Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

(2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

Published by agenda.ebook, 2020-11-24 16:21:00

Description: (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 7-8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 2-3 ธันวาคม 2563

Search

Read the Text Version

ยทุ ธศาสตร์ที่ 4 : พฒั นาระบบป้องกนั การทุจริตเชงิ รกุ การผลักดันให้มีการด�ำเนินการตามประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 4 “พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก” มหี ลายรปู แบบทั้งในเชิงระบบและตวั บุคคล โดยดำ� เนนิ การผ่านโครงการหรือกจิ กรรมตา่ ง ๆ อาทิ โครงการปรับปรงุ งานบริการหน่วยงานของรัฐตามคู่มือส�ำหรับประชาชน และโครงการยกระดับการเผยแพร่ข้อมูลคู่มือส�ำหรับ ประชาชนในรูปแบบเชื่อมโยงงานบริการผ่านระบบสารสนเทศ ระยะที่ 2 ของส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนา ระบบราชการ ซึ่งเป็นโครงการที่ขับเคลื่อนตามพระราชบัญญัติการอ�ำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของ ทางราชการ พ.ศ. 2558 นอกจากนี้ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ได้พัฒนาเครอ่ื งมอื การประเมนิ คุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงาน ของหนว่ ยงานภาครัฐ (Integity and Transparency Assessment: ITA) โดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเขา้ มา ช่วยเสริมให้การประเมินมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และได้ด�ำเนินโครงการเพ่ือพัฒนากระบวนการท�ำงานด้านการป้องกัน การทจุ ริตใหส้ ามารถป้องกันการทุจริตให้มีประสิทธิภาพ สรุปได้ ดังน้ี การประเมนิ คุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ความเปน็ มาและความสำ� คญั ของ ITA การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment) หรือท่ีเรียกว่า การประเมิน ITA เป็นภารกิจในอ�ำนาจหน้าที่ของศูนย์ประเมินคุณธรรมและ ความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. การประเมิน ITA ได้เร่ิมด�ำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา และมีการขยายขอบเขตและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้นตามล�ำดับ ซ่ึงถือเป็นการประเมินที่ได้รับ การยอมรับเป็นอย่างมาก และเป็นการประเมินด้านคุณธรรมและความโปร่งใสที่ครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐ มากทสี่ ดุ ในประเทศไทย และท่ีผ่านมาพบวา่ หลายหน่วยงานไดน้ ำ� การประเมนิ ITA ไปเป็นกรอบในการพฒั นาและ ยกระดับการบริหารจัดการให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลเกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพในการให้บริการและ การอ�ำนวยความสะดวกต่อประชาชน ให้เข้าถึงการบริการสาธารณะด้วยความเป็นธรรมผ่านการปฏิบัติงานอย่างมี มาตรฐาน มีการประกาศขั้นตอนและระยะเวลากับการป้องกันในประเด็นที่อาจเป็นความเส่ียง หรือเป็นช่องทางที่ อาจจะก่อให้เกิดการทุจริต การรับสินบน หรือก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน และสามารถยับยั้งการทุจริตหรือ ผลประโยชน์ทับซ้อนท่ีอาจเกิดข้ึนได้อย่างเท่าทันสถานการณ์ ซ่ึงเม่ือหน่วยงานภาครัฐท่ัวประเทศมีการป้องกัน การทุจริตเชิงรุกในลักษณะดังกล่าวก็จะท�ำให้การทุจริตในภาพรวมของประเทศลดลงได้ในที่สุด ตลอดจนยังผลักดัน ให้เกดิ ทิศทางการพัฒนาและปรับปรงุ การทำ� งานภายในหนว่ ยงานในภาพรวมของประเทศใหม้ ีประสิทธภิ าพมากย่ิงขน้ึ การประเมิน ITA ได้ถูกก�ำหนดให้เป็นกลไกส�ำคัญในการขับเคล่ือนการด�ำเนินการที่เกี่ยวข้องกับ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยได้ถูกก�ำหนดเป็นกลยุทธ์ท่ีส�ำคัญของประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 “พัฒนา ระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก” รวมทั้งถูกก�ำหนดเป็นตัวชี้วัดความส�ำเร็จในภาพรวมของยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) และเป็นตัวช้ีวัดความสำ� เร็จของประเด็นการ ปฏิรูปที่ 2 “ด้านการป้องปราม” ตามแผนปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และเป็นตัวช้ีวัดความส�ำเร็จของแนวทางที่ 2 “สร้างกลไกป้องกันการทุจริต” ตามแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมท้ังเป็นเคร่ืองมือที่ใช้รายงานตัวช้ีวัดที่ 16.5 ของเป้าหมายการพัฒนา ท่ียง่ั ยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของประเทศไทยอกี ดว้ ย 110 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

นอกจากนี้ รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความส�ำคัญของการประเมิน ITA โดยเมื่อวันท่ี 5 มกราคม 2559 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือและเข้าร่วมการประเมินคุณธรรม และความโปรง่ ใสในการด�ำเนนิ งานของหนว่ ยงานภาครฐั ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 - 2560 และต่อมาเมอื่ วันที่ 23 มกราคม 2561 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือและเข้าร่วม การประเมินคุณธรรมและความโปรง่ ใสในการดำ� เนนิ งานของหนว่ ยงานภาครัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2564 โดยใช้ แนวทางและเครอื่ งมือการประเมินตามทีส่ ำ� นักงาน ป.ป.ช. ก�ำหนด สรุปผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจ�ำปี งบประมาณ พ.ศ. 2561 ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 ศนู ย์ประเมินคุณธรรมและความโปรง่ ใสของหนว่ ยงานภาครัฐ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ได้ร่วมกบั หนว่ ยงานที่เกีย่ วขอ้ งเพ่ือด�ำเนนิ การประเมนิ ITA ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยมหี นว่ ยงานภาครัฐ ที่เข้าร่วมการประเมินทัง้ สนิ้ 426 หน่วยงาน ดงั นี้ (1) ส�ำนักงาน ป.ป.ช. รับผิดชอบการประเมนิ องคก์ รอิสระ ศาล (เฉพาะหน่วยงานธรุ การ) สว่ นราชการ สงั กดั รัฐสภา ส�ำนกั งานสภาทปี่ รึกษาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ องคก์ ารมหาชน กรุงเทพมหานคร และหน่วยงาน ขอเขา้ ร่วมการประเมนิ รวมจำ� นวน 69 หน่วยงาน โดยมีสถาบันส่งเสรมิ การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทีด่ ี สำ� นักงาน ก.พ.ร. เปน็ ผรู้ บั จา้ งสำ� รวจขอ้ มลู วิเคราะหข์ อ้ มูล และสังเคราะห์ขอ้ มูล (2) ส�ำนักงาน ป.ป.ท. รับผิดชอบการประเมิน ส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า และส่วนราชการ ระดับจังหวัด รวมจ�ำนวน 222 หน่วยงาน โดยมีโรงเรียนนายร้อยต�ำรวจเป็นผู้รับจ้างส�ำรวจข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสงั เคราะห์ขอ้ มลู (3) สำ� นกั งานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกจิ รบั ผิดชอบการประเมนิ รฐั วสิ าหกิจ จ�ำนวน 54 หนว่ ยงาน โดยมบี รษิ ทั ทรสิ คอรป์ อเรชั่น จ�ำกัด เปน็ ผรู้ ับจ้างสำ� รวจข้อมูล วเิ คราะห์ข้อมลู และสงั เคราะหข์ ้อมลู (4) สำ� นักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รบั ผิดชอบการประเมนิ สถาบนั อดุ มศึกษา จ�ำนวน 81 หนว่ ยงาน โดยมโี รงเรียนนายรอ้ ยตำ� รวจเปน็ ผรู้ ับจ้างสำ� รวจข้อมลู วิเคราะหข์ อ้ มูล และสงั เคราะห์ขอ้ มูล การประเมิน ITA ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 น้ัน ประสบความส�ำเร็จเป็นอย่างมาก โดยสามารถ ด�ำเนินการแล้วเสร็จท้ังหมดในเดือนกันยายน และได้น�ำเสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมท้ัง ได้มีการประกาศผลการประเมินต่อสาธารณะในเดือนตุลาคมเป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว เพ่ือให้หน่วยงานท่ีรับการประเมิน ไดร้ ับทราบผลการประเมนิ และน�ำไปส่กู ารปรบั ปรุงแกไ้ ขการด�ำเนินงานใหม้ คี ุณธรรมและความโปรง่ ใสและลดโอกาส ที่จะเกดิ การทุจริตในหนว่ ยงานตนเองตอ่ ไป นอกจากน้ี จะไดน้ ำ� เสนอผลการประเมนิ ดงั กลา่ วต่อคณะรัฐมนตรเี พ่ือให้ รับทราบและมีมติให้หน่วยงานท่ีเกย่ี วข้องดำ� เนินการต่อไปดว้ ย โดยมรี ายละเอยี ด ดังน้ี ผลการประเมินคณุ ธรรมและความโปร่งใสในการดำ� เนินงานของหนว่ ยงานภาครฐั ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 ดัชนี ผลคะแนนเฉลี่ย 1. ความโปร่งใส 86.06 2. ความพรอ้ มรบั ผดิ 84.75 3. ความปลอดจากการทุจริตในการปฏบิ ัติงาน 85.50 4. วัฒนธรรมคณุ ธรรมในองคก์ ร 83.83 5. คณุ ธรรมการทำ� งานในหนว่ ยงาน 78.53 คะแนนรวมเฉลย่ี 83.83 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 111

4. วัฒนธรรมคณุ ธรรมในองคก์ ร 83.83 5. คณุ ธรรมการทางานในหน่วยงาน 78.53 คะแนนรวมเฉล่ีย 83.83 106824000000 ความ ความพร้อม ความปลอด วฒั นธรรม คณุ ธรรม คะแนน โปรง่ ใส รบั ผดิ จากการ คุณธรรมใน การทางาน เฉลี่ยรวม ทุจรติ ใน องค์กร ใน การ หนว่ ยงาน ปฏบิ ัตงิ าน คะแนนเฉล่ยี 86.06 84.75 85.50 83.83 78.53 83.83 จากตารางผลคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการดาเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ป ระจาปีงจบาปกรตะามราาณงผพล.คศะ. แ2น5น6ก1าจราปแรนะกเมริานยคดุณัชธนรีจระมเแหล็นะไคด้ว่ามดโัชปนรี่ทงใี่มสีผกลาคระดแ�ำนเนนินกงาารนปขรอะงเมหินส่วูงยสงุดานคภือาครัฐ ดปัชระนจีท�ำี่ป1ีงบคปวราะมมโาปณร่งพใส.ศ.ได2้ 58661.0จ6�ำแคนะกแรนานยดมัชีผนลีจคะเะหแ็นนไดน้วจ่าัดอดยัชู่นในีทรี่มะีผดลับคสะแูงนมนาการอปงรละเงมมินาสูงคสือุดดคัชือนีทดี่ัช3นีที่ 1 ความโปปลรอง่ ดใสจาไกดก้ 8า6ร.ท06ุจรคิตะใแนนกนารมปผี ฏลิบคัตะิงแานนนไจดัด้ อ8ย5ูใ่.น50ระคดะับแสนงู นมาดกัชรนอีทงี่ล2งมคาวาคมอื พดรัช้อนมทีรับ่ี 3ผคิดวไาดม้ ป8ล4อ.7ด5จคากะกแานรนทจุ ริต ดสปรขแโพดะอลราใปใ ใไัใสแชที.นนนศดยนดาหงะลำ�นที่ผี ้มห.ยอหกปัหบะรีผี่8ทา่2งงารี2นนบัีงรสน3า่2ี่5คาราบท5ับ่ว่วดู.งน4ม56นป8ยก์6ยปยง้ัใชัมา630สลฏรปนวน1งงรน0าาโะัาฒาบิปรค้ีะแทดไทีหไนผนเแะโดะัตงีมลอดย้งันด่ีลจรลบใแ้งินา้ว5มยีไ้นธยับ8กว้าานป8ดณ้ีดีครปมปน3จาใคน3้รผจร่าน7.รีคะีงงีณุะ.ดะ8ลมคพ8ไแปบ8ปบเา่มเ3ังกดหะธค3ลห..คปรีงปนา5ศา้แร็นะุณะะน็บคณร38รรี้.ครนปแเไะไะปป5ะธมมะดดน2งีคนมแมพ.รรรกแบนิ5้วว้5เะนานะะราฉ.นาา่ป0่า6แศณเเมมณนIลหรหมฉร1Tนน.าใคที่ยะนลนนิAพน2นซณพะมาแเ่วี่ย่ว58งึ่.ปอแงาปยศล.มIยท63ศTพาณงรน8ง.ระีผ0ง.้ังAนค.ีย8า3.นะ2าปลศนพ์บใก32.-น35จค8ีงน.ปภ5ร.ดเ6าภ2บศ3คะท2หรด6าชัป15.แะาไป5ะียคนัช1นคด6ีงค2แนจ6เรบรนว่ะบีทป15้นรน�ำ0ะฐักยีมแ6ั่ีฐปรปนทจมม8ังบ2น0ผี–ีทยรีงัดี่เาาคี3ลซปขนบบ่ีะเไณนอ2คะ.ขค้าดึ่งีง8เมปย5วแทรซเ้าบ้ะ3ไมารา8ู่ใ6พ่วนรึง่ดีแยปนณะม่ือ2ม1เ่วน.คนบ้มมรรศ.พเป7ม2ะจปนมกะะ่อืาพ.ร8ร4ปัดแรดมณัีจคบเ้อ2ะ..ปรอียน5ศับคัดาะปเม5ะรมบย3ณะ.นอแสพ6ีรงเยีู่ใินแเยม2นูงบับ0นทค.บนศใู่ใ5ินนพปผะนรียนเซน.ไ6ทใจดิะ.รแบดปึ่รงศน12ะดัยีดคนทะ้กีง.ปไ5ม8ับบะอบดนใดับ้ัง62ีาง2นแยสกปับ้ผ1ณบ5น3ม.ภู่งูบั8ใรสล26นปมน4ผีะผาูงใกด4พ0ารเร.มนลมพล7พาัชกะะ.าคคาภกศรร5แิม่นดมณกปะะวา.าแลขีับมาครแพแมร2ล้นึ้วณสพีผปสะะนน5นระจรำ�.ูลเงแรว6เนศน้อ้ันะมหพมมะนมค0.ยจพพินรเ่อื.านนะค2ลศมัดบับแใกบพแ5ั้นะะน.ินอดลวดวจิ5นแพแ2ปใยัช1่า้ว่าัช9านนน5ลบู่ใปี.งนจร5นนป5บนมะมจวีณงะที9ที9รเงีคีปีแา่ับดเพม่ีพาบี่ะโะนร5อปด4มบคื่อมดปิ่มแะวยรยะีพควแีับคมนรขโวะู่ใมแ่าะนิะจนณุาสนน้ึนัฒมรีนปแณมาวู้งมจราราธนนรีงโนายัดะ้อทณรนณธบณขพลนรอดหยี่สรม้อปม.ะายับลจนศรูงพทงพเคกรูใ่มขัดะอ.ส้าห.น่สีะ.าะศ้ึนคียอศู2งนูงร7ร1มแ.ดมุณก5.ยขะท8่ว.าน5า5วู่2น้ึดใ2ยธด�ำณนนก9่า955ับรกงงังาา65รนสวนนม91า่ี้งู ปงี บปปพงี บร.ศะป.มร2าะ5ณม5า9ณ คะแคนะ7นแ9เนฉ.87นล69เย่ี ฉ.8ลI6T่ยี AITA พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2560 82.2842.24 พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2561 83.83.83 คะแนนเฉลยี่ ITA 84 พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 82 79.86 82.24 83.83 80 78 76 คะแนนเฉลย่ี ITA หมายเหตุ: จานวนหน่วยงานท่ีเข้าร่วมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดาเนินงานของหน่วยงาน ภาครฐั ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2559 – 2561 มีรายละเอียด ดงั น้ี 112 รายงาน(1ป)ระจ�ำปปีงีงบบปปรระมะามณาณพ.ศพ. 2.ศ5.6125ค5ณ9ะกมรรีจมากนารวปนอ้ หงกนนั ่วแลยะงปารนาบทป่ีเรขาม้ากรา่วรมทจุปรริตะแหเมง่ ชินาต4ิ 17 หน่วยงาน ได้แก่ องค์กรอิสระ/ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ/ศาล (เฉพาะหน่วยงานธุรการ)/หน่วยงานในสังกัดรัฐสภา หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ

หมายเหต:ุ จ�ำนวนหน่วยงานท่ีเข้าร่วมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 - 2561 มรี ายละเอยี ด ดงั น้ี 1) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 มจี ำ� นวนหนว่ ยงานที่เขา้ รว่ มประเมิน 417 หนว่ ยงาน ไดแ้ ก่ องค์กรอสิ ระ/ องค์กรตามรฐั ธรรมนญู /ศาล (เฉพาะหน่วยงานธรุ การ)/หนว่ ยงานในสังกัดรัฐสภา หนว่ ยงานรัฐวิสาหกิจ สว่ นราชการ ระดับกรมหรือเทียบเท่า ส่วนราชการระดับจังหวัด องค์การมหาชน และสถาบันอุดมศึกษา ท้ังน้ี องค์กรปกครอง ส่วนท้องถนิ่ ไมเ่ ขา้ ร่วมการประเมนิ ในปีน้ี เนือ่ งจากไมไ่ ดร้ ับการจดั สรรงบประมาณส�ำหรบั ด�ำเนินการประเมนิ 2) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 มีจำ� นวนหนว่ ยงานทเ่ี ขา้ ร่วมประเมนิ 422 หนว่ ยงาน ได้แก่ องคก์ รอิสระ/ องคก์ รตามรัฐธรรมนูญ/ศาล (เฉพาะหน่วยงานธุรการ)/หนว่ ยงานในสงั กัดรฐั สภา หน่วยงานรัฐวสิ าหกิจ สว่ นราชการ ระดับกรมหรือเทียบเท่า ส่วนราชการระดับจังหวัด องค์การมหาชน และสถาบันอุดมศึกษา ทั้งนี้ ไม่น�ำคะแนน ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นมาประมวลผล 3) ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 มีจำ� นวนหนว่ ยงานท่เี ข้ารว่ มประเมนิ 426 หน่วยงาน ไดแ้ ก่ องค์กรอสิ ระ/ องคก์ รตามรฐั ธรรมนูญ/ศาล (เฉพาะหนว่ ยงานธุรการ)/หนว่ ยงานในสงั กัดรัฐสภา หน่วยงานรัฐวสิ าหกิจ สว่ นราชการ ระดับกรมหรือเทียบเท่า ส่วนราชการระดับจังหวัด องค์การมหาชน สถาบันอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร และ หน่วยงานท่ีขอเข้าร่วมประเมิน ท้ังนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่ระหว่างด�ำเนินการประเมิน ซึ่งคาดว่า จะทราบผลการประเมนิ ในชว่ งเดอื นธันวาคม พ.ศ. 2561 เม่ือวันท่ี 23 มกราคม 2561 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอดังนี้ 1. รับทราบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจ�ำปี งบประมาณ พ.ศ. 2561 และรายงานสรปุ ผลการประเมินคณุ ธรรมและความโปรง่ ใสในการด�ำเนินงานของหนว่ ยงาน ภาครัฐ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2559 - 2561 2. ให้หัวหน้าส่วนราชการให้ความส�ำคัญกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงาน ของหน่วยงานภาครัฐและน�ำผลการประเมินไปปรับปรุงพัฒนาตนเองด้านคุณธรรมและความโปร่งใสอย่างเคร่งครัด รวมท้ังให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่ก�ำกับดูแลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ในการด�ำเนนิ การตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วขอ้ งกับการประเมินคุณธรรมและความโปรง่ ใสในการดำ� เนินงานของหนว่ ยงานภาครัฐ 3. ใหห้ นว่ ยงานทกี่ �ำกับดูแลการปฎบิ ัตริ าชการของหนว่ ยงานภาครฐั และหนว่ ยงานทีเ่ กีย่ วข้อง ไดแ้ ก่ 3.1 สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ส�ำนกั งาน ป.ป.ท. ส�ำนกั งานคณะกรรมการอดุ มศึกษา ส�ำนกั งานคณะกรรมการ นโยบายรฐั วสิ าหกิจ และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิน่ ดำ� เนินการ ดงั น้ี 3.1.1 ดา้ นก�ำกบั ดูแลการประเมิน ก�ำกับตดิ ตามการประเมิน (Monitoring) การด�ำเนินการตา่ ง ๆ ของหนว่ ยงานภายใตก้ ำ� กับ ดูแลของแต่ละหน่วยงาน รวมไปถึงการผลักดันให้หน่วยงานภายใต้ก�ำกับดูแลให้ความร่วมมือและด�ำเนินการให้เป็น ไปตามแนวทางการประเมินท่ีก�ำหนด 3.1.2 ด้านส่งเสริมการยกระดับผลการประเมิน 1) น�ำผลการประเมินไปพิจารณาก�ำหนดมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมให้ หนว่ ยงานภายใต้ก�ำกบั ดูแลมีการปรับปรงุ แกไ้ ขและพัฒนาตนเองเพือ่ ให้มีการยกระดบั ผลการประเมนิ ให้สูงขึน้ 2) ก�ำกับติดตามการด�ำเนินการเพ่ือปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาตนเองของหน่วยงานภายใต้ ก�ำกบั ดูแล 3.2 ส�ำนักงาน ก.พ. มีบทบาทหน้าท่ีในการส่งเสริมการยกระดับผลการประเมินด้านคุณธรรม และความโปร่งใสในการบรหิ ารและพัฒนาทรพั ยากรบุคคลและดา้ นอื่น ๆ ท่เี กย่ี วข้อง รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 113

3.3 สำ� นักงาน ก.พ.ร. มีบทบาทหน้าทใ่ี นการใหข้ ้อเสนอแนะด้านสง่ เสริมการยกระดับผลการประเมนิ โดย เฉพาะหน่วยงานที่มีการรายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ควบคูก่ บั การจดั ท�ำค�ำรับรองการปฏบิ ัตริ าชการ ทั้งน้ี หากมีความจ�ำเป็นต้องใช้งบประมาณในการด�ำเนินการใด ๆ ให้ด�ำเนินการปรับเปล่ียนงบประมาณ ของหนว่ ยงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เพ่ือใชใ้ นการด�ำเนนิ การไปพลางกอ่ น และให้จดั ท�ำคำ� ขอจดั ต้ังงบประมาณ แบบบูรณาการตามแผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป โดยให้ส�ำนักงบประมาณ พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อการด�ำเนินการเน่ืองจากเป็นนโยบายท่ีส�ำคัญ ของรัฐบาล และขอความร่วมมือส�ำนักงาน ป.ป.ช. และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข ส�ำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ส�ำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ และส�ำนักงบประมาณไปพิจารณาด�ำเนินการในส่วนที่เกยี่ วขอ้ งต่อไป ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จะมีการศึกษารายละเอียดและด�ำเนินการต่าง ๆ เพ่ือ ออกแบบและพัฒนาเกณฑ์การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจ�ำปี งบประมาณ พ.ศ. 2562 ท่มี ่งุ เนน้ การพฒั นาการประเมิน ITA ในดา้ นตา่ ง ๆ เช่น การขับเคลื่อนการประเมนิ อยา่ งเป็นระบบ การเพิ่มประสิทธิภาพของการป้องกันการทุจริตเชิงรุก การเชื่อมโยงสู่การยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ของประเทศไทย การบูรณาการกับเกณฑ์การประเมิน ท่ีเกี่ยวข้อง การลดการใช้จ่าย งบประมาณ และการลดภาระของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควบคู่กับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศรองรับ การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เพ่ือน�ำมาใช้ในการประเมิน ซ่ึงจะท�ำให้ การประเมินสามารถด�ำเนินการไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพและเปน็ มาตรฐานเดียวกนั การเสนอมาตรการ ความเหน็ ข้อเสนอแนะตอ่ คณะรัฐมนตรีและหนว่ ยงานทเ่ี กีย่ วขอ้ ง พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ไดก้ �ำหนดให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าท่ีและอ�ำนาจเสนอมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอสิ ระ หรือองค์กรอยั การในเรอ่ื งดังตอ่ ไปน้ี 1. ปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพ่ือป้องกนั หรือปราบปรามการทจุ รติ การกระท�ำผิดตอ่ ต�ำแหน่งหนา้ ที่ราชการ หรอื การกระท�ำความผดิ ตอ่ ต�ำแหนง่ หน้าทใ่ี นการยุติธรรม 2. จัดให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพ่ือป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทั้งในภาครฐั และภาคเอกชนอย่างเขม้ งวด 3. เสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมาตรการใดท่ีเป็นช่องทางให้มี การทจุ ริตหรอื ประพฤตมิ ิชอบ หรือเปน็ เหตุใหเ้ จ้าหน้าที่ของรฐั ไมอ่ าจปฏิบัติหน้าท่ีใหเ้ กดิ ผลดตี อ่ ราชการได้ ในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการศึกษา รวบรวมปัญหา ข้อเท็จจริง กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่เป็นเหตุหรืออาจเป็นเหตุหรือเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต และเสนอ มาตรการป้องกันการทุจริตต่อคณะรฐั มนตรี และหนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ตามอ�ำนาจหนา้ ที่ สรุปได้ดงั นี้ 1. มาตรการป้องกันการทจุ รติ เพ่อื แก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิในท่ดี นิ โดยมิชอบ ความเป็นมาและข้อเสนอ สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องกล่าวหาร้องเรียนเก่ียวกับ การทุจริตในการออกเอกสารสิทธิในที่ดินโดยมิชอบเป็นจ�ำนวนมาก โดยเฉพาะกรณีการน�ำแบบแจ้งการครอบครอง ที่ดิน (ส.ค.1) ไปออกหนังสือรับรองการท�ำประโยชน์หรือโฉนดที่ดินในเขตพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติ ท่ีเกาะ ท่ีภูเขา ท่ีชายทะเล หรือที่สงวนหวงห้าม รวมท้ังปัญหาการออกเอกสารสิทธิในท่ีดินโดยมิชอบในกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งมี เจา้ หน้าท่ีของรฐั หลายหน่วยงานเขา้ ไปเกี่ยวขอ้ ง อนั เป็นปัญหาของประเทศทีต่ ้องได้รบั การแก้ไขอยา่ งเร่งดว่ น 114 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

ดงั น้นั เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาในกรณดี ังกล่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงึ ไดม้ ีข้อเสนอแนะต่อคณะรฐั มนตรี เม่อื วันที่ 28 มนี าคม 2561 โดยแบง่ ข้อเสนอแนะออกเปน็ 5 ด้าน คอื ด้านผู้มอี ทิ ธิพลและผมู้ ีอ�ำนาจแฝง ดา้ นกฎหมาย ด้านนโยบายและการบริหารราชการ ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และด้าน การแกไ้ ขการบุกรุกทดี่ ินของรัฐ ผลการด�ำเนินการ คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเมื่อวันท่ี 31 กรกฎาคม 2561 และมอบหมายให้ กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลกั รบั ข้อเสนอแนะไปพจิ ารณาร่วมกบั หนว่ ยงานทีเ่ ก่ยี วขอ้ งต่อไป รายละเอียดของมาตรการฯ สามารถตดิ ตามได้ท่ี 2. ข้อเสนอแนะเพ่ือป้องกันการทุจริตเก่ียวกับการจัดสวัสดิการภายในของสถานพยาบาล สังกัด กระทรวงสาธารณสุข ความเป็นมาและข้อเสนอ สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องกล่าวหาร้องเรียนเก่ียวกับ การเบิกจ่ายเงินสวัสดิการของสถานพยาบาลโดยมิชอบหรือโดยทุจริตหรือการใช้จ่ายเงินสวัสดิการของสถานพยาบาล ซึง่ ผิดวัตถุประสงค์ โดยพบปัญหาในทางปฏบิ ตั ิหลายประการ อาทิ ปัญหาเกี่ยวกับการจัดตงั้ กองทนุ สวสั ดิการ ปญั หา เกย่ี วกับทีม่ าของเงนิ บรจิ าคและรายไดอ้ ืน่ ๆ ท่ีเขา้ สู่กองทนุ สวัสดิการ ปญั หาเก่ียวกับการใช้จ่ายเงนิ กองทุนสวัสดกิ าร และปัญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบสถานะกองทุนสวัสดิการ การตรวจบัญชีรายรับรายจ่ายของกองทุนสวัสดิการ ซึง่ ช่องวา่ งอนั เกดิ จากปัญหาดังกล่าวอาจเปน็ ช่องทางในการกระทำ� ทจุ ริตของเจ้าหนา้ ทีข่ องรฐั ที่เก่ียวข้อง ดังนัน้ เพ่อื แก้ไขปัญหาในกรณีดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไดม้ ีข้อเสนอแนะฯ ต่อคณะรฐั มนตรี เมือ่ วันท่ี 1 สิงหาคม 2561 โดยแบง่ ขอ้ เสนอแนะฯ ออกเป็น 4 ดา้ น คอื ขอ้ เสนอแนะด้านการจัดต้ังกองทนุ สวัสดกิ าร ข้อเสนอแนะด้านที่มาของเงินบริจาคและรายได้อื่น ๆ ที่เข้าสู่กองทุนสวัสดิการ ข้อเสนอแนะด้าน การใช้จ่ายเงิน กองทนุ สวัสดิการ และขอ้ เสนอแนะด้านการตรวจสอบสถานะกองทุน ผลการด�ำเนนิ การ คณะรฐั มนตรมี มี ติรับทราบผลการพจิ ารณาขอ้ เสนอแนะฯ เมื่อวันท่ี 26 พฤศจิกายน 2561 ซง่ึ ส�ำนกั งาน ก.พ. ไดป้ ระชมุ รว่ มกบั กระทรวงสาธารณสขุ โดยเห็นดว้ ยกบั ขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และจะเร่งด�ำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยส�ำนักงาน ก.พ. อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลเพ่ือปรับปรุงแก้ไข ระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 ซ่ึงคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในขณะที่กระทรวงสาธารณสขุ ไดป้ ้องกันและแกไ้ ขปญั หาดงั กล่าว โดยการช้ีแจงท�ำความ เข้าใจกบั สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสชั ภัณฑ์ ออกระเบียบกระทรวงสาธารณสุขท่เี กยี่ วขอ้ งกบั เงินบำ� รงุ เงนิ บริจาค และ ทรัพย์สินบริจาคของหน่วยบริการ จ�ำนวน 3 ฉบับ และก�ำกับ ติดตาม การจัดสวัสดิการภายในสถานพยาบาล อยา่ งเคร่งครัด เพ่อื ใหก้ ารจัดสวสั ดิการภายในของสถานพยาบาลสังกดั กระทรวงสาธารณสขุ เปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปรง่ ใส และตรวจสอบได้มากยง่ิ ขึ้น รายละเอียดของมาตรการฯ สามารถติดตามได้ท่ี 3. มาตรการป้องกันการทุจริต กรณีการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐ จากโครงการรับจ�ำน�ำข้าว และการระบายขา้ วแบบรฐั ตอ่ รฐั ความเป็นมาและข้อเสนอ สืบเน่ืองจากนโยบายยกระดับราคาข้าว ในช่วงปี พ.ศ. 2554 - 2557 ที่ผ่านมา เป็นนโยบายท่ีให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ผลิต โดยเป็นการเข้าไปแทรกแซงกลไกราคาและตลาดอย่างต่อเนอ่ื ง ท้ังน้ี ในการระบายข้าวของรัฐบาลในขณะนั้น ได้ก�ำหนดให้การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐเป็นเคร่ืองมือส�ำคัญ ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการบิดเบือนวิธีการผิดไปจากระเบียบวิธีการค้าระหว่างประเทศตามรูปแบบรัฐต่อรัฐ อีกทั้งมีการกล่าวอ้างข้อจ�ำกัดทางการค้า ซ่ึงเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพื่อไม่ให้กระทบกับความสัมพันธ์ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 115

ระหว่างประเทศ อันน�ำไปสู่การแสวงหาประโยชน์อันมิชอบ และเป็นช่องทางของการทุจริตในการบริหารราชการ รวมถึงการปกปิดข้อมลู เพ่อื ไมใ่ ห้ไดร้ ับการตรวจสอบ โดยเฉพาะรายละเอยี ดของคู่สัญญา ข้อตกลง และเงื่อนไขตา่ ง ๆ ซ่ึงสร้างความเสียหายให้กบั ประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มีข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี เม่ือวันที่ 17 กันยายน 2561 โดยแบง่ ขอ้ เสนอแนะออกเป็น 2 ด้าน คือ ด้านนโยบาย และด้านการด�ำเนินงานของหน่วยงาน ผลการดำ� เนนิ การ คณะรัฐมนตรใี นคราวประชมุ เม่ือวันท่ี 22 มกราคม 2562 ได้มมี ตริ บั ทราบมาตรการ ป้องกันการทจุ รติ กรณีการค้าระหวา่ งประเทศแบบรัฐตอ่ รฐั จากโครงการรับจำ� นำ� ขา้ วและการระบายข้าวแบบรฐั ตอ่ รฐั ได้แก่ มาตรการด้านนโยบาย เก่ียวกับการแก้ไขปัญหาการแทรกแซงกลไกตลาดสินค้าข้าว และมาตรการ ด้านการด�ำเนินงานของหน่วยงานในข้ันตอนต่าง ๆ ทั้งขั้นตอนก่อนการระบายข้าว วิธีการระบายข้าว ข้ันตอน การพิจารณาสัญญาก่อนลงนามในสัญญาระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และการเปิดเผยข้อมูลการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ให้สาธารณชนรบั ทราบ ตามท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงพาณชิ ยแ์ ละหน่วยงาน ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง รับไปพิจารณาด�ำเนินการในส่วนท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือให้การด�ำเนินการเก่ียวกับการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐ จากโครงการรับจ�ำน�ำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐเป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และแนวทางการปฏิบัติงานในการเจรจาและท�ำสัญญาซ้ือขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ของกระทรวงพาณิชย์ท่ีได้ประชุม ร่วมกับหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เมื่อวันท่ี 19 พฤศจิกายน 2561 ซ่ึงท่ีประชุมมีมติเห็นชอบให้กรมการค้าต่างประเทศ จัดท�ำแนวทางการปฏิบัติงานในการเจรจาและท�ำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ส�ำหรับเจ้าหน้าที่กรมการค้า ต่างประเทศใช้ในการด�ำเนินงานต่อไปในอนาคต ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้จัดท�ำแนวทางปฏิบัติดังกล่าวแล้ว โดยเก่ียวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาในข้ันตอนการด�ำเนินการ คือ ข้ันตอนการระบายข้าว ข้ันตอน การพิจารณาสัญญาก่อนลงนามในสัญญาระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และการช้ีแจงเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูล การขายขา้ วแบบรัฐต่อรฐั ให้สาธารณชนทราบ รายละเอยี ดของมาตรการฯ สามารถติดตามไดท้ ่ี 4. มาตรการปอ้ งกันการทจุ รติ เก่ยี วกบั การบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ ความเป็นมาและข้อเสนอ สืบเนื่องจากการเกิดกรณีปัญหาในการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบ�ำรุงอุทยาน แห่งชาติ ที่พบว่าในช่วงเวลา 10 ปีท่ีผ่านมา มีการรั่วไหลของการจัดเก็บเงินรายได้ และมีการร้องเรียนเกี่ยวกับ การทุจรติ และพฤตกิ รรมการหาผลประโยชนข์ องเจา้ หน้าที่ และสถิติจำ� นวนนกั ท่องเทยี่ วจากรายงานของหนว่ ยงานต่าง ๆ ไม่สอดคล้องกับจ�ำนวนนักท่องเท่ียวที่เข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งการร่ัวไหลของเงินรายได้ดังกล่าวน้ี ส่งผลให้ ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณและโอกาสในการน�ำเงินรายได้จากการท่องเที่ยวกลับคืนเพ่ือฟื้นฟูและบ�ำรุงรักษา สภาพทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มที่เสื่อมโทรมในเขตอทุ ยานแหง่ ชาติเปน็ จำ� นวนหลายลา้ นบาทตอ่ ปี ดังนั้น เพือ่ แก้ไขปญั หาในกรณดี ังกลา่ ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชมุ ครงั้ ที่ 948 - 59/2561 เม่ือวันท่ี 10 กรกฎาคม 2561 จึงได้มติให้มีข้อเสนอแนะฯ ต่อคณะรัฐมนตรี โดยแบ่งข้อเสนอแนะฯ ออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบ�ำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ด้านการพิจารณาและอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินรายได้ เพ่ือบ�ำรุงรกั ษาอุทยานแห่งชาติ และดา้ นการบรหิ ารจดั การ ผลการด�ำเนินการ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการสอบถามความเห็นเพ่ิมเติมจากกระทรวงการคลัง และสำ� นักงบประมาณ และได้ด�ำเนนิ การเสนอเรอื่ งตอ่ คณะรฐั มนตรี เมื่อวันท่ี 25 กุมภาพันธ์ 2562 ขณะนีอ้ ยรู่ ะหว่าง การพจิ ารณาของคณะรฐั มนตรี รายละเอียดของมาตรการฯ สามารถตดิ ตามได้ท่ี 116 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

5. ข้อเสนอแนะการปอ้ งกนั การทุจรติ กรณีการนำ� รถยนตส์ ่วนกลางของรฐั ไปใช้เพอื่ ประโยชนส์ ่วนตน กรณอี งค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ความเป็นมาและข้อเสนอ สืบเน่ืองจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีข้อสังเกตในกรณีการน�ำรถยนต์ ส่วนกลางไปใช้เสมือนรถประจ�ำต�ำแหน่ง ไปยังส�ำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รักษาการตามระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม โดยขอให้ก�ำกับดูแล และตรวจสอบว่าข้าราชการผู้ใดที่มิได้ ด�ำรงต�ำแหน่งให้มีรถประจ�ำต�ำแหน่ง จะน�ำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจ�ำต�ำแหน่งมิได้ หากข้าราชการ ผ้ใู ดกระท�ำการดงั กล่าว ให้ถอื ว่ามีความผดิ วนิ ัยรา้ ยแรง ทง้ั นกี้ เ็ พ่อื รกั ษาผลประโยชนแ์ ละทรพั ยส์ นิ ของทางราชการ นนั้ เนอื่ งจากระเบยี บส�ำนักนายกรัฐมนตรีวา่ ด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และทแ่ี ก้ไขเพิม่ เติม มีผลบังคบั ใช้ แก่สว่ นราชการระดบั กระทรวง ทบวง กรม ส�ำนกั งาน หรอื หน่วยงานอ่ืนใดของรัฐ ท้ังในสว่ นกลาง ส่วนภมู ภิ าค หรือ ในต่างประเทศ แต่ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หรือ หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น ดังนั้น เพ่ือให้การด�ำเนินการ ตามข้อสังเกตการน�ำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจ�ำต�ำแหน่งที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งท่ี 1006 - 77/2561 เมอ่ื วนั ท่ี 28 สงิ หาคม 2561 จึงได้มีมติ ให้มีหนังสือแจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีการน�ำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจ�ำต�ำแหน่งไปยัง คณะรฐั มนตรี เพ่อื ให้คณะรัฐมนตรสี ่ังการให้รัฐวสิ าหกจิ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ และองค์การมหาชน ปฏบิ ตั ติ าม ขอ้ สงั เกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยเครง่ ครดั ต่อไป ผลการด�ำเนนิ การ คณะรัฐมนตรีในการประชมุ เมอ่ื วันท่ี 8 มกราคม 2562 ไดม้ มี ติรับทราบขอ้ สังเกต ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการน�ำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจ�ำต�ำแหน่ง สืบเนื่องจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าข้าราชการบางหน่วยงานซึ่งมิได้ด�ำรงต�ำแหน่งที่ราชการจัดรถประจ�ำ ต�ำแหน่งให้ ได้น�ำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจ�ำต�ำแหน่งและเบิกจ่ายค่าน�้ำมันเชื้อเพลิง จากทางราชการ ซ่ึงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้แจ้งส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รักษาการตามระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ให้ควบคุม และตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งต่อมาส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรีได้แจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหส้ ว่ นราชการต่าง ๆ ทอ่ี ยใู่ นบังคับของระเบียบฯ ทราบและถือปฏิบัติตามระเบยี บฯ อย่างเครง่ ครดั แล้ว อยา่ งไรก็ตาม เนื่องจากระเบียบฯ ไม่ครอบคลุมถึงรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์การมหาชน ดังน้ัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานดังกล่าวปฏิบัติก�ำกับ ควบคุม ดูแล และ ตรวจสอบว่าผู้ใดท่ีมิได้ด�ำรงต�ำแหน่งที่มีรถประจ�ำต�ำแหน่งจะน�ำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนรถประจ�ำต�ำแหน่งมิได้ และผู้ใดกระทำ� การดงั กลา่ วใหถ้ อื ว่ามีความผดิ วนิ ัยร้ายแรงดว้ ย ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ และมอบหมายให้ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และส�ำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาด�ำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพ่ือให้ การใช้รถยนต์ส่วนกลางของรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์การมหาชนเป็นไปตามข้อสังเกตของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในเร่ืองนี้ต่อไป โดยให้รับความเห็นของส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีท่ีเจ้าหน้าที่ ของรัฐผู้ใดน�ำรถส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจ�ำต�ำแหน่งให้ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง นั้น สมควรให้เป็น ดุลยพินิจของหน่วยงานแต่ละแห่งในการพิจารณาปรับปรุงระเบียบของหน่วยงานโดยค�ำนึงถึงความสอดคล้องกับ หลักเกณฑเ์ กีย่ วกับการลงโทษทางวนิ ัยของหนว่ ยงานน้นั ไปประกอบการพิจารณาด�ำเนินการด้วย รายละเอียดของมาตรการฯ สามารถตดิ ตามไดท้ ี่ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 117

6. มาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณา บนทางสาธารณะ ความเป็นมาและข้อเสนอ สืบเนื่องจากปัญหาการติดตั้งป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะ ซ่ึงนอกจาก จะทำ� ใหบ้ ้านเมืองดไู ม่สะอาดและขาดความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ยแลว้ ยังสง่ ผลกระทบท่ีหลากหลายตามมา อาทิ ทำ� ให้ ประชาชนท่ีสัญจร ในบริเวณนั้นได้รับอันตราย หรือสุ่มเส่ียงต่อการได้รับอันตรายอันเกิดจากป้ายท่ีไม่ได้มาตรฐาน ขาดความมั่นคงแขง็ แรง หรือตดิ ตั้งรุกล�้ำออกมานอกแนวร่นของอาคาร กีดขวางทางเดนิ บดบงั ทศั นวิสัยในการขบั ข่ี การเดินเทา้ ของประชาชนบนบาทวิถี หรอื แม้แตก่ ารติดตั้งปา้ ยโฆษณาท่ีมีความเขม้ ของแสงสูงเกนิ มาตรฐานหรือเป็น ภาพเคลอ่ื นไหว ซ่ึงท�ำใหร้ บกวนสมาธิตอ่ ผขู้ บั ข่อี นั กอ่ ให้เกดิ ความเสยี่ งในการเกิดอุบตั ิเหตุได้ ทงั้ นี้ ประเดน็ ส�ำคัญของ ปัญหาดังกลา่ ว คือ เรือ่ งการบงั คบั ใช้กฎหมาย เนื่องจากการติดต้ังป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะเปน็ เรอื่ งทีก่ ฎหมาย ก�ำหนดไว้เป็นข้อห้ามไว้อย่างชัดเจน ซ่ึงผู้ที่ฝ่าฝืนถือว่ากระท�ำผิดกฎหมาย หากแต่ยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมาย อยา่ งเครง่ ครัด ดงั นั้น เพื่อแกไ้ ขปัญหาในกรณีดงั กล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชมุ คร้ังท่ี 1012 - 83/2561 เมื่อวันที่ 11 กนั ยายน 2561 จึงได้มตใิ ห้มีข้อเสนอแนะฯ ต่อคณะรฐั มนตรี โดยแบง่ ขอ้ เสนอแนะออกเปน็ 2 ระยะ คอื ระยะเรง่ ดว่ น ประกอบด้วย มาตรการทางการบรหิ าร มาตรการทางกฎหมาย และระยะยาว ทเ่ี นน้ ให้เกิดการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการติดต้ัง ป้ายโฆษณาท่ผี ิดกฎหมาย เพอื่ ความสะอาดเรยี บร้อยและความปลอดภัยของประชาชนตอ่ ไป ผลการดำ� เนนิ การ คณะรัฐมนตรใี นการประชมุ เม่อื วนั ที่ 8 มกราคม 2562 ไดม้ มี ติรบั ทราบมาตรการดังกล่าว และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องรับมาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ี ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกบั ปา้ ยโฆษณาบนทางสาธารณะ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาด�ำเนนิ การแลว้ ให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมผลการด�ำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับแจ้งมติ คณะรฐั มนตรี ท้ังนี้ ใหก้ ระทรวงมหาดไทยและหนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้อง รับความเหน็ ของกระทรวงคมนาคม กระทรวง มหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และส�ำนักงานสภา พัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมกี ฎหมายกำ� หนดเขต บริเวณ ย่าน ท่จี ะใชต้ ดิ ตั้งป้ายโฆษณาเพ่อื รกั ษา ภูมิทัศน์และป้องกันอันตรายที่เกิดจากป้าย การก�ำหนดให้มีเลขทะเบียนควบคุมป้ายโฆษณาในที่สาธารณะต่าง ๆ เป็นระบบเดียวต้องก�ำหนดให้มีหน่วยที่รับผิดชอบวางระบบเพ่ือก�ำหนดเลขทะเบียนควบคุมเป็นระบบเดียวกัน การก�ำหนดพื้นที่เฉพาะส�ำหรับการติดต้ังป้ายโฆษณาท�ำให้เกิดภาระของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องซึ่งจะต้องจัดหาพื้นท่ี และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพ้ืนที่ดังกล่าว และควรพิจารณา แต่งตั้งคณะท�ำงานประกอบด้วยหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณารายละเอียดของมาตรการทางกฎหมาย (ควรด�ำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี) เพ่ือให้มาตรการต่าง ๆ มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายและสามารถใช้ ในการบริหารกิจการของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด�ำเนินการ ในส่วนที่เก่ียวข้องตอ่ ไปด้วย รายละเอยี ดของมาตรการฯ สามารถติดตามได้ท่ี 118 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

7. มาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียน ในสถานศึกษา สงั กัดส�ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (มาตรการระยะยาว) ความเปน็ มาและขอ้ เสนอ สบื เน่อื งจากปญั หาการเรียกรบั ทรพั ยส์ นิ หรือประโยชนต์ อบแทนเพ่ือโอกาส ในการเข้าเรยี นในสถานศกึ ษา หรือท่เี รียกกันเป็นการทว่ั ไปว่า “แปะ๊ เจ๊ยี ะ” เพ่ือให้เด็กได้เขา้ ศึกษาต่อ ซ่งึ เปน็ ช่องทาง ให้สถานศกึ ษาและบคุ คลทเี่ ก่ียวข้องในการรบั เด็กเขา้ เรียน ไดม้ โี อกาสและสามารถแสวงหาประโยชนโ์ ดยมิชอบ ท้งั ในรูปแบบ ของการใช้ช่องทางการบริจาคเงินให้กับสถานศึกษาและการจ่ายเงินใต้โต๊ะ และส่งผลกระทบต่อโอกาสทางการศึกษา สำ� หรับเด็กทเ่ี รียนดี แตม่ ฐี านะการเงนิ ของครอบครัวไม่ดี และต้องถูกกีดกันเพราะทน่ี ั่งในการเข้าเรยี นมจี ำ� กดั นั้น เพ่ือแก้ไขปัญหาการทุจริตกรณีเรียกรับผลประโยชน์ในระบบการศึกษาของประเทศไทยดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมเม่ือวันท่ี 20 กันยายน 2561 จึงได้มีมติให้มีข้อเสนอแนะฯ ต่อคณะรัฐมนตรี โดยแบ่งขอ้ เสนอแนะฯ ออกเป็น 3 ด้าน คือ 1) ขอ้ เสนอแนะต่อรฐั บาล ทมี่ ุ่งเนน้ เกยี่ วกบั การปฏริ ปู ระบบการจดั สรร งบประมาณเพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) ข้อเสนอแนะต่อส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานท่ีมุ่งเน้น เกี่ยวกบั การทบทวนหลกั เกณฑ์การรับนักเรยี น และนโยบายการจดั การศกึ ษาใหเ้ กดิ ความเป็นธรรมมากย่งิ ขึ้น และ 3) ข้อเสนอ แนะต่อกระทรวงศึกษาธิการ ท่ีมุ่งเน้นเกี่ยวกับการด�ำเนินการพัฒนามาตรฐานการศึกษาของแต่ละโรงเรียนให้เป็น มาตรฐานเดียวกนั เพ่อื แกไ้ ขปัญหาการแยง่ เขา้ เรยี นในโรงเรยี นทีม่ กี ารแข่งขันสงู อันนำ� มาซึ่งปญั หาการเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรับทรพั ยส์ นิ หรือประโยชนต์ อบแทนเพ่อื โอกาสในการเขา้ เรียนดังกลา่ ว ผลการดำ� เนนิ การ คณะรฐั มนตรีในการประชุมเมอ่ื วันท่ี 5 กุมภาพนั ธ์ 2562 ได้มมี ตริ บั ทราบมาตรการ ดังกล่าว และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องรับมาตรการฯ ไปพิจารณาด�ำเนินการในส่วนท่ีเก่ียวข้อง เพื่อให้การด�ำเนินการในเร่ืองดังกล่าวเป็นไปตามข้อเสนอแนะของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส�ำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการพจิ ารณาดำ� เนินการด้วย รายละเอียดของมาตรการฯ สามารถติดตามไดท้ ี่ 8. ข้อเสนอแนะเพื่อยกระดับคะแนนดชั นีการรับรู้การทุจรติ (Corruption Perception Index : CPI) ระยะท่ี 2 ความเป็นมาและข้อเสนอ เพ่ือให้การยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทยเป็นไป ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มีข้อเสนอแนะเพ่ือยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perception Index : CPI) ระยะที่ 2 ตอ่ คณะรัฐมนตรี เมอ่ื วนั ที่ 3 ธนั วาคม 2561 โดยประกอบด้วยข้อเสนอ 2 สว่ น คอื 1. ขอ้ เสนอต่อสำ� นกั งาน ป.ป.ท. ท่มี งุ่ เนน้ ให้สำ� นักงาน ป.ป.ท. ประสานกบั หนว่ ยงานภาคเอกชนหรอื มูลนิธิที่มีความพร้อม เพ่ือเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ พร้อมท้ังสง่ เสริมให้ภาคสว่ นต่าง ๆ ตระหนกั ถึงความส�ำคัญของการยกระดับคา่ คะแนนดชั นีการรบั ร้กู ารทจุ ริต 2. ข้อเสนอต่อรัฐบาล ท่ีเน้นในเร่ืองการจัดให้มีกลไกการคุ้มครองพยานและผู้แจ้งเบาะแสเก่ียวกับ การทุจรติ (Whistleblower) ให้เปน็ รปู ธรรมและมปี ระสทิ ธิภาพ ผลการดำ� เนนิ การ คณะรัฐมนตรใี นการประชมุ เมื่อวนั ที่ 12 กมุ ภาพนั ธ์ 2562 รับทราบข้อเสนอแนะ ดังกล่าว และให้ส�ำนักงาน ป.ป.ท. และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องรับความเห็นในส่วนที่เก่ียวข้องของหน่วยงานต่าง ๆ ไปพิจารณาดำ� เนินการตอ่ ไป รายละเอียดของมาตรการฯ สามารถตดิ ตามไดท้ ี่ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 119

มาตรการ ความเหน็ และข้อเสนอแนะทเี่ สนอต่อหน่วยงานท่ีเกีย่ วขอ้ ง 1. มาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพ่ือโอกาสในการ เข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (มาตรการระยะสั้นเร่งด่วน) (เสนอต่อกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธกิ าร และสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน) ความเป็นมาและข้อเสนอ สืบเน่ืองจากปัญหาการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทน เพ่ือโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา หรือท่ีเรียกกันเป็นการท่ัวไปว่า “แป๊ะเจ๊ียะ” เพื่อให้เด็กได้เข้าศึกษาต่อ ซ่งึ เปน็ ชอ่ งทางใหส้ ถานศกึ ษาและบคุ คลที่เกี่ยวขอ้ งในการรบั เดก็ เข้าเรยี น ไดม้ ีโอกาสและสามารถแสวงหาประโยชน์ โดยมชิ อบ ท้ังในรปู แบบของการใชช้ ่องทางการบริจาคเงนิ ให้กบั สถานศกึ ษาและการจา่ ยเงินใต้โตะ๊ และส่งผลกระทบ ตอ่ โอกาสทางการศกึ ษาส�ำหรับเด็กท่เี รยี นดี แต่มฐี านะการเงินของครอบครวั ไมด่ ี และต้องถูกกีดกนั เพราะที่นงั่ ในการ เข้าเรยี นมจี ำ� กดั นั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวประกอบกับช่วงเวลาที่มีการก�ำหนดมาตรการน้ีเป็นช่วงระยะเวลาของการ เปดิ รบั สมัครนักเรยี น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มีมาตรการระยะสั้นเรง่ ด่วนเสนอตอ่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวง ศึกษาธิการ และส�ำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ในการรว่ มกับสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวดั ทุกจงั หวัด ลงพื้นท่ีสุ่มตรวจการรับนักเรียนของสถานศึกษา สังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานท่ัวประเทศ โดยเฉพาะ สถานศึกษาที่มีการแข่งขันสูง เพื่อเป็นการป้องปรามเชิงรุกในเบ้ืองต้น ในการสกัดก้ันการทุจริตในการเรียกรับ ทรัพยส์ ินหรือประโยชน์ตอบแทนเพ่อื โอกาสในการเขา้ เรยี นในสถานศึกษา ผลการด�ำเนินการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบหมายให้ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัด ท่ัวประเทศ ลงพื้นท่ีสุ่มตรวจการรับนักเรียนของสถานศึกษา สังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานท่ัวประเทศ และประชาสัมพนั ธ์มาตรการดงั กล่าวใหส้ าธารณชนรบั ทราบ 2. เกณฑ์ชี้วดั ความเส่ียงตอ่ การทจุ รติ เชงิ นโยบาย (เสนอตอ่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ความเป็นมาและข้อเสนอ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) โดยเฉพาะในประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 3 “สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย” โดยได้ด�ำเนินการจัดท�ำร่างเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ซ่ึงเป็น แนวทางตามกลยุทธ์ “วางมาตรการเสริมในการสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายบนฐานธรรมาภิบาล” โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบเตือนภัยการทุจริตเชิงนโยบายในนโยบายสาธารณะขนาดใหญ่ ผ่านเกณฑ์ช้ีวัด ท่ีถูกออกแบบมาซึ่งจะช่วยให้สาธารณชนสามารถน�ำมาใช้ในการเฝ้าระวังและตรวจสอบการด�ำเนินโครงการขนาดใหญ่ ของรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้การด�ำเนินการของภาครัฐเป็นไปโดยสุจริต โปร่งใส คุ้มค่า และ เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 63 ที่รัฐจะตอ้ งจดั ใหม้ ีมาตรการและกลไกทีม่ ีประสทิ ธิภาพเพ่ือปอ้ งกนั และขจดั การทุจริตและประพฤติมิชอบ อย่างเข้มงวด รวมท้ังมีกลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริต รวมถึง บทบญั ญตั ิของรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 50 ท่กี �ำหนดหน้าทขี่ องปวงชนชาวไทยในการปกป้องผลประโยชนข์ องชาติและ ไม่รว่ มมือหรือสนับสนุนการทุจรติ และประพฤติมชิ อบรปู แบบอยา่ งแท้จริง ทั้งนี้ เกณฑ์ชี้วัดดังกล่าวประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1) เกณฑ์ช้ีวัดความเส่ียงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในข้ันตอนการพัฒนานโยบาย และ 2) เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบายในขั้นตอนการน�ำนโยบายไปสู่ การปฏบิ ตั ิ ผลการด�ำเนินการ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดส่งเกณฑ์ช้ีวัดดังกล่าว ไปยังส�ำนักงานคณะกรรมการ การเลือกต้งั แลว้ ขณะนีอ้ ยู่ระหวา่ งการพจิ ารณาของคณะกรรมการการเลือกตง้ั รายละเอียดของมาตรการฯ สามารถตดิ ตามไดท้ ี่ 120 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

ทงั้ นี้ ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีแผนการด�ำเนินการในการเสนอมาตรการ ความเหน็ ขอ้ เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี และหนว่ ยงานท่ีเกย่ี วข้อง ตามอำ� นาจหนา้ ที่ ดังนี้ แผนการเสนอมาตรการ ความเหน็ และข้อเสนอแนะ ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 จำ�นวนเร่ือง การดำ�เนินการปงี บประมาณ แผนการดำ�เนนิ การ การเสนอมาตรการ พ.ศ. 2561 ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 การเสนอมาตรการ ความเหน็ และขอ้ เสนอแนะต่อ 10 เรื่อง 10 เร่ือง คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานทเี่ ก่ียวขอ้ ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ม่งุ หวงั ใหม้ าตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะท่ไี ดเ้ สนอต่อหนว่ ยงานตา่ ง ๆ นำ� ไปสู่ การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้การบูรณาการร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพ่ือน�ำไปสู่ เป้าหมายทต่ี ้องการให้ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทงั้ ชาติต้านทุจรติ ” การขบั เคล่อื นกฎหมายและมาตรการสำ� หรบั นติ บิ ุคคลเพอื่ ปอ้ งกนั การใหส้ นิ บนเจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2558 ไดม้ ีบทบัญญัตมิ าตรา 123/5 เพื่อกำ� หนดความรบั ผิดส�ำหรับบุคคลที่ให้สนิ บนเจา้ หนา้ ที่รัฐ เจา้ หนา้ ท่ีรฐั ต่างประเทศ และเจ้าหน้าท่ีขององค์การระหว่างประเทศ รวมท้ัง ก�ำหนดความรับผิดเฉพาะส�ำหรับนิติบุคคล ท่ีเก่ียวข้องกับการ ให้สินบน โดยกฎหมายใหม่ได้มีการก�ำหนดโทษปรับท่ีมีมูลค่าสูง เพ่ือให้รัฐได้รับการเยียวยาความเสียหาย เพื่อเอาประโยชน์ท่ีนิติบุคคลได้ไปโดยมิควรได้คืน และเพื่อเป็นการป้องปรามการกระท�ำความผิด ซึ่งส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดท�ำและเผยแพร่คู่มือแนวทางการก�ำหนดมาตรการควบคุมภายในท่ีเหมาะสม ส�ำหรับนิติบุคคล ในการป้องกันการให้สินบนเจ้าหน้าท่ีของรัฐ เจ้าหน้าท่ีของรัฐต่างประเทศ และเจ้าหน้าท่ีขององค์การระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2561 ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไดจ้ ัดโครงการสมั มนาเผยแพร่แนวทางการก�ำหนดมาตรการสำ� หรับ นติ ิบคุ คลในการปอ้ งกนั การให้สนิ บนเจา้ หน้าทขี่ องรัฐฯ จำ� นวน 2 ครง้ั คร้งั ท่ี 1 สำ� นักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการจัดโครงการสัมมนาเผยแพรแ่ นวทางการก�ำหนดมาตรการสำ� หรับ นิติบุคคลในการป้องกันการให้สินบนเจ้าหน้าท่ีของรัฐฯ แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจเอกชน ในเขตพื้นท่ีภาค 5 ในหัวข้อ “แนวทางการสร้างธุรกิจโปร่งใสไร้สินบน” เม่ือวันศุกร์ที่ 30 มีนาคม 2561 ณ ห้องแกรนด์วิว 1 โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ มาตรา 123/5 และแนวทางการกำ� หนดมาตรการปอ้ งกนั การใหส้ นิ บนเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐฯ โดยมกี ลุ่มเปา้ หมายประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจเอกชน ผู้บริหารและเจ้าหน้าท่ีของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในเขตพ้ืนที่ภาค 5 (เชยี งใหม่ เชยี งราย แมฮ่ อ่ งสอน น่าน พะเยา แพร่ ลำ� ปาง และล�ำพูน) วิทยากรจากสมาคมส่งเสริม สถาบันกรรมการบรษิ ัทไทย สื่อมวลชนและผู้สงั เกตการณ์ จำ� นวน 185 คน ผลผลิต: การจัดสัมมนาเผยแพร่แนวทางการก�ำหนดมาตรการส�ำหรับนิติบุคคลในการป้องกันการให้ สนิ บนเจา้ หนา้ ทีข่ องรฐั จ�ำนวน 1 ครงั้ ผลลัพธ์: ในภาพรวมของผู้เข้าร่วมโครงการ มีระดับความคิดเห็นต่อการจัดโครงการสัมมนา และมีระดับ ความคดิ เห็นต่อหวั ขอ้ การสมั มนาและวทิ ยากรในครัง้ น้ี อยู่ในระดบั คอ่ นขา้ งสูง ประโยชน์ที่ได้รับ: หน่วยงานภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ และภาคธุรกิจเอกชนในส่วนภูมิภาคมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับมาตรา 123/5 และแนวทางการก�ำหนดมาตรการป้องกันสินบน และส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีเครือข่าย กบั หนว่ ยงานในส่วนภมู ิภาคเพิม่ มากข้ึน รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 121

คร้ังที่ 2 ส�ำนักป้องกันการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจและธุรกิจเอกชนด�ำเนินการจัดโครงการสัมมนาเผยแพร่ แนวทางการก�ำหนดมาตรการควบคุมภายในของนิติบุคคลเพ่ือป้องกันการให้สินบนเจ้าหน้าท่ีของรัฐฯ ภายใต้กรอบ การสัมมนา “แนวทางสร้างความโปร่งใส...สู่สังคมใหม่ไร้สินบน” เมื่อวันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน 2561 ณ โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น พลัส แวนด้า แกรนด์ ถนนแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรา 123/5 และแนวทางการก�ำหนดมาตรการป้องกันการให้สินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐฯ แก่ภาคธุรกิจเอกชน ตลอดจนภาคส่วนที่เก่ียวข้องให้ได้รับทราบ รวมท้ังเพื่อสร้างกระแสรณรงค์และผลักดันให้ ภาคธุรกิจเอกชนจัดท�ำมาตรการควบคุมภายในของตนเอง โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 283 คน ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาคธุรกิจเอกชน หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานก�ำกับดูแลภาคเอกชน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ทงั้ สว่ นกลางและสว่ นภมู ิภาค และสือ่ มวลชน ผลผลิต: หน่วยงานภาคธุรกิจเอกชน หน่วยงานภาครฐั หน่วยงานกำ� กบั ดแู ลภาคเอกชน สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ร่วมสมั มนา คดิ เป็นรอ้ ยละ 81.33 ของเป้าหมาย ผลลัพธ์: กลุ่มเป้าหมายเกิดความตระหนักรู้ในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับแนวทางการก�ำหนดมาตรการควบคุม ภายในของนติ ิบุคคลที่ระดับ 4.20 ใน 5 ตามแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) ประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั : 1. ภาคธรุ กจิ เอกชนมีความรู้ความเข้าใจแนวทางการก�ำหนดมาตรการควบคมุ ภายใน ของนิติบุคคลตามมาตรา 123/5 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2558 2. ภาคธุรกิจเอกชนมีการจัดท�ำมาตรการควบคุมภายใน ตามมาตรา 123/5 แห่งพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2558 โครงการเสรมิ สร้างธรรมาภบิ าลใหก้ ับผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาส�ำคัญที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้กระบวนการพัฒนาประเทศต้องติดขัดหรือหยุดชะงักลง เกิดความสูญเปล่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และ ท�ำให้การตัดสินใจของภาคเอกชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ขาดความเชื่อม่ันในการเข้ามาลงทุน ทำ� ให้สญู เสียโอกาสทางเศรษฐกิจไปเป็นจำ� นวนมหาศาล และสุดทา้ ยผลของการทุจริตคอรร์ ัปชัน กท็ ำ� ใหป้ ระเทศไทย ยงั ไมส่ ามารถท่จี ะก้าวขา้ มการเป็นประเทศกำ� ลังพัฒนา เพื่อไปสู่การเปน็ ประเทศที่พฒั นา ด้วยเหตุน้ี ภารกิจในการร่วมกันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน จึงไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง หรือ หน่วยงานใดหน่วยงานหน่ึง เป็นปัญหาของทุกคนในชาติที่จะต้องให้ความร่วมมือ สนับสนุน กันทุกภาคส่วน ซึ่งในส่วนของภาคเอกชนก็เริ่มให้ความสนใจในเรื่องของบรรษัทภิบาล (Good Governance) และมีบทบาท ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมากขึ้น และด้วยภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบันท่ีกลุ่มทุนขนาดใหญ่เร่ิม ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง เน่ืองจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก ประกอบกับรัฐบาลได้ให้ความส�ำคัญ และให้การสนับสนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เกิดความเข้มแข็ง ท�ำให้ประชาชนจ�ำนวนมากมีความสนใจที่จะ เป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มากขึ้น และเพ่ือเป็นการสร้างเครือข่ายในกลุ่ม ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนเป็นการสนับสนุนให้เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ชาติฯ ประสบความส�ำเร็จ คือ การท่ีประเทศไทยมีค่าดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI : Corruption Perception Index) สูงกวา่ ร้อยละ 50 เพื่อให้เปน็ มาตรฐานและไดร้ บั การยอมรับจากทง้ั ภายในและต่างประเทศ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 สำ� นักงาน ป.ป.ช. ดำ� เนนิ การจัดอบรมการเสรมิ สรา้ งธรรมาภิบาลใหแ้ กผ่ ปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม วทิ ยากร ผู้บรหิ าร เจา้ หน้าท่ี และ ผ้สู งั เกตการณ์ จำ� นวน 125 คน ผลผลิต: จัดอบรมการเสริมสร้างธรรมาภิบาลให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จำ� นวน 1 ครั้ง 122 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

ผลลพั ธ์: สรปุ ผลการจดั อบรม 1 ชุด ประโยชน์ท่ีได้รับ: ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมาภิบาล ในการด�ำเนินธุรกิจ และสามารถน�ำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งเกิดความร่วมมือในการต่อต้านการทุจริตระหว่าง ส�ำนักงาน ป.ป.ช. กบั ภาคีเครือข่าย โครงการบูรณาการประสานความร่วมมือระหวา่ งสำ� นักงาน ป.ป.ช. และหอการค้าร่วมต่างประเทศ ในประเทศไทย การทุจริตในยุคปัจจุบันมิใช่ปัญหาของประเทศหนึ่งประเทศใดเท่านั้น แต่เป็นปัญหาร่วมกันระหว่าง ประเทศต่าง ๆ ในสังคมโลก จนกระท่ังได้มีการจัดทำ� อนุสัญญาสหประชาชาติวา่ ด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention Against Corruption 2003) เพ่ือเป็นเครื่องมือส�ำคัญส�ำหรับประเทศต่าง ๆ ในการร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามการทุจริตท้ังภายในประเทศของตนเองและการทุจริตในลักษณะข้ามชาติ ซึ่งมีการก�ำหนดแนวทางส�ำคัญหลายประการท้ังในภาครัฐและภาคเอกชน เช่น การป้องกันการทุจริต การก�ำหนด ให้การทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ เป็นความผิดทางอาญา ความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น การส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือการติดตามสินทรัพย์คืนจากต่างประเทศ และความช่วยเหลือทางวิชาการและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติฯ โดยสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่ดีกับ ภาคธุรกิจเอกชนต่างประเทศ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แก่ภาคธุรกิจเอกชนในประเทศไทย และธุรกิจต่างประเทศที่ด�ำเนินกิจการในประเทศไทย ให้รับทราบและตระหนักถึง ความส�ำคัญในการเข้ามามีบทบาทร่วมกันในการด�ำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนนิ กจิ กรรม ดังนี้ 1. กจิ กรรมที่ 1 การจัดจ้างแปลเอกสารเผยแพรป่ ระชาสัมพันธ์ 2. กิจกรรมที่ 2 การจัดพิมพ์วารสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต ข้อมลู ดา้ นการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. 3. กิจกรรมที่ 3 การจัดสัมมนาการป้องกันและปราบปรามการทุจริตร่วมกับหอการค้าร่วมต่างประเทศ ในประเทศไทย ด�ำเนนิ การในหอประชมุ หรอื สถานท่ีจดั สัมมนาของเอกชน ผลผลิต/ผลลัพธ์: 1. เอกสารงานแปลยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ขอ้ มูลดา้ นการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของสำ� นักงาน ป.ป.ช. จ�ำนวน 3 ชน้ิ งาน 2. วารสารเผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ 3,000 ฉบบั 3. ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการด�ำเนินการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ ระหว่างหอการคา้ ร่วมตา่ งประเทศในประเทศไทย (JFCCT) ภายใตห้ ัวขอ้ “มาตรการป้องกัน การให้สินบนในภาคเอกชนและการแก้ไขเพ่ิมเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ อนวุ ัตกิ ารอนสุ ญั ญาสหประชาชาติว่าดว้ ยการต่อตา้ นการทุจริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention against Corruption : UNCAC)” ในวันพุธท่ี 29 สิงหาคม 2561 ณ ห้องฟอร์จูนแพตตินั่ม ช้ัน 3 โรงแรม แกรนด์ เมอร์เคยี ว ฟอร์จูน กรงุ เทพมหานคร โดยมผี ู้เขา้ ร่วมการสัมมนาประกอบด้วย ผแู้ ทนหอการคา้ ร่วมตา่ งประเทศในประเทศไทย ผู้แทนสถานทูตต่างประเทศประจำ� ประเทศไทย ผแู้ ทนองค์กรระหว่างประเทศ และ ผแู้ ทนจากหน่วยงานที่เกีย่ วข้อง จ�ำนวน 107 ราย ประโยชน์ที่ได้รับ: กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบและเข้าใจเก่ียวกับยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต ข้อมูลด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของส�ำนักงาน ป.ป.ช. อีกทั้งการด�ำเนิน โครงการท�ำให้เกิดความสัมพันธ์อันดี และเป็นการขยายเครือข่ายการป้องกันการทุจริตที่ขยายกลุ่มไปยังภาคเอกชน ต่างประเทศ ท�ำให้เกิดความเชอ่ื มน่ั ตอ่ การดำ� เนินงานดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตของสำ� นักงาน ป.ป.ช. รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 123

โครงการมอบรางวลั องค์กรโปร่งใส (NACC Integrity Awards) การทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาส�ำคัญที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการพัฒนาประเทศของเรามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหน่ึงเกิดจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การเมือง ทม่ี ลี ักษณะผกู ขาดอ�ำนาจอยใู่ นคนกลุม่ นอ้ ย ทม่ี ีความรู้ ทนุ และอำ� นาจการเมอื ง นอกจากนส้ี งั คมไทยยังมีวัฒนธรรม และค่านิยมท่ีเป็นปัญหาอุปสรรคในการต่อต้านการทุจริต ผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจบางแห่ง ไม่ประพฤตติ นให้เป็นแบบอยา่ งที่ดี บกพรอ่ งในการบรหิ ารจดั การดว้ ยหลัก ธรรมาภบิ าล (Good Governance) และ มีการกระทำ� ทขี่ ดั กนั ระหว่างผลประโยชนส์ ่วนบคุ คลและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ภาคเอกชน และองค์กรธรุ กิจบางแหง่ ยังขาดจริยธรรมและไม่ปฏิบัติตามหลักบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) ประชาชนขาดจิตส�ำนึกและไม่มี ความตระหนักในความเสียหายที่จะเกิดข้ึน จุดอ่อนของกระบวนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเกิดจาก ทุกภาคส่วน ขาดการส่งเสริมและสนับสนุนสร้างยกย่องเชิดชูคนดีให้เกิดข้ึนในสังคมอย่างจริงจังและต่อเน่ือง ขาดการปลกู จติ ส�ำนกึ และส่งเสริมคา่ นยิ ม ในความซอ่ื สัตย์สจุ ริตอยา่ งจริงจัง ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ด�ำเนินงานตามโครงการมอบรางวัลองค์กรโปร่งใส ซ่ึงมีหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก ผู้สมัครรับรางวัลองค์กรโปร่งใสท่ีส�ำคัญอย่างเข้มงวด ตลอดจนมีการสอบทานข้อมูลของผู้สมัครจากหน่วยงานก�ำกับ ควบคุม ดูแล (Regulator) ท่ีเก่ียวข้อง ท�ำให้ได้มาซึ่งรางวัลเกียรติยศแห่งคุณธรรม จริยธรรม และความซ่ือตรง เป็นแบบอย่างท่ีดีแก่สังคม เพ่ือเป็นการสร้างขวัญ ก�ำลังใจ และยกย่องเชิดชูหน่วยงาน/องค์กร/สถาบัน ภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจเอกชน และนิติบุคคลอ่ืน ๆ ที่มีการบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) บรรษัทภิบาล (Corporate Governance) มีจรรยาบรรณทางการคา้ (Code of Conduct) และรบั ผดิ ชอบสงั คม สว่ นรวม (Corporate Social Responsibility : CSR) ด้านความโปร่งใส การเปดิ เผยข้อมูล การตรวจสอบได้ และ ความซื่อสัตย์สุจริต โดยมีกลุ่มเป้าหมายได้แก่หน่วยงาน/องค์กร/สถาบัน ภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจเอกชน และนติ ิบุคคลอืน่ ๆ ผลผลติ : จ�ำนวนหนว่ ยงานทส่ี มคั รเข้าร่วมโครงการผ่านเกณฑก์ ารคดั เลอื กไม่นอ้ ยกว่า 10 หนว่ ยงาน ผลลัพธ์: ระดับความเข้าใจและความตระหนักของหน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกได้รับรางวัลท่ีระดับ 3 ใน 5 (ใช้มาตรวดั แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale)) ประโยชน์ที่ได้รับ: หน่วยงานภาครฐั ภาครฐั วสิ าหกจิ และภาคธรุ กจิ เอกชน เกดิ ความเขา้ ใจและตระหนกั ในการป้องกนั การทุจรติ มีการบรหิ ารจัดการด้วยหลกั ธรรมาภิบาล (Good Governance) บรรษัทภบิ าล (Corporate Governance) มจี รรยาบรรณทางการค้า (Code of Conduct) และรับผดิ ชอบสังคมสว่ นรวม (Corporate Social Responsibility : CSR) โครงการตรวจสอบประเมนิ ความเสย่ี งของโครงการหน่วยงานภาครฐั ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทยเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและ ภาพลกั ษณ์ของประเทศมาอยา่ งยาวนาน สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ในฐานะหน่วยงานหลกั ที่รับผดิ ชอบภารกจิ ดา้ นการปอ้ งกัน และปราบปรามการทุจริตของชาติ โดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริต พ.ศ. 2542 (แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ พ.ศ. 2550 และ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554) มาตรา 19 (13) กำ� หนดอ�ำนาจหน้าที่ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ด�ำเนินการเพ่ือป้องกันและปราบปรามการทุจริตและเสริมสร้างทัศนคติและค่านิยม ในความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ รวมทัง้ ดำ� เนนิ การใหป้ ระชาชนหรอื กลุม่ คนมสี ว่ นรว่ มในการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ขับเคลื่อนท้ังระดับส่วนกลางและระดับส่วนภูมิภาค ในลักษณะรูปแบบโครงการ/กิจกรรม 124 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

การประชาสัมพันธ์ การสร้างและขยายเครือข่าย การท�ำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานท้ังภาครัฐและ ภาคเอกชน และการด�ำเนินงานในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อปรับเปล่ียนทัศนคติค่านิยมให้คนในสังคมตระหนักถึงปัญหา การทุจริตคอร์รัปชัน การพัฒนาประเทศ มีปัจจัยหลายด้านประกอบรวมกัน ปัจจัยด้านหน่ึงที่มีความส�ำคัญอย่างยิ่ง ในการขับเคล่ือนเพ่ือพัฒนาประเทศ คือ “งบประมาณ” การจัดสรรงบประมาณในปีหนึ่ง ๆ ของประเทศเรา ย้อนหลัง 3 ปี ปรากฏตวั เลขในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 อยูท่ ่ี 2,525,000 ล้านบาท ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2558 อยู่ที่ 2,575,000 ลา้ นบาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 อยูท่ ่ี 2,720,000 ล้านบาท และมแี นวโนม้ จะเพมิ่ ขึ้นทุกปี ซ่ึงงบประมาณเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเงินของประชาชน เพ่ือน�ำมาพัฒนาความเป็นอยู่ พัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง มนั่ คง สืบไป ซงึ่ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไดด้ ำ� เนนิ การ ดงั นี้ 1. การก�ำหนดสภาพบังคับและแนวทางการตรวจสอบโครงการหนว่ ยงานภาครฐั 2. การพัฒนาศักยภาพ และองค์ความรู้ ด้านการตรวจสอบโครงการหน่วยงานภาครัฐแก่เจ้าพนักงาน ปอ้ งกนั การทจุ รติ 3. การตรวจสอบโครงการหนว่ ยงานภาครฐั ผลผลติ /ผลลพั ธ์: 1. แนวทางการสรา้ งสภาพบงั คับในการตรวจสอบโครงการหนว่ ยงานภาครัฐ 1 แนวทาง 2. แนวทางการตรวจสอบโครงการหนว่ ยงานภาครฐั 1 แนวทาง 3. คู่มอื แนวทางการตรวจสอบโครงการหนว่ ยงานภาครัฐ 1 เล่ม ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั : 1. รับทราบ การด�ำเนินการ/ปัญหา/พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่/ช่องว่างของกฎหมาย หรือ อ่นื ๆ อันจะเปน็ ประโยชน์ในการน�ำมาวิเคราะหเ์ พือ่ พฒั นาการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต 2. ยกระดับงานด้านป้องกันการทุจริตของ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในการพัฒนาระบบ ป้องกันการทจุ รติ ให้มคี วามเข้มแขง็ และมีประสทิ ธภิ าพมากยิง่ ข้นึ 3. พัฒนาศักยภาพ/องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องจ�ำเป็น ในการตรวจสอบโครงการหน่วยงาน ภาครฐั แก่เจา้ พนักงาน ป.ป.ช. 4. บูรณาการความรว่ มมอื ระหวา่ ง หนว่ ยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม โครงการพฒั นาและบูรณาการระบบการปอ้ งกันการทุจริตเชิงรุก ปัญหาการทุจริตในสังคมไทยระหว่างช่วงเวลากว่าทศวรรษ ส่งผลเสียต่อประเทศอย่างมหาศาลและ เป็นอุปสรรคส�ำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ในทุกมิติ ซ่ึงปัญหาและรูปแบบการทุจริตได้มี วิวัฒนาการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยจากเดิมที่เป็นทุจริตทางตรง ไม่ซับซ้อน อาทิ การรับสินบน การจัดซ้ือจัดจ้าง ซ่ึงในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นการทุจริตที่ซับซ้อนมากข้ึน ตัวอย่างเช่น การทุจริตเชิงนโยบาย การทุจริตข้ามแดนข้ามชาติ ซึ่งเชื่อมโยงไปสู่อาชญากรรมอื่น ๆ มากมายและส่งผลกระทบทางลบในวงกว้าง ประเทศไทยได้พยายามแก้ปัญหาการทุจริตในระดับประเทศมาอย่างต่อเน่ือง รวมท้ังบูรณาการความร่วมมือให้ เข้มแขง็ ย่ิงข้นึ ดว้ ยการด�ำเนนิ การตามยทุ ธศาสตร์ชาตวิ า่ ดว้ ยการป้องกนั และปรามปรามการทุจริตระยะท่ี 1 (พ.ศ. 2551 - 2555) และยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปรามปรามการทุจริตระยะที่ 2 (พ.ศ. 2556 - 2560) ซ่ึงพบว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในสังคมไทยมีผลในระดับหนึ่งและจ�ำเป็นต้องด�ำเนินการอย่างต่อเน่ืองด้วย ยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรมที่สามารถป้องกันและปราบปรามการทุจริตท่ีทวีความซับซ้อนได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ดังน้ัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงเห็นชอบให้ด�ำเนินงานจัดโครงการพัฒนาและบูรณาการระบบ การป้องกันการทุจริตเชิงรุก เพื่อเป็นกลไกส�ำคัญในการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ให้ประสบความสำ� เรจ็ และสามารถยกระดบั คา่ คะแนนของดชั นกี ารรบั รู้ การทจุ รติ สงู กว่าร้อยละ 50 โดยการมอบหมายให้สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ด�ำเนินการสมั มนาองค์ความรู้ และนำ� แนวทาง รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 125

จากประเทศที่ประสบความส�ำเร็จด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งมีผลคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต อยู่ในระดับที่ดีและมีสภาพสังคมและการเมืองที่ใกล้เคียงหรือคล้ายกับประเทศไทย ส�ำหรับน�ำมาจัดท�ำเป็นแนวทาง การขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ในประเด็นยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 พฒั นาระบบปอ้ งกันการทุจริตเชิงรุก ให้ประสบผลส�ำเรจ็ และเป็นไปตามเปา้ หมาย รวมถงึ วัตถปุ ระสงคข์ องยุทธศาสตร์ชาตฯิ สำ� นักงาน ป.ป.ช. ดำ� เนนิ การดังน้ี 1. รวบรวมขอ้ มลู ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการป้องกันการทุจริตของประเทศไทย 2. ลงพน้ื ท่ีเพ่ือเก็บขอ้ มูลในพน้ื ทีเ่ ปา้ หมายทก่ี �ำหนดไว้ 3. จัดท�ำรายงานแนวทางการพัฒนาและบูรณาการระบบการป้องกันการทุจริตเชิงรุก (การศึกษาและ สำ� รวจขอ้ มูลระบบงานปอ้ งกันการทจุ ริต) ผลผลิต: รายงานข้อเสนอแนะเก่ียวกับการพัฒนาและบูรณาการระบบการป้องกันการทุจริตเชิงรุก ของประเทศไทย จำ� นวน 1 ฉบบั ผลลพั ธ์: มีขอ้ มลู องค์ความรู้เก่ยี วกบั การป้องกันการทจุ ริตของประเทศไทยและแนวทางส�ำหรบั บูรณาการ แนวทาง การป้องกันการทุจริตในทุกภาคส่วนท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมให้เป็นไป ในทิศทางเดยี วกนั ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั : 1. มีข้อมูลองคค์ วามรูเ้ กี่ยวกบั การปอ้ งกนั การทุจริตของประเทศไทย 2. มีแนวทางส�ำหรับบูรณาการแนวทางการป้องกันการทุจริตในทุกภาคส่วนท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คมให้เป็นไปในทศิ ทางเดยี วกนั โครงการก�ำกับ ตดิ ตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “พัฒนาระบบป้องกนั การทจุ ริตเชงิ รุก” หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณตามแผนงาน/โครงการชุดโครงการสหยุทธ์ และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ตามยุทธศาสตร์ที่ 4 “พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก” ทั้งหน่วยงานภายในส�ำนักงาน ป.ป.ช. และหน่วยงาน ภายนอกทเี่ กีย่ วข้องตามยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 “พัฒนาระบบป้องกันการทจุ ริตเชงิ รกุ ” รวมทั้งสิ้น จำ� นวน 105 โครงการ งบประมาณรวมท้ังสิน้ 157,357,310 บาท ผลการด�ำเนินงานโดยภาพรวมพบว่า มีโครงการด�ำเนินงานแล้วเสร็จ จ�ำนวน 81 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 77.14 อยู่ระหว่างด�ำเนินโครงการ จ�ำนวน 19 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 18.10 และยกเลิกโครงการ/ไม่ได้ด�ำเนิน โครงการ จ�ำนวน 5 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 4.76 ตามล�ำดับ โดยมีผลการเบิกจ่ายท้ังสิ้น 88,711,236 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 56.38 การวิเคราะหผ์ ลการดำ� เนินโครงการกำ� กบั ติดตาม ชดุ โครงการสหยทุ ธ“์ พัฒนาระบบปอ้ งกนั การทุจรติ เชงิ รุก” ร้อยละของความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการป้องกันเพื่อยับยั้งการทุจริตพบว่า ประชาชน มีความพึงพอใจในคุณภาพการให้บริการและการด�ำเนินงานของหน่วยงานของรัฐอยู่ท่ี ร้อยละ 84 ซ่ึงตัวชี้วัดระดับ ยุทธศาสตร์นั้น ไม่ได้ก�ำหนดค่าเป้าหมายไว้ว่าประชาชนต้องมีความพึงพอใจร้อยละเท่าใดต่อการป้องกัน เพอ่ื ยับย้งั การทุจริต อยา่ งไรกต็ าม ตวั ช้วี ดั ดงั กล่าวมีความสอดคล้องกบั ตวั ช้ีวดั ของแผนงานบรู ณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประเด็นการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2561 ตัวชี้วัดท่ี 2 คือ ร้อยละของประชาชน มีความพงึ พอใจในคณุ ภาพการใหบ้ ริการและการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครฐั ร้อยละ 85 โดยผลการส�ำรวจความพึงพอใจของประชาชนในคุณภาพโดยผลการส�ำรวจความพึงพอใจของ ประชาชนในคณุ ภาพการให้บริการและการด�ำเนินงานของหนว่ ยงานของรฐั ในภาพรวมอยูใ่ นระดับมาก ดงั น้ี 126 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

ด้านกระบวนการข้ันตอนในการใหบ้ ริการ 85.0% ด้านเจ้าหนา้ ทผ่ี ้ใู ห้บริการ 84.8% ประชาชนผูร้ ับบริการ ประชาชนผรู้ ับบรกิ ารมคี วามพงึ พอใจดา้ นกระบวนการ มีความพึงพอใจในดา้ นเจา้ หน้าท่ี ผ้ใู หบ้ รกิ ารโดยรวม ขั้นตอนโดยรวมอยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ พิจารณา อยู่ในระดบั มากที่สดุ พิจารณารายปจั จัย ดงั นี้ รายปัจจยั ดงั น้ี ปัจจัยดา้ นกระบวนการ รอ้ ยละ ความ ปจั จยั เจ้าหน้าทผ่ี ู้ใหบ้ รกิ าร รอ้ ยละ ความ ขน้ั ตอนในการใหบ้ ริการ พงึ พอใจ พึงพอใจ มากทสี่ ดุ มากที่สุด 1. ช่องทางการรอ้ งเรยี นทสี่ ะดวกและ 90.0 1. การใหค้ �ำแนะนำ� ทีเ่ ป็นประโยชนเ์ กี่ยวกบั 90.8 หลากหลาย มากท่ีสดุ การรับบริการ มากทสี่ ุด มากทสี่ ุด 86.8 มากทส่ี ุด 2. มกี ารจัดระบบบัตรควิ ในการให้บริการ 87.0 2. เจา้ หนา้ ทีบ่ ริการด้วยความเต็มใจ 85.8 มากที่สุด 3. ความถูกต้องแม่นยำ� เกยี่ วกับกฎระเบียบ มากท่ีสุด 3. ความสะดวกในการการให้บริการมีชอ่ งทาง 85.6 มาก 85.2 มาก ที่หลากหลาย มาก และการปฏบิ ตั ิ 82.2 มาก 4. เจ้าหนา้ ทมี่ คี วามรคู้ วามสามารถในการบริการ 78.2 4. มรี ะบบและขน้ั ตอนท่ีชัดเจนไมย่ งุ่ ยาก 84.6 5. เจ้าหน้าทพ่ี อเพียงใหบ้ รกิ าร 6. ความสามารถในการบรกิ ารไดเ้ บด็ เสร็จ 5. ระยะเวลาการใหบ้ ริการมคี วามเหมาะสม 83.4 ทกุ ขนั้ ตอนในจดุ เดยี ว 6. ความโปรง่ ใสในการใหบ้ ริการ 79.8 จากตารางจะเห็นว่า ประชาชนมีความพึงพอใจด้านกระบวนการขั้นตอนในการให้บริการร้อยละ 85 โดยปัจจัยท่ีมีผลท�ำให้ระดับความพึงพอใจมีค่าคะแนนรวมน้อยลง คือ ความโปร่งใสในการให้บริการ ประชาชน มีความพึงพอใจดา้ นเจา้ หน้าที่ผใู้ หบ้ รกิ าร รอ้ ยละ 84.80 โดยปัจจัยทมี่ ีผลท�ำใหร้ ะดบั ความพงึ พอใจมีค่าคะแนนรวม นอ้ ยลง คือ ความสามารถในการบรกิ ารไดเ้ บ็ดเสร็จทกุ ขน้ั ตอนในจดุ เดียว ยทุ ธศาสตร์ที่ 5: ปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปรามการทจุ รติ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไดใ้ ห้ความสำ� คัญกับการปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปรามการทจุ รติ โดยได้มี การปฏิรูปทั้งในส่วนของกฏหมายท่ีใช้ป็นเคร่ืองมือในการปฏิบัติราชการให้เกิดความรวดเร็วมีประสิทธิภาพและ เป็นธรรม สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และได้มีการก�ำหนดมาตรการท่ีมีประสิทธิภาพส�ำหรับภาคธุรกิจเอกชน ในการปอ้ งกนั การใหส้ นิ บน ซึ่งในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 มีผลการด�ำเนินโครงการ สรปุ ได้ ดงั น้ี โครงการจัดท�ำแนวทางการปรับปรุงกฎหมายให้เท่าทันต่อพลวัตรของการทุจริตของประเทศไทย สนธสิ ัญญาระหวา่ งประเทศ ปัจจุบันเทคโนโลยี การสื่อสาร ระบบเศรษฐกิจและสังคม มีวิวัฒนาการอย่างก้าวหน้าและรวดเร็ว ส่งผลให้การทจุ รติ มีแนวโนม้ ท่จี ะมคี วามยุ่งยากซับซ้อน และมชี ่องทางหรือวิธกี ารทแี่ ปลกใหม่ ซงึ่ ยากแกต่ รวจสอบยง่ิ ขนึ้ อย่างไรกต็ าม กฎหมายของไทยยงั ไม่ไดร้ บั การปรับปรงุ และพัฒนาใหเ้ ทา่ ทันตอ่ วิวฒั นาการและพลวตั รของการทจุ ริต ดังน้ัน จึงจะต้องมีการศึกษารายละเอียดของกฎหมายระหว่างประเทศที่เก่ียวข้อง เพ่ือน�ำไปสู่การปรับปรุงแก้ไข กฎหมายเพ่ือให้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของไทยมีความเป็นมาตรฐานสากลและได้รับ การยอมรบั ในระดับนานาประเทศ ในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention against Corruption: UNCAC) ประเทศไทยมีฐานะเป็นรัฐผู้ถูกประเมินติดตามการปฏิบัติตาม อนุสัญญาฯ จากรัฐผู้ประเมิน ได้แก่ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน และราชอาณาจักรภูฏาน โดยส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการจัดการประชุมการประเมินติตตามฯ ในข้ันตอนการเยือนประเทศ (Country Visit) ระหว่างวันที่ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 127

24 - 25 กันยายน 2561 ซึ่งผู้บริหารและเจ้าหน้าท่ีส�ำนักงาน ป.ป.ช. พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกว่า 40 หนว่ ยงานเข้ารว่ มชี้แจงและน�ำเสนอขอ้ มูลตอ่ ผู้แทนรฐั ผู้ประเมินและฝา่ ยเลขานุการส�ำนกั งานวา่ ด้วยยาเสพติดและ อาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) เพอ่ื ประโยชนใ์ นการ พิจารณาความสอดคล้องของกฎหมายและการดำ� เนนิ การของไทยกับบทบญั ญตั ิภายใตอ้ นุสัญญา UNCAC ผลผลติ /ผลลพั ธ์: 1. ร่างรายงานการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การต่อตา้ นการทจุ ริต ค.ศ. 2003 ของประเทศไทย รอบท่ี 2 (พ.ศ. 2559 - 2564) 2. แ น ว ท า ง ใ น ก า ร ป รั บ ป รุ ง แ ก ้ ไข ก ฎ ห ม า ย ใ ห ้ เ ท ่ า ทั น ต ่ อ พ ล วั ต ร ข อ ง ก า ร ทุ จ ริ ต ของประเทศไทยและสนธิสญั ญาระหวา่ งประเทศ ประโยชน์ท่ีได้รับ: การประชุมประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ ในข้ันตอนการเยือนประเทศ เป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยในการน�ำเสนอความก้าวหน้าของกฎหมายและความส�ำเร็จในการด�ำเนินการต่อต้าน การทุจริตของประเทศ โดยสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามและความมุ่งมั่นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายภายในให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและถือเป็นผู้น�ำของภูมิภาคอาเซียน ซ่ึงมีผล เป็นการส่งเสริมใหเ้ กิดความเชื่อมัน่ จากต่างประเทศทม่ี ตี อ่ กระบวนการยุติธรรมด้านการต่อต้านการทจุ รติ ของไทย นอกจากน้ี ขอ้ เสนอแนะท่ีได้รบั จากการประเมนิ ติดตามฯ ยงั เปน็ แนวทางในการพัฒนากฎหมายใหเ้ ท่าทัน ตอ่ พลวัตรของการทุจรติ ของประเทศไทย และสนธสิ ญั ญาระหว่างประเทศตอ่ ไป โครงการก�ำกบั ตดิ ตาม ชดุ โครงการสหยุทธ์ “ปฏิรูปกลไกและกระบวนการปราบปรามการทจุ รติ ” ภาพรวมผลการด�ำเนินงานภายใต้ชุดโครงการสหยุทธ์ “ปฏิรูปกลไกและกระบวนการปราบปราม การทุจริต” มีโครงการท้ังหมด 25 โครงการ หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ 6 หน่วยงาน งบประมาณท้ังส้ิน 258,475,400 บาท สามารถด�ำเนินการแล้วเสร็จจ�ำนวน 19 โครงการ ขยายระยะเวลาด�ำเนินโครงการต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 4 โครงการและขอยกเลิกโครงการจ�ำนวน 2 โครงการ มีผลการเบิกจ่าย งบประมาณรวมจำ� นวนทง้ั ส้นิ 225,033,440.52 บาท คดิ เปน็ ร้อยละ 87.06 โดยแบง่ ออกเปน็ 3 ส่วน ดังน้ี ส่วนท่ี 1 โครงการสหยุทธ์ จ�ำนวน 7 โครงการ งบประมาณรวม 5,595,000 บาท ส�ำนักงาน ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ เช่น โครงการจัดท�ำแนวทางการปรับปรุงกฎหมายให้เท่าทันต่อพลวัตรของ การทุจริตของประเทศไทยและสนธิสัญญาระหว่างประเทศ โครงการจัดท�ำแนวทางการปรับปรุงกลไกและ กระบวนการปราบปรามการทจุ ริตของประเทศไทย โครงการสง่ เสริมมาตรการคุ้มครองพยานและผู้แจง้ เบาะแส และ การมีสว่ นร่วมของประชาชนในการปราบปรามการทจุ รติ ส่วนท่ี 2 โครงการทวั่ ไป จ�ำนวน 13 โครงการ งบประมาณรวม 208,100,600 บาท สำ� นักงาน ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ เช่น โครงการสัมมนาความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินและหน่วยงาน ท่ีเก่ยี วข้องกบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. โครงการสัมมนาระดมความคิดเหน็ เพอ่ื การพัฒนาระบบตรวจสอบทรัพยส์ นิ และหนสี้ นิ ส่วนท่ี 3 โครงการของหน่วยงานภายนอก ตามแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ ตามแนวทางการด�ำเนินงานที่ 3 เสริมสร้างประสิทธิภาพในการปราบปรามการทุจริต จ�ำนวน 5 โครงการ งบประมาณรวม 44,779,800 บาท เช่น โครงการสร้างความเข้มแข็งในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ กจิ กรรมการป้องกนั การทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ (ส�ำนกั งานต�ำรวจแห่งชาติเปน็ หน่วยงานรับผดิ ชอบ โครงการ) โครงการสืบสวนปราบปรามเพื่อด�ำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระท�ำผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ีหรือทุจริต ต่อหน้าที่ตามกฎหมายฟอกเงิน (ส�ำนักงาน ปปง. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ) โครงการเสริมสร้างพัฒนา เพม่ิ ประสิทธภิ าพการปฏบิ ตั งิ านของหน่วยงานภาครัฐ (สำ� นักงาน ป.ป.ท. เปน็ หนว่ ยงานรับผิดชอบโครงการ) ผลการด�ำเนินการโครงการ หน่วยงานท่ีเป็นผู้รับผิดชอบโครงการส่วนใหญ่สามารถด�ำเนินการโครงการ ได้ส�ำเร็จตามวัตถุประสงค์ ผลผลิต และเป้าหมายท่ีก�ำหนดไว้ แต่ก็มีบางโครงการที่ยังไม่สามารถด�ำเนินการได้ทัน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และอยู่ระหว่างด�ำเนินการต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เนื่องจากต้องรอ 128 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

กฎ ระเบียบท่ตี ้องออกตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 ซึ่งอยู่ ระหว่างการด�ำเนินการและยังไม่แล้วเสร็จ เช่น โครงการส่งเสริมมาตรการคุ้มครองพยานและผู้แจ้งเบาะแส และ การมีส่วนร่วมของประชาชนในการปราบปรามการทุจริต อยู่ระหว่างรอระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วย การคมุ้ ครองชว่ ยเหลือพยานและการกนั บุคคลไว้เปน็ พยาน พ.ศ. .... ประกาศใช้ เป็นตน้ นอกจากน้ี จากการก�ำกบั ติดตามยังค้นพบข้อเสนอแนะท่ีส�ำคัญ ท่ีหน่วยงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเห็นพ้องต้องกันและ เป็นข้อค้นพบท่ีจะส่งผลให้การปราบปรามการทุจริตมีความรวดเร็ว เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากย่ิงขึ้น ก็คอื การดำ� เนนิ คดที ุจรติ ทกุ หน่วยงานตอ้ งบูรณาการการด�ำเนินงานร่วมกนั ลงพืน้ ที่ในการดำ� เนนิ การตรวจสอบและ ท�ำคดที ุจริตพรอ้ มกนั ตวั อยา่ งที่เหน็ ผลเป็นรูปธรรมและควรนำ� มาเป็นต้นแบบและสามารถขยายผลไปยังคดีอน่ื ๆ ได้ เช่น การด�ำเนินการของส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ กรณีการทุจริตเงินทอนวัดที่มีการบูรณาการการท�ำงานร่วมกัน จากหลายหนว่ ยงาน ได้แก่ ส�ำนกั งานตำ� รวจแห่งชาติ สำ� นักงาน ป.ป.ช. สำ� นักงาน ป.ป.ท. ส�ำนักงาน ปปง. สำ� นกั งาน การตรวจเงนิ แผ่นดิน ส�ำนักงบประมาณ กรมสรรพากร เป็นต้น การด�ำเนินโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ “ปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปรามการทุจริต” ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 ถือว่าเป็นจดุ เรม่ิ ตน้ ทีส่ ำ� คัญอย่างยิ่งในการปฏิรปู กลไกและกระบวนการการปราบปราม การทุจริต ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะการมีแนวทางการปรับปรุงกฎหมายให้เท่าทันต่อพลวัตรของการทุจริต ของประเทศไทยและสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และแนวทางการปรับปรุงกลไกและกระบวนการปราบปราม การทุจริตของประเทศไทย ย่อมส่งผลให้การปรับปรุงและพัฒนากลไกและกระบวนการการปราบปรามการทุจริต มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเท่าทันต่อพลวัตของการทุจริต การตรากฎหมายและปรับปรุงกฎหมาย กระบวนการปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพ มีแนวโน้มและทิศทางท่ีชัดเจนเป็นรูปธรรมมากย่ิงข้ึน ส่วนการที่ เจ้าหน้าท่ีและบุคลากรของหน่วยงานท่ีท�ำหน้าท่ีตรวจสอบและปราบปรามการทุจริต เมื่อได้รับการฝึกอบรมและ เสริมสร้างทักษะเทคนิคการปฏิบัติงานด้านปราบปรามการทุจริตร่วมกันแล้ว ก็จะท�ำให้เกิดการบูรณาการในการ ปฏิบัติงานปราบปรามการทุจริตร่วมกัน การด�ำเนินคดีกับผู้กระท�ำการทุจริตและน�ำตัวผู้กระท�ำผิดมาลงโทษจะเป็น ไปอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพเท่าทันต่อสถานการณ์ ประชาชนจะมีความเชื่อมั่นในหน่วยงานตรวจสอบปราบปราม การทุจริตมากข้นึ และกล้าท่ีจะเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการปราบปรามการทุจริตโดยเฉพาะเปน็ ผ้แู จ้งเบาะแส (Whistle- blower) ใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั การทุจรติ เนื่องจากมคี วามเชือ่ ม่นั และไว้วางใจในมาตรการคมุ้ ครองพยาน การดำ� เนนิ การต่าง ๆ เหลา่ น้จี ะเป็นสว่ นหนึง่ ทสี่ ำ� คญั มากที่จะชว่ ยยกระดับค่า CPI ของประเทศไทยให้สงู ขนึ้ ตามเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ทัง้ น้ี หนว่ ยงานตรวจสอบและปราบปรามการทจุ รติ ทกุ หนว่ ยงานตอ้ งรว่ มมอื กันและบรู ณาการ การท�ำงานอย่างจริงจัง รัฐบาลต้องมีเจตจ�ำนงทางการเมืองที่ชัดเจนและก�ำหนดให้การปราบปรามการทุจริต เป็นวาระแห่งชาติ ภาคประชาชน ภาคประชาสงั คม ภาคสื่อมวลชน และภาคธุรกิจเอกชนตอ้ งเข้ามามีส่วนรว่ มและ สนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ ท่ีสามารถจะด�ำเนินการได้ตาม รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช 2560 ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 6: การยกระดับคะแนนดัชนกี ารรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ของประเทศไทย ยุทธศาสตร์ที่ 6 ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย ประกอบด้วย กลยุทธ์ 2 กลยทุ ธ์ คอื การศกึ ษาและกำ� กบั ตดิ ตามการยกระดบั ดัชนีการรับร้กู ารทุจรติ (CPI) ของประเทศไทยและการบรู ณาการ เป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันการทุจริตเพ่ือยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย โดยศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลและจัดท�ำข้อเสนอแนะเพื่อยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) เสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณามอบหมายหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการด�ำเนินการต่อไป รวมทั้งได้มีการติดตาม การด�ำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกลา่ ว รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 129

ยทุ ธศาสตรช์ าติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560-2564) เปน็ เครอ่ื งมือ ส�ำคัญที่จะช่วยใหแ้ ผนยุทธศาสตร์ระดบั ตา่ ง ๆ บรรลผุ ลส�ำเร็จ ท้ังแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) ไปจนถงึ ยุทธศาสตร์ชาตริ ะยะ 20 ปี จากนไ้ี ปจนถงึ ปี พ.ศ. 2564 จ�ำเปน็ อยา่ งย่งิ ทต่ี อ้ งสรา้ งโครงการทมี่ พี ลังสามารถสง่ ผลตอ่ สงั คมในวงกว้าง รวมทงั้ จ�ำเป็นในการผสานพลังทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วน จึงมีผลต่อการ “ผลักดัน” ให้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ให้สามารถด�ำเนินการได้บรรลุวิสัยทัศน์ เป้าประสงค์ สามารถสร้างสังคมไทยใสสะอาดยิ่งข้ึน และสามารถยกระดับค่า CPI ให้สูงกว่าร้อยละ 50 ได้ส�ำเร็จ โดยสรุปสาระส�ำคญั ได้ ดังน้ี การยกระดบั คะแนนดชั นีการรบั ร้กู ารทจุ รติ (Corruption Perceptions Index: CPI) ดชั นชี ้ีวดั ภาพลกั ษณค์ อร์รปั ชนั (CPI) เปน็ ดชั นที ่ีสะท้อนภาพลักษณ์การทจุ ริตคอรร์ ปั ชนั ของประเทศตา่ ง ๆ ทั่วโลก ซ่ึงจัดท�ำขึ้นโดยองค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (TI) เป็นประจ�ำทุกปี นักลงทุนหรือนักธุรกิจ หลายประเทศใช้ดัชนี CPI เพ่ือประเมินความน่าสนใจลงทุนของแต่ละประเทศ โดยมองว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็น หนง่ึ ในปจั จัยท่เี ป็นต้นทนุ หรือเป็นความเสี่ยง (risks) ในการเขา้ มาประกอบธรุ กจิ ท้งั น้ี การจดั ท�ำดชั นชี วี้ ดั ภาพลกั ษณ์ คอร์รัปชันขององค์การเพ่ือความโปร่งใสนานาชาติ ได้รวบรวมข้อมูลด้านการทุจริตคอร์รัปชันจากฐานข้อมูล ท่เี ป็นการจดั อนั ดับหรอื ดชั นชี วี้ ดั ซ่ึงจดั ทำ� ขึน้ โดยหน่วยงานทน่ี ่าเช่ือถือต่าง ๆ ทวั่ โลก ประเทศไทยได้ให้ความส�ำคัญกับการยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) เป็นอย่างมาก โดยมี การก�ำหนดเป้าหมายในการเพิ่มคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตให้สูงขึ้น ทั้งในแผนปฏิรูปประเทศด้านที่ 11 ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) ยุทธศาสตร์ชาติวา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560-2564) หรือ แมก้ ระทง่ั แผนบูรณาการการปอ้ งกันปราบปรามการทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ประเทศไทยมกี ารค�ำนวณดัชนี CPI จาก 9 แหล่งขอ้ มลู ซง่ึ แตล่ ะแหล่งขอ้ มลู จะมกี ารวเิ คราะหแ์ ละประเมิน โดยหน่วยงานซึ่งใหค้ วามสำ� คญั ในประเดน็ ที่แตกต่างกนั ไป ดังน้ี 1. Bertelsmann Foundation (BF) ประเมินการจัดท�ำนโยบายตามหลักธรรมาภิบาลการปฏิรูปและ ระบบเศรษฐกจิ ที่มีประสทิ ธภิ าพและเทยี่ งธรรม 2. International Institute for Management Development (IMD) ประเมินความสามารถ ในการแขง่ ขันของประเทศ โดยวเิ คราะหจ์ ากปจั จัยทางการเมืองและเศรษฐกิจ 3. The Political and Economic Risk Consultancy (PERC) วเิ คราะห์สภาพปญั หา สถานการณ์ และ สภาวะความเส่ียงทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของประเทศในแถบเอเชีย โดยท�ำการส�ำรวจจาก กล่มุ เปา้ หมายซงึ่ สว่ นใหญเ่ ป็นนักธุรกจิ 4. World Economic Forum (WEF) มุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะในการแข่งขันระดับโลกและ ประสิทธภิ าพการด�ำเนนิ งานในแตล่ ะประเทศ 5. World Justice Project (WJP) มุ่งพัฒนากฎระเบียบกฎหมายสู่การสร้างโอกาสและความเป็นธรรม ใหเ้ กดิ ข้นึ ในสังคม แสดงใหเ้ ห็นถงึ จุดแขง็ และจุดอ่อนของแต่ละประเทศ 6. The Economist Intelligence Unit (EIU) วิเคราะห์ความเสี่ยงทั้งภาคธุรกิจ ภาคการเงิน และ ภาครฐั บาลกวา่ 140 ประเทศ โดยแต่ละประเทศจะมผี ูเ้ ช่ยี วชาญจ�ำนวน 2 ถึง 3 คน ต่อประเทศ/อาณาเขต 7. Global Insight Country Risk Ratings (GI) วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการออกเสียงของประชาชน เสถียรภาพของรัฐบาล ประสิทธิภาพของรฐั บาล หลักนติ ธิ รรม/นิตริ ัฐ และการควบคุมการคอร์รัปชนั ของรัฐบาล 8. Political Risk Services International Country Risk Guide (PRS) วิเคราะห์ความเสี่ยง ด้านการเมอื ง เศรษฐกิจ และการเงนิ ครอบคลุม 140 ประเทศทั่วโลก 130 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

9. Varieties of Democracy (VDEM) วิเคราะห์เกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตย โดยจ�ำแนกหลักการ ของประชาธิปไตยออกเป็น 7 ระดับ ได้แก่ 1) การเลือกตงั้ 2) เสรีนิยม 3) การมสี ่วนรว่ ม 4) การปรึกษาหารอื หรือ การอภปิ รายทางการเมือง 5) ความเทา่ เทียมกนั 6) เสยี งข้างมาก 7) ความเหน็ รว่ มกนั ตารางเปรยี บเทยี บคะแนนดชั นีการรบั รกู้ ารทจุ รติ ของประเทศไทย แหล่งข้อมูล ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 1. IMD World Competitiveness Yearbook: Code: IMD 38 44 43 2. World Justice Project Rule of Law Index: Code: WJP 26 37 40 3. Political Risk Services International Country Risk Guide: Code: PRS 31 32 32 4. Bertelsmann Foundation Transformation Index: Code: BF (BTI) 40 40 37 5. Economist Intelligence Unit Country Risk Ratings: Code: EIU 38 37 37 6. Global Insight Businesss Condition and Risk Indicator : Code: GI 42 22 35 7. Political and Economic Risk Consultancy: Code: PERC 42 38 41 8. World Economic Forum Executive Opinion Survey (EOS): Code: WEF 43 37 42 9. Varieties of Democracy Project (V-Dem) - 24 23 ระดับคะแนน (คะแนนเต็ม 100) 38 35 37 ประเทศไทยอย่ลู ำ�ดบั ท่ี 96 เทียบกับจำ�นวนประเทศท้งั หมด 76/167 101/176 96/180 ทั้งน้ี คะแนนดัชนีการรบั รูก้ ารทุจรติ (CPI) ประจ�ำปี 2560 หากพจิ ารณาเปรียบเทยี บกบั ผลคะแนนในปี 2559 พบว่า มีแหล่งข้อมูลท่ีประเทศไทยได้คะแนนเพ่ิมขึ้น 4 แหล่ง ได้คะแนนเท่าเดิม 2 แหล่ง และมีคะแนนลดลง 3 แหลง่ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. แหล่งขอ้ มูลทีไ่ ด้คะแนนเพมิ่ ข้นึ มจี �ำนวน 4 แหลง่ ได้แก่ 1.1 World Economic Forum (WEF) : Executive Opinion Survey ได้ 42 คะแนน (เพมิ่ ขึน้ 5 คะแนน) โดย WEF ส�ำรวจมุมมองของนักธรุ กิจที่เขา้ มาลงทุนในประเทศไทยเก่ียวกับปัจจยั ท่เี ปน็ อปุ สรรค สูงสุดในการท�ำธุรกิจ 5 ด้าน คือ 1) การคอร์รัปชัน 2) ความไม่มั่นคงของรัฐบาล/ปฏิวัติ 3) ความไม่แน่นอน ด้านนโยบาย 4) ระบบราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพ 5) โครงสร้างพ้ืนฐานและสาธารณูปโภคที่ไม่เพียงพอว่าแต่ละ ปัจจัยเป็นอุปสรรคเพิ่มขึ้น เท่าเดิมหรือลดลง ท้ังนี้ WEF จะส�ำรวจข้อมูลประมาณเดือนมกราคม - มิถุนายน ของทุกปี คะแนนทเี่ พ่มิ ข้ึน นา่ จะเปน็ ผลมาจากสหภาพยุโรป มคี วามสนใจฟืน้ ความสมั พนั ธก์ ับประเทศไทย เน่ืองจาก เห็นว่าประเทศไทยมีทิศทางปรับตัวในทางที่ดีขึ้นหลายด้าน นักลงทุนต่างชาติมีทัศนคติดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการ ติดต่อกับหน่วยงานของรัฐที่เก่ียวกับการน�ำเข้าส่งออก สาธารณูปโภค การช�ำระภาษี การท�ำสัญญาและการออก ใบอนุญาตมีการลดขั้นตอนลง การเรียกรับเงินพิเศษจากผู้มาติดต่อขอรับบริการท่ีมีจ�ำนวนลดลง ส่งผลให้ WEF จดั อันดับขดี ความสามารถในการแขง่ ขันไทยได้คะแนน 4.72 (จากเดิม 4.64) ขน้ึ มาอยูอ่ นั ดบั ที่ 32 (จากเดิมที่ 34) นอกจากน้ี จากการส�ำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารเกี่ยวกับ “ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคหรือปัญหามากท่ีสุดต่อการ ท�ำธุรกิจ” ปี 2560 ผู้ตอบแบบสอบถามจ�ำนวนร้อยละ 10.1 เห็นว่าปัญหาคอร์รัปชันเป็นอุปสรรคต่อการท�ำธุรกิจ ลดลงจากปี 2559 ทรี่ ้อยละ 11.3 1.2 World Justice Project (WJP) : Rule of Law Index ได้ 40 คะแนน (เพ่ิมขึ้น 3 คะแนน) โดย WJP ประเมินค่าความโปร่งใสโดยใช้หลักนิติรัฐ ซึ่งมีหลักการส�ำคัญ 4 ประการ คือ 1) รัฐบาลและหน่วยงาน ของรัฐต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและถูกตรวจสอบได้ 2) กฎหมายต้องเปิดเผย ชัดเจน มั่นคง ปกป้องสิทธิ เสรีภาพ ของประชาชน 3) กระบวนการทางกฎหมายมีความเป็นธรรม มีประสิทธิภาพ 4) การตัดสินคดีต้องมีความเป็นธรรม มีจริยธรรม มีความเปน็ กลาง ท้ังนี้ WJP มีการเก็บข้อมูลประมาณเดอื นพฤษภาคม - กนั ยายนของทุกปี รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 131

การที่ได้คะแนนสูงขึ้นน่าจะเป็นผลมาจากการประกาศจุดยืนของนายกรัฐมนตรีในการปราบปรามการทุจริต การเปิดท�ำการของของศาลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษอย่างเป็นทางการ และประสิทธิภาพของการบังคับใช้ พระราชบญั ญตั ิกองทุนยตุ ธิ รรม เพอ่ื ให้เข้าถงึ ความยตุ ิธรรมอยา่ งเสมอภาคและเทา่ เทยี มกนั 1.3 Global Insight Country Risk Rating (GI) ได้ 35 คะแนน (เพิ่มข้นึ 13 คะแนน) โดย GI ประเมินปัจจัยเกี่ยวกับการด�ำเนินธุรกิจที่ต้องเก่ียวกับคอร์รัปชัน การแทรกแซงของเจ้าหน้าที่รัฐในการ ด�ำเนินธุรกิจ การใหส้ นิ บนและส่งิ ตอบแทนสำ� หรบั พิจารณาสญั ญาและขอใบอนุญาต คะแนนท่ีเพ่ิมข้ึนน่าจะเป็นผลมาจากมุมมองและความเช่ือม่ันของภาคธุรกิจต่อการแก้ไขปัญหา การทุจริตของรัฐดีขึ้น สถานการณ์ภายในประเทศเอ้ืออำ� นวยต่อการลงทุน สร้างความเช่ือม่ันให้นักลงทุนและบริษัท ข้ามชาตดิ ้วยหลายแนวทาง ได้แก่ การออกคมู่ อื มาตรการควบคุมภายในของนติ บิ คุ คล ตามมาตรา 123/5 การออก มาตรการปอ้ งกนั การทุจรติ ในกระบวนการเบิกจา่ ยยาตามสทิ ธสิ วสั ดิการรกั ษาพยาบาล เปน็ ต้น 1.4 Political and Economic Risk Consultancy (PERC) ได้ 41คะแนน (เพ่ิมขึ้น 3 คะแนน) โดยได้ด�ำเนนิ การสำ� รวจนักธรุ กิจทั้งในประเทศและนักธุรกิจชาวตา่ งชาติในแต่ละประเทศ เพื่อให้คะแนนเก่ยี วกบั ระดบั ปญั หาการทุจรติ ในประเทศท่ีนักธรุ กิจเหล่านน้ั ประกอบธุรกิจอยวู่ ่าลดลง เพ่ิมขึน้ หรือเทา่ เดมิ เมื่อเทยี บกับปที ่ีผา่ นมา คะแนนท่ีเพิ่มข้ึนน่าจะเป็นผลมาจากมุมมองการรับรู้ของผูต้ อบแบบสอบถามสะท้อนว่า โครงการ ต่อต้านคอร์รัปชันของรัฐบาลชุดปัจจุบันในแง่บวก โดยกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าปัญหาการคอร์รัปชันได้ลดลงภายใต้ รัฐบาลชุดน้ี มูลค่าเงินสินบนที่องค์กรต่าง ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐในประเทศไทย ได้ลดลงอยู่ท่ีระดับต�่ำสุดในรอบ หลายปีที่ผ่านมา และรัฐบาลไทยได้จัดต้ังศาลพิเศษขึ้นมาดูแลคดีคอร์รัปชันโดยเฉพาะ และได้ตัดสินคดีใหญ่ ๆ ไปแล้วหลายคดี ทำ� ใหม้ คี วามเชอื่ มนั่ วา่ สามารถแกไ้ ขปัญหาการทจุ ริตได้อยา่ งรวดเรว็ 2. แหล่งขอ้ มูลท่ีไดค้ ะแนนเทา่ เดมิ มี 2 แหล่ง 2.1 International Country Risk Guide (ICRG) : Political Risk services ได้ 32 คะแนน โดย ICRG เป็นองค์กรแสวงหาก�ำไร ให้บริการวิเคราะห์วิจัยและจัดอันดับสภาวะความเสี่ยง ระดับประเทศ ประเมิน ความเสี่ยงด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ และด้านการเงิน ซ่ึงองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ใช้ข้อมูลรายงาน ความเสี่ยงด้านการเมือง มาประกอบการพิจารณาให้ค่าคะแนน ท้ังนี้ การคอร์รัปชัน เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยง ด้านการเมือง ICRG มุ่งประเมินการคอร์รัปชันในระบบการเมือง โดยเฉพาะรูปแบบทุจริตที่นักธุรกิจมีประสบการณ์ ตรงและพบมากที่สุด น่ันคือการเรียกรับสินบน การเรียกรับเงินเพื่ออ�ำนวยความสะดวก ในการน�ำเข้า/ส่งออก การประเมินภาษี รวมถึงระบบอุปถัมภ์ ความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางธุรกิจกับการเมือง โดย ICRG มีการประเมินและ เผยแพรผ่ ลประมาณเดือนสิงหาคมของทุกปี คะแนนที่เท่าเดิมน่าจะเป็นผลมาจาก ICRG เน้นความเป็นประชาธิปไตย รัฐบาลและฝ่ายบริหาร ต้องสามารถถกู ตรวจสอบได้ ซ่งึ ประเทศไทยยังมขี อ้ จ�ำกัดในเร่อื งนี้เหมือนปที ่ีผ่านมา 2.2 Economist intelligence Unit (EIU) : Country Risk Rating ได้ 37 คะแนน โดย EIU วิเคราะห์ เชงิ ลึกเกย่ี วกับความเสยี่ งทร่ี ะบบเศรษฐกิจของประเทศตอ้ งเผชิญ ไดแ้ ก่ ความโปร่งใสในการ จดั สรรและการใชจ้ ่าย งบประมาณ การใช้ทรัพยากรของราชการ/ส่วนรวม การแต่งต้ังข้าราชการจากรัฐบาล โดยตรง มีหน่วยงานอิสระ ในการตรวจสอบการจัดการงบประมาณของหน่วยงานน้ัน ๆ มีหน่วยงานอิสระด้านยุติธรรมตรวจสอบผู้บริหาร/ ผใู้ ชอ้ ำ� นาจ ธรรมเนยี มการใหส้ ินบน เพ่อื ให้ไดส้ ัญญาสัมปทานจากหน่วยงานของรฐั ท้งั น้ี EIU มีการส�ำรวจเกบ็ ข้อมูล ประมาณเดือนกนั ยายนของทุกปี คะแนนท่ีเท่าเดิมน่าจะเป็นผลมาจากประเทศไทยถึงแม้ว่าจะได้รับการจัดอันดับการเปิดเผยงบประมาณ ภาครัฐดีขนึ้ แตด่ า้ นการใชจ้ า่ ยงบประมาณยังปรากฏเกยี่ วกบั ปัญหาการใช้จา่ ยงบประมาณไม่ถกู ตอ้ งอยู่เปน็ ระยะ 132 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

3. แหล่งข้อมลู ท่คี ะแนนลดลง จำ� นวน 3 แหลง่ ไดแ้ ก่ 3.1 Bertelsmann Foundation Transformation Index (BF) ได้ 37 คะแนน (ลดลง 3 คะแนน) โดย BF-BTI ใช้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์และประเมินกระบวนการเปล่ียนแปลงไปสู่ประชาธิปไตย และระบบเศรษฐกิจ แบบตลาดเสรี และดคู วามเปล่ียนแปลง 3 ดา้ น คือ 1) ดา้ นการเมอื ง 2) ด้านเศรษฐกิจ 3) ด้านการจัดการของรฐั บาล ท้ังน้ี BF-BTI จะมกี ารเผยแพรผ่ ลทกุ 2 ปี และขอ้ มลู ท่เี ผยแพร่ครงั้ ลา่ สุด คือ 1 กุมภาพนั ธ์ 2558 - 31 มกราคม 2560 คะแนนท่ีลดลงน่าจะเป็นผลมาจาก BF-BTI วิเคราะห์กระบวนการทางการเมืองเป็นหลัก โดยแม้ว่ารัฐบาลสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย จัดระเบียบสังคม ทวงคืนทรัพยากรธรรมชาติได้ผลดี แต่ขณะเดียวกันเร่ืองการตรวจสอบกรณีที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในรัฐบาล การเปิดเผยความคืบหน้าการด�ำเนินคดี การจำ� กดั สทิ ธสิ อ่ื มวลชน การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนยังเป็นจุดออ่ น 3.2 International Institute Management Development (IMD) : World Competitiveness Yearbook ได้ 43 คะแนน (ลดลง 1 คะแนน) โดย IMD น�ำข้อมูลสถิติทุติยภูมิและ ผลการส�ำรวจความคิดเห็น ผู้บริหารระดับสูง ไปประมวลผลจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และพิจารณาจาก 4 องค์ประกอบ คือ 1) สมรรถนะทางเศรษฐกิจ 2) ประสทิ ธภิ าพของภาครฐั 3) ประสทิ ธภิ าพของภาคธุรกิจ 4) โครงสรา้ งพนื้ ฐาน ทง้ั นี้ IMD จะส�ำรวจข้อมูลประมาณเดือนมกราคม - เมษายนของทุกปี คะแนนท่ีลดลง น่าจะเป็นผลมาจากการแก้กฎหมายหลายฉบับ แต่การบังคับใช้ยังขาด ประสิทธภิ าพ เชน่ พระราชบญั ญัตอิ �ำนวยความสะดวกในการพจิ ารณาของทางราชการ เปน็ ตน้ 3.3 Varieties of Democracy Project (V-DEM) ได้ 23 คะแนน (ลดลง 1 คะแนน) โดย V-DEM วัดเก่ียวกับความหลากหลายของประชาธิปไตย การถ่วงดุลของฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ตลอดจน การทุจริตของเจ้าหน้าที่ในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ซึ่งในปี 2559 มีการวัดในอาเซียน เพียง 4 ประเทศ แต่ในปี 2560 มีการวัดในอาเซยี น 10 ประเทศ คะแนนที่ลดลงน่าจะเป็นผลมาจากสถานการณ์ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีจุดอ่อน ด้านการถ่วงดุลของฝ่ายบริหาร นิตบิ ญั ญตั ิ และตุลาการ การด�ำเนินการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทเี่ กี่ยวกบั การยกระดับคา่ คะแนนดชั นกี ารรบั ร้กู ารทุจรติ (CPI) ตง้ั แต่ปี พ.ศ. 2559 กระทั่งปัจจุบัน สรปุ สาระสำ� คญั ได้ ดงั นี้ พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 1. ส�ำนักงาน ป.ป.ช. แตง่ ตงั้ คณะท�ำงาน 1. คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอข้อเสนอ 1. สำ� นักงาน ป.ป.ท. ได้มีหนงั สือตดิ ตาม ศึกษาดัชนีชี้วัดภาพลักษณค์ อร์รปั ชนั แนะเพือ่ ยกระดบั คะแนนดชั นกี ารรบั รู้ ความคบื หนา้ การดำ� เนินการข้อเสนอแนะฯ การทจุ ริต (Corruption Perceptions จากส�ำนักงาน ป.ป.ท. Index: CPI) ต่อคณะรฐั มนตรี 2. คณะท�ำงานฯ ได้ศึกษารายละเอียดของ 2. คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมอ่ื วันท่ี 2. สำ� นักงาน ป.ป.ช. ได้จดั โครงการ แตล่ ะแหลง่ ขอ้ มลู พบวา่ การจัดอันดบั 2 พฤษภาคม 2560 มมี ตริ บั ทราบผล สมั มนาวิชาการแลกเปลีย่ นเรียนรู้ (Rating) หรือดัชนีชีว้ ดั (Index) การพจิ ารณาขอ้ เสนอแนะเพือ่ ยกระดับ ระดบั ชาติ เรื่อง ยกระดับคะแนนดชั นี ของแต่ละหน่วยงานจะรวบรวมข้อมลู ดชั นกี ารรับรกู้ ารทุจริตของ การรบั รู้ การทจุ ริตของประเทศไทย หลากหลายมิตเิ พื่อวิเคราะห์ และ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทัง้ น้ี ในเร่อื งดงั กล่าว เมือ่ วันท่ี 21 กุมภาพนั ธ์ 2561 ประเมินผลออกมาเปน็ อันดบั หรอื มีการมอบหมายใหส้ ำ� นักงาน ป.ป.ท. คา่ คะแนน เปน็ หนว่ ยงานหลักรับขอ้ เสนอแนะฯ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 133

พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไปพิจารณา ร่วมกับหนว่ ยงานทเี่ กี่ยวข้อง เพอื่ ศกึ ษาแนวทางและความเหมาะสม ของข้อเสนอแนะฯ 3. คณะทำ� งานได้จดั ทำ� ร่างข้อเสนอแนะ 3. คณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งต้ังคณะ 3. สำ� นกั งาน ป.ป.ช. จัดงานสัมมนาแลก เพอื่ ยกระดบั ดัชนภี าพลกั ษณค์ อรร์ ปั ชัน อนุกรรมการ ป.ป.ช. ผลกั ดัน เปลี่ยนเรยี นรู้ระดับชาติ ภายใต้หัวข้อ (Corruption Perceptions Index: CPI) ยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าด้วยการปอ้ งกนั และ “การผลักดนั ยทุ ธศาสตรช์ าติว่าด้วย เพอ่ื เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปราบปรามการทจุ ริต ระยะท่ี 3 การป้องกนั และปราบปราม การทจุ ริต พจิ ารณา (พ.ศ. 2560 - 2564) คณะท่ี 6 สปู่ ระเทศไทยใสสะอาด ไทยทง้ั ชาติ คณะอนกุ รรมการ ป.ป.ช. ว่าดว้ ย ตา้ นทจุ รติ ” เม่ือวนั ที่ 23 สิงหาคม การยกระดบั คะแนนดัชนกี ารรับรู้ 2561 การทจุ รติ (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย 4. คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. คณะท่ี 6 ไดศ้ กึ ษาขอ้ มลู จากการด�ำเนินการ ในส่วนทเี่ กยี่ วข้อง เพื่อจัดท�ำร่าง ขอ้ เสนอแนะ เพ่อื ยกระดบั คะแนน ดัชนกี ารรับร้กู ารทุจรติ ระยะที่ 2 เพอ่ื เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณา 5. คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ ใหเ้ สนอ ข้อเสนอแนะเพอ่ื ยกระดบั คะแนนดัชนี การรบั รู้การทุจรติ ระยะที่ 2 ต่อ คณะรฐั มนตรี ท้ังนี้ การด�ำเนินการเกี่ยวกับการยกระดับค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 กระท่ังปัจจุบันเห็นได้ว่า หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ตระหนักถึงความส�ำคัญของการยกระดับ ค่าคะแนนดัชนกี ารรับรู้การทุจริต (CPI) เพม่ิ มากขึ้น เน่ืองจากดัชนีดงั กลา่ วมีความเกีย่ วขอ้ งกับการพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมของประเทศ นอกจากน้ี มีความพยายามของหลายหน่วยงานที่จะพัฒนาหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติหน้าที่ ภายในหน่วยงานให้มีความสุจริต โปร่งใส สะดวก รวดเร็ว ซ่ึงปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อการยกระดับค่าคะแนนดัชนี การรับรกู้ ารทุจรติ (CPI) ใหเ้ พิ่มมากข้ึน อย่างไรก็ตาม ในการยกระดับค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ให้ได้ตามเป้าหมายน้ัน รัฐบาล หนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวข้อง และประชาชน จะตอ้ งใหค้ วามส�ำคัญและร่วมผลกั ดนั เพื่อให้มกี ารด�ำเนินการในส่วนทีเ่ ก่ียวข้อง อยา่ งจริงจัง เพอ่ื ยกระดบั ค่าคะแนนดัชนีการรบั รู้การทจุ ริต (CPI) ต่อไป โครงการประชุมวิชาการแลกเปล่ยี นเรยี นรูร้ ะดับชาติประจำ� ปี เร่อื ง ยกระดับคะแนนดัชนี การรับรกู้ ารทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ของประเทศไทย ยุทธศาสตร์ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ของประเทศไทย เป็นยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานด้านความโปร่งใสและการจัดการการยกระดับ ค่าดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย โดยการศึกษาวิเคราะห์ประเด็นการประเมิน และวิธีการส�ำรวจ ของแต่ละแหล่งข้อมูล และเร่งรัด ก�ำกับ ติดตามให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องปฏิบัติหรือปรับปรุงการท�ำงาน รวมไปถึง การบูรณาการการท�ำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ภาคเอกชน และต่างประเทศ เพอื่ ยกระดบั คะแนนดชั นีการรับรู้การทจุ ริต (CPI) 134 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชมุ ครงั้ ที่ 834 - 5/2560 เม่ือวนั ท่ี 24 มกราคม 2560 มมี ตเิ หน็ ชอบ ข้อเสนอแนะเพอื่ ยกระดบั ดชั นีการรบั รกู้ ารทจุ ริต และให้เสนอขอ้ เสนอแนะดงั กลา่ วต่อคณะรฐั มนตรี ตามมาตรา 19 (11) แหง่ พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ส่ังและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ไดม้ อบหมายให้ส�ำนักงาน ป.ป.ท. เปน็ หน่วยงานหลกั รบั ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพจิ ารณาร่วมกบั หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และให้รายงานผลการหารือ ต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วนั ต่อมาคณะรฐั มนตรีในคราวประชมุ เมือ่ วนั ท่ี 2 พฤษภาคม 2560 มีมติรับทราบผลการ พจิ ารณาขอ้ เสนอแนะเพ่ือยกระดับดัชนกี ารรับรูก้ ารทจุ รติ (CPI) ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่สำ� นกั งาน ป.ป.ท. เสนอ การด�ำเนินการเพื่อยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย ต้องอาศัยการบูรณาการ การท�ำงานร่วมกัน ตลอดจนความร่วมมือทางวิชาการจากทุกภาคส่วน ท้ังหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ สื่อสารมวลชน โครงการประชมุ วชิ าการแลกเปลยี่ นเรียนรรู้ ะดับชาตปิ ระจำ� ปี เรอ่ื ง ยกระดับคะแนนดชั นีการรบั ร้กู ารทจุ รติ (Corruption Perceptions Index: CPI) ของประเทศไทย จะเป็นการเปิดโอกาสให้ทกุ ภาคสว่ นดงั กลา่ วไดแ้ ลกเปลี่ยน เรียนรู้ในทางวิชาการเกี่ยวกับสถานการณ์การทุจริต ปัญหา อุปสรรคในการต่อสู้กับการทุจริต ตลอดจนบทบาท หน้าที่ และกระบวนการท�ำงานของแตล่ ะหนว่ ยงานท่อี าจจะกอ่ ให้เกดิ ภาพลกั ษณข์ องประเทศ ทั้งในทางบวกและลบ ซ่ึงจะเป็นข้อมูลพื้นฐานในการปรับปรุงและพัฒนาแนวทางการยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทยให้มีประสิทธภิ าพ ซงึ่ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินกิจกรรม ดังนี้ กิจกรรมที่ 1 สัมมนา ประชุมวิชาการแลกเปล่ียนเรียนรู้ระดับชาติ เรื่อง การยกระดับดัชนีการรับรู้ การทจุ ริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ของประเทศไทย กิจกรรมท่ี 2 ประชุมวิชาการแลกเปล่ียนเรียนรู้ระดับชาติ เร่ือง การยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ของประเทศไทย ผลผลติ : 1. จ�ำนวนผู้เข้าร่วมสัมมนา ประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ เรื่อง ยกระดับคะแนน ดัชนกี ารรบั รกู้ ารทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ของประเทศไทย กจิ กรรมท่ี 1 เปา้ หมาย 400 คน มผี ูเ้ ขา้ ร่วม 420 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 105 กจิ กรรมท่ี 2 เป้าหมาย 130 คน มีผู้เขา้ ร่วม 132 คน คดิ เป็นร้อยละ 100 2. เอกสารสรุปผลการประชุมวชิ าการแลกเปล่ียนเรยี นรู้ระดบั ชาติฯ แลว้ เสรจ็ จำ� นวน 2 ฉบับ ผลลัพธ์: แนวทางในการจัดทำ� ขอ้ เสนอแนะเพ่อื ยกระดบั คะแนนดัชนกี ารรับรกู้ ารทจุ รติ แลว้ เสร็จ ประโยชน์ที่ได้รับ: ได้แนวทางในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและการยกระดับคะแนนดัชนี การรบั รกู้ ารทจุ รติ (CPI) ของประเทศไทย โครงการก�ำกบั ตดิ ตาม ชดุ โครงการสหยทุ ธ์ : ยกระดบั คะแนนดัชนีการรับรกู้ ารทจุ ริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย ในการก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย” ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในฐานะ ฝ่ายเลขานกุ ารคณะอนกุ รรมการ ป.ป.ช. ว่าดว้ ยการยกระดับคะแนนดชั นกี ารรบั รกู้ ารทจุ ริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย ได้มีการด�ำเนินการก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ดังกล่าว โดยมุ่งหวัง ให้ชุดโครงการสหยุทธ์มีการประเมินผลก่อนเร่ิมโครงการและการวางแผนโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้ รับทราบถึงผลการด�ำเนินการ ปัญหาอุปสรรคที่พบระหว่างการด�ำเนินการ และแนวทางในการปรับปรุงและ เพิ่มประสิทธภิ าพการดำ� เนนิ การให้ประสบผลส�ำเร็จ และเพอ่ื เปน็ การประเมินผลเม่ือสิน้ สดุ ชดุ โครงการสหยุทธ์ รวมท้ัง สรุปประเด็นปญั หาและอปุ สรรคในการดำ� เนินชดุ โครงการสหยทุ ธ์ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 135

ทั้งนี้ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการก�ำกับ ติดตาม โดยก�ำหนดการติดตามในลักษณะของการประชุม เชิงปฏิบัติการ เพ่ือติดตามความคืบหน้าและปัญหาอุปสรรคของการด�ำเนินโครงการ โดยการกรอกแบบฟอร์ม ประเด็นการตดิ ตามประเมินผลในรอบระยะเวลาตา่ ง ๆ โดยประเด็นทไี่ ด้ให้ความส�ำคญั ในทุกโครงการ คอื 1) การเตรียมการ ความเขา้ ใจและความพร้อมในการดำ� เนินการของแต่ละโครงการ 2) ความครบถ้วนการดำ� เนินการของกิจกรรม และ ผลผลิตและผลลัพธ์ 3) ความทันเวลา และ 4) ข้อเสนอแนะเพ่ือการปรับปรุง/Lesson learn โดยจะมีการก�ำกับ ตดิ ตามโครงการต่าง ๆ จำ� นวน 6 ครั้ง จากการก�ำกับติดตามดังกล่าวท�ำให้ได้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคท่ีพบระหว่างการด�ำเนินการ และแนวทาง ในการปรับปรุง และเพิ่มประสิทธิภาพการด�ำเนินการให้ประสบผลส�ำเร็จ ซ่ึงจะได้ปรับปรุงและพัฒนาเพ่ือให้การ ดำ� เนนิ การขับเคลือ่ นยทุ ธศาสตร์วา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) บรรลุ เป้าหมายสูงสุด และก้าวสู่ความเป็น “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยท้ังชาติต้านทุจริต” และบรรลุค่าเป้าหมาย ในการยกระดับคะแนนดชั นกี ารรบั รูก้ ารทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย ใหส้ ูงกว่า รอ้ ยละ 50 ในปี 2564 การประเมินผลส�ำเรจ็ ของโครงการ/กิจกรรมภายใตย้ ุทธศาสตร์ชาติวา่ ด้วยการปอ้ งกนั และปราบปราม การทจุ รติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 การประเมินผลส�ำเร็จของโครงการ/กิจกรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจรติ แห่งชาติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) เป็นโครงการที่อย่ภู ายใต้ชุดโครงการสหยทุ ธต์ ามแผนปฏิบตั ิการ ของยุทธศาสตรช์ าติวา่ ด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) และอย่ภู ายใตแ้ ผนงาน บูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ มีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินผลส�ำเร็จของการด�ำเนิน โครงการท่ีด�ำเนินการในแต่ละปีงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณภายใต้แผนงาน บูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และงบประมาณประจ�ำปีของหน่วยงานที่เก่ียวข้องกับ การป้องกนั และปราบปรามการทุจริต ซง่ึ ในการประเมินผลสำ� เร็จโครงการคร้งั นม้ี วี ตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ประเมินผลสำ� เร็จ ของการด�ำเนินโครงการในมิติประสิทธิภาพและประสิทธิผลและความคุ้มค่า รวมท้ังผลกระทบของโครงการท้ังทางตรง และทางอ้อมท่ีมีผลต่อการขับเคล่ือนไปสู่การบรรลุเป้าประสงค์ตามรายยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) โดยจะมกี ารประเมนิ ผลโครงการ/กจิ กรรมตามแผน ปฏิบัติการและแผนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจ�ำปีอย่างต่อเนื่องในทุกปี เป็นรายยุทธศาสตร์และภาพรวมของ ยทุ ธศาสตรช์ าติฯ ระยะท่ี 3 โดยเร่ิมดำ� เนนิ การในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 เพอ่ื ประโยชน์ในการจัดสรรงบประมาณ และคดั เลือกโครงการท่ีสามารถสนับสนุนและน�ำไปสูก่ ารบรรลเุ ปา้ ประสงค์เชิงยทุ ธศาสตร์เม่ือสนิ้ แผนยทุ ธศาสตร์ วธิ ีดำ� เนินการประเมนิ : การประเมินผลสำ� เรจ็ ของโครงการ/กจิ กรรมภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติฯ ระยะที่ 3 ได้ใช้ กรอบการประเมินตามตัวแบบเชิงระบบ (System Model) เป็นแนวทางในการประเมินในมิติประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และผลกระทบและความคุ้มค่า อันประกอบด้วยการพิจารณาสภาวะแวดล้อมในด้านหลักการและ เหตุผล/ความจ�ำเป็นหรือท่ีมาของโครงการเป็นกรอบการประเมินผลส�ำเร็จโครงการตามยุทธศาสตร์และท�ำการ ประเมินในมิติประสิทธิภาพ มิติประสิทธิผล และมิติผลกระทบและความคุ้มค่า อันประกอบด้วยความเหมาะสม ด้านปัจจัยน�ำเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต ด้านผลลัพธ์ ด้านความสอดคล้องระหว่างวัตถุประสงค์โครงการ กับเป้าประสงค์ของแต่ละยุทธศาสตร์ ด้านผลกระทบของโครงการ และความคุ้มค่าของโครงการที่จะสามารถ เกิดผลลัพธ์ที่จะส่งผลต่อการบรรลุเป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ที่ 1 - 6 ของยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ผลการประเมิน: ผลการประเมนิ ผลส�ำเรจ็ ของโครงการ/กิจกรรมภายใตย้ ุทธศาสตรช์ าติฯ ระยะที่ 3 สรุปได้ ดังนี้ 136 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

1. ความสอดคล้องของโครงการ/กิจกรรมในรายยุทธศาสตร์ท้ัง 6 ยุทธศาสตร์ พบว่าในภาพรวมของ การจัดทำ� โครงการ/กิจกรรมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีความสอดคล้องกับเปา้ ประสงค์ และสอดคล้องบางกลยทุ ธ์ เท่านั้น และยังมีการกระจุกตัวในบางยุทธศาสตร์ ซึ่งจะเห็นได้จากจ�ำนวนโครงการ/กิจกรรมที่ได้รับการจัดสรร งบประมาณ มากกว่าคร่ึงเปน็ โครงการภายใตย้ ุทธศาสตรท์ ี่ 1 “สรา้ งสงั คมทไ่ี มท่ นต่อการทจุ รติ ” (รอ้ ยละ 58.90) และยุทธศาสตร์ที่ 4 “พัฒนาระบบปอ้ งกนั การทุจรติ เชิงรกุ ” (ร้อยละ 25.65) สว่ นอีกรอ้ ยละ 15.45 อยู่ในยุทธศาสตร์ ท่ี 2 ยุทธศาสตรท์ ี่ 3 ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 5 และยทุ ธศาสตรท์ ่ี 6 โดยโครงการ/กจิ กรรมคร่งึ หน่งึ เปน็ โครงการประเภทอบรม/ สัมมนา/ประชุมเชิงปฏิบัติการท่ีมุ่งเน้นการปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยให้มีค่านิยมร่วมต้านทุจริต มีจิตส�ำนึก สาธารณะ และสามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม และสร้างกระบวนการกล่อมเกลา ทางสังคมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างเป็นระบบ การเสริมสร้างธรรมาภิบาล เพิ่มความโปร่งใส ในการปฏิบัติให้มากข้ึน ซ่ึงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่ 1 - 4 ท่ีเน้นด้านการป้องกันการทุจริต ในขณะเดียวกัน โครงการประเภทอบรมในยุทธศาสตร์ที่ 5 ก็มีเน้ือหาที่เน้นวิธีการไต่สวนและการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินให้มี ประสทิ ธภิ าพมากขึน้ ซึง่ ถอื ไดว้ า่ มีความสอดคล้องกบั เปา้ ประสงค์ของยุทธศาสตร์ 2. ผลการประเมินความส�ำเร็จของโครงการ/กิจกรรมตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ในภาพรวมพบวา่ การดำ� เนินโครงการ/กิจกรรมประสบความสำ� เร็จ ในระดับมาก (คะแนนเฉลี่ย 3.81 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน) หรือคิดเป็นร้อยละ 76.20 โดยมีผล การประเมินในแต่ละมติ ิ ดังนี้ มิติประสิทธิภาพ ซ่ึงเป็นการประเมินประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการโครงการ โดยพิจารณาจาก ความสอดคล้องของการใช้ทรัพยากรท่ีเป็นปัจจัยน�ำเข้า (Input) กระบวนการด�ำเนินโครงการ/กิจกรรม (Process) และผลผลิต (Output) ซึ่งตัวช้ีวัดที่ใช้ในการประเมินในมิติประสิทธิภาพ มี 3 ตัวช้ีวัด ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 1 สัดส่วน ค่าใชจ้ า่ ยจริงต่อคา่ ใช้จ่ายตามแผน ตวั ชวี้ ดั ท่ี 2 ระดบั ประสทิ ธิภาพของกระบวนการดำ� เนินโครงการ และตัวชวี้ ดั ที่ 3 ระดบั ประสิทธิภาพผลการด�ำเนนิ งาน ซงึ่ ได้คะแนนเฉล่ีย 4.46 คะแนน อยูใ่ นระดับ “มากทีส่ ุด” แสดงใหเ้ หน็ ว่าหนว่ ยงาน ต่าง ๆ มีการวางแผนและด�ำเนินโครงการ/กิจกรรมเป็นไปตามแผนงานที่ได้ก�ำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้คะแนนประสิทธิผลการด�ำเนินงานมากที่สุด ได้คะแนนเฉล่ียอยู่ท่ี 4.72 คะแนน อยู่ในระดับ “มากท่ีสุด” รองลงมาเป็นประสิทธิภาพในด้านกระบวนการด�ำเนินโครงการ อันประกอบด้วยการประเมิน ด้านการวางแผน ด้านการจัดกิจกรรม/วธิ กี ารจัดกิจกรรม ด้านระยะเวลาจดั กจิ กรรม ด้านกลุม่ เป้าหมาย ดา้ นเนื้อหา/เอกสารประกอบ โครงการกิจกรรม และด้านการติดตามประเมิน ได้คะแนนเฉลี่ย 4.40 คะแนน อยู่ในระดับ “มากที่สุด” และ ประสิทธิภาพการใช้จา่ ยเงนิ ได้คะแนนเฉล่ยี อยู่ที่ 4.27 คะแนน อย่ใู นระดับ “มากทส่ี ุด” มิติประสิทธิผล เป็นการประเมินความส�ำเร็จในการบรรลุวัตถุประสงค์/เป้าหมายที่ก�ำหนด โดยได้ ท�ำการเปรียบเทียบผลส�ำเร็จในการบรรลุวัตถุประสงค์/เป้าหมายที่ก�ำหนดไว้ตามโครงการ หรือการประเมินร้อยละ ที่ผู้เข้าร่วมโครงการ/กิจกรรมมีความพึงพอใจต่อผลประโยชน์ท่ีได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ/กิจกรรมมากน้อยเพียงใด ซ่ึงเป็นการประเมินท่ีเน้นในด้านประสิทธิผลโดยประเมินผลส�ำเร็จเป็นค่าร้อยละท่ีท�ำได้ จากผลการประเมินพบว่า โครงการ/กิจกรรมมีการด�ำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้ก�ำหนดไว้ในโครงการ/กิจกรรมน้ัน โดยได้คะแนน เฉลยี่ อยูท่ ี่ 4.54 คะแนน อยใู่ นระดับ “มากที่สุด” มิติผลกระทบและความคุ้มค่า ซึ่งในมิติน้ีเป็นการประเมินผลส�ำเร็จของโครงการในมิติผลกระทบ (Impact) และระดับความคุ้มค่าของโครงการ โดยพิจารณาผลกระทบโครงการในส่วนของผลกระทบในเชิงคุณภาพ ท่ียึดโยงกับผลผลิต ผลลัพธ์ของโครงการ/กิจกรรมท่ีผู้ด�ำเนินโครงการต้ังไว้ ขณะที่ในการประเมินผลส�ำเร็จของ โครงการในมิติความคุ้มค่าจะยึดโยงกับการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติฯ ระยะท่ี 3 ซ่ึงมีเป้าประสงค์ เชิงรายยุทธศาสตร์ ซึ่งจากผลการวิเคราะห์พบว่า โครงการ/กิจกรรมท่ีด�ำเนินการมีผลกระทบในเชิงคุณภาพต่อการน�ำไปสู่ การปฏิบัติเห็นผล ได้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.24 คะแนน อยู่ในระดับ “ปานกลาง” ส่วนมิติความคุ้มค่าของโครงการ รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 137

ท่ีด�ำเนินการมีการยึดโยงกับเป้าประสงค์/ตัวชี้วัดของยุทธศาสตร์ ได้คะแนนเฉล่ียอยู่ที่ 3.12 คะแนน อยู่ในระดับ “ปานกลาง” โดยทำ� การเรียงล�ำดับการด�ำเนินโครงการท่ีมคี วามคุ้มคา่ ตามรายยุทธศาสตรจ์ ากมากไปหานอ้ ย พบวา่ ยุทธศาสตร์ที่ 2 มีการด�ำเนินโครงการ/กิจกรรมท่ีสอดคล้องและยึดโยงกับเป้าประสงค์ยุทธศาสตร์มากที่สุด คือ ไดค้ ะแนนความคุ้มคา่ อยทู่ ี่ 3.75 คะแนน รองลงมาเป็นยุทธศาสตร์ท่ี 6 (3.17 คะแนน) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 (3.13 คะแนน) ยุทธศาสตร์ที่ 5 (3.09 คะแนน) ยุทธศาสตร์ที่ 1 (2.95 คะแนน) และยุทธศาสตร์ท่ี 3 (2.63 คะแนน) จากผลการประเมินจะเห็นได้ว่า การด�ำเนินการโครงการท่ีส�ำเร็จตามโครงการตามแผนและมีการใช้จ่ายเงินท่ีมีประสิทธภิ าพ อยู่ในระดับมากท่ีสุด แต่ในด้านผลกระทบเชิงคุณภาพซึ่งยึดโยงกับผลลัพธ์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหรือที่อาจเป็น ผลต่อเนื่องจากการท�ำโครงการยังไม่ชัดเจน โดยโครงการส่วนใหญ่มีผลการน�ำไปสู่ความส�ำเร็จของตัวชี้วัดตามระดับ ยุทธศาสตร์ในทางออ้ ม กลา่ วคือ การดำ� เนินโครงการยังไม่สามารถบรรลตุ ามตัวชีว้ ัดระดบั ยุทธศาสตรไ์ ดอ้ ย่างชัดเจน มีเพียงบางโครงการที่คาดการณ์ได้ว่าสามารถน�ำไปสู่ความส�ำเร็จตามตัวช้ีวัดระดับยุทธศาสตร์ โดยสามารถสรุป รายยุทธศาสตร์ได้ ดังน้ี ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 “สร้างสงั คมท่ีไม่ทนตอ่ การทุจริต” โครงการ/กิจกรรมที่ด�ำเนินการภายใตย้ ุทธศาสตร์ที่ 1 “สรา้ งสังคมทไ่ี ม่ทนต่อการทจุ ริต” มผี ลการประเมิน ท่ีระดับคะแนน 3.50 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน) อยู่ในระดับมาก โดยมิติประสิทธิภาพได้คะแนนสูงสุด (ได้คะแนนเฉล่ีย 3 ตัวชี้วัด 3.96 คะแนน อยู่ในระดับมาก) ตามด้วยมิติประสิทธิผล (ได้คะแนน 3.98 คะแนน อยู่ในระดับมาก) และมิติท่ีได้คะแนนน้อยที่สุด คือ มิติผลกระทบและความคุ้มค่า (ได้คะแนนเฉล่ีย 3.02 คะแนน อยู่ในระดับปานกลาง) กล่าวคือ มีการด�ำเนินการโครงการที่ส�ำเร็จตามโครงการตามแผน และมีการใช้จ่ายเงิน ท่ีมีประสิทธิภาพอยู่ในระดับมากที่สุดและระดับมาก ขณะท่ีมีกระบวนการด�ำเนินงานโครงการท่ีมิประสิทธิภาพ ในระดับปานกลาง มีค่าคะแนนเฉลี่ยในมิติประสิทธิภาพที่ระดับมาก สะท้อนการด�ำเนินโครงการที่มีประสิทธิภาพ รวมท้ังในเชิงมิติประสิทธิผลนั้น ในการด�ำเนินโครงการสามารถบรรลุวัตถุประสงค์/เป้าหมายของโครงการท่ีก�ำหนด ไว้ในระดับมาก ซ่ึงการด�ำเนินโครงการในประเภทโครงการอบรม/สัมมนา/ประชุมเชิงปฏิบัติการ และประเภท การสรา้ งเครือข่ายสามารถส่งผลในมติ ปิ ระสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ลไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ยุทธศาสตรท์ ี่ 2 “ยกระดบั เจตจำ� นงทางการเมอื งในการต่อต้านการทจุ ริต” โครงการ/กิจกรรมท่ีด�ำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 2 “ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้าน การทุจรติ ” มผี ลการประเมนิ อยูใ่ นระดับสงู คือ 3.69 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 5) โดยมีความส�ำเร็จในมติ ปิ ระสิทธิภาพ ได้คะแนน 4.31 คะแนน (คะแนนเฉล่ียของ 3 ตัวช้ีวัด ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดระดับประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงิน ได้คะแนน 4.24 ตัวชี้วดั ระดบั ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการดำ� เนนิ โครงการ ได้คะแนน 4.63 คะแนน และตวั ช้วี ดั ระดับประสทิ ธภิ าพผลการดำ� เนนิ งาน 4.06 คะแนน) ซึ่งอยใู่ นระดับมากทีส่ ดุ รองลงมา คอื มติ ิประสทิ ธผิ ล ไดค้ ะแนน 3.86 คะแนน ส�ำหรับผลในมิติผลกระทบและความคุ้มคา่ ได้คะแนนเฉล่ีย 3.50 ตามล�ำดับ อยใู่ นระดับมาก กล่าวไดว้ า่ โครงการท่ดี �ำเนินการในยทุ ธศาสตร์ท่ี 2 “ยกระดบั เจตจำ� นงทางการเมืองในการตอ่ ต้านการทุจรติ ” ประสบผลส�ำเร็จ ในการด�ำเนินโครงการเชิงประสิทธิภาพและประสิทธิผล (โครงการแล้วเสร็จตามแผนและวัตถุประสงค์) มีผลส�ำเร็จ ที่จะน�ำไปสู่ความส�ำเร็จเชิงยุทธศาสตร์อยู่ในระดับมาก โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการท่ีมีความยึดโยงกับเป้าหมาย (ตวั ชี้วดั ) ระดบั ยทุ ธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ท่ี 3 “สกดั กน้ั การทจุ รติ เชิงนโยบาย” โครงการ/กิจกรรมท่ีด�ำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ท่ี 3 “สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย” มีผลการประเมิน ท่รี ะดับคะแนน 3.86 คะแนน (คะแนนเตม็ 5) โดยมีความส�ำเรจ็ ในมิติประสทิ ธิผล ได้คะแนน 4.92 คะแนน เทา่ กับมติ ิ ประสทิ ธิภาพ (คะแนนเฉล่ยี ของ 3 ตวั ชีว้ ดั ประกอบด้วยตวั ชี้วัดระดับประสิทธภิ าพการใชจ้ ่ายเงนิ ได้คะแนน 4.87 ตัวชี้วัดระดับประสิทธิภาพของกระบวนการด�ำเนินโครงการ ได้คะแนน 4.88 และตัวชี้วัดระดับประสิทธิภาพ 138 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

ผลการดำ� เนนิ งาน 5.00 คะแนน) ซ่งึ อย่ใู นระดบั มากทีส่ ดุ ส�ำหรบั ผลในมิตผิ ลกระทบและความค้มุ ค่าไดค้ ะแนน 3.00 และ 2.63 ตามล�ำดับ อย่ใู นระดบั ปานกลาง กลา่ วไดว้ ่าโครงการที่ด�ำเนนิ การในยุทธศาสตรท์ ่ี 3 “สกัดกน้ั การทุจรติ เชิงนโยบาย” ประสบผลส�ำเร็จในการด�ำเนินการโครงการเชิงประสิทธิภาพและประสิทธิผล (โครงการแล้วเสร็จ ตามแผนและวัตถุประสงค์) แต่ผลส�ำเร็จท่ีจะน�ำไปสู่ความส�ำเร็จเชิงยุทธศาสตร์ยังอยู่ในระดับปานกลาง โดยพบว่า มโี ครงการทีม่ ีความยึดโยงกบั เปา้ หมาย (ตวั ชว้ี ดั ) ระดับยุทธศาสตร์ จ�ำนวน 4 โครงการ ขณะท่อี ีก 4 โครงการไม่สง่ ผล หรอื สง่ ผลในทางออ้ ม ยุทธศาสตร์ท่ี 4 “พฒั นาระบบปอ้ งกนั การทุจริตเชงิ รกุ ” โครงการ/กิจกรรมท่ีด�ำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 4 “พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก” มีผลการประเมินที่ระดับคะแนน 3.93 คะแนน (คะแนนเต็ม 5) โดยมีความส�ำเร็จในมิติประสิทธิภาพได้คะแนน สงู ทีส่ ุด คอื 4.85 คะแนน (คะแนนเฉลี่ยของ 3 ตัวชีว้ ัด (ได้คะแนน 4.97, 4.67 และ 4.91)) รองลงมา คอื มิตปิ ระสิทธผิ ล ได้คะแนน 4.72 อยู่ในระดับมากที่สุด ส�ำหรับผลในมิติผลกระทบและความคุ้มค่าได้คะแนน 3.00 และ 3.13 ตามลำ� ดับ อยใู่ นระดบั ปานกลาง กล่าวไดว้ า่ โครงการท่ดี �ำเนินการในยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 “พัฒนาระบบป้องกนั การทุจริต เชิงรุก” ประสบผลส�ำเร็จในการด�ำเนินการโครงการเชิงประสิทธิภาพและประสิทธิผล (โครงการแล้วเสร็จตามแผน และวตั ถปุ ระสงค)์ แต่ผลสำ� เรจ็ ท่ีจะน�ำไปสู่ความส�ำเรจ็ เชงิ ยทุ ธศาสตร์ยังอยู่ในระดบั ปานกลาง ยุทธศาสตร์ที่ 5 “ปฏริ ปู กลไกและกระบวนการการปราบปรามการทจุ รติ ” โครงการ/กิจกรรมที่ด�ำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 5 “ปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปราม การทจุ รติ ” มีผลการประเมนิ ท่ีระดบั คะแนน 4.16 คะแนน (คะแนนเต็ม 5) โดยมีความส�ำเรจ็ ในมิติประสทิ ธผิ ล ได้คะแนน 4.96 คะแนน อยใู่ นระดับมากท่สี ุด มิติประสิทธิภาพ (คะแนนเฉลีย่ ของ 3 ตวั ชี้วัด (ได้คะแนน 3.61, 4.91 และ 4.75 คะแนน) อยู่ในระดับมากท่ีสุด ส�ำหรับผลในมิติผลกระทบและความคุ้มค่าได้คะแนน 4.27 และ 3.09 ตามล�ำดับ อยู่ในระดับมาก กล่าวได้ว่าโครงการที่ด�ำเนินการในยุทธศาสตร์ท่ี 5 “ปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปราม การทุจริต” ประสบผลส�ำเร็จในการด�ำเนินการโครงการเชิงประสิทธิภาพและประสิทธิผล (โครงการแล้วเสร็จ ตามแผนและวัตถปุ ระสงค์) และผลสำ� เรจ็ ที่จะน�ำไปสคู่ วามสำ� เร็จเชงิ ยทุ ธศาสตร์ อยูใ่ นระดับมาก โดยพบวา่ มีโครงการ ท่ีมีความยึดโยงกับเป้าหมาย (ตัวช้ีวัด) ระดับยุทธศาสตร์จ�ำนวน 6 โครงการ ขณะที่อีก 5 โครงการไม่ส่งผลหรือ สง่ ผลในทางออ้ ม ยุทธศาสตร์ท่ี 6 ยกระดบั คะแนนดัชนกี ารรับรกู้ ารทจุ รติ (CPI) ของประเทศไทย” โครงการ/กิจกรรมที่ด�ำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ท่ี 6 ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย”มีระดับความส�ำเร็จเฉลี่ยเท่ากับ 3.88 คะแนน อยู่ในระดับ “มาก” โดยมิติประสิทธิผล ได้คะแนนสูงสดุ (4.79 คะแนน อย่ใู นระดบั มากท่ีสุด) ตามด้วยมติ ปิ ระสิทธภิ าพ (ได้คะแนนเฉลย่ี 3 ตัวช้ีวัด 4.32 คะแนน อยู่ในระดับ มาก) มิติผลกระทบและความคุ้มค่า ตัวช้ีวัดระดับผลกระทบเชิงคุณภาพ (ได้คะแนน 3.17 และ3.88 คะแนน อย่ใู นระดับ มากท่ีสดุ ) และมติ ิทไ่ี ดค้ ะแนนนอ้ ยทสี่ ุดคอื มิติความคุ้มคา่ (ไดค้ ะแนน 3.09 คะแนน อยู่ในระดับ ปานกลาง) ท้ังนี้ โครงการท่ีมีความคุ้มค่าท่ีได้รับค่าคะแนนเกินระดับ 3 จ�ำนวน 2 โครงการ จากโครงการที่เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 6 โครงการ ได้แก่ โครงการส่ือประชาสัมพันธ์ดัชนีการรับรู้การทุจริต สสู่ าธารณะ และโครงการประชมุ แลกเปล่ียนเรยี นร้รู ะดับชาตปิ ระจ�ำปี เร่ือง การยกระดบั คะแนนการรบั รกู้ ารทจุ รติ (CPI) ของประเทศไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มีเนื้อหาในการให้ความรู้เก่ียวกับดัชนีการรับรู้การทุจริต และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพ่ือให้ได้ข้อเสนอแนะในการยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) จึงส่งผลต่อการ ยกระดับดัชนกี ารรบั รกู้ ารทจุ รติ (CPI) ไดโ้ ดยตรง รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 139

ตารางท่ี 1 ผลการวิเคราะห์ความคุ้มค่าของโครงการ/กิจกรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560-2564) จำ� แนกตามรายยุทธศาสตร์ เกณฑ์การประเมินผลโครงการ ประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล ผลกระทบและ ความคมุ้ ค่า คะแนน ยทุ ธศาสตร์ ระดบั ถว่ ง การ ระดับ ประสทิ ธภิ าพ ระดบั ระดับ ระดบั ของ ความคุ้มคา่ น้�ำหนกั แปลผล ยุทธศาสตร์ที่ 1“สรา้ งสงั คมทไี่ มท่ นตอ่ การ ประสิทธภิ าพ ของกระบวนการ ประสิทธิภาพ ความส�ำเรจ็ ในการ ผลกระทบใน ของ มาก ทจุ รติ ” การใชจ้ า่ ยเงนิ ดำ� เนนิ โครงการ ผลการดำ� เนนิ งาน บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค/์ เชิงคุณภาพ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 2“ยกระดบั เจตจ�ำนงทาง เปา้ หมาย (20%) โครงการ การเมอื งในการต่อตา้ นการทจุ ริต” (10%) (10%) (10%) (25%) (25%) ยุทธศาสตร์ที่ 3“สกดั กัน้ การทุจรติ เชิงนโยบาย” 4.20 3.03 4.66 3.98 3.10 2.95 3.50 ยทุ ธศาสตร์ที่ 4“พัฒนาระบบป้องกัน การทุจรติ เชิงรกุ ” 4.06 4.24 4.63 3.86 2.75 3.75 3.69 มาก ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 5“ปฏริ ูปกลไกและ 4.87 4.88 5.00 4.92 3.00 2.63 3.86 มาก กระบวนการการปราบปรามการทจุ ริต” ยทุ ธศาสตร์ท่ี 6“ยกระดบั คะแนนดชั นี 4.97 4.67 4.91 4.72 3.00 3.13 3.93 มาก การรบั รู้การทุจรติ ของประเทศไทย” 3.61 4.91 4.75 4.96 4.27 3.09 4.16 มาก รวม 3.89 4.67 4.39 4.79 3.33 3.17 3.88 มาก 4.27 4.40 4.72 4.54 3.24 3.12 3.84 มาก หมายเหตุ: เกณฑข์ องระดบั ผลสำ� เรจ็ 4.21-5.00 หมายถึง ผลส�ำเรจ็ ของโครงการอย่ใู นระดบั มากที่สดุ 3.41-4.20 หมายถงึ ผลสำ� เรจ็ ของโครงการอยูใ่ นระดับมาก 2.61-3.40 หมายถึง ผลสำ� เร็จของโครงการอยใู่ นระดับปานกลาง 1.81-2.60 หมายถึง ผลสำ� เรจ็ ของโครงการอยู่ในระดับน้อย 1.00-1.80 หมายถงึ ผลสำ� เร็จของโครงการอยูใ่ นระดบั น้อยท่สี ดุ การด�ำเนินโครงการ/กิจกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 นอกจากจะมุ่งผลักดันแนวทางภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560- 2564) ไปสู่การปฏบิ ัติอยา่ งเปน็ รปู ธรรม ยงั สอดคล้องและสนับสนนุ แนวทางภายใตแ้ ผนการ ปฏิรปู ประเทศ ในหลายด้าน จากการประมวลข้อมลู การดำ� เนินโครงการตามแผนการปฏิรูปประเทศของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ในปี งบประมาณ พ.ศ. 2561 จากระบบฐานข้อมลู eMENSCR พบว่า ส�ำนักงาน ป.ป.ช.มีโครงการรว่ มขับเคลอ่ื น แผนการปฏริ ปู ประเทศรวม 173 โครงการ งบประมาณ 200.68 ลา้ นบาท โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 87.86 หรอื 152 โครงการ เป็นโครงการภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ ดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบ งบประมาณ 169.31 ลา้ นบาท รองลงไปเป็นโครงการภายใตแ้ ผนการปฏริ ปู ประเทศ ด้านการบริหารราชการแผน่ ดิน รอ้ ยละ 6.94 หรอื 12 โครงการ งบประมาณ 29.23 ล้านบาท ส่วนท่ีเหลือร้อยละ 5.20 หรือ 9 โครงการ เปน็ โครงการ ภายใตแ้ ผนการปฏริ ูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม ดา้ นสังคม และด้านการเมอื ง งบประมาณ 2.14 ล้านบาท 140 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

แผนบรู ณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบ รัฐบาลได้ให้ความส�ำคัญกับการจัดท�ำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นกลไก ในการขบั เคลอื่ นยทุ ธศาสตรช์ าติและนโยบายสำ� คญั เร่งดว่ น ซึ่งคำ� นงึ ถงึ หลักความประหยัด ความคุ้มคา่ ลดความซำ้� ซ้อนและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยก�ำหนดความเชื่อมโยงของแผนงานบูรณาการภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 12 นโยบายความมน่ั คงแหง่ ชาติ และนโยบาย ส�ำคญั ของรฐั บาล จำ� นวน 28 แผนงานบรู ณาการ ซงึ่ แผนงานการปอ้ งกนั ปราบปรามการทจุ รติ และประพฤติมชิ อบ เปน็ หน่ึงใน 28 แผนงานบูรณาการนน้ั ด้วย แผนบรู ณาการปอ้ งกนั ปราบปรามการทุจริตและประพฤตมิ ชิ อบ ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 กำ� หนด เป้าหมายสังคมไทยมีภาพลักษณ์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตดีข้ึน ตามตัวช้ีวัดท่ีก�ำหนด คือ ประเทศไทย ได้รับการประเมินคา่ ดัชนีการรบั รู้การทจุ ริต (Corruption Perceptions Index : CPI) สูงกว่าร้อยละ 44 มีหน่วยงาน ท่รี ว่ มขับเคลอื่ นแผนบูรณาการปอ้ งกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤตมิ ชิ อบ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ประกอบดว้ ย 14 กระทรวง 38 หนว่ ยงาน 3 ส่วนราชการไมส่ งั กดั ส�ำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง 1 หน่วยงาน ของรัฐสภา และ 5 หน่วยงานอิสระของรัฐ รวมท้ังส้ิน 47 หน่วยงาน ได้รับการจัดสรรงบประมาณรวมทั้งส้ิน 869,303,200 บาท มผี ลการเบกิ จา่ ย ณ วันที่ 28 กนั ยายน 2561 จำ� นวน 694,904,500 บาท คิดเป็นรอ้ ยละ 79.94 แนวทางการดำ� เนินงานท่ี 1 สรา้ งจิตสำ� นึก และปลูกฝงั ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต ก�ำหนดด�ำเนินการ จ�ำนวน 35 โครงการ (37 กิจกรรม) มีโครงการท่ีแล้วเสร็จ จ�ำนวน 32 โครงการ (34 กจิ กรรม) คดิ เป็นร้อยละ 91.42 ได้รับงบประมาณ จ�ำนวน 403,292,000 บาท มีผลการเบิกจ่าย จ�ำนวน 335,297,900 บาท คดิ เป็นรอ้ ยละ 83.14 แนวทางการดำ� เนนิ งานที่ 2 สรา้ งกลไกปอ้ งกนั การทุจริต ก�ำหนดด�ำเนินการ จ�ำนวน 23 โครงการ (24 กิจกรรม) มีโครงการท่ีแล้วเสร็จ จ�ำนวน 21 โครงการ (22 กิจกรรม) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 91.30 ได้รับงบประมาณ จ�ำนวน 246,115,600 บาท มีผลการเบิกจ่าย จ�ำนวน 173,412,100 บาท คิดเป็น รอ้ ยละ 70.46 แนวทางการดำ� เนินงานท่ี 3 เสรมิ สรา้ งประสิทธภิ าพในการปราบปรามการทจุ รติ ก�ำหนดด�ำเนินการ จ�ำนวน 6 โครงการ (9 กิจกรรม) มีโครงการที่แล้วเสร็จ จ�ำนวน 6 โครงการ (9 กิจกรรม) คิดเป็นร้อยละ 100 ได้รับงบประมาณ จ�ำนวน 219,895,600 บาท มีผลการเบิกจ่ายจ�ำนวน 186,194,500 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 84.67 ผลการด�ำเนินงานโดยภาพรวมตามแผนบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีส่วนช่วยในการส่งเสริมสนับสนุนการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหาร จัดการภาครัฐให้ดีย่ิงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผนงานและการบูรณาการความร่วมมือในมิติด้านการต่อต้านการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความทันสมัย รวมถึงเป็นกลไกหน่ึงในการ วัดประสิทธิภาพเพ่ือพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนของหน่วยงานภาครัฐนอกจากนี้ การด�ำเนินงาน ตามแผนบูรณาการสามารถลดความซ�้ำซ้อนในการท�ำงานด้านป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการบรหิ ารงานภาครัฐ โดยเฉพาะการจดั การทรัพยากรในการบรหิ ารโครงการ/กิจกรรม ซงึ่ ส่วนใหญ่ ดำ� เนนิ การแล้วเสรจ็ และสามารถดำ� เนนิ การไดต้ ามเป้าหมายผลผลติ หรือเกนิ กว่าเปา้ หมายผลผลิต ที่ก�ำหนด โดยอยู่ ในวงเงินงบประมาณท่ีได้รับจดั สรรและมีงบคงเหลอื ด�ำเนินการ รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 141

ดา้ นตรวจสอบทรัพย์สินและหนีส้ นิ การรับบัญชีทรัพย์สนิ และหนสี้ ิน จัดให้มีสถานที่รับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเพ่ืออ�ำนวยความสะดวกแก่ผู้มีหน้าที่ย่ืนบัญชี ณ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ไดแ้ ก่ สำ� นักงาน ป.ป.ช. (สนามบนิ นำ้� ) และสำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จังหวดั ทุกจังหวดั ปจั จุบนั มีตำ� แหน่งทต่ี ้องยืน่ บญั ชีตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประมาณทั้งส้ิน 38,785 ราย การเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรพั ยส์ นิ และหนีส้ นิ เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ผู้บริหารท้องถิ่น และเจ้าหน้าท่ีของรัฐเป็นไปตามมาตรา 106 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 ณ สำ� นักงาน ป.ป.ช. และทางเว็บไซต์ เพอื่ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการตรวจสอบ โดยการชีช้ อ่ ง และแจง้ เบาะแสทางทรพั ย์สนิ การตรวจสอบทรัพยส์ นิ และหนี้สิน การตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริง รวมท้ังความเปล่ียนแปลงของทรัพย์สินและหน้ีสิน และ ประกาศรายงานผลการตรวจสอบใหป้ ระชาชนรับทราบเปน็ การทวั่ ไป การกำ� หนดต�ำแหนง่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำหนดต�ำแหน่งผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ให้มีหน้าที่ ย่นื บัญชแี สดงรายการทรัพย์สนิ และหนีส้ ินโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา และดำ� เนนิ การอ่ืนตามอ�ำนาจหนา้ ที่ อนบุ ญั ญัติทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั งานดา้ นตรวจสอบทรัพย์สิน 1. ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการตรวจสอบทรัพย์สินและ หนส้ี นิ ของเจา้ พนกั งานของรฐั และการดำ� เนนิ คดที ี่เกยี่ วขอ้ งกับการย่นื บัญชี พ.ศ. 2561 2. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธี การเปดิ เผยบัญชที รัพยส์ นิ และหน้สี นิ พ.ศ. 2561 3. ประกาศคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวธิ กี ารย่นื บญั ชี ทรัพยส์ นิ และหนสี้ ินของเจ้าพนักงานของรัฐตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 4. ประกาศคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ เรอ่ื ง ก�ำหนดตำ� แหนง่ ของผ้มู ีหน้าท่ี ยน่ื บญั ชีทรัพย์สนิ และหน้สิ ินตามมาตรา 102 พ.ศ. 2561 5. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง ก�ำหนดต�ำแหน่งของผู้บริหาร ท้องถ่ิน รองผู้บริหารท้องถ่ิน ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถ่ิน และสมาชิกสภาท้องถ่ินขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ท่ีต้องยื่น บญั ชที รัพย์สนิ และหนีส้ ินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561 6. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เร่ือง ก�ำหนดต�ำแหน่งของ เจา้ พนักงานของรัฐซง่ึ จะต้องยื่นบัญชที รพั ย์สินและหนีส้ ินตามมาตรา 103 พ.ศ. 2561 7. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เร่ือง ก�ำหนดต�ำแหน่งของผบู้ ริหาร ท้องถนิ่ รองผบู้ ริหารทอ้ งถิน่ ผู้ช่วยผู้บรหิ ารท้องถิน่ และสมาชิกสภาทอ้ งถิ่นขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ทต่ี ้องเปิดเผย บญั ชีทรพั ยส์ ินและหนีส้ ิน พ.ศ. 2561 142 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

8. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เร่ือง หลักเกณฑ์ของผู้ซึ่งอยู่กินกัน ฉันสามภี ริยาโดยมไิ ดจ้ ดทะเบยี นสมรสอันถอื ว่าเป็นคูส่ มรส พ.ศ. 2561 9. ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการยื่นบัญชี การตรวจสอบ ทรพั ย์สนิ และหนี้สินของพนกั งานเจ้าหนา้ ทต่ี ามมาตรา 158 และการด�ำเนินคดที เี่ กีย่ วข้องกบั การย่นื บญั ชี พ.ศ. 2561 สถิตเิ ปรียบเทียบผลการดำ� เนนิ งานดา้ นตรวจสอบทรพั ย์สินของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้ังแตป่ งี บประมาณ พ.ศ. 2560 - พ.ศ. 2561 ปีงบประมาณ จำ�นวนบัญชีทรพั ยส์ นิ และหน้ีสิน เรือ่ งทด่ี ำ�เนนิ การเสร็จ รวม คงเหลอื เรอ่ื งคงค้าง พ.ศ. ยอดยกมา รบั ใหม่ รวม ปกติ ยนื ยนั เชงิ ลกึ (รอ้ ยละ) 2560 38,748 12,302 51,050 32,907 74 43 33,024 18,026 2561 18,026 8,511 26,537 11,771 283 107 12,161 14,376 35.31 54.17 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีจ�ำนวนบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องตรวจสอบ ท้ังสิ้น 26,537 บญั ชี โดยสรปุ ผลการด�ำเนนิ การ ดงั น้ี 1. จ�ำนวนบัญชีรับใหม่ที่ต้องด�ำเนินการตรวจสอบในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จ�ำนวน 8,511 บัญชี เมื่อรวมกับบัญชีค้างสะสมท่ีอยู่ระหว่างด�ำเนินการตรวจสอบ อีก 18,026 บัญชี มีบัญชีท่ีต้องตรวจสอบรวมทั้งส้ิน 26,537 บญั ชี ปรมิ าณลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 คดิ เป็นร้อยละ 48.02 2. ดำ� เนนิ การตรวจสอบแล้วเสรจ็ จำ� นวน 12,161 บญั ชี หากเปรยี บเทียบกับปงี บประมาณ พ.ศ. 2560 พบว่าปรมิ าณการตรวจสอบท่ีลดลง คดิ เปน็ รอ้ ยละ 63.18 เนื่องจากเจา้ หนา้ ที่เนน้ การตรวจสอบเพ่อื ย่ืนยนั ข้อมลู และ ตรวจสอบเชิงลึก โดยเจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินต้องน�ำข้อมูลทางการเงินจากสถาบันการเงินและข้อมูล ทรัพย์สินอื่นจากหน่วยงานของรัฐและเอกชนเพื่อน�ำมาวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง และความมีอยู่จริง รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหน้ีสิน ซ่ึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว จึงเป็นสาเหตุที่ท�ำให้การตรวจสอบบัญชีปกติมีจ�ำนวนเรื่องท่ีแล้วเสร็จลดลง แต่ก็ส่งผลให้การตรวจสอบเพ่ือยืนยันข้อมูล มปี รมิ าณทเ่ี พ่มิ ขึ้นคิดเปน็ รอ้ ยละ 282.43 และการตรวจสอบเชงิ ลึกเพิ่มขึ้นคิดเปน็ ร้อยละ 148.84 สถติ เิ ร่ืองทส่ี ่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผูด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งวนิ ิจฉัย ตั้งแตป่ ีงบประมาณ พ.ศ. 2560 -พ.ศ. 2561 ปงี บประมาณ จำ�นวน ไมย่ ืน่ บัญชี ยื่นบัญชีเท็จ ทรัพยส์ ินเพ่ิมขึน้ ผดิ ปกติหรือ มลู คา่ ทรพั ยส์ ินท่รี อ้ งขอให้ พ.ศ. ร่ำ�รวยผดิ ปกติ ตกเปน็ ของแผน่ ดนิ 292 31 2 189,593,992.20 บาท 2560 324 190 181 1 896,554,760.28 บาท 2561 372 สถติ ิผลการวินิจฉยั ของศาลฎกี าแผนกคดีอาญาของผู้ดำ� รงตำ� แหน่งทางการเมือง ปงี บประมาณ จำ�นวน ไมย่ ืน่ บญั ชี ยนื่ บญั ชเี ท็จ ทรพั ย์สินเพ่มิ ข้ึนผดิ ปกติหรือ มูลค่าทรพั ย์สินท่รี ้องขอให้ พ.ศ. ร่ำ�รวยผิดปกติ ตกเปน็ ของแผน่ ดิน 292 31 1 168,453,245.70 บาท 2560 323 120 18 0 21,140,746.50 บาท 2561 138 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 143

ค�ำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงตำ� แหน่งทางการเมอื ง 1. ทรพั ยส์ ินท่เี พม่ิ ขึ้นผิดปกติ คดีหมายเลขแดงท่ี อม. 97/2561 นายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งด�ำรงต�ำแหน่งรองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเคยด�ำรงต�ำแหน่งรองนายกองค์การ บรหิ ารส่วนจงั หวัดเชียงใหม่ เขา้ รับต�ำแหน่งเม่ือวนั ท่ี 20 มีนาคม 2556 พ้นจากตำ� แหนง่ เมอื่ วันท่ี 5 ตลุ าคม 2558 โดยการลาออก ผู้ถูกกลา่ วหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพยส์ ินและหนส้ี นิ กรณเี ข้ารบั ต�ำแหนง่ กรณีพน้ จากต�ำแหน่งและ กรณพี ้นจากตำ� แหนง่ มาแล้วเปน็ เวลาหน่ึงปแี ลว้ ตอ่ มาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มคี ำ� สง่ั แต่งต้งั คณะกรรมการตรวจสอบ ทรัพย์สิน และต่อมาเมื่อวนั ท่ี 30 มีนาคม 2560 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติวา่ ผูถ้ กู กลา่ วหาและนางดวงสุดา นมิ มลรตั น์ คูส่ มรสของผูถ้ กู กลา่ วหา มีทรพั ย์สนิ เพม่ิ ขึน้ ผิดปกติอย่างมีนยั ส�ำคญั ในตำ� แหนง่ รองนายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั เชียงใหม่ ตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ไดแ้ ก่ ทดี่ นิ ของผูถ้ ูกกลา่ วหา เพิม่ ขึ้น 2 แปลง มูลคา่ รวมขณะได้มา 11,865,000 บาท (มูลค่าท่แี สดงในบัญชฯี 7,000,000 บาท) และเงินลงทนุ ในห้นุ คิดเป็นมูลค่ารวม 9,275,746.50 บาท ซ่ึงฝากไว้กับบรษิ ทั หลักทรพั ย์ ผูถ้ กู กล่าวหา ชี้แจงข้อเท็จจริงเก่ียวกับรายการทรัพย์สินท่ีมีการเปล่ียนแปลงเพิ่มข้ึนว่า น�ำเงินจากการขายหุ้นและเงินท่ีใช้ หมนุ เวยี นในครอบครัวมาซ้อื ท่ดี นิ สว่ นเงนิ ท่ีใชช้ ำ� ระค่าห้นุ บริษทั เปน็ เงนิ ได้จากการขายหุ้นบริษัทอีกบรษิ ัทหนง่ึ คดีมปี ญั หา ต้องวินิจฉัยประการแรกว่า ท่ีดินของผู้ถูกกล่าวหาซ่ึงเพ่ิมขึ้น 2 แปลง ในระหว่างด�ำรงต�ำแหน่งรองนายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นทรัพย์สินที่เพ่ิมข้ึนผิดปกติหรือไม่ ศาลพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขท่ี 11777 และ เลขที่ 11783 ตำ� บลรมิ ใต้ อ�ำเภอแม่รมิ จงั หวดั เชียงใหม่ ของผถู้ ูกกล่าวหา กบั ห้นุ บริษทั แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำ� กดั (มหาชน) (ASCON) ทอ่ี ยูใ่ นช่ือของนางดวงสุดา นมิ มลรตั น์ คู่สมรสของผ้ถู กู กล่าวหา จ�ำนวน 61,838,310 ห้นุ ซ่ึงซ้ือมา ในราคา 9,275,746.50 บาท ท่ีฝากไวก้ บั บรษิ ทั หลักทรัพยโ์ กลเบล็ก จ�ำกัด พร้อมดอกผลท่ีเกดิ ขึน้ เปน็ ทรพั ย์สินทเ่ี พ่มิ ขนึ้ ผดิ ปกติให้ตกเปน็ ของแผน่ ดนิ ตามพระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 38 หากไม่อาจบังคับคดีตามค�ำพพิ ากษาข้างต้นได้ท้งั หมดหรือได้แต่บางสว่ น ใหบ้ ังคบั คดเี อาแก่ทรพั ยส์ นิ อืน่ ของผถู้ ูกกลา่ วหาได้ แต่ท้ังนร้ี าคาทดี่ นิ 2 แปลง ต้องไม่เกนิ กวา่ 11,865,000 บาท และราคาหุ้น มูลค่าต้องไม่เกินกว่า 9,275,746.50 บาท ซึ่งเป็นมูลค่าของทรัพย์สินท่ีศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 83 2. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือ ปกปิดขอ้ เท็จจริงทค่ี วรแจง้ ให้ทราบ 2.1 คดีหมายเลขแดงท่ี อม. 7/2561 นายสุรศักดิ์ เตชะนิธิสวัสด์ิ ผู้คัดค้านได้รับเลือกตั้ง ให้ด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลบางกระเจ้า อ�ำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ผู้คัดค้าน ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับต�ำแหน่ง โดยไม่แสดงรายการ บัญชีเงินฝากธนาคารของตน และคู่สมรส ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการ ไม่ด�ำเนินการ ให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ผู้คัดค้านช้ีแจงต่อผู้ร้องว่าหลงลืมและมีเงินฝากในธนาคารหลายบัญชี ไม่มีเจตนาปกปดิ หรือซ่อนเร้นไม่ชแี้ จงให้ผู้ร้องทราบ ศาลมีคำ� สั่งใหผ้ ู้คัดค้านหยดุ ปฏบิ ัติหน้าทีเ่ มือ่ วันที่ 11 ตุลาคม 2560 มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสารประกอบ ต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับต�ำแหน่งด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้งให้ทราบหรือไม่ ผู้คัดค้านช้ีแจงว่า หลงลืม ท้งั ทต่ี ามรายการเดนิ บญั ชเี งินฝากของผู้คดั ค้านและคู่สมรสปรากฏรายการฝากและถอนเงนิ ในบญั ชกี ่อนและ หลงั จากผู้คัดค้านยนื่ บัญชแี สดงรายการทรพั ยส์ ินและหน้ีสินและเอกสารประกอบตอ่ ผูร้ อ้ ง บง่ ชใี้ หเ้ ช่ือไดว้ ่า ผูค้ ดั ค้าน ทราบว่ามีบัญชีเงินฝากดังกล่าวอยู่ในเวลาที่ผู้คัดค้านมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้คัดค้านไม่ใส่ใจต่อการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายก�ำหนด มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาไม่แสดงท่ีมา 144 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

แห่งทรัพย์สินหรือหน้ีสินน้ัน ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่ส�ำคัญของผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ทางการเมืองท่ีต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหน้ีสินของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้เกิดการตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรัฐ พิพากษาว่า นายสุรศักดิ์ เตชะนิธิสวัสด์ิ ผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพยส์ ินและหนีส้ นิ และเอกสารประกอบตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดว้ ยข้อความอนั เปน็ เทจ็ หรอื ปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับต�ำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลบางกระเจ้า อ�ำเภอเมือง สมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ให้ผู้คัดค้านพ้นจากต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบล บางกระเจ้าท่ีด�ำรงอยู่ในวันที่ 17 มกราคม 2561 ซ่ึงเป็นวันท่ีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการ เมืองวินิจฉัย และห้ามมิให้ผู้คัดค้านด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองหรือด�ำรงต�ำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันท่ี 17 มกราคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนง่ึ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำ� คุก 2 เดือน และปรบั 8,000 บาท ผคู้ ัดคา้ นให้การรับสารภาพเปน็ ประโยชน์ แกก่ ารพจิ ารณา มีเหตบุ รรเทาโทษลดโทษใหก้ งึ่ หนงึ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำ� คกุ 1 เดือน และ ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจ�ำคุกมาก่อน โทษจ�ำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีก�ำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไมช่ ำ� ระคา่ ปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 มาตรา 30 2.2 คดหี มายเลขแดงท่ี 10/2561 นายธาริต เพ็งดษิ ฐ์ ผูค้ ดั ค้านไดร้ บั แต่งต้ังให้ดำ� รงตำ� แหน่งอธบิ ดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงยุติธรรมพบว่า ผู้คัดค้านไม่ได้แสดงรายการ ทรัพย์สิน คือ เงินฝากธนาคาร 4 บัญชี ซึ่งมีช่ือผู้คัดค้านเป็นเจ้าของบัญชีเมื่อตรวจสอบบัญชีดังกล่าวบางบัญชี ยงั มยี อดเงนิ คงเหลือและบางบญั ชกี ็มีรายการเคลอื่ นไหวทางบญั ชีโดยมีเงนิ หมนุ เวยี นเปน็ จำ� นวนมาก การทีผ่ ้คู ดั ค้าน ไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีทุกสามปีท่ีอยู่ในต�ำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นการปกปิดไม่แสดงรายการแห่งทรัพย์สินของตนเอง และนางวรรษมลเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ร้องตรวจสอบพบ จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาไม่แสดงท่ีมา แหง่ ทรพั ยส์ ินหรอื หนี้สนิ นน้ั องค์คณะผูพ้ พิ ากษามีมตเิ ปน็ เอกฉันท์วา่ การกระท�ำดงั กล่าวของผูค้ ัดค้านเป็นการจงใจ ย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควร แจ้งให้ทราบต่อผู้ร้อง กรณีทุกสามปีท่ีอยู่ในต�ำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เม่ือผู้คัดค้านเป็นผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ระดับสงู และเป็นเจา้ หน้าท่ขี องรฐั จงึ ถกู หา้ มมใิ หด้ ำ� รงตำ� แหน่งเจ้าหนา้ ที่ของรฐั เป็นเวลาหา้ ปีนบั แตว่ ันท่ี 3 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นวันท่ีพ้นจากต�ำแหน่งท่ีปรึกษาประจ�ำส�ำนักนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนง่ึ นอกจากนีก้ ารกระท�ำของผคู้ ดั คา้ น ยังเป็นความผิดฐานเป็นเจา้ หน้าทข่ี องรัฐจงใจย่นื บญั ชีแสดงรายการทรพั ย์สินและหน้ีสนิ ด้วยข้อความอันเปน็ เท็จหรอื ปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้งให้ทราบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย พิพากษาวา่ นายธารติ เพ็งดิษฐ์ ผคู้ ดั ค้าน จงใจย่ืนบญั ชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้ง ให้ทราบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีทุกสามปีท่ีอยู่ในต�ำแหน่งผู้ด�ำรงต�ำแหน่งระดับสูง ห้ามมิให้ผู้คัดค้าน ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้าหน้าท่ีของรัฐเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันท่ี 3 เมษายน 2560 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากต�ำแหน่ง ที่ปรึกษาประจ�ำส�ำนักนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจรติ พ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหน่ึง กับมคี วามผิดตามพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ให้จ�ำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท ผู้คัดค้านให้การ รับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 145

ก่ึงหน่ึง คงจำ� คุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท ไมป่ รากฏวา่ ผ้คู ดั คา้ นเคยได้รับโทษจำ� คกุ มากอ่ น ให้รอการลงโทษ จ�ำคกุ ไวม้ กี ำ� หนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ช�ำระคา่ ปรบั ใหจ้ ัดการตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 29 มาตรา 30 2.3 คดีหมายเลขแดงท่ี 12/2561 นายโอภาส แพพ่วง ผู้คัดค้าน ได้รับแต่งตั้งให้ด�ำรงต�ำแหน่ง รองนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลป่ามะคาบ อ�ำเภอเมืองพิจิตร จังหวดั พิจติ ร ผคู้ ัดคา้ นไมไ่ ดแ้ สดงรายการทรัพย์สนิ และหน้ีสิน ดังน้ี 1.เงินฝากธนาคาร 5 บัญชี 2.เงินลงทุนในหุ้นของผู้คัดค้านและคู่สมรส 2 แห่ง 3.ท่ีดิน 2 แปลง มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านจงใจย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากต�ำแหน่ง และกรณีพ้นจากต�ำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการด�ำรงต�ำแหน่งครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับต�ำแหน่งและกรณี พ้นจากต�ำแหน่งในการด�ำรงต�ำแหน่งคร้งั ท่ี 2 หรอื ไม่ ผรู้ ้องได้แจง้ ใหผ้ ้คู ดั ค้านชแี้ จงข้อเท็จจริง ผู้คัดคา้ นชี้แจงสรปุ ไดว้ า่ เกิดจากข้อผดิ พลาดในการแสดงรายการทรพั ยส์ นิ ความไมร่ ู้ หลงลมื และการยดึ ถือเอาบัญชีแสดงรายการทรัพยส์ ิน และหนี้สินท่ีเคยยื่นไว้คร้ังก่อนหน้าเป็นเกณฑ์ในการยื่นแสดงรายการ ส่วนกรณีทรัพย์สินของคู่สมรสและบุตรที่ยัง ไม่บรรลุนิติภาวะก็อ้างถึงสถานภาพความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและคู่สมรสท่ีไม่ค่อยสู้ดี เพราะคู่สมรสไม่ชอบที่ท�ำ หนา้ ท่เี ปน็ นักการเมอื งท้องถ่นิ และหากคู่สมรสท�ำการใด ๆ หรอื นิตกิ รรมต่าง ๆ กจ็ ะปกปดิ ไม่แจ้งใหท้ ราบ และบุตรสาว ก�ำลังศึกษาอยู่ต่างประเทศ เห็นว่าค�ำช้ีแจงของผู้คัดค้านไม่น่าเชื่อถือและเป็นการง่ายแก่การกล่าวอ้างท้ังเป็นเหตุผล ส่วนตัว ไม่อาจน�ำมาอ้างเพื่อไม่ปฏิบัติตามท่ีกฎหมายก�ำหนดได้ และผู้คัดค้านยังคงมีหน้าที่แสดงบัญชี รายการ ทรพั ย์สินและหน้ีสินทีม่ อี ยูจ่ รงิ ตอ่ ผู้รอ้ ง จงึ ฟังไม่ไดว้ า่ มเี หตผุ ลอนั สมควร พฤติการณด์ ังกล่าวแสดงให้เห็นวา่ ผคู้ ดั ค้าน มีเจตนายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงท่ีมาแห่งทรัพย์สินหรือหน้ีสินน้ัน ซึ่ง การย่นื บญั ชแี สดงรายการทรัพยส์ นิ และหนี้สนิ เป็นหนา้ ทส่ี �ำคญั ของผ้ดู ำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมืองท่ีต้องปฏบิ ัติ อันเปน็ มาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อ�ำนาจรัฐ จึงฟังได้ว่าผู้คัดค้านจงใจย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้งให้ทราบ พิพากษาว่าห้ามมิให้ผู้คัดค้านด�ำรงต�ำแหน่ง ทางการเมอื งหรือดำ� รงต�ำแหนง่ ใดในพรรคการเมอื งเป็นเวลาห้าปนี บั แตว่ ันท่ี 1 มิถนุ ายน 2559 ซึง่ เป็นวนั ทผ่ี ู้คดั ค้าน พ้นจากต�ำแหน่งในการด�ำรงต�ำแหน่งคร้ังท่ี 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมคี วามผดิ ตามพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วย การป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเปน็ เจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐจงใจยื่นบญั ชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพน้ จากต�ำแหน่งมาแลว้ เปน็ เวลาหนงึ่ ปี ในการด�ำรงต�ำแหนง่ ครั้งที่ 1 และกรณพี น้ จากต�ำแหนง่ ในการด�ำรงต�ำแหน่งครงั้ ท่ี 2 การกระท�ำของผคู้ ัดคา้ นเป็นความผดิ หลายกรรมตา่ งกนั ให้ลงโทษทกุ กรรมเปน็ กระทง ความผดิ ไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำ� คุกกระทงละ 2 เดือน และปรบั กระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เปน็ จ�ำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผ้คู ัดค้านใหก้ ารรับสารภาพเปน็ ประโยชน์แก่การพิจารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษให้ก่ึงหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจ�ำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจ�ำคุกมาก่อน โทษจ�ำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีก�ำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำ� ระคา่ ปรบั ใหจ้ ดั การ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 มาตรา 30 ขอ้ หาอืน่ นอกจากน้ใี หย้ ก 2.4 คดีหมายเลขแดงท่ี 35/2561 พลต�ำรวจโท หรือ นายพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้ถูกกล่าวหา ไดร้ บั แตง่ ตั้งใหด้ ำ� รงตำ� แหน่งผูบ้ ัญชาการต�ำรวจสอบสวนกลาง เมือ่ วนั ที่ 1 ตุลาคม 2553 ต่อมาผู้รอ้ งออกประกาศ คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ เร่อื ง ก�ำหนดต�ำแหน่งเจา้ หน้าท่ขี องรัฐ ซง่ึ จะตอ้ งย่ืนบญั ชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม 146 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

การทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ก�ำหนดต�ำแหน่งเจ้าหน้าท่ีของรัฐซึ่งจะต้องมีหน้าที่ย่ืนบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และเป็นต�ำแหน่งท่ี ต้องเสนอเร่ืองให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ดังน้ี ...7) ผู้บัญชาการต�ำรวจ สอบสวนกลาง ท้ังน้ี ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ขณะผู้ถูกกล่าวหาด�ำรงต�ำแหน่งผู้บัญชาการต�ำรวจ สอบสวนกลาง หลังจากนนั้ วนั ท่ี 24 ตลุ าคม 2555 ผู้ถูกกลา่ วหาย่นื บญั ชแี สดงรายการทรัพย์สนิ และหนสี้ ินตอ่ ผู้รอ้ ง กรณีเขา้ รบั ตำ� แหนง่ โดยไม่แสดงทรัพยส์ นิ คือ ทีด่ ิน 53 แปลง หอ้ งชดุ 6 หอ้ ง รวมทรพั ยส์ ิน 59 รายการ ผถู้ กู กล่าวหา พ้นจากต�ำแหน่งเมื่อวันท่ี 23 พฤศจิกายน 2557 ผู้ร้องแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ถูกกล่าวหา ให้ถ้อยค�ำช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหาว่าทรัพย์สินทั้ง 59 รายการดังกล่าวเป็นของผู้ถูกกล่าวหา แต่ผู้ถูกกล่าวหาจ�ำไม่ได้ว่า เหตุใดจึงไม่แสดงทรัพย์สินทั้ง 59 รายการดังกล่าวไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสิน ผู้ถูกกล่าวหา เป็นบุคคลเดียวกับจ�ำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงท่ี อ.293/2558 คดีหมายเลขแดงท่ี อ.565/2558 คดีหมายเลขแดงท่ี อ.566/2558 และคดหี มายเลขแดงท่ี ฟย.2/2558 ของศาลอาญาทผี่ รู้ อ้ งขอให้นบั โทษต่อ มปี ัญหา ต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับต�ำแหน่งผู้บัญชาการต�ำรวจสอบสวนกลาง หรอื ไม่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 บัญญัตวิ ่า เจา้ หน้าทข่ี องรฐั หมายความวา่ …ข้าราชการหรอื พนักงานสว่ นทอ้ งถน่ิ ซ่ึงมีตำ� แหน่ง หรือเงนิ เดอื นประจำ� พนักงาน หรอื บคุ คลผปู้ ฏบิ ัติงานในรัฐวิสาหกิจ หรอื หน่วยงานของรัฐ … มาตรา 40 บญั ญตั ิว่า ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอ�ำนาจก�ำหนดต�ำแหน่งของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ซึ่งจะต้องย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินเพ่ิมเติม จากมาตรา 39 ได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา และผู้รอ้ งออกประกาศคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ เรื่อง ก�ำหนดต�ำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐซ่ึงจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสิน ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2542 มาตรา 40 ซึง่ แกไ้ ข เพิ่มเตมิ โดยพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 ก�ำหนดต�ำแหน่งเจ้าหน้าท่ีของรัฐซึ่งจะต้องมีหน้าที่ย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และเป็นต�ำแหน่งท่ีต้องเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรง ต�ำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ดังน้ี ...7) ผู้บัญชาการต�ำรวจสอบสวนกลาง โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันท่ี 1 ตุลาคม 2555 ขณะผู้ถูกกล่าวหาด�ำรงต�ำแหน่งผู้บัญชาการต�ำรวจสอบสวนกลาง ผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มีหน้าท่ี ย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทุกครั้งท่ีเข้ารับต�ำแหน่ง ทุกสามปีท่ีอยู่ในต�ำแหน่ง และเม่ือพ้นจากต�ำแหน่ง ตามแบบที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำ� หนด... ตามพระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ข้อเท็จจริงปรากฏวา่ เมื่อวันที่ 24 ตลุ าคม 2555 ผู้ถกู กล่าวหายืน่ บัญชแี สดง รายการทรัพย์สินและหน้ีสินต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับต�ำแหน่งผู้บัญชาการต�ำรวจสอบสวนกลาง โดยไม่แสดงรายการ ทรัพยส์ ิน รวม 59 รายการ ผู้รอ้ งแจง้ ให้ผ้ถู ูกกลา่ วหาช้ีแจงข้อเทจ็ จริงแลว้ ผู้ถกู กลา่ วหาชแ้ี จงว่าทรพั ยส์ นิ ทีไ่ ม่ย่ืนบญั ชี แสดงรายการทรัพยส์ นิ และหนี้สินต่อผู้ร้องเป็นของ ผถู้ ูกกลา่ วหา แตผ่ ู้ถกู กล่าวหาจ�ำไม่ไดว้ า่ เหตใุ ดไม่แสดงทรัพย์สิน ดังกล่าวไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เห็นว่าค�ำช้ีแจงของผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเหตุผลเพียงพอให้รับฟัง พฤติการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ใส่ใจต่อการย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องให้ถูกต้องตามที่กฎหมายก�ำหนด ซึ่งการย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินเป็นหน้าที่ ส�ำคัญของเจ้าหน้าท่ีของรัฐที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวถูกก�ำหนดไว้โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้ร้องมีข้อมูลในการ ตรวจสอบผู้ใช้อ�ำนาจรัฐบริหารราชการแผ่นดินตลอดระยะเวลาที่ผู้น้ันด�ำรงต�ำแหน่งว่ามีทรัพย์สินและหน้ีสิน รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 147

เปลี่ยนแปลงผิดปกติหรือไม่ อันเป็นมาตรการส�ำคัญที่ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัด เพ่ือให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเกิดประสิทธิภาพ จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจย่ืนบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับต�ำแหน่งผู้บัญชาการต�ำรวจสอบสวนกลาง พิพากษาว่า พลต�ำรวจโท หรือ นายพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับต�ำแหน่ง ในการด�ำรงต�ำแหน่ง ผู้บัญชาการต�ำรวจสอบสวนกลาง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำ� คกุ 2 เดอื น ผ้ถู กู กล่าวหาใหก้ ารรับสารภาพ เปน็ ประโยชนแ์ ก่การ พจิ ารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษใหก้ ึง่ หนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำ� คกุ 1 เดอื น นบั โทษจ�ำคุก ตอ่ จากโทษของจ�ำเลยท่ี 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.293/2558 คดหี มายเลขแดงที่ อ.565/2558 คดีหมายเลขแดง ที่ อ.566/2558 และคดีหมายเลขแดงที่ ฟย.2/2558 ของศาลอาญา 2.5 คดีหมายเลขแดงที่ 107/2561 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ถูกกล่าวหา ได้รับเลือกตั้งให้ด�ำรง ต�ำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งท่ี 2 ผู้ถูกกล่าวหาย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้อง โดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาช้ีแจง ข้อเท็จจริง ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงว่าโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนจ�ำกัดดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นไปแล้วก่อนถึงก�ำหนดย่ืนบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินต่อผู้ร้อง ผู้ถูกกล่าวหาเคยต้องค�ำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษฐานท�ำให้เสียทรัพย์ และฐานบุกรุก จ�ำคุก 2 ปี ในคดีอาญาหมายเลขแดงท่ี 3220/2549 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ พ้นโทษเมื่อวันที่ 16 ธนั วาคม 2559 มีปัญหาต้องวนิ จิ ฉยั วา่ ผู้ถกู กลา่ วหาจงใจยน่ื บัญชีแสดงรายการทรพั ยส์ ินและหนส้ี นิ และเอกสาร ประกอบตอ่ ผู้ร้องดว้ ยข้อความอนั เป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจรงิ ทค่ี วรแจง้ ใหท้ ราบ กรณพี น้ จากต�ำแหนง่ สมาชกิ สภา ผู้แทนราษฎรครั้งที่ 2 หรือไม่ เห็นว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 บัญญัตวิ ่า ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง หมายความว่า ... (3) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซงึ่ มีผลใชบ้ ังคับตงั้ แตว่ นั ท่ี 18 พฤศจิกายน 2542 เปน็ ต้นมา ผูถ้ กู กลา่ วหาจงึ เป็นผู้ดำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมือง และ เป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มหี นา้ ทยี่ ่นื บัญชีแสดงรายการทรพั ยส์ นิ และหน้ีสนิ และเอกสารประกอบของตน คสู่ มรส และ บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวันนับแต่วันเข้ารับต�ำแหน่ง วันพ้นจากต�ำแหน่ง และวันที่พ้นจาก ต�ำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหน่ึงปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ผู้ถกู กล่าวหาเคยยน่ื บญั ชีแสดงรายการทรัพย์สนิ และหน้ีสนิ และ เอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณเี ข้ารับตำ� แหนง่ กรณพี ้นจากตำ� แหน่ง และกรณพี ้นจากตำ� แหน่งมาแล้วเปน็ เวลาหนงึ่ ปี ในการด�ำรงต�ำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 1 กับกรณีเข้ารับต�ำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 2 ย่อมทราบว่าตนมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินต่อผู้ร้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมาย ก�ำหนด แต่ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากต�ำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรครั้งที่ 2 โดยไม่แสดงรายการ เงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด ภัตตาคารซินก่ี จ�ำนวนเงิน 150,000 บาท ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาช้ีแจงข้อเท็จจริงแล้ว โดยข้อเท็จจริงในการไต่สวนเช่ือได้ว่าผู้ถูกกล่าวหา เปน็ ผ้ถู ือหนุ้ ของห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด ภัตตาคารซนิ กี่ ขณะผถู้ กู กล่าวหามหี นา้ ท่ยี ่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสิน ตอ่ ผรู้ อ้ งกรณพี ้นจากตำ� แหน่งสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรคร้งั ท่ี 2 พิพากษาว่า นายชูวทิ ย์ กมลวิศิษฎ์ ผถู้ กู กล่าวหาจงใจ ย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปดิ ข้อเท็จจรงิ ทค่ี วรแจง้ ให้ทราบกรณพี ้นจากต�ำแหน่งสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรครง้ั ท่ี 2 ตามพระราชบญั ญัติ ประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 หา้ มมิให้ ผถู้ ูกกล่าวหาดำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื งหรือด�ำรงต�ำแหนง่ ใดในพรรคการเมอื งเปน็ เวลาห้าปี นบั แตว่ ันท่ี 9 ธันวาคม 2556 148 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

ซึ่งเป็นวันทผ่ี ถู้ ูกกล่าวหาพน้ จากต�ำแหน่งสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร ครง้ั ที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ลงโทษจ�ำคุก 2 เดือน ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ก่ึงหน่ึงตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจ�ำคุก 1 เดือน ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจ�ำคุกเกินหกเดือนมาก่อน อันมิใช่โทษ ส�ำหรับความผิดท่ีได้กระท�ำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และพ้นโทษจ�ำคุกมาไม่เกินห้าปี จึงไม่อาจรอ การลงโทษจำ� คุกผูถ้ กู กลา่ วหาได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 3. กรณจี งใจไมย่ ืน่ บญั ชีแสดงรายการทรัพย์สนิ และหนีส้ นิ คดีหมายเลขแดงท่ี 41/2561 นางสาวณฐั นนั ท์ รัตนวีระกาญจน์ ผคู้ ดั ค้าน ได้รบั แต่งตั้งให้ดำ� รงตำ� แหน่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลหนองเหียง อ�ำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ผู้คัดค้านไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากต�ำแหน่งและกรณีพ้นจากต�ำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา หน่ึงปี ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านช้ีแจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและ หน้ีสินและเอกสารประกอบกรณีดังกล่าวต่อผู้ร้องแล้ว ผู้คัดค้านชี้แจงว่าส�ำคัญผิดว่าได้ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องเรียบร้อยแล้ว ประกอบกับไม่เข้าใจขั้นตอนการจัดท�ำการยื่นบัญชี ทรัพย์สินและหนี้สิน แต่ค�ำชี้แจงของผู้คัดค้านไม่มีเหตุผลเพียงพอและง่ายแก่การกล่าวอ้าง พฤติการณ์ดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ซ่ึงการย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหน้ีสินเป็นหน้าท่ีส�ำคัญของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สิน และหน้ีสินของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองเพ่ือให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อ�ำนาจรัฐ จึงฟังได้ว่าผู้คัดค้านจงใจ ไมย่ ื่นบัญชีแสดงรายการทรพั ย์สินและหน้สี นิ และเอกสารประกอบตอ่ ผ้รู ้องภายในเวลาทก่ี ฎหมายก�ำหนด กรณพี น้ จาก ตำ� แหน่งและกรณีพ้นจากต�ำแหนง่ มาแลว้ เป็นเวลาหน่งึ ปี มผี ลหา้ มมิให้ผู้คัดค้านด�ำรงตำ� แหนง่ ทางการเมืองหรือด�ำรง ต�ำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากต�ำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง นอกจากน้ี การกระท�ำของผู้คัดคา้ น ยังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำ� หนด ตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกัน และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย และองค์คณะผพู้ ิพากษาโดยเสียงข้างมากไมห่ ักวนั ตอ้ งขัง ในคดีนี้ให้แก่ผู้คัดค้าน พิพากษาว่านางสาวณัฐนันท์ รัตนวีระกาญจน์ ผู้คัดค้าน จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาท่ีกฎหมายก�ำหนด กรณีพ้นจาก ต�ำแหน่งและกรณีพ้นจากต�ำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการด�ำรงต�ำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบล หนองเหียง อ�ำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองหรือ ด�ำรงตำ� แหนง่ ใดในพรรคการเมอื งเป็นเวลาห้าปี นบั แต่วันที่ 31 สิงหาคม 2555 ซงึ่ เปน็ วนั ทผ่ี ้คู ัดค้านพ้นจากตำ� แหนง่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระท�ำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำ� คกุ กระทงละ 2 เดอื น รวม 2 กระทง เป็นจำ� คกุ 4 เดือน ผคู้ ดั ค้านใหก้ าร รับสารภาพ เป็นประโยชน์แกก่ ารพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษใหก้ ึ่งหน่งึ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจ�ำคุก 2 เดือน ให้นับโทษผู้คัดค้านต่อจากโทษจ�ำคุกของจ�ำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงท่ี 12739/2556 ของ ศาลจงั หวดั พัทยา รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 149

2. สมั ฤทธผิ ลของการดำ�เนินงานตามระบบการประเมินผล ภาคราชการแบบบูรณาการ 2.1 ความสำ� เรจ็ ในการบรรลุเปา้ หมายระดับองค์กร ความเชอื่ มโยงยุทธศาสตร์ชาติ และการเช่อื มโยงกบั พนั ธกรณตี ่างๆ ยทุ ธศาสตร์ชาตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ผงั เชอื่ มโยง ยุทธศาสตรช์ าติว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564 ประเด็นความสอดคล้องและเชือ่ มโยง เป้าหมายหลกั ยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตรท์ ่ี 6 : 20 ปี การปรบั สมดลุ และพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครฐั (4) การตอ่ ตา้ นการทุจรติ และประพฤติมชิ อบ แผนการปฏิรปู ด้านการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบ ประเทศฯ (1) ดา้ นการป้องกันและเฝ้าระวงั (2) ด้านการปอ้ งปราม 1 (3) ดา้ นการป้องปราม 2 (4) ดา้ นการปราบปราม 1 (5) ด้านการปราบปราม 2 (6) ด้านการบริหารจดั การ แผนพัฒนาฯ ยุทธศาสตรท์ ่ี 6 : การบริหารจัดการในภาครัฐ การป้องกันการทจุ ริตประพฤติ CPI => 50 คะแนน ฉบับที่ 12 มชิ อบและธรรมาภบิ าลในสังคมไทย ในปี พ.ศ. 2564 เปา้ หมาย : สงั คมไทย (ป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ มภี าพลกั ษณก์ ารปอ้ งกัน เพอื่ ให้สังคมไทยมีวินัย โปร่งใส และยุติธรรม) และปราบปราม การทจุ ริตดีขึ้น ยุทธศาสตรช์ าตฯิ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 2 ระยะท่ี 3 สร้างสงั คมท่ีไม่ทนตอ่ การทจุ ริต ยกระดับเจตจำ� นงทางการเมอื ง ยุทธศาสตรท์ ี่ 3 ยทุ ธศาสตร์ที่ 4 สกัดก้นั การทจุ ริตเชงิ นโยบาย พฒั นาระบบป้องกันการทุจรติ เชงิ รุก ยทุ ธศาสตร์ท่ี 5 ยทุ ธศาสตร์ท่ี 6 ปฏริ ูปกลไกและกระบวนการ ยกระดับคะแนนดชั นีการรบั รู้ การปราบปรามการทุจรติ การทจุ รติ (CPI) ของประเทศไทย แผน 1. ปลกู ฝังวิธีคดิ สร้างจติ ส�ำนึก ใหม้ ีความซื่อสตั ยส์ ุจริต บรู ณาการฯ 2. ปอ้ งกนั การทุจริตเชงิ รุก 3. ปราบปรามการทจุ ริต 150 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

การปฏิบัติราชการตามค�ำรบั รองการปฏิบตั ริ าชการ ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 มิตทิ ี่ 1 ดา้ นประสทิ ธผิ ลตามแผนยุทธศาสตร์ ตวั ช้วี ดั ลกั ษณะตวั ชี้วดั หนว่ ยวดั น�้ำหนัก ผลดำ� เนินงาน คะแนน 38 3.8105 1. ระดับความสำ� เร็จในการขบั เคลื่อนยุทธศาสตรช์ าติว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ 3 ผลผลติ +ผลลัพธ์ ร้อยละ 15 94.47 4.4467 2. ร้อยละของหน่วยงานภาครฐั ทเี่ ข้ารบั การประเมนิ คณุ ธรรมและความโปรง่ ใสในการดำ� เนินงานของหนว่ ยงานภาครฐั ผลลัพธ์ ร้อยละ 13 (ITA) และผา่ นเกณฑ์ทก่ี ำ� หนด 2.9577 2.1 กลุม่ A รอ้ ยละของหน่วยงานภาครัฐท่เี ขา้ รบั การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงาน ผลลัพธ์ รอ้ ยละ (5) 89.79 3.9934 ของหน่วยงานภาครฐั (ITA) ที่คงรกั ษาเกณฑ์ 80 คะแนนขึน้ ไป 1.0000 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 151 2.2 กลุ่ม B ร้อยละท่เี พ่ิมขน้ึ ของหน่วยงานภาครฐั ท่เี ข้ารบั การประเมินคณุ ธรรมและความโปร่งใสในการดำ� เนินงาน ผลลพั ธ์ รอ้ ยละ (5) 59.58 4.0000 ของหนว่ ยงานภาครัฐ (ITA) ผ่านเกณฑ์ 80 คะแนนขึน้ ไป 1.9180 2.3 กลุ่ม C ร้อยละขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ทีเ่ ขา้ รบั การประเมนิ คณุ ธรรมและความโปร่งใสในการดำ� เนนิ งาน ผลลพั ธ์ ร้อยละ (3) 26.10 1.9180 ของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) โดยผ่านเกณฑ์ 75 คะแนนขนึ้ ไป 3.4875 3. ระดบั ความสำ� เรจ็ ของความรว่ มมือการยกระดบั ดัชนีช้ีวดั การรับรกู้ ารทจุ ริต (Corruption Perceptions Index - CPI) ผลผลิต+ผลลัพธ์ ระดบั 10 4.00 4.1505 มิตทิ ี่ 2 ด้านคณุ ภาพของการตอบสนองตอ่ ผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี 12 3.5109 4. ร้อยละความพงึ พอใจของประชาชนทม่ี ีตอ่ การยับย้ัง และปอ้ งกนั การทุจริตทจี่ ะเกิดข้นึ ผลลัพธ์ รอ้ ยละ 12 69.59 1.0000 มติ ทิ ี่ 3 ดา้ นประสทิ ธิภาพของการปฏิบตั ริ าชการ 25 4.5119 5. ผลิตภาพของการปราบปรามและตรวจสอบทรัพยส์ นิ ผลผลติ เร่อื ง 25 4.0087 5.1 ผลติ ภาพของการแสวงหาข้อเทจ็ จริงและรวบรวมพยานหลกั ฐาน ผลผลติ เร่ือง (5) 3,784 5.0000 5.2 ผลติ ภาพของการไตส่ วนข้อเทจ็ จริง ผลผลติ เรอื่ ง (15) 1,284 3.3478 5.3 ผลิตภาพของการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพยส์ ินและหนส้ี นิ ผลผลิต เร่อื ง (5) 5.3.1 การตรวจสอบเพ่ือยนื ยันข้อมูล ผลผลติ เรอื่ ง ((2.5)) 283 5.3.2 การตรวจสอบเชิงลกึ ผลผลติ เร่อื ง ((2.5)) 767.44 มติ ิท่ี 4 ด้านการพฒั นาองคก์ ร 25 6. ระดับความส�ำเรจ็ ของการจัดทำ� อนุบญั ญัติ ผลผลติ ระดบั 10 5.00 7. ระดับความส�ำเร็จของศูนย์ขอ้ มลู ด้านการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ ผลผลิต+ผลลัพธ์ ระดับ 15 3.3478 รวม 100 3.5489

2.2 ระดับความพงึ พอใจของผรู้ บั บรกิ ารต่อประโยชน์ท่ีได้รบั จากการใช้บรกิ าร และกระบวนการให้บริการ การส�ำรวจความพงึ พอใจต่อการดำ� เนนิ งานของสำ� นักงาน ป.ป.ช. ในการยับยั้งและปอ้ งกันการทจุ ริต ท่ีจะเกดิ ข้นึ ประจ�ำปีงบประมาณ 2561 มีวัตถุประสงค์ (1) เพ่ือประเมินระดับความพึงพอใจและปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้รับบริการท่ีมี ต่อการด�ำเนินงานของส�ำนักงาน ป.ป.ช. (2) เพื่อท�ำความเข้าใจความรับรู้ของประชาชนท่ัวไปท่ีมีต่อส�ำนักงาน ป.ป.ช. และผลงานของส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยใช้การส�ำรวจเชิงปริมาณเป็นหลักและใช้การสัมภาษณ์เชิงคุณภาพ เพ่ือการขยายความหรือสร้างความชัดเจนในประเด็นท่ีได้จากการส�ำรวจเชิงปริมาณ เพื่อให้ได้ข้อมูลและประเด็น ทส่ี ะท้อนระดบั ความสำ� เร็จในการปฏิบตั งิ านของส�ำนักงาน ป.ป.ช. และความคาดหวงั ของประชาชนทม่ี ตี ่อสำ� นกั งาน ป.ป.ช. แลว้ นำ� มาวิเคราะห์หาแนวทางการยกระดับความรับรู้ของประชาชนและความพงึ พอใจของผู้รบั บริการ ผลการส�ำรวจความพงึ พอใจตอ่ การดำ� เนนิ งานของส�ำนักงาน ป.ป.ช. 1. ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจรวมของผรู้ บั บรกิ ารทีม่ ีตอ่ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. อยทู่ ่ีร้อยละ 70 2. ผู้รับบริการด้านปราบปรามมีความพึงพอใจต�่ำกว่าผู้รับบริการด้านอ่ืน ๆ อย่างมีนัยส�ำคัญ โดยกลุ่ม ผูร้ อ้ งเรยี น/ผ้กู ลา่ วโทษมีความพงึ พอใจตำ�่ ที่สดุ และเร่อื งทีม่ ีระดับความพึงพอใจต่ำ� ที่สดุ คือ ระยะเวลาการด�ำเนนิ งาน โดยมคี วามกงั วลวา่ จะเสยี เวลาในการรอคอยแลว้ ยงั กงั วลว่าผถู้ กู กล่าวหามีโอกาสกลบเกล่ือนหลกั ฐาน 3. ปัจจยั ทม่ี นี ำ้� หนกั มากทส่ี ุดต่อความพึงพอใจรวม คือ ความพึงพอใจต่อผลของกิจกรรมหรือการปฏิบัตงิ าน รองลงมา คือ ระยะเวลาในการดำ� เนินงาน ดงั นัน้ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จงึ มคี วามจ�ำเป็นตอ้ งปรับปรงุ พฒั นาในประเด็น ทง้ั สองนี้เพอ่ื การยกระดบั ความพงึ พอใจรวม ผลการส�ำรวจความรูข้ องประชาชนทัว่ ไปและผรู้ ับบรกิ ารตอ่ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. 1. ความรู้ (Knowledge) เกย่ี วกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. 1.1 ความร้เู กีย่ วกบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. สัมพันธก์ ับระดบั การศกึ ษา (ไมส่ ัมพันธ์โดยตรงกบั การรับรู้) 1.2 กล่มุ ผรู้ ับบรกิ าร : มีความรู้เกีย่ วกับสำ� นักงาน ป.ป.ช. มากกว่าบุคคลทว่ั ไป / ผรู้ บั บริการดา้ นการปอ้ งกัน การทุจรติ มีคะแนนความรู้เกีย่ วกับ ป.ป.ช. สงู สดุ ตามด้วยดา้ นตรวจสอบทรพั ยส์ นิ และหนี้สนิ และกลุ่มท่ีผู้รับบริการ ดา้ นการปราบปรามมีคะแนนเฉลย่ี ต�่ำสดุ 1.3 กลุ่มประชาชนทั่วไป : ผู้ที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญาตรีมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าผู้มีการศึกษาต�่ำกว่า ปริญญาตรี โดยกลุ่มผู้มีอาชีพรับราชการมีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. มากท่ีสุดโดยรับรู้ผ่าน หนังสือราชการ ขณะท่ีผู้ที่มีอาชีพเจ้าของกิจการ/อาชีพอิสระหรืออาชีพอ่ืน ๆ ท่ัวไปเป็นกลุ่มท่ีมีความรู้เกี่ยวกับ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. นอ้ ยทีส่ ุด (ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ มคี วามรเู้ ก่ียวกับส�ำนกั งาน ป.ป.ช. แตกต่างกันมาก) 1.4 เรื่องท่ีไม่ทราบมากท่ีสุด คือ การส่งเร่ืองร้องเรียนมายังส�ำนักงาน ป.ป.ช. ตู้ ป.ณ.100 เขตดุสิต กทม. 10300 152 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

ผลการสำ� รวจการรับร(ู้ Perception) ของประชาชนทว่ั ไปและผ้รู ับบริการตอ่ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. การรับรู้ (Perception) เกี่ยวกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. หมายถึงภาพความรับรู้ในใจของผู้ตอบแบบส�ำรวจ ท่ีผู้ตอบอาจตีความจากประสบการณ์ทางตรงหรือทางอ้อมผ่านค�ำบอกเล่าจากส่ือ จากการสันนิษฐาน ฯลฯ มีผลสำ� รวจการรับรู้ ดังนี้ 1. ความรับรู้ของประชาชนต่อประสิทธิภาพส�ำนักงาน ป.ป.ช. ใน 3 ด้าน คือ (1) ด้านการปฎิบัติงาน (operation) (2) ด้านผลลพั ธ์ (outcome) (3) ดา้ นจรยิ ธรรม (ethics) ขององค์กร (ไดแ้ ก่ เปน็ ทพ่ี ง่ึ แกป่ ระชาชนใน การธำ� รงความสุจริตในภาครัฐ การเป็นอสิ ระจากการเมืองและอทิ ธพิ ลใด ๆ การไมเ่ ลือกปฎบิ ัติ) พบว่ามีคา่ คะแนนต�่ำสดุ คอื ดา้ นจรยิ ธรรมองคก์ ร 2. กลมุ่ ประชาชนทวั่ ไปที่มีคะแนนความรบั รูเ้ ชิงบวกสูงสดุ คอื กลุ่มขา้ ราชการและกล่มุ นักศึกษา และทม่ี ี คะแนนความรับรู้เชิงบวกต่�ำสุด คือ เจ้าของกิจการ/ประกอบอาชีพอิสระท่ีจบการศึกษาระดับปริญญาตรีข้ึนไปและ มีความรู้เกี่ยวกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. สูง ตามด้วยพนักงานองค์กรเอกชนและพนักงานรัฐวิสาหกิจท้ังท่ีมีการศึกษาสูง และต่�ำกว่าปรญิ ญาตรี ส�ำหรบั การรบั รูใ้ นเชิงพน้ื ที่ พบว่าส่วนกลางมีคะแนนการรับรเู้ ชงิ บวกต่�ำสดุ 3. กลุม่ ผู้รับบริการมีคะแนนความรบั รเู้ ชิงบวกโดยเฉลยี่ สงู กว่ากลุ่มประชาชนทั่วไป 4. กลุ่มประชาชนทั่วไป มีการรับรู้ในเรื่องผลการปฏิบัติงานและจริยธรรมของส�ำนักงานฯ ในเชิงบวก ในระดบั สูงมาก 5. กล่มุ บคุ คลท่ีรับรู้วา่ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. มผี ลงานดี เป็นผูท้ ม่ี องว่าสำ� นักงาน ป.ป.ช. มจี ริยธรรมสงู ขอ้ เสนอแนะการด�ำเนินการตอ่ ไป 1. โดยท่ีระยะเวลาในการด�ำเนินการเป็นประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในงานปราบปราม เป็นหลัก ดังนนั้ การปรับปรงุ ความรวดเร็วในการปฏบิ ัติงานทีละเล็กทีละน้อยไมแ่ กป้ ัญหา กลา่ วคือ ต้องมีการดำ� เนินการ เพ่ือให้เกิดความคืบหน้าในเวลาอันส้ัน เพ่ือให้เห็นผลในเชิงประจักษ์ ซ่ึงต้องด�ำเนินการปรับปรุงท้ังระบบที่เก่ียวข้อง กบั เร่ืองน้ี ควรมกี ารทบทวนกระบวนงาน กฎหมาย ระเบยี บ และองคค์ วามร้ทู ีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั การปราบปรามการทุจริต เพื่อให้สามารถท�ำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัวย่ิงขึ้น ทั้งนี้ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ควรด�ำเนินการในเชิงรุก โดยพัฒนาการข่าวและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพด้วย data analytics เพ่ือระบุกรณีที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (watch list) แทนท่ีจะพ่ึงพาการร้องเรียน ซ่ึงอาจไม่ได้ชี้เป้าหมายที่ส�ำคัญ ขณะท่ีเป้าหมายส�ำคัญจริงอาจไม่มีผู้ร้องเรยี น เนื่องจากเกรงความปลอดภัยหรือเป็นเพราะมีผลประโยชน์ร่วม ซึ่งการด�ำเนินการเชิงรุกดังกล่าวจะช่วยให้สามารถ เร่งรดั งานทสี่ �ำคญั และไมเ่ สยี เวลาไปกบั การดำ� เนินการในเรอื่ งปลกี ยอ่ ยหรือไมม่ ีมูล 2. ในกรณีบคุ คลทว่ั ไปพบว่า กลุม่ เปา้ หมายทมี่ ีความรู้สูงและระดบั ความรบั รเู้ ชิงบวกต่�ำสดุ คือ ผมู้ คี วามรู้ และประกอบอาชีพอิสระ ซึง่ คนเหล่าน้ีอาจเป็น influencer หรอื ชี้น�ำสงั คมได้ในระดับหนึง่ สมควรเป็นกลุ่มเป้าหมาย ด้านการสร้างภาพลักษณ์และส่งเสริมระดับความรับรู้เชิงบวก จากการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพท�ำให้เข้าใจว่าคนกลุ่มนี้ ใหค้ วามส�ำคญั กับความเป็นอสิ ระ ความยตุ ิธรรมและความเป็นกลางของหน่วยงาน อกี ทง้ั ความพยายามในการเข้าถึง ประชาชน แทนท่จี ะให้ประชาชนเป็นฝา่ ยเขา้ ถงึ หน่วยงาน 3. ข้าราชการท้องถิ่น ได้ความรู้จากเอกสารติดตอ่ ราชการจากส�ำนักงาน ป.ป.ช. และมีความรับรู้จากการ ถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารระหว่างองค์กรท้องถ่ินด้วยกัน ดังนั้น ในการสร้างความรับรู้ร่วม ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ควรมี บทบาทอย่างแข็งขันในแวดวงการฝึกอบรมของบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ อันดีและความเข้าใจทถ่ี กู ตอ้ ง รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 153

4. งานป้องกันการทุจรติ ทีข่ า้ ราชการคาดหวัง การสร้างระบบเพ่ือป้องกันการทุจริตโดยไม่เจตนาเน่อื งจาก ขาดความเข้าใจในระเบยี บกฎหมาย ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ควรพิจารณาหาชอ่ งทางปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ กดิ การทุจรติ ลกั ษณะน้ขี ึ้น ในระบบราชการ 5. กลุ่มคนท่ีสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ควรใหค้ วามส�ำคัญในการปรับปรงุ พฒั นาความรู้และความพงึ พอใจเกี่ยวกับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ของประชาชนท่วั ไปและผู้รับบรกิ ารต่อไปเรยี งตามล�ำดบั คือ กล่มุ ท่มี กี ารศกึ ษาต�่ำกว่าปรญิ ญาตรี และมคี วามพึงพอใจนอ้ ย (โดยการพฒั นาความร้เู ก่ียวกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. และการเพ่ิมความพึงพอใจ) ตามด้วยกล่มุ ที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีและมีความพึงพอใจน้อย (โดยพิจารณาหาทางเพิ่มความพึงพอใจ) กลุ่มที่มีกลุ่มท่ีมี การศึกษาตำ�่ กวา่ ปริญญาตรแี ละมีความพึงพอใจสงู (โดยพิจารณาหาทางเพิ่มความรู้เก่ียวกับส�ำนกั งาน ป.ป.ช.) และ กลุ่มท่มี ีการศกึ ษาสูงกว่าปริญญาตรแี ละมคี วามพึงพอใจสูง (ซง่ึ เป็นกลุ่มทคี่ วรรักษา และเพ่มิ จ�ำนวนให้มากขึ้น) 6. เนื่องจากความรับรู้เป็นผลของปัจจัยส่วนบุคคลและข้อมูลที่ได้รับ และเป็นส่ิงที่ปรับเปล่ียนได้ง่ายกว่า การปรับทศั นคติที่ขน้ึ กบั ประสบการณแ์ ละลักษณะเฉพาะของบุคคลทมี่ ีแนวโนม้ ย่งั ยนื กวา่ และจากการส�ำรวจพบว่า กลมุ่ เจา้ ของกิจการ ประกอบอาชีพอิสระ หรือท�ำงานอนื่ ๆ ท่ีมีการศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรีข้ึนไป และอยูใ่ นส่วนกลาง เป็นกลุ่มท่ีมีการรับรู้ต่อจริยธรรมองค์กรของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ต่�ำกว่ากลุ่มอ่ืน และเป็นกลุ่มที่มีช่องทางชี้น�ำความรู้ ความคิดของคนอื่นในสังคมต่อไปในแวดวงความสัมพันธ์ของตนและการผ่านส่ือต่าง ๆ รวมถึงส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น หากส�ำนักงาน ป.ป.ช. ต้องการยกระดับความรับรู้และภาพลักษณ์อันดีเพ่ือให้ได้รับความไว้วางใจและ สนับสนุนการด�ำเนินงาน ควรม่งุ เป้าหมายท่กี ารสือ่ สารกบั กลุ่มน้ี 7. ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ควรใช้การสื่อสารแบบ Integrated Marketing Communication (IMC) เพือ่ เป็นการสง่ สารในประเด็นท่เี จาะจงไปยงั กล่มุ เป้าหมาย เนื่องจากพบวา่ ประชาชนกลมุ่ ตา่ ง ๆ มีความรู้ตา่ งกนั มาก ดังนนั้ การเพิ่มการประชาสมั พันธอ์ าจไม่ใช่ประเดน็ หลกั แตก่ ารสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพตามความคาดหวังควรใช้ การสื่อสารประเภทต่าง ๆ เชน่ การส่ือสารเพอ่ื ประชาสมั พนั ธอ์ งค์กร ควรใช้ IMC เทา่ นนั้ โดยมีประเด็นทเี่ จาะจงและ กลุ่มเป้าหมายท่ีชัดเจน การสื่อสารเพ่ือสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ ต้องมีการลงพื้นท่ีสร้างความสัมพันธ์ ส่วนบุคคล และหาขา่ วเพ่ือป้องปรามการทุจริต การส่ือสารเพื่อสรา้ งความไวว้ างใจและป้องปรามการทจุ รติ ต้องตอบโจทย์ ความต้องการท่ีต้องการพ่ึงและม่ันใจในการปฏิบัติงานท่ีถูกต้องไม่เข้าไปเก่ียวข้องกับการทุจริตโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การส่ือสารเพ่ือสร้างภาพลักษณ์ควรประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนอย่างสม�่ำเสมอถึงความคืบหน้าและจ�ำนวน ความสำ� เร็จในการด�ำเนนิ การกบั กรณีใหญ/่ ส�ำคญั /เป็นทีส่ นใจอยา่ งกว้างขวาง 8. ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ควรพิจารณาสรา้ งระบบฐานข้อมลู การพัฒนาตวั แบบการคาดท�ำนาย เพ่ือลดภาระงาน และระบกุ รณที ่ีสมควรตรวจสอบเชิงลึก ลดเวลาทใี่ ชใ้ นการตรวจสอบและด�ำเนินงาน และลดการพง่ึ พาการร้องเรยี น ซึ่งอาจสะท้อนความขัดแยง้ ระหว่างกนั มากกว่าสะทอ้ นความรุนแรงของปัญหา 9. ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ควรมีช่องทางการเขา้ ถึงเยาวชน และชาวบ้านอย่างสมำ่� เสมอโดยใหม้ ีลักษณะเครือขา่ ย ในระดับพื้นที่ เป็นการป้องปรามผู้ท่ีคิดจะกระท�ำความผิดและเพ่ิมโอกาสการได้รับข้อมูลข่าวสารโดยตรงมากกว่า การรอให้มกี ารร้องเรียน 10. ควรแยกการส�ำรวจความพึงพอใจในบริการ ความรวดเร็ว ความถูกต้อง ความสะดวก การให้ข้อมูล และมนษุ ยสัมพันธ์ และความพงึ พอใจในผลการปฏบิ ัตงิ าน หรือผลงานซึง่ เปน็ เชงิ ผลลัพธ์ หรือเชงิ มาตรฐานจริยธรรม ออกจากกัน เพราะผู้รับบริการโดยตรงอาจไม่เห็นภาพใหญ่ หรือไม่ได้ติดตามผลงาน ส่วนผู้ที่ติดตามผลงานก็อาจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริการโดยตรง ในการส�ำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการ ควรส�ำรวจทันทีจากผู้รับบริการโดยตรง โดยไม่ต้องติดต่อไปภายหลัง เพ่ือหลีกเล่ียงความกังวลและรักษาความเป็นส่วนตัว อีกทั้งผู้รับบริการยังให้ค�ำตอบ ทแี่ ม่นยำ� เน่อื งจากเพิ่งรับบรกิ าร เชน่ อาจท�ำแบบสำ� รวจอย่างส้นั ไม่เกิน 5 ค�ำถาม ใหเ้ จา้ หน้าทสี่ ง่ ให้ผรู้ ับบริการกรอก ทุกคร้ังที่มีการติดต่อ/บริการ หรือให้สแกน QR code เพ่ือท�ำแบบส�ำรวจออนไลน์ ต้องเป็นแบบส�ำรวจขนาดส้ัน ไมเ่ ปน็ ภาระ เปน็ คำ� ถามกลาง ๆ อาจทำ� การสำ� รวจท้งั ปี หรอื เลือกท�ำเฉพาะบางเดอื นในทกุ ภารกจิ ของสำ� นักงานฯ 154 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

11. เนื่องจากความรับรู้เชิงบวกต่อผลงานและจริยธรรมขององค์กร สัมพันธ์กับผลงาน “ช้ินโบแดง” (หรอื “โบดำ� ”) ของสำ� นกั งานฯ มากกวา่ จำ� นวนหรอื รายละเอียดในการด�ำเนินงาน ระดบั ความรับรู้เชิงบวก จึงน่าจะ ไม่เท่ากันในแต่ละช่วงเวลา หากมีการส�ำรวจท้ังปีก็จะเห็นความสัมพันธ์กับผลงานและการส่ือสารได้ชัดเจนขึ้น โดยเทียบระดับความรับรู้เชิงบวกในแต่ละด้านในแต่ละช่วงเวลากับเหตุการณ์ ผลงานหรือการแถลงข่าวท่ีส�ำคัญ ในชว่ งเวลานน้ั ๆ ซึง่ จะไดผ้ ลดกี ว่าการสำ� รวจปีละครงั้ 12. ในสว่ นของการรับรู้เชิงบวกท่คี วรสำ� รวจทั้งปี ควรทำ� เป็นแบบสำ� รวจออนไลน์ เผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ QR code และแบบสำ� รวจตลอดท้งั ปี โดยมคี ำ� ถามจำ� กดั แตน่ อ้ ยเท่าท่ีจำ� เปน็ เพ่ือลดภาระผูต้ อบ 13. ควรมีการเผยแพร่ข้อมูลในเรื่องต่อไปน้ีให้แก่สาธารณะ ผลงานของส�ำนักงานฯ ความคืบหน้าในการ ปฏบิ ัตงิ านเรอ่ื งตา่ ง ๆ ขอบเขตงานและความเกีย่ วพนั กับบุคคลตา่ ง ๆ เหตุผลในการพิจารณาและตัดสินกรณตี ่าง ๆ ตัวอยา่ งแนวปฏบิ ัติที่เข้าข่ายทุจริตและการปฏบิ ตั ิใหถ้ ูกระเบียบกฎหมาย 2.3 สมั ฤทธผิ ลของการดำ� เนินงานในสว่ นทเ่ี กย่ี วข้องกับภาระผูกพนั กบั ภาคี และพนั ธสญั ญาต่าง ๆ ท้งั ในระดับประเทศและต่างประเทศ 1. ความกา้ วหน้าการขบั เคล่ือนและเผยแพร่มาตรการควบคุมภายในทเ่ี หมาะสมสำ� หรับนิติบุคคล ในการปอ้ งกนั การให้สินบนแกเ่ จ้าพนักงานของรฐั ตามมาตรา 176 ในพระราชบญั ญัติ ประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 กฎหมาย ป.ป.ช. ได้มีการเพ่ิมเติมบทบัญญัติเร่ืองการต่อต้านการให้สินบน ไว้ในมาตรา 123/5 ซ่ึงสร้างกระแสความตื่นตัวให้กับภาคธุรกิจเอกชนท้ังไทยและต่างประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะ ในกล่มุ กจิ การทีต่ ้องตดิ ตอ่ กบั หน่วยงานของรัฐ โดยในปี พ.ศ. 2561 น้ี กฎหมายเร่ืองดงั กลา่ วได้ถกู นำ� มาบัญญตั ไิ วใ้ น มาตรา 176 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 โดย ยังคงหลกั การส�ำคัญของกฎหมายไว้ดังเดมิ การดำ� เนินการเร่ืองดงั กลา่ วสอดคล้องกับอนุสญั ญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อตา้ นการทจุ ริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention against Corruption : UNCAC) และอนุสญั ญาว่าดว้ ยการต่อต้านการให้สนิ บน เจา้ หนา้ ท่รี ัฐตา่ งประเทศในการทำ� ธุรกรรมทางธรุ กิจระหวา่ งประเทศ ค.ศ. 1997 ของ OECD (OECD Anti-Bribery Convention) และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 4 พัฒนาระบบปอ้ งกนั การทจุ รติ เชงิ รุก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ขับเคล่ือนเรื่องการต่อต้านสินบนอย่างต่อเน่ือง เช่น การออกคู่มือแนวทาง การก�ำหนดมาตรการปอ้ งกนั สินบนสำ� หรบั นติ บิ คุ คลทง้ั ฉบับภาษาไทยและยังมีการแปลเปน็ ภาษาตา่ งประเทศ ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาจีน เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติ การส่งเรื่องการด�ำเนินการของ ป.ป.ช. ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบและมีมติสั่งการให้หน่วยงานภาครัฐน�ำเอามาตรการของ ป.ป.ช. ไปเผยแพร่ให้เกิดผล เปน็ รูปธรรม การให้บรกิ ารของศูนย์ใหค้ ำ� ปรกึ ษาส�ำหรับนติ บิ ุคคล (ABAS) ซงึ่ มีผ้ทู ่ีสนใจทง้ั หนว่ ยงานรฐั รฐั วิสาหกจิ และเอกชน ตดิ ตอ่ เพื่อขอคำ� แนะน�ำอย่างตอ่ เน่อื ง ท้ังน้ี ยังได้มกี ารประชาสมั พนั ธเ์ ผยแพร่องคค์ วามรู้แกก่ ลมุ่ เป้าหมาย ท้ังส่วนกลางและภูมิภาค โดยในปีน้ีได้มีการเดินทางไปจัดงานสัมมนาในพ้ืนที่ภาค 5 ที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อเดือน มนี าคม ซึง่ มีผู้เขา้ รว่ มงานท้ังจากภาครฐั และเอกชนกวา่ 100 คน นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังได้ผนกึ ความร่วมมือกับสมาคม ส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และส�ำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และ American Bar Association จดั งานสัมมนาระดับนานาชาตใิ นพน้ื ท่ีภาค 2 ท่เี มืองพทั ยา จังหวดั ชลบรุ ี เมื่อเดือนสิงหาคม เพ่ือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับนิติบุคคลทั้งไทยและต่างชาติที่ประกอบธุรกิจในไทย รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 155

ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และ เอกชนกว่า 150 คน ซ่ึงในจ�ำนวนน้ีมีผู้เข้าร่วมที่เป็นสมาชิกของโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการ ต่อต้านการทุจริต (Collective Action Coalition: CAC) ที่ขับเคล่ือนโดยหน่วยงาน IOD จึงนับเป็นเร่ืองดี ที่ประเทศไทยมีทั้งกลไกของภาครัฐและของภาคเอกชนที่สอดคล้องส่งเสริมกันในการต่อต้านการให้สินบนและ สนบั สนนุ การทำ� ธรุ กิจอย่างโปร่งใสมีธรรมาภบิ าล การขับเคล่ือนเร่ืองดังกล่าวได้เกิดสัมฤทธิผลโดยได้สร้างความความตื่นตัวให้กับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง จากปีกอ่ น โดยหลายองคก์ รท้งั รฐั วสิ าหกิจและภาคธุรกจิ โดยเฉพาะบริษทั ท่ีจดทะเบียนในตลาดหลกั ทรพั ยไ์ ดน้ �ำเอา มาตรการของ ป.ป.ช. ไปก�ำหนดเป็นกฎระเบียบและมาตรการภายในของตนอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความพยายาม ในการสร้างความตระหนักรู้ให้กับพนักงานทุกระดับในองค์กรของตน ในส่วนของภาครัฐ หลายกระทรวงได้ก�ำหนด กฎระเบียบภายในเก่ียวกับการต่อต้านสินบนที่สอดคล้องกับแนวทางของ ป.ป.ช. และมติคณะรัฐมนตรี นอกจากน้ี ในระดับสากลหลายองคก์ ร เชน่ UNODC และ OECD ยังไดช้ นื่ ชมความก้าวหน้าของประเทศไทยในฐานะประเทศแนวหนา้ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท่ีมีกฎหมายและมาตรการท่ีสอดคล้องกับมาตรฐานสากล อีกทั้งประเทศในภูมิภาค เช่น พม่า ยังได้ใช้แนวทางของประเทศไทยเป็นตัวอย่างในการพัฒนาปรับปรุงกฎหมายและมาตรการของตน ให้ก้าวหน้าและมีประสิทธภิ าพยง่ิ ขึน้ 2. พระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ในประเดน็ การอนวุ ตั ิตามอนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ด้วยการต่อตา้ นการทจุ ริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention against Corrutpion: UNCAC) และการประเมินติดตาม การปฏิบตั ติ ามอนุสญั ญา UNCAC ตามท่ีประเทศไทยมีฐานะเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention against Corruption: UNCAC) ซ่ึงเป็นกฎหมายระหว่างประเทศฉบับหลัก ในด้านการต่อต้านการทุจริต ก่อให้เกิดพันธกรณีในการอนุวัติการตามอนุสัญญาฯ เพ่ือให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล สามารถปฏิบัติตามพันธกรณีตามอนุสัญญาฯ ได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะหน่วยงานกลางในการด�ำเนินการเพื่อให้ความร่วมมือระหว่างประเทศตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญา ดังกล่าว ได้ผลักดันให้มีการยกระดับการอนุวัติตามอนุสัญญาฯ ผ่านกระบวนการตราพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ท้ังในส่วนท่ีเป็นไปตามหลักการเดิม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2558 เช่น การก�ำหนดฐานความผิดเฉพาะส�ำหรับนิติบุคคลท่ีเกี่ยวข้องกับการให้สินบนเจ้าหน้าท่ีของรัฐ เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศ หลักการริบทรัพย์ตามมูลค่า และหลักการไม่น�ำระยะเวลา ท่ีผู้กระท�ำความผิดหลบหนีเป็นส่วนหน่ึงของอายุความ เป็นต้น และหลักการใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการด�ำเนิน การในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต ในประเด็นทีส่ �ำคญั เชน่ การรบั ฟังความคดิ เห็นสาธารณะ การก�ำหนดฐาน ความผิดขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และกลไกในการติดตามทรัพย์สินคืนในต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งการแก้ไข เพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวเป็นการด�ำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) กลยุทธ์ท่ี 4 ตรากฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามการทุจริต ใหเ้ ท่าทนั ตอ่ พลวตั รของการทุจริตและสอดคลอ้ งกับสนธสิ ญั ญาและมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ในการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญา UNCAC ประเทศไทยอยู่ระหว่างการด�ำเนินการ ตามกลไกการประเมินติดตามการปฏบิ ัตติ ามอนุสัญญา UNCAC โดยได้รับการประเมนิ จากสาธารณรฐั อสิ ลามอิหร่าน และราชอาณาจักรภูฏาน ซ่ึงเป็นการประเมินการปฏิบัติตามพันธกรณีในหมวดท่ี 2 เกี่ยวกับมาตรการและนโยบาย 156 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

เพ่อื ป้องกันการทุจริตระดับชาติ (Preventive Measures) และหมวดที่ 5 เก่ยี วกบั การตดิ ตามทรัพยส์ ินทไ่ี ด้จากการ ทุจริตกลบั คืนมาสู่ประเทศ (Asset Recovery) คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยส�ำนักการต่างประเทศ สำ� นักงาน ป.ป.ช. ไดด้ �ำเนินการจดั ทำ� รายงานการประเมินตนเองของประเทศ (Self-assessment checklist) เพ่อื น�ำเสนอความคบื หน้า และความส�ำเร็จของไทยในการต่อต้านการทุจริต ซึ่งมีความสอดคล้องกับพันธกรณีตามอนุสัญญา UNCAC โดย รวบรวมและศึกษาวิเคราะห์ข้อกฎหมายและการด�ำเนินการท่ีเก่ียวข้องจากทุกภาคส่วน เพ่ือเป็นข้อมูลให้ฝ่ายรัฐ ผู้ประเมินได้พิจารณาประเมนิ ความสอดคล้องของการด�ำเนนิ การของประเทศไทยกบั อนุสัญญา UNCC (Desk review) รวมถึงให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะแก่ประเทศไทย นอกจากนี้ ได้มีการจัดการประชุมในข้ันตอนการเยือนประเทศ (Country visit) เม่อื วนั ที่ 24 - 25 กันยายน 2561 ณ กรุงเทพมหานคร เพ่ือเป็นโอกาสในการช้ีแจงการด�ำเนินการ ของประเทศไทยใหค้ รอบคลุมและเกดิ ความชัดเจนยงิ่ ข้นึ ซ่ึงมีผู้เขา้ รว่ มการประชุม ประกอบด้วย ผแู้ ทนรัฐผ้ปู ระเมิน พรอ้ มด้วยฝ่ายเลขานุการสำ� นกั งานวา่ ดว้ ยยาเสพตดิ และอาชญากรรมแหง่ สหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) และหน่วยงานของประเทศไทยท่ีเก่ียวข้อง จาก 41 หน่วยงาน ท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ท้งั นี้ ผลการประเมนิ ในเบ้ืองตน้ ปรากฏวา่ ภาพรวมกฎหมายและการด�ำเนนิ การตอ่ ตา้ นการทุจรติ ของไทย มีความสอดคล้องกับอนุสัญญา เป็นอย่างดี โดยรัฐผู้ประเมินและฝ่ายเลขานุการ UNODC อยู่ระหว่างด�ำเนินการ จัดท�ำรายงานผลการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญา ฉบับสมบูรณ์ โดยรายงานฉบับดังกล่าวจะประกอบไปด้วย ความก้าวหน้าในการอนุวัติการตามอนุสัญญา ประเด็นความท้าท้าย ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะท่ีจะเป็นประโยชน์ ในการพฒั นางานดา้ นการต่อต้านการทุจรติ ของประเทศไทยต่อไป 3. ความกา้ วหนา้ ของการดำ� เนินคดที ุจริตระหว่างประเทศ เน่ืองจากคดีทุจริตระหว่างประเทศเป็นคดีท่ีมีความส�ำคัญ ก่อให้เกิดความเสียหายท้ังในทางเศรษฐกิจและ สังคม และมีลกั ษณะการกระท�ำความผิดทีม่ ีความซบั ซ้อน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองคก์ รหลักในการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตจงึ ไดใ้ ห้ความสำ� คญั เปน็ อย่างย่ิงในการเร่งรัดการด�ำเนินคดีทจุ ริตระหว่างประเทศใหเ้ ปน็ ไป อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซ่ึงเป็นการด�ำเนินการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ ริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ยุทธศาสตร์ที่ 5 ปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปราม การทจุ รติ ตามกลยทุ ธ์การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการด�ำเนนิ คดีทจุ ริตระหวา่ งประเทศ ท้ังนี้ ในการเร่งรัดการด�ำเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการด�ำเนินการผ่าน ทั้งกลไกภายในของส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยศูนย์ประสานงานคดีระหว่างประเทศ ส�ำนักการต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าท่ี ความรับผิดชอบในการพิจารณาทง้ั กฎหมายไทย กฎหมายตา่ งประเทศ และกฎหมายระหวา่ งประเทศ เพอื่ ใหข้ ั้นตอน และกระบวนการต่าง ๆ เป็นไปอย่างถูกต้อง รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศอย่างต่อเน่ืองและ ใกล้ชิดในการขอความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่เก่ียวข้อง เพ่ือไม่กระทบต่อรูปคดีของไทย และต่างประเทศ นอกจากน้ี ยังได้มีการบูรณาการการท�ำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เก่ียวข้อง ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานและเร่งรัดการด�ำเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศขน้ึ เพ่ือให้ค�ำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในการด�ำเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศ เร่งรัดและติดตามการด�ำเนินงาน ดงั กลา่ วใหม้ ีประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล โดยประกอบด้วยหนว่ ยงาน ได้แก่ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ส�ำนกั งานอัยการสงู สดุ สำ� นักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กระทรวงยตุ ิธรรม สำ� นักงาน ป.ป.ท. ส�ำนกั งาน ปปง. กระทรวงการต่างประเทศ และ ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและอ�ำนาจหน้าที่ โดยเฉพาะในเรื่องท่ีสามารถสนับสนุนการท�ำงาน ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพ่ือให้การด�ำเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศ รวมถึงการติดตามทรัพย์สินในคดีทุจริตท่ีมี การยกั ยา้ ยถ่ายเทไปยงั ตา่ งประเทศกลบั คืนประเทศไทยเปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 157

2.4 ความสำ� เร็จในการพฒั นาองค์กรและทรัพยากรบุคคลท่บี ่งบอกถึง การเสรมิ สร้างและพัฒนาขีดสมรรถนะการบรหิ ารจดั การของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ให้มีความเข้มแขง็ ย่ังยืนและทนั สมัย การบริหารทรพั ยากรบุคคล (Human Resource Management) การจัดท�ำระเบยี บ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคล เพอ่ื ตอบสนองและสนับสนุนการด�ำเนินงานตามภารกจิ ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ดังนี้ 1. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง การสรรหาและการแต่งตั้งกรรมการ ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิในคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองคก์ รกลางบรหิ ารงานบุคคลของ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 (ประกาศ ราชกิจจานุเบกษา เลม่ 135 ตอนท่ี 54 ก เมอ่ื วนั ที่ 1 สิงหาคม 2561) มาตรา 144 แห่งพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 กำ� หนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. แตง่ ต้งั ผู้ทรงคุณวฒุ ิจากบุคคลภายนอกร่วมเปน็ กรรมการในคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ดังนั้นเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดา้ นการบริหารงานบคุ คลของสำ� นักงาน ป.ป.ช. เปน็ ไปด้วยความเรยี บรอ้ ยและมปี ระสิทธภิ าพ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้ออกประกาศคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ เรอ่ื ง การสรรหา และการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของส�ำนักงาน ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 และได้มีค�ำส่ังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ี 1126/2561 ลงวันท่ี 29 สิงหาคม 2561 แต่งตั้งกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒใิ นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรกลางบริหารงานบคุ คลของสำ� นักงาน ป.ป.ช. เรยี บร้อยแลว้ 2. ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการบริหารทรัพยากรบุคคลของ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 (ประกาศราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 135 ตอนท่ี 86 ก เม่ือวนั ท่ี 29 ตุลาคม 2561) ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการบริหารทรัพยากรบุคคลของส�ำนักงาน ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ไดย้ กเลกิ ระเบียบคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาตวิ ่าด้วยการบรหิ ารงาน บุคคลของสำ� นักงาน ป.ป.ช. พ.ศ. 2555 และทีแ่ กไ้ ขเพิม่ เติม รวม 9 ฉบับ โดยแบง่ ออกเปน็ 10 หมวด ไดแ้ ก่ หมวด 1 องคก์ รกลางบรหิ ารงานบุคคลของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนท่ี 1 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรกลางบริหารงานบคุ คลของสำ� นักงาน ป.ป.ช. สว่ นท่ี 2 คณะอนุกรรมการขา้ ราชการส�ำนกั งาน ป.ป.ช. หมวด 2 บททัว่ ไป หมวด 3 ขา้ ราชการส�ำนกั งาน ป.ป.ช. สว่ นที่ 1 เลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่วนที่ 2 ขา้ ราชการสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ต�ำแหน่งสาขากระบวนการยตุ ิธรรม สว่ นที่ 3 ขา้ ราชการสำ� นักงาน ป.ป.ช. ตำ� แหน่งทว่ั ไป หมวด 4 การสรรหา การบรรจุ และการแต่งตง้ั หมวด 5 การเลอ่ื นต�ำแหนง่ หมวด 6 การยา้ ย การเปลย่ี นสายงาน การโอน และการบรรจุกลบั 158 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

หมวด 7 การเพิม่ พูนประสทิ ธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏบิ ัติราชการ หมวด 8 วนิ ยั การรักษาวินยั การด�ำเนนิ การทางวินยั การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ หมวด 9 การรกั ษาจริยธรรม หมวด 10 การออกจากราชการ บทเฉพาะกาล 3. ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยเคร่ืองแบบพิเศษส�ำหรับข้าราชการ ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 (ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 135 ตอนท่ี 51 ก เมอ่ื วนั ท่ี 20 กรกฎาคม 2561) การก�ำหนดเคร่ืองแบบพิเศษส�ำหรับข้าราชการส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ข้าราชการ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ท่ีมีภารกิจต้องด�ำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประมวล กฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายอื่นท่ีเกี่ยวข้อง รวมทั้งการปฏิบัติหน้าท่ีเก่ียวกับ การจับกุมและคุ้มครองพยานตามอ�ำนาจหน้าท่ีท่ีกฎหมายก�ำหนด ซ่ึงการด�ำเนินการดังกล่าวต้องปฏิบัติงานทั้งในพ้ืนท่ี และนอกท่ีต้ังส�ำนักงาน ท้ังโดยการปฏิบัติการเองหรือร่วมปฏิบัติงานกับเจ้าพนักงานของส่วนราชการอ่ืน จึงได้ก�ำหนดให้ข้าราชการส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีเคร่ืองแบบเพิ่มข้ึนจากเคร่ืองแบบข้าราชการท่ีได้ก�ำหนดไว้ตาม ระเบยี บคณะกรรมการ ป.ป.ช. วา่ ดว้ ยเครอ่ื งแบบประธานกรรมการ กรรมการป.ป.ช. ขา้ ราชการและลกู จ้างประจ�ำ สำ� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2543 และที่แก้ไขเพมิ่ เติม เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั ภารกจิ และพ้ืนที่ปฏิบัตกิ าร 4. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง การแบ่งส่วนราชการและหน้าที่และ อ�ำนาจของส่วนราชการในสงั กดั สำ� นักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ พ.ศ. 2561 (อยู่ระหวา่ ง ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา) การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการโดยค�ำนึงถึง การด�ำเนิน ภารกิจตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต การสร้างเสริมภารกิจของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ และการแก้ไขปัญหา อปุ สรรคในการดำ� เนินภารกจิ ของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. มหี ลักการและเหตุผลในการด�ำเนินการปรบั ปรงุ โครงสรา้ งฯ ดงั น้ี 1) โครงสร้างการแบ่งส่วนราชการและอัตราก�ำลังส�ำนักงาน ป.ป.ช. ฉบับท่ี 3 ระยะ 3 ปี พ.ศ. 2554 - 2556 ทีส่ �ำนักงาน ป.ป.ช. ใชอ้ ยู่ในปัจจบุ ันได้สน้ิ สุดลง 2) มีการขยายภารกิจของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ไปยังส่วนภูมิภาคท่ัวประเทศ โดยมีการจัดตั้ง สำ� นักงาน ป.ป.ช. ภาค จำ� นวน 9 แหง่ และส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัด จำ� นวน 76 แหง่ และไดม้ กี ารถา่ ยโอน หนา้ ท่ีและอ�ำนาจจากสว่ นกลางไปยงั สว่ นภูมภิ าค 3) เพื่อปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอ�ำนาจของส่วนราชการ รวมท้ังระบบ การบริหารงานของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ให้สอดคล้องและรองรับต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 4) กฎหมายและนโยบายรัฐบาล รวมท้ังบริบทท่ีเกี่ยวข้องกับการด�ำเนินภารกิจของส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีการเปล่ียนแปลงไป จึงต้องปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ให้รองรับต่อ การเปลย่ี นแปลงดังกลา่ ว และสามารถสนับสนนุ การดำ� เนนิ ภารกิจหลกั ของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 159


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook