Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

(2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

Published by agenda.ebook, 2020-11-24 16:21:00

Description: (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 7-8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 2-3 ธันวาคม 2563

Search

Read the Text Version

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ โดยหนว่ ยงานของสำ� นักงาน ป.ป.ช. ทั้งในสว่ นกลางและในส่วนพนื้ ทท่ี ั้งสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ภาค และส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั สามารถรบั เรื่องกลา่ วหาร้องเรียนการทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบ เจา้ พนักงานของรัฐได้ จากนั้นบนั ทึกเร่อื งกลา่ วหาเข้าสู่ระบบตรวจรบั ค�ำกล่าวหา (PESCA) เพื่อให้มกี ารบูรณาการ รว่ มกนั มกี ารสง่ ผา่ นขอ้ มลู ทางอเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ ห้ผู้บงั คับบัญชาพจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ตามล�ำดับชั้นได้อย่างรวดเร็ว สง่ ผลใหก้ ระบวนการรับเรือ่ งกล่าวหารอ้ งเรียนเจา้ พนกั งานของรัฐในชัน้ ตรวจรับคำ� กลา่ วหาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกิดความรวดเรว็ และมีประสิทธภิ าพมากย่ิงขึน้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ด�ำเนินมาตรการต่าง ๆ เพ่ือแสวงหาแนวทางในการป้องกัน และปราบปรามการทจุ ริต โดยมกี ารกำ� หนดนโยบาย การสร้างความร่วมมอื ข้อตกลง (MOU) การสร้างเครอื ข่าย ต่อต้านการทุจริต รวมถึงการปรับแก้กฎหมายและระเบียบต่างๆ โดยยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ไดก้ ำ� หนดค่าเปา้ หมายในปี พ.ศ. 2562 ค่าดัชนกี ารรบั รู้ การทจุ รติ (Corruption Perceptions Index : CPI) ในแตล่ ะแหลง่ สำ� รวจขอ้ มลู 8 แหล่ง เทา่ กับ 44 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ซึ่งผลการประเมินคะแนนค่า CPI โดยองค์กรเพ่ือความโปร่งใสนานาชาต ิ (Transparency International: TI) ในระหว่างปี พ.ศ. 2557 - 2561 ประเทศไทยได้คะแนนอยู่ระหว่าง 35 - 38 คะแนน โดยในปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยได้คะแนนอยทู่ ี่ 36 คะแนน ซึ่งได้คะแนนเท่ากบั ปี พ.ศ. 2561 เมือ่ เปรียบเทียบระดบั ความโปรง่ ใสของแต่ละประเทศท่วั โลก พบวา่ ประเทศไทยมีความโปรง่ ใสอย่ใู นอนั ดับท่ี 101 จากท้ังหมด 180 ประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงประสบปัญหาการทุจริตท่ีจ�ำเป็นต้องได้รับ การแกไ้ ข 1.1 สถิตผิ ลการตรวจรับคำ� กล่าวหา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 n แหลง่ ท่ีมาของคำ� กลา่ วหา จากสถิติค�ำกล่าวหาร้องเรียนที่เข้ามาสู่ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวนทั้งสิ้น 10,382 เรื่อง พิจารณาจากแหล่งที่มาของค�ำกล่าวหา พบว่า ค�ำกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นค�ำกล่าวหาที่ร้องเรียน มายังส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยตรง จำ� นวน 5,876 เรือ่ ง (ร้อยละ 56.59) รองลงมาเป็นคำ� กล่าวหาจากสำ� นักงาน ป.ป.ท. จ�ำนวน 2,745 เร่ือง (ร้อยละ 26.43) และส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ จ�ำนวน 1,196 เรื่อง (ร้อยละ 11.52) ตามล�ำดับ 44 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

ตารางแสดงสถิตแิ หล่งทม่ี าของค�ำกลา่ วหา ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 แหลง่ ท่มี าของค�ำกลา่ วหา จำ� นวนค�ำกล่าวหา รอ้ ยละ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. (เร่อื ง) (%) สำ� นักงาน ป.ป.ท. 5,876 56.59 สำ� นักงานต�ำรวจแหง่ ชาติ 2,745 26.43 สำ� นักงานการตรวจเงนิ แผ่นดนิ 1,196 11.52 กรมสอบสวนคดพี ิเศษ 147 1.42 องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ 127 1.22 กองบังคบั การปอ้ งกนั ปราบปรามการทจุ ริตและประพฤติมิชอบ 94 0.91 ผู้บงั คบั บัญชา/ผมู้ ีอำ� นาจแตง่ ตง้ั ถอดถอน 80 0.77 สำ� นกั งานผตู้ รวจการแผ่นดิน 47 0.45 กรมราชทัณฑ์ 20 0.19 สำ� นักงานคณะกรรรมการสทิ ธิมนุษยชนแหง่ ชาติ 13 0.13 กระทรวงมหาดไทย 11 0.11 กระทรวงสาธารณสุข 10 0.10 สภานติ ิบัญญตั แิ หง่ ชาติ 7 0.07 สำ� นักงานอยั การสูงสดุ 7 0.07 ส�ำนักงานป้องกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ 1 0.01 1 0.01 รวม 10,382 100.00 ทีม่ า : ระบบตรวจรบั คำ� กลา่ วหา (PESCA) ประมวลผลโดย : ส�ำนกั บรหิ ารงานกลาง ส�ำนักงาน ป.ป.ช. n จ�ำนวนคำ� กล่าวหา จำ� แนกตามประเภทคำ� กลา่ วหา สถิตคิ ำ� กลา่ วหาร้องเรยี นทีเ่ ขา้ มาสูส่ ำ� นักงาน ป.ป.ช. ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 10,382 เร่ือง ส่วนใหญ่เป็นค�ำกล่าวหาประเภทหนังสือร้องเรียน จ�ำนวน 4,855 เรื่อง (ร้อยละ 46.76) รองลงมาเป็น บัตรสนเท่ห์ จ�ำนวน 2,632 เรื่อง (ร้อยละ 25.35) หนังสือราชการ จ�ำนวน 2,143 เร่ือง (ร้อยละ 20.64) ร้องเรียนผ่านทางเวบ็ ไซต์ จำ� นวน 529 เร่อื ง (ร้อยละ 5.10) รอ้ งเรยี นดว้ ยวาจา จ�ำนวน 184 เรอ่ื ง (ร้อยละ 1.77) เหตอุ นั ควรสงสยั ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จ�ำนวน 30 เร่อื ง (รอ้ ยละ 0.29) และแจ้งเบาะแส จ�ำนวน 9 เร่อื ง (ร้อยละ 0.09) ตามลำ� ดับ ท้ังนี้ เมื่อพิจารณาช่องทางการร้องเรียน/กล่าวหาในแต่ละปีงบประมาณที่เกิดเหตุจะเห็นได้ว่า ค�ำกล่าวหาในทุกช่องทางการรอ้ งเรยี น ส่วนใหญเ่ กิดเหตุในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 รวมจำ� นวน 5,665 เร่อื ง คดิ เปน็ รอ้ ยละ 54.57 ของจำ� นวนคำ� กล่าวหาทั้งหมด และเปน็ ค�ำกลา่ วหาที่เกดิ เหตตุ ้งั แต่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ลงไปจนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2511 มากถึง 4,717 เรื่อง หรือร้อยละ 45.43 รายละเอยี ดดังตาราง รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 45

ตารางแสดงประเภทคำ� กล่าวหา ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� แนกตามปงี บประมาณท่ีเกิดเหตุ ประเภทคำ�กลา่ วหา คำ�กล่าวหา ปงี บประมาณทเี่ กิดเหตุ พ.ศ. จำ�นวน รอ้ ยละ 2562 2561 2560 2559 2558 2548- 2542- 2511- ไม่ หนงั สือร้องเรยี น (เร่ือง) 2557 2547 2541 ระบ*ุ บตั รสนเทห่ ์ 4,855 46.76 1,474 1,450 553 365 279 582 29 24 99 หนงั สือราชการ เว็บไซต์ 2,632 25.35 726 676 202 137 87 194 9 4 596 ร้องเรยี นดว้ ยวาจา เหตอุ ันควรสงสยั (ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.) 2,143 20.64 439 493 271 202 146 511 43 22 14 แจง้ เบาะแส 529 5.10 141 154 39 25 22 24 - 1 123 ผลรวมทั้งหมด 184 1.77 50 55 15 19 10 32 1 2 2 30 0.29 3 2 3 7 5 10 1 - - 9 0.09 1 1 1 2 - - - - 4 10,382 100.00 2,834 2,831 1,084 757 549 1,353 83 53 838 ทีม่ า : ระบบตรวจรับค�ำกลา่ วหา (PESCA) ประมวลผลโดย : ส�ำนักบริหารงานกลาง สำ� นักงาน ป.ป.ช. และส�ำนกั วิจัยและบริการวิชาการดา้ นปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต หมายเหตุ : เนือ่ งจากผแู้ จง้ เบาะแส/ผรู้ ้องไม่ได้ระบุปที ่เี หตุ จึงไม่สามารถระบุได้วา่ เป็นปงี บประมาณใด ท้ังนี้ ได้แบ่งประเภทค�ำกล่าวหาออกเป็น 2 กลุ่ม โดยพิจารณาจากความครบถ้วนตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กล่าวคือ กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มท่ีมีรายละเอียดค�ำกล่าวหาครบถ้วนตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 ไดแ้ ก่ (1) ชอื่ และท่อี ยู่ของผู้กล่าวหา (2) ช่ือหรือตำ� แหน่ง ของผถู้ ูกร้อง และ (3) ข้อกลา่ วหาและพฤตกิ ารณแ์ ห่งการกระท�ำผดิ ตามข้อกลา่ วหาพรอ้ มพยานหลกั ฐานหรืออ้าง พยานหลักฐาน และกลมุ่ ที่ 2 เป็นกลมุ่ ทมี่ รี ายละเอยี ดคำ� กล่าวหาไม่ครบถว้ นตามมาตรา 60 แห่งพระราชบญั ญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ได้แก่ ไมม่ ชี ื่อและที่อย่ขู องผ้กู ล่าวหา หรือไม่มีชื่อหรือต�ำแหน่งของผู้ถูกร้อง หรือไม่ระบุข้อกล่าวหาหรือพฤติการณ์แห่งการกระท�ำผิดตามข้อกล่าวหา หรือไม่มีพยานหลักฐานหรืออ้างพยานหลักฐาน โดยในแต่ละกลุ่ม คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาผลการตรวจรับ คำ� กล่าวหาและมีมติ ดังนี้ กลมุ่ ที่ 1 เป็นกลมุ่ ท่ีมรี ายละเอยี ดคำ� กลา่ วหาครบถ้วนตามมาตรา 60 แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบ รัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 จำ� นวน 7,212 เรอื่ ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พจิ ารณาผลการตรวจรับค�ำกลา่ วหาและมมี ติแลว้ จำ� นวน 7,212 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 100.00) จ�ำแนกเป็น 1. ค�ำกล่าวหาประเภทหนังสือรอ้ งเรยี น จำ� นวน 4,855 เรอื่ ง ซงึ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดพ้ จิ ารณา ผลการตรวจรบั คำ� กลา่ วหาและมมี ติแลว้ จำ� นวน 4,855 เร่ือง (รอ้ ยละ 100.00) ดงั น้ี 1.1 รับดำ� เนินการออกเลขดำ� จำ� นวน 1,816 เร่อื ง (ร้อยละ 37.41) 1.2 ส่งหนว่ ยงานภายนอก จ�ำนวน 2,016 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 41.52) 1.3 ส่งรวมเรือ่ งซ้�ำ จ�ำนวน 700 เรื่อง (รอ้ ยละ 14.42) 1.4 ไม่รบั พิจารณา/ไมอ่ ยู่ในอ�ำนาจ จ�ำนวน 323 เร่ือง (รอ้ ยละ 6.65) 2. ค�ำกล่าวหาประเภทหนังสือราชการ จ�ำนวน 2,143 เร่ือง ซ่ึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณา ผลการตรวจรบั ค�ำกล่าวหาและมมี ตแิ ล้ว จำ� นวน 2,143 เรื่อง (รอ้ ยละ 100.00) ดังน้ี 2.1 รบั ดำ� เนินการออกเลขด�ำ จำ� นวน 594 เร่อื ง (รอ้ ยละ 27.72) 2.2 สง่ หน่วยงานภายนอก จ�ำนวน 1,197 เรอ่ื ง (ร้อยละ 55.85) 2.3 ส่งรวมเรอ่ื งซำ้� จ�ำนวน 283 เรื่อง (ร้อยละ 13.21) 2.4 ไม่รบั พิจารณา/ไม่อยูใ่ นอำ� นาจ จำ� นวน 69 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 3.22) 46 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

3. คำ� กลา่ วหาประเภทรอ้ งเรยี นดว้ ยวาจา จำ� นวน 184 เร่ือง ซ่งึ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พจิ ารณา ผลการตรวจรับคำ� กลา่ วหาและมมี ตแิ ลว้ จ�ำนวน 184 เร่อื ง (รอ้ ยละ 100.00) ดังนี้ 3.1 รบั ด�ำเนินการออกเลขดำ� จำ� นวน 83 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 45.12) 3.2 สง่ หน่วยงานภายนอก จ�ำนวน 87 เร่ือง (ร้อยละ 47.28) 3.3 ส่งรวมเรอื่ งซำ้� จ�ำนวน 4 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 2.17) 3.4 ไมร่ บั พิจารณา/ไมอ่ ยใู่ นอำ� นาจ จ�ำนวน 10 เร่อื ง (ร้อยละ 5.43) 4. คำ� กล่าวหาประเภทยกเหตุอนั ควรสงสยั จำ� นวน 30 เรอ่ื ง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดพ้ ิจารณา ผลการตรวจรบั คำ� กล่าวหาและมมี ตแิ ล้ว จำ� นวน 30 เร่ือง (ร้อยละ 100.00) ดังนี้ 4.1 รบั ดำ� เนินการออกเลขดำ� จ�ำนวน 28 เร่อื ง (รอ้ ยละ 93.34) 4.2 สง่ หนว่ ยงานภายนอก จำ� นวน 1 เร่อื ง (ร้อยละ 3.33) 4.3 ส่งรวมเร่ืองซ้�ำ จ�ำนวน 1 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 3.33) รายละเอยี ดปรากฏตามตาราง ดังน้ี ตารางแสดงสถิติลกั ษณะ/รูปแบบการตรวจรับคำ� กล่าวหา ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 (กลุ่มที่ 1) ประเภท จำ�นวน ลกั ษณะ/รปู แบบการตรวจรับคำ�กลา่ วหา (เร่อื งเสร็จ) คำ�กลา่ วหา คำ�กล่าวหา รับดำ�เนนิ การ สง่ หนว่ ยงาน ส่งรวม ไมร่ บั พจิ ารณา/ (เรอ่ื ง) ออกเลขดำ� ภายนอก เรอื่ งซำ้ � ไมอ่ ยู่ในอำ�นาจ รวม หนงั สือร้องเรยี น 4,855 1,816 2,016 700 323 4,855 หนงั สอื ราชการ 2,143 594 1,197 283 69 2,143 ร้องเรียนดว้ ยวาจา 184 83 87 4 10 184 เหตอุ ันควรสงสัย 30 28 11 - 30 (ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.) รวม 7,212 2,521 3,301 988 402 7,212 ร้อยละ (%) 100.00 34.96 45.77 13.70 5.57 100.00 ตารางแสดงสถติ กิ ารส่งหรอื มอบหมายเรื่องกล่าวหาใหห้ นว่ ยงานอื่นดำ� เนนิ การ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 หน่วยงาน จำ�นวนคำ�กลา่ วหา ร้อยละ การสง่ หรอื มอบหมายเร่อื งกลา่ วหา (เร่อื ง) (%) สำ�นักงานตำ�รวจแหง่ ชาติ 907 27.48 ม.61 ม.62 ม.63 ม.64 ส่งกลับฯ สำ�นักงาน ป.ป.ท. 1,479 44.81 800 - 106 - 1 กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ 8 0.24 ผบู้ ังคับบัญชา/ผ้มู อี ำ�นาจแตง่ ตัง้ ถอดถอน 894 27.08 - 1,479 - - - สง่ กลับกรณีไม่อยใู่ นอำ�นาจ 13 0.39 3,301 100.00 6 - 2- - รวม - - - 893 1 - - - - 13 806 1,479 108 893 15 ท่มี า : ระบบตรวจรบั คำ� กล่าวหา (PESCA) ประมวลผลโดย : ส�ำนักบริหารงานกลาง ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 47

กลมุ่ ที่ 2 เป็นกลุ่มทมี่ ีรายละเอยี ดคำ� กล่าวหาไม่ครบถว้ นตามมาตรา 60 แหง่ พระราชบญั ญตั ิประกอบ รัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 จำ� นวน 3,170 เร่อื ง ซึง่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาผลการตรวจรบั คำ� กลา่ วหาและมมี ตแิ ลว้ จำ� นวน 1,761 เรอ่ื ง (ร้อยละ 55.55) จ�ำแนกเป็น 1. ค�ำกล่าวหาประเภทบัตรสนเท่ห์ จ�ำนวน 2,632 เรื่อง ซ่ึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณา ผลการตรวจรบั คำ� กล่าวหาและมีมตแิ ลว้ จำ� นวน 1,438 เร่อื ง (รอ้ ยละ 54.64) ดงั น้ี 1.1 รบั ด�ำเนนิ การออกเลขด�ำ จ�ำนวน 325 เรอ่ื ง (ร้อยละ 22.60) 1.2 ส่งหน่วยงานภายนอก จ�ำนวน 135 เร่อื ง (รอ้ ยละ 9.39) 1.3 สง่ รวมเร่อื งซ�้ำ จ�ำนวน 112 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 7.79) 1.4 ไมร่ ับพิจารณา/ไม่อยูใ่ นอ�ำนาจ จำ� นวน 866 เร่อื ง (รอ้ ยละ 60.22) 2. คำ� กลา่ วหาประเภทร้องเรียนผา่ นเวบ็ ไซต์ จำ� นวน 529 เรื่อง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดพ้ จิ ารณา ผลการตรวจรับค�ำกล่าวหาและมีมติแล้ว จ�ำนวน 320 เร่ือง (ร้อยละ 60.49) โดยค�ำกล่าวหากลุ่มน้ีบางส่วน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่สามารถพิจารณาผลการตรวจรับค�ำกล่าวหาและมีมติได้ เนื่องจากค�ำกล่าวหากลุ่มนี้ ไมม่ ชี อื่ และทอ่ี ยูข่ องผูร้ ้องเรียนท�ำให้ไม่สามารถตดิ ตอ่ ขอขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ ใหค้ รบถว้ นตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 จากผู้ร้องเรียนได้ หรือค�ำกล่าวหา ไม่มีชื่อหรือต�ำแหน่งของผู้ถูกร้อง ท�ำให้ไม่ทราบว่าผู้ถูกร้องคือบุคคลใด มีสถานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ตามกฎหมายหรือไม่ หรือค�ำกล่าวหาไม่ระบุข้อกล่าวหาหรือพฤติการณ์แห่งการกระท�ำผิดตามข้อกล่าวหา หรอื ไม่มีพยานหลักฐาน หรืออา้ งพยานหลักฐานประกอบขอ้ กลา่ วหาเพยี งพอท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณา ด�ำเนินการต่อไปได้ ส่งผลให้ค�ำกล่าวหาประเภทนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่สามารถพิจารณาผลการตรวจรับ ค�ำกล่าวหาและมีมติได้ ดงั น้ี 2.1 รับด�ำเนนิ การออกเลขด�ำ จำ� นวน 42 เร่ือง (รอ้ ยละ 13.13) 2.2 ส่งหนว่ ยงานภายนอก จำ� นวน 52 เรอื่ ง (รอ้ ยละ 16.25) 2.3 สง่ รวมเรอื่ งซ้�ำ จำ� นวน 12 เร่อื ง (ร้อยละ 3.75) 2.4 ไม่รบั พิจารณา/ไมอ่ ยใู่ นอ�ำนาจ จำ� นวน 214 เรอื่ ง (ร้อยละ 66.87) 3. ค�ำกล่าวหาประเภทแจง้ เบาะแส จำ� นวน 9 เร่ือง ซ่ึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาผลการตรวจรับ คำ� กลา่ วหาและมมี ตแิ ลว้ จำ� นวน 3 เร่ือง (ร้อยละ 33.33) ดงั น้ี 3.1 รบั ดำ� เนนิ การออกเลขด�ำ จำ� นวน 1 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 33.33) 3.2 ไมร่ ับพิจารณา/ไมอ่ ยูใ่ นอ�ำนาจ จ�ำนวน 2 เรื่อง (รอ้ ยละ 66.67) รายละเอยี ดปรากฏตามตาราง ดังน้ี ตารางแสดงสถติ ิลักษณะ/รูปแบบการตรวจรับคำ� กล่าวหา ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 (กลมุ่ ท่ี 2) ประเภท จำ�นวน ลักษณะ/รปู แบบการตรวจรับคำ�กล่าวหา (เรื่องเสร็จ) คำ�กลา่ วหา คำ�กล่าวหา รบั ดำ�เนนิ การ สง่ หน่วยงาน สง่ รวม ไม่รบั พจิ ารณา/ รวม คงคา้ ง บัตรสนเท่ห์ (เร่ือง) ออกเลขดำ� ภายนอก เร่อื งซ้ำ� ไมอ่ ย่ใู นอำ�นาจ เว็บไซต์ 135 112 1,438 1,194 2,632 325 52 866 320 209 แจง้ เบาะแส 529 42 - 12 214 3 6 รวม 9 1 187 - 2 1,761 1,409 3,170 368 5.90 124 1,082 55.55 44.45 ร้อยละ (%) 100.00 11.61 3.91 34.13 48 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

ตารางแสดงสถิติการส่งหรอื มอบหมายเรอื่ งกล่าวหาให้หน่วยงานอน่ื ดำ� เนินการ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 หนว่ ยงาน จำ�นวนคำ�กลา่ วหา ร้อยละ การสง่ หรอื มอบหมายเรื่องกลา่ วหา สำ�นักงานตำ�รวจแห่งชาติ (เร่ือง) (%) ม.61 ม.62 ม.63 ม.64 ส่งกลบั ฯ สำ�นกั งาน ป.ป.ท. 7 3.74 5 - 2 - - กรมสอบสวนคดพี ิเศษ 100 53.48 - 100 - - - ผ้บู ังคับบัญชา/ผมู้ อี ำ�นาจแต่งต้งั ถอดถอน - 0.00 - - - - - ส่งกลบั กรณไี มอ่ ยูใ่ นอำ�นาจ 64 34.22 - - - 64 - 16 8.56 - - - - 16 รวม 187 100.00 5 100 2 64 16 ทีม่ า : ระบบตรวจรับคำ� กล่าวหา (PESCA) ประมวลผลโดย : ส�ำนกั บริหารงานกลาง ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. n ผลการตรวจรบั คำ� กลา่ วหา จากเร่ืองกล่าวหาท้ังส้ิน จ�ำนวน 10,382 เร่ือง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาผลการตรวจรับคำ� กลา่ วหาและมมี ติ จ�ำนวน 8,973 เรอื่ ง แยกเปน็ 5 กรณี ดงั นี้ 1. กรณีเร่ืองรับด�ำเนินการเพ่ือด�ำเนินการตรวจสอบเบ้ืองต้น ตามระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าดว้ ยการตรวจสอบและไตส่ วน พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกรณีท่ีเหน็ วา่ ค�ำกลา่ วหาถูกตอ้ งครบถ้วนและอยู่ในอำ� นาจหนา้ ท่ี ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหอ้ อกเลขเร่อื งกลา่ วหา เพอ่ื ดำ� เนนิ การตรวจสอบเบอื้ งต้นหรือเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพอ่ื พิจารณาสั่งไตส่ วนขอ้ เท็จจริงแลว้ แต่กรณี โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดพ้ จิ ารณาผลการตรวจรบั ค�ำกล่าวหา และมีมติ จ�ำนวน 2,889 เร่ือง (รอ้ ยละ 27.83) 2. กรณีเรื่องส่งหน่วยงานภายนอก ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 63 มาตรา 64 ซึง่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดพ้ ิจารณาผลการตรวจรับคำ� กล่าวหาและมีมติ จำ� นวน 3,488 เร่อื ง (รอ้ ยละ 33.60) 3. กรณสี ง่ รวมเรอื่ งซำ�้ ตามระเบยี บคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าดว้ ยการตรวจสอบและไตส่ วน พ.ศ. 2561 ซึง่ เป็นกรณที ี่เรือ่ งกล่าวหาเปน็ ค�ำกล่าวหาเดียวกันกับเรื่องทอี่ ยรู่ ะหว่างการด�ำเนินการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือหนว่ ยงานของรัฐทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตมิ อบหมาย หรอื เป็นเรื่องท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้วนิ จิ ฉัย เสรจ็ เด็ดขาดแล้ว ซึง่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พจิ ารณาผลการตรวจรับค�ำกล่าวหาและมมี ติ จำ� นวน 1,112 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 10.71) 4. กรณีไมร่ บั พจิ ารณาหรือไมอ่ ยูใ่ นหน้าทแี่ ละอ�ำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เน่ืองจากไม่ไดเ้ ป็น เรื่องกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐ หรือเป็นเรื่องกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐที่มิได้อยู่ในหน้าท่ีและอ�ำนาจของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 หรอื กฎหมายอื่นทีบ่ ญั ญตั ิให้เปน็ หน้าท่ีและอ�ำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึง่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดพ้ จิ ารณาผลการตรวจรบั คำ� กลา่ วหาและมมี ติ จำ� นวน 1,484 เรอ่ื ง (ร้อยละ 14.29) รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 49

n ผลการสง่ หรือมอบหมายเรอื่ งกล่าวหาให้หน่วยงานอ่นื ด�ำเนินการ จากค�ำกล่าวหาทั้งส้ิน จ�ำนวน 10,382 เรื่อง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาผลการตรวจรับค�ำกล่าวหาและมีมติส่งหรือมอบหมายเรื่องกล่าวหาให้หน่วยงานอ่ืนด�ำเนินการ ตามมาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 63 และมาตรา 64 แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกัน และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 จำ� นวน 3,488 เรื่อง แยกเป็น 1. กรณสี ่งเรอื่ งให้สำ� นักงานต�ำรวจแห่งชาตดิ �ำเนนิ การตามมาตรา 61 และมาตรา 63 จ�ำนวน 913 เรอ่ื ง (ร้อยละ 26.17) แบง่ เปน็ 1.1 ส่งเรอ่ื งคนื พนกั งานสอบสวนตามมาตรา 61 ในกรณีทเ่ี ปน็ เร่อื งท่ไี ด้รับมาจากพนกั งานสอบสวน และเห็นว่าค�ำร้องทุกข์กล่าวโทษเพ่ือให้ด�ำเนินคดีกับเจ้าหน้าท่ีของรัฐหรือบุคคลอ่ืนใด ไม่อยู่ในหน้าที่และอํานาจ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรอื อยู่ในหน้าทแ่ี ละอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แตเ่ ป็นเรือ่ งที่มิใช่ความผดิ ร้ายแรง จ�ำนวน 805 เรอื่ ง 1.2 มอบหมายให้พนักงานสอบสวนด�ำเนินการตามมาตรา 63 ในกรณีที่เห็นว่าผู้ถูกร้องเป็นบุคคล ซ่ึงอยู่ในหน้าท่ีและอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 28 (2) และ (4) ที่มิใช่ความผิดร้ายแรง จ�ำนวน 108 เร่อื ง 2. กรณีมอบหมายเร่ืองให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐด�ำเนินการ ตามมาตรา 62 ซ่ึงเป็นกรณีท่ีเห็นว่าผู้ถูกร้องเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐซ่ึงดํารงตําแหน่งตั้งแต่อํานวยการระดับสูง หรือเทียบเท่าลงมาถูกกล่าวหาว่ากระทําผิด หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดในเรื่องท่ีมิใช่เป็น ความผดิ รา้ ยแรง จ�ำนวน 1,579 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 45.27) 3. กรณีส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตามมาตรา 61 และมาตรา 63 จ�ำนวน 8 เรื่อง (ร้อยละ 0.23) แบ่งเป็น 3.1 ส่งเรอื่ งคืนพนักงานสอบสวนตามมาตรา 61 ในกรณีที่เป็นเรื่องทีไ่ ด้รบั มาจากพนักงานสอบสวน และเห็นว่าค�ำร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้ด�ำเนินคดีกับเจ้าหน้าท่ีของรัฐหรือบุคคลอ่ืนใด ไม่อยู่ในหน้าท่ีและอํานาจ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรืออยูใ่ นหนา้ ที่และอาํ นาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่เปน็ เร่อื งที่มใิ ช่ความผดิ ร้ายแรง จ�ำนวน 6 เร่อื ง 3.2 มอบหมายให้พนักงานสอบสวนด�ำเนินการตามมาตรา 63 ในกรณีที่เห็นว่าผู้ถูกร้องเป็นบุคคล ซึ่งอยู่ในหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 28 (2) และ (4) ที่มิใช่ความผิดร้ายแรง จ�ำนวน 2 เรือ่ ง 4. กรณีส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจแต่งต้ังหรือถอดถอนของผู้ถูกร้องดําเนินการ ทางวินัยไปตามหน้าท่ีและอํานาจตามมาตรา 64 ซ่ึงเป็นกรณีที่เป็นเร่ืองกล่าวหาท่ีมิใช่เป็นความผิดร้ายแรง หรอื กล่าวหาในเรอื่ งทม่ี ไิ ด้อยูใ่ นหนา้ ท่แี ละอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จำ� นวน 957 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 27.44) 5. กรณีส่งเรื่องคืนกลับไปยังพนักงานสอบสวนหรือหน่วยงานท่ีส่งเรื่องกล่าวหาร้องเรียนมา ตามมาตรา 61 และมาตรา 63 ซึง่ เป็นกรณีทีเ่ ป็นเร่อื งท่ไี ดร้ บั มาจากพนกั งานสอบสวนหรือหน่วยงานและเห็นว่า ค�ำร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้ด�ำเนินคดีกับเจ้าหน้าท่ีของรัฐหรือบุคคลอ่ืนใด ไม่อยู่ในหน้าที่และอํานาจ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือเห็นว่าผู้ถูกร้องเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 28 (2) และ (4) ทีม่ ใิ ช่ความผดิ ร้ายแรง จ�ำนวน 31 เรอื่ ง (ร้อยละ 0.89) 50 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

ตารางแสดงสถิตกิ ารส่งหรือมอบหมายเร่อื งกลา่ วหาใหห้ นว่ ยงานอ่นื ดำ� เนนิ การ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 หน่วยงาน จำ�นวนคำ�กล่าวหา รอ้ ยละ การสง่ หรอื มอบหมายเร่ืองกล่าวหา สำ�นักงานตำ�รวจแห่งชาติ (เร่ือง) (%) ม.61 ม.62 ม.63 ม.64 สง่ กลบั ฯ สำ�นักงาน ป.ป.ท. 914 26.20 805 - 108 - 1 กรมสอบสวนคดีพเิ ศษ 1,579 45.27 - 1,579 - - - ผ้บู ังคบั บญั ชา/ผมู้ ีอำ�นาจแต่งต้งั ถอดถอน 8 0.23 6 - 2- ส่งกลับกรณไี ม่อยู่ในอำ�นาจ 958 27.47 - - - 957 1 29 0.83 - - - - 29 รวม 3,488 100.00 811 1,579 110 957 31 ทีม่ า : ระบบตรวจรบั คำ� กลา่ วหา (PESCA) ประมวลผลโดย : ส�ำนกั บริหารงานกลาง ส�ำนักงาน ป.ป.ช. 1.2 การวเิ คราะห์สถานการณก์ ารทุจรติ จากค�ำกลา่ วหา ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 จากค�ำกล่าวหาท่ีเข้าสู่ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จ�ำนวนท้ังสิ้น 10,382 เร่ือง โดยเป็นเร่ืองที่ส่งหน่วยงานอ่ืน ด�ำเนนิ การตามมาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 63 และมาตรา 64 แห่งพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 โดยส่วนใหญ่เป็นกรณีเร่ืองท่ีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในต�ำแหน่งอ�ำนวยการระดับสูง หรือเทียบเท่าลงมา และมิใช่เป็นความผิดร้ายแรง จึงส่งให้หน่วยงานท่ีมีหน้าที่ และอำ� นาจปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ ด�ำเนินการแทน จำ� นวน 3,488 เร่อื ง รองลงมาเป็นเรือ่ งทสี่ �ำนักงาน ป.ป.ช. รบั ไวด้ �ำเนินการเอง จำ� นวน 2,889 เรือ่ ง เป็นคำ� กลา่ วหาที่ไมร่ ับพิจารณา/ไม่อย่ใู นอ�ำนาจ จำ� นวน 1,484 เรอ่ื ง เป็นคำ� กลา่ วหาสง่ เรอื่ งรวมซ�้ำ จ�ำนวน 1,112 เร่ือง และเป็นเร่อื งคงค้างท่ีอย่รู ะหวา่ งการตรวจรบั จ�ำนวน 1,409 เรื่อง ท้ังน้เี ร่ืองทค่ี งคา้ งส่วนใหญ่มาจากการร้องเรยี นผา่ นบตั รสนเท่ห์ ซ่ึงเปน็ กลุ่มค�ำกล่าวหาทม่ี ีรายละเอียดไมค่ รบถ้วน ตามมาตรา 60 จากค�ำกล่าวหาท่ีส�ำนักงาน ป.ป.ช. รับไว้ด�ำเนินการเอง จ�ำนวน 2,889 เรื่อง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการแยกออกเลขเร่ืองเพ่ิมขึ้น จ�ำนวน 396 เรื่อง รวมเป็นค�ำกล่าวหาที่ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ด�ำเนินการเอง จำ� นวนทงั้ สิ้น 3,285 เรื่อง ซ่งึ ในการวิเคราะหส์ ถานการณก์ ารทุจรติ ในคร้งั น้จี ะกล่าวถึงเรือ่ งทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติรับไว้ด�ำเนินการเอง จ�ำนวน 3,285 เร่ือง และเร่ืองส่งหน่วยงานภายนอก จ�ำนวน 3,488 เรื่อง (ไม่รวมถึง เรอ่ื งทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งรวมเร่อื งซำ�้ กรณียตุ เิ ร่อื ง และกรณีไมร่ ับพจิ ารณาหรอื ไม่อยใู่ นอ�ำนาจหน้าที่ และอำ� นาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.) รวมเป็น จำ� นวน 6,773 เรื่อง โดยแบ่งการนำ� เสนอออกเปน็ 3 ส่วน คอื 1) ภาพรวมค�ำกล่าวหาประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตริ บั ไวด้ �ำเนนิ การเอง และส่งหน่วยงานภายนอก 2) คำ� กลา่ วหาประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ที่สง่ หน่วยงานภายนอก 3) ค�ำกลา่ วหาประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ที่ส�ำนักงาน ป.ป.ช. รบั ไวด้ ำ� เนินการเอง โดยมีรายละเอยี ด ดังน้ี รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 51

ด ดํา�ำเเนนนินิ กกาารรจnเเอ�ำอ นงงภวแาแนพลลภจคะําะราำ�สนสวพกงว่งมรลหนหควา่นคน�ำมววาํ่วกหคกยยลําาลงง่าจกาา าวนวำ�ลนหแหภาภนาวาาาจปยกหยํานตรานแะาปอนอมจกรกก�ปำะตปจงี าบํีงามบปปปปงรงบบะรมปปะามรรณะาะมณมทาา่เี ณกณพิดท.เี่เพศหก..ิตดศเุ2.ห52ต65ุ 262ทท่ีคี่คณณะะกกรรรรมมกกาารร ปป..ปป..ชช.. มมีมีมตติิรรับับไไวว้ เมื่อพิจเมา่ืรอณพิจาคาร�ำณกลาค่าําวกหลาาใวนหปาีงใบนปรงบะมปารณะมาพณ.ศพ. .2ศ5. 625262ตาตมาปมีงปบงบปประรมะมาณาณทที่เกี่เกิดิดเหเหตตุ ุ พบว่า เป็นค�ำํากลา่ วหาทเ่ี กิดเเหหตตุใุในนปปีงงบบปปรระะมมาาณณพพ.ศ.ศ..22556611 มากทีส่ ดุ จ�ำํานวน 1,831 เรื่อง (รอ้ ยละ 27.03) รองลงมา เป็นคํ�ำากลา่ วหาทเ่ี กดิ เหตใุ นปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 จํ�ำานวน 1,742 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 25.72) คํา�ำกลา่ วหาที่เกิดเหตุ ใในนปปงงี บบปปรระะมมาาณณ พพ..ศศ.. 22556600 จจาํำ� นนววนน 882277 เเรรื่อ่ืองง ((รรอ้อ ยยลละะ 1122..2211)) คค�ำํากกลลา่าววหหาาททเ่ีี่เกกิดิดเเหหตตุใุในนปปงงี บบปปรระะมมาาณณ พพ..ศศ.. 22555599 แคทจจ((พ51ขจรรํ,��ำอำาดิล่ีเ.1้ออปกศนนนงเะ5ยยปงิดจว.วปว6ลบลําน็ในนน2ีงนะนะปเรบ5รชว้อร551ื่อ414ปน่วะย55,.ง.1ง1ร9คมล955เ-ะ6(5ํา6าะว2รมกเ)6ณลเ)อ5รร7ลาตา4ยื่อ่ืยอต9เณาา1ลรงองา.ว5ม1่ือะมนหจ(1ล(พงรลาปหํร1าําอท.�ำข้อ7นีลศด(ดยอรัง้ย.งังั.วบ0หับบ้ลองล7น(จ2มะยปะปส)�ำ5สดลรงว2ปน81่ว8ะะบน6ง.วน1.ม1ป1บทน-เท1า99รร2ป่ีเคณ7)่ีเหะ)ื่อ5หรำ� .แมลย0ะ4กงแลลืาอ้อ7ม1ลลือ(ณะนเ)าา่ระเปณควปจหอคปนพหํ�ำา็นล�ยำีงคพนก.ากังคศลบทําลว.ล�ำ.ศะปก(ัง้นาก่าป2.หรลววล052ีงะมาหห2่า5บ.5มว3ด6วาา84ปหา8หทท-2รณ2า)เาี่เี่เ-ะร5กทก2ท่ือม6ิดซ5ิี่ดเพ่ีเกงา2ก4ึ่เงเ.ณหิด)ห7ิดศเ(ปตมเเตร.หจหุใีพจน้อุใํา2นตตนําย.ทน5ศุปตุนใปลี่วน4น.ั้งีงวะงน2แรบาน2บะ-ตสป54ม02ปหปั5ง9รา.5รว3เะ8งก4กเะ่า8บม-รถ7ง2มต)ื่อาปึงป5าณวงจรซีง65ณาะ�ำึ่บ(ง,2ร3นมเพปค)อปพ5าว.ํราย9ศม็น.ณนะศกล.ีจทเม.ะลร�ำพ24่ีนาื่2อนา509ณ.่า5งศวว.5ส57นห.8เคัง82รพม2าิดเ)ื่อ.ก5าจจทเศแงปก4ํ�ำตา่ีเ.ลนถ8กนนว(ะ2-ึงริว่ารดว2ป5้อนอนใ55ง4คยนย5บ,84�43ลำล7ชปก050ะะว-รจ49ล4งะ7ํา0่2าเมเ9นเเว.ว5รรร7.าวหล่ื51อื่ื่ออ2ณน71าางงง) จ�ำนวนจคําำ� นกวลน่าควาํ หกาลจาำ�วแหนาจกําตแานมกพตน้ื ามทพร่ี บัน้ื ผทิดี่รบัชผอิดบช อบ หากพิจหาารกณพาิจคา�ำรกณล่าาวคหําากจล�ำาแวนหกาตจาํามแพน้ืนกทต่ีราับมผพิด้ืนชทอ่ีบรับพผบิดวช่าอบเปพ็นบค�ำวกาลเ่าปวนหคาําทกี่อลยาู่ใวนหคาวทามี่อรยับูใผนิดคชวอาบม ขรับองผสิดำ� ชนอักบงาขนองปส.ปํา.นชัก. งสา่วนนกปล.าปง.ชม.าสกวทนสี่ กุดลจา�ำงนมวนาก1ท,8่ีส7ุด0จเรํา่ือนงวน(ร้อ1ย,8ล7ะ02เ7ร.่ื6อ1ง)(รอ งยลลงะมา2เ7ป.น็6ส1)ำ� นรกัองาลนงมปา.ปเป.ชน. ปสํารนะจัก�ำงจาันงหปวัด.ปใ.นชเ.ขปตรพะื้นจทํา่ีภจังาหควัด4ในจ�ำเขนตวพน้ืน8ท1่ีภ8าคเร4่ืองจํา(นร้อวยนล8ะ1812เร.0่ือ8ง) (รแอลยะลสะ�ำน1ัก2ง.0า8น) แปล.ปะ.สชํา. นปักรงะาจน�ำจปัง.ปหว.ชัด. ใปนรเะขจตําพจื้นังทห่ีภวาัดคใน3เขจต�ำพนื้นวทนี่ภ7า5ค73เรจ่ือํางนว(รน้อ7ย5ล7ะ เ1ร1่ือ.ง18(ร) อตยาลมะล�ำ1ด1ับ.18ใ)นตขณามะลทําี่สด�ำับนักใงนาขนณปะ.ทป่ีส.ชํา.นปักรงะาจน�ำจปัง.ปห.วชัด. ใปนรเะขจตําพจืน้ ังทห่ีภวัาดคใน9เขมตีคพ�ำ้ืนกลท่าี่ภวาหคาใ9นคมวีคาํามกรลบั าผวิดหชาอในบคนว้อายมทรสี่ ับดุ ผจิด�ำชนอวบนน2อ3ย0ทเ่ีสรุดอื่ งจ(ํารน้อวยนละ233.040เร)่ือตงาม(รลอ�ำยดลับะ 3.40) ตามลาํ ดบั จตำ� จแาตํารนแาากรนงาขแกงอ้ขสแมอดสมูลดงลูจตงตจ�ำาําานมนมพวพวนน้ื นื้นคทคทำ� ีร่ําี่รกับกับลลผผา่าดิิดววชชหหออาาบบใในนแแปปลลงีงะบะบปปปปงรีงบระบะปมปมราระาณมะณมาพณาพ.ณศท..ศ่ีเท2ก.ี่เดิ5ก26เ5ดิห26เตห2ุ ตุ พน้ื ที่ รวมคาํ กลาวหา 2562 2561 2560 ปง บประมาณท่ีเกดิ เหตุ 2548-2557 2542-2547 2511-2541 ไมระบุ * 326 563 228 352 19 12 117 สวนกลาง 1,870 194 179 92 2559 2558 132 4 2- 120 106 61 125 128 88 2 12 ภาค 1 690 231 206 107 52 35 94 2 - 12 ภาค 2 448 223 218 84 39 29 134 3 1 19 ภาค 3 757 160 137 88 66 39 107 2 - 10 ภาค 4 818 185 157 72 89 47 99 3 12 140 96 39 48 32 80 6 2 16 ภาค 5 584 102 108 32 55 39 39 5 51 ภาค 6 613 61 61 24 28 22 31 3 24 827 23 19 26 183 ภาค 7 429 1,742 1,831 12.21 30 14 1,156 49 0.38 2.70 ภาค 8 334 25.72 27.03 555 404 17.07 0.72 8.19 5.96 ภาค 9 230 ทั้งประเทศ 6,773 รอยละ (%) 100 ปทร่มี ปทหะา่มมีรมะาา:วมยรล:วเะหผรลบะตลผบบุโล:บดตโ*ดตยรรยวเ:นวจ:สจือ่รสรำ�งบั บัจาํนคนาคัก�ำกักําวกผวกจิ ลแูิจลัย่าจยัาแววงแลหเหลบะาะาาบบะ((รPรแPกิิกEสEาาSS/รรผCCววูรAAิชิชอ ))าางกไกมาาไรรดดดราา้ะนนบกกุปาาทรรปี่เปกอ ิดอ้งเกงหกันตันแุ ลแจะลงึ ปไะมรปสาราบามปบารรปาถรมรากะมาบกรไุ ทดาจุรวทรา ิตเจุ ปรสนิตําปนสงักบ�ำงนปาักรนะงมาปาน.ปณ.ปชใด..ป.ช. หมายเหตุ : * เน่ืองจากผูแ้ จง้ เบาะแส/ผ้รู ้องไม่ไดร้ ะบุปที ี่เกดิ เหตุ จึงไม่สามารถระบไุ ด้ว่าเป็นปีงบประมาณใด รายงานประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2562 หนา 64 52 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

คำ� กล่าวหาจำ� แนกตามหนว่ ยงานทถี่ กู กล่าวหา จากคำ� กลา่ วหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 พบวา่ หนว่ ยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ เป็นหน่วยงาน ท่ีถกู กลา่ วหามากทส่ี ดุ จ�ำนวน 2,212 เรื่อง (รอ้ ยละ 33.66) รองลงมาเป็นกระทรวงมหาดไทย จ�ำนวน 973 เรื่อง (ร้อยละ 14.37) กระทรวงศึกษาธิการ จ�ำนวน 752 เร่ือง (ร้อยละ 11.10) ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ จำ� นวน 661 เรอื่ ง (รอ้ ยละ 9.91) และเป็นส่วนราชการอนื่ ๆ จ�ำนวน 2,175 เรื่อง (รอ้ ยละ 32.11) แผนภาพแสดงจ�ำนวนค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ของหนว่ ยงานท่ีมีคำ� กล่าวหามากทีส่ ดุ 3 อนั ดับแรก จ�ำแนกตามประเภทค�ำกล่าวหา ท่ีมา : ระบบตรวจรบั คำ� กล่าวหา (PESCA) ประมวลผลโดย : สำ� นกั วิจัยและบริการวิชาการดา้ นการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 53

เมอ่ื พิจารณาค�ำกล่าวหาของหนว่ ยงานทม่ี คี �ำกลา่ วหามากท่ีสุด 3 อันดบั แรก สามารถสรุปได้ ดังน้ี l องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 2,212 เร่ือง ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นค�ำกล่าวหาในประเภทจัดซ้ือจัดจ้าง จ�ำนวน 743 เรื่อง (ร้อยละ 33.59) รองลงมาเป็นประเภท ปฏิบัติหรอื ละเวน้ การปฏิบัตหิ น้าท่ีโดยมิชอบ เช่น ละเลย เพกิ เฉย ต่อการปฏิบตั ติ ามหนา้ ท่ี กระท�ำการเกินอ�ำนาจ หน้าท่ีโดยทุจริต และอนุมัติ/ไม่อนุมัติใบอนุญาตโดยมิชอบ เป็นต้น จ�ำนวน 681 เรื่อง (ร้อยละ 30.79) และประเภทยักยอก/เบียดบังเงนิ หรือทรัพย์สนิ ของราชการ จำ� นวน 305 เร่ือง (ร้อยละ 13.79) ตามลำ� ดับ l กระทรวงมหาดไทย มีค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 973 เร่ือง ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นค�ำกล่าวหาในประเภทปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เช่น ละเลย เพิกเฉย ต่อการปฏิบัติ ตามหน้าท่ี กระท�ำการเกินอ�ำนาจหน้าท่ีโดยทุจริต และอนุมัติ/ไม่อนุมัติใบอนุญาตโดยมิชอบ เป็นต้น จ�ำนวน 340 เรื่อง (ร้อยละ 34.94) รองลงมาเป็นประเภทจัดซ้ือจัดจ้าง จ�ำนวน 172 เรื่อง (ร้อยละ 17.68) และประเภทออกเอกสารสทิ ธทิ ีด่ นิ จำ� นวน 168 เร่อื ง (รอ้ ยละ 17.27) ตามล�ำดับ l กระทรวงศึกษาธิการ มีค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 752 เร่ือง ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นค�ำกล่าวหาในประเภทจัดซื้อจัดจ้าง จ�ำนวน 221 เรื่อง (ร้อยละ 29.39) รองลงมาเป็นประเภทปฏิบัติ หรือละเวน้ การปฏบิ ตั ิหนา้ ทโี่ ดยมชิ อบ เช่น ละเลย เพกิ เฉย ต่อการปฏิบัตติ ามหน้าที่ กระท�ำการเกินอ�ำนาจหนา้ ที่ โดยทุจริต เป็นต้น จ�ำนวน 219 เรื่อง (ร้อยละ 29.12) และการบริหารงานบุคคล (การบรรจุ/แต่งตั้ง/ เลอื่ นตำ� แหนง่ /โยกยา้ ย/ลงโทษวนิ ัย) จำ� นวน 120 เรอ่ื ง (ร้อยละ 15.96) ตามลำ� ดบั เมื่อพจิ ารณาหน่วยงานทถี่ ูกกล่าวหาจำ� แนกตามพื้นทีร่ ับผิดชอบ สามารถสรุปได้ดงั น้ี สำ� นักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง จากคำ� กล่าวหาในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 1,870 เรือ่ ง พบว่า หน่วยงานที่ถูกกล่าวหามากท่สี ดุ คือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ จ�ำนวน 270 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 13.90) รองลงมาเปน็ กระทรวงศึกษาธิการ จ�ำนวน 248 เร่ือง (ร้อยละ 13.26) กระทรวงมหาดไทย จำ� นวน 247 เรอ่ื ง (ร้อยละ 13.21) ตามลำ� ดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นท่ี ภาค 1 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 690 เรอ่ื ง พบว่า หนว่ ยงานท่ีถกู กลา่ วหามากทีส่ ุด คอื หนว่ ยงานองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ จ�ำนวน 252 เร่ือง (ร้อยละ 36.52) รองลงมาเป็นกระทรวงศึกษาธิการ จ�ำนวน 98 เรื่อง (ร้อยละ 14.20) กระทรวงมหาดไทย จ�ำนวน 74 เรื่อง (รอ้ ยละ 10.72) ตามลำ� ดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนท่ี ภาค 2 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 448 เร่ือง พบว่า หนว่ ยงานท่ถี ูกกล่าวหามากที่สดุ คือ หนว่ ยงานองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ จำ� นวน 193 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 43.08) รองลงมาเป็นสำ� นักงานต�ำรวจแหง่ ชาติ จ�ำนวน 60 เรอื่ ง (รอ้ ยละ 12.95) และกระทรวงมหาดไทย จ�ำนวน 54 เรอ่ื ง (ร้อยละ 12.05) ตามลำ� ดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนที่ ภาค 3 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 757 เรอ่ื ง พบว่า หน่วยงานที่ถกู กล่าวหามากท่สี ดุ คอื หน่วยงานองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ จ�ำนวน 378 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 49.93) รองลงมาเปน็ กระทรวงมหาดไทย จำ� นวน 129 เรื่อง (ร้อยละ 17.04) และกระทรวงศึกษาธิการ จ�ำนวน 68 เร่อื ง (ร้อยละ 8.98) ตามลำ� ดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นที่ ภาค 4 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 818 เรื่อง พบว่า หน่วยงานท่ถี กู กล่าวหามากที่สุด คอื หน่วยงานองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ จ�ำนวน 313 เร่ือง (รอ้ ยละ 38.26) รองลงมาเปน็ กระทรวงมหาดไทย จำ� นวน 162 เรื่อง (รอ้ ยละ 19.80) และกระทรวงศกึ ษาธกิ าร จ�ำนวน 108 เรอ่ื ง (ร้อยละ 13.20) ตามลำ� ดับ 54 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนที่ ภาค 5 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 584 เร่อื ง พบวา่ หนว่ ยงานท่ถี ูกกล่าวหามากที่สดุ คือ หน่วยงานองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ จำ� นวน 200 เรื่อง (รอ้ ยละ 34.25) รองลงมาเปน็ กระทรวงมหาดไทย จ�ำนวน 83 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 14.21) และกระทรวงศึกษาธิการ จำ� นวน 60 เร่ือง (ร้อยละ 10.27) ตามลำ� ดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นท่ี ภาค 6 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 613 เร่อื ง พบวา่ หนว่ ยงานที่ถกู กล่าวหามากทสี่ ุด คอื หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ�ำนวน 230 เร่ือง (ร้อยละ 37.52) รองลงมาเป็นกระทรวงมหาดไทย จำ� นวน 96 เร่อื ง (ร้อยละ 15.66) และส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ จำ� นวน 46 เรื่อง (ร้อยละ 7.50) ตามลำ� ดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนท่ี ภาค 7 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 429 เรื่อง พบวา่ หนว่ ยงานทถี่ กู กล่าวหามากท่สี ดุ คือ หนว่ ยงานองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ จ�ำนวน 173 เรื่อง (รอ้ ยละ 40.33) รองลงมาเปน็ กระทรวงมหาดไทย จำ� นวน 52 เร่อื ง (ร้อยละ 12.12) และส�ำนกั งานต�ำรวจแห่งชาติ จำ� นวน 44 เรอื่ ง (รอ้ ยละ 10.26) ตามลำ� ดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนท่ี ภาค 8 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 334 เรื่อง พบว่า หน่วยงานทีถ่ กู กล่าวหามากทีส่ ุด คอื หนว่ ยงานองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ จ�ำนวน 146 เรอื่ ง (ร้อยละ 43.71) รองลงมาเป็นกระทรวงมหาดไทย จำ� นวน 50 เรื่อง (รอ้ ยละ 14.97) และส�ำนกั งานต�ำรวจแห่งชาติ จ�ำนวน 28 เร่ือง (ร้อยละ 8.38) ตามลำ� ดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นที่ ภาค 9 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 230 เรือ่ ง พบว่า หน่วยงานท่ีถกู กลา่ วหามากที่สุด คือ หน่วยงานองคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ จำ� นวน 67 เร่อื ง (ร้อยละ 29.13) รองลงมาเป็นสำ� นักงานต�ำรวจแหง่ ชาติ จ�ำนวน 51 เรื่อง (ร้อยละ 22.17) และกระทรวงมหาดไทย จ�ำนวน 26 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 11.30) และตามลำ� ดับ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 55

เรื่อง (ร้อยละ 29.13) รองลงมาเป็นสานักงานตารวจแห่งชาติ จานวน 51 เร่ือง (ร้อยละ 22.17) และ กระทรวงมหาดไทย จานวน 26 เรื่อง (ร้อยละ 11.30) และ ตามลาดับ ตจาต�ำจราแาารนแงากนแงขสกแ้อดขสมง้อดรลูมง้อตรูลยอ้าตลยมาะลพมขะ้ืนพอขท้ืนงอคีร่ทงบั�ำ่ีรคกผบัาลิดกผ่าชลิดวอา่ชหวบอาหบใแานลใแปนะลงีหปะบนงีหปบ่วนรปยว่ะงรยมาะงานมาณทานณ่ถีทพูกถ่ี .พกศูกล..กศ่า2ล.ว5่า2ห6ว5า2ห6า2 หมาหยมเหายตเุ ห: ตหุ น: ว่ ยหงานนว่ อยงงาคนก์ อรปงคก์กครรปอกงคสร่วอนงทสอ้ ว่ งนถทน่ิ ้อง>ถ>ิน่ อ>ง>คก์ อางรคบ์กราิหราบรรสิหว่ านรสต่วานบตลำ� (บอลบ(ตอ.)บต(4.)8(.4081.%01)%) หน้า 50 กระทรกวรงะมทหราวดงมไทหยาด>ไ>ทยกร>ม>กการปมกาครปอกงค(ร6อ5ง.7(86%5.7)8%) ทปมี่ระาปทม :รี่มวะราลมะผ:บวลรลบะโกผตดบรลรยบะโวทดต:จยรรกสรววราับ:จงะนสคศรทกัำ�าบัึกรนวกษควิจักล�ำางยัว่ากศธิจวแลิกกึ ัยหล่าาษแะวาราลบหธ(>ะารPกิ >บิกEา(ราPรSสกิรECา>วาSAน>รชิC)ักวาAสชิงก)ำ�าาานนกรกัาคดรงณ้าดานนะา้ กกนคารกณรราปะมร้อกกปงรา้อกรรงมนักกกาแันารลแรศะลกึกปะาษรปราาศรบขาึกนั้ปบษพรปาาข้นืรมา้นัฐกมพาากนืน้ ราฐทร(า3ทจุ น8รจุ .ติร(83ติ 3ส8%สา.8นำ� )3นกั %ักงาง)านนปป.ป.ป.ช.ช.. รายงานประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 56 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

คำ� กล่าวหาจำ� แนกตามประเภทค�ำกลา่ วหา จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ในภาพรวม พบว่า ค�ำกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นประเภท ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏบิ ัติหน้าทโ่ี ดยมิชอบ เช่น ละเลย เพกิ เฉย ตอ่ การปฏบิ ัติตามหนา้ ท่ี กระทำ� การเกินอำ� นาจ หน้าที่โดยทุจริต และอนุมัติ/ไม่อนุมัติใบอนุญาตโดยมิชอบ เป็นต้น จ�ำนวน 2,541 (ร้อยละ37.52) รองลงมา เป็นประเภทจัดซื้อจัดจ้าง จ�ำนวน 1,674 (ร้อยละ 24.72) และประเภทยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สิน ของทางราชการ จำ� นวน 896 เร่ือง (ร้อยละ 13.23) ตามล�ำดับ เมอื่ พจิ ารณาค�ำกลา่ วหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� แนกตามพนื้ ทรี่ บั ผิดชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง และสำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพน้ื ท่ี ภาค 1-9 และประเภทค�ำกลา่ วหา พบวา่ ค�ำกลา่ วหา ใน 2 อนั ดับแรก เปน็ ประเภทปฏิบตั ิหรอื ละเว้นการปฏบิ ตั ิหนา้ ที่โดยมิชอบ เช่น ละเลย เพิกเฉย ต่อการปฏบิ ตั ิ ตามหน้าที่ กระท�ำการเกินอ�ำนาจหนา้ ทีโ่ ดยทุจริต และอนุมตั /ิ ไมอ่ นุมตั ใิ บอนญุ าตโดยมชิ อบ เปน็ ตน้ และจัดซื้อจดั จา้ ง ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง มีค�ำกล่าวหา จ�ำนวน 1,870 เร่ือง พบว่า ค�ำกล่าวหาที่พบมากที่สุด เป็นประเภทปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ จ�ำนวน 862 เร่ือง (ร้อยละ 46.10) รองลงมา เป็นประเภทจัดซ้ือจัดจ้าง จ�ำนวน 300 เรื่อง (ร้อยละ 16.04) และประเภทยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สิน ของทางราชการ จำ� นวน 190 เรอ่ื ง (ร้อยละ 10.16) ตามล�ำดบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนท่ี ภาค 1 มคี �ำกล่าวหาจำ� นวน 690 เรื่อง พบว่า ค�ำกล่าวหา ที่พบมากท่ีสุด เป็นประเภทจัดซื้อจัดจ้าง จ�ำนวน 268 เรื่อง (ร้อยละ 38.84) รองลงมาเป็นประเภทปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ จ�ำนวน 227 เร่ือง (ร้อยละ 32.90) และประเภทยักยอก/เบียดบังเงิน หรือทรพั ย์สินของราชการ จ�ำนวน 75 เรอื่ ง (ร้อยละ 10.87) ตามลำ� ดบั สำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวัดในเขตพนื้ ที่ ภาค 2 มีคำ� กล่าวหาจำ� นวน 448 เรือ่ ง พบว่า ค�ำกล่าวหา ที่พบมากที่สุด เป็นประเภทปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ จ�ำนวน 176 เร่ือง (ร้อยละ 39.29) รองลงมาเป็นประเภทจัดซื้อจัดจ้าง จ�ำนวน 114 เร่ือง (ร้อยละ 25.45) และประเภทยักยอก/เบียดบังเงิน หรอื ทรัพยส์ นิ ของราชการ จำ� นวน 56 เรอ่ื ง (ร้อยละ12.50) ตามล�ำดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นท่ี ภาค 3 มีค�ำกล่าวหาจ�ำนวน 757 เร่ือง พบว่า ค�ำกล่าวหาที่พบมากทส่ี ุด เป็นประเภทจัดซอื้ จดั จา้ ง จ�ำนวน 220 เรอ่ื ง (ร้อยละ 29.06) รองลงมาเป็นประเภท ปฏบิ ัติหรอื ละเว้นการปฏิบัติหน้าทโี่ ดยมิชอบ จำ� นวน 218 เร่ือง (ร้อยละ 28.80) และประเภทยักยอก/เบยี ดบัง เงนิ หรอื ทรพั ย์สนิ ของราชการ จำ� นวน 117 เร่อื ง (ร้อยละ 15.46) ตามล�ำดบั สำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวดั ในเขตพืน้ ท่ี ภาค 4 มคี �ำกล่าวหาจ�ำนวน 818 เร่ือง พบว่า ค�ำกลา่ วหา ที่พบมากท่ีสุด เป็นประเภทจัดซื้อจัดจ้าง จ�ำนวน 250 เรื่อง (ร้อยละ 30.56) รองลงมาเป็นประเภทปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ�ำนวน 224 เร่ือง (ร้อยละ 27.38) และประเภทยักยอก/เบียดบังเงิน หรือทรัพย์สนิ ของราชการ จ�ำนวน 141 เร่ือง (รอ้ ยละ 17.24) ตามล�ำดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นท่ี ภาค 5 มีค�ำกล่าวหาจ�ำนวน 584 เรื่อง พบว่า ค�ำกล่าวหาท่ีพบมากท่ีสุด เป็นประเภทปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ จ�ำนวน 203 เรื่อง (ร้อยละ 34.76) รองลงมาเปน็ ประเภทจดั ซอื้ จดั จา้ ง จ�ำนวน 159 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 27.23) และประเภทยกั ยอก/ เบียดบงั เงินหรือทรพั ย์สนิ ของราชการ จำ� นวน 88 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 15.07) ตามล�ำดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นที่ ภาค 6 มีค�ำกล่าวหาจ�ำนวน 613 เร่ือง พบว่า ค�ำกล่าวหาที่พบมากที่สุด เป็นประเภทปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ จ�ำนวน 250 เรื่อง (ร้อยละ 40.78) รองลงมาเป็นประเภทจดั ซื้อจดั จา้ ง จำ� นวน 131 เรอ่ื ง (ร้อยละ 21.37) และประเภทยักยอก/ เบียดบังเงนิ หรอื ทรัพย์สนิ ของราชการ จำ� นวน 91 เรื่อง (ร้อยละ 14.85) ตามล�ำดบั รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 57

ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นท่ี ภาค 7 มีค�ำกล่าวหาจ�ำนวน 429 เร่ือง พบว่า ค�ำกล่าวหาที่พบมากที่สุด เป็นประเภทปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ จ�ำนวน171 เรื่อง (ร้อยละ 39.86) รองลงมาเป็นประเภทจัดซื้อจดั จา้ ง จำ� นวน 103 เร่ือง (รอ้ ยละ 24.01) และประเภทยักยอก/ เบียดบังเงินหรอื ทรพั ย์สินของราชการ จำ� นวน 57 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 13.29) ตามล�ำดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนที่ ภาค 8 มีค�ำกล่าวหาจ�ำนวน 334 เรื่อง พบว่า ค�ำกล่าวหาท่ีพบมากที่สุด เป็นประเภทปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ จ�ำนวน 114 เร่ือง (ร้อยละ 34.13) รองลงมาเป็นประเภทจัดซื้อจัดจ้าง จ�ำนวน 74 เรื่อง (ร้อยละ 22.16) และประเภทยักยอก/ เบยี ดบงั เงนิ หรอื ทรพั ย์สินของราชการ จำ� นวน 54 เร่อื ง (ร้อยละ 16.17) ตามล�ำดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนท่ี ภาค 9 มีค�ำกล่าวหาจ�ำนวน 230 เรื่อง พบว่า ค�ำกล่าวหาที่พบมากท่ีสุด เป็นประเภทปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ�ำนวน 96 เรื่อง (ร้อยละ 41.74) รองลงมาเป็นประเภทจัดซ้ือจัดจ้าง จ�ำนวน 55 เรื่อง (ร้อยละ 23.91) และประเภทยักยอก/ เบียดบงั เงนิ หรือทรัพยส์ นิ ของราชการ จำ� นวน 27 เรือ่ ง (ร้อยละ 11.74) ตามล�ำดบั 58 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

1.74) รองลงมาเป็นประเภทจัดซื้อจัดจ้าง จานวน 55 เรื่อง (ร้อยละ23.91) และประเภทยักยอก/ รอื ทรัพย์สินของราชการ จานวน 27 เรื่อง (รอ้ ยละ 11.74) ตามลาดับ ตารางตแาสราดงแงสรดอ้ งยรอ้ ลยะลขะขอองคค�ำากกลา่ลว่าหวาใหนปางีใบนปประงี มบาณปรพะ.ศม. า2ณ562พ.ศ. 2562 จาแนจก�ำขแน้อกมขูล้อมตลู าตมามพพน้ืน้ื ทที่ร่ีรบั บัผิดผชดิ อบชอแลบะปแระลเภะทปคร�ำะกลเภา่ วทหคา ากลา่ วหา ปทมี่ระาม:วรละผบลบโตดรยว:จสราบั ทปนครี่มะกัาามวก:วริจลละผัย่าบลบวแโดตหลยระาว:จบสร(ำ�รบัPนคกิ Eักำ� าSวกจิรลCัยว่าAแวิชลห)ะาาบก(รPาิกEราSรCดวA้าิช)านกการาดร้านปกอ้ ารงปกอ้ นั งกแนั ลและะปปรราาบบปปรารมากามรกทจุารริตทสจุ ำ� นรักติ งาสนาปน.ปกั .ชง.าน ป.ป.ช. ายงานประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2562รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 59

หน้าท่ีและอานาจป้องกันและปราบปรามการทุจริตดาเนินการแทน จานวน 3,488 เร่ืองการ ปฏิบัnต ิหคำ�รกือลา่ ลวหะาเในวป้นงี บกปาระรมปาณฏพิบ.ศัต. 2ิห56น2้าททสี่ ง่ ่ีโหดน่วยยมงาิชนภอายบนอกเช่น ละเลย เพิกเฉย ต่อการปฏิบ ร.4เก9ิ)นอราอน ใรหงัฐห้ธาลรนจรงว่ มยหมนงานูญาคนณวเ้อา่ปาะ่ืนทดกด็น้วร�ำี่โยรเกดนมกกินาายรากรปราท้รอยปตุงจ.ัากกปมรัน.ยชมแิต.าลอตไะดรแกปา้พรล/ิจ6าเา1บะรบปณมอรียาาานตผดมรลุกมากบาาัต6รรัง2ทติ/เุจรมงไรวามิตจินตรร่อับหพาค.นศร6�ำ.ก3ุืมอล2แ่าทัต5ลว6หิะใร1มาบัพแาโตลอดยระยานม์สสีม่ว6ุญินตน4ิสใขาแ่งหหหญตอรง่ ่เือพโงปมรดร็นอะการบยราหชชณมมบกีเาิชรญั ยื่อาญองครทตั บ�ำิปี่กกจรลละ่าเ่าากววปนอหหบ็นาาวตน้น62จ9านเวรนื่อง ตในกระบหเจน้าว่วหยนนง้าากนทท่ีขาีม่อรีหงรจนัฐา้ัดใทนแี่ซตล�ำื้อะแอหจ�ำนนัด่งาอจจ�ำปนอ้้าวงงยกนักาจแรลาะรปนะรดาวับบนสปูงรา4หมกร7ือารเ5ททียุจรเบติรเทดื่อ�ำ่าเลงนงินมก(ารารแ้อแลทยะนมลิใจช�ำะ่เนปว็น1นค33ว,า4.ม86ผ82ิดเรร)้า่อื ยงกแโรดางยรสจว่บึงนสใร่งหใิหญห่้ ารงานบุคคล ลื่อนตาแกเหปร็นะนทเร�ำ่งื่อกง/ากรโาเกยรินปกอฏ�ำิบยนัตา้าิหจยหรือน/ล้าลทะเี่โงวด้นยโทกทาุจรรษปิตฏวแิบินลัตะัิหยอนน)ุ้มาทัตจ่ีิ/โดไามยน่อมนิชวุมอัตนบิใบเอช2น่น7ุญลา7ตะโเดลเยรยมื่อิชเพองิกบเฉ(เรปย็น้อตต่อย้นกลจาร�ำะนปวฏน7ิบัต.1ิ9ต,5า41ม7ห)นเร้าื่อแทงี่ละ เรียกรับ อปง ก(รค้อรยอท(เงลรลจุอ้ส่ือะรยนติ่วลตใะนนำ� 6แ4กทห3ร..ะน04้อบง่9/8ว)งโนยร)ถกอกางย่ินตลร้าจงยาเมัด/ปาซลมเ้ืองป็นโลจ็นทดั กหษาจาวา้รดนินงยยััักบ่วจ)ย�ำยอจนกำ�ทวงน/นเา้ัวงบ4นียนน7ด25ทบี้ 7ังเเ7รี่เมมงอื่ ินเงีรค่ือห่อื (รรงาพือ้อก(ทยริจรล้อลัพะยาย่ลา1รส์ะ3วินณ.67ขห2.อ9)างา4รกาคมา)ชรแกาาบลากรกระหิ เจทลรา�ำียรน่่ีสางกาวรวนุนดบั บหส6ุคนิ2จคาบ9ลานทเรน(่อืกจี่สงาำ�วรน่(งบรนวอ้หรนยรลจน29ะุ/1แ่0ว21ต89ย่งเ.รต0่ืองั้ง3เง/)ารนื่อภง าคยิดนเปอ็นกร ป็นกระทส(ร่วอ้ รนยทวล้ะองง6มถ.0่ินห8เป)าต็นดาหมนไล่วทำ� ยดงยับานทจทง้ั นี่มาี้ีคเนม�ำกื่อวพล่นาจิ วาหรณ6ามา5าคกำ�9ทกล่ีสเ่าุดรวห่ืจอา�ำทงนสี่ วง่น(หรน9้อว่0ยย9งาลเนร่ือภะงาย1คนิดอ8เกป.8็พนรบ9้อว)ย่าลหะนส่ว2าย6งน.า0น6ักองรงคอา์กงลรนปงมตกาคาเรปอร็นงวจแห่งชาติ จ ะ 15.71(ก)รร้อแะยทลลระวะ1งก5ม.ห7ร1าะ)ดแไททละรยกวรจะง�ำทนศรววึกนงศษ6ึก5าษ9าธธิกเิกรา่ือารงรจำ�(รนจ้อวายนลน4ะ0ว81น8เร.อ่ื84ง9)(0รอ้ส8ย�ำนลเะักรง1ื่อา1น.ง7ต0�ำ)(รรตวาอ้จมแยลหำ� ล่งดชบั ะาติ1จ1�ำน.7วน0)54ต8 าเรม่ือลง าดบั แผนภาพแสดงแรผอ้นภยาลพแะสขดงอรอ้งยคลาะขกอลงค่า�ำวกลหา่ วาหใานในปปีงีงบบปรปะมราะณมพา.ศณ. 25พ62.ศ. 2562 ท่สี ง่ หน่วยงาทนีส่ ภ่งหานยว่ ยนงาอนกภายจนาอกแจน�ำกแนตกาตามมปปรระเะภเทภค�ำทกลคา่ าวหกาล่าวหา แผนภาพแสดงรอ้ ยละของคากล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ท่สี ่งหน่วยงานภายนอก จาแนกตามหนว่ ยงานที่ถกู กลา่ วหา 60 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

แผนภาพแสดงรอ้ ยละของคากล่าวหาในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ทส่ี ่งหน่วยงานภแาผนยทภสี่ นาง่ พหอนแสว่กยดงงารจน้อยภาลาแะยขนนอองกกคจำ� ตก�ำแลานา่ วกมหตหาาใมนนหปนีงว่่วบยยปงรางะนมาทาถ่ี นณกู กทพล.า่ศถี่ ว.หกู2า5ก62ลา่ วหา ท่มี า : ระบบตรวจรับคำ� กล่าวหา (PESCA) ล่าวหา (PESCA)ประมวลผลโดย : สำ� นักวจิ ัยและบรกิ ารวิชาการด้านการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. จยั และบริการวชิ าการด้าnน คกำ� ากรลป่าวอ้ หงากปนัระแจำ�ลปะีงปบปรราะบมปาณราพม.ศก.า2ร5ท62จุ ทรส่ีิตำ� นสักางานนักปง.าปน.ช.ปรบั.ปไว.ด้ชำ� .เนินการเอง ประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวนคำ� กลา่ วหา จำ� แนกตามปงี บประมาณทเี่ กดิ เหตุ จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 10,382 เร่อื ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พจิ ารณา ผลการตรวจรับค�ำกล่าวหา เห็นว่าเป็นค�ำกล่าวหาท่ีมีรายละเอียดถูกต้องครบถ้วนและอยู่ในอ�ำนาจหน้าท่ี ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีมติรับไว้ด�ำเนินการ จ�ำนวน 3,285 เรื่อง โดยเป็นค�ำกล่าวหาท่ีเกิดเหตุใน ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 มากทส่ี ดุ จ�ำนวน 791 เรือ่ ง คิดเปน็ รอ้ ยละ 24.08 ของคำ� กลา่ วหาท่ีส�ำนกั งาน ป.ป.ช. รบั ไว้ดำ� เนินการเอง รองลงมาเปน็ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จ�ำนวน 751 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 22.86) และปงี บประมาณ พ.ศ. 2560 จ�ำนวน 374 เรอ่ื ง (ร้อยละ 11.39) ตามล�ำดับ เมื่อพิจารณาค�ำกล่าวหาตามพื้นที่ความรับผิดชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า ในภาพรวมของ ค�ำกลา่ วหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ที่ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. รบั ไว้ด�ำเนินการประมาณ 1 ใน 5 ของคำ� กลา่ วหา อยใู่ นความรบั ผดิ ชอบของสำ� นักงาน ป.ป.ช. สว่ นกลาง มากทีส่ ดุ จำ� นวน 746 เรื่อง (ร้อยละ 22.71) รองลงมาเปน็ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั ในเขตพืน้ ทภี่ าค 1 จ�ำนวน 408 เรอ่ื ง (ร้อยละ 12.42) และส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นที่ภาค 3 จ�ำนวน 349 เรื่อง (ร้อยละ 10.62) ตามล�ำดับ ในขณะที่ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จังหวัดในเขตพ้นื ทภ่ี าค 9 มคี ำ� กล่าวหาในความรบั ผิดชอบน้อยทส่ี ดุ จำ� นวน 110 เรื่อง (รอ้ ยละ 3.35) รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 61

ประจาจังหวัดในเขตพ้ืนที่ภาค 3 จานวน 349 เร่ือง (ร้อยละ 10.62) ตามลาดับ ในขณะท่ีสานักงาน ป.ป.ช. ประจาจังหวัดในเขตพ้นื ทีภ่ าค 9 มีคากลา่ วหาในความรบั ผิดชอบน้อยที่สดุ จานวน 110 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 3.35) ตตาารราางงแแสสดดงงคค�ำากกลล่า่าววหหาทสี่ ำ�านกั งาน ป.ป.ช. รบั ไว้ดำ�าเนนิ การเอง ในปงี บประมมาาณณพพ..ศศ..22556622 จจ�ำาแแนนกกตตาามพื้นทค่ี วามรับผดิ ชอบ และปีงบประมาณที่เกกิดดิ เเหหตตุ ุ พน้ื ที่ รวมคากลา่ วหา ปงี บประมาณทเี่ กดิ เหตุ 2562 2561 2560 2559 2558 2557 2556 2548-2555 2542-2547 2511-2541 ไม่ระบุ * 125 138 69 39 114 สว่ นกลาง 746 90 104 52 32 58 35 34 110 12 12 - ภาค 1 408 67 56 36 23 1 ภาค 2 268 93 92 49 35 28 10 10 79 2 1 10 ภาค 3 349 92 84 38 41 10 ภาค 4 347 86 70 51 32 24 14 15 31 - 1 5 ภาค 5 328 106 77 36 35 1 ภาค 6 333 65 53 13 13 18 12 10 28 2- 13 ภาค 7 225 44 52 17 16 1 ภาค 8 171 23 25 13 17 16 11 10 44 1- 3 ภาค 9 110 791 751 374 283 158 ทงั้ ประเทศ 3,285 24.08 22.86 8.61 18 19 8 38 1- 4.81 ร้อยละ (%) 100.00 11.39 19 18 15 24 1 1 12 18 9 25 2 2 13 4 4 12 5 3 10 3 3 9 2 2 216 144 118 400 28 22 6.58 4.38 3.59 12.18 0.85 0.67 ทม่ี ทาี่ม:าร:ะรบะบบบบรบหิ รหิาราจรจดั ัดกกาารรเรเรอื่ ่ืองงรรอ้ ้องงเเรรียยี นนแแลละะคคดดีี ((CCCCMMSS)) หมหามยาเหยเตหุ ต: ุ *: *เนเือ่นงอ่ื จงาจกากผผ้แู แู้จจง้ เง้ บเบาาะะแแสส//ผผู้รู้ร้ออ้ งไมไ่ ดร้ ะบบปุ ุปที ีทเี่ ่เีกกดิ ดิ เหเหตตุ จุ จงึ ไงึ มไมส่ าส่ มาามราถรรถะรบะุไบด้วไุ ดา่ ว้เปา่ น็เปป็นงี บปปงี บระปมราะณมใาดณใด สก ท(กก(กสกรรรร่่ีม่วลรรว้อ้อะะะะนา่คีนยยททวททำ�ทลลทหรรกรระ้ะอ้อววาวลวงงงมงง3งา่3ศถเศถาเว.จคก.4กกึ่ิน4กึ่ิกหนาำ�ษจค0ษษ0ทษกากาาต))ตเาเ่ีสมคาลกกปรปแธดุรธาแ�ำา่ลคแลกิ็็นนแิกกกลวา่าละ3าลาทหลหะวหกสะรระหส่่สีาอนลน่าวสสวจ่วดุันานจ่า่ห่ววหจนหำ�ดวารยจกย3นำ�าานรหกบั งารงแใชาวรอวาแแาณนาชกนนณนในันนรนปากน์กกดกท์ร3ทีงจา3ปตจอตับบี่4ถรส�ำ่ี4ถีงาาื่นาอแ4นูปกา4บมูกนมร่ืนมวกรๆปหเกหวกเานระรลรนนลนรรๆอื่มื่อส่าะวถ่่ว่วาง1างาว1มมสยยวรณ1มห1(า(รวงหงร56ราณ5ปุาามา้อ4้อารพนมนไ5เยถยเมดรพท.6ราทลศสลื่อาเ้ื่อ4กี่ถ.ระดถ่ีร.ะศกง5งูกื่อทปุังูก.ท21งก1น่ีส((ไก2เ5ร่ี0รส0ลดี้ร(ุดล5ร้อ6้อ..ุา่อื่้ด44้อ่า6ด2ยวยง77จวย2หงัลลจ))�ำหลนจ(ะาะาจรนะก�กำาี้ นอ้านรวร331นยวะะนว..955วลนททน.600นะรร13))1วว3,)31,งส3งส,3,2ม9มเ0า2�ำม08.หนห8น36ื่อ35าั5ก3าักพดดเ)งงเเรเิจไรราาเไร่ืทอมาท่ืื่อนอนื่อรงย่อืงยงตตงณพ�ำาจ(พ(จพาิจรรรรำ�าบคบววา้้ออนนจราจววยยววณกแ่า่าแนลลนลหหาหะะห่า่งค3่ง3นวชนช�ำ1133ห่วาก่วา4499ยตายตล..ขงิเเง66่าิรราอจจาว77่ือ่ือนงน�ำาห)ง)งหอนนอารนงร(ว(ขวงรรอคนอค่วนออ้้อ์กงยง์กงยยลร1ล1งหรลลปาง11ปงนะะนมม33กกว่ ทาคา99ยคเเเี่เมรร..งรรป55ปอ่ือาีค่ืออ66็น็นนงงางง)) l องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 1,303 เรื่อง ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นค�ำกล่าวหาในประเภทจัดซื้อจัดจ้าง จ�ำนวน 570 เร่ือง (ร้อยละ 43.75) รองลงมาเป็นประเภท ปราฏยบิ งตั าิหนรปอื รละะจเาวป้นีงกบาปรประฏมิบาัตณหิ นพา้ .ทศโี่.ด2ย5ม6ชิ 2อบ เชน่ ละเลย เพกิ เฉย ต่อการปฏบิ ตั ิตามหน้าท่ี กระทำ� การหเกนินา้ อ5ำ� 4นาจ หน้าท่ีโดยทุจริต และอนุมัติ/ไม่อนุมัติใบอนุญาตโดยมิชอบ เป็นต้น จ�ำนวน 347 เรื่อง (ร้อยละ 26.63) และยักยอก/เบยี ดบังเงนิ หรือทรัพย์สินของราชการ จ�ำนวน 104 เรือ่ ง (ร้อยละ 7.98) ตามลำ� ดบั l กระทรวงศึกษาธิการ มีค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 344 เร่ือง ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นค�ำกล่าวหาในประเภทจัดซื้อจัดจ้าง จ�ำนวน 154 เรื่อง (ร้อยละ 44.77) รองลงมาเป็นประเภทปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เช่น ละเลย เพิกเฉย ต่อการปฏิบัติตามหน้าที่ กระท�ำการเกินอ�ำนาจหน้าท่ี โดยทุจริต เป็นต้น จ�ำนวน 91 เร่ือง (ร้อยละ 26.45) และยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สินของราชการ จ�ำนวน 35 เรื่อง (รอ้ ยละ 10.17) ตามล�ำดับ l กระทรวงมหาดไทย มีคำ� กลา่ วหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 314 เร่ือง ซง่ึ ส่วนใหญเ่ ป็น ค�ำกลา่ วหาในประเภทปฏบิ ัติหรือละเว้นการปฏิบตั หิ นา้ ท่โี ดยมิชอบ เชน่ ละเลย เพกิ เฉย ตอ่ การปฏิบัติตามหนา้ ที่ กระท�ำการเกินอ�ำนาจหน้าที่โดยทุจริต และอนุมัติ/ไม่อนุมัติใบอนุญาตโดยมิชอบ เป็นต้น จ�ำนวน 95 เรื่อง (ร้อยละ30.25) รองลงมาเปน็ ประเภทออกเอกสารสิทธทิ ด่ี นิ จ�ำนวน 92 เร่ือง (รอ้ ยละ 29.30) และจดั ซือ้ จัดจ้าง จ�ำนวน 63 เรื่อง (ร้อยละ 20.06) ตามลำ� ดบั 62 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

(ร$อยละ30.25) รองลงมาเปWนประเภทออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน จำนวน 92 เรื่อง (ร$อยละ 29.30) และจัดซื้อจัดจ$าง จำนวน 63 เร่ือง (รอ$ ยละ 20.06) ตามลำดบั แผแนผภนาพภแาจสพำดแแจงนสจ�ำดกำแตงนนจาวกม�ำนตนหคาวนำมนวFกหยลคนงFาำ� าว่วกนหยลทางา่ ี่ถใาวนกูนหปกทา*งลีถ่ใบFานกู วปปกหรงีละาบา่มมวปาาหณกระาทมมพ่ีสาาดุ.ศณก.3ท2พ่สีอ5ดุนั.6ศด2.3บั 2ทแอ5ี่สรนั 6ำกด2นับแกั ทลแงส่ีะารปน�ำกนรปแะกั .เลงปภะา.ทชปนค.รำประกับเ.ปภลไFาวท.ชวด6ค.หำ�ำรเากนับลนิ ไา่วกว้ดาหรำ� เเาอนงินการเอง ทม่ี า ท: รี่มะาบ:บรบะรบิหาบรบจรดั หิการรเจรดั่อื งกรา6อรงเเรร่ือยี งนรแอ้ ลงะเครดียีน(CแCลMะคS)ดี (CCMS) ประมปวรละผมลวโดลยผล: โสดำยนกั :วสิจ�ำัยนแลกั ะวบจิ รัยิกแาลรวะชิบารกกิ าารรดว6าชินากการาปรดlองา้ กนนั กแาลระปป้อรงากบนัปรแาลมะกปารทาบจุ รปิตราสมำนกักางราทนจุ ปริต.ป.สชำ� .นักงาน ป.ป.ช. เเมม่ืออื่ พพิจิจาารรณณาหาหนน9วยว่ งยางนาทน่ีถทกู ีถ่ กกู ลก9าลว่าหวาหจำาแจน�ำแกนตากมตพา้ืนมทพี่รนื้ ับทผ่ีริดบั ชผอดิ บชสอาบมาสราถมสารรปุ ถไสดรด$ ุปังนไดี้ ด้ ังนี้ สำ� นักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง จากคำ� กลา่ วหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� นวน 746 เรอื่ ง พบวา่ รายหงานน่วปยรงะาจนำทป่ีถ*งูกบกปลร่าะวมหาาณมาพก.ศท.่ีส2ุด56ค2ือ กระทรวงมหาดไทย จ�ำนวน 107 เรื่อง (ร้อยละ 14.ห3น4า$) 7ร5องลงมาเป็น กระทรวงศึกษาธิการ จ�ำนวน 58 เรื่อง (ร้อยละ 7.77) และหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ จ�ำนวน 56 เร่ือง (ร้อยละ 7.51) ตามลำ� ดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนที่ ภาค 1 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 408 เรื่อง พบว่า หน่วยงานถูกกล่าวหามากที่สุด คือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ�ำนวน 189 เรอื่ ง (รอ้ ยละ 46.32) รองลงมาเป็นกระทรวงศกึ ษาธกิ าร จำ� นวน 69 เร่ือง (รอ้ ยละ 16.91) และกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม จ�ำนวน 32 เรอื่ ง (ร้อยละ 7.84) ตามลำ� ดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนที่ ภาค 2 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 268 เรื่อง พบว่า หน่วยงานที่ถูกกล่าวหามากท่ีสุด คือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ�ำนวน 145 เรื่อง (ร้อยละ 54.10) รองลงมาเป็นกระทรวงศึกษาธิการ จำ� นวน 36 เรอ่ื ง (ร้อยละ 13.43) และกระทรวง มหาดไทย จ�ำนวน 27 เร่ือง (รอ้ ยละ 10.07) ตามล�ำดับ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 63

ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นที่ ภาค 3 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 349 เรื่อง พบว่า หน่วยงานท่ีถูกกล่าวหามากท่ีสุด คือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จ�ำนวน 222 เร่อื ง (ร้อยละ 63.61) รองลงมาเป็นกระทรวงศึกษาธกิ าร จำ� นวน 37 เรื่อง (ร้อยละ 10.60) และกระทรวง มหาดไทย จำ� นวน 19 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 5.44) ตามลำ� ดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นที่ ภาค 4 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 347 เร่ือง พบว่า หน่วยงานที่ถูกกล่าวหามากที่สุด คือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ�ำนวน 175 เรือ่ ง (ร้อยละ 50.43) รองลงมาเป็นกระทรวงศกึ ษาธิการ จำ� นวน 47 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 13.54) และกระทรวง มหาดไทย จำ� นวน 32 เร่ือง (ร้อยละ 9.22) ตามลำ� ดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นท่ี ภาค 5 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 328 เรื่อง พบว่า หน่วยงานที่ถูกกล่าวหามากท่ีสุด คือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ�ำนวน 129 เรอื่ ง (รอ้ ยละ 39.33) รองลงมาเป็นกระทรวงศึกษาธิการ จำ� นวน 29 เร่ือง (ร้อยละ 8.84) และกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ จำ� นวน 22 เรอ่ื ง (ร้อยละ 6.71) ตามล�ำดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นท่ี ภาค 6 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 333 เร่ือง พบว่า หน่วยงานท่ีถูกกล่าวหามากที่สุด คือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ�ำนวน 167 เร่ือง (รอ้ ยละ 50.15) รองลงมาเปน็ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร จำ� นวน 29 เร่ือง (ร้อยละ 8.71) และกระทรวง มหาดไทย จ�ำนวน 28 เรอื่ ง (ร้อยละ 8.41) ตามลำ� ดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นที่ ภาค 7 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 225 เรื่อง พบว่า หน่วยงานที่ถูกกล่าวหามากท่ีสุด คือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จ�ำนวน 111 เรื่อง (ร้อยละ 49.33) รองลงมาเป็นกระทรวงมหาดไทยจ�ำนวน 22 เรื่อง (ร้อยละ 9.78) และกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร จำ� นวน 16 เร่อื ง (ร้อยละ 7.11) ตามลำ� ดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นที่ ภาค 8 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 171 เรื่อง พบว่า หน่วยงานที่ถูกกล่าวหามากที่สุด คือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ�ำนวน 86 เร่ือง (ร้อยละ 50.29) รองลงมาเป็นกระทรวงมหาดไทย จ�ำนวน 24 เรื่อง (ร้อยละ 14.04) และกระทรวง ศกึ ษาธิการ จ�ำนวน 10 เรื่อง (รอ้ ยละ 5.85) ตามลำ� ดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นที่ ภาค 9 จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 110 เร่ือง พบว่า หน่วยงานท่ีถูกกล่าวหามากที่สุด คือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จ�ำนวน 43 เร่ือง (รอ้ ยละ 39.09) รองลงมาเป็นกระทรวงศึกษาธิการ จ�ำนวน 13 เร่ือง (รอ้ ยละ 11.82) และกระทรวง มหาดไทย จำ� นวน 12 เร่อื ง (ร้อยละ 10.91) ตามล�ำดบั 64 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

เรื่อง (ร้อยละ 39.09) รองลงมาเป็นกระทรวงศึกษาธิการ จานวน 13 เร่ือง (ร้อยละ 11.82) และ กระทรวงมหาดไทย จานวน 12 เรือ่ ง (ร้อยละ 10.91) ตามลาดบั ตตาารราางงแแสสดดงรงอ้ รย้อลยะลขะอขงอคง�ำคกาลกา่ วลหา่ วาทหี่สา�ำทน่สี ักางนาักนงปาน.ป.ปช.ปร.บัชไ.วร้ดับำ� เไนวนิ้ดกาาเนรเนิ อกงารเอง ในปปีงงี บบปปรระะมมาาณณพพ.ศ..ศ2. 5265262จ�ำจแานแกนขก้อขมลู้อตมาูลมตพาน้ืมทพี่ร้ืนบั ทผ่ีริดับชผอิดบชแอลบะหแนล่วะยหงนาน่วทย่ถีงากู นกทลา่ีถวูกหกาลา่ วหา หหมมาายยเหตุ:: หหนนว่ ่วยงานองค์กรปกครองส่วนนทท้ออ้ งงถถ่นิ ิน่ >>>>อองงคค์ก์กาารรบบรริหิหาารรสสว่ ่วนนตต�ำบาบลล(อ(บอบต.ต).()5(25.121.1%1)%) กกรระะททรรววงงศกึ ษาธิการ >> สำ�านกั งานคณณะะกรรมมกกาารรกกาารรศศึกึกษษาาขขนั้ ้นั พพน้ื ื้นฐฐาานน(4(64.68.08%0%) ) กกรระะททรรววงงมมหหาาดดไไททยย >>>> กกรรมมกกาารรปกครอง (4433..9955%%)) ททมี่ มี่ าา::รระะบบบบตตรรววจจรบัรับคคำ� กาลกา่ลวา่ หวาหา(P(EPSECSAC)A) ปปรระะมมววลลผผลลโดโดยย: :สำ�สนานกั วักจิวัยจิ แัยลแะลบะรบิกรากิ ราวริชวาชิ กากราดร้าดนา้กนากรปาร้อปงกอ้ ันงกแนัลแะปละรปาบรปาบราปมรกาามรกทาุจรรทิตจุ รสติ �ำนสกั างนาักนงาปน.ปป.ช..ป.ช. รายงานประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 หนา้ 57 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 65

จำ� นวนค�ำกล่าวหาจ�ำแนกตามประเภทคำ� กลา่ วหา จากค�ำกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับไว้ด�ำเนินการเอง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 พบว่า ส่วนใหญ่เป็นค�ำกล่าวหาประเภทจัดซ้ือจัดจ้าง จ�ำนวน 1,199 เร่ือง (ร้อยละ 36.50) รองลงมาเป็นปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เช่น ละเลย เพิกเฉย ต่อการปฏิบัติตามหน้าที่ กระท�ำการเกินอ�ำนาจหน้าท่ี โดยทุจริต และอนุมัติ/ไม่อนุมัติใบอนุญาตโดยมิชอบ เป็นต้น จ�ำนวน 1,024 เร่ือง (ร้อยละ 31.17) ยักยอก/ เบียดบังเงินหรอื ทรพั ย์สินของราชการ จำ� นวน 267 เรื่อง (ร้อยละ 8.13) ออกเอกสารสิทธิในที่ดนิ จ�ำนวน 168 เร่ือง (ร้อยละ 5.11) เรียกรับสินบน จ�ำนวน 159 เร่ือง (ร้อยละ 4.84) ทุจริตในการจัดท�ำงบประมาณ/โครงการ/ เบิกจ่ายเงินในโครงการเป็นเท็จ จ�ำนวน 138 เรื่อง (ร้อยละ 4.20) การบริหารงานบุคคล (การบรรจุ/แต่งต้ัง/ เลือ่ นต�ำแหน่ง/โยกยา้ ย/ลงโทษวนิ ยั ) จำ� นวน 133 เร่ือง (ร้อยละ 4.05) การขัดกันระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นบคุ คล กับประโยชนส์ ว่ นรวม จำ� นวน 102 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 3.11) รำ่� รวยผิดปกติ จำ� นวน 91 เร่อื ง (รอ้ ยละ 2.77) และ การฝา่ ฝืนมาตรฐานทางจรยิ ธรรม จำ� นวน 4 เรื่อง (ร้อยละ 0.12) ตามล�ำดับ เมือ่ พิจารณาคำ� กล่าวหาในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� แนกตามพืน้ ท่ีรบั ผดิ ชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. สว่ นกลาง และสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจำ� จังหวดั ในเขตพืน้ ท่ี ภาค 1-9 และประเภทคำ� กลา่ วหา สามารถสรุปได้ดังน้ี ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง มีค�ำกล่าวหา จ�ำนวน 746 เรอ่ื ง พบว่า ค�ำกล่าวหาทีม่ ากทส่ี ุดเปน็ ประเภท การปฏิบตั ิหรอื ละเว้นการปฏิบัติหน้าทีโ่ ดยมิชอบ จ�ำนวน 312 เร่ือง (ร้อยละ 41.82) รองลงมาเป็นการจดั ซ้อื จดั จ้าง จ�ำนวน 177 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 23.73) และการออกเอกสารสทิ ธิท่ีดนิ จำ� นวน 63 เรอ่ื ง (ร้อยละ 8.45) ตามล�ำดับ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจำ� จังหวัดในเขตพ้นื ท่ี ภาค 1 มคี ำ� กลา่ วหาจำ� นวน 408 เรอื่ ง พบวา่ คำ� กล่าวหา ท่ีมากทีส่ ดุ เปน็ ประเภทการจัดซ้อื จดั จา้ ง จ�ำนวน 229 เร่อื ง (รอ้ ยละ 56.13) รองลงมาเป็นการปฏบิ ัตหิ รือละเวน้ การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ�ำนวน 81 เร่ือง (ร้อยละ 19.85) และการยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สินของ ราชการ จำ� นวน 29 เรอ่ื ง (ร้อยละ 7.11) ตามลำ� ดบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวดั ในเขตพน้ื ท่ี ภาค 2 มีค�ำกล่าวหาจ�ำนวน 268 เรอ่ื ง พบว่า ค�ำกลา่ วหา ที่มากทีส่ ุดเปน็ ประเภทการจัดซอ้ื จัดจา้ ง จำ� นวน 93 เร่ือง (ร้อยละ 34.70) รองลงมาเปน็ การปฏิบตั ิหรอื ละเวน้ การ ปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ จ�ำนวน 86 เร่ือง (ร้อยละ 32.09) และการยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สิน ของราชการ จ�ำนวน 29 เรือ่ ง (รอ้ ยละ 10.82) ตามลำ� ดับ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจำ� จังหวัดในเขตพ้ืนท่ี ภาค 3 มีค�ำกล่าวหาจ�ำนวน 349 เรอ่ื ง พบวา่ คำ� กล่าวหา ทม่ี ากทสี่ ดุ เป็นประเภทการจัดซอ้ื จดั จา้ ง จ�ำนวน 138 เรอ่ื ง (ร้อยละ 39.54) รองลงมาเป็นการปฏิบตั หิ รือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ�ำนวน 83 เรื่อง (ร้อยละ 23.78) และการยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สินของ ราชการ จำ� นวน 36 เรอ่ื ง (ร้อยละ 10.32) ตามลำ� ดบั สำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวัดในเขตพื้นที่ ภาค 4 มีค�ำกลา่ วหาจ�ำนวน 347 เรื่อง พบวา่ ค�ำกล่าวหา ทม่ี ากท่สี ุดเปน็ ประเภทการจดั ซอ้ื จดั จา้ ง จ�ำนวน 154 เรื่อง (ร้อยละ 44.38) รองลงมาเป็นการปฏบิ ตั หิ รือละเวน้ การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ�ำนวน 65 เร่ือง (ร้อยละ 18.73) และการยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สินของ ราชการ จำ� นวน 39 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 11.24) ตามลำ� ดบั สำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวดั ในเขตพืน้ ที่ ภาค 5 มคี �ำกล่าวหาจ�ำนวน 328 เร่ือง พบวา่ ค�ำกลา่ วหา ที่มากทสี่ ุดเป็นประเภทการจัดซอ้ื จดั จา้ ง จ�ำนวน 129 เร่อื ง (ร้อยละ 39.33) รองลงมาเปน็ การปฏบิ ัตหิ รอื ละเวน้ การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ�ำนวน 95 เรื่อง (ร้อยละ 28.96) และการยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สินของ ราชการ จำ� นวน 34 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 10.37) ตามลำ� ดบั 66 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

สำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวัดในเขตพน้ื ที่ ภาค 6 มีคำ� กลา่ วหาจำ� นวน 333 เร่ือง พบว่า คำ� กลา่ วหา ที่มากท่ีสุดเป็นประเภทการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ�ำนวน 129 เรื่อง (ร้อยละ 38.74) รองลงมาเปน็ การจดั ซอ้ื จัดจา้ ง จำ� นวน 104 เรอ่ื ง (ร้อยละ 31.23) และการยักยอก/เบยี ดบงั เงนิ หรือทรัพย์สินของ ราชการ จำ� นวน 24 เรอ่ื ง (ร้อยละ 7.21) ตามลำ� ดบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจำ� จังหวัดในเขตพืน้ ที่ ภาค 7 มีคำ� กลา่ วหาจำ� นวน 225 เร่อื ง พบวา่ คำ� กลา่ วหา ที่มากท่ีสุดเป็นประเภทการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ�ำนวน 83 เรื่อง (ร้อยละ 36.89) รองลงมาเปน็ การจัดซื้อจัดจา้ ง จ�ำนวน 75 เร่อื ง (ร้อยละ 33.33) และการยกั ยอก/เบยี ดบงั เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ของ ราชการ จ�ำนวน 15 เรื่อง (รอ้ ยละ 6.67) ตามลำ� ดบั สำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวัดในเขตพนื้ ที่ ภาค 8 มีคำ� กลา่ วหาจำ� นวน 171 เรอื่ ง พบว่า ค�ำกลา่ วหา ท่ีมากที่สดุ เปน็ ประเภทการจดั ซือ้ จัดจา้ ง จ�ำนวน 62 เรอื่ ง (รอ้ ยละ 36.26) รองลงมาเป็นการปฏบิ ัติหรอื ละเวน้ การปฏิบัติหน้าทโ่ี ดยมชิ อบ จำ� นวน 53 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 30.99) และการออกเอกสารสิทธทิ ี่ดนิ จำ� นวน 16 เร่อื ง (ร้อยละ 9.36) ตามลำ� ดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จังหวดั ในเขตพ้ืนท่ี ภาค 9 มคี �ำกลา่ วหาจ�ำนวน 110 เรอ่ื ง พบวา่ ค�ำกลา่ ว หาท่มี ากทส่ี ดุ เป็นประเภทการจดั ซือ้ จดั จา้ ง จ�ำนวน 38 เรอ่ื ง (ร้อยละ 34.55) รองลงมาเปน็ การปฏบิ ัตหิ รอื ละเวน้ การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ�ำนวน 37 เร่ือง (ร้อยละ 33.64) และการยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สินของ ราชการ จ�ำนวน 10 เร่อื ง (ร้อยละ 9.09) ตามลำ� ดับ จากการจ�ำแนกประเภทค�ำกล่าวหาข้างต้น เห็นได้ว่า ค�ำกล่าวหาในประเภทการจัดซื้อจัดจ้าง การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และการยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สินของราชการ จะพบ ในทุกเขตพ้ืนท่ีความรับผิดชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ทั้งส�ำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง และส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพน้ื ที่ภาค 1 - 9 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 67

ตาราตงาแรสางดแงสรด้องยรลอ้ ะยขลอะงขคอางกคล�ำ่ากวลห่าาวทห่ีสาทาน่สี กั�ำนงากั นงาปน.ป.ชป.ชร.ับรไบัวไ้ดวา้ดเนำ� เินนกินากราเรอเงอง ในปใีงนบปปงี รบะปมราะณมาพณ.ศพ. 2.ศ5.62256จ2าแจน�ำกแขน้อกมขูล้อตมาูลมตพามน้ื พทน้ื ่ีรทับร่ีผบั ิดผชิดอชบอบแลแะลปะรปะรเภะเทภคทาคก�ำลก่าลว่าหวาหา ปทม่ีระามทป:วรรี่มละะาผบมล:บวโรลตดะผรยบวลบ:จโดสตรยาบัรนวค:จกัาสรวกำ�บัิจลนคยั่ากั วแ�ำวกหลจิ ละาัยบ่า(แวรPลหิกEะาาSบรC(วรPAิชกิE)าาSกรCวาAิชร)ดากา้ นารกดาา้รนปก้อางกรปัน้อแงลกะนัปแราลบะปปรราามบกปารราทมุจกราติ รทสจุารนติ ักงสาำ� นนกัปง.ปาน.ช.ป.ป.ช. หนา้ 60 68 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ รายงานประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2562

จ�ำนวนค�ำกลา่ วหาจำ� แนกตามขนาดคำ� กลา่ วหา ค�ำกลา่ วหาท่ีสำ� นกั งาน ป.ป.ช. รบั ไวด้ ำ� เนนิ การเองในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ไดม้ กี ารแบง่ ขนาดไว้ เปน็ ขนาดเล็ก (S) ขนาดกลาง (M) ขนาดใหญ่ (L) และขนาดใหญ่มาก (XL) โดยการแบ่งขนาดค�ำกลา่ วหาพจิ ารณา จาก 1) ตำ� แหน่งของผถู้ กู กล่าวหา 2) จ�ำนวนผถู้ ูกกลา่ วหาและหรอื ประเด็นขอ้ กลา่ วหา 3) งบประมาณโครงการ/ มูลค่าความเสียหาย/ผลกระทบต่อระบบราชการหรือสังคมส่วนรวม และ 4) ความยุ่งยากในการรวบรวม พยานหลักฐานหรือพยานบุคคล ซ่ึงพบว่าส่วนใหญ่เป็นค�ำกล่าวหาขนาดกลาง (M) จ�ำนวน 1,463 เร่ือง คิดเป็นร้อยละ 44.54 ของค�ำกล่าวหาที่ส�ำนักงาน ป.ป.ช. รับไว้ด�ำเนินการเองท้ังหมด (จ�ำนวน 3,285 เรื่อง) รองลงมาเปน็ ขนาดเลก็ (S) จำ� นวน 1,183 เรอ่ื ง (ร้อยละ 36.01) ขนาดใหญ่ (L) จำ� นวน 483 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 14.70) และขนาดใหญ่มาก (XL) จำ� นวน 156 เร่ือง (รอ้ ยละ 4.75) เม่ือพิจารณาตามรายพื้นท่ีรับผิดชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวดั ในเขตพื้นท่ี ภาค 3 ภาค 5 ภาค 7 ภาค 8 และ ภาค 9 สว่ นใหญร่ ับผิดชอบ ค�ำกล่าวหาขนาดกลาง (M) ส่วนส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนที่ ภาค 1 ภาค 2 ภาค 4 ภาค 6 สว่ นใหญ่รบั ผิดชอบคำ� กลา่ วหาขนาดเล็ก (S) กลา่ วคอื ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง มีค�ำกล่าวหาทั้งหมด 746 เร่ือง ส่วนใหญ่เป็นขนาดกลาง (M) จ�ำนวน 287 เรอื่ ง (รอ้ ยละ 38.47) รองลงมาเปน็ ขนาดเล็ก (S) จ�ำนวน 201 เรือ่ ง (ร้อยละ 26.94) ขนาดใหญ่ (L) จำ� นวน 181 เรอื่ ง (ร้อยละ 24.26) และขนาดใหญ่มาก (XL) จ�ำนวน 77 เร่อื ง (ร้อยละ 10.32) ตามล�ำดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพื้นที่ ภาค 1 มีค�ำกล่าวหาทั้งหมด 408 เร่ือง ส่วนใหญ่ เป็นขนาดเล็ก (S) จ�ำนวน 186 เรื่อง (ร้อยละ 45.59) รองลงมาเป็นขนาดกลาง (M) จ�ำนวน 156 เรื่อง (ร้อยละ 38.24) ขนาดใหญ่ (L) จำ� นวน 50 เรอ่ื ง (ร้อยละ 12.25) และขนาดใหญ่มาก (XL) จ�ำนวน 16 เรือ่ ง (ร้อยละ 3.92) ตามลำ� ดบั สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจำ� จังหวัดในเขตพน้ื ท่ี ภาค 2 มคี ำ� กล่าวหาทง้ั หมด 268 เรือ่ ง สว่ นใหญ่เปน็ ขนาดเลก็ (S) จำ� นวน 122 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 45.52) รองลงมาเป็นขนาดกลาง (M) จำ� นวน 112 เรื่อง (ร้อยละ 41.79) ขนาดใหญ่ (L) จ�ำนวน 29 เรื่อง (ร้อยละ 10.82) และขนาดใหญ่มาก (XL) จ�ำนวน 5 เร่ือง (ร้อยละ 1.87) ตามลำ� ดับ สำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวดั ในเขตพื้นที่ ภาค 3 มีคำ� กล่าวหาทงั้ หมด 349 เร่อื ง ส่วนใหญ่เป็น ขนาดกลาง (M) จ�ำนวน 185 เรอ่ื ง (รอ้ ยละ 53.01) รองลงมาเปน็ ขนาดเลก็ (S) จ�ำนวน 115 เร่อื ง (รอ้ ยละ 32.95) รองลงมาเป็นขนาดใหญ่ (L) จ�ำนวน 44 เร่ือง (ร้อยละ 12.61) และขนาดใหญ่มาก (XL) จ�ำนวน 5 เร่ือง (รอ้ ยละ 1.43) ตามลำ� ดับ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนที่ ภาค 4 มีค�ำกล่าวหา ทั้งหมด 347 เร่ือง ส่วนใหญ่ เป็นขนาดเล็ก (S) จ�ำนวน 174 เรื่อง (ร้อยละ 50.14) รองลงมาเป็นขนาดกลาง (M) จ�ำนวน 132 เรื่อง (ร้อยละ 38.04) ขนาดใหญ่ (L) จ�ำนวน 31 เร่ือง (ร้อยละ 8.93) และขนาดใหญ่มาก (XL) จ�ำนวน 10 เรื่อง (รอ้ ยละ 2.88) ตามลำ� ดบั ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในเขตพ้ืนท่ี ภาค 5 มีค�ำกล่าวหาทั้งหมด 328 เร่ือง ส่วนใหญ่ เป็นขนาดกลาง (M) จ�ำนวน 164 เรื่อง (ร้อยละ 50.00) รองลงมาเป็นขนาดใหญ่ (L) จ�ำนวน 70 เร่ือง (ร้อยละ21.34) ขนาดเล็ก (S) จ�ำนวน 67 เรื่อง (ร้อยละ 20.43) และขนาดใหญ่มาก (XL) จ�ำนวน 27 เร่ือง (ร้อยละ 8.23) ตามลำ� ดับ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 69

4) ขนาดใหญ่ (L) จานวน 24 เร่ือง (ร้อยละ 7.21) และขนาด ใหญ่มาก (XL) จานวน 4 เรื่อง (ร้อยละ 1.20) ลาดับ ส านกั งาสน�ำนปัก.งปาน.ชป. .ปป.รชะ. จปารจะจัง�ำหจวังหัดวใัดนในเขเขตตพพ้ืนื้นทท่ี ภ่ี ภาคาค6 7มีคม�ำกีคลา่ากวหลา่าทว้ังหหมาดทั้ง3ห33มดเร่ือ2ง2ส5่วนเรให่ือญง่ ส่วนใหญเ่ ป็น ดกลาง (Mเ)ป็นจขานนาวดนเล็ก12(S6) จเร�ำ่อืนวงน(ร1้อ67ยลเระ่ือง56(ร.้อ0ย0ล)ะร5อ0ง.1ล5ง)มราอเงปลง็นมขาเนปา็นดขเนลาก็ดก(ลSาง) จ(Mา)นจว�ำนนว7น71เ3ร8ือ่ เงร่ือ(งร้อยละ 34.22) ดใหญ่ (L(()รร้อ้อจยยาลละนะ 1ว4.12น.04)42ต)1าขมนลเรา�ำดดื่อใบั หงญ(่ ร(L้อ) ยจล�ำนะวน92.34 3เร)่ืองแล(ร้ะอยขลนะ า7ด.2ใ1ห) แญละ่มขานกาด (ใXหญL)่มาจกา(นXLว)นจ�ำ1นวนเร่ื4องเรื่อ(งร้อยละ 0.44) ลาดับ สเ ปา็นนขักนงาาดสนก�ำลนาปักง.งป(าMน.ช) ป.จ.�ำปปน.รชวะ.นจป1าร2จะ6จัง�ำหเจรัื่งวอหงดั วใ(ัดรนใ้อนเยขเลขตะตพพ5ื้น6้ืนท.0ท่ี 0ภี่ )ภาคราอค7งลม8งมีคา�มำเกีคปล็นา่าวขกหนลาา่าทดว้ังเลหห็กมาดท(S2ั้ง)2หจ5ม�ำนเดรวื่อนจง าส7น่ว7นวเในรหื่อญง1่ 71 เรื่อง ส่วน เป็นขนาด(รก้อลยาละง 3(M4.2)2จ) าขนนาวดนใหญ1่0(7L) เจร�ำ่ือนวงน(ร2้อ1ยเรลื่อะง (6ร้อ2ย.5ละ7)9.ร3อ3)งแลลงะมขานขาดนใหาญด่มเลาก็ก(X(LS)) จจ�ำานนวนวน1 เ4รื่อ3ง เร่ือง (ร้อยละ ล5า)ดขับนาดใเ (หรปอ้ ญน็ ยขล่ น(ะาLด0)ก.ส4จลำ�4าาน)งนกัต(งาวMามนน)ลจำ� ป1ำ�ด.นบัป9ว.ชนเ.ร1ป่อื 0ร7งะจเ(รำ�รือ่ จอ้งงั ยห(รลวอ้ ัดยะใลนะ1เข16ต2.1พ.51ืน้7)ท) รี่แภอลางคละง8มขามนขีคนำ�าากดดลใเ่าลหว็กหญา(Sท่ม)ง้ั าจห�ำกมนดว(Xนจำ� L4น3)วนจเรา1ื่อ7งน1(วรเอ้นร่ือยงล2ะส่วเ2รน5ใอื่ .ห1ง5ญ)(่ ร้อยละ 1.17) สขานนาดักใหงญาน่ (Lป) .จป�ำน.ชวน. ป19ระเรจ่ือางจ(รงั ้อหยวละัดใ1น1.เ1ข1ต) แพลื้นะขทน่ี าภดาใหคญ่ม9ากมีค(XาLก) ลจ�า่ำนววหนา2ทั้งเรห่ือมง ด(ร้อ1ย1ล0ะ เ1ร.1่ือ7ง) สว่ นใหญเ่ ป็น ดดใกหลญา่ง(L()Mเ ตจปา)น็ามจขนลนำ�าวดานนดบั วกส1ลน�ำา4นงัก5(เงM6ราอ่ื)นเจงร�ำปื่อน(.รปวง้อน.ช(ย5.รล6้อปะเรยระ่ือล1จง2�ำะ(จ.ร7ังอ้5ห3ย0วล).ัดะ9แใ51นล0เ)ะข.9ขรต1พนอ) ้ืนรงาอทลดงี่ ลใงภหงมามญคาาขขม่ 9นนาามดกาีเคดล�ำ(ก็เXกลล(LS็ก่า))วจหจ(�ำาSานท)นวั้งนจหวมนา3ด1น9วเ1ร1น่ือเ0รงื่อ3(เรรง1้อื่อยง(เลรรสะ้อ่ือ่วย2นง8ลใ.ห1ะ(ร8ญ)้อ8่ .ย1ล8ะ) 28.18) ขนาดใหญ่ (L) จ�ำนวน 14 เร่อื ง (รอ้ ยละ 12.73) และขนาดใหญ่มาก (XL) จ�ำนวน 9 เรอื่ ง (ร้อยละ 8.18) ตารางแสดงจานวนคากล่าวหาท่สี านกั งาน ป.ป.ช. รบั ไว้ดาเนินการเอง ในปงี บประมาณตารพาง.แศส.ด2ง5จำ�6น2วนจคา�ำแกนล่ากวขห้อาทมส่ี ลู �ำตนกัางมาพน้นื ปท.ป่รี .ชับ.ผรับดิ ไชวอด้ ำ�บเนแนิ ลกาะรขเอนงาดคากลา่ วหา ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำแนกขอ้ มลู ตามพน้ื ท่รี ับผิดชอบ และขนาดค�ำกลา่ วหา พน้ื ท่ี รวมคา ขนาดเลก็ ขนาดคากลา่ วหา ขนาดใหญ่มาก กลา่ วหา (S) (XL) ร้อยละ (%) ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ทง้ั ประเทศ (M) (L) สว่ นกลาง 100.00 36.01 44.54 14.70 4.75 ภาค 1 ภาค 2 3,285 1,183 1,463 483 156 ภาค 3 ภาค 4 746 201 287 181 77 ภาค 5 ภาค 6 408 186 156 50 16 ภาค 7 ภาค 8 268 122 112 29 5 ภาค 9 349 115 185 44 5 347 174 132 31 10 328 67 164 70 27 333 167 138 24 4 225 77 126 21 1 171 43 107 19 2 110 31 56 14 9 ม:วรละผบลบโดบยรหิ :าปทสรรี่มาจะานัดม:ักวกรลวะาผิจบรลบเัยโรดบแื่อยรลงิห:ะราสบรอ้ �ำจงนรดั เกิักกรวาายี ิจรรนัยเวรแแื่อชิ ลงละาระบก้อครงาิกเดรราียดีรน(วา้ Cแชิ นลCากกะMคาารดรSดีป)(้าCนอ้ CกงMากรSันป) อ้แงลกะนั ปแลระาปบรปาบรปารมามกกาารรททุจุจรริติตสส�ำนาักนงักานงาปน.ป.ปช..ป.ช. จานวนวงเงินงบประมาณของโครงการและจานวนเงนิ ท่ีมกี ารทจุ ริตตามคากลา่ วหา 70 รายงาจนาปรกะจค�ำปาีงบกปรละม่าาณวหพา.ศใ. น25ป62งี คบณปะกรรระมกมาราปณอ้ งกันพแล.ะศปร.าบ2ปร5าม6ก2ารททจุ รส่ีิตแาห่งนชาักติงาน ป.ป.ช. รับไว้ดาเนินการเอง จานวน 5 เร่ือง เมื่อพิจารณาวงเงินงบประมาณของโครงการและจานวนเงนิ ท่ีมีการทุจริตตามคากล่าวหา มมี ูลค่ารวม

จำ� นวนวงเงินงบประมาณของโครงการและจ�ำนวนเงินทม่ี กี ารทุจริตตามคำ� กล่าวหา จากคำ� กล่าวหาในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ทส่ี ำ� นกั งาน ป.ป.ช. รบั ไวด้ �ำเนนิ การเอง จำ� นวน 3,285 เร่ือง เม่ือพิจารณาวงเงินงบประมาณของโครงการและจ�ำนวนเงินท่ีมีการทุจริตตามค�ำกล่าวหา มีมูลค่ารวม 236,240 ลา้ นบาท หากจ�ำแนกตามประเภทค�ำกลา่ วหา พบว่า ค�ำกลา่ วหาประเภทจัดซอ้ื จดั จา้ ง มมี ูลค่ามากทีส่ ุด จ�ำนวน 207,060 ล้านบาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 87.65 รองลงมาเปน็ การปฏิบตั หิ รือละเว้นการปฏบิ ัตหิ น้าท่ีโดยมชิ อบ จ�ำนวน 23,840 ล้านบาท (ร้อยละ 10.09) และการบรหิ ารงานบคุ คล (การบรรจ/ุ แตง่ ต้งั /เล่อื นตำ� แหน่ง/โยกยา้ ย/ ลงโทษวนิ ัย) จำ� นวน 2,053 ลา้ นบาท (รอ้ ยละ 0.87) ตามล�ำดบั ตารางแสดงวงเงนิ งบประมาณของโครงการและจ�ำนวนเงนิ ทีม่ กี ารทุจรติ ตามคำ� กล่าวหา ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ท่สี ำ� นกั งาน ป.ป.ช. รบั ไว้ด�ำเนินการเอง จ�ำแนกตามประเภทค�ำกล่าวหา ประเภทค�ำกลา่ วหา วงเงนิ งบประมาณ/ การทจุ รติ (ล้านบาท) จดั ซอ้ื จดั จ้าง 207,060 ปฏิบตั ิหรอื ละเวน้ การปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ 23,840 การบริหารงานบุคคล (การบรรจุ/แตง่ ตง้ั /เล่อื นต�ำแหน่ง/โยกย้าย/ลงโทษวนิ ัย) 2,053 ทุจริตในการจดั ท�ำงบประมาณ/โครงการ/เบิกจ่ายเงนิ ในโครงการเปน็ เท็จ 1,861 ยักยอก/เบยี ดบงั เงนิ หรอื ทรพั ย์สนิ ของราชการ ร�ำ่ รวยผดิ ปกติ 770 การขัดกันระหว่างประโยชน์สว่ นบุคคลกบั ประโยชน์ส่วนรวม 206 ออกเอกสารสิทธทิ ดี่ นิ 192 เรียกรบั สนิ บน 143 ฝ่าฝนื จรยิ ธรรม 115 ผลรวมท้งั หมด - 236,240 ทม่ี า : ระบบบรหิ ารจดั การเร่ืองรอ้ งเรยี นและคดี (CCMS) ประมวลผลโดย : สำ� นกั วิจัยและบริการวิชาการดา้ นการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. จากค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ท่ีส�ำนักงาน ป.ป.ช. ส่งหน่วยงานภายนอกด�ำเนินการ ตามมาตรา 61 - 64 กรณีกลา่ วหาเจ้าหน้าที่ของรัฐในตำ� แหนง่ อำ� นวยการ ระดบั สงู หรือเทยี บเท่าลงมา และมิใช่ เป็นความผิดร้ายแรง จ�ำนวน 3,488 เร่ือง เมื่อพิจารณาวงเงินงบประมาณของโครงการและจ�ำนวนเงิน ท่ีมกี ารทจุ รติ ตามคำ� กล่าวหา มีมลู คา่ รวม 1,967 ล้านบาท หากจ�ำแนกตามประเภทคำ� กล่าวหา พบว่า ค�ำกลา่ วหา ประเภทการการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีมูลค่ามากท่ีสุด จ�ำนวน 1,152 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 58.57 รองลงมาเป็นการยักยอก/เบียดบังเงินหรือทรัพย์สินของราชการ จ�ำนวน 428 ล้านบาท (ร้อยละ 21.76) และการบริหารงานบุคคล (การบรรจุ/แต่งตั้ง/เล่ือนต�ำแหน่ง/โยกย้าย/ลงโทษวินัย) จ�ำนวน 165 ลา้ นบาท (ร้อยละ 8.39) ตามลำ� ดบั รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 71

ท้ังน้ี จะเห็นได้ว่า ค�ำกล่าวหาที่ ส�ำนักงาน ป.ป.ช ด�ำเนินการเอง มีวงเงินงบประมาณของโครงการ และจ�ำนวนเงินท่มี ีการทจุ ริตตามค�ำกล่าวหามากถึง 236,240 ลา้ นบาท ในขณะท่ีคำ� กล่าวหาที่ สำ� นักงาน ป.ป.ช. ส่งหน่วยงานภายนอกด�ำเนินการ มีวงเงินงบประมาณของโครงการและจ�ำนวนเงินท่ีมีการทุจริตตามค�ำกล่าวหา เพียง 1,967 ลา้ นบาท ทั้งท่จี ำ� นวนค�ำกล่าวหาใกล้เคียงกนั แสดงใหเ้ หน็ ว่า ค�ำกลา่ วหาทส่ี ง่ ให้หนว่ ยงานภายนอก เป็นเรื่องท่ีมิใช่เป็นความผิดร้ายแรง ซ่ึงสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การส่งหรือมอบหมายค�ำกล่าวหาให้หน่วยงาน ภายนอกด�ำเนินการ ตามมาตรา 61 - 64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 ตารางแสดงวงเงนิ งบประมาณของโครงการและจ�ำนวนเงนิ ท่มี ีการทจุ ริตตามคำ� กล่าวหา ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ทสี่ ำ� นักงาน ป.ป.ช. ส่งหนว่ ยงานภายนอก จ�ำแนกตามประเภทค�ำกลา่ วหา ประเภทคำ�กลา่ วหา วงเงนิ งบประมาณ/ การทุจรติ (ลา้ นบาท) ปฏบิ ัติหรือละเวน้ การปฏบิ ตั ิหนา้ ท่โี ดยมชิ อบ 1,152 ยักยอก/เบียดบังเงนิ หรือทรพั ย์สินของราชการ 428 การบริหารงานบุคคล (การบรรจุ/แต่งตง้ั /เลื่อนตำ�แหนง่ /โยกยา้ ย/ลงโทษวินยั ) 165 จัดซื้อจดั จา้ ง 100 ทุจริตในการจดั ทำ�งบประมาณ/โครงการ/เบิกจา่ ยเงนิ ในโครงการเปน็ เท็จ 62 เรียกรบั สนิ บน 37 ออกเอกสารสทิ ธทิ ่ดี ิน 18 การขดั กันระหว่างประโยชนส์ ่วนบุคคลกับประโยชนส์ ่วนรวม 5 ฝ่าฝนื จริยธรรม - ผลรวมทั้งหมด 1,967 ท่มี า : ระบบตรวจรบั ค�ำกลา่ วหา (PESCA) ประมวลผลโดย : สำ� นักวิจัยและบรกิ ารวชิ าการด้านการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. n แนวทางการดำ� เนนิ งานปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตของสำ� นักงาน ป.ป.ช. จากข้อมูลสถิติค�ำกล่าวหาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ท�ำให้ทราบถึงสถานการณ์การทุจริตในระดับ ภูมิภาคและระดับประเทศ สรุปได้ว่า ค�ำกล่าวหาท่ีเข้ามาสู่ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มากท่ีสุดคือค�ำกล่าวหาประเภท การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เป็นหน่วยงาน ทีถ่ กู กล่าวหารอ้ งเรยี นมากทสี่ ดุ หากเม่อื พิจารณาเฉพาะเร่อื งที่สำ� นกั งาน ป.ป.ช. รับไว้ด�ำเนนิ การ เป็นคำ� กลา่ วหา ประเภทการจัดซอ้ื จัดจ้างมากทสี่ ุด และหนว่ ยงานทถ่ี กู กลา่ วหาร้องเรยี นคือองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ในจำ� นวน มากที่สุด ดังนั้น จากข้อมูลสถิติค�ำกล่าวหาท่ีได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงอาจเป็นข้อมูลประกอบการก�ำหนดแผน และแนวทางการด�ำเนินงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ในประเด็นการบริหาร จัดการตามพ้ืนท่ีรับผิดชอบในภาพรวม และส่งผลให้ส�ำนักงาน ป.ป.ช. สามารถวางแผนและบริหารจัดการ ในด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมทั้งในเร่ืองการบริหารงบประมาณการด�ำเนินการ การวางแผน การบริหารส�ำนวนคดี การวางแผนอัตราก�ำลัง รวมทั้งการสรรหาบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการสาขากระบวนการ ยตุ ิธรรมใหส้ อดคลอ้ งกบั ประเภทและปริมาณของเรอ่ื งกลา่ วหาตามพน้ื ท่รี ับผิดชอบตา่ ง ๆ 72 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

ค�ำกลา่ วหาจ�ำแนกตามปเี กิดเหตุ จากขอ้ มลู คำ� กลา่ วหาร้องเรยี น ทีเ่ ขา้ มาสสู่ �ำนักงาน ป.ป.ช. หากแยก วเิ คราะห์เป็นรายปงี บประมาณท่ีเกดิ เหตุ จะเห็นไดว้ ่า คำ� กล่าวหาจ�ำนวนร้อยละ 80 เป็นเรือ่ งท่ีเกดิ เหตุระหว่าง ปีงบประมาณ 2558 - 2562 ซึ่งเปน็ ไปในทศิ ทางเดียวกับเรอื่ งกล่าวหารอ้ งเรียนทส่ี ำ� นกั งาน ป.ป.ช.รับไวด้ �ำเนนิ การเอง จากความหลากหลายของปเี กดิ เหตุ อาจสง่ ผลให้เกิดปญั หาอุปสรรคในการรวบรวมพยานหลกั ฐานเพอ่ื การตรวจสอบ และไต่สวน โดยเฉพาะในปีเกิดเหตุท่ีเกิดขึ้นในระยะเวลาท่ีผ่านมานานแล้ว ซ่ึงการด�ำเนินการดังกล่าวอาจส่งผล ใหเ้ กดิ ความลา่ ช้าในการด�ำเนินงานเน่ืองจากความยากลำ� บากในการแสวงหาข้อเทจ็ จรงิ และรวบรวมพยานหลกั ฐาน การบริหารจัดการเรื่องกล่าวหาตามขนาด จากการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้นพบว่าเรื่องกล่าวหา ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เป็นเรื่องกล่าวหาขนาดกลาง (M) รองลงมาเป็นขนาดเล็ก (S) ขนาดใหญ่ (L) และขนาดใหญ่มาก (XL) ตามล�ำดับ เพ่ือให้การปฏิบัติงานตรวจสอบและไต่สวนข้อเท็จจริงเกิดประสิทธิภาพ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ให้ความส�ำคัญในการมอบหมายเร่ืองกล่าวหาเพ่ือตรวจสอบเบ้ืองต้น/ไต่สวน/ไต่สวน เบื้องต้น แก่พนักงานไต่สวน โดยจ�ำแนกขนาดของเรื่องกล่าวหาให้เหมาะสมกับระดับความเช่ียวชาญ และประสบการณใ์ นการด�ำเนินคดี โดยค�ำนงึ ถงึ ความรู้ ความสามารถ ความช�ำนาญ และประสบการณ์ในการปฏบิ ัติงาน รวมท้ังมีการก�ำหนดระดับของพนักงานไต่สวน และรูปแบบการไต่สวนให้มีความสอดคล้องกับขนาดของเร่ือง กล่าวหาท่ีรับไว้ด�ำเนนิ การ ตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์ วธิ ีการมอบหมายเร่อื งกลา่ วหา และการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการส�ำนักงาน ป.ป.ช. สาขากระบวนการยุติธรรมท่ีปฏิบัติงาน ดา้ นการไต่สวน พ.ศ. 2562 ซึง่ ชว่ ยใหส้ ามารถดำ� เนนิ งานไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ รวมทั้งสามารถบริหารจดั การปรมิ าณงาน กับบุคลากรได้อย่างเหมาะสมและเปน็ ระบบ ในการด�ำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 33 ซง่ึ กำ� หนดใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำหนดมาตรการและกลไกทจี่ �ำเปน็ เพื่อให้หน่วยงาน ของรัฐมีส่วนร่วมและให้ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เมื่อพิจารณาประกอบกับ การวิเคราะห์ข้อมูลหน่วยงานและประเภทของการกล่าวหาท่ีพบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และประเภท ของค�ำกล่าวหาจัดซ้ือจัดจ้าง ว่าเป็นหน่วยงานและประเภทท่ีถูกกล่าวหาร้องเรียนมากที่สุด ดังนั้น ควรมุ่งเน้น ด�ำเนินการป้องกันการทุจริตให้กับหน่วยงานที่มีเร่ืองกล่าวหาร้องเรียน ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกัน เพ่ือมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริต การชี้เบาะแส โดยได้รับความคุ้มครอง รวมถึงการให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนหน่วยงานของรฐั ในการจัดใหม้ ีกลไกการแจง้ เตือน กรณีพบว่ามกี ารทุจริตในหนว่ ยงาน การสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่ถูกกล่าวหาร้องเรียน การลงพื้นท่ี ตรวจสอบโครงการ การสร้างเครือข่ายภาคประชาชนให้มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการทุจริต รวมทง้ั การบรรยายสร้างความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั กฎหมาย ระเบยี บ และชใ้ี ห้เห็นบทลงโทษของผ้กู ระท�ำการทุจรติ ใหแ้ ก่ผูป้ ฏบิ ตั งิ านในหน่วยงาน เพอื่ สร้างความตระหนกั รใู้ นการแก้ปญั หาการทุจริต การสร้างองค์ความรู้ในเรื่องการตรวจสอบและไต่สวนคดีประเภทต่าง ๆ โดยสถาบันการป้องกันและ การปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สัญญา ธรรมศักด์ิ ในฐานะหน่วยงานหลักท่ีรับผิดชอบ ในการพัฒนา และฝึกอบรมข้าราชการของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ให้มีทักษะและความรู้ความสามารถในการตรวจสอบและไต่สวน การทุจริต ได้มีการก�ำหนดหลกั สตู รอบรมที่เนน้ การฝกึ ปฏิบัติในการทำ� สำ� นวนคดขี องพนักงานไต่สวน ในรูปแบบ การแลกเปล่ียนประสบการณ์การท�ำงาน การยกกรณีศึกษา (Case Study) ตามประเภทเร่ืองกล่าวหาร้องเรียน ท่ีเกิดข้นึ มาก เชน่ เร่ืองจัดซือ้ จัดจ้าง การปฏิบัตหิ รือละเว้นการปฏิบัติตอ่ หน้าท่ีราชการ การยักยอก/เบียดบงั เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ของราชการ การบริหารทรัพยากรบุคคล การไต่สวนคดที รพั ยากรธรรมชาติ ฯลฯ เพอ่ื ให้การด�ำเนนิ การ ดา้ นการตรวจสอบและไต่สวนเป็นไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และรวดเรว็ รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 73

ประเดน็ ค�ำกล่าวหาเกีย่ วกับเร่อื งการจัดซ้ือจัดจา้ ง จากสถติ ขิ อ้ มูลจำ� นวนเรือ่ งกล่าวทีส่ ำ� นักงาน ป.ป.ช. รับไวด้ ำ� เนนิ การในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งมชี ว่ งเวลาเกดิ เหตุ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ซึ่งมีความคาบเก่ียวกับระเบียบ กฎหมาย เกี่ยวกับการจัดซ้ือจัดจ้างท่ีใช้บังคับในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน และมีกระบวนการในการด�ำเนินการจัดซื้อ หรือจัดจ้างแตกต่างกัน หากได้น�ำข้อมูลเร่ืองกล่าวหาท้ังหมด มาจำ� แนกระหวา่ งระเบยี บ กฎหมาย ฉบบั เก่า และระเบียบ กฎหมาย ฉบบั ใหม่ เพื่อทราบถึงความมปี ระสทิ ธภิ าพ ของระเบียบ กฎหมายท่ีใช้ในปัจจุบัน ท�ำให้เรื่องกล่าวหาเกี่ยวกับการจัดซื้อ หรือจัดจ้าง ลดลง และสามารถ ปอ้ งกนั การทุจริตเกยี่ วกบั การจัดซอ้ื จดั จ้างตามระเบยี บกฎหมาย หรอื ไม่ เพียงใด จากสถิติข้อมูลค�ำกล่าวหาท่ีถูกน�ำมาวิเคราะห์สถานการณ์ครั้งน้ีเป็นข้อมูลท่ีมีการรวบรวมนับแต่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้ เป็นเพียงข้อมูลเบ้ืองต้นที่สามารถน�ำมาวิเคราะห์ให้เห็นถึงสถานการณ์การทุจริตที่เกิดขึ้นในภาพรวมท้ังหมด และในปีงบประมาณต่อไปหากได้มีการน�ำข้อมูลเก่ียวกับการรับค�ำกล่าวหาท่ีเข้ามายังส�ำนักงาน ป.ป.ช. ทุกประเภท มาวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการด�ำเนินการรับค�ำกล่าวหาในมิติต่างๆ ไม่จะเป็นกรณีจ�ำนวนเรื่องกล่าวหาท้ังหมด เรอื่ งกลา่ วหาทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งให้หนว่ ยงานอื่นด�ำเนินการ เร่ืองทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. รบั ไวด้ �ำเนินการเอง ประเภท และความส�ำคัญของเรื่องกล่าวหา แล้วจะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพของระบบการรับค�ำกล่าวหา และสามารถวิเคราะห์ได้ถึงประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องข้ันตอนและกระบวนงานในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตรวมถึงการบริหารงานคดี การบริหารงานบุคคล งบประมาณ และภารกิจในด้านอ่ืนๆ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ และเกิดประสิทธิผลตอ่ สำ� นักงาน 2. กระบวนการตรวจสอบเบือ้ งต้นและการไต่สวนขอ้ เท็จจรงิ ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 สำ� นักงาน ป.ป.ช. มีเร่อื งกล่าวหาคงค้างสะสม (ณ วันท่ี 1 ตลุ าคม 2561) จำ� นวน 16,232 เร่อื ง เรือ่ งกลา่ วหารับใหม่ (ระหว่างวนั ที่ 1 ตุลาคม 2561 - 30 กนั ยายน 2562) จ�ำนวน 3,285 เร่อื ง รวมท้ังสิ้น 19,517 เรื่อง ซึ่งได้ด�ำเนินการเสร็จในชั้นการตรวจสอบเบ้ืองต้นและในชั้นการไต่สวนข้อเท็จจริง รวมท้ังส้ิน 5,893 เรื่อง โดยมีเรื่องกล่าวหาคงเหลืออยู่ระหว่างด�ำเนินการ (ณ วันที่ 30 กันยายน 2562) จ�ำนวน 14,350 เรอื่ ง สามารถจ�ำแนกได้ ดงั น้ี 1. เรอ่ื งกลา่ วหาที่ด�ำเนนิ การเสรจ็ ในชน้ั การตรวจสอบเบื้องตน้ จำ� นวน 5,470 เร่ือง แบง่ เปน็ เรอ่ื ง กล่าวหาที่ด�ำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จ�ำนวน 4,744 เรื่อง และเรื่องกล่าวหาที่รับไว้ด�ำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง จำ� นวน 726 เร่ือง ซงึ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาแลว้ มมี ติ ดังนี้ 1.1 ไมร่ บั หรือไม่ยกขนึ้ พจิ ารณาหรอื ไม่รับไว้พิจารณาตาม จ�ำนวน 2,106 เรอ่ื ง มติคณะอนุกรรมการกล่ันกรองเร่อื งกล่าวหา (กรรมการ ป.ป.ช. ท่ีกำ� กบั ดูแล) 1.2 ไม่รบั ไว้ไต่สวนขอ้ เทจ็ จริง จำ� นวน 1,255 เรอ่ื ง 1.3 ยุติการสอบสวน จำ� นวน 44 เรื่อง 1.4 ไมย่ กขึ้นพิจารณาหรือยตุ ิการด�ำเนินคดี จำ� นวน 10 เร่ือง 1.5 ไตส่ วนขอ้ เท็จจรงิ แลว้ ขอ้ กลา่ วหาไมม่ ีมูล จำ� นวน 95 เรอ่ื ง (ใหข้ ้อกล่าวหาตกไป) 1.6 รับไวด้ ำ� เนินการไตส่ วนข้อเทจ็ จรงิ จำ� แนกเปน็ จำ� นวน 726 เร่อื ง (1) คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นองคค์ ณะไต่สวน จำ� นวน 1 เร่ือง (2) แตง่ ตั้งคณะกรรมการไตส่ วน จำ� นวน 138 เรอ่ื ง (3) แตง่ ตั้งคณะผไู้ ต่สวนเบอื้ งต้น จำ� นวน 587 เรื่อง 74 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

1.7 ส่งเร่อื งใหผ้ บู้ งั คับบัญชาหรอื พนักงานสอบสวนด�ำเนินการ จ�ำนวน 3 เรือ่ ง ตามมาตรา 89/2 (กฎหมายเกา่ ) 1.8 ส่งเรอ่ื งกลบั ไปยังพนกั งานสอบสวนตามมาตรา 61 จ�ำนวน 28 เรอ่ื ง (กฎหมายใหม)่ 1.9 ส่งเรอ่ื งให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. ด�ำเนินการตามมาตรา 62 จ�ำนวน 355 เรื่อง (กฎหมายใหม่) 1.10 สง่ เรือ่ งให้พนกั งานสอบสวนดำ� เนินการตามมาตรา 63 จ�ำนวน 171 เรื่อง (กฎหมายใหม่) 1.11 ส่งเรอื่ งให้ผ้บู งั คับบัญชาด�ำเนนิ การตามมาตรา 64 จ�ำนวน 329 เรื่อง (กฎหมายใหม่) 1.12 ส่งเรอ่ื งกลับไปยงั พนักงานสอบสวนและสง่ เร่อื งให ้ จำ� นวน 6 เรื่อง ผู้บงั คบั บัญชาด�ำเนินการตามมาตรา 61, 64 (กฎหมายใหม่) 1.13 สง่ เรื่องใหพ้ นกั งานสอบสวนและผ้บู งั คับบัญชาด�ำเนนิ การ จำ� นวน 455 เรอ่ื ง ตามมาตรา 63, 64 (กฎหมายใหม)่ 1.14 ส่งเร่อื งกลับไปยงั พนกั งานสอบสวนและสง่ เร่ืองให้ จำ� นวน 1 เรอ่ื ง พนักงานสอบสวนดำ� เนนิ การตามมาตรา 61, 63 (กฎหมายใหม)่ และ ส่งเรอื่ งใหผ้ ู้บงั คบั บัญชาดำ� เนนิ การตามมาตรา 64 (กฎหมายใหม่) 1.15 กลา่ วโทษต่อพนักงานสอบสวนตามพระราชบญั ญตั ิ จ�ำนวน 9 เรอ่ื ง วา่ ดว้ ยความผดิ เก่ยี วกบั การเสนอราคาต่อหนว่ ยงานของรฐั 2. เรอ่ื งกลา่ วหาท่ดี ำ� เนินการเสร็จในช้นั การไตส่ วนข้อเท็จจรงิ จ�ำนวน 423 เร่อื ง ท้ังน้ี จากการไต่สวน ขอ้ เทจ็ จรงิ และวนิ จิ ฉยั คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติช้มี ลู ความผิดทางวนิ ยั และหรอื อาญา และฐานร�่ำรวยผดิ ปกติ จ�ำนวนทง้ั สนิ้ 300 เรือ่ ง จำ� แนกเปน็ 2.1 มีมลู ความผดิ ทางวินยั จำ� นวน 35 เรื่อง 2.2 มมี ูลความผิดทางอาญา จำ� นวน 32 เรื่อง 2.3 มีมลู ความผิดทางวนิ ยั และอาญา จำ� นวน 232 เร่อื ง 2.4 มมี ลู ความผดิ ฐานร�่ำรวยผดิ ปกต ิ จ�ำนวน 1 เร่ือง 3. คงเหลือเรื่องกล่าวหาที่อยู่ระหว่างด�ำเนินการตรวจสอบเบ้ืองต้นและการไต่สวนข้อเท็จจริง จ�ำนวน 14,350 เรือ่ ง จำ� แนกเปน็ 3.1 เรอ่ื งท่อี ยรู่ ะหว่างดำ� เนนิ การตรวจสอบเบ้อื งต้น จำ� นวน 11,223 เรือ่ ง 3.2 เรื่องทอ่ี ยู่ระหว่างดำ� เนนิ การไตส่ วนขอ้ เท็จจริง จำ� นวน 3,127 เรื่อง รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 75

ตารางแสดงสถติ ผิ ลการดำ� เนินงานดา้ นปราบปรามการทจุ ริต ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำแนกขอ้ มูลตามกระบวนการ/ขน้ั ตอนการดำ� เนินคดี เรอื่ งตรวจสอบเบือ้ งต้น จ�ำนวน เรอ่ื งไตส่ วนข้อเท็จจริง จ�ำนวน 1. ไมร่ บั /ไมย่ กขึน้ พจิ ารณา/ไม่รบั ไว้พิจารณาตามมติ 2,106 เรอ่ื ง 1. ให้ขอ้ กลา่ วหาตกไป/ไมย่ กขนึ้ พจิ ารณา/ยุตกิ าร 105 เรื่อง คณะอนกุ รรมการกลัน่ กรองฯ (กรรมการ ป.ป.ช. ด�ำเนนิ คด/ี จำ� หนา่ ยเรื่องออกจากสารบบ 95 เรื่อง ที่ก�ำกบั ดูแล) 1,255 เรือ่ ง 1.1 ไต่สวนแล้วข้อกล่าวหาไมม่ มี ูล (ใหข้ อ้ กลา่ วหาตกไป) 10 เรื่อง 2. ไมร่ ับไว้ไต่สวนขอ้ เทจ็ จรงิ 44 เรอ่ื ง 1.2 ไมย่ กขน้ึ พิจารณา/ยุตกิ ารด�ำเนินคดี 3. ยตุ กิ ารสอบสวน 726 เรอ่ื ง 2. ส่งเร่ืองกลบั ไปยงั พนกั งานสอบสวนมาตรา 89 - เร่ือง 4. รบั ไวไ้ ต่สวนข้อเทจ็ จรงิ 3 เรือ่ ง (กฎหมายเก่า) - เรอ่ื ง 354 เร่อื ง 3. สง่ เรื่องให้ผูบ้ ังคบั บญั ชาฯ/พนักงานสอบสวน 1 เรอ่ื ง 5. สง่ เร่ืองใหผ้ ู้บังคับบญั ชาฯ/พนักงานสอบสวนด�ำเนินการ 28 เร่ือง ด�ำเนนิ การตามมาตรา 89/2 (กฎหมายเกา่ ) 14 เร่อื ง ตามมาตรา 89/2 (กฎหมายเกา่ ) 453 เรื่อง 4. ส่งเร่ืองให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. ดำ� เนินการตาม 2 เร่อื ง 6. สง่ เรอ่ื งให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. ดำ� เนนิ การตาม 6 เรือ่ ง มาตรา 62 (กฎหมายใหม่) 1 เรื่อง มาตรา 62 (กฎหมายใหม่) 5. สง่ เรอ่ื งใหผ้ บู้ งั คับบญั ชาฯ ตามมาตรา 64 300 เรื่อง 7. สง่ เรอ่ื งกลบั ไปยงั พนกั งานสอบสวนตามมาตรา 61 171 เรอื่ ง (กฎหมายใหม)่ 1 เรอื่ ง (กฎหมายใหม่) 315 เรื่อง 6. สง่ เรอื่ งให้พนกั งานสอบสวนและผบู้ งั คับบญั ชาฯ 32 เรื่อง 8. ส่งเร่อื งใหพ้ นักงานสอบสวนและผูบ้ ังคบั บญั ชาฯ ด�ำเนนิ การตามมาตรา 63, 64 (กฎหมายใหม)่ 35 เรื่อง ดำ� เนนิ การตามมาตรา 63, 64 (กฎหมายใหม)่ 1 เร่อื ง 7. กล่าวโทษตอ่ พนกั งานสอบสวนตามพระราชบญั ญตั ิ 232 เรื่อง 9. ส่งเร่อื งกลบั ไปยังพนกั งานสอบสวนและส่งให ้ วา่ ด้วยความผดิ เกย่ี วกับการเสนอราคาต่อหนว่ ยงาน ผบู้ ังคับบญั ชาฯ ดำ� เนินการตามมาตรา 61, 64 8 เรอื่ ง ของรฐั พ.ศ. 2542 423 เรอ่ื ง (กฎหมายใหม่) 8. เรื่องทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ชมี้ ลู ความผดิ 10. สง่ เรอื่ งให้พนกั งานสอบสวนตามมาตรา 63 5,470 เรื่อง จำ� แนกเปน็ (กฎหมายใหม)่ 8.1 ชม้ี ูลร�่ำรวยผดิ ปกติ 11. ส่งเรื่องใหผ้ บู้ ังคับบัญชาฯ ตามมาตรา 64 8.2 ช้มี ูลความผิดทางอาญา (กฎหมายใหม)่ 8.3 ชี้มูลความผดิ ทางวนิ ัย 12. ส่งเร่ืองกลบั ไปยงั พนักงานสอบสวนและสง่ ให้ 8.4 ชี้มูลความผิดทางวนิ ัยและอาญา พนกั งานสอบสวนด�ำเนนิ การตามมาตรา 61, 63 (กฎหมายใหม่) และสง่ ให้ผบู้ งั คบั บญั ชาฯ ดำ� เนนิ การ รวม ตามมาตรา 64 (กฎหมายใหม่) 13. กล่าวโทษตอ่ พนกั งานสอบสวนตามพระราชบญั ญัต ิ ว่าด้วยความผิดเก่ียวกับการเสนอราคาตอ่ หนว่ ยงาน ของรฐั พ.ศ. 2542 รวม ทีม่ า : สำ� นกั บรหิ ารงานกลาง ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. 76 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

ตารางแสดงสถิติเปรียบเทยี บผลการดำ� เนนิ งานด้านปราบปรามการทุจรติ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2562 หน่วย : เรอื่ ง จำ�นวนเร่ืองกลา่ วหา เร่อื งดำ�เนินการเสร็จ ปี ยอด รบั ใหม่ รวม ชีม้ ูล ให้ขอ้ ไม่รบั / ไมร่ บั ไว้ สง่ ให้ สง่ ส่งให้ รวม เรอ่ื ง งบ คงคา้ ง ความผดิ กล่าวหา ไม่ยกขนึ้ ไต่สวน พนักงาน หนว่ ย พนกั งาน ประมาณ ยกมา ตกไป พิจารณา ขอ้ เท็จ สอบสวน งาน สอบสวน คงเหลอื คงค้าง จริง อน่ื และ (รอ้ ยละ) พ.ศ. หน่วยงาน อื่น 2558 9,522 3,051 12,573 147 92 86 962 19 313 - 1,619 10,954 87.12 2559 10,954 5,382 16,336 225 111 57 1,363 32 623 - 2,411 13,925 85.24 2560 13,925 4,896 18,821 250 131 48 2,082 33 915 - 3,459 15,362 81.62 2561 15,362 4,622 19,984 408 134 40 2,223 59 768 120 3,752 16,232 81.22 2562 16,232 3,285 19,517 300 95 2,106 1,299 37 355 975 5,167 14,350 73.53 ท่มี า : สำ� นกั บรหิ ารงานกลาง ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีปริมาณเรื่องกล่าวหาคงเหลือยกมา ณ วันที่ 30 กนั ยายน 2561 จำ� นวน 16,232 เรือ่ ง โดยมีจำ� นวนเรอ่ื งกลา่ วหารับใหม่รวมทง้ั ส้นิ 3,285 เรอ่ื ง ซงึ่ เม่ือพจิ ารณา เปรียบเทียบจ�ำนวนเรื่องกล่าวหารับใหม่กับปีงบประมาณที่ผ่านมาแล้ว ปรากฏว่า ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีจ�ำนวน เรอ่ื งกลา่ วหารับใหม่ลดลง จ�ำนวน 1,337 เรอ่ื ง และเมือ่ รวมจำ� นวนเร่อื งกล่าวหารบั ใหม่กับปริมาณเรื่องกลา่ วหาสะสม ท่ีรับไว้ด�ำเนินการท้ังหมดแล้ว ส่งผลให้มีจ�ำนวนเร่ืองกล่าวหาที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของส�ำนักงาน ป.ป.ช. รวมท้ังส้ิน 19,517 เรื่อง โดยมีเรื่องกล่าวหาที่อยู่ระหว่างการด�ำเนินการของส�ำนักงาน ป.ป.ช. (ณ วันที่ 30 กันยายน 2562) คงเหลือสะสมจ�ำนวนรวมทัง้ สนิ้ 14,350 เรอ่ื ง คิดเปน็ รอ้ ยละ 73.53 ของเร่อื งกล่าวหาท่รี บั ไว้ ด�ำเนินการท้ังหมด ซ่ึงเป็นจ�ำนวนน้อยกว่าปีงบประมาณท่ีผ่านมา แบ่งออกเป็นเรื่องตรวจสอบเบ้ืองต้นคงเหลือ จ�ำนวน 11,223 เรื่อง และเร่ืองไต่สวนข้อเทจ็ จริงคงเหลือ 3,127 เรือ่ ง ท้ังน้ี ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถด�ำเนนิ การพิจารณาเรือ่ งกล่าวหาแลว้ เสรจ็ รวมทั้งส้ิน 5,893 เรื่อง แบ่งออกเป็น เร่ืองตรวจสอบเบ้ืองต้นแล้วเสร็จ จ�ำนวน 5,470 เรื่อง และเร่ืองไต่สวน ข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ 423 เร่ือง ซึ่งในจ�ำนวนนี้เป็นเร่ืองกล่าวหาที่ด�ำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว รวม 5,167 เรื่อง และเม่ือพิจารณาเปรียบเทียบจ�ำนวนเรื่องกล่าวหาท่ีด�ำเนินการแล้วเสร็จ ณ วันส้ินปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 กับปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 แล้ว ปรากฏว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พจิ ารณาเรอื่ งกลา่ วหาแล้วเสร็จเพม่ิ ข้ึน มากกว่าปีงบประมาณท่ีผ่านมา จ�ำนวน 1,415 เร่ือง นอกจากนี้แล้ว หากพิจารณาเปรียบเทียบจ�ำนวนเรื่อง กลา่ วหาคงเหลอื ณ วนั สน้ิ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 กับปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 แลว้ นัน้ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. มจี �ำนวนเรื่องกล่าวหาคงเหลือสะสมลดน้อยลงกว่าปีงบประมาณทผี่ ่านมา จำ� นวน 1,880 เรอ่ื ง จากเรื่องคงเหลอื จำ� นวน 16,232 เรอ่ื ง เป็น 14,350 เร่ือง และเม่อื พิจารณาถงึ แนวโน้มของเร่อื งกลา่ วหาคงคา้ ง ต้ังแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2562 แล้ว พบว่า ส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีแนวโน้มของเรื่องกล่าวหาคงค้างลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยคิดเป็นร้อยละ 87.12, 85.24, 81.62, 81.22 และ 73.53 ตามล�ำดับ ซ่ึงเป็นการสะท้อนถึงประสิทธิภาพ ในการบริหารงานคดขี องสำ� นักงาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เปน็ อยา่ งดี รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 77

ตารางแสดงสถิติผลการชม้ี ูลความผดิ เจ้าพนักงานของรฐั ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำแนกข้อมูลตามประเภทคดี ขนาดคดี และมูลค่าความเสยี หาย หน่วย : เร่อื ง ขนาดคดี ร้อยละ มลู คา่ ความเสยี หาย ประเภทคดี ใหญ่ ใหญ่ กลาง เล็ก รวม (%) (บาท) มาก (L) (M) (S) (XL) 1. กลมุ่ คดดี า้ นกระบวนการยุตธิ รรม การเมืองและ 15 8 17 3 43 14.38 88,357,324.85 ความม่นั คง 1.1 กระบวนการยุตธิ รรม 113- 5 1.67 81,990,000.00 1.2 การซื้อขายตำ� แหน่งและการบรหิ ารงานบคุ คล 12 7 14 3 36 12.04 6,367,324.85 1.3 ความม่นั คงภายในราชอาณาจกั ร 2 - - - 2 0.67 2. กลุ่มคดดี ้านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม 2 11 10 3 26 8.70 166,243,994.57 2.1 ที่ดนิ -22- 4 1.34 142,637,000.00 2.2 การเกษตร - 1 2 1 4 1.34 3,181,192.55 2.3 การบริหารจดั การนำ้� 2 3 6 2 13 4.35 15,449,294.00 2.4 ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม - 5 - - 5 1.67 4,976,508.02 3. กลมุ่ คดีด้านการจัดซอื้ จัดจา้ ง 12 18 32 13 75 25.08 7,686,029,639.25 3.1 จดั ซอ้ื จัดจา้ ง 4 18 25 12 59 19.73 123,855,668.00 3.2 การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 8 - 7 1 16 5.35 7,562,173,971.25 4. กลมุ่ คดีดา้ นสงั คม 5 2 3 1 11 3.67 40,831,677.18 4.1 การศกึ ษา 4 2 - 1 7 2.34 723,677.18 4.2 ศาสนาและศลิ ปวัฒนธรรม 1 - - - 1 0.33 40,000,000.00 4.3 สาธารณสุขและการบรกิ ารดา้ นสขุ ภาพ - - 2 - 2 0.67 108,000.00 4.4 ทีอ่ ยู่อาศยั และสวสั ดิการทางสังคม - - 1 - 1 0.33 816,000.00 5. กลุ่มคดีด้านเศรษฐกิจ 1311 6 2.01 7,920,812.00 5.1 การคา้ การลงทุน การทอ่ งเท่ียว และเศรษฐกจิ - 2 - - 2 0.67 6,506,000.00 5.2 การจัดเก็บรายได้ ค่าธรรมเนยี ม และภาษีอากร 1 111 4 1.34 1,414,812.00 6. กลุ่มคดดี ้านการใหบ้ ริการสาธารณปู โภค 1 7 11 3 22 7.35 341,551,406.94 6.1 การกอ่ สรา้ งโครงสร้างพืน้ ฐานและระบบ 1 7 10 3 21 7.02 340,651,406.94 สาธารณปู โภค 6.2 โทรคมนาคม เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร - -1- 1 0.33 900,000.00 7. กลุ่มคดีดา้ นจรยิ ธรรมและความประพฤติมิชอบ 11 17 28 20 76 25.42 339,560,128.28 7.1 ร�่ำรวยผดิ ปกติ - 1 - - 1 0.33 216,062,819.56 7.2 เรยี กรบั สนิ บนและผลประโยชนต์ อบแทนอื่น 5 6 4 4 19 6.36 37,797,109.51 7.3 เบียดบังทรพั ย์ ยกั ยอกทรพั ย์ และการใช้ 1 1 5 2 9 3.01 20,553,616.21 ทรัพยากรของรัฐ 7.4 การขดั กันระหว่างประโยชนส์ ่วนบุคคลกบั 3 5 10 7 25 8.36 49,084,758.00 7.5 ปการระเโบยิกชจนา่ ์สย่วแนลระวกมารใชจ้ ่ายเงินงบประมาณ 8. กลมุ่ คดอี นื่ ๆ 2 4 9 7 22 7.36 16,061,825.00 11 15 8 7 40 13.39 1,841,231,655.11 รวม 58 81 110 51 300 100.00 10,511,726,638.18 รอ้ ยละ (%) 19.40 26.76 36.79 17.06 100.00 ท่มี า : ส�ำนักบริหารงานกลาง สำ� นักงาน ป.ป.ช. 78 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

ตารางแสดงสถิติผลการชีม้ ลู ความผดิ เจ้าพนกั งานของรัฐของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� แนกข้อมูลตามประเภทคดีและต�ำแหน่งของผู้ถกู ชีม้ ลู ความผดิ ประเภทต�ำแหนง่ หน่วย : ราย ขกกตา้าผาำ�รรทูด้รแาเเาำ�มชหมงรอืกนืองงา่งง/ร สรแอผภลผทง/้บูาะู้บผผอ้รสทรู้ชบู้งิหมหิอ้ถว่ราาางยนิ่ิหรชรถา/ิกนิ่ร ขพา้ สรลาาเมรชือญักนาร สข่ว้านรทาช้อกงถาริน่ ข้าตรำ�ารชวกจาร ขฝ้าา่ รยาทชหกาารร ขบท้าคศุครารึกาลงูแชษกาลกากาะรารร ขอใพนาุ้ดรสลมาถเศรชาึกอืกบษนานัาร รพัฐวนิสกั างหากนจิ พอมนงหคักาก์งชาานรน อืน่ ๆ ประเภทคดี รวม 1. กกลารุ่มเคมดือดี งา้แนลกะรคะวบาวมนมก่ันารคยงุติธรรม - 52 21 83 1 - 6 3 1 2 114 283 11..12 กการระซบือ้วขนากยาตร�ำยแตุ หิธรนร่งมและ -- 5-2 143 8-3 1- -- 6- 3- 1- 2- 1113 2673 1 .3 คกาวราบมมรหิั่นาครงงภาานยบใุคนคล ราชอาณาจักร - -4 - ------- 4 2. กลุ่มคดีด้านทรัพยากรธรรมชาติ - 24 15 38 - - - - - - 5 82 และส่งิ แวดลอ้ ม 2222....1342 กทกทาา่รีดรรพันิ เบยกราษหิ กตารรรธจรดัรมกชารานตำ้�แิ ละ ---- 14325 112-2 24545 ---- ---- ---- ---- ---- ---- 32-- 2146420 สิง่ แวดล้อม 3 43 13 141 17 - 19 7 3. กลุม่ คดีดา้ นการจัดซอ้ื จดั จา้ ง 12 3121 121 8565 89 -- 190 7- - 13 80 336 33..21 จกัดารซเอื้สจนดั อจรา้างคาตอ่ หนว่ ยงาน - 3 - 6 - -33 -- 1-3 5219 121179 4. กลุ่มขคอดงดี รา้ ัฐนสงั คม --- 111 --- --- --- --- 3-- 3-- 444...231 สศกาาาธรสศานรกึาณษแลสาะขุ ศแิลลปะกวาัฒรนบธรริกรามร - - - 6 ---- - 1 2 18 4.4 ทดอ่ีา้ นยสูอ่ ุขาศภัยาแพละสวสั ดกิ าร - 5- 6 ---- --- 1-- 2-- 921 ทางสงั คม - 3- 2 ---- 5. กลุ่มคดดี ้านเศรษฐกจิ --- 6 5.1 การคา้ การลงทนุ การทอ่ งเท่ียว และเศรษฐกจิ - - 1 12 --- 5 5.2 การจัดเก็บรายได้ - 2 - 4 ------1 7 ค่าธรรมเนียม และภาษีอากร 6. กสลาธมุ่ าครดณีดปูา้ นโภกคารให้บรกิ าร - 17 1 42 - - - 1 - - 18 79 6.1 การกอ่ สร้างโครงสรา้ งพนื้ ฐาน - 16 1 41 - - - - - - 11 69 6 .2 โแทลระครมะนบาบคสมาธเาทรคณโนูปโโลภยคี - 1 - 1 - - - 1 - - 7 10 7. 77กค..ลว21ุ่มา มสเรคร่�ำาปดยี รรรีดกวสะรา้ยนพบันผเฤสทจดิ ตนิรปศยิิมบแกธชิลนตระอิแรกบลมาะแรลสอื่ะสาร 7.3 ผเบลยี ปดรบะังโทยชรัพนยต์ ์อยบักแยทอนกทอน่ืรัพย์ - 60 21 95 1 - 4 - - - 30 211 7.4 แกลาระขกัดากรใันชรท้ ะรหพั วย่าางกปรรขะอโยงชรัฐน์ -- 9- 210 1-0 1- -- 4- -- -- -- -- 414 - 5 - 7 - - - - - - - 12 - 27 - 31 - - - - - - 27 85 7 .5 กสว่านรบเบุคกิคจล่ากยบั แปลระะโกยาชรนใส์ช่ว้จนา่ รยว ม - 19 - 47 - - - - - - 3 69 เงินงบประมาณ 8. กลุ่มคดีอ่นื ๆ - 13 34 26 - 1 - 2 22 - 18 116 รวม 3 217 105 437 19 1 32 16 23 16 268 1,137 ร้อยละ (%) 0.26 19.09 9.24 38.43 1.67 0.09 2.81 1.41 2.02 1.41 23.57 100.00 ทม่ี า : สำ� นกั บรหิ ารงานกลาง ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 79

ตารางแสดงสถติ ิผลการชมี้ ูลความผิดเจา้ หน้าท่ขี องรัฐในสงั กัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 จำ� แนกข้อมลู ตามประเภทคดี และประเภทองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ประเภทองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ หน่วย : องคก์ ร เมอื ง องคก์ าร เทศบาล เทศบาล เทศบาล กรุงเทพ พัทยา บรหิ าร นคร เมอื ง ตำ�บล องคก์ าร ประเภทคดี มหานคร บริหาร รวม 1. การซื้อขายตำ�แหนง่ และการบริหารงานบคุ คล จสังห่วนวดั ตสำ�ว่ บนล 2. ทด่ี นิ - 1 - - 1 15 3. การเกษตร - -- - - - 34 51 4. การบรหิ ารจัดการนำ้ � - -- - - 1 22 5. ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม - -1 - - 2 23 6. การจัดซอ้ื จัดจา้ งและการเสนอราคาต่อหนว่ ยงานของรัฐ - -- - 1 - 9 12 7. การศกึ ษา 1 - 2 1 2 17 12 8. ศาสนาและศลิ ปวฒั นธรรม - -1 - - - 29 52 9. สาธารณสุขและการบริการด้านสุขภาพ - -- 1 - - -1 10. ทอ่ี ยอู่ าศยั และสวสั ดกิ ารทางสังคม 1 -- - - 1 -1 11. การคา้ การลงทุน การท่องเท่ยี ว และเศรษฐกิจ - -- - - 1 -2 12. การจดั เก็บรายได้ ค่าธรรมเนียม และภาษีอากร - -- - - - -1 13. การก่อสรา้ งโครงสรา้ งพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค - -- - - 2 22 14. กจิ การโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร - -- - 16 24 15. การเรียกรับสินบนหรอื ผลประโยชนต์ อบแทนอ่นื - -- - - 1 9 16 16. การเบยี ดบังทรพั ย์ ยักยอกทรพั ย์ และการใช้ - -- - - 3 -1 1 7. ทการรัพขยดั ากกันรระขหอวงา่รงฐั ประโยชน์ส่วนบุคคลกบั ประโยชนส์ ว่ นรวม - -- - 21 47 18. การเบกิ จ่ายและการใช้จา่ ยเงินงบประมาณ - 7 10 19. คดีอน่ื ๆ - -- - - 7 - -- - 24 12 19 รวม 2 -- - - 5 17 23 ร้อยละ (%) 0.91 1 4 2 9 66 7 12 0.45 1.81 0.91 4.07 29.86 137 221 61.99 100.00 ทม่ี า : สำ� นกั บริหารงานกลาง สำ� นกั งาน ป.ป.ช. จากตารางดังกลา่ วขา้ งต้น ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำ� เนินการชี้มลู ความผิด เจา้ พนักงานของรฐั ในคดีตา่ งๆ มีจำ� นวนทั้งสนิ้ 299 คดี แบง่ เปน็ คดขี นาดกลาง (M) จ�ำนวน 110 คดี (ร้อยละ 36.79) คดีขนาดใหญ่ (L) จ�ำนวน 80 คดี (ร้อยละ 26.76) คดีขนาดใหญ่มาก (XL) จ�ำนวน 58 คดี (ร้อยละ 19.40) และคดีขนาดเล็ก จำ� นวน 51 คดี (ร้อยละ 17.06) และเม่อื จ�ำแนกขอ้ มูลตามประเภทคดีแลว้ จะพบว่า กล่มุ คดี ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดมากที่สุด 3 ล�ำดับแรก ล�ำดับที่ 1 คือ กลุ่มคดีด้านจริยธรรม และความประพฤติมิชอบ จ�ำนวน 76 คดี (ร้อยละ 25.42) ล�ำดับท่ี 2 คือ กลุ่มคดีด้านการจัดซ้ือจัดจ้าง จ�ำนวน 75 คดี (ร้อยละ 25.08) และ ล�ำดบั ที่ 3 คือ กลุ่มคดดี ้านกระบวนการยุติธรรม การเมืองและความมัน่ คง จ�ำนวน 43 คดี (ร้อยละ 14.38) และหากจ�ำแนกข้อมูลตามมูลค่าความเสียหายของคดีที่ชี้มูลความผิดแล้ว จะพบว่า ล�ำดับท่ี 1 กลุ่มคดีด้านการจัดซ้ือจัดจ้าง (75 คดี) เป็นคดีท่ีมูลค่าความเสียหายมากที่สุด โดยคิดเป็น จำ� นวนเงนิ ประมาณ 7,686 ล้านบาท นอกจากนี้ หากพจิ ารณาถงึ จ�ำนวนเจา้ หน้าทีข่ องรัฐทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ช้ีมูลความผดิ มีจำ� นวนรวม ท้ังสิ้น 1,137 ราย และเม่ือจ�ำแนกข้อมูลตามประเภทต�ำแหน่งของเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีถูกชี้มูลความผิดแล้ว จะพบว่า ล�ำดับท่ี 1 ต�ำแหน่งประเภทข้าราชการส่วนท้องถิ่นเป็นต�ำแหน่งที่ถูกชี้มูลความผิดมากท่ีสุด จ�ำนวน 437 ราย (ร้อยละ 38.43) และหากพจิ ารณาถึงประเภทขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นท่เี จา้ หนา้ ท่ีของรัฐ ในสงั กดั ถกู ชม้ี ูลความผิดแลว้ จะพบว่า ลำ� ดับท่ี 1 ร้อยละ 61.99 เป็นเจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ในสังกัดประเภทองค์การ บรหิ ารสว่ นต�ำบล รองลงมาลำ� ดบั ท่ี 2 รอ้ ยละ 29.86 เปน็ เจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐในสังกดั เทศบาลต�ำบล ซึ่งเป็นหนว่ ยงาน ในระเบียบบริหารราชการสว่ นท้องถ่ินในระดับตำ� บลเปน็ สว่ นใหญ่ 80 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการไตส่ วนข้อเท็จจริง แลว้ มีมติว่า การกระท�ำเปน็ ความผดิ ทางวินยั อาญา วนิ ยั และอาญา ร่�ำรวยผิดปกติ คำ� ร้องขอถอดถอน มีมูลความผิดท่ีเป็นเรอื่ งส�ำคัญ ดังน้ี เรือ่ งกลา่ วหาผู้ดำ� รงต�ำแหน่งทางการเมือง จ�ำนวน 12 เรื่อง 1. เรอื่ งกล่าวหานายอภสิ ทิ ธิ์ เวชชาชีวะ เมอื่ ครั้งด�ำรงต�ำแหน่งนายกรฐั มนตรี นายสุเทพ เทอื กสุบรรณ เมื่อครั้ง ด�ำรงต�ำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กับพวก กรณีอนุมัติให้ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคาร ที่ท�ำการสถานีต�ำรวจ (ทดแทน) จ�ำนวน 396 แห่ง โดยจัดจ้างก่อสร้างอาคารรวมกันในครั้งเดียว และไม่ใช้สิทธิ บอกเลิกสญั ญาจ้าง ท้ังที่มเี หตุอนั ควรเช่ือได้ว่าผู้รับจา้ งไมส่ ามารถทำ� งานใหแ้ ล้วเสร็จภายในระยะเวลาท่กี �ำหนดได้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติช้ีมลู ความผดิ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2562 พฤติการณ์ เมอื่ วันที่ 17 กุมภาพนั ธ์ 2552 คณะรัฐมนตรไี ดอ้ นุมัติงบประมาณใหส้ ำ� นกั งานตำ� รวจแห่งชาติ ด�ำเนินโครงการก่อสร้างอาคารท่ีท�ำการสถานีต�ำรวจ (ทดแทน) อาคารท่ีพักอาศัยและอาคารผู้ป่วยให้กับ ข้าราชการต�ำรวจ โดยใหท้ �ำการจัดจ้างแยกเปน็ รายภาค ซง่ึ สำ� นกั งานตำ� รวจแหง่ ชาตโิ ดยพลตำ� รวจเอก พชั รวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการต�ำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ขออนุมัติโครงการก่อสร้างเป็นโครงการผูกพันงบประมาณ 3 ปี โดยแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค (ภาค 1 - 9) ต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ นายสเุ ทพ เทือกสบุ รรณ เหน็ ชอบตามทสี่ ำ� นักงานตำ� รวจแห่งชาติเสนอ ต่อมาพลต�ำรวจเอก พัชรวาท วงษส์ วุ รรณ พน้ จากต�ำแหน่งผู้บัญชาการตำ� รวจแห่งชาติ พลตำ� รวจเอก ปทีป ตันประเสริฐ จเรต�ำรวจแห่งชาติ รกั ษาราชการ แทนผู้บัญชาการต�ำรวจแห่งชาติ เสนอขอปรับเปล่ียนรูปแบบการจัดจ้างก่อสร้าง โดยเปลี่ยนเป็นวิธีการจัดจ้าง ก่อสร้างทุกอาคารรวมกันที่ส่วนกลาง ในครั้งเดียวเสนอต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อีกคร้ัง ระหว่างการเสนอ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดจ้างก่อสร้าง มีกลุ่มผู้ประกอบการหลายรายยื่นหนังสือคัดค้านการปรับเปล่ียนรูปแบบ การจัดจา้ งกอ่ สร้างตอ่ นายอภสิ ทิ ธ์ิ เวชชาชีวะ และนายสเุ ทพ เทือกสุบรรณ ระบุว่าหากมกี ารปรบั เปลีย่ นรปู แบบ การจัดจ้างก่อสร้างตามที่ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่และ กีดกันผู้ประกอบการรายย่อยในส่วนภูมิภาค ทั้งคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้มีหนังสือแจ้งแล้วว่าหากอนุมัติให้รวมจ้างคร้ังเดียวจะเป็นการกีดกันผู้ประกอบการและขัดมติคณะรัฐมนตรี แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่รับฟังกลับเร่งอนุมัติให้ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดจ้าง ก่อสร้าง จากจัดจ้างที่ส่วนกลางโดยแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค (ภาค 1 - 9) เป็นการจัดจ้างก่อสร้าง ทุกอาคารรวมกันท่ีส่วนกลางในครั้งเดียว ตามที่ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติเสนอ เม่ือมีการจัดประกวดราคา โครงการกอ่ สรา้ งอาคารท่ที �ำการสถานีตำ� รวจ (ทดแทน) โดยวธิ กี ารทางอิเล็กทรอนกิ ส์ ซึ่งกำ� หนดราคากลางไว้ที่ 6,100,538,900 บาท (หกพันหนึ่งร้อยห้าแสนสามหมื่นแปดพันเก้าร้อยล้านบาท) ผลการแข่งขันเสนอราคา ปรากฏว่า บรษิ ทั พซี ีซี ดเี วลล็อปเมน้ ท์ แอนด์ คอนสตรัคช่นั จำ� กัด เสนอราคาตำ�่ ทส่ี ดุ จำ� นวน 5,848,000,000 บาท (ห้าพันแปดร้อยส่ีสิบแปดล้านบาท) ซึ่งเป็นราคาที่ต่�ำมากกว่าปกติจนเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถปฏิบัติได้ ต่อมา เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2554 ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติได้ท�ำสัญญาจ้างบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชน่ั จำ� กดั ก่อสร้างอาคารทที่ ำ� การสถานตี ำ� รวจ (ทดแทน) 396 โรงพัก โดยมกี �ำหนดระยะเวลากอ่ สร้าง ให้แล้วเสรจ็ ภายใน 450 วนั ข้อเท็จจริงปรากฏว่า บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ�ำกัด ไม่สามารถก่อสร้าง ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาท่ีก�ำหนดได้และขอขยายระยะเวลาก่อสร้างไปยังส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติหลายครั้ง โดยไมม่ ีเหตทุ จ่ี ะขอขยายระยะเวลา แตส่ ำ� นกั งานต�ำรวจแหง่ ชาติกลบั อนมุ ัติให้ขยายระยะเวลาการก่อสรา้ งท้งั ที่ทราบ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 81

ดีอยู่แล้วว่าไม่อาจอนุมัติได้ อย่างไรก็ตามเม่ือขยายระยะเวลาการก่อสร้างแล้ว บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ�ำกัด ก็ไม่สามารถก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ แตก่ ลับ ละเวน้ ไม่ดำ� เนนิ การเป็นเหตใุ ห้เสยี หายแกท่ างราชการอยา่ งร้ายแรง มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานท่ีจะฟังได้ว่า มีส่วนเก่ียวข้องกับการอนุมัติให้ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ เปล่ียนแปลงวิธีการจัดจ้างก่อสร้างอาคารท่ีท�ำการ สถานีต�ำรวจ (ทดแทน) จำ� นวน 396 แหง่ อันเปน็ การฝา่ ฝืนมตคิ ณะรฐั มนตรี ตามทมี่ ีการกล่าวหา ข้อกลา่ วหา ไมม่ มี ลู ให้ขอ้ กลา่ วหาตกไป 2. การกระท�ำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 2 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157 3. พลต�ำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเก่ียวข้อง กับการอนุมัติหรือการด�ำเนินการอย่างใด ในโครงการจัดจ้างก่อสร้างอาคารท่ีท�ำการสถานีต�ำรวจ (ทดแทน) ของส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ ขอ้ กล่าวหาไม่มีมลู ให้ขอ้ กล่าวหาตกไป 4. พลต�ำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 ไม่ปรากฏว่ามีส่วนเก่ียวข้องกับการอนุมัติ ให้บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคช่ัน จ�ำกัด ขยายระยะเวลาก่อสร้างแต่อย่างใด ข้อกล่าวหา ไม่มีมูลใหข้ ้อกลา่ วหาตกไป 5. การกระทำ� ของพลตำ� รวจเอก ปทีป ตันประเสริฐ ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 5 มมี ูลความผิดทางอาญา ฐานเปน็ เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ด้วยความซ่ือสัตย์สุจริตและเท่ียงธรรม เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี จรรยาบรรณของต�ำรวจ และนโยบายของรัฐบาล เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติ ตามค�ำส่ังของผู้บังคับบัญชา ซึ่งส่ังในหน้าท่ีราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ เป็นเหตุให้ เสยี หายแก่ราชการอยา่ งร้ายแรงฐานปฏบิ ตั หิ รือละเวน้ การปฏบิ ัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพือ่ ให้ตนเองหรือผู้อ่ืน ได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ และฐานกระท�ำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติ ต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 78 (1) (2) ประกอบมาตรา 79 (6) และมาตรา 79 (1) (5) 6. การกระท�ำของพลต�ำรวจโท ธีรยุทธ กิติวัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 6 ปรากฏข้อเท็จจริงว่าปฏิบัติการ ตามหน้าที่ในฐานะผู้บัญชาการส�ำนักงานส่งก�ำลังบ�ำรุง โดยไม่มีเจตนาเพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด ขอ้ กลา่ วหาไม่มีมูล ใหข้ อ้ กล่าวหาตกไป 7. การกระท�ำของพลต�ำรวจโท สุพร พนั ธเุ์ สือ ผถู้ กู กลา่ วหาที่ 7 ไมป่ รากฏข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ท่ีจะฟงั ได้ว่า ไดก้ ระท�ำความผดิ ตามท่ีกล่าวหา ขอ้ กลา่ วหาไม่มีมลู ให้ข้อกล่าวหาตกไป 8. การกระทำ� ของพลต�ำรวจตรี สัจจะ คชหิรญั ผ้ถู กู กลา่ วหาท่ี 8 และพนั ต�ำรวจโท สุริยา แจง้ สุวรรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 14 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าท่ีซ้ือ ท�ำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใชอ้ �ำนาจในตำ� แหนง่ โดยทุจรติ อันเปน็ การเสยี หายแก่รัฐ และฐานเปน็ เจา้ พนักงาน ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏิบัติ หน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าท่ีในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีอ�ำนาจ หรอื หนา้ ทใ่ี นการอนมุ ตั ิ การพิจารณา หรือการด�ำเนินการใด ๆ ที่เกยี่ วกบั การเสนอราคาคร้ังใด รู้หรอื มพี ฤตกิ ารณ์ แจง้ ชดั วา่ ควรร้วู า่ การเสนอราคาครงั้ นั้นมีการกระท�ำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ละเวน้ ไม่ดำ� เนนิ การเพอ่ื ให้มี การยกเลิกการด�ำเนินการเกี่ยวกับการเสนอราคาในครั้งน้ันและฐานเป็นเจ้าหน้าที่ ในหน่วยงานของรัฐกระท�ำ 82 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

ความผิดตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี หรอื กระทำ� การใด ๆ โดยมุ่งหมายมิใหม้ ีการแข่งขันราคาอย่างเปน็ ธรรม เพ่อื เอ้อื อ�ำนวย แก่ผู้เข้าทำ� การเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำ� สัญญากบั หนว่ ยงานของรัฐ ตามพระราชบญั ญตั ิว่าดว้ ยความผิด เก่ียวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และมาตรา 12 และมีมูลความผิดทางวินัย อย่างร้ายแรง ฐานไมป่ ฏิบตั ิหนา้ ทร่ี าชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มตคิ ณะรัฐมนตรี จรรยาบรรณของต�ำรวจ เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ราชการโดยมชิ อบ เพอื่ ใหต้ นเองหรอื ผอู้ ื่นไดร้ ับประโยชนท์ มี่ ิควรได้ และฐานกระท�ำการอนั ได้ชอ่ื ว่าเปน็ ผู้ประพฤติ ชัว่ อยา่ งรา้ ยแรง ตามพระราชบัญญตั ติ ำ� รวจแหง่ ชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 78 (1) ประกอบมาตรา 79 (6) และ มาตรา 79 (1) (5) 9. การกระท�ำของพันต�ำรวจเอก จิรวุฒิ จันทร์เพ็ญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 พันต�ำรวจเอก สุทธี โสตถิทัต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 พันต�ำรวจเอก พิชัย พิมลสินธุ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 พันต�ำรวจเอก ณัฐเดช พงศ์วรินทร์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 12 และพันต�ำรวจเอก ณัฏฐชัย บุญทวี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยาน หลักฐานท่ีจะฟังได้ว่า เจตนากระท�ำความผิดตามที่กล่าวหาข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล แต่การกระท�ำ มีมูลความผดิ ทางวินยั อย่างไมร่ ้ายแรง ฐานไม่ปฏิบตั หิ น้าทรี่ าชการดว้ ยความซอ่ื สตั ย์ สุจริต และเทีย่ งธรรม เป็นไป ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี จรรยาบรรณของต�ำรวจ และนโยบายของรัฐบาล โดยไม่ให้เสียหายแก่ราชการ ฐานไม่ปฏิบัติตามค�ำสั่งของผู้บังคับบัญชาซ่ึงสั่งในหน้าท่ีราชการโดยชอบด้วย กฎหมายและระเบียบของทางราชการ โดยไมร่ กั ษาประโยชน์ของทางราชการ จะเสนอความเห็นเป็นหนงั สอื ทันที เพือ่ ใหผ้ ู้บังคับบัญชาทบทวนค�ำสัง่ น้นั กไ็ ด้ และเม่อื ได้เสนอความเหน็ แลว้ ผ้บู งั คับบญั ชายนื ยันให้ปฏบิ ตั ิตามคำ� ส่งั เดิม ผู้อยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชาต้องปฏบิ ัตติ ามนนั้ และฐานไมป่ ฏิบตั ิหนา้ ท่ีราชการด้วยความตงั้ ใจ อุตสาหะ เพอื่ ใหเ้ กิดผลดี หรอื ความกา้ วหนา้ แกร่ าชการ เอาใจใส่ ระมัดระวงั รักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และตอ้ งไม่ประมาทเลนิ เลอ่ ในหน้าทีร่ าชการ ตามพระราชบัญญตั ติ ำ� รวจแหง่ ชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 78 (1) (2) (9) 10. การกระท�ำของบริษัท พซี ซี ี ดเี วลลอ็ ปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรคั ชั่น จ�ำกดั โดยนายวิศณุ วเิ ศษสงิ ห์ กรรมการผมู้ อี ำ� นาจกระทำ� การแทน ผู้ถกู กล่าวหาที่ 15 และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ ผ้ถู ูกกล่าวหาท่ี 16 ในฐานะสว่ นตัว มมี ูลความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นผ้สู นับสนุนเจา้ พนักงาน มหี นา้ ทซ่ี อ้ื ท�ำ จดั การหรอื รักษาทรัพยใ์ ด ๆ ใชอ้ ำ� นาจ ในตำ� แหนง่ โดยทุจรติ อนั เปน็ การเสียหายแก่รฐั และฐานเปน็ ผูส้ นับสนนุ เจ้าพนักงาน ปฏบิ ตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิ หน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ ในหน่วยงานของรัฐ ซ่ึงมีอ�ำนาจหรือหน้าที่ในการอนุมัติ การพิจารณา หรือการด�ำเนินการใด ๆ ที่เก่ียวกับ การเสนอราคาคร้ังใด รู้หรือมีพฤติการณ์แจ้งชัดว่าควรรู้ว่าการเสนอราคาครั้งนั้นมีการกระท�ำความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้ ละเว้นไม่ด�ำเนินการเพื่อให้มีการยกเลิกการด�ำเนินการเกี่ยวกับการเสนอราคาในคร้ังนั้น และฐานเป็นผ้สู นบั สนนุ เจา้ หนา้ ท่ีในหน่วยงานของรฐั กระท�ำความผิด ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ หรอื กระท�ำการใด ๆ โดยมงุ่ หมายมิให้มีการแข่งขนั ราคาอย่างเปน็ ธรรม เพือ่ เออ้ื อ�ำนวยแก่ผู้เข้าท�ำการเสนอราคารายใดให้เปน็ ผมู้ ีสิทธิ ท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเก่ียวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 การดำ� เนนิ การ การดำ� เนนิ การทางวินยั ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลกั ฐาน และค�ำวนิ ิจฉยั ไปยงั ผบู้ งั คบั บญั ชา เพื่อด�ำเนินการทางวินัยกับพลต�ำรวจเอก ปทีป ตันประเสริฐ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 5 พลต�ำรวจตรี สัจจะ คชหิรัญ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 8 พันต�ำรวจเอก จิรวุฒิ จันทร์เพ็ญ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 9 พันต�ำรวจเอก สุทธี โสตถิทัต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 พันต�ำรวจเอก พิชัย พิมลสินธุ์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 11 พันต�ำรวจเอก ณัฐเดช พงศ์วรินทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 พันต�ำรวจเอก ณัฏฐชัย บุญทวี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 และพันต�ำรวจโท สุริยา แจ้งสุวรรณ์ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 83

ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 14 ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 76 และมาตรา 91 (2) แลว้ แตก่ รณี การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็น พร้อมส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ทางการเมอื ง กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ถูกกลา่ วหาท่ี 2 พลตำ� รวจเอก ปทปี ตนั ประเสริฐ ผถู้ กู กล่าวหาที่ 5 พลต�ำรวจตรี สจั จะ คชหิรญั ผถู้ ูกกล่าวหาท่ี 8 พนั ต�ำรวจโท สรุ ิยา แจง้ สุวรรณ์ ผ้ถู ูกกล่าวหาที่ 14 บริษทั พซี ซี ี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ�ำกัด โดยนายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้มีอ�ำนาจกระท�ำการแทน ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 15 และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 16 2. เรื่องกล่าวหานายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับพวก กรณีทุจริตโครงการ ก่อสร้างอาคารท่ีพักอาศัย (แฟลต) จ�ำนวน 163 หลัง ของส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ ้มี ลู ความผดิ เมอ่ื วันที่ 22 กรกฎาคม 2562 พฤติการณ์ เมื่อวนั ที่ 17 กมุ ภาพนั ธ์ 2552 คณะรฐั มนตรไี ดอ้ นุมตั ิงบประมาณให้สำ� นกั งานตำ� รวจแหง่ ชาติ ดำ� เนินโครงการก่อสร้างอาคารทพ่ี กั อาศยั (แฟลต) ขนาด 30 ครอบครวั สงู 5 ช้นั จำ� นวน 163 หลงั ในวงเงนิ 3,709,800,000 บาท ต่อมาส�ำนักงานต�ำรวจแหง่ ชาติได้ขออนมุ ตั ิด�ำเนินการจดั จา้ งด้วยวิธปี ระกวดราคา โดยส่วนกลาง และแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค (ต�ำรวจภูธรภาค 1 - 9 กองบัญชาการศูนย์ปฏิบตั ิการต�ำรวจชายแดนภาคใต้ และกองบัญชาการตำ� รวจนครบาล) ตามระเบยี บส�ำนกั นายกรัฐมนตรวี ่าดว้ ยการพสั ดุดว้ ยวธิ ีอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ พ.ศ. 2549 ซ่ึงจะมีความรวดเร็วในการด�ำเนินการจัดจ้าง และน่าจะเป็นผลดีต่อการด�ำเนินโครงการ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏบิ ัตริ าชการแทนนายกรัฐมนตรี ไดใ้ ห้ความเหน็ ชอบเมือ่ วนั ที่ 26 สงิ หาคม 2552 ต่อมา พลต�ำรวจเอก ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการต�ำรวจแห่งชาติ ได้ขออนุมัติยกเลิก หลักการในการจัดจา้ งโครงการก่อสร้างอาคารทพ่ี กั อาศยั (แฟลต) ขนาด 30 ครอบครัว สูง 5 ชนั้ จ�ำนวน 163 หลัง โดยส่วนกลางและแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค และขออนุมัติให้ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติด�ำเนินการประกาศ ประกวดราคาจดั จ้างโครงการก่อสร้างอาคารทพี่ ักอาศัย (แฟลต) ขนาด 30 ครอบครัว สูง 5 ชัน้ จ�ำนวน 163 หลงั ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยกองโยธาธิการ ส�ำนักงานส่งก�ำลังบ�ำรุง เป็นหน่วยงาน จัดจ้างก่อสร้าง ทุกอาคารรวมในครั้งเดียว ซ่ึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ไดอ้ นมุ ัติตามเสนอเมอ่ื วนั ท่ี 20 พฤศจกิ ายน 2552 ในระหว่างการขอเสนอปรับเปลี่ยนรปู แบบ การจัดจ้างดงั กลา่ ว ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการหลายรายยื่นหนังสือคัดค้านการจัดจ้างแบบรวมรายการก่อสร้างต่อ นายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าหากมีการปรับเปล่ียนรูปแบบตามท่ีเสนอ ก็จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงรายเดียว และจะเป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายย่อย ในส่วนภูมิภาค เน่ืองจากผู้รับจ้างในภูมิภาคจะมีผลงานการก่อสร้างและวงเงินค�้ำประกัน ไม่สูงพอท่ีจะรับท�ำงาน กอ่ สร้างตามวงเงนิ งบประมาณดงั กลา่ วได้ เมอื่ นายอภสิ ทิ ธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสเุ ทพ เทือกสบุ รรณ รองนายกรฐั มนตรีได้ทราบเร่อื งดังกลา่ วแล้ว แตก่ ลับไม่ได้มกี ารสง่ั การแตอ่ ย่างใด จากนั้นคณะกรรมการประกวดราคาได้พิจารณาคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ยื่นซองเอกสาร ประกวดราคาจา้ ง โดยคณะกรรมการประกวดราคาพจิ ารณาใหบ้ รษิ ทั พีซซี ี ดเี วลล็อปเมน้ ท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำ� กัด เป็นผู้ผ่านคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งท่ีข้อเสนอราคาของบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคช่ัน จ�ำกัด ในรายการขอ้ 1.1.5 ระบรุ ายการของเสาเข็มไว้วา่ “เสาเข็มตอกรปู ตวั ไอ หรือ สีเ่ หล่ยี มตัน ขนาด 0.30×0.30×8 เมตร” จำ� นวน 132 ต้น ซึ่งความยาวเสาเขม็ ที่เสนอ 8 เมตร ต�่ำกวา่ ทแ่ี บบก�ำหนดไว้ 21 เมตร ข้อเสนอของบรษิ ทั พซี ีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ�ำกัด จึงไม่เป็นไปตามประกาศประกวดราคา เอกสารประกวดราคา 84 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

และรายการวิศวกรรมประกอบแบบในส่วนของข้อก�ำหนดเสาเข็มท่ีก�ำหนดไว้เป็นเง่ือนไขในการย่ืนเสนอราคา แต่คณะกรรมการประกวดราคากลับไม่ท้วงติงหรือใช้ดุลพินิจพิจารณาคัดเลือกแก้ไขให้ถูกต้องกลับเสนอให้ บรษิ ัท พีซีซี ดเี วลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรคั ชัน่ จ�ำกดั เปน็ ผู้ผา่ นเงอื่ นไขประกวดราคาและมสี ิทธเิ ข้าเสนอราคา จนเป็นผู้ชนะการประกวดราคาในที่สุด อีกท้ังสัญญาเลขที่ 13/2553 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2553 ซ่ึงส�ำนักงาน ตำ� รวจแหง่ ชาติได้จา้ งบรษิ ทั พซี ซี ี ดีเวลลอ็ ปเมน้ ท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำ� กัด ก่อสร้างโครงการอาคารทพี่ ักอาศยั (แฟลต) ขนาด 30 ครอบครัว สงู 5 ชั้น จ�ำนวน 163 หลงั น้นั ปรากฏว่าสัญญาข้อที่ 20 เปน็ สญั ญาในเรื่องของ อนุญาโตตลุ าการ ซง่ึ ฝา่ ฝืนมตคิ ณะรัฐมนตรีเม่อื วนั ที่ 28 กรกฎาคม 2552 และวนั ที่ 27 มกราคม 2547 แจ้งตาม หนงั สอื ส�ำนักเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี ที่ นร. 0506/ว 155 ลงวันท่ี 7 สงิ หาคม 2552 ประกอบท่ี นร. 0504/ว 31 ลงวนั ท่ี 9 กมุ ภาพนั ธ์ 2547 จากพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นการช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับ บรษิ ทั พีซซี ี ดีเวลลอ็ ปเมน้ ท์ แอนด์ คอนสตรัคชัน่ จำ� กัด เพอ่ื ให้มสี ิทธิไดเ้ ขา้ ท�ำสญั ญากบั ส�ำนักงานตำ� รวจแหง่ ชาติ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมและเป็นการสมยอมกันในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และในฐานะเจ้าพนักงาน จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ ทางราชการและส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ในระหว่างการก่อสร้างโครงการ อาคารที่พักอาศัย (แฟลต) จำ� นวน 163 หลัง ของสำ� นกั งานตำ� รวจแหง่ ชาติ ดาบต�ำรวจ สายณั อบเชย ผู้บังคบั หมู่ กลุ่มงานวิชาชีพและเชี่ยวชาญ กองโยธาธิการ เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง และพันต�ำรวจโท คมกริบ นุตาลัย รองผู้ก�ำกับการกลุ่มงานวิชาชีพ กองโยธาธิการ เป็นกรรมการตรวจการก่อสร้างได้เรียกรับเงินจากบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ�ำกัด ซ่ึงเป็นผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการอาคารท่ีพักอาศัย (แฟลต) จ�ำนวน 163 หลงั ของสำ� นักงานตำ� รวจแห่งชาติ เพ่ือเปน็ ค่าอ�ำนวยความสะดวกในการก่อสร้าง การตรวจรับงาน ของคณะกรรมการจ้าง การส่งมอบ การตั้งเบิก และการประสานงานกับเจ้าหน้าท่ีต�ำรวจท่ีท�ำหน้าที่เป็น คณะกรรมการตรวจการจ้าง ในแต่ละสถานท่ีก่อสร้างในแต่ละจังหวัด และในแต่ละภาคท้ังหมด ซ่ึงผู้รับจ้าง ได้ชำ� ระเงินใหก้ ับดาบตำ� รวจ สายณั อบเชย และพนั ต�ำรวจโท คมกริบ นุตาลัย เป็นเงินจำ� นวน 105,000,000 บาท ต่อมาปรากฏว่าเจ้าหน้าท่ีท้ังสองได้มีการเรียกค่ารับรองจากผู้รับจ้างในการส่งมอบงวดงานแต่ละงวดเพ่ิมข้ึนอีก เป็นจ�ำนวนสูงมาก จนผู้รับจ้างไม่สามารถจะช�ำระเงินค่ารับรองได้ จึงได้หยุดการช�ำระค่ารับรองดังกล่าวจากการ หยุดช�ำระเงินค่ารับรองท�ำให้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการก่อสร้างงานท้ังในโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย ข้าราชการต�ำรวจ (แฟลต) จ�ำนวน 163 หลัง และการก่อสร้างงานในโครงการอาคารท่ีท�ำการสถานีต�ำรวจ (ทดแทน) จ�ำนวน 396 หลัง เป็นอย่างมาก ตัง้ แต่การขออนมุ ตั ิใช้วสั ดุ การก่อสรา้ งงาน การสง่ งวดงาน การตง้ั เบกิ เงินคา่ งวดงานก่อสร้าง การจัดสง่ เอกสารสง่ มอบงวดงาน เปน็ ไปด้วยความล่าช้าในทกุ ขัน้ ตอน มกี ารกลัน่ แกลง้ ให้ มกี ารแกไ้ ขงานก่อสร้างอยู่บ่อยครัง้ จนส่งผลใหก้ ารก่อสรา้ งท้งั สองโครงการไมแ่ ลว้ เสรจ็ มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยานหลกั ฐานทีจ่ ะฟงั ได้ว่า มสี ว่ นเก่ียวข้องกบั โครงการก่อสรา้ งอาคารที่พกั อาศัย (แฟลต) จำ� นวน 163 หลงั ตามทม่ี กี ารกลา่ วหา ขอ้ กล่าวหาไม่มมี ูล ให้ขอ้ กลา่ วหาตกไป 2. ของนายสุเทพ เทอื กสบุ รรณ ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 2 มีมลู ความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏบิ ตั ิ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่เนื่องจากการกระท�ำของนายสุเทพ เทอื กสุบรรณ ผถู้ ูกกลา่ วหาท่ี 2 นี้ เปน็ การกระท�ำกรรมเดียว กับกรณีอนุมัติให้เปล่ียนแปลงวิธีการจัดจ้างก่อสร้างอาคารท่ีท�ำการสถานีต�ำรวจ (ทดแทน) จ�ำนวน 396 แห่ง จากเดิม จัดจ้างแบบรวมการที่ส่วนกลางโดยแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค (ภาค 1 - 9) จ�ำนวนหลายสัญญา เป็นรวมการจดั จา้ งกอ่ สร้างทส่ี ่วนกลางในครั้งเดียว และเสนอเปน็ สญั ญาเดียว โดยไม่เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 85

เก่ียวกับการเปล่ยี นแปลงวิธีการจัดจ้างกอ่ สร้าง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พจิ ารณาแล้วมีมติว่า การกระท�ำของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงไมอ่ าจชีม้ ูลความผิดนายสเุ ทพ เทือกสุบรรณ ผ้ถู กู กล่าวหาท่ี 2 ในประเดน็ น้ซี ำ�้ อีก 3. พลต�ำรวจโท ธีรยุทธ กิติวัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 พลต�ำรวจตรี สัจจะ คชหิรัญ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 พันต�ำรวจเอก ปัทเมฆ สุนทรานุยุตกิจ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 พันต�ำรวจเอก จิรวุฒิ จันทร์เพ็ญ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 6 พันต�ำรวจตรี สิทธิไพบูลย์ ค�ำนิล ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 7 พันต�ำรวจเอก พิชัย พิมลสินธุ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 และ พลตำ� รวจตรี สมาน สดุ ใจ ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 9 มมี ลู ความผดิ ทางอาญา ฐานเปน็ เจา้ พนักงาน มีหนา้ ทีซ่ ้ือ ทำ� จัดการ หรอื รักษาทรัพยใ์ ด ๆ ใชอ้ ำ� นาจในตำ� แหนง่ โดยทุจริต อนั เปน็ การเสียหายแกร่ ฐั และฐานเป็นเจ้าพนกั งาน ปฏบิ ตั ิ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าท่โี ดยทจุ ริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหนา้ ท่ีในหนว่ ยงานของรฐั ซึ่งมีอ�ำนาจหรือหน้าท่ีในการอนุมัติการพิจารณาหรือการด�ำเนินการใด ๆ ท่ีเกี่ยวกับการเสนอราคาคร้ังใด รู้หรือ มีพฤติการณ์แจ้งชัดว่าควรรู้ว่าการเสนอราคาคร้ังน้ันมีการกระท�ำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ละเว้น ไม่ด�ำเนินการเพ่ือให้มีการยกเลิกการด�ำเนินการเกี่ยวกับการเสนอราคาในครั้งน้ัน และฐานเป็นเจ้าหน้าท่ี ในหนว่ ยงานของรฐั กระทำ� ความผดิ ตามพระราชบญั ญัตินี้ หรือกระทำ� การใด ๆ โดยมงุ่ หมายมิให้มกี ารแข่งขนั ราคา อย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออ�ำนวยแก่ผู้เข้าท�ำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยความผิดเกย่ี วกบั การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และมาตรา 12 และมีมูลความผิดทางวินยั อย่างรา้ ยแรง ฐานไม่ปฏบิ ัติหนา้ ทร่ี าชการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี จรรยาบรรณของต�ำรวจ เป็นเหตุใหเ้ สยี หายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบตั หิ รอื ละเวน้ การปฏิบตั ิหน้าทรี่ าชการโดยมิชอบ เพ่ือให้ตนเองหรือผอู้ ื่นได้รับประโยชน์ท่ีมิควรได้ และฐานกระทำ� การอันไดช้ ่ือวา่ เป็นผู้ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 78 (1) ประกอบ มาตรา 79 (6) และมาตรา 79 (1) (5) 4. พนั ตำ� รวจโท วินยั บัวลอย ผูถ้ กู กล่าวหาท่ี 10 จากการไตส่ วนไมป่ รากฏขอ้ เทจ็ จริงและพยานหลกั ฐาน ท่จี ะฟงั ไดว้ ่า ไดก้ ระท�ำความผดิ ตามท่กี ลา่ วหา ขอ้ กลา่ วหาไมม่ ีมลู ใหข้ ้อกล่าวหาตกไป 5. พันต�ำรวจโท คมกริบ นุตาลัย ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 11 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใด ส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระท�ำการหรือ ไม่กระท�ำการอย่างใดในต�ำแหน่งไม่ว่าการน้ันจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าท่ีฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซ้ือ ท�ำ จัดการ หรือรักษาทรพั ย์ใด ๆ ใช้อำ� นาจในตำ� แหน่งโดยทุจริตอนั เป็นการเสียหายแก่รฐั และฐานเป็นเจ้าพนกั งาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัตหิ นา้ ทโ่ี ดยทจุ รติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 และ มีมลู ความผิด ทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของ คณะรัฐมนตรี จรรยาบรรณของต�ำรวจ เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อ่ืนได้รับประโยชน์ท่ีมิควรได้ และฐานกระท�ำการอันได้ ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 78 (1) ประกอบ มาตรา 79 (6) และมาตรา 79 (1) (5) 6. การกระท�ำของ ดาบต�ำรวจ สายัณ อบเชย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น เจ้าพนกั งาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรพั ย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำ� หรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพือ่ กระทำ� การหรอื ไมก่ ระท�ำการอย่างใดในต�ำแหน่ง ไมว่ ่าการนนั้ จะชอบหรอื มิชอบด้วยหนา้ ที่ฐานเป็นเจา้ พนักงาน มหี นา้ ที่ ซื้อ ท�ำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และฐานเป็น เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติ 86 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

หรอื ละเว้นการปฏิบตั ิหน้าท่ีโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มตขิ องคณะรฐั มนตรี จรรยาบรรณของต�ำรวจ เป็นเหตใุ ห้เสยี หายแกร่ าชการอย่างร้ายแรง ฐานปฏบิ ตั ิหรอื ละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพ่ือให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ท่ีมิควรได้ และฐานกระท�ำการ อันได้ ช่ือว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 78 (1) ประกอบมาตรา 79 (6) และมาตรา 79 (1) (5) 7. การกระท�ำของบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ�ำกัด โดยนายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล กรรมการผู้จัดการผู้มีอ�ำนาจผูกพันบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ�ำกัด ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 13 และนายพบิ ูลย์ อดุ มสทิ ธกิ ลุ กรรมการผจู้ ดั การผมู้ อี �ำนาจผูกพนั บริษทั พซี ซี ี ดเี วลลอ็ ปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จ�ำกัด ในฐานะส่วนตัว ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 14 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซือ้ ทำ� จัดการ หรือรักษาทรพั ย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจในตำ� แหนง่ โดยทจุ ริต อนั เป็นการเสยี หาย แกร่ ฐั และฐานเปน็ ผู้สนบั สนนุ เจา้ พนกั งาน ปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่โี ดยมชิ อบ เพ่ือให้เกดิ ความเสยี หาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานสนบั สนุนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐซง่ึ มีอำ� นาจหรอื หน้าท่ใี นการอนมุ ัติ การพิจารณาหรือการด�ำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวกับการเสนอราคาคร้ังใด รู้หรือมีพฤติการณ์แจ้งชัดว่า ควรรู้ว่า การเสนอราคา คร้ังนั้นมีการกระท�ำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ละเว้นไม่ด�ำเนินการเพื่อให้มีการยกเลิก การดำ� เนินการเกี่ยวกับการเสนอราคา และฐานสนับสนุนเจา้ หน้าที่ในหนว่ ยงานของรัฐกระทำ� ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หรือกระท�ำการใด ๆ โดยมุง่ หมายมิใหม้ กี ารแข่งขนั ราคาอยา่ งเป็นธรรมเพอ่ื เอ้ืออำ� นวยแก่ผ้เู ขา้ ท�ำการเสนอราคา รายใดให้เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 การดำ� เนนิ การ การด�ำเนินการทางวินัย ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และค�ำวินิจฉัย ไปยัง ผู้บังคับบัญชาเพื่อด�ำเนินการทางวินัยกับพลต�ำรวจโท ธีรยุทธ กิติวัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 พลต�ำรวจตรี สัจจะ คชหริ ญั ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 4 พันต�ำรวจเอก ปัทเมฆ สนุ ทรานยุ ุตกิจ ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 5 พนั ต�ำรวจเอก จริ วฒุ ิ จันทร์เพญ็ ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 6 พันต�ำรวจตรี สทิ ธิไพบลู ย์ คำ� นลิ ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 7 พันต�ำรวจเอก พิชัย พิมลสินธุ์ ผูถ้ ูกกล่าวหาที่ 8 พลตำ� รวจตรี สมาน สดุ ใจ ผูถ้ กู กล่าวหาท่ี 9 พนั ตำ� รวจโท คมกรบิ นตุ าลยั ผ้ถู ูกกลา่ วหาที่ 11 และดาบตำ� รวจ สายัณ อบเชย ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 12 ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 76 และมาตรา 91 (2) แลว้ แต่กรณี การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็น พร้อมส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังอัยการสูงสุดเพ่ือด�ำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ทางการเมืองกับ พลต�ำรวจโท ธรี ยุทธ กติ ิวัฒน์ ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 3 พลตำ� รวจตรี สจั จะ คชหริ ัญ ผถู้ กู กลา่ วหาที่ 4 พันต�ำรวจเอก ปัทเมฆ สุนทรานุยุตกิจ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 5 พันต�ำรวจเอก จิรวุฒิ จันทร์เพ็ญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 พนั ต�ำรวจตรี สทิ ธไิ พบลู ย์ คำ� นลิ ผ้ถู ูกกลา่ วหาที่ 7 พันต�ำรวจเอก พิชยั พิมลสนิ ธ์ุ ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 8 พลตำ� รวจตรี สมาน สดุ ใจ ผถู้ ูกกล่าวหาท่ี 9 พนั ต�ำรวจโท คมกริบ นุตาลัย ผ้ถู ูกกลา่ วหาที่ 11 ดาบต�ำรวจ สายณั อบเชย ผถู้ กู กล่าวหาที่ 12 บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ�ำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 และนายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล กรรมการผ้จู ดั การผูม้ ีอำ� นาจผกู พนั บรษิ ัท พซี ซี ี ดีเวลลอ็ ปเมน้ ท์ แอนด์ คอนสตรัคชนั่ จำ� กัด ผถู้ ูกกล่าวหาท่ี 14 รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 87

3. กล่าวหานายวรวิทย์ ปักกาโล เมอื่ คร้ังดำ� รงตำ� แหน่งนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลกสู่ นั ตรตั น์ อำ� เภอนาดนู จังหวัดมหาสารคาม กับพวก รวม 44 คน ว่ากระท�ำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระท�ำความผิด ต่อต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการ กรณีการสอบแข่งขันเพ่ือบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนต�ำบลในพ้ืนที่จังหวัดมหาสารคาม เม่อื ปี พ.ศ. 2557 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชมี้ ลู ความผิด เม่อื วนั ท่ี 8 กรกฎาคม 2562 พฤติการณ์ คณะกรรมการพนักงานส่วนต�ำบลจังหวัดมหาสารคาม (ก.อบต. จังหวัดมหาสารคาม) ได้มีมติให้มีการสอบแข่งขันเพ่ือบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงานส่วนต�ำบล และให้จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เป็นหน่วยงานกลางในการจัดสอบให้กับองค์การบริหารส่วนต�ำบลกู่สันตรัตน์ อ�ำเภอนาดูน จงั หวัดมหาสารคาม และองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลอ่ืน อีก 12 แหง่ น้นั ปรากฏว่า ในการจดั สอบแข่งขนั ในคร้งั น้ี นายกองคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลก่สู ันตรัตน์ และบคุ คลใกลช้ ิด ไดเ้ รยี กรับเงินจากผูส้ มคั รสอบหรือญาตขิ องผสู้ มคั รสอบ ตงั้ แต่ 20,000 - 500,000 บาท ข้ึนอยู่กบั ลำ� ดับและตำ� แหนง่ ท่ีประสงค์จะได้รับการขน้ึ บัญชแี ละไดร้ ับการบรรจุ เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการช่วยเหลือดังกล่าว โดยให้อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท�ำการแก้ไขผลคะแนนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้กับผู้ท่ีจ่ายเงิน ให้เป็นผู้สอบผ่าน เพื่อให้องค์การบริหาร ส่วนต�ำบล กู่สันตรัตน์ น�ำเอกสารที่มีการปลอมดังกล่าวไปใช้ในการประกาศผลคะแนนสอบ ภาค ก ภาค ข โดยมี รองปลัดองคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลหนองเรือ เป็นผดู้ �ำเนินการโอนเงินค่าดำ� เนินการดงั กลา่ ว ให้กบั อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากน้ันแล้วในการสอบแข่งขันคร้ังนี้ ยังได้มีการจัดประชุม คณะกรรมการด�ำเนินการสอบแข่งขันเพ่ือบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานส่วนต�ำบลขององค์การบริหาร ส่วนต�ำบลกู่สันตรัตน์ จริงเพียงคร้ังเดียว แต่ผู้ถูกกล่าวหากับพวก ในฐานะคณะกรรมการด�ำเนินการสอบ ฯ กลับได้มีการลงลายมือชื่อในรายงานการประชุม ซึ่งได้มีการจัดท�ำข้ึนจ�ำนวนหลายคร้ังเพื่อให้ดูเหมือนว่ามี การประชมุ จรงิ และในการสอบภาคความเหมาะสมกบั ตำ� แหน่ง (ภาค ค) ผู้ถกู กลา่ วหากับพวกในฐานะคณะกรรมการฯ ก็มิได้มีการให้คะแนนผู้เข้าสอบโดยพิจารณาความเหมาะสมตามหลักเกณฑ์ท่ีได้ก�ำหนดไว้แต่อย่างใด ท้ังนี้ ก็เพื่อให้มีการปรับแก้ไขคะแนนได้ในภายหลังให้กับผู้สมัครสอบท่ีจ่ายเงินให้มีรายช่ือเป็นผู้สอบผ่านและได้ข้ึนบัญชี หรอื ไดร้ ับการบรรจุ ทง้ั ท่มี ผี ลคะแนนสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ช้ีมูลความผิดกับผู้ถูกกล่าวหาซ่ึงเป็นนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบล กู่สันตรัตน์ กับพวก มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดส�ำหรับตนเองหรือผู้อ่ืนโดยมิชอบ เพื่อกระท�ำการหรือไม่กระท�ำการอย่างใดในต�ำแหน่ง ไม่ว่าการน้ันจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ท�ำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระท�ำอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระท�ำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารน้ัน มุง่ พิสจู นค์ วามจริงอันเป็นความเทจ็ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 ฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระท�ำการหรือไม่กระท�ำการอย่างใดในหน้าที่ไม่ว่าการนั้นจะชอบ หรือมิชอบด้วยหน้าที่ ฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงานกระท�ำการหรือไม่กระท�ำการอย่างใดในหน้าที่ โดยเห็นแก่ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดซ่ึงตนได้เรียก รับหรือยอมจะรับไว้ก่อนที่ตนได้รับแต่งต้ังเป็นพนักงานในหน้าท่ีน้ัน และฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึง ผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ี โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรอื หนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา 88 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ

มาตรา 86 และฐานเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบตั หิ นา้ ทโี่ ดยทุจรติ ตามพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิม่ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และช้ีมูลความผิดผู้ถูกกล่าวหา ซ่ึงเป็นผู้สมัครสอบแข่งขันฯ ท่ีมีการจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทนให้เป็นผู้สอบผ่าน ท้ังท่ีมีผลคะแนนสอบไม่ผ่าน ตามเกณฑฐ์ านสนบั สนุนการกระทำ� ความผิดดังกล่าวขา้ งตน้ ด้วย การดำ� เนนิ การ การด�ำเนินการทางวินัย ส่งส�ำเนาส�ำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐาน ไปยังผู้บังคับบัญชา ผู้มีอำ� นาจแตง่ ตง้ั ถอดถอน เพ่ือดำ� เนนิ การทางวนิ ยั กับผู้ถกู กล่าวหาตามหนา้ ท่ีและอ�ำนาจแลว้ การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัยและไปยังอัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแล้ว 4. เรื่องกล่าวหา นายเจษฎาพงษ์ พละบุตร เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลโพนเมือง อ�ำเภอเหลา่ เสือโกก้ จงั หวัดอุบลราชธานี กรณีจดั ซ้อื ปยุ๋ ส�ำหรบั นาขา้ วจากบรษิ ทั ดินและปยุ๋ จ�ำกดั เมอ่ื ปี พ.ศ. 2550 โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ มี้ ูลความผิด เมอ่ื วนั ท่ี 3 ตุลาคม 2561 พฤตกิ ารณ์ นายเจษฎาพงษ์ พละบตุ ร ตกลงซอ้ื ปุ๋ยสตู ร 4 สำ� หรับนาขา้ วจากบริษทั ดินและปยุ๋ จ�ำกดั โดยติดต่อซื้อขายทางโทรศัพท์กับนายด�ำรงค์ กาญจน์อร่ามกุล โดยที่ไม่ได้ท�ำสัญญาซื้อขายกันแต่อย่างใด ต่อมา บริษัท ดินและปุ๋ย จ�ำกัด ได้ส่งมอบปุ๋ยให้แก่นายเจษฎาพงษ์ พละบุตร จ�ำนวน 3 ครั้ง โดยในการส่งมอบปุ๋ย นายเจษฎาพงษ์ พละบุตร แจ้งวา่ ให้บริษทั ดนิ และปยุ๋ จำ� กัด น�ำปุ๋ยมาสง่ มอบที่องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลโพนเมือง ที่บริเวณอาคารช่ัวคราวซึ่งต้ังอยู่ด้านข้างท่ีท�ำการองค์การบริหารส่วนต�ำบลโพนเมือง และมีการระบุในใบส่งของ วา่ ขายให้องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลโพนเมือง โดยมีนายเจษฎาพงษ์ พละบุตร เป็นผู้รอรับปุย๋ และเป็นผ้ลู งลายมอื ช่ือ ผู้รับสินค้าและระบุต�ำแหนง่ นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตำ� บลโพนเมอื งไว้ใต้ช่อื พรอ้ มทงั้ ประทับตราองคก์ ารบรหิ าร ส่วนต�ำบลโพนเมืองในช่องรับสินค้าด้วยตนเอง หลังจากน้ัน นายเจษฎาพงษ์ พละบุตร ได้น�ำปุ๋ยดังกล่าวไป จ�ำหน่ายให้แกส่ มาชกิ สภาองค์การบริหารสว่ นตำ� บลโพนเมอื งและชาวบา้ น และนำ� เงินไปใช้เปน็ ประโยชน์สว่ นตัว แตก่ ลบั ไมช่ �ำระค่าปุย๋ ใหก้ ับบริษัท ดนิ และปุ๋ย จำ� กัด แตอ่ ย่างใด บรษิ ัท ดนิ และปุย๋ จำ� กัด ได้มหี นงั สือฉบบั ลงวนั ท่ี 9 กรกฎาคม 2551 แจ้งใหน้ ายเจษฎาพงษ์ พละบตุ ร ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลโพนเมือง ช�ำระหน้ีค่าปุ๋ย จ�ำนวน 660,000 บาท แต่นายเจษฎาพงษ์ พละบุตร ไม่ได้ช�ำระหนี้ค่าปุ๋ยแต่อย่างใด เมื่อวันท่ี 24 ธันวาคม 2551 บริษัท ดินและปุ๋ย จ�ำกัด ได้ยื่นฟ้อง องคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลโพนเมอื งเป็นจำ� เลยที่ 1 นายเจษฎาพงษ์ พละบุตร เปน็ จำ� เลยท่ี 2 เพื่อให้ช�ำระค่าปุย๋ รวมเป็นเงินท้ังสิ้น 660,000 บาท ทั้งท่ีองค์การบริหารส่วนต�ำบลโพนเมืองไม่ได้ด�ำเนินการจัดซื้อปุ๋ยดังกล่าว เนื่องจากองค์การบริหารส่วนต�ำบลโพนเมือง ไม่ได้ตั้งงบประมาณจัดซ้ือปุ๋ยไว้ในข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจ�ำปี พ.ศ. 2550 และไม่มีเงินงบประมาณอุดหนุนส�ำหรับการจัดซ้ือปุ๋ย อีกท้ังการจัดซ้ือปุ๋ยดังกล่าวไม่ได้ ด�ำเนินการตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ ประกอบกับนายเจษฎาพงษ์ พละบุตร ได้ให้การต่อศาล จังหวัดอุบลราชธานี ว่าการซ้ือปุ๋ยดังกล่าวเป็นการกระท�ำไปในฐานะส่วนตัว ไม่ได้มีเจตนาจะให้ผูกพันองค์การ บริหารส่วนต�ำบลโพนเมืองแต่อย่างใด ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีค�ำพิพากษาคดีแพ่ง หมายเลขด�ำที่ ผบ.142/2551 หมายเลขแดงที่ ผบ. 294/2553 ใหอ้ งคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลโพนเมอื ง ตอ้ งช�ำระหน้ีตามคำ� พิพากษาของศาลชนั้ ตน้ พร้อมดอกเบ้ีย รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 89

ร้อยละ 7.5 ตอ่ ปี ของเงินต้น 660,000 บาท นับแตว่ นั ทีศ่ าลชนั้ ตน้ พิพากษา และต่อมา เมือ่ วันที่ 22 กนั ยายน 2558 ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีหนังสือแจ้งให้องค์การบริหารส่วนต�ำบลโพนเมือง ช�ำระหนี้ตามค�ำพิพากษา พรอ้ มดอกเบยี้ เป็นจำ� นวนเงนิ 1,042,167.11 บาท ซึ่งนายไพรัตน์ ขจรเพชร นายกองคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลโพนเมือง ในขณะน้ัน ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินเพื่อช�ำระหนี้ตามค�ำสั่งศาล เป็นเงิน 1,042,167.11 บาท การกระท�ำของ นายเจษฎาพงษ์ พละบตุ ร จึงเปน็ เหตใุ หอ้ งค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลโพนเมอื ง ได้รับความเสียหายโดยต้องช�ำระหน้ี ตามคำ� พพิ ากษาของศาล ให้แก่บริษทั ดนิ และป๋ยุ จ�ำกัด จำ� นวนท้ังส้ิน 1,042,167.11 บาท การกระท�ำของนายเจษฎาพงษ์ พละบุตร นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลโพนเมืองดังกล่าว เป็นการกระท�ำนอกเหนืออ�ำนาจหน้าที่ หรือเป็นการกระท�ำไปโดยท่ีตนไม่มีหน้าท่ี ในฐานะนายกองค์การบริหาร ส่วนต�ำบลโพนเมือง แต่เป็นการท�ำให้บริษัท ดินและปุ๋ย จ�ำกัด เชื่อว่านายเจษฎาพงษ์ พละบุตร กระท�ำการ ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลโพนเมืองซ่ึงมีหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว การกระท�ำดังกล่าว จึงเป็นการกระท�ำในพฤติการณ์ท่ีอาจท�ำให้ผู้อ่ืนเช่ือว่ามีต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี ทั้งที่ตนมิได้มีต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีน้ัน เพื่อแสวงหาประโยชน์ทม่ี ิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายสำ� หรับตนเองหรือผู้อน่ื มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายเจษฎาพงษ์ พละบุตร ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ท่ีอาจท�ำให้ผู้อ่ืนเช่ือว่ามีต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี ท้ังท่ีตนมิได้ มีต�ำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายส�ำหรับตนเองหรือผู้อ่ืน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 ประกอบพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 การดำ� เนนิ การ การด�ำเนินการทางวินัย ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นายเจษฎาพงษ์ พละบุตร ผู้ถูกกล่าวหา และแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส�ำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตงั้ ทราบด้วย การด�ำเนินการทางอาญา ส่งส�ำนวนการไต่สวนไปยังผู้มีอ�ำนาจแต่งต้ังถอดถอน เพื่อด�ำเนินการ ตามหน้าท่ีและอ�ำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และมาตรา 98 วรรคสี่ แลว้ แต่กรณี 90 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

5. เรื่องกล่าวหานายพรชัย โควสุรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี กับพวก ว่ากระท�ำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ี หรือกระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการ และกระท�ำ ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 กรณีการจัดซื้อหนังสือและส่ือการเรียนการสอนจากองค์การค้าของ สกสค. โดยวิธีกรณีพิเศษ รวมจ�ำนวน 4 โครงการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติช้ีมลู ความผิด เม่ือวนั ท่ี 9 ตลุ าคม 2561 พฤติการณ์ ในปีงบประมาณ 2550 องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีจัดซ้ือหนังสือ และสื่อการเรียนการสอนให้แก่โรงเรียนในสังกัดส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จ�ำนวน 29 แห่ง จากองค์การค้าของส�ำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดยวิธกี รณีพเิ ศษ เป็นเงนิ 17,741,624 บาท และปงี บประมาณ 2551 จัดซอื้ หนังสือจากองค์การคา้ ของ สกสค. โดยวิธีกรณพี เิ ศษ เปน็ เงนิ 7,296,000 บาท โดยเป็นหนงั สอื ท่อี งคก์ ารค้าของ สกสค. จดั พมิ พ์เพยี งบางส่วนและท่เี หลือ ไปซื้อมาจากโรงพิมพ์อื่นมาขายต่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี การจัดซื้อดังกล่าวไม่เป็นไปตาม ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม และมตคิ ณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวนั ท่ี 11 กนั ยายน 2527 เร่ือง สทิ ธพิ ิเศษเกย่ี วกบั การซ้ือวสั ดุของสว่ นราชการ มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระทำ� ของนายพรชยั โควสรุ ตั น์ ผู้ถูกกลา่ วหาท่ี 1 มีมลู ความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนกั งาน มหี น้าทซ่ี ื้อ ทำ� จดั การ หรอื รกั ษาทรพั ย์ใด ๆ ใชอ้ �ำนาจในตำ� แหนง่ โดยทจุ รติ อนั เปน็ การเสยี หายแก่รัฐ เทศบาล สขุ าภิบาล หรอื เจา้ ของทรัพย์นนั้ และฐานเปน็ เจ้าพนักงาน ปฏิบัตหิ รอื ละเว้นการปฏบิ ัติหนา้ ท่ีโดยมชิ อบ เพ่ือให้ เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 มาตรา 91 ฐานร่วมกันใช้อุบายหลอกลวง หรือกระท�ำการ โดยวิธีอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าท�ำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม และฐานเป็นเจ้าหน้าท่ีในหน่วยงาน ของรฐั กระทำ� ความผดิ ตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี หรือกระทำ� การใด ๆ โดยมุง่ หมายมใิ หม้ ีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพอ่ื เอ้อื อำ� นวยแก่ผู้เขา้ ท�ำการเสนอราคารายใดใหเ้ ป็นผ้มู สี ทิ ธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรฐั ตามพระราชบญั ญตั ิ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 และมาตรา 12 แต่ความผิด ตามมาตรา 7 ขาดอายุความแล้วจึงให้ยุติการด�ำเนินคดีในฐานน้ี และมีมูลเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติการ ตามอ�ำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจหน้าท่ีหรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบญั ญัตอิ งค์การบริหารส่วนจงั หวดั พ.ศ. 2540 และทีแ่ ก้ไขเพม่ิ เติม มาตรา 79 2. การกระท�ำของนายเกษม กล่ันยิ่ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุน เจา้ พนกั งาน มีหนา้ ที่ซ้อื ทำ� จดั การ หรือรกั ษาทรพั ยใ์ ด ๆ ใช้อำ� นาจในต�ำแหนง่ โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รฐั เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ี โดยมชิ อบ เพ่อื ใหเ้ กิดความเสยี หายแก่ผู้หน่งึ ผู้ใด หรอื ปฏบิ ัตหิ รือละเวน้ การปฏบิ ตั ิหนา้ ท่โี ดยทจุ ริต ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 90 ฐานรว่ มกนั ใชอ้ บุ ายหลอกลวง หรือกระท�ำการโดยวิธีอ่ืนใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าท�ำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม และฐาน เปน็ ผูส้ นับสนุนเจา้ หนา้ ท่ใี นหนว่ ยงานของรัฐกระท�ำความผิดตามพระราชบัญญตั ินี้ หรอื กระท�ำการใด ๆ โดยมุ่งหมาย มใิ หม้ กี ารแข่งขนั ราคาอย่างเป็นธรรม เพือ่ เออ้ื อำ� นวยแกผ่ ู้เข้าท�ำการเสนอราคารายใดให้เปน็ ผมู้ สี ิทธทิ �ำสัญญากับ หน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเก่ียวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมาตรา 90 แตค่ วามผดิ ตามมาตรา 7 ขาดอายุความแล้ว จึงให้ยุติการด�ำเนินคดีในฐานน้ี และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อ่ืนได้ประโยชน์ท่ีมิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าท่ี รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 91

และฐานปฏิบัติหน้าท่ีโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติ หรือนโยบายของคณะกรรมการ อันเป็นเหตุ ให้เสียหายแก่สำ� นักงานอย่างรา้ ยแรง ตามระเบียบสำ� นกั งาน สกสค. ว่าด้วยวนิ ยั การรักษาวนิ ัย และการดำ� เนินการ ทางวนิ ยั พ.ศ. 2547 ข้อ 7 วรรคสาม และข้อ 10 วรรคสอง 3. การกระทำ� ของนายบ�ำเรอ ภานุวงศ์ ผถู้ ูกกลา่ วหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเปน็ ผู้สนับสนุน เจา้ พนักงาน มีหนา้ ทซี่ ือ้ ท�ำ จดั การ หรอื รักษาทรพั ยใ์ ด ๆ ใชอ้ ำ� นาจในตำ� แหน่งโดยทุจรติ อนั เปน็ การเสยี หายแก่ รัฐ เทศบาล สุขาภบิ าล หรอื เจ้าของทรพั ยน์ นั้ ฐานเป็นผู้สนบั สนนุ เจ้าพนักงาน ปฏิบตั หิ รือละเวน้ การปฏบิ ตั หิ น้าท่ี โดยมิชอบ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่ผู้หนึง่ ผู้ใด หรือปฏิบัตหิ รอื ละเว้นการปฏิบัติหนา้ ที่โดยทจุ ริต ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91 ฐานร่วมกนั ใช้อุบาย หลอกลวง หรือกระท�ำการโดยวิธีอ่ืนใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าท�ำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม และฐาน เป็นผ้สู นับสนนุ เจ้าหน้าท่ีในหนว่ ยงานของรฐั กระทำ� ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หรอื กระทำ� การใด ๆ โดยมงุ่ หมาย มิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพ่ือเอื้ออ�ำนวยแก่ผู้เข้าท�ำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิ ท�ำสัญญา กับหนว่ ยงานของรัฐ ตามพระราชบญั ญัตวิ ่าด้วยความผดิ เก่ยี วกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91 แต่ความผดิ ตาม มาตรา 7 ขาดอายคุ วามแล้ว จึงให้ยตุ ิการดำ� เนนิ คดใี นฐานนี้ และมมี ูลความผดิ ทางวนิ ัยอย่างรา้ ยแรง ฐานปฏบิ ตั ิ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ท่ีมิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าท่ี และฐานปฏบิ ตั หิ น้าทโ่ี ดยจงใจไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ระเบยี บ มติ หรอื นโยบายของคณะกรรมการ อันเปน็ เหตใุ ห้ เสยี หายแก่ส�ำนกั งานอยา่ งรา้ ยแรง ตามระเบียบส�ำนกั งาน สกสค. ว่าด้วยวนิ ัย การรักษาวินยั และการด�ำเนินการ ทางวนิ ยั พ.ศ. 2547 ข้อ 7 วรรคสาม และขอ้ 10 วรรคสอง การดำ� เนนิ การ การดำ� เนนิ การทางวนิ ัย สง่ รายงาน สำ� นวนการไต่สวน เอกสารหลกั ฐาน และค�ำวนิ จิ ฉยั ไปยังผ้บู ังคบั บัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับนายเกษม กลั่นย่ิง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายบ�ำเรอ ภานุวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และส่งส�ำนวนการไต่สวนไปยังผู้มีอ�ำนาจแต่งต้ังถอดถอน เพ่ือด�ำเนินการตามหน้าท่ีและอ�ำนาจกับนายพรชัย โควสุรตั น์ ผูถ้ ูกกลา่ วหาท่ี 1 ตามฐานความผดิ ดังกลา่ ว การด�ำเนินการทางอาญา ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำ� นาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายพรชัย โควสรุ ตั น์ ผถู้ กู กล่าวหาที่ 1 นายเกษม กลน่ั ยิง่ ผถู้ กู กล่าวหาท่ี 2 และนายบำ� เรอ ภานวุ งศ์ ผถู้ ูกกลา่ วหาท่ี 3 92 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

6. เรือ่ งกล่าวหานายไพร พัฒโน เมอ่ื ครงั้ ด�ำรงตำ� แหน่งนายกเทศมนตรนี ครหาดใหญ่ กรณที ุจรติ ในการด�ำเนนิ การ โครงการจดั หาทุนซือ้ ทองค�ำปิดองค์พระประจ�ำเมืองหาดใหญ่ “พระพทุ ธมงคลมหาราช” คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ ้ีมลู ความผดิ เม่ือวนั ท่ี 30 ตุลาคม 2561 พฤติการณ์ เทศบาลนครหาดใหญ่ ได้จัดสร้างพระพุทธรูปประจ�ำเมืองนครหาดใหญ่ ประดิษฐาน บนเขาคอหงส์ บริเวณสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ นามว่า “พระพุทธมงคลมหาราช” แต่ปรากฏว่า องค์พระ มีรอยร้าวน้�ำไหลผ่าน เทศบาลนครหาดใหญ่จึงจ�ำเป็นต้องรีบบูรณะซ่อมแซม และปิดทององค์พระ ใหแ้ ลว้ เสรจ็ โดยดว่ น แตเ่ น่ืองจากตอ้ งใช้งบประมาณในการดำ� เนนิ การเปน็ จำ� นวนมาก ประมาณ 50 - 60 ล้านบาท ผบู้ ริหารของเทศบาลนครหาดใหญ่ เหน็ ว่าค่าใช้จา่ ยในสว่ นนค้ี วรจดั หาจากแรงศรัทธาของประชาชน จึงมแี นวคดิ ท่ีจะหารายได้ โดยการสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวดเหยียบน้�ำทะเลจืด รุ่น “มงคลมหาราช” ให้พุทธศาสนิกชน เช่าไปบูชา ต่อมานายไพร พัฒโน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้เสนอญัตติจ่ายขาดเงินสะสมจ�ำนวน 20 ล้านบาท ตอ่ สภาเทศบาล นครหาดใหญ่ สภาเทศบาลนครหาดใหญ่พิจารณาแล้วมมี ติเป็นเอกฉันทอ์ นุมตั ใิ หจ้ ่ายขาดเงนิ สะสม จำ� นวน 20 ล้านบาท เพอื่ สนับสนนุ มลู นิธสิ ริ นิ ธรราชวิทยาลัยในพระราชปู ถัมภ์ เพื่อเป็นทุนเบือ้ งตน้ ในการด�ำเนินการ สร้างวตั ถมุ งคลแทนเทศบาลนครหาดใหญต่ ามทีน่ ายไพร พฒั โน ผ้ถู กู กล่าวหาท่ี 1 เสนอ และขอยกเว้นการปฏบิ ัติ ตามระเบยี บที่เก่ยี วขอ้ งตอ่ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั สงขลา เพ่อื เบกิ จา่ ยเงินจำ� นวน 20 ล้านบาทดงั กล่าว ภายหลังจาก ท่ไี ด้รบั อนมุ ัติใหย้ กเว้นการปฏบิ ตั ิตามระเบียบดงั กล่าวแล้ว นายไพร พัฒโน ผถู้ ูกกลา่ วหาที่ 1 ก็ไดอ้ นุมตั ใิ หเ้ บิก จ่ายเงินจำ� นวน 20 ลา้ นบาทใหก้ บั มลู นิธสิ ริ นิ ธรฯ และมูลนธิ สิ ิรินธรฯ ไดว้ า่ จ้างให้โรงงานพัฒนชา่ ง เป็นผู้ดำ� เนนิ การ จัดท�ำวัตถุมงคลส่งให้เทศบาลนครหาดใหญ่ แต่ในการเบิกจ่ายเงินจ�ำนวนดังกล่าวมูลนิธิสิรินธรฯ จะต้องแจ้ง ใหแ้ ละได้รบั อนุมัตจิ ากนายไพร พฒั โน ผู้ถูกกลา่ วหาท่ี 1 ทุกครัง้ ต่อมานายไพร พัฒโน ผ้ถู กู กลา่ วหาที่ 1 ได้สั่งการ ให้สร้างวัตถุมงคลเพ่ิมข้ึนอีก รวม 2 คร้ัง และส่ังให้น�ำเงินท่ีได้จากการจองหรือเช่าวัตถุมงคลมาเป็นค่าใช้จ่าย ในการสร้างวัตถุมงคลรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย ซึ่งการเบิกจ่ายเงินดังกล่าวมิได้ด�ำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และหนงั สอื สั่งการทเ่ี กี่ยวข้องแต่อย่างใด มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช กรณที ่ี 1 กลา่ วหา นายไพร พัฒโน ผ้ถู กู กล่าวหา กับพวก รวม 28 คน ว่าจ่ายขาดเงินสะสมของเทศบาล นครหาดใหญ่ จ�ำนวน 20 ล้านบาท เพ่ือสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน�้ำทะเลจืด รุ่น “มงคลมหาราช” โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าจากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ที่จะฟังได้ว่า นายไพร พัฒโน ผู้ถูกกล่าวหา กับพวก รวม 28 คน ได้ร่วมกันกระท�ำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกลา่ วหาไม่มมี ลู ใหข้ ้อกลา่ วหาตกไป กรณที ่ี 2 กลา่ วหา นายไพร พฒั โน ผถู้ ูกกล่าวหาท่ี 1 วา่ อนมุ ตั ิเบกิ จ่ายเงนิ ของเทศบาลนครหาดใหญ่ จ�ำนวน 20 ลา้ นบาท ให้กับมลู นธิ ิสริ นิ ธรราชวทิ ยาลัยในพระราชปู ถมั ภ์ โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ ว่าการกระท�ำของนายไพร พัฒโน ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าท่ีซื้อ ท�ำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล หรือ เจ้าของทรพั ย์นน้ั และฐานเปน็ เจา้ พนกั งานปฏบิ ัตหิ รือละเวน้ การปฏบิ ัติหน้าทโ่ี ดยมชิ อบ เพอื่ ให้เกดิ ความเสียหาย แก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไมป่ ฏบิ ตั ติ ามหรอื ปฏิบตั ิการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำ� มา ซ่ึงความเสอื่ มเสยี แกศ่ กั ดิ์ตำ� แหนง่ หรือแก่เทศบาล หรอื แกร่ าชการ ตามพระราชบัญญัตเิ ทศบาล พ.ศ. 2496 และท่แี กไ้ ขเพิ่มเตมิ มาตรา 73 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 93


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook