตรา 89/2 (กฎหมายเกา่ ) พนกั งานสอบสวนตามพระราชบญั ญัตวิ า่ ดว้ ยความผดิ เกย่ี วกบั 6. ส่งใหพ้ นักงานสอบสวนตามมาตรา 63 (กฎหมายใหม)่ 4 การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรฐั พ.ศ. 2542 5 48 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

เรื่องแสวงหาข้อเท็จจรงิ /ตรวจสอบเบ้อื งต้น จำ�นวน เร่อื งไต่สวนข้อเทจ็ จริง จำ�นวน 7. สง่ กลบั ไปยังพนกั งานสอบสวนตามมาตรา 89 (กฎหมายเก่า) 44 3. สง่ ให้ผู้บงั คบั บญั ชา/พนกั งานสอบสวนดำ�เนินการตามมาตรา 12 และตามมาตรา 61 (กฎหมายใหม)่ 89/2/ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. ดำ�เนินการ 8. สง่ ใหผ้ ู้บังคบั บญั ชาฯ ตามมาตรา 64 (กฎหมายใหม)่ 64 4. เรื่องทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ช้มี ลู ความผิด จำ� แนกเปน็ 9. ส่งใหพ้ นักงานสอบสวนตามพระราชบญั ญตั วิ ่าด้วยความผิด 7 4.1 ค�ำร้องขอใหถ้ อดถอนมีมูล - เกี่ยวกับการเสนอราคาตอ่ หน่วยงานของรฐั พ.ศ. 2542 1 10. ส่งใหผ้ ูบ้ งั คบั บัญชาฯ/พนกั งานสอบสวนดำ�เนนิ การตามมาตรา 4.2 ชีม้ ลู ร่�ำรวยผดิ ปกติ 89/2 (กฎหมายเก่า) 462 4.3 ชี้มูลความผิดทางอาญา 75 11. ส่งกลับไปยงั พนักงานสอบสวนและสง่ ตามมาตรา 89/2 34 (กฎหมายเก่า) 1 4.4 ชม้ี ูลความผดิ ทางวนิ ยั 4.5 ชี้มูลความผดิ ทางอาญาและวนิ ัย 298 12. สง่ ใหพ้ นกั งานสอบสวนและผบู้ ังคบั บญั ชาฯ ตามมาตรา 63 119 และตามมาตรา 64 (กฎหมายใหม)่ 13. ส่งกลบั ไปยงั พนักงานสอบสวนตามมาตรา 61 (กฎหมายใหม่) 2 รวม 562 และส่งให้พนกั งานสอบสวนตามมาตรา 63 (กฎหมายใหม)่ 3,784 รวม หมายเหตุ: 1. เร่อื งตรวจสอบที่ดำ� เนินการแล้วเสร็จ จำ� นวน 3,784 เรอ่ื ง จำ� แนกเป็นด�ำเนินการเสรจ็ เด็ดขาด จำ� นวน 3,190 เรื่อง และ รบั ไว้ไตส่ วน จ�ำนวน 594 เร่อื ง 4. สถิตเิ ปรยี บเทยี บผลการด�ำเนนิ งานดา้ นปราบปรามการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้งั แต่ปงี บประมาณ พ.ศ. 2558 - พ.ศ. 2561 หนว่ ย : เร่ือง งบปพรป.ะศี ม. าณ จำ�นวนเรือ่ งกลา่ วหา เรือ่ งทดี่ ำ�เนนิ การแลว้ เสร็จ คงเหลอื เร(่อืร้งอคยงลคะ้า)ง ไม่รบั ไว้ ส่งให้ ส่ง ยอด รวม ชมี้ ลู ใหข้ อ้ ไมร่ บั / ไตส่ วนขอ้ พนกั งาน หน่วยงาน สง่ ใหพ้ นกั งาน รวม คงค้าง รบั ใหม่ ความผดิ กลา่ วหา ไมย่ กขน้ึ เท็จจริง สอบสวน อ่ืน สอบสวนและ ยกมา ตกไป พิจารณา หนว่ ยงานอ่ืน 2558 9,522 3,051 12,573 147 92 86 962 19 313 - 1,619 10,954 87.12 57 1,363 32 623 - 2,411 13,925 85.24 2559 10,954 5,382 16,336 225 111 48 2,082 33 915 - 3,459 15,362 81.62 40 2,223 59 768 120 3,752 16,232 81.22 2560 13,925 4,896 18,821 250 131 2561 15,362 4,622 19,984 408 134 ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 สำ� นักงาน ป.ป.ช. มีปริมาณเรือ่ งกล่าวหาคงเหลอื ยกมา ณ วนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2560 จำ� นวน 15,362 เรอ่ื ง สรุปได้ดงั น้ี 1. เรื่องกล่าวหารับใหม่รวมจ�ำนวนทั้งสิ้น 4,622 เรื่อง เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบจ�ำนวนเร่ืองกล่าวหา รับใหม่กบั ปงี บประมาณทีผ่ า่ นมาแล้วปรากฏว่า ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มจี ำ� นวนเรือ่ งกล่าวหารบั ใหม่ลดลง จ�ำนวน 274 เร่ือง และเม่ือรวมจ�ำนวนเรื่องกล่าวหารับใหม่กับปริมาณเรื่องกล่าวหาค้างสะสม ส่งผลให้มีจ�ำนวนเร่ืองกล่าวหาท่ีเข้าสู่ กระบวนการพจิ ารณาของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. รวมทั้งสิ้น 19,984 เร่อื ง 2. เรื่องกล่าวหาท่ีอยู่ระหวา่ งดำ� เนินการของส�ำนักงาน ป.ป.ช. (ณ วนั ที่ 30 กันยายน 2561) คงเหลอื สะสม จำ� นวนรวมท้ังสิน้ 16,232 เรือ่ ง คิดเป็นร้อยละ 81.22 ของเรอ่ื งกล่าวหาท่ีรับไวด้ ำ� เนินการทัง้ หมด ทั้งน้ี ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถด�ำเนนิ การพิจารณาเร่ืองกลา่ วหาแลว้ เสรจ็ จ�ำนวน 3,752 เรือ่ ง ซ่งึ เมอ่ื พิจารณาเปรียบเทียบจ�ำนวนเร่อื งกลา่ วหาท่ดี ำ� เนนิ การแล้วเสร็จ ณ วันสน้ิ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 กบั ปงี บประมาณ พ.ศ. 2560 แล้ว ปรากฏวา่ มีจ�ำนวนเรอื่ งกล่าวหาแลว้ เสรจ็ เพิ่มข้นึ มากกว่าปงี บประมาณ ทผ่ี ่านมา จำ� นวน 293 เรื่อง หรอื เพิ่มข้นึ รอ้ ยละ 8.47 นอกจากน้ี หากพิจารณาจ�ำนวนเร่ืองกล่าวหาคงเหลือ ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 (ณ วันท่ี 30 กันยายน 2561) แลว้ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีจ�ำนวนเรื่องกล่าวหาคงเหลือสะสมรวมทง้ั ส้ิน จำ� นวน 16,232 เรอ่ื ง ท้งั น้ี สาเหตุหนึ่งเน่ืองมาจากส�ำนักงาน ป.ป.ช. อยู่ในช่วงระยะเปล่ียนผ่านการประกาศใช้บังคับกฎหมายฉบับใหม่ คือ พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 ซงึ่ ไดป้ ระกาศใช้บังคับ เมื่อวันท่ี 21 กรกฎาคม 2561 เปน็ ตน้ มา รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 49

แมว้ ่าสำ� นักงาน ป.ป.ช. จะมีจำ� นวนเรอ่ื งกลา่ วหาคงเหลือสะสม ณ วนั ส้นิ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 (ณ วนั ที่ 30 กนั ยายน 2561) เพิม่ ขึ้นก็ตาม แตเ่ มอ่ื พิจารณาถงึ แนวโน้มของเรอื่ งกลา่ วหาคงค้างตง้ั แตป่ ีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2561 แลว้ พบวา่ สำ� นักงาน ป.ป.ช. กลับมแี นวโนม้ ของเรอ่ื งกลา่ วหาคงค้างลดลงอยา่ งตอ่ เนือ่ ง โดยคดิ เป็นร้อยละ 87.12, 85.24, 81.62 และ 81.22 ตามลำ� ดบั ซึ่งเปน็ การสะทอ้ นถงึ ประสิทธภิ าพในการบริหารงานคดีของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เปน็ อย่างดี 5. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดด้ �ำเนนิ การไตส่ วนข้อเทจ็ จริง แลว้ มีมติว่าการกระท�ำ เป็นความผดิ ทางวินยั อาญา วินัยและอาญา ร่�ำรวยผดิ ปกติ ค�ำร้องขอถอดถอนมมี ลู ความผิดทเ่ี ปน็ เรอื่ งส�ำคัญ ดังนี้ เรอ่ื งกล่าวหาเจา้ หน้าท่ขี องรัฐในสังกดั กรงุ เทพมหานครและองคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น จำ� นวน 4 เร่ือง 1. เรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่สังกัดกรุงเทพมหานคร กรณีจัดท�ำโครงการค่าใช้จ่ายในการประดับตกแต่งไฟฟ้า เพือ่ ส่งเสริมการท่องเทยี่ ว (Motif of Light) โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ มี้ ูลความผิด วันที่ 4 มกราคม 2561 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระท�ำของนางสาวปราณี สัตยประกอบ ผู้อ�ำนวยการส�ำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเท่ียว ไดส้ ง่ั การใหม้ ีการยน่ ระยะเวลาในการเสนอราคาให้เร็วขึ้นเพ่อื เอ้ือประโยชนใ์ หก้ ับบริษทั คิวรโิ อ ทวั ร์ แอนด์ แทรเวลิ จ�ำกัด ที่ได้น�ำเข้าสินค้าประเภทชุดโคมไฟฟ้า LED จากประเทศจีนเข้ามาประเทศไทยผ่านพิธีการศุลกากร เพื่อใช้ ในการจัดทำ� โครงการดังกลา่ วล่วงหน้ากอ่ นทีจ่ ะทราบผลการประมูล นายธวชั ชัย จนั ทร์งาม ผู้อ�ำนวยการกองการท่องเท่ียว นายมรกต ภูมิพานิช และนายสิทธิโชค อภิบาล นักพัฒนาการท่องเท่ียวปฏิบัติการ มีมูลเป็นความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และตามพระราชบญั ญตั ิวา่ ดว้ ยความผิด เกี่ยวกบั การเสนอราคาตอ่ หนว่ ยงานของรฐั พ.ศ. 2542 มาตรา 11 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลเป็นความผิดทางวนิ ัยอย่างรา้ ยแรง ตามพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) มาตรา 83 (3) มาตรา 85 (1) (7) ประกอบพระราชบญั ญัติระเบียบข้าราชการกรงุ เทพมหานครและ บุคลากรกรงุ เทพมหานคร พ.ศ. 2554 มาตรา 44 2. บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จ�ำกัด บริษัท สรรสร้าง จ�ำกัด นางสาวกันติกานต์ อินทศร นายวีระศักดิ์ ศิริจันทร์เพ็ญ นางสิริพร ชาวปราการ และนางสาวคุณัณญา จรูญภาพิมล เป็นผู้สนับสนุน ในการกระทำ� ความผดิ อาญาดังกล่าว 3. ให้ข้อกล่าวหานายจุมพล ส�ำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บริษัท จิปาถะ ไอเดีย จ�ำกัด นายคฑารัฐ สนั ธิศริ ิ กรรมการผูจ้ ดั การบริษทั จิปาถะ ไอเดีย จ�ำกัด บริษัท สยาม เอม็ .อ.ี อี. จ�ำกัด และนายอนุชิต พลวิเศษ กรรมการผู้จัดการบริษัท สยาม เอม็ .อ.ี อ.ี จำ� กดั เปน็ อนั ตกไป 4. ให้ไต่สวนข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้เก่ียวข้องกรณีจัดท�ำเอกสารเท็จ จ�ำนวน 16 ราย ประกอบด้วย (1) นายธวัชชยั จนั ทร์งาม ผอู้ �ำนวยการกองการท่องเท่ียว (2) นางสาวเกสรี ดิษฐอ์ ่วม เจ้าพนักงานธุรการช�ำนาญงาน (3) บรษิ ัท เก็ท ไลฟ์ แมเนจเม้นท์ จำ� กดั 50 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

(4) นายทศเทพ วงศห์ นองเตย กรรมการผู้จดั การบรษิ ทั เกท็ ไลฟ์ แมเนจเมน้ ท์ จำ� กดั (5) บรษิ ัท แอคซิด ดจิ ติ อล จำ� กดั (6) นายเจริญชัย กาญจนพิบูลย์ กรรมการผู้จดั การบรษิ ัท แอคซดิ ดจิ ติ อล จ�ำกดั (7) บรษิ ทั ไวท้ ์ลาย เอ็นเตอรเ์ ทนเมนท์ จำ� กัด (8) นายนคร ศรีเพชร กรรมการผจู้ ดั การบรษิ ัท ไว้ท์ลาย เอน็ เตอรเ์ ทนเมนท์ จำ� กดั (9) บรษิ ัท อะเบาท์ ไอเดีย อีเว้นท์ เอเจนซ่ี จำ� กดั (10) นายอธวิ ฒั น์ ทองอนิ ทร์ กรรมการผจู้ ดั การบริษทั อะเบาท์ ไอเดีย อเี วน้ ท์ เอเจนซ่ี (11) บรษิ ัท จิปาถะ ไอเดยี จำ� กัด (12) นายคฑารฐั สันธิศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัท จปิ าถะ ไอเดยี จำ� กัด (13) นางสาวปนสั ยา ใจแกว้ (14) บรษิ ทั คิวรโิ อ ทวั ร์ แอนด์ แทรเวลิ จำ� กดั (15) นางสาวกนั ติกานต์ อินทศร กรรมการผจู้ ัดการบรษิ ทั ควิ รโิ อ ทวั ร์ แอนด์ แทรเวิล จำ� กดั (16) นางสาวสิรพิ ร ชาวปราการ 5. ให้แสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน กรณีหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ละเวน้ การปฏิบตั หิ น้าที่โดยไมร่ ะงบั ยบั ยง้ั หรอื ตรวจสอบการทจุ ริตในโครงการดงั กล่าว การด�ำเนินการ ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับนางสาวปราณี สัตยประกอบ นายธวัชชัย จันทร์งาม นายมรกต ภูมิพานิช และนายสิทธิโชค อภิบาล และไปยังอัยการสูงสุด เพอ่ื ด�ำเนินคดอี าญาในศาลซึง่ มีเขตอ�ำนาจพจิ ารณาพิพากษาคดกี บั นางสาวปราณี สัตยประกอบ นายธวชั ชยั จนั ทร์งาม นายมรกต ภูมิพานิช นายสิทธิโชค อภิบาล บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จ�ำกัด บริษัท สรรค์สร้าง จ�ำกัด นางสาวกันตกิ านต์ อนิ ทศร นายวรี ะศกั ดิ์ ศริ จิ นั ทร์เพ็ญ นางสาวสิรพิ ร ชาวปราการ และนางสาวคณุ ณั ญา จรูญภาพมิ ล ตามฐานความผิดดังกล่าวและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 แลว้ แต่กรณี 2. เร่ืองกล่าวหานายสุรัชฐ์ จันทะรัง เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลยางสีสุราช อ�ำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม กับพวก กรณีทุจริตในการสอบแข่งขันบุคคลเพ่ือบรรจุเป็นพนักงานส่วนต�ำบลจังหวัด มหาสารคาม จ�ำนวน 31 แห่ง โดยปลอมเอกสารผลคะแนนของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์และจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยด้วยการจัดท�ำขึ้นใหม่ทั้งฉบับจากท่ีไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์ข้ันต่�ำของการสอบภาคความรู้ท่ัวไป (ภาค ก.) และ ภาคความรู้ความสามารถเฉพาะส�ำหรับต�ำแหน่ง (ภาค ข.) ให้เป็นมีผ้สู อบผา่ นเกณฑ์ และไดน้ �ำเอกสารดังกล่าวไปใช้ใน การประกาศผลสอบภาคความรู้ทั่วไป (ภาค ก.) และภาคความรู้ความสามารถเฉพาะส�ำหรับต�ำแหน่ง (ภาค ข.) และจัดใหม้ ีการทดสอบความร้ภู าคความเหมาะสมกับตำ� แหนง่ (ภาค ค.) แลว้ น�ำไปใช้ในการรายงานขอบรรจแุ ต่งต้งั เป็น พนักงานส่วนตำ� บล และร่วมกนั เรยี กรบั เงนิ จากผู้สมัครสอบเพื่อช่วยเหลอื ให้เป็นผู้สอบแขง่ ขันได้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผดิ วนั ท่ี 17 ตุลาคม 2560 มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายสุรัชฐ์ จันทะรงั เมอ่ื ครัง้ ด�ำรงต�ำแหนง่ นายกองค์การบริหารสว่ นตำ� บลยางสสี รุ าช ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 นายสมบูรณ์ นาเพีย เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลเขวาไร่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พันจ่าเอก คมสันต์ บุญศร เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลหนองเรือ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 และ รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 51

นายสิทธิชัย โยปัดทุม เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งประธานสภาองค์การบริหารส่วนต�ำบลหนองกง ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 5 มีมูลกระท�ำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการ ไม่ชอบดว้ ยอ�ำนาจหนา้ ท่ี ตามพระราชบัญญัติสภาตำ� บลและองค์การบรหิ ารส่วนตำ� บล พ.ศ. 2537 และทแ่ี กไ้ ขเพ่ิมเตมิ มาตรา 92 และมมี ลู ความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 83 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 2. นางวิลาวรรณ พิพัฒน์ชัยกร ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 3. นายวุฒิศาสตร์ เทียบดอกไม้ ผถู้ ูกกลา่ วหาท่ี 6 และนายปญั ญา ปักกาสี ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 7 มีมูลความผิด ทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนต�ำบลจังหวัดมหาสารคาม เร่ือง หลักเกณฑ์และ เงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 13 ธนั วาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม ข้อ 6 วรรคสอง และข้อ 19 วรรคสอง และมมี ลู ความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 83 และ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 4. นางวลิ าวัลย์ ศรรี ัตน์ ผถู้ กู กลา่ วหาที่ 8 นางสาวสริ ภทั ร ถนอมผล ผ้ถู ูกกลา่ วหาที่ 9 นายวชั ระ วชิ โย ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 10 นายบญั ชา อคั คะรัตน์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 นางสาวกานดา ทองชา ผ้ถู ูกกล่าวหาท่ี 12 นางสาวรนิ นารา ทองสทุ ธิ์ ผูถ้ ูกกล่าวหาท่ี 13 นายประชา วรรณวิจิตร ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 14 นายกฤษดา ภาคพรม ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 15 นางสาวภัทรียา ปีนะกะเส ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16 นางนันทา ไธธานี ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 21 นายศักรินทร์ เลิศสงคราม ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 22 นายสุริยา ประเสริฐ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 23 นายพัชรพล พรมดอนกลอย ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 24 นางสาวรัตนพร รัตนกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 25 และนางสมชา ประเสริฐ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 30 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 5. นางสาวตรีอรุณ ฤาชา ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 17 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะ กรรมการพนักงานส่วนต�ำบลจังหวัดมหาสารคาม เรื่อง หลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบสวนการลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2544 ข้อ 19 วรรคสอง และมีมูล ความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 6. นางสาวยุพา จรงิ ดี ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 20 มีมลู ความผดิ ทางวินยั อย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการ พนักงานส่วนต�ำบลจงั หวัดอ่างทอง เรือ่ ง หลกั เกณฑแ์ ละเงือ่ นไขในการสอบสวนการลงโทษทางวินัย การให้ออกจาก ราชการ การอทุ ธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวนั ที่ 6 ธันวาคม 2544 ข้อ 19 วรรคสอง และมมี ูลความผิดทางอาญา ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 7. นายสมคิด มะธิปะโน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 27 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 94 วรรคสอง และ มีมูลความผดิ ทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 52 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

8. นายกิตติกร ศิลป์อ่อน ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 28 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศ กรมปศุสัตว์ เร่ือง การรักษาวินัยและการด�ำเนินการทางวินัยของพนักงานราชการ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 ขอ้ 7 (8) และมมี ลู ความผดิ ทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 136 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 9. การกระท�ำของนายอดิศักด์ิ อ�ำไพรศรี ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 29 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวนิ ัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณแ์ ละการรอ้ งทกุ ข์ ลงวนั ท่ี 28 ธนั วาคม 2544 ข้อ 19 วรรคสอง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 การด�ำเนนิ การ 1. ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้มีอ�ำนาจแต่งต้ังถอดถอนเพื่อด�ำเนินการตามอ�ำนาจหน้าท่ี กบั ผถู้ ูกกล่าวหาท่ี 1 ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 2 ผู้ถูกกลา่ วหาท่ี 3 และผ้ถู ูกกล่าวหาท่ี 5 และไปยงั ผบู้ ังคบั บัญชาเพ่ือพจิ ารณา โทษทางวินัยกับผู้ถูกกล่าวหาท่ี 6 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 17 ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 20 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 27 ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 28 และผ้ถู ูกกลา่ วหาที่ 29 และไปยังอัยการสูงสดุ เพือ่ ด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึง่ มเี ขตอ�ำนาจพจิ ารณา พิพากษาคดีกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ถึง 17 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 20, 21, 22, 23, 24, 25, 27, 28, 29 และ 30 ตามพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 แล้วแต่กรณี 2. แจ้งผลการพจิ ารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหค้ ณะกรรมการการเลือกตัง้ ทราบ 3. แจ้งผลการพจิ ารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และใหด้ �ำเนินการตามอำ� นาจหนา้ ที่ผวู้ า่ ราชการจังหวัด มหาสารคามทราบ 3. เร่ืองกล่าวหานายรังสรรค์ จันทร์สุวรรณ เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลเมืองเตา อ�ำเภอ พยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม กับพวก กรณีทุจริตในการสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุเป็นพนักงานส่วนต�ำบล จังหวัดมหาสารคาม จ�ำนวน 31 แห่ง โดยปลอมเอกสารผลคะแนนของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์และจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยด้วยการจัดท�ำข้ึนใหม่ท้ังฉบับจากที่ไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์ขั้นต่�ำของการสอบภาคความรู้ท่ัวไป (ภาค ก.) และ ภาคความรู้ความสามารถเฉพาะส�ำหรับต�ำแหน่ง (ภาค ข.) ให้เป็นมีผู้สอบผ่านเกณฑ์ และได้น�ำเอกสารดังกล่าวไปใช้ ในการประกาศผลสอบ ภาคความรู้ทั่วไป (ภาค ก.) และภาคความรู้ความสามารถเฉพาะส�ำหรับต�ำแหน่ง (ภาค ข.) และจัดให้มีการทดสอบความรู้ภาคความเหมาะสมกับต�ำแหน่ง (ภาค ค.) แล้วน�ำไปใช้ในการรายงานขอบรรจุแต่งต้ัง เปน็ พนักงานสว่ นต�ำบล และร่วมกันเรียกรบั เงนิ จากผู้สมคั รสอบ เพ่อื ช่วยเหลอื ให้เปน็ ผ้สู อบแข่งขันได้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ ้ีมลู ความผิด วันที่ 5 มถิ นุ ายน 2561 มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายรงั สรรค์ จันทร์สวุ รรณ เม่ือคร้งั ดำ� รงต�ำแหน่งนายกองค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลเมอื งเตา มีมลู กระท�ำ การฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการ ไม่ชอบด้วย อ�ำนาจหนา้ ที่ตามพระราชบญั ญัติสภาตำ� บลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบล พ.ศ. 2437 และที่แก้ไขเพม่ิ เติม มาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 147 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบ มาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 53

2. พันจ่าเอก คมสันต์ บญุ ศร เม่อื ครง้ั ดำ� รงต�ำแหนง่ นายกองคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลหนองเรือ นายศริ ิ มะลลิ า และนายสมบูรณ์ นาเพีย มีมูลเป็นการกระท�ำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนหรือ ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาต�ำบลและองค์การบริหาร ส่วนต�ำบล พ.ศ. 2437 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 3. นายจรี พร ถนัดค้า มีมลู ความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และ มาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 4. นายเชาวลิต จันทวะฤทธิ์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงาน ส่วนต�ำบล จังหวัดมหาสารคาม เรื่องหลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออก จากราชการ การอทุ ธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2544 ขอ้ 3 วรรคสาม ข้อ 6 วรรคสอง และขอ้ 19 วรรคสอง และมมี ลู ความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 นาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และ มาตรา 91 5. นางมณีรัตน์ มาศงามเมือง มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงาน ส่วนต�ำบล จังหวัดมหาสารคาม เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออก จากราชการ การอทุ ธรณ์ และการรอ้ งทุกข์ ลงวันท่ี 13 ธันวาคม 2444 ขอ้ 19 วรรคสอง และมมี ลู ความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 90 6. นางสาวศริ ิกาญ เหลาทำ� นา นางสาวผัลยศ์ ภุ า รตั นะพลที หรือประเสริฐศรี นางสาวถนอมจิต โคตรสาร นางสาวดาริกา มธิศริ กิ ลุ นายปราโมทย์ มาศงามเมอื ง นายเอกพาส กางนอก นายสราวธุ พนั เพลงิ พฤกษ์ นายสรวิชญ์ โตน่ วุธ นางสกุ ญั ญา บุญละคร นางชลธิชา บุญทิน นางสาวศันสนีย์ เกิดบญุ มี นายมณฑล ใสชิต นางสาวสุกัก ไชยสงคราม นายจกั รนิ ทร์ ผดาวรรณ์ นายคม อทุ ธชาติ นายวนั ชนะ มธศิ ริ กิ ุล นางสาวอ้อมใจ วงศ์วงั จันทร์ และนางสาวรุจริ าภรณ์ ชูทรพั ยท์ วกิ ลุ มมี ลู ความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 7. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อร่าม สิริพันธุ์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั วา่ ด้วยการบรหิ ารงานบุคคล พ.ศ. 2551 และทแ่ี ก้ไขเพมิ่ เตมิ ขอ้ 79 ข้อ 80 ขอ้ 83 ข้อ 84 และขอ้ 85 ประกอบข้อบังคับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2557 ข้อ 100 และมีมูลความผิด ทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 147 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2442 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2444 มาตรา 123/1 8. นางสมจิตร บุญศร หรือ รัตนพลที มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการ พนักงานส่วนต�ำบลจังหวัดมหาสารคาม เรื่องหลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบสวนการลงโทษทางวินัย การให้ออก จากราชการ การอุทธรณ์ และการรอ้ งทุกข์ ลงวนั ที่ 13 ธนั วาคม 2444 ขอ้ 19 วรรคสอง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 147 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2442 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2444 มาตรา 123/1 การดำ� เนนิ การ 1. ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้มีอ�ำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพ่ือด�ำเนินการตามอ�ำนาจหน้าที่ กับผู้ถูกกล่าวหาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2442 มาตรา 92 และมาตรา 97 แล้วแต่กรณี 54 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

ส�ำหรับการถอดถอนนายรังสรรค์ จันทร์สุวรรณ ออกจากต�ำแหน่ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายรังสรรค์ ได้พ้นจากต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลเมืองเตาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเร่ืองไปยังผู้มีอ�ำนาจแต่งตั้ง ถอดถอนเพื่อด�ำเนินการตามอ�ำนาจหน้าท่ี ตามพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปราม การทุจรติ พ.ศ. 2442 มาตรา 92 วรรคสาม 2. ใหม้ ีหนงั สอื แจง้ ผลการพจิ ารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผมู้ อี �ำนาจแตง่ ตง้ั ถอดถอนและสำ� นกั งาน คณะกรรมการการเลอื กตั้งทราบ 4. เรอ่ื งกล่าวหานายอดุ รพนั ธ์ จนั ทรวโิ รจน์ เมอื่ ครั้งด�ำรงต�ำแหนง่ นายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั เชียงใหม่ กบั พวก กรณีใช้อ�ำนาจส่ังการให้วิศวกรซ่ึงไม่มีอ�ำนาจออกแบบปรับปรุงต่อเติมอาคารส�ำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด เชียงใหม่ โดยไม่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ส่ังการให้ตัดรายการกรอบผนังกระจกออกโดยไม่ค�ำนึงถึง ความม่ันคงแข็งแรงและความปลอดภัยของอาคาร และเข้าเป็นผู้รับจ้างงานดังกล่าวเองโดยใช้ชื่อบุคคลอ่ืน เปน็ คูส่ ญั ญาแทน คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ ี้มลู ความผดิ วันท่ี 7 พฤศจกิ ายน 2560 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายอุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ มีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 79 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 ส�ำหรับการถอดถอนนายอุดรพันธ์ออกจากต�ำแหน่ง เน่ืองจากนายอุดรพันธ์ได้พ้นจากต�ำแหน่งนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดเชียงใหม่แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องไปยังผู้มีอ�ำนาจแต่งต้ังถอดถอนเพื่อด�ำเนินการตามอ�ำนาจ หนา้ ทต่ี ามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 มาตรา 92 วรรคสาม อีก การด�ำเนนิ การ ให้สง่ รายงาน เอกสาร และความเห็นไปยงั อัยการสูงสุดเพ่ือด�ำเนนิ คดอี าญาในศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจพิจารณา พิพากษาคดีกับนายอุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 97 ให้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้มีอ�ำนาจแต่งต้ังถอดถอนและส�ำนักงาน คณะกรรมการการเลือกต้งั ทราบ เร่ืองกลา่ วหาเจา้ หนา้ ที่ของรฐั จำ� นวน 8 เร่ือง 1. เร่ืองกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายพนม ศรศลิ ป์ เม่ือคร้งั ด�ำรงต�ำแหน่งรองผ้อู �ำนวยการส�ำนักงานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ นางสาวประนอม คงพิกลุ เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนางชมพูนุท จันฤาไชย กรณีร่วมกันทุจริตงบประมาณโครงการเงินอุดหนุน การบูรณปฏิสังขรณ์วัด และการพัฒนาวัดของส�ำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่อนุมัติให้แก่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ต�ำบลกระมัง อ�ำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 และประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ ี้มลู ความผดิ วันที่ 14 ธนั วาคม 2560 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 55

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบ ขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) และ (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) และ (4) และ มมี ลู ความผิดฐานเป็นตัวการรว่ มในความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 2. นางสาวประนอม คงพิกุล มีมูลความผิดฐานเป็นตัวการร่วมในความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 3. นางชมพูนุท จันฤาไชย เป็นผู้สนับสนุนในการกระท�ำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 4. นายพนม ศรศิลป์ มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) และ (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) และ (4) และมีมูลความผดิ ฐาน เป็นตัวการร่วมในความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 5. นางสาวประนอม คงพกิ ลุ มีมูลความผดิ ทางวินัยรา้ ยแรง ตามพระราชบัญญตั ริ ะเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) และ (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) และ (4) และมีมูลความผิดฐาน เปน็ ตวั การรว่ มในความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 และมาตรา 162 (1) และ (4) การดำ� เนินการ ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยและไปยังอัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลที่มีเขตอ�ำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริต พ.ศ. 2542 และที่แกไ้ ขเพิม่ เตมิ มาตรา 92 และมาตรา 97 กบั ผ้ถู กู กลา่ วหาแล้วแตก่ รณี 2. เร่ืองกล่าวหาเจ้าหน้าท่ีส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเกี่ยวกับการ อนุมัติจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนแก่วัดชลธาราวาส อ�ำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส วัดยูปาราม อ�ำเภอเมืองยะลา จังหวดั ยะลา และวัดสรุ ิยาราม อำ� เภอเทพา จงั หวดั สงขลา วดั ละ 4 ล้านบาท คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ ีม้ ูลความผิด วันท่ี 19 ธันวาคม 2560 มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นางสาวประนอม คงพกิ ุล รองผู้อำ� นวยการสำ� นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนายเสถียร ดำ� รงคดรี าษฎร์ ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 85 (1) มาตรา 82 (2) และมาตรา 83 (1) ประกอบมาตรา 85 (7) และ มมี ลู ความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 มาตรา 162 (4) ประกอบมาตรา 83 และตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และมาตรา 123/1 ประกอบมาตรา 83 2. นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำ� นวยการส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีมลู ความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและ มมี ลู ความผดิ ทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 56 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

3. นายประสงค์ จักรค�ำ ผู้อำ� นวยการกองพุทธศาสนศึกษา นายวสวัตติ์ กิตตธิ รี ะสทิ ธ์ิ นักวิเคราะหน์ โยบาย และแผนช�ำนาญการพิเศษ และนายพัฒนา สุอ�ำมาตย์มนตรี นักวิชาการศาสนาช�ำนาญการ ในฐานะกรรมการ พิจารณาจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนและมีส่วนในการจัดท�ำเอกสารเท็จเก่ียวกับการขออนุมัติจัดสรรเงินอุดหนุน แก่วัด มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 162 (4) ประกอบมาตรา 83 และตามพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปราม การทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพ่มิ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 4. นางพรเพญ็ กิตติธรางกูร นกั วิชาการศาสนาช�ำนาญการ นายด�ำรงคศ์ ักดิ์ เกตแุ กว้ นกั วิชาการศาสนา ช�ำนาญการ และนายจกั รเวทย์ เดชบญุ นักวิชาการศาสนาปฏิบตั กิ าร ในฐานะกรรมการพจิ ารณาจัดสรรงบประมาณ เงินอุดหนุน มีมูลความผดิ ทางวนิ ยั อย่างรา้ ยแรง ตามพระราชบญั ญตั ิระเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ฃมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) การด�ำเนินการ ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพ่ือพิจารณาโทษทางวินัยและไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนนิ คดอี าญาในศาลที่มีเขตอำ� นาจกบั ผถู้ ูกกล่าวหาแลว้ แต่กรณี 3. เรอื่ งกลา่ วหานายนพรตั น์ เบญจวัฒนานันท์ ผอู้ ำ� นวยการสำ� นักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ กับพวก กรณที จุ รติ เงินงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนา ให้กับวัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัด ล�ำพูน คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ ีม้ ลู ความผดิ วนั ท่ี 19 กรกฎาคม 2561 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีมูลความผิดทางวินยั อยา่ งรา้ ยแรง ตามพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) และ (3) และมาตรา 85 (1) (4) และ (7) และมมี ูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และท่แี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา 123/1 2. นายพนม ศรศิลป์ เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งรองผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีมูล ความผิดทางวนิ ัยอยา่ งร้ายแรง ตามพระราชบญั ญัตริ ะเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) และ (3) และมาตรา 85 (1) และ (7) และมมี ลู ความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตามพระราชบญั ญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และเปน็ ผูส้ นบั สนุนในการกระทำ� ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 151 3. นายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ ผู้อ�ำนวยการกองพุทธศาสนสถาน และนายวสวัตต์ิ กิตติธีระสิทธิ์ เมื่อคร้ัง ด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน มีมูลความผิดทางวินัย อย่างร้ายแรงตามพระราชบญั ญัตริ ะเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) และ (3) และมาตรา 85 (1) และ (7) และมมี ลู เป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) และตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2542 และทแี่ ก้ไขเพม่ิ เตมิ มาตรา 123/1 และเปน็ ผูส้ นับสนุนในการกระทำ� ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และ มาตรา 86 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 57

4. พระสุทธิพงศ์ การกระท�ำเป็นผู้สนับสนุนในการกระท�ำความผิด มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 มาตรา 123/1 ประกอบมาตรา 86 การดำ� เนนิ การ ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยและไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำ� เนินคดอี าญาในศาลท่ีมีเขตอำ� นาจกบั ผ้ถู กู กล่าวหาแล้วแตก่ รณี 4. เรื่องกล่าวหานายพนม ศรศิลป์ ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกับพวก รวม 6 ราย กรณีทุจริตการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่ได้จัดสรรให้วัด ในจังหวัดล�ำปาง ประกอบด้วยวัดวัฒนาราม วัดอุมลอง วัดบ้านอ้อ วัดทุ่งต๋�ำ วัดหาดปู่ด้าย และในจังหวัดแพร่ คือ วัดศรบี ุญนำ� รวม 24,000,000 บาท คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติชม้ี ลู ความผิด วันที่ 24 กรกฎาคม 2561 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายพนม ศรศลิ ป์ เมอ่ื ครั้งดำ� รงต�ำแหน่งผอู้ ำ� นวยการส�ำนักงานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ มมี ูลความผิดวินัย อย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และมีมูลความผิดอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 2. นางสาวประนอม คงพิกุล เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการกองพุทธศาสนสถาน และนายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และมมี ลู ความผดิ อาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 และมาตรา 91 3. นางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสารสทุ ธิ เมื่อคร้งั ด�ำรงตำ� แหน่งนักวชิ าการศาสนาชำ� นาญการ ส่วนศาสนสถาน และควบคมุ ทะเบยี นวดั กองพุทธศาสนสถาน ส�ำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ ผ้ถู กู กลา่ วหาท่ี 4 มีมูลความผดิ วนิ ัย อย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และมีมูลความผิดอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91 4. นายศิวโรจน์ ปยิ รตั น์เสรี และนางสาวอบุ ล ดิษฐ์ด้วง มีมูลความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91 การดำ� เนนิ การ ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพ่ือพิจารณาโทษทางวินัยและไปยังอัยการสูงสุด เพอ่ื ด�ำเนินคดอี าญาในศาลท่มี ีเขตอำ� นาจกับผู้ถูกกล่าวหาแล้วแต่กรณี 5. เร่ืองกล่าวหาเจ้าหน้าท่ีส�ำนักงานจังหวัดพิษณุโลก กรณีทุจริตกรณีจัดซ้ือเคร่ืองตรวจค้นยาเสพติด อลั ฟ่า 6 จงั หวดั พิษณุโลก คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติช้ีมลู ความผดิ วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. ว่าท่รี อ้ ยตรี สรุ ศกั ด์ิ วงศาโรจน์ หัวหน้าสำ� นักงานจังหวัดพษิ ณุโลก มีมูลความผดิ ทางวนิ ัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและมีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 84 58 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

2. นายวีระกิตต์ิ อินทรประสทิ ธิ์ ประธานกรรมการจัดซอ้ื โดยวธิ พี ิเศษ มีมลู ความผิดทางวินยั อย่างร้ายแรง ฐานปฏิบตั หิ นา้ ท่โี ดยทจุ รติ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) 3. นายทรงศักด์ิ ภูมิผล กรรมการตรวจรับพัสดุ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติตาม ระเบียบของทางราชการ เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 162 (1) และ (4) 4. ให้ขอ้ กลา่ วหานางสาวอุบล นุชเพชร ตกไป การด�ำเนนิ การ ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพ่ือพิจารณาโทษทางวินัยและไปยังอัยการสูงสุด เพ่อื ดำ� เนินคดอี าญาในศาลท่ีมีเขตอำ� นาจกับผ้ถู กู กล่าวหาแล้วแตก่ รณี ผลการด�ำเนินการทางวินยั กระทรวงมหาดไทยได้มคี �ำสัง่ ลงโทษไลว่ า่ ทร่ี ้อยตรี สรุ ศกั ดิ์ วงศาโรจน์ และนายวีระ หรือ วรี ะกิตติ์ อินทรประสิทธ์ิ ออกจากราชการ ส่วนนายทรงศักด์ิ ภมู ผิ ล ได้มคี ำ� ส่ังลงโทษปลดออกจากราชการ ผลการดำ� เนินคดที างอาญา อัยการสูงสดุ ย่ืนฟ้องวา่ ท่รี ้อยตรี สุรศกั ด์ิ วงศาโรจน์ นายวีระ หรือ วีระกิตต์ิ อนิ ทรประสทิ ธิ์ และนายทรงศกั ดิ์ ภมู ิผล ตอ่ ศาลอาญาคดที ุจริตและประพฤตมิ ชิ อบภาค 6 เป็นคดีหมายเลขด�ำท่ี อท. 19/2561 เมือ่ วันท่ี 23 พฤษภาคม 2561 6. เรื่องกล่าวหานายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการองค์การคลังสินค้า และ นายอธิธัช เรือนทองคำ� กรณีเรยี กรับเงินจ�ำนวน 30,000,000 บาท จากบริษทั เจียเม้ง จ�ำกัด ซ่งึ เปน็ คูส่ ญั ญาตัวแทน จ�ำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงให้กับองค์การคลังสินค้า โดยประวิงเวลาในการด�ำเนินการช�ำระเงินค่าข้าวคืนให้กับบริษัท เจียเมง้ จ�ำกัด คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มลู ความผิด วนั ที่ 8 สิงหาคม 2561 มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายชนุตร์ปกรณ์ วงศส์ นี ิล ผถู้ ูกกลา่ วหาที่ 1 มมี ลู ความผดิ ทางอาญา ตามพระราชบัญญัตวิ า่ ดว้ ยความผดิ ของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6 และมาตรา 11 และตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 มาตรา 192 2. นายอธธิ ชั เรือนทองคำ� ผูถ้ ูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญตั ิวา่ ดว้ ยความผิด ของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 มาตรา 192 การด�ำเนนิ การ ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ แจ้งผลการพจิ ารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหก้ ระทรวงพาณชิ ยท์ ราบ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 59


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook