Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

(2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

Published by agenda.ebook, 2020-11-24 16:21:00

Description: (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 7-8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 2-3 ธันวาคม 2563

Search

Read the Text Version

7. เรื่องกล่าวหานายอ�ำนาจ มาฟู หรือนายสิงหนาท มาฟูตระกูล เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งปลัดองค์การบริหาร ส่วนต�ำบลเวียงกาหลง กับพวกรวม 5 ราย กรณีทุจริตต่อหน้าท่ีหรือกระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการ กรณีจัดท�ำและเบิกจ่ายเงินตามโครงการฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ผู้บริหาร สมาชิกองค์การบริหารส่วนต�ำบล ผู้น�ำชุมชน และพนักงานส่วนต�ำบลเวียงกาหลง ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ ี้มลู ความผิด วันที่ 4 กนั ยายน 2561 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายอ�ำนาจ มาฟู หรือนายสิงหนาท มาฟูตระกูล มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศ คณะกรรมการพนักงานส่วนต�ำบล จังหวัดเชียงราย เรื่อง หลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอทุ ธรณ์ และการร้องทกุ ข์ ลงวนั ที่ 17 ธนั วาคม 2544 ขอ้ 3 วรรคสาม และขอ้ 6 วรรคสอง และมมี ลู ความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) 2. นางสาวชุติณัชชา องค์ศรีเจริญพร มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการ พนักงานส่วนต�ำบล จังหวัดเชียงราย เร่ือง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออก จากราชการ การอุทธรณ์ และการรอ้ งทุกข์ ลงวนั ท่ี 17 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และขอ้ 6 วรรคสอง และ มมี ูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) 3. นางหนึ่งฤทัย นามวงศ์พรหม หรือ นางหน่ึงฤทัย ตุ้ยหล้า มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ตามประกาศ คณะกรรมการพนักงานส่วนต�ำบล จังหวัดเชียงราย เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 17 ธนั วาคม 2544 ขอ้ 5 วรรคหนึ่ง และข้อ 6 วรรคหนึ่ง 4. นายก�ำพล คนเที่ยง มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนต�ำบล จังหวัดเชียงราย เร่ือง หลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการรอ้ งทุกข์ ลงวนั ท่ี 17 ธันวาคม 2544 ขอ้ 6 วรรคสองและมีมูลความผดิ ทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) 5. นางสาวปรยิ ากร พวงมาลยั มมี ูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 6. นายศุภวัชน์ บัวตบ๊ิ หรอื วิรวฒั น์ บัวติบ๊ และนางจันทร์ฉาย ยามี จากการไตส่ วนข้อเทจ็ จริงไมป่ รากฏ ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่าได้ร่วมหรือสนับสนุนในการกระท�ำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหา ไมม่ ีมูลให้ขอ้ กลา่ วหาตกไป 7. นายสมอาจ เช้ือเขียว นายกเทศมนตรีต�ำบลเวียงกาหลง เน่ืองจากได้ถึงแก่ความตายแล้ว สิทธิน�ำ คดีอาญามาฟ้องจึงย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (1) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอ�ำนาจด�ำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อจะด�ำเนินการตามอ�ำนาจหน้าที่หรือด�ำเนินคดีอาญาต่อไปได้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 57 จึงให้จ�ำหนา่ ยเร่ืองออกจากสารบบเร่อื งกลา่ วหา การด�ำเนินการ ใหส้ ง่ รายงาน ส�ำนวนการไตส่ วน เอกสารหลกั ฐาน สำ� เนาอิเลก็ ทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉยั ไปยังอยั การสงู สดุ เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับผู้ถูกกล่าวหา และให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และค�ำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับผู้ถูกกล่าวหาตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แลว้ แต่กรณี 60 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

8. เรื่องกล่าวหานายสุนิตย์ ญาณวัฒน์ เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานก่อสร้าง และนายสมชาย รอดแล้ว เม่ือคร้ังดำ� รงต�ำแหน่งช่างผ้คู วบคุมงานกอ่ สรา้ ง กรณีเรียก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรัพย์สนิ หรอื ประโยชน์อ่ืนใดจากบริษัท ซ.ี เอ.คอนสทรัคช่ัน 1994 จำ� กัด ผู้รบั จ้าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ มี้ ูลความผิด วนั ที่ 11 กนั ยายน 2561 มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. นายสุนิตย์ ญาณวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มงานก่อสร้าง และนายสมชาย รอดแล้ว ช่างผู้ควบคุมงานก่อสร้าง มมี ลู ความผดิ ทางวินยั อยา่ งร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม และมาตรา 98 วรรคสอง และมมี ลู ความผดิ ทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 การด�ำเนินการ ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัยไปอัยการสูงสุด เพอื่ ด�ำเนนิ คดอี าญาในศาลซึ่งมีเขตอ�ำนาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดี และให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไตส่ วน เอกสารหลกั ฐาน และค�ำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชาเพ่ือพิจารณาโทษทางวินัยกับผู้ถูกกล่าวหาตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แลว้ แตก่ รณี เรอ่ื งกล่าวหาเจา้ หน้าทร่ี ัฐวสิ าหกิจ จำ� นวน 4 เร่อื ง 1. เร่ืองกล่าวหานายจรัล ค�ำเชื้อ เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการ ส�ำนักงานประปาส่วนภูมิภาคเขต 5 จังหวัด สงขลา กับพวก กรณีทุจริตต่อหน้าที่ในการก�ำหนดราคากลางในการจัดซ้ือท่ีดินส�ำหรับก่อสร้างสถานีจ่ายน�้ำและ เพ่ิมแรงดัน ส�ำนักงานประปาส่วนภูมิภาคสะเดา โดยวิธีพิเศษสูงเกินกว่าราคาประเมินของทางราชการมาก เพอ่ื เอ้อื ประโยชนแ์ ก่ผู้เสนอราคาเฉพาะราย คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติช้มี ูลความผดิ วันที่ 19 กรกฎาคม 2561 มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายจรลั คำ� เชอ้ื เมือ่ คร้ังดำ� รงต�ำแหน่งผู้อำ� นวยการ สำ� นักงานประปาส่วนภูมภิ าคเขต 5 จงั หวดั สงขลา มมี ลู ความผิดทางวนิ ยั อยา่ งรา้ ยแรง ตามขอ้ บงั คับการประปาสว่ นภูมภิ าคว่าด้วยการก�ำหนดต�ำแหนง่ อตั ราเงนิ เดอื น การบรรจุ การแต่งต้ัง การเลื่อนข้ันเงินเดือน การถอดถอน ระเบียบวินัย การลงโทษและการอุทธรณ์การลงโทษ ของพนกั งาน พ.ศ. 2522 ขอ้ 33 (7) และขอ้ 37 (3) และ (8) และมีมูลความผดิ ทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) แตค่ วามผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (4) ไดข้ าดอายุ ความแล้ว สิทธนิ ำ� คดีอาญามาฟ้องจึงระงบั ไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จงึ ใหย้ ุติ การด�ำเนินคดอี าญาในความผิดฐานน้ี 2. นายสวณัฐ เผือกสุวรรณ เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการกองบริหารท่ัวไป ส�ำนักงานประปา สว่ นภมู ภิ าคเขต 5 นายสวุ ิทย์ อกั โขมี เมอื่ ครั้งด�ำรงตำ� แหน่งผูจ้ ัดการประปาสะเดา ส�ำนกั งานประปาส่วนภูมิภาคเขต 5 และนายปราการ ชัยศิริ เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งนายช่างโยธา 6 ส�ำนักงานประปาส่วนภูมิภาคเขต 5 มีมูลความผิดทางวินัย อย่างร้ายแรง ตามข้อบังคับของการประปาส่วนภูมิภาคว่าด้วยการก�ำหนดต�ำแหน่ง อัตราเงินเดือน การบรรจุ การแต่งตั้ง การเลื่อนข้ันเงินเดือน การถอดถอน ระเบียบวินัย การลงโทษและการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงาน พ.ศ. 2522 ขอ้ 33 (7) และข้อ 37 (3) และมมี ลู ความผดิ ทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 3. นายศุพิรัตน์ ส�ำราญสุขรัตน์ ผู้ขายที่ดินให้แก่ส�ำนักงานประปาส่วนภูมิภาคสะเดา และนาวาเอก วุฒิ มีช่วย เม่ือครั้งดำ� รงตำ� แหน่งอธบิ ดีศาลปกครองจังหวดั สงขลา จากการไตส่ วนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏขอ้ เทจ็ จริงและพยานหลกั ฐาน เพียงพอที่จะฟงั ได้ว่าได้ร่วมหรือสนับสนุนการกระทำ� ความผิดตามที่กล่าวหา ขอ้ กลา่ วหาไม่มมี ูล ให้ขอ้ กล่าวหาตกไป รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 61

การดำ� เนนิ การ ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพ่ือพิจารณาโทษทางวินัยและไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินคดีอาญาในศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับผู้ถูกกล่าวหาตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ.2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 แลว้ แต่กรณี 2. เรื่องกลา่ วหา นายพฤทธ์ิ บุปผาคำ� อดีตพนักงานบริษทั การบนิ ไทย จำ� กัด ขณะด�ำรงต�ำแหนง่ รองกรรมการผ้อู �ำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ (DN) รักษาการ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ (FZ) กรณีจัดซื้อพ้ืนท่ี ระวางบรรทุกสินค้าจากบริษัท Southern Air Inc. (SAI) โดยจงใจหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการบริหารกลุ่ม สนบั สนุนการบิน (BEM) มติคณะกรรมการบรษิ ทั การบนิ ไทย จำ� กัด (มหาชน) และกฎระเบียบ ข้อบงั คับของบริษัท การบนิ ไทย จ�ำกัด (มหาชน) ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัท Southern Air Inc. (SAI) โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ มี้ ูลความผดิ วนั ท่ี 18 กนั ยายน 2561 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายพฤทธิ์ บุปผาค�ำ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 มีมูลความผิดอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของ พนักงานในองค์การหรอื หนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และมีมูลความผดิ ทางวินัยอยา่ งรา้ ยแรง ตามระเบยี บบริษัท การบินไทยจำ� กัด (มหาชน) ว่าดว้ ยการบรหิ ารงานบคุ คล ตอนท่ี 2 วนิ ัย การลงโทษ การอทุ ธรณ์ และการร้องทุกข์ พ.ศ. 2550 ขอ้ 13.2.1 และข้อ 13.2.2 2. นายพูนศักด์ิ ชุมช่วย ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 2 และเรืออากาศเอก จรัสพงษ์ บุรุษรัตนพันธุ์ หรือ บุรุษรัตนพันธ์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 และมาตรา 8 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมมี ูลความผิดวนิ ัยอยา่ งร้ายแรง ตามระเบียบบริษทั การบนิ ไทย จ�ำกดั (มหาชน) ว่าด้วยการบรหิ ารงานบุคคล ตอนท่ี 2 วนิ ยั การลงโทษ การอทุ ธรณ์ และการร้องทุกข์ พ.ศ. 2550 ขอ้ 13.2.2 การดำ� เนินการ ใหส้ ่งรายงาน สำ� นวนการไตส่ วน เอกสารหลักฐาน สำ� เนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำ� วนิ ิจฉยั ไปยงั อยั การสงู สดุ เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน และค�ำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับนายพฤทธิ์ บุปผาค�ำ นายพูนศักดิ์ ชุมช่วย และ เรืออากาศเอก จรัสพงษ์ บรุ ุษรัตนพันธุ์หรอื บรุ ุษรตั นพนั ธ์ ตามฐานความผดิ ดังกลา่ ว ตามพระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ย การป้องกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แลว้ แต่กรณี 3. เร่ืองกล่าวหานายธนเดช อังคณาวิจิตร เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งพนักงานบริหารทรัพย์อาวุโส ส่วนส�ำรวจและดูแล ทรัพย์สิน ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด วันท่ี 8 พฤษภาคม 2561 กรณี 1. เป็นพนักงานใช้อ�ำนาจในหนา้ ท่ีโดยมชิ อบ ข่มขนื ใจหรือจูงใจเพอ่ื ใหบ้ คุ คลใดมอบให้ หรอื หามาให้ซ่งึ ทรัพยส์ ิน หรือประโยชน์อ่ืนใดแก่ตนเองหรือผู้อ่ืน เป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใด ส�ำหรับตนเองหรือ ผูอ้ ื่นโดยมิชอบเพ่ือกระทำ� การหรือไม่กระท�ำการอยา่ งใดในหน้าท่ไี มว่ ่าการนั้น จะชอบหรอื มชิ อบด้วยหน้าที่ 2. เปน็ พนักงานปฏบิ ัตหิ รือละเว้นการปฏบิ ตั หิ น้าท่โี ดยทจุ ริต กรณีมกี ารรอื้ ถอนและขนย้ายทรัพย์สนิ ออกจาก บา้ นอนั เป็นทรัพย์ NPA (ทรัพยส์ นิ รอการขาย) ของธนาคาร 62 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอ้ กลา่ วหาท่ี 1 การกระท�ำของนายธนเดช อังคณาวิจติ ร มมี ูลความผิดทางวินยั อย่างรา้ ยแรง ตามขอ้ บังคบั ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฉบบั ท่ี 17 เรอื่ งระเบยี บปฏบิ ัติของพนกั งานธนาคารวา่ ด้วยวนิ ัย การสอบสวน การลงโทษ พนักงานและลูกจา้ ง การอทุ ธรณ์ การถูกลงโทษ ของพนักงานและลกู จา้ ง พ.ศ. 2520 ขอ้ 5 (4) และ (5) และขอ้ 7 (4) (5) และ (9) และมีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือ หน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6 และมาตรา 11 ข้อกล่าวหาท่ี 2 จากการไตส่ วนขอ้ เท็จจริงไม่ปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานเพียงพอท่จี ะฟงั ไดว้ า่ ได้ กระทำ� ความผิดตามท่กี ลา่ วหา ข้อกลา่ วหาไมม่ ีมูล ให้ขอ้ กลา่ วหาตกไป การดำ� เนินการ 1. ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจ พิจารณาพิพากษาคดีกับผู้ถูกกล่าวหา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจรติ พ.ศ. 2542 มาตรา 97 2. สำ� หรบั ความผดิ ทางวนิ ัย เนือ่ งจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ไดม้ ีค�ำสั่งลงโทษไลผ่ ูถ้ ูกกล่าวหาออกจาก งานในการกระทำ� ความผดิ นีเ้ หมาะสมแกก่ รณีแล้ว จึงไม่มเี หตทุ จ่ี ะตอ้ งสง่ เรื่องใหผ้ ู้บงั คับบญั ชาพจิ ารณาโทษทางวนิ ัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 อีก ใหแ้ จง้ ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผบู้ งั คับบญั ชาทราบต่อไป 4. เร่ืองกล่าวหาเรืออากาศเอก เผด็จ ลิมปิสวัสดิ์ เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่ง ประเทศไทย จ�ำกัด กับพวก กรณีทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารสถานีและโครงสร้างเหล็กติดต้ังระบบเรดารป์ ฐมภูมิ ณ บรเิ วณทา่ อากาศยานหวั หิน ต�ำบลบอ่ ฝา้ ย อำ� เภอหวั หิน จงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ์ ท�ำให้บริษัท วิทยกุ ารบนิ แห่งประเทศไทย จ�ำกัด ได้รับความเสียหาย คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ ้มี ูลความผดิ วันที่ 6 กมุ ภาพันธ์ 2561 มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. เรืออากาศเอก เผด็จ ลิมปิสวัสด์ิ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 ถึงแก่ความตายเม่ือวันที่ 24 สิงหาคม 2560 สิทธิการน�ำคดีอาญามาฟอ้ งยอ่ มระงบั ไป ตามมาตรา 39 (1) แหง่ ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา 2. เรืออากาศเอก ชรินทร์ ทองเปี่ยม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ขณะเกิดเหตุด�ำรงต�ำแหน่งผู้จัดการบริหารท่ัวไป สำ� นักผอู้ �ำนวยการฝา่ ยบริหารศนู ยป์ ระกอบการ มีมูลความผิดทางวินัยอยา่ งรา้ ยแรง ตามข้อบังคับบริษทั วทิ ยุการบิน แห่งประเทศไทย จ�ำกัด เกี่ยวกับพนักงาน พ.ศ. 2536 และมีมูลความผิดอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด ของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหนว่ ยงานของรฐั พ.ศ. 2542 มาตรา 12 3. นายเรวตั บนุ นาค ผ้ถู ูกกลา่ วหาท่ี 3 ถงึ แกค่ วามตายเมอ่ื วนั ที่ 23 กันยายน 2560 สทิ ธิการนำ� คดีอาญา มาฟ้องยอ่ มระงับไป ตามมาตรา 39 (1) แห่งประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา 4. นายโกศล (พระโกศล) เครือนพคุณ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 ขณะด�ำรงต�ำแหน่งรักษาการผู้อ�ำนวยการ ฝ่ายบรหิ ารศนู ยป์ ระกอบการ ขอ้ กลา่ วหาไม่มมี ูล ให้ขอ้ กล่าวหาตกไป 5. นายไชยนั ต์ เจริญย่งิ ผ้ถู กู กลา่ วหาที่ 8 นายเอกศกั ด์ิ โพธทิ์ อง ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 9 และนายภาคย์ ปรุ ณามระ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 ในฐานะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่ากระท�ำความผิดตามข้อกล่าวหา ขอ้ กล่าวหาไมม่ ีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป 6. นายสุรพัฒน์ สุคัมภีรานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 ในฐานะกรรมการก�ำหนดราคากลาง และฐานะกรรมการ ตรวจการจา้ ง ไมป่ รากฏพฤติการณว์ า่ กระท�ำความผดิ ตามข้อกลา่ วหา ข้อกล่าวหาไมม่ มี ูล ใหข้ ้อกล่าวหาตกไป รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 63

7. นางสาวพสชนันท์ (ศิริพร) วิสิทธิสมบูรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท คันทรี คอมฟอร์ด จำ� กัด มีมูลความผดิ ทางอาญา ตามพระราชบัญญตั วิ ่าดว้ ยความผิดของพนักงานในองค์การหรอื หนว่ ยงาน ของรฐั พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติ วา่ ด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรฐั พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 8. นายประสิทธ์ิสุข อักษรมัต ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 12 เป็นเจ้าของบริษัท คันทรี คอมฟอร์ด จ�ำกัด มีมูล เป็นความผิดอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติวา่ ด้วยความผิดเกย่ี วกับ การเสนอราคาตอ่ หนว่ ยงานของรฐั พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 การดำ� เนินการ ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จ�ำกัด เพ่ือพิจารณาโทษ ทางวินัยและไปยังส�ำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อด�ำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหา ตามพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนูญวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 แลว้ แตก่ รณี การช้ีมูลความผดิ ทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยงั ไม่ถอื เปน็ ท่สี ดุ ผถู้ กู กล่าวหายังเปน็ ผบู้ ริสุทธ์ิจนกว่าจะมคี ำ� พิพากษาของศาลอนั ถึงทีส่ ดุ เรอ่ื งกลา่ วหาผ้ดู ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมืองและเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐ ทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดย้ น่ื ฟ้องคดเี อง และเป็นเร่ืองส�ำคัญ เป็นทีป่ ระจกั ษต์ ่อสังคม จ�ำนวน 11 เรือ่ ง 1. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขด�ำที่ อท. 43/2558 อท.(ผ)168/2559 คดีหมายเลขแดงท่ี อท. 45/2559 อท.(ผ)97/2559 และคดีหมายเลขด�ำที่ อท.60/2560 คดีหมายเลขแดงท่ี 9088/2560 ศาลอุทธรณ์ ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นางเบญจา หลยุ เจริญ ที่ 1 กบั พวกรวม 5 คน จำ� เลย กรณีร่วมกนั กระท�ำ ความผิดเก่ียวกับการแถลงข่าวและตอบข้อหารือ กรณีไม่จัดเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จ�ำกัด (มหาชน) ของนายพานทองแท้ ชินวัตร และนางสาวพนิ ทองทา ชนิ วตั รจากบรษิ ัท Ample Rich Investments Limited ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าท่ีเรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากร ร่วมกันกระท�ำการหรือไม่กระท�ำการอย่างใด เพ่ือให้ผู้มี หน้าท่ีเสียภาษีอากรน้ันมิต้องเสียภาษี หรือเสียภาษีน้อยไปกว่าท่ีจะต้องเสีย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 154 ประกอบมาตรา 83 และฐานเปน็ เจา้ พนักงานรว่ มกันปฏบิ ตั ิหรือละเว้นการปฏบิ ตั หิ นา้ ทีโ่ ดยมชิ อบ เพอ่ื ใหเ้ กิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบ มาตรา 83 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 คณะกรรมการตรวจสอบการกระท�ำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีมติให้การกระท�ำของนางเบญจา หลุยเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นางสาวจ�ำรัส แหยมสร้อยทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางสาวโมรีรัตน์ บุญญาศิริ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 และนายกฤช วิปุลานุสาสน์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 7 มีมูลความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และการกระท�ำของนางสาวปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 มีมูลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 64 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

ผลการด�ำเนินการตามมตขิ องคณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า รายงาน เอกสาร และความเห็นท่ีโจทก์ส่งให้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอท่ีจะ ดำ� เนนิ คดีได้ โดยตัง้ คณะท�ำงานผู้แทนฝา่ ยอยั การสูงสุดเพ่ือด�ำเนนิ การรว่ มกบั คณะทำ� งานผูแ้ ทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาคณะท�ำงานร่วมได้ประชุมร่วมกัน แต่ท้ังสองฝ่ายไม่อาจหาข้อยุติเก่ียวกับการด�ำเนินการฟ้องคดีได้ อัยการสูงสุดจึงได้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคืน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอ�ำนาจ นำ� คดีนมี้ าฟ้องต่อศาลทีม่ ีเขตอำ� นาจพิจารณาพพิ ากษา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดม้ มี ติในการประชมุ ครงั้ ที่ 695-67/2558 ลงวันท่ี 10 กันยายน 2558 เหน็ ชอบร่าง คำ� ฟ้องคดีนางเบญจา หลุยเจริญ กบั พวกรวม 5 วันท่ี 3 ธันวาคม 2558 พนักงานคดีได้ย่ืนฟ้องนางเบญจา หลุยเจริญ กับพวกรวม 5 คนต่อศาลอาญา เปน็ คดหี มายเลขดำ� ท่ี อท. 43/2558 วนั ที่ 24 มนี าคม 2560 พนักงานคดโี จทก์ไดย้ ืน่ คำ� แก้อุทธรณ์ วนั ที่ 8 พฤษภาคม 2561 พนกั งานคดโี จทก์ไดย้ นื่ คำ� แกฎ้ ีกา ผลคำ� พพิ ากษาคดีของศาลอาญา เมอื่ วันที่ 28 กรกฎาคม 2559 ศาลอาญาไดม้ คี ำ� พิพากษาวา่ จำ� เลยท่ี 1 ถึงจำ� เลยที่ 4 มีความผิดฐานปฏบิ ตั ิ หรอื ละเวน้ การปฏบิ ัติหน้าท่ีโดยมชิ อบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 83 ใหจ้ ำ� คุกคนละ 3 ปี สว่ นจำ� เลยท่ี 5 มคี วามผิดฐานเปน็ ผสู้ นบั สนนุ เจ้าพนักงานปฏบิ ตั หิ นา้ ทโ่ี ดยมชิ อบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 86 ระวางโทษ 2 ใน 3 จงึ ใหจ้ ำ� คกุ เปน็ เวลา 2 ปี และเมอ่ื พิเคราะห์พฤตกิ ารณแ์ ห่งคดขี องจำ� เลยท้ังหมด จึงไมม่ ีเหตุใหร้ อการลงโทษ ผลคำ� พิพากษาศาลอุทธรณ์ เม่อื วนั ที่ 19 ตุลาคม 2560 ศาลอาญาคดที ุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อา่ นคำ� พพิ ากษาศาลอทุ ธรณ์ คดหี มายเลขดำ� ท่ี อท. 60/2560 คดหี มายเลขแดงที่ 9088/2560 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นางเบญจา หลุยเจรญิ ท่ี 1 กบั พวกรวม 5 คน จ�ำเลย โดยพพิ ากษายนื ตามค�ำพพิ ากษาศาลช้นั ต้น คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา 2. คดีหมายเลขด�ำที่ อม.40/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อม.144/2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ทางการเมือง ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายทักษิณ ชินวัตร จ�ำเลย กรณีนายทักษิณ ชินวัตร เห็นชอบให้ กระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จ�ำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ เนอ่ื งจากกระทรวงการคลงั เปน็ ส่วนราชการไม่มีหน้าทใี่ นการบริหารกิจการของเอกชน ฐานทจุ ริตตอ่ หน้าที่หรือ กระทำ� ความผิดต่อตำ� แหนง่ หน้าทร่ี าชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชมุ ครัง้ ท่ี 716 - 88/2558 เม่อื วันท่ี 19 พฤศจิกายน 2558 ให้ด�ำเนนิ คดีกับนายทกั ษิณ หรือ พันต�ำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และขอใหศ้ าลนับโทษจำ� เลยในคดนี ตี้ ่อจากโทษของจำ� เลย (นายทกั ษิณฯ) ในคดอี นื่ ของศาลนด้ี ้วย โดยแต่งตัง้ พนักงานคดีและผู้ช่วยพนักงานคดีเพ่ือด�ำเนินคดีดังกล่าวจนกว่าคดีจะถึงท่ีสุด ตามระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารในการมอบหมายให้พนักงานไต่สวนดำ� เนนิ คดใี นช้ันศาล พ.ศ. 2554 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 65

ผลการดำ� เนนิ การตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า รายงาน เอกสาร และความเห็นท่ีโจทก์ส่งให้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะ ดำ� เนินคดไี ด้ โดยตัง้ คณะทำ� งานผ้แู ทนฝ่ายอยั การสูงสดุ เพอื่ ด�ำเนินการรว่ มกบั คณะทำ� งานผแู้ ทนฝา่ ยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาคณะทำ� งานร่วมได้ประชมุ รว่ มกัน แตท่ ้ังสองฝ่ายไมอ่ าจหาข้อยตุ เิ กี่ยวกับการดำ� เนินการฟ้องคดีได้ อยั การสงู สุดจงึ ได้ ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคืน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอ�ำนาจน�ำคดีน้ีมาฟ้องต่อศาล ทมี่ เี ขตอ�ำนาจพจิ ารณาพิพากษา เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ย่ืนฟ้องนายทักษิณ หรือ พันต�ำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เป็นจ�ำเลย ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ในคดีหมายเลขด�ำ ที่ อม.40/2561 และได้ด�ำเนินกระบวนพิจารณาในศาลช้ันนัดพิจารณาครั้งแรก ช้ันตรวจพยานหลักฐาน และช้ัน ไต่สวนพยานโจทกจ์ นเสร็จส้นิ กระบวนการ ผลคำ� พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหน่งทางการเมอื ง เม่อื วนั ที่ 29 สงิ หาคม 2561 ศาลฎกี าแผนกคดีอาญาของผ้ดู ำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมอื งไดม้ ีค�ำพิพากษาใน คดหี มายเลขแดงที่ อม.144/2561 ว่ากระทรวงการคลงั มีอ�ำนาจเขา้ เปน็ ผ้บู รหิ ารแผนฟ้นื ฟูกิจการได้ และจำ� เลยมไิ ด้ มีเจตนาพิเศษเพื่อให้ตนเองและผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้จากการกระท�ำดังกล่าวแต่อย่างใด จ�ำเลยจึงมิได้กระท�ำ ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พิพากษายกฟ้อง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดย้ ่ืนอุทธรณค์ ำ� พิพากษาต่อที่ประชมุ ใหญ่ศาลฎกี า คดอี ย่รู ะหว่างการพิจารณาของศาลฎกี า 3. คดหี มายเลขด�ำท่ี อท.19/2560 คดีหมายเลขแดงท่ี อท.29/2561 ศาลอาญาคดที จุ ริตและประพฤตมิ ิชอบภาค 6 ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายสมชาติ เพ็ชรประเสริฐ ท่ี 1 กับพวกรวม 14 คน จ�ำเลย กรณีก�ำหนด ราคากลางโครงการกอ่ สรา้ งลานอเนกประสงค์ริมสายธารลานกระทงสายช่วงท่ี 3 สงู เกนิ ความจริง และเออื้ ประโยชน์ ให้ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด ทรัพย์วิศวการ ซึ่งด�ำเนินการก่อสร้างลานเอนกประสงค์ริมสายธารลานกระทงสายช่วงที่ 3 ไว้ก่อนมีการท�ำสัญญาจ้าง ได้เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญาจ้างกับเทศบาลเมืองตาก โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคา อย่างเปน็ ธรรม คดีหมายเลขดำ� ท่ี 06-2-064/2552 ฐานทุจริตตอ่ หนา้ ท่หี รอื กระทำ� ความผดิ ตอ่ ตำ� แหนง่ หนา้ ทรี่ าชการ และกระทำ� ความผดิ ตามพระราชบัญญตั ิว่าด้วยความผดิ เกย่ี วกับการเสนอราคาตอ่ หนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระท�ำของนายสมชาติ เพ็ชรประเสริฐ เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองตาก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดฐานกระท�ำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือ ปฏิบติการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะน�ำมาซึ่งความเส่ือมเสียแก่ศักดิ์ต�ำแหน่ง หรือ แก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซ้ือ ท�ำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่ง โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล หรือเจ้าของทรัพย์น้ัน และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และฐานใชอ้ ุบายหลอกลวง หรอื กระท�ำการโดยวิธีอน่ื ใด เป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าท�ำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือให้มีการเสนอราคาโดยหลงผิด และฐานเป็น เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระท�ำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระท�ำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้ มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอ้ืออ�ำนวยแก่ผู้เข้าท�ำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับ 66 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

หน่วยงานของรัฐ กระท�ำความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี หรือกระท�ำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคา อย่างเป็นธรรม เพ่ือเอื้ออ�ำนวยแก่ผู้เข้าท�ำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยความผดิ เกย่ี วกบั การเสนอราคาตอ่ หนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 และมาตรา 12 ผลการด�ำเนนิ การตามมตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า รายงาน เอกสาร และความเห็นท่ีโจทก์ส่งให้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอท่ีจะ ด�ำเนินคดีได้ โดยตั้งคณะท�ำงานผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุดเพ่ือด�ำเนินการร่วมกับคณะท�ำงานผู้แทนฝ่าย คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาคณะทำ� งานรว่ มไดป้ ระชุมรว่ มกัน แตท่ ้งั สองฝ่ายไม่อาจหาข้อยุตเิ กี่ยวกบั การด�ำเนนิ การ ฟ้องคดีได้ อัยการสูงสุดจึงได้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคืน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จงึ มีอำ� นาจนำ� คดีนม้ี าฟอ้ งตอ่ ศาลทมี่ ีเขตอำ� นาจพิจารณาพิพากษา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2560 เป็นคดีหมายเลขด�ำ ที่ อท.19/2560 และศาลมีคำ� พิพากษาเมื่อวันท่ี 28 สิงหาคม 2561 เป็นคดหี มายเลขแดงท่ี อท.29/2561 ผลคำ� พิพากษาศาลอาญาคดที ุจรติ และประพฤติมิชอบภาค 6 จ�ำคกุ จำ� เลยท่ี 1 กำ� หนด 6 ปี ปรับจำ� เลยที่ 14 จ�ำนวน 200,000 บาท จำ� คกุ จ�ำเลยท่ี 3 และที่ 5 ก�ำหนด 2 ปี และปรับ 10,000 บาท โทษจำ� คกุ จำ� เลยที่ 3 และที่ 5 รอการลงโทษ 2 ปี ยกฟอ้ งจ�ำเลยท่ี 2 ท่ี 4 ที่ 7 ท่ี 8 ที่ 9 ท่ี 10 ท่ี 11 และท่ี 13 คดีอยู่ระหวา่ งการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ 4. คดหี มายเลขด�ำที่ อท.6/2561 คดหี มายเลขแดงท่ี อท.49/2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤตมิ ิชอบ ภาค 3 ระหวา่ งคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายทรงชัย รจุ ิรารงั สรรค์ จ�ำเลย กรณกี ระท�ำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ี หรือ กระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ด�ำเนินการสั่งการให้บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชนั่ ซิสเทม จ�ำกดั แกไ้ ขการก่อสร้างอาคารใหเ้ ปน็ ไปตามประกาศกรมโยธาธิการและผังเมอื ง มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครัง้ ที่ 485-50/2556 เม่ือวนั ท่ี 4 กรกฎาคม 2556 วา่ การกระทำ� ของนายทรงชัย รุจิรารังสรรค์ เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ท่ีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ด�ำเนินการ สั่งการให้บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จ�ำกัด แก้ไขการก่อสร้างอาคารให้เป็นไปตามประกาศกรมโยธาธิการ และผังเมอื ง มมี ลู ความผดิ ทางวินัย ตามมาตรา 73 แหง่ พระราชบญั ญัตเิ ทศบาล พ.ศ. 2496 และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เติม และ มมี ูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังที่ 907-78/2560 เมอื่ วันที่ 10 ตุลาคม 2560 มีมติเหน็ ชอบคำ� ฟ้องและมอบหมายให้พนกั งานคดดี �ำเนินการฟ้องคดเี อง ผลการดำ� เนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า รายงาน เอกสาร และความเห็นท่ีโจทก์ส่งให้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอท่ีจะ ดำ� เนนิ คดไี ด้ โดยตงั้ คณะท�ำงานผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสดุ เพือ่ ด�ำเนินการรว่ มกับคณะทำ� งานผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาคณะท�ำงานร่วมได้ประชุมร่วมกัน แต่ท้ังสองฝ่ายไม่อาจหาข้อยุติเก่ียวกับการด�ำเนินการฟ้องคดีได้ อัยการสูงสุด จึงได้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคืน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอ�ำนาจน�ำคดีนี้มาฟ้อง ตอ่ ศาลท่ีมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพพิ ากษาน�ำตวั นายทรงชยั รุจิรารังสรรค์ ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดที จุ ริตและประพฤติ มิชอบภาค 3 เม่อื วันท่ี 16 มกราคม 2561 ศาลนดั ไต่สวนมลู ฟ้องในวันที่ 7 มนี าคม 2561 และวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 โดยมีค�ำพิพากษาในวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 และยืน่ อุทธรณ์เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2561 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 67

ผลคำ� พพิ ากษาคดีศาลอาญาคดที ุจรติ และประพฤตมิ ิชอบภาค 3 ศาลอาญาคดที ุจริตและประพฤตมิ ชิ อบภาค 3 มคี �ำพิพากษายกฟอ้ ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ย่ืนอทุ ธรณ์ค�ำพพิ ากษาศาลอาญาคดีทจุ ริตและประพฤตมิ ิชอบภาค 3 ตอ่ ศาลอุทธรณ์ คดอี ยูร่ ะหว่างการพิจารณาของศาลอทุ ธรณ์ 5. คดีหมายเลขด�ำท่ี อท.477/2560 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ พลต�ำรวจตรี สัจจะ คชหิรัญ ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน จ�ำเลย กรณีทุจริตจัดซ้ือรถจักรยานยนต์สายตรวจ พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) จ�ำนวน 19,147 คัน โดยพิจารณาคัดเลือกบริษัท คาร์แทรกก้ิง จ�ำกัด เป็นคู่สัญญากับ ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ โดยผู้เสนอราคามีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน แต่กลับย่ืนเอกสารแสดงว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าท่ีในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระท�ำความผิด ตามพระราชบัญญัติน้ี หรือกระท�ำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพ่ือเอ้ืออ�ำนวยแก่ ผู้เข้าท�ำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด เก่ียวกบั การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรฐั พ.ศ. 2542 มาตรา 12 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. คร้งั ที่ 795-69/2559 เม่ือวันที่ 15 กันยายน 2559 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมตชิ ้มี ูลความผิดทั้งทางวนิ ัย และอาญาพลตำ� รวจตรี สจั จะ คชหิรัญ เมื่อครั้งดำ� รงต�ำแหนง่ ผู้บังคบั การกองพลาธิการและสรรพาวุธ มมี ลู ความผดิ ทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหนา้ ทใี่ นหน่วยงานของรัฐผ้ใู ดกระทำ� ความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระท�ำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพ่ือเอ้ืออ�ำนวย แก่ผู้เข้าท�ำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด เกย่ี วกบั การเสนอราคาต่อหนว่ ยงานของรฐั พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และชม้ี ูลความผดิ ทางอาญาแก่เอกชน 2 ราย และ มีมตคิ รง้ั ท่ี 901-72/2560 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 ใหแ้ ต่งตั้งพนักงานคดดี ำ� เนินการฟ้องคดเี อง ผลการดำ� เนนิ การตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า รายงาน เอกสาร และความเห็นท่ีโจทก์ส่งให้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะ ดำ� เนินคดีได้ โดยตั้งคณะทำ� งานผู้แทนฝ่ายอยั การสงู สดุ เพอื่ ด�ำเนนิ การรว่ มกับคณะทำ� งานผแู้ ทนฝา่ ยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาคณะท�ำงานร่วมได้ประชุมร่วมกัน แต่ทั้งสองฝ่ายไม่อาจหาข้อยุติเก่ียวกับการด�ำเนินการฟ้องคดีได้ อัยการสูงสุดจึงได้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคืน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอ�ำนาจ น�ำคดีน้ีมาฟ้องต่อศาลที่มีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษายื่นฟ้องพลต�ำรวจตรี สัจจะ คชหิรัญ ต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2560 ส่วนเอกชน 2 ราย ไม่มารายงานตัวในวันฟ้องคดี ซ่ึงศาลได้ออกหมายจบั ปจั จุบนั อย่รู ะหวา่ งการติดตามตวั มาฟอ้ งคดี ผลคำ� พิพากษาศาลอาญาคดที จุ ริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลอาญาคดที จุ ริตและประพฤตมิ ิชอบกลาง มคี �ำพพิ ากษายกฟ้อง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ย่ืนอุทธรณ์ค�ำพิพากษาศาลอาญาคดีทจุ รติ และประพฤติมิชอบกลาง ต่อศาลอทุ ธรณ์ คดอี ยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอทุ ธรณ์ 68 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

6. คดีหมายเลขด�ำที่ อท.482/2560 อท.507/2560 อท. 514/2560 ศาลอาญาคดีทจุ รติ และประพฤติมชิ อบกลาง ระหวา่ งคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายภญิ โญ ฉนั ทศรทั ธาการ ที่ 1 กับพวกรวม 12 คน นางสาวชลธดิ า สิทธิธรรม ท่ี 1 กับพวกรวม 2 คน กรณีร่วมกันทุจริตในการด�ำเนินการโครงการแปรรูปและการตลาดล�ำไยอบแห้ง ปี 2547 ฐานร่วมกนั ปฏิบัตหิ รือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ทโ่ี ดยมชิ อบและโดยทจุ รติ และเป็นเจา้ หนา้ ทใ่ี นหน่วยงานของรฐั กระท�ำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพ่ือเอ้ืออ�ำนวยแก่บริษัท ปอเฮง อินเตอร์เทรด จ�ำกัด เป็นผู้มีสิทธิ ทำ� สญั ญากบั องคก์ ารตลาดเพอื่ เกษตรกร มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังท่ี 504-69/2556 เม่ือวันที่ 12 กันยายน 2556 คร้ังท่ี 505-70/2556 เม่ือวันที่ 17 กันยายน 2561 ครั้งท่ี 517-82/2556 เม่ือวันที่ 29 ตุลาคม 2556 และครั้งที่ 521-86/2556 เมื่อวันท่ี 12 พฤศจิกายน 2556 ได้พิจารณาเร่ืองส�ำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหานายชวาลวุฒิ ไชยนุวัติ เม่ือครงั้ ด�ำรงต�ำแหน่งรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับพวก ทุจรติ ในการด�ำเนนิ การโครงการแปรรปู และการตลาด ลำ� ไยอบแหง้ โดยพจิ ารณาคัดเลือกบริษัท ปอเฮง อนิ เตอรเ์ ทรด จำ� กดั ทัง้ ทไี่ ม่มีคณุ สมบตั ิลงนามในสญั ญาไมม่ ีหลกั ประกันสัญญาและหลักประกันการจ�ำหน่าย โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม แล้วมีมติว่า การกระทำ� ของผู้ท่ีเก่ียวขอ้ งมีมลู ความผิดทางวนิ ัยอยา่ งรา้ ยแรงและเป็นความอาญา ต่อมาประธานกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจ พิจารณาพิพากษา ตามมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทจุ รติ พ.ศ. 2542 ผลการดำ� เนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า รายงาน เอกสาร และความเห็นท่ีโจทก์ส่งให้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอท่ีจะ ดำ� เนินคดไี ด้ โดยตัง้ คณะท�ำงานผแู้ ทนฝ่ายอัยการสูงสดุ เพ่ือด�ำเนินการรว่ มกับคณะทำ� งานผู้แทนฝา่ ยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาคณะท�ำงานร่วมได้ประชุมร่วมกัน แต่ทั้งสองฝ่ายไม่อาจหาข้อยุติเก่ียวกับการด�ำเนินการฟ้องคดีได้ อัยการสูงสุดจึงได้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคืน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอ�ำนาจ นำ� คดนี ม้ี าฟอ้ งต่อศาลทมี่ เี ขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ย่ืนฟอ้ งต่อศาลอาญาคดที ุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เปน็ คดหี มายเลขด�ำท่ี อท. 182/2560 เม่ือวันท่ี 2 พฤศจิกายน 2560 คดีหมายเลขด�ำที่ อท.507/2560 เม่ือวันท่ี 8 ธันวาคม 2560 และ คดีหมายเลขดำ� ที่ อท.514/2560 เม่ือวันที่ 26 ธนั วาคม 2560 นายภิญโญ ฉันทศรทั ธาการ ผูถ้ กู กล่าวหาที่ 1 กบั พวก รวม 15 คน จำ� เลย ผลค�ำพิพากษาคดี ยงั ไม่มคี �ำพิพากษา รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 69

7. คดีหมายเลขด�ำท่ี อท.150/2561 ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นางสาวฉววี รรณ เลียววจิ กั ขณ์ ที่ 1 กับพวก รวม 19 คน จ�ำเลย กรณีทจุ รติ ใชอ้ �ำนาจหนา้ ท่ีโดยมชิ อบก�ำหนด คณุ ลกั ษณะเฉพาะเครอ่ื งมอื วิทยาศาสตร์ ให้ตรงกบั ผลติ ภัณฑท์ เี่ ป็นของบรษิ ัท เอจิเลนต์ เทคโนโลยีส์ จ�ำกดั และโดยรเู้ ห็น หรือร่วมมือกับบริษัทท่ีเข้าเสนอราคาท้ัง 5 ราย ให้มีการเสนอราคาโดยมีการสมยอมราคากันอันเป็นการหลีกเลี่ยง การแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ท�ำให้ราคาในการจัดซ้ือจัดจ้างดังกล่าวสูงกว่าราคาปกติในท้องตลาดเป็นอันมาก ท�ำให้ทางราชการต้องเสียเงินอันไม่ควรต้องเสียไปถึงประมาณ 1,500,000,000 บาท มีความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติวา่ ด้วยความผดิ เกยี่ วกบั การเสนอราคาตอ่ หน่วยงานของรฐั พ.ศ. 2542 มาตรา 11 และมาตรา 12 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. นางสาวฉววี รรณ เลียววจิ ักขณ์ เมือ่ ครั้งดำ� รงต�ำแหนง่ รองอธบิ ดีกรมปศสุ ตั ว์ ผูถ้ ูกกลา่ วหาที่ 1 นางณัฐชนัญ ลีพพิ ัฒนไ์ พบูลย์ ผ้ถู ูกกลา่ วหาท่ี 2 นายไพบูลย์ นวลนิล ผ้ถู ูกกลา่ วหาท่ี 3 นางบงกชรตั น์ ปิติยนต์ ผ้ถู กู กลา่ วหาท่ี 4 นางสาวนติ ยาหรอื ภณั ฑิรา เกตุแกว้ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 5 นายอดลุ ย์ สุวรรณเนตร ผถู้ ูกกล่าวหาที่ 6 นางสาวศิรลิ ักษณ์ สุวรรณรังสี ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 7 นายนิรันดร เอื้องตระกูลสุข ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 8 นางสาวมนวิภา จารุตามระ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 มีความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเก่ียวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน ของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 และมาตรา 12 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 จำ� เลย ท่ี 10 ถึงจ�ำเลยที่ 19 มีความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน ของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 11 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเหน็ ไปยังอยั การสงู สุด เพ่อื ด�ำเนินคดีอาญากับจ�ำเลยท้งั สบิ เก้าต่อศาลซ่ึงมเี ขตอำ� นาจพจิ ารณาพพิ ากษา ผลการดำ� เนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า รายงาน เอกสาร และความเห็นท่ีโจทก์ส่งให้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะ ด�ำเนินคดีได้ โดยตั้งคณะท�ำงานผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุดเพ่ือด�ำเนินการร่วมกับคณะท�ำงานผู้แทนฝ่าย คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตอ่ มาคณะทำ� งานรว่ มไดป้ ระชุมร่วมกนั แตท่ ้งั สองฝ่ายไม่อาจหาขอ้ ยตุ ิเกี่ยวกับการด�ำเนนิ การ ฟ้องคดีได้ อัยการสูงสุดจึงได้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคืน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอำ� นาจนำ� คดนี ม้ี าฟ้องตอ่ ศาลที่มเี ขตอำ� นาจพจิ ารณาพพิ ากษา เม่ือวันที่ 27 มิถนุ ายน 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนนิ การพาตวั นางสาวฉววี รรณ เลยี ววจิ ักขณ์ กับพวกรวม 19 คน จ�ำเลย ไปฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นคดีหมายเลขด�ำ ที่ อท. 150/2561 และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้ประทับฟ้องจ�ำเลยท้ังสิบเก้าไว้พิจารณา โดยก�ำหนดนดั พร้อมเพือ่ สอบคำ� ใหก้ ารและกำ� หนดวนั นัดพจิ ารณาในวันท่ี 3 กันยายน 2561 ผลคำ� พพิ ากษาคดี ยังไม่มคี ำ� พพิ ากษา คดอี ย่รู ะหวา่ งนดั ตรวจพยานหลักฐานกบั พนักงานคดี 8. คดีหมายเลขด�ำท่ี อท.207/2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายเฉลมิ พล ศรีหงษ์ ท่ี 1 กับพวกรวม 2 คน จำ� เลย กรณกี ล่าวหานายรังสรรค์ แสงสุข อธกิ ารบดมี หาวิทยาลัย รามค�ำแหง รองศาสตราจารย์ เฉลิมพล ศรีหงส์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย และรองศาสตราจารย์ คิม ไชยแสนสุข รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร กับพวก ร่วมกันออกค�ำสั่งขยายเวลาราชการโดยมิชอบเป็นความผิดอาญา ฐานเปน็ เจา้ พนักงานปฏิบตั หิ รือละเวน้ การปฏิบัตหิ น้าท่ีโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 70 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังที่ 841-12/2560 เมือ่ วนั ที่ 16 กมุ ภาพันธ์ 2560 ใหย้ กเลกิ ข้อตกลงสภาทนายความและ ย่ืนฟ้องเองตามที่มีมติ 192-27/2553 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 ว่าการกระท�ำเป็นความผิดอาญา ฐานเปน็ เจา้ พนกั งานปฏิบัตหิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ัตหิ น้าทโ่ี ดยมชิ อบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้ส่งรายงาน เอกสารและความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพ่ือพิจารณาโทษทางวินัยและไปยังอัยการสูงสุด เพือ่ ด�ำเนินคดอี าญาในศาลซ่งึ มีเขตอำ� นาจพิจารณาพพิ ากษาคดกี ับ นายรังสรรค์ แสงสุข นายเฉลิมพล ศรหี งส์ และ นายคิม ไชยแสนสุข ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 ผลการด�ำเนนิ การตามมตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า รายงาน เอกสาร และความเห็นท่ีโจทก์ส่งให้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอท่ีจะ ดำ� เนินคดไี ด้ โดยต้งั คณะทำ� งานผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสดุ เพอื่ ด�ำเนนิ การรว่ มกบั คณะท�ำงานผู้แทนฝา่ ยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาคณะท�ำงานร่วมได้ประชุมร่วมกัน แต่ทั้งสองฝ่ายไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการด�ำเนินการฟ้องคดีได้ อัยการสูงสุดจึงได้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคืน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอ�ำนาจ นำ� คดนี ี้มาฟ้องตอ่ ศาลท่มี เี ขตอำ� นาจพจิ ารณาพพิ ากษา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติยกเลิกข้อตกลงกับสภาทนายความและแต่งตั้งพนักงานคดีเพ่ือฟ้องคดีแทน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จัดท�ำร่างฟ้อง และยื่นฟ้องนายเฉลิมพล ศรีหงส์ เป็นจ�ำเลยท่ี 1 นายคิม ไชยแสนสุข เป็นจ�ำเลยท่ี 2 ต่อศาล เมื่อวันท่ี 24 สิงหาคม 2561 เป็นคดีหมายเลขด�ำที่ อท.207/2561 นัดสืบพยานโจทก์ วันที่ 6 และ 7 มีนาคม 2562 และวนั ท่ี 2 เมษายน 2562 นดั สืบพยานจำ� เลย วันท่ี 3 เมษายน 2562 (นายรงั สรรค์ แสงสุข ถึงแกก่ รรมแลว้ ) ผลคำ� พพิ ากษาคดี คดอี ย่รู ะหวา่ งสบื พยานโจทกแ์ ละพยานจำ� เลย 9. คดีหมายเลขด�ำที่ อท.223/2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายจิตตส์ นั ติ ธนะโสภณ ท่ี 1 กบั พวกรวม 2 คน จำ� เลย กรณรี ่วมกันดำ� เนินการโครงการก่อสรา้ งระบบขนส่ง ทางรถไฟเช่ือมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานในเมือง (โครงการแอร์พอร์ตลิงค์) โดยมิชอบ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 157 มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังที่ 191 - 26/2553 เม่ือวันท่ี 22 เมษายน 2553 มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าการกระท�ำของ นายจติ ต์สันติ ธนะโสภณ เมือ่ ครงั้ ดำ� รงตำ� แหนง่ ผวู้ า่ การรถไฟแหง่ ประเทศไทย และการกระท�ำของนายไกรวิชญ์ หรือ สุรางค์ ศรีมที รพั ย์ เมอ่ื คร้งั ดำ� รงต�ำแหนง่ หัวหน้าส�ำนกั งานอาณาบาล มมี ูลความผิดทางอาญา ฐานเปน็ เจา้ พนกั งาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าท่โี ดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในการประชุมครัง้ ท่ี 802 - 76/2559 ลงวนั ท่ี 4 ตุลาคม 2559 มีมตริ บั ทราบการติดตามผลการด�ำเนนิ การ ทางวินัยและทางอาญา และมีมติยืนตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 191 - 26/2553 เมื่อวันท่ี 22 เมษายน 2553 ให้ประสานงานกับสำ� นกั คดี เพ่อื เตรียมรา่ งค�ำฟอ้ ง ในการประชุมครั้งที่ 998 - 69/2561 เมื่อวันท่ี 8 สิงหาคม 2561 เห็นชอบตามท่ีส�ำนักคดีเสนอ ให้ส�ำนกั คดีด�ำเนนิ การตามกฎหมายและระเบยี บท่ีเกีย่ วขอ้ งต่อไป รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 71

ผลการด�ำเนินการตามมตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า รายงาน เอกสาร และความเห็นที่โจทก์ส่งให้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะ ด�ำเนินคดีได้ โดยต้ังคณะท�ำงานผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุดเพ่ือด�ำเนินการร่วมกับคณะท�ำงานผู้แทนฝ่าย คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาคณะท�ำงานร่วมได้ประชุมร่วมกัน แตท่ ง้ั สองฝ่ายไม่อาจหาข้อยุตเิ กีย่ วกบั การด�ำเนินการ ฟ้องคดีได้ อัยการสูงสุดจึงได้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคืน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จงึ มอี �ำนาจนำ� คดีนมี้ าฟ้องต่อศาลทีม่ เี ขตอำ� นาจพจิ ารณาพิพากษา เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2561 คณะพนักงานคดีผู้ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการ พาตัวนายจิตต์สันติ ธนะโสภณ และนายไกรวิชญ์ หรือสุรางค์ ศรีมีทรัพย์ จ�ำเลย ไปฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง เป็นคดีหมายเลขด�ำท่ี อท.223/2561 และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไดป้ ระทบั ฟ้องไว้พจิ ารณา โดยศาลนดั พร้อมเพ่อื สอบค�ำใหก้ ารและก�ำหนดวัดนัดพจิ ารณาในวันท่ี 12 พฤศจกิ ายน 2561 ผลคำ� พิพากษาคดี คดีอยู่ระหว่างนัดตรวจพยานหลักฐานกับพนกั งานคดี 10. คดีหมายเลขด�ำท่ี อท.115/2561 ศาลอาญาคดที จุ ริตและประพฤตมิ ิชอบภาค 4 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายสมนึก สงคราม จ�ำเลย กรณีกล่าวหานายสมนึก สงคราม ขณะด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหาร สว่ นต�ำบลนางว้ิ ไดจ้ ัดทำ� และประกาศใชแ้ ผนพฒั นาสามปี พ.ศ. 2552 - 2554 โดยไมผ่ ่านการพิจารณาและเห็นชอบ จากสภาองค์การบริหารส่วนต�ำบลนาง้ิวเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าท่ี ท�ำเอกสาร รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระท�ำอย่างใดข้ึน หรือว่าการอย่างใดได้กระท�ำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157 มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งท่ี 484-49/2556 เมื่อวันท่ี 2 กรกฎาคม 2556 นายสมนึก สงคราม ขณะด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลนาง้ิว มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏบิ ตั หิ น้าทโี่ ดยมิชอบเพอื่ ให้เกดิ ความเสยี หายแกผ่ ู้หน่ึงผใู้ ดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 2. มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. คร้งั ที่ 767-41/2559 เมื่อวนั ท่ี 31 พฤษภาคม 2559 คณะทำ� งานร่วมฝา่ ย คณะกรรมการ ป.ป.ช. และผ้แู ทนฝ่ายอัยการสงู สดุ ไมอ่ าจหาขอ้ ยตุ เิ กย่ี วกับการดำ� เนินการฟ้องคดีได้ จึงมีมตเิ ห็นชอบ ให้ฟอ้ งคดเี อง และให้ส่งเรอ่ื งให้ส�ำนกั คดยี กรา่ งค�ำฟ้องเสนอใหท้ ีป่ ระชมุ พจิ ารณา 3. มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 974 - 45/2561 เม่อื วันท่ี 30 พฤษภาคม 2561 เหน็ ชอบรา่ งคำ� ฟ้อง คำ� ส่งั แตง่ ตั้งพนกั งานคดี และหนังสือมอบอำ� นาจตามที่ส�ำนกั คดีเสนอ และให้ดำ� เนินการยนื่ ฟ้องคดีตอ่ ไป ผลการดำ� เนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า รายงาน เอกสาร และความเห็นที่โจทก์ส่งให้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เพียงพอท่ีจะ ดำ� เนนิ คดไี ด้ โดยตง้ั คณะทำ� งานผู้แทนฝ่ายอยั การสงู สุดเพื่อด�ำเนนิ การร่วมกับคณะทำ� งานผูแ้ ทนฝา่ ยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาคณะท�ำงานร่วมได้ประชุมร่วมกัน แต่ท้ังสองฝ่ายไม่อาจหาข้อยุติเก่ียวกับการด�ำเนินการฟ้องคดีได้ อัยการ สูงสุดจึงได้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคืน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีอ�ำนาจน�ำคดีน้ี มาฟอ้ งต่อศาลทีม่ เี ขตอ�ำนาจพจิ ารณาพพิ ากษา เม่ือวันท่ี 18 กันยายน 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการพาตัวนายสมนึก สงคราม จ�ำเลย ไปฟ้องคดตี ่อศาลอาญาคดที จุ ริตและประพฤติมิชอบภาค 4 เปน็ คดีหมายเลขดำ� ท่ี อท.115/2561 และศาลอาญาคดี ทุจริตและประพฤตมิ ชิ อบภาค 4 ได้มคี ำ� สง่ั ประทบั ฟ้อง และได้เลือ่ นคดีไปนดั พร้อมเพือ่ สอบคำ� ให้การจำ� เลยในวันท่ี 17 ตุลาคม 2561 72 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

ผลค�ำพิพากษาคดี จ�ำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดมิ ) จ�ำคุก 1 ปี และปรบั 5,000 บาท จ�ำเลย ให้การรับสารภาพมีประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ก่ึงหนึ่ง คงจ�ำคุก 6 เดือน ปรับ 2,500 บาท โทษจ�ำคุก รอการลงโทษ 2 ปี คดีถึงท่สี ดุ แล้ว 11. คดหี มายเลขด�ำที่ อท 38/2560 คดหี มายเลขแดงที่ อท 32/2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมชิ อบภาค 5 ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายดิเรก ก้อนกลีบ ท่ี 1 กับพวก จ�ำเลย กรณีกล่าวหานายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดล�ำปาง กับพวก กระท�ำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ี ราชการ กรณลี ะเวน้ การจับกมุ ผูบ้ กุ รุกกอ่ สร้างอา่ งเก็บนำ�้ กิว่ ขา้ วหลาม อา่ งเกบ็ น้ำ� ปงชยั อา่ งเกบ็ น้�ำแมท่ ู และอา่ งเก็บน้ำ� แม่หล่วงในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อำ� เภอแมเ่ มาะ จงั หวัดลำ� ปาง โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาตจากกรมป่าไม้ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระท�ำของนายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดล�ำปาง นายเสริมศักดิ์ สีสันต์ นายอ�ำเภอแม่เมาะ นายมงคล ธงสิบเจ็ด เจ้าพนักงานป่าไม้ชำ� นาญงาน นายถนอม โพธวิ ิจติ ร เจา้ พนกั งานปา่ ไม้ช�ำนาญงาน นายอำ� นวย ศรบี ญุ ชู เจา้ พนกั งานปา่ ไมช้ �ำนาญงาน นายธนชาติ มงั กติ ะ เจ้าพนกั งานป่าไม้ และนายประสาน ฝา่ ยคำ� มี ปลัดอ�ำเภอ แม่เมาะ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพ่ือให้เกิด ความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยทุจริต และฐานกระท�ำ การอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 85 (1) และ (4) และมมี ูลความผิดทางอาญา ฐานเปน็ เจา้ พนกั งานปฏบิ ัติ หรือละเว้นการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมชิ อบ เพ่อื ให้เกดิ ความเสียหายแกผ่ หู้ นึ่งผู้ใด หรือปฏิบตั ิหรอื ละเว้นการปฏิบัติหนา้ ท่ีโดยทุจรติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 2. การกระท�ำของนายสุทัศน์ กาวิชัย เจ้าพนักงานป่าไม้ช�ำนาญงาน มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ เอาใจใส่ และรักษาประโยชน์ของทางราชการ ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (3) สว่ นข้อกล่าวหาในทางอาญาไม่มมี ูลให้ขอ้ กลา่ วหาตกไป 4. การกระทำ� ของนายสว่าง จาค�ำมา นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลจางเหนือ และนายพิสฐิ ทกั ษิณาพมิ ุข นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลนาสัก มีมูลความผิด ฐานกระท�ำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพ ของประชาชน หรือละเลยไมป่ ฏบิ ตั ติ าม หรือปฏิบัตกิ ารไมช่ อบด้วยอำ� นาจหนา้ ที่ ตามพระราชบญั ญตั สิ ภาต�ำบลและ องค์การบริหารส่วนต�ำบล พ.ศ. 2537 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม มาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเวน้ การปฏบิ ตั ิหนา้ ทโ่ี ดยทจุ ริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 5. การกระทำ� ของนายมนตรี จ�ำปาค�ำ นายปรีดา ผลดี ก�ำนันตำ� บลนาสัก นายปรดี า ผลดี ผใู้ หญบ่ ้าน หม่ทู ี่ 4 ตำ� บลบ้านดง นายคำ� เภา บุญมา ผใู้ หญบ่ ้าน หมู่ที่ 5 ตำ� บลแมเ่ มาะ นายวินัย ตันใจ ผู้ใหญ่บา้ น หม่ทู ี่ 3 ตำ� บลจางเหนือ และนายวิช อินจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ท่ี 7 ต�ำบลนาสัก มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระท�ำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 85 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 61 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องท่ี พ.ศ. 2457 และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรอื ละเว้นการปฏบิ ตั ิหน้าทีโ่ ดยมิชอบ เพื่อใหเ้ กิดความเสยี หายแกผ่ หู้ น่งึ ผ้ใู ด หรือปฏบิ ตั หิ รอื ละเว้นการปฏิบัตหิ นา้ ที่ โดยทจุ รติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 73

ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็น ไปยังผู้บังคับบัญชา เพ่ือพิจารณาโทษทางวินัยกับ นายดิเรก ก้อนกลีบ นายเสรมิ ศกั ด์ิ สสี ันต์ นายมงคล ธงสิบเจด็ นายสทุ ศั น์ กาวิชยั นายถนอม โพธิวจิ ติ ร นายอ�ำนวย ศรีบุญชู นายธนชาติ มังกิตะ นายมนตรี จ�ำปาคำ� นายปรดี า ผลดี นายค�ำเภา บญุ มา นายวินยั ตนั ใจ นายวิช อนิ จันทร์ และนายประสาน ฝ่ายค�ำมี ไปยังผู้มีอ�ำนาจแต่งต้ังถอดถอน เพ่ือด�ำเนินการตามอ�ำนาจหน้าที่กับนายสว่าง จาค�ำมา และนายพิสิฐ ทักษิณาพิมุข และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายดิเรก กอ้ นกลีบ นายเสรมิ ศกั ดิ์ สีสันต์ นายมงคล ธงสบิ เจ็ด นายถนอม โพธิวิจติ ร นายสวา่ ง จาค�ำมา นายอำ� นวย ศรบี ญุ ชู นายธนชาติ มังกิตะ นายมนตรี จ�ำปาคำ� นายปรดี า ผลดี นายค�ำเภา บญุ มา นายวินัย ตนั ใจ นายวชิ อนิ จนั ทร์ นายพิสิฐ ทักษิณาพิมุข และนายประสาน ฝ่ายค�ำมี ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 แล้วแต่กรณี ผลการดำ� เนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. กระทรวงมหาดไทยมีค�ำส่ังลงโทษไล่ นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดล�ำปาง นายเสริมศักด์ิ สีสนั ต์ นายอ�ำเภอแม่เมาะ และนายประสาน ฝ่ายค�ำมี ปลัดอำ� เภอแมเ่ มาะ ออกจากราชการ 2. กรณี นายสว่าง จาค�ำมา นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลจางเหนือ และนายพิสิฐ ทักษิณาพิมุข นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลนาสัก ทั้งสองคนกระท�ำความผิดในระหว่างการด�ำรงต�ำแหน่งวาระ พ.ศ. 2548 - 2552 และทั้งสองคนได้พ้นจากต�ำแหน่งตามวาระไปแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดล�ำปาง จึงไม่อาจสั่งให้ท้ังสองคนพ้นจาก ตำ� แหน่งไดอ้ ีก 3. จังหวัดล�ำปางมีค�ำส่ังลงโทษไล่ นายมนตรี จ�ำปาค�ำ ก�ำนันต�ำบลนาสัก นายปรีดา ผลดี ผู้ใหญ่บ้าน หมูท่ ี่ 4 ต�ำบลบ้านดง นายค�ำเภา บญุ มา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ต�ำบลแม่เมาะ นายวินัย ตนั ใจ ผู้ใหญ่บ้าน หมูท่ ่ี 3 ต�ำบลจางเหนือและนายวิช อินจันทร์ ผูใ้ หญ่บา้ น หมทู่ ี่ 7 ต�ำบลนาสัก ออกจากราชการ 4. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมคี �ำสัง่ ลงโทษปลดออก นายมงคล ธงสบิ เจ็ด เจ้าพนักงาน ป่าไมช้ ำ� นาญงานแลว้ เร่ืองอยใู่ นระหว่างการออกคำ� สัง่ ฯ และกรมป่าไม้ มีค�ำสัง่ ท่ี 2783/2557 ลงวันท่ี 24 ตุลาคม 2557 ไลน่ ายมงคล ธงสิบเจด็ ออกจากราชการ 5. กรมป่าไม้ มีค�ำสง่ั ตัดเงินเดือน 2% เปน็ เวลา 2 เดอื น กบั นายถนอม โพธ์วิ จิ ิตร เจา้ พนกั งานปา่ ไม้ชำ� นาญงาน และนายอ�ำนวย ศรบี ญุ ชู เจา้ พนกั งานป่าไมช้ ำ� นาญงาน และนายสุทศั น์ กาวิชัย เจ้าพนักงานปา่ ไมช้ �ำนาญงาน 6. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีค�ำสั่งลงโทษไล่ นายธนชาติ มังกิตะ เจ้าพนักงานป่าไม้ ออกจากราชการ ผลคำ� พิพากษาคดี 1. นายดิเรก ก้อนกลีบ จ�ำคุก 16 ปี 2. นายเสริมศกั ด์ิ สีสันต์ จ�ำคกุ 16 ปี 3. นายมงคล สิบเจ็ด (เสยี ชวี ิต) 4. นายถนอม โพธ์ิวิจิตร จ�ำคกุ 6 ปี 5. นายอำ� นวย ศรบี ญุ ชู จำ� คุก 6 ป ี 6. นายธนชาติ มังกติ ะ จ�ำคุก 6 ปี 7. นายประสาน ฝา่ ยคำ� มี จ�ำคกุ 16 ป ี 8. นายสว่าง จาค�ำมา จำ� คุก 2 ปี 9. นายพสิ ิฐ ทกั ษณิ าพิมขุ จำ� คุก 2 ปี 10. นายมนตรี จ�ำปาคำ� จ�ำคกุ 2 ปี ลดเหลอื 1 ปี 4 เดือน 11. นายปรีดา ผลดี จ�ำคกุ 2 ปีลดเหลือ 1 ปี 4 เดอื น 12. นายคำ� เภา บญุ มา จ�ำคกุ 2 ปีลดเหลอื 1 ปี 4 เดือน 13. นายวินยั ตนั ใจ จ�ำคกุ 2 ปลี ดเหลอื 1 ปี 4 เดอื น 14. นายวชิ อินทร์จนั ทร์ หรอื อินจันทร์ จ�ำคุก 2 ปีลดเหลือ 1 ปี 4 เดือน 74 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

ด้านปอ้ งกันการทจุ รติ การป้องกนั การทุจริตถือเปน็ ภารกิจหลกั อกี ด้านหนึ่งของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซงึ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการด�ำเนินงานอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการปราบปรามการทุจริตตลอดระยะเวลาท่ีผ่านมา เพราะหากการป้องกัน การทุจริตมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จะท�ำให้ภาครัฐสามารถลดการสูญเสียงบประมาณที่เกิดขึ้นเน่ืองจาก การทุจริต รวมถึงลดภาระค่าใช้จ่ายในการปราบปรามลงได้ โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. เช่ือม่ันว่าหากประชาชน ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมืออย่างเข้มแข็งในการป้องกันการทุจริต จะท�ำให้เกิด “สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต” ในท้ายท่ีสุด ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ร่วมกับหนว่ ยงานภาครฐั ภาคประชาชน และภาคเอกชน ได้ร่วมกันผลักดันการด�ำเนินโครงการ/กิจกรรมป้องกันการทุจริตตามกรอบยุทธศาสตร์และแนวทางภายใต้ ยทุ ธศาสตรช์ าติว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) อยา่ งกว้างขวาง ซ่ึงยุทธศาสตร์และแนวทางดังกล่าวมีความสอดคล้องและสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ แผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมไปถึงนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นการต่อต้านการทุจริต และกระแสสังคม ในปจั จบุ ันทใ่ี หค้ วามสำ� คญั กับการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ ในวงกว้าง การดำ� เนนิ งาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดก้ �ำหนดให้มีเครื่องมือและกลไก เพือ่ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลักดนั ยุทธศาสตร์ชาตวิ า่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ สู่การปฏิบตั ิ ดงั น้ี 1. จัดท�ำคู่มือการน�ำยุทธศาสตร์ชาติฯ ไปสู่การปฏิบัติ เพ่ือให้หน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นแนวทาง ในการจดั ท�ำแผนงบประมาณ 2. ต้ังคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) เพ่อื กำ� หนดนโยบาย เสนอแนะ และก�ำกบั ติดตาม 3. ต้ังคณะอนุกรรมการด�ำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระดบั จังหวดั 4. ส่งเสริมสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐเสนอจัดท�ำค�ำของบประมาณตามแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 (พ.ศ.2560 - 2564) หรือชุดโครงการสหยุทธ์ (Multi - Strategy project) ซึง่ แตล่ ะโครงการในชดุ โครงการสหยุทธ์ จะส่งผลกระทบตอ่ ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์มากกวา่ 1 ประเดน็ ยุทธศาสตร์ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีการด�ำเนนิ โครงการ/กิจกรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าดว้ ยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ท้ัง 6 ยุทธศาสตร์ รวม 849 โครงการ งบประมาณทั้งส้ิน 610.055 ล้านบาท การด�ำเนินโครงการ/กิจกรรมส่วนใหญ่อยู่ในกรอบยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสังคม ไม่ทนต่อการทุจริต มีจ�ำนวน 525 โครงการ งบประมาณ 393.68 ล้านบาท หรือร้อยละ 61.84 ของงบประมาณ ท้ังหมด รองลงไปเป็นโครงการ/กิจกรรมในกรอบยุทธศาสตร์ท่ี 4 จ�ำนวน 206 โครงการงบประมาณ 610.05 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.26 ของงบประมาณท้ังหมด โครงการ/กิจกรรมส่วนท่ีเหลือกระจายอยู่ในยุทธศาสตร์ท่ี 2 ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยุทธศาสตร์ที่ 5 และยุทธศาสตร์ท่ี 6 ซึ่งมีโครงการ/กิจกรรมรวมจ�ำนวน 118 โครงการ งบประมาณ 62.91 หรอื ร้อยละ 13.9 ของงบประมาณทง้ั หมด รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 75

โครงการ/กิจกรรมภายใต้ยุทธศาสตรช์ าติว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี จำ�นวนโครงการ งบประมาณ โครงการ (รอ้ ยละ) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 สรา้ งสงั คมท่ไี ม่ทนต่อการทจุ ริต 525 ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 ยกระดับเจตจำ�นงทางการเมือง 28 393,678,788 61.84 ในการตอ่ ตา้ นการทจุ ริต ยุทธศาสตร์ท่ี 3 สกดั ก้นั การทุจริตเชงิ นโยบาย 19,981,250 3.30 ยุทธศาสตร์ท่ี 4 พฒั นาระบบป้องกันการทจุ ริตเชงิ รุก ยุทธศาสตร์ที่ 5 ปฏริ ปู กลไกและกระบวนการ 30 3,499,000 3.53 การปราบปรามการทุจริต 206 153,461,538 24.26 ยุทธศาสตรท์ ่ี 6 ยกระดบั คะแนนดัชนกี ารรบั รูก้ ารทจุ รติ 42 33,190,960 4.95 (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย 18 6,243,620 2.12 รวม 849 610,055,156 100 การดำ� เนนิ งานของคณะอนกุ รรมการ ป.ป.ช. ผลกั ดนั ยทุ ธศาสตรช์ าติว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปราม การทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ผลกั ดันยุทธศาสตรช์ าติวา่ ด้วยการป้องกนั และ ปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) รวม 6 คณะ เพื่อรับผิดชอบกำ� หนดนโยบาย เสนอแนะและ กำ� กับตดิ ตามการดำ� เนนิ งานแต่ละยุทธศาสตร์ ผลการดำ� เนินงานมีดังน้ี 1. คณะอนกุ รรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการสร้างสงั คมที่ไม่ทนตอ่ การทุจรติ คณะอนกุ รรมการ ป.ป.ช. วา่ ด้วยการสร้างสังคมทไี่ ม่ทนตอ่ การทจุ ริต ได้ด�ำเนินการประชมุ จำ� นวน 3 ครง้ั โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้ให้ความคิดเห็นเก่ียวกับแนวทางในการด�ำเนินการผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วย การป้องกนั และปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ.2560 - 2564) ในการขบั เคลอ่ื นยุทธศาสตร์ท่ี 1 การสรา้ งสังคม ท่ีไม่ทนต่อการทุจริต ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีการขับเคล่ือนภายใต้การด�ำเนินการตามแผนบูรณาการฯ แนวทางท่ี 1 การสร้างจิตส�ำนึก และการปลูกฝังความซ่ือสัตย์สุจริต ที่มีความสอดคล้องและเช่ือมโยงกับยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างสังคมท่ีไมท่ นต่อการทจุ รติ ได้รับการจดั สรรงบประมาณทง้ั สิ้น 403.2920 ลา้ นบาท โดยมรี ายละเอียดดังนี้ 1. ตัวชี้วัดที่ 1 ร้อยละของสถานศึกษาภาครัฐมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้านการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตรอ้ ยละ 100 สถานศึกษาเอกชน ร้อยละ 70 วงเงินงบประมาณ 151.2372 ล้านบาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 37.50 ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด 2. ตัวชี้วดั ท่ี 2 รอ้ ยละของผู้เข้าร่วมโครงการ/กิจกรรมเขา้ มามสี ่วนร่วมในการผลกั ดนั ใหเ้ กดิ สังคมทไ่ี ม่ทน ต่อการทุจริต ไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 วงเงินงบประมาณ 179.4968 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 44.51 ของวงเงิน งบประมาณทงั้ หมด 76 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

3. ตัวชี้วัดที่ 3 ร้อยละของจ�ำนวนสมาชิกของกลุ่ม/องค์กรเข้าร่วมกิจกรรมการต่อต้านการทุจริต ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 85 เมอื่ เทยี บกับเป้าหมายทต่ี ั้งไว้ วงเงนิ งบประมาณ 72.5580 ลา้ นบาท คดิ เป็นร้อยละ 17.99 ของวงเงินงบประมาณทัง้ หมด โดยมีการก�ำกับติดตามแผนบูรณาการด้วยระบบ Smart E-Vision การประชุมร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการ ต่อต้านการทจุ รติ กระทรวง การประสานความรว่ มมือกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั ในการสังเกตการณ์ เก็บขอ้ มูล และการติดตามโครงการในพ้ืนที่ที่ไม่เป็นไปตามแผน หรือโครงการที่ใช้งบประมาณสูง ซึ่งในระยะแรกการก�ำกับ ติดตามพบปญั หาเรอื่ งการรายงานผลการด�ำเนินโครงการ/กิจกรรม เนือ่ งจากบางหนว่ ยงานระบุข้อมลู ในระบบไม่ครบถ้วน บางหน่วยงานระบุเพยี งโครงการยอ่ ย แตไ่ มไ่ ด้ระบโุ ครงการใหญท่ ร่ี ับงบประมาณตามแผนบูรณาการฯ เป็นต้น ความเห็นและข้อเสนอแนะทีไ่ ด้รับเพื่อดำ� เนินการในสว่ นต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวข้องดงั นี้ 1. ด�ำเนินการตรวจสอบปญั หา อปุ สรรคในการใชร้ ะบบ Smart E-Vision รว่ มกับสำ� นักปอ้ งกนั การทจุ ริตภาครัฐ เพ่อื หาแนวทางแก้ไขปัญหาในสว่ นของเอกสารการตดิ ตาม การประเมินผล และแจ้งใหห้ น่วยงานทีไ่ มไ่ ดร้ ายงาน หรอื รายงานไม่ครบทุกกิจกรรมกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน พร้อมทั้งรายงานผลการด�ำเนินงานตามแผนบูรณาการให้เป็นไป ตามแนวทางท่กี �ำหนดไว้ และรายงานความคบื หนา้ ใหค้ ณะอนุกรรมการได้รบั ทราบตอ่ ไป 2. ด�ำเนินการให้คำ� แนะน�ำแก่ส่วนราชการตา่ ง ๆ ท่มี กี ารด�ำเนินการเกย่ี วข้องกับยทุ ธศาสตร์ที่ 1 รว่ มกับ การติดตาม ประเมินผลตามแผนบูรณาการ แนวทางที่ 1 การสร้างจิตส�ำนึก และการปลูกฝังความซื่อสัตย์สุจริต ในการเสริมในส่วนของประสิทธิภาพในการด�ำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามแผนเพ่ือไม่ให้เกิดความล่าช้า บรรลุตามเป้าหมาย ท่ีกำ� หนดไว้ โดยมุ่งเน้นการก�ำกับติดตามแผนยุทธศาสตร์และผลการด�ำเนนิ งานของกจิ กรรม 3. ด�ำเนินการให้ค�ำแนะน�ำและประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ในการเร่งรัดและกระตุ้นการใช้จ่าย งบประมาณตามแผน โดยมุ่งเป้าหมายให้ชัดเจนถึงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และสอดคล้องกับตัวชี้วัด ตามแผนยทุ ธศาสตรเ์ ปน็ ส�ำคัญ 4. ด�ำเนินการเพ่ือเพิ่มค่าดัชนีการรับรู้การทุจริตและการลดปัญหาการทุจริต ซึ่งในยุทธศาสตร์ท่ี 1 การสร้าง สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริตมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่งท่ีทุกภาคส่วนในสังคมรวมพลังกันสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต สรา้ งค่านยิ มสจุ รติ ขับเคลอ่ื นไปสเู่ ป้าหมายเดียวกนั “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยท้งั ชาติต้านทจุ ริต” โดยมีการศึกษา งานวิจัยขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติประจ�ำภาคพื้นเอเซียแปซิฟิกท่ีได้กล่าวถึงกระบวนการป้องกัน การทุจริต การสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน การสร้างสังคมท่ีประชาชนมีความตื่นตัว และเกิดการเรียนรู้ ในการตรวจสอบเงินภาษีของตัวเองในการใช้จ่ายงบประมาณ อันจะส่งผลทางอ้อมกับการเปล่ียนแปลงทางสังคม และสามารถตอบโจทยก์ ับฐานแหล่งขอ้ มลู ในการประเมนิ ค่า CPI ใหส้ งู ข้นึ ตอ่ ไป 2. คณะอนกุ รรมการ ป.ป.ช. ว่าดว้ ยการยกระดบั เจตจำ� นงทางการเมืองในการตอ่ ต้านการทุจริต ตามท่ีคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต ได้เห็นชอบขอบเขตการด�ำเนินงานตามกรอบแนวทางตามยุทธศาสตร์ที่ 2 ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการ ต่อต้านการทจุ รติ ตามยุทธศาสตรช์ าติวา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ซง่ึ ได้ ดำ� เนนิ การประชุมมาแล้ว 5 ครัง้ โดยครง้ั ลา่ สุดประชุมเมือ่ วันที่ 28 กันยายน 2561 ได้มติเห็นชอบแนวทางในการผลักดัน การด�ำเนนิ งานตามยทุ ธศาสตรท์ ี่ 2 ยกระดบั เจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทจุ ริต ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 และรบั ทราบรายงานความกา้ วหน้าการติดตามประเมินผลในการผลกั ดันยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 ยกระดบั เจตจำ� นงทางการเมอื ง ในการตอ่ ตา้ นการทจุ ริต รอบ 12 เดือน ซง่ึ มผี ลสรุปการด�ำเนนิ โครงการตามยทุ ธศาสตร์ท่ี 2 ดังน้ี รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 77

ล�ำดบั โครงการ หน่วยงานรบั ผดิ ชอบ ความก้าวหนา้ 1 โครงการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม และต่อต้านการทุจริตตามแนวหลัก กรมสง่ เสรมิ รอ้ ยละ 100 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองทอ้ งถ่นิ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ร้อยละ 100 2 โครงการก�ำหนดแนวทางและมาตรการทางกฎหมายในการก�ำกับ ติดตาม ส�ำนักงานเลขาธิการ มาตรฐานทางจริยธรรมของสมาชิกรัฐสภาและเจ้าหน้าท่ีรัฐให้ปลอดจาก สภาผ้แู ทนราษฎร รอ้ ยละ 100 การทุจริต ร้อยละ 50 3 โครงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์กรอิสระและรัฐสภาในการยกระดับ ส�ำนกั งาน กกต. รอ้ ยละ 50 เจตจำ� นงทางการเมอื งของพรรคการเมอื ง รอ้ ยละ 100 4 โครงการจัดท�ำนวัตกรรมก�ำกับดูแลและควบคุมการด�ำเนินงานตามเจตจ�ำนง สำ� นกั งาน กกต. ทางการเมืองของพรรคการเมือง 5 โครงการส่งเสริมมาตรฐานคุณธรรมจริยธรรมของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทาง ส�ำนักงาน ป.ป.ช. การเมอื งและเจ้าหน้าที่ของรฐั 6 โครงการสง่ เสริมทอ้ งถน่ิ ปลอดทุจริต ประจำ� ปี 2561 ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. คณะอนกุ รรมการ ป.ป.ช. ผลกั ดันยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) คณะท่ี 2 คณะอนกุ รรมการ ป.ป.ช. วา่ ด้วยการยกระดบั เจตจ�ำนงทางการเมอื งในการต่อต้าน การทจุ รติ ไดม้ มี ตใิ นการประชุมครง้ั ท่ี 4 - 2/2561 เมอื่ วนั ท่ี 9 กรกฎาคม 2561 เหน็ ชอบให้แตง่ ต้ังคณะทำ� งานก�ำกบั ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต” เพื่อรับทราบผลการด�ำเนิน การชุดโครงการสหยุทธ์ ปัญหาอุปสรรคที่พบระหว่างการด�ำเนินการและแนวทางในการปรับปรุงและเพ่ิม ประสทิ ธิภาพการด�ำเนนิ การใหป้ ระสบผลส�ำเรจ็ จำ� นวน 2 คณะ ดังนี้ คณะท่ี 1 คณะท�ำงานกำ� กับ ตดิ ตาม โครงการสง่ เสริมและสนับสนนุ การปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต ในภาครฐั คณะที่ 2 คณะท�ำงานก�ำกับ ติดตาม โครงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์กรอิสระและรัฐสภา ในการยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต และโครงการจัดท�ำนวัตกรรมก�ำกับดูแลและควบคุม การดำ� เนินงานตามเจตจ�ำนงทางการเมืองของพรรคการเมอื ง ส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยคณะท�ำงานก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมือง ในการต่อต้านการทุจริต” คณะท่ี 1 คณะท�ำงานก�ำกับ ติดตาม โครงการส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ ในภาครัฐ ไดล้ งพ้นื ท่เี พอื่ สังเกตการณ์และเกบ็ ขอ้ มลู ผลการด�ำเนนิ โครงการเสริมสรา้ งคณุ ธรรม จริยธรรม และต่อต้านการทุจริตตามแนวหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพือ่ รบั ทราบถึงผลการด�ำเนินการ ปัญหาอุปสรรคท่พี บระหว่างการด�ำเนินการและ แนวทางในการปรับปรุงและเพม่ิ ประสิทธิภาพการดำ� เนนิ การใหป้ ระสบผลสำ� เรจ็ จำ� นวน 4 ครัง้ ประกอบด้วย ครง้ั ท่ี 1 ระหวา่ งวันที่ 29 - 31 สิงหาคม 2561 ณ จังหวัดพษิ ณุโลก และจงั หวัดสุโขทัย ครงั้ ที่ 2 ระหว่างวันท่ี 3 - 5 กันยายน 2561 ณ จงั หวัดอุดรธานี และจงั หวัดหนองบวั ล�ำภู คร้งั ที่ 3 ระหวา่ งวนั ท่ี 12 - 14 กนั ยายน 2561 ณ จังหวดั ระนอง ครงั้ ที่ 4 ระหวา่ งวนั ท่ี 17 - 19 กนั ยายน 2561 ณ จงั หวดั ปราจนี บรุ ี และจังหวดั สระแกว้ 3. คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. วา่ ดว้ ยการสกดั กั้นการทจุ รติ เชิงนโยบาย คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการสกัดก้ันการทุจริตเชิงนโยบาย ได้มีการประชุม จ�ำนวน 2 คร้ัง โดยพจิ ารณาเรอื่ งส�ำคญั จำ� นวน 2 เรอื่ ง คอื 78 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

1) แนวทางในการขับเคล่ือนหลักธรรมาภิบาลเพ่ือสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย ซ่ึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังที่ 1016 - 87/2561 เม่ือวันท่ี 21 กันยายน 2561 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางในการขับเคล่ือน หลักธรรมาภิบาลเพื่อสกัดก้ันการทุจริตเชิงนโยบายดังกล่าว และให้เผยแพร่แนวทางดังกล่าวไปยังหน่วยงานต่าง ๆ และ สาธารณชนเพื่อรับทราบตอ่ ไป 2) เกณฑช์ ้ีวดั ความเส่ียงต่อการทุจรติ เชงิ นโยบาย ซ่งึ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชมุ ครงั้ ท่ี 1003 - 74/2561 เม่ือวันท่ี 16 สิงหาคม 2561 ได้มีมติเห็นชอบต่อเกณฑ์ชี้วัดความเส่ียงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ดงั กลา่ ว และใหน้ ำ� เสนอต่อคณะกรรมการการเลอื กตงั้ เพอ่ื พจิ ารณาต่อไป เกณฑ์ช้ีวัดความเส่ียงต่อการทุจริตเชิงนโยบายเป็นการด�ำเนินการตามแนวทางในกลยุทธ์ “วางมาตรการเสริมในการสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายบนฐานธรรมาภิบาล” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบ เตือนภัยการทุจริตเชิงนโยบายในนโยบายสาธารณะขนาดใหญ่ ผ่านเกณฑ์ช้ีวัดที่ถูกออกแบบมา ซึ่งจะช่วยให้ สาธารณชนสามารถน�ำมาใช้ในการเฝ้าระวังและตรวจสอบการด�ำเนินโครงการขนาดใหญ่ของรัฐได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และเพื่อให้การด�ำเนินการของภาครัฐเป็นไปโดยสุจริต โปร่งใส คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด แกป่ ระเทศชาติ สอดคลอ้ งกบั บทบัญญตั ขิ องรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 63 ทรี่ ฐั จะตอ้ งจดั ให้ มมี าตรการและกลไกท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพเพ่อื ป้องกนั และขจดั การทจุ ริตและประพฤติมชิ อบอย่างเข้มงวด รวมทงั้ มีกลไก ในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริต รวมถึงบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 50 ท่ีก�ำหนดหน้าท่ีของปวงชนชาวไทยในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติและไม่ร่วมมือหรือสนับสนุน การทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบทุกรปู แบบอยา่ งแท้จรงิ ท้งั นี้ เกณฑช์ ีว้ ัดดังกลา่ ว ประกอบด้วย 2 ส่วน คอื 1) เกณฑ์ชี้วดั ความเสย่ี งต่อการทจุ ริตเชงิ นโยบาย ในข้นั ตอน การพัฒนานโยบาย และ 2) เกณฑช์ ้วี ดั ความเส่ยี งต่อการทจุ ริตเชงิ นโยบาย ในขัน้ ตอนการนำ� นโยบายไปสู่การปฏบิ ัติ 4. คณะอนกุ รรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการพัฒนาระบบป้องกนั การทจุ รติ เชงิ รุก คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. วา่ ดว้ ยการพัฒนาระบบป้องกนั การทจุ รติ เชิงรกุ ไดม้ ีการประชมุ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ทง้ั หมด 2 ครัง้ โดยมีการพจิ ารณาในประเดน็ สำ� คัญดังนี้ ประเด็นท่ี 1 กลไกการป้องกันการทุจริตของประเทศไทย คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการพิจารณากลไก การป้องกันการทจุ รติ ตามกรอบยุทธศาสตรช์ าตฯิ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) แบง่ ออกเปน็ 2 ส่วน คือ กลไก การด�ำเนินงานในส่วนของรัฐบาลและกลไกการด�ำเนินงานในส่วนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งมีความครบถ้วน ครอบคลุมท้ังในระดับนโยบายและในระดับปฏิบัติ แต่เม่ือพิจารณาในรายละเอียดพบว่า กลไกส่วนหนึ่งเกิดข้ึน จากการจัดต้ังโดยใช้อ�ำนาจของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติซ่ึงอาจไม่มีความยั่งยืนหรือต่อเน่ือง ขณะท่ี บางส่วนก็เปน็ กลไกเกา่ ทถี่ กู จดั ตง้ั ขน้ึ โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในอดตี ตั้งแต่ยุทธศาสตร์ชาติวา่ ด้วยการปอ้ งกันและ ปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2556 - 2559) และยงั คงด�ำรงอยู่ทับซอ้ นกบั กลไกในปจั จุบนั ดังน้ัน คณะอนกุ รรมการฯ จึงเสนอให้มีการทบทวนกลไกการด�ำเนินการป้องกันการทุจริตโดยละเอียดอีกครั้ง เพ่ือพิจารณาถึงปัญหาความซ้�ำซ้อน และควรก�ำหนดทศิ ทางท่ชี ัดเจนรว่ มกัน ประเด็นที่ 2 ดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ท่ีเกี่ยวข้องกับการป้องกันการทุจริต การจะยกระดับคะแนน CPI ของประเทศไทยให้เป็นไปตามเป้าหมายท่ีก�ำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติฯ ระยะที่ 3 จ�ำเป็นจะต้องทราบก่อนว่า แต่ละแหล่งข้อมูลท่ีท�ำการส�ำรวจและเก็บรวบรวมในประเด็นใดบ้าง โดยพิจารณาแก้ไขจุดอ่อนของประเทศไทย ที่เก่ียวข้องกับงานผลักดันงานด้านการป้องกันการทุจริตให้สามารถเข้าไปด�ำเนินการแก้ไขปัญหาได้ทั้งทางตรงหรือ ทางอ้อม จากผลการพิจารณาของที่ประชุม สามารถสรุปได้ว่ามีประเด็นป้องกันการทุจริตท่ีจะต้องด�ำเนินการ เพ่ือยกระดบั คะแนน CPI ครอบคลมุ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 พฒั นาระบบปอ้ งกนั การทุจรติ เชิงรกุ กลยุทธ์ที่ 1 - 6 ยกเว้นกลยุทธ์ ท่ี 7 - 8 ซึง่ ไมไ่ ด้มกี ารเกบ็ ขอ้ มลู ในประเดน็ ตามกลยุทธด์ งั กลา่ วเพอ่ื น�ำไปใชป้ ระกอบการประเมินคา่ CPI รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 79

ประเด็นท่ี 3 โครงการ/กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก คณะอนุกรรมการ ได้พิจารณาข้อมูลโครงการ/กิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับการป้องกันการทุจริตตามแผนบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2561 พบว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 มีหนว่ ยงานท่ีได้แจ้งดำ� เนนิ การตามแนวทางหลกั ของแผนบูรณาการฯ แนวทางที่ 1 สรา้ งกลไกการป้องกนั การทจุ ริต ให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ จ�ำนวน 28 หน่วยงาน และจากการตรวจสอบวัตถุประสงค์และขั้นตอนการด�ำเนิน โครงการ/กิจกรรมโดยละเอยี ดพบว่า มีเพยี ง 12 หนว่ ยงานจาก 28 หน่วยงานทไี่ ด้ดำ� เนินโครงการ/กิจกรรมตรงตาม แนวทางหลักของแผนบูรณาการฯ แนวทางท่ี 1 สร้างกลไกการป้องกันการทุจริตให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ และกรอบประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 4 พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก ซึ่งโครงการ/กิจกรรมที่ด�ำเนินการ ตรงตามแนวทางหลกั ของแผนบูรณาการฯ และประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 4 โดยสว่ นใหญจ่ ะเปน็ โครงการ/กจิ กรรมขบั เคลอื่ น การดำ� เนินงานตามกลยทุ ธ์ที่ 5 การพัฒนา วิเคราะห์และบรู ณาการระบบการประเมนิ ด้านคุณธรรมและความโปร่งใส ในการด�ำเนินงานของหน่วยงานเพ่ือเช่ือมโยงกับแนวทาง การยกระดับคะแนน CPI ล�ำดับต่อมาเป็นการขับเคลื่อน กลยุทธ์ที่ 1 เพิ่มประสิทธิภาพระบบงานป้องกันการทุจริต ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีการขับเคล่ือน งานป้องกันการทุจริตที่ตรงตามกลยุทธ์ที่ก�ำหนดไว้ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาระบบป้องการทุจริตเชิงรุก จากการพิจารณาเบ้ืองต้นพบว่าโครงการป้องกันการทุจริตที่ 18 หน่วยงานส่งมาตามแผนพบว่ามี 9 หน่วยงานท่ีมี การดำ� เนินโครงการ/กิจกรรมสอดคล้องกบั ประเดน็ ยุทธศาสตรท์ ่ี 4 กลยทุ ธ์ที่ 1 กลยุทธท์ ี่ 5 และกลยุทธ์ท่ี 6 ประเด็นท่ี 4 ข้อเสนอแนะเพอื่ การผลกั ดนั ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 การป้องกันการทุจรติ เชงิ รุก เพอ่ื ใหห้ นว่ ยงาน ด้านการป้องกนั การทุจริตท่ีเก่ียวข้องรับไปด�ำเนินงานมีดงั นี้ 1) การขับเคลื่อนประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก ผ่านโครงการ/กิจกรรม ตามแผนบูรณาการฯ มีลักษณะกระจุกตัวอยู่ที่กลยุทธ์ท่ี 5 การพัฒนา วิเคราะห์และบูรณาการระบบการประเมิน ด้านคุณธรรมและความโปร่งใสในการด�ำเนินงานของหน่วยงานเพื่อเช่ือมโยงกับแนวทางการยกระดับคะแนน CPI ล�ำดับต่อมาคือกลยุทธ์ที่ 1 เพิ่มประสิทธิภาพระบบงานป้องกันการทุจริต ขณะที่กลยุทธ์อ่ืน ๆ ยังไม่ถูกขับเคล่ือน เท่าท่ีควร จึงควรมีการประสานงานไปยังคณะกรรมการพิจารณาจัดท�ำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะที่ 6.2 ซึ่งมรี องนายกรฐั มนตรี (นายวษิ ณุ เครอื งาม) เปน็ ประธานกรรมการ และ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. เป็นเจ้าภาพหลัก เพ่ือประสานงานกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวข้องให้จัดท�ำ โครงการ/กิจกรรมทสี่ อดคล้องกลยุทธต์ ามประเดน็ ยุทธศาสตรท์ ่ี 4 พฒั นาระบบป้องกันการทจุ รติ เชงิ รกุ ตอ่ ไป 2) การขับเคลื่อนประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก ที่มีลักษณะการป้องกัน การทุจริตในเชิงระบบ ไม่ปรากฏในแผนบูรณาการฯ อย่างชัดเจนนัก ควรมีการรวบรวมข้อมูลการป้องกันการทุจริต ในเชิงระบบที่อยู่นอกเหนือแผนบูรณาการฯ หรือท่ีหน่วยงานได้ด�ำเนินการวางระบบป้องกันการทุจริตมาก่อนท่ีจะมี การจัดท�ำงบประมาณในลักษณะบูรณาการ เพื่อประกอบการวิเคราะห์และก�ำหนดแนวทางการผลักดันประเด็น ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 พัฒนาระบบป้องกันการทจุ ริตเชงิ รกุ 5. คณะอนกุ รรมการ ป.ป.ช. ว่าดว้ ยการปฏิรปู กลไกและกระบวนการการปราบปรามการทจุ รติ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งต้ังคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการปฏิรูปกลไกและกระบวนการ การปราบปรามการทุจริต ซ่ึงมีนายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ได้มีการประชุม เพอ่ื ผลักดนั การดำ� เนินงานในการปฏิรปู กลไกและกระบวนการการปราบปรามการทุจรติ จ�ำนวน 4 ครง้ั โดยมผี ลงาน ทีส่ �ำคัญ ดงั นี้ 80 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

1. การเพิ่มประสิทธิภาพการด�ำเนินงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อปราบปรามการทุจริต โดยมี การประชุมเพื่อหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เก่ียวกับแนวทางในการด�ำเนินกระบวนการปราบปราม การทุจริตใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพย่งิ ขน้ึ ผลการประชุมสรปุ ได้ 13 ประเด็น ดงั น้ี 1) การรบั เร่อื งกลา่ วหาร้องเรียนของพนกั งานสอบสวน และคณะกรรมการ ป.ป.ท. 2) การมอบหมายเรอ่ื งใหห้ น่วยงานทเี่ กีย่ วขอ้ งดำ� เนนิ การแทน 3) การกระท�ำความผิดที่เก่ยี วขอ้ งกนั หลายฐานความผิด 4) ลักษณะของเร่อื งทีจ่ ะมอบหมายใหห้ น่วยงานทีเ่ ก่ียวข้องดำ� เนินการแทน 5) การฝากขังของพนักงานสอบสวน 6) การด�ำเนินคดที ุจรติ ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติช้มี ูลความผดิ 7) การติดตามผลการดำ� เนินคดี การควบคมุ กำ� กบั ตดิ ตาม หนว่ ยงานของรฐั ท่ีได้รับมอบหมาย 8) มาตรการเกี่ยวกับการตดิ ตามทรพั ย์สนิ ของรัฐคืน 9) มาตรฐานการปฏิบัติงาน มาตรการเร่งรัดการด�ำเนินคดีให้มีความรวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม และ ตรวจสอบได้ 10) มาตรการคุ้มครองพยาน และการสง่ เสรมิ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต 11) การยื่นบญั ชีทรัพย์สินและหนสี้ ินของเจา้ หนา้ ท่ขี องรัฐ 12) การน�ำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใชใ้ นการเช่ือมโยงข้อมลู คดีทจุ รติ 13) การชีแ้ จงทำ� ความเข้าใจคมู่ ือการด�ำเนินงานตามมาตรา 61 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังที่ 1038 - 109/2561 เมื่อวันท่ี 15 พฤศจิกายน 2561 มีมติรับทราบแนวทางในการด�ำเนินกระบวนการปราบปรามการทุจริต 13 ประเด็น และเห็นชอบให้แต่งต้ัง คณะท�ำงานจัดท�ำแนวทางด�ำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการด�ำเนินงานในกระบวนการยุติธรรมเพ่ือปราบปราม การทุจริต จำ� นวน 3 คณะ ไดแ้ ก่ 1) คณะท�ำงานพจิ ารณาแนวทางด�ำเนนิ การรับเร่อื งกล่าวหาร้องเรียน การส่งมอบ เร่ืองกลา่ วหาร้องเรยี น และการดำ� เนินคดี 2) คณะท�ำงานก�ำหนดวธิ กี าร และเง่อื นไขในการจับกุม คุมขงั และคุ้มครองพยาน และ 3) คณะท�ำงานจัดท�ำระบบข้อมูลสารสนเทศด้านการปราบปรามการทุจริต โดยให้เร่งรัดการด�ำเนินงาน และ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แตง่ ตงั้ คณะทำ� งานแลว้ เม่อื วันท่ี 23 มกราคม 2562 2. การก�ำกับ ตดิ ตามผลการดำ� เนนิ โครงการตามยทุ ธศาสตร์ท่ี 5 การปฏิรปู กลไกและกระบวนการการปราบปราม การทุจรติ ซ่ึงเปน็ การก�ำกับ ตดิ ตามโครงการสหยุทธข์ องส�ำนักงาน ป.ป.ช. โครงการทวั่ ไปของส�ำนักงาน ป.ป.ช. และ โครงการของหน่วยงานภายนอกที่ด�ำเนินงานตามแนวทางที่ 3 เสริมสร้างประสิทธิภาพในการปราบปรามการทุจริต ตามแผนบรู ณาการปอ้ งกนั ปราบปรามการทจุ ริตและประพฤติมิชอบ รวม 25 โครงการ ให้มกี ารด�ำเนนิ การเปน็ ไปอย่าง มปี ระสิทธิภาพ โดยได้มกี ารจดั ประชมุ เพ่อื รับฟังผลการด�ำเนินการ ปัญหา อปุ สรรค และให้ขอ้ เสนอแนะการด�ำเนิน โครงการเพ่ือให้การด�ำเนินโครงการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ ตลอดจนมีการรายงานผลการก�ำกับ ติดตาม เพ่ือใช้เปน็ ฐานขอ้ มูลในการปรับปรุงการด�ำเนนิ โครงการตอ่ ไป 3. การติดตามผลการด�ำเนินงานด้านปราบปรามการทุจริตจากหน่วยงานที่เก่ียวข้องกับการปราบปราม การทจุ รติ ได้แก่ ส�ำนักงานตำ� รวจแห่งชาติ ส�ำนักงาน ป.ป.ท. และส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ซ่งึ ท่ปี ระชมุ คณะอนุกรรมการ ได้มีมติให้มีการก�ำหนดกรอบการรายงานและรูปแบบการรายงานท่ีเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อจะได้มีข้อมูลสถิติ คดที ุจริตไว้ใชใ้ นการบริหารคดี รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 81

6. คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. วา่ ดว้ ยการยกระดบั คะแนนดชั นีการรบั รู้การทจุ รติ (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. วา่ ดว้ ยการยกระดับดชั นีการรับรู้การทุจริต ไดม้ ีการประชุม จำ� นวน 1 คร้ัง โดย ไดม้ กี ารพิจารณาขอ้ เสนอแนะเพื่อยกระดับคะแนนดชั นีการรบั รู้การทุจรติ (Corruption Perception Index : CPI) ระยะที่ 2 และได้เสนอต่อคณะอนุกรรมการอ�ำนวยการด้านมาตรการป้องกันการทุจริต และคณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาเพอ่ื เสนอตอ่ คณะรัฐมนตรี ทง้ั นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชมุ เมื่อวันท่ี 20 กันยายน 2561 ไดม้ ีมติเหน็ ชอบต่อขอ้ เสนอแนะ เพ่ือยกระดบั คะแนนดัชนกี ารรับรู้การทุจริต (Corruption Perception Index : CPI) ระยะท่ี 2 ดังกลา่ ว และได้น�ำเสนอ ตอ่ คณะรฐั มนตรพี ิจารณา เมอื่ วันท่ี 3 ธนั วาคม 2561 โดยขอ้ เสนอแนะดงั กล่าว ประกอบด้วยข้อเสนอหลกั 2 สว่ น คือ 1) ขอ้ เสนอต่อสำ� นกั งาน ป.ป.ท. ท่ีมุง่ เนน้ ใหส้ �ำนกั งาน ป.ป.ท. ประสานกับหนว่ ยงานภาคเอกชนหรือมลู นิธทิ ม่ี ี ความพร้อม เพื่อเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรเพ่ือความโปร่งใสนานาชาติ พร้อมทั้ง ส่งเสริมให้ภาคส่วนต่าง ๆ ตระหนักถึงความส�ำคัญของการยกระดับค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต และ 2) ข้อเสนอต่อรัฐบาล ที่เน้นในเรื่องการจัดให้มีกลไกการคุ้มครองพยานและผู้แจ้งเบาะแสเก่ียวกับการทุจริต (Whistleblower) ให้เป็นรปู ธรรมและมีประสทิ ธิภาพ ผลการดำ� เนินงานโครงการ/กิจกรรมภายใต้ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ด้วยการปอ้ งกันและปราบปราม การทุจริตระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) สรปุ ได้ ดงั นี้ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 1 : สร้างสงั คมท่ีไมท่ นต่อการทุจรติ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ไดด้ �ำเนนิ โครงการ STRONG: จิตพอเพียงต้านทจุ รติ เพ่ือผลักดนั การสรา้ งสงั คมทไี่ ม่ทน ต่อการทุจริต และน�ำมาสู่การพัฒนาให้เป็นการป้องกันการทุจริตเชิงรุก ด้วยการเสริมสร้างให้บุคคลและชุมชน มีจิตพอเพียงต้านทุจรติ ดว้ ยกรอบแนวคิด STRONG Model (คดิ คน้ โดยรองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธรี านวุ ฒั ศริ ิ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ป.ป.ช.) นอกจากนี้ได้ตั้งคณะอนุกรรมการจัดท�ำหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ส่ือประกอบ การเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริต เพื่อจัดท�ำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) เพ่ือใช้ ในการปรับฐานความคิดทกุ ช่วงวยั ตงั้ แต่ปฐมวยั จนจบการศึกษาภาคบังคับ คอื มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 รวมระยะเวลา 15 ปี มีเนือ้ หาเก่ยี วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม โมเดล STRONG - จิตพอเพียง ตา้ นทจุ รติ ความละอายและไมท่ นต่อการทุจรติ รวมถงึ การประยกุ ต์หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเคร่อื งมอื ตา้ นทุจรติ รวมทัง้ ได้ดำ� เนินโครงการอืน่ เพื่อใหเ้ กิดผลอย่างเปน็ รูปธรรม ท้ังในระยะส้นั และระยะยาว สรุปผลการดำ� เนิน โครงการ/กจิ กรรมได้ ดังนี้ หลักสตู รตา้ นทจุ ริตศกึ ษา (Anti-Corruption Education) ยุทธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ยทุ ธศาสตร์ ท่ี 1 “สรา้ งสังคมไม่ทนตอ่ การทจุ ริต” ไดม้ งุ่ เน้นใหค้ วามส�ำคญั ในกระบวนการปรบั สภาพสังคมให้เกิดภาวะท่ี “ไม่ทน ต่อการทุจริต” โดยเริ่มต้ังแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในทุกระดับช่วงวัยตั้งแต่ปฐมวัยเพ่ือสร้างวัฒนธรรม ต่อตา้ นการทุจริต และปลูกฝังวิธีคิดการแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม ความพอเพียง มวี ินัย ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ เปน็ การด�ำเนินการผ่านสถาบนั ท่ีท�ำหน้าท่ีในการกลอ่ มเกลาทางสงั คมใหม้ คี วามเปน็ พลเมอื งทด่ี ี มจี ิตสาธารณะ เสยี สละเพื่อส่วนรวม และเสริมสร้างใหท้ ุกภาคส่วนมีพฤติกรรมทไ่ี มย่ อมรับและต่อต้านการทุจริตในทกุ รปู แบบ 82 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ความส�ำคัญต่อการแก้ปัญหาการทุจริตด้วยการป้องกันการทุจริตอย่างยั่งยืน โดยใช้กลไกทางการศึกษา โดยได้แต่งต้ังคณะอนุกรรมการจัดท�ำหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการเรียนการสอน ผู้แทนจากหน่วยงาน ที่เก่ียวข้องในด้านการศึกษา เพื่อด�ำเนินการจัดท�ำหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริต ส�ำหรับใช้ เป็นมาตรฐานกลางเพื่อให้สถาบันการศึกษา น�ำไปปรับใช้ในการเรียนการสอนให้กับนักเรียนนักศึกษาในทุกระดับ ช้นั เรยี น ต้ังแตร่ ะดับปฐมวัย จนถึงระดับอดุ มศกึ ษา สถาบันการศกึ ษาของทหารและต�ำรวจ รวมท้ังหลกั สูตรส�ำหรับ ฝกึ อบรมให้กับบุคลากรภาครฐั และพนักงานรฐั วิสาหกจิ ภายใต้ชอ่ื “หลกั สูตรต้านทจุ รติ ศึกษา” (Anti-Corruption Education) ประกอบด้วย 5 หลกั สูตร ดังนี้ (1) หลักสตู รการศึกษาขนั้ พื้นฐาน (ชอ่ื หลักสูตร รายวชิ าเพมิ่ เติม การป้องกันการทจุ รติ ช่ัวโมงการเรียน การสอน จ�ำนวน 40 ช่วั โมงตอ่ ปี โดยเรยี น 15 ปี ตัง้ แต่อนุบาล 1 จนถึงมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6) (2) หลักสูตรอุดมศึกษา (ช่ือหลักสูตร วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart” 1 วิชา 3 หนว่ ยกิต ช่วั โมงการเรียนการสอน จำ� นวน 45 ช่วั โมง) (3) หลักสตู รกลุม่ ทหารและตำ� รวจ (ชื่อหลกั สตู ร ตามแนวทางรบั ราชการ กลุ่มทหารและต�ำรวจ ชว่ั โมง การอบรม จำ� นวน 12 ชวั่ โมง โดยส�ำหรบั สอดแทรกในการฝกึ อบรมหลกั สตู รหลกั ) (4) หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (ชื่อหลักสูตร สร้างวิทยากรผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงสสู่ ังคมทไ่ี มท่ นต่อการทุจรติ ช่ัวโมงการอบรม จ�ำนวน 18 ชวั่ โมง เพ่ือสร้างวทิ ยากรตัวคูณขยายผล ความรสู้ กู่ ลมุ่ เป้าหมายอื่นต่อไป) (5) หลักสูตรโค้ช (ช่ือหลักสูตร โค้ชเพ่ือการรู้คิดต้านทุจริต ชั่วโมงการอบรม จ�ำนวน 15 ชั่วโมง เพ่อื สร้างโค้ชส�ำหรบั โครงการต้านทุจริต) โดยแต่ละหลกั สตู รจะประกอบไปดว้ ยเน้ือหา 4 ชดุ วชิ า ดงั นี้ (1) ชุดวิชาการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม เป็นชุดวิชาเกี่ยวกับ การขัดกันระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ท่ีมุ่งเนน้ การแก้ไขปัญหาแบบยงั่ ยืน โดยปรบั เปล่ยี น ระบบการคิดของคนในสงั คมแยกแยะให้ไดว้ ่า “เรอ่ื งใดเป็นประโยชนส์ ว่ นตน เรื่องใดเปน็ ประโยชน์สว่ นรวม” โดยนำ� วธิ ีคดิ แบบฐาน 10 (Analog thinking) และฐาน 2 (Digital thinking) มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการแกไ้ ขปัญหาการทุจรติ อย่างยงั่ ยืน (2) ชุดวิชาความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต เป็นชุดวิชาเกี่ยวกับการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต มุ่งการปรับเปลี่ยนสภาพสังคมให้เกิดภาวะ “ที่ไม่ทนต่อการทุจริต” โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม ในทุกชว่ งวัย เพื่อสร้างวฒั นธรรมต่อต้านการทุจริต และปลกู ฝังความพอเพียง มีวนิ ยั ซ่ือสตั ยส์ ุจรติ ความเปน็ พลเมอื งดี มีจิตสาธารณะ ผ่านทางสถาบันหรือกลุ่มตัวแทนที่ท�ำหน้าที่ในการกล่อมเกลาทางสังคม เพื่อให้เด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ เกิดพฤตกิ รรมที่ละอายตอ่ การกระทำ� ความผิด การไมย่ อมรับและต่อต้านการทจุ ริตทุกรปู แบบ (3) ชดุ วิชา STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ เปน็ ชุดวชิ าทป่ี ระยุกตห์ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาใช้ประกอบกับหลักการต่อต้านการทุจริตอ่ืน ๆ เพื่อสร้างฐานคิดจิตพอเพียงต้านทุจริต ให้เกิดข้ึนเป็นพ้ืนฐาน ความคิดของปัจเจกบุคคล โดยประยุกต์หลัก “STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต” มาเป็นแนวทางในการพัฒนา วัฒนธรรมหน่วยงาน เพื่อผลักดันการป้องกันการทุจริตเชิงรุกด้วยการสร้างเสริมให้บุคคลและชุมชนมีจิตพอเพียง ตา้ นทจุ รติ ดว้ ยกรอบแนวคดิ STRONG จนสามารถพัฒนาเปน็ วฒั นธรรมต้านทจุ รติ (4) ชุดวชิ าพลเมืองและความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม พลเมืองศึกษาเป็นการจัดการศึกษาและประสบการณ์ เรยี นรู้เพอ่ื พฒั นาผ้เู รยี นใหเ้ ปน็ พลเมืองดขี องประเทศ มีความภมู ิใจในความเป็นพลเมอื งตนเอง มีสทิ ธิมเี สยี ง สนใจต่อ ส่วนรวม และมีส่วนร่วมในกิจการบ้านเมือง ตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย หรือการเรียนรู้เก่ียวกับรัฐบาล รฐั ธรรมนญู กฎหมาย ระบบการเมือง การปกครอง สิทธแิ ละความรับผดิ ชอบของพลเมือง ระบบการบริหารจดั การ สาธารณะและระบบตลุ าการ รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 83

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดม้ มี ตเิ หน็ ชอบหลักสตู รตา้ นทจุ รติ ศึกษา เมื่อวันท่ี 27 กมุ ภาพันธ์ 2561 และนำ� เสนอ ต่อคณะรฐั มนตรี เพือ่ พจิ ารณาสงั่ การใหห้ นว่ ยงานทีเ่ กยี่ วข้องน�ำหลักสตู รต้านทุจรติ ศกึ ษาไปปรับใชก้ ับกลุ่มเปา้ หมาย คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเม่ือวนั ท่ี 22 พฤษภาคม 2561 ไดม้ มี ตเิ กี่ยวกับหลกั สตู รต้านทุจริตศกึ ษา ดงั นี้ (1) เหน็ ชอบตามทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ท้ังน้ี ใหห้ นว่ ยงานท่ีต้องนำ� หลกั สตู รไปดำ� เนินการรับความเห็น ของกระทรวงศึกษาธิการ ส�ำนกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น ส�ำนกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาไปพิจารณาด�ำเนินการต่อไป โดยให้ประสานงานกบั ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. อยา่ งใกล้ชดิ เพอ่ื ใหก้ ารดำ� เนินการดังกล่าวบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ตามที่กำ� หนดไว้ ส�ำหรับภาระงบประมาณที่อาจจะเกิดข้ึนซ่ึงไม่ได้ต้ังงบประมาณรายจ่ายประจ�ำปีรองรับไว้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาปรับแผนการปฏิบตั งิ านและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจา่ ยประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ไปด�ำเนินการ ในโอกาสแรกก่อน ส�ำหรับปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดท�ำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพ่อื เสนอขอตัง้ งบประมาณรายจ่ายตามความจำ� เปน็ และเหมาะสมตอ่ ไป ตามความเห็นของส�ำนกั งบประมาณ (2) ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ ส�ำนักงาน ก.พ. ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง หารือร่วมกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาน�ำหลักสูตรน้ีไปปรับใช้ในโครงการฝึกอบรม หลักสูตรข้าราชการ บุคลากรภาครัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจท่ีบรรจุใหม่ รวมท้ังให้พิจารณาก�ำหนดกลุ่มเป้าหมาย ของหลักสูตรโคช้ ให้มีความชดั เจน โดยให้หมายความรวมถึงบุคลากรทางการศกึ ษา เช่น ครู อาจารย์ หรือผทู้ ี่ทำ� หนา้ ที่ เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทั้งในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรอุดมศึกษาด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้บุคลากรทางการ ศึกษาท่ีเข้ารับการอบรมหลักสูตรดังกล่าวสามารถน�ำไปใช้ในการถ่ายทอดความรู้หรือช่วยในการจัดการเรียนให้เป็นไป อย่างมีประสทิ ธภิ าพมากยิ่งขน้ึ ทัง้ นี้ ให้กระทรวงศกึ ษาธิการเรง่ ดำ� เนนิ การและรายงานผลสมั ฤทธ์ขิ องการด�ำเนินโครงการ ดงั กลา่ วใหค้ ณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศกึ ษาทราบเปน็ ระยะ ๆ ด้วย (3) ให้กระทรวงศึกษาธิการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เช่น ต�ำราเรียน ครู อาจารย์ รายละเอียด หลักสูตร เพื่อน�ำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti - Corruption Education) (หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและ หลักสูตรอดุ มศึกษา) ไปปรับใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอนของสถานศกึ ษา ทั้งน้ี ในการจดั การเรยี นการสอนหลักสูตร ดังกล่าวให้มุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องเกี่ยวกับความหมายและขอบเขตของการกระท�ำทุจริต ในลกั ษณะตา่ ง ๆ ทั้งทางตรงและทางออ้ ม ความเสียหายที่เกดิ จากการทุจริต ความสำ� คัญของการต่อต้านการทจุ รติ รวมท้ังจัดใหม้ ีการประเมินผลสัมฤทธข์ิ องการจัดหลกั สูตรในแต่ละช่วงวยั ของผเู้ รยี นด้วย โครงการความรว่ มมอื ระหว่างหน่วยงานเพ่อื ขบั เคล่ือนหลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเม่ือวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 เห็นชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti - Corruption Education) ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้น�ำเสนอ เพ่ือเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสังคม ท่ีไม่ทนต่อการทุจรติ โดยมงุ่ เนน้ ใหเ้ กดิ กระบวนการปรับสภาพสงั คมให้เกดิ ภาวะทไี่ มท่ นตอ่ การทุจริต ซึ่งการดำ� เนนิ งาน ดังกล่าวจะต้องเร่ิมต้นตั้งแต่การปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยตั้งแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวม รวมถึงส่งเสริมให้มีระบบและกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อต้านการทุจริต ตลอดจนการประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ เคร่อื งมือตา้ นทุจริต และเสรมิ พลังการมสี ว่ นรว่ มของชุมชน และบูรณาการทุกภาคส่วนเพ่ือต่อต้านการทุจริต ท้ังนี้ คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เก่ียวข้อง ได้น�ำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปด�ำเนินการตามบทบาทและอ�ำนาจหน้าที่ของตนเอง เพ่ือสร้างให้เกิดกระแสสังคม ที่ไมท่ นต่อการทุจรติ 84 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จัดโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรดังกล่าวให้กับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง สามารถน�ำไปปรับหรือประยุกต์ใช้ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กรรมการ ป.ป.ช. ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สื่อมวลชน และผสู้ งั เกตการณ์ จำ� นวน 300 คน ผลผลิต: จ�ำนวนกลุ่มเป้าหมายท่ีเข้าร่วมโครงการจ�ำนวน 354 คน คิดเป็นร้อยละ 118 ซ่ึงบรรลุ ผลส�ำเรจ็ ดา้ นปริมาณ กล่าวคือ มีผ้เู ข้าร่วมประชมุ เกนิ กว่าทีก่ �ำหนดไว้ ผลลัพธ์: ผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามากขึ้น โดยวัดจากแบบสอบถาม (กอ่ นและหลังการเขา้ ร่วมโครงการ) เกินร้อยละ 80 แต่ทง้ั นี้ การทจ่ี ะนำ� หลกั สตู รไปใชด้ ำ� เนินงาน ภายในหน่วยงานของตนเองอย่างเป็นรูปธรรมนั้นจะต้องมีการวางแผนร่วมกันในโอกาสต่อไป ซ่ึงผลสืบเนื่องหรือ การใช้ประโยชน์จากผลผลิตตอ้ งใชเ้ วลาต่อเนอ่ื งจึงจะเกิดผล กล่าวคือ หลักสูตรตา้ นทจุ รติ ศึกษา ยังไม่สามารถวัดผลได้ เน่อื งจากจะตอ้ งมกี ารนำ� หลกั สตู รตา้ นทุจริตศกึ ษาไปใชใ้ นการเรียนการสอนกอ่ น โดยไดม้ กี ารก�ำหนดการประเมนิ ผล การเรียนรู้ แบบสงั เกตพฤติกรรม และเกณฑก์ ารให้คะแนน ประโยชน์ท่ีได้รับ: ผู้แทนจากหน่วยงานที่เข้าร่วมได้มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็นและน�ำเสนอแนวทาง ที่เหมาะสมในการน�ำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ก่อให้เกิดแนวทางในการขยายผลและขับ เคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปสู่การปฏิบัติ แต่ท้ังน้ี ยังไม่ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสังคมในการ สรา้ งลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ โครงการ STRONG - จติ พอเพยี งตา้ นทุจริต โครงการ STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต เป็นกลไกท่ีเกิดข้ึน เพื่อตอบสนองต่อการด�ำเนินการตาม บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 63 และสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วย การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ในการสรา้ งสังคมท่ไี มท่ นตอ่ การทจุ รติ และสรา้ ง ฐานคิดจิตพอเพียงต่อต้านการทุจริตให้เกิดข้ึนเป็นพ้ืนฐาน ความคิดของปัจเจกบุคคล โดยประยุกต์หลักบูรณาการ “STRONG Model” ซึ่งพัฒนาโดย รศ.ดร.มาณี ไชยธรี านวุ ัฒศิริ (2560) เป็นแนวทางในการพัฒนา วัฒนธรรมหนว่ ย งาน โดยมคี ำ� อธบิ ายกรอบแนวคดิ STRONG Model ดังนี้ 1) S (sufficient) “พอเพียง” บุคคลและชุมชนท�ำงานและการด�ำรงชีวิตบนฐานความพอเพียงมีวิธีคิด แยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างเป็นอัตโนมัติ รวมถึงเป็นตัวอย่างการใช้หลักพอเพียง มาเป็นเครอื่ งมือในการป้องกันการทจุ ริต 2) T (transparent) “โปรง่ ใส” บุคคลและชมุ ชนตอ้ งปฏิบัตงิ านบนฐานของความโปรง่ ใส ตรวจสอบได้ 3) R (realize) “ต่นื ร้”ู บคุ คลและชุมชน มีความรคู้ วามเข้าใจและตระหนกั รูถ้ ึงรากเหง้าของ ปัญหาและ ภัยร้ายแรงของการทุจริตประพฤติมิชอบภายในชุมชนและประเทศ สามารถวิเคราะห์สถานการณ์และความเสี่ยง ดา้ นการทุจรติ มคี วามพร้อมในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาการทจุ รติ 4) O (onward) “มุ่งไปข้างหน้า” บุคคลและชุมชนมุ่งพัฒนาชุมชนให้เกิดความโปร่งใสและร่วมสร้าง วัฒนธรรมไม่ทนต่อการทุจริต ไม่ย่อท้อในการแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบให้ส�ำเร็จลุล่วงได้ตามเป้าหมาย ที่ก�ำหนดไว้ 5) N (knowledge) “ความรู้” บุคคลและชุมชนเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองเพื่อให้เท่าทันต่อสถานการณ์ การทุจริตของชุมชนและประเทศ 6) G (generosity) “เออื้ อาทร” บุคคลและชุมชนมคี วามเอือ้ อาทรต่อกนั บนพืน้ ฐานของความเปน็ มนษุ ย์ ทพี่ ึงมตี อ่ กัน รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 85

การดำ� เนินงาน: ประกอบด้วยกิจกรรม ดงั น้ี 1. การสร้างโค้ช STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริตให้เป็นผู้ดูแลและเป็นพี่เล้ียงให้แก่สมาชิกในชมรม STRONG ในการต่อตา้ นการทุจรติ เป็นกระบวนการและขัน้ ตอนแรกในการด�ำเนนิ การ เพอ่ื คัดเลือกบคุ คลซงึ่ จะเป็น กำ� ลังส�ำคัญในการชว่ ยขยายแนวคดิ และการดำ� เนินโครงการ จึงจำ� เป็นอยา่ งย่งิ ทีจ่ ะตอ้ งมกี ารสร้างโคช้ STRONG ทมี่ ี ความสามารถและทักษะเพ่ือเป็นตัวแทนของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบการณ์ เก่ียวกับการคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความไม่ทนและความอายต่อการทุจริต และ หลักการจิตพอเพยี งต้านทจุ ริต ดว้ ยเทคนิคและวธิ กี ารท่ีเหมาะสม 2. กลุ่มบุคคล/ชุมชนท่ีมีจิตพอเพียงต้านทุจริต ร่วมกันก่อตั้งชมรม STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต เป็นกลไกเพ่ือพัฒนาวัฒนธรรมชุมชนต้านทุจริต ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ด�ำเนินการส่งเสริมให้เกิดการรวมตัว และ ขยายเครือข่ายสมาชิกเพิ่มเติม เพื่อรวมกันจัดตั้งเป็นชมรม STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต ในแต่ละจังหวัด กลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 น้ี มีการด�ำเนินการจัดตั้งชมรม STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริต ใน 27 จังหวัดกลุ่มเป้าหมายแล้ว โดยมีสมาชิกในแต่ละชมรมเริ่มต้นท่ี 100 คน รวมกันแล้วมากกว่า 3,375 คน จากหลายกลุ่มเครือข่าย เพ่ือร่วมกันขับเคล่ือนการสร้างสังคมที่โปร่งใสและแสดงออกถึงความไม่ทนต่อการทุจริต เครือข่าย ป.ป.ช. ภาคประชาสังคม เครือข่ายกัลยาณมิตร ป.ป.ช. เครือข่ายพิทักษ์สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน เครือข่ายคา่ ยเยาวชนสัมพันธ์ เครอื ขา่ ยยุวทตู ป.ป.ช. และเครือขา่ ยภาคประชาสังคมอื่น ๆ ใหค้ วามสนใจและเขา้ ร่วม สมคั รเปน็ สมาชกิ ชมรม STRONG - จติ พอเพียงต้านทุจริต 3. การด�ำเนินโครงการ/กิจกรรมตามแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจ�ำปี และแผนงาน อย่างเคร่งครัด 4. การบริหารงานและวางแผนการด�ำเนินโครงการให้มีความต่อเนื่อง รวมถึงการประสานงานกับ หนว่ ยงานอ่นื ในจงั หวัดเพอื่ ประโยชนใ์ นการปฏิบัติงานด้านการปอ้ งกนั การทุจริต 5. การวเิ คราะหข์ ้อมูลสถิตคิ ดใี นจงั หวัดเพือ่ ใช้ประกอบการปอ้ งกนั การทจุ รติ 6. การวิเคราะห์ผลการด�ำเนินงานของโครงการ/กิจกรรมตามแผนฯ โดยเฉพาะโครงการ STRONG - จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ให้ค�ำนึงถึงผลส�ำเร็จ ปัญหาอุปสรรค การแก้ไข และแนวทางการด�ำเนินงานต่อไป อยา่ งเปน็ รูปธรรม 7. การอาศัยกลไกทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อขับเคล่ือนงานป้องกันการทุจริต เช่น อนุกรรมการยุทธศาสตร์ชาติฯ จังหวดั และสื่อมวลชนในพนื้ ที่ เปน็ ตน้ 8. การของบประมาณเพ่ิมเติมเพื่อสนบั สนนุ งานดา้ นป้องกนั การทุจรติ ในส่วนที่ไม่เพยี งพอ ผลผลิต: 1. มีโคช้ STRONG - จิตพอเพยี งตา้ นทจุ ริตในชุมชน จำ� นวน 27 จังหวดั รวมท้ังส้นิ 337 คน 2. มชี มรม STRONG - จติ พอเพียงต้านทจุ รติ จำ� นวน 27 ชมรม ใน 27 จงั หวัด มสี มาชกิ ในชมรม เริม่ ตน้ ที่ 100 คน รวม 2,700 คน 3. ชมรมมกี ารกำ� หนดข้อตกลงร่วมกนั แล้วเสรจ็ เปน็ ธรรมนญู ชมรม จำ� นวน 27 ฉบบั 4. ชมรมมีแผนงานระยะยาวและแผนงานประจำ� ปใี นการต้านทจุ ริต จำ� นวน 27 แผนงาน ผลลพั ธ:์ 1. โค้ช STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจรติ สามารถขยายผลไปยงั ชุมชนได้ และร่วมเปน็ เครอื ข่าย สรา้ งสังคมทไี่ มท่ นต่อการทจุ รติ รวมสมาชิกชมรม STRONG จำ� นวน 2,894 คน ใน 9 ภูมิภาค 2. ชมรมจิตพอเพียงต้านทุจริต ร้อยละ 100 มีการด�ำเนินการตามธรรมนูญชมรมจิตพอเพียง ต้านทจุ รติ และมกี ารยดึ เปน็ แนวทางการดำ� เนินการของชมรม 3. การด�ำเนนิ กิจกรรมของชมรม STRONG - จติ พอเพียงต้านทุจรติ สูงกว่าคา่ เป้าหมายตวั ช้วี ดั ของกจิ กรรมทกี่ ำ� หนดไว้ร้อยละ 87 โดยคา่ เป้าหมายกำ� หนดไว้ร้อยละ 80 86 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

ประโยชน์ทไี่ ด้รับ: ชุมชนเขม้ แขง็ มจี ติ พอเพียงต้านทุจรติ โดยร่วมกนั มงุ่ พฒั นาชมุ ชนให้กา้ วไปข้างหน้าดว้ ย การประยุกต์และบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับสร้างความโปร่งใส การแยกแยะผลประโยชน์ สว่ นตัวและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ตระหนักรูแ้ ละใฝร่ ปู้ ญั หาการทุจริต รวมทง้ั รว่ มกันพฒั นาชมุ ชนให้มคี วามเออ้ื อาทร บนพื้นฐานของจริยธรรมและจิตพอเพียง อีกทั้งเกิดการป้องปรามการทุจริตในชุมชน ส่งผลให้การทุจริตเกิดได้ยาก มากขึ้น ตลอดจนเกดิ เครอื ขา่ ยชุมชนจติ พอเพียงต้านทจุ ริต และเป็นแกนนำ� สร้างวัฒนธรรมไมท่ นต่อการทจุ ริตต่อไป โครงการปลกู ฝังวธิ ีคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตวั และผลประโยชนส์ ว่ นรวม จิตพอเพียง ความอาย และไมท่ นต่อการทุจริต ประจำ� ปี 2561 ในปี 2561 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินโครงการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและ ผลประโยชน์ส่วนรวม จิตพอเพยี ง ความอาย และไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ซึ่งเปน็ โครงการตามกลยุทธ์ ปรับฐานความคดิ ทุกช่วงวัยต้ังแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม และประยุกต์หลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นเครื่องมือต้านทจุ รติ ในยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 สร้างสงั คมท่ีไม่ทนตอ่ การทจุ ริตของยุทธศาสตรช์ าติ วา่ ด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื 1. ปลูกฝังความคิดและค่านิยมให้เด็กและเยาวชนสามารถแยกแยะเร่ืองผลประโยชน์ส่วนตัวออกจาก ผลประโยชน์สว่ นรวม ตลอดจนมกี ารน�ำโมเดลจิตพอเพยี งตา้ นทจุ รติ (STRONG MODEL) ไปประยุกตใ์ ช้ในการดำ� รงชวี ติ ผา่ นสถาบันการศึกษาให้ครอบคลุมทกุ ภมู ภิ าค/ทุกจังหวัด 2. สร้างความรู้ความเข้าใจและเสนอแนะแนวทางให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจทุกระดับ ปฏิบัติงาน โดยยึดมั่นในหลักผลประโยชน์แห่งรัฐ ไม่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล และมีคุณธรรมจริยธรรม น�ำโมเดลจิตพอเพียงต้านทุจริต (STRONG MODEL) ไปประยุกต์ใช้ในการด�ำรงชีวิต เพือ่ สรา้ งภมู ิคุ้มกันใหบ้ ุคคลไมก่ ระท�ำการทจุ รติ 3. สร้างวิทยากรของสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจท่ีมีทักษะและความสามารถ ในการขยายผลองค์ความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับการคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม ความอาย และไมท่ นตอ่ การทจุ รติ และประยุกตห์ ลักความพอเพยี งดว้ ยโมเดล STRONG : จิตพอเพยี ง ตา้ นทุจรติ ไปใช้ในการ ด�ำรงชวี ติ ประกอบด้วย 5 กิจกรรม การด�ำเนินงาน : กจิ กรรมท่ี 1 กจิ กรรมอบรมและผลติ วทิ ยากรตัวคณู ในการปลูกฝังวธิ คี ดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัวและ ส่วนรวม จิตพอเพียง ความอาย และไม่ทนต่อการทุจริต ส�ำหรับครูระดับปฐมวัย ครูระดับประถมศึกษา ครูระดับ มธั ยมศกึ ษา และอาจารยร์ ะดับอาชวี ศึกษา ในระดบั ภมู ภิ าค รวม 9 ภมู ิภาค จ�ำนวน 9 ครงั้ รวม 18 รนุ่ ครอบคลมุ ทกุ จงั หวัด ดังน้ี ครงั้ วันที่ ภาค จงั หวัด ผู้เขา้ ร่วมอบรม/คน คร้งั ที่ 1 20 - 22 มกราคม 61 ภาค 4 จงั หวดั ขอนแก่น 218 ครง้ั ท่ี 2 27 - 29 มกราคม 61 ภาค 6 จังหวดั พษิ ณโุ ลก 153 ครั้งที่ 3 3 - 5 กมุ ภาพนั ธ์ 61 ภาค 8 จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี 117 ครั้งท่ี 4 10 - 12 กุมภาพันธ์ 61 ภาค 7 จังหวดั นครปฐม 154 ครั้งท่ี 5 17 - 19 กมุ ภาพันธ์ 61 ภาค 1 จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา 201 ครง้ั ท่ี 6 24 - 26 กุมภาพนั ธ์ 61 ภาค 2 จงั หวดั ชลบรุ ี 172 ครั้งที่ 7 3 - 5 มีนาคม 61 ภาค 5 จังหวดั เชยี งใหม่ 191 ครง้ั ท่ี 8 12 - 12 มนี าคม 61 ภาค 3 จงั หวดั นครราชสมี า 186 คร้งั ท่ี 9 15 - 17 มนี าคม 61 ภาค 9 จังหวดั สงขลา 152 รวม 1,544 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 87

กจิ กรรมท่ี 2 กจิ กรรมอบรมและผลติ วิทยากรตัวคณู ในการปลกู ฝงั วธิ คี ิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตวั และ ส่วนรวม จิตพอเพียง ความอาย และไม่ทนต่อการทุจริต ส�ำหรับอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา สังกัดสมาคม ที่ประชุมอธกิ ารบดแี ห่งประเทศไทย (ทปอ.) จ�ำนวน 2 ร่นุ ดำ� เนนิ การเมอ่ื วนั ท่ี 20 - 22 ธันวาคม 2560 มกี ลุ่มเป้าหมาย เข้าร่วมกจิ กรรม จ�ำนวน 102 คน กิจกรรมที่ 3 กิจกรรมอบรมและผลิตวทิ ยากรตวั คณู ในการปลูกฝังวิธคี ิดแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตวั และ สว่ นรวม จิตพอเพียง ความอาย และไมท่ นตอ่ การทุจริต ส�ำหรับข้าราชการและพนกั งานรฐั วิสาหกิจ จำ� นวน 2 รนุ่ ด�ำเนนิ การเมอ่ื วนั ท่ี 13 - 15 ธนั วาคม 2560 มีกล่มุ เปา้ หมายเข้ารว่ มกจิ กรรม จ�ำนวน 275 คน กจิ กรรมท่ี 4 กิจกรรมอบรมและผลิตวทิ ยากรตัวคณู ในการปลูกฝงั วธิ ีคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตัวและ ส่วนรวม จิตพอเพียง ความอาย และไม่ทนต่อการทุจริตส�ำหรับครูอนุบาล และครูประถมขององค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถ่ิน ดำ� เนินการเม่อื วนั ที่ 22 - 23 พฤษภาคม 2561 มีกล่มุ เป้าหมายทเี่ ขา้ รว่ มกิจกรรม จำ� นวน 129 คน กิจกรกรจิ มกทรร่ี ม5ทกี่ 5ิจกกริจรกมรรกมากกำ� ับกบั ตติดิดตตาาม แลละะปปรระะเมเนิมผินลผโคลรโงคกรางรกปาลรูกปฝังลวูกธิ ฝคี ดิังแวยิธกีคแิดยแะยผกลปแรยะะโผยชลนปส์ ร่วะนโตยัวชแนละ์ สว่ นตผัวลแปลระโผยลชปนร์สะว่ โนยรชวนม์สจ่วติ นพรอวเมพยี จงติ คพวอาเมพอียางยคแวลาะมไมอ่ทายนตแอ่ ลกะาไรมทท่ จุ นริตตอ่ การทุจริต สานกั งสา�ำนักปง.าปน.ชป. .ไปด.ช้ด.าเไนดิน้ดก�ำเานรินตกิดาตราตมิดคตวาามมคควืบามหคนืบ้าหในก้าใานรกขายราขยยผาลยอผงลคอ์คงคว์คามวารมู้เรรื่อู้เรงื่อกงากราปรลปูกลฝูกังฝวังิธวีคิธีคิดิด แยกแแยยกะแผยละผปลรปะรโะยโชยชนน์สส์ ่ว่วนนตตวััวแแลละะผผลปลรปะรโยะชโนยส์ชว่ นน์สร่ววมนรจวิตมพอจเพิตียพงอคเพวาียมงอาคยวแาลมะอไามยท่ นแตล่อะกไามรท่ทจุ นริตต่อโดกยาไรดท้ลุจงพรื้นิตที่ โดยไเ ดพ้ลือ่ งไ1พป.ื้นตมรทหวี่เ1จาพ.วต ือ่ ทิดิมไตยปหาาาตมลวรผทิัยวลยเจทกาตาลคิดรัยโตดนเทำ�าโเมคลนโผยินนลีพงโกลารนาะยรีพจ3ดอราะแมเจหเนกอง่ นิ มลคงเ้ากอืาพนลรา้ ะพ3นรแคะหนรเง่คหรคนเหือือนือกรกุงรเทงุ เพทพมหมหานานคครรเมเมอื่ ือ่ ววนั นั ทท่ีี่ 2277 สสงิงิ หหาาคคมม22556611 2. โรง2เร. ียโนรงทเร่ายีนนคทรญ่านาคณรวญโราภณาวสโรอภุทาิศสออทุ าิศเภออ�ำเมเภอื องเมจืองั หงวจดั งั นหควดัรศนรคธีรรศรรมธี รรารชมรเมาชอื่ วเมนั ื่อทวี่ นั10ที่ ก1นั0ยกานั ยยนาย2น5621561 3. โรง3เร. ยี โนรงวเัดรยีมนาวบดั ขมา่ าบ(มขา่าบ(ขม่าวบทิข่ายวาิทคยาารค)าอรา)เอภ�ำอเภนอิคนมคิ พมฒั พนฒั านาจังจหังหวดัวัดระระยยอองง ผลผลติ ผ:ลมผกี ลลิตุม่: มเปีกา้ลหุ่มมเปา้ายหทมี่เาขยา้ ทรีเ่่วขม้าโรค่วรมงโกครางรกฯารทฯ่ีผท่านี่ผา่กนากราอรบอรบมรหมลหักลสกั ตูสูตรวรวทิ ิทยยาากกรรตตวั ัวคคูณณู ใในนกกาารรปปลลูกูกฝฝังวังธิวีคิธิดี 3สกต1รคแคว..งัาลิดรามครูรมหหแะอมะสทยลลตแค4ต(คสเ2วมบดท่กว่วร.ักา้ยิ้ี่ัดากค3ัยือ่ับรูรนนไ่ีนนกแเสสณหใวมะปมรภทปทสแยูภตูตนัลดทุ่่น็นะูมุจยุจฐะรูทบัมรักไนใิรภรระรปมผกตปจจ่ีสิภ้อัิตฐิตา2ตผลาวขสูาาตรคยา2มศล่อรัยะนมปะยรคลึกนปศถกพอสาปวแระคษมึกราตาฤยรนะปรนศะรราด้าษษะผรโ8รวูทึกรโงยก2ีภไลา0ยะท(วษะ“ดจุอ,ชAขาใชก0ิทดาYาบร้คนมขnน้ันน5องoยับิตอดมอtีหม์สพร0์สuาบiา้วปง่ัตบวล2กแ้ื่นวจnยเด-ครน5ปัิกเรนารลgฐ้วหะน6รผCขs้าาตสตะายย1ถt็ูห้น้านชoูัตวันวe์รครม5มr�ำกปแแชระrขาrิด.กศ2าลรuาตดลอช้าwเหยาะึก.ระับpก้าะปรบรกลiสษหนมาtสาt็นเกซอiรhัก่วปัธoชลเท่าวึ่ลงรบจมยนสnลนกักเุจ้อาุ่มดมอgป่ือรตูี่ยกาสรรยo้วศทาวE็นวนรรหวิตูตยoลกึจมdหโันบจแมนศรษdคะา5uุาปาคท่วอึกาจรช้cจรกยหคล8ุด่ีhยษิตaอิแตงหล2ลง0เeม์รพtาาาพลพสักท2iนaจนะศoอขู่สื่อะส(r่ีอสาดร่วnึกเtAอัตูงตรกัาฐพเ”ัยบ)คษยnพรงมาา)ียงพร์มเมพไtารราียไปงาะดi3ัดทธรรนวฤงนด(้า้อ.ถู้ค้แย-จ่ีัไกวคษับหรยมคกนิดมหงัยวCอภัฐ่ามา่่ท4ว�ำตลาศใ1าoงนาคาสา.นมัก้าช.ึกพมรrคมยวนหอตวีหสrีษปัฐในามuอศาูต่อลทจวลซรมาักึกpยาิสกัรกสัะกุจ่ึงร2ษยงตาtสอาสะเรสู้ทi5าหแาปาูตรoาิทิตอูตแ่ีไน6มลกทรแจ็นnดธาลร1ิจกะแรลุจาิภ้รดบสะาัไนฐะรรEับามอุครรไคิวตวย“dพจศมา่้ทาคริทส์รYuจาปึกงู่ททนลแาาะoกาตcษวร้องนลตทหรดกuaาิทาระงยะ่อตี่สมกาับtขnถับยก์รiกร่อทาั้นิ่นิจogอระา5ออามกพsี่คาnดาก.รรบบอtชาาณนื้ับชว)รeทหรราดกรมฐอีวผะrุมไจถจลทา้าวุดศดรู้2นรรนนักาwยุจมัฐ3ึก้อิตไารสาศรปมi2ษกยกรtย5ูคติตึกน.ขhทุ่นล่าาา์รรวษหยตงุ่มั้งหระทโจาาลgแามรใคทเดมลำ�ั้นงยoปกัีไลีป้ชหนคดใัับรกผสสoละนรราวู้้มทตูลส่วอdี่เคยูระรนสีมพรนใูี่ไตุะดแนสรน่วอดตื่อ2ดกhรลมูทิทแนหุดิ้รเ,ับกลeะ0หศ้อปธมับลกไาปาตa5็นึกิดภงศักลรงลจฐr�ำ0ถช้ษรแแึกtาสมงารา”ิู่นอค้คพษลูสตวกกวงา)บนิดจัะยราู่่ 129 129 ครูระดบั ปฐมวัย ครูระดับประถมศกึ ษา ครูระดบั 102 275 มอาัธจยามรศยกึ ใ์ ษนาระแดลบั ะออดุ ามจศารึกยษ์ราะดับอาชวี ศึกษา ข้าราชการและพนักงานรฐั วิสาหกจิ 11,554444 ครูอนบุ าล และครูประถมขององคก์ รปกครองสว่ น ทอ้ งถ่ิน ผลลพั ธ:์ ค่าคะแนนในการประเมินความรู้ของผู้เข้าร่วมโครงการหลังการอบรมตามแบบทดสอบได้ค่าคะแนน ในการประเมินความรู้ ร้อยละ 89.07 88 ปรราะยโงยานชปนระ์ทจ�ำี่ไปดีงบ้รปับระ:มาณมพีว.ิทศ.ย2า56ก1รคตณัวะคกรูณรมใกนารกปา้อรงกขันยแลาะปยรผาบลปอรางมคกา์ครวทจุารมติ รแหู้เง่ กชี่ยาตวิ กับการคิดแยกแยะผลประโยชน์ ส่วนตวั และผลประโยชนส์ ่วนรวม จิตพอเพียง ความอายและไม่ทนต่อการทุจริต ซ่ึงจะช่วยให้สังคมไทยเกิดการ

ผลลัพธ์: ค่าคะแนนในการประเมินความรู้ของผู้เข้าร่วมโครงการหลังการอบรมตามแบบทดสอบ ไดค้ ่าคะแนนในการประเมนิ ความรู้ รอ้ ยละ 89.07 ประโยชน์ที่ได้รับ: มีวิทยากรตัวคูณในการขยายผลองค์ความรู้เกี่ยวกับการคิดแยกแยะผลประโยชน์ ส่วนตวั และผลประโยชน์ส่วนรวม จติ พอเพยี ง ความอายและไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ซ่งึ จะชว่ ยใหส้ ังคมไทยเกดิ การเรียนรู้ และ นำ� สกู่ ารเปล่ยี นแปลงกระบวนการคิดจติ สำ� นึกอายต่อการท�ำทุจรติ และมพี ฤตกิ รรมต้านทุจริต โครงการยกยอ่ งผปู้ ระพฤติปฏบิ ัตติ นชอบด้วยความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ ประจำ� ปี 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ก�ำหนดให้มีระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการยกย่องผูป้ ระพฤตปิ ฏิบัติตนชอบด้วยความซ่ือสตั ย์สุจริต พ.ศ. 2543 และแกไ้ ขเพิม่ เตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2552 เพือ่ ยกยอ่ งผปู้ ระพฤติปฏบิ ตั ติ นชอบดว้ ยความซ่ือสัตยส์ ุจรติ พรอ้ มท้งั เป็นขวญั กำ� ลังใจในการที่จะประพฤตปิ ฏิบัติตน ชอบด้วยความซอื่ สัตย์สุจรติ และเผยแพร่เกียรติประวตั ิให้ทราบโดยทว่ั ไป เพื่อให้เปน็ แบบอยา่ งทีด่ ีตอ่ สงั คม สำ� นักงาน ป.ป.ช. จัดทำ� หนงั สือเกียรตปิ ระวตั ิของผู้ทีไ่ ด้รบั การยกย่องให้เปน็ ผปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ัติตนชอบดว้ ย ความซื่อสัตย์สุจริต และเพื่อให้เป็นต้นแบบแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลท่ัวไป โดยพิจารณาจากบุคคลที่กระทรวง พิจารณาคดั เลอื กเจา้ หน้าทีใ่ นสังกัด บคุ คลในหนว่ ยงานท่ีไมส่ ังกดั กระทรวงใด ๆ และพิจารณาคัดเลือกกัลยาณมิตร ป.ป.ช. เพื่อเสนอชื่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณายกย่องเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติตนชอบด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งจะเป็นการดำ� เนนิ ตอ่ เน่อื งทกุ ปี จำ� นวน 35 หน่วยงาน ผลผลิต: หนงั สอื เกียรติประวัติผสู้ มควรไดร้ ับการยกยอ่ งฯ ประจำ� ปี 2560 ผลลัพธ์: หน่วยงานภาครัฐได้ด�ำเนินการเผยแพร่เกียรติประวัติผู้สมควรได้รับการยกย่องให้กับบุคลากร ในสังกัดเพ่ือให้เป็นแบบอย่างท่ีดีต่อสังคมประชาชน/เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ได้รับการเผยแพร่เกียรติประวัติผู้สมควร ได้รบั การยกยอ่ งเพื่อใหเ้ ปน็ แบบอยา่ งทด่ี ตี ่อสงั คม ประโยชนท์ ีไ่ ด้รับ: เผยแพร่เกียรตปิ ระวัติของผู้ท่ไี ด้รบั การยกย่องหรอื เชิดชูเกียรติเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติตน ชอบดว้ ยความซื่อสัตยส์ จุ รติ โครงการปอ้ งกนั การทุจริตตามแนวทางครสิ ตศาสนา ขับเคลอื่ นโดยความรว่ มมอื ระหวา่ ง ส�ำนักงาน ป.ป.ช. กับองค์กรครสิ ตจกั ร ส�ำนักงานป.ป.ช. ร่วมมือกับองค์กรคริสตจักร (สภาคริสตจักรในประเทศไทย) ในการขับเคล่ือนกิจกรรม การป้องกันการทุจริตผ่านกลไกคริสตศาสนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างทัศนคติค่านิยมในความซื่อสัตย์สุจริต บนพ้ืนฐานของการด�ำเนินชีวิตที่น�ำไปสู่การสร้างสังคมโปร่งใสตามแนวทางคริสตศาสนา และให้คริสตชนตระหนัก ในผลเสียหายร้ายแรงท่ีเกิดจากการทุจริตอย่างสอดคล้องเหมาะสม ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งในการขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ชาติฯ โดยใช้กลไกทางศาสนา อนั จะสนบั สนุนใหก้ ารปฏบิ ตั ิงานด้านปอ้ งกนั การทุจริตบรรลตุ ามเปา้ หมาย ท่ีจะพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และสร้างวินัยให้เกิดขึ้นในสังคม เพ่ือให้กลุ่มเป้าหมายร่วมเป็น กำ� ลังส�ำคญั ในการขบั เคล่อื นสังคมโปรง่ ใสให้เกิดขึน้ อยา่ งย่งั ยืนตอ่ ไป ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จดั กจิ กรรมสัมมนาบทบาทเยาวชนกบั การไมท่ นตอ่ การทุจรติ รุ่นท่ี 1 และรุ่นที่ 2 กลุ่ม เป้าหมายประกอบดว้ ย คริสตชนและประชาชนท่ัวไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผบู้ รหิ ารและเจ้าหน้าทส่ี ำ� นักงาน ป.ป.ช. ผ้สู ังเกตการณ์ จ�ำนวนท้ังส้ิน 203 คน ผลผลิต: กจิ กรรมสมั มนาบทบาทเยาวชนกบั การไมท่ นตอ่ การทุจริต จ�ำนวน 2 ร่นุ มีผูเ้ ข้ารับการสัมมนา จ�ำนวน 203 คน ผลลัพธ์: เกิดการขยายกลุ่มเครือข่ายคริสตชนเพิ่มขึ้น รวมทั้งเกิดความเข้าใจและตระหนักในการน�ำ หลกั คริสตศาสนาไปใช้ในการป้องกนั การทุจรติ รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 89

ประโยชน์ทไี่ ดร้ บั : 1. เกิดการปรับเปลี่ยนฐานความคิดของคนในทุกภาคส่วนในการรักษาประโยชน์สาธารณะ โดย ใช้กลไกทางศาสนาเป็นเครอื่ งมอื ในการขับเคลอ่ื นยทุ ธศาสตร์ชาตวิ ่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2. เกิดการเสริมสร้างทัศนคติค่านิยมในความซ่ือสัตย์สุจริต บนพื้นฐานของการด�ำเนิน ชีวิตทน่ี ำ� ไปสู่การสร้างสงั คมโปรง่ ใสตามแนวทางครสิ ตศาสนา 3. เกิดเครือข่ายคริสตชนท่ีมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการป้องกันการทุจริตและ ตระหนักในผลเสียหายร้ายแรงทีเ่ กดิ ขึ้นจากการทจุ ริตคอร์รัปชนั 4. เกิดการบูรณาการและเสริมพลังการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการผลักดันให้เกิด สังคมทไี่ มท่ นต่อการทุจริตและเกิดกล่มุ เครอื ข่ายปอ้ งกันการทุจรติ กิจกรรมการพัฒนาเยาวชนเครือขา่ ยเฝ้าระวงั Youth Network เนื่องด้วยสภาพปัญหาการทุจริตในประเทศไทยเป็นปัญหาท่ีมีความรุนแรงในประเทศสูงและสะสม มาอย่างยาวนาน เหน็ ได้จากดัชนีการรบั รกู ารทจุ รติ (Corruption Perceptions Index: CPI) ในปี 2559 ประเทศไทย ได้รับค่าคะแนนเพียง 35 คะแนนลดลงมาจากปี 2558 ท่ีได้ 38 คะแนน เน่ืองด้วยปัจจัยต่าง ๆ ภายในประเทศ ส่วนใหญ่การทุจริตจากภาครัฐท�ำให้ประเทศไทยเสียหายและเพิ่มก่อหนี้ให้แก่ประเทศ ในภาครัฐการทุจริตนั้น ถ่ายถอดจากระดับข้างบนลงข้างล่าง ซ่ึงไม่สามารถขจัดออกไปได้ทันถ่วงที และการทุจริตในภาครัฐหรือหน่วยงาน ของรฐั ระดบั บริหาร ซ่ึงจำ� เปน็ ตอ้ งอาศัยภาคประชาชนช่วยกันควบคมุ รบั รู้ กำ� กับการท�ำงานของภาครฐั สร้างความเขม้ แขง็ ใหเ้ ครือข่ายภาคประชาชน ภาคประชาชนจะตอ้ งมคี วามรตู้ ื่นตัว ทนั กระแสสงั คม เสริมพลังในการต่อต้านทจุ ริต ผ่าน Social Network และผ่านกจิ กรรมเชิงสญั ลกั ษณ์ในบ้าน โรงเรยี น ชมุ ชน ต�ำบล อำ� เภอ จงั หวดั ประเทศและ นานาประเทศ ในปี 2560 รัฐบาลพยายามขับเคล่ือนโมเดลไทยแลนด์ 4.0 โดยเน้นการส่งเสริมนวัตกรรมมาพัฒนา ประเทศ เร่ิมต้นทสี่ งั คมโปร่งใส เปน็ ธรรม ไรท้ ุจรติ ดังนั้น สำ� นกั งาน ป.ป.ช. จึงไดจ้ ดั โครงการพัฒนาเยาวชนเครอื ขา่ ย เฝา้ ระวัง Youth Network เพอื่ สรา้ งพลงั ของกลุม่ เด็กและเยาวชนใหเ้ กดิ จติ สำ� นกึ ปลกู ฝังให้เกิดค่านยิ มรว่ มต้านทจุ ริต มีจิตส�ำนึกสาธารณะ และไม่ทนต่อบุคคลที่กระท�ำการทุจริต โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย เด็ก เยาวชน ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลายหรือเทยี บเทา่ จากทวั่ ประเทศ สำ� นักงาน ป.ป.ช. ไดด้ �ำเนินการดังน้ี 1. จัดท�ำเว็บไซต์เกี่ยวกับการปลูกฝังและสร้างค่านิยมแก่เด็กและเยาวชนให้มีความตระหนักในปัญหา การทุจริต 1 เว็บไซต์ http://www.nacc.go.th/we 2. ระบบฐานข้อมูลเครือข่ายในการป้องกันการทุจริต (ระบบเครือข่ายเฝ้าระวัง) 1 ระบบภายในเว็บไซต์ เครอื ขา่ ยเฝ้าระวัง http://www.nacc.go.th/we 3. จัดกิจกรรมนักคิดสุจริต ผลผลิต: 1. จ�ำนวนเว็บไซต์เก่ียวกับการปลูกฝังและสร้างค่านิยมแก่เด็กและเยาวชนให้มีความตระหนัก ในปญั หาการทุจรติ 1 เว็บไซต์ http://www.nacc.go.th/we 2. ระบบฐานข้อมูลเครือข่ายในการป้องกนั การทจุ รติ (ระบบเครอื ข่ายเฝ้าระวงั ) 1 ระบบภายใน เว็บไซตเ์ ครือขา่ ยเฝ้าระวงั http://www.nacc.go.th/we และมสี มาชกิ จ�ำนวน 666 คน 3. จ�ำนวนผ้เู ขา้ ร่วมกจิ กรรมนักคิดสจุ รติ 165 คน ผ่านการคดั เลอื กรอบ 2 จ�ำนวน 15 คน ผลลัพธ์: 1. ระดับความเข้าใจและความตระหนักของกลุ่มเครือข่าย เกิดความรู้ความเข้าใจและตระหนัก ในการป้องกันการทุจริต ร้อยละ 86 2. จำ� นวนแผนงานปฏบิ ตั ิงานทน่ี ำ� ไปใชไ้ ดจ้ รงิ ในสถานศึกษา ทงั้ หมด 5 แผนงาน ประโยชน์ที่ได้รับ: 1. ท�ำให้เกิดทัศนคติเกี่ยวกับความซ่ือสัตย์สุจริตในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยผ่าน แผนงานป้องกันการทุจริตท่ีเด็กเขียน และส่ือออนไลน์ในเว็บไซต์ http://www.nacc.go.th/we และ facebook เครอื ขา่ ยเฝ้าระวงั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. 90 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

2. ได้เครอื ขา่ ยในการปอ้ งกนั การทจุ ริตออนไลน์ รวมถงึ การประชาสัมพันธ์ข้อมูข่าวสาร ท่ีเกี่ยวข้อง และการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตจากฐานข้อมูล http://www.nacc.go.th/we และมีสมาชิกเครือข่าย จ�ำนวน 666 คน และ facebook มสี มาชิกกว่า 523 คน 3. เกิดแนวคิดใหม่ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการป้องกันการทุจริตผ่านแผนงาน ป้องกนั การทจุ รติ โครงการสร้างสงั คมทไ่ี ม่ทนตอ่ การทุจริตโดยใช้กระบวนการลกู เสือ กระบวนการลูกเสือเป็นกระบวนการกล่อมเกลาเด็กและเยาวชนที่กระทรวงศึกษาธิการก�ำหนดให้เป็น หลักสูตรภาคบังคับในสถานศึกษาทุกแห่ง ท่ีใช้ปรับเปล่ียนพฤติกรรมที่พึงประสงค์ท่ีเข้าถึงตัวเด็กและเยาวชน ผ่านกิจกรรมวิชาลูกเสือและเนตรนารีของสถานศึกษาทุกแห่งทุกระดับชั้น ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ มีความซ่ือสัตย์ สุจริต มรี ะเบยี บวนิ ยั รวมถึงการบำ� เพ็ญประโยชนเ์ พ่ือส่วนรวม มากกว่าภาคทฤษฎีท่ีเน้นในทางวชิ าการเพียงด้านเดยี ว สำ� นกั งาน ป.ป.ช. จงึ ไดท้ ำ� บนั ทึกขอ้ ตกลงความรว่ มมอื กบั กระทรวงศกึ ษาธกิ ารและส�ำนกั งานลูกเสือแหง่ ชาติ ร่วมกัน ด�ำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 2 (พ.ศ. 2556 - 2560) ภายใต้โครงการลูกเสือช่อสะอาด ต้ังแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 จนถึงปัจจุบัน เร่ิมด้วยการสร้างคู่มือหลักสูตร ลูกเสอื ช่อสะอาด (สำ� หรับเยาวชน) ท้ัง 4 ประเภท คอื หลักสตู รลูกเสือส�ำรองช่อสะอาด หลักสูตรลกู เสือสามัญช่อสะอาด หลักสตู รลูกเสือสามัญรนุ่ ใหญช่ ่อสะอาด และหลกั สตู รลูกเสอื วสิ ามัญชอ่ สะอาด โดยม่งุ เน้นใหล้ ูกเสอื ไดเ้ รียนรู้ถงึ โทษ ภัยร้ายแรงของการทุจริตที่มีต่อชาติ สร้างทักษะในกระบวนการทางความคิดท่ีเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า ประโยชน์ส่วนตน การใช้กลไกทางสงั คมเพื่อต่อต้านการทจุ รติ ที่พบเห็นในชวี ติ ประจ�ำวัน พร้อมกับคูม่ ือการฝกึ อบรม บุคลากรทางการลกู เสือ หลกั สูตรลูกเสอื ช่อสะอาด (ส�ำหรบั ครูผู้สอน) อกี 1 เลม่ รวมเป็น 5 เล่ม ซง่ึ ได้รับความเห็นชอบ จากคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติให้น�ำไปใช้ในการเรียนการสอนในสถานศึกษาทุกสังกัดทั่วประเทเรียบร้อยแล้ว โดยมกี ระบวนการขบั เคล่อื นและผลกั ดันให้มกี ารนำ� หลักสตู รลูกเสอื ชอ่ สะอาดไปใชใ้ นสถานศึกษา ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ด�ำเนินการสร้างคู่มือวิทยากรหลักสูตรลูกเสือช่อสะอาด และคู่มือวิชาพิเศษหลักสูตร ลกู เสอื ช่อสะอาด ประกอบการฝึกอบรมเพื่อพัฒนา ยกระดับครู/บุคลากรทางการลกู เสือที่ผา่ นการฝกึ อบรมบคุ ลากร ทางการลูกเสือ หลักสูตรลูกเสือช่อสะอาด รวมถึงครู/บุคลากรทางการลูกเสือท่ียังไม่ผ่านการฝึกอบรมบุคลากร ทางการลูกเสือ หลักสูตรลูกเสือช่อสะอาด แต่มีความสนใจท่ีจะขับเคลื่อนหลักสูตรลูกเสือช่อสะอาด ประกอบกับ มีการจัดการประชุมเชงิ ปฏิบัตกิ ารการสรา้ งเครอื ข่ายลกู เสือชอ่ สะอาด จำ� นวน 4 ครั้ง เพ่อื พฒั นาเครอื ขา่ ยบุคลากร ทางการลูกเสือท่ีผ่านการฝึกอบรมบุคลากรทางการลูกเสือ หลักสูตรลูกเสือช่อสะอาดเดิม เสริมกับการขยายเครือข่าย บุคลากรทางการลูกเสือใหม่ รวมถึงบูรณาการบุคลากรทางการลูกเสือท่ีเป็นแกนน�ำขับเคลื่อนลูกเสือในจังหวัด ผนวกกับบุคลากรทางการลูกเสือท่ีเกี่ยวข้องกับการก�ำหนดนโยบายทางด้านกิจการลูกเสือในระดับจังหวัดให้มี ความเช่ือมโยงกัน ขับเคลื่อนหลักสูตรลูกเสือช่อสะอาดในทิศทางเดียวกัน ประกอบกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการ ก�ำหนดติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตรลูกเสือช่อสะอาดในสถานศึกษา เพื่อเก็บข้อมูลเก่ียวกับวิธีการน�ำหลักสูตร ลูกเสือช่อสะอาดไปใช้ในสถานศึกษา ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาท่ีมีต่อการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร ลกู เสือช่อสะอาด ความคดิ เห็นของเดก็ และเยาวชนทีผ่ า่ นการเรียนหลักสตู รลกู เสอื ช่อสะอาดตามแตล่ ะกรณตี วั อย่าง ในแบบสอบถาม จนถึงความคิดเห็นของผู้ปกครองเกี่ยวกับพฤติกรรมการแสดงออกของบุตรหลานท่ีผ่านการเรียน หลักสูตรลูกเสือช่อสะอาด ท่ีสถานศึกษาขจัดการเรียนการสอน โดยบุคลากรทางการลูกเสือที่ผ่านการฝึกอบรม บคุ ลากรทางการลูกเสอื หลักสตู รลูกเสอื ช่อสะอาด 1. จัดพิมพค์ ่มู ือวทิ ยากรลกู เสือชอ่ สะอาด กลุ่มเป้าหมาย : ครู/บุคลากรทางการลูกเสือท่ีผ่านการฝึกอบรมวิทยากรตัวคูณ หลักสูตรลูกเสือ ช่อสะอาด สามารถเป็นวิทยากรลูกเสือขับเคลื่อนหลักสูตรลูกเสือช่อสะอาดในรูปแบบกิจกรรมลูกเสือ เผยแพร่ ความร้ทู เ่ี กี่ยวขอ้ งกบั หลกั สูตรลูกเสอื ชอ่ สะอาดแกค่ ร/ู บุคลากรทางการลกู เสอื ในสถานศึกษา/จงั หวัดของตน รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 91

2. จดั พิมพค์ ู่มอื วชิ าพิเศษ หลักสูตรลูกเสอื ชอ่ สะอาด กลุ่มเป้าหมาย : ครู/บุคลากรทางการลูกเสือในสถานศึกษาท่ีผ่านการฝึกอบรมบุคลากรทางการลูกเสือ หลักสูตรลูกเสือช่อสะอาดน�ำไปประกอบกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาพิเศษ หลักสูตรลูกเสือช่อสะอาดแต่ละ ประเภทของลูกเสอื ตามแตล่ ะสงั กัดของสถานศึกษา นอกจากหลกั สตู รลกู เสือชอ่ สะอาดทัง้ 4 ประเภท ทเี่ ปน็ หลักสตู รหลัก 3. ประชมุ เชงิ ปฏิบัติการการสร้างเครือขา่ ยลูกเสือช่อสะอาด ตามโครงการสร้างสงั คมท่ไี มท่ นตอ่ การทุจริต โดยใช้กระบวนการลูกเสอื กลุ่มเป้าหมาย : ศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัด/ผู้บังคับบัญชาลูกเสือที่เป็นแกนน�ำขับเคล่ือนกิจการ ลูกเสือเป็นท่ีประจักษ์ในทุกจังหวัด/ครูหรือบุคลากรทางการลูกเสือที่ผ่านการฝึกอบรมบุคลากรทางการลูกเสือ หลักสูตรลูกเสอื ชอ่ สะอาด 4. การตดิ ตามประเมินผลการใช้หลกั สตู รลกู เสือช่อสะอาดในสถานศกึ ษา กล่มุ เปา้ หมาย : สถานศกึ ษากลมุ่ เปา้ หมายทม่ี คี รู/บคุ ลากรทางการลกู เสอื ท่ีผ่านการฝึกอบรมบุคลากร ทางการลูกเสือ หลักสูตรลูกเสือช่อสะอาด และน�ำเอาหลักสูตรลูกเสือช่อสะอาดไปด�ำเนินการจัดการเรียน การสอน ในสถานศึกษา ใน 5 ภูมิภาค โดยการสมั ภาษณ์และแบบสอบถาม โดยแบ่งกลุ่มดงั น้ี 1. กลมุ่ ผ้บู ริหาร/รองผบู้ ริหาร/ผ้แู ทนที่ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษามอบหมาย 2. กลุ่มหัวหน้างานกิจกรรม/ครู/บุคลากรทางการศึกษา/บุคลากรทางการลูกเสือที่ปฏิบัติการสอนวิชา ลกู เสอื และเนตรนารี 3. กลุ่มตวั แทนนกั เรียน/นกั ศกึ ษาทเี่ รยี นวชิ าลกู เสอื และเนตรนารี 4. กล่มุ ตวั แทนผ้ปู กครองของนักเรียน/นักศึกษาที่เรยี นวชิ าลกู เสือและเนตรนารี 5. สนับสนนุ และเขา้ ร่วมกิจการลกู เสือตามบนั ทกึ ข้อตกลงความรว่ มมือกบั สำ� นกั งานลูกเสอื แหง่ ชาติ กลมุ่ เป้าหมาย : การด�ำเนินการประกอบดว้ ย 2 กจิ กรรม ดังนี้ กจิ กรรมเข้ารว่ มวางพวงมาลาเนอ่ื งในวนั พระมหาธีรราชเจา้ กลุ่มป้าหมาย : บุคลากรทางการลูกเสือสังกัดส�ำนักงานลูกเสือแห่งชาติ รวมถึงบุคลากร ทางการลูกเสอื สงั กัดหน่วยงานอ่ืนๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง ท่ีเขา้ รว่ มวันพระมหาธรี ราชเจ้า กิจกรรมเข้าร่วมเดินสวนสนามเนื่องในวันสถาปนาคณะลกู เสือแห่งชาติ กลุ่มเป้าหมาย : บุคลากรทางการลูกเสือสังกัดส�ำนักงานลูกเสือแห่งชาติ และสังกัดหน่วยงานอ่ืน ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องในการเข้ารว่ มวนั สถาปนาคณะลกู เสือแหง่ ชาติ ผลผลติ : 1. มีค่มู อื วทิ ยากรลกู เสือชอ่ สะอาด 2. มคี ูม่ อื วิชาพิเศษ หลกั สตู รลกู เสอื ช่อสะอาด 3. มีการประชุมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารสรา้ งเครอื ข่ายลกู เสอื ชอ่ สะอาด จำ� นวน 4 ครง้ั 4. มกี ารติดตามประเมินผลการใชห้ ลกั สตู รลกู เสอื ชอ่ สะอาด ในสถานศึกษา 5 คร้งั 5 ภูมิภาค 5. มีสนับสนุนและเข้าร่วมกิจการลูกเสือ ตาม MOU กับส�ำนักงานลูกเสือแห่งชาติ เช่น จดั กองลกู เสอื ช่อสะอาดเขา้ ร่วมพิธีสวนสนาม ณ สนามกีฬาแห่งชาติ และวางพวงมาลาเนื่องในวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ผลลัพธ์: การน�ำหลักสูตรลูกเสือช่อสะอาดไปใช้ในสถานศึกษาไม่น้อยกว่า 2,000 แห่ง (อยู่ระหว่าง ประมวลผล) และมีเครอื ขา่ ยผกู้ �ำกับลูกเสอื ชอ่ สะอาด จำ� นวน 2,586 คน ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับ: เยาวชนไดร้ บั ความรู้ ความเข้าใจ และตระหนกั ถงึ ภัยรา้ ยทเี่ กดิ จากการทุจริต น�ำไปสู่ พฤติกรรมที่ไม่ยอมรับ ไม่ทน ไม่เฉย ต่อการทุจริตทุกรูปแบบผ่านกิจกรรมลูกเสือและเนตรนารี และบุคลากร ทางการลูกเสือมีความร่วมมือกันและมีความพร้อมในการขยายผลการขับเคล่ือนหลักสูตรลูกเสือช่อสะอาด ของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ใหเ้ ยาวชนทีเ่ ขา้ รบั การฝึกอบรมหลักสตู รลกู เสอื ชอ่ สะอาด รวมท้งั มีการขับเคลื่อนยทุ ธศาสตร์ที่ 1 ซ่ึงเปน็ การบูรณาการการท�ำงานด้านการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ กบั ส�ำนักงานลูกเสือแห่งชาติ 92 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

โครงการสนบั สนนุ และสร้างการมสี ว่ นร่วมในการปอ้ งกันการทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอ�ำนาจหน้าท่ีในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ส่งเสริมและสนับสนุนให้ กลุ่มบุคคลเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยมีคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาคประชาสังคมและสื่อมวลชน ให้ค�ำปรึกษาเสนอแนะ ในการดำ� เนนิ การโครงการ/กจิ กรรมต่าง ๆ ใหเ้ กดิ เป็นรปู ธรรม โดยเร่มิ ดำ� เนินการอยา่ งเปน็ รูปธรรมในปงี บประมาณ พ.ศ. 2558 ตอ่ เน่อื งมาจนถงึ ปัจจบุ นั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ดำ� เนนิ การ ดงั น้ี 1. การจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบและ เฝ้าระวังการทุจริต 2. การลงพื้นที่เพ่ือปฏิบัติงานเฝ้าระวังการทุจริตโครงการโดยมีผู้ผ่านการอบรมในพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร จำ� นวน 360 คน 3. ลงพื้นท่ีเพื่อปฏิบัติงานเฝ้าระวังการทุจริตโครงการ จ�ำนวน 39 โครงการ (36 กลุ่ม) และ มผี ผู้ ่านการอบรมในสว่ นภมู ิภาค จำ� นวน 120 คน 4. ลงพื้นท่ีเพ่ือปฏิบัติงานเฝา้ ระวังการทุจริตโครงการ จำ� นวน 24 โครงการ (17 จังหวดั ) 5. นำ� เสนอผลงานการเฝา้ ระวงั ของเครือขา่ ย ป.ป.ช. ผ่านสอ่ื มวลชน โดยการลงพนื้ ท่บี ันทกึ เทป รายการ กะเทาะเปลือก ทางสถานีโทรทศั น์ NBT จ�ำนวน 1 โครงการ ผลผลิต/ผลลัพธ:์ 1. จดั โครงการ/กจิ กรรม จำ� นวน 6 ครัง้ ผู้ผา่ นการอบรมจ�ำนวน 480 คน 2. โครงการเฝ้าระวงั ป้องกนั การทุจรติ 48 โครงการ/กจิ กรรม ประโยชน์ที่ไดร้ บั : 1. เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกรุงเทพมหานครและภูมิภาค ในการร่วมด�ำเนินการเฝา้ ระวังปอ้ งกันการทุจรติ 2. ภาคประชาสังคมมีศักยภาพและองค์ความรู้ในการเฝ้าระวังการทุจริตในชุมชน ท้งั เรือ่ งกฎหมายและการส่อื สาร รวมทง้ั ข้อควรระวังในการเฝ้าระวังป้องกนั การทจุ รติ 3. เครือข่าย ป.ป.ช. ภาคประชาสังคมในกรุงเทพมหานครและภูมิภาค มีพลัง ในการป้องกันการทุจรติ อยา่ งเขม้ แขง็ เกดิ การรวมกลุ่มการท�ำงานอยา่ งเข้มแขง็ 4. เครือข่ายภาคประชาสังคมมีการตรวจสอบและเฝ้าระวังการทุจริตของภาค ประชาสงั คม ผ่านโครงการ/กิจกรรมของกรุงเทพมหานครและภูมิภาค โครงการสหยุทธเ์ พ่อื การบรู ณาการหมู่บา้ น/ชุมชนสจุ รติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำ� นาจหนา้ ท่ดี ำ� เนินการเพื่อป้องกนั การทุจรติ และเสริมสร้างทศั นคตแิ ละค่านิยม เกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต รวมท้ังด�ำเนินการให้ประชาชนหรือกลุ่มบุคคลมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปราม การทจุ รติ กำ� หนดวิสยั ทศั น์ทจี่ ะด�ำเนินการใหป้ ระเทศไทยใสสะอาดไทยทัง้ ชาติตา้ นทจุ ริต (Zero Tolerance & Clean Thailand) ซึ่งต้องอาศยั การบรู ณาการความรว่ มมอื จากทกุ ภาคส่วน ท่ีจะกล่อมเกลาปรบั เปลี่ยนฐานความคดิ ของคน ทุกช่วงวัยให้สามารถแยกเร่ืองประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมออกจากกันได้อย่างชัดเจน กระตุ้นเตือนให้ ในสังคมไทยให้รับรู้ถึงผลกระทบของการทุจริต โดยผลักดันให้เกิดการผนึกพลังการมีส่วนร่วมของพลเมือง (Civic Participation) เฝ้าระวงั การทุจริต และสรา้ งสงั คมที่ไม่ทนตอ่ การทุจรติ การพัฒนาหมู่บา้ น/ชมุ ชนสจุ รติ ตอ้ งบรู ณาการ ความร่วมมือกับ ส�ำนักจุฬาราชมนตรีและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เนื่องจากส�ำนักจุฬาราชมนตรีเป็นหน่วยงาน หลักในการสื่อสารกับหมู่บ้าน/ชุมชนมุสลิม โดยจะพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน ตามพระราชด�ำรัสของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในด้านการพัฒนา คือ “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” โดยเป็นการเข้าใจและเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ว่ามีความต้องการหรือยังขาดในเร่ืองใด เพ่ือจะน�ำมาสู่แนวทาง รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 93

กระบวนการแกไ้ ขปัญหา กอ่ นน�ำไปส่ปู ลายทาง คือการพัฒนาทต่ี รงกับความตอ้ งการของประชาชน ทำ� ให้ประชาชน มีความสุข มีรายได้ท่ีเพียงพอในการเล้ียงตน สามารถที่จะเสียสละช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมได้ โดยทุกภาคส่วน ตอ้ งเขา้ ไปชว่ ยเหลือและแกไ้ ขปญั หาให้กับประชาชนในพน้ื ที่ ส่งเสรมิ พัฒนาความเจริญก้าวหนา้ ความเข้มแขง็ ของหมู่บา้ น/ ชมุ ชนตามนโยบายการด�ำเนนิ งานสานพลังประชารฐั เพ่ือขบั เคลอ่ื นการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากของประเทศ หมู่บ้าน/ชุมชนสุจริต มุ่งเน้นให้พลเมืองในหมู่บ้าน/ชุมชน ปฏิเสธไม่ยอมรับค่านิยมที่เก่ียวข้องกับ การทจุ รติ คดโกง โดยอาศัยหลกั ธรรมทางศาสนา ปลกู ฝังอดุ มการณ์ และคา่ นยิ มในความซ่ือสัตย์สจุ รติ ภายใต้แนวคดิ หลัก (Core Concept) ที่ว่า “ความสะอาดในสังคม และประเทศชาติ เร่ิมต้นจากจุดเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน/ชุมชน” และ พัฒนาทั้งในมติ ิของกาย พฤติกรรม จิตใจ และปญั ญา ให้ตระหนกั รู้ถึงคณุ คา่ และความส�ำคัญของความซือ่ สตั ย์สุจรติ (Integrity)” เกิดการผนึกพลังการมีส่วนร่วมของพลเมืองซ่ึงเป็นหัวใจส�ำคัญของการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนสุจริต คือ พลังร่วมของบ้าน วัด/มัสยิด/โบสถ์ และโรงเรียน เฝ้าระวังการทุจริต ซ่ึงเป็นการจัดการวิกฤตการณ์การทุจริต ในลักษณะแนวราบ (Horizontal) มากกว่าการจัดการแบบแนวดิ่ง (Vertical) เป็นการเน้นการพัฒนาและป้องกัน เพือ่ สรา้ งกลไกการปอ้ งกันเฝ้าระวังยับย้ังการทจุ ริต ผนึกกำ� ลงั “คนไทยไม่เอาโกง” สร้างสงั คมพลเมือง (Civil Society) หรือประชาสังคม อันเกิดจากการรวมกลุ่มของพลเมือง โดยมีจิตส�ำนึกร่วมกันเพ่ือแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การตระหนักรู้ เกิดความละอาย และเกรงกลัวไม่ให้มีกระท�ำการทุจริตในหมู่บ้าน/ชุมชนของตัวเอง ในการรักษา ทรัพยากร หรือใชท้ รพั ยากรในหมู่บา้ น/ชมุ ชนให้เกิดความค้มุ ค่ามากท่ีสุด อกี ท้งั จะเป็นพลังส�ำคัญในการปกปอ้ ง และ คุ้มครองผลประโยชน์ของหมู่บ้าน/ชุมชนเอาไว้ โดยมิให้บุคคลหน่ึงบุคคลใดแย่งชิงไปเป็นสมบัติของส่วนตน เปน็ ประชารฐั ท่สี มบรู ณ์ พทิ ักษร์ กั ษาสาธารณสมบตั ิแผน่ ดินใหต้ กถึงลกู หลานสบื ไป ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไดด้ �ำเนนิ การดังนี้ 1. โครงการอภปิ รายและประกาศใชธ้ รรมนญู ชุมชน/หมบู่ ้าน 1.1 ด�ำเนินโครงการอภิปรายและประกาศใช้ธรรมนูญชุมชน/หมู่บ้านกิจกรรมท่ี 1 สัมมนาเชิงปฏิบัติการ กระบวนการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนคุณธรรม เพ่ือสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตในวันอังคารท่ี 13 มีนาคม 2561 ณ โรงแรม อัล มรี อซ ซอยรามคำ� แหง 5 ถนนรามคำ� แหง เขตสวนหลวง กรงุ เทพมหานคร 1.2 ด�ำเนินโครงการอภิปรายและประกาศใช้ธรรมนูญชุมชน/หมู่บ้าน กิจกรรมที่ 2 อภิปรายและ ประกาศใช้ธรรมนญู ชมุ ชน/หมบู่ ้าน ในวันพธุ ที่ 21 มนี าคม 2561 เวลา 08.30 - 16.30 น. ณ สำ� นักจฬุ าราชมนตรี ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ถนนคลองเก้า แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก กรงุ เทพมหานคร ผลผลิต/ผลลัพธ:์ ได้หม่บู ้าน/ชมุ ชนสจุ ริต (ป.ป.ช.) 2. โครงการบรู ณาการการพฒั นาหมู่บ้าน/ชมุ ชนสุจริต (ป.ป.ช.) 2.1 ดำ� เนินการโครงการบรู ณาการการพัฒนาหมบู่ า้ น/ชมุ ชนสุจรติ (ป.ป.ช.) ในวนั ท่ี 4 กันยายน 2561 ณ มัสยดิ อลั อิสตีกอมะห์ ซอย 69 ถนนประชาอุทศิ แขวงทงุ่ ครุ เขตทุง่ ครุ กรงุ เทพมหานคร 2.2 ด�ำเนินการโครงการบูรณาการการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนสุจริต (ป.ป.ช.) ในวันอาทิตย์ที่ 16 กนั ยายน 2561 ณ มัสยดิ คอลิดนี ซอย 54 ถนนประชาอุทิศ แขวงทงุ่ ครุ เขตทุ่งครุ กรงุ เทพมหานคร ผลผลติ /ผลลพั ธ:์ ไดห้ มู่บ้าน/ชุมชนสุจริต (ป.ป.ช.) 3. โครงการสรา้ งโคช้ หมบู่ ้าน/ชุมชนสุจรติ (ป.ป.ช.) ด�ำเนินการโครงการบูรณาการสร้างโค้ชหมู่บ้าน/ชุมชนสุจริต (ป.ป.ช.) ระหว่างวันที่ 2 - 3 เมษายน 2561 ณ โรงแรมอัญชาลนี า ซอยรามคำ� แหง 65 (ซอยมหาดไทย/ซอยลาดพร้าว 122) ถนนรามคำ� แหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ผลผลิต/ผลลัพธ์: ไดว้ ทิ ยากรอสิ ลามเพอ่ื บรรยายธรรมเกีย่ วกับการตา้ นทจุ รติ จำ� นวน 40 คน 94 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

4. โครงการกำ� กบั ตดิ ตาม และประเมินผลชุดโครงการบรู ณาการการหม่บู า้ น/ชุมชนสจุ ริต (ป.ป.ช.) ดำ� เนินโครงการก�ำกับติดตาม และประเมินผลชดุ โครงการบรู ณาการการหมู่บ้าน/ชมุ ชนสุจริต (ป.ป.ช.) ในช่วงไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2561 ผลผลิต/ผลลัพธ:์ 1. เอกสารรายงานการตดิ ตามประเมินผลกอ่ นด�ำเนนิ การ ระหว่างด�ำเนินการ และ เมอื่ สิ้นสุดการด�ำเนินชดุ โครงการฯ 3 โครงการยอ่ ย จำ� นวน 1 ฉบบั 2. เอกสารรายงานการติดตามประเมินผลโครงการก�ำกับติดตามประเมินผล ชดุ โครงการสหยทุ ธ์ เพอ่ื การบรู ณาการหมบู่ ้าน/ชุมชนสุจริต (ป.ป.ช.) จำ� นวน 1 ฉบบั กิจกรรมการสร้างมาตรวดั คุณธรรมจรยิ ธรรมตามหลกั จิตวทิ ยา (Moral Quotient) เพอ่ื การพัฒนาเครือ่ งมอื ในการบริหารทรัพยากรเครือขา่ ยปอ้ งกนั การทจุ ริต แผนยทุ ธศาสตร์ชาติวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) มุ่งเน้น ในการสร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างเข็มแข็ง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและ เยาวชนที่จะเป็นอีกหนึ่งแรงในการช่วยขับเคล่ือนประเทศในอนาคต ดังน้ัน การแก้ไขปัญหาการทุจริต จึงจ�ำเป็น ตอ้ งเร่ิมต้นจากเดก็ และเยาวชน โดยการสรา้ งความตระหนกั รู้ ปลกู ฝังจติ ส�ำนึกสาธารณะ ร้จู ักคิดแยกแยะประโยชน์ ส่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม รวมไปถงึ การเสริมสรา้ งคณุ ธรรมจริยธรรม การปลกู ฝังคณุ ธรรมจริยธรรมใหแ้ ก่บุคคล นั้นจะต้องท�ำกันตั้งแต่ในวัยเด็ก เพราะเด็กในวันนี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า หลักการส�ำคัญท่ีจะน�ำมาใช้ ในการปลูกฝังคณุ ธรรมจรยิ ธรรมนัน้ คอื หลัก บ-ว-ร ได้แก่ บ้าน วดั โรงเรียน การปลกู ฝังคณุ ธรรมจรยิ ธรรมเรมิ่ จาก คนในครอบครัวช่วยกันอบรมส่ังสอนให้เด็กเป็นคนดี ศาสนาจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจเด็กมีคุณธรรมจริยธรรม และ การศึกษาจะช่วยพัฒนาความรู้ การศึกษา จึงเป็นปัจจัยในการสร้างและพัฒนาความรู้ ที่จะก่อให้เกิดการพัฒนา ดา้ นอื่น ๆ ตามมา โดยเฉพาะความคดิ พฤตกิ รรม และคุณธรรมจริยธรรมของบคุ คล หากเด็กและเยาวชนไดร้ ับการศกึ ษา ท่ีดคี รบถว้ นพอเหมาะกับทุก ๆ ด้าน สงั คมและบ้านเมืองนน้ั กจ็ ะมีพลเมอื งทีม่ ีคุณภาพ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. เลง็ เห็นวา่ เครือข่ายในกลุ่มเด็กและเยาวชนจะเป็นก�ำลังส�ำคัญในการช่วยขับเคล่ือนประเทศในอนาคต ซ่ึงจะมีส่วนช่วย ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันให้ลดระดับลงได้ แต่การท่ีจะได้มาซึ่งเด็กและเยาวชนท่ีมีคุณภาพ ต้องได้รับ การพัฒนาทั้งในด้านความรู้และด้านคุณธรรมจริยธรรมไปพร้อมกันแต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าเด็กและเยาวชน ทก่ี ำ� ลังไดร้ บั การพฒั นานนั้ ขาดความรู้หรือคุณธรรมจริยธรรมทางดา้ นใด ซ่ึงในด้านความรู้ เรายังสามารถวัดไดด้ ว้ ย ผลการเรียน แต่การวดั คุณธรรมจริยธรรมนนั้ ยงั เปน็ นามธรรม ยงั ไมม่ กี ารวดั ประสทิ ธผิ ลท่ีเปน็ รูปธรรมเทา่ ใดนกั รวมไปถึง การจะทราบถึงระดบั ของคุณธรรมจรยิ ธรรมและเกณฑ์ปกตไิ ด้น้นั ยงั ไม่สามารถวัดได้ ดงั นนั้ จึงตอ้ งอาศัยเครอื่ งมอื วดั ท่ีมีคุณภาพเพื่อให้ได้ผลท่ีน่าเชื่อถือมาวัดระดับคุณธรรมจริยธรรม เพ่ือน�ำผลท่ีได้ไปหาทางแก้ไขปรับปรุงคุณธรรม จริยธรรม ในด้านน้ัน ๆ ของกลุ่มเครือข่ายเด็กและเยาวชน เพื่อน�ำไปสู่การพัฒนาบุคลากรที่มีคุณธรรมจริยธรรม เปน็ พลเมืองทีม่ คี ณุ ภาพท่จี ะมาชว่ ยพัฒนาประเทศและแกไ้ ขปัญหาการทจุ ริตคอร์รัปชนั ในสงั คมไทยใหห้ มดไป ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ด�ำเนินการสร้างมาตรวัดคุณธรรมจริยธรรมตามหลักจิตวิทยา (Moral Quotient) เพ่อื การพฒั นาเคร่อื งมือในการบรหิ ารทรัพยากรเครอื ข่ายปอ้ งกันการทุจรติ ผลผลิต: ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อชี้แจงผู้บริหารโรงเรียนและเจ้าหน้าท่ีในการจัดเก็บข้อมูลแบบทดสอบ มาตรวัดคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ปี พ.ศ. 2560 - 2564 ตามหลกั การจิตวทิ ยาสงั คม ผลลัพธ์: ความเที่ยงและความตรงของแบบทดสอบมาตรวัดคุณธรรมจริยธรรมปี พ.ศ. 2560 - 2564 ตามหลักการจติ วทิ ยาสงั คม ประโยชน์ทไ่ี ด้รับ: 1. เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและเครือข่ายในภารกิจงานป้องกันการทุจริต สามารถ ประยุกต์ใช้ความรู้ท่ีได้รับการพัฒนาระบบการคิดและความเข้าใจในธรรมชาติของผู้คนตามหลักจิตวิทยาชุมชนมาสู่ การปฏบิ ัตไิ ดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 95

2. มาตรวัดคุณธรรมจริยธรรมตามหลักจิตวิทยาสามารถเป็นเคร่ืองมือในการ วเิ คราะหแ์ ก้ไขปญั หาการทุจริตในชมุ ชนและสังคมไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและตรงจุด โครงการสง่ เสริมความรดู้ ้านการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตในระดบั อาชวี ศึกษา ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมมือกับส�ำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และส�ำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสรมิ การศกึ ษาเอกชน บรู ณาการการด�ำเนนิ งานด้านการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต เพอ่ื สง่ เสริม สนบั สนนุ เผยแพร่และประสานการเสริมสร้างทัศนคติค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริตให้แก่เด็กและเยาวชน โดยได้ประมวลความรู้ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตส�ำหรับการเรียนในหลักสูตรระดับอาชีวศึกษา เพื่อเผยแพร่ให้กับครูผู้สอน ในสถานศึกษาสงั กดั อาชีวศกึ ษา ประกอบดว้ ย 1) หนังสือ “สาระการเรียนรู้ เร่ือง การมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในหลกั สตู ร ปวช. 2556 หมวดวชิ าทักษะชวี ิต กลุม่ วชิ าสังคมศึกษา และ ปวส. 2557 หมวดวิชาทักษะชวี ิต กลุ่มวิชา สงั คมศาสตร์” 2) หนังสือ “คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้ส�ำเร็จการศึกษาตามระดับ คุณวฒุ ิอาชีวศกึ ษา” 3) หนงั สือ “แนวทางการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรเพอื่ สรา้ งความตระหนกั รแู้ ละมสี ว่ นรว่ มในการปอ้ งกัน การทจุ ริตสำ� หรับนักเรยี น นกั ศึกษา” ดังนั้น เพ่ือให้กระบวนการพัฒนาหลักสูตรเป็นไปอย่างต่อเน่ืองและมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างให้บุคลากร และนักเรียนนักศึกษาในระดับอาชีวศึกษาเกิดความตระหนักในปัญหาการทุจริต มีค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริต และ ด�ำรงฐานะด้วยความสุจริตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คณะอนุกรรมการส่งเสริมความรู้ด้านการป้องกัน และปราบปรามการทจุ ริตในระดบั อาชวี ศึกษา จึงจดั กจิ กรรมประกวด ดังน้ี 1. การประกวดชมรมต่อต้านการทุจริตในสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา มีสถานศึกษาได้รับรางวัลชมเชย จ�ำนวน 7 แห่ง 2. การประกวดแผนการจัดการเรียนรู้การมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริตในระดบั อาชวี ศึกษา ปรากฏผล ดังนี้ รางวลั ดเี ดน่ ผลงานของ นางดชั นีย์ จะวรรณะ วิทยาลัยเทคนิคกำ� แพงเพชร รางวัลดมี าก ผลงานของ นายปติ ภิ าคย์ ปิน่ รอด วิทยาลยั เทคนคิ ลำ� พนู รางวัลดี 1. ผลงานของ นายสนั ติ ทองแก้วเกิด วิทยาลยั เทคนคิ ตรัง 2. ผลงานของ นางปยิ นชุ นาส�ำแดง วทิ ยาลยั เทคนิคดอนเมือง 3. ผลงานของ นายวรี ะ ทองทาบวงศ์ วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาล�ำปาง 4. ผลงานของ ว่าท่ี ร.ต.จิรายทุ ธิ์ อ่อนศรี วทิ ยาลัยการอาชีพนวมินทราชูทิศ รางวัลชมเชย จ�ำนวน 6 แหง่ โครงการก�ำกบั ติดตาม ชดุ โครงการสหยุทธ์ “สรา้ งสังคมทีไ่ มท่ นต่อการทจุ ริต” ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการก�ำกับ ติดตาม และประเมินผลชุดโครงการสหยุทธ์ “สร้างสังคมท่ีไม่ทน ต่อการทจุ รติ ” เพ่อื ใหช้ ดุ โครงการสหยทุ ธ์ “สรา้ งสงั คมทไ่ี มท่ นตอ่ การทจุ รติ ” ด�ำเนนิ การอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ สามารถ รับทราบผลการด�ำเนินงาน ปัญหาอุปสรรคท่ีพบระหว่างด�ำเนินการ พร้อมแนวทางในการปรับปรุงและ เพ่มิ ประสทิ ธภิ าพการด�ำเนินงานให้ประสบผลสำ� เรจ็ โดยด�ำเนนิ การติดตาม 2 สว่ น ประกอบด้วย 96 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

1. ชดุ โครงการสหยทุ ธ์ “สร้างสงั คมท่ไี มท่ นต่อการทุจริต” จำ� นวน 4 โครงการ ประกอบด้วย 1.1 โครงการสนบั สนนุ และสร้างการมีส่วนรว่ มในการป้องกันการทุจริต จำ� นวน 2 กจิ กรรม ได้แก่ (1) กิจกรรมขับเคลื่อนพลังเครือข่าย ป.ป.ช. ภาคประชาสังคม ภูมภิ าค ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 (จังหวัดพิษณุโลก) (2) กิจกรรมขับเคลอ่ื นพลังเครือข่าย ป.ป.ช. ภาคประชาสังคม ภมู ภิ ภาค สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ภาค 3 (จังหวัดนครราชสีมา) 1.2 ชุดโครงการสหยุทธ์เพื่อบูรณาการหมู่บ้าน/ชุมชนสุจริต (ป.ป.ช.) จ�ำนวน 2 กิจกรรม ได้แก่ (1) กิจกรรมสัมมนาแนวทางการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนคุณธรรม เพ่ือสร้างสังคมท่ีไม่ทน ตอ่ การทจุ รติ (2) กิจกรรมอภิปรายและประกาศใช้ธรรมนญู หมู่บา้ น/ชุมชน 1.3 โครงการเยาวชนเพื่อการต่อต้านการทุจริต จ�ำนวน 1 กิจกรรม คือ กิจกรรมการสัมมนาจัดท�ำ แนวทางการพฒั นาโครงการเยาวชนเพอื่ การตอ่ ต้านการทจุ ริต 1.4 โครงการ STRONG - จิตพอเพยี ตา้ นทจุ รติ จ�ำนวน 5 โครงการ/กิจกรรม ไดแ้ ก่ (1) โครงการสร้าง วทิ ยากรตวั คูณ STRONG - จิตพอเพียงตา้ นทจุ ริต จงั หวดั ปัตตานี (2) โครงการ STRONG - จติ พอเพียงต้านทุจรติ จังหวดั แพร่ เคล่ือนที่ (3) โครงการ STRONG - จิตพอเพยี งตา้ นทจุ ริต จงั หวดั ยโสธร (4) โครงการ UD ANTI - COR- RUPTION ON TOUR (คนดีศรีอุดรสัญจรต้านทุจริต) (5) โครงการปฏิบัติการเฝ้าระวังการทุจริตในการด�ำเนินการ ของหน่วยงานภาครัฐในเขตจงั หวัดนครศรธี รรมราช 2. โครงการตามแผนงานบรู ณาการป้องกนั ปราบปรามการทจุ ริตและประพฤติมชิ อบประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ภายใต้การก�ำกับติดตามโครงการ/กิจกรรม ในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประเด็นการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ในลักษณะบูรณาการ เชงิ ยทุ ธศาสตร์ ประเด็นการปอ้ งกนั ปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 ภายใต้ แนวทางท่ี 1 สรา้ งจติ ส�ำนึก และปลูกฝังความซอื่ สตั ย์สจุ รติ ตัวชว้ี ดั ท่ี 2 รอ้ ยละของผเู้ ข้ารว่ มโครงการ/กจิ กรรมเข้ามา มสี ่วนรว่ มในการผลักดนั ใหเ้ กดิ สังคมท่ีไม่ทนต่อการทจุ ริต ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 75 ซึ่งมหี นว่ ยงานทีด่ �ำเนนิ การท้งั หมด 35 หนว่ ยงาน ดำ� เนนิ การแลว้ เสร็จ ได้ผลส�ำเร็จตามวัตถุประสงค์ สรปุ ผลการด�ำเนนิ การตดิ ตาม แบ่งเป็น 2 ส่วน ดงั น้ี 1. ด้านความส�ำเร็จของโครงการ/กจิ กรรม ประกอบดว้ ย 1.1 ตัวช้ีวัดโครงการ จ�ำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ ความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการต่อกิจกรรมของ โครงการ และต่อประโยชนข์ องโครงการ กล่าวคอื โครงการ/กจิ กรรมทดี่ �ำเนนิ การก�ำกบั ติดตามฯ สามารถด�ำเนนิ การ สำ� เรจ็ ไดต้ ามวัตถุประสงคท์ ่ตี ัง้ ไว้ 1.2 ข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมโครงการ และผู้จัดโครงการ กล่าวคือ ต้องการให้มีการจัดโครงการ อยา่ งตอ่ เน่อื งเพ่อื ปลกู จิตสำ� นึก ลดปัญหาการทจุ รติ สรา้ งการมสี ่วนรว่ ม และเฝา้ ระวังป้องกนั การทุจริตในชมุ ชน 2. ดา้ นการประเมินผลตามยุทธศาตร์ชาตฯิ สร้างสงั คมท่ีไม่ทนต่อการทจุ รติ ประกอบดว้ ย 2.1 ความอายและความกลัวต่อการกระท�ำการทุจริต สรุปผลการประเมิน ผู้เข้าร่วมโครงการ/ กจิ กรรม มคี วามอายและความกลวั ตอ่ การกระทำ� การทจุ ริต มากกวา่ ร้อยละ 80 2.2 ความคิดในเร่ืองการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม สรุปผล การประเมิน ผเู้ ข้าร่วมโครงการ/กจิ กรรม มคี วามอายและความกลัวต่อการกระท�ำการทจุ รติ มากกว่ารอ้ ยละ 80 2.3 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการต่อต้านการทุจริต สรุปผลการประเมิน ประชาชนมีส่วนร่วม ในการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ มากกวา่ ร้อยละ 60 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 97

โครงการประชุมแลกเปล่ียนเรียนร้รู ะดบั ชาติเกย่ี วกบั หมู่บา้ นและชุมชนเพอื่ การต่อต้านการทจุ รติ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ก�ำหนดท่ีจะด�ำเนินการโครงการพัฒนาบทเรียนแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวมตามแนวทางพระพุทธศาสนา โดยความร่วมมือระหว่างส�ำนักงาน ป.ป.ช. กับมหาวิทยาลัย มหามกฏุ ราชวิทยาลยั ตามแผนปฏบิ ัตกิ ารและแผนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดย มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับฐานความคิดของคนในทุกช่วงวัยให้สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมไดอ้ ย่างชดั เจน โดยอาศยั กลไกทางศาสนาพุทธเป็นเครอ่ื งมือสำ� คญั ในการปลูกจิตสำ� นกึ ค่านยิ ม สจุ ริต การมีคุณธรรม จรยิ ธรรม และการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกนั การทุจริต ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดกิจกรรมสัมมนาการพัฒนาบทเรียนการแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม เพื่อให้องค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการแก้ทุจริตปรับเปลี่ยนฐานความคิดของพระสอนศีลธรรม ในสังกัดมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ให้สามารถแยกเร่ืองประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมออกจาก กนั ได้ เพ่อื เพ่ิมศักยภาพพระวิทยากรสอนศีลธรรมในการสง่ เสรมิ สนับสนนุ เผยแพร่ ใหเ้ กดิ การปลูกจิตส�ำนึก ค่านยิ ม คณุ ธรรม จริยธรรม และสร้างวนิ ัยขึ้นในสงั คม โดยใชก้ ลไกทางศาสนาเปน็ เคร่ืองมือในการขับเคลอื่ นยุทธศาสตรช์ าติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สร้างเครือข่ายท่ีมีความรู้ความสามารถในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม รวมท้ังเพ่ือสร้างและขยายฐานเครือข่ายในการป้องกันการทุจริต โดยใช้กลไกทางศาสนาเป็นเครื่องมือ ในการขับเคลื่อนและพัฒนาการด�ำเนินงานตามโครงการประชุมแลกเปล่ียนเรียนรู้ระดับชาติเกี่ยวกับหมู่บ้านและ ชุมชนเพื่อการต่อต้านการทุจริต โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ พระสอนศีลธรรมและบุคลากรในสังกัดมหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลยั ผลผลิต: 1. มีจ�ำนวนผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรมสมั มนาฯ ทีเ่ ปน็ พระสอนศลี ธรรมจำ� นวน 622 รูป 2. มกี ารรายงานผลกจิ กรรมการตดิ ตามประเมินผลโครงการฯ ผลลพั ธ์: 1. ระดับความเข้าใจและความตระหนักของกลุ่มเครือข่ายบุคลากรพระสอนศีลธรรมร้อยละ 60 ของผูเ้ ข้ารับการอบรม 2. เพ่ิมศักยภาพกลุ่มเครือข่ายด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตท่ีเป็นพระสอนศีลธรรม ในโรงเรยี นไดอ้ ีกหนึ่งกลุม่ ประโยชน์ที่ไดร้ บั : 1. พระสอนศีลธรรมในสังกัดมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยได้รับองค์ความรู้และ เปน็ การส่งเสรมิ สนับสนุน เผยแพร่ ใหเ้ กดิ การปลูกจิตสำ� นกึ คา่ นยิ ม คณุ ธรรม จริยธรรม สรา้ งวนิ ัยขนึ้ ในสงั คม และ มีแนวทางการมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยใช้กลไกทางศาสนาเป็นเครื่องมือในการ ขับเคลอ่ื นยทุ ธศาสตร์ชาตวิ ่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ 2. เกิดเครือข่ายและขยายฐานเครือข่ายท่ีมีความรู้ความสามารถในการปลูกฝัง คุณธรรม จริยธรรม โดยใช้กลไกทางศาสนาเป็นเคร่ืองมือในการขับเคล่ือนและพัฒนาการด�ำเนินงานตามแนวทาง การบรู ณาการปอ้ งกนั การขัดกนั ของผลประโยชน์ ระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม กิจกรรมการติดตามและประเมินผลการด�ำเนินการขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตตามแนวทางพระพุทธศาสนา โดยความร่วมมอื ระหว่างส�ำนกั งาน ป.ป.ช. กบั มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั (มจร) กิจกรรมการติดตามและประเมินผลการด�ำเนินการขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตตามแนวทางพระพุทธ ศาสนาโดยความร่วมมือระหว่างส�ำนักงาน ป.ป.ช. กับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ซ่ึงจะเกิด ประโยชน์อย่างยิ่งในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติฯ โดยใช้กลไกทางศาสนา อันจะสนับสนุนให้การปฏิบัติงาน ด้านปอ้ งกันการทุจรติ บรรลตุ ามเปา้ หมายทีจ่ ะพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจรติ และสรา้ งวนิ ยั ใหเ้ กิดข้นึ ในสังคม ให้กลุ่มเป้าหมายร่วมเป็นก�ำลังส�ำคัญในการขับเคลื่อนสังคมใสสะอาดให้เกิดข้ึนอย่างย่ังยืนต่อไป ซึง่ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการ ดงั น้ี 98 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

1. เผยแพร่หนังสือรายงานผลการด�ำเนินกิจกรรมการเทศน์ป้องกันการทุจริตตามแนวพระพุทธศาสนา เฉลมิ พระเกียรตสิ มเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จ�ำนวน 1,000 เลม่ ไปยังวดั ต่าง ๆ และ หน่วยงานสังกดั มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) 2. เผยแพร่หนังสือรายงานผลการด�ำเนินกิจกรรมตาม MOU ระหว่างส�ำนักงาน ป.ป.ช.กับมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่มท่ี 2 จ�ำนวน 1,000 เล่ม ไปยังวัดต่าง ๆ และหน่วยงานสังกัดมหาวิทยาลัย มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั (มจร) ผลผลติ /ผลลพั ธ:์ 1. ผลิตหนังสือรายงานผลการด�ำเนินกิจกรรมการเทศน์ป้องกันการทุจริตตามแนว พระพทุ ธศาสนาเฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระเจ้าอยู่หวั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู จำ� นวน 1,000 เลม่ 2. ผลิตหนังสือรายงานผลการด�ำเนินกิจกรรมตาม MOU ระหว่างส�ำนักงาน ป.ป.ช. กบั มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั เลม่ ที่ 2 จำ� นวน 1,000 เลม่ ประโยชน์ที่ได้รับ: บุคลากร นิสิต นักศึกษาของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) รับรู้ถึงผลกระทบของการทุจริตและร่วมเฝ้าระวังการทุจริต เกิดการพัฒนาเครือข่ายและสร้างเครือข่ายและ ขยายฐานเครือข่ายท่ีมีความรู้ความสามารถในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม โดยใช้กลไกทางศาสนาเป็นเคร่ืองมือ ในการขบั เคลื่อนและพฒั นาการดำ� เนนิ งานตามแนวทางการบูรณาการปอ้ งกันการขดั กันของผลประโยชน์ โครงการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติเก่ียวกับหมู่บ้านและชุมชน “กิจกรรมการสัมมนา จดั ทำ� แนวทางการพัฒนาโครงการเยาวชนเพอ่ื การตอ่ ตา้ นการทุจริต” โครงการสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติจะท�ำให้เยาวชนผู้มีส่วนเก่ียวข้องในการด�ำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ได้แก่ เครือข่ายยุวทูต ป.ป.ช. และ เครอื ขา่ ยเยาวชนต่าง ๆ ของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ไดเ้ รียนรู้กระบวนการท�ำงานของแต่ละหนว่ ยงานต่างกนั ทำ� ให้ทราบถึง ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความส�ำเร็จในการด�ำเนินงานปัจจัยที่เป็นปัญหา/อุปสรรค ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงงาน ใหบ้ รรลผุ ลสำ� เรจ็ และมคี ณุ ภาพมากยงิ่ ขึ้น ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดกิจกรรมการสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติหัวข้อ “ แนวทางการพัฒนา โครงการเยาวชนเพื่อการต่อต้านการทุจริต” โดยกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย กลุ่มยุวทูต ป.ป.ช. และเครือข่าย เยาวชนของส�ำนักงาน ป.ป.ช. จำ� นวน 120 คน ผลผลติ : 1. จ�ำนวนผู้เข้าร่วม (ยุวทูต ป.ป.ช. และเครือข่ายเยาวชน) จ�ำนวน 109 คน โดยคิดเป็น ร้อยละ 90.83 2. จ�ำนวนหวั ข้อ/บทความในการนำ� เสนอ 5 เร่ือง/บทความในจลุ สาร ป.ป.ช. สารสโู่ รงเรียน ปีท่ี 11 ฉบับที่ 2 (เมษายน - มิถุนายน 2561) และปที ี่ 11 ฉบับที่ 3 (กรกฎาคม - กันยายน 2561) โดยคิดเปน็ รอ้ ยละ 50 ผลลพั ธ์: 1. เนื้อหาเอกสารรายงานมีแนวทางในการปรับปรุงและเพ่ิมประสิทธิภาพการด�ำเนินการให้ ประสบผลสำ� เร็จภายหลังจากการปฏิบตั แิ ละมีแนวทางการพัฒนาโครงการเยาวชนเพ่ือการตอ่ ตา้ นการทจุ ริต 2. มีการน�ำเสนอผลงานทางวิชาการโครงการประชุมแลกเปล่ียนเรียนรู้ระดับชาติเกี่ยวกับ หมูบ่ า้ นและชมุ ชน ประโยชนท์ ไี่ ด้รบั : 1. เกดิ เครอื ข่ายเยาวชนในการปอ้ งกันการทจุ รติ ระหวา่ งยวุ ทูต ป.ป.ช. รุ่นท่ี 1 - 4 และเครือข่ายเยาวชนอื่น ๆ มีการแลกเปลี่ยนความคิด เรียนรู้ และมีส่วนร่วมในการเสนอแนวทางแผนพัฒนา โครงการเยาวชนเพื่อการต่อตา้ นการทุจริตให้กบั ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. 2. ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ทราบถึงการด�ำเนินการ ปัญหาอุปสรรคที่พบระหว่าง การด�ำเนนิ การและแนวทางในการปรบั ปรงุ เพอื่ เพ่มิ ประสทิ ธิภาพการดำ� เนินการให้ประสบผลสำ� เร็จภายหลงั จากการปฏิบัติ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 99

3. ได้แผนพัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุกผ่านแนวทางการพัฒนาโครงการเยาวชน เพอื่ การต่อต้านการทุจรติ โครงการผลติ และสง่ “สารสาระเพ่ิมความรูส้ ้ทู ุจรติ สหู่ ม่บู า้ นและชมุ ชน” ปัญหาการทุจรติ ถอื ไดว้ า่ เปน็ ปญั หาทมี่ ีความสำ� คัญและส่งผลกระทบตอ่ ประชาชน สังคม และประเทศชาติ ในวงกว้าง ซึ่งหากจะด�ำเนินการแก้ไขปัญหาการทุจริตให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามเป้าประสงค์ของ ยุทธศาสตรช์ าตวิ ่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) จงึ มคี วามจ�ำเปน็ อยา่ ง ย่ิงท่ีจะต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหรือชุมชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกัน การทจุ รติ อย่างจริงจงั และตอ่ เนอ่ื ง ดังนั้น ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จงึ ไดก้ �ำหนดให้มโี ครงการผลติ และสง่ “สารสาระเพิ่ม ความรู้สู้ทุจริตสู่หมู่บ้านและชุมชน”ข้ึน เพื่อเป็นการเสริมสร้างให้เครือข่ายด้านการป้องกันการทุจริต และเครือข่าย อื่น ๆ ของหนว่ ยงานภาครัฐในหมู่บา้ น หรอื ชมุ ชนได้มอี งค์ความรู้ทีถ่ กู ต้องและจ�ำเปน็ เกย่ี วกบั การป้องกันการทจุ ริต ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล อีกท้ังยังสามารถเป็นเคร่ืองมือของเครือข่ายในการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ องค์ความรู้ ข้อคิด หรือแนวทางการป้องกันการทุจริตภายในหมู่บ้านหรือชุมชนของตนเอง ซึ่งหากประชาชน ในหมู่บ้านหรือชุมชนได้มีความรู้และความเข้าใจท่ีถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต พร้อมทั้งร่วมเป็นเครือข่าย กับส�ำนักงาน ป.ป.ช. ด�ำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการทุจริตภายในหมู่บ้านหรือชุมชน ก็จะส่งผลให้ ปัญหาการทุจริตลดลงหรือหมดไปในอนาคตอันใกล้น้ี โดยกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย เครือข่ายอาสาสมัคร ประชาสมั พนั ธข์ องกรมประชาสัมพนั ธ์ หรอื เครอื ข่ายอื่น ๆ ซ่งึ สำ� นักงาน ป.ป.ช. ไดด้ �ำเนนิ การ ดงั น้ี 1. ประชุมจัดท�ำเน้อื หาและสาระความรู้ส�ำหรบั การทำ� จุลสารเพอ่ื สง่ ให้กบั หม่บู ้านและชุมชน 2. การจัดพมิ พจ์ ุลสาร “สรรสาระ รู้...สทู้ จุ รติ ” เพิม่ ความรสู้ ู้ทจุ ริต สหู่ มู่บา้ นและชมุ ชน ผลผลิต: มเี อกสารประชาสัมพนั ธ์สรา้ งความรู้ดา้ นการปอ้ งกันการทุจรติ ในหมู่บา้ นและชมุ ชน จ�ำนวน 6 ฉบบั ผลลัพธ์: ประชาชนในหมู่บ้านและชุมชนมีความรู้ความเข้าใจในการต่อต้านการทุจริต ร้อยละ 75 ของตัวอย่างทส่ี ำ� รวจ ประโยชน์ที่ไดร้ ับ: 1. ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีส่ือท่ีใช้เป็นการเสริมสร้างให้เครือข่ายด้านการป้องกัน การทุจริต และเครือข่ายอื่น ๆ ของหน่วยงานภาครัฐในหมู่บ้านหรือชุมชนได้มีองค์ความรู้ที่ถูกต้องและจ�ำเป็น เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต อีกท้ังยังสามารถเป็นเครื่องมือของเครือข่ายในการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ องค์ความรู้ ข้อคิด หรือแนวทางการป้องกนั การทุจริตภายในหมู่บา้ นหรือชมุ ชนของตนเอง 2. เกดิ เครอื ขา่ ยความร่วมมอื ดา้ นการปอ้ งกันการทุจริตภายในหมบู่ า้ นและชุมชน โครงการส่งเสรมิ สนับสนุนการจัดทำ� แนวทางการด�ำเนนิ งาน หรอื บนั ทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้านการปอ้ งกนั การทจุ รติ ระหว่างหนว่ ยงานภาครฐั ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันท่ี 11 ตุลาคม 2559 เห็นชอบยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) และให้หน่วยงานภาครัฐแปลงแนวทางและมาตรการ ตามยุทธศาสตร์ชาติฯ ไปสู่การปฏิบัติ โดยก�ำหนดไว้ในแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และแผนปฏิบัติราชการประจ�ำปี ตามท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ โดยให้หน่วยงานภาครฐั ดำ� เนนิ การโดยคำ� นงึ ถึงความสอดคลอ้ งกับยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี และแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ด้วย ส�ำหรับงบประมาณในการด�ำเนินการ ให้หน่วยงานที่เก่ียวข้อง ด�ำเนินการตามความเห็นของส�ำนักงบประมาณ โดยเพื่อให้การด�ำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติฯ มีความสอดคล้อง กับนโยบายและแนวทางการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ ของรัฐบาล รวมถึงการด�ำเนินงานของภาคเอกชน และ 100 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

ภาคประชาสังคม สำ� นกั งาน ป.ป.ช. จึงด�ำเนนิ งานโครงการสง่ เสริมสนับสนนุ การจัดท�ำแนวทางการด�ำเนนิ งาน หรือ บนั ทกึ ข้อตกลงความร่วมมือด้านการป้องกันการทุจรติ ระหว่าง หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คม เพื่อเป็นส่วนหน่ึงในกลไกส�ำหรับการป้องกันและยับย้ังปัญหาการทุจริตของประเทศชาติให้บรรเทาเบาบางและหมด ไปในทสี่ ุด รวมถงึ เปน็ การตอบสนองต่อเป้าประสงค์ของยุทธศาสตรช์ าติว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ไดด้ �ำเนินการ ดงั น้ี 1. การประชุมร่วมระหว่างส�ำนักงาน ป.ป.ช. หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ทีม่ บี ทบาทด้านการป้องกนั การทจุ รติ ในสงั คมเป็นที่ประจกั ษ์ 2. การจัดทำ� แนวทางการด�ำเนินงาน หรอื บนั ทึกข้อตกลงความรว่ มมือดา้ นการป้องกันการทุจริต ระหว่าง หนว่ ยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม 3. การส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้ด�ำเนินการตามแนวทางหรือ บนั ทกึ ข้อตกลงความรว่ มมอื ด้านการป้องกันการทจุ ริต 4. การติดตามการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ตามที่ก�ำหนดไว้ และจดั ท�ำสือ่ เผยแพร่ผลการด�ำเนนิ งาน ผลผลิต: หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม สนับสนุนการด�ำเนินงานด้านการป้องกัน การทุจรติ ในเชิงรุก จ�ำนวน 10 แห่ง ผลลัพธ์: แนวทางการด�ำเนินงาน หรือบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการป้องกันการทุจริต ระหว่าง หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คม จ�ำนวน 1 แนวทาง ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ: 1. หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการ ปอ้ งกันการทจุ รติ ในเชิงรกุ อย่างเปน็ รูปธรรม 2. เกิดเครือข่ายความร่วมมือด้านการป้องกันการทุจริต ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม 3. แนวทางการด�ำเนนิ งาน หรือบันทกึ ขอ้ ตกลงความร่วมมือด้านการป้องกันการทุจริต ระหว่างหนว่ ยงานภาครฐั ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ท่ีชัดเจนมากขึ้น กจิ กรรมการประชมุ แลกเปลี่ยนเรยี นร้รู ะดบั ชาตเิ กย่ี วกับหม่บู า้ นและชุมชนเพอื่ การตอ่ ตา้ นการทุจรติ โครงการสัมมนาแลกเปล่ียนเรียนรู้ระดับชาติจะท�ำให้เยาวชนผู้มีส่วนเก่ียวข้องในการด�ำเนินการตาม ยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560-2564) ไดแ้ ก่ เครอื ข่ายยวุ ทูต ป.ป.ช. และเครือข่ายเยาวชนต่าง ๆ ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ไดเ้ รียนร้กู ระบวนการท�ำงานของแตล่ ะหน่วยงานท�ำให้ทราบถึง ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความส�ำเร็จในการด�ำเนินงาน ปัจจัยท่ีเป็นปัญหา/อุปสรรค ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงงาน ใหบ้ รรลผุ ลส�ำเรจ็ และมีคุณภาพมากยิ่งข้นึ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ไดด้ ำ� เนนิ การ ดังนี้ 1. จัดกิจกรรมการสัมมนาแลกเปล่ียนเรียนรู้ระดับชาติหัวข้อ “แนวทางการพัฒนาโครงการเยาวชนเพื่อ การตอ่ ตา้ นการทุจริต” 2. การสรุปผลกิจกรรมการสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติหัวข้อ “แนวทางการพัฒนาโครงการ เยาวชนเพื่อการต่อต้านการทจุ รติ ” ผลผลติ : 1. จ�ำนวนผู้เข้าร่วม (ยุวทูต ป.ป.ช. และเครือข่ายเยาวชน) จ�ำนวน 109 คน โดยคิดเป็น รอ้ ยละ 90.83 2. จ�ำนวนหัวข้อ/ บทความในการน�ำเสนอ 5 เร่ือง/บทความในจุลสาร ป.ป.ช. สารสู่โรงเรียน ปีท่ี 11 ฉบับท่ี 2 (เมษายน - มิถุนายน 2561) และปีท่ี 11 ฉบบั ที่ 3 (กรกฎาคม - กันยายน 2561) โดยคิดเปน็ ร้อยละ 50 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 101

ผลลัพธ์: 1. เน้ือหาเอกสารรายงานมีแนวทางในการปรับปรุงและเพ่ิมประสิทธิภาพการด�ำเนินการ ให้ประสบผลส�ำเร็จภายหลังจากการปฏิบัติและมีแนวทางการพัฒนาโครงการเยาวชนเพ่ือการต่อต้านการทุจริต 2. มีการน�ำเสนอผลงานทางวิชาการโครงการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติเกี่ยวกับ หม่บู ้านและชมุ ชน ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับ: 1. ได้ผลการสรุปปัญหาอุปสรรคท่ีพบระหว่างการด�ำเนินการ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคในการด�ำเนินการโครงการด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในระดับเด็กและเยาวชนของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. 2. ได้แผนพัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุกผ่านแนวทางการพัฒนาโครงการเยาวชน เพอ่ื การต่อต้านการทจุ ริต ยุทธศาสตรท์ ่ี 2 : ยกระดบั เจตจ�ำนงทางการเมืองในการตอ่ ต้านการทุจรติ จากการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต ผ่านโครงการส่งเสริมท้องถิ่นปลอดทุจริต ได้ก่อให้เกิดการแสดงเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต ด้วยการจัดท�ำแผนปฏิบัติการป้องกันการทจุ ริต 4 ปี (พ.ศ. 2560 - 2564) โดยองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ทว่ั ประเทศ จ�ำนวน 7,321 แห่ง และการลงนามบนั ทกึ ข้อตกลงความร่วมมือระหว่างองค์กรอิสระและรัฐสภา ในการยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต ระหว่างส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกต้ัง ส�ำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ส�ำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำ� นักงาน ป.ป.ช. เพอื่ บูรณาการความร่วมมือจากส่วนงานทีเ่ ก่ยี วข้องในการต่อต้านการทจุ รติ ของพรรคการเมือง นกั การเมอื ง ให้เปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ โดยมงุ่ ให้เกดิ การบรหิ ารด้วยความโปร่งใส มีความเขม้ แข็งในการบริหาร ราชการตามหลักธรรมาภิบาล เกิดการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมทางการเมืองของประชาชนไปสู่วัฒนธรรมการมีส่วนร่วม และต่อตา้ นการทุจรติ โดยผลการดำ� เนนิ โครงการ/กิจกรรม สรุปได้ ดงั น้ี โครงการสง่ เสริมทอ้ งถ่นิ ปลอดทจุ ริต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทส�ำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สุขต่อประชาชน นอกเหนือหน้าท่ีในการจัดบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลแล้ว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งต้องมีความชัดเจนในการบริหารงานท่ีโปร่งใสสุจริต จึงจะส่งผล ให้การบริหารท้องถ่ินบรรลุเป้าหมายแก่ชุมชนและประชาชนได้อย่างแท้จริง ส�ำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จงึ ไดด้ �ำเนินโครงการสง่ เสริมทอ้ งถน่ิ ปลอดทจุ รติ เพื่อส่งเสรมิ ใหผ้ ้บู รหิ ารองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น แสดงเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตด้วยการจัดท�ำแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตในองค์กร ท่ีบริหาร และการพฒั นาแผนฯ ให้ไดม้ าตรฐานครอบคลมุ ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปราม การทุจรติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) รวมท้งั ติดตามและประเมินผลการนำ� แผนฯ ไปสกู่ ารปฏบิ ัติ ซง่ึ สำ� นักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนนิ การ ดงั นี้ 1. ปรับปรุงคู่มือการจัดท�ำแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) 2. ผลิตคู่มือการติดตามประเมินผลการน�ำแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิน่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการปฏิบัติตามแผนฯ และรายงานผลการปฏบิ ัติตามแผนฯ 3. พัฒนาระบบรายงานและติดตามผลการด�ำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตขององค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ (ระบบ E - Plan NACC) รว่ มกับศูนยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือใช้ในการติดตามประเมินผล การนำ� แผนปฏบิ ตั กิ ารป้องกันการทจุ รติ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 102 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

4. จดั งานสง่ เสริมการจัดท�ำแผนปฏิบัติการป้องกนั การทุจริตขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น 5. นิเทศตดิ ตามผลการด�ำเนนิ งานตามแผนปฏบิ ัติการป้องกนั การทจุ รติ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน 6. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ท่ี 2 ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้าน การทจุ ริต ระดบั ผบู้ ริหารทอ้ งถ่นิ ในสอื่ ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ สอ่ื สงิ่ พิมพ์ เวบ็ ไซต์ ส่ือออนไลน์ของสำ� นักงาน ป.ป.ช. ผลผลติ : 1. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริต จ�ำนวนร้อยละ 97 และผ่าน เกณฑ์มาตรฐาน จำ� นวนร้อยละ 93 2. รายงานผลการก�ำกับติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริต ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน จำ� นวน 1 ฉบับ ผลลพั ธ:์ องค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ น�ำแผนปฏิบตั กิ ารป้องกนั การทจุ ริตไปสู่การปฏบิ ตั ิ จำ� นวน 2,414 แหง่ คิดเปน็ รอ้ ยละ 56 จาก อปท. ทผี่ า่ นเกณฑ์มาตรฐาน จ�ำนวน 4,289 แหง่ จำ� นวน 80,637 โครงการ/กิจกรรม จาก จ�ำนวน 132,702 โครงการ/กิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 61 ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั : 1. องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีการจัดท�ำแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตตามกรอบ ยทุ ธศาสตรช์ าติวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) 2. องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ มีการพัฒนาแผนปฏิบตั กิ ารปอ้ งกันการทจุ ริตให้ไดม้ าตรฐาน 3. องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ มีการน�ำแผนปฏิบตั กิ ารป้องกันการทุจรติ ไปสู่การปฏิบตั ิ 4. องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีการบริหารด้วยความโปร่งใสและมีความเข้มแข็งใน การบรหิ ารราชการ เพ่อื ให้บังเกิดประโยชน์สขุ แก่ประชาชน เปน็ แนวทางการป้องกันการทจุ รติ ในเชงิ รกุ และยั่งยนื 5. คณะผู้บริหารหรือข้าราชการ พนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน รวมถึง ประชาชนในท้องถ่ิน เกิดความตระหนักถึงปัญหาการทุจริตท่ีส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างร้ายแรง และเสริมสร้าง ทศั นคตคิ า่ นยิ มในความซ่อื สัตย์สจุ ริต คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และการมสี ่วนรว่ มในการป้องกนั การทจุ รติ โครงการสง่ เสริมมาตรฐานคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของผู้ดำ� รงตำ� แหน่งทางการเมือง ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ที่มีบทบาทส�ำคัญในการใช้อ�ำนาจในการบริหาร ราชการแผ่นดิน มีหน้าที่ก�ำหนดนโยบายท่ีจะส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน ผดู้ ำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมืองและเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐ นอกจากจะตอ้ งมคี วามพรอ้ มท้ังองคค์ วามรูท้ ่จี ำ� เป็น ในการปฏิบตั ิ หน้าท่ีแล้ว ส่ิงที่ส�ำคัญและจ�ำเป็นอย่างย่ิง คือ การมีคุณธรรมจริยธรรม ซ่ึงเป็นตัวแปรส�ำคัญในการส่งผลให้ การบริหารราชการเป็นไปด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส ถูกต้อง และตรวจสอบได้ ด้วยภาระหน้าที่ที่มีความส�ำคัญ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 76 วรรค 3 ได้ก�ำหนดให้รัฐจัดให้มีมาตรฐาน ทางจรยิ ธรรม เพ่อื ให้หนว่ ยงานของรัฐใชเ้ ป็นหลกั ในการก�ำหนดประมวลจรยิ ธรรมส�ำหรบั เจา้ หน้าทีข่ องรฐั ประกอบ มาตรา 219 บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมกันก�ำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมข้ึน ใช้บังคับแก่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หัวหน้าหน่วยงานธุรการ ขององค์กรอิสระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี ยึดถือปฏิบัติ และต้องมีการระบุ การฝา่ ฝนื หรือไม่ปฏบิ ตั ติ ามมาตรฐานทางจรยิ ธรรมใดที่มีลกั ษณะร้ายแรงดว้ ย คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยสำ� นักงาน ป.ป.ช. มสี ว่ นเกีย่ วขอ้ งกบั กระบวนการตามรัฐธรรมนญู ในหลายมติ ิ ท้ังด้านการป้องกันการทุจริต ด้านการไต่สวนผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและผู้ด�ำรงต�ำแหน่งระดับสูงบางต�ำแหน่ง ทีฝ่ า่ ฝนื หรือไมป่ ฏบิ ตั ติ ามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และด้านขับเคล่อื นยทุ ธศาสตร์ชาติ วา่ ดว้ ยการปอ้ งกัน และปราบปรามการทุจริต ฉะนั้น เพื่อส่งเสริมให้ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ มีมาตรฐาน รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 103

ด้านคุณธรรมจริยธรรม เสริมสร้างกลไกและกระบวนงานป้องกันการทุจริตในเชิงรุก ก�ำหนดแนวทางการก�ำกับ ติดตามมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าท่ีของรัฐในทุกระดับ รวมทั้งบูรณาการ ในการทำ� งานร่วมกันกับองคก์ รท่ีเก่ยี วข้องกับการขบั เคลื่อนงานดา้ นคุณธรรมจริยธรรมจึงด�ำเนนิ การส่งเสริมาตรฐาน คุณธรรมและจริยธรรมของผูด้ ำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมอื งและเจา้ หน้าที่ของรัฐ ประกอบดว้ ยการประชมุ กำ� หนดแนวทาง ในการส่งเสริมมาตรฐานคุณธรรมจริยธรรมของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการจัดท�ำมาตรวัด ระดบั คณุ ธรรมจริยธรรมสำ� หรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ซ่งึ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ได้ดำ� เนินการ ดงั น้ี 1. การประชุมก�ำหนดแนวทางในการส่งเสริมมาตรฐานคุณธรรมจริยธรรมของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง และเจา้ หน้าท่ีของรฐั 2. จัดสร้างมาตรวัดระดับคุณธรรมจริยธรรมของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ผลการดำ� เนินงานและระดบั ความสำ� เร็จตามตวั ชว้ี ดั ผลผลิต: 1. รายงานการประชุมก�ำหนดแนวทางในการส่งเสริมมาตรฐานคุณธรรมจริยธรรมของผู้ด�ำรง ตำ� แหน่งทางการเมืองและเจา้ หนา้ ทีข่ องรฐั 2. จ�ำนวนแบบทดสอบมาตรวัดระดบั คุณธรรมจริยธรรม จำ� นวน 1,000 ข้อ ประโยชน์ที่ได้รับ: มีเคร่ืองมือในการประกอบการพิจารณาสรรหา คัดเลือกบุคคลเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการเลือ่ นระดบั ตำ� แหน่ง คา่ ตอบแทน ตอ่ ไป โครงการประชุมวิชาการแลกเปล่ียนเรียนรรู้ ะดับชาติ เรือ่ ง “การยกระดับเจตจำ� นงทางการเมอื ง ในการต่อต้านการทุจริต” โครงการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติจะท�ำให้ผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องในการด�ำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ได้เรียนรู้กระบวนการท�ำงาน ของแต่ละหน่วยงานท่ีแตกต่างกัน ท�ำให้ทราบถึงปัจจัยท่ีส่งผลต่อความส�ำเร็จในการด�ำเนินงานหรือปัจจัยท่ีเป็น ปัญหา/อุปสรรค ซ่งึ เปน็ ประโยชนต์ อ่ การปรบั ปรงุ งานใหบ้ รรลผุ ลสำ� เรจ็ และมคี ณุ ภาพมากย่งิ ขนึ้ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จัดประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติประจ�ำปี เรื่อง การยกระดับเจตจ�ำนง ทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตกลุ่มเป้าหมายได้แก่ กลุ่มท่ีเกี่ยวข้องในชุดโครงการสหยุทธ์ฯ ประชุมแลก เปลี่ยนเรยี นรู้ จ�ำนวน 300 คน ผลผลิต: การประชมุ วิชาการแลกเปลยี่ นเรยี นรรู้ ะดับชาตปิ ระจำ� ปี เรอ่ื ง การยกระดบั เจตจ�ำนงทางการเมือง ในการต่อต้านการทุจริตและเผยแพร่ผลงานวิจัยในการประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติประจ�ำปี เรอ่ื ง การยกระดบั เจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อตา้ นการทจุ รติ ผลลัพธ์: หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องมีความรู้ความเข้าใจในแนวคิดและกระบวนการท�ำงานระหว่างกัน โดยที่มี ร้อยละของความสมบูรณ์ครบถ้วนของเน้ือหาเอกสารรายงานผล และ Proceedings ของการประชุมวิชาการ แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ระดบั ชาตปิ ระจ�ำปี เร่อื ง การยกระดบั เจตจำ� นงทางการเมอื งในการต่อต้านการทุจริต ประโยชนท์ ่ีไดร้ บั : 1. ผู้ที่เก่ียวข้องในโครงการรับทราบถึงการด�ำเนินการ ปัญหาอุปสรรคท่ีพบระหว่าง การดำ� เนนิ การ และแนวทางในการปรับปรงุ และเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการดำ� เนนิ การให้ประสบผลส�ำเรจ็ 2. ยกระดับงานวิชาการและองค์ความรู้ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดว้ ยกระบวนการวจิ ัยประเมิน ตลอดจนตอบสนองต่อการยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการตอ่ ต้านการทุจรติ 3. มีข้อมูลพนื้ ฐานในการยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต 104 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

โครงการก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “ยกระดับเจตจำ� นงทางการเมอื งในการตอ่ ตา้ นการทุจรติ ” ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ก�ำหนดให้มีการก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมือง ในการต่อต้านการทุจริต” หน่วยงานที่เสนอโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามแนวทางการจัดท�ำโครงการ ตามแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 ยกระดับเจตจำ� นงทางการเมอื งในการตอ่ ต้านการทุจริต เพื่อเป็นการประสาน ในฐานะหนว่ ยงานหลกั ทเ่ี ปน็ ผกู้ ำ� กับ ติดตามฯ และหน่วยงานท่เี ก่ยี วขอ้ งทน่ี ำ� ไปสกู่ ารปฏิบตั ดิ ำ� เนินการไดส้ อดคล้อง กับยุทธศาสตร์ชาติฯ ระยะที่ 3 ประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 2 ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต รวมถึง เพื่อให้รับทราบถึงผลการด�ำเนินการ ปัญหาอุปสรรค และแนวทางในการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการด�ำเนิน โครงการสหยุทธ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด�ำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการ พัฒนาการขับเคลื่อนชุดโครงการสหยุทธ์ ในประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 2 ยกระดับเจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้าน การทุจรติ วธิ กี ารดำ� เนนิ การ : ดำ� เนนิ การลงพน้ื ท่ีสำ� รวจกลมุ่ เปา้ หมายทผี่ า่ นการด�ำเนนิ โครงการตามแผนบรู ณาการ ป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประจ�ำปี พ.ศ. 2561 ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยวธิ ีสมั ภาษณร์ ่วมกับแบบสัมภาษณ์ เพือ่ จดั เก็บขอ้ มลู กลมุ่ ตวั อย่าง 3 กลมุ่ แบ่งเป็น 1. แบบสมั ภาษณ์สำ� หรับผู้เขา้ รว่ มโครงการ 2. แบบสัมภาษณ์สำ� หรับพนกั งานสว่ นท้องถนิ่ และลกู จ้างที่ปฏิบัตงิ านใน อปท. 3. แบบสมั ภาษณ์สำ� หรบั ประชาชนในพ้ืนที่ โดยแบ่งการลงพนื้ ทเี่ ป็น 4 ภูมิภาค กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย 3.1 ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินผู้ผ่านการอบรมฯ จำ� นวน 17 คน 3.2 พนกั งานส่วนทอ้ งถิน่ จ�ำนวน 57 คน 3.3 ประชาชนในพ้นื ที่ จำ� นวน 51 คน ข้อคน้ พบทไี่ ดจ้ ากการลงพื้นท่ภี าคสนาม ปญั หาและอุปสรรค และข้อเสนอแนะ ดงั น้ี 1. ตัวช้ีวัดโครงการสอดคล้องกับตัวช้ีวัดตามแผนบูรณาการการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ (แนวทางการดำ� เนนิ งานท่ี 1 สร้างจิตส�ำนึก และปลกู ฝงั ความซอ่ื สัตย์สจุ ริต ตัวชว้ี ดั ที่ 3 รอ้ ยละของ จำ� นวนสมาชกิ ของกลุ่ม/องค์กรเข้าร่วมกิจกรรมการต่อต้านการทจุ ริต ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 85 เมอ่ื เทียบกับเป้าหมายทีต่ ั้งไว)้ 2. คณะท�ำงานฯ ได้รบั ความร่วมมือจากหน่วยงานกล่มุ ตวั อยา่ งและประชาชนในพนื้ ท่ีเป็นอย่างดี 3. ผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้ด้านการปฏิบัติราชการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ความรู้ ดา้ นกฎหมาย และเข้าใจบทบาทหน้าท่ีองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นมากขน้ึ 4. ผู้เข้ารับการอบรมในบางพื้นที่ได้มีการน�ำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ต่อ ในวาระตา่ ง ๆ เช่น การประชมุ ประจ�ำเดอื น การบรรยายใหค้ วามรู้ในพ้ืนที่ เป็นตน้ 5. ผู้เข้ารับการอบรมมีความสนใจและให้ความร่วมมือในการด�ำเนินโครงการ และมีความต้องการท่ีจะ เรยี นรอู้ งคค์ วามร้ใู หม่ ๆ และอยากให้ผูด้ ำ� เนินโครงการด�ำเนินโครงการในปีต่อ ๆ ไป 6. ในบางพืน้ ทก่ี ารให้ข้อมลู การด�ำเนินการของผู้บริหารและพนกั งานไมส่ อดคลอ้ งกนั 7. ไม่สามารถเก็บข้อมูลผู้เข้าอบรมได้ครบตามจ�ำนวนที่ก�ำหนดไว้ เนื่องจากในการลงพื้นที่ คร้ังท่ี 3 (ภาคใต)้ ตรงกบั ช่วงเวลาการประชมุ สมาคมสันนบิ าตเทศบาลแหง่ ประเทศไทย ปัญหาและอุปสรรค 1. ผู้ให้ข้อมูลอาจจะยังไม่เข้าใจกระบวนการการท�ำงานของคณะท�ำงานก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการ สหยุทธ์ฯ โดยมคี วามเขา้ ใจว่าเปน็ การลงพืน้ ท่ีเพื่อตรวจสอบ ทำ� ใหก้ ารให้ขอ้ มูลยังไมส่ ามารถสะท้อนตามความเปน็ จรงิ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 105

2. เน่ืองจากการด�ำเนินโครงการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม และต่อต้านการทุจริตตามแนวหลักปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพียงใหก้ บั บุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 เป็นการดำ� เนินการใน ระยะแรก ซึ่งก�ำหนดผลผลิตโครงการเป็นจ�ำนวนบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีเข้าร่วมโครงการ จึงท�ำให้ ผู้เข้าอบรมไมไ่ ด้นำ� ความรมู้ าต่อยอดเปน็ รปู ธรรม ข้อเสนอแนะ 1. หนว่ ยงานผรู้ บั ผิดชอบโครงการควรก�ำชับและเนน้ ยำ้� ให้ผ้เู ข้ารบั การอบรมเห็นความสำ� คญั ของโครงการ 2. ควรมีการติดตามและประเมินผลและรายงานผลมายังหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการว่าหลังจาก ที่ดำ� เนินโครงการไปแล้วผ้เู ข้ารับการอบรมได้ดำ� เนนิ การอยา่ งไรบ้าง 3. ควรมกี ารจดั โครงการ/กิจกรรมต่อเนือ่ งเพ่อื กระต้นุ ใหเ้ กิดความตระหนกั ในการป้องกันการทจุ ริต 4. วิทยากรเป็นปัจจัยที่สามารถท�ำให้ผู้เข้ารับการอบรมสนใจท่ีจะเข้าร่วมโครงการ จึงควรสรรหาวิทยากร ทีเ่ หมาะสมกับเนอ้ื หาและกล่มุ เป้าหมาย 5. การก�ำหนดกลุ่มเป้าหมายไม่ชัดเจน และการก�ำหนดกลุ่มเป้าหมายท่ีมากเกินไป ส่งผลให้โครงการ ขาดความนา่ สนใจจากผู้เข้ารบั การอบรม ควรจัดโครงการโดยแยกกลมุ่ เป้าหมายเปน็ 2 ระดับ เชน่ กล่มุ ผบู้ รหิ ารองคก์ ร ปกครองส่วนทอ้ งถ่ินและกลมุ่ ปลดั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น เพอ่ื ใหไ้ ด้รับความร้ตู รงประเดน็ และตรงตามความต้องการ ผลกระทบท่ีได้รับจากการด�ำเนินโครงการ : กลุ่มเป้าหมายท่ีมีส่วนเก่ียวข้องกับโครงการภายใต้ แผนบูรณาการป้องกนั ปราบปรามการทุจรติ และประพฤติมิชอบ ประจ�ำปี พ.ศ. 2561 ตระหนกั ถงึ ความส�ำคัญในการ ต่อต้านการทจุ ริตมากข้ึน ยุทธศาสตรท์ ่ี 3 : สกัดก้ันการทจุ รติ เชงิ นโยบาย ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 ไดม้ ีการด�ำเนนิ โครงการทีอ่ ยภู่ ายใต้ประเด็นยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 “สกัดกน้ั การทจุ ริต เชงิ นโนบาย” หลายโครงการโดยมจี ุดมุ่งหมายเพื่อใหก้ ารทุจริตท่แี อบแฝงอยใู่ นนโยบายสาธารณะตา่ ง ๆ ลดนอ้ ยลง เพื่อให้นโยบายเหล่าน้ันสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนให้ได้มากที่สุด ลดความสูญเสียและ ความไรป้ ระสทิ ธภิ าพทเ่ี กดิ จากกระบวนการทุจริต ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการศึกษาเพ่ือก�ำหนดเกณฑ์ช้ีวัดความเส่ียงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย เพ่ือเป็นเคร่ืองมือท่ีใช้สร้างความโปร่งใสในการพัฒนานโยบายของพรรคการเมืองและการน�ำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการทุจริต เป็นการเสริมสร้างกระบวนการทางเมืองให้มีความสร้างสรรค์ โดยทุกภาคส่วน ร่วมคิด ร่วมพัฒนาและร่วมตัดสินใจ เกณฑ์ชี้วัดความเส่ียงต่อการทุจริตเชิงนโยบายแบ่งออกเป็น 2 ข้ันตอน ครอบคลมุ ตงั้ แต่ขนั้ ตอนการพฒั นานโยบาย ไปจนถงึ ขัน้ ตอนการนำ� นโยบายสูก่ ารปฏบิ ตั ิ นอกจากน้ี ยังได้ด�ำเนินโครงการจัดท�ำแนวทางในการขับเคล่ือนหลักธรรมาภิบาล เพ่ือสกัดก้ันการทุจริต เชิงนโยบาย โดยมีข้อเสนอแนะเก่ียวกับบทบาทของ 3 ภาคส่วน ที่ต้องร่วมขับเคลื่อนหลักธรรมาภิบาลเพื่อสกัดกั้น การทจุ ริตเชงิ นโยบาย ไดแ้ ก่ บทบาทภาครัฐ บทบาทภาคเอกชน และบทบาทภาคประชาสงั คมและประชาชนทวั่ ไป สรปุ ผลการดำ� เนินโครงการได้ ดังนี้ โครงการสร้างหลักสตู รและพัฒนาองค์ความรทู้ างนติ ิเศรษฐศาสตร์ในงานการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอ�ำนาจหนา้ ทใ่ี นการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ ในหนว่ ยงานของรัฐใหล้ ดลง หรือหมดสิน้ ไป ซ่งึ ในปจั จุบันการทจุ รติ มรี ูปแบบที่หลากหลายและซบั ซ้อนมากขึน้ รวมท้งั มีการร่วมมือกันทจุ ริตเป็น เครือข่ายอยา่ งเป็นระบบ ท่มี ีความรว่ มมอื กันในหลายกลมุ่ ระหว่างขา้ ราชการ นกั การเมอื ง และภาคเอกชน รวมไปถงึ 106 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

การทจุ รติ ของบคุ คลทีม่ คี วามรคู้ วามเชีย่ วชาญเฉพาะด้านหรอื มีวิชาชพี ในดา้ นนนั้ ๆ จึงทำ� ให้การตรวจสอบ/ตรวจจับ การทจุ รติ กระท�ำไดอ้ ยา่ งยากขึ้น รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2560 มาตรา 234 ไดก้ �ำหนดเกย่ี วกับหนา้ ทีแ่ ละอ�ำนาจ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ีจะต้องจัดให้มีมาตรการหรือแนวทางท่ีจะท�ำให้การปฏิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพ เกิดความรวดเร็ว สุจริต และเทีย่ งธรรม โดยใหก้ �ำหนดเป็นหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไขในพระราชบญั ญตั ิประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซ่ึงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 ใน (1) มาตรา 48 ได้ก�ำหนดระยะเวลาท่ีจะต้องไตส่ วนและมคี วาม เห็นหรือวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในก�ำหนดเวลาท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำหนดซ่ึงต้องไม่เกิน 2 ปีนับแต่วันเริ่ม ด�ำเนินการไต่สวน ท้ังนี้ ให้ค�ำนึงถึงความรวดเร็ว ความยากง่ายของการไต่สวน และอายุความของการด�ำเนินการ ในเร่อื งนน้ั โดยจะระบุระยะเวลาของการไตส่ วนข้อกล่าวหาแตล่ ะประเภทที่แตกต่างกนั ก็ได้ (2) มาตรา 50 กำ� หนด ระยะเวลาในการไต่สวนเบื้องต้นต้องด�ำเนินการให้แล้วเสร็จและจัดท�ำรายงานการไต่สวนเบ้ืองต้นเสนอ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายใน 180 วนั นับแตว่ ันทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จึงจัดท�ำ “โครงการสร้างหลักสูตรและพัฒนาองค์ความรู้ทางนิติเศรษฐศาสตร์ ในงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” ซึ่งเป็นสิ่งจ�ำเป็นในการพัฒนาและเพ่ิมประสิทธิภาพให้แก่เจ้าหน้าที่ โดยการสร้างองค์ความรู้ที่จ�ำเป็นต่อการปฏิบัติงานเพื่อให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานที่รวดเร็ว มีคุณภาพ เพื่อการบรรลเุ ปา้ หมายขององค์กร ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินโครงการสร้างหลักสูตรและพัฒนาองค์ความรู้ทางนิติเศรษฐศาสตร์ในงาน การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต ประกอบด้วย 5 กิจกรรม ดงั นี้ กิจกรรมที่ 1 การประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการเพื่อพัฒนาเนอ้ื หาดา้ นการป้องกันและปราบปรามการทุจริตการจัดซอ้ื จัดจ้าง เม่ือวันท่ี 2 มีนาคม 2561 โดยมีการอภิปรายในหัวข้อ “พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหาร พัสดภุ าครัฐ พ.ศ. 2560 กับการลดโอกาสการทุจริต และ เทคนิคการทำ� คดฮี ้วั ประมลู และกรณศี ึกษา” และ หัวขอ้ “กรณีศึกษาการทจุ รติ การจดั ซ้ือจัดจ้าง และ ลกั ษณะการจดั ซ้อื จัดจ้างตา่ ง ๆ ที่มีช่องทาง/โอกาสใหเ้ กดิ การทจุ ริต” กิจกรรมที่ 2 การประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือพัฒนาเน้ือหาด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่ดิน ได้จัดกิจกรรมเมื่อวันท่ี 7 มีนาคม 2561 โดยมีการอภิปรายในหัวข้อ “การทุจริตเก่ียวกับที่ดิน: การรังวัด การท�ำแผนท่ี การจดทะเบียน การแลกเปล่ียนซื้อชาย และช่องโหว่ของกฎหมายท่ีดิน” และหัวข้อ “เทคนิค การไต่สวนคดีทุจริตและการใช้เทคโนโลยีระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) และภาพถ่ายดาวเทียมเพ่ือช่วยการสืบสวน สอบสวนการทุจริตทดี่ ิน” กิจกรรมที่ 3 การอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการเพื่อการสกัดก้นั การทุจริตเชิงนโยบาย และการพฒั นาสมรรถนะและ องค์ความรู้เชิงสหวทิ ยาการของเจ้าหนา้ ท่ี ป.ป.ช. โดยใชแ้ นวคิดทางนิตเิ ศรษฐศาสตร์ รุ่นท่ี 2 ได้จดั การอบรมจำ� นวน 7 ครัง้ ครัง้ ละ 3 ช่วั โมง ชว่ งเดอื นกุมภาพนั ธ์ - เดอื นเมษายน 2561 กิจกรรมที่ 4 การประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือพัฒนาเนื้อหาด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การทำ� สัญญาภาครฐั ไดจ้ ดั กิจกรรมเมื่อวนั ท่ี 6 มถิ ุนายน 2561 โดยมกี ารอภิปรายในหวั ข้อ “การท�ำสญั ญาภาครฐั และการตรวจร่างสัญญา (มุมมองทางกฎหมายและเศรษฐศาสตร์) และ หัวข้อ “กรณีศึกษาการด�ำเนินการ ทางอนญุ าโตตุลาการเมอ่ื มกี รณีพพิ าท” กิจกรรมที่ 5 การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาเน้ือหาด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต: ประเด็นประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารรัฐกิจของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ได้จัดกิจกรรมเมื่อวันท่ี 11 มถิ นุ ายน 2561 โดยมกี ารอภปิ รายในหวั ขอ้ “ร่างพระราชบัญญตั ิว่าดว้ ยความผดิ เกย่ี วกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ สว่ นบคุ คลกับประโยชนส์ ่วนรวม พ.ศ. .... และ ประโยชน์ทับซ้อน : กรณีเปรยี บเทยี บกบั ตา่ งประเทศ” และหวั ข้อ “ประโยชน์ทับซอ้ นในหน่วยงานภาครฐั และรฐั วสิ าหกิจ และกรณตี ัวอย่างปัญหาประโยชนท์ บั ซอ้ น” รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 107

ผลผลติ : 1. ได้หลักสูตร/เน้อื หาการอบรม จำ� นวน 4 เร่ือง ได้แก่ การทุจริตจดั ซอ้ื จัดจา้ ง การทจุ รติ ทีด่ ิน การทุจรติ การทำ� สญั ญาภาครฐั และ ประเด็นประโยชนท์ บั ซอ้ นในการบรหิ ารรฐั กิจของหน่วยงานราชการและรฐั วสิ าหกจิ 2. จ�ำนวนผู้เข้าร่วมอบรมได้ตามเป้าหมายที่ก�ำหนดไว้ในแผน คือ มีผู้เข้าร่วมอบรม 24 คน (จากทก่ี ำ� หนดไว้ร้อยละ 80 ของกลมุ่ เป้าหมาย 30 คน) ผลลพั ธ:์ 1. การมหี ลกั สูตร/เน้อื หาการอบรมทีเ่ หมาะสมส�ำหรบั การนำ� ไปใช้ในการอบรม 4 เรอ่ื ง 2. ผเู้ ข้ารับการอบรมมคี วามรูค้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั แนวคิดนิตเิ ศรษฐศาสตร์รอ้ ยละ 75.40 ประโยชน์ที่ได้รับ: 1. เจ้าหน้าท่ีส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีมุมมองหรือองค์ความรู้การน�ำแนวคิดทาง นิตเิ ศรษฐศาสตร์มาใชใ้ นการปฏบิ ตั ิงานให้มีทักษะและการสงั เกต เพือ่ การสกดั ก้นั การทุจริตเชิงนโยบาย และการตรวจสอบ หาขอ้ มูลข้อเท็จจริงในการปฏิบตั ภิ ารกจิ หลกั ของเจา้ หนา้ ที่สำ� นกั งาน ป.ป.ช. 2. การมีหลักสูตร/เนื้อหาการอบรมที่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกอบรมเจ้าหน้าท่ี ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. โครงการประชมุ วชิ าการแลกเปลี่ยนเรยี นรูร้ ะดบั ชาตปิ ระจำ� ปี เรอ่ื ง การสกดั กนั้ การทุจรติ เชงิ นโยบาย โครงการประชุมวิชาการแลกเปล่ียนเรียนรู้ระดับชาติประจ�ำปี เรื่อง การสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย เป็นโครงการท่ีจัดท�ำขึ้นเพ่ือให้ผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องในการด�ำเนินการตามประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 การสกัดก้ัน การทุจริตเชิงนโยบาย ได้แลกเปล่ียนข้อมูลและองค์ความรู้เน่ืองจากแนวทางในแต่ละภาคส่วนท่ีได้ปฏิบัติตามประเด็น ยุทธศาสตรท์ ่ี 3 การสกัดก้ันการทุจริต อาจมีแนวทางทแี่ ตกต่างกนั ออกไป มกี ลวิธีตลอดจนถงึ วธิ กี ารในการสกัดกั้น การทุจริตเชิงนโยบายที่แตกต่างกันตามแต่การออกแบบของหน่วยงานต่าง ๆ แต่บางคร้ังอาจได้ผลลัพธ์ที่มี ประสิทธิภาพ คุ้มค่า และส่งผลกระทบต่อความส�ำเร็จในประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 3 เป็นอย่างมาก ซึ่งการแลกเปล่ียน เรียนรู้ระหว่างกันจะท�ำให้เกิดพลวัตขององค์ความรู้ เป็นการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้อง ท�ำให้ทราบถึง ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความส�ำเร็จในการด�ำเนินงานหรือปัจจัยที่เป็นปัญหา/อุปสรรค ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุง แนวทางการปฏบิ ตั ิตามประเดน็ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3 อกี ทั้งยงั กอ่ ให้เกิดการต่อยอดและหาแนวทางใหมใ่ นการปฏิบัติตาม ประเดน็ ยุทธศาสตร์ อันเป็นการสรา้ งพลวัตของประเดน็ ยุทธศาสตร์ที่ 3 ใหม้ ีความทันสมัยและสามารถตอบสนองตอ่ เหตุการณ์ต่าง ๆ ทเี่ กิดขึ้นในอนาคตได้ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ด�ำเนนิ การ ดงั น้ี 1. กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมสื่อสารการตลาดเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการสกัดกั้นการทุจริต เชงิ นโยบาย 2. กิจกรรมที่ 2 การประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ เรื่อง “การสกัดก้ันการทุจริต เชงิ นโยบาย” ครัง้ ที่ 1 ณ โรงแรมรชิ มอนด์ จังหวัดนนทบุรี 3. กิจกรรมท่ี 3 การประชุมวิชาการแลกเปล่ียนเรียนรู้ระดับชาติ เรื่อง “การสกัดกั้นการทุจริต เชงิ นโยบาย” ครั้งที่ 2 (จดั ร่วมกบั ชดุ โครงการสหยทุ ธ์อน่ื ๆ) 4. กจิ กรรมที่ 4 การจัดทำ� และผลติ เอกสาร รายงานผล และ Proceedings ของการประชุมวิชาการแลกเปลีย่ น เรียนรู้ระดบั ชาตปิ ระจ�ำปี เรอื่ ง การสกดั กัน้ การทจุ ริตเชงิ นโยบาย ณ โรงแรมเซน็ ทรา บายเซน็ ทารา ศูนย์ราชการและ คอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจง้ วฒั นะ ผลผลติ : 1. การประชุมวิชาการแลกเปล่ียนเรียนรู้ระดับชาติประจ�ำปี เร่ือง การสกัดก้ันการทุจริต เชิงนโยบาย 2 คร้งั 2. เอกสารรายงานผล และ Proceedings ของการประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ ประจ�ำปี เรือ่ ง การสกดั ก้ันการทุจรติ เชิงนโยบาย ผลลัพธ์: ความสมบูรณ์ครบถ้วนของเน้ือหาเอกสารรายงานผล และ Proceedings ของการประชุม วิชาการแลกเปล่ยี นเรียนรูร้ ะดบั ชาติประจ�ำปี เรื่อง การสกัดกัน้ การทจุ ริตเชงิ นโยบาย ร้อยละ 90 108 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

ประโยชนท์ ไี่ ด้รับ: 1. ท�ำให้รับทราบถึงการด�ำเนินการ ปัญหาอุปสรรคที่พบระหว่างการด�ำเนินการ และ แนวทางในการปรับปรุงและเพม่ิ ประสิทธิภาพการดำ� เนินการใหป้ ระสบผลส�ำเรจ็ ภายหลงั จากการปฏบิ ตั ิ 2. ยกระดบั การรบั รูก้ ารทจุ ริตของประเทศไทย โครงการกำ� กับ ติดตาม ชดุ โครงการสหยทุ ธ์ “สกดั กัน้ การทุจรติ เชิงนโยบาย” ในการก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย” ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 สำ� นักงาน ป.ป.ช. ไดม้ ีการด�ำเนินการก�ำกับ ติดตาม ชดุ โครงการสหยทุ ธ์ “สกดั ก้ันการทุจริตเชิงนโยบาย” โดยแบ่งออกเป็น 5 กจิ กรรม ดังนี้ 1. กิจกรรมท่ี 1 การก�ำหนดกรอบทิศทางและรูปแบบในการก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “สกัดกนั้ การทุจรติ เชิงนโยบาย” ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ด�ำเนินการก�ำหนดกรอบทิศทางและรูปแบบในการก�ำกับ ติดตาม ชุดโครงการสหยุทธ์ “สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย” เมื่อวันท่ี 26 ธันวาคม 2560 ณ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. (ถนนนนทบุรี) โดยมีผู้แทน จากหน่วยงานที่มีส่วนร่วมหรือสามารถมีส่วนร่วมในการผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ในประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 3 สกดั ก้นั การทุจรติ เชิงนโยบาย และเจ้าหนา้ ที่ ท่ีเกยี่ วข้อง จำ� นวน 22 คน ไดแ้ ก่ ผแู้ ทนจากสำ� นกั งานคณะกรรมการการเลือกต้งั ผแู้ ทนจากสำ� นกั งานเลขาธิการสภา ผแู้ ทนราษฎร ผแู้ ทนจากสำ� นักงาน ป.ป.ท. ผูบ้ ริหารและเจ้าหน้าทส่ี �ำนกั งาน ป.ป.ช. รวมทัง้ เจา้ หนา้ ท่บี ริหารโครงการ ภายใต้ชุดโครงการสหยุทธ์ “สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย” ซึ่งจากการด�ำเนินการดังกล่าวท�ำให้ได้ข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ และสามารถน�ำไปปรับปรุงการด�ำเนินโครงการ/กิจกรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 3 สกัดกั้นการทุจริต เชิงนโยบาย ให้มีประสิทธิภาพมากยงิ่ ขึ้น 2. กิจกรรมท่ี 2 การดำ� เนนิ การตดิ ตามตามกรอบทีก่ ำ� หนดไว้ คร้ังที่ 1 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการติดตามตามกรอบท่ีก�ำหนดไว้ ครั้งที่ 1 เม่ือวันที่ 14 มีนาคม 2561 ณ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. (ถนนนนทบุรี) โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานท่ีมีส่วนร่วมหรือสามารถมีส่วนร่วมในการผลักดัน ยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ในประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ ที่ 3 สกัดก้นั การทุจรติ เชิงนโยบาย และเจา้ หนา้ ท่ที เ่ี ก่ียวขอ้ ง จำ� นวน 22 คน ไดแ้ ก่ ผแู้ ทนจากสำ� นักงานคณะกรรมการ การเลือกต้ัง ผู้แทนจากส�ำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้แทนจากส�ำนักงาน ป.ป.ท. ผู้บริหารและเจ้าหน้าท่ี สำ� นกั งาน ป.ป.ช. รวมท้งั เจา้ หนา้ ทบ่ี ริหารโครงการภายใตช้ ดุ โครงการสหยุทธ์ “สกัดก้นั การทจุ ริตเชงิ นโยบาย” 3. กิจกรรมที่ 3 การดำ� เนินการตดิ ตามตามกรอบท่ีกำ� หนดไว้ ครัง้ ท่ี 2 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ไดด้ ำ� เนนิ การตดิ ตามตามกรอบที่ก�ำหนดไว้ ครัง้ ท่ี 2 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 ณ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. (ถนนนนทบุรี) โดยมผี ู้บรหิ ารและเจ้าหน้าท่ีสำ� นักงาน ป.ป.ช. รวมทงั้ เจา้ หนา้ ท่ีบริหารโครงการ ภายใต้ชดุ โครงการสหยทุ ธ์ “สกดั กัน้ การทุจรติ เชงิ นโยบาย” เข้าร่วมสมั มนา 4. กิจกรรมท่ี 4 การสรุปผลการก�ำกับติดตามเม่ือส้ินสุดโครงการและจัดท�ำข้อเสนอแนะในการ ปรับปรงุ การด�ำเนินโครงการตามยุทธศาสตรช์ าตฯิ ระยะที่ 3 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการสรุปผลการก�ำกับติดตามเมื่อส้ินสุดโครงการและจัดท�ำข้อเสนอแนะ ในการปรบั ปรงุ การด�ำเนนิ โครงการตามยทุ ธศาสตร์ชาติฯ ระยะท่ี 3 เมอ่ื วนั ที่ 11 กนั ยายน 2561 ณ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. (ถนนนนทบุรี) โดยมผี ู้บรหิ ารและเจา้ หน้าท่ีส�ำนักงาน ป.ป.ช. รวมทัง้ เจ้าหน้าทีบ่ ริหารโครงการภายใต้ชดุ โครงการสหยทุ ธ์ “สกัดกน้ั การทจุ ริตเชงิ นโยบาย” เขา้ ร่วมสมั มนา 5. กิจกรรมท่ี 5 การเผยแพร่เอกสารรายงานทางระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการเผยแพร่รายงานฉบับน้ีทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย สามารถเขา้ ถงึ รายงานฉบับนไ้ี ดโ้ ดยงา่ ยและครอบคลุมกลมุ่ เปา้ หมายและผสู้ นใจ รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 109


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook